ตอนที่ 7 การขอคำปรึกษาของคนแอบชอบ
"หาเรื่องตายอะไรตั้งเเต่เช้าวะหนม"
ผมกับขนมหันไปตามเสียงที่ดังขึ้น ก็เจอกับตุลาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ โดยที่มีกระเป๋าบังหัวไว้เพื่อกันไม่ให้ฝนหล่นใส่หัว
"มึงคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีเหรอ ถึงได้ไปยืนแหกปากตะโกนท่ามกลางสายฝนให้ตัวเปียกเล่นอยู่หน้าอาคารเรียนเเบบนั้น"
"ปล่อยกูไปสักวันเถอะลา" ขนมยกมือไหว้ด้วยสีหน้าขอร้อง ก่อนจะพูดต่อว่า "ถ้ามึงมาทันประโยคไอ้สีเมื่อกี้ มึงจะอยากตายเเบบกู"
ตุลาส่ายหัวให้กับความเล่นใหญ่ของขนม "ค่อยตายวันอื่น ตอนนี้รีบไปเรียนก่อนไหมจะสายอยู่เเล้ว ไปเร็ว! " ตุลาว่า ก่อนจะเดินเข้าไปภายในตึกเรียน โดยไม่เหลียวหลังมามองพวกผมเลยว่าได้เดินตามตัวเองไปไหม
"สัส!" ขนมตะโกนไล่หลัง รีบวิ่งเข้าไปในตึกเรียน เมื่อวิ่งถึงตัวตุลาก็ใช้ตัวเองกระโดดกระเเทกใส่ตุลาหนึ่งที จนตุลาเซนิดๆ ส่วนขนมก็โดนตุลาถีบไปตามระเบียบ ขยันหาเรื่องเจ็บตัวจริงๆเลย
ผมอดที่จะหัวเราะให้กับสองเพื่อนรักไม่ได้ ผมว่าจริงๆตุลาคงเป็นห่วงเเหละที่เห็นพวกผมยืนตากฝนเเบบนั้น แต่ฝนก็เเค่ลงเม็ดนิดๆ ไม่ได้ถึงกับว่าตกหนักจนเปียกปอนสักหน่อย ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปภายในตึกเรียน รีบสาวเท้ายาวๆเพื่อให้ตามทันเพื่อนรักทั้งสองที่เดินทิ้งระยะห่างจากผมซะหลายก้าวเลย
"ไม่รอกันเลย" ผมโวยทั้งสองคนเล็กน้อย
"รู้ว่าขาสั้นก็ก้าวให้มันเร็วๆดิน้องสี"
"ตุลา ขนมบูลลี่เรา" ผมหันหน้าไปฟ้องตุลาทันที
"ขามึงกับมันห่างกันเเค่สองเซนได้มั้ง ยังมีหน้าไปว่ามันอีก"
"เกิดเป็นกูช่างอาภัพ ใครๆก็ไม่รัก ใครๆก็ไม่เข้าข้าง" ขนมยกมือขึ้นทำท่าทางปาดน้ำตา ซ้ายทีขวาทีให้ดูน่าสงสาร เเต่ผมว่ามันดูไม่ค่อยน่าสงสารสักเท่าไหร่ ดูน่าหมั่นไส้มากกว่านะ
"เลิกดึงดราม่าแล้วรีบเดิน" ตุลาผลักหัวขนมหนึ่งที "มึงก็ด้วยไอ้สี สู้ไม่ได้เเล้วงอเเงตลอด"
ผมมุ่ยหน้าใส่ตุลา นี่เพื่อนหรือพ่อ ดุจังเลย! รีบก้าวเท้าเดินเร็วๆเพื่อไปห้องเรียน เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าพวกเราสามคนใกล้จะสายกันเต็มทีแล้ว
"เราไปซื้อน้ำอบเชยก่อนนะ" ผมบอกเพื่อนๆในขณะที่วางจานข้าวลงบนโต๊ะ
ตอนนี้พวกผมกำลังอยู่ที่โรงอาหารใต้ตึกคณะครับ พวกผมเรียนเสร็จก็เที่ยงพอดีครับ เลยหอบหิ้วความหิวมาฝากท้องที่นี้ ผมเดินตรงไปยังร้านน้ำป้าพรเพื่อซื้อน้ำอบเชยที่เเสนอร่อย
"น้ำอบเชยเเก้วนึงครับ" ผมส่งยิ้มกว้างให้กับคุณป้าเจ้าของร้านน้ำ
"หนูเทียน" คุณป้าร้านน้ำส่งยิ้มใจดีมาให้เมื่อเงยหน้ามาเห็นผมยืนอยู่ด้านหน้าร้าน "ได้เลย รอแป็ปนะจ้ะ" จากนั้นคุณป้าร้านน้ำเอื้อมมือไปหยิบเเก้วพลาสติกมา 1 ใบ จัดการตักน้ำเเข็งใส่ในเเก้ว หยิบขวดน้ำที่ภายในมีน้ำอบเชยสีน้ำตาลน่าอร่อยเทใส่ลงไปในเเก้ว ผมมองตามด้วยสายตาที่ลุกวาว
"เรียบร้อยเเล้วจ้ะ"
"ขอบคุณครับ นี่ครับ" ผมยื่นธบัตรใบละ 20 บาทให้ป้าพร 1 ใบ รับเเก้วมาไว้ในมือ เดินกลับไปยังโต๊ะที่มีตุลากับขนมนั่งรออยู่เเล้ว
"พวกพี่ๆสวัสดีครับ"
พวกผมเงยหน้าจากการก้มหน้าก้มตากินข้าวด้วยความหิว มองคนมาใหม่ที่ยืนยิ้มแป้นเเล้นสดใสอยู่ตรงหัวโต๊ะ
"สวัสดีเมฆ" ผมเอ่ยทักทายรุ่นน้องที่เป็นน้องรหัสของตุลา
"โอ๊ะ! น้ำอบเชยใช่ไหมครับ" น้องเมฆชี้นิ้วไปยังเเก้วน้ำที่ตั้งอยู่ข้างๆผม "วันนี้หมดหรือยังครับ"
"ตอนพี่ไปซื้อยังมีอยู่นะ เเต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าหมดหรือยัง" ผมบอกรุ่นน้องออกไป "ถ้าเมฆไม่อยากผิดหวัง ต้องรีบๆเลยนะ ไม่งั้นอดกินของอร่อยอีกเเน่ๆ"
"ฮ่าๆๆ ครับผม" น้องเมฆตอบผมก่อนจะหันไปหาตุลาที่นั่งกินข้าวอยู่ "พี่ตุลา เตะบอลกันตอนเย็น"
"เตะบอลเชี่ยไรมึง"
"ก็ฟุตบอลที่เล่นเป็นทีมไงพี่ มีสองฝ่าย โดยเราจะเเย่งลูกบอลที่มีลักษณะเป็นทรงกลมกันอ่ะครับ ทีมไหนที่ทำประตูได้มากกว่าทีมนั้นก็เป็นฝ่ายชนะไป"
ผมยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบของน้องเมฆ จะโทษใครดีละงานนี้
"มาทางไหนกลับไปทางนั้นเลยมึงอ่ะ" ตุลาชี้นิ้วไปทางที่น้องเมฆเดินมา
"โหยพี่ตุลา น้องหยอกเล่นน้า" น้องเมฆลงนั่งข้างๆตุลา "นะ ไปเตะบอลกัน เมื่อกี้ผมเจอพวกพี่ภู ผมชวนพวกพี่ภูเเล้วด้วย พวกพี่ภูก็ไป สนามหลังม. ตอนหกโมงเย็น ตกลงนะครับ"
"มึงพูดมาขนาดนี้ไม่ต้องถามมันหรอก บังคับกันทางอ้อมชัดๆ" ขนมว่าขึ้น
"พี่หนมไปด้วยกันนะครับ เผื่อคนไม่พอ"
"กูก็เป็นได้เเค่ตัวสำรองสำหรับมึงเเหละ อีกอย่างเผื่อมึงลืมกูเตะบอลไม่เป็น"
"ใครจะลืม คนที่เเยกประตูตัวเองกับประตูฝั่งตรงข้ามไม่ออกละครับ" น้องเมฆยิ้มล้อเลียนขนมผู้ที่เคยลงเล่นฟุตบอลเเล้วเตะเข้าประตูเอง เพราะเห็นว่าประตูอยู่ใกล้
"ถึงกูจะเตะบอลไม่เป็น เเต่กูเตะคนเก่งมากนะ ยิ่งคนที่เด็กกว่ายิ่งถนัดเลย" ขนมทำหน้าโหดๆที่ไม่ค่อยจะโหดเท่าไหร่ในสายตาผมใส่น้องเมฆ คนที่โดนขู่ก็ไม่นึกกลัว เเถมยังหัวเราะชอบใจอีกต่างหาก
"พี่ตุลา สรุปยังไงครับเนีย ไปนะ" น้องเมฆยังไม่วายหันไปทวงคำตอบจากพี่รหัสของตัวเอง
"เออๆ" ตุลาตอบรับรุ่นน้องที่นั่งทำตาปริบๆใส่
เมื่อได้ยินคำตอบรับของตุลาอีกฝ่ายก็ยิ้มหน้าบาน ก่อนจะหันมาชวนผม
"พี่เทียนก็ไปด้วยกันสิครับ"
"พี่ไปได้ เเต่พี่ก็เตะบอลไม่เป็นเหมือนกันนะ" ผมบอกรุ่นน้องออกไป
"ไม่เป็นไรครับ เเค่พี่เทียนไปก็พอเเล้วครับ" น้องเมฆว่าพร้อมกับส่งยิ้มกว้างมาให้ผม
"โหย ไอ้เด็กเหี้ย!" ขนมว่าขึ้นพร้อมกับปาถั่วงอกใส่น้องเมฆ
"งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ จะรีบไปซื้อน้ำอบเชยเดี๋ยวจะหมดซะก่อน" ว่าจบน้องเมฆก็ลุกขึ้นยืน " ไปนะครับพี่ๆ เจอกันตอนเย็นนะครับ" อีกฝ่ายว่าก่อนจะยกมือไหว้เเละเดินไปยังร้านขายน้ำทันที
"เอ้า! ยิ้มอยู่ได้"ขนมหันหน้ามาว่าผม "รีบๆกินดิ๊สี ปกติก็กินช้าอยู่เเล้ว พอมีคนมาชวนคุยยิ่งช้าเข้าไปอีก"
ผมหันไปมองจานข้าวของเพื่อนๆก็เห็นว่า อาหารในจานของเพื่อนๆถูกจัดการหมดเรียบร้อยเเล้ว พอก้มมองจานของตัวเองยังเหลือเกือบครึ่งจานเเหนะ ผมกินช้าหรือพวกเพื่อนๆกินเร็วกันเกินไปครับเนีย ได้เคี้ยวข้าวกันบ้างหรือเปล่านะ
"ก็เราต้องเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน เเม่บอกว่าถ้าเคี้ยวไม่ละเอียดเดี๋ยวจะปวดท้อง" ผมบอกออกไป
"ตามสบายเลยครับคุณสี คุณจะเคี้ยว100ครั้งต่อหนึ่งคำก็ได้ครับ พวกผมรอได้ครับ" ตุลาว่าขึ้นด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
"ใช่ครับ ห้องสมงห้องสมุดไม่ต้องไปก็ได้ครับ งานไม่เสร็จก็ไม่เป็นไรครับ" ขนมว่าต่อ
"ทำไมต้องประชดกันด้วย เราจะรีบกินเดี๋ยวนี้เเหละ" ผมมุ่ยหน้าใส่เพื่อนทั้งสองคน ก่อนจะก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารที่อยู่ในจานของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย
หลังจากกินข้าวเสร็จ พวกผมก็มาห้องสมุดกันต่อครับ วันนี้พวกผมมีเรียนเเค่ตอนเช้า เเต่ยังมีรายงานที่ยังค้างอยู่ ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติม จึงตกลงกันว่าหลังจากเรียนคาบเช้าเเละกินอาหารเที่ยงเสร็จไปนั่งห้องสมุดกันเพื่อทำรายงานให้เสร็จเรียบร้อย
"เดี๋ยวเราจะลองไปหาหนังสือมาเพิ่มนะ" ผมบอกกับเพื่อนๆ เมื่อเห็นว่าข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้ไม่น่าจะเพียงพอ
"เดี๋ยวกูไปด้วย" ขนมวางปากกา กำลังจะลุกยืน เเต่ตุลาห้ามไว้ซะก่อน
"มึงอยู่เฝ้าของกับหาข้อมูลจากหนังสือกองนี้เเหละ เดี๋ยวกูไปกับไอ้สีเอง" ตุลาว่าขึ้น "เวลาเจอหนังสืออยู่ชั้นสูงๆจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาตามกู"
ผมกับขนมยืนทำหน้าอึ้งๆให้กับคำพูดของตุลา เดี๋ยวนะตุลาหวังดีจริงๆใช่ไหม ไม่ได้หลอกด่าพวกผมอยู่ใช่ไหม ทำไมคำพูดฟังดูแปลกๆ
"ไอ้ลา มึงหลอกด่ากู"
"มึงคิดไปเอง ไปกันสี" ตุลาตอบขนมก่อนจะลุกจากเก้าอี้เเละเดินนำผมไป
"เดี๋ยวเเยกกันหานะ ถ้าหยิบไม่ถึงก็เรียกเข้าใจไหม"
ผมพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะเดินเเยกกับตุลาคนล่ะโซนเพื่อหาหนังสือที่เกี่ยวข้องกับการทำรายงานของตัวเอง ผมมองดูหนังสือไปเรื่อยๆ ก็เจอเข้ากับชื่อหนังสือที่ดูว่าน่าจะพอมีประโยชน์ต่อพวกผม เเต่ปัญหามันติดที่ว่ามันอยู่สูงไปสักหน่อย ผมพยายามเขย่งเท้าเพื่อจะหยิบหนังสือเล่มนั้น เเต่มันช่างยากเย็นเสียจริงๆ เอ้า! ฮึบ ฮึบ ในขณะที่ผมกำลังวุ่นวายกับการพยายามหยิบหนังสือ ก็มีร่างร่างหนึ่งทาบทับด้านหลังผม มือเอื้อมไปหยิบหนังสือเล่มนั้นลงมา ผมหันกลับมาก็พบว่าเป็นรุ่นพี่ของตัวเอง
"นี่ครับ" อีกฝ่ายยื่นหนังสือเล่มนั้นมาให้ผม
"ขอบคุณมากครับพี่เท็น" ผมเอ่ยขอบคุณอีกฝ่าย รับหนังสือเล่มนั้นมาไว้ในมือ
"ไม่เป็นไรครับ" อีกฝ่ายว่าพร้อมส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้
พี่เท็นเป็นรุ่นพี่ปี4 ที่เรียนคณะเดียวกันกับผมครับ ตั้งเเต่เปิดเทอมมาไม่ค่อยเห็นพี่เขาเลย พี่เท็นจัดได้ว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะฮอตเลยทีเดียว มีทั้งผู้หญิง ผู้ชายที่เข้ามาจีบ เเละชื่อเสียงที่ร่ำลือกันมาคือ พี่เท็นจะเจ้าชู้มากๆ คบใครได้ไม่นานก็เลิก ดูๆเเล้วนิสัยเรื่องความรักพี่เท็นค่อนข้างที่จะติดลบ แต่ก็ชีวิตของเขาครับ เราก็ว่าไม่ได้ ปล่อยไปตามเวรตามกรรมครับ ส่วนเรื่องอื่นๆจากที่เคยคุยกันพี่เขาก็ไม่ได้เเย่ครับ เเต่สายตาวิบวับๆที่ส่งมาให้กัน ทำผมขนลุกซู่เเปลกๆ ไม่ค่อยชอบเเบบนี้เลย
"มาหาหนังสือทำรายงานเหรอครับ" อีกฝ่ายถามต่อ
"ใช่ครับ"
"มีอะไรถามพี่ได้นะ พี่ผ่านมันมาก่อน"
"อ่า ขอบคุณครับ"
"ว่าเเต่ น้องเทียนครับ" อีกฝ่ายขยับเข้ามาใกล้ผมอีกนิด "พี่เห็นรายชื่อเราไปค่ายด้วยหนิ ใช่ไหมครับ"
"ใช่ครับ"
"พี่ก็ไปเหมือนกัน"และอีกฝ่ายก็ขยับเข้ามาใกล้ผมเพิ่มอีกนิด จนผมเผลอขยับขาถอยหลังโดยอัตโนมัติ "พี่......"
"ไอ้สี!"
ยังไม่ทันที่พี่เท็นจะได้พูดอะไรต่อ ตุลาก็เดินมาพร้อมกับเรียกชื่อผม ทำให้ผมหันหน้าไปมองยังคนที่มาใหม่ ผมมองหน้าตุลาที่ตอนนี้เเสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังไม่พอใจกับอะไรบางอย่าง
"ตุลา" ผมเรียกอีกฝ่ายเสียงเบา
"หวัดดีพี่" ตุลายกมือไหว้พี่เท็นด้วยอารมณ์ประมาณเเบบขอไปที "มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่าครับ"
"เปล่า เเค่เข้ามาทักท่ายตามประสารุ่นพี่รุ่นน้อง" พี่เท็นบอก
"เเค่ทักทายตามประสารุ่นพี่รุ่นน้องจริงก็ดี" ตุลาว่าพลางจ้องหน้าอีกคนไปด้วย
"ตุลา เราได้หนังสือเเล้วไปกันเถอะ" ผมที่เห็นไม่ท่าไม่ค่อยดี เอื้อมมือไปดึงชายเสื้อตุลา ชูหนังสือให้ตุลาดูว่าได้หนังสือมาเเล้ว อีกฝ่ายหันมามองนิดหน่อยก่อนจะพยักหน้ารับ
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมตุลาถึงไม่ค่อยชอบพี่เท็นสักเท่าไหร่ เพราะเวลาเจอพี่เท็นทีไรตุลาเหมือนจะไม่พอใจทุกครั้ง เเละเเทบจะไม่ค่อยพูดกันดีๆสักเท่าไหร่ คือเหมือนจะพูดดีกันนะครับ เเต่พอฟังจริงๆมันเหมือนกับว่าพร้อมมีเรื่องกันตลอดเวลามากกว่า
"ขอบคุณพี่เท็นมากนะครับที่ช่วยหยิบหนังสือให้" ผมหันไปขอบคุณรุ่นพี่อีกครั้ง" พวกผมขอตัวก่อนนะครับ"
"ไว้เจอกันที่ค่ายนะครับน้องเทียน" อีกฝ่ายส่งยิ้มให้มา
ผมส่งยิ้มกลับไปนิดหน่อย ก่อนจะเอื้อมมือไปจับตุลาให้เดินตามมา
"ทำไมทำหน้าอย่างนั้นวะ" ขนมที่เงยหน้าขึ้นมาเเล้วเห็นสีหน้าของตุลาเอ่ยถามขึ้น
"กูเจอไอ้พี่เท็นมา" ตุลาตอบ "ยืนทำสายตาวิบวับๆ ใส่ไอ้สีอยู่"
"ตัวอันตรายเลยคนนี้" ขนมว่าขึ้น "กูเห็นหลายครั้งละ จ้องไอ้สีอย่างกับจะกลืนลงท้อง"
"เออกูได้ยิรว่าพี่มันจะไปค่ายด้วยนะ"
"จริงดิ กูไปเอารายชื่ออกดีไหมวะ"
"คิดมากกันไปหรือเปล่าไม่มีอะไรหรอก ทำงานๆ เดี๋ยวไม่เสร็จหรอก" ผมบอกกับเพื่อนๆออกไปเพื่อหวังให้เลิกคิดมาก ถึงเเม้ว่าภายในผมจะคิดเหมือนกันว่าพี่เท็นมักจะมองผมด้วยสายตาเเปลก ทำให้ผมมักจะเลี่ยงการพูดคุยกับพี่เขาอยู่เสมอ
ครืด ครืด
โทรศัพท์ของผมที่ตั้งอยู่บนโต๊ะสั่นขึ้นมา ผมยื่นหน้าไปมองว่าใครที่ส่งข้อความมา เมื่อเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความมา ทำให้ผมต้องรีบวางปากกาที่เพิ่งจับขึ้นมาไว้ตรงที่เดิมเเทบจะทันที
PP : ทำอะไรอยู่ครับ
เลิกเรียนหรือยัง
สีเทียน : เลิกเเล้วครับ
ตอนนี้มานั่งทำรายงานที่ห้องสมุดครับ
PP : เเล้วกินข้าวหรือยังครับ
สีเทียน : กินเเล้วครับ
พี่ภูผาล่ะครับกินข้าวหรือยัง
ตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ เรียนอยู่หรือเปล่า
PP : เรียบร้อยเเล้วครับ
เปล่าครับ ตอนนี้พี่มาเป็นเพื่อนไอ้ธูปคุยงานกับอาจารย์ครับ
เราจะกลับตอนไหน
ตอนเย็นพี่มีนัดเตะบอล
เราไปนั่งรอพี่ที่สนามบอลได้ไหมครับ จะได้กลับพร้อมกัน
คงเตะกันไม่นาน
ผมอ่านข้อความล่าสุดก็ได้เเต่อมยิ้ม พี่ภูผาจริงจังกับคำพูดที่ว่า จะไปรับ ไปส่งผมทุกวัน มากกว่าที่ผมคิดไว้เสียอีก ไม่ดีเลยนะครับ ทำเเบบนี้ไม่ดีเลย
สีเทียน : ตอนเย็นผมก็ไปที่สนามบอลเหมือนกันครับ
พอดีเมฆมาชวนตุลาไปเตะบอลเหมือนกัน
PP: ดีเลย
งั้นตอนเย็นเจอกันที่สนามบอลนะครับ
* ส่งสติ้กเกอร์หมีดีใจ*
สีเทียน : ครับไว้เจอกันครับ
*ส่งสติ้กเกอร์หมียิ้มกว้าง
ตลอดเวลาที่คุยแชทกับพี่ภูผาผมไม่สามารถกลั้นยิ้มได้เลยสักนิด ก็คนมันมีความสุขจะไม่ให้ยิ้มยังไงไหว เป็นเเบบนี้มันดีจังเลยนะ เมื่อก่อนทำได้เเค่เข้าช่องเเชท พิมพ์ข้อความเเล้วกดลบ ไม่กล้าที่จะส่งไป เเล้วดูตอนนี้สิครับ จะเพราะอะไรก็ไม่รู้เเต่ผมขอขอบคุณมากจริงๆครับ ที่ในที่สุดผมก็ได้คุยกับพี่ภูผาในช่องเเชทส่วนตัว ที่ไม่ใช่คุยกันผ่านเเชทของกลุ่ม
ฮือ! สีเทียนอยากร้องไห้ด้วยความปลื้มใจ
"เหอะ! ยิ้มหน้าบานเเบบนี้ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าคุยกับใคร" ขนมว่าขึ้น เเสระยิ้มนิดหน่อยในตอนที่พูด
ผมค่อยๆหุบรอยยิ้มลง กดออกจากโปรเเกรมเเชท กดล็อกหน้าจอ ก่อนจะค่อยๆวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะตามเดิม
"สีเทียน"
จู่ๆตุลาก็เรียกผมด้วยชื่อเล่นเต็มคำ ผมกับขนมหันหน้าไปมองตุลาพร้อมๆกัน เห็นสีหน้าท่าทางที่จริงจังของเพื่อนก็พาลให้ขนลุกซู่ ผมไปทำอะไรผิดมาโดยที่ไม่รู้ตัวหรือเปล่าเนีย ในเวลาปกติไม่ว่าจะขนมหรือตุลาทั้งสองคนเเทบไม่เรียกชื่อเล่นผมเเบบเต็มๆคำเลย
"กูมีเรื่องจะถาม เเละตอบความจริงมาด้วย" ตุลาว่าด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ จนผมต้องกลืนน้ำลาย อึกๆ "เมื่อเช้าทำไมมึงมาพร้อมพี่ภู"
"ตุลาเห็น?" ผมเผลอถามเสียงดังออกไป
"ชู่วววว ดังไปไอ้สี" ขนมยกนิ้วชี้เเตะที่ปาก
"โทษทีๆ" ผมเอ่ยขอโทษเพื่อนๆ ก่อนจะหันหน้าไปขอโทษคนอื่นๆที่นั่งอยู่ใกล้
"มึงมากับพี่ภูจริงดิสี"
ผมพยักหน้ายอมรับกับขนมเเต่โดยดี
"เล่ามา" ขนมว่าต่อ
"ก็ตั้งใจจะเล่าให้ฟังอยู่เเล้ว" ผมบอกทั้งสองคนออกไป เป็นเรื่องจริงที่ผมตั้งใจบอกทั้งสองคนอยู่เเล้ว ไม่คิดที่จะปิดบัง เเต่ที่ตกใจคือไม่คิดว่าตุลาจะเห็น เเถมจู่ๆก็ถามขึ้นมาเสียดื้อๆ
ผมจัดการเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อวานให้เพื่อนรักทั้งสองคนฟัง ขนมก็ยังเป็นคนที่มีสีหน้าหลากหลายระหว่างฟังเรื่องราว ส่วนตุลาก็เเค่ทำหน้านิ่งๆตั้งใจฟังเท่านั้น
"สรุปคือพี่ภูบอกว่าจะมารับ มาส่งมึงทุกวัน" ขนมถามขึ้นเมื่อผมเล่าเรื่องทั้งหมดจบ
"ใช่"
"อะไรของเขาว่ะ เเค่ไอ้สีบ่นเรื่องรถรกเนียนะ มันกลายเป็นเเบบนั้นได้ยังไง ขนมไม่เข้าใจความเชื่อมโยงของเรื่องนี้" ขนมขมวดคิ้วเข้าหากัน
"หึ แผนสูงชิบหายเลยพี่ภู" ตุลาพูดขึ้นมาหลังจากนั่งเงียบอยู่นาน
"เออ ตอนเเรกกูก็ไม่เเน่ใจ เเต่กูว่าตอนนี้มันเริ่มมั่นใจ" ขนมหันไปพูดกับตุลา
"มึงไม่ต้องเริ่ม มึงมั่นใจได้เลยไอ้หนม" ตุลายกยิ้มมุมปาก ขนมพยักหน้าเห็นด้วย
"จริง เล่นพูด 'คนนั้นเป็นสีเทียนได้ไหม' ซะขนาดนั้น"
"มั่นใจอะไรกันเหรอ" ผมมองทั้งสองคนด้วยสีหน้างงๆ นิดหน่อย
"ไม่มีไร ทำงานๆ เดี๋ยวไม่เสร็จ" ขนมดันหนังสือมาตรงหน้าผม ส่วนตัวเองทำท่าทางสนอกสนใจกับงานตรงหน้าเสียเต็มประดา
นั่งทำงานต่อไปสักพัก ก็ใกล้ถึงเวลานัดของตุลา พวกผมตัดสินใจเก็บของบนโต๊ะลงกระเป๋าก่อนจะไปสนามบอลที่นัดกับน้องเมฆไว้ ก่อนจะถึงสนามบอลพวกผมเเวะซื้อพวกน้ำ เเละเกลือเเร่ติดมือไปด้วย ตุลากับขนมซื้อให้ใครไม่รู้ เเต่สำหรับผมนนั้นซื้อให้พี่ภูผาเเน่นอนอยู่เเล้ว เเต่หยิบไปเยอะๆก่อนละกันจะได้ไม่ดูน่าเกลียด
เมื่อมาถึงสนามบอลก็เห็นน้องเมฆกับคนอื่นทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้อง กำลังวอร์มร่างกายอยู่ในสนาม บนอัฒจันทร์มีคนนั่งอยู่บ้างประปราย บางคนอาจจะมารอเพื่อน บางคนอาจจะมารอเเฟน ส่วนผมมารอเพื่อนกับรอคนที่อยากได้มาเป็นเเฟนครับ
ผมกับขนมเดินมานั่งที่ว่างตรงอัฒจันทร์ ตุลาเดินเอากระเป๋ามาฝากไว้กับพวกผม ก่อนจะเดินไปหาน้องเมฆที่ยืนอยู่ข้างๆสนามอีกฝั่ง น้องเมฆเมื่อเห็นตุลาก็ส่งยิ้มกว้าง ก่อนจะหันหน้ามาทางผม โบกมือพร้อมส่งยิ้มกว้างสดใสมาให้
"มันยิ้มจนน่าเดินเข้าไปตบสักที"
"ขนมอย่าว่าน้อง" ผมหัวเราะออกมาน้อยๆ
ผมนั่งคุยกับขนมได้สักพักสายตาก็เหลือบไปเห็นใครคนนึงที่เดินมากับเพื่อนๆ คนที่โดดเด่นกว่าใครในสายตาผม ไม่ว่าเขาจะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายขนาดไหน สายตาผมก็มองเห็นเเค่เขาคนเดียวเท่านั้น
พี่ภูผามองมาทางผม เราสองคนสบตากันเเป็บนึง ก่อนที่พี่ภูผาจะเดินตรงมายังผมที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์ชั้นเเรกข้างๆสนามบอล
"มานานหรือยัง" อีกฝ่ายถามขึ้นเมื่อเดินมาถึงผม
"ก็สักพักเเล้วครับ" ผมบอกออกไป
"พอดีพี่ต้องคุยงาน เลยมาช้าไปหน่อย"
"คะ ครับ" ผมตอบรับไป ในใจก็เต้นตึกๆกับคำพูดของพี่ภูผา
มันอาจจะดูธรรมดาเเต่สิ่งที่พี่ภูผาบอกมาเป็นสิ่งที่พี่ภูผาไม่จำเป็นต้องบอกกับผมก็ได้ เเต่พี่เขาบอกผม ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อนเรื่องเเบบนี้เเทบจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นกับผมเลย
"เเล้วเราหิวยัง"
"ยังเลยครับ"
"รอจนเตะบอลเสร็จไหวไหม" อีกคนมองมาด้วยสายตาที่อ่อนโยน จนผมอดที่จะเขินไม่ได้
"ได้ครับ สบายมาก" ผมยิ้มให้กับอีกฝ่าย
"พี่ฝากกระเป๋าด้วยนะครับ" พี่ภูผาว่าพร้อมกับยื่นกระเป๋ามาให้ผม ผมยื่นมือไปรับมาถือไว้
"รอกลับพร้อมกันนะครับ" พี่ภูผายื่นมือมาขยี้หัวเผาเบาๆ
"คะ ครับ" ไม่ดี ไม่ดีเลย ทำเเบบนี้ไม่ดีเลยจริงๆ มันทำให้ผมได้ใจจนเกินไป
"ไอ้ภูรอด้วย" พี่ธูปตะโกนตามพี่ภูผาไป ตอนที่อีกฝ่ายเดินไปกลางสนามเเล้ว
"กูฝากกระเป๋าด้วย" ว่าจบพี่ธูปก็โยนกระเป๋าให้ขนม
"ไอ้พี่ธูป" ขนมตะโกนตามหลัง เพราะพี่ธูปโยนมาโดยไม่บอกก่อนทำให้กระเป๋านโดนหน้าขนมจริงๆ
"ฝากไว้ก่อนเหอะ ไอ้พี่ธูป" ขนมขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมองคู่อริที่กำลังวอร์มร่างกายอยู่กลางสนาม
"ลำบากหน่อยนะขนม"
เสียงของคนมาใหม่ดังขึ้นทำให้พวกผมหันไปนั่งมอง
"พี่วา สวัสดีครับ" พวกผมทั้งสองคนยกมือไหว้พี่วาที่เดินมานั่งอยู่ข้างๆ
"สวัสดีครับ เป็นไงกันบ้าง" อีกฝ่ายส่งยิ้มใจดีมาให้
"ก็เรื่อยๆอ่ะพี่" ขนมตอบ "เปิดเทอมไม่ทันไรงานบานเลย"
"ฮ่าๆๆ เรื่องธรรมดา ปีสามยิ่งกว่านี้"
"พี่พูดซะผมอยากอยู่เเค่ปี2 เลย"
"ฮ่าๆๆๆ" พวกเราหัวเราะออกมาพร้อมๆกัน
ผมกับขนมนั่งคุยกับพี่วาไปด้วย นั่งมองการเเข่งขันในสนามไปด้วย พี่วาเป็นคนที่น่ารัก อ่อนโยน ในกลุ่มสามคนพี่วาน่าจะเป็นที่ดูมีเหตุผลที่สุด พี่ธูปดูจะปากไว ใจร้อนไปหน่อย ส่วนพี่ภูผานั้นผมอยากบอกว่า 'เรามาเรียนรู้กันเถอะครับ ผมอยากรู้จักพี่ให้มากขึ้นกว่านี้' ฮ่าๆ ว่าไปนั้น
นั่งคุยกันไปสักพัก พี่วาก็ขอตัวไปหาเพื่อนๆที่นั่งอยู่ข้างๆสนามอีกฝั่งเพื่อคุยเกี่ยวกับเรื่องค่ายที่ใกล้จะถึง
"ไง เลิกเตะเเล้วเหรอ" ขนมถามตุลาที่กำลังเดินมา
"เออ ไม่ได้เตะนาน เหนื่อยชิบหาย" ตุลาเอื้อมมือไปรับน้ำที่ขนมส่งไปให้ ยกขึ้นกระดกดื่มราวกับคนไมไ่ด้กินน้ำมาสามวัน
"เป็นไงบ้างสี มาสนามบอลวันนี้" ตุลาหันหน้ามาถามผม
ผมมีสีหน้างุนงงนิดหน่อยในตอนเเรกก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา "การมาสนามบอลในครั้งนี้มันรู้สึกดีมากๆเลย" ผมตอบอีกฝ่ายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสุข
ผมมองออกไปในสนาม ไม่ว่าจะมองออกไปกี่ครั้งทุกครั้งสายตาผมก็จะจดจ้องอยู่กับคนคนเดียวเสมอ มีสาวๆหลายคนที่ยืนอยู่ข้างๆสนาม คอยจ้องมอง คอยกรี๊ดกร๊าดคนที่ผมแอบชอบอยู่ พี่ภูผาไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ทำอะไร ก็มักจะตกเป็นเป้าสายตาของคนอื่นเสมอ เเถมมีเเฟนคลับอยู่ทุกหนทุกเเห่งในมหาลัยด้วย
ผมมองคนที่ตอนนี้กำลังครอบครองลูกฟุตบอล ก่อนจะส่งมันไปให้พี่ธูป ส่วนตัวเองก็ยกชายเสื้อขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่ไหลตามกรอบหน้า ต้องทำขนาดนั้นเลยนะ สาวๆกรี๊ดกันจนคอเเทบเเตก และที่สำคัญ มันไม่อ่อนโยนต่อหัวใจผมเลยสักนิด
อีกฝ่ายหันมาทางผมที่กำลังมองอยู่เเล้ว ผมที่หลบสายตาไม่ทันจึงทำได้เเค่ส่งยิ้มออกไปเล็กน้อย ก่อนที่อีกฝ่ายจะส่งยิ้มกว้างๆกลับมาให้ ฝัน! ฝันอยู่เหรอ ตอนนี้ผมฝันไปใช่ไหม ช่วยบอกผมที
***มีต่อ***