พิมพ์หน้านี้ - เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน19 [13.11.20] up!

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: Lambosasha ที่ 22-10-2020 17:47:38

หัวข้อ: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน19 [13.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 22-10-2020 17:47:38
 :hao4:ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roomate) R18+
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 22-10-2020 17:51:14
ครั้งแรกมั้ย ไม่รู้ แต่พยายามแต่งแนวนี้ทีไรไม่เคยจะ 18+ ได้เต็มที่เลยสักครั้ง เลยลองอีกที ถ้าไม่โอเคบอกนะ จะมีคนอ่านมั้ยนี่ 55


เปิดเบาๆ ก่อน

...



รูมเมทผมแม่งโครตเหี้ย

เหี้ยยังไงน่ะเหรอ


“อ๊า”

พรวด!


ผมปาดเช็ดคราบสีขาวขุ่นที่พุ่งใส่หน้า

แม่งเปียกบนสมุดโน๊ตด้วย

ไม่ต้องสงสัยว่ามันคืออะไรครับ

ก็ไอ้รูมเมทเหี้ยของผม

แม่งยืนชักว่าวน้ำแตกใส่หน้าผมอยู่เนี่ย!

หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roomate) R18+ Intro
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 22-10-2020 17:52:23
Intro
ใครเคยมีรูมเมทเหี้ยๆ มั่งมั้ยครับ คือ ขอโทษที่ผมต้องหยาบคาย เพราะไอ้เมทคนนี้ของผมแม่ง โครตเหี้ย แถมจัญไร จนสุดจะหาคำด่าไหนมาปรนเปรอมันได้

แรกๆ มันก็เป็นคนปกตินี่แหละครับ ครั้งแรกที่เจอหน้ากันในหอพัก ผมกับมันก็แค่ทักทายกันธรรมดา ผมเรียนอักษร ซึ่งเป็นคณะที่ผู้ชายน้อยที่สุดในมหาวิทยาลัยก็ว่าได้ สัดส่วนแบบ 3/10 เพราะงั้น ตอนอยู่หอก็ไม่ค่อยจะได้อยู่กับเพื่อนร่วมคณะหรอก บางคนก็อยู่หอนอกบ้าง ไปกลับบ้าง แล้วผู้ชายคณะผมคือขึ้นชื่อเรื่องสาวแตก ไม่ค่อยมาอยู่รวมกับชายฉกรรจ์หอในกันเท่าไหร่ แต่พอดีผมไม่ได้เป็นพวกเก้งกวาง แถมบ้านก็อยู่ต่างจังหวัดไกลมาก เลยเลือกอยู่หอใน เพื่อจะได้ประหยัดเงิน

วันแรกที่ย้ายเข้าหอ ยังเป็นช่วงปิดเทอมอยู่ เขาให้ย้ายเข้ามาก่อนเปิดเรียน 1 อาทิตย์ เพื่อจะได้เตรียมตัวเตรียมใจ ผมรู้ว่าการเรียนในระดับมหาวิทยาลัยมันจะต่างกับตอนมัธยม ก็คงต้องค่อยๆ ปรับตัวไป ปี 1 ยังต้องเรียนวิชาบังคับไปก่อน กว่าจะได้เลือกเอกโทก็ปี 2 นู่น ผมตั้งใจว่าจะเข้าเอกญี่ปุ่น ส่วนวิชาโทไว้ค่อยเลือกทีหลัง ต้องลองเรียนให้ครบทุกรายวิชาก่อน

วันที่สองของการอยู่หอใน ก็ยังไม่มีอะไรผิดแปลกครับ เมทของผมดูเป็นคนเงียบๆ มั้งนะ เห็นมันนอนอ่านการ์ตูนบนเตียงตลอด บางทีก็ดูหนังดูอะไรของมันในโน๊ตบุ๊คไป ผมเองก็ว่าง นั่งเล่นเกมในสมาร์ทโฟนบ้าง อ่านเวบบอร์ดเกี่ยวกับเกมบ้าง บางทีก็อุดหูฟังเพลง

“เบ๊บ ไปกินข้าวกันป่าว” ผมลุกขึ้นถามมัน เพราะเห็นว่าจะบ่ายโมงแล้ว ยังไม่ได้กินข้าวกลางวันกันทั้งคู่ ไหนๆ ก็ต้องอยู่ด้วยกันเป็นปี ผมก็อยากจะผูกมิตรไว้ให้มากที่สุดครับ เลยชวนมันไปกินข้าวด้วย

ไอ้เบ๊บ ชื่อมันน่ารักเนอะ มันบอกว่ามาจากคำว่าเบบี๋อะไรแบบนั้น มันลดหนังสือการ์ตูนลงปิดช่วงปากตัวเอง แล้วเหลือบตาขึ้นมองผม เพราะมันนอนอยู่ และผมก็ยืนค้ำหัวมันอยู่

“เที่ยงแล้วเหรอ”

“จะบ่ายแล้วเหอะ” ผมว่า ก่อนที่มันจะลุกขึ้นนั่ง บิดขี้เกียจไปมา ผมเดินไปหยิบกระเป๋าสตางค์และเปิดประตู เบ๊บที่ลุกมาแล้วก็เดินเบียดแทรกตัวผมออกไปก่อนเฉย ผมก็งงๆ เหมือนตัวเองเปิดประตูให้มัน แต่ก็ช่างเหอะ

ผมปิดประตูล็อคกลอนเรียบร้อย ไอ้เบ๊บเดินนำไปแล้ว ผมรีบเดินตามไป ขาผมยาวกว่า เพราะผมสูงกว่ามัน ยังไงก็เดินทันมันอยู่แล้ว ไอ้เบ๊บมันเป็นผู้ชายตัวเล็ก สูงประมาณ 160 กว่าๆ น่าจะได้ ส่วนผม 177 ผมก็ไม่ได้ตัวใหญ่อะไรนะ แต่เบ๊บมันผอมมาก แขนขาเล็กอย่างกับผู้หญิง

“เดี๋ยวกูจองที่ ฝากซื้อข้าวกะเพราหมูสับกับน้ำเปล่าขวดนึง” มาถึงโรงอาหารหน้าหอ มันก็เตรียมนั่งทันที ใช้งานผมเสร็จสรรพ ผมก็เออออไป แบบยัง งงๆ มึนๆ นะ แต่ก็เอาเหอะ แบ่งหน้าที่กันแล้วก็ตามนั้น

ผมเดินไปสั่งข้าวก่อน แล้วก็ซื้อน้ำมาวางที่โต๊ะ ไอ้เบ๊บก็รับขวดน้ำไปจะเปิด แต่เปิดไม่ออกไง ก็ดูแขนมันดิ มือมันก็เล็กนิดเดียว สุดท้ายมันก็ทำหน้ามุ่ย ยื่นขวดน้ำมาให้ผม

“อะไร” ผมเหล่มองมัน เห็นหรอกว่ายื่นขวดน้ำมาให้เปิด แต่คือ มันยังไงๆ อยู่ป่ะวะ

“เปิดให้หน่อย”

“อ่า” โอเคครับ เปิดก็เปิด คิดซะว่าเป็นน้องนุ่งแล้วกันวะ ดูแลคุณเบ๊บมันหน่อย หน้าตาบ๊องแบ๊วซะขนาดนี้

พอป้าร้านข้าวตะโกนเรียก ผมก็ต้องเป็นคนเดินไปหยิบจานมาวางให้มัน นี่เพิ่งเจอกันวันสองวันเองนะ ทำไมผมรู้สึกเหมือนโดนรูมเมทกดขี่แปลกๆ หรือมันจะเป็นพวกนิสัยเสีย ชอบวางอำนาจใส่คนอื่น ถ้าเป็นอย่างนั้นก็แย่แน่ ผมไม่ควรจะยอมมันมากไป ไม่อย่างนั้นมันจะคิดว่าผมเป็นเบ๊

“ไปสำรวจมอกันมั้ย” ระหว่างกินข้าว เบ๊บก็ถามผมแบบนั้น ผมเงยหน้ามองมัน หน้ามันก็นิ่งๆ จ้องผมอยู่

“อยู่ว่างๆ เบื่ออ่ะ”

“ก็ได้นะ มึงมีรถป่ะล่ะ” ส่วนผมเอามอเตอร์ไซค์มา เด็กต่างจังหวัดส่วนมากก็ขี่มอเตอร์ไซค์ ขับรถได้ทั้งนั้นแหละครับ มันไม่ค่อยมีรถสาธารณะให้ใช้

“ไม่มีอ่ะ” มันตอบ ชวนทั้งที่ตัวเองไม่มีรถเนี่ยนะ ผมอมยิ้มขำ ไอ้เบ๊บก็มองหน้าผมใหญ่

“กูมีมอไซค์ มึงขี่เป็นมั้ยล่ะ” ผมถาม มันส่ายหน้า เอากะแม่งสิ ชวนแบบไม่มีห่าไรเลยนี่หว่า

พอกินข้าวเสร็จ ผมก็พามันไปที่มอเตอร์ไซค์ของผม ไม่ใช่ของไฮโซอะไร ฮอนด้าธรรมดาๆ นี่แหละ สีขาวแดง พ่อลงทุนซื้อให้ใหม่ตอนสอบเข้าได้ คันเก่าผมสภาพมันเหมือนเศษเหล็กไปแล้ว

ผมสตาร์ทรถรอ ไอ้เบ๊บก็ค่อยๆ ปีนขึ้นมาคร่อมเบาะหลังแบบเก้ๆ กังๆ มือข้างหนึ่งเกาะไหล่ผม คือเบาะรถผมไม่ได้แคบนะ แต่มันก็เบียดซะชิด

“เขยิบไปหน่อยก็ได้ กูจะตกรถอยู่แล้ว” ผมเอี้ยวตัวไปว่ามัน มันก็ยอมเขยิบขึ้นนิดหน่อย

“กลัวตกอ่ะ”

“กูไม่ทำมึงตกไปหรอกน่า เกาะไว้แน่นๆ ดิ” ท่าทางคุณชายจัดนะมึง ไม่เคยนั่งมอเตอร์ไซค์หรือไงวะ ผมคิดพลางส่ายหน้า พลันต้องสะดุ้ง เพราะไอ้เบ๊บมันโอบแขนมากอดตัวผมไว้ คือ ที่บอกให้เกาะแน่นๆ กูหมายถึงเกาะรถครับ ท้ายเบาะมันมีที่ให้จับ

“มันอึดอัด มึงเกาะรถสิวะ”

“ก็กลัวตกอ่ะ”

เอ้าไอ้เหี้ยนี่ แล้วมึงจะชวนกูสำรวจมอทำห่าไร เอาแต่บอกว่ากลัวตกๆ แต่ก็ช่างเหอะว่ะ ขี้เกียจเถียงกับแม่งละ

“เออๆ อย่ารัดแน่นมาก กูขี่ไม่ถนัด” ผมบอก มันก็คลายแรงออกนิดหน่อย แต่ยังกอดอยู่บนช่วงอกของผม ยังดีที่มันกำมือไว้ ถ้าแบมือนี่คงเป็นภาพประหลาดตาฉิบหาย

แล้วผมก็ขับรถไปเรื่อยๆ รอบมหาวิทยาลัย ขับแบบช้าหน่อย ไม่งั้นคงไม่ทันได้ชมวิว บรรยากาศดีอยู่ครับ มีสวนเยอะตามคณะต่างๆ สวนกลางใหญ่สุด มีบ่อน้ำกว้างมาก มีสะพานให้เดินข้าม ติดไฟระโยงระยาง ตอนกลางคืนน่าจะสวยดี เบ๊บมันก็ท่าทางชอบมาก ชี้ให้ดูตรงนั้นตรงนี้ตลอด มันดูเป็นคนช่างสังเกตอยู่นะ สมกับที่เรียนสายวิทย์มา อ้อ มันอยู่คณะวิศวกรรมครับ ดูแล้วไม่น่ามีแรงเรียนอ่ะบอกเลย

“ปาล์ม จอดๆๆ” จู่ๆ มันก็ตะโกนสั่ง ผมก็ค่อยๆ ชะลอรถ จอดเข้าข้างทาง แล้วเอี้ยวตัวหันไปมองมัน

“อะไรวะ”

“ไปนั่งเล่นตรงนั้นกัน” มันชี้ไปที่สนามเด็กเล่นของคณะศึกษาศาสตร์ โซนนั้นมันมีโรงเรียนอนุบาลกับประถม ที่ไว้ให้ฝึกสอน เป็นโรงเรียนสาธิตเล็กๆ มีเด็กๆ วิ่งเล่นกันอยู่หลายคน เพราะเลิกเรียนแล้ว

เบ๊บเดินตรงไปนั่งที่ม้าหินข้างสนามเด็กเล่น ผมจอดรถหลบให้เข้าที่ก่อนแล้วค่อยเดินตามไปนั่งข้างๆ มัน มองดูพวกเด็กๆ วิ่งเล่นกันสนุกสนาน ส่งเสียงดังเจี๊ยวจ๊าว

“ปาล์ม” มันเรียก ผมเลิกคิ้ว แต่ไม่ได้หันไปมอง

“ชอบเด็กมั้ย”

“ไม่ว่ะ”

“อ้าว ทำไมอ่ะ” มันเขยิบเข้ามานั่งชิดผม จนแขนชนกัน เหมือนปลายนิ้วของมันจะโดนมือผมนิดๆ ด้วย

“กูมีน้องอีกสองคนไง โครตรำคาญ ไอ้ตัวเล็ก 6 ขวบละ ซนฉิบหาย ตอนเด็กๆ ก็ต้องช่วยแม่เลี้ยง เบื่อโครต อนาคตกูจะไม่มีลูกเด็ดขาด ไม่อยากเลี้ยงเด็กแล้ว” ผมบ่นยาว เข้าใจอารมณ์พี่คนโตมั้ยครับ เหมือนเกิดมาก็ต้องแบกรับภาระ ช่วยแม่เลี้ยงน้อง วุ่นวายสุดๆ อยากจะไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนก็ไม่ค่อยได้ไป เพราะมีตัวมารมันเกาะแจ ผมถึงเลือกเรียนไกลๆ บ้าน จะได้ใช้ชีวิตของตัวเองแบบสงบๆ สักที

“งั้นก็ไม่อยากมีแฟนเหรอ”

ผมกลอกตาไปมา “มีแฟนเกี่ยวไรกับมีลูกวะ”

“ก็มีแฟนแล้วก็ต้องแต่งงาน แล้วก็มีลูกไง”

“ไม่จำเป็นนี่ ก็แค่หาคนที่ไม่ได้อยากมีลูกเหมือนกันก็ได้ ผู้หญิงสมัยนี้ไม่อยากท้องเยอะแยะไป” ผมว่าพลางลุกขึ้น มองหน้าไอ้เบ๊บที่เหมือนจะอมยิ้มนิดๆ

“ไปไหนต่อป่าว ออกนอกมอมั้ย ไปหาข้าวเย็นกินข้างนอกเลย”

คราวนี้เบ๊บยิ้มกว้างเต็มหน้า
“อื้อ ไปดิ”
***
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roomate) R18+ Intro
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 22-10-2020 19:07:59
1
นั่นแหละครับ มันดีแค่ช่วงแรกๆ ที่รู้จักเท่านั้น แม้บางอย่างที่มันทำจะแปลกๆ ไปหน่อย แต่คงไม่เหี้ยเท่าที่ผมเจอหลังจากนี้

ก่อนเปิดเทอม 1 วัน ผมเตรียมจัดกระเป๋า หาสมุดไว้จดโน๊ตสองสามเล่ม อุปกรณ์เครื่องเขียนพร้อม หนังสือเรียนหรือชีทเรียนยังไม่มี ต้องไปเช็คที่ตึกเรียนอีกที รออาจารย์บอกในชั่วโมงเรียนด้วย

เตรียมของเสร็จ ก็เห็นไอ้เบ๊บหลับอยู่บนเตียงมัน ผมเลยกะจะลงไปซื้อข้าวขึ้นมากินข้างบน เผื่อมันด้วย เพราะถึงไปที่โรงอาหาร ผมก็ต้องบริการมันอยู่ดี แค่ไม่กี่วันผมก็จะเป็นเบ๊แม่งจริงๆ แล้ว ปฏิเสธไม่เก่ง ยอมได้ก็ยอมๆ ไป มันเองก็ไม่ได้ขู่เข็ญให้ผมทำ กลายเป็นผมนี่แหละที่ทำตามมันบอกจนเริ่มชิน

ผมเดินไปโรงอาหารหน้าหอ มันไม่ไกลมาก เลยไม่ถึงกับต้องขี่รถไป ช่วงนี้เริ่มรู้จักเพื่อนในหอเดียวกันบ้างแล้ว ส่วนมากเป็นเด็กคณะวิศวะกับวิทยาศาสตร์

“ไอ้เบ๊บไม่ลงเหรอ” เพราะทุกทีผมกับเบ๊บจะมาด้วยกันตลอด พอเจอหน้าผม เพื่อนคนอื่นก็ถามหามันด้วย

“หลับ กูขี้เกียจปลุก” ผมว่าพลางนั่งลง รอข้าวที่สั่ง

เพื่อนคนนี้อยู่คณะวิทยา ชื่อ แก๊บ นั่งอยู่กับเพื่อนคณะมันอีกสามสี่คน ผมยังจำชื่อไม่หมด จำได้แค่ไอ้แก๊บกับคนใส่แว่นเนิร์ดๆ ที่ชื่อวิทย์ ชื่อสมกับคณะแม่งจริงๆ

“พรุ่งนี้เปิดเทอมแล้วว่ะ กูยังรู้สึกขี้เกียจอยู่เลย”

“จริง เห็นว่ามีกิจกรรมให้ทำด้วย แล้วแต่ใครจะเข้าก็ได้ พวกมึงจะเข้ามั้ยวะ”

“ก็น่านะ คือแบบ มันก็ว่างอยู่แล้วป่ะวะ อยู่หอในเงียบเหงาจะตายห่า”

“แต่กูอยากนอนมากกว่า”

“ก็เรื่องของมึง”

ผมนั่งฟังพวกมันคุยกัน ปีนี้เห็นว่ากิจกรรมต่างๆ ที่พวกรุ่นพี่จัด จะให้เราเข้าร่วมตามความสมัครใจ ส่วนมากพวกอยู่หอในก็คงเข้าร่วม เพราะไม่มีอะไรทำเป็นพิเศษอยู่แล้ว ไว้เรียนหนักเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน แต่ยังไงพวกแข่งกีฬาหรือเชียร์ คงต้องช่วยๆ กันลงไปให้ครบ ดีที่คณะผมไม่ค่อยเน้นกีฬา ผู้ชายก็น้อยจนตั้งทีมฟุตบอลยังไม่ได้เลยมั้ง

“คณะมึงผู้หญิงเยอะนี่ไอ้ปาล์ม” ไอ้วิทย์หันมาทางผม

“ก็เยอะแหละ” ผมท้าวคางตอบ ตอนเย็นคนเยอะ เลยรอข้าวนาน นั่งคุยเล่นกับพวกมันไปฆ่าเวลา

“มีเพื่อนสวยๆ ก็แนะนำมั่งนะเว้ย”

ผมเลิกคิ้วข้างหนึ่ง “ถ้าเจอสวยๆ กูเก็บไว้แดกเองดีกว่าป่ะ”

“โหยย ไอ้หมานี่ แม่ง” วิทย์ส่ายหน้าขำๆ จากนั้นบทสนทนาก็เปลี่ยนเป็นเรื่องสาวๆ โต๊ะถัดไปสองโต๊ะหน้า ที่หน้าตาดีทั้งกลุ่ม ใส่กางเกงขาสั้นเห็นขาอ่อนขาวๆ ทั้งโต๊ะ จะว่าผมลามกก็ได้ แต่มันมีอะไรที่ควรมอง มันก็ต้องมองว่ะครับ

“คณะมึงป่าววะไอ้ปาล์ม จีบดิ” ไอ้แก๊บเอาศอกมาสะกิดผมยิกๆ คือยังไม่เปิดเรียนเลยไม่รู้จัก แล้วถ้าไม่ใช่คณะเดียวกันก็แหกอ่ะครับ จะให้ทักยังไง

“ลองไปคุยๆ ดิวะ แนะนำเพื่อนด้วย” เร่งกันใหญ่ แล้วทำไมต้องเป็นกูวะเนี่ย

ผมเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะฝากพวกมันไปเอาข้าวถ้าป้าเรียก แล้วลุกเดินไปที่โต๊ะสาวๆ ทั้ง 5 คนนั้น พวกเธอก็ยิ้มอย่างเฟรนลี่เลยครับ เพราะเด็กปี 1 เหมือนกันหมด อยากมีเพื่อนใหม่ๆ กันอยู่แล้ว

“อ้าว คณะเดียวกันเหรอเนี่ย นี่ผู้ชายหนึ่งในร้อยของคณะเราเลยสินะ” มายมิ้น สาวหวานที่ใส่เสื้อแขนพองๆ สีชมพูอ่อนทำท่าทางตกใจได้อย่างน่ารักน่าชังมาก ตาโต ผมยาว หน้าคมสวย ผิวก็ขาวจั๊วะเลย คนนี้สเปคผมแล้วแหละ ขอเก็บไว้เองแล้วกัน

“หนึ่งในร้อยเลยเหรอ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะอย่างสุภาพสุดๆ แบบเก๊กจนหน้าเกร็ง

“เออ เรามีเพื่อนคณะวิดยาด้วยนะ เดี๋ยวแนะนำให้รู้จัก” แล้วผมก็กวักมือเรียกไอ้พวกนั้นมาแนะนำตัวกับสาวๆ นั่งรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่คุยกันสนุกสนานเฮฮา พวกมันเห็นผมเลือกนั่งข้างๆ มายมิ้น ก็รู้แล้วว่าคนนี้ผมจอง มีส่งสายตาแซวมาด้วย มายมิ้นที่ดูเหมือนจะรู้ตัวก็เขินอาย แก้มแดงเชียว

หลังจากคุยกับพวกสาวๆ เสร็จ ผมก็เพิ่งนึกได้ว่า ต้องเอาข้าวขึ้นไปกินบนห้องกับไอ้เบ๊บ นี่จะทุ่มแล้ว คุยติดลมไปหน่อย ข้าวเย็นหมด ผมรีบขอตัวกับพวกสาวๆ และเพื่อนๆ แล้วเดินเร็วๆ กลับหอ

ป่านนี้ไอ้เบ๊บคงตื่นแล้ว แต่ไม่เห็นลงมาที่โรงอาหารเลย คงไม่ได้หนีไปไหนหรอกนะ ผมอุตส่าห์ซื้อข้าวมาให้มันด้วย ตู้เย็นก็ไม่มี ถ้ามันไม่อยู่ สงสัยต้องกินเองสองห่อ

พอมาถึงห้อง ผมก็ไขกุญแจเข้าไปเอง เผื่อมันยังไม่ตื่น ไม่อยากปลุกให้ลุกมาเปิดประตู พยายามทำให้เบาที่สุด ไม่ให้รบกวนมัน ผมแง้มประตู จะแทรกตัวเข้าไป พลันต้องขมวดคิ้ว กับเสียงแปลกๆ ที่ดังออกมาจากลำโพงโน๊ตบุ๊คของเบ๊บ เลยแง้มประตูค้างไว้แค่นั้น

มันกำลังดูหนังโป๊อยู่ ซึ่งมันจะไม่เป็นเรื่องแปลกประหลาดอะไรเลย ถ้าแม่งไม่ใช่หนังโป๊เกย์!

ไอ้เหี้ยยยยย มันดูผู้ชายเอากัน เสียงผู้ชายสองคนครางกันสนั่นห้อง ผมกลัวว่าเสียงจะลอดออกไป เลยต้องรีบเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู ไอ้เบ๊บไม่มีสะดุ้งสะเทือนด้วย แถมหันมามองหน้าผม แล้วก็ดูของมันต่อ แถมมือแม่ง...กำลังชักว่าว

ไอ้เหี้ยเบ๊บ นี่มึงเป็นเกย์เหรอ!

ผมเหงื่อแตกพลั่ก ค่อยๆ ไต่โต๊ะไปยังเตียงของตัวเอง เตียงของไอ้เบ๊บอยู่อีกฝั่ง มันนั่งหันข้างให้ผม มือขยับรัว มีกัดปากด้วย ไอ้สัส เซ็กซี่มากอ่ะมึง

“...เกรงใจกูหน่อยก็ได้” ในที่สุดผมก็กล้าพูดออกไป คอนี่แห้งผากจนเสียงแหบเลย พยายามจะไม่มองไอ้แท่งสีชมพูนั่น แต่แม่งก็อดมองไม่ได้ ไม่รู้ทำไม

ไอ้เบ๊บมันผิวขาวจัด ตรงนั้นมันเลยขาวอมชมพูได้ขนาดนั้น มันครางซี้ดซ้าด แล้วก็เกร็งตัว ไอ้ที่อยู่ในมือกระตุกรัว ปล่อยน้ำสีขุ่นข้นออกมาเต็มฝ่ามือเล็กๆ นั่น

ผมเหมือนจะหยุดหายใจ ตอนที่แม่งหันมามองด้วยตาเยิ้มๆ

“โทษที มันหยุดไม่ได้ว่ะ”

***

มองหน้าไม่ติดไปสองวันเต็มๆ ดีที่เปิดเรียนแล้ว อย่างมากก็เจอแค่ตอนตื่นกับตอนนอน ผมไปหมกตัวอยู่ที่ห้องพวกไอ้แก๊บยาวๆ ถึงเวลานอนก็กลับมานอนเลย ไม่ได้คุยอะไรกัน

เบ๊บมันมองผมเหมือนจะอยากคุยด้วย แต่ผมก็หลบเลี่ยงตลอด แค่มันยื่นมือมาจะแตะ ผมก็หลบทันที ที่คณะผมเองก็มีเพื่อนที่เป็นกะเทยเป็นเกย์ แต่งหญิงมาเรียนเลยก็มี ผมไม่ได้รังเกียจ แต่ที่ทำใจไม่ได้คือ ต้องมาเห็นมันดูหนังโป๊เกย์แล้วแฟ้บให้ตัวเองเนี่ย

มันจะเป็นเกย์ เป็นตุ๊ด เป็นเหี้ยไรผมไม่สน แต่มันควรจะอายผมมั่งเว้ย

แล้วก็แปลก ดูหนังโป๊กับเพื่อน ก็ต่างคนต่างทำ ไม่เห็นคิดห่าไรแบบนี้ หรือเพราะมันเป็นหนังเกย์? ผมเลยเกิดความรู้สึกต่อต้าน รับไม่ได้กับการช่วยตัวเองตามประสาผู้ชายของมัน เพราะมันดูหนังโป๊เกย์ ไม่ใช่ชายหญิงที่พวกผมดูกันงั้นเหรอวะ

ผมนิ่งคิด แล้วก็เหมือนจะรู้สึกผิดนิดๆ ที่ทำท่าทีเหมือนรังเกียจมัน วันนี้วันที่สามแล้วที่พยายามหลบเลี่ยงไอ้เบ๊บ ผมมาขลุกอยู่ที่ห้องพวกไอ้แก๊บเหมือนเดิม แต่ไม่ได้เล่าให้ใครฟังหรอกนะ ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกมันก็ไม่เห็นถามอะไร คงคิดว่าผมแค่อยากหาเพื่อน เพราะเบ๊บกลับช้ากว่า

“เฮ้ยๆๆ ไอ้เหี้ยปาล์ม ไปดูเมทมึงที” จู่ๆ ก็มีเพื่อนในหอคนหนึ่งเปิดประตูโพล่งมา ผมผุดลุกขึ้นนั่ง จากที่นอนตะแคงดูหนังในสมาร์ทโฟนอยู่

“มีอะไรวะ”

“รีบไปเหอะ เร็วๆ” ไอ้ไทด์เร่ง ผมก็รีบลุกอย่าง งงๆ คนอื่นก็ตามออกมาด้วย ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น ไอ้เบ๊บคงไม่ได้ทำอะไรแผลงๆ หรือปีนหอฆ่าตัวตาย เพราะผมไม่พูดด้วยหรอกนะ

พวกเราวิ่งลงไปที่ลานหน้าหอ แล้วก็เจอไอ้เบ๊บ กำลังโดนพวกรุ่นพี่รุม แต่จำได้ว่าเขาให้ยกเลิกระบบรับน้อง ว้ากน้องแล้วนะเว้ย แล้วนี่คือไอ้เบ๊บโดนคนเดียวด้วย ตัวมันก็เล็กแค่นั้น ไอ้ยักษ์พวกนั้นแม่งมารุม ในมือคนหนึ่งในกลุ่มนั้นมีถังน้ำ แล้วตัวไอ้เบ๊บก็เปียกโชกแล้วด้วย โดนแกล้งชัวร์แบบนี้

“แม่งตัวแค่นี้ จะเอาแรงที่ไหนเข้าช้อป มึงทำตัวให้มันเข้มแข็งหน่อยดิวะ”

“เป็นตุ๊ดทำไมไม่ไปเรียนคณะที่พวกตุ๊ดมันเรียนวะ มาอยู่ให้เสียสถาบันพวกกูทำไม”

โอ้โห มีเหยียดเพศด้วยเหรอวะ ไอ้ห่าสันดานพวกนี้ ผมกำหมัดแน่นตอนได้ยินพวกมันพูดแบบนั้น รุ่นพี่ก็รุ่นพี่เถอะวะ พอเห็นพวกมันคนหนึ่งคว้าคอเสื้อของไอ้เบ๊บ ผมพุ่งเข้าไปทันที กระชากคอเสื้อไอ้เหี้ยที่ถือถังแล้วต่อยแม่งเต็มแรงคนแรกเลย

“ไอ้ปาล์ม!” “เว้ยยย” “ไปห้ามมันเร็ว”

ไอ้พวกรุ่นพี่แม่งแตกฮือ มีกัน 6-7 คน โดนรุมตีนก็ช่างแม่งละ

“โตเป็นควายแล้ว ยังทำตัวเหมือนเด็กปัญญาอ่อน คอยหาเรื่องรุ่นน้องอีกเหรอวะ ไอ้สัสหมา” ผมด่ากราด ก่อนจะถูกรุ่นพี่สองคนมาล็อคแขนไว้ แม่งโดนรุมแน่ แต่โชคดีที่เพื่อนผมวิ่งเข้ามาช่วยกันอีกแรง กลายเป็นชุลมุนกันฉิบหาย มือตีนใครมั่งก็ไม่รู้ มีเรื่องกันกลางมอ ดีที่มีแค่ลุงยามในหอวิ่งมาห้าม สุดท้ายแยกย้ายแบบด่าสวนกันทิ้งท้าย

ไอ้เบ๊บที่ตัวเปียกโชกเหมือนลูกหมาตกน้ำเงยหน้ามองผม ตาของมันเหมือนมีน้ำตาคลอหน่อยๆ มันกัดปากที่สั่นระริกไว้ มุมปากเหมือนช้ำๆ นิดหน่อย สงสัยโดนลูกหลงเมื่อกี้ ผมก็ไม่รู้จะพูดอะไร สุดท้ายกระชากแขนแม่งให้เดินกลับเข้าหอไปด้วยกัน

ปกติผมเป็นคนง่ายๆ สบายๆ อะไรยอมได้ก็ยอม แต่กับพวกสันดานเถื่อนสถุล ก็ต้องมีฉะกันบ้าง เด็กบ้านนอกมีเรื่องกันประจำอยู่แล้ว แค่ผมพยายามจะปรับตัว เป็นนักศึกษาที่ดี ตั้งใจเรียน แต่นี่มันอดไม่ไหวว่ะ เห็นเพื่อนโดนแกล้งใครจะทนไหว

มาถึงห้อง ผมโยนผ้าเช็ดตัวให้มัน “ไปอาบน้ำก่อนไป”

แต่เบ๊บมันไม่ยอมไป แถมยังโผเข้ามากอดผมไว้แน่น ตัวมันยังสั่นอยู่เลย คงทั้งกลัวและหนาว ผมนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย แต่ก็เอามือขยี้ผมที่เปียกแฉะของมัน ไล่น้ำที่เกาะอยู่ออก

“ไปอาบน้ำ เดี๋ยวไม่สบาย”

“ขอบคุณที่ช่วย” ไอ้เบ๊บเอ่ยเสียงสั่น “นึกว่าจะเกลียดกูแล้ว”

ผมพูดไม่ออก การที่ผมทำเหมือนรังเกียจ ไม่พูดกับมัน ก็ไม่ต่างจากที่มันโดนพวกนั้นแกล้ง แต่ผมไม่เคยคิดเกลียดมันเลย ผมวางมือแปะลงบนผมเปียกๆ นั้น โยกหัวมันเบาๆ

“กูไม่เกลียดมึงหรอก ไปอาบน้ำสักที ก่อนที่กูจะลากมึงไปอาบเอง”

***
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ Intro
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 22-10-2020 20:14:06
เข้ามาอ่าน  ไวมากเรื่องใหม่มาทันใจ ไวกว่าWiFiที่บ้านเขาอีก(ฮาๆ) 
อ่านแล้ว อยากด่าไอ้รุ่นพี่ที่ทำร้ายเบ๊บ ไปอยู่ที่ไหนมาถึงได้กล้าพูดคำนี้ เป็นตุ๊ดเป็นเกย์มันเสียสถาบันตรงไหน)))
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ Intro
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 22-10-2020 20:34:05
 :z1:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน3 [3.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 23-10-2020 00:05:00
2
จากเรื่องคราวนั้น ก็ทำให้ผมกับเบ๊บกลับมาคุยกันเหมือนเดิม อดห่วงไม่ได้ เพราะมันยังต้องเจอไอ้รุ่นพี่พวกนั้นที่คณะ ผมก็เลยคอยไปส่งเวลาที่ไม่มีเรียนเช้า ส่งแม่งถึงหน้าห้องเรียนเลยนี่แหละ โชคดีที่เพื่อนๆ มันก็คอยช่วยดูแลกัน ผมรู้จักเกือบทุกคนที่อยู่หอใน ที่เรียนกับไอ้เบ๊บ ก็เลยฝากๆ ไว้

แม่งเหมือนเลี้ยงน้องอีกคน

“เย็นนี้ ขอแรงน้องๆ ที่อยู่หอในหรือน้องคนไหนที่สะดวก ช่วยมารวมกันที่หน้าตึกคณะตอน 4 โมงครึ่งด้วยนะคะ”

ผมเดินขึ้นตึกมาก็ได้ยินเสียงประกาศโทรโข่งจากพี่ประธานรุ่นปี 2 พี่ปุ๊กกี้ ยืนอยู่กลางตึกอย่างโดดเด่น ทุกคนต่างก็หยุดมองและฟัง

“วันนี้เราจะคัดลีด ดาวและเดือนคณะ ใครสนใจมาลงชื่อได้เลยค่ะ เย็นนี้เจอกันอีกที”

อ๋อ มาแล้วสินะ งานเฟรชชี่ทั้งหลาย ผมไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่ แต่ว่างอยู่ อยากมาดูว่าใครจะได้เป็นเดือนดาว แล้วก็อยากดูลีดสาวๆ ด้วย แอบเห็นมายมิ้นไปลงชื่อที่โต๊ะรับสมัครลีดคณะ เอาเว้ย งานนี้ ผมต้องอยู่ทำกิจกรรมซะแล้ว

“น้องๆ น้องคนนั้น ที่ใส่เสื้อกันหนาวสีแดง”

เสียงพี่ปุ๊กกี้ดังลั่นผ่านลำโพง ชี้มือชี้ไม้อะไรสักอย่างมาทางที่ผมยืนอยู่ ผมหันมองรอบข้าง ใครวะเสื้อกันหนาวสีแดง?

อ้าว?

ไอ้เหี้ย กูเอง

“น้องชื่อไรนะ” พี่แกเดินปรี่เข้ามาเลย ผมผงะนิดหน่อย มองหน้าเพื่อนๆ ทุกคนก็ส่ายหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องด้วยนะ

“ผม?” ผมชี้ตัวเองอย่าง งงๆ พี่เขาก็พยักหน้า “เอ่อ ปาล์มครับ”

“น้องปาล์ม อยู่หอในมั้ยคะ”

“ครับ”

“เย็นนี้ต้องมานะ พี่ขอร้องเลย ไหว้ก็ได้อ่ะ”

“เฮ้ยยย อย่าพี่ ไม่ต้องไหว้ ผมมาครับ มาร่วมงานแน่นอน” ผมรีบตอบรับ ก่อนที่พี่แกจะยกมือย่อขาไหว้ซะสวย ผมถอนหายใจเมื่อพี่ปุ๊กกี้ยอมรามือ ก่อนไปยังกำชับแล้วกำชับอีก เหมือนกลัวผมจะลืม

แล้วเย็นนั้นผมก็ไปเข้ากิจกรรมเชียร์แบบงงๆ คือที่ผ่านมาไม่เคยเข้าเลยครับ เลิกเรียนกลับไปนอนห้องพวกไอ้แก๊บ มีแต่ผู้หญิงเต็มไปหมด ผมเขิน ไม่ค่อยอยากนั่งท่ามกลางสาวสวยเยอะๆ ใจคอไม่ค่อยดี

“เอาล่ะค่ะ ใครที่ลงสมัครลีดไว้ ไปหาพี่อิ๋ว คนผมชมพูๆ ตรงนั้นเลย ที่เหลืออย่าเพิ่งไปไหน พวกพี่จะขอคัดดาวเดือนคณะก่อนนะคะ”

เสียงฮือฮาดังขึ้น หลายคนก็อยากเป็นกันทั้งนั้น แต่มันอยู่ที่ว่าพี่เขาจะลงมติเลือกใคร ผมเห็นเด็กผู้หญิงสองสามคนโดนเรียกออกไปแล้ว ฝั่งผู้ชายนี่นั่งกันอยู่ไม่ถึง 20 คน แถมเป็นกะเทยไปแล้วเกินครึ่ง พอเลือกผู้หญิงหน้าตาดีไป 3 คนแล้ว พวกพี่ก็เดินมาฝั่งผู้ชายบ้าง

“น้องปาล์ม มาเลยค่ะ”

“ห๊ะ” ผมขมวดคิ้ว หน้าเหวอแน่ๆ แต่ก็ไม่ยอมลุก จนพี่ปุ๊กกี้เจ้าเก่าเดินมาฉุดแขนให้ลุก

“คนนี้เดือนคณะ ไม่ต้องคัดแล้ว” พี่ปุ๊กกี้หันไปบอกเพื่อนๆ ทุกคนหันมามองหน้าผมเป็นตาเดียว นี่ก็คนนะครับ เขินเป็น แหม่

“โอเคว่ะ” “ได้อยู่” “หล่อดี”

เหมือนพี่ๆ คนอื่นก็เห็นด้วยหมด จบข่าว นี่ผมต้องไปประกวดเดือนมหาลัยเหรอวะ อายยันลูกบวชแน่งานนี้ เอ๊ะ แต่ผมไม่ได้คิดจะมีลูก งั้นอายจนหลานบวชก็ได้วะ

สรุป ผมต้องเป็นเดือนคณะ ดาวคณะเป็นเพื่อนของมายมิ้น ชื่อ รุ้ง ก็สวยจริงจังครับ ตัวสูงเกือบเท่าผมแน่ะ หุ่นนางแบบมาก ผมสีน้ำตาลอ่อนดัดเป็นลอนๆ นิดหน่อย แต่มายมิ้นของผมน่ารักกว่า

ที่ได้เป็นนี่ไม่ใช่อะไร ผู้ชายมันมีน้อยไง ไอ้ที่ดูแมนๆ ก็นับหัวได้อ่ะ จริงๆ มันน่าจะมีที่หล่อกว่าผม แค่พี่เขาหาไม่เจอมากกว่า

“เฮ้ย จริงดิ มึงเนี่ยนะเดือนคณะ” พวกไอ้แก๊บแหกปากลั่น ได้ข่าวจากไอ้มีมไอ้ต้น เพื่อนร่วมคณะของผมที่อยู่ด้วยเมื่อเย็น

“ก็เชื่ออ่ะ คณะมึงผู้ชายน้อย ฮ่าๆ”

“ว่าไป เพื่อนพวกกูก็หล่ออยู่นะ” ไอ้วิทย์เอาแขนมาพาดบ่าผม ไอ้เบ๊บที่นั่งอีกข้างเหลือกตามองทันที แต่พอผมหันไป มันก็ทำเป็นไม่ได้มอง อะไรของมัน

“ไม่ต้องยอกูเลย แค่มันไม่มีคนนั่นแหละ” ผมส่ายหัว

“ถ่อมตัวไปอี๊ก น่ารักจริงๆ เพื่อนกู” ไอ้วิทย์เขย่าไหล่ผมพลางหัวเราะ แล้วเราก็หาเรื่องคุยกันไปเรื่อยเปื่อย คุยเรื่องสาวๆ กลุ่มมายมิ้นด้วย มายมิ้นได้เป็นลีดคณะแล้ว เดี๋ยวต้องไปขอถ่ายรูปตอนใส่ชุดลีดสวยๆ เดือนกับลีด คงดูสมกันดีว่ามั้ยครับ เหอะๆๆ

“แล้วตกลงมึงได้จีบมายมิ้นยังวะ” ไอ้แก๊บเบนมาเรื่องนี้จนได้ ผมส่ายหน้า

“ยุ่งๆ อยู่ว่ะ แต่เดี๋ยวตอนทำกิจกรรมก็ได้เจอบ่อยๆ ละ กำลังคิดอยู่ว่าจะจีบยังไงดี”

“อะไรวะ ชักช้าระวังหมาคาบไปแดกนะ”

“ถ้าคณะกูอ่ะไม่ห่วง แต่คณะอื่นก็ไม่แน่” มีม เพื่อนในคณะของผมว่า “เดี๋ยวงานกีฬามาเมื่อไหร่ ลีดคณะเรามีคนตามรุมเพียบแน่ สาวอักษรขึ้นชื่อเลยนะเว้ย”

เออว่ะ มันก็จริง ผมต้องเร่งมือแล้วมั้งเนี่ย “เออ เดี๋ยวกูเดินหน้าเต็มสูบเลย”

กินข้าวเสร็จ พวกเราก็แยกย้ายกันกลับหอใครหอมัน ห้องใครห้องมัน ช่วงนี้ไม่ต้องไปหมกตัวที่ห้องพวกไอ้แก๊บแล้ว เบ๊บมันก็ไม่ค่อยทำอะไรพิเรนทร์ๆ ด้วย เลยพอจะอยู่ด้วยกันต่อได้

“มายมิ้นนี่ใครวะ” เออ ลืมเลยว่าไอ้เบ๊บไม่ได้อยู่เมื่อวันที่ผมด้านหน้าไปชวนสาวๆ คุยกลางโรงอาหาร

“เพื่อนที่คณะกูเอง เขาน่ารักดี กูเลยว่าจะลองจีบ” ผมตอบพลางนั่งลงบนเตียง หยิบหมอนหนุนมากอดไว้ เบ๊บมองผมพลางกัดปากเหมือนจะอยากพูดอะไร แล้วจู่ๆ ก็ถอดเสื้อ ผมตกใจนิดหน่อย เพราะมันมาถอดตรงหน้าผม

“ร้อน”

“อ้อ” ผมพยักหน้าเข้าใจ เหลือบมองหัวนมสีชมพูของมันแค่แว้บเดียวเท่านั้น รู้สึกอยากกลืนน้ำลายขึ้นมาเลย

“ไปอาบน้ำดิ” ผมเขยิบตัวไปพิงหัวเตียง พยายามมองตรงไปข้างหน้า ไม่มองไอ้คนที่ยืนอยู่ข้างเตียง

“อาบแล้ว”

“ก็เห็นว่าร้อน อาบอีกก็ได้นี่” แล้วทำไมกูต้องใจสั่นวะเนี่ย เชี่ยเอ๊ย แม่ง ภาพไอ้จ้อนสีชมพูเหมือนสีหัวนมแม่งลอยมาอีก อุตส่าห์ลืมๆ ไปได้ตั้งหลายวันแล้วเชียว

แล้วมันก็นะ จะขาวไปไหน ทำไมมันถึงได้มีแต่ขาวๆ ชมพูๆ ทั้งตัวแบบนั้นวะ แดกอะไรเข้าไป โว้ยยย

ผมพยายามไม่สนใจ นั่งสูดหายใจเข้าหายใจออก หดขา เอาหมอนมากอดแล้วทำสมาธิสุดชีวิต ผมไม่ใช่เกย์นะเว้ย ไม่ได้เกิดอารมณ์กับผู้ชายด้วยกันง่ายๆ ไม่มีทาง ไม่มี...

ฮือออ ทำไมของกูแข็ง

“ดะ เดี๋ยว ไอ้เบ๊บ” เกือบลุกไปคว้ามือมัน เพราะจู่ๆ เบ๊บก็ถอดกางเกงขาสั้นที่ใส่อยู่ เฮ้อ โชคดีมีบ็อกเซอร์ข้างใน

“อะไร” มันยังมีหน้ามาเหลือบมอง ก่อนจะกระโดดขึ้นบนเตียงตัวเองไป แล้วก็หยิบโน๊ตบุ๊คมาเปิด เสียงคลิปอะไรสักอย่างลอดออกมา เป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วเวรกรรมที่ผมเสือกเรียนศิลป์ญี่ปุ่นมา

หนังโป๊เกย์เหมือนวันนั้นอีกแล้วคร้าบบบ ฮืออออ

ทำไมผมต้องซวยมาอยู่กับไอ้เกย์หื่นกามนี่ด้วย แถมแม่งยังตัวเล็ก น่ารัก ขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะ เหี้...ย แล้ว อย่าคิดสิวะ ไอ้ห่าเบ๊บแม่งจะแฟ้บอีกแล้ว ส่วนลูกชายผมเนี่ย แข็งโด่กว่าเดิมอีก

“อื้ออ อ่ะ อ๊า”

พ่องเอ๊ย อย่าส่งเสียงครางสิวะ แม่งงงง มันยั่วผมใช่มั้ย มันยั่วผมแน่ๆ มันจงใจจะให้ผมตบะแตกกับผู้ชายอย่างมัน

ผมเหลือบตาไป ไอ้เบ๊บแม่งท่าแปลกๆ มันยกขาขึ้นตั้ง แล้วสอดมือไปใต้ก้นตัวเอง...ผมถึงกับลมหายใจสะดุด ต้องกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

ไม่ไหวแล้วว้อยยยย

“เบ๊บ! กูไปอาบน้ำนะ”

แล้วผมก็รีบคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งออกไป เปิดประตูแบบไม่กลัวใครมาเห็นไอ้เบ๊บกำลังช่วยตัวเอง ช่างแม่งแล้ว หนีก่อนว้อยยย

***

เรื่องนี้ไม่มีเนื้อหาใดๆ 5555
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน3 [3.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 23-10-2020 00:11:21
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน3 [3.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-10-2020 08:09:12
 :laugh:  ปาล์ม หนูคงไม่รอดค่ะลูก ถ้ารู้สึกร่วมไปกับเขาขนาดนี้ เป็นเถอะค่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน3 [3.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 23-10-2020 11:11:20
ทำไมชั้นชอบนายเอก ทั้งเฟี๊ยต ทั้งแซ่บเลยลูก ไปให้สุดแล้วหยุดที่จับปาล์มทำผัว มารอลุ้นภารกิจให้สำเร็จ 5555555
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน4 [23.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 23-10-2020 11:15:37
3
เพราะไอ้เหี้ยเบ๊บตัวเดียว แม่งทำผมนอนไม่หลับมา 3 คืนแล้ว ไม่รู้จะเงี่ยนอะไรนักหนา ยังดีที่หลังๆ มันเอาหูฟังมาใส่ ผมเลยไม่ต้องทนฟังเสียงผู้ชายในคลิป แต่ก็ยังได้ยินเสียงซี้ดซ้าดอี๊ดอ๊าดของแม่งอยู่ดี ขนาดอุดหูฟังเพลงก็ยังลอดเข้ามา สงสัยผมต้องซื้อเฮดโฟนมาครอบเลย จะได้ตัดเสียงรบกวน แต่ก็นอนลำบากอีก ให้ตายเหอะว่ะ

“ไอ้ปาล์ม ทำไมหน้ามึงโทรมจังวะ” มาถึงโรงอาหาร ซื้อข้าวซื้อน้ำบริการไอ้เบ๊บเสร็จ พวกไอ้แก๊บลงมาพอดี ก็มานั่งรวมกัน พอเห็นหน้าผม พวกแม่งก็ทำหน้าตกใจ คือขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าอ่ะ กว่าจะหลับลง ผมต้องเข้าห้องน้ำแล้วเข้าห้องน้ำอีก (อย่าถามว่าเข้าไปทำอะไรนะครับ) ไอ้ห่าเบ๊บแม่ง ครางเกือบเที่ยงคืน อึดฉิบหาย แล้วผมก็ยังไงล่ะ ค้างสิวะ แม่ง เสียงปลุกเร้าขนาดนั้น ทั้งที่เวลาดูหนังโป๊กับเพื่อนสมัยมัธยม ใครจะร้องยังไงไม่เห็นเคยสนใจ สงสัยเพราะในห้องมันเงียบๆ แล้วก็มีแค่สองคนมั้ง

“ช่วงนี้กูนอนไม่ค่อยหลับ...แดกกาแฟเยอะไปหน่อย” ผมตอบอย่างหงุดหงิด พลางส่งสายตาดุดันไปที่ไอ้ตัวเล็กด้านซ้ายที่กำลังนั่งตัวสั่น เพราะมันขำ! ยังมีหน้ามาหัวเราะเยาะกูอีก ผมจะทำยังไงถึงจะแกล้งมันกลับได้ แม่งแกล้งผมชัดๆ แล้วอ่ะ ไม่ได้จะยั่วยวนเหี้ยไรหรอก นี่มันคือการกลั่นแกล้งรูปแบบใหม่ชัดๆ

“เออ แล้ววันนี้มึงต้องเข้ากิจป่ะ เขาเริ่มซ้อมเชียร์แล้วนี่” ไอ้วิทย์นั่งลงข้างๆ ผมทางขวา เหลือบตาในแว่นสายตามามอง “เออ มึงเป็นเดือนนี่ ต้องซ้อมกับเขาป่ะวะ”

“เห็นพวกพี่เขาบอกจะให้ไปถ่ายรูปลงเพจมอ”

“เดี๋ยวกูเตรียมกดไลค์รัวๆ ล็อคอินแม่งทุกแอคเค้าท์โหวตให้มึงเลย”

“โห วิทย์เพื่อนรัก” ผมเอียงหัวซบบ่ามันทันที รักกันขึ้นมาทันที

“พวกกูช่วยโหวตด้วย เพราะรุ้งสวย กูจำได้ อยากจีบคนนี้ว่ะ แต่แม่งระดับดาวคณะละ” ไอ้แก๊บว่า วันนั้นไงครับ ที่พวกมันให้ผมเข้าไปขอคุยกับสาวๆ 5 คนนั้น รุ้งก็อยู่ด้วย แหม ไอ้ห่าแก๊บ ชอบสวยคมระดับนั้นเลยเชียว

“แล้วดาวเดือนคณะวิทยากับวิศวะใครวะ” ผมถามพวกมันบ้าง ในแก๊งเรานี่ไม่มีชัวร์

“วิดวะรู้สึกจะเพื่อนสาขาเดียวกับไอ้ไทด์” ไอ้ตัวเล็กตอบ “ชื่อเต็มป่ะนะ กับน้อยหน่า”

“เออ พวกนั้นแหละ” ไอ้ไทด์ เพื่อนคณะวิศวะตอบ ถ้าจำไม่ผิดไอ้ตัวเล็กมันเรียนไฟฟ้า ส่วนไทด์เป็นโยธา

“ของวิดยาเดี๋ยวพวกมึงก็เห็น สวยสุดในมอ เพื่อนกูเอง” ไอ้วิทย์รีบอวด “แต่เดือนจะใครก็ช่างหัวแม่ง ไม่สนใจว่ะ ฮ่าๆ”
“เออ พี่เขาบอกมีประกวดดาวหลงฟ้าด้วยนะ”

“คืออะไรวะ” ผมถาม ไอ้แก๊บก็อธิบายต่อ ไอ้ห่านี่รู้ดีไปหมดทุกเรื่อง สงสัยสายเผือก

“ก็กะเทยไงมึง ให้แต่งสาวประชันกัน คณะไหนไม่มีกะเทยสวยๆ ก็เอาผู้ชายแท้ๆ นี่แหละแต่ง”

“อ๋อ” ผมพยักหน้า เหลือบตามองไอ้เตี้ยข้างๆ แม่งเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ เลอะขอบปาก ผมเลยยกมือขึ้นปาดออกแล้วเลียข้าวที่ปลายนิ้วที่ปาดมา พวกแม่งมองผมทั้งโต๊ะเลยเว้ย ก็ผมชินมือ เหมือนเวลาเลี้ยงน้องที่บ้าน ที่ต้องป้อนน้องไปกินไปด้วย เลอะเทอะก็เช็ดๆ มากินต่อ เสียดายข้าวครับ บางทีเบ๊บมันมัวแต่เล่นมือถือ อ่านการ์ตูน ผมก็ช่วยป้อนข้าวไป แล้วก็กินด้วยช้อนเดียวกันไป ไม่ทันคิดอะไร

แต่สุดท้ายพวกมันก็แค่มองๆ ไม่มีใครถามอะไร แล้วก็คุยเรื่องกิจกรรมต่างๆ ที่กำลังจะทยอยจัดเรื่อยๆ ในมอเรา

กินข้าวเช้าเสร็จ ผมก็พาเบ๊บไปส่งที่ตึกคณะวิศวะ จริงๆ ตึกคณะมันใกล้กับโรงอาหารหน้าหอมากที่สุดแล้ว ส่วนมากเขาก็เดินไปกัน ไม่ก็ขี่จักรยาน แต่ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งมัน เพราะต้องไปเรียนต่อ คณะผมอยู่หน้ามอเลย ไกลมาก ช่วงนี้เหมือนพวกรุ่นพี่จะไม่ค่อยมาวอแวแล้ว เห็นว่าอยู่ปี 3 กัน มีฝึกงานเป็นปี ดีแล้วได้ไปพ้นๆ พอพวกมันปี 4 ใกล้จบ ก็คงไม่ว่างมาแกล้งรุ่นน้องแล้วล่ะ มีเรื่องกันแล้วเรียนไม่จบ น่าอายกว่ามีไอ้เบ๊บอยู่ในคณะอีก หรือจะยอมเรียนซ้ำ เพื่อมาแกล้งป่วนรุ่นน้อง ก็สุดแล้วแต่พวกควายมัน

“วันนี้กูมีสอบย่อยตอนเที่ยงนะ มึงไปกินข้าวกับเพื่อนมึงก่อนเลย กูน่าจะกินบ่ายๆ”

“รอได้ มีเรียนบ่ายสอง กินบ่ายก็ทัน” ดูมัน ดื้อด้าน เหมือนเด็ก 6 ขวบไม่มีผิด แล้วจะไม่ให้ผมเห็นมันเป็นน้องได้ไง

“ก็รู้” ผมถอนหายใจ คือผมจำตารางเรียนมันได้ เสมือนหนึ่งตารางของตัวเองไปแล้ว มันต้องเรียนเช้าวันไหน กี่โมง ตึกไหน บ่ายเรียนกี่โมง ถึงกี่โมง จำได้หมดอ่ะ

“แต่จะรอทำไมวะ กินให้ตรงเวลาดิ”

“ทีมึงยังกินบ่ายได้เลย”

“ก็กูต้องไปสอบมั้ยวะ มึงอย่าดื้อ อยากโดนฟาดหรือไง” ผมทำท่าเงื้อมือจะตี มันก็เด้งตัวหนี แก้มแดงขึ้นมาเชียว

“เออๆ ไม่รอก็ได้ ไปแล้ว” มันหันหลังวิ่งไปหาเพื่อนๆ มัน ที่ส่วนมากก็เป็นผู้หญิงที่มีน้อยนิดในคณะวิศวะ ได้ยินเสียงเพื่อนมันแว่วๆ มาว่า แฟนมาส่งอะไรสักอย่าง คิดมาได้ ใครจะเป็นแฟนไอ้เกย์หื่นกามนั่นวะ

ตกเย็น ผมก็ไลน์ไปบอกเบ๊บว่าต้องไปถ่ายรูปเดือนดาวอะไรนั่น ผมเป็นคนไม่ชอบถ่ายรูป ในเฟสบุ๊คแทบไม่มีรูปผมอยู่เลย IG ก็เช่นกัน มีแต่รูปหมาแมว กับน้องที่บ้าน ไม่ถึง 20 รูปเลยมั้ง แต่อันนี้เขาบังคับมา จำใจยืนเก๊กๆ ถ่ายให้มันจบๆ ไป

“ยิ้มหน่อยสิลูก น้องปาล์มคร้าบ” เสียงเจ๊ปุ๊กกี้ดังมา ผมก็พยายามขยับปากยิ้มนิดๆ คือกูกลัวกล้องงงง อยู่หน้ากล้องแล้วแม่งโครตเกร็ง

“น้องปาล์มครับ ช่วยเขยิบมาซ้ายนิด นั่นแหละ ยืนเอียง 15 องศา”

ไอ้ฟวย ยืนยังไงวะ 15 องศา ผมด่าพี่ตากล้องในใจ พี่มันขำผมด้วย คือเห็นผมเกร็งใส่กล้อง คณะอื่นเขาถ่ายเสร็จกันไปแล้วเป็นชาติ เหลือแค่ของอักษรเนี่ย อยู่โยงท้ายสุด

“ไม่ต้องเกร็งลูก” เจ๊ปุ๊กกี้แหวมาอีกรอบ ผมก็ถอนหายใจ รุ้งเองก็คงเหนื่อย แต่ก็ยังยิ้ม แถมช่วยจับตัวผมให้ขยับยืนให้มันได้มุมด้วย

“ปาล์ม ปล่อยสบายๆ แค่ยิ้มแบบนี้เอง” รุ้งยิ้มหวานให้ผมดู “มั่นๆ เลย ปาล์มหล่อสุด”

“ครับๆ” ผมรับคำพร้อมถอนหายใจเบาๆ อีกรอบ ลดอาการเกร็งลง แล้วก็แค่ยิ้มนิดๆ เหมือนเดิม

“โอเค เรียบร้อย” พี่ตากล้องยกนิ้วโอเคให้ โล่งแล้วกู คนอื่นๆ ก็เหมือนโล่งไปด้วย แล้วไอ้พี่ตากล้องก็เดินถือกล้องเอารูปมาให้พวกเราดู

“หน้าตาดีแบบนี้ ยังจะกลัวกล้องอีก ถ่ายยังไงก็หล่อ กลัวไรของมึงนักหนา” พี่มันหัวเราะ

“ผมไม่ค่อยชอบถ่ายรูป” ผมตอบพลางมองรูปที่มันถ่ายไว้ ได้เยอะเหมือนกัน ประมาณ 40 รูป โห มึงกดชัตเตอร์ตอนไหนวะ

“งั้นก็ถ่ายบ่อยๆ มาเป็นแบบให้พี่ถ่ายก็ได้นะ เดี๋ยวให้ค่าขนม เอาป่ะ” พี่ตากล้องขยิบตาให้ผม

“ไม่ต้องเต๊าะน้องเลยไอ้ดิว” พี่ปุ๊กกี้กระชากคอเสื้อตากล้องอย่างหมั่นไส้

“เต๊าะห่าไร กูแค่อยากได้นายแบบไง แล้วมันก็ได้ฝึกสู้กล้อง เดี๋ยวมีงานต้องถ่ายอะไรอีก จะได้ไม่เกร็ง”

“ข้ออ้างเยอะ”

“อ้างอะไรเล่า กูพูดจริงๆ ว่าไงปาล์ม สนใจมั้ย แค่มายืนเป็นแบบให้พี่ถ่ายสักวัน 4,000 + เลี้ยงชาบู”

ผมตาวาว เฮ้ย ได้เยอะงั้นเลยเหรอวะ พี่ดิวอะไรเนี่ย สายเปย์โครต ผมเหลือบตาลงสบตากับพี่มัน ที่ยืนกอดอกเงยหน้ามองผมเหมือนรอคำตอบ

“คนก่อนๆ ไม่เห็นมึงให้เยอะงี้ มีไรป่ะเนี่ย” เพื่อนๆ พี่มันแซว หัวเราะกันคิกคัก พี่ตากล้องก็ยักไหล่ ยังมองหน้าผมอยู่ ผมลังเลพอเป็นพิธี สุดท้ายก็ตอบตกลงไป เก็บเงินไปซื้อเฮดโฟนพอดี จะเอารุ่นที่ตัดเสียงรบกวน ราคาก็หลายพันถึงหมื่นกว่าๆ เลย

จากนั้นพี่ดิวก็นัดวันถ่ายมา เป็นวันเสาร์นี้ เจอกันตั้งแต่ 6 โมงครึ่ง ห่า เช้าเกิน แต่พี่มันบอกแสงเช้าๆ สวย ผมก็เออออ เอาไงก็เอา ถ่ายทั้งวัน 4,000 นี่คุ้มมั้ยวะเนี่ย ทีแรกก็คิดว่าเยอะนะ แต่ดูเวลานัดแล้ว พี่แม่งก็กะเอาคุ้มเหมือนกัน

“ไปด้วย”

“ห๊ะ” ผมนิ่วหน้าหันไปมองไอ้ตัวเล็กที่กระโดดมาจากเตียงมัน มาปีนที่นอนผมเฉย ผมนั่งพิงหัวเตียงที่เดิม มีหมอนวางอยู่บนตัก กำลังท่องศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่

“อยากดูปาล์มเป็นนายแบบ ไม่ได้เหรอ” ไม่ต้องมาเกาะไหล่กอดแขนเลย อ้อนจะให้พาไปด้วยแน่ๆ

“กูเกรงใจพี่เขา”

“ไม่กวนหรอกน่า แค่นั่งรอเฉยๆ ได้มั้ย” เบ๊บเขย่าแขนผมใหญ่ อยู่กันสองคนในห้องทีไร มันจะเกาะแกะง้องแง้งผิดปกติทุกที

“เออๆ พาไปก็ได้ แต่ไม่กวนแน่นะ อย่าดื้ออย่าซน” ผมกำชับ เอานิ้วชี้หน้ามัน ไอ้เบ๊บเบะปาก ยื่นปากมาจะงับนิ้วผม แต่ผมหลบทัน

“เห็นกูเป็นเด็ก 2 ขวบเหรอ แม่ง”

“6 ขวบมากกว่า เพิ่มอายุให้หน่อยอ่ะ” ผมพูดกลั้วหัวเราะ เห็นมันทำแก้มพองหน้ามุ่ยแล้วอยากแกล้ง ชอบมาปั่นประสาทให้กูนอนไม่หลับดีนัก หาเรื่องแหย่มันกลับมั่ง ได้เจ๊ากัน ไอ้เบ๊บก็ยิ่งไม่พอใจ ทุบผมใหญ่ ฮ่าๆ สนุกว่ะ

***

ยังดีที่ก่อนวันนัดถ่ายแบบ ไอ้เบ๊บยอมให้ผมได้นอนอย่างสงบ คงกลัวผมตาคล้ำ แต่มันก็ยังไม่หายคล้ำเท่าไหร่หรอก เล่นนอนไม่หลับ 3 คืน หลังๆ ก็นอนดึกอีก

“ต้องทาครีมกลบ เดี๋ยวถ่ายออกมาไม่หล่อ” เบ๊บมันตื่นแต่ตี 4 มาทาครีมลบรอยคล้ำใต้ตาให้ผม “ทาลิปมันด้วยได้ป่ะ ปากมึงได้ไม่แห้ง”

“นี่เป็นช่างแต่งหน้าส่วนตัวกูเหรอ” ผมแซวมันขำๆ

“อยากให้เป็นป่ะล่ะ” มันจ้องผมตาแป๋ว มือก็ค่อยๆ บรรจงแตะครีมมาแต้มให้เบาๆ แล้วค่อยๆ เกลี่ย มือมันนุ่มมาก เบามาก ตัวก็หอมอีก แล้วผมจะดมทำห่าไรวะเนี่ย จะใจเต้นกับรูมเมทตัวเองไม่ได้นะเว้ย ยังต้องอยู่ด้วยกันอีกทั้งปีเลย ไอ้ปาล์ม มึงห้ามหื่น!

“ทำเหมือนกูเป็นนายแบบจริงๆ งั้นแหละ แค่งานนี้พอแล้ว กูไม่ชอบถ่ายรูป”

“ทำไมล่ะ”

“ก็ไม่ชอบไง”

“แล้วทำไมไม่ชอบล่ะ”

“ไม่มีเหตุผลได้มั้ยวะ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ” ผมตอบเสียงแข็งขึ้นนิดหน่อย บางเรื่องก็ไม่อยากให้เซ้าซี้ ในเมื่อผมไม่ตอบ เบ๊บก็เลยเงียบไป แต่มือยังทาครีมให้อยู่ มีครีมสามอย่างที่มันเอามาพอกหน้าผม รู้สึกหน้าหนากว่าเดิมเยอะ

“เสร็จละ นัดกี่โมงนะ” เบ๊บละมือออกไป เก็บของใส่กระเป๋าเครื่องประทินโฉมทั้งหลายแหล่ของมัน ผมเห็นมันนั่งทาเช้าทาเย็น ไอ้ครีมพวกนั้น ส่วนผมนี่ไม่เคยใช้เลยสักอย่าง ขนาดโฟมล้างหน้ายังหยิบๆ เอาตามเซเว่นเลย

“6ครึ่ง เห็นพี่มันบอกถ่ายแสงเช้าแป้ปเดียว แล้วเดี๋ยวพาไปกินข้าว”

“พาไปกินข้าวด้วยเหรอ” เบ๊บกลอกตาไปมา

“ตอนเย็นมันบอกจะเลี้ยงชาบูด้วย มึงจ่ายเองนะ” เพราะพี่ดิวเลี้ยงแค่ผม แค่ขอให้เพื่อนไปด้วยก็เกรงใจจะตายห่าแล้ว

“ได้” เบ๊บตอบพลางโคลงหัวไปมา เหมือนคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็จูงมือผมออกจากห้อง ซึ่งผมเป็นคนเปิดประตู ล็อคห้องเหมือนเดิม แค่ครั้งนี้มันยืนรอจูงมือผม แล้วทำไมต้องจับมือด้วยวะ? งง

***
สาระของเรื่องอยู่ตรงไหน
555

ปาล์มนางโก๊ะกังมาก ต้องให้น้องเบ๊บจูงจมูกตลอด นังปาล์มเป็นพวกแพ้ทางคนตัวเล็ก นิสัยน้อง อิๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน4 [23.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-10-2020 11:25:19
อ่านตอนแรก คิดว่าเบ๊บจะกดปาล์ม ตกลงใครจะกดใคร รอรอรอ
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน3 + ข้อความจากเบ๊บ
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 23-10-2020 12:24:33
เบ๊บ
วันแรกที่เจอปาล์ม บอกตรงๆ ว่าโครตสเปคเราเลย

เรามาอยู่หอก่อนปาล์มสองวัน ตอนที่ปาล์มมาถึงห้อง มีของแค่กระเป๋าเดินทางขนาดกลางกับเป้ใบนึง ปาล์มมันหน้าตาดี เรียกว่าหล่อเลยล่ะ แต่ไม่ค่อยยิ้ม แถมยังแต่งตัวได้เชยสุดๆ วันนั้นมันหอบของมา ในชุดเสื้อกีฬากับกางเกงบอล เรานี่เกือบหลุดขำ เหมือนมันจะชอบสีแดง เพราะเสื้อผ้าส่วนใหญ่ต้องมีสีแดง ของใช้ก็ด้วย ผมก็ย้อมสีออกแดงๆ น่ารักดี ดูมีเอกลักษณ์ในตัวเอง

เราคอยสังเกตปาล์มอยู่เรื่อยๆ แต่เหมือนมันไม่รู้ตัว ดูเป็นคนไม่ค่อยสนใจโลก หรือคนรอบข้างเท่าไหร่ บนโต๊ะมันมีแต่พวกหนังสือเรียนที่มันหอบมาจากบ้าน กล่องดินสอเก่าๆ สมาร์ทโฟนรุ่นธรรมดาๆ โน๊ตบุ๊ตที่น่าจะเอาไว้ใช้ทำงานอย่างเดียว เพราะแทบไม่เห็นเอามาเปิดเล่นอะไร มันชอบอุดหูฟังเพลง แต่ก็พยายามจะผูกมิตรกับเรา ชวนคุย ชวนไปกินข้าว เราให้ทำอะไรก็ทำ ทำแบบงงๆ โก๊ะๆ กังๆ แต่ก็น่ารักมากจริงๆ

เราเริ่มคุยกันมากขึ้น จนได้รู้ว่าปาล์มมีน้องชายอีกสองคน ซึ่งยังอยู่ในวัยกำลังซน และเพราะต้องช่วยเลี้ยงน้องมาตลอด เลยไม่ชอบเด็ก เราคิดว่าดีเลยล่ะ เพราะถ้าเราได้ปาล์มเป็นแฟน เราก็มีลูกให้ไม่ได้อยู่ดี

แต่หลังจากนั้น จู่ๆ ปาล์มก็เริ่มรู้จักคนมากขึ้น แม้หน้าจะนิ่งๆ ไม่ค่อยยิ้ม แต่มันดึงดูดคนรอบข้างด้วยไอ้หน้านิ่งๆ นั่นแหละ จริงๆ มันก็ไม่ถึงกับหน้าบึ้ง มีหัวเราะมียิ้มบ้างตามโอกาส แต่แค่น้อยครั้งจะได้เห็นเท่านั้น เพราะแบบนั้น เลยดึงดูดไงล่ะ ใครเห็นมันหัวเราะหรือยิ้ม ก็อยากเข้าใกล้ทั้งนั้น โดยเฉพาะพวกผู้หญิง

วันที่เรานอนกลางวันยาว ตื่นมาตอนเย็นไม่เจอปาล์ม เราคิดว่ามันลงไปโรงอาหารแน่นอน เลยตามลงไป แล้วก็เจอมันนั่งคุยกับผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง มีพวกไอ้วิทย์ด้วย ปาล์มนั่งติดกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ผิวขาวจัด มันยิ้มน้อยๆ ตอนคุยกับผู้หญิงคนนั้นด้วย เรารู้ทันทีว่ามันชอบเขา สเปคของปาล์มคือคนตัวเล็ก ผิวขาว หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตา

แล้วเราล่ะ เราก็ตัวเล็กนะ ขาวมากด้วย หัวนมชมพูด้วย ขาวอมชมพูทั้งตัวเลย เพราะเราทาครีมบำรุงตลอด ดูแลตัวเองมาอย่างดี แค่เราไม่ได้ไว้ผมยาว แล้วเราก็...ไม่ใช่ผู้หญิง

ตอนนั้นเราหึงมาก หงุดหงิดที่ปาล์มไปสนใจผู้หญิงคนนั้น เราก็เลยแกล้งทำให้ปาล์มรู้ ว่าเราเป็นเกย์ เราชอบผู้ชาย และเราก็ชอบมันด้วย

ปาล์มชอบขาวๆ ใช่มั้ย เราจะโชว์ให้ดู ว่าเราขาวเนียนอมชมพูแค่ไหน เราจะยั่วมันให้มันชอบเรา ให้มันหลงเรา แต่ปาล์มแม่งโครตซื่อบื้อ ไม่แตะต้องเราเลยสักนิด มีแต่เราที่ต้องเอาตัวเข้าแลกก่อนทุกที จากแค่อยากให้มันตบะแตก เลยกลายเป็นเราอยากแกล้งมันมากกว่า เห็นมันงุ่นง่านแล้วตลกดี มันเห็นเราช่วยตัวเองทีไร เป็นต้องขยี้หัวจนยุ่ง กัดปาก ส่งเสียงฮึดฮัด หน้าแดงเถือก แล้วก็เดินไปเข้าห้องน้ำ อ้อ หอในเป็นห้องน้ำรวม ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว มันเลยต้องไปแอบทำในห้องน้ำรวม คิดแล้วก็สงสาร คงอึดอัดน่าดูอ่ะ แค่ลุกมาขึ้นคร่อมเราก็จบแล้วนะจริงๆ

แต่เราไม่ได้ใจร้ายขนาดจะให้ปาล์มอดหลับอดนอนติดกันนานๆ ก็เลยเว้นช่วงให้บ้าง ช่วงไหนมีสอบก็ไม่รบกวน ปาล์มมันนิสัยดี ไม่ว่าเราจะทำเรื่องแย่ๆ ใส่แค่ไหน ก็ไม่เคยด่าเราจริงจัง ไม่โกรธไม่เกลียดเราเลย ถึงจะมีช่วงนึงที่มันหนีหน้าเรา แต่พอเห็นเราโดนรุ่นพี่รุมรังแก ก็มาช่วยปกป้อง หลังจากนั้นก็ยังคอยห่วง ไปรับไปส่งทุกวัน แต่วันไหนไม่ว่างก็ไลน์บอกด้วย จนเพื่อนในกลุ่มเราคิดว่าเรากับมันเป็นแฟนกัน สาววายจิ้นกันกระจายไปหมด ถ้าเป็นจริงๆ ก็ดีสิ

เราอยากเป็นแฟนปาล์ม

นี่ขนาดไม่ใช่แฟน ยังทำให้ขนาดนี้ ถ้าได้เป็นแฟนกันจริงๆ ปาล์มต้องเป็นผู้ชายที่เพอร์เฟคสุดๆ สำหรับเราแน่ๆ โครตเอาใจใส่ขนาดนี้ เมื่อไหร่ปาล์มจะรู้ตัวสักทีนะ ว่าเราอยากได้ปาล์มมากแค่ไหน

***
มุมน้องเบ๊บแบบสั้นๆ มั่ง
คือนางเล็งของนางไว้แล้วแต่แรกไง 555
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน3 + ข้อความจากเบ๊บ
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 23-10-2020 14:09:55
พระเอกเรื่องนี้ออกแนวรู้ตัวช้า ให้เบ๊บปลั้มเลยค่ะ ฮ่าๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน4 [23.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 23-10-2020 16:01:50
4
“นั่งนิ่งๆ ตรงนี้นะ ห้ามซน จะไปไหนก็ตะโกนบอกด้วย กูขี้เกียจโทรหา” ผมสั่งไอ้เด็ก 6 ขวบ มันทำหน้าไม่พอใจ เป่าแก้มที่ขึ้นสีชมพูจางๆ จนพองเหมือนปลาปักเป้า

“กูไม่ใช่เด็กๆ นะ”

“ไม่ใช่ก็เหมือนใช่” ผมว่า พลางส่งเป้ให้มัน กำชับมันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะรีบเดินไปหาพี่ดิว ไม่อยากฟังเสียงสิบแปดหลอดที่ตะโกนใส่หน้า ฮ่าๆ

“สะพายไว้ ข้างในมีชื่อที่อยู่ของกู เผื่อมึงหลงไปไหน คนได้พามาส่งกูถูก”

“อะ ไอ้เหี้ยปาล์ม!”

แกล้งไอ้ตัวเล็กแล้วก็สบายใจ พี่ดิวเหลือบมองเบ๊บ แล้วก็มองผม ก่อนจะกดชัตเตอร์

“เฮ้ย จู่ๆ ถ่ายเลยเหรอพี่”

“เมื่อกี้สีหน้ามึงดีอ่ะ” พี่มันว่า สีหน้าดี? คือไรวะ เมื่อกี้ผมทำหน้าแบบไหนไป พอเห็นผมเริ่มขมวดคิ้ว มันเลยรีบเรียกไปยืนที่หน้าบ่อน้ำ แสงแดดตอนเช้าสะท้อนระยิบระยับเชียว

“มาๆ เริ่มเลย เดี๋ยวแสงหมด มึงไปยืนตรงมุมนั้นนะ ทำท่าให้มันเป็นธรรมชาติ แบบเหมือนมาเดินเล่นริมน้ำ มองนกมองไม้ มองตัวเหี้ยในบ่อก็ได้” มันชี้นิ้วไปแถวๆ ที่มีม้านั่งใต้ต้นไม้

แล้วให้มองตัวเหี้ยเนี่ยนะ ไอ้เหี้ย ทำไมเหี้ยเยอะจังวะ ห่า แล้วผมจะสบถในใจอะไรนักหนาเนี่ย

ผมก็ทำเป็นเดินๆ ยืนๆ นั่งๆ มองนั่นนี่ตามที่มันบอก แต่แม่งไม่มีอะไรน่าสนใจเลยว่ะ ก็บ่อน้ำ ต้นไม้ มีนกบิน มีตัว...ตัวเงินตัวทองแล้วกัน พี่ดิวก็เหมือนจะคอยกดชัตเตอร์อยู่ตลอด

ผมไม่รู้จริงๆ ว่าตัวผมมันมีอะไรน่าสนใจให้ถ่ายขนาดนั้น ผมก็แค่คนธรรมดาๆ ที่มีชีวิตธรรมดาๆ เรียน เฮฮากับเพื่อนบ้าง จีบสาวที่สนใจ กิน แล้วก็นอน แม่งโครตธรรมดา ผมไม่มีเรื่องที่อยากทำเป็นพิเศษ อาจจะชอบฟังเพลง เล่นเกม แต่ก็ไม่ได้จริงจัง มันเหมือนเป็นอะไรที่ทำเพื่อฆ่าเวลา ไม่อยากให้ตัวเองว่าง ทั้งที่ไม่มีอะไรอยากทำ งงเนอะ

จะว่าไป ผมไม่เคยพูดเรื่องส่วนตัวเท่าไหร่สินะ เอาน่า ไม่จำเป็นต้องบอกพวกคุณหรอก

คนธรรมดาๆ อย่างผม มันก็มีช่วงหนึ่งแหละที่ชีวิตแม่งดิ่งลงเหวจนเกือบกลับขึ้นมาไม่ได้ แต่ช่างเหอะ เพราะตอนนี้ผมกลับขึ้นมาแล้ว และผมยังอยู่ตรงนี้

“ถ่ายรูปนี่มันยากมากมั้ยพี่” ผมถามพี่ดิว ระหว่างที่เรากำลังนั่งกินข้าวกลางวันในโรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย เป็นโรงอาหารที่ใหญ่กว่าหน้าหอมาก ดูเป็นสัดส่วน ติดแอร์เย็นฉ่ำ ของกินก็แพงกว่านิดหน่อย ปกติจะมากินแค่ช่วงพักกลางวัน เพราะมันอยู่กลางมอพอดี คนละครึ่งทางกับไอ้เบ๊บ

“ก็ไม่นะ แค่ถ่ายทอดความงามที่สายตาเรามองออกมาเท่านั้น”

“ฟังดูยากว่ะ ผมยังเลือกวิชาโทไม่ได้เลย” พี่ดิวมันอยู่คณะเดียวกันกับผมครับ เอกทัศนศิลป์ โทEng มั้ง มันเรียนเกี่ยวกับการวาดภาพและถ่ายรูป

“มีวิชาอะไรที่สนใจมั่งมั้ยล่ะ” พี่มันดูตั้งใจฟัง มองหน้าผมไปคุยไป นี่ถ้าได้เป็นสายรหัสกันคงดี คณะผมคนเยอะ ไม่มีการจับสายรหัส แต่จะเรียงตามเลขที่ มีรหัสที่แน่นอนอยู่แล้ว แค่ไปเซิร์สชื่อก็เจอ ของผมได้พี่ผู้หญิงชื่อหนิง เป็นพี่รหัส พี่เขาไม่ได้อยู่หอ เลยยังไม่เคยไปเลี้ยงสายอะไรสักครั้ง เหมือนทุกคนก็ยุ่งๆ กับเรื่องของตัวเอง คนเยอะก็แบบนี้แหละ ถ้าเจอพี่รหัสที่อยู่หอก็จะสนิทกันง่ายกว่า แถมผมเป็นผู้ชาย พี่ผู้หญิงเขาคงไม่มาอะไรด้วยมาก

“ตอนนี้ยังอ่ะ แต่เห็นพี่ถ่ายรูปสวยดี ก็เลยอยากลองมั่ง เรียนทัศนศิลป์ดีมั้ย”

“แล้วแต่มึงชอบดิ ลองก็ได้ ลองลงสักตัว ถ้าชอบก็เก็บโทเทอมหน้าเลย”

เทอมแรกนี้ ปี 1 ต้องเรียนตามที่บังคับทุกรายวิชา แต่เลือกวิชาเสริมที่สนใจได้ พอเทอม 2 เขาจะให้เลือกเก็บวิชาที่อยากเข้าเอกโท เลือกได้ 3 รายวิชา พอขึ้นปี 2 จะมีการสอบแยกสายอีกที ถ้าผ่านตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้ของรายวิชา ก็ค่อยมาระบุเอกโท จากนั้นก็จะเน้นแค่วิชาเอกวิชาโทยาวๆ ยันจบปี 4 ช่างสลับซับซ้อนยิ่งนัก เอาจริงๆ ตอนเข้าเรียนแรกๆ แล้วอาจารย์อธิบาย ผมนี่นั่งมึนไปแปดตลบได้

เบ๊บมันก็นั่งกินข้าวเงียบๆ ไม่มีขัดจังหวะที่ผมคุยเลย เพราะรู้ว่าผมกำลังคุยเรื่องเรียนแบบค่อนข้างซีเรียสกับพี่เขา แต่ก็มีเหลือบๆ มาเป็นระยะ

จบมื้อกลางวัน ก็ไปถ่ายรูปต่อที่นอกมอบ้าง มีพวกสวนหย่อม ร้านคาเฟ่สวยๆ แถวนั้น ผมนี่เขินฉิบหาย ตอนถ่ายในร้านคาเฟ่ เพราะมันมีลูกค้าคนอื่นด้วย

“เออ จริงๆ เอาแฟนมึงมาถ่ายด้วยกันเลยมั้ย ร้านแบบนี้นั่งกับแฟนดูน่าจะเวิร์คกว่า” พี่ดิวพูดพลางกดเช็คดูรูปที่ถ่ายไปแล้วบางส่วน

“แฟน?” ผมนิ่วหน้า ใครแฟนกูวะ

“อ้าว? ก็ไอ้น้องตัวเล็กนั่นไง เห็นมานั่งรอ ไม่ใช่แฟนแล้วอะไรวะ” พี่ดิวเลิกคิ้ว

“เพื่อนดิพี่ รูมเมทอ่ะ มันว่าง เลยอยากมารอ” ผมล่ะอยากจะขำ นี่คนอื่นมองพวกเราแบบนั้นด้วยหรือเปล่า ก็แค่คอยไปรับส่ง ต้องกินข้าวด้วยกันสามมื้อเกือบทุกวัน อยู่หอด้วยกัน ทั้งที่บ้านไอ้เบ๊บอยู่แค่กรุงเทพฯ แต่เสาร์อาทิตย์มันก็ไม่กลับ ไปไหนมันก็ไปด้วยตลอด

เออว่ะ พอมาคิดดูแล้ว แม่ง...ทำไมแปลกๆ

“มานั่งรอตั้งแต่เช้าเนี่ยนะ เพื่อนที่ไหนเขาทำกัน แล้วน้องมันมองมึงตลอดเลย กูหันไปทีไรก็เห็น”

“จริงเหรอวะพี่” ผมยื่นหน้าไปคุยกับมันใกล้ๆ พี่มันก็ยื่นหน้ามาหา ทำท่าป้องปากคุยกันแบบลับลมคมใน ผมเหลือบไปมองทางหางตา ไอ้ตัวเล็กที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มขยับยุกยิก เหมือนจะลุกมา

“จริงดิ มันแอบชอบมึงเปล่า ไม่งั้นไม่มานั่งเฝ้าแบบนี้หรอก”

“ไม่หรอกม้าง”

“งั้นให้กูพิสูจน์” พูดจบ พี่แม่งยื่นปากมาจุ๊บปากผม ไอ้เหี้ยยยย

“เหวอออ”

“ทำอะไรน่ะ!” ตัวผมเองยังไม่ทันได้ตกใจจนสุด ไอ้เบ๊บก็ลุกพรวด ดิ่งมากระชากคอเสื้อผม อ้าว เฮ้ย เดี๋ยว ทำไมมึงไม่กระชากคอพี่ดิว กูไม่ได้เป็นคนทำอะไรนะ

“ไม่ต้องถ่ายแม่งแล้ว กลับ!”

“เฮ้ยยย” ผมลุกตามแทบไม่ทัน เพราะมันดึงคอเสื้อผมไว้ เกือบทำโต๊ะล้ม ท่าทางจะโกรธจัดด้วย แรงมันไม่ได้เยอะหรอก แค่ผมไม่ปัดออกเอง กลับยอมตามมันไปซะงั้น พอหันไปมอง ไอ้พี่ดิวแม่งหัวเราะตัวงอ ไอ้ฉิบหาย พี่มึงสนุกคนเดียวเลย ได้ยินเสียงไอ้พี่ดิวดังตามหลังมา ก่อนที่ประตูร้านจะปิดลงเพียงเสี้ยววินาที

“ไว้กูโอนเงินให้นะ ชาบูติดไว้ก่อน”

พอออกมานอกร้าน ผมก็หยุดเดิน ไอ้ตัวเล็กที่ดึงคอเสื้ออยู่เลยหันมามองหน้า เพราะถ้าผมไม่ยอมไป มันก็ลากผมไปไหนไม่ได้หรอก

“ฮึ่ยยย บอกให้กลับไง” มันพยายามออกแรงกระชาก

“ปล่อยก่อน เสื้อกูยืดหมดละไอ้สัส” ผมปัดมือมันออก มันก็ยอมปล่อย หน้าตานี่เหมือนแดกดีหมีเข้าไป โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอะไรขนาดนั้นวะ

“จะกลับก็กลับดิ ป่ะ” ผมบอกมันอีกครั้ง แล้วเดินนำไปที่มอเตอร์ไซค์สีขาวแดง ไอ้เบ๊บวิ่งตามหลังมา พอขึ้นไปนั่งคร่อมบนมอเตอร์ไซค์ก็กอดผมแน่น

“บอกว่าอย่ารัด มันอึดอัด ขี่ลำบาก” ผมดุมันเบาๆ พร้อมกับสวมหมวกกันน็อค ออกมานอกมอต้องใส่หมวกครับ กันอุบัติเหตุ แถวนี้รถบรรทุกวิ่งเยอะ มีมอไซค์เคยโดดดูดไปใต้ล้อมาแล้ว อย่างน้อย ตัวขาด แต่หัวก็ยังอยู่วะ เดี๋ยวพ่อแม่จำศพไม่ได้

แต่สุดท้ายเบ๊บก็ไม่ยอมคลายแรง มันกอดรัดผมแน่น จนรู้สึกเหมือนหายใจไม่สะดวก แต่ผมก็ไม่อยากพูดอะไรมากกว่านั้นแล้ว

***

พอมาถึงห้อง ผมปิดประตูเสร็จ หมุนตัวจะไปที่โต๊ะ กะจะเก็บกระเป๋า แต่จู่ๆ ไอ้หมาบ้าที่เพิ่งคลุ้มคลั่งในร้านคาเฟ่ก็พุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อผม ดึงลงไปประกบปากกับมัน ผมตกใจหน้าเหวอ ไม่ทันขัดขืน เลยโดนดันจนหลังติดประตู รีบเอามือผลักมันออกแทบไม่ทัน

“ทำเหี้ยไรเนี่ย!” ผมยกมือขึ้นเช็ดปากพลางยืดตัวยืนตรงๆ เมื่อกี้โดนดึงคอจนตัวงอไปหมด

“กูก็จะจูบมึงด้วย” ไอ้เบ๊บโวยวาย หน้าแดงก่ำ ไม่รู้โกรธหรืออาย แต่คนที่อายที่สุดคือผมมากกว่า เกิดมาจนอายุจะ 18 เพิ่งเคยจูบปากผู้ชายเนี่ย มันไม่เหมือนที่ไอ้พี่ดิวเอาปากมาแตะนะเว้ย นี่แม่งเล่นขยี้ซะปากเกือบแหก ดีที่ผลักออกก่อนที่มันจะสอดลิ้นเข้ามา ผมเองก็คงหน้าแดงเหมือนกัน ร้อนไปทั้งหน้าเลยเนี่ย

“แล้วมึงจะจูบกูทำห่าไร เป็นบ้าเหรอ”

“เออ กูโมโหที่ไอ้พี่นั่นมันมาจูบปากมึงนี่” มันกอดอกขมวดคิ้ว

“แล้วมึงจะโกรธทำไมวะ มันไม่ได้จูบปากมึงสักหน่อย” ผมงง เวรกรรมอะไรของกู จู่ๆ ก็ต้องมาเสียปากให้ผู้ชายด้วยกันตั้งสองคนเนี่ย ผมสบถเบาๆ ในคออย่างหงุดหงิด ผลักไหล่มันออก แล้วเดินไปเก็บกระเป๋าเข้าที่ ทิ้งตัวลงนั่งบนเตียง ขอสงบสติแป้ปครับ เมื่อกี้ใจสั่นไปหมด ห่าเอ๊ย ปากแม่งเสือกหอม หวานด้วย นุ่มโครตๆ โว้ยยยย กูอุตส่าห์จะไม่คิดแล้วนะ

มองมันที่ยืนหน้าแดง ปากเจ่อนิดๆ ไอ้ห่าราก บังคับจูบกูแต่เสือกปากเจ่อเอง แม่ง จะน่ารักไปไหน โอ๊ย ไม่ใช่ตรงนั้นสิวะ ผมหงุดหงิดหนักกว่าเก่า ขยี้หัวตัวเองจนฟู หยุดคิดไม่ได้เลย ทำไมผมต้องมาอยู่กับมัน ไอ้คนตัวเล็ก ผิวขาวอมชมพู กลิ่นตัวหอม แถมยังปากนุ่มอีก กูไม่อยากเป็นเกย์! ไม่อยากเป็น! พระเจ้าได้ยินกูมั้ยวะ!

“ปาล์ม” เสียงมันอ่อนลง มือเล็กๆ นุ่มๆ ขาวๆ ยื่นมาแตะบนบ่าของผมทั้งสองข้าง พร้อมกับเข่าที่ยันลงมาบนเตียง ตรงหว่างขาผม เป็นท่าทางที่ล่อแหลมมาก ไอ้สัส!

ผมหน้ายุ่ง รู้สึกร้อนไปทั้งตัว ถึงกลับต้องกลืนน้ำลาย แค่มองมันแล้วดันนึกถึงภาพหัวนมสีชมพู แม่ง...ขนาดผู้หญิงที่ผมเคยนอนด้วย ยังไม่มีใครหัวนมสวยน่าดูดอย่างมัน แต่นี่มันผู้ชาย ไอ้ปาล์ม มันเป็นผู้ชาย มึงจะหื่นกับผู้ชายด้วยกันไม่ได้เด็ดขาด มึงไม่ใช่เกย์ ใจเย็นไว้ไอ้ปาล์ม ผมพยายามบอกตัวเองในใจ กำหมัดแน่น หลับตาทำสมาธิสุดชีวิต มือนุ่มๆ เลื้อยอยู่แถวคอกับไหล่ กลิ่นหอมๆ แม่งเซอร์ราวด์รอบตัวมาก หอมจนอยากยื่นหน้าไปดม แต่ผมก็ยังข่มใจไว้

ให้ตายสิวะ ผมเป็นผู้ชาย ที่ไม่ได้เอาผู้หญิงมาเกือบปี เพราะต้องเตรียมตัวสอบเข้า แล้วจู่ๆ ก็ถูกส่งมาที่ห้องนี้ มาอยู่กับไอ้เหี้ยนี่ ที่แม่งตรงสเปคทุกอย่าง ยกเว้นอย่างเดียว คือมันเป็นผู้ชาย

พระเจ้า มึงเล่นตลกอะไรกับกูครับ!

***

คนแต่งนี่แหละ เล่นอะไรกับน้องปาล์ม 5555
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน4 [23.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 23-10-2020 16:33:39
 :z3  โธ่ปาล์มเอ่ย มาขนาดนี้แล้วยอมไปเถอะลูก
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน4 [23.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 23-10-2020 20:55:45
ลูกเบ๊บรุกสุดแรงมากกกก ไปให้สุดแล้วหยุดที่มีผัวนะลูก55555
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน4 [23.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Alessa ที่ 23-10-2020 21:46:38
 :hao6:
มารอติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน4 [23.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 23-10-2020 22:03:39
ถ้าปาล์มตบะแตก ผมว่าเบ๊บมีลุกไม่ขึ้นจากเตียงอะ (หัวเราะ) แววหลงแฟนมาเต็มมากปาล์ม

ปล. ผมยังรออ่านตอนพิเศษของ เทวิน x ปริม อยู่นะครับ (ทวงมันดื้อๆในนิยายเรื่องอื่นนี่แหละ ฮะๆๆ)
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน5 [24.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 24-10-2020 00:13:40
5
“ปาล์ม”

ไม่! อย่าเรียกกูด้วยเสียงกระเส่าเย้ายวนอย่างนั้น ผมหลับตาปี๋ เบ๊บมันค่อยๆ แตะริมฝีปากกับลำคอของผมเชื่องช้ามากเหมือนเป็นภาพสโลโมชั่น ปากเล็กๆ สีชมพูอ่อนนั่นโครตร้อน และชื้น ลิ้นของมันสากแต่ให้ความรู้สึกดี มันเลียๆ ดูดๆ ที่คอของผม สองมือลูบแผงอกของผม คือผมก็ไม่ได้กล้ามหนาอะไร แต่ก็ไม่ได้ผอมบาง ลูบไปจนถึงหน้าท้อง แล้วก็สอดมือเข้าไปใต้เสื้อยืดของผม ผมรีบคว้ามือของมันไว้ แล้วกดมันลงกับเตียง เบ๊บเหมือนจะตกใจเล็กน้อย ก่อนจะคลี่ยิ้ม คล้ายดีใจ

ผมโน้มหน้าลงไป กดจูบมันอย่างรุนแรง มันครางในคอ อ้าปากให้ผมสอดลิ้นเข้าไปง่ายดาย ไม่มีเล่นตัวใดๆ แถมยังพยายามจะเกี่ยวลิ้นผมด้วยลิ้นเล็กๆ นั่น จนมันพันกันไม่รู้ลิ้นใครเป็นของใคร ความรู้สึกเหมือนกำลังดำดิ่งลงไปในทะเลลึก มันทั้งตื่นเต้นหวาดเสียว จนแทบหยุดหายใจ ผมขบเม้มริมฝีปากปากล่างของมัน แล้วสอดลิ้นโลมเลียทั้งโพรงปากสลับไปมา ดูดดึงริมฝีปากเล็กๆ นั่นให้บวมเจ่อ แล้วก็ผละออก ก่อนจะประกบลงไปใหม่ซ้ำๆ จนไอ้ตัวเล็กเหมือนจะหายใจไม่ทัน สองมือของมันที่ถูกผมกดไว้กระตุกสั่น ส่วนกลางลำตัวที่อยู่ตรงหน้าท้องของผมมีปฏิกิริยา มันทิ่มแทงอยู่ตรงช่วงท้องของผม ของผมเองก็ไม่ต่างกัน

“อือ...” ในจังหวะสุดท้ายที่ผมถอนปากออกมา เสียงครางของมันก็ดังตาม ใบหน้ารั้นๆ นั่นแดงก่ำ ลมหายใจยังปั่นป่วน แผ่นอกบางแอ่นขึ้นเล็กน้อย ทั้งที่ไม่ได้สัมผัส แต่ตุ่มไตสองข้างนั้นกลับแข็งขืนจนดันเสื้อยืดออกมา มันนูนขึ้นอย่างชัดเจน ผมกลืนน้ำลายลงคอ ภาพหัวนมสีชมพูผุดเข้ามาในหัว ความรู้สึกตอนนั้นคือ หน้ามืดครับ ไม่รู้อะไรเป็นอะไรแล้ว ผมถกเสื้อมันขึ้น ละเลงลิ้นรัวจนน้ำลายเปียกชุ่มหัวนมสีชมพูเข้มทั้งสองข้างนั่น แม่ง อร่อยอย่างที่คิดจริงๆ เหมือนยิ่งดูดยิ่งเลียก็ยิ่งหยุดไม่ได้ เบ๊บกอดหัวผมไว้แน่น แอ่นอกรับสัมผัสด้วยความเสียวซ่าน แถมยังครางเสียงหวานเชียว ท่าจะชอบ

ยิ่งเห็นมันชอบ ผมก็ยิ่งดูดแรงขึ้น งับเม้มเป็นพักๆ มือล้วงลงไปใต้กางเกงยีนส์ของมัน บีบคลึงแท่งเนื้อสีชมพูของมันที่แข็งชนต้นขาของผมอยู่อย่างหนักมือ ถึงไม่เคยทำให้ผู้ชายคนอื่น แต่มันก็คงเหมือนๆ เวลาช่วยตัวเองนั่นแหละ ของมันไม่ใหญ่มาก มือผมกำได้รอบเลย รูดมันเชียวล่ะ

ผมมองหน้าแดงก่ำของมันไปด้วย รูดรั้งของมันไปด้วย พลางเลื่อนกางเกงของมันลงไปที่ปลายเท้า แกล้งบี้ส่วนปลายของแท่งสีชมพูแรงๆ ไอ้เบ๊บแทบกรีดร้อง แอ่นสะโพกขึ้นรับจนตัวเกร็ง ผมขยับตัวขึ้นไปกดจูบมันอีกครั้ง ก่อนที่จะรัวมือจนมันปลดปล่อยออกมา ไอ้ตัวเล็กหอบหายใจ แผ่นอกบางกระเพื่อมไหว พอมันเริ่มมีแรง ก็ดันอกผมแล้วลุกขึ้น ก้มตัวลงมา อ้าปากงับท่อนเอ็นแข็งๆ ของผมที่อยู่ใต้กางเกง ผมสะดุ้งนิดหน่อย ก่อนที่มันจะปลดกางเกงผม ใช้ปากรูดซิปลงด้วยท่าทางโครตเซ็กซี่ แล้วก็ใช้ปากสีชมพูอ่อนเล็กๆ นั่นปรนเปรอให้ผมอย่างไม่มียอมแพ้ แม้ว่ามันจะใหญ่คับปาก ลิ้นเล็กๆ ที่ร้อนสากไล้เลีย แถมยังห่อปากดูดจนแก้มตอบ ผมมองภาพนั้นด้วยใจเต้นระทึก ความรู้สึกเดียวตอนนี้คือ อยากเข้าไปในตัวมันใจจะขาด สายตาเหลือบไป เห็นมันยกสะโพกขึ้นแล้วเอานิ้วสอดช่องทางของตัวเองไปด้วย เลยอดไม่ได้ที่จะช่วย ผมยื่นมือไป จับนิ้วเล็กๆ นั่นให้ขยับเข้าออกรัวๆ

“อืม...” มันครางยาวในคอ ปากยังอมลูกชายผมอยู่ไม่ยอมปล่อย แต่พอผมดันนิ้วตัวเองเข้าไปเพิ่ม มันก็อ้าปากคายแท่งร้อนของผมออกมา น้ำลายยืดเหนียวย้อยติดคาง แก้มนี่แดงก่ำ เล่นเอาผมใจสั่น

ผมอุ้มมันขึ้นมานั่งบนตัก ปากไล่งับเม้มตามใบหูและลำคอบาง ดูดแรงๆ จนเป็นรอย นิ้วสองนิ้วยังคาอยู่ในช่องทางที่ตอดรัด ขยับเข้าออกรัวๆ กระแทกจุดกระสันที่ทำให้มันตัวสั่นเหมือนจะเสร็จ แล้วก็ถอนออกมา มันมองหน้าผมเหมือนจะตัดพ้อ ก่อนจะอ้าปากร้องอย่างไม่มีเสียง เมื่อผมจับสะโพกมันกดลงบนท่อนเอ็นของตัวเอง ถุงยางก็ไม่มี เสียบสดนี่แหละวะ ไม่ไหวแล้ว

“อื้อ ปาล์ม เบาหน่อย” มันครางกระเส่าร้องบอกผมที่เริ่มขยับเอว เพราะมันไม่ยอมขยับเองสักที คงจะจุกอยู่

“มึงก็ขย่มเองสิ” ผมหยุดขยับ แล้วยักคิ้วให้มัน เบ๊บเม้มปาก ก่อนจะเกาะบ่าผมแน่นแล้วค่อยๆ ขยับสะโพกขึ้นลงช้าๆ ช้าจนผมแทบคลั่ง ทนไม่ไหว เลยผลักมันลงเตียง แล้วจับกระแทกเองรัวๆ

“อ๊า อร๊างงงง”

“เสียงดังไปแล้ว เดี๋ยวข้างห้องได้ยิน” ผมกระซิบ ไอ้เบ๊บเอามือตะครุบปากตัวเองแทบไม่ทัน มันคงลืมตัว เห็นมันกัดปากกลั้นเสียง หน้าตาเหยเก ก็รู้สึกมีความสุขบอกไม่ถูก เหมือนได้แกล้งมันกลับ เลยยิ่งกระแทกแรงๆ ให้ตัวมันเด้งตาม เสียวจนอยากร้อง แต่ร้องไม่ได้ โครตสะใจอ่ะบอกเลย

แกล้งยั่วดีนัก เอากลับให้เข็ด

เบ๊บเหมือนจะหลุดเสียงครางเป็นระยะ เพราะมันใกล้เสร็จแล้ว ปลายเท้าของมันจิกเกร็ง เล็บครูดไปกับแผ่นหลังใต้เสื้อยืดของผม ขยำเสื้อผมซะยับยู่ยี่เลยล่ะ ผมโน้มตัวไปจูบปิดปากมันไว้ แล้วกระแทกย้ำๆ จนตัวมันบิดเกร็ง แท่งสีชมพูกระตุกถี่ ช่องทางนั้นตอดรัดผมอย่างรุนแรงจนผมผละออกมาไม่ทัน แตกในตามไปเรียบร้อย

ผมละริมฝีปากออกมา เสียงหอบหายใจดังก้องไปทั่วห้อง เบ๊บกอดคอผมแน่น รั้งคอลงไปจูบแลกลิ้นกันอีกครั้ง ร่างกายของผมเหมือนถูกกระตุ้นด้วยกระแสไฟฟ้า ไอ้ที่คาอยู่ในตัวมันแข็งขึงขึ้นมา ดูท่าว่าจะไม่จบง่ายๆ แล้วคืนนี้

***

เช้าวันต่อมา โชคดีที่เป็นวันอาทิตย์ ผมตื่นมาเกือบสิบโมงได้ ร่างกายเมื่อยล้าเล็กน้อย แต่ที่แขนคือเหน็บแดกเลยครับ เพราะไอ้ตัวเล็กมันนอนทับทั้งคืน น้ำก็ไม่ได้อาบ เหนียวตัวโครตๆ แถมคราบอะไรต่อมิอะไรคาตา จะมาหน้าร้อนตอนนี้คงไม่ทันแล้ว

ผมกับมัน...ทำลงไปแล้วจริงๆ

ยิ่งมองร่องรอยตามลำตัวและคอของเบ๊บ ยิ่งแจ่มแจ้งกระจ่างใจ ว่าผมไม่ได้ฝัน ทำกันตั้งแต่เย็นยันจะเช้าอีกวันได้มั้ง ไอ้เบ๊บแม่งโครตอึด เป็นผมซะอีกที่ไม่ไหวจนจะหลับคาอกมัน ไม่รู้เยกันเอาสถิติโลกหรือไง

ทำไมแม่งหื่นกามได้ขนาดนี้ ผมนี่ไม่ไหวตั้งแต่รอบ 5 หรือ 6 แล้ว คือหัวหมุนติ้วๆ น้ำจะหมดตัว ต้องคลานไปเปิดขวดดื่มน้ำหมดไปสองขวดอ่ะ พักเสร็จ ไอ้ห่าเบ๊บขึ้นมาคร่อมแล้วขย่มอีก คือ ได้พักประมาณ 15 นาที แล้วก็ต่อเรื่อยๆ นี่ร่างกายคนนะเว้ยไม่ใช่ไวเบรเตอร์

“อือ” เบ๊บขยับตัว เอาหน้ามาซุกอกผม หอในแม่งไม่มีแอร์ ร้อนจะตายห่า ดีนะไม่ฮีทสโตรกตายเมื่อคืน ผมถอนหายใจ แล้วพยายามปลุกเบ๊บ

“ตื่นๆ เฮ้ย ปวดแขน” ผมเขย่าๆ ตัวมัน เบ๊บก็งัวเงียลุกขึ้นนั่ง ในสภาพที่แบบ เปลือยทั้งตัว ผ้าไม่ได้ห่มด้วย เพราะร้อน ส่วนผมยังมีบ็อกเซอร์ติดตัวอยู่ แต่ก็เหนอะหนะน่าดูอ่ะ

“กี่โมงแล้วอ่ะ” แล้วมันก็ควานหาสมาร์ทโฟนบนโต๊ะที่อยู่ข้างเตียงของผม “มิน่า หิว”

ผมกลอกตาไปมา นี่มึงคิดถึงเรื่องนี้ก่อนเลย น้ำไม่คิดจะอาบ

“ไปอาบน้ำกันเหอะ” ผมลุกขึ้นบ้าง สะบัดๆ แขนให้หายชา แล้วหยิบผ้าเช็ดตัวมาโปะหัวมัน ไอ้เบ๊บเหมือนจะขาสั่นๆ แต่จะให้อุ้มออกไปทั้งสภาพนี้ ใครมาเจอได้รู้ทั้งมอแน่

“มึงไหวมั้ยวะ”

เบ๊บส่ายหน้า ให้ตายเหอะ เมื่อคืนเหมือนแม่งแดกไวอากร้าเข้าไป เช้ามาขาเปลี้ยซะงั้น แล้วผมจะทำไงดีวะ

“เอางี้ เดี๋ยวกูลงไปซื้อข้าวให้ มึงเดินไหวเมื่อไหร่ก็ค่อยไปอาบน้ำนะ เดี๋ยวกูจะเช็ดตัวให้ก่อน” ว่าแล้วผมก็ออกไปหยิบกาละมังที่ไว้ซักผ้าที่อยู่ตรงระเบียง แล้วเอาไปรองน้ำจากในห้องน้ำรวม เอามาเช็ดตัวให้ไอ้เบ๊บที่ห้อง แล้วคือ...ไอ้ข้างในนั่นก็ลำบากหน่อย ต้องล้วงเข้าไปควานน้ำออกมา แล้วก็เช็ดให้สะอาด เบ๊บก็นั่งนิ่งเลย แอบหูแดงหน่อยๆ ขนาดนี้แล้วมึงยังมีหน้ามาเขิน พอเช็ดตัวให้มันเสร็จ ผมก็ไปอาบน้ำต่อ แล้วลงไปซื้อข้าวมากินด้วยกันบนห้อง

ไม่คาดคิดมาก่อน ว่าผมจะกลายเป็นเกย์ได้ในเวลาอันรวดเร็วปานนี้ ทั้งที่พยายามข่มใจมาหลายครั้ง แต่มันก็พลาดไปแล้วล่ะ มีแต่ต้องทำใจยอมรับ ที่ห่วงคือเรื่องไอ้เบ๊บมากกว่า ความสัมพันธ์ของพวกเราจะเปลี่ยนไปในทางไหน ผมยังไม่รู้เลย และยังไม่อยู่ในอารมณ์ที่อยากจะถามมันด้วย หลังจากนี้ คงต้องปล่อยให้มันเป็นไปแล้วแต่ชะตากรรม

“อ้าว? ไมมึงลงมาคนเดียววะ” ตอนลงไปซื้อข้าว ก็เจอพวกไอ้แก๊บเจ้าเก่า นั่งเล่นหมากรุกกันอยู่หน้าหอ ไอ้มีมนั่งฉีกไก่ให้แมวแถวหอกินอยู่ใกล้ๆ

“มันยังไม่ตื่น” ผมตอบ ทำไมไม่กล้าสบตาเพื่อนแปลกๆ วะ “เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวแป้ป”

“เออๆ ไปเหอะ” แก๊บโบกมือไล่ ผมเดินไปโรงอาหารหน้าหอ ซื้อข้าวหมูแดง 2 ห่อกับน้ำเย็นๆ มาสี่ขวด เดินกลับมาหน้าหอ ก็ยังเห็นพวกไอ้แก๊บอยู่ ก็ทักทายเล็กน้อยตามประสา ก่อนจะรีบขึ้นไปบนห้อง เพราะกลัวเบ๊บมันหิวจนหน้ามืด

แล้วก็เหมือนปกติ แกะข้าวใส่จานห่อหนึ่งก่อน แล้วก็ตักข้าวป้อนไอ้ตัวเล็กไป กินไป เบ๊บนั่งตะแคงๆ คอยอ้าปากงับช้อนเรื่อยๆ มือก็เล่นมือถือไปด้วย มันเป็นพวกติดโซเชี่ยล ชอบโพสเฟสบุ๊ค นี่ก็คงโพสรูปอะไรอยู่ หัวเราะคิกคักใหญ่

“เดี๋ยวก็ติดคอ” ผมเงยหน้าเหลือบตามองมัน คือผมนั่งอยู่บนพื้นข้างเตียง ส่วนมันนั่งบนเตียง

“อย่าดุดิ ยิ้มหน่อย เร็วๆ” มันยู่ปากน้อยๆ

“ทำไมต้องยิ้ม” ผมยิ่งนิ่วหน้าใหญ่ อย่าบอกนะว่ามันกำลังถ่ายรูปผม

“มึงถ่ายรูปกูเหรอ ลบเดี๋ยวนี้เลย” ผมยื่นมือไปจะแย่งสมาร์ทโฟนของมัน แต่มันรีบโยกหลบ

“ไม่ได้ถ่ายรูป” มันเบ้ปากใส่ “ไลฟ์อยู่ต่างหากล่ะ”

“ไอ้...” จะด่าแต่ต้องหยุดปากไว้ เดี๋ยวออกสื่อ “หยุดเลยเบ๊บ เลิกถ่ายแล้วมานั่งกินข้าวดีๆ”

“พ่อดุอ่า ดูดิ” มันพูดกับพวกคนดูในไลฟ์ น่าจะเป็นเพื่อนๆ มันนั่นแหละ ห่าเอ๊ย นี่ผมกลายเป็นพ่อมันไปแล้วจริงๆ เหรอวะ

“ยิ้มให้เพื่อนๆ หน่อยสิ พี่ปาล์มสุดหล่อ”

“ไม่ต้องมายอ มากินข้าวดีๆ”

“มีคนขอให้ปาล์มยิ้มอ่ะ ยิ้มหน่อยน้า” ยังกวนโมโหไม่เลิกนะ ผมชักหงุดหงิด ไม่ชอบออกสื่ออยู่แล้วด้วย ไอ้ที่เป็นเดือนคณะก็เพราะพวกรุ่นพี่ขอร้อง

“จะไม่เลิกเล่นใช่มั้ย” ผมวางจานข้าวลง ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้น เอามือปิดกล้องไว้แล้วกดมันลงบนเตียง เบ๊บถึงกับหน้าเหวอ หูแดงขึ้นมาทันที กับเสียงกระซิบขู่เบาๆ พอให้ได้ยินแค่สองคน

“ถ้าไม่กดปิดไลฟ์ มึงได้เล่นหนังสดแน่”

***

5555เรื่องนี้แม่งโครตไร้สาระจริง ทั้งเรื่องคือการฝึกแต่งฉาก NC ของเราเองแหละ
ตอนพิเศษน้องปริมกับเรื่องเก่าๆ ที่ยังไม่จบ รอกันก่อนน้า มันต้องบิ้วนิดนึง

ยังรู้สึกเหมือนแต่งฉาก NC ไม่ค่อยดีเลยอ่า  :mew2:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน5 [24.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-10-2020 00:22:11
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน5 [24.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 24-10-2020 00:47:41
นิยายลงไวมาก เค้าก็ได้กันไวมากเช่นกัน55555
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน5 [24.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 24-10-2020 00:52:03
 :laugh:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน5 [24.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 24-10-2020 07:37:17
 :oo1: เขาได้กันแล้ว สมดังที่น้องเบ๊บต้ั้งใจแล้ว
พี่ปาล์มอย่าทิ้งน้องเบ๊บนะ ถ้าทิ้งคนอ่านโกรธนะ   :serius2:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน6 [24.10.20] คริ
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 24-10-2020 10:11:53
6
ตอนแรกก็รู้สึกเหมือนเป็นเบ๊ ตอนนี้กลายเป็นทาสกามไปซะงั้น

ตั้งแต่วันที่ผมเผลอไผลเสียตัวให้มัน ไอ้เบ๊บ เกย์หื่นกาม รูมเมทแสนจัญไรของผม ก็ขยันใช้งานผมเหมือนเป็นไวเบรเตอร์ส่วนตัว

“อื้อ อ่ะ...ฮึก” เหี้ยมากครับ แม่งมานั่งขย่มตอผมแล้วส่งเสียงครางยวนยั่ว โดยที่ในมือของผมก็ถือหนังสือ อ่านแบบไม่มีสมาธิเท่าไหร่ พยายามไม่สนใจช่วงล่างที่ถูกมันตอดเอาๆ แต่หน้าหวานๆ ที่แม่งกำลังหลับตาพริ้ม เหงื่อซ่ก แก้มแดงปลั่ง แถมยังกัดปากซี้ดซ้าดแบบนั้น แม่งเอ๊ย ของกูไม่แข็งสู้ ก็ตายด้านอ่ะ นี่แทบจะเอากันหลังอาหารวันละสามเวลา ถ้าไม่ติดว่าต้องไปเรียนด้วย มันคงจัดให้ผม 24 ชม. ไม่ต้องหลับต้องนอน ทุกวันนี้ผมแทบจะนอนแค่วันละ 3-4 ชั่วโมงอยู่แล้ว ทั้งที่แม่งก็โดนถี่ๆ แต่รูแม่งดันโครตฟิต รัดซะผมแทบทนไม่ไหวทุกที

“อา...ปาล์ม...อ่ะ อ๊า”

พรวด!

สัส...แม่งน้ำแตกกระเด็นใส่หนังสือกู

“พอได้แล้วมั้งเบ๊บ มันเลอะเทอะ” ผมปรามมันเบาๆ เสียงแอบสั่น คือผมไม่ใช่ตุ๊กตาไม้นะเว้ย แค่ตอนมันช่วยตัวเองยังพอทน นี่ต้องมาโดนมันขย่มเอาๆ เสียวแบบแทบไม่ได้ผุดได้เกิด

ไอ้เบ๊บไม่ตอบ อ้าปากหอบหายใจ แล้วปัดหนังสือผมออก เอนลงมากอดซบผมไว้ ท่าทางจะเหนื่อยเหมือนกัน แต่ก็ยั่วไม่เลิก

“อยากจูบอ่ะ” มันเงยหน้า ช้อนสายตาเยิ้มๆ ขึ้นมองผม อกข้างซ้ายของผมคือสั่นรัว จะใจเต้นทำห่าไรวะ

“กูมีสอบจันทร์นี้ ช่วยอย่า...” ไม่ทันละ แม่งไม่เคยฟังกันเลย ประกบปากสอดลิ้นเสร็จสรรพ เสียงดูดปากดังจ๊วบๆ แล้วจะให้ผมทำยังไง นอกจากทิ้งหนังสือกองไว้ตรงนั้น แล้วจัดการมันให้หายคันสิครับ!

ส่วนสถานะของพวกเราตอนนี้...น่าจะเป็น

SEX FRIEND

“เย็นนี้มีประกวดดาวเดือนมหาลัย กูต้องไปแต่งหน้าทำผมที่สตู 10 มึงจะไปดูหรือกลับห้องไปก่อนก็ได้” ผมรายงานมันประหนึ่งมันเป็นเจ้านาย ไอ้เบ๊บยืนดูดนมกล่องพยักหน้ารับหงึกๆ เห็นปากสีชมพูอ่อนงับหลอดดูดเลอะน้ำลายนิดๆ เซ็กซี่ฉิบหาย ผมกลืนน้ำลาย พักนี้ชักจะหื่นขึ้นตาเหมือนรูมเมทไปทุกทีแล้ว เพราะไอ้ตัวเล็กนี่แท้ๆ

“อิ่มอ่ะ กินต่อที” มันว่าพลางยื่นกล่องนมยัดใส่มือผม ผมก็รับมาดูดต่อ ก่อนจะจูบกัน ยังกล้ากินข้าวช้อนเดียวกับมันเลย กะอีแค่ดูดหลอดเดียวกันนี่คือจิ๊บๆ อ่ะ ดูดหมดผมก็โยนกล่องทิ้งลงถังขยะแถวนั้น แล้วขึ้นไปสตาร์ทมอเตอร์ไซค์ รอมันกระโดดขึ้นมานั่งซ้อน วันนี้รีบกินแค่ขนมปังกับนม

ส่งไอ้เบ๊บที่หน้าตึกคณะวิศวะเสร็จ ผมก็ขี่รถไปเรียนต่อ เดี๋ยวนี้ไม่ต้องไปส่งถึงหน้าห้องแล้ว พวกรุ่นพี่ไปฝึกงานหมด ไม่มีใครมาคอยดักตีหัว ทุกวันนี้ผมยังไม่เข้าใจเลย ว่าพวกพี่ปี 3 แม่งเก็บกดเหี้ยไร แค่โดนสั่งยกเลิกว้าก ต้องหาที่ระบายกับรุ่นน้องด้วยวิธีอื่น ประสาทแดก

“เย็นนี้เจอที่สตู 10 เลยนะลูกปาล์ม” พี่ปุ๊กกี้ ประธานสโมปี 2 คณะเรา เจอหน้าผมปุ๊บก็เตือนทันที เดี๋ยวนี้กลายเป็นลูกรักเจ๊แกไปแล้ว

“ดูจากคะแนนโหวตแล้ว ลูกๆ มีสิทธิเข้าชิงดาวเดือนมหาลัยกันนะ คนกดไลค์เยอะเชียว” เจ๊แกยื่นหน้าจอมาให้ผมดู คือผมแทบไม่ได้เข้าโซเชียลเลย ไม่รู้โลกไปถึงแล้วป่านนี้ เห็นพวกไอ้แก๊บบอกจะเกณฑ์กันโหวตให้ เพราะหมั่นไส้เดือนคณะตัวเอง แบบนี้ก็มีด้วยเหรอวะ

“แต่ป๊อปปูลาร์โหวตนี่ยังไง แม่ว่าลูกปาล์มได้แน่ๆ ลูก เชื่อแม่”

“อ่า ครับ” ผมก็พยักหน้ารับๆ ไป ไม่ค่อยเข้าใจหรอก ว่าได้ตำแหน่งพวกนั้นแล้วมันดียังไง ผมไม่ชอบโดนถ่ายรูป ไม่ชอบเป็นจุดสนใจเท่าไหร่ มีคนคอยมองมันน่าเบื่อ อยากอยู่แบบเงียบๆ มากกว่า

วันนั้นมีเรียนสามวิชา เลิกตอนสี่ครึ่ง แล้วผมก็ต้องไปแสตนด์บายที่สตู 10 จริงๆ มันเป็นโรงละครครับ โรงละครที่ใหญ่ที่สุดของมหาวิทยาลัย และเป็นของคณะอักษรเรานี่แหละ มันมีอยู่ 3 สตู คือ 1 7 แล้วก็ 10 เลขโดดๆ เพราะถือเคล็ดอะไรสักอย่างไม่รู้ สตูอื่นเอาไว้ใช้เวลาเอกโทการแสดงมีงานละคร ส่วนสตู 10 เอาไว้จัดงานใหญ่ๆ อย่างการประกวดดาวเดือนมหาลัย เออ รู้สึกจะมีดาวหลงฟ้าอะไรด้วยมั้ง คณะผมส่งพอลลี่ไป จริงๆ มันชื่อพบพร เป็นกะเทยแต่งหญิงที่สวยที่สุดของปี 1 แล้ว แม้จะตัวสูงเป็นเปรตไปหน่อยก็ตาม แต่จริงๆ ไอ้ตัวเล็กของผม...น่ารักกว่านะ

“ช่วงนี้ขอบตาคล้ำๆ นะคะน้องปาล์ม” พี่แพนด้า กะเทยสวยปี 3 ของคณะเรา เป็นช่างแต่งหน้าให้พวกผม “แต่นอกจากขอบตาแล้ว อย่างอื่นเปล่งปลั่งมากค่ะ”

ผมนิ่วหน้า อะไรเปล่งปลั่งวะ “อ่านหนังสือดึกอ่ะครับ”

“แหม ขยันจังเลย พ่อหนุ่ม” โดนเจ๊แพนหยิกแก้มไปอีก ผมนี่มีสเน่ห์กับเก้งกวางมากกว่าที่คิดหรือเปล่าวะ คือสมัยอยู่บ้านนอกมันไม่มีกะเทยไง เลยไม่รู้ตัว

“ปาล์มอย่าขยันมากดิ มันกดเกรดนะ” เสียงรุ้งดังมา เธอนั่งรอแต่งหน้าต่อจากผมอยู่ใกล้ๆ กัน กำลังอ่านนิยายอะไรไม่รู้ ท่าทางตั้งใจมาก

“ก็เราเรียนไม่เก่ง” ผมหัวเราะ รุ้งรีบโวย

“โห สอบกลางภาคคะแนนสูงสุด 4 วิชารวด จากทั้งหมด 7 รายวิชา ยังมีหน้ามาพูดอีก”

“โห น้องปาล์มเป็นเด็กเรียนเหรอคะเนี่ย” เจ๊แพนตาโต

“ไม่ขนาดนั้นหรอกพี่ ก็มันมีแต่คนเก่งๆ ผมเลยยิ่งต้องพยายาม” ผมหลับตาลง ให้เจ๊แพนเขียนขอบตา ทาครีมกลบรอยคล้ำใต้ตา แบบที่ไอ้ตัวเล็กมันเคยทาให้

“เออ ไอ้ครีมนี่มันคืออะไรอ่ะพี่”

“หือ ที่กลบรอยใต้ตาเหรอคะ” ผมพยักหน้า “เขาเรียกอายครีมอ่ะลูก สั่งซื้อตามช้อปปี้ก็มี หรือจะไปตามช้อปในห้างฯ ก็ได้ หนูอยากได้ยี่ห้อไหนล่ะคะ”

“ไม่แน่ใจอ่ะครับ ขอกลับไปดูชื่อก่อนแล้วกัน” เหมือนจะเป็นกระปุกขาวๆ แดงๆ ป่ะวะ ดันลืมดูชื่อยี่ห้อ

“จะซื้อใช้เอง หรือเอาไว้ให้ใครหรือเปล่าคะเนี่ย”

“ใช้เองสิครับ โธ่” ผมโกหกไป ใครจะบอกว่าซื้อไปให้รูมเมทกันล่ะ

กว่างานประกวดจะเริ่มก็เกือบ 6 โมงเย็น ด้านนอกมีงานขายของ แต่ละคณะมาออกบูธกันเต็ม เหมือนตลาดนัดวันพุธกลางมอ ของกิน เสื้อผ้า ของกระจุกกระจิกเพียบ แล้วแต่ความครีเอทของแต่ละคณะ ที่จะสรรหามาขาย ของคณะผมแม่งโครตเรียบง่าย ขายข้าวไข่เจียว

“ตื่นเต้นมั้ย” รุ้งหันมาถามผม รอบข้างมีแต่หนุ่มหล่อสาวสวย เดือนดาวแต่ละคณะที่มารวมตัวกันในแบบจัดเต็ม ต่างจากตอนที่ไปถ่ายรูปรวมคราวก่อนมาก เรื่องแสดงความสามารถพวกผมเตรียมกันมาแล้ว เพราะรุ้งเรียนสาขาละคร ก็เลยจะเล่นละครเวที แถมเป็นละครร้องด้วย รุ้งเสียงดีมากบอกเลย แสดงกันสองคนนี่แหละ ผมไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย

“ก็นิดหน่อยมั้ง” ผมถูมือไปมา มันค่อนข้างชื้นเหงื่อนิดๆ ทั้งที่ในสตู 10 ก็เปิดแอร์เย็นเจี๊ยบ จริงๆ บทของผมมีไม่เยอะ เน้นให้รุ้งเล่นและร้องมากกว่า นี่แค่ประกอบฉาก แต่ก็มีท่อนที่ต้องร้องนิดหน่อย แล้วคือ เสียงดีมากอ่ะครับ ประชดนะ

“แฟนมาดูมั้ย ออกไปแล้วมองหน้าเขาไว้ จะได้ไม่ตื่นเต้น” รุ้งยิ้มหวาน แต่คำพูดมันแปลกๆ

“เฮ้ย เรายังไม่มีแฟนสักหน่อย” ผมรีบปฏิเสธ อะไรวะ คราวก่อนไอ้พี่ดิวก็หาว่าเบ๊บเป็นแฟนผม แล้วคราวนี้ใครอีกล่ะเนี่ยที่โดนเข้าใจผิด

“อ้าว เห็นในเพจลับมีคนเอารูปคู่ลงเยอะแยะเลย ไม่ใช่แฟนหรอกเหรอ”

เพจลับอะไรวะ ผมเกาหัวงงๆ ก่อนจะก้มมองหน้าจอสมาร์ทโฟนที่รุ้งยื่นมาให้ดู พลันต้องตกใจจนตาถลน ใครแม่งแอบถ่ายวะ รูปผมกับไอ้ตัวเล็กว่อนเพจ เพจลับคู่จิ้นมอxx ห่าไรเนี่ย รุ้งเป็นคนแบบนี้เหรอวะ เพิ่งรู้ สมัยนี้เขานิยมเรื่องพรรค์นี้กันเหรอวะ

“มันคืออะไรเนี่ย”

“ก็แบบเพจเกี่ยวกับคู่จิ้นในมออ่ะ มีทั้งชายหญิง หญิงหญิง ชายชาย แต่ส่วนใหญ่ก็เน้นชายชาย”

“แล้วมันยังไงอ่ะ” นี่ก็โง่ครับ เรื่องพวกนี้ยอมรับตรงๆ ว่าผมไม่รู้ห่าอะไรเลยจริงๆ

“ก็แบบคู่ที่ใครๆ เขาเห็นแล้วมันน่ารักไง อยู่ด้วยกันแล้วมันดีต่อใจ มีโมเม้นท์น่ารักๆ แบบแฟนกัน แต่ที่ดูนี่ ของคู่ปาล์มอ่ะเรียลมากเลยนะ มีป้อนข้าวกันด้วย กินนมต่อกันงี้ สนิทกันดีจัง” ไอ้กินนมต่อกันนี่เมื่อเช้าเลยนี่หว่า ไวมาก ไอ้ตากล้อง

“เหอๆๆ” ผมหัวเราะเหมือนตุ๊กตาไขลานที่พังแล้ว สนิทกันยิ่งกว่าที่เห็นในรูปอีกครับเพื่อน แต่ออกสื่อไม่ได้

“ตกลงใช่มั้ยอ่ะ แฟนกันป่าว” รุ้งเอียงคอสบตาผมอย่างสงสัย ไอ้ผมก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“เอ่อ ไม่ใช่หรอก แค่รูมเมทน่ะ”

“มิน่า ถึงได้ดูสนิทกันมากเลย อยู่ด้วยกันแล้วนี่เอง”

“ไม่ใช่ดิวะ แค่รูมเมท ไม่ใช่อยู่กันแบบนั้น” ผมล่ะละเหี่ยใจที่จะเถียง รุ้งก็ยิ้มกริ่มใหญ่ ทำหน้าเหมือนจับผิดอะไรสักอย่างด้วย  บ้าบอไปใหญ่แล้ว สวยแต่เพี้ยนสินะเนี่ย

แล้วก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องขึ้นไปแนะนำตัวทีละคณะบนเวที ก่อนจะเข้าสู่การแสดงของแต่ละคู่ ส่วนมากก็ร้องเพลง เล่นดนตรี รำ เต้น เดือนคณะวิดยาที่พวกไอ้แก๊บหมั่นไส้ก็ใช้ได้นะ มันโชว์มวยไทยครับ เท่ดีออก ทำไมพวกแม่งไม่ชอบกันก็ไม่รู้ ไม่รู้ไอ้ตัวเล็กมันมาดูผมมั้ย เพราะมองไม่ค่อยเห็นหรอก ตัวแม่งเตี้ย

แต่พอชะเง้อไป ก็เจอเลยว่ะ แม่งชูป้ายไฟซะใหญ่ ไอ้ห่า กูอายเค้าไอ้เบ๊บ!

เหมือนมันจะตะโกนอะไรมาด้วย กระโดดเหยงๆ ใหญ่เลย ผมไม่ค่อยได้ยินหรอก เสียงคนกำลังกรี้ดที่พวกเดือนดาวเดินออกมาเรียงกันหน้าสลอนบนเวทีอีกรอบ เพื่อรอรับดอกไม้ เอาไปรวมกับคะแนนโหวตในเนต เป็นผลป๊อปปูลาร์อะไรนั่น จากนั้นพี่พิธีกรก็ประกาศให้ส่งดอกไม้ได้ ก็มีคนทยอยเอามาให้เรื่อยๆ พวกเพื่อนๆ กันเองนี่แหละ ใครอยากให้คณะตัวเองชนะก็มาช่วยกัน แต่เพื่อนผมแม่งกวนตีนฉิบหาย เด็กวิดยาเกือบทั้งฝูง เสือกเอาดอกไม้ให้ผมหมดเลย ไอ้เดือนคณะมันนี่เหล่กูตาแทบหลุด แล้วเขาให้ได้คนละดอกด้วยไง เหมามากองไม่ได้ หนึ่งดอกต่อหนึ่งคนและหนึ่งเดือนดาว

สรุปผลเลยละกันครับ ผมได้ป๊อปปูลาร์โหวตจริงๆ แต่เดือนดาวประจำมอ คณะดุริยางค์ได้ไป ม้ามืดฉิบหาย แต่มองๆ ไปก็โอเคแหละ ดาวดุริยางค์อย่างน่ารัก ตัวเล็กๆ จิ้มลิ้มดี ส่วนเดือนดุอย่าถามผมครับ ไปถามคนอื่นเหอะ ไม่ได้มอง

“ปาล์ม! ปาล์ม!” เบ๊บแม่งแหกปากเรียกมาแต่ไกล พอผมหันไป ก็เจอมันโผเข้าใส่ เกือบรับไว้ไม่ทัน ล้มไปทั้งยืนนี่ภาพไม่น่าสวยเหมือนในละครนะไอ้ห่า

“ดีๆ เดี๋ยวล้ม” ผมดุเบาๆ มันเลยยืนใหม่ กอดผมตั้งหลัก แล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มแฉ่ง อดไม่ได้ที่จะบีบแก้มแม่งเล่นด้วยความหมั่นเขี้ยวสักที

“คืนนี้ไปฉลองกัน ที่ปาล์มได้ป๊อปปูลาร์โหวต” มันเปลี่ยนมากอดแขนผม ชวนไปเที่ยวกลางคืน เด็กวิดวะนี่ขึ้นชื่อเรื่องแดกเหล้าเคล้านารี แต่ไอ้เบ๊บคงเคล้าบุรุษเพศมากกว่าผมว่า แต่ผมอ่ะ เลิกเหล้าเลิกบุหรี่มาเป็นปีแล้วไง

“ที่ไหนวะ”

“ไปกับพวกแก๊บด้วย แล้วก็มีเพื่อนคณะเรา” มันมองไปทางด้านหลังผม แล้วตะโกนเรียกเพื่อนมัน “อ๊ะ คนนั้นไง เดือนวิดวะ เต็ม!”

“ไง เบ๊บ ไม่โหวตเราเลยนะ” ผมหันไปมอง เห็นเดือนคณะวิศวะเดินยิ้มมาแต่ไกล ขาวออร่ามาก ดูสำอางไม่เหมือนชุมนุมคนเถื่อนของวิดวะเลยว่ะ มิน่าถึงเด่นจนได้เป็นเดือนคณะ แล้วดูผมดิ สภาพแม่งเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง ขนาดใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกัน ยังรู้สึกแตกต่างกับพวกคุณชายในเมืองหลวง

“หวัดดี นี่เดือนอักษรป่ะ แย่งคะแนนเดือนวิดยา จนมันหน้าหงิกเป็นตูดเลย” รู้สึกไอ้เบ๊บจะเรียกมันว่า เต็ม มันหัวเราะใหญ่ ผมก็แค่ยกมุมปากเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ขำก็ไม่ออก เสียวๆ โดนดักตีหัวอยู่เหมือนกันแหละ เดือนวิดยาแม่งตาเขใส่ทั้งงาน

“ก็ทำไงได้ล่ะ ปาล์มหล่อกว่านี่ แล้วเพื่อนๆ ก็รักปาล์มมากกว่า ปาล์มน่ารัก นิสัยดี”

“ชมแต่ปาล์มอ่ะ ไม่ชมเรามั่งเหรอ” ไอ้เดือนเต็มยื่นปากยื่นหน้าหยอกล้อกับไอ้ตัวเล็ก ต่อหน้าต่อตากูเลยนะพวกมึง

“เต็มมีคนอื่นชมเยอะแยะแล้วนี่”

“โหย แต่ปาล์มเขาได้ป๊อปปูลาร์นา ต้องมีคนชมเยอะกว่าเราสิ” หน้าแม่งมาใกล้เกินแล้วว้อย ไอ้ห่านี่ ผมเริ่มนิ่วหน้า จ้องไอ้เดือนวิดวะ ที่แม่งก็เหมือนจะสนใจอ้อล้อกับเบ๊บ จนลืมผมกันเลย

แล้วทำไมกูต้องหงุดหงิดวะเนี่ย

ทนไม่ไหว ผมดึงแขนไอ้ตัวเล็กให้ถอยห่างจากหน้าหล่อๆ ของไอ้เดือนวิดวะ แล้วหันไปพูดกับมันเสียงแข็งสุดๆ จนตัวเองยังต้องตกใจ

“ไหนบอกจะไปฉลองไรไง ไปได้ยังวะ เบ๊บ”

***

อ่านวนกันไปก่อน 555 อีกตอนน่าจะเสร็จทันก่อนไปข้างนอกมั้งนะ
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน6 [24.10.20] คริ
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 24-10-2020 11:54:19
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน7 [24.10.20] คริ
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 24-10-2020 13:51:51
7
มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มันร้อนๆ รุ่มๆ ในอก หน้าก็ร้อน ตัวก็ร้อน มือก็ร้อนไปหมด

เวร...นี่กูเมาชัดๆ

ผมไม่ได้กินเหล้ามาเป็นปี เลยคออ่อนลงอัตโนมัติงั้นเหรอวะ นี่เพิ่งกระดกไปขวดเดียวเองนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนทั้งลังยังไม่เมาเลยมั้ง ก็เว่อร์ไปครับ จริงๆ ผมไม่ได้คออ่อนอะไรขนาดนั้น นี่แค่กรึ่มๆ ยังมีสติดีอยู่ แต่ก็เหมือนสติจะหลุดๆ แหละ ยิ่งเห็นไอ้เบ๊บไปแรดกับคนอื่นยิ่งหงุดหงิด ร้อนเหมือนอยากจะระเบิดแม่งออกมาให้โลกรู้

ว่ามันเป็นเมียกูโว้ยยยยย

ทำไมผมต้องคิดอะไรแบบนี้ด้วยวะแม่ง ก็แค่เซ็กส์เฟรนด์ป่ะวะ ไอ้เบ๊บแม่งร่านไง หาที่ระบายไปทั่วแหละ น่าหงุดหงิดชะมัด ยิ้มเก่งมากนัก เดี๋ยวกูจะยิ้มให้เยิ้มเลย

ไม่รู้ผีห่าซาตานที่ไหนมาสิง ผมลุกพรวด คว้าไหล่ไอ้ตัวเล็ก ในตอนที่มันกำลังยิ้มร่าสนุกกับเพื่อนผู้ชายทั้งฝูงของมัน คนอื่นอ่ะผมรู้จักดี ยกเว้นไอ้เต็ม เดือนคณะวิดวะที่แม่งกะลิ้มกะเลี่ยใส่ไอ้เบ๊บตลอด ตอดเล็กตอดน้อย แตะเอวมั่ง ตูดมั่ง ไม่จับค...แม่งเลยล่ะวะ ไอ้สัส

“ปาล์ม?” เบ๊บเงยหน้ามองผมงงๆ “เมาเหรอ”

“เปล่า” ผมตอบเสียงแข็ง นิ่วหน้าจ้องตามัน “พาไปห้องน้ำหน่อยดิ”

“ทางนั้นไง ป้ายเบ้อเร่อ” ไอ้เต็มชี้นิ้วให้ ยักคิ้วใส่กูไปอีก กวนส้นตีนเหรอ ผมเหมือนควบคุมมือไม้ตัวเองไม่ค่อยได้ เกือบกระชากคอเสื้อมันแล้ว ดียังยั้งทัน เปลี่ยนเป็นคว้าคอไอ้ตัวเล็กแทน

“ไปช่วยหน่อย” ผมก้มลงกระซิบบอกมัน คนอื่นไม่มีใครสนใจเราหรอก นอกจากไอ้เต็มที่มองเหมือนสงสัย ส่วนไอ้เบ๊บก็หน้าขึ้นสีนิดๆ รีบดึงมือผมไปทางห้องน้ำทันที

พอถึงห้องน้ำ ผมก็ผลักมันเข้าไปในห้องสุดท้าย ล็อคประตูเสร็จสรรพ ปล้ำจูบแม่งจนมันสะดุ้ง แต่ก็โอบคอผมแล้วตอบรับกลับมาเมื่อตั้งตัวได้ ผมดันหลังมันชิดกำแพงห้องน้ำด้านที่ไม่ติดห้องอื่น รัวลิ้นใส่ปากมันเหมือนอดอยาก เออ ผมเมา เมาสุดๆ ทำอะไรลงไปวะเนี่ย

“โทษที กูจะฉี่” กลายเป็นผมที่ผละออกมาแบบค้างๆ คาๆ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำลายที่มุมปากแล้วจะปลดกางเกง เบ๊บมองตามผมอย่างงุนงง หน้ามันยังแดงอยู่เลย

“ต้องช่วยจับมั้ยอ่ะ” มันแกล้งถามเย้าแหย่ หัวเราะคิกคัก

“อยากจับก็จับ” แล้วผมก็เสือกบ้าจี้ อนุญาตให้จับซะงั้น ขนาดอมยังปล่อยมันทำมาแล้วเลย ไม่อายหรอกครับ แล้วเบ๊บมันก็ยื่นมือมาช่วยจับให้จริงๆ ผมก็ยืนฉี่ทั้งแบบนั้นแหละ ปล่อยจนหมดก๊อก มือนุ่มๆ แม่งก็ยังลูบตามความยาวไม่เลิก ดวงตากลมๆ ใสๆ จ้องของผมตาวาว

“แข็งแล้วนี่”

“เอาลงดิ” มันมองหน้าผมเหมือนตกใจนิดๆ นอกจากคืนแรกที่ล่อกันแบบมาราธอนนั่น ผมแทบไม่เคยพูดหรือทำอะไรแบบนี้ก่อนเลย มีแต่มันเข้ามายั่วเอง จนผมทนไม่ไหว บางครั้งทนไหว ก็ไม่ทำด้วยซ้ำ เพราะผมหนีออกจากห้องไปก่อน นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ผมเอ่ยปากให้มันทำอะไรลามกๆ ได้เต็มที่

เบ๊บมันก็ใจง่ายโครตๆ คุกเข่าลงทันที ไม่มีอิดออด อ้าปากอมของผมเข้าปากไม่มีรังเกียจสักนิด ผมจิกหัวมันขึ้นมา

“ทำไมมึงร่านอย่างนี้วะ”

“อื้อ” แววตาของมันดุดันขึ้นมานิดหน่อย เหมือนไม่พอใจกับคำที่ผมใช้ ไม่จริงหรือไงวะ ก็มึงแม่งร่าน เอากูคนเดียวไม่พอ ไปแรดกับคนอื่นอีก ผมไม่อยากหยาบคายกับมันเลยนะให้ตาย แต่ผมเมาไงวะ ไม่ไหวจริงๆ ทำไมมันอยากรุนแรง เหมือนร่างกายต้องการปะทะ

ผมกระชากหัวมัน กดลงให้อมจนสุดโคน ปากมันนุ่มมาก ร้อนด้วย รู้สึกสุดยอด เหมือนจะแตกตอนที่ลิ้นสากเล็กๆ นั่นเลียเล็ม มันครางอู้อี้ในคอ น้ำตาเล็ด เพราะคงเข้าไปลึกจนถึงคอหอย แต่ก็พยายามจะดูดเลียสุดชีวิต จนผมแตกคาปากมัน ตอนที่ดึงออกมา น้ำคาวๆ ไหลทะลักเลอะเต็มปากมัน เห็นลำคอขาวๆ กลืนลงไปอึกใหญ่ ของมันเองก็เหมือนจะพองนูนอยู่ในกางเกง ผมเอาเท้าเหยียบลงไปเบาๆ มันครางในคอ หลับตาพริ้ม แก้มนี่แดงก่ำ ชอบสินะ

แต่ผมไม่ทำหรอก ผมดึงกางเกงขึ้นสวมตามเดิม แล้วเปิดประตู เดินออกไปจากห้องน้ำ ไอ้เบ๊บแทบจะกรี้ด แต่สภาพมันคือวิ่งตามออกมาไม่ได้ คงใช้เวลาจัดการตัวเองอีกพักใหญ่ ส่วนผมก็ไปบอกพวกไอ้แก๊บว่าขอกลับห้องก่อน แล้วก็กลับไปทั้งอย่างนั้นเลย

ผมใจร้ายเนอะ ไม่รู้โกรธอะไรมันเหมือนกัน แต่มันหยุดตัวเองไม่ได้ รู้สึกตัวเองโครตเลวที่แกล้งมันแล้วก็ทิ้งไว้แบบนั้น แต่มันก็เคยแกล้งผมมาตั้งเยอะนี่หว่า ถือว่าเอาคืนแล้วกัน

ผมกลับมาถึงห้อง อาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วก็เข้านอน บางอย่างมันติดค้างในใจ แต่ผมคิดไม่ออกว่ามันคืออะไร

***

เบ๊บไม่กลับมาที่ห้อง

ผมตื่นมาไม่เจอมัน คงเมาแอ๋ไปนอนห้องใครมั้ง หรือไม่ก็ไปเอากับใครที่ไหนจนไม่ยอมกลับมาที่ห้อง แม่งเอ๊ย ผมหงุดหงิดห่าไรนักหนา มือขยี้หัวตัวเองจนผมจะร่วงทั้งกระจุกอยู่แล้ว รำคาญความคิดของตัวเองชะมัด

ผมอาบน้ำแต่งตัว วันนี้วันเสาร์ ไม่มีอะไรทำก็คงอ่านหนังสือเหมือนเคย ผมกินข้าวเช้าเสร็จ ก็เจอเพื่อนๆ ที่เพิ่งตื่นลงมากันในสภาพยังไม่สร่างดี

“เบ๊บไปนอนห้องใครวะ” ผมถามพวกไอ้แก๊บ พวกมันก็มองหน้ากัน

“รู้สึกว่าจะไปกับไอ้เต็มป่ะวะ” ไอ้ไทด์โพล่งขึ้นมา มีมที่เหมือนจะเห็นเหมือนกันก็เลยพยักหน้า

“เออๆ กูเห็นมันไปกับไอ้เต็ม”

ผมกำหมัดแน่น ไม่รู้ทำหน้าแบบไหน พวกมันสะดุ้งกันนิดหน่อย แล้วผมก็เดินจ้ำอ้าวเข้าหอไปเลย ไอ้พวกนั้นตะโกนเรียกก็ไม่ได้สนใจ

ผมแม่งเป็นอะไรวะ ทำไมช่วงนี้หงุดหงิดชะมัด มันอยู่กับไอ้เต็มเหรอ แล้วไงวะ? เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ ผมไม่ได้เป็นอะไรกับมันสักหน่อย เบ๊บมันก็แค่ใช้ผมฆ่าเวลา เพราะอยู่กันแค่สองคน มันอยาก ผมเองก็อยาก ก็แค่นั้นเอง เราต่างคนต่างช่วยกัน แค่นั้น...เอง

ไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย ถ้าผมไม่ตัดสินใจพลาดในวันนั้น ถ้าผมรู้จักหักห้ามตัวเอง ผมกับมันคงยังเป็นแค่เพื่อนธรรมดาๆ ที่ไม่ต้องมานั่งคิดอะไรห่าเหวพวกนี้ให้ปวดหัว

บ่ายๆ ไอ้เบ๊บก็กลับมาที่ห้อง มาในชุดเดียวกับเมื่อวานนี้ มาถึงมันก็มองหน้าผมนิ่งๆ แล้วก็หมุนตัวเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงตัวเอง

โดนเอาจนเพลียหรือไง

ผมคิดพลางส่ายหน้า แม่งต้องได้กับไอ้ห่าเต็มแล้วแน่ๆ ไอ้นั่นมันจ้องจะฟันตาเป็นมันขนาดนั้น พักนี้คณะวิศวะมีเกย์เยอะขึ้นเนอะ ตอนแรกเห็นมีแต่เถื่อนๆ เหมือนลิงป่า

หงุดหงิดอีกแล้ว ผมแทบขยำหนังสือในมือทิ้ง แต่ก็ฝืนทน อ่านต่อแบบไม่คิดอะไร ตั้งสติให้มั่น ผมต้องเรียนให้จบด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง มันคือเป้าหมายของผม

เหลือบมองไป ไอ้เบ๊บยังนอนหันหลังให้ เงียบเชียบมาก ผมรู้สึกถึงเส้นกั้นบางๆ จากร่างเล็ก เล่นทิ้งมันให้ค้างในห้องน้ำผับแบบนั้น ใครไปเจอมันตอนนั้น มีหวังโดนเขาโทรมเอาแน่ๆ อ่ะ แต่ผมก็ยังทิ้งมันไว้ ไม่ใยดี

เลวเนอะ

ไม่มีสมาธิเลยว่ะ ผมโยนหนังสือลงบนเตียง ถอนหายใจเบาๆ พลางขยี้หัวตัวเอง ลุกออกไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า พอผมจะลุกไป ก็ได้ยินเสียง

“ฮึก...”

ผมขมวดคิ้ว หันกลับไปมอง แผ่นหลังเล็กๆ นั่นกำลังสั่นไหวเบาๆ แล้วก็ค่อยๆ หดเกร็ง เสียงสะอื้นดังขึ้น

รู้สึกเหมือนใจหาย

ลำคอของผมแห้งผาก มันไม่มีเสียงออกมา ผมไม่เคยเห็นเบ๊บร้องไห้แบบนี้เลย

ไอ้เกย์บ้ากาม วันๆ คิดแต่เรื่องใต้สะดือ ลามกจกเปรต เอาแต่ใจ ชอบข่ม แถมยังขี้อ้อน กำลังร้องไห้ตัวสั่นเหมือนเด็กเล็กๆ ตัวมันก็เล็กอยู่แล้ว ตอนนี้เหมือนยิ่งเล็กลงไปใหญ่ มันงอตัวกอดเข่าตัวเอง อย่างกับทารก

หัวใจผมเหมือนถูกบีบ

“ร้องไมวะ” ผมเค้นเสียงถามออกไปได้ในที่สุด เดินไปแตะไหล่มันเบาๆ มันสะดุ้งตัวสั่น

“ฮึก...ก็ปาล์ม...ทิ้งเรา”

ผมกลืนน้ำลาย นั่งลงข้างๆ แล้วลูบหัวมันเบาๆ

“ขอโทษแล้วกัน” ไม่มีอะไรจะพูดมากกว่านี้แล้วจริงๆ ผมผิดเองแหละ ไม่น่าไปอารมณ์เสียใส่มันแบบนั้น

“เราไปทำอะไรให้” มันถามเสียงเครือ สะอื้นไม่หยุด จนผมต้องอุ้มมันขึ้นมากอดไว้ มันก็ยอมให้ผมกอด ไม่ได้ขัดขืนอะไร

“กูขอโทษ”

“ไม่เอาคำขอโทษ เราอยากรู้ว่าโกรธอะไรเรา” มันผลักอกผมออก น้ำตานองหน้าเลย ปากเบี้ยวเชียว แต่ก็น่ารัก

“ไม่ได้โกรธหรอก แค่หงุดหงิดนิดหน่อย” ผมพ่นลมหายใจ ลูบแก้มมันเบาๆ เช็ดคราบน้ำตาออกให้ “เลิกร้องได้แล้ว หิวป่าว ไปหาไรกินมั้ย”

“หงุดหงิดอะไร” มันยังสงสัยไม่เลิก แต่ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมไง

“ก็ไม่รู้ไง กูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน มันหงุดหงิด แค่อยากแกล้งมึงเฉยๆ” ผมเริ่มนิ่วหน้า มันเลยเบะปากเหมือนจะร้องอีก ผมไม่อยากเห็นมันร้องไห้ ก็เลย...จูบปากมันเบาๆ เบ๊บตาโต เหมือนจะประหลาดใจ เพราะมันเป็นจูบที่ต่างจากครั้งไหนๆ

เพียงแค่สัมผัสเบาๆ เท่านั้น แต่กลับทำให้หัวใจเต้นแรง

สองมือของผมประคองแก้มของมันไว้ ปลายจมูกเราแตะกัน ผมมองตามันนิ่งๆ

“เลิกร้องได้ยัง”

มันส่ายหน้า ไอ้นี่ อยากให้ผมจูบอีกทีสินะ มามุกนี้ ผมคลี่ยิ้มอย่างเอ็นดู รู้นิสัยมันดี เลยยอมประกบปากอีกครั้ง มันเป็นจูบที่ไร้ราคะ อ่อนนุ่มและอบอุ่น

พอละริมฝีปากออกมา มันก็ยิ้มกว้าง จนตาหยี แม่งโครตน่ารัก

และไอ้ที่ใจเต้นรัวอยู่นี่ คงไม่ใช่ว่าผม...


เป็นโรคหัวใจหรอกนะ?

***

จบบบบบ เฮ้ยยย ล้อเล่น
เราหาเนื้อหาสาระของเรื่องไม่เจอจริงๆ 555  :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน6 [24.10.20] คริ
เริ่มหัวข้อโดย: wutwit ที่ 24-10-2020 14:11:39
แหมมมม เซ็กเฟร็น เริ่มมีหึงละเว้ย
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน8 [24.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 24-10-2020 16:06:04
8
เบ๊บ
เย้! ปาล์มหึงเราด้วยล่ะ ปาล์มหึง หึง หึง!

เนี่ย ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์จ้างไอ้เต็มมาช่วย ตอนปาล์มหึงแม่งโครตน่ารักเลย หึงโหดด้วย แต่เสียดายนิดหน่อย นึกว่าจะโดนจัดหนักๆ สักที แต่ปาล์มแม่ง ก็สมเป็นปาล์มจริงๆ โมโหแล้วก็ทิ้งเราให้ค้าง แต่เราไม่โกรธหรอกนะ เราชอบซะอีกที่ปาล์มเริ่มแสดงตัวตนจริงๆ ออกมา ความดิบเถื่อนที่มันซ่อนอยู่ ที่เราค้นหา ที่เราต้องการ

แต่ตอนที่แกล้งร้องไห้ ไม่คิดว่าปาล์มจะจูบแบบนั้นหรอกนะ เลยตกใจนิดหน่อย อ่อนโยนมากกกก ขอกรี้ดได้มั้ย ไม่มีใครอิจเราใช่มั้ยนะ ที่จะได้แฟนหล่อเท่เรียนเก่ง เอาเก่ง หมายถึงเอาใจเก่ง อิๆ

เนี่ย เหลือแค่ให้ปาล์มมันรู้ตัวว่าชอบเรา มันหลงเราแล้วแน่ๆ แค่ปาล์มพูดมาคำเดียวว่าชอบเรา เราจะตกลงทันที อยากได้ตัวสั่นไปหมดแล้ววววว แต่เราจะไม่ยอมบอกชอบปาล์มก่อนหรอก เดี๋ยวมันจะได้ใจ ปาล์มมันไม่ได้โง่หรอก มันแค่ซื่อบื้อ แล้วก็เป็นพวกตามน้ำ แบบโดนจูงง่าย ถ้าเราบอกว่าเราชอบมันก่อน มันก็จะตามน้ำไปงั้นๆ ไม่ใช่ความรู้สึกจริงๆ เราอยากให้มันรู้สึกด้วยตัวเอง ว่ามันชอบเราจริงๆ มากกว่า เพราะแบบนั้นมันจะได้หลงเราแบบหัวปักหัวปำเลยไง

“อือ” ดูสิ หน้าตอนหลับก็ยังหล่ออ่ะ น้ำลายยืดนิดหน่อย แต่ไม่รังเกียจหรอก เราชอบน้ำลายของปาล์ม ชอบให้มันเปียกอยู่บนตัวเรานี่แหละ อ๊า คิดแล้วก็อยากโดน แต่เมื่อคืนปาล์มไม่ยอมทำอ่ะ แค่จูบแล้วก็นอนกอดกันเฉยๆ

“ทำไมมึงตื่นก่อนวะ” อุ้ย พอลืมตามาเห็นเรานอนมองอยู่ก็นิ่วหน้าใส่เลย น่ารักกกกก หน้าบึ้งๆ นี่แหละโครตเท่ แบดบอยสุดๆ เรารีบเอาหัวไถแขนปาล์ม

“ก็อยากมองหน้าตอนหลับมั่ง” เรายิ้มเขิน เรารู้ว่าปาล์มชอบคนน่ารัก ขี้อ้อน เราต้องอ้อนเยอะๆ แรกๆ เราพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับปาล์ม แต่มันก็ไม่แนวเท่าไหร่อ่ะ เราเถื่อนไม่ขึ้น ก็ดูตัวเราสิ จะมามึงๆ กูๆ ด่าหยาบๆ ก็ทำไม่ได้ไง เวลาอยู่กับปาล์มเราอยากอ้อน อยากพูดหวานๆ ด้วยมากกว่า

“งั้นก็เลิกมองได้ละ กูจะไปอาบน้ำ ลุก!” หูยยย เสียงดุมาเชียว ปาล์มชอบทำเป็นดุ แต่จริงๆ ใจดีกับเรามาก ไม่รู้ว่าปาล์มรู้ตัวมั้ยว่าตัวเองน่ะเป็นคนใจดีแค่ไหน เรารู้สึกเหมือนบางมุม ปาล์มมีอะไรอยู่ในใจ ดูเครียดๆ ในบางครั้ง ไม่น่าจะเป็นเรื่องเรียนด้วย แต่ปาล์มไม่ค่อยเล่าเรื่องตัวเองเท่าไหร่ เราก็ยังไม่กล้าถามลึกขนาดนั้น

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวกันเสร็จ เราก็กอดแขนปาล์มออกไปกินข้าวด้วยกัน เพื่อนๆ ก็ดูรู้กันแหละ เพราะเราหวงของเรามาก ใครจะมาเข้าใกล้ เราจะคอยตาขวางใส่ ทั้งที่ปาล์มหล่อขนาดนี้ แต่ไม่มีผู้หญิงหรือเก้งกวางคนไหนมาตามรุม เพราะเราเลยล่ะ เราชอบไลฟ์เวลาอยู่ในห้องกับปาล์มด้วย ประกาศให้รู้ว่านี่ผัวเรา! ห้ามใครแตะ อิๆ

“อย่ามัวแต่เล่นดิวะ” อิๆ แกล้งติดมือถือเข้าหน่อย ปาล์มก็ตักข้าวป้อนใส่ปากแล้ว แบบนี้ไม่ให้รักได้ไงอ่ะ ตักป้อนเราแล้วก็ใช้ช้อนเดียวกันตักข้าวตัวเองกินต่อ พวกสาววายแถวนี้นั่งกรี้ดกันเป็นแถว แต่ปาล์มไม่เคยรู้ตัวเลย ฮ่าๆ เพื่อนก็อยู่กันนะ แต่ปาล์มมันคงชินมือ ไม่แยแสรอบข้างจริงๆ เล้ย น่ารักชะมัด

เราเคยมีแฟนเมื่อสมัยมัธยมมาคนนึง แรกๆ ก็ดูแลดี คอยมาถือกระเป๋านักเรียนให้ ไปรับไปส่งที่บ้าน มีจูบกันนิดหน่อย ลูบๆ คลำๆ ตามประสา แต่ไม่เคยมีอะไรกันจริงๆ หรอก เราเรียนโรงเรียนชายล้วน ผู้ชายบางคนก็แค่เหมือนเหงา เลยมาคบเราเล่นๆ แต่พอจะต้องออกนอกโรงเรียน จับมือกัน ทำเหมือนเป็นแฟนกัน มันก็ไม่ค่อยอยากทำ เหมือนอายสังคม ไม่กล้าเปิดเผย น่าเบื่อเนอะคนพวกนั้น ตอนเจอปาล์ม เราก็ไม่มั่นใจหรอกว่ามันจะรับเราได้แค่ไหน แต่จากที่ปาล์มทำให้เรา เราเลยมั่นใจว่า ถ้าได้เป็นแฟนกัน ปาล์มไม่มีทางอายที่ต้องเดินจูงมือเรา หรือกอดเรา

ก็ขนาดไม่ได้เป็นแฟน ยังกล้าทำในสิ่งที่เพื่อนทั่วไปเขาไม่ทำกันขนาดนี้แล้ว แถมไม่แคร์ใครเลย โครตดีจริงๆ

อยากให้ปาล์มรีบๆ บอกชอบเราเร็วๆ จัง รีบบอกสักทีสิ เจ้าทึ่ม!

***

ปาล์ม
พักนี้ไอ้เบ๊บทำตัวประหลาดขึ้นทุกที จริงๆ แม่งก็เป็นคนพิลึกมาตลอดแหละ แถมจัญไรด้วย แต่ไอ้ที่มันทำช่วงนี้เป็นความประหลาดในแบบอื่น

“ซื้อมาทำไมเนี่ย กูไม่ใส่หรอกนะ” ผมมองสร้อยคอที่มันจะยัดเยียดเอามาใส่ที่คอผม แม่งนึกถึงปลอกคอหมา ไม่มีทางรับมาใส่แน่ๆ

“น่า มันเหมาะกับปาล์มออก ใส่ให้ดูนิดเดียวก็ได้ แล้วจะถอดก็ค่อยว่ากัน” มันช้อนสายตาขึ้นมองปริบๆ

ผมถอนหายใจ “เออๆ” ยอมมันจนได้ ผมนั่งลงบนเตียง เบ๊บก็คลานไปโอบมาจากด้านหลัง สวมสร้อยให้ผมอย่างตั้งอกตั้งใจ มีฮัมเพลงลัลลามาก

“เนี่ย ดูสิ ใส่แล้วเท่ออก” มันว่า ผมเอามือแตะสร้อยเงินที่คอ เป็นสร้อยเส้นบางๆ แบนๆ เรียบๆ แม่ง รู้สึกเหมือนปลอกคอจริงๆ ด้วย

“ใส่ให้ดูแล้ว ถอดได้ละ”

“หูยยย ไม่เอาดิ ใส่ไปเที่ยวด้วยกันก่อน ไหนบอกว่าจะพาเบ๊บไปดูหนังไง”

ผมหรี่ตามองมันที่กำลังเกาะแขนออดอ้อน ใครบอกมันวะ แม่งมาร้องกระจองอแงบอกว่าเบื่ออยู่หอ บ้านช่องไม่ยอมกลับเอง ทีงี้มาบ่นเบื่อ ผมรำคาญ เลยบอกจะพาไปขี่รถเล่น ไปๆ มาๆ กลายเป็นต้องพาไปดูหนัง? มาตอนไหน กูพูดตอนไหน?

“แล้วเนี่ย เดี๋ยวเลือกชุดให้ เสื้อผ้าดีๆ ก็มี ไม่ค่อยจะใส่เลย จะขนมาทำไมให้รกตู้” มีบ่นๆ แค่เสื้อผ้าจะเลือกห่าไรนักหนา หยิบได้อะไรผมก็ใส่แบบนั้นแหละ

ไอ้ตัวเล็กยืนเลือกเสื้อผ้าแล้วหยิบโยนออกมาวางกองบนเตียงสามสี่ชุด ก่อนจะหันมาท้าวสะเอวมองหน้าผม ผมก็เอียงคอมองหน้ามัน

“ลองดิ จะดูว่าอันไหนใส่แล้วหล่อสุด”

“เรื่องเยอะ” ผมหาววอดๆ มัวเลือกเสื้อผ้าปาเข้าไปสิบโมง กว่าจะออกไปถึงห้างฯ พอดีเย็น เอาเวลาที่เสียไปมานอนกลางวันดีกว่า กลางคืนแม่งก็ไม่ค่อยจะได้นอน

“เร็วๆ น่า” มันดึงแขนผมให้ลุกขึ้นยืน แล้วก็จับผมลองชุด สรุปลงตัวที่เสื้อยืดสีขาว ทับด้วยแจ๊คเกตสีดำแดงกับยีนส์ขาดๆ สีดำ พ่วงด้วยสร้อยคอที่มันให้มาเมื่อกี้ ตามด้วยรองเท้าผ้าใบสีแดงคู่โปรดของผม มีอยู่คู่เดียวนี่แหละ อีกคู่ก็รองเท้าหนังใส่ไปเรียนละ

มันจับผมมายืนหน้ากระจก แล้วก็ช่วยเซตผมให้นิดหน่อย ผมเป็นคนผมน้อย มันเลยจะดูฟูๆ หน่อยที่ย้อมสีแดงๆ เพื่อให้มันดูสว่างๆ มีโวลุ่ม

“อ่ะ หล่อแล้ว ไปได้”

“เออ กว่าจะได้ไป แวะแดกข้าวกลางวันก่อนเลย” ผมพูดแดกดันมันไป ก่อนจะเปิดประตูให้คุณชายเบ๊บตามเคย

***

เบ๊บมันเลือกหนังที่จะดู ซื้อตั๋วที่เครื่องขายอัตโนมัติเสร็จสรรพ ก็วิ่งดุ๊กดิ๊กมาหาผมที่นั่งรออยู่ เพราะผมบอกว่าอยากดูอะไรก็ดูเลย ไม่ถนัด ค่าตั๋วต่างคนต่างออก ทีแรกมันบอกจะจ่ายให้ แต่ผมไม่เอา

“นี่ เทอมหน้าเราย้ายไปอยู่หอนอกมั้ย จะได้มีห้องน้ำในตัว” จู่ๆ ไอ้เบ๊บก็ถาม ผมกำลังนั่งอ่านเรื่องย่อหนังที่จะดู

“มึงก็ย้ายไปสิ กูอยู่ได้”

“โหย ก็เราอยากอยู่กับปาล์ม หอนอกมีตู้เย็นด้วยน้า” มาเกาะแขนง้องแง้งใส่อีกแล้ว

“มันเปลือง”

“เราออกให้หมดเลย ทั้งค่าห้องค่าน้ำค่าไฟ”

ผมกลอกตาไปมา “ถ้าอย่างนั้นมึงก็ออกไปอยู่คนเดียวง่ายกว่า ไว้กูแวะไปเยี่ยม”

“ไม่เอา ฮือออ” นั่น เบะปาก จะร้องอีกแล้ว แม่ง น่ารำคาญจริงๆ ต้องปลอบเด็กอีกแล้ว ผมถอนหายใจ ก่อนจะหันหน้าไปหามันแล้วก็ทำอย่างที่เคยทำเวลามันร้องงอแง

จุ๊บ

มันนิ่ง เสียงร้องไห้หายไปทันทีเหมือนไฟโดนตัด ก่อนที่สีแดงจะค่อยๆ ลามจากใบหูจนฉาบทั่วทั้งใบหน้าและลำคอของมัน

พอเห็นแบบนั้นแล้ว ไม่รู้ทำไม ผมถึงกับหลุดยิ้มออกมา

***

สุดท้ายของวันนี้ละจ้า ไม่อยู่บ้าน 2 วันเช่นเคย กลับมาอังคาร ถ้าคอมว่าง อาจจะมานั่งแต่งต่อได้
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน8 [24.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 24-10-2020 19:52:18
ปาล์มนี้พระเอกทึมและปากหนักอีก หึงหวงเบ๊บด้วยนะ ส่วนนายเอกก็ทำตัวน่ารักงุ้งงิ้ง
สักวันปาล์มจะหลงหัวปักเลยและ  :hao3:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน8 [24.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 26-10-2020 22:55:27
ผมชอบนะครับ เป็นนิมิตหมายที่ดีของคุณแลมโบซาช่าที่อยากจะฝึกเขียนฉากร่วมเพศ ถ้าอยากฝึกฝนเรื่องนี้ ผมมีข้อแนะนำบางอย่างให้ครับ

สำหรับฉากร่วมเพศหรือบรรยายกิจบนเตียง โดยมากแล้ว มักจะขึ้นว่าเราอยากจะได้อะไรเป็นสำคัญครับ ถ้าสมมุติว่าอยากจะเร่งให้โทนเรื่องมีความดุดันโรแมนซ์มากขึ้น การบรรยายฉากบนเตียงแบบโรแมนซ์ดุเดือดก็ถือเป็นสิ่งจำเป็น (หาดูตัวอย่างได้ตามฉากนิยายโป๊ทั่วๆไป) หรือถ้าอยากจะแฝงนัยยะหรือปมพล็อตของเรื่องมาผ่านฉากบนเตียง เราก็สามารถปรับการบรรยายฉากบนเตียงได้ ว่าจะเป็นการบรรยายแบบนุ่มนวล แต่แฝงเรื่องของพรรณนาความรู้สึกหรือบรรยายอีเวนท์ดีเทลประกอบ เพื่อทำให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่จำเป็นในการขบคิดและติดตามเรื่องไปจนจบ

ซึ่งสำหรับเรื่องนี้ ก็ทำได้ค่อนข้างโอเคระดับหนึ่งแล้วนะครับ มันอาจดูสั้นๆห้วนๆไปหน่อย ซึ่งด้วยเหตุนี้ มันทำให้ผู้อ่านได้ความรู้สึกว่าพระเอกดูเป็นคนเนือยๆไม่ได้ดุดันทางเพศมาก แต่ก็มีมุมดุดันดิบๆซึ่งบังเอิญว่าเบ๊บชอบอีก (ฮา) ซึ่งเป็นปริศนาในน่าค้นคว้าเรื่องราวในอดีตต่อ ซึ่งอย่างที่ผมเคยบอกคุณแลมโบซาช่าไปในเรื่องของเทวิน ฉากอัศจรรย์เป็นพื้นที่ที่ดีมากในการอธิบายหลายสิ่งหลายอย่างเข้าไปโดยที่ผู้อ่านจะไม่เอียนกับบทบรรยาย (เพราะสมองคนอ่านกำลังถูกเร้าอารมณ์จากโทนโรแมนติกอยู่) และมักจะมองข้ามไป ดังนั้น ถ้าคุณจะใส่ progress ตัวละครลงไป ผมขอยกตัวอย่างเรื่องเทวินละกัน เพราะชอบพระเอกเรื่องนั้น (ฮา) คุณจะเสริมความเป็น muscularity อะไรลงไป ก็ทำในบทอัศจรรย์แทนบทบรรยายปกติ พละกำลัง ความทนทาน รูปร่าง ที่พัฒนาขึ้นจากการอยู่ในคุก หรือแม้แต่ลักษณะนิสัยส่วนตัว ปมพล็อตเรื่อง การหลุดปาก ฉากอัศจรรย์ (หรือฉากเล้าโลม) ก็สามารถแสดงเรื่องนั้นได้ผ่านบทบรรยายโดยที่ไม่ต้องบอกในฉากบทปกติ

หนังสือบางเรื่องเช่น A Song of Ice and Fire ก็เอาเล่นกับฉากแบบนี้ คือยัดข้อมูลสำคัญๆลงมาในฉากเล้าโลม ยัดตัวละครสำคัญมาแล้วให้ฉากนั้นเป็นตัวอธิบายลักษณะนิสัยของตัวละครเอกแทน เช่น แดแนรีส เรียนรู้ที่จะกลายตัวจากหญิงที่โดนตามมาตลอด กลายมาเป็นผู้หญิงที่มุ่งมั่น โดยเริ่มจากทำให้ Khal Drogo หันมารักหลงได้ผ่านคำแนะนำของสตรีคนหนึ่งว่าเผ่านักรบบนหลังม้าไม่เคยเจออะไรแบบไหน หรือ เช โสเภณีที่ทำให้ทีเรี่ยนหลงรัก แล้วปรากฏว่าสุดท้ายคือก็โดนฆ่า เพราะว่าไปสมคบกับไทวินบิดาของทีเรี่ยนแทน หรือ ฉากร่วมเพศของร็อบกับผู้หญิงชาวแพทย์ปริศนาที่โผล่มา ก็บ่งบอกลักษณะนิสัยของร็อบในการที่จะไม่ยอมถูกหมั้นหมายตามประเพณี และบอกความดุดันในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลสตาร์ค

สู้ๆนะครับ พยายามเข้า ฉากโรแมนซ์ถ้าทำให้ดี ไม่ว่าจะดุดันเหมือนนิยายปกขาว หรือละเมียดละไมเหมือนบทกวี ถ้าเรารู้จุดประสงค์และใส่ข้อมูลให้ถูกจุด เราก็จะอธิบายได้ว่าฉากนี้มีไว้เพื่ออะไร และจะรู้สึกสนุกกับการเขียนฉากแบบนี้มากขึ้นครับ
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน9 [27.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 27-10-2020 10:05:34
8
บางที เบ๊บก็เป็นคนน่ารำคาญ จนน่าโบกสักที

“ตกลงยอมย้ายไปอยู่หอนอกกับเราแล้วใช่มั้ย”

“กูบอกว่าไม่ไง จะตื้ออะไรนักหนาวะ” ผมเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ แล้ว เพราะมันเล่นตื้อถามสามเวลาก่อนอาหาร ส่วนเวลาหลังอาหารก็เอาไว้ออกกำลังในร่ม คือ ขอกูพักหายใจหายคอบ้างไรบ้างได้มั้ยเนี่ย

“ก็แค่ตอบว่าจะไปอยู่หอนอกด้วยกัน มันยากตรงไหนล่ะวะ” ไอ้เบ๊บขึ้นเสียงใส่ ซึ่งปกติมันไม่ค่อยทำหรอก นี่ตื้อผมมาร่วมเดือน จนจะสอบปลายภาคและปิดเทอมอยู่แล้ว และผมต้องกรอกเอกสารยื่นขออยู่หอในต่อ พอมันเห็นเอกสารนั่น ก็มาโวยวายข้างหู เถียงกันไปมาเถียงกันมาด้วยเรื่องเดิม ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เราเหมือนจะทะเลาะกัน แบบคนปกติเขาทำ

“มึงจะได้ขึ้นคร่อมกูง่ายกว่าเดิมน่ะเหรอ ให้เวลากูทำอย่างอื่นบ้างได้ป่ะ ถ้ามันคันนัก ก็ไปหาผู้ชายคนอื่น...”

พั่บ ตุ้บ

ผมหลับตาปี๋ ไม่ทันได้หลบหนังสือที่มันปาใส่หน้า รู้สึกเจ็บที่โหนกแก้มกับจมูกนิดหน่อย แต่ไม่ถึงกับเลือดตกยางออก และผมคงไม่ทำมันกลับหรอก แค่ยืนนิ่งๆ ปล่อยให้มันทุบตีจนพอใจ พอเหนื่อยมันก็รามือไปเอง

“ทำไมไม่เข้าใจเราสักที ทำไมไม่ยอมตามใจเราเหมือนเดิม!” มันตะโกนใส่หน้าผม แล้วก็วิ่งออกจากห้องไป ทำตัวเหมือนนางเอกนิยายน้ำเน่าไปได้

ผมถอนหายใจ ก้มลงเก็บหนังสือที่มันปามา หนังสือภาษาญี่ปุ่นที่ผมใช้เรียนสมัยม.ปลาย รูปถ่ายที่ผมคั่นไว้ในหน้าหนังสือร่วงออกมา ผมรีบเก็บมันยัดใส่กระเป๋ากางเกง แล้วเอาหนังสือไปเก็บบนโต๊ะตามเดิม เพิ่งอ่านไปได้สองสามหน้า ก็โดนไอ้เบ๊บกวนจนไม่เป็นอันอ่านต่อ

แล้วผมเคยตามใจอะไรมันตอนไหนวะ ถึงได้มาบอกให้ตามใจเหมือนเดิม งงในงงครับ

“เป็นห่าไรไอ้เหี้ยปาล์ม แล้วเด็กมึงไปไหนล่ะวะวันนี้” ไอ้วิทย์โผล่มาก็ลากผมไปกอดคอทันที มันเป็นคนติดสกินชิพนะผมว่า ชอบกอดชอบคลอเคลีย

“เด็กไหนวะ” ผมนิ่วหน้า

“ก็ไอ้เบ๊บไง ใครๆ ก็รู้ว่ามันกับมึงเป็นอะไรกัน อย่าเหนียมเพื่อนเลยน่า พวกเราคนกันเอง สนิทกันแล้ว คุยได้นะเว้ย” อยู่กันมาจะครบเทอมแล้ว ก็ถือว่าสนิทล่ะมั้ง ผมคิดในใจ พลางถอนหายใจ

“มันไม่ใช่เด็กกู แค่รูมเมท” ไม่รู้ว่าตอบเรื่องนี้กับใครมากี่ครั้งแล้ว มีแต่คนชอบพูดแบบนั้นเรื่อย

“ขนาดนี้แล้ว มึงยังคิดว่ามันมองมึงเหมือนรูมเมทอยู่อีกเหรอวะ” ไอ้วิทย์เลิกคิ้ว

“ก็แล้วจะให้มองเป็นอะไร ทาสเหรอ?” ผมละเหี่ยใจ

“ฮ่าๆ มึงคิดมากเกินไปแล้ว ไม่ขนาดนั้นหรอกมั้ง” ไอ้วิทย์เปลี่ยนมาขำก๊าก “มึงไม่รู้ตัวเลยเหรอ ถามจริง”

“รู้ตัวอะไรวะ”

“ก็เบ๊บมัน คืองี้” ไอ้วิทย์เหมือนจะอยากคุยส่วนตัว มันลากผมไปหลังโรงอาหารหน้าหอ ที่ไม่ค่อยมีคนผ่านไปมาในช่วงเช้า แถวๆ ริมบ่อน้ำทิ้ง

“มึงไม่เคยเช็คเฟสหรือ IG เลยเหรอ”

“ก็เช็คนะ แต่นานๆ ที”

“ล่าสุดเมื่อไหร่” ไอ้วิทย์เริ่มทำหน้าจริงจังขึ้น ผมเลยยิ่งขมวดคิ้ว

“สัก...เดือนที่แล้ว”

พอผมตอบแบบนั้น วิทย์มันก็ทำหน้าเหมือนอยากด่า แต่หาคำด่าไม่ถูก ก่อนจะลากผมหลบไปหลังต้นไม้ ลับตาคนแบบสุดๆ เท่าที่จะทำได้ ก่อนจะหยิบสมาร์ทโฟนของมันออกมาเปิดอะไรบางอย่างให้ผมดู

“เมื่อ 3 วันก่อน มันลงสตอรี่ใน IG ตอนไปดูหนังกับมึง อ่ะ ดูซะ”

ผมรับมาดู คลิปใน IG ของเบ๊บ ซึ่งผมไม่ได้กดติดตามไว้หรอก มันคือภาพตอนที่ผมไปเที่ยวกับมันเมื่อ 3 วันก่อนจริงๆ ชุดที่ผมไม่ค่อยจะเอามาใส่ ผมจำได้ดี ในคลิปคือหลังจากดูหนังจบแล้ว และผมดันเผลอหลับในโรง เบ๊บมันเลยถ่ายคลิปไว้ มีข้อความขึ้นว่า มาดูหนังกับแฟน

แฟน?

[หน้าตอนหลับของปาล์ม ของแรร์ใช่ม้า]

เสียงดังลอดออกมาจากคลิปแค่นั้น แล้วคลิปก็ตัดไป

“มันเป็นแฟนกูตอนไหนวะ ไอ้สัส” ผมไม่รู้สึกอะไรนะ เอาจริงๆ แค่งงมากกว่า

“อ้าว แล้วมันไม่ใช่เหรอวะ เห็นอยู่ด้วยกันทีไร มึงก็คอยเอาใจมันทุกอย่าง กระทั่งป้อนข้าวเลยนะเว้ย” ไอ้วิทย์หยิบสมาร์ทโฟนคืนไป

“ก็กูเห็นมันเหมือนน้องที่บ้าน...แม่งมัวแต่เล่น ไม่ยอมกินสักที เดี๋ยวไปเรียนสายพอดี”

“แล้วเวลาอยู่ในห้องกันสองคนอ่ะ ทำเหมือนแฟนกันเลย”

“ยังไงวะ”

แล้วมันก็เปิดเฟสบุ๊คของไอ้เบ๊บให้ผมดู อันนี้ผมแอดกันไว้นะ แต่ไม่ค่อยได้เข้าไปดู ที่ผมอ่านบ่อยสุดคงเป็นไลน์ นอกนั้นคือมีไว้เฉยๆ

“เนี่ย รูปมึงทั้งน้าน แถมแคปชั่นกันท่าคนอื่นสุดๆ พวกกูไม่แปลกใจเลยว่าทำไมมึงไม่มีใครมาสนใจ เพราะเขาคิดว่ามึงมีเมียแล้วทั้งนั้นไง” ไอ้วิทย์อธิบาย จนผมมึนนิดๆ

ไล่สายตาอ่านคอมเม้นท์ ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกเพื่อนๆ มันและเพื่อนผมบางส่วนด้วย อันไหนมันเปิดสาธารณะไว้ก็มีคนนอกมาคอมเม้นท์บ้าง มีแต่ข้อความไร้สาระ ผมไม่ได้สนใจขนาดนั้น ใครจะคิดอะไรยังไงก็ช่าง แต่เรื่องนี้คงต้องไปถามและคุยกับเบ๊บตรงๆ สักครั้ง พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับคอมเม้นท์ในโพสสาธารณะอันล่าสุด

Surawit AMR: เจอกันจนได้นะ

ใครอ่านเผินๆ ก็คงคิดว่าแซวผมกับเบ๊บที่มาเจอกัน แต่มันไม่ใช่ และคนที่รู้ดีที่สุดคือคนที่รู้จักกับเจ้าของคอมเม้นท์นี้ อย่างผม

เย็นนั้น ผมมีเรื่องต้องเคลียร์กับเบ๊บโดยด่วน เลยไปรอรับมันกลับห้องที่ตึกวิศวะ พอมันเดินลงมากับเพื่อน แล้วเห็นผม ก็เหมือนจะยังงอนๆ อยู่ เมื่อเช้าก็ออกไปก่อน ไม่ยอมให้ผมไปส่งเหมือนทุกที

“มาไมอ่ะ” มันถามหน้าตาเหมือนไม่พอใจ งอนจริงๆ ด้วย แต่ผมก็เคืองๆ มันอยู่เหมือนกันแหละ

“มีเรื่องจะคุยด้วย”

“ไม่อยากคุยแล้ว ปาล์มไม่ยอมไปอยู่หอนอกกับเรา” ดูมัน ทำสะบัดสะบิ้งใส่ เพื่อนมันก็มองๆ มา ส่วนใหญ่ผมก็รู้จักแหละ แต่กลุ่มผู้หญิงไม่ค่อยได้คุยเท่าไหร่ ซึ่งก็มีแค่ไม่กี่คนหรอก

“เรื่องนั้นไว้ทีหลัง กูต้องคุยเรื่องนี้กับมึงก่อน” ผมหยิบสมาร์ทโฟนออกมาชูตรงหน้ามัน รูปภาพของผมที่มันเอาลงในเฟสบุ๊คทั้งหลายแหล่ พร้อมแคปชั่นเหมือนเราเป็นแฟนกัน

“อ่ะ ก็ปาล์มไม่เห็นเคยว่าอะไรนี่ แล้วจู่ๆ จะมาคุยทำไม” มันเบะปาก

“ไปคุยที่ห้อง” ผมเริ่มเสียงแข็งขึ้น และมันก็รู้ว่าผมค่อนข้างจริงจังกับเรื่องนี้ เลยเลิกเล่นตัว แล้วยอมเดินตามผมไปขึ้นรถ

พอมาถึงที่ห้อง มันก็โยนข้าวของลงบนเตียงตัวเอง แล้วนั่งลงรอผมเปิดประเด็น

“ลบรูปกูทิ้งให้หมดเดี๋ยวนี้” ผมเอ่ยเสียงเรียบ ไม่ได้โกรธ แค่เคืองๆ

“ก็ได้” มันเองก็ว่าง่าย เพราะกลัวผมจะโกรธ เรื่องย้ายหอก็ยังคาราคาซัง

“มึงอยากให้กูออกไปอยู่หอนอกด้วยจริงๆ เหรอวะเบ๊บ” ผมถามระหว่างที่มันกำลังไล่ลบรูปรูปโพสให้ ในเมื่อมันว่าง่าย ผมก็เลยลองคิดเรื่องหอนอกในใจ และคิดว่าคงไม่ได้ลำบากยากเย็นอะไร แค่โทรไปขอเงินแม่เพิ่ม แต่กับพ่อ คงยากหน่อย

“อือ ก็เราอยากอยู่กับปาล์มนี่” เสียงของมันอ่อนลง ฟังดูเหงาๆ เศร้าๆ และอีกเรื่องที่ผมคาใจก็คือ...

“มึงชอบกูเหรอ”

เบ๊บเงยหน้าขึ้นทันที “เอ๊ะ” แล้วแก้มของมันก็ขึ้นสีแดงจางๆ

“ถ้าไม่ใช่ก็ไม่เป็นไร กูแค่สงสัยเฉยๆ”

มันหน้ามุ่ย แก้มแดงกว่าเดิม ไม่รู้โมโหหรือเขินกันแน่ ผมไม่ได้จะคาดคั้นอะไร ก็แค่สงสัยเลยถาม แค่นั้นแหละ

“อ่ะ อ้าว อะไรอ่ะ ถามแล้วก็ไม่อยากให้ตอบงี้”

“แล้วมึงจะตอบมั้ยล่ะ” ผมกอดอก เอียงคอมองมัน รอว่าจะเอายังไง ก็เอา แต่สุดท้ายมันก็ลุกขึ้น พุ่งมาตรงหน้าจนผมเกือบผงะหงายหลัง แล้วมันก็ตะโกนใส่หน้าผมอย่างดัง ก่อนจะวิ่งหนีออกจากห้องไป

“ไม่ตอบหรอก”

***

สองวันต่อมา ผมโทรหาแม่แล้ว เรื่องหอนอก แม่ไม่มีปัญหา และบอกจะส่งเงินมาให้เพิ่มจากเดิมอีกสามพัน

[แล้วเรื่องเรียนเราเป็นไงมั่ง ตั้งใจอยู่ใช่มั้ย ไม่เหลวไหลอีกนะ] เสียงของแม่ยังคงกังวลไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าผมจะพยายามแค่ไหน เปลี่ยนแปลงตัวเองยังไง

“ครับ” แล้วผมก็ตอบอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้จริงๆ

[แม่ยังไม่ได้บอกพ่อเขาเรื่องเราจะขออยู่หอนอกนะ แต่เรื่องเงินไม่ต้องห่วง ถ้าลูกยังตั้งใจเรียนอยู่ก็โอเค ขาดเหลือก็บอกแม่ แล้วก็...จะเอารถไปใช้มั้ย หอนอกน่าจะไกลจากมหาลัยหรือเปล่า]

“ยังไม่รู้ครับ แต่ขี่มอไซค์เอาได้ ไม่ต้องห่วง ผมอยู่ได้”

[งั้นก็ดีแล้ว ปิดเทอมกลับบ้านมั้ย]

“ก็...คงกลับ”

[จะมาเมื่อไหร่ก็บอกล่วงหน้าล่ะ]

“ครับ แค่นี้นะครับแม่”

[อืม ตั้งใจเรียนนะปาล์ม อย่าทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังอีก]

ผมรับคำสั้นๆ แล้วกดวางสาย พลางทิ้งตัวลงนอนหงายบนเตียง เหม่อมองเพดานห้องสีหม่น เพราะหอมันเก่ามากแล้ว

อีกไม่นานก็จะสอบปลายภาคและปิดเทอมแล้ว

***

แต่งไปแต่งมาเรื่องนี้มันดราม่าซ่อนอยู่ยังไงชอบกล 55
มันไม่ใช่อย่างที่ช้านคิดตอนแรกกกกก

ขอบคุณคอมเม้นท์นะฮ้าฟ คุณแทนเจ้าประจำของเราเลยทีเดียวเชียว กับคุณเกรย์ที่แวะมาแนะนำเยอะแยะเลย
กำลังพยายามบิ้วอยู่ แหะๆ เอาจริงๆ เราชอบแนวดราม่าสุดนะ แต่ก็เขียนแบบเกร็งๆ หน่อย เพราะเราไม่ชอบความสุดโต่งอ่ะ เขียนไปๆ ตัวละครเราจะกลมป๊อกเลย พยายามคงคาแรคเตอร์ไม่ได้ เพราะคนเรามันต้องมีหลายด้านอ่ะ แต่เรื่องนี้เราอยากให้ปาล์มกับเบ๊บสุดโต่ง ซึ่งแต่งยาก 55

 :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน9 [27.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 27-10-2020 10:16:17
อ้าว!! ถ้าเราเป็นเบ๊ป ก็คิดว่าให้ตำแหน่งแฟนไปตั้งนานแล้ว
ออกไปอยู่หอนอกคงเหนื่อยหน่อยนะปาล์มนะ   :hao6: เชียร์เบ๊บ  :mc4:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน10 [28.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 27-10-2020 23:33:11
10
“ปาล์ม เราได้หอใหม่แล้วนะ เพื่อนแนะนำให้ มีห้องน้ำในตัว แถมยังเก็บเสียงดีด้วย มีทีวี ตู้เย็นพร้อมเลย แอร์ด้วย” ไอ้ตัวเล็กที่นอนพิงหลังของผมอยู่เอานิ้วเลื่อนๆ หน้าจอสมาร์ทโฟนของมันดูรายละเอียดหอพักใหม่ที่เราจะย้ายไป ส่วนผมกำลังอ่านหนังสือเตรียมสอบปลายภาคในอาทิตย์หน้า

“ย้ายไปช่วงปิดเทอมเลยมั้ย จะได้ไม่ต้องกลับบ้าน”

“มึงจะไม่กลับบ้านกลับช่องจริงๆ เหรอวะเบ๊บ” ผมอดถามไม่ได้ มันไม่เคยกลับเลย เกาะติดอยู่กับผมตลอด

“ก็เราอยากอยู่กับ...”

“พอเลย” ผมรีบตัดบท เพราะรู้ว่ามันจะต้องรีพีทแต่ประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ ออกมา

“กูต้องกลับบ้านนะ”

“เราไปด้วยได้ป่าว บ้านปาล์มอยู่ไหนนะ ไม่เคยคุยกันเรื่องของปาล์มเลยอ่ะ” มันส่งเสียงงุ้งงิ้งอยู่กับหลังของผม อยู่กันจะหมดเทอมแล้ว ไม่เคยคุยเรื่องส่วนตัวกันเลย แต่ดันมีอะไรกันแล้ว แถมคนอื่นก็มองว่าเราสนิทกันเกินเพื่อนไปอีก ซึ่งที่จริงผมก็พอใจกับความสัมพันธ์แบบนี้ ถึงได้ปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้ว่าอะไรเวลาที่มันคอยมาเกาะแกะ แสดงตัวเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผม

“พิจิตร”

“แล้วที่บ้านมีใครมั่งนอกจากแม่กับน้อง”

“พ่อ กับปู่”

“ดูเป็นครอบครัวใหญ่ดีจัง บ้านเรามีแค่เรากับแม่สองคนเองอ่ะ แล้วแม่ก็ไม่ค่อยว่าง เราถึงได้ไม่ค่อยอยากกลับไป เพราะยังไงก็ต้องอยู่คนเดียว”

ผมเพิ่งรู้เนี่ยแหละ เลยนิ่งไปเล็กน้อย ที่เบ๊บมันติดผมแจ คงเพราะมันเหงาสินะ เห็นผมเหมือนพ่อจริงๆ ใช่มั้ยเนี่ย

“พ่อของปาล์มดุมั้ย”

“เรียกว่าเข้มงวดมากกว่า”

“ยังไงอ่ะ พ่อเราหย่ากับแม่ตั้งแต่เรา 2 ขวบ ไม่รู้เลยว่าพ่อเป็นยังไง”

“ก็ชอบวางแผน กำหนดชีวิตมั้ง อยากให้ไปทางไหนก็ต้องไปทางนั้น พอแหกเข้าหน่อยก็จะตัดหางปล่อยวัด ประมาณนั้น” ผมพยายามอธิบายแบบกว้างๆ ที่สุดแล้ว ลงลึกกว่านี้ก็เป็นเรื่องส่วนตัวแล้วล่ะ มันเป็นปัญหาที่ผมก่อ และอยากจะลืมๆ ไปสักที

“แล้วปาล์มเคยแหกกฎกับพ่อเหรอ”

“บ่อยไป”

“ปาล์มเป็นเด็กดื้อเหรอเนี่ย” ไอ้ตัวเล็กยื่นหน้ามาหนุนบนตักผม ทำตาโตอย่างประหลาดใจ

“เกินคำนั้นไปเยอะ” ผมตอบกำกวม ถ้ามันถามมากกว่านี้ ผมก็ไม่รู้ว่าจะเล่าต่อดีมั้ย มันต้องรับไม่ได้แน่ๆ ถ้ารู้ว่าจริงๆ แล้วผมเคยเป็นคนยังไง แม้จะไม่รู้ว่ามันชอบผมจริงหรือเปล่า แต่ผมก็ไม่ได้อยากโดนเบ๊บเกลียด

“เกินยังไง” แล้วมันก็ถามจริงๆ

“เลิกเล่นตอบคำถามได้แล้ว กูจะอ่านหนังสือ มึงก็ควรอ่านได้แล้วนะ” ผมดุเบาๆ

“จูบทีก่อน แล้วเราจะไปอ่านหนังสือเงียบๆ” มันลุกขึ้นนั่งคุกเข่า หลับตายื่นปากรอ จมูกรั้นๆ นั่นก็ดูน่ารักน่าหยิกไม่หยอก ผมเลยบีบจมูกมันไปที

“โอ๊ยยย บอกให้จูบ ไม่ได้ให้บีบจ...อือ” พอมันลืมตาขึ้นโวยวาย ผมก็บีบจมูกของมันไว้ทั้งแบบนั้น พลางโน้มตัวลงประกบริมฝีปากเบาๆ งับเม้มริมฝีปากล่างของมันด้วยความหมั่นเขี้ยว แล้วก็ผละออกมา มองหน้าแดงก่ำของมันที่ช่างน่าเอ็นดู ถ้ามันอยู่เงียบๆ แล้วทำหน้าแบบนี้บ่อยๆ ผมคงชอบมันได้อยู่

ผมคลี่ยิ้มบางๆ ให้มัน “ไปอ่านหนังสือได้แล้ว”

***

การสอบปลายภาคผ่านพ้นไปด้วยดี เพราะเบ๊บมันยอมให้ผมได้อ่านหนังสือ และตัวมันเองก็เหมือนกัน เป็นระยะเวลา 3 อาทิตย์ที่สงบเงียบและสบายใจที่สุดสำหรับผม

“ปิดเทอมให้เราไปอยู่บ้านปาล์มด้วยได้มั้ย เราเหงาอ่ะ ไม่อยากกลับบ้านเลย” สอบวันสุดท้ายเสร็จสิ้น ผมเตรียมเก็บกระเป๋ากลับบ้าน ข้าวของมีเท่าเดิม แทบไม่ได้ซื้ออะไรเพิ่มเลย ส่วนของขวัญที่ตั้งใจซื้อให้เบ๊บ กะจะให้ตอนปีใหม่นู่น จริงๆ ก็ไม่น่ารีบซื้อหรอก แต่ผมกลัวจะลืม ก็ต้องหอบมันกลับไปด้วย แค่ชิ้นเล็กๆ ไม่ได้หนักหนาอะไร

“อยากไปก็ไป” ผมตอบอย่างไม่ใส่ใจ ให้มันอยู่ที่บ้านหลังเล็กกับผมสองคนได้อยู่ ไม่ต้องไปที่บ้านใหญ่ก็ได้ ถ้าเจอพ่อ ผมกลัวว่าจะมีปัญหาตามมา เพราะหลังๆ เบ๊บมันแสดงออกมากเกินไป แล้วพ่อผมยิ่งไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้ หมายถึงผู้ชายที่ทำตัวตุ้งติ้ง อะไรแบบนั้นน่ะ

คำตอบของผม เหมือนจะถูกใจเบ๊บน่าดู มันกอดผมแน่น หอมแก้มฟอดใหญ่ แล้วก็รีบจัดของใส่กระเป๋ารอ อีกสองวันรถที่บ้านจะมารับผมกลับ

“พ่อของปาล์มมารับเองเหรอ” เบ๊บมองไปที่รถปิคอัพคันใหญ่สีดำที่ผมบอกว่าเป็นรถของที่บ้าน มันคงประหม่าถ้าจู่ๆ จะต้องเจอพ่อผม

“เปล่า ลูกน้องพ่อ” ผมบอกมัน แล้วช่วยมันลากกระเป๋าไปเก็บที่รถ คนขับรถเป็นลูกน้องที่ทำงานของพ่อ ชื่อ พี่แอ๊ด ผมก็บอกให้มันไหว้เขาด้วย ถึงจะขับรถมารับ แต่เขาก็ไม่ใช่คนขับรถโดยอาชีพ

ระหว่างเดินทาง ผมนั่งข้างหน้ากับพี่แอ๊ด ส่วนเบ๊บนั่งเบาะหลังคนเดียว มันก็ชวนพี่เขาคุยเรื่อยๆ คงอยากรู้เรื่องของผมจากคนอื่น เพราะบางเรื่อง ถามไป ผมก็ไม่บอก

“จริงๆ พี่ก็เพิ่งรู้จักปาล์มแค่ไม่นานเอง เมื่อ 2 ปีก่อนได้นะ แล้วปาล์มก็ต้องมาเรียนไกลบ้านแล้ว” พี่แอ๊ดก็เล่าเท่าที่พี่เขารู้ เรื่องก่อนหน้าที่ผมจะย้ายไปอยู่กับพ่อที่พิจิตร คนที่นั่นไม่มีใครรู้หรอก ก่อนหน้านี้ครอบครัวของผมอยู่ที่เชียงราย แล้วมีปัญหานิดหน่อย มั้ง พอดีบ้านปู่อยู่พิจิตร พ่อก็เลยขอย้ายงานมาที่นี่

“ตอนนั้นปาล์มเป็นยังไงมั่งอ่ะครับ” เบ๊บเกาะขอบเบาะคนขับ ถามนั่นนี่เรื่อยเปื่อย

“ก็ไม่ต่างจากตอนนี้เท่าไหร่มั้ง ฮะฮะ” พี่แอ๊ดหัวเราะ “ลองถามมันสิ ว่าไปอยู่แรกๆ เป็นยังไง”

แล้วเบ๊บก็หันมามองหน้าผม ไม่ต้องหันไปก็รู้ ว่ามันต้องทำตาวิ้งๆ อย่างคาดหวังให้ผมเล่า

“กูก็เหมือนคนทั่วไป จะให้แปลงร่างได้หรือไงวะ” ผมพ่นลมหายใจอย่างรำคาญ มันโผมาเกาะเบาะฝั่งผมแทน เขย่าแขนผมรัวๆ

“โห ไม่ใช่แบบนั้นดิ ก็แบบย้ายไปแล้วเจออะไรมั่ง มีเพื่อนมั้ย ปรับตัวยังไง ทำตัวยังไงบ้างเงี้ย”

“ไม่เห็นต้องทำอะไร แค่ไปเรียน เพื่อจะเตรียมตัวสอบ แค่นั้น”

“ไม่ตื่นเต้นเลยเหรอตอนย้ายแรกๆ” เบ๊บเกาะแขนผมไว้ทั้งอย่างนั้น ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร พี่แอ๊ดเหมือนจะเหลือบๆ มองอยู่ แต่คงไม่ไปพูดมากหรอก พี่เขานิสัยดีอยู่

“ก็เกร็งๆ มั้ง กังวลนิดหน่อย แต่พออยู่ๆ ไปก็ชิน”

“แล้วมีเพื่อนที่นั่นมั่งมั้ยอ่ะ”

“เดี๋ยวก็เจอเองแหละน่า ถามไรเยอะแยะวะ กูนอนดีกว่า” แล้วผมก็หลับตาลง ไม่สนใจเสียงไอ้เบ๊บอีกต่อไป

ใช้เวลาเดินทางราวๆ 5 ชั่วโมงก็ถึงบ้านของผมในอำเภอเมือง

“จะแวะไปบ้านท่านชาญก่อนมั้ย” พี่แอ๊ดถาม แต่ผมส่ายหน้า เขาเลยเลี้ยวรถเข้าไปในซอยเล็กๆ ด้านหลังบ้านใหญ่ให้ ผมกับเบ๊บช่วยกันขนของลงจากกะบะหลัง ขอบคุณพี่แอ๊ดแล้วเดินเข้าบ้านหลังชั้นเดียวหลังเล็กๆ ที่ผมย้ายมาอยู่เมื่อ 2 ปีก่อน

“นี่บ้านของปาล์มเหรอ แล้วพ่อแม่กับน้องๆ ล่ะ” เบ๊บหิ้วกระเป๋าเข้ามาวางในบ้าน พลางมองไปรอบๆ ดูยังไงก็ไม่น่าอยู่กันได้หลายคนในบ้านเล็กๆ หลังเดียว แถมยังไม่มีวี่แววของผู้คนเลยด้วย

“อยู่บ้านใหญ่ข้างหน้า กูอยู่ที่นี่คนเดียว”

เบ๊บเงียบไป ผมยกมือขึ้นลูบหัวมันเบาๆ

“กูอยู่ที่นี่ตั้งแต่ย้ายมา ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ค่อยไปบ้านนั้นหรอก แต่ไว้กูจะพาไปเจอแม่แล้วกัน”

หลังจากจัดเก็บข้าวของเข้าที่แล้ว ผมก็พาเบ๊บไปเดินเล่นดูสวนหลังบ้าน มีธารน้ำเล็กๆ ตื้นๆ ลงไปเดินลุยน้ำเย็นๆ ได้ ช่วงนี้อากาศก็เริ่มเย็นพอสมควร ตกกลางคืนจะหนาวเลยล่ะ

“มีปลาด้วย น่ารักจัง”

“ระวังลื่นด้วย” ผมเตือน เพราะเห็นเบ๊บมัวแต่เดินมองฝูงปลาสีส้มๆ ที่ว่ายผ่านไปมา แต่ยังไม่ทันขาดคำ ไอ้ตัวเล็กก็ลื่นพรืด ผมรีบกระโจนเข้าไปคว้าเอวไว้ แล้วก็ล้มลงไปในน้ำด้วยกัน เปียกโชกทั้งตัว ตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่เบ๊บมันทับผมอยู่ด้านบน หัวเลยไม่ได้เปียกเท่าไหร่ ยังดีผมเอาศอกยันพื้นทัน หัวเลยไม่กระแทกอะไร

“ปาล์ม! เป็นอะไรมั้ย” เบ๊บตกใจรีบลุกจากตัวผม มองผมด้วยสายตาห่วงใย

“ไม่เป็นไร แค่ถลอกนิดหน่อย” ผมยกศอกขึ้นดู เป็นรอยถากยาวตั้งแต่ข้อศอกลงมาถึงข้อมือ มีเลือดซึมๆ นิดหน่อย แต่ไม่น่าหัก เพราะแค่แสบๆ แผล ไอ้เบ๊บเห็นผมได้แผลก็น้ำตาไหลพราก

“ฮือออ เค้าขอโทษ”

“อย่าร้องดิวะ หนวกหูชาวบ้าน” ผมยื่นหน้าไปจูบปากมันเหมือนที่ทำประจำ เพื่อให้มันหยุดร้องไห้ แต่เหมือนไม่ได้ผล เพราะเบ๊บมันคงตกใจและรู้สึกผิด ไม่ใช่แค่ร้องงอแงให้ผมสนใจ ผมไม่รู้จะทำยังไงต่อ เลยรั้งคอมันมาประกบปาก สอดลิ้นเข้าไป ทำให้มันเคลิบเคลิ้มกับจูบของผม แทนที่จะใส่ใจแผลเล็กน้อยนี่

พอผละออกมา เบ๊บก็หน้าแดงก่ำไปเรียบร้อย น้ำตายังคลอนิดหน่อย ผมเลยเอานิ้วปาดเช็ดออกให้ ทำไมไอ้ตัวเล็กมันถึงขี้แยแบบนี้ก็ไม่รู้ อะไรนิดหน่อยก็ร้อง

“ไปอาบน้ำกันเหอะ เดี๋ยวจะหนาวกว่านี้” ผมลุกขึ้น ฉุดข้อมือเล็กให้ลุกตาม เบ๊บก็ตามมาอย่างว่าง่าย

พออาบน้ำเปลี่ยนชุดใหม่และทำแผลแล้ว ก็กินข้าวที่พี่แอ๊ดหิ้วมาฝากกันสามคน เบ๊บมันทำหน้าเหมือนอยากจะถามอะไรหลายๆ อย่าง แต่ก็ไม่กล้าถามผมตรงๆ และผมก็ปล่อยเบลอ ไม่คิดจะเล่าอะไรทั้งนั้น จนถึงเวลาเข้านอน พอมันเข้ามาในห้องของผม ก็เอ่ยถามขึ้น

“ปาล์มนี่ ชอบสีแดงเนอะ”

ผมชะงักไปนิดหน่อย อะไรที่ทำให้มันคิดว่าผมชอบสีแดง...

“เปล่า ไม่ได้ชอบ”

เบ๊บทำหน้าเหมือนแปลกใจ มันขมวดคิ้วนิดๆ เอียงคอมองผม แต่ผม...ไม่มีคำตอบให้มันมากกว่านั้นแล้ว

***

เช้าวันต่อมา ผมพาเบ๊บไปเจอแม่กับน้องๆ ที่ศาลาริมน้ำข้างบ้านใหญ่ อย่างที่บอก ถ้าไม่จำเป็น ผมจะไม่ขึ้นไปบนบ้านใหญ่เลย ไม่อยากเจอหน้าพ่อกับปู่เท่าไหร่

“แม่ นี่เพื่อน...เอ่อ ของปาล์ม” ผมอธิบายไม่ถูก เพราะกับเบ๊บ ถึงจะเรียกว่าเพื่อน มันก็ไม่เชิง แต่จะให้ยืดอกโพล่งว่านี่เซ็กส์เฟรนด์ของผมเองครับแม่ ก็ดูจะหน้าด้านไปหน่อย

“สวัสดีครับ” เบ๊บรีบยกมือไหว้ แม่ก็รับไหว้พร้อมรอยยิ้มเอ็นดู แม่ผมน่าจะชอบเด็กๆ แบบมันนี่แหละ ดูเรียบร้อยน่ารัก ยิ้มเก่ง อ้อนเก่ง

“สวัสดีจ้ะ มานั่งนี่สิลูก” แม่เรียกพวกเราเข้าไปนั่งคุยด้วย โปเต้น้องชายคนเล็กของผมอายุ 6 ขวบ กำลังวิ่งเล่นอยู่ในสนามหญ้า มีไอ้ปันน้องชายคนรองอายุ 12 ปีคอยดูอยู่ใกล้ๆ

ไม่รู้สิ พอกลับมาที่บ้านนี้ มันทำให้ผมรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเหมือนตอนอยู่ที่หออย่างบอกไม่ถูก มันอึดอัด ทั้งที่ผมอยากเจอแม่กับน้อง แต่พอเจอหน้าพวกเขาแล้ว ก็ไม่รู้จะพูดอะไร ทั้งที่เมื่อก่อนผมก็ช่วยแม่เลี้ยงน้องมาตลอด จนถึงเมื่อ 3-4 ปีก่อนที่เริ่มห่างไป

ผมยอมรับว่าสมัยวัยรุ่นกว่านี้ ผมเบื่อหน่ายกับการต้องช่วยแม่ดูแลน้อง ผมเอียนกับความเข้มงวดและเจ้ากี้เจ้าการของพ่อ และผมก็ตัดสินใจแหกมันทุกอย่างที่เคยโดนบังคับให้ทำ

มันคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ในชีวิตของผม

ผมต้องแบกรับมันให้ได้ โดยไม่ถอยหลังกลับ ผมไม่เคยคิดอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรทั้งนั้น เพราะมันผ่านมาแล้ว และมันจะต้องผ่านไป ทั้งแบบนี้

“แม่ดีใจนะ ที่ปาล์มมีเพื่อนน่ารักอย่างนี้”

“แหะๆ ไม่ขนาดนั้นหรอกครับคุณแม่”

ผมหันมองทั้งสองคนที่คุยกันถูกคอเหลือเกิน ตอนย้ายมาอยู่ที่นี่ผมไม่มีเพื่อนเลย ผมไม่อยากสุงสิงกับใคร วันๆ เอาแต่เรียน รอสอบแอดมิชชั่นอย่างเดียว กะว่าค่อยไปหาเพื่อนใหม่ที่มหาลัย แล้วก็ได้เจอกับเบ๊บ กับเพื่อนๆ คนอื่น ผมพยายามทำตัวให้เฟรนลี่ที่สุดเท่าที่ทำได้แล้ว

แต่แม้จะพยายามแค่ไหน ก็คงลบความทรงจำพวกนั้นออกไปไม่ได้ ถ้าวันหนึ่งทุกคนรู้ เบ๊บรู้ เรื่องในอดีตนั้น ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ว่าพวกเขาจะยังเป็นเพื่อนกับผมอยู่มั้ย

แล้วเบ๊บจะยังอยากอยู่กับคนอย่างผมอีกมั้ย ถ้าได้รู้เรื่องนั้น

***

เรื่องของปาล์มใกล้จะออกมาเรื่อยๆ ละ แหะๆ ดราม่ามันซะดื้อๆ
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน10 [28.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-10-2020 00:19:29
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน10 [28.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 28-10-2020 05:21:49
อ่านไปแล้ว  :a5: เหมือนปาล์มจะมีมาม่า แต่คิดว่าเบ๊บจะทำให้ปาล์มดีขึ้น
เพราะว่าเราเชียร์อยู่ :mc4:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน11 [28.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 28-10-2020 13:17:29
11
ผมพาเบ๊บมาอยู่ที่บ้านได้สามวันแล้ว ทุกเย็น พี่แอ๊ดจะเอาอาหารและผักผลไม้มาให้พวกเรา แม่กับน้องๆ ไม่ได้รับอนุญาตให้มาที่นี่ เพราะแม่สุขภาพไม่ค่อยดีแล้ว ส่วนใหญ่ก็พักในบ้านใหญ่ กับออกมาเดินเล่นแถวริมน้ำ แถวนี้มีแต่ต้นไม้ จนแทบจะเหมือนป่ากลายๆ เลยให้พวกเด็กๆ มาวิ่งเล่นไม่ได้ เพราะมันอันตราย

“ปาล์ม ดูสิๆ จับปลาได้ด้วย ฮ่าๆ”

ผมมองเบ๊บที่เอามือเปล่าไล่จับปลาเล่นมาตั้งแต่เช้า แต่พอจับได้สักพักก็ลื่นหลุดมือไปตลอด เจ้าตัวดูจะสนุกสนาน หัวเราะตลอด ไม่ได้คิดจะจับปลาจริงๆ แค่เหมือนเล่นมากกว่า ส่วนผมกำลังนั่งตกปลาอยู่ ที่นี่แทบไม่มีอะไรเลย ในบ้านไม่มีทีวี ไม่มีคอมพิวเตอร์ แม้จะมีโน๊ตบุ๊คเครื่องเก่าที่ผมใช้มาหลายปีอยู่ แต่ก็เล่นอะไรไม่ค่อยได้หรอก มีไว้ทำงานเฉยๆ สมาร์ทโฟนที่ผมใช้ก็พอเล่นเนตได้ แต่ผมไม่ค่อยชอบใช้เท่าไหร่ อยู่แบบสงบๆ ที่นี่ดีแล้ว

“ถามจริง มึงไม่เบื่อเหรอวะ มาอยู่กับกูแบบนี้” ผมตะโกนถามเบ๊บ ที่ยังสนุกสนานกับการเล่นน้ำในลำธาร เอานิ้วแกว่งๆ แกล้งปลา อย่างกับเจ้าโปเต้ นอกจากตัวจะเล็กแล้ว นิสัยมันยังเหมือนเด็กไม่รู้จักโตอีก

เบ๊บเงยหน้ามามองผม พลางส่ายหน้า “อยู่กับปาล์ม จะเบื่อได้ไง”

“ถ้าอยากกลับบ้านก็บอกแล้วกัน จะได้พาไปส่ง” ผมลุกขึ้น เก็บคันเบ็ด จริงๆ ก็แค่ไม่มีอะไรทำ เลยนั่งหย่อนเบ็ดไว้เฉยๆ ปลาพวกนี้ตัวเล็กนิดเดียว แค่เอากระชอนช้อนขึ้นมาก็ได้แล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยยืมรถไปหาที่ตกปลาแถวแม่น้ำใหญ่ๆ ดีกว่า

“ไม่กลับหรอก จะอยู่กับปาล์มจนเปิดเทอมเลย” ไอ้ตัวเล็กวิ่งมากอดแขนผม ช้อนสายตาขึ้นมองอย่างน่ารักน่าชัง ดวงตานี่กลมใสเป็นประกาย พักนี้ยิ่งอยู่ด้วยกัน ผมก็ยิ่งใจสั่นแปลกๆ แถมเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้ ผมก้มหน้าลง หอมแก้มมันเบาๆ ทำเอาเบ๊บเขินจัดจนหูแดง ป่านนี้มันยังจะเขินกับอะไรแบบนี้อีกเหรอวะ ได้กันมาไม่รู้กี่ร้อยรอบแล้ว

“ไม่เบื่อก็ดีแล้ว” ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังยิ้มกว้างกว่าทุกที ดีใจที่มีมันอยู่ที่นี่ในเวลานี้ ถ้าผมต้องอยู่คนเดียว คงฟุ้งซ่านนานแล้ว

“มีหนูเบ๊บมาอยู่ด้วย แม่ก็หมดห่วง ช่วยดูแล อยู่เป็นเพื่อนปาล์มด้วยนะจ๊ะ หนูเบ๊บ” แม่เองก็ฝากฝังผมไว้กับมันเสร็จสรรพ

“ให้อยู่ด้วยตลอดไปยังได้เลยฮะ คุณแม่” ไอ้เบ๊บก็ช่างฉอเลาะ มันอ้อนเอาใจแม่ทุกวัน ได้ขนมมากินตลอด คงเพราะมันเองก็อยู่กับแม่สองคน แม้แม่ของมันจะไม่ค่อยมีเวลาให้ก็ตาม ผมเห็นมันโทรคุยกับแม่บ้างบางวัน คงคิดถึงแหละ

พวกเรามานั่งเล่นที่ริมน้ำในช่วงสี่โมงเย็น หลังจากพวกเด็กๆ กลับมาจากโรงเรียนประถม โปเต้มันค่อนข้างชอบเบ๊บ ชวนเล่นด้วยตลอด แต่ปันมันโตจะเข้าช่วงวัยรุ่นแล้ว เริ่มดูเป็นผู้ใหญ่ คล้ายๆ ผมสมัยก่อนนั่นแหละ ปันเรียนเก่ง เล่นกีฬาก็เก่ง ไม่เหมือนผมที่ทำได้แค่เรียนอย่างเดียว เพราะแค่นั้นก็แทบไม่มีเวลาให้อย่างอื่นแล้ว

ผมโดนบังคับให้ต้องทำเกรดให้ดี วันๆ มีแต่เรื่องเรียน พอถึงจุดหนึ่งที่ผมไม่ไหวแล้ว มันก็เลยเละ แต่แล้วผมก็กลับมาตั้งใจเรียนได้อีกครั้ง มันอาจจะเหมือนผมกำลังหนีจากบางสิ่ง ซึ่งมันก็ใช่แหละ ผมกำลังหนี

“พี่เบ๊บ ไปต่อไอ้นั่นกัน” เจ้าตัวจิ๋ววิ่งมาดึงแขนของไอ้ตัวเล็ก จะให้ไปเล่นตัวต่อไซส์ยักษ์กลางสนามหญ้าด้วยกัน มันเป็นตัวต่อโฟม ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไรมาก แต่เบ๊บมันเรียนวิศวะไง เลยถนัดของเล่นพวกนี้ ชอบสร้างไอ้นั่นไอ้นี่ให้น้องเล่น เจ้าโปเต้ก็ชอบใหญ่ บางทีก็ชวนกันสร้างปราสาททรายในสนามทรายเล็กๆ ตอนที่ปู่จะให้เราย้ายมา ก็สร้างสนามเด็กเล่นพร้อมในบ้าน ปู่คงเหงาเหมือนกัน อยากให้ลูกหลานมาอยู่ด้วย

ผมเองก็เข้าใจพ่อนะ แต่เพิ่งมาเข้าใจตอนย้ายมาอยู่ที่นี่แหละ พ่อเองก็เคยโดนปู่เลี้ยงดูมาแบบเดียวกับที่เขาเลี้ยงผม กดดัน บีบบังคับ เพราะพ่อเป็นลูกคนเดียว ส่วนผมก็เป็นลูกคนโต

“หนูเบ๊บน่ารักดีนะ” จู่ๆ แม่ก็พูดขึ้น พร้อมหันมายิ้มแปลกๆ ให้ผม พลางยื่นมือมาจับแขนของผมไว้

“ตอนแรกที่ปาล์มต้องไปอยู่ไกลบ้าน แม่เป็นห่วงมาก กลัวว่าจะไปคบเพื่อนไม่ดีอีก แต่เห็นหนูเบ๊บแล้วก็วางใจ”

เหอๆ แม่เข้าใจผิดแล้วล่ะครับ ไอ้เบ๊บมันทำลูกแม่ใจแตกหนักกว่าเดิมอีกมั้ง แต่เป็นแตกแบบอื่นอ่ะนะ

“ถ้าปาล์มกับหนูเบ๊บจะชอบพอกัน แม่ก็โอเคนะลูก”

“พูดบ้าๆ น่ะแม่” ทำไมร้อนๆ ขึ้นมาวะเนี่ย

“ไม่ต้องเขินหรอกน่า ดูก็รู้แล้ว นี่แม่นะปาล์ม ทำไมจะดูลูกๆ ไม่ออก ติดก็แค่พ่อเรานั่นแหละ” แม่ถอนหายใจเบาๆ ตอนที่พ่อจะตัดพ่อลูกกับผมเพราะเรื่องนั้น แม่ก็ช่วยขอร้องให้ จนโดนลากตัวมาอยู่ที่นี่ ต้องใช้ชีวิตแยกจากทุกคน เพราะพ่อคงไม่อยากเห็นหน้าผม พอๆ กับที่ผมไม่อยากเห็นเขานั่นแหละ

“ช่างเหอะแม่ แล้วผมกับเบ๊บก็ไม่ได้ชอบกันด้วย แค่เพื่อน” ตัวผมน่ะ ยังไม่แน่ใจหรอก แต่เบ๊บเองก็ไม่เห็นจะบอกว่าชอบผมสักคำ มันก็แค่เหงา เราต่างคนต่างก็เหงาและไม่มีใคร ก็แค่นั้นเอง

พลันผมก็นึกขึ้นได้ “เออ แม่ พรุ่งนี้ผมขอยืมรถหน่อยได้มั้ย จะพาเบ๊บไปตกปลาที่บึง”

“ได้สิ เดี๋ยวแม่บอกลุงคำไว้ให้ เอากะบะไปใช่มั้ย จะได้ขนของได้”

“ครับ ขอบคุณครับ”

***

เช้าวันต่อมา ผมปลุกตั้งแต่ตี 5 เพราะต้องพาไปตกปลาเช้าๆ ก่อนที่แดดจะแรง แม้ช่วงเช้ากับกลางคืนอากาศจะเย็นสบาย แต่ตอนกลางวันก็มีแดดร้อนปกติ แถมยังร้อนมากด้วย

“ใส่เสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวด้วย” ผมไล่ให้มันไปเปลี่ยนชุด เพราะเบ๊บเล่นใส่เสื้อยืดบางๆ กับกางเกงขาสั้นเลยเข่าขึ้นไปอีก

“แต่มันร้อนนะ” มันเถียง อยู่บ้านกับผมสองคน มันก็แต่งประมาณนี้แหละ เสื้อกล้ามบางๆ กางเกงขาสั้น แต่ออกไปข้างนอกมันมีแดด ไม่ใช่แค่ร้อนเฉยๆ

“อยากโดดแดดจนผิวเสียก็ตามใจ” ผมว่า ถึงจะเอาร่มคันใหญ่ไปด้วย แต่ยังไงแดดก็แรงมากอยู่ดี เบ๊บมันเลยเบะปาก แต่ก็ยอมสวมเสื้อกัน UV คลุมอีกตัว กับเปลี่ยนไปใส่กางเกงวอร์มขายาว ปกติมันใส่แต่กางเกงขาสั้น อย่างมากก็ขาสามส่วน เห็นใส่ขายาวแค่ชุดนักศึกษานั่นแหละ

“ช่วยถือนี่ด้วย” ผมส่งแค่เบ็ดตกปลาให้มัน ส่วนเก้าอี้ ร่ม และพวกเหยื่อกับถังน้ำ ผมถือไปเอง วันนี้ตกจริงจัง น่าจะได้ปลาตัวโตๆ ไว้ให้พี่แอ๊ดทำให้กิน ตั้งแต่ผมมาอยู่ที่นี่ ก็ได้พี่แอ๊ดนี่แหละที่คอยดูแล เขามาหาผมเกือบทุกวัน คอยสอนผมทำงานบ้าน ทำอาหาร เพราะเมื่อก่อนผมไม่เคยต้องทำอะไรเอง แม้แรกๆ เขามาเพราะคำสั่งของพ่อ ที่ฝากให้มาดูแล แต่หลังๆ พี่แกก็มาเองตลอด เพราะเริ่มสนิทกันแล้ว เขาเหมือนเป็นพี่ชายและเพื่อนเพียงคนเดียวของผมตอนที่อยู่พิจิตร

พวกเราช่วยกันขนของไปขึ้นรถกะบะ ที่แม่ขอให้ลุงคำ คนสวนของปู่เตรียมไว้ให้ ส่วนคนขับก็คือผมเอง

“ปาล์มชอบตกปลาเหรอ” ระหว่างนั่งรถไป เบ๊บก็ถามขึ้น

“เปล่า”

“ทำไมเวลาถามว่าชอบอะไร ปาล์มเอาแต่ปฏิเสธเรื่อยเลยอ่ะ” น้ำเสียงของมันติดกระเง้ากระงอดเล็กๆ คงหงุดหงิดที่ผมไม่ค่อยจะยอมบอกว่าชอบอะไรหรือไม่ชอบอะไร

“ก็ไม่ได้ชอบจริงๆ นี่” ผมขมวดคิ้ว

“เอางี้ ปาล์มชอบทำอะไรมั่ง ของกินที่ชอบ สีที่ชอบ อะไรก็ได้ที่ชอบน่ะ บอกที”

ผมทำหน้านึก “ไม่มี”

“ไม่มีเลยเหรอ”

“ไม่มีเลย”

เบ๊บทำหน้าเหมือนผิดหวัง ก็ผมไม่ค่อยมีอะไรที่คิดว่าชอบจริงๆ สักอย่าง อืม...ผมครุ่นคิดอีกที

“แต่พักนี้ กูชอบอยู่อย่างนึงนะ” ผมเคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถสองสามที ชั่งใจว่าควรพูดออกไปมั้ย เหลือบมองไปเห็นเบ๊บหันมามองด้วยความอยากรู้อยากเห็นสุดชีวิต ผมเลยยกมุมปากขึ้นนิดๆ อย่างพึงพอใจกับสีหน้าแบบนั้นของมัน

“อะไรๆ บอกมาสิ”

“กูคิดว่า...กูน่าจะชอบ...”

“เร็วดิ” มันเร่ง แต่ผมก็เบรครถเสียก่อน ไอ้เบ๊บหน้ามุ่ยทันที

“อ้าว ถึงพอดีเลยว่ะ ไว้ค่อยคุยต่อนะ”

***

เบ๊บมันแค่นั่งบนเก้าอี้พับได้ใต้ร่มที่กางและผูกติดกับสะพานไม้ไว้ คอยดูผมตกปลา ผ่านไปสองชั่วโมงได้ปลามาพอสมควร และแดดก็เริ่มแรงขึ้นแล้ว ผมเลยชวนมันกลับไปที่รถ

“ตกแค่นี้พอแล้วเหรอ”

“อืม” ผมตอบพลางยกถังน้ำที่ใส่ปลาขึ้นบนกะบะ ที่ที่ผมพามันมาเรียกว่า บึงสีไฟ เป็นแหล่งตกปลาชื่อดังของจังหวัด มีคนมาตกกันเยอะ เป็นเหมือนแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อด้วยกลายๆ มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกับชาละวันปูนปั้นพอสมควร หลายๆ คนคงรู้จักไอ้จรเข้ยักษ์นี่ดีใช่มั้ยครับ ที่อยู่ในตำนานไกรทอง และพิจิตรก็คือจังหวัดที่เป็นถิ่นของชาละวัน มีจรเข้เยอะ

พอเก็บของขึ้นรถเสร็จ ผมก็ขับรถพาเบ๊บไปในเมือง มันไม่ค่อยมีอะไรหรอก แค่แวะหาอะไรกินแล้วกลับ ผมเองก็มาอยู่ที่นี่แค่สองปี ก่อนจะต้องย้ายไปอยู่หอในมอ ไม่ค่อยรู้จักที่ทางเท่าไหร่ ไปไกลกว่าตัวเมืองคงไม่ไหว แต่ถ้าไอ้ตัวเล็กบ่นว่าเบื่อเมื่อไหร่ คงได้เวลาพึ่งพาอากู๋กับ GPS

กลับมาถึงบ้าน ผมก็น็อคปลาแล้วแช่แข็งไว้ก่อน กว่าพี่แอ๊ดจะมาก็เย็นๆ เพราะเขาไปทำงานที่ศาลากลาง ผมยังไม่ได้บอกสินะว่าพ่อทำงานอะไร เออ ช่างมันเหอะ ขี้เกียจพูดถึง

“ปาล์ม ยังไม่ได้ตอบเราเลย ว่าชอบอะไร” เอาปลาแช่เสร็จ ไอ้ตัวเล็กก็เข้ามากอดแขนถาม ดูท่าจะรอจังหวะนี้มานานแล้ว

“อยากรู้มากขนาดนั้นเชียว” ผมเลิกคิ้วมองหน้ามันกวนๆ ไอ้เบ๊บก็หน้ามุ่ยเชียว นานๆ ได้แกล้งเด็กที รู้สึกมีความสุขบอกไม่ถูกเลย ตั้งแต่มาอยู่บ้านผม มันก็ไม่เข้ามายั่วมายุ่มย่ามจนเกินไป มีแค่กอดบ้าง เกาะแขนบ้าง จูบกันบ้างนิดหน่อย และส่วนใหญ่ผมก็เป็นคนเริ่มจูบก่อน หรือผมจะหลงมันเข้าแล้วจริงๆ วะ?

อย่างตอนนี้ พอมองริมฝีปากสีชมพูอ่อนๆ นั่นแล้ว มันก็รู้สึกคอแห้งขึ้นมาเลย

“ช่วงนี้ไม่หื่นเหรอ หรือมึงเบื่อกูแล้ว” แทนที่จะได้คำตอบ มันกลับโดนผมถามตรงๆ แทน ก็ผ่านมาจะสองอาทิตย์แล้ว ไม่เห็นมันทำอะไร ทีตอนอยู่หอ เข้ามาปล้ำผมตลอด

ไอ้เบ๊บถึงกับหน้าขึ้นสี “ไม่ได้เบื่อสักหน่อย ก็แค่...เกรงใจที่บ้านปาล์มอ่ะ”

ผมคลี่ยิ้มกับคำตอบ และพอมันเห็นผมยิ้มก็เหมือนจะเขินตัวแทบม้วน จู่ๆ ก็มาทำตัวไร้เดียงสาน่ารักอะไรป่านนี้ ผมใจกระตุกเล็กน้อย แล้วก็เหมือนมันจะเต้นแรงขึ้นนิดหน่อย

อยู่กันสองคนในบ้านเงียบๆ แบบนี้ บางทีบรรยากาศมันก็เป็นใจเกิน

ผมถอยไปนั่งที่โซฟา แล้วดึงข้อมือของเบ๊บให้ตามไปนั่งลงบนตัก มันไม่ขัดขืนใดๆ ขยับตัวนั่งคร่อมทับบนตักผมอย่างว่าง่าย เสียงหัวใจของมันดังอยู่ตรงหน้า ผมไม่เคยสังเกตเลยว่ามันใจเต้นแรงแค่ไหนเวลาอยู่กับผม เบ๊บกดริมฝีปากลงมา ผมจูบตอบพลางเลื่อนมือสอดไปใต้เสื้อยืดของมัน ผิวขาวๆ พอโดนแรงบีบนวดจากมือหนักๆ เข้าก็เป็นรอยแดงไปหมด ผมชอบบีบชอบขยำมันทั้งตัว โดยเฉพาะช่วงอก ที่มันครางรับเสียงหวานตลอด ลิ้นเราสอดพันกันอย่างรู้งาน เบ๊บมันจูบเก่ง น่าจะเคยมาเยอะ แต่ครั้งแรกที่ทำกัน ผมรู้ว่าเป็นครั้งแรกของมันแน่นอน ไม่แปลกที่มันจะรู้ดีไปหมด เพราะมันชอบนั่งดูหนังโป๊อยู่เรื่อย ตอนปฏิบัติจริงก็เก่งเชียวล่ะ แต่ก็มีบาดเจ็บเล็กน้อย ซึ่งเราไม่ได้สนใจ คิดดูแล้วกัน ว่าทำจนสีเลือดจางไปกับน้ำของผมอ่ะ

“อ๊ะ ปาล์ม...” มันสะบัดหน้าออกทั้งที่ยังจูบกันค้างอยู่ เพราะผมกดปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางเล็กๆ ของมันอย่างไม่บอกกล่าว มันตัวสั่น กัดปากจนซีด เพราะไม่ได้ใช้เจลช่วยด้วย เลยฝืดและคงเจ็บไม่น้อย

“เอาเจลมามั้ย”

เบ๊บพยักหน้าหงึก ผมยอมถอนนิ้วออก ให้มันเดินไปหยิบเจลมา เบ๊บดึงกางเกงตัวเองลงตรงหน้าผม โครตยั่วเหมือนเดิม จากนั้นมันก็เทเจลลงบนมือตัวเอง ขยับขึ้นมาบนตัวผมใหม่อีกรอบ แล้วดันนิ้วตัวเองเข้าไปขยายช่องทางสีสดนั่น ริมฝีปากเล็กๆ น่าขยี้กำลังอ้าเผยอครางเสียงกระเส่า มืออีกข้างของมันกดอยู่บนไหล่ของผมเป็นหลักยึด ผมมองมันเล่นกับตัวเองพลางเลียริมฝีปาก ไม่ได้ทำมาเป็นเดือนได้แล้วมั้ง จริงๆ ผมก็ไม่ได้เป็นพวกบ้าเซ็กส์ แต่เห็นมันแล้วบางทีก็หมั่นเขี้ยว

ระหว่างนั้น ผมถกเสื้อของเบ๊บขึ้น สองมือเลื่อนลงกอบกุมบั้นท้ายอวบอิ่ม บีบขยำแรงๆ ปากก็ไล่งับเม้มตามลำตัว แผ่นอกบางและหัวนมสีชมพูเข้มของมัน เหมือนกินนมรสสตอเบอรี่เลยแฮะ เวลาเลียผมจะชอบจินตนาการถึงรสชาติของมันแบบนั้นทุกที

“อ๊ะ อ๊า” มันครางลั่น เมื่อผมก้มลงแตะปลายลิ้นบนยอดส่วนอ่อนไหวที่กำลังแข็งเกร็งและสั่นระริก ตรงนี้ของมันก็เป็นสีชมพูเข้มจัดดูน่ารักไม่หยอก ผมเคยเห็นของเพื่อนคนอื่นมาก็เยอะ คือ เห็นเพราะเวลาดูหนังโป๊เป็นหมู่คณะ ก็จะเอาออกมาชักกันตามปกติวิสัย แล้วก็มีบางทีที่แก้ผ้าเล่นน้ำกันตามประสาเด็กบ้านนอก ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะเกิดอารมณ์กับผู้ชายคนไหนได้ เพราะมันชินสายตามาก จนมาเจอไอ้ตัวเล็กนี่แหละ

ผมใช้มือชักรูดของมันรัวๆ ขาของมันสั่นจนแทบทรุด ถึงกับต้องเลิกขยายช่องทางชั่วคราว แล้วกอดคอผมไว้แทน พอมันเอามือออก ผมก็แทนที่ด้วยนิ้วของตัวเอง สามนิ้วทีเดียวก็ยังไหว เพราะมันขยายไปเยอะแล้ว ช่องทางเล็กๆ นั่นตอดรัดถี่รัว ผมดันนิ้วจนสุดข้อแล้วงอเข้าคว้านควงภายใน เสียงเหนอะหนะเฉอะแฉะของเจลหล่อลื่นดังปนมากับเสียงคราง ผมรู้ว่ามันชอบให้กระแทกตรงไหนแรงๆ จำได้ทุกจุดที่สัมผัสแล้วมันจะกรีดร้องราวกับจะขาดใจ

“อ๊า ปาล์ม อยาก...อยากได้ของปาล์มแล้ว” มันลูบเป้ากางเกงผมเบาๆ ลูกชายของผมแข็งรอมานานแล้ว เบ๊บค่อยๆ ปลดกางเกงยีนส์ของผมออก จับรูดให้นิดหน่อย รอผมถอนนิ้วออก แล้วมันก็ดันสะโพกลงทันที ท่านี้ลึกใช้ได้เลย ร่างกายของเราเชื่อมต่อกันแนบสนิท เบ๊บกอดคอผม ซบหน้ากับบ่าแล้วเริ่มขยับสะโพกเอง ครั้งแรกมันยังทำได้ไม่ค่อยถนัด แต่เดี๋ยวนี้ทำท่านี้บ่อยจนส่ายสะโพกได้เร้าอารมณ์สุดๆ แล้ว และอย่าถามหาถุงยาง ไม่เคยใช้มาตั้งแต่แรก ก็ไม่ใช่มันต่อไปนั่นแหละ

ผมมองหน้าเบ๊บที่ดูสุขสม แล้วหัวใจมันก็พองฟูขึ้นมา มันน่ารัก น่าฟัด ยิ่งมองก็ยิ่งหลงใหล ใช่ ผมอาจจะหลงใหลในร่างกายและรสชาติเซ็กส์ที่มันหยิบยื่นให้ ผมไม่ปฏิเสธเรื่องนั้น

แต่การที่มีเบ๊บอยู่ แล้วผมรู้สึกดี แค่นั้นก็คงพอให้ผม...

“อยากฟังคำตอบมั้ย” ผมเอ่ยถาม ในจังหวะที่พลิกเปลี่ยนท่า ให้มันลงนอนกับโซฟาแล้วผมคร่อมทับไว้แทน เบ๊บคงจะตอบได้ยากหน่อย เพราะโดนผมสวนเอวกระแทกอย่างต่อเนื่อง แต่มันก็พยายามพยักหน้า

ผมลูบแก้มแดงก่ำของมันเบาๆ ก้มลงงับใบหูพาให้มันสั่นสะท้าน จุดอ่อนของเบ๊บอยู่ที่หู

ใครจะไปคิดล่ะ ว่าแค่คำพูดประโยคเดียวสั้นๆ ของผม จะทำให้เบ๊บถึงกับตัวกระตุกเกร็ง แล้วก็เสร็จอย่างง่ายดาย โดยที่ไม่ทันได้แตะต้องส่วนหน้าเลย

เบ๊บหลับหลังจากที่เสร็จไปรอบที่ 3 ทำไมอึดน้อยลง สงสัยมันจะเครียดเพราะอยู่ต่างถิ่น แล้วก็เกรงใจที่บ้านของผมจริงๆ อย่างว่า ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างไอ้เบ๊บ จะอายเป็น คิดแล้วก็น่ารักดี

ผมจัดการทำความสะอาดให้มันแล้วก็สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เหลืออีกเกือบครึ่งชั่วโมง กว่าพี่แอ๊ดจะมา ผมอุ้มเบ๊บไปนอนบนเตียงในห้อง แล้วพอเดินกลับออกมา ก็ต้องชะงัก กับเสียงทุ้มต่ำแฝงความกดดันที่ดังมาจากหน้าประตูบ้าน

“กลับมาไม่คิดจะไปทักทายกันเลยหรือไง เจ้าปาล์ม”

“พ่อ...”

***

 :pig4:
คุมพ่องมาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน11 [28.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 28-10-2020 17:40:14
ปาล์มรักเบ๊บแล้วใช่ไหม แต่แอบสงสารปาล์มลึกๆนะ เหมือนมีอะไรที่ซ้อนอยู่ในใจลึกๆยังไงก็ไม่รู้
แต่ฟังจากที่พ่อเรียกไม่น่าจะมีดราม่าใช่ไหมคะคนแต่ง  :hao5:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน11 [28.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 28-10-2020 21:25:57
รอลุ้นใช่ไหม ที่แม่ว่าเหลือแต่พ่อนะ พ่อจะยอมหรือเปล่าอย่างน้ั้นเหรอ  :ling1:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน12 [29.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 28-10-2020 23:48:21

12
เบ๊บยังนอนอยู่ในห้อง และผมไม่อยากปลุกมันให้มาเจอพ่อ

“ว่าไง ไปเรียนเป็นยังไงมั่ง คงไม่ทำตัวเหลวแหลกเหมือนเมื่อก่อนอีกใช่มั้ย” น้ำเสียงของพ่อราบเรียบ ไม่ได้ประชดประชันหรือแดกดัน เพียงแค่ถามและต้องการคำตอบ

“ก็เห็นนี่ครับ ว่ากลับมาปกติดี” แต่ผมเหมือนควบคุมน้ำเสียงของตัวเองให้เป็นปกติไม่ได้เลย

“งั้นก็ดี อย่าให้ฉันต้องขายขี้หน้าอีกก็พอ”

ผมนิ่งเงียบ ไม่ตอบโต้ เพราะพูดไปก็เท่านั้น ผมรู้ว่าเขาก็แค่กลัวมีข่าวเสียหาย กลัวถูกซุบซิบนินทา กลัวชื่อเสียงที่สั่งสมมาจะป่นปี้เพราะลูกเลวๆ อย่างผมอีก แม้ตอนสอบเข้าได้ใหม่ๆ เราเกือบจะคุยกันได้แบบปกติแล้ว แถมพ่อยังซื้อรถใหม่ให้ แต่พอมาเผชิญหน้ากันอีก หลังจากห่างหายไปนาน มันก็อึดอัดเหมือนกัน

“ทำตัวให้ดีๆ ไปไหว้ปู่ที่บ้านใหญ่ด้วย” พ่อชี้นิ้วสั่งเหมือนเคย “อ้อ แล้วเพื่อนของแกที่มาด้วยล่ะ”

“หลับอยู่ครับ”

“อะไร นี่เพิ่งห้าโมงเย็น ไม่กินข้าวกินปลาหรือไง นอนกินบ้านกินเมืองไปไหน ปลุกมา แล้วไปกินข้าวที่บ้านใหญ่เดี๋ยวนี้”

ผมกำมือแน่น ได้แต่ก้มหน้ารับคำ พ่อยืนกอดอกรออยู่หน้าประตู ผมต้องเดินเข้าไปปลุกเบ๊บในห้อง มันงัวเงียลุกขึ้นมา ท่าทางไม่ค่อยสบายเท่าไหร่

“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ยังเหนื่อยอยู่มั้ย” ผมลูบเส้นผมที่ปรกหน้ามันให้เข้าที่เข้าทาง สีหน้ามันยังซีดๆ นิดหน่อย ไม่ได้ทำมาเป็นเดือน ร่างกายมันเลยไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง บวกกับความเครียดที่อยู่แปลกที่ด้วย

เบ๊บส่ายหน้า “คุณพ่อรออยู่ไม่ใช่เหรอ รีบไปกันเถอะ”

“ขอโทษนะ ยังเพลียอยู่แท้ๆ” ผมลูบหัวเบ๊บเบาๆ บอกตรงๆ ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยรู้สึกรักหรือแคร์ใครมาก่อนเลย อาจจะเคยมีผู้หญิงเข้ามาบ้าง แต่ผมไม่ได้ผูกพันขนาดนั้น เหมือนเล่นสนุกไปวันๆ มากกว่า แต่กับเบ๊บ ไม่รู้สิ ผมรู้สึกเอ็นดู แรกๆ ก็คิดว่ามันเหมือนน้อง ดูแลจนรู้สึกผูกพัน จนกลายเป็นความเคยชิน ถ้าไม่มีเบ๊บ ผมก็คงไม่มีใครที่อยากดูแลหรืออยากใกล้ชิดมากเท่านี้แล้ว

ผมพาเบ๊บออกมาเจอพ่อ ตอนยกมือไหว้พ่อ มันดูหวาดๆ เหมือนกัน พ่อผมเป็นคนตัวสูงใหญ่ หน้าตาดุดัน โดยเฉพาะแววตาเหมือนตำหนิใครอยู่ตลอดเวลา ทำให้ดูน่ากลัว

“ไปได้แล้ว ปู่รออยู่”

“ครับ” ผมกับเบ๊บตอบ แล้วเดินตามหลังพ่อไปที่บ้านใหญ่อย่างเงียบๆ

ปู่นั่งรอกินข้าวอยู่ที่หัวโต๊ะแล้ว ปู่ของผมอายุ 74 ปีน่าจะได้ เป็นชายชราผมขาวทั้งหัว หลังค่อมนิดหน่อย ใส่แว่นสายตากรอบทอง ปู่ยิ้มให้พวกเราแล้วบอกให้นั่งลงฝั่งเดียวกับพ่อ แม่และน้องชายอีก 2 คนของผมนั่งอีกฝั่ง

บรรยากาศค่อนข้างอึมครึมเล็กน้อย ปันคอยดูแลเจ้าโปเต้เหมือนที่ผมเคยดูแลพวกมัน เห็นแล้วคิดถึงเมื่อก่อน สมัยที่ผมช่วยแม่เลี้ยงน้องๆ ถึงจะน่าเบื่อและน่ารำคาญไปบ้าง แต่ผมก็รักน้องๆ ของผม

“เราชื่ออะไรนะ เจ้าหนูคนนั้นน่ะ” เพราะเบ๊บมันตัวเล็ก สูงไม่ต่างจากเจ้าปันเท่าไหร่ ปู่เลยรู้สึกเอ็นดูล่ะมั้ง

“เอ่อ เบ๊บครับ” เบ๊บตอบพลางส่งสายตามาทางผม ผมก็แตะมือมันเบาๆ ว่าไม่ต้องกลัว ปู่แก่มากแล้ว ไม่ค่อยโหดเท่าพ่อหรอก

“เบ๊บ ชื่อแปลกดีนะ เรียนด้วยกันกับเจ้าปาล์มเหรอ”

“เอ่อ อยู่หอห้องเดียวกันน่ะครับ แต่เรียนคนละคณะ”

“แล้วเรียนคณะอะไรล่ะ” อันนี้พ่อผมหันมาถามเอง

“วิศวะครับ สาขาไฟฟ้า” คำตอบของเบ๊บ ทำให้ปู่กับพ่อหันมองหน้ากันด้วยความแปลกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าผมจะได้เพื่อนเก่งๆ มาคบบ้างหรือไง แต่ก็นะ เมื่อก่อนผมทำอะไรไว้เยอะ คงไม่ค่อยไว้ใจกันเท่าไหร่

“แล้วที่บอกจะออกไปอยู่หอนอก ก็ยังอยู่ด้วยกันอีกหรือเปล่า” แม่คงเล่าให้พ่อฟังแล้วสินะ ช่วยไม่ได้หรอก แม่ส่งเงินให้ผม ยังไงพ่อก็ต้องรู้

“ครับ” เบ๊บตอบ หลังจากนั้นก็กินข้าวกันต่อ พอกินข้าวเสร็จ ปู่ขอตัวไปนั่งเอนหลังในห้องหนังสือ ผมกับเบ๊บก็จะขอตัวกลับ แต่เหมือนพ่อจะอยากคุยกับเบ๊บอีก เลยเรียกตัวไว้ แล้วไล่ผมกลับแค่คนเดียว แต่มืดแล้วแบบนี้ ผมก็ต้องอยู่รอพามันกลับด้วย เลยไปนั่งเล่นกับน้องๆ รอ ส่วนเบ๊บเข้าไปในห้องทำงานกับพ่อสองคน

ไม่ต้องเดาก็รู้ ว่าคงเรียกไปคุยเรื่องผม คงอยากรู้ว่าตอนผมอยู่ที่มอเป็นยังไง เพราะถามไป ผมก็คงไม่เล่าอะไรให้ฟังอยู่ดี คุยกันไม่นาน เบ๊บก็ออกมา เราสองคนก็เลยลาแม่กับพวกน้องแล้วเดินกลับบ้านหลังเล็กในสวน

ระหว่างทางที่เดินมาด้วยกัน เบ๊บก็คอยดึงชายเสื้อของผมไว้ตลอด เหมือนมันอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

“มีอะไรก็พูดมาเหอะ” ผมอดไม่ไหว จนต้องถามออกไป ก่อนจะพามันไปนั่งเล่นบนม้านั่งยาวข้างทาง

เบ๊บเงยหน้ามองผม สีหน้าของมันดูเป็นห่วง “คือ คุณพ่อถามเรื่องปาล์มกับเราเยอะเลย”

“อืม รู้อยู่แล้วล่ะ”

“ที่ปาล์มเคยบอกว่าชอบแหกกฎกับพ่อนี่เรื่องจริงสินะ ดูท่านกังวลมาก”

“ก็แค่ห่วงชื่อเสียงตัวเองนั่นแหละ อย่าไปสนใจเลย” ผมพ่นลมหายใจอย่างนึกขำ ตอนนั้นแทบจะตัดพ่อตัดลูกกันแล้วด้วยซ้ำ แต่ผมแม่งก็เลวจริงๆ แหละ ทำเรื่องแบบนั้นลงไปได้ยังไง

“ไม่หรอก ท่านเป็นห่วงปาล์มจริงๆ นะ” เบ๊บยื่นหน้ามาใกล้ๆ ผมไม่รู้หรอกว่าตอนนี้ตัวเองทำหน้าแบบไหน แต่มันคงดูแย่มาก เพราะเบ๊บถึงกับนิ่งไป แล้วก็พยายามจะปลอบใจผม

“เราไม่รู้ว่าเคยเกิดอะไรขึ้น แต่เราจะอยู่ข้างปาล์มนะ”

“ขอบใจ” ผมยิ้มอ่อนให้มัน เบ๊บเข้ามากอดผมไว้ ผมเพิ่งรู้ว่าตัวเบ๊บอุ่นถึงขนาดนี้ มือนุ่มๆ ลูบหัวและหลังของผมแผ่วเบา ปกติมีแต่ผมคอยดูแลคอยโอ๋มันแท้ๆ แต่ครั้งนี้ดันกลับกันซะได้ ผมเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ ให้มันปลอบเลย แอบเขินอยู่นิดๆ แฮะ

ไว้พร้อมเมื่อไหร่ ผมคิดว่าจะเล่าเรื่องในอดีตให้เบ๊บฟัง ไม่ว่ามันจะรับได้หรือไม่ก็ตาม

***

ช่วงปิดเทอมที่บ้านของผมผ่านไปด้วยดี พ่อไม่ได้มายุ่งอะไรกับพวกเรามาก และเหมือนจะค่อนข้างโอเคกับเบ๊บ เวลาอยู่กับพ่อ เบ๊บมันก็รู้กาลเทศะ เลยเหมือนเป็นแค่เด็กผู้ชายที่เรียบร้อยว่าง่ายธรรมดาๆ ทำให้ผู้ใหญ่เอ็นดู แม้ว่าความสัมพันธ์ของผมกับพ่อจะไม่ได้ดีขึ้นมากนัก แต่ก็พอจะคุยได้บ้างแล้ว

“ไม่ลืมของอะไรนะ ไปถึงแล้วโทรบอกแม่ด้วยนะลูก หนูเบ๊บด้วยนะ”

ผมพยักหน้ารับ ส่วนเบ๊บก็ขานรับเสียงสดใส ก่อนจะขึ้นรถที่มีพี่แอ๊ดมาขับให้เหมือนเดิม พวกเราย้ายออกมาอยู่หอนอกแล้วเรียบร้อย แต่พอขนของเข้าห้องเสร็จ ผมก็ต้องไปเอามอเตอร์ไซค์ที่จอดทิ้งไว้ในมอต่อ ให้เบ๊บรออยู่ที่หอ

“อ้าว ไอ้ปาล์ม มึงย้ายไปหอนอกกับไอ้เบ๊บแล้วนี่” ผมกำลังเข็นมอเตอร์ไซค์ออกจากที่จอดที่เบียดๆ กันอยู่ตรงหน้ามอ ก็เจอพวกไอ้แก๊บ พวกนี้ยังอยู่หอใน และกลับหอมาก่อนหน้าพวกเราสองวัน

“เออ พอดีมาเอามอไซค์” ผมว่าพลางเตะขาตั้งขึ้น

“แล้วไอ้เบ๊บอ่ะ” แก๊บเหลียวซ้ายแลขวา

“รออยู่ที่ห้อง กูเดินมาคนเดียว”

“ไหนๆ ก็กลับหอแล้ว ออกไปร่อนกันหน่อยมั้ยวะ” ไอ้วิทย์เจ้าเก่า หน้าตาเนิร์ดๆ ใส่แว่นตา แต่นิสัยมันไม่เนิร์ดเลยครับ แดกเหล้าเป็นน้ำตลอด ไปมาหมดทุกร้านแถบนี้แล้วมั้ง

“ก็ได้นะ ว่าจะไปหาอะไรกินพอดี แต่ขอไปรับเบ๊บก่อน”

“จ้าๆ พ่อคนติดเมีย” พวกมันส่งเสียงแซว เรื่องของผมกับเบ๊บคงเป็นข่าวไปทั่วแล้วสินะ แหงล่ะ ตั้งแต่วันนั้นที่บอกชอบมัน ไอ้เบ๊บก็ดีใจเนื้อเต้น รีบอัพสถานะลงเฟสทันที คบกันเป็นที่เรียบร้อย

ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปรับเบ๊บที่หอใหม่ของพวกเรา แล้วไปสมทบกับพวกไอ้แก๊บที่รออยู่หน้ามอ พวกมันก็มีมอเตอร์ไซค์เหมือนกัน ขี่ตามกันไปเป็นขบวน ประมาณ 5 คันได้ จริงๆ ก็นึกถึงสมัยที่ยังอยู่เชียงรายนะ ผมก็แว๊นกับเพื่อนแบบนี้แหละ แต่เพื่อนพวกนั้นไม่เหมือนเพื่อนที่มอหรอก อย่าไปพูดถึงเลยดีกว่า

“กินข้าวร้านลุงก่อนแล้วค่อยไปต่อละกัน” สักคนในกลุ่มพูดขึ้น แล้วพวกเราก็แวะที่ร้านข้าวลุงฮวด ร้านดังประจำมอเรา เพราะถูกและอร่อย

“ได้ข่าวว่าไปแต่งกันที่พิจิตรเหรอวะ กูเห็นในเฟซหราเลย”
“อีเบ๊บแรดนักนะมึง ตามผู้ชายไปถึงบ้านเขาเป็นเดือน” 

พวกมันเริ่มแซวหลังจากสั่งอาหารกันเสร็จ เบ๊บมันก็เชิดหน้าใส่ไม่สนใจ

“ทำไม บ้านสามีก็เหมือนบ้านภรรยาอยู่แล้ว ใช่มั้ยปาล์ม” แล้วก็หันมากอดแขนอ้อนผม ตอนอยู่ที่บ้านล่ะเจี๋ยมเจี๊ยมน่าดู พอมามอก็แรดออกเต็มที่อย่างที่ไอ้วิทย์มันว่าเอาเลย ผมได้แต่ส่ายหน้าขำๆ พวกมันก็แซวขำๆ ไปงั้น พอข้าวมาก็ต่างคนต่างกิน พูดคุยเรื่องวันเปิดเทอมที่กำลังจะมาถึง เรื่องกิจกรรมต่างๆ ที่คาดว่าจะมีอีกเยอะ แล้วก็เรื่องสาวๆ สำหรับหนุ่มโสดทั้งหลาย หลังจากนั้นก็ได้เวลาท่องราตรีก่อนเปิดเทอม

เวลาหนึ่งอาทิตย์ก่อนเปิดเทอม พวกเราใช้มันอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ จนเต็มที่ และเตรียมตัวพร้อมสำหรับการเรียนในเทอมใหม่ เทอมก่อนเกรดของผมถือว่าโอเคอยู่ เทอมนี้ก็ต้องพยายามต่อไป เพื่อเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง ถ้าผมทำได้ ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับพ่ออาจจะดีขึ้นอีกเยอะเลยล่ะ

“เทอมนี้มึงจะเลือกเก็บอะไรเป็นเอกโทวะ” ต้น เพื่อนร่วมคณะที่กำลังช่วยกันลงทะเบียนเรียนเข้ามาเกาะบ่าถามผม ตอนนี้พวกเรามารวมตัวกันที่ห้องของผมกับเบ๊บ ที่หอนอก

“ก็ว่าจะลงทัศนศิลป์เป็นโท เก็บญี่ปุ่นเป็นเอกอยู่แล้ว อีกวิชาสำรองไว้คงเป็นประวัติศาสตร์อ่ะ”

“เออ กูเก็บประวัติด้วยดีกว่า อีกวิชาเอาปรัชญาละกัน” มีมมันเรียนญี่ปุ่นเหมือนกัน คาดว่าจะได้เอกเดียวกันแน่นอน แต่วิชาโทแยกกันเรียน

“งั้นกูเลือกโททัศน์ด้วย อีกอันปรัชญา” แล้วพวกเราก็เริ่มลงทะเบียนกันทีละคน เลือกวิชาจนครบตามหน่วยกิต ถึงผมจะไม่ชอบถูกถ่ายรูป แต่ถ้าให้ถ่ายคนอื่นก็น่าสนุกดี อยากถ่ายภาพออกมาสวยๆ แบบพี่ดิวมัน และที่สำคัญ ผมมีคนที่อยากให้มาเป็นแบบด้วย

ถึงวันเปิดเทอม ผมก็ไปส่งเบ๊บตามปกติ แล้วขี่รถย้อนมาที่ตึกคณะตัวเองอีกที เทอมนี้เวลาเรียนก็ไม่ต่างจากเทอมแรกเท่าไหร่ มีวิชาบังคับไม่กี่ตัว กับวิชาเลือกเสรีที่เอาไว้ช่วยพยุงเกรดอีกตัว วิชาเอกโทของผมก็ลงตัวแล้ว อยากลองหัดถ่ายรูปดูสักตั้ง แม้จะไม่เคยใช้กล้อง DSLR มาก่อนก็เถอะ ลองขอพี่ดิวให้ช่วยสอนแล้ว ก็พอไหวอยู่ แต่เบ๊บเหมือนยังไม่ค่อยโอเคกับพี่ดิวเท่าไหร่

“เลิกเรียนแล้วไปไหนดีวะ ยังไม่อยากกลับหอเลย” เสียงไอ้ต้นกับมีมดังมา มันสองคนก็อยู่หอนอก ช่วงแรกๆ ถึงได้ไม่เคยเจอกัน เพิ่งมารู้จักตอนเข้าเรียน

“เปิดเทอมวันแรกก็เที่ยวเลยเหรอมึง”

“ไม่เที่ยววันนี้ จะให้กูออกไปตอนสอบเหรอวะ ไอ้ห่า”

ผมฟังพวกมันคุยกันพลางไลน์คุยกับเบ๊บ วันนี้เบ๊บมีกิจกรรมกับคณะ น่าจะเลิกค่ำๆ ผมเลยว่าจะหาอะไรทำรอ

“เออ จะไปไหนก็ไปดิ”

“นี่ ไอ้ปาล์มเพื่อนรัก ป่ะ หาไรกินก่อนเลย” ไอ้มีมพุ่งมากอดคอผม มีแต่พวกชอบสกินชิพผมกันจังวะ สงสัยผมจะทำตัวนิ่งเกินไป เหมือนเป็นขอนไม้ให้พวกมันเกาะงี้เหรอ

พอตกลงกันได้แล้วว่าจะไปร้านไหน ก็แยกย้ายกันไปประจำรถมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง ของผมจอดไว้มุมนอกสุดหน้าตึก เดินไปก็ล้วงหากุญแจรถไป แต่พอเดินมาถึงตรงที่รถจอดอยู่ ก็สะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งตรงหน้า คนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดี และผมอยากจะลืมๆ ไปซะ

“ไง เจอกันสักทีนะ ปาล์ม”

คนตรงหน้ายิ้มให้ผม แต่ดวงตาของมันไม่ได้ยิ้มเลยสักนิด ผมขมวดคิ้ว จ้องหน้ามันนิ่งๆ

ผมคงหนีต่อไปไม่ได้แล้วสินะ

***

 :pig4:
ทำไมชีวิตปาล์มดูเนือยๆ 555
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน12 [29.10.20]
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 29-10-2020 05:30:00
แฟนเก่าเหรอ :a5: :z3:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน13 [29.10.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 29-10-2020 10:40:54
13
“เฮ้ย มีไรกันป่าววะปาล์ม” พวกไอ้มีมเดินเข้ามาหา เพราะเห็นว่าผมจ้องหน้ากับคนแปลกหน้าอยู่นาน เหมือนจะมีเรื่องกัน แถมไอ้คนแปลกหน้าที่ว่าก็ท่าทางกร่างเอาเรื่อง ทั้งย้อมผม แต่งตัวชุดนอกปอนๆ หน้าตาหาเรื่องบอกยี่ห้อมาก และมันก็คือหนึ่งในเพื่อนเก่าของผมเอง

ผมหันไปบอกพวกมีมว่า “ไม่มีอะไร”

แต่พวกมีมก็ยังมองๆ หน้า ไอ้อาร์ม อยู่เนืองๆ ผมตบหลังไล่พวกมันไปขี่รถ จะได้ไปกินข้าวกัน ก่อนจะหันไปมองหน้าไอ้อาร์มอีกครั้ง

“มึงมีอะไร มาถึงนี่”

ไอ้อาร์มแสยะยิ้ม เดินเข้ามาใกล้ๆ ผม มันไม่กล้ามีเรื่องกับผมตรงนี้หรอก เพราะเพื่อนผมอยู่กันเยอะ นักเลงแค่ไหนก็ยังฉลาดพอ

“มึงคิดว่าจะหนีได้ตลอดไปเหรอ”

ผมกำมือแน่น เถียงมันไม่ออกว่าไม่ได้หนี ก่อนจะเข็นรถออกมา เตะขาตั้งด้วยความหงุดหงิด

“กูจะให้มึงชดใช้! เหมือนที่พวกกูโดน ไอ้เหี้ยปาล์ม” ไอ้อาร์มตะโกนไล่หลังมา เพื่อนๆ ผมก็งงกัน แต่ผมไม่สนใจ รีบบึ่งรถออกไปจากบริเวณนั้นทันที

จำได้มั้ยครับ ที่ผมเคยบอกว่าชีวิตเคยดิ่งลงเหวสุดๆ มันคือสมัยมัธยมนรกของผมเอง ผมเริ่มต่อต้านพ่อตั้งแต่ม.2 ปลายๆ น่าจะได้ แอบหนีออกจากบ้านตอนดึกๆ แล้วก็เจอพวกมัน จะเรียกเด็กแว๊นก็คงได้มั้ง แต่พวกมันไม่ได้แค่แข่งรถ บิดมอไซค์เสียงดังหรือแค่ทำตัวน่ารำคาญให้ชาวบ้านด่า แต่มันทั้งลักขโมยและเล่นยาด้วย แรกๆ ผมก็ไม่คิดอะไร คิดว่าทำขำๆ มีเล่นยากับพวกมันนิดหน่อย ในเหล้าที่กินใส่อะไรมั่งยังไม่รู้เลย แต่หลังๆ พวกมันเริ่มเล่นแรงขึ้นเรื่อยๆ ถึงขั้นลากผู้หญิงมาข่มขืน

ตอนม.4 ผมก็ยังคบกับพวกมันอยู่ ผมจะเหี้ยแค่ไหน ก็เหี้ยแค่ที่ตัวผม ผมไม่อยากไปทำเหี้ยใส่ใครมากกว่านั้น ผมห้ามพวกมันไม่ให้ฉุดน้องเขามาโทรม แต่พวกแม่งไม่ฟังไง เลยทะเลาะกัน เพราะผมจะช่วยเด็กคนนั้น

สุดท้าย...มันก็กลายเป็นความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดของผม พวกมันถูกตำรวจจับเข้าสถานพินิจหมด ยกเว้นผม เพราะพ่อผม...เป็นผู้ว่าฯ เลยเอาผมออกจากตะรางมาได้ แต่ก็เกือบตัดพ่อลูกกันอย่างที่รู้ๆ กันนั่นแหละ ผมผิดที่คบเพื่อนเลวๆ เพื่อประชดพ่อ ทำให้แม่ร้องไห้หนักจนล้มป่วย นอกจากช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้นไม่ได้แล้ว ผมยังต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิดบาปที่ไม่มีวันเลือนหาย

ผมไม่รู้ว่าไอ้อาร์มมันพาพวกมาด้วยหรือเปล่า พวกมันติดคุกแค่ปีสองปีก็ออกมาเพ่นพ่านได้แล้ว เพราะยังอยู่ในสถานะเยาวชน แต่คนเหี้ยๆ บางคนแม่งก็ไม่ได้ดีขึ้น ต่อให้เข้าคุกอีกกี่รอบก็ตาม พวกมันคงตามมาเล่นงานผมไม่ปล่อยแน่ และนี่คือสาเหตุที่ผมพยายามจะไม่เปิดเผยหน้าตาตัวเองในโซเชี่ยลทั้งหลายแหล่ แต่ก็ไม่ทันแล้วล่ะ

พวกมันหาผมเจอแล้ว

***

หลังจากวันที่เจอไอ้อาร์ม มันก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูท่ามันจะมาคนเดียวด้วย แต่ก็ยังวางใจอะไรไม่ได้ ไอ้อาร์มมันค่อนข้างโรคจิต คนที่คิดเรื่องชั่วๆ ก่อนใครส่วนใหญ่ก็คือมันนี่แหละ ตอนนี้ทุกคนน่าจะอายุ 18-20 ไม่ใช่เยาวชนแล้ว ถ้าพวกมันจะลงมือทำอะไรคงต้องคิดหนักกว่าเมื่อก่อน เพราะคราวนี้จะไม่ใช่แค่สถานพินิจ

“ปาล์มมมม” วันนี้ผมมารับเบ๊บกลับห้องเหมือนทุกวัน ช่วงนี้เบ๊บมันซ้อมเชียร์อะไรสักอย่าง เพราะใกล้งานกีฬามหาลัยแล้ว คณะผมก็มีซ้อม แต่ผมไม่ได้เข้า ตอนแรกกะจะจีบลีดคณะตัวเอง ไปๆ มาๆ ได้ไอ้ตัวเล็กนี่มาเฉย ก็เลยลืมเรื่องจีบสาวไปหมด

“ไม่ต้องแหกปากมาแต่ไกลก็ได้” ผมว่ามันขำๆ ร่าเริงเกินเบอร์มาก มาถึงก็กระโดดกอดคอผมเป็นลิงเลย

“แม่ง ตัวหนักขึ้นป่ะวะ”

“ปาล์มว่าเราอ้วนเหรอ ใจร้าย” ไอ้ตัวเล็กทำหน้ามุ่ยใส่ น่าหยิกจนอดบีบแก้มมันไม่ได้ แหย่มันเล่นพอหอมปากหอมคอ แล้วก็กอดคอมันพาไปที่รถคันสีแดงขาวของผม คืนนี้พวกไอ้แก๊บบอกจะไปเมากันอีกแล้ว เอาแต่เปิดเทอม ออกกันแทบทุกคืน เทอมแรกยังเหงียมๆ กันไง ปรับตัวกับการเรียนอยู่ พอเทอมนี้มา จัดเต็ม

แต่ผมก็แค่พาเบ๊บไปเที่ยว ไม่ได้กินดื่มอะไรมากมาย เพราะต้องขี่มอเตอร์ไซค์กลับ ผับบาร์แถวนี้ก็มีแต่พวกนักเรียนนักศึกษา ถ้าไม่เมาหนักจนกร่างไปทั่ว ก็ไม่มีปัญหาเท่าไหร่ นานๆ ทีจะเห็นบางกลุ่มมีเรื่องกับพวกที่ไม่ใช่นักศึกษาแถบนี้บ้าง อย่างว่าละ บางคนมีวัยวุฒิ แต่ขาดวุฒิภาวะ แต่ผมเองก็ว่าคนพวกนั้นไม่ได้หรอก

“อือ ปาล์ม” ไอ้เบ๊บดูท่าจะเริ่มเมาแล้ว มาเลื้อยใส่ผมใหญ่ ผมก็กอดเอวมัน จะให้นั่งลงดีๆ แต่มันก็ไม่ยอม ปีนมานั่งบนตักแล้วก็นอนซบอกผม กลิ่นเหล้านี่คลุ้งเชียว พวกวิดวะนี่แม่งขี้เหล้าทุกตัวเลยเหรอวะ คณะผมรุ่นพี่ผู้ชายไม่ค่อยมี เลยไม่มีกิจกรรมดวดเหล้ากันเท่าไหร่ อย่างที่มาวันนี้ก็มีแต่เด็กวิดวะกับวิดยาเต็มไปหมด มีผมกับไอ้ต้นไอ้มีม สามคนจากอักษร

แล้วเวลาเมา ไอ้เบ๊บจะหื่นมากด้วย เลื้อยไปทั่ว มือไม้อยู่ไม่สุขเลยเนี่ย ถ้าไม่ติดว่าอยู่กลางร้าน ผมก็อยากจะจัดสักดอกหรอก โชคดีของมัน ที่ผมหน้าด้านไม่พอ

“เบ๊บ ไหวมั้ย ไปห้องกัน” ผมสอดมือเข้าใต้วงแขนของมัน อุ้มขึ้นมานั่งดีๆ บนตัก ไอ้ปัน น้องชายผมยังจะสูงกว่าเบ๊บอีกอ่ะ ปันมันน่าจะตัวโตเหมือนพ่อ ผมเองยังสูงไม่ถึง 180 เลย แต่ไอ้ปันนี่น่าจะถึงแน่นอน เผลอๆ เลยไปไกลด้วย เพราะปันมันเล่นกีฬา ตัวเลยใหญ่

“อยากจูบปาล์มจังเลยอ่า” ดูมัน มาทำหน้ายั่วผมอีก

“กลับห้องก่อน ไป” ผมชวน งับใบหูนิ่มๆ ไปทีด้วยความหมั่นเขี้ยว ไอ้เบ๊บตัวสั่นเทิ้ม น่ารักชะมัด คืนนี้สงสัยยันเช้าเหมือนเดิม ไม่ต้องหลับต้องนอน ถ้าเบ๊บไม่เมามากจนหลับคาอกผมก่อนอ่ะนะ

เบ๊บยอมลุกขึ้นในที่สุด ผมช่วยประคองเอวมันไว้ พาเดินออกนอกร้าน พอมาถึงลานจอดรถมืดๆ ไม่มีคน เบ๊บมันก็โน้มคอผมลงไปจูบ ผมไม่ได้ขัดขืนอะไร ถึงมีคนมาเห็นก็ช่าง ยังไงมันก็มืด มองหน้าพวกเราไม่ถนัดหรอก แต่ถ้าเป็นเพื่อนมาเจอก็คงจำได้ และผมไม่แคร์ ในเมื่อใครๆ ก็รู้ว่าผมกับเบ๊บคบกันอยู่

“ไปต่อที่ห้อง ตรงนี้ไม่ได้” ผมผละออกมากระซิบบอกมันเบาๆ เพราะเบ๊บเริ่มลูบไปทั่วตัวผมแล้ว ผมเองต้องควบคุมอารมณ์สุดชีวิต กอดไอ้ตัวเล็กไว้ แล้วพาเดินไปที่มอเตอร์ไซค์ มันก็ช่างขยันกระตุ้นผมเหลือเกิน

“เดี๋ยวนี้เปลี่ยนรสนิยมเหรอวะ”

เสียงคุ้นๆ ดังขึ้นจากในเงามืดของมุมเสา ผมเงยหน้าขึ้นมองไปทางนั้น แล้วก็ต้องขมวดคิ้ว

“มึงอีกแล้ว”

“ใครอ่า” เบ๊บกอดแขนผมพลางมองผมกับไอ้อาร์มสลับกัน

“หืม? ทีแรกเห็นไกลๆ แต่ดูใกล้ๆ ก็น่ารักนี่หว่า รสนิยมดีเหมือนเดิมมากกว่านะแบบนี้” ไอ้อาร์มยื่นหน้ามาหาเบ๊บ ผมรีบดันตัวเบ๊บหลบไปข้างหลัง ไอ้อาร์มยืดตัวขึ้นมองหน้าผมพร้อมแสยะยิ้ม

“ตัวเล็กๆ ผิวขาวจัด หน้าตาแบ๊วๆ มึงชอบแบบนี้ทั้งหญิงทั้งชายเลยเหรอวะ ไอ้ปาล์ม”

“ไม่เกี่ยวกับมึง” ผมจ้องหน้ามันกลับ เอาตัวบังเบ๊บไว้ให้มากที่สุด เบ๊บก็กอดแขนผมไว้แน่น

“ของเคยๆ มาด้วยกัน แบ่งเพื่อนบ้างสิวะ” ไอ้อาร์มเอียงคออย่างกวนตีน แต่ผมต้องใจเย็นไว้

“มึงกับกูไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว” ผมกัดฟันกรอด ตั้งแต่ที่พวกมันทำร้ายเด็กผู้หญิงคนนั้น ผมก็ตัดเพื่อนกับพวกมันหมดแล้ว จะไม่ขอข้องเกี่ยวด้วยอีก

“ไม่เกี่ยวเหรอวะ ต่อให้มึงหนีมาเรียนตั้งไกล แถมย้ายบ้าน แต่เรื่องที่มึงทำมันก็ไม่มีทางลบทิ้งได้หรอกว่ะ พวกกูต้องติดคุก เหมือนตายทั้งเป็น แต่มึงเสือกรอดคนเดียวเพราะพ่อมึงมีอิทธิพล แม่งก็เหี้ยเหมือนพวกกูนั่นแหละ ไอ้เหี้ยปาล์ม!”

เบ๊บตกใจเสียงตะคอกของไอ้อาร์มจนแทบสร่างเมา มันยืนตัวสั่นอยู่ข้างหลังผม เรื่องที่ผมตั้งใจจะเล่าให้เบ๊บฟังเมื่อพร้อม ถูกไอ้อาร์มโพล่งออกมาเกือบหมด มันพุ่งเข้ามากระชากคอเสื้อผม ทำเอาเบ๊บที่อยู่ข้างหลังผมเกือบหงายหลังไปด้วย

“มึงฆ่าเพื่อนกู! แล้วจะต่างอะไรกับความเหี้ยของพวกกู เอาชีวิตไอ้มิคคืนมาได้มั้ยล่ะวะ ไอ้สัสปาล์ม!”

“มันเรื่องอะไรกันน่ะปาล์ม” ไอ้เบ๊บหน้าซีดเผือด เขย่าแขนผมด้วยแววตาตื่นตระหนก ผมมองเบ๊บด้วยสีหน้าแบบไหนก็ไม่แน่ใจ แต่ผมไม่อยากให้มันเกลียดผมเลย

ไม่อยากเลยจริงๆ

“มึงฆ่ามันตาย แต่พ้นผิด แล้วก็ได้มาใช้ชีวิตดีๆ ที่นี่เหรอวะ! จะอีกกี่ปี กูก็ไม่มีวันลืม และกูจะไม่ยอมให้มึงสงบสุขง่ายๆ แน่ มึงจำไว้” ไอ้อาร์มตะคอกครั้งสุดท้าย ก่อนจะสะบัดมือออกจากคอเสื้อของผม แววตาเหมือนหมาบ้าของมันจ้องมองที่เบ๊บ แล้วหันหลังเดินจากไป

ผมพ่นลมหายใจออกมา หลังจากกลั้นมันไว้นาน เบ๊บยังจับแขนผมไว้แน่น สีหน้าทั้งสงสัยและหวาดหวั่น

“ปาล์ม หมายความว่ายังไง ใครฆ่าใคร อะไรกัน”

ผมก้มหน้า หลับตาลงด้วยความทรมาน ชีวิตของผมเกือบจะดีขึ้นแล้วแท้ๆ ชีวิตแบบปกติธรรมดาๆ เรียน เล่น มีเพื่อน มีแฟน จบไปทำงานที่อยากทำ

แต่สิ่งที่ผมทำไว้มันไม่มีทางหายไปอย่างที่ไอ้อาร์มว่า

สุดท้ายผมทำได้แค่ต้องยอมรับมัน แม้ไม่อยากรื้อฟื้น แต่ยังไงก็ควรบอกเบ๊บ แล้วถ้ามันจะเกลียด หรือรังเกียจคนอย่างผม ก็แล้วแต่มัน

“กลับห้องก่อน แล้วกูจะเล่าให้ฟังทั้งหมด”

***

รอปาล์มสารภาพบาปแป้ป เมื่อวานแต่งตอนเมาๆ มึนๆ ไม่รู้พิมพ์อะไรออกมา 55
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน13 [29.10.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 29-10-2020 10:59:47
 :a5: เราเชื่อว่าปาล์มน่าจะทำไปเพราะมีเหตุผล หรือโดนใส่ร้าย หรือไม่ก็ป้องกันตัวใช่ไหม
แต่แอบเป็นห่้วงแทนเบ๊บอ่ะ ดูมันจะโรคจิตจริงๆด้วยไอ้อาร์มอะไรนี่้อ่ะ   :ling3:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน13 [29.10.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: meteexp ที่ 01-11-2020 00:10:07
 :hao3:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน13 [29.10.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-11-2020 15:54:02
อดีตของปาล์ม
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน13 [29.10.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 01-11-2020 23:06:33
ติดตาม
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน14 [3.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 03-11-2020 11:43:21
14
ผมเล่าเรื่องทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นตอนอยู่ม.4 ให้เบ๊บฟังเกือบละเอียด คืนนั้นพวกไอ้อาร์มพาเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งมามั่วสุมด้วย เป็นพวกเด็กม.ต้นอายุยังไม่ถึง 15 ด้วยซ้ำ ตอนแรกผมก็ไม่เอะใจอะไร คิดว่าแค่พามาเป็นสีสัน แต่พวกมันกลับมอมยาเด็กสาวคนหนึ่งในกลุ่มนั้นแล้วจะรุมโทรม เหมือนเธอโดนเพื่อนหลอกมา ตอนนั้นผมคัดค้านสุดชีวิต บอกให้ปล่อยน้องเขาไป แต่พวกมันก็ไม่ฟัง ผมโดนพวกมันจับล็อคไว้ ต้องทนดูพวกมันทำระยำกับเธอ สุดท้ายก็ทนไม่ไหว หลุดจากที่โดนมัดแล้วคว้ามีดไปแทงไอ้คนที่กำลังทำร้ายเธอคนสุดท้าย ก็คือ ไอ้มิค

ผมจำไม่ได้ว่าแทงไปกี่แผล แต่มันตายคาที่ ด้วยมือของผม คนอื่นๆ จะรุมกระทืบผม แต่ตำรวจมาถึงก่อน คงมีคนแถวนั้นได้ยินเสียงร้องและเสียงโวยวาย ทุกคนโดนจับหมด พ่อยัดเงินไปหลายแสน จ้างทนายมาประกันตัวออกไปและปิดข่าวจนเงียบสนิท จากนั้นก็ทำเรื่องขอย้ายไปพิจิตร ส่วนแม่ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาลไปเป็นเดือน ออกมาก็ไม่แข็งแรงเท่าเมื่อก่อน

ผมสัญญากับแม่ไว้ว่าจะไม่กลับไปยุ่งกับพวกมันอีก และจะตั้งใจเรียน สอบเข้าและใช้ชีวิตแบบปกติธรรมดาเหมือนที่เคยให้ได้ ผมจะไม่ทำผิดพลาดแบบนั้นอีก

เบ๊บนิ่งฟังที่ผมเล่าอย่างเงียบๆ พอเล่าจบ มันก็โผเข้ามากอดผมไว้

“ไม่เป็นไรนะปาล์ม เรื่องมันผ่านไปแล้ว”

“อืม” ผมกอดตอบเบ๊บ ซุกหน้ากับไหล่เล็กๆ แสนอบอุ่นของมัน

สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากที่สุดในตอนนี้คือ ไอ้อาร์มมันกำลังวางแผนอะไรอยู่ มันจ้องเบ๊บเขม็งขนาดนั้น ผมกลัวว่ามันจะเล็งทำร้ายคนของผม เหมือนที่ผมฆ่าเพื่อนรักของมัน

ช่วงนี้ผมต้องคอยไปรับไปส่งเบ๊บไม่ให้ขาด ผมเตือนมันว่าอย่าไปไหนมาไหนคนเดียว ให้พาเพื่อนไปเยอะๆ อยู่ในมอก็ไม่ปลอดภัย เพราะคนนอกเข้าออกได้ ไม่รู้ใครเป็นใคร

ชีวิตของผมสงบสุขมาดีๆ ต้องมีอันกลายเป็นเรื่องสยองขวัญสั่นประสาท ตึงเครียดสุดๆ เมื่อไอ้อาร์มมันโผล่มา พร้อมความแค้นที่สั่งสมไว้ยาวนานกว่า 2 ปี หรือจริงๆ แล้วผมควรจะใช้ชีวิตให้เงียบเชียบกว่านี้ ไม่ควรรับประกวดเดือนอะไรนั่นแต่แรก ไม่น่าผูกสัมพันธ์กับใครเลย

แต่มันก็สายไปแล้วที่จะย้อนกลับ ในทุกทุกเรื่อง

“เย็นนี้กูมีงานที่คณะ แต่จะมารับมึงไปด้วย ห้ามอยู่คนเดียวเด็ดขาดเลยนะ เข้าใจมั้ย” ผมกำชับเสียงเข้มกับไอ้ตัวเล็กที่ก็เข้าใจสถานการณ์ดี มันพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ผมลูบหัวทุยๆ นั่นเบาๆ ยิ้มให้มันอย่างอ่อนโยนที่สุด ผมไม่อยากให้เบ๊บไม่สบายใจเลย แต่จะให้ผมเลิกยุ่งกับมันตอนนี้ ผมเองก็ทำไม่ได้ และแม้ผมจะเลิกกับเบ๊บ ก็ใช่ว่าไอ้อาร์มมันจะไม่ทำอะไร การหนีไม่ใช่วิธีเผชิญหน้ากับปัญหาที่ดีอีกแล้ว ผมต้องหาทางจัดการมันให้ได้ ถ้าเกิดอะไรขึ้น ผมต้องปกป้องเบ๊บให้ได้

ต้องรอเวลา ให้ไอ้อาร์มมันโผล่หัวออกมาอีกครั้ง ถ้าคราวนี้มันลงมือทำอะไรชั่วๆ ผมจะเก็บหลักฐานแล้วแจ้งความให้จบๆ ไปเลย ถ้าผมไม่โดนมันฆ่าตายไปก่อนอ่ะนะ แต่นิสัยอย่างมัน ไม่มีทางที่จะงัดปืนมายิงผมแค่นัดเดียวแล้วจบแน่ๆ มันต้องทำให้ผมทรมานมากกว่านั้น เพราะแม่งโรคจิต

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้ามากถึงมาที่สุดในแต่ละวัน ผมกังวลและเครียดจนต้องใช้ยาช่วยให้นอนหลับ เหมือนช่วงแรกๆ ที่ผมฆ่าไอ้มิคตาย ช่วงนั้นสภาพของผมค่อนข้างแย่ นอนฝันร้ายตลอด เลยทำให้นอนไม่หลับ ต้องไปหาหมอแล้วก็ได้ยามาช่วย แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นโรคประสาทนะครับ ผมยังปกติดี และหายจากอาการนั้นมาเป็นปีแล้ว จนมาเจอเบ๊บ ที่ทำให้ผมนอนไม่หลับด้วยเรื่องอื่น

“ปาล์ม ไหวมั้ย” เพราะผมเครียดจนต้องใช้ยามาหลายวันแล้ว เบ๊บเลยเป็นห่วงขึ้นมา ช่วงนี้อารมณ์จะทำอะไรกันก็ไม่มี เบ๊บมันก็ไม่ค่อยมาวอแวกับผมมาก แค่คอยดูแลด้วยความเป็นห่วงเท่านั้น

“ไหว” ผมตอบ เบ๊บกุมมือของผมไว้

“มันก็สองสามอาทิตย์แล้วนะ ไอ้หมอนั่นคงไม่มาแล้วมั้ง มันคงแค่ขู่เฉยๆ”

“วางใจไม่ได้หรอก ไอ้เหี้ยนั่นมันโรคจิต มันต้องมีแผนอะไรแน่ๆ และคงรอจังหวะที่กูพลาด” เบ๊บคงเห็นสีหน้าของผมไม่สู้ดี เลยถอนหายใจเบาๆ แล้วบีบมือผม

“แต่จริงๆ เราก็ดูแลตัวเองได้นะ ปาล์มน่ะห่วงเกินไป”

“ก็มึงตัวแค่นี้ จะสู้ไอ้เหี้ยอาร์มได้ไง มันตัวใหญ่กว่ากูอีก”

“แต่เราก็มีวิธีสู้ในแบบของเรา ไม่ยอมให้มันมาทำอะไรหรอกน่า ปาล์มเลิกกังวลแบบนี้สักที เราเห็นแล้วเราก็พาลจะเครียดไปด้วย”

“กูห่วงมึงไม่ได้หรือไง” ผมเผลอตะคอกใส่ เบ๊บหน้าเสียไปเล็กน้อย

“เราไม่ได้ว่าแบบนั้น แต่ไม่ชอบปาล์มที่เป็นแบบนี้เลย ถึงปกติปาล์มจะไม่ใช่คนอารมณ์ดี หรือร่าเริง แต่ก็ไม่ได้เครียดจน...”

ผมนิ่วหน้ามองเบ๊บ “กูก็เป็นแบบนี้แหละ แค่มึงไม่เคยรู้”

“เรารู้สิ”

“มึงไม่รู้จักกูหรอกเบ๊บ และหลังจากนี้ มึงอาจจะไม่อยากรู้จักแล้วก็ได้” ผมไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร มันเหมือนในหัวสับสนไปหมด แต่รู้ว่าเสียงของผมทั้งดังแล้วก็แข็ง

“ปาล์มอย่าขึ้นได้ป่ะ เราก็แค่ห่วงปาล์มเหมือนกัน” เบ๊บเริ่มน้ำตาคลอ เพราะผมบีบแขนมันอยู่ ผมสะบัดมือออก พยายามสงบจิตสงบใจให้ได้

“โทษที” ผมลดเสียงลง รู้สึกผิดกับเบ๊บ ผมควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้เลยช่วงนี้ แต่เบ๊บกลับไม่ว่าอะไร มันแค่เข้ามากอดผมไว้

“เรารักปาล์มนะ เพราะงั้นปาล์มก็ต้องรักตัวเองให้ได้ด้วย ห่วงเราได้ แต่อย่าเครียดเกินไป นะครับ”

เสียวหวานๆ ที่เอ่ยอยู่ข้างหู ทำให้ใจของผมสงบลงบ้าง ผมกอดตอบร่างเล็ก เบ๊บมันเข้มแข็งกว่าที่ผมคิดเยอะ ผมต้องพยายามตั้งสติและทำใจให้สบายกว่านี้

“อืม กูจะพยายาม”

***

ผ่านมาเกือบเดือน ความกังวลค่อยๆ ลดลงทีละน้อย หรือไอ้อาร์มจะแค่ขู่ให้ผมกลัวเฉยๆ ถ้าผมสติแตกได้ มันคงสะใจ มันคงไม่อยากติดคุกอีกรอบหรอก ผมว่านะ

“กลับมาเป็นปาล์มคนเดิมได้สักที หน้านิ่งๆ เนี่ย ดูดีกว่าตอนทำหน้าเครียดอึมครึมเยอะเลย” เบ๊บมันว่าพลางดึงแก้มผมเล่น สงบสุขได้ก็ดีครับ ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ตอนนี้พวกเราอยู่ในห้องที่หอพักใหม่ อุตส่าห์ย้ายมาหอนอกที่เก็บเสียงได้ แต่ดันไม่ค่อยได้ใช้ชีวิตอย่างที่เบ๊บมันอยากเลย

“กูกังวลมากไปจริงๆ แต่ก็ยังต้องคอยตามประกบมึงตลอดอยู่ดีแหละ” ห้ามการ์ดตกครับ ยังไม่ 100% ว่าไอ้อาร์มมันไปแล้ว หรือแค่รอจังหวะ

“ขี้ห่วง”

“ยอมรับ”

เบ๊บบีบจมูกผมจับส่ายหน้าไปมา เหมือนมันจะหมั่นเขี้ยวผม จากนั้นก็เลื่อนมือที่บีบจมูกลงมาแตะบนอกผม ลูบวนไปมา พลางยิ้มยั่ว

“ตอนนี้ไม่เครียดแล้ว ก็...” ท่าจะขาดของมานาน ไอ้เบ๊บนั่งคร่อมหน้าตักผม ประกบปากจูบอย่างเร่งเร้าทันที มือเล็กๆ ก็ลูบหน้าลูบตัวผมไปทั่ว ผมเองก็จูบตอบมัน สอดลิ้นวนไล้ไปมาด้วยความกระหาย มือถกเสื้อยืดของมันขึ้นมากองบนอกบางๆ บีบบี้ยอดอกสีสวยนั่นจนแข็งเป็นไต เบ๊บครางในคอเบาๆ ด้วยความซ่านเสียว ผมขยี้ริมฝีปากของมันจนบวมเห่อ แล้วผละออกมางับใบหูกับลำคอขาวๆ มือสาละวนอยู่กับแผ่นอกบาง ทั้งบีบและคลึงอย่างหนักมือ จนน่าจะเป็นรอยมือผมแน่ๆ เสียงดูดที่คอและหัวไหล่กลมมนดังก้อง เบ๊บตัวสั่นกอดคอผมไว้แน่น ปกติผมไม่ค่อยอยากทำรอย แต่บางทีก็อดไม่ไหว ก็ไอ้เบ๊บแม่งยั่วขนาดนี้

“อา ปาล์ม...” เบ๊บแอ่นสะโพกขึ้น ตอนที่ผมดึงกางเกงของมันลง แท่งร้อนสีชมพูเข้มผงกหัวทักทายอย่างเป็นกันเอง น่าเอ็นดูจนผมต้องก้มหน้าลงไปไซร้ แลบลิ้นเลียส่วนหัวเบาๆ ก่อนจะครอบริมฝีปากลงไป ดูดดึงมันทั้งอัน เผลอกัดบ้างนิดหน่อยตามแรงอารมณ์

เบ๊บคุกเข่ากอดหัวผมไว้ ตัวมันสั่นจนจะไม่ไหว สุดท้ายอ่อนแรงจนทิ้งตัวลงนอนหงาย ผมตามไปคร่อมไว้ ปากยังทำงานไม่หยุด มันทึ้งหัวผมแน่น แอ่นสะโพกรับแล้วส่ายไปมา เสียงครางหวานๆ เหมือนจะขาดใจ

“อ๊า อ๊า ปาล์ม เร็ว...จะออกแล้ว”

ผมเร่งทั้งปากและมือ จนไอ้เบ๊บเกร็งไปทั้งตัว มันแอ่นตัวจนสุด ปลดปล่อยใส่ปากของผมรุนแรงจนผมเกือบสำลัก รสชาติของมันหอมหวาน ผมกลืนลงคออย่างไม่นึกรังเกียจเลย ก่อนจะหยิบเจลใสที่หัวเตียงมาเทราดบนฝ่ามือและช่องทางสีอ่อนที่ขมิบถี่อยู่ตรงหน้า เบ๊บก็ช่วยจับยกขาตัวเอง แหวกแก้มก้นออกให้อย่างรู้งาน

“เอาเลยได้มั้ย เบ๊บอยากแล้ว” ดูมันส่งเสียงอ้อน ทำตาเว้าวอน ผมนี่แทบกลั้นไม่อยู่ เห็นมันนอนยั่วแบบนี้ทีไร จะแตกทั้งที่ไม่ทำอะไรทุกที สงสัยผมจะห่างเรื่องพรรค์นี้ไปนานเกินสินะ

“ไม่ได้ เดี๋ยวฉีก” ผมว่าพลางสอดนิ้วเข้าไปช้าๆ สองนิ้วทีเดียวเลย เบ๊บตอดนิ้วผมเบาๆ ผมก้มหน้าลง คลอเคลียปลายจมูกกับยอดอกของมัน ไรหนวดบางๆ ที่ถูไถกับแผ่นอกและสองเม็ดงามนั่นสร้างความเสียวกระสันให้เบ๊บยิ่งกว่าใช้ปากดูดเลียเสียอีก ยิ่งมันเสียว ช่องทางเล็กๆ ที่จะโดนกี่ทีก็ยังคับแคบสุดๆ สำหรับผมก็ยิ่งขยายได้มากขึ้น ผมถอนนิ้วออก อ้าปากงับหัวนมมันแรงๆ พร้อมกับดันสะโพกสวนแท่งร้อนที่แข็งตัวเต็มที่ของผมเข้าไปแทนที่นิ้ว เบ๊บกรีดร้องลั่นด้วยความเสียว รวดเดียวเข้าไปจนสุดทาง ผมช่วยจับยกขาของมันไว้ สองมือของเบ๊บเลยขยุ้มหัวผมกับไหล่ของผม เล็บจิกครูดไปกับไหล่และหลัง แต่ผมไม่เจ็บเท่าไหร่หรอก

“อา...” ผมสูดหายใจแล้วพ่นออกมาเบาๆ ก่อนจะขยับกระแทกตัวเข้าออก ปากงับตามหูและคอของเบ๊บ สองมือประคองขาเล็กๆ ให้ถ่างออกกว้างขึ้น ยกสะโพกมันจนตัวลอยมาอยู่บนหน้าตัก กระแทกกายไม่ยั้งและไม่มีรีรอ เพราะร่างกายของเบ๊บคุ้นเคยกับผมดีอยู่แล้ว ใบหน้าของมันเหยเก อ้าปากร้องครางอย่างน่ารักน่าฟัด แล้วผมก็เลยฟัดมันทั้งใบหน้าและช่วงอก โดยที่ยังขยับเคลื่อนรัวเร็ว ย้ำที่จุดกระสันของมันอย่างหนักหน่วงทุกดอก

“อ๊า ปาล์ม อร๊างงง” เบ๊บครางลั่น ฉีดพ่นหยาดสีขาวขุ่นกระเซ็นสาดเป็นสาย ผมกวาดลิ้นเลียน้ำของมันตามแผ่นอกบาง ไอ้ตัวเล็กยังกระตุกถี่ ปล่อยน้ำรักออกมาไม่หยุด จนผมดันตัวเข้าไปครั้งสุดท้าย เกร็งหน้าท้องปล่อยลูกๆ ของผมเข้าไปในตัวมัน แต่อย่าคิดว่าผมจะถอนตัวออกมา เพราะเบ๊บมันไม่ยอมจบแค่รอบสองรอบแน่ ผมเลยแช่ค้างไว้ ปล่อยจนหมดก๊อกแรกแล้วเริ่มขยับอีกรอบอย่างรู้ใจมัน ไม่ได้ทำมานานแล้วด้วย

“วันนี้...เอากี่รอบดี” ผมกระซิบเสียงพร่าถาม เบ๊บโน้มคอผมไปจูบหนักๆ แล้วปล่อย ก่อนจะครางตอบผมเสียงกระเส่า ทำเอาผมอดยิ้มไม่ได้

“มีแรงแค่ไหน ก็เอาให้เท่านั้นเลย”

“จัดไป”

กว่าจะจบทุกกระบวนท่าที่งัดมาใช้ในรอบนี้ ก็เกือบ 2 ทุ่ม เริ่มฟัดกันตั้งแต่เที่ยงๆ ได้ ดีที่มีแอร์เย็นฉ่ำ แถมห้องก็เก็บเสียง จะทำอะไรก็สะดวกดี รอบสุดท้าย ผมถึงกับเข่าทรุด ทิ้งตัวลงนอนทับบนอกไอ้เบ๊บพลางหอบถี่ ไอ้ตัวเล็กก็สภาพไม่ต่างกัน ขาของมันเกร็งค้างจนแทบหุบไม่ลง ส่วนล่างยังเชื่อมกันไม่หลุด ผมค่อยๆ ถอนกายออกมา อะไรต่อมิอะไรทะลักล้นไหลย้อนกลับออกมา ไม่เคยคิดจะซื้อถุงยางกันเลยทีเดียว

“ลุกไหวป่ะวะ” ผมถามมันพลางกดจูบเบาๆ ที่แก้มนุ่ม จริงๆ ต่ออีกก็คงไหว แต่หิวข้าว

“อือ ไหว” มันก็นะ เล็กพริกขี้หนูสุดๆ ขนาดนี้ยังลุกไหว ผมล่ะนับถือเมียผมจริงๆ เรียกได้ไม่อายปากแล้วครับ

ไอ้เบ๊บลุกขึ้นนั่งช้าๆ ขยับขาที่ยังสั่นนิดๆ เอาปลายนิ้วปาดเช็ดน้ำของผมในตัวมันที่ยังไหลล้นออกมาไม่หยุด

“ปาล์มน้ำเยอะอ่ะ เบ๊บต้องท้องเสียแน่ๆ แบบนี้”

ผมยิ้มขำ นอนตะแคงมองมันที่พยายามจะกำจัดของเหลวในร่างกายออก

“ใครใช้ให้ยั่วกูก่อน”

“ฮรื่อออ” มันส่งเสียงขู่เหมือนลูกแมว ทำหน้างอนิดๆ แก้มป่องๆ แดงก่ำ แล้วพยายามหุบขา ลุกขึ้นจากเตียงเดินไปทางห้องน้ำ ส่วนผมก็ลุกขึ้นพ่นลมหายใจแรงๆ อีกที ก่อนจะจัดการกับที่นอนเลอะๆ ด้วยการเปลี่ยนมันใหม่ซะ

หลังจากเบ๊บอาบน้ำล้างตัวแล้ว มันก็มานอนรอบนเตียงที่ผมปูผ้าไปใหม่ คงไม่มีแรงแล้วล่ะ ผมอาบน้ำต่อจนเสร็จ แล้วลงไปซื้อข้าวที่ร้านหน้าหอให้มัน ให้เบ๊บนอนรอไป

“กะเพราหมูสับไข่ดาว กับข้าวผัดกุ้งครับ” สั่งข้าวเสร็จ ผมก็เดินไปสั่งน้ำต่อ เบ๊บมันกินน้ำเปล่า มีแช่ไว้ในตู้เย็นแล้ว ส่วนผมอยากกินกาแฟขึ้นมา คืนนี้กะจะอ่านหนังสือต่อ แต่กลัวจะน็อค เพราะเพลียแต่หัววัน กินกาแฟเผื่อจะได้ตาสว่างหน่อย

รอเกือบครึ่งชั่วโมงก็ได้ข้าวและน้ำครบ มีขนมติดมือนิดหน่อย อยากให้เบ๊บกินเยอะๆ บำรุงให้อวบๆ กว่านี้อีกนิด เพราะผมค่อนข้างชอบเนื้อนุ่มๆ เวลาฟัดมันมันดี

ผมขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 4 ของหอพัก ห้องของเราอยู่เกือบริมสุดทางเดิน เปิดประตูเข้าไปในห้อง เงียบสนิท เบ๊บคงหลับอยู่ ผมเลยพยายามเดินเบาๆ วางข้าวของลงบนโต๊ะไม้เล็กๆ ที่ไว้กินข้าว แล้วเดินไปดูที่ห้องนอนซึ่งกันไว้ต่างหาก พลันหัวใจของผมก็หล่นวูบ

เพราะคนที่ควรจะนอนอยู่บนเตียงนั้น กลับหายไปแล้ว

***

หายไปกับกระทงมา 555 ไอ้อาร์มมาแน่บอกเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน14 [3.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 03-11-2020 11:51:00
ตอนนี้ปาล์มน่ารักกับเบ๊บ เขิลแทนเลย  :-[ :o8:
แต่ขออย่าให้เกิดเรื่องกับเบ๊บเลยน่ะ  :hao5:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน14 [3.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 04-11-2020 15:50:04
เบ๊บหายไปไหน?
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน14 [3.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: gotcha ที่ 07-11-2020 06:43:59
อาร์มคงไม่จับเบ๊บลอยไปกับกระทงใช่ไหม
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน14 [3.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Grey Twilight ที่ 10-11-2020 19:20:20
แวะมาคอมเมนท์ครับ ผมลืมนึกขึ้นไปอันนึง คิดว่าข้อแนะนำนี้น่าจะใช้ได้กับงานคุณแลมโบซาช่าด้วย

โดยปกติแล้ว ถ้างานเขียนเป็นสไตล์ไม่แหวกแนวจากกันมาก (เช่น เซตติ้งอยู่ในโลกจริงเหมือนกัน) เมื่อนักเขียนเขียนจบไปหลายๆเรื่องแล้ว ถ้าเกิดว่าตันพล็อตสำหรับเรื่องปัจจุบัน ผู้เขียนสามารถใช้วิธี ‘เชื่อมจักรวาล’ ได้ครับ

การเชื่อมจักรวาล ถือเป็นกลยุทธ์การเขียนที่ใช้ได้ผลเมื่อนักเขียนมีทรัพยากรในมือมากระดับหนึ่ง และสามารถช่วยในการพัฒนาเนื้อเรื่องและมิติของวรรณกรรมได้เป็นอย่างดี โดยสิงที่ต้องทำคือการหาจุดโยงใยไปอีกเรื่องหนึ่ง โดยวิธีส่วนมากที่จะไม่ทำให้เนื้อเรื่องของวรรณกรรมเรื่องเดิมพัง คือ การขอยืมตัวละครมาใช้ การขอยืมตัวละครมาใช้ถือเป็นวิธีคลาสสิคที่ใช้ได้ดีมาก ยกตัวอย่างเช่น ตัวเอกของเรื่อง A มีนิสัยประเภทธรรมดาสามัญ เนื่องจากเส้นเรื่องเป็นตลกขำขันหรือเบาสมอง แต่หากเราต้องการพัฒนาพล็อตในระหว่างดำเนินเรื่อง แต่ดันไม่มีตัวละครที่สามารถมา drive เส้นเรื่องได้ หรือตัวละครที่จะมาช่วยเติมเต็มอีเวนท์ตรงนี้ได้ เราก็สามารถใช้วิธี ยิมตัวละครเอกของเรื่อง B ซึ่งเป็นนิสัยคนละประเภทเลย ให้เข้ามามีบทในเรื่อง A ได้ วิธีนี้จะทำให้จินตนาการของนักเขียนพุ่งไปไกลมากขึ้น และสามารถพัฒนาเรื่องขึ้นไปอีกได้ เพราะแต่ละตัวละครที่เราหยิบยืมมา ก็จะมีมิติของเขาอยู่แล้วจากเรื่องเดิม มีแรงจูงใจ บุคลิก นิสัยใจคอ คาแรกเตอร์ของเขาที่ได้รับการพัฒนามาแล้วจากเรื่องเดิม และเมื่อเราหยิบยืมมาใส่ เราก็สามารถเน้นหลายสิ่งหลายอย่างเข้าไปกับตัวละครยืมนี้ได้ เป็นการเพิ่มการบรรยายและให้ผู้อ่านได้เห็นเสน่ห์ตัวละครเอกเรื่องนั้นจากมุมมองโทนเรื่องใหม่ๆ และสามารถใช้เพื่อพัฒนาเคมีระหว่างตัวละครของเรื่องหลักเราได้ วิธีนี้นิยมใช้มากๆสำหรับงานเขียนที่ต้องการมิติทับซ้อนหลายชั้น และเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่มีมายาวนาน (ยกตัวอย่างเช่น วรรณกรรมเรื่อง The Song of Ice and Fire ที่คนเขียน George R.R. Martin เขียน เนื่องจากคนแต่งเขียนเรื่องสั้นนับสิบๆเรื่องมาก่อน ตอนแต่งเรื่องยาว ก็ใช้วิธีเอาคาแรกเตอร์ของเรื่องสั้นทั้งหมดมาทำเป็นประวัติศาสตร์พื้นเรื่องใหญ่ เปลี่ยนชื่อ มันทำให้แต่ละตัวละครมีมิติและเหตุผลในการกระทำ และนวนิยายจะยาวมาก แต่น่าติดตามเพราะทุกตัวละครมีจุดยืนหมด)

ทีนี้ขอมายกตัวอย่างเคสคุณแลมโบซาช่า เอาจากนวนิยายปัจจุบันที่ผมเห็นนะครับ มีเรื่อง เรื่องนี้ไม่มีคนโง่ (เทวิน x ปริม) แล้วก็ เพราะมันทำให้ผมนอนไม่หลับ (ปาล์ม x เบ๊บ) แล้วก็ เหตุเกิดในร้านเนื้อย่าง ที่เหมือนจะเอามาเล่นได้หน่อยๆ

จะเห็นว่า เซตติ้งในเรื่องเหตุเกิดในร้านเนื้อย่าง มี circle ตรงเรื่องของผับ กับเรื่องของปาล์ม ก็มีเรื่องของความรุนแรงเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งถ้าสมมุติพล็อตรองตรงนี้แก้ไม่ออก เราก็สามารถเอาเทวินเป็นตัวละครยืมมาใส่เล่นได้ครับ เพราะเอกลักษณ์ของเทวินเป็นบุคลิกตัวละครพระที่เยี่ยมและเอามาใช้ได้ดีในหลายมุมมาก เทวินมีคาแรกเตอร์คือคอนโทรลเรื่องแย่ๆมาก่อน และเจอเรื่องแย่มากๆจนเอามาเป็นแรงผลักดันตัวเอง จนสุดท้ายเข้าคุก และออกมา และจบแฮปปี้ อีกทั้งบุคลิกยังสามารถใช้ได้ดีมาก หล่อ สูง เท่ รูปร่างดี เรื่องบนเตียงและเรื่องการต่อสู้ก็เชี่ยวชาญ พอเรื่องของเขาจบไปแล้ว เราสามารถเอาตัวละครแบบนี้มาใช้ต่อได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสอนตัวละครในเรื่องใหม่ (เพราะเทวินเคยอยู่กับเรื่องที่แย่สุดๆมาก่อน จนสามารถหลุดออกมาได้ แต่ก็มีราคาที่ต้องจ่าย นั่นคือเวลาในคุก) อีกทั้ง หากเราเอาตัวละครนี้มาใช้ในเรื่องใหม่ การ address จุดเด่นของตัวละครนี้ในเรื่องใหม่ ก็จะเป็นสร้างมุมเสน่ห์ของตัวละครนี้ให้กับผู้อ่านใหม่ๆ (เพราะโทนเรื่องเป็นคนละแนว) และย้ำให้เห็นว่าตัวละครนี้มีจุดเด่นอย่างไร อย่างเทวิน ถ้ายืม ผมจะแนะนำให้ address เรื่องจุดเด่นของเขาจากเรื่องไม่มีคนโง่ นั่นคือ ฝีมือการต่อสู้เป็นยังไง ตกไหม รูปร่างเท่ขนาดไหนในมุมมองพระเอกเรื่องอื่น สกิลบนเตียงที่แม้เราจะโม้มากๆในเรื่องตัวเอง แต่ถ้ามามองจากเรื่องอื่น เป็นยังไง โม้หรือของจริง และบุคลิกเขา ถ้าเป็นตัวละครแบบอื่นที่มา approach จะให้ความรู้สึกนี้ยังไง พวกนี้เป็นจุดเด่นของเทวิน ซึ่งผมว่าน่าจะประยุกต์ในการแก้ปมปาล์มได้ดีนะครับ

ความจริงในเรื่องนี้ ถ้าไม่ใช้วิธียืมตัวละคร ผมว่ามีตัวละครนึงที่เราลืมไป แต่มี potential ในการเอามาใช้ นั่นคือตัวละครเดือนคณะวิทยาศาสตร์ ที่พวกเพื่อนปาล์มหมั่นไส้เยอะๆ เพราะปาล์มไม่ได้มีอคติอะไรกับตัวละครนี้ แถมตอนแสดงความสามารถ เขาโชว์มวยไทยด้วยซ้ำ ซึ่งปาล์มมองว่าเท่ดี อันนี้ผมว่าเราอาจจะเอามาใช่ได้หากมีตัวละครแบบอาร์ม ที่เหมือนจะเป็นตัวร้ายเข้ามาพัวพันในเรื่อง จะใช้วิธีปาล์มไปสนิทกับเดือนแล้วฝึกเรียน หรือว่าจะยังไงก็แล้วแต่ มันก็จะทำให้น่าจะมีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาพล็อตหรือแก้ปมเพิ่มขึ้นได้ครับ

กลวิธีนี้สามารถใช้ได้ในอนาคตต่อไปเลยนะครับ ปาล์มอาจจะไปโผล่ในเรื่องของไทม์ก็ได้ แต่ต้องคำนวนเรื่องของเวลาให้ดี จะให้อยู่ในกรอบเวลาไหน เข้าไปด้วยเหตุผลอะไร ภาพลักษณ์ตัวละครนี้ในเรื่องนี้จะเป็นยังไง พล็อตจะแก้ออกมาแล้วเป็นยังไง ความคิดสร้างสรรค์ไหลไหม หรือว่าควรเอาตัวละครไหนมาใส่ดีเพื่อขยับแก้ปมพล็อต มันไม่ได้จำเป็นต้องเป็นแค่พระเอกหรือนางเอกที่เรายืมมา ตัวประกอบของเรื่อง A อาจจะเป็นตัวละครที่ช่วยเยอะในเรื่อง B ก็ได้ ถ้าหากตัวละครนั้นมีมิติดีจริง แต่ผมแนะนำตัวละครที่เคยมีพัฒนาการมาแล้วและคนอ่านเห็น เพราะมันจะทำให้ภาพชัดกว่าครับ
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน15 [11.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 11-11-2020 11:44:19
แหะๆ ไม่ได้หายไปไหนน้า ขอโทษทีค้าบ พอดีไปบ้านคุณแควน เพราะน้องจะสอบ เลยอยู่ช่วยติวน้องยาวๆ เพิ่งกลับมาบ้านตัวเองง่ะ ไม่ได้เอาโน๊ตบุ๊คไปล่วย ไปกะทันหัน ไม่ได้แจ้ง เพราะยังไม่ทันอัพตอนใหม่ กำลังพิมพ์นะฮ้าฟ

ขอบคุณทุกคนที่ยังลอยคอกันอยู่ ขอบคุณคำแนะนำดีๆ น่าสนใจจากคุณเกรย์ด้วย ตัวละครเราใช้สิ้นเปลืองหน่อย คิดตัวใหม่เพิ่มตลอด สถานที่มันคนละมุมเมืองง่ะ มอพวกปาล์มอยู่ตจว เทวินนางอยู่กทม ถ้าจะเจอได้ก็น่าจะเป็นเจอพวกแซนด์ ได้อยู่

เดี๋ยวมาต่อเรื่องนี้เพิ่มน้า เอาไปครึ่งหนึ่งก่อนละกันฮับ

15
“เบ๊บ!” ผมตะโกนเรียกมัน วิ่งวุ่นหาทั่วห้องแล้วก็ยังไม่เจอ นี่จะสามทุ่มแล้ว ข้าวปลามันก็ยังไม่ได้กิน แล้วยังจะลากสังขารแบบนั้นออกไปไหนอีก โทรศัพท์มันก็ทิ้งไว้บนเตียง ติดต่อไม่ได้อีก

[ไรวะมึง]

“ไอ้เบ๊บหายไป พวกมึงเห็นมั่งมั้ย” ผมรีบโทรถามพวกไอ้แก๊บ ในใจหวังว่าจะมีใครสักคนเจอเบ๊บ แต่พวกมันก็อยู่หอในกันหมด เวลาป่านนี้ไม่น่ามีใครออกมาแล้วด้วย พวกไอ้แก๊บไม่เห็น ก็โทรหาเพื่อนเบ๊บที่อยู่คณะเดียวกัน ทั้งไอ้เดือนคณะนั่นก็ด้วย แต่ไม่มีใครเจอเลยสักคน

ผมวิ่งออกจากหอ ขี่มอเตอร์ไซค์หารอบๆ แล้วก็ขับต่อไปเรื่อยๆ หัวใจของผมเต้นถี่แรงและรู้สึกเหมือนขอบตาแม่งร้อนขึ้นเรื่อยๆ ผมต้องหาเบ๊บให้เจอ ต้องหาให้เจอ

Rrr

เสียงโทรศัพท์ทำเอาผมสะดุ้ง รีบจอดรถเข้าข้างทาง เพราะคิดว่าเพื่อนคนไหนสักคนคงเจอมันแล้วโทรมาบอก ตอนนั้นมือไม้ก็สั่นไปหมด ผมปาดเช็ดทั้งเหงื่อและน้ำตา อีกมือกดรับสายทันที ไม่ทันดูเบอร์

[ไง ไอ้ปาล์ม]

ผมเหงื่อแตกพลั่ก และหน้าคงซีดเผือดไปแล้ว เสียงไอ้อาร์มหลอกหลอนก้องอยู่ในหู แต่ผมกัดฟันตอบมันออกไปให้นิ่งที่สุด เรื่องที่มันหาเบอร์ผมมาจากไหนตัดออกไปได้เลย ขนาดที่อยู่ยังตามจนเจอ แค่เบอร์ก็ไม่ได้น่าแปลกใจอะไรแล้ว

“มีเหี้ยไร”

[ฮ่าๆ มีสิวะเรื่องเหี้ยๆ น่ะ]

ผมเงียบ ไม่ตอบโต้อะไร ไม่อยากคิดว่ามันพาตัวเบ๊บไป มันไม่เคยโผล่หน้ามาที่หอพักของพวกเราเลยสักครั้ง ทำให้ผมย่ามใจ และที่สำคัญ เบ๊บก็อยู่ในห้อง ก่อนผมจะออกไปซื้อข้าว คนนอกเข้าไปในหอไม่ได้แน่นอน แต่ผมกลับคิดผิด...

[ตอนนี้กูได้ตัวลูกหมูน้อยของมึงมาแล้วล่ะ]

“มึงหมายความว่าไง”

[มาเจอที่ร้าน xx สิ กูจะให้มึงดูอะไรเด็ดๆ แถมโลเคชั่นให้มึงในไลน์เลย กดรับกูด้วย]

ไอ้เหี้ย มีหน้ามาบอกให้กดรับ มีแต่จะบล็อคมึงน่ะสิ แต่ต้องเอาโลจากมันก่อน ผมเปิดเช็คพิกัดตามที่มันส่งมาให้ ไอ้อาร์มยังหัวเราะเสียงดังลอดมาจากในสาย เสียงดนตรี เสียงอึกทึกรอบข้าง ทำให้รู้ว่ามันอยู่ที่ร้านอะไรนั่น ไม่ได้โกหก แต่

“กูจะแน่ใจได้ไงว่ามึงไม่ได้โกหก เบ๊บอยู่กับมึงจริงหรือเปล่า”

[มึงดูในคลิปเอาเองแล้วกัน จะมาหรือไม่ก็เรื่องของมึง แล้วก็ห้ามแจ้งตำรวจด้วย มาคนเดียว เคป่ะ]

“ไอ้สัตว์” ผมด่าเน้นๆ ไม่ใช่แค่คำสบถเหมือนเวลาคุยเล่นกับเพื่อน โครตโมโห แต่ทำเหี้ยไรไม่ได้เลย มันหัวเราะทิ้งท้ายแล้วสายก็ตัดไป เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น ผมเปิดไลน์ดู เป็นคลิปสั้นๆ แค่ 15 วิ ที่มันถ่ายส่งมา เบ๊บอยู่ที่นั่นจริงๆ แต่เหมือนจะไม่ได้ถูกจับมัดหรือโดนบังคับอะไร แค่นั่งหน้าบึ้งอยู่ที่โต๊ะ มีพวกผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลัง คงเป็นพวกเด็กดริ้งค์ของไอ้อาร์ม

ผมถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก คนเยอะแบบนั้น ไอ้อาร์มมันไม่ทำอะไรหรอก มันเองก็กลัวเข้าคุกจริงๆ คงแค่อยากให้ผมวุ่นวายเล่น ตามประสาคนจิตวิปริตอย่างมัน

พอไปถึงผับที่มันบอกพิกัดมา ไอ้อาร์มก็โผล่มาต้อนรับทันที ยังกวนตีนไม่เปลี่ยน ยักคิ้วเล่นหูเล่นตาเหมือนชีวิตแม่งมีแต่เรื่องสนุกไร้สาระ แต่สุดท้ายมันก็แค่ไอ้คนโรคจิตอยู่ดี ผมรู้ว่ามันเป็นแบบนี้เพราะอะไร ผมไม่อยากโทษมัน แต่มันเลือกทำตัวแบบนี้เอง

“เบ๊บอยู่ไหน”

“โห่ มาถึงก็ถามหาเมียเลย ไม่หนุกอ่ะปาล์ม กูอุตส่าห์ตามมึงมาถึงนี่นะ” มันกอดแขนผมลากไปทางหนึ่ง ในนี้ก็มืดๆ มองอะไรไม่ถนัด ผมพยายามสอดส่ายสายตาหาเบ๊บ

“มึงจะแก้แค้นจะทำห่าไรก็ลงที่กู จะเอามีดมาแทงกูเลยก็ได้ แต่อย่ายุ่งกับคนของกู” ผมสะบัดแขนออก ยืนประจัญหน้ากับมันตรงๆ ไอ้อาร์มมันทำหน้าเหวอแบบตอแหลๆ แล้วก็แสยะยิ้ม

“เล่นกับกูก่อน แล้วเดี๋ยวจะพาไปหา ชื่อไรนะ เบ๊บเหรอวะ น่ารักเหมือนลูกหมูน้อย หึหึ”

ผมกำหมัด กัดฟันกรอด สุดท้ายก็โดนมันลากไปนั่งที่โต๊ะมุมหนึ่ง ไม่รู้มันเอาเบ๊บไปซ่อนที่ไหน ตรงนี้เป็นมุมที่มันถ่ายคลิปมาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนแน่ๆ ผู้หญิงพวกนั้นก็ยังอยู่ แม้ผมจะจำไม่ได้ว่าหน้าตาใครเป็นยังไงก็เถอะ ในคลิปก็เห็นแค่ผ่านๆ

“มึงจะแดกเพียวหรือผสม” ไอ้อาร์มนั่งลงตรงข้ามกับผม ผู้หญิงสองคนตรงเข้าไปบีบนวดไหล่และแขนให้มัน จริงๆ บ้านมันก็รวยอยู่ มันถึงได้เข้าสถานพินิจไม่นาน ออกมาก็คงเอาเงินพ่อมันมาถลุงเหมือนเดิม พ่อมันเป็นเสี่ยร้านทองในจังหวัด มีชื่อเสียงในระดับหนึ่ง แถมยังขึ้นชื่อเรื่องมีเมียเยอะ แม่มันฆ่าตัวตายไปตั้งแต่มันอายุ 7 ขวบ มีแม่เลี้ยงนับไม่ถ้วน แถมพี่น้องคนละแม่อีก 3-4 คน เด็กพวกนั้นผมเคยเจอบ้าง ก็ดูเป็นเด็กน้อย ไม่มีพิษภัยอะไร แต่ไอ้อาร์มมันโครตเกลียด และถ้าถามว่า เหี้ยยันเงาขนาดนี้ ทำไมพ่อมันยังไม่ตัดมันทิ้ง ก็เพราะมันเป็นลูกที่ถูกต้องตามกฎหมายเพียงคนเดียว เป็นหลานชายคนโตที่อากงอาม่ามันรักนักหนา ทำให้มันเป็นคนเอาแต่ใจและงี่เง่าอย่างที่เห็น

“อะไรก็ได้ มึงพาเบ๊บมาก่อน” ผมจ้องตามัน แต่มันเสือกเบนสายตาหนี ทำเป็นยิ้มหวานกับพวกสาวๆ กระดกเหล้าเข้าปากชิวๆ ไม่สนใจผม

“ใจร้อนน่า สนุกกันก่อน เมื่อก่อนมึงชอบไม่ใช่เหรอ สาวผิวขาว หมวย เอ็กส์ เซ็กส์จัดๆ”

ผมคิ้วกระตุก คว้าแก้วเหล้าที่ใครสักคนส่งมา กรอกใส่ปาก แต่แม่งกลิ่นแปลกๆ

“กูไม่มีเวลามานั่งชิวกับมึงไอ้อาร์ม เบ๊บอยู่ไหน”

ยิ่งถามเหมือนมันยิ่งสนุกกับท่าทางร้อนรนของผม ไอ้อาร์มเอาแต่ยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่นั่น จนผมเริ่มจะหมดความอดทนกับคนอย่างมัน

***
พักสักครู่ ดูโฆษณา
https://www.youtube.com/watch?v=WLziddHtVP4&list=RDWLziddHtVP4&start_radio=1 (https://www.youtube.com/watch?v=WLziddHtVP4&list=RDWLziddHtVP4&start_radio=1)

ตอนนี้คลั่งน้องนัทมากมาย นัทหล่อ นัทน่ารัก นัททำอะไรเราก็ว่าดี เรื่องหน้าเอานัทมาเป็นต้นแบบพระเอกดีฟ่า
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน15 [11.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 11-11-2020 12:03:20
มาแล้ว ปาล์มกับเบ๊บ!!!!
แต่มาแบบนี้  :z10:  ค้างมากค่ะคนแต่ง
ขออย่าให้ไอ้โรคจิตทำอะไรปาล์และเบ๊บเลยนะ
ปล. ชอบเพลงนี้เหมือนกัน
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน15 [11.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 11-11-2020 13:08:36
ต่อๆๆๆ

ผมผุดลุกขึ้น จะเข้าไปกระชากคอเสื้อมัน แต่จู่ๆ ภาพตรงหน้ากลับสั่นเหมือนทีวีล้ม แขนขาชาดิก

ไอ้เหี้ยอาร์มมันวางยาผม!

“มึงนี่โง่เนอะ ปาล์ม กากฉิบหาย”

ผมเข่าทรุดลงกับพื้น เสียงไอ้อาร์มดังวนเวียนรอบหัว ก่อนจะรู้สึกเหมือนโดนอะไรกระแทกเข้าที่กลางลำตัว น่าจะเป็นตีนไอ้อาร์มเนี่ยแหละ เล่นเอาจุก มันเตะผมซ้ำอีกสองสามที จนรู้สึกถึงกลิ่นสนิมเหล็กในปาก ผมตัวงอ อยู่ในท่าเหมือนคลานไปกับพื้น แต่ถูกมือหยาบของมันจิกผมให้เงยหน้าขึ้น ในตอนที่สติของผมเกือบจะเลือนรางนั้น เสียงของคนที่ผมเป็นห่วงสุดชีวิตก็ดังเข้ามาในโสตประสาท แล้วผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

......
...

ฮือออออ

ปวดหัวชะมัด เสียงใครวะ

ปาล์ม ฮือออ

เสียงแม่งโครตคุ้น แต่ผมกลับลืมตาไม่ขึ้น ร่างกายแข็งทื่อและเหมือนมีก้อนหินหนักๆ มาถ่วงขาไว้ เสียงร้องไห้นั้นดังก้อง ผมได้กลิ่นคาวของเลือดสดๆ มันติดอยู่ที่จมูกและปาก อยากอ้วก แต่ลุกไม่ขึ้น ขยับตัวแทบไม่ได้

เบ๊บ

ผมพยายามจะอ้าปากทั้งที่ตายังหลับ แต่เสียงมันไม่ออกมาเลย มันเจ็บไปทั้งตัว แขนน่าจะหักด้วย ลำคอแห้งผากและแสบร้อนไปหมด

“ปาล์ม!”

ในที่สุดเสียงเรียกนั้นก็ดังขึ้นในความเป็นจริง ผมฝืนปรือตาขึ้นมอง เห็นภาพลางๆ ของใบหน้าแดงก่ำนองน้ำตา

“...เ...”

“ฮือออ ไม่ต้องพูดอะไรเลย อย่าเพิ่งขยับด้วย”

น้ำตาของเบ๊บหยดแหมะๆ ลงบนตัว ตัวของผมเปียกโชก ไม่น่าจะใช่จากน้ำตาของมันแน่ๆ แล้วตอนนี้พวกเราก็ไม่ได้อยู่ในผับ แต่เหมือนจะอยู่ข้างถนน ผมกลอกตามอง มีคลองหรือแม่น้ำอยู่ปลายหางตา

“เหี้ยเอ๊ย รถพยาบาลแม่งมาช้าจังวะ”

ผมเหลือบตามองเสียงผู้ชายอีกคน ไม่ค่อยคุ้น ไม่ใช่สิ ไม่เคยรู้จักเลยด้วยซ้ำ มันเป็นใคร?

“ฮือออ”

“อย่าเอาแต่ร้องไห้ดิวะไอ้เตี้ย มึงอย่าให้มันหลับอีกนะ เดี๋ยวได้ตายจริงๆ พอดี” ไอ้คนตัวสูงหน้า...ไม่เห็นว่ะ มันยืนหันหลังกดโทรศัพท์ในมือรัวๆ เสียงมันดูร้อนรนไม่น้อย ทั้งที่ผมกับมันไม่รู้จักกัน แต่เหมือนมันจะช่วยพวกเราไว้สินะ

“กระดูกน่าจะหักนะ” เสียงใครอีกคนดังขึ้นข้างๆ ตัว เพิ่งรู้ว่ามีคนอื่นอีกเนี่ยแหละ หรืออาจจะมากกว่าสองคนนี้ก็ไม่รู้

แล้วไอ้เหี้ยอาร์มล่ะ?

“อย่าไปโดนตัวมันมากด้วย ไม่รู้หักตรงไหนอีกมั้ย” ไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างตัวผม หันไปบอกเบ๊บที่กำลังเช็ดน้ำตา เสียงไซเรนดังใกล้เข้ามา และในที่สุดผมก็ถูกพาตัวส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ซึ่งอยู่ห่างจากริมแม่น้ำนี่ไป 10 กว่ากิโลได้

กระดูกแขนซ้ายผมหักอย่างที่คิด เลยต้องเข้าเฝือก นอกนั้นก็บอบช้ำทั้งนอกและใน หัวแตกเย็บไปสิบเข็ม

ตอนที่ผมหมดสติไปแล้ว เบ๊บพยายามจะห้ามไอ้อาร์มไม่ให้กระทืบผม แต่ก็ช่วยไม่ได้มาก เบ๊บเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ชุลมุนกันในผับ ไอ้อาร์มลากผมออกไปที่รถ พอดีมีพวกเด็กวิดยาอยู่ในนั้นด้วย พวกมันจำผมได้ เลยเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เบ๊บเล่าให้ฟัง พวกมันเลยขับรถตามมา ตอนนั้นไอ้อาร์มมันกระทืบผมแล้วเตะผมลงไปในแม่น้ำพอดี กะให้ตายแน่ๆ แต่พวกนี้ตามมาทัน ไอ้คนตัวสูงหน้าคมๆ มันบอกว่าชื่อ เธม ผมเพิ่งนึกออกตอนเห็นหน้ามันชัดๆ มันคือเดือนคณะวิดยาคนนั้นเอง เป็นคนกระโดดลงไปช่วยผม ส่วนเพื่อนมันอีกสองคนขี่มอเตอร์ไซค์ตามรถไปไอ้อาร์มไป ถ่ายรูปและจดทะเบียนรถไว้แล้ว ส่งตำรวจเรียบร้อย

“ปาล์ม อย่าเพิ่งลุกสิ” เบ๊บรีบเข้ามาประคองผมที่พยายามจะลุกจากเตียง แค่แขนหักแค่นี้ ขายังเดินได้หรอกน่า ผมเหล่มองมันสายตาดุๆ เบ๊บก็ห่วงจนจะร้องไห้

“ขอคุยด้วยหน่อย”

“นอนคุยก็ได้ สภาพมึงเละมากแล้ว” เธมมันว่า เพื่อนมันอีกคนที่นั่งอยู่ด้วยก็มองเหมือนลุ้นว่าผมจะเดินไหวมั้ย อีกสองคนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ตามไอ้อาร์มและไปแจ้งตำรวจให้กลับไปแล้ว มีแค่เธมที่เรียนวิดยา นอกนั้นคือเด็กเดค หรือคณะมัณฑศิลป์ อย่างที่รู้กันแหละครับ พวกเด็กวิดยาแม่งแอนตี้ไอ้เธม ไม่รู้ทำไม พวกมันไม่เคยเล่า ผมก็ไม่ได้อยากเสือกไง เลยไม่เคยถาม แต่ดูแล้วมันก็นิสัยดีไม่น้อยนะ แม่งถึงขนาดโดดลงน้ำไปช่วยผม

“คือ ขอบใจพวกมึงมากนะที่ช่วย” ผมขยับขึ้นไปนั่งบนขอบเตียง ไอ้เบ๊บคอยจับตัวไว้ตลอด แต่มันก็กลัวผมเจ็บ เลยไม่เข้ามากอดมาเกาะมาก

“แต่เรื่องตำรวจ กูขอไม่เอาเรื่องได้มั้ยวะ”

“ทำไมวะ มันเจตนาฆ่าเลยนะเว้ย” ไอ้คนที่นั่งอยู่บนโซฟา รู้สึกจะบอกว่าชื่อ ไอย์ มองผมตาโต ส่วนเธมก็ถอนหายใจเบาๆ ยืนกอดอกมองผมเหมือนสมเพชนิดๆ นิสัยน่าจะดีนะ แต่ดูขี้เก๊กมั้ง พวกไอ้แก๊บถึงได้ไม่ชอบขี้หน้ากัน เอาจริงๆ มันคงไม่ได้ตั้งใจเก๊กหรอก คงเป็นบุคลิคของมัน แต่คนอื่นหมั่นไส้ ผมคิดว่านะ

“มันเป็นเพื่อนเก่ากูเอง มีเรื่องกันมา ถือว่าเจ๊ากันไปก่อน” ผมกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ ไม่อยากจะคิดว่าไอ้ห่านั่นเคยเป็นเพื่อนหรอก แต่เรื่องที่ผมฆ่าเพื่อนมัน ก็อยากให้จบๆ แค่นี้

“แล้วมันจะไม่ตามมาฆ่ามึงอีกเหรอ ให้แม่งเข้าคุกเลยเหอะ” เธมมองหน้าผม แต่ผมก็ยังส่ายหน้า พวกมันมองหน้ากันแล้วก็ถอนหายใจ

“อือ ครั้งนี้กูปล่อย แต่ถ้ามันมาอีก กูจะจัดการเอง” เพราะพวกมันก็ไม่ใช่เพื่อนผม เพิ่งรู้จักกัน ไม่อยากให้มาเกี่ยวข้องด้วยเท่าไหร่ แค่นี้ก็ติดหนี้ไอ้เธมจนไม่รู้จะตอบแทนยังไงดีแล้ว ส่วนไอ้อาร์ม หนหน้ามาหาเรื่องอีก คงต้องลากแม่งเข้าคุกสักทีแหละ

“เอาเป็นว่า ขอบใจพวกมึงจริงๆ มีอะไรให้ช่วยให้ตอบแทน ก็บอกกูได้เลย” ผมมองหน้าพวกมันสองคน เธมมันก็ทำหน้าเนือยๆ ใส่ คงหมั่นไส้ผมนิดๆ แหละ ที่เคยแย่งคะแนนตอนประกวดเดือนเมื่อเทอมก่อน แต่ตอนช่วยผม มันไม่ทันรู้ว่าเป็นใครไง ส่วนไอย์ก็ยิ้มๆ ให้ผม

“เออๆ แล้วแต่มึงแหละ ส่วนเรื่องตอบแทนห่าไรนั่น ไม่ต้องคิดมากเลย พวกกูก็แค่ไม่อยากเห็นคนตายต่อหน้า” ไอย์ว่า ก่อนจะลุกขึ้นกอดคอเพื่อนมัน แล้วขอตัวกลับ

พอพวกมันออกไปจากห้องแล้ว เบ๊บก็เข้ามากอดผมไว้หลวมๆ เพราะกลัวผมเจ็บแผล ผมถอนหายใจพลางลูบหัวให้มันเบาๆ ทำให้คนอื่นเดือดร้อนกันไปหมด ปกป้องใครก็ไม่เคยได้เลย

ผมคงกากอย่างที่ไอ้อาร์มมันว่าจริงๆ

***

ปาล์มมมมมม ชีวิตรันทดเลยลูก
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน15 [11.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 11-11-2020 13:21:13
อันนี้เรียกว่าหน้าตัวเมียดีไหมไอ้อาร์ม วางยาแล้วค่อยกระทืบเขาน่ะ ไม่ใช่ลูกผู้ชายเลย (อินมาก!!!)
ถ้าลูกผู้ชายควรให้ปาล์มได้สู้ตอบดิ!  ปาล์มไม่น่าใจดีกับมันเลยนะ  :ling3:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน16 [11.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 11-11-2020 18:29:53
16
คาดว่า เรื่องที่พวกไอ้เธมไปแจ้งความไว้ ทำให้ไอ้อาร์มมันต้องหนีหายไปสักระยะ และอาจจะไม่กล้ากลับมาหาเรื่องผมอีก แต่ถึงมันจะมาอีก ผมก็พร้อมลุยแล้วล่ะ ถือว่าที่มันเอาผมเกือบตายคราวก่อน เจ๊ากันเรื่องที่ผมแทงไอ้มิคตาย แต่หลังจากนี้ ผมจะไม่ยอมลงให้มัน ถ้ามายุ่งกับเบ๊บหรือเพื่อนๆ ของผมคนไหน ผมจะจัดให้หนัก

“โหย เพื่อนกู เยินมาเลยว่ะ” หลังออกจากโรงพยาบาล มาเจอเพื่อนที่คณะ พวกไอ้มีมก็แซวดัง พวกมันเคยไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลพร้อมพวกแก๊บครั้งหนึ่งแล้ว ไม่วายเอาปากกาเมจิคมาเขียนบนเฝือกผมเล่นเป็นเด็กๆ

“แต่แม่งก็นะ หน้ามึงยังจะเว้นให้ กูละยอมใจไอ้ห่านั่นเลย” ไอ้ต้นจับคางผมเงยขึ้น ดูร่องรอยตามใบหน้าที่ไม่มีเหลือ เพราะมันก็ไม่ได้มีบาดแผลหรือรอยช้ำอะไรอยู่แต่แรกแล้ว ก็นั่นสิ มันอัดผมถึงขั้นหัวแตกแขนหักทิ้งลงน้ำขนาดนั้น แต่ยังอุตส่าห์เว้นที่หน้าให้ คงกลัวตอนอืดจากน้ำแล้วไม่รู้ว่าศพใครมั้ง

“แล้วไอ้คนที่ช่วยมึง ที่พวกไอ้แก๊บไม่ชอบขี้หน้า ยังติดต่อกันมั้ยวะ”

“ไม่อ่ะ มันก็ไม่ได้มาเยี่ยมอะไรนะ ตั้งแต่ช่วยไว้ก็ไม่ได้เจออีกเลย” ผมส่ายหน้า ไม่ได้ขอเบอร์ติดต่อหรืออะไรไว้ด้วย มีแค่ไลน์ของคนชื่อไอย์ มันขอแอดผมไว้ตอนเบลอๆ ก็เลยให้ไป

“เหรอ เออ แล้วมึงขี่รถมายังไงวะ” ไอ้มีมทำหน้าสงสัย

“ยากอะไร กูก็ขี่มือเดียวไง” ผมยักคิ้วให้มัน เพราะเบ๊บมันขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็น ยังไงผมก็ต้องเป็นคนขี่

“แหม ทำเก่งไป ระวังสิบล้อเอาไปแดกล่ะ ช่วงนี้ให้ไอ้ต้นไปรับก่อนมั้ยอ่ะ เดี๋ยวกูรับเบ๊บให้”

“ไม่เป็นไรหรอก กูขี่ไม่เร็วมาก ก็พอไหวแหละ” ผมปฏิเสธ ไม่ใช่ไม่อยากรับน้ำใจจากเพื่อนๆ แต่ผมอยากเป็นคนรับส่งเบ๊บเหมือนเดิมมากกว่า ยังห่วงอยู่หน่อยๆ คราวที่แล้วที่เบ๊บโดนพาตัวไปได้ เพราะมันดันลงมาทิ้งขยะที่นอกหอ ไอ้อาร์มมันแค่จับไป เพื่อให้ผมออกไปหามัน ไม่ได้คิดจะทำอะไรเบ๊บอยู่แล้ว เลวแค่ไหน มันก็ยังทำอะไรผู้ชายด้วยกันไม่ลงอยู่ดี ผมรู้นิสัยไอ้อาร์มดี ตอนเกิดเรื่องนั้น ที่มันให้ไอ้พวกนั้นรุมโทรมน้องผู้หญิง มันเองก็แค่ยืนดูเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร เหมือนพวกโรคจิตที่ชอบวางแผนให้คนอื่นทำ แล้วก็ยืนกอดอกดูมากกว่า

ยังดีที่ผ่านงานประกวดดาวเดือนและงานเชียร์อื่นๆ มาแล้ว เทอมนี้เหมือนมีแค่พวกออกบูธขายของ งานแสดงดนตรี ส่วนเรื่องแข่งกีฬานี่ผมคงต้องขอบาย เพราะแขนเดี้ยงไปแล้ว ได้แต่ฝากฝังเพื่อนๆ ให้พยายามแข่งบาสฯ กับบอลให้มันถึงรอบลึกๆ เผื่อผมหายดี จะได้ลงไปช่วยรอบหลังๆ ได้ บาสฯ ไม่เท่าไหร่ คนเหลือ แต่บอลเนี่ย ตัวสำรองไม่พอ ต้องลากรุ่นพี่ปี 2 มาช่วยเพิ่มด้วย

“ปาล์ม...ทำไมเงี้ย ไหนบอกเบ๊บว่าจะไม่เล่นไง”

มาถึงก็หน้าเป็นตูด วิ่งมาโวยวายง้องแง้งใส่ผมเลย พอดีผมมีซ้อมบาสฯ กับพวกไอ้ต้น เลยให้มีมไปรับเบ๊บที่คณะมารอที่โรงยิม พวกไอ้แก๊บก็มาดูซ้อมด้วย เพราะพวกมันไม่ได้ลงแข่ง คณะที่ผู้ชายเยอะแม่งก็ดีงี้ ไม่ต้องลงเล่นทุกคน เหลือบๆ ไปเห็นพวกไอ้เธมก็มา คงอยากรู้ว่าแขนเดี้ยงแล้วผมจะเล่นยังไง ผมก็ยิ้มๆ ยักคิ้วให้พวกมันไป ยืนคนละฝั่งสนามกับพวกไอ้แก๊บอย่างชัดเจน มันมีเรื่องอะไรกันนักวะ

“ก็คนไม่พอ แล้วไม่ซ้อมไว้เลย พอต้องลงเล่นจริง กูจะเอาแรงที่ไหนวิ่ง” ผมดีดหน้าผากมันเบาๆ ยิ่งทำปากจู๋หน้างอใหญ่ น่ารักว่ะ

“แต่แขน...”

“เออน่า แค่ข้างซ้าย ซ้อมเฉยๆ พวกมันรู้ ก็ไม่มีใครเข้ามากระแทกหรอก นั่งเฉยๆ กูเป็นง่อยขึ้นมาทำไง”

“เบ๊บก็จะคอยหยอดข้าวหยอดน้ำให้เอง”

“พ่องสิ อยากให้กูเป็นง่อยจริงๆ รึไง” ผมนิ่วหน้าใส่มัน ไอ้เปี๊ยกนี่ แช่งกันได้

“ผัวคนเดียว เบ๊บเลี้ยงได้”

โอ้โห ซาบซึ้ง เล่นเอาเพื่อนโห่กันระนาว ไอ้ห่าเบ๊บ หน้าหนาขึ้นเรื่อยๆ กล้าเรียกผมว่าผัวเต็มปาก หมั่นเขี้ยวมัน เลยเอามือตะปบแก้มมันบีบไว้ มือเล็กๆ พยายามจะปัดมือผมออก หน้ามู่ทู่เหมือนลูกหมูน้อยจริงๆ สงสัยผมให้กินข้าวเยอะไปหน่อย อวบขึ้นทุกวัน

แกล้งไอ้เบ๊บเล่นเล็กๆ น้อยๆ พอหายเบื่อ ผมก็ขอไปเปลี่ยนชุด ปล่อยคนอื่นซ้อมต่อไป ได้วิ่งครึ่งชั่วโมงก็ยังดี ทักทายเพื่อนๆ เล็กน้อย แล้วเดินไปหาพวกไอ้เธมด้วย เท่าเทียมทุกคน ผู้มีพระคุณก็ถือเป็นเพื่อนแหละ

“มีไรวะ โผล่มาถึงนี่ อยากให้กูทำไรบอกเลยนะ”

ไอ้เธมเลิกคิ้ว “ทำไร พวกกูแค่มาดูลาดเลา อาทิตย์หน้าอักษรแข่งบาสฯกับเดค”

“นี่มึงย้ายคณะเหรอวะ” ผมว่าขำๆ เธมก็ทำหน้าเนือยๆ ตามปกติวิสัยของมัน เห็นทำหน้าแบบนี้ตั้งแต่คราวก่อนละ ผมว่าเพราะมันหน้าตาดี แต่ดันชอบทำหน้าหมาเมินใส่คนอื่นเนี่ยแหละ ที่ไอ้พวกนั้นมันหมั่นไส้

“มึงมีเรื่องอยากวานมัน ก็บอกมันดิวะเธม” เสียงเพื่อนมันดังขึ้น ผมจำชื่อไม่ได้ จำได้แค่ไอย์กับเธมนี่แหละ

“วานไรวะ บอกเลยๆ ไม่ต้องเกรงใจ กูติดหนี้มึงอยู่” ผมเองก็เต็มใจทำทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องผิดกฎหมาย ซึ่งพวกมันคงไม่ขอให้ทำอะไรชั่วๆ อยู่แล้วล่ะ

ไอ้เธมมันก็มองๆ ไปทางด้านหลังผม น่าจะแถวๆ ที่พวกไอ้เบ๊บนั่งอยู่ ผมหันตามสายตามัน สงสัยว่ามันมองหาอะไร

“คือ” ผมหันกลับไปมองหน้าไอ้เธมอีกรอบ เหมือนมันจะพยายามพูดอะไร แต่ไม่พูดสักที ผมก็ไม่ได้จะเร่ง ยืนรอไปเรื่อยๆ จนกว่ามันจะพูด ไอ้ขี้เก๊กที่พวกไอ้แก๊บไม่ชอบขี้หน้าแม่งก็น่ารักนะ เวลาที่ทำตัวอึกอักๆ ไม่กล้าพูดเนี่ย

“คือว่า...”

“มึงไม่พูดกูพูดเองสัส” สุดท้ายไอ้ไอย์ก็ทนไม่ไหว โพล่งขัดขึ้นมา และทำเอาผมอึ้งไปนิดหน่อย

“มันอยากรู้จักเพื่อนมึง คนนั้น แนะนำหน่อย”

***

เกียมตัว เธมx...
เธมก็จะนิสัยคล้ายๆ ปาล์มนะคิดว่า แต่ขี้อายกว่าเย้อ

ส่วนไอ้อาร์ม ตายไปก่อน ยังไม่มีบท

อ้อ เรียกเราว่า ช่า ได้นะ เพื่อนเรียกกันแบบนี้ เป็นชื่อในเกมล่ะ
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน16 [11.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 11-11-2020 18:47:19
ชื่อเธม น่ารัก (แอบชอบชื่อนี้)
ว่าแต่จะหื่นเหมือนปาล์มไหมนะ ปูเสื่อรอ  :hao6:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน16-2 [11.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 11-11-2020 20:11:30
Change to ...

ผมเงยหน้ามองคนตัวสูงตรงหน้า เท่าที่จำได้ มันคือเดือนคณะวิทยาศาสตร์ที่ไม่ค่อยลงรอยกับพวกเพื่อนๆ ของผมที่อยู่คณะนี้เท่าไหร่ แต่เพราะมันช่วยชีวิตปาล์ม เพื่อนร่วมคณะของผมไว้ แถมไอ้ปาล์มยังอุตส่าห์พามาแนะนำให้รู้จัก ผมก็เลยไม่รู้สึกรังเกียจอะไรมันแม้แต่น้อย

“ช่วย”

“หือ?” ผมขมวดคิ้วนิดๆ สายตาของมันลดต่ำลงในมือของผม ที่กำลังถือถังน้ำไปให้พวกนักกีฬาในโรงยิม ไอ้ต้นไอ้ปาล์ม เป็นนักกีฬาบาสฯ ของอักษร แต่ก็นะ ไม่ได้ลงแค่บาสฯ หรอก กีฬารวมทุกประเภทพวกมันลงหมด ทั้งที่ไอ้ปาล์มเพิ่งจะเอาเฝือกออกเนี่ยแหละ ส่วนผมเล่นกีฬาไม่เก่ง แต่ก็ต้องลงไปเขี่ยๆ บอลในสนามกับเค้าด้วย เพราะคนไม่พอจริงๆ

“อ่ะ” ไม่ทันตอบรับหรือปฏิเสธ มือเรียวยาวนั่นก็คว้าถังน้ำใบใหญ่ไปถือไว้แทนแล้ว “เฮ้ย ไม่...”

มันหันมาทำตาดุ ไอ้ห่า ขู่เด็กอนุบาลเถอะแบบนี้ หน้ามึงไม่ได้ดุเลย

“กูถือเองได้ แค่นี้” ผมไม่ใช่เด็กประถมแบกกระเป๋านักเรียน 10 กิโลสักหน่อย ถึงตัวเตี้ยกว่ามัน แต่ก็ตัวเท่าๆ ไอ้ปาล์มนะเว้ย ไอ้ปาล์มคือเดือนคณะเราที่แม่งตัวเล็กที่สุดในบรรดาที่เข้าประกวดเทอมก่อนอ่ะ เพราะคนอื่นเขาสูง 180+ กันหมดไง แต่เห็นแม่งตัวแค่นั้น แรงควายโครตๆ แถมได้ยินว่าหื่นมากด้วย เห็นไอ้เบ๊บชอบมาโม้ให้ฟัง ผัวเมียคู่นั้นก็อย่าให้เซดครับ แม่งได้กันตั้งแต่เทอมก่อน จู๋จี๋ดี๋ด๋ากันตั้งแต่ต้นเทอม ใครๆ ก็เห็น แค่ไม่มีใครกล้าแซวไอ้ปาล์มออกนอกหน้า คิดดูครับ เด็กปี 1 หน้าตากวนตีน ย้อมผมแดงเดือดขนาดนั้น แม่งอย่างกับพวกนักเลงอ่ะ ใครจะกล้ากับมัน เห็นเคยมีเรื่องกับรุ่นพี่วิดวะอีก แต่จริงๆ แม่งนิสัยโครตดี ถึงจะหน้าตายไปหน่อยก็เหอะ แถมมันยังตลกด้วย ชอบทำอะไรเหวอๆ ได้ตลอด

กลับมาที่ตรงหน้าผมตอนนี้ครับ ไอ้เดือนวิดยา ชื่ออะไรก็ลืม แนะนำตัวครั้งเดียวแล้วหายหัวไปเป็นเดือน เพิ่งโผล่มาให้เห็น ผมเลยจำชื่อมันไม่ได้ มันเดินลิ่วๆ พร้อมถังน้ำของคณะผมไปแล้ว ผมก็รีบวิ่งตามจะเอาของคืน แต่แม่งก็เร่งฝีเท้าหนี สุดท้ายก็ถึงโรงยิมจนได้ มันวางถังน้ำให้บนแสตนด์เสร็จ ก็ยืนนิ่ง ผมเห็นมันเหงื่อออกเยอะ คงร้อน ก็แม่งเล่นเดินลิ่วๆ แถมถือของหนัก อดสงสารไม่ได้ เลยหยิบผ้าขนหนูชุบน้ำในถังเย็นๆ นั่นแหละ ยื่นไปให้มันโปะหน้า

“นั่งดิ หรือจะไปไหนต่อ” ผมถามพลางนั่งลงก่อน มันก็หันมามอง ถือผ้าขนหนูเช็ดหน้าเช็ดคอ เออเว้ย คนหน้าตาดีนี่แม่ง แค่ยืนเช็ดเหงื่อยังหล่อว่ะ สาวๆ ที่มาดูพวกไอ้ปาล์มซ้อมยังเอนเอียงสายตามาทางมัน ก็สมกับคำว่าเดือนคณะอ่ะครับ แต่ผมว่าเพื่อนผมหล่อกว่าแหละ ไอ้ปาล์มมันหล่อแบบแบดๆ เหมือนที่ไอ้เบ๊บชอบพูดเลย ส่วนไอ้เดือนวิดยานี่หล่อแบบคุณชายหน่อยๆ

พอผมบอกให้นั่ง มันก็นั่งว่ะครับ เชื่องชะมัด จนผมเผลอขำมัน ไอ้คุณชายมันก็หันมามองหน้านิ่งๆ มือที่ถือผ้าขนหนูนิ่งค้างไปประมาณ 5 วิได้

“มองเหี้ยไรเนี่ย” ผมหรี่ตามองมัน ไอ้เดือนวิดยาเลยเริ่มเอาผ้าขนหนูเช็ดหน้าตัวเองต่อ เช็ดอยู่นั่นแหละ กูว่าเหงื่อแม่งหมดแล้วล่ะ สงสัยร้อนจัดจริง ผ้าก็จะแห้งหมดแล้ว ผมเลยยื่นมือไปสะกิดมันเบาๆ แต่มันดันสะดุ้ง เกร็งไหล่ขึ้นมาเฉย

“มันหายเย็นแล้วมั้งน่ะ เอามาชุบน้ำใหม่มั้ย”

“ไม่เป็นไร” มันตอบเสียงอย่างกับมดตด คือเบามาก ผมอาศัยอ่านปากแม่งเอา

“ผ้ามันแห้งหมดแล้ว ไม่เย็นแล้ว อ่ะ กูพัดให้ก็ได้ ตอบแทนที่มึงช่วยถือของมา” ไม่ยอมให้ผ้า ผมก็เลยหยิบสมุดแถวๆ นั้นมาโบกลมให้มัน โบกให้ตัวเองไปด้วย เพราะร้อนจริงๆ อยากถอดเสื้อพึ่งลมเลย

“ร้อนชะมัด เมื่อไหร่แม่งจะซ้อมเสร็จวะ กูอยากกลับห้องไปนอนตากแอร์” ผมบ่นไปเรื่อยเปื่อย ทั้งที่คนข้างๆ แม่งโครตเงียบ คือครั้งก่อนที่เห็น ดูมันก็คุยกับพวกไอ้ปาล์ม แล้วก็พวกเด็กเดคเพื่อนมันปกตินะ เดี๋ยวนี้ก็เห็นเริ่มคุยกับพวกไอ้แก๊บบ้างเวลาเจอที่โรงอาหารหน้าหอ แต่พวกมันก็อยู่หอนอก ดันถ่อไปกินข้าวถึงหอใน แต่ว่าไม่ได้หรอก ผมก็ชอบไปกินแถวนั้น มันถูกกว่าข้างนอกเยอะ แถมเพื่อนอยู่หอในกันด้วย

จะว่าไป ผมยังนึกชื่อแม่งไม่ออกเลยอ่ะ อะไร ธ ธ วะ

“เออ มึง”

“มีม”

“?” ผมกำลังจะถามชื่อมัน แต่มันดันเรียกชื่อผมก่อน แบบนี้ไม่กล้าถามชื่อแม่งเข้าไปใหญ่ มันดันจำชื่อผมได้ ทั้งที่ผมลืมชื่อมัน น่าอายออกครับแบบนี้

“ขอ...ขอไลน์หน่อยดิ”

“ห๊ะ?” ผมขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่คิดมากอะไรนะ ก็บอกไอดีไลน์ให้มันไป มันก็รีบพิมพ์หาชื่อไลน์ผมยิกๆ กดแอดอย่างไว ผมก็กดรับให้แบบงงๆ นิดหน่อย อ้อ นึกชื่อแม่มออกละ เห็นในไลน์นี่แหละ มันชื่อ เธม นี่เอง Temp ที่ย่อมาจากอุณหภูมิ Temperature อ่ะครับ ชื่อโครตแปลก

“เย็นนี้...” มันพูดต่อหลังจากเงียบไป เหมือนตั้งใจดูสมาร์ทโฟนในมือ ผมก็รอฟังมันพูด กว่าจะออกมาแต่ละคำ กูนี่ลุ้นเยี่ยวเหนียวอ่ะ นึกว่าจะพูดอะไร เห็นเค้นนานเหลือเกิน สุดท้ายก็แค่เรื่องทั่วไปแบบที่เพื่อนๆ เขาทำกันนี่แหละวะ

“เย็นนี้ ไปกินข้าวด้วยกันนะ”

***

ไม่บอกว่าใครเล่า ให้อ่านกันเอาเอง 555 ก็ไม่น่าพลิกอะไรนะ เดี๋ยวค่อยๆ ดูกันว่าเธมมาชอบนางได้ไง ที่แน่ๆ พระเอกครึ่งหลังอันแสนม้ามืดนี้ นางเป็นพวกขี้อายมากจริมๆ กับคนอื่นปกติ แต่กับคนที่ชอบจะเกร็งจัดเลย
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน16-2 [11.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 11-11-2020 20:46:34
มีอีกคู่เหรอ  :-[ :o8: ชื่อน่ารัก ทั้งคู่เลย เธม & มีม
(นึกว่าจะมีฉาก ปาล์มอ่อนให้เบ๊บดูแล  :-[)
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน17 [11.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 11-11-2020 22:59:00
17
เอ...ไอ้ที่ว่ากินข้าวด้วยกันนี่ หมายถึงแค่ผมกับมันสองคนหรอกเหรอวะ

“ร้านนี้อร่อยนะ ชอบมั้ย”

ผมมองหน้าเธม มันก็มองผมอยู่ แววตาสีหน้าเหมือนลุ้นว่าผมจะชอบหรือไม่ชอบ ร้านที่มันพามากิน ผมเพิ่งเคยมาครั้งแรก เป็นแนวคาเฟ่ ที่มีอาหารเป็นชุด ที่ผมกินเป็นชุดมื้อเย็น มีสเต๊กไก่บาร์บีคิวกับซีซาร์สลัด น้ำส้มคั้น แล้วก็เค้กบราวนี่เป็นของหวาน ส่วนของเธมเป็นสลัดทูน่ากับนมสด กินแค่นั้นจริงดิ

“อืม อร่อยดี มึงรู้จักร้านนี้จากไหนวะ พวกกูไม่เห็นเคยเห็น” คือร้านมันอยู่ในซอยลึกมากๆ ไม่ใช่ทางผ่านไปมอด้วย

เธมมันหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมากดยุกยิกๆ แล้วก็ยื่นให้ผมดู เป็นเพจรีวิวร้านอาหารนั่นเอง จากที่สังเกตมาบ้าง เหมือนมันจะติดโซเชี่ยล ชอบเล่นมือถือตลอด คล้ายไอ้เบ๊บเลยอ่ะ

“อ๋อ มึงนี่ก็ช่างสรรหา”

“อยากให้ชอบ” มันยิ้มหวาน เออเว้ย หน้าตอนยิ้มนี่ก็น่ารักไปอีกแบบ แต่คำพูดมึงนี่กำกวมนะไอ้เธม

“กินทูน่ามั้ย”

“ไม่อ่ะ เดี๋ยวมึงไม่อิ่มหรอก” ของมันมีเท่าหยิบมือ ยังจะแบ่ง น้ำใจเหลือหลาย

“เรากินแค่ผัก” พูดเพราะฉิบหาย แต่ตอนมันคุยกับคนอื่นไม่ใช่แบบนี้ป่ะวะ หรือผมจะจำผิด พอพูดจบ มันก็ตักทูน่าในสลัดของมันยื่นมาที่ปากของผม

“เราจำได้ว่ามีมชอบกินปลา”

“รู้ได้ไงวะ” ผมขมวดคิ้วนิ่วหน้าใส่มัน ทำไมมันยิ้มแปลกๆ ไม่อยากจะคิดมากนะครับ แต่ผมก็ไม่ได้ซื่อบื้อไง แค่ไม่อยากคิด ก็มันเป็นผู้ชาย แถมเสือกหล่อด้วย

“เห็นสั่งบ่อย”

“มาแอบส่องกูกินข้าวที่โรงอาหารตอนไหนเนี่ย” ผมล่ะงง เจอนับครั้งได้เลยนะเว้ย แม้ผมจะกินปลาเกือบทุกวันก็เหอะ

“กินสิ” มันคะยั้นคะยอ ช้อนเย็นๆ แตะโดนปากผม เลยต้องยอมอ้าปากงับเข้าไปเต็มคำ มันกวาดทูน่าในชามให้ผมหมดเลยทีนี้

“มีมเหมือนแมวเลย”

“อือ เหรอ” ผมเลียขอบปากที่เลอะน้ำสลัดจากช้อนของมัน สบตากับไอ้เธมที่เอาแต่ยิ้มไปทั้งหน้า ดวงตามันก็ยิ้ม

“เราชอบแมว”

“อืม” ผมเลิกคิ้วนิดๆ กลืนน้ำลายหน่อยๆ พยายามฝืนยิ้มกลับไปให้มัน ขาขวาสั่นรัวๆ เหมือนสันนิบาตกินไปแล้ว นึกไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี สุดท้ายก็เลยโพล่งไปว่า

“กูก็...ก็ชอบแมวว่ะ”

***

ให้ตายเหอะว่ะ มีผู้ชายมาจีบนี่ควรดีใจมั้ย นับว่าเป็นเรื่องดีในชีวิตได้มั้ยวะ ไม่ค่อยแน่ใจเลย

“ป๊อกกี้ มากินข้าวลูก” ผมแวะมาที่หอในของพวกไอ้แก๊บทุกวัน เพราะชอบมาให้อาหารแมวที่นี่ แม่แมวคลอดลูกใหม่สามตัว กำลังน่ารักเลย ผมตั้งชื่อตัวแม่ว่าป๊อกกี้ ลูกๆ ก็มี กูลิโกะ ฮาเกนด้าส กับเมนทอส อย่าบอกว่าชื่อสิ้นคิดนะครับ เพราะผมคิดมาดีแล้ว

ที่หอนอกก็มีแมว เป็นไอ้อ้วนพุงพลุ้ยของเจ้าของหอพัก มันชื่อไอ้มิ้ว มุ้งมิ้งสัส แต่เป็นตัวผู้นะ มิ้วมันมีเจ้าของเลี้ยง อยู่ดีกินดี ต่างจากเจ้าพวกนี้ ถ้าไม่มีคนเอาอาหารมาให้ก็คงอดตาย ใช่ว่าจะมีหนูให้วิ่งไล่จับ แล้วจับหนูกลางมหาลัยแบบนี้ คงเหนื่อยแย่

“กูได้ยินว่า เขาจะจับพวกนี้ไปไว้ที่อื่นแล้วนะ หมาไปหมดแล้ว เหลือแต่แมว” เสียงไอ้แก๊บดังมา พวกมันชอบลงมานั่งเล่นหมากรุกใต้หอ ไอ้ปาล์มก็มากับเขาด้วยวันนี้ พกเมียมาเช่นเคย

“จริงดิ ไม่อยากจากกันเลยว่ะ” ผมทำหน้าเสียดาย สงสารพวกมันอ่ะ

“มึงก็เอาไปเลี้ยงซะสิ” ไอ้ปาล์มว่า

“ที่หอเลี้ยงได้ที่ไหนเล่า” ผมถอนหายใจจนไหล่ลู่

“หมายถึงเอากลับบ้านไง บ้านมึงอยู่กรุงเทพฯ เองนี่ เห็นปกติก็กลับทุกอาทิตย์ป่ะ”

“แต่บ้านกูเลี้ยงหมาอ่ะ ตั้งสี่ตัว” ผมทำหน้าเหมือนจะร้อง ผมรักแมว แต่พี่สาวเลี้ยงหมาไง แม่งตัวควายๆ ทั้งนั้นด้วย

“งั้นก็ทำใจ” ปาล์มแม่งใจร้ายยยยย

“ไอ้ปาล์ม มึงก็ไปแกงมัน ไม่ลองถามพวกไอ้เธมอ่ะ เห็นไอย์บอกไอ้เธมชอบแมวนี่” นี่ก็ไปสนิทกับพวกนั้นตอนไหนวะ ก่อนหน้านี้เกลียดขี้หน้าเขาฉิบหาย ไอ้วิทย์ตัวดีเลย ช่วงนี้ซี้กับคนชื่อไอย์เหลือเกิน เมื่อก่อนผมเห็นมันก็ติดไอ้ปาล์มอยู่ช่วงนึงนะ แบบชอบกอดคอเกาะไหล่ นั่งกับไอ้ปาล์มตลอดเวลากินข้าว มีอะไรคุยกันสองคนเรื่อย จนไอ้เบ๊บตาขวางแล้วขวางอีกใส่

ส่วนเรื่องที่เธมชอบแมว ผมก็รู้จากปากเจ้าตัวมาเมื่อสองวันก่อนนี่แหละ หลังจากคุยกันเย็นนั้น ก็ต่างคนต่างกลับ มันไลน์มาบอกฝันดี แล้วผมก็ส่งสติ๊กเกอร์กลับไปแค่นั้น เมื่อวานคือหายหัวเช่นเคย ส่วนวันนี้ก็ยังไม่เจอเหมือนกัน แล้วไงอ่ะ จะให้ไลน์ไปถามเหรอวะ ว่ามึงรับเลี้ยงแมวมั้ย งี้เหรอ

แต่เห็นลูกๆ นั่งทำตาละห้อยแล้ว ผมก็ต้องยอมหน้าด้านอ่ะครับ ส่งไลน์ไปหามันก่อน ถามว่าสนใจเลี้ยงแมวมั้ย มันก็ตอบมาทันที อย่างกับรออยู่ ไอ้ห่า

“มันบอกจะมารับลูกๆ กูเลย ให้รออีกครึ่งชั่วโมง” เดินทางจากหอมันมานี่น่าจะแค่ 15 นาทีป่ะวะ อีก 15 นาทีคือไร

“แหม เร็ว สมเป็นโปรโซเชี่ยล” ไอ้แก๊บแซว คือคนที่มึงแซวมันไม่อยู่ตรงนี้มั้ยวะ แล้วแค่ตอบไลน์เร็วนี่โปรยังไง

ผมเหลือบสายตาเห็นพวกมันหัวเราะกันคิกคัก มีเหล่มาทางผม แม่งนินทาแหงๆ แต่ก่อนตอนนินทาไอ้ปาล์มกับไอ้เบ๊บก็แบบนี้เลย แค่ผมไม่ค่อยได้ร่วมวง ส่วนใหญ่แค่แวะมาให้อาหารแมวเฉยๆ

ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงอย่างว่า แต่ก็เกือบๆ เธมขับรถมาจอดที่หน้าหอใน ผมเคยเห็นแต่ตอนมันขี่มอเตอร์ไซค์ไง เลยแปลกใจนิดหน่อยตอนมันลงจากรถสีขาวคันนั้น มันเดินมาพร้อมตะกร้าสองใบ

“นี่เหรอ น้องๆ” มาถึงมันก็ยื่นตะกร้าใบใหญ่ให้ผม แล้วนั่งยองๆ ลงข้างๆ ยื่นมือไปลูบหัวป๊อกกี้ที่ดูจะชอบมันไม่น้อย หลับตาพริ้มเลยลูก สงสัยชอบคนหล่อสินะเนี่ย

“มึงจะเอากลับบ้านเลยเหรอวะ เธม” ปาล์มหันมามองพวกเรา ก็หันมาทั้งโต๊ะนั่นแหละเอาจริงๆ

“ก็ต้องแบบนั้นแหละ ปล่อยไว้ก็ไม่รู้เขาจะมาจับไปเมื่อไหร่” สีหน้ามันจริงจังน่าดู เธมอุ้มป๊อกกี้ใส่ตะกร้าก่อนตัวแรก ส่วนผมก็ช่วยจับเด็กๆ อีกสามตัวลงตะกร้าอีกใบ มาดขี้เก๊กที่พวกไอ้แก๊บหมั่นไส้นักหนาคือไม่เหลือเลย เวลามันเจอแมวคือตาวาวเชียวล่ะ ยิ้มอารมณ์ดีสุดๆ

“แล้วมึงไปส่งลูกๆ มึงด้วยป่าววะมีม”

“เออว่ะ” ผมเพิ่งนึกได้ตอนที่ไอ้วิทย์ถามเนี่ยแหละ มองหน้าเธมแล้วก็มองลูกๆ ในตะกร้า แล้วมึงจะหน้าแดงทำห่าไรวะไอ้เธม เขินแมวกูเหรอ

“ปะ ไปด้วยกันได้นะ” ตะกุกตะกักอีก เนี่ย แม่งเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ผีเข้าผีออกตลอดอ่ะมัน แค่ผมจะไปบ้านมัน จะเขินทำหอกหักอะไร นี่มันจีบผมจริงป่ะวะ ผมสิต้องเขินมัน หรือผมไม่ต้องเขินวะ? สายตาไอ้เพื่อนชั่วทั้งหลายก็อยากอ้าปากแซวเต็มแก่ แต่ไอ้ปาล์มมันปรามไว้ มีดีอยู่คนล่ะวะ

“ถ้าไม่รบกวน ก็ขอไปส่งถึงที่เลยแล้วกันวะ”

***
จริงๆ บ้านของเธมอยู่ไม่ได้ไกลจากมหาลัยเลยสักนิด ผมเพิ่งรู้นี่แหละ ว่ามันอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกัน แล้วแม่งมาอยู่หอทำอะไร งงใจ

“มึงเลี้ยงระบบปิดได้มั้ย กูกลัวลูกๆ หลุดไปโดนหมากัดหรือรถชน” ผมช่วยมันหิ้วตะกร้าเข้าบ้าน ในบ้านเงียบสงัดเชียวล่ะ ถ้าเป็นบ้านผมเหรอ ไอ้สี่ตัวแม่งเห่าตั้งแต่จอดรถหน้าบ้านละ

“ได้” มันตอบสั้นๆ วางตะกร้าลงแล้วก็เปิดให้พวกป๊อกกี้ออกมาสำรวจที่ทาง พวกตัวเล็กไม่ค่อยเท่าไหร่ เพราะยังเด็ก ความอยากรู้อยากเห็นเยอะ ส่วนตัวแม่สั่นนิดหน่อย คอยแต่จะให้ไอ้เธมอุ้ม

“แล้วที่บ้านมึงอ่ะ เงียบจังวะ” ผมกวาดสายตาไปรอบๆ เหมือนไม่มีใครอยู่เลย

“นี่บ้านเราเอง ไม่มีคนอื่นหรอก”

“บ้านมึง?”

“บ้านที่พ่อเราซื้อให้ที่นี่ ไม่ใช่บ้านที่พ่อแม่เราอยู่”

อ้อ เดี๋ยวนะ

“เดี๋ยวๆ แล้วใครจะอยู่ดูแลแมวอ่ะ”

“เดี๋ยวเรามาอยู่ก็ได้ กลางวันมีแม่บ้าน ไม่ต้องห่วง” มันยิ้มตอบ พลางอุ้มป๊อกกี้มากอดอย่างรักใคร่ สนิทกันเร็วเกินละพวกมึง

“แล้วหอมึงอ่ะ”

“ก็ไว้อย่างนั้น”

“โอ้ คนรวย” ผมอดแขวะไม่ได้ ไอ้ห่าราก มีทั้งบ้านส่วนตัว แถมหอใกล้มอ อะไรจะเงินเหลือเฟือขนาด มาดคุณชายที่เห็นนี่คือของจริงเลยนี่หว่า มิน่าพวกไอ้แก๊บหมั่นนัก ก็น่าอิจฉาหรอก ลูกคนรวยเนี่ย

“พ่อเราต่างหากที่รวย”

“ก็นั่นแหละ” ยังมีหน้ามาเถียงอีกไอ้นี่ “น่าหมั่นไส้”

“มีมก็หมั่นไส้เราด้วยเหรอ” ดูมันทำหน้าหงอยใส่ แถมยังคลานมาหาใกล้ๆ เพราะตอนนี้นั่งกันอยู่บนพื้นลามิเนตสีเบจ ธีมหลักของบ้านหลังนี้เป็นสีเอิร์ธโทน ทำให้รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย มันคลานเข้ามาหยุดตรงหน้าผม ยกป๊อกกี้ขึ้นมาข้างหน้าตัวเอง พลางเอียงคอทำหน้าแบ๊วเหมือนแมว

น่ารักตายห่า

“ใครจะไม่ชอบเรายังไงก็ได้ แต่ไม่อยากให้มีมเกลียด”

ผมเสหลบตามัน ทำไมรู้สึกร้อนๆ พิกลวะไอ้แบบนี้

“มีมไม่เกลียดเราได้มั้ย”

“...” อยากจะเขยิบหนีนะ แต่มันดูเหมือนผมเป็นสาวน้อยเกินไป ผมเป็นผู้ชายนะเว้ย จะมาใจเต้นหรือกลัวกะอีแค่ไอ้หน้าหล่อตัวโตมันขยับมาใกล้ๆ แล้วพ่นลมหายใจใส่หน้าทำไมล่ะวะ

ไม่กลัวเว้ยยยย

“ไม่เกลียด แค่หมั่นไส้ได้ป่ะ” ผมเชิดหน้าใส่ ไม่หลบตาแล้วด้วย เอาสิวะ กูไม่ตื่นเต้นใจสั่นง่ายๆ กับมึงหรอกไอ้เธม แต่ขากับมือแม่งเสือกสั่น ไอ้สัส อย่าสั่นสิวะ

มันชะงักไปเล็กน้อย เจ้าป๊อกกี้หลุดจากมือมัน วิ่งไปหาลูกๆ ตัวเองแล้ว เหลือแค่หน้าผมกับมันที่อยู่ใกล้กันจนแทบจะชนกันนี่แหละ อารมณ์แบบการ์ตูนลูกผู้ชายเลย ที่ชอบกระชากคอเสื้อเอาหน้ามาชิดกันเหมือนจะจูบมากกว่าต่อยอ่ะ

แล้วแทนที่ผมจะต้องเขินมันต่อ ดันกลายเป็นไอ้เธมที่หูแดงแทนซะงั้น

แบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกันแฮะ

***

มีมก็สู้คนนะเฮ้ย
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน17 [11.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-11-2020 12:24:57
แกล้งเธมเดี๋ยวมีมก็รักเธมแน่ๆ
น่ารักเนอะคุ่นี้  :impress2:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน18 [12.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 12-11-2020 16:37:21
18
Temp’s

เมื่อเทอมก่อน ไอ้ไอย์ เพื่อนสมัยม.ต้นที่สอบติดมหาลัยเดียวกัน แต่คนละคณะ มันชวนผมมากินข้าวที่โรงอาหารของหอใน เพราะมันมาตามจีบเด็กอักษรสักคนที่อยู่หอใน เอ่อ ผู้หญิงนะครับที่มันชอบ มันรสนิยมไม่เหมือนผม แต่ก็เป็นเพื่อนกันมานาน มันเลยไม่ได้รังเกียจอะไรผม แถมอยู่ที่คณะ ผมก็เข้ากับเพื่อนผู้ชายไม่ค่อยได้ ผมไม่ได้หยิ่งอย่างที่พวกมันคิด ไม่ได้ดูถูกพวกมันด้วย แต่แค่พวกผู้หญิงชอบมาคุยกับผม แล้วผมก็สนิทใจกับเพื่อนผู้หญิงมากกว่า เลยเป็นเหตุให้ผู้ชายเกือบทั้งคณะหมั่นไส้ผม จะว่าพวกมันเหมือนเด็กประถมก็คงได้อ่ะครับ ปัญญาอ่อนฉิบหาย

แต่หลังจากที่ผมช่วยชีวิตเพื่อนของพวกมันไว้ ไอ้คนที่ชื่อปาล์ม พวกมันก็เริ่มมาคุยด้วย จริงๆ มันก็คงเป็นความผิดของผมด้วยส่วนหนึ่ง ที่ผมไม่เข้าหาใครก่อน และไม่ค่อยยิ้ม ไอย์มันก็ด่าอยู่เหมือนกัน มันไม่อยากให้ผมตัวคนเดียวในคณะ แม้จะมีเพื่อนผู้หญิงก็เหอะ เพราะงั้น การที่ผมช่วยชีวิตปาล์ม เท่ากับปาล์มมันก็มีบุญคุณกับผมเหมือนกัน ที่ทำให้เพื่อนๆ เริ่มเข้าใจในตัวผม

โดยเฉพาะพระคุณของไอ้ปาล์มที่ทำให้ผมได้คุยกับคนที่ผมแอบชอบมาตั้งแต่เทอมที่แล้ว

กลับมาที่ช่วงแรก ที่ผมบอกว่าเทอมก่อน ไอย์ชวนไปกินข้าวแถวหอใน เพื่อตามหลีหญิงที่มันชอบ ตอนนั้นผมก็ไม่ค่อยรู้จักใคร เดินมึนๆ งงๆ หาโรงอาหารไม่เจอ แล้วจู่ๆ ก็มีคนมาทัก

“หาอะไรอยู่หรือเปล่าครับ ถามได้นะ”

ผมหันมอง แต่ต้องก้มหน่อย เพราะคนที่มาทักตัวเล็กกว่าผม เขาสูงอยู่แค่ปลายจมูกผมนี่เอง รูปร่างก็ผู้ชายธรรมดาทั่วไปนี่แหละ คิ้วเข้มหน่อยๆ มีไรหนวดนิดๆ ด้วย ผิวค่อนไปทางสองสี ไม่ดำคล้ำ แต่ก็ไม่ได้ขาวซีด ตาดุนิดๆ แต่ยิ้มหวานมาก

“เอ่อ โรงอาหาร”

“โรงอาหารหน้าหอเหรอ นั่นไง หลังคาแดงๆ ตรงนั้น” เขาชี้บอกทางให้ มันมีตึกหอพักบังอยู่ ผมหันไปขอบคุณเขา แล้วก็แยกย้าย หลังจากวันนั้น เวลาที่ผมไปกินข้าวกับพวกไอย์ที่โรงอาหารหอใน ก็เห็นเขาบ้าง เขาอยู่กับกลุ่มพวกไอ้แก๊บเป็นประจำ พวกมันอยู่คณะเดียวกันผม แต่ไม่เคยคุยกันเท่าไหร่ อย่างที่บอกว่าแรกๆ ไม่ถูกชะตากัน รู้ว่าเขาไม่ชอบ ผมก็ไม่อยากยุ่งครับ ต่างคนต่างอยู่ไป ตอนนั้นผมคิดแค่ว่า ถ้าไม่มาหาเรื่องผมก่อน ผมก็จะอยู่เฉยๆ ไป โตๆ กันแล้ว

ตอนแรกผมไม่ได้คิดจะสนใจหรือชอบเขานะ แต่แค่เจอทีไร มันก็มองตามทุกที แบบว่า เขาหล่อดีอ่ะ หน้าเข้มๆ แต่ยิ้มตาหยีแล้วน่ารัก มองไม่เบื่อเลย แต่ผมไม่กล้าเข้าไปคุย เพราะเจอเขาอยู่กับกลุ่มพวกไอ้แก๊บไอ้ปาล์มตลอด แต่ที่ทำให้ผมเริ่มชอบเขา คือตอนที่ผมเห็นเขาให้อาหารแมวใต้หอ ช่วงนั้นผมไปหอในบ่อย ก็เจอแมวเหมียวสีขาวเขรอะๆ ตัวหนึ่ง มันผอมโซเลย น่าสงสาร คนรักแมวอย่างผมก็ทนไม่ไหว เลยซื้ออาหารไปฝากมันเวลาแวะไปหอในกับพวกไอย์ แล้ววันหนึ่ง ที่ผมหิ้วถุงอาหารแมวไปฝากเจ้าเหมียว ก็เจอเขากำลังนั่งฉีกไก่ย่างให้เจ้าเหมียวตัวนั้นกินอยู่แถวลานจอดรถจักรยานใต้หอ นั่นคือความประทับใจครั้งที่สอง ที่ทำให้ผมเกิดอาการตกหลุมรักเข้าอย่างจัง

เอาจริงๆ ตอนที่ช่วยไอ้ปาล์มไว้ ผมก็ไม่รู้นะว่าเป็นมัน ไอย์เป็นคนเข้าไปถามเบ๊บว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะมันจำได้ว่านั่นคือเดือนคณะอักษร ที่โดนไอ้กุ๊ยนั่นลากออกไป ก็แหม ผมแดงโล่ขนาดนั้น ไม่มีใครจำไอ้ปาล์มไม่ได้หรอกครับ ยกเว้นผมอ่ะนะ เพราะผมไม่ได้สนใจไง

ตอนช่วยไอ้ปาล์ม คือผมไม่ได้คิดเรื่องตอบแทนอะไรจากมันเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นกะทันหันมาก ผมแค่ไม่อยากเห็นคนตาย ทั้งที่เราช่วยได้ เลยกระโดดลงน้ำไปคว้าตัวมันขึ้นมา มันสลบอยู่ แถมยังสำลักน้ำเข้าไปอีก ผมนี่แหละเป็นคนผายปอดให้มัน อ่ะ อย่าคิดมาก ไม่ได้ประกบปากเป่าอะไรขนาดนั้น แค่ CPR เบื้องต้น ปั๊มหัวใจให้มันสำลักน้ำออกมาเองนี่แหละ แต่ถ้ามันไม่สำลักเอง ก็คงถึงขั้นเป่าปาก ดีที่ไม่ต้องขนาดนั้นไง แล้วก็จัดการเรื่องโรงพยาบาลกับตำรวจให้ แต่ไอ้ปาล์มดันเกิดเปลี่ยนใจ ไม่อยากเอาเรื่องไอ้กุ๊ยนั่น เพราะเป็นเพื่อนเก่า คือต้องเป็นเพื่อนที่เหี้ยมากขนาดไหน ถึงกระทืบเพื่อนตัวเองตอนสลบได้วะ นึกแล้วอยากสวนแม่งด้วยเข่าสักร้อยที ให้กระอักเลือดตายคาตีน

แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้เป็นคนโหดร้ายอะไรนะครับ แค่อินจัดไปหน่อย ผมไม่ชอบเห็นคนอื่นโดนกระทำฝ่ายเดียวไง ที่ผมเรียนมวยไทยติดตัวไว้ ก็เพื่อป้องกันตัวและไว้ช่วยเหลือเพื่อนฝูง ก็ดูแต่ละตัว หน้าตาวอนตีนกันน้อยที่ไหน ไอ้ไอย์นี่ตัวดี ชอบมั่ว บางทีไปเจอผู้หญิงหลอกว่าโสดงี้ โดนตีนไม่รู้ตัว ผมต้องคอยช่วยตลอด

เอ้า กลับมาต่อที่เรื่องของผมกับเขาคนนั้น ไหนๆ ก็ช่วยชีวิตปาล์มมันแล้ว ไอ้ไอย์ก็เลยบอกให้ผมไปบอกให้มันช่วยเรื่องคนที่ผมแอบชอบ ที่เห็นอยู่ในกลุ่มปาล์มบ่อยๆ และเขายังเรียนคณะเดียวกับไอ้ปาล์มด้วย และผมก็ได้รู้จักกับเขาครับ เขาชื่อ...

มีม

ชื่อแม่งน่ารักไม่สมตัวเลย ฮ่าๆ อย่าไปบอกเขานะครับ ผมแซวเล่นด้วยความเอ็นดูววว จริงๆ เขาก็น่ารักแหละ แต่หล่อโดนใจผมมากกว่า ผมชอบคนหล่อ คนไหนที่ผมชอบ ผมก็ว่าหล่อหมดอ่ะ

แต่แบบ ผมอยากจีบก็อยากจีบนะ เขินก็เขิน แรกๆ ก็ไม่รู้จะคุยยังไง ก็ต้องค่อยๆ ไปตามธรรมชาติมั้งนะ คือผมไม่เคยจีบใครก่อนด้วย มีมเป็นคนแรกเลยที่ผมอ่อยสุดชีวิต ด้วยความที่เขาเป็นคนสบายๆ เลยไม่คิดมากอะไรกับสิ่งที่ผมทำ ชวนไปไหนก็ไป ชวนทำอะไรก็ทำ อย่างช่วงนี้ มีมก็ชอบมาเล่นกับลูกๆ ที่บ้านของผมบ่อยๆ จนกลายเป็นความเคยชิน

“ตกลงหอมึงนี่ ทิ้งร้างจริงเหรอวะ” มีมนอนอยู่บนพื้น อุ้มลูกแมวที่เขาตั้งชื่อว่าเมนทอสขึ้นมาอุ้มเล่นตรงอก เจ้าเมนทอสขนสีขาวเหมือนแม่มัน อีกสองตัวมีสีส้มกับสีดำปน ตัวผู้ล้วนเลย

“ก็ต้องให้ครบปี ถึงย้ายออกได้ แต่คงไม่ออกหรอก เอาไว้เวลาไปนอนใกล้ๆ มอ” ผมตอบพลางฉีกซองขนมแมวเลียป้อนเมนทอส ตัวอื่นกินกันครบแล้ว เหลือเมนทอสที่อยู่บนอกของมีม เลอะก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวให้แม่บ้านเอาเสื้อของมีมไปซักให้ได้ ส่วนมีมก็ใส่เสื้อผมกลับ บางทีมาแล้วขี้เกียจกลับ มีมก็นอนค้างบ้าง ข้าวของใช้กับผมได้ทั้งหมด เพราะผมเตรียมไว้ให้พร้อม

“รวย เงินเหลือ” นั่นไง งานแขวะต้องมา แต่เขาก็แขวะผมขำๆ แหละ

“ไม่แขวะเราสักนาทีได้มั้ยเนี่ย” ผมเองก็แกล้งทำหน้าหงิกขำๆ เหมือนกัน มีมเหลือบสายตามองผม จ้องหน้าผมนิ่งๆ จนรู้สึกเขินเลย

“ก็หมั่นไส้” แล้วเขาก็ยื่นมือมาหยิกแก้มผม มือนุ้มนุ่ม โครตฟิน ไม่ได้เจ็บเลยสักนิด หยิกแรงๆ ก็ได้นะเนี่ย ชอบ

“เมื่อไหร่จะเลิกหมั่นไส้แล้วเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นบ้างอ่ะ” ผมอมยิ้ม ทำเป็นป้อนอาหารแมวเรื่อยๆ เจ้าเมนทอสตัวกลมป๊อกไปหมดแล้ว ขนขาวๆ ก็พองฟูน่ากอดที่สุด มีมชอบเล่นกับเจ้าตัวนี้มาก เป็นตัวโปรดของเขาเลยล่ะ แต่ผมก็ขาวนะ แม้จะไม่มีขนฟูๆ ก็เหอะ

“เปลี่ยนเป็นไร อย่ามาทะลึ่ง” มีมเบะปากใส่ ก่อนจะร้องโวยวาย เพราะผมแกล้งทำขนมแมวเลียหกบนเสื้อของเขา “ให้มันกินดีๆ ดิ เลอะเสื้อกูหมดแล้ว ไอ้เธม!”

“เมนทอสทำหก ไม่เกี่ยวกับเรานะ” ผมทำไม่รู้ไม่ชี้ มีมนิ่วหน้า ปาดขนมแมวบนเสื้อตัวเองมาป้ายที่แขนของผมคืน กลายเป็นศึกป้ายขนมแมว เลอะเทอะไปทั้งคู่ เมนทอสนอนกลิ้งหงายพุงหลังกินอิ่มอยู่บนพรม ส่วนพวกผมต้องอาบน้ำ เสื้อของมีมที่เลอะก็ต้องเอาไปแช่ไว้ก่อน รอแม่บ้านมาซักให้พรุ่งนี้ตอนกลางวัน เพราะตอนนี้เย็นมากแล้ว ดีที่พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ปกติมีมจะกลับบ้านตั้งแต่เย็นวันศุกร์ มามออีกทีวันจันทร์เช้า แต่ช่วงนี้เขาติดแมวไง เลยมาบ้านผมแทน ไม่ค่อยได้กลับบ้านที่กรุงเทพฯแล้ว

“คืนนี้ค้างเนอะ พรุ่งนี้เสื้อแห้งค่อยกลับ” ผมยิ้มกว้าง แต่สายตามีมนี่คืออยากด่าผมเต็มแก่ แม้ทำได้แค่ทางสายตาก็เอาอ่ะคนเรา

“เออ” เขาสะบัดเสียงตอบ ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวกับชุดนอนที่ผมส่งให้ เดินปึงปังเข้าห้องน้ำไป คืนนี้ก็จะได้นอนกับมีมอีกแล้ว เหะๆ

***

ของเธมมาสั้นๆ แบบน้องเบ๊บ
ไอ้หมอนี่มันแอบร้าย เห็นขี้อายๆ นี่แหละ
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน18 [12.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 12-11-2020 17:27:07
พอคนแต่งบอกว่าร้ายนี้แอบจิ้นเลยนะ
เขาจะทำอะไรกันหรือเปล่า  :oo1: :z1:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน18 [12.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 12-11-2020 18:42:02
เอ๊ะ! คู่จิ้นคู่ใหม่นี่รีบเหรอ แต่ชอบ!!
 :impress2: :man1:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน19 [13.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Lambosasha ที่ 13-11-2020 10:07:34
19
ไอ้ตัวโตที่นอนข้างๆ แม่งโครตเบียด เตียงก็กว้าง ทำไมต้องเสือกกลิ้งมานอนเบียดผมด้วยวะเนี่ย แล้วไม่แค่นั้น แขนแม่งยังพาดมาอีก หนักฉิบหาย มึงไม่ใช่ลูกแมวตัวเล็กตัวน้อยนะเว้ย เนี่ย แรกๆ ที่มาค้าง ผมจะนอนโซฟาที่ห้องนั่งเล่นข้างล่าง มันก็ไม่ยอม จะให้ขึ้นมานอนด้วย จะปูผ้านอนพื้น ก็ไม่ยอมอีก แล้วพอมานอนกับมันบนเตียงก็แบบนี้ตลอด โดนแม่งทับจนนอนไม่ค่อยหลับ อึดอัดโว้ย

หัวแม่งเกยขึ้นมาบนอก นอนซุกผมอย่างกับแมว แต่เหมือนผีอำมากกว่า

“เฮ้ย หนัก” เพราะมันทนไม่ไหวจริงๆ ผมเลยต้องปลุกมันให้เขยิบไปนอนไกลๆ ไอ้เธมก็ส่งเสียงงึมงำๆ ในคอ แต่ไม่ยอมตื่น นอนกับมันมาหลายครั้งแล้ว เลยพอจะรู้ว่าแม่งหลับลึก ตื่นก็ยาก เอาตีนปลุกยังไม่ค่อยจะยอมตื่น

“เธม กูหนัก” พยายามขยับตัว ยกแขนแม่งออกก็แล้ว มันก็พาดมาอีก จนผมเริ่มจะหงุดหงิดงุ่นง่าน ทุกทีตื่นมาเกือบเช้าก็ไม่เท่าไหร่ แต่นี่มันเพิ่งตี 1 อีกนานกว่าจะเช้า คือผมเสือกฝันร้ายสะดุ้งตื่นมาเองแหละ แล้วพอเจอมันทับแบบนี้ ก็นอนไม่ลงแล้ว

“ไอ้เธมมมมม” ผมโอดครวญเสียงดังขึ้นอีก หวังให้มันตื่น แต่กลายเป็นโดนกอดรัดทั้งตัว เอาขาก่ายมาอีก เอาเข้าไป ไอ้สัสสสส

แล้วจะทำไงได้ นอกจาก...ถีบแม่งสิครับ ไอ้ตัวโตกลิ้งผลุบลงพื้นเรียบร้อย ขนาดนี้ก็ยังไม่ตื่น ควายเอ๊ย

“ฮึ่ย นอนกับพื้นไปเลยมึง” แล้วผมก็ได้หลับสบายๆ สักที เฮ้อ

เช้าวันต่อมา มองหน้าไอ้เธมที่ลุกขึ้นนั่งบนพื้นเย็นๆ ก็พอจะรู้ว่ามันงงอยู่ ว่าลงไปนอนบนพื้นได้ยังไง เหอะ เล่นกับใครไม่เล่น คิดจะนอนกอดกูเรอะ ฝันไปเถอะ ถึงจะให้มันกอดมาหลายทีแล้ว แต่นั่นเพราะผมหลับ ตื่นมาเช้าเจอมันก่ายทั้งตัว ก็ช่วยไม่ได้ แต่เมื่อคืนต้องจัดการจริงจัง โทษทีแล้วกันว่ะ

“ทำไมเรามาอยู่บนพื้นอ่ะ” มันทำหน้ายุ่ง ลุกขึ้นทุบๆ หลังตัวเอง ท่าจะเมื่อยนะ เสือกนอนตื่นสายด้วยนะ นี่จะ 9 โมงครึ่งอยู่แล้ว

“กูจะรู้มึงเหรอ” ผมก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ไปครับ พับผ้าเก็บเข้าตู้ต่อ ไม่สนใจๆ ป้าแม่บ้านก็มาแล้ว เอาเสื้อไปซักให้แล้ว บ่ายๆ คงแห้งพอดี เดี๋ยวจะลงไปกินข้าวแล้วด้วย ปล่อยไอ้ตัวโตมันงงไป

“อะไรวะ ปกติกูไม่นอนดิ้นสักหน่อย มีมแกล้งเราป่ะเนี่ย”

“บ่นอะไรหงิงๆ ของมึง รีบไปล้างหน้าแปรงฟันเลย กูหิวแล้ว ปั๊ดแดกหัวแม่ง” ผมยื่นมือไปดีดหน้าผากมันตอนเดินผ่าน แล้วออกจากห้องไปก่อน ลงไปรอกินข้าวเช้าข้างล่างดีกว่า

ไม่นาน ไอ้ตัวโตมันก็เดินหน้ายุ่งตามลงมา ล้างหน้าแปรงฟันแล้ว แต่มันยังไม่เปลี่ยนชุด แสดงว่าน้ำท่าไม่อาบ เสื้อกล้ามกางเกงบ็อกเซอร์มาเลย ไม่อายป้าช้อยที่อยู่ในครัวสักนิด เห็นบอกป้ามาจากบ้านพ่อมัน เคยเลี้ยงมันมาแต่เล็กแต่น้อย เลยชินกันไปแล้ว

อาหารเช้าฝีมือป้าช้อยก็อร่อยสุดๆ วันนี้เป็นโจ๊กหมูเด้ง ใส่เห็ดหอมด้วย ฝีมือระดับขึ้นเหลาได้อ่ะครับ ถ้าบอกป้าเป็นเชฟโรงแรมห้าดาวนี่ผมก็เชื่อ มีน้ำแอปเปิ้ลคั้นสดๆ ของผมด้วย ส่วนของไอ้เธมเป็นนมสด มันกินนมทุกเช้า แต่บางทีไปมอ ก็เห็นกินนมอีก อย่างกับเด็กประถม ต้องดูดนมกล่องตลอดเวลา

“มื้อกลางวันกับมื้อเย็นเป็นเมนูปลา ของโปรดของคุณมีมนะคะ ป้าไปค้นตำรามาทำให้เลย”

“โห ป้าช้อย ขอบคุณมากครับ ลำบากคุณป้าเลย” เพราะไอ้ตัวดีมันไปบอกป้าแกแหละ ว่าผมชอบกินปลา ป้าแกเลยต้องไปหาเมนูปลามาเพิ่มให้ ปกติเธมมันไม่กินหนักมื้อเย็น กินแค่พวกสลัดผักกับนม นี่มันกินนมวันละกี่ลิตรวะเนี่ย

“มีนมหมีที่คุณเธมสั่งด้วยนะคะ ป้าแช่ไว้ในตู้เย็นแล้ว หมดเมื่อไหร่บอกนะคะ จะเอามาเพิ่มให้” คุณป้ายิ้มใจดี แกหอบหิ้วนมสารพัดยี่ห้อมาให้ไอ้เธมตลอด มีรสใหม่ๆ มามันก็ชอบฝากป้าหิ้วมาให้ เพราะที่นี่หาซื้อยาก ในกรุงเทพฯมีให้เลือกเยอะกว่า ที่เห็นมันชอบกินก็นมสดแบบพร่องมันเนย กับพวกที่เป็นรสช็อคโกแลตมิ้นท์ คาราเมล อะไรพวกนั้น

“ขอบคุณครับ” ไอ้เด็กหมีอารมณ์ดีขึ้นมาทันที จากตอนแรกที่ยังหน้ายุ่งๆ คงเพราะปวดเมื่อยที่โดนถีบลงไปนอนบนพื้น

หลังมื้อเช้า ผมก็เล่นกับลูกๆ รอเสื้อแห้ง บ่ายค่อยกลับหอตัวเอง พักนี้มานอนบ้านไอ้เธมบ่อยเกิน ห้องจะหยากไหย่ขึ้นแล้วมั้ง ผมอยู่หอนอกคนเดียวมาตั้งแต่เทอมแรก เห็นแบบนี้ผมเจ้าระเบียบนิดหน่อยด้วย อะไรรกหูรกตาไม่ได้เลย อยู่กับคนอื่นก็คงลำบากเพื่อนอ่ะครับ แต่กับไอ้เธมไม่ค่อยมีปัญหา เพราะผมสั่งมันทำอะไร มันก็ทำ อิดออดเมื่อไหร่ก็แค่เอาเท้าเขี่ย เดี๋ยวมันก็ทำจนได้ครับ ไอ้นี่ขี้เกียจกว่าที่เห็น มาดคุณชายแม่งหลอกตา เพราะงานบ้านส่วนใหญ่ ป้าช้อยทำให้หมดแล้ว มันเลยไม่เคยทำอะไรเอง แต่ถ้าผมอยู่ ก็จะคอยให้มันเก็บผ้ามาพับบ้าง เก็บเตียงเองบ้าง ถอดเสื้อผ้าก็ให้เอาใส่ตะกร้ารอซัก ป้าเขาจะได้ไม่ลำบากมาไล่เก็บทีละชิ้นสองชิ้น เพราะแรกๆ ที่ผมมาเจอคือ แม่งถอดแล้วโยนเลย แล้วผมเหรอจะตามเก็บให้มัน ไล่เตะมันให้ทำเองสิครับ

“ทิ้งด้วย ไอ้เธม” ผมดุเสียงดัง เพราะมันเปิดกระป๋องนมสดตราหมี หรือที่ป้าช้อยเรียกนมหมี กินเสร็จก็วางทิ้งตามโต๊ะ ตามเคาน์เตอร์ครัว ประจำ ไอ้ตัวดีมันก็เดินหน้ามุ่ยมาเก็บกระป๋องนมมันไปทิ้ง ว่าง่ายอยู่หรอก 

“เดี๋ยวป้าค่อยเก็บก็ได้ค่ะ คุณมีม”

“ไม่ได้ครับ ให้มันทิ้งให้เป็นที่” ที่มันอยู่หอนอกคนเดียวก็คงเพราะเหตุนี้สินะ ความซกมกของแม่งล้วนๆ ไม่อยากคิดถึงสภาพห้องของมันที่หอพัก แต่เห็นว่าป้าช้อยไปเก็บให้ทุกอาทิตย์ เหนื่อยคนแก่อีกไอ้ห่าเอ๊ย

“คุณมีมนี่เจ้าระเบียบอยู่นะคะเนี่ย แบบนี้ป้าก็วางใจ” ป้าช้อยหัวเราะไปหั่นปลาไป แล้ววางใจอะไรครับป้า

“ส่วนที่หอมัน ไว้ผมไปดูให้เอง ป้าทำแค่บ้านนี้ก็พอ”

“จะดีเหรอคะ คุณมีมไม่ได้ค่าจ้างด้วยสักหน่อยนะคะ ป้าเกรงใจจัง” ป้าช้อยอมยิ้ม ผมเห็นแกแล้วนึกถึงย่ายายตัวเอง มันก็เกิดความรู้สึกอยากช่วยเหลือขึ้นมาเอง

“ห้องเล็กๆ ห้องเดียวไม่เป็นไรหรอกครับ แล้วผมก็ไม่ได้จะทำ ให้มันทำเองนู่น”

“เฮ้ย อะไรอ่า...” ตอนแรกร้องเสียงแมนมาเชียวมึง แต่พอหันมาสบตาผมปุ๊บ เสียงสองทันที ตอแหลได้โล่นะไอ้เธม มันน่าจับมาฟาด ไอ้เด็กไม่รู้จักโต

“ไม่ต้องมาทำเสียงอ่อน เดี๋ยวกูช่วยทำก่อน แล้วมึงค่อยทำเอง หัดดูแลตัวเองมั่ง”

“ก็ดูแลตัวเองอยู่น้า” มันวิ่งเข้ามากอดแขนผม คนตัวโตๆ เวลาอ้อนนี่แม่งน่าหมั่นไส้คูณสิบ ผมเลยดีดหน้าผากมันไปที คิดจะจีบผม แต่แค่ตัวเองมันยังดูแลไม่ได้เลย คงจีบติดหรอก

“แค่ที่นอนมึงยังไม่เก็บเลย กูไม่ชอบคนไม่ได้เรื่อง เอาแต่พึ่งคนอื่น เข้าใจมั้ย”

พอผมพูดไปแบบนั้น ไอ้เธมก็กะพริบตาปริบๆ เหมือนลูกหมาน้อย ส่วนป้าช้อยแกก็ขำใหญ่ อะไรวะ ผมพูดอะไรผิด ก็มันจะจีบผม ก็ต้องทำให้ผมชอบสิ ผมก็บอกมันไว้ก่อนไง ว่าผมชอบไม่ชอบแบบไหน มันจะได้ทำตัวถูก หรือยังไงวะ ผมงงหรือใครงง?

“งั้นวันนี้ไปเก็บห้องกันเลย เราจะทำให้มีมเห็น ว่าเราก็ทำอะไรเองได้หลายอย่าง”

“เออ ดี” ผมเงยหน้ามองมันที่ส่งสายตาวิบวับมาให้ อะไรของมัน

***

เหมือนจะเป็นครั้งแรกมั้งที่ผมมาห้องมันที่หอพัก หอนอกเหมือนกันแท้ๆ แต่ระดับแม่งต่างกันลิบ ของมันนี่อย่างกับโรงแรมห้าดาว ตั้งแต่หน้าประตูมียามโค้งให้ ระบบทุกอย่างอัตโนมัติหมด กล้องวงจรปิดทุกมุม มีเล้าจ์เล็กๆ พวกบาร์เครื่องดื่มกับที่นั่งเล่นด้วย ลานจอดรถอย่างกว้าง อ้อ วันนี้มันขับรถสีขาวคันนั้นมา เห็นบอกว่ามอไซค์จอดไว้ที่นี่

มันพาผมขึ้นลิฟท์ไปชั้น 11 หอมันมี 12 ชั้น พอแตะคีย์การ์ดเปิดประตูเข้าไป คืออย่างกับอยู่บ้านอ่ะ ห้องอย่างกว้าง มิน่าแม่งไม่ชอบเก็บห้องเอง มีครัวเล็กๆ มุมหนึ่ง ห้องนอนแยกต่างหาก ห้องน้ำ โซนนั่งเล่น ทีวี4kจอยักษ์กับเครื่องเล่นเกม ซึ่งที่บ้านมันก็มีแบบนี้เหมือนกันเป๊ะ ดูแล้วมันน่าจะชอบเล่นเกมด้วย มีแผ่นเกมเพียบ แต่เวลาอยู่กับผมมันไม่เล่นให้เห็นเท่าไหร่

“จริงๆ เมื่อวานป้ามาทำไปรอบนึงแล้วแหละ แหะ” ทำมาแลบลิ้นขวยเขิน

“น่ารักตายล่ะ ทำหน้าเงี้ย แล้วป้ามาทำความสะอาดให้แล้ว ทำไมเพิ่งมาบอกตอนมาถึงห้อง เจ้าเล่ห์นักนะมึงเนี่ย” ผมอดไม่ได้ที่จะดึงแก้มมันด้วยความหมั่นไส้ ไอ้ตัวโตมันแก้มเยอะ ดึงแล้วยืดดี นี่มันหลอกผมมาห้องมันชัดๆ แต่ก็นะ ขนาดบ้านมันยังไปบ่อยๆ แค่หอ ผมจะคิดมากอะไรล่ะ บ้าบอ

“อูยยย มีมอ่ะ” มันเอามือลูบแก้มที่ถูกผมดึง แต่เสือกยิ้มร่าเลย

“งั้นวันนี้ยังไม่ต้องทำอะไรก็ได้ ไว้พรุ่งนี้เช้าจะให้มึงเก็บที่นอนเองก่อนไปเรียน” ผมกอดอก ยืนพิงตู้เย็นมองมัน ไอ้เธมตาโต

“หมายความว่าคืนนี้จะนอนที่นี่กับเราเหรอ”

“เออสิ จะอยู่ดูมึงเก็บที่นอนไง ทำเหมือนที่กูสอนที่บ้านแหละ” ไม่รู้เวลาที่ผมไม่อยู่ มันทำหรือเปล่า หรือผมจะต้องอยู่เช็คทุกวัน จนกว่ามันจะทำจนติดเป็นนิสัยวะ

แล้วผมทำไมจะต้องเขี่ยวเข็ญให้เด็กโข่งนี่ด้วย? ตลกตัวเองขึ้นมาบอกไม่ถูกเลย

อยากให้มันเป็นแบบที่ชอบงั้นเหรอ?

อืม...ก็ฟังดูน่าสนใจดี

***

คิดมุกไม่ออก 55 เอาเรื่องในชีวิตประจำวันตัวเองนี่แหละ ทุกวันนี้ตื่นมา เรายังโดนคุณภรรยาใช้ให้เก็บเตียงอยู่เลย

ปล.วันนี้อัพได้เรื่องเดียวน้า เดี๋ยวไปวันเกิดพี่ เสาทิดไม่แน่ใจ อาทิตย์หน้าเราจะไปเที่ยว อิๆ ไปตจว
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน19 [13.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 13-11-2020 10:41:30
รัศมีมนุษย์(เมีย)มาเลยจร๊าลูกมีม
เธมจงใจแกล้งหรือเปล่าอยากให้มีมอยู่น่ะ แผนแน่ๆ
(คิดถึงเบ๊บกับปาล์ม) :กอด1:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน19 [13.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 15-11-2020 08:24:42
เปิดตัวอีกคู่~
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน19 [13.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: Tanthai23 ที่ 18-11-2020 17:28:32
น่ารักได้อีกคู่นี้ แต่เขาน่ารักกันคนละแบบกับเบ๊บและปาล์มน่ะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: เพราะมัน...ทำให้ผมนอนไม่หลับ (My bad Roommate) R18+ ตอน19 [13.11.20] up!
เริ่มหัวข้อโดย: PFlove ที่ 24-11-2020 06:03:41
ร้องเพลงรอ ฉัน รอ เธออยู่ ....
 :katai2-1: :katai2-1: