เกียร์คู่ในตำนาน ( yaoi 3P ) side story : Where R U? อยู่ไหนครับ...ที่รักของผม5[24\3\63]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เกียร์คู่ในตำนาน ( yaoi 3P ) side story : Where R U? อยู่ไหนครับ...ที่รักของผม5[24\3\63]  (อ่าน 50466 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ดีใจ  ไรท์มา   :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ว่าและ ..... โอละพ่อเลย เรื่องอาหารเป็นพิษ  :mew2:
ที่แท้มาจากกล้วยบวชชีบูด  o22 :เฮ้อ:
ที้.....รู้ว่ามันบูดยังไปกินอีก ถถถถถถถ 
ก็อยากให้แฝดได้ใกล้ชิดที ......  :-[
แต่เห็นสภาพแล้วสงสารทีมากกกกกกกกก   :z3: :really2: :เฮ้อ:
เอิ่ม…แซนด์วิชอันนี้คุ้มจังให้ไส้กรอกตั้งสองชิ้น…........   :m20: :laugh: :pigha2: o18
แฝด  ที   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ฮือๆๆๆ  ไม่เอานิยายไตรมาสนะไรท์

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1

ตอนที่ 49



            นี่มันอะไรวะเนี่ย

            ผมนอนตัวแข็งอยู่ในวงแขนของเจ้าแฝดนรกอย่างไม่รู้จะทำหน้าแบบไหนดี ข้างหน้าก็ฟ้าครามนอนเปลือยเปล่าก่ายแขนพาดคอผม ข้างหลังก็ภูผาที่ใช้ต้นขาสองข้างหนีบขาผมไว้ไม่ยอมปล่อย ด้วยความที่เรานอนชิดกันมากอะไรๆมันก็ต้องสัมผัสกันเป็นธรรมดา ผมได้แต่นอนหน้าซีดสลับแดงทำตัวไม่ถูกอยู่พักใหญ่

“ งืมมม…พี่ที ”  ฟ้าครามพึมพำด้วยน้ำเสียงแหบพร่ามือที่พาดอยู่บนคอรั้งใบหน้าให้โน้มเข้าไปใกล้มากขึ้น ฟ้าครามซุกใบหน้าลงที่ซอกคอของผมก่อนจะนิ่งไปแล้วกรนออกมาเบาๆ

            ผมเหลือบมองนาฬิกา เพิ่งจะหกโมงครึ่งยังเร็วไปที่จะปลุกสองคนนี้ให้ตื่นขึ้นมาง้องแง้งวุ่นวายแต่เช้าตรู่ ค่อยๆเอามือดันหน้าฟ้าครามออกจากซอกคอ อีกฝ่ายขมวดคิ้วทำเสียงอืออาเหมือนรำคาญก่อนจะมุดหน้าเข้ามามากขึ้นจนผมต้องกลั้นหัวเราะในลำคอเพราะความจั๊กจี้ ยิ่งหดคอหนีฟ้าครามก็ยิ่งซุกจนผมทนไม่ไหวต้องดิ้นถอยไปด้านหลังชิดอกภูผา

“ อา… ” ภูผาครางอยู่ข้างหู บดเบียดท่อนล่างเข้ามาจนผมสะดุ้งเมื่อส่วนแข็งเกร็งปริศนาแนบชิดอยู่กับบั้นท้ายของผม

“ อือออ…อยาก…..แฮ่กๆ ”

“ ร้อน….ร้อน….”

“ …อยาก…”

“ ….ร้อนนนน ”

            ผมพยายามดึงขาตัวเองออกจากต้นขาของภูผาส่วนด้านบนก็ดิ้นรนสุดแรงด้วยการดันอกฟ้าครามออกไปจากตัว 

“ ภูผา! ฟ้าคราม! อย่ามาเล่นบ้าๆนะ พี่รู้ว่าพวกนายตื่นกันแล้ว!! ” 

            ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง สองคนนั้นยังคงกอดและถูไถเข้าร่างกายเข้ากับตัวผมไม่หยุดจนผมเองก็เริ่มรู้สึกแปลกๆขึ้นมาเหมือนกัน

“ ภูผาฟ้าคราม! หยุดเดี๋ยวนี้ ! ไม่งั้นพี่จะโกรธแล้วนะ! ” ผมไม่กล้าพูดเสียงดังมากเพราะกลัวคนนอกประตูจะผ่านมาได้ยินแล้วเปิดมาเจอภาพแปลกๆของพวกเราเข้า

            มือเย็นๆของภูผาสอดเขามาใต้เสื้อนอนก่อนจะลูบไล้ขึ้นไปยังหน้าอกแล้วหยิกที่หัวนมผม

“ อ๊า!!! ” ผมร้องเสียงหลงอย่างตกใจ

“ พี่ที…อาห์…. ” ร่างของภูผาและฟ้าครามบดเบียดเข้ากับตัวผมทั้งด้านหน้าและด้านหลัง พยายามเอาไส้กรอกร้อนๆนั้นเสียดสีไปตามตัวผมโดยมีเพียงเนื้อผ้าบางๆของชุดนอนกั้นเอาไว้

            ผมตื่นกลัวจนมือไม้สั่นไปหมด ได้แต่นอนตัวแข็งปล่อยให้สองคนนั้นเล้าโลมอย่างทำอะไรไม่ถูก จะหนีก็หนีไม่ได้ ขู่ไปก็ไม่ฟังทำเป็นหูทวนลมอีกต่างหาก นี่หรือคือการกระทำของคนที่พร่ำบอกว่ารักกัน รู้สึกแย่ชะมัด…เหมือนกำลังโดนข่มขืนเลย

“ ไม่เอานะภูผาฟ้าคราม! พอได้แล้ว!! อย่าทำเลยนะ…ฮึก  ”  พอผมคว้ามือฟ้าครามไว้ภูผาที่อยู่ด้านหลังก็จะทำหน้าที่แทน พอผมหันไปคว้ามือภูผา ฟ้าครามก็จะเป็นคนเล้าโลมต่อเรียกได้ว่าช่วยกันทำงานไม่มีขาดตอนเลยทีเดียว

            ผมทั้งร้องไห้ทั้งอ้อนวอนแต่สองคนนั้นก็ไม่ยอมหยุด ท่ามกลางหยาดน้ำตาที่หลั่งรินร่างกายไม่รักดีกลับตอบสนองต่อการกระตุ้นของคนทั้งคู่ ความรู้สึกหวาดกลัว ผิดหวัง และละอายรัดหัวใจจนแทบหายใจไม่ออก

“ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!! ”

 

 

            พรวด!!!

“ แฮ่กๆๆๆๆ ” ผมหายใจหอบถี่ ดวงตาเบิกโพลงมองไปรอบตัวอย่างตื่นตระหนกแต่กลับพบเพียงความว่างเปล่า ไม่มีร่างเปลือยเปล่าของภูผาฟ้าครามอยู่บนเตียงอย่างที่คิด ก้มลงมองตัวเองเสื้อผ้าก็ยังอยู่ครบ เหลือบมองนาฬิกาก็ไม่ใช่หกโมงครึ่งแต่เป็นแปดโมงเช้า ผมเอามือลูบหน้าผากที่เต็มไปด้วยเหงื่อ ปล่อยให้ตัวเองนั่งหอบเพียงลำพังบนเตียงจนตั้งสติได้แล้วจึงถอนหายใจออกมา

            ฝันซ้อนฝัน

            โชคดี…ที่เป็นแค่ความฝัน

            น้องไม่ได้ข่มขืนผม…ภูผาฟ้าครามไม่มีทางทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้น ตอนที่ผมปฏิเสธคำขอเป็นแฟนของสองคนนั้นก็เหมือนกัน ทั้งที่ผมเกือบจะเพลี่ยงพล้ำแต่ในท้ายที่สุดสองคนนั้นก็ขืนใจผมไม่ลง

            ตรู๊ดดดดดดดดดดด ตรู๊ดดดดดด

            ผมเอื้อมมือคว้าโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมาแนบหู

‘ ที ตื่นหรือยังลูก ’ เสียงอาแอ๋มดังมาตามสาย

“ ตื่นได้สักพักแล้วครับ กำลังจะไปอาบน้ำ ”

‘ เสื้อผ้าอาจัดไว้ให้แล้วนะวางอยู่ปลายเตียงเห็นใช่มั้ย เดี๋ยวอาบน้ำเสร็จแล้วลงมาทานข้าวทานยานะลูก ลงมาไหวไหมถ้าไม่ไหวอาจะให้เมดยกขึ้นไปให้ ’

“ ไหวครับอาแอ๋ม ขอบคุณมาก ”

            ผมคว้ามือถือตัวเองที่วางอยู่หัวเตียงมาปลดล็อก มีสายโทรเข้ามาไม่ต่ำกว่ายี่สิบสาย ไหนจะไลน์ที่แจ้งเตือนเด้งรัวๆอีก ผมใช้เวลาเกือบครึ่งชั่วโมงโทรกลับและพิมพ์ตอบเพื่อนๆที่ทักมาถามอย่างเป็นห่วงอาการของผม หลังวางสายจากแม่ที่บอกว่าจะแวะมารับกลับบ้านตอนเย็นผมก็คว้าผ้าเช็ดตัวและชุดสำหรับเปลี่ยนเดินเข้าไปในห้องน้ำ ถอดเสื้อและกางเกงนอนกำลังจะโยนใส่ตะกร้าแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นกางเกงนอนสีและลายเดียวกันกับที่ผมใส่นอนเมื่อคืนอยู่ในนั้นอีกตัว

            ไม่แปลกที่จะมีชุดนอนซ้ำกันเพราะเสื้อผ้าส่วนใหญ่อาแอ๋มจะซื้อเหมือนกันสองชุดทุกครั้ง แต่ที่ผมแปลกใจก็คือทำไมมีแต่กางเกงนอนไม่มีเสื้อ ปกติภูผากับฟ้าครามไม่นอนถอดเสื้อนะ

            พอผมลงมาด้านล่างภูผากับฟ้าครามที่นอนดูทีวีอยู่ที่ห้องนั่งเล่นก็กุลีกุจอพาผมไปนั่งที่โต๊ะทานข้าวก่อนจะเดินไปตักข้าวต้มปลามาเสิร์ฟให้ด้วยตัวเอง รู้สึกแปลกๆยังไงไม่รู้ที่จะต้องมองหน้าภูผาฟ้าครามหลังจากฝันแบบนั้นไป โอ๊ย!มันก็แค่ฝันเลิกฟุ้งซ่านได้แล้วไอ้ที ทำตัวเหมือนเดิมๆๆท่องไว้

“ เช้านี้กินอาหารอ่อนๆไปก่อนนะพี่ที เพิ่งจะดีขึ้นไม่อยากให้กินอาหารหนัก ” ภูผาวางชามข้าวต้มส่งกลิ่นหอมฉุยลงตรงหน้าผม ส่วนฟ้าครามก็รินน้ำเปล่ามาวางให้พร้อมแก้วใส่ยาเล็กๆ

“ ขอโทษนะ เพราะอาหารที่พวกครามทำเมื่อวานซืนพี่ทีก็เลยท้องเสียเลย แต่ข้าวต้มชามนี้รับรองว่าปลอดภัยแน่ ครามกินไปสองชั่วโมงแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ”

“ เข้าใจผิดแล้ว พี่ไม่ได้ท้องเสียเพราะของที่พวกเราทำหรอก แต่เป็นเพราะเผลอกินกล้วยบวชชีที่กะทิมันบูดเข้าไปก่อนหน้านั้นต่างหากล่ะ ถ้าเป็นเพราะของที่ภูกับครามทำจริงป่านนี้บ้านพี่ก็ท้องเสียกันทุกคนแล้วรวมถึงพวกนายด้วย ” ผมอธิบายไปใช้ช้อนคนข้าวต้มไปด้วย อืม หอมดี กลิ่นใช้ได้เลยแฮะ

            ผมค่อยๆคนข้าวต้มให้คายความร้อนออกมาเป็นไอสีขาวกรุ่น ภูผากับฟ้าครามย้ายตัวเองมานั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามแล้วเท้าคางจ้องหน้าผมนิ่ง เกิดความเงียบขึ้นระหว่างเราสามคน

            เมื่อก่อนเวลาอยู่กับพวกมันผมจะอึดอัดรำคาญใจกับความอ้อนมืออ้อนตีน แต่ตอนนี้กลับอึดอัดยิ่งกว่าเป็นร้อยเท่าก็เพราะสถานะของเรามันโคตร’ คอมพลิเคท ’เลยไงล่ะ

“ แล้วพวกอาแอ๋มไปไหน? ” ผมพูดขึ้นทำลายความเครียดที่น่าอึดอัด

 “ อ๋อ แม่กินข้าวเสร็จแล้ว ตอนนี้ยืนคุมคนงานที่มาซ่อมน้ำพุอยู่อ่ะ ส่วนพ่อกับพี่เฟิร์สไปทำงาน ”

            ผมพยักหน้ารับรู้ เมื่อเห็นว่าข้าวต้มน่าจะกินได้แล้วจึงค่อยๆใช้ช้อนตักใส่ปาก

“ อร่อย! ” ผมอดจะอุทานขึ้นมาอย่างทึ่งๆไม่ได้ ข้าวต้มสีขาวนวลหอมกรุ่นกับเนื้อปลาที่มีรสหวานตามธรรมชาติไม่มีกลิ่นคาวเลยสักนิดยิ่งกินก็ยิ่งหยุดไม่ได้

            ผมก้มหน้าก้มตาตักข้าวต้มใส่ปากจนกระทั่งความรู้สึกหิวบรรเทาลงไปถึงได้ลดความเร็วในการตักอาหารใส่ปากลงแล้วเงยหน้าขึ้นมองอีกสองคนที่ผมลืมไปซะสนิทว่านั่งอยู่ด้วยเพราะถูกความหิวบังตา

            ลมหายใจเหมือนจะสะดุดไปครู่หนึ่งเมื่อสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่ทอประกายอ่อนโยนของภูผาและฟ้าคราม สองคนนั้นเท้าคางยิ้มบางๆมองผมกิน แทนที่พอผมเงยหน้าขึ้นมาแล้วพวกมันจะซ่อนสายตากลับกลายเป็นว่าพวกนั้นสบตากับผมโดยไม่คิดเบี่ยงไปทางอื่นราวกับจะยืดอกยอมรับว่าพวกมันแอบมองผมอยู่ต่อให้ผมรู้ตัวพวกมันก็โนสนโนแคร์

            เฮ้อ…เป็น ‘น้องชาย’ ที่มีสายตาชวนให้ลำบากใจเสียจริง-///-

“ พี่ที…ภูจะถาม ”

“ ถามว่า? ”

“ ถ้าไม่ดูปานที่ข้อมือพี่ทีแยกพวกเราออกตั้งแต่เมื่อไหร่ คงไม่ใช่ตอนเช็งเม้งเมื่อหลายปีก่อนใช่มั้ย เหมือนพี่ทีจะแยกได้ก่อนหน้านั้นแล้ว ”

            จู่ๆมาถามอะไรแบบนี้ แต่เอาเถอะก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่นะ ตอบตามความจริงไปแล้วกัน

“ น่าจะตอนพี่มาอยู่บ้านนี้ตอนเด็กๆช่วงที่อาแอ๋มชวนมาเรียนเทนนิสกับพวกภูล่ะมั้ง รู้สึกพี่จะอยู่ปอห้าแล้วพวกนายก็อยู่ปอสาม ” ใช่ ถ้าแยกออกโดยเรียกชื่อไม่ผิดเลยก็คงเป็นตอนนั้นนั่นแหละ อันที่จริงก่อนหน้านั้นจะเรียกว่าแยกไม่ออกก็ไม่เชิง ผมมักจะเรียกฟ้าครามว่า ‘คนพี่’ เรียกภูผาว่า ‘คนน้อง’ แต่สองคนนั้นกลับท้วงว่าภูผาต่างหากที่เป็นคนพี่อยู่ทุกครั้งไปทำให้ผมในตอนนั้นรู้สึกสับสนมาก ทั้งที่ความรู้สึกมันบอกแบบนั้น ทั้งที่แยกออก ทั้งที่ไม่เคยเรียกสลับเลยสักครั้ง แต่กลับไม่ถูกต้องงั้นเหรอ? ผมยังจำความรู้สึกในตอนนั้นได้ดี ทุกครั้งที่พบสองคนนี้ผมจะรู้สึกสับสนและอึดอัดเพราะสิ่งที่รู้สึกนั้นไม่ตรงกับสิ่งที่น้องและพ่อแม่บอกผมเลย จากนั้นเป็นต้นมาผมก็ไม่เคยเรียกสองคนนั้นแบบเจาะจงตัวอีก จะเรียกก็เรียกรวมๆกันไปเลยว่า ‘แฝด’

            การที่ความจริงมันขัดกับสิ่งที่รู้สึกอยู่ข้างในมันทำให้ผมเขว รู้สึกหงุดหงิดอย่างประหลาด รู้สึกว่ามันไม่ใช่ ไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่คิดว่าพ่อแม่จะโกหกผม จนกระทั่งมาอยู่ที่บ้านวรกิจเดชสกุลถึงได้รู้ความจริงว่าฟ้าครามนั้นเกิดก่อนถือว่าเป็น ‘ คนพี่ ’ จริงๆ แต่ด้วยญาติฝั่งอาสินธุ์เขาถือว่าฟ้าครามออกมาก่อนเพราะได้ภูผาเสียสละให้ดังนั้นจึงให้เรียกภูผาเป็น ‘คนพี่’ แทน เรื่องนี้แม้แต่ภูผากับฟ้าครามก็ไม่เคยรู้มารู้เอาพร้อมผมตอนที่พวกเรานั่งทานข้าวด้วยกันแล้วอาแอ๋มเล่าย้อนความหลังนั่นแหละ

            หลังจากรู้ความจริงในวันนั้นความขุ่นมัวที่ตกตะกอนในใจก็ราวกับถูกร่อนตะแกรงเททิ้งไป ค่อยรู้สึกว่ามันถูกต้อง มันตรงกับความรู้สึกเราหน่อย

            ทีแรกก็ว่าจะเริ่มเรียกชื่อ ‘ภูผา’ ‘ฟ้าคราม’ ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วแหละถ้าไม่มีบทสนทนานี้เกิดขึ้นมาก่อน

‘ แฝด พวกนายหน้าเหมือนกันขนาดนี้ แล้วเวลามีแฟนจะไม่ลำบากเหรอ ’ ผมถามขณะนั่งมองเด็กชายสองคนที่มีหน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบกำลังช่วยกันต่อรางรถไฟของเล่นอยู่บนพื้นห้อง

‘ ลำบากยังไงอ่ะ-o- ’ คนพี่ ไม่สิ ฟ้าครามเงยหน้าขึ้นมาถามตาแป๋ว

‘ ก็ถ้าแฟนพวกนายจำพวกนายสลับกัน เกิดแฟนครามดันไปหอมภูแทน ครามไม่หึงเหรอ ’

            สองแฝดกอดอกทำหน้าคิด

‘ จริงด้วย พี่ทีพูดถูก! ’

‘ งั้นภูจะแต่งงานกับคนที่แยกภูกับครามออก ใครแยกไม่ออกจะไม่แต่งด้วยเด็ดขาด ’

‘ อ้าว แล้วถ้าชาตินี้ไม่มีใครแยกพวกนายออกเลยล่ะ ’

‘ ครามก็แต่งกับพี่ทีแล้วกันเพราะครามชอบพี่ทีมากถึงจะแยกไม่ออกก็ไม่เป็นไร ’

            ด้วยความกลัวว่าเจ้าแฝดนั่นจะชอบผมมากไปกว่านี้แล้วตามราวีไม่เลิกไม่ราผมเลยแกล้งทำเป็นแยกพวกมันไม่ออกต่อไปจนกระทั่งขึ้นมอต้น ตอนนั้นไปไหว้บรรพบุรุษพร้อมพวกอาแอ๋มแล้วดันหลุดปากเรียกชื่อฟ้าครามเข้าตอนโมโห ก็เลยต้องเลยตามเลยนับแต่นั้นมา

“ จริงดิ! แล้วทำไมเรียกแต่แฝดๆๆล่ะ ” ก็กูกลัวพวกมึงจะยิ่งชอบกูเกาะกูมากกว่าเดิมน่ะสิตอนนั้น-*-

“ ก็พอใจจะเรียก มีไรมั้ย ”

“ ไม่มีครับ // ไม่มีครับ  ”

“ ภูผาหรือฟ้าครามก็ได้ ไปซื้อของเป็นเพื่อนแม่หน่อยสิลูกกกก ” เสียงอาแอ๋มเจื้อยแจ้วมาก่อนตัวเสียอีก

“ ซื้อไรอ่ะแม่ ไม่ไปได้มั้ยอ่ะร้อน ”

“ ก็พวกเสื้อผ้าแล้วก็วัตถุดิบทำกับข้าวนิดหน่อยน่ะลูก ” ผมนึกรู้ทันทีว่าวันนี้อาแอ๋มคงตั้งใจจะลงครัวเองเพราะพ่อแม่ผมจะมาที่นี่ ด้วยความเกรงใจผมจึงอาสา

“ เดี๋ยวทีไปเป็นเพื่อนครับ ” ทานเสร็จพอดี ผมวางช้อนคว้ายาใส่ปากแล้วกลืนน้ำตาม ก่อนจะลุกขึ้นยืนแต่ก็ถูกมือนุ่มๆของอาแอ๋มดันให้นั่งลงไปเหมือนเดิม

“ ไม่ได้ๆเราเพิ่งจะดีขึ้นอยู่บ้านพักผ่อนไปนั่นแหละจ้ะ เดี๋ยวอาให้น้องอยู่เป็นเพื่อนคนนึง”

“ ก็พาคนงานไปช่วยหิ้วของสิแม่ ” ฟ้าครามว่า

“ แม่จะไปซื้อเสื้อผ้าด้วยไงจ๊ะเลยอยากได้คนไปช่วยเลือก น้องแฝดไม่สงสารแม่หรอแก่ปูนนี้แล้วให้ไปช้อปปิ้งคนเดียวเปล่าเปลี่ยวเอกา มีลูกก็เหมือนไม่มี กระซิกๆ ” โอ้โห เล่นใหญ่มากครับอาแอ๋ม รู้เลยว่าไอ้แฝดถอดแบบใครมา

“ ภู...มึงเป็นพี่ต้องเสียสละ ไปเลย ”

“ มึงแหละพี่ เกิดก่อนกูตั้งสี่นาที ”

“ เดี๋ยวเถอะ! มึงๆกูๆพูดจาไม่เพราะเลยลูก ตบปากสามที ปฏิบัติ! ”

            ไอ้แฝดนรกหยุดเถียงกันชั่วคราว มันถอนหายใจกลอกตามองบนแล้วตบปากตาเองเบาๆสามทีก่อนจะทำท่ากำอากาศบริเวณปากแล้วโยนทิ้งข้ามไหล่

“ คิก ” ผมอดขำไม่ได้ เพราะเห็นไอ้แฝดถูกสั่งให้ตบปากตัวเองแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนโต มันดู…น่ารักปนตลกแปลกๆอ่ะ

            เพราะเป่ายิงฉุบแพ้สุดท้ายภูผาก็เลยต้องไปกับอาแอ๋มจนได้ นานๆทีจะได้อยู่กับแฝดแค่คนใดคนหนึ่งแฮะ

“ พี่ที ”

“ หือ ”

“ เล่นเกมกันมั้ย ”

            ผมพยักหน้ารับคำชวนก่อนจะตามฟ้าครามไปที่ห้องนั่งเล่น เจ้าตัวเดินไปนั่งที่พรมหน้าโต๊ะวางทีวีก่อนจะเปิดตู้หยิบเครื่องเล่นเกมมาต่ออย่างคล่องแคล่ว

“ โอ๊ย!ครามบอกแล้วไงว่าอย่าวางระเบิดอ่ะพี่ที! ” อ้าว อุตส่าห์ได้ไอเทมนี้มาจะไม่ใช้เลยมันก็เสียดายนี่หว่าแถมมันยังฆ่าซอมบี้ได้เป็นวงกว้างด้วย ข้อเสียอย่างเดียวคือถ้าไม่ระวังอาจระเบิดตัวเองหรือผู้เล่นคู่หูไปด้วยถ้าหลบไม่ทัน แหะๆ

“ ขอโทษๆ มันเผลอกดโดน ”

“ พี่ทีๆ! บนหัวๆ!! ”

            ผมรีบบังคับให้ตัวละครยิงไปยังซอมบี้ที่มาจากด้านบน ก่อนจะเดินตามตัวของฟ้าครามเข้าไปบุกทะลวงดันเจี้ยนซอมบี้

“ โอ๊ย!ทำไมพี่ทีไม่ใช้ปืนกลอ่ะมันมาเยอะแล้วนะระวังหลังให้ดีดิ ”

“ เดี๋ยวนะ อันนี้หรอ ”

“ นั่นมันไรเฟิล โง่ป่ะเนี่ยพี่ ”

“ เฮ้ยๆๆมาแล้ว!! อ้าว กระสุนหมด!! ”

“ พี่ทียืนเฉยๆเดี๋ยวครามยิงปกป้องเอง ”

            เล่นไปเล่นมากลายเป็นว่าผมแทบไม่ได้สู้เลย ฟ้าครามยิงคนเดียวเกือบหมด กลายเป็นว่าผมมีหน้าที่แค่เดินไปเก็บไอเทมหลังจากฟ้าครามฆ่าซอมบี้ได้ รู้สึกทุเรศยังไงไม่รู้

“ เปลี่ยนเกมเหอะ เบื่อละ” ผมว่า

“ ไมอ่ะพี่ที อ่ะๆๆครามให้ฆ่าตัวนี้ก็ได้ ” ฟ้าครามหยุดยิงบอสซอมบี้แล้วเดินหนี ตัวบอสมันเลยหันมาเล่นงานตัวผมแทน

“ โอ๊ย!พี่ที ครามให้ฆ่าบอสไม่ใช่ไปให้บอสฆ่านะเว่ย! ” ฟ้าครามโวยวายหัวฟัดหัวเหวี่ยง

“ นี่! แค่เกมอย่าเยอะได้ป่ะ! ชักจะรำคาญแล้วนะ!! ” ผมเผลอขึ้นเสียงโดยไม่รู้ตัว แต่มันรู้สึกโกรธจริงๆอ่ะ ก็แค่เกมทำไมต้องซีเรียสขนาดนั้น นี่มันบ่นมันด่าผมไปกี่ครั้งแล้ววะตั้งแต่เล่นด้วยกัน เกินไปแล้วนะโว้ย !

            กริบบบ

            ฟ้าครามถึงกับอึ้งไปเมื่อโดนผมขมวดคิ้วขึ้นเสียงใส่ พอเห็นท่าทางอย่างนั้นของน้องผมถึงได้รู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป

            ผมสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะผ่อนออกมาช้าๆ นึกตกใจตัวเองเหมือนกันที่อารมณ์ขึ้นง่ายกว่าปกติทั้งที่เมื่อก่อนเจอมากกว่านี้ผมยังทนมาได้แล้วเลย

“ ชอบมั้ย ” ผมปรับน้ำเสียงและสีหน้าให้กลับมาเรียบเฉยเหมือนเดิมก่อนถามเสียงเรียบ

“ ฮะ!? ชอบอะไรหรอ..พี่ที ” ฟ้าครามถามด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ อาการชักสีหน้าไม่พอใจเมื่อกี้หายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้น คนปากจัดขี้โวยวายตอนเล่นเกมหายไปแล้ว ที่อยู่ตรงหน้าผมตอนนี้มีเพียงชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่กำลังทำตัวเองให้เล็กลงด้วยการห่อไหล่หดคออย่างหงอๆ

“ ตอนพี่ขึ้นเสียงว่าครามกลับ ครามชอบมั้ย ”

“ พี่ที เมื่อกี้นี้ครามเผลอไปจริงๆ ขอทะ.. ”

“ พี่ถามเราว่าชอบมั้ย ครามตอบไม่ตรงคำถามนะ ”

“ …ไม่ชอบ ” อีกฝ่ายตอบเบาๆก้มหน้าหลบสายตา

“ ทีนี้ครามก็รู้แล้วใช่มั้ยว่าพี่รู้สึกไง ครามรู้สึกแบบไหนพี่ก็รู้สึกแบบนั้นนั่นแหละ”

“…”

“ ครามลองสมมติว่าตัวเองเป็นพี่ดูสิ…คนที่เล่นเกมไม่เก่งแต่ก็อยากจะเล่นกับน้องเพราะคิดแค่ว่าอยากจะหาอะไรสนุกๆทำด้วยกัน แต่กลับต้องมาโดนด่าโดนว่าแถมยังทำตัวกระฟัดกระเฟียดใส่เมื่อไม่ได้ดั่งใจ ทั้งๆที่มันก็แค่เกม ถ้าครามเป็นพี่ครามจะรู้สึกยังไง มันใช่เรื่องเหรอ ”

“ …”

“ คิดว่ามันคุ้มมั้ย ต้องทำให้พี่โกรธเพื่อแลกกับชัยชนะที่ให้ความภาคภูมิใจแค่ชั่วคราว ”

“…”

“…ต่อไปก่อนจะทำจะพูดอะไรลองสมมติดูนะว่าถ้าครามเป็นอีกฝ่ายครามจะรู้สึกยังไง แล้วครามจะไม่พลาดเหมือนในวันนี้ ”

“ พี่ที…ครามขอโทษ ”

“ เบื่อจะฟังแล้วสันดานเสีย ขอโทษไปก็ไม่เคยปรับปรุงตัว เอื่อมระอาเป็นบ้า ”

“!!...”

“ เป็นไงคำพูดแบบไม่คิดของพี่ เจ็บมั้ยล่ะ ”

“ เจ็บ..จุกเหมือนโดนชกใต้ลิ้นปี่เลยพี่ที ”

“ …คราวนี้จะยกโทษให้ ถ้าคราวหลังพูดไม่คิดอีกพี่จะโกรธจริงๆแล้วนะ”

“ อ้าว! งั้นตอนนี้ก็โกรธปลอมๆอยู่อ่ะดิ ” ฟ้าครามสวนทันทีก่อนจะเอามือตะครุบปากตัวเองเมื่อเพิ่งรู้ตัวว่าปากไวอีกแล้ว

“ ขอโทษครับ ”

“ เฮ้อ…” ผมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอกเหนื่อยใจ แต่พอเห็นท่าทางสำนึกผิดและยอมรับฟังคำสั่งสอนอย่างว่าง่ายของน้องมันแล้วผมก็ใจอ่อนโกรธไม่ลงได้แต่เอื้อมมือไปยีหัวฟ้าครามเบาๆ เราสองคนต่างนั่งเงียบกันไปพักใหญ่หน้าจอทีวีที่ขึ้นคำว่า ‘ GAME OVER ’

“ ขอบคุณนะพี่ที ” จู่ๆฟ้าครามที่เงียบไปนานก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ผมหันไปมองถึงได้เห็นว่าฟ้าครามกำลังยิ้มบางๆมองมาที่ผมด้วยแววตาอ่อนแสงที่มีประกายความยินดีเจืออยู่

“ เรื่องอะไร? ”

“ ก็เรื่องที่เตือนที่บอกกันตรงๆเมื่อกี้นี้ไง ขอบคุณที่ยั้งครามนะเพราะบางทีครามก็เผลอตัวไปไม่ทันคิดจริงๆ…พี่ทีอย่าเพิ่งเอือมครามนะ อะไรที่ไม่ดีไม่ถูกก็คอยบอกคอยสอนครามแบบเมื่อกี้นี้หน่อย บางทีครามก็ไม่รู้จริงๆว่าทำแบบนั้นแบบโน้นมันไม่เหมาะ พี่ทีต้องบอกครามนะ อย่าปล่อยให้ครามทำต่อไปจนโดนพี่ทีเกลียดแบบไม่รู้ตัว …เมื่อกี้ที่พี่ทีพูดออกมาครามตกใจมาก..แต่ตอนนี้ดีใจมากกว่าที่พี่ทียอมบอกว่ารู้สึกยังไงออกมาตรงๆ คราวหลังก็ทำแบบนี้นะ รู้สึกยังไงก็พูดออกมา ครามจะได้รู้แล้วก็ไม่ทำอีก ” 

“ … ” ผมมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยได้ยินใครพูดกับผมแบบนี้เลยสักครั้ง รู้สึกเหมือนจิตใจที่เว้าแหว่งเพราะเอาชิ้นส่วนไปเติมให้แต่คนอื่นกำลังได้รับการเติมเต็ม บางทีนี่อาจจะเป็นคำที่ผมอยากได้ยินจากคนที่รักมาตลอด

            พูดได้จริงๆเหรอ…พูดแล้วจะไม่ถูกเกลียดใช่ไหม จะยังรักผมเหมือนเดิมใช่มั้ย จะยอมรับในความเป็นตัวผมจริงๆใช่มั้ย…

“ ครามชอบพี่ที ชอบมากจนไม่อยากถูกพี่ทีเกลียด พี่ทีจะเอาแต่ใจไม่ยิ้มไม่ใจดีด้วยยังไงครามก็ยังชอบ ครามชอบทุกความคิดทุกเรื่องที่ดีและไม่ดีของพี่ ครามชอบพี่ทีที่เป็นพี่ที ” ฟ้าครามมองตาผมแล้วเอ่ยออกมาอย่างจริงจังจนผมไม่กล้าคิดว่าน้องมันกำลังล้อเล่น

            ผมเอามือปิดปากหันหน้าหลบไปอีกทาง แก้มมันชักจะร้อนขึ้นทุกทีๆจนผมกลัวว่าฟ้าครามจะสังเกตเห็น

“ ในฐานะอะไร…ชอบในฐานะอะไร ”

“ พี่ทีอยากให้อยู่ในฐานะอะไรครามก็อยู่ทั้งนั้น ”

“ ฟังดู Loser จังนะ... ”

“ พี่ทีไม่เคยได้ยินหรอว่าความรักน่ะ ใครรักก่อนถือว่าแพ้… ”

“…”

“ ครามแพ้พี่ทีแล้ว พี่ทีจะทำยังไงก็แล้วแต่พี่ทีเถอะ ”

 

 

#เกียร์คู่

(@candleguard)





-------------------------------------------------------------------------------------------------

 

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
รออีกแฝดมาเผยความในใจ  :laugh:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
วาบหวามกับความฝันของที  :impress2: :impress2: :impress2:
รอฝันของทีกับของแฝดเป็นจริง  :z1:
คราม สารภาพรักแบบจริงจัง  :o8:
แบบที่ว่ารักตัวตนของที ทั้งที่ดี และไม่ดี  :-[
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
side story  : Where R U? อยู่ไหนครับ...ที่รักของผม4



เรื่องนี้เกิดขึ้นช่วงสอบปลายภาคเทอมหนึ่งของพวกเรา..


‘ทุกคน เรามีเรื่องจะขอร้อง’ ไอ้ไมค์พูดขึ้น ผมหันไปมองอย่างประหลาดใจเพราะร้อยวันพันปีมันไม่เคยขอให้พวกผมช่วยอะไรเลย

เรื่องก็มีอยู่ว่าไอ้ไมค์อยากจะขอเอาลูกแมวสามตัวมาค้างที่ห้องคืนนึงเพราะพรุ่งนี้มันเหลือสอบเช้าอีกวิชาเดียวถึงจะกลับบ้านได้ ทีนี้บ้านมันขอลูกแมวจากคนรู้จักไว้แล้วคนรู้จักคนนั้นก็กำลังจะไปต่างจังหวัดไอ้ไมค์เลยจำเป็นต้องไปรับลูกแมวมาก่อนที่เขาจะไป

‘ลูกแมวเหรอ! เอาดิๆ ๆ กูชอบแมวมากๆ เลย’ ไอ้วาดีอกดีใจออกนอกหน้า

‘เห้ย แล้วจะไม่โดนลุงยามจับได้หรอวะ’ ผมเตือน หอพวกเราจะมียามนั่งเฝ้าที่ประตูทางเข้าเพื่อคอยสกรีนคนเข้าออกหอและมียามคอยเดินตรวจตามชั้นในแต่ละช่วงของวันอีกด้วย

‘คืนเดียวเอง ความไม่แตกหรอกปอพวกเราก็ช่วยๆ กันปิดสิ’ ไอ้ต้นว่า

‘มาๆ ๆ วางแผนกันดีกว่าว่าจะเอาแมวขึ้นหอยังไงดี’ รู้สึกว่าอะไรที่มันผิดกฎมึงดูจะกระตือรือร้นที่จะทำเป็นพิเศษเลยนะไอ้วา

และแล้ววันปฏิบัติการแอบเอาลูกแมวขึ้นหอก็มาถึงตอนนี้พวกเราสี่คนยืนอยู่ที่ลานจอดรถหน้าหอพักพร้อมกล่องกระดาษใส่ลูกแมวอีกหนึ่งใบ

ผมมองกล่องในมือไอ้ไมค์อย่างคิดหนัก จะรอดมั้ยวะเนี่ยคือลูกแมวสามตัวของมันคึกมากอ่ะ ไม่รู้แดกกระทิงแดงเข้าไปหรือไงถึงได้กระโดดกระเด้งกันไปมาอยู่ในกล่องเสียงดังตุ้บตั้บแถมยังร้องเมี้ยวๆ ๆ แข่งกันดังลั่นทะลุออกมานอกกล่องเลย นี่มันเหนือความคาดหมายของผมมาก ตอนแรกผมคิดว่ามันจะเป็นลูกแมวน่ารักๆ นอนเงียบๆ ให้พวกผมพาขึ้นหอได้สบายๆ เสียอีก งานงอกแล้วมั้ยล่ะ=_=;;

‘เอาไงดีวะ แมวแม่งร้องเสียงดังยังกะโอเปร่า’ ไอ้ต้นหันมาปรึกษา

‘เอางี้เปลี่ยนแผน เดี๋ยวกูเข้าไปชวนลุงยามแกคุยก่อน พอพวกมึงได้จังหวะก็รีบเดินเข้าไปเลยนะทำเป็นคุยกันสนุกสนานหัวเราะให้มันดังๆ กลบเสียงลูกแมว’ ไอ้วาวางแผนเป็นฉากๆ ที่เราเลือกขนแมวกันช่วงเวลานี้ก็เพราะมันบอกว่ายามกะนี้มันซี้ที่สุดนั่นแหละ

ไอ้วาเดินเข้าไปก่อนเป็นคนแรกมันยืนเท้าแขนกับโต๊ะลุงแกจากนั้นก็เริ่มโฟ่ไม่หยุดปาก

‘กูชักเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่ะ’ ไอ้ไมค์เริ่มมือไม้สั่นเมื่อพวกเรากำลังจะเดินเข้าไปในตึก

‘ทำการใหญ่ใจต้องเหี้ยม’ ไอ้ต้นวางมือบนบ่าไอ้ไมค์ด้วยสีหน้าจริงจังจนผมอดขำไม่ได้

‘พูดยังกับจะเเอบเอาแมวขึ้นไปแดก’ ผมว่า

‘ถอยไม่ได้แล้ว ไปโว้ย’ ไอ้ต้นเอื้อมมือกอดคอไอ้ไมค์ฉุดให้มันเดินเข้าไปในหอ

‘อุวะฮ่าๆ หนังแม่งโคตรตลกเลยเนอะมึง คุ้มค่าบัตรจริงๆ เลย ฮ่าๆ ๆ ๆ’ ไอ้ต้นขึ้นบทสนทนา

‘เออ กูโคตรชอบฉากนวดแผนไทยเลย พีคสัสๆ กร๊ากๆ ๆ ๆ ๆ ’ ผมรับมุกทันที ตอนนี้พวกเราก้าวเข้าใกล้จุดที่ไอ้วากับลุงยามอยู่เข้าไปทุกทีๆ แล้ว

ตุ๊บตั๊บๆ เมี้ยวววว มิ้วววว เงี้ยววว เมี้ยววว

เฮ้ยย! มึงมาร้องเสียงดังอะไรตอนนี้อีกวะ- [] =เดี๋ยวก็โดนยามจับได้กันพอดี

พวกผมสามคนเหลือบตามองหน้ากันอย่างลนๆ จะหันหลังกลับก็ไม่ได้ด้วยเพราะลุงยามแกมองมาทางพวกผมแล้ว

หรือวิ่งเข้าไปเลยดีวะ ไม่ได้ๆ ๆ ยิ่งดูมีพิรุธหนักเลยแบบนั้น

ตุ้บตั้บๆ ๆ กุกๆ ๆ ๆ

โว๊ยยย ไอ้แมวผีพวกนี้นี่ไม่รู้กาลเทศะเอาซะเลย!

ผมเห็นไอ้วามันหันไปพูดอะไรสักอย่างแล้วลุงยามแกก็เอี้ยวตัวไปหยิบมือถือของแกที่ชาร์จแบตอยู่ด้านหลัง จังหวะนั้นผมรีบลากคอไอ้ไมค์เดินผ่านเข้าไปแบบใส่ตีนผี พอพ้นรัศมีสายตาของยามแกพวกผมก็ถอนหายใจกันยกใหญ่ ก่อนจะเงยหน้ามายิ้มให้กันอย่างขบขัน นี่พวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่วะ ปัญญาอ่อนสิ้นดี แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแอบสนุกอยู่เหมือนกัน

พอเปิดกล่องออกมาปุ้บผมก็ได้เห็นลูกแมวขนขาวแซมดำสามตัว ไอ้ต้นร้องอู้วหูวล้วงมือเข้าไปลูบๆ มันอย่างเอ็นดู ผมนั่งมองไอ้ไมค์แกะอาหารกระป๋องแล้ววางลงไปในกล่อง ลูกแมวกรูกันเข้าไปกินอาหาร ท่าทางมันจะหิวมากเลยนะเนี่ย

ปัง ตึกๆ ๆ

ไอ้วาเปิดประตูวิ่งเข้ามาในห้อง ถลามาชะโงกหน้าดูลูกแมวทันที

‘น่ารักว่ะะะะ’ ไอ้วาตาเป็นรูปหัวใจไปแล้วครับ

‘เนอะ’ ไอ้ไมค์หันไปยิ้มให้ไอ้วา

ไอ้วาเป็นคนเดียวในห้องที่สอบเสร็จแล้วแต่ยังไม่กลับบ้านเพราะจะอ่านหนังสือเตรียมสอบหมอดังนั้นมันจึงถูกไอ้ไมค์ไหว้วานให้ช่วยดูแลแมวในระหว่างที่พวกเราอ่านหนังสือและไปสอบกัน ซึ่งไอ้วาก็ตกปากรับคำอย่างเต็มอกเต็มใจ

วันต่อมาพอผมสอบเสร็จกลับมาที่ห้อง เปิดมาปุ๊บนี่แบบ อื้อฮือกลิ่นฉี่แมวโคตรฉุนเลย ที่จริงกลิ่นนี้มันก็มีมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วแหละแต่วันนี้ดูเหมือนจะแรงขึ้นอีกทั้งสาบทั้งฉุน

‘มึงดู’ ไอ้วากอดอกชี้ไปที่เตียงของมัน

ผมมองตามมือมันแล้วก็หัวเราะ ถอดผ้าปูไปซักแบบนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกิดอะไรขึ้น

‘เป็นไง ยังชอบแมวอยู่มั้ย’ ผมหัวเราะหึๆ ขณะเปลี่ยนเสื้อไปด้วย

‘กูจะเลิกชอบมันแล้ว โอ๊ย โคตรซนเลย เมื่อกลางวันมันร้องเสียงดังมากแล้วยามก็เดินผ่านหน้าห้องตั้งสามกูเลยต้องเปิดเพลงแมวคริสต์มาสกลบ ดูดิกล่องมันเปื่อยฉี่จนขาดพวกมันเลยออกมาข้างนอกกระโดดกระเด้งไปทั่วห้อง แล้วแม่งก็ปีนขึ้นไปฉี่บนเตียงกูอ่ะ เหม็นหึ่งเลย คืนนี้กูจะนอนยังไงล่ะเนี่ยTvT’ ไอ้วาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ไอ้ท่าทางตื่นเต้นที่จะได้เล่นกับลูกแมวนี่หายไปหมดเลย เห็นหน้าตาเข็ดขยาดของมันแล้วผมก็อดขำไม่ได้

ไอ้วานั่งพิงเตียงไอ้ไมค์มองลูกแมวก้มหน้าก้มตากินอาหารกระป๋อง ผมลงไปนั่งข้างๆ ใช้นิ้วคีบคอเจ้าตัวนึงขึ้นมาอยู่ในระดับสายตา

‘ตะกละนะมึงน่ะ’ ผมจ้องหน้ามันแล้ววางลงที่เดิม

ผมกับไอ้วานั่งมองลูกแมวกินอาหารเงียบๆ กันสองคน

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาผมไม่เคยได้ยินไอ้วาพูดว่าชอบแมวอีกเลย





‘พวกมึงง เจปีนี้มีใครกินมั่ง’ ไอ้วาถาม

‘เราไม่กิน’ ไอ้ไมค์

‘ม่ายกินนน’ ไอ้ต้น

‘กูกิน’ ผมตอบ

‘ห๊ะ!! มึงเนี่ยนะไอ้ปอ ไม่อยากจะเชื่อ!!’ ไอ้วาทำตาโตมองผมอย่างเคลือบแคลง

‘ทำไมฮะ หน้ากูมันดูใจบาปหยาบช้ามากนักหรือไง’

‘ป๊าวววว’

‘เดี๋ยวมะรืนจะเอาขนมจีนน้ำยาเจที่บ้านมาฝากนะทุกคน ไม่อยากจะอวดว่าขนมจีนที่บ้านกูทำนี่อร่อยกว่าแบบไม่เจอีกนะ’

‘กินๆ ๆ ’ ไอ้ต้นตอบรับแบบไม่ต้องคิด

- สองวันต่อมา –

พวกเราสี่คนนั่งล้อมวงกินขนมจีนน้ำยาเจกันบนพื้น ผมไม่คาดหวังอะไรมากกับพวกอาหารเจหรอกถึงจะไม่อร่อยก็กินได้อยู่ดี แต่ทันทีที่เข้าปากคำแรกผมก็ถึงกับตาโต

‘เห้ยยยย!! อร่อยจรูงงง>..<’ ไม่ใช่เสียงผมครับ เสียงไอ้ต้น=_=

‘อร่อยกว่าแบบไม่เจอีกแฮะ’ ผมชมก่อนจะใช้ช้อนตักเฉพาะน้ำยาขึ้นมากินแล้วพยายามวิเคราะห์ว่ามันมีอะไรเป็นส่วนประกอบบ้าง

‘ใช่มั้ยล่ะ!’ ไอ้วากอดอกทำหน้าภูมิใจนักหนาทั้งที่ก็ไม่ได้ทำเองแต่เป็นคนแบกมาเฉยๆ

‘เห้ย ลืมไป แม่ติดผักมาให้ด้วย’ มันวิ่งออกไปหยิบของที่ตู้เย็นก่อนจะกลับมาพร้อมถุงผักอันประกอบไปด้วยถั่วงอก ใบโหระพา แครอทหั่นฝอย แล้วก็แตงกวา

พวกผมตักผักใส่จานแต่ไอ้วาไม่มีทีท่าจะตักสักนิด นั่งกินขนมจีนราดน้ำยาเพียวๆ ของมันไป

‘วา ไม่กินผักเหรอ’ ไอ้ไมค์ถาม

‘ไม่อ่ะ ไม่ชอบ พวกมึงเอาไปให้หมดเลยไม่ต้องเผื่อกู’

ผมตักแครอทใส่จานมันพูนๆ

‘ไอ้บ้าปอ! ทำไรเนี่ย’ มันโวยวายจะตักคืน ผมก็ยกจานหนี

‘อร่อยดี กินดู’ ไอ้วามันเป็นคนขี้งกไม่กล้าทิ้งของหรอกครับ ถ้าไม่มีใครรับไปมันก็จะฝืนกินเอง

พอถูกพวกผมคะยั้นคะยอให้กินแครอทมากๆ เข้าไอ้วาเลยยอมกินจนได้

‘เฮ้ย! ก็ไม่แย่นี่หว่า’

‘เห็นมะ’ ผมยิ้ม

แล้วตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาไอ้วาก็เริ่มหัดกินผักชนิดอื่นๆ นอกจากแครอท







บางทีเบื่อมาม่าพวกเราก็ลงมากินข้าวที่โรงอาหารโต้รุ่งด้วยกัน

‘ทำไมแตงโมไม่หวานเลยวะ เย็นก็ไม่เย็น’ กินข้าวเสร็จไอ้วาก็ต่อด้วยแตงโม

ผมดูดน้ำพุทราก่อนจะวางแล้วหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ไอ้วาจิ้มแตงโมมาแช่ในแก้วผม

‘นี่! เม็ดแตงโมตกในแก้วกูหมดแล้ว’

‘เฮ้ย! ใช้ได้ว่ะ เย็นแถมหวานขึ้นด้วย ฮ่าๆ ๆ ’

ผมได้แต่มองแก้วน้ำพุทราที่มีเม็ดแตงโมอยู่ก้นแก้วของตัวเองแล้วยิ้มละเหี่ย







บางวันไอ้วานึกคึกขึ้นมามันก็จะหาเรื่องแกล้งชาวบ้านชาวช่อง วันนี้ทุกคนกลับมาที่ห้องแล้วยกเว้นไมค์ ไอ้วารีบเดินไปล็อกประตู

แกร๊กๆ ๆ

เสียงไอ้ไมค์ไขกุญแจเป็นสัญญาณเรียกให้ไอ้วากับไอ้ต้นรีบวิ่งไปช่วยกันเอาตัวดันประตูเอาไว้ ส่วนผมนั่งห้อยขาอยู่บนเตียงชั้นบนมองพวกมันเล่นกันเป็นเด็กๆ

‘วา เปิดประตู’

‘บอกรหัสมาก่อน!’ ไอ้วาหัวเราะคิกคักกับไอ้ต้น จะว่าไปไอ้ต้นนี่เหมือนลิ่วล้อไอ้วาชะมัดจะทำอะไรเป็นเห็นดีเห็นงามร่วมด้วยช่วยกันตลอด

‘…’ ไอ้ไมค์มันเป็นคนนิ่ง ไอ้วาเล่นแบบนี้ไอ้ไมค์จะทำยังไงผมก็ชักอยากเห็นแฮะ

แกร๊กๆ ๆ ไอ้ไมค์ยังพยายามหมุนลูกบิดประตู

‘บอกรหัสมาก่อน ไม่งั้นไม่เปิดนะ’

‘…’

‘เอางี้ ร้องเมี้ยวๆ ก็ได้ เดี๋ยวเปิดเลย คิกๆ ๆ ’

‘เปิดประตูเร็ววา’

‘ร้องเมี้ยวๆ ๆ ก่อนดี้!’

‘ไม่-_-’

‘เร็วๆ ๆ เมี้ยวๆ ๆ แค่นิดเดียวเอง’

ไอ้ไมค์เงียบไปพักใหญ่ ไอ้วากับไอ้ต้นเห็นไอ้ไมค์ไม่ตอบสนองก็หมดสนุกเลยเลิกดันประตู คุณชายไมค์เดินมาดนิ่งเข้ามาชิวๆ

‘มานี่เลยวา’ ไอ้ไมค์จับไอ้วาล็อกคอด้วยแขนข้างเดียว อีกข้างก็ทำเป็นกำปั้นขยี้ขมับไอ้วาจนร้องโอดโอย

‘โอ๊ย! ใครก็ได้ช่วยด้วย ปีศาจแมวยักษ์ทำร้ายหนุ่มหล่อไม่มีทางสู้ โอ๊ยๆ ๆ ’

หนุ่มหล่อไม่มีทางสู้งั้นเหรอ=_=

‘โอ๊ยเจ็บๆ ๆ ไมค์กูยอมแล้ว ปล่อยกูเถอะน้า’ ไอ้วาใช้สองมือจับแขนที่ล็อกคออย่างพยายามจะดึงออกแต่ไอ้ไมค์มันข้อแข็งกว่าจึงไม่สะเทือนเลยสักนิด

‘ต้นนนนน ช่วยด้วยยยย ปอออออ ช่วยด้วยยยยย’ ไอ้ต้นหนีไปหลบในห้องน้ำแล้วมั้งนั่น

หึ! เจอคนจริงเข้าไปเป็นไงล่ะ ผมยิ้มสะใจแทนไอ้ไมค์

‘ไมค์ ปล่อยกูเถอะน้า เมี้ยวๆ ๆ ๆ กูยอมเป็นแมวของมึงแล้วเนี่ย เมตตาเค้านะเมี้ยววววว’

ร้องเป็นแมวจนเสียงแหบไอ้ไมค์ถึงได้ยอมปล่อย พอไอ้ต้นกลับมาไอ้วาก็รีบฟ้องทันทีว่าต้นก็ร่วมด้วย แต่ไอ้ไมค์กลับทำหน้านิ่งไม่ได้ลุกไปทำอะไรไอ้ต้น ไอ้วาเลยโวยวายเรียกร้องหาความยุติธรรมเสียยกใหญ่ท่ามกลางรอยยิ้มขบขันของพวกผมทุกคน



--------------------------------------------------------------
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2020 16:34:35 โดย candleguard »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ tiger2006

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Bebii123

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
side story : Where R U อยู่ไหนครับ...ที่รักของผม 5





ประตูเข้ามาในห้องก็เห็นไอ้วากำลังดูลายมือไอ้ไมค์อยู่

‘โห ไมค์ มึงอายุยืนมากเลยนะเนี่ย เส้นยาวถึงข้อมือแหน่ะ’

‘เส้นนี้น่ะหรอ’

‘ใช่ๆ อื้อฮือ มึงเป็นคนแข็งแรงมากๆ เลยนะเนี่ย ไม่ค่อยป่วยเลยใช่มั้ย’

‘อือใช่’

‘มึงใช้เงินเก่งปานกลางนะ’

ไอ้ไมค์พยักหน้าท่าทางจะตรงแฮะ

‘เฮ้ย ไหนดูให้กูบ้าง’ ผมแบมือไปตรงหน้า

‘กูต่อไมค์เว้ย ตามคิวๆ ’ ไอ้ต้นรีบออกปากปกป้องสิทธิ์ดูดวงของมันทันที

‘เออๆ ๆ ต่อมึงก็ได้’

พอมาถึงตาไอ้ต้น ไอ้วาก็ทำนายให้ห้าหกอย่าง ไอ้ต้นทำหน้าตื่นตาตื่นใจบอกว่าตรงไม่ขาดปาก ขณะที่ไอ้วากำลังจะดูให้ผมไอ้ต้นก็ถามว่าไอ้วายังดูอย่างอื่นเป็นอีกมั้ยนอกจากห้าหกอย่างที่บอกมันไป

ไอ้วาทำหน้าคิดก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกอะไรได้ มันปล่อยมือผมกลับไปจับมือไอ้ต้นอีกรอบ

‘กูจะดูให้ว่าชาติที่แล้วมึงมีอาชีพอะไร’

ฟังดูน่าสนใจ ผมกับไอ้ไมค์เลยกอดอกดูใกล้ๆ ไอ้วาหยิบปากกาเมจิกแบบลบไม่ออกขึ้นมาจรดลงบนฝ่ามือไอ้ต้น

‘ต้องใช้ปากกาด้วยอ่อวะ?’

ไอ้วาพยักหน้านิ่งๆ ก่อนตอบ ‘ต้องดูลายมือคู่กับคำนวณวันเดือนปีเกิดมึงอ่ะ’

‘เกิดวันที่?’

‘แปด’

ไอ้วาดึงฝ่ามือไอ้ต้นเข้าไปใกล้หน้ามันจนพวกผมสามคนมองไม่เห็นว่าไอ้วามันเขียนอะไร

‘เดือน?’

‘พฤศจิกายน’

หลังจากถามปีเกิดและเวลาเกิดเรียบร้อยไอ้วาก็เขียนยุกยิกลงบนมือไอ้ต้น จากนั้นก็สั่งให้ไอ้ต้นกำมือข้างนั้นไว้อย่าเพิ่งเปิดดู

‘ชาติที่แล้วมึงเป็นทหาร’

‘รู้ได้ไงอ่ะ’ ไอ้ต้นท่าทางตื่นเต้น

‘เพราะมึงต้องไปรบ แบมือดูสิ’

บนฝ่ามือไอ้ต้นเต็มไปด้วยเลขที่เขียนมั่วๆ และรูปอุนจิแลบลิ้น พร้อมข้อความ ‘อย่าลืมไป(รบ)ลบนะจ๊ะ;p’

ผมกับไอ้ไมค์สตั๊นไปสามวิก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น

โอ๊ยยยยย ไอ้วา ทำไมมึงแสบแบบนี้วะ กร๊ากกกก!!





วันหนึ่งในตอนเช้าตรู่ ไอ้วากับไอ้ต้นส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกันอยู่ที่ระเบียง หนวกหูชะมัด ไม่สงสารคนมีเรียนแค่บ่ายอย่างผมกับไอ้ไมค์บ้างเลย

‘โอ้โห เหี้ยตัวใหญ่อย่างกับจระเข้แน่ะ!’

‘เหี้ย! ใหญ่เหี้ยๆ!’ เสียงไอ้ต้น

‘รุ่นพี่บอกว่ามอเราถ้าเห็นเหี้ยแสดงว่าจะได้เอแหละ’

‘ใช่ๆ ๆ พี่กูก็บอกงั้น’

‘get Aๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ’

‘get Aๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ’

‘โอ๊ย! จะบูชาเหี้ยก็ไปบูชากันที่อื่น คนจะหลับจะนอน!’

‘รีบตบปากเลยไอ้ปอ เดี๋ยวท่านเหี้ยก็ลงทัณฑ์ให้มึงแดกเอฟหรอก’

‘ก่อนกูจะแดกเอฟมึงนั่นแหละจะแดกตีนกูถ้ายังไม่หยุดแหกปากแต่เช้าแบบนี้’

‘เกรี้ยวกราดดุดันราวกระทิง’

‘เออ!!’ ผมตลบผ้าห่มคลุมโปง





วันนี้ผมกับไอ้วามีเรียนแค่ช่วงบ่าย ในห้องจึงเหลือแค่เราสองคนเพราะต้นกับไมค์มีเรียนเช้า

หึๆ ๆ ได้เวลาล้างแค้น

‘เหี้ยยยยย!!! เหี้ยตัวใหญ่เหี้ยๆ เลยโว้ยยย มาดูเร็วไอ้วา’

‘ZZZ’

‘get Aๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!!!!! ไอ้วา รีบมาขอเอเหี้ยเร็วๆ โว้ย เดี๋ยวมันไปก่อนนะ’

‘ZZZ’

‘ตื่นๆ ๆ ๆ ออกมาดูเร็วมึง!!!’

‘เฮ้ย! น้อง’

‘เหี้ย!’ ผมสะดุ้งโหยง พี่หนวดเฟิ้มห้องข้างๆ ที่หน้าตากำลังอารมณ์เสียแบบสุดๆ โผล่หน้ามาที่ระเบียง

‘เบาๆ หน่อยดิวะ คนอื่นเค้าจะนอน แหกปากเหี้ยไรแต่เช้าฮะไอ้เหี้ย!’

‘ขอโทษครับพี่ๆ ’

‘อย่าให้มีอีกนะ’

‘ครับพี่ๆ ’ ผมก้มหัวขอโทษปลกๆ พอกลับเข้ามาในห้องก็เห็นไอ้วานอนกอดหมอนข้างกลั้นหัวเราะจนตัวงอ

เหี้ยเอ๊ย!!!





พรึ่บ!

แย่ชะมัด จู่ๆ ก็ไฟดับ หอถูกๆ ก็อย่างนี้แหละ

ผมวางดินสอที่กำลังนั่งทำโจทย์ก่อนจะหยิบมือถือเปิดไฟฉายเดินออกไปนอกห้อง วันนี้พวกที่เหลือมันไปเดินตลาดอินเตอร์กันส่วนผมไม่ไปเพราะจะประหยัดตังค์ สิ้นเดือนเหมือนสิ้นใจT-T

พัดลมก็ดับ เฮ้อ ออกไปนั่งนอกห้องดีกว่า

ห้องอื่นก็เปิดประตูออกมานั่งข้างนอกกัน เป็นครั้งแรกที่ผมมีโอกาสคุยกับเพื่อนข้างห้องและห้องตรงข้าม หลังจากไฟมาผมก็กลับเข้าห้อง

เฮ้อ เงียบจังแฮะ





พรุ่งนี้มีสอบเก็บคะแนนผมเลยเปิดไฟที่หัวเตียงนอนอ่านหนังสือ ไอ้ไมค์นอนอ่านนิยายกำลังภายในออนไลน์อย่างที่เป็นมาทุกคืน ไอ้ต้นนอนดูซีรี่ย์สืบสวนในโน้ตบุ๊ค ส่วนไอ้วานั่งอยู่ที่โต๊ะกำลังอ่านหนังสือสอบกสพท.อย่างขะมักเขม้น

ผมชอบบรรยากาศแบบนี้นะ บางทีเราไม่จำเป็นต้องคุยกันก็ได้ ขอแค่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองชอบโดยมีคนอื่นๆ อยู่ด้วยกันเงียบๆ ก็พอแล้ว

แมลงตัวหนึ่งบินมาเล่นแถวๆ ไฟหัวเตียงผมเลยเอามือปัดๆ มันออกไป พอมันตกลงมาบนต้นขาผมก็เอามือปัดอีกแต่มันก็ไม่หลุดไปผมเลยเอามือบี้มันเต็มแรงจนแบนแต๋คาขาผมไปเลย ผมหยิบซากมันลงไปทิ้งที่ถังขยะนอกระเบียงก่อนจะเทน้ำล้างมือแล้วกลับมานอนอ่านหนังสือต่อ

เช้าวันต่อมาต้นขาผมก็มีรอยไหม้สีแดงเป็นแถบยาวปรากฏขึ้น มันทั้งคันทั้งแสบ ต้องเป็นเพราะแมลงเมื่อคืนแน่ๆ ผมเลยลงไปซื้อแป้งเย็นมาทาบรรเทาอาการแสบคัน แต่พอตกเย็นผื่นก็ยิ่งแดงมากขึ้น บางแห่งเริ่มเกิดร่องรอยคล้ายแผลพุพอง แผลบนต้นขาผมตอนนี้มันน่ากลัวมาก เหมือนคนโดนน้ำร้อนสาดไม่มีผิด

‘วา มึงดูดิ’ ผมถกขากางเกงให้มันดู

‘เฮ้ย! น้ำร้อนลวกหรอวะ รีบไปล้างน้ำเย็นก่อนๆ!’ ไอ้วาดูเป็นเดือดเป็นร้อนกว่าผมที่โดนเสียอีก

‘ไม่ใช่ว่ะ เหมือนจะโดนพิษแมลง’

‘ซี๊ดดดดดด เจ็บมั้ยเนี่ย’ มันทำหน้าแหยงๆ

‘แสบแล้วก็คันมากๆ เป็นมาสองวันแล้ว’

‘สองวัน!? แล้วไม่ไปหาหมอ’

‘กูไม่คิดว่าจะเป็นหนักขนาดนี้ นึกว่าเดี๋ยวมันก็หายเอง ที่ไหนได้แปบเดียวกลายเป็นงี้ไปแล้ว’

โอ๊ย คันแผล ผมอดเอานิ้วไปถูๆ ตรงขอบแผลไม่ได้

เพียะ!

‘อย่าเกา! เดี๋ยวลาม …มึงรอกูแปบ ไปโรง’ บาลกันเหอะ’ ไอ้วายัดหนังสือเตรียมสอบใส่เป้ หยิบเสื้อยืดมาใส่ทับเสื้อกล้าม

‘กูไปคนเดียวได้ มึงอ่านสืออยู่นี่เหอะ จะสอบแล้วนี่’

‘กู-จะ-ไป-ด้วย หุบตูดแล้วช่วยกูปิดไฟปิดพัดลมเร็วเข้า’

กว่าสองชั่วโมงกว่าจะได้เข้าตรวจ หมอบอกช่วงนี้มีนิสิตมาหาหมอด้วยอาการแบบผมเป็นจำนวนมาก สาเหตุคือแมลงก้นกระดก หรือเรียกแบบคิ้วๆ ก็แมลงเฟรชชี่เพราะส่วนใหญ่เฟรชชี่หอในมักจะโดนกันเพราะหอนั้นล้อมรอบด้วยต้นไม้รกครึ้มและสระน้ำแถมอากาศช่วงนี้ยังชื้นเป็นพิเศษเนื่องจากเป็นหน้าฝนแมลงก้นกระดกเลยระบาดมาก ถ้าปิดประตูมุ้งลวดไม่สนิทมันก็จะตามเข้ามาเล่นไฟในห้อง

หลังจากทุกคนในห้องรู้เรื่องนี้ก็ช่วยระวังกันแจ พวกเราจะเช็กประตูมุ้งลวดทุกครั้งที่มีการเปิดปิดว่าสนิทดีหรือไม่ ถ้าใครในห้องเผลอเปิดประตูทิ้งไว้คนที่เหลือก็จะรีบเตือนทันที โดยเฉพาะผมที่หวาดกลัวแมลงก้นกระดกขึ้นสมองไปแล้วทุกครั้งก่อนนอนผมจะต้องสะบัดหมอนสะบัดผ้าห่มเผื่อตรวจดูว่าไม่มีแมลงถึงจะหลับลงได้

ทายาไปได้สองสัปดาห์แผลก็ดีขึ้นแต่ก็ทิ้งร่องรอยน่าเกลียดเอาไว้ให้เห็นเป็นอนุสรณ์

‘ซื้อยาทาให้มันจางลงหน่อยดีมั้ย รีบทาก่อนที่มันจะเป็นแผลเป็นเหอะ’ ไอ้วาผู้เกาะติดอาการผมทุกวันเสนออย่างเป็นห่วง

‘อืม รอยมันชัดน่ากลัวจริงๆ แหละ หาไรทาก็ดีเหมือนกัน’

ไอ้วาพาผมนั่งรถเมล์มอไปร้านยาของคณะเภสัชฯ

‘หวัดดีครับอาจารย์ ผมพาเพื่อนมาขอคำปรึกษาหน่อยนะครับ’

ผมโชว์แผลที่ต้นขาให้อาจารย์ผู้หญิงวัยกลางคนท่าทางใจดีดู พอเห็นแผลปุ๊บอาจารย์ก็ทักทันทีว่า

‘โดนแมลงก้นกระดกมาใช่ไหม’ ว่าพลางชี้ไปที่บอร์ดความรู้ด้านข้าง ในซองพลาสติกใสที่ติดอยู่บนบอร์ดมีซากแมลงก้นกระดกที่ส่วนท้องมีสีส้มนอนแอ้งแม้งอยู่ เสียดายที่มันตายแล้วเลยไม่เห็นว่าส่วนก้นมันชี้ขึ้น

‘ใช่เลยครับอาจารย์ ผมไปหาหมอมาอาการดีขึ้นแล้วแต่รอยมันไม่ค่อยหายน่ะครับ อาจารย์พอจะมียาตัวไหนแนะนำบางมั้ยครับที่ทาแล้วแผลมันจะจางลง’

อาจารย์ของไอ้วาแนะนำยาให้หลายตัว มีหลายแบบหลายราคา สุดท้ายผมก็เลือกที่ราคากลางๆ จ่ายค่ายาในชื่อไอ้วาเพราะนิสิตคณะเภสัชฯ จะซื้อยาได้ถูกกว่านิสิตทั่วไป



วันหนึ่งไอ้วาเกิดไปเจอปกนิยายแฟนตาซีหน้าตาน่าอ่านเรื่องหนึ่งเข้า พอถามไอ้ไมค์ก็ปรากฏว่ามันเคยอ่าน ไอ้วาเลยไปนั่งพิงเตียงฟังไมค์สปอยด์อย่างสนุกสนาน

‘กี่เล่มจบวะไมค์’

‘15 มั้งถ้าจำไม่ผิด แต่มันเก่าแล้วนะไม่รู้จะหาซื้อได้อยู่มั้ย เราอ่านตอนปอห้าแน่ะ’ โห นานมาก

หลังจากนั้นไอ้วาก็กระเสือกกระสนตามหานิยายชุดนี้เลือดตาแทบกระเด็น แต่พอเห็นราคาขายมือสองในเว็บก็ทำตาโต

‘แพงขนาดนี้ไม่อ่านก็ได้เว้ย!’ มันกระฟัดกระเฟียด

ผมคิดว่ามันคงตัดใจไปแล้ว แต่สองเดือนต่อมามันก็หอบหนังสือนิยายสิบห้าเล่มสภาพใหม่เอี่ยมอ่องกลับห้องมาด้วยใบหน้าปลื้มปีติ

ไอ้ไมค์ลุกไปดู

‘กูเขียนแบบฟอร์มเสนอซื้อหนังสือเข้าห้องสมุดออนไลน์ไปว่ะ แค่เขียนเล่นๆ ไม่คิดว่าเขาจะซื้อเข้ามาให้จริงๆ ดูดิใหม่เอี่ยมอ่องเลย! โอ๊ยย ดีใจจจจ’

‘โห สมแล้วที่เป็นห้องสมุดของประชาชน ยอมฟังคำขอของประชาชนจริงๆ ด้วย’ ไอ้วาชมห้องสมุดไม่ขาดปาก

‘ดูสิๆ ปกในประทับตราว่า ‘ตามคำเรียกร้อง’ ด้วยนะ’ มันเปิดโชว์

‘แทนที่จะมานั่งอ่านหนังสือพวกนี้ ไม่เอาเวลาไปอ่านกสพท.วะ’ ผมว่า

‘…’ ไอ้วาหยุดนิ่งไปเลย

‘มึงต้องลำดับความสำคัญให้ถูกนะวา โตแล้วกูไม่พูดอะไรมากหรอก แค่จะเตือนไว้’

‘เอาน่าปอ ให้วาไว้อ่านคลายเครียดตอนพักไง’ ไมค์ว่า

‘ไอ้ปอพูดถูก กูดีใจจนลืมไปเลย เพราะปีที่แล้วกูมัวแต่บ้าการ์ตูนก็เลยพลาด ปีนี้กูต้องไม่พลาดอีก ขอบใจนะที่เตือน’

แล้ววันต่อมาผมก็ต้องช่วยไอ้วาหอบหนังสือกลับไปคืนโทษฐานที่เป็นคนทัก อ้าว! เป็นงั้นไป-*-





การสอบปลายภาคใกล้เข้ามาทุกที รวมถึงการสอบกสพท.ก็ด้วย ไอ้วากำลังสู้ศึกสองทางเหมือนคนจับปลาสองมือ ผมได้แต่มองมันอย่างเป็นห่วงแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ตอนนี้มันดูเหนื่อยและโทรมมาก มันผอมลงกว่าตอนแรกที่เราเจอกันเยอะ เห็นมันบ่นว่าตั้งแต่เข้ามหา’ ลัยน้ำหนักก็ลงไปห้าโลแล้ว

เห็นยิ้มแย้มแบบนั้นที่จริงก็เครียดจนน้ำหนักลดเลยนะ

‘ทำไมมึงถึงอยากเรียนหมอ’ ผมถามทั้งที่เดาคำตอบได้อยู่แล้ว

‘รวยดี’

‘กูว่าแล้ววววว’ งกอย่างมันก็คงมีเหตุผลนี้เหตุผลเดียวล่ะ! ทำไมซื้อหวยไม่ถูกอย่างนี้บ้างวะ

‘มึงคิดดู แค่นั่งเฉยๆ ก็มีคนมายกมือไหว้เอาตังค์มาให้ถึงที่ จะมีสักกี่อาชีพกันที่ลูกค้าต้องยกมือไหว้คนขายวะ’

‘ก็จริง’

‘เงินเดือนก็ดี ทีนี้พ่อแม่กูจะได้สบายเสียทีไม่ต้องทำงานอีกแล้ว กูจะเลี้ยงพ่อแม่ให้สุขสบายเอง พ่อแม่อยากไปเที่ยวประเทศไหนกูก็จะพาไป แล้วก็จะส่งน้องชายเรียนสูงๆ ทุกคนจะต้องมีความสุขมากแน่ๆ ’

‘กูนึกภาพมึงเป็นหมอหน้าเลือดออกเลย’ แบบที่รักษาคนไข้ให้หายแล้วฆ่าให้ตายด้วยบิลค่ารักษาน่ะ..

‘กูไม่ได้จะขูดรีดประชาชนโว้ยย กูก็ทำงานโรง’ บาลรัฐรักษาคนจนแล้วก็รับจ๊อบเอกชนรักษาคนรวยไงเล่า’

อ่อ ยังดีที่มันยังคิดจะตอบแทนสังคมอยู่บ้างไม่ได้จะโกยอย่างเดียว





จู่ๆ ไอ้ไมค์ที่แข็งแรงมาตลอดก็ป่วยอย่างไม่มีเหตุผล มันไข้ขึ้นนอนซมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ได้ยินว่าคนที่แข็งแรงมากๆ ถ้าหากป่วยขึ้นมาก็จะเป็นหนักกว่าคนทั่วไปสงสัยจะจริง

พวกเราสามคนพยายามโน้มน้าวให้ไอ้ไมค์ไปหาหมอ แต่มันหัวแข็งมากให้ตายยังไงก็ไม่ยอมไปเด็ดขาดจนพวกเราจนปัญญาจะพาไป

ไอ้วาค้นกล่องยาสารพัดนึกที่มันหอบมาจากบ้านกุกกักๆ ได้ยามาสองเม็ด

‘ไมค์อันนี้ยาลดไข้ ส่วนอันนี้ยาแก้แพ้ มึงไม่ยอมไปหาหมอก็กินนี่ไปก่อนละกัน’

‘เดี๋ยวมันก็หายเองแหละวา’ ไอ้ไมค์ตอบหน้าเซียว

‘ไม่ได้! มึงต้องกินนะ ไข้ขึ้นสูงมากเลย’

ผมกับไอ้ต้นยืนมองไอ้วาพยายามบังคับให้ไอ้ไมค์กินยาตาปริบๆ คนป่วยกับคนไม่ป่วยยื้อยุดกันอยู่นาน ในที่สุดไอ้วาก็ชนะ

‘ต้น มึงโทรแจ้งองค์การเภสัชฯ ดิ๊’

‘โทรไมวะ’ เป็นไอ้วาที่ถามแทน

‘แจ้งจับเภสัชกรเถื่อน ใบประกอบวิชาชีพก็ไม่มีริมาจัดยาให้เพื่อนกู’

‘ไอ้บ้า! กูเภสัชกรเถื่อน มึงก็วิศวกรเถื่อนเหมือนกันนั่นแหละ!’ แล้วมันก็เอาขวดยาเปล่าปาใส่ผม แต่ผมหลบทัน ว้ายยยย ไม่โดน :-p





‘เฮ้ย ต้น กูมีความคิดดีๆ แล้ว สนป่ะๆ ’ เวลาจะทำเรื่องไม่เป็นเรื่องไอ้วามักเริ่มด้วยการชวนไอ้ต้นก่อนเสมอ

‘อะไรเหรอ’

‘ไปกดไอติมกินกันอีกดีกว่า คราวนี้กูจะกดให้สูงกว่าครั้งที่แล้วๆ ๆ มาเลย!’

จำได้ว่าหลังจากครั้งแรกไอ้ต้นไอ้วาก็ไปกดไอศกรีมที่ร้านนั้นบ่อยมาก เรียกได้ว่าแทบขาดทุนเพราะเจอมือมารอย่างไอ้วาเลยก็ว่าได้ มันกดได้สูงมากจนกินครึ่งชั่วโมงยังไม่หมดอ่ะคิดดู ถึงขนาดที่ว่าโคนที่ใส่มายุ่ยคามือเพราะบรรจุไอศกรีมนานเกินต้องวิ่งหาจานมาใส่กันหกแทบไม่ทัน

‘มันจะล้มก่อนอ่ะดิวา’

‘คราวนี้กูมีวิธีใหม่รับรองคุ้มสุดๆ ’ ว่าแล้วไอ้วาก็หยิบกล่องทับเปอร์แวร์ขึ้นมา

‘มึงรออยู่หน้าร้านพร้อมกล่องนี้นะ พอกูออกมาจากร้านปุ๊บจะได้รีบคว่ำไอติมใส่ลงไปเลย กูจะกดแบบที่ว่าโคนเดียวกินได้สี่คนเลยอ่ะ!’

นั่นไงกูว่าแล้วววว!!

ขออธิบายนะเผื่อใครลืมไปแล้ว เมื่อเทอมก่อนมีร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นเพิ่งมาเปิดใกล้หอพวกเรา ร้านนี้จะมีขายไอศกรีมโคนขายแบบให้กดเอง คือเราแค่ซื้อโคนราคา20บาทแล้วเดินไปกดที่เครื่อง ใครกดได้เท่าไหร่ก็เอาไปเท่านั้น ใครกดเก่งก็ได้เยอะ กดไม่เก่งก็ได้น้อยลดหลั่นกันไป

แล้วไอ้วาแม่งก็กดเก่งมากกกกกกกกก ทุกครั้งที่มันกดพนักงานจะต้องมองเหลียวหลังอ่ะคิดดูสิ

‘โอ้โห แหร่มเลย กูเอาด้วยๆ เอากล่องกูไปด้วยกดมาสองโคนเลยวา กูจะเก็บไว้กินพรุ่งนี้’ โคนนึงมึงกะเเดกยันพรุ่งนี้เลยเรอะ=[]=

‘กูไม่เอานะ รู้สึกมันดูทุเรศยังไงพิกล-_-’ ผมว่า ไอ้ห่าวานี่บ้านก็มีอันจะกินชอบทำตัวเหมือนยาจก

‘ไมค์อ่ะ’ ไมค์ส่ายหัว มันสองคนเลยไม่เซ้าซี้ ต่างพากันคว้าทัปเปอร์แวร์เดินออกไปอย่างกระเหี้ยนกระหือรือ

‘อ้าว ไมกลับมาเร็วจัง’ ผมถาม

‘ร้านปิดปรับปรุง=_=’ ’’ ไอ้วาตอบอย่างหงุดหงิด

‘สงสัยมันรู้ว่าพวกกูจะไปถล่ม ฮ่าๆ ๆ ๆ ’ ไอ้ต้นหัวเราะ ไอ้วาฟังอย่างนั้นแล้วก็หัวเราะตาม

‘ไม่เป็นไร เปิดเมื่อไหร่ไว้เจอกัน!! กูไม่ล้มเลิกความตั้งใจหรอกโว้ย’

‘ชวนกูด้วยๆ ’

ไอ้วากับไอ้ต้นนี่มุ่งมั่นในการทำเรื่องทุเรศเหลือเชื่อนะครับ-_-



--------------------------------------------------------------------------------------------



แมลงก้นกระดก...แมลงพิษร้ายที่มาพร้อมกับฝน เพียงแค่ปัด สัมผัส ก็เกิดแผลพุพอง ปวดแสบปวดร้อนเหลือเกิน!



แมลงก้นกระดก มาจากไหน

แมลงก้นกระดก (Rove Beetle) หรือในชื่อ ด้วงก้นกระดก ด้วงปีกสั้น ด้วงก้นงอน และแมลงเฟรชชี่ จะพบได้มากที่บริเวณใกล้แหล่งน้ำ นาข้าว หรือตามพงหญ้า โดยเฉพาะในหน้าฝนจะมีการระบาดของแมลงชนิดนี้ในต่างจังหวัด หรือในเมือง และบนตึกสูง ๆ ก็พบได้บ้างเช่นกัน

แมลงก้นกระดก รูปร่างเป็นอย่างไร





แมลงก้นกระดกเป็นแมลงมีปีกขนาดเล็ก ลำตัวยาวประมาณ 7-10 มิลลิเมตร ส่วนหัวมีสีดำ ปีกน้ำเงินเข้ม ปีกมีลักษณะสั้นและแข็ง และส่วนท้องมีสีส้ม แมลงชนิดนี้มักจะงอส่วนท้ายขึ้น-ลงเมื่อเกาะตัวอยู่กับพื้น เลยได้ชื่อเก๋ ๆ ว่าแมลงก้นกระดกนั่นเองค่ะ

แมลงก้นกระดก ทำไมถึงร้าย

ของเหลวในร่างกายของแมลงก้นกระดกจะมีสารเพเดอริน (Paederin) เป็นส่วนประกอบ ซึ่งสารพิษชนิดนี้สามารถทำลายผิวหนังและเซลล์เนื้อเยื่อ เมื่อเราสัมผัสโดน แมลงก้นกระดกก็จะปล่อยของเหลวออกมา ทำให้ปวดร้อน คัน ปวดแสบ ผิวไหม้ มีผื่นแดง ตุ่มน้ำ เป็นหนองขึ้นตามบริเวณผิวหนังที่โดนสัมผัส

แผลจากแมลงก้นกระดกมีลักษณะอย่างไร





                             ภาพจาก https://www.matichon.co.th/local/news_379762

เมื่อโดนพิษแมลงก้นกระดกไปประมาณ 6-12 ชั่วโมง เราจะเริ่มมีอาการแสบ คัน บริเวณผิวหนัง ต่อมาก็จะเกิดเป็นผื่นแดงที่มีขอบเขตชัดเจน ลักษณะแผลจากแมลงก้นกระดกจะเป็นแผลรอยแดง หรือเป็นรอยไหม้ในลักษณะเป็นทางยาว ร่วมกับตุ่มน้ำพองและตุ่มหนอง

แผลจากแมลงก้นกระดก รักษาอย่างไร

หากแมลงก้นกระดกมาสัมผัสตัวเราแล้ว ให้รีบล้างผิวด้วยน้ำเปล่า ฟอกสบู่ และประคบเย็นในบริเวณที่สัมผัสกับแมลงโดยตรง จากนั้นให้คอยสังเกตอาการและการเปลี่ยนแปลงที่ผิวหนัง หากเกิดรอยแดงเล็กน้อยสามารถหายเองได้ใน 2-3 วัน ไม่จำเป็นต้องทายาใด ๆ แต่ถ้าอาการผื่นเป็นมากขึ้นหรือมีตุ่มน้ำพองเกิดขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธี

วิธีป้องกันตัวเองจากแมลงก้นกระดก
- ห้ามสัมผัสหรือบี้แมลงก้นกระดก ให้ใช้วิธีเป่าหรือใช้อุปกรณ์ปัดออกไปให้พ้นตัวแทนการสัมผัส
- ควรตรวจตราที่นอน หมอน ผ้าห่มให้เรียบร้อยก่อนนอน
- ควรปิดประตู หน้าต่าง ห้องนอนให้มิดชิด โดยเฉพาะเวลากลางคืน
- ในช่วงกลางคืนควรเปิดไฟเท่าที่จำเป็น โดยเฉพาะในห้องนอน หากไม่จำเป็นก็ควรปิดไฟเอาไว้ เพราะแมลงก้นกระดกชอบออกมาเล่นแสงไฟตามบ้านเรือนคน

อ้างอิงจาก https://health.kapook.com/view55456.html



______________________
ขอบคุณสำหรับทุกเม้นท์ค่า>< ช่วงนี้อยู่บ้านเลี่ยงเดินทางกันนะคะ เป็นห่วงเด้อออ
อ่านนิยายวนไปต่ะ!

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ร้านเปิดเมื่อไหร่ ฝากซื้อด้วยนะ 2 โคน  :m12:

ออฟไลน์ candleguard

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 75
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-1
ร้านเปิดเมื่อไหร่ ฝากซื้อด้วยนะ 2 โคน  :m12:

 อร่อยนะ คนเขียนไปกดมาละ โคตรคุ้มม เสียดายที่วันที่เอาทัพเปอร์เเวร์ไปร้านมันปิดหนี 555 :-[

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
รีบๆคบสักที รอนานแล้วเด้อ~

ออฟไลน์ BankkunG23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 241
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
สนุกมากๆ มาต่อไวไวนะครับ :mew1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
 ดีใจมากๆ ไรท์มาต่อแล้วววว  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
คิดถึง แฝด ที   :z3:
       :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ เด็กง้อเเง้

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไรท์ หายอ่ะ.....  :mew2:
คิดถึง ที แฝด   :z3: :z3: :z3:
มาต่อนะไรท์  มีคนคอยอยู่    :ling1:
       :L1: :L1: :L1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด