---ตอนที่ 15---
แฟง's part
"ไอ้พี่ มีพัสดุถึงมึงอะ" ขุนพลที่โทรมาบอกว่าจะมาขอกินข้าวกลางวันด้วยยื่นกล่องพัสดุที่ผมคุ้นตาให้ ที่บอกว่าคุ้นตานั้นก็เพราะสามสี่วันมานี้ผมได้รับกล่องพัสดุแบบนี้ติดต่อกันมาวันนี้เป็นวันที่สี่แล้ว แต่ที่แปลกกว่าเดิมคือวันนี้มีกล่องพัสดุสองกล่อง กล่องหนึ่งสีขาว อีกกล่องสีส้ม
"อืม ขอบใจ เอาวางไว้บนโต๊ะนั่นแหละ" ผมที่นั่งเล่นเกมส์อยู่ที่โซฟาข้างๆกับกองทัพเอ่ยขึ้น ไอ้ทัพมันมานั่งเล่นเกมส์กับผมตั้งแต่บ่ายสามแล้วครับ มันบอกว่าอยู่ห้องคนเดียวเหงาเพราะน้องฝาแฝดหน้ากวนๆของมันออกไปหาแฟนมันที่บ้าน และก็เพิ่งจะกลับมาเมื่อครู่นี่เอง ส่วนเจ้าของห้องไม่อยู่พาหมา เอ้ย แมวอันอันลงไปเดินเล่นด้านล่างตั้งแต่หกโมงแล้ว ซึ่งปกตินี่ก็ได้เวลาที่คุนคุนจะกลับห้องแล้ว ทำไมยังไม่มาน้อออออ ไอ้แก้มยุ้ย
"สั่งไรมาอะพี่ อย่าบอกนะว่าสั่งอะไรพิเรนมาเล่นกับเพื่อนผมอะ" ไอ้ขุนจอมสอดรู้สอดเห็นถามขึ้น แถมยังถือวิสาสะยกกล่องทั้งสองขึ้นมาเขย่าเพื่อฟังเสียงของที่บรรจุอยู่ด้านในกล่องอีก ที่รู้ว่ามันเขย่าทั้งๆที่ตาผมจับจ้องอยู่ที่จอทีวีนั่นไม่ใช่เพราะว่าผมเป็นมหาเทพแห่งสงรรค์ชั้นเก้าที่มีตาทิพย์เห็นด้านหลังหรอกครับ แต่เพราะมันเดินมายืนหลังโซฟาแล้วโบกกล่องไปมาข้างๆหูผม จนผมต้องหันไปดูว่าเสียงกึกๆดังอยู่ด้านหลังนั้นคือเสียงอะไร เฮ้ย! นี่กูเปรียบเทียบตัวเองเป็นตัวละครในซีรี่ย์จีนได้ยังไงวะเนี่ย ชิบหายละ นี่กูจะเป็นสาวกป่าท้อสิบหลี่แล้วหรอวะ ไม่ได้นะ ไม่ได้การละ กูจะหลงป่าท้อไม่ได้ เดี๋ยวหาทางออกไม่เจอเหมือนคุนคุน
"เฮ้ยมึงอย่าเขย่า ไอ้ชิบหาย พังหมดของกู" ผมรีบวางจอยเกมส์ลงทันทีแล้วก้าวขายาวๆกระโดดข้ามโซฟาไปแย่งกล่องสีส้มออกจากมือของไอ้เด็กแฝดขี้เสือกอย่างเร็ว คือเดินอ้อมไม่ได้แล้วนาทีนี้ เดี๋ยวของด้านในพังหมด ส่วนไอ้ขุนนี่ก็เขย่ากล่องของกูเหมือนผสมค็อกเทลอยู่อย่างนั้นแหละ
"แหนะ มีพิรุธ" ไอ้แฝดคนน้องยักคิ้วหรี่ตาดูก็รู้ว่าอยากรู้อยากเห็นสุดๆ นี่พ่อแม่มึงเอาอะไรให้แ*กวะถึงได้ขี้เสือกขนาดนี้
"เฮ้ย พี่ รีบมาเล่นต่อเร็ว เดี๋ยวได้ตายห่าพอดี ผมสู้คนเดียวไม่ไหวนะเว้ย ไอ้พี่!" ส่วนไอ้คนพี่นี่ไม่ได้ขี้เสือกเหมือนแฝดน้อง เท่าที่สังเกตคือมันจะยุ่งแค่เรื่องของคุนคุนเท่านั้น เรื่องอื่นมันไม่ได้มีความอยากรู้อยากเห็นเท่าไหร่ ต่างกับไอ้แฝดนรกตัวน้องลิบลับ ขี้เสือกจนอยากมอบรางวัลมนุษย์เสือกแห่งจักรวาลให้ไปเลย ขี้เสือกอย่างมันเอารางวัลของชาวโลกให้ไปดูเหมือนว่าจะเป็นการดูถูกมันเกินไป เกิดมายังไม่เคยเจอใครขี้เสือกเท่ามันมาก่อน และเพราะความขี้เสือกของมันนี่แหละที่ชอบอยากรู้อยากเห็นเรื่องโน่นนั่นนี่ของผมจนสนิทกันมาถึงตอนนี้ จำได้ว่าเจอกันครั้งแรกที่ร้านเหล้าเฮียต้าหน้ามอ หลังจากนั้นก็เริ่มสนิทกันเพราะมันถามซอกแซกจนรู้ว่าเผมกับมันเรียนที่เดียวกันแถมยังอยู่คอนโดเดียวกันอีก คือถ้าย้อนเวลากลับไปได้กูจะไม่เดินชนมึงที่หน้าร้านเลยไอ้ขุนพล
"เออๆ ไปแล้ว ส่วนมึงไอ้ขุนเอากล่องมานี่เลย ถ้าของกูชำรุดนะกูจะไปเก็บตังค์กับมึง" ผมดึงกล่องพัสดุที่สีส้มที่ขนาดใหญ่กว่าอีกกล่องออกมาจากมือขุนพบ แล้วกระโดดข้ามโซฟากลับมานั่งลงประจำที่ ก่อนจะวางกล่องสีส้มนั้นลงข้างๆ กว่าจะมาส่งนะมึง รอแล้วรออีก มาส่งวันไหนไม่มาเสือกมาส่งวันที่ไอ้แฝดนรกขี้เสือกมาที่ห้องอีก รอให้กูแกะดูของดเานในก่อนเถอะ ถ้าคุณภาพห่วย ไม่ดีเลิศเหมือนที่โฆษณาไว้ในหน้าเว็บนะ กูจะให้นิรันดร์ปิดเว็บมึงแม่งเลย กูยิ่งขี้ฟ้องอยู่ด้วย!
"อ้าว ทำไมเอาไปกล่องเดียวละ" ขุนพลถามขึ้นเมื่อเห็นผมกระชากกล่องสีส้มออกมาจากมือมัน แต่ยังปล่อยกล่องสีขาวทิ้งไว้ในมืออีกข้างของมันโดยที่ไม่ได้มีท่าทีสนใจกล่องนั้นแม้แต่นิด จะสนใจทำไมละ ก็รู้อยู่แล้วว่าในนั้นมีอะไร ตั้งใจว่าตั้งแต่วันวันนี้เป็นต้นไปจะไม่เปิดกล่องพัสดุแบบนั้นดูอีกแล้ว แม่งอุจาดตา ชอบเอารูป นกตาย หนูตาย หมาตายแล้วก็ใส่เลือดปลอมมา มุขแม่งปัญญาอ่อนชิบหาย โรคจิตแน่ๆ อย่าให้กูเจอหน้ามึงนะแม่ง กูจะฟ้องนิรันดร์!!
"อันนั้นกูไม่ได้สั่ง มึงจะเอาไปทิ้งก็เชิญ"
"โห ไรวะ ไม่หนุกเลย อยากดูของข้างในกล่องนั้นอะ กล่องที่พี่รีบดึงกลับไปอะ"
"ของส่วนตัวกูมั้ยละ"
"อย่าซื้อของเล่นพิเรนมาใช้กับเพื่อนผมนะพี่ ผมเป็นห่วงมัน" กองทัพที่นั่งเงียบอยู่นานเอ่ยขึ้น
"นี่มึงคิดว่ากูเป็นคนแบบนั้นหรอวะไอ้ทัพ"
"ก็ประมาณนั้น" กองทัพตอบเสียงเรียบเหมือนที่มันชอบทำเป็นประจำ เคยได้ยินมั้ยครับ เค้าบอกว่าคนพูดน้อยเวลาด่าแล้วเจ็บเจียนตาย นี่ขนาดมันยังไม่ด่าตรงๆเลยนะ ทำไมกูจุกวะ เ*ดแม่ หน่วงชิบหาย
"แต่ผมว่าไม่" ส่วนนี้ก็เสียงสัมภะเวสีที่ยืนจะกินหัวผมอยู่หลังโซฟา แต่คำตอบมันกลับทำผมแปลกใจ เออ ในที่สุดมึงก็เห็นกูเป็นคนดีในสายตามึงสักทีนะขุนพล
"กูเพิ่งรู้ว่ากูเป็นคนดีในสายตามึงนะขุนพล" ผมเอ่ยออกไปด้วยความแปลกใจ มันเคยชมผมที่ไหน ไอ้เด็กนี่ บางทีก็เล่นหัวเหมือนเป็นรุ่นเดียวกัน งงเหมือนกันว่สเอ๊ะ กูพี่หรือเพื่อนว้าาาาา
"เปล่า ผมว่าพี่แย่กว่านั้น" กูว่าละ คนอย่างกูนี่ไม่เคยดีในสายตามันจริงๆด้วย เมื่อสามวินาทีที่แล้วกูเผลอมโนไปคนเดียวหรอวะว่ามันคิดว่าผมเป็นคนดี เผลอคิดไปได้ยังไงวะกู
"สัสสส พวกมึงนี่ ถึงกูจะไม่ใช่คนดีห่าเหวอะไร แต่กูก็ไม่ได้คิดจะซื้ออะไรพิเรนๆมาเล่นกับเพื่อนมึงหรอกน่า แล้วกูก็ไม่ชอบเล่นของเล่นด้วย" เสียเวลา ของจริงสนุกกว่า ...กว่าตั้งเยอะเนอะ มีแต่พวกอ่อนเท่านั้นแหละที่ใช้ของเล่น ไม่เร้าใจสินะมึงถึงต้องหาตัวช่วยอะ
"ขอเหอะพี่"
"ให้มันจริงเถอะ ผมรู้ว่าพี่ก็คิดจะเคลมมันเถอะ หรือไม่จริง"
"จริง" ผมคิดจริงๆนั่นแหละแค่ยังไม่ลงมือทำเท่านั้น
"ไม่ทำไม่ได้หรอพี่" บนหน้าจอทีวีแสดงคำว่า winner กองทัพวางจอยลงก่อนจะหันมามองผมด้วยแววตาที่ดูจริงจังกว่าปกติ ไอ้สองตัวนี้มันรักเพื่อนตัวเล็กของมันมาก เลี้ยงดูอย่างกับลูกตัวเองที่คลอดออกมากับมือ
"ทัพกูไม่ใช่พระอิฐพระปูน นอนเตียงเดียวกันแล้วมันรอดมาได้ถึงทุกวันนี้กูก็นับถือตัวเองสุดๆละ ถ้ามึงรักใครสักคน มึงก็อยากสกินชิพกับเค้าป่าววะ แล้วไอ้สกินชิพเนี่ยมันก็เลยเถิดไปถึงเรื่องอย่างว่าไม่ใช่รึไง แล้วมึงดูเพื่อนมึง เกาะแข้งเกาะขากูเก่งจะตาย ใครจะไปทนไหว ตัวแม่งก็นุ่มนิ่ม แถมยังหอมชิบหาย"
"ก็จริง/เออ เห็นด้วย"
"ทุกวันนี้กูก็อดทนจนไม่รู้จะอดทนยังไงแล้วเนี่ย คุนคุนแม่งก็น่ารักชิบหายวายวอด กูสารภาพตรงนี้เลยว่าอยากจับมันฟัดวันละไม่ต่ำกว่าห้ารอบ"
"อันนี้ไม่ปฏิเสธ คุนคุนมันน่ารักจริงนั่นแหละ"
"ลูกผมนี่สุดยอดแห่งความน่ารักเลยนะพี่ เป็นไงละ ผมเลี้ยงดูฟูมฟักมากับมือ"
"นั่นไง ใครจะไปทนไหว กูทำได้แค่เล็มและไปเรื่อยก็แค่นั้น นี่กูยังงงอยู่เลยว่ามันรอดมาได้ถึงทุกวันนี้ได้ยังไง คนในคณะไม่เข้ามาจีบมันทุกวันหรอวะ"
"โหพี่ ตอนเปิดเทอมเดือนแรกๆเนี่ยผมสองคนไม่ได้เป็นอันทำอะไรเลยนะ วันๆเอาแต่กันพวกเห็บหมัดที่เข้ามาจีบมัน ขนงขนมนี่ได้กลับบ้านมาเต็มคันรถทุกวัน มันนะฮ๊อตจะตาย แบบว่าตัวโซแดมฮ็อตของคณะอะบอกไว้ตรงนี้เลย พี่ผู้หญิงปีสูงเรียกมันว่าหอยสังข์ปักกิ่งกันทุกคน ใครๆก็เอ็นดูมัน ส่วนพวกผู้ชายนะอยากให้มันมาดูเอ็นจะตายห่า พูดละของขึ้นเลยเนี่ย! "
"ก็พอเดาออก แล้วทำไมไม่มีใครจีบติดสักคนวะ"
"โอ้ยจะจีบติดได้ไงพี่ ก็ไอ้ทัพเล่นไปบอกพวกผู้ชายพวกนั้นว่าคุนคุนนะเป็นแฟนมัน ไอ้พวกนั้นเลยไม่กล้ามายุ่งกับมันตรงๆ จะมีโผล่มาบ้างก็พวกคนนอกคณะที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะ เพราะในคณะอะไม่มีใครกล้ามาแหยมหรอกเพราะพวกผมตามคิดมันยังกะขี้ติดตูดตลอดเวลา"
"อ้อ มิน่าละเลยรอดมาถึงกู แล้วทำไมมึงไม่กันท่ากูวะทัพ"
"ไม่รู้ดิ พี่ดู....ไว้ใจ....ได้....มั้ง"
"โห ถือเป็นคำชมจากคนที่ด่ากูเช้าเย็นเลยนะเนี่ย"
"เอาจริงๆปะไอ้พี่"
"อือ ว่ามา"
"จริงๆพวกผมก็คิดจะกีดกันพี่เหมือนกันแหละ แต่พวกผมก็รู้จักพี่อยู่ก่อนด้วยไง อีกอย่างพี่ก็ไม่ได้นิสัยเ*ยๆเหมือนคนอื่นๆ ถึงเราจะไปนั่งมองนมสาวในผับด้วยกัน หรือชวนกันไปตีกะ*รี่ แต่มันก็แค่เรื่องที่ชวนกันทำขำๆฆ่าเวลาป่าววะ ผมก็ไม่เคยเห็นพี่ทำจริงสักทีเหอะ นายลภัสมันเก่งแต่ปากอะพี่ เอาจริงไม่รู้ทำเป็นรึเปล่า"
"สัส ไอ้ขุนพล อีกนิดกูจะซาบซึ้งกับคำอวยของมึงละ ถ้าไม่ใช่ประโยคเก่งแต่ปากของมึงอะ เก่งแต่ปากพ่อง ลองดูหน่อยมั้ยละ เผื่อมึงติดใจกูจะสงเคราะให้" ผมดึงลำตัวไอ้เด็กพูดมากที่นั่งบนพนักพิงโซฟาลงมานอนแอ้งแม้งอยู่บนโซฟาแล้วขึ้นคร่อมมันทันที
"ไอ้เ*ยพี่ จะทำอารายยยย อร้ายยยย ไม่เอ้าาาา ออกปายยยยยย" ไอ้แฝดนรกคนน้องดิ้นไปดิ้นมาใต้ร่างผมในตอนที่ผมก้มหน้าลงไปใกล้ๆหน้ามัน หึ! กล้านักนะมึง มาสบประมาทกูแบบนี้
"จะดิ้นทำไม ลองดูก่อนจะได้รู้ว่าเก่งแต่ปากจริงรึเปล่า อ้อ กูใช้ปากเก่งด้วยนะเผื่อมึงอยากลอง อย่าขยับดิวะ"
"อร้ายยยย ทัพ ทัพ ช่วยกูด้วย ไอ้สัสสพี่ มึงออกไปจากตัวกู ฟ้าจะผ่า ไอ้เ*ย"
"ฮ่าๆๆๆๆๆๆ/ฮ่าๆๆๆๆ" ทั้งผมทั้งทัพหัวเราะออกมาพร้อมกัน ส่วนขุนพลก็ดิ้นจนตกลงไปบนพื้น สมน้ำหน้า หาเรื่องดวนตีนกูเก่งนัก ผมหันไปมองหน้ามันที่ตอนนี้ซีดยังกะไก่ต้ม คงกลัวผมจะจูบมันแหละครับ
"อย่าทำอีกนะพี่ ถ้าทำอีกผมต่องจริงๆด้วย" คนที่ลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่มี่พื้นเอามือปิดปากตัวเองไว้ทั้งสองข้าง มีเพียงเสียงอู้อี้ที่เล็ดลอดออกมาผ่านช่องนิ้วมือ
"ใครจะไปทำลงวะ กล้ามชนกล้ามไม่ใช่แนวกูวะโทษที" ไอ้แฝดน้องถอยหลังไปกับพื้นจนชิดทีวี ก่อนจะหยิบหมอนที่หล่นอยู่ตรงพื้นขึ้นมาปิดตามลำตัว ไอ้เด็กอ่อนเอ้ย เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับกู ไปเรียนมาใหม่ไป!
"แต่ผมไว้ใจพี่นะ อย่าทำให้ผมผิดหวังนะพี่"ส่วนนี่ก็ประโยคที่ออกมาจากแฝดหน้าเรียบที่นั่งขำน้องตัวเองอยู่ด้านหลังผม
"เออ รู้ไว้แค่ว่ากูไม่ได้มาเล่นๆกับเพื่อนมึงละกัน จริงจังกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว ขนาดมายเวย์กูยังไม่ได้รู้สึกขนาดนี้เลย" พวกมันสองคนรู้ครับว่าผมชอบมายเวย์มาก่อน ก็ตอนวันที่นาทีบอกขอมายเวย์เป็นแฟนผมก็ไปดื่มย้อมใจที่ร้านเฮียต้า เมารั่วจนมันสองตัวแบกกลับบ้านทุกลักทุเล ดีหน่อยที่มันไม่ใช่พวกขี้ล้อ คือมันฟังผมระบายความรู้สึกในคืนนั้นแล้วก็ไม่ได้พูดถึงอีก ไอ้ทัพมันเคยถามครั้งหนึ่งว่าเจอคนที่เคยชอบมากๆที่คอนโดหรือตอนเรียนบ่อยๆแล้วผมไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอ รู้สิครับ รู้สึกเศร้า ผิดหวัง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกดีใจกับเพื่อนผมทั้งสองคนมากกว่า อย่างที่เคยบอก สองคนนั้นเหมาะกันมากกว่าผมซะอีก และยิ่งเวลาเนิ่นนานไปความรู้สึกที่ผมมีกับมายเวย์ก็ลดลงไปเรื่อยๆ จนกลับมายังจุดริ่มต้นอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งแรกที่เจอกัน นั่นคือ เหลือแค่ความรู้สึกดีๆที่มีให้กับเพื่อนคนหนึ่งเท่านั้น
"ก็ดีแล้ว ผมไว้ใจพี่นะ ผมเลยให้โอกาสพี่" กองทัพยิ้มบางๆให้ผม แต่ผมก็พอรู้แหละว่ามันเป็นห่วงเพื่อนมัน ก็ขอบคุณมันนะที่ให้โอกาสผม
"เออ มึงไว้ใจกูได้มึงก็รู้"
"ไอ้พี่"
"อะไรของมึงอีกขุนพล"
"ไอ้คุนอะมันไม่น่าจะเคยนะไอ้เรื่องอย่างว่านะ เบาๆหน่อยนะ สงสารมัน ตัวก็เล็ก เบาได้เบานะเว้ย"
"อย่าบังคับมันด้วย"
"เออ รู้แล้ว กูไม่ทำหรอกถ้ามันไม่ยอม มึงก็รู้จักดูดี ส่วนเพื่อนมึงนะ บอกให้มันน่ารักน้อยๆลงหน่อยละกันกูแม่งจะอดทนไม่ไหวเข้าสักวัน โคตรพ่อโคตรแม่น่านัก กูโคตรหลง เรื่องนั้นค่อยว่ากันตอนมันพร้อมดีกว่า" ตอนนี้กูก็ใช้นิ้วทั้งห้าของกูไปก่อนละกัน แล้วกูต้องพึ่งนิ้วของกูไปถึงเมื่อไหร่วะ คุนคุนแม่งก็ไร้เดียงสาเกิ้น กูจะพรากผู้เยาว์ลงคอหรอเนี่ย คิดแล้วแม่งเศร้าชิบหาย ชีวิตคู่ของนายลภัส ไม่เคยคิดเคยฝันว่าวันนี้จะต้องมาพึ่งนิ้วทั้งห้าของตัวเองแบบนี้
"เออ จริง อย่าว่าแต่พี่เลยพวกผมก็หลงมัน ไอ้คู้นนน" ขุนพลยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ แม่งจินตนาการอะไรเ*ยๆอยู่แน่ๆ พวกเดียวกันมองกันออก แล้วนั่นมันทำอะไรวะนั่นนะ แอบแกะพัสดุกู? ช่างมันอยากแกะก็แกะ อย่าหาว่ากูไม่เตือนละกัน เผลอแป๊บเดียวลืมไปแล้วรึไงว่าเมื่อกี้ยังถอยหนีกูอยู่เลย ทำไมมึงกลับมานั่งตรงโซฟาได้เร็วขนาดนี้วะ อะไรก็ทำลายความเสือกของมึงไม่ได้เลยนะขุนพล
"เฮ้ยๆๆ ไม่ได้นะเว้ย ตอนนี้คุณคุณเป็นของกูคนเดียว พวกมึงห่างไปเลย ห่างได้ห่าง มันเป็นเด็กกูแล้ว กูหวงบอกเลย"
"ว้ายยยย ไอ้เ*ย มึงสั่งไรมาเนี่ยพี่ อุบาทชิบหาย พิเรนสัสสส หยี สยอง แหวะ" ผมนั่งขำกับท่าทางของมัน เพราะความขี้เสือกของมันแท้ๆ หยดเลือดที่อยู่ในพัสดุถึงประเด็นมาเปรอะเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนของมัน ส่วนแฝดคนพี่เมื่อเห็นน้องเปื้อนเลือดก็กระโดดลุดขึ้นจากโซฟาไปไกลหลายเมตร โห รักกันจริงๆเลยนะพวกมึง
"สมน้ำหน้า เสือกจนเข้าเส้นเลือดละมึงอะ เป็นไง สาสมกับความขี้เสือกของมึงมั้ย" ผมหยิบกล่องที่ตกลงบนตักขุนพลขึ้นมา โชคดีที่เลือดไม่หยดโดนโซฟา ไม่งั้นละเรื่องใหญ่ต้องทำความสะอาดกันวุ่นวายอีก ใครทำใครซักบอกเลยไม่โกง
"หยี เหม็นชิบหาย อะไรวะไอ้พี่ มึงสั่งอะไรพิเรนมา แหวะ" ขุนพลปัดเลือดที่เปื้อนเสื้อตัวเองออก แต่ยิ่งปัดก็ยิ่งเลอะ โง่ชิบหายเลยมึงเนี่ย!
"อะ อะ อะไรอะพี่" นี่ก็อีกคน อยู่ๆก็กลายเป็นคนติดอ่างซะงั้น เห็นละขำวะ นี่หรอวะสมบัติคณะนิติศาสตร์อินเตอร์ของม.กู
"อย่าขยับนะมึง ถ้าเลือดหยดใส่โซฟากูจะกระทืบมึงจริงๆด้วย แล้วนี่คุนคุนทำไมยังไม่กลับอีกวะ มืดแล้วเนี่ย" ผมหยิบกล่องพัสดุที่เลอะเทอะออกจากตักไอ้ขุนถึงได้เห็นว่ากางเกงขาสั้นสีครีมของมันก็เลอะเหมือนกัน เลยรีบเดินไปเอาผ้ามาเช็ดคราบเลือดออกให้ แต่ตอนกำลังเดินกลับมาผมบังเอิญเหลือบมองนาฬิกาจึงเห็นว่านี่ก็เกือบทุ่มหนึ่งแล้ว และมันก็เลยเวลาที่คุนคุนกลับบ้านมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมวันนี้กลับผิดเวลาขนาดนี้
"หยุดกรี๊ดได้แล้ว กรี๊ดเป็นตุ๊ดเลยนะมึง"
"ก็ผมกลัวนี่พี่ หยี เลือดสดๆเลยนะไอ้พี่"
"เลือดสดพ่อง จะกลัวทำไมนี่มันเลือดปลอม"
"อ้าวหรอ โถ่ ไอ้เราก็คิดว่าเลือดจริง พี่มึงสั่งของแบบนี้มาทำห่าอะไรวะ แหวะ แหยสัสสส"
"ใครมันจะบ้าสั่งมา มึงก็คิดหน่อย ที่แฟนคลับคุนคุนส่งมาขู่กูนะ ส่งมาหลายครั้งละ"
"เฮ้ย/ จริงดิพี่"
"จริง" แล้วผมก็เล่าให้ไอ้สองแฝดฟังทั้งหมด แต่ด้วยเพราะพัสดุเหล่านี้ส่งมาถึงผมโดยตรงเป็นเวลาสี่วันแล้วทำให้ผมสังเกตอะไรได้หลายๆอย่าง อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเจนคือกล่องพัสดุพวกนี้ไม่ได้ถูกตีตราไปรษณีย์หรือตราของบริษัทขนส่งเอกชนใดๆทั้งสิ้น ซึ่งนั่นหมายถึงคนส่งต้องเอามาส่งให้กับทางคอนโดโดยตรง สองคือคนส่งต้องเป็นใครบางคนที่รู้จักทั้งคุนคุนและผมพอสมควร เพราะไอ้โรคจิตคนนี้รู้จักเลขที่ห้องคุนคุน และที่สำคัญคือรู้จักชื่อจริงผมด้วย และอย่างสุดท้ายคือลายมือมันคุ้นมากเหมือนเคยเห็นที่ไหนแต่นึกไม่ออก ลายมือไก่เขี่ยแบบนั้นยิ่งดูก็ยิ่งคุ้น
"เชี่ยยยย โรคจิตวะ" ไอ้ขุนพลที่กำลังเปลี่ยนจากเสื้อเชิ้ตเป็นเสื้อยืดสีเทาของผมเอ่ยขึ้น ผมหยิบเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้มันเปลี่ยน ทนดํไม่ได้จริงๆ เลอะเทอะไปหมด เหมือนวิ่งผ่านโรงเชือดมายังไงยังงั้น ไม่อยสกคิดเลยว่าถ้าสีแดงๆบนเสื้อมันเป็นเลือดจริงขึ้นมาจะคาวคับห้องขนาดไหน
"มันต้องเป็นคนใกล้ตัวนี่แหละผมว่า" กองทัพที่ตอนนี้เดินกลับมานั่งที่เบาะโซฟาแล้วทำหน้านิ่วเหมือนคนกำลังคิดอะไรอยู่ ผมว่าแฝดคนพี่มีความเป็นผู้เป็นคนมากกว่าคนน้องพอสมควร
"กูก็คิดแบบนั้น"
"แย่แล้วพี่" จู่ๆกองทัพที่นั่งหน้านิ่วก็พูดขึ้นมาเสียงดัง
"โอ้ย อะไรของมึงเนี่ย จะตะโกนทำ *วยอะไร"
"ถ้ามันเป็นคนใกล้ตัว แสดงว่ามันต้องมาสอดแนมแถวนี้บ่อยๆ ถึงได้รู้เรื่องของพี่กับคุนคุนขนาดนั้น แล้วมันก็ต้องรู้ด้วยว่าคุนจะพาอันอันออกไปเดินเกือบทุกเย็น"
"ชิบหาย!/จริงด้วย/แย่แล้ว"
.
.
.
.
.
.
#คุนแฟง
by ppeachmm
----++++----
ใครก็ได้ช่วยน้องคุนด้วย!