11
ผมพาเบ๊บมาอยู่ที่บ้านได้สามวันแล้ว ทุกเย็น พี่แอ๊ดจะเอาอาหารและผักผลไม้มาให้พวกเรา แม่กับน้องๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี่ เพราะแม่สุขภาพไม่ค่อยดีแล้ว ส่วนใหญ่ก็พักในบ้านใหญ่ กับออกมาเดินเล่นแถวริมน้ำ แถวนี้มีแต่ต้นไม้ จนแทบจะเหมือนป่ากลายๆ เลยให้พวกเด็กๆ มาวิ่งเล่นไม่ได้ เพราะมันอันตราย
“ปาล์ม ดูสิๆ จับปลาได้ด้วย ฮ่าๆ”
ผมมองเบ๊บที่เอามือเปล่าไล่จับปลาเล่นมาตั้งแต่เช้า แต่พอจับได้สักพักก็ลื่นหลุดมือไปตลอด เจ้าตัวดูจะสนุกสนาน หัวเราะตลอด ไม่ได้คิดจะจับปลาจริงๆ แค่เหมือนเล่นมากกว่า ส่วนผมกำลังนั่งตกปลาอยู่ ที่นี่แทบไม่มีอะไรเลย ในบ้านไม่มีทีวี ไม่มีคอมพิวเตอร์ แม้จะมีโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าที่ผมใช้มาหลายปีอยู่ แต่ก็เล่นอะไรไม่ค่อยได้หรอก มีไว้ทำงานเฉยๆ สมาร์ทโฟนที่ผมใช้ก็พอเล่นเนตได้ แต่ผมไม่ค่อยชอบใช้เท่าไหร่ อยู่แบบสงบๆ ที่นี่ดีแล้ว
“ถามจริง มึงไม่เบื่อเหรอวะ มาอยู่กับกูแบบนี้” ผมตะโกนถามเบ๊บ ที่ยังสนุกสนานกับการเล่นน้ำในลำธาร เอานิ้วแกว่งๆ แกล้งปลา อย่างกับเจ้าโปเต้ นอกจากตัวจะเล็กแล้ว นิสัยมันยังเหมือนเด็กไม่รู้จักโตอีก
เบ๊บเงยหน้ามามองผม พลางส่ายหน้า “อยู่กับปาล์ม จะเบื่อได้ไง”
“ถ้าอยากกลับบ้านก็บอกแล้วกัน จะได้พาไปส่ง” ผมลุกขึ้น เก็บคันเบ็ด จริงๆ ก็แค่ไม่มีอะไรทำ เลยนั่งหย่อนเบ็ดไว้เฉยๆ ปลาพวกนี้ตัวเล็กนิดเดียว แค่เอากระชอนช้อนขึ้นมาก็ได้แล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยยืมรถไปหาที่ตกปลาแถวแม่น้ำใหญ่ๆ ดีกว่า
“ไม่กลับหรอก จะอยู่กับปาล์มจนเปิดเทอมเลย” ไอ้ตัวเล็กวิ่งมากอดแขนผม ช้อนสายตาขึ้นมองอย่างน่ารักน่าชัง ดวงตานี่กลมใสเป็นประกาย พักนี้ยิ่งอยู่ด้วยกัน ผมก็ยิ่งใจสั่นแปลกๆ แถมเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ผมก้มหน้าลง หอมแก้มมันเบาๆ ทำเอาเบ๊บเขินจัดจนหูแดง ป่านนี้มันยังจะเขินกับอะไรแบบนี้อีกเหรอวะ ได้กันมาไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว
“ไม่เบื่อก็ดีแล้ว” ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยิ้มกว้างกว่าทุกที ดีใจที่มีมันอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ถ้าผมต้องอยู่คนเดียว คงฟุ้งซ่านนานแล้ว
“มีหนูเบ๊บมาอยู่ด้วย แม่ก็หมดห่วง ช่วยดูแล อยู่เป็นเพื่อนปาล์มด้วยนะจ๊ะ หนูเบ๊บ” แม่เองก็ฝากฝังผมไว้กับมันเสร็จสรรพ
“ให้อยู่ด้วยตลอดไปยังได้เลยฮะ คุณแม่” ไอ้เบ๊บก็ช่างฉอเลาะ มันอ้อนเอาใจแม่ทุกวัน ได้ขนมมากินตลอด คงเพราะมันเองก็อยู่กับแม่สองคน แม้แม่ของมันจะไม่ค่อยมีเวลาให้ก็ตาม ผมเห็นมันโทรคุยกับแม่บ้างบางวัน คงคิดถึงแหละ
พวกเรามานั่งเล่นที่ริมน้ำในช่วงสี่โมงเย็น หลังจากพวกเด็กๆ กลับมาจากโรงเรียนประถม โปเต้มันค่อนข้างชอบเบ๊บ ชวนเล่นด้วยตลอด แต่ปันมันโตจะเข้าช่วงวัยรุ่นแล้ว เริ่มดูเป็นผู้ใหญ่ คล้ายๆ ผมสมัยก่อนนั่นแหละ ปันเรียนเก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง ไม่เหมือนผมที่ทำได้แค่เรียนอย่างเดียว เพราะแค่นั้นก็แทบไม่มีเวลาให้อย่างอื่นแล้ว
ผมโดนบังคับให้ต้องทำเกรดให้ดี วันๆ มีแต่เรื่องเรียน พอถึงจุดหนึ่งที่ผมไม่ไหวแล้ว มันก็เลยเละ แต่แล้วผมก็กลับมาตั้งใจเรียนได้อีกครั้ง มันอาจจะเหมือนผมกำลังหนีจากบางสิ่ง ซึ่งมันก็ใช่แหละ ผมกำลังหนี
“พี่เบ๊บ ไปต่อไอ้นั่นกัน” เจ้าตัวจิ๋ววิ่งมาดึงแขนของไอ้ตัวเล็ก จะให้ไปเล่นตัวต่อไซส์ยักษ์กลางสนามหญ้าด้วยกัน มันเป็นตัวต่อโฟม ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรมาก แต่เบ๊บมันเรียนวิศวะไง เลยถนัดของเล่นพวกนี้ ชอบสร้างไอ้นั่นไอ้นี่ให้น้องเล่น เจ้าโปเต้ก็ชอบใหญ่ บางทีก็ชวนกันสร้างปราสาททรายในสนามทรายเล็กๆ ตอนที่ปู่จะให้เราย้ายมา ก็สร้างสนามเด็กเล่นพร้อมในบ้าน ปู่คงเหงาเหมือนกัน อยากให้ลูกหลานมาอยู่ด้วย
ผมเองก็เข้าใจพ่อนะ แต่เพิ่งมาเข้าใจตอนย้ายมาอยู่ที่นี่แหละ พ่อเองก็เคยโดนปู่เลี้ยงดูมาแบบเดียวกับที่เขาเลี้ยงผม กดดัน บีบบังคับ เพราะพ่อเป็นลูกคนเดียว ส่วนผมก็เป็นลูกคนโต
“หนูเบ๊บน่ารักดีนะ” จู่ๆ แม่ก็พูดขึ้น พร้อมหันมายิ้มแปลกๆ ให้ผม พลางยื่นมือมาจับแขนของผมไว้
“ตอนแรกที่ปาล์มต้องไปอยู่ไกลบ้าน แม่เป็นห่วงมาก กลัวว่าจะไปคบเพื่อนไม่ดีอีก แต่เห็นหนูเบ๊บแล้วก็วางใจ”
เหอๆ แม่เข้าใจผิดแล้วล่ะครับ ไอ้เบ๊บมันทำลูกแม่ใจแตกหนักกว่าเดิมอีกมั้ง แต่เป็นแตกแบบอื่นอ่ะนะ
“ถ้าปาล์มกับหนูเบ๊บจะชอบพอกัน แม่ก็โอเคนะลูก”
“พูดบ้าๆ น่ะแม่” ทำไมร้อนๆ ขึ้นมาวะเนี่ย
“ไม่ต้องเขินหรอกน่า ดูก็รู้แล้ว นี่แม่นะปาล์ม ทำไมจะดูลูกๆ ไม่ออก ติดก็แค่พ่อเรานั่นแหละ” แม่ถอนหายใจเบาๆ ตอนที่พ่อจะตัดพ่อลูกกับผมเพราะเรื่องนั้น แม่ก็ช่วยขอร้องให้ จนโดนลากตัวมาอยู่ที่นี่ ต้องใช้ชีวิตแยกจากทุกคน เพราะพ่อคงไม่อยากเห็นหน้าผม พอๆ กับที่ผมไม่อยากเห็นเขานั่นแหละ
“ช่างเหอะแม่ แล้วผมกับเบ๊บก็ไม่ได้ชอบกันด้วย แค่เพื่อน” ตัวผมน่ะ ยังไม่แน่ใจหรอก แต่เบ๊บเองก็ไม่เห็นจะบอกว่าชอบผมสักคำ มันก็แค่เหงา เราต่างคนต่างก็เหงาและไม่มีใคร ก็แค่นั้นเอง
พลันผมก็นึกขึ้นได้ “เออ แม่ พรุ่งนี้ผมขอยืมรถหน่อยได้มั้ย จะพาเบ๊บไปตกปลาที่บึง”
“ได้สิ เดี๋ยวแม่บอกลุงคำไว้ให้ เอากะบะไปใช่มั้ย จะได้ขนของได้”
“ครับ ขอบคุณครับ”
***
เช้าวันต่อมา ผมปลุกตั้งแต่ตี 5 เพราะต้องพาไปตกปลาเช้าๆ ก่อนที่แดดจะแรง แม้ช่วงเช้ากับกลางคืนอากาศจะเย็นสบาย แต่ตอนกลางวันก็มีแดดร้อนปกติ แถมยังร้อนมากด้วย
“ใส่เสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวด้วย” ผมไล่ให้มันไปเปลี่ยนชุด เพราะเบ๊บเล่นใส่เสื้อยืดบางๆ กับกางเกงขาสั้นเลยเข่าขึ้นไปอีก
“แต่มันร้อนนะ” มันเถียง อยู่บ้านกับผมสองคน มันก็แต่งประมาณนี้แหละ เสื้อกล้ามบางๆ กางเกงขาสั้น แต่ออกไปข้างนอกมันมีแดด ไม่ใช่แค่ร้อนเฉยๆ
“อยากโดดแดดจนผิวเสียก็ตามใจ” ผมว่า ถึงจะเอาร่มคันใหญ่ไปด้วย แต่ยังไงแดดก็แรงมากอยู่ดี เบ๊บมันเลยเบะปาก แต่ก็ยอมสวมเสื้อกัน UV คลุมอีกตัว กับเปลี่ยนไปใส่กางเกงวอร์มขายาว ปกติมันใส่แต่กางเกงขาสั้น อย่างมากก็ขาสามส่วน เห็นใส่ขายาวแค่ชุดนักศึกษานั่นแหละ
“ช่วยถือนี่ด้วย” ผมส่งแค่เบ็ดตกปลาให้มัน ส่วนเก้าอี้ ร่ม และพวกเหยื่อกับถังน้ำ ผมถือไปเอง วันนี้ตกจริงจัง น่าจะได้ปลาตัวโตๆ ไว้ให้พี่แอ๊ดทำให้กิน ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ ก็ได้พี่แอ๊ดนี่แหละที่คอยดูแล เขามาหาผมเกือบทุกวัน คอยสอนผมทำงานบ้าน ทำอาหาร เพราะเมื่อก่อนผมไม่เคยต้องทำอะไรเอง แม้แรกๆ เขามาเพราะคำสั่งของพ่อ ที่ฝากให้มาดูแล แต่หลังๆ พี่แกก็มาเองตลอด เพราะเริ่มสนิทกันแล้ว เขาเหมือนเป็นพี่ชายและเพื่อนเพียงคนเดียวของผมตอนที่อยู่พิจิตร
พวกเราช่วยกันขนของไปขึ้นรถกะบะ ที่แม่ขอให้ลุงคำ คนสวนของปู่เตรียมไว้ให้ ส่วนคนขับก็คือผมเอง
“ปาล์มชอบตกปลาเหรอ” ระหว่างนั่งรถไป เบ๊บก็ถามขึ้น
“เปล่า”
“ทำไมเวลาถามว่าชอบอะไร ปาล์มเอาแต่ปฏิเสธเรื่อยเลยอ่ะ” น้ำเสียงของมันติดกระเง้ากระงอดเล็กๆ คงหงุดหงิดที่ผมไม่ค่อยจะยอมบอกว่าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร
“ก็ไม่ได้ชอบจริงๆ นี่” ผมขมวดคิ้ว
“เอางี้ ปาล์มชอบทำอะไรมั่ง ของกินที่ชอบ สีที่ชอบ อะไรก็ได้ที่ชอบน่ะ บอกที”
ผมทำหน้านึก “ไม่มี”
“ไม่มีเลยเหรอ”
“ไม่มีเลย”
เบ๊บทำหน้าเหมือนผิดหวัง ก็ผมไม่ค่อยมีอะไรที่คิดว่าชอบจริงๆ สักอย่าง อืม...ผมครุ่นคิดอีกที
“แต่พักนี้ กูชอบอยู่อย่างนึงนะ” ผมเคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถสองสามที ชั่งใจว่าควรพูดออกไปมั้ย เหลือบมองไปเห็นเบ๊บหันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็นสุดชีวิต ผมเลยยกมุมปากขึ้นนิดๆ อย่างพึงพอใจกับสีหน้าแบบนั้นของมัน
“อะไรๆ บอกมาสิ”
“กูคิดว่า...กูน่าจะชอบ...”
“เร็วดิ” มันเร่ง แต่ผมก็เบรครถเสียก่อน ไอ้เบ๊บหน้ามุ่ยทันที
“อ้าว ถึงพอดีเลยว่ะ ไว้ค่อยคุยต่อนะ”
***
เบ๊บมันแค่นั่งบนเก้าอี้พับได้ใต้ร่มที่กางและผูกติดกับสะพานไม้ไว้ คอยดูผมตกปลา ผ่านไปสองชั่วโมงได้ปลามาพอสมควร และแดดก็เริ่มแรงขึ้นแล้ว ผมเลยชวนมันกลับไปที่รถ
“ตกแค่นี้พอแล้วเหรอ”
“อืม” ผมตอบพลางยกถังน้ำที่ใส่ปลาขึ้นบนกะบะ ที่ที่ผมพามันมาเรียกว่า บึงสีไฟ เป็นแหล่งตกปลาชื่อดังของจังหวัด มีคนมาตกกันเยอะ เป็นเหมือนแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อด้วยกลายๆ มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกับชาละวันปูนปั้นพอสมควร หลายๆ คนคงรู้จักไอ้จรเข้ยักษ์นี่ดีใช่มั้ยครับ ที่อยู่ในตำนานไกรทอง และพิจิตรก็คือจังหวัดที่เป็นถิ่นของชาละวัน มีจรเข้เยอะ
พอเก็บของขึ้นรถเสร็จ ผมก็ขับรถพาเบ๊บไปในเมือง มันไม่ค่อยมีอะไรหรอก แค่แวะหาอะไรกินแล้วกลับ ผมเองก็มาอยู่ที่นี่แค่สองปี ก่อนจะต้องย้ายไปอยู่หอในมอ ไม่ค่อยรู้จักที่ทางเท่าไหร่ ไปไกลกว่าตัวเมืองคงไม่ไหว แต่ถ้าไอ้ตัวเล็กบ่นว่าเบื่อเมื่อไหร่ คงได้เวลาพึ่งพาอากู๋กับ GPS
กลับมาถึงบ้าน ผมก็น็อคปลาแล้วแช่แข็งไว้ก่อน กว่าพี่แอ๊ดจะมาก็เย็นๆ เพราะเขาไปทำงานที่ศาลากลาง ผมยังไม่ได้บอกสินะว่าพ่อทำงานอะไร เออ ช่างมันเหอะ ขี้เกียจพูดถึง
“ปาล์ม ยังไม่ได้ตอบเราเลย ว่าชอบอะไร” เอาปลาแช่เสร็จ ไอ้ตัวเล็กก็เข้ามากอดแขนถาม ดูท่าจะรอจังหวะนี้มานานแล้ว
“อยากรู้มากขนาดนั้นเชียว” ผมเลิกคิ้วมองหน้ามันกวนๆ ไอ้เบ๊บก็หน้ามุ่ยเชียว นานๆ ได้แกล้งเด็กที รู้สึกมีความสุขบอกไม่ถูกเลย ตั้งแต่มาอยู่บ้านผม มันก็ไม่เข้ามายั่วมายุ่มย่ามจนเกินไป มีแค่กอดบ้าง เกาะแขนบ้าง จูบกันบ้างนิดหน่อย และส่วนใหญ่ผมก็เป็นคนเริ่มจูบก่อน หรือผมจะหลงมันเข้าแล้วจริงๆ วะ?
อย่างตอนนี้ พอมองริมฝีปากสีชมพูอ่อนๆ นั่นแล้ว มันก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมาเลย
“ช่วงนี้ไม่หื่นเหรอ หรือมึงเบื่อกูแล้ว” แทนที่จะได้คำตอบ มันกลับโดนผมถามตรงๆ แทน ก็ผ่านมาจะสองอาทิตย์แล้ว ไม่เห็นมันทำอะไร ทีตอนอยู่หอ เข้ามาปล้ำผมตลอด
ไอ้เบ๊บถึงกับหน้าขึ้นสี “ไม่ได้เบื่อสักหน่อย ก็แค่...เกรงใจที่บ้านปาล์มอ่ะ”
ผมคลี่ยิ้มกับคำตอบ และพอมันเห็นผมยิ้มก็เหมือนจะเขินตัวแทบม้วน จู่ๆ ก็มาทำตัวไร้เดียงสาน่ารักอะไรป่านนี้ ผมใจกระตุกเล็กน้อย แล้วก็เหมือนมันจะเต้นแรงขึ้นนิดหน่อย
อยู่กันสองคนในบ้านเงียบๆ แบบนี้ บางทีบรรยากาศมันก็เป็นใจเกิน
ผมถอยไปนั่งที่โซฟา แล้วดึงข้อมือของเบ๊บให้ตามไปนั่งลงบนตัก มันไม่ขัดขืนใดๆ ขยับตัวนั่งคร่อมทับบนตักผมอย่างว่าง่าย เสียงหัวใจของมันดังอยู่ตรงหน้า ผมไม่เคยสังเกตเลยว่ามันใจเต้นแรงแค่ไหนเวลาอยู่กับผม เบ๊บกดริมฝีปากลงมา ผมจูบตอบพลางเลื่อนมือสอดไปใต้เสื้อยืดของมัน ผิวขาวๆ พอโดนแรงบีบนวดจากมือหนักๆ เข้าก็เป็นรอยแดงไปหมด ผมชอบบีบชอบขยำมันทั้งตัว โดยเฉพาะช่วงอก ที่มันครางรับเสียงหวานตลอด ลิ้นเราสอดพันกันอย่างรู้งาน เบ๊บมันจูบเก่ง น่าจะเคยมาเยอะ แต่ครั้งแรกที่ทำกัน ผมรู้ว่าเป็นครั้งแรกของมันแน่นอน ไม่แปลกที่มันจะรู้ดีไปหมด เพราะมันชอบนั่งดูหนังโป๊อยู่เรื่อย ตอนปฏิบัติจริงก็เก่งเชียวล่ะ แต่ก็มีบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งเราไม่ได้สนใจ คิดดูแล้วกัน ว่าทำจนสีเลือดจางไปกับน้ำของผมอ่ะ
“อ๊ะ ปาล์ม...” มันสะบัดหน้าออกทั้งที่ยังจูบกันค้างอยู่ เพราะผมกดปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางเล็กๆ ของมันอย่างไม่บอกกล่าว มันตัวสั่น กัดปากจนซีด เพราะไม่ได้ใช้เจลช่วยด้วย เลยฝืดและคงเจ็บไม่น้อย
“เอาเจลมามั้ย”
เบ๊บพยักหน้าหงึก ผมยอมถอนนิ้วออก ให้มันเดินไปหยิบเจลมา เบ๊บดึงกางเกงตัวเองลงตรงหน้าผม โครตยั่วเหมือนเดิม จากนั้นมันก็เทเจลลงบนมือตัวเอง ขยับขึ้นมาบนตัวผมใหม่อีกรอบ แล้วดันนิ้วตัวเองเข้าไปขยายช่องทางสีสดนั่น ริมฝีปากเล็กๆ น่าขยี้กำลังอ้าเผยอครางเสียงกระเส่า มืออีกข้างของมันกดอยู่บนไหล่ของผมเป็นหลักยึด ผมมองมันเล่นกับตัวเองพลางเลียริมฝีปาก ไม่ได้ทำมาเป็นเดือนได้แล้วมั้ง จริงๆ ผมก็ไม่ได้เป็นพวกบ้าเซ็กส์ แต่เห็นมันแล้วบางทีก็หมั่นเขี้ยว
ระหว่างนั้น ผมถกเสื้อของเบ๊บขึ้น สองมือเลื่อนลงกอบกุมบั้นท้ายอวบอิ่ม บีบขยำแรงๆ ปากก็ไล่งับเม้มตามลำตัว แผ่นอกบางและหัวนมสีชมพูเข้มของมัน เหมือนกินนมรสสตอเบอรี่เลยแฮะ เวลาเลียผมจะชอบจินตนาการถึงรสชาติของมันแบบนั้นทุกที
“อ๊ะ อ๊า” มันครางลั่น เมื่อผมก้มลงแตะปลายลิ้นบนยอดส่วนอ่อนไหวที่กำลังแข็งเกร็งและสั่นระริก ตรงนี้ของมันก็เป็นสีชมพูเข้มจัดดูน่ารักไม่หยอก ผมเคยเห็นของเพื่อนคนอื่นมาก็เยอะ คือ เห็นเพราะเวลาดูหนังโป๊เป็นหมู่คณะ ก็จะเอาออกมาชักกันตามปกติวิสัย แล้วก็มีบางทีที่แก้ผ้าเล่นน้ำกันตามประสาเด็กบ้านนอก ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดอารมณ์กับผู้ชายคนไหนได้ เพราะมันชินสายตามาก จนมาเจอไอ้ตัวเล็กนี่แหละ
ผมใช้มือชักรูดของมันรัวๆ ขาของมันสั่นจนแทบทรุด ถึงกับต้องเลิกขยายช่องทางชั่วคราว แล้วกอดคอผมไว้แทน พอมันเอามือออก ผมก็แทนที่ด้วยนิ้วของตัวเอง สามนิ้วทีเดียวก็ยังไหว เพราะมันขยายไปเยอะแล้ว ช่องทางเล็กๆ นั่นตอดรัดถี่รัว ผมดันนิ้วจนสุดข้อแล้วงอเข้าคว้านควงภายใน เสียงเหนอะหนะเฉอะแฉะของเจลหล่อลื่นดังปนมากับเสียงคราง ผมรู้ว่ามันชอบให้กระแทกตรงไหนแรงๆ จำได้ทุกจุดที่สัมผัสแล้วมันจะกรีดร้องราวกับจะขาดใจ
“อ๊า ปาล์ม อยาก...อยากได้ของปาล์มแล้ว” มันลูบเป้ากางเกงผมเบาๆ ลูกชายของผมแข็งรอมานานแล้ว เบ๊บค่อยๆ ปลดกางเกงยีนส์ของผมออก จับรูดให้นิดหน่อย รอผมถอนนิ้วออก แล้วมันก็ดันสะโพกลงทันที ท่านี้ลึกใช้ได้เลย ร่างกายของเราเชื่อมต่อกันแนบสนิท เบ๊บกอดคอผม ซบหน้ากับบ่าแล้วเริ่มขยับสะโพกเอง ครั้งแรกมันยังทำได้ไม่ค่อยถนัด แต่เดี๋ยวนี้ทำท่านี้บ่อยจนส่ายสะโพกได้เร้าอารมณ์สุดๆ แล้ว และอย่าถามหาถุงยาง ไม่เคยใช้มาตั้งแต่แรก ก็ไม่ใช่มันต่อไปนั่นแหละ
ผมมองหน้าเบ๊บที่ดูสุขสม แล้วหัวใจมันก็พองฟูขึ้นมา มันน่ารัก น่าฟัด ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล ใช่ ผมอาจจะหลงใหลในร่างกายและรสชาติเซ็กส์ที่มันหยิบยื่นให้ ผมไม่ปฏิเสธเรื่องนั้น
แต่การที่มีเบ๊บอยู่ แล้วผมรู้สึกดี แค่นั้นก็คงพอให้ผม...
“อยากฟังคำตอบมั้ย” ผมเอ่ยถาม ในจังหวะที่พลิกเปลี่ยนท่า ให้มันลงนอนกับโซฟาแล้วผมคร่อมทับไว้แทน เบ๊บคงจะตอบได้ยากหน่อย เพราะโดนผมสวนเอวกระแทกอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็พยายามพยักหน้า
ผมลูบแก้มแดงก่ำของมันเบาๆ ก้มลงงับใบหูพาให้มันสั่นสะท้าน จุดอ่อนของเบ๊บอยู่ที่หู
ใครจะไปคิดล่ะ ว่าแค่คำพูดประโยคเดียวสั้นๆ ของผม จะทำให้เบ๊บถึงกับตัวกระตุกเกร็ง แล้วก็เสร็จอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ทันได้แตะต้องส่วนหน้าเลย
เบ๊บหลับหลังจากที่เสร็จไปรอบที่ 3 ทำไมอึดน้อยลง สงสัยมันจะเครียดเพราะอยู่ต่างถิ่น แล้วก็เกรงใจที่บ้านของผมจริงๆ อย่างว่า ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างไอ้เบ๊บ จะอายเป็น คิดแล้วก็น่ารักดี
ผมจัดการทำความสะอาดให้มันแล้วก็สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เหลืออีกเกือบครึ่งชั่วโมง กว่าพี่แอ๊ดจะมา ผมอุ้มเบ๊บไปนอนบนเตียงในห้อง แล้วพอเดินกลับออกมา ก็ต้องชะงัก กับเสียงทุ้มต่ำแฝงความกดดันที่ดังมาจากหน้าประตูบ้าน
“กลับมาไม่คิดจะไปทักทายกันเลยหรือไง เจ้าปาล์ม”
“พ่อ...”
***
คุมพ่องมาแล้ววววว