~Werewolf คฤหาสน์หมาป่า~ ## Update {Chapter 10} 17/11/20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ~Werewolf คฤหาสน์หมาป่า~ ## Update {Chapter 10} 17/11/20  (อ่าน 3041 ครั้ง)

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ

เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
Share This Topic To FaceBook

==================================
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2020 14:37:45 โดย sk_bunggi »

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Re: ~Werewolf คฤหาสน์หมาป่า~ {บทนำ} 30/08/20
«ตอบ #1 เมื่อ30-08-2020 11:26:17 »

บทนำ



สวบ สวบ สวบ



เสียงเร่งฝีเท้าเหยียบย้ำบนพื้นหญ้าหนา ฝ่ามือกำชับมีดสั้นที่ลักขโมยมาฟันต้นไม้และหญ้าที่รกขึ้นสูงเพื่อให้ง่ายแก่การหลบหนี เลือดสีแดงฉาดจากการต่อสู้ยังไหลรินจากบ่าซ้ายจนเปียกชุ่ม



พระอาทิตย์ที่เริ่มตกดินยิ่งทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเห็นแย่มากขึ้นแถมด้วยอากาศที่เริ่มหนาวเหน็บทำให้ร่างกายที่สวมเพียงเสื้อผ้าตัวบางเย็นวาบเข้าถึงกระดูก



มอร์แกน เด็กหนุ่มไร้บ้านผู้ซึ่งเคราะห์ร้ายที่กำลังหนีการตามล่าของกลุ่มลักลอบค้ามนุษย์จนกระทั่งวิ่งเข้ามาในป่ารกทึบ เขาไม่รู้ว่าหนีมาไกลแค่ไหนแต่ที่รู้คือที่นี่ไม่มีหมู่บ้านแม้แต่หลังเดียว



ลำไส้เริ่มประท้วงออกอาการหิว ความเมื่อยล้าเริ่มก่อตัวก่อนจะทรุดเข่าลงกอดขาตัวเองไว้ ความหวังในการเดินต่อไปเริ่มริบหรี่ลงเรื่อยๆ



หัวทุยเอนซบต้นไม้ใหญ่พลางหลับตาให้น้ำตาไหลลงเป็นสาย ร่างกายที่อ่อนแรงเต็มทีจากอาการบาดเจ็บก็เริ่มล้มตัวนอนลงราบกับพื้นดินก่อนสติที่มีจะเลือนราง



จากนี้เขาคงไม่ต้องทนเจ็บป่วยอีกต่อไป.....



==================================



ณ คฤหาสน์ใหญ่ใจกลางป่าลึกแห่งหนึ่ง



ก๊อก ก๊อก ก๊อก



"ท่านโคบาล์ พบผู้บุกรุกเข้ามาในเขตรั้วชั้นนอกฝั่งเหนือขอรับ"



"โจร?"



คนเป็นนายละสายตาจากเอกสารกองโตที่กำลังอ่านอยู่ก่อนเงยหน้ามองหัวหน้าพ่อบ้านคาลอสที่ดูแลตระกูลเขามาหลายรุ่นจนกระทั่งรุ่นของเขา



"จากที่เห็นในตัวกล้องวงจรเป็นเด็กผู้ชาย อายุราวๆ 17-18 ปีได้ขอรับ"



"คนหลงทาง?"



เสียงใหญ่ถามออกไปพลันสงสัยว่าสถานที่ๆเขาอยู่นั่นตั้งอยู่ในป่าลึกซึ่งค่อนข้างเข้าถึงยากแต่ก็ใช่ว่าจะสัญจรไม่ได้ แต่ถึงเป็นคนเร่ร่อนหรือคนหลงทางก็คงเก่งเกินไปเพราะถ้าเข้าจากทางฝั่งเหนือที่ต้องใช้เวลาครึ่งค่อนวันกว่าจะทะลุไปหมู่บ้านทางนั้นได้แล้ว ทางป่าฝั่งเหนือก็ไม่มีแห่งอาหารอะไรอีกเลย



"มิทราบได้ขอรับ แต่จากที่สังเกตุการณ์ ร่างนั้นดูท่าจะบาดเจ็บและไม่ขยับมาสักพัก กระผมเลยไม่แน่ใจว่าเขาอาจจะเสียชีวิตแล้วก็เป็นได้"



"ให้คนไปเช็คดูก่อน ถ้ายังมีชีวิตก็ดูตามสมควรเถอะ"



"ขอรับนายท่าน"



หัวหน้าพ่อบ้านคาลอสของคฤหาสน์ตระกูลแวร์วูฟรับคำก่อนจะเดินลับหายไปจากห้องทำงานของผู้เป็นนาย โดยจุดมุ่งหมายคือเด็กหนุ่มที่นอนรอความตายอยู่ด้านนอก



==================================

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: ~Werewolf คฤหาสน์หมาป่า~ {บทนำ} 30/08/20
«ตอบ #2 เมื่อ31-08-2020 00:32:58 »


ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
Re: ~Werewolf คฤหาสน์หมาป่า~ {บทนำ} 30/08/20
«ตอบ #3 เมื่อ31-08-2020 18:47:20 »

รออ่านต่อค่ะ :L2:

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
Re: ~Werewolf คฤหาสน์หมาป่า~ {บทนำ} 30/08/20
«ตอบ #4 เมื่อ31-08-2020 22:03:07 »

น่าติดตาม หรือนายท่านจะเป็น?

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 1: Start


แสงในยามเช้าตกกระทบลงมาที่หน้าต่างบานใหญ่ อากาศเย็นของช่วงฤดูใบไม้ผลิทำให้แมกไม้ทั้งหลายมีสีสันและมีชีวิตชีวายิ่งขึ้น ร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์กำลังยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ระเบียงหน้าห้องนอนของตนพลันมองสีสันของต้นไม้ใบหญ้าและฟังเสียงหมู่นกกาพากันขับขานก่อนจะผละจากภาพตรงหน้าเข้าไปทำธุระส่วนตัว


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก


"ขออนุญาติเจ้าค่ะ อาหารเช้าเตรียมเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะนายท่าน"


"อืม เดี๋ยวฉันตามลง"


"เจ้าค่ะ"


"อรุณสวัสดิ์ขอรับท่านโคบาล์ เมื่อคืนนอนหลับสบายดีไหมขอรับ สำหรับอาหารเช้าวันนี้ขอเสนอเป็นเบคอนเนื้อสดและไส้กรอกเลือดราดซอสไวน์แดง สลัดผักโขมใส่ไข่ปลาคาเวียร์ น้ำกีวีคั้นสดและกาแฟดำขอรับ"


คาลอสอธิบายอาหารเช้าที่ถูกนำมาเสริฟเรียงรายให้ผู้เป็นนายทีล่ะอย่างก่อนจัดเรียงทุกจานตามตำแหน่งให้เรียบร้อย


"อืม ขอบใจมาก แล้วเมื่อคืนเป็นยังไงบ้าง เด็กนั่นยังมีชีวิตอยู่ไหม?"


"ยังมีชีวิตอยู่ขอรับ กระผมเลยให้คนพาตัวเด็กนั้นกลับมาทำแผลและให้นอนพักที่ห้องด้านล่างเรียบร้อย"


"อืม แล้วเขาเป็นใครมาจากไหนล่ะ"


"ตอนที่ค้นตัวไม่เจอสิ่งที่ระบุว่าเป็นผู้ใดและไม่พบสิ่งของใดๆติดตัวมาเลยยกเว้นมีดพกอันเล็กอันนี้ขอรับ แต่ว่าปลายด้ามมีดพกมีสัญลักษณ์สลักอยู่"


"สัญลักษณ์งั้นเหรอ.....แก๊งค์จีบัน แก๊งค์ค้ามนุษย์งั้นสิ"


"ขอรับ กระผมยังไม่ได้สอบถามอะไรเพิ่มเติมเพราะเด็กนั่นยังไม่ฟื้น"


"ช่างเถอะ ยังไงเขาก็ยังอยู่กับเราอีกสักพัก ถึงเวลานั้นค่อยถามก็ยังไม่สาย"


โคบาล์ตอบกลับพลางจัดการมื้ออาหารเช้าตรงหน้าของตน แต่จะว่าไปคฤหาสน์หลังเก่านี้ก็ไม่ได้ต้อนรับแขกมานมนานแล้ว มีหนูเข้ามาติดจั่นสักครั้งก็มิเห็นเสียหายอะไร ดวงตาสีเขียวเข้มเหลือบมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือเรือนหรูก่อนยกกาแฟดำขึ้นมาดื่มจนหมด


"คาลอส ฉันจะเข้าไปเซ็นเอกสารที่บริษัทซักหน่อยคงจะกลับช่วงตกเย็น ถ้าเด็กคนนั้นฟื้นแล้วก็ค่อยพามาหาหลังจากฉันกลับมาแล้วกัน"


"ขอรับนายท่าน"


หัวหน้าพ่อบ้านรับคำพลางเปิดประตูรถให้ผู้เป็นนายเข้าไปภายในรถหรูที่จอดรออยู่ ก่อนจะยืนคำนับค้างอำลานายตนจนตัวรถออกไปนอกเขตบ้าน


เดิมทีแล้วตระกูลแวร์วูฟเป็นตระกูลมนุษย์หมาป่าเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาหลายช่วงอายุคน ซึ่งในแต่ละยุคสมัยเผ่าพันธุ์เราจะเปลี่ยนการดำรงชีวิตไปเรื่อยๆเพื่อให้กลมกลืนกับมนุษย์ให้มากที่สุด เมื่อกาลเวลาเริ่มแปรเปลี่ยนจนมาถึงรุ่นของโคบาล์ การดำรงชีวิตก็เปลี่ยนไปเช่นกัน โคบาล์และคนรับใช้ต้องปรับตัวตามวิวัฒนาการไป อย่างเช่นตอนนี้ตัวเขาได้เปิดกิจการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มีการกระจายสาขาไปทั่วราชอาณาจักรอังกฤษ และแน่นอนว่าภายใต้นามของนายโคบาล์ แวร์วูฟคือชายผู้มีอิทธิพลคนหนึ่งของประเทศ แต่เบื้องหลังที่ไม่เคยมีใครรู้คือเขาเป็น "มนุษย์หมาป่า"


"อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านประธาน เอกสารเร่งด่วนเจสจัดเรียงให้เรียบร้อยค่ะ"


"ขอบคุณมากครับ วันนี้ผมต้องเซ็นแค่เอกสารใช่ไหม?"


"ใช่ค่ะ อ้อ ก่อนน่านี้คุณลูอีซติดต่อเข้ามาค่ะ บอกว่าจะเข้ามาพบช่วงบ่ายๆ"


"เฮ่อ....อีกแล้วหรือ"


"แหมท่านประธาน คุณลูอีซเขาน่ารักออกค่ะ เมื่อไหร่คนแถวๆนี้จะยอมใจอ่อนกันน้า"


"เจสสิก้า ลี ไม่มีงานทำหรือยังไง?"


"อุ๊ย! มีค่ะ ขออนุญาติออกไปทำงานก่อนนะคะ แล้วถ้าท่านประธานต้องการอะไรเรียกเจสได้ตลอดเลยนะคะ"


โคบาล์ได้แต่ส่ายหน้ากับเลขาสาวที่ตอนนี้กำลังจะเป็นเจ้าสาว เจสสิก้าทำงานกับเขามานาน ด้วยความที่หล่อนเป็นผู้หญิงร่าเริงทัศนคติดีและเป็นคนขยันทำงาน ทำให้โคบาล์ไว้ใจในการทำงานของเธอ แต่ติดตรงที่พอนานนมไปเจ้าหล่อนดันเป็นผู้หญิงเจ้าเล่ห์แถมยังขี้แกล้งจึงมักจะชอบหยอกล้อเขาเล่นตลอด แต่ตัวเขานั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะอย่างน้อยก็ทำให้เขาไม่เครียดกับการทำงานมากเกินไป


   กริ้ง กริ้ง


"ท่านประธานคะ คุณลูอีซมารอพบค่ะ"


"....อืม เดี๋ยวผมเดินออกไป"


"รับทราบค่ะ"


หลังจากวางสายของเลขาสาวไป ตาคมสีเขียวเข้มก็เหลือบมองนาฬิกาซึ่งบ่งบอกเวลาว่าอีกสิบนาทีก็จะเข้าเวลามื้อเที่ยงแล้ว โคบาล์สูดลมหายใจเข้าออกแรงๆเพื่อผ่อนคลายอาการอึดอัดที่ต้องออกไปเผชิญหน้ากับบุคคลที่รออยู่ด้านนอก


เดิมทีเขาทั้งสองคนนั้นไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด เมื่อก่อนโคบาล์กับมิสเตอร์ลูซิเฟอร์ซึ่งเป็นบิดาของร่างบางมักจะมีการประชุมกันบ่อยครั้งเรื่องการก่อสร้างเพราะวัสดุในการก่อสร้างโครงการส่วนใหญ่จะมาจากบริษัทของลูอีซทั้งนั้นและบางครั้งร่างบางก็ติดตามบิดาของตนมาประชุมด้วยกัน ซึ่งตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันลูอีซได้แสดงออกอย่างชัดเจนว่าสนใจในตัวโคบาล์อย่างมาก จนกระทั่งมิสเตอร์ลูซิเฟอร์เสียชีวิตลงเมื่อสองปีที่แล้วด้วยอุบัติเหตุทำให้ลูอีซที่เป็นบุตรของตระกูลสเปนเซอร์ต้องเข้ามาดูแลกิจการวัสดุก่อสร้างแทนบิดา ทำให้ทั้งคู่ได้พบปะกันอยู่บ่อยครั้งจนถึงปัจจุบัน


"โคบาล์ ทำไมคุณไม่รับโทรศัพท์ผมเลยล่ะ"


เมื่อโคบาล์ย่างเข้ามาในห้องรับแขกก็พบใบหน้าหวานที่นั่งทำหน้าเง้างอนอย่างน่ารักน่าชัง ลูอีซยกแขนบางขึ้นเกาะอกคล้ายคนไม่พอใจ แต่เมื่อเห็นโคบาล์ทำท่าไม่แยแสกับพฤติกรรมของตน ขาเรียวจึงก้าวเข้าไปชิดร่างหนาที่นั่งอยู่บนโซฟาต้อนรับแขกก่อนจะนั่งลงบนตักแกร่งและยกแขนขึ้นมากอดคอร่างใหญ่ไว้อย่างเอาใจ


“โคบาล์ ผมคิดถึงคุณนะครับ”


“ผมยุ่งน่ะเลยไม่มีเวลาจับโทรศัพท์ ต้องขอโทษด้วย”


“คุณก็แบบนี้ตลอดล่ะ ถ้าผมไม่มาเองเราจะได้คุยกันไหมครับ?”


“ลูอีซ ลุกออกไปก่อน ที่นี่ที่ทำงานผมมันจะดูไม่เหมาะสมเอา”


“ก็ได้ครับ แต่คุณต้องตกลงไปทานมื้อเที่ยงกับผมนะเพราะผมจองโต๊ะอาหารในภัตตาคารไว้แล้ว”


โคบาล์ได้แต่จำใจพยักหน้าตกลงไปในที แต่ก็เอาเถอะในเมื่อมันได้เวลาทานอาหารแล้วมันก็ช่วยไม่ได้ ลูอีซที่นั่งลุ้นอยู่ก็พอใจในคำตอบ แขนบางที่โอบรอบคอคนด้านล่างไว้ปล่อยออกและยืนขึ้นให้คนที่นั่งอยู่เป็นอิสระ เมื่อร่างสูงลุกขึ้นยืนจัดสูทเล็กน้อย ลูอีซก็รีบเดินไปกอดแขนของโคบาล์อย่างแสดงความเป็นเจ้าของก่อนจะพากันไปยังรถของลูอีซที่จอดรอรับอยู่ด้านล่าง



==================================



นัยน์ตาสีน้ำตาลอมแดงกระพริบถี่ๆเมื่อแสงแดดยามบ่ายแยงเข้าที่เบ้าตา สายตาเหม่อลอยมองบนเพดานสีครีมเพื่อปรับสภาพ หัวทุยที่กำลังหนุนหมอนนุ่มหันซ้ายแลขวาด้วยความมึนงง


นี่เขายังไม่ตายอีกหรือ?


มอร์แกนพยายามค่อยๆพยุงตัวลุกนั่งเมื่อนึกได้ว่าตัวเองได้รับบาดเจ็บอยู่ เหลือบตามองบ่าซ้ายที่มีเคยมีเลือดไหลแต่บัดนี้มีผ้าพันแผลให้เรียบร้อย เด็กหนุ่มคิดไม่ตกว่าที่นี่ที่ไหนทำไมตนถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ครั้นกำลังมึนงงกับสถานการณ์ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนประตูไม้บานใหญ่จะเปิดออกเผยให้เห็นชายวัยกลางคนเบื้องหน้าและหญิงสาวที่ถือถาดใบใหญ่อยู่ในมือ


"สายยันต์สวัสดิ์ หลับสบายดีไหมขอรับ?"


"??"


"ไม่เป็นไร คุณอาจจะกำลังมึนฤทธิ์ยาอยู่ เดี๋ยวซูซี่จะทำแผลให้คุณและแต่งตัวให้เรียบร้อย เสร็จแล้วจะได้ไปทานมื้อกลางวันกัน"


สาวใช้นามซูซี่รับคำก่อนเดินถือถาดพร้อมชุดปฐมพยาบาลวางไว้โต๊ะข้างเตียงมือบางหยิบกรรไกรตัดผ้าพันแผลออกเผยให้เห็นบาดแผลที่ถูกเย็บอย่างประณีตซึ่งก่อนน่านี้มันเคยเป็นรอยถูกกระสุนยิงถาก


"อ๊ะ!"


เด็กหนุ่มสะดุ้งร้องเมื่อบาดแผลถูกเช็ดด้วยน้ำเกลือ ความแสบของแผลใหม่ทำให้มอร์แกนถึงกับน้ำตาซึม สาวใช้ซูซี่เหลือบตามองคนตรงหน้าเล็กน้อยและหันกลับทำมาแผลต่อโดยไม่ได้พูดอะไร


"เสร็จแล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะเช็ดตัวให้นะเจ้าคะ"


เมื่อว่าเสร็จสาวใช้ก็ลงมือเช็ดไปตามลำตัวผอมแห้งและแขนบางของมอร์แกน พลางคิดในใจว่าทำไมเด็กตรงหน้าถึงได้ซูบผอมถึงเพียงนี้ ไม่รู้ว่าพ่อและแม่ของเด็กหนุ่มเลี้ยงบุตรของตนเองมาอย่างไรถึงได้ดูอดอยากปากแห้งขนาดนี้ทั้งที่ยุคสมัยในตอนนี้ออกจะเจริญรุ่งเรืองเสียมาก


"นี่ชุดใหม่เจ้าค่ะ ดิฉันจะออกไปรอด้านนอกห้อง ถ้าเสร็จแล้วดิฉันจะพาไปห้องอาหารเจ้าค่ะ"


"ขะ ขอบคุณมากฮะ"


มือผอมยื่นมารับชุดไว้ เสียงเล็กแหบแห้งอย่างคนขาดน้ำของมอร์แกนตอบกลับอย่างมีมารยาทก่อนสาวใช้จะเดินออกไปพร้อมถาดที่ถือเข้ามาในตอนแรก มอร์แกนค่อยๆลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้าด้วยความยากลำบากเพราะยังตึงแน่นบริเวณบาดแผลที่บ่าซ้าย ใช้เวลารวมสิบนาทีเด็กหนุ่มจึงค่อยเปิดประตูออกมา


ซูซี่เดินนำมอร์แกนไปยังห้องอาหารสำหรับคนรับใช้ มื้ออาหารเที่ยงของเจ้าบ้านแต่กลับเป็นมื้ออาหารแรกของผู้มาเยือน อาหารหลากหลายที่ไม่เคยเห็นและไม่เคยลิ้มลองมาก่อนตั้งตะหง่าอยู่เบื้องหน้า น้ำย่อยในความอยากอาหารเริ่มทำงาน ท้องส่งเสียงร้องท้วงโครกครากปานเสียงกดชักโครก


โทบี้และไทเลอร์ เด็กหนุ่มฝาแฝดที่ทำหน้าที่เป็นคนสวนของคฤหาสน์ใหญ่ชี้ชวนให้มอร์แกนนั่งลงตรงข้ามกัน มือยาวกร้านแดดของโทบี้เลื่อนจานใช้รองอาหารให้ก่อนไทเลอร์จะยื่นอุปกรณ์ในการจัดการอาหารมาให้มอร์แกนเช่นกัน แก้วน้ำเย็นด้านข้างถูกวางลงโดยซูซี่ที่เดินกลับมาจากการเก็บของในครัว


เมื่อหัวหน้าพ่อบ้านคาลอสเดินเข้ามาในห้องอาหารพร้อมด้วยมิแกลสาวใช้อีกคนที่เป็นเสมือนมือขวาของพ่อบ้านคาลอส ทุกคนหันไปมองคนทั้งสองที่นั่งลงประจำที่ก่อนจะลงมือทานมื้ออาหารกลางวัน


"เน่ๆ นายชื่ออะไรน่ะ เราโทบี้ส่วนนี่ไทเลอร์น้องชายเราเอง"


"...."


"นายพูดไม่ได้เหรอ?"


"ฮะแฮ่ม เจ้าสองแฝด"


"ผม ผมชื่อ มอร์แกนฮะ"


"มอร์แกนเหรอ ยินดีที่ได้รู้จักนะ"


"โทบี้ไทเลอร์ ทานให้เสร็จก่อนค่อยคุยกัน"


คาลอสดุสองแฝดไปไม่จริงจังนักก่อนทุกคนจะเริ่มจัดการอาหารตรงหน้าอีกครั้ง มอร์แกนมองทุกคนที่นั่งทานกันเงียบๆยกเว้นสองแฝด พลางไล่สายตามองไปที่อาหารหลากหลายตรงหน้า มอร์แกนยื่นมือไปตักซุปเห็ดด้วยมือที่สั่นเทา เขารู้สึกตื่นเต้นและประหม่าเพราะเขาไม่เคยทานอาหารแบบนี้มาก่อน เมื่อริมฝีปากเล็กอ้าออกลิ้มลองรสชาติซุปเข้าไป อยู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาโดยตัวเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแต่ที่รู้คือมันรู้สึกอุ่นๆข้างในอก


"เช็ดหน้าก่อนเจ้าค่ะ แล้วค่อยๆกิน"


"ฮึก ขอบคุณ ฮึก ฮะ" ซูซี่ที่นั่งอยู่ข้างกันส่งกระดาษทิชชู่ให้ร่างผอมที่นั่งสะอื้นไห้อยู่ มอร์แกนยิ้มรับขอบคุณก่อนจะหันกลับไปลงมือทานอาหารตรงหน้าของตนเองต่อ เมื่อทุกคนอิ่มเอมกับอาหารมื้อกลางวันเสร็จก็จัดการเก็บกวาดห้องอาหารให้เรียบร้อยและแยกย้ายกันไปพักผ่อนตามอัธยาศัย


"อาหารรสชาติเป็นยังไงบ้างขอรับ ถูกปากไหม?"


"ฮะ อร่อยมากๆเลย ผมไม่เคยกินอะไรแบบนี้มาก่อนเลยฮะ"


"ดีขอรับ งั้นอยู่คุยกับกระผมสักเดี่ยวคงไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ?"


"ฮะ ยังไง....ผมก็ไม่มีที่ไปอยู่แล้ว"


"อืม คุณชื่ออะไร อายุเท่าไหร่แล้วบ้านอยู่ที่ไหน?"


"ผมชื่อมอร์แกน ไม่มีนามสกุลฮะ ส่วนอายุผมก็ไม่รู้เหมือนกันเพราะผมเป็นเด็กกำพร้าและก็ไม่มีบ้าน...." พ่อบ้านคาลอสมองหน้าเด็กหนุ่มที่ก้มหน้ามองที่พื้นด้านล่างเมื่อพูดถึงตัวเอง คนสูงอายุกว่าจึงเอื้อมมือไปแตะบ่าเล็กที่สั่นของคนตรงหน้าพลางยิ้มอ่อนให้แบบคนกันเอง


"ไม่เป็นไร ไม่ต้องเครียด....งั้นเพื่อให้คุ้นชินเรียกฉันว่าพ่อบ้านคาลอสเหมือนที่คนอื่นๆเรียก ส่วนฉันจะเรียกเธอว่ามอร์แกน ตกลงไหม?"


"ตกลงฮะ"


"ดี งั้นระหว่างพักฟื้นเธอสามารถอยู่ที่นี้ได้จนกว่าจะหาย กลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวช่วงเย็นฉันจะให้คนไปตามอีกที”


“ขอบคุณฮะ”


มอร์แกนโค้งขอบคุณก่อนจะผละขอตัวกลับเข้าไปในห้องนอนเช่นเดิม ร่างผอมบางนอนลงบนเตียงด้วยความอ่อนล้าบวกกับหนังท้องตึงทำให้มอร์แกนเผลอผลอยหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน



==================================
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2020 16:08:24 โดย sk_bunggi »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
มอร์แกนหนูน้อย

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
^_^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~Werewolf คฤหาสน์หมาป่า~ ## Update {Chapter 1} 02/09/20
« ตอบ #9 เมื่อ: 03-09-2020 10:56:54 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 2: First meeting



“ยินดีต้อบรับกลับบ้านขอรับ”



“อืม ขอบใจ”



   โคบาล์ส่งชุดสูทที่ถอดให้กับพ่อบ้านคาลอสไปเก็บ สาวใช้นามมิแกลรีบเดินนำรองเท้ามาให้ผู้เป็นนายเปลี่ยนทันทีก่อนที่ร่างสูงจะเดินผ่านห้องโถงกลางไปหยุดอยู่ที่ห้องนั่งเล่นซึ่งอยู่ทางด้านปีซ้ายของตัวคฤหาสน์ น้ำดื่มตามอุณหภูมิห้องถูกนำมาเสิร์ฟพร้อมด้วยชาร้อนและของว่างให้ตามสูตร



“ดูเหนื่อยๆนะขอรับวันนี้”



“เฮ่อ ไม่ให้เหนื่อยได้ยังไง วันนี้ลูอีซไปหาฉันที่บริษัทอีกแล้ว”



“ฮุฮุ แล้วนายท่านไม่ชอบหรือขอรับ ยังไงคุณหนูลูอีซก็คนคุ้นเคยอยู่แล้ว”



“คาลอส นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบคนทำกริยาไม่งาม”



“นายท่านพูดจาเหมือนคนแก่อย่างกระผมเข้าไปทุกวันนะขอรับ ฮุฮุ”



“คงเพราะอยู่กับนายมาตั้งแต่เกิดกระมั้ง หึๆ”



“ขอรับนายท่าน....ส่วนเด็กคนนั้นฟื้นแล้วนะขอรับ มิทราบว่าจะให้เขามาพบเลยหรือไม่?”



“เอาสิ ตอนนี้ก็ว่างแล้ว”



   คาลอสหันไปหามิแกลที่ยืนรอสัญญาอยู่ก่อนแล้ว สาวใช้มือขวาหันหลังเดินกลับเข้าไปยังห้องอาหารที่มีร่างผอมนั่งเกร็งอยู่ เพราะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนน่านี้มิแกลได้เข้ามาปลุกมอร์แกนเพื่อให้เตรียมตัวเข้าพบผู้เป็นนายใหญ่ของคฤหาสน์นี้ ทำให้มอร์แกนรู้สึกประหม่าและกังวลขึ้นมาทันทีเพราะไม่รู้ต้องปฏิบัติตัวเช่นไร กลัวจะโดนดุถ้าเขาตอบคำถามได้ไม่ดีแล้วจะไล่เขาออกไปไหม



   ร่างผอมบางเดินตามมิแกลจนถึงห้องโถงอันโอ่อ่าที่มีโคมไฟสีส้มระย้าประดับระยิบระยับและรูปปั้นสีทองวางเรียงรายเต็มห้อง มิแกลพามอร์แกนเดินเลี้ยวเข้าไปฝั่งขวา ซึ่งเป็นห้องที่คนเป็นนายนั่งพักผ่อนรออยู่ (ถ้าเข้าจากทางด้านหน้าคฤหาสน์ห้องจะอยู่ซ้ายมือค่ะ ส่วนอันนี้มอร์แกนเดินมาจากด้านหลังคฤหาสน์เลยอยู่ขวามือจ้า)



“มาแล้วเจ้าค่ะนายท่าน”



“อืม นั่งลงก่อนสิ”



   เสียงทักของสาวใช้เรียกให้โคบาล์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ให้เงยหน้าตาม เบื้องหน้าฉายให้เห็นเด็กชายผอมแห้งผิวสีซีดตัดกับผมหยักศกยาวสีน้ำตาลอมแดงเกือบถึงบ่าที่ยืนก้มหน้าก้มตาไม่พูดจาอะไร โคบาล์จึงเอ่ยเชื้อเชิญให้คนตรงหน้านั่งลงที่โซฟาด้านข้าง แต่แล้วมอร์แกนดันเลือกที่จะนั่งลงไปที่พื้นพรมแทนโดยขัดจากที่โคบาล์บอกไป



“ทำไมถึงลงไปนั่งด้านล่าง ลุกขึ้นมานั่งด้านบนซะ”



“….”



“ฉันไม่ได้ดุเธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไปนั่งตรงนั้น....แล้วเวลาคุยกันควรเงยหน้าขึ้นมาด้วย”



“….”


   
   โคบาล์เชยคางของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่ไม่พูดไม่จาขึ้นมา เมื่อตาคมสบเข้ากับนัยน์ตาใสที่จ้องมองกันอยู่ก็ชะงักไปเล็กน้อย โคบาล์จึงละมือออกจากคางเล็กก่อนจะหันไปจิบน้ำชาตนเอง มอร์แกนมองการกระทำของผู้เป็นนายพลางพินิจพิจารณาคนที่อยู่เบื้องบนไปด้วย สีผิวน้ำผึ้งเข้มต่างจากชาวอังกฤษทั่วไปแต่มีผมสีบลอนด์ คิ้วหนาขนตายาว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาพร้อมด้วยเขี้ยวประดับอยู่สองข้าง แต่ที่โดดเด่นที่สุดน่าจะเป็นดวงตาสีเขียวเข้มที่มองมากระมั่ง



“ตกลงจะตอบฉันได้หรือยังว่าทำไมถึงลงไปนั่งด้านล่าง?”



“ผะ ผม ผมไม่กล้า...เทียบฮะ”



“ไม่เป็นไรไม่ต้องกลัว ฉันชื่อโคบาล์เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้ แล้วเธอชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไรล่ะ”



“ผมชื่อมอร์แกนฮะ”



“อืม มอร์แกนงั้นเหรอ อายุเท่าไหร่ล่ะเรา”



“ผมไม่รู้อายุตัวเองฮะ”



“ทำไมถึงไม่รู้อายุตัวเองล่ะ ก่อนหน้านี้เธอทำอะไรอยู่”



“ผมเป็นเด็กกำพร้าไม่มีบ้านอยู่ฮะ....แต่ แต่ผมอยู่กับป้าสการ์เล็ตนะฮะ ป้าสการ์เล็ตพาผมไปอยู่ด้วยกันที่ใต้สะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ๆที่มีคนไร้บ้านอยู่เยอะแยะเลยด้วยฮะ แล้วๆ อ๊ะ....ผมขอโทษฮะ”



“พูดต่อสิ ฉันอยากฟังเรื่องของเธอ”



“ฮะ แล้วป้าสการ์เล็ตจะออกไปหาของป่าและหาของเก่าเอาไปขาย ส่วนผมก็ไปทำเป็นเด็กขัดรองเท้าตามในเมือง ผมคิดไม่แพงนะฮะ คู่ละปอนด์เดียวเอง บางวันมีลูกค้าเยอะหน่อยก็ได้เงินไปซื้อฮอตดอทร้อนๆกินกับป้าสการ์เล็ตด้วยฮะ”



“อืม เป็นเด็กสู้ชีวิตดี แล้วมีดอันนี้มันเกี่ยวอะไรกับเธอรึเปล่า พอจะบอกฉันได้ไหม?”



“เป็นมีดที่ผมขโมยจากพวกมัน เอ่อ พวกแก๊งค์ที่จับเด็กตอนหนีมาฮะ ก่อนผมจะโดนจับเมื่อหลายวันมีลุงเร่ร่อนคนนึงมาบอกว่าช่วงนี้ให้ผมระวังแก๊งค์ลักเด็กเพราะพวกนี้จะชอบเอาเด็กไปขายทอดตลาดอีกที จนกระทั่งช่วงบ่ายของเมื่อวาน....ผมกำลังจะเก็บของกลับไปหาป้าสการ์เล็ตแต่เจอดักไว้ในตรอกทางกลับ ผมพยายามร้องตะโกนให้คนช่วยแต่ไม่มีใครได้ยินผม...ฮึก...ผมเลย ผมเลยกัดพวกมันและแย่งมีดที่มันทำหล่นไว้มาป้องกันตัวเอง ตอนผมกำลังผมวิ่งหนีพวกมันก็ยิงปืนมาใส่จนโดนเข้าที่ไหล่ซ้ายนี่ฮะ ผมวิ่งหนีและพยายามข้ามแม่น้ำมาเรื่อยๆจนกระทั่งเข้ามาในป่า”



   มอร์แกนเล่าไปก็สะอื้นไห้เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่เลวร้าย โคบาล์มองไปยังเด็กหนุ่มที่นั่งตัวสั่นอยู่ด้านล่างพลางเหลือบตาไปมองคาลอสที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลกันนัก ทั้งสองมองหน้ากันและคิดว่าเด็กคนนี้ช่างน่าสงสารยิ่งนักทั้งที่ยังเด็กอยู่แต่ต้องเผชิญหน้ากับโลกภายนอกอันโหดร้ายเหลือเกิน โคบาล์ยื่นมือใหญ่ไปเกลี่ยน้ำตาให้เด็กหนุ่ม มอร์แกนหลับตาเอนหน้าซึบซับความอบอุ่นจากฝ่ามือหนาที่ไม่เคยได้รับมาก่อน



“เธออยากอยู่ที่นี่ไหมหรืออยากกลับไปที่ๆเธอจากมา?”



“ผม ผมไม่รู้ฮะ”



“แต่ถ้าเธออยู่ที่นี่เธอจะปลอดภัย มีงานประจำให้ทำ อาหารเธอก็ได้ทานทุกมื้อแถมมีที่นอนอุ่นๆให้อีกนะ”



“แต่ผมเป็นห่วงป้าสการ์เล็ตน่ะฮะ”



“ไม่ต้องห่วงเลย เราสามารถให้ป้าสการ์เล็ตมาอยู่ที่นี่กับเธอได้โดยให้ทำงานที่นี่เช่นเดียวกัน”



“ได้เหรอฮะ! งั้นผมตกลงฮะ”



“พรุ่งนี้เราจะไปหาป้าสการ์เล็ตของเธอกัน”



“ขอบคุณมากๆฮะ”



   โคบาล์เผลอยิ้มตามท่าทางร่าเริงของเด็กหนุ่มที่ตอนนี้ท่าทีต่างจากเมื่อครู่โดนสิ้นเชิง มือใหญ่วางทาบบนศีรษะทุยเบาๆอย่างเอ็นดู เด็กน้อยมอร์แกนมองหน้าผู้เป็นนายจ้างใหม่อย่างดีอกดีใจก้มโค้งขอบคุณให้โคบาล์ปิดท้ายอีกที



   รุ่งเช้าตรู่ของวันต่อมา คนใช้เด็กใหม่ดูตื่นเต้นกับการทำงานใหม่เมื่อเข้าไปในครัวใหญ่ที่มีสาวใช้อย่างซูซี่และมิแกลกำลังเตรียมอาหารมื้อเช้าสำหรับผู้เป็นนายใหญ่อย่างขะมักเขม้น มอร์แกนแอบเดินเข้ามาสูดกลิ่นหอมชวนให้ลองชิมของอาหาร เท้าเล็กย่องเบาๆเข้าสอดส่องในครัวก่อนจะไล่เดินดูไปเรื่อยอย่างคนใคร่รู้ มือไม้ข้างตัวของคนที่อยากรู้เผลอยื่นมันออกไปจับต้องเครื่องครัวแวบวับที่อยู่เบื้องหน้าจนทำมันหล่นกระจัดกระจายจากชั้นวางของสู่พื้นปูนด้านล่าง



   มอร์แกนสะดุ้งยิ้มแห้งให้ รีบก้มลงเก็บของขึ้นที่เดิมเมื่อเจอสายตาพิฆาตของมิแกลที่จ้องมาและซูซี่ที่ยืนหน้านิ่งส่ายหัวให้กับเด็กแห้งตรงหน้า ส่วนพ่อบ้านคาลอสที่กำลังเดินดูความเรียบร้อยบริเวณโต๊ะอาหารถึงกับต้องรีบเดินมาดูเมื่อได้ยินเสียงโครมครามใหญ่ มอร์แกนหันมองไปยังบุคคลที่มาใหม่ก่อนจะก้มหัวโค้งขอโทษอีกครา คาลอสได้แต่คิดในใจว่างานในครัวท่าจะไม่รุ่งเป็นแน่เมื่อแค่จับต้องอุปกรณ์ยังหล่นระเนระนาดขนาดนี้ถ้าให้เช็ดล้างจะขนาดไหน


   
   คงไม่เหลือเป็นชิ้นเป็นอันกระมั้ง....



   เวลาในช่วงเช้าผ่านเลยไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักสำรับมื้อเช้าของผู้เป็นนายก็ถูกจัดเรียงรายอย่างเป็นระเบียบด้วยฝีมือพ่อบ้านคาลอสเจ้าเดิม พ่อบ้านสูงวัยหันไปมองนาฬิกาฝาผนังบ่งบอกว่าถึงเวลาที่คนเป็นนายควรตื่นได้แล้ว มิแกลสาวใช้ที่มีหน้าที่ขึ้นไปปลุกโคบาล์ข้างบนก้มโค้งให้อย่างรู้งาน



   ระหว่างที่มิแกลกำลังจะเดินขึ้นไปก็จำต้องหยุดชะงักเท้าพลันเพราะพ่อบ้านคาลอสดันรั้งเธอไว้และอยู่ๆก็หันไปบอกมอร์แกนที่ดูกำลังตื่นตาตื่นใจกับอาหารหลากหลายบนโต๊ะอยู่ให้ไปเรียกคนเป็นนายแทนเธอซะอย่างนั้น



"มอร์แกน เธอจะช่วยไปปลุกนายท่านให้ฉันทีได้ไหม?"



"ผมเหรอฮะ? เอ่อ แล้วผมต้องทำยังไงบ้างฮะ"



"เธอแค่เคาะเรียกนายท่านและบอกว่าอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วก็พอ จำห้องนายท่านได้ใช่ไหม"



"จำได้ฮะ"



   มอร์แกนตอบกลับอย่างกระตือรือร้น ร่างผอมรีบเดินขึ้นบันไดกว้าง เดินตามทางไปเรื่อยๆจนหยุดอยู่หน้าบานประตูไม้แกะสลักอย่างประณีต มือผอมเอื้อมไปเคาะตัวเคาะรูปสิงโตสีทองที่เกาะอยู่ด้านหน้าประตู



   ก๊อก ก๊อก ก๊อก



"...."



"นายท่านฮะ อาหารเรียบร้อยแล้วฮะ"



"...."



"เอ๊ะ ไม่อยู่เหรอไงกัน?"



   มอร์แกนพึมพำอยู่หน้าประตูเมื่อไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา ร่างผอมเลยถือวิสาสะเปิดประตูไม้บานใหญ่เพื่อเข้าไปส่องดู เหล่ตามองไปที่เตียงนอนก็ไม่พบผู้ที่ตามหาจึงเดินเข้าไปในห้องจนถึงประตูระเบียงที่เปิดอ้ารับลมเย็นไว้



"อยู่ตรงนั้นหรือเปล่านะ นายท่านฮะ นายท่านอยู่ไหม....โอ๊ะ!"



   มอร์แกนได้ก้าวเข้าห้องเพื่อไปสำรวจตรงระเบียง เมื่อเห็นว่าไม่มีคนอยู่จึงจะหันหลังกลับแต่ระหว่างที่หันกลับจมูกก็ปะทะเข้ากับอะไรแข็งๆและเปียกชื้น ร่างผอมร้องออกมาพร้อมลูบไปที่จมูกเบาๆ ครั้นเงยหน้าขึ้นมองสิ่งที่ตัวเองชนก็พบเข้ากลับแผ่นอกเปลือยเปล่าสีน้ำผึ้งของผู้เป็นนาย คนเด็กตกใจรีบผละตัวออกห่างทันที



"นะ นายท่าน!"



"เธอเข้ามาทำอะไรในนี้?"



"เอ่อ คือ พ่อบ้านคาลอสให้ผมมาตามนายท่านฮะ"



"อืม ขอฉันแต่งตัวก่อน ลงไปรอข้างล่างเลย"



"ฮะ ได้ฮะ "



   มอร์แกนก้มหน้ารีบเดินออกมาจากห้องด้วยหัวใจที่เต้นรัว กลิ่นหอมเย็นของครีมอาบน้ำราคาแพงยังติดตรึงอยู่ที่ปลายจมูกทำให้เผลอสูดกลิ่นที่ค้างอยู่เข้าไปเต็มปอด เมื่อตั้งสติได้ขาผอมจึงรีบวิ่งลงบันไดไปยังโต๊ะอาหารด้วยอาการขัดเขินจนถูกสาวใช้มิแกลดุเข้าอีกแล้ว พ่อบ้านคาลอสที่ยืนอยู่หันมามองมามอร์แกนอย่างฉงนเมื่อเด็กน้อยเอาแต่ก้มหน้างุดไม่พูดไม่จาจนกระทั่งคนเป็นนายเดินลงมาที่โต๊ะอาหารเรียบร้อยจึงละความสนใจจากเด็กหนุ่มมายังผู้เป็นนายแทน



==================================

สวัสดีค่ะ เข้าสู่ตอนที่ 2 แล้วเพิ่งจะได้ทักทายทุกคน

ขอฝากเนื้อฝากตัวกับเรื่องใหม่และฝากหนูน้อยมอร์แกนไว้ในอ้อมใจทุกคนด้วยนะคะ ><


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-09-2020 17:16:28 โดย sk_bunggi »

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
สนุกดี :hao7:

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 3: When your kindness make me tremble



"เลี้ยวซ้ายตรอกข้างหน้าก็ถึงละฮะ"



   พ่อบ้านคาลอสเลี้ยวรถตามที่มอร์แกนบอก ขณะนี้เขาทั้งสองกำลังมุ่งหน้ามารับป้าสการ์เล็ตในชุมชนคนไร้บ้าน เมื่อเลี้ยวเข้าไปในตรอกก็จะทะลุไปเจอแม่น้ำใต้สะพานข้ามพากใหญ่ซึ่งจะเป็นแหล่งปักหลักของคนไร้บานที่มอร์แกนเคยอาศัยอยู่


   เมื่อรถหรูจอดเทียบอยู่ตรงขอบฟุตบาตทางบันไดเดินลงสะพาน หนูน้อยมอร์แกนก็รีบเปิดประตูรถวิ่งนำหน้าพ่อบ้านคาลอสลงไปด้านล่าง เด็กหนุ่มแวะทักทายเพื่อนบ้านเต็นท์ใกล้เคียงกัน นิ้วผอมชี้ชวนให้พ่อบ้านคาลอสดูเต็นท์ผ้าใบด้านหน้าซึ่งบ่งบอกว่าเป็นที่อยู่ของตนเอง



   เด็กหนุ่มรีบวิ่งนำไปเปิดผ้าม่านทางเข้า ตะโกนเสียงดังฟังชัดเรียกคนแก่ที่อยู่ด้านในให้ออกมา เมื่อป้าสการ์เล็ตคลานออกมาจากข้างในเต็นท์ก็ถูกมอร์แกนกอดรัดด้วยความคิดถึง เด็กหนุ่มจับมือป้าของตนออกมาก่อนจะหันมาแนะนำให้รู้จักหัวหน้าพ่อบ้านที่ยืนอยู่ไม่ไกลกัน ฝ่ายคนเป็นป้าทำหน้างุนงนแต่ก็ก้มโค้งให้กับชายตรงหน้า



   สการ์เล็ตหันไปคุยกับมอร์แกนถามไถ่เรื่องที่เด็กชายหายตัวไป หญิงชราน้ำตานองเมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนที่เปรียบเสมือนครอบครัวตนเอง มือเหี่ยวดึงมอร์แกนมากอดไว่แน่นราวกับกำลังปลอบประโลมและเอ่ยขอโทษที่ไม่สามารถช่วยอะไรเด็กตรงหน้าได้ มอร์แกนส่ายหน้าไม่เป็นไรก่อนทั้งสองจะผละออกจากกันและเป็นมอร์แกนที่เริ่มอธิบายจุดประสงค์ที่ตนเองได้มาที่นี่อย่างตื่นเต้น หญิงชราดูตื่นเต้นไปด้วยไม่น้อยพลางเหลือบมองไปยังพ่อบ้านที่ยืนอยู่เยืองกันออกไป คาลอสที่ยืนมองอยู่ส่งยิ้มให้สการ์เล็ตในทีเมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่



"ป้าสการ์เล็ตไปอยู่กับผมนะ เราจะได้ไม่ต้องลำบากอีกแล้วนะฮะ"



"ป้าไปไม่ได้หรอกเจ้ามอร์แกน มันไม่เหมาะกับป้าเลย"



"ทำไมละฮะ ผมก็อยู่ด้วย เราจะได้อยู่ด้วยกันไงฮะ"



"แต่...."



"ขอโทษที่ขัดจังหวะในการสนทนาของทั้งสอง ขออย่าได้กังวลในเรื่องไม่เหมาะไปเลย ในเมื่อนายใหญ่ของเราอนุญาตแล้ว"



"ใช่ฮะป้า นะฮะ ไปอยู่ด้วยกันนะ"



"ถ้าอย่างนั้นก็ได้เจ้ามอร์แกน ขอบคุณที่ให้โอกาสคนจนๆอย่างฉันนะคะ"



"คนที่คุณต้องขอบคุณจริงๆเป็นนายท่านเสียมากกว่า ถ้าอยากนั้นรีบไปเก็บของกันก่อนพระอาทิตย์จะตกเอาเถอะ"



   เมื่อทั้งสองได้ฟังที่คาลอสบอกก็รีบเข้าไปเก็บข้าวของส่วนตัวและของที่จำเป็นทันที ที่จริงแล้วคนทั้งคู่นั้นไม่ได้มีสมบัติหรือของมีค่าติดตัวมากแต่อย่างใดจึงทำให้ง่ายแก่การขนย้าย ใช้เวลาไม่นานมอร์แกนและป้าสการ์เล็ตก็เดินออกมาพร้อมกระเป๋าเป้คนละใบก่อนจะเดินตามพ่อบ้านคาลอสไปขึ้นรถที่จอดไว้ด้านบน



"เดี๋ยวฉันจะพาแวะที่หนึ่งก่อนกลับ"



"เราจะไปที่ไหนกันเหรอฮะ?"



"ถึงก็รู้เองล่ะ กระเป๋าเอาไปไว้ที่ท้ายรถได้เลย"



"ได้เลยฮะ....ป้าสการ์เล็ตนั่งด้านหลังนะฮะ เดี๋ยวผมนั่งข้างหน้ากับคุณพ่อบ้าน"



   มอร์แกนเปิดประตูหลังให้คนเป็นป้าขึ้นไปนั่งก่อนตัวเองจะกลับขึ้นไปนั่งด้านหน้าตามเดิน พ่อบ้านคาลอสขับรถหรูเข้ามาในตัวเมืองซึ่งตอนนี้เขากำลังพาทั้งสองไปร้านเสื้อผ้าที่ไปประจำตามคำสั่งของคนเป็นนายใหญ่ เพราะทั้งคู่ควรมีชุดสวมใส่ใหม่ที่เหมาะแก่สภาพแวดล้อมใหม่และเครื่องแบบที่ต้องสวมใส่ในหน้าที่เหมือนคนรับใช้อื่นๆ



“สวัสดียามเย็นค่ะคุณคาลอส มิสเตอร์โคบาล์พักอยู่ในห้องรับรองแล้วค่ะ”



“ขอบคุณครับคุณเอมม่า ผมต้องการเครื่องแบบสำหรับสองคนนี้หน่อย...นี่มอร์แกนและสการ์เล็ตผู้ช่วยคนใหม่ ส่วนท่านนี้คือคุณเอมม่าผู้จัดการของร้าน รบกวนด้วยนะครับ”



“ยินดีค่ะ เชิญทั้งสองท่านทางนี้เลยนะคะ”



   เอมม่าผู้จัดการของร้านตัดชุดประจำคฤหาสน์ใหญ่มาพร้อมกับผู้ช่วยอีกหนึ่งคนก่อนที่คนทั้งคู่ผายมือให้มอร์แกนและป้าสการ์เล็ตแยกย้ายเข้าไปในห้องวัดตัวคนละฝั่ง มอร์แกนเดินเข้าไปในห้องเสื้อตามคำเชิญด้วยความตื่นตาตื่นใจ ผู้จัดการสาวสวยที่เดินตามมาก็เริ่มทำการวัดตัวของมอร์แกน



"ตัวเล็กมากเลยนะคะ ใส่แบบขาสั้นน่าจะเหมาะกว่า....นี่ค่ะ เข้าไปลองดูนะคะและใส่ออกมาให้ดูจะได้รู้ว่าต้องปรับตรงไหน"



   มอร์แกนรับชุดไปจากเอมม่าก่อนเดินเข้าไปในห้องลองที่มีผ้าม่านยาวกั้นอยู่ ตากลมยืนมองชุดอยู่ครู่หนึ่งด้วยความฉงนว่าต้องสวมใส่เช่นไร มือผอมค่อยๆปลดชุดที่ตัวเองสวมอยู่ออกทีละชิ้นก่อนเอื้อมมือไปหยิบชุดยูนิฟอร์มที่แขวนไว้มาคลี่ดู แขนเล็กสวมเข้าไปตามเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวที่มีลูกไม้ลายฉลุสวยงามตั้งแต่บริเวณปกคอยาวลงมาตามทางกระดุม หลังจากนั้นจึงค่อยหยิบสแล็คขาสั้นสีดำตัวเล็กที่ตรงปลายเป็นขอบใหญ่พับขึ้นมา ส่วนปลายที่ด้านข้างทั้งสองข้างประดับด้วยกระดุมกลัดที่ปลายกางเกง



   เมื่อแต่งตัวเสร็จเด็กหนุ่มจึงออกมายืนส่องตัวเองในกระจกอย่างขัดเขินเพราะไม่เคยได้สวมใส่ชุดแบบนี้มาก่อน มอร์แกนนึกสงสัยว่าทำไมชุดของเขาดูไม่เหมือนพ่อบ้านคาลอสแต่มันดูเหมือนชุดเด็กใส่อย่างไรชอบกล ร่างผอมยืนหมุนไปมาดูความเรียบร้อยผ่านกระจกโดนไม่ทันสังเกตุว่ามีสายตาคู่หนึ่งกำลังยืนมองอยู่



"หลวมไปหน่อยนะ ว่าไหม?"



"อ๊ะ! นายท่าน"



"ตัวเล็กมากจริงๆด้วย ดิฉันว่าเก็บตรงช่วงเอวเข้าอีกเล็กน้อยและก็เก็บตรงขากางเกงขึ้นเหนือเข่าอีกนิดก็น่าจะพอดีแล้วค่ะ ส่วนเสื้อไซต์นี้ก็พอดีแล้ว"



“ผมว่าเอาสายคาดใส่ด้วยก็ดีนะเอมม่า ดูเหมาะดี”



“ค่ะมิสเตอร์ ดิฉันก็ว่าเช่นนั้น”



   เอมม่าที่สำรวจชุดไปก็จับไปตามสัดส่วนผอมบางเพื่อเช็คขนาดที่ถูกต้องไปด้วย เด็กหนุ่มรู้สึกกระดากอายเล็กน้อยเพราะไม่เคยถูกใครจับเนื้อต้องตัวมาก่อน ไหนจะคนเป็นนายที่ยืนจ้องมาทางเขาเหมือนช่วยสำรวจอีกครา อยู่ๆใบหน้าขาวก็ร้อนผ่าวขึ้นมาเสียดื้อๆเมื่อมอร์แกนดันนึกถึงสายตาและแผงอกของโคบาล์ เอมม่าเหมือนจะรู้สึกได้ถึงความเกร็งจึงละมือจากเด็กหนุ่มตรงหน้า ปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีสวยดั่งดอกไม้แย้มยิ้มให้มอร์แกน


"เรียบร้อยแล้วค่ะ"



"คุณช่วยออกไปสักครู่นะเอมม่า"


   
"ได้ค่ะมิสเตอร์"



"เธอลองสวมชุดนี้ให้ฉันดูทีสิ"



"ชุดอะไรเหรอฮะ?"



“ฉันเลือกมาให้ ฉันว่ามันเหมาะกับสีผมของเธอ”



“อ่า งั้นผมขอไปเปลี่ยนชุดก่อนนะฮะ”


   
   โคบาล์ยิ้มให้มอร์แกนที่เดินมารับเสื้อโปโลเนื้อผ้าดีไปไว้ในอ้อมกอดก่อนเจ้าตัวจะหันหลังเดินเข้าห้องเปลี่ยนชุดทันที มอร์แกนรีบเปลี่ยนชุดที่ได้มาใหม่เพราะไม่อยากให้คนอยู่ด้านนอกรอนาน เด็กหนุ่มหยิบเสื้อโปโลสีน้ำตาลไหม้ขึ้นมาสวมกับกางเกงขาสั้นลายสก็อตสีครีมที่แมชกันเอาไว้ให้แล้ว มอร์แกนยืนมองตัวเองในกระจกก็ต้องแปลกใจเพราะสีเสื้อมันเป็นสีเดียวกันสีผมเขาจริงๆ มือผอมเปิดผ้าม่านกั้นออกเมื่อเปลี่ยนชุดเสร็จ ร่างผอมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นโคบาล์ที่นั่งรออยู่ตรงหน้ากำลังจับจ้องมาที่ตัวเองพอดิบพอดี



“เหมาะกับเธอดีนี่ ไซส์ก็พอดีเลย”



“เอ่อ นายท่านรู้ได้ยังไงฮะว่าผมจะใส่ได้?”



“ไม่ยากเกินไปหรอก เสร็จแล้วก็ไปกันเถอะ”



   โคบาล์ขำขันกับท่าทางสงสัยของมอร์แกน มือหนายกขึ้นลูบหัวทุยเบาๆอย่างเอ็นดูก่อนเดินนำหน้ามอร์แกนออกไปรอด้านนอก เด็กหนุ่มยืนนิ่งค้างยกมือผอมขึ้นมาทาบบนหัวตัวเองที่ยังคงมีไออุ่นจากมือหนาหลงเหลืออยู่ ก่อนจะละมือลงมาทาบที่หน้าอกข้างซ้ายซึ่งมอร์แกนรู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจมันหนักแปลกๆหลังจากที่เจอรอยยิ้มของผู้เป็นนายเข้าไปจังตา มอร์แกนสะบัดหัวไร้ความรู้สึกฟุ้งซ่านและรีบเดินตามร่างสูงออกไปด้านนอก



==================================


Talk: ตอนที่จะเขียนคาเล็คเตอร์ของหนูน้อยมอร์แกน อยู่ๆก็นึกถึงชิเอล แฟนทอมไฮล์เฉยเลยค่า อิอิ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
นายท่าน = เซบาสเตียน
มอร์แกน = ชิเอล แฟนทอมไฮฟ์
  :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 4: Nice to meet you, Morgan


   งานของมอร์แกนในวันนี้คือการทำสวนช่วยเจ้าสองแฝดโทบี้และไลเลอร์ ส่วนงานหลักของมอร์แกนที่ต้องทำในทุกๆวันคือมีหน้าที่ดูแลโคบาล์แทนที่สาวใช้มิแกล ซึ่งพ่อบ้านคาลอสให้เหตุผลว่ามอร์แกนจะได้มีหน้าที่หลักส่วนมิแกลก็ต้องรับหน้าที่สอนการทำงานทุกอย่างในคฤหาสน์ให้กับป้าสการ์เล็ตแทนตัวพ่อบ้านเอง


   ตอนนี้มอร์แกนกำลังช่วยสองฝาแฝดโทบี้และไทเลอร์กวาดใบไม้แห้งในสวนของคฤหาสน์ เด็กหนุ่มทำงานด้วยความสนุกสนานร่าเริงเพราะอารมณ์ขันของสองแฝดและประจวบช่วงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน


   ทั้งสามคุยกันไปมาก็ทำให้มอร์แกนรู้ความจริงว่าสองคนนี้เป็นหลานแท้ๆของพ่อบ้านคาลอส เดิมทีสองแฝดไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่แต่บังเอิญพ่อกับแม่ดันหย่าร้างกัน ทางพ่อของโทบี้และไทเลอร์จึงเอามาทิ้งไว้ให้พ่อบ้านคาลอสที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของตนให้เลี้ยงแทน ส่วนตัวเองก็หนีไปอยู่ที่อื่นแต่หลังจากนั้นก็ได้ข่าวว่าคนเป็นพ่อได้ฆ่าตัวตายหนีหนี้พนันไปเสียแล้ว


บรี้น บรี้น


   เสียงบีบแตรหน้าประตูรั้วใหญ่ดังขึ้นในยามเย็น ไทเลอร์ที่กำลังเข็นรถอุปกรณ์รีบหยุดมือลงก่อนจะวิ่งไปที่ประตูรั้วบานใหญ่ มือกร้านแดดเปิดประตูรั้วออกให้เมื่อคนที่อยู่ภายในรถชะเง้อหน้าออกมาทักทายก่อนที่รถคันนั้นจะขับรถเข้าไปจอดไว้ในโรงจอดรถด้านข้าง
   

   ร่างเพียวที่คุ้นเคยเดินก้าวลงจากตัวรถหรูพร้อมด้วยถุงขนาดใหญ่ในอ้อมกอด โทบี้ที่ยืนมองอยู่กับมอร์แกนเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็รีบวิ่งไปช่วยถือของอย่างไม่รีรอก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปข้างในตัวคฤหาสน์


   มอร์แกนที่กำลังขนใบไม้ไปทิ้งได้แต่ยืนงงว่าคนผู้นั้นเป็นใครทำไมถึงดูสนิทกับสองแฝดนัก แต่ก็ต้องละความสนใจและหันกลับไปขนใบไม้ลงถุงขยะดังเดิม ไทเลอร์ที่วิ่งกลับมาจากหน้าประตูก็กลับมาช่วยมอร์แกนเข็นรถอุปกรณ์ตัดหญ้าเพื่อไปเก็บในโรงเก็บของและพากันกลับเข้าไปในห้องพักของคนใช้ด้านหลัง


   เมื่อลูอีซเดินตรงไปที่ห้องรับรองแขกอย่างเคยชิน สาวใช้มิแกลก็รีบนำเครื่องดื่มและของว่างมาเสิร์ฟให้ หญิงสาวเอ่ยทักทายร่างเพียวอย่างประจบประแจงและทำตัวสนิทสนมกับคนตรงหน้าอย่างมาก ซึ่งเดิมทีแล้วสาวใช้มิแกลมักจะชอบเสนอตัวเวลาที่ลูอีซมาหาโคบาล์ที่คฤหาสน์เป็นประจำราวกับเป็นคนใช้ส่วนตัวของลูอีซอย่างไรอย่างงั้น


“สวัสดีเจ้าค่ะคุณลูอีซ ไม่ได้พบกันเสียนานยังดูดีเหมือนเดิมเลยนะเจ้าคะ”


“ขอบใจ ดูดีเสียที่ไหนล่ะช่วงนี้ฉันไม่ได้ไปคลินิกเสริมความงามเพราะงานฉันค่อนข้างยุ่ง”


“ถึงอย่างนั้นก็ยังดูดีดูสง่าเหมือนเดิม ไม่มีใครเทียบเลยเจ้าค่ะ”


“เธอก็ชมกันเกินไปมิแกล แล้วโคบาล์อยู่ไหนเสียล่ะ”


“นายท่านอยู่ในห้องทำงาน เดี๋ยวดิฉันไม่เรียนนายท่านให้นะเจ้าคะ”


“ไม่เป็นไร เธอจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ”


   สาวใช้มิแกลโค้งให้ลูอีซและเดินลับหายไปจากห้องรับรอง ครั้นสาวใช้เดินออกไปลูอีซที่นั่งอยู่ก็นึกสนุกลุกเดินไปยังห้องทำงานที่อยู่ชั้นสองของตัวคฤหาสน์ ขาเรียวย่องเบาไปที่หน้าห้องค่อยผลักประตูไม้ที่แง้มไว้อย่างเบามือ เบื้องหน้าฉายให้เห็นร่างสูงใหญ่ของโคบาล์ที่กำลังนั่งงีบอยู่บนเก้าอี้หมุนโดยที่เอกสารยังกางอยู่บนโต๊ะทำงาน


   ลูอีซเมื่อเห็นดังนั้นก็ได้จังหวะเดินเข้าไปใกล้คนที่หลับอยู่ ตากลมโตมองใบหน้าคมของโคบาล์อย่างหลงไหลพลางไล่สายตาลงมายังเสื้อเชิ้ตตัวบางที่ปลดกระดุมออกเผยให้เห็นแผงอกแน่นสีน้ำผึ้งที่มองยังไงก็ดูมีเสน่ห์และน่าซบเสียจริง


   นิ้วเรียวถูกส่งไปยังคนด้านหน้าพร้อมเกลี่ยไปตามสันกรามสวยลงมายังกระดูกไหปลาร้าอย่างเบามือ ริมฝีปากหยักสีสดที่ปิดอยู่ของคนตรงหน้าคือเป้าหมายถัดไปของลูอีซ

   
   แต่ก่อนที่ลูอีซจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้คนที่คิดว่าหลับอยู่ดันลืมตาโพล่งขึ้นมาจนตั้งตัวไม่ทัน ดวงตาคมสีเขียวที่เคยเข้มแต่บัดนี้กลับสีวาวขึ้นราวกับสัตว์ป่าก็ไม่ปาน แขนแกร่งคว้าเข้าที่เอวของคนตรงหน้าเมื่อจับความเคลื่อนไหวใกล้ตัวได้ ลูอีซตกใจผงะไปเล็กน้อยแต่ก็กลับมายิ้มหวานให้คนตรงหน้าที่มองเขาอยู่อย่างไม่วางตา


“ผมตกใจนะครับ นึกว่าคุณหลับอยู่ซะอีก”


“หลับ แต่มีคนมากวน”


“ใครกันน้ากล้าก่อกวนท่านโคบาล์”


“นั่นสิ ใครกัน”


   มือบางลูบไล้อยู่บริเวณคางที่มีร่องรอยการโกรนหนวด ปากเล็กหัวเราะคิกคักอย่างพอใจเมื่อโคบาล์โน้มริมฝีปากหยักชิดลำคอระหง แต่แล้วก็ต้องสะดุ้งอีกคราเมื่ออยู่ๆมือใหญ่ที่กอดรัดเอวค่อยๆเลื่อนลงไปบีบเข้าที่บั้นท้ายกลมอย่างหนัก

   
   มือใหญ่ทั้งสองข้างขย้ำนวดอยู่ที่ก้นกลมทั้งสองข้างของร่างบาง ลูอีซที่ถูกกระทำเริ่มหายใจหนักขึ้นเมื่อมือใหญ่ของโคบาล์เลื้อยเข้ามาตามสาบเสื้อจนมาถึงหน้าอกนิ่ม ร่างบางเริ่มตัวสั่นด้วยความเสียวซ่านจนสะโพกมนถูไถอยู่กับความเป็นชายของโคบาล์ที่นอนสงบนิ่งอยู่


   ตอนนี้อารมณ์ในความเป็นชายของโคบาล์ค่อยๆไต่ระดับขึ้น มือใหญ่จับสะโพกที่เต็มไม่เต็มมือกดหนักลงมาเพื่อให้แนบชิดช่วงล่างของตัวเองมากกว่าเดิมจนลูอีซเผลอครางออกมาด้วยเสียงกระเส่า ร่างบางพยายามแอ่นอกของตัวเองให้ชายหนุ่มที่กำลังทำท่าจะก้มลงมางับมัน


   แต่ก่อนที่โคบาล์จะได้ทำอะไรมากกว่านี้ ก็มีเสียงเคาะประตูห้องก่อนที่จะมีเด็กผู้ชายคนหนึ่งทะเล่อทะล่าเปิดประตูพรวดเข้ามา มอร์แกนที่ได้รับคำสั่งจากพ่อบ้านคาลอสให้มาเรียกคนเป็นนายและแขกของนายเพราะได้เวลาของมื้อค่ำแล้วจึงเคาะไปที่ประตูห้องทำงาน เมื่อเห็นว่ามันไม่ได้ถูกปิดไว้เลยถือวิสาสะเปิดเข้าไป แต่แล้วเขาก็ต้องอุทานร้องเสียงหลงเมื่อสถานการ์ตรงหน้านั้นไม่เหมาะแก่ให้เด็กดูเสียเท่าไหร่


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“นายท่านฮะ ได้เวลา....เหวออออ!!”


“!!”


   มอร์แกนที่เดินเข้ามารีบยกมือปิดตาตัวเองไว้ด้วยความตกใจ ลูอีซที่นั่งคร่อมชายหนุ่มอยู่รีบกระโดดออกเหมือนถูกน้ำร้อนลวกก็ไม่ปาน ส่วนโคบาล์เมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกเป็นใครก็ไม่ได้มีท่าทีหงุดหงิดแต่อย่างใดแต่กลับถามกลับไปยังเด็กหนุ่มที่ยังยืนปิดตาไม่ขยับเขยื้อนไปไหว


“มีอะไรรึเปล่ามอร์แกน”


“คือ ผม ผมมาเรียกนายท่านสำหรับมื้อค่ำฮะ”


“อืม เดี๋ยวฉันลงไป”


   มอร์แกนก้มโค้งให้ชายหนุ่มก่อนจะชำเลืองไปยังลูอีซที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานของโคบาล์ ซึ่งตัวลูอีซก็มองมายังมอร์แกนด้วยเช่นกัน คนเด็กกว่ารีบหลบหน้าและเดินออกจากห้องไปทันที


   เมื่อทั้งสองลงมายังห้องอาหาร สาวใช้มิแกลและสาวใช้ซูซี่ก็ทำหน้าที่นำอาหารและเครื่องดื่มมาวางเสิรฟ์โคบาล์และลูอีซที่นั่งยิ้มขอบคุณสาวใช้ทั้งคู่ก่อนทั้งสองคนจะลงมือจัดการมื้ออาหารตรงหน้า


“อาหารยังอร่อยเหมือนเดิมเลยนะคาลอส”


“ยินดีอย่างยิ่งขอรับ ถ้าเช่นนั้นคุณหนูลูอีซก็มาบ่อยๆสิขอรับ พวกกระผมจะได้เตรียมอาหารหลากหลายกว่านี้”


“ก็อยากมาอยู่นะ แต่ไม่รู้คนแถวนี้จะว่าอะไรรึเปล่า”


   ลูอีซแอบแซวโคบาล์ที่นั่งหน้านิ่งทานอาหารอย่างไม่สนใจต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ ซึ่งปกติเจ้าตัวก็มักจะทำท่าทางเช่นนี้กับเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นๆ แต่ก็ใช่ว่าเหตุการณ์เมื่อครู่ที่เกิดขึ้นในห้องทำงานนั้นจะเกิดบ่อยนัก ตามจริงนับครั้งได้เลยล่ะมั้งที่เขาและโคบาล์เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน


   แม้ลูอีซจะเข้าใจว่าเขาทั้งสองเป็นผู้ชายซึ่งเรื่องแบบนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ชายทุกคนและก็ไม่ได้เสียหายอะไร แต่ในใจลึกๆของลูอีซก็ยังคงต้องการเป็นเจ้าของผู้ชายที่มีชื่อว่าโคบาล์อยู่ดี ลูอีซหันกลับมาสนใจอาหารในจานของตัวเองอีกคราเมื่อดวงตาสีเขียวเข้มจ้องตอบกลับมา

   
   เมื่อทานมื้อค่ำรวมถึงของหวานตบท้ายเรียบร้อยแล้ว มอร์แกนและป้าสการ์เล็ตจึงมีหน้าที่เก็บถ้วยชามที่อยู่บนโต๊ะใส่รถเข็นเพื่อนำไปเก็บไว้ในครัว ลูอีซที่เห็นหน้าเด็กหนุ่มจึงเอ่ยถามอีกทีเพราะไม่เคยเจอหน้ามาก่อน


“สวัสดี เธอชื่ออะไรเหรอ”


“ผมชื่อมอร์แกนฮะ เพิ่งมาใหม่”


“ยินดีที่ได้รู้จักนะมอร์แกน ฉันลูอีซ สเปนเซอร์ เรียกลูอีซเหมือนคนอื่นๆก็ได้ ฉันเป็น...เพื่อนสนิทของโคบาล์น่ะ”


“ฮะ ยินดีที่ได้รู้จักฮะคุณลูอีซ”


   เด็กร่างผอมโค้งให้กับลูอีซอย่างสุภาพก่อนจะเดินเข็นรถใส่ถาดอาหารออกไป ส่วนลูอีซก็หันไปคุยกับโคบาล์และพ่อบ้านคาลอสอย่างคุ้นเคย มอร์แกนหันหลังกลับไปมองภาพนั้นเล็กน้อยก่อนจะเดินลับหายเข้าไปในห้องครัวด้วยใจที่หน่วง


==================================


Talk: หลังจากไม่ได้อัพมาหลายวัน คิดถึงหนูน้อยกันมั้งมั้ยเอ่ยยย
ตอนนี้ความแซ่บของผู้ใหญ่ก็มา เด็กๆอย่างมอร์แกนหลบไปก่อน เอิ้กกก

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 5: Werewolf House Rules


   เช้านี้มอร์แกนตื่นขึ้นมาพร้อมสภาพที่ใต้ตาคล้ำจากการนอนไม่หลับ ภาพของเจ้านายกับคนของเขายังคงติดตาไม่ลืมเลือน กว่าเขาจะข่มตาหลับไปได้ก็เพิ่งไม่กี่ชั่วโมงก่อนน่านี่เอง มอร์แกนก่นด่าตัวเองในใจตั้งแต่เมื่อวานว่าตอนนั้นไม่ควรทะเล่อทะล่าเข้าไปเลย แล้วเป็นยังไงล่ะได้เห็นภาพที่เด็กอย่างเขาไม่ควรได้เห็นเสียตำตา ดีแค่ไหนที่ไม่โดนโคบาล์และลูอีซด่าเอา

   
   เด็กหนุ่มยู่หน้าสะบัดไร้ความคิดออกไปก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นไปอาบน้ำ ใช้เวลาไม่นานในการแต่งตัวเมื่อทำทุกอย่างเสร็จสรรพจึงเดินออกจากห้องเพื่อไปทำหน้าที่ของที่ตนเอง วันนี้มอร์แกนได้เปลี่ยนหน้าที่จากคนทำสวนเป็นคนทำความสะอาดห้องต่างๆในคฤหาสน์แทน เด็กหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นไม่น้อยเพราะมันหมายถึงการได้เดินชมทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์นี้นั่นเอง


   พ่อบ้านคาลอสยืนชี้แจงว่าต้องทำเช่นไรบ้างพร้อมย้ำในกฎข้อที่สองเรื่องสถานที่ต้องห้าม มอร์แกนพยักหน้าเข้าใจและยืนฟังคำอธิบายไปเรื่อยๆ ช่วงที่เข้ามาอยู่ใหม่พ่อบ้านคาลอสได้บอกกฎของคนรับใช้ในคฤหาสน์หลังนี้ให้มอร์แกนและป้าสการ์เก็ตเรียบร้อย ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไรและตัวเขากับป้าก็ไม่ได้ติดใจในกฎแต่ละข้อ

   
"กฎของการอยู่ร่วมกันที่นี่ไม่มีอะไรมาก ข้อแรกรู้หน้าที่และรับผิดชอบงานตนเอง ข้อสองพื้นที่ใดที่มิให้เข้าไปต้องห้ามเข้าไปเด็ดขาดจนกว่าจะได้รับอนุญาต ข้อที่สามห้ามสงสัยและก้าวก่ายในเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองและข้อที่สี่ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงต้องอยู่แต่ในห้องของตัวเองห้ามออกมาเดินเตร่เด็ดขาด" และนี่คือกฎทั้งสี่ข้อที่พ่อบ้านคาลอสได้ให้มอร์แกนและสการ์เล็ตท่องจำไว้


   มอร์แกนเริ่มไล่ทำความสะอาดในส่วนของชั้นล่างตั้งแต่ห้องรับรองแขก ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหารก่อนจะมาถึงห้องโถงกลางบ้านจุดสุดท้ายของชั้นล่าง เด็กหนุ่มทิ้งอุปกรณ์ทำความสะอาดลงข้างตัวก่อนจะทิ้งตัวนั่งหอบแฮ่กอยู่ตรงทางขึ้นบันได ตากลมมองขึ้นไปชั้นบนพลางโอดโอยในใจ


   ชั้นล่างก็ปาไปครึ่งวันแล้ว กว่าจะเสร็จชั้นสองคงพระอาทิตย์ตกดินแน่ๆ.....


   มิแกลที่เดินออกมาจากครัวเมื่อเห็นมอร์แกนนั่งอยู่ก็เดินเข้าไปใกล้ ตาเรียวมองจิกลงมายังเด็กหนุ่มที่เงยหน้าขึ้นมามองหล่อนพอดี


"นี่ มานั่งอู้อะไรตรงนี้ทำงานเสร็จแล้วหรือไงกัน"


"ชั้นนี้ทำเสร็จแล้วฮะ เหลือแค่ชั้นสอง"


"ฮึ ทำสะอาดหรือเปล่าก็ไม่รู้....อี๋ ยังมีฝุ่นอยู่เลย กลับไปทำใหม่เดี๋ยวนี้เลยนะไม่งั้นฉันจะรายงานหัวหน้า"


"เอ๋? แต่ผมเช็ดและถูดีแล้วนะฮะ"


"ยังจะเถียงอีก หรืออยากให้ฉันไปฟ้องหัวหน้า?"


"อย่านะฮะ ผมจะรีบกลับไปเช็ดใหม่เดี๋ยวนี้ล่ะ"


   มอร์แกนรีบหยิบอุปกรณ์ทำความสะอาดกลับเข้าไปเช็ดตามห้องต่างๆเหมือนเดิม โดนไม่รู้ว่าเมื่อลับหลังตนเองไปนั้นสาวใช้มิแกลได้ยืนหัวเราะเยาะเด็กหนุ่มด้วยความสะใจอยู่


   ขณะนั้นซูซี่ที่เดินออกมาจากด้านหลังเนื่องจากเสร็จธุระของตนเองแล้วบังเอิญเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ได้แต่ส่ายหัว มิแกลมักจะเป็นแบบนี้เสมอ คิดว่าตัวเองมีตำแหน่งรองจากหัวหน้าพ่อบ้านก็ชอบทำตัวกร่าง พลางให้หญิงสาวนึกย้อนไปเมื่อก่อนที่ตนเข้ามาช่วงแรกๆก็มักจะโดนมิแกลกลั่นแกล้ง แต่โดยนิสัยส่วนตัวของซูซี่ที่เป็นคนไม่ค่อยพูดไม่ค่อยสนใจใคร ทำให้มิแกลเลิกยุ่งกับเธอไปเอง


   ซูซี่เดินเข้าไปในห้องที่มอร์แกนกำลังทำความสะอาดอยู่ก่อนจะหยิบผ้ามาช่วยเด็กหนุ่มอีกแรง มอร์แกนที่กำลังเช็ดอยู่ชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นว่าเป็นซูซี่เด็กหนุ่มก็ยิ้มกว้างออกมาให้


"ผมทำเองได้นะฮะ เดี๋ยวคุณมิแกลมาเห็นจะโดนดุเอาอีก"


"ช่างหล่อนเถอะเจ้าค่ะ"


"โถ่พี่ซูซี่ เมื่อไหร่จะเลิกพูดจาสุภาพกับผมล่ะฮะ"


"รีบทำเถอะเจ้าค่ะ จะได้เสร็จก่อนที่นายท่านจะกลับมา"


   ซูซี่เหลือบตามองมอร์แกนที่ยืนยิ้มให้ก่อนจะละสายตาหันกลับไปทำความสะอาดตรงหน้า ส่วนมอร์แกนเห็นเช่นนั้นก็รีบหันหน้ากับมาทำส่วนของทันทีเช่นเดียวกัน นี่ล่ะหน่าพี่ซูซีคนที่ชอบทำตัวเย็นชาแต่ก็ใจดีที่สุด


“เฮ่อออ ในที่สุดก็เสร็จจนได้ ขอบคุณพี่ซูซีมากๆนะฮะ”


“ยังเหลือชั้นบนอีกนะเจ้าคะ อย่าลืม”


“อุ๊ย ผมลืมเลยไปเลย แหะๆ งั้นเดี๋ยวชั้นบนผมทำเองพี่ซูซีไปพักเถอะ ขอบคุณมากๆนะฮะ”


   มอร์แกนโบกมือลาให้สาวใช้ซูซีที่พยักหน้ารับให้ก่อนเจ้าตัวจะเดินกลับเข้าไปทางด้านหลังคฤหาสน์ต่อ มอร์แกนจึงเดินถืออุปกรณ์ทำความสะอาดขึ้นไปชั้นสองของคฤหาสน์โดยเริ่มจากห้องที่อยู่ในสุดของฝั่งด้านซ้ายมือ


   ขาผอมเดินมาหยุดอยู่หน้าห้องที่มีตัวหนังสือสลักบนประตูไม้ว่า “Library room” ซึ่งมอร์แกนรู้ว่ามันคือตัวอักษรภาษาอังกฤษแต่เขาไม่สามารถอ่านออกได้เพราะเขาไม่ได้เรียนหนังสือมา เมื่อเปิดประตูเข้าไปยังด้านในห้องถึงได้รู้ว่าเป็นห้องหนังสือขนาดใหญ่ เด็กหนุ่มรู้สึกตื่นตาตื่นใจกับชั้นหนังสือมากมายแถมยังมีบันไดไม้เลื่อนให้ปีนไปนั่งเล่นชั้นบนได้อีก


   มือผอมเดินลูบตามสันหนังสือในชั้นไปเรื่อยๆก่อนจะสะดุดเข้ากับรูปถ่ายครอบครัวหนึ่งที่ตั้งไว้กลางผนังสีครีม ในรูปบุคคลทั้งสามยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ตากลมโตพิจารณาบุคคลที่อยู่ในรูปที่มีลักษณะคล้ายกับผู้เป็นเจ้านายของตนนักแต่ยังดูอ่อนเยาว์มากโข เด็กหนุ่มยืนมองรูปโคบาล์คนเด็กที่ยืนยิ้มอยู่ตรงด้านขวาในรูป นัยน์ตาสีเขียวเข้มของเขาคล้ายกับหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงกลางรูป ส่วนผิวสีน้ำผึ้งและโครงหน้าดูคล้ายชายหนุ่มที่ยืนด้านซ้ายมือ

   
   มอร์แกนรู้ได้ทันทีเลยว่ารูปถ่ายนี้เป็นรูปครอบครัวของโคบาล์ แต่จะว่าไปแล้วตั้งแต่เขาเข้ามาที่นี่ก็ยังไม่เคยเห็นรูปของเจ้าของคฤหาสน์หรือแม้แต่ครอบครัวตั้งอยู่ตามห้องที่ผ่านๆมายกเว้นในห้องนี้ สงสัยเจ้านายของเขาคงไม่ชอบถ่ายรูปกระมั้ง


   เด็กหนุ่มวางถังน้ำและที่ถูพื้นลง ก่อนจะเริ่มลงมือทำความสะอาดไปเรื่อยๆไล่มาจากห้องสมุดและห้องทำงานที่อยู่เยื้องกันออกไปเล็กน้อย ห้องนอนรับรองแขกอีกสองห้องและห้องนอนโคบาล์ จนมาถึงห้องขวามือสุดท้ายของชั้นสองที่เลยจากห้องนอนของโคบาล์มาพอสมควร ตากลมมองออกไปยังด้านนอกหน้าต่างที่บัดนี้ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีส้มเป็นสัญญาณว่าพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินเสียเต็มที


   เด็กหนุ่มยกมือขึ้นปาดเหงื่อตามหน้าผากกว้างและตามซอกคอ ยืนมองทางหน้าห้องที่โคมไฟด้านหน้าปิดอยู่ไม่เหมือนห้องอื่นๆแถมยังไม่มีป้ายด้านหน้าทางเข้าอีก มอร์แกนจึงลองบิดลูกบิดประตูเพื่อสำรวจว่าล็อคหรือไม่ เมื่อไม่ได้ล็อคมอร์แกนจึงแบกอุปกรณ์ทำความสะอาดเข้าไปด้านในโดยไม่เห็นว่าบานประตูด้านบนมีสัญญาลักษณ์เขียนไว้อยู่


   มอร์แกนเปิดประตูเข้าไปก็แทบจะอาเจียน เมื่อมีลมมาประทะเข้าที่หน้าพร้อมด้วยกลิ่นเหม็นอับคลุ้งที่ลอยมาแตะจมูกพอดิบพอดี มือที่ยกขึ้นมาปิดจมูกเผลอปล่อยถังน้ำลงจนกระเด็นไปทั่วห้อง เด็กหนุ่มลนลานรีบมองหาสวิตช์ไฟในห้องแต่ด้วยความมืดภายในทำให้วิสัยทัศน์ในการมองเขาไม่ดีนัก มือผอมคลำไปทางฝาผนังห้องเรื่อยๆจนชนเข้าอะไรบางอย่างทำให้เกิดการกระทบของวัตถุจนเสียงดัง มอร์แกนสะดุ้งเล็กน้อยพยายามเพ่งตามองในสิ่งนั้นที่ถูกแสงจันทร์ด้านนอกตกกระทบลง


   ลักษณะของมันเหมือนกรงเหล็กขนาดใหญ่ตั้งไว้และมีโซ่เหล็กแขวนอยู่มากมาย มอร์แกนผงะถอยหลังเล็กน้อย พยายามมองหาสวิตช์เปิดไฟต่อจนเจอ แสงไฟสีส้มอ่อนค่อยๆสว่างขึ้นภายในห้องทำให้มอร์แกนนึกโล่งใจที่อย่างน้อยมันก็ยังสามารถเปิดใช้งานได้ มือผอมรีบหยิบไม้ถูพื้นเช็ดบริเวณที่น้ำกระจายออกไปแต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อพื้นที่เขากำลังถูอยู่มีคราบคล้ายรอยเลือดปรากฏอยู่ ยิ่งเขาขัดถูเท่าไหร่น้ำก็เปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆเท่านั้น


   มอร์แกนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเช็ดให้เสร็จและรีบเก็บอุปกรณ์ทุกอย่างให้เรียบร้อย เด็กหนุ่มเดินไปปิดสวิตช์ไฟเช่นเดิมก่อนจะเปิดประตูเพื่อออกไปจากห้องนี้โดยเร็วที่สุด   ครั้นกำลังปิดประตูลงก็รู้สึกถึงเงาบางอย่างด้านหลังทำให้เด็กหนุ่มรีบหันกลับไปมอง


“!!” มอร์แกนตกใจเมื่อหันมาเผชิญหน้ากับพ่อบ้านคาลอสที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตนเอง เด็กหนุ่มได้แต่งุงงงเพราะเมื่อกี้ตอนเขาเปิดประตูออกมานั้นเขามั่นใจได้ว่าไม่มีใครอยู่ด้านหน้าด้วยซ้ำ แล้วไหงพ่อบ้านคาลอสถึงมาอยู่ตรงนี้ได้


“เธอมาทำอะไรในนี้”


“พ พ่อบ้านคาลอส คือผม”


“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าห้องไหนที่ไม่ให้เข้า ต้องห้ามเข้าไปเด็ดขาด!”


“ขอ ขอโทษฮะ ผมไม่รู้จริงๆ คือผมอ่านหนังสือไม่ออก ผมไม่รู้จริงๆฮะ ยกโทษให้ผมด้วย”


   พ่อบ้านคาลอสยืมมองเด็กหนุ่มที่กอดไม้ถูพื้นจนตัวสั่นก็ต้องถอนหายใจออกมา เขาลืมไปเสียสนิทว่ามอร์แกนเป็นเด็กไรบ้านจึงไม่ผิดเลยที่เด็กหนุ่มจะอ่านหนังสือไม่ออกแต่ผิดที่เขาเองที่ไม่ยอมบอกให้หมดว่าห้องไหนเป็นห้องที่ไม่ควรเข้า มอร์แกนที่เห็นพ่อบ้านคาลอสเงียบไปจึงค่อยๆแหงนหน้าขึ้นมองก่อนจะเห็นสีหน้าของพ่อบ้านคาลอสกลับมาเป็นเช่นปกติ


“ช่างเถอะ ออกไปได้แล้วและคราวหลังห้ามมายุ่งกับห้องนี้อีก เข้าใจไหม?”


“ฮะ เข้าใจฮะ”


“ดี รีบไปเก็บของให้เรียบร้อยซะ อีกเดี๋ยวนายท่านจะกลับมาแล้ว จะได้เตรียมตัวตั้งโต๊ะมื้อค่ำรอ”


   มอร์แกนโค้งให้กับคำสั่งของพ่อบ้านคาลอสก่อนจะรีบเดินลงไปัยงห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด พ่อบ้านคาลอสที่ยืนมองตามหลังมอร์แกนไปจนลับตาหันกลับมามองยังประตูไม้ด้านหน้าที่บัดนี้ถูกปิดไว้ตามเดิม ขายาวก้าวเข้าไปในห้องพลางกวาดสายตาเช็คดูสภาพภายในอย่างที่มันเคยเป็นมา มือที่เริ่มเหี่ยวค่อยๆปิดประตูลงและเดินลงไปยังด้านล่างตามเดิม


   ใกล้แล้วสินะ นายท่าน....


==================================


Talk: คนเขียนหายไปหลายวันเลย ช่วงนี้ยุ่งๆและวันก่อนไปเป็นเมาคลีล่าสัตว์มา
มีเพื่อนๆคนไหนชอบตั้งแคมป์เดินป่า มาคุยกันได้นะคะ ><


ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 :fire:

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 6: Welcome new assistant!


   อากาศเช้านี้ค่อนข้างเย็นทำให้เด็กหนุ่มมอร์แกนที่กำลังจะลุกจากที่นอนอุ่นๆเพราะเสียงนาฬิกาปลุกจำต้องลงไม่นอนคลุมโปรงต่อ เขาไม่รู้ว่าตัวเองเผลอหลับต่อไปนานเท่าไหร่จนกระทั้งได้ยินเสียงเคาะประตูพร้อมด้วยเสียงเรียกของป้าสการ์เล็ตดังขึ้นหลังประตูห้องนอน มอร์แกนที่ยังคงสลึมสลืออยู่หยิบนาฬิกาบนหัวเตียงขึ้นมาดู ดวงตาที่ไม่ตื่นดีมองเข็มบนหน้าปัดแล้วก็ต้องรีบเด้งตัวตื่นลุกขึ้นพร้อมคว้าผ้าขนหนูที่แขวนอยู่รีบวิ่งเปิดประตูออกจากห้องตัวเองไปที่ห้องน้ำ สการ์เล็ตที่ยืนคอยอยู่หน้าประตูร้องตกใจเมื่อประตูห้องที่ปิดสนิทอยู่ถูกเปิดพร้วดออกมาโดยเจ้ามอร์แกนเด็กแห้ง


“มอร์แ ว้าย! ตกใจหมดเลยเจ้ามอร์แกน”


“สายแล้ว สายแล้ว สายแล้วววว”


   ขาผอมรีบวิ่งไปที่ห้องน้ำสำหรับคนรับใช้ซึ่งเลยจากตัวห้องนอนออกไปเล็กน้อย มือผอมรีบหยิบแปรงสีฟันขึ้นมาแปรงฟันโดยเร็ว กวักน้ำล้างไปตามหน้าและช่วงลำตัว เช็ดหน้าเช็ดตัวให้เรียบร้อยและวิ่งกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้อง ใช้เวลาไม่นานมอร์แกนที่มีหน้าที่ต้องไปเรียกผู้เป็นนายก็พร้อมทำงาน


   เหลือเวลาแค่อีกห้านาทีเท่านั้นทำให้มอร์แกนต้องทำเวลาวิ่งจากด้านหลังคฤหาสน์มายังทางขึ้นบันไดไปชั้นสองและวิ่งต่อไปจนถึงหน้าห้องของโคบาล์ เมื่อมาถึงเด็กหนุ่มหยุดยืนสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อปรับลมหายใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเคาะประตูไม้บานใหญ่เรียกคนด้านใน


   ก๊อกๆๆ


"นายท่าน อาหารเช้าเรียบร้อยแล้วฮะ"


"มาพอดีเลยมอร์แกน เธอช่วยเข้ามาข้างในทีสิ"


   มอร์แกนที่ยืนอยู่หน้าประตูเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มเรียกจากด้านในจึงเปิดประตูเข้าไป ร่างสูงของโคบาล์ที่ยืนหันหลังให้มอร์แกนจ้องมองเด็กหนุ่มผ่านกระจกแต่งตัวบานใหญ่ นิ้วใหญ่กระดิกนิ้วผ่านกระจกเรียกให้เด็กหนุ่มเข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้น


"นายท่านมีอะไรรึเปล่าฮะ?"


"เธอช่วยรูดซิปเสื้อด้านหลังให้ฉันที พอดีฉันมองไม่เห็น"


"อ่า ได้ฮะ"


   มอร์แกนเดินเข้าไปใกล้แผ่นหลังของโคบาล์มากขึ้นจนทำให้จมูกได้กลิ่นหอมเย็นที่เป็นกลิ่นประจำกายของโคบาล์ มอร์แกนพยายามควบคุมอาการสั่นไหวของมือที่จับซิปอยู่ให้มากที่สุดจนกระทั่งสามารถรูดซิปเสื้อขึ้นจนสุดด้านบนได้


"เสร็จแล้วฮะ"


"ขอบใจมาก"


   โคบาล์ยิ้มขอบคุณเด็กหนุ่มผ่านกระจกก่อนจะสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้ง มอร์แกนลอบมองร่างสมส่วนที่วันนี้ใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเลือดหมูเข้ม บริเวณปกเสื้อคอเต่ามีลายลูกไม้ประดับประดาแบบโบราณตัดกับผิวสีน้ำผึ้งของชายหนุ่ม ทำให้โคบาล์ดูหล่อเหลาสไตล์ย้อนยุคเป็นพิเศษ


   ดูท่ามอร์แกนจะเผลอมองร่างสูงนานไปเสียหน่อยจนลืมว่าตัวเองยังยืนชิดอยู่ทางด้านหลัง โคบาล์ที่ไม่ได้ทันสังเกตุเมื่อสำรวจตัวเองเรียบร้อยกำลังจะหันหลังเพื่อออกจากห้องแต่เขาดันไปสะดุดเข้ากับเท้าของมอร์แกนที่ยืนซ้อนตัวเองอยู่โดยไม่ระวังจนทำให้มอร์แกนถูกร่างของโคบาล์ดันให้ล้มลง

   
   ด้วยสัญชาตญาณโคบาล์รีบใช้มือใหญ่ของตนรองหัวมอร์แกนไว้ไม่ให้กระแทกกับพื้นส่วนมืออีกข้างยื่นออกมายันพื้นไว้เพื่อไม่ให้ร่างของตัวเองลงน้ำหนักลงไปทับร่างเล็กด้านล่างจนตอนนี้มอร์แกนได้แต่หลับตาปี๋อยู่ในอ้อมอกของโคบาล์


"โอ้ย!"


"นายท่าน!! เป็นอะไรรึเปล่าฮะ"


"เจ็บ...ซี้ดดด”


"ตรง ตรงไหนฮะ! นายท่านเจ็บตรงไหน"


   โคบาล์ร้องออกมาเมื่อข้อมือข้างขวาที่ยันพื้นเอาไว้เกิดอาการเจ็บแปล็บขึ้นมา มอร์แกนที่ได้ยินเสียงร้องของชายหนุ่มก็ตกใจรีบลุกลี้ลุกลนถามไถ่โดยลืมไปว่ายังถูกวงแขนกว้างโอบกอดอยู่ ตอนนี้หน้าของทั้งคู่ห่างกันเพียงแค่ปลายจมูกกั้น มอร์แกนหายใจเข้าออกหนักเมื่อความรู้สึกประหม่าเกิดขึ้น


   ในระหว่างที่จ้องตากันภาพเหตุการณ์เมื่อหลายวันก่อนระหว่างโคบาล์และลูอีซก็ผุดฉายซ้ำขึ้นมาในหัวอีกครา มอร์แกนรีบดันหน้าอกของโคบาล์ไว้เล็กน้อยเพราะไม่อยากให้คนที่คร่อมอยู่รับรู้ว่าเขาเกิดอาการใจเต้นแรงแปลกๆกับคนด้านบน ส่วนโคบาล์ที่ไม่ได้สังเกตุอาการของคนตัวเล็กก็พยายามพยุงตัวกั้นความเจ็บไว้ค่อยๆวางหัวทุยลงที่พื้นและใช้มืออีกข้างที่ไม่เจ็บพยุงตัวขึ้นมาแทน


   เด็กหนุ่มรีบดีดตัวเองขึ้นตามมาดูอาการบาดเจ็บของผู้เป็นนายแต่แล้วก็ต้องหน้าเสียเมื่อเห็นโคบาล์นั่งนวดข้อมือข้างที่เจ็บด้วยสีหน้าเจ็บปวดจนมอร์แกนรู้สึกผิดขึ้นมา เด็กหนุ่มเอ่ยโทษตัวเองออกไปเพราะความไม่ระวังจึงทำให้โคบาล์ได้รับบาดเจ็บ


"นายท่านเจ็บมากไหมฮะ ผม ผมขอโทษที่ไม่ระวัง ฮึก ฮือออ"


"ไม่ต้องร้อง ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก"


"ต แต่นายท่านเจ็บ ฮึกๆ"


"เดี๋ยวให้หมอมาดู น่าจะแค่เคล็ดน่ะ"


   โคบาล์ลูบหัวปลอบคนเด็กกว่าที่นั่งสะอึ้นไห้อยู่ มอร์แกนอยากจะทำโทษตัวเองแรงๆสักทีสองทีในข้อหาไม่ระวังแทนคนเป็นนายที่ไม่ยอมด่าแถมยังนั่งลูบหัวปลอบเขาซะงั้น เมื่อโคบาล์เห็นว่ามอร์แกนสงบลงจึงชี้ชวนกันลงไปที่ด้านล่างที่ตอนนี้ทุกคนกำลังรอทั้งสองอยู่ พ่อบ้านคาลอสเมื่อเห็นโคบาล์เดินลงมาก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติกับท่าทางของโคบาล์จึงได้รีบเดินเข้ามาถามไถ่เจ้านายตัวเองทันที ส่วนมอร์แกนที่เห็นพ่อบ้านคาลอสยืนดูอาการอยู่ก็รีบโค้งขอโทษให้อีกครั้งที่ทำให้เกิดปัญหา ซึ่งพ่อบ้านก็แค่ตักเตือนเล็กน้อยไม่ได้ดุอะไรมากมายก่อนจะขอตัวไปโทรเรียกคุณหมอประจำตระกูลเพื่อมาดูอาการโคบาล์


   ผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าเห็นจะได้หลังจากที่พ่อบ้านคาลอสโทรไปตามหมอและก็เป็นพ่อบ้านคาลอสคนเดิมที่เดินออกไปต้อนรับผู้มาเยือน พ่อบ้านสูงวัยเดินเข้ามาพร้อมกับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งที่สวมชุดคลุมสีขาวบ่งบอกได้ดีว่าผู้ชายคนนี้เป็นคุณหมอที่จะมาดูอาการให้กับโคบาล์


"ไง นึกว่าถึกจนไม่ต้องเจอกันแล้วซะอีก"


“คิดถึง?”


“ให้พูดตามจริงหรือตามมารยาท?”


"พูดมากหน่า รีบมาตรวจได้แล้ว"


"ครับๆ ขอหมอดูอาการหน่อยนะครับ ไม่ทราบว่าท่านโคบาล์เจ็บปวดตรงไหนครับ"


"พอเถอะอเล็กซ์กูจะอ้วก ช่วยพูดแบบธรรมดาที"


"ฮ่าๆๆ มาๆ เห็นพ่อบ้านบอกว่าข้อมือมึงเจ็บ....ไปทำอะไรมาวะ"


"เกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะ ลงน้ำหนักไปข้อมือนี้มากเกินไป"


"อืม ข้อมือเคล็ดหนักอยู่เหมือนกันมันเริ่มเกิดอาการบวมแดงแล้ว ยังไงเดี๋ยวพันผ้ารัดให้กันการเคลื่อนแล้วเอายาแก้อักเสบและยาแก้ปวดไปไว้ทานหลังอาหารตอนเช้า-เย็นด้วย นี่ยานวดกล้ามเนื้ิอกับผ้าพันข้อมืออันใหม่"


"ได้ แล้วนานไหมกว่าจะหาย"


"ก็ประมานเกือบเดือนล่ะ ถ้าไม่ได้ทำกิจกรรมอะไรหนักๆก็หายเร็ว เอ้อ อย่าลืมหาน้ำแข็งประคบเย็นด้วยล่ะ"


"เดี๋ยวกระผมไปนำมาให้ขอรับ" พ่อบ้านคาลอสที่ยืนอยู่ด้วยกันเมื่อได้ยินคุณหมอบอกวิธีรักษาจึงหันหลังกำลังจะเดินออกไปแต่กลับถูกโคบาล์เรียกไว้เสียก่อน


"ไม่ต้อง....มอร์แกน ไปเอาน้ำแข็งมาประคบให้ฉันที"


   มอร์แกนที่ยืนดูสถานการณ์สะดุ้งเมื่อชายหนุ่มเอ่ยเรียก ร่างผอมรีบเดินเข้าไปในครัวเพื่อหยิบถุงประคบใส่น้ำแข็งก่อนจะเดินกลับมาพร้อมกับเอาถุงน้ำแข็งประคบลงตรงข้อมือบริเวณที่บาดเจ็บของโคบาล์ เสร็จแล้วจึงเดินเลี่ยงไปยืนด้านข้างเสาโรมันเช่นเดิม อเล็กซ์ที่นั่งอยู่ข้างกันมองตามร่างของมอร์แกนก่อนจะหันหน้ามาถามโคบาล์อย่างสนอกสนใจ


"เฮ้โคบาล์ เด็กคนนั้นเป็นใครน่ะ"


"เด็กมาใหม่ ชื่อมอร์แกน"


"มอร์แกนเหรอ...น่ารักดีว่ะ"


“อย่ามารุ่มร่ามกับคนที่นี่นะอเล็กซ์”


“อะไร แค่นี้ทำหวง? ปกติไม่เห็นมึงจะพูดอะไร”


“กลับไปได้แล้วไป หมดธุระแล้วนี่”


“ใจร้ายจังนะครับท่านโคบาล์”


   โคบาล์ไม่ได้พูดอะไรต่อแค่เหลือบตามองท่าทางกวนๆอเล็กซ์เล็กน้อยและเลื่อนสายตาไปมองมอร์แกนที่ยืนมองพวกเขาจากข้างเสาโรมัน มอร์แกนที่ยืนอยู่เห็นคนทั่งคู่ที่นั่งสนทนาหันมามองตัวเองเป็นตาเดียวกันก็รีบก้มหน้าก้มตาทำตัวลีบเพราะว่าตนเองเป็นสาเหตุให้โคบาล์ได้รับบาดเจ็บ


“คาลอส ช่วยโทรไปบอกเจสสิก้าให้ฉันทีว่าวันนี้ฉันไม่เข้าบริษัท”


“ได้ขอรับ”


“แล้วก็นะ ฉันว่าจะให้มอร์แกนไปเป็นผู้ช่วยฉันระหว่างนี้หน่อย”


“....เอาอย่างนั้นหรือขอรับ?”


“อืม ช่วงนี้จนกว่าข้อมือฉันจะหายให้เขามาช่วยฉันแทนละกัน”


“ได้ขอรับนายท่าน”


   พ่อบ้านคาลอสโค้งรับคำจากผู้มีอำนาจสูงสุดของคฤหาสน์ มือเหี่ยวกวักมือเรียกเป็นสัญญาณให้มอร์แกนที่ยืนมองอยู่ด้านหลังเดินเข้ามายังโต๊ะที่มีโคบาล์และอเล็กซ์นั่งมองอยู่ มอร์แกนที่คิดไปเองว่าตัวเองคงจะโดนทำโทษจำใจเดินเข้าไปที่โต๊ะด้วยขาที่สั่นเทา ร่างผอมบางเอาแต่ก้มหน้ากำมือตัวเองแน่นแต่ก็ต้องรีบเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งที่พ่อบ้านคาลอสได้เอ่ยออกมา


“มอร์แกน ช่วงนี้เธอต้องคอยอยู่ดูแลนายท่านจนกว่าอาการบาดเจ็บจะหายดี ตกลงตามนี้นะ”


“เอ๋ ผมหรอฮะ?”


“ใช่ นี่เป็นความประสงค์ของนายท่าน ทำได้ไหม?”


“เอ่อ คือ ฮะ ผมทำได้ฮะ!”


   มอร์แกนรีบตบปากรับคำอย่างขมักเขม้นพร้อมก้มโค้งหัวให้พ่อบ้านคาลอสและโคบาล์ที่นั่งจิบชาอยู่ นัยน์ตากลมสุกใสมีความดีใจปนอยู่จนปิดไม่มิดที่ได้มีโอกาสรับใช้โคบาล์อย่างใกล้ชิดแม้จะแค่ช่วงเวลาสั้นๆก็ตาม เด็กหนุ่มยังคงยืนยิ้มอยู่ไม่ได้ไปไหนจนถูกคุณหมออเล็กซ์ที่นั่งอยู่จับเข้าที่มือผอมพลางเอ่ยประโยคที่ทำให้มอร์แกนถึงกับงงแต่คนรอบข้างกลับเอือมระอา


“น้องมอร์แกนสนใจให้หมอตรวจสุขภาพภายในให้มั้ยครับ? ^^”


“บอกให้กลับไปได้แล้วไงอเล็กซ์!”


==================================

Talk: มาอัพให้นะค้า ช่วงนี้ยุ่งๆกว่าจะเขียนได้ละตัวอักษร หัวไม่แล่นเบยยยย ไม่รู้ว่าเนื้อเรื่องเรามันไม่สนุกรึป่าวหรือว่าเนื้อเรื่องมันเนิบนาบไป เลยไม่ค่อยมีคนมาอ่านมาเม้นท์เท่าไหร่ อาจจะไม่ถูกใจใครหลายๆคนแต่ก็จะพยายามเขียนต่อไปให้ดีจนจบนะคะ
 :mew6: :mew6:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2020 22:59:00 โดย sk_bunggi »

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 7.1: The full moon is coming


วันนี้เป็นวันที่สองในการลาป่วยของโคบาล์และเป็นวันที่สองในการทำหน้าที่ผู้ดูแลของมอร์แกน แต่ในช่วงที่โคบาล์หยุดงานมอร์แกนก็ยังคงเห็นว่าเจ้านายของตนเองนั้นยังคงเข้าออกห้องทำงานในคฤหาสน์ตลอด บางทีเขาก็เห็นโคบาล์เผลองีบหลับไปกับเก้าอี้ในห้องทำงานก็มี ตกลงแล้วเจ้านายของเขาลาหยุดหรือทำงานอยู่บ้านกันแน่นะ มอร์แกนได้แต่คิดสงสัยจนเผลอจ้องมองไปยังชายหนุ่มนานโดยไม่รู้ตัวว่าโคบาล์นั้นรู้สึกตัวและกำลังจ้องมองมอร์แกนกลับมาเช่นกัน


ในเวลานี้เขาสองคนอยู่ในห้องสมุดเพราะโคบาล์บ่นว่าไม่อยากอยู่ในห้องทำงานมากนัก จึงทำให้มอร์แกนต้องเนรเทศตัวเองมาอยู่ในห้องสมุดโอ่อ่ากับเจ้านายสองต่อสอง โคบาล์ที่เห็นว่ามอร์แกนเหม่ออยู่ก็แกล้งทำเป็นกระแอมไอเล็กน้อยและแกล้งบ่นว่าหิวน้ำ ทำให้มอร์แกนที่นั่งเหม่ออยู่สะดุ้งก่อนจะรีบลุกมาเทน้ำชาให้นายตัวเองเสร็จแล้วค่อยเดินกลับไปจัดเรียงกองหนังสือตามเดิม


ชายหนุ่มมองตามท่าทางของคนตัวเล็กอย่างขำขันปนเอ็นดู อยู่ๆเขาก็นึกถึงคำที่อเล็กซ์พูดเมื่อหลายวันก่อนตอนที่เจ้าตัวเอ่ยชมว่าเด็กหนุ่มมอร์แกนนั้นน่ารัก....น่ารักเหรอ?


โดยส่วนตัวเขาก็ไม่เคยมองเด็กหนุ่มอย่างจริงจังเลยซักครั้งเนื่องด้วยนิสัยไม่ได้พิสมัยชมชอบคนอายุน้อยกว่าเสียเท่าไหร่ เขาจึงไม่เคยสังเกตุเห็นว่าเด็กหนุ่มตรงหน้ามีใบหน้าที่หวานเกินชายไม่ต่างจากลูอีซนัก ผมยาวหยักศกเป็นรอนรับกับใบหน้ารูปไข่แต่ตอนนี้กลับถูกรวบขึ้นหลวมๆจนเผยให้เห็นลำคอระหงที่ชวนให้น่าคลอเคลีย ร่างกายที่เริ่มมีเนื้อมีหนังไม่ได้ติดกระดูกเท่าเมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่วนผิวที่เคยซีดเผือดตอนนี้กลับขาวเปร่งอมชมพูอย่างคนสุขภาพดี


มอร์แกนยังคงง่วนอยู่กับการจัดเรียงหนังสือที่เจ้าตัวอ่านไม่ออกได้แต่พลิกหน้าพลิกหลังไปมา อาศัยดูตัวอักษรที่ผู้เป็นนายบอกให้จำไว้เท่านั้น เขาไม่ได้สังเกตุว่าโคบาล์กำลังจ้องมองมาที่ตัวเองเพราะเจ้าตัวกำลังสนใจหนังสือหน้าตาแปลกประหลาดในมือเสียมากกว่า ด้วยความอยากรู้เด็กหนุ่มจึงเอ่ยถามผู้เป็นนายขึ้น เสียงหวานฉุดเรียกให้ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ก่อนจะทำเป็นกระแอมไอเล็กน้อย


“นายท่านฮะ อันนี้หนังสืออะไรเหรอฮะ?”


“ไหน อันไหน”


“อันนี้ฮะ ผมเห็นมันมีรูปภาพด้วย” เด็กหนุ่มมอร์แกนถือหนังสือภาพเล่มหนึ่งเดินเข้าไปหาโคบาล์ที่นั่งเอนหลังอยู่กับโซฟาตัวเขื่อง


“เขาเรียกว่านิทาน สำหรับเอาไว้ฝึกอ่านน่ะ อยากอ่านรึ?”


“อยากฮะ! แต่ แต่ผมอ่านหนังสือไม่ออก”


เด็กหนุ่มมอร์แกนพยักหน้าตอบอย่างตื่นเต้น แขนผอมกอดหนังสือนิทานพร้อมรูปวาดหลากหลายสีดูน่าอ่านไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าหวานงอหงอยลงอีกครั้งเพราะเขานั้นอ่านหนังสือไม่ออก โคบาล์มองคนเด็กยิ้มๆก่อนจะจับให้มอร์แกนมานั่งตรงหว่างขาของตัวเองเพื่อสะดวกในการอ่านให้คนเด็กฟัง มอร์แกนมีท่าทีตกใจเล็กน้อยเหมือนจะขยับหนี โคบาล์เลยรีบวางหนังสือลงตรงขาของมอร์แกนเป็นการกันไม่ให้เด็กหนุ่มลุก ทำให้ตอนนี้มอร์แกนถูกกักไว้ด้วยอ้อมแขนแกร่ง


เด็กหนุ่มที่อยู่อ้อมกอดเกิดอาการกระสับกระส่ายเล็กน้อย เขาหายใจไม่ทั่วท้องเอาซะเลยเวลาอยู่ใกล้ๆโคบาล์ ยิ่งในเวลานี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มอร์แกนแทบอยากจะเอาหน้ามุดดินหนีจากสถานการณ์ตอนนี้ให้รู้แล้วรู้รอด หัวสมองพยายามสั่งการให้จังหวะการเต้นรัวของหน้าอกข้างซ้ายหยุดเต้นแรงจนเกินไปแต่มันกลับไม่ฟังเขาเอาเสียเลย


“เรื่องนี้ชื่อว่า Fox on a box”


“ฮะ เอ่อ แล้วมันเกี่ยวกับอะไรเหรอฮะ”


เด็กหนุ่มเงยหน้าถามโคบาล์อย่างตะกุตะกัก โคบาล์จึงเริ่มอ่านเนื้อหาในหนังสือให้มอร์แกนฟังพลางชี้ไปตามคำอ่านและรูปภาพให้เด็กหนุ่มดู มอร์แกนนั่งฟังโคบาล์อ่านไปตากลมก็จ้องมองรูปไป ปากเล็กๆขำออกมาคิกคักอย่างชอบใจจนในที่สุดโคบาล์ก็อ่านมาจนถึงหน้าสุดท้ายของหนังสือ


“ว้าว! ในที่สุดเจ้าจิ้งจอกก็ได้กินอะไรซักทีนะฮะ”


“หึหึ นั่นสิ...จะให้ฉันอ่านอันไหนต่อไหม”


“ได้เหรอฮะ! นายท่านใจดีจังเลย งั้น งั้นผมเอาเล่มนี้ต่อนะฮะ"


"...."


มอร์แกนยิ้มดีใจส่งหนังสือภาพอีกเล่มให้ชายหนุ่มที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังโดยลืมไปว่าตัวเองกำลังนั่งเกยบนตักร่างสูงอยู่ โคบาล์ที่นิ่งค้างไปชั่วครู่เมื่อเจอรอยยิ้มสดใสของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่หันกลับมาหาเขาทำให้ใบหน้าทั้งสองห่างกันเพียงแค่คืบ โคบาล์มองสำรวจใบหน้าหวานก่อนจะค่อยๆเลื่อนใบหน้าตัวเองเข้าไปหามอร์แกนที่จ้องเขากลับมาเช่นกัน


ครืด ครืด ครืด....เสียงโทรศัพท์ของโคบาล์ดังขึ้นขัดจังหวะ โคบาล์ชะงักตัวเองก่อนที่มันจะไปบรรจบลงที่ริมฝีปากคนด้านล่าง ส่วนมอร์แกนรีบเสหน้ากลับมาที่เดิม มือหนาละออกจากเอวบางเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่ปรากฏชื่อของเลขาสาวสุดสวยขึ้นมารับสาย


“ฮัลโหลครับ”


[ท่านประธานคะ ไม่ทราบวันนี้จะเข้ามาที่บริษัทไหมคะ]


“มีอะไรด่วนรึเปล่าเจส”


[ค่ะ พอดีแผนกจัดซื้อมีเอกสารให้ท่านเซ็นด่วนค่ะ]


“งั้นเดี๋ยวผมเข้าไปช่วงบ่ายๆละกัน”


“มอร์แกนบอกให้คนเตรียมรถให้ฉันที ฉันต้องเข้าบริษัทแล้ว” เมื่อวางสายเลขาสาวจบโคบาล์ก็เอ่ยสั่งคนที่ตัวลีบอยู่บนตักเขาทักที มอร์แกนที่ก้มหน้าอยู่เงยหน้าขึ้นมามองโคบาล์อย่างสงสัย


“เอ๋ แต่นายท่านยังเจ็บมืออยู่นี่ฮะ”


“ไม่เป็นไร ฉันต้องเข้าไปดูงานด่วนน่ะ ส่วนเธอต้องไปกับฉัน ฉันให้เวลาเธอสิบห้านาทีในการเตรียมตัวแล้วเข้าไปเจอฉันที่ห้องด้วย”


โคบาล์เอ่ยคำสั่งเด็กหนุ่มไป แต่กระนั้นวงแขนกว้างก็ยังไม่ยอมละออกจากเด็กหนุ่มจนกระทั่งมอร์แกนทำเป็นขยับตัวขยุกขยิกไปมา โคบาล์เมื่อนึกขึ้นได้ก็วาดแขนออกให้เด็กหนุ่มเป็นอิสระส่วนตัวเองก็เดินนำเด็กหนุ่มออกจากห้องทำงานไปที่ห้องนอนตนเองเพื่อรอเวลา


มอร์แกนเมื่อเห็นโคบาล์เดินออกไป มือบางค่อยยกขึ้นมากุมที่หน้าอกของตัวเองทันที ใจหนอใจ ทำไมมันถึงเต้นแรงได้ขนาดนี้นะ เด็กหนุ่มพยายามหายใจเข้าออกลึกๆเพื่อสงบสติตัวเองก่อนพาสองขาวิ่งไปยังโรงจอดรถที่มีไทเลอร์นั่งเฝ้าอยู่ให้เตรียมรถพาโคบาล์เข้าบริษัท ไทเลอร์ผยักหน้าตอบรับเดินไปจัดการเช็ดรถเพื่อเตรียมความพร้อม เสร็จแล้วมอร์แกนก็รีบวิ่งไปที่ห้องตัวเองเพื่อชำระร่างกายเตรียมตัวเองใหม่ เด็กหนุ่มหยิบชุดที่โคบาล์ให้มาตั้งแต่คราวไปลองชุดขึ้นมาสวมแทนชุดทำงานชุดเก่า


มอร์แกนเดินมาที่หน้ากระจกเครื่องแป้ง มือบางจัดการถักผมเปียเป็นหางม้าให้เรียบร้อยและปัดมาไว้ด้านข้างหน้าทำให้ใบหน้าที่ดูหวานอยู่แล้วยิ่งดูคล้ายเด็กผู้หญิงเข้าไปใหญ่ ปากบางยกยิ้มสำรวจตัวเองอย่างพอใจ หันไปมองนาฬิกาที่ฝาผนังยังเหลือเวลาอีกเจ็ดนาที มอร์แกนเลยออกจากห้องตัวเองไปยังห้องของผู้เป็นนายตามที่นัดหมายไว้


โคบาล์ที่เลือกชุดรอคนรับใช้เด็กให้มาช่วยเปลี่ยนอยู่นั้น ร่างกายดันเกิดอาการเจ็บแปลบที่หน้าอกด้านซ้ายอย่างกระทันหันพ่วงด้วยจังหวะการเต้นของหัวใจอย่างแรง ชายหนุ่มเอามือกุมหน้าอกตัวเองไว้ด้วยความเจ็บปวดทรมาณดังไฟซุม โคบาล์พยายามประคองสติตัวเองเดินโซซัดโซเซไปที่ตู้กระจกในห้องน้ำ มือหนาควานปัดป่ายไปทั่วจนสิ่งของบนเคาเตอร์หล่นกระจัดกระจาย


มอร์แกนที่มาถึงหน้าห้องกำลังยกมือจะเคาะประตูแต่อยู่ๆก็ได้ยินเสียงของหล่นโครมครามจากด้านในจึงตัดสินใจรีบเปิดเข้ามาดูทันที มอร์แกนเปิดประตูเข้ามาสอดส่องหาร่างของโคบาล์ก่อนจะวิ่งเข้าไปหาโคบาล์ที่นั่งคุกเข่าโอดครวญอยู่กับพื้นห้องน้ำ


“นายท่าน! นายท่านเป็นอะไรฮะ”


“อั้ก จะ เจ็บ”


“นายท่านเจ็บแผลหรอฮะ! หมอๆ ต้องไปตามหมอก่อน”


“ไม่ หยิบเข็มฉีดยาข้างบนให้ฉันที ช่วยฉีดมันให้ฉันที!”


“ด ได้ฮะๆ รอเดี๋ยวนะฮะ”


มอร์แกนยืนขึ้นพลันมองหาเข็มฉีดยาบริเวณนั้นแต่ก็หาไม่เจอจึงเปิดกระจกบานใหญ่หน้าเคาเตอร์ออกเผยให้เห็นซองใส่เข็มฉีดยาอันเล็กที่มีของเหลวสีน้ำเงินข้นอยู่ด้านในเต็มไปหมด เด็กหนุ่มยืนอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะรีบแกะเข็มออกจากห่อยาและฉีดลงไปยังอกซ้ายตรงที่โคบาล์ชี้ให้ หลังจากมฉีดยาเข้าไปได้ไม่กี่วินาทีต่อมาอาการทุรนทุรานของโคบาล์ก็เริ่มสงบลง แต่ตามร่างกายและกรอบหน้ายังมีเหงื่อกาฬไหลท่วมตัวเต็มไปหมดจนทำให้มอร์แกนนึกเป็นห่วง


“นายท่าน...นายท่านเป็นยังไงบ้างฮะ?”


“อืม ค่อยยังชั่วแล้ว”


“มาฮะ ผมช่วย...ฮึ้บ เดี๋ยวนายท่านเช็ดตัวหน่อยนะฮะ เหงื่อออกเยอะมากเลย”


โคบาล์พยักหน้าตอบรับแต่ยังคงมีอาการหอบอยู่ มอร์แกนจัดการถอดเสื้อของชายหนุ่มที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อออกเผยให้เห็นแผ่นอกแน่นตึงที่ช่วงนี้มอร์แกนได้เห็นมันบ่อยมากขึ้น(ถึงจะไม่เคยชินก็เถอะ)เพราะต้องคอยดูแลโคบาล์ช่วงนี้


เด็กหนุ่มเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนเล็กมาชุบน้ำอุ่น มือบางจับผ้าลูบไปตามหน้าอกหนาและตามช่วงบนของร่างสมส่วนเรื่อยๆ ในใจก็นึกสงสัยกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดก่อนหน้านี้แต่ก็ต้องเก็บความสงสัยนี้เอาไว้ไม่กล้าเอ่ยถามออกไป เมื่อกฏของบ้านคือห้ามยุ่งเรื่องของผู้เป็นนาย มอร์แกนจำต้องจำใจเงียบปากต่อไป เผลอๆถ้าพ่อบ้านมาได้ยินเข้าอาจจะโดนทำโทษหนักก็เป็นได้


โคบาล์ที่นั่งอยู่บนขอบอ่างได้แต่หลับตาปล่อยให้มอร์แกนเช็ดตัวตนเองอยู่อย่างนั้น อาการที่เกิดขึ้นเมื่อครู่คืออาการฮีท อาการแบบนี้มักจะทำให้เขาเจ็บปวด ทำให้ร่างกายเขาเหนื่อยง่ายเป็นพิเศษและอีกอาการคืออาการที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศร่วมด้วย


เดิมทีในช่วงฮีทจะเป็นช่วงที่หมาป่าอย่างเขาจะมีการผสมพันธุ์เกิดขึ้นและเป็นช่วงที่เขาทรมาณที่สุดเพราะร่างกายของเขามันต้องการการปลดปล่อย ซึ่งปกติ Werewolf ส่วนใหญ่จะสามารถควบคุมมันได้อย่างเช่นพ่อบ้านคาลอส หมอบ้าๆอย่างอเล็กซ์หรือแม้กระทั่งสองแฝดโทบี้และไทเลอร์แต่มันกลับไม่ใช่กับเขา ไม่รู้ทำไมเขาไม่เคยควบคุมมันได้เลยจึงทำให้ต้องพึ่งยาฉีดนี้ที่อเล็กซ์เป็นคนทำขึ้นมาให้ตลอดเมื่อมีโอกาสและคาลอสต้องคอยดูแลเข้าอยู่เรื่อยมา


อาการแบบนี้มักจะเกิดขึ้นก่อนวันพระจันทร์เต็มดวงเล็กน้อยหรือไม่ก็ภายในวันที่พระจันทร์เต็มดวงเลย ซึ่งตัวเขาเองบางทีก็ดันลืมมันไปเสียสนิท ถ้าเป็นก่อนน่าหน้านี้คงไม่เท่าไหร่เพราะยังมีคาลอสอยู่ใกล้ๆ แต่นี้ดันเป็นมอร์แกนที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาเป็นอะไรจึงจำเป็นต้องใช้ยาต้านระงับไปก่อนแม้มันอาจจะแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็เถอะ


โคบาล์ยังคงนั่งหลับตาพิงกับกำแพงห้องน้ำให้มอร์แกนเช็ดตัวต่อไป เด็กหนุ่มขยับตัวไปมาทำให้จมูกของเขาได้กลิ่นหอมหวานปัดผ่าน จมูกเป็นสันเผลอซูดดมกลิ่นนั้นอย่างลืมตัว มันเป็นกลิ่นหอมหวานที่ทำให้เกิดความรู้สึกต้องการลิ้มลอง โคบาล์ที่ยังไม่ลืมตาขยับจมูกดมตามกลิ่นจนมาหยุดอยู่บริเวณลำคอขาวของเด็กหนุ่ม


มอร์แกนที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาเช็ดตัวให้ผู้เป็นนายสะดุ้งตัวอย่างแรงเมื่อโคบาล์ที่ยังนั่งหลับตาอยู่ยื่นหน้าเข้ามาที่ซอกคอของเขาจนทำให้รับรู้ถึงลมหายใจร้อนๆเป่ารดที่ต้นคอ มอร์แกนร้องไม่ออกขนลุกตั้งชันเมื่อโคบาล์ค่อยๆไซร้จมูกตัวเองคลอเคลียไปกับลำคอระหง ลิ้นร้อนแลบออกมาเลียผิวเนื้อนุ่มบริเวณซอกคอหวังจะชิมรสชาติหอมหวานของสิ่งตรงหน้า


“อ๊ะ ไม่!” มอร์แกนร้องออกมาเมื่อผิวเนื้อถูกลิ้นร้อนของโคบาล์เลียไปรอบๆ มือเล็กผลักอกของชายหนุ่มออกอย่างแรงจนโคบาล์หงายหลังหล่นลงไปในอ่างอาบน้ำ
 

“ค คือ...” เด็กหนุ่มอ้ำอึ้งไปเล็กน้อย ขาผอมก้าวถอยหลังอย่างกลัวความผิด


“อ่า ขอโทษที เธอออกไปก่อนไป เดี๋ยวฉันจัดการเอง” โคบาล์ได้สติหลังจากลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ด้านในอ่างโดยมีมอร์แกนยืนมองด้วยใบหน้าที่แดงกล่ำอยู่ ชายหนุ่มพยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งกุมขมับเครียด


“แต่…”


“ฉันบอกให้ออกไปก่อนไง”


มอร์แกนตกใจเมื่อโคบาล์สั่งเสียงเข้ม เด็กหนุ่มโค้งให้หันหลังเดินออกไปจากห้องนอนของชายหนุ่มโดยเร็ว เมื่อเปิดประตูออกมาก็ชนเข้าให้กับพ่อบ้านคาลอสที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว พ่อบ้านคาลอสยิ้มให้มอร์แกนไปทีก่อนประตูไม้บานใหญ่จะค่อยๆปิดลง


มอร์แกนที่ยังคงยืนอยู่หน้าห้องยกมือขึ้นมากุมหน้าอกซ้ายของตัวเอง วันนี้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันดูรวดเร็วเกินไปจนเขาประมวลผลไม่ทัน ความรู้สึกหวั่นไหวก็มีแต่ความรู้สึกกลัวก็มีร่วมด้วย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ...


==================================


อีกฝั่งทางด้านของโคบาล์เมื่อคาลอสเข้ามาในห้องก็รีบเข้าไปพยุงตัวคนเป็นนายพามานอนพักบนเตียงใหญ่ ร่างสูงใหญ่ยังคงมีอาการเบลอและอาการหอบจากฤทธิ์ของยาที่ฉีดเข้าไปบวกกับอาการฮีทของตนเอง


“ไหวไหมขอรับนายท่าน จะให้กระผมฉีดอีกเข็มดีไหม?”


“ไม่ ไม่ต้อง ฉันคงต้องนอนพักสักหน่อย นายโทรไปหาเจสสิก้าให้ทีแล้วบอกว่าวันนี้ฉันคงเข้าไปที่บริษัทไม่ได้ ถ้าเอกสารด่วนเดี๋ยวจะให้คนเข้าไปเอาแทน”

   
พ่อบ้านคาลอสรับคำเดินไปคุยโทรศัพท์ที่ด้านนอก โคบาล์ที่เหมือนจะสงบลงแล้วค่อยๆหลับตาลงด้วยความอ่อนเพลีย พ่อบ้านคาลอสที่เสร็จธุระจากการคุยโทรศัพท์เดินกลับมายังผู้เป็นนาย มือเหี่ยวคอยซับเหงื่อที่ซึมออกมาตามหน้าผากด้วยผ้าขนหนูให้นายน้อยที่ตนดูแลมาแต่อ้อนแต่ออด วันนี้พ่อบ้านคาลอสต้องคอยเฝ้าดูอาการของโคบาล์ทั้งคืนเพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นเขาจะได้รับมือได้ทันท่วงที


ตี้ด ตี้ด ตี้ด...ตกดึกในคืนนี้ขณะที่คาลอสกำลังงีบอยู่ เสียงสัญญาณกันขโมยที่ติดไว้ระแวกคฤหาสน์ก็ส่งเสียงแจ้งเตือนมายังรีโมทที่คาลอสพกติดตัวมาด้วย ชายชราหยิบมันขึ้นมาดูบนหน้าจอฉายให้เห็นว่ามีคนจำนวนหนึ่งกำลังพยายามปีนรั่วฝั่งทิศเหนือของคฤหาสน์ ดวงตาล้าของคนแก่หันมองไปยังโคบาล์ที่ยังคงนอนไม่ไหวติงด้วยความเป็นห่วง คาลอสถอนหายใจยาวออกมาว่าเจ้าหัวขโมยพวกนี้ช่างโชคไม่ดีเอาเสียเลยที่คิดลงมือในค่ำคืนนี้


ยังพอมีเวลาอีกหลายนาทีกว่าเจ้าพวกนั้นจะมาถึงหน้าประตูคฤหาสน์ พ่อบ้านคาลอสจึงเดินลงไปเคาะห้องนอนของเจ้าแฝดสยองโทบี้และไทเลอร์ โทบี้งัวเงียลุกขึ้นมาเปิดประตูแต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครความง่วงงันก็พลันหายไปเหลือไว้แต่เพียงรอยยิ้มเย็นบนใบหน้า โทบี้ส่งสัญญาณให้ไทเลอร์ที่อยู่ด้านหลังรับรู้ ทั้งสองพากันวิ่งออกจากห้องไป ณ จุดที่คาลอสบ่งบอกทิ้งไว้แต่คาลอสที่ส่งต่อไม้ให้แฝดสยองเสร็จก็เดินขึ้นไปยังห้องของโคบาล์ดังเดิม


“อั่ก! อ้ากกกก”


“นายท่านขอรับ!” คาลอสที่กลับเข้ามาได้ยินเสียงร้องของโคบาล์ก็ตกใจ ร่างใหญ่ดิ้นทุรนทุรายอยู่บนเตียงจนชุดคลุมอาบน้ำหลุดลุ่ยไปหมด คาลอสเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพยุงร่างสูงขึ้นตรงไปยังห้องกักตัวทันที


กลิ่นเหม็นอับชื้นภายในห้องตีเข้าหน้าของทั้งสองจนชวนอ้วก พ่อบ้านคาลอสถอดชุดคลุมอาบน้ำออกจากร่างสูงใหญ่ พยุงพาร่างสูงใหญ่มานั่งลงที่เก้าอี้เหล็กเย็นที่มีสายคาดรัดตัวระโยงระยางเต็มไปหมด พ่อบ้านคาลอสจัดการรัดสายตามช่วงตัวของโคบาล์ตามมาด้วยบ่วงโซ่ใช้รัดตามแขนและขาตามลำดับ คาลอสพยายามเร่งมือให้ไวเพราะตอนนี้พระจันทร์กำลังจะโผล่พ้นเมฆเต็มที เมื่อเสร็จพ่อบ้านคาลอสจึงเดินออกมาเพื่อล็อคกรงด้านนอกและนำโซ่มาแขวนปิดทับอีกครั้งก่อนจะถอยหลังออกมายืนรอเวลา


ยามนี้เมฆด้านนอกที่บดบังพระจันทร์อยู่ได้คลายออกทำให้พระจันทร์เต็มดวงโผล่พ้นออกมา แสงจันทร์กระจ่างรอดเข้าส่องมาในหน้าต่างเหล็กซีกเล็ก ดวงตาสีเขียวเข้มที่บัดนี้กลายเป็นสีเขียวสว่างเบิกโพรงขึ้นอย่างน่ากลัว เขี้ยวยาวแหลมงอกออกมาตามไรฟัน ร่างกายใหญ่สั่นเทิ้มคล้ายคนเจ็บปวด กระดูกสันหลังโป่งนูนออกมานอกผิวหนัง ผ้าพันแผลที่ข้อมือปริแตกออกเพราะกระดูกนิ้วมือนิ้วเท้าเริ่มบิดงอไม่ได้รูปก่อนที่เล็บจะค่อยๆงอกและยาวขึ้น ผิวหนังสีน้ำผึ้งเริ่มมีขนสีน้ำตาลเข้มแซมออกมาปกคลุมทั่วร่างกายตั้งแต่หัวจรดเท้ากระทั่งร่างกายสูงใหญ่ได้แปรเปลี่ยนสภาพโดยสมบูรณ์


“กรรจ์...โฮกกก!!”


“!!”


==================================

Talk: หายไปนานเลย ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่งมาก กลับมาอัพใหม่ละเด้อ ฝากติดตามกันด้วยนะค้า
ปล. เรื่องอาการฮีทของพระเอกเป็นแค่การอ้างอิงที่คนเขียนแต่งขึ้นนะค้า จิตนาการเอาเอง ถ้าผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วยคะ >.,<

 :bye2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-10-2020 14:43:47 โดย sk_bunggi »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ~Werewolf คฤหาสน์หมาป่า~ ## Update {Chapter 7.1} 15/10/20
« ตอบ #19 เมื่อ: 15-10-2020 11:21:29 »





ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 7.2: Full moon night

   
“!!”

มอร์แกนสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะเสียงแจกันต้นไม้ที่บริเวณหน้าต่างหล่นแตก ลมด้านนอกพัดผ่านผ้าม่านอย่างรุนแรงราวกับจะเกิดพายุ เด็กหนุ่มงัวเงียลุกเดินไปเปิดไฟดูเศษแก้วที่หล่นกระจัดกระจายอยู่บริเวณพื้นห้อง เขาถอนหายใจออกมาเบาๆก้มเก็บเศษแก้วที่ตกอยู่ที่พื้นแทนที่จะไปหยิบไม้กวาดจากห้องทำความสะอาดมา เพราะความขี้เกียจเป็นเหตุเลยทำให้ได้เลือด ปลายแหลมของเศษแก้วบาดลึกเข้าที่ฝ่ามือบางจนเลือดไหลนอง เด็กหนุ่มชักมือกลับด้วยความเจ็บ รีบเดินไปหยิบผ้าขนหนูมาซับห้ามเลือดตามฝ่ามือออก ด้วยความที่ถูกบาดลึกทำให้เลือดไม่หยุดไหลเสียที มอร์แกนเลยตัดสินใจว่าจะเดินออกไปห้องน้ำเพื่อล้างเลือดออกและค่อยเลยไปเอากล่องปฐมพยาบาล

ระหว่างเดินมาถึงห้องน้ำ ตากลมของเด็กหนุ่มแหงนมองขึ้นไปด้านบนเห็นพระจันทร์เต็มดวงสว่างโล่จนแสบตา จู่ๆเขาก็นึกถึงกฎที่พ่อบ้านคาลอสเคยกล่าวไว้ในคืนวันจันทร์เต็มดวง มอร์แกนได้แต่ส่ายหัวช่างมันเพราะมันเป็นเหตุสุดวิสัยคงไม่เป็นไรหรอก มือผอมจึงลงมือล้างมือต่อไป

ระหว่างล้างคราบเลือดอยู่หูเขาก็ได้ยินเสียงซวบซาบจากทางด้านข้างของคฤหาสน์ที่เป็นสวนย่อม เด็กหนุ่มชะงักไปเล็กน้อย หันไปมองที่มาของเสียงแต่ก็ไม่พบอะไรเลยหันกลับมาที่เดิม เขาสะบัดมือที่มีน้ำเกาะอยู่และมองจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีเลือดออก

ขณะหันหลังเดินกลับ ขาผอมจำต้องหยุดชะงักกลางครันเมื่อเขาได้ยินเสียงดังขึ้นมาทางด้านหลังตัวเองอีกครั้ง คราวนี้มันเหมือนเสียงฝีเท้ากำลังเหยียบย่ำใบไม้และพื้นหญ้าหนักๆจนมอร์แกนเริ่มใจไม่ดี เขาเริ่มรู้สึกกลัวขึ้นมาแต่กระนั้นก็ทำใจกล้าค่อยๆหันหลังไปมองในดงต้นไม้ใหญ่ของสวน

ด้วยความสว่างของแสงจันทร์ที่สาดส่องเป็นตัวช่วยในการมองของเขาได้ดีขึ้น เขาพยายามเพ่งมองสิ่งนั้นที่มีรูปร่างสีดำคล้ายกลุ่มควัน ร่ะ หรือว่าจะเป็นผี!!!

มอร์แกนพยายามประคองสติตัวเองไว้ไม่ให้กระเจิง เสียงลมหายใจเย็นยะเยือกดังฮืดฮาดเข้ามาในโซนประสาทของเขา แข้งขาที่ยากจะก้าวหนีในทีแรกกลับมาวิ่งได้เมื่อเงานั้นทำท่าจะกระโจนออกมาหาเขา ขาผอมวิ่งพาตัวเองตรงเข้ามายังหน้าห้องพัก
ดวงตากลมเบิกกว้างด้วยความกลัว หัวใจสูบฉีดอย่างแรงพลันให้นึกถึงเหตุการณ์หนีตายที่เคยผ่านมา ร่างบางตั้งหน้าตั้งตาวิ่งโดยไม่ได้หันหลังไปมองว่าสิ่งนั้นได้ตามเขามาหรือไม่

“ปัง! กริ้ง!” เมื่อจับลูกบิดประตูได้ก็รีบแทรกตัวเข้าห้องลงกลอนเสร็จสรรพ เอื้อมมือไปปิดไฟห้องพร้อมกระโจนขึ้นที่นอนโดยไม่ลืมเอาผ้าห่มขึ้นมาคุมโปงไว้ แรงลมที่พัดผ่านเข้ามาทำให้มอร์แกนนึกได้ว่าเขาควรจะปิดมันไว้ด้วยเช่นกัน เพื่อความปลอดภัยของเขาเอง คิดได้ดังนั้นก็รีบเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างลงล็อคก่อนหมุนตัวกลับมานอนคุมโปงอีกครั้ง หูก็พยายามเอี้ยวฟังเสียงการเคลื่อนไหวไปด้วย มือบางเลื่อนผ้าห่มที่คุมหัวออกมองไปยังแสงไฟที่ลอดผ่านช่วงประตู เห็นเงาดำของร่างๆหนึ่งกำลังเคลื่อนตัวผ่านไปหน้าห้องไป มอร์แกนถอนหายใจด้วยความโล่งอกแต่ก็กลับมากลั้นหายใจอีกครั้ง เมื่อเงาเดินย้อนกลับมาหยุดนิ่งที่หน้าประตูห้องเขา มอร์แกนเริ่มหายใจติดขัดอีกครั้ง ได้แต่นอนภาวนาให้มันเดินผ่านไปเสียที


แกร็กๆๆๆ ..... ครืดดดดดดด!


“เฮือก!” มอร์แกนรีบกลับมาคุมโปงนอนตัวสั่นอีกครั้ง เมื่อเสียงลูกบิดประตูของห้องดังขึ้นคล้ายคนอีกฝั่งต้องการจะเปิดเข้ามา

แต่เมื่อเปิดไม่ได้เสียงนั้นก็หยุดลง ตามมาด้วยเสียงวัตถุบางอย่างเกิดขึ้น มันคือเสียงครูดจากประตูไม้หน้าห้องเขาไปตามฝาผนังห้องยาวๆ ก่อนเสียงทั้งหมดจะหายไปเหลือแต่ความเงียบ มอร์แกนได้แต่นอนสวดมนต์ผิดๆถูกๆด้วยความกลัวจนไม่รู้ว่าตัวเองดันเผลอหลับไปอีกทีตอนไหน


==================================


“อ้ากกกก! ปีศาจๆ” เสียงโวกเวกโวยวายก่อนจะกลายเป็นเสียงโหยหวนดังก้องในป่าทึบ เมื่อพวกโจรมันโชคร้ายเองที่ดันคิดจะมาตีนแมวที่คฤหาสน์หลังนี้

ย้อนไปก่อนหน้านี้ พวกมันเคยมาซุ้มดูราดราวที่นี่อยู่เป็นอาทิตย์ พวกมันคิดว่าคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีคนอยู่ เพราะมันไม่เคยเห็นมีคนออกมาจากประตูฝั่งด้านนี้ แต่ก็ไม่อาจประหม่าทะเล่อทะล่าปีนเข้าไปเผื่อมีคนอยู่ด้านในก็เป็นได้ ก็ถือว่าพวกมันยังรอบคอบอยู่ระดับนึง...แค่นิดนึงน่ะนะ

แต่จะไม่ให้มันคิดว่าไม่มีคนได้อย่างไรในเมื่อรั้วประตูทางทิศเหนือไม่ได้เอาไว้ใช้สัญจร ส่วนมากคนในนี้เขาใช้การเดินทางในรั้วทิศใต้ตั้งหาก

จนวันนี้ก็ได้ฤกษ์งามยามดีในการบุกรุก พวกมันเลือกลงมือในช่วงยามค่ำกลางดึกของคืนนี้ แสงจันทร์ที่สอดส่องลงมาให้พวกมันอย่างเป็นใจ พวกมันมีกันมาทั้งหมดหกคนกับอีกหนึ่งคนที่มีหน้าที่เป็นคนขับ

พวกมันยิ้มพอใจหวังจะได้กอบโกยกลับไปมากโข โดยไม่ได้รู้ชะตากรรมของตัวเอง หัวหน้ากลุ่มของมันทำสัญญาณมืออย่างที่มืออาชีพใช้กัน พวกมันช่วยกันปีนข้ามรั้วกำแพงของตัวคฤหาสน์เข้ามาโดยสำเร็จ หัวหน้ากลุ่มมองดูราดราวในการเข้าตัวคฤหาส์ก่อนจะสั่งการแยกย้ายกันไป

พวกมันแบ่งออกกันเป็นสามกลุ่มแยกกันออกเพื่อดูช่องทาง ตีนแมวทั้งหลายค่อยๆย่องผ่านผืนหญ้าในสวนอย่างเบา ต้นไม้สูงใหญ่ในสวนเป็นตัวช่วยชั้นดีในการหลบซ่อนของพวกมัน กลุ่มแรกเข้าทางด้านปีกซ้ายของคฤหาสน์ กลุ่มสองอยู่ทางด้านปีขวาของคฤหาสน์และกลุ่มสามกลุ่มสุดท้ายที่เป็นกลุ่มของไอ้หัวหน้าโจรเข้าทางด้านท้ายของคฤหาสน์

กลุ่มที่สามเดินเข้าไปด้านในเป็นกลุ่มแรกพร้อมส่งสัญญาณมือว่าเคลียร์ทางเรียบร้อย แต่พอหันไปรอบด้านกลับไม่เจอเหล่าลูกน้องตัวเองสักคน หัวหน้ามันดูหงุดหงิดเล็กน้อยที่ไม่ได้ดั่งใจ มันสั่งให้ลูกน้องที่อยู่กับมันอีกคนเดินไปดูทางด้านขวาส่วนมันจะเดินไปดูทางด้านซ้าย มันเดินออกไปด้านนอกที่พวกมันเดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง สอดส่องดูก็ไม่มีวี่แววของลูกน้องตัวเองอยู่


ซวบๆ … ตุ้บ ๆ  เสียงต้นไม้สั่นไหวดังขึ้นอยู่เหนือหัวพร้อมด้วยรองเท้าบูทข้างหนึ่งและปืนอีกกระปอกหนึ่งตกลงมา มันมองสิ่งที่ตกลงมาอย่างอึ้งๆ ค่อยๆ เงยหน้ามองขึ้นไปบนต้นไม้สูง มันล้มลงกับพื้นด้วยความกลัว ไอ้หัวหน้าโจรร้องแหกปากลั่นพยายามจะคลานเข่าหนี

“อ้ากกก! ปีศาจๆ” สิ่งที่มันตะโกนเรียกว่าปีศาจกระโดดลงมาดักหน้าไม่ให้หนี ปีศาจที่ว่าค่อยๆยืดตัวขึ้นจนสุดความสูง แสงจันทร์จากข้างบนเผยให้เห็นร่างกายที่มีขนสีดำปกคลุมอยู่เต็มตัวคล้ายกับสัตว์ทั่วไปแต่กลับยืนด้วยสองขาเหมือนคน รูปร่างมันสูงใหญ่และมีกรงเล็บแหลมคม ปลายปากแหลมเหมือนหมาป่าแยกเขี้ยวออกคล้ายกำลังยิ้มเย้ยใส่มัน

ไอ้หัวหน้าโจรอยู่ๆมันก็ฮึดขึ้นสู้ หยิบปืนขึ้นมาหมายจะยิงใส่ปีศาจตรงหน้า แต่กรงเล็บแหลมไวกว่าตะหวัดเข้าที่กระบอกปืนยาวจนหลุดเป็นสองท่อน หัวหน้าโจรมันอ้าปากค้างหันหลังจะวิ่งเข้าตัวคฤหาสน์หวังจะให้คนด้านในช่วย แต่ก็ไม่ทันเมื่อแผ่นหลังมันถูกกรงเล็บข่วนเข้าอยากจังจนเลือดสาด มันล้มลงร้องด้วยความเจ็บปวดปานจะขาดใจ มือหนาพยายามควานหาทางหนีทีรอดจากปีศาจที่ก้าวสามขุมเข้ามาหา หลังของมันถูกเหยียบเอาไว้ด้วยเท้าใหญ่ ก่อนที่ลมหายใจจะดับสูญไปเพราะนามปีศาจที่มันเอ่ยได้ควักไส้มันออกมา จนร่างไร้วิญญาณของมันนอนจมกองเลือด

อีกด้านของลูกน้องที่เดินเข้าไปดูในห้องฝั่งปีกขวาก็ไม่พบวี่แววของสหายโจรสักคน มันกำลังจะหันหลังกลับแต่ก็ถูกอะไรไม่รู้ปาใส่หัวอย่างจังจนต้องร้องซี้ดซ้าด มันก้มลงไปเก็บสิ่งนั้นขึ้นมาดู ปรากฎว่าสิ่งนั้นคือลูกแอปเปิ้ลผลหนึ่งที่มีรอยแหว่งเพราะถูกกัดไป มันทึกทักเอาว่าเพื่อนของมันต้องแกล้งเป็นแน่ มันเลยเดินตรงไปที่หน้าต่างบานที่ถูกเปิดค้างไว้ ยื่นหน้าออกส่องซ้ายแลขวาแต่ก็ไม่เห็นใคร ลูกน้องมันชักกังวลใจกลัวจะเจอเข้ากับสิ่งลี้ลับที่ไม่อาจหาคำตอบได้

มันหันพิงขอบหน้าต่างได้ไม่เท่าไหร่ก็มีเงาดำที่ใหญ่กว่าตัวซ้อนทับเงามันอยู่ แต่กว่าที่ลูกน้องมันจะได้รู้ตัว กรงเล็บยาวของเงาใหญ่ก็กระชากคอหอยของมันออกมา มันตายโดยที่ตัวเองยังไม่ได้มีโอกาสเห็นมัจจุราชที่ปลิดชีพตนเองด้วยซ้ำ

แต่อย่าลืมว่ายังเหลือลูกน้องมันอีกหนึ่งคนที่ด้านนอกรั้ว มันเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นที่กำลังนั่งเล่นเกมกดในโทรศัพท์อย่างไม่ใส่รอบข้าง มันคิดแค่ว่าเกมดิอเวนเจอร์ที่มันเล่นอยู่ตอนนี้ต้องผ่านด่านต่อสู้กับโลกิไปให้ได้เท่านั้น แต่จู่ๆจมูกมันก็ได้กลิ่นเหม็นคล้ายกลิ่นน้ำมันโชยมาตามอากาศ มันทำจมูกฟุดฟิดดมดูในรถไปทั่ว มันกำลังจะเปิดประตูแต่ดันเปิดไม่ออก มันเลยเปิดกระจกชะโงกออกไปดูก็เห็นตรงประตูรถมีไม้ใหญ่ขัดกับพื้นยันไว้ไม่ให้มันออก มันตกใจปล่อยมือถือลงพื้น เอื้อมมือไปบิดกุญแจสตาร์ทรถเตรียมหนี แต่รถก็ดันสตาร์ทไม่ติดเพราะน้ำมันมันถูกปล่อยออกด้วยฝีมือของสาวใช้มิแกลที่ถือไฟแช็กอยู่ในมือ หล่อนปล่อยมันลงตามทางน้ำมันที่ราดไว้ ชะงวนวิ่งแล่นไปเรื่อยๆจนสิ้นสุดลงที่รถตู้สีดำ มันระเบิดขึ้นท่ามกลางความมืดมิดในป่าจนเกิดเป็นแสงไฟฟู่ฟ่าสวยงามดังดอกไม้ไฟ

มิแกลยิ้มพอใจหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาจรดริมฝีปาก หล่อนรายงานความคืบหน้าต่อพ่อบ้านคาลอสก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ตามเดิม หล่อนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าสาวใช้ซูซี่ที่บัดนี้กำลังเก็บกวาดเศษซากศพที่กระจัดกระจายจากฝีมือของแฝดสยองด้วยใบหน้าที่ยังคงเรียบเฉยจนมิแกลนึกหมั่นไส้ ทั้งสองลงมือช่วยกันเก็บกวาดทั้งคาบเลือดและซากซพและต้องให้เสร็จก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นอีกด้วย


==================================

   
ก๊อก ๆ ๆ


“!!” มอร์แกนสะดุ้งตื่นมาในช่วงเช้าด้วยเสียงเคาะประตูจากหน้าห้อง ตากลมโตเหลือบมองไปนอกหน้าต่างก็เห็นว่าข้างนอกห้องสว่างแล้ว ร่างบางพยุงตัวเองแต่ก็ต้องร้องซี้ดขึ้นมาด้วยความเจ็บ มอร์แกนนิ่วหน้าก้มมองมือที่ถูกแก้วบาดยังคงมีเลือดซึมออกมาเล็กน้อย เสียงเคาะประตูยังคงดังขึ้นต่อเนื่องเมื่อเจ้าของห้องยังไม่ยอมมาเปิด มอร์แกนขานตอบรับก่อนจะลุกจากเตียงไปเปิดประตูตามเสียงเรียก

“คุณมิแกลมีอะไรหรือเปล่าฮะ”

“หัวหน้าบอกว่าวันนี้เธอไม่ต้องไปหานายท่านและไม่ต้องดูแลนายท่าน เพราะเดี๋ยวหัวหน้าจะเป็นคนดูแลเอง”

“เอ๋? ทำไมละฮะ ร่ะ หรือผมทำอะไรไม่ถูกต้องเหรอฮะ?” เด็กหนุ่มหน้าซีดเผือดลงถนัดตาจนมิแกลต้องกรอกตาใส่

“ฉันจะไปรู้เหรอ หัวหน้าให้มาบอกแค่นี้ รีบไปอาบน้ำมาทำงานบ้านได้แล้ว ไม่งั้นฉันจะฟ้องหัวหน้าซะหรอก...รีบไปสิ!”

มอร์แกนพยักหน้าเข้าใจอย่างกลัวๆ ร่างผอมเดินเข้ามาหยิบผ้าขนหนูเพื่อไปชำระล้างร่างกายที่ห้องน้ำ ตากลมเหลือบมองที่พื้นที่ยังคงมีเศษแก้วและคราบหยดเลือดหลงเหลืออยู่ สมองน้อยๆรำลึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ได้เผชิญหน้ากับสิ่งที่ไม่อาจจะอธิบายได้ เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องลี้ลับมาก่อน แต่จะว่าไปที่นี่ก็เป็นคฤหาสน์เก่าแก่มาเป็นร้อยปี(ตามที่สองแฝดเคยเล่าให้ฟัง) จะไม่ให้มีผีสางนางไม้เลยก็คงไม่ใช่ เขาไม่เคยเจอมาก่อนแต่ก็ไม่เคยคิดลบหลู่ แต่พอคิดดีๆถ้าไม่เจอก็ดีกว่ามาก เด็กหนุ่มยกมือขึ้นมาถูแขนแรงๆไปที แค่คิดก็ขนลุกชันไปทั้งตัวแล้ว บรื้ออออ

เมื่อทำธุระเสร็จร่างบางก็เดินไปที่ห้องครัวเพื่อเตรียมอาหารทันที แต่กลับได้ความว่าวันนี้ไม่ต้องตั้งสำรับเพราะนายท่านของคฤหาสน์ไม่สบาย พ่อบ้านคาลอสจึงเตรียมสำรับขึ้นไปข้างบนเรียบร้อย มอร์แกนเมื่อได้ยินเช่นนั้นก็นึกเป็นห่วงโคบาล์ ลึกๆก็รู้สึกเสียดายปนน้อยใจที่ทำไมตนเองถึงไม่ได้เป็นคนที่ดูแลชายหนุ่มในเวลาแบบนี้กันนะ แต่ก็ต้องสลัดความคิดออกไปเมื่อรู้สึกว่าตนเองนั้นคิดเลยเถิดไปไหนต่อไหนแล้ว เมื่อวันนี้ไม่ต้องตั้งโต๊ะเด็กหนุ่มมอร์แกนจึงไปช่วยสองแฝดทำสวนที่ด้านนอกอย่างเคยชินพร้อมคุยเล่นกันไปด้วยความสนิทสนม

ขณะที่มอร์แกนกำลังกวาดเศษใบไม้อยู่ก็เห็นบางสิ่งที่เลอะอยู่บนพื้นหญ้าเป็นทางยาว มันมีสีคล้ายเลือดแต่ก็ไม่แน่ใจ เขาก้มลงไปเอามือแตะสิ่งนั้นขึ้นมา นิ้วผอมขยี้มันดูจนแน่ใจว่าเป็นเลือดแน่แล้วก่อนจะตัดสินใจเดินตามรอยเลือดที่หยดลงบนพื้นเป็นทางยาว ขาผอมมาหยุดอยู่หน้าเตาเผาที่ตอนนี้มันกำลังทำการเผาไหม้อยู่ มอร์แกนยืนนิ่งคิดสองจิตสองใจว่าจะเปิดมันดูดีหรือไม่ ใจนึงก็กลัวว่าเปิดไปแล้วจะเห็นอะไรอยู่ข้างในแต่อีกใจก็ลั่นว่ามันคงไม่มีอะไรหรอก มือผอมเอื้อมจับฝาครอบเตาอย่างสั่นเทาก่อนจะทำใจค่อยๆแง้มฝาเตาขึ้นทีละนิด ทีละนิด

“มอร์แกนนนน มอร์แกนอยู่ อ้าว อยู่นี่เอง นึกว่าหายไปไหน”

“!!” มอร์แกนสะดุ้งตกใจรีบชักมือออกจากฝาเตา หันตัวไปตามเสียงเรียกของโทบี้ที่ร้องเรียกตนอยู่

“ม่ะ มีอะไรเหรอโทบี้ เรียกซะตกใจหมดเลย”

“ไปช่วยเราขนกองหญ้าทางนู้นหน่อยสิ จะเอาไปให้วัวกิน”

โทบี้พูดพร้อมยกมือคล้องบ่ามอร์แกนให้เดินตามตน มอร์แกนยู่หน้าอย่างไม่พอใจเมื่อโทบี้ยกมือขึ้นมาขยี้หัวเขาจนผมเสียทรงหมด ได้แต่ตีมือลงไปที่มือหนาของอีกคนแต่ก็แล้วยังไงล่ะ แรงแค่นี้คิดว่าจะทำให้โทบี้ระคายเคืองอะไรได้ มีแต่จะทำให้น่าแกล้งเพิ่มขึ้นอีกเป็นเท่าตัว

ขณะที่ทั้งสองเดินกลับมาก็พบเข้ากับไทเลอร์ มอร์แกนรีบเดินไปฟ้องไทเลอร์ที่ถูกโทบี้แกล้ง เด็กหนุ่มยืนบ่นๆให้แฝดผู้พี่ฟัง โดยที่เจ้าตัวไม่ได้สังเกตุเห็นสองแฝดที่กำลังมองตากันอย่างรู้ความหมาย ไทเลอร์ลูบหัวคนเล็กกว่าก่อนจะขอตัวจากทั้งคู่และเดินตรงไปยังเตาเผาที่เขากำลังเผาซากศพอยู่โดยไม่ให้มอร์แกนรู้

“นี่โทบี้ เราถามอะไรหน่อยสิ คือ ทำไมต้องไม่ให้ออกนอกห้องในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงด้วยล่ะ?” มอร์แกนเงยหน้าถามเพื่อนที่กำลังขนหญ้kขึ้นรถเข็นอยู่อย่างกระฉับกระเฉง

“...อยากรู้เหรอ?” โทบี้ชะงักไปเล็กน้อย เด็กหนุ่มผิวคล้ำหันมาแสยะยิ้มให้มอร์แกนหลังจากได้ฟังคำถามของเด็กหนุ่ม

“อยาก! เอ่อ ไม่ใช่ คือ...” มือผอมรีบตะครุบปากตัวเองไว้ทัน ปากเล็กทำเป็นอ้อมแอ้มตอบแก้ตัว

“มานี่สิ เดี๋ยวจะเล่าอะไรให้ฟัง.....กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว คฤหาสน์หลังนี้เคยมีครอบครัวขุนนางเก่าแก่อาศัยอยู่ ผู้คนในนี้ชอบจัดงานสังสรรค์อย่างครึกครื้นทุกวันตามประสาคนมีเงิน จนกระทั้งวันนึง!!” โทบี้กอดคอมอร์แกนไว้และเริ่มเล่าเรื่องเหมือนการหลอกล่อเด็ก มอร์แกนที่ได้ฟังเรื่องเล่าไปก็ตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ

“ว่ะ วันนึงอะไร!” มอร์แกนที่กำลังฟังอย่างตั้งใจเผลอตะโกนถามขึ้นด้วยความตื่นเต้น

“พวกเขาก็ ก็เกิดท้องเสียขึ้นมากระทันหัน เพราะมีคนใช้เอาอาหารค้างคืนออกมาให้เหล่าขุนนางทาน สาวใช้คนนั้นเลยถูกไล่ออก....เดี๋ยวๆ ยังเล่าไม่จบ อย่าเพิ่งทำหน้าเหม็นเบื่อแบบนั้นดิ ฮ่าๆๆๆ” โทบี้ยืนขำร่างเล็กตรงหน้า ที่ทำหน้าคล้ายกับว่ากำลังฟังเรื่องไร้สาระอยู่ และดูเหมือนว่าถ้าเขายังไม่รีบเล่าให้รู้เรื่อง อีกหน่อยไอ้ตัวเล็กข้างหน้าต้องมาง้องแง้งใส่เขาไม่ยอมเลิกลาเป็นแน่ มอร์แกนที่ยืนมองโทบี้ขำตัวเองก็ทำหน้าหยิกหน้างอใส่จนโดนมือหยาบขยี้หัวไปหลายที ก่อนที่เจ้าตัวจะกลับมาเล่าต่อ

“มา ต่อๆ ถึงตรงไหนนะ เออใช่ หลังจากสาวใช้ถูกไล่ออกไป หล่อนเครียดแค้นให้กับตระกูลขุนนางเป็นอย่างมาก หล่อนเลยทำการลักลอบเข้ามาฆ่าทุกคนที่นี่ แม้กระทั่งคนใช้คนอื่นที่เคยทำงานด้วยกันหล่อนก็ไม่เอาไว้ จนกระทั่งหล่อนขึ้นมาบนห้องของขุนนางท่านนั้นที่ไล่หล่อนออก หล่อนเผลอทำแจกันตกแตกทำให้ขุนนางท่านนั้นรู้ตัวและทำให้ทั้งสองเกิดการต่อสู้กันเกิดขึ้น จนในที่สุดขุนนางพลาดท่าล้มลงกับพื้นทำให้สาวใช้ถือโอกาสจ้วงแทงลงไป แต่ขณะที่ขุนนางยังรู้สึกตัว เขาได้เอ่ยสาปแช่งหญิงสาวโดยให้วนเวียนใช้กรรมอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ไม่มีวันสิ้นสุด และเหตุผลที่ไม่ให้ออกมาในคืนจันทร์เต็มดวงเพราะคำสาปแช่งมันเกิดในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงไงล่ะ!!”

“ส่ะ แสดงว่าจนถึงทุกวันนี้หล่อนก็ยังอยู่เหรอ!! ฮื่ออออออ น่ากลัวอ่ะ...คราวน่าจะไม่ออกมาแล้ว ไม่งั้นต้องเจออีกแน่ๆเลย บรื่อออ” มอร์แกนกอดแขนร่างสูงข้างกันแน่น มองไปยังรอบคฤหาสน์ทั้งที่ยังเป็นตอนกลางวันแต่เขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมาตะหงิดๆ ส่วนโทบี้เมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวของมอร์แกนก็ยิ้มขำอย่างพึงพอใจ ดีแล้วล่ะที่ให้เชื่อเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาจะได้ไม่เป็นอันตรายต่อตัวเอง แต่ถ้าสักวันมอร์แกนจะรู้ขึ้นมามันก็คงช่วยไม่ได้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดล่ะนะ

โทบี้ไล่ให้คนที่ยังกอดแขนตัวเองอยู่กลับไปทำงานเหมือนเดิม ตอนแรกคนตัวเล็กกว่าก็งอแงเล็กน้อย เขาจึงต้องหลอกว่าถ้าเสร็จไม่ทันพระอาทิตย์ตกละซวยเอานะ ทำให้มอร์แกนต้องรีบทำความสะอาดคอกวัวต่อไป

มื้ออาหารเย็นวันนี้ก็เป็นอีกวันที่โคบาล์ไม่ได้ลงมาทานอาหาร ยังคงเป็นพ่อบ้านคาลอสที่มีหน้าที่นำอาหารขึ้นไปให้และคอยดูแลโคบาล์อยู่ด้านบน เลยทำให้มอร์แกนที่ว่างอยู่มาช่วยป้าสการ์ที่ล้างจานอยู่โดยเขานั้นจัดการเช็ดจานและนำไปเข้าตู้ไว้อย่างระมัดระวัง เมื่อเก็บภาชนะทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย หญิงแก่ของบ้านจึงมานั่งหั่นผลไม้ทานเล่นที่บริเวณโต๊ะอาหารที่พวกเขาใช้นั่งทานอาหารร่วมกัน เด็กน้อยมอร์แกนรีบเดินมานั่งจิ้มผลไม้ทานเล่นอย่างเอร็ดอร่อยพร้อมชวนคนแก่คุยไปด้วย

เด็กหนุ่มช่างพูดเจื้อแจ้วไปเรื่อยขณะเคี้ยวผลไม้อยู่เต็มปากอย่างน่ารักน่าชัง หญิงชราได้แต่ส่ายหน้ามอง อดใจไม่ไหวจนต้องหยิกเข้าไปที่แก้มกลมอย่างหมั่นเขี้ยว มอร์แกนยู่ปากใส่หญิงชราพร้อมกับลูบแก้มตัวเองไปด้วย ทั้งคู่นั่งหัวเราะคิกคักคุยกันอยู่ครู่ใหญ่กว่าทั้งสองจะแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัวและเข้าห้องนอนของตัวเอง


==================================

Talk: หายไปหลายวัน กลับมาต่อให้แล้วนะคะ
 :mc4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 21-10-2020 09:30:14 โดย sk_bunggi »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123:

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 8: Anyone belongs with whom was cherish? (ของใคร ใครก็หวง?)


ในที่สุดคืนวันอันโหดร้ายของโคบาล์ก็ผ่านพ้นไป สี่วันที่ผ่านมามันช่างยาวนานเหลือเกินที่จะผ่านพ้นมันไปได้ ความเจ็บปวดทางกายในช่วงที่ติดอยู่ในร่างหมาป่าทุเลาลง ยกเว้นแต่อาการบาดเจ็บที่ข้อมือก่อนน่านี้ดันกลับบวมเป่งขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทำให้พ่อบ้านคาลอสที่เกิดความกังวลใจในอาการของนายน้อยตัวเอง จึงอดไม่ได้ที่จะโทรเรียกหมอประจำตระกลูมาดูอาการอีกครั้ง


“ช่วงนี้คิดถึงกันเหรอ เจอกันบ่อยจริง” หมาป่าอเล็กซ์ในคราบคุณหมอเอ่ยทักทายพร้อมยิ้มกวนๆส่งให้เพื่อนสนิทที่นั่งหน้าบูดบึ้งอยู่บนโต๊ะอาหาร


ร่างสูงเมื่อได้ฟังก็ส่งเสียงจิ๊จ๊ะรำคาญไปให้คนกวนประสาทแต่เช้า


อเล็กซ์มองท่าทางคนตัวใหญ่แต่ทำตัวเหมือนเด็กก็อดขำไม่ได้ พอคิดถึงเรื่องเด็ก คุณหมอหนุ่มก็หันหน้าหันหลังมองหาเด็กน้อยน่ารักของเขา ซึ่งปกติจะต้องยืนอยู่แถวๆนี้แต่ตอนนี้กลับไม่เจอเจ้าตัว


“มองหาอะไร? แล้วเมื่อไหร่จะดูข้อมือให้สักที” แหม ทำเป็นเสียงเข้มขึ้นมาเลยนะ อเล็กซ์ได้แต่คิดในใจก่อนจะลงมือดูอาการบวมที่ข้อมือของโคบาล์ต่อไป เขาจับข้อมือซ้ายของเพื่อนตัวเองหมุนไปมาเพื่อเช็คอาการ โคบาล์นิ่วหน้าด้วยความเจ็บนึกอยากประเคนกำปั้นลงไปทุบหัวไอ้หมอที่นั่งยิ้มขำอยู่ ดูก็รู้ว่ามันแกล้งเขา เห็นอาการบวมขนาดนี้มันก็รู้แล้วไม่ใช่หรือว่าเขาต้องเจ็บ จะจับหมุนหาประแสงอะไร!!


“กล้ามเนื้อบวมเพราะมันไม่คลายตัวน่ะ เดี๋ยวฉีดยาคลายกล้ามเนื้อให้เข็มนึงและเดี๋ยวฉันให้ยาแก้อักเสบไปทานเพิ่มด้วย อย่าลืมทานให้ครบล่ะ”


“อืม อีกนานไหมวะกว่าจะหาย? ก่อนน่านี้ก็ใกล้หายแต่ดันอยู่อีกร่างนึง ลำบากชะมัดยาก”


“มิน่าล่ะ ก็ว่าทำไมถึงบวม คราวนี้น่าจะใช้เวลาหลายอาทิตย์อยู่ ช่วงนี้ก็งดใช้มือข้างนี้เหมือนเดิมละกัน”


โคบาล์พยักหน้าเข้าใจคำอธิบายของหมออเล็กซ์ ทั้งคู่นั่งจิบกาแฟไปพลางคุยกันเรื่อยเปื่อย พอดีกับที่พ่อบ้านคาลอสเดินออกมาจากห้องอาหาร เพื่อแจ้งว่าได้เวลาตั้งโต๊ะอาหารเช้าแล้วและขอเชิญชวนให้คุณหมออเล็กซ์ร่วมโต๊ะเช้านี้ด้วย อเล็กซ์ตอบรับคำชวนของพ่อบ้านเนื่องด้วยเขาเองก็เริ่มหิวแล้วเพราะวันนี้ออกมาแต่เช้า จึงไม่ได้หาอะไรรองท้องยกเว้นกาแฟดำแค่แก้วเดียวที่กำลังดื่มอยู่นี่ เมื่อเห็นเช่นนั้นพ่อบ้านคาลอสจึงส่งสัญญาณให้เหล่าเด็กรับใช้เตรียมอาหารให้เรียบร้อย มิแกลเดินมาจัดอุปกรณ์ในการทานอาหารให้เพิ่มสำหรับแขกที่มาวันนี้


รถเข็นอาหารพร้อมเสิร์ฟถูกเข็นออกมาโดยคนที่อเล็กซ์กำลังมองหา เด็กน้อยมอร์แกนเข็นรถอาหารมาหยุดตรงหน้าโต๊ะ มือผอมหยิบจับถาดใส่อาหารหลากหลายออกมาวางเรียงรายไว้ตรงกลางอย่างชำนาญ ดวงตาคมของอเล็กซ์มองตามเจ้าตัวอย่างไม่ละสายตา ร่างสูงพูดกับตัวเองในใจว่าอาหารตรงหน้าว่าน่ารับประทานแล้ว แต่คนตัวเล็กตรงหน้าตนเองกลับน่าลิ้มลองยิ่งกว่า ยิ่งได้กลิ่นหอมหวานของคนตัวเล็กลอยมาปะทะที่จมูกก็ยิ่งอยากกระชากร่างบางเข้าหาตัวเองซะเดี๋ยวนี้


โคบาล์ที่นั่งมองอยู่รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เมื่อมองผ่านคนตัวเล็กไปยังเพื่อนตนเองที่นั่งอยู่และดูก็รู้ว่ามันมองอะไร ก็แน่ล่ะ เพราะตัวเขาเอาก็กำลังมองเด็กหนุ่มตัวน้อยข้างหน้าอยู่เช่นกัน มือใหญ่จัดการหยิบช้อนขึ้นมาเคาะไปที่แก้วน้ำตรงหน้าเพื่อเรียกสติคนตรงข้ามกัน ทำให้อเล็กซ์ละสายตาจากมอร์แกนมาสบตาเจ้าบ้านแทน ทั้งคู่สบตากันเล็กน้อยก่อนโคบาล์จะชี้ชวนให้ลงมือทานอาหารตรงหน้าได้


มื้ออาหารเช้านี้เป็นสเต็กไก่งวงเนื้อนุ่มชั้นดี ที่พ่อบ้านคาลอสคัดสรรมาแล้ว แต่โคบาล์ดันรู้สึกขัดใจอยู่เล็กน้อย เมื่อแขนข้างซ้ายของเขายังเจ็บอยู่จนไม่สามารถใช้มีดหั่นมันได้ แล้วจะให้เขาทานอาหารด้วยมือข้างเดียวเหรอยังไงกัน จู่ๆชายหนุ่มก็นึกอะไรบางอย่างได้ เขาวางส้อมลงข้างจานดังเดิมจนอเล็กซ์ที่กำลังทานอยู่เกิดความสงสัย แต่ความสงสัยก็เกิดขึ้นได้ไม่นานเมื่อโคบาล์หันไปกวักมือเรียกมอร์แกนที่ยืนเยื้องอยู่ไม่ไกลให้มาหาบริเวณที่ตนเองนั่ง


"นายท่านต้องการอะไรรึเปล่าฮะ?" เด็กหนุ่มมอร์แกนที่ถูกผู้เป็นนายเรียกใช้ เดินเข้าไปใกล้โคบาล์และถามความประสงค์ทันที


"เธอช่วยหั่นสเต็กให้ฉันที ฉันหั่นไม่ถนัด"


"เอ๋? อ่า ได้ฮะ"


"นั่งลงหั่นตรงนี้ล่ะ ไม่ต้องเอาเข้าไปให้เสียเวลา"


โคบาล์เลื่อนจานสเต็กของตนเองไปตรงหน้ามอร์แกนที่อยู่ใกล้กัน มอร์แกนที่กำลังจะยกจานเข้าไปในครัวชะงักลง ร่างผอมบางเกิดอาการเกร็งตัวเล็กน้อยเมื่อต้องนั่งร่วมโต๊ะกับผู้เป็นเจ้านายและแขกของนาย มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างพอใจ แถมเผื่อแผ่รอยยิ้มไปยังอเล็กซ์ ที่ตอนนี้กำลังมองเขาทั่งคู่อยู่ด้วยสายตาที่ไม่บ่งบอกอะไร


ในที่สุดสเต็กไก่งวงชิ้นเล็กก็วางเรียงรายอยู่ในจานของโคบาล์เป็นที่เรียบร้อย ปากเล็กพรูดลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อรูปทรงที่เขาหั่นออกมาก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดเกินไปจนผู้เป็นนายทานไม่ได้ มือผอมเลื่อนจานเข้าไปให้โคบาล์ที่นั่งรออยู่ไม่ห่าง ร่างสูงรับมาจากมือของอีกคนพร้อมเอ่ยขอบคุณและจัดการอาหารของตนต่อ


มอร์แกนที่เห็นเช่นนั้นก็ลุกขึ้นยืนเพื่อกลับไปยังที่เดิมของตนเอง แต่ยังไม่ทันได้ลุกเดินก็มีเสียงหนึ่งรั้งเขาไว้เสียก่อน ทำให้มอร์แกนหันไปมองตามเสียงเรียกอย่างเลี่ยงไม่ได้


“น้องมอร์แกนช่วยเติมน้ำให้พี่หมอทีสิครับ ^^”


“ได้ฮะ สักครู่นะฮะ” มอร์แกนรับคำ เขาเดินตรงมาหยิบแก้วน้ำที่วางไว้ข้างตัวคุณหมอ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปยังรถเข็นอาหารที่มีโหลใส่น้ำเปล่าวางไว้ มือบางรินน้ำใส่ในแก้วให้เสร็จจึงเดินกลับมาที่โต๊ะดังเดิม ขณะที่เขากำลังจะวางแก้วน้ำลง อเล็กซ์ที่รอจังหวะอยู่แล้วได้หันมารับแก้วในมือเขาไว้ ทำให้ตอนนี้มือบางของมอร์แกนถูกมือใหญ่ของอเล็กซ์กุมทับเอาไว้อยู่

   
“ขอบคุณนะครับ” คุณหมอหนุ่มกล่าวขอบคุณ แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยการกอบกุมจากมือบางของคนที่ยืนอยู่ มอร์แกนที่กำลังตกใจพยายามดึงมือตัวเองเบาๆเพื่อไม่ให้เสียมารยาท


ในที่สุดอเล็กซ์จำยอมต้องปล่อยมือเด็กน้อยไป เพราะไม่อยากทำให้เด็กน้อยเกิดความกลัวเขาแทน คุณหมอหนุ่มหันมายิ้มหวานให้มอร์แกนแทน ตาคมเหลือบไปมองโคบาล์เล็กน้อยก่อนเจ้าตัวจะก้มทานอาหารตรงหน้าดังเดิม ส่วนมอร์แกนก็รีบเดินกลับมายังรถเข็นด้วยอาการทำอะไรไม่ถูกละคนเขินอาย ใครที่เจอรอยยิ้มทรงเสน่ห์ของคุณหมอเข้าไป บอกเลยว่าไม่มีทางนิ่งเฉยอยู่ได้หรอก หึหึ


ทว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่อาจหลุดพ้นจากสายตาของพ่อบ้านคาลอสที่ยืนคาดการณ์อยู่ตรงนี้ได้ เขารับรู้ได้ถึงกระแสบางอย่างของชายหนุ่มทั้งสองที่กำลังเกิดขึ้น ไม่แน่ว่านานไปอาจจะผันเปลี่ยนเป็นการเปิด “ศึก” ชิงนายก็เป็นได้


ทางคุณหมออเล็กซ์น่ะเขาไม่ติดใจเท่าไหร่เพราะเจ้าตัวดูชัดเจนกับการมองเด็กหนุ่มตรงหน้า แต่นายท่านเขานี่สิมาได้อย่างไรกัน สงสัยคงต่อรอดูกันต่อไปยาวๆ คาลอสได้แต่คิดว่าหลังจากนี้ไปคงต้องวุ่นวายน่าดู


แต่ทำไมเขาเหมือนลืมใครไปนะ?....


หลังจากมื้ออาหารได้จบลง โคบาล์มีท่าทีหงุดหงิดกับการกระทำของหมออเล็กซ์อย่างเห็นได้ชัด ส่วนอเล็กซ์เมื่อสังเกตุเห็นอาการหัวฟัดหัวเหวี่ยงของโคบาล์ก็นึกสนุก เขารู้ว่าทำไมชายหนุ่มตรงหน้าถึงมีท่าทีหงุดหงิดใส่เขาตลอด แต่แล้วยังไงล่ะในเมื่อเขาก็ชอบของเขา เรื่องแบบนี้เห็นทีมันต้องชิงดีชิงเด่นกันเสียหน่อยจะเป็นกระไรไปล่ะ


คุณหมอหนุ่มยักคิ้วกวนให้โคบาล์ไปที แขนแกร่งยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา นึกได้ว่าตัวเองมีเคสตรวจเช้านี้เลยต้องขอตัวกลับไปทำงานดังเดิม แต่ก่อนไปไม่วายเดินไปหาเด็กน้อยมอร์แกนที่ยืนน่าจิ้มลิ้มอยู่ มอร์แกนเมื่อเห็นคุณหมอหนุ่มมาหยุดยืนตรงหน้าทำให้เจ้าตัวต้องแหงนหน้ามองอเล็กซ์ที่รูปร่างสูงใหญ่พอๆกับโคบาล์ อเล็กซ์ส่งยิ้มให้เด็กน้อยที่ยืนรอส่งเขาอยู่ด้านหน้าประตูคฤหาสน์ ใบหน้าคมคายค่อยๆก้มลงมาจนถึงระดับเดียวกัน ก่อนที่จะ....


จุ๊บ! .... ดวงตากลมเบิกตากว้าง ร่างกายแข็งค้างไม่ไหวติงจนกระทั่งอเล็กซ์ละออกมายืนดังเดิม


“ไว้เจอกันใหม่นะครับ น้องมอร์แกน บ้ายบาย” มอร์แกนได้แต่ยืนอ้าปากค้าง เด็กหนุ่มมองตามคนฉวยโอกาสเดินออกไปขึ้นรถอย่างอารมณ์ดี มือบางยกมือขึ้นมาจับแก้มนุ่มที่ถูกคนเป็นหมอช่วงชิงไป ใบหน้าใสขึ้นริ้วแดงมายันใบหูด้วยความเขินอาย โดยไม่รู้ว่ามีสายตาคมดุจ้องมองตัวเองอยู่


โคบาล์ที่ยืนมองเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ก็เกิดอาการไม่พอใจขึ้นมา ไม่พอใจที่เพื่อนตัวเองกล้ามายุ่งกับคนของเขาและไม่พอใจที่คนตรงหน้าไม่ปฏิเสธกับการกระทำของอเล็กซ์สักนิด โคบาล์ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องรู้สึกอย่างนี้ เขาไม่พอใจที่ถูกอเล็กซ์ยั่วยุและไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากกระชากคนตรงหน้ามาทำโทษให้สาสมกับการที่ทำให้เขาอารมณ์แปรปรวนเช่นนี้ แต่เขาก็ได้แค่คิดเท่านั้นซึ่งในความเป็นจริงเขาไม่สามารถทำได้ เมื่อลองคิดดูแล้วคนตรงหน้าไม่ได้มีความผิดอะไรและอีกเหตุผลคือ เขาและมอร์แกนไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกัน


“ระวังถ้วยจะแตกเอานะขอรับนายท่าน”
 

คาลอสที่ลอบมองคนทั้งสามอยู่ไม่ห่างเอ่ยแซวนายตัวเองที่ตอนนี้กำถ้วยใส่ชาร้อนแน่นจนกลัวว่ามันจะแตกคามือเอา คาลอสยอมรับว่าตกใจเล็กน้อยที่เห็นอเล็กซ์หอมแก้มเด็กรับใช้ของเขา ชายแก่ไม่คิดว่าอเล็กซ์จะกล้าทำถึงขนาดนี้เพราะอย่างไรก็ตามโคบาล์ก็ยังยืนมองอยู่ แต่เขากลับคิดผิด เพราะดูท่าคุณหมอหนุ่มจะเป็นฝ่ายอยากเริ่มประกาศศึกเสียเอง ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวออกจะสนุกเสียด้วยซ้ำที่ทำให้โคบาล์ออกอาการหงุดหงิดแบบนี้ได้


ศึกเพิ่งจะเริ่ม ก็มีคนหัวร้อนเข้าเสียแล้ว....


“คาลอส นายคิดเหมือนฉันใช่ไหม?” ตาคมยังคงจ้องมองยังร่างผอมบางที่กำลังเดินกลับเข้ามาในคฤหาสน์ หลังจากออกไปส่งคุณหมอหนุ่มเรียบร้อย


“อ่า กระผมก็ว่าอย่างนั้นนะขอรับ อย่างไรก็ตาม หมออเล็กซ์ก็นำหน้าไปก่อนแล้วนะขอรับ ฮุฮุ”


“นำหน้าอะไร ไร้สาระหน่าคาลอส...ไปเตรียมรถให้ฉันที ฉันจะเข้าบริษัทเสียหน่อย”


ทำเป็นออกคำสั่งเสียงเข้มใส่แต่มีหรือพ่อบ้านอย่างเขาจะกลัว ชายแก่รู้หรอกว่านายน้อยของตนกำลังกลบเกลื่อนอาการที่มีคนรู้ทันตัวเองอยู่ เลยเลี่ยงที่จะต่อปากต่อคำกับเขาต่อ พ่อบ้านคาลอสจึงโค้งรับคำและเดินออกไปเตรียมรถให้เจ้านายตามคำสั่ง ส่วนมอร์แกนที่เดินกลับเข้ามาก็พบเข้ากับโคบาล์ที่ยืนอยู่หน้าห้องโถงใหญ่ คนตัวเล็กก้มโค้งจะเดินผ่านไปแต่เสียงเข้มกลับดักเขาเอาไว้เสียก่อน


“วันนี้ฉันจะเข้าบริษัท ผลัดมาหลายวันแล้วและเธอต้องไปกับฉัน”


“ได้ฮะ แล้ว...ผมจำเป็นต้องไปด้วยเหรอฮะ?”


“ใช่ ไปทั้งชุดนี้ล่ะ ไม่ต้องไปเปลี่ยนให้เสียเวลาแล้ว...ไปกันเถอะ”


มอร์แกนพยักหน้าเข้าใจ ทั้งสองเดินมาขึ้นรถที่มีไทเลอร์ยืนรอเปิดประตูให้ผู้เป็นนายได้ก้าวขึ้น ส่วนมอร์แกนขึ้นไปนั่งด้านหน้ากับคนขับ ก่อนที่รถจะมุ่งหน้าตรงไปที่บริษัทของโคบาล์ทันที

(มีต่อค่ะ)

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
(ต่อค่ะ)


เด็กน้อยมอร์แกนก้าวลงจากรถจากรถยนต์คันหรูด้วยความตื่นเต้น โคบาล์ที่ก้าวลงจากรถลงเช่นกันหันกลับไปบอกให้ไทเลอร์ไปจอดรอที่เดิมก่อนเจ้าตัวจะเรียกมอร์แกนที่มองไปรอบๆอย่างสนใจให้เดินตามตนเองมา ระหว่างเดินเข้ามาด้านในพนักงานทุกคนก้มโค้งทักทายโคบาล์เป็นแถวและมองมายังเด็กหนุ่มที่เดินตามหลังโคบาล์อย่างให้ความสนใจ มอร์แกนที่ไม่รู้เรื่องก็ได้แต่ก้มโค้งทักทายพนักงานรอบๆที่ยืนทักทายโคบาล์ไปด้วย จนทำให้พนักงานทุกคนมองเขาอย่างเอ็นดูและยิ้มตอบให้


โคบาล์หันมองเด็กหนุ่มที่เดินตามต้อยๆแสดงอาการตื่นตาตื่นใจจนออกนอกหน้า คนแก่กว่ากลัวว่าเด็กน้อยจะเดินหลงจึงหันมาแตะหลังมอร์แกนเพื่อให้เดินมาเสมอกันกับเขา ทั้งสองเดินเข้ามาในลิฟต์แก้วที่ใช้ได้เฉพาะผู้บริหารอย่างโคบาล์เท่านั้น มอร์แกนเกาะไปที่กระจกแก้วอย่างตื่นๆ ตากลมโตมองออกไปด้านนอกอย่างตื่นเต้น ปากเล็กอ้าออกกว้างจนกลัวว่ามันจะหุบไม่ลง ทำเอาโคบาล์ที่ยืนมองอยู่หลุดขำออกมาเล็กน้อยก่อนจะเก็บอาการไว้ดังเดิมเมื่อมอร์แกนหันมามอง


ประตูลิฟต์เปิดออกเมื่อมาถึงชั้นที่ต้องการ เจสสิก้าลุกขึ้นยืนทักทายโคบาล์ก่อนจะมองเลยไปยังอีกคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง


“สวัสดีค่ะท่านประธานและ...เอ่อ”


“สวัสดีเจส นี่มอร์แกนคนดูแลฉัน ส่วนนี่เจสสิก้า ลีเป็นเลขาของฉัน”


หลังจากโคบาล์แนะนำเสร็จมอร์แกนก็โค้งทักทายพร้อมจับมือทักทายกับเจสสิก้าไปด้วย ทั้งสองยิ้มให้กันก่อนที่เจสสิก้าจะเดินกลับไปที่โต๊ะตนเองเมื่อโคบาล์ถามหาเอกสารด่วนที่ต้องการให้เขาเซ็นมันก่อนน่านี้ เลขาสาวรายงานเอกสารคร่าวๆให้โคบาล์ที่นั่งอยู่ฟัง เมื่อชายหนุ่มฟังรายงานจึงให้เลขาสาวต่อสายไปยังแผนกจัดซื้อเพื่อเรียกขึ้นมาคุยกันต่อ


โคบาล์ที่นั่งตรวจกองเอกสารในมือหันไปบอกมอร์แกนว่าเขาต้องการกาแฟร้อนสักแก้ว ไม่ลืมบอกให้เด็กหนุ่มหาเครื่องดื่มของตนเองมาไว้ด้วยเช่นกัน มอร์แกนรับคำเดินออกไปด้านนอกห้องออฟฟิต เขาเดินไปเจสสิก้าเพื่อถามหาสิ่งที่ตนเองต้องการ เมื่อร่างบางก้าวออกไปได้ไม่นานก็มีเสียงโทรศัพท์ในห้องทำงานดังขึ้น


กริ้ง กริ้ง


[ท่านประธานคะ หัวหน้าแผนกจัดซื้อมาถึงแล้วค่ะ]


"ให้เข้ามาได้"


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


"เชิญครับ" มือใหญ่ปิดเอกสารอื่นที่อ่านค้างไว้อยู่ลง เงยหน้าขึ้นมองคนเข้ามาใหม่


"ขออนุญาตค่ะท่านประธาน ดิฉันมีเอกสารด่วนจากแผนกจัดซื้อให้เซ็นค่ะ"


"อืม ขอผมอ่านรายละเอียดก่อน เชิญคุณนั่งลงก่อนครับ" โคบาล์ผายมือให้หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้ด้านหน้าตนเอง ตาคมไล่อ่านเอกสารการสำคัญในการเบิกซื้อที่หญิงสาวนำมาให้ "... ทำไมต้องเบิกซื้อโครงเหล็กเพิ่มอีกเป็นพันเส้นและยิปซัมอีกห้าร้อยถุง?"


"ค่ะ จากที่แผนกก่อสร้างติดต่อมาเมื่อวาน ทางนายช่างใหญ่ต้องเบิกวัสดุก่อสร้างเพิ่มค่ะ"


"แต่ที่คุยจำนวนกันก่อนหน้านี้ก็พอแล้วไม่ใช่รึไง?"


"ต้องขอประทานโทษด้วยค่ะท่าน ตรงนี้ดิฉันไม่ทราบรายละเอียดเบื้องลึกจริงๆเพราะทางนายช่างใหญ่เขาแจ้งมาค่ะ"


"งั้นคุณช่วยกลับไปบอกเขาว่าผมไม่อนุมัติการจัดซื้อนี้ เพราะทางช่างใหญ่คอนเฟิร์มจำนวนที่แน่นอนให้ผมในการประชุมครั้งก่อนแล้ว ตามนี้ครับ"


"ได้ค่ะท่าน" หัวหน้าแผนกจัดซื้อรับคำพลางเก็บเอกสารกลับไปคงเดิม


เมื่อหัวหน้าสาวแผนกจัดซื้อออกไปโคบาล์ยกหูโทรเรียกเลขาสาวหน้าห้องเข้ามาทันที เขาให้หล่อนค้นหาแฟ้มเอกสารการจัดซื้อของโครงการใหม่ในการประชุมตั้งแต่ริเริ่มสร้างโครงการจนถึงเมื่อเดือนที่แล้วมาให้


เมื่อเจสสิก้านำแฟ้มเอกสารมาให้ ตาคมเริ่มไล่อ่านเอกสารที่เกี่ยวกับการเบิกซื้ออุปกรณ์ในโครงการใหม่ของบริษัท คิ้วหนาทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันเมื่อเจอบางอย่างขัดใจจากในหน้ากระดาษที่กำลังอ่านอยู่


“เจส คุณเอาเอกสารมาครบจริงๆใช่ไหม?”


“ใช่ค่ะท่านประธาน ทั้งจากไฟล์ที่เจสแกะออกมาจากเทปที่ประชุมก็อยู่ในนี้ค่ะ”


“ขอบคุณมากครับ”    


โคบาล์เปิดแฟ้มเอกสารของโครงการใหม่เมื่อปีที่แล้วสลับกับของการประชุมล่าสุดขึ้นมาดู นิ้วใหญ่เปิดหาเอกสารของแผนกจัดซื้อที่มียอดการเบิกซื้อในบริษัทของลูอีซมากมาย ซึ่งในระยะแรกของการก่อสร้างมีการสั่งซื้อที่มากมายซึ่งตัวเขาเองก็เข้าใจแต่กลายเป็นว่าเจ็ดเดือนผ่านไปยอดในการสั่งซื้อวัสดุก็ยังมากอยู่ไม่ได้ลดลงเลย ทั้งๆที่โครงการก็ลุยไปได้เจ็ดสิบกว่าเปอร์เซนแล้ว โคบาล์คิดในใจว่ามันต้องมีอะไรผิดพลาดแน่นอน จึงต่อสายหาเจสสิก้าอีกครั้ง


“เจส ต่อสายหาแผนกจัดซื้อของบริษัทS ถามเรื่องการเบิกซื้อวัสดุของช่างใหญ่ให้ผมที”


[ได้ค่ะท่านประธาน] ฝั่งเจสสิก้าเมื่อวางสายจากโคบาล์ไปก็รีบต่อสายถึงแผนกจัดซื้อของบริษัทS เพื่อตรวจสอบรายละเอียดการจัดซื้อทันที


มอร์แกนที่เดินกลับเข้ามาด้านในห้องพร้อมด้วยถาดใส่เครื่องดื่มและขนมก็เกิดอาการเกร็งเล็กน้อย เมื่อเจ้าตัวรับรู้ได้ถึงรัศมีตึงเครียดของผู้เป็นนายที่แผ่ซ่านออกมาภายนอก โคบาล์นั่งยกมือขึ้นนวดไหล่เพื่อไล่อาการขบเมื่อยเล็กน้อย เขาเอนหลังพิงพนักพิงบนเก้าอี้พลางถอนหายใจยาวออกมา ตาคมค่อยๆหลับลงคล้ายจะพักสายตา


“เอ่อ นายท่านไหวไหมฮะ” มอร์แกนวางแก้วที่มีกาแฟร้อนหอมกรุ่นลง เอ่ยถามชายหนุ่มตรงหน้าที่หลับตาอยู่


“เธอนวดเป็นรึเปล่า มานวดไหล่ให้ฉันทีสิ”


“อืม ก็พอได้นะฮะ เดี๋ยวผมลองนวดให้”


โคบาล์ที่ยังหลับตาอยู่พยักหน้ารับพลางหมุนเก้าอี้ตัวเองออกมาด้านข้างโต๊ะเพื่อให้เด็กน้อยมอร์แกนเข้ามายืนได้ถนัด เด็กหนุ่มจำต้องเดินมาหยุดตรงหน้าเขาแทน เพราะเก้าอี้ทำงานของที่ห้องนี้นั้นเป็นแบบพนักพิงสูงจึงไม่สามารถเอื้อมมานวดจากทางด้านหลังได้ มอร์แกนจึงต้องมายืนทางด้านหน้าของร่างสูงแทน


เด็กหนุ่มเอ่ยขออนุญาติด้วยเสียงแผ่วเบา เขาลงมือนวดไหล่กว้างอย่างยากลำบากเพราะท่าทางที่เป็นอยู่ มือเล็กขยุ้มไปตามไหล่กว้างและตามลำคอแกร่ง ลงน้ำหนักที่มือหนักบ้างเบาบ้างตามฉบับที่เคยดูมา โคบาล์ที่นอนหลับตาพริ้มส่งเสียงอื้ออ้าพอใจผ่านลำคอ ตาคมค่อยๆลืมตามองคนเด็กตรงหน้าที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาปรนนิบัติให้เขาอย่างขันแข็ง


มอร์แกนที่กำลังตั้งใจอยู่ชะงักมือตัวเองลงเมื่อเจอสายตาคมของชายหนุ่มจับจ้อง เขากำลังละมือออกจากบ่ากว้างเพราะคิดว่าโคบาล์คงต้องการให้หยุด แต่กลับถูกมือใหญ่เอื้อมมาดึงให้เข้ามาชิดตัวมากกว่าเดิม มอร์แกนอุทานตกใจเพราะตัวเองล้มลงไปนั่งบนตักแกร่งโดยไม่ได้ตั้งตัว มือบางผลักอกร่างสูงเล็กน้อยเมื่อลำตัวแนบชิดกันมากเกินไปจนกลัวว่าจะมีใครมาเห็น


“น่ะ นายท่านฮะ คือ...”


มอร์แกนส่งเสียงอ้อมแอ้มเรียกโคบาล์ที่ไม่ได้ตอบโต้อะไร ชายหนุ่มยังคงจับจ้องใบหน้าหวานไม่วางตา จนบัดนี้ใบหน้าหวานของมอร์แกนขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย ดวงตากลมผินหน้ามองมือใหญ่ที่ยกมาเกลี่ยแก้มตัวเองเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้าค่อยๆก้มลงจรดริมฝีปากของตัวเองลงที่แก้มนิ่มของเด็กหนุ่ม หวังให้รอยจูบของตัวเองช่วยลบรอยจูบของอเล็กซ์ออกไปได้


มอร์แกนที่สัมผัสได้ถึงความนุ่มของริมฝีปากหยักก็ได้นั่งตัวอ่อนระทวยไม่กล้าขยับไปไหน โคบาล์ที่เห็นดังนั้นยิ่งได้ใจสูดดมความหอมค้างไว้ไม่ยอมละออกไป จนกระทั่งประตูห้องทำงานที่ปิดอยู่ถูกเปิดออกโดยผู้มาเยือนใหม่ มอร์แกนรีบผละตัวเองออกจากร่างสูงที่มองตามร่างเล็กอย่างน่าเสียดาย


ดวงตาคมเข้มเงยหน้ามองผู้บุกรุกที่ไร้มารยาทด้วยหน้าตาที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร ร่างบางของมอร์แกนที่ยืนก้มหน้าอยู่ข้างๆเขาก็ถูกลูอีซกระชากออกจนมอร์แกนกระเด็นไปชนกับตู้โชว์ในห้องทำงานอย่างแรง มอร์แกนร้องออกมาด้วยความจุก โคบาล์ตกใจรีบลุกขึ้นไปประคองมอร์แกนเอาไว้เมื่อเห็นมอร์แกนล้มลงไปนั่งกับพื้นด้วยความเจ็บปวด


ทางเจสสิก้าที่แวะไปปลดทุกข์เมื่อครู่เดินกลับมาที่โต๊ะของตนเองด้วยความสบายใจ ดวงตาเรียวรีมองสำรวจที่ประตูห้องทำงานของเจ้านายที่ถูกเปิดค้างไว้จึงจะเดินเข้าไปเช็คความเรียบร้อย แต่เมื่อเดินถึงประตูก็ต้องอุทานร้องตกใจ เมื่อหล่อนเห็นมอร์แกนถูกลูอีซผลักจนชนเข้ากับตู้โชว์อย่างแรง หล่อนรีบเข้าไปช่วยประคองเด็กน้อยที่นั่งร้องไห้อยู่ที่พื้นทันที หญิงสาวมองไปทางลูอีซด้วยความงุนงง ลูอีซมาได้อย่างไรกันทั้งที่ก่อนน่านี้ก็ไม่เห็นมีวี่แวว แต่แล้วก็ต้องเอ๊ะขึ้นมาเมื่อคิดได้ว่าลูอีซน่าจะมาตอนที่ตนไปเข้าห้องน้ำแน่นอน ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มเครื่องสำอางสวยงามแต่บัดนี้กลายเป็นสีซีดแทน เมื่อมองคนทั้งสามสลับกันไปมา


“คุณทำบ้าอะไรของคุณ ลูอีซ!” โคบาล์ลุกขึ้นมายืนประจันหน้าลูอีซที่ทำท่าจะปรี่เข้ามาอีกครา


“หมายความว่ายังไงโคบาล์ ทำไมคุณกับไอ้เด็กนี่ถึงมากอดกันอยู่ในนี้ ทำไมคุณทำแบบนี้!!”


“อย่ามางี่เง่าหน่าลูอีซ ที่นี่บริษัทผม ห้องทำงานผม ผมจะทำอะไรมันก็เรื่องของผม”


“งี่เง่าเหรอ นี่คุณกล้าว่าผมงี่เง่าเหรอโคบาล์?” ลูอีซมองร่างสูงด้วยแววตาที่ตัดพ้อ ทำไมโคบาล์ถึงกล้าว่าเขาทั้งๆที่ไม่เคยเลย


“ลูอีซ ขอโทษมอร์แกนเดี๋ยวนี้”


“ไม่ เป็นแค่คนใช้ทำไมผมต้องไปขอโทษด้วย สำออยจริงๆ”


“ลูอีซ...” โคบาล์เริ่มกดเสียงต่ำอย่างไม่พอใจ


“ท่ะ ท่านประธาน เจสต้องขออภัยด้วยค่ะ คือ…”


"ออกไปก่อนเจส คุณได้อธิบายกับผมแน่" ร่างสูงหันมองเลขาสาวด้วยแววตาดุ หญิงสาวหันมองมอร์แกนด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ต้องจำยอมเดินออกไปตามคำสั่งเจ้านายตนเอง


“ผม ผมไม่เป็นไรฮะนายท่าน ไม่ต้องให้คุณลูอีซ เอ่อ...ขอโทษผมหรอกฮะ” มอร์แกนพูดพลางก้มหน้าต่ำเมื่อเจอสายตาไม่พอใจของลูอีซที่มองมายังเขา มอร์แกนรีบเขยิบมาหลบด้านหลังโคบาล์เอาไว้


โคบาล์ได้แต่ถอนหายใจหนักๆอย่างไม่พอใจ นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะเนี่ย เครียดงานก็เครียดยังต้องมาเจอปัญหากับลูอีซอีก


“แล้วคุณมีธุระอะไรถึงเข้ามาในห้องผมโดยไม่ขออนุญาต?”


“ก็ไม่มีธุระอะไร แค่จะมาหาเฉยๆเพราะคุณไม่ติดต่อผมมาเลยนี่นา” ลูอีซเดินเข้าไปใกล้โคบาล์อย่างง้องอน แขนเรียวลูบไปตามกล้ามแขนของโคบาล์อย่างเอาใจโดยไม่สนใจว่ามอร์แกนยังยืนอยู่ด้านหลัง มอร์แกนเมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็รู้สึกเจ็บหน่วงที่ในใจ เขาพยายามเดินเบี่ยงออกห่างจากทั้งคู่เพื่อเดินออกไปด้านนอก


“??” แต่คนตัวสูงเร็วกว่า เขาฉุดมือมอร์แกนให้กลับมายืนข้างตัวเองตามเดิม เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองหน้าโคบาล์ที่ยืมกุมมือเขาไม่ปล่อย ทำให้ลูอีซที่ยืนมองอยู่ได้แต่ยืนกำมือแน่นและส่งสายตาโกรธเคืองไปให้มอร์แกน


“จะไปไหน”


“คือ ผมจะออกไปรอด้านนอกฮะ” มอร์แกนตอบออกไปพลางก้มมองมือตัวเองที่ถูกมือใหญ่กระชับไว้แน่น ทำให้มอร์แกนรู้สึกอุ่นวาบในหัวใจขึ้นมา


“ช่างเขาเถอะโคบาล์ จะไปรั้งไว้ทำไมล่ะ ปล่อยให้มอร์แกนออกไปแล้วเราจะได้อยู่กันสองคนไงครับ” ระหว่างที่พูด ร่างอ้อนแอ้นผละตัวเองออกจากแขนอีกฝั่งของโคบาล์แล้วพยายามจะเข้ามาแทรกตรงที่มอร์แกนยืนอยู่ สองมือบางพยายามจะคว้าแขนของชายหนุ่มออกจากการจับกุม แต่กลับถูกมือใหญ่สะบัดออกอย่างแรง “!!”


“เจสสิก้าส่งแขกด้วย...กลับกันเถอะมอร์แกน”


“อ่ะ ด่ะ เดี๋ยวสิโคบาล์!!”


โคบาล์ไม่สนใจเสียงเรียกตามหลัง เขาเดินจูงมืองมอร์แกนออกไปกดลิฟต์ด้านนอกโดยไม่สนใจลูอีซที่ยืนหน้าเบ้ด้วยความโกรธอยู่ในห้องทำงานตัวเอง ชายหนุ่มก้าวเข้าไปในตัวลิฟต์โดยไม่สนใจลูอีซที่กำลังเร่งรีบตามมา แต่กว่าเจ้าตัวจะเดินมาถึงประตูลิฟต์ก็ได้ปิดลงเสียแล้ว ร่างบางยืมกำหมัดนิ่งด้วยความโกรธ ไม่มีเลย ไม่มีครั้งไหนเลยที่โคบาล์จะทำกิริยายังนี้กับเขา เป็นเพราะไอ้เด็กมอร์แกนนั่น ต้องเป็นเพราะมันแน่ๆ!!


หลังจากออกจากลิฟต์โคบาล์ก็พามอร์แกนตรงไปยังรถที่มีไทเลอร์มาจอดรอไว้อยู่ก่อนแล้ว มอร์แกนที่กำลังเปิดประตูด้านหน้าเพื่อขึ้นนั่งที่ด้านหน้าตามเดิม แต่ดันถูกโคบาล์ฉุดมานั่งที่เบาะด้านหลังด้วยกันแทน จนทำให้ไทเลอร์ที่มองอยู่เกิดความสงสัยแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร ก่อนเจ้าตัวจะออกรถออกจากบริษัทไป


“เจ็บตรงไหนบ้าง” โคบาล์พูดขึ้นเมื่อสังเกตุเห็นว่ามอร์แกนจับที่แขนของขวาของตัวเองทั้งแต่ขึ้นมาบนรถ


“เอ่อ ผมไม่ได้เจ็บตรงไหนฮะ” ร่างบางรีเสหลบเมื่อเจอสายตาจ้องจับผิด มือหนาเลยคว้าไปที่แขนข้างที่มอร์แกนจับอยู่แทนคำตอบ จนทำให้คนตรงหน้าร้องออกมาด้วยความเจ็บแปลบขึ้นมาทันที “อ๊ะ! เจ็บ”


“เปิดแขนเสื้อออก...เดี๋ยวนี้” โคบาล์สั่งเสียงเข้มเมื่อเด็กตรงหน้าทำท่าทางลังเลเหมือนจะไม่ยอม มอร์แกนเหลือบตามองผู้เป็นนายที่ออกคำสั่งก่อนจะค่อยๆถกแขนเสื้อขึ้นจนทำให้เห็นรอยช้ำจากการถูกกระทำก่อนหน้านี้ โคบาล์ถอนหายใจยาวเมื่อเห็นร่องรอยช้ำตามแขนขาว เพราะมอร์แกนนั้นตัวเล็กและผอมกว่าลูอีซอยู่พอสมควร ถูกทำรุนแรงขนาดนั้นจะไม่ให้ช้ำได้อย่างไร


“ฉันขอโทษแทนลูอีซด้วยจริงๆ ไม่คิดว่าลูอีซจะกล้าทำแบบนี้”


“ไม่เป็นไรฮะ คือ ผมไม่ได้โกรธคุณลูอีซเลยฮะ แต่เป็นผมเองที่ต้อง...ขอโทษเขา”


“ฉันตั้งหากที่ต้องขอโทษ ถ้าเธอบอกเธอผิด ฉันต้องผิดกว่าเพราะเป็นคนที่ทำให้เธอเจ็บ จริงไหม?” โคบาล์ยกมือลูบหัวปลอบใจคนตัวเล็กกว่าอย่างลุแก่โทษ เป็นเพราะเขาเองที่ทำอย่างนั้นโดยลืมคิดไปว่าคนอื่นจะมาเจอ แต่อีกใจก็คิดถ้าลูอีซไม่เข้ามาขัด เขาก็อาจจะไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และป่านนี้เขาอาจจะทำอะไรเกินเลยกับเด็กหนุ่มตรงหน้านี่ก็เป็นได้


เฮ่อ...ต้องหัดใจเย็นมากกว่านี้แล้วสิ


มอร์แกนที่เห็นโคบาล์ส่งสายตาสำนึกผิดมาให้ก็ได้แต่ส่ายหน้าว่าไม่เป็นไร เพราะเขาก็รู้ว่าที่ลูอีซทำไปเพราะอะไร ถ้าเป็นตัวเขาเองเขาก็อาจจะทำเช่นนั้นก็ได้ ถึงอาจจะไม่รุนแรงเท่าที่ลูอีซทำกับเขาก็เถอะ ทางฝั่งไทเลอร์ที่จ้องมองคนทั้งคู่ผ่านกระจกมองหลังอย่างเงียบๆก็พอจะลำดับเหตุการณ์ออก จากที่ฟังดูน่าจะเป็นเรื่องหึงหวงแน่นอน แต่เขาไม่คิดว่าลูอีซที่เห็นว่าภายนอกร่าเริงจะกล้าทำร้ายคนที่อ่อนแอกว่าตัวเอง เรื่องนี้คงได้ต้องถึงหูของพ่อบ้านคาลอสเป็นแน่ ไทเลอร์คิดในใจก่อนตั้งหน้าตั้งตาขับรถดังเดิม


“อย่าลืมหายาทาซะ ยังไงฉันก็ขอโทษแทนลูอีซอีกครั้งที่ทำให้เธอบาดเจ็บ...กลับไปพักผ่อนเถอะ”


โคบาล์ยังอดเป็นห่วงกับรอยช้ำของมอร์แกนไม่ได้ เขาจึงต้องกำชับบอกเด็กหนุ่มเอาไว้และปล่อยให้ไปพักผ่อนจะดีกว่า เด็กน้อยมอร์แกนพยักหน้ารับเข้าใจ ก้มโค้งบอกลาโคบาล์ที่ยกมือขึ้นมาลูบหัวเขาอีกครั้ง ก่อนคนตัวใหญ่จะผละออกเพื่อขึ้นไปในห้องพักของตัวเอง


หลังจากทำธุระเสร็จเรียบร้อยมอร์แกนก็กลับเข้ามานอนพักผ่อนในห้องตัวเองเหมือนทุกๆวัน มือผอมลูบไปตามรอยช้ำที่ปรากฎขึ้นบนแขนผอมด้วยน้ำตาที่หน่วงคลอ นึกเวทนาในตนเองเมื่อนึกถึงสายตาที่ลูอีซมองมายังเขาและคำด่าทอที่ว่าใส่เขา มอร์แกนได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยล้าก่อนลุกไปปิดไฟในห้อง ร่างบางนอนคุ้ดคู้กอดตัวเองไว้ ค่อยๆปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาหวังให้มันนำพาเขาเข้าสู่นินทราในคืนนี้


==================================

จากคนเขียน: สงสารลูกจิงๆ มีทั้งคนรักและคนชัง น้องหนูมอร์แกนต้องสู้ๆนะลูกกกก
 :hao5:

ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
น้องงงงง

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 9: Don't make like you love me, if you are not.


มอร์แกนยืนทำใจอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่บานเดิม พ่อบ้านคาลอสสั่งให้เขาต้องขึ้นมาดูแลโคบาล์เหมือนปกติที่เคยทำ คนตัวเล็กทำท่าโอดครวญเล็กน้อยแต่ก็ต้องหุบปากฉับเมื่อเจอสายตาคาดโทษที่ส่งมาให้ ร่างบางยืนลูบหน้าลูบตาและสำรวจการแต่งกายตัวเองอีกครั้งคล้ายคนประหม่า มือบางบรรจบเคาะประตูเรียกคนที่อยู่ด้านในห้องพร้อมเอ่ยเรียก

   
   ก๊อก ก๊อก ก๊อก ....


ไม่มีเสียงตอบรับจากภายในห้องดังเดิม มอร์แกนยืนรออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเคาะเรียกอีกครั้ง แต่ก็ยังไม่มีการตอบรับจากโคบาล์กลับมาอยู่ดี ตอนแรกเขาคิดจะถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปแต่ก็ไม่อยากเสียมารยาท เพราะโคบาล์อาจจะกำลังทำธุระไม่เสร็จก็เป็นได้ มอร์แกนจึงตัดสินใจเคาะเรียกอีกครั้งโดยไม่คิดจะเปิดมันเข้าไป


“...นายท่านฮะ นาย อ๊ะ!” ยังไม่ทันจะได้พูดจบดี คนตัวเล็กก็ถูกมือใหญ่ดึงเข้ามาในห้องโดยไม่ทันตั้งตัว ร่างเล็กกว่าของมอร์แกนลอยหวือปะทะเข้ากับกายแกร่งที่พันแค่ผ้าขนหนูเอาไว้หมิ่นเหม่ ฮีตเตอร์ที่ยังเปิดใช้งานอยู่ทำหน้าที่นำพาไออุ่นแผ่ซ่านไปทั่วห้อง ส่งผลให้ร่างบางสัมผัสได้ถึงอุหภูมิที่ร้อนจากร่างกายกำยำตรงหน้า


มอร์แกนเงยหน้าสำรวจร่างสูงใหญ่อย่างลืมตัว นัยน์ตากลมไล่มองตั้งแต่เส้นผมที่ยังคงเปียกลู่ของชายหนุ่มจนมันไหลลงมาตามโครงหน้าหล่อเหลา ไหนจะหยดน้ำที่ยังเกาะพราวอยู่ตามกล้ามเนื้อแน่นสวยจนดูเซ็กซี่ไม่หยอก มอร์แกนลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก อาการเก้อเขินเกิดขึ้นทันทีเมื่อพบว่าโคบาล์ส่งสายตากรุ้มกริ่มกลับมาให้ตน มือบางพยายามดิ้นและผลักตัวเองออกจากอ้อมแขนใหญ่ แต่ทว่ายิ่งเด็กน้อยตรงหน้าขัดขืนมากเท่าไหร่ โคบาล์ก็ยิ่งกระชับอ้อมกอดให้ร่างนิ่มเข้ามาชิดกันมากเท่านั้น


“ขออยู่แบบนี้อีกสักพัก...นะ” ริมฝีปากหยักกระซิบติดใบหูแดง มอร์แกนทำได้แค่เพียงยืนแน่นิ่งให้คนร่างสูงกอดโดยไม่ได้ค้านอะไร โคบาล์ยืนกอดมอร์แกนอยู่ครู่หนึ่งก่อนละตัวออกมา เขาจับแขนเด็กหนุ่มข้างที่มีรอยช้ำขึ้นมาและจัดการถลกแขนเสื้อเชิ๊ตขึ้นจนเห็นรอยช้ำที่เริ่มเป็นสีม่วงคล้ำ สายตาคมเข้มมองสำรวจรอยจ้ำหลายจุดอย่างไม่ชอบใจนัก


“ยังเจ็บแขนอยู่รึเปล่า...อย่าโกหกว่าไม่เจ็บนะ” ร่างสูงเอ่ยถามพร้อมดักคอคนตัวเล็กไว้กรายๆ เขารู้ว่ามอร์แกนต้องตอบว่า 'ไม่เจ็บ' หรือ 'ไม่เป็นไร' แน่นอน มอร์แกนที่กำลังจะบ่ายเบี่ยงแต่ดันถูกรู้ทันก็จำยอมต้องพยักหน้ารับตามน้ำ แต่ก็เพราะว่ามันยังเจ็บอยู่จริงๆถ้าเกิดเขาเผลอไปโดยมันเข้าน่ะนะ


“แล้วได้ทายารึยัง” โคบาล์ที่ยังสำรวจตามรอยช้ำถามขึ้นอีกครา


“ยังฮะ คือ ผมรีบขึ้นมาก็เลย...ลืมทา” เสียงแผ่วเบาตอบตอนท้าย เหล่ตามองคนด้านบนเล็กน้อยเพราะกลัวถูกคนตัวโตดุเอา


   พรึ้บ!


“!!” มอร์แกนตกใจเมื่อแขนข้างที่มีรอยช้ำถูกร่างสูงจับยกขึ้นกลางอากาศและตามมาด้วยสิ่งที่มอร์แกนไม่คาดคิด


“ขอโทษนะ....จุ๊บ!” เสียงนุ่มทุ้มเอื้อนเอ่ยขอโทษแนบชิดปลายนิ้วมือเรียวพร้อมด้วยความอุ่นร้อนที่พรมจูบคลอเคลียอย่างเชื่องช้าตามบริเวณเรียวนิ้วทั้งห้าไม่ห่าง ริมฝีปากหยักย้ายเป้าหมายจากนิ้วมือเรียวมาที่ท่อนแขนขาวแทน


มอร์แกนนิ่งค้างมองตามการกระทำของคนโคบาล์อย่างไม่อาจเชื่อสายตา ขนในกายลุกตั้งชันขึ้นกับสัมผัสอุ่นบางเบาที่เคลื่อนผ่านตามท่อนแขนของตน โคบาล์ค่อยๆเคลื่อนริมฝีปากร้อนของตัวเองขึ้นมาตามลำแขนขาว อาจมีบ้างที่คนตัวเล็กในอ้อมแขนสะดุ้งออกมาเมื่อโคบาล์ประทับรอยจูบลงตรงบริเวณรอยช้ำอย่างเอาใจ


“อื้อ...” ร่างเล็กหลุดเสียงน่าอายออกมาจนต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาปิดมันไว้ มอร์แกนมองตามการเคลื่อนไหวของโคบาล์ด้วยแววตาพร่ามัว สายตาคมของโคบาล์ยังคงจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าหวานตลอดเวลาที่ริมฝีปากเคลื่อนไปมา ลมหายใจที่ติดขัดของคนเด็กกว่าเกือบจะทำให้เขาเสียการควบคุมตัวเองอีกครั้ง ถ้าหากร่างของเด็กหนุ่มไม่ทรุดลงไปกับพื้นเสียก่อนเขาคงจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ล่ะนะ


ตอนนี้หัวสมองน้อยๆของมอร์แกนตื้อไปหมด รู้สึกร้อนรุ่มหวาบหวามไปทั้งร่างจนพาลให้เกิดอาการแข้งขาอ่อนแรงและร่วงลงมานั่งกองที่พื้นในที่สุด มอร์แกนทำได้เพียงแค่ก้มมองพื้นพรมด้านหน้า แสร้งทำเป็นว่ามันน่าสนใจมากกว่าร่างสูงที่ยืนมองเขาอยู่เสียอีก ให้ตายเถอะพระเจ้า วินาทีนี้เขาไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสู้กับโคบาล์ด้วยซ้ำ อย่างน้อยๆเขาอยากจะให้โคบาล์บ่นเขาหรือดุเขามากกว่ามาทำอะไรแบบนี้ซะอีก!


   หัวใจดวงนี้กำลังจะวายแล้วนะนายท่าน....


โคบาล์หลุดยิ้มออกมาเมื่อยังเห็นมอร์แกนนั่งนิ่งไม่ไหวติง เขาทรุดนั่งลงตรงหน้าคนเด็กกว่าที่ไม่ยอมเงยขึ้นมาเสียที มือหนาลูบแขนเสื้อเชิ้ตลงมายังข้อมือเล็ก จัดการกลัดกระดุมที่ปลายแขนเสื้อให้เรียบร้อยดังเดิม ก่อนจะฉวยโอกาสช้อนคนตัวร่างเล็กขึ้นมาอุ้มเพราะเห็นว่าถ้ารอให้เจ้าตัวลุกเองคงต้องใช้เวลานานน่าดู เขาวางร่างเล็กลงบนเก้าอี้ข้างเตียงและเดินเลยไปหยิบชุดที่หน้าตู้กระจกกลับมาให้คนที่นั่งเหม่ออยู่


มอร์แกนรู้สึกตัวอีกทีตอนที่คนตรงหน้ายืนโปกมือไหวไปมาให้ ร่างบางสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือใหญ่ลูบไปมาบนกลุ่มผมอย่างเอ็นดู มอร์แกนพยายามสูดหายใจเข้าลึกเพื่อตั้งสติใหม่เมื่อนึกถึงหน้าที่ของตนเอง เขาพยุงตัวลุกยืนขึ้นเพื่อช่วยโคบาล์จัดการแต่งตัวอีกครั้ง ใช้เวลาไม่นานโคบาล์ก็อยู่ในชุดไปรเวทแบบเรียบหรูเป็นที่เรียบร้อย ร่างสูงยืนสำรวจการแต่งกายอยู่หน้ากระจกอย่างพึงพอใจเช่นที่เคย เมื่อเห็นว่าเลยเวลามาพอสมควรจึงชักชวนพากันเดินออกไป


“ไปกันเถอะ เดี๋ยวข้างล่างเขาจะสงสัยเอาได้เนอะ หึหึ” ไม่วายเอ่ยแซวคนเด็กที่เดินตามหลังอยู่ ส่งผลให้มอร์แกนเกิดความกังวลใจเพราะกลัวพ่อบ้านคาลอสจะตำหนิตัวเองที่ล่วงเลยเวลาอาหารมานานแล้ว โคบาล์ที่พูดแซวหลุดขำออกมาอย่างเก็บไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้ายู่ยี่ของคนถูกแกล้ง ส่วนคนที่เพิ่งรู้ว่าถูกแกล้งนั้นก็ทำได้เพียงส่งสายตาจิกขวางกลับไปให้แทน


   สงสัยเด็กน้อยจะลืมไปว่าเขาเป็นเจ้านายเสียแล้ว...ก็ดูทำหน้าทำตาเข้าสิ มันน่าจับมาทำโทษนัก


เมื่อทั้งสองลงมาที่ชั้นล่าง ก็พบกับพ่อบ้านคาลอสที่ยืนรออยู่พร้อมด้วยมิแกลที่มองมายังมอร์แกนอย่างสงสัย เด็กน้อยมอร์แกนรีบเดินไปยืนประจำที่โดยไม่สนใจสายตาจับผิดของมิแกลแต่อย่างใด คาลอสที่มองอยู่ไม่ได้เอ่ยปากถามสิ่งใดเพียงแต่ใช้สายตาเหลือบมองไปที่มอร์แกนทีและหันกลับมามองคนเป็นนายที่วันนี้เจ้าตัวดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ คนแก่กว่าเลิกคิ้วเชิงถามโคบาล์ในจังหวะที่เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากันพอดี แต่ก็ได้ปฏิกิริยากลับมาเพียงการหยักไหล่ให้แบบไม่ใส่ใจ โคบาล์ลงมือทานอาหารมื้อเช้าตรงหน้าที่รู้สึกว่าวันนี้มันอร่อยกว่าวันไหนๆ ท่าทางของชายหนุ่มทำให้คนแก่ระบายยิ้มออกมาและส่ายหน้าให้กับความเจ้าเล่ห์ของนายน้อยของตน


   เบื่อจริงหนอคนปากหนัก....บอกคนแก่เสียหน่อยก็ไม่ได้ ฮุฮุ



==================================



หลายวันผ่านมาจนล่วงเลยเข้าวันสุดท้ายของเดือน คุณหมออเล็กซ์ก้าวผ่านประตูรั้วใหญ่ของคฤหาสน์แวร์วูฟในช่วงบ่ายของวันหยุดอีกครั้ง เมื่อช่วงหัวค่ำของเมื่อวานขณะที่กำลังเลิกวอร์ดที่โรงพยาบาล เขาได้รับการติดต่อจากพ่อบ้านคาลอสที่อัพเดตเรื่องอาการบาดเจ็บของโคบาล์ที่ดูเหมือนเจ้าตัวเริ่มจะหายเป็นปกติแล้ว เลยต้องการให้เขาเข้ามาตรวจเช็คเพื่อความแน่ชัดอีกครั้ง


คุณหมอหนุ่มก้าวลงจากรถยนต์คันหรูของตัวเองพร้อมด้วยชุดกาวน์สีขาวสะอาดตา ใบหน้าคมคายจุดรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของเจ้าตัวขึ้นทันที เมื่อเห็นคนตัวเล็กในดวงใจยืนกวาดลานกว้างของคฤหาสน์อยู่ มือบางยกขึ้นปาดเหงื่อตามหน้าผากและซอกคอตนเอง ใบหน้าหวานมีเลือดฝาดอมชมพูเพราะความร้อนจากการทำงานยามบ่าย ขายาวของอเล็กซ์เร่งเดินจนมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคนตัวเล็กกว่าด้วยความดีอกดีใจ มอร์แกนที่ยังคงยืนอยู่เงยหน้ามองคนมาใหม่ก่อนจะยิ้มทักทายอย่างมีมารยาท 


“สวัสดียามบ่ายครับน้องมอร์แกน” คุณหมอหนุ่มเจ้าเสน่ห์เอ่ยทักทายคนตัวเล็กด้านหน้า มือใหญ่อบออุ่นยกขึ้นขยี้หัวทุยเบาๆคล้ายหยอกล้อ


“สวัสดียามบ่ายเช่นกันฮะคุณหมออเล็กซ์” มอร์แกนยิ้มรับทักทายกลับคุณหมออย่างเป็นกันเอง


“วันนี้ต้องโชคดีมากแน่นอนเลย ได้เจอน้องมอร์แกนเป็นคนแรกของวัน ^^”


“เอ๊ะ โชคดีเพราะเจอผมคนแรกงั้นเหรอ...ทำไมเหรอฮะ?” มอร์แกนทวนคำตอบของอเล็กซ์อีกครั้ง เด็กน้อยเอียงหน้าถามด้วยความสงสัยอย่างน่ารักน่าชัง จนคุณหมอหนุ่มอยากจะรั้งเข้ามาโอบกอดและจับฟัดแรงๆแต่ก็ต้องทำนิ่งใจเย็นเอาไว้


“อืมมมม ยังไงดีล่ะ...ก็แบบว่าได้เจอคนที่ตัวเองชอบนี่ครับ ก็ต้องโชคดีสิจริงไหม?” ใบหน้าคมคายเกาท้ายทอยแก้เก้อพลางยิ้มสดใสตอบกลับให้ ไม่ลืมหยอดคนเด็กไปเล็กน้อยให้พอกระชุ่มกระชวย มือใหญ่เกลี่ยปอยผมที่ลงมาปรกข้างแก้มใสออกให้ยามสายลมพัดผ่าน เผยให้เห็นวงหน้าหวานหมดจดที่ไร้สิ่งใดบดบัง


มอร์แกนเมื่อได้ฟังเช่นนั้นก็อดที่จะเขินเป็นไม่ได้ มือบางกอดไม้กวาดที่กำลังกวาดใบไม้ในมือแน่นขณะที่ถูกมือใหญ่ทัดปอยผมให้ที่ใบหู อเล็กซ์ละมือตัวเองจากใบหูแดงออกมา เอื้อมมือไปปัดปลายผมม้าที่ถูกผูกไว้หลวมๆขึ้นมาจรดที่จมูกโด่งของตน ดวงตาสีทองชายมองคนตัวเล็กที่ยืนหลับตาปี๋ไม่ได้ขยับไปไหน ก่อนจะค่อยๆสูดดมกลิ่นหอมคล้ายดอกไม้บานจากปลายผมยาว


   ตายแน่ๆ มอร์แกนต้องเป็นลมกลางแดดแน่ๆ


   หมับ!


“เอามือของนายออกไปซะ” ร่างสูงใหญ่พอกันของอีกคนยืนประจันหน้ากับอเล็กซ์ มือใหญ่บีบเข้าที่ข้อมืออเล็กซ์อย่างแรงจนต้องเบ้หน้าด้วยความเจ็บ


“ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งนายด้วย?” อเล็กซ์มองหน้าท้าทายโคบาล์กลับอย่างเอาเรื่อง จนทำให้คนที่อยู่ตรงกลางอย่างมอร์แกนต้องรีบห้ามทัพจ้าละหวั่น


“จะ ใจเย็นๆกันก่อนนะฮะ อย่าทะเลาะกันๆ มันไม่ดี” มอร์แกนเอ่ยขึ้นแทรกกลางระหว่างคนทั้งคู่ด้วยความไม่รู้ประสีประสาว่าต้นเหตุมาจากอะไร


“ดูท่าจะหายดีแล้วนี่ ถึงออกแรงได้ขนาดนี้” อเล็กซ์เหลือบตามองข้อมือตัวเองที่ยังถูกคนข้างกันจับไว้แน่น และมือที่จับเขานั้นก็เป็นข้างเดียวกับที่เจ้าตัวเคยบาดเจ็บเสียด้วย


“ถ้ารู้แล้วก็กลับไปซะ เชิญ” โคบาล์พูดขึ้นใส่ด้วยใบหน้าขึงขัง มือใหญ่ยังคงไม่ละจากข้อมือของอีกคน ทำให้อเล็กซ์จำต้องผละมือจากคนตัวเล็กก่อน โคบาล์จึงค่อยผ่อนแรงลงและเหวี่ยงข้อมืออีกฝ่ายให้เป็นอิสระ มือใหญ่ของโคบาล์รีบคว้าไหล่คนตัวเล็กมาโอบไว้และดึงเข้ามาหาตัวเองแทนอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ


คุณหมอหนุ่มเมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงอาการหึงหวงจนออกนอกหน้า ทำให้เขาอยากจะกระชากมอร์แกนมาหาตัวเองแทน แต่ก็ทำได้เพียงแค่กำมัดระงับอารมณ์โกรธไว้ลึกๆ เขาขบสันกรามตัวเองแน่นจนมันปูดนูนอย่างน่ากลัว ดวงตาสีทองสว่างวาวโรจน์ไม่ต่างกันกับดวงตาสีเขียวสว่างของโคบาล์ที่ยังจ้องฟาดฟันกันไม่ลดละ จนในที่สุดพ่อบ้านคาลอสจำต้องเดินออกมาห้ามทัพเพื่อคลายสถานการณ์ของทั้งคู่ด้วยตัวเอง


“สวัสดียามบ่ายขอรับคุณหมออเล็กซ์ อย่างไรเชิญเข้าไปพักจิบน้ำชากับขนมยามบ่ายเพื่อคลายร้อนเสียหน่อยเถิด” ความสุภาพของคาลอสช่วยลดอาการหัวร้อนของอเล็กซ์ลงไปหย่อมหนึ่ง คุณหมอหนุ่มหันสายตามายังพ่อบ้านเก่าแก่แทน ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สุภาพไม่ต่างกัน


“ไม่เป็นไรครับ ผมแค่แวะมาดูอาการคนเจ็บเท่านั้น แต่เท่าที่ดูก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว อย่างไรผมขอตัวไปทำงานต่อแล้วกันครับ” อเล็กซ์กล่าวลาพ่อบ้านคาลอสพร้อมก้มหน้าลาให้ ร่างสูงผินหน้าไปทางมอร์แกนที่ยังยืนอยู่ระหว่างเขาสองคน มือใหญ่วางทาบลงหัวคนเด็กกว่าก่อนจะยิ้มลาอีกฝ่ายอย่างเป็นกันเอง “พี่ไปก่อนนะครับ ไว้เจอกันใหม่นะ บาย”


มอร์แกนก้มโค้งกล่าวลาแก่คนเป็นหมอ ทั้งสามยืนมองรถคันหรูของอีกฝ่ายออกจากรั้วประตูใหญ่จนกระทั่งลับตาไป ความหงุดหงิดของโคบาล์ที่ยังคงค้างอยู่ก่อนน่านี้แล่นเข้ามา เมื่อหันกลับมายังตัวต้นเหตุที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรยืนอยู่ไม่ไกลกัน มือใหญ่ฉุดกระชากลากมอร์แกนให้เดินตามเข้ามาในคฤหาสน์ โดยมีพ่อบ้านคาลอสเดินตามอยู่ห่างๆอย่างเป็นห่วงทั้งคู่


   หวังว่านายน้อยของตนคงจะไม่ใจร้ายกับเด็กน้อยจนเกินไป...


“เจ็บ! นายท่าน ผมเจ็บฮะ.... โอ๊ย!” มอร์แกนได้แต่ร้องเสียงหลงด้วยความเจ็บร้าว ข้อมือเล็กถูกมือใหญ่กุมแน่นอย่างแรง มอร์แกนพยายามดึงแขนตัวเองออกจากการกอบกุมของอีกฝ่ายหวังจะให้ชายหนุ่มปล่อยแต่ก็กลับไม่เป็นผล โคบาล์ยังพยายามลากเขาขึ้นบันไดไปที่ชั้นบนของคฤหาสน์ต่อไปอย่างไม่สนใจ จนคนตัวเล็กที่พยายามขืนตัวเองไว้สะดุดเข้ากับขั้นบันไดตรงทางขึ้นพอดี ส่งผลให้มอร์แกนล้มลงไปโดยที่ยังมีโคบาล์หิ้วแขนอยู่


โคบาล์หยุดชะงักเท้าลงเมื่อได้ยินเสียงร้องของมอร์แกนดังขึ้น นัยน์ตาแข็งกร้าวกระพริบตาถี่คล้ายเรียกสติก่อนก้มลงมองมอร์แกนที่นั่งตัวสั่นอยู่ด้านล่าง โคบาล์รีบปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระและพยายามจะเข้าไปพยุงคนตัวเล็ก แต่กลับถูกถอยห่างออกด้วยความหวาดกลัว โคบาล์ชะงักมือที่จะจับไปเล็กน้อย ร่างสูงเงยหน้าสบตาคนมาใหม่ที่เดินเข้ามาใกล้ พ่อบ้านคาลอสที่ตามทั้งสองมาเรื่อยๆเห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้ามาพยุงเด็กหนุ่มแทน ชายแก่หันไปหานายน้อยเชิงบอกว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่เขาจะดีกว่า


โคบาล์ยืนลูบหน้าตัวเองพลางถอนหายใจหนัก มือใหญ่เสยผมตัวเองแรงๆด้วยความอารามโกรธตัวเอง เขาดันโกรธและเผลอตัวทำมอร์แกนเจ็บไปด้วยโดยที่มอร์แกนไม่ได้รู้เรื่องด้วยซ้ำว่าเจ้าตัวทำผิดอะไร คาลอสลอบมองนายน้อยตนครู่หนึ่งก่อนจะกลับไปให้ความสนใจกับมอร์แกนอีกครั้ง มือเหี่ยวของคาลอสจับไปตามร่างกายสั่นเทาอย่างเบามือเพื่อสะกิดเรียกคนเด็ก มอร์แกนเงยหน้ามองพ่อบ้านคาลอสด้วยแววตาที่สั่นไหวคล้ายจะร้องไห้ก็ไม่ปาน เมื่อคาลอสพยุงให้คนเด็กลุกขึ้นยืนได้ ร่างบางก็รีบเขยิบตัวชิดคนแก่ทันทีเมื่อยังเห็นโคบาล์ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ได้ไปไหน


“ฉันขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ...เธอเจ็บมากหรือเปล่า?” โคบาล์เอ่ยถามมอร์แกนที่ยืนแอบอยู่ด้านหลังคาลอสด้วยสายตาเป็นห่วงเป็นใย เด็กหนุ่มส่ายหัวแต่กระนั้นก็ยังไม่โผล่ออกมาจากข้างหลังของคาลอสอยู่ดี


“นายท่านเชิญไปพักเถอะขอรับ เดี๋ยวกระผมขอตัวมอร์แกนไปช่วยงานต่อเลยแล้วกัน... ไปกันเถอะมอร์แกน” ว่าเสร็จก็เดินนำมอร์แกนผ่านหน้าโคบาล์ไป เด็กหนุ่มเหลือบตามองโคบาล์อย่างกล้าๆกลัวๆก่อนจะก้มโค้งให้คนเป็นนายเล็กน้อยและเดินจากไป โดยไม่ยอมหันหลังกลับมามองว่าคนตัวใหญ่นั้นมองตามตัวเองตาละห้อย

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านมา ดูท่าหนูน้อยมอร์แกนจะคอยหลบหน้าคล้าตาโคบาล์อยู่ไม่น้อย ประจวบเหมาะกับช่วงเวลานี้อาการบาดเจ็บของโคบาล์ได้หายไปสิ้นแล้วทำให้หนูน้อยยิ่งห่างกับเขาไปอีก อย่างเช่นในตอนนี้ที่แต่เดิมในทุกๆเช้าเจ้าตัวต้องขึ้นมาหาเขา แต่บัดนี้กลับกลายเป็นสาวใช้มิแกลที่เคยมีหน้าที่นี้มาก่อนขึ้นมาทำหน้าที่แทนเสียอย่างนั้น


การทำงานในวันนี้ของโคบาล์ดูท่าจะทำให้พนักงานในบริษัทหัวหดกันไปเสียหมด เมื่อเจ้าของบริษัทเดินเช็คงานแต่ละแผนกตัวตนเองจนทำให้พนักงานปิดปากกันเงียบกริบ เกรงว่าจะถ้าทำอะไรไม่ถูกใจคงได้ถูกโวยเป็นการใหญ่เป็นแน่ และดูเหมือนว่าอารมณ์ของเจ้าของร่างใหญ่ไม่ใคร่เสถียรเสียเท่าไหร่นัก ทำให้เลขาสาวสวยอย่างเจสสิก้าที่เดินตามหลังต้อยๆพลอยปั้นหน้าไม่ถูกไปด้วย


โคบาล์พยายามไล่ความหงุดหงิดและความคิดงุ่นง่านออกไป เขานั่งสงบสติอารมณ์จนกระทั้งล่วงเลยมาหลังมื้อบ่ายของวัน เจ้าตัวถึงกลับมาจับปากกาทำงานได้อีกครั้ง


   ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“ขออนุญาติค่ะท่านประธาน เจสนำเอกสารตารางเทียบการเบิกซื้อตั้งแต่ปีที่แล้วและของปีนี้มาให้ ตัวนี้เจสว่าจะช่วยให้ดูยอดการเบิกจำนวนวัสดุได้ง่ายขึ้นค่ะ” เลขาสาวเอ่ยก่อนนำแฟ้มเอกสารปึกใหญ่วางไว้ตรงหน้าเจ้านาย


“ขอบคุณมากครับ... อืม เป็นประโยชน์มาก ยังไงผมขออ่านเอกสารเพิ่มเติมก่อนนะครับ”


“ได้ค่ะ ถ้าท่านประธานต้องการอะไรเพิ่มเติมเรียกเจสได้เลยนะคะ...เอ่อ แล้ว...” เจสสิก้าทำท่าละลำละลักอยากจะพูดออกไป แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวเจ้านายจะกลับมาพร้อมเหวี่ยงใส่เธออีกครั้ง


“มีอะไรหรือเปล่าเจส?” โคบาล์ละสายตาจากแฟ้มงานที่อ่านอยู่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเลขาที่ยังไม่จากไปไหน


“คือ ท่านประธานอย่าหาว่าเจสยุ่งเลยนะคะ เจสเป็นห่วงน้องมอร์แกนเขาน่ะค่ะ น้องเป็นยังไงบ้างคะแล้วหายดีแล้วหรือยัง” เจสสิก้าถามไถ่ออกไปด้วยความเป็นห่วง วันนั้นเธอได้อธิบายให้โคบาล์ฟังถึงเหตุผลที่ลูอีซเข้ามาโดยพละการ ซึ่งเจ้านายเธอก็เข้าใจว่ามันเป็นเหตุสุดวิสัยที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เขาเลยไม่ได้ติอะไรเธอมากนักแค่เตือนให้เธอมีความระมัดระวังและรอบครอบกว่านี้ หลังจากเหตุวันนั้นก็ผ่านไปเป็นอาทิตย์แล้วแต่เธอไม่เคยเจอเด็กน้อยมอร์แกนอีกเลย ทำให้เจสสิก้านึกเป็นห่วงอยู่เพราะคงสะเทือนใจเด็กหนุ่มอยู่ไม่น้อย


“หายดีแล้วล่ะ แต่ไม่ได้มาช่วยอะไรแล้ว ขอบคุณที่เป็นห่วง” ชายหนุ่มยิ้มตอบเลขาที่มีสีหน้าดีขึ้นเมื่อได้ฟังคำตอบ หล่อนโค้งให้โคบาล์ก่อนจะขอตัวออกไปด้านนอกเช่นดังเดิม แต่แล้วริมฝีบางที่เคลือบด้วยลิปสติกสีสวยก็ต้องยิ้มแห้งอีกครั้งเมื่อโคบาล์เอ่ยกำชับทีเล่นทีจริงขึ้นมา “แล้วอย่าให้ใครเข้ามาในห้องโดยที่ผมยังไม่อนุญาตอีกนะครับเจสสิก้า ลี”


   ทำไมตอนถูกเรียกชื่อเต็มมันถึงได้เสียวสันหลังแบบนี้เนี่ย บรื้ออออ


หลังจากเลขาสาวออกไปก็ได้เวลาที่โคบาล์จะหันกลับมาตรวจเอกสารอีกครั้ง ดวงตาคมไล่มองเอกสารในมือที่เจสสิก้าทำขึ้นมาเทียบกับการเบิกซื้อและจำนวนวัสดุที่เบิกจ่ายมา แต่เดิมการก่อสร้างโครงการจำเป็นต้องให้แล้วเสร็จตามกำหนดที่ลงมติในที่ประชุมไว้ ทำให้ตัวเลขในการเบิกซื้อปีแรกๆค่อนข้างสูงลิ่ว แต่หลังจากโครงการแล้วเสร็จไปกว่าครึ่งการเบิกจ่ายวัสดุมันควรจะลดลงตามจำนวน แต่นี้การเบิกกลับยังคงถูกเบิกด้วยจำนวนมากโขอยู่ เป็นความผิดของเขาเองที่ไม่ตรวจสอบให้แน่ชัดและไม่เอะใจให้เร็วกว่านี้
   

โคบาล์ยังคงหมกมุ่นกับการตรวจเช็คเอกสารต่อไปจนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึงยามเย็นที่สมควรจะเลิกงาน นิ้วหนานวดคลึงไปตามหว่างตาด้วยความอ่อนเพลีย เขาปลดเนคไทออกก่อนจะแกะกระดุมเสื้อคลายความอึดอัดลง ตาคมเริ่มอ่อนล้าจากการจ้องมองจอคอมพิวเตอร์และตัวหนังสือนานๆ นัยน์ตาคมกวาดตาไปรอบห้องเหมือนกับขาดสิ่งใดไป


   เฮ่อ...ขาดคนดูแลสินะ


ร่างสูงส่ายหัวไปเรื่อยพลันลุกขึ้นยืนเดินเพื่อคลายอาการขบเมื่อย มือหนาฉวยหยิบเสื้อสูทเอามาใส่และเดินออกไปด้านนอก โคบาล์ขมวดคิ้วหนาด้วยความไม่ชอบใจเมื่อเห็นเลขาสาวยังนั่งอยู่ที่โต๊ะไม่ไปไหน เจสสิก้าเมื่อเห็นว่าคนเป็นเจ้านายยังอยู่จึงเกิดความเกรงใจไม่อยากให้โคบาล์อยู่คนเดียวและเกรงใจที่ตนเองต้องกลับก่อนหัวหน้า โคบาล์ได้ยินเช่นนั้นจึงเอ่ยตักเตือนหล่อนเล็กน้อยเมื่อฟ้าด้านนอกกำลังจะมืดและมันจะเป็นอันตราย หญิงสาวระบายยิ้มออกมาในความสุภาพบุรุษของเจ้านาย หล่อนจึงเก็บของและเดินเข้าไปในลิฟต์ที่มีโคบาล์อาสาเดินมาส่งด้วยตัวเอง เจสสิก้าโค้งขอบคุณและเอ่ยลาให้โคบาล์อีกครา


โคบาล์กดปุ่มลิฟต์ไปอีกครั้ง โดยครั้งนี้เป้าหมายอยู่ที่ชั้นดาดฟ้าของบริษัท ขายาวก้าวเข้ามาในสวนย่อมเล็กๆบนชั้นดาดฟ้าที่เขาจัดทำไว้ให้พนักงานมาผ่อนคลายและมานั่งพูดคุยกันได้ เขาเดินมาหลบมุมด้านหลังประตูที่มีช่องว่างอยู่ สายลมเย็นเริ่มจะเข้าฤดูหนาวพัดผ่านมา โชคดีที่เผ่าพันธุ์หมาป่าเป็นจำพวกเลือดอุ่นทำให้เขาไม่รู้สึกเหน็บหนาวเสียเท่าไหร่ มือหนาควักซองบุหรี่ราคาแพงจากในกระเป๋าสูทที่นานครั้งถึงจะหยิบมันขึ้นมาระบายสักทีในยามเครียด ปากหยักหอบเอานิโคตินเข้าปอดให้สมองปลอดโปร่งขึ้นก่อนจะปล่อยออกมาให้สายลมพัดผ่านไป สายตาเหม่อมองขอบฟ้าที่กำลังหายลับไป ทำให้คิดถึงคนเด็กที่อยู่อีกฟากของเมือง มุมปากที่มีเขี้ยวอมยิ้มขึ้นเล็กน้อยเมื่อกำลังคิดหาวิธีที่ใช้ง้อเด็กน้อยของเขา ถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไปตัวเขาต้องได้ชอกช้ำเพราะคนเด็กอาจจะหยุดมือไปเป็นของอีกคนก็เป็นได้


รองเท้าหนังขยี้บุหรี่ที่สูบจนหมดมวนลง ครั้นกำลังหมุนตัวกลับก็เจอเข้ากับบุคคลที่คุ้นตากำลังโวยวายโทสะลงกับปลายสายอยู่ ขายาวจึงชะงักหยุดลงและแอบในมุมมืดต่อไป ใบหูเอี้ยวฟังการสนทนาของบุคคลนั้นเรื่อยๆ เขาตัดสินใจล้วงหยิบโทรศัพท์จากในกระเป๋าเสื้อขึ้นมากดเข้าโหมดถ่ายคลิปไว้ เขานึกโชคดีที่พกมันมาด้วยก่อนจะแอบถ่ายอยู่เงียบๆ


“...ก็มันไม่เซ็นอนุมัติจะให้ฉันทำยังไงเล่า ถ้าขนย้ายไปเองเดี๋ยวก็โดนจับได้ ซวยห่ากันหมด แถมฉันเพิ่งมารับงานของบริษัทนี้โครงการแรกนะเว้ย... เออนั่นดิ อุตส่าห์รอดมาได้ตั้งหลายครั้ง ครั้งนี้มันดันเอะใจขึ้นมาซะงั้น ไม่รู้มันจะจับหรือเปล่า... อืมๆ เองก็ระวังทางบริษัท S จะรู้ด้วยล่ะ เพราะฝั่งนั้นมันก็เป็นคู่ค้ากับที่นี้มานาน ยังไงก็อย่าให้มีปัญหาแล้วกัน... ได้ๆ งั้นแค่นี้ล่ะ ไว้คุยกันใหม่”


โคบาล์กดหยุดการอัดวิดีโอลงเมื่อสิ้นเสียงของบุคคลดังกล่าว ร่างป้อมเตี้ยในชุดหมีเก็บเครื่องมือสื่อสารของตนลงใส่กระเป๋ากางเกงและเดินจากไปทันที ร่างสูงที่แอบในมุมมืดยืนยิ้มร้ายพอใจกับหลักฐานที่ได้มา มันชี้ชัดและบ่งบอกได้ดีว่าคนๆนี้เป็นใคร เขาต้องหาหลักฐานเพิ่มมากกว่านี้เสียแล้ว


   ไว้เจอกันนายช่างใหญ่...ที่ในชั้นศาลน่ะนะ   


ขายาวพาตัวเองก้าวออกจากดาดฟ้า กดลิฟต์ลงที่ชั้นทำงานของตัวเองทันที โคบาล์กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานตัวเองขณะที่มือใหญ่ความหาสายโทรศัพท์ในการโอนถ่ายข้อมูลไปเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ตัวเองเพื่อป้องกันการสูญหายของคลิปวิดีโอ เขานั่งดูคลิปในจอคอมโดยอดขอบคุณโทรศัพท์รุ่นแพงที่ถึงมันจะห่างอยู่พอสมควรแต่ก็เก็บรายละเอียดได้อย่างดีเยี่ยม บทสนทนาที่ได้ฟังคาดว่าคู่หูของอีกฝ่ายน่าจะทำงานในบริษัท S เป็นแน่



==================================



เด็กหนุ่มมอร์แกนที่กำลังตะเตรียมโต๊ะอาหารสำหรับมื้อค่ำเมื่อได้ความจากพ่อบ้านว่าผู้เป็นนายกำลังเดินทางกลับมา ทำให้ในครัวเตรียมอาหารกันจ้าล่ะหวั่น มือผอมจับสำรับอาหารใส่ในรถเข็นให้เรียบร้อยเพื่อรอสัญญาณจากพ่อบ้านเท่านั้น เด็กหนุ่มได้ยินเสียงคนคุยกันดังจากทางห้องโถงจึงเดินออกมาดูเพราะคิดว่าน่าจะเป็นคนที่ทุกคนรออยู่ แต่เมื่อเดินถึงห้องโถงใหญ่กลับกลายเป็นคนที่มอร์แกนไม่กล้าเผชิญหน้าด้วยอย่างลูอีซเสียอย่างนั้น ลูอีซผละการทักทายออกจากพ่อบ้านคาลอสเมื่อเห็นคนที่ตัวเองชิงชังเดินมา ร่างโปร่งรีบเดินตรงมาหามอร์แกนที่ไม่สามารถปลีกตัวออกไปได้ทัน


“สวัสดี วันนี้ต้องขอรบกวนหน่อยนะ พอดีโคบาล์เขาให้ฉันมาหาน่ะ” ร่างโปร่งหน้ายิ้มทักทายพร้อมกล่าวหนักเน้นคำเลศนัยให้ชวนคิด รอยยิ้มเย้ยหยั่นส่งตอบมาให้มอร์แกนที่เงยหน้าขึ้นมองเมื่อสิ้นเสียง ทำให้มอร์แกนต้องรีบก้มหน้าหลบสายตาพลันวัน


“นายท่านใกล้จะมาถึงแล้ว อย่างไรเชิญคุณลูอีซที่ห้องอาหารได้เลยขอรับ” พ่อบ้านคาลอสดูเหมือนจะเข้าใจเจตนาของลูอีซดี จึงเอ่ยชักชวนร่างโปร่งกลายๆเพื่อให้มอร์แกนสามารถปลีกตัวออกไปได้ ทว่าก่อนเดินออกไปร่างโปร่งไม่วายแกล้งเดินชนไหล่คนตัวเล็กกว่าจนเซไปอีกด้าน ก่อนจะเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะในลำคอ


โคบาล์ที่กลับมาถึงคฤหาสน์เดินตรงเข้ามายังห้องอาหารที่มีแขกหน้ามลนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ชายหนุ่มปั้นหน้านิ่งนั่งลงยังที่ประจำของตนโดยมีลูอีซชักชวนพูดจ้อไปเรื่อย ตามจริงเขายังรู้สึกขุ่นเคืองกับการกระทำของอีกฝ่ายที่เจ้าตัวอาละวาดในคราวที่แล้วอยู่ แต่เขาต้องพับอารมณ์เก็บไว้เมื่อจำต้องติดต่อหาลูอีซเจ้าของบริษัท S ก็เพื่อปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น มื้ออาหารค่ำดำเนินไปตามที่มันจะเป็น คนช่างพูดอย่างลูอีซยังคงพูดไม่หยุดและดูคล้ายจะเป็นการพูดคำเดียวเสียมากกว่า เมื่อชายหนุ่มตรงข้ามเขาไม่แม้แต่จะตั้งใจฟังแถมทำท่าไม่ใส่ใจที่จะตอบคำถามเขาอีก และที่น่าโมโหที่สุดก็คงจะเป็นสายตาคู่คมที่เอาแต่จับจ้องอยู่ที่มอร์แกนไม่เคลื่อนไปไหน


   ตกลงเรียกเขามาทำไมกัน!!


ร่างโปร่งบางตัดสินใจลุกขึ้นยืนจากที่นั่งของตน ร่างเพียวเยื้องย่างเดินมายืนซ้อนด้านหลังเก้าอี้ของโคบาล์ แขนบางวาดมาโอบรอบคอคนตัวใหญ่พลางกรีดกรายนิ้วไปมาอย่างยั่วยวนโดยไม่เกรงใจสายตาคนใช้ทั้งหลายที่ยืนอยู่ ก็เพราะมันเป็นการแสดงออกของเขาที่ต้องการให้เจ้าเด็กมอร์แกนเห็นน่ะสิ...


“โคบาล์ เราไปคุยกันที่อื่นดีกว่านะครับ แถวนี้มันไม่ส่วนตัวเอาซะเลย...นะครับ” ปากกระจับกระซิบเอ่ยอย่างออดอ้อน นัยน์ตาเรียวเหลือบไปมองมอร์แกนระหว่างที่พูดไปด้วย โคบาล์ถอนหายใจกับอากัปกิริยาออดอ้อนที่เมื่อก่อนเขาคงจะมองว่ามันน่ารักแต่บัดนี้มันไม่ใช่ ร่างสูงยืนขึ้นก่อนจะเดินนำลูอีซขึ้นไปชั้นสองตามคำขอของเจ้าตัว มอร์แกนที่มองตามคนทั้งสองก็ได้แต่ยืนเงียบไม่พูดไม่จา เขารู้สึกเจ็บภายในอกข้างซ้ายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พ่อบ้านคาลอสที่เห็นมอร์แกนเอาแต่ยืนเหม่อจึงเดินไปเตือนสติมอร์แกนให้กลับมาทำหน้าที่ของตนเองให้เรียบร้อย


“คุณมีอะไรหรือเปล่า ทำไมถึงต้องหน้าเครียดขนาดนั้นด้วย” ลูอีซเปิดปากพูดขณะที่เดินเข้ามาในห้องทำงานของโคบาล์


“ผมมีเอกสารบางอย่างให้คุณดู แฟ้มข้างหน้านี้ผมรวบรวมมาให้คุณดูแล้ว” โคบาล์เลื่อนแฟ้มกองหนึ่งให้ลูอีซดู มือบางรับมันมาอย่างไม่เข้าใจ เขาเปิดเข้าไปอ่านข้อมูลรายเอียดด้านใน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหน้าโคบาล์บ้างสลับกับก้มลงไปอ่านเอกสารใหม่อีกครั้ง


“หมายความว่ายังไง บริษัทผมและบริษัทคุณกำลังถูกฉ้อโกง?”


“ประมานนั้น และนี่เป็นอีกหลักฐานหนึ่งที่ผมได้มาจากฝั่งบริษัทผมว่าใครเป็นคนทำ ตอนนี้ต้องไปตามหาฝั่งคุณแล้วล่ะลูอีซ” มือบางกดดูคลิปที่ฉายให้เห็นชายวัยกลางคนรูปร่างเตี้ยกำลังพูดคุยโทรศัพท์ด้วยอารมณ์โทสะพอสมควร บทสนทนาค่อยๆถูกถ่ายทอดตามสายออกมา


“เข้าใจแล้ว ผมจะให้เลขาช่วยเช็คดูการจ่ายวัสดุให้กับบริษัทคุณ...มีเท่านี้เหรอเรื่องที่คุณเรียกผมมาคุย?” ลูอีซยื่นโทรศัพท์คืนให้แก่โคบาล์ ใบหน้าหวานหันไปมองคนตัวสูงที่พยักหน้าเป็นคำตอบให้แบบไปที


ลูอีซนึกไม่ชอบใจท่าทางเฉยชาของโคบาล์เป็นที่สุดจนอดน้อยเนื้อต่ำใจเสียไม่ได้ เขายังจำได้ดีว่าเมื่อก่อนโคบาล์เป็นคนไม่ค่อยพูด ท่าทางขึงขังจริงจังทำให้มีเสน่ห์น่าค้นหาจนลูอีซหลงไหลไปกับมัน กลายเป็นเขาเสียเองที่เป็นคนวิ่งเต้นเข้าหาและพูดคุยจนกระทั่งอีกฝ่ายลดกำแพงลงและทำให้ได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากกว่าเดิม แต่ตอนนี้มันเหมือนกลับไปที่จุดเริ่มต้นที่ชายหนุ่มเคยเป็น ความเฉยเมยที่ส่งผ่านสายตามาให้ทำให้ลูอีซรู้สึกเหมือนตัวเองไร้ตัวตน และก็คงไม่ต้องบอกว่าเป็นเพราะใคร!


“แหม อย่าทำท่าเฉยชาแบบนั้นสิครับ ไม่คิดถึงกันบ้างเหรอ?” ร่างโปร่งทำใจกล้าสาวเท้าเดินเข้ามาชิดร่างใหญ่ มือเรียวลูบไล้ไปตามสันกรามอย่างเย้ายวนชวนให้ขนในกายลุกชัน สะโพกอวบเบียดทับลงที่หน้าตักของอีกคนอย่างตั้งใจ กลีบปากสีสวยยิ้มยั่วอย่างเชื้อเชิญ ตาเรียวหลับพริ้มโค้งลงมาจนริมฝีปากแทบชิดกัน ทว่าโคบาล์กลับเบี่ยงหน้าหนีการจู่โจมของอีกฝ่ายจนทำให้ลูอีซหน้าเสีย


“ผมเหนื่อยน่ะ ขอโทษที...นี่ก็ดึกแล้วคุณจะนอนที่ห้องรับรองก็ได้นะถ้าต้องการ ผมจะให้คนใช้เตรียมให้” โคบาล์พูดพลางดันร่างบางของอีกฝ่ายที่ยังนั่งนิ่งออกห่างโดยไม่มองหน้ากันด้วยซ้ำ


“ทำไม...” ลูอีซส่งเสียงแผ่วเบาคล้ายกำลังถามตัวเอง แววตาสั่นไหวมองชายผู้เป็นที่รักสุดหัวใจ แม้มันจะเป็นเพียงความคิดของเขาผู้เดียวก็เถอะ


“...ผมขอตัวก่อนแล้วกัน ราตรีสวัสดิ์”


“ทำไม ตอบผมสิว่าทำไม!” ลูอีซกระชากเสียงยืนจ้องหน้าโคบาล์อย่างเหลืออด เขาผิดอะไร แค่โคบาล์บอกมาเขาก็พร้อมจะทำให้ทุกอย่าง ไม่ใช่เฉยชาใส่กันแบบนี้!


“คุณอย่าหาเรื่องกันหน่าลูอีซ ผมเหนื่อยมากแล้ววันนี้”


“คุณรู้ว่าผมหมายถึงอะไรโคบาล์ ตอบผมมาเดี๋ยวนี้ว่าทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ อ๋อ เพราะไอ้เด็กนั่นใช่ไหมที่ทำให้คุณเป็นแบบนี้”


“พอเถอะลูอีซ มันไม่เกี่ยวกับใครทั้งสิ้น ถ้าคุณยังไม่หยุดก็เชิญคุณตามสบายแล้วกัน แต่ผมคงต้องไปแล้ว ลาก่อน” โคบาล์เอ่ยลาอย่างเหนื่อยหน่าย ผละเดินออกไปจากห้องโดยไวเหลือทิ้งไว้เพียงลูอีซที่ยืนมองเก้อ


“เดี๋ยวสิโคบาล์ โคบาล์! หนอย...ผมไม่ยอมหรอกนะ ไม่มีทางให้มันได้ไปหรอก ไม่มีทาง!” ลูอีซกำมือตัวเองแน่นจนเล็บยาวจิกเข้าที่เนื้อบางจนแสบ แต่ความเจ็บที่มือนั้นยังไม่เท่าเจ็บในทรวง มันเจ็บใจนักกับความเย็นชาที่ได้รับ แววตาแค้นเคืองโกรธทอดมองออกไปนอกห้องทางที่โคบาล์ลับหายไป เขาสูดลมหายใจเข้าลึกค่อยเดินออกไปจากห้องไปยังรถหรูที่จอดไว้ พยายามคิดเข้าข้างตัวเองว่าวันนี้โคบาล์คงเหนื่อยจริงๆถึงได้แสดงท่าทีกับเขาแบบนี้ เขาสองคนยังมีเวลาคุยกันอีกนานเพราะยังมีเรื่องคดีฉ้อโกงอยู่ ยังไงโคบาล์ก็หนีเขาไม่พ้นหรอก ลูอีซขับรถมุ่งตรงกลับที่พักตัวเองเพื่อกลับไปตั้งหลักเตรียมตัวต่อไป


==================================

Talk: แวะมาลงให้แย้ววว ด่าพระเอกเราได้นะ แต่อย่าด่าคนเขียนนะก๊ะ ก๊ากกกกกกกกก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2020 17:49:34 โดย sk_bunggi »

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 :mew2:

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 399
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
Chapter 10: Baby, just call me your Alex.


รุ่งอรุณในเช้าวันใหม่ของคุณหมอหนุ่มช่างสดใส ทั้งที่เป็นวันหยุดแต่กระนั้นอเล็กซ์ก็ตื่นมาออกกำลังกายแต่เช้าในโรงยิมที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ ร่างสูงใหญ่พร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ทั้งหญิงแท้และชายเทียมเหลียวตามองตามไม่หวาดไม่ไหว เขาเป็นคนยิ้มง่ายและเข้ากับคนได้ง่าย ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะชอบโปรยยิ้มให้ไม่เว้นแม้แต่หญิงชราที่เป็นแม่บ้านทำความสะอาด กว่าจะแล้วเสร็จการเรียกเหงื่อก็ปาไปเกือบสิบโมงเช้าเสียแล้ว อเล็กซ์จึงกล่าวอำลาผู้คนทั้งหลายและกลับมายังคอนโดตัวเองทันที


เช้านี้อเล็กซ์เลือกแต่งกายด้วยกางเกงยีนส์สีซีดพับขาคู่กับรองเท้ากีฬาสีดำสนิท ลำตัวสวมเสื้อยืดสีน้ำเข้มและแจ็คเก็ตกีฬาผ้าร่มแบนร์ดังทับไว้อีกชั้น วันนี้เขามีแพลนว่าจะไปเยี่ยมเยียนเด็กน้อยหน้ามนและจะพาเจ้าตัวออกมาเที่ยวเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย หรือหลายคนอาจจะเรียกง่ายๆ คือจะพามอร์แกนไปเดตนั่นล่ะ โชคดีหน่อยที่เขาแอบติดต่อไปถามคาลอสมาก่อนและได้ความว่าโคบาล์เข้าบริษัทเพราะช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง เลยทำให้คุณหมอหนุ่มโผล่มาที่คฤหาสน์ในเวลาที่โคบาล์ออกไปแล้วพอดิบพอดี


   คิดว่าเขาจะกลัวหรืออย่างไร... ฮึ คิดผิดแล้วเพื่อนยาก


อเล็กซ์ก้าวลงจากรถคันหรูพร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในมือช่อหนึ่งและถุงขนมอีกถุงหนึ่งที่เขาแวะซื้อระหว่างขามา วันนี้โชคคงเข้าข้างอเล็กซ์จริงๆ เมื่อคนที่เดินมาเปิดประตูให้คือเด็กน้อยมอร์แกนของเขา ร่างสูงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อมอร์แกนเดินเข้ามาทักทายตามประสา อเล็กซ์รีบยื่นช่อดอกลิลลี่สีชมพูอ่อนที่เขาอุตส่าห์เสาะหามาให้คนเด็กโดยเฉพาะ มอร์แกนรับมันมาอย่างเก้ๆกังๆด้วยความไม่เคยชิน ใบหน้าหวานแดงระเรื่อน่ามองโปรยยิ้มขอบคุณให้ ก่อนเจ้าตัวจะก้มลงสูดดมดอกไม้ในมือที่ส่งกลิ่นหอมละมุนออกมา ส่งผลให้คนที่ยืนมองอยู่ยิ้มหน้าชื่นตาบานตามกัน


“อะแฮ่ม! อรุณสวัสดิ์ขอรับคุณหมออเล็กซ์ เชิญเข้าด้านในก่อนเถอะขอรับ” คาลอสรู้ว่าบรรยากาศข้างนอกตอนนี้มันกำลังหอมหวานฟรุ้งไปทั่วอย่างกับกลิ่นของดอกไม้ในสวนย่อมก็ไม่ปาน เสียงของคาลอสที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกันอย่างเขินๆ ตามจริงไม่ได้อยากจะขัดจังหวะทั้งคู่เสียเท่าไหร่นัก แต่ในเมื่อมอร์แกนยังอยู่ในความดูแลของเขา เขาก็มีสิทธิ์เข้ามาสอดแนมได้ตลอด จริงหรือไม่ขอรับ?


อเล็กซ์หันมาคุยกับคาลอสที่ยืนยิ้มให้กันเล็กน้อยก่อนจะพากันก้าวเดินเข้ามาด้านในตัวคฤหาสน์ ขณะเดินเข้ามาในห้องรับรองแขกเพื่อพูดคุยกัน คาลอสเอ่ยสั่งให้มอร์แกนนำน้ำชาและของว่างมาเสิร์ฟให้แก่คุณหมอหนุ่ม แต่กลับถูกปฏิเสธเนื่องด้วยเขาคงอยู่ไม่นานเพราะอเล็กซ์นั้นมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่พ่อบ้านก็รู้ดี


“วันนี้ผมจะมาขออนุญาตพาน้องมอร์แกนออกไปข้างนอกด้วยกันได้หรือเปล่าครับ” อเล็กซ์เปิดปากพูดหัวข้อที่ตั้งใจไว้เมื่อทั้งสามเข้ามาถึงห้องรับแขก


“ถ้าเป็นเรื่องธุระ กระผมเกรงว่าให้มอร์แกนไปด้วยคงดูไม่ดีนะขอรับ” คาลอสตอบกลับไปอย่างน้อบน้อม


“ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไร แต่ผมจะพาน้องไปหาทานข้าวด้วยกันเท่านั้น หวังว่าคงจะไม่ปฏิเสธผมนะครับ”


“...คงต้องถามเจ้าตัวเขาแล้วน่ะขอรับ กระผมคงห้ามอะไรมิได้ถ้ามอร์แกนอยากไป... แล้วเราล่ะมอร์แกน อยากไปหรือเปล่า” พ่อบ้านชราหันมาไถ่ถามคนเด็กที่ยืนอยู่ด้านหลังของตนด้วยอาการตื่นตระหนกและมีอาการลังเลในที


“คือ...ผม ผมไปได้เหรอฮะ”


“ถ้าฉันให้เธอไปได้ เธออยากจะไปหรือเปล่าล่ะ”
 

“...ฮะ อยากไปฮะ”


“งั้นก็ตามนี้นะขอรับคุณหมออเล็กซ์ กระผมขอฝากมอร์แกนด้วย แต่อย่างไรก็ตาม รบกวนช่วยกลับมาส่งก่อนพระอาทิตย์จะตกดินด้วยนะขอรับ” พ่อบ้านชราหันกลับมาเผชิญหน้ากันกับอเล็กซ์ดังเดิมเมื่อได้ฟังคำตอบ แถมยังกล่าวกำชับเล็กน้อยให้พองามเพราะกลัวว่าถ้าเกิดมาส่งหลังจากที่โคบาล์กลับมาแล้วมันจะเป็นเรื่องใหญ่เอาเสียเปล่า


“ขอบคุณนะครับ รับรองว่ากลับมาทันแน่นอน... งั้นพี่ให้เวลาน้องมอร์แกนไปเปลี่ยนชุดดีกว่านะครับ เดี๋ยวพี่จะรออยู่ตรงนี้ล่ะ” คุณหมอหนุ่มลูบหัวทุยไปมาด้วยความเอ็นดูและดุนหลังมอร์แกนให้เจ้าตัวรีบไปทำธุระโดยเร็ว


   คาลอสลอบมองคนทั้งคู่อยู่เงียบๆ เขาคงไม่ผิดใช่หรือไม่ที่ยอมเปิดโอกาสให้กับอเล็กซ์...


มอร์แกนที่เดินกลับมาถึงหน้าห้องก็เจอเข้ากับสาวใช้ซูซี่ที่เดินมาพอดี ซูซี่เอ่ยปากถามเด็กหนุ่มเมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของเจ้าตัว มอร์แกนที่ไม่คิดจะปิดบังอะไรกับซูซี่อยู่แล้ว เขาจึงเริ่มเล่าให้ฟังเรื่องคุณหมอหนุ่มที่กำลังชวนเขาออกไปข้างนอก ส่วนซูซี่ที่ได้ฟังก็ทำให้หล่อนแปลกใจเล็กน้อย เมื่อหล่อนคิดว่ามอร์แกนไม่ได้กำลังมีใจให้กับเจ้านายของตนเองอยู่หรือไรกันนะ เห็นก่อนน่านี้ตัวออกจะติดกันเสียขนาดนั้น แต่หญิงสาวก็ได้แต่คิดโดยไม่ได้เอ่ยปากออกไป เมื่อคิดว่าความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน เอ๊ะ หรือสามคนกันหนา...


ซูซี่ได้ทีจูงมือมอร์แกนมาที่ห้องนอนของตนเอง มอร์แกนที่เดินตามอยู่ก็ได้แต่เกิดความงุนงง แต่แล้วอาการเหล่านั้นก็หายไปเมื่อซูซี่จับคนตัวเล็กนั่งลงที่หน้ากระจกเครื่องแป้ง ก่อนเธอจะลงมือหาเครื่องสำอางค์มาแต่งแต้มให้แก่เด็กหนุ่มหน้าหวาน ด้วยเครื่องหน้าของมอร์แกนแล้วไม่จำเป็นต้องแต่งอะไรมากมายอย่างเช่นผู้หญิงเขาแต่งกัน ที่ซูซี่ทำก็แค่ดัดขนตาที่เป็นแพอยู่แล้วให้เด้งขึ้น แถมปัดแก้มให้ดูมีเลือดฝาดพร้อมกับเติมลิปกลอสสีวาวให้ปากดูอิ่มเท่านั้น เส้นผมสีน้ำตาลแดงก็ถูกซูซี่ถักเปียด้านหลังให้หลวม ปรอยผมด้านหน้าถูกปล่อยเป็นช่อบางเล็กน้อยดูน่ารักยิ่งขึ้น ซูซี่ยกยิ้มพอใจมองดูผลงานตนเองผ่านกระจกเงาที่สะท้านภาพของเด็กหนุ่ม ที่ถ้าไม่สังเกตุดีๆก็คงคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงกระมั้ง


มอร์แกนมองรูปหน้าของตัวเองผ่านกระจกด้วยความตะลึง คนที่อยู่ตรงหน้าไม่คิดว่าจะเป็นตัวเองเสียเลย ตามจริงมันก็สวยอยู่หรอกนะ แต่พี่ซูซี่ลืมไปหรืออย่างไรว่าเขาเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย


“พี่ซูซี่อ่ะ เค้าเป็นผู้ชายนะ ทำไมถึงต้องแต่งหน้าให้เค้าด้วยล่ะ” เด็กหนุ่มยู่หน้าให้กับซูซี่อย่างน่ารักน่าชัง


“เชื่อเถอะ แบบนี้น่ะดีแล้ว” ซูซี่ยิ้มให้พร้อมกับเดินไปเปิดที่ตู้เสื้อผ้าตนเอง หญิงสาวควานหาเสื้อผ้าที่มอร์แกนพอจะใส่แล้วไม่ดูเป็นผู้หญิงจนเกิดไป ในที่สุดก็ได้ชุดเอี๊ยมสีน้ำเงินเข้มขาสั้นพร้อมกับเสื้อยืดผ้านิ่มแขนยาวสีขาวเป็นที่เรียบร้อย ไหนจะรองเท้าผ้าใบสีขาวที่ซูซี่ให้ยืมอีก เพราะด้วยขนาดตัวที่เท่ากันของทั้งคู่ หญิงสาวเลยสามารถแบ่งปันเครื่องใช้ของตนเองให้กับมอร์แกนได้ จึงทำให้การแต่งตัวของมอร์แกนดูง่ายไปในพริบตา


ซูซี่จูงมือมอร์แกนออกจากห้องเมื่อแล้วเสร็จ หญิงสาวชูสองนิ้วให้เด็กหนุ่มเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่อีกฝ่าย มอร์แกนเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มรับแต่ก็อดประหม่าไม่ได้ สองขาเรียวก้าวเดินไปยังห้องโถงที่มีร่างสูงนั่งรออยู่


อเล็กซ์ที่นั่งอ่านหนังสือรออยู่ที่ห้องรับแขก เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาใกล้ ชายหนุ่มมองไปยังเด็กน้อยด้านหน้าคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ จนเผลอปล่อยหนังสือที่อ่านอยู่ล่วงลงที่เท้าของตนเอง อเล็กซ์สะดุ้งรีบก้มลงเก็บมันมาวางไว้ที่เดิม สองขายืนขึ้นเกาท้ายทอยอย่างคนเก้อเขิน ส่วนมอร์แกนก็ได้แต่ยืนก้มหน้าไม่พูดไม่จา จนในที่สุดต้องเป็นอเล็กซ์ที่เอ่ยปากทำลายความเงียบเสียเอง


“น้องมอร์แกนน่ารักมากเลย พี่ประหม่าไปเลยนะเนี่ย ฮ่าๆ”


“มันไม่แปลกเหรอฮะ คือผมเป็นผู้ชาย แต่...”


“... น้องมอร์แกนรู้ตัวไหม ว่าตัวเองน่ารักขนาดไหน หื้ม?” มือใหญ่เกลี่ยแก้มที่แต้มสีเบาๆ เพราะไม่อยากให้เด็กน้อยคิดมาก “เราไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสายเอาเนอะ”


อเล็กซ์ผายมือออกให้มอร์แกนเดินนำไปยังรถที่จอดไว้ คุณหมอหนุ่มเปิดประตูให้มอร์แกนเข้าไปนั่งก่อนที่ตัวเองจะวิ่งกลับมานั่งที่ของตนเช่นกัน อเล็กซ์หันไปยิ้มให้มอร์แกนที่กำลังคาดเข็มขัดอีกครั้งก่อนจะพายานพาหนะทะยานเข้าสู่ใจการเมืองหลวง



==================================



“บริษัท S เรายินดีอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับบริษัท K มากครับ”


“แน่นอนสิครับ ตามจริงต้องบอกว่าบริษัทเราโชคดีมากกว่าที่ได้บริษัท S มาเป็นพาร์ทเนอร์กัน”


“แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ... อย่างไรเชิญคุณโรเจอร์ร่วมทานอาหารด้วยกันก่อนนะครับ ผมจัดเตรียมให้เรียบร้อยแล้ว”


“งั้นก็ไม่เกรงใจแล้วนะครับ ขอบคุณมาก”


ร่างโปร่งยิ้มหวานการค้ากลับให้กับคู่ค้าของตน วันนี้ลูอีซมีนัดสำคัญกับบริษัท K บริษัทสรรสร้างคอนโดชื่อดังอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งตามจริงเขาจะรับงานนี้จากงานการประมูลก็ได้ แต่ในเมื่อคู่แข่งมันเยอะ เขาเลยจำต้องมีข้อเสนอทางการค้าเล็กน้อยเพื่อแลกกับการเซ็นสัญญาของบริษัทนี้


ลูอีซชวนชายหนุ่มฝ่ายตรงข้ามคุยไปเรื่อยทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งหางตาเหลือบไปเห็นร่างหนึ่งที่มีลักษณะคุ้นเคย แม้การแต่งกายจะผิดแปลกไปจากปกติก็เถอะ ลูอีซลอบยิ้มแสร้งทำเป็นขอตัวเข้าห้องก่อนจะลุกเดินตรงไปยังสถานที่ดังกล่าว ที่มีคนๆนั้นเดินเข้าไปก่อนแล้ว


“สวัสดี ไม่คิดว่าจะเจอกันในที่แบบนี้นะ” ลูอีซก้าวเดินเข้ามาโดยไม่ลืมล็อคประตูห้องน้ำใหญ่ไว้ สองขาก้าวมาหยุดข้างมอร์แกนที่กำลังก้มล้างมืออยู่


“อะ เอ่อ คุณลูอีซ สวัสดีฮะ” มอร์แกนสะดุ้งตกใจกับเสียงที่เอ่ยทัก เขามัวแต่ก้มหน้าก้มตาเลยไม่ทันสังเกตุว่ามีคนเข้ามา มอร์แกนโค้งทักทายกลับและพยายามเดินเลี่ยงไปยังหน้าประตู แต่กลับถูกมือของอีกคนดึงกลับมา


“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน... มากับใครน่ะ เพื่อนเหรอ?” ลูอีซยิ้มให้มอร์แกน ยิ้มที่ทำให้มอร์แกนรู้สึกว่ามันเคลือบด้วยยาพิษ ไม่ได้มีความจริงใจสักนิด เมื่อเห็นมอร์แกนยังไม่ตอบ ลูอีซจึงพูดต่อไปโดยไม่สนใจ “เอ แต่จากที่เห็นไม่น่าจะไปเพื่อนหรอกเนอะ เดินจูงมือกันเข้ามาขนาดนั้น หรือว่าจะเป็น...ลูกค้ากันน้า”


“ม่ะ ไม่ใช่นะฮะ คุณหมออเล็กซ์ไม่ใช่แบบนั้น คุณหมออเล็กซ์เป็น เป็น...” ร่างเล็กตอบกลับอึกอัก ไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดเมื่อเขาและคุณหมอหนุ่มไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่คิด


“เป็นอะไรล่ะ ทำไมถึงตอบไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ลูกค้าแล้วจะเป็นอะไรได้อีก ฮึ เด็กขายตัว”


“ฮึก... ไม่ใช่นะฮะ ผมกับคุณหมออเล็กซ์ไม่ได้เป็นแบบนั้นกัน”


“อย่ามาทำสำออยหน่อยเลย แกมันก็แค่เด็กไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า เป็นแค่เด็กขายตัวริอาจจะอยากได้ของสูง ให้ท่าโคบาล์ไว้เยอะล่ะสิ ถึงได้ยังอยู่ดีกินดีถึงทุกวันนี้ อ้อ แต่ที่เห็นคงไม่ได้ให้ท่าแค่โคบาล์คนเดียวสินะ ... จำใส่สมองโง่ๆของแกไว้เลยนะมอร์แกน ว่าโคบาล์เป็นของฉัน ของฉันคนเดียว คนอย่างแกไม่มีวันได้เขาไปหรอก จำไว้!!” นิ้วเรียวจี้ไปที่หน้าผากมนพลางพลักดันออกอย่างแรงจนมอร์แกนหน้าหงาย ก่อนจะถูกลูอีซที่ก้าวออกไปจากห้องน้ำปิดประตูใส่อย่างแรง


   น้ำตาหยดเล็กไหลลงพื้นให้คำด่าทอ


มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่รินไหลออก เอื้อมมือหยิบกระดาษทิชชู่ตรงหน้ามาซับคาบน้ำตาและสั่งน้ำมูกออก หันมาทางกระจกเพื่อสำรวจตัวเองอีกที ริมฝีปากบางลองปั้นหน้ายิ้มเมื่อต้องออกไปเจอกับอีกคนด้านนอก แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อมันดูไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเคย มอร์แกนหมุนตัวกำลังจะออกจากห้องน้ำแต่ประตูดันถูกประชากออกโดยคนที่รออยู่ อเล็กซ์ผงะเล็กน้อยเพราะเกือบชนร่างเล็กตรงหน้า เขาเห็นมอร์แกนหายไปนานจนกลัวว่าเด็กน้อยจะหลงจึงเดินมาตาม


“พี่เห็นหายมานานเลยมาตามน่ะ... เป็นอะไรหรือเปล่ามอร์แกน ทำไมตาแดงๆ”


“เอ่อ ไม่เป็นไรฮะ ผมต้องขอโทษนะฮะ พอดีผมเดินหลงนิดหน่อย คุณหมออเล็กซ์เลยต้องมาตามเองเลย”


“ไม่เป็นไรครับ ไปทานอาหารกันเถอะ มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง” อเล็กซ์ยักคิ้วหลิ่วตาใส่คนตัวเล็กอย่างอารมณ์ดี พลันเดินมาแตะหลังของเด็กหนุ่มให้ออกเดินตามเขาไปที่โต๊ะ


มอร์แกนอ้าปากกว้างเมื่ออาหารหลากหลายถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า หน้าตาอาหารมีสีสันสวยงามไม่ต่างจากรสชาติอาหารที่อร่อยนุ่มละมุนลิ้น เด็กหนุ่มลืมเรื่องเสียใจเมื่อครู่ไปเสียหมด มือบางหยิบตักอาหารขึ้นมากินอย่างเป็นธรรมชาติโดยมีคุณหมอสุดหล่อคอยประเคนอาหารลงจานให้ ของหวานตบท้ายเป็นชีสโทสต์แป้งหนากรอบเสิร์ฟพร้อมไอศรีมรสราสเบอร์รี่ที่ขึ้นชื่อของที่ร้าน อาหารตรงหน้าค่อยๆพร่องลงจากเดิมทีละเล็กทีละน้อยด้วยฝีมือของทั้งสองคน มอร์แกนยิ้มมีความสุขกับอาหารมื้อนี้ ซึ่งคุณหมอหนุ่มที่นั่งดูอยู่ข้างๆ ก็พลอยยิ้มตามไปด้วย


ภาพความสุขตรงหน้าของทั้งสองถูกถ่ายเก็บเอาไว้ด้วยฝีมือของลูอีซ เจ้าตัวพยายามเก็บภาพอิริยาบทของคนทั้งสองไว้ตลอด บางภาพก็แลดูเป็นคู่รักกันจริงจนชวนน่าหมั่นไส้ เขาเลื่อนดูรูปเพื่อตรวจเช็ครูปที่ต้องการ มุมปากบางเย้ยยิ้มมองช่องสนทนาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋าเสื้อสูทตามเดิม



==================================



ครืด ครืด


โคบาล์ที่กำลังเข้าประชุมอยู่หันมาสนใจเครื่องมือสื่อสารที่สั่นอยู่ข้างกาย ตาคมลอบมองชื่อของบุคคลที่ส่งข้อความเข้ามา เขาเลี่ยงที่จะไม่ใส่ใจเปิดมันขึ้นมาดู มือใหญ่หยิบโทรศัพท์เครื่องแพงคว่ำหน้าเพื่อละความสนใจในข้อความที่ยังส่งมาต่อเนื่อง


โคบาล์ทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาภายในห้องทำงานของตัวเองเมื่อเสร็จจากการประชุม มือใหญ่คลายเนคไทออกเล็กน้อยให้พอหายอึดอัด ขายาวขึ้นมาเยียดยาวบนโซฟาตัวเขื่องคล้ายคนต้องการการพักผ่อนเสียเต็มที โคบาล์หลับตาลงคิดถึงการประชุมในช่วงเช้าวันนี้ที่ค่อนข้างจะเคร่งเครียด เมื่องบประมาณของทุกบริษัทในเครือ W Group ของเขา ถูกเบิกจ่ายจนเกินความจำเป็น จึงนำพาให้หัวหน้าทุกแผนกของทุกบริษัทในเครือต้องจัดทำเอกสารชี้แจงมากมาย


   ยังไม่หมดปัญหาเก่า ปัญหาใหม่ก็เข้ามาเยือนเสียแล้ว...


โคบาล์ล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าสูทขึ้นมาเปิดการแจ้งเตือนข้อความของลูอีซที่ยังค้างอยู่ เขาคิดว่าเนื้อหาด้านในอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ให้สืบเสาะมา แต่เมื่อกดเข้าไปดูภายในข้อความ กลับกลายเป็นรูปถ่ายของคนสองคนที่เข้ารู้จักดีอยู่ในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง อิริยาบทต่างๆของทั้งสองถูกเรียงรายส่งมาให้โคบาล์ พร้อมกับการบอกเล่าของอีกฝ่ายว่าเจอทั้งสองที่ไหนวันไหนและเวลาไหน มือใหญ่กำโทรศัพท์ในมือแน่น เขาเขวี้ยงมันใส่กระจกของตู้เก็บเอกสารด้านข้างด้วยความโมโห เสียงแตกกระจายของกระจกภายในห้องเจ้านาย ทำให้เจสสิก้าที่นั่งทำงานอยู่ด้านนอกรีบผลักประตูเปิดเข้ามาดู ใบหน้าสวยซีดเผือดลงเมื่อโคบาล์หันมาจ้องหล่อนราวกับอาฆาตแค้นกันมานมนาม


ร่างสูงใหญ่ก้าวยาวออกไปจากห้องตรงไปกดลิฟต์โดยสารทันที เขาไม่สนใจเสียงเรียกของหญิงสาวเพราะตอนนี้ใจของเขามัวแต่ร้อนรุ่ม อยากจะปะทะกับคนตัวใหญ่อีกคนในรูปเสียมากกว่า
 

“ทะ ท่านประธานคะ ท่านประธานจะไปไหนคะ ช่วงบ่าย... โอ่ยยยย ท่านประธานนะท่านประธาน คนสวยเซ็ง!” เจสสิก้าบ่นให้กับความว่างเปล่าตรงหน้า กลายเป็นว่าการประชุมช่วงบ่ายต้องเป็นเธอที่เข้าไปประชุมแทนเสียแล้ว


เจสสิก้า ลีถอนหายใจหนัก เธอยกหูโทรศัพท์เพื่อโทรเรียกแม่บ้านของบริษัทขึ้นมาเก็บกวาดเศษแก้วภายในห้องทำงานเจ้านาย ร่างอรชรเดินเข้าไปสำรวจเอกสารของเจ้านายที่วางค้างไว้ ก่อนจะเหลือบไปเห็นโทรศัพท์เครื่องแพงนอนแผ่อยู่ที่พื้น เธอก้มหยิบมันขึ้นมาดูขณะที่หน้าจอยังไม่ดับไป สาบานได้เลยว่าเธอไม่ได้อยากรู้อยากเห็นเรื่องของเจ้านายเสียเท่าไหร่หรอกนะ หล่อนจ้องมองคนในรูปถ่ายที่อยู่ในข้อความ โดยมีชื่อลูอีซเป็นคนส่งเข้ามา หญิงสาวถึงกับร้องอ๋อในทันทีเมื่อรู้สาเหตุของอาการหัวร้อนของเจ้านาย


   อยากจะเอาใจช่วยเจ้านาย แต่ชายหนุ่มที่อยู่กับมอร์แกนในรูปก็หล่อเหลาไม่แพ้กัน... เอาอย่างไรดีเล่าเจสสิก้า


โคบาล์กลับถึงคฤหาสน์ในเวลาบ่ายแก่ๆ พ่อบ้านคาลอสมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นนายน้อยของตนกลับมาก่อนกำหนดและที่น่าแปลกใจมากขึ้นเมื่อร่างสูงเดินลิ่วไปด้านหลังห้องครัวคล้ายกำลังตามหาใครบางคน แต่เมื่อหาไม่เจอก็หันกลับมาเอาเรื่องคนแก่แทน


“มอร์แกนอยู่ไหนคาลอส”


“มอร์แกนออกไปทำธุระข้างนอกขอรับ”


“ธุระข้างนอก? ธุระอะไร ใครให้ออกไป! อย่าโกหกคาลอส ฉันรู้หมดแล้ว”


“ใจเย็นๆ ก่อนนะขอรับนายน้อย... กระผมเป็นคนให้มอร์แกนไปเอง”


“ทำไมถึงปล่อยให้ไปกับอเล็กซ์! นายก็รู้นี่คาลอสว่าอเล็กซ์มันเป็นคนยังไง นายก็รู้ว่ามันกำลังเล่นสนุก มันแค่อยากเอาชนะฉัน และที่สำคัญมอร์แกนจะเสียใจเพราะมัน”


“กระผมรู้ขอรับ แต่กระนั้นมันก็ต้องเป็นมอร์แกนที่จะต้องผ่านมันไปให้ได้ ในเมื่อตอนนี้เจ้าตัวเลือกที่จะไปกับหมออเล็กซ์แล้ว... นายน้อยอย่าลืมนะขอรับว่ามอร์แกนเองก็โตแล้ว ช่วงอายุของเขาควรได้เรียนรู้และเจออะไรอีกมากมายนอกเหนือจากในคฤหาสน์ เขามีสิทธิ์เลือกใช้มันเองมิใช่หรือขอรับ”


“ก็ใช่ แต่นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันคิดยังไงกับมอร์แกน ทำไมนายถึงไม่... โถ่เว้ย!!” ร่างสูงสบถออกมาเสียงดัง แม้จะโกรธคาลอสมากเท่าไหร่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อคาลอสก็เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งและสิ่งที่คาลอสพูดมามันไม่ผิดเลย มอร์แกนมีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าเจ้าตัวต้องการใคร แต่ ณ เวลานี้ แค่เขาคิดว่าทั้งสองกำลังยิ้มให้กัน เขาก็เจ็บหน่วงในอกอย่างหนักเสียแล้ว



==================================



“ฟู่ว์ อิ่มมากเลยฮะคุณหมออเล็กซ์” มือบางลูบท้องตนเองเบาๆระหว่างที่ยัดตัวเองลงไปในห้องโดยสารคันหรู


“ฮ่าๆ อิ่มก็ดีครับ พี่จะขุนเราเยอะๆเลย... ดูสิ ผอมจนเหลือแต่กระดูกแล้ว” คุณหมอหนุ่มเอ่ยแซวพร้อมยกมือบางขึ้นมาจับไว้ เขาเกลี่ยนิ้วโป้งไล้ไปมาบนหลังมือเล็กอย่างเอาใจ นัยน์ตาทะเล้นแต่กลับสะท้อนแววเอ็นดูสบเข้าตากลมนิ่ง มือหนาฉวยเอามือบางที่จับอยู่ ขึ้นมาจรดรอยจูบลงบนหลังมือ เขาจูบมันย้ำๆอย่างมันเขี้ยวก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้ร่างเล็กหน้าแดงขึ้นกว่าเก่า “ไหนลองเรียกว่าพี่อเล็กซ์สิครับเด็กน้อย”


“ด่ะ เด็กน้อยอะไรกันเล่า ผมโตแล้วนะจะบอกให้” คนตัวเล็กทำท่าฟึดฟัดโวยวายกลบเกลื่อน พยายามดึงมือตัวเองออกจากการกอบกุมของอีกคนพลันวัน


“ก็เด็กน้อยจริงๆนี่ครับ พี่จะสามสิบสองแล้วแต่เราน่ะยังไม่ถึงยี่สิบเลย... ไม่ต้องมาเฉไฉเลย เรียกเร็วๆไม่งั้นพี่จะทำโทษแล้วนะ หึหึ” อเล็กซ์เอ่ยเย้าแหย่เพื่อกระตุ้นคนตรงหน้า ก่อนจะสบโอกาสแกล้งยื่นหน้าตัวเองเข้าไปใกล้มอร์แกนที่หันหน้าหาทางหนี


“เอ๋ ไม่ๆ หื้ออออ พี่... พี่อเล็กซ์!!”


“ดีมาก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปต้องเรียกว่าพี่อเล็กซ์นะครับ” อเล็กซ์ยิ้มมองมอร์แกนที่หลับตาปี๋ให้ ร่างใหญ่ผละตัวเองออกมานั่งที่คนขับดังเดิม ถึงแม้จะแอบเสียดายอยู่นิดหน่อย ถ้าเผลอมอร์แกนไม่ยอมทำตามที่เขาพูด เขาคงได้ลิ้มลองรสชาติของริมฝีปากอิ่มตรงหน้าเข้าให้แล้ว “รัดเข็มขัดด้วยครับ เดี๋ยวเราไปซื้อของกันต่อเสร็จแล้วก็จะได้กลับเลย”


มอร์แกนพยักหน้าขณะที่คาดเข็มขัดตามคำสั่ง ตากลมเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมคายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะละสายตากลับไปมองกระจกตรงหน้าต่าง แววตาสั่นไหวมองภาพอเล็กซ์ที่สะท้อนผ่านกระจก


   ถ้าเป็นคนนี้จะได้ไหมนะ? ถ้าเป็นคนนี้จะทำให้เขาต้องเจ็บไหมนะ?


“น้องมอร์แกน... น้องมอร์แกนครับ ถึงแล้วครับ”


“อื้ม... อ๊ะ! ขอโทษด้วยฮะ ผมเผลอหลับไป” คนตัวเล็กที่ผล็อยหลับไปถูกคุณหมอหนุ่มสะกิดให้ตื่นขึ้นในเวลาถัดมา มอร์แกนสะลึมสะลืมตื่นตามเสียงเรียกของอีกคน มือบางยกขึ้นขยี้ตาเล็กน้อยแต่กลับถูกอเล็กซ์จับหยุดไว้


“อย่าขยี้แรงครับ เดี๋ยวมันแดง... ปัดๆออกแบบนี้แทนนะ” นิ้วโป้งใหญ่เกลี่ยไปตามเปลือกตาบางอย่างเบามือ


คนตัวเล็กที่ยังตื่นไม่เต็มดีเมื่อเจอความอบอุ่นที่ฝ่ามือใหญ่ทำให้เผลอซบหน้าเข้าหา ใบหน้าพริ้มราวกับลูกแมวน้อยคลอเคลี่ยอยู่ที่อุ้งมือร้อน สายตาคมที่จ้องคนตรงหน้ามิอาจยับยั้งใจได้ สองมือใหญ่ประคองใบหน้าเล็กแผ่วเบาพร้อมส่งริมฝีปากร้อนผ่าวไปประกบกับริมฝีปากเล็ก อเล็กซ์ละออกมามองหน้ามอร์แกนเล็กน้อย ก่อนจะหวนกลับเข้าไปเติมเต็มกันใหม่อีกครา มอร์แกนหลับตารอรับจูบของอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจไม่ต่างจากอเล็กซ์ที่มอบจุมพิตอันหอมหวานให้ ใบหน้าคมคายขยับปรับองศาให้แนบชิดกว่าเก่า ขบเม้มหยอกล้อริมฝีปากเล็กหวานไปด้วย


“อื้อออ พอ...” อเล็กซ์จำใจถอนจูบของตนเองออกมา เมื่อคนตัวเล็กส่งเสียงประท้วงเหมือนต้องการอากาศหายใจ ดวงหน้าหวานแดงซ่านแหงนขึ้น ปากเล็กแดงช้ำจากการถูกขบกัดอ้าออกน้อยๆ เพื่อกอบโกยอากาศเข้าปอด เห็นอย่างนั้นอเล็กซ์ก็รู้สึกปวดหนึบที่ช่วงล่างขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงแค่อดกลั้นมันเอาไว้ แต่ในใจจริงเขาต้องการมากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ


   ใจเย็นไว้ก่อนอเล็กซ์... ช้าๆได้พร้าเล่มงามนะอย่าลืม


“พี่ว่าเรารีบลงกันเถอะครับ เดี๋ยวจะช้าเอา” อเล็กซ์พยายามปรับสีหน้าตัวเองพลางเปิดประตูออกมาตั้งสติอีกครั้ง ก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้มอร์แกนที่กำลังเปิดลงมาพอดี


“เอ่อ เรามาทำอะไรกันที่นี่เหรอฮะ?”


“ช้อปปิ้งน่ะสิ มา... เข้าไปข้างในกันเถอะ” อเล็กซ์เดินกุมมือบางเดินเข้าในตัวห้างชั้นนำของเมือง


ระหว่างเดินในห้างอเล็กซ์เดินกุมมือมอร์แกนไว้ตลอดราวกับต้องการประกาศว่าคนข้างกายนี้เป็นของเขา โดยที่มอร์แกนไม่ได้เอะใจสักนิด ร่างสูงพามอร์แกนมาซื้อเสื้อผ้าและของใช้ โดยที่มอร์แกนปฏิเสธร่ำไปว่าสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นสำหรับเขา แต่ก็ยังคงเป็นอเล็กซ์ที่คะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายรับไปอยู่ดี จนในที่สุดถุงนับสิบกว่าใบก็มาอยู่ในมือของทั้งสองคนจนได้ มอร์แกนรู้สึกเกรงใจคุณหมอหนุ่มไม่น้อย ที่พาเขามาซื้อของแถมยังซื้อให้ฟรีๆ อีกตั้งหาก อเล็กซ์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ทว่าเห็นสมควรแก่เวลาที่ต้องพากันกลับเสียแล้ว เขาจึงชักชวนเด็กน้อยที่นั่งพักจากการกินขนมเค้กเสร็จแล้วให้เตรียมตัวกลับ


มอร์แกนและอเล็กซ์กลับถึงคฤหาสน์ในเวลาบ่ายสี่โมงกว่า ร่างสูงก้าวลงจากรถคันหรูพร้อมกับถือถุงอีกมากมายของมอร์แกนลงมาให้เช่นเดียวกัน มอร์แกนเมื่อเห็นคุณหมอหนุ่มถือของตัวเองพะรุงพะรังก็เกิดความเกรงใจ รีบเดินนำไปเปิดประตูสำหรับห้องรับแขกให้ทันที เพื่อที่อเล็กซ์จะได้พักผ่อนเสียหน่อย


   แอ๊ด...


==================================
Talk: นังลูอีซ แกรมันนังงูพิช ชอบด่าลูกฉันงั้นรึ ต้องเจอกันสักหน่อยแล้วววว :z6:
ขอแก้ไขตอนสุดท้ายเล็กน้อยนะค้า จะเอาไปใส่ตอนใหม่ค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2020 16:44:45 โดย sk_bunggi »

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
 :hao3:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด