{พ่อโทน◑ลูกไม้ฉบับรีไรท์}พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก​{เฮียป๊อกXน้องจุก2}18/5/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {พ่อโทน◑ลูกไม้ฉบับรีไรท์}พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก​{เฮียป๊อกXน้องจุก2}18/5/63  (อ่าน 7653 ครั้ง)

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************


สวัสดีค่ะ ขอโทษที่หายไปนาน ขอโทษพี่ ๆ ผู้ดูแลเล้าเป็ดด้วยนะ


วันนี้ ปาปา ขออนุญาตินำผลงานเก่าในฉบับปรับปรุงมาลงให้อ่านกันอีกครั้ง

.
.
.

Little daddy พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

หากถามว่าความรักสำหรับผม คืออะไร ผมตอบได้เลยครับ ว่าคือ 'พ่อโทน'ของผม


หากถามผมว่า 'ไม้' คือใคร ผมตอบได้เหมือนกันว่า คือลูกชายที่ผมรักดั่งแก้วตาดวงใจ ... ซะเมื่อไหร่ แหว๊! มันคือไอ้หมาเด็กที่ผมเก็บมาเลี้ยงต่างหาก ฮิฮิ



ฝากเพจนะคะ

https://www.facebook.com/YaoiStoryPaPa/


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-05-2020 20:35:56 โดย pa_pa »

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

ตอนที่ 1 พบเจอกับตัวแสบ

   จะเริ่มยังไงดี … เริ่มที่ว่าผมชื่อ ‘ไม้’ ก็แล้วกัน ความหมายของมัน คือความแข็งกร้าว ราวกับเสาหลักที่ปักลงบนบ่าทั้งสอง ตลอดโลกของเด็กอย่างผมมันสวยงามยามวิ่งเล่นเพียงช่วงครู่และดับวูบลงราวกับฝัน เมื่อมัจุราชร้ายพรากเราพ่อแม่ของผมไปสิ้น ทำให้ช่วงชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ ผมถูกตราหน้าไว้จนกว่าจะตายว่า ไอ้ลูกพ่อ แม่ตาย เหตุการณ์ครานั้นผมจำไม่ได้ชัดเจนนัก รู้เพียงเจ็บจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่บนสามัญสำนึกนั้นมันสิ้นแล้วความสง่างามของชีวิต ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงไร้ญาติขาดมิตรถูกส่งตัวมาอยู่ในสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า … วันแล้ววันเล่า ที่ผมอยู่ที่นี้ ...จากวันเป็นเดือน จากเดือนเป็นปี นับเวลาไป ก็ล่วงเลยมากว่า 5 ปี จนอายุของผมตอนนี้ 13 ปี แล้ว ...

   ผมมองลอดซีกไม้กระดาษห้องเรียนออกไปเห็นเด็กคนอื่นทั้งเด็กกว่าและรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังต่อแถวรับของบริจาคจากผู้ใจบุญที่กำลังถ่ายทำรายการ TV กันอยู่หน้าลานเสาธงเบื้องหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความสนุกสนานตื่นเต้น บางคนที่ได้มาแล้วก็พากันเล่นอย่างดีอกดีใจ

   “ไง ไอ้ตัวเล็ก ไม่ไปเอาของแจกหรือไง” เสียงที่เหมือนยังไม่แตกหนุ่มดีนักดังขึ้นผมหันไปมองด้านหลังก่อนจะเห็นผู้ชายตัวเล็ก ๆ ดวงตาคมกริบแต่ดูเหมือนผู้หญิง แต่ดูท่าทางจะแสบไม่ใช่เล่น จับจ้องมายังผมพร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองเขาสวมเสื้อผ้าของลุงพนักงานภารโรงที่ดูจะใหญ่จนน่าตลกของสถานสงเคราะห์ยืนถือไม้ขนไก่มองมาที่ผม … ใครกันผมไม่เคยเห็นที่นี้สักนิด

   “น้าเป็นใคร”

   “พี่ก็พอไอ้ห่า กูอายุแค่ 18” หน้าตากับคำพูดไม่ได้ไปด้วยกันแม้แต่น้อย เขาเด็กเข้ามาหาผมก่อนจะนั่งลงข้างๆและมองออกไปในจุดที่ผมมองเมื่อกี้

   “มึงอายุเท่าไร” 

   “…”

   “ถ้าไม่ได้เป็นใบ้ก็ตอบมา”

   “13”

   “หางเสียงอยู่ไหน ?”

   “13 ครับ”

   “เออดี และชื่ออะไร”

   “…”

   “ถ้าอมทุกข์นักทำไมไม่ตายๆไปซะเลยล่ะ อายุแค่10กว่าขวบเสือกทำตัวแก่แดด หน้าตาก็น่ารักดีหรอก แต่นิสัยแบบเนี้ยคงไม่มีคนจะรับไปเลี้ยงหรอก”

   “ทำเป็นพูดดี ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าผม” ผมเม้มปากทันทีที่พูดจบ … เขาเริ่มก่อน

   “หึ … ปากดีแบบนี้มันน่าเอาไปให้คนในค่ายชกแทนกระสอบทราย เอ๊าลุกขึ้น!!!” เขาตีหัวผมเบาๆก่อนจะฉุดให้ผมลุกขึ้นจนตัวลอยและลากผมออกมาจากห้องจนขาผมขูดกับพื้นแสบไปหมด ทำไมตัวก็เล็กนิดเดียว แต่แรงเยอะนักนะ แต่จะเจ็บให้ตายยังไงผมก็ไม่ได้ขอให้เขาพอ…

   “เจ็บก็ไม่พูด ปวดก็ไม่บอก เดี๋ยวกูจะดัดนิสัยมึงเอง” เขาคำรามขึ้นในจังหวะนั้นก็ลากผมมาถึงห้องอาจารย์ใหญ่พอดี … ผมไม่เข้าใจที่เขาทำเลยสักอย่าง ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรบ้างในห้องนั้น แต่ผมกลับจำประโยคที่เขาพูดกับผมตอนออกจากห้องอาจารย์ใหญ่ได้ดีขึ้นใจ …

   “ต่อไปนี้มึงไปอยู่กับกูที่ค่ายมวย และ จำใส่กะลาหัวเอาไว้ กูชื่อโทนและกูนี้แหละพ่อคนใหม่ของมึง”

   แล้วใครจะคิดว่านั้นคือสัญญาณการเริ่มต้นที่ราวกับเกิดใหม่ในชีวิตของผม...




ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก
ตอนที่ 2 ผมจะเป็นพ่อใครมีปัญหา ?

      ผมชื่อโทน เป็นลูกชายคนเดียว ของตาลุงบ้ามวย ที่ชื่อ ทาย ที่ชื่อน่ารักกว่าผมมากแต่หน้าตางี้โหดเหี้ยมอำมหิตสุด ๆ ต่างจากผมที่ชื่อแม๊นแมน ดันมีหน้าตาหวานหยดไปทางแม่ซะมากกว่า และนั้นคืออุปสรรคการใช้ชีวิตผมมาก อยากชกมวยแต่พ่อไม่ให้ขึ้นชก เพราะตัวเล็กขาสั้นเตะไม่เคยเลยใต้เข็มขัดผู้ต่อสู้ จีบหญิงหญิงบอกน่ารักเกินไป แต่ด้วยบ้านเป็นค่ายมวยเลยโชคดีที่มีวิชาไว้ไล่เตะไอ้พวกตัวผู้มาจีบได้บ้าง ล่าสุดไปกินเหล้ากับเพื่อนไอ้ห่าป๊อกมันเสือกผสมเหล้าจนผมเมานิดหน่อย ย้ำว่านิดหน่อย ขับมอเตอร์ไซค์กลับบ้านโดนตำรวจเรียกเป่า! แจ็กพ็อตแตก!!! กูได้ไปนอนคุกมาหนึ่งคืนเต็ม ๆ และอย่าหวังว่าพ่อจะไปประกันเลยรายนั้นเลี้ยงลูกด้วยลำแข้งอยู่แล้วแค่มาดูหน้าและโบกหัวข้ามลูกกรงมาหนึ่งที ก่อนจะยอมมาประกันตัวตอนเช้า แต่แหม ยังให้ผมไปบำเพ็ญประโยชน์ตามกฎของค่ายที่ห้ามเมาแล้วขับอีก โดยการไปกวาดทำความสะอาดที่สถานสงเคราะห์เด็กจังหวัดใกล้เคียงอยู่อาทิตย์กว่าๆ

           แล้วเป็นไงมาไงไม่รู้ผมได้ลูกมาหนึ่งคนโดยไม่ต้องแต่งเมียเลย … ก็ผมเห็นเด็กมันซ่าอะเลยอยากเอามาดัดนิสัย!!!!! และอีกอย่างพ่อผมต้องดีใจแน่ ๆ ลดแลกแจกแถมขนาดนี้ แค่ผอ้างชื่อพ่อ ครูใหญ่ ก็เห็นดีเห็นงามเพราะหน่วยก้านไอ้ไม้ลูกชายผมเหมาะเหม็งสุด ๆ ที่จะเอามาขัดเกลาในค่ายมวยของพ่อผม

           “พ่อนี้ไม้ ไม้นี้พ่อ นี้ปู่มึงชื่อทาย และนี้ชื่อไม้ลูกโทน ไอ้ไม้ไหว้ปู่มึงซะ” ไอ้ไม้ยกมือขึ้นไหว้พ่อผมที่ยืนคิ้วกระตุกอ้าปากค้างนวมในมือหล่นตุบลงพื้น ไม่ต่างจากคนอื่นในค่ายอ้าปากค้างหยุดกิจกรรมทุกอย่างเหมือนมีใครมากดปุ่มสต๊อปเอาไว้ … ดีใจเกินไปก็เงี้ยแหละ

           “เฮ้ย! มึงไปทำลูกมาตั้งแต่เมื่อไรวะ ขนกระเจี้ยวยังไม่ทันขึ้นเลยไอ้ห่า!” ลุงจันทร์นักเลงมวยมือต้น ๆ ของค่ายเดินมาเอาแขนวางบนหัวไอ้ไม้ ที่ยืนนิ่งงัน ผมหน้างอทันที ใครว่าไม่มีมันแค่มีน้อย!!!

           “ไม่ได้ทำใครท้องนะลุงจันทร์ผมไปรับเด็กคนนี้มาจากสถานสงเคราะห์อ่ะ และผมก็มีขนแล้วนะ! เอ๊ะอย่าไปจ้องมันขนาดนั้นสิลุงจันทร์!”ผมโวยวายขึ้นเพราะลุงจันทร์นั่งยองๆลงไปมองหน้าไอ้ลูกหมา ก่อนจะเอามือวางบนไหล่เล็กๆ ที่ไม่ไหวสะท้าน และเงยหน้าเลิกคิ้วมองผม

   “เฮ้ย! ไอ้เด็กนี้ใช่ลูกนายช่างเชษฐากับเมียเขารึเปล่า ที่บ้านไฟไหม้เมื่อหมายปีก่อน” ผมงงเป็นไก่ตาแตก ... ใครคือนางช่างเชษฐาอ่ะ ?

           “โชคดีและไอ้หนูเอ้ย” ลุงทิมเดินมาลูบหัวไอ้ไม้ที่ยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิมไม่หนีไม่ตอบโต้และก็ทำท่าจะไม่สนใจแบบเดิม ตามองมาที่ผมนิ่ง 

           “ว่าแต่ไอ้เด็กนี้ก็หน้าตาเหมือนนายช่างเหมือนกันนะพี่ ดูดิตาแม่งอย่างดุเลย” ผมมองไอ้ไม้ที่เงยหน้าขึ้นมองไอ้พี่แสงนักมวยสมัครเล่นที่เพิ่งเข้ามาในค่ายที่เดินมาขยี้หัวและพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันแบบไม่คิดตามนิสัยด้วยสายตาว่างเปล่าแบบเดิมมีเพียงความรู้สึกที่คุกรุ่น จนผมรู้สึกได้

   “อ่ะๆ ไอ้เด็กนี้มองหน้าเดี๋ยวตบหัวทิ่ม!”

   “อย่านะ...” ผมโวยวายขึ้นห้ามเอาตัวเข้าป้องทันทีที่ไอ้พี่แสงจะง้างมือฟาดลูกผม แต่เสียงของพ่อผมไวกว่า

   “เฮ้ย! พอเลยไอ้แสง มึงนี้วอนโดนกูเตะ พวกมึงมีอะไรก็ไปทำกันได้ล่ะ!!!!ไอ้เมฆไปเอาน้ำมาให้ไอ้หนูนี้ ส่วน ไอ้โทนตามกูมานี้” พ่อผมหันไปสั่งพี่เมฆนักมวยดาวรุ่งตัวขาวจั๊ว พี่เมฆเดินพาไอ้ไม้เข้าไปในบ้านทันที ก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายไปฝึกซ้อมต่อ แต่ก็ยังไม่วายพูดคุยเรื่องไอ้ไม้จนหนาหู โอ้ย น่ารำคาญ เด็กก็คือเด็กไหมละ จะลูกใครใครจะตายยังไง แต่ตอนนี้มันอยู่กับผม และผมเองก็เป็นพ่อมัน … ว๊าว คำนี้เท่ชะมัด … คึคึ

           บ้านของผมเป็นค่ายมวยที่มีเนื้อที่หน้าบ้านทำเป็นลานฝึกซ้อม และภายในรั้วมีบ้านอยู่สองหลังคือบ้านที่ผมและพ่ออยู่กับอีกหลังบ้านที่ให้พวกนักมวยอยู่ด้วยกัน ทั้งสองหลังทำจากไม้ชั้นดีทนทานต่อแรงมือแรงตีของนักมวยร่างยักษ์รุ่นเดอะ ซึ่งที่ค่ายมวยมีนักมวยอยู่ 5 คน

    คือลุงจันทร์นักมวยรุ่นใหญ่ร่างบึกตัวดำฉายาทมิฬหักศอก ต่อมาคือลุงทิม หน้าตาแกเป็นคนใจดีและชอบเข้าวัดเข้าวา จนเป็นลูกศิษย์พระมีคาถาอาคมแข็งแกร่งปราบผีได้รึเปล่าไม่รู้แต่ห้องที่แกอยู่พระเต็มไปหมดเลย แต่พอแกขึ้นเวทีเมื่อไรคู่ต่อสู้ก็มักจะน็อคคามัดแก ฉายาแกคือ นักบุญใจยักษ์ ไม่อยากจะนะนำคนนี้เลย แต่ก็เอาเหอะไอ้พี่แสงนักมวยมือสมัครเล่นที่เพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน ที่มักจะอวดเก่ง ทำเป็นนักเลงจิ๋กโก๋ แต่พอขึ้นชกจริง ๆ ก็แพ้ตลอด ที่พ่อรับเลี้ยงมันไว้เพราะพ่อมันที่เป็นเพื่อนพ่อผมฝากเอาไว้และเป็นเพื่อนของพี่เมฆที่โตมาด้วยกันด้วย และก็ พี่เมฆ นักมวยดาวรุ่ง ที่ขัดเกลาฝีหมัดอีกสักนิดน่าจะเป็นที่จับตา แถมหน้าตาหล่อจนสาวกรี๊ดสลบและนิสัยดีแบบนี้ด้วยแล้ว ผมละอิจฉาจริง อย่างที่บอกไปว่ามี 5 คน คนสุดท้าย ก็พ่อผม นี้ละครับที่แขวนนวมมานานละ ทั้งๆ ที่กำลังรุ่งแท้ๆ เลนผันตัวมาเป็นโค้ชและเจ้าของค่ายซะแทน และอีกนัยหนึ่งผมก็คือผู้สืบทอดคนต่อไปนั้นเอง ทะด้า!!!

   “มีไรอ่อพ่อ ถ้าจะเรียกมาชมนี้ไม่ต้องหรอกนะ” ผมหยุดยืนตรงหน้าพ่อที่นั่งกุมขมับอยู่ที่ข้างแคร่ไม้ไผ่ข้างเทวีมวย อะไรดีใจจนปวดหัวเลยหรอน่ะ

   “มึงไปเอาไอ้เด็กนั้นมาได้ยังไง” พ่อถามเสียงนิ่ง

   “ก็เข้าไปบอกครูว่าพ่ออยากได้นักมวยเด็กหน้าใหม่ และ ถูกใจหน่วยก้านของไอ้เด็กไม้ แค่นี้เอง เขาก็ให้มาเลย ฉลาดเนอะ”

   “และมึงจะทำยังไงกับไอ้เด็กนั้น มึงอายุแค่นี้ เด็กอายุแค่นี้ เด็กเลี้ยงเด็กมันจะไปรอดหรอวะ!”

   “พ่อก็เลี้ยงเดะ โทนเอามาให้พ่อเลี้ยงนะ แต่โทนจะเป็นพ่อนะ”

   “มะเหงกนี้ เดี๋ยวกูก็เตะออกจากบ้านไอ้ห่า เออๆ ไหนๆมึงก็เอามันมาและ ต่อไปนี้มึงก็ดูแลมัน”

           “โอ้ยพ่อสบายมาก”

           “มึงต้องดูแลเรื่องอาหารของมัน”

           “รับรองมันโตเป็นควายแน่” ผมทำอาหารเก่งอย่าบอกใครเลยนะ

           “มึงต้องดัดนิสัยแข็ง ๆ ของมัน”

           “ฉันจะไปเหลาไม้เรียวเตรียมไว้” พ่อมองผมนิ่งก่อนจะเหยียดยิ้ม ท่าทางผ่อนคลายกว่าเดิม

           “มึงต้องดูแลเรื่องคุณภาพชีวิต การเรียน สังคม เพื่อน ของมัน”

           “รับรองไม่ผิดหวัง”

           “และมึงต้องรักมันให้มากๆ”

           “…. ตะ ต้องด้วยหรอ ?”

           “ก็เออสิวะ! มีพ่อคนไหนไม่รักลูกบ้าง … ทำไม มองกูแบบนั้นหมายความว่ายังไง” ผมเหลือบมองพ่อด้วยหางตาก่อนจะโดนมะเหงกจนหัวลั่น ชิๆ ก็พ่อนั้นแหละชอบดุลูกแต่ผมก็รักพ่อนะ มากอดที แต่ไม่เอาดีกว่าเดี๋ยวโดนถีบออกมา

           “แต่ว่า … มึงเป็นพ่อไอ้เด็กนั้นไม่ได้หรอก”

           “ได้ไง! ผมจะเป็น!!!! โอ๊ย เจ็บนะทำไมชอบเขกหัวนัก!”ไม่ยุติธรรม!!! ไม่ยุติธรรมเลย!!!! ผมเป็นคนไปพาไอ้เด็กไม้มานะ ผมต้องเป็นพ่อดิ!!!!

           “ก็มึงดื้อ!!! กูจะเป็นพ่อให้มันเอง! ”

           “ไม่เอา!!!!” ผมเถียงอีก ได้ไงอ่ะไอ้ไม้ลูกผมนะ!!!! ไอ้ไม้ที่นั่งชันเข่ามองคนอื่นซ้อมอยู่ที่พื้นบ้านสะดุ้งหันมามองผม ถึงสายตาจะนิ่งแต่มือมันกำชายเสื้อตัวเองไม่ปล่อยตั้งแต่มาถึงบ้าน

           “เดี๋ยวมึงจะโดนไอ้โทน มึงคิดว่าเป็นพ่อนี้มันง่ายหรอว่ะ มึงคิดว่าจะดูแลมันได้หรือไง ตัวมึงก็แค่นี้! ไป! เย็นแล้วไปทำกับข้าวได้แล้ว!!!!” เชอะ กินผักต้มกันก็แล้วกันนะวันเนี้ย!!!!!

           “ปะ ไปช่วยข้าทำกับข้าว” ไอ้ไม้มองผมสลับกับการซ้อมมวย แต่ก็ยอมลุกตามขึ้นมายืนข้าง ๆ

           “อยากทำแบบนั้นหรือไง”

           “…”

           “ถ้ามึงไม่พูดกูจะให้มึงขึ้นไปเป็นกระสอบทราย”

           “อยาก” มันพูดเสียงเบา ยังไงไอ้เด็กนี้ก็เด็กกว่าผม เจอดุเข้าไปหน่อยก็หงอแล้ว

           “หางเสียง!”

           “อยากครับ” ผมพยักหน้าก่อนจะหันไปมองพ่อที่ยืนกอดอกมองอยู่

   “ไปหาปู่มึงและบอกอยากเป็นนักมวยเอาซะสิ”

   ผมว่าก่อนจะวางมือบนหัวของเด็กที่ตัวเตี้ยกว่าผมไม่มาก ก่อนจะเดินผละออกมาเข้าครัวทำกับข้าว ฮึ่ย! คอยดูนะ ชีวิตของไอ้ไม้ผมจะทำให้เด็กคนอื่นอิจฉาให้ดู!!!! เริ่มจากต้มยำหัวปลานี้แหละ!!!!

.

.

.

   “มึงนอนห้องนี้นะ เดี๋ยวกูไปเอาผ้าห่มมาให้ เฮ้อ ! มีแต่ฝุ่นเต็มไปหมด มึงเป็นภูมิแพ้รึเปล่า ?”

   พ่อคนใหม่ของผมที่ตัวกับผมเดินนำเข้าไปในห้องว่างเปล่าที่มีเพียงตู้ไม้ใบเก่ากับเตียงซอมซ่อ หน้าต่างไม้ถูกเขาดันออกไปจนฝุ่นฟุ้งกระจายไปหมดเมื่อลมพัดเข้ามา พ่อโทนตัวเล็กไอเล็กน้อยก่อนจะวิ่งมาหลบหลังผม และไอต่อหน้าดำหน้าแดงต่อ เห็นทีคงเป็นเขานี้แหละที่เป็นภูมิแพ้ ผมไม่พูดอะไร แต่เดินเข้าไปในห้องและปิดหน้าต่างลงเหมือนเดิม หมายมั่นว่า พรุ่งนี้คงต้องทำความสะอาดยกใหญ่ ก่อนจะค่อย ๆ เอาผ้าขนหนูในกระเป๋าเสื้อผ้าตัวเองออกมาเช็ดไปตามเตียงนอนของตัวเองที่ฝุ่นเกาะหนาเตอะ ให้พอนอนได้ก่อนในคืนนี้… พ่อโทนให้ผมอยู่ที่นี้ผมก็จะอยู่ มีที่ซุกหัวนอนที่ไหน แม้แต่เป็นกองขยะ ผมก็จะอยู่ถ้าเขาบอกให้ผมนอน …

   “พอแล้วไม่ต้องทำแล้ว … ไปนอนห้องกูก่อนคืนนี้ พรุ่งนี้กูจะทำความสะอาดให้” เขาเดินเข้ามาจับไหล่ผม … ไม่อยากจะคิดเลยถ้าผมอายุเท่าเขา ผมจะสูงกว่ามากแค่ไหน ไม่รู้ว่าผมสูงเกินวัย หรือเขาตัวเล็กกว่าคนอื่นกันแน่

   “ไปเร็ว ฮัดชิ้ว! จะตายแล้วนะ” ผมลุกขึ้นเดินตามเขาที่วิ่งนำออกไป ห้องเขาอยู่ข้าง ๆ ของลุงทายที่ถูกยัดเหยียดให้มาเป็นปู่ผม เป็นผมก็คงช็อกที่อยู่ ๆ ลูกก็หิ้วเอาหลานมาให้แบบไม่บอกไม่กล่าว พ่อตัวเล็กเปิดประตูเข้าไป ผมแทบผงะ เพราะห้องสะอาดยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก เตียงไม้ถูกปูด้วยฟูกสีฟ้าผ้าห่มสีน้ำเงินเข้ม ผ้าม่านที่พัดไปมาตามลมที่ถ่ายเทเข้ามาในห้อง ตู้ที่ตกแต่งลายการ์ตูนที่วาดเองจากสีช็อก น่าจะบ่งบอกได้ถึงวีรกรรมตอนเด็กของเขา มุมห้องมี TV เครื่องเล็ก ๆ กับเครื่องเล่นเกมว่างสุ่มกันอย่างระเกะระกะ

    “ยืนทำอะไร เข้ามาดิ นี้ … ถ้ามึงเป็นพ่อคน มึงจะให้ลูกมึงนอนข้างล่างหรือข้างบน” เขาถามผมสีหน้าจริงจัง ผมมองหน้าเขาสลับกับพื้นห้อง ก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาๆ

   “ผมนอนด้านล่างก็ได้ครับ”

   “เอาดีๆดิ” เขากอดอกหน้ามุ่ยมองผมอย่างคนเอาแต่ใจ…น่ารัก

   “ข้างล่างครับ” ผมตอบในทันที

   “จริงอ่อ! งั้นมึงนอนด้านล่างนะ อ่อ แปปนึง” เขาลุกขึ้นจากเตียงเดินตุบปะตุบเป๋ไปที่ตู้เสื้อผ้าของตัวเอง ก่อนจะรื้อเอาชุดเครื่องนอนหมอนมุ้งออกมากองตรงบนเตียง เหยียดยิ้มกว้างซะตาแทบปิด …นึกไปมาผมก็ละสายตาจากเขาไม่ได้แล้ว

    “กางมุงนะ ยุงเยอะ กางเป็นใช่ไหม เอาเชือกนี้แขวนตะปู อ่ะ และก็เขยิบเข้ามาใกล้ๆเตียงนะจะได้อยู่ในมุงได้ อ่อ เดี๋ยวมานะ” เขาวิ่งออกไปจากห้องท่าทางเลิ่กลั่กของเขาทำให้ผมกังวนใจ ผมนั่งลงบนเตียงเขาก่อนจะค่อยๆจัดการคลี่มุ้งออกผมไม่เคยกาง เคยเห็นแต่ใน TV คงเอาสี่มุมแขวนบนตะปูสี่มุมที่เห็นอยู่ตอนนี้ล่ะมั่ง …

   ว่าแล้วผมก็จัดการกางมันออกและยืนขึ้นเอื้อมตัวไปแขวนเชือกที่ตะปู แต่แล้วยังไม่ทันจะเอื้อมถึงพ่อตัวเล็กของผมก็วิ่งเข้ามาตีขาผมดัง เพี๊ยะ จนผมตกใจ ผมหันไปมองเห็นเค้ายืนทำหน้าโหดใส่ผมในมือมีหมอนสองสามใบมาด้วย

    “ขึ้นไปเหยียดเตียงกูล้างเท้ารึยังไอ้เด็กบ้า!!!” เขาแหวเสียงดังขึ้นจนผมเด้งลงมาจากเตียง ก้มหน้าสำนึกผิด ผมไม่ได้ตั้งใจผมไม่รู้

   “ไปเลย ไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวกูปูที่นอนเอง เด็กนิสัยไม่ดี เหยียบเตียงคนอื่นได้ยังไง” เขาบ่น หงุดหงิดผมได้แต่คอตกเดินออกมาจากห้องพร้อมกระเป๋าเป้ของตัวเองที่ไม่เคยห่างตัวมาด้วย เดินลงมาด้านล่างที่เป็นห้องน้ำ ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นคนที่ชื่อแสงจอมกวนโอ๊ย กำลังนุ่งผ้าขาวม้าเดินมาทางนี้ตอนแรกเขาก็ไม่เห็นผมหรอก แต่พอเห็นก็เดินปรี่เข้ามาทันใดผมได้แต่ยืนนิ่งมองเขาไม่วางตา

   “ไงมึง แดกข้าวเสร็จก็จะมาอาบน้ำเหมือนกันล่ะสิ โทษทีที่บ้านโน้นน้ำมันไม่ไหล กูเลยมาขออาศัยเฉย ๆ จะไปอาบก็ไปอาบเหอะ กูเสร็จล่ะ” และเขาก็ยกมือขึ้นวางบนหัวผมอย่างแรงก่อนจะเดินไป…ก็ดูไม่เลวร้ายอะไรนี้หน่า

   ผมมองตามเขานิดๆ ก่อนจะรื้อของออกจากกระเป๋าก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ … ผมไม่มีสบู่ ตัวต้องเหม็นแน่ๆ ทำไงดีล่ะทีนี้ ใช้ใบไม้ขัดคงไม่เข้าท่า …

   “ยืนทำอะไร นี้มึงลืมเอามา” ผมหันไปตามเสียงที่ยังไม่แตกดีของพ่อโทนที่เดินหน้างอมาพร้อมกับขันใส่อุปกรณ์อาบน้ำครบ ยันเป็ดสีเหลืองตัวเล็ก ๆ ที่แอบใส่ลงมาด้วย ถึงจะงอนผมยังไงเค้าก็ยังเป็นห่วงผมอยู่ดีสินะ ผมรับขันมาก่อนที่จะพูดขอบคุณเขาเบาๆ

   “ไม่ต้องขอบคุณหรอกคนเป็นพ่อก็ทำแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ รีบอาบดิ๊! จะได้อาบบ้าง ต้องให้อาบให้ไหม ? เอ๊ะ เด็ก ๆ พ่อก็เคยอาบให้กูนี้หว่า มาๆ กูอาบให้” ผมรีบวิ่งเข้าห้องน้ำทันทีก่อนที่เขาจะจู่โจมถึงตัว



-โทน-



           ผมมองไอ้เด็กบ้าที่วิ่งเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะนึกขำ เด็กอะไรนิสัยไม่ดี เย็นชาแถมไม่ค่อยพูดอีกต่างหาก แบบนี้จะไปสู้กับใครเขาได้นะ แต่มาอยู่กับผมแล้วรับรองเด็กนี้ต้องมีพัฒนาการแน่ ๆ เอาล่ะเรื่องแรกเลย เจ้าไม้ต้องมีที่เรียนก่อน ต่อมาคือโปรแกรมซ้อมมวย เรื่องนี้คงต้องให้คุณปู่เป็นคนดูแล จากนั้นก็เพื่อนที่ดี พรุ่งนี้พักกลางวันผมจะไปติดต่อฝ่ายทะเบียนที่โรงเรียนดีกว่า ดีนะโรงเรียนผมมีตั้งแต่ อนุบาล ยัน มัธยม 

           “มานั่งตบยุงอะไรตรงนี้ไอ้โทน” ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ ๆ พ่อผมก็เดินเข้ามาเขกหัวผมดังโป๊ก แถมปะแป้งหน้าขาว นุ่งผ้าขาวม้าเดินไปเดินมาอีก ไอ้เสือเผ่นที่หน้าอกก็เต็มไปด้วยแป้งเสียชาติเสือหมด

           “โห นี้หรอคุณทายเจ้าของค่ายมวยชื่อดังประจำจังหวัด โอ๊ย! อย่าเขกเยอะเจ็บนะพ่อ!!! เป็นปู่คนแล้วนะ!!!” ผมแว๊ดใส่เสียงดัง ก่อนจะเอามือป้องเพราะพ่อง้างมือจะตีอีก ตาลุงทายหัวเราะนิด ๆ อย่างหมั่นเขี้ยว สะบัดมือไล่ยุงก่อนจะถามขึ้นท่าทางไม่สนใจ

           “ไอ้ไม้ล่ะ”

           “ลูกผมอาบน้ำอยู่”

           “กูจะบอกให้นะ กูไม่ให้มึงเป็นพ่อมันหรอก”

           “ก็จะเป็นอ่ะ!!!” ผมย่นหน้าก่อนจะยืนขึ้นกอดอก ก่อนจะตจะโกนออกมาสุดเสียง!

           “วะ!!! ไอ้นี้!!! คุยกันให้รู้เรื่องสิ!!!” ผมไม่สนใจวิ่งขึ้นมาบนบ้านและเข้าห้องตัวเองปิดประตูดังปังทันที ทำไมพ่อชอบขัดผมตลอดเวลา ขัดใจชะมัดง

   ไม่สนแล้ว! ผมมุดเข้าไปในมุงที่กางเสร็จแล้วล้มตัวลงนอนมองไปข้าง ๆ เตียงเห็นผ้าที่ปูไว้ให้ลูกผมนอน มันดูนุ่มนิ่มดีจัง ไอ้เด็กบ้าต้องนอนสบายแน่ ๆ อีกอย่างไม่ต้องกลัวยุงกัดด้วยผมเอาหมอนกั้นไว้หมดแล้วรับรองไอ้เด็กไม้ไม่เอาตัวไปชิดมุ้งให้ยุงกัดแน่ ๆ นี้แหละสิ่งที่พ่อที่ดีเขาทำกัน อิอิ ผมอมยิ้มกับฝีมือการปูที่นอนของตัวเอง ก่อนจะเอาหูฟังที่เสียบกับเครื่องโทรศัพท์ ก่อนจะหลับไปในเวลาไม่นาน เหนื่อยชะมัดเลยวันนี้

           มารู้สึกตัวอีกทีตอนได้กลิ่นเย็นใกล้ ๆ ตัว ลืมตามองเห็นไอ้ไม้เด็กบ้ากำลังนั่งมองผมตาแป๋วอยู่ข้างเตียง ผมเปียก ๆ ของมันทำให้มันดูน่ารักผิดไป ผมยิ้มก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ

           “เช็ดผมให้แห้งนะค่อยนอน เดี๋ยวไม่สบาย …” ก่อนจะหันหน้ามาอีกทางและหลับต่อไปอีก ในความฝันผมเห็นไอ้ไม้โตเป็นผู้ใหญ่ที่ภูมิฐานหน้าตาหล่อเหลาเอาการ เป็นนักมวยชื่อก้องโลก … และผมก็ดีใจมาก ๆ ในความฝันนั้น …

.

.

.

           ผมตื่นขึ้นมาตี 5.30 มันเป็นนิสัยแล้วอยากจะตื่นสายก็นอนไม่หลับแล้ว เซ็งอ่ะ วัยรุ่นคนอื่นเขานอนโน้นตื่น 9 - 10 โมง มีเรียนก็โน้น 7 โมง ถ้าผมตื่นแบบนั้นซอมบี้มนุษย์จอมหิวคงแห่กันมาฆ่าผมหมกที่นอนนั้นแหละ ไอ้เด็กดื้อไม้ยังนอนหันหายใจเบา ๆ เป็นจังหวะอยู่บนฟูกนอนแสดงว่าหลับแล้วของจริง ผมค่อย ๆ ย่องออกด้วยความเงียบสนิทเชียบแต่ยังไม่ทันจะพ้นมุ้งก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ค่อยๆกันไปมองด้านหลัง เห็นไอ้เด็กที่เป็นลูกผมกำลังนั่งขัดสมาธิขยี้ตาสะลึมสะลือมองผมอยู่

           “นอนต่อเหอะมึง”

           “กี่โมงแล้ว…ครับ” คงกลัวว่าผมจะด่าไม่มีหางเสียง เลยจำใจพูด ‘ครับ’ น่ารักนะเนี้ย

           “ตีห้าครึ่ง นอนต่อเหอะมึง เดี๋ยวข้าวเสร็จแล้วจะมาปลุก” ผมผลักหัวไอ้เด็กบ้าให้นอนลงกับหมอนเหมือนเดิม เขาหลับต่ออย่างว่าง่าย หึ ผมเอ็งก็นิ่มเหมือนกันนะเนี้ย ถ้าทำตัวน่ารัก ๆ กว่านี้หน่อยจะพาไปกินไอติมที่ตลาดนะลูกพ่อโทน อิอิ

           ผมลงมาล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะวิ่งเข้าห้องครัวทำกับข้าวกับปลาอาหารเข้าให้ซอมบี้หิวโซที่จะตื่นกันตอน 6 โมงครึ่ง เมนูเช้านี้ต้องเอาหนักๆเพราะลุงจันทร์มีขึ้นชกวันนี้ด้วย เสียดายผมไม่ได้ไปเพราะติดเรียน 

           “มีไรกินน้องโทน” ผมหันไปเจอซิกแพคของพี่เมฆที่ย่องมาด้านหลังเงียบ ๆ เกือบแล้วมีดในมือเฉาะกบาลพี่แล้วรู้ตัวหรือเปล่าเนี้ย!!!! แล้วนี้นอนถอดเสื้อหาพระแสงอะไร อากาศก็เย็นขนาดนี้แท้ ๆ เชอะ ไม่มีบ้างก็อิจฉาปะวะ

           “ยังไม่รู้พี่”

           “พี่อยากกินต้มข่าไก่”

           “แต่พี่ควบคุมน้ำหนักอยู่อีกสองวันจะชกแล้วนะ ต้มจืดก็พอแล้ว” ผมบอกพี่แกยิ้มก่อนจะเอามือมาจับแก้มผมบิดเล่นพี่แกเล่นกับผมแบบนี้มาตั้งนานแล้ว เพราะเขาเคยแกล้งผมแรง ๆ และโดนพ่อทายเตะเอา 

หมับ!

           ผมสะดุ้งเมื่ออยู่ๆถูกรวบกอดจากด้านหลัง ผมหันไปมองเห็นไอ้เด็กไม้ซุกหน้ากับคอผมอย่างออดอ้อน  … นี้มันอ้อนผมหรอ นี้ลูกผมอ้อนผมงั้นหรอ … อ๊ากกกกก! ฟินไปอี๊กกกกกกกกกก!!!!

           “เฮ้ ไอ้หนู!” ผมที่ยืนฟินอยู่ยกมือห้ามพี่เมฆที่จะเดินมาแกะไอ้แมวนี้ออก คิกๆ จั๊กจี้อ่ะ แต่ก่อนผมก็เคยทำกับพ่อผมแบบนี้นะ พอมาโดนทำเองบ้างแล้วรู้สึกดีเป็นบ้า นี้สินะความรู้สึกของคนเป็นพ่อ ถึงลูกมันจะตัวใหญ่ไปหน่อยก็เถอะ ผมว่าผมเริ่มรักมันแล้วอะ ไม้ลูกพ่อโทน อิอิ

           “เป็นอะไร”

           “ฝันร้ายครับพ่อ” มันพูดอู้อี้จนผมต้องหดคอเพราะจั๊กจี้ ฮ่าๆๆ ไอ้เด็กนี้ดูมืดมนแต่พออ้อนแล้วทำเอาพ่อคนนี้ละลายเลยนะเนี้ยยยยยยย

           “ก็แค่ฝันไม่เห็นมีอะไรเลย”

           “…” ผมว่าแล้วลูบหัวเด็กโข่งอย่าเบามือ แต่มันก็เงียบไม่ตอบผมเหมือนเดิม

           “เออ ๆ ไปล้างหน้าล้างตาและมาช่วยกูทำกับข้าวแล้วกัน”

   ผมแกะมือไอ้เด็กนี้ออก โอโห้ ขี้ตาเต็มเลย ฮ่าๆๆๆๆ ผมหัวเราะคิกเมื่อเห็นหน้ามัน มันพยักหน้าเขินเล็กน้อยอย่างว่าง่ายมองผมและเหลือบไปมองพี่เมฆที่ยืนอยู่ข้างๆ เอ่อ … ถ้ามองไม่ผิดเมื่อกี้มันมองตาขวางใส่พี่เมฆด้วยแหะ

   “ครับ” ไอ้ไม้ขานรับก่อนจะเดินออกไปจากห้องครัวไม่วายเอื้อมตัวมาหอมแก้มผมอีกหนึ่งที

           “มันร้ายจริงๆแหะไอ้เด็กนี้” ผมเอียงคอมองพี่เมฆที่ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยก่อนจะเดินออกตามลูกผมออกไปอีกคน คิก … นี้สินะความรู้สึกของคนเป็นพ่อออออออออ!

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

ตอนที่ 3 เรียนรู้ที่จะเป็นพ่อที่ดี





         “อาจารย์คร้าบบบบบบบบ!” ผมวิ่งหน้าสลอนลากไอ้ป๊อกสหายสุดแสนจะเหี้ยมมมมมม! เข้ามาในห้องพักครูอาจารย์พิมพ์ที่รักสาวสวย แกเป็นครูประจำชั้นผมที่สำคัญน่ารักสุดๆ แต่ชอบตีผม แกบอกผมดื้อ ผมไม่ดื้อสักหน่อยยยยยยย ยยยย!

           “มีอะไร อย่าโวยวายสิไอ้ดื้อ” ผมปากยื่นก่อนจะยิ้มอย่างเอาใจ

           “คือลูกผมจะเข้าโรงเรียนอ่ะครับ ตอนนี้ 13 ขวบแล้ว อาจารย์ว่าจะให้ลูกผมเรียนชั้นไหนดีครับ”



……….. เงียบกริบ …. ทั้งห้อง =_=’ ผมพูดอะไรผิดงั้นหรอ ก็ไอ้ไม้นั้นลูกผมนี้หน่า



           “ใจเย็นครับอาจารย์ ที่ไอ้เด็กหน้าหอยนี้พูด คือมันไปรับเด็กมาเลี้ยงเป็นลูกครับและตอนนี้พ่อมันก็ดูแลเด็ก ส่วนเด็กที่ว่าก็ดูแลมันอีกทีครับผม” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้บ้าป๊อกที่ยืนทำหน้าตายบอกอาจารย์ผมที่นั่งกุมขมับอยู่ทำไมอะ มันน่าหนักใจขนาดนั้นเลยหรอไง เชอะ ผมเลี้ยงของผมได้น่า!!!!

           “ผมมาปรึกษาจริง ๆ นะอาจารย์” ผมลงไปนั่งคุกเข่าทำหน้าอ้อนวอนลูกแมวน้อยใส่อาจารย์ อาจารย์แกมองผมอย่าเหนื่อยใจก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และพูดขึ้น

           “ต้องดูพื้นฐานของเด็กคนนั้นก่อน ว่าแต่ชื่ออะไรล่ะ”

           “ไม้ครับ”

           “ชื่อจริง”

           “… ผะ ผมไม่ได้ถามเพิ่งไปรับมาเลี้ยงเมื่อวานเอง”

           “นี้เธอ! เด็กทั้งคนนะจ๊ะ ไม่ใช่หมาแมว ที่จะพูดอะไรง่ายๆแบบนั้น เฮ้อ … พรุ่งนี้พาเด็กคนนั้นมาหาฉัน แค่นี้แหละพวกเธอกลับไปเรียนได้แล้ว” ผมขานรับและเดินคอตกออกมา เชอะๆ ทำไมต้องทำท่าเหนื่อยใจกันทุกคนด้วยนะ ถึงผมอายุแค่นี้ ไม่เคยเลี้ยงเด็ก ไม่เคยชอบเด็ก ผมก็จะเลี้ยงให้มันเป็นคนดีด้วยมือของผมนี้แหละ ตั้งใจๆ นะไอ้โทน ฮูเร่!

           “มึงนี้นะ มันดื้อด้านจริงๆ” ไอ้ป๊อกหัวมือมาตบหัวผมดังเพี๊ยะและวิ่งหนีผมไป หน่อยยยยยยย ด่ายังไม่พอยังทำร้ายร่างกายกันอีกจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม ด๊ายยยยยยยยยยยยยย!!!! รู้จักโทนความไวแสงน้อยไปซะแล้ว อย่าหนีนะว้อยยยยยยยย!!!!!!



.

.

.



ผลั๊ก เฮ!!! ผลั๊ก เฮ!!!! ผลั๊ก!!!!



           เสียงหน้าแข้งเตะคู่ต่อสู้ของลุกจันทร์บนเวทีมวยดังแข่งกับเสียงเชียร์ที่โห่ร้องด้วยความสะใจเมื่อเห็นคู่ต่อสู้ที่กำลังโชว์แม่ไม้มวยไทยกันอย่างถึงรสถึงชาติ กำลังถึงจุดตัดสิน ไม้ เด็กน้อยที่ยืนมองอยู่ข้างสนามตื่นตาตื่นใจกับภาพตรงหน้า เขาเหมือนได้เปิดโลกใหม่ ได้เจอสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ … และรู้สึกอยากที่จะขึ้นไปยืนบนนั้น

           วันนี้พ่อทายพาลูกชายคนใหม่ของลูกตัวเองมาเปิดหูเปิดตาที่เวทีมวยใหญ่กลางเมืองเพราะต้องการหยั่งเชิงว่าเด็กคนที่มีหน่วยก้านดีเช่นนี้จะสนใจในกีฬามวยนี้หรือไม่ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีมากสำหรับเด็กคนนี้ เขาปลงอานิจังแล้วเรียบร้อยและไม่คิดจะโทษลูกชายของตนที่ไปเอาเด็กมีปัญหาบ้านไฟไหม้ตายทั้งครอบครัวนี้มาอีกแล้ว ถือว่านี้คือบาปบุญเก่าลูกชายเขาได้ทำเอาไว้และถ้ามองไม่ผิด ไม้คือคนที่จะดูแลลูกชายเขาได้อย่างดีเยี่ยม  และเขาตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะให้เด็กคนนี้ได้ยืนบนจุดกลางเวทีมวยในฐานะนักมวยยอดเยี่ยมอีกด้วย …



กริ๊ง.

           ระฆังสิ้นสุดการชกดังขึ้นเสียงเฮกึกก้องไปทั่วอาณาบริเวณจนแทบไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก ไม้มองภาพบนเวทีก็รู้ได้ทันทีว่าลุงจันทร์เป็นฝ่ายชนะ เพราะนาทีนี้ คู่ดวลดุของลุงจันทร์น็อกลงไปกับพื้นแล้ว เมฆทำหน้าที่โดยการให้น้ำลุงจันทร์ส่วนแสงนั้นวิ่งขึ้นไปบนเวทียกตัวลุงจันทร์ขึ้นแบกไปทั่วทั่วเวทีอย่างดีอกดีใจยิ่งกว่าตัวของลุงแกเองเสียเอง แววตาของเด็กน้อยส่องประกายวิบวับ อย่าน่าเอ็นดู ทันใดนั้นเองมือใหญ่ของพ่อทายก็วางลงบนกลุ่มไรผมนุ่มของเด็กน้อยก่อนจะพูดขึ้นที่พอจะได้ยินกันสองคนท่ามกลางเสียงโฮ่ร้องดีใจของคนทั่วทั้งสนาม

           “เอ็งจะไม่ได้เป็นแบบนั้นหรอก แต่ข้าจะสร้างเอ็งให้เหนือกว่านั้น ว่าไงสนใจไหม”

   คำพูดนั้นดูแข็งกระด่างแต่มือใหญ่นั้นกลับอบอุ่น … ไม้ไม่แปลกใจเลยที่พ่อเขากับปู่เขา จะนิสัยเหมือนกันอย่างกับแกะเช่นนี้

   .

   .

   .

   

   “ฮัลโหลวววววววววววว! ไม้อยู่หน่ายยยยยยยยย”

   ผมหันไปตามเสียงพ่อตัวเล็กที่วิ่งถลาเข้ามาในบ้านในชุดนักเรียน เขาหยุดอยู่ในท่าแปลงร่างของอุนตร้าแมนทำท่ายิ่งลำแสงใส่ผมที่กำลังถูพื้นสังเวียนมวยอยู่เรียกเสียงหัวเราะจากลุงจันทร์นั่งกินมะยมดองจิ้มพริกตาเกลืออยู่ข้าง ๆ ลุงทิมที่นั่งส่องพระ พี่แสงเห็นเขาแกก็นึกเอ็นดูวิ่งเข้าไปจะเตะ แต่พ่อโทนเอามือปัดขาและสับเข่าเข้ากลางกล่องดวงใจจนอีกฝ่ายจุกลงไปนั่งกองกับพื้น เจ้าตัวพอเล่นคนตัวใหญ่กว่าได้ก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากใหญ่ เอ๊า ! เล่นกันให้พอใจครับพ่อ พอเล่นจนพอใจเขาก็ยิ้มร่าและกระโดดขึ้นมาบนสังเวียนมวยทำท่าตั้งกาดขึ้นปล่อยหมัดแย็บใส่ผม

   “พรุ่งนี้เช้าไปโรงเรียนกับกูนะ”

   “มึงจะเอาไอ้เด็กนั้นไปไหน” ลุงทายที่เดินผ่านมาพอดีได้ยินก็ถามขึ้น

   “เรียนน่ะสิพ่อ แหมถามได้” พ่อตัวเล็กของผมหันไปมุ่ยปากใส่

    “ใครจ่ายค่าเทอม ?”

   “ก็พ่อไง”

   “ตลกแดกไอ้ห่า มึงก็จ่ายเองสิ”

   “ได้ไง! กระปุกหนูมีแค่ 50 บาทเอง เก็บมาทั้งชีวิตนะนั้น!”

   “ทีงี้มาแทนตัวเองว่าหนู ไอ้ห่าหนูผีน่ะสิ ไม่ต้องเลย เอาไงไอ้ไม้จะเรียนไม่เรียน” ผมไม่ตอบ แต่หันไปมองหน้าพ่อโทนที่ตอนนี้หน้าเหลือสองนิ้ว กัดปากตัวเองผมล่ะกลัวเขาจะเป็นห่อเลือดจริง ๆ คงอยากให้ผมเรียนมากจริงๆ… ผมไม่คิดว่าจะได้เรียนต่อ ไปเคยคิดตั้งแต่วันที่เห็นแม่ตัวเองนอนตัวไหม้เกรียมอยู่ในกระสอบของกู้ภัย …

   “ไอ้ไม้” ผมสะดุ้งเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกรวบเข้ามากอดด้วยวงแขนเล็ก ๆ ของพ่อโทนเขาโอบรัดหัวผมไว้แน่นจนผมแทบหายใจไม่ออก แต่หน้าแปลกที่ตอนนี้หน้าผมร้อนและเปียกแฉะไปหมด

   “ร้องไห้ทำไมว่ะ!” นี้ผมร้องไห้หรอ …

   “อ้าว...ดราม่าและไอ้ห่า ไอ้เด็กนี้อยู่ ๆ ก็ร้อง ไอ้เด็กโข่งสมองลิงนี้ก็ร้องตาม โว๊ะ !” เสียงลุงทายบ่นงุบงิบพ่อโทนไม่เถียงอะไรเหมือนเคยและยังกอดผมไว้แน่น

   “กูไม่รู้หรอกว่าอะไรเป็นยังไง แต่กูก็รู้ว่าถ้ามึงไม่เรียนอนาคตมึงจะแย่ถึงมึงจะเป็นนักมวย แต่ถ้าเกิดชีวิตมึงพลิกขึ้นมาชกมวยไม่ได้และมึงอ่านหนังสือไม่ออกเขียนไม่ได้ จะเอาอะไรกินวะ” พ่อโทนพูดไปก็สะอื้นไปแก้มใสถูไถกับหัวผมเหมือนผมเป็นลูกหมาลูกแมว

   “ผม … จะเรียน”

   “มึงว่าอะไรนะ ”เขาผลักผมออกเบา ๆ ก่อนจะถามย้ำขึ้น

   “ผมอยากเรียน ถ้าพ่อโทนให้ผมเรียนผมก็จะเรียน”

   “ฮึก จริงๆนะ”

   ผมพยักหน้าก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดขอบตาแดงๆให้พ่อโทน กลายเป็นว่าตอนนี้พ่อโทนร้องไห้แทนผมไปแล้วเรียบร้อย ผมไม่รู้ว่ามันจะดีไหมถ้าผมกลับไปอยู่ในสังคมแบบนั้นอีก … แต่ผมอยากทำให้พ่อโทนสบายใจ…นั้นคือวินาทีที่ผมคิดอย่างงั้นจริง ๆ แต่วินาทีต่อมายังไงผมก็ต้องเรียน เรียนเพื่อกลับไปยืนที่ๆผมควรจะอยู่!

   “ผมจะทำงานครับปู่ ผมจะผ่อนค่าเรียนส่งให้ลุงโดยแรงกาย ลุงใช้ผมได้ทุกอย่าง ผมจะทำ ผมจะเรียน ผมจะฝึกมวย ผมจะทำทุกอย่าง” ผมเดินเข้าไปยืนตรงหน้าลุงทายก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่มีอะไรต้องคิดอีกแล้ว โอกาสของผม ไม่ปล่อยให้หลุดมือเด็ดขาด ไม่มีทาง!

.

.

.



           ด.ช. ชนาธิป ญาณวรุตม์ ผมยืนมองชื่อที่ปักลงอกเสื้อนักเรียนชายของลูกผมอย่างประณีตโดยฝีมือผมเอง อิอิ เรื่องแค่นี้เองผมทำได้สบายมาก คึคึ พรุ่งนี้ลูกผมจะไปเรียน ม.1 ที่โรงเรียนเดียวกับผมแหละนั้นแหละ หลังจากที่ไปทำประวัติใหม่และจัดการเรื่องอื่น ๆ เรียบร้อย ก็พาแวะไปตัดผมพร้อมเข้าเรียน ผมไม่เคยเห็นเด็กคนไหนหล่อเท่าลูกผมเลย ลูกผมหล่อที่สุดในโลกแล้ววววววว

           “มึงนี้ก็เห่อจัง” ผมหันไปค้อนพี่แสงที่นั่งล้อมวงกินข้าวกันอยู่หน้าลานบ้าน ไอ้บ้าไม่ต้องมาพูดเลย ผมเห่อก็เห่อของผมคนเดียวป่ะ ผมอุตส่าห์นั่งตาแข็งปักเสื้อให้ตั้งสามตัวนะ ตั้งสามตัว ไม่รู้หรอว่าต้องแลกกับแผลที่นิ้วกี่แผลกันจนมันออกมาสวยได้ขนาดนี้!!! ดีใจอ่ะ!!!!

           “สวยอะ มีไรไหม พี่ทำได้ปะละ!”

           “สวยห่าอะไร ตัวอักษรเบี้ยว ๆ บูด ๆ กูว่าไอ้ไม้อายเพื่อนแน่”

           “ผมไม่อายหรอกครับ”

           “ฮ่าๆๆๆๆ ลูกผมไม่อายเห็นม่ะ กินข้าวไปเลยเงียบๆ ก่อนที่ผมจะเทให้ไอ้มีมี่กิน”พี่แสงรีบคุ้ยข้าวเข้าปากเมื่อผมบอกจะเทให้มีมี่ลูกหมาพันธุ์ทางขนเกรียนตัวเมียอายุ 4 เดือนกว่าที่ถูกคนเอามาทิ้งหน้าบ้านผมเมื่อไม่นานมานี้ ผมแอบดูให้ข้าวให้น้ำ จนรู้แน่ว่าไม่มีเจ้าของเลยพาเข้าบ้าน และแน่นอน ...พ่อผมก็แทบกินหัวไอ้โทนเช่นเคย

           “พรุ่งนี้เปิดเรียนแล้ว นี้ไม้ลุงให้ พระดีไว้คุ้มครองตัวเอง” ลุงทิมยื่นสร้อยพระสมเด็จให้ไอ้ลูกชายผม เชอะ ทีผมได้แต่องค์เล็ก ๆ ไอ้เด็กนี้ได้องค์ใหญ่จัง ลำเอียง!!!!

           “เออ กูก็มี นี้เอาเก็บไว้ใช้ยามจำเป็น ตั้งแต่มึงมากูยังไม่ได้ให้อะไรรับขวัญมึงเลย”ลุงจันทร์หยิบแบงค์พันส่งให้ไอ้ไม้ผมมองตาโตเป็นไข่ห่าน!!! ชีวิตนี้ผมยังไม่เคยจับแบงค์พันเย้ยย ยยยย ยยย!

ควับ!

           “ขอบคุณลุงสิ” ผมบอกในขณะที่ตาจ้องแบงค์พันในมือตัวเอง

           “ไอ้ห่าโทนกูให้ไอ้ไม้”

           “ไม่เอาเดี๋ยวใช้เงินเกินตัว”

           “มึงนั้นหละจะใช้ของลูกมึงหมด! เอามานี้กูเก็บเอง”ผมพยายามยื้อเอามาจากพ่อทาย เชอะ ไม่ต้องทำหน้าดุหรอกให้ก็ได้ ไม่ง้อหรอก จำไว้นะลำเอียง

           “กินกันไปเลยนะ ไม่กินแล้ว งอน!!!!”

   ผมกระแทกเสียงก่อนจะเดินออกมากระทืบเท้าเสียงดังปึงปังลงพื้น เสียงพี่เมฆเรียกตามมาแต่ผมไม่สนใจ คนอื่น ๆ ก็เอาแต่หัวเราะ เชอะ! จะงอนสามวันไม่คุยด้วยเลย ข้าวก็หากินกันเอาเอง แต่ถ้าเอาแบงค์พันมาเก็บไว้ที่ผม ผมจะยอมคืนดีด้วยก็ได้ ผมจะเอาไว้ในกระปุกหมีที่เปิดไม่ได้นอกจากทุบ จะเก็บไว้ให้ตอนที่ไอ้เด็กนั้นโตขึ้นและไม่มีเงินกินอ่ะ !!! ทำไมไม่เข้าใจผมบ้าง!!! ผมเป็นพ่อนะ!!!

           ผมเดินเข้ามาในห้องก่อนจะเดินปึงปังไปนั่งลงหน้า TV เปิดเครื่องเกมและเอาแผ่นเกมต่อสู้ใส่ลงไป นี้! เตะก้านคอเลย อะโช๊ะ ศอก เป็นไงล่ะหนุมานก็มา รู้จักไอ้โทนน้อยไปซะแล้ว!!!

           อ๊ะ … ว๊ากกกกกกกกก เสื้อยับหมดเลยยยยยยยยยยย!  ฮืออออออ ผมเผลอขยำมันอ่ะ รีดใหม่เลยสินะ เซ็งจริง =_=’



แอ๊ดดดดดดดดดด …



           ผมชะงักท่าลิงจ๋อเมื่อประตูห้องเปิดออกในขณะที่ผมกำลังลุกไปเสียบปั๊กรีดผ้า ผมขมวดคิ้วเมื่อเห็นเจ้าไม้เดินเข้ามาหน้านิ่ง … ไอ้เด็กหัวลูกชิ้นนี้จะมาไม้ไหน  ผมงอนอยู่นะ =_=’

           ผมต้องเอียงคอเมื่อมันมาหยุดตรงหน้าและยื่นแบงค์พันให้ผมหน้าตามันนิ่งมาก นี้มึงเป็นกระไรเส้นยึดหรอ!!!!

           “ผมฝากนะครับ… ช่วยเก็บไว้ให้ผมหน่อย … ผมอยากให้พ่อโทนเก็บ”เสียงเบาหวิวเต็มไปด้วยความออดอ้อนจากหางเสียง … ฟินกระจายยยยยยย!!!!!!! คร่อก ตายสนิท!!!!!

           “อะ อะ อะ … อ๊ากกกก! ปะ ไปอาบน้ำมานอนได้แล้วมึงต้องไปเรียนนะ!!!”

   ผมพูดเสียงดังก่อนจะหันหลังให้ก้าวฉับ ๆ มาริมห้องเอาที่รีดผ้าขาสั้นแบบพับออกมากางและนั่งลงเอาเครื่องเสียบปั๊ก คว้าเอาเสื้อผ้านักเรียนลูกผมขึ้นมาสะบัดและจัดการรีด … ทุกอย่างผมทำไปด้วยจิตใจฟินกระจายเหมือนหุ่นยนต์สนิมเกาะ!!!!

           “ผมจะตั้งใจเรียนนะครับพ่อโทน” เสียงประตูค่อยๆปิดลงในขณะที่ผมกลั้นยิ้มแทบไม่ไหวต้องหน้าบานเป็นจานดาวเทียม!!!



   พะ พอได้แล้วไอ้เด็กบ้า … จะน่ารักเกินไปแล้ว!!!!



 

    “พ่อครับ” ผมที่กำลังนั่งผูกเชือกรองเท้าอยู่บันไดหน้าบ้านหันไปมองตามเสียง และแทบหัวใจหยุดเต้น น่าย๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก! ผมบอกแล้วว่าเสื้อที่ผมปักเองมันต้องเปล่งประกายเป็นยองใย

   “เรียกทำไม?” ผมดึงหน้าและหันมาผูกเชือกต่อ ไม่เอาผมจะไม่ยิ้มเดี๋ยวลูกมันได้ใจและไม่กลัวผม ผมต้องครึม หุหุ แต่ฝีมือผมดีจริงๆนะ ใส่แล้วหล่อขึ้นเป็นกองเลย รับรองว่าสาวติดกันตรึมแน่ ลูกโผ้มมมมม

   “ไปกินข้าวก่อนก่อนนะ เดี๋ยวกูตามไป”

   “ไปไหนครับ”

   “เออน๊า ถามมากจริง” ผมว่าและผละตัวเองวิ่งออกมาห้องครัวด้านล่าง

   ดูเหมือนภารกิจการเป็นพ่อมันจะซับซ้อนกว่านั้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องทำต้มซุปหัวปลาสูตรบำรุงสมองและร่างกายไอ้ไม้ไว้เป็นมื้อกลางวันด้วย ผมเลยจัดแจงเอาปิ่นโตลาย อุนตร้าแมนใบเก่าของผมสมัยผมเด็กๆ คดข้าวใส่ก่อนจะเอาผสมโรงลงไปด้วยไส้กรอกทอดกับไก่ทอดไม่ลืมต้มซุปที่ใส่ถุงให้เป็นอย่างดี อย่างงี้แหละไม่ต้องไปเสียเงินเสียทองซื้อข้าวกินฝึกไว้จะได้ประหยัด ยืนมองปิ่นโตด้วยความภาคภูมิใจพักนึงก่อนจะเดินออกมาจากห้องครัว อ่ะ!ผมลืมกล้วยตอนเช้าแบบนี้ต้องให้ลูกกินกล้วย ลูกผมไม่ใช้ช้างแต่จะต้องท้องไม่ผุ พ่อทายเคยบอกว่ากินกล้วยบ่อยๆจะไม่เป็นริดซี่ ! และยังเสริมกล้ามเนื้อได้อีกด้วย ยิ่งหลังออกกำลังกายนะ กล้ามจะโตๆๆๆ เลยแหละ คิกๆ แค่กล้วยไม่พอผมเตรียมนมไว้ให้ลูกกินอีกแก้วนึงด้วย

   คิดได้แบบนั้นผมก็เปิดตู้เย็นที่ใหญ่ท้วมหัว เฮ้อ ผมละเบื่อที่จะต้องปีนขึ้นไปหยิบของที่อยู่ช่องบนสุดทุกที ทำไมนะ ทำไมตัวผมมีแค่นี้ ทั้ง ๆ ที่ผมก็กินนมกินกล้วยแถมต้มหัวปลาแทบทุกวัน มีแค่ผักที่ไม่ชอบกินแค่นั้นเอง ไม่ยุติธรรมเลยถ้าลูกผมตัวโตแถมลูกกว่าผมจะทำยังไง

   ผมชักลังเลแล้วสิว่าจะให้ลูกกินกล้วยกับนมดีไหม …

   “พ่อครับ”

   “ตะ ตกใจหมด”ผมสะดุ้งเอามือกำอก เมื่ออยู่ ๆ ไอ้บ้าเด็กไม้แม่งย่องมาด้านหลังเงียบๆ นึกว่ากุมารทอง!!! ฟู่ … ดีนะไม่หัวทิ่มตกลงไปไม่งั้น ได้กล่าวสวัสดีพื้นเป็นไงบ้างสบายดีไหม เนื้อแกแข็งดีเนอะดูสิหัวกูแตกเลย

   “ทำอะไรน่ะ ถ้าตกลงไปจะว่ายังไง” ว่าแล้วก็ค่อย ๆ ปีนลงมาจากเก้าอี้และมายืนแยกเขี้ยวใส่ไอ้เด็กผี

   “เข้ามาทำไม ทำไมไม่กินข้าว”

   “ลุงทาย…”

   “กูบอกให้มึงเรียกเขาว่าปู่ไง”

   “… ปู่ทายให้ผมมาตามครับเขาบอกถ้าไม่รีบไปกิน จะเทส่วนของพ่อให้มีมี่กิน” ผมมุ่ยปากก่อนจะยื่นกล้วยกับนมให้ไอ้เด็กบ้าถือไว้ก่อนจะคว้าปิ่นโตของตัวเองและของลูกผม เดินนำออกไปกินข้าวเช้าก่อนจะโดนเทให้หมาแดกซะก่อน

.

.

.

           



           

           “อ่อ คนนี้หรอ แหม โตเกือบเท่ามึงเลย แน่ใจหรือวะอายุแค่13 น่ะ”

           “ไอ้ห่าป๊อก เดี๋ยวกูกระโดดเตะก้านคอหลับเลย แม่ง!!!”  ผมยืนมองพ่อโทนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ...  เมื่อกี้ยังคุยโวกับผมอยู่เลยว่าตัวเองเป็นคนที่สูงที่สุดในห้องนี้แค่เพื่อนคนแรกที่ผมเห็นเขาก็สูงกว่าพ่อโทนเกือบศอกแหนะ ขี้โม้จังพ่อใครเนี้ย

   ผมมองไปรอบ ๆ โรงเรียนของพ่อโทนไม่ได้เป็นโรงเรียนที่ใหญ่มากนัก แต่เป็นโรงเรียนประจำจังหวัดที่มีตั้งแต่ชั้นอนุบาลยัน ม.6 ความจริงแล้วผมเคยมาแล้วรอบนึงตอนมาปรึกษาเรื่องเรียนต่อกับพ่อโทน แต่ผมก็ไม่ได้สนใจที่จะจดจำมากนัก ถึงวันนี้ผมต้องไปสำรวจตึกของพวกพี่โตบ้างแล้ว เผื่อจะได้แอบไปหาพ่อโทนบ้าง

           “ไงไอ้หนู โชคร้ายเนอะมีพ่อแบบนี้” ผมหน้านิ่งไม่ขยับเขยื้อนเมื่อเพื่อนพ่อผมที่ชื่อป๊อกเอามือมาวางบนหัวผม …ไม่ชอบเลยแฮะ … แต่ต้องอดทน ผมจะไม่แสดงออกก้าวร้าวต่อหน้าพ่อโทน … ลับหลังค่อยว่ากัน

           “ว๊ะ!ไอ้นี้พูดด้วยไม่พูดด้วยหยิ่งหรอวะ! โอ๊ย!!!”

ผลั๊ว!!!

           ผมแอบอมยิ้มสะใจเมื่อพ่อโทนกระโดดตบหัวเพื่อนตัวเองจนเสียงดังผลั๊วขึ้นสนั่นจน พี่สาว ม ปลายที่เดินผ่านไปมาสะดุ้งและรีบวิ่งหนีพ่อโทนมือหนักอันนี้ผมรู้อยู่แก่ใจดีและไม่คิดจะทดลองเหมือนนายป๊อกคนนี้

           “บังอาจแกล้งลูกกูไง ไปไอ้ไม้ไปเข้า ม. 1/1 นะ อ่อ และใครแกล้งจดชื่อมันว่า เดี๋ยวกูไปจัดการให้ ”

   ผมพยักหน้าและยกมือไม้พ่อโทนที่ทำหน้าปลื้มปริ่มอยู่ พ่อชอบให้ผมเคารพและชอบให้อ้อน เพราะทุกครั้งที่ทำเขาจะทำหน้าฟิน จมูกบาน แก้มแดง ปากยิ้มกว้าง จนแก้มพอง ๆ ของเขาแทบปริ มันเป็นภาพที่น่ารักมาก และผมก็ชอบเห็นมันบ่อย ๆ ด้วย

   พ่อโทนผละออกจากผมไปพร้อมกับทิ้งปิ่นโตอุนตร้าแมนไว้ที่ผม … สงสัยพ่อโทนจะชอบอุนตร้าแทนจริงๆแฮะ เอาเถอะ ยังไงผมก็ไม่เดือดร้อนอยู่แล้ว ดีแล้วที่พ่อโทนเค้าทำกับข้าวมาให้ผมทานที่โรงเรียนผมจะได้เก็บเงินที่ปู่ทายให้มา 30 บาทไว้ เก็บเล็กผสมน้อยเผื่อวันนึงจะกลายเป็นเงินก้อนโตได้

   “เฮ้ย … มึงเด็กใหม่หรอ ไม่เคยเห็นหน้ามาจากไหนวะ!”

    ผมเหลือบตามองตามเสียงก่อนจะเห็นเด็กผู้ชายตัวอ้วนใหญ่แต่เตี้ยกว่าผมยืนกร่างพร้อมกับลูกสมุนอีกสองคน … แค่วันแรก ผมก็โดนหาเรื่องซะแล้วหรือเนี้ย … เหมือนเมื่อก่อนจริง ๆ ที่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็จ้องแต่จะหาเรื่องผม คงเป็นเพราะร่างกายของผมที่มันใหญ่โตเกินหน้าพวกเขา จนทำให้พวกเขาอิจฉาละมั่ง

   “เฮ้ย!!! พูดด้วยไม่พูดด้วยเดี๋ยวปั๊ด!”

   “นายอ้วน!!!!”

   “ตายห่าล่ะเจ้ศรีมา … ฝากไว้ก่อนนะมึง” ผมไม่สนใจกับพวกกระจอกที่วิ่งหนีไม้เรียวของครูที่เดินมา ผมหันไปยกมือไหว้แกก่อนจะก้มหน้าลงต่ำ

   “เด็กใหม่ใช่ไหมเธอ เดี๋ยวครูจะพาไปเข้าแถว อยู่ชั้นไหนล่ะ”

   “ม.1/1ครับ”

   “เข้าแถวเสร็จและไปหาครูที่ห้องพักครูด้วยนะ”

   ผมพยักหน้าก่อนจะเดินตามครูไปยังไม่ทันที่จะเดินถึงแถวเสียงเพลงมาร์ช โรงเรียนก็ดังขึ้นซะก่อน อาจารย์จึงรีบให้ผมเดินตามแกไปที่สนามหญ้ากลางลานโรงเรียนที่ตอนนี้นักเรียนเริ่มพากันเดินไปเข้าแถว และในที่สุดผมก็มาอยู่ในแถวของตัวเอง…โดยที่อยู่หลังสุดเพราะตัวสูงที่สุดและผมไม่ได้แปลกใจที่ใครต่อใครต่างมองมาที่ผมเหมือนตัวประหลาด

.

.

.

           “เด็กใหม่!” ผมชะงักเท้าที่กำลังเดินไปหาครูที่ห้องพักหลังจากเลิกแถวแล้ว และดูเหมือนคนนักเรียนคนอื่นจะเข้าห้องกันหมดแล้วทำให้ชั้นทางเดินไม่มีคนอยู่เลย …จะว่าไปเสียงนั้นมันคุ้น ๆ เหมือนจะเป็นเสียงของแมงหวี่ที่บินมาตอมตามหลอดไฟ ผมหันไปมองไอ้หัวโจกอ้วนกับลูกน้องสองคนเดิมที่เดินก้าวเข้ามาหาผมอย่างกร่าง ๆ สรุปมันจะหาเรื่องผมให้ได้เลยใช่ไหม

           “มึงเด็กใหม่รู้จักกูรึยังวะ กูอ้วนคุม ม.1 ทั้งสายชั้น”

           “…” ผมแสร้งทำหน้างงใส่ ใครจะคิดว่าโรงเรียนเก่าหรือใหม่สถานการณ์ไม่ได้แตกต่างกันเลยแม้แต่น้อย

           “หน่อย ลูกพี่มันทำเงียบ” หมายเลข1 กล่าว

           “กวนตีนชัดๆเลยลูกพี่” โฮ่ะ หมายเลข 2 ตาม … นี้มันสเตปหลังตลกนี้หว่า

           “นี้มึงกวนตีนกูหรอ!!!!” ปิดท้ายด้วยหัวโจก

           “…” ผมไม่พูดอะไรเพียงแต่เหยียดยิ้มมุมปากให้มัน หึหึ ตลกชะมัดไอ้อ้วนกับแก๊งหมาขี้ก้างนี้



เพี๊ยะ!

           ผมหน้าสะบัดเมื่อหมัดกระจอกปะทะเข้ากับหน้าผมข้อหาหมั่นไส้เป็นการส่วนตัว เบาจัง ยังไม่ได้ครึ่งของ พ่อโทนเลย ผมเหยียดยิ้มให้มันอีกครั้ง ก่อนจะค่อย ๆ วางปิ่นโตและกระเป๋าหนังสือลงกับพื้นอย่างเบามือ ไอ้หัวโจกอ้วนทำท่าจะถลาเข้ามาหาผมอีก แต่ช้าไปปู่ทายสอนมาว่าถ้าคู่ต่อสู้มาไว ให้จงไวกว่า …..และจบเกมให้ไวที่สุด...

ผลั๊วะ!

           ร่างอ้วนล้มหน้าฟาดกับพื้นโดยที่เจ้าตัวทำอะไรไม่ได้ ทันทีที่ขาผมสะบัดเกี่ยวข้อเท้าจนอีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวสะดุดล้ม ร้องโอดโอยเลือดกำดาวพุ่งอยู่กับพื้น … ผมมองมันอย่างสมเพช จังหวะนั้นดูเหมือนไอ้ขี้ก้างสองคนก็ใจกล้าเหมือนกันเข้ามาจับผมล็อก ...แต่แรงเท่ามด ผมเลยสะบัดออกได้และจัดให้อีกคนละหมัด ลงไปนอนนับดาวกันเลย พอเห็นว่าหมดน้ำยาแล้ว ผมก็จะก้มเก็บของเพื่อไปหาครูที่นัดหมายไว้

           “ทำอะไรกันน่ะ!!!!”เสียงร้องไห้ระงมของไอ้3หัวโจก ขึ้นดังจนครูที่อยู่ในห้องพักครูที่ไม่ไกลมากนักเดินออกมาดู



           ให้ตายสิทำไมตอนผมโดนรังแกถึงออกมาดูกันไม่ทัน เฮ้อ … เป็นเรื่องจนได้ ปวดหัวชะมัด



 

           ผมนั่งกอดอกกระดิกเท้ามองไอ้ลูกชายตัวแสบที่มาโรงเรียนวันแรกก็ทำเรื่องซะแล้วภายในห้องปกครองที่แอร์ช่างหนาวเหน็บจับขั้วหัวใจวัยรุ่นโดยมีสายตาของครูฝ่ายปกครองนั่งจ้องไม่ละสายตา และอย่าคิดนะครับว่าพ่อทายผมจะรู้สึกกับเรื่องนี้ยังไง แค่โทรไปบอกว่าไอ้ไม้มีเรื่อง ก็หัวเราะล่าแถมยังเอ่ยชมมันไม่ขาดปากบอกว่ามันนิสัยเหมือนแกตอนสมัยห้าวเป้ง ลูกผู้ชายมันต้องอย่างงี้อย่างงั้น และบอกว่านี้มันเป็นหน้าที่ของผมให้ผมจัดการเองแกไม่เกี่ยว ให้ตายเหอะ นั้นพ่อนะ แต่นี้ลูกผม!!! ใครจะอยากให้ลูกตัวเองมีเรื่องตอนกำลังเรียนอยู่วะ และนี้ก็วันแรกนะ นี้แค่วันแรก!!!!

           “มีอะไรจะแก้ตัวไหมไอ้ไม้”ผมถามมันขึ้นในขณะที่พ่อแม่ของไอ้เด็กสามคนนั่งหน้ายักษ์มองมาที่ผมอย่างหยาบคาย เดี๋ยวกูก็หนุมานถวายแหวนให้หลับซะนี้ ไอ้ห่ามองจัง

           “ไม่ครับ”

           “ฮึก แม่จ้า มันทำอ้วน อ้วนเจ็บ” อ้าว ไอ้นี้ก็สำออย แค่หน้าฟาดพื้นเลือดกำกาวไหลทำเป็นคุย หน้าลูกกูก็บวมเหมือนกัน ชักหมั่นไส้ละ อีกอย่างผมเชื่อว่าลูกผมไม่ได้เริ่มก่อน … วัน ๆ มันคุยกับใครที่ไหน

           “นี้ไอ้หนู เล่นเป็นพ่อลูกกันหรือไง ทำไมไม่ตามพ่อมา ฉันจะเรียกร้องค่าเสียหาย” ผมหันไปค้อนพ่อไอ้เด็กลูกขี้ก้างที่นั่งเอาน้ำแข็งประคบหน้าอยู่ก่อนจะกัดฟันกรอด

           “ขอโทษนะลุง นี้ลูกผม และถ้ามีอะไรก็คุยตรงนี้เลย” ผมว่า ไม่ได้ตั้งใจจะหยาบคายกับผู้ใหญ่ แต่ในเมื่อผู้ใหญ่หน้าเงินไม่ถามเหตุการณ์ว่าอะไรเป็นอะไรก่อน ผมก็ไม่ควรจะนับถือ ถ้าอยากได้เงินมากนัก เดี๋ยวพ่อจ่ายด้วยลำแข้งสักป๊าบสองป๊าบ

           “ว๊าย ตายแล้วจะบ้าหรอ เธออายุเท่าไหร่ถึงมีลูกโตขนาดนี้ ลูกแม่อย่าไปฟังลูก โอ๋ๆเจ็บไหมจ๊ะ ดูสิบวมใหญ่เลย ฉันจะแจ้งตำรวจ!!!” เจ้แม่ไอ้เด็กอ้วนนั้น มั่นหน้าแจ้งตำรวจหรอ ก็ได้ถ้าจะแจ้งผมขอจับหน้ากระแทกพื้นอีกสักทีจะได้คุ้ม ๆ กับค่าปรับและนอนคุก

           “นี้คุณ ไม่คิดจะถามลูกคุณหน่อยหรอว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไหนไอ้ไม้เล่าสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น ห้ามตอแหลไม่งั้นกูนี้แหละจะชกมึงให้กลายเป็นกระสอบทราย”

   ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย ไม่สนใจอาจารย์ปกครองที่นั่งหน้าเคร่งเครียด คนอย่างผมเล่นคือเล่นแต่ถ้าจริงจังขึ้นมาเมื่อไรผมไม่เล่นกับใครทั้งนั้น นี้คือลูกผมและถ้าใครมาใส่ร้ายลูกผมผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน และผมเชื่อว่าไอ้ไม้ไม่ทำใครก่อน เด็กอย่างมันนิ่งเกินไปจะทำร้ายใครก่อน

           “ผม…”

           “กูย้ำอีกทีนะ ถ้าโกหกมึงได้เห็นดีกับกูแน่”

           “แง แม่จ๋า มะ มัน…”

           “เงียบไอ้อ้วน!!!!!” ผมตวาดลั่นไอ้เด็กอ้วนซุกอกแม่มันทันที ภายในห้องเงียบสนิทลง บอกแล้วอย่าให้กูโมโห ถ้าโมโหอ่ะเรื่องใหญ่

           “ผมจะไปห้องพักครูตามที่ครูศรีบอกไว้ แต่ระหว่างทางพวกเขามาหาเรื่องผม ผมแค่ป้องกันตัว”

           “จริงรึเปล่า ?” ผมหันไปถามไอ้สายหนอจิ๊กโก๋เด็กที่กร่างทั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยที่ซุกอกพ่ออกแม่มันอยู่ด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

           “กูถามว่าจริงรึเปล่า”ผมถามย้ำขึ้นอีกครั้ง ไอ้เด็กอ้วนบ่อน้ำตาแตกร้องไห้ออกมายกใหญ่ทันที ผมเหยียดยิ้มก่อนจะหันไปหาครูปกครอง

           “แค่นี้ลูกผมก็ไม่ผิดแล้วใช่ไหมครับครู”ครูปกครองเหยียดยิ้มให้ผมนิดนึงก่อนจะส่ายหน้า

           “ยังไงก็ผิดที่ใช้กำลังกันเข้าใจรึเปล่านายโทน แต่คุณพ่อคุณแม่คะ ถือซะว่าเรื่องของเด็กทะเลาะกันยอมกันเถอะนะคะ เพราะอย่างไรหากสืบสาวเรื่องกันจริง ๆ จะผิดทั้งคู่กรณี ซึ่งดิฉันเกรงว่าจะไม่ดีนัก” ครูพูดอย่างใจเย็น ใช่ครับ เรื่องนี้ผิดทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับว่าใครผิดมากผิดน้อย ผมเลิกคิ้วมององค์ประชุมลอบห้องก่อนที่ต่างฝ่ายต่างอ่อนลงและยอมความกันในที่สุด เพียงแค่ว่าอย่าให้มีซ้ำสองเท่านั้น ผมลุกขึ้นและฉุดไอ้ไม้ให้เดินตามออกมาด้วย … เฮ้อ นี้สินะหน้าที่ของคนเป็นพ่อ

           “พ่อโท…”

ผลั๊ว!!!

           ยังไม่ทันพ้นห้องปกครองดี ผมหันไปตบซ้ำรอยแผลเดิมของไอ้ไม้ … เอาให้จำจะได้ไม่ทำอีก!!! มันหน้าสะบัดไปอีกทาง และนิ่งงันไป ดูเหมือนเสียงจะดังจนในห้องปกครองผวากันพอสมควร ครูฝ่ายปกครองถึงกับกุมขมับส่ายหน้าไปมาและชี้ไม้เรียวมาทางผมอย่างคาดโทษ

           “นี้แค่สั่งสอน ถ้ามีอีก เจอหนักกว่านี้” ผมว่าก่อนจะเดินออกมาไม่สนใจมันอีก โมโห ยอมรับว่าโมโหมาก ถึงมันจะป้องกันตัว แต่มีหลายวิธีกว่านี้ในการหลบหลีก การยอมไม่ใช่ว่าไม่ขี้ขลาด และไอ้ไม้ไม่รู้จักข้อนี้ ผมยอมให้ลูกผมมีเรื่องได้แค่บนสังเวียนมวยเท่านั้น … ผมจะไม่สอน แต่จะให้มันซึมซับและสำนึกด้วยตัวเอง

.

.

.

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

   ทาย โค้ชใหญ่ ชายผู้ที่ทั้งรูปร่างหน้าตาลักษณะสมชายชาตรีไทยอย่างแท้จริง น้อยคนนักที่จะรู้ประวัติการชกของเขาอย่างแท้จริง เพราะไฟล์สุดท้ายที่เค้าขึ้นชกคือระดับโลกในรุ่นเฮวี่เวทแต่กลับถูกคู่ต่อสู้ที่ชกพลาดเข้าจุดสำคัญจนเกือบเป็นอัมพาตยังโชคดีที่สามารถกายภาพบำบัดทำให้กลับมาเดินได้วิ่งได้ แต่ร่างกายนั้นก็ยังคงไม่เหมือนเดิมเขาจึงเปลี่ยนตัวเองจากผู้ชกมาเป็นครูฝึกสอนเสียเอง โดยเปิดเป็นค่ายมวยเล็กๆ ซึ่งในประวัติที่โลกลืม เขามีภรรยาหนึ่งคนที่จากไปด้วยโรคประจำตัวและลูกน้อยอีกหนึ่งที่ทั้งน่ารักและหน้าเตะไปด้วยในคนเดียวกัน

           “ครูทายคะ ครูทาย”



โฮ่งๆๆๆๆ



           เสียงมีมี่เจ้าหมาพันธุ์ทางเห่าขู่คนแปลกหน้าที่มาร้องตะโกนอยู่หน้าบ้านทำให้พ่อทายที่กำลังม้วนยาเส้นดูเจ้าแสงซ้อมเตะกระสอบทราย และเตรียมจะด่าในท่าทีเหยาะแหยะของเจ้าแสง ต้องหันกลับไปมองที่หน้าบ้านก่อนจะรีบวิ่งออกไปไล่เจ้ามีมี่ให้ไปหลังบ้าน พร้อมเปิดประตูรั้วต้อนรับให้ชายหญิงคู่หนึ่งที่มาจากสังคมสงเคราะห์จังหวัดใกล้เคียงให้เข้ามาภายในบ้าน

           “อุตส่าห์มากันถึงนี้ขอบใจมาก เข้ามากินน้ำกินท่าก่อน ค่อยคุยกันก็แล้วกันนะ”

   เขาว่าก่อนจะเดินนำเข้าไปในลานบ้านข้าง ๆ พื้นที่ซ้อมมวย ซึ่งมีต้นหูกวางต้นใหญ่ปลูกไว้เพื่อบังแดดและสร้างความร่มรื่น ก่อนจะพาแขกมานั่งพักบ่นแคร่ไม้ไผ่และออกคำสั่งให้เจ้าแสงไปจัดแจงหาน้ำหาท่ามาให้แขกแก้กระหายเสียก่อน

           “น้องไม้เป็นยังไงบ้างคะลุง”

           “ก็สบายดีนั้นแหละ นี้พ่อมันก็ดูแลอย่างกับไข่ในหิน แต่ข้าชักไม่แน่ใจแล้วว่าใครดูแลใคร ฮ่าๆๆๆ” พ่อทายหัวเราะเสียงดังออกมาทำให้สองหนุ่มสาวพลอยหัวเราะตามไปด้วยถึงจะไม่เข้าใจก็เถอะ

           “วันก่อนเห็นเจ้าโทนบอกอยากได้น้องไม้ไปเป็นนักมวยในค่าย ผมยังงงๆอยู่แต่พอเอ่ยชื่อลุงผมก็ยอมให้เขามา เพราะถึงอย่างไร ลุงเองก็เป็นคนมีชื่อเสียงมาก วันนี้ที่ผมมาก็อยากจะมาให้ลุงช่วยเซ็นต์ใบยืนยันว่าอยากจะให้น้องไม้มาเป็นลูกบุญธรรมจริง ๆ น่ะครับ”

           “ความจริงข้าก็ไม่ใช่พ่อมันหรอกนะ ถูกยัดเหยียดให้เป็นปู่ แต่ก็นั้นล่ะนะตามกฎหมายข้าก็ต้องรับรองใช่ไหมล่ะ เอ้อ และวางใจได้ข้าจะไม่ให้มันอด ๆ อยาก ๆ หรอก”

   พ่อทายลงมือเซ็นต์รับรองบุตรบุญธรรมไปก็บ่นบลา ๆ ตามภาษาแกไปด้วยสร้างความโล่งใจให้แก่เจ้าหน้าที่ทั้งสอง ไม้เป็นเด็กเรียนดีหัวไวร่างกายที่เติบโตไวกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน เหมาะกับสถานที่นี้อย่างยิ่งและที่โล่งใจไปอีกคือคนบ้านนี้มีจิตใจเมตตากันทุกคน ยิ่งคนตรงหน้ายิ่งไม่ต้องพูดถึงใครไม่รู้จักพ่อทายครูมวยไทย คงไม่ใช่คนแถวนี้อย่างแน่นอน

   “เอ๊าล่ะ แค่นี้ใช่ไหม มีอะไรอีกไหม ?”

   “ไม่มีแล้วครับลุง ยังไงถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมาตามนามบัตรนะครับ”

   พ่อทายรับนามบัตรมาก่อนจะที่แขกทั้งสองคนจะพากันขอตัวกลับไป สำหรับการรับเลี้ยงบุตรนั้นถือเป็นเรื่องยากเพราะต้องดูถึงความเหมาะสมและอีกหลาย ๆ เรื่องประกอบกัน แต่ในเมื่อคนที่ไปรับมาก่อนหน้านี้มีเครดิตดีและสามารถไว้วางใจได้ คงไม่มีปัญหาอะไรที่จะไปขีดกั้นอนาคตของเด็กคนหนึ่งไว้ อีกอย่าง ทั้งเจ้าเมฆที่เป็นนักมวยประจำค่ายนี้ก็มาจากสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ทั้งสิ้น

   “มึงไม่ต้องไปบอกไอ้โทนมันนะ”

   “ทำไมอ่ะจ๊ะลุง” เจ้าเมฆที่ยืนอยู่ด้านหลังพูดขึ้น พ่อทายถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินเข้าบ้านไปไม่วายบ่นหงุงหงิงอย่างหนักใจไปด้วย

   “มันอยากเป็นพ่อก็ให้มันเป็นไป กูไม่ไปแย่งมันหรอก”

   “แหมะ! บอกก็ด่าก็บ่นแต่ก็ตามใจมันตลอดเวลาแหละเนอะ ฮิฮิ” เจ้าแสงหัวเราะคิกคักออกมาแต่ก็ต้องหยุดชะงักเงียบปากลงเมื่อเจอสายตาพิฆาตจนต้องหงอและเดินตามหลังแกไปพร้อมกับเจ้าเมฆโดยไม่รู้ว่าพ่อทายปลงอานิจังกับตัวเองมาตั้งนานแล้ว



   ‘จะพ่อหรือจะปู่ยังไงกูก็ต้องดูแลมันทั้งคู่แหละวะ’



.

.

.



           “สั่งดิ มองหน้าอยู่ได้” ผมเบ้ปากบอกกับไอ้ลูกบ้าที่นั่งมองหน้าผมอยู่ได้ไม่ยอมสั่งไอติมกินสักที

           หลังเลิกเรียนผมลากมันมาที่ร้านไอติมในตลาด ร้านนี้อร่อยนะมีหลายรสด้วย ไม่อยากจะคุยผมมากินจนเจ้าของเขาเพิ่มไอติมให้ตั้งลูกนึงแหนะ อิอิ อร่อยกว่าในห้างอีกแถมไม่แพงด้วย แบบนี้ไอ้ลูกผมมันจะกินสักเท่าไรก็ได้แต่บอกไว้ก่อนนะมีงบแค่ 50 บาท ฮิฮิ ถ้ากินเกินงบก็นั่งล้างจานแล้วกันนะลูกรัก

           “ป้าจ๋า หนูของกะทิกับสตอเบอรี่นะใส่ข้าวเหนียวกับลูกชิดแล้วก็มะยมดอง”

           “ไม่มีมะยมดองโว้ยอยากแดกไปแดกร้านอีหมวยโน้น!!!”

           “แหม ล้อเล่นหรอกน๊า อิอิ” โดนด่าแล้วสดชื่นจริงๆ

   ผมหัวเราะคิกคักก่อนจะหันมามองไอ้เด็กบ้าที่ยังจ้องผมไม่เลิก แก้มก็บวมตุ่ยขนาดนั้นยังทำซ่าอีก อุตส่าห์พามาเลี้ยงปลอบใจแล้วนะหรือว่าโกรธที่ผมตีซ้ำนะ ก็มันน่าไหมล่ะว่าเรียนวันเดียวเป็นเรื่องเลยอะ ผมไม่เตะแถมอีกทีก็ดีถมแล้ว

           “เป็นไรโกรธกูหรอ”

           “เปล่าครับ”

           “แล้วทำไมไม่กินอ่ะ”

           “ผมไม่ชอบกิน”

           “และทำไมไม่บอก”

           “…”

           “งั้นลองกินกับกูก่อนก็ได้ อ่ะมาพอดี อ่ะ กินสิ” ผมตักไอติมในถ้วยยื่นไปให้ตรงปากช้ำ ๆ ของเจ้าไม้ เด็กนั้นทำหน้านิ่งมองผมก่อนจะยอมงับช้อนผมเข้าไปในปากและกลืนอย่างรวดเร็ว ... บร๊ะ ไอ้นี้ไม่ยอมลิ้มรสสัมผัสเลยให้ตายสิ แง๊ม!

           “อร่อยไหม” มันไม่ตอบ … เป็นอะไรของมันผมชักหงุดหงิดแล้วนะ!!! ถ้าโกรธก็บอกจะได้เตะซ้ำอีกทีให้หาย นิ่งเป็นหุ่นอยู่ได้น่ารำคาญ!!!!

           “ไอ้โทนนี้ใครวะ ผัวเอ็งหรอ” ไอติมแทบพุ่งเมื่อป้าแกมากระซิบข้างหูผม ผัวเผออะไร! นี้ลูก ลูกโผ้ม!!!! และอีกอย่างผมผู้ชายนะเผื่อใครยังไม่รู้ กูผู้ฉ๊ายยยยยยยยยยย!!!!!

           “ลูกผมป้า!!!!”

           “ห๊ะ กูไม่เชื่อ!!! อย่ามามึง กินเด็กก็บอกข้ามาว่าแต่ไอ้หนุ่มนี้หน้าตาใช่ได้นี้หว่า ถ้าไม่ใช่ผัวเอ็งงั้นมาเป็นผัวป้าไหมลูก” ผมรีบเข้าไปแทรกกลางเมื่อป้าแกจะมาหอมแก้มลูกผม ไอ้นี้ก็แข็งเป็นท่อนไม้ไม่หือไม่อืออะไรเลย แง๊ม เดี๋ยวปั๊ดกัดหูซะนี้

           “บร๊ะ! ขัดใจกูจัง เออ ๆ ไม่ต้องทำหน้าขู่กูแบบนั้นหรอก เอ้อ! ว่าแต่พ่อเอ็งล่ะว่างหรือยังข้ารออยู่” ผมย่นจมูกใส่ป้าแกทันที ทำไมป้าถึงไม่รู้จักแก่บ้างเลยนะอายุอานามก็จะ 50อยู่และยังแต่งตัวแซ่บเป็นเสาตกน้ำมันอยู่เลย บรึ้ย อย่าหวังจะมาเคมพ่อผมเลย พ่อทายอ่ะรักแม่มะลิคนเดียววววว!

   พอป้าแกเดินไปเฝ้าหน้าร้านอย่างเดิมผมก็กลับมานั่งกินไอติมที่ของตัวเองป้อนลูกคำตัวเองก็กินคำ ไอ้นี้ก็ทำหน้าเป็นศพตายด้าน อ้าปากเมื่อผมยื่นช้อนไปให้นอกจากนั้นก็เอาแต่จ้องผมอย่างเดียว เดี๋ยวปั๊ดต่อยให้ปากเขียวอีกข้างเลยนิ ไม่น่ารักเอาซะเลยไอ้ลูกไม้เนี้ย!!!

.

.

.



           “ไอ้ไม้เดี๋ยวก่อนนอนไปสวดมนต์ที่ห้องพระนะ ข้าจะสอนเอ็งสวดชินบัญชร”ลุงทิมเอ่ยชวนเจ้าไม้ที่นั่งกินข้าวร่วมวงอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาที่ลานหน้าบ้าน ผมเบ้ปากนิดๆเพราะมันไม่มองหน้าผมเลย ชิ โกรธจริง ๆ สินะ

           “น้องโทนเป็นอะไรไม่ยอมกินข้าว” ผมหันไปส่ายหัวและก้มกินข้าวในจานตัวเองเงียบๆเหลือบมองไอ้บ้าไม้ก็ยังไม่มองผมอีก ทำไมไม่มองผมล่ะ เมื่อตอนเย็นยังจ้องเขม็งแท้ ๆ พอกลับมาบ้านก็ไม่มองผมเลย

           “ที่เอ็งโทรมาบอกข้าเมื่อตอนกลางวันว่าไอ้ไม้มีเรื่องเป็นไงบ้าน ทางโน้นเขาเอาเรื่องไหม”

   ผมส่ายหน้าแทนคำพูดแต่ก็ยังไม่เงยหน้าจากจานข้าวในตักตัวเองและอยู่ ๆ ข้าวผมก็มีน้ำใสหยดลงไปบนช้อนเฉยเลย ผมรีบเช็ดมันออกและนั่งกินเงียบ ๆ ต่อไปไม่คุยกับใคร นอกจากจะเหลือบมองเจ้าลูกบ้าที่เอาแต่คุยกับลุงทิมและลุงจันทร์เรื่องพระกับเรื่องมวยแต่ไม่สนใจผมเลย

           จะโกรธอะไรนักหนาก็ไม่รู้ผมแค่ต่อยเองนะ ก็เจ้าเด็กบ้าทำผิดอะ ไปมีเรื่องได้ยังไง ผมไม่ได้ทำรุนแรงสักหน่อย แถมตอนเย็นผมก็พาไปกินไอติมแล้ว ยังไม่พอใจอีกหรอไง ไอ้เด็กเรื่องมาก ฮึก แกล้งพ่อตัวเองแบบนี้น่าจับมาเตะซะให้เข็ด ผมแค่อยากให้รู้ว่าถ้าทำแบบนี้อีกผมจะโกรธมากๆและจะต่อยก็แค่นั้นเอง ไม่เห็นต้องเย็นชาอย่างงั้นเลย ไอ้ลูกบ้า!!!

เคร้ง!

           ผมวางช้อนก่อนจะลุกขึ้นเอายกชามของตัวเองเดินออกมาไม่สนใจเสียงใครต่อใครเรียกเลี่ยงขึ้นมาห้องตัวเองและวางจานข้าวไว้โต๊ะเขียนหนังสืออย่างหงุดหงิด ไอ้เด็กบ้านั้น ผมต้องทำให้มันรู้ให้ได้ว่าผมโกรธมันนะถ้ามันยังเป็นแบบนี้อยู่เรื่องอะไรมาตีมึนกลับโกรธผมแบบนี้อ่ะ!!!!

           “พ่อโทน…” ผมหันไปมองก่อนจะเบ้ปากกระบอกตาร้อนผ่าวเมื่อเห็นเจ้าของเสียงเดินเข้ามาในห้อง

           “มะ มะ มีอะไร ตามมาทำไม ไม่อยากคุยไม่ใช่หรอไง”

           “ผมไม่ได้โกรธพ่อโทน แต่ผมแค่น้อยใจ”

           “น้อยใจ ? น้อยใจทำไม ที่กูต่อยมึงอ่ะหรอ!” ผมเผลอตะคอกเสียงดัง

   ผมไม่ได้ตั้งใจแต่น้ำตามันจะไหลผมเลยต้องใช้เสียงกลบมัน ไอ้เจ้าไม้บ้ามันก็พยักหน้าและก้มหน้านิ่ง … จริงๆด้วย มันโกรธผมเพราะผมต่อยมันนี้เอง … ผมทำแรงไปหรอ ผมว่าผมต่อยมันเบา ๆ นะ … อยากขอโทษ

           “ผมรู้ว่าผมผิด แต่คนเดียวที่ผมไม่อยากให้เกลียด โกรธ หรือทำร้ายผม … คือพ่อโทน … ถือซะว่าเป็นข้อเดียวที่ผมขอได้ไหมครับ … ยะ อย่าตีผมอีกเลย”

   ผมใจอ่อนฮวบรู้สึกตัวอีกทีก็เดินไปกอดมันแล้ว … ความจริงผมน่าจะรู้ว่าไอ้เด็กนี้ผ่านอะไรมาบ้าง พ่อแม่ตายต่อหน้าต่อตา ไม่บ้าก็ถือว่าเข้มแข็งมากแล้ว และนี้ผมกลับไปทำให้จิตใจของเด็กคนนี้แย่ลงไปอีก … บางทีนะบางที ผมอาจจะเป็นพ่อคนไม่ได้ …

           “ผมไม่โกรธพ่อโทน … และไม่คิดจะโกรธด้วย เพราะงั้นอย่าร้องไห้เพราะผมอีกนะครับ” ไอ้เด็กบ้า! ยิ่งพูดผมก็ยิ่งร้องสิวะ … ฮึก …

           “ก็ได้ จะไม่ตีแล้ว ต่อจากนี้กูจะไม่ตีมึงแล้ว ความจริงกูไม่รู้ว่าต้องสอนมึงยังไงด้วยซ้ำ แต่ต่อไปนี้กูจะไม่ตีมึง และกูก็จะเรียนรู้ความเป็นพ่อคนด้วย อย่าน้อยใจนะ อย่าน้อยใจ” ผมว่าไปก็เอาหน้าตัวเองถูกับผมนิ่ม ๆ ของไอ้เจ้าไม้ไปด้วย ผมมันนุ่มและหอมมาก ไอ้เด็กนี้ไม่ร้องไห้สักแอะ มีแต่ผมที่ร้องเป็นบ้าเป็นหลังอยู่คนเดียว …

   ผมคงได้รับบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่แล้วล่ะ …

           แต่ผมก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ ว่าคนเป็นพ่อเค้าจะสอนลูกกันยังไง … ผมคงต้องเรียนรู้อีกมาก แต่ยังไง ผมก็จะเป็นพ่อที่ดีของลูกให้ได้



   ฮึบ พ่อโทนไฟล์ติ้ง!!!!



///////

สู้ๆ นะคะคูนพ่อววววววววววว

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

ตอนที่ 4 ความฝันของพ่อโทน

   กระเตง กระเตง กระเตง นั้นคือเสียงของ ม้าไม้ของผม อิอิ น่ารักมากเลยนะ วันนี้วันเสาร์ผมตื่นมาไม่มีอะไรทำเลยผมตอกม้าไม้ให้ไอ้เจ้าลูกผมแหละ ดูสิเหมือนหมา เอ้ย เหมือนม้าฟุดๆ ดูดิมือผมถลกหมดเลย อิอิ แต่ก็ภูมิใจอ่ะ ผมกะเตงม้าไม้ที่ผูกกับเชือกฟางเดินไปหน้าบ้านเห็นพ่อทายกำลังยืนคุมเจ้าไม้เตะกระสอบทรายอยู่ก็กระเตงม้าไม้เข้าไปหาเจ้าไม้ แต่พ่อทายกลับหันมามองแปลก ๆ ผมทำหน้าง๊าวใส่ก่อนจะกะเตงม้าไปหาเจ้าไม้

   “ตัวห่าอะไร โอ้ย ไอ้โทนนนนนนน” ผมแกล้งเหยียบเท้าพ่อก่อนจะวิ่งลากเจ้าโทนออกมาจากบ้านโดยมีมีมี่วิ่งตามหลังมา ฮ่าๆๆๆ อยากว่าผมทำไมอ่ะ ม้าผมออกจะน่ารักไม่ห่าสักหน่อย

   “จะไปไหนครับพ่อโทนและม้าไม้นั้นอะไร มือไปโดนอะไรมา” โว๊ะถามมากจริง ผมเบรกหันไปมองไอ้ลูกบ้า ชิ ถามอะไรเยอะแยะเดินตามมาก็จบเรื่อง ไม่อยากไปกับผมหรอไง ผมพ่อมันนะ!!!! มันมองหน้าผมนิ่งก่อนจะเหยียดยิ้มและเขย่งตัวนิดหน่อยมาจิ้มแก้มผม

   ฟู่!!!! ลมออกหมดเลยอุตส่าห์จะเป็นปลาปักเป้านะ!!!! ผมงับเข้าที่นิ้วมันก่อนจะยื่นม้าไม้ส่งไปให้ เจ้าตัวมองก่อนจะยิ้มกว้างและรับไป

   “กูทำให้ ขี่สิขี่ อุตส่าห์ตอกจนเจ็บมือหมดแล้วไม่ขี่โกรธนะ รู้ไหมทำพ่อตัวเองโกรธมันบาป” ไอ้เด็กบ้าไม่สะทกสะท้านยังคงยิ้มแป้นอยู่ น่ารักอ่ะ … ไม่สิ ไม่น่ารักสักนิด เทียบกับมีมี่ยังไม่ได้เลยยยยยย!!!!

   “ยิ้มอะไร!” ผมยื่นมือไปหยิกแก้มของมันจนยืดออก

   “ผมขี่ก็ได้ แต่พ่อโทนต้องซ้อนนะ”

   “อะไรเล่า ทำให้แล้วยังจะเรื่องมากอีก … ไม่ต้องทำหน้างั้นเลย จะเข้ายังไงเชือกมันเข้าไปได้คนเดียว”

   “แบบนี้ครับ” อ่ะ …. จะ จับมือ… นี้เป็นครั้งแรกรึเปล่าที่เจ้าไม้จับมือผม … หึหึ รู้สึกดีโคตร นี้สินะสัมผัสของคนเป็นพ่อววววววววววววววว!!!!

   “ไอ้โทน!” ผมชะงักขณะที่กำลังยืนมองลูกชายสวมม้าไม้อยู่หันไปมองไอ้คู่อริที่ไม่ค่อยถูกกันนักในย่านนี้ ผมแค่น่ารักกว่าแหละเอาจริง

           “ไอ้โจ๊ก วันนี้ก็ไม่มีเวลามาเล่นกับเอ็ง จะไปไหนก็ไป” ผมว่าพร้อมกับลากไอ้ไม้ที่จับมือผมอยู่ผ่านหน้ามันไป แต่แล้วสิ่งที่ไม่น่าให้อภัยมันก็เกิดขึ้นเมื่อไอ้บ้าโจ๊กมันเตะก้นผมดังป๊าบและวิ่งหนีไป อ๊ากกก

           “พ่อโทน …” ผมที่กำลังจะวิ่งตามไอ้บ้านั้นไปชะงักเมื่อไอ้ไม้รั้งตัวผมไว้ ฝากไว้ก่อนเหอะถ้าไม่ติดว่าจะเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่ลูกผมล่ะก็ไอ้บ้าโจ๊กไอ้เละเป็นโจ๊กสมชื่อแน่ เชอะกล้าดียังไงมาเตะผม!



           ผมพาไม้มาที่คันนา ที่นี้อากาศดีมีลุง ๆ ป้า ๆ มีทำนาเกี่ยวข้าว แถมมีอาหารอร่อยด้วย อิอิ ก็พวกลุงๆป้าๆเค้าจะพกข้าวมานี้หนา แล้วของแต่ล่ะคนนี้แค่น้ำพริกก็ฟินแล้วอ่ะ ยิ่งน้ำพริกป้าปูนี้นะ โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย!!!! อร่อยมาก ผมขอสูตรแกหลายทีแกไม่ยอมให้แกบอกเอาไว้ผมโตมีผัวก่อนแกถึงจะบอก ตอนนั้นนะผมโกรธแกแทบตาย ดีเลยวันนี้เอาไอ้ไม้มาด้วยต้องเอาไปแนะนำสักหน่อย อิอิ

           “พ่อโทน” ผมหันไปมองก่อนจะเห็นเจ้าไม้ที่สวมม้าที่ผมทำให้ทำหน้านิ่งใส่ ไอ้เด็กนี้ผมเริ่มเกลียดสีหน้ามันแล้วสิ หน้านิ่ง ๆ แบบเนี้ยผมต้องเสียเวลาถามอีกว่ามันรู้สึกยังไง ทำไม อะไร ที่ไหน โว๊ะ เดี๋ยวพ่อก็งอนซะนี้

           “มีอะไร … มือหรอ กูไม่ใช่หมานะ!!!!” ผมด่ามันแต่ก็ยอมวางมือบนฝ่ามือที่มันยืนออกมาให้ ก็บอกว่าไม่ใช่หมาไงเหล่า!!!! อะเด๊ะ … พาสเตอร์ลายอุนตร้าแมน …

           “ขอบคุณนะครับ ที่ทำม้าไม้ให้ … ดูแลตัวเองนะครับพ่อ ไม้เป็นห่วง”… ให้ตายเถอะโรบิ้น ฟินเป็นบ้า …

           “ป้าปูคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ” ผมวิ่งลงไปในทุ่งนา เมื่อส่องเห็นป้าปูกำลังดำนาอยู่ อุ้ยๆ จะหล่น อ่ะ จับหัวไอ้ไม้ไว้ได้พอดี ฮิฮิ

           “อ้าวเจ้าโทน พาใครมาด้วยล่ะนั้น” ป้าปูเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับป้าๆลุงๆ

           “ลูกโผ้มมมมมมมมมมมมม”

           “ไม่เชื่อ!!!!!!” ผมบุ้ยหน้าเมื่อป้าๆลุงๆพูดขึ้นพร้อมกับ ใช่ซิ๊!!!!

           หลังจากนั้นกับเจ้าไม้ก็ร่วมกินข้าวกับป้า ๆ ลุง ๆ กลางนาที่มีเจ้าทุยกำลังเล็มหญ้าอยู่ในระหว่างนั้นผมก็เล่าเรื่องเจ้าไม้ให้ฟังเกือบหมด แต่เจ้าตัวก็เอาแต่นั่งนิ่งคอยมองควายเป็นระยะๆ อะไรนี้ลูกผมกลัวควายหรอ อุ้ยๆ มีเรื่องให้ล้อแล้วแหละ หึหึ เสร็จโจร

           “ไม้ลองขี่ควายหน่อยไหม ? เดี๋ยวกูสอนให้”

           “เจ้าโทน ไม่ดีมั่ง อารมณ์วันนี้ของไอ้แดงมันไม่ค่อยดี” ผมหันไปมองลุงชาติก่อนจะยิ้มให้อย่างมั่นใจ ระดับไอ้โทนขี่ควายมาตั้งแต่เด็กๆ แค่สอนลูกตัวเองมันจะไปยากอะไร

           “ไม่เป็นไรหรอกน่าป้า ลูกผู้ชายต้องลองสักครั้งในชีวิต มาลุกขึ้นมาไอ้ไม้”

    ผมจับมือไอ้ไม้ที่ไม่พูดไม่จาเดินเข้าไปหาไอ้เด็กที่นอนหมอบอยู่ พอผมเดินเข้าไปหาไอ้แดงก็ลุกพรวดก่อนจะเข้ามาคลอเคลียผมเหมือนมีมี่ มีมี่พอเห็นไอ้แดงคลอเคลียผมก็ไม่ยอมแพ้เอาหัวมาถูๆขอผมบ้าง แหม เรานี้เสน่ห์แรงจริงๆ ผมพูดคุยกับไอ้แดงแปปนึงก็ให้ไอ้ไม้เอามือไปลูบหัวไอ้แดงบ้าง ทำความคุ้นเคยซะก่อนนะ เดี๋ยวจะถูกมันดีดลงมาแข้งขาหัก ตอนนั้นผมต้องโดนพ่อกระทืบแน่ แง๊ม!!!

   “อ่ะ ขึ้นได้” ผมบอกเจ้าไม้ เจ้าไม้ก็กล้าๆกลัวๆ ไอ้เด็กนี้ไม่เคยกลัวอะไรมากลัวควายเนี้ยนะ อยากจะขำให้ฟันหัก แต่ยังก่อนถ้าขำตอนนี้ไอ้เด็กนี้ต้องไม่ขึ้นแน่ๆ

   เนื่องจากเจ้าแดงค่อนข้างสูงเลยลำบากนิดหน่อย ป้าปูกับลุงชาติที่เป็นเจ้าของไอ้แดงลุกขึ้นมาคอยคุมเชิงอยู่ด้านหน้า พอผมส่งเจ้าไม้ขึ้นไปได้ ก็กระโดดขึ้นตามไป อ้า บนหลังควายนี้ทำให้ผมมองโลกทั้งโลกเปลี่ยนไปจริงๆนะ

   “กลัวอยู่รึเปล่า” ผมถามขึ้นเสียงเบาๆ ไอ้ไม้ที่อยู่ด้านหน้าส่ายหัวไปมา ไม่กลัวห่าอะไรตัวสั่นเป็นลูกนกขนาดนี้ ผมเม้มปากอย่างคิดคำนึงว่าจะทำให้ยังให้ลูกผมหายกลัว …

   

 ปัง!!!!!



           “เฮ้ยยยยย!ไอ้แดง!!!! ไอ้ไม้!!!!!”

           เสียงอะไรสักอย่างดังสนั่นขึ้นลั่นนา นาทีนั้นผมจำได้ว่าผมตะโกนสุดเสียงและจากนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเจ้าแดงเป็นยังไงรู้แต่ว่าผมกับลูกถูกสะบัดตกลงมาอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัวผมทำได้เพียงกอดเจ้าไม้ไว้ให้แน่นที่สุด … และผมก็ไม่รู้สึกอะไรอีกเลย

.

.

.



           “ไอ้ไม้หยุดอย่าเพิ่งเข้าไป!!!!”

   เสียงตะโกนโหวกเหวกดังขึ้น ผมลืมตาขึ้นมามองเพดาน … อ้า นี้ห้องผมนี้หน่า … แล้วนี้ก็ลูกผม ทำไมลูกผมหน้าตาแตกตื่นขนาดนี้ และผ้าพันแผลที่หัวลูกผมมาได้ยังไง … ไอ้ไม้ไปโดนใครตีหัวมา ใครทำลูกผม ผมจะไปกระทืบมัน!!!! …

    “อะโอ้ย”

   “นอนนิ่งก่อนครับ ฮึก … เจ็บมากไหมครับพ่อ”

    ผมรู้สึกชาที่ขาก่อนจะเอามือข้างที่ไอ้ไม้ไม่ได้กุมเอาไว้ไปคลำ ๆ ดูปรากฏว่าโดนใส่เฝือกเฉยเลยอ่ะ … ตายห่าและขากูขาดไหมเนี้ยยยยยยยย!!!! ผมเอ๋ออยู่พักนึงจะว่าช็อกก็ช็อกแหละแต่เหมือนขาจะแค่หักนะก่อนจะเหลือบไปมองเจ้าไม้ที่นั่งสะอึกสะอื้นหมอบอยู่ข้างเตียงกุมมือกุมแขนข้างที่พันผ้าพันแผลของผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อยถอนหายใจออกมาเบาๆ ยกมืออีกข้างวางไปที่หัวทุย

           “ต๊ายล่ะ! มีลูกเป็นเด็กขี้แย ฮ่าๆๆๆๆ พ่อไอ้เด็กนี้เด็กขี้แยแหละลุงจันทร์ลุงทิม พี่แสง พี่เมฆ ดูดิน้ำตามันไหลใหญ่เลย อิอิ เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำแหละ ดูกูดิขนาดขาใส่เฝือกอันเบอเริ้มยังไม่ร้องสักแอะ” ความจริงๆนะ ความจริงผมรู้สึกร้อนที่ขอบตาแต่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ผมจะไม่ร้องเพราะถ้าผมร้องได้เด็กนี้ยิ่งอ่อนแอ ต้องหัวเราะ ต้องขำ แค่ไอ้เด็กนี้ไม่เป็นไร ผมก็พอใจแล้ว ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร …

           พ่อผมเดินเข้ามานั่งที่ขอบเตียงนอนของผมก่อนจะเอามือวางที่เฝือกเบาๆ มองไปที่ไอ้ไม้และพูดขึ้นเบาๆ

           “ ไอ้แดงมันตายแล้ว” ผมสะอึก ทันใดนั้นน้ำตาที่ผมอุตส่าห์อดกลั้นมาก็ไกลออกมาไม่เป็นชิ้นดี อะไรกัน ไม่ใช่ความผิดไอ้แดงสักหน่อย มันตกใจ … ทะ ทำไมต้องฆ่ามัน ใจร้ายอ่ะ ใจร้ายที่สุด!!!!!

           “คะ ใครฆ่ามันอ่ะพ่อ ฮึก ที่ผมเป็นแบบนี้ไม่ใช่ความผิดมันนะ มันตกใจเฉยๆ ไม่เห็นต้องฆ่ามันเลย มีมี่อะ แล้วมีมี่น้องผมล่ะ” ผมตะกุกตะกักถามขึ้น

           “ไอ้มีมี่ก็นอนอยู่หน้าบ้านนั้นแหละ ส่วนไอ้แดงมันตายเพราะกระสุนปืนที่มีคนจงใจจะยิงมาที่มึงกับไอ้ไม้ ” ผมอึ้งหันไปมองลุงจันทร์ที่พูดขึ้น … กระสุนปืน ?



           ตลกเหอะ … เรื่องอะไรจะมาฆ่าผมกับไอ้ไม้ ตลกเหอะจะละครมากเกินไปแล้ว … 

           “ผมเอง พวกมันจะฆ่าผม ผมขอโทษ ผมจะไปจากที่นี้พ่อโทนกับทุกคนจะได้ไม่ลำบาก ผมขอโทษ” พี่แสงกดไหล่เจ้าไม้ลงนั่งกับที่เหมือนเดิมก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ

           “พ่อมึงได้อกแตกตายกันพอดีไอ้ห่า มึงอยู่ที่นี้แหละไม่มีใครทำอันตรายมึงได้หรอก ถ้าอยู่ในสายตาพวกกู” เป็นครั้งแรกที่ผมมองพี่แสงว่าเท่ห์ ผมเช็ดน้ำมูกที่จมูกก่อนจะเอามาป้ายหัวลูกผมที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ ดูดิขนาดแกล้งขนาดนี้ยังร้องไห้อยู่อีก หมดกับมาดเท่ห์ของไอ้เด็กหน้าตาตายด้าน รักษาคาแรคเตอร์หน่อยสิโว้ยยยยยยย!!!!

           “เห็นกูเจ็บแล้วเสียใจไหม ?” ผมถามมันเสียงดังเท่าที่เสียงแหบๆตอนนี้ผมจะทำได้

           “…”มันพยักหน้ากัดปากจนแทบเป็นห่อเลือด

           “มึงกลัวไหมไอ้พวกที่จะทำร้ายมึง”

           “…” มันส่ายหน้าหัวแทบสะบัดมือทั้งสองข้างของมันกำแน่น

           “อยากปกป้องกูไหม”

           “คะ ครับ ผมอยากปกป้อง” หึหึ น่ารักจริงๆลูกผม เอ้ย ไม่น่ารักสักนิด!!!!

           “งั้นก็เข้มแข็งซะ วันไหนที่ไอ้พวกนั้นมาอีก ก็ชกมันให้ปลิวไปเลยยยยยยยยยยยย” ผมตะโกนเสียงดังเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้ดี แต่แหมเผลอเหวี่ยงแขนกระดูกลั่นดังกร๊อบเลยให้ตายสิ แต่ก็ดีแล้วที่อย่างน้อยผมก็ได้เห็นหน้าตาของไอ้เด็กคนนี้ยิ้มออกมาได้ ถึงจะทั้งน้ำตาก็เถอะนะ …

   หึ … อย่าให้ผมรู้แล้วกันว่าไอ้พวกเลวนั้นเป็นใคร ผมจะหนุมารถวายแหวนตามด้วยจระเข้ฟาดหางให้สลบคาตีนเลย!!!! บังอาจมาให้ลูกผมร้องไห้ได้ยังไง!!!!!!



 สอบเข้ามหาลัย … แง๊ม …. โว๊ะ!!! ไม่องไม่อ่านแม่งแล้ว!!!!!

   ผมปาเอกสารติวภาษาโยนไปทั่วห้องหันมาซุกหน้าลงกับที่นอน เฮ้อ เจ็บปวดกว่าตอนตกควายขาหักแขนเดาะหัวแตกอีก เฮ้อ เหตุการณ์นั้นมันก็ผ่านมาเกือบสามเดือนแล้วและถึงจะได้ถอดเฝือกอันโคตรพ่อโคตรแม่ใหญ่ออกไปได้แต่หมอก็บอกว่าต้องรอให้กระดูกมันติดกันสนิทก่อน ผมเลยอดวิ่งเล่นเยอะเลยอะ แถมฤดูกาลนี้ก็เป็นใกล้สอบเข้ามหาลัยด้วย และผมเล็งมหาลัยในตัวเมืองไว้แหละ ไม่อยากไปไกลบ้าน ฮืออออออ ไม่อยากอยู่หออะ ไม่เอาอ่ะๆๆๆ ผมดิ้นพล่านอยู่บนเตียงต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องเปิดออก

           “พ่อครับ” ผมลุกขึ้นนั่งยื่นปากใส่ไอ้เด็กบ้า ฮึ่ม สนใจผมได้แล้วสินะ เอาแต่ชกมวยแบบนั้นน่ะ เชอะ

           “อะไร”ผมเอื้อมตัวไถไปกับพื้นข้างเตียงหยิบเอกสารที่ปาทิ้งไปเมื่อกี้มาอ่านต่อ ไอ้เด็กบ้าหัวเราะน่าหมั่นไส้ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ผมและพูดเบาๆ

           “ปู่ให้มาตามไปทำกับข้าวครับ”

           “ไม่! ต้มมาม่ากินกันเองสิ!”

           “แต่ว่า … ผมหิวมากเลยนะครับ” … ชิ เออ ๆ ก็ได้วะ เห็นแก่ลูกนกลูกกาหรอกนะ ไม่ได้อยากจะทำหรอก

   ผมสะบัดตัวลุกขึ้นเดินลงมาที่ครัว ทำกับข้าวอย่างชินมือก็ได้ออกมาเป็นข้าวผัดถาดใหญ่กับซุปกระดูกหมูที่เคี้ยวไว้ตั้งแต่เมื่อวานอีกหม้อโดนมีเจ้าไม้เป็นลูกมือชั้นดีคอยช่วยหยิบจับ พอผมกับเจ้าไม้ยกออกไปเท่านั้นแหละ พวกซอมบี้หิวโซก็วิ่งเข้ามารุมกินทันทีและหมดลงอย่างรวดเร็ว

   “ไอ้โทน อ่านหนังสือไปถึงไหนแล้ว”

           “ไม่ต้องมายุ่งหรอก แย่งลูกคนอื่นเขาไปและยังจะมาพูดดีอีกนะ เชอะ” ผมพูดและสะบัดตัวจะเดินหนี แต่ต้องหันไปแง๊มใส่พ่ออีกรอบ

           “ว๊ะ! ไอ้นี้ สะดิ้งเหมือนแม่มันไม่มีผิด ”

           “เดี๋ยวก็เทให้มีมี่กินให้หมดซะหรอก”

   ผมว่าและเดินขึ้นมาบนห้องอีกรอบ เฮ้อ … เออๆ กูอ่านก็ได้ อ่านล่ะถ้ามันจะทำให้กูสอบเข้าใกล้ๆบ้านได้ล่ะนะ ไม่เอาอ่า ไม่อยากไปไกลบ้าน แงงงงงงงงงงง! ว่าแต่ … จะเข้าคณะอะไรดีนะ …

.

.

.



           “ มึงว่ากูจะเข้าคณะไรวะ”

   ผมถามในขณะที่กำลังเมาได้ที่เอาคางเกยกระติกน้ำแข็งรอบข้างแคร่ข้างทุ่งนากับป่าดง คือที่นี้มันเป็นที่ประจำของผมและเพื่อนสนิทที่เห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ที่สำคัญใกล้บ้านผมสุดเลยไม่น่าเป็นห่วงเพราะเดี๋ยวไอ้ป๊อกขับรถไปส่งไม่มีเมาและขับจนต้องไปนอนคุกอีกแน่ โดยกลุ่มผมมีไอ้ป๊อกไอ้ห่าที่พาผมแหกด่านและถูกจับจนต้องไปทำความสะอาดสถานสงเคราะห์นั้นแหละครับ

   คนที่สองไอ้เบส หน้าฝรั่งหัวใจลูกทุ่ง คือพ่อมันเป็นคนเยอรมันแต่มาได้กับแม่มันที่บ้านนอกคอกนาน่ะครับ แต่เป็นฝรั่งที่ภาษาอังกฤษเรียกได้ว่าเหี้ยมาก A-Z มันท่องถูกรึเปล่าไม่รู้แต่ภาษาลาวนี้เปะทุกคำ

   สุดท้าย ไอ้ทิว ไอ้เด็กตัวควาย คือมันสูงมากกกกกกก สูงกว่าผมตั้งเท่านึงแหนะ ไม่ต้องมองงั้นเลยมันสูงจริง ๆ ผมไม่ได้เตี้ย ชิ ! มันเป็นลูกคนขายทองในตลาดรวยสุดในกลุ่ม ที่บ้านมันมีโมเดลการ์ตูนเต็มห้องไปหมด ผมไปนั่งเล่นบ้านมันบ่อยจนมีช่วงนึงบ้าการ์ตูนไปกับมันด้วยข้าวปลางานบ้านไม่ทำโดนด่าฉิบหายวายปลวกหมด

           “จะไปรู้มึงหรอ” ไอ้ป๊อกกระดกจิบเหล้าและหันมามองผมที่ตาจะหลับ ก็แหม กำลัง กรึ่มๆ แถมอากาศดีแบบนี้ถึงจะมีกลิ่นยากันยุงที่จุดซะแทบรมควันตายห่าก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ผมตาจะปิด หึหึ ลูกผมน่ารักเนอะพ่อมันมากินเหล้าไม่โทรตามสักแอะ ใช่สิมวยสำคัญกว่าพ่อมันนิ ชิชะ

           “ช่วยกูคิดหน่อย” ผมเลาหลือไอ้ป๊อกด้วยการเอาหน้าไปถู ๆ กับแขนมัน

           “เอาแล้วไง แม่งแดกเหล้าทีไรมุ้งมิ้งตลอด โว๊ย เอาหน้าออกปายยยยย!” มันผลักหัวผมแทบทิ่ม เหอะ หน้าผมออกจะนุ่มนวลกว่าตูดเด็กไม่มีรสนิยมเอาซะเลย ผมเมินมันก่อนจะหันไปหาไอ้เบสที่มองมาที่ผมอย่างหวาด ๆ พอเห็นผมยิ้มหวานตาเยิ้มให้มันก็รีบบอกขึ้นเสียงดังลั่นทุ่

           “บัญชี!!!!”

           “โนว” ผมปากยื่นส่ายหัว โง่เลขก็โง่ คำนวณขนาดใช้เครื่องกูยังคิดผิด อย่าส่งกูไปฆ่าเลย

           “วิศวะ” ไอ้ทิวพูดเสียงหล่อขึ้น แหมมึงนี้นะ บัญชีกูยังคิดเลขไม่ถูกให้กูไปจำสูตรอีก

           “ไม่เอา”

           “นิเทศ” ขนาดกล้องนิ่งกูยังยืนแข็งทื่อ และกล้องวีดีโอกูไม่เป็นท่อนไม้เลยหรอ อีกอย่างนะ กูไม่สันทัดเรื่องนี้ด้วย!!! แค่พูดกับพวกมันยังไม่รู้เรื่องเลยบอกตรงๆ

           “ไม่!’”

           “แพทย์”

           “มึงดูหน้ากูด้วย” ผมชี้ไปที่หน้าตัวเองก่อนจะทำท่าจะเข้าไปกัดไอ้เบสมันทำท่ากลัวผมก่อนจะวิ่งไปหลบหลังไอ้ทิว สองผัวเมียสินะ ไอ้ห่าได้กันเมื่อไรกูจะจุดพุประกาศให้เค้ารู้กันลั่นซอยเลย

           “เลี้ยงควาย”

           “เอออันนี้เข้าท่า ถุ้ย! หือออออ ” ผมปาน้ำแข็งใส่ไอ้ห่าป๊อก มันไม่สะทกสะท้านแถมอ้าปากรับไปเคี้ยวกรุบ ๆ แสนรู้ดีจริง ๆ

           “มึงอยากทำอะไรมากที่สุดละ”

           “กูเหรอ … กูอยากเลี้ยงไอ้ไม้”

           “โว๊ะ!!! ไอ้ไม้พาพ่อมึงกลับบ้านด่วนเรื้อนฉิบหาย พูดมาได้อยากเลี้ยงลูก แม่ศรีเรือนซะจริงเพื่อนกู” อะไรลูกกูมาเหรอ ผมหันไปด้านหลังก่อนจะยิ้มหวานเมื่อเห็นไอ้ไม้เดินมากับพี่เมฆ ฮิฮิ สนใจพ่อได้แล้วสินะ ไหนมมาหอมเหม่งทีสิ

           “ม๊ายยยยยยย ยยยยยยย ยยยยยย”ผมเรียกมันเสียงดังเจ้าตัวพอเห็นผมเรียกก็รีบเดินเข้ามาและเข้ามากอดตามแรงดึงของผม ฮิฮิ กอดกันนะลูกนะ กอดกัน

           “เมาแล้วกลับบ้านกันนะครับ”

           “ไม่เอา ดูพวกมันสิแกล้งพ่อ มันบอกจะให้พ่อเลี้ยงควาย”ผมได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของไอ้พวกบ้านั้น กูไม่ถูไถพวกมึงแล้วไม่ต้องดีใจ ลูกกูมาแล้ว จะบอกอะไรให้นะ ลูกกูนะเก่งอย่างงี้(ชูนิ้วโป้ง) ที่สำคัญหล่ออย่างงี้ (ชี้หน้าตัวเอง) น่ารักสุด ๆ ไปเลยล่ะ ผมซุกหน้าลงกับหัวหอม ๆ ของลูก

           “สนใจพ่อได้แล้วเหรอ เหงานะตอนไม่สนใจกันอะ ดูสิเหงาจนตัวเตี้ยเลย คิกๆ ” ผมหัวเราะคิกคักเมื่อได้ด่าตัวเอง ไม่ต้องให้ใครมาด่าผมหรอก ด่าเองเจ็บเอง น่ารักไปอีกแบบ

           “ครับ ๆ คราวหลังผมจะสนใจพ่อนะ กลับบ้านกันนะครับ”

           “ก็ได้ อุ้มโหน่ยยยยยย” ว่าแล้วผมก็ชูไม้ชูมือขึ้น เจ้าไม้ก็ทำท่าจะเอาจริง โธ่ไอ้เปี๊ยก!

           “มาเดี๋ยวพี่อุ้มเอง” ว่าแล้วผมก็ถูกยกลอยไปขี่คอหลังพี่เมฆ ด้วยสายตาอาลัยอาวอนของลูกไม้ทำให้ผมใจอ่อนฮวบ

   “ไว้เอ็งโตค่อยมาอุ้มพ่อเอ็งนะ” พูดแค่นั้นมันก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยก่อนจะเดินเคียงข้างผมกลับมาจนถึงบ้าน อุ้ย ลืมลาเพื่อน คิดได้แบบนั้นผมก็หันไปมองไอ้สามคนที่นั่งโบกมือบ๊ายบายตามหลังผม

   “กับผู้หลักผู้ใหญ่ยกมือไหว้ซะอีหนู”ผมตะโกนลั่นพวกมันหน้าเอ๋อก่อนจะพากันหัวเราะออกมาจากนั้นผมก็ไม่สนใจพวกมันอีกซบลงกลางหลังพี่เมฆแต่มือจับกับลูกผมไม่ยอมปล่อย … เฮ้อ … ง่วงจังเลย

.

.

.

           “อื้อ ไม่เอา อย่าเอามาเช็ดสิมันเย็นนะ” คนตัวเล็กที่หลับอยู่บนเตียงร้องตะโกนขึ้น เฮ้อ พ่อโทนเวลาเมาขี้โวยวายชะมัด ขนาดจะเช็ดตัวให้ยังไม่ยอมเลย

    แต่ผมชอบเขาตอนเมานะ เพราะเขาเรียกผมลูก ไม่พูดจากู ๆ มึง ๆ ให้แสลงหู แถมแก้มแดง ๆ ที่ชอบเนียนมาคลอเคลียกับผมก็น่ารักเหมือนแมวน้อยเลย ผมจัดการจรดผ้าเย็นลงแก้มใสตรงหน้า เจ้าตัวก็โวยวายแต่พอเช็ดไปสักพักก็นิ่งและกรนออกมาอย่างสบายตัว ช่วงนี้พ่อโทนดูเครียดเรื่องสอบเข้า เพราะเห็นบอกว่า อยากเอ็นให้ติดใกล้บ้าน และยังไม่รู้อยากเข้าคณะอะไร และชีวิตข้างหน้าอยากทำอะไร แต่เมื่อกี้ผมแอบดีใจนะ ที่บอกอยากเลี้ยงผม … ไม่นานผมคงโตได้เลี้ยงเขาก่อนแน่ ๆ

   “ไม้ พ่อรักเอ็งนะ …” ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้คน ๆ นี้เป็นคนดีจริง ๆ เขารักผมในขณะที่ไม่สนใจอดีตที่ดำมืดเลยแม้แต่น้อย … ที่ผมเฝ้าฝึกซ้อมมวยทุกวันหลังเลิกเรียนจนสามสี่ทุ่ม ก็เพราะอยากที่จะปกป้อง … ปกป้องพ่อโทน ไม่ให้โดนไอ้พวกนั้นรังแกอีก … ถึงตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่าพวกมันเป็นพวกไหน แต่ที่แน่ๆ มันตามผม … และใช่ครับ มันรู้แล้วว่าผมเองยังมีชีวิตอยู่ …

   “ไม้ก็รักพ่อโทน …” ผมกระซิบข้างใบหูเล็ก ก่อนจะจุ๊บลงที่แก้มใสของเขาเบาๆ … รักในแบบของเด็ก 13 ปี คุณคิดว่ามันเป็นแบบไหน … ใจบริสุทธิ์รึเปล่า ? … หึหึ ไม่รู้สิ ผมอาจจะเป็นเด็กฉลาดก็ได้ …

   “ไม้รักพ่อโทนมาก” ริมฝีปากบาง ๆ ของเขาถูกผมสัมผัสลงด้วยริมฝีปากลูกอย่างผม

   ขอบคุณที่ดูแลผม … ต่อจากนี้ขอแค่ให้ตัวเองแข็งแกร่งอีกสักนิด ผมจะดูแลพ่อโทนเอง …







///////

ขอคนละ1 คอมเม้นท์ให้กำลังใจ พ่อโทนลูกไม้ และ ปาปานะคะ <3

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

ตอนที่ 5 เปลี่ยนแปลง

แกรก แกรก แกรก

           ผมนั่งเหลาไม้อยู่แคร่หน้าบ้านมีเสียงปุ๊ ๆ ของพี่เมฆที่กำลังโชว์ซิกแพคเตะกระสอบทรายอยู่…ผมน่ะนะกะจะทำว่าว ให้ไอ้ไม้เพราะสังเกตมาหลายวันละว่าลมดีเหมาะมากที่จะเล่นอะไรแบบเด็กคนอื่นเขาบ้าง นอกจากการชกมวยที่ตะบี้ตะบันซ้อมเช้าเย็นกับปู่มัน

   แย่ชะมัด! ผมนึกไม่ออกว่าชีวิตข้างหน้าผมจะทำอะไรเป็นอาชีพ!!! ผมน่ะนะ อยากชกมวยแต่พ่อก็บอกผมเตี้ยไปจะให้ไปชกกับเด็กอนุบาล ฮึ้ย! ผมไม่ใช่เด็กนะ ผมอยากเลี้ยงไอ้เจ้าไม้ก็โดนด่า ฮึ้ย! ไม่ได้ดั่งใจ ไม่ได้ดั่งใจเลยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!

   “โอ๊ะ เย็นอะ ” ผมหันไปย่นคอใส่ไอ้ลูกที่เอาขวดน้ำลำไยที่ผมทำแช่ตู้เย็นเอาไว้เมื่อวานมาแนบหน้าแถมยังยิ้มแป้นให้อีก

   ดูสิเรียนเสร็จกลับมาก็ไปซ้อมมวยเลย ผมแอบเห็นมันกระโดดเตะก้านคอพี่แสงได้แล้วด้วยกระโดดได้อย่างสูง ไม่น่าล่ะผมได้ข่าวลือว่าไอ้เด็กแสบนี้เป็นหัวโจกประจำ ม.ต้นซะด้วย หึ ลูกผมเก่งไหมล่ะเห็นแบบเนี้ยผมว่าแอบเจ้าเล่ห์มากเลยนะ

   “นั่งลงสิ” ไอ้เด็กเหงื่อซกทำหน้างงใส่ ก่อนจะนั่งลงอย่างว่าง่ายที่พื้น

   “มานั่งด้านบนสิไปนั่งแบบนั้นสกปรก”

   “ไปเป็นไรครับ ผมอยากนั่งมองดูพ่อโทนจากมุมนี้”อะ อะ ไอ้ลูกบ้า!!! ผมเชิดหน้าหนีไปอีกข้าง ไม่สนแล้วอยากจะนั่งก็นั่งไป ชิ เด็กบ้า

   “ได้ข่าวว่าเป็นหัวหน้าแก๊งหรอ เก๋าจังนะตัวแค่เนี้ย”

   “… ผมเปล่า” ไอ้เด็กนั้นหน้าสลดลง … ผมยังไม่ได้พูดอะไรรุนแรงเลยนะ ผมแค่ … ผมแค่

   “ผมไม่ได้เกเรนะครับ พวกเขาพากันกลัวผมและเรียกผมว่าลูกพี่เอง ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ” … ทำไมนะ ผมถึงรู้สึกผิดทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ฮึ้ย น่าโมโห!

   “เออ ๆ ฮ่วย ทำหน้าเศร้าทำไมวะ ขึ้นมานั่งตรงนี้และจับฉลากอันนี้ขึ้นมาอันนึงด้วย”ผมว่าและฉุดไอ้ตัวแสบมานั่งข้าง ๆ ไอ้เจ้าไม้ก็ปรับอารมณ์ไวดีเหลือเกิน ยิ้มร่าโชว์ฟันขาวน่ารักไปอี๊กกกกกกกกก

   “อะไรหรอครับ” ไอ้เด็กบ้าหยิบขันใส่ฉลากของผมไปก้มมองและเงยหน้าขึ้นมาเอียงคอมองผม

           “บอกให้จับก็จับไปเถอะน๊า พูดมากจัง” ผมกะพูดให้ขำแต่ดูไอ้เด็กนี้ทำหน้าเข้าสิ อย่างกับผมไปตีมันด้วยไม้เรียวสัก 10 ทีอย่างงั้นแหละ ผมอดใจไม่ได้เลยเอื้อมมือไปคว้าแก้มมันออกมายืดดดดดดดดด! อิอิ อย่างงี้น่ารักกว่าเก่าเยอะเลยอ่ะ คิกๆ

           “อออมเอ้อ (ผมเจ็บ)”

           “อะไรนะ อิอิ ฟังไม่รู้เรื่องเลย”

           “อออืบอ่ะ (ผมเจ็บอะ)”

           “หือ อะไรน๊า ไม่ได้ยินเลย”

           “ออโอนอ่าอัก” อ่ะ ไอ้เด็กนี้ มันชมผมว่าน่ารักอ่ะ ใช่ม่ะ … มันพูดว่า “พ่อโทนน่ารัก”ใช่ไหม หน่อย ไอ้เด็กแก่แดด ผมปล่อยมือออกจากแก้มไอ้เด็กบ้าทันที

           “พ่อโทนน่ารัก”

           “ไม่ต้องพูดเลย จับไปซะ”

           “พ่อโทนน่ารัก”

           “เอ๊ะ! เดี๋ยวพ่อก็เตะก้านคอเลยนี้ จับซะเร็วๆ!!!!”

           “พ่อโทน … อ่ะ จับครับจับ” พอผมจะลุกขึ้นเท่านั้นแหละไอ้เด็กนี้ก็เลิกกวนตีนทันที แง๊ม กัดหูซะดีไหมไอ้เด็กบ้านี้

           ผมหันหน้าไปอีกด้าน ไอ้เด็กคนนี้น่าหมั่นไส้ชะมัดยาก คิดดูนะแค่ตอนเด็กตัวกะเปี๊ยกแค่เนี้ยยังขนาดนี้และถ้าโตขึ้นจะม้อสาวเก่งขนาดไหน ผมไม่ชอบอะ เดี๋ยวมันทิ้งผมไปทำไง กระซิก เลี้ยงได้แค่ตัว ใจผมเลี้ยงไม่ได้หรอก แงงงงง ผมต้องโดนลูกทิ้งตอนโตแน่เลย

           อะเด๊ะ ฉลากสีชมพูที่มาแกว่งตรงหน้าผมนี้มันอะไร ผมตะครุบ แต่ก็ไม่ได้ อะไรอ่ะ ง่ะย้ายมาอีกข้างแล้ว พอตะครุบอีกก็หายไปอีก … หน่อย! ไอ้ลูกบ้า!!!!

           “นี้แหนะ!” ผมหันไปเขกหัวไอ้เด็กบ้าคนนี้ดังโป๊ก มันหัวเราะร่าก่อนจะยื่นกระดาษให้ผมมา เชอะ กว่าจะจับได้ลีลาชะมัด เด็กผีเอ้ย!!! ไม่น่ารักเอาซะเลย ผมหยิบมาก่อนจะคลี่ออกทันที … อะ แอบลุ้นเหมือนกันนะเนี้ย

           “ว่าแต่ไอ้นี้มันคืออะไรหรอครับ”

           “ก็ … ฉลากคณะน่ะ”

           “เอ้ … และทำไม”

           “ข้าตัดสินใจเองไม่ได้เลยใช้ดวงเอ็งตัดสินไง … สาธุ ขอให้ได้คณะดี ๆ ด้วยเถอะ” ผมยกขึ้นไหว้สามจบ ขอให้ได้ขอให้โดนด้วยเถ๊อะ!!!

           “แต่พ่อโทน …”

           “เอาน๊า เชื่อสิมันต้องดีแน่นอน … ลุ้นชะมัด” ผมว่าและค่อยๆคลี่กระดาษออก … ผมได้เลี้ยงควายจริงๆนั้นแหละ … แหมนะ เอาจริงดิกับคณะสัตวแพทยศาสตร์เนี้ย!!!!!!!!

.

.

.

           “อะไรนะ สัตวแพทย์ โห ไอ้โทนตัวมึงยังจะเอาไม่รอดเลยนี้มึงจะไปดูแลสัตว์!!!!” ผมตกใจจานข้าวในมือแทบหล่นทำไมต้องเสียงดังด้วยหนอ แกงหนอไม้ออกจะอร่อยขนาดนี้แท้ๆยังจะโหดร้ายอีก โว๊ะ

           “อย่าหยาบคายสิพ่อ ผมน่ะนะ เก่งนะ อิอิ แค่พ่อไม่รู้ ผมตัดสินใจแล้วต่อไปนี้ผมจะเป็นหมอ!!!! … หมา อิอิ” ผมพูดอย่างอารมณ์ดีเพราะได้ตัดสินใจอนาคตตัวเองเรียบร้อยแล้วทุกอย่างมันก็โล่งน่ะสิ แต่ดูเหมือนทุกคนไม่ดีใจกับผมเลยอ่ะยิ่งไอ้เด็กบ้ายิ่งเงียบไปกันใหญ่อีก อะไรกันล่ะ อะไรกันนนน ผมแค่อยากเป็นหมอสัตว์นะ ทำไมอ่า =_=’

           “ไอ้ห่า … เออ ๆ จะทำอะไรก็ทำ ตั้งใจแล้วกัน” ผมทำอะไรตั้งใจอยู่แล้วนะไม่ต้องบอกก็รู้น๊า ชิ ทำเป็นเข้มกันอยู่ได้ ไม่เห็นต้องกลุ้มใจขนาดนั้นเลยนี้หน่า

           “ไม่รู้สัตว์อีกกี่ตัวต้องตายเพราะไอ้เด็กนี้เนอะ”

           “ลุงจันทร์!!!!!” ผมแว๊ดใส่ลุงจันทร์ ทำไมต้องหัวเราะกันด้วยอะ ไม่เข้าใจเลย ผมหันไปหาเจ้าไม้ที่ทำหน้านิ่งอยู่ อีกแล้วทำหน้าแบบนี้อีกแล้วอะ ไม่รู้ไม่สนแล้วอยากจะทำอะไรกันก็ทำไปเหอะ

           ผมก้มหน้ากินข้าวจนหมดด้วยความรวดเร็วก่อนจะเดินเอาจานตัวเองไปเก็บไม่สนใจใครอีกเดินไปแคร่หน้าบ้านจัดการเหลาไม้ไผ่ทำว่าวต่อไป ฮึ นิสัยไม่ดีกันทั้งนั้น ผมแค่ไม่รู้ว่าจะทำอะไรในอนาคตแค่นั้นเองแต่พอผมแน่ใจแล้ว ทำไมไม่ให้กำลังใจกันบ้าง น้อยใจนะ



หงิงงงงง หงิงงงง



           ผมก้มไปมองมีมี่ที่เอาคางวางบนเท้าผมก่อนจะอุ้มมันมานอนบนตักลูบหัวลูบพุงไม่เล่น หึ คงมีแต่มีมี่ที่เข้าใจผมแหละนะ ผมน่ะนะ แค่อยากให้ใครต่อใครเข้าใจผม … ผมก็ไม่มีใครเข้าใจเลย แม้แต่เจ้าไม้เองด้วย ผมน่ะนะ …

           “พ่อไม้ยุงเยอะนะครับ”

           “ไม่รู้อ่ะ ไม่สน ไม่ต้องมาสนใจ” ผมหันหน้าไปอีกทาง มีมี่ตกใจกระโดดลงไปนั่งมองอยู่ด้านล่าง ไอ้ลูกบ้านิสัยไม่ดี

           “งอนผมหรอครับ … พ่อโทนเลือกแบบนี้ไม่ดีหรอกนะครับ ผมว่าเอาที่พ่อโทนชอบดีกว่าไหม”

           “ก็ชอบหมาชอบควายอะ!!!!” ผมหันไปตวาดแววตาร้อนผาวเพราะผมเกลียดคนไม่เข้าใจผมที่สุด ผมน่ะนะชอบมีมี่กับไอ้แดงที่ตายไปที่สุด ไอ้เด็กบ้าหน้าเอ๋อไปสักพัก ก่อนจะยอมยิ้มให้ผมและรวบมือสองข้างไปกุมไว้ ชิ จะอ้อนเอาอะไรอีกล่ะ!

           “หึหึ เข้าใจแล้ว … งั้นมาพยายามให้เต็มที่นะครับ”

           “เข้าใจแล้วหรอ”

           “ครับ ปู่กับทุกคนก็เข้าใจ แต่บางทีพวกเขาก็แค่เป็นห่วง”

           “จริง ๆ นะ”

           “ครับผม”

           “งั้นเวลาอีก 2 เดือนข้าจะอ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลังเลย!!!!!” ผมตะโกนลั่นบ้าน จนพ่อผมต้องตะโกนด่าออกมา ชิชะ ผมน่ะนะ จะเป็นสัตวแพทย์ล่ะ อิอิ หมาของคุณจะไม่ป่วยอีกต่อไป ควายของคุณจะเขางามสุด ๆ เลยนะจะบอกให้ !!!

.

.

.



           วันเวลาผ่านไป 3 เดือนไวเหมือนโกหก ผมสอบเสร็จเรียบร้อยวันนี้เป็นวันประกาศผมแอดมิชชั่น โหยกว่าจะถึงวันนี้ผมต้องอ่านหนังสือเป็นบ้าเป็นหลังเลยไหนจะสอบแอดมิชชั่นไหนจะสอบปลายภาคอีก สมองแยกส่วนไม่ออกเลยทีเดียวพรุ่งนี้ผมต้องไปงานอำลา ม. 6 แล้วนะ ไวเหมือนกันเนอะดูเหมือนเพิ่งผ่านมาไม่นานเอง … พรุ่งนี้คงจะเศร้าน่าดู …แต่วันนี้ถ้าผมไม่ติด คงเศร้าหนักแน่ ๆ ฮืออออออออออ

           “พ่อโทนมือเย็นเฉียบเลยตื่นเต้นหรอครับ” ผมหันไปหาไอ้เด็กไม้ที่นั่งจับมือผมอยู่ตาผมก็คอยจ้องเวลา 16 นาฬิกาที่ระบบจะให้ตรวจเช็คได้ … หือออออออออ เร็ว ๆ เถอะก่อนที่ค่าร้านเนตจะแพงไปมากกว่าเน้!!!! และไอ้เด็กเกรียนที่เล่นเกมไปด้วยโวยวายไปด้วยก็เบาเสียงหน่อยโว้ย!!!!!!!

           “ใจเย็น ๆ ครับพ่อโทนต้องติดแน่ ๆ เชื่อไม้สิ”

           “ฮือออ ตื่นเต้นอ่ะ … อ่ะ ไอ้ป๊อกโทรมาอ่า !!!” ผมล่นลานกับโทรศัพท์ก่อนจะกดรับทันที

           “ว่าไงมึงติดปะ”

           “ติดห่าอะไร … ยังไม่ถึงเวลาสักหน่อย”

           “อะไรของมึงนี้มัน 16.20 แล้ว ไอ้ห่านาฬิกามึงตายแล้ว!!!!!!” ผมก้มมองดูนาฬิกาปรากฏว่ามันไม่เดิน …เอิ่บ มันหยุดเดินไปตั้งแต่เมื่อไหร่ … และทำไมกูไม่ดูในคอม ในโทรศัพท์กูก็มีนาฬิกานี้หว่า … เงอะงะเป็นบ้า!!!!!

           “ละ ละ แล้วมึงติดนิเทศที่มึงอยากเรียนไหม”

           “ติด … แต่กูติดที่กรุงเทพ ไอ้ทิวติดศิลป์กรรมที่เชียงใหม่ ส่วนไอ้เบสติดที่เดียวกับไอ้ทิว”

           “จริงดิ … ดีใจชะมัด ฮึก … กูต้องจากมึงกันแล้ว ตะ แต่ กูก็ดีใจที่พวกมึงติดนะ ดีใจด้วย ฮึก ดีใจด้วย”

           “นี้มึงดีใจแล้วหรอวะ รีบเช็กของตัวเองเหอะ เดี๋ยวเย็นนี้จัดฉลองชุดใหญ่!!!”

           “อะ โอเค” ผมพูดยังไม่ทันจบไอ้บ้าป๊อกก็วางสายไป กะ กูต้องคิดถึงพวกมันมากแน่ๆ ฮึก ต้องคิดถึงมากแน่ ๆ ผมมือเล็กของเจ้าไม้ปัดน้ำตาเม็ดโป้งออกจากขอบตาผม ก่อนยิ้มให้มันก่อนจะเอาหน้าเช็ดกับคอเสื้อและกรอกรหัสตัวเองเข้าสู่ระบบ          …

.

.

.



           ให้ตายสิ ติดเฉยยยยยยยยยยยย



   พอผมดีใจเสร็จ … ในระหว่างทางที่ผมเดินกลับมาบ้านโดยมีไอ้เด็กไม้เดินตาม ผมก็คิดมาตลอดพอมาถึงบ้านผมก็นั่งเท้าคางคิดไม่ตก ทำกับข้าวก็คิด แถมตอนดูการ์ตูนก็คิดอยู่ตลอดเลยละ

   คะ คือว่านะ … คิดไปคิดมาผมเริ่มไม่อยากไปเรียนแล้วอ่ะ =_=’ ผมเอ็นติดมหาลัยในขอนแก่น …ห่างจากบ้านผมเยอะเลย…ตอนแรกไม่ทันคิดเพราะมัวแต่ตื่นเต้นดีใจที่มหาลัยดังกล่าเป็นแนวหน้าของประเทศอีกเลยคึกลงไป ยื่นคะแนนไป แต่ตอนนี้พอมาคิดว่าต้องไปเรียนแล้ว ผมก็ใจหายแวบเลย ฮืออออออออออ ผมเอาลูกใส่กระเป๋าไปได้ไหมอ่ารับรองลูกผมไม่ส่งเสียงดังรบกวนใครหรอก นะๆๆๆ อ้อนๆ อ้อนแล้วนะ อ้อนแล้ว พรีทททททททททททททท!!!

           “ไอ้โทน มึงไปรายงานตัววันไหน”

           “ฮือออออออออออออ ไม่อยากไปแล้วอะ พ่อทายหนูอยากเข้าแถวบ้าน”

   ผมเข้าไปเกาะเอวพ่อและถู ๆ หน้าอย่างออดอ้อน แงงงง อ้อนแล้วนะ นะนะนะนะ ไม่อยากไปอ่า แค่คิดว่าต้องไปแล้วเหงา ต้องอยู่คนเดียว ต้องทำอะไรคนเดียว ต้องนอนในห้องเล็กๆ ฮืออออออออออออ ไม่มีไอ้ไม้ไม่มีใคร ผมต้องอกแตกตายแน่ๆ ฮืออออออออออ

           “เอ๊า ไอ้นี้ … ไอ้ไม้ไปคุยกับพ่อมึงโน้นไม่ต้องซ้อมแล้ว!!!”พ่อดันหัวผมออก แงงงงงงงงง ไม่อยากไปอ่ะ โอ๋ผมหน่อยสิโอ๋ผมหน่อยยยยยยยย ฮือออออออ ออออออ ผมหันไปมองไอ้ลูกบ้าที่มายืนมองผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แค่มองหน้าก็น้ำตาจะไหลแล้วอะ ผมต้องจากไปจริง ๆ หรอ ไม่อยากไป กว่าจะได้กลับแต่ล่ะทีก็ไม่รู้นานแค่ไหน ฮึก ไม่อยากไป!!!! ผมวิ่งเข้าไปกอดไอ้เจ้าไม้เอาไว้หัวมันเหม็นกลิ่นเหงื่อแต่ผมไม่สนอ่ะ ไม่เอาอ่า เอาใส่กระเป๋าไปได้ไหม ฮือออออออ จะเลี้ยงอย่างดีเลยนะ จริงๆนะ

           “ไปด้วยกันเหอะนะ ไปด้วยกันเหอะ”ผมเกลี้ยกล่อมลูกผม แต่ไอ้เด็กคนนี้ไม่หือไม่อือเลย … ฮึก จะทิ้งพ่อมึงจริง ๆ ใช่ไหม ฮืออออออ ใช่สิมีคนอยู่ด้วยนี้ผมต้องไปเผชิญชะตากรรมคนเดียวหัวเดียวกระเทียมลีบ ผมจะอยู่ยังไงอ่ะเพื่อนผมก็ไม่มีไปคนเดียวเลยนะ คนเดียวเอง ฮึก คนเดียวเลยนะ

           ผมร้องไห้นั่งลงกับพื้นแต่มือก็ยังกอดไอ้เด็กบ้านี้ไว้ พ่อก็ไม่สนใจ ลูกก็ไม่สนใจ ฮึก ไม่มีใครสนใจเลย ฮึก

           “พ่อโทน …”

           “ไม่ต้องมาพูดเลย เอ็งไม่รักข้าเลย ไม่มีใครรักข้าเลย” ผมกอดมันไปร้องไห้ไป ไม่มีใครรักผมเลย ผมจะไปก็ไม่มีใครห้ามผมไม่มีคนโอ๋ผมเลย ฮึก ใจร้ายกันมากๆเลย ผมเกลียดที่สุดเลย ฮืออออออออ ไม่รักผมกันเลย

           “ไอ้โทน ไอ้เด็กขี้แย” ผมตะเบ็งเสียงร้องไห้ขึ้นอีกเมื่อได้ยินเสียงพ่อพูดจากด้านหลัง ฮือออออ ใช่สิ ฮึก ผมมันขี้แย ก็ผมไม่มีคนรักนี้

           “แต่นี้ คือสิ่งที่พ่อโทนเลือกไม่ใช่หรอครับ พ่อโทนเลือกเอง มันต้องดีสิครับ”

           “ตะ แต่ไม่อยากไปแล้ว ต้องห่างกันมากๆเลยนะ”

           “ผมจะโทรหาทุกวัน”

           “ไม่เอาไม่อยากได้ยินเสียง”

           “ผมจะไปหาทุกสัปดาห์”

           “ฮึก ไม่เอาไม่อยากเจอ”

           “ผมจะคิดถึงทุกวัน”

           “ฮึก ไม่ต้องคิดถึงเลย” ผมหอมแก้มมันไปหนึ่งที ฮึก ไม่รักจริง ๆ นะ ผมไม่รักเจ้านี้จริง ๆ อ่ะ ไม่อยากเจอด้วย ไม่อยากได้ยินเสียงด้วย ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากไป …

           “คิดถึงกัน ก็มาหากันบ่อย ๆ นะครับพ่อโทน”

           “มันเหงานี้ ต้องไปอยู่คนเดียว”

           “เอ็งก็หารูมเมทสิไอ้ห่า ร้องอยู่ได้”

           “ไปเจ้าไม้เก็บของ” ผมลุกขึ้นจูงมือเข้าไม้จะเดินขึ้นห้องไปเก็บของใส่กระเป๋า ถ้าพ่อทายบอกอย่างงั้นไอ้แมวนี้แหละก็รูมเมทผม อิอิ เสร็จโจรรรรร

           “เดี๋ยววววววววววววววว ! ตลกแดกไอ้ห่า สรุปมึงเลิกงอแงได้แล้วนะ วันหยุดค่อยกลับเดี๋ยวกูไปรับเอง ไอ้ห่าร้องเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ลูกมึงต้องมานั่งโอ๋มึงไม่อายมันมั่งหรือไง”พ่อสวดผมเป็นชุดแถมยังเขกหัวผมดังโป๊กอีกต่างหาก ผมหน้าง๊าว ทำไมล่ะ นี้ลูกผมนะ อีกอย่างผมจะงอแงยังไงก็เรื่องของผมอายุ 50 ผมก็ยังจะงอแง มีอะไรไหมมันเป็นสไตล์ อีกอย่างนึงคนอย่างพ่อไม่เข้าใจวัยรุ่นหรอก เช้ออออออออ

           “ไปเรียนที่ขอนแก่นไม่ได้หรอ นะๆ”

           “ไม่ไป อย่ามาเห็นแก่ตัวไอ้โทน ลูกมึงเพิ่งจะปรับตัวกับโรงเรียนใหม่ได้ และตอนนี้มันกำลังฝึกมวยกำลังจะเข้าที่เข้าทาง มึงจะให้มันเริ่มใหม่ได้ยังไง เรื่องอื่นกูตามใจมึงหมด แต่เรื่องไอ้ไม้นี้กูไม่ตามใจ อีกอย่างมึงก็โตแล้วไปเผชิญโลกภายนอกซะบ้าง”

           “… ถ้าพูดถึงขนาดนั้น ก็ได้ … อยากให้ไปนักก็จะไป”

   ผมว่าหน้างอเดินขึ้นห้องไปแง๊ สิ ใครจะไปอยู่ก็ไม่รู้จะเถียงอะไรนี้ เฮ้อ … นึกสภาพตัวเองไปอยู่หอคนเดียวไม่ออกเลยบางทีเนอะถ้า ผมเป็นลูกสาวของพ่ออาจจะห่วงผมมากกว่านี้ก็ได้เนอะ … ผมไม่ได้บอกว่าอยากเป็นผู้หญิงนะแค่สมมุติ ผมอยากมีเมีย อิอิ

           ไม่คิดแล้ว ปวดตาชะมัด ร้องไห้ไปตั้งเยอะผลลัพธ์ก็เหมือนเดิม … ช่างเถอะ ข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ช่างมัน … ผมไม่สนแล้ว แค่รู้ไว้ว่าผมจะทำให้ดีที่สุด แค่ 6 ปีเอง แค่ 6 ปีที่ผมต้องไกลบ้าน … แค่ 6 ปีที่ผมต้องยิ้มหัวเราะกับเพื่อนใหม่ แค่ 6 ปีที่ผมไม่ได้เจอหน้าคนที่บ้านบ่อยๆ ไม่ได้ตื่นมาทำกับข้าวตอนเช้า ไม่ได้ไปโรงเรียนพร้อมเด็ก ป.2 ไม่ได้ไปกินข้าวที่คันนากับลุง ๆ ป้า ๆ เหมือนตอนนี้ ไม่ได้เจอมีมี่ … ชีวิตผมต้องเปลี่ยนไปมากมาย … และคนเดียว



           ผมไม่อยากคิดนะ แต่น้ำตามันก็ไหล อยู่ดี …

.

.

.



           “เอ๊าชนนนนนนนนนน นนนน นนนนนนน!!!!!” ซดน้ำตาอยู่ดี ๆ วันต่อมาผมก็ถูกลากมาซดเหล้าคราวนี้ไม่ใช่กลางทุ่งนาเหมือนยังเคยแต่เป็นร้านลาบในตัวเมือง ที่วันนี้มีแสดงดนตรีสดวงที่ผมชอบพอดี แหมนะ เมื่อตอนเช้าก็ไปที่โรงเรียนไปเขียนเฟรนชิบไปเขียนเสื้อจนลายพร้อยทั้งตัว ไปกอดคอร้องไห้ก็หน้าเสาธงแบบแบ๊วๆมาแล้วตกดึกก็รวมตัวกันอีก

           .”ไอ้โทนมึงแน่ใจหรอว่าจะไปรักษาสัตว์ได้” ผมหันไปแยกเขี้ยวใส่ไอ้ทิว

           “แน่นอนสิวะ คะแนนแอดกูสูงขนาดนั้นกูเรียนได้สบาย”

           “ได้ข่าวว่าเฉียดฉิวเลยไม่ใช่เหรอวะฮ่าๆๆๆๆ” ผมหันไปถุยน้ำแข็งใส่ไอ้บ้าป๊อกอีกตัว นิสัยแม่งไม่น่าคบกันเลย แต่ก็ช่างเหอะไม่นานมันก็ไม่ได้มากวนตีนผมแล้ว และไม่รู้อีกกี่ปีถึงจะกลับมาเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาอีก พอไปเรียนทุกคนมันก็มีงานมีการทำกันหมด … คงยากที่จะเจอกันแบบนี้อีกอะ …

           “อ้าวไอ้ห่า ร้องเลย” ไอ้ป๊อกพูดเสียงเบาอย่างเซ็งๆและถุยน้ำแข็งใส่หัวผมที่กำลังเช็ดน้ำตาหัวคอเสื้ออย่างไว ใครร้องวะ ไม่มีอะ อิอิ มโนสัดอ่ะ !!!

           “ไม่ร้องดิ เดี๋ยวก็เจอกันอีก แค่เชียงใหม่ทิมมี่ลงมาได้” ไอ้ฝรั่งลาวพูดกับผมและเอาแขนมาเกาะไหล่ผมโยกไปมา อะไรใครร้องไม่ร้องสักหน่อยยยยยยยยยยยยย!!!

           “ไอ้ห่า เช็ดน้ำมูกมึงด้วยนี้จะลงกับแกล้มแล้วไอ้โทน!!!!”

           “บ้านมึงเด้!!! ฮึก ไม่มีสักหน่อย!!!!” ว่าแล้วผมก็เอาขี้มูกป้ายไปที่หน้าไอ้ป๊อก นี้แหนะกวนตีนดีนัก!!! ไอ้ป๊อกโวยวายใหญ่ แต่ผมหนีมานั่งแทรกอยู่ข้างๆทิมมี่ดีกว่าไม่อยากไปเสี่ยงตีนไอ้หมาบ้า ชิชะ หล่อน้อยกว่าและยังซ่า

           “พวกมึงน่าอิจฉา จบก่อนกูตั้ง 4 ปี กูเรียน 6 ปีแหนะ”

           “ก็เรียนหมอนี้หว่า ฮ่าๆๆๆ หมอหมาซะ ดีแล้วมึงจะได้ไปงานรับปริญญาพวกกู และกูก็จะได้ไปงานมึงพร้อม ๆ กันไง ไม่ดีหรือไงวะ” ไอ้ทิวพูดพร้อมกับโยนถั่วเข้าฝาก โยกย้ายตามเพลงอีสานที่กำลังร้องอยู่บนเวที

           “นี้มึง 6 เดือนเรามารวมตัวกันหนึ่งครั้งได้ปะวะ” ผมถามพลางกระดกเหล้าผสมเปปซี่ไปอึกใคร พวกมันหันมามองผมและพยักหน้าอย่างไม่แยแส มีทิมมี่คนเดียวที่ยิ้มและพยักหน้าให้ผม เพื่อนรักผมมีคนเดียวเท่านั้นแหละคนอื่นเพื่อนเหี้ยไม่น่ารักเลย

           คืนนั้นแก๊ง4 หน่อห่อกระทงกินเหล้ากันเกือบร้านปิด ผมไม่เมาสักแอะเพราะไม่อยากกินแต่น้ำอัดลมกับกับแกลมซะท้องอืดแทบตาย กลับมาถึงบ้านเกือบตี 3 ล้างหน้าล้างตาจากห้องน้ำข้างล่างเสร็จก็เดินขึ้นห้องไปเพราะความเหน็บเหนื่อย …แค่เท่านี้ผมยังเหนื่อยเลยและในวันข้างหน้าที่ผมไม่มีใครละ ผมจะเป็นยังไง … น้ำตายังไม่ทันไหลผมก็เปิดประตูเข้าห้องไปเห็นเจ้าไม้นอนอยู่ข้างเตียงผมเหมือนเดิม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ทำให้ผมนึกหมั่นเขี้ยวผมเลยเดินเข้าไปทิ้งตัวนอนเบียดบนฟูกเล็ก ๆ ก่อนจะกอดไอ้เด็กบ้านั้นเป็นหมอข้างและหลับไปในที่สุด…ผมไม่ได้รักไอ้เด็กบ้านี้เลยนะ … เปล่าเลย





           “พ่อโทน ขึ้นรถได้แล้วครับ เดี๋ยวไม่ทันรถทัวร์นะ”

           “แปปนึงขอบอกลามีมี่มากกว่านี้อีกหน่อย”

   ผมตะโกนออกไปหน้าบ้านที่เจ้าไม้ยืนอยู่ข้างรถปิกอัพโดยมีพ่อทายนั่งเคาะพวกมาลัยรอจ้องมาที่ผมอย่างโหด ๆ อะไรเล่า! ก็อยากลาน้องสาวผมก่อนนี้หน่า … ผมต้องไปรายงานตัวที่มหาลัยพรุ่งนี้แล้วครับ จากนั้นอีก 2 วันผม ก็เปิดเทอมเลย ผมเลยต้องไปอยู่หอตั้งแต่วันนี้

   พ่อเองก็ให้คนที่รู้จักเช่าหอพักใกล้ ๆ มหาลัยไว้ให้แล้วและขนของไปไว้บ้างบางส่วนเหลือแต่เสื้อผ้าของผมที่ต้องแบกไปเอง เฮ้อ … นี้ผมต้องนั่งรถทัวร์คนเดียวเหรอเนี้ย แค่คิดก็ไม่อยากแล้ว บอกพ่อให้ไปส่งก็ไม่ได้เพราะวันนี้พ่อมีประชุมค่ายมวยระดับประเทศ อีกอย่างอยากจะฝึกผมด้วย … และถ้าผมนั่งเลยป้ายละ … แต่คงไม่เลยหรอก ผมน่ะนะลงป้ายสุดท้ายเลย ผมใช้เวลาเดินทางจากนี้ก็ประมาณ 5 ชั่วโมงได้แหละมั้ง

           “ไอ้โทน!!!! ถ้ามึงยังไม่วางไอ้มีมี่ลงนะกูไปกระทืบมึงเดี๋ยวนี้แหละ!!! ทำไมมึงดื้อจังวะ!!!!”

           “คร้าบบบบบบบบบ ไปนะมีมี่ และจะโทรมาคุยด้วยนะ”

   ผมว่าและหอมหัวเหม่ง ๆ ของมีมี่ไปหนึ่งทีก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบ้านตัวเองที่มีชาวค่ายทุกคนกำลังยิ้มมาทางผม เมื่อคืนเรากินหมูกระทะกันที่บ้านหลังนี้แหละ พวกเขาอวยพรให้ผมเรียนจบตามเกณฑ์ให้ได้ เพราะผมหัวทึบกลัวไม่จบ เชอะ !!! ผมเหยียดยิ้มกว้างก่อนจะโบกมือบ๊ายบายและวิ่งขึ้นรถมาทันที ยังไงผมก็ตั้งใจแล้วว่าจะกลับบ้านเดือนละครั้ง อิอิ แค่ 29 วันที่ผมต้องโดดเดียว แค่นั้นเอง

.

.

.

           “พ่อโทนครับหัวผมหอมนะ หอมหัวผมหน่อย” ผมหันไปกัดปาดกลั้นยิ้มเมื่อไอ้ลูกชายผมมันพูดขึ้นก่อนที่ผมจะขึ้นรถทัวร์ไป หึหึ ดูดิไม่น่ารักเลยเนอะลูกผมเนี้ย ผมตั้งใจละ ในระหว่างที่ผมเรียนผมจะหาแม่ให้ลูกไปด้วย ฮ่าๆๆๆ สาวมหาลัยคงแจ๋มแจ๋วกันน่าดู แค่คิดก็หมั่นเขี้ยวแล้ว

           “ไหน ๆ แหวะหัวเหม็น” ผมหอมหัวไปหนึ่งที ก่อนจะหอมแก้มไปอีกหนึ่งทีดูดิขนาดโดนด่ายังยิ้มแป้นเลย ผมจะไม่ร้องไห้ ผมกำลังสะกดจิตตัวเองอยู่ …

           “อ่ะ ไอ้โทน จดหมายข้า เอ็งลงจะรถทัวร์แล้วจะมีคนมารับเอ็งชื่อลุงแห้ว”

           “ผมเรียกเขาสมหวังได้ไหม แห้วมันดูการเรียนในวันข้างหน้าของผมมันจะแห้วซะหมดอ่ะพ่อ”

           “ส้นตีน!”

           “จ้า ๆ แห้วก็ได้” ผมว่าทำไมต้องดุกันด้วยแต่ยังไม่ทันจะได้ทำหน้างอผมก็ถูกดึงเข้าไปกอดลูบหัวและก็หอมแก้ม ทุกอย่างมันไวมากโดยทีพอรู้ตัวอีกทีคนทำก็เดินเก๊กหันหลังไปซะแล้ว แหมมมมมมม! ทำเป็นอายพ่อใครน๊า อิอิ ว่าแต่พ่อไม่ได้หอมแก้มผมมานานแค่ไหนนะ … อบอุ่นชะมัด

           “ใกล้เวลารถออกแล้วครับพ่อ … ถ้าหลงทางโทรมาหาปู่ทายนะครับผมจะเก็บเงินซื้อมือถือเป็นของตัวเองให้ไวที่สุด จะได้เอามาคุยกับพ่อโทน ”

           “ดีมาก อย่าดื้ออย่าซนนะ และข้าจะกลับมาตอนสิ้นเดือน ดูแลตัวเองด้วยนะ” ผมว่าและวางมือลงบนหัวเจ้าไม้ลูบไปมาก่อนจะตัดใจเดินหันหลังออกมา แต่แล้วก็ต้องชะงักเมื่อเสียงของเจ้าไม้พูดขึ้นพอที่ผมจะได้ยินมันชัดเจน

           “ไม้รักพ่อโทนนะครับ … ไม้รักพ่อโทนที่สุด” … ตะ แต่ … ฮึก ผมไม่รักไอ้เด็กบ้านี้สักนิด ฮึก ไม่สักนิดเลย!

           ผมเม้มปากพยายามกลั้นน้ำตาที่หล่นแหมะลงมา ก่อนจะวิ่งขึ้นรถทัวร์มาให้ไวที่สุด … พอหาที่นั่งได้ก็ปิดม่านเอาผ้าห่มมาคลุมตัวร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่คนเดียวบนที่นั่งรถทัวร์ในโป่งผ้าห่ม … ไม่อยากเห็นหน้าไอ้เด็กนั้นอีก … ผมกลัว ผมกลัวว่าผมจะทิ้งทุกอย่าง ไม่ชอบเลยกับการจากลา ผมไม่ชอบเลยจริงๆ …





////////



ไม่ร้องสิ <3

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
เย้ๆๆ  ดีใจที่กลับมานะ ติดตามต่อแน่นอน น่าเอ็นดูพ่อโทนจริงๆ

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4


พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

ตอนที่ 6 5 ปีผ่านไปหัวใจคิดถึง



- 5 ปี ต่อมา-



   2 วันมาแล้ว ที่พ่อโทนสัญญาว่าจะกลับมา แต่ผมก็ไม่เห็นแม้แต่เงา โทรไปก็ปิดเครื่อง ผมนั่งมองโทรศัพท์ขาวดำเครื่องล่ะไม่กี่ร้อยบาทที่ผมเก็บเงินจากค่าขนมที่ปู่ทายให้เพื่อเอามาโทรหาพ่อโทนโดยเฉพาะ ความจริงในช่วงปีสองปีแรกที่พ่อโทนไปเรียนก็กลับบ้านสม่ำเสมอ ทุกเทศกาลและวันหยุด รวมถึงงานวันเกิดเขาและของผมด้วย แต่ในช่วงหลังปีหลัง ๆ พ่อโทนเริ่มบอกว่ามีงานเยอะ ปิดเทอมไม่ได้กลับบ้านโทรคุยกับผมสัปดาห์ล่ะไม่กี่ครั้ง ครั้งล่ะไม่กี่นาที และมันเป็นแบบนั้นมาตลอด ผมเองหลายครั้งที่อดใจไม่ไหว กระโดดขึ้นรถทัวร์ไปหาเขาบ้างในบางครั้ง ทำเอาเขาหากันให้วุ่น กลับมาผมโดนปู่ลงโทษไปหลายวัน ช่วง 5 ปีกว่า ที่ผ่านมา มันเหมือนบทบดสอบทั้งจิตใจและร่างกาย ณ.ตอนนี้ผมอายุ 18 ปีแล้ว เป็นพี่ ม.5 เรื่องการเรียนก็ไม่ทำให้ที่บ้านผิดหวังเอาเกรด 4 มาอวดได้ทุกวิชา ส่วนเรื่องชกมวย ก็ไปได้ด้วยดี ถึงจะมีขึ้นชกบ้างแต่ไม่ใช่เวทีใหญ่นัก พอให้หายเหงาได้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามบริบท มีเพียงใจผมที่เคว้งคว้าง อยากที่จะเจอ อยากที่จะกอดให้สมใจ และข่าวดีครับ …ล่าสุดพ่อโทนบอกจะกลับมาอยู่บ้าน และอีก 4 เดือนถึงจะไปรับปริญญาที่มหาลัยพ่อโทนจบก่อนกำหนดเพราะความตั้งใจและความเก่งของตัวเอง ผมรู้ว่าการเรียนอยู่มันไม่ง่าย เขาต้องพยายามผมเข้าใจและผมเองก็… คิดถึง รอคอย … อยากจะเห็นรอยยิ้มนั้น ได้ยินเสียงมันไม่เท่าเห็นหน้ากัน …

   “พี่ไม้จ๊ะ น้องมู่ลี่ทำกับข้าวมาฝาก” มู่ลี่เด็กข้างบ้านที่เพิ่งย้ายมาเธอกว่าผมปีเดียวและน่ารำคาญ เธอมักจะมาที่บ้านผมเสมอและจะทำตัวเป็นพ่อโทนดูแลอาหารการกินทุกคนในค่าย …ถึงแม้เธอจะทำตัวเป็นพ่อโทนแต่ไม่ใช่พ่อโทนของผม …

   “พี่ไม้คะ”

   “หยุดพูดสักที” ผมหันไปพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย … ผมหงุดหงิด ใช่! ผมไม่ต้องการเธอ คนเดียวที่ผมอยากเจอคือเขา

   “พะ พี่ไม้” ผมเดินออกมาจากตรงนั้น คิดถึง … อยากได้ยินเสียง …อยากเจอ

.

.

.



ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก!!!

           “เฮ้ย ไอ้ไม้กระสอบทรายจะขาดแล้วไม้ห่า นี้มึงอายุ 18 จริงปะวะ”

   พี่แสงกระโดดขึ้นมาบนเวทีร้องห้ามเด็กชายไม้ที่อารมณ์กรุ่น ๆ มาหลายวันแล้ว โดยมีปู่ทายยืนกอดอกมองอยู่ด้านล่างช่วงเวลา ที่ผ่านมาแสงเองก็มีพัฒนาการทางด้านร่างกายแบบก้าวกระโดดเช่นกัน จากที่เป็นนักเลงขี้ก้างตอนนี้กลับมากล้ามเนื้อขึ้นมา แถมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมายังขึ้นชกชนะเป็นครั้งแรกอีกด้วยถึงจะชนะด้วยสภาพที่ยับเยินแต่ก็เป็นชนะน๊อคในยกสุดท้าย จากแสงที่ว่าร่างกายเจริญเติบโตแบบก้าวกระโดดแล้วแต่กับไม้เด็กชายอายุ 18 ปี กับร่างกายสูงใหญ่มากกว่าเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน ใบหน้าเริ่มหล่อเข้มมากกว่าเดิม ผิวที่ออกแทนน้ำตาลเนียนสวยอย่างนักกีฬากับก้ามเนื้อที่เริ่มก่อตัวขึ้นใต้ร่มผ้าอีกไม่นานคงเห็นได้อย่างชัดเจน

           ไม้แสร้งยิ้มให้เพียงมุมปากก่อนจะเดินลงจากเวทีมาถอดเชือกที่รัดอยู่ที่ฝ่ามือของตัวเองออกอย่างหงุดหงิดใจ ใจของเค้าไม่สงบเอาเสียเลย พักนี้เด็กน้อยกลายเป็นคนโมโหง่ายและมักจะพกโทรศัพท์ติดตัวอยู่ตลอดเวลาเฝ้ามองมันจนคนข้าง ๆ พลอยหดหู่ใจไปด้วย

           “ไอ้ไม้ เสาร์นี้เอ็งขึ้นชกนะ” ปู่ทายเดินมาหาไม้ที่นั่งมองโทรศัพท์อยู่โต๊ะข้าง ๆ เวทีโดยมีมู่ลี่ยืนแอบมองอยู่ด้วยความหลงใหล

           “ครับ” ไม้ตอบอย่าไม่แยแส ไม่ว่าใครไม้จะไม่แพ้ ให้พ่อโทนกับปู่ทายผิดหวังอยู่แล้ว

           “เออและนี้เอ็งไปส่งของให้ข้าหน่อยสิวะ นี้ที่อยู่และนี้ก็ของ”

   ของในห่อผ้ากับกระดาษที่เขียนที่อยู่ถูกวางไว้ตรงหน้า เจ้าตัวหยิบเศษกระดาษนั้นขึ้นมามองก่อนจะลอบถอนหายใจ เขาไม่แม้แต่จะอยากออกไปเจอใครข้างนอก อยากจะรอพ่อโทนอยู่ที่นี้กลัวว่าถ้าพ่อโทนกลับมา … จะไม่เจอเป็นคนแรก แต่ในเมื่อปู่ทายสั่งก็ต้องไป

.

.

.



           ไม้ขับจักยานออกมาจากบ้านในบ่ายแก่ ๆ ของวัน ผ่านทุ่งนากว้างใหญ่เงียบสงบตามคันนามาไม่กี่กิโลก็เข้าสู่เขตตัวเมืองมีตลาดสดขายในตลอดทั้งวัน และมีห้างเล็ก ๆ อยู่ไม่ไกลมากนักตามความเจริญที่ต่างจังหวัดพึงจะมี เขาขับจักยานไปจนสุดถนนที่ตั้งของตลาดเป็นร้านเปิดใหม่ พอถึงก็หยุดมองขึ้นไปบนตึกคูหาไม้สามชั้นที่ด้านหน้าเหมือนร้านเปิดใหม่ทั่วไปที่ยังไม่ได้จัดของเข้าที่เข้าทางประตูก็เปิดออกอ้าซ่าไม่กลัวขโมย ไม้ยังดูไม่ออกว่าร้านนี้จะทำเป็นร้านอะไร แต่คงเป็นคนที่ปู่ทายรู้จักถึงให้เอาของด้านในห่อผ้ามาส่ง เขาจัดการลงจากรถจักรยานคู่กายและเดินเข้าไปในคูหาเปิดใหม่นั้นแต่ยังไม่ทันที่จะเข้าไปเสียงโครมครามจากด้านในก็ดังขึ้น

           “อย่าทำมันหล่นนะ แพงนะโทน”

           “เออน่ะ ไว้ใจป๋า สิอีหนู”

   เสียงนั้นไม้จำได้ดี … ถึงแม้ยังไม่เห็นหน้าก็จำได้ … เสียงขอพ่อโทน แต่อีกคนไม้ไม่ได้สนใจไม่ทันจะได้ตัดสินใจอะไรเจ้าตัวก็วิ่งเข้าไปในร้านไม่คิดชีวิต ภาพที่เห็นคือผู้ชายตัวเล็กสองคนกำลังวุ่นวายกับการปัดกวาดเช็ดถู โดยไม่ทันสังเกตเห็นเขาหนึ่งในนั้นคือคนที่ไม้อยากเจอมากที่สุด … ทำไมถึงมาอยู่นี้ได้ ทำไมถึงไม่กลับบ้าน คำถามมากมายถูกทดแทนด้วยการที่เค้าวิ่งเข้าไปสวมกอดพ่อโทนจากด้านหลัง …. คิดถึง คิดถึงจริง ๆ



-โทน-

           ผมตกใจขวดยาแทบจะหล่นลงพื้นอีกรอบเมื่ออยู่มีแขนใครก็ไม่รู้มารัดผมจากด้านหลัง ผีหรอ ! แต่อาแป๊ะเจ้าของตึกก็บอกนี้ว่าที่นี้ไม่มีคนตาย ผมกลับมาได้สัปดาห์นึงแล้วครับพ่อทายรู้ดีเพราะเป็นคนไปรับผมมาจากท่ารถ ผมอาศัยอยู่ตึกแถวนี้เพื่อที่จะทำการเปิดร้านที่ตัวเองใฝ่ฝันมาตลอดก่อนที่จะกลับไปเซอร์ไพร์ทลูกของผม ที่พ่อทายบอกงอแงตลอด ผมเรียนหนักเพื่อให้กลับมาที่นี้โดยถาวร ผมไม่ได้กลับมาคนเดียวนะมีไอ้เกื้อกลับมาด้วยเพื่อนที่คนละขั้วกับไอ้ป๊อก ไอ้เบสและก็ไอ้ทิวเลยล่ะ เพราะไอ้เกื้อมันเป็นลูกคุณหนูชีวิตนี้ไม่เคยพูดคำหยาบและอ้อนคุณหญิงแม่มันตั้งนานกว่าจะได้มาร่วมหุ้นทำร้านกับผม จะว่าผมจบเร็วกว่ากำหนดได้ครึ่งเทอมเพราะไอ้เกื้อก็ว่าได้ เราสองคนมันก็บ้าไม่ต่างกันที่พากันเรียนแบบหัวชนฝาอ่านหนังสือจนตาแทบหลุด จนผมไม่ได้กลับบ้าน อดทนรอคอย ด้วยใจที่ภาวนาคิดถึงทุกค่ำคืน …เกือบจะเป็นบ้าแล้ว

   ไอ้เกื้อไม่ได้อยู่ประจำที่นี้แบบผมหรอกนะครับ เขาไป ๆ มา ๆ เพราะมันมีคนขับรถส่วนตัวมารับมันกลับทุกสัปดาห์  อ่อ จะบอกอะไรให้อยากภาคภูมิใจนะ ผมนะตัวสูงกว่าไอ้เกื้อตั้งสองเซนแหนะ ฮิ๊ฮิ๊

           “พ่อโทน …” เสียงกระซิบออดอ้อนนั้นทำให้ผมอึ้งไปเสี้ยววินาที … มันมาได้ไง หมดกันแผนที่วางไว้

           “คิดถึง” ตายๆ เจอแบบนี้เข้าไปไอ้ผมก็อ่อนระทวยหน้าตึงเลยทีนี้ น้ำตาที่กลั้นเอาไว้เริ่มปริ่มออกมา ก่อนจะพูดอะไรผมก็หันไปกอดตอบลูกชายผม … ตัวใหญ่เป็นบ้าไอ้เด็กอะไร ตัวมันสูงกว่าผมที่อายุจะ 24 แบบนี้

   “เอ่อ คือ … ” ผมหันไปทางไอ้เกื้อที่ยืนบิดไปมาอย่างทำตัวไม่ถูกก่อนจะผละออกจากไอ้เด็กที่เกาะผมหนืบเป็นตุ๊กแก โห่! หล่อขึ้นเยอะเลยนะเนี้ยลูกผม เอ้ย ไม่สิอย่าไปบอกมันนะเดี๋ยวจะได้ใจ อิอิ

           “นี้ลูกกูชื่อไม้ ส่วนนี้เกื้อเพื่อนกู ไหว้ซะสิ” เจ้าไม้ยกมือไหว้ไอ้เกื้อที่ยืนแก้มแดงอยู่ … อย่าบอกนะคิดลึกว่าผมมีเมียจนมีลูกแล้วอ่ะ  ไอ้หมอนี้ชอบคิดทะลึ่งชอบคิดลึกครับและที่ฮากว่าคือจับได้ง่ายมาก ไม่รู้ทำไมถึงคบกันมาได้

           “ไม่ต้องคิดลึกเลยไอ้ห่า แหมกูก็จะจะเซอร์ไพร์ทสักหน่อยดันมาเจอซะก่อน งั้นคืนนี้ไอ้เกื้อไปนอนบ้านกูนะ”

           “จ๊ะ เหมือนที่โทนเคยเล่าเลย ไม้น่ารักที่สุด…” ไอ้เกื้อตอบอย่างเบาหวิวและยิ้มหวานให้ไอ้โทนที่ยังเกาะผมแน่นเป็นตุ๊กแกไม่ยอมห่าง เออ ๆ รู้แล้วว่าคิดถึง แหมเกาะขนาดนี้เอากูใส่ไว้ในกระเป๋าหน้าท้องเลยไหมละ! แหมมมมมมมมมม หึหึ

.

.

.



           พอจัดการเก็บร้านเสร็จก็พากันกลับมาที่บ้านทางคันนาในยามเย็นที่แดดส่องแสงสีแดงทำให้หน้าของลูกผมแดงกล่ำเป็นมะเขือเทศไหม้ อิอิ

    ไอ้ไอ้คะยั้นคะยอให้ผมเล่าทุกอย่างให้ฟัง ไม่ว่าจะเป็นโปรเจคจบมหาโหดที่ผมทำพร้อมตอนฝึกงานเพื่อที่จะได้จบเร็วขึ้น และวีรกรรมต่าง ๆ รวมทั้งวิชาบังคับที่เลี่ยงไม่ได้ จนตาเป็นหมีแพนด้าเพราะแทบไม่มีเวลานอน ทุก ๆ ถ้อยคำไอ้เด็กนี้ฟังอย่างตั้งอกตั้งใจ และผมก็บอกถึงร้านที่ผมกำลังจะเปิดนี้ด้วย ผมใช้เงินพ่อ  เงินตัวเองทำมันขึ้นมา เพื่อสัตว์ป่วยที่ยากไร้ … โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายเพื่อทำประโยชน์ให้กับบ้านเกิด โดยไม่หวังผมตอบแทน อยากให้สัตว์ทุกตัวมีสุขภาพที่แข็งแรง นั้นแหละคือร้านที่ผมกำลังจะสร้างเสร็จ ใบรับรองจดทะเบียนแบบนิติบุคคล รอผลอีกไม่เกิดสองวันก็จะได้แล้ว โรงพยาบาลสัตว์ที่เป็นของผม อนาคตที่ผมอยากสร้างด้วยตัวเอง พอผมมีเงินก้อนผมก็จะเอาไปคืนพ่อด้วย

           “รู้แบบนี้ก็ไม่ต้องโกรธกูนะ” ผมพูดแค่นั้นไอ้ไม้ก็หัวเราะออกมาได้ ก่อนจะหัวมาถูแขนผม โว๊ะ! ไม่น่ารักเลยสักนิด ตัวก็โตเป็นควายและ เฮอะ!

           “ยิ้มอะไรอะโทน”

           “ยุ่งน่า” ผมหันไปผลักหัวไอ้เกื้อ ไอ้นี้ก็กวนตีนเดี๋ยวเหอะจับโยนลงทุ่งนาให้เสี้ยนตำตูดเลย

   พอถึงหน้าบ้านน้องสาวผมที่ไม่ได้เจอกันมานานก็ส่งเสียงเห่าทักทาย มีมี่ที่อยู่ในวัยสาวเดินพุ่งเข้าหาผมพร้อมลูก ๆ ที่กลมเหมือนบอลสีขาววิ่งตามออกมาด้วย ผมลงไปนั่งกับพื้นปล่อยให้มีมี่ฟัดผมให้หนำใจให้สมกับที่คิดถึงกัน

   “ตัวนี้ชื่อกะหล่ำตัวนี้ชื่อมะเขือ ส่วนตัวนี้คือแตงกวาครับ”

   ไอ้เจ้าไม้นั่งลงข้างผมก่อนจะอุ้มลูกหมาที่ชื่อแตงกวาตัวเล็กกว่าพี่ ๆ ของมันและเข้าไม่ถึงผมนั่งมาวางไว้ผมหน้าขาของตัวเอง ผมหันไปเอาจมูกชนกับจมูกสีชมพูแบ๊ว ๆ ของแตงกวาก่อนจะหันมาหอมหัวเหม่ง ๆ ของน้องสาวและหลาน ๆ ตระกูลผักของผมทีล่ะตัว น่าร๊ากกกกกกก

           “ใครอะ! อย่าแตะพี่ไม้นะ” ผมงงงวยเมื่ออยู่ ๆ มือผมที่จับมือเจ้าไม้อยู่ก็ถูกปัดทิ้งเฉย … อีหนูแก่แดดนี้ใครน่ะ ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าและมาอยู่ในบ้านผมได้ยังไง แถมยังเกาะแขนไอ้ไม้แน่นอีกด้วย ว๊ะ ลูกผมมีเมียแล้วงั้นหรอเนี้ย

           “เดี๋ยวเถอะนางมู่ลี่กลับบ้านเอ็งไปได้แล้ว” พ่อผมเดินมาผลักหัวเด็กคนนั้นเบา ๆ และกอดอกมองผมสลับกันไอ้เกื้อที่ยืนบิดไปมาอย่างเอียงอาย

           “สะ สะ สวัสดีครับ” ไอ้เกื้อยกมือไหว้ก่อนที่ผมจะตึงขามันเพื่อพยุงตัวเองลุกขึ้นโดยที่อุ้มแตงกวาตัวเล็กขึ้นมาด้วย ไอ้ลูกหมาตัวนี้ได้กินนมเหมือนพี่ ๆ มันรึเปล่าเนี้ยทำไมแคระจัง สงสัยต้องจับตรวจหน่อยซะแล้ว

           “ไงไม่คิดจะสวัสดีพ่อมึงหน่อยหรือไง”

           “สวัสดีอะไรนักหนาก็เจอกันทุกวัน” ผมว่าก่อนจะเดินผ่านไอ้ไม้ที่กำลังเกาะแกะกับสาวเข้าบ้าน เชอะ รู้จักมีฟงมีแฟนละพ่อมึงคงไม่มีความหมายแล้วใช่ไหม

           “ลุงจันทร์ ลุงทิม พี่เมฆ พี่แสง สวัสดีจ้า” ผมยกมือไม้ทุกคนโดยมีแตงกวาอยู่บนไหล่ พวกเขากำลังซ้อมอยู่บนเวทีพอเห็นผมก็พากันวิ่งมาหาถามสารทุกข์สุขดิบกันวุ่นวายจนไอ้โทนตามไม่ทัน แหม รู้สึกฮอตจริง ๆ นะเนี้ย เหอะๆ

           เย็นวันนั้นผมไม่ต้องเข้าครัวเลย เพราะยัยเด็กแก่แดดมู่ลี่ทำไว้หมดแล้ว ถึงจะไม่อร่อยที่ผมทำก็เถอะแต่เด็กอายุ 12 ทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งแล้วมารู้ที่หลังว่าเป็นลูกข้างบ้านที่มาช่วยงานในค่ายผมก็สบายใจคิดว่าเป็นแฟนไอ้ไม้ซะอีก ถ้าเป็นอย่างงั้นเห็นทีต้องจับตีก้นซะให้เข็ดทั้งคู่ ริอาจมีแฟนแต่เด็กได้ยังไง ชิชะ !!! แต่คิดถึงจังน๊า บรรยากาศแบบนี้ …

           “พี่ไม้กินนี้นะ มู่ลี่ทำเต็มที่เลยน๊า” ผมมองเจ้าไม้ที่เมินหน้าหนีไข่พะโล้ที่ยื่นมทั้งลูกและอดขำไม่ได้ แหม เสน่ห์แรงเหมือนพ่อมันไม่มีผิด

           “นางมู่ลี่กลับบ้านนนนนนนนนน!”

           “จิ๊! ก็ได้ ๆ มู่ลี่กลับก่อนนะพี่ไม้” เสียงตะโกนเรียกทำให้เด็กแก่แดดวิ่งออกจากบ้านผมไปไม่สายขโมยจุ๊บแก้มไอ้ไม้ไปหนึ่งที ผมอึ้ง อึ้ง และอึ้ง เชี้ยไรเนี้ย!!!

           “บ๊ะ ไอ้เด็กนี้ผู้ใหญ่นั่งหัวโด่กันอยู่สี่ห้าคนเสือกลาไอ้ไม้คนเดียว เหอะๆ”ลุงจันทร์พูดอย่างขำ ๆ ก่อนจะหันไปเสวนาเรื่องพระกับลุงทิมต่อ ไอ้เกื้อนั่งกินข้าวเงียบ ๆ อยู่ข้างผมคอยส่งสายตาให้ผมเป็นระยะๆ คงยังปรับตัวไม่ทันกับครอบครัวของผมละมั่ง

           “คืนนี้นอนกับข้านะ”ไอ้เกื้อพยักหน้างึก ๆ ให้ผมก่อนจะเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้ผมตาหวานฟรุ้งฟริ้ง พอผมพูดแค่นั้นแหละไอ้ไม้ทิ้งช้อนดังเคล้งเลย ช่วยไม่ได้ไปนอนกับยายเด็กแก่แดดนั้นแล้วกัน ชิชะ !

.

.

.



           คืนนั้นผมกับพวกลุง ๆ อยู่คุยกันจนดึงโดยมีไอ้เกื้อนั่งฟังอยู่ด้วย เกือบเที่ยงคืนผมถึงพาไอ้เกื้อขึ้นมาบนห้องนอนของผมที่ตอนนี้สะอาดเอี่ยมทุกซอกมุม และต้องขมวดคิ้วเมื่อเห็นไอ้เด็กควายตัวใหญ่นอนขดอยู่ข้าวเตียงของผมเหมือนตอนเด็กๆที่มันเคยนอน … 

           “เอ่อ … เกื้อนอนข้างไม้ก็ได้นะ” ไอ้เกื้อฉุดแขนผมที่กำลังจะเดินไปปลุกไอ้เด็กบ้าให้ลุกไปนอนที่อื่น ได้ยังไงมุ้งนี้นอนได้สองคน ถ้านอนเบียดกันยุงได้ห่ามไอ้เกื้อไปกินแน่มีหวังคุณหญิงแม่ต้องฆ่าไอ้โทนแน่ๆ

           “ไปนอนห้องข้าก็ได้” ผมขนลุกซู่เมื่ออยู่ๆเสียงทุ้มต่ำของพ่อทายดังขึ้น มายืนเป็นยักปักหลักตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ และยังไม่ทันอะไรพ่อผมก็ลากไอ้เกื้อไปแล้ว … วาเว้ย … จากเพื่อนจะเปลี่ยนเป็นแม่เลี้ยงกูปะเนี้ย!!!

           แค่คิดก็ขนลุกล่ะ ผมถอนหายใจก่อนจะเดินมุดเข้าไปในมุ้งยังไม่ทันจะได้คลานขึ้นเตียงขาผมก็ถูกจับเอาไว้ แว๊กกกกกก! ตะ ตะ ตกใจ

           “กอดไม้นะครับคืนนี้”… จึ๊ก กูตาย กูตายยยยยยยยยยยยยยยย!

           “นะครับ”

           “อะ เออ!!!” ผมกระแทกเสียงก่อนจะล้มตัวลงไปนอนเบียดกับไอ้เด็กผีและกอดมันไว้แน่นส่วนไอ้เด็กผีก็ซุกผมเหมือนเด็กขาดความอบอุ่น … ความรู้สึกตอนนี้ทำให้ผมรู้ว่าผมได้กลับบ้านแล้ว …

   พรุ่งนี้จะเจออะไร ผมก็ไม่กลัวแล้ว …

           กูเกลียดเด็ก !!!! โดยเฉพาะเด็กแรด!!!



           “พี่ไม้จ๋า ที่นี้เหม็นจัง พามู่ลี่กลับเถอะนะ” มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกันมากแต่กระผมจะทำงานเปล่าวะ แล้วแม่คุณนี้ก็คอกวัวไม่ให้เหม็นได้ยังไง ผมเหลือบมองนางเด็กนอแรดกำลังเกาะแขนลูกชายผมแจ ส่วนไอ้เด็กบ้าก็ให้เกาะแกะจ้องผมไม่กระดุกกระดิกเหมือนเป็นหุ่น  ตายด้านแล้วไหมละ!!! ฮุ้ย น่ารำคาญเสียงแมงหวี่แมงวันชะมัด

           ผมปัดแมลงวันที่ตอมวัวแก่ชื่อแม่ดอกขมิ้นแม่พันธุ์ที่ผมมาตรวจเช็คอาการของแม่ขมิ้น ลุงสมเจ้าของแกบอกว่าแม่ขมิ้นไม่ค่อยกินหญ้า ผมบอกให้ลองกินพิซซ่าดูก็ไม่เชื่อ

           “เป็นไงบ้างเจ้าโทน หวังว่าเอ็งจะไม่เผลอใส่ยาอะไรให้แม่ขมิ้นข้านะ”

           “โธ่ลุง ฉันเป็นหมอนะลุง เดี๋ยวฉันจ่ายยาให้และจะมาดูอาการพรุ่งนี้เย็นๆนะลุงนะ”

           “โอเค๊ๆ” แกพูดเลียนแบบฝรั่งอย่างน่ารัก ผมยิ้มก่อนจะหยิบอาหารเสริมที่เตรียมมาให้แกก่อนจะเก็บของเดินออกมาตอนแรกผมก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ ผมก็ อายุ 24 แล้วปะคงไม่ไปนั่งอิจฉาเด็ก 12กับ 13 หรอกนะ แต่หลายวันมานี้ ยายเด็กมู่ลี่ไม่เห็นหัวผมสักแอะ ถึงผมจะเตี้ยแต่ส่วนสูงก็พอๆกับเจ้าหล่อนนะ แถมยังคอยเป็นก้างระหว่างผมกับลูกอีกต่างหาก หงุดหงิดอ่ะ ไปทำงานกลับบ้านไปก็เจอหน้านั้งมุ้งมิ้งกับอยู่ได้ ตามไปได้ทุกที่ น่ารำคาญชะมัด ขวางหูขวางตา ฮึ้ย!!!

           “พ่อโทน กินข้าวก่อนไหมครับ ”

           “ไม่เอาจะไปกินพร้อมไอ้เกื้อ อยากกินก็ไปกินกันสองคนซะ”

           “แต่พ่อโทนไม่ได้กินข้าวกลางนามาหลายปีแล้วนะครับ …นะครับ ตรงโน้นก็ว่างอยู่ นี้ก็บ่ายโมงแล้วด้วย ผมถือมาเยอะแยะเลยเห็นไหม มีน้ำพริกกุ้งเสียบที่พ่อโทนชอบด้วยนะ” ผมทำหน้าเบื่อหน่ายใส่ก่อนจะเดินลงคันนาไป เชอะ เห็นแก่น้ำพริกกุ้งเสียบหรอกนะ

           “มู่ลี่ ข้าลืมแกงส้มไว้ที่บ้านเอ็งช่วยไปเอาให้ข้าหน่อยได้ไหม” ผมนั่งลงบนแคร่ใต้ต้นหูกวางและมองไปทางอื่นแต่ก็เหลือบมองเจ้าไม้ที่พูดแจ้ว ๆ กับยังมู่ลี่ หึ หมั่นไส้

           “ตะ แต่”

           “ขอวานเอ็งหน่อยไม่ได้หรือ?” ทำเป็นอ้อน เดี๋ยวปัดหน้าคว่ำจมกองขี้ควาย!

           “ได้จ้ะ รอแปปนึงนะพี่ไม้” ไม่รอดหรอก ขนาดพ่อมันเองยังไม่รอดเลยนับภาษาอะไรกับเด็กยังไม่แตกเนื้อสาวอย่างยายมู่ลี่ พนันได้เลยไอ้เด็กเจ้าเล่ห์นี้ไม่ได้ลืมหรอก ความจำไอคิวระดับอัจฉริยะอย่างหมอนี้น่ะหรือจะลืม เฮอะ ! ไม่มีทาง!!!

           พอยายเด็กผมติ่งมู่ลี่วิ่งออกไปผมก็คว้าหมับเข้าที่ปิ่นโตกับข้าวและเปิดดู ปรากฏว่าแกงส้มโชว์อยู่ตั้งแต่ชั้นแรก ฮึ ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์

           “ทำไมล่ะ เด็กนั้นแฟนไม่ใช่หรือไง ไล่ไปทำไม” ผมว่าด้วยอารมณ์กรุ่น ๆ ไอ้เด็กบ้าอมยิ้มก่อนจะบรรจงจัดแจงวางกับข้าวไว้ตรงหน้าผม

           “ผมอยากกินข้าวกับพ่อโทนสองคนมากกว่า อีกอย่าง มู่ลี่กับผมแค่คนรู้จักกัน” แก้ตัวเป็นเซเลปเลยนะ ผมบุ้ยปากหันหน้าไปทางอื่นก่อนจะตกใจเมื่ออยู่ ๆ ไอ้เด็กตัวยักษ์เดินมาโผล่ตรงหน้าผมก่อนจะยิ้มหวานกระแทกใจ … อะ ไอ้เด็กนี้ตัวอันตราย!!!!!

           “อย่าสนใจใครเลยครับ ชีวิตนี้ผมมีแค่พ่อโทนคนเดียว” … เขินอะ ไม่สิ ผมไม่เขินสักหน่อย! ผมหันหน้าหลบมาอีกทาง จ้วงข้าวเข้าปากอย่างเอาเป็นเอาตาย ร้อน ทำไมร้อนแบบนี้นะ เมื่อกี้ไม่เห็นจะร้อนแบบนี้เลย พระอาทิตย์อยู่ใกล้โลกเกินไปรึเปล่านะ …

           “พ่อโทน ค่อย ๆ นะครับเดี๋ยวติดคอ”

           “อุ๊ก แคกๆๆๆๆ”

           “เห็นไหม” ผมตาขวางใส่ไอ้เด็กบ้า ยังไม่ช่วยกันอีก เชอะ! ไอ้เด็กบ้ารีบเข้ามาตบหลังผมเบาๆ ก่อนจะรีบหยิบน้ำยื่นให้ผม ให้ตายสิ เกือบตายแหนะ

           “โกรธอะไรผมหรอครับ” ผมอมน้ำจนแก้มป่องมองหน้ามันแบบเคืองๆก่อนจะหันไปบ้วนน้ำทิ้งและกลับมากินข้าวต่อไม่สนใจ ไม่ได้งอนอะไรทั้งนั้นแหละ ไม่ต้องมายุ่งด้วย น่าเบื่อฉิบ !

           “ไม่รักผมแล้วหรอ”

แก๊ก …

           ผมปล่อยช้อนลงบนจานเสียงดังก่อนจะกอดอกมองไอ้ลูกบ้าที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เจ้าเล่ห์ คิดว่ารู้ไม่ทันหรือไงไอ้น้ำตาจระเข้เนี้ย!!!!

           “พ่อโทน”

           “เรียกทำไมนักหนา” ผมเลิกคิ้วถามไม่ละสายตาจากใบหน้าคมๆของไอ้ลูกบ้าที่จ้องมาทางผมเช่นกัน ทำเป็นจะร้อง ฮึ เจ้าเล่ห์นะสิไม่ว่า ไอ้คนเจ้าเล่ห์!!!!

           “พ่อโทนโกรธผม”

           “เออ รู้ตัวก็ดี”

           “โกรธผมทำไม ไม่รักผมแล้วหรอ”

           “เอ็งอายุเท่าไหร่แล้ว”

           “18 ครับ”

           “แค่ 18 ยังมีสาวมาติด แล้วถ้ายายมู่ลี่ท้องขึ้นมาจะเอาอนาคตไว้ที่ไหน”สิ่งที่ผมอยากพูดไม่ได้มีแค่นี้ … แต่ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมอยากพูดคืออะไร ผมนึกไม่ออก …

           “ผมกับมู่ลี่แค่คนรู้จัก ไม่ว่าจะพูดสักกี่ทีผมก็ไม่มีวันทำให้พ่อโทนผิดหวัง เชื่อใจผมสิครับ”

   ผมเม้มปากก่อนจะหยิบดอกแคจิ้มน้ำพริกและยัดเข้าปากไอ้ลูกบ้า หึหึ เออ ไม่โกรธแล้วก็ได้ ถ้าไม่นับเรื่องเจ้าไม้กับยายหนูมู่ลี่ตอนนี้ชีวิตผมก็ทำท่าจะลงตัวเอาซะมากๆ โรงพยาบาลสัตว์ของผมกับไอ้เกื้อเป็นไปด้วยความสงบ และราบรื่น คือผมกับไอ้เกื้อทำไม่หวังผลกำไรอยู่แล้วครับ เลยไม่ต้องซีเรียสอะไรมากกับเรื่องเงินทอง มีสัตว์เข้าออกให้รักษาตลอดไม่ขาดสาย ได้ค่ากับข้าวไปวัน ๆ พอค่าน้ำค่าไฟแต่ล่ะเดือน ส่วนเรื่องอุปกรณ์กับยาเรื่องนี้บ้านไอ้เกื้อเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการครับผม

           คิดไปคิดมา หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน …ผมมองเจ้าไม้ที่กำลังเก็บปิ่นโตลงข้างล่าง ตาปรือทำท่าจะหลับเพราะอากาศที่เย็นสบายของท้องทุ่งไม่เหมือนกับในเมืองที่มีแต่ควันรถ ดีจังที่ได้กลับมา คิดได้แบบนั้นมือเย็นๆก็แตะเข้าที่แก้มผมจากด้านหลังก่อนจะค่อยๆดึงตัวผมลงไปนอน เสียงกระซิบเบาหวิวคล้ายเพลงกล่อมให้ผมหลับทันทีที่หัวผมสัมผัสกับตักแข็งทื่อของเจ้าลูกบ้า

           “พักบ้างนะครับพ่อโทน” ผมเหยียดยิ้มก่อนจะค่อย ๆ หลับตาลง ทิ้งความสับสนให้เลื่อนลอยไป



-ไม้-

           ผมลูบเส้นผมสีน้ำตาลของพ่อโทนอย่างเบามือ ใครกันนะสรรสร้างผู้ชายคนนี้ขึ้นมาให้น่าหลงใหลได้ถึงขนาดนี้ ผมจงใจพิสูจน์ความรู้สึกของเขาโดยการตัวติดกับมู่ลี่และก็จริง ๆ ที่พ่อโทนมีอาการออกมาอย่างเห็นได้ชัด อาจจะดูบ้าบอแต่ผมก็รู้สึกดีใจที่ผมเป็นคนสำคัญของเขา หน้าตาน่ารักแบบเด็กดื้อของเขาไม่มีวันที่จะมีใครมาแทนได้ ถึงเราจะห่างกันถึง  6 ปี หรือเกือบครึ่งรอบ ถือว่าเป็นอีกสิ่งที่ยืนยันไทม์ไลน์ได้เป็นอย่างดีว่าเราทั้งคู่ไม่มีสัมพันธ์ทางสายเลือด…และไม่ผิดศีลธรรม และผมเองมีสิทธิ …ถึงแม้ว่าตอนนี้จะต้องทนอยู่ในสภาพของลูกของเขาก็ตาม ผมจะรีบโต เพื่อที่จะได้คู่ควรกับพ่อโทน … ผมก็จะไม่มีวันเสียใจ พ่อโทนจะต้องรักผม รักผมคนเดียว ในวันข้างหน้าจะต้องเจออะไรหนักแค่ไหน ปู่จะยอมไหม หรือชีวิตผมต้องเสี่ยงกับไอ้พวกเดรนรกที่จ้องจะเอาชีวิตอีกสักเท่าไหร่ … ขอแค่มีพ่อโทนอยู่ข้างๆผม … ขอแค่มีพ่อโทน ผมก็ไม่สนอะไรอีกแล้ว …

           ผมบรรจงก้มลงหอมขมับของพ่อโทนที่นอนหนุนตักพยายามให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้เขารู้ตัว ก่อนจะลากริมฝีปากมาที่แก้มใส … ไม่พอ สำหรับคน ๆ นี้สัมผัสแค่ไหนก็ไม่พอ … ริมฝีปากน่ารักของเขาถูกผมมอบความรักให้อย่างแผ่วเบา …

เคร้ง!

           “พะ พะ พี่ไม้ …” ผมเหลือบมองมู่ลี่ที่มาจากไหนไม่รู้ … ก่อนจะเหยียดยิ้มให้มุมปากและยกมือขึ้นจรดริมฝีปาก ส่งสัญญาณให้เสียงเบา ๆ … และดูเหมือนเธอก็จะรู้ดีว่าถ้าหากไม่ทำตาม ผมจะโกรธแค่ไหน ก่อนจะรีบพยักหน้าด้วยตัวสั่นเทาและวิ่งออกไป … พอสำหรับเกมส์นี้ …

   เด็กอย่างผม อาจจะโตเกินเด็กไปซะหน่อย แต่ยังไง พ่อโทนก็คือคน ๆ เดียวที่ผมต้องการ … ยอม ผมยอมทิ้งทุกอย่างบนโลกเพื่อแลกกับการได้อยู่กับเขา …




ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

ตอนที่ 7 เกื้อกูล



-โทน-

           “ไอ้เกื้อ วันนี้เอ็งกลับบ้านปะ”

   ผมถามไอ้เกื้อที่นั่งอยู่ที่เคาเตอร์ยา หลังจากกลับมาจากทุ่งนาบ่ายแก่ ๆ ของวัน โดยมีไอ้เด็กหน้าโหดติดสอยห้อยตามมาด้วย แต่แปลกนะไม่เห็นวี่แววของไอ้เด็กมู่ลี่เลย ช่างเถอะคงไม่มีอันตรายอะไรเกิดขึ้นหรอกมั้งนั้นก็ละแวกแถวๆบ้าน ผมลองถามเจ้าไม้ดูแล้วก็ไม่ได้ความอะไร เซ่อซ่าจริง ๆ ไอ้เด็กนี้ ชิชะ รู้นะว่าผมต้องกลับมาทำงานต่อก็ไม่ยอมปลุกผม หึ เดี๋ยวปั๊ดกัดหูให้ซะนี้

           “เอ่อ คือ พอดีว่า”

           “อะไร แล้วนี้เป็นอะไรหน้าแดงเชียว เขินอะไรวะ” ผมเดินเอาเนื้อตากแห้งที่ชาวบ้านให้มาระหว่างทางไปวางไว้ด้านหน้าไอ้เกื้อที่ยืนบิดไปบิดมา =_=’ ปวดฉี่มั้งนี้เปล่าเพื่อนกู

           “ไอ้เกื้อสติ” ผมเดือนมันเมื่ออยู่ๆตามันก็ลอยหน้าแดงปั๊ด แถมยิ้มกริ่มๆอีกต่างหาก เฮ้ยยยยยย!!!! เป็นเอามากกกกก

           “คือว่า พี่ชายเกื้อจะแต่งงานอะ”

           “แล้ว ?”

           “แล้วเขาชวนให้เกื้อไปเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว!!! เกื้อตื่นเต้น” … แล้วเพื่อนผมก็ยืนบิดต่อไป ผมไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลยครับเพราะพี่ชายไอ้เกื้อก็คือรุ่นพี่ที่คณะผม แถมแกยังมีแปลนจะแต่งงานทันทีที่เรียนจบกับดาวคณะบัญชีอีกด้วย แต่ที่ทำให้ผมตาลุกวาว คือโต๊ะจีนระดับพรีเมียมที่กำลังจะได้กิน

   “โทนไปด้วยกันนะ ชวนลุง ๆ น้า ๆ ที่บ้านโทนด้วย อ๋อ ไม้ด้วยนะ แล้วก็ … เอ่อ … ละ ลุงทายด้วยนะโทน” เอ๊ะ … พูดชื่อพ่อผมแล้วทำไมหน้าแดงกว่าเดิมล่ะ …

           “นี้ไอ้เกื้อ เอ็งไม่ได้จะมาเป็นแม่เลี้ยงข้าใช่ไหม” ผมถามเชิงหยอกล้อแต่กะเอาคำตอบจริงๆ ความจริงผมก็ไม่ได้แอนตี้อะไรหรอกนะมันเป็นปกติของสังคมสมัยนี้ แต่แหม … ถ้าจะเปลี่ยนสถานะก็ขอทำใจหน่อยเถอะ

           “จะ จะ จะบ้าเหรอออออออ” แล้วทำไมต้องหน้าแดงยืนบิดแถมยังหลบตาอีกด้วย … เปอร์เซ็นมีเพื่อนเป็นแม่ใหม่สูงถึง 50 เปอร์เซนต์  ตาเฒ่านั้นทำอะไรเพื่อนผม … เดี๋ยวเถอะต้องเคล้นเอาความจริงให้ได้เลย คอยดูนะ!!!



-เกื้อกูล-

   เกื้อ นั้นคือชื่อผม ที่มาจากคำว่าเกื้อกูล บ้านของผม มีพี่ชายและก็คุณแม่  ส่วนคุณพ่อท่านเสียไปตั้งแต่ผมยังไม่เกิด วันแรกที่ผมเจอโทน คือตอนเปิดภาคเรียนของคณะสัตว์แพทย์ เขาดูลุกลี้ลุกลนมากประหลาดโดดเด่นกว่าคนอื่น ในขณะที่ผมเองก็มีคนมองด้วยสายตาแปลก ๆ ซึ่งผมไม่เคยจะคุ้นชิน และไม่มีคนเข้ามาคุยกับผมเลยสักคนเดียว อาจจะเป็นเพราะผมขี้อายเกินไปก็ได้ แต่กับโทนในตอนนั้นเจิดจ้ามาก เพราะเป็นคนยิ้มเก่งแถมเข้ากับคนง่าย เขาดึงดูดทุกคนรวมถึงผมด้วย

           “นี้”

   ในวันต่อมาผมยืนมองลูกวัวเกิดใหม่ที่ตัวแดง ๆ ขณะที่รุ่นพี่ที่อยู่ในจ้ำสูทสีเทาของคณะสัตว์แพทย์กำลังช่วยมัน โดยไม่ทันสังเกตว่าโทนเองก็มายืนอยู่ข้างผม ตัวเราแทบจะเท่ากัน แต่เขาเฮี้ยวกว่าผมเยอะ ดูจากการแต่งตัวที่ใส่จ้ำสูทเฉพาะกางเกงส่วนท่อนผมก็เปิดใส่เสื้อกล้ามสีดำที่ตัดกับสีผิวขาวของเขา

           “กูชื่อโทนนะมึงอะ”

           “ระ ระ เรา ?” ผมชี้มาที่ตัวเองเพื่อย้ำให้เค้ารู้ว่าเค้ากำลังพูดกับผมอยู่ใช่ไหม … ในตอนนั้นผมทำตัวไม่ถูกจริงๆ ทั้งอายทั้งดีใจ ที่สำคัญยังเป็นคนที่เจิดจ้าซะขนาดนี้

           “อยู่กันสองคนปะวะ และนี้เป็นไร ปวดฉี่อ่อ บิดซะขนาดนี้ เฮ้! ช่วยเก็บออร่าสีชมพูพวกนี้ได้ปะ คลื่นไส้อ่ะ” อะไรคือออร่าสีชมพูหรอ มีออกมาจากตัวผมด้วยเหรอผมไม่ได้ปวดฉี่นะ ตอนนั้นผมคิดว่าคนอะไรหน้าตาก็น่ารักแต่พูดจาไม่น่ารักเลย ตาแป๋วจ้องผมเขม็งปากก็ยิ้มกว้างจนเห็นฟันครบ 32 ซีกเลย มีลักยิ้มด้วย

           “เราชื่อเกื้อ”

           “อ่อ เออนี้แล้วลูกคุณหนูมาทำอะไรในคณะแบบนี้ล่ะ ถามได้ปะ”

           “เอ่อ … ทำไมล่ะ แปลกหรือไง ?” ผมเอียงคอถาม จากนั้นโทนก็เอียงคอตามผมและอยู่ ๆ ก็ยื่นมือมาหยิกแก้มผมดังหมับ เจ็บอ่า!!!!!

           “หมั่นไส้อะ ทำให้นึกถึงลูกที่บ้านเลยรู้ปะ”

           “เอ๊~”

           “ไม่เชื่อหรือไง ฮ่าๆๆๆ เห็นแบบนี้กูมีลูกแล้วนะ ชื่อไม้ ถ้าไม่ติดเรียนนะ กูก็ได้อยู่อ้อนลูกแล้ว นี้ๆ ดูรูปสิ” และโทนก็หยิบรูปของเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักและหล่อเกินเด็กที่กำลังยิ้มหล่อมาจากในรูปให้ผมดู ผมจ้องสลับกับเงยมองโทนที่กำลังทำหน้าภาคภูมิใจเป็นที่สุดอยู่ ไม่เหมือนอะ ดูยังไงเด็กคนนี้ก็ดูโตกว่าเค้าเป็นไหนๆ

           “เอ๊า งง อยากรู้ปะ ถ้าอยากรู้คืนนี้มานอนเป็นเพื่อนกันหน่อยสิ นอนคนเดียวมันเหงา นะๆๆๆๆ” และเขาก็เข้ามากระแซะอย่างน่ารักน่าชัง ตายละสิ ผมงี้อายม้วนเลย พี่คนที่กำลังทำย้ายลูกวัวอยู่หันมามองและทำหน้าฟินแปลก ๆ ใช่สิ ก็โทนน่ารักนี้หน่า

.

.

.

           “เอ้~ ไม่ใช่ลูกจริง ๆ หรอ”

   ผมกอดหมอนตั้งอกตั้งใจฟันโทนที่อยู่ในชุดผ้าขาวม้าเสื้อกล้ามที่พยักหน้ายืนยันด้วยสีหน้าจริงจัง ในขณะที่ผมอยู่ในชุดนอนแขนขายาวสีชมพูที่แม่ผมเป็นคนซื้อให้

           “แต่นะ ไอ้เด็กบ้านั้นน่ารักแถมหล่อเหมือนพ่อมันด้วย” เขายักคิ้วเหมือนหล่อเต็มประดาและเปล่าเลยมันดูตลกมากกว่า ผมแอบหลุดขำนิดหน่อยแต่ก็ยังฟังเขาโม้ใหญ่โตต่อไป สักพักผมก็เคลิ้มๆ จนผมหลับไปในหูของผมยังได้ยินเสียงของโทนเรียกอยู่ไม่ขาดสาย … นี้รึเปล่านะที่เค้าบอกกันว่าพูดจนลิงหลับ



           วันต่อมาเราสองคนพากันมาเรียนสายทั้งคู่เพราะไม่มีใครปลุกใครผมก็ลืมตั้งนาฬิกาปลุกตื่นมาอีกทีเห็นหน้าโทนกำลังน้ำลายไหลย้อยอยู่ตรงหน้า เกือบจะขำแต่พอหันไปมองเวลา 10 โมงกว่าเท่านั้นแหละไฟลนก้นเลย เรียนวันที่สองผมก็สายแล้วนี้สิ ฮืออออออ

           ในวันนั้นอาจารย์ได้ทำโทษที่เข้าชั้นเรียนสายด้วยการให้เราสองคนไปกวาดโรงเรือนเลี้ยงสุกร ซึ่งผมก็ไม่มีคำแก้ตัวใด ๆ นอกจากต้องมากวาดเล้าหมูจริง ๆ ที่นี้กลิ่นค่อนข้างแรง เลยต้องมีการทำความสะอาดทุก ๆ 3 วันซึ่งในนี้แบ่งเป็นโซนอนุบาลและโซนหมูแม่พันธุ์พ่อพันธุ์ความจริงที่โหดร้ายคือลูกหมูน้อยตัวที่ไม่แข็งแรงจะถูกนำไปฆ่าเพื่อมาแปลรูปเป็นอย่างอื่น… ผมทำใจรับไม่ได้นานพอสมควรแต่โลกนี้มันอนิจัง อีกอย่างผมอยากที่จะช่วยสัตว์ทุกตัว ผมต้องอดทน

           “เหม็นอะ” โทนย่นจมูกแต่มือก็ยังลูบหัวลูกหมูตัวสีชมพูน่ารักอยู่

   ผมได้แต่ยิ้มและก้มทำงานต่อไป จนเมื่อเสร็จงานผมเอาขยะมาทิ้งด้านหน้ามหาลัย แต่ต้องรอรถขยะมาด้วยตัวเองเพราะรุ่นพี่บอกว่าถ้าวางทิ้งไว้จะโดยอาจารย์ดุ ส่วนโทนก็ยังไงล้างเอาน้ำฉีดใส่มูลสัตว์อยู่ในโรงเรือน

           ในระหว่างที่ผมยืนรอนั้น ผมรู้สึกเสียงสันหลังวาบใหญ่ ก่อนจะค่อย ๆ หันไปดู วินาทีนั้นถุงขยะผมแทบร่วง เมื่อเห็นชายร่างสูงใหญ่สมส่วน ดูมีอายุ และยังดูเท่และหล่อมาก กำลังยืนจ้องผมอยู่ไม่ไกลมากนัก ในตอนนั้นผมอยากที่จะก้าวเข้ามหาลัยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น แต่ดูเหมือนขาผมจะแข็งจนเหมือนจะชาเลย T^T ฮือออออออออออออออเขาเข้ามาหาผมแล้ว ฮึก ผะ ผมกลัวอะ ใครก็ได้ช่วยผมด้วย เขาจะต่อยผมแล้ว ฮึก

           “เฮ้ ไอ้หนู”

           “ผะ ผมหรือครับ”

           “เออ เอ็งนั้นแหละ ร้องไห้ทำไมวะ” ผมส่ายหัวไปมา ฮึก ใครจะไปกล้าบอกว่าผมกลัว ผมกำถุงดำแน่น ก่อนจะก้มหน้าคางชิดหน้าอก ไม่เอาอะ เขาน่ากลัว ผมไม่เคยเจอคนน่ากลัวแบบนี้

           “เอ๊าเอา ร้องไห้ใหญ่ ไอ้นี้เดี๋ยวใครก็คิดว่าข้าทำอะไรเอ็งหรอก มานี้มา”

   เขาว่าและลากผมออกมา ผมถูกลากไปพร้อม ๆ กับถุงขยะ พอเขาหันมาเห็นก็จับถุงขยะโยนทิ้งไปฮึก ผมต้องโดยอาจารย์ดุแน่ ๆ และนี้เค้าจะพาผมไปไหนอะ สุดท้ายแล้วรู้ตัวอีกที ก็พาผมมาที่สวนสาธารณะข้าง ๆ มหาลัย ที่ไม่มีใครอยู่เลย

           “กลัวหรือไง ข้าไม่ใช่คนร้ายหรอกนะ ข้าชื่อทาย” ผมสะอื้นฮัก และดูเหมือนเค้าจะอ่อนโยนกว่าที่คิด เขาวางมือใหญ่โตลงบนไหล่ของผม

           “ผมชื่อเกื้อ ฮึก ผมเป็นเด็กดีนะ ไม่เคยทำร้ายใคร ลุงอย่าทำผมเลยนะ ฮึก ผมกลัวแล้ว”

           “ว๊ะ ไอ้นี้ ข้าจะไปทำอะไรเอ็ง ขี้แยจริง ข้าแค่จะถามว่ารู้จังไอ้โทนลูกข้าไหมแค่นั้นแหละ”

           “ทะ โทน … สัตว์แพทย์หรือครับ ฮึก ถ้าโทนนั้น พะ เพื่อนผมเอง ลุงเป็น พะ พ่อโทนหรอ ”

           “ก็เออสิ แล้วเอ็งรู้จักด้วยหรือไงไอ้ลูกบ้านั้นน่ะ” ผมพยักหน้า และยกมือไหว้เขาที่จ้องผมนิ่งจนผมต้องหลบสายตา ก่อนจะได้ยินถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่และก็เดินออกไป ผมไม่กล้าแม้แต่มองตาม เขาไปแล้วหรอ … ตอนนั้นผมงงมาก เขาไปไหนและก็กลัวมากด้วย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรได้ แพนเค้กกลม ๆ ที่วาดเป็นรูปโดเรม่อนบูดเบี้ยว ๆ ก็ยื่นมาตรงหน้าผม …

           “กินซะจะได้เลิกงอแง ข้าไม่ใช่โจรนะเว้ย”

   ผมกลั้นสะอื้นเงยหน้ามองเค้าก่อนจะรีบรับแพนเค้กเสียบไม้รูปโดเรม่อนมาทันที เพราะตอนนั้นลุงทายทำหน้าดุมาก ตกลงเาจะปลอบผมหรือจะดุผมซ้ำอีก อันนี้ผมไม่แน่ใจนัก แต่แพนเค้กอันนั้นผมเอาเข้าปากทันทีเมื่อฌเขาย้ำมาอีกรอบ

           “เอ็งเป็นเพื่อนไอ้โทนหรือไง” ผมพยักหน้าทั้ง ๆ ที่ยังก้มกินแพนเค้กอยู่ มันอร่อยมากเลยนะ

           “มันเป็นไงบ้าง”

           “… นะ น่ารักครับ”

           “หึหึ เออ มันน่ารัก กวนตีนด้วยใช่ไหม”

           “…” ผมเม้นปากอยากจะหัวเราะก็หัวเราะไม่ออก

           “งอแงจังวะ”

           “…” ผมเบะปากจะร้องอีกรอบ แต่ก็ต้องเงียบเมื่อมือใหญ่โอบหลังผมและตบหลังผมอย่างปลอบโยนเบาๆ

           “หึ เหมือนได้เลี้ยงไอ้โทนตอนเด็กอีกรอบเลยวะ เฮ้อ ข้าไม่ทำร้ายเอ็ง ข้าแค่จะเข้ามาถามเฉยๆ กลัวอะไรนักหนา”

           “ผะ ผมขอโทษ”

           “เออ ๆ แล้วนี้ไอ้โทนมันอยู่ไหน”

           “โรงเรือนเลี้ยงสุกรครับ โดนลงโทษไปเรียนสาย ลุงจะไปดูไหมครับผมพาไป”

           “ไม่ล่ะ แล้วเอ็งก็ไม่ต้องบอกมันนะว่าข้ามา ไปล่ะ เดี๋ยวข้าจะมาใหม่” ลุงทายหันหลังเดินออกไป … ผมเอียงคอมองตามเขาปาดน้ำตาที่ไหลไม่ยอมหยุด นิสัยเหมือนกันมากเลยนะ พ่อลูกคู่นี้ ในตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรอีกนอกจากเดินไปเก็บถุงขยะที่ลุงทายโยนทิ้งไว้กลางทาง โชคดีที่รถขยะมาพอดีผมเลยทิ้งได้เลย หลังจากนั้นผมก็กลับเข้ามหาลัยตามปกติ

           แต่ใครจะคิดว่าผู้ชายตัวใหญ่ จะมาหาลูกเขาทุกสัปดาห์ แถมยังไม่บอกให้เจ้าตัวรู้อีก ส่วนมากเขาจะมาถามข่าวคราวจากผมเสียมากกว่า เขาอยากรู้ทุกเรื่องในแต่ล่ะสัปดาห์ของโทน ดูมีความสุขและเป็นห่วงโทนมากด้วย เขาพาผมไปทานข้าว พาผมไปเที่ยวพาให้ผมต้องคอยโกหกโทนไปด้วย ผมจะร้องไห้ทุกครั้ง แต่หลัง ๆ มันกลายเป็นความสุขไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ตั้งแต่ได้อยู่ด้วยกัน ลุงทายอ่อนโยนถึงแม้จะมีร่างกายอันแข็งแกร่ง และเป็นอย่างนี้มาตลอดจนเราเรียนจบ …

.

.

.



           “เกื้อ กูจะเปิดร้านหมอสัตว์นะ มึงจะเอากับกูด้วยไหม”

   โทนถามผมขึ้นในขณะที่กำลังทำโปรเจคจบอยู่ ผมไม่มีอะไรต้องคิดอีกต่อไปแล้วเพราะโทนพูดเรื่องนี้มาตั้งแต่ตอน ปี 2 เขาอยากจะเปิดร้านที่เป็นการทำบุญอย่างแท้จริงคือไม่คิดเงินคนที่มา ลำพังผมคุณแม่ก็ไม่ได้ห้ามปรามในการกำหนดชะตาชีวิตอยู่แล้วเพราะท่านบอกว่าทุกคนมีชีวิตเป็นของตัวเองรวมทั้งผมด้วย ท่านพร้อมที่จะผลักดันผม และเมื่อผมตั้งตัวได้ท่านจะปล่อย … และวันนี้ท่านก็ปล่อยจริงๆ จริงอยู่ที่ท่านจะออกค่าใช้จ่ายคายาให้กับโรงพยาบาลสัตว์ของผมและโทน แต่ทุกเสาร์อาทิตย์ผมจะต้องกลับมาทำงานบริษัทเป็นข้อตกลง โทนไม่เคยรู้เรื่องนี้อย่าไปบอกเขานะครับ เขารู้เพียงคุณแม่เป็นคนรักสัตว์ และที่สำคัญไม่ใช่ที่ผมทำงานให้ท่านเท่านั้น แต่เป็นเพราะโทนเองก็เป็นขวัญใจของท่านและพี่ๆของผมอีกด้วย

           เราสองคนจะช่วยกันดูแลโรงพยาบาลที่เป็นของเราสองคน ผมชักอยากจะเห็นแล้วสิว่ารูปร่างหน้าตาของสิ่งที่ผมและโทนสร้างให้แก่สังคมนี้จะเป็นยังไง และอย่าไปบอกใครนะครับ … ผมตื่นเต้นมากที่จะได้เห็นลุงทายในทุก ๆ วัน … เขาคือคนที่สอนให้ผมแข็งแกร่งในทุกด้าน …  ผมเคารพเขาในฐานะที่ควรจะเป็น

.                           

.

.



           คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ผมมาที่บ้านของโทนทุกคนดูเป็นมิตรมาก ลูกไม้เองก็น่ารัก เป็นวิถีชีวิตที่คนเมืองอย่างผมไม่เคยเจอมาก่อน การที่ต้องนอนในมุ้งบาง ๆ ไว้กันยุงไม่มีแอร์ มีเพียงพัดลมและลมจากธรรมชาติที่พัดเอื่อย ๆ จนหนาวเหน็บ แต่ผมกลับถูกอ้อมกอดจากคนตัวใหญ่ที่ผมคุ้นเคย โอบกอดผมไว้อย่างปราณี ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพาผมมานอนห้องเขาและกอดผมไว้ … แต่ตอนนี้หัวใจของผมมันสงบสุขเหลือเกิน สงบจนผมอยากจะจมปักอยู่อย่างนี้ตลอดไป … ความรู้สึกที่ไม่ใช่ในฐานะผู้ใหญ่ที่ควรเคารพ แต่เป็นอะไรสักอย่าง … ที่ผมไม่คุ้นเคย …


//////////

เจอกัน พรุ่งนี้ค่ะ<3'

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-04-2020 13:10:40 โดย pa_pa »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
โว๊ว! ลุงทายเปรี้ยวมาก

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

*เนื่องด้วยเขียนไว้ในวันพ่อปีก่อนโน้นนะคะ


Little daddy

ตอนพิเศษ วันพ่อ




-ไม้-

           ย้อนกลับไปตอนที่พ่อโทนไปเรียนที่ต่างจังหวัดใหม่ ๆ ได้ 5 เดือน ผมเองก็ยังอยู่ ม.ต้น ใช้เงินที่มีซื้อโทรศัพท์เครื่องเล็ก ๆ เพื่อโทรหาพ่อโทนทุกวัน ในครั้งนี้โอกาสสำคัญคือใกล้วันพ่อแล้ว และก็นั้นแหละครับพ่อแท้ ๆ ของผมเขาไปสบายแล้ว ชีวิตของผมตอนนี้มีแค่พ่อโทนและปู่ทาย ตั้งแต่พ่อโทนไปเรียน ผมก็ยังใช้ชีวิตเหมือน ๆ เดิม ตื่นเช้าทำอาหารให้พวกลุง ๆ กิน พวกเขาพากันบ่นตลอดว่าไม่อร่อยเพราะคุ้นชินกับรสมือเดิม แต่ก็เห็นเขากินหมดกันตลอด ไปเรียนกลับมาก็ซ้อมมวยและทำงานบ้านทุกอย่างก่อนจะโทรหาพ่อโทนก่อนนอนเหมือนทุกวัน

           “ทำไรไอ้ตัวแสบ” ผมยิ้มมองพระจันทร์ผ่านทางหน้าต่าง

           “อ่านหนังสือครับ พ่อโทนเหนื่อยไหมวันนี้”

           “เหนื่อยมั้ง ไม่เหนื่อยมั้ง” ง่ะ! หึหึ เราคุยกันเกือบชั่วโมงก่อนที่พ่อโทนจะวางสายไปเพราะต้องไปอ่านหนังสือเหมือนกัน ไม่เห็นสนใจเรื่องวันพ่อเลย อยากเจอหน้าจัง คิดถึงไม่เจอกันตั้งนานแล้ว ผมเหยียดยิ้มก่อนจะปิดหนังสือลงเอื้อมไปหยิบกระปุกหมูน้อยที่พ่อโทนซื้อให้ขึ้นมาวางไว้ตรงหน้า มันหนักแล้วนะ เพราะพ่อโทนแท้ ๆ ที่หยอดให้ผมตลอด …

.

.

.



           วันที่ 5 วันพ่อ แง๊ม อยากกลับบ้านไปกวนตีนพ่อชะมัด!!!

           “โทนหยิบปากกาให้เราหน่อยสิ”

   ผมส่งปากกาให้ไอ้เกื้อที่นั่งเขียนรายงานอยู่ข้าง ๆ ตาผมก็มองหมูที่กำลังร้องอู๊ด ๆ อยู่ เฮ้อ … คิดถึงบ้านจัง แต่ติดว่าพรุ่งนี้ผมมีเวรดูแลไก่แถมไม่มีเวรเปลี่ยนด้วยเขากลับบ้านกันหมด เฮ้อ … ป่านนี้ไอ้เจ้าไม้จะทำอะไรอยู่นะ เมื่อคืนก็ไม่ค่อยคุยกับผมมัวแต่ให้ผมพูดอยู่คนเดียวอยู่นั้นแหละ เอ้ แต่ปกติผมก็พูดคนเดียวอยู่แล้วนะ แฮ่ๆ

           “โทน!!!! ฟังอยู่รึเปล่า” 

           “อะไรตะโกนทำไม!” ผมหันไปค้อนใส่ไอ้เจ้าเกื้อที่อยู่ ๆ ก็มาตะโกนใส่หูผม พอผมหันไปก็หลบตาไม่กล้ามองหน้าแก้มงี้แดงเทือก อู้ย! ใครเอาสีมาทาแก้มมันวะ พ่อจะตีให้มือหัก ไม่แมนเลออออออออออออออ!

           “เอ๊า แล้วเอาซ้อมไปถือไว้ทำไม หิวหรอ อะ แบ่งกันกิน” ผมผลักข้าวกล่องไปด้านหน้าเจ้าเกื้อ มันทำหน้าจะร้องไห้ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆ

           “เรา … บอกให้โทนหยิบปากกา แต่โทนหยิบซ้อมมาให้เรา …”

           “อ่า ขอโทษ” ผมว่าและหยิบปากกาให้มันเขียนรายงานต่อไป เฮ้อ …



คืดดดดดดดดดดดดดดดดด คืดดดดดดดดดดดด



           ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหลังจากที่มันสั่นเป็นเจ้าเข้า ยิ้มกว้างเมื่อรู้ว่าคนที่โทรมาเป็นตาลุงขี้เก็ก

           “ฮาวเหลลลลลลลลลลลล่”

           “ไอ้ไม้อยู่กับมึงรึเปล่า” ผมยิ้มกว้าง มามุกไหนอีกล่ะ ผมอยู่นี้แล้วเจ้าไม้มันจะมาอยู่กับผมได้ยังไงตลกล่ะ ชอบหลอกลูกเล่นอยู่เรื่อย ไม่มีอะไรทำหรือไงหรือว่าวันนี้วันพ่อเลยโทรมาหยอก กิ้วๆ น่ารักจังเลย

           “คิดถึงกันล่ะซิ๊ กลับสิ้นเดือนนะพ่อ จุ๊บๆ”

           “จุ๊บพ่อง ไอ้ไม้มันเขียนจดหมายว่าจะไปหามึงที่ขอนแก่น ไอ้หมานั้นหายไป” ผมสตั้น 2 วิ … พ่อเล่นบ้าอะไรไอ้เด็กนั้น 13 ขวบ นะและจะมานี้ได้ยังไง

           “อย่ามาล้อเล่นน่ะพ่อ ไม่มีอะไรทำหรือไง”

           “กูไม่ได้ล้อเล่นไอ้ห่า!”ผมสะอึกทันที … ห่าอะไรวะเนี้ย ไอ้เด็กนั้น … บ้าเอ้ย แล้วตอนนี้มันจะเป็นยังไงบ้าง

           “ไอ้โทน ฟังกูรึเปล่า!”

           “พ่อโทรหามันหรือยัง”

           “โทรแล้วไม่ติด ยังไม่ครบ 24 ชั่วโมงเค้าไม่รับแจ้งความ แต่ข้าให้เพื่อนที่ขนส่งเช็คแล้ว บอกมีเด็กเดินตามหลังผู้ใหญ่มาซื้อบัตร บอกพ่อให้มาซื้อ ไอ้ห่านี้มันแสบจริง ๆ ” ตอนนี้สมองผมไม่ได้ฟังพ่อบ่นแล้วแต่กำลังวิตกกังวนอย่างหนัก ไอ้ลูกบ้ามาทำไม ตัวแค่นิดเดียวป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง ไอ้เด็กบ้านั้นจับได้นะ พ่อจะเตะให้ขาหลุดเลย!!!!!!

           “โทนๆ เป็นไรรึเปล่า ใครโทรมา ทำไมทำหน้าแบบนั้น จะไปไหนโทน ”หลังจากที่วางสายพ่อไปผมก็รีบเก็บของลงกระเป๋าในขณะที่นิ้วก็กดเบอร์ไอ้ห่าไม้แม้มเด็กผี พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอน!!!

           “ครับพ่อโทน”

           “อยู่ไหนวะ! ไอ้เด็กเหี้ยมึงจะมานี้ทำห่าอะไร!!!” ผมตะหวาดเสียงดังลั่น จนไอ้เกื้อที่วิ่งตามผมมาสะดุ้งเฮือก

           “…”

           “เงียบทำห่าอะไร มึงอยู่ไหน!!!!!”

           “ขนส่งครับ … เพิ่งถึง”

           “มึงรอกูอยู่ตรงนั้นเลยนะ ถ้ากูไม่เจอมึง กูจะโกรธมึง ไอ้ลูกเวร!” หน่อย!!! มันคิดอะไรของมันอยู่

           “ไอ้เกื้ออยู่ดูแลหมูไปนะมึง เดี๋ยวกูจะรีบกลับมาช่วย” ผมว่าและบอกให้ลุงออกรถไปขนส่งให้ไว เจอตัวนะจะเตะให้ก้นลายเลยไอ้ลูกบ้า!!!!!

.

.

.



           หึ … แดกเป็นผีลงแบบนี้หิวมากล่ะสิ น่าจะปล่อยให้อดตายไม่น่าจะมาตามหา ผมมองไอ้เด็ก 7 ขวบที่สมองโตเป็นควายมากกว่าเด็กที่อายุเท่ากัน กำลังนั่งกินข้าวอาหารตามสั่งหน้าขนส่งอย่างเอาเป็นเอาตาย ภาพแรกที่ผมมาเห็นคือไอ้เด็กที่ไหนไม่รู้มาก็มาตัวเปล่า เงินติดตัวก็ใช้เป็นค่ารถหมดเหลือติดอยู่ที่ตัว 20 บาท ยังดีที่มีโทรศัพท์ติดตัวมาไม่อย่างงั้นจะเป็นยังไง คงไม่ได้มานั่งกินข้าวแก้มป่องอยู่ตรงหน้าผมหรอก

           “เอาเงินที่ไหนมา”

           “… งะ เงินเก็บครับ”       

           “มึงทุบกระปุกหรอ”

           “…” โมโหก็โมโห แต่พอเห็นหน้ามันแล้ว ผมก็โกรธได้ไม่สนิทใจ มันไม่ได้หนีเที่ยว ไม่ได้ตามเพื่อน แต่มันมาหาผม … โอ้ยจะบ้าตาย มันคิดอะไรของมันอยู่วะ แถมไม่บอกใครที่บ้านหรือให้ใครพามาด้วย       “แล้วมาทำไม”มันเงยหน้าผมอย่างกลัว ๆ ก่อนจะก้มลงไปค้นในกระเป๋าตัวเอง คว้าเอาถุง พลาสติกเน่า ๆ ขึ้นมาและทำอะไรยุกยิกอยู่ใต้โต๊ะ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองผมเหมือนจะไม่ให้ผมแอบมอง ผมมองการกระทำมันอย่างหงุดหงิด ยังไม่ได้คิดบัญชีที่หนีมา และนี้เกิดบ้าอะไรอีกก็ไม่รู้

           “ทำไรว …”

           “วันนี้วันพ่อ พอดีผมทำไว้ในชั่วโมงหัตถกรรม ผมอยากให้พ่อโทนผมเลยมาหา …”  ผมนิ่งมองพวงมาลัยที่เริ่มเหี่ยว แถมสภาพยังดูบิดเบี้ยวๆดอกกุหลาบตรงปลายๆก็กลีบหลุดหมดแล้วด้วย หึ น่าหมั้นเขี้ยวชะมัดใครสั่งใครสอนให้น่ารักแบบนี้วะ … เดี๋ยวนะ ไม่ใช่สิผมต้องโกรธมันที่หนีมา

           “เอ่อ … มันไม่สวยแล้วไว้ผมทำให้ใหม่นะ”

           “ไม่ เอามา” ผมว่าและเอื้อมตัวไปคว้าเอาพวงมาลัยตัวเองมา นี้ผมเข้าใกล้คำว่าพ่อคนมาอีกก้าวนึงแล้วสินะ คึก คึก

           “ชอบไหมครับ”

           “ชอบ เอ้ย! ไม่ต้องมาคุยเลยกูยังโกรธอยู่ กินเสร็จยังเสร็จแล้วก็ตามมา”ว่าแล้วผมก็ลุกขึ้นไปจ่ายตัง ป้าเจ้าของร้านพาไอ้เด็กหัวโต อยากจะพามันไปเช็คจริงๆว่าไอคิวในสมองมันนี้ทะลุ 300 รึเปล่า อยู่ ๆมือผมก็ถูกจับเบา ๆ สงสัยไม่เคยเจอคนเยอะ หึ กล้ามากที่มาโดยไม่รู้อะไรเลย

           “พ่อโทน … ผม” ไอ้เด็กนี้อึกอักเหมือนจะพูดอะไร แน่ล่ะ ผมพามันมาต่อแถวซื้อตั๋วนี้หน่า ฮ่าๆๆๆ สงสัยกลัวผมจะพากลับบ้าน เฮ้อ วันนี้วันเสาร์ค่อยให้พ่อมารับมันพรุ่งนี้ แต่ตอนนี้ขอแกล้งมันคืนนิดนึง นิสัยแบบนี้ต้องแกล้งซะให้เข็ด วันหลังจะได้ไม่ทำอีก ผมรู้ว่าเด็กนี้เก่งเอาตัวรอดได้ แต่ไม่โชคดีแบบนี้เสมอไปหรอกนะ

           “อะไร” ผมแกล้งดึงมือออกจากมือไอ้เจ้าไม้ มันนี้รีบตะครุบมือผมก้มหน้านิ่งสลดหดหู่เลย ฮ่าๆๆๆๆ

           “ผมขอโทษ … ผมแค่อยากเจอพ่อโทน ผมคิดถึง ” ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เหล่มองไปทางอื่น ไม่ผมจะไม่สบตาประกายวิ้ง ๆ นี้เด็ดขาด!

           “ผมแค่คิดว่า วันพ่อ ผมควรจะอยู่กับพ่อโทน แต่พ่อโทนก็ไม่ว่างกลับบ้าน ผมก็เลยมาหา”

           “รู้ไหมมันอันตราย ใครต่อใครเขาก็เป็นห่วง”

           “…” มันพยักหน้าน้ำตาคลอเบ้าเงยมองผม

   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพาเดินออกมาจากขนส่ง พาขึ้นรถเม เออ! ขามากูรีบโดนค่าแท็กซี่ไป 200 ขากลับกูชิว ๆ พาลูกขึ้นรถเมเผชิญโลกกว้าง ฮ่าๆๆๆ พอหาที่หลังเหมาะได้ผมก็เริ่มที่จะซักถามไอ้เด็กบ้า

           “มาถึงนี้กี่โมง”

           “ถึงตอนที่พ่อโทนโทรมาพอดีครับ”

           “ไม่คิดจะโทรบอกกูเลยใช่ไหม” ผมถาม ไอ้เด็กนั้นหลบตาผม แต่ยังจับมือผมไม่ปล่อย มืออีกข้างก็กำพวงมาลัยที่ให้ผมแต่ผมฝากไว้ก่อน แน่นจนพวงมาลัยช้ำหมดแล้ว สงสัยจะกลัวผมโกรธเอาจริงๆ ตอนแรกก็โกรธแหละแต่หลังจากเจอสายตามุ้งมิ้งบีมเข้าไปก็หายล่ะ แต่บอกเลยแอ็คไว้ก่อนเดี๋ยวเด็กได้ใจ

           “ถามทำไมไม่ตอบ”

           “… ผมรู้ว่าพ่อโทนจะไม่ให้มา … ผมรู้ว่าปู่ทายจะไม่พามา ผมเลย…”

           “หนีมา”

           “ค ครับ พ่อโทนอย่างโกรธผมเลยนะ ผมขอโทษ ผมแค่อยากเจอพ่อโทน” ผมก้มหน้าก้มตาพูด สาดดดดดดดดดดด เขินเว่อร์ ผมนี้มีลูกน่ารักขนาดนี้เลยอ่ะ คิกๆ นี้สินะความเป็นพ่อคน บอกแล้วไม่มีเมียก็เป็นพ่อคนได้ เชอะๆ ต้องสมน้ำหน้าผู้หญิงทั้งหลายที่มองข้าม ผู้ชายหน้าหล่อมาดแมนแฮนซัมอย่างโผ้มมมมมมมม

           “พรุ่งนี้เย็น ๆ กูจะให้พ่อมารับมึง คืนนี้นอนกับกูได้คืนนึง แต่ห้ามรบกวนเวลาอ่านหนังสือ ห้ามงอแง เข้าใจไหม”

   ไอ้เด็กนั้นยิ้มร่าก่อนจะพยักหน้าเข้ามากอดเอวผมไว้แน่น หัวซุกตักออดอ้อนเหมือนลูกแมวตัวน้อย หึ โตก็โตเป็นควายและไอ้เด็กน้อย ไม่ทันไรก็หลับคาตักผมไปไม่สนใจรถเมที่โคลงเคลงไปมาน่าเวียนหัว ผมเอามือรองหัวไว้ไม่ให้ขยับมากนัก ตบเบาๆที่หลังเหมือนกล่อมให้หลับสนิท ก้มมองดูหน้าตาน่ารักน่าชังแล้วก็อดยิ้มอย่างอ่อนใจไม่ได้ไอ้เด็กโง่เอ้ย เหนื่อยมากสินะ พักซะไอ้ลูกรัก

           “นี้ใครอะโทน ไม้หรอ” ไอ้เกื้อวิ่งมาหาผมที่แบกเด็กตัวยักย์หนักเป็นควายขึ้นหลังเดินเข้ามาในมหาลัย ต้องมาหาไอ้เกื้อก่อนยังไม่ถึงเวลาเปลี่ยนเวร โดยการหอบหิ้วไอ้เด็กหลับลึกที่ไม่รู้หลอกให้ผมแบกรึเปล่า ตอนแรกก็ซึ้งๆล่ะนะ แต่แหม พอมันให้กูแบกปุ๊บ หายซึ้งเลยครับ อยากจะเตะตูดให้ลาย งึมๆๆๆๆๆ

           “น่ารักจังเลย แก้มยุ้ย ขนตาเยอะด้วย คิกๆ ตัวก็สู๊งสูง”

           “เอ่อ … กูขอกลับหอพาเด็กนี้ไปนอนก่อนได้ปะวะ” ผมพูดขึ้นอย่างเกรงใจในขณะที่ไอ้เกื้อเดินมาส่องเจ้าไม้บนหลังผมวันทั้งวันไอ้เกื้อเป็นคนอยู่ดูแลคนเดียว

           “ไปได้เลย เดี๋ยวเกื้อก็จะกลับแล้วรอพี่โชคมาแทน อีกครึ่งชั่วโมงก็มาแล้ว”

           “ไอ้เกื้อวันนี้ขอบใจมึงมาก”

           “มะ มะ ไม่เป็นไร” บิดอีกล่ะ บิดอีกล่ะ แหมนะ ระวังไส้บิดนะเอ็งนะ!!!

.

.

.



           6 ปีแล้วมั้ง หลังจากวันนั้น ที่ผมต้องไปรับไอ้เด็กบ้าที่เสร่อไปหาผมถึงขอนแก่น เพียงเพราะวันนั้นเป็นวันพ่อ ผมหัวเราะคิกคักก้มดูรูปในโทรศัพท์ตัวเองที่มีรูปไอ้เด็กหัวฟูหน้ามอมชูสองนิ้วยิ้มหวานใส่กล้อง ในขณะที่อยู่หน้าเตาหมูกระทะ เลื่อนต่อมาก็รูปผมกับเจ้าเด็กบ้า ในรูปไอ้เด็กนั้นป้อนหมูใส่ปากผม วันนั้นเรามีความสุขกันมาก ซึ่งหลังจากวันพ่อปีนั้นวันพ่อทุกปีไอ้เด็กนั้นก็จะอ้อนให้ปู่ทายพาไปหาผมถึงมหาลัยผมนี้ห้ามแล้วห้ามอีก มีสองสามปีหลังนี้แหละที่ผมห้ามไม่ให้มาเด็ดขาดเพราะผมไม่อยากคิดถึงจนไม่เป็นอันทำอะไรอีก เพราะหลังจากนั้นผมค่อนข้างที่จะเรียนหนักมาก ถ้าผมมัวแต่คิดถึง เป้าหมายที่ผมมีในวันนี้คงไม่สวยงามแบบนี้ผมยังเก็บพวงมาลัยป๊องแป๊งก๊องแก๊งพวงแรกที่ไอ้ลูกบ้านั้นไว้ในกล่องสมบัติอย่างดี สภาพมันแห้งกรอบแต่นั้นก็มีความหมายต่อจิตใจผมมาก แล้ววันนี้ก็วันพ่อ ลูกผมจะให้อะไรรึเปล่าน้า

           “ไอ้โทน ไอ้ไม้ อยู่แถวนี้รึเปล่า” พ่อผมโผล่เข้ามาในคลินิกของผม ผมเงยหน้ามองก่อนจะขมวดคิ้ว มาตามหาอะไรถึงนี้ไอ้ไม้วันเสาร์แบบนี้ก็ต้องซ้อมมวยอยู่แล้วนี้

           “ไม่อยู่อ่ะพ่อ”

           “มันไปไหนวะ อ้าวแล้วนี้เพื่อนเอ็งล่ะ”

           “ถามไมอะ”

           “ว๊ะ ไอ้นี้ ถามไม่ได้หรือไง”

           “อ้าวขึ้นเสียงทำไมอ่ะ! โด่ววววว มันก็กลับไปหาพ่อหาแม่มันมั่งสิ ”

           “กวนตีนไอ้ห่า วันพ่อพูดจาดี ๆ หน่อย”

           “แง๊ะ บอกตัวเองก็เถอะตาลู๊งงง งงงงงงงงง งงงงงงง”

   ผมขึ้นเสียงสูงก่อนจะวิ่งไปหลบหลังเคาเตอร์เมื่อเห็นพ่อจะวิ่งเข้ามาเอามือเพ่นหัวผมแยก พูดเล่นนิดหน่อยไม่ได้เลย ผมเม้มปากก่อนจะค่อย ๆ ล้วงเอาถุงสีแดงเล็ก ๆ ด้านในเสื้อกาวออกมา วางมันลงหน้าเคาเตอร์แต่ยังไม่กล้าจะโผล่หัวขึ้นไป ตาลุงตัวยักษ์จะตีผมอ่ะ แง๊ม ๆ เดี๋ยวก็ไม่ให้ซะหรอก แบร่ๆ ขี้แกล้ง!!!

           “อะไรของมึง”

           “ทองไง เอาไหมซื้อให้” ผมโผล่หน้าขึ้นไปแค่ครึ่งหน้าและพูดเสียงดัง เขินอะ ซื้อให้เฉยๆนะ ไม่รักหรอก ตาลุงเม้มปากก่อนจะเดินเข้ามากนากถุงทองผมไป แม้มมมมมมมมมม 2 บาทเลยนะ น้ำพักน้ำแรงผมเลยนะ โด่ววววววววทำดี ๆ หน่อยสิ เดี๋ยวปั๊ด เอาคืนซะนี้!!!

           “ว้าเว้ย ทองปลอมปะวะ น้ำหน้าอย่างมึงซื้อทองให้กูเนี้ยนะ ทองม้วนกูว่าหรูแล้ว หึหึ” หยาบคาย!!! ผมหน้างอ ยืนขึ้นวิ่งไปแย่งทองคืน แต่ตาลุงนี้สูงเกินเอาไม่ถึงอะ

           “หึ ไปแดกนมให้ตัวสูงๆนะ เอ๊ะ แต่กูว่าไม่สูงล่ะ กูไปละตามหาไอ้เด็กเปรตก่อน โดดซ้อมกูเฉยเลยไอ้ห่านี้”แล้วตาลุงก็เดินออกไปจากร้านผม หึ น้อยใจแล้ว งอนๆๆๆๆๆ มาว่าแค่ทองม้วนก็หรูแล้วได้ไง ได้เลยปีหน้าจะให้ทองม้วน!!!!!!

           “… ปู่ไปแล้วหรอครับ” ผมสะดุ้งหันไปมองช้าๆ กูนึกว่าผีไอ้ห่า เข้าไปแอบในห้องตรวจผมตั้งแต่เมื่อไหร่ เข้ามาตอนไหน และเข้าไปทำไม !!! ไอ้เด็กผี ดีก็ไม่ลั่นขี้เยี่ยวแตก

           “เออ แล้วไปแอบตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมว่าและเดินเข้าไปหามัน เด็กอายุ 18 นี้มันโตกว่าผมได้ยังไง ตัวสูงเป็นเปรตเลย สงสัยตาลุงเลี้ยงดีไปนิด(ส์)

           “อย่าเพิ่งเข้ามาครับ ผมมาทางหน้าต่าง เอ่อ ถอยออกไปก่อนนะครับแปปนึง” และไอ้เด็กแสบก็หายเข้าไปในห้อง ปิดประตูดังปัง คือแบบว่า …อะไรจะลึกลับปานนั้นหรือพาสาวมาแนะนำวะ เฮ้ยๆๆๆๆ และมาทางหน้าต่างอีก … บ้าล่ะ กูเนี้ยบ้าล่ะ!!!

           ไม่ทันอึดใจประตูก็เปิดออก ไอ้เด็กหน้าตาทะเล้นค่อย ๆ ยื่นหน้าออกมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผมก่อนจะเดินออกมาแต่ที่หน้าแปลกคือมันหันหลังเดินถอยหลังออกมา แปลก … ยังไม่ทันที่ผมจะงงไปมากกว่านี้ก็ต้องตาโตเป็นไข่ห่านสะดุดกับเค้กปอนใหญ่ที่ตกแต่งเป็นรูปดอกมะลิสีขาวสวยงาม … เอ่อ มันก็ไม่ได้สวยแบบในรูปที่ผมเห็นหรอกอาจจะเบี้ยวอาจจะเละไปบ้างแต่มันสวยในสายตาผมมาก แค่นั้นยังไม่พอที่มือมันยังมีช่อดอกมะลิที่ห่อด้วยใบตองเล็กๆติดมือมาด้วย … ถึงว่ากลิ่นเค้กอุ่นๆนี้มาจากไหน มาจากตัวไอ้เด็กน้อยนี้เอง …

           “พ่อโทนครับ”

           “อะ อะไร” ผมตะกุกตะกักหันไปทางอื่น แต่ก็เหลือบมามองเค้กเป็นระยะๆ จะกินได้ไหมนะ ไปซื้อจากร้านไหนมานะ น่าอร่อยจัง

           “นั่งก่อนนะครับ ผมหนัก” … แง๊มมมมมมมมมมมมมมม ! นึกว่าจะพูดว่าอะไร !!! ผมกัดปากเดินไปนั่งเก้าอี้ใกล้ๆเคาเตอร์ ไอ้ลูกบ้าเดินตามมาเอาเค้กวางไว้ข้างๆผม ตัวเองนั่งคุกเข่าลงกับพื้น คะ คือ บะ แบบว่า ฮืออออออออ จะทำอารายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

           “ดะ เดี๋ยว จะทำอะไร”

           “หึหึ … ผมรักพ่อโทนนะครับ ขอบคุณที่ดูแลผม ขอบคุณที่รักผม ขอบคุณมากๆ ผมรักพ่อโทนจริงๆ เค้กนั้นผมก็ทำให้พ่อโทนคนเดียว อยากให้พ่อโทนกินเยอะ ๆ จะได้อ้วนน่ารัก ๆ สุขสันต์วันพ่อนะครับ” แล้วไอ้เด็กนี้ก็ก้มลงกราบแนบเท้าผมไม่พอยังจูบลงเท้าผมด้วย ฮือออออออออออออออออ ผมรีบลงไปคว้าหัวลูกผมขึ้นมาทันที

           “ไอ้เด็กบ้า สกปรก ขึ้นมานั่งดี ๆ ” ไอ้เด็กไม้เหยียดยิ้มก่อนจะส่ายหัวไปมาช้าโถมเข้ากอดผมเหมือนเด็กๆ ผมเม้มปากเป็นทางยาวก่อนจะลูบหัวของมันเบา ๆ …เจ้าเล่ห์นักนะ ฮืออออออออ เขินอะ !

           “รักมากๆเลยนะครับพ่อโทนของผม ”

           “เออ รู้แล้ว” ผมว่าและจูบลงขมับมันเบาๆ หึ ตัวมันมีแต่กลิ่นเค้กวานิลลา …ไปหัดทำที่ไหนมา และเด็กผู้ชายตัวโตๆอย่างมันไปทำเค้ก ไม่เหมาะกับหน้าเอาซะเลยนะ

           “อะ แอ่ม!!!!”

           “ปู่!!!!” ไอ้เด็กนั้นสะอึกพูดขึ้นเมื่อหันไปเห็นตาลุงยืนทำหน้าตาเจ้าเล่ห์โหดเหี้ยมอยู่ ตายล่ะลูกกูจะโดนยักษ์ฆ่าฉลองวันพ่อไหมเนี้ย!!!!

           “พ่อมึงมาแล้วข้ามหัวกูเลยนะไอ้ห่า ไปซ้อมฉลองวันพ่อกันหน่อยไหม”

           “โด่วพ่อ ให้พ่อลูกเขาฉลองกันหน่อยไหมล่ะ” ผมว่าและกอดเจ้าไม้แน่น ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของไอ้ลูกผม ชอบใช่ม๊า โดนกอดเนี้ย ฮ่าๆๆๆ นี้แหนะ ผมกอดแน่นขึ้นเหมือนแกล้ง เจ้าไม้แต่แหมไม่บ่นสักคำ อึดเป็นควายเลยยยยยย!!!

           “หึหึ เออ ๆ ไหนมีไรให้ข้ากินบ้าง โอ้ เค้กหรอ ขอนะ จะเอาไปให้พวกไอ้แตงกวากินกับนังมีมี่กิน” ว่าแล้วเค้กของผมก็ถูกแย่งไปและหายไปอย่างรวดเร็ว ผมมองหน้ากับเจ้าไม้ก่อนจะพากันวิ่งโวยวายตามหลังตาแก่ขี้ขโมยไป ฮือออออ เค้กของผมจะเอาไปให้หมากินได้ยังไง ไม่ยอมนะ ไม่ยอม

           “ผมรักพ่อโทนนะ”

           “พูดอะไรตอนนี้เล่า!” ผมหันไปแว๊ดใส่ กำลังจะไปเอาเค้กคืนนี้ก็พูดมากจัง

           “รักนะครับ รักมากๆ”

           “เออ รักเหมือนกัน” ผมยิ้มแป้นหน้าแดงมากแน่ๆ

           

สุขสันต์วันพ่อ สุดๆไปเลยคร้าบบบบบบ …




ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

{ปู่ทายXเกื้อกูล 1}



-เกื้อ-

           “หนูเกื้อ ตื่นหรือยังลูกแม่”

           “ตื่นแล้วครับ” ผมยิ้มให้กับคนสวยในโทรศัพท์ที่โทรมาปลุกผมแต่เช้า เพราะเดี๋ยวสายๆผมต้องเข้ากรุงเทพเตรียมตัวสำหรับงานแต่งพี่กายกับพี่เมย์ในวันมะรืนนี้ ทั้งคู่มีชีวิตที่น่าอิจฉามาก คบกันตั้งแต่ มัธยมปลายคบไปคบมาแต่งงานกันซะแล้ว มันเป็นความรักที่สวยงามมาก …

           “ครับผม ทานข้าวทานปลานะครับ สักพักคนขับรถน่าจะไปถึงแล้ว แล้วนี้หนูโทนกับครอบครัวจะมาด้วยใช่ไหม” ผมขานรับ โทนกับลุงทายลูกไม้และคนอื่นๆจะไปร่วมงานเช่นเดียวกันทันทีที่พวกเขารู้ข่าว เขาก็โทรไปจองโรงแรมใกล้บ้านผมกันทันที ตอนแรกผมอยากให้พวกเขาไปพักที่บ้านผม แต่ลุงทายไม่ยอม … ผมก็ไม่อยากขัด ลุงทายดูดุเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น … แต่เขาอ่อนโยนนะ …

           “เกื้อลูก” ผมสะดุ้งจากเสียงคุณแม่ที่เรียกผมจากในสาย … เผลอกุมแก้วโกโก้ร้อนแน่นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ …

           “แม่ครับ เกื้อขอไปดูร้านก่อนนะครับ โทนคงกำลังไปขนของเข้าร้านและเตรียมปิดแล้ว แล้วเจอกันนะครับแม่” คุณแม่ขานรับผมก่อนจะวางสายไป

   ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่มองออกไปที่หน้าต่างใบหลิวพัดปลิวไปตามลม โยกสะพัดคล้ายกับเต้นระบำให้ดู ผมเดินออกไปนั่งเก้าที่ชานบ้านวิวตรงนี้เห็นทุ่งนาใกล้สุดลูกหูลูกตา ผมซื้อบ้านหลังนี้ต่อจากคุณลุงที่เป็นเพื่อนกับลุงทายในราคาที่คุ้มกับบรรยากาศรอบข้างมาก ...  ในตอนแรกลุงทายกับโทนจะให้ผมพักอยู่ที่บ้านเขาถาวร แต่ผมเกรงใจดื้อรั้นจนออกมาซื้อบ้านอยู่ได้ เขาพากันโกรธผมอยู่หลายวันเลยทีเดียว … แต่ผมก็ไม่เหงาแม้แต่น้อยถึงจะอยู่บ้านหลังน้อย ๆ นี้คนเดียว … เพราะลุงทายนักจะแวะเวียนมาอยู่เป็นเพื่อนผมตลอดในเวลากลางคืนที่ผมต้องอยู่คนเดียว …

           “ทำไร” ผมสะดุ้งขนลุกซู่ หันไปมองด้านหลังช้าๆ ละ ลุงทายมายืนอยู่ข้างหลังผมตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แถมการแต่งตัวก็แปลกไปจากเดิมด้วย … ใส่สูทแล้วหล่อจัง

           “มะ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

           “ก็นานพอจะเห็นท่าทีเอ๋อ ๆ นี้แหละ ข้าจะมาบอกเอ็งว่างานแต่งพี่เอ็งข้าไปไม่ได้แล้วนะ”

           “… ครับ” ผมก้มหน้ามองแก้วโกโก้ตัวเอง … ทำไมล่ะ นัดกันไว้แล้วว่าจะไปด้วยกัน ทำไมถึงไปไม่ได้ละ

           “หึหึ ทำไมทำหน้าแบบนั้น เอ๋อนักหรือไง” ผมส่ายหน้าไม่อย่างมองหน้าแล้วลุงทายบ้า

           “ดื้อนะ ไม่ฟังกันเลยหรือไง”

           “ไหนบอกว่าว่างไง” ผมตะกุกตะกักพูดขึ้น หน้าผมร้อนฉ่าเมื่อเขาเข้ามาใกล้ผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมที่เคยรุงรังของเขาถูกเก็บเรียบไปด้านหลังใบหน้าที่ถูกตกแต่งหนวดให้น่าดูนั้น ชุดสูทสีน้ำตาลเข้มกับเนคไทนั้นทำให้เขาดูเป็นหล่อขึ้นอีกขั้น …

           “หึหึ ข้าว่าน้อยคนนะที่จะมาเห็นด้านความดื้อของเอ็งแบบนี้ … ข้าจะต้องไปงานเลี้ยงประธานจังหวัด ข้ากลัวไปงานพี่ชายเอ็งไม่ทันคืนพรุ่งนี้ ...”

           “ทันสิ … ยังไงก็ทันถ้าลุงจะไป”

           “เอ็งไม่อายหรือไงที่บ้านนอกอย่างพวกข้าไปงานหรูหราแบบนั้น” ผมส่ายหัวจนผมสะบัด … ใครที่ไหนจะอาย ไม่มีใครอายสักหน่อย บ้านนั้นเขาดูดีกันทั้งบ้านอีกอย่างผมก็ไม่ได้คิดว่าเขาเป็นบ้านนอกสักหน่อย และถึงเขาจะเป็นบ้านนอกหรือบ้านไหน แต่ผมก็ไม่แคร์สักนิด ทำไมต้องแคร์ด้วย คนเหมือนกันนี้หน่า … ทำไมเขาคิดแบบนั้น

           “เลิกหน้างอได้แล้ว ทันก็ทัน ข้าอาจจะไม่ได้กลับบ้านคืนนี้และอาจจะไปไม่ทัน”

           “ใครสน”

           “เอ็งนี้! ดื้อด้านจัง” เขาเอานิ้วมาจิ้มแก้มผม เหอะ … คนบ้า

           “หน้าเอ็งนี้มีเส้นเลือดใหญ่เยอะเกินไปนะ โกรธก็หน้าแดง เขินก็หน้าแดง ข้าล่ะอย่างให้ใครต่อใครเวลาปากเอ็งจะเชิดขึ้นไปปิดจมูกตอนนี้จริง ๆ ” ใช่สิ ผมมันนิสัยไม่ดีนี้ ลุงทายนั้นแหละไม่ดีที่สุด ผมไม่ได้เป็นเหมือนที่คนอื่นเห็นและผมก็ไม่ได้อ่อนแอด้วย … เชอะ ไม่ต้องมายุ่งเลยนะ

           “งอนได้งอนดี ข้าต้องไปแล้วนะ กว่าจะเดินทางไปถึงคงเย็นแล้วล่ะ”

           “ไปตอนนี้เลยหรอครับ”ผมหันไปถามหน้าแดงผ่าว … อยากจะร้องไห้ งอนก็งอน เป็นห่วงก็เป็นห่วง

           “เออ จากนี้หลายกิโลกว่าจะถึง ข้าจะต้องแวะรับเพื่อนอีกหลายคนด้วย เอ็งก็อย่าดื้ออย่าซนและข้าจะพยายามไปให้ทัน” มือใหญ่วางแหมะลงที่ศีรษะของผมขยี้เบา ๆ รอยยิ้มอ่อนโยนแบบนั้นก็น้อยคนเหมือนกันแหละที่จะได้เห็นไม่ต่างจากนิสัยดื้อของผมหรอก

   “มาให้ทันนะครับ”ผมก้มหน้าอยู่ ๆ ก็รู้สึกเขิน … ก็ไม่เคยเห็นเค้าแบบนี้นี้หน่า … 

.

.

.



           “ไอ้ไม้ ยืนเฉยๆ”

   เสียงโทนดุไม้ที่หลุกหลิกไปมาเพราะความรำคาญชุดสูทสีฟ้าของตัวเอง แต่ก็ต้องอยู่นิ่งเมื่อโทนดุขึ้น … เรามาถึงกรุงเทพกันเมื่อชั่วโมงที่แล้วคุณแม่ก็โทรตามให้ไปกินข้าวที่บ้าน โทนเลยต้องจับไม้แต่งตัวยกใหญ่ ทั้งที่ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องเกร็งแต่ไม่ว่าจะครั้งโทนก็มักจะเกร็งเวลาต้องไปบ้านผมเสมอๆ น่ารักจริง ๆ โทนดูเป็นคนก้าวร้าวแค่ภายนอกแต่ด้านในแล้วเป็นเด็กน้อยง๊องแง๊งมาก มองไปมองมา ลูกไม้ยังดูโตกว่าโทนด้วยล่ะ คิกๆ

           “หัวเราะอะไร”  ผมส่ายหน้าพรืดเมื่อโทนหันมาดุผมด้วยอีกคน อิอิ เขินอ่ะ เห็นด้วยว่าผมแอบขำ แต่ก็น่ารักจริงๆนะพ่อลูกคู่นี้ถึงผมจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ

           “เชอะ ข้าแต่งตัวบ้างล่ะ ลูกหล่อแล้วเดี๋ยวพ่อจะสู้ไม่ได้ ” ว่าและโทนก็วิ่งเข้าห้องน้ำไป ผมหันไปมองไม้ที่ยืนเก้ ๆ กัง ๆ หล่อครบสูตรอยู่ ดูทำหน้าเข้าจะเกร็งไปไหน เขามองไปรอบห้องอย่างกลัวๆ จริงอยู่ที่โรงแรมที่ผมจองให้อาจจะใหญ่และหรูไปสักหน่อย แต่ก็ไม่เห็นต้องทำท่าทางแบบนั้นเลยนี้หน่า

           “ไม้ดูหนังไหม ดูได้นะ เดี๋ยวพี่เปิดให้ดู”

           “ขะ ขอบคุณครับ” ไม่ดื้อไม่ซนเลยแหะ ดูเป็นผู้ใหญ่เกินตัวจัง ผมเปิดหนังให้ไม้ดู ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ เหลือบมองด้านข้างของลูกไม้อยู่ไม่ให้เจ้าตัวรู้ตัว เด็กคนนี้โตไปต้องหน้าตาดีแน่ๆ

           “พี่เกื้อตอนที่เรียนกับพ่อโทน มีคนมาเกาะแกะพ่อโทนไหมครับ” ผมตกใจเมื่ออยู่ๆไม้ก็หันมาถามผม จนต้องก้มหน้าหลบตาแทบไม่ทัน

           “กะ กะ ก็มีนะ”

           “ใครหรอครับ แล้วผู้หญิงหรือผู้ชาย”

           “อ่า …. รุ่นพี่น่ะ ผะ ผู้ชาย แต่โทนไม่สนใจเลยนะ ใจแข็งมาก ๆ ” ผมว่าต่อ ละทำไมผมต้องลนลานแก้ตัวให้ด้วยล่ะ ก็ไม้อ่ะทำหน้าตาโหดอ่ะ ผมกลัวแล้วนะ

           “…แล้ว”

           “ไม้เข้ามานี้หน่อยยยยยยย” เสียงโทนดังออกมาจากในห้อง ไม้หน้าบึ้งตึงก่อนจะยิ้มเหี้ยม ๆ ก่อนจะเปลี่ยนหน้าเป็นยิ้มเจ้าเล่ห์น่ารักภายในพริบตาและเดินเข้าไปในห้อง ฮูย … เด็กอะไรกันเนี้ย

ครืดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดด

           ผมมองโทรศัพท์ในมือตัวเองที่สั่นอยู่และต้องยิ้มอย่างไม่รู้ตัวเมื่อขึ้นสายว่าใครโทรมา … จนบัดนี้โทนยังไม่รู้เลยว่าผมมีเบอร์ลุงทาย ก็ผมไม่ได้เมมชื่อตรงๆแต่เมมว่า คุณโหด นี้น่า … มันเขินอ่ะ …

           “ครับ”

           “ถึงกันแล้วใช่ไหม”

           “ครับผม … ตอนนี้ลุงทายทำอะไรครับ”

           “คั่วโคโยตี้”

           “… ขี้จุ๊” ผมบ่นหงุบหงิบ … นิสัยไม่ดี ขี้แกล้ง รอบข้างออกจะเงียบขนาดนั้นจะมีโคโยตี้ได้ยังไง

           “หึหึ ไอ้โทนกับไอ้ไม้ดื้อก็อย่าไปถือสามันละ เดี๋ยวพวกไอ้จันทร์จะเข้าไปพรุ่งนี้พร้อมข้า”

           “ไหนบอกว่ามาไม่ทันไง”

           “ก็ขี้จุ๊ไง”

           “… แว่” ผมแลบลิ้นปลิ้นตาใส่คนในโทรศัพท์

           “รีบมานะครับ”

           “เออ พูดมากจังมึง”

           “อย่าดุนักสิครับ”

           “พี่ทายคะ คุณอธิการเรียกแล้วค่ะ”

           “แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกัน” แล้วลุงทายก็วางไป … ผมยังไม่ทันได้บอกฝันดีเลย … เมื่อกี้เสียงใครนะ เสียงหวานมากเลย …

           “คุณหญิงคะ คุณหนูเกื้อกลับมาแล้วค่ะ คุณหนูโทนก็มาด้วยค่ะ” พี่จอยร้องลั่นบ้านทันทีที่เห็นผมเดินลงมาจากรถเท่านั้นแหละทั้งคุณแม่ และคนอื่นๆในบ้านพากันมารับผมถึงหน้าบ้าน พี่กายกับพี่เมย์ก็อยู่ด้วยขนาดอยู่ข้างกันแท้ ๆ ยังจะโอบหลังกันอีก … อยากมีคนรักแบบนี้มั่งจัง ผมอิจฉา

           “ว่าไงไอ้น้องเขินอะไรพี่ หึหึ สวัสดีครับน้องโทนนี้ใครเอ่ย น่าตาคมเข้มเชียว โตไปคงหล่อน่าดู” ผมยิ้มให้พี่กายก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดคุณแม่ สวยวันสวยคืนเลย ขนาดไม่แต่งหน้ายังหน้าใสกิ๊กอ่อนต่อวัยขนาดนี้ … แม่ผมเอง อิอิ

           “ลูกโทนที่เคยเล่าให้ฟังไงพี่ คุณแม่สวัสดีครับ สวยขึ้นจมเลย ป้าใจ ป้าน้อย ลุงชาติ สวัสดีนะครับ” และโทนก็เริ่มเดินสายไปหาคนโน้นทีคนนี้ที เจ้าไม้เด็กเจ้าเล่ห์ก็มือไม้อ่อนยกมือไหว้ทุกคนเหมือนกัน สงสัยได้วิชาพ่อมาเยอะ

           “ไปลูกไปกินข้าวกันเถอะ แล้วค่อยว่ากัน” คุณแม่เดินพาผมเข้าบ้านส่วนโทนกับลูกไม้ก็โดนแฟนคลับเดินตามผมเข้ามา เชื่อแล้วว่าโทนเป็นมิตรกับทุกคนจริงๆขนาดพี่คนใช้ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ยังหัวเราะกิ๊กขนาดนี้ ผมอยากเป็นแบบนั้นบ้างทุกคนมองผมว่าบอบบางแต่ก็นั้นแหละอาจจะเป็นเพราะผมขี้อายเกินไปก็ได้

           “ที่โรงพยาบาลเป็นไงบ้างลูก สัตว์ป่วยเยอะไหม ลำบากไหมลูก”

           “ไม่เลยครับสนุกดี เกื้อชอบอู้ครับ อิอิ”

           “ต๊ายยยย เอ็นดู แล้วหนูไม้ล่ะอายุเท่าไหร่แล้ว หล่อเชียว”

           “จะ 18 แล้วครับ”

           “โฮ้ยยยยย เด็กหล่อนะ ทำไมไม่เกิดไวกว่านี้จ้ะ พ่อหนุ่มน้อย”

           “แหมมมมม พี่เมย์” เจ้าโทนล้อเลียน พี่เมย์หัวเราะกิ๊ก ซบลงไหล่หนา ๆ ของพี่กาย

           “เป็นอะไรเกื้อนั่งนิ่งเชียว” โทนหันมาถามผมหลังจากที่พูดเป็นต่อยหอยจนทุกคนกินข้าวเสร็จและผ่านไปอย่างสนุกสนาน ผมหันไปยิ้มให้โทน

           “ไม่สบายหรือเปล่าลูก”

           “เปล่าครับ”

           “คิดถึงใครรึเปล่า พี่เห็นเราจ้องแต่โทรศัพท์ตลอดเลยนะ”

           “ปะ ปะ เปล่าครับ พี่กายบ้า”

           “เอ๊า ด่าอีก” ทุกคนในโต๊ะก็หัวเราะครืนมีแต่ผมพี่ทำหน้างอคาดโทษทุกคน คุณแม่ที่นั่งข้าง ๆ ดึงผมเข้าไปกอดปลอบและปรามทุกคนให้หยุดแต่คุณแม่เองก็ยังขำๆ แง่มมมมมม


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2020 13:06:02 โดย pa_pa »

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
.

.

.



           โทนกับลูกไม้ถูกส่งกลับไปโรงแรมแล้ว ผมให้ค้างที่นี้ก็ไม่ยอม ดื้อจะกลับอย่างเดียว อ้อนก็แล้วก็ไม่เป็นผล ใจแข็งเป็นบ้า เฮ้อ น่าเบื่อจัง … นอนไม่หลับเลย ผมนอนกลิ้งบนเตียงตัวเองในห้องที่ทั้งใหญ่และเงียบไปมา มองโทรศัพท์แล้วมองอีกทีก็ยังเงียบเหมือนเดิม มีแต่ใครก็ไม่รู้เฟชมาบ้างไลน์มาบ้าง แต่ไม่ใช่คนที่ผมรอ … ป่านนี้จะทำอะไรอยู่นะ เมาหรือยัง … หรือว่ากำลังอยู่กับใคร อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก ไม่เอาอ่า …

           “หนูเกื้อ …”

           “คุณแม่” ผมรีบปาดน้ำตาที่คลอเบ้าอยู่ทิ้งก่อนจะรีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย นั่งลงบนเตียง คุณแม่เดินเข้ามาพร้อมกับขนมกับนมอีกชุดใหญ่ … โอโห้

           “ทานอะไรซะหน่อยนะลูก เราไม่ค่อยกินข้าวเลย”

           “มาม๊า” ผมเข้าไปอ้อนแม่ซุกหน้าเข้ากับท้องแม่ อบอุ่นจัง คิดถึงจัง แม่เป็นคนเก่งมาก คุมบริษัทต่อจากพ่อเพียงคนเดียว อีกหน่อยถ้าพี่กายรับตำแหน่งต่อแม่ท่านคงสบายได้มากกว่านี้ ผมเองถึงจะมาช่วยทำงานบ้างแต่ความถนัดของผมไม่เหมาะจริงๆ อีกอย่าง … ผมก็อยากที่จะทำงานตรงนั้นด้วย อาจจะดูเห็นแก่ตัวแต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าผมถนัดกับสิ่งที่ผมเรียนมาและมีความสุขกับสิ่งที่ทำ … รวมคนที่ผมอยากจะอยู่ด้วยอีก …

           “เป็นอะไรครับ ร้องไห้ทำไมลูก เหนื่อยหรือครับ” อะไรผมร้องไห้หรอ … แล้วผมร้องไห้ทำไมละ … ฮึก มันอึดอัดเฉย ๆ อะไรมันไม่แน่นอนสักอย่าง ทำไมผมต้องมาเจออะไรแบบนั้นด้วย เรื่องอายุ หรืออะไร ผมไม่เห็นจะสนใจเลย … แต่ผมแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมอะไรถึงไม่ชัดเจน มันอึดอัด คุณแม่ก็ต้องเหนื่อยทุกคนต้องเหนื่อยเพราะการตัดสินใจการเอาแต่ใจของผม … ฮึก ผม ผมแค่ …

           “เอาร้องใหญ่เลย หึหึ มาๆ กอดกันๆๆๆๆ” ผมสะอึกสะอื้นจนหายใจไม่ออกแม่ผมกอดปลอบไปก็หัวเราะไป ไม่เห็นตลกเลย ฮึก

           “ร้องแบบนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้ไม่หล่อนะเด็กน้อย” ผมหัวเราะออกมานิดๆ ผมจะไปหล่อเกินเจ้าบ่าวได้ยังไง อิอิ ฮือออออออ

           หัวเราะไปก็ร้องไห้ไป จนเหนื่อยและหลับไป ไร้วี่แววข้อความหรือสายเรียกเข้าจากคนที่รอคอย …



 

           ในตอนเช้าที่บ้านผมจัดงานแต่งงานตามประเพณีไทยทั่วทั้งบ้านเต็มไปด้วยความโกลาหลตั้งแต่เช้ามืดแม่บ้านต้องวิ่งเข้าวิ่งออกครัวกันเพื่อทำอาหารรองรับแขก แม่ผมต้องลุกมาแต่งตัวให้พี่เมย์กับพี่กาย ผมถูกปลุกขึ้นมาด้วยนาฬิกาปลุกตั้งใจจะลุกขึ้นมาช่วยงาน แต่พอลงไปก็โดนพี่เลี้ยงไล่ขึ้นมาบอกผมไปก็วุ่นวาย เขาคงเข็ดกันที่ผมเคยไปป่วนไว้ซะเละตอนปีใหม่ปีที่แล้ว อะไรกันแค่อยากช่วยแต่เหมือนทัพพีกับตะหลิวไม่เข้าใจ ผมเลยเหลี่ยงขึ้นมาแง้มประตูห้องพี่เมย์ดู …

           “คุณแม่คะ คุณแม่ว่าเมย์ใส่แล้วน่าเกลียดไหมคะ หนูไม่มั่นใจเลย”

   เสียงพี่เมย์พึมพำออกมาจากด้านในห้องแต่งตัว คุณแม่ที่นั่งจัดเครื่องเพชรทับทิมอยู่โดยไม่ทันสังเกตเห็นผมที่แอบมอง โห่ ท่าทางทางนี้ก็ยุ่งผมเข้าไปจุ้นเรื่องของผู้หญิงอีกคงไม่ดีแน่เลย ผมเอียงคอคิดก่อนว่าจะไปช่วยที่ไหนอีกดี อ่ะ ! ไปหาพี่กายดีกว่า คิดได้แบบนั้นผมก็รีบวิ่งมาที่บ้านเล็กที่พี่กายนอนในคือนี้ทันที

   ตลกดีที่พี่กายถูกเนรเทศไปอยู่บ้านนั้นตั้งแต่บอกคุณแม่ว่าจะแต่งงานกับพี่เมย์และให้พี่สะใภ้มาอยู่ที่บ้านใหญ่แทนคอนโดของเขา พี่เมย์ไม่มีญาติพี่น้องเค้าเป็นเด็กกำพร้าครับแต่ด้วยความเพียรทำให้ร้านเค้กที่เริ่มจากเด็กน้องอายุแค่ 14 ความรู้แค่รู้เรื่องเรียนประกอบอาชีพในบ้านสงเคราะห์เงินที่เก็บตั้งแต่เล็กแต่น้อยวันล่ะนิดล่ะหน่อย ทำให้มีร้านเล็ก ๆ ทางอินเตอร์เน็ต จากนั้นก็เหมือนพระผู้เป็นเจ้าเห็นถึงความตั้งใจ ทำให้พี่เมย์เป็นเจ้าของกิจการร้านเค้กใหญ่ที่มีลูกมือกว่า 10 คน ชนะการแข่งขันขนมหวานระดับประเทศส่งตัวเองเรียนจบปริญญาตรีในเวลา 3 ปีครึ่ง และแปลนว่าจะต่อโทด้วย แถมยังมีหนังสือชีวประวัติเป็นของตัวเองด้วยล่ะ ตอนผมรู้ประวัติพี่เมย์นะ ผมนี้เนื้อเต้นเลยดีใจที่พี่กายเจอคนที่ดีแบบพี่เมย์ ที่สำคัญนะที่สำคัญ พี่เมย์น่ะอายุเยอะกว่าพี่กายด้วย ตั้ง 3 ปีแหนะ อิอิ 

   “คุณหนูจะไปไหนคะ”

   “ไปหาพี่กายครับ ไม่มีอะไรให้ผมช่วยจริงๆหรือครับ เกื้อว่างมากเลย ” ผมหันไปยิ้มเขินๆให้ป้าใจป้าที่หันมาเห็นผมกำลังก้าวออกจากบ้านใหญ่พอดิบพอดี ท่านเป็นแม่บ้านที่เลี้ยงดูผมมาแต่เล็กแต่น้อย ป้าใจยิ้มก่อนจะส่ายศีรษะไปมา

   “ใกล้เสร็จแล้วค่ะ”

   “คะ ครับ” ผมเกาแก้มก่อนจะเดินหันหลังรีบเดินไปหาพี่กาย แง่ม … แพ้รอยยิ้มสดใสแบบนั้นอ่ะ ผมรีบเดินเป็นพิเศษเพราะคนงานเริ่มจัดสถานที่กันแล้ว พวกเขาเอาแต่ทักทายผมตลอดทาง ผมเขินนะ แล้วดูเหมือนพวกเขาจะพากันรู้จุดอ่อนของผมถึงพากันแกล้งแต่เช้า ถ้าโทนมาเห็นโทนต้องหัวเราะผมแน่ๆ

    … เอ๊ะ พี่กายตื่นรึยังนะ แต่งตัวเจ้าบ่าวไม่ยุ่งยากเหมือนเจ้าสาวซะด้วยสิ แย่จริงเพิ่งมาคิดได้ตอนอยู่หน้าบ้านแล้วเนี้ยนะ ผมเงยหน้ามองบ้านทรงยุโรปด้านหน้าก่อนจะเอียงคอมอง เอาล่ะนะน้องเกื้อจะต้องค่อยๆแอบดูก่อนดีกว่า อายจังถ้าเปิดเข้าไปและพี่กายกำลังเปลือยอยู่ล่ะ ... คิก จะถ่ายรูปไว้แบล็กเมเลยล่ะกัน อิอิ

           “ไอ้ตัวเล็กทำไร”

           “อะ ! ใจหายหมดเลยพี่กาย…” โดนจับได้แล้ว ผมมองหน้าพี่กายได้แวบนึงก็ต้องก้มมามองมือตัวเองที่แทบจะพันกันอยู่แล้วจะมาแกล้ง ดันโดนจับได้ก่อนได้แกล้งซะงั้น พี่กายยังไม่แต่งตัวด้วยซ้ำ สภาพเหมือนเพิ่งไปออกกำลังกายมาแบบนี้หมายความว่ายังไง เจ้าบ่าว!

           “หึหึ ปะ เข้าไปด้านในก่อน พี่เอาขนมติดมือมาด้วยนะ” ผมพยักหน้าก่อนจะเดินตามพี่ชายคนเดียวของผมเข้าไปในบ้าน ด้านในนี้ยังเหมือนกับที่เมื่อก่อนตอนผมมานอนเล่นบ่อย ๆ

           “ว่าไงเรา อยากเล่นเกมกับพี่สักตาไหม”พี่กายนั่งลงที่โซฟาโซนดูหนังข้าง ๆ ผมที่หยิบรีโหมดมาเปิดดูการ์ตูน อ่า …มิกกี้เม้าส์ละ เรื่องโปรดเลยนะเนี้ยนะ

           “พี่กายไม่แต่งตัวหรอครับ นี้ 6 โมงกว่าแล้วนะ” ผมบอกพร้อมกับจิ๊กคุกกี้ที่พี่กายหยิบมากินหนึ่งชิ้น

           “งานเริ่มตั้ง 10 โมง อีกตั้งนาน พี่เมย์น่ะ เขาเป็นผู้หญิงแต่งตัวนานมันเรื่องธรรมดา”

           “ชิวจังเลย พี่กายไม่ตื่นเต้นหน่อยหรอ”

           “ที่พี่ตื่นได้ตั้งแต่ตี 5 นี้พี่ไม่ตื่นเต้นหรือไง ฮ่าๆๆๆๆๆ” ผมหัวเราะแห้งตาม แต่แล้วอยู่ ๆ พี่กายก็หยุดหัวเราะเอาซะดื้อๆ เห๊ … พี่ผมเป็นอะไรรึเปล่าอ่ะ ผมหันไปมองหน้ากลุ้มใจของพี่กายก่อนจะขมวดคิ้วและเอามือไปอังหน้าผาก … ก็ไม่มีไข้นี้หนา

           “มันจะดีแน่หรอแต่งงานเนี้ย”

           “อ้าว … กะ กะ ก็พี่เป็นคนขอพี่เมย์แต่งงานเองไม่ใช่หรอครับ”

           “ตอนนั้นพี่คิดว่ามันจะดีน่ะสิ แต่พอมานั่งคิดอีกที ภาระมากมายที่พี่ไม่รู้ว่าจะรับได้หมดรึเปล่าก็เริ่มทำให้พี่คิดมาก เฮ้อ …” ผมตกใจหน้าแดงเมื่ออยู่ๆพี่กายก็ล้มตัวนอนบนตักของผมเหมือนเด็กๆ

   ผมวางมือบนหัวทุยของเขาและลูบไปมาอย่างนึกสนุก ดูสิจะมีสักกี่คนที่ได้เห็นนักธุรกิจใหญ่ ที่เต็มร้อยไปทั้งหน้าตา ฐานะการงานและเรื่องนิสัย เขาเป็นพี่ชายพี่ผมภูมิใจมาก ถึงจะอย่างงั้นแต่จิตใจเขาก็บอบบางมมากเช่นกัน การที่จะตัดสินใจที่จะทำอะไรต้องคิดก่อนในหลาย ๆ ตลบและจะคิดมาก ถ้าหากการตัดสินใจนั้นเลี่ยงต่อความสุขของคนรอบข้าง … ผมเข้าใจเค้านะว่าการที่ไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ทำอยู่มันจะดีจริง ๆ มันรู้สึกยังไง

   “แย่จังเนอะ เป็นผู้ชายซะเปล่าดันคิดมากมากกว่าผู้หญิงซะอีก”

           “ไม่หรอกครับ เกื้อเข้าใจ แต่ต่อจากนี้พี่กายเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วนะ อีกหน่อยจะต้องมีเจ้าตัวน้อยด้วย พี่กายต้องเข้มแข็งนะ ยังมีน้องอยู่ตรงนี้อีกคนนะครับ” ผมว่าแล้วก็ก้มลงจุ๊บลงหน้าผากเขาเบาๆเหมือนที่เคยทำประจำ พี่เขาเหยียดยิ้มทั้ง ๆ ที่ยังหลับตาอยู่

           “แล้วเราล่ะ มีหนุ่ม ๆ มาจีบยัง” อ เฮือก … ถะ ถามอะไร … หน้าใครบางคนแวบเข้ามาในสมองส่วนประสาทผมทันที … แย่แล้ว ความลับของผม … ความลับมีมากว่า 6 ปี พี่กายรู้ได้ยังไง

           “บะ บะ บะ บะบ้าแหนะพี่กาย ผมเป็นผู้ชายนะ” ผมผลักพี่กายออกจากตักก่อนจะรีบเดินมาที่มุมหนังสือลนลานหาอะไรบนชั้น ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าผมกำลังหาอะไร บางทีอาจจะหาที่หลบดีๆก็ได้

           “หึหึ เราน่ะนะ หน้าหวานยิ่งกว่าผู้หญิงซะอีก เลิกคิดที่จะหาเมียเถอะ … แล้วยังไงคิดว่าพี่จะปล่อยเราให้อยู่ต่างบ้านต่างเมืองไม่สนใจเลยหรือไง … ความลับไม่มีในโลกหรอกเด็กน้อย” … แย่แล้ว พี่กายกำลังมองผมด้วยสีหน้าจริงจัง … แย่แล้ว ฮึก แย่แล้ว …

           “ไม่ต้องร้อง … พี่ไม่ได้ว่าอะไร” ผมหันกลับไปหาพี่กายเบะปากน้ำตาเม็ดใหญ่หล่นลงมาอย่างควบคุมไม่ได้ พี่กายยิ้มก่อนจะเดินมากอดผมไว้แน่น … ฮึก …

           “ไม่ได้คบกัน ฮึก มันยังไม่ชัดเจนขนาดนั้น เขาไม่ได้จริงจังกับผมขนาดนั้น ฮึก ไม่บอกคุณแม่นะ พี่กายห้ามบอกใครนะ ฮึก  ผมเสียใจ”

           “โอ๋ๆ ร้องเป็นเด็กเลยนะเรา เดี๋ยวจบจากงานนี้ เราอาจจะต้องคุยกันเนอะ แต่ตอนนี้พี่ว่าอีกแปปแม่ต้องเข้ามาที่นี้แน่ ๆ เลิกร้องเนอะ หน้าแดงหมดแล้ว” ผมพยักหน้าให้พี่กายที่เหงื่อตก ตามน้ำตาผมก่อนจะเช็ดหน้าเช็ดตา แต่ทำยังไงน้ำตาเจ้ากรรมก็ไม่หยุดไหลสักที กลัวไปหมดแล้ว กลัวคุณแม่ผิดหวัง กลัวเสียใจ กลัวคิดไม่เหมือนกัน ฮึก ผมอ่อนแอเกินไปสำหรับเรื่องแบบนี้ ฮึก …

           “ตายห่าล่ะกู แม่มาเห็นแบบนี้ต้องคิดว่ากูแกล้งน้องแน่” พี่กายบ่นออกมางึมงัมๆ ในขณะที่ผมได้ยินยังแอบหัวเราะ บ้าจังพี่กายน้องโตขนาดนี้แล้วยังกลัวคิดว่าตัวเองแกล้งจนร้องไห้และแม่จะตีอีก ฮึก คนโน้นก็บ้า จะมาทันไหมอ่ะ ถ้าไม่ทันนะ จะโกรธให้ดูเลย

   ฮึก … ต้องมาไม่ทันแน่ๆ คนขี้จุ๊ คนนิสัยไม่ดี

   “ฮือออออออออออออออออออออออ แงงงงงงงงงงงงง พี่กาย ฮึก พี่กายยยยย ” พอคิดแค่นั้นผมก็งอแงออกมาอย่างไร้เหตุผล แย่แน่ๆ อาการแบบนี้ผมต้องแย่แน่ๆ ฮึก ผมมันไม่ดีนั้นกับพ่อเพื่อนตัวเองแท้ๆ ลุงทายบ้า บ้าๆๆๆๆๆ บ้าที่สุดเล้ยยยย

   “ตายกูตายยยยยยยยย”  พี่กายนี้ก็บ่นอะไรเป็นเด็กเล่น ปลอบน้องสิปลอบน้อง ฮึก เสียใจอยู่นะ

           เวลา 9 โมงแขกเริ่มทยอยกันเข้ามาในบ้านผม ผมที่อยู่ ในชุดไทยเสื้อสีงาช้างกับโจมกระเบนสีทองที่คุณแม่จัดเตรียมไว้ให้ยื่นต้อนรับแขกหน้ากระโจมที่ตกแต่งด้วยดอกไม้นานาชนิดและที่ทำผมตื่นตะลึงคือต้นกล้วยแห่ขันหมากต้นใหญ่ … คะ คือว่านะต้นนี้ลุงทายเตะไม่รู้จะล้มรึเปล่า

           “ไอ้เกื้อกูหล่อยัง” ผมหันไปมองโทนที่ยืนรับแขกอยู่ข้างๆ

   วันนี้เค้าแต่งตัวเหมือนผมเปี๊ยบแต่เขาทำผมเรีบแป้จนดูน่าเอ็นดูและตลกดี ที่สำคัญเขาถามผมแบบนี้ตั้งแต่มาถึงเมื่อสามชั่วโมงที่แล้วรอบที่ 20 แล้วแถมยังพกเจลใส่ผมติดตัวด้วย ตอนนี้ผมเขาแข็งยิ่งกว่ากระดองเต่าอีก คิก

           “ไอ้โทนไอ้เด็กขี้เห่อ” พี่แสงกับพี่เมฆหล่อไม่แพ้กันในวันนี้

   พวกเขากำลังยกของชำร่วยมาเพิ่งล้อโทนเข้าให้เจ้าตัวแยกเขี้ยวใส่ขู่เป็นแมวน้อยเลย เห็นโทนบอกพวกพี่สองคนเค้ามาเคาะประตูตั้งแต่ตี 3 เลยต้องมาเช้าแบบนี้แต่ผมรู้จริง ๆ โทนตั้งใจจะมาเช้าอยู่แล้ว ขี้เก๊กไปงั้นแหละ ส่วนลุงทาย ผมไม่กล้าถามเลย … ได้แต่เฝ้ารอสายเรียกเข้า … แต่ก็ไม่เห็นมีวี่แวว

           “ไงไอ้ไม้ เหนื่อยไหม” ผมยิ้มกับภาพที่โทนเช็ดเหงื่อให้ไม้ที่เข้าไปช่วยคนงานยกของอยู่พักใหญ่ พวกเขาดูมีความสุขจัง… ผมอิจฉา … ใช้ละ ผมอิจฉา

           “ไง”ผมเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะก้มลงมองพื้นอย่างไว

           “โห่!!! พ่อมาไมเนี้ย!!!” เสียงโทนตะโกนขึ้นเสียงดัง … เขามาแล้วล่ะ ดีใจจังเลย

           “อ้าวไอ้เด็กเวร”

           “ลุงอาบน้ำยังเนี้ย” เสียงพี่แสงล้อเลียนอยู่ข้างๆผม … ผมแอบสังเกตชายเสื้อที่อยู่ในระดับสายตาจริงด้วย ชุดเหมือนเดิมเปี๊ยบเลย แถมมีกลิ่นเหล้าด้วยล่ะ …

           “หึ ล้อหาพ่อง ว่าไงไอ้หนู”

           “สะ สะ สวัสดีครับ”

           “อ้าวคุณทายพ่อน้องโทน ใช่ไหมค่ะสวัสดีค่ะ แหม เชิญด้านในก่อนนะค่ะ” เสียงคุณแม่ดังขึ้นเหมือนระฆังผมนี้ใจเต้นตุ๊บๆเลย ผมไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาใช่ไหม ?

           “สวัสดีครับ ผมแค่แวะมาทักทายก่อนครับเดี๋ยวกลับไปแต่งตัวที่โรงแรมแล้วจะมาใหม่นะครับ” สุภาพจัง …

           “น้องโทนบอกแล้วล่ะค่ะ เราเตรียมห้องแต่งตัวให้แล้วล่ะค่ะ”

           “อะนี้พ่อชุด น่าเบื่อตาแก่นี้จังเนอะ ไม่รู้จักอาบน้ำอาบท่า ดูท่าจะรีบมากซะด้วยสิ” โทนยื่นชุดให้ลุงทายก่อนจะเดินมากระซิบข้างหูผมเหมือนล้อเลียน

           “ไปลูกเกื้อพาคุณทายไปที่ห้องรับรองแขกทีนะลูกนะ”

           “แต่ …”

           “ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมไปอาบน้ำที่โรงแรมดีกว่าเกรงใจ และดูท่าหนูเกื้อเขาก็ยุ่งอยู่ด้วย” เปล่านะ ผมว่างมากๆ …

           “ไม่ต้องเกรงใจค๊า คนกันเองทั้งนั้น หนูโทนก็ช่วยพวกเราไว้เยอะเหมือนกัน อาบที่นี้เถอะค่ะจะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมา”

           “เอ่อ …”

           “ปะ ไปเถอะครับ …” ผมจับชายเสื้อของลุงทายก่อนจะเดินออกมา

           “บ้านเอ็งนี้ใหญ่จังนะ ไม่เหมือนบ้านนอกคอกนาอย่างข้า”เสียงกระซิบระหว่างทางนั้น ทำให้ผมสะเทือนใจมาก …แต่พูดอะไรออกมาไม่ได้แม้สักคำเดียว … แต่ผมอิจฉาบ้านนอกที่มีลุงทายจะตายไป …

           “ห้องอาบน้ำอยู่ตรงนั้นนะครับ ผมรอตรงนี้ …” พอเข้ามาในห้องได้ผมก็ชี้ให้ลุงทายดูว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน แต่ลุงทายก็ยังยืนอยู่ข้าง ๆ ผมไม่ไปไหน

           “อาบน้ำสิครับ อีกครึ่งชั่วโมงงานจะเริ่มแล้ว” ผมพูดย้ำไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้า กลัวมองแล้วจะร้องไห้ออกมา

           “จะให้ข้าไปยังไง ก็เอ็งจับเสื้อข้าอยู่แบบนี้”

           “อ่ะ ขะขะ ขอโทษครับ” ผมรีบปล่อยชายเสื้อที่จับไว้ออกก่อนจะก้มหน้ามองมือตัวเองที่ใกล้จะพันกันจนแกะไม่ออก

           “หึหึ ยังไม่มองหน้ากันเลยนะเกลียดกันแล้วหรอ” ผมส่ายหัวจนผมสะบัด … ผม ผม ผมไม่เคยเกลียดลุงนะ ผมไม่เคย

           “มองหน้าข้าสิ” มือหนาจับคางผมเชิดขึ้น … หน้าเขาเพลียมาก … ผม ผม …

           “ข้ารีบที่สุดแล้ว … ”

           “ฮึก ผมขอโทษ ที่ทำให้ลำบาก” บอกแล้วถ้าผมมองหน้าเขาแล้วจะร้องไห้ ฮึก ผมขอโทษจริงๆ

           “ลำบากกว่านี้ข้าก็เจอมาแล้ว หึหึ ไม่ร้องไอ้เด็กขี้แย” เขาวางมือใหญ่ลงบนหัวผมเหมือนที่ทำเป็นประจำ แต่ในครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม … เหมือนผู้ใหญ่กับเด็กมากกว่าที่เคย เพียงชั่วครู่ลุงทายก็เดินเข้าห้องน้ำไป … เกิดอะไรขึ้นระหว่างเรารึเปล่า … ฮึก ผมไม่รู้ 


.

.

.

         โห่ ฮิ โห่ ฮิ้ววววววววววว       



         เสียงกู่ร้องดังขึ้นผมมองไปที่โทนและแขกคนอื่น ๆ กำลังรำนำขบวนมา จากเรือนหลังเล็กเวลาพอดิบพอดีคือสิบโมงตรง ในขณะที่ผมยืนถือสายสร้อยสีทองเป็นประตูเงินประตูทองคู่กับโทน พี่กายวันนี้อยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีขาวสะอาดตาแอบขำเมื่อเห็นที่เอวมีผ้าขาวม้าผูกอยู่ด้วย แนวไหนหนออออออ หน้าตาและทรงผมดูหล่อจริง ๆ ใบหน้าที่ยิ้มแย้มมันทำให้ผมลืมสิ่งที่ยังค้างคาในใจไปชั่วคราว ผมแอบมองลุงทายที่อยู่ในชุดไทยสีขาวโจงกระเบนสีน้ำเงินหล่อจัง แต่พอเขาหันมาเจอผม ผมก็รีบหลบตามามองเจ้าไม้แทน แต่แทนที่ดีขึ้นกลับเจอสายตาพิฆาตที่เหมือนรู้ทุกอย่างของโทนแทน

           “มองอะไรวะ”

           “หึ” หัวเราะแบบนั้นหมายความว่ายังงายยย ยยยยยย ยยยยยยย

           ผมลอบถอนหายใจก่อนจะสะดุ้งเมื่อพี่กายเอียงคอลงมามองผมที่กำลังสลดอยู่ ผมเหยียดยิ้มกว้างก่อนจะหอมฟอดใหญ่เข้าที่แก้มเจ้าบ่าว โทนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ผมหัวเราะกิ๊ก

           “เอาใจขนาดนี้เอากี่ซองดี”

           “ขอหมดเลยครับ” ผมแกล้งตอบ พี่กายทำหน้าคิดหนักก่อนจะพูดขึ้นเรียกเสียงฮาได้ทันที

           “งั้นพี่คงไม่ได้แต่งเมียแล้วล่ะ” ผมหัวเราะก่อนจะรับซองสีขาวสองซองมา ผมยอมปล่อยให้พี่ผมไปเจอประตูเงินประตูทองบานต่อไป

           “เจ้าสาวมาแล้วค่ะ!!!” เสียงคุณแม่ผมร้องขึ้น ก่อนที่ทุกคนจะหันไปมองที่หน้าบ้าน … พี่เมย์สวยมาก ชุดไทยทองทั้งตัว ดูเรียบง่ายแต่สง่างามมาก ใบหน้าของพี่เมย์คมอ่อนหวานอย่างสาวไทยอยู่แล้วพอใส่ชุดที่เหมาะสมเข้าไปทำร่างอรชรน่าพิสมัยเข้าไปอีก … สวยจังเลย

           “เจ้าบ่าวอ้าปากค้างแล้ว ฮ่าๆๆๆ” โทนแซวพี่ชายผมเสียงดังทำให้ทุกคนพากันหัวเราะ ทำให้ผมลืมความกรุ่นในใจเมื่อสักครู่ไปช่วงคราว





-ทาย-



           เห็นหนุ่มสาวมันแต่งงานกันแล้วก็ชื่นใจแทน แต่นั้นแหละมันแค่การเริ่มต้นการใช้ชีวิตที่เริ่มมีพันธะผูกผันคือความท้าทายที่ต้องเผชิญไปด้วยกัน ผมเคยมีชีวิตคู่ แต่มันก็จบลงอย่างรวดเร็วเพราะอาการป่วยของแม่มะลิ… มันทำให้ผมแทบขาดใจเสียให้ได้ตอนที่จำลากันตลอดกาลแต่ทุกอย่างก็เริ่มที่จะเสริมเติมแต่งอีกครั้งเมื่อรู้ว่ากำลังมีไอ้ตัวเล็กอย่าไอ้แสบโทนโผล่ออกมาลืมตาดูโลก เท่านั้นชีวิตผมก็เปลี่ยนไป คนหลายคนอาจจะเจอความเปลี่ยนแปลงในชีวิตมากมาย เช่นเดียวกับผมที่ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา และผมไม่อาจปฏิเสธว่ามันทำให้ผมกลัว ที่ถ้าหากเริ่มและจะเสียมันไป

           ไอ้เด็กเกื้อ นั้นคือความเปลี่ยนแปลงล่าสุดที่ผมไม่อาจห้ามได้ … ในตอนแรกผมมองว่ามันเป็นเด็กธรรมดาคนนึงที่มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนเด็กผู้ชาย ตาหวาน แก้มแดง ปากนิดจมูกหน่อย ตัวก็เล็กบางยิ่งกว่าเจ้าโทนที่ได้แม่มันมาเต็ม ๆ มันทำให้ผมยิ้มนะ ความรู้สึกที่อยากเจอในตลอดทั้ง 6 ปี มันทำให้กลายเป็นความผูกพันโดยไม่รู้ตัว พอรู้ตัวอีกที ทุกอย่างมันก็ถลำลึกโดยที่ไม่อาจถอนตัว และด้วยความซื่อบื้อแบบคนบ้านนอกผมก็คิดว่ามันไม่เป็นอะไร จนวันนี้ที่ได้มาเห็นกับตากับความต่างที่มากเกินไป

           “พ่อ ๆ โหย ไม่ใช่เหล้าขาวนะดูกระดกเข้าสิ” ผมหันไปชูมะเหงกให้ไอ้โทน

   ไอ้เด็กผีที่ล้อเลียนผมแดกเข้าไปสิโต๊ะจีนเนี้ยพูดมากนักนะ และหันไปมองไอ้เด็กเกื้อที่ยืนก้อร่อก้อติกกับผู้ชายในชุดสูท หล่อนักสิไอ้หนุ่มไอ้ห่าเอ้ย แม่ง ไม่น่ามาเลยงานแต่งบ้าบอเนี้ย ตอนเช้าก็จัดที่บ้านเรียบง่ายน่ารักดีหรอกแต่พอตกเย็นวิ่งเข้าโรงแรมหรูจัดงานแบบฝรั่งซะใหญ่โต หึ คนรวยก็แบบนี้ล่ะ ถ้าเป็นบ้านนอกนะแค่ผูกข้อไม้ข้อมือเข้าหอก็จบกันแล้ว ไม่เห็นต้องวุ่นวายเลย

           “เมายังเนี้ยลุง กลับไปนอนไหม”

           “เมาพ่อง” ผมทำปากใส่ไอ้เมฆ กูเป็นของกูแบบเนี้ย บ้านนอกคอกนา ทำไมละ อยู่บ้านกูก็แดกเหล้าขาวเข้าเมืองหน่อยแดกไวท์หรูกูก็คิดว่ามันเป็นเหล้าขาวสิ ไม่เหมือนไอ้ลูกคุณหนูที่แดกสเต็กไปอยู่บ้านนอกกินน้ำพริกไม่ได้!!!

           “พ่ออย่าทำงานเขาเสียนะ”

           “เออ ข้ามันจนนี้!!!” ผมโวยขึ้น

           “คุณทายมีอะไรรึเปล่าครับ” ผมหันไปมองไอ้เจ้าบ่าวพี่ชายไอ้เกื้อเวรตะไลนั้นก่อนจะคิ้วกระตุก ทำไมหน้าไม่เห็นเหมือนกันเลยวะ

   “โอ้ยพ่อเมาก็นั่งลงอย่าซ่า!”ผมลุกขึ้นเซ ๆ เล็กน้อยแต่พอยืนตรงอยู่

   “ข้ามีเรื่องจะคุยด้วย” ไอ้เจ้าบ่าวขมวดคิ้วก่อนจะพยักหน้าแต่เดินนำผมไป หึ ต้องรู้เรื่องกันคืนนี้นี้แหละ

   “ไม่เจอกันนานนะครับลุง” ผมเหยียดยิ้มก่อนจะกระดกไวท์ราคาแพงเข้าปาก

   วิวกลางเมืองตอนกลางคืนบนดาดฟ้าแบบนี้มันก็สวยดีเหมือนกันนะแต่หากเทียบกันบ้านนอกที่ข้าอยู่แล้วมันก็ต่างชั้นกันว่ะ เฮ้อ … มันดับอารมณ์ร้อนของข้าได้ส่วนหนึ่งเลยล่ะ ข้าเคยเจอไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี้มาแล้ว ครั้งแรก เมื่อ 4 ปีที่แล้วและมันก็เสนอหน้ามาให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ มันเป็นไอ้พี่เวรที่ให้คนตามติดน้องมันตลอดเวลา ในตอนนั้นผมกับมันแทบฆ่ากันตาย

   “ผมเคยบอกแล้วใช่ไหม ว่าถ้าทำให้ผมเห็นว่าจริงใจกับน้องผมจริง ๆ ผมถึงจะปล่อย แต่ไม่เห็นจะทำอย่างปากพูดสักที ทำไมพอมาเห็นบ้านผมเต็มตาก็กลัวขึ้นมาหรือไง คุณลุงนักมวย” กวนตีนทั้งพี่ทั้งน้องกูฟาดเจ้าบ่าวให้สลบสักทีดีไหม

   “บางทีข้าอาจจะทำแบบนี้ปากเคยพูดไว้ไม่ได้วะ” ผมเหม่อมองออกไปบนฟ้าที่ตอนนี้พระจันทร์ถูกปิดด้วยเมฆครึ้ม

   ความจริงมันก็ไม่สมควรเป็นแบบนี้ตั้งแต่ต้นอยู่แล้วเปล่าวะ กับคนที่ต่างกันซะขนาดนี้ โลกความจริงแม่งก็ไม่ได้สวยงามเหมือนที่กูฝันมาตลอด 6 ปี นั้นแหละ กูเคยคิดที่จะยอมรับในการที่จะรักไอ้เกื้อนั้น แต่พอเอาเข้าจริง ๆ ก็ได้แค่เนี้ย กูควรที่จะปล่อยให้มันเจอกับคนที่คู่ควรมากกว่าไอ้ครูมวยไร้สกุลอย่างกู

   “พอเหล้าเข้าปากแล้วหมาหายไปไหนหมดครับ”

   “เดี๋ยวกูก็เตะตกตึกเลยไอ้ควาย”

   “หึ ตามสบายนะครับ กับคนแบบลุงน้องผมก็สูงค่ากว่าจริง ๆ แต่รู้ไว้นะครับไอ้ที่ลุงคิดอยู่ตอนเนี้ย น้องผมมันมองข้ามแม่งทุกอย่าง มันยอมรับในที่ลุงเป็นลุง แล้วลุงละไม่คิดที่จะยอมรับที่มันเป็นมันเลยหรือไง ขี้คลาดแบบเนี้ย สมควรแล้วที่เมียทิ้งไปอยู่บนสวรรค์ ดีกว่ามาทนอยู่กับตาแก่ไม่รู้จักโตเหมือนลุง” พอด่าเสร็จมันก็สะบัดหัวเดินลงไป … ก็จริงของมันนั้นแหละ เฮ้อ กูน่ะนะ โดนถอนหัวหงอกซะแล้วสิ หึ



-เกื้อ-

           งานเลี้ยงแต่งงานถูกจัดขึ้นบนโรงแรมหรูใจกลางเมืองในธีมที่หรูหรามากกว่าตอนเช้าที่จัดขึ้นแบบประเพณีไทย ผมทำหน้าที่เดิมคือต้อนรับแขกและนักข่าว แอบสงสารโทนเหมือนกันที่ต้องตะเวนไปมาไม่ต่างจากผม ถึงพิธีแลกแหวนจะจบลงแล้วแต่ก็ยังต้องต้อนรับแขกต่อไป เฮ้อ … ลุงทายไปไหนแล้วนะ … ผมมองหาลุงทายเมื่อกี้ยังนั่งอยู่ที่โต๊ะอยู่เลยหาอีกทีไม่เจอแล้วไปไหนกันนะ หรือว่ากลับไปแล้ว …

           “น้องเกื้อ” ผมตกใจหันไปมองพี่เมย์สวยอีกแล้วตอนนี้เธอที่อยู่ในชุดเจ้าสาวเกาะสีขาวสวยสะอาดตายิ้มให้ผมก่อนจะยื่นน้ำแก้วโตให้ผม

           “เป็นยังไงเหนื่อยไหมเด็กน้อย” ผมส่ายศีรษะก่อนจะจิบน้ำตามมารยาท มองไปที่โต๊ะเห็นโทนกำลังกินอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ลุงทายหายไปไหนไม่รู้

           “พี่มะ …”

ตืดดดดดด ตืดดดดดดดดดดดด

           ก่อนที่พี่เมย์จะพูดขึ้นอีกรอบระบบสั่นของโทรศัพท์ของผมก็ทำงานขึ้น ผมหยิบมันขึ้นมาดูก่อนจะขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าปลายสายใครโทรมา ไม่แค่แปลกใจนะ แต่ผมดีใจมากด้วยซ้ำ ผมคิดว่าเค้าจะไม่สนใจผมแล้วซะอีก ดีใจจังเลย

           “พี่เมย์ครับ เกื้อขอตัวแปปนึงนะครับ” ผมว่าก่อนจะเดินออกมาด้านนอกงานก่อนจะกดรับสาย ปลายสายมีเสียงลมดังออกมาทันที

           “ลุงครับ …”

           “มาหาข้าที่ดาดฟ้าหน่อย …”

           “ลุงอยู่ที่นั้นหรอครับ ลุง ลุง” ผมเม้มปาก ทำอะไรของเขาอ่ะ … ยังไม่ทันที่จะคิดอะไรได้ผมก็รีบขึ้นไปบนดาดฟ้าตามคำของลุง ไปที่นั้นทำไม และอยู่กับใคร … ผมกลัวแล้วนะ

           “จะไปไหน” ผมหยุดชะงักเมื่อเจอพี่กายระหว่างทาง พี่กายมากจากไหนล่ะทำไมไม่อยู่ในงาน ผมเอียงคอมองก่อนจะหลบสายตา ไม่กล้ามองแล้วก็พี่กายมองเหมือนจับผิดผมซะแบบนั้น

           “จะไปดาดฟ้าหรือไง”ผมพยักหน้าเบาๆ ก้มหน้ามองเท้าตัวเอง

           “พี่ไม่ให้ไป”

           “แต่ …”

           “พี่ไม่ให้ไป อย่าให้พูดย้ำอีก กลับเข้างานเดี๋ยวนี้” ผมเบะปากน้ำตารื้น พี่กายใจร้าย

           “เฮ้อ … ใจแข็งซะบ้างสิเราน่ะ ฟังพี่บ้าง กับคนขี้ขลาดแบบนั้นอย่ายอมให้มันมากนัก”ผมปิดหน้าร้องไห้ เขาต้องไปเจอกันมาแล้วแน่ๆ ไม่อย่างงั้นพี่กายคงไม่พูดแบบนี้ และคุยอะไรกัน ฮึก ไม่ไม่รู้อะไรสักอย่างเลย มันไม่ยุติธรรมสักนิดเลยนะ

           “ว่าแล้วเชียว” ผมสะดุ้งเงยหน้าหันไปมองด้านหลังลุงทายเดินมาทางนี้แล้ว … เขาเมาแล้วใช่ไหม ฮึก อย่าทะเลาะกันนะ

           “หายโง่แล้วหรือไง”

           “พูดให้มันดี ๆ หน่อย” ลุงทายมองหน้าพี่กายอย่างหาเรื่องรายนั้นไม่สนใจเหยียดยิ้มให้อย่างถือดี อะไรกันสองคนนี้ ผมไม่เข้าใจ ผมตกใจจนเผลอร้องออกมาเมื่อลุงทายกระชากผมเข้าไปกอดไว้แนบอกหนา

           “กูไม่ยอม ไอ้เด็กนี้ของกู อย่าเสือก”

    นั้นคือเสียงสุดท้ายก่อนที่สัมผัสประหลาดเกิดขึ้นที่ริมฝีปากผม ลุงทายกำลัง … จูบผม และสิ่งที่ผมจำได้คือเสียงลมหายใจของลุงทาย ...เพราะทุกอย่างมันล่องลอย จนมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก ประโยคเพียงแค่นั้นแทนความหมายมากมาย อย่าไปยอมนะครับ อย่าปล่อยผมนะ … ได้โปรดอยู่กับผม ผมตอนนี้ทำอะไรไม่ได้เลยได้แต่วิงวอนเพียงอย่างเดียว … เรียกว่าอะไรดีความรู้สึกนี้ …



   รักได้ไหมครับ… ผมรักได้ไหม …

   

///////////////



ลำใยปู่ บุ้ยยยยยยยยย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-04-2020 13:06:36 โดย pa_pa »

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
ตามมาอ่านนนนนนเหมือนเดิมค่าาาาาา ชอบเรื่องนี้มาก ชอบทุกคู่ แต่ชอบพิเศษคู่ปู่ทาย-เกื้อกูล+คู่ป๊อกเจ้าจุกยังมีอยู่ไหม รออ่านนะคะ ตามตอนต่อไปเลยค่ะ  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

ตอนที่ 8 หวงแหละดูออก


เป๊ง!!! เป๊ง!!!! เป๊ง!!!!



           โฮ่งๆๆ อ๋องๆ หงิงๆ

           ฝูงหมาน้อยจอมหิวตลอดเวลาวิ่งตุปัดตุเป๋มาหาผมที่เคาะกะละมังข้าวอยู่หน้าบ้าน อ้วนวันอ้วนคืนจริง ๆ ไอ้หมาพวกนี้ มีมี่นี้ไม่ต้องพูดถึงพอผมกลับมาก็จับทำหมันเลย อย่าคิดว่าการทำหมันเป็นการทารุณสัตว์นะครับ เพราะการทำนั้นสัตว์จะแทบไม่ได้รับรู้อาการเจ็บเลย มีมี่นี้นอนแผ่สบายเลย มีหมอหมาอยู่ในบ้านซะอย่าง พี่น่ะเก่งระดับตำบลนะรู้ยัง ฮ่าๆๆๆ

   “นั่งขานชื่อก่อน” มีมี่นำเจ้ากะหล่ำกับมะเขือนั่งจุ้มปุ๊กลงตรงหน้าผม

   ไม่ครบนี้ แตงกวาไปไหน ผมวางกะละมังข้าวลงบนแคร่สูงก่อนจะเดินไปดูที่เล้าหมาน้อยที่ตั้งอยู่ในชานบ้าน ผมให้พ่อทำเป็นที่กั้นสูง ประมาณเข่าเพื่อไม่ให้สามตัวออกไปซนโดนรถทับที่ไหน เวลากลางวันจะปล่อยให้ออกมาเล่นหน้าลานบ้าน ที่มีรั้วรอบขอบชิดที่เพิ่งสร้างต่อเติม ก่อนจะพบว่าเจ้าก้อนขาวนอนขดตัวอยู่ในโปงผ้าห่มดูน่าสงสาร

           “ไงไอ้แตงกวา เป็นอะไรหื้ม” เจ้าแตกกวาตัวน้อยตัวเล็กกว่าพี่ชายของมันทั้งสองตัวมากแถมยังเป็นผู้หญิงตัวเดียวด้วย ผมต้องดูแลเป็นพิเศษกว่าตัวอื่นเพราะค่อนข้างที่จะไม่สบายง่าย ช่วงนี้ก็อาการเย็น ๆ ด้วย จมูกแห้งเชียว ไม่สบายชัวร์ ผมเดินเข้าไปในบ้านหยิบผ้าขนหนูออกมาห่อตัวน้อยเอาไว้ทันที ต้องเอากลับไปที่ร้านล่ะนะ

           “พี่เมฆวาน ให้อาหารเด็กหน่อยนะไปร้านก่อนแตงกวาไม่สบาย”

           “อีกแล้วหรอน้องโทน” ผมพยักหน้าก่อนจะรีบพาแตกกวาขึ้นจักรยานปั่นแบบไม่คิดชีวิต

   ยังไม่ทันถึงไหนต้องเบรกหัวแทบทิ่มลงคูน้ำเมื่อเห็นไอ้ลูกเปรตกำลังขี่มอเตอร์ไซค์ป๋อมีเด็กผู้หญิงซ้อนอยู่ด้านหลังผ่านหน้าไป 9 โมงกว่าแล้วแท้ ๆ ทำไมแม่งไม่เข้าไปเรียนวะ ฮึ! โดดเรียนหรือไง!!! ผมย่นหน้าก่อนจะรีบปั่นจักรยานไปที่โรงพยาบาลสัตว์ของผม ไอ้เกื้อที่กำลังตรวจนั่งดูแฟ้มคิวอยู่รีบวิ่งมาหาผมทันทีที่เห็นผมทันที

           “ไอ้เกื้อ ดะ ดูแตงกวาทะแทนกูที แฮ่กๆๆๆ โฮ้ยเหนื่อย กูไปล่ะนะ เดี๋ยวรีบมา”

   พอส่งแตงกวาให้ไอ้เกื้อที่ทำหน้าเอ๋อได้ก็กฃัลนรถซิ่งเข้าไปในซอยที่ไอ้ไม้เข้าไป ในซอยนั้นมีโรงแรมด้วยสิ ฮืออออ ลูกผมมันจะพาเด็กเข้าโรงแรมช่ะ … ทำไมใจกูแป่วแปลกๆ แง่แซะ ลูกพาผู้หญิงเข้าโรงแรมมีใครไม่สะดุ้งสะเทือนบ้างล่ะ

เอี๊ยกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!

           “กรี๊ด ไอ้โทน โอ้ยป้าหัวใจจะวาย” ป้าขายหมูปิ้งเจ้าประจำของผมร้องลั่นเมื่อรถจักรยานของผมจอดเอี๊ยดอยู่หน้าร้านแก

           “ปะ ป้า แฮ่กๆๆ เห็นไอ้ไม้ไหมครับ”

           “เห็นขับรถผ่านไปเมื่อกี้ กรี๊ด ไอ้โทน!!!!” แกกรี๊ดอีกรอบเมื่อผมซิ่งออกมา

    เอาจริงดิ ป้าแกชี้มาทางย่านโรงแรมรายวันจริง ๆ ด้วย ไม่ทันจะคิดอะไรก็ต้องเบรกเอี๊ยดเมื่อรถไอ้ไม้สวนออกมาพอดี มันหน้าเหวอทันทีที่มองเห็นผม ฮึ ตัดข้อพาผู้หญิงมาซั่มได้เลยแต่ปัญหาที่มันโดดเรียนยังไม่เคลียนะ 

           “พ่อโทน” มันลงจากรถเดินมาหาผมที่หน้างอไม่เลิก

           “ทำไมมึงไม่ไปโรงเรียน”  ผมเชิดหน้าไม่มองหน้ามัน มันเอามือมาจับที่ข้อมือผม แต่ผมสะบัดออก งอนโว้ย!

           “ผมพานุ่นมาส่งบ้านครับ เขาไม่สบาย” นุ่นไหนของมึงวะ ฮึ ครอบครัวครูบาอาจารย์เขาไม่มีหรือไงต้องมาส่งถึงบ้านช่อง

           “รีบไปเรียนตอนเย็นกลับไปโดนกูแน่”

   ผมว่าแล้วหันรถกลับปั่นกลับมาที่ร้านหันไปมองค้อนไอ้ลูกบ้าหน้าหงอยเป็นหมาน้อยหลายต่อหลายที หึ จะงอนให้เข็ดบังอาจทำให้เป็นห่วงและจิตตกขั้นรุนแรง หึ อีกหน่อยถ้าเกิดลูกผมมีเมีย ไม่รู้ว่าผมจะจิตตกขนาดไหน ไม่อยากให้มีเลย แต่ถ้าไอ้ไม้รักใครผมก็ต้องรักด้วยจริงไหม … เฮ้อ เป็นพ่อนี้มันไม่ง่ายจริง ๆ เลยนะ

           “แตงกวาเป็นหวัดน่ะ อากาศเปลี่ยนบ่อยเราฉีดยาให้แล้วให้เจ้าหนูพักผ่อนที่นี้สักคืนเนอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยกลับ”

   ผมพยักหน้าให้ไอ้เกื้อที่พึ่งเอาแตงกวาเข้าไปในกรงห้องพักฟื้นสัตว์ของร้าน ผมนั่งลงข้างหน้ากรงก่อนจะก้มลงไปมอง ไอ้หมาน้อยส่งสายตาน่าสงสารครางหงิงมาให้ผม สภาพไอ้เจ้าไม้คงไม่ต่างจากแตงกวาตอนนี้เท่าไหร่ ผมก็เหมือนกันนั้นแหละ

           “อดทนนะแตงกวา เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ได้กลับบ้านล่ะนะ”

   ภาพเด็กผู้หญิงน่าตาน่ารัก ซบลงหลังหนา ๆ ของเจ้าไม้เด็กเปรตทำให้ผมอดนึกไม่ได้เหมือนกันถ้าวันไหนมันแยกย้ายไปมีครอบครัวผมจะเหงาขนาดไหน เฮ้อ …แค่คิดใจผมก็เต้นไม่เป็นศัพท์แล้ว …



           ตกเย็นอากาศเริ่มเย็นลง ผมเอาเสื้อกันหนาวฉุกเฉินที่อยู่ในห้องนอนเล็กๆของร้านมาใส่พอดีกับที่รถบ้านไอ้เกื้อที่เพิ่งกลับมาจากตรวจควายบ้านลุงคิมมามาพอดี

   “แน่ใจเหรอโทนว่าจะไม่ให้เราอยู่ด้วย ดึก ๆ มันหนาวนะ”

           “เออนะ กลับไปเหอะเจอกันวันจันทร์มึง” ไอ้เกื้อพยักหน้าก่อนจะเดินขึ้นรถที่มารับมันกลับไปบ้านใหญ่

   ลืมไปเลยว่าวันนี้วันศุกร์ต้องอยู่ร้านคนเดียวไม่สิอยู่กับแตกกวา เมื่อกี้โทรไปบอกพ่อทายมาเสียงโห่ลั่นบ้านเลย ใช่สิมนุษย์ซอมบี้ผู้หิวโหยต้องกินกับข้าวฝีมืออ่อนด๋อยของไอ้เจ้าไม้ ไม่รู้เหมือนกันว่ายัยหนูมูลี่หายไปไหน ตั้งนานแล้วที่ไม่มีแว๊ดๆมีบ้านผม เออ ใจเด็กน้อยนี้มันยากที่จะบรรยายทีเดียว ดีเหมือนกันที่วันนี้ไม่ต้องกลับบ้าน ไม่อยากจะเห็นหน้าเหมือนกัน หึ

           ผมยืนส่งไอ้เกื้อขึ้นรถเสร็จก็เดินเข้ามาตรวจเช็คอาการแตกกวาหมาตัวน้อยและหยิบหนังสือนิยายฆาตกรรมออกมานั่งอ่านเพลินจนถึงทุ่มกว่า ๆ อากาศที่ว่าหนาวแล้วพอฟ้ามืดก็ตกประมาณ 15 องศา ปากสั่นงั๊ก ๆ เลยอ่ะ แง่มมมม ผมเดินไปปิดหน้าต่างในร้านทุกบานก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อมาใส่อีกตัว ไม่พอคว้าเอาผ้าห่มมาอีกอัน มานั่งอยู่หน้ากรงแตงกวา แตงกวาเองก็หนาวพอกันขนาดใส่เสื้อให้แล้วยังสั่นอยู่เลย ผมเลยอุ้มหมาน้อยออกมาซุกในผ้าห่ม นั่งพิงพนังลูบขนนิ่ม ๆ ของมันจนเคลิ้มหลับไปทั้งคนทั้งหมา

           ในฝันผมเห็นภาพของเจ้าไม้แห่ขันหมากไปขอสาว … ในตอนนั้นผมจำได้ว่าผมร้องไห้ฟูมฟายเป็นบ้าเป็นหลัง มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความดีใจ มันเป็นความเสียใจล้วน ๆ นี้กูเป็นพ่อภาษาอะไรวะ ผมควรจะดีใจไม่ใช่หรือไงที่ลูกเป็นฝั่งเป็นฝา ในขณะที่ลูกผมมีความสุข ผมก็ควรที่จะมีความสุขไม่ใช่หรือยังไง … เมื่อไหร่ที่ความฝันจะจบลงสักที มันทรมานมาก ๆ เลยที่เห็นรอยยิ้มมีความสุขแบบนั้น

           “พ่อโทน พ่อโทนครับ”

   ผมสะดุ้งตื่น แสบตาจากแสงไฟจนต้องหลับตาลงอีกรอบ สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ลูบที่แก้มผมเหมือนปลอบโยน หน้าตื่นตระหนกของไอ้ไม้อยู่ในระยะประชิด ผมหน้างอขึ้นอย่างอัตโนมัติ ก่อนจะก้มลงห่อผ้าแตงกวาเป็นหมาน้อยดักแด้ก่อนจะพาเข้าไปนอนในกรงต่อ

           “มาทำไม ใครให้มา” ผมว่าสะบัดตัวลุก งั๊กๆๆๆ หนาวๆๆๆ ไม่ไหวขอนั่งที่เดิมแปป ไอ้ไม้หัวเราะกิ๊ก หึ ตลกนักสิ และนี้อะไรทำไมมาด้วยเสื้อบาง ๆ แบบนี้ ไม่หนาวบ้างหรือไง ผมค้อนขวับก่อนจะถอดเสื้อตัวเองให้ตัวนึงและซุกตัวลงในผ้าห่มอีกรอบ ฮึ หนาวก็หนาว เดียวไม่สบายจะตบให้ดิ้นเลย

           “ฮ๊าดชิ้ว!!!!” ผมจามหนึ่งทีก่อนจะหันหน้าไปอีกด้าน ไม่อยากมองหน้าแล้ว หัวเราะดีนัก

           “พ่อโทนไม่งอนผมสิครับ” เสียงหงุงหงิงดังขึ้นด้านหลังผมไม่สนใจ หึ นั่งหันหลังให้แบบนี้แล้วไม่ต้องมาคุยกันหรอกเว้ยยยย เมื่อกี้มึงยังหนีไปแต่งงานได้เลย ไม่มีอะไรต้องพูดก๊านนนนนนน

           “นุ่นไม่สบายครับ โทรมาก็ไม่มีคนรับ อาจารย์เลยให้ผมพากลับมาเพราะนุ่นลืมเอายาประจำตัวไป”ผมหันไปมองมันนิด ๆ หน้าตานี้ไม่ได้สลดเลยนะ ยังระรื้นเหมือนเดิมมองต่ำลงไปเห็นมันหอบของพะรุงพะรังมา อ่ะ มีกุ้งด้วย คิกๆ ผมชอบกุ้ง

           “เอากุ้งมาทำไม”

           “พอดีที่บ้านมีงานเลี้ยงครับ”

           “หึ พอกูไม่อยู่แล้วปิดซอยเลี้ยงเลยหรือไง”

           “ไม่ใช่ครับ เพื่อนปู่ทายมาเลยจัดงานนิดหน่อย ผมคิดถึงพ่อโทนเลยเอาของมาฉลองกับพ่อโทนสองคน” ผมเม้มปาก … ทำไมถึงน่ารักขนาดนี้ ฮึ้ย หมั่นเขี้ยวเฟ่อ!!

           “ตะ แต่ที่นี้ไม่มีหม้อนะ”ผมหันไปนั่งกอดเข่าก้มหน้าตรงหน้าของมันที่นั่งชันเข่ามองผมอยู่

           “ผมเอามาครับ” บร๊ะ นี้มันแบกเอาหม้อไฟฟ้ามาด้วยหรอเนี้ยยยยยยย

           “เลิกงอนผมนะครับเดี๋ยวมากินสุกี้อุ่น ๆ เนอะ” จนแล้วจนรอดผมก็ต้องยอมแพ้มันจนได้ คิกๆ เพื่อสุกี้ผมยอมได้



-ไม้-

           “กินเยอะ ๆ นะครับ”

   ผมตักกุ้งของโปรดพ่อโทนใส่ถ้วยก่อนจะยื่นให้เขาที่ตาเป็นประกายอยู่ในโปรงผ้าห่มผืนหนา ผมพาเขามานั่งทานกลางห้องโรงพยาบาลของพ่อโทน โดยที่ผมไปลากโต๊ะและเก้าอี้มาให้ได้นั่งให้สบาย กลางโต๊ะที่หม้อสุกี้ที่เดือดผุด ๆ น่ากินเหมาะสำหรับ คืนนี้อากาศเย็นเป็นพิเศษแบบนี้ เมื่อเช้าพ่อโทนเข้าใจผิดขั้นรุนแรงและดูเหมือนจะงอนมากซะด้วย ขนาดยอมกินแล้วยังหน้างออยู่เลย สำหรับผม ไม่มีใครแทนพ่อโทนได้ ไม่ว่าด้วยฐานะอะไร คนเดียวที่อยู่ในใจของผมคือพ่อโทนสุดที่รักของผมเพียงคนเดียว ที่ผมพยายามอยู่ทุกวันนี้ก็เพียงเพราะเขาเพียงผู้เดียว

   พ่อโทนรับไปกินอย่างหิวโหยก่อนจะเงยหน้ามองผมเหมือนมีพิรุธ ผมมองเค้าด้วยสายตาที่อยากให้เขารับรู้สิ่งที่ผมอยากจะบอก มันไม่ใช่แล้วผมรู้ดี ว่ามันไม่ใช่ความรู้สึกที่เค้าอยากให้เป็น

   “แล้วแตกกวาเป็นยังไงบ้างครับ”

   “ดีขึ้นแล้ว แต่ให้กลับพรุ่งนี้ มะเขือกับกะหล่ำมีมี่ล่ะ”

   “ผมจับใส่เสื้อทุกตัวแล้วครับ” เขาพยักหน้าก่อนจะก้มหน้ากินต่อไป มีผมคอยตักให้ เป็นระยะๆ และนั่งบี้กุ้งให้เจ้าแตงกวาด้วย พวกพี่น้องของเจ้าแตงกวาที่บ้านน่ะไม่ต้องพูดถึงอิ่มหนำสำราญกันเชียว นาน ๆ ได้กินทีกับอาหารที่พ่อโทนห้ามกินกันใหญ่เลย พอไปให้เท่านั้นล่ะ หมาเด็กไม่สบายกินลืมหายใจเลย  เหมือนพ่อโทนตอนนี้เลย ฮึฮึ

   “อิ่มแล้ว” พ่อโทนบอกหลังจากที่ชุดแรกหมดและผมเตรียมจัดต้มให้อีกชุดใหญ่พุงน้อย ๆ ของเขาป่องออกมาเสียงเร่อเอิ๊ก ทำให้รู้ว่าอิ่มจริง ผมหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเก็บถ้วยเก็บจานไปล้างหลังร้าน โดยมีเขาเดินเข้ามาติดๆ

   “เดี๋ยวกูล้างเอง”

   “ผมล้างได้ครับ”

   “จิ๊ ก็บอกว่าจะล้าง!”ผมยิ้มนิดๆก่อนจะถอยออกมาจากอ่างล้างจาน แย่จังโดนดุอีกแล้ว ยังงอนไม่หายหรือยังไงน่ะคนใจแข็งเมื่อไหร่จะเห็นใจกันบ้าง ไม่รู้เลยหรือไงว่าแต่ละครั้งที่โดนดุ โดนเมิน โดนไม่สนใจ ลูกคนนี้เสียใจแค่ไหน …

   “เป็นอะไร” ผมส่ายหน้ายิ้ม ๆ ให้เค้าก่อนจะยืนมองเขาที่ยืนล้างจานไม่ห่าง ใจอยากจะเดินเข้าไปกอดไว้ แต่คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยืนมอง เหมือนใกล้กันแต่ห่างไกลกันมากจริงๆ

   “กลับไปเลย” พอล้างจานเสร็จเค้าก็หันมาไล่ผมอีก หึ โดนไล่อีกแล้ว เสียใจผมดื้อ

           “ไม่ครับผมจะนอนด้วย”

           “พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำอาหารให้พวกลุงๆอีกนะ” เขาเถียงไม่เลิก ผมเตรียมการไว้หมดก่อนมาแล้ว ไม่มีพ่อโทนผมนอนไม่หลับหรอก ไม่มีทางแน่นอน

           “พี่เมฆรับปากว่าจะทำให้ครับ”

   เขาบุ้ยปากแบกฟูกที่นอนออกไปด้านนอก ผมรีบหยิบหมอนเดินตามไปทันทีเป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ที่เค้าหอบผ้าหอบผ่อนมานอนกับแตงกวาจริงๆนั้นแหละ ผมหัวเราะเมื่อเห็นเขาปูที่นอนสำหรับคนเดียว มันก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมนะ ปกติเขาก็นอนบนตัวผมอยู่แล้ว

           “นอนล่ะ” เขาว่าก่อนจะล้มตัวนอนดึงผ้าห่มมาคลุมตัวเอง

   ผมหัวเราะนิด ๆ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องน้ำ ตักน้ำใส่หม้อดึงเตาแก๊ซปิกนิกสำรองออกมาและจุดไฟต้มให้มันอุ่น ๆ ก่อนจะพาตัวเองเข้าไปเอาน้ำลูบหน้าลูบตาออกมาด้านนอกน้ำก็อุ่นพอประมาณ เทน้ำอุ่นใส่กะละมังที่เตรียมไว้หยิบเอาผ้าขนหนูเล็กจุ่มลงไปในน้ำบิดพอหมาดถือเดินออกมาหาคนที่นั่งหน้างออยู่ ยังไม่นอนอีกแหะผู้ใหญ่ดื้อคนนี้

           “ไม่นอนหรอครับพ่อโทน”

           “ใครจะไปนอนลงมีหมามาเดินไปมาอยู่อย่างงี้” ผมนั่งลงตรงหน้าเค้า ก่อนจะเอื้อมหยิบมือผอมแห้งบอบบางขาวเนียนของเค้ามาค่อย ๆ เช็ดอย่างถะนุถนอม ยังไงก็ตามเขาจะว่าอะไรก็ตาม ผมขอแค่อยู่ข้างๆ ก็พอ

           “สักวันคงไม่ทำแบบนี้ให้แล้วใช่ไหม”พ่อโทนก้มหน้าก้มตาผมชะงักมือเชยคางเค้าขึ้นให้สบตากัน

           “ฮื่อ พูดเรื่องอะไรครับ”

           “ถ้าจะแต่งงานบอกกันก่อนล่วงหน้า 3 เดือนนะ”

           “อะไรครับพ่อโทน”

           “มันต้องมาถึงอยู่แล้วล่ะ ไม่ว่ายังไงวันทามึงต้องไปจากกูก็ต้องมาถึง ถึงเวลานั้น … ขอทำใจก่อนนะ” หึ นึกว่าเรื่องอะไร … ที่แท้ก็เรื่องไม่เป็นเรื่องแบบนี้นี้เอง

           “ผมจะไม่แต่งงานครับ” ผมว่าก่อนจะลงมือเช็ดเนื้อเช็ดตัวเค้าต่อ

           “ตลกอ่อ!” ผมหัวเราะทั้ง ๆ ที่ในใจอยากตะโกนมากแค่ไหนว่าไม่ตลก ผมไม่ตลกสักนิด!

           “ไม่ครับ ผมจะอยู่กับพ่อโทน”

           “ไอ้เด็กติดพ่ออยากให้เพื่อนล้อมึงหรือไง”

           “ใครจะว่ายังไงก็ตาม ชีวิตนี้ผมมีแค่พ่อโทน … รักแค่พ่อโทน” ผมว่า ไม่สนใจเสียงหงุงหงิงขี้หงุดหงิดของเขา ไม่มีทางที่ผมจะสนใจใครอีกแล้ว หัวใจของผมมันชัดเจนตั้งแต่ตอนที่ผม 13 ขวบแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างมันพังทลายลงและคนๆเดียวที่ฉุดผมขึ้นมาจากหลุมดำคือเค้า … พ่อโทนเพียงคนเดียว

           “นอนเถอะครับ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้า”

           “ไม่ต้องบอกหรอก” เขาว่าและล้มตัวนอนหันหลังให้

   ผมถอนหายใจก่อนจะเหลือบไปมองแตงกวาที่อยู่ไม่ไกลนัก เจ้าหมาน้อยหลังปุ๋ยไปนานแล้ว ผมล้มตัวนอนข้าง ๆ พ่อโทนบนพื้นเย็นเฉียบ ไม่มีผ้าห่ม ไม่มีหมอน แค่ได้นอนข้าง ๆ ก็พอใจแล้ว

           “อวดดีนักนะ ขยับมา” เขาหันมาค้อนผมวงใหญ่ก่อนจะล้มตัวนอนตะแคงมาทางผม ตัวเขานิดเดียวเลยเหลือที่เยอะพอสมควร ผมเหยียดยิ้มเมื่อคนใจอ่อนอนุญาต จึงซุกตัวเข้าไปในผ้าห่มผืนเดียวกัน และกอดดวงใจเอาไว้แน่น ทำให้ร่างอันสั่นทาของเขาหยุดนิ่งและหายใจเป็นจังหวะคงที่ได้ … พ่อโทนหลับแล้ว เหลือแต่ผมที่ยังภาวนาในใจให้ความคิดนับร้อยนับพันของลูกไม่รักดีคงนี้ส่งต่อไปหาพ่อโทนได้ …

           “รักพ่อโทนนะครับ” ผมกระซิบบอกเขาก่อนจะเผลอหลับไปหลังจากที่เหนื่อยมาตลอดทั้งวัน เดือนหน้าผมมีขึ้นชกชิงแชมป์รุ่นเกิน 20 ปี อยากให้พ่อโทนไปดูจัง อยากให้เขารู้ว่ากว่าผมจะมาถึงจุดนี้ กำลังใจหนึ่งเดียวคือพ่อโทน … รัก รักจริงๆ

.

.

.

           “ไอ้ไม้อ่ะพ่อ” ผมถามขึ้นทันทีที่เดินเข้ามาในบ้านเจอวงเหล้าของพวกขี้เมาทั้งหลาย กินกันอย่างกับน้ำตับแข็งปะให้ทายยยยยยย

           “บนห้องโน้น” พ่อก็เริ่มป๊อแป้ล่ะ ผมส่ายหน้าก่อนจะเดินเข้ามาในบ้าน

   “ทำอะไร”

    ผมชะโงกหน้าไปดูเจ้าไม้ที่นั่งเงียบอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือในห้องของเรา เออ ความจริงก็ห้องของผมแหละแต่มีไอ้เด็กง๊องแง๊งไม่ยอมแยกห้องบอกนอนไม่หลับห้องนั้นมันมีผีบ้างอะไรบ้าง พอผมจะไปนอนเองก็ไม่เอา ชอบมานอนเบียดกันบนเตียงเล็ก ๆ แต่มันก็อบอุ่นนะ ว่าจะซื้อหมอนข้างใหม่ไม่ต้องล่ะคงได้ซื้อเตียงใหม่แทน โชคดีที่เจ้าไม้ไม่นอนดิ้นเหมือนเด็กคนอื่น ๆ จับท่าไหนนอนท่านั้นซุกได้ตลอดทั้งคืน

   ผมได้ถือโอกาสสำรวจคู่แข็งทุกวันด้วย(?) ฮึ้ย คิดจะโตกว่าพ่อมึงสินะ เออ ยอม ก็ผมมันหยุดโตแล้วนี้

   “กลับมาแล้วเหรอครับพ่อโทน” มันหันมามองผมและยิ้มแป้น ผมนอนแผ่แอ้งแม้งลงเตียงมองมาที่มัน โอ้ย วันนี้เหนื่อยมากเลย วัวบ้านลุงใจท้องเสียกันยกคอกเลย ผมกับไอ้เกื้อนี้รันทดกันสุดๆ แต่ก็ดีแล้วที่วัวปลอดภัยละ พรุ่งนี้ไปตรวจอาการอีกที กว่าจะกลับมาได้ก็ปาเข้าไปเกือบ 5 ทุ่มแหนะ

   “เหนื่อยมากหรอครับ” เจ้าไม้ถลาเข้ามานั่งที่ข้าง ๆ เตียงไม้ที่ฟูด้วยฟูกหนาของผม ผมหลับตาก่อนจะยื่นมือไปให้มัน

   “ฮื่อ … ดมมือสิ”มันไม่ ปฏิเสธก้มลงมาหอมมือผมที่ยื่นไปหาเบาๆ ก่อนจะย่นจมูกทำหน้าตาตลก ผมขำกลิ้งเลย ฮ่าๆๆๆๆ กลิ่นขี้วัวทั้งนั้นอ่ะนะ เสียใจด้วยนะลูกเอ้ยยยยยยย

   “ว่าแต่ทำอะไรอยู่วะถามเมื่อกี้ก็ไม่ตอบ”

   “ดูหนังสือน่ะครับ สัปดาห์หน้ามีสอบ” สมองอย่างมันต้องอ่านด้วยเหรอ แสดงว่าผมฉลาดกว่าตอนเรียนไม่เคยอ่านสักตัว เกรดออกมานี้จ๊ากเลย อิอิ

   “เอ๋ สอบแล้วหรอก งี้ ก็ปิดเทอมแล้วสิ”เจ้าไม้ยิ้มแป้นไม่ตอบอะไรพอมันไม่ตอบอะไรผมก็เลยเตรียมหันหลังให้เพราะรู้สึกทั้งเพลียทั้งง่วง ไว้ตื่นมาค่อยอาบน้ำแล้วกันนะ …

   “พ่อโทนครับ”

   “ฮื่อ …” ผมขานรับทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ … รีบๆพูดนะเดี๋ยวภาพจะตัดแล้ว ง่วงมากเลย …

   “หลังสอบผมมีชกชิงแชมป์ …”

           “ไม่ต้องห่วงนะ มีแผลพกช้ำดำเขียวที่ไหน เดี๋ยวทำแผลให้ เนื้อคนคงไม่ต่างจากเนื้อวัวสักเท่าไหร่หรอก คิกๆ” ผมหัวเราะคิกคักก่อนจะรวบเจ้าไม้เจ้ามากอด ไม่ต้องอ่านแล้วดึกแล้วนอนกันเถอะ …







/////////



หวงก็บอกหวงสิคะพ่อโทน
ฉบับรีไรท์รอบนี้ มีครบทุกคู่และจะเขียนให้จบจ้ะ
ส่วนนิยายเรื่องอื่นที่ถูกลบจะรีไรท์และทยอยลง ยังไงฝากตามความเคลื่อนไหวในเพจ "ห้องเก็บนิยายPa_Pa"นะคะ


V
V
V

ลิ้งเพจค่ะ

https://web.facebook.com/YaoiStoryPaPa/

 :hao7:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-04-2020 10:11:57 โดย pa_pa »

ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
รีไรท์ก็สนุกเหมือนเดิม อ่านหลายรอบแหละ

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

ตอนที่ 9 กลิ่นคลุ้ง


-ไม้-

   “เล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฟังหน่อยสิ” พ่อโทนถามขึ้นในขณะที่กำลังลูบหัวลูกวัวอยู่ในโรงเรือนเล็ก ๆบ้านลุงศรที่โทรถามมาให้ดูอาการเจ้าสตอ ที่เกิดอาการไม่สบายซะอย่างงั้น

   วันนี้ผมตามพ่อโทนมาทำงานด้วย เพราะพ่อโทนขาดลูกมือพี่เกื้อกลับบ้านไปทำธุระด่วน ผมเองก็หยุดเสาร์อาทิตย์เหมือนกัน เลยขอปู่ทายไม่ซ้อมวันนึงปู่เองไม่ว่าอะไร แต่กลับไปพรุ่งนี้ผมต้องซ้อมหนักเป็นสองเท่า อีกอย่างพ่อโทนเองก็ไม่มีเวลาให้ผมเท่าไหร่ ในบางทีปิดร้านจะนอนแล้วโทรศัพท์ก็ดังก็ต้องลุกขึ้นมาทำงาน ทำให้ไม่ค่อยได้พักผ่อน ถึงแบบนี้ก็ยังตื่นมาทำงานบ้านตั้งแต่ตี 5 เหมือนกันทุก ๆ วัน ผมเองยิ่งใกล้วันสอบและวันแข่งด้วยแล้วผม ก็ต้องพยายามรักษาระดับเอาไว้ เพื่อพ่อโทนเท่านั้น หวังว่าจะทำให้เขาภูมิใจทั้งการเรียนและการชกมวย

   “ปกติ ไม่มีอะไรครับ”

   “โกหก เมื่อวานเจอไอ้โบ้ด้วยมันบอกลูกพี่มันมีแต่สาวมาจีบ ทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่” ผมอมยิ้ม ความจริงก็โกรธไอ้โบ้เหมือนกันนะ แต่ตอนนี้พ่อโทนน่ารักมาก หน้างอจนปากจะปิดจมูกอยู่แล้ว

    “ก็อาจจะมีมั่งครับ” ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ก้มเก็บอุปกรณ์หมอที่กองอยู่บนผ้าที่ปูอยู่บนกองฟางใกล้ ๆ ใส่กระเป๋า ไม่ลืมที่จะถอดเข็มฉีดยาใส่ถุงซิป พ่อโทนบอกว่าห้ามใช้ซ้ำ เดี๋ยวสัตว์จะไม่สบายสัตว์ก็เหมือนคน แต่คนสามารถพูดได้แค่นั้นเอง

    “ฮึ จำไว้เลยนะ อย่าให้เห็นนะ” ผมแอบหัวเราะคนเดียวเพราะท่าทีของพ่อโทนมันเหมือนหนูน้อยเอาแต่ใจเหมือนกำลังจะโดนแย่งของเล่น ไม่ต้องกลัวนะฮะ พ่อโทนของเล่นไม่หายไปไหนหรอกนะ

   “นี้แหนะ ไม่บอกจริง ๆ ใช่ไหม!” พ่อโทนกระโดดโดนล็อกคอจากด้านหลังทึ้งตัวผมซะจนยุ่ง ด้วยความที่ใส่ถุงมืออยู่ ไม่กล้าจับเขาได้แต่แกล้งร้องเสียงหลง เอาใจ

   “ยอมแล้วครับ โอ้ย ยอมแล้วครับพ่อโทน”ผมยืนขึ้นแต่พ่อโทนไม่ยอมปล่อยเลยทำให้เขาขาลอยขึ้นมาพื้นนิด ๆ และก็เอาขาตวัดรอบเอวผมไว้กันตก อ่า มีความสุขจัง

   “ฮ่าๆๆ ยอมก็บอกมา”

   “ไม่มีจริงครับ”ผมว่าพร้อมกับถอดถุงมือ ก้มลงไปเอาใส่ถุงพ่อโทนยังไม่ยอมปล่อยเลย มือเหนียวนักนะ น่ารักจัง เหมือนหมีโคลาเลยแฮะ คิดถูกแล้วที่ผมตามมาทำงานด้วย

   “ปากแข็งนักนะ นี้ๆ ไหนมาให้มองหน้าเด็กปากแข็งหน่อยสิ นิสัยไม่ดีนักนะไอ้เวร” บ่นไปก็พยายามไต่ตัวมาด้านหน้าของผม

   ผมล่ะกลัวเขาตกเลยต้องเอามือไปช่วยประคองไว้ด้วย ตัวเบาจัง เบากว่าผมแน่ ๆ หน้าใสกวนโอ้ยน่ารักของพ่อโทนมาอยู่ตรงหน้าผมจนได้ ผมยิ้มแต่คนนี้สิหน้าบึ้งเชียว อ้อนใหญ่เลยนะวันนี้เป็นอะไร เนี้ย ฮึ…ตัวแสบ

   “บอกมานะ ไอ้โบ้บอกเยอะด้วย เกเรใช่ไหมส่งไปเรียนนะไม่ใช่ไปหาเมีย” เขาบ่นหงุงหงิงให้ได้ยินกันสองคน เพราะลูกวัวที่เฝ้าดูอาการเข้านอนแล้ว ผมยิ้มก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เข้าและกระซิบเบา ๆ จนที่เม้มปากอย่างคาดคั้นตาใสแป๋วนั้นทำให้ผมอดรนทนแทบไม่ไหว

   “ไม่มีอะไรแน่นอนครับ เชื่อใจไม้นะ” จากนั้นเหมือนเส้นเลือดพ่อโทนแตก หน้าแดงปลั่งอย่างน่ารักน่าชัง ผมมองเข้าไปในตากลมบ๊องแบ๊วตรงหน้า ก่อนจะผมเหยียดยิ้มก่อนจะค่อยๆยื่นหน้าไปหอมแก้มนิ่มเบา ๆ อยากทำมากกว่านี้แต่กลัวเหลือเกินที่เขาจะไล่ไอ้คนไม่รักดีออกจากบ้าน

   “รักพ่อโทนนะ” เขาเม้มปากที่กระตุก ๆ ก่อนจะปล่อยมือจากคอผม และเดินไปสะพานกระเป๋าแพทย์ และเดินนำออกไปจากโรงเรือนเงียบ ๆ บาปไหมนะที่ทำพ่อตัวเองเขิน

   “อ้าวจะกลับกันแล้วหรอ มากินข้าวกันก่อนกลับสิ ป้าแกเขาทำกับข้าวไว้เยอะเลย” แต่ก่อนที่เราจะกลับลุงศร ก็เดินออกร้องห้ามเอาไว้ซะก่อน พ่อโทนพอได้ยินว่าเรียกกินข้าวก็หูกระดิก ยิ้มแป้นลืมความเอียงอายเมื่อสักครู่สิ้น

   “เอ่อ … งั้นฉันไม่ปฏิเสธล่ะจ้า คิดถึงน้ำพริกกุ้งเสียบบ้านนี้ที่สุดแล้ว” พ่อโทนหันมามองผมนิดหน่อยก่อนจะยิ้มร่าวิ่งเข้าไปหาแคร่หน้าบ้านที่มีกับข้าววางอยู่หลายอย่าง พร้อมกับลุงศักดิ์และป้าจิตที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ผมเดินไปนั่งข้างพ่อโทนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จะไปมีอะไรเกิดขึ้นล่ะ ลูกหอมแก้มพ่อมันแปลกตรงไหน ??? เด็ก ๆ ก็หอมกันบ่อย จะตาย หึหึ

   “เอ๊าๆ กินเยอะๆ ไม่ได้เจอกันนานยังเหมือนเดิมเลยนะเอ็งไอ้โทนไม่เหมือนลูกเอ็งโตวันโตคืน แถมหล่อข้าวหน้าข้ามตาซะจนสาว ๆ กรี๊ดกันทั้งบาง ใช่ไหมไอ้ไม้ฮ่า ๆๆๆๆ” ผมหัวเราะตามแกก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบจานข้าวที่ป้าจิตคดให้ผมกับพ่อโทน

   “แหม ลุงผมน่ะหล่อจะตาย ไอ้เด็กนี้น่ะ เด็กผีไม่หล่อหรอก” ผมหันมายื่นจานที่พูนไปด้วยข้าวให้คนเก่ง ที่พูดเป็นต่อยหอยไม่สนใจอะไร

           “นี้เห็นบอกจะมีขึ้นชกชิงหรอเจ้าไม้”

           “ครับป้าจิต ปลายเดือนหน้าครับ”

           “ระวัง ๆ นะลูก อำเภอนั้นได้ข่าวว่านักมวยเถื่อนเยอะจะตายเนอะ พ่อมึงเนอะ”

           “เออดิ คราวก่อนก็มีข่าววางยานักมวยคู่ต่อสู้ แต่ระดับค่ายไอ้ทายแล้วก็ชกมาชนะทุกปีไม่หลงกลไอ้หมาลอบกัดหรอกน่ะ” ลุงศรพูดเย้าเล่น ผมเห็นด้วย ความที่ปู่ทายฉลาดและไม่ยอมให้ใครมาเอาเปรียบ การันตรีด้วยประสบการณ์ที่คร่ำหวอดในวงการมาหลายสิบปี แต่ดูหน้าพ่อโทนตอนนี้สิ เหมือนกำลังคิดมากอะไรอยู่ ถามก็ไม่ยอมตอบเอาแต่คุยกับลุงกับป้า กินข้าวจนพุงป่อง

   เป็นเวลาบ่ายแก่ที่ผมกับพ่อโทนบอกลาลุงกับป้า โดยที่ผมเป็นคนขับเป็นสารถีรับส่ง ระหว่างทางคันนาผมค่อย ๆ ขับไปตามทางที่พ่อโทนชอบพาผมมาตอนเด็ก ๆ วันที่เขาจับมือผมและเดินไปข้างหน้าช้า ๆ ผมยังจำความอบอุ่นได้ในความทรงจำที่เหมือนเกินขึ้นเมื่อวานนี้

   “พ่อโทน” ผมมองไปกระจกมองหน้าเห็นเขาซุกหน้ากับหลังผมเหมือนกำลัง

   “อื้อ” เขาขานออกมาในลำคอ

   “เป็นอะไรครับ”

   “เปล่า”

   “โกรธหรอครับ”

   “ก็บอกไม่เป็นไรไง!”พ่อโทนตะโกนข้างหูผมก่อนจะผลุบลงไปเอาหน้าซุกหลังผมเหมือนเดิม หึหึ น่ารักจัง

   “ครับ ๆ จะแวะไปร้านก่อนหรือจะกลับบ้านเลยครับ”

   “กลับบ้าน … ให้เด็กไปอ่านหนังสือ จะสอบแล้วไม่ใช่หรือไง”ผมเหยียดยิ้มอยากจะหยุดรถและหอมเขาสักฟอดสองฟอด ถึงพ่อโทนจะดูเป็นคนอารมณ์ร้อนแต่ก็นึกถึงคนอื่นเสมอ … นั้นล่ะพ่อโทนของผม

   

           ผมเริ่มไม่อยากให้ไอ้เด็กบ้านั้นต่อยมวยแล้วสิ เฮ้อ … หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่ลุงศรกับป้าจิตบอก ผมก็เอาเด็กมาส่งบ้านก่อนที่ตัวเองจะขับจักรยานมาที่บ้านตาศุกร์ค่ายมวยที่อยู่ไม่ไกลจากค่ายผมนัก เขาบอกว่าอำเภอนั้นมันขี้โกงจริงขนาดโดนจับได้ยังโกงต่อมาเรื่อย ๆ จนไม่มีใครอยากจะชกด้วยแล้ว แต่เห็นว่าค่ายนั้นเส้นใหญ่ เลยยังได้ชกต่อมา … ผมไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย ไม่อยากให้ชกแล้ว …

           “เฮ้อ …” ผมถอนหายใจค่อย ๆ ถีบจักรยานกลับบ้านในเวลาเย็น ผมอาจจะคิดมาเกินไปก็ได้ พ่อน่าจะจัดการเรื่องนี้ได้อยู่แล้ว แต่ถ้ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมา… ผมต้องเสียใจมากแน่ ๆ

           “ไอ้โทน!!!” ใครวะ เสียงคุ้น ๆ มาเรียกอะไรกันกลางถนนแบบนี้ ผมจอดรถก่อนจะหันไปมองมอเตอร์ไซค์ ขับสวนไปเมื่อกี้ พอตาปรับโฟกัสได้ก็แทบจะทิ้งจักยานวิ่งไปหาเจ้าของเสียง

           “ไอ้ป๊อก! มึงรอกูอยู่ตรงนั้นเลยนะ” ผมหัวเราะร่า จอดจักยานข้างทางที่ปลอดภัยและวิ่งไปกระโดดกอดไอ้เพื่อนยากสมัยเรียนม.ปลาย มันดีใจไม่ต่างกันกอดผมเอาไว้ด้วยความยินดี หว่าเว้ย! มันหล่อขึ้นเยอะเลยตัวสูงด้วย เพื่อนผม ฮืออออออ เพื่อนผมมาอ่ะ มันกลับมาจากกรุงเทพแล้ว

   “ ไอ้ป๊อกกกก กกกกกกก คิดถึงไม่ได้เจอกันตั้งนานแหละ ฮ่าๆๆๆๆ ฮือออออ”

           “ฮ่าๆๆๆๆ ไอ้หมอหมาร้องไห้หาป๊ามึงเหรอ เพิ่งเจอกันตอนต้นปีก่อน” ผมไม่สนใจเอาหัวซุกลงที่ไหล่มัน คิดถึงอ่ะ ไอ้ทิว ไอ้เบส ก็คิดถึง ไม่ได้เจอพวกมันตั้งนาน งานรับปริญญาก็ไม่ได้ไป ผมติดงาน ฮื่ออออออออ คิดถึ๊งงงงงงงง ดีจายยยย ย ยย แงงงงงงง

           “โอ้ย เดี๋ยวกูโบก ลงไป ได้แล้ว คืนนี้แดกเหล้ากันปะ ” อ้าวไอ้ห่านี้เอะอะชวนแดกเหล้าตลอด

           “แดกกับมึงสองคนไม่สนุกหรอก ต้องมีไอ้ทิวไอ้เบสด้วย”ผมว่าพร้อมกับเช็ดน้ำตาที่แม่งไหลเป็นเขื่อนแตก

           “เออ เห็นมันบอกจะมาสัปดาห์หน้า เป็นไงบ้างวะ ไอ้หมอหมา ร้องเป็นเด็กเลยมึง” ผมหัวเราะก่อนจะพามันมาที่บ้าน รอเวลากินเหล้า พ่อผมกับลุง ๆ นี้แห่กันมารับขวัญด้วยการตบหัวมันกันยกใหญ่

    ระหว่างนั้นผมซักถามมันอีกหลาย ๆ อย่าง มันทำงานแล้วนะเป็นสถาปนิกบริษัทใหญ่โตที่กรุงเทพเห็นว่ามันไปฝึกงานและเขารับมันเข้าทำงานเลย กำลังเก็บตังเพื่อมาเปิดบริษัทเองที่นี้ด้วย อยากให้มันมาไว ๆ ผมจะได้แนะนำให้มันรู้จักกับไอ้เกื้อเพื่อนผมอีกคนด้วย ส่วนไอ้ทิวกับไอ้เบส คู่นี้ผมโทรไปหามันทันทีมันบอกจะลงมาสัปดาห์หน้าขอเคลียงานก่อน มันก็มีงานมีการทำแล้วเหมือนกัน เห็นไหมถึงพวกมึงจะเป็นเด็กนิสัยไม่ดีนะ แต่อนาคตสดใสกันทุกคน ทุกคนมันมีความถนัดที่แตกต่างกันไปเนอะ โอ้ยยยยยยยยยยย หิวเหล้า อิอิ

   “โอ้ ไก่ย่างเหรอไม้” ไอ้ป๊อกที่เดินไปหาไอ้ไม้ที่กำลังปิ้งไก่ให้อยู่หน้าบ้าน เป็นกับแกล้ม โดยมีกองทัพลูกหมาเป็นตัวช่วยอยู่ห่าง ๆ หอมอะ หิวแล้วด้วย

   “ไอ้โทนลุงทายไปไหนวะ” พี่แสงที่พึ่งอาบน้ำเสร็จมานั่งข้าง ๆ ผม แหมมาจองที่แดกเหล้าเชียวนะพี่

   “ไม่รู้อ่ะ” ผมว่าก่อนจะชะเง้อมองไก่ที่เริ่มส่งกลิ่นหอมจะว่าไปช่วงนี้พ่อก็ทำตัวแปลก ๆ เหมือนกันนั้นแหละชอบหายตัว

   พี่แสงไม่ถามต่อแต่วิ่งเข้าไปช่วยไอ้ไม้ปิ้งไก่อีกแรง พี่เมฆจัดแจงน้ำแข็งเหล้าชุดใหญ่มาวางบนแคร่ และไม่ลืมที่จะจุดยากันยุงด้วย โฮ้ย แซ่บ ลุงจันทร์กับลุงทิมเห็นบอกไปดูพระที่ตลาดกว่าจะกลับก็คงดึก



-ไม้-

           “อย่าเมามากนะครับ ไม้ขึ้นไปอ่านหนังสือก่อน” ผมวางจานไก่ย่างลงกลางวงก่อนจะหันไปบอกพ่อโทนที่กำลังชงเหล้าตัวเอง เขาเงยหน้ามองผมก่อนจะหยักหน้ายิ้มตาปิด นาน ๆ จะได้เจอเพื่อนเก่าก็ให้เขาได้พักผ่อนซักหน่อย 

           “โอ้ยยยย มีลูกดีจริง ๆ นะมึงนะ” พี่ป๊อกแซวขึ้น

    ผมมองพ่อโทนอีกสักพักก็เดินเข้ามาในบ้านพ่อเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจผมแล้ว อ่านหนังสือทบทวนวิชาที่คิดว่าตัวเองยังไม่แม่นพอ อ่านซ้ำแล้วซ้ำอีก เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็กินเวลาไป 4 ทุ่มกว่าแล้ว ได้ยินเสียงพ่อโทนร้องเพลงอยู่แสดงว่างานยังไม่เลิก เลยเดินลงมาอาบน้ำที่หลังบ้านพออาบเสร็จก็เดินมาที่คอกของเจ้าลูกหมาสามตัวที่นอนขดกันอยู่ ตามปกตินิสัยโดยมีเจ้ามีมี่จ้องมาที่ผมหางกระดิกเหมือนอยากจะเล่นด้วย ผมเลยนั่งลงตรงหน้าของมัน เจ้ามีมี่เดินมาซุกตัวลงในตักผมโดยที่ผมไม่ได้เรียก

           “มีมี่ พ่อโทนเหมือนไม่รักกันเลยเนอะ” ผมพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ

   เวลาผมมีเรื่องที่ไม่สามารถบอกใครได้ผมก็มักจะมาคุยกับมีมี่ ถึงแม้มันจะพูดไม่ได้มันก็ยังดีกว่าให้ผมไปพูดกับหมอนข้างนั้นแหละ ตอนที่พ่อโทนไปเรียน ผมก็มีมีมี่เป็นเพื่อนคุย ตอนที่เจ้านี้ท้องผมก็ดูแลมันอย่างดีแทบจะทำคลอดให้มันกับมือ

   “บางทีเราก็คิดนะ ถ้าเกิดเราหายไป พ่อโทนจะเสียใจไหม” ผมพูดต่อและลูบขนนิ่ม ๆ ที่ผมเพิ่งอาบน้ำไปอย่างเบามือ

    “ฮื่อออออออออ ไอ้ไม้ หายไปไหน ฮึก ลูกกูหายไอ้ป๊อก ลูกกูหายยยยยยยย”

   เสียงโวยวายทำให้ผมผลุดลุกขึ้นยืนรีบวิ่งมาที่หน้าบ้านโดยมีมีมี่วิ่งตามมาด้วย ภาพที่ผมเห็นแค่ซากของคนสองคนที่เมาแอ๋นอนลงไปกับแคร่เรียบร้อย เหลือพี่เมฆคนเดียวที่นั่งปลอบพ่อโทนที่นั่งร้องไห้เอามือเขย่าแขนเพื่อนตัวเองที่เมาหลับไปแล้วอยู่

   “อ้าว ไม้ไปไหนมามาดูพ่อไปก่อนนะ พี่พาสองคนนี้ไปนอนก่อน เดี๋ยวยุงจะห่ามหมด” แล้วพี่เมฆก็แบกพี่แสงไปก่อนคนแรก พ่อโทนพอเห็นผม ตาตี่ ๆที่ทำท่าจะปิดน้ำตาอาบหน้านั้นก็วิ่งโซซัดโซเซเข้ามาหาผมรีบกอดเขาไว้

   “ไปไหนมา ฮื่ออออ คิดถึงอยากกอด นิสัยไม่ดี”

   “เมาหรอครับพ่อโทน” ผมถามเบา ๆ คงจะเมานั้นแหละดูจากสภาพแล้ว แต่เมาแล้วน่ารักมากขนาดนี้ให้อภัย …

   “ไม่เมา ฮื่อออออออ ไม่หายนะ ไม่หายไปไหนนะ คิดถึง” ร้องไห้เป็นเด็กเลยแฮะ ผมเหยียดยิ้ม นี้หรือเปล่าที่เขาบอกว่าคนเมามักจะพูดความจริง

   “ครับไม่หายครับ ไปนอนกันนะครับ ไม่ร้องนะ” ผมว่าเสียงค่อยก่อนจะค่อย ๆ พาพ่อโทนมาบนห้อง เค้าทำท่าจะตกบันไดหลายรอบมาก ผมละใจหาย ดีนะผมพยุงอยู่

   พอขึ้นมาบนห้องได้พ่อโทนก็หลับไปเลย ผมเหยียดยิ้มก่อนจะลงมือเช็ดตัวพ่อโทนเหมือนปกติ แต่มันไม่ปกติที่หัวใจของผมเต้นโครมครามดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพ่อโทนไม่อยู่เฉย จ้องจะถอดเสื้อเสียให้ได้ ผิวกายขาวใสของพ่อโทนช่างน่าหลงใหล เม็ดทับทิมก็ดูน่ารักจนแทบอดใจไม่ไหว ผมหักห้ามหัวใจตัวเองก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อตัวอื่นมาใส่ให้พ่อ เช็ดหน้าเช็ดตา ห่มผ้าให้เรียบร้อยก่อนที่ตัวเองจะสอดตัวเข้าไปนอนกอดคนเมาที่ทำท่าจะดิ้นและไม่ยอมอยู่เฉยไว้แน่น

   เขาออกฤทธิ์ ได้สักพักก็ซุกอกผมและหลับไป ผมเหยียดยิ้มก่อนจะก้มลงไปจุ๊บที่ปากน้อย ๆ ที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้านั้นอย่างเบาบาง …

   “รักนะ” ผมชะงักเมื่อถอนจูบออกมาแล้ว เสียงกระซิบของคนเมาก็ดังขึ้น … น้ำตาผมไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว ผมมีความสุข ถึงแม้จะเป็นเพียงเสียงละเมอก็ตาม

   “เหมือนกันครับพ่อโทน …”



 

   

   “พ่อโทนกินข้าวต้นก่อนนะครับ” พ่อโทนโผล่ออกมาจากผ้าห่มด้วยใบหน้าซีดเซียวมองหน้าผมและผลุบเข้าไปใหม่ ผมเหยียดยิ้มก่อนจะวางชามข้าวต้มลงบนโต๊ะเขียนหนังสือ พ่อโทนแฮงค์หนักจากเมื่อคืน และอาเจียนตั้งแต่เช้ามืดหมดไส้หมดพุง

   “ผมทำสูตรพิเศษเลยนะครับ ลุกขึ้นมากินสักหน่อยเถอะ”

   “ไม่เอา กูจะอ้วกอีก” เสียงอู้อี้ตอบกลับมา เขาอายุเท่าไหร่กันแน่นะ

   “พ่อครับ วันนี้ไม้อยากกินแกงหัวปลาฝีมือพ่อโทนจัง”

   “…”

   “ถ้าพ่อโทนยังไม่หายแบบนี้คงทำให้ไม้กินไม่ได้ เฮ้อ … น่าเสียดายจังเนอะ”

   “กินก็ได้” ผมยิ้มเมื่อเขายอมลุกขึ้นมานั่งหน้าง้ำงอซะปากแทบติดจมูก ผมยิ้มอย่างพอใจเอี้ยวตัวไปหยิบชามข้าวต้มมาวางไว้บนตักของพ่อโทน เด็กดีของผมมองชามก่อนจะเงยมองสลับกันถอนหายใจเฮือกใหญ่มองเมินไปนอกหน้าต่าง

   “มีอะไรหรอครับ”ผมเอียงคอมองพ่อโทน

   “จิ๊ อย่าถามได้ม่ะ ป้อนแค่นี้ไม่ได้ช่ะ” ผมอึ้งไปนิดหน่อยก่อนจะหัวเราะและยกช้อนขึ้นป้อนพ่อโทน แก้มแดงปลั่งเคี้ยวตุ้ย ๆ ทำท่าจะอ้วกแต่ก็ฝืนกินไปจนหมด

   “เก่งจังครับ”

   “อย่ามาชมนะไม่ใช่เด็ก” พ่อโทนเอ็ดผมก่อนจะนอนตะแคงหันหลังไปอีกด้าน

   ผมยิ้มก่อนจะเดินเอาชามมาเก็บในห้องครัว ขมวดคิ้วเมื่อเจอพี่ป๊อกเพื่อนพ่อโทนกำลังเดินออกมาจากห้องนอนรับรองแขกด้วยท่าทางมึน ๆ  พอเขาเห็นผมก็ปรี่เข้ามาหาทันที

   “ไง ไอ้โทนเป็นไงบ้างวะ”

   “ดีขึ้นแล้วครับ”

   “อ่อ อ่อนจริง งั้นฝากบอกมันด้วยแล้วกันเดี๋ยวจะมาหาใหม่” ผมมองตามพี่ป๊อกที่ทำท่าจะลงบันไดแต่ไม่ลงสักที เพราะคงประเมินแล้วว่าสภาพนี้น่าจะหัวทิ่มหัวตำ ดูท่าแล้วจะเมาไม่แพ้กัน เฮ้อ กินอะไรกันหัวราน้ำขนาดนี้       

   

จ๊อกกกกกกกก

           “เอ่อ โทษทีนะ มีอะไรให้พี่กินไหม แหะๆ พอดีหิวนิดหน่อย”จนแล้วจนรอดผมก็ต้องพาเขาลงมาด้านล่างจะใจร้ายไปหน่อยถ้าปล่อยให้หิวไส้กิ่ว ที่ค่ายเสียงเตะกระสอบทรายดังอย่างต่อเนื่องเป็นปกติ พี่แสงและคนอื่น ๆ กำลังอยู่ในลานฝึกเพื่อเตรียมตัวสำหรับขึ้นชกในเดือนหน้า

           “ว่าไงไอ้ป๊อก สนใจชกกันสักยกไหม” พี่แสงที่มีสภาพไม่ต่างกันเมื่อคืน ตะโกนลงมามาจากเวทีมวยในขณะที่ตัวเองถือนวมซ้อมให้ลุงทิมอยู่

           “โห พี่ แค่เดินก็จะไม่ไหวแล้ว อึดเกินพวกพี่อ่ะ ”

           “โห่ว ไม่แมนเลยวะมึง” อย่าว่าแต่เขาเลยครับ พี่แสงก็เพิ่งฟื้นก่อนพี่ป๊อกแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นแหละที่ต้องมาซ้อมเพราะโดนปู่ด่ากระเจิงตั้งแต่ไก่โห่

           “เอ๊า ๆ ไอ้แสงถ้าวันนี้มึงเก่งนักก็เตะกระสอบทรายสักหนึ่งพันทีแล้วกันไอ้ห่า”ผมหันไปมองปู่ที่เดินเข้ามาในลานฝึกในมือถือน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ถุงใหญ่หลายถุง … เอ่อ ปู่ครับหายไปตั้งแต่ 6 โมงทกลับมา 9 โมงเช้า ไปซื้อน้ำเต้าหู้มาใช่ไหมครับ แอบไปหาใครหรือเปล่า แหม …

           “โห่ ลุงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง” พี่แสงโอดครวญ

           “อย่าบ่น ดูไอ้เมฆดิ มันยังฟิตทั้ง ๆ ที่กินอยู่กับมึง มึงมันอ่อนเนอะไอ้ป๊อก แล้วนี้ลูกเทวดาของกูยังไม่ตื่นหรอวะ” พี่ป๊อกหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โต๊ะข้างๆ ผมก็ไม่ตอบอะไรปู่ แต่เดินไปหยิบน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋เข้ามาในครัวจัดการเทใส่แก้วให้เรียบร้อย

           “ทำไรอะ”

           “อ้าว พ่อโทน หายปวดหัวแล้วหรอครับ” ผมหันไปมองพ่อโทนที่เดินลงมายื่นเกาะประตูห้องครัว

           “ฮื่อ จิบ ๆ ” จิบ ๆ ของพ่อนี้หน้าซีดอยู่เลยนะครับ อวดเก่งอีกแล้วพ่อตัวเล็ก ผมเดินถือแก้วน้ำเต้าหู้ไปให้พ่อโทน

   “กูเพิ่งกินข้าวไป”พ่อโทนเงยหน้ามองผมก่อนจะจิกตาเหวี่ยงใส่

   “ปู่ทายซื้อมาครับ กินสักหน่อยนะ เดี๋ยวปู่จะเสียน้ำใจ”

   “ไม่เห็นเกี่ยว” เขาบุ้ยปากพูดแต่ก็ยอมรับแก้วน้ำเต้าหู้อุ่นๆไม่กุมไว้ในมือ

   อากาศเช้านี้ค่อนข้างเย็นสบายแต่เกรงว่าเขาจะไม่สบาย จึงพาเขาขึ้นมานั่งในห้องนอนแทน ตอนอยู่มหาลัย เวลาอากาศเปลี่ยนแบบกะทันหันแบบนี้พ่อโทนมักจะเจ็บคอและปวดหัวง่าย เขาชอบโทรมางอแงกับผม ทำให้ผมเป็นห่วงแทบบ้า

   “อึดอัดไหมครับ เปิดหน้าต่างรับลมหน่อยไหม”

   “ไม่เอาอะ หนาว” ผมพยักหน้ารับ นั่งมองเขากินน้ำเต้าหู้จนหมด และขอตัวลงมาซ้อมมวยต่อหลังได้ยินปู่ตะโกนเรียกมาจากด้านล่าง



ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

.

.

.

    “ยังไงผมฝากด้วยนะยาย ใช้งานมันได้เต็มที่”

   ผมยกมือไหว้ยายสมเจ้าของแผงผักใหญ่ ที่ต้องเข็นไปส่งตามร้านเล็กๆ ยายแกหัวเราะก่อนจะเอามือมาลูบหน้าลูบตาผม วันนี้เป็นวันแรกที่ปู่พาผมมาสมัครงานที่ตลาด ถึงพ่อโทนจะค้านหัวชนฝาว่าทุกวันนี้ผมก็ใช้ชีวิตหนักอยู่แล้ว แต่อย่างไรการตัดสินใจของปู่ถือว่าเป็นสิทธิขาดในบ้าน

   “เหมือนนายหัวเชษฐาจริง ๆ ไม่น่าเลยนะ ไม่น่าจริง ๆ ”ผมก้มหน้ามองมือตัวเองที่กำแน่นอย่างไม่รู้ตัว … ใช่ครับยาย ไม่น่าเลย …       

    “ยายครับ” ปู่กดเสียงต่ำ

   ผมหลับตานิ่งก่อนจะลืมตาขึ้นรับความเป็นจริงในปัจจุบัน ไม่มีวันไหนที่ผมไม่นึกแค้น … มันพรากทุกอย่างไม่จากผม และเกือบจะพรากพ่อโทนไปด้วย ตลอดหลาย 10 ปีที่ผ่านมา ทุกอย่างมันสงบนิ่ง แต่ผมรู้ดี อีกไม่นาน มันจะต้องกลับมา และถึงวันนั้นผมจะต้องแข็งแกร่งกว่านี้

   หลังจากที่ปู่ทายกลับไปแล้ว ยายสมก็ใช้งานผมตามที่มีลูกค้าสั่งมา การเข็นผักสำหรับผมมันไม่หนักมากเพราะเนื้อที่ตลาดอาจจะกว้างก็จริงแต่ร้านขายผักส่วนใหญ่จะอยู่ในโซนเดียวกันแทบทั้งสิ้น อาจจะมีบางร้านที่ไกลหน่อยแต่ก็ไม่เกินความสามารถของผม

   เดี๋ยวเสร็จงานแล้วค่อยแวะไปหาพ่อโทนดีกว่า อยากให้พ่อโทนชมแต่ไม่แน่เค้าอาจจะด่าถ้าผมไม่รบกวนเวลาเขายุ่ง ๆ หึหึ น่ารัก

   “เจ้าไม้ นี้รายสุดท้ายแล้ว ไกลสักหน่อยนะ” ผมพยักหน้าและยิ้มให้คุณยาย

   ก่อนจะเริ่มเข็นผักลงเข็งใส่ผักขนาดใหญ่บนรถเข็นสนิมเกาะตามที่ยายสั่งผ่านซอกซอยต่าง ๆ จนมาถึงร้านขายผักหน้าตลาดที่อยู่แยกออกมาจากตลาดสด พอรับเงินมาเสร็จก็เตรียมจะกลับ แต่ผมกลับหันไปเจอกันคนหน้าตาคุ้นเคย เขากำลังจ้องมองผมอยู่บนรถจักรยานยนต์ผมกำลังตรงมาหาผม … หึ ไม่ได้เจอมานานมากแล้วนะ

   “นายน้อยครับ”เสียงแหบกร้านสั่นระรัว ผมจ้องหน้าเหี่ยวย่นนั้นไม่วางตา ความแค้นที่สั่งสมอยู่ในอกแทบจะระเบิดออกมาเสียให้ได้

   “… หมดเวลาที่จะเรียกผมแบบนั้นแล้วครับลุง เป็นไงครับ ขาใหม่นายคนใหม่ที่เลียอร่อยไหม” ผมแสร้งยิ้ม ลุงศักดิ์ คนสนิทของพ่อ ไอ้คนทรยศ

   “นายน้อยโปรดฟังผมก่อนครับ พวกมันกลับมาแล้วครับนาย ครั้งก่อนผมแกล้งบอกพวกมันว่านายเสียชีวิตแล้ว แต่ไม่ครับ ตอนนี้พวกมันรู้แล้ว หนีไปครับนายหนีไปให้ไกล ผมขอโทษที่ไม่อาจปกป้องนายใหญ่กับคุณหญิงไว้ได้ ตอนนี้ผมทำได้เพียงปกป้องนายน้อย ได้โปรดหนีไปนะครับ”ลุงศักดิ์เข้ามาจับแขนของผมอย่างอ้อนวอนคุกเข่าลงอ้อนวอนปานจะขาดใจ ผมเหลือบตามองอย่างสมเพชก่อนจะเหยียดยิ้มอย่างดูแคลน ในวันนั้น ทำไมเขาไม่ช่วยพ่อแม่ผม ทำไมถึงไปเข้าข้างไอ้ชั่วนั้น ทำไมไม่ทำตั้งแต่วันนั้น!!!

   “ก็ให้มันมา อย่างมากก็แค่ตาย” ผมกัดฟันพูดไม่สนใจคำโป้ปดของคนทรยศ

   ในวันที่ไฟโหมลุกโชนไม้คนนั้นได้ตายไปแล้ว และได้ตายซ้ำซากในวันที่เสียงปืนดังอีกครั้งเมื่อ 6 ปีก่อน ณ. ตอนนี้มีแค่ไอ้ไม้ ลูกพ่อโทน ถ้าหากมันอยากจะฆ่าอีกก็ตายแต่ต้องการ แต่ถ้ามันไม่เป็นฝ่ายโดนฆ่าซะเองละนะ

   “ไอ้ไม้!” ผมหมุนตัวกลับไปมองพ่อโทนที่ขับจักรยานหน้านิ่วคิ้วขมวดมาผมยิ้มกว้างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พ่อโทนจอดรถลงจูงจักรยานเค้ามาใกล้ผมและมองตามลุงศักดิ์ที่รีบวิ่งออกไปอย่างงงๆ

   “ใครอะ”

            “ขอทานน่ะครับ พ่อโทนมาทำอะไรแถวนี้หรอครับ”

           “ก็มีไอ้เด็กร้องอยากกินต้มยำหัวปลาเลยว่าจะมาซื้อปลาน่ะ แล้วนี้มาทำอะไร มอมแมมจัง”ฝ่ามือเล็กลูบที่ใบหน้าเปื้อนเหงื่อและตบหน้าผมเบา ๆ สองสามทีเป็นการหยอกล้อ

           “ปู่ให้มาช่วยยายสมเข็นผักน่ะครับ เดี๋ยวไม้ไปเป็นเพื่อนนะ เสร็จงานพอดีเลย” พ่อโทนพยักหน้าก่อนที่เราสองคนจะเดินไปด้วยกันช้า ๆ โดยที่พ่อโทนจูงจักรยาน ส่วนผมก็เข็นรถผัก ในระหว่างทางเสียงแจ๋ว ๆ ดังขึ้นพูดเรื่องต่าง ๆ ไม่มีพัก ผมได้แต่พยักหน้าและยิ้มในบางจังหวะให้ลูกแมวขี้คุย แต่ในใจและสมองตอนนี้กลับขุ่นมัว ท้าทายต่อโชคชะตาไม่หยุดหย่อน 



-โทน-

           ผมขมวดคิ้วมองไอ้ไม้ที่ชกกระสอบทรายเหมือนไปโกรธแค้นใครมา ตั้งแต่กลับมาจากตลาดก็วิ่งหาแต่กระสอบทรายแบบนี้ต้องมีอะไรแน่ ๆ แต่ดูแล้วถามตอนนี้คงไม่ได้ความ

           “เฮ้ยๆๆๆๆ ไอ้ห่าไม้ไปโกรธไปแค้นใครมาวะ มาเดี๋ยวกูเป็นคู่ซ้อมให้” พ่อผมกระโดดขึ้นเวทีไปอย่างไม่เจียมสังขาร

   ผมส่ายหัวก่อนจะเดินเข้ามาในครัว จัดการถอดเกล็ดปลา ทำต้มยำหัวปลาบำรุงร่างกายให้ลูก คึก ๆ ลูกผมโตมาเพราะต้มยำหัวปลานะบอกเลย ตั้งแต่รับมันมาโภชนาการที่ผมย่ำกับพ่อนักหนาคือให้ไอ้ไม้กินข้าวเยอะ ๆ กินนมเยอะ ๆ และกินกล้วยทุกวันเสริมสร้างร่างกาย และดูเหมือนจะได้ผลล่ะ ตัวยักษ์ขนาดนั้น

โครม!

           ผมตกใจรีบวิ่งออกมาดูก่อนจะอุทานออกมาเสียงดังเมื่อเห็นพ่อกำลังกดไอ้ไม้ด้วยเข่าลงกับพื้น เฮๆๆๆๆ ทำอะไรก๊านนนนนนนนนนนนนนนนนนน

           “พ่อเดี๋ยวมันก็ตาย!!!” ผมกระโดดขึ้นไปบนสังเวียนพยายามจะแกะพ่อออกจากไอ้ไม้ โอ้ยยยยย อะไรกันวะเนี้ย พี่เมฆที่อยู่ใกล้ ๆ เห็นท่าไม่ดีเลยเข้ามาช่วยอีกแรง

           “ปล่อยกู ไอ้เด็กนี้มันบ้าเลือดเกินไป ขื่นขึ้นไปชกกับคนอื่นเค้าด้วยสภาพแบบนี้มันก็ทำเขาตาย! ต้องดัดมันตั้งแต่ตอนนี้แหละ!!!!” พ่อผมสะบัดผมกับพี่ไม้ออกก่อนจะกระชากไอ้ไม้ลุกขึ้นและลากมันลงไปด้านล่างหยิบกระป๋องน้ำที่เอาไม้ล้างหน้าของนักมวยสาดเข้าโครมใหญ่ ผมรีบวิ่งลงไปกอดลูกเอาไว้แน่น ใครกันแน่ใจฆ่าคน!!!!

           “ถ้ามึงยังควบคุมสติอารมณ์ตัวเองไม่ได้ จำไว้!...กูจะไม่ให้ขึ้นชก!” พ่อประกาศกร้าวก่อนจะเดินออกไปสูบบุหรี่หน้าบ้าน เจ้าไม้ตัวสั่นปากลั่นด้วยความหนาวตาแดงกล่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว ผมน้ำตาคลอเบ้ามองลูกตัวเองอย่าสงสาร ไอ้ไม้ไม่เคยเป็นแบบนี้

           “ไม้ มองพ่อโทนนะ”

   ผมว่าเสียงสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่เหมือนกัน เจ้าไม้หันมามองผม ทันใดนั้นแววตาที่ลุกโชนด้วยความโกรธก็ค่อย ๆ ดับลง โหมเข้ากอดผมเหมือนเด็กขาดความอบอุ่น ผมกอดตอบก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาด้วยความสงสาร ผมลืมไปรึเปล่าว่าไอ้เด็กนี้เคยเจ็บมาแค่ไหนและเจออะไรมาบ้าง

           “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร”

           “ยังเข้มแข็งไม่พอ ผมยังทำไม่พอ” เสียงสะอื้นดังอยู่ข้างหูผม เด็กอายุ 18 แค่นี้ถือว่ายังไม่เก่งอีกหรอ อย่าทำอะไรเกินตัวนักเลย ผมรู้สึกสงสารจับใจพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงกอดลูกเอาไว้แน่น

           “สำหรับกูมึงเก่งเสมอ” ผมพูดเบา ๆ ก่อนจะหอมลงขมับของเจ้าไม้ที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำ เสียงหัวเราะน้อยๆดังขึ้นจนผมใจชื้นเล็กน้อย ก่อนจะพาไอ้เด็กดื้อมาอาบน้ำ ในระหว่างนั้นผมเดินหาพ่อทายจนวุ่น พอเจอนั่งสูบบุหรี่อยู่ข้างกรงไอ้มีมี่ก็ปรี่เข้าไปหาทันที

           “พ่อ!!!”

           “อารายยยยยยยย”พ่อไม่สนใจผมด้วยซ้ำเอาแต่เกาหัวไอ้สามสหายที่นอนแผ่ให้เล่นพุงอยู่ตรงหน้า เชอะ ทำอะไรไว้ไม่รู้ตัวหรือไง ๆ

           “เกินไปนะ ไอ้ไม้อายุแค่นี้ ไม่เห็นต้องจับมันกดแบบนั้นเลย” ขนาดผมดื้อมาก ๆ ผมยังไม่เคยโดนแบบนั้นเลย ไม่มีมานั้นปราณีลูกนกลูกกาหรอก

           “สำหรับไอ้เด็กนี้มันใช้แค่คำพูดสอนไม่ได้หรอก ต้องใช้ลำแข้ง มึงไม่เห็นตอนมันชกมวยเมื่อกี้หรือไง มันแค่ระบายอารมณ์ไม่ได้เรียกชกมวย ข้าเลยต้องดับอารมณ์เดือด ๆ รุนแรงของมันด้วยวิธีนี้นั้นแหละ เอ็งก็เลิกโวยวาย ไปทำกับข้าวซะ”

   ผมบุ้ยปากก่อนจะเตะเสาไม้แถวนั้นไปหนึ่งที เป็นการแก้แค้นให้ลูก และวิ่งเข้ามาในห้องครัวทำกับข้าวต่อ ก็อย่างที่พ่อทายว่านั้นแหละ ผมก็ดูออกว่าเมื่อกี้ไอ้ไม้โมโหอะไรมาแน่ ๆ บางทีถ้าเป็นผมอยู่ในวินาทีนั้นเหมือนพ่อ อาจจะทำวิธีเดียวกันก็ได้ เฮ้อ

.

.

.



           ตกเย็นไอ้ไม้หมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่ยอมลงมากินข้าว แต่คนในบ้านไม่มีใครสนใจสักคน โดยเฉพาะพ่อทายที่ทำตัวหน้าหมั่นไส้มาก เชอะ ผมไม่สนใจพวกใจดำวิ่งเข้ามาตักแกงตักข้าววิ่งขึ้นไปบนห้อง พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นไอ้เด็กนั้นนอนกองอยู่บนเตียงหลับตานิ่งเอามือกายหน้าผากเหมือนตาแก่จอมคิดมาก

           “หลับแล้วหรอ” ผมเขย่าแขนของไอ้เด็กดื้อเบา ๆ เจ้าไม้ลืมตาขึ้นมามองหน้าผมก่อนจะยิ้มและฉุดผมลงไปกอดไว้แน่น เฮ้! กูไม่ใช่ตุ๊กตานะ ฮึ้ย ยอมก็ได้เห็นวันนี้ไม่สบายใจหรอกนะ

           “เป็นอะไรไอ้ลูกหมา”

           “ไม่มีอะไรครับ”

           “หึ ตายใจ แต่ถ้ามีอะไรก็บอกกันได้นะ อย่างน้อยกูก็พ่อมึงนะ อย่าลืมจิ”

   ผมทำเสียงแอ๊บแบ๊วใส่ จนไอ้เด็กบ้าหัวเราะออกมานิด ๆ ก่อนที่ผมจะผละออกมานั่งมองหน้าตาคมสันของเจ้าไม้เอามือลูบหน้าท้องแข็งเป๊ก ฮูย นี้หน้าท้องเด็กน้อยเหรอ ทำไมมันเป็นลอน ๆ แบบนี้อะ ดูผมดิยังเหลวมีแต่พุงอยู่เลย แง่ม ไม่ยุติธรรม

           “แดกซะสิ อยากกินนักนี้” ผมลูบไปตามหน้าท้องอย่างเพลินมือนึกเขินเพราะไม่เคยมี

           “อะ อะ อะไรครับคือจะดีหรือครับพ่อโทน ผม …” ไอ้ไม้กระเด้งตัวลุกหน้าตาตื่น อะไรของมันวะ

           “เป็นห่าอะไร หมายถึงต้มยำหัวปลา!!!!” ผมตะคอกเสียงดังชี้ไปที่หม้อต้มยำที่ยกขึ้นมาให้ไอ้ไม้มองตามมือผมไปก่อนจะหัวเราะออกมาแห้งๆ … ประสาทปะให้ทาย!



============================



คอมเม้นท์ติชมกันได้นะคะ กำลังใจของปาปา <3'

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

ตอนที่ 10 พ่อโทนโดนลักพาตัว


 
           “บอกให้รู้ไว หัวใจรักจริง ไม่เคยทอดทิ้ง ให้ใครเสียจายยยยย คำพูดคำเน้ เค้าเรียกหลายจายยยยย จาให้ทำงายยยย โอ้ย โอ๊ย โอ้ยยยยยยยยยยยย พ่อ!!!!”

           “ร้องอย่างกับควายออกลูก ไป๊ ไปส่งไอ้ไม้และไสหัวไปทำงานสักที โอ้เอ้อยู่นั้น” แว้ คนแก่ใจร้าย ผมแลบลิ้นให้พ่อทายก่อนจะเดินหยิบปิ่นโตของไอ้เด็กตัวควายที่ยืนรอผมอยู่หน้าบ้าน พร้อมจักรยานคู่ใจ    “เจ็บไหมครับ” ผมบู้ปากใส่ไอ้เจ้าไม้ที่เอามือมาลูบหน้าผากที่โดนดีดมาเต็ม ๆ ไม่เจ็บหรอ ไม่เจ็บเล้ยยยยยย

           “เจ็บดิถามได้” ผมว่าและยื่นปิ่นโตให้ไอ้เด็กบ้าที่ดีใจระริระรี้ต้องแต่เช้า แค่จะไปส่งโรงเรียนแค่นี้ทำเป็นเวอร์ไปได้ ชิ และเมื่อวานก็เป็นอะไรไม่รู้ไม่ยอมบอก บ้าๆบอๆเดี๋ยวก็เอาไปปล่อยวัดซะหรอก แบร่!

           “ขึ้นรถสิจะรอให้เอาผ้ามาเช็ดเบาะด้วยไหมละ” ไม่รู้อะ อารมณ์ไม่ดี เมื่อกี้ก็อารมณ์ดีหรอกแต่พอโดนรังแกไป ก็พาลเขาไม่ทั่ว ฮึ งอนๆๆๆๆ เย็นนี้จะไม่ทำอะไรให้กิน ให้หากินกันเอง ดี อดกันซะบ้าง

           “งอนปู่หรอครับ”

           “ฮึ ไม่ใช่เรื่องของเด็ก” ผมย่นปาก และหันไปจับมือเจ้าเด็กบ้าที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลังให้เกาะที่เอวของผมไว้ดี ๆ เดี๋ยวตกลงไปจะหมอหล่อซะเปล่า แค่นี้ผมก็หล่อกว่าทิ้งไม่เห็นฝุ่นอยู่และ คิกๆๆ

           วันนี้เจ้าเด็กไม้มีสอบปลายภาค ม.5 ดูเหมือนเจ้าตัวจะดีใจไม่น้อยที่จะได้ซ้อมมวยสำหรับการขึ้นชกอย่างเต็มที่ ถ้าดูจากการรัดเอวผมซะหายใจแทบไม่ออกแบบนี้ละนะ

           ผมขับผ่านคันนาในตอนเช้าแบบนี้แล้วทำให้หัวโล่งมาก รู้งี้มาเช้าหน่อย หอบข้าวมากินที่คันนากับพวกตา ๆ ยาย ๆ ก็ดี ท่าจะได้กินน้ำพริกของป้าปูที่อร่อยจนหากินที่ไหนอีกไม่ได้แน่ ๆ แต่ก็ว่าละ ผมทำงานแบบนี้แทบไม่มีเวลาจะกระดิกตัวไปไหนเลย นอกจากบ้าน ร้าน และบ้านของชาวบ้านที่เรียกไปตรวจหมาตรวจแมว หมูควายวัว เท่านั้นแหละ เฮ้อ … อยากจะหาเวลาไม่เที่ยงพักผ่อนสักวันสองวันจังเลย …

           “ถึงแล้วเลิกเกาะได้แล้ว ไม่อายเพื่อนหรือไง”

   ผมหันไปมองไอ้เด็กที่เกาะเป็นหมีโคล่า ขนาดถึงโรงเรียนแล้วยังไม่ยอมลง จนสาว ๆ มองมาที่มันบางคนนี้ทำหน้าเหวอ เป็นไปได้ว่าถ้าผมเป็นผู้หญิงผมคงโดนตบแล้วเป็นแน่

           “พ่อโทน” พอลงไปยืนได้ก็ทำหน้าอ้อนใส่ผมอีก อะนะ ผมชอบจังเวลาที่ได้สัมผัสถึงความเป็นพ่อแบบนี้ คิกๆ น่าร๊ากกกกกกกกกกกก

           “อารายยยยยยยยย” ผมมองไอ้เด็กบ้าด้วยหางตาแบบกวนโอ้ย ๆ แต่มันหัวเราะ

           “อยากให้มาส่งทุกวันจังครับ”

           “อย่าเว่อร์ ไปสอบได้แล้ว” ผมดันหัวไอ้เด็กแก่แดดให้ห่างออกไป

   ไอ้บ้านี้หน้าโรงเรียนนะ คิดจะมาอ้อนก็อ้อนงั้นสิ หึ เด็กน้อยจริง ๆ ต้องอย่างผมนี้พ่อโทนสุดแมน เจ้าไม้ยิ้มก่อนจะหันหลังเดินเข้าโรงเรียนไป ผมมองตามจนไอ้เด็กบ้าเดินหายเข้าไปในดึก แต่กว่าที่จะเข้าไปได้ก็หันมามองผม 10 กว่ารอบ หึหึ เหมือนส่งเด็กอนุบาลมาเรียนวันแรกเลยแฮะ เมื่อก่อนยังไม่ขี้อ้อนขนาดนี้เลยแท้ ๆ เด็กยังไงก็คือเด็กวันยังค่ำนั้นแหละ คิกๆ

           “ไงไอ้เกื้อ” ผมวางน้ำเต้าหู้ร้านโปรดลงหน้าเคาเตอร์ที่ไอ้เกื้อกำลังก้มหน้าก้มตาทำอะไรอยู่ด้านหลัง มันสะดุ้งพรวดเงยหน้าขึ้นมามองผมเลิ่กลั่ก เหๆๆๆ มีพิรุธอยู่น้า หุหุ

           “ทะ ทะ โทน มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

           “ตั้งนานแล้ว กูเห็นหมดแล้วว่ามึงทำอะไร!” ผมแกล้งทำหน้าตาจริงจัง ความจริงเพิ่งมาเมื่อกี้นี้แหละ แต่อยากจะแกล้งไอ้คุณหนูเกื้อที่กำลังทำหน้าเหวอจะร้องไห้อยู่ หึหึ

   ผมแอบชะเง้อมองด้านหลังเห็นไอ้เกื้อซ้อนโทรศัพท์มือถือไว้แน่น พักนี้มันติดโทรศัพท์มากอย่างประหลาด เมื่อก่อนไอ้เกื้อเป็นเหมือนผมที่จะไม่ค่อยแตะโทรศัพท์โซเชี่ยลสักไหร่ ชอบที่จะให้ชีวิตแบบโลเทคมากกว่า สบาย ๆ ชิว ๆ

           “มะ มะ ไม่ใช่อย่างที่คิดนะ”

           “อะไรละที่กูคิด ว่าไงไอ้เกื้อ”

           “ฮึก อย่าโกรธเราเลยนะ ” อ้าว ไอ้นี้ บ่อน้ำตาตื้นเฉย กูยังไม่ได้รังแกเลยนะ ผมเบ้ปากใจอ่อนฮวบ ไม่เห็นสนุกเลยไอ้เกื้อร้องไห้แบบนี้ แต่ทำไมผมต้องโกรธมันด้วยล่ะ ไอ้เกื้อน่ะดีกับผมจะตาย ไม่เห็นว่าจะต้องมาขอโทษอะไรผมเลย

           “เป็นอะไรวะ กูแค่ล้อเล่น มึงบ้าปะ” ผมเข้าไปลูบหัวไอ้ขี้แงที่นั่งเอามือปิดหน้าร้องไห้อยู่เก้าอี้ใกล้ๆผม กูรู้สึกผิดนะ เหมือนทำเด็กร้องไห้เลยว่ะ โอ้ยตาย อายุก็เท่ากันทำไมมึงเด็กจังวะ ไม่เหมือนพ่อโทนคนแมนอย่างผมเลยยยยย

           “ฮึก เราขอโทษ” ไอ้เกื้อสะอึกสะอื้นจนหน้าแดงกล่ำไปหมด ตาแดงๆของมันเงยขึ้นมามองผมที่ยืนจับหัวมันอยู่ ไอ้นี้จะดราม่าหาพระหอกอะไรนักหนา…กูจะร้องตามแล้วนะ

           “มึงบ้าปะ ร้องไห้เป็นเด็กเลยไอ้ห่านี้ เอ๊า แดกซะกูซื้อมาฝาก” ผมเลิกสนใจมัน เอื้อมไปเอาถุงน้ำเต้าหู้มาวางตรงหน้าไอ้เด็กขี้แยเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่จักรยานก่อนจะร้องไห้ตามไอ้เกื้อหน้าหมา

   ผมไม่เห็นว่ามันจะทำอะไรผิดสักหน่อย ผมน่ะเชื่อใจมันจะตาย เอาเถอะอยากทำอะไรก็ทำ ฮิฮิ แต่ไอ้เกื้อไม่ทำร้ายผมแน่ แหม คบกันมาตั้งขนาดนี้แถมนิสัยหมาอ่อนขนาดนั้น โหววววว เป็นปายม้าย ด๊ายยยยยยยย แค่มันมีความสุขทุกการตัดสินใจเพื่อนอย่างผมเห็นด้วยเสมอ

           ผมขับมาตามทางไปบ้านลุงสุข วันนี้มีตรวจอาการไก่ชนของแกที่ไปตีกับไอ้ตูบจนได้แผลใหม่มาหนึ่งแผล ดีไม่ตาย แกเลยให้ผมไปทำแผลไปดูแลให้หน่อย เห็นบอกมีมื้อใหญ่จัดรอผมอยู่ อร๊ายยยยยย ฟาร์มกุ้งบ้านลุงแกกุ้งนี้ตัวใหญ่ดูเนื้อแน่นมาก ฮิฮิ ไปเอากลับมาให้ซอมบี้ที่บ้านจัดซีฟู้ด อร่อยๆฟรีๆกันสักยก

           “ลุงสุขขขขขขขขข ฉันมาแล้ววววววววววว” ไอ้โทนหนุ่มมาดแมนตะโกนสั่นซอยทันทีที่ปั่นจักรยานมาถึงซอยบ่อนไก่ชน ผมไม่ค่อยจะเห็นด้วยกับกีฬาประเภทนี้สักเท่าไหร่แต่ก็ต้องยอมรับว่านี้คือวิถีชีวิตของคนบ้านนอกที่เขาอยู่กันมานานแล้วเราจะไปห้ามเขาเลยก็ไม่ได้แหละก็พยายามจะไม่เอาตัวเข้าไปอยู่ท่ามกลางมันก็พอ บาดเจ็บมาก็อย่าลืมหมอโทนคนหล่อน่ารักนะเงินไม่จำเป็นขอแค่น้ำใจงาม ๆ ก็พอ อย่างเช่นวันนี้โทนน้อยขอแค่กุ้งสักโลสองโลก็พอคร้าบบบบบ

           “เข้ามาไอ้โทน ไอ้จอมทัพของข้าตอนนี้เหมือนมันจะไม่ค่อยดี”ลุงสุขหน้าตาตื่น รีบวิ่งมาเปิดประตูรั้วให้ผม บ้านแกเป็นบ้านทรงไทยยกพื้นสูง ลานหน้าบ้านเต็มไปด้วยเล้าไก่ชนวางเต็มไปหมด ด้านหลังก็มีฟาร์มกุ้งบ่อใหญ่อยู่ โอ้ย เห็นแกติดดินแบบเนี้ย โคตรรวยเลยนะครับขอบอกไว้ก่อน

           “ยังไงอะลุง มาวันก่อนก็เห็นดีขึ้นแผลจะปิดแล้วนี้ ลุงปล่อยมันออกมารึเปล่าล่ะ” ผมถามแกระหว่างที่เย็นรถเข้าไปจอดที่ต้นโพธิ์ใหญ่ในบ้านแก

           “เปล่านะโว้ย มา ๆ เอ็งเป็นหมอเอ็งมาดูมันเองสิ”

           “เอ๊า แต่ลุงคนเลี้ยงนะ”

           “โว๊ะ ไอ้นี้นิ เดี๋ยวข้าก็ไปฟาดปากกับพ่อเอ็งซะนี้”

           “ลุงจะโดนพ่อฟาดมาน่ะสิ ฮิฮิ”

   ผมหยอกลุงให้โมโหสักพักก็เดินไปหาเจ้าจอมทัพสหายรักของลุงสุข แกเป็นคนแบบนี้แหละ ขี้โมโห แต่ไม่คิดอะไรมากหรอกบอกเลย ผมรู้จักแกมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว เห็นกันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝ่าหอย อย่างงี้แหละเพื่อนพ่อก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของลูกน้อย ๆ อย่างไอ้โทน

           “โอ้ย ลุง มันจะเป็นอะไรล่ะ มันก็เป็นไก่นั้นแหละ หายแล้วเนี้ย!” ผมว่า แผลแห้งแล้วไม่มีอาการอักเสบคือแบบตัวนี้เป็นไก่ที่ลุงแกรักมาก แกเลยคิดมาก แหง่ล่ะ ไก่สวย ๆ แบบนี้ราคาเป็นล้านนะ เดี๋ยวสักวันผมจะจับมันมาต้มกินให้เป็นบุญปาก

           “ก็ข้าเห็นมันไม่ค่อยกินข้าวแต่ลูกข้าไม่เป็นไรก็ดีล่ะ เอ็งก็กลับไปได้ละ”

   ง่ะ! ลุงแกล้งผมแน่ๆ ทำไมชอบแกล้งผมนัก!!! ลุงแกมองผมอย่างขำ ๆ ก่อนจะอุ้มไอ้จอมทัพขึ้นมาแทบอกลูบหัวลูบหางมัน กุ้งผมล่ะ กุ้งง่ะ ฮื่อออ ไอ้ไม้อดกินกุ้งฟรีแน่ ๆ ผมทำหน้าตาสงสารให้ลุงสุขก่อนที่แกจะเหลือบมองและหัวเราะออกมาเสียงดัง

           “หน้าเอ็งนี้เหมือนนางมะลิแม่เอ็งไม่มีผิด แม่งตลก” ถามจริงนะไอ้จอมทัพ หนักใจไหมที่มีพ่อแบบนี้

           “ลุงลูกผมมันอยากกินกุ้งฟรี”

           “ลูกหรือเอ็งไอ้ห่า เออ ๆ ไปเดี๋ยวข้าพาไปตกกุ้ง” ผมยิ้มแป้นก่อนจะเดินตามแกไปหลังบ้านทันที กรี๊ดดดดดดดดด กุ้งๆๆๆ จะกินกุ้ง ฮิฮิ

.

.

.

           “โห นี้เอ็งจะตกหมดบ่อข้าหรือยัง” ผมยิ้มแป้นยกถังกุ้งเป็น ๆ มาวางตรงหน้าลุงสุข เยอะมากเลยล่ะ แค่นี้ไม่ทำให้บ่อลุงเสียหายหรอก ออกจะอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้ หลังจากที่ไปปล้นกุ้งลุงสุขมาผมก็ขับรถกลับมาบ้านพร้อมกับกุ้งสามโลหน้าตะกร้ารถ

   “อ่ะ ได้เวลาไปรับไอ้ไม้พอดีเลยวะ”คิดได้แบบนั้นผมก็เปลี่ยนมาใช้ทางลัดอีกเส้นหนึ่งที่จะไปถึงโรงเรียนไอ้ไม้ได้ไวกว่า หวังว่าจะไม่กลับไปก่อนนะ ไอ้เด็กนี้ไม่ชอบอยู่เล่นที่โรงเรียนตอนเลิกเรียนไม่รู้เป็นบ้าอะไรชอบรีบกลับบ้าน เป็นผมตอนเด็ก ๆ นะ ไม่มืดนี้ไม่กลับแถมมืดแล้วก็ยังแวะกินขนมที่ตลาดอีก กลับไปนี้แทบพ่อแทบจะไม่ให้เข้าบ้านทุกวัน

   ผมขับเข้ามาในซอยที่มีคนเอาศาลเก่ามาทิ้งทำให้สองข้างทางดูขลัง คือแบบสมัยตอนผมเด็กตรงนี้มันเป็นที่วิ่งเล่นของผมเลยนะเพราะใกล้โรงเรียนมาก แต่แหม พอมีคนมาทิ้งคนนึงก็เริ่มพากันมาทิ้งจนกลายเป็นสุสานศาลพระภูมิเลย ผมเคยมาล้าท้าผีที่นี้นะ แต่ไม่เห็นเจออะไร ผีนะรักผมทุกคนรักผม เพราะผมน่ะเป็นคนน่ารัก ฮ่าๆๆ คือแบบกลัวไปก็เท่านั้นปะ เจอก่อนแล้วค่อยกลัวสิ ทำเป็นเก่งไปงั้นอะ ความจริงตอนนี้ผมอะปั่นล้อนี้ฟรีความเร็วแสงเลยละ ฮ่าๆๆๆ แหม … ก็แอบเสียวสันหลังหน่อยๆปะ

เอี๊ยดดดดดดดดดดดด

           โอ๊ะ หน้าแทบทิ่ม ผมเบรกจนตัวโก่งเมื่อรถคันสีดำที่ขับสวนทางมาขับมาเบี่ยงตัวยาวปิดถนนอยู่ตรงหน้า ผมนี้ขมวดคิ้วเลยเป็นห่าอะไรไม่มีอะไรทำหรอมาก่อกวนชาวบ้านเขาน่ะ ประตูรถเปิดออก ไอ้แก่หน้าง้ำในชุดเหมือนกำนันหมู่บ้าน ชิ แค่หน้าตาก็ดูขี้โกงแล้วแหะ

           “ไงไอ้หนู ลูกไอ้ทายสินะ ไม่ได้เจอกันนาน หึหึ” ผมเอียงคอมองญาติฝั่งไหนวะ ถ้าเป็นเพื่อนพ่อผมต้องรู้จักสิ

           “ลุงเป็นใคร” พอสิ้นเสียงผมลูกน้องแกที่แต่งตัวเหมือนพวกบ้า ก็เดินลงมาจากรถด้วยท่าทางกร่างๆ

           “หน้าตาเอ็งนี้เหมือนแม่เอ็งจริงๆ หึ พ่อเอ็งน่ะมันร้าย แย่งแม่เอ็งไปจากข้า เอ็งรู้ไหมพ่อเอ็งน่ะมันชั่ว!!!” ดูว่าผมจะหน้าเหมือนแม่จริง วันนี้มีคนพูดตั้งหลายคนละ เอ๊ะว่าแต่ตาลุงนี้ อยู่ ๆ ก็โกรธ มนุษย์ลุงปะเนี้ย แต่อาการแบบนี้ผมเจอในช้างที่กำลังตกมันส์นะ … เออ สงสัยจะตกมัน คิก ตลก

           “หัวเราะอะไรวะ ไอ้เปี๊ยก!” ลูกน้องแกเอ็ดผมขึ้นจนผมต้องเอามือปิดปาก

           “โอ้ย ขอโทษเผลอหัวเราะไปหน่อย นี้แม่ผมน่ะ รักพ่อทายจะตาย ลุงคงจีบไม่ติดมากกว่า เออนี้ ถ้าลุงไม่มีอะไรแล้วผมไปก่อนนะ ต้องไปรับลูก” ผมว่าและขึ้นคร่อมจักรยานอีกครั้ง ไม่สนใจไอ้แก่เอาแต่ใจที่อยู่ ๆ ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเหมือนช้างตกมัน

           “เดี๋ยว ใครอนุญาตให้เอ็งไป” ผมถูกกระชากให้ลงมาจากรถจนจักรยานผมล้ม ดีนะกุ้งผมห่อมาอย่างดี ไม่งั้นก็ไม่ได้แดกกันดีแล้วล่ะลูกเอ้ยยยย

           “จิ๊! จะเอายังไงวะ!” ผมตะคอกเสียงดังสะบัดแขนตัวเองให้หลุดออกมายืนจังก้า ไอ้บ้า ถึงกูจะไม่เป็นมวย แต่กูก็ลูกเจ้าของค่าย มีวิชามานิดหน่อยเหมือนกัน เดี๋ยวก็เตะผ่าหมากให้เท่านั้นแหละ กวนตีนดีนัก

           “หึ ข้าเสนอเงินให้เอ็งล้มมวย 1 แสนบาท”

           “โอ้ยยยยยยย ยยยยยยยย ยยยยยยยย ลุงเก็บไว้งานศพตัวเองเห๊อะ ที่บ้านผมนี้รวยอยู่แล้วไม่ต้องห่วง” ผมว่าและเดินไปคว้าเอารถขึ้นมาตั้งขาตั้งและหยิบถุงกุ้งขึ้นมาใส่ตะกร้ารถเหมือนเดิมไอ้ลุงดูเหมือนจะเดือดหนัก เอาสิวะลูกน้องขี้ยาแบบนั้นผมไม่กลัวหรอก

           “จัดการมันให้รู้สำนึกซะหน่อย”

           “ครับ” ผมตั้งการ์ดทันที แต่ก่อนจะไปป๊ะกันก็ต้องหางหดหน้าเหวอเมื่อไอ้บ้าคนนึงแม่งหยิบปืนที่เหน็บไว้ขึ้นมา โอ้ยยยยยยย ! สกิลเดอะแมชทริกซ์กูก็ไม่มีนะมึง ใจเย็นสิ

ผลั๊ว!!!!!

           “เฮ้ย ไอ้จ๊วด!” ผมหน้าเหวอเมื่ออยู่ ๆ คนถือปืนอยู่สลบเหมือดลงไปกับพื้น และก็ต้องเหวอกว่าเมื่อไอ้ไม้ยืนจังก้ามองมาที่ผมอย่างตกใจไม่แพ้กัน

           “พ่อโทน!!!”

           “ไอ้ไม้หลบไป!!!”

   ผมตวาดลั่นเมื่อไอ้ลูกบ้ามาจากไหนไม่รู้กำลังพุ่งเข้ามาหาผมจากทางด้านต้นซอยเป็นทางที่มาจากโรงเรียนของมันเมื่อกี้ผมก็ไม่ทันได้สังเกตเลยไม่เห็นว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ จะรู้ก็ตอนที่มันกระโดดข้ามรถและก็ซัดก้านคอไอ้คนนั้นนั้นแหละ ยังไม่ทันจะชื่นชมอะไร ลูกกระจ๊อกขี้ยาก็เอาปืนออกมาอย่างพร้อมเพรียง ยะ อยู่ไม่ได้แล้ว ผมรีบพุ่งเข้าไปหมายจะหาไอ้ไม้ แต่ไม่ทันไรไอ้ลูกชายเจนจัด ก็ตรงเข้าไปหักข้อมือไอ้คนที่ใกล้เงื้อมือที่สุด จนปืนหล่นพื้น จากนั้นมันไม่รอช้า พุ่งเข้าไป เตะซัดอีกฝ่ายจนลงไปหมอบอีกคน ไม่หนำใจพ่อ จัดหมัดซัดฮุกซ้ายเข้ากลางกระบังลมดังอั๊กและฟาดแข็งเข้าไปที่ซีกโครงจนมันจุกซ้ำสอง … เกลี้ยง...จนผมแทบยืนปรบมือ

   “ไอ้ไม้ระวัง!” ผมร้องขึ้นเมื่อไอ้แก่ ชักปืนออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน ขนาดมึงมาเป็นกองทัพยังจัดเด็ก18 ไม่ได้เลย มงไม่ลงจะงงมาก 

           ไอ้ไม้หันขวับไปตามเสียงผม ก่อนจะมองไอ้แก่ช้างตกมันตาขวาง ผมรีบไปยืนบังมันไว้ทันที พอแล้ว ถ้าจะยิงจะทำอะไรก็ทำผมเถอะ อย่าทำไอ้ไม้ลูกผมเลย

           “มึงไอ้เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!”

           “ก็ยังดีกว่าไอ้แก่อมขี้ฟันแหละ สู้ไม่ได้ก็ชักปืน แหว๊!”

           “เดี๋ยวกูยิงไส้ปลิ้น!...อั๊ก!” มันล้มไปกองกับพื้นอย่างไม่ทันระวังตัวเมื่อพี่เมฆที่เข้ามาทันเหตุการณ์โดยที่พวกมันไม่รู้ตัววิ่งมันสับศอกปืนร่วงและซัดเข้าที่ท้ายทอยจนน็อกลงไปกองกับพื้นไม่ต่างจากลูกน้องตัวเอง

           “ฮู่ว! ถ้าพี่เมฆไม่มาผมไม่กล้าปากดีนะเนี้ย”

           “ไม่เป็นไรก็ดีแล้วน้องโทนน้องไม้”พี่เมฆหัวเราะ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรแจ้งตำรวจทันที

           “มันทำอะไรพ่อโทนรึเปล่าครับ” ไอ้ไม้มายืนสำรวจผม ผมส่ายหน้าและสำรวจมันคืน

           ไม่นานครับ ตำรวจ ก็มารวบตัวพร้อมของกลางทั้งเจ้านายและลูกน้อง โดยมีพ่อผมและผู้ใหญ่ของตำบลมายืนอยู่ในเหตุการณ์ด้วย สรุปเรื่องจบที่โรงพัก โดยให้เป็นหน้าที่ของกฎหมายและธุระจัดการของพ่อไป ผมกับไอ้ไม้ถูกส่งกลับบ้านในทันทีที่ให้ปากคำเสร็จ

   “กุ้งเอามาจากไหนเยอะแยะครับ” ไอ้ไม้ถามขณะที่หยิบเอาถุงใส่ถุงออกมาจากจักยานเหมือนเรื่องเมื่อเย็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมเอียงคอและยิ้มกว้างอย่างนึกเอ็นดู

           “บ้านลุงสุขไปรักษาไก่มา” ผมว่า ไอ้ไม้ไม่ถามอะไรต่อ ผมเลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาไอ้เกื้อชวนมากินกุ้งที่บ้านมันอึกอัก ๆ แต่ก็ยอมรับปากว่าจะมา

           ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เป็นแสงสีส้มแล้วก็นึกตลกนะ ทั้ง ๆ ที่เรียกว่าท้องฟ้า แต่ตอนเย็นกลับย้อมด้วยสีส้มนวลสวย อย่างงี้ทำไมไม่เรียกว่าท้องส้มตอนเย็นบ้าง ใครเป็นคนคิดคนแรกนะว่าท้องฟ้าต้องเรียกว่าท้องฟ้า และสีฟ้าอะ ทำไมต้องเรียกสีฟ้า น่าปวดหัวชะมัดเลย มันจะเป็นอะไรก็ช่างมันเถอะ แต่ตอนนี้ไอ้เด็กน้อยที่ผมเฝ้าดูแล แสดงให้ผมเห็นแล้วว่าดูแลตัวเองได้ดีแค่ไหน หากวันไหนไอ้หมาน้อยอยากจะบินไปเป็นนกบนท้องฟ้า … ผมคงได้แต่ปลดปล่อยและอวยพรให้โชคดีสินะ …

           “พ่อโทน...” ผมตกใจเมื่ออยู่ ๆ ไอ้ไม้มากอดจากด้านหลัง ขณะที่กำลังล้างกุ้งในครัว

           “เป็นอะไรอีกอ่ะ” ผมถามด้วยน้ำเสียงติดรำคาญ

           “เมื่อกี้ไม้ใจหายมากเลยนะที่ เห็นมันจ่อปืนไปแบบนั้น” ผมคลายคิ้วขมวดหันไปมองหน้าไอ้เด็กน้อยที่ส่งสายตาบริสุทธิ์มาทางผม ไม่เหมือนเมื่อกี้ตอนอัดไอ้พวกนั้นแววตาลุกโชนเหมือนปิศาจสุดๆ

           “ก็ไม่เป็นไรแล้วนี้ไง”

           “มันทำให้ผมนึกถึงตอนที่พ่อโทนตกเจ้าแดงรอบนั้น … เจ้าแดงต้องตายเพราะผม รอบนี้พ่อโทนก็เกือบเป็นอันตรายเพราะผมเช่นกัน ผมไม่น่ามาอยู่ที่นี้เลย …” ผมถอนหายใจก่อนจะดึงหัวทุย ๆ เข้ามากอดไว้แนบอก จะบ้าหรือไง เป็นคนคิดมากแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ ไอ้เด็กบ้านี้

           “ไม่เกี่ยวกับมึงอย่าคิดมาก ทุกอย่างมันเป็นวาระและโอกาสของมัน ข้าดีใจมากเลยนะที่มีเอ็ง”ผมก้มลงไปหอมหัวชื้นเหงื่อนั้นหนึ่งที แหวะ เหม็นอะ เหม็นจนผมร้องไห้เลยอะ หึ … เมื่อกี้ผมก็กลัวไม่ต่างกันนักหรอก …ถ้าพี่เมฆมาไม่ทัน … เราสองคนจะเป็นยังไง

           “ไม่ร้องนะครับ” มันเอามือหนา ๆ ของมันมาเช็ดน้ำตาเม็ดโป้งที่ไหล่ไม่ยอมหยุด

           “มะ ไม่ได้ร้องฝุ่นเข้าตา” ผมว่า

           “ไม่รักพ่อโทนนะ ไม้จะปกป้องพ่อโทนเอง

           “เออ ทำให้ได้อย่างปากแล้วกัน” ผมยิ้มให้มันก่อนที่ไอ้หมาน้อยจะแอบฉกหอมแก้มผมไปหนึ่งทีต่างคนต่างหัวเราะออกมาเออ เจ่ากันนะเมื่อกี้ผมก็หอมไปหนึ่งทีนี้ !!!

           “เออว่าแต่สอบเป็นไงบ้าง”

           “… ทำไม่ได้สองข้อครับ”

           “เก่งวะ ข้อไหนบ้าง”

           “ข้อแรกยันข้อสุดท้ายครับ”

           “เดี๋ยวกูก็ยันตกบ้านไอ้ห่านี้”

.
.
.

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4



ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก!!!!



           ไม่ได้เรียกหมาปั๊กนะ ฮิฮิ ผมกำลังนั่งมองลูกชายไอ้เด็กผีไม้เตะกระสอบทรายซะแทบพัง คิดถึงวันโน้นที่ไอ้เด็กนี้เตะเจ้าพวกตัวร้ายซะกระเจิงและผมล่ะสะใจ๊สะใจ ฮิฮิ ลูกผมโหดแค่ 18 เอง ขายังแข็งได้ขนาดนี้ รับรองแชมป์ปีนี้ไม่ไปไหนไกลแน่ ๆ ลูกพ๊อวววววววววววววส์

           หลังจากวันนั้นมา ไม่ว่าผมจะถามพ่อทายว่าเรื่องเป็นยังไงต่อ เขาก็ไม่ยอมบอกผมแม้แต่นิดเดียวบอกว่าจัดการไปแล้ว … จัดการยังไงอะ ฆ่าหมดส้วมหรอ งงใจ ช่างมันเถอะจัดการก็คือจัดการ ฮิฮิ

           “มัวแต่ทำหน้าฟิน พวกกูจะกลับแล้วนะ”

           “อะไรวะ มึงแม่ง” ผมหันไปแว๊กใส่ไอ้ทิวที่ยืนกอดคอไอ้เบสอยู่ มันสองคนลงมาจากเชียงใหม่มาสัปดาห์ที่แล้วเหมือนเพื่อมาก๊งเหล้าละกลับ เมากันเป็นหมาเลยไม่เหมือนผมเมาหลับเรียบร้อยน่ารักไปแต่ตื่นมาแล้วเป็นไข้นี้ไม่ไหวนะไอ้ลูกไม้บ่นใหญ่เลย แหงะ ทำตัวให้มันสมกับเป็นลูกหน่อยไม่ได้ นานแล้วงะที่ผมไม่ได้กินเหล้ากับเพื่อนครบแก๊ง อย่ามาทำเป็นบ่นหน่อยเลย เดี๋ยวตัวเองพอโตขึ้นก็หนีเขาไปกินเหล้าเหมือนกันนั้นแหละ

           วันนี้ผมเรียกไอ้สองตัวนี้มาดูลูกผมซ้อม ฮิฮิ อยากโชว์อะ ตอนแรกจะให้ไอ้ป๊อกมาด้วย แต่มันติดสาว มันเลยเบี้ยวนัดผม นิสัยไม่ดีเนอะเห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อนได้ยังไง

           “ก็พอมาแล้วมึงก็ไม่สนใจพวกกู เสียเวลาทำมาหากินไอ้ห่า กูไปละ แล้วพรุ่งนี้เจอกันที่สนามมวยแล้วกัน ไปละโว้ยไอ้เจ้าไม้ สู้ ๆ นะมึง!!!”

   ไอ้ทิวพูดกับผมเสร็จก็ตะโกนไปบอกไอ้ลูกหมามันหยุดชกหันมายกมือไหว้พวกมัน ไอ้เบสมองหน้าผมก่อนจะยิ้มและโบกมือบ๊ายบายให้ ผมย่นจมูกใส่ไอ้ฝรั่งก่อนจะสะบัดหน้าหนีไม่เดินไปส่งหรอกงอน ให้มาอยู่ที่บ้านแค่นี้ทำเป็นบ่น ชิ ๆ ไอ้พวกบ้า ว่าจะข้าวให้กินไม่ต้องกินแล้วกัน สมน้ำหน้า อดกินข้าวมันไก่ฝีมือพ่อโทนเลยยยยยย ว๊ายๆ แบร่ๆ

           ผมหัวเราะคิกคักวิ่งมาในครัวที่กำลังต้มไก่สองตัวอยู่ในน้ำซุป อ๊า กินหอมจัง ดม ๆ เสร็จก็มาทำน้ำจิ้มสุดแซบ การชั่งน้ำหนักของเจ้าไม้และคนอื่น ๆ ผ่านไปด้วยดีเลยกินได้สบาย ๆ แต่ผมก็กะแล้วละจะเก็บหนังไว้กินคนเดียว ไม่แบ่งหรอก

โฮ่ง!

           “เนอะมีมี่เนอะ ไม่แบ่งหรอก” ผมก้มลงไปถามความเห็นมีมี่ที่เข้ามานั่งมองหน้าผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมลั๊นล๊าทำอาหารอยู่คนเดียวคนเสร็จ อะ 6 โมงพอดีเลย ฮิฮิ

           “หอมจังครับ” ผมย่นคอเมื่อไอ้เด็กแก่แดดมายืนด้านหลังผมแถมหอมแก้มผมไปฟ๊อดใหญ่ ๆ อะไรหอมแก้มผมหรือข้าวมันไก่ แก้มผมใช่ม๊า ฮิฮิ แน่นอนสิ เหงื่อทั้งนั้นแหนะ

           “อยากจะกินกำปั้นหรือจะกินไก่ ไอ้เด็กขี้จุ้นนนนน” ผมหันไปชูกำปั้นไอ้เด็กที่สูงกว่าผมแล้ว ตอนนี้ผมอยู่ที่คางมันเอง ฮือออออออออออออออ โลกไม่ยุติธรรม ทำไมเด็กสมัยนี้มันโตไวยิ่งนัก แล้วคนรุ่นเก่าอย่างผมจะไปเหลืออารายยยยยยยยยย

           “ฮึฮึ มีอะไรให้ผมช่วยไหม”

           “ช่วยหน่อย ช่วยไปอาบน้ำ เหม็นมาก ๆ ” เจ้าไม้หัวเราะก่อนจะเดินออกไปจากครัวพร้อมเจ้ามีมี่ผมเบ้ปากใส่ก่อนจะหันมาสับไก่ใส่จานต่อไป คิก ๆ หอมจริงจริ๊งงงงงง แก้มผมน่ะ … เอ้ย ข้าวมันไก่น่ะ ฮิฮิ

           “กินข้าวกันไหม เอาแต่เล่นกันอยู่นั้นล่ะ” ผมยืนเท้าเอวมองลุงๆพี่ๆ แล้วก็คุณพ่อสุดที่รักที่มุ่งมั่นกับการเล่นหมากรุกกันอย่างสนุกสนาน หลังซ้อมหนัก น้ำท่าก็ไม่อาบนั่งดมกลิ่นกันอยู่นั้นละ ไม่เหมือนลูกผมที่รักสะอาดไปอ่านมาตัวหอมฟุ้งผมเลยใช้ให้ไปเอากับข้าวออกมาเตรียมไว้ที่แคร่ใต้ถุนบ้านแล้วก็เอาอาหารเม็ดไปให้มีมี่กับเจ้าสามสหายหน้าหมาด้วย

           “กวนใจจริงโว้ยไอ้เด็กห่านี้”

           “งั้นก็ไม่ต้องกินนะ ใครอยากกินต้องไปอาบน้ำก่อน ตัวเหม็นไม่ต้องกิน” ผมย่นหน้าก่อนจะเดินมานั่งกอดอกที่แคร่ใต้ถุนบ้าน พี่เมฆกับพี่แสงพากันแย่งอาบน้ำแล้ว แต่ลุง ๆ ยังนั่งเล่นหมากรุกกันหน้าดำคล่ำเครียด ดี ๆ ไม่เปลือง คนเขาอุตส่าห์ทำตั้งนานไม่กินก็ตามใจนะ

           “อุ้ย เด็กงอน” ผมย่นจมูกใส่ลุงจันทร์ที่ชี้มาที่ผมและพากันหัวเราะ จากนั้นแกก็ลุกจากวงไปอาบน้ำที่เรือนพักนักมวยบ้าง หึ เหลืออีกสองหนอ … สายตาพิฆาต!!!!!

           “เอ็งกะจะกินเลือดกินเนื้อข้าเลยใช่ไหมล่ะไอ้โทน เกรงใจพระเกรงใจเจ้าที่ข้าแขวนอยู่บ้าง ฮ่าๆๆๆ ข้าว่าไปอาบน้ำอาบท่าดีกว่าก่อนที่ไอ้โทนจะมาล้มกระดาษเสียเปล่าๆ” ฮึ่ม รู้ตัวแล้วสินะ ผมยิ้มอย่างพอใจเมื่อลุงทิมวางมือจากการเป็นคู่แข็งของพ่อทาย ทีนี้ก็เหลือคนเดียวแล้ว … สายตาพิฆาตขั้นสุดยอด ฮ๊าช๊า!!!!!

โป๊ก!!!!!

           “โอ้ย เจ็บนะ!!!” ผมขู่ฟ่อทันทีที่พ่อทายปาตัวม้ามาสะกิดหนังหัวผมหลังจากปล่อยสายตาพิฆาตขั้นสุดยอดไป ฮือออ อออออออ ออ โหดร้ายที่สุด จะฟ้องลูก เรื่องนี้ลูกต้องรู้ ฮืออออออออออออ!!!

           “ฮืออออ พ่อแกล้งงงงงง” พอไอ้เจ้าไม้มาผมก็ฟ้องทันที ไอ้เด็กนี้ก็ไม่ทำอะไรนอกจากเดินมาจุ๊บขมับที่ผมกุมอยู่หนึ่งทีก่อนจะนั่งลงข้างๆ ชิ หายก็ได้

           “สำออย ตอนมึงเด็กกูทำมึงตกบ่อยไม่เห็นจะร้องสักแอะ หลับนี้กูนึกว่าตาย ไม่นึกว่าจะได้โตมาเป็นไอ้แคระแกร่นแบบนี้” อะ … ปากร้ายมาก ผมไม่สนใจหันมาเอามือกอดไอ้ลูกหมาไม้และทำหน้างอใส่ตาแก่ขี้บ่น เอาแต่ใจแถมโหดร้ายมาก ๆ เห็นได้ชัดว่าผมโนรังแกแบบไม่ต้องสงสัย

           หลังจากที่ทะเลาะกับเสร็จ ทุกคนก็พร้อมหน้ากันในวงข้าว ก็ลงมือกินกันอย่างอร่อยเหาะ แน่ล่ะใครทำ  แต่พ่อผมกลับสั่งให้เจ้าไม้กินได้แค่จานเดียว ชิ ไม่รู้อะไรนักหนา เด็กก็ควรจะกินเยอะ ๆ ไม่ใช่หรือยังไง พอกินเสร็จอากาศค่อนข้างเย็น ผมเลยเดินมาที่คอกของเจ้าสามตัวหมาน้อยปล่อยให้เก็บจานล้างกันเอง จัดการยัดเจ้าพวกตัวดื้อใส่ลงไปในเสื้อให้หมด แฮ่ น่ารักทุกตัวเลยยยย

           วันนี้ผมไม่ได้เข้าร้าน จะว่าไปก็ไม่มีคนอยู่ร้านเพราะไอ้เกื้อก็กลับบ้าน พรุ่งนี้ถึงจะกลับมาดูเจ้าไม้ขึ้นชกแต่ก็เขียนเบอร์ติดไว้หน้าร้านเหมือนกันเผื่อมีเหตุฉุกเฉินจริง ๆ ขึ้นชื่อว่าหมอความรับผิดชอบต้อง 24 ชั่วโมงอยู่แล้ว เพราะเจ้าสัตว์ทั้งหลายจะป่วยเมื่อไหร่ก็ไม่มีใครรู้ ผมอุ้มเจ้าแตงกวาตัวน้อยที่ตัวเล็กกว่าเพื่อนขึ้นมาว่างบนตักก่อนที่เจ้ากะหล่ำกับมะเขือตัวอ้วนจะเข้ามาซุกอย่างออเซาะน่ารัก คิก ๆ

           “พ่อโทน ยุงกัดนะครับขึ้นบ้านเถอะ”

           “อือ” ผมขานรับเจ้าลูกไม้ที่เดินมาตามก่อนจะเอาไอ้เด็กทั้งสาวเข้าไปในกรงมุ้งลวดอย่างดี ที่มี มีมี่นอนอยู่ในกรงอยู่แล้ว ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งไปล้างมือเดินตามไอ้ไม้ขึ้นมาบนบ้าน คืนนี้ผมให้เจ้าไม้นอนไว ส่วนตัวเองยังนั่งดู TV อยู่ไม่ง่วง งือออออ … แต่ก็ชักง่วงแล้วแฮะ …

ครืดดดดดดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดดดดดดด

           อ่ะ … ใครโทรมางะ ผมฉุดตัวเองลุกขึ้นนั่งก้มลงไปมองเข้าไม้ที่นอนหลับอยู่ข้างเตียงก่อนจะคว้าโทรศัพท์ออกมาจากมุ้งก่อนเดินจะออกมารับสายเบอร์แปลกหน้าห้อง

           “โทนครับ”

           “หมอโทนหรือครับ คือตอนนี้สุนัขผมโดนวางยา ช่วยมาที่บ้านผมหน่อยได้ไหมครับ”

           “อ่ะ! ได้ครับที่ไหน ยังไงตอนนี้ให้กรอกไข่สดใส่ปากน้องไปก่อนนะครับให้เขาสำลอกออกมา”

           “ครับผม ซอย XXXXX” ผมจดจำอย่างรวดเร็วความง่วงหายเป็นปลิดทิ้ง

   พอวางสายไปผมก็รีบย่องเข้าไปในห้องหยิบเสื้อกันหนาวออกมาได้ตัวนึงก็รีบออกมาจากห้องให้เบาที่สุดไม่ให้เจ้าไม้ที่เพลียเพราะซ้อมหนักตื่นขึ้นมาถ้ารายนี้ตื่นขึ้นมาคงต้องงอแงไปกับผมแน่ พรุ่งนี้ก็ต้องชกอีก ผมไม่ให้ไปหรอก

           ผมรีบปั่นจักรยานออกมาจากบ้านทันที บ้านนอกไม่เหมือนเมือนศิวิไวที่จะมีไฟทางตลอดซอยมันค่อนข้างจะมืดเพราะคนบ้านนอกจะปิดบ้านกันไว แต่ผมก็อยู่ในที่แบบนี้มาตั้งแต่เด็กเลยไม่กลัวอะไรมาก รีบปั่นไปถึงจุดหมายให้ไวที่สุด โชคดีที่ห่างจากบ้านผมไปไม่กี่กิโล ฝีตีนถีบอย่างโทนแปปเดียวก็ถึงแล้ว



เอี๊ยดดดดดดดดดดดดดดด โครม!!!



           “โอ้ยยยยย!” ผมร้องจ๊ากทันทีที่รู้ตัวว่าเสียศูนย์ตัวเพราะแรงผลักหรือถีบของไอ้มอเตอร์ไซค์ปริศนาที่ตีคู่มากับผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ผมมองไม่เห็นในทีแรกเพราะมันไม่ได้เปิดไฟหน้ารถ

           ไอ้โทนลงมากองกับพื้นที่เป็นดินแดงลูกรัง ขาครูดลงไปเดาไอ้ว่าคงเหวอะไปแล้ว ฮืออออ เจ็บอะ ผมน้ำตาเล็ดพยายามลุกขึ้นยืนแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะแขนเจ็บแผลข้างที่ครูดลงไปมากได้แต่กัดฟันร้องโอดโอยและจะโวยวายออกมาเมื่อเห็นไอ้คนไม่น่าไว้ใจสองสามคนเดินมาจากข้างทาง

           “พวกมึง อ๊อก!!” ก่อนจะได้ด่าอะไรผมก็โดนชกเข้าที่แถว ๆ หลังคอและก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ฮึก ช่วยโทนด้วย



-ไม้-

           ผมสะดุ้งตื่นกลางดึกที่เสียงวิ่งไปมาอยู่บนบ้านก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นมองไปบนเตียงที่พ่อโทนนอนอยู่กลับพบว่ามันว่างเปล่า … พ่อโทนไปไหน …

           ยังไม่ทันจะคิดอะไรได้ร่างกายก็สั่งให้ผมดีดตัวลุกขึ้นยืนและวิ่งออกไปออกห้อง เจอกับปู่ทายที่เหมือนกำลังจะเข้าไปปลุกผมพอดี ใบหน้าโหดครึม ของเขาตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

           “มีอะไรเหรอครับปู่”

           “ไอ้พวกเวรตะไลเล่นไม่ซื่อ จับพ่อเอ็งไป” จากที่งง ๆ ด้วยความง่วงอยู่ผมก็ถลึงตากว้าง วิ่งตึงตั้งหาพ่อโทนไปทั่วบ้าน แต่ก็ไม่พบ หายไปไหน ไม่มี ใครเอาพ่อโทนไป พ่อโทนของผมอยู่ไหน โธ่เอ้ย!!!! 

           “เฮ้ย ใจเย็น ๆ ” พี่แสงเดินเข้ามากระชากผมหลังจากที่ผมวนเวียนหาพ่อโทนไปทั่วบ้านเหมือนคนสติไม่ดี ผมหยุดหายใจ ก่อนจะมองไปทางปู่ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่อย่างใช้ความคิด และสะบัดแขนของพี่แสงออกเดินไปหาแก

           “ใครครับ ตั้งแต่เมื่อไหร่  คะ ใคร จับตัวพ่อโทนของผมไป”

           “น่าจะแก๊งเดิม…แต่มันโทรมาบอกข้าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน เงื่อนไขที่มีคือเอ็งต้องล้มมวยไอ้โทนถึงจะปลอดภัย แม่งเอ้ย เหี้ยจริง ๆ ” ผมหรี่ตามองปู่ก่อนจะสงบสติอารมณ์ตัวเอง ไอ้พวกเจ้าสัวอะไรนั้นแน่ ๆ ที่มันจับพ่อโทนไป ผมไม่น่าเผลอเลยจริง ๆ ไม่น่าเลย!!!!

           “ผมจะล้มมวย”

           “เฮ้ย!!! มึงจะบ้าหรือไง”พี่แสงโวยวายขึ้นจนพี่เมฆต้องจับไหล่ห้ามเอาไว้

           “ผมไม่สน อะไรที่มันทำให้พ่อโทนไม่เจ็บตัวได้ ผมยอม!!!! ผมไม่ต้องการแชมป์ที่ไม่มีพ่อโทน!!!”

ผลั๊ว!!!

           หน้าผมสะบัดตามแรงเหวี่ยงต่อยลงมาจากปู่ …. ฮึ เลือดของไอ้ตัวซวยอย่างผมนี้มันอร่อยใช้เล่นจริงๆ

           “อยากจะทำอะไรก็ทำแต่ถ้าไอ้โทนมันรู้ที่หลัง ก็อย่าคิดว่ามันจะให้อภัยมึง เรื่องนี้พวกกูจัดการเอง มึงไปทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตี 3 ละ ไอ้แสงไอ้ทิม พามันไปฟิตอัพร่างกายและหกโมงพามันไปสแตนบายส์ที่สนามมวย .. ถ้ามันอยากจะไปละนะ ไอ้เมฆ ไอ้จันทร์เอ็งไปกับข้า” ปู่รายยาวไม่สนใจผมที่ยืนตาเขียวอยู่ พากันเดินไปคุยกันอีกทาง ส่วนพี่แสงกับลุงทิมก็เข้ามาประกบข้างผม เหมือนพร้อมที่จะจับหากผมพุ่งหายไปที่ไหนหรือพุ่งเข้าไปหาปู่ทายอีกครั้ง … สงบสติอารมณ์ … ผมต้องสงบสติอารมณ์

           จริงของปู่ทายที่พ่อโทนจะต้อโกรธต้องงอนผมเป็นแน่ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตผมคือพ่อโทน ผมเสียเขาไปไม่ได้ ผมไม่น่าเลยจริง ๆ ไม่น่าเลย ทั้งที่นอนอยู่ข้างกันแท้ ๆ ดันปล่อยเขาไปคนเดียว ผมนี้มันตัวซวยจริงๆ!!!  อีกอย่างครั้งที่ผมโอกาสฆ่ารอบนั้น … ก็ไม่น่าปล่อยให้มันรอดไปสักคน

           “เชื่อใจไอ้ทาย เชื่อว่ามันไม่ปล่อยให้ลูกมันเป็นอะไร มันก็รักไอ้โทนมันไม่ต่างจากเอ็งหรอก” ลุงทิมพูดขึ้น ผมกลั้นใจก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาจากหางตา

           “ถ้าผมล้มคู่ต่อสู้ได้ไวแค่ไหน … ผมก็จะตามไปหาพ่อโทนได้ไวแค่นั้นใช่ไหมครับ”

           “ฮึ ไม่มีปัญหา ข้าจะพาเอ็งไปเอง”

   ผมกัดปากหันไปมองปู่ที่เหลือบมามองผมก่อนจะหันไปคุยกับพี่เมฆต่อ ก็ได้ ผมจะทำ ผมจะชกให้เสร็จภายในยกแรกต่อจากนั้นแรงทั้งหมดที่ผมมีจะไปตะบันหน้าไอ้พวกที่คิดจะลองดีกับผม… รอหน่อยนะครับพ่อโทน … รอสักนิด …

.

.

.

           ใจกลางทุ่งรกร้างวางเปล่าโกดังเก่าที่เคยใช้เป็นโรงสีข้าวแต่ปัจจุบันถูกปล่อยทิ้งให้รกร้างไม่มีใครสนใจ คนจำนวนหนึ่งยืนคุมอยู่หน้าโกดังที่ด้านในทั้งมืดและอับ ร่างเล็กของพ่อโทน นอนพาดกายอยู่บนพื้นที่ปูด้วยผ้าเน่า ๆ เลือดที่ขายังคงไหลอยู่ซิบและแห้งกรังติดแผล และยังสลบอยู่อย่างน่าสงสาร ในความฝัน พ่อโทนจอมนักเลงโตต้องจมอยู่ในความมืดเพียงเดียวดาย ร้องเรียกใครไม่มีใครได้ยินราวกับได้ล่วงลับหายใจแล้ว ร่างนั้นนั่งลงกับพื้นซุกหน้ากอดเข่าพึมพำชื่อของทุกคนที่รู้จักจนโวยวายออกมาเป็นชื่อของลูกชายที่แสนจะคิดถึง

           ‘ฮึก ไอ้ลูกบ้า อยู่ไหน ฮึก คิกถึง เหงามากรู้ไหม อยู่ไหน ฮึก ไหนบอกไม่ทิ้งไง แล้วไปอยู่ไหน ฮึก ไปอยู่ที่ไหน’ ในความฝันนั้นพ่อโทนฟูมฟายอ้อนวอนให้ได้พบกับลูกชายที่สุดแสดจะรักและหวงแหน แต่น่าแปลกที่ในโลกของความจริงที่ หางตากลมขนตายาวเป็นแพร นั้นกลับมาหยดน้ำใสไหลคล้ายจะฟ้องว่าตนเจ็บปวดแค่ไหนในความฝันที่มืดมน …

.

.

           “ข้าจะออกไปตามหาไอ้โทน ได้เรื่องยังไงข้าจะโทรไปบอก” อีกด้านหนึ่งลูกไม้กำลังยืนแอบฟังปู่ทายพูดคุยกับลุงทิม ในขณะที่ตัวเองกำลังปล่อยหมัดเข้ากระสอบทรายอย่างโกรธแค้นในสิ่งที่ขโมยของรักไปจากอกแกร่ง นึกเจ็บใจตัวเองที่ปกป้องไม่ได้แม้กระทั่งคนที่รัก!

           “ใจเย็น ๆ ไอ้ไม้ ทำหน้าที่เอ็งให้ดีที่สุด รับรองได้ว่าปู่ทายเอาพวกมันตายแน่ไม่ต้องห่วง” พี่แสงที่ยืนคุมการซ้อมอยู่ข้าง ๆ พูดขึ้น ลูกไม้หันไปมองก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาพร้อมกับแสงตะวันกำลังเริ่มจะส่องแสงของวันใหม่

 … 

/////////

ใครแกล้งพ่อ!!!!!!!! 1 คอมเม้นท์เท่ากับ 1 กำลังใจของปาปานะคะ <3'



ออฟไลน์ kunkai

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +229/-2
เข้ามาเชียร์ลูกไม้ให้ได้แชมป์ แล้วตามไปตบไอ้คนลักพาพ่อโทน  :beat:

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

ตอนที่ 11 ทวงคืน


            ณ.สนามมวยกลางเมือง เด็กหนุ่ม วัย 18 โตเต็มวัย ผู้มีร่างกายเทียบเท่ากับชายฉกรรจ์ ก้าวลงจากรถตู้คันสีขาวด้วยชุดนักกีฬา กล้ามเนื้อถูกสรรสร้างจากความเพียร เวลานี้ใบหน้าหล่อเหลาเข้มทมึน ซะจนต่างคนพากันหลบสายตาที่เหยียดมองราวกับว่าโลกนี้เป็นศัตรูแล้วทั้งสิ้น ต่างจากตอนที่เป็นลูกเสือน้อยในอ้อมอกของผู้เป็นพ่อที่แสนรักและแสนเป็นห่วงมากซะจนใจใต้อกแกร่งเต้นเหล่าๆอยากจะเอาชนะใจแทบขาดและรีบไปช่วยแสนรักกลับมาโอบกอดตนเหมือนเดิม

           “เอ็งเข้าไปเปลี่ยนชุดและมาชั่งน้ำหนัก”ไม้ผลักประตูเข้าไปในห้องแต่งตัวของนักกีฬาตามที่พี่แสงบอก โดยลุงทิมไปติดต่อฝ่ายการแข่งขันว่า ค่ายอินทรารักษ์ พร้อมที่จะขึ้นชกในรุ่นซุปเปอร์ไลท์เวทแล้ว

           เด็กหนุ่มถอดเสื้อตัวเองออกพยายามไม่หงุดหงิดใจให้มากนัก สะกดกลั่นอารมณ์โกรธเอาไว้ถึงแม้มันจะยากลำบากแต่เขาต้องทำให้ได้เสื้อยืดสีดำถูกพับใส่ไว้ในล็อกเกอร์พร้อมกับโทรศัพท์ราคาถูกที่มีไว้เพียงจุดประสงค์เดียวคือโทรหาพ่อโทนก็ถูกวางไว้ด้านในสุดอย่างหวงแหน เปลี่ยนชุดมาใส่กางเกงมวยเปลือยซิกแพคที่ขึ้นรูปชัดอย่างสวยงาม เกินอายุแล้วเสร็จ คนที่จิตใจไม่นิ่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กลับต้องมานั่งมองมือที่สั่นระริก ตาคมเหยียดตามองเมื่อเสียงหัวเราะน่าเกียจ ๆ ของเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันดังขึ้นใกล้ๆ

           “ว่าไงไอ้ลูกพ่อแม่ตาย ได้ข่าวว่าได้บ้านใหม่แล้วนี้ ไม่นึกเลยนะว่าจะได้เจอกับมึงที่แบบนี้ หึหึ” ใบหน้าลูกครึ่งผิวขาวจมูกคมสันพิมพ์ลูกครึ่งเปิดประตูเข้ามาภายในห้องสำเนียงแปร่งๆบ่งบอกถึงสัญชาติชัดเจน

   ลูกไม้ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นและทำท่าจะเดินออกมาจากห้องแห่งตัวนักกีฬาโดยไม่สนใจ แต่กลับถูกกระชากกลับไป ไม้สะบัดตัวออกอย่างไวก่อนจะคว้าหมับที่คอของเด็กลูกครึ่งและกดเข้ากับกำแพงที่อยู่ใกล้ ๆ

           “มึงจะเอายังไงกับกู” ลูกไม้กัดฟันพูดอย่างระงับอารมณ์เด็กชายลูกครึ่งอึกอักในลำคอที่ถูกกดติดอยู่กับกำแพงก่อนจะหัวเราะออกมาเหมือนคนเสียสติ ทำให้ไม้หงุดหงิดเป็นอย่างมาก แต่ก็ต้องยอมสะบัดตัวออกไม่ให้ใครเข้ามาเห็นเสียก่อนไม่งั้นเขาต้องถูกปรับแพ้เป็นแน่

           “เจอกันบนเวทีไอ้มากอส”

           “แค่กๆ ฮ่าๆๆๆ เอ็งมันหมาผู้ดีตกบัลลังก์ทองฉิบหาย ฮ่าๆๆๆ” ไม้กำมือแน่นปิดประตูห้องลงอย่างแรง ทิ้งให้ มากอส ลูกครึ่งอเมริกาทรุดหัวเราะอยู่ที่พื้น

           “ไอ้ไม้ เอ็งมาชั่งน้ำหนัก เอ่อ … เอ็งไม่เป็นไรนะ”

           “เปล่าครับลุงทิม” ไม้พูดก่อนจะเดินนำลุงทิมออกไป ใบหน้าใจดีของลุกทิมขมวดคิ้วก่อนจะรู้สึกสังหรณ์บางอย่างจะผลักประตูห้องพักนักกีฬาเข้าไป แต่ก็ต้องชะงักมือเมื่อเสียงแหบห้าวทักขึ้น

           “นักมวยของเอ็งไปโน้นแล้ว จะเข้าไปยุ่งอะไรกับนักมวยข้า” ชายร่างสูงใหญ่ท่าทางนักเลง 3 คน เดินเข้ามาใกล้ลุงทิม จนเจ้าตัวต้องหันไปมองอย่างเต็มตาและกระตุกยิ้มเลิกคิ้วขึ้นและพูดออกมา

           “เปล่า ข้าก็แค่กลัวว่าเด็กของเอ็งจะถูกเด็กของข้าซัดหมอบไปซะก่อนเกมเริ่มวะ” พวกนั้นพากันแยกเขี้ยวก่อนใส่ที่จะเข้ามาหาหวังทำร้าย แต่เจ้าแสงกลับแทรกตัวเข้ามาอยู่ตรงกลางเสียก่อน

           “โห ๆ  พี่จะรังแกคนแก่แบบนี้หมาหมู่ไปมั้ง เจ้าข้าเอ้ย นักมวยนอกรีดจะชกนักมวยมีชื่อจ้า เร่เข้ามาๆๆๆ ค่าดูน้ำหน้าคนละ 8 บาท มาเร็ววววววว”เสียงกู่ร้องนั้นทำให้นักมวยนอกรีด รีบพุ่งเข้ามาในห้องเสียก่อนที่กรรมการการตัดสินจะมาเห็นเหตุการณ์ ทิ้งให้แสงยืนหัวเราะท้องแข็งอยู่ ไม่แคล้วโดนลุงทิมตบหัวคว่ำเพราะเอ็ดว่าแกนั้นแก่ แก่อะไรแค่ 50 กลาง ๆ เท่านั้นเอง ป๊าดโธ่วววววว

           “มีอะไรกันหรอครับ” ไม้วิ่งเข้ามาหน้าตาตื่นเมื่อได้ยินแสงตะโกนอะไรอยู่แง้ว ๆ แต่ไม่ชัดมากเพราะที่ชั่งน้ำหนักนักกีฬาอยู่ค่อนข้างไกลจากที่พักนักกีฬา

           “ไม่มีอะไร เอ็งชั่งเสร็จแล้วหรือไงว่ะ”

           “ครับ เดี๋ยวผมเข้าไปเอาโทรศัพท์ดีกว่าเผื่อปู่จะโทรมาบ้าง”

           “ไม่ต้อง เอ็งอยู่นี้แหละ ถ้าปู่เอ็งมีอะไรมันจะโทรมาหาข้าเอง”

           “แต่ …”

           “เออน่ะ ไป ไอ้แสงพาไอ้เด็กนี้ไปอบอุ่นร่างกายเสียไป” แสงขานรับและกอดคอลูกไม้เดินออกไปที่วังเวียนซ้อมด้านใน ลุงทิมเหลือบมองประตูห้องนักกีฬาก่อนจะเดินตามออกไป เพราะรู้อยู่แก่ใจถ้าจับไอ้พวกนี้ได้ง่าย ๆ มันคงไม่รอดมาถึงปัจจุบัน และเขาเชื่อฝีมือของไม้ดีว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใคร 



           “เอ็งเอานี้ไปฉีดให้มันซะไอ้หมี ให้ไวก่อนที่จะมีใครมาเห็น”

   เจ้าของชื่อรับซองใส่เข็มฉีดยาที่มีวัตถุสีขาวบรรจุอยู่ครึ่งหลอด ก่อนที่จะหันไปมองพวกอีกคนที่ยืนบังประตูอยู่ไม่ให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาภายในห้องได้ จัดการแกะเข็มฉีดยาออกมาจากซอง ก่อนจะกระชากแขนของมากอสที่ดูเหม่อลอยและสติไม่ค่อยคงที่มาวางที่ขาตัวเอง ก่อนจะปักเข็มลงมิดด้าม และฉีดสารเสพติดบาง ประเภทเข้าสู่สายเลือดของเด็กลูกครึ่งวัยเดียวกับลูกไม้

           “เฮ้ย พี่บิ๊กกูว่ามันไม่ไหวแล้วนะ” เจ้าคนฉีดเริ่มหวั่น ๆ เมื่อเห็นมากอสกำลังเคลิ้มและแสยะยิ้มออกอย่างเมามาย

           “มึงฉีดไปแล้วเพิ่งจะมาพูดเหรอไอ้ห่า นายสั่งมา ให้มันขึ้นชกรอบนี้เสร็จมันก็ได้พักยาวแล้ว ช่วยไม่ได้นี้หว่า เสือกมาเป็นนักมวยค่ายนี้เอง สักพักมันก็ดีขึ้นเองแหละ”

   หัวโจก ว่าก่อนจะเอาผ้าชุบน้ำโป๊ะลงบนหัวของมากอสที่กำลังเมามายอยู่ สักครู่เดียวเข็มอีกอันก็ถูกปักลงซ้ำที่เดิมทำให้อาการสงบลง เงยหน้าขึ้นมองสามหัวโจกก่อนจะแสยะยิ้มราวกับเสือกระหายเลือด

            “ถ้ายกนี้ผมชนะ … ผมขอเงิน 10 ล้านนะครับ”

.

.

.



           อีกด้านปู่ทายตะเวนหน้าไปโดยรอบและสถานที่ที่คิดว่าลูกน้อยของเค้าจะหลงไปอยู่ในกรงเล็บของพวกฝูงหมาป่าลอบกัด แต่ไม่ว่าจะหายังไงก็หาไม่เจอ กระป๋องกาแฟถูกวางลงที่เสาต้นเตี้ย ๆ ที่เอาไว้ขึงเชือกกันขโมยเข้าไปในไร่ข้าวโพดที่อยู่ห่างจากบ้านของเขาค่อนข้างไกล

           “ลุงฉันว่า…”

           “เอ็งหยุดพูดไอ้เมฆ ข้ารู้ว่าเอ็งจะให้ข้าไปบุกบ้านไอ้เสือเฒ่าดำรงใช่ไหม”

           “ครับ”

           “โอ้ยยยย ไอ้เมฆเอ็งยังเด็ก อย่างไอ้เสือดำรงนะ มันไม่โง่เอาไอ้โทนไปไว้ที่บ้านมันหร๊อกกกกกก” ลุงจันทร์ที่กำลังสูบยาเส้นอยู่พ่นควันฉุนออกมา

           “ข้าให้เพื่อนตำรวจข้าตามหาให้อีกทีแล้ว ถ้ามีอะไรก็คงโทรมา แต่ตอนนี้ข้ามีอีกที่ต้องไป” ปู่ทายว่าก่อนที่จะขึ้นจะกระโดดขึ้นรถกระบะไป 

   พี่เมฆหันมามองหน้าลุงจันทร์ที่ยักไหล่ขยี้บุหรี่ยาเส้นลงกับพื้นกระโดดขึ้นท้ายกระบะอย่างคล่องตัว ตามด้วยเมฆที่เดินขึ้นไปนั่งข้างๆคนขับ ตาคมเหลือบมองใบหน้าบึ้งตึงของปู่ทายที่คิ้วขมวดอย่างหงุดหงิดใจและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ คนที่น่ากลัวเหมือนจะไม่ใช่ฝั่งตรงข้าม แต่เป็นปู่ทายในตอนนี้นั้นแหละ



 

-โทน-

           ให้ตายดิหว่า … ปวดตัวชะมัด ไอ้พวกนรก ผมจำได้ว่ามันถีบผมตกจักรยาน แถมยังทารุณกรรมด้วยการสับศอกที่คอผมอีก … คือแบบไอ้เหี้ย ตัวกูก็เท่านี้ปะวะ แม่งไม่นึกเลยเนอะ ว่ากูมีลูกมีเต้าต้องดูแล สาดหมามาก เดี๋ยวนะรอกูขยับตัวได้ก่อนกูจะแหกปากด่าให้กระเจิงเลย ก่อนอื่นกูต้องลืมตาให้ได้ก่อน มึงคงไม่จิ้มตากูบอดไปด้วยสินะ

           “เฮ้ย พี่มันลืมตาแล้วอะ ดูดิ” สาดไม่เรียกคนมาป้อนต้นไผ่ให้กูด้วยเลยละ ตื่นเต้นซะอย่างกับกูเป็นหมาแพนดี้ขนาดนี้

           ผมลืมตาขึ้นมองไปโดยรอบ เห็นไอ้หน้าหมาไฮยีน่า กำลังก้มลงมามองผมในระยะไปชิด … ขอโทษนะ แต่เอาหน้าไปไกล ๆ หน่อยได้ไหมละ กลัวใจจะขาดแล้วพี่แหม กูนึกว่าผีป่าและนั้นฟันหน้ามึงหายไปไหน!!!

           “แม่งเอ้ย”

   ผมสบถออกมาทันทีที่พยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งและรู้สึกเจ็บแปลบที่แขนและขาของตัวเองที่เอาลงไปวัดกับถนนมาสด ๆ ร้อน ๆ ก้มไปมองและต้องเสียวไส้ ไอ้บ้าเลือดยังไม่หยุดเลย พวกมึงก็ใจร้ายเนอะ ไม่หาผ้าหาอะไรมาพันให้กูสักแอะ ใจมึงดำมาก ฮือออออ ออออออ กูอยากไปดูลูกกูชกมวยยยยยยยยยยยยยย พวกมึงมันชั่ว!!!!! ตัวชั่ว !!!   

           “เป็นไงไอ้เตี้ยสนุกดีไหมละ ฮ่าๆๆๆ” คางผมถูกเชิดขึ้นไป แม่ง กูไม่ใช่นางทาสของมึงนะ

           “เตี้ยพ่อง” ผมกันฟันด่าแม่ง ไอ้แมลงสาบที่ราบสูง นรกส่งมาเกิด!!! ด่าอย่างอื่นกูไม่ว่าด่ากูเตี้ยกูแค้นยันชาติหน้า ฮึ้มๆๆๆๆๆ!!!

           “ปากดี กูจะรอดูว่าปากมึงจะดีได้ถึงไหน”

ถุ้ย!!!

           กูถมน้ำลายที่เต็มไปด้วยเมือกเลือดของกูใส่หน้ามัน กูบอกแล้วว่าเอาหน้าไปจากหน้ากู ไม่งั้นต้องเจอแบบนี้ ฮึ คนอย่างพ่อโทนพ่อไอ้ไม้ ลูกปู่ทาย ไม่ยอมให้ใครมาหยามง่าย ๆ หรอก พวกมึงเล่นสกปรกกับกูก่อน กูไม่ผิด พวกมึงมันพวกเวร!!!!

           “ไอ้ห่านี้!”

ผลั๊ว!!!!

           อ๊ากกกกกก มันตบหน้ากู ฮือออออออออออ หน้ากูชาเลยไอ้พวกเวรตะไล ไอ้พวกบ้า แม่ง!!! ฮึก เจ็บ!!! แต่ต้องเก็กไว้ก่อน เดี๋ยวมันได้ใจ !!! ผมสะบัดหน้ากลับมามองมันตาแข็งปั๊ก ไม่ให้มันรู้ว่าตอนนี้ปากผมเจ็บแค่ไหน ถึงแม้เลือดจะออกก็ไม่เป็นไร ฮึก ไอ้พวกบ้า

           “เดี๋ยวกูก็ตบอีกป๊าบ ทำเป็นตาขวางไอ้ห่า”

           “เฮ้ย พอเดี๋ยวมันก็ตายพอดี มึงก็อย่าไปแหย่มันสิวะ” กูไม่ใช่แมวน้ำนะ ถึงจะมาพูดแบบนั้นอะ ไอ้พวกเวร รอพ่อกับลูกกูมาก่อนเถอะ พวกมึงจะตายไม่เหลือซาก ฮึก กูอยากไปดูลูกกูชก กูอยากไป พวกมึงไอ้ตัวมาร ฮึก

           “มันร้องไห้วะพี่ สงสัยจะเจ็บแผล ฮ่าๆๆๆๆ” พ่องสิกูอยากไปดูลูกกูชก ฮึก แผลพวกนี้ไม่สะเทือนผิวก็หรอก ฮึ ไม่เจ็บสักนิด กูร้องไห้เพราะพวกมึงไม่ให้กูไปดูลูกกูชกต่างหาก ฮึก พวกมึงเลวมาก พรากพ่อพรากลูก กูเกลียด

           “พี่ๆ นายดำรงมาวะ”

           “เอ็งก็ไปต้อนรับสิวะ ส่วนเอ็ง ทำหน้าดี ๆ ต้อนรับนายพวกข้าหน่อยนะ ฮ่าๆๆๆๆ เสือกอยากเป็นศัตรูกับค่ายพยักษา ของพวกข้าเอง” ค่ายอะไรนะ โอ้ย ทำไมต้องตบหัวกูอีกด้วย เห็นเป็นลูกข่างหรือไง ไอ้พวกบ้า ฮึก เจ็บนะ

           “สวัสดีครับนาย”

           “ไหนพาข้าไปดูมัน” เสียงนั้นคุ้น ๆ ก่อนที่ผมจะผงะเมื่อมองเห็นตาแก่คนที่เอารถมาดักขวางทางผมคราวนั้นไอ้แก่ขี้ป๊อดนั้นนี้หว่า

           “ฮ่าๆๆๆๆๆ ว่าไงไอ้หนู ดูท่าทางไอ้ปากกล้าอย่างวันนั้นจะไม่มีแล้วสินะ แหม…น่าสงสารจริง ๆ ” ผมกัดปากตัวเองแน่น ทำไมวะ ทำไมต้องทำแบบนี้กับผม ผมไปทำอะไรให้ เรื่องผลประโยชน์ของค่ายหรือไง งั้นก็แสดงว่าค่ายมันไม่เจ๋งจริงถึงต้องจับผมมาขมขู่แบบนี้ ถุ้ย กร่าง!!!!!!

           “ฮึ น่าสมเพช ใช้วิธีสกปรกเอาชนะคนอื่นภูมิใจมากสินะไอ้เฒ่า!!!!”

ผลั๊ว!

           ไม้ตะพดที่มันถือมาฟาดเข้าที่แก้มของผมซ้ำที่เดิมจนผมรู้สึกชามากกว่าเจ็บเอาดิ ทำอีก!!!! ไอ้พวกรังแกคนไม่มีทางสู้!!!!!

           “ปากดีนักนะ ตัวสั่นเป็นลูกนกแล้วแท้ ๆ ฮึ พ่อเอ็งทำกับข้าไว้เยอะกว่านี้มาก พอดีว่ามีคนเขาอยากได้ลูกเอ็งเอาไปฆ่า ข้าก็เลยรับงานมา หึหึ คิดดูสิวะ ลูกเอ็งตายคาเวที ส่วนเอ็งก็ช้ำใจตายคามือข้า โอ้ยยยยยยย ไอ้ทายคงสติแตกดีนักแล ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”

           “มึงจะทำอะไรลูกกู!!!!!!!”

           “เป็นห่วงตัวมึงก่อนเถอะ! พวกมึงจับมันมัดมือมัดปากและพาไปขึ้นรถ!!!!... กูจะพามันไปดูลูกมันตายคาเวที ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะน่าสะอิดสะเอียดนั้นทำให้น้ำตาผมไหลพรากก่อนจะถูกจับมัดมือมัดเท้าแบกมาขึ้นรถตู้ที่อยู่ด้านหน้า

ตุบ

           ผมถูกโยนเข้ามาในรถที่เบาะเหมือนพื้นไม้ ไม่มีความนิ่มสักนิด น้ำตากับเลือดไหลพรากเต็มไปหมดกลิ่นคาวนั้นทำให้ผมลมแทบจับ ฮึกลูกไม้ ฮึก ลูกของผม ไม่นะ อย่าทำอะไรมัน ปล่อยมันไปใช้ชีวิตให้คุ้ม ฆ่ากู ฮึก ฆ่ากูให้ตายเลย ถ้าชีวิตนี้จะทดแทนไอ้ไม้ได้ อย่าทำอะไรเลยนะ ฮึก พ่อทาย ฮึก ช่วยไอ้ไม้ด้วย  เ



-ไม้-

   ผมมองอาเกื้อที่ทำท่าจะทรุดลงกับพื้นทันทีที่รู้ว่าพ่อโทนโดนจับ แต่โชคดีที่พี่ทิวเพื่อพ่อ รวบตัวไว้ก่อนที่จะพาไปนั่งที่เก้าอี้ใกล้ ๆ หน้าแดงของอาเกื้อทำให้รู้ว่าอาเป็นห่วงพ่อโทนมากแค่ไหน เพื่อนพ่อโทนต่างพากัน สบถด่าออกมาไม่ขาดสาย

    เช่นเดียวกับผมที่เป็นห่วงพ่อโทนเหลือเกินไม่รู้ป่านนี้พ่อโทนของผมจะเป็นยังไงบ้าง นาทีแต่ล่ะวินาทีช่างเดินช้าเหลือเกิน เมื่อไหร่ผมจะได้ไปหาพ่อโทน เมื่อไหร่ที่ผมจะได้อยู่ให้อ้อมกอดเล็ก ๆ ที่แสนบอบบางนั้นอีก ผมจะทำยังไงถ้าพ่อโทนต้องเป็นอะไรไป ทั้งหมด … ทั้งหมดเป็นเพราะผมคนเดียว ตัวซวยคือผมเอง

           “อีก 10 นาที ไอ้ไม้หยุดซ้อมและลงมานั่งพักได้แล้ว” ผมทำตามคำสั่งลุกทิม กระโดดลงจากสังเวียนด้วยสายตานักมวยคนอื่น ๆ ที่มองมาไม่ขาดสาย มือของผมที่อยู่ในนวมตอนนี้สั่นระริกและแข็งกระด่างไปหมดด้วยการปล่อยหมัดแรงมากเกินไปหน่อย … ไม่ไหว ผมห้ามใจไม่อยู่ ผมจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว

           “ปู่ติดต่อกลับมาไหมครับ”

           “ยัง เอ็งทำใจให้สบาย”

           “ผมขอโทรหาปู่ได้ไหมครับ”

           “เฮ้อ เออๆ ไอ้แสงเอาโทรศัพท์มา” ลุงทิมรับโทรศัพท์มาก่อนจะส่งให้ผม ผมกดเบอร์ที่จำขึ้นใจก่อนจะโทรออกไป ข้างๆมีเพื่อนพ่อโทนที่ชื่อป๊อกกอดคอผมอยู่ไม่ห่าง

           “ว่าไง”

           “ปู่ครับ”

           “มึงยังไม่ไปเตรียมตัวหรือไง”

           “ปู่ครับ ผมเป็นห่วงพ่อโทน” หยดน้ำใส ๆ ที่ไม่ใช่เหงื่อไหลออกมาจากหางตาของผมอย่างห้ามไม่ได้เสียงของปู่ขาดหายไปก่อนเสียงถอนหายใจจะดังลอดออกมา

           “มึงทำหน้าที่ของมึง กูทำหน้าที่ของกู และจำไว้ต่อให้มันเล่นสกปรกอะไรมาก็ตาม มึงต้องชกให้ถูกกติกา ห้ามใช้อารมณ์ไม่งั้นอนาคตมึงดับวูบแน่ เชื่อกู” แล้วปู่ก็ตัดสายไป ผมกัดฟันแน่นก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้ลุกทิม สูดหายใจเข้าลึกๆและยืดตัวตรง … ผมจะไม่ยอมเสียอะไรทั้งนั้น …

           “พี่แสงช่วยนวดมือให้ผมหน่อยนะครับ”

           “เออได้ ๆ ไอ้ป๊อกไอ้ทิวมึงมานวดขาให้มัน เอาน้ำมันมวยมา เร็วๆ” พี่แสงรีบวิ่งเข้ามากดผมให้นั่งลงก่อนจะถอดนวมผมออก และจัดการเข้ามาขวดแขนนวดขาผมเป็นการใหญ่ … ผมจะสู้ เพื่อพ่อโทน ผมจะสู้เพื่อนอนาคตที่ผมพ่อโทน ไม่ยอม ผมไม่ยอมเสียคนที่ผมรักไปอีก ไม่มีวัน …

           

           10 นาที ผ่านไป ทุกสิ่งทุอย่างที่ผมรอคอยมาถึงเมื่อลุงทิมเดินนำผมเข้ามาในสนามมวยที่มีผู้ชมกว่าหมื่นคน ส่งเสียงกู่ร้องดังขึ้นเชียร์ไม่ขาดสายและส่วนมากจะเป็นของฝั่งตรงข้ามเสียมากกว่า

           “โอ้โห วันนี้ดุเดือดมากเลยนะครับสำหรับมวยชิงแชมป์ ในวันนี้ แชมป์เก่าเจ้าประจำของเวทีมวยสนามประจำจังหวัดแบบนี้ มากอส ลูกครึ่งเพชรเด็ดพยัคฆ์!!!จากค่ายพยักษา!!!” สิ้นเสียงพิธีกร ไอ้มากอสก็กระโดดขึ้นมาบนเวทีพร้อมกับเสียงเชียร์ที่ดังก้องด้วยความฮึกเฮิม … มันแปลก ๆ นะ

           “อีกด้านผู้ท้าชิงก็ไม่น้อยหน้า เด็กหนุ่มผู้ไม่เคยพ่าย ชนะมาได้ทุกรอบทุกชกด้วยเวลาที่เป็นสถิติ สมกับชื่อของเค้าไอ้ไม้หมัดเหล็ก จากค่ายอินทรารักษ์!!!!”

   เสียงโห่ไล่ดังขึ้นทันที แต่ก็ยังดีที่มีเสียงเชียร์จากที่ไกล ๆ อยู่บ้าง ...    ผมกระโดดขึ้นมาบนเวทีด้วยแสงไฟที่สาดสองมา หันไปมองไอ้มากอสที่นั่งทมึนมองมาเหมือนไอ้บ้าโรคจิต ด้านหลังมีพี่เลี้ยงอยู่สามคน จากนั้นพิธีกรก็พูดอะไรต่อสักอย่างและเสียงดนตรีไทยก็ดังขึ้น ผมกับไอ้มากอสร่ายรำไว้ครูมวยไทย ตามจังหวะ มีบางช่วงที่ความดุดันของไอ้มากอสเหมือนจะขมขู่มาที่ผม แต่ผมก็ไม่ได้สนใจท่าทางลิงหลอกเจ้าของมัน รำในแบบที่ถูกต้องตามที่ปู่สอนมา มารก็คือมาร …

           พอรำเสร็จผมก็มาที่มุมเวทีเพื่อครอบครูจากลุงทิม ลุงเขาภาวนาให้ผมทำให้ได้เหมือนอย่างเคยก่อนที่ยางฟันจะถูกยัดเข้ามาในปากของผม … ผมพร้อมแล้ว

เป๊ง!!!

           เสียงระฆังดังขึ้น ผมไม่รอให้เวลาสูญเปล่าวิ่งเข้าใส่จระเข้ฟาดหางหวังให้ทีเดียวจบ … แต่

ผลั๊ว!!!!

           ไอ้มากอสล้มลงไปกับพื้นทันที … พอกันที ผมไม่อยากสู้แล้ว ผมอยากไปหาพ่อโทน … ทั้งสนามเงียบสงัด ผมค่อย ๆ ถอยหลังเข้ามุมตัวเองเสียงโห่ร้องของเพื่อนพ่อโทนดังอย่างยินดี กรรมการเข้ามานับไอ้มากอสที่แน่นิ่งอยู่ที่พื้น ขอโทษทีนะ แต่ทีเดียวจบแบบนี้น่ะดีแล้ว

           “1 2 3… ชกต่อได้!”

           อะไรนะ …

           “เฮ้ย ระวัง!!!” เสียงพี่แสงดังขึ้นผมรีบหันไปตั้งกาดทันที หมัดรัว ๆ กระทบเข้าที่กาดผมหลายต่อหลายหมัด เป็นไปได้ยังไง น่าจะสลบไปเลยนี้หนา … หมัดสุดท้ายชัดใส่กาดผมแต่ไม่ทะลุ ก่อนจะเบี่ยงตัวถอยหลังไป ผมคลายกาดออกมองไปที่ไอ้มากอสที่ยืนแสยะยิ้มอยู่ อะไรกัน มันเป็นปิศาจหรือยังไง อะไรก็ช่าง ผมไม่ยอม!!!!

           ผมวิ่งเข้าไปปล่อยหมัดใส่มันบ้าง รอบนี้มันตั้งกาดไว้เหมือนกัน แต่ผมใช้มือซ้ายเจาะเคาเตอร์จากด้านล่างเสยปลายคางของมันจนหน้าหงาย มันถอยหลังลู่ไป แต่ก็กลับมาแสยะยิ้มได้อีก … อะไรกัน … มันเข้ามาชกผมไม่หยุดหย่อน พลังเหมือนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อีกต่างหาก การปล่อยหมัดของผมเริ่มเปลี่ยนมาเป็นการตั่งรับไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้ปล่อยหมัด ขื่นเป็นเป็นแบบนี้ ถ้าชกครบยก การปล่อยหมัดของมันจะต้องชนะผมด้วยคะแนนแน่ๆ … ไม่ได้ ผมต้องน็อกมันให้ได้!!!!

เป๊ง!!!!

           เสียงระฆังหมดยกดังขึ้น กรรมการเข้ามาแยกเราออก ผมกลับเข้ามุมตัวเองด้วยอาการหอบขึ้นคอในขณะที่ไอ้มากอสไม่ได้มีความสะดุ้งสะเทือนอะไรเลย …. แปลก มันแปลกมาก

           “ไหวไหมวะ”

           “ไหวพี่ แปลกนะพี่ผมว่า” ผมหันไปกระซิบพี่แสงที่ป้อนน้ำผมอยู่ด้านหลัง พี่แสงพยักหน้าก่อนจะหันไปมองลุงทิม

           “ดูท่าทางไอ้ห่าพวกนั้นจะขี้โกง มึงตั้งใจดูมันไปก่อน เน้นจุดสำคัญของมันไปเยอะ ๆ ” ลุงทิมว่า ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่เสียงระฆังจะดังขึ้นอีกครั้ง ผมลุกขึ้นยืนพร้อมกับกลยุทธ์ที่มีอยู่ในสมองแล้วตอนนี้

    แต่รอบนี้สายตาของผมกับเงยหน้าไปด้านบนที่เป็นอาคารตู้กระจกยื่นออกมา เป็นที่ VIP สำหรับลูกค้าพิเศษ และก็แทบช็อก เมื่อร่างที่อ่อนปวกเปียกของพ่อโทนปรากฏอยู่ด้านบน ตัวของเขามีแต่เลือดถูกมัดมือมัดเท้าอย่างน่าสงสาร แววตานั้นเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลริน พ่อโทน พ่อโทนของผม …

   “เสร็จกู”

ผลั๊ว!!!!!!

           ปลายคางผมสะบัดเงยขึ้นสุดแรงจนรู้สึกชาไปทั้งสมอง … ภาพของพ่อโทนตะเกียดตะกายอยู่ในกระจก … เสียงโห่ร้องราวกับสัตว์ป่าของคนดู … พ่อโทน … พ่อโทนของผม




ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4
.
.
.


           “สารเลว !!!”

เพียะ!

           แก้มนวลขึ้นเป็นลายมือที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาพ่อโทนกัดฟันแน่นหันกลับมาทำตาขว้างใส่น้ำตาไหลออกมาเป็นทาง ด้วยความคับแค้นใจแต่ไม่สามารถทำอะไรได้เนื่องจากถูกจับมัดและเสียเลือดมากจนพ่อโทนรู้สึกเพลีย แต่ในใจตอนนี้กลับร้อนผ่าวเหมือนกันไฟเผากาย เมื่อภาพของลูกน้อยตัวใหญ่ของตนล้มลงไปกองกับพื้นเมื่อโดนสวนปลายคางเข้าอย่างจัง

           “ลุกสิวะ !!!! มึงโดนกูตบไปตั้งเยอะ ภูมิต้านทานหายไปไหนหมด ลุกเซ่!!!!!!”

   พ่อโทนตะโกนลั่นเสียงสั่นระรัวในลำคอตะเกียดตะกายเอาหัวไหล่กระแทกกับกระจกตรงหน้าเหมือนคนบ้า เขาอยากที่จะทุบกระจกตรงหน้าให้แตกลงไปยืนอยู่ข้างลูกรักบัดเดี๋ยวนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ในสภาพแบบนี้ ได้แต่นึกเจ็บใจที่เป็นพ่อกลับช่วยอะไรลูกไม่ได้สักอย่าง

           ในขณะที่พ่อโทนหลับตาไม่อยากมองเบื้องล่างอีกต่อไป กลุ่มไรผมสีน้ำตาลอ่อนก็ถูกกระชากไปด้านหลังจนหน้าหงาย พ่อโทนลืมตาแดง ๆ ขึ้นมองขวางใส่นายดำรงเจ้าของใบหน้าขี้โกง

           “ฮ่าๆๆๆๆ หมดแรงแล้วหรือไงไอ้หนู ดูซะดูซะให้เต็มตา ลูกนอกไส้ของผมกำลังจะโดนฆ่า ทั้งกรรมการ ทั้งไอ้เด็กนั้น มันคือคนของกู ฮ่าๆๆๆๆๆๆ”

           “มึงมันสัตว์นรก จะไม่แก่ตาย!!!!”

           “แค่นี้ยังน้อยไปสำหรับพ่อของมึง!!!”

   มือหนาจะง้างตบลงบนหน้าของพ่อโทนที่หลับตาปี๋อีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อได้ยินเสียงเชียร์เฮลั่นดังก้องจากสนามด้านล่าง กรอบตากลมก้มลงไปมองที่สนาม ที่บัดนี้ร่างแกร่งของลูกไม้ยืนตระหง่านอยู่บนเวทีคร่อมตัวของคู่ต่อสู้ที่ล้มคว่ำลงไปกับพื้นเวที และก็ต้องสะดุ้งหน่อย ๆ เมื่อตาคมนั้นเชิดเงยขึ้นมาทางนี้อย่างแค้นเคือง ราวกับเด็กคนนี้เป็นปิศาจที่กำลังเกรี้ยวกราดและพร้อมจะฆ่าฟันทุกสิ่งให้แหลกคามือ

           เขาเองก็เคยเห็นด้วยตาของตัวเองมาแล้วเช่นกัน …

           “เกิดอะไรขึ้นวะ ทำไมมันลุกขึ้นมาได้” นายดำรงหันไปถามลูกน้องที่วิ่งเข้ามาในห้องหน้าตาตื่น

           “ไม่ทราบครับนาย ขนาดไอ้มากอสฟิตเต็มที่มันยังล้มได้ ผมว่าไอ้เด็กนั้นไม่ธรรมดาแน่ๆ”

           “แม่งเอ้ย พาไอ้เด็กนี้ไปไว้ที่อื่นก่อน”

   นายดำรงว่าพร้อมควักเอาปืนที่เหน็บอยู่ข้างตัวขึ้นมาถือไว้ ในจังหวะนั้นพ่อโทนก็โดนอุ้มขึ้นบ่าของชายร่างอ้วนไป ในแววตาอันอิดโรยของพ่อโทนกลับมีประกายความสะใจบางอย่างและรอยยิ้มน้อย ๆ นั้นบอกได้ถึงความอบอุ่นใจที่เริ่มรู้ถึงความปลอดภัยที่กำลังจะมาหาตน

   ร่างของพ่อโทนถูกแบกลงมาวางกระแทกพื้นในห้องที่มืดสนิทและมีกลิ่นอับ ก่อนที่ลูกกระจอกจะรีบวิ่งออกไปล็อกประตูจากด้านนอก ทิ้งให้พ่อโทนอยู่เพียงลำพังในห้องที่ปิดตาย

           ตากลมมองฝ่าความมืดไปบนเพดานก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นกระเถิบตัวเล็กของตัวเองที่เต็มไปด้วยเลือดที่แห้งกรังติดรอบ ๆ บางแผลที่ตึงไปหมดทั้งตัวไปชิดกำแพง ก้มหน้าลงกับเข่าที่ยกขึ้นมากอดเอาไว้ น้ำตาที่ไหลออกมาเหมือนไม่มีวันหยุดของตัวเอง รอคอยใครสักคนมาช่วยเช็ดและปลอบประโลม เสียงสะอื้นในลำคอดังขึ้นแทบขาดใจ ขัดกับรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากที่แสนจะดีใจ เมื่อได้รู้ว่าลูกชายสุดที่รักไม่ได้พ่ายแพ้ ไม่ได้มีแผลในใจซ้ำเติมลงไปให้เจ็บช้ำ …

           “เก่งมาก … ฮึก เก่งมากเลย” คำชมนั้นดังสะท้อนไปมาในห้องที่ปิดตาย และไม่มีใครได้ยิน…

           นายดำรงวิ่งลงมาจากห้องกระจกด้านบนพร้อมลูกน้องกว่าสิบคน ต้องหยุดชะงักร่างตระหง่านของลูกไม้วิ่งขึ้นบันไดมาเหมือนวัวบ้าอกเปลือยกระเพื่อมขึ้นลง ใจร้อนดังเพลิงเผากาย มือหนากำแน่นตาคมจ้องเขม่นเหมือนปิศาจตัวร้าย อีกฝ่ายถอยหลังก่อนที่ปืนนับสิบกระบอกจะหันลำกล้องมาทางลูกไม้ที่ยืนอยู่ตรงหน้า

           “ไอ้เด็กนรก” นายดำรงคำรามขึ้นเสียงดังราวกับหมาป่าจอมขลาด

           “พ่อกูอยู่ไหน” เสียงห้าวลอดไรฟันออกมาใบหน้าบึ้งตึง

           “พ่อมึงตายไปแล้ว กูฆ่ามันกับมือ และกูก็จะฆ่ามึงด้วย!” เสียงขึ้นไกปืนดังขึ้น

   เด็กหนุ่มแสยะยิ้มน้อยๆ ก่อนจะพุ่งเข้าไปก่อนที่ปืนซื่อบื้อจะลั่นไกได้ เข้าประชิดตัวนายดำรงและตวัดแขนรวบคอของนายดำรงอย่างแรง จนลั่นดังกรึบในรูหูขึ้น เพียงเสี้ยววินาที ร่างขี้เง่าของนายดำรงที่ตัวไม่ได้ใหญ่ไปกว่าลูกไม้เลย ก็อยู่ในกำมือของมัจจุราชรุ่นหลานอย่างจนตรอก ความเชี่ยวชาญจากการเพียรฝึกซ้อมมาตลอดหลายปีและความโกรธเคืองราวกับสัตว์ป่าหิวกระหายเลือดของลูกไม้ทำให้เขาอยากจะฆ่าให้ตายคามือบัดเดียวนี้

           “ยิงเลยสิ กูจะได้หักคอนายมึงให้ตายคาที่ไปซะ คราวนี้ตอบคำถามกูได้หรือยัง” เสียงนั้นคำรามลั่นฝ่ามือหนาขยุมบีบเข้าที่ลำคอตัวประกัน เมื่อลูกน้องเห็นเจ้านายตาเหลือกก็พากันมองกันเองอย่างลังเลใจ

           “ยิงมะ …อ๊อก! คอกู!!!  ปล่อยกู!!!! อ๊ากกกกกก” มือหนาบิดคอหนาไปอีกที ทำให้เกิดเสียงดังโผล๊ะขึ้นในหูของนายดำรง

           “จุ๊ ๆ เบา ๆ สิครับคุณลุง เดี๋ยวคอจะหักเอาง่าย ๆ นะครับ” เสียงห้าวพูดขึ้นพร้อมกับริมฝีปากที่แสยะยิ้มมองไปที่ลูกน้องนับสิบที่หน้าตาโง่งี่เง่าไม่ต่างกัน รอให้ได้ตัวพ่อโทนกลับมาก่อน … เขาจะชำระแค้นให้ตายคาที่ให้หมด บังอาจนัก บังอาจทำร้ายหัวใจของเด็กน้อยได้ยังไง …

           “ไปเอาตัวพ่อโทนมา คราวนี้กูไม่เล่นแน่” แขนหนาของลูกไม้วาดไปรอบคอของนายดำรง มืออีกข้างวาดมาจับบริเวณกรามหนาของนายดำรงจากด้านหลัง ใบหน้าที่เคยมีความอ่อนโยนให้แก่พ่อโทนตอนนี้เหมือนดั่งปิศาจร้ายที่ไม่สนอะไรทั้งสิน

           “กูขอเตือนพวกมึงนะ ไอ้เด็กนี้มันเอาจริง บอกมันไปเถอะว่าพ่อมันอยู่ไหน” แสงพูดขึ้นพร้อมกับเดินก้าวเข้ามายืนข้าง ๆ ลูกไม้ มองหน้าศัตรูอย่างเย้ยหยัน

           “เรื่องของมึงกับไอ้ทาย เด็กมันไม่เกี่ยวด้วย มึงจะเอามันมาเกี่ยวทำไม” ลุงทิมพูดขึ้นพร้อมกับเดินมาประจันหน้าอย่างไม่เกรงกลัวปืนที่หันลำกล้องมาทางนี้เช่นกัน

           “เสือก! … อ๊อก ยะ อย่า กูบอกแล้ว นะ ในห้องมืดด้านในสุดทางเดิน” ลูกไม้ยิ้มนิด ๆ ก่อนจะล็อกตัวนายดำรงให้เดินมาด้วยกันทิ้งให้ลุงทิมและพี่แสงยืนคุมเชิงอยู่ที่เดิม

           “ปู่มึงมันชั่ว มึงก็เลือดชั่ว สารเลวทั้งโคตร!”

           “หุบปากก่อนที่กูจะฆ่ามึงให้ตายไอ้แก่” ลูกไม้คำรามในลำคอ ลากไอ้เฒ่าปากดีเดินมาจนถึงหน้าประตูห้องสีครีม

   เด็กหนุ่มมองต่ำลงลูกกุญแจดอกใหญ่ที่ถูกล็อกอยู่อย่างแน่นหนา ก่อนที่ฟันคมจะขบกันแน่น ใจร้อนดังเพลิงเผาอยากที่จะอยู่ในอ้อมกอดเล็ก ๆ นั้นใจแทบขาด พ่อโทนดวงใจของลูกไม้ป่านนี้จะเป็นอย่างไร ลูกไม้คิดถึงเหลือเกิน

           “ปลดล็อก!!!!!” พอคิดถึงภาพพ่อโทนร้องไห้ ลูกไม้ก็แทบอยากจะหักคอทิ้งเสียให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมอุปสรรคไม่หมดสักที เขาไปทำให้ไรไว้นักหนา รออีกหน่อยไม่ได้หรือยังไงให้เขาพร้อมมีกำลังเต็มที่ และเขาจะไปหาเอง ไม่ใช่มาทำลายสิ่งที่เขารักสุดหัวใจแบบนี้ มันไม่ใช่วิธีของคนที่เจริญแล้ว มันเป็นวิธีของหมาลอบกัด

           “เด็กอย่างมึงมันมารหัวโขนเหมือนพ่อมึงไม่ผิด หึ อั๊ก!!!”

 

โครม

           เสียงกล้ามเนื้อแผ่นหลังกระแทกกับปูนอั๊กใหญ่มือหนาของลูกไม้บีบเข้าที่คอหอยอย่างแรง ใบหน้าขึ้นสีแดงระรื้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

           “กูบอกให้เปิด!!!!!!”

   เสียงคำรามดังลั่นจนพี่แสงที่ยืนคุมเชิงอยู่หันมามองปาดเหงื่อบนใบหน้าเข้ารูปนั้นอย่างคิดหนัก เขารู้ดีว่าแรงของเด็กคนนี้เยอะผิดกับเด็กทั่วไปแค่ไหนไหนจะอาการโมโหเลือดขึ้นหน้าอีก เมื่อกี้ที่เขาเห็นเด็กปิศาจลุกขึ้นมายืนท่าทางร้อนรนและจัดหนุมารถวายแหวนกับหักงวงไอยราเข้าไป ยังไม่จอดดีเจ้าไม้เลยวิรุฬหกกลับเข้าหน้าไปอีกหนึ่งที ถึงกรรมการฝ่ายนั้นจะเข้าข้างอีกฝ่ายแค่ไหนก็ต้องรีบหยุดเกมประกาศชนะน็อกซะก่อนที่คู่ชกจะตายเอาจริง ๆ 

   “ไอ้ไม้เบามือ!”

   ลุงทิมตะโกนเตือนสติลูกไม้พลางจัดแม่ไม้มวยไทยใส่ลูกน้อยซื่อบื้อกว่า 10 คนร่วงไปเป็นราย ๆ แสงที่กำลังคิดอะไรเพลิน ๆ อยู่เลยต้องวิ่งเข้ามาล็อกแกะมือที่แข็งเหมือนคีมเหล็กของลูกไม้ แต่ลูกไม้กลับไม่ยอมปล่อยให้ตัวร้ายอย่างนายดำรงหลุดออกไปเพียงแต่อนุญาตให้ดิ้นทุรนทุรายต่อไปตาเริ่มถลนและลิ้นเริ่มจุปากเป็นอะไรที่ไม่น่าดูเสียเท่าไหร่นัก

   ภาพของพ่อแม่แท้ ๆ ของเด็กน้อยในกองเพลิงบ้านที่ลุกท้วมไปด้วยเปลวไฟ เสียงร้องไห้ขอชีวิตเขาจากพ่อและแม่ เสียงของพ่อโทนที่สะอึกสะอื้นด้วยความกลัว ทำให้เขาหน้ามืดตามัวไปเสียแล้ว

   “ไอ้ไม้ ถ้ามึงฆ่ามันไม่ได้นะโว้ยย ยยยย!” เสียงนั้นไม่อาจทำให้เด็กชายหยุดการกระทำนั้นลง เพราะสิ่งต่างๆมันประเดประดังอยู่ในโสตประสาทบดบังความจริงไปเสียแล้ว

   “กูจะฆ่ามึง” เสียงแหบห้าวดังลอดไรฟันออกมา ตาดุจ้องเขม็งไปในดวงตาที่เริ่มถลนออกมาจากเป้า เสียงพี่แสงกับลุงคิมไม่อาจเรียกสตินั้นกลับคืนมา

   “โทษทีนะ ข้าไม่มีทางเลือก”

ผลั๊ว!!!!

           หัวเด็กหนุ่มคะมำลงมาตามแรงกำปั้นของลุงคิมที่ฟาดลงมาที่ท้ายทอยอย่างแรง ชะงักปล่อยมือออกจากคอหอยของนายดำรงที่ทำท่าเหมือนจะตายให้ได้ ตาขวางเริ่มอ่อนลง แต่อารมณ์โมโหยังรุนแรงอยู่ มองนายดำรงที่ล่นตัวลงไปนั่งอยู่กับพื้นไอคอกแคก ๆ เหมือนคนจะขาดใจอย่างแค้นเคือง พลางเหลือบไปมองเห็นกุญแจดอกเล็ก ๆ หล่นอยู่ข้างตัวก้มลงไปเก็บและจัดการไขออกมาอย่างไม่รีรอ ในขณะที่พี่แสงและลุงคิมคว้าตัวนายดำรงขึ้นมาทรงตัวอยู่ข้าง ๆ อย่างอิดโรย

แอ๊ดดดดดด

           เสียงประตูเสียดสีกันทำให้เกิดเสียงดัง แสงจากด้านนอกสาดส่องทำให้ห้องอับชื้นที่แสนมืดมิดดวงตาพร่ามัวของลูกไม้ช่องเขม็งไปทั่วห้องในใจกระตุกนึกคิดถึงหน้าพ่อโทนแสนรักที่ป่านนี้เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่มีทางรู้ได้ ก่อนจะสังเกตเห็นก้อนเล็กที่นอนขดอยู่ริมห้องเสียงครางน้อย ๆ ดังเป็นระยะเหมือนคนไข้ขึ้น ทำให้ลูกไม้เบิ่งตากว้างถลาเข้าไปรวบร่างน้อยมากอดไว้ในอ้อมอกแกร่ง

           “พะ พ่อโทน”

   ทันทีที่เห็นร่างโชกเลือดของพ่อโทนอย่างชัดเจนแววตาที่เคยอ่อนโยนในแวบแรกกลับไฟลุกฮึดฮัดขึ้นมาอีกครั้ง เด็กชายวางพ่อตัวเองลงบนพื้นเย็นที่เดิมเบา ๆ กระซิบคำบอกรักพร้อมขอร้องให้อดทนไว้ ก่อนจะลุกขึ้นก้าวสามขุมเข้ามาหานายดำรงที่ตาเหลือกเมื่อเห็นลูกไม้ข้าวเข้าไปหาถอยร่นไปติดกับกระจกนิรภัยบานใหญ่ที่ใช้สังเกตการณ์ไปทั่วสนามได้

   “ไอ้แสงมึงดูมันไว้กูจะไปดูไอ้โทน” ลุงทิมก็ตะโกนขึ้นก่อนจะวิ่งกระโจนเข้าไปในห้องดูอาการของร่างน้อยที่รวยรินอยู่ด้านใน โดยมีร่างสูงโปร่งยืนมองอย่างเก้ ๆ กัง ๆ เหตุการณ์เหมือนในหนังแบบนี้เขาแทบจะทำตัวไม่ถูก

           “มะ มะ มึงอย่าเข้ามานะไอ้ปิศาจ” แสงปาดเหงื่อที่ไหลบนใบหน้าหันไปมองอีกด้านก่อนจะสบถออกมาในลำคอเมื่อเห็นเด็กชายกำลังจะทำการประทุษร้ายเหยื่อตรงหน้คล้ายภาพหมาป่าตัวร้ายกำลังจ้องกวางแก่ที่หมดท่าแล้วสิ้น

           “พ่อกู แม่กู พวกมึงก็ฆ่า นี้ดวงใจกู มึงก็จะเอาอะไรกับกูนักหนา เอาชีวิตกูด้วยไหม เอาไหม!!!!!!!!” เสียงตะคอกนั้นทำให้นายดำรงตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า วิ่งหลบกรงเล็บมาที่โต๊ะที่อยู่ใกล้ ๆ โดยมีสายตาหมาป่าหนุ่มช่องมองด้วยความสมเพชและเกลียดชัง เปิดลิ้นชักอย่างรนราน

           “เฮ้ย ไอ้ไม้ระวัง!!!!”พี่แสงตะโกนลั่นเตือนลูกไม้ที่กำลังตกเป็นเป้าขอกล้องลำปืนสั้นสีดำ ลูกไม้จ้องมองกระบอกปืนตรงหน้า ก่อนจะแสยะยิ้มและพูดออกมาเบาๆ

           “กูเห็นมึงเล็งแล้วเล็งอีกเมื่อไหร่จะยิงสักที”

           “อย่าท้ากูนะไอ้เด็กเลว!”

           “ก็เอาสิวะ ยิงให้ตรงกลางหัวใจกู !!!! ใจมึงไม่กล้าพอและทำเป็นกร่าง!!!!! ” ลูกไม้ตะโกนลั่นจนปืนในมือของนายดำรงสั่นไปมา

พรึบ!!!

ปังๆๆๆ

           “อ๊ากกกกกกกก”

   เสียงโหยหวนนั้นดังขึ้นหลังจากสิ้นเสียงปืนที่ดังสะท้านไปหมดในความมืด ที่ไฟทั้งห้องถูกปิดลง ลูกไม้และเจ้าแสงหมอบลงต่ำเช่นเดียวกับลุงทิมที่อุ้มประคองร่างน้อยของพ่อโทนอยู่ต้องพากันชุลมุน ก้มหลบเอาตัวบังร่างน้อยเอาไว้ กลัวจะโดนลูกหลงจากลูกปืนเสียอีก

พรึบ!

           ไฟในห้องสว่างขึ้นอีกครั้งพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของปู่ทายที่ซัดนายดำรงจนหมอบอยู่ที่พื้นด้วยแม่ไม้มวยไทยชั้นครู ยืนตระหง่านคร่อมร่างศัตรูคู่แค้นของตัวเองอยู่ เขาปรายตามองต่ำร่างที่ เอ่อเต็มไปด้วยเลือดจากแผลแตกบนใบหน้านั้นอย่างเย็นชา

           “อะ อะ ไอ้ทาย มึงมาได้ยังไง”

   เสียงกระท่อนกระแท่นของนายดำรงดังขึ้นใต้ฝ่าเท้าที่เหยียบกระทืบซ้ำลงมาอีกอั๊กใหญ่ ๆ จนกระอักเลือดออกมา ลูกไม้ยืนขึ้นมองมาที่ปู่ตัวเองอย่างสงสัยไม่ต่างจากพี่แสบและลุงคิมที่อุ้มร่างอ่อนปวกเปียกของพ่อโทนไว้ เสียงดังเมื่อสักครู่เหมือนเตือนสติเด็กชายได้ จึงรีบเข้าไปอุ้มร่างน้อยนั้นไว้เสียเอง ไม่วายตรวจเช็คร่างกายของพ่อโทนและก็ต้องน้ำตาซึมเมื่อเห็นร่างที่บอบช้ำอย่างหนัก แววตาอ่อนโยนลงด้วยความสงสารสุดหัวใจ

           “มะ หมอ ผมจะพาพ่อโทนไปหาหมอ”

           “ข้าเรียกมาแล้ว” ลุงจันทร์พร้อมพี่เมฆและตำรวจ รวมทั้งหน่วยแพทย์ พยาบาลกว่า 10 นาย กรูกันเข้ามาในห้อง ลูกไม้ไม่สนใจใครอีกต่อไป หันมามองปู่ทายที่ยืนมองตนอยู่ แค่นั้นเด็กชายก็เชื่อได้แล้วว่าคนบาปจะต้องถูกลงโทษ เขารีบอุ้มพาพ่อโทนลงมาบันไดมาทันที โดยมีพี่แสงและพี่เมฆวิ่งตามมาตามคำสั่งของปู่ทายที่ตะโกนบอก

           “คราวนี้ก็เหลือมึงกับกู ไอ้ดำรง”

           “อั๊ก” ปู่ทายกระชากคอเสื้อของนายดำรงขึ้นมาดันเข้าชิดกำแพงเสียงดังตึงตำรวจ

           “คิดว่าลูกน้องที่มึงส่งไปป่วนกูจะทำให้กูหลงกลหรือไง ไอ้สารเลว” ปู่ทายกัดฟันแน่น

   เขาเองก็หงุดหงิดไม่แพ้กันที่เห็นสภาพลูกชายเพียงคนเดียวของตัวเอง และวิธีการหมาลอบกัดที่มีแต่หมาทำกันอย่างนี้ เขาเองก็แทบแย่ที่กว่าจะมาถึงที่นี้ต้องผ่านไอ้ลูกน้องกระจอกที่ชอบมาขวางหูขวางตาให้รำคาญใจตลอดเส้นและมักจะทำให้เขาสับสนเส้นทางจนต้องเบี่ยงไปมา ถ้าไม่ชำนาญจริงป่านนี้เขาอาจจะออกนอกจังหวัดและมาไม่ทันแล้วก็ได้

           “มึงเอาลูกหลานกูมาเกี่ยวข้องแบบนี้ อย่าหวังเลยว่ากูจะปล่อยมึงและค่ายมึง จำใส่กะลาหัวไว้ ถ้ามึงออกมาจากคุกและไม่กลับตัวกลับใจ กูจะฆ่ามึงให้ตาย” ประโยคหลังปู่ทายกระซิบข้างหูของนายดำรงให้ได้ยินเพียงสองคน ก่อนที่นายดำรงจะถูกควบคุมตัวออกไปทันทีด้วยร่างกายที่ช้ำในอย่างหนัก

           “ข้าว่ามึงต้องจัดการเรื่องนี้ให้เด็ดขาดนะไอ้ทาย”ลุงจันทร์พูดพร้อมกับผิวปากและคว้าเอาบุหรี่ยัดไส้ของแกขึ้นมาสูบแก้เครียด

   ร่างสูงตระหง่านของครูมวยถอนหายใจเฮือกใหญ่เหลือบมองไปด้านล่างของสนามผ่านกระจกนิรภัยบานใหญ่ ร่างเล็กน่ารักอ่อนช้อยลุกรี้ลุกลน อยู่บริเวณที่นั่งหน้าเวทีพร้อมเพื่อนของพ่อโทน แววตาหวานซึ้งนั้นแสดงถึงความเป็นห่วงจนมีหยาดน้ำใส ๆ คลอที่ลูกตากลมวาวนั้น แก้มแดง ๆ นั้นทำให้เขาใจอ่อนซะเหลือเกิน





//////////



ลูกไม้ของพี่ กราวใจเหลือเกินลู๊ก

อัพแล้วขอกำลังใจหน่อยน้า <3'

ออฟไลน์ Chucream.nabi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 315
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0

ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4


 :mew4:
พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก

ตอนที่ 12 หึงเก่ง



-โทน- 



      อู้ย … เจ็บๆๆๆๆ ทำไมหมอล้างแผลมือหนักจังเวลาล้างแผลให้หมามันจะเจ็บแบบนี้ไหมนะ ผ่านมาตั้งสองวันแล้ว ร่างกายยังไม่เข้าที่เลยให้ตายสิ มันเล่นซะผมเลือดแทบหมดตัว ดีนะมีผู้ใหญ่ใจดีอย่างตาลุงพ่อทายของผมที่เลือดเหมือนกันเดะ ๆ มาต่อชีวิตให้ลูกนกลูกกาอย่างผมให้ได้มีชีวิตต่อ ฮิฮิ

   ผมตื่นมาตั้งแต่วันแรกและที่แขนก็ใส่เผือกก็ก็ใส่เผือกแถมหัวก็มีแต่แผล เหมือนคนพิการเลยละ ตื่นมาเจอหน้าตาหมาหง่อยอย่างเจ้าไม้ก็นึกสนุกเลยแกล้งอ้อนซะ อบอุ่น คุ้มค่ากับสิ่งที่ไปเจอมามาก ไอ้หมาหง่อย น่ารักตามใจผมทุกอย่างด้วย ป้อนข้าวป้อนน้ำ โอ๋ ผมซะน่ารักน่าชัง ความจริงก็ไม่ได้เจ็บอะไรขนาดนั้นหรอกมันตึง ๆ อยู่แล้วจะเจ็บก็แค่ตอนทำแผลที่หมอมือหนักมาก ก็คนมันอยากอ้อนง่ะ

   พ่อผมเล่าให้ฟังว่าไอ้พวกสารเลวเข้าซังเตกันไปหมดแล้วแถมเด็กคนนั้นที่ชกกับไอ้ลูกชายผมก็โดนห่ามเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวกันยาว ๆ เพราะเสพยาเกินขนาดเกือบช็อกตายคาเวที ดีที่หมอล้างท้องทัน โชคดีไม่ตายไม่งั้นลูกผมต้องมีประวัติในการชกมวยไม่ดีแน่ ๆ ที่น่าสนุกสนานและดีใจที่สุดคือค่ายมวยที่เหมือนซ่องโจรถูกยุบไปทันที คณะกรรมการชุดนั้นก็ถูกสอบสวนกันยาวๆ เห็นพ่อบอกมีถูกไล่ออกด้วย สืบมาจากครั้งที่มาดักตีผมแล้วที่พ่อผมเอาเรื่องถึงที่สุดและไม่คิดว่าพวกมันจะรอดมาได้อีก เฮ้อะ! อย่ามาแก้แค้นที่หลังนะรอบนี้ผมสู้ๆจริงๆนะเฟ้ยยยยยยยยยยยย

   ส่วนเพื่อนผมก็ผลัดกันมาเยี่ยมไอ้ทิวกับไอ้เบสเลื่อนกับเชียงใหม่มาป่วนกันแทบไม่ได้หลับได้นอน จะมีบ่อยก็ไอ้ป๊อกนี้แหละที่บ่อยที่สุด ไอ้เกื้อก็งานยุ่งผมไม่อยู่ด้วยแล้วเลยต้องทำหนักเข้าไปอีกแต่ก็มาเยี่ยมผมไม่เว้นแต่ละวัน

   “พ่อโทน ไม่เหม่อนะครับ กินชมพู่ก่อนนะ”

   “ตัวร้าย”

   “อะไรครับ?”

   “ฮึฮึ” ผมไม่ตอบแต่ยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มไอ้เด็กตัวใหญ่ที่ทำหน้ามู่สงสัยอยู่ เป็นห่วงมากเกินไปแล้วนะเนี้ย ดูดิหน้าแดงเลย

   พี่แสงแอบเล่าให้ผมฟังหมดแล้ววีรกรรมเด็ด ๆ ของเจ้าลูกชายตัวแสบของผม เห็นบอกล่อซะนายดำรงตาเหลือกเลย สมน้ำหน้าเล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับไอ้เด็กนี้ บอกเลยว่าถ้าไม่มีคนห้ามไอ้เด็กนี้ฆ่าคนได้แน่นอน แต่ในนิสัยปกติเจ้าหมาตัวใหญ่ของผมน่ารักออก ก็ดันมีคนไปกระตุกหนวดหมาเองช่วยไม่ได้นะ แบร่!

   ฉันก็รักของฉันเงียบๆ ฮิฮิ

   “อ่ะ จะทำอะไรวะ” ผมดันหน้าไอ้เด็กแก่แดดออกให้ห่างตัว ไอ้บ้านี้อยู่ ๆ ก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ บ้าเปล่าเนี้ย บุ้ยยยยยยย

   “ผมขอหอมบ้าง” ตลก บุ้นนนนนน ไม่ให้หอมหรอก เขิน ฮิฮิ อย่ามองงั้นดิ ผมไม่รักหรอกไอ้เด็กนี้ ผมไม่รักเลยจริงๆนะ

   “อยากโดนกระทืบหรอ”

           “เอาไว้ถอดเฝือกก่อนนะครับแล้วอยากจะทำอะไรก็ทำ โอ๊ะ ล้มเฉยเลยยยย”

           “ลุกไปเลย!” ผมตะโกนแว๊ด เมื่อไอ้เด็กหน้ามึนแกล้งล้มลงมาทับผม แต่ไม่ลงแรงมากเพราะพุงผมยังช้ำอยู่ ไอ้บ้าเอ้ย ชกกูซะน่วมไปทั้งตัวเลยนะไอ้พวกเวรตะไล เจ็บจริงเจ็บจัง น่าโมโห

           “ขอกอดหน่อยนะครับ… ผมใจหายมากเลยนะ ผมโกรธมาก ผมโมโหมาก … เป็นห่วงที่สุด แทบบ้า …” ง่ะ … ดราม่าไปอี๊ก แต่เอาจริงๆ ผมก็กลัวแทบบ้าเหมือนกัน กลัวว่าจะไม่ได้เจอเด็กคนนี้อีก ผมกลัวจริงๆ และผมดีใจมากที่ลืมตาขึ้นมา มองเห็นหน้าไอ้เด็กตัวร้ายคนนี้ก่อนเป็นคนแรก

           

           “ผมรักพ่อโทน พ่อโทนเป็นดวงใจของผม …”

   ผมหอมลงกระหม่อมหอมๆของไอ้เด็กนี้หนึ่งทีและกอดเอาไว้แน่น ถึงมันจะโอบแล้วไม่รอบก็ตาม ตัวใหญ่ขึ้นเยอะเลย น๊า ตอนเจอกันแรกๆยังจิ๋วเดียวอยู่เลย

   หึ ไม่รักนิดเลย … ผมไม่รักสักนิด จริงๆ เด้อ

   “พ่อโทนรักผมบ้างรึยัง”

   “หึ ไม่อะ”

   “จริงหรอครับ”

   “… ไม่รู้สิ”

   “แต่ผมรักพ่อโทนมากๆเลยนะครับ”

   “อย่ามาทำอ้อนเลยไอ้เด็กตัวร้าย”

   .

.

.



   “พ่อโทน”

   “อะไร” ผมถอดเข็มเล็มโตจากบั้นท้ายของน้องศรีจันทร์วัวบ้านลุงแอ๊ดที่ป่วยเพราะกล้ามเนื้ออ่อนแรง ทำให้น้องเดินไม่ได้จนผมต้องมาฉีดยาบำรุงประจำให้น้อง โดยมีเจ้าไม้ขอโดดซ้อมตามมาด้วยในวันหยุดเรียน

   “พ่อโทน”

   “อารายยยยยยย” ผมลูบหัวน้องศรีจันทร์ก่อนจะเก็บของใส่กระเป๋าเตรียมตัวกลับร้านไปช่วยไอ้เกื้อจัดของต่อ

   รถเพิ่งมาส่งยาที่สั่งจากกรุงเทพมาเมื่อเช้าของเยอะ ไอ้เกื้อเลยต้องลางานที่บริษัทอยู่จัดของ ก็ไม่รู้นะว่าใช่เหตุผลนั้นจริง ๆ หรือเปล่า แต่ผมว่าเดี๋ยวนี้ไอ้เกื้อมีอะไรแปลก ๆ กำลังทำตัวเป็นโคนันอยู่ อิอิ เดี๋ยวมันเผลอนะจะแอบจิ๊กโทรศัพท์มาดูรับรองกระจ่างแจ่มแมวเมี้ยว

   หลังจากวันนั้นที่ผมโดนสะกำซะเสียฟอร์ม ไป 1 เดือนพอแผลก็เริ่มดีขึ้นจนผมก็เริ่มออกมาทำงานทำการได้บ้าง ไอ้เกื้อนี้แทบร้องไห้ที่ผมหายที่เพราะตอนผมเดี้ยงมันต้องลงพื้นที่เองคนเดียวตลอด มีบ้างที่ไอ้โทนไปเป็นเพื่อนแต่ก็ไม่บ่อยนัก แต่ในเวลานั้นพ่อผมก็มักจะพามันไปโน้นไปนี้เสียเอง ได้ทีอู้ใหญ่เลยนะตาแก่ แบร่

   “พ่อโทน”

   “เดี๋ยวกูก็ซัดปากซะนี้เรียกและไม่พูด” ผมหันไปชูกำปั้นใส่ไอ้เด็กหน้าระรื้นที่ทำเหมือนเป็นเรื่องสนุกที่ได้ยั่วอารมณ์ผมเล่น หึ เดี๋ยวกูมีฆ่าเด็กแน่งานนี้

   “ขอหอมหน่อย”

   “ตลก หน้ามันแผล็บขนาดนี้ถ้าเป็นสิวขึ้นมาจะไม่หายามาทาให้”ผมตบเข้าที่แก้มมัน ๆ ของไอ้เด็กกำลังโต

   “แต่แก้มพ่อโทนแดงน่าหอม”

   “หอมหมัดกูก่อนแล้วกัน” ผมต่อยที่แก้มมันเบาๆ หึ

   ตอนเด็กมันเคยบอกว่าอยากตีมัน ผมก็ไม่ได้ตีนะ ผมแค่ต่อย หึ ชอบแกล้งผมนักนะเดี๋ยวนี้ เห็นไม่ด่าไม่ว่านี้เอาใหญ่ เดี๋ยวหอมเดี๋ยวกอด เป็นลูกติดพ่อเลย ไม่หายใครเขาบ้างหรือไงวะ ถึงกูจะฟินแค่ไหน แต่ก็เพื่ออนาคตที่มึงจะไม่เป็นลูกติดพ่อนะไอ้ไม้

   

    ถ้ามึงอยู่ในร่างเด็กตลอดไปกูจะไม่ว่ามึงสักคำ หึ

   “ไปนะลุง เดี๋ยวพรุ่งนี้มาใหม่ บ๊ายบายน้องศรีจันทร์”

   ลุงแกยกเหล้าขาวโชว์ไปหนึ่งทีและลงไปนอนแผ่กลางแคร่ นี้ก็เมาตลอดเลยเน้อ เอาเถอะ บ้านนอกคอกนานอกจากทำไร่ทำนาแล้วระหว่างวันเค้าก็ว่างกัน อะไรที่ทำแล้วมีความสุขก็ทำไปเถอะ ไม่ไปลำบากใครเขาก็พอ

   “พ่อโทน” ผมจิ๊ปากกระโดดขึ้นซ้อนรถไอ้เด็กบ้าที่เรียกชื่อเยอะจนน่ารำคาญ เรียกอะไรนักหนา เรียกและก็ไม่พูด ไปติดเชื้อกวนตีนจากใครมาว่ะ

   “ถ้าผมรวย ในวันข้างหน้า ผมจะซื้อบ้านพักตากอากาศในทุกจังหวัดเลย ให้พ่อโทนไปพักในวันที่เหนื่อย ๆ ดีไหมครับ”

   “เว่อร์ นักมวยต๊อกต๋อยอย่างมึงเนี้ยนะ” ผมไม่ได้แอบยิ้มนะ ผมขำในความตลกของไอ้เด็กนี้ หึหึ แค่อยู่กับกูทุกวันก็พอ มึงนั้นแหละคือสิ่งที่กูต้องการ รู้ปะ ห๊ะ ห๊ะ ห๊ะ  มันเงียบไม่ตอบแต่ปั่นตามคันนาไปเรื่อย ๆ

           “พ่อโทน”

           “เรียกอะไรนักหนาถ้าพูดอีกทีกูทุบมึงจริง ๆ เลยนะ”พอปั่นมาถึงริมบ่อเก็บน้ำของจังหวัด ไอ้เด็กนี้ก็เริ่มกวนตีนขึ้นอีกรอบ ผมชักเดือดจริงๆแล้วนะ

           “หึหึ มีผู้หญิง ม. 6 ทำขนมผิงมาให้ผม พ่อโทนอยากกินไหมผมถือมาด้วย”

           “กิน!!!!!”

   ไอ้เด็กนี้แก่แดดนักนะ หมั่นไส้โว้ยยยยยยยยยยยยยยย!!!! หึ กูงอน ต้มหัวปลาของกูมึงไม่อร่อยแล้วใช่ไหมละผมกระโดดลงจากรถมานั่งหน้างอที่ริมสระร่มรื่นไปด้วยต้นไม้เล็กใหญ่ ขึ้นอย่างกับป่าอเมซ่อน ไอ้เด็กบ้า มาบอกกูทำไม ไม่บอกกูก็ไม่รู้ปะ มาบอกแบบนี้กูน้อยใจนะ ไม่ใช่สิ กูงอน กูงอน!!!!!

           “งอนเลย” ไอ้เด็กบ้าเดินหน้าตาระรื้นมานั่งข้างผมพร้อมถุงอะไรก็ไม่รู้ ดูน่ารักแอ๊บแบ๊ว กูแบ๊วกว่า!

           “ไปไกล ๆ ตีนและส่งขนมมากูจะโปรยให้ปลาแดก” ผมว่าและหันตัวหนีมาอีกข้าง โธ่ ไอ้มดเวรมาทำรังอะไรแถวที่กูนั่งวะ จังไรจริงๆ กัดกูจนน่องแดงหมดแล้วมั้ง …

           ผมลุกขึ้นยืนอย่างถือมาดเดินไปนั่งที่โต๊ะไม้ผุ ๆ ที่ถูกสร้างไว้ให้คนมานั่งตกปลาหว่านแห่แถวนี้ แต่หลัง ๆ มีการอนุรักษ์ไม่ให้ตกปลากันเลยไม่มีใครมาที่นี้นัก แต่ก็มีพวกแอบมาตกกันบ้างนั้นแหละตามภาษากฎมีไว้ต้องแหก

           ไอ้ไม้เดินมานั่งข้างผม หึ … ก่อนจะวางถุงขนมบ้านั้นลงบนตักผมเบา ๆ ผมคว้ามาก่อนจะเปิดดู โอ้ยยยยยยยยยย โบว์สีชมพูด้วย เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอาหัวปลาผูกริบบิ้นให้ดีปะ

           “เขาชื่อเมย์ครับ อยู่ ม.6 หน้าตาก็น่ารักนะ ”

เคว้ง จ่อม …

   “พ่อโทน!!!!” มันร้องสั่นเมื่อเห็นขนมมันหล่นจ่อมลงไปอยู่ในน้ำ หึ อยากแดกนัก พรุ่งนี้ก็จะทำให้กระปุงใหญ่ ๆ และแดกให้หมดนะ ไม่หมดกูจะยีหัวให้

   “เรียกกูหาพ่อมึงหรอ!!!! ห่วงมากขนาดนั้นก็ลงเป็นเก็บเลย แม่งไอ้เด็กเหี้ย!!!”ผมตะโกนใส่หน้าไอ้เด็กบ้า ไม่ใช่หน้ามันสิคางมันต่างหากหน้าหมั่นไส้ สูงเข้าไปดิ โอ้ย หงุดหงิด T^T   เดี๋ยวนะ แล้วนี้กูเป็นอะไร เดือดร้อนอะไรนักหนา …

   “ผมไม่ได้เสียดายขนม แต่พ่อโทนทิ้งไปแบบนั้นมีสกปรกน้ำ เดี๋ยวปลากินพลาสติกเข้าไปทำยังไง”

   “… ถ้ามันโง่ขนาดนั้นก็ปล่อยมันไป” ผมว่าและสะบัดหน้าหนี ไอ้ไม้วิ่งหัวเราะไปหยิบไม้ยาวที่วางพิงอยู่มาตักถุงขนมขึ้นมา … แม้ม

   ผมยืนกอดอกมองไอ้ไม้ที่เดินเอาไปขนมไปทิ้งขยะก่อนจะเดินมาตรงหน้าผมและเหยียดยิ้มเอามือมาจับมือผมไปกุมไว้ แต่กูสะบัดออก โทษที กูงอน กูไม่มีอารมณ์อย่ามาจับตัว  ฮึ น้ำตากูจะไหลอยู่แล้วมึงไม่เคยสังเกตหรอก กูไม่รู้หรอกว่ากูเป็นอะไร แต่กูไม่ชอบ กูรู้ดีว่ากูไม่ชอบสิ่งที่มึงทำ ไอ้ตัวร้าย กูเกลียดสิ่งที่มึงทำวันนี้มาก

   “ผมว่าวันนี้พ่อโทนเหนื่อยนะครับ กลับบ้านเลยไหม”

   “ไม่ พากูไปส่งร้านและจะไปไหนก็ไป หรือมึงจะไปหาสาวและปล่อยกูทิ้งไว้ที่นี้ก็ตามใจ” ผมว่าก่อนจะเดินเชิดไปยืนข้าง ๆ รถมอเตอร์ไซค์

    โชคดีที่ไอ้เด็กนั้นไม่เห็นน้ำตากูที่หยดมาเมื่อกี้ โอ้ยยยยยยยย กูเป็นอะไรนักหนาเรื่องแค่ลูกจะมีเมียแค่เนี้ย เออ กูไม่ชอบที่เมียลูก ใช่ ๆ นั้นแหละทำให้กูน้อยใจ … แต่ไอ้ไม้มันก็ไม่ผิดไม่ใช่หรอวะ ไม่สิมันแค่ 18 เอง!!! นั้นแหละที่กูไม่ชอบ!!!

   “งอนผมเรื่องเมย์หรือครับ”

   “เออ เลิกพูดและพากูไปส่งร้าน” ผมตอบไอ้เด็กตัวร้ายไม่มองแม้แต่หน้า

   ไอ้ไม้ไม่พูดอะไรอีกเดินไปคร่อมรถและสตาร์ทเครื่องเตรียมออก กูไม่พูดอะไรทั้งนั้นนั่งหันหน้ามาอีกด้านเอาหลังชนมัน หึ ไม่อยากเห็นหน้าแม้แต่ในกระจกหรอก อยากจะทำอะไรก็ทำ ต่อไปนี้ผมจะไม่สนใจอีกแล้ว

เคร้ง

           “แดกซะ”

   ไอ้ไม้และทุกคนในวงหน้าเอ๋อเมื่อผมวางหม้อต้นยำหัวปลาลงกลางวงอาหารเย็นที่มีกับข้าวอย่างอื่นวางอยู่ หึ กูผูกริบบิ้นให้ด้วยนะ น่ารักฟรุ้งฟริ้งไหมละมึง ผมก็นั่งลงริมแคร่ไม้โดยมีไอ้พวกหมาน้อยกับแม่ของพวกมันกำลังวิ่งเล่นไปมากันอย่างสนุกสนาน พ่อผมสบถด่าอะไรออกมาสักคำ พี่เมฆจะเอื้อมเอามือไปหยิบออก แต่ผมเอาช้อนตีมือไว้ก่อน

   “เอาออกทำไม น่ารักออก เนอะ!” ผมหันไปหาไอ้ไม้ที่จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว คิดว่าตาคมกริบของมึงจะทำอะไรกูได้หรอ อยากสู้ตากับกูใช่ไหม ได้เลย!!!

   “เอ่อ ลุง ผมว่าบรรยากาศมันไม่ค่อยดีนะ ย้ายไปกินในบ้านกันไหม”

   “นั่งลงพี่แสง”

   “ครับ! ท่านประมุขพรรค!!!” ผมชูหมัดให้ไอ้พี่แสงที่กวนไม่เลือกเวลา จนพ่อผมจิ๊ปากและเอื้อมมือไปดึงริบบิ้นออก ผมมองตาขวางแต่ก็ไม่สนใจ นี้ใช้สิทธิความเป็นพ่อช่ะ!!!!!

   “แดกข้าวหม้อเดียวกัน ยังจะทะเลาะกันอีก เอ๊า เอาไปผูกหัวลูกมึงปะ ไอ้ห่ากับข้าวกับปลาทำเป็นของเล่น” พ่อบ่นๆๆๆ และก็โยนริบบิ้นมาทางผมก่อนจะตักข้าวกินไม่สนใจผมอีก

   จนไอ้โทนหัวร้อนต้องมุ้ยปาก หันไปค้อนไอ้ไม้ที่ยังนั่งจ้องผมอยู่ก่อนจะจ้วงเอาข้าวเข้าปาก ฮึ น่าโมโหจริง ๆ ทำยังไงก็ไม่หายโมโห เหมือนโดนแย่งของรักเป็นกอลัมเลยอ่ะ แสดดดดดดเอ้ยยยย  จ้องแบบนี้จะโกรธกูกลับใช่ไหม ได้เลยอยากจะเล่นสงครามประสาทกันก็ได้เลย ไอ้เรื่องตีมึนนี้ขอให้บอกเถอะ หึ เดี๋ยวก่อน กูอุตส่าห์จะไม่ทำแล้วนะ เดี๋ยวกูเหลาไม้เรียวฟาดแม้ม !

   

เพี๊ยะ

   “ยุงเยอะนะจังวันนี้ เดี๋ยวผมไปเอายากันยุงดีกว่า ไอ้ไม้มากับข้าหน่อย” พี่เมฆตบยุงที่แขนตัวเองก่อนจะพูดและเดินไปไม่วายมาควักมือเสียงไอ้เด็กเปรตไปด้วย หึ

    “เดี๋ยวข้าไปด้วย ข้ากลัวเอ็งหาไม่เจอ”แล้วพี่แสงก็ตามไปอีกคน สุมหัวกันเข้าไปนะ เอาเข้าไป!!!

   “เอ็งเป็นอะไร ทำเหมือนเมียจับได้ว่าผัวมีชู้นั้นแหละ” ผมวางช้อนลงเงยหน้ามองลุงจันทร์ที่กระดกเหล้าพลางกินข้าวไปด้วย เมื่อกี้ลุงว่าอะไรนะ

   

ผั๊วะ

           โอ้ย ทำไมต้องตบหัวกันด้วย ผมหันไปมองพ่อที่เท้าเอวมองมาที่ผมอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะผวาโยกหัวหลบเพราะตาลุงนี้จะเขกหัวผมอีกแล้ว ทำไมต้องรังแกผมกันทุกคนไม่เข้าใจ ตั้งแต่ลูกยันพ่อเนี้ย!!!!

   “ซ่าไอ้ห่า กับผู้หลักผู้ใหญ่”  ผมก้มหน้าลงกินข้าวต่อ ไม่มานั่งร้องไห้โวยวายให้เสียเวลา ฮึ ป่านนี้พวกนั้นคงไปนินทาผมหมดท่าแล้วใช่ไหมล่ะ หึ น่าน้อยใจนักเชียว

   “กินข้าวเคล้าน้ำตาแล้วมึง” พ่อผมเอามือมาวางบนหัว เมื่อกี้ยังเขกหัวอยู่เลย ไม่ต้องมาปลอบกันเลยนะ

   “ยากันยุงมาแล้วววววว” สิ้นเสียงพี่แสงผมรีบเช็ดหน้าเช็ดตาตัวเองและรีบกินข้าวเข้าไปทันที

   รู้สึกว่าที่พี่เมฆถูกสลับที่กับไอ้เด็กบ้าด้วย แต่ผมไม่สนใจ ไม่อยากแม้แต่จะมองหน้า เนื้อหมูในผัดกระเพราถูกตักมาไว้ในจานของผม ผมตักไปไว้ข้างจานอย่างไม่สนใจ จากนั้นทั้งวงเหล้าก็เงียบลงมีแต่เสียงลุง ๆ เขาคุยกันคลอไปกับเสียงช้อนกระทบกันจานเบาๆ 

   พอกินข้าวเสร็จผมก็รีบวิ่งขึ้นมาบนห้องทันที ก่อนจะเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเป้ ยังไม่ทันจะไปออกจากห้องเสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น หึ … ไอ้เด็กบ้าจอมรังควาน

   “จะไปไหนครับ”

   “ไปตรวจงาน” ผมว่าเสียงแข็งไม่สนใจจะเดินออกมาจากห้องแต่พอเดินผ่านมือหนาของไอ้เด็กบ้าก็รั้งเอาไว้ซะก่อน

   “เดี๋ยวผมไปด้วย ดึกแล้ว”

   “ไม่ต้อง ถ้ามันจะตายก็ปล่อยให้มันตายไป” ผมว่าและสะบัดมือไอ้เด็กบ้าทิ้ง แต่มันไม่ยอมรั้งผมอีกจนเป้ผมที่ไม่ได้รูดซิปหลุดออกจนเสื้อผ้าก็หล่นกระจัดกระจาย โอ้ยยยยย อย่างกับละครหลังข่าว ใครแม่งปล่อยคิววะ!!!

   “ไปตรวจงานทำไมต้องเอาเสื้อผ้าไปด้วยครับ” เสียงนั้นดูเรียบเฉยแต่ผมสัมผัสถึงพลังงานบางอย่างได้

   “เสือก”

   “พ่อโทน!!!”

   “เรียกกูหาอะไรวะ!!! เอะอะเรียก เอะอะเรียก น่ารำคาญ!!!!” ผมตะโกนเสียงดังก่อนจะก้มลงเก็บเสื้อผ้าวิ่งออกมาจากห้องไม่สนใจแม่งอีก ไอ้ลูกหมาบ้าบอคอแตก กูเกลียดมึงแล้ว!

   “เฮ้ย ไปไหนวะ!”

   “ตรวจงาน!!!” ผมตอบกลับพ่อไป ก่อนจะขึ้นคร่อมรถจักรยานและขับออกมาไม่มองหน้าใครอีก หึ ไอ้เกื้อ มึงเป็นที่พึ่งของกูแล้วนะ

.

.

.



ออฟไลน์ pa_pa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +414/-4

           “แล้วโทนก็เก็บเสื้อผ้ามาหาเกื้อ” ผมพยักหน้า กุมแก้วโกโก้อุ่นที่มันยื่นส่งมาให้

         ไอ้เกื้อไม่พูดอะไรอีก มันยิ้มหวานตามภาษามันและนั่งลงบนโซฟาชานบ้านที่เปิดโล่งรับลมยามค่ำคืน มองเห็นดาวน้อยใหญ่ระยิบระยับแต่น้อยกว่าทุกวันแถมฟ้าก็แดง ๆ ด้วย สงสัยฝนจะตก เฮ้อ ก็รู้ละว่าเหมือนเด็กง๊องแง๊งหนีออกจากบ้านเลย แต่ผมไม่อยากเจอ ไม่อยากคุย ไม่อยากมองหน้าไอ้เด็กบ้านั้นในคืนนี้อะ ผมโกรธ โกรธที่น่าจะสมควรโกรธ นี้ผมเป็นอะไร

   “เกื้อไม่เคยเห็นโทนเป็นแบบนี้อะ โทนโกรธก็จะหายเร็ว นี้เหมือนไม่ใช่โทน เป็นอะไรหรือเปล่า บอกเกื้อได้นะ” ไอ้เกื้อพูด ผมพยักหน้าแต่ไม่ได้ตอบอะไรมัน ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนั้นแหละ มันแปลกๆ ตัวผมเองก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เกิดอะไรขึ้นวะ …

ครืดดดดดดดดดดดดด ครืดดดดดดดดดดด

   “ว่าไงไอ้ป๊อก” ผมกดรับสายหลังจากแน่ใจว่าเบอร์ที่โทรมาไม่ใช่เบอร์ของคนที่บ้านที่กระหน่ำโทรมากันเยอะ ยิ่งเบอร์ไอ้เด็กบ้านั้นนะ 100 กว่าสายไปแล้วมั่ง ขนาดคุยกับไอ้ป๊อกอยู่ยังมีสายซ้อนเลย

   “มึงอยู่ไหน” เสียงมันดูง่วงๆ

   “บ้านไอ้เกื้อ”

   “ไอ้ห่า ที่บ้านมึงตามหากันให้วุ่น โทรหากู 10 กว่าสาย กูนึกว่ามึงโดนจับตัวไปอีก มีเรื่องอะไรกันวะ”

   “มานี้เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง ซื้อเหล้ามาด้วย แค่นี้แหละ” ผมกดวางสายไอ้ห่าป๊อก ก่อนจะเงยหน้ามองฟ้าต่อ … นี้กูเป็นอะไรนักหนา กูก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน มีใครตอบได้บ้างไหม

   “ใครมาหรอโทน”

   “ไอ้ป๊อก วันนี้กูจะเมาให้หัวทิ่มเลย กูขอยืมบ้านมึงหน่อยนะ พรุ่งนี้กูเก็บให้”ผมหันไปพูดกับไอ้เกื้อมันทำหน้าลังเลก่อนจะพยักหน้าลงด้วยสีหน้าเป็นห่วง

   “… อือ แต่เหล้ามันไม่ดีนะ”

   “มันดีตอนที่กูอยากลืม … มึงอย่าห้ามกูเลยไอ้เกื้อ ขอกูสักวันกูเหนื่อย” ผมว่าและหลับตาลง รอเวลาที่ไอ้เกื้อจะเอาเหล้ามาให้ผมย้อมใจ เฮ้อ …

           “เอ๊า ชนนนนนนนนนนนนนนนนน”

เคร้ง!

   เสียงแก้วดังเคร้งขึ้นเป็นสัญญาณความเมาที่กำลังจะมาถึง ไอ้ป๊อกมาถึงในเวลาไม่ถึงชั่วโมงพร้อมเหล้ามิกเซอร์และกับแกลมพร้อมเรื่องแบบนี้ไอ้ป๊อกมันถนัดอยู่แล้ว ส่วนไอ้เกื้อนั่งอยู่ในวงเหมือนกันแต่ผมไม่อยากพามันเสียคนเลยให้ไอ้ลูกคุณหนูหน้าตาละอ่อนนั่งกินน้ำอัดลมไป

   “เสียดายที่ไอ้เบสกับไอ้ทิวไม่อยู่ ไม่งั้นมึงเอ้ย เมากันหัวทิ่มตั้งแต่แก้วแรก คิดยังไงชวนกูออกมาวะ แถมบ้าเกื้อเขาอีก ขอโทษนะครับที่ผมมารบกวน”

   “มะ มะ ไม่เป็นไรครับ ตามสบาย” ไอ้เกื้อหัวเราะหางเสียงก่อนจะมองผมที่กระดกเหล้าในแก้วจนหมดไปในชั่วพริบตา อย่าเอาเยี่ยงอย่างนะหนู ๆ เหล้ามันไม่ดีหรอก

   “บ้าววววววววว คุยกันบ้าง” ไอ้ป๊อกคว้าเอาแก้วที่หมดแล้วไปชงเหล้าต่อ ผมมองมันน้ำตาเริ่มคลอเบ้าหน่วง ๆ

   “แม่ง ไอ้เหี้ย” สิ้นเสียงน้ำตาเม็ดโป้งหล่นแหมะมากลางวงไอ้เกื้อตาโตเป็นไข่ห่านจ้องมาที่ผมแบบตื่นๆ แม่งเหี้ยมาก

   “เดี๋ยว แก้วเดียวมึงเมาแล้วหรอ”

   “กูไม่ได้เมา!” ผมว่าแล้วคว้าเอาแก้วของตัวเองมาซดเข้าไปอีกอึกใหญ่ เหล้ามันปาดคอดีจริง ๆ

   “ไอ้ป๊อก กูเป็นอะไรไม่รู้” ผมว่าและน้ำตาก็ไหลต่อ นี้กูไม่ได้เมานะ มันเป็นของมันเองกูไม่รู้เรื่อง

   “มีอะไรก็พูดมาครับเพื่อน อ้ำๆอึ้งๆ จนกูเยี่ยวเหนียวละ” ไอ้เกื้อหน้าแดงทันที เขินจริงจังไปนะ ผมหลับตาลงก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

   “กูว่ากูหึงลูกตัวเอง”

เคร้ง

           “พรวด แคกๆๆๆๆ”นั้นไง๊ ตกใจสิมึงผมมองไอ้ป๊อกที่ช็อกจนที่คีบน้ำแข็งตก อีกมือก็ลูบหลังไอ้เกื้อที่สำลักน้ำจนออกจมูก

           “มึงว่าอะไรนะ”

           “กูไม่รู้ มึง กูไม่รู้ แต่เท่าที่กูรู้ คือกูอ่านเจอในหนังสือ เวลาผู้หญิงหึงแฟน แม่งเหมือนกูตอนนี้เลย มึง กูแย่แล้ว”ผมว่าและกระดกเหล้าเข้าปากจนหมดแก้วส่งให้ไอ้ป๊อกชงต่อ มันรับแก้วไปอย่างอึ้งๆ ก่อนจะสบถออกมานิดหน่อยอย่างหัวใจ ไอ้เกื้อตอนนี้นั่งเอาแขนมากอดแขนกูอยู่เหมือนคอยให้กำลังใจ

           “ไอ้ห่า กูว่ามึงตั้งสติ บางทีอาจจะเป็นพ่อหวงลูกก็ได้ มึงเคยเห็นหมาแม่ลูกอ่อนไหม นั้นแหละที่กูหมายถึง”

           “ร้องเหี้ยหนักมาก” ผมพูดเบา ๆ ก่อนจะรับเหล้ามาเข้าปากเคล้าน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม จนไอ้เกื้อต้องเอาผ้าที่ช่วยซับน้ำตาให้ผมและเอาหัวอิงไหล่เหมือนลูกแมว มึงนี้มันน่ารักจริง ๆ ต่างจากไอ้ป๊อกที่แกล้งผมได้ตลอดเวลา

           “เออช่างแม่งเหอะ ปล่อยมันไป วันนี้มึงเมาไปเลยเพื่อนกูดูแลเอง”มันเอื้อมตัวมาตบบ่าผมก่อนจะเดินไปเปิดเพลงที่โน๊ตบุ๊กของมันที่แบกใส่รถมาด้วย รู้สึกมึงจะพร้อมทุกอย่างเลยนะไอ้ป๊อก ไอ้ขี้เหล้าเอ้ยยยยยยย!

           “ต้องเพลงนี้มึง เอาตายยยยยยยยย” ไอ้ป๊อกเดินกลับมาก่อนจะทำท่าเหมือนกำลังถือไมล์ยืนอยู่บนเวทีใหญ่

           “ให้เธอได้กับเขา และจงโชคดี อย่ามีอะไรให้เสียใจ”  ไอ้ป๊อกส่งท่อนมาให้ผมตามสเต็ปมัน ผมก็ยืนขึ้นรับมาตามสเต็ปผมบ้าง โอ้ย ทำไมโลกมันหมุนแบบนี้

           “ส่วนตัวฉ๊านนนนนนนนนนนนนนน จาลืมมมมมมมมมม ว่าเคยร้องไห้ ลืมว่าเคยต้องเป็นครายยยยยยยยยยยยยย” ผมส่งไปให้ไอ้เกื้อที่ยืนคุมผมอยู่ มันเอียงคอมองผมที่ยิ้มหวานให้มันอยู่ มึงมีแฝดหรอเกื้อ ชื่ออะไรอะ อิอิ

           “… เอ่อ … ที่เธอไม่เอา  อ๊ากกกกกก โทนเลอะหมดแล้ว” ไอ้เกื้อร้องว๊าก รีบพยุงตัวผมยืนขึ้นทันที อะไร เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมรู้สึกตัวเองเหยียบโดนถังน้ำแข็ง

           “ไอ้ห่า ไอ้ต้องดงต้องแดงมันแล้ว เละๆ” เสียงไอ้ป๊อกดังระงมขึ้น ก่อนที่ผมจะน้ำตาไหลออกมาเป็นทางเมื่อนึกถึงวันนี้ แม่งเอ้ย นี้กูหึงลูกกูจริง ๆ หรือ ไอ้โทนมึงบ้าอ่อ มึง 24 ไอ้เด็กนั้น 18 แถมยังเป็นพ่อลูกกันอีก มึงบ้าเหรอไง โว๊ะ !

           “ฮึก เกื้อ ฮึก ไอ้เกื้อ ไอ้ป๊อก ฮืออออออออ” กูปี่แตกออกมาอย่างห้ามไม่ได้ บ้าบอคอแตกที่สุด

           “เดี๋ยวมา” ไอ้ป๊อกว่า ก่อนจะเดินหนีไปทางอื่น มึงงอนกูหรอ กูไม่ได้ตั้งใจนะ เท้ามันเหยียบไปโดนเอง

           “โทน โทน ฮึก อย่าร้องสินั่งดีๆก่อนนะ” ไอ้เกื้อวิ่งหายไปไหนไม่รู้กลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนใหญ่ มันเช็ดเท้าที่เย็นเพราะน้ำแข็งให้ผมก่อนจะเอาอีกผืนมาห่มให้ผม ทำไมมึงเป็นเพื่อนที่ดีจังว่ะ

           “โอ๋ ไม่ร้องนะโทน ยังมีเกื้อนะโทนนะ โอ๋นะโอ๋”  ผมกอดไอ้เกื้อทันทีที่มันพูดแบบนี้ ฮึก ทำไมวะ ทำไมผมต้องเป็นแบบนี้ด้วย ฮือออออออออออออ อ

.

.

.

-ไม้-

           ผมวางโทรศัพท์จากพี่ป๊อกก่อนจะนั่งกอดเข่าเอาหน้าซุกจับมือตัวเองไม่กล้าเงยซบตากับท้องฟ้าสีแดงที่ฝนกำลังโปรยปรายลงมา … ผมผิดเองที่คิดแกล้งพ่อโทน จนพ่อโทนโมโหและเป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้ ในตอนที่รู้ในทันทีว่าพ่อโทนไปอยู่บ้านของอาเกื้อ ผมก็แทบจะปรี่ออกจากบ้านไปทันที

           แต่พี่ป๊อกห้ามเอาไว้เพราะกลัวจะเป็นเรื่องใหญ่กว่านี้ให้ผมไปรับพ่อโทนในตอนเช้า ผมมันเป็นคนที่แย่มาก ทำร้ายพ่อโทนจนพ่อโทนมีความคิดที่ไม่อยากจะเห็นหน้าผมแบบนี้ เฮ้อ พ่อโทน พ่อโทน พ่อโทน พ่อโทน พ่อโทน …

           “ว่าไงไอ้ไม้ พ่อมึงอยู่ไหนละ”

           “… บ้านอาเกื้อครับปู่” ผมตอบปู่ที่เดินมาพร้อมกับกลิ่นบุหรี่ ในขณะที่ยังก้มหน้ามองมือตัวเองอยู่ … ผมรู้สึกแย่มากๆ ไม่น่าเป็นแบบนี้เลย

           “เฮ้อ เออ เอ็งก็ไปนอนซะ พรุ่งนี้ค่อยไปรับมัน เมาหัวราน้ำอีกตามเคย” ปู่ว่าก่อนจะตบไหล่ผมและเดินห่างออกไป เวลาพ่อโทนเมาพ่อโทนจะเหมือนเด็กๆ ร้องหาแต่ผม … พ่อโทน พ่อโทน พ่อโทน … อยากเจอพ่อโทน

ฮึ่ม แต๊กๆๆๆๆๆ

           “ไอ้ไม้ เอ็งจะไปไหน!!!”

   ผมไม่ตอบปู่ที่ตะโกนเสียงอยู่ไหวๆ รีบเบิ่งมอเตอร์ไซค์คันเก่าออกมาทันที บ้านอาเกื้ออยู่ไม่ห่างมากนัก แต่ทางไปค่อนข้างลำบากเพราะเป็นทางขึ้นเขามีบ้านชาวบ้านอยู่ปละปลาย ร้านค้าก็เปิด 24 ชั่วโมง ทำให้ไม่เปลี่ยวมากนัก หาพ่อโทน ผมจะหาพ่อโทน

   “นั้นไง กูว่าแล้วต้องมา ดื้อแม่งทั้งพ่อทั้งลูก ” ทันทีที่จอดรถได้เสียงร้องทักจากพี่ป๊อกก็ดังขึ้น

   ผมเม้มปากและยกมือไหว้เขาก่อนจะเอ่ยปากถามอย่างเหนื่อยหอบ ผมไม่ได้เหนื่อยที่ขับรถ ที่หัวใจผมมันเหนื่อยและร้อนรนที่จะเจอกับพ่อโทน

   “พ่อโทนล่ะครับ”

   “ด้านบน เดี๋ยวไอ้ไม้ … ร้ายนะมึง” ผมไม่ได้ใส่ใจวิ่งขึ้นไปบนบ้าน เห็นพ่อโทนนอนอยู่บนตักของอาเกื้อบนพื้น กลางวงเหล้าที่ร้างไปแล้ว พ่อโทนมีผ้าคลุมตัวอยู่ อาเกื้อเงยหน้ามองผมก่อนจะยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

   “คืนนี้นอนนี้ก็ได้นะไม้ พรุ่งนี้ค่อยกลับ” ผมพยักหน้าก่อนจะเดินไปคุกเข่าตรงหน้าพ่อโทน เอามือลูบปรอยผมที่หล่นมาโป๊ะหน้าตาอันน่ารักของพ่อโทน ไม่ต้องกังวนนะครับไม่มีใครที่ทำให้ไม้รักไปมากกว่าพ่อโทนอีกแล้ว …

   “ปะ พาพ่อไปนอนนะ” ผมพยักหน้าอีกครั้งให้อาเกื้อก่อนช้อนตัวพ่อโทนขึ้นมาอุ้มไว้อย่างง่ายดาย เดินตามอาเกื้อไปที่ห้องพักรับรองแขก ผมพาพ่อไปวางไว้บนเตียงนอนหนานุ่มสีขาวสะอาด มีม่านมุ้งหรูหราปิดทั้งสี่ด้าน ดูไฮโซจนผมกลัวที่จะทำอะไรขาด

    “ไม้เองก็ไปล้างหน้าล้างตานะ เดี๋ยวอาเช็ดตัวพ่อเราให้ ไม่ต้องกังวนนะ พ่อโทนไม่เป็นไรหรอก”

   “ขอบคุณอามากนะครับ ถ้าไม่มีอา พ่อโทนคงไปเมาอยู่ไหนก็ไม่รู้ พี่ป๊อกด้วยนะครับ” ผมยกมือไหว้เขาทั้งคู่ ก่อนจะรับเอากะละมังที่พี่ป๊อกถือตามเข้ามา เข้าไปเช็ดตามหน้าของพ่อโทนอย่างอ่อนโยน โดยไม่ทันสังเกต ว่าเขาออกไปกันตอนไหน

   ในระหว่างที่ผมเช็ดตัวอยู่ พ่อโทนลืมตาขึ้น มองผมด้วยแววตาสงสัยก่อนที่น้ำตาเม็ดโป้งที่ทำให้ผมอ่อนใจจะไหลออกมาจากทั้งสองตาอย่างน่าสงสาร

   “ฮึก มึงรังแกกู” สิ้นเสียงนั้นผมก้มลงไปโอบกอดร่างน้อยๆที่อ่อนปวกเปียกด้วยฤทธิ์สุรา … พ่อโทน สุดใจของไอ้ไม้ รักเหลือเกิน …

   “ขอโทษครับ ขอโทษครับ ขอโทษครับ”

   “ไม่เอาแล้วนะ อย่าพูดถึงใครอีก ฮึก ไม่เอาแล้ว” เสียงกระซิบปนสะอื้นนั้นทำให้ผมทวีความรู้สึกผิดและเอ็นดูขึ้นเป็นเท่าตัว …

   “ครับ ผมสัญญา ผมรักพ่อโทนนะ วันไหนที่ผมแข็งแกร่งและแข็งแรงมากกว่านี้ ผมสัญญาว่าจะทำให้มันถูกต้อง” ผมไม่รู้ว่าพ่อโทนรู้ความหมายของผมหรือเปล่า แต่นั้นคือความจริงที่ผมอยากจะบอกกับพ่อโทน รัก ที่ไม่ใช่ของพ่อลูก รักนั้นผมไม่มีทางให้ใครได้อีก หัวใจของไอ้เด็กคนหนึ่ง มันชัดเจนมาตั้งนานแล้ว …

   “ไม่ร้องนะครับ พ่อโทนของลูกไม้ ไม่ร้องนะ” อ้อมแขนเล็ก ๆ กอดตอบผม ก่อนที่ลมหายใจจะดังสม่ำเสมอแต่แขนเล็กๆนั้นก็ไม่ยอมปล่อยให้ผมไปไหนเหมือนเด็กน้อยหวงของเล่น …

   ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากจะพาเขาเอนตัวนอนและกอดสุดที่รักของผมเอาไว้แนบกาย …



===================

หึงแหละเขารู้กันทั้งตำบล 555555



 :hao3:

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
พ่อโทนหนอพ่อโทน หึงลูกซะงั้น เมาแล้วรั่วตลอด 55555 สนุก   o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด