25
เทอมสุดท้ายของเด็กปี 4 ช่วงนี้ทั้งฝั่งวิศวะทั้งดุริยางค์ต่างงานยุ่งกันหมด พวกคันศรต้องทำโปรเจคจบ แต่วิชาที่ต้องลงเรียนมีไม่มาก เสียเวลากับการทำโปรเจคมากกว่า ส่วนทางธนูมีงานแสดงที่ต้องขึ้นเวทีแสดงจริง มีคนนอกมาดูจริง และมีอาจารย์ทั้งคณะมานั่งให้คะแนน จึงต้องซ้อมหนักกันหน่อย
“ของผมเล่นวันที่ 12 เดือนหน้า คุณว่างมามั้ยครับ” ธนูเช็คตารางงานแสดง ซึ่งเหมือนเป็นการเทสต์ผลงานก่อนจบ เขาอยากให้ธันวาไปดู เพื่อเป็นกำลังใจ เพราะนักศึกษาที่ต้องขึ้นแสดงจะได้ตั๋วฟรีคนละ 5 ใบ ให้พาคนในครอบครัวหรือใครไปดูก็ได้
“แป้ปนะ อืม...ได้แหละ” ธันวาจิ้มบันทึกลงบนหน้าจอ ตั้งเตือนก่อนวันแสดงหนึ่งวัน แต่ยังไงก็ไม่มีทางลืมอยู่แล้ว แม้งานจะยุ่งแค่ไหนก็ตาม ปีก่อนช่วงฝึกงานเทอมสองก็เกือบแย่ ถ้าไม่ได้ธนูคอยดูแล ปีนี้เลยอยากเป็นกำลังใจให้ธนูบ้าง เพราะน่าจะมีซ้อมและเล่นอีกหลายงาน
“ช่วงนี้ผมคงเลิกดึกนะ ซ้อมเรื่อยๆ คุณไม่ต้องมารอรับหรอก กลับบ้านเลย ได้รีบไปทำงาน” ธนูว่าพลางกอดร่างโปร่งอย่างออดอ้อน เพราะหลังจากนี้คงแทบไม่ได้เจอกัน
“อ้าว?” ธันวาเงยหน้ามองเขา “แล้วธนูจะกลับยังไงล่ะ”
“ผมว่าจะไปเอารถอีกคันมาใช้ ให้ศรมันใช้คันเก่าไป” เขายิ้มตอบ รู้สึกดีที่ธันวาเป็นห่วง ปกติธันวาจะมารอรับกลับบ้านตลอด จนตอนนี้ธันวาแทบไม่ได้กลับบ้านตัวเองมานานแล้ว แต่งานของธันวาก็เยอะ จะให้มัวมารอเขาซ้อม ก็เสียเวลาเปล่าๆ
“อย่างนี้ธันต้องกลับไปอยู่บ้านก่อนมั้ย”
“ไม่ต้องก็ได้ครับ แต่ถ้ากลัวโดนผมกวนจนไม่ได้ทำงาน ก็แล้วแต่”
ธันวามองรอยยิ้มมุมปากเจ้าเล่ห์นั่นแล้วนึกอยากจะเตะขัดขาให้เสียฟอร์มสักที
“งั้นกลับบ้านจนกว่างานจะเสร็จดีกว่า”
“โห” ไอ้แมวขี้อ้อนตัวโตส่งเสียงแง้วทันที “ก็เกือบหมดเทอมเลยนะครับนั่น”
“งั้นมาแค่เสาร์อาทิตย์แล้วกัน โอเคมั้ยครับ เจ้าเหมียว” ธันวาคลี่ยิ้ม ลูบหัวแมวยักษ์เบาๆ อย่างเอ็นดู ธนูก็เผลอผงกหัวหลับตาพริ้มทำหน้าเหมือนแมวเคลิ้ม ก่อนจะเงยขึ้นมาตาโต แต่ธันวาก็เดินหัวเราะหายไปในครัวแล้ว
“เดี๋ยว! เมื่อกี้เรียกผมว่าอะไรนะธัน”
***
“อยากดูพี่นูเล่นไวโอลินบนเวทีแล้วววว เดินเร็วๆ หน่อยสิไอ้ยักษ์” เจ้าตัวเล็กดึงมือคันศรที่เดินตามหลังอย่างอืดอาด ที่ช้าไม่ใช่อะไร แค่อยากให้อ๋องจูงมือเดิน ไม่แกล้งเดินช้า ก็ไม่ยอมให้จับมือ พอทำเดินช้าหน่อย คว้ามือลากจูงไปเอง แบบไม่ต้องขอเลย
“มึงแม่ง กวนตีนนะเนี่ย” เพื่อนที่เดินกันอยู่ข้างหลังก็เห็น และรู้ว่าคันศรคิดอะไรอยู่ เป็นคนชัดเจนในการกระทำ แบบไม่รู้ตัวตลอด
คันศรหันไปแค่นยิ้ม ยักคิ้วให้เพื่อนๆ ทั้งฝูง แล้วปล่อยให้อ๋องจูงมือไป
“คนเยอะนะเนี่ย เขาว่างมาดูพวกมึงเล่นกันทุกวันเลยเหรอวะ” แทนทัพหันไปถามพีท พีทสอบไปแล้วเมื่ออาทิตย์ก่อน เลยมาดูเพื่อนคนอื่นในวันนี้ ของธนูรอบบ่ายโมงเป๊ะ
“ไม่หรอก วันอื่นก็ไม่กี่สิบ” พีทตอบ พลางมองรอบข้าง “ส่วนใหญ่ก็แฟนคลับวงมัน แล้วก็พวกที่คลั่งไอ้นูอ่ะ มันเลยเยอะงี้”
“ไม่น่าเชื่อว่าพี่แฝดมึงจะดังระดับนี้” เท็นทำหน้าเหลือเชื่อ “เพราะน้องแม่งโครตกาก ฮ่าๆ”
“ไอ้เหี้ยนี่ เดี๋ยวกูโบก” คันศรจะหันไปตบหัวเพื่อน แต่โดนกระตุกแขนรัวๆ ให้รีบเดิน เลยต้องสาวเท้าตามคนตัวเล็กที่วิ่งนำหน้า มีหันไปขู่เท็น ว่าเดี๋ยวเจอกัน แล้วก็หันไปยิ้มให้แฟนต่อ
เพื่อนๆ มาถึง ก็เจอธันวาที่นั่งรออยู่ก่อนนานแล้ว ทุกคนนั่งประจำที่ วันนี้คนเกือบเต็มฮอล แต่ธันวาเข้าไปให้กำลังใจธนูที่หลังเวทีมาแล้ว
วันนี้ธนูสวมชุดนักศึกษาเต็มยศ รูปร่างสูงโปร่งยิ่งดูสูงสง่ามากขึ้นเมื่อผูกเนคไทสีดำ เสื้อเก็บในกางเกงเรียบร้อย รองเท้าหนังสีดำเงาวับ ธนูเดินออกมาพร้อมกับไวโอลินคู่ใจ โค้งให้คนดู พร้อมแนะนำตัวและรหัสนักศึกษา ก่อนจะตั้งท่ารอจังหวะจากวาทยากรณ์ที่อยู่มุมเวที
เสียงเพลงจากไวโอลินของธนูเริ่มต้นขึ้นจากท่วงทำนองสงบนิ่ง เนิบช้า ก่อนจะรัวเร็วและกรีดลึกลงเรื่อยๆ พร้อมกับท่วงท่าการสีที่เรียกว่าระดับโปรยังได้ ดูเร่าร้อนรุนแรงแต่อ่อนโยนในบางจังหวะ พาให้คนดูเคลิบเคลิ้มจนแทบลืมหายใจ
“สุดยอดอ่ะ ไม่เคยเห็นพี่นูในแบบนั้นเลย เวลาเล่นลงคลิปก็เล่นชิวๆ ธรรมดา” พอเพลงจบและธนูเตรียมเล่นเปียโนต่อ อ๋องก็แอบกระซิบกับธันวาเบาๆ
“ยังมีอีกเยอะนะ มุมนี้น่ะ”
อ๋องเงยหน้ามองรอยยิ้มของธันวาจากด้านข้าง พลางกะพริบตาปริบๆ ที่ธันวาพูด หมายถึงธนูมีบุคลิกที่หลากหลาย และธันวาก็ได้เจอมาหมดแล้ว
เสียงเปียโนดังขึ้น ไล่โน๊ตรุนแรงคล้ายพายุที่พัดโหมกระหน่ำ เบาไปแรงและผ่อนลงมาก่อนที่จะรุนแรงขึ้นอีก เหมือนกับอารมณ์ทั้งหมดของธนู ที่เคยรุ่มร้อน และค่อยๆ ผ่อนคลาย ปลายนิ้วทุกนิ้วประสานกันอย่างดี ไม่มีผิดพลาดแม้สักคีย์ จนจบลง
เสียงปรบมือดังกระหึ่ม ธนูโค้งขอบคุณคนดูและคณาจารย์ ก่อนจะเดินหมุนตัวกลับเข้าหลังเวทีไป
เพื่อนหลายคนยังอึ้งทึ่งและพูดถึงการแสดงของธนูไม่ขาดปาก คุ้มค่าตั๋วที่อุตส่าห์ลงทุนซื้อมาดูกัน
ธันวาขอแยกกับเพื่อนๆ ไปหาธนู เย็นนี้พวกเขานัดกันว่าจะไปกินชาบู แล้วค่อยไปต่อที่ร้านของพี่อั๋น พอไปถึงห้องเตรียมที่หลังเวที ก็เห็นธนูกำลังเก็บของอยู่ คนอื่นๆ ทยอยกันกลับบ้านไปหมดแล้ว
ธนูหันไปหาคนรักที่ยืนรออยู่หน้าประตู ด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้สุดมาก หล่อสุดๆ เลย แฟนใครวะ” ธันวาเดินตรงเข้าไปจับแก้มทั้งสองข้างของธนู “เกียรตินิยมรออยู่ตรงหน้าแล้วใช่มะ”
“ไม่น้อยหน้าคุณแน่นอนครับ” ธนูเอียงหน้าเล็กน้อยแนบแก้มกับฝ่ามือนุ่มๆ พร้อมกับจับมือของธันวาไว้ ท่าทางคลอเคลียออดอ้อนแบบนี้ ถ้าใครมาเห็นคงไม่อยากเชื่อสายตาแน่ๆ
ธันวาคลี่ยิ้มหวาน “ไปกันเถอะ ไอ้พวกนั้นรออยู่”
***
เหล่าปี 4 ทั้งหลายเรียนจบกันด้วยดี ธันวาได้เกียรตินิยมเหรียญทองอย่างที่คาด ส่วนธนูก็ได้เกียรตินิยมมาครองเช่นกัน
หลังจากนั้นก็เข้าสู่ช่วงหางานทำ ยกเว้นธันวาที่รอรับช่วงร้านอาหาร กับธนูที่เตรียมเรียนต่อปริญญาโทและทำงานเป็นโปรดิวเซอร์กับทางมหาวิทยาลัยแบบฟรีแลนซ์ไปด้วย
“ได้เวลาทำงานหาเลี้ยงเมียแล้วว้อยยย” คันศรร้องตะโกนราวกับถูกปลดปล่อย ต้องหางานหาเงินเองแล้ว ก่อนหน้านี้มีพี่ชายคอยเปย์แทนแม่ที่เสียไป แต่หลังจากนี้เป็นชีวิตของใครของมัน
“ถ้ามีอะไรให้ฉันช่วยก็บอกแล้วกัน”
“มึงนี่ เห็นกูเป็นเด็กเรื่อย” คันศรนิ่วหน้าใส่พี่ชาย
“ก็นายเป็นน้องของพี่” ธนูตอบหน้านิ่ง คันศรยิ้มกว้างกับคำพูดของพี่ชาย ดีใจเหมือนพี่บอกว่ารักน้องนะ อย่างบอกไม่ถูก
“อือ พี่ก็เป็นพี่ของผมอยู่แล้วล่ะนะ”
***
กว่าธนูจะจบปริญญาโท ของขวัญที่มอบให้ธันวาก็เกือบจะครบทั้งตัว ครบรอบปีแรกได้สร้อยข้อเท้า ปีถัดมาเป็นสร้อยข้อมือ ปีถัดมาเป็นสร้อยคอ และปีที่ธนูเรียนจบก็ได้เป็นต่างหูที่แบ่งกันใส่คนละข้าง ธนูเจาะหูอยู่แล้ว ส่วนธันวาถึงกับต้องกล้ำกลืนยอมเจาะหูเพื่อการนี้ แต่ธนูก็คอยดูแลทำแผลให้ตลอดจนแผลแห้งสนิท และใส่ต่างหูคู่กันได้อย่างไม่มีปัญหา
“ครบรอบ 5 ปีแล้วนะครับ” ธนูโอบกอดคนรักไว้แนบอก บนเตียงที่พวกเขาใช้ชีวิตด้วยกันมาเกือบ 1 ปีแล้ว หลังจากเรียนจบและทำงานเต็มตัว ธนูก็ซื้อคอนโดใหม่ อยู่กับธันวาแค่สองคน แต่ยังแวะไปเยี่ยมคันศรบ้างตามโอกาส
“ปีนี้จะร้องเพลงอะไรล่ะ หมดมุกหรือยัง” ธันวาหัวเราะเบาๆ กอดแขนคนรักไว้
“เดี๋ยวรอฟังได้เลย ผมเตรียมมาพร้อมแล้ว คุณตั้งกล้องให้หน่อยสิ”
“อะไร ปีนี้ต้องอัดคลิปด้วยเหรอ” ธันวาเอียงคอสงสัย หลังจากหมดเวทีเฟรชชี่ไนท์ให้ร้องเพลงบอกรักแล้ว ธนูก็แค่ดีดกีต้าร์ให้ฟังแบบส่วนตัว พร้อมกับให้ของขวัญแต่ละชิ้น ที่ธันวาก็ใส่ครบทุกชิ้นมาตลอด
“ปีนี้เป็นปีสำคัญ สำหรับของขวัญชิ้นสุดท้ายในเซตนี้ครับ” ธนูเดินไปหยิบกีต้าร์ และธันวาก็เตรียมตั้งกล้องถ่ายแบบไลฟ์สดลงโซเชี่ยล
“ชิ้นสุดท้ายในเซตนี้?”
“ใช่ครับ ทุกชิ้นที่ผมมอบให้คุณมันเชื่อมโยงกัน ผมผูกมัดคุณตั้งแต่ปลายเท้าจนถึงตรงนี้แล้ว” ธนูเอื้อมมือไปจับที่ต่างหูรูปธนูเบาๆ ธันวามองสร้อยข้อเท้าที่มีจี้รูปธนูเล็กๆ สร้อยข้อมือที่สั่งทำเป็นลายคันธนูทั้งอัน เอามือแตะที่สร้อยคอซึ่งมีจี้รูปธนู และต่างหู
“และชิ้นสุดท้ายนี้ ผมขอผูกมัดคุณที่ตรงนี้” ปลายนิ้วเรียวยาวแตะลงที่หน้าอกข้างซ้ายของธันวา พร้อมกับมือซ้ายที่หยิบกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินใบเล็กๆ ออกมา เขาวางมันลงในมือของธันวา และเริ่มดีดีกีต้าร์พลางร้องเพลงคลอ ในขณะที่ธันวาเปิดดูของขวัญด้วยความตื่นเต้น
“Forever can never be long enough for me
To feel like I’ve had long enough with you
Forget the world now, we won’t let them see
But there’s one thing left to do
ตลอดกาล ก็ยังไม่นานพอสำหรับฉัน
ที่จะรู้สึกว่าได้อยู่กับเธอเพียงพอแล้ว
ลืมโลกใบนี้ไป เราจะไม่ให้พวกเขาได้เห็นหรอก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่ต้องทำ
Now that the weight has lifted
Love has surely shifted my way
เมื่อภูเขาถูกยกออกไปจากอกแล้วจริงๆ
ความรักก็เปลี่ยนเส้นทางของฉัน
......
...
Together can never be close enough for me
To feel like I am close enough to you
You wear white and I’ll wear out the words “I love you”
And you’re beautiful
แค่เคียงคู่กันก็ยังไม่ใกล้ชิดพอสำหรับฉันหรอก
ที่จะให้รู้สึกชิดใกล้กับเธอให้เพียงพอ
เธอสวมชุดสีขาว และฉันก็พูดคำว่า “ผมรักคุณ”
และเธอก็ช่างงดงามจริงๆ
Now that the wait is over
And love has finally shown her my way
ในตอนนี้ การรอคอยได้สิ้นสุดลงแล้ว
และความรักก็ทำให้ฉันได้เห็นเธอ
......
...
Promise me
You’ll always be
Happy by my side
I promise to
Sing to you
When all the music dies
สัญญากับฉันสิ
ว่าเธอจะ
อยู่เคียงข้างฉันอย่างมีความสุขเสมอไป
ฉันสาบาน
ว่าจะร้องเพลงให้เธอ
เมื่อบทเพลงมันดับลงไปหมดแล้ว
And marry me
Today and everyday
Marry me
If I ever get the nerve to say “Hello” in this cafe
Say you will
Say you will
Marry me
แต่งงานกับฉันนะ
ในวันนี้ และทุกๆวัน
แต่งงานกับฉันนะ
หากฉันกล้าพอที่จะพูด “สวัสดี” กับเธอในร้านกาแฟแห่งนี้
ช่วยตอบกลับมาด้วยว่าเธอจะตกลง
ตอบกลับมาด้วยนะ ว่าเธอจะตกลง
ว่าเธอจะแต่งงานกับฉัน”
แหวนเงินเรียบๆ ที่ฝังเพชรไว้ครึ่งวงส่องแสงระยิบระยับอยู่ในกล่องใบนั้น เสียงเพลงจบลงแล้ว และธันวายังนั่งอมยิ้มแก้มแดงปลั่ง
“แต่งงานกันนะครับ”
เสียงทุ้มๆ นุ่มๆ ของคนถาม ทำให้ใจเต้นแรงเหมือนครั้งแรกที่ได้จูบกันในคืนนั้น
ถ้าไม่มีเรื่องพิลึกพิลั่นในคืนนั้น ที่ทำให้ธันวาต้องไปร่วมรับรู้เหตุการณ์ว่าธนูเป็นเกย์ และต้องช่วยแกล้งเป็นแฟนหลอกๆ ให้ ก็คงไม่มาไกลถึงวันนี้
ธันวาพยักหน้าทั้งรอยยิ้มเต็มใบหน้า ให้ธนูช่วยสวมแหวนวงนั้นที่นิ้วนางข้างซ้าย
เพราะเป็นการไลฟ์สด จึงมีข้อความมากมายแสดงความยินดีกับพวกเขาส่งเข้ามาล้นหลาม ทุกคนได้เห็นใบหน้าของเจ้าของแผ่นหลังที่มักจะอยู่ในทุกคลิปของธนูตลอด 5 ปีมานี้แล้ว
ธันวาโผเข้ากอดคนรักไว้แน่น
จะอีกกี่ปีต่อจากนี้ไป ก็จะอยู่ด้วยกัน ในทุกๆ วัน
***
~จบแล้วจ้า~
ขอบคุณที่อ่านและคอยเป็นกำลังใจให้น้า แม้จะมีไม่กี่คนก็ตาม 55 เราแต่งตามใจตัวเองสุดๆ คืออยากอ่านอะไรก็แต่งแบบนั้น เรื่อยเปื่อยมาก มันว่างง่ะ
เรื่องเก่าเดี๋ยวมาต่อ ส่วนเรื่องต่อไป ตอนนี้กะลังคิดว่าจะลองแต่งแนวอีโรติก แต่คงยาก 555 เราเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ไม่ลามกเลย จริงจริ๊ง เลยแต่งแบบหื่นๆ ไม่ค่อยเป็น อิๆ
ปล.เนื้อเรื่องมีตรงไหนไม่ครบมั้ยนะ เรื่องแฟนเก่าของธนูเคลียร์เนาะ ตอนแรกจะเขียนแยก แต่คิดว่าไม่เอาดีกว่า ยังไงเขาก็แต่งงานไปแล้ว คือเนมเป็นนักมวยรุ่นพี่ ที่มาช่วยสอนธนู แล้วค่อยมาเป็นโค้ชทีหลัง คบกันช่วงที่ธนูอยู่ในค่ายแค่นั้น