King Class Away Ep.25
Vertical Lookup
เช้าวันพฤหัสบดี ผมกับบอมลงรถเมล์แล้วเดินข้ามถนนเข้าซอยโรงเรียน
“บอม เดี๋ยววันนี้พอมริงเจอพัตแล้วมริงรีบปลีกตัวไปเลยนะ บอกว่ารุ่นพี่นัดคุยเรื่องบาส”
“อ้าว! ทำไมต้องทำยังงั้นด้วยวะ?”
“กรูดูยูทิวป์มา เค้าบอกว่ามริงต้องทำให้อีกฝ่ายไม่เจอมริงบ้างแล้วเค้าจะอยากอยู่กับมริงมากขึ้น แบบยั่วให้อยากแล้วจากไปอะไรงี้”
“แต่กรูอยากคุยกับพัตนาน ๆ”
“มริงพยายามเข้าหาพัตหลายทีแล้วเค้าหนีมริงทุกทีอ่ะ เปลี่ยนแผนบ้าง”
“ได้ผลจริงแน่นะมริง?”
“แน่น่า เชื่อกรู ถ้าไม่เวิร์คเดี๋ยวกรูใช้ไม้ตาย”
“ไม้ตายอะไรวะ?”
“เอาน่า รับรอง” (รับรองว่ามันถีบผมแน่ถ้ารู้ไม้ตาย “งูหลามรัดลูกหมา” ของผม)
เดินมายังไม่ถึงร้านน้ำก็เจอพัตยืนรออยู่แล้ว มันห่วงบอมจริง ๆ ไอ้บอมก็ใช่ย่อยทำท่าไอค่อกแค่กทันที อ้อนเข้าไป สำออยเข้าไป
“หวัดดีบอม หวัดดีสน”
“หวัดดีพัต”
“บอมเป็นไงบ้าง?” พัตท่าทางแข็ง ๆ คงเพราะที่ผมอำมันว่าไอ้บอมละเมอถึงมัน
“ก็ดีขึ้นเยอะละ วันนี้เล่นบาสได้แล้ว” บอมยิ้มตาปิด
“พัตมาเล่นด้วยกันนะ” ผมพูด เพราะถ้าบอมชวนพัตคงหนีแน่
“อ...อืม คือที่จริงแล้ว...”
บอมหน้าเสีย หรือพัตจะไม่มาเย็นนี้?
“เมื่อวานเราก็มาชมรมนะ เราทบทวนท่าเลย์อัพกับท่าเลี้ยงบอลตามที่บอมกับสนสอน อัดคลิปไว้ด้วย”
พัตเปิดคลิปในมือถือให้ดู ขนาดผมกับบอมไม่มาชมรมพัตก็ยังมาแถมขยันเรียนรู้ ผมเข้าใจเลยทำไมบอมถึงชอบพัตขนาดนี้ พัตเป็นเพื่อนที่ชอบกิจกรรมแบบเดียวกับมัน ทุ่มเทเหมือนมัน คนที่อยากอยู่กับมันตลอดเวลาในทุกอย่างทุกเรื่อง
“ไม่ต้องห่วงนะ ถึงบอมกับสนไม่อยู่เราก็ตั้งใจซ้อม”
นายคงอยากให้ไอ้บอมสบายใจสินะ?
“ท่าเลย์อัพถูกแล้ว ท่าเลี้ยงลูกงอเข่าอีกนะให้บอลไม่ลอยสูง คนอื่นจะแย่งยาก” บอมพูด
“ได้ เดี๋ยววันนี้เราฝึก” แค่พัตบอกว่าจะมาชมรม บอมก็ยิ้มแก้มแทบฉีก
“ช่วงนี้บอมเรียนวิชาไหนไม่รู้เรื่องก็บอกเราได้นะเดี๋ยวเราติวให้”
“อืม ขอบใจนะ”
ผมเอื้อมแขนไปสะกิดไอ้บอม มริงต้องปลีกตัวแล้ว มันมองกลับมาด้วยแววตาเสียดาย
“พัต เราไปก่อนนะ เช้านี้รุ่นพี่มีนัดประชุมเรื่องทีมบาส”
“เหรอ? แล้วสนต้องไปด้วยมั้ย?”
“ไม่อ่ะ บอมไปคนเดียวก็พอ”
บอมเดินไปอีกทาง ไอ้พัตมองตามด้วยสีหน้าเป็นห่วงจนไม่รู้ตัวด้วยว่าผมมองมัน ...ในหัวมันคิดอะไรอยู่กันนะ อยู่ตรงหน้าแท้ ๆ แต่หาคำตอบไม่ได้... จนบอมเดินลับมุมตึกไปนั่นแหละพัตถึงหันมาเห็นผมมองมันอยู่
“อ้อ! เรื่องวิชาเลขเสริมที่สนถามเราเมื่อวาน เราหาหนังสือสรุปได้ 2-3 เล่ม ลองอ่านละเค้าเขียนดีนะ เนี่ยเราเซฟรูปปกมาด้วย นายลองไปหาตามร้านดูนะ”
พัตกดเปิดมือถือแต่หน้าจอยังค้างที่คลิปวิดีโอที่พัตซ้อมบาสเมื่อวาน แตะอะไรก็นิ่ง
“เอ๋? สงสัยเครื่องค้าง เครื่องเราเก่าแล้วน่ะ”
“พ่อแม่นายไม่ซื้อเครื่องใหม่ให้เหรอ บ้านนายออกจะรวย”
“แม่บอกต้องประหยัดน่ะ ยังใช้ได้ก็ใช้ไปก่อน เดี๋ยวเราปิดเปิดเครื่องอีกที”
พอเครื่องเปิดอีกครั้งพัตก็กดใส่ PIN เอ๋….เลข 6 ตัวนั่น…
พัตเปิดรูปปกหนังสือให้ผมดูและบรรยายว่าเล่มนี้สอนดี มีภาพประกอบเข้าใจง่าย แต่สมาธิผมไปอยู่ที่เลข PIN 6 ตัว…
“แต่ถ้าจะให้ดี เราว่าสนถามดิมดีกว่านะ เค้าอธิบายได้ละเอียดกว่าหนังสือแน่”
“มันไม่ว่างน่ะสิ”
“เมื่อวานดิมบอกว่าไม่ต้องคัดตัวแข่งสัปดาห์วิชาการแล้วนี่?”
“เออน่ะ เราอยากอ่านเอง”
“อยู่ห้องติดกันนี่ เดินไปถามก็ได้”
“เราไม่อยากถามมัน”
“ทะเลาะกันเหรอ?
แมร่งช่างสังเกตมาก พัตคงเห็นสีหน้าแปลก ๆ ระหว่างผมกับดิมเมื่อวานสินะ
“เปล่า” ผมพยายามเค้นเสียงโมโหให้พัตเลิกถาม แต่เสียงที่ออกมามีแต่ความรู้สึกผิดที่กำลังโกหก ใช่ ผมทะเลาะกับมันและเป็นการทะเลาะที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมโมโหอะไรกันแน่ หนำซ้ำผมยังหลบหน้าไม่รับสายมันทั้งที่รับปากแล้วว่าจะคุยด้วย
“คือ...บอกตรง ๆ นะ เราไม่ได้เรียนวิชานี้น่ะสน วิชานี้เป็นของสายศิลป์”
“เอ๋? แต่ดิมมันเคยติวบทต้น ๆ ให้เรานะ”
พัตเม้มปากเหมือนมันกำลังตัดสินใจจะพูดอะไรบางอย่าง
“สน คือจริง ๆ แล้วดิมขอให้เราปิดเรื่องนี้ไม่ให้บอกนาย”
“หืม?”
“ดิมก็ไม่ได้เรียนวิชานี้เหมือนกัน”
“อ้าว!?”
“เขาตั้งใจอ่านเพื่อมาติวสน ทั้งวิชานี้ เลขเสริม ดาราศาสตร์ วิชาวิทยาศาสตร์ที่พวกนายติวกันก็เป็นของเฉพาะสายศิลป์”
...ไอ้ดิม มริง…
...ภาพไอ้ดิมนอนฟุบที่โรงอาหารตอนเช้าตรู่ที่นัดผมติวทุกวัน…
“เราไม่รู้พวกนายทะเลาะกันเรื่องอะไร แต่เราว่าดิมตั้งใจทำเพื่อสนจริง ๆ นะ”
...เหตุผลที่ผมอยากประหยัดเงินค่าติวเพื่อไปซื้อรองเท้าบาส…เหตุผลโคตรงี่เง่า...ทั้งที่ดิมก็รู้ แต่กลับชมว่าดีซะอีก มันน่ะเล่นกีฬาไม่เป็นสักอย่าง…
“ไหน ๆ เราก็ผิดสัญญากับดิมแล้ว เราขอพูดให้หมดเลยละกันนะสน”
“พัตบอกเราให้หมดเลย เรา...เราอยากรู้”
“ที่ดิมวิ่งตอนเย็นหลังเลิกเรียน เค้าไม่ได้วิ่งออกกำลังกายนะ”
“แล้วดิมไปวิ่งทำไมวะ?”
“เค้าทำการบ้านผิดหรือทำไม่ทัน มีเฉพาะห้องคิงกับห้องควีนที่ลงโทษแบบนี้”
...ที่มริงบอกวิ่ง 8 รอบ เพื่อนมริงวิ่ง 5 รอบ…
...ผมไม่เคยเอะใจว่าทำไมแต่ละคนวิ่งไม่เท่ากัน...
...ที่มริงเป็นลม บอกผมว่าอ่านหนังสือดึกแล้วไปวิ่งเยอะ ๆ…
ผมแมร่งเป็นไอ้โง่ฉิบหาย ก็ว่าทำไมหลายคนมองผมแปลก ๆ เวลาดิมติวให้ผม เพราะแบบนี้เองเหรอ? ดิมอดหลับอดนอนอ่านทั้งวิชาสายวิทย์ของตัวเองและวิชาสายศิลป์เพื่อติวให้ผมคนเดียวจนตัวเองเรียนไม่ทัน...สุดท้ายมริงไม่ได้เป็นตัวแทนไปแข่งสัปดาห์วิชาการ...
ผมหันหน้าหนีไปทางระเบียงแต่ก็เจอคน ๆ หนึ่งที่ชั้นล่างกำลังมองขึ้นมา ...ไอ้ดิม… ผมมองมัน มันก็มองขึ้นมาเช่นกัน
ถ้าผมแนะนำบอมให้ถามพัตตรง ๆ ผมเองก็ต้องกล้าถามไอ้ดิมตรง ๆ เหมือนกัน…
ครั้งนี้ผมจะไม่หนีแล้ว! ผมรีบวิ่งผ่านระเบียงยาวลงบันไดไปให้ถึงชั้น 1 แต่ดิมก็รีบวิ่งขึ้นมาเหมือนกัน เราเลยเจอกันที่โถงบันไดชั้น 2 หอบแฮ่กกันทั้งคู่
“แฮ่ก ๆๆ สน….เรา...อยาก...คุย..”
“เดี๋ยว ๆ กรูสิ...อยากคุย แฮ่ก ๆๆ แต่ขอ...ขอกรูหายใจก่อน”
ผมยืนหอบพิงผนังโถงบันได ตรูจะรีบวิ่งมาทำไมวะในเมื่อห้องประจำชั้นก็อยู่ติดกันแท้ ๆ
ก็ผมไม่อยากให้มันลำบากเพื่อผมอีกแล้วไง ไอ้ดิมเองก็คงรีบวิ่งมาเพราะกลัวผมหนีมันเหมือนกัน
“ดิม มริงยังอยากคุยกับกรูมั้ย?”
“อยากดิสน”
ผมมองไปรอบ ๆ มีคนเดินขึ้นลงบันไดหลายคน ดิมมันคงไม่อยากคุยตรงนี้เหมือนครั้งที่แล้วที่ผมบังคับมันให้พูดตรงหน้าห้องประจำชั้นแล้วมันไม่กล้า คราวนี้ผมจะยอมอ่อนให้มันก็ได้ฟระ
“ดิม มริงอยากคุยที่ไหนเมื่อไหร่ยังไงก็ได้ เอาที่มริงสบายใจ”
“แฮ่ก ๆๆ จู่ ๆ ถามแบบนี้คิดไม่ออกเลย” ดิมยิ้มหน้าเหนื่อย ๆ
“มริงวิ่งรอบสนามบอลกี่สิบรอบแล้วยังหอบขนาดนี้อีกเหรอ?”
“เราวิ่งสุดฝีเท้าเลยอ่ะดิ แฮ่ก ๆ เรากลัวนายเดินหนีเรา”
“กรูไม่หนีแล้ว” ผมเอื้อมไปแย่งกระเป๋าดิมมาถือ “ป่ะ ขึ้นห้องกัน มริงอยากคุยเมื่อไหร่ก็บอกกรู”
“เที่ยงนี้ได้มั้ย?” ดิมเอ่ยตอนเดินมาถึงหน้าห้องประจำชั้น 4/7
“ได้ เจอกันที่ไหนล่ะ?”
“บนอัฒจันทร์นะ”
“อืม เจอกัน”
สนามบอลมี 5 อัฒจันทร์สำหรับ 5 กลุ่มกีฬาสี แต่มองปราดเดียวก็เห็นไอ้ดิมนั่งรออยู่แล้ว
“กินข้าวยังดิม”
“ยังเลย แล้วสนล่ะ?”
“กรูก็ยัง ยังไม่หิวอ่ะ มาคุยกับมริงก่อน” ผมหย่อนตัวลงนั่งข้างมัน ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี ดิมก็นั่งเงียบเหมือนกัน
“ดิม พัตเล่าให้กรูฟังหมดแล้ว”
ดิมฟังแล้วผงกหัว “ขอโทษนะที่เราปิดนาย”
“ไอ้เรื่องนั้นกรูก็อยากคุยให้ชัดกับมริง แต่กรูขอเริ่มจากเรื่องที่กรูโมโหสุดก่อนเลยละกัน กรูโมโหที่มริงจะคบทั้งเฟิร์สทั้งกรู กรูไม่ตกลง มริงเห็นกรูเป็นอะไรวะ? เออ! มริงทำดีกับกรูฉิบหาย ทำหลายอย่างด้วย มริงไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย ทำดีกับกรูจนตัวมริงเองลำบาก มีแต่กรูที่ถามมริงตลอดว่าอยากได้อะไรกรูจะทำให้...แต่พอมริงขอแบบนี้ ขอคบสามสัปดาห์คืออะไรวะ? หรือมริงแค่อยากให้กรูเป็นคู่ซ้อมให้มริงไปทำอย่างว่ากับเฟิร์สแฟนมริงงั้นเหรอ?” ผมอัดไม่ยั้ง มาเลยมริงอยากเคลียร์ก็เคลียร์มาเลย
“เราเลิกกับเฟิร์สแล้ว” ดิมตอบหน้านิ่ง
“ห้ะ! เมื่อไหร่?”
“หลังจากวันที่ไปกินพิซซ่าน่ะ”
“อ้าว! แล้วทำไมมริงไม่บอกกรู!”
“วันนั้นเราจะบอก นายก็บอกให้เราหยุดพูดไง”
...หงอยเลยกรู ผมเองนี่หว่าตัวก่อดราม่า ถ้าผมไม่ใจร้อนตะคอกใส่มัน ถ้าผมปล่อยมันพูดอีกประโยคก็คงไม่ต้องผิดใจกันหลายวันแบบนี้
“ล...แล้วทำไมมริงเลิกกับเค้าล่ะ?”
“วันนั้นตอนอยู่บนรถ...” ดิมมองหน้าผม ตามันเริ่มมีประกายหลังจากหน้าสลดมาตลอด
“ตอนที่นายนั่งตัก...เรารู้สึกดีมาก มากจนเผลอกอดเอวนายไว้ มันมากจนเรารู้ว่า….เราไม่มีทางรู้สึกแบบนี้กับเฟิร์ส เราเลยไม่อยากให้เค้ามาเสียเวลากับเราอีกแล้วน่ะ”
“แค่กรูนั่งตักนี่มริงดีใจขนาดนั้นเลยเหรอวะ? กรูนั่งตักเพื่อนคนอื่นมีแต่มันบ่นหนัก บ่นว่ากรูตรูดแหลม”
ผมพูดจบไอ้ดิมก็หัวเราะลั่น ...เออ หน้าแบบนี้แหละที่ผมอยากเห็น หน้าที่ยิ้มที่หัวเราะแบบสบายใจ
“จริง ๆ เราก็ชอบนายตั้งแต่ตอนเจอกันที่เล่นสแครบเบิ้ลแล้วล่ะ”
“ที่กรูอาละวาดนั่นน่ะนะ?”
“อืม” ...เชรี่ย มีแต่เรื่องไม่น่าจดจำ
“ตอนแรกที่เราติดห้องควีน เราตื่นเต้นมากอ่ะ คิดว่าเปิดเทอมมามันคงเหมือนห้องเรียน X-men เหมือนเรื่อง The Gifted แต่...มันไม่ใช่เลย มีแต่การบ้านเยอะ ๆ ถ้าทำไม่ได้ต้องโดนลงโทษ แม้แต่คาบสันทนาการเราก็โดนบังคับว่าต้องเลือกสแครบเบิ้ลเพราะคะแนนสอบเข้าของเราอ่อนภาษาอังกฤษ”
“แมร่งโหดร้ายจังวะ”
“พอเริ่มเล่นก็เห็นหลายคนเล่นโกง เรารู้สึกแย่มากอ่ะ ต่อไปเราก็ต้องโกงแบบนี้บ้างเหรอ เราไม่อยากอยู่แต่ไม่รู้จะทำยังไง ตอนนั้นเองที่นายลุกขึ้นมาโวยวายแล้วเดินออกไป...รู้ไหมตอนนั้นนายโคตรเท่ เราเลยคิดได้ว่าเราต้องกล้าเลือกสิ่งที่เราชอบเองดิ เราก็เลยลาออกเดินตามนายไปด้วย ...เราอยากเป็นเพื่อนกับนาย แต่เราก็ไม่กล้าคุยกับนายอ่ะสน”
ดิมมองทอดสายตาไปที่สนามบอล
“พอวันถัดมาที่เราทะเลาะกับเฟิร์ส นายรู้มั้ยเราโคตรกลุ้มใจ ไม่รู้จะปรึกษาใคร ...แล้วนายก็อยู่ตรงนั้น”
“ตอนนั้นกรูนึกว่ามริงมีปัญหานกเขาไม่ขันอ่ะ”
ผมแซวเล่นแต่ดิมจับมือผมไว้ “เราได้เจอโชคดี 2 ครั้งติดกัน แต่โชคดีไม่อยู่กับเรานาน เราไม่รู้จะมีโอกาสแบบนี้อีกมั้ย เราบอกตัวเองว่าเราอยากมีนายทุกวันแบบนี้ เราต้องสร้างโชคขึ้นมาเอง ตอนที่สนบอกว่าอยากติว เราเลยตัดสินใจ...”
“ตัดสินใจอ่านหนังสือเรียนสายศิลป์ที่มริงไม่ได้เรียนเพื่อมาติวกรู จะได้มีเรื่องอยู่ใกล้กรู?”
“อืม”
“ไอ้นี่แหละอีกเรื่องที่กรูโมโห มริงทำตัวเองลำบากเพื่อกรูแบบนี้กรูเหมือนไอ้โง่ มริงรู้มั้ยเพื่อน ๆ เค้ารู้หมดว่ามริงอ่านเพิ่มจนตัวเองทำการบ้านไม่ทัน โดนลงโทษไปวิ่งรอบสนาม มีแต่กรูที่ไม่รู้เรื่องเชรี่ยอะไรเลยมาให้มริงติวทุกวัน”
“เราขอโทษนะสน แต่เราคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าเราจะทำยังไงถึงจะสนิทกับนายได้”
“แล้วที่มริงขอให้กรูลองคบกับมริงสามสัปดาห์ มริงกะจะทำอะไรวะ? เวลาแค่นั้นมริงคิดว่าจะเปลี่ยนให้กรูชอบผู้ชาย ชอบมริงได้เหรอ?”
“ก็มาโรงเรียนด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน นั่งติวด้วยกัน เล่นบาสเล่นคอมด้วยกัน กลับบ้านด้วยกัน เราไปนั่งเล่นบ้านนาย นายมานั่งเล่นบ้านเรา ดูหนังดูโทรทัศน์ ไปเที่ยวกันบ้าง”
“แมร่งก็แทบไม่ต่างจากปกติที่ทำอยู่ คิดว่าตัวติดกันสามสัปดาห์แล้วกรูจะชอบมริง?”
“เราไม่รู้”
“ตกลงอยากได้กี่สัปดาห์? เอาจริง ๆ”
“ไม่รู้เลย ถ้าตอบจริง ๆ ก็อยากให้ลองคบกันตลอดไปเลยน่ะ”
“อันนั้นไม่เรียกลองคบแล้วไอ้บ้า!”
“เราก็ไม่รู้ต้องใช้เวลานานแค่ไหน นายบอกให้เราขอได้...เราก็ขออ่ะ...แต่เราไม่กล้าขอนานกว่านั้นกลัวนายจะไม่ยอม”
“นี่แหละที่กรูโมโหมริง มริงอยากได้อะไรก็บอกอย่างที่อยากได้จริง ๆ ดิวะ! ไม่งั้นกรูจะทำตัวให้ถูกใจมริงได้ไง มริงขอแค่นี้เพราะกลัวกรูไม่รับปาก เดี๋ยวพอครบสามสัปดาห์มริงก็เศร้าอีก”
หน้ามันสลดอีกแล้ว กรูล่ะกลุ้ม “เออ! สามก็สาม”
หน้ามันดีใจขึ้นมาวูบนึงแล้วก็เศร้าคิ้วขมวดอีก จนผมต้องเอานิ้วจิ้มหน้าผากมัน
“นี่ไง ๆ เห็นมั้ย พอกรูตกลงมริงก็กังวลละว่าสามสัปดาห์พอมั้ย ตกลงเอาไง?”
“เราไม่รู้ ใครจะรู้ล่ะต้องใช้เวลานานแค่ไหน”
“งั้นก็สาม! สามปีไปเลย!”
"ห้ะ! นายว่าอะไรนะ!?”
“สามปี คบไปถึงตอนประกาศผลแอดมิชชั่นเลย กรูว่าป่านนั้นกรูคงอยู่ในช่วงเวลาสำคัญของมริงครบละ พอใจมั้ย?”
ดิมกอดผมเต็มแรง “นายพูดจริงใช่มั้ย!”
“กรูพูดจริง”
ดิมกอดผมแน่นไม่ปล่อยเลย มริง ๆ กอดนานไปไหม คนที่ตึก 7, โรงพละ, ตึก 11 เห็นหมดแล้วมั้ง
“เราคบกันแล้วใช่มั้ย?”
“เออ”
“ดิม”
“หือ?” มันตอบทั้งที่ไม่ยอมปล่อย
“ที่มริงบอกว่ามริงเล่นกีฬาไม่เป็นสักอย่าง”
“อืม”
“แต่กรูว่ามริงเล่นมวยปล้ำได้นะ มริงกอดแน่นจนกรูหายใจไม่ออกแล้วเนี่ย”
“อ้าว! ขอโทษ ๆ”
“ป่ะ ไปกินข้าวกัน”
ผมกับดิมเดินลงจากอัฒจันทร์ผ่านสนามบอลไปโรงอาหาร บอกไม่ถูกว่าผมรู้สึกยังไง มันรู้สึกสบายใจอุ่นใจแบบแปลก ๆ
“มริงจะกินอะไรล่ะดิม?”
“เราชอบกินร้านโน้นน่ะ นายไม่ต้องซื้อให้เราหรอก เคยทำตัวยังไงก็เป็นแบบนั้นแหละ”
“เออ กรูก็ทำตัวไม่ถูก”
“เราก็เหมือนกัน”
ผมกับดิมถือจานเดินไปถึงโต๊ะ เจอบอม, พัต, เอส, ตี้ นั่งทานข้าวใกล้เสร็จแล้ว ...พัตคงไปรอผมกับดิมที่หน้าห้องแต่ไม่เจอเลยไปชวนเอสกับตี้มาทานข้าวด้วยสินะ และเช่นเคยบอมมีโจ๊กใส่ขิงเยอะ ๆ ที่พัตซื้อให้ มันทำหน้านิ่ง ๆ แต่พอดูออกว่าไอ้บอมคงเซ็งและรู้ว่าไม่มีทางอยู่กับพัตตามลำพังได้แน่
“สนกับดิมไปไหนมาเหรอ เพิ่งมาทานข้าวเนี่ย?”
“พวกเราไปนั่งคุยกันนิดหน่อยน่ะ”
บอมกับพัตมองผมเหมือนอยากรู้ว่าผมไปคุยอะไรกับดิม ส่วนเอสกับตี้คุยกันเรื่องกิจกรรมชมรม
“เดี๋ยวตอนสัปดาห์วิชาการที่ห้องสมุดจะมีงานด้วยนะ พวกนายมาเล่นกันดิ มีแจกเครื่องเขียนนะ” เอสพูด
“ชมรมโสตทัศน์ก็จะไปถ่ายรายการแข่งตอบปัญหาที่โรงเรียน XXX ด้วยนะ เออ! ดิมอยู่ห้องควีนนี่ นายได้ไปแข่งด้วยมั้ย?”
“ไม่อ่ะ เพื่อนเราไปแข่ง” ดิมตอบหน้านิ่ง ๆ ผมดูไม่ออกเลยว่ามันเสียใจผิดหวังมั้ย
“แล้วบอมหายหวัดยัง?” พัตถาม เท่านั้นแหละหน้าไอ้บอมสดชื่นขึ้นทันที
“เราหายดีแล้วล่ะ ไม่เจ็บคอแล้ว วันนี้เล่นบาสได้ละ”
“ดี ๆ เห็นมั้ยโจ๊กใส่ขิงได้ผล” พัตพูดแล้วหันมาหาดิม “ดิม เย็นนี้มาเล่นบาสด้วยกันมั้ย?”
“ได้สิ วันนี้เราไม่มีงานชมรม เดี๋ยวเรามาเล่นด้วยนะ” ดิมพูดพร้อมหันมายิ้มให้ผม ในขณะที่ไอ้บอมหน้าสลดลงอีกครั้ง โอ๊ยกรูล่ะสงสารมริง ...กรูบอกแล้วว่าต่อให้มริงมาเล่นบาสได้ ไอ้พัตก็มีวิธีเลี่ยงมริงอยู่ดี
ผมเอื้อมมือไปสะกิดเข่าบอมคุยด้วยกระแสจิต
บอม มริงไม่ต้องเศร้า เดี๋ยวกรูจัดการไอ้พัตให้เอง
ทำไงวะ?
เอาเหอะ เชื่อใจกรูละกัน กรูมีไม้ตายละ
ไม่เอาละเมอพัตของผมเชรี่ยไรนั่นแล้วนะ แค่นี้กรูก็ไม่กล้าเข้าหน้าเค้าแล้ว
ผมมองไอ้พัตอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ พัต...เย็นนี้ต่อให้นายเป็นเสือติดปีกก็หนีไม่รอด! (ติดสำนวนหนังจีนจากไอ้บอม)