{พ่อโทน◑ลูกไม้ฉบับรีไรท์}พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก​{เฮียป๊อกXน้องจุก2}18/5/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {พ่อโทน◑ลูกไม้ฉบับรีไรท์}พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก​{เฮียป๊อกXน้องจุก2}18/5/63  (อ่าน 7690 ครั้ง)

ออฟไลน์ Khongsak

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ patsakon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-2

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

(เฮียป๊อกXน้องจุก 2 )


           “มึงอย่าลืมไปงานพบผู้ปกครองไอ้จุกมันนะ”

           “เออ ๆ ”

           ผมตกปากรับคำไอ้โทน ที่เดินออกมาส่งผมที่รถ แม่ง กะจะมากินข้าวอย่างเดียวเสือกหาบ่วงคล้องคอให้กูเฉย ไม่คิดบ้างเหรอไงว่า ผมจะนัดสาวที่ไหน จะทำงานหรือเปล่า บังคับกูจัง นี้ถ้ากูไม่ไปให้คงหักคอให้ตายตรงนี้แหละ

           “กูไปละ มึงไปกรุงเทพ ก็ไปดีมาดี สำลีแปะหัวนะสาดดดด”  ไอ้ห่าเตี้ยชูมะเหงกให้ผมกำปั้นใหญ่ ผมรีบชิงปิดประตู และออกรถออกมาซะก่อนที่ไอ้ห่าโทนจะทำร้ายผู้ชายตัวเล็ก ๆ อย่างผม หึ ตัวเล็กกว่าเสาเข็มหน่อยเดียวแหละมึง ฮ่าๆๆๆ

           ผมป๊อกไงจำได้ปะ แหม บทน้อยหน่อยเดียวทำเป็นลืม เดี๋ยวปั๊ด จูบซะนี้ หึหึ อายุ อานามก็ 30 ละ แก่พอ ๆ กับไอ้โทนนั้นแหละ รุ่นเดียวกัน หน้าที่การงานของผมก็เปิดบริษัทสถาปนิกรับออกแบบ ตกแต่งภายใน บลาๆๆๆๆ ไปตามภาษา รายได้ค่อนข้างดี

   ล่าสุดเจองานยักษ์ สถาปนาวัดป่า ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้สายผมโดยตรงแต่ก็มีเพื่อนในวงการที่คร่ำหวอดในวงการนี้อยู่หลายชีวิตและบริษัท นั้นแหละครับหลังจากตกลงกับหลวงตาได้แล้วไม่ต้องรอให้ทำเรื่องถึงกรมศิลปกรเพื่ออนุมัติ เจ้าหน้าที่  อิฐ หิน ดิน ปูน หลายต่อหลายคันถูกขนมาไว้ที่วัดอย่างปริศนา และทุกอย่างถูกกฎหมาย พอสืบไปสืบมาก็เจอทางตัน พูดง่าย ๆ คือผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนจ้าง งานโหดเลยละครับ ได้เงินล้านที่ได้มาแบบงงๆ เป็นค่าจ้างล็อกแรก ที่ผมใช้เลี้ยงช่างและลูกน้องทีมออกแบบหลายชีวิต จนมีความรู้สึกว่าทำไมค่าจ้างแม่งเสมอตัว ๆ แปลก ๆ วะ ไม่ค่อยเหลือกำไรให้กูเท่าไหร่ แต่ล่าสุดแม่งมีโอนเข้าบัญชีบริษัทมาอีก 5 ล้าน!!!! แต่พอตรวจสอบต้นตอแล้วก็เป็นบัญชีที่ไม่สามารถตรวจสอบได้เพราะธนาคารเก็บข้อมูลทุกอย่างเป็นความลับ ผมสงสัยจนเลิกสงสัย พยายามทำงานออกมาให้มันดีที่สุดนั้นแหละ ได้บุญด้วยได้เงินด้วย กำไร ๆ

   “พี่ป๊อก แวะตลาดหน่อยได้ไหม จุกอยากกินไอติมอะ”

เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!

           “มะมึง ไอ้เชี้ยตกใจหมด นึกว่าลูกกรอกที่ไหน” ผมหันไปมองไอ้ห่าเด็กจุกที่โผล่หน้าหลอน ๆ มาจากเบาะด้านหลัง มึงขึ้นมาได้ยังไง!!! ตั้งแต่เมื่อไหร่!!!! แล้วถ้ากูตกใจเบรกถลาตกคันนาไปกูจะกลายเป็นผีไหม ไอ้เด็กปิศาจ!!!!

           “พี่ป๊อกเป็นอะไรจ๊ะ?”

           “มึงไม่ต้องมาหน้าซื่อ ! ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

           “ก็โทนจะเอาของพวกนี้มาใส่รถพี่ป๊อก แต่รถออกก่อนเลยไม่ได้ลงอะจ้ะ”

           มันชูถูกข้าวเกรียบที่ผมนั่งจิ้มน้ำพริกกินเมื่อกี้อย่างอร่อยแดกข้าวไป 3 จานพูน ๆ เรียกได้ว่ามากินข้าวบ้านไอ้โทนอิ่มไป 3 วันเพราะมันหุงข้าวเยอะอยู่แล้ว แต่ถ้าอยู่ในช่วงนักมวยลดน้ำหนัก ได้อดแดกของฟรีกันหลายวันเลยทีเดียว เดี๋ยวนะก่อนนอกเรื่องไปไกล ขอเคลียกับไอ้เด็กหน้าเต่านี้ก่อน

           “แล้วทำไมมึงไม่โวยวายตั้งแต่แรกวะ นี้ขับมาจะครึ่งทางและมึงเห็นไหม”

           “ก็หนูอยากมาซื้อขนมพอดีนี้” เดี๋ยว เดี๋ยวเหอะมึงก็พากลับไปบ้านแดกไอติมกูนี้แหละ! กวนตีนหน้าแบ๊วดีนัก

           “กูเกือบหัวใจวายมึงรู้ไหม”

           “ทำไมล่ะจ๊ะ” มันเอียงคอมองผมตาแป๊ว แล้วป่านนี้ไอ้โทนไม่ตามหามึงวุ่นแล้วหรอวะ!

           “กูบอกให้พูดแทนตัวเองว่า ผม และลงท้ายด้วย ครับ!” ผมดุมันและถวายมะเหงกให้ไอ้เด็กอื้อไป 2 ทีเน้น ๆ

           “เอ่อ …ครับ อย่าดุจุกสิจ…ครับ”

           “เออ ๆ กูไม่ดุมึงแล้ว ดุไปก็เท่านั้นกูเพลีย”

           “งั้นไปกินไอติมกันนะครับ” หึ เดี๋ยวก็พาไปแดกที่บ้านกูจริง ๆ หรอกไอ้เด็กบ้า

           “อยากจะไปก็ไป แต่มึงหาทางกลับบ้านเองนะ”

           “งั้นพาจุกกลับบ้านเถอะ”

           “ห๊ะ!”

           “กะ กะ ก็จุกไม่อยากกลับคนเดียวนี้ ไม่กินไอติมแล้วก็ได้” ยัง ยังจะมาทำหน้าซื่อก้มหน้าทำตาละห้อย

           “ยังไงกูต้องไปส่งมึงสินะ” ผมหันไปถามมันอย่างอ่อนใจ ก่อนที่ตาแป๋วจะเงยขึ้นมองผมยิ้มแป้นจนปากจะฉีก หึ ผมละเชื่อมันเลย

.

.

.

           “เอาไอติมใช่ไหม” ผมจูงมือมันมาที่ร้านขายของชำในตลาด ไอ้จุกเงยหน้ามองผมทีมองอาแปะเจ้าของที ก่อนจะควักมือเรียกให้ผมก้มลงไป ถึงจะขมวดคิ้วผม ก็ต้องก้มครับไม่งั้นมันก็ทำอยู่แบบนั้นไม่เลิก

           “จุกอยากกินไอติมตักแบบไฮโซฮะ” มันกระซิบ

           “แดกไอติมแทงเหอะมึงอ่ะ” ผมกระซิบตอบกลับ

           “แต่จุกอยากกิน พี่ป๊อกใจดีเลี้ยงจุกหน่อยจิ” ไอ้จุกจับมือผมที่ล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่แกว่งไปมา น่ารักตายห่าละมึง แค่นี้เขาก็หาว่ากูเป็นโชตะคอนแล้วไอ้เด็กเต่า

           “ตกลงลื้อจะซื้อกันไหม ดึกดื่นแล้วอั๊วจะปิดร้าน”

           “งั้นเอาบุหรี่ XXX ซองครับเฮีย” ผมว่าก่อนที่จะโดนแปะแกเหวี่ยงมากกว่านี้ ก่อนจะเดินไปจ่ายตังที่โต๊ะไม้มีขนมลูกกวาดหลากรสวางอยู่

           “จุกเอานี้ด้วยฮะ” ผมเลิกคิ้วมองไอ้จุกที่ถือขนมห่อมาถุงนึงวางข้าง ๆ บุหรี่ผม

           “มีตังค์ ?”

           “มีฮะ พี่ป๊อกไง” มันว่าแล้วคว้าเอาขนมไปถือไว้ ยืนส่งยิ้มตาหยีมาให้ผมตามเดิม … เห็นกูเป็นธนาคารเคลื่อนที่ได้เหรอ ?

           “100 พอดี” ผมหยิบแบงค์ร้อยส่งให้อาแปะอย่างไม่มีทางเลือก ก่อนที่จะดันหัวเล็ก ๆ ของไอ้จุกให้ถลาไปด้านหน้านิด ๆ มันหน้ามุ่ยมองผมที่เลิกคิ้วอย่างมีคำถาม มันหัวเราะและรีบเดินไปยืนข้างๆรถกระบะคันใหญ่ของผม

           “ว่าไงไอติมไม่แดกล่ะ แดกขนมแทน ?”

           “กินฮะ จุกยังไม่เคยเข้าร้านตรงหัวมุมเลย”

           มือเล็กชี้ไปที่ถนนหัวมุมอีกมือก็ถือขนมถุงเอาไว้แนบอก แหมทำอย่างกับมึงอดอยาก กูเห็นไอ้โทนก็เลี้ยงดี ไปไหนมาไหนซื้อขนมของเล่นมาฝากตลอดแถมเบี้ยเลี้ยงยังได้เยอะกว่ากูตอนเด็ก ๆ อีกนะเฮ้ย! 

           “ไอ้โทนไม่พามึงไปเหรอไง”

           “พี่โทนเคยจะพาเข้า แต่จุกกลัวพี่โทนลำบากเลยหนีไปเล่นตลอดฮะ”

           “แล้วกูเกี่ยวไร ?” ผมชี้มาที่ตัวเอง … งงมันครับ

           “ก็พี่ป๊อกใจดี … พี่ป๊อกรวยด้วย นะฮะ เลี้ยงจุกหน่อย จุกตัวเล็กกินไม่เยอะหรอก” มันทำหน้าอ้อน … อ้อนตีนกูนี้แหละ

           “หึ อยากไปก็ไปขึ้นรถ แต่ถ้ากวนตีนกูกูถีบลงนะ”

           ผมว่าก่อนจะเปิดประตูให้มันกระโดดขึ้นไปนั่ง ส่วนตัวเองก็เดินไปฝั่งคนขับและพาไอ้เด็กหน้าด้านไปที่ร้านคาเฟ่แมวหน้าขนที่มันอยากมาเหลือเกิน … ตอนแรกผมก็นึกว่าร้านไอติมธรรมดา ๆ ที่ไหนได้หาเรื่องให้กูตลอดดดดดดดดดดด

           “กูแพ้ขนหมา”

           “… งะ งั้นจุกไปกินไอติมแท่งก็ได้”

           “กูล้อเล่น”

   พูดเสร็จผมก็ผลักประตูเข้าร้านไปทันที หึ อึ้งสิมึงเจอกูกวนตีนกลับบ้าน เพราะมึงเป็นเด็กนั้นแหละกูถึงรังแก ถ้าเป็นผู้ใหญ่เหมือนกัน กูจะมีปัญญาไปทำอะไรล่ะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ … ทำไมประโยคเมื่อกี้มันดูน่าสมเพชจังวะ

           “สวัสดีค่า อ้าวหนูจุก วันนี้โทนไม่มาเหรอจ๊ะ” ผมหันขวับไปมองไอ้ตัวดีที่กำลังเอานิ้วจ่อปากทำเสียงจิ้งจกส่งให้แม่ค้าคนสวย … มันเหลือบมามองผมก่อนจะหัวเราะแหะ เกาหัวทำตาใสกิ๊ก … กะล่อน ไอ้เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ

           “คะ คือว่า … แหะ ๆ จุกอยากกินนี้หน่า …”

           “โกหกตกนรกหลวงตาไม่เคยสอนหรือไง” ผมตามและนั่งลงบนเก้าอี้ริมกระจก มีไอ้แมวหน้ามึน 2 ตัววิ่งไล่ขับกันผ่านหน้าไป

           “แต่เจตนาจุกไม่โหดร้ายนะฮะ”

   ไอ้ตัวเล็กขึ้นมานั่งข้างผม ท่าทางมันก็ดูสำนึกผิดอยู่หรอกแต่ผมชักจะไม่เชื่อใจไอ้เด็กคนนี้ซะแล้ว หน้าซื่อตาใสแบบนี้แสบซะเหลือเกิ๊น แต่ก็แปลกนะครับไอ้จุกมันกล้าเข้าใกล้ผม ทั้งที่เด็กคนอื่นออกจะกลัวกันซะหมด มันบอกหน้าผมโหด ท่าทางจิ๊กโก๋ แล้วยังเสียงดังด้วย … เออก็จริงของมันแต่มันลืมพูดอีกข้อไป กูหล่อไงครับ ฮ่าๆๆๆ

           “เออ ๆ จะกินอะไรก็กินซะจะได้พาไปส่งบ้าน กูอยากพักผ่อน” พอผมพูดจบไอ้จุกก็เอื้อมไปหยิบเมนูและตะบี้ตะบันสั่งของมาเต็มโต๊ะ เดี๋ยวนะ นี้มึงกินหรือยันนุ่น ตัวก็ออกจะเล็กเอาไปเก็บไว้ไหนหมดวะ

           “ของคุณป๊อกรับเป็นน้ำเปล่าหรือเป็นกาแฟร้อนดีคะ”

           “นมจืดร้อนแล้วกันครับ” ผมหันไปสั่งแม่คนสวยเจ้าของร้าน ที่เดินมาเสริฟเค้กช็อกชิพชิ้นสุดท้ายให้ไอ้จุก ส่วนมันตอนนี้ไปอุ้มลูกแมวสีน้ำตาลใหญ่กว่าฝ่ามือผมหน่อยขึ้นมาเล่นแล้วเรียบร้อย

           “แดกไม่หมดกูฆ่า”

   ผมพูดและดันหน้าไอ้แมวตัวยักษ์ขนฟูสีดำที่สลอนหน้าเข้าจากด้านหลังออก ความจริงผมก็ชอบแมวนะครับเพราะมันนิสัยหยิงอินดี้ไม่ค่อยสุงสิงเท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้มีไอ้จุกมาด้วยไม่อยากให้เด็กมันได้ใจ

           “อิอิ จุกชอบกินขนมหวานมาก กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม” แน่สิ แต่ถ้าเค้ก 6 ชิ้นกับ ไอศกรีมถ้วยใหญ่ที่มึงสั่งมาไม่อิ่ม กูว่าควรจะหาขี้เถ้ายัดใส่ปากจะได้อิ่ม ๆ

           “เออ ๆ ไหนมันอร่อยตรงไหนวะ ไอ้เค้กเนี้ย กูเห็นชอบกินกันจัง”ผมแกล้งมันหยิบเอาเค้กสตอเบอรี่ใกล้ ๆ ขึ้นมาทั้งชิ้นและยัดลงปากในคำเดียว … เออก็อร่อยดีนะ เปรี้ยว ๆ หวาน ๆ

           “อ่า ชิ้นนั้นจุกจะเก็บไว้กินชิ้นสุดท้ายอะ คัตเตอร์จัดการเลย!”

ม้าว!

แหมะ!

           แล้วไอ้แมวผีตัวเล็กก็มามาแหมะอยู่บนหัวผมไดยที่มีไอ้จุกเป็นตัวการ ไอ้เด็กตะไล กูละจะบ้าตาย แต่ผมก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่ออยู่ ๆ ไอ้จุกก็ถูกแมวผีขนฟู ที่วิ่งไล่กันอยู่เมื่อกี้พุ่งเข้าหน้าเสียหลักแทบหล่นจากเก้าอี้แต่ดีที่ผมคว้ามันไว้ได้ทัน

           “เอ๊า เลิกเล่นกินซะดึกแล้ว พรุ่งนี้มึงต้องไปโรงเรียนแต่เช้าไม่ใช่เหรอไง”ผมว่าก่อนจะจัดให้มันนั่งให้เรียบร้อยเอาไอ้คัตเตอร์ที่อยู่บนหัวลงเพราะเริ่มเจ็บหนังหัวด้วยคมเล็บของมัน กูละอยากจะบ้าตาย ทั้งแมวทั้งเด็กก่อกวนกูดีจริง ๆ

   พอมันยัดทุกสิ่งทุกอย่างลงกระเพราะของมันได้หมด ผมก็ให้มันเล่นกับแมวอีกสักพักแล้วก็พอมันขึ้นรถกลับมาส่งที่บ้านมันอีกรอบ ทั้งบ้านปิดไฟหมดแล้ว มีแต่ไอ้แสงกับไอ้เมฆที่ยืนรออยู่หน้าบ้านเพราะผมโทรบอกมันว่าไอ้จุกอยู่กับผมก่อนหน้านี้ ทำเอาคนทั้งบ้านมันโหวกเหวกโวยวายเพราะเด็กหายสบถกันระงมโดยเฉพาะไอ้โทนที่ด่าพ่อล่อแม่อยู่เหยง ๆ

           “ไปเลยมึงอะ โดนไอ้แสงเขกหัวแน่”

           “จุกจะบอกว่าพี่ป๊อกลักพาตัวจุกไป แฮ่ ฝันดีนะฮะ”

ฟอด!

           ผมนิ่งมองมันที่กระโดดลงจากรถไปโบกมือโบกไม้ให้ผมไปมา ก่อนจะวิ่งหนีไอ้แสงที่ใส่ตะครุบเข้าบ้านไป ก่อนยกมือขึ้นมาจับแก้มตัวเองที่ถูกไอ้เด็กปิศาจขโมยหอมไปเมื่อกี้ … สาดดดดดดดดดดดดดด ทำไมปากมึงนิ่งแบบนั้นวะ!!!!

           “น่ารักฉิบ … เป็นห่าอะไรไอ้ป๊อก โชตะคอนหรือไง” ผมหัวเราะกับตัวเองก่อนจะสตาร์ทเครื่องมุ่งหน้ากลับบ้านทันที … ไอ้เวร แล้วมึงจะยิ้มให้ปากฉีกถึงรูหูเลยหรือไง!!!!

.

.

.

Rrrrrrrrrrrrrrr Rrrrrrrrrrrrrr



           “ครับน้องลูกจันทร์”

           ผมรับสายของคู่ขาคนล่าสุดที่โทรมาแต่เช้าตรู่ในขณะที่กำลังเลือกเสื้อใยตู้เพื่อไปงานพบผู้ปกครองที่โรงเรียนไอ้จุก แม่ง ทำกูตื่นเช้าเป็นประวัติการณ์เพราะต้องวนไปรับไอ้จุกที่บ้านอีก ปกติมันก็มีรถโรงเรียนไปรับ หรือขี่จักรยานไปเองแหละครับ แต่ไอ้ไม้ไงโทรมาจิกผมตั้งแต่หกโมง เพราะกลัวว่าลูกของมันจะไม่มีคนขับรถเทียวไปเทียวมาส่ง ไอ้ห่า ขอค่าจ้างด้วยฮะคุณพ่อ

           “พี่ป๊อกอยู่ไหนแล้วคะ วันนี้มารับลูกจันทร์ไปเที่ยวใช่ไหมคะ?”ตายห่า … ลืมแม่เจ้าประคุณนมโตจนสนิท …       

   “เอ่อ ลูกจันทร์ครับ วันนี้พี่ป๊อกมีงานด่วนสุด ๆ เลยครับ ขอโทษด้วยนะ พี่คงไปหาเราไม่ได้”

           “อะไรกัน เรานัดกันแล้วนี้” ผมขมวดคิ้วเมื่อเสียงขอเธอแข็งกระด่างขึ้นมา ซึ่งเป็นแบบที่ผมไม่ชอบซะด้วย มันจะอะไรกันนักกันหนา

           “ถ้าพูดไม่รู้เรื่องก็แค่นี้” ผมว่าแล้วกดวางสายในทันที

           แม่เจ้าประคุณก็โทรมาอีกยิก ๆ ด้วยความรำคาญจึงปิดเครื่องทิ้งแม่งไว้นี้และคว้าเอาโทรศัพท์สำรองอีกเครื่องติดมาแทน สาดดดด แค่ไปงานโรงเรียนเด็กคงไม่ต้องแต่งสูทหรอกมั่งเอาแค่เสื้อเชิ๊ตกับกางเกงยีนต์ก็พอ คิดได้แบบนั้นก็แต่งตัวอย่างเร่งรีบโดยทันที

           “พี่ป๊อกมาแล้ววววววววววววววววววววววว” เสียงแจ๋วของไอ้จุกดังต้อนรับผม พร้อมกับเสียงเห่าของไอ้หมาบ้านนี้ผสมโรงกัน มันอยู่ในชุดนักเรียนเรียบร้อยนั่งหง่อยอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน ก่อนที่ผมจะเดินเข้ามา ตามันยังใสกิ๊กอยู่เหมือนเดิม

           “คนอื่นล่ะ”

           “พี่เมฆพี่แสงลุงทายไปชกมวยจ้ะ ส่วนพี่ไม้กับพี่โทนออกเดินทางไปตั้งแต่จุกยังไม่ตื่นเลย”

           “อืม ปะ ไปกันได้แล้ว”

           “เดี๋ยวสิ เหลือเวลาอีกตั้งเยอะนะจ๊ะ หนูทำข้าวผัดเอาไว้ กินข้าวเช้ากันก่อนก็ได้”

           “เออ งั้นไปยกมา กูก็ต้องร้องอยู่พอดี” มันยิ้มก่อนจะวิ่งเข้าไปในครัว สักพักก็ออกมาพร้อมกับข้าวผัดสองจานหอมฉุยมาแต่ไกล หึ ไอ้โทนมันสอนลูกมันมาอย่างดีครับงานบ้านงานเรือนไม่ขาดอยู่แล้ว

           “จุกใส่ใจลงไปด้วยนะ กินให้อร่อยนะฮะ” ผมพูดก่อนจะวางจานลงบนมือผม หึหึ เข้าใจพูดนี้ไอ้เด็กคนนี้

           “รีบแดกจะได้รีบไป” ผมว่าก่อนจะลงมือกินโดยมีไอ้เด็กหน้าซื่อตาใสนั่งกินอยู่ข้าง ๆ นี้มึงใช้สบู่อะไรทำให้หอมนักวะ แล้วมึงใส่ใจลงไปเยอะแค่ไหนข้าวผัดธรรมดาของมึงถึงอร่อยนักฮะไอ้จุก

.

.

.

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-05-2020 20:36:27 โดย pa_pa »

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

          “ไอ้จุกมาแล้วเหรอวะ”

หมับ

           “โอ้ย ไอ้ฟ้าเบาสิ เราเจ็บนะ” ผมมองไอ้จุกที่ถูกเด็กผู้ชายตัวใหญ่บิ๊กกว่ามันหลายเท่าจับล็อกคอลากไป ดูเอาเถอะขนาดพ่อแม่มันยืนหัวโด่อยู่โน้นยังกล้ารังแกเพื่อน

           “เฮ้ย เล่นให้มันเบา ๆ หน่อย” ผมว่าเสียงดุ ไอ้เด็กคนนั้นสะดุ้ง ก่อนจะหันไปกระซิบอะไรกับไอ้จุกสองคนสักพักก็หันมายกมือไหว้ผมหัวเราะแห้งและวิ่งไปหาพ่อแม่มัน

           “มึงไปบอกมันว่าอะไรล่ะ” ผมก้มไปถามไอ้จุก 

           “คิกๆ ก็บอกว่าพี่ป๊อกจับเด็กกินมาแล้ว สองคนไง” พูดเสร็จมันก็วิ่งไปเข้าแถมเพราะถึงเวลาพอดิบพอดี เออ มึงจะเป็นคนที่สามนั้นแหละ กูจะแดกให้สาสมเลยไอ้สาดดดดดดด

           นอกจากการประชุมผู้ปกครองในช่วงเช้าแล้ว ช่วงบ่ายโรงเรียนของมันมีการจัดร้านด้วย ห้องของไอ้จุกก็ทำทาโกยะกิขาย แล้วแน่นอนประเพณีที่สืบทอดมาในทุก ๆ ปีคือบ้านผีสิง ซึ่งตอนที่ผมเรียนอยู่ที่นี้ตลอด 6 ปี ผมก็เป็นผีแม่งทุกปีแล้ว ฮ่าๆๆๆๆ เออ บอกหรือยังว่าโรงเรียนไอ้จุกคือโรงเรียนเก่าของผมเอง อาจารย์ที่ผมเคยรู้จักท่านก็เกษียณกันไปหมดแล้ว แต่สถานที่ของโรงเรียนถึงแม้จะร่มรื่นเพราะปลูกต้นไม้มากขึ้นแต่ทุกสิ่งทุกอย่างก็เหมือนเดิม ผมยังจำภาพไอ้โทน ไอ้ทิมไอ้เบสที่เตะบอลกันที่สนาม ตั้งป้อมแซวหญิงกันหน้าตึก แดกลูกชิ้นกันหน้าโรงเรียน และถูกอาจารย์ฝ่ายปกครองไล่จับตอนโดดได้เป็นดี หึ ใครจะเชื่อว่าเด็กที่ดูไม่มีอนาคตอย่างพวกผมจะเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่ไม่มีอนาคตเช่นเคย … ฮ่าๆๆๆๆๆ

           “พี่ป๊อก ครูว่าอะไรจุกไหม”

           “ว่า บอกว่ามึงกวนตีนบ่อย ชอบเล่นอะไรแผลง ๆ ด้วย” ผมจิ้มทาโกยากิจากเตาของมันเข้าปากทำเอาเด็กคนอื่นมองกันตาปริบ ๆ มันย่นหน้าก่อนจะเอาไม้จิ้มฟันมาจิ้มมือผม ทำเอาสะดุ้ง

           “จุกเป็นเด็กดีหรอก ทำการบ้านส่งตลอดด้วย”

   หึ ความจริงก็เป็นอย่างที่มันพูดนั้นแหละครับ ครูประจำชั้นบอกว่ามันเป็นเด็กดีไม่มีปัญหาอะไร การบ้านทำส่งได้คะแนนเยี่ยมเกรดออกมาสวย แต่ก็จริงของผมเหมือนกัน ที่มันมักจะหาอะไรเล่นแผลง ๆ ทำเอาหัวใจครูบาอาจารย์ผวากันไปเป็นแถบ ๆ อย่างเช่น …

           “ไอ้จุกมึงอย่าเอาทาโกยากิไปย่างกับเตาแก๊ซงั้นสิวะ”

           “จุก ผ้ากันเปื้อนติดไฟแล้ว”

           “อ๊ากกกกกกกกกก ไอ้จุก เดี๋ยวแก๊ซระเบิด”

           …ผมต้องอธิบายอะไรอีกไหม ?

เพล้ง!!!

           “เฮ้ย!!!”

   ผมอุทานออกมาอย่างตกใจเมื่ออยู่ ๆ ไอ้จุกที่โดนเพื่อนปัดออกมาให้ห่างจากเตาแก๊ซ ก็ถลาไปโดนโต๊ะทำให้ขวดแก้วที่ใส่น้ำหล่นแตกใส่เท้ามันเต็ม ๆ  ด้วยความที่ผมเป็นห่วงมันเลยเข้าไปตวัดมันขึ้นมาอุ้มมานั่งบนแขนผม

           “เป็นไง” ผมถามพร้อมกับก้มลงมองเท้าไอ้จุก แม่ง ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาให้โทนฆ่ากูตามไหมละ

           “หนูเจ็บ” มันเบะปาก ท่ามกลางครูและเพื่อนที่รุมล้อม ผมรีบพามันวิ่งไปห้องพยาบาลทันที แม่ง ซนจนได้เรื่องไหมละ

           “อ้าวนายนที ไปโดนซนโดนอะไรมาอีกล่ะ” พอเปิดประตูเข้าไปครูสาวประจำห้องพยาบาลก็พูดทักทันที นี้มึงซนจนครูห้องพยาบาลจำได้เลยเหรอ!!!

           “แก้วหล่นใส่เท้าน่ะครับ”ผมพูดพร้อมกับเดินเอามันไปวางบนเตียงคนป่วย

           “งั้นขอครูดูหน่อยนะ” มันไม่ตอบอะไรเอาแต่นั่งก้มหน้าเบะปาก หายซ่าเลยสิไอ้ดื้อ

           ครูสาวลากเก้าอี้มานั่ง ตรงข้ามไอ้จุก ส่วนผมเองก็ยืนมองอยู่แถว ๆ นั้นแหละครับ มือขาวค่อย ๆถอดรองเท้าและถุงเท้าของไอ้จุกออก ก่อนอุทานออกมาเมื่อกลางเท้ามีรอยแดกบวมช้ำ แต่ไม่ถึงกับเป็นแผลแตกคงเพราะมีรองเท้ารับน้ำหนักของแก้วเอาไว้ พอเห็นร่องรอยอริยธรรมความดื้อของไอ้เต่าแล้ว ครูสาวก็ลงมือเอาน้ำแข็งประคบที่เท้าของมันอย่างเบามือ ซึ่งผมเองก็ขัดตาขัดใจเลยเดินไปพร้อมเก้าอี้ไปนั่งข้างครูคนสวยและยกเท้าเล็ก ๆ ของมันวางบนหน้าขาขอเอาก้อนน้ำแข็งที่อยู่ในผ้าประคบมาทำซะเอง

           “เดี๋ยวครูจะให้ยาทาและยากินไปนะคะ ส่วนพักนี้งดใส่รองเท้าผ้าใบไปก่อนนะ” ครูสาวพูดพร้อมกับลูบหัวไอ้จุกอย่างเบามือ ก่อนจะเดินไปที่ชั้นวางยา

           “เจ็บไหม ?”

           “จุกขอโทษ จุกไม่ได้ตั้งใจทำอย่างงั้น”

           “ก็ซนเอง เจ็บเอง ก็สมควรวิถีลูกผู้ชาย” ผมพูดปลอบมัน เพราะกลัวว่ามันจะเป่าปี่ร้องไห้ออกมาซะก่อน ยังไงมันก็คือเด็ก เด็กดื้อซะด้วย

           “เออน่า เลิกเศร้าสักที ขาไม่ขาดสักหน่อย ตอนเด็กกูกับไอ้โทนนี้วิ่งไล่กันหัวร้างข้างแตกกันแทบจะทุกสัปดาห์ มึงก็อย่าคิดมาก จะได้เป็นประสบการณ์ว่าอย่าเล่นอะไรแผลงอีก”

           “จ้ะ … หนูจะไม่เล่นแผลง ๆ อีกแล้ว ก็ปกติหนูไม่เป็นอะไรนี้” มันเถียง

           ไอ้จุกมันเผลอพูดสัพนามที่ตอนแรกไม่ชอบตอนนี้ผมกลับมองว่ามันน่ารักดี หึ ยังไงมันก็เป็นเด็กผู้ชายถ้าโตไปไปพูดกับคนอื่นแบบนี้เดี๋ยวมันจะพลอยเป็นเด็กลูกแหง่ไปซะ ถ้าพ่อมันไม่สอน กูนี้แหละจะสอนมันเอง แต่ตอนนี้ก็ละไว้ก่อนละกันเห็นเด็กมันเจ็บหรอกนะ

           ผมนั่งประคบมันอยู่แบบนั้นประมานครึ่งชั่วโมง ครูคนสวยก็เข้ามาจับขาไอ้ตัวแสบทายาและพัดผ้าพันแผลเอาไว้ ก่อนที่ผมจะอุ้มมันออกจากห้องพยาบาลมาพร้อมซองยาทั้งแบบกินและแบบทา เหมือนพ่อลูกไปไหมละสาดดดดดดดดดด เมียก็ยังไม่มีข้ามขั้นให้กูมีลูกเลยสินะ     

           “เออ อาครับจุกเป็นไงบ้างครับ” เด็กผู้ชายคนนึงถามขึ้นเมื่อผมเดินกลับมาที่ที่ซุ้มทาโกยากิในงานโรงเรียน พอเพื่อนมันทุกคนเห็นไอ้จุกก็พากันกรูเข้ามาถามกันใหญ่โต ส่วนไอ้ตัวแสบก็ซุกผมแน่น ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาหาเพื่อนมัน

           “ช้ำน่ะ ไม่เป็นแผลหรอก เอาไงมึง จะกลับบ้านเลยไหม” ตอบเพื่อนมันเสร็จก็หันมากระซิบถามไอ้ตัวที่เกาะผมเป็นลูกลิง อดไม่ได้หรอกครับที่จะไม่ลูบหัวมันด้วย แหมนะ เด็กมันเจ็บ … มองกูทำไมกัน ก็บอกแล้วไงว่ามันเจ็บอะ แค่ปลอบเฉยๆ!!!

           “หึ๊! จุกอยากไปบ้านผีสิง”

           “สภาพอย่างงี้เนี้ยนะ” มันไม่ตอบแต่กอดคอผมแน่นเข้าไปอีก ไอ้ห่านี้ … กูต้องตามใจมึงใช่ไหม ?

           “ป๊อกคะ?” ผมหันไปตามเสียงแต่แล้วก็ถึงกับช็อกเมื่อเห็นร่างอรชร ของลูกจันทร์ผิวขาวผ่องเป็นยองใยอยู่ตรงหน้าผม … มาได้ไงวะ!!!!

           “ทำไมลูกจันทร์ถึงเจอป๊อกที่นี้ล่ะ ไหนบอกไปทำงานไง แล้วโทรไปทำไมไม่รับสายลูกจันทร์” ลูกจันทร์ เข้ามาจับแขนผมไว้แสดงความเป็นเจ้าของทันที

           “อย่ามาทำอะไรต่อหน้าเด็กแบบนี้ลูกจันทร์ ผมไม่ชอบ” ผมพูดและพาไอ้จุกเดินหนี

           “งั้นก็ตอบลูกจันทร์มาก่อนสิคะ” เธอวิ่งมาดักหน้าผมเอาไว้ จากที่อารมณ์ดี ๆ อยู่เมื่อกี้ต้องขุ่นมัวผมมองหน้าเธออย่างไม่พอใจ และเดินเอาไอ้จุกไปฝากไว้กับเพื่อนมันที่ซุ้ม

           “รออยู่นี้เดี๋ยวกูพาเข้าบ้านผีสิง” ผมพูดเสร็จและวางมันลงเก้าอี้พลาสติก ก่อนจะเดินออกมาลากยายลูกจันทร์ ไปหลังโรงเรียน

           “ลูกจันทร์เจ็บนะคะ!!!”

           “เราเป็นอะไรกัน” ผมปล่อยมือเธอเป็นอิสระ ก่อนจะถามขึ้นหน้านิ่ง

            ลูกจันทร์คนสวยบัดนี้หน้าตึงไปทันที ก็จริงอะ ผมถามตรง ๆ เพราะที่ผ่านมา 3 เดือน ผมและลูกจันทร์เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง แต่ละครั้งก็คือเซ็กส์เท่านั้น ไม่มีเดทหรืออะไรทั้งสิ้น ทุกอย่างมันแฟร์มาตั้งแต่ตอนนั้น ผมไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเธอ มีแต่เธอที่เรียกร้องจะเอาจากผมท่าเดียว และเราไม่เคยปกปากรับคำว่าจะเป็นแฟนกัน มันก็แค่เซ็กส์ข้ามคืนเท่านั้น ไม่มีอะไรเกินเลยไปกว่านี้  ซึ่งผมคิกว่าเธอเข้าใจดี จนมาถึงล่าสุดวันนี้ที่เธอมาแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของผมซะเหลือเกิน

           “ทำไมพี่ถามแบบนี้ละ เราเป็นแฟนกันไงคะ”

           “พูดออกมาได้เต็มปากเต็มคำเลยนะลูกจันทร์” ผมเหยียดยิ้มก่อนจะลูบแก้มเธอเบา ๆ ถ้าผมเป็นแฟนเธอ ผู้ชายทุกคนของเธอคนนี้ก็คงได้ชื่อว่าเป็นแฟนเหมือนกัน … นี้คิดว่ากูโง่จนดูไม่ออกเลยหรือไงว่าอะไรคืออะไร

           “คะคือ … ”

           “ไม่ต้องให้ผมพูดอะไรอีกใช่ไหม ? ถ้าผมพูดแล้วเจ็บนะ ?”

           “แม่ครับ”

   เด็กรุ่นราวคราวเดียวกับไอ้จุกเดินเข้ามาหาลูกจันทร์ เกาะขาเธอเอาไว้ในขณะที่สาวเจ้าพยายามแกะเด็กชายคนนั้นออก เว้ย เว้ย เว้ยยยยยยยยยยยย อันนี้ข้อมูลใหม่เลยนะเนี้ย นี้กูไปเป็นชู้กับเมียใครวะ บาปกรรมฉิบหายยยยยย

           “ปล่อยแม่ก่อนน็อต น็อตแม่บอกให้ปล่อย”

           “อ่ะ!”

ผลั๊ก

            ผมมองถลึงตาโตเมื่ออยู่ ๆ แม่ตัวดีสะบัดลูกตัวเองจนก้มล้มจ้ำเบ้าไป ไอ้หนูลุกขึ้นยืนเกาะแม่ตัวเองอีกรอบอย่างไม่รู้จักคำว่าเจ็บ

           “มะ ไม่ใช่นะพี่ป๊อก เด็กคนนี้ เด็กคนนี้”

           “มะ แม่จ๋า นะ นาน ๆ ทีแม่จะอยู่กับน็อต น็อตไม่อยากให้แม่ทำร้ายน็อต ฮึก”

           “พอเถอะ” ผมพูดและจับไอ้หนูคนนั้นให้ยืนดี ๆ มันมองหน้าผมแวบนึงก่อนจะหันไปซบหน้ากับแขนของลูกจันทร์อย่างน่าสงสาร นี้กูมาอยู่ในหนังดราม่าเรื่องอะไร ?

           “พี่ป๊อก” ลูกจันทร์พึมพำชื่อผมออกมา ก่อนที่น้ำตาจะไหลตามมาด้วย

           “พี่ว่าตอนนี้ลูกจันทร์หลงทางนะ เรามีลูกมีเต้า ทำไมไม่ใส่ใจเขา ทำไมถึงทำตัวแบบนี้ พี่ไม่สนใจหรอกนะว่าเราพร้อมหรือไม่พร้อมในการมีลูก แต่น้องโตแล้ว เราต้องดูแลไม่ใช่ให้เขาขาดความอบอุ่นแบบนี้ กายของผู้ชายคนไหนก็ไม่อบอุ่นเท่ากับหัวใจดวงน้อย ๆ ของเด็กคนนี้หรอก ดูแลลูกให้ดี ๆ ถ้าต่อจากนี้เรามีปัญหาอะไร ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม พี่พร้อมจะช่วยเหลือ แต่เป็นแบบพี่น้อง ไม่มีอะไรมากกว่านั้น” ผมพูดพร้อมกับจับมือของทั้งคู่แม่ลูกมาจับกัน

           “ฮึก พี่ป๊อก น๊อต แม่ขอโทษนะลูก ตะต่อจากนี้แม่จะดูแลหนูให้ดี ๆ ”

           สองแม่ลูกก็ทรุดลงกอดกันอย่างน่าสงสาร ผมหลับตาก่อนจะสะบัดหน้าหนีไปทางอื่นก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นด้วยอาการสงบ จะดูดบุหรี่ก็ไม่ได้ที่นี้คือสถานศึกษา เดี๋ยวโดนผู้ปกครองครูบาอาจารย์ฆ่าหมกส้วมซะเปล่าๆ

           ความจริงแล้ว ผมค่อยข้างอ่อนไหวกับเหตุการณ์แบบนี้นะ ถึงผมจะมีพ่อแม่อยู่ครบท่านย้ายไปอยู่ที่บ้านจังหวัดเชียงใหม่และผมก็เทียวไปเทียวมาอยู่เสมอ ๆ แต่ก็คลุกคลี่อยู่กับเด็กกำพร้าจนเป็นเรื่องปกติ ทั้งไอ้ไม้ พี่แสงพี่เมฆ หรือแม้แต่ไอ้โทนที่กำพร้าแม่ ทุกความสูญเสียนั้นเป็นการจากลาที่เจ็บปวดทั้งสิ้น และการดูแลในส่วนที่ยังเหลือมันถึงสำคัญ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคสมัยไหน ท้องในเวลาอันไม่สมควรก็ยังเป็นปัญหาอยู่เสมอ ๆ ในสังคมไทย

           แต่นั้นคือการไร้ความผิดชอบลำดับแรก ผู้เป็นพ่อและแม่ยังมีความรับชอบอื่น ๆ ที่ต้องรับผิดชอบอีก ขึ้นอยู่กับว่าสำนึกของพวกเขาจะมีมากน้อยแค่ไหน มีมาก เด็กก็โชคดีไป มีน้อย … คนน่าสงสารก็คือเด็กที่ไม่รู้อีโน่อิเน่ แล้วมันถูกแล้วเหรอถึงต้องให้หนึ่งชีวิตต้องมาตายต้องมาเจ็บปวดอย่างไม่มีเหตุผลเช่นนั้น …

           “พี่ป๊อก ไปบ้านผีสิง” เสียงเหยียดยิ้มให้กับไอ้จุกที่นั่งเล่นกับเพื่อนอยู่พอเห็นผมเท่านั้นแหละแหกปากเลย ดูไอ้เด็กนี้สิ ยังยิ้มสดใสได้อีก ทั้งที่ภูมิหลังมันไม่น่าหดหู่จะตาย หรือเพราะมันยังเด็กเลยไม่รู้อะไรวะ

          ไอ้จุกมันเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่เกิดครับ ถูกเอามาวางไว้ในป่าหลังวัดป่าบนเขา โชคดีที่หลวงตาไปเจอซะก่อน สภาพของมันที่หลวงตาเล่าให้ผมฟังเปียกปอนไปด้วยฝนและคราบโคลนตม และมันก็รอดตามมาได้อย่างหวุดหวิดเพราะความช่วยเหลืออย่างสุดพลังของโรงพยาบาลใหญ่ในตัวเมือง เสร็จสรรพด้วยความเอ็นดูหลวงตาจึงขอมาเลี้ยงซะเองแทนที่จะส่งให้ศูนย์เลี้ยงเด็ก มันกลายเป็นเด็กวัดตั้งแต่นั้นมา มันไม่เคยถามหาพ่อ ถามหาแม่แม้แต่ครั้งเดียว ใช้ชีวิตน้อย ๆ ของมันอย่างเข้มแข็งมากกว่าผู้ใหญ่บางคนซะอีก จนโตขึ้นมาในวัดป่า จนอายุมันพอที่จะฝึกมวยได้ลุงทายจึงรับมาเลี้ยงทำให้มันได้เรียน ได้มีชีวิตเหมือนเด็กคนอื่น ๆ

           “พี่ป๊อกเหม่ออะไร”

           “เล่นหัวกูขนาดนี้เอากลับไปเล่นบ้านไหม ?” ผมถามไอ้จุกเมื่อมันยังเอามือลูบหัวผมไม่หยุดในขณะที่ผมอุ้มมันเดินไปที่บ้านผีสิงที่อยู่อีกฝั่งของสนาม

           “คิกๆ เดินสิเดิน จุกอยากไปบ้านผีสิงแล้ว” ผมหัวเราะก่อนที่จะพามันเดินต่อ

           ผมและไอ้จุกเดินมาถึงหน้าซุ้มบ้านผีสิงที่สร้างจากกระดาษลังและหนังสือพิมพ์ เปทับกันหลายๆชั้นเกิดเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ทาด้วยสีดำ ขึ้นด้วยโครงเหล็กอีกชั้นดูแข็งแรงพอที่จะทนทานต่อลมที่พัดมาได้เป็นทางยาวของสนามแห่งนี้ ดูแล้วคิดถึงแหะ แต่ก่อนผมก็อดหลับอดนอนทำเหมือนกัน บ้านช่องไม่ได้กลับตอนเด็ก ๆ ที่ไม่ต้องเครียดอะไรมันก็สนุกดีนะครับ

           “ตื่นเต้น จุกไม่เคยกล้าเข้าเลยนะ แต่ตอนนี้มีพี่ป๊อกอยู่จุกสบายใจ” มันพูดขึ้นในขณะที่ผมเดินไปซื้อตั๋วให้ทั้งผมและมัน ขนาดผมอุ้มไอ้จุกไว้ยังต้องเสียค่าเข้าตั้งสองคน ชิ ! ขี้เหนียวชะมัด

           “เออ ๆ” ผมตอบแบบส่ง ๆ พามันเดินเข้าไปในบ้านผีสิงทันที เชี้ย ! หนังผีแบบ 4D

           “อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”

           “เฮ้ย ร้องอะไร!” ผมพูดเมื่ออยู่ ๆ ไอ้จุกก็ร้องออกมา เชี้ยเด็กเวรใจกูตกไปอยู่ตาตุ่ม

           “คิก จุกซ้อม”

           “เดี๋ยวเถอะมึงอะ กูปล่อยแม่งทิ้งไว้เนี้ยแหละ” ผมพูดอย่างหงุดหงิดก่อนจะก้าวขาพามันเดินหน้าต่อ เมื่อไหร่จะถึงทางออกละวะ!

           “แฮ่กๆ สนุกอะ จุกขอเข้าอีกรอบได้ไหม”

           “พอเลยมึง” ผมร้องห้ามไอ้จุกไว้

           หลังจากที่ออกมาจากขุมนรกได้แล้ว ทำไมมันน่ากลัวนักวะ นี้ผีจริงหรือผีปลอมวะ หลอนไปอีก สมัยโน้นยังก๊องแก๊งขนาดที่โผล่ไปแล้วมีคนหัวเราะสวนกลับมาได้อีก แต่นี้กูแทบกรี๊ด กราบบบบบบ กูจะไม่ดูถูกบ้านผีสิงโรงเรียนนี้อีกแล้ว

           “คิก ๆ เหงื่อแตกเลยพี่ชาย จุ๊ ๆ” มันหัวเราะปากเหงื่อที่ไหลซิกออกมา ได้ฆ่าเด็กก็ครั้งนี้แหละ

           “กูหนักมึงนี้แหละ”

           “จุกแค่น้ำหนัก 40 เอง หนักอะไรกัน” มันท้วงและห่อตัวเหมือนน้ำหนักจะลดลง

           “เออ ๆ จะกลับยังวะ” ผมถามมัน

           “ยังไม่ได้ช่วยเพื่อนเก็บของเลยอะ”

           “คนอื่นเยอะแยะ มึงเล่นจนตีนเจ็บไม่มีใครเขาใช่งานมึงหรอก หรือจะให้กูช่วยเก็บ ?” ผมถามเล่นๆไปงั้นแหละ เอาจริง ๆ ถ้าให้ผมเก็บก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกของไม่กี่ชิ้นแบกไม่กี่ทีก็หมดแล้ว ตัวผมใหญ่ควายขนาดนี้

           “มะ ไม่ … กลับก็ได้ครับ แต่จุกไปบอกเพื่อนก่อนนะ”

           ผมพยักหน้าถอนหายใจเฮือกใหญ่และเดินพามันไปส่งที่ซุ้มของมัน ไอ้จุกบอกลาเพื่อนมันสักพักก่อนที่ผมจะพามันมาขึ้นรถในที่สุด เผลอแปปเดียวก็อุ้มมันทั้งวันละ เด็ก 15 ห่าอะไรตัวเล็กขนาดนี้วะ งง

           “วันนี้ที่บ้านมึงไม่มีคนอยู่ใช่ไหม” ผมหันไปถามมันขณะเลี้ยวรถออกมาจากโรงเรียน

           “ฮะ” มันพยักหน้าแต่ไม่ได้สนใจผมไปมากกว่าของทาโกยากะเหลือที่เพื่อนให้มันมาห่อใหญ่ จะว่าไปมันก็เป็นที่รักของเพื่อนมันเหมือนกันนะเนี้ย

           “อยู่คนเดียว ?”

           “ฮะ ก็พวกพี่เขาไปชกมวย ส่วยพี่โทนกับพี่ไม้ก็ไปกรุงเทพ” ผมขมวดคิ้วมองไปที่เท้าของมันสลับกับถนนด้านหน้า ก่อนจะถอนหายใจออกมานิดๆเมื่อตัดสินใจอะไรได้

           “ไปนอนกับกูแล้วกัน”

           “… อะไรนะฮะ!”

           “ไปนอนกับกู มึงเจ็บเท้าจะให้กูปล่อยมึงไว้คนเดียว เดี๋ยวกูบาป”

           “ทำไมพี่ป๊อกใจดี”

           “ที่กูแบกมึงทั้งวันนี้กูใจร้าย ?” ไอ้จุกหัวเราะ ก่อนจะหันไปกินขนมของมันต่อ แดกเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนจริงๆ หึหึ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-05-2020 20:36:43 โดย pa_pa »

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
.

.

.

           “อาบน้ำซะ นี้ชุดมึง”

            ผมพามันมาส่งที่ห้องน้ำ มาถึงบ้านก็ 6 โมงกว่าละ ก่อนจะโยนชุดเสื้อผ้าของผมให้มัน นั้นตัวเล็กที่สุดแล้วนะเฟร้ยยยยย มันไม่เถียงอะไรเดินกระเผลกเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมก็เดินกลับมาที่ห้องครัวทอดไข่เจียวผัดกระเพราหมูสับ กับต้นจืดธรรมดานั้นแหละ ไอ้จุกมันเด็กกินง่ายอยู่ง่าย แดกหมดทุกอย่างไม่โวยวายหรอก

           “หอมอะ” เสียงง๊องแง๊งดังออกมาพร้อมกับหน้าซื่อของไอ้จุกที่โผล่หน้าออกมาดูตรงประตูครัว กลิ่นตัวหอมฟุ้งมาเลยนะสาดดดดด

           “เดินไหวแล้ว?” ผมถามมันพร้อมกับขนแกงในหม้อไปด้วย อีกแปปเดียวข้าวเย็นก็เสร็จแล้วครับ

           “ฮะ บ้านพี่ป๊อกสวยจัง เท่ด้วยมีแต่สีดำ ขาว แล้วก็เทา สวยอะ” ผมหัวเราะ แน่นอนสิวะ บ้านสถาปนิกนะเว้ยให้ขี้หมูขี้หมาได้ไง ผมตกแต่งทาวเฮาว์ของผมให้มีพื้นที่ใช้สอยที่ประหยัดและสวยงาม ทำให้บ้านดูกว้างขึ้นเยอะ อยู่คนเดียวนี้นึกเหงาทุกทีต้องหาคนมานอนด้วยประจำ หึหึ

           “ถามจริงนี้มึงหลุดออกมาจากหมู่บ้านเสมิร์ฟหรือเปล่าวะ” ผมหันหน้ามาพิงกับเคาเตอร์มองไอ้เด็กตรงหน้าที่ใส่กางเกงบอลตัวเล็กที่สุดของผมจนคลุมเข่าและเสื้อบอลที่ยาวคลุมข้อศอกสวนขายเสื้อนี้แทบจะถึงเข่าอยู่แล้ว ฮ่าๆๆๆๆ เสมิร์ฟสาดดดด

           “หยาบคายอะ” มันหน้ามุ่ย

           “หึหึ ไปคดข้าวไปไอ้เสมิร์ฟ” มันเผลอหัวเราะก่อนจะวิ่งไปที่หม้อข้าวที่สุดพอดี ขดให้ทั้งผมและของมันเองไปวางไว้ที่โต๊ะยาวสีน้ำตาลอ่อนที่ฝังติดกับพนังด้านนั้นมีเก้าอี้สีน้ำตาลวางอยู่เข้าเซตกัน

           “พอกินได้ไหม ?” ผมถามในขณะที่ไอ้จุกก้มหน้ากินข้าวแก้วตุ๋ย หึหึ ทำไมมองว่ามันน่ารักขึ้นทุกวันวะ

           “อร่อยน้อยกว่าผมทำจิ๊ดนึง” มันทำท่าจิ๊ดนึง ฮ่าๆๆๆ เชี้ย ชื้นใจวะ … สาดดดดดดด คุกๆๆๆๆๆ มองเห็นหน้าคุกรำไรแล้วกู

           “พี่ป๊อกคนที่เขามาหาพี่เมื่อตอนกลางวันแฟนพี่เหรอ” อยู่ๆมันก็ถามขึ้น คงหมายถึงลูกจันทร์สินะ

           “คนรู้จักน่ะ ทำไม ?”

           “จุกแค่อยากรู้เฉยๆ อ๊า อร่อยจังเปปซี่เนี้ย”

           “ให้แดกแค่ แก้วเดียวนะเดี๋ยวมึงปวดท้อง” มันหน้ามุ่ย จนผมอดไม่ได้ที่จะเอานิ้วไปแหย่ปากมันเล่น ไอ้จุกครางอื้อและปัดมือผมทิ้ง ก่อนจะหัวเราะออกมาและกินต่อ หึหึ

           พอกินเสร็จผมก็ให้มันเป็นคนล้างจาน ส่วนตัวเองก็ออกมาสูบบุหรี่คุยโทรศัพท์เรื่องงานด้านนอกบ้าน จะเรื่องอะไรละครับก็เรื่องสถาปนาวัดป่านั้นแหละ พักนี้ผมไม่รับงานอะไรนอกจากงานนี้แหละเพราะมีความละเอียดออกสูง ไม่ควบคุมอย่างดีมีหวังได้ทลายลงมาทั้งหมดนั้นแหละ เพราะนอกจากโบสถ์แล้วยังมีสถาปัตยกรรมอื่นด้วยอยู่ภายในวัดป่าอายุหลายร้อยปีนั้น และผมตัดสินใจว่าจะคงสภาพมันไว้อย่างงั้นแต่จะทำให้แข็งแรงยิ่งขึ้น ด้วยความเก่ามากจึงต้องระวัง

           ถ้าถามว่าผมกว่าจะได้บริษัทนี้มานี้ยากลำบากไม่ใช่เล่น ตั้งแต่กู้ธนาคารไม่ผ่านจนต้อตะเวนหาสิ้นเชื่อไปทั่วเพราะเงินทุนผมไม่พอและไม่อยากใช้สมบัติพ่อแม่ในการตั้งตัวครับเพราะศักดิ์ศรีผมนี้กินไม่ได้แต่แม่งโครตเยอะ พอกู้ผ่านแล้วการมาเปิดที่บ้านนอกแบบนี้มันก็ลำบากอีกเพราะคนไม่ค่อยรู้เรื่อง จำได้ว่างานแรก ออกแบบคอกวัว ฮ่าๆๆๆๆ เออ มันก็เป็นประสบการณ์ที่ดี ถึงจะเงินไม่เยอะแต่มันก็มีความสุข บ่อยครับที่ผมต้องออกไปต่างจังหวัดเพราะลูกค้าที่บอกกันปากต่อปากไป และค่าจ้างผมก็มากขึ้นตามงานทางสภาพการเดินทางนั้นแหละ จนมาถึงตอนนี้ก็เปิดมา 5 ปี ละ ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี มีลำบากบ้างคนฉลาดอย่างผมก็เอาตัวรอดมาได้ หึหึ

           “มายืนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่” พอวางโทรศัพท์เสร็จหันมาเจอกับตาแบ๊ว ๆ ของไปจุกที่ยืนแอบอยู่หลังประตูโผล่มาแค่หน้า … มึงจะน่ารักไปไหนวะ นับวันมึงยิ่งไม่เหมือนผู้ชายถ้าไม่ติดผมรองทรงของมึงนี้กูนึกว่ามึงเป็นผู้หญิงไปแล้ว ไอ้เชี้ย คุก!!!

           “จุกอยากกินขนม” อีกละ …

           “ในตู้เย็นมีไอติมไม่ใช่เหรอไง”

           “ไอติมของจุกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” แล้วมันก็วิ่งจู๊ดไป ความจริงก่อนเข้าบ้านผมซื้อติดมาด้วยเพราะรู้ว่ามันต้องงอแงกินขนมแน่นอน

           “มึง … ไอ้เชี้ยจุกอย่าไปกินบนโซฟากู”

           “อ่ะ ก็จุกจะดูหนังอะ!!!” มันโวยวายตอบกลับมาใน ขณะที่ผมเข้าไปจะเอาไอติมถังใหญ่ในมือให้ลงมากินที่พื้น มันก็ไม่ยอม จนผมอ่อนใจนั่งลงข้างมันหยิบทิชชู่มาลองไอติมของมันเอาไว้

           “หกแล้วไอ้จุก!” ผมตวาดจนมันสะดุ้ง ดีที่ผมคว้าถังไอติมไว้ทัน

           “ตกใจหมดจะตวาดทำไม” มันโวยวายกลับมา

           “มานั่งนี้เลย” ผมอุ้มมันมาวางไว้บนตัก แม่งจะกินก็กินบนตักกูนี้แหละ โซฟากูแพง!

           จากนั้นผมและมันก็นั่งดูหนังการ์ตูนของมันไปเงียบๆตักไอติมกินอย่างสบายใจ ส่วนผมน่ะเหรอ นั่งจ้องมัน เอ้ย นั่งดูหนังเป็นเบาะลองนั่งให้มันนี้แหละ

           “ป้อนกูบ้าง” ผมว่า มันหันมามองผมก่อนจะตักไอติมสตอเบอรี่ให้ผมคำโต หึหึ ก็หวานดีนะ ผมอาจจะชอบสตอเบอรี่แล้วละมั่ง

           “คิก ๆ ” มันหัวเราะก่อนจะเอานิ้วมาจิ้มจมูกผมปากเอาเนื้อไอติมออกไป ก่อนจะเอาเข้าปาก … ยั่วกูดีฉิบหาย!

           “อื้ออออออ” เสียงเล็ก ๆ ประท้วงขึ้นเมื่อผมก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากของมัน ด้วยความไม่รู้ประสีประสาเลยทำให้ตามเกมของผมไม่ทัน หึหึ ขอรังแกเด็กน้อยเถอะเด็กมันยั่วนี้หว่า

           “หวาน” ผมกระซิบมัน เสียงหอบกระเส่าออกมาจากริมฝีปากเล็ก ๆ เจ่อเล็กน้อยของมันแก้มแดงปลั่งตาใสสั่นระริก น่ารักเชียวมึง คุก แล้วก็คุกแน่นอน

           “นี้เขาเรียกว่าจูบ ห้ามทำแบบนี้กับใคร ยกเว้นกู เข้าใจไหม ?” ผมกระซิบปากมันอีก

           ก่อนจะหยิบเอาถังไอติมมาถือไว้ป้อนมันไปอีกคำ ก้มลงไปจุ๊บเบา ๆ ไม่ล่วงล้ำอะไรทั้งสิ้น มันพยักหน้างง ๆ ก่อนจะก้มหน้างุด ผมรู้ตัวว่าทำอะไรอยู่และไม่คิดจะพลาดอะไรไปจากมันตอนนี้หรอก ของแบบนี้ต้องดูกันยาว ๆ อย่างน้อยผมก็เชื่อในความรู้สึกของผมตอนนี้ดี ไม่ว่าจะมองมันยังไง ผมก็รู้สึกไม่เบื่อ … รู้สึกว่ามันน่ารัก อยากดูแล หึหึ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไอแก่ตัณหากลับฉิบ แต่ผมบริสุทธิ์ใจนะเว้ย เพราะถ้าผมเริ่มชอบใคร … ผมก็จะชอบแต่คนนั้น และไม่ยุ่งกับใครอีก ไม่ว่าจะนานแค่ไหน … หึหึ

           “พอแล้ว เดี๋ยวปวดท้อง”

           ผมพูดกับไอ้จุกหลังจากหมดไปครึ่งถัง มันไม่เถียงอะไรเพราะมัวแต่ดูหนัง ผมไล่ไอ้จุกไปแปรงฟันหลังจากการ์ตูนของมันจบและนอนเล่นในห้องนอนรอไปก่อน ส่วนตัวเองก็เดินเอาไอติมมาเก็บก่อนจะเข้าไปอาบน้ำบ้าง

           “หึ กินอิ่ม นอนหลับสบายจังนะมึง”

           นั้นแหละ พอเดินเข้ามาเจอมันในห้องไอ้เด็กน้อยของผมก็หลับนอนขดกลมอยู่ในผ้าห่มสีดำไปแล้วเรียบร้อยแล้วแอร์ก็เปิดซะเย็นช่ำขนาดนี้เดี๋ยวก็เป็นไข้ซะเปล่า ๆ ผมเดินไปเบาแอร์ ก่อนจะนั่งลงที่ปลายเตียงจ้องไอ้ตัวเล็กนอนและชื่นใจ สรุปคือตอนนี้ผมว่าผมหลงเด็ก เด็กที่ห่างกัน 15 ปี หึหึ 15 ปีก็ 15 ปีสิวะ แล้วไง ?

           “พี่ป๊อก” เสียงหวานเรียกผมเบาหวิว ผมเลิกคิ้วมองไอ้เด็กน้อยที่ฉุดตัวเองขึ้นมานั่งมองผมตาปรือ

           “ว่าไง”

           “จุกดื้อไหมฮะ” มันคลานมาใกล้ผม จ้องตาแป๋ว

           “ดื้อ แต่กูทนได้”

           “ดีจังเลย” มันว่าและล้มตัวนอนหนุนที่ตักผมก่อนจะลืมตามองผม ผมยกมือปัดปอยผมของมันอย่างทะนุถนอม … เป็นเอามากแล้วกู

           “จุกคิดถึงพ่อแม่จังฮะ ทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร รู้ว่าเขาทำร้ายผมแค่ไหน ผมก็อยากเจอ” มันพึมพำออกมาก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาเป็นทางผมชะงัก ก่อนจะปล่อยให้มันซุกกับพุงของผมร้องไห้อยู่แบบนั้น ได้แต่กอดมันเอาไว้หลวม ๆ ไม่รู้จะปลอบมันยังไง … ไอ้เด็กคนนี้คงเหงามาก ทั้งที่มีความรักอยู่รอบตัวแท้ๆ 

           “ชู่ว พอแล้วเดี๋ยวเจ็บตา” ผมลูบผมมันไปก็โอ๋มันไปมันพยักหน้าและสูดน้ำมูกเข้าไปเสียงดัง ผมอุ้มมันขึ้นมานั่งบนตักและกอดมันเอาไว้ หน้าซุกซนของมันซุกกับอกของผม

           “ตอนนี้อาจจะเร็วไปหน่อย แต่ต่อไปนี้นอกจากลุงทาย ไอ้โทน ไอ้ไม้ พี่แสง พี่เมฆ หลวงตา พี่มาด เพื่อนมึงทุกคนแล้ว มึงจะยังมีกูอีกคนที่จะดูแลมึงและให้ความรักมึง เท่าที่มึงต้องการ และถึงแม้มึงจะไม่ต้องการ กูก็จะรักมึง”

           “ฮึก” มันสะอื้นออกมานิด ๆ ผละออกมามองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ

           ผมเหยียดยิ้มอย่างเอ็นดูก้มลงไปจูบมันอีกครั้ง ในคราวนี้มันนิ่งหลับตาพริ้ม ผมเองก็ไม่ได้ล้วงล้ำอะไรมันอีก เพราะมันยังเด็กเกินไป และความสัมพันธ์ที่ผมให้มันก็ยังไม่ชัดเจนพอที่จะทำอะไรมันไปมากกว่านี้ ผมลูกผู้ชายพอครับที่จะไม่รังแกมันในตอนที่มันยังไม่พร้อม

           “นอนได้แล้ว”

   ผมกระซิบบอกก่อนจะอุ้มมันไปนอนให้ดีๆ มันเองที่ง่วงอยู่แล้วพอหัวถึงหมอนก็หลับไปอย่างรวดเร็ว ส่วนไอ้แก่อย่างผมก็สอดกายไปนอนด้านหลังที่ตะแคงข้างของมัน รวบตัวสเมิร์ฟเข้ามากอดเอาไว้หลวม ๆ หึหึ ต่อไปนี้มึงไม่ต้องกลับหมู่บ้านสเมิร์ฟแล้วนะอยู่กับกูนี้แหละ ไอ้เด็กแคระ หึ เอาวะ คุกก็คุก !!!

           ถึงแม้ความสัมพันธ์ยังไม่ชัดเจน

           มันก็ก่อตัวท่ามกลางความแตกต่างของช่วงอายุ

           แต่ทุกอย่างก็อยู่ในวงล้อมแห่งพรมลิขิตที่จะขีดเขียน

           ให้เป็นไปดั่งที่โชคชะตาของคนสองคนจะนำพา






====================



คุก คุก คุก (แค่เสียงไอ) อิอิ







 

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ไม่เป็นไรนะจุก เดี๋ยวพี่ป๊อกจะเป็นให้เธอทุกอย่างเอง คุกๆๆ 55555 สองคนนี้กวนตีนชิบ อยู่ด้วยกันได้ดีเลย ฮ่าๆ คิดถึงจุกป๊อก ขอบคุณที่มาต่อค่า รอตอนหน้านะคะ  :pig4: :pig4: :pig4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด