Chapter 10: Baby, just call me your Alex.
รุ่งอรุณในเช้าวันใหม่ของคุณหมอหนุ่มช่างสดใส ทั้งที่เป็นวันหยุดแต่กระนั้นอเล็กซ์ก็ตื่นมาออกกำลังกายแต่เช้าในโรงยิมที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ ร่างสูงใหญ่พร้อมด้วยรอยยิ้มเจ้าเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ทั้งหญิงแท้และชายเทียมเหลียวตามองตามไม่หวาดไม่ไหว เขาเป็นคนยิ้มง่ายและเข้ากับคนได้ง่าย ไม่แปลกที่เจ้าตัวจะชอบโปรยยิ้มให้ไม่เว้นแม้แต่หญิงชราที่เป็นแม่บ้านทำความสะอาด กว่าจะแล้วเสร็จการเรียกเหงื่อก็ปาไปเกือบสิบโมงเช้าเสียแล้ว อเล็กซ์จึงกล่าวอำลาผู้คนทั้งหลายและกลับมายังคอนโดตัวเองทันที
เช้านี้อเล็กซ์เลือกแต่งกายด้วยกางเกงยีนส์สีซีดพับขาคู่กับรองเท้ากีฬาสีดำสนิท ลำตัวสวมเสื้อยืดสีน้ำเข้มและแจ็คเก็ตกีฬาผ้าร่มแบนร์ดังทับไว้อีกชั้น วันนี้เขามีแพลนว่าจะไปเยี่ยมเยียนเด็กน้อยหน้ามนและจะพาเจ้าตัวออกมาเที่ยวเปิดหูเปิดตาเสียหน่อย หรือหลายคนอาจจะเรียกง่ายๆ คือจะพามอร์แกนไปเดตนั่นล่ะ โชคดีหน่อยที่เขาแอบติดต่อไปถามคาลอสมาก่อนและได้ความว่าโคบาล์เข้าบริษัทเพราะช่วงนี้ค่อนข้างยุ่ง เลยทำให้คุณหมอหนุ่มโผล่มาที่คฤหาสน์ในเวลาที่โคบาล์ออกไปแล้วพอดิบพอดี
คิดว่าเขาจะกลัวหรืออย่างไร... ฮึ คิดผิดแล้วเพื่อนยาก
อเล็กซ์ก้าวลงจากรถคันหรูพร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในมือช่อหนึ่งและถุงขนมอีกถุงหนึ่งที่เขาแวะซื้อระหว่างขามา วันนี้โชคคงเข้าข้างอเล็กซ์จริงๆ เมื่อคนที่เดินมาเปิดประตูให้คือเด็กน้อยมอร์แกนของเขา ร่างสูงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เมื่อมอร์แกนเดินเข้ามาทักทายตามประสา อเล็กซ์รีบยื่นช่อดอกลิลลี่สีชมพูอ่อนที่เขาอุตส่าห์เสาะหามาให้คนเด็กโดยเฉพาะ มอร์แกนรับมันมาอย่างเก้ๆกังๆด้วยความไม่เคยชิน ใบหน้าหวานแดงระเรื่อน่ามองโปรยยิ้มขอบคุณให้ ก่อนเจ้าตัวจะก้มลงสูดดมดอกไม้ในมือที่ส่งกลิ่นหอมละมุนออกมา ส่งผลให้คนที่ยืนมองอยู่ยิ้มหน้าชื่นตาบานตามกัน
“อะแฮ่ม! อรุณสวัสดิ์ขอรับคุณหมออเล็กซ์ เชิญเข้าด้านในก่อนเถอะขอรับ” คาลอสรู้ว่าบรรยากาศข้างนอกตอนนี้มันกำลังหอมหวานฟรุ้งไปทั่วอย่างกับกลิ่นของดอกไม้ในสวนย่อมก็ไม่ปาน เสียงของคาลอสที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้ทั้งคู่ผละออกจากกันอย่างเขินๆ ตามจริงไม่ได้อยากจะขัดจังหวะทั้งคู่เสียเท่าไหร่นัก แต่ในเมื่อมอร์แกนยังอยู่ในความดูแลของเขา เขาก็มีสิทธิ์เข้ามาสอดแนมได้ตลอด จริงหรือไม่ขอรับ?
อเล็กซ์หันมาคุยกับคาลอสที่ยืนยิ้มให้กันเล็กน้อยก่อนจะพากันก้าวเดินเข้ามาด้านในตัวคฤหาสน์ ขณะเดินเข้ามาในห้องรับรองแขกเพื่อพูดคุยกัน คาลอสเอ่ยสั่งให้มอร์แกนนำน้ำชาและของว่างมาเสิร์ฟให้แก่คุณหมอหนุ่ม แต่กลับถูกปฏิเสธเนื่องด้วยเขาคงอยู่ไม่นานเพราะอเล็กซ์นั้นมาเพื่อจุดประสงค์บางอย่างที่พ่อบ้านก็รู้ดี
“วันนี้ผมจะมาขออนุญาตพาน้องมอร์แกนออกไปข้างนอกด้วยกันได้หรือเปล่าครับ” อเล็กซ์เปิดปากพูดหัวข้อที่ตั้งใจไว้เมื่อทั้งสามเข้ามาถึงห้องรับแขก
“ถ้าเป็นเรื่องธุระ กระผมเกรงว่าให้มอร์แกนไปด้วยคงดูไม่ดีนะขอรับ” คาลอสตอบกลับไปอย่างน้อบน้อม
“ไม่ต้องห่วงครับ ไม่ใช่ธุระสำคัญอะไร แต่ผมจะพาน้องไปหาทานข้าวด้วยกันเท่านั้น หวังว่าคงจะไม่ปฏิเสธผมนะครับ”
“...คงต้องถามเจ้าตัวเขาแล้วน่ะขอรับ กระผมคงห้ามอะไรมิได้ถ้ามอร์แกนอยากไป... แล้วเราล่ะมอร์แกน อยากไปหรือเปล่า” พ่อบ้านชราหันมาไถ่ถามคนเด็กที่ยืนอยู่ด้านหลังของตนด้วยอาการตื่นตระหนกและมีอาการลังเลในที
“คือ...ผม ผมไปได้เหรอฮะ”
“ถ้าฉันให้เธอไปได้ เธออยากจะไปหรือเปล่าล่ะ”
“...ฮะ อยากไปฮะ”
“งั้นก็ตามนี้นะขอรับคุณหมออเล็กซ์ กระผมขอฝากมอร์แกนด้วย แต่อย่างไรก็ตาม รบกวนช่วยกลับมาส่งก่อนพระอาทิตย์จะตกดินด้วยนะขอรับ” พ่อบ้านชราหันกลับมาเผชิญหน้ากันกับอเล็กซ์ดังเดิมเมื่อได้ฟังคำตอบ แถมยังกล่าวกำชับเล็กน้อยให้พองามเพราะกลัวว่าถ้าเกิดมาส่งหลังจากที่โคบาล์กลับมาแล้วมันจะเป็นเรื่องใหญ่เอาเสียเปล่า
“ขอบคุณนะครับ รับรองว่ากลับมาทันแน่นอน... งั้นพี่ให้เวลาน้องมอร์แกนไปเปลี่ยนชุดดีกว่านะครับ เดี๋ยวพี่จะรออยู่ตรงนี้ล่ะ” คุณหมอหนุ่มลูบหัวทุยไปมาด้วยความเอ็นดูและดุนหลังมอร์แกนให้เจ้าตัวรีบไปทำธุระโดยเร็ว
คาลอสลอบมองคนทั้งคู่อยู่เงียบๆ เขาคงไม่ผิดใช่หรือไม่ที่ยอมเปิดโอกาสให้กับอเล็กซ์...
มอร์แกนที่เดินกลับมาถึงหน้าห้องก็เจอเข้ากับสาวใช้ซูซี่ที่เดินมาพอดี ซูซี่เอ่ยปากถามเด็กหนุ่มเมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของเจ้าตัว มอร์แกนที่ไม่คิดจะปิดบังอะไรกับซูซี่อยู่แล้ว เขาจึงเริ่มเล่าให้ฟังเรื่องคุณหมอหนุ่มที่กำลังชวนเขาออกไปข้างนอก ส่วนซูซี่ที่ได้ฟังก็ทำให้หล่อนแปลกใจเล็กน้อย เมื่อหล่อนคิดว่ามอร์แกนไม่ได้กำลังมีใจให้กับเจ้านายของตนเองอยู่หรือไรกันนะ เห็นก่อนน่านี้ตัวออกจะติดกันเสียขนาดนั้น แต่หญิงสาวก็ได้แต่คิดโดยไม่ได้เอ่ยปากออกไป เมื่อคิดว่าความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน เอ๊ะ หรือสามคนกันหนา...
ซูซี่ได้ทีจูงมือมอร์แกนมาที่ห้องนอนของตนเอง มอร์แกนที่เดินตามอยู่ก็ได้แต่เกิดความงุนงง แต่แล้วอาการเหล่านั้นก็หายไปเมื่อซูซี่จับคนตัวเล็กนั่งลงที่หน้ากระจกเครื่องแป้ง ก่อนเธอจะลงมือหาเครื่องสำอางค์มาแต่งแต้มให้แก่เด็กหนุ่มหน้าหวาน ด้วยเครื่องหน้าของมอร์แกนแล้วไม่จำเป็นต้องแต่งอะไรมากมายอย่างเช่นผู้หญิงเขาแต่งกัน ที่ซูซี่ทำก็แค่ดัดขนตาที่เป็นแพอยู่แล้วให้เด้งขึ้น แถมปัดแก้มให้ดูมีเลือดฝาดพร้อมกับเติมลิปกลอสสีวาวให้ปากดูอิ่มเท่านั้น เส้นผมสีน้ำตาลแดงก็ถูกซูซี่ถักเปียด้านหลังให้หลวม ปรอยผมด้านหน้าถูกปล่อยเป็นช่อบางเล็กน้อยดูน่ารักยิ่งขึ้น ซูซี่ยกยิ้มพอใจมองดูผลงานตนเองผ่านกระจกเงาที่สะท้านภาพของเด็กหนุ่ม ที่ถ้าไม่สังเกตุดีๆก็คงคิดว่าเป็นเด็กผู้หญิงกระมั้ง
มอร์แกนมองรูปหน้าของตัวเองผ่านกระจกด้วยความตะลึง คนที่อยู่ตรงหน้าไม่คิดว่าจะเป็นตัวเองเสียเลย ตามจริงมันก็สวยอยู่หรอกนะ แต่พี่ซูซี่ลืมไปหรืออย่างไรว่าเขาเป็นผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิงเสียหน่อย
“พี่ซูซี่อ่ะ เค้าเป็นผู้ชายนะ ทำไมถึงต้องแต่งหน้าให้เค้าด้วยล่ะ” เด็กหนุ่มยู่หน้าให้กับซูซี่อย่างน่ารักน่าชัง
“เชื่อเถอะ แบบนี้น่ะดีแล้ว” ซูซี่ยิ้มให้พร้อมกับเดินไปเปิดที่ตู้เสื้อผ้าตนเอง หญิงสาวควานหาเสื้อผ้าที่มอร์แกนพอจะใส่แล้วไม่ดูเป็นผู้หญิงจนเกิดไป ในที่สุดก็ได้ชุดเอี๊ยมสีน้ำเงินเข้มขาสั้นพร้อมกับเสื้อยืดผ้านิ่มแขนยาวสีขาวเป็นที่เรียบร้อย ไหนจะรองเท้าผ้าใบสีขาวที่ซูซี่ให้ยืมอีก เพราะด้วยขนาดตัวที่เท่ากันของทั้งคู่ หญิงสาวเลยสามารถแบ่งปันเครื่องใช้ของตนเองให้กับมอร์แกนได้ จึงทำให้การแต่งตัวของมอร์แกนดูง่ายไปในพริบตา
ซูซี่จูงมือมอร์แกนออกจากห้องเมื่อแล้วเสร็จ หญิงสาวชูสองนิ้วให้เด็กหนุ่มเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่อีกฝ่าย มอร์แกนเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มรับแต่ก็อดประหม่าไม่ได้ สองขาเรียวก้าวเดินไปยังห้องโถงที่มีร่างสูงนั่งรออยู่
อเล็กซ์ที่นั่งอ่านหนังสือรออยู่ที่ห้องรับแขก เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าเดินมาใกล้ ชายหนุ่มมองไปยังเด็กน้อยด้านหน้าคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ จนเผลอปล่อยหนังสือที่อ่านอยู่ล่วงลงที่เท้าของตนเอง อเล็กซ์สะดุ้งรีบก้มลงเก็บมันมาวางไว้ที่เดิม สองขายืนขึ้นเกาท้ายทอยอย่างคนเก้อเขิน ส่วนมอร์แกนก็ได้แต่ยืนก้มหน้าไม่พูดไม่จา จนในที่สุดต้องเป็นอเล็กซ์ที่เอ่ยปากทำลายความเงียบเสียเอง
“น้องมอร์แกนน่ารักมากเลย พี่ประหม่าไปเลยนะเนี่ย ฮ่าๆ”
“มันไม่แปลกเหรอฮะ คือผมเป็นผู้ชาย แต่...”
“... น้องมอร์แกนรู้ตัวไหม ว่าตัวเองน่ารักขนาดไหน หื้ม?” มือใหญ่เกลี่ยแก้มที่แต้มสีเบาๆ เพราะไม่อยากให้เด็กน้อยคิดมาก “เราไปกันเถอะ เดี๋ยวจะสายเอาเนอะ”
อเล็กซ์ผายมือออกให้มอร์แกนเดินนำไปยังรถที่จอดไว้ คุณหมอหนุ่มเปิดประตูให้มอร์แกนเข้าไปนั่งก่อนที่ตัวเองจะวิ่งกลับมานั่งที่ของตนเช่นกัน อเล็กซ์หันไปยิ้มให้มอร์แกนที่กำลังคาดเข็มขัดอีกครั้งก่อนจะพายานพาหนะทะยานเข้าสู่ใจการเมืองหลวง
==================================
“บริษัท S เรายินดีอย่างยิ่งที่จะได้ร่วมงานกับบริษัท K มากครับ”
“แน่นอนสิครับ ตามจริงต้องบอกว่าบริษัทเราโชคดีมากกว่าที่ได้บริษัท S มาเป็นพาร์ทเนอร์กัน”
“แหม ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ... อย่างไรเชิญคุณโรเจอร์ร่วมทานอาหารด้วยกันก่อนนะครับ ผมจัดเตรียมให้เรียบร้อยแล้ว”
“งั้นก็ไม่เกรงใจแล้วนะครับ ขอบคุณมาก”
ร่างโปร่งยิ้มหวานการค้ากลับให้กับคู่ค้าของตน วันนี้ลูอีซมีนัดสำคัญกับบริษัท K บริษัทสรรสร้างคอนโดชื่อดังอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งตามจริงเขาจะรับงานนี้จากงานการประมูลก็ได้ แต่ในเมื่อคู่แข่งมันเยอะ เขาเลยจำต้องมีข้อเสนอทางการค้าเล็กน้อยเพื่อแลกกับการเซ็นสัญญาของบริษัทนี้
ลูอีซชวนชายหนุ่มฝ่ายตรงข้ามคุยไปเรื่อยทั้งในเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งหางตาเหลือบไปเห็นร่างหนึ่งที่มีลักษณะคุ้นเคย แม้การแต่งกายจะผิดแปลกไปจากปกติก็เถอะ ลูอีซลอบยิ้มแสร้งทำเป็นขอตัวเข้าห้องก่อนจะลุกเดินตรงไปยังสถานที่ดังกล่าว ที่มีคนๆนั้นเดินเข้าไปก่อนแล้ว
“สวัสดี ไม่คิดว่าจะเจอกันในที่แบบนี้นะ” ลูอีซก้าวเดินเข้ามาโดยไม่ลืมล็อคประตูห้องน้ำใหญ่ไว้ สองขาก้าวมาหยุดข้างมอร์แกนที่กำลังก้มล้างมืออยู่
“อะ เอ่อ คุณลูอีซ สวัสดีฮะ” มอร์แกนสะดุ้งตกใจกับเสียงที่เอ่ยทัก เขามัวแต่ก้มหน้าก้มตาเลยไม่ทันสังเกตุว่ามีคนเข้ามา มอร์แกนโค้งทักทายกลับและพยายามเดินเลี่ยงไปยังหน้าประตู แต่กลับถูกมือของอีกคนดึงกลับมา
“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน... มากับใครน่ะ เพื่อนเหรอ?” ลูอีซยิ้มให้มอร์แกน ยิ้มที่ทำให้มอร์แกนรู้สึกว่ามันเคลือบด้วยยาพิษ ไม่ได้มีความจริงใจสักนิด เมื่อเห็นมอร์แกนยังไม่ตอบ ลูอีซจึงพูดต่อไปโดยไม่สนใจ “เอ แต่จากที่เห็นไม่น่าจะไปเพื่อนหรอกเนอะ เดินจูงมือกันเข้ามาขนาดนั้น หรือว่าจะเป็น...ลูกค้ากันน้า”
“ม่ะ ไม่ใช่นะฮะ คุณหมออเล็กซ์ไม่ใช่แบบนั้น คุณหมออเล็กซ์เป็น เป็น...” ร่างเล็กตอบกลับอึกอัก ไม่รู้จะหาคำไหนมาพูดเมื่อเขาและคุณหมอหนุ่มไม่ได้เป็นอะไรกันอย่างที่คิด
“เป็นอะไรล่ะ ทำไมถึงตอบไม่ได้ ถ้าไม่ใช่ลูกค้าแล้วจะเป็นอะไรได้อีก ฮึ เด็กขายตัว”
“ฮึก... ไม่ใช่นะฮะ ผมกับคุณหมออเล็กซ์ไม่ได้เป็นแบบนั้นกัน”
“อย่ามาทำสำออยหน่อยเลย แกมันก็แค่เด็กไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า เป็นแค่เด็กขายตัวริอาจจะอยากได้ของสูง ให้ท่าโคบาล์ไว้เยอะล่ะสิ ถึงได้ยังอยู่ดีกินดีถึงทุกวันนี้ อ้อ แต่ที่เห็นคงไม่ได้ให้ท่าแค่โคบาล์คนเดียวสินะ ... จำใส่สมองโง่ๆของแกไว้เลยนะมอร์แกน ว่าโคบาล์เป็นของฉัน ของฉันคนเดียว คนอย่างแกไม่มีวันได้เขาไปหรอก จำไว้!!” นิ้วเรียวจี้ไปที่หน้าผากมนพลางพลักดันออกอย่างแรงจนมอร์แกนหน้าหงาย ก่อนจะถูกลูอีซที่ก้าวออกไปจากห้องน้ำปิดประตูใส่อย่างแรง
น้ำตาหยดเล็กไหลลงพื้นให้คำด่าทอ
มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่รินไหลออก เอื้อมมือหยิบกระดาษทิชชู่ตรงหน้ามาซับคาบน้ำตาและสั่งน้ำมูกออก หันมาทางกระจกเพื่อสำรวจตัวเองอีกที ริมฝีปากบางลองปั้นหน้ายิ้มเมื่อต้องออกไปเจอกับอีกคนด้านนอก แต่ก็ต้องถอนหายใจออกมาเมื่อมันดูไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเคย มอร์แกนหมุนตัวกำลังจะออกจากห้องน้ำแต่ประตูดันถูกประชากออกโดยคนที่รออยู่ อเล็กซ์ผงะเล็กน้อยเพราะเกือบชนร่างเล็กตรงหน้า เขาเห็นมอร์แกนหายไปนานจนกลัวว่าเด็กน้อยจะหลงจึงเดินมาตาม
“พี่เห็นหายมานานเลยมาตามน่ะ... เป็นอะไรหรือเปล่ามอร์แกน ทำไมตาแดงๆ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรฮะ ผมต้องขอโทษนะฮะ พอดีผมเดินหลงนิดหน่อย คุณหมออเล็กซ์เลยต้องมาตามเองเลย”
“ไม่เป็นไรครับ ไปทานอาหารกันเถอะ มื้อนี้พี่เลี้ยงเอง” อเล็กซ์ยักคิ้วหลิ่วตาใส่คนตัวเล็กอย่างอารมณ์ดี พลันเดินมาแตะหลังของเด็กหนุ่มให้ออกเดินตามเขาไปที่โต๊ะ
มอร์แกนอ้าปากกว้างเมื่ออาหารหลากหลายถูกนำมาวางไว้ตรงหน้า หน้าตาอาหารมีสีสันสวยงามไม่ต่างจากรสชาติอาหารที่อร่อยนุ่มละมุนลิ้น เด็กหนุ่มลืมเรื่องเสียใจเมื่อครู่ไปเสียหมด มือบางหยิบตักอาหารขึ้นมากินอย่างเป็นธรรมชาติโดยมีคุณหมอสุดหล่อคอยประเคนอาหารลงจานให้ ของหวานตบท้ายเป็นชีสโทสต์แป้งหนากรอบเสิร์ฟพร้อมไอศรีมรสราสเบอร์รี่ที่ขึ้นชื่อของที่ร้าน อาหารตรงหน้าค่อยๆพร่องลงจากเดิมทีละเล็กทีละน้อยด้วยฝีมือของทั้งสองคน มอร์แกนยิ้มมีความสุขกับอาหารมื้อนี้ ซึ่งคุณหมอหนุ่มที่นั่งดูอยู่ข้างๆ ก็พลอยยิ้มตามไปด้วย
ภาพความสุขตรงหน้าของทั้งสองถูกถ่ายเก็บเอาไว้ด้วยฝีมือของลูอีซ เจ้าตัวพยายามเก็บภาพอิริยาบทของคนทั้งสองไว้ตลอด บางภาพก็แลดูเป็นคู่รักกันจริงจนชวนน่าหมั่นไส้ เขาเลื่อนดูรูปเพื่อตรวจเช็ครูปที่ต้องการ มุมปากบางเย้ยยิ้มมองช่องสนทนาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋าเสื้อสูทตามเดิม
==================================
ครืด ครืด
โคบาล์ที่กำลังเข้าประชุมอยู่หันมาสนใจเครื่องมือสื่อสารที่สั่นอยู่ข้างกาย ตาคมลอบมองชื่อของบุคคลที่ส่งข้อความเข้ามา เขาเลี่ยงที่จะไม่ใส่ใจเปิดมันขึ้นมาดู มือใหญ่หยิบโทรศัพท์เครื่องแพงคว่ำหน้าเพื่อละความสนใจในข้อความที่ยังส่งมาต่อเนื่อง
โคบาล์ทรุดตัวนั่งลงที่โซฟาภายในห้องทำงานของตัวเองเมื่อเสร็จจากการประชุม มือใหญ่คลายเนคไทออกเล็กน้อยให้พอหายอึดอัด ขายาวขึ้นมาเยียดยาวบนโซฟาตัวเขื่องคล้ายคนต้องการการพักผ่อนเสียเต็มที โคบาล์หลับตาลงคิดถึงการประชุมในช่วงเช้าวันนี้ที่ค่อนข้างจะเคร่งเครียด เมื่องบประมาณของทุกบริษัทในเครือ W Group ของเขา ถูกเบิกจ่ายจนเกินความจำเป็น จึงนำพาให้หัวหน้าทุกแผนกของทุกบริษัทในเครือต้องจัดทำเอกสารชี้แจงมากมาย
ยังไม่หมดปัญหาเก่า ปัญหาใหม่ก็เข้ามาเยือนเสียแล้ว...
โคบาล์ล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าสูทขึ้นมาเปิดการแจ้งเตือนข้อความของลูอีซที่ยังค้างอยู่ เขาคิดว่าเนื้อหาด้านในอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ให้สืบเสาะมา แต่เมื่อกดเข้าไปดูภายในข้อความ กลับกลายเป็นรูปถ่ายของคนสองคนที่เข้ารู้จักดีอยู่ในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง อิริยาบทต่างๆของทั้งสองถูกเรียงรายส่งมาให้โคบาล์ พร้อมกับการบอกเล่าของอีกฝ่ายว่าเจอทั้งสองที่ไหนวันไหนและเวลาไหน มือใหญ่กำโทรศัพท์ในมือแน่น เขาเขวี้ยงมันใส่กระจกของตู้เก็บเอกสารด้านข้างด้วยความโมโห เสียงแตกกระจายของกระจกภายในห้องเจ้านาย ทำให้เจสสิก้าที่นั่งทำงานอยู่ด้านนอกรีบผลักประตูเปิดเข้ามาดู ใบหน้าสวยซีดเผือดลงเมื่อโคบาล์หันมาจ้องหล่อนราวกับอาฆาตแค้นกันมานมนาม
ร่างสูงใหญ่ก้าวยาวออกไปจากห้องตรงไปกดลิฟต์โดยสารทันที เขาไม่สนใจเสียงเรียกของหญิงสาวเพราะตอนนี้ใจของเขามัวแต่ร้อนรุ่ม อยากจะปะทะกับคนตัวใหญ่อีกคนในรูปเสียมากกว่า
“ทะ ท่านประธานคะ ท่านประธานจะไปไหนคะ ช่วงบ่าย... โอ่ยยยย ท่านประธานนะท่านประธาน คนสวยเซ็ง!” เจสสิก้าบ่นให้กับความว่างเปล่าตรงหน้า กลายเป็นว่าการประชุมช่วงบ่ายต้องเป็นเธอที่เข้าไปประชุมแทนเสียแล้ว
เจสสิก้า ลีถอนหายใจหนัก เธอยกหูโทรศัพท์เพื่อโทรเรียกแม่บ้านของบริษัทขึ้นมาเก็บกวาดเศษแก้วภายในห้องทำงานเจ้านาย ร่างอรชรเดินเข้าไปสำรวจเอกสารของเจ้านายที่วางค้างไว้ ก่อนจะเหลือบไปเห็นโทรศัพท์เครื่องแพงนอนแผ่อยู่ที่พื้น เธอก้มหยิบมันขึ้นมาดูขณะที่หน้าจอยังไม่ดับไป สาบานได้เลยว่าเธอไม่ได้อยากรู้อยากเห็นเรื่องของเจ้านายเสียเท่าไหร่หรอกนะ หล่อนจ้องมองคนในรูปถ่ายที่อยู่ในข้อความ โดยมีชื่อลูอีซเป็นคนส่งเข้ามา หญิงสาวถึงกับร้องอ๋อในทันทีเมื่อรู้สาเหตุของอาการหัวร้อนของเจ้านาย
อยากจะเอาใจช่วยเจ้านาย แต่ชายหนุ่มที่อยู่กับมอร์แกนในรูปก็หล่อเหลาไม่แพ้กัน... เอาอย่างไรดีเล่าเจสสิก้า
โคบาล์กลับถึงคฤหาสน์ในเวลาบ่ายแก่ๆ พ่อบ้านคาลอสมีท่าทีแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นนายน้อยของตนกลับมาก่อนกำหนดและที่น่าแปลกใจมากขึ้นเมื่อร่างสูงเดินลิ่วไปด้านหลังห้องครัวคล้ายกำลังตามหาใครบางคน แต่เมื่อหาไม่เจอก็หันกลับมาเอาเรื่องคนแก่แทน
“มอร์แกนอยู่ไหนคาลอส”
“มอร์แกนออกไปทำธุระข้างนอกขอรับ”
“ธุระข้างนอก? ธุระอะไร ใครให้ออกไป! อย่าโกหกคาลอส ฉันรู้หมดแล้ว”
“ใจเย็นๆ ก่อนนะขอรับนายน้อย... กระผมเป็นคนให้มอร์แกนไปเอง”
“ทำไมถึงปล่อยให้ไปกับอเล็กซ์! นายก็รู้นี่คาลอสว่าอเล็กซ์มันเป็นคนยังไง นายก็รู้ว่ามันกำลังเล่นสนุก มันแค่อยากเอาชนะฉัน และที่สำคัญมอร์แกนจะเสียใจเพราะมัน”
“กระผมรู้ขอรับ แต่กระนั้นมันก็ต้องเป็นมอร์แกนที่จะต้องผ่านมันไปให้ได้ ในเมื่อตอนนี้เจ้าตัวเลือกที่จะไปกับหมออเล็กซ์แล้ว... นายน้อยอย่าลืมนะขอรับว่ามอร์แกนเองก็โตแล้ว ช่วงอายุของเขาควรได้เรียนรู้และเจออะไรอีกมากมายนอกเหนือจากในคฤหาสน์ เขามีสิทธิ์เลือกใช้มันเองมิใช่หรือขอรับ”
“ก็ใช่ แต่นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าฉันคิดยังไงกับมอร์แกน ทำไมนายถึงไม่... โถ่เว้ย!!” ร่างสูงสบถออกมาเสียงดัง แม้จะโกรธคาลอสมากเท่าไหร่ก็ทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อคาลอสก็เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งและสิ่งที่คาลอสพูดมามันไม่ผิดเลย มอร์แกนมีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าเจ้าตัวต้องการใคร แต่ ณ เวลานี้ แค่เขาคิดว่าทั้งสองกำลังยิ้มให้กัน เขาก็เจ็บหน่วงในอกอย่างหนักเสียแล้ว
==================================
“ฟู่ว์ อิ่มมากเลยฮะคุณหมออเล็กซ์” มือบางลูบท้องตนเองเบาๆระหว่างที่ยัดตัวเองลงไปในห้องโดยสารคันหรู
“ฮ่าๆ อิ่มก็ดีครับ พี่จะขุนเราเยอะๆเลย... ดูสิ ผอมจนเหลือแต่กระดูกแล้ว” คุณหมอหนุ่มเอ่ยแซวพร้อมยกมือบางขึ้นมาจับไว้ เขาเกลี่ยนิ้วโป้งไล้ไปมาบนหลังมือเล็กอย่างเอาใจ นัยน์ตาทะเล้นแต่กลับสะท้อนแววเอ็นดูสบเข้าตากลมนิ่ง มือหนาฉวยเอามือบางที่จับอยู่ ขึ้นมาจรดรอยจูบลงบนหลังมือ เขาจูบมันย้ำๆอย่างมันเขี้ยวก่อนจะเอ่ยคำที่ทำให้ร่างเล็กหน้าแดงขึ้นกว่าเก่า “ไหนลองเรียกว่าพี่อเล็กซ์สิครับเด็กน้อย”
“ด่ะ เด็กน้อยอะไรกันเล่า ผมโตแล้วนะจะบอกให้” คนตัวเล็กทำท่าฟึดฟัดโวยวายกลบเกลื่อน พยายามดึงมือตัวเองออกจากการกอบกุมของอีกคนพลันวัน
“ก็เด็กน้อยจริงๆนี่ครับ พี่จะสามสิบสองแล้วแต่เราน่ะยังไม่ถึงยี่สิบเลย... ไม่ต้องมาเฉไฉเลย เรียกเร็วๆไม่งั้นพี่จะทำโทษแล้วนะ หึหึ” อเล็กซ์เอ่ยเย้าแหย่เพื่อกระตุ้นคนตรงหน้า ก่อนจะสบโอกาสแกล้งยื่นหน้าตัวเองเข้าไปใกล้มอร์แกนที่หันหน้าหาทางหนี
“เอ๋ ไม่ๆ หื้ออออ พี่... พี่อเล็กซ์!!”
“ดีมาก ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปต้องเรียกว่าพี่อเล็กซ์นะครับ” อเล็กซ์ยิ้มมองมอร์แกนที่หลับตาปี๋ให้ ร่างใหญ่ผละตัวเองออกมานั่งที่คนขับดังเดิม ถึงแม้จะแอบเสียดายอยู่นิดหน่อย ถ้าเผลอมอร์แกนไม่ยอมทำตามที่เขาพูด เขาคงได้ลิ้มลองรสชาติของริมฝีปากอิ่มตรงหน้าเข้าให้แล้ว “รัดเข็มขัดด้วยครับ เดี๋ยวเราไปซื้อของกันต่อเสร็จแล้วก็จะได้กลับเลย”
มอร์แกนพยักหน้าขณะที่คาดเข็มขัดตามคำสั่ง ตากลมเหลือบมองเสี้ยวหน้าคมคายอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะละสายตากลับไปมองกระจกตรงหน้าต่าง แววตาสั่นไหวมองภาพอเล็กซ์ที่สะท้อนผ่านกระจก
ถ้าเป็นคนนี้จะได้ไหมนะ? ถ้าเป็นคนนี้จะทำให้เขาต้องเจ็บไหมนะ?
“น้องมอร์แกน... น้องมอร์แกนครับ ถึงแล้วครับ”
“อื้ม... อ๊ะ! ขอโทษด้วยฮะ ผมเผลอหลับไป” คนตัวเล็กที่ผล็อยหลับไปถูกคุณหมอหนุ่มสะกิดให้ตื่นขึ้นในเวลาถัดมา มอร์แกนสะลึมสะลืมตื่นตามเสียงเรียกของอีกคน มือบางยกขึ้นขยี้ตาเล็กน้อยแต่กลับถูกอเล็กซ์จับหยุดไว้
“อย่าขยี้แรงครับ เดี๋ยวมันแดง... ปัดๆออกแบบนี้แทนนะ” นิ้วโป้งใหญ่เกลี่ยไปตามเปลือกตาบางอย่างเบามือ
คนตัวเล็กที่ยังตื่นไม่เต็มดีเมื่อเจอความอบอุ่นที่ฝ่ามือใหญ่ทำให้เผลอซบหน้าเข้าหา ใบหน้าพริ้มราวกับลูกแมวน้อยคลอเคลี่ยอยู่ที่อุ้งมือร้อน สายตาคมที่จ้องคนตรงหน้ามิอาจยับยั้งใจได้ สองมือใหญ่ประคองใบหน้าเล็กแผ่วเบาพร้อมส่งริมฝีปากร้อนผ่าวไปประกบกับริมฝีปากเล็ก อเล็กซ์ละออกมามองหน้ามอร์แกนเล็กน้อย ก่อนจะหวนกลับเข้าไปเติมเต็มกันใหม่อีกครา มอร์แกนหลับตารอรับจูบของอีกฝ่ายด้วยความเต็มใจไม่ต่างจากอเล็กซ์ที่มอบจุมพิตอันหอมหวานให้ ใบหน้าคมคายขยับปรับองศาให้แนบชิดกว่าเก่า ขบเม้มหยอกล้อริมฝีปากเล็กหวานไปด้วย
“อื้อออ พอ...” อเล็กซ์จำใจถอนจูบของตนเองออกมา เมื่อคนตัวเล็กส่งเสียงประท้วงเหมือนต้องการอากาศหายใจ ดวงหน้าหวานแดงซ่านแหงนขึ้น ปากเล็กแดงช้ำจากการถูกขบกัดอ้าออกน้อยๆ เพื่อกอบโกยอากาศเข้าปอด เห็นอย่างนั้นอเล็กซ์ก็รู้สึกปวดหนึบที่ช่วงล่างขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ทำได้เพียงแค่อดกลั้นมันเอาไว้ แต่ในใจจริงเขาต้องการมากกว่านี้เสียด้วยซ้ำ
ใจเย็นไว้ก่อนอเล็กซ์... ช้าๆได้พร้าเล่มงามนะอย่าลืม
“พี่ว่าเรารีบลงกันเถอะครับ เดี๋ยวจะช้าเอา” อเล็กซ์พยายามปรับสีหน้าตัวเองพลางเปิดประตูออกมาตั้งสติอีกครั้ง ก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูให้มอร์แกนที่กำลังเปิดลงมาพอดี
“เอ่อ เรามาทำอะไรกันที่นี่เหรอฮะ?”
“ช้อปปิ้งน่ะสิ มา... เข้าไปข้างในกันเถอะ” อเล็กซ์เดินกุมมือบางเดินเข้าในตัวห้างชั้นนำของเมือง
ระหว่างเดินในห้างอเล็กซ์เดินกุมมือมอร์แกนไว้ตลอดราวกับต้องการประกาศว่าคนข้างกายนี้เป็นของเขา โดยที่มอร์แกนไม่ได้เอะใจสักนิด ร่างสูงพามอร์แกนมาซื้อเสื้อผ้าและของใช้ โดยที่มอร์แกนปฏิเสธร่ำไปว่าสิ่งเหล่านี้ไม่จำเป็นสำหรับเขา แต่ก็ยังคงเป็นอเล็กซ์ที่คะยั้นคะยอให้อีกฝ่ายรับไปอยู่ดี จนในที่สุดถุงนับสิบกว่าใบก็มาอยู่ในมือของทั้งสองคนจนได้ มอร์แกนรู้สึกเกรงใจคุณหมอหนุ่มไม่น้อย ที่พาเขามาซื้อของแถมยังซื้อให้ฟรีๆ อีกตั้งหาก อเล็กซ์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู ทว่าเห็นสมควรแก่เวลาที่ต้องพากันกลับเสียแล้ว เขาจึงชักชวนเด็กน้อยที่นั่งพักจากการกินขนมเค้กเสร็จแล้วให้เตรียมตัวกลับ
มอร์แกนและอเล็กซ์กลับถึงคฤหาสน์ในเวลาบ่ายสี่โมงกว่า ร่างสูงก้าวลงจากรถคันหรูพร้อมกับถือถุงอีกมากมายของมอร์แกนลงมาให้เช่นเดียวกัน มอร์แกนเมื่อเห็นคุณหมอหนุ่มถือของตัวเองพะรุงพะรังก็เกิดความเกรงใจ รีบเดินนำไปเปิดประตูสำหรับห้องรับแขกให้ทันที เพื่อที่อเล็กซ์จะได้พักผ่อนเสียหน่อย
แอ๊ด...
==================================
Talk: นังลูอีซ แกรมันนังงูพิช ชอบด่าลูกฉันงั้นรึ ต้องเจอกันสักหน่อยแล้วววว
ขอแก้ไขตอนสุดท้ายเล็กน้อยนะค้า จะเอาไปใส่ตอนใหม่ค่ะ