King Class Away Ep.31
Deceptionหลังเรียนเสร็จ พวกผมบอกลาพัตแล้วเดินลงมาชั้นล่างของอาคารเพื่อไปขึ้นรถ Airport link กลับบ้าน
ว่าแต่ทำไมวันนี้ไอ้ตี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ ไม่ค่อยกวนตีนเหมือนทุกวัน
“หิวยังเอส?”
“อือ หิวละ”
“งั้นหาอะไรกินกัน”
“กิน Subway ตรงสี่แยกเหมือนเดิมมั้ยล่ะ?”
“เบื่อน่ะ เอสนายบอกเองไม่ใช่เหรอว่าเราควรทานอาหารหลากหลาย”
หืม? ผมหันขวับไปมองตี้ จะมาไม้ไหนฟระ?
“งั้นจะกินอะไรล่ะ? ตอนมื้อเที่ยงกับบ่ายก็ทานในตึกนี้แล้ว ข้างนอกเราก็ไม่เคยเดินไปทานตอนมืดเลย”
“งั้นตามเรามา”
“แมคเหรอ? หรือ KFC?”
“ตามมาละกัน ยังไม่รีบกลับใช่มั้ย?”
“อืม ไม่รีบ”
ผมนึกว่าตี้จะไปร้านฟาสต์ฟู้ดแถวนี้ (ซึ่งผมก็จะค้านมันเพราะไม่ถูกหลักโภชนาการ) แต่มันกลับพาผมเดินเข้าซอย
“เฮ้ย! ไปไหนตี้?”
“เหอะน่า ตามมา”
ตี้มันจะพาผมไปไหนฟระ แถวนี้มีแต่ร้านหรู ๆ สำหรับฝรั่งทั้งนั้น แล้วพวกเราก็มาหยุดหน้าภัตตาคารสีขาวป้ายชื่อเป็นแถบดำ ตี้หันมายิ้ม “ที่นี่แหละเขาว่าอร่อย เราดูรีวิวในเน็ตมาแล้ว”
“ท่าทางหรูชิบเป๋ง เราไม่ค่อยมีตังค์นะ”
ตี้ทำหูทวนลมเปิดประตูเข้าไปเลย นี่นายจะแกล้งแรงไปแล้วนะ นายอาจมีตังค์แต่ผมไม่มีนะว้อย
“ตี้!” ไอ้โย่งไม่ฟังเสียง เดินนำไปนั่งที่โต๊ะเลย
“ตี้! เราไม่มีตังค์!” ผมกระซิบเพราะอายคนอื่นในร้าน
“เราเลี้ยงเองน่า เอาเบอร์เกอร์ไข่กับออมเล็ตครับ ของผมชุดซีซาร์สลัดทูน่า”
ผมรีบคว้าเมนูมาเปิดตามเพื่อดูราคา โอเคไม่แพงมากยังพอไหว แต่นายไม่ถามกันเลยฟระ
“ตอนพักเที่ยงที่โรงเรียนเราเห็นนายเดินผ่านร้านเบอร์เกอร์ข้างโรงอาหาร นายชอบมองบ่อย ๆ เลยคิดว่าคงชอบแนวนี้ อันนี้มีผักเยอะด้วย รีวิวก็บอกว่าดี”
ตอนแรกผมจะด่ามันแต่เมนูที่มันเลือกก็น่ากินจริงแฮะ
“ร้านที่โรงอาหารคนเยอะตลอด นายไม่ชอบต่อคิวใช่มั้ยล่ะเอส?”
“ก็ประมาณนั้น ว่าแต่นายรวยมาจากไหนฟระ อยู่ ๆ จะเลี้ยงเรา”
“ก็...” ตี้ดึงมือถือออกมาเปิด IG
“มีสปอนเซอร์เข้า”
“เหรอ? คราวนี้อะไรน่ะ?”
“เสื้อยืดคู่รัก”
“...........”
“นะเอสนะ ช่วยรับงานนี้กับเราที”
“ไม่!”
“เหอะนะเอส เสื้อร้านนี้ครีเอทีฟมากเลยนะ แบบคู่ฝาแฝดก็มี เพื่อนรักก็มี เสื้อทีมก็มี เราอยากถ่ายงานนี้”
“แค่นี้เพื่อนในห้องก็นึกว่าเป็นคู่จิ้นกันหมดแล้ว”
“เหอะนะ จะได้มีตังค์ซื้ออุปกรณ์ทำสิ่งประดิษฐ์ด้วยไง คิดเสียว่าเพื่องานกลุ่มก็ได้”
“ได้เท่าไหร่ล่ะ?”
“6,000 แบ่งกันคนละครึ่ง”
“......”
ขอแกล้งหน้าบึ้งสักหน่อยเหอะ ไถหน้าจอดูเมสเสจที่มันคุยกับสปอนเซอร์ถ่วงเวลาแกล้งมัน
“นาย 4,000 เรา 2,000 ก็ได้ นะเอสนะ”
“เออ ๆ ก็ได้ แบ่งคนละครึ่งนั่นแหละ”
ก็อยากโก่งค่าตัวหรอกนะ แต่ดู ๆ แล้วตี้มันก็ต้องคุยงานคุยรายละเอียดอะไรเยอะเหมือนกัน อันที่จริงผมไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยอมให้มันถ่ายรูปบ้า ๆ บอ ๆ ลง IG จะเอามากกว่ามันก็น่าเกลียด
“ชอบนายที่สุดก็ตรงนี้แหละ” ตี้ยิ้มร่าแล้วพิมพ์ตอบเมสเสจ IG ทันที
“ที่พามาเลี้ยงคือกะมัดมือชกใช่มั้ย?”
“มีเรื่องอื่นด้วยน่ะเอส”
“อะไรเหรอ?”
“คือ...เราอยากขอบใ”
“เฮ้ย! นี่อะไรฟระ? ถ่ายแบบที่โรงเรียน!”
ผมไถไปดูที่ไอ้ตี้คุยงาน นัดถ่ายที่โรงเรียน แล้วดูท่าที่ต้องถ่ายมีทั้งกอด, ขี่หลัง, อุ้ม, นอนหนุนตัก, ท่าซารางเฮโย, กินป๊อกกี้คนละฟาก, แตะหน้าผากวัดไข้ แต่ละท่าบรรเจิดบรรลัยมากเหมือนขุดจากนิยายมาทุกเรื่อง
ตี้ยิ้มแห้ง ๆ “นะเอส เพื่องานกลุ่มนะโว้ย”
“เสื้อก็ส่อ ท่าก็ใช่ ถ่ายที่โรงเรียนด้วย เพื่อน ๆ ก็เห็นหมดดิวะ ไม่เอาว้อย”
ตี้หน้าสลดก้มลงไปพิมพ์
Ty_Tweetie: พี่ครับ เอาท่าธรรมดาได้มั้ยครับ?
Heart_JT: ทำไมล่ะคะน้องตี้น้องเอส?
Ty_Tweetie: เอสเค้าเขินครับ“ไม่ได้เขินว้อย เอามานี่เราพิมพ์เอง” ผมแย่งมือถือมันมาเลย
Heart_JT: แค่ท่ากุ๊กกิ๊กเองนะคะ ให้พี่คุยกับน้องเอสได้มั้ย?
Ty_Tweetie: เป็นนักเรียนครับพี่ ขอท่าธรรมดาดีกว่าHeart_JT: Heart_JT: นะคะ เพื่อ FC น้าาาามีแฟนคลับด้วยเหรอวะ? IG ที่มีแต่รูปคู่บ๊อง ๆ เนี่ย?
Ty_Tweetie: ไม่ได้จริง ๆ ครับHeart_JT: งั้นพี่ขอแค่ 2 ท่านะคะ อันไหนก็ได้ พี่ยื่น story board ไปแล้วน่ะค่ะTy_Tweetie: งั้นแค่ขี่หลังกับแตะหน้าผากวัดไข้ครับHeart_JT: ค่าาา 2 ท่านี้เพื่อนผู้ชายก็ทำกันนะ
“เรียบร้อยละเนาะ ทานข้าวกันต่อดีกว่า กินเยอะ ๆ นะจะได้สูง”
“ฟวยเหอะ เดี๋ยวโทรปลุกตอนตีห้าซะนี่” สรุปมันก็ปากหมาเหมือนเดิม
“ไม่ตื่นหรอก ฮ่า ๆๆ”
“แล้วที่บอกว่ามีเรื่องอื่นจะคุยด้วยคืออะไร?”
“ไม่มีแล้วล่ะ รีบกินเหอะจะสามทุ่มละ”
พอลงบันไดจากสถานี airport link หัวหมาก ตี้ก็เอ่ยขึ้นมา “ดึกแล้วเดี๋ยวเราเดินไปส่งนายที่บ้านนะ”
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวนายก็นอนดึกอีก เรากลับเองได้”
“เออ ๆ พรุ่งนี้โทรมาปลุกด้วยนะ”
“ตื่นเองบ้างดิว้อย”
นายนี่เหมือนเด็กจริง ๆ ต้องโทรปลุกทุกเช้าหรือไง แต่ได้มา 3,000 โคตรดีใจเลยว้อย
ผมเดินข้ามถนนไปอีกฟากแล้วหันกลับมาดูให้แน่ใจว่าตี้มันกลับบ้านปลอดภัย ไอ้โย่งโบกมือแล้วคุยโทรศัพท์กับใครก็ไม่รู้ เอาเถอะมันเดินไปป้ายรถเมล์ก็โอเค
กริ๊ง ๆๆ เสียงมือถือของตี้ดังขึ้น เขาโบกมือลาเอสแล้วกดรับสาย
“สวัสดีครับพี่ฮาร์ต”
“ยอมถ่าย 2 ท่าแล้ว เห็นมั้ยคะว่าพวกพี่เชี่ยวชาญเรื่องความรักมากกว่าแค่เสื้อยืด”
“ขอบคุณมากครับพี่”
“แล้วเมื่อไหร่น้องตี้จะบอกรักน้องเอสล่ะค้าาา พวกพี่ลุ้นเอาใจช่วยอยู่น้า”
“ถ้าสอบกลางภาคได้ 90% ผมจะบอกเขาครับ”
“ทำไมล่ะคะ?”
“ก็เอสเค้าช่วยดูแลให้ผมตั้งใจเรียน”
“งู้ยยย เงื่อนไขแบบเด็กนักเรียนจริง ๆ น่ารักจัง ขอให้สำเร็จสอบได้เยอะ ๆ นะจ๊ะ”
04:35น.
เช้ามืดวันจันทร์
มลฤดีมองลูกชายร่างสูงของเธออย่างประหลาดใจที่วันนี้ตื่นเช้ามาวิดพื้นกระโดดตบ พักนี้ตื่นเช้าทุกวันแถมออกกำลังด้วย แต่ไหนแต่ไรมาตี้ตื่นเกือบ 8 โมงตลอด ไปโรงเรียนสายประจำจนเธอระอาใจ ที่สำคัญคือมีโทรศัพท์มาปลุกทุกเช้า เห็นลูกชายคนเล็กคุยไปยิ้มไปอย่างนี้กำลังมีความรักแน่ ๆ เธอเลี้ยงลูกผ่านช่วงวัยรุ่นมาแล้ว 2 คนจึงพอเดาได้
เป็นช่วงเวลาสำคัญ เธอต้องยั้งใจไม่พูดแซว ได้แต่หวังว่าลูกชายจะเล่าให้ฟังเอง
“ทานข้าวมั้ยลูก?”
“ไม่ครับแม่ เดี๋ยวไปทานที่โรงเรียนกับเพื่อน”
มีแค่เรื่องนี้แหละที่เธอแอบงอนเล็ก ๆ ใครหนอมัดใจลูกชายเธอให้ไปทานข้าวเช้าด้วยทุกวัน เอาเถอะก็ดีกว่าที่เขาทานแต่แซนวิชกับข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้าปากซอยเพราะจะไปโรงเรียนไม่ทันอยู่รอมร่อ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ลูกชายคว้าแล้วกระโดดลงนอนบนโซฟา
“หวัดดี ฮ้าววว”
“เพิ่งตื่น”
มลฤดีแอบมองพฤติกรรมแปลก ๆ ของลูกจากในห้องครัว
“อือออ ไม่นอนต่อหรอก”
เธออมยิ้มอยู่คนเดียวในครัว พยายามทำอาหารให้เบาเสียงที่สุด กลัวลูกชายความแตกว่าจริง ๆ ไม่ได้อยู่ในห้องนอน วิธีอ้อนช่างน่ารักเหมือนตอนเด็ก ๆ ทั้งที่ตอนนี้สูงชะลูดแล้ว ตอนนั้นเป็นวันเด็กป.4 หรือป.5 นะที่ลูกชายคนเล็กอ้อนขอไปดูสถานีโทรทัศน์ แทนที่จะไปเที่ยวห้าง
“แค่นี้นะ เดี๋ยวไปอาบน้ำละ” เจ้าตัวสูงคุยโทรศัพท์เสร็จก็โดดผลุงขึ้นจากโซฟา
“ตี้ เอาอะไรไปทานที่โรงเรียนด้วยมั้ยลูก?”
“ไม่อ่ะแม่ ไปทานที่โรงอาหารกับเพื่อน”
“มีหมูอบนะ”
สิ้นเสียง ลูกชายหัวยุ่งก็โผล่หน้ามาในครัวทันที มลฤดีบรรจงหั่นหมูอบชิ้นใหญ่ให้ดูประหนึ่งกำลังอยู่ในรายการแข่งทำอาหาร เจอของชอบกับฉากหั่นสโลว์โมชั่นอย่างนี้จะห้ามใจไหวไหม
“น่ากินจังครับแม่ งั้นขอใส่กล่องไปหน่อยนะ อันนี้น่าจะคลีน”
ใครจะมาแย่งลูกชายเธอก็ไม่รู้ล่ะ แต่มั่นใจเสน่ห์ปลายจวักนี้มัดใจคนทั้งบ้าน ว่าแต่ ‘คลีน’ นี่คือยังไงนะ เดี๋ยววันนี้ต้องไลน์ถามกลุ่มเพื่อนดูสักหน่อย
6:35น.
เช้านี้ผมนั่งรอบอมที่ร้านน้ำหน้าโรงเรียน ผมอ่านชีทเคมีระหว่างรอ แต่ในหัวผมวนเวียนกับคำพูดของตี้
ถ้าคะแนนกลางภาคได้สัก 90% เราจะกล้าบอกพ่ออยากเป็นนักข่าว
เราอาจได้เป็นนักข่าวสายวิทยาศาสตร์อันดับหนึ่งของประเทศก็ได้นะทุกอย่างเป็นไปตามแผน ถ้าได้เรียนห้องควีนเขาจะเก่งขึ้นกว่านี้อีกแน่ ๆ...แต่ผมกลับรู้สึกผิด
“หวัดดีพัต”
ผมสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมาเพราะเสียงที่คุ้นเคยนั่นคือคนที่ผมกำลังนึกถึงพอดี ตี้ยืนยิ้มอยู่หน้าร้าน
“ห...หวัดดีตี้”
“รอพวกบอมอยู่เหรอ?”
“อืม”
“เราจะไปทานข้าวกับเอสน่ะ ไปก่อนนะ”
ผมมองตามตี้ที่เดินเข้าประตูโรงเรียนไป ข้อความไลน์จากเอสก็เด้งขึ้นมา
เอส: นัดตี้มาได้ตอนเช้าที่โรงอาหาร พัตมาทำโจทย์เคมีกันมั้ย?...มันควรจะเป็นแบบนี้จริง ๆ เหรอ...ผมกำลังหลอกใช้เพื่อน ๆ เพื่อหนีห้องควีน หลอกใช้ตี้ หลอกใช้เอส …
พัต: เรารอพวกบอมอยู่น่ะ เอสทานข้าวกับตี้เถอะนะ ขอบใจนะเอส“หวัดดีพัต มาเช้าเลยนะวันนี้”
เสียงบอมทักขึ้นมา ผมหันไปดูเห็นพวกเขาหอบไม้มาพะรุงพะรัง
“เมื่อเช้าเราไปถามร้านไม้หน้าปากซอยว่าพอมีเศษไม้มั้ยจะเอามาทำฐานสิ่งประดิษฐ์ เจ้าของร้านใจดีมาก เค้าขอดูแบบแล้วหาชิ้นเหมาะ ๆ ให้น่ะ” บอมยิ้มแฉ่งที่งานสิ่งประดิษฐ์เริ่มคืบหน้าแล้ว
“กูกับดิมเลยช่วยหอบมา เดี๋ยวเที่ยงนี้มาช่วยกันทำที่ช็อปไม้นะ กูคุยกับอาจารย์ไว้ละ” สนกล่าว
“งั้นเดี๋ยวเราไปช่วยนะ”
“เราเขียนโปรแกรมเสร็จแล้ว เดี๋ยวเที่ยงนี้จะลองรันโปรแกรมจำลองที่ห้องคอม พรุ่งนี้หุ่นมาจะโหลดโปรแกรมใส่ได้เลย”
“เฮ้ย! กูลองทำคอมด้วยสิดิม ยากมั้ยวะ? มันจะเหมือนหุ่นจูโอมารูมั้ย?”
“ตกลงมึงจะช่วยช็อปไม้หรือทำคอมวะ?” บอมถาม
“กูก็อยากทำทั้งสองอย่างน่ะ”
“สนช่วยดิมที่ห้องคอมเถอะ เดี๋ยวเรากับบอมประกอบฐานไม้เอง แยกกันทำจะได้เสร็จเร็ว ๆ”
“พัตไหวเหรอ? บอมทำคนเดียวก็ได้”
“เราไหว ตอนม.ต้นก็เคยทำงานไม้อยู่”
“แหม ๆๆๆ บอมทำคนเดียวก็ด้ายยยย กูเพิ่งเคยได้ยินมึงเรียกตัวเองมุ้งมิ้งแบบนี้”
“ห่าน! กูหลุดปากนิดเดียวเล่นกูเลยนะมึงไอ้สน” บอมคว้าไม้ออกมาจากถุง
“ไอ้เหี้ยบอม! ไม้นะโว้ยไม่ใช่หมอน”
สนหลบมากอดด้านหลังดิม “เอาสิมึง ตีมามึงไม่มีหุ่นส่งอาจารย์แน่”
พักเที่ยงพวกเรารีบทานข้าวแล้วแยกย้ายกันไปทำงาน ผมกับบอมช่วยกันทำฐานที่เวิร์คช็อปไม้ ส่วนดิมกับสนไปทดลองโปรแกรมที่ห้องคอม บอมเปิดแบบที่ผมเขียน ตัวกระดานออกแบบสำหรับเหน็บกระดาษ A0 ที่จะใช้ปากกาวาดเส้นทางเดินของหุ่นยนต์ มีกล่องไม้ไว้เก็บตัวหุ่นและช่องเก็บปากกา และไดคัทไม้เป็นชื่องานพร้อมใบอธิบายวิธีเล่นที่ดิมพิมพ์มาให้แล้ว
บอมใส่แว่นป้องกันแล้ววัดขนาดไม้อย่างทะมัดทะแมง เพิ่งเคยเห็นเขาในแบบนี้ เท่ชะมัดเลย อาจารย์มาสอนการใช้เครื่องใบเลื่อยตัดไม้ อธิบายหลักความปลอดภัยให้ ผมเริ่มทำตามที่อาจารย์สอน
“พัตไหวแน่นะ?”
“ไม่ต้องห่วง เช็คทิศใบเลื่อยให้แน่ใจอีกครั้งจะได้ไม่ดีดไม้ออก แล้วค่อยเปิดเครื่อง จับไม้แน่น ๆ ใส่เข้าไป”
การได้ทำอะไรนอกเหนือจากการอ่านหนังสือบ้างก็สนุกดีเหมือนกัน ผมอยากเป็นเหมือนคนธรรมดาและผมต้องเป็นให้ได้ บอมจะได้ไม่ต้องกังวล
พอตัดไม้เสร็จก็เอาไปขัดให้หมดเสี้ยน จากนั้นทากาวแล้วประกอบ บอมจัดการตอกตะปูซ้ำอีกที บอมเอาป้ายชื่องานทากาวติดบนกระดานไม้แล้วตามตามแบบมาประกอบขั้นสุดท้าย ฐานก็เสร็จเรียบร้อยทันหมดเวลาพักเที่ยงพอดี
พวกเราไปล้างมือล้างหน้าก่อนเดินกลับห้องประจำชั้น
“เช้านี้พัตมา airport link ใช่มั้ย?”
“อือ เราเพิ่งเคยขึ้นตอนเช้า กะเวลาไม่ถูกเลยมาเช้าไว้ก่อน”
“แล้วเย็นนี้ก็กลับเองมั้ย?”
“อืม พ่อบอกว่าเดินทางเร็วแบบนี้ให้อยู่เย็นได้อีกหน่อย จะได้มีเวลาเล่นบาสนานขึ้น”
“ดีจังเลย งั้นเล่นบาสเสร็จเราไปส่งพัตนะ”
“เรากลับเองได้ บอมอยู่ฝึกบาสกับพวกพี่ ๆ เถอะ”
“คือ...” บอมทำหน้าจริงจัง “เรามีเรื่องอยากคุยกับพัตน่ะ แค่สองคน”
“อืม ก็ได้”
บอมจะคุยอะไรกับผมหว่า? ท่าทางจะเป็นความลับขนาดต้องไปคุยกันที่ไกล ๆ ด้วยเหรอ?