15
ธนูพาธันวามาเลือกซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ เพราะถือว่าน้องชายของเขาเป็นคนทำพัง ไม่อย่างนั้นธันวาก็คงไม่ยอมให้ซื้อ พอได้โทรศัพท์ใหม่แล้ว ก็แวะกินข้าวกลางวัน และกะว่าจะดูหนังกันต่อ โปรแกรมเดทแต่ละครั้งของพวกเขาไม่ค่อยซ้ำ เพราะธนูอยากให้ธันวาได้ทำกิจกรรมหลายๆ แบบ แต่วันนี้เวลาไม่เยอะ ก็เลยเอาแบบง่ายๆ ไปก่อน ปกติธันวาก็ไม่ค่อยมาดูหนังอยู่แล้ว พวกเพื่อนๆ ชอบเที่ยวกลางคืนกันมากกว่า ส่วนใหญ่กลางวันเลยนอนกัน
“ไว้ปิดเทอม ไปเที่ยวต่างจังหวัดกันมั้ยครับ ปีนี้คงไปต่างประเทศไม่ได้”
“ต่างประเทศเลยเหรอวะ” ธันวาเหลือบมองคนข้างๆ ที่เว่อร์ตลอด พลางดูดกาแฟในแก้ว เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน เพราะโดนธนูกวนตลอด เลยต้องหาซื้อเอสเพรสโซ่ขมๆ แรงๆ มาทำให้ตาสว่างก่อนดูหนัง ไม่งั้นหลับคาที่แน่ๆ
“ไว้ไปได้เมื่อไหร่ค่อยไปกันนะ” ธนูยิ้มหวาน แต่ธันวาส่ายหน้ารัว
“ไม่เอาอ่ะ ไม่มีตัง ป๊าไม่ให้หรอก”
“ผมออกเองไง เงินเก็บผมเยอะนะ เล่นดนตรีตามผับกับเพื่อนบ่อย”
“งั้นก็เก็บเงินมึงไว้นะ ไปแค่ต่างจังหวัดก็ได้ ขับรถไปเองได้ ไว้กูเรียน ทำงาน ค่อยไปต่างประเทศ”
ธนูอมยิ้มมองธันวาที่มักจะคิดอะไรเยอะแยะและคิดล่วงหน้าเสมอ ก็เลยพยักหน้ารับคำ ก่อนจะก้มตัวลงเล็กน้อยเพื่อแย่งกาแฟของธันวามากินบ้าง พอดีกับที่มีเด็กผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่เหมือนจะจำธนูได้ ส่งเสียงกรี้ดกร้าดกันอยู่ไม่ไกล ก่อนจะส่งตัวแทนวิ่งมาขอถ่ายรูป
“พี่ธนูใช่มั้ยคะ หนูอยู่มอเดียวกับพี่ เห็นตอนงานเฟรชชี่ไนท์ พี่เท่มากเลยค่ะ”
ธนูเงยหน้าขึ้นมองหน้าธันวา ที่แค่ยักไหล่ให้ แล้วก็หันไปคุยกับเด็กสาว เพื่อนๆ ของเด็กคนนี้ก็ยืนลุ้นกันอยู่ข้างหลัง ธนูไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นที่รู้จักขนาดมีคนมาขอถ่ายรูปในเวลาส่วนตัวแบบนี้ ก็เลยหน้าตึงนิดหน่อย จนธันวาต้องกระตุกแขนไว้
“ใช่ครับๆ มือกลองวง Dark Priest (นักบวชสายมืด) เองครับ ยิ้มหน่อยสิวะ” ประโยคหลังสุดธันวาฉีกยิ้มพลางกระซิบบอก ธนูเลยคลายสีหน้าลงเล็กน้อย แต่ไม่ยิ้ม
“หนูขอถ่ายรูปได้มั้ยคะพี่ธนู ถ่ายคู่กับพี่คนนี้ด้วยก็ได้ค่ะ ใช่พี่คนที่อยู่ในคลิปล่าสุดใช่มั้ยคะ”
ธันวายิ้มเจื่อน “อ่า ครับ”
เด็กสาวตรงหน้าหันไปกรี้ดกับเพื่อนเบาๆ แล้วก็ขอถ่ายรูปพวกเขาคู่กัน ธันวาเป็นคนใจดี ยิ่งกับผู้หญิงยิ่งใจดี เพราะมีน้องสาววัยประมาณนี้ ซึ่งธนูก็ชอบตรงจุดนี้อยู่ แต่นี่มันเวลาส่วนตัว ก็เลยหน้าบอกบุญไม่รับนิดหน่อย ยืนให้ถ่ายรูปไปเล็กน้อย เด็กสาวพวกนั้นก็ขอบคุณแล้วขอตัวไปจับกลุ่มกันดูรูป
“มึงเป็นนักดนตรีนะเว้ย หัดยิ้มมั่งสิวะ หน้าบึ้งเป็นตูด ยืนทื่อแบบนี้ มันคงจะดังหรอก” ธันวาบ่นยาว จนธนูเบ้หน้าใส่
“ผมเป็นนักดนตรีไง ไม่ใช่ดาราหรือไอดอล”
“ก็นั่นแหละ แล้วมันไม่ต้องมีแฟนคลับหรือไงล่ะวะ” ธนูนิ่วหน้าใส่
“ก็ชอบแค่ดนตรีก็พอ ไม่ต้องมาสนใจคนเล่นหรอก”
“ยังจะเถียงอีก มันก็ต้องมีคนสนใจที่ตัวนักดนตรีมั่งแหละ มึงก็อย่าติสท์แตกมากดิ ยิ้มมั่งหน้าเนี่ย” ธันวาจับธนูฉีกปาก แล้วก็ขำ เพราะธนูพยายามจะพูดทั้งที่ถูกดึงแก้มจนยืด
“ผมไม่ชอบยิ้มให้คนแปลกหน้านี่”
“ก็เข้าใจแหละ เอาจริงๆ มันก็เป็นจุดขายของมึงอ่ะนะ ไอ้หน้าบึ้งๆ เนี่ย ฮะฮะ” ธันวาพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะต้องผงะถอยหลังเล็กน้อย เพราะธนูโน้มตัวลงมาจ้องหน้าใกล้ๆ ด้วยดวงตาเป็นประกายเหมือนเด็กขี้แกล้ง
“ถ้าผมยิ้มให้คนอื่น คุณจะไม่หึงเหรอ”
“มันเป็นการค้า กูจะหึงทำไมวะ” ธันวายกแขนขึ้นดันแผงอกของร่างสูงไว้ ตรงนี้มันกลางห้างฯ เลย แต่ไอ้คนหน้าด้านนี่มันก็ช่างไม่แคร์สายตาใครสุดๆ แต่ธันวาเริ่มหน้าขึ้นสีแล้ว
“ห่างหน่อยเว้ย คนมอง”
“เขามองกันตั้งแต่คุณดึงแก้มผมแล้ว” ธนูยกยิ้มมุมปาก เหมือนจะแกล้งให้อาย ถึงได้โน้มลงจนปลายจมูกเฉียดแก้มไปมา
“งั้นก็อย่าให้เขามองมากกว่านี้สิวะ” สุดท้ายธันวาก็เอาแขนยันร่างสูงไว้แล้วรีบพลิกตัวหันหลังให้ แต่พอหันหลัง ธนูก็ฉวยโอกาสตอนที่ไม่เห็น ก้มมาหอมแก้มเข้าจังๆ ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงพลางหัวเราะอย่างสบายใจเดินนำหน้าไป ทิ้งให้ธันวาหน้าร้อนวาบ ตะโกนด่าไอ้คนหน้าด้านในใจ แล้วรีบวิ่งหนีประชาชีแถวนี้โดยด่วน
***
เสียงแตรรถดังอยู่หน้าบ้าน จนคนที่กำลังหลับสบายอยู่บนโซฟาสะดุ้งตื่น คันศรลุกขึ้นเกาหัวอย่างมึนงง ก่อนจะลุกไปเปิดประตู
“ไม่ได้เอากุญแจไปหรือไงวะไอ้นู” พลันต้องขมวดคิ้ว เพราะรถที่มาจอดหน้าบ้านไม่ใช่ฟอร์จูนเนอร์สีขาวของธันวา แต่เป็นรถนำเข้าคันสีเงินวาววับสะท้อนแสงไฟจากหลอดไฟเล็กๆ หน้ารั้วบ้าน
“ใครวะ” คันศรนิ่วหน้ามองผ่านแสงไฟที่สะท้อนตัวคนที่ก้าวลงมาจากรถคันนั้น
“ศรใช่มั้ย” ผู้ชายร่างสูงโปร่งคล้ายๆ กับธนูอย่างบอกไม่ถูก คันศรพยักหน้ารับอย่างงุนงง ก่อนจะเปลี่ยนมาตกใจจนพูดไม่ออกแทน
“นี่พ่อเองนะศร”
***
รถของธันวามาถึงหลังจากนั้นไม่นาน และพอธนูเห็นรถสีเงินที่จอดหน้าบ้าน ก็รู้ทันทีว่าเป็นรถของใคร เขารีบวิ่งเข้าบ้าน และก็เจอพ่อนั่งคุยกับคันศรอยู่ ด้วยท่าทางสนุกสนาน
“อ้าว? ไอ้นู พ่อมาหาล่ะ” คันศรยิ้มกว้างบอกเขา แต่ธนูหน้าตึงจนคันศรตกใจ
มือของพี่ชายกำแน่นจนน่ากลัวว่าจะเจ็บ
พ่อหันไปยิ้มให้ลูกชายคนโต และแฟนของลูกที่เพิ่งวิ่งตามเข้ามาอย่างรีบร้อน เพราะรู้ว่าธนูไม่ค่อยถูกกับพ่อตัวเอง กลัวจะมีเรื่องกัน ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ
“ไง ธนู หนูธัน”
หนูธัน? ธันวาหน้าเหวอ คันศรหลุดขำพรืด ส่วนธนูแค่ทำหน้าไม่ถูก ไม่รู้พ่อต้องการอะไร ถึงได้มาที่บ้านหลังนี้ ทั้งที่ทิ้งแม่กับน้องของเขามาเป็นสิบปี แต่ก็ไม่แปลกใจที่พ่อรู้ที่อยู่ ขนาดเขายังจ้างนักสืบหาจนเจอได้
“สวัสดีครับ คุณลุง”
“เรียกพ่อก็ได้ลูก” คุณพ่อยิ้มหวานจนตาหยี จนธันวายิ้มรับแทบไม่ทัน รู้สึกเขินแปลกๆ แต่ก็พยักหน้ารับ
“มาทำไม” ธนูถามเสียงแข็ง คันศรก็งงๆ ว่าพี่ไม่พอใจอะไรที่พ่อมาหา
“พอดีแวะมาเยี่ยมหลุมศพแม่พวกแก เลยอยากเจอศรสักหน่อย” พ่อตอบตามตรง “น้องตัวโตกว่าแกเยอะเลยนะ”
“แหะๆ ผมกินเก่งมั้งฮะ” คันศรลูบหัวตัวเองพลางหัวเราะเขินๆ
พ่อมองคันศรด้วยความเอ็นดู ก่อนจะลุกขึ้นลูบหัวเจ้าตัวโต และเดินไปตบบ่าพี่ชายที่ตัวเล็กกว่าน้อง “เห็นพวกลูกสบายดีก็ดีใจ อยากกลับบ้านกันเมื่อไหร่ก็ไปได้ตลอดนะ พ่อกลับก่อนล่ะ”
ธนูรู้สึกเหมือนมีอะไรติดในลำคอ เขากำมือแน่น ธันวาคว้ามือของเขาไว้แล้วลูบเบาๆ มันจึงค่อยคลายออก ธนูหันไปหาพ่อที่กำลังจะเดินออกจากบ้าน
“ไว้ผม...จะพาน้องไปที่บ้าน”
พ่อหันมาคลี่ยิ้มบางๆ แล้วโบกมือให้ลูกๆ ก่อนจะกลับออกไปอย่างเงียบๆ
“มึงโอเคแล้วใช่มั้ยวะ” พอเข้ามาในห้องของธนูแล้ว ธันวาก็ถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง ดูเหมือนพ่อของพวกธนูจะเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ได้คิดจะมาบีบบังคับอะไรพวกเขา แค่มาเยี่ยม และอาจจะรู้สึกผิด
“อืม” ธนูตอบเบาๆ ในคอ ก่อนจะหันไปกอดธันวา คนถูกกอดตกใจนิดหน่อย ก่อนจะคลี่ยิ้มและกอดตอบ พลางลูบหัวลูบหลังให้เบาๆ
มือนุ่มๆ และอบอุ่นของธันวาทำให้ธนูคิดถึงแม่
“วันนี้อัดคลิปกันดีกว่า” ธนูผละออกมาแล้วเดินไปหยิบกีต้าร์โปร่งออกมาจากใต้เตียง ธันวาก็รู้หน้าที่ดี รีบวิ่งไปหยิบกล้องวิดีโอในกระเป๋าบนโต๊ะคอมพิวเตอร์ของธนูมาเตรียมตั้งถ่ายให้
“วันนี้กูไม่ขอออกกล้องนะ เขินว่ะ มีคนจำได้อีก”
“ทำไมล่ะ ผมอยากให้แฟนอยู่ในเฟรมด้วยนี่” ธนูเบะปากเหมือนเด็กเอาแต่ใจ “แค่ข้างหลังเหมือนเดิมก็ได้”
ธันวาถอนหายใจพลางอมยิ้ม “เออๆ ก็ได้ๆ” สุดท้ายก็ต้องยอมตามใจเด็กโข่งกันหน่อย
เวลาอยู่กับธันวา ธนูก็ชอบทำตัวเหมือนเด็กขี้แกล้งบ้าง ขี้อ้อนบ้าง หลากหลายมุมที่คงไม่มีใครได้เห็น นอกจากคนที่ธนูเลือกจะให้เห็น
วันนี้เพลงที่ธนูเล่นและร้องเป็นเพลงภาษาญี่ปุ่นที่ธันวาไม่เคยฟัง แถมยังแปลไม่ออกด้วย แต่เสียงร้องเหมือนจะขาดใจของธนู ก็พอจะรู้ว่ามันต้องเป็นเพลงที่เศร้ามากๆ
เพราะธนูคิดถึงแม่
หลังจากนี้ ตัวฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงนะ?
......
...
ฉันก็เป็นแค่คนตัวเล็กๆ
ที่ไม่ต้องการมีความสุข
ในแบบที่ไม่มีเธอเคียงข้าง
แค่นั้นเอง
แม้ไม่มีทั้งความหวังและแสงสว่าง
แต่แค่วันพรุ่งนี้ยังมีเธอก็พอแล้วเพราะห้องไม่ได้เก็บเสียงเหมือนที่บ้านของพ่อ คันศรจึงได้ยินเสียงเพลงของพี่ชายดังลอดออกมาอย่างชัดเจน ทั้งที่ไม่รู้ความหมาย แต่น้ำตามันก็ไหลออกมาเอง กับเสียงเศร้าๆ นั้น
เพลงจบแล้ว ธันวากดปิดกล้องวิดีโอ แล้วโผเข้ากอดร่างสูงที่นั่งกอดกีต้าร์อยู่บนเตียง แม้ธนูจะพยายามทำเหมือนเข้มแข็งแค่ไหน แต่ในใจก็ยังมีแต่บาดแผล ที่มันจะไม่มีวันเลือนหาย
ไม่เคยเจอหน้าแม่เลยสักครั้ง ตั้งแต่ 8 ขวบ
ไม่เคยมีโอกาสได้พูดคุย ได้ยิ้มให้
ไม่เคยมีโอกาสได้กอด ได้หอมแก้ม
ไม่มีโอกาสอีกแล้ว
บางครั้งการกระทำของผู้ใหญ่ ก็ทำให้เด็กๆ อย่างพวกเขาต้องพบเจอกับสิ่งเลวร้ายในแบบที่ไม่มีใครคิดถึงมัน พวกผู้ใหญ่อาจจะคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติธรรมดา มีรักก็ต้องมีเลิกรัก มีจากลา แต่บาดแผลในใจลึกๆ ของเด็กที่พ่อแม่ต้องแยกทางกัน หรือพวกเด็กๆ ที่ต้องถูกทอดทิ้ง มันไม่มีทางรักษาได้ อย่างน้อยก็แค่บรรเทา
“ผมอยากจะรักใครสักคนไปตลอดชีวิต อยากอยู่ด้วยกันจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ”
“อือ เข้าใจ” ธันวาประคองใบหน้านั้นไว้ และประทับจูบที่หน้าผากให้แผ่วเบา
“ถ้าคนคนนั้นเป็นคุณ ผมคงมีความสุขมาก”
เพราะคุณคือ “กำแพงวิเศษ” ของผม
ไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกรักและมีความสุขได้เท่าคุณอีกแล้ว
“อืม ธันจะอยู่กับธนูเอง จะคอยปกป้อง คอยดูแล คอยเติมเต็มทุกสิ่งที่ขาดหายไปในชีวิตของธนู”
แรงกอดนั้นแน่นขึ้น ธนูคลี่ยิ้มพลางหลับตาลง รับรู้อุณหภูมิและกลิ่นหอมหวานจากร่างกายของธันวา ทุกสัมผัสและความรู้สึกที่มีให้กัน หลังจากนี้ ขอให้มันคงอยู่ไปตลอดกาล
***
เช้าวันจันทร์ ธนูตื่นมาทำอาหารเช้าเหมือนทุกวัน โดยมีธันวาคอยช่วย แถมด้วยเจ้าตัวเล็กข้างบ้าน
“ผมเห็นเพลงใหม่ที่พี่นูลงเมื่อวานด้วย เพราะดี แต่แปลไม่ออก ฮ่าๆ” อ๋องยังคงสดใสร่าเริง ทั้งที่ก่อนหน้านี้สับสนเรื่องธนูกับคันศร แต่ตอนนี้ เห็นธนูกับธันวาก็ไม่ค่อยรู้สึกอะไรมากแล้ว เพราะธันวาก็เป็นพี่ชายที่ดีกับอ๋องคนหนึ่ง ไม่ค่อยแกล้งหรือดุเหมือนเพื่อนของคันศรคนอื่นๆ
“ก็พี่จงใจให้คนฟังไม่ออก” ธนูอมยิ้ม
“ไม่ยักรู้ว่าพี่นูร้องเพลงภาษาญี่ปุ่นได้ด้วย”
“ได้ทุกภาษาอ่ะคนนี้ เพลงไหนมันชอบ โดนใจ ความหมายได้ มันหามาร้องมาเล่นหมดเลย” ธันวารีบอวด เพราะได้ฟังมาหลากหลายแนวแล้ว
อ๋องตาโต “อยากดูเวลาพี่นูร้องสดมั่งอ่ะ ไว้อัดเมื่อไหร่ ให้ผมมานั่งฟังด้วยสิ”
“ต้องถามแฟนพี่ก่อนนะ” ธนูเหล่มองคนข้างๆ ธันวาก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้พลางยักไหล่
“แล้วแต่ น้องมันอยากดูก็เอาดิ”
“เย้ พี่ธันใจดีที่สุดเลย” อ๋องกระโดดโลดเต้น โผเข้ากอดเอวของธันวา
“ทีงี้รักไอ้ธันขึ้นมาเลย ก่อนหน้านี้เห็นทำหน้าเหมือนโดนไอ้นูทิ้ง มองไอ้ธันเป็นศัตรูอยู่เลย” คันศรที่นั่งรอกินข้าวอยู่แกล้งแซว น้องเล็กสุดในบ้านรีบหันไปตาขวางใส่
“ผมทำแบบนั้นตอนไหน พี่ศรอย่ามาใส่ร้าย”
“มองหน้ามึงก็รู้แล้ว ชัดมาก”
“ช่างสังเกตนะเรา” ธนูเดินถือจานมาเคาะหัวน้องทีหนึ่ง ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ จริงๆ เขาเองก็พอจะดูออก ว่าก่อนหน้านี้เจ้าตัวเล็กมองธันวาแปลกๆ แต่ไม่รู้ยังไง ตอนนี้เหมือนจะไม่เป็นแบบนั้นแล้ว
“ผมไม่ได้คิดว่าพี่ธันเป็นศัตรูนะ แค่...” อ๋องก้มหน้าลง กัดปากนิดๆ ทุกคนก็รอฟัง โดยเฉพาะธันวาที่ยืนหันหลังอยู่หน้าเตา
“แค่รู้สึกเหงาๆ เหมือนพี่นูไม่สนใจผมเท่าพี่ธัน แค่นั้นเอง”
“โถถถถ น้องรัก” เป็นคันศรที่ยื่นมือไปโยกหัวเจ้าตัวเล็กอย่างหมั่นเขี้ยว จนธนูต้องตีมือให้ปล่อย
“ถ้าขาดความอบอุ่นจากไอ้นู ก็มาให้พี่คนนี้ปลอบได้นะจ๊ะ” คันศรขยิบตาให้ จงใจกวน แต่กลับทำให้อ๋องเขินจนหน้าแดง เล่นอะไรไม่ว่า อย่ามาทำหน้าน่ารักให้ใจเต้นเป็นพอ แต่ถึงจะใจเต้นแค่ไหน ก็ยังไม่ยอมแสดงออกอยู่ดี แถมยังแลบลิ้นใส่คันศร กลายเป็นแหย่กันเล่นเหมือนเดิม
“ไม่เอาพี่ศรหรอก แบร่”
ธนูกับธันวามองหน้ากัน ธันวายักคิ้วข้างหนึ่ง แล้วหันกลับไปทอดไข่ต่อ ส่วนธนูได้แต่ถอนหายใจอยู่ในใจ
คู่นี้สงสัยจะอีกนานแน่ๆ
***
มัวนั่งเช็คเนื้อเพลงอยู่ 555
เนื้อเพลงท่อนแรก กับเพลงที่ธนูร้อง เป็นเพลงที่เราชอบมาก เพราะพระเอก MV หล่อ 5555555
ดู MV ละมันทรมานใจดี
https://www.youtube.com/watch?v=wZLSRmk8jtc&list=PLQIrbQZSovUuKMIoudXpSa2FWQt_M196_&index=46記憶は大切だから捨ててしまおう
คิโอขุ วะ ไทเซ็ทสึ ดะคะระ ซึเตเตะชิมาโอว
ฉันจะลองทิ้งความทรงจำสำคัญ四季だって捨ててしまおうか
ชิคิดัทเตะ ซึเตเตะชิมาโอวกะ
ฉันลองทิ้งฤดูกาลทั้งสี่นี้ไปดีไหมนะどの季節にもあなたの匂いがした
โด โนะ คิเซ็ทสึ นิโมะ อานาตะ โนะ นิโอย งะ ชิตะ
ไม่ว่าจะฤดูกาลไหนก็มีกลิ่นอายของเธออยู่これから僕がどうやって生きていくのか
โคเรคาระ โบคุ งะ โดวยัตเตะ อิคิเตะ อิคุ โนะกะ
หลังจากนี้ ตัวฉันจะมีชีวิตอยู่ได้ยังไงนะ?すべては運命ってのに委ねてもいい?
ซึเบเตะ วะ อุนเมย์ เตะ โนะนิ ยูดาเนะ เตะโมะ อี้?
ปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามโชคชะตาดีไหม?乾かない瞳では目の前すら滲んでいくんだ
คาวาคาไน ฮิโตมิ เดะวะ เมะ โนะ มาเอะ ซึระ นิจิน เดะ อิคุน ดะ
น้ำตายังไม่เหือดแห้ง ยังคงไหลออกมาจากดวงตาคู่นี้側にいないあなたの幸せなんか願えないのは僕が小さいだけかな?
งะวะ นิ อิไน่ อานาตะ โนะ ชิอาวาเสะ นันกะ เนงาเอไน่ โนะวะ โบคุ งะ จีไซ่ ดาเคะ คานะ?
ฉันก็เป็นแค่คนตัวเล็กๆ ที่ไม่ต้องการมีความสุข ในแบบที่ไม่มีเธอเคียงข้าง แค่นั้นเอง希望もなく光もない それでもその明日にあなたがいればいいのに
คิโบว โมะ นาคุ ฮิคาริ โมะ ไน่ โซเรเดะโมะ โซโนะ อาชิตะ นิ อานาตะ งะ อิเรบะ อี้ โนะนิ
แม้ไม่มีทั้งความหวังและแสงสว่าง แต่แค่วันพรุ่งนี้ยังมีเธอก็พอแล้ว ปล.แนวเพลงของวงพี่ธนู เผื่อใครนึกไม่ออกว่ามันร็อคยังไง ลืมแปะตั้งแต่ตอนที่11
https://www.youtube.com/watch?v=BxDiQhNO780