☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☁▧☀▧☁ คิด(ไม่)ถึง .. คะนึง(ไม่)หา ☁▨☀▨☁ ๑๘/๖/๖๔ ‡ บทที่ ๓๕ {จบ} หน้า ๑๔  (อ่าน 37332 ครั้ง)

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๑๖ (ครึ่งหลัง)


“ป้าแจ่มเห็นคุณจีรัชญ์ไหมครับ”

ณิชถามหาจีรัชญ์ไปทั่ววัง เพราะตั้งแต่มื้อเช้าที่ผ่านมาเขาก็ไม่เห็นหน้าอีกฝ่ายอีกเลย จีรัชญ์ไม่ได้ออกไปข้างนอกเพราะรถยังจอดอยู่ รัศมีไม่ได้แวะเข้ามาและเขาก็ไม่เห็นว่าสุทินมาที่วังหลายวันแล้ว พอถามนายพลีฝ่ายนั้นก็ตอบว่าไม่เห็น เพราะตนกำลังจะเข้าสวนและไม่มีคำสั่งจากจีรัชญ์ว่าจะตามเข้าไปด้วยแต่อย่างใด

“ไม่อยู่ที่ห้องดนตรีเหรอคะ”

“ไม่ครับ ไปที่ห้องทำงานก็ไม่เจอ ไม่ได้เข้าสวนด้วย”

“ไปดูที่ศาลากลางสระบัวหรือยังคะ บางทีคุณตรีชอบไปนั่งรับลมที่นั่น”

สิ้นคำป้าแจ่มณิชก็ร้องอ๋อทันที เขาลืมไปเสียสนิทว่าหลังตัวตึกนี้มีสระบัวที่เขาเผลอตกน้ำตอนที่มาที่นี่ครั้งแรก จำได้ว่าตอนนั้นเขากลัวแทบตายและจีรัชญ์มาช่วยไว้ได้ทัน

หนุ่มร่างสูงโปร่งเดินไปทางข้างตึก ผ่านต้นพุดน้ำบุษย์ที่ปลูกเรียงรายเป็นสิบต้น เขาแวะเด็ดดอกมันมา 5-6 ดอก ส่วนใหญ่ยังเป็นสีขาวและสีเหลืองอ่อน เนื่องจากเพิ่งออกดอกได้ไม่นาน เขาเอามาทำเป็นช่อดอกไม้ แซมด้วยดอกหญ้าดอกเล็กๆ ก่อนจะมัดรวมกันด้วยใบหญ้าที่หาได้แถวนั้น

เมื่อเดินไปสักพักก็เห็นสระบัวที่ว่า และก็พบว่าจีรัชญ์อยู่ที่นี่จริงๆ ในมือของชายหนุ่มถือพู่กัน ร่างสูงใหญ่กำยำนั่งบนเก้าอี้สูง เจ้าตัวกำลังวาดภาพอะไรสักอย่างที่เขาเห็นไม่ชัดนักจนต้องเดินเข้าไปใกล้

“คุณวาดรูปเป็นด้วยเหรอ เก่งจัง อ่ะ...ผมให้รางวัล”

ณิชเอ่ยชมเปาะเมื่อได้มาเห็นใกล้ๆ ยื่นดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ มาตรงหน้า แม้จะเป็นเพียงการลงสีพื้นและการแต่งแต้มสีอื่นลงไปอีกหน่อย แต่ยังเห็นไม่ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังจะวาดอะไร แต่พอดูคร่าวๆ จากการลงสีน้ำบนกระดาษแล้ว น่าจะเป็นทิวทัศน์มากกว่ารูปบุคคล

จีรัชญ์หยุดมือทันทีเมื่อคนมาเยือนยื่นหน้าเข้ามาใกล้แทบจะแนบแก้มเขา เหลือบสายตาไปมองเล็กน้อยก็เห็นว่าอีกฝ่ายลอบยิ้มอยู่ และมองเขาเช่นเดียวกัน ดอกไม้ที่คุณปราณชอบเมื่อครั้งก่อนเก่าอยู่ตรงหน้าเขา เขาจึงต้องรับมาและวางไว้บนกล่องสี

“ขอบคุณ”

“คุณหลบหน้าผมเหรอ ทำไมชอบหลบผมจัง” ณิชยืดตัวขึ้นก่อนจะเดินไปนั่งตรงที่นั่งของศาลา ที่นั่งยื่นออกจากตัวศาลาเล็กน้อยทำให้ตัวศาลาดูกว้างขึ้น เขาพยายามไม่เอนตัวออกไปให้มากเกินจำเป็นเพราะกลัวว่าจะตกน้ำตกท่าไปอีก

ชายหนุ่มเหลือบมองผู้มาเยือนเล็กน้อย ในช่วงเวลาที่เขาเครียดเขามักจะหามุมสงบส่วนตัวสักมุมหนึ่งทำสิ่งที่ตนเอง ‘เคยชอบ’ อย่างเช่นการวาดภาพ เพื่อผ่อนคลายความเครียดที่สุมอยู่ในหัว แต่ดูเหมือนความสงบของเขาจะโดนก่อกวนเสียแล้ว และดูเจ้าตัวจะไม่รู้ตัวด้วย

“มีธุระอะไร”

จีรัชญ์ถามเพราะเตรียมใจว่าอีกฝ่ายคงจะมาพูดกับเขาเรื่องกลับกรุงเทพฯ แน่นอน เพราะคงไม่มีเรื่องอื่นอะไรให้พูดอีก นอกจากเรื่องสำคัญเรื่องนี้ และเขาก็เตรียมใจรับไว้แล้ว หากอีกฝ่ายจะขอลากลับทันทีที่งานเสร็จ หรือจะทิ้งมิ้งไว้ที่นี่ให้ทำงานต่อ ตนก็จะไม่ขัดขวาง

ณิชมองคนที่เสียงแข็งทำตัวนิ่งขรึมราวกับเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น รู้สึกหงุดหงิดไอ้หาญขึ้นมาทันควันที่ชอบเล่นตัว แต่ก็พยายามท่องไว้ว่าตัวเขานั้นผิดมาตั้งแต่แรก เป็นต้นเหตุที่ทำให้อีกฝ่ายต้องจมอยู่กับเรื่องทุกข์ทรมานเช่นนี้

“ผมแค่อยากคุยเรื่องเมื่อคืน คือ...คุณกับผม เรา...”

“คนเราเมื่อห่างหายเรื่องอย่างว่ามานาน พอถูกกระตุ้นมันก็ย่อมเตลิดเป็นธรรมดา หากคุณจะคิดว่ามันทำให้หลุดพ้นจากคำสาปของพ่อคุณได้ ผมคงต้องบอกว่าเสียใจด้วย เพราะมันไม่ได้ผล” จีรัชญ์พูดตัดบทเสียยาวเหยียดจนณิชนิ่งไป อีกฝ่ายยังคงจับพู่กันละเลงสีบนกระดาษ ราวกับว่าสิ่งที่พูดไปคือเรื่องลมฟ้าอากาศธรรมดา ไม่ใช่เรื่องสำคัญเลยสักนิด

“หมายความว่ายังไง”

ณิชถามน้ำเสียงจริงจังด้วยใจที่เต้นถี่รัว เรื่องพวกนี้เขาสองคนต้องช่วยกันแก้ ในเมื่อคำแช่งของออกญาศรีรัตนกรบอกไว้ว่า หากโชคชะตาของเขาสองคนแข็งแกร่งกว่า มนต์บทนั้นก็จะมลายหายไปได้ นี่เขาสองคนก็มาเจอกันแล้ว ใจก็ตรงกัน เพียงแต่จีรัชญ์ยังมึนตึงใส่เท่านั้น เขาคิดว่าถ้าหลุดจากสถานการณ์แบบนี้ไปได้ จีรัชญ์ก็คงหลุดพ้นจากคำสาปด้วย

“คุณไม่ต้องสนใจหรอก ผมบอกว่าคำสาปมันไม่หายไปก็คือไม่หายไป”

“คุณก็บอกสิว่าทำไม เมื่อก่อนไม่เห็นคุณจะเป็นแบบนี้เลย ในฝันของผมคุณเป็นคนที่หัวอ่อนกว่านี้ ใจดีกว่านี้ หรือโกรธผมมากจนให้อภัยกันไม่ได้” ณิชสวนกลับ

“ผมบอกแล้วว่าไม่เคยโกรธคุณ! ถ้าคุณอ่านสิ่งที่ผมเขียนจนเข้าใจ คุณจะรู้ว่าผมไม่เคยโกรธคุณเลย” จีรัชญ์ขึ้นเสียงใส่อย่างคนอารมณ์มาคุ รู้สึกไม่ชอบใจที่ณิชมาปรามาสตนแบบนั้น

คนอย่างไอ้หาญน่ะหรือจะโกรธเคืองยอดดวงใจของมัน ต่อให้อีกฝ่ายเหยียบย่ำหัวใจมาด้วยฝ่าเท้า มันยังไม่คิดโกรธเลย

“งั้นทำไมคุณถึงยังห่างเหินกับผมแบบนี้ เรื่องเมื่อคืนมันเปลี่ยนความคิดคุณไม่ได้เลยเหรอ คุณต้องการอะไรก็บอกผมสิ ผมจะได้ช่วยคุณ คุณจะได้หลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆ นี้สักที!” ณิชตอบกลับอย่างเหลืออด

เขาก็หงุดหงิดใจไม่แพ้กัน อีกฝ่ายทำตัวราวกับมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นหลังจากที่หาญรู้เรื่องคำสาป แต่ไม่ยอมบอกเขาว่าเรื่องทั้งหมดมันเป็นยังไง ถามไอ้มั่นฝ่ายนั้นก็บอกไม่ได้ บอกเพียงแต่ว่าต้องเป็นไปตามโชคชะตากำหนด

โชคชะตาบ้าบออะไรถึงได้เล่นตลกกับชีวิตคนแบบนี้ เรียกเคราะห์กรรมยังจะเหมาะกว่า มาทรมานกันแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องดีหรือโรแมนติกสักนิด

“ถ้าผมพูดไปคุณจะเอาไปบอกคนอื่นอีกไหมล่ะ จะป่าวประกาศเรื่องเหลือเชื่อนี้ให้คนอื่นรู้อีกรึเปล่า เช่น...คุณมิ้งเป็นไง”

เขายอมรับว่าตัวเองกำลังพาล แต่นั่นเพราะกลัวว่าสิ่งที่เขาทำมาทั้งหมดจะพังลงในชาตินี้ ณิชอาจจะจากเขาไปทิ้งไว้แค่เพียงเสี้ยวความทรงจำที่เขาต้องเก็บไว้คนเดียวเช่นเคย แต่คนที่ต้องอยู่กับอดีต และต้องรับมือกับอนาคตคือตัวเขาเอง หากมีคนรู้เรื่องนี้มากขึ้นจนคุมไม่ได้ เขาเตรียมตัวมีตัวตนในโรงพยาบาลจิตเวชได้เลย

“ผะ...ผม...ผมขอโทษ ผมไม่คิดว่ามันจะทำให้คุณโกรธขนาดนี้ คือ...มิ้งไม่ใช่คนที่จะเอาเรื่องนี้ไปพูดกับใครหรอกนะ อีกอย่างมิ้งเจอมั่นแล้วด้วย ยังไงก็ไม่มีทางหาว่าเราบ้าแน่นอน มิ้งเป็นพวกเรานะคุณ เขารู้เรื่องฝันของผมมาตั้งแต่แรกเลยด้วยซ้ำ”

ณิชรีบอธิบายเพราะกลัวจีรัชญ์จะโกรธไปมากกว่านี้ ตอนนี้พอจะเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายโกรธเขาเรื่องอะไร ร่างกายสูงใหญ่ของอีกฝ่ายยืนขึ้นเต็มความสูง ใบหน้าหล่อคมตามแบบชายไทยดูโกรธเขามาก เขาเข้าใจดีว่าเรื่องราวของพวกเขามันละเอียดอ่อน หากใครไม่ได้เจอกับตัวก็คงไม่เชื่อ ยิ่งจีรัชญ์ไม่ใช่คนปกติแบบที่ ‘ปกติ’ จริงๆ ด้วยแล้ว ก็ยิ่งกังวลกลัวคนรู้ความลับเป็นธรรมดา

“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องของผมหรอก ในเมื่อคุณกำลังจะกลับกรุงเทพฯ ก็ไม่ควรต้องห่วงเรื่องทางนี้ ชะตากรรมของผมเป็นเช่นไรต่อไปผมรู้ดี คุณแค่ทำตัวเหมือนอย่างที่แล้วมาก็พอ”

คำพูดตัดรอนของจีรัชญ์ทำณิชถึงกับอึ้งไป ณิชเงียบไปนานมาก จ้องมองอีกฝ่ายที่จ้องตนตอบก่อนจะเบือนหน้าหนีไปก่อน ความรู้สึกเขาตอนนี้เหมือนโดนจีรัชญ์ฟาดด้วยของแข็ง มันทั้งตกใจที่จีรัชญ์รู้เรื่องกลับกรุงเทพฯ และเสียใจที่อีกฝ่ายตัดไมตรีเหมือนไม่ได้ยินดีที่พบกันในชาตินี้ อีกทั้งอึ้งที่จีรัชญ์ทำราวกับว่าเมื่อคืนไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกอยากรั้งเขาไว้

“คุณ...” ณิชพูดไม่ออกเพราะก้อนความเสียใจมาจุกอยู่ที่คอ เขาพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลแต่มันก็ยากเกินทน จนท้ายสุดมันก็กลิ้งหล่นลงมาจากดวงตาทั้งสองข้าง จีรัชญ์ไม่ได้มองฝ่ายนั้นจึงไม่รู้ว่าเขากำลังร้องไห้ มารู้ก็ตอนที่ได้ยินเสียงสั่นเครือของณิชนั่นแหละ

“คุณใจร้ายมาก ผมไม่คิดเลยว่าไอ้หาญที่อ่อนโยนคนนั้นหายไปแล้ว ในฝันของผม...ไอ้หาญยอมทำทุกอย่างเพื่อจะได้อยู่คู่กับคุณปราณ แต่ตอนนี้ผมชักไม่แน่ใจแล้วว่าตลอดหลายสิบหลายร้อยปีที่ผ่านมา กาลเวลามันทำให้หาญเปลี่ยนไปจนกลายเป็นคนที่ผมไม่รู้จักไปแล้วใช่ไหม”

จีรัชญ์หันกลับมาเพื่อจะแย้งคำพูดของณิช แต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อพบว่ายอดดวงใจของไอ้หาญน้ำตานองหน้า ริมฝีปากแดงแทบช้ำยามเจ้าตัวกัดไว้กลั้นเสียงสะอื้น แววตาที่ทอดมองมามีแต่ความเสียใจและความผิดหวัง อย่างที่ไม่เคยเห็นจากอีกฝ่ายมาก่อน

“ที่ผ่านมาเกิดอะไรขึ้น ผมอยากรู้จริงๆ บอกผมไม่ได้เลยเหรอ ผมทำผิดขนาดนั้นจนคุณฝังใจและต้องผลักไสไล่ส่งกันแบบนี้เหรอ” ณิชถามเสียงอ่อน ตอนนี้แรงจะยืนแทบไม่มีเพราะท้อใจกับสิ่งที่จีรัชญ์เลือก หน่วงในอกจนใจเจ็บไปหมด พยายามคิดแล้วคิดอีกว่าในฝันก่อนหน้านี้บอกอะไรเขาอีกไหม เขาลืมอะไรไปอีกรึเปล่า

จีรัชญ์เดินเข้ามาใกล้หนุ่มร่างสูงโปร่งแต่ก็ยังตัวเล็กกว่าเขาอยู่มาก อีกฝ่ายร้องไห้น้ำตาไหลพรั่งพรู เขาไม่อยากเห็นน้ำตาของณิชแม้แต่น้อย ยิ่งรับรู้ว่าคนตรงหน้าเศร้าเพียงใดเขายิ่งรู้สึกผิด แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อเขาก็ไม่อยากต้องมองดูอีกฝ่ายจากไปอย่างไม่มีวันกลับเหมือนกัน

และนี่มันคือจุดประสงค์ของคำสาปนี้ ท่านออกญาฯ ต้องการให้ไอ้หาญอยู่อย่างทุกข์ทรมานเพื่อดูคนรักจากไป ชาติแล้วชาติเล่าที่ต้องมองอีกฝ่ายไม่หวนคืน มันเป็นคำสาปที่ทรมานเขาจนถึงที่สุด จะตายก็ไม่ได้ต้องทนทุกข์ต่อไปอย่างนี้ เขาไม่รู้ว่าอีกกี่ชาติที่ต้องเจอคุณปราณเขาถึงจะหลุดพ้น

ห้วงเวลาที่ผันผ่านไปแต่ละวัน สำหรับคนอื่นมันเพียงแค่ชั่วแสงตะวันลับขอบฟ้า แต่สำหรับเขาทุกอย่างเป็นนิจนิรันดร์ เขามองความเป็นไปของทุกคนที่อยู่รอบกายที่เป็นไปครั้งแล้วครั้งเล่า พบเจอผู้คนใหม่อีกครั้งไปเรื่อยๆ พยายามทำตัวให้ไร้ตัวตนในวงสังคมมากที่สุด เพื่อเวลาที่เขาจำต้องหายตัวไปคนอื่นจะได้ไม่สงสัย เพราะเหตุนี้ทำให้วังปริพัตรถูกสวนยางนับสิบไร่บดบังปิดซ่อนความสวยงามไว้

“ผมขอโทษ” จีรัชญ์พูดขึ้นในที่สุดหลังจากเงียบไปพักใหญ่

“ฮึก...ฮือ”

ณิชร้องออกมาอย่างสุดกลั้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงใจแข็งไม่เปลี่ยน แม้เขาจะยื่นมือออกไปหาหวังให้ไอ้หาญได้โอบกอดตนไว้ แล้วบอกว่ายอมทำทุกอย่างเพื่อเขา แต่กลับไม่ใช่อย่างที่คิดเลย จีรัชญ์ทำเพียงยื่นดอกไม้ช่อเล็กที่เขาทำมาให้คืนมาก่อนจะเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงเขาที่ทรุดลงนั่งและร้องไห้อยู่กับตัวเอง

มิ้งแอบมองคนทั้งคู่อยู่กับมั่น เธอตามมาดูเพราะอยากรู้ว่าท่าทีของคนทั้งสองดีขึ้นจากเดิมหรือไม่ เจอจีรัชญ์ออกมาจากห้องณิชตั้งแต่เช้าเลยแอบคิดไปว่าคนทั้งสองคงมีเรื่องดีแน่ๆ เธอไม่รู้ว่าทั้งสองคุยอะไรกัน แต่ท่าทางของณิชที่โดนทิ้งให้ร้องไห้อยู่คนเดียวทำเอามิ้งอยู่ไม่ติด รีบวิ่งไปหารุ่นพี่ของเธอทันที พร้อมกับไอ้มั่นที่แยกไปหาเพื่อนรัก เพื่อเค้นเอาคำตอบว่าเหตุใดคุณปราณของมันถึงได้เสียน้ำตาแบบนั้น

“พี่ณิช! เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” มิ้งโอบกอดอีกฝ่ายที่ร้องไห้ตัวโยนไว้ นึกเคืองไอ้หาญไม่น้อยที่กล้าปล่อยคนรักให้ร้องไห้แบบนี้

ณิชไม่ตอบเพราะแรงสะอื้นทำให้เขาพูดไม่ได้ มิ้งจึงได้แค่นั่งปลอบคนที่กำลังร้องไห้ต่อไปจนกว่าณิชจะสงบลง ส่วนทางด้านไอ้มั่นที่มาดักรอจีรัชญ์ในห้องทำงานของอีกฝ่าย เพราะรู้ดีว่าไอ้เกลอมันหลบมาอยู่ที่ห้องนี้เป็นแน่ มันยืนหน้าถมึงทึงดูโกรธจัด แม้ไอ้หาญจะเป็นคนที่ครอบครองหัวใจของนายมัน แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาทำให้คุณปราณร้องไห้หนักถึงเพียงนี้

“มึงคิดจะทำอันใด” ไอ้บ่าวผู้ซื่อสัตย์เอ่ยถามเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเครียดขรึม สายตามองตามไอ้หาญ จนอีกฝ่ายเบี่ยงหลบไปอีกทางไอ้มั่นก็ยังตามติดไม่ห่าง

“มึงปล่อยให้คุณเขาร้องไห้ มึงมิเคยเป็นเยี่ยงนี้ไอ้หาญ ไยมึงถึงได้ใจร้ายกับคุณเขานัก!”

“กูแค่ทำในสิ่งที่ควรจะทำ” จีรัชญ์ตอบเสียงเรียบ

“ด้วยการทำให้คุณปราณเสียใจน่ะหรือ!” ไอ้มั่นพุ่งเข้าหาเพื่อนรัก แม้ร่างจะเป็นเพียงดวงวิญญาณเลื่อนลอย แต่มันก็อยากจะชกหน้าไอ้เกลอสักหมัด เพื่อเรียกสติมันสักที

“มึงคิดว่ากูไม่เสียใจหรือไร มึงคิดว่ากูมีความสุขดีหรือที่เห็นเขาร้องไห้ คิดว่าคนอย่างกูไม่เจ็บปวดเลยรึที่เห็นเขาเป็นแบบนั้น คิดว่ากูอยากทำแบบนั้นรึ!! มึงบอกกูสิไอ้มั่น บอกว่ามีทางใดที่ไม่ทำให้กูและเขาเจ็บปวดไปมากกว่านี้ บอกกูมา!!”

จีรัชญ์หันมาตวาดเพื่อนรักเสียงดังลั่นจนคอขึ้นเอ็น ตาแดงก่ำสะกดกลั้นอารมณ์ความเสียใจที่สุมอยู่ในอกไว้จนเจ็บ เขาสบตากับไอ้มั่นเพื่อบอกให้มันรับรู้ว่านี่คือทางที่ดีที่สุดแล้วที่เลือกได้ ก่อนจะเบือนสายตาหลบพร้อมกับน้ำตาที่หยดลง

“มึงก็รู้ว่ากว่ากูจะทำใจเรื่องคุณปราณันต์ได้ มันใช้เวลาไม่น้อยเลย”

จีรัชญ์ไล้นิ้วมือไปตามภาพวาดบ้านเรือนไทยภาพใหญ่ที่แขวนอยู่ในห้อง ของขวัญล้ำค่าที่เขาตั้งใจมอบให้เจ้าของวังแห่งนี้





โปรดติดตามตอนต่อไป

เชิญรับทิชชูได้ที่ประตู ๔ ค่ะ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
เราขอรับทิชชู่ไว้คนเดียวที่ประตู4 คนอื่นรอแปปเดวเราไปเหมามาให้
แก หาญ สงสาร  ฮือออออ :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
กำลังจะได้รู้เรื่องราวของอนันต์กับปราณันต์แล้ว

รอครับ

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1
รับทิชชู่มาเช็ดน้ำตา ฮือออ สงสารทั้งสองคนเลย

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ชักจะลีลาท่าเยอะไปแล้วนะคุณตรีไอ้หาญ ณิชกลับกรุงเทพฯจริงๆ คนที่ทนไม่ได้คือใคร ไม่ต้องบอกก็รู้ บึ่งรถขึ้นกทม.แทบไม่ทันละซิ หึหึ! รอตามต่อไปเลย ชาตินี้ชาติไหน ขอแค่ได้รักคุณ  :mew6:  :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๑๗ (ครึ่งแรก)

พ.ศ. 2529

ภายในรั้ววังปริพัตร เสียงเพลงจากไวโอลินและเชลโลดังสอดประสานรับกันเป็นอย่างดี วงดนตรีที่ถูกจ้างมาในงานฉลองวันคล้ายวันเกิดของหญิงสูงวัยในวัย 55 ปี เล่นเพลงไพเราะสร้างสีสันให้งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ได้สมกับคำร่ำลือว่าวงนี้อยู่เป็นลำดับต้นๆ ในพระนคร จนต้องจ้างมาเล่นให้ที่งานเลี้ยงซึ่งจัดขึ้นทางใต้ของประเทศ

หญิงสูงวัยผู้สูงศักดิ์อยู่ในชุดราตรีสวยสง่า ประดับหมวกทรงฝรั่งบนหัวยกระดับฐานะให้รู้ว่าเธอไม่ใช่สามัญชนคนธรรมดา แต่เป็นถึงหม่อมราชวงศ์ช่อทิพย์ ปริพัตร ภริยาของหม่อมเจ้าจุลปรีชา ปริพัตร

ผู้คนในวงสังคมมากหน้าหลายตาที่ถูกเชิญมางานนี้ มีทั้งราชนิกุลยศเดียวกันและรองลงมา หรือนักธุรกิจลำดับชั้นแนวหน้า งานเลี้ยงคืนนี้จึงเต็มไปด้วยคนระดับเดียวกันมากมาย เพชรพลอยที่ประโคมใส่ตามตัวล้อแสงไฟดูวับวาวสะดุดตา แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครยอมให้ตนได้ตกเป็นรอง เหล่าคุณหญิงคุณนายนั่งจับกลุ่มพูดคุยกันถึงเครื่องประดับบนลำคอของอีกฝ่าย ราวกับเป็นเรื่องสนุกสนาน หากแต่ในสายตาของหนุ่มๆ แล้ว ช่างเป็นเรื่องน่าเบื่อเสียจริง

“พี่ชายใหญ่คะ เมื่อไหร่พี่ชายกลางจะมาสักที หญิงรอตั้งแต่ฟ้ายังไม่มืด จนตอนนี้ท้องฟ้ามีแค่ดาว ยังไม่เห็นหน้าพี่ชายกลางเลยนะคะ”

หม่อมราชวงศ์ธีรตีเอ่ยถามพี่ชายคนโตด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด เพราะพี่ชายคนกลางของเธอยังไม่มางานเลี้ยงสักที เธอได้ยินแม่สายหญิงรับใช้ประจำวังบอกว่าพี่ชายกลางกำลังเดินทางมา เพราะก่อนหน้านี้ได้ไปสอนดนตรีที่ต่างจังหวัด กำหนดกลับคือวันนี้ในตอนสาย แต่ค่ำแล้วอีกฝ่ายก็ยังไม่มาให้เห็นหน้า

“อีกประเดี๋ยวก็มา ใจเย็นก่อน” คนถูกถามละสายตาจากหญิงสาวลูกท่านหลานเธอทั้งหลาย เขาหันกลับมาตอบน้ำเสียงทุ้มนุ่มพร้อมรอยยิ้มอบอุ่น นึกขำอยู่ในใจที่น้องสาวตนแต่งตัวเสียสวยหยด แต่กลับหน้างอเสียได้

หม่อมเจ้าจุลปรีชาและหม่อมราชวงศ์ช่อทิพย์ มีบุตรธิดาร่วมกัน 3 คน คือหม่อมราชวงศ์ปุณมนัส หม่อมราชวงศ์ปราณันต์ และหม่อมราชวงศ์ธีรตี ด้วยช่วงวัยที่ไม่ห่างกันมากทำให้สามพี่น้องรักใคร่ปรองดองกัน สนิทสนมอย่างแยกกันไม่ได้ ไม่ว่าใครที่ได้เห็นครอบครัวนี้ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เลี้ยงลูกมาดีได้อย่างเหลือเชื่อ

คุณชายปุณตอนนี้เป็นคุณหมอประจำโรงพยาบาลใหญ่ ด้วยวัย 30 นี้ทำให้เป็นที่หมายปองของหญิงสาวทั่วทั้งเมือง เพียงแต่เขาไม่ได้พึงใจกับใครเป็นพิเศษ จึงยังคงครองความโสดมาจนถึงทุกวันนี้

ส่วนคุณหญิงรตีในวัย 22 ยังคงก๋ากั่นไม่ต่างจากวัยเด็กนัก ตอนนี้เตรียมตัวจะไปเรียนต่อต่างประเทศทางด้านแฟชั่น เพราะความใฝ่ฝันที่อยากเป็นนักออกแบบทำให้เธอเลือกเดินทางนี้

คนสุดท้ายคือคนที่กำลังกระหืดกระหอบวิ่งเข้าวังมา ร่างบอบบางที่ไม่ต่างจากหญิงสาวผู้เป็นน้องเท่าไหร่นักดูน่าถนอมราวกับไม่ใช่ชาย ใบหน้าหวานหยดมีเหงื่อผุดซึมเล็กน้อยเพราะความรีบ เนื่องจากกลัวไม่ทันงานวันเกิดของมารดา

“พี่ชายกลาง! ทำไมเพิ่งมาคะ” คุณหญิงรตีรีบเข้าไปหาคนที่ตนต้องการเจอทันที ก่อนจะเรียกสาวรับใช้มาช่วยขนของที่พี่ชายเธอหอบพะรุงพะรังเข้ามาในตัวตึก

“รถเสียน่ะ การแสดงเริ่มหรือยัง”

“กำลังจะถึงเวลาแล้วค่ะ เชิญพี่ชายกลางไปแต่งตัวเถอะ หญิงจะได้ให้พิธีกรเขาเริ่มงานเลย แขกมารอนานแล้ว” คุณหญิงรตีจัดแจงทุกอย่างเอง เพราะเธอรับเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดงานครั้งนี้

หญิงสาวร่างเล็กเดินไปบอกพิธีกรที่เตรียมพร้อมอยู่ข้างเวทียกพื้นในห้องสังสรรค์ จากนั้นงานจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อได้ยินเสียงกล่าวของพิธีกร

“พี่บอกแล้วว่าให้ซื้อคันใหม่ ทำไมเราถึงได้ไม่เชื่อพี่” คุณชายปุณเดินมาหาน้องชายของตนที่ห้องใกล้กับห้องจัดเลี้ยง อีกฝ่ายกำลังถอดเสื้อผ้าเพื่อเปลี่ยนชุด โดยมีบ่าวรับใช้ที่หญิงรตีจัดมาให้รอท่าอยู่แล้ว

“ผมก็ไม่คิดว่ามันจะเสียกลางทางนี่ครับ รอช่างมารับรถไปซ่อมตั้งนาน นี่ก็นั่งสามล้อปั่นมา สงสารคนถีบจะแย่ที่ไปเร่งเขา ที่ทางก่อนถึงวังก็เปลี่ยวเสียจนหารถยนต์รับจ้างไม่ได้สักคัน เห็นทีคงต้องสร้างคิวรถเองแล้วกระมัง”

หม่อมราชวงศ์ปราณันต์บ่นอุบ หัวเสียไม่น้อยที่เจ้าแดงรถคันโปรดที่ท่านพ่อทิ้งไว้ให้ดันมาเสียในวันสำคัญ แม้ก่อนหน้านี้จะมีเกเรไปบ้างแต่ก็ไม่ถึงขนาดกับสตาร์ทไม่ติดอย่างครั้งนี้ ตอนแรกคุณหญิงแม่ตั้งใจจะให้เขาถอยคันใหม่ แต่เขาเห็นว่ารถคันเก่านี้ยังใช้ได้จึงเอามาขับมันจะได้ไม่เสียของ ถกเถียงกันอยู่หลายครั้งจนอีกฝ่ายต้องยอม นี่ยังดีที่เขายังไม่เจอหน้ามารดา มิเช่นนั้นคงโดนเอ็ดก่อนจะได้ร้องเพลงวันเกิดเป็นแน่

ทั้งคู่ไม่ได้พูดคุยกันอีกเมื่อหญิงรตีมาเร่งรอบสอง หน้าตาหญิงสาวเครียดจัดเพราะกลัวท่านแม่จะจับสังเกตได้ว่าบุตรชายคนกลางมาร่วมงานสาย คุณชายปราณจับกระชับสูทบนตัวอีกครั้งเพื่อความเรียบร้อย สำรวจตัวเองในกระจกกับการใส่สูทที่สั่งตัดเย็บสีขาวมุก ประดับโบว์ไทด์สีแดงเบอร์กันดีว่าตรงหรือไม่ เมื่อมั่นใจในความเรียบร้อยของเสื้อผ้าและผมเผ้าที่ถูกช่างรุมจัดแต่งแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินออกไปเพื่อขึ้นไปบรรเลงเพลงด้วยเปียโนให้มารดาฟัง

“ต่อไปเป็นโชว์จากคุณชายปราณ ขอเสียงปรบมือจากทุกท่านด้วยครับ” พิธีกรชายเอ่ยต้อนรับ ก่อนจะผายมือไปทางแกรนด์เปียโนหลังใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงมุมห้อง แสงไฟสาดส่องให้อีกฝ่ายเป็นจุดเด่นของงานนี้ในทันที พร้อมเสียงปรบมือและเสียงกระซิบที่ดังอื้ออึงไปทั้งห้องจัดเลี้ยง

“หน้าหวานตั้งแต่เด็กเสียจริง”

“ลูกคนกลางของหม่อมเจ้าปรีชาช่างงดงามราวหญิง”

“ว่าไม่ได้หรอก บ้านนี้เขาหน้าตาดีกันทั้งบ้าน คุณหญิงช่อทิพย์ถึงได้ภูมิใจนัก”

“เป็นดิฉันก็คงภูมิใจไม่แพ้กันหรอกค่ะคุณพี่ ทั้งลูกสาวลูกชายดูดีสมพระเกียรติของสามี หน้าที่การงานแต่ละคนก็ดี ไม่ให้ตื้นตันใจยังไงไหวเล่าคะ”

เสียงคุณนายป้องปากกระซิบพูดกันเบาๆ ทุกสายตาจดจ้องไปยังชายหนุ่มที่อยู่หลังเปียโน รอยยิ้มอ่อนประดับบนใบหน้าของคนที่กำลังจะทำการแสดง

“สวัสดีครับท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน และขอกราบสวัสดีคุณหญิงแม่ วันนี้ลูกมีเพลงพิเศษที่ลูกตั้งใจแต่งให้คุณหญิงแม่เป็นของขวัญ หวังว่าบทเพลงนี้จะแทนใจลูกที่รักคุณหญิงแม่สุดหัวใจได้ โปรดรับฟังนะครับ”

คุณชายปราณเอ่ยจบก็นั่งลงบนเก้าอี้บุนวมกำมะหยี่สีแดง นิ้วเรียวสวยวางลงบนลิ่มเปียโน เตรียมพร้อมที่จะเล่นเพลงพิเศษให้มารดาและแขกเหรื่อที่มางานได้รับฟัง

แน่นอนว่าฝีมือครูสอนเปียโนย่อมไม่ทำให้ผู้ฟังผิดหวัง เขาลงทุนแต่งเพลงพิเศษให้มารดาด้วยตัวเอง โดยขอคำปรึกษาจากอาจารย์สมัยที่ไปเรียนอยู่ต่างประเทศด้วยเล็กน้อย จนได้บทเพลงมาเล่นในค่ำคืนนี้

คุณหญิงช่อทิพย์ถึงกับยิ้มไม่หุบที่ได้ฟังเพลงของลูกชาย ความพลิ้วไหวนุ่มนวลของตัวโน้ตสื่อความเป็นตัวตนของคนเล่นได้เป็นอย่างดี อีกทั้งจังหวะเนิบช้าสลับเร็วทำให้ตรึงคนฟังได้ เธอภูมิใจในตัวลูกชายคนนี้นัก ถึงแม้ว่าสามีจะถึงชีพิตักษัยไปหลายปีแล้ว แต่เธอคิดว่าหม่อมเจ้าจุลปรีชาก็คงภูมิใจในตัวบุตรชายคนนี้เช่นเดียวกับเธอ

เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวเมื่อบทบรรเลงจากเพลงพิเศษจบลง คุณชายปุณพี่ใหญ่ของสกุลปริพัตรยิ้มกว้างเมื่อเห็นน้องรักทำการแสดงได้อย่างดี แม้อีกฝ่ายจะเป็นคนขี้อายอยู่บ้าง แต่เมื่อได้ทำสิ่งที่ชอบก็ทำได้อย่างน่าชื่นชม

หม่อมราชวงศ์ช่อทิพย์อ้าแขนรอลูกชายเข้ามาหา อีกฝ่ายเดินเข้ามากอดมารดาก่อนจะหอมแก้มเสียฟอดใหญ่ แต่เพราะกลิ่นเหงื่อที่มีติดกายทำให้คุณหญิงถึงกับย่นจมูก และกระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

“ลูกเพิ่งมาถึงงานใช่ไหม เกิดอะไรขึ้น ทำไมเนื้อตัวถึงมีแต่กลิ่นเหงื่อแบบนี้” เสียงไต่ถามของมารดาเข้มขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ดังจนทำให้แขกในงานได้ยิน มีคุณหญิงคุณนายหลายท่านเข้ามาอวยพรวันเกิดให้เธอ รวมไปถึงกล่าวชมบุตรชายที่บรรเลงเปียโนได้ไพเราะเสนาะหูนัก

“เจ้าแดงดื้อขึ้นมากลางทางน่ะครับเลยต้องรอช่างมารับไปซ่อม แต่อย่างน้อยลูกก็มาทันแสดงโชว์ให้คุณหญิงแม่นะครับ” พูดไปก็กอดกระชับเอวหญิงสูงวัยที่หุ่นมีเนื้อสักหน่อยตามวัย ท่าทางออดอ้อนที่มักนำออกมาใช้เพื่อเอาตัวรอด ทำให้คุณหญิงช่อทิพย์ถึงกับต้องตีแขนให้

“แหม...ช่างเจรจา ไปเถอะ ไปอาบน้ำอาบท่าเสียหน่อย ประเดี๋ยวค่อยลงมาคุยกับเพื่อนแม่ คุณหญิงชดช้อยถามถึงลูกไม่ขาดปาก จะได้ไปทักทายคุณหญิงเสียบ้าง”

ชายปราณผละออกจากอ้อมกอดของมารดาก่อนจะลอบออกจากห้องจัดเลี้ยง เพื่อตนจะได้ไปอาบน้ำชำระเหงื่อไคลสักหน่อย โดยมีพี่ชายใหญ่เดินตามมาพร้อมกับจานอาหารในมือ

“กินซะก่อน จะได้รองท้องเพราะคืนนี้ยังอีกยาวไกล”

“ขอบคุณครับ ว่าแต่ทำไมพี่ชายใหญ่พูดเช่นนี้ล่ะ”

“คิดว่าคุณหญิงแม่กับหญิงรตีจะปล่อยเราไปง่ายๆ เหรอ สาวๆ ที่มางานน้อยๆ เสียที่ไหน รอให้เราไปทำความรู้จักอีกตั้งเยอะ”

“ผมขอลาดีกว่า ประเดี๋ยวว่าอาบน้ำเสร็จก็จะแวะไปหาคุณหญิงชดช้อย จากนั้นค่อยหนีออกมา ง่วงเหลือเกินจนอยากจะนอนมากกว่าจะอยู่ในงานแล้ว” ชายปราณตอบก่อนจะปลดกระดุมเสื้อออก เผยให้เห็นเสื้อกล้ามสีขาวที่ใส่ทับอยู่ข้างใน ในปากก็เคี้ยวอาหารว่างที่พี่ชายของตนหยิบมาให้ด้วยความหิวโหย

คุณชายปุณหัวเราะขำกับท่าทีของน้องชายที่ดูไม่สนใจหญิงสาวคนไหนเอาเสียเลย ไปเรียนอยู่กรุงเทพฯ มาได้หลายปี ไปอยู่กับญาติทางฝั่งท่านพ่อจนกลายเป็นหนุ่มเมืองกรุง ตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือกับขลุกตัวอยู่กับเครื่องดนตรีทั้งวัน นี่ร่ำๆ ว่าจะเปิดโรงเรียนสอนดนตรี เพียงแต่ตอนนี่อยากหาประสบการณ์เสียก่อนจึงเที่ยวตระเวนสอนไปทั่วราชอาณาจักร

แต่ส่วนใหญ่ลูกศิษย์ที่เรียนก็ลูกหลานของเพื่อนคุณหญิงแม่ เพราะชายปราณเป็นบุตรที่คุณหญิงแม่รักดั่งแก้วตาดวงใจ ทำให้ติดจะห่วงมากสักหน่อย คัดเลือกแต่คนดีๆ ให้เข้าหาลูกเท่านั้น คิดมาถึงตรงนี้เขาก็อดห่วงไม่ได้ หากคุณหญิงแม่ยังห่วงปราณันต์เช่นนี้ ชาตินี้น้องคงหาเมียด้วยตัวเองไม่ได้แน่ๆ

คุณชายปุณปล่อยให้น้องชายอาบน้ำไป ส่วนตนออกมารับแขกในงานที่ยังทยอยมาเรื่อยๆ เดินลงไปชั้นล่างเห็นหญิงรตีกำลังเอ็ดพนักงานบริกรที่ถูกจ้างให้มาช่วยงานเรื่องเสิร์ฟเครื่องดื่มช้า ก่อนจะหันไปวุ่นกับคิวการแสดงอื่นๆ ของงานคืนนี้ที่ดูไม่ได้ดั่งใจเธอไปเสียหมด

“แต่งตัวสวยแต่หน้างอราวปลาทูในเข่ง ชายไหนจะมอง” เขาเย้าแหย่น้องสาวไปหนึ่งทีจนได้รับค้อนวงโตกลับมา ชายปุณหัวเราะขำจึงโดนตีเข้าที่แขน

“อ้าว! มาตีพี่ทำไม ก็เราเป็นแบบนั้นจริงๆ”

“พี่ชายใหญ่อย่างแซวหญิงเลยค่ะ งานนี้หญิงแทบจะวิ่งอยู่คนเดียว คนช่วยงานไม่ได้เรื่องสักคน คนที่ถูกจ้างให้มาแสดงก็เงียบไป จนป่านนี้แล้วยังมาไม่ถึงกันอีก นี่ใกล้เวลาทำการแสดงแล้วด้วย” หญิงรตีพูดด้วยความร้อนใจ ชายปุณเห็นน้องสาวเครียดมากเลยหยิบน้ำหวานขึ้นมาให้อีกฝ่ายได้ดื่มเพื่อให้ใจเย็นก่อน

“งั้นก็จัดการแสดงชุดนั้นไว้ตอนท้ายเลยสิ”

“จัดแล้วค่ะ การแสดงชุดอื่นๆ ทยอยขึ้นแสดงกันเกือบหมดแล้ว นี่ถ้าคืนนี้โชว์ระบำฮาวายที่หญิงอุตส่าห์ตั้งใจเซอร์ไพรส์คุณหญิงแม่ไม่มา หญิงจะไปอาละวาดที่ร้านรับจ้างนี้เลยคอยดู” หญิงสาวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน คิดไว้ในใจเลยว่าเธอจะไปเอาเรื่องที่ร้านนั้นให้ถึงที่สุดเลย

“คุณหญิงรตีคะ มีชาวบ้านขับรถมาบอกว่ารถที่พานักแสดงมาเกิดยางแตกค่ะ จอดอยู่กลางทางจะให้ทำอย่างไรดีคะ” แม่สายเข้ามารายงานแม่งานใหญ่เสียงสั่น

แม่สายคือพี่เลี้ยงของเหล่าคุณหญิงคุณชายตั้งแต่วัยแบเบาะ อยู่คู่กับวังปริพัตรมาตั้งแต่สมัยยังสาวจนตอนนี้เข้าเลข 4 แล้ว แต่ก็ยังคล่องตัวอยู่มาก

“โอ๊ย! นี่มันวันอะไรของหญิงเนี่ย ถ้าอย่างงั้นก็ให้คนรถของเราเอารถไปรับ ไม่ว่ายังไงนักแสดงชุดนั้นจะต้องมาให้ได้ ส่วนพี่ชายใหญ่ สนใจจะแสดงอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้คุณหญิงแม่ไหมคะ ดึงเวลาให้หญิงหน่อยได้ไหม”

หญิงรตีหันมาออดอ้อนพี่ชายเพื่อให้ช่วยเธอสักหน่อย แต่ชายปุณกลับส่ายหน้าหวือ เพราะตนไม่ถนัดเรื่องพวกนี้นัก ระหว่างนั้นเห็นชายปราณเดินเข้าไปไหว้คุณหญิงชดช้อยพอดีตนจึงคิดอะไรได้

“เดี๋ยวพี่มา” ชายปุณทิ้งจากน้องสาวมา ก่อนจะเข้าไปหาคุณหญิงชดช้อยที่รั้งตัวน้องชายเขาไว้เสียไม่ยอมปล่อยแขนเลย

“นี่นะคุณหญิง ถ้าเกิดชายปราณได้พบหนูปาริมาคงคุยกันถูกคอ รายนั้นชอบเล่นไวโอลินมากเชียวล่ะ วันไหนว่างๆ ชายปราณแวะไปที่บ้านป้าสักหน่อยสิ จะได้แนะนำให้รู้จักกัน”

นั่นปะไร ต่างจากที่คิดเสียที่ไหน ชายปราณโดนแม่สื่อจับตัวได้เสียแล้ว ฝั่งปราณันต์ที่โดนทอดสะพานให้ด้วยคำพูดของหญิงอาวุโสได้เพียงแค่ยิ้มไปตามมารยาท ก่อนจะเห็นพี่ชายตนเดินเข้ามาในวงสนทนาด้วย

“สวัสดีครับคุณหญิงป้า ไม่เจอกันเสียนาน สบายดีหรือครับ”

“แหม ไม่เจอกันนานท่าจะจริง ขนาดมางานเลี้ยงตั้งนานแล้ว เพิ่งจะเห็นชายปุณเข้ามาทักทายนี่แหละ” โดนเหน็บไปหนึ่งทีพอให้เจ็บๆ คันๆ ใครๆ ต่างรู้ว่าคุณหญิงชดช้อยกับคุณชายปุณเปรียบเหมือนคู่กัดต่างวัย คุณหญิงช่อทิพย์เห็นท่าไม่ดีจึงเอ่ยขัด

“ชายปุณมาก็ดี น้องยังไม่ได้ทานอะไรเลยพาน้องไปหาอะไรทานสักหน่อยสิ” มารดาแอบขยิบตาให้ลูกชายคนโตอย่างรู้ทัน ซึ่งเข้าทางชายปุณทันที เขาจึงลากน้องชายให้เดินตามตนตรงไปยังมุมอาหารที่ถูกจัดแบบบริการตัวเองไว้ที่มุมห้อง

“ปราณว่างรึเปล่า ช่วยหญิงรตีหน่อยสิ รายนั้นอารมณ์เดือดแทบจะกินหัวคนรับใช้แล้ว” ชายปุณเข้าเรื่องทันทีไม่รอให้เสียเวลา เขาเล่าเรื่องราวคร่าวๆ ของน้องสาวให้ฟัง ฝ่ายลูกคนกลางจึงตกปากรับคำอย่างจำยอมว่าจะช่วยน้องสาว ทั้งที่ใจนั้นอยากเข้าห้องนอนจะแย่แล้ว

::::::::::::

ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสากลเต็มยศพร้อมออกงานขับรถยนต์มาตามทางที่ไม่คุ้นเคยนัก วันนี้ได้รับคำเชิญจากเพื่อนใหม่ว่าให้มาร่วมงานเลี้ยงที่บ้าน เขาที่เพิ่งกลับจากต่างประเทศได้ครึ่งปีและยังไม่มีเพื่อนจึงตกปากรับคำไป เพราะเห็นว่าอีกฝ่ายจริงใจดี แต่ที่ทางที่ไม่คุ้นนี้ก็ทำเอาใจตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่น้อยเพราะค่อนข้างเปลี่ยว มีบ้านผู้คนปลูกอาศัยอยู่ห่างกันแม้ไม่มากแต่ก็ห่างกัน ไม่เหมือนถนนเส้นในเมืองที่มีคนพลุกพล่านกว่านี้

เขาขับรถมาตามแผนที่ที่ฝ่ายเพื่อนใหม่บอกมาอย่างละเอียด เขาเจอฝ่ายนั้นครั้งแรกก็เมื่อสองอาทิตย์ก่อน เขาได้ช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้ก่อนจะพาไปโรงพยาบาล ด้วยความเป็นหมอเลยรีบจัดแจงดูอาการเด็กหญิงเองแทนที่จะรอหมออยู่เวร แต่ไม่คิดว่าการช่วยชีวิตเด็กหญิงคนนั้นจะทำให้เขาได้งานไปด้วย

“รถเป็นอะไรหรือครับ”

ชายหนุ่มจอดรถลงถามกลุ่มคนที่ส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวกำลังยืนอยู่ข้างถนน ด้วยความเป็นห่วงที่คิดว่ามีคนเป็นอะไรจึงจอดถาม ได้ความว่ารถยางแตกระหว่างที่กำลังเดินทางไปวังปริพัตร ซึ่งเป็นสถานที่เดียวกับปลายทางที่เขาจะไป เขาจึงอาสาขับพาเหล่านักแสดงโชว์เหล่านี้ล่วงหน้าไปก่อน ประจวบกับรถของวังปริพัตรขับมารับพอดี เขาจึงใช้โอกาสนี้ขับตามไปด้วยเลย

เมื่อมาถึงงานความวุ่นวายก็เริ่มในทันที เขาจอดรถไว้ก่อนจะเดินตามเหล่านักแสดงที่รีบวิ่งไปทางข้างห้องจัดเลี้ยงเพื่อทำการเตรียมตัวแสดง เขายืนหันซ้ายแลขวาด้วยความไม่รู้จักใครในงานเลยนอกจากหมอปุณ ทำให้ยืนเคว้งอยู่คนเดียวกลางถุงคฤหาสน์ที่แสนโอ่อ่านี้

“หมออนันต์! หมอครับ ทางนี้” เสียงที่คุ้นเคยของเพื่อนใหม่ดังอยู่ทางซ้ายมือ หมออนันต์จึงเดินไปหาพร้อมยิ้มกว้างให้อีกฝ่าย

“เป็นไงครับ บ้านผมหายากไหม”

หมออนันต์จึงตอบกลับไปพร้อมกับเล่าเรื่องที่พบเจอระหว่างทางมาด้วย ก่อนจะรับเครื่องดื่มจากบริกรที่ถือถาดเดินไปทั่วงาน

แต่สิ่งหนึ่งที่แสนสะดุดหูเห็นทีจะเป็นเสียงเปียโนที่แสนไพเราะนี้ เขาเห็นคนที่กำลังบรรเลงเพลงตรึงคนฟังไม่ชัดนัก ก่อนหมอปุณจะดึงเขาให้เดินเข้าไปใกล้อีกสักหน่อย พร้อมกับแนะนำว่า...

“มาฟังเพลงก่อนครับ นี่เป็นเพลงโปรดของคุณหญิงแม่ที่ท่านพ่อชอบร้องให้ฟัง ส่วนนั่น...น้องชายผมเอง ชายปราณ

สิ้นคำใบหน้าที่หวานหยดแทบไม่ต่างจากเดิมก็เงยขึ้นมาจากเปียโน บทเพลงรักจากปลายปากกาของคุณจงรัก จันทร์คณา กำลังขับขานออกจากกลีบปากสวย เพราะเป็นเพลงไทยลูกกรุงที่กำลังโด่งดังในขณะนี้และไม่มีใครไม่รู้จัก


~~ อย่าเพียรถามว่าฉันจะรักเธอนานเท่าใด ฉันตอบไม่ได้ว่าฉันจะรักชั่วกาลนิรันดร์ เพราะชีวิตฉันคงไม่ยืนยาวไปถึงป่านนั้น รู้แต่เพียงฉันหมดสิ้นรักเธอเมื่อฉันหมดลม ~~


เนื้อเพลงความหมายหวานซึ้งพร้อมเสียงแกรนด์เปียโนที่ดังกังวานสะกดใจคนฟัง หัวใจหมอหนุ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ รู้สึกตัวเองหน้ามืดไปชั่วขณะเมื่อได้สบตากับอีกฝ่ายที่มองผ่านมาทางเขา รอยยิ้มอ่อนประดับบนใบหน้ายามร้องเพลงดูเจ้าตัวมีความสุขไม่น้อย

ในที่สุดก็เจอเสียที ตามหามานานกว่าจะได้เจอ...คุณปราณ ยอดดวงใจของไอ้หาญ







โปรดติดตามส่วนต่อไป

เพลง 'จงรัก'

ไม่ทราบมีคนรู้จักเพลงนี้มั้ย ลองหาฟังกันนะคะ ความหมายของเพลงซึ้งกินใจมากค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-09-2020 09:07:26 โดย :นางสาวผอบ: »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ชาติที่สองของปราญ หาญเป็นคนเล่าเหตุการณ์เองเลย

หาญได้เป็นหมอด้วย รอตอนต่อไปครับ

ปล. ขออนุญาตแนะนำนิดครับ ปี พ.ศ.2529 คำพูดน่าจะสมัยใหม่กว่านี้นิดนึง อย่างเช่น บางกอก ควรเปลี่ยนเป็นกรุงเทพฯ แทน

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
ชาติที่สองของปราญ หาญเป็นคนเล่าเหตุการณ์เองเลย

หาญได้เป็นหมอด้วย รอตอนต่อไปครับ

ปล. ขออนุญาตแนะนำนิดครับ ปี พ.ศ.2529 คำพูดน่าจะสมัยใหม่กว่านี้นิดนึง อย่างเช่น บางกอก ควรเปลี่ยนเป็นกรุงเทพฯ แทน

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ
 :pig4:

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๑๗ (ครึ่งหลัง)


“พี่ณิช... ล้างหน้าล้างตาหน่อยไหม”

มิ้งถามคนที่ยังคงนั่งเหม่อลอยมองสระบัวไร้จุดโฟกัส เธอนั่งตรงนี้อยู่ข้างณิชมาราวครึ่งชั่วโมงแล้ว ไม่กล้าทิ้งอีกฝ่ายให้อยู่คนเดียว เพราะรู้สึกว่าตอนนี้ณิชกำลังจะสติหลุดในนาทีใดนาทีหนึ่ง

มิ้งพยายามถามไถ่ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คนที่ร้องไห้เพิ่งหยุดสะอื้นไปเงียบไม่ตอบ สายตาและท่าทางของณิชดูหมดอาลัยจนใจหาย เธอพยายามเรียกหาพี่มั่น แต่ฝ่ายนั้นกลับตอบมาแค่ว่าทางฝั่งตัวเองก็หนักหน่วงไม่แพ้กัน

“หนูต้องไปดูงานก่อนนะพี่ณิช พี่เข้าไปนั่งข้างในดีไหม หรือจะขึ้นไปพักบนห้อง” เธอตัดสินใจบอกเพราะทิ้งงานมาพักใหญ่แล้ว อย่างน้อยต้องไปดูสักหน่อยจะได้ไม่ผิดพลาด

“พี่นั่งตรงนี้แหละ” ณิชตอบในที่สุด เขามองดอกบัวที่ชูดอกอยู่เต็มสระ แม้แดดจะร้อนจ้าแต่มันก็ยังเบ่งบานอวดความสวยเต็มที่

“โอเค งั้นเดี๋ยวหนูเรียกพี่มั่นให้มาอยู่เป็นเพื่อนนะ”

“ไม่ต้องหรอก พี่อยากอยู่คนเดียว”

“คือ...พี่อยู่ได้แน่นะ ไม่ใช่คิด...”

“พี่ไม่โดดลงสระหรอก ไม่อยากเป็นผีคอยเป็นวิญญาณตำใจคนที่นี่ ขนาดร่างจริงเขายังไม่อยากให้อยู่ เป็นวิญญาณเขาคงส่งหมอผีมาไล่”

คำพูดประชดประชันของอีกฝ่ายทำหญิงสาวยิ้มแหย พอจะเดาได้ว่าจีรัชญ์คงเอ็ดอะไรรุ่นพี่เธอแน่ๆ เมื่อมิ้งได้รับคำยืนยันว่าเจ้าตัวจะไม่คิดสั้นเธอจึงยอมจากไป แต่ไม่ลืมแวะไปบอกป้าแจ่มว่าฝากไปดูณิชด้วย

เมื่อกลับเข้ามาในคฤหาสน์ได้ มิ้งก็รีบไปหาช่างจรูญที่ห้องดนตรีทันที งานคืบหน้าไปไม่มากเท่าไหร่นัก แต่ยังอยู่ในแผนงานที่เธอกับณิชวางไว้ ของตกแต่งอีกหลายอย่างยังต้องรอช่างทยอยเข้ามาส่ง โทนสีและเฟอร์นิเจอร์ต้องไปในทิศทางเดียวกัน ตอนกลางวันห้องนี้ณิชจัดไว้ให้แสงธรรมชาติเข้ามากขึ้นด้วยการเปลี่ยนหน้าต่างที่ทึบทึมเป็นบานกระจก ระเบียงที่ยื่นออกไปก็จัดเป็นมุมสวนเล็กๆ เผื่อว่าจีรัชญ์อยากจัดงานเลี้ยงในอนาคต

หลังจากแวะดูงานเธอก็เรียกหามั่นเป็นการใหญ่ ฝ่ายคนถูกเรียกที่ยังอยู่ในห้องทำงานของจีรัชญ์ถอนหายใจ ไอ้เพื่อนเกลอนั่งเงียบมาหลายนาทีจนมันต้องยอมถอย คงต้องไปดูคุณปราณก่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง

‘มีกระไรรึเจ้ามิ่ง’

ไอ้มั่นเอ่ยถาม ก่อนปรากฏตัวมันได้พัดลมใส่อีกฝ่ายไปวูบหนึ่งจนเศษกระดาษปลิวว่อนไปทั่วห้อง ทีมช่างถอนหายใจกันหลายครั้ง เพราะลมหอบเอาดินเข้ามาด้วยจนฝุ่นฟุ้งกระจายเต็มไปหมด

‘คุณปราณล่ะ’ มันถามเพราะไม่เห็นเจ้านายอย่างที่คิดไว้

‘ยังนั่งซึมอยู่ที่ศาลาอยู่เลย ว่าแต่คุณตรีพูดอะไรบ้าง พี่รู้ไหมว่าพี่ณิชเพิ่งจะหยุดร้องไห้ไปก่อนหน้านี้แป๊บเดียวเอง เพื่อนพี่ทำอะไรพี่หนูเนี่ย’ คนถูกถามทำทีเป็นเดินดูความเรียบของสีทาผนัง ทั้งที่จริงมันเป็นงานที่เธอตรวจดูไปแล้ว

‘พูดไปมันก็เรื่องยาว ว่าแต่เจ้าเถอะ จะกลับบางกอกตามคุณปราณหรือไม่ หรือจะอยู่ทำงานจนเสร็จเสียก่อน’

‘ห้ะ? พี่รู้ได้ไงว่าพี่ณิชจะกลับกรุงเทพฯ’

‘ข้าได้ยินเจ้าคุยกับคุณปราณน่ะสิวะ พอไอ้หาญรู้มันเลยจะปล่อยให้คุณเขากลับ’

‘เดี๋ยวๆ หนูไม่เข้าใจ คือพี่จะบอกว่าแอบฟังหนูกับพี่ณิชคุยกัน จากนั้นก็เอาเรื่องไปบอกคุณตรีอย่างนั้นเหรอ จะบ้าเหรอพี่มั่น! หนูกับพี่ณิชยังไม่กลับตอนนี้สักหน่อย แถมเรื่องนี้ก็ต้องแล้วแต่พี่ณิชด้วยว่าจะเอาไงต่อ ดูแล้วพี่ณิชไม่อยากกลับด้วยซ้ำ โอ๊ยย อะไรของพี่เนี่ย ทำคุณตรีเข้าใจพี่ณิชผิดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ นี่ถ้าชาตินี้ทั้งคู่ไม่สมหวังก็เพราะพี่เลย แทนที่จะช่วยกันดันไปกวนน้ำให้ขุ่นซะอย่างนั้น’

มิ้งบ่นเสียยืดยาวที่อีกฝ่ายฟังไม่ได้ศัพท์จับเอาไปกระเดียด จนเข้าใจผิดกันไปใหญ่ สาเหตุหนึ่งที่ณิชกับจีรัชญ์ทะเลาะกันก็คงเพราะเหตุนี้ด้วยแน่ๆ เธอฉุนจัดจนเดินลงส้นเท้าปึงปังออกจากห้องไป ทีมช่างที่กำลังทำงานมองหน้ากันด้วยความสงสัยว่างานมีปัญหารึเปล่า ก่อนมิ้งจะหอบเอาลมกลุ่มใหญ่พัดออกไปจากห้องด้วย

::::::::::

“คุณณิชคะ” แม่บ้านหญิงสูงวัยเอ่ยทักเมื่อเห็นว่าคนที่มิ้งฝากฝังให้เธอช่วยมาดูนั่งเหม่อลอย ขนาดเธอลงมือเก็บอุปกรณ์วาดภาพของจีรัชญ์ยังไม่มีทีท่าจะรู้ตัวเลยสักนิด

“อ้าว...ป้าแจ่ม มาเก็บของเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ คุณมิ้งเธอฝากให้มาดูคุณณิชด้วย ไม่ทราบจะรับประทานมื้อเที่ยงเลยไหมคะ ป้าจะได้ให้แม่หวีเขาจัดกับข้าวขึ้นโต๊ะเลย”

“ผมยังไม่หิว เชิญป้าถามคนอื่นได้เลยครับ ไม่ต้องจัดเผื่อผม”

“คุณณิชเป็นอะไรรึเปล่าคะ หน้าแดงๆ ตาแดงๆ” ป้าแจ่มเดินมานั่งลงข้างๆ ชายหนุ่มที่สีหน้าเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด

“หรือคุณตรีเธอเอ็ดเรื่องงานค่ะ” หญิงสูงวัยถามซ้ำเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังเงียบ เพราะหากจะให้เธอเดาเป็นอย่างอื่นก็คิดไม่ออกแล้วเหมือนกัน

“ไม่ใช่หรอกครับ คุณตรีของป้าเขาแค่...ใจร้าย” ณิชพูดเสียงเบา ป้าแจ่มยิ้มอ่อนก่อนจะลูบหลังหนุ่มเมืองกรุงเบาๆ

“ใจร้ายยังไงคะ บอกป้าได้ไหม เผื่อป้าจะได้คุยกับคุณตรีให้ได้”

“เขารับฟังความเห็นคนอื่นเป็นด้วยหรอครับ”

หญิงสูงวัยยิ้มเอ็นดูเมื่อได้ฟังคำประชดประชันจากปากอีกฝ่าย ดูท่าจะทะเลาะกันหนักซะแล้ว

“คุณณิชก็พูดไปค่ะ คุณตรีเขาใจดีรับฟังคำพูดของทุกคนนั่นแหละ คนที่เข้ามาอยู่ในวังทุกคนถึงได้จงรักภักดีกับคุณเขายังไงล่ะคะ”

“ผมอยากช่วยงานเขาแต่เขากลับไล่ผม ป้ายังจะมองว่าคุณของป้าเขาใจดีอีกเหรอครับ” พูดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็รื้นขึ้นมาที่ขอบตา น้อยใจอีกฝ่ายจนอยากถอดใจจากเรื่องนี้เสียด้วยซ้ำ

“ป้าว่า...คงเพราะคุณตรีไม่ค่อยมีเพื่อนเลยเข้าสังคมไม่เก่งมั้งคะ เพราะตั้งแต่ป้ารู้จักคุณตรีมา นอกจากคุณรัศมี คุณสุทินและคุณแขไข ป้าก็ไม่เห็นคุณเขาจะพาใครมาที่วังอีก” ป้าแจ่มพูดพลางนึกว่าเธอได้หลงลืมใครไปอีกหรือไม่ แต่คิดแล้วคิดอีกก็ไม่พบว่าใครที่นอกเหนือจากนี้แล้ว ก่อนจะพูดต่ออีกว่า...

“คุณตรีเขาชอบเก็บตัวน่ะค่ะ ถ้าไม่เข้าสวนก็ขลุกตัวอยู่ในห้องทำงาน นานๆ จะมานั่งวาดภาพตรงนี้สักครั้งหากมีเรื่องกวนใจ จะเรียกว่าตรงนี้เป็นมุมโปรดก็คงไม่ตรงนักเพราะไม่ค่อยจะมา แต่หากมาแล้วคุณตรีใช้เวลาอยู่ที่ศาลาเป็นค่อนวันเลยค่ะ อยู่กับเจ้าอุปกรณ์วาดภาพพวกนั้นน่ะ” หญิงสูงวัยบุ้ยใบ้ไปทางพู่กันและจานสีที่เธอเตรียมเอาไปเก็บให้จีรัชญ์

“คุณจีรัชญ์เขาวาดรูปเก่งเหรอครับ เมื่อกี๊ผมเห็นแล้วแต่ยังไม่มั่นใจว่าเขาจะวาดสวยไหม”

“สวยค่ะ ป้าเคยเห็นคุณเขาวาดรูปบึงบัว ไม่ทราบเป็นที่ไหนแต่สวยมากๆ เลยค่ะ ส่วนรูปอื่นๆ คุณตรีเขาเก็บไว้ในห้องห้องเก็บของ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมไม่เอาออกมาโชว์ เว้นเสียแต่รูปภาพบ้านเรือนไทยรูปนั้นแหละค่ะ ไม่ได้วาดเองแต่ก็เอามาโชว์ราวกับประมูลมาในราคาหลายสิบล้านอย่างนั้นแหละ” ป้าแจ่มพูดไปพลางหัวเราะที่ตนนินทาเจ้านายแบบนี้ แต่มันก็ไม่เกินจริงจากที่พูดไปเลย

“ผมเคยถามคุณจีรัชญ์ เขาบอกว่ารูปนั้นมีคนให้มา คงสำคัญกับเขามากจริงๆ ล่ะครับ”

“โอ๊ย อย่าหาว่าป้าชอบนินทาเลยนะคะ ก่อนหน้านี้เด็กในบ้านทำความสะอาดเผลอไปโดนรูปจนกรอบเอียง คุณตรีมาเห็นพอดีรีบเข้าไปคว้าไว้ หน้าตาดุดันดูเหมือนโกรธมาก แต่คุณเขาก็ทำแค่เอ็ดหน่อยๆ บอกว่าให้ระวังด้วยแค่นั้นแหละค่ะ”

ภาพวาดนั้นสำคัญกับจีรัชญ์จริงๆ ซึ่งเขารู้สึกได้ตั้งแต่วันแรกๆ ที่เข้ามาที่นี่ และเพิ่งมารู้เอาตอนหลังว่าภาพบ้านเรือนไทยหลังนั้น มันก็เป็นแบบเดียวกันกับเรือนของท่านออกญาศรีรัตนกรด้วย ณิชชะงักไปเมื่อฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ แสดงว่าคนชื่ออนันต์ต้องเป็นจีรัชญ์ หรือใครสักคนที่รู้จักเรือนหลังนั้น อาจจะเป็นเขาที่กลับชาติมาเกิดเหมือนอย่างชาตินี้ก็เป็นได้ ไม่อย่างนั้นจะใส่รายละเอียดของภาพราวกับออกมาจากอดีตได้ยังไง

ณิชยืดตัวขึ้นด้วยความดีใจเมื่อจิ๊กซอว์ถูกต่อเติมเข้าที่ทีละน้อย แม้เขาจะไม่มีความฝันที่คอยบอกเรื่องราว หรือใครมาเล่าอดีตของไอ้หาญให้ฟัง แต่ทุกอย่างก็พอมีเรื่องให้เขาได้ปะติดปะต่อได้บ้าง ไม่ถึงกับมืดแปดด้านเสียทีเดียว

“ถ้างั้นป้าแจ่มรู้ไหมครับว่าคุณตรีเป็นเจ้าของวังนี้ได้ยังไง หมายถึงได้รับเป็นมรดกตกทอดมาเหรอครับ”

“ใช่ค่ะ เดิมทีวังนี้เป็นของตระกูลปริพัตรมาก่อน บรรพบุรุษของคุณตรีท่านจึงซื้อไว้เมื่อไม่มีใครอยู่แล้วน่ะค่ะ จากนั้นก็ส่งต่อให้ลูกให้หลาน อันนี้ป้าฟังจากที่คุณตรีบอกเล่ามาเลยนะคะ”

ณิชฟังก็ขบคิดตาม จากที่ป้าแจ่มเล่ามาเขาเดาว่าบรรพบุรุษที่จีรัชญ์โกหกมาก็คงเป็นตัวจีรัชญ์เอง แต่ประเด็นที่เขาสงสัยคือทำไมไอ้หาญจะต้องมาอยู่ที่วังนี้ ทั้งที่บอกเองว่าไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับใคร ทำตัวปลีกวิเวกแต่กลับซื้อวังเสียใหญ่โต มีพื้นที่โดยรอบกว้างขวาง ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวคงมีจุดประสงค์บางอย่าง และที่แห่งนี้คงสำคัญกับจีรัชญ์ไม่น้อย

“แล้วทำไมต้องมาซื้อที่นี่ไว้เหรอครับ คนในตระกูลปริพัตรไม่เหลือแล้วเหรอครับ”

“ในส่วนนี้ป้าไม่ทราบเลยค่ะ คงต้องถามคุณสุทิน รายนั้นคอยจัดการจัดซื้อที่ดินและอสังหาริมทรัพย์หลายๆ ที่ให้คุณตรีตลอดเลย”

ณิชมุ่งความสนใจไปที่ข้าราชการหนุ่มที่แก่กว่าตน แม้อายุไม่เยอะแต่หน้าที่การงานกลับดีเหลือเชื่อ เขาเคยเจอสุทินเพียงไม่กี่ครั้ง อีกฝ่ายเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่าย เพียงแต่เขาไม่มีโอกาสได้พูดคุยด้วยก็เท่านั้น ดูท่างานนี้เขาคงต้องพึ่งสุทินแล้ว

หลังจากได้คุยกับป้าแจ่มจนได้ข้อมูลมาบ้างแล้ว ทั้งสองก็แยกย้ายกัน พวกนายช่างพักทานอาหารกันแล้วทำให้ในห้องดนตรีมีแค่มิ้งเท่านั้น ส่วนณิชเดินไปตรวจงานอีกนิดหน่อย เห็นหน้าตารุ่นน้องดูไม่สบอารมณ์เขาจึงเข้าไปถาม ได้ความว่ามั่นไปบอกจีรัชญ์เรื่องเขาจะกลับกรุงเทพฯ ทั้งที่เขายังไม่ให้คำตอบใดๆ ทั้งนั้น ฝ่ายไอ้มั่นที่รู้ตัวว่าผิดได้แค่คุกเข่าอยู่ข้างเจ้านาย หน้าตายิ้มเจื่อนจนดูตลกพิกล

“ไม่เป็นไรหรอก ยังไงเรื่องมันก็คงออกมาไม่ต่างจากนี้แหละ แต่ถ้ามั่นอยากไถ่โทษก็ลองบอกมาว่าทำไมไอ้หาญถึงได้ปฏิเสธผมแบบนี้”

ไอ้มั่นกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ เงยหน้ามองคุณปราณที่จ้องมองมันอยู่ก่อนแล้วด้วยความหนักใจ หากบอกไปโชคชะตาก็จะไม่เป็นไปในทิศทางของมัน แทนที่จะมีประโยชน์มันอาจเพิ่มโทษให้เพื่อนรักได้ แต่ปากก็คันยิบๆ อยากเล่าเรื่องตั้งแต่ชาติก่อนเก่าให้เจ้านายได้รู้เต็มแก่ จังหวะที่ไอ้มั่นกำลังจะเปิดปากพูด เสียงดังขัดขึ้นจนไอ้มั่นสะดุ้งโหยง หันไปมมองก็เห็นไอ้เกลอยืนหน้าถมึงทึงค้างกำปั้นอยู่บนโต๊ะไม้ใกล้ประตู

‘อย่าได้คิดทำอะไรในส่วนที่มันไม่ใช่หน้าที่ของมึงไอ้มั่น’

ณิชฉุนจัดที่จีรัชญ์คุกคามมั่นแบบนี้ ร่างสูงใหญ่ย่างสามขุมเข้าหาด้วยใบหน้าดุดันที่สื่อว่ากำลังโกรธ แต่เขาไม่สนแล้ว ในเมื่อไอ้หาญไม่สนใจกันเขาก็จะไม่สนใจอีกฝ่ายเหมือนกัน

“อย่ายุ่งกับมั่น เขาเป็นคนของผม”

“อย่าทำอะไรเกินตัว คุณไม่รู้หรอกว่ากระทำของคุณทำให้ใครเจ็บปวดบ้าง”

“ผมรู้ดี และผมกำลังพยายามแก้ไข คุณคอยดูได้เลย ถึงแม้คุณไม่พูดผมก็จะตามหาความจริงให้ได้ ไม่ว่ายังไงชาตินี้เรื่องพวกนี้จะต้องจบ ต่อให้คุณผลักไสไล่ส่งผมแค่ไหน ผมก็จะทำให้สำเร็จให้ได้!” พูดจบณิชก็เดินปึงปังออกจากห้องไปพร้อมกับมิ้งที่วิ่งตามไปติดๆ ส่วนไอ้มั่นไม่อยู่ให้ไอ้เกลอได้ต่อว่ารีบหายตัวไปด้วย

จีรัชญ์ขบฟันกรอด ชาตินี้ดูอะไรไม่ง่ายอย่างที่คิด ถามว่าอยากหลุดพ้นไหม แน่นอนคำตอบคือใช่ แต่เขามั่นใจว่าไม่ใช่ชาตินี้อย่างแน่นอน

คำสาปแช่งของออกญาศรีรัตนกรน่ะหรือจะไม่ทรมานเขาอีกในชาตินี้ แต่ในเมื่อเขาพอจะรู้ทิศทางของมันเขาก็ขอลงแรงค้านโชคชะตาสักครั้งเพื่อรักษาใจตัวเองไม่ให้เจ็บปวดไปมากกว่านี้ เขาจึงอยากปล่อยวางในเรื่องนี้ คอยทำตัวเป็นขอนไม้ลอยอยู่ในทะเลที่คลื่นจะพัดพาไปไหนก็ตามแต่น้ำจะซัดไป แต่ดูเหมือนณิชจะดื้อดึงไม่ยอม จะเอาชนะเขาให้ได้ท่าเดียว





โปรดติดตามตอนต่อไป

ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
อารมณ์คนมันอยากรู้ความจริงใจจิขาดแล้วแม่เอ๊ยยย แต่ไม่ได้รู้ นี่มันค้างมากนะคะคุณตรี พอจะเข้าใจณิชบ้างไหม 5555 3ต่อ1 ณิชมิ่งมั่น : ไอ้หาญ จะเป็นขอนไม้ไปได้สักกี่น้ำเชียว คึคึ :hao3:   :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
สุทินผู้กุมความลับ รีบมาเล่าเรื่องให้ณิชฟังเลย

รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0

ออฟไลน์ nightsza

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-1

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เอาใจช่วยคุณณิชนะ ส่วนให้หาญกาลเวลาคงทำให้ฝังใจกับเรื่องเก่าเอามากๆ  :hao4:

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2020 13:48:56 โดย Ginny Jinny »

ออฟไลน์ :นางสาวผอบ:

  • ความเคลื่อนไหวในเงามืด
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +649/-4
บทที่ ๑๘ (ครึ่งแรก)


เพราะงานที่ต้องทำให้เสร็จเนื่องจากคุณแขไขโทรมาเร่งด้วยตัวเอง ทำให้ณิชกับมิ้งแทบไม่ได้ไปไหนเลย จากปกติยังมีเวลาทำงานของลูกค้าคนอื่นบ้าง แวะเข้าเมืองไปซื้อของหรือเที่ยวเล่นบ้าง กลายเป็นต้องเร่งงานเพื่อให้ทันใจเจ้านาย

ตอนนี้คุณแขไขอยู่ต่างประเทศกว่าจะกลับก็เดือนหน้า แต่กำหนดการที่ต้องทำงานที่นี่ให้เสร็จคือไม่เกินสองเดือน เดดไลน์ของงานที่ถูกร่นระยะเวลาเข้ามาทำณิชเครียดจัด และไม่ได้มีแต่เรื่องงานเท่านั้นที่ทำเขาแทบข่มตานอนไม่หลับในแต่ละคืน มันมีเรื่องของจีรัชญ์เข้ามาเกี่ยวด้วย เพราะเขากับฝ่ายนั้นไม่ได้คุยกันมา 2-3 วันแล้ว เรื่องงานจะผ่านมิ้งทั้งหมด จีรัชญ์ไม่ได้เข้าหาเขาแต่อย่างใด และณิชก็ไม่ได้พยายามเข้าหาอีกฝ่ายแล้วเช่นกัน

‘หากเป็นเช่นนี้อยู่ ข้าว่าชาตินี้ข้าคงอยู่เป็นวิญญาณอย่างนี้ไปอีกครา’

ไอ้มั่นพูดพลางถอนหายใจนั่งหลังพิงฝา ทอดอาลัยเมื่อไม่รู้ว่าจะช่วยไอ้เกลอกับเจ้านายมันคืนดีได้อย่างไร สัตย์สาบานที่เคยให้ไว้ว่าจะช่วยเหลือคงไม่ได้ทำในชาตินี้แล้วเป็นแน่ ที่นั่งอยู่ข้างกันเป็นมิ้งที่กำลังสเก็ตช์ภาพออกแบบบ้านรีโนเวทส่งลูกค้าในไอแพด ซึ่งไอ้มั่นเรียกว่ากระดานชนวนแบบพิเศษ

‘คุณตรีเขาใจแข็งมาก ถามจริงเถอะพี่ ชาติก่อนพี่ณิชทำคุณตรีไว้เจ็บมากเหรอ มากกว่าชาติแรกที่ทำให้โดนสาปอีกเหรอ’

การสื่อสารในใจทำให้พวกเขาคุยกันได้สะดวก แต่กระนั้นการแยกประสาทสองส่วนคือมือทำงาน สมองคิดงานและต้องแบ่งมาฟังเรื่องของณิชด้วยก็ทำเอามิ้งได้งานช้ากว่าเดิม แต่เธอก็ยอมเพราะอยากรู้เรื่องราวของณิชเช่นกัน

‘ไอ้หาญมันวาดหวังเสียสวยหรู ชีวิตคนทั้งคู่ราบรื่นไม่มีทุกข์ แต่แล้ววันหนึ่งก็เหมือนฟ้าผ่ากลางกบาล รักกันได้ ใครๆ ก็รับรู้ ไม่ได้ต่างชนชั้นดั่งเช่นชาติก่อน แต่กลับต้องจากกันเพราะหาใช่เวลาที่ต้องคู่กันไม่’

‘ไม่เข้าใจ’

มิ้งขมวดคิ้ว แทบจะทิ้งงานในมือเพื่อจะได้คุยกันจริงๆ จังๆ ไม่เข้าใจด้วยว่าทำไมคนสมัยก่อนพูดหรือคิดอะไรช้า กว่าพี่มั่นจะบอกในแต่ละประโยคที่มีแต่ปริศนา ทำเอาเธอร้อนใจแทบจะหันไปบีบคออีกฝ่ายเสีย

‘คุณปราณตาย’

“ห้ะ!! ตาย!” มิ้งอุทานออกเสียงดังลั่นจนพวกช่างหันมามองหน้า ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ควรทำเลยยิ้มแหยและกล่าวขอโทษกลับไป ไม่ลืมบอกด้วยว่ากำลังอ่านเรื่องย่อนิยายอยู่

‘เจ้าจะร้องแรกแหกกระเชอไปไย ไม่สำรวมกิริยาสมดั่งหญิง เป็นแบบนี้ชายใดรึจะมอง เรื่องที่ข้าพูดก็หาใช่เรื่องใหม่ หากคุณปราณไม่ตายเช่นนั้นชาตินั้นจะเกิดใหม่ได้หรือ’ ไอ้มั่นทั้งเอ็ดทั้งบ่นที่หญิงสาวข้างกายดันทำเป็นเรื่องตกอกตกใจเกินจริงเสียได้

‘หนูรู้ แต่ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงตาย แก่ตายเหรอ ตายได้ยังไงพี่มั่นเล่ามาให้หมดเลย’

มิ้งถามต่อ เธออยากรู้ว่าชาติก่อนคนทั้งคู่ได้ครองรักกันนานไหม ได้มีความสุขกว่าในชาติแรกรึเปล่า เพราะมั่นบอกว่าไม่มีเรื่องต่างชนชั้น ใครๆ ก็รับรู้ แสดงว่าไม่มีอุปสรรคดังเช่นชาติก่อนอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นมันก็ไม่มีเหตุผลอื่นอีกที่คุณปราณต้องตายจากไอ้หาญ

‘ดั่งเช่นคำสาปแช่งที่ให้ไว้ หากโชคชะตาแข็งแกร่งกว่ามนต์บทนี้ เมื่อนั้นคำสาปจะหมดไป’

‘ยิ่งพูดยิ่งอยากรู้’

‘เห้อ...ขืนข้าเล่าหมดไอ้หาญได้ฉีกอกข้าน่ะสิ’

‘พี่ไม่มีอกให้ฉีกเถอะ เป็นแค่วิญญาณเนี่ย อีกอย่างคุณตรีก็ไม่รู้หรอก เขาไม่ได้อยู่...’

มิ้งเงียบไปก่อนจะยิ้มฝืนเมื่อเห็นจีรัชญ์เดินเข้ามาในห้องที่เธอกำลังคุมช่างทำงาน รีบปิดปากเรื่องไอ้หาญกับคุณปราณไว้ก่อน ไม่งั้นจากที่จะได้คำตอบจากพี่มั่น จะกลายเป็นเธอโดนไล่กลับกรุงเทพฯ แทน

“คุณตรีมีอะไรรึเปล่าคะ” หญิงสาวลุกขึ้นจากพื้นที่นั่งอยู่ ปัดฝุ่นที่ติดกางเกงออกก่อนจะเอ่ยถามเจ้าของวัง

“รุ่นพี่คุณไปไหน” จีรัชญ์ถามเสียงเรียบ เขาไม่เห็นณิชอยู่ในบริเวณที่ทำงาน หรือรถเจ้าตัวก็ไม่มีให้เห็น

“เอ่อ...ไม่ได้อยู่ข้างนอกเหรอคะ” มิ้งถามหน้าซื่อ เพราะเธอก็ไม่รู้ว่ารุ่นพี่เธอหายไปไหน

จีรัชญ์ตอบกลับมาว่าไม่เห็นและไม่มีรถของณิชจอดอยู่ด้วย มิ้งจึงโทรเข้ามือถือของอีกฝ่าย ณิชรับสายและตอบกลับมาสั้นๆ ว่าออกมาธุระ จากนั้นก็กดตัดสายไป

“พี่ณิชออกไปธุระค่ะ เดี๋ยวก็คงกลับ” ประโยคหลังเธอเติมไปเองเพราะคิดว่าณิชคงเข็ดขยาดเรื่องพวกวัยรุ่นที่เคยดักทำร้าย อย่างไรก็ต้องกลับวังเร็วก่อนมืดค่ำแน่ๆ

ผิดกับไอ้มั่นที่อยู่กับเจ้านายมาหลายภพหลายชาติ มันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น แต่ลางสังหรณ์ก็ไม่แรงพอที่จะให้มันทำอะไรได้

::::::::::::

หลังจากที่อยู่เคลียร์งานมาหลายวัน ในที่สุดวันนี้ณิชขับรถออกจากวังปริพัตรในช่วงบ่ายคล้อย อาศัยตอนที่ไม่มีใครสนใจลอบออกมา เขาไม่ได้บอกใครว่าไปไหน มิ้งโทรมาก็บอกแค่ว่าไปทำธุระแค่นั้น แต่ก่อนหน้านี้เขาได้ไปถามกับป้าแจ่มมาแล้วว่าคุณสุทินทำงานอยู่ที่ใด ซึ่งได้รับคำตอบว่าอีกฝ่ายทำงานอยู่กรมที่ดิน เป็นระดับรองหัวหน้าแล้ว เขาจึงคิดว่าสุทินคือหมากตัวสำคัญที่จีรัชญ์ใช้ปกปิดตัวตนเสมอมา

แต่ที่เขาไม่เข้าใจอีกเรื่องคือ ถ้าสุทินคือคนจัดการเรื่องพวกนี้ให้จีรัชญ์ ทำไมอีกฝ่ายถึงมีอายุน้อย ทั้งที่เรื่องที่จีรัชญ์แอบอ้างว่าเป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ยังไงมันก็ต้องมีคนที่จัดการมาให้ก่อนหน้านี้แล้ว

เขาขับรถมาตามกูเกิ้ลแมพที่พามายังสำนักงานที่ดินในเวลาเกือบห้าโมงแล้ว ก่อนหน้านี้ขับหลงไปอีกทางจนต้องวนกลับมาใหม่กินเวลาไปมากโข พอมาถึงที่หมายเขาก็รีบเข้าไปข้างในทันที

“สวัสดีครับ ผมมาขอพบคุณสุทินครับ”

“ไม่ทราบได้นัดไว้ไหมคะ” หญิงสาวตรงประชาสัมพันธ์เอ่ยถาม

“ไม่ได้นัดครับ แต่บอกว่าผมมาจากวังปริพัตรคุณสุทินเขาทราบดีครับ”

ใช้ชื่อวังของจีรัชญ์ให้เป็นประโยชน์สักหน่อย เพราะเขากลัวว่าหากไม่พูดไปเช่นนี้สุทินอาจไม่ยอมออกมาเจอก็เป็นได้

หญิงสาวหายไปทางห้องข้างหลังพักหนึ่ง ก่อนจะกลับออกมาพร้อมชายหนุ่มชื่อสุทิน ฝ่ายนั้นเมื่อเห็นณิชก็ชะงักไป เพราะไม่รู้ว่ามีเหตุจำเป็นอะไรที่ณิชต้องเจาะจงมาหาเขาถึงที่ทำงาน แต่กระนั้นก็ยังยิ้มให้ณิชราวกับไม่มีอะไรที่ตนเองกังวล

“สวัสดีครับคุณสุทิน”

“สวัสดีครับคุณณิช วันก่อนได้ยินมาว่าคุณตกบันได หายดีแล้วนะครับ” สุทินเอ่ยทักพลางเดินนำอีกฝ่ายเข้าห้องทำงานของตน ณิชยิ้มขอบคุณที่สุทินเชิญให้นั่ง อีกทั้งยังรินน้ำให้ใส่แก้วให้ด้วย

“หายแล้วครับ ไม่เป็นอะไรแล้ว”

“แล้วนี่คุณณิชแวะมาหาผมที่นี่ มีอะไรรึเปล่าครับ หรือคุณจีรัชญ์ต้องการอะไร”

“เอ่อ...เอาจริงๆ ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอกครับ ผมแค่อยากคุยเรื่องที่ทางในละแวกนี้ พอดีอยากซื้อไว้เก็งกำไรบ้างน่ะครับ” คำโกหกที่เขาไม่ได้คิดมาแต่ก็พอจะนึกได้แค่นี้ทำสุทินถึงกับแปลกใจ แน่ล่ะว่าคนพูดไม่เนียนเอาเสียเลย แต่สุทินก็ยังพูดตามน้ำไป

“ที่ทางแถวนี้ที่คุณณิชว่ามันไม่ได้เป็นทำเลทองหรอกครับ อีกอย่างผมไม่ทราบเรื่องพวกนี้เท่าไหร่นัก แต่หากสนใจจริงๆ ผมก็พอรู้จักพวกนายหน้าที่ดินอยู่บ้าง เดี๋ยวผมจะแนะนำให้นะครับ”

“อ่า...ก็ดีครับ พอดีผมได้ยินว่าคุณสุทินจัดการเรื่องวังปริพัตรให้กับคุณจีรัชญ์ คิดว่าคุณพอจะมีเส้นสายจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยแน่ๆ” ณิชพูดด้วยรอยยิ้มซื่อ สุทินที่กำลังหาเบอร์โทรศัพท์ของนายหน้าค้าที่ดินชะงักไป เพราะดูท่าเรื่องที่ณิชต้องการจะพูดคงเป็นเรื่องนี้มากกว่าการซื้อที่เสียแล้ว

“ไม่หรอกครับ ผมแค่ทำตามหน้าที่ ก็แค่จัดการเอกสารตามมรดกตกทอดที่คุณจีรัชญ์ต้องได้ตามกฎหมายเท่านั้น” สุทินตอบอย่างไว้ท่าที

การที่เขาทำงานกับจีรัชญ์ สิ่งแรกที่ต้องจดจำไว้คือห้ามแพร่งพรายเรื่องของอีกฝ่ายให้คนอื่นรู้โดยเด็ดขาด ในด้านกฎหมายจีรัชญ์ใช้เงินซื้อทนายเก่งๆ ที่ไว้ใจได้มาแล้ว แต่คนเหล่านั้นไม่ได้รู้ ‘ความลับ’ ของจีรัชญ์เหมือนที่เขารู้ และนั่นเป็นความลับที่เขาต้องเก็บงำไว้จนกว่าจะถูกปลดออกจากตำแหน่งผู้ช่วยของจีรัชญ์ เขาไม่รู้ว่าณิชรู้เรื่องของจีรัชญ์มากน้อยแค่ไหน และโชคชะตาทำงานไปถึงไหนแล้ว ทางที่ดีที่สุดควรลอบสังเกตอีกฝ่ายไปก่อน

ณิชเงียบไปเพราะไม่รู้จะชวนอีกฝ่ายพูดอะไรต่อ เขารู้ดีว่าสุทินคงกำลังหยั่งเชิงเขาอยู่ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าสุทินรู้เรื่องของไอ้หาญมากน้อยแค่ไหน อาจจะแค่เป็นคนจัดการเรื่องเอกสารอย่างที่เจ้าตัวว่า หรือรู้อะไรมากกว่านั้นถึงขั้นรู้ว่าจีรัชญ์ไม่ใช่คนธรรมดาเลยรึเปล่า

“นี่ครับ เบอร์โทรของนายหน้าคนนี้เขาไม่โก่งราคาไว้ใจได้ครับ” สุทินเขียนเบอร์โทรศัพท์ใส่กระดาษให้ณิชก่อนจะยื่นให้ ชายหนุ่มรับมาก่อนจะกล่าวขอบคุณเบาๆ

“ช่วงนี้ไม่ค่อยเห็นคุณสุทินแวะไปที่วังเลย แวะไปบ้างสิครับ ป้าแจ่มบ่นคิดถึงไม่ขาดปากเลย” ณิชกล่าวพร้อมกับเดินออกมาจากห้องทำงานของสุทิน เขาคงยื้อเวลาคุยกับอีกฝ่ายได้ไม่นานนักเพราะสุทินยังอยู่ในเวลางาน

“ไว้ผมจะแวะเข้าไปนะครับ” สุทินตอบแบบไม่เจาะจงว่าจะเข้าไปหรือไม่ ณิชที่กำลังจะเดินออกจากประตูจึงหันกลับมาหา เมื่อคิดว่าเขากำลังจะมาที่นี่สูญเปล่า ไม่ได้อะไรกลับไปเลย

“คุณสุทินครับ เอาจริงๆ ที่ผมมาวันนี้เพราะผมมีเรื่องจะปรึกษา ผมเห็นว่าคุณสุทินสนิทกับคุณจีรัชญ์เลยอยากรู้ว่าคุณจีรัชญ์เขาชอบอะไรเป็นพิเศษไหมครับ พอดีผมกับเขาทะเลาะกัน และผมเป็นฝ่ายผิดเลยอยากจะทำอะไรง้อเขาสักหน่อยน่ะครับ”

ณิชพูดความจริงไปเพียงครึ่ง เพราะหากโอกาสการคุยกับสุทินครั้งนี้หลุดไป เขาก็ไม่รู้จะมาหาอีกฝ่ายด้วยเหตุผลอะไรอีก ฝ่ายสุทินที่ได้ฟังถึงกับหัวเราะ เพราะรู้สักทีว่าณิชมาหาเขาทำไม ที่แท้ก็เพื่อมาหาทางง้อจีรัชญ์นั่นเอง

“คุณณิชพูดแบบนี้ทำให้ผมคิดนะครับเนี่ย พูดเหมือนคนรักกำลังง้องอนกันอย่างนั้นแหละ” สุทินเอ่ยแซว แต่ณิชกลับยิ้มและหลบสายตา ฝ่ายคนแซวจึงเข้าใจในทันทีว่าณิชคงมีใจให้จีรัชญ์แล้วแน่ๆ

“ก็...ประมาณนั้นแหละครับ เขาก็ดูไม่มีใคร ผมเลย...” ณิชแสร้งทำทีเป็นเขินอาย หากที่จริงแล้วใจเต้นรัวอยู่ในอก เพราะไม่เคยคิดว่าจะต้องพูดในทำนองกำลังจีบผู้ชายด้วยกันอยู่ แถมผู้ชายคนนั้นยังเย็นชาใส่เขาเสียยิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็ง

“คุณจีรัชญ์เขาไม่ใช่คนง้อยากอะไรหรอกครับ เขาชอบอะไรที่เป็นของเดิมไม่เคยเปลี่ยน หากเปรียบกับความรัก ก็เหมือนคนรักเดียวใจเดียวที่ไม่เคยเปลี่ยนไปรักใครอื่นเลย”

สุทินทิ้งคำพูดที่สื่อโดยนัยไว้แค่นั้นก่อนจะเดินกลับเข้าข้างใน ในใจก็นึกเอ็นดูที่ณิชพยายามเข้าหาเจ้านายเขา จากที่จีรัชญ์ไม่ต้องการให้โชคชะตาเล่นตลกกับหัวใจตัวเอง ดูท่าจะต้านไม่อยู่เสียแล้ว สุทินไม่ลืมโทรไปรายงานจีรัชญ์ด้วยว่าณิชมาถามเขาเรื่องจะเข้าหาอีกฝ่ายอย่างไร จีรัชญ์จึงเล่าคร่าวๆ ว่าณิชรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว

“จะทำยังไงดีล่ะครับ ดูท่าคุณณิชตั้งใจจะเข้าหาคุณตรีทุกทางเลย”

[ปล่อยเขาไป เดี๋ยวเขาก็ล้มเลิกความตั้งใจไปเอง]

“แน่ใจเหรอครับ ดูท่าชาตินี้จะไม่เป็นอย่างชาติก่อนที่คุณตรีเล่าให้ผมฟังเลยนะ” คำพูดสุทินทำจีรัชญ์เงียบไป มันจริงอย่างที่สุทินว่า เพราะคุณปราณในชาติก่อนๆ เป็นเพียงชายหนุ่มเพียบพร้อมที่อ่อนแอเท่านั้น





--##--##--##--##--##--##--





เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวเป็นเกียรติแก่การแสดงของหม่อมราชวงศ์ปราณันต์ ชายหนุ่มลุกขึ้นโค้งคำนับพร้อมรอยยิ้มสวยที่ส่งให้แก่แขกผู้มีเกียรติทุกคน โดยเฉพาะคุณหญิงช่อทิพย์ที่ตอนนี้ถึงกับหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับที่หัวตา เพราะใจคิดไปถึงสามีผู้ล่วงลับที่เคยมอบบทเพลงรักเพลงนี้ให้กับตนเอง แล้วยิ่งวันนี้ลูกชายสุดที่รักดันมาเล่นเพลงนี้ในวันคล้ายวันเกิดของเธออีก มันยิ่งซาบซึ้งจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“หากท่านพ่อยังอยู่ โชว์นี้คงเป็นของท่านพ่อแน่ๆ ครับ”

ชายปราณเดินเข้ามาหาหญิงสูงวัยผู้เป็นมารดา กอดปลอบอยู่สักพักจึงผละออกแล้วนั่งลงข้างกัน เพื่อที่จะให้เจ้าของวันคล้ายวันเกิดได้ดูโชว์ระบำฮาวายที่หญิงรตีจ้างมา

หมออนันต์มองตามชายหนุ่มที่เป็นถึงหม่อมฯ ไม่ละสายตา หัวใจเต้นกระหน่ำรัวตั้งแต่วินาทีแรกที่ได้สบตา จนบัดนี้มันก็ยังคงเต้นแรงอยู่ หากเขาเป็นโรคหัวใจคงได้วูบหมดสติไปแล้วแน่ๆ

“รบกวนคุณชายพาผมเข้าไปกราบคุณหญิงช่อทิพย์ได้ไหมครับ ผมมางานเลี้ยงของท่านแต่ยังไม่ได้ทักทายท่านเลย” อนันต์เอ่ยถามน้ำเสียงสุภาพตามที่ได้เคยเข้าสังคมชั้นสูงมาบ้าง

เพราะชีวิตที่เป็นอมตะทำให้เขาไม่มีทางเลือก นอกจากจะเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ทำตัวกลมกลืนไปตามยุคตามสมัยที่ผันเปลี่ยนเท่านั้น

“ได้สิครับ”

ชายปุณเดินนำเพื่อนใหม่ของตนไปหามารดา ส่วนคนที่เดินตามใจลิงโลดที่จะได้ยลโฉมหม่อมราชวงศ์ปราณันต์แบบใกล้ชิด เมื่อไปถึงตาคมแทบไม่ละสายตาจากหนุ่มร่างบางที่กำลังนั่งชมการแสดงอยู่ จมูกโด่งกับปากเรียวรูปกระจับดูรับกัน ดวงตาสวยที่ไอ้หาญคนนี้เคยจำได้ไม่เคยลืมยังคงสวยเสมอ แก้มนวลที่ชาติก่อนมันเคยหอมนั้นเนียนใสจนเห็นเลือดฝาด

คุณปราณอยู่ใกล้มันเพียงแค่เอื้อมแต่ไอ้บ่าวซื่อไม่กล้ายื่นมือไปแตะ เพราะชาตินี้ไม่รู้คุณปราณจะจำมันได้หรือไม่ และถึงแม้จะจำได้มันก็เป็นเรื่องไม่ควรที่คนสามัญชนอย่างมันจะแตะต้องหม่อมฯ เขาได้

“คุณหญิงแม่ครับ เพื่อนผมต้องการมากราบคุณหญิงแม่ เขาชื่ออนันต์ครับ เพิ่งมาทำงานที่โรงพยาบาลได้ไม่นาน” ชายปุณย่อกายลงจนกลายคุกเข่า เพื่อแนะนำตัวเพื่อนใหม่ให้มารดารู้จัก

คุณหญิงช่อทิพย์เลื่อนสายตาไปมองชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ สายตาของหญิงสูงวัยกวาดมองตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไม่ปิดบังว่าตนกำลังประเมินอีกฝ่ายอยู่ อนันต์ที่ย่อกายลงตามชายปุณยกมือขึ้นไหว้พร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้าพอให้ดูเป็นมิตร

“สวัสดีครับคุณหญิง ผมอนันต์ครับ”

การแนะนำตัวและกิริยามารยาทดูดีเช่นคนมีการศึกษา ท่าทางก็ไม่ประดักประเดิดราวคนไม่เคยเข้างานสังคม อีกทั้งหน้าตาคมคายหล่อเหลาราวช่างปั้น รูปร่างก็ดูแข็งแรงกำยำไม่ใช่คนขี้โรค ผิวพรรณติดเข้มไปสักหน่อยแต่ก็สะอาดสะอ้าน เล็บตัดสั้นดูเรียบร้อยไม่สกปรกสมกับที่เป็นหมอ

“สวัสดีจ้ะ ทานอะไรมารึยังล่ะ เชิญเลือกทานได้ตามสบายเลยนะ”

หลังจากกวาดสายตาประเมินดูจนถ้วนทั่ว คิดว่าอีกฝ่ายพอมีระดับที่จะคบหากับลูกชายคนโตของเธอได้ คุณหญิงช่อทิพย์จึงรับไหว้พร้อมถามไถ่ อนันต์ทำเพียงยิ้มและเอ่ยปฏิเสธไป เพราะตอนนี้ตนอิ่มใจจนไม่สามารถหาอะไรใส่ท้องได้อีกแล้ว

การแสดงยังคงดำเนินไป มันยืนอยู่หลังคุณปราณเพื่อจะได้ไม่บดบังอีกฝ่าย ขยับก้าวเข้าไปใกล้อีกนิดเพื่อจะได้ใกล้ชิดให้มากกว่าที่เคย คุณปราณไม่ได้สนใจอะไรตนแม้แต่น้อย แววตาที่สบกันเมื่อครู่ตอนแสดงเปียโนก็คงเป็นการผ่านสายตาปกติ หรือเมื่อกี๊ตอนที่เขาแนะนำตัวกับคุณหญิงช่อทิพย์ อีกฝ่ายก็สีหน้าเรียบนิ่งไม่ได้สนใจอะไรมันเป็นพิเศษ

คุณปราณจำมันไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา จนเกือบกลายเป็นศตวรรษที่มันเฝ้าตามหาคนคนนี้ทุกหนทุกแห่ง แทบพลิกแผ่นดินเท่าที่มันจะไปถึงเพื่อเฝ้าหายอดดวงใจของมันคนนี้ หลายร้อยหลายพันครั้งกับความท้อ แต่เพราะคิดว่าอย่างไรก็จะได้ครองรักกัน และจะต่อสู้ไปด้วยกันเพื่อยุติคำสาปทำให้มันมีแรงสู้ต่อ

ทาสชายจากเรือนท่านออกญาศรีรัตนกรที่โดนคำสาปแช่งจากเจ้าของเรือน ชีวิตอมตะที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่ตายทำให้ต้องอยู่อย่างไร้ญาติขาดมิตร ความโดดเดี่ยวที่ต้องเจอบีบบังคับให้มันต้องแข็งแกร่ง มันใช้เบี้ยและอัฐที่คุณปราณให้ไว้ให้คุ้มค่าที่สุด ก่อร่างสร้างตัวจากอัฐที่หามาด้วยน้ำพักน้ำแรงของมัน ชุบตัวเป็นคนใหม่หาใช่ทาสเนื้อตัวดำมอมแมม

การร่ำเรียนวิชาต่างๆ ที่คิดว่าช่างห่างไกลไม่มีวันได้เรียน ไอ้หาญกลับใช้ความขยันไปแอบเรียนจนอ่านออกเขียนได้จนคล่อง ไม่มีแล้วไอ้บ่าวซื่อที่ใช้พื้นดินเป็นกระดานและใช้ไม้แทนดินสอ มันมีสิ่งที่ช่วยในการเรียนแล้วด้วยการไปซื้อมาใช้อย่างที่ลูกเจ้าลูกนายเขามีกัน จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นกระดาษและปากกาขนนกที่ครั้งหนึ่งเคยราคาสูงลิบลิ่ว จนตอนนี้ความเปลี่ยนแปลงของแต่ละยุคสมัยทำให้มันมีสมุดและปากกาคอแร้งเป็นของคู่กาย

คำสาปของท่านออกญาฯ ไม่ได้ทิ้งไว้แค่ร่องรอยของความเสียใจ แต่ความลำบากที่มันต้องเผชิญทำให้ไอ้หาญต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดนี้ ตายไม่ได้ เจ็บป่วยอย่างไรก็ไม่ถึงชีวิต โดนดาบฟันที่แขนยังมีแค่รอยแดง จนคนอื่นหาว่ามันมีของดีของขลัง ถามไถ่ยกใหญ่ว่าเป็นศิษย์วัดไหนหรือพกของดีอะไรติดตัว แต่มันก็ตอบเลี่ยงไปว่าบอกไม่ได้เพราะของจะเสื่อม ก่อนจะหนีหายเข้ากลีบเมฆเพื่อหลบหน้าคนเหล่านั้น

มันหนีขึ้นทางเหนือไปเป็นลูกจ้างร้านขายข้าวของเถ้าแก่ที่เป็นคนจีน เพราะความขยันทำให้เขาเอ็นดูมัน จากเป็นแค่จับกังมันเลื่อนขั้นเป็นผู้ช่วยเถ้าแก่ อีกทั้งการอ่านหนังสือออกทำให้มันมีประโยชน์ ช่วยจดบันทึกทำบัญชีให้

จนทำงานได้เกือบ 20 ปีมันจึงขอลาออกเพื่อไปหาที่ทำมาหากินใหม่ เนื่องจากร่างกายที่ไม่ได้แก่ลงตามกาลเวลาทำให้มันต้องออกห่างจากคนคุ้นเคยในเวลาต่อมา เพื่อไม่ให้เขาผิดสังเกตว่าเหตุใดไอ้หาญจึงไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงเลย

ร่างกายของมันหยุดนิ่งหลังจากมันต้องคำสาปมาได้ราวสิบกว่าปี ไม่ได้เติบโตหรือแก่ตัวอย่างคนอื่น มันมารู้ก็ตอนหลังที่คนทักว่าทำไมถึงไม่แก่เลย ยังหน้าตาหล่อเหลาดูหนุ่มราวคนอายุ 30 กว่าตลอด ซึ่งนั่นทำให้ไอ้หาญวางแผนการใช้ชีวิตใหม่ทุกๆ 20 ปี

ไอ้หาญไม่เคยเปลี่ยนชื่อตัวเองเลยตั้งแต่มีชีวิตเป็นนิรันดร์ ด้วยเพราะกลัวว่าคุณปราณจะจำมันไม่ได้หากต้องใช้ชื่ออื่น แต่แล้วการเปลี่ยนที่อยู่ไปเรื่อย และหน้าที่การงานที่มันต้องเปลี่ยนเสมอๆ ทำให้มันต้องใช้ชื่อใหม่

‘อนันต์’ ที่แปลว่าไม่สิ้นสุด คือชื่อที่มันคิดว่าตรงกับตัวเองมากที่สุด เพราะชีวิตอมตะของมันยังคงดำเนินต่อไปไร้จุดจบ รวมไปถึงความรักที่มันปักใจมอบให้คนคนเดียว ไม่ว่าวันเวลาของการรอคอยจะยาวนานมากเพียงใด แต่ความรักที่มันมอบให้คุณปราณจะไม่มีวันสิ้นสุดลงอย่างแน่นอน





โปรดติดตามส่วนต่อไป


ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ

ออฟไลน์ anterosz

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 807
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +112/-1
ปราณันต์จะจำอนันต์ได้ไหมนะ รอลุ้นเรื่องราวของชาติที่สองครับ

เรื่องราวของชาติปัจจุบันก็น่าติดตาม จะเกิดอะไรขึ้นกลับณิชรึเปล่าตอนกลับวัง

รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ แก่ เหี่ยว เคี้ยวยาก

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 174
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
เป็นกำลังใจให้ทั้งสองคน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด