พ่อผมเป็นนักเลงตัวเล็ก
ตอนที่ 18 ในฐานะที่ไม่ใช่พ่อลูก
กลับมาครั้งนี้ รวม ๆ ได้ 2 อาทิตย์กว่าแล้ว ผมอยู่กับพ่อโทนสลับกับกลับไปดูธุรกิจในกรุงเทพบ้างแต่ไม่ได้ไปค้างคืนเลยสักครั้งต่อให้เย็นและดึกแค่ไหนก็ต้องกลับมานอนที่บ้านชายนา เพื่อที่ตอนเช้าจะได้ไปซ้อมมวยที่ค่ายของปู่ทาย แต่นั้นก็ไม่ใช่เหตุผลหลักจริง ๆ หรอก ก็อย่างที่รู้กันว่า ผมอยากเจอพ่อโทนทุกวัน ทุกเวลา และอยากเอาพ่อโทนพับใส่กระเป๋าห้อยคอพาไปด้วยในทุกที่ ถึงแม้พ่อโทนจะตัวเล็กน่ารัก แต่ผมก็ทำแบบนั้นไม่ได้ น่าเสียดายจริงๆ เฮ้อ … ใครว่ากลับมาคราวนี้ทุกอย่างมันจะสงบสุขละ เรื่องอื่นเอาไว้ก่อนแต่เรื่องหัวใจไอ้ไม้ตอนนี้ มันไม่สงบเอาเสียเลย
หลังจากวันนั้น พ่อโทนก็ไม่ยอมไปหาผมที่บ้านชายนาอีกเลย และผมเองก็แทบจะกระติกตัวไปไหนไม่ได้เพราะปู่กั๊กตัวผมไว้ ให้ฝึกเช้าจรดเย็นไม่เคยได้เจอพ่อโทนเลย ซึ่งแปลกมาก ถ้าปกติในตอนที่ผมยังเด็ก เขามักจะกลับมาที่บ้านในช่วงกลางวันทำกับข้าวกับปลาและรีบกลับบ้านในตอนเย็นเพื่อเราสองคนพ่อลูกจะได้มีเวลาร่วมกัน แต่นี้ … เหมือนกันกำลังหลบหน้าผมยังไงอย่างงั้น ซึ่งผมเองก็ไม่รู้เลย ว่าทำอะไรผิด คิดว่าทุกอย่างควรที่จะดีแล้วแท้ ๆ เฮ้อ …
ผลั๊ว!!!!
ผมหน้าสะบัดลงไปนั่งกับพื้นเวทีมวย เมื่อปู่ทายสะบัดหมัดเข้าตะบันหน้าผมอย่างแรง ถือว่าเป็นดอกที่เรียกสติผมกลับมาได้เต็ม 100 เลยทีเดียว … โหด เมื่อก่อนว่าโหดแล้วเดี๋ยวนี้ โคตรโหดเลยก็ว่าได้
“อูยยยยยย ลุง ลุงทำมันแรงไปเปล่า” พี่แสงที่เช็ดน่วมอยู่ข้างสังเวียน โผล่หน้ามาตรงด้านหลังผม ยื่นผ้าห่อน้ำแข็งมาให้ ผมรับมาถือไว้อย่างนอบน้อมเหมือนเมื่อก่อน ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็มักจะเป็นลูกไล่ให้พี่ ๆ เขาเสมอ ถึงตอนนี้ผมก็ยังคงเป็นไอ้ไม้เด็กธรรมดาคนนึง
“ช่วยไม่ได้ไอ้ห่าอยากเหม่อเอง” ปู่พูดพร้อมกับถอดน่วมโยนใส่ผม ลงจากเวทีไปทิ้งให้ผมกองอยู่ที่พื้นเวทีอยู่อย่างงั้น เฮ้อ ... ปู่ยังไม่หายโกรธผมอีกเหรอ นิสัยเหมือนกันจริง ๆ พ่อลูกคู่นี้ เฮ้อ เฮ้อ เฮ้อ …
“เกิดเป็นไอ้ไม้ต้องอดทน ฮึบๆ” พี่แสงสะกิดหลังผมพอผมหันไปมองก็ชูสองนิ้วให้ … อดทนและอดกลั้นครับ ฮึบๆ เพื่ออนาคตที่มีพ่อโทนที่น่ารักและขี้อ้อนคนเดิมของผมกลับคืนมา ผมยอมได้!!!
“มึงนี้เป็นใบ้เหมือนเด็ก ๆ ไม่เปลี่ยนเลยนะไอ้ห่า” พี่แสงตบหัวผมเบา ๆ อย่างหยอกล้อก่อนที่จะให้ผมไปอาบน้ำอาบท่าและมากินข้าวกลางวันที่ดูเหมือนพี่เมฆจะเป็นคนทำ และวุ่นวายอยู่คนเดียวหลังครัว
เฮ้อ … พ่อโทนงานยุ่งมากเลยสินะ ถึงไม่มาให้ไอ้ไม้เด็กหน้าโง่คนนี้เห็นหน้าเลย … หรือมันจะเป็นการลงโทษที่ผมเคยทำให้พ่อโทนหม่นหมองใจรอคอยผมมานานแสนนานกันแน่นะ … ก็ได้ งั้นผมก็จะเป็นฝ่ายรอพ่อโทนบ้าง … แต่ก่อนอื่น ผมขอเห็นหน้าบ้างได้ไหม ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน จนหัวใจมันด้านชาแทบจะไม่มีความรู้สึก ถึงอย่างงั้นคงเจ็บและทุกข์ทนได้ไม่เท่าหัวใจที่บอบบางของพ่อโทนเป็นแน่ … โธ่ พ่อโทนของไอ้ไม้ …
“มึงจะไปไหน”
เสียงดุนั้นทำให้ผมสะดุ้ง หันไปมองปู่ที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ลานโพธิ์ภายในบ้าน มีเจ้าสามทหารเสือมานอนอยู่ใกล้ ๆ ผมเม้มปากก่อนจะสวมเสื้อยืดสีขาวใส่ให้เรียบร้อยเสียก่อน … เมื่อกี้ปู่ยังอยู่หลังบ้านอยู่เลย แล้วทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ได้ หมดกันแผนการย่องออกไปหาพ่อโทนที่โรงบาลสัตว์ในตลาดที่ทำงานของยอดดวงใจไอ้ไม้
“กลับไปเอาของที่บ้านชานนาครับ”
“มึงลืมอะไร” … ลืมหัวใจไว้ที่พ่อโทนครับ
“… ปู่ครับ”
“กลับไปซ้อม”
“…” ผมไม่มีทางเลือกจึงต้องเดินคอตกกลับมาที่สังเวียนแทน จะใครในโลกล่า ผมไม่เคยเกรงกลัว นอกจากพ่อลูกคู่นี้เพราะผมรู้ดีว่า ผมไม่อาจสู้กับเค้าสองคนได้ทั้งกายและใจ…เฮ้อ จะทรมานไอ้ไม้ไปถึงไหนนะ …
เวลาล่วงเลยมาถึงตอนเย็นกินข้าวกินปลาเสร็จ ปู่ทายก็ไล่ผมกลับจากบ้านตามระเบียบ เลยต้องมาเดินทอดน่องไปตามทางคันนา …ป่านนี้ไม่รู้พ่อโทนกลับบ้านไปหรือยัง … ไปดูสักหน่อยดีกว่า
ปี๊ดๆๆๆๆ
เสียงแตรดังลั่นทุ่ง ผมเอามือบังแดดยาวเย็นที่ส่องหน้าผมจนแสบตาทำให้เห็น รถกระบะคันโตของพี่ป๊อกที่ผมจำได้ขึ้นใจ เขาขับมาตามทางวันเวย์ดินแดงปลิวคลุกฝุ่นมาจอดตรงหน้าผม จนต้องก้าวลงจากคันนาไปข้างทางแทน อะ เอาที่สบายใจครับพี่ ถนนเป็นทางพี่แล้วละ
“ว่าไงไอ้น้อง โตขึ้นและหน้ายังโหดเหมือนเดิมเลยนะ”
“ครับ?” ผมไม่เคยเข้าใจคำพูดของคนๆนี้เลย ตั้งแต่เล็กยันโต
“ขึ้นมา เอ็งถูกเนรเทศไปอยู่ท้ายนาใช่ไหม เดี๋ยวข้าไปส่ง” เขาเปิดประตูรถให้ก่อนจะโบกมือให้ผมขึ้นไป
“ไม่เป็นไรครับ”
“ขึ้นมาน่ะ ไม่อยากฟังเรื่องไอ้โทนใช่ไหม โอ๊ะ เบา ๆ เดี๋ยวรถกูฟัง ไอ้ห่าเด็กอะไรตัวใหญ่อย่างกับควาย” ผมกระโดดขึ้นรถจนรถขย่มนิดหน่อย แต่ผมไม่สนใจ รีบให้เขาออกรถ ไปหาอาจจะไม่เจอก็ได้ แต่ผมอยากจะรู้ 6 ปีที่ผ่านมาพ่อโทนเป็นยังไงบ้าง …เพราะเขายังไม่เคยเล่าอะไรให้ผมฟังเลย น่าน้อยใจจริงๆ … แต่ก็ไม่เป็นไรไอ้ไม้ทนได้เสมอ
.
.
.
รถกระบะคันโตขับมาจรดริมคันนาที่ใกล้กับบ้านพักของเจ้าไม้ที่ตั่งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมทุ่ง ก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันขนเหล้า เบียร์พร้อมมิกเซอร์ ที่ป๊อกแวะซื้อ ณ.ร้านขายของชำก่อนมาถึง และดีที่ลูกไม้เองก็ไม่ซีเรียสเรื่องกินเหล้าเพราะที่ต่างบ้านต่างเมืองลูกไม้ก็กินเพื่อเข้าสังคมเป็นประจำ ออกจะคอแข็งกว่าใครหลาย ๆ คนด้วยซ้ำ และในเวลานี้เขารู้สึกเบื่อกับทุกสิ่งสิ่งเดียวที่ปลอบประโลมหัวใจที่แห้งผากของเขาได้มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้น
สองอาหลานเดินขึ้นมาบนบ้านที่สร้างด้วยไม้และดังเอี๊ยดอ๊าดทุกครั้งที่ขยับตัว ก่อนที่ป๊อกจะรู้งานเดินไปคว้าเอายาจุดกันยุงและกระติกน้ำเล็ก ๆ เดินนำไปรอที่ระเบียงบ้านที่ยกสูงจากพื้นประมาน 2 ฟุต ก่อนที่เจ้าไม้จะเดินไปหยิบน้ำขวดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ หัวเตียง เดินตามเจ้าป๊อกออกไป
“ว๊ะ กูนึกว่าจะไปหยิบแก้วหยิบกระบอกมาเสือกหยิบแค่น้ำมา แดกเหล้าเป็นปะเนี้ย!” เจ้าไม้ไม่ตอบโต้อะไร แต่ทำท่าจะเดินเข้าไปหยิบแก้วในห้องอีกรอบ แค่หมดกำลังใจจนมึนอึน แต่เสียงเพื่อนพ่อดังห้ามเสียก่อน
“นั่ง ๆ ไอ้สาด แค่เดินไปเดินมากูก็หดหู่ละ เป็นไงละ พ่อมึงไม่ค่อยสนใจหรือไง”
เจ้าป๊อกคว้าเอาขวดน้ำไปถือไว้ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเทน้ำในขวดทิ้งลงไปในกระติกใบเล็กและประดิษฐ์แก้วเหล้าจากคัตเตอร์เล็ก ๆ ในมือคำพูดนั้นเหมือนเข็มนับพันที่แทงทะลุหัวใจแกร่งแต่ก็ยังคงเก็บอาการ นั่งรอฟังสิ่งที่ป๊อกจะเล่าให้ฟังอย่างใจจดใจจ่อ
จนเวลาล่วงเลยมาพอสมควร ฟ้ายามหัวค่ำมึนครึ้ม เสียงจิ้งหรีดเรไรดังในความเงียบสงัด มีเพียงแสงสว่างและเสียงร้องเพลงเพี้ยน ๆ ของเจ้าป๊อกที่ดังแข่งกับเสียงจิ้งหรีด เจ้าไม้นั่งมองแก้วเหล้าที่ผลิตจากขวดน้ำเปล่าของตัวเองและถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เล่าให้ผมฟังเถอะครับ” หลังจากที่เจ้าไม้ซัดไปสามแก้วก็หมดความอดทนลง
“เล่า ? เล่าเรืองไรวะ… เออๆ ไม่เห็นต้องโหดเลย เล่าๆๆๆๆ” เจ้าป๊อกชะงักเมื่อหลานชายเริ่มจะหงุดหงิด เอาเรื่องเลยต้องยอมหลานมัน ก่อนที่จะโดนชกหลับเอาซะตั้งแต่หัวค่ำ
“เอาตรง ๆ เลยนะ กูจะได้กินเหล้าสักที” เจ้าป๊อกวางแก้วเหล้า ก่อนจะทำวางแขนเท้าบนเข่าทำหน้าขึงขัง ยกมือชี้หน้าเจ้าไม้ที่นั่งจ้องเขานิ่งประหนึ่งรูปปั้น
“พ่อมึงอะนะ … 6 ปีที่ผ่านมาแม่งเหมือนสต๊าฟตัวเองไว้ในน้ำแข็งเลยไอ้ไม้เอ๊ย!!! ผู้หญิงผู้ชายเข้าใกล้ไม่ได้ กำแพงแม่งหนาตั๊บ!”
“ผู้ชาย ?” เจ้าไม้ขมวดคิ้ว ในใจแทบคลั่ง พ่อโทนมีคนมาจีบ … ใครมันจีบพ่อโทน อย่าให้ไอ้ไม้จับได้นะ ฮึ่ม!
“เออ เสน่ห์แรงฉิบหาย พ่อม้ายลูกติด ไอ้หนุ่มเมืองหลวง บลาๆ นี้ยังไม่รวมแม่สาวทั้งหลายที่แอบหลงผิดคิดว่ามันแมนด้วยนะ ไอ้ห่าหน้าอย่างงั้นหุ่นอย่างงั้น เตี้ยอย่างงั้น ใครมันจะหาเมียให้เสียชาติเกิดวะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ” ว่าแล้วก็กระดกเหล้าเข้าไปอีกอึกใหญ่ๆ ก่อนจะวางแก้วน้ำพลาสติกลงอย่างแรง จากที่ผิวแทนอยู่ก่อนแล้วเมื่อโดนฤทธิ์แอลกฮอล์เข้าไป ทำให้แดงไปทั้งตัวจนเจ้าไม้แอบคิดไม่ได้ว่าคืนนี้เห็นทีจะต้องสละพื้นที่ให้เพื่อนพ่อที่รักนอนด้วยกันที่นี้เสียแล้ว
“กูเองยังนับถือน้ำใจมันเลย ตอนแรกกูก็ไม่รู้หรอกว่ามันปล่อยให้ตัวเองโสด ไม่มีผัว มันก็ไม่ค่อยอยากจะบอกอะไรก็ซะด้วย จนกูเห็นเองที่ทะเลนั้นละ ว๊าเว้ย มั่งคงในรัก ทั้งที่มึงเองอาจจะมีลูกมีเมียไปแล้วด้วย แต่ก็โชคดีนะ ที่มึงเองก็คิดอย่างเดียวกับมัน หึหึ แต่งเมื่อไหร่ร่อนการ์ดด้วยนะ อย่าให้เหมือนปู่มึงที่แต่งไม่บอกห่าอะไร อยู่ ๆ ก็ไม่คว้าเพื่อนไอ้โทนมาเป็นเมีย ไอ้เหี้ยผู้หญิงร้องไห้ทั้งตำบล ฮ่าๆๆๆๆๆ”
คำพูดของป๊อกแทบไม่ได้เข้าหัวของลูกไม้เลย เพียงแต่ว่าบางประโยคมันกลับฝั่งลึกอยู่ในโสตประสาทที่หัวใจสั่งให้ทำงานแทนสมอง … พ่อโทนครับ เราทั้งคู่คิดตรงกันใช่ไหม … เรารักกัน ในความสัมพันธ์ที่ไม่ใช่พ่อลูก … เรารักกันในฐานะที่ใช้หัวใจคิดไตร่ตรองแล้วทั้งสองฝ่าย … ใช่ไหม ???
ลูกไม้เหม่อมองออกไปทั้ง ๆ ที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ … เขาอาจจะฉลาดเรื่องความคิดแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยพรสวรรค์แต่กับความรักนั้นกลับเป็นเด็กตัวน้อยที่ไร้เดียงสา มีเพียงความรักอันบริสุทธิ์ที่ไม่เคยคิดหวังสิ่งใดตอบแทน ขอแค่ได้รัก ขอแค่ได้เห็นหน้า …
“มึงละ รอเหี้ยอะไรทำไมไม่เดินหน้าจีบแม่งให้เป็นเรื่องเป็นราว เดี๋ยวก็แก่ตายห่ากันพอดี อย่าช้านะโว้ย รีบ ๆ เข้าอย่าไปสนใจใครมาก แค่ไอ้โทนและมึงแค่นี้มันก็พอแล้วไม่ใช่เหรอวะ”
เจ้าไม้ไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยิ้มเพียงมุมปากให้กับสหายร่วมดื่มในคืนนี้ และนั่งกินเหล้าเป็นเพื่อนหนุ่มใหญ่สังสรรค์ตามภาษาหนุ่มโสดที่หาที่กินเหล้าไปเรื่อยๆอย่างนั้นจนค่อนคืน ในใจแกร่งของลูกไม้ฮึกเฮิมอย่างประหลาด จะมีสิ่งไหนที่น่าดีใจไปยิ่งกว่าการที่ได้ล่วงรู้หัวใจของคนที่รักกันละ …
.
.
.
“แม่งอยู่เป็นหมาหงอยเลยนะมึง น่าสงสาร”
พี่แสงที่เข้ามาเล่นเกมในห้องผม เล่นไปก็เล่าเรื่องไอ้ไม้ให้ผมฟังไป เป็นอย่างงี้มาตลอด พี่แกพยายามเหลือเกินให้ผมไปถวายตัวเอาอกเอาใจไอ้ไม้ แต่เสียใจด้วย ผมยังโกรธมันอยู่ ไม่ให้อภัยง่าย ๆหรอก ตอนคิดจะกลับก็กลับมาดื้อ วันนั้นที่ไปนอนกับมันที่ปลายนา เพราะสงสารมันหรอกน่า เฮ้อ วันเวลาผ่านไป ผมพยายามหลบหน้ามันและทำหน้าที่ของตัวเองไปตามปกติ ใครถามอะไรก็เลี่ยงตลอด ไม่อยากจะพูดถึงมันให้มากนัก
ถามว่าคิดถึงไหม … ก็คิดถึงนะ บางวันผมยังมาแอบดูมันที่บ้านตัวเองเลย วันดีคืนดีก็ถือตะเกียงไฟฉายไปปลายนาเพื่อดูว่ามันปิดไฟนอนหรือยัง นอนได้ไหม เป็นห่วงว่ามันจะกินอะไรหรือยัง แต่ยังไงก็ยังไม่อยากจะเจอหน้ากันตรง ๆ กลัวจะเข้าไปกอดมันนะสิ … ผมน่ะตัวหลงลูกเลย หรือใครยังไม่รู้ เฮ้อ …
มันน่าเจ็บใจที่ความรู้สึกของผมมันกลับประหลาดออกไป กลับกลายเป็นว่า ผมรักมันไปเองซะแล้ว รักแบบที่ไม่ใช่พ่อลูก รักแบบที่คน ๆ นึงจะรักคนอีกคนได้ … ผมคิดว่าถ้ามันกลับมา ถึงเวลานั้นความรู้สึกนั้นมันจะหายไป แต่เปล่าเลย ผมกับโลภมากขึ้นเรื่อยๆ … จนผมไม่อยากจะเจอหน้ามันกลัวความรู้สึกตัวเองที่มันแสนอันตราย …
“เฮ้อออออออออออออออออออออออ!!!!!!” ผมถอนหายใจออกมาลั่นห้องก่อนจะพลิกตัวคว่ำหน้าลงซุกกับหมอนใบเก่าของมัน แม่ง ยิ่งได้กลิ่นหน้าไอ้ห่าลูกไม้ลอยเต็มไปหมด ยิ่งรู้ว่ามันอยู่ใกล้ ๆ ผมยิ่งเต้น …. แม่งเอ้ย แม่งเอ้ย !!!!!!
“ไอ้โทน”
“ไรพี่ ทำไมวันนี้กวนผมจัง พี่เมฆไม่อยู่หรือไงวะ”
ผมเงยหน้าขึ้นไปค้อนใส่ไอ้พี่แสงที่ใช้เท้าสะกิดผมอยู่ยิก ๆ มือกับตาก็จ้องจอตรงหน้าไม่ได้สนใจผมหรอก … แก่แล้วนะเล่นเป็นเด็ก ๆ ไปได้ งี้แหละ พี่เมฆไปธุระกับพ่อที่จังหวัดอื่นนี้หน่า คนเคยอยู่ด้วยกันทุกวัน ประหนึ่งสามีและภรรยานั้นแหละ หึหึ นี้แหนะ!
“โอ้ย ไอ้ห่าถีบกูหาพ่อมึงเหรอ”
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกก อย่าทับบบบบบบบบ โฮ๊ก ตัวหนักอย่างควาย”ผมบ่นไปก็ดิ้นออกจากก้นหนาของไอ้พี่แสงเวรที่เอาหัวนมคิดมานั่งทับผม อึดอัดฉิบ งื้ออออออออออออออออออออออออ
“กูพี่มึงนะ หัดเคารพบ้าง ”
“มีอะไรให้เคารพวะ โอ้ยยยยยยยยยย ไอ้พี่แสงลุกไป!!!!!!” ผมเอามือกุมหัวตัวเองเพราะมะเหงกหนักของคนแรงควายทุบเข้าให้ปั๊กใหญ่ กะโหลกร้าวแล้วมั้ง นี้หัวหมอนะ นั้นหมัดนักมวย!!!!!
“มึงนี้นะ น่าตบให้กบาลแยก มึงอดทนมาตั้ง 6 ปี มันมาแล้วก็เสือกโกรธมัน เป็นห่าอะไรวะ ”
“… ไม่ได้โกรธ”
“เฮอะ ไม่ได้โกรธ แล้วไอ้เด็กที่นั่งหน้าเป็นตูดอยู่นี้ละ อายุมึงก็เยอะแล้วนะเสือกเล่นตัวอยู่นั้น”
“ไม่คุยแล้ว ลงไปสิวะ โอ้ย เจ็บนะ จะทุบทำไมนักหนา!” ผมโวยวายเพราะไอ้พี่แสงมันยังไม่เลิกทุบหัวผม ฮึ้ย! ใครเล่นตัววะ ไม่ได้เล่นตัวสักหน่อย
“โอ้ย ไอ้ห่าอย่ากัดหลังกู!!!!!!”
“ไอ๊!!!!”สมน้ำหน้าชอบแกล้งผมดีนัก กัดให้เนื้อขาดเลย แง่มๆๆๆๆๆๆ
กว่าจะไล่ไอ้พี่ตัวแสบออกไปจากห้องได้ก็เกือบเที่ยงคืนแล้วนั้นละ ตอนแรกว่าจะไปแอบดูไอ้ไม้สักหน่อย ดึกขนาดนี้คงไม่ไปแล้วละ เฮ้อ … พรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานแต่เช้ายังจะมาก่อกวนผมอีก ดูดิ เล่นจนผมตัวเหนียวเหงื่อไปหมดอายุเท่าไหร่กันแน่วะ ตาแก่คนนี้เนี้ย
พอบ่นหนำใจแล้ว ผมก็คว้าเอาผ้าเช็ดตัว ลงมาอาบน้ำใหม่ที่ด้านล่างนอนไม่หลับหรอกแบบนี้ ฮึ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวจะไปหาซื้อประทัดมาจุดหน้าห้องไอ้บ้าพี่แสงให้กระจุยกระจายเลย แก้แค้น ๆ พออาบน้ำเสร็จไอ้โทนก็ปะแป้งเย็นพอกให้ทั่วเพื่อความสดชื่น ส่องกระจกตัวเองและแอบเหมือนแคปเปอร์เล็กน้อยถึงปานกลาง แต่ก็น่ะตัวผมตอนนี้หอมฉุยน่ารักน่าชัง จนต้องวิ่งหนีแฟนคลับบรรดายุงกับเจ้าสามทหารเสือที่พากันมานั่งเฝ้าผมหน้าประตูห้องน้ำ ขึ้นมาบนห้อง ปิดไฟและกระโดดลงเตียง อ๊า สบายจังเตียงนุ่มๆ หอมๆ ง่วงๆ
… แต่ถึงยังไงก็นอนไม่หลับ
“โธ่เว้ยยยยยยยยยยยยยยยย!”
ผมตะโกนออกมาลั่นห้อง ก่อนจะลุกขึ้นนั่งและมองไปที่ริมเตียง ถอนหายใจเฮือกใหญ่กลิ้งตัวเองลงไปนอนข้างล่าง ที่ไอ้เด็กเปรตนั้นเคยนอน … ถึงจะกวาดถูไปหลาย ๆ รอบ แต่ผมก็ลงมานอนตรงนี้ทุกครั้งที่นอนไม่หลับ … เพราะมันทำให้ผมหลับง่ายขึ้นอาจจะเป็นเพราะพื้นไม้ตรงนี้มันเย็น หรือมันอบอุ่นเพราะไออุ่นที่ไม่เคยจางหายกันแน่นะ … เฮอะ … นอนแล้ว ไม่สนใจหรอก
แก๊ก …
เสียงอะไรวะ …
ผมที่ยังนอนหลับไม่เต็มตานัก ลืมตาขึ้นมาในความมืด เมื่อเสียงบางอย่างมากระทบกับหน้าต่างไม้ที่ติดกับเตียงของผม ขโมยเหรอ ….
แก๊ก แก๊ก
หน่อยยยยยยยยยยยยย ไอ้เวรนี้ ไม่รู้ซะแล้วว่านี้บ้านใหญ่ คิดจะมาขึ้นบ้านครูมวยงั้นเหรอ หาที่ตายชัด ๆ ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปหยิบเอาไม้ตะพด ที่แขวนอยู่ริมห้อง พ่อซื้อมาเป็นของฝากจากเชียงใหม่ บอกว่าให้ผมเอาไว้ใช้ตอนแก่เพราะรู้ว่าผมหาเมียไม่ได้ไม่มีลูกดูแล … ชิ ขยันแซว ตัวเองนั้นแหละที่จะแก่ก่อนผมแท้ ๆ น่าหมั่นไส้ชะมัด ผมเห็นว่ามันสวยดี เลยเอามาทำเป็นของประดับห้องซะเลย ไม่คิดว่าจะได้เอามาใช้แพ่นกบาลคนวันนี้
เสียงนั้นก็ดังมาเป็นจังหวะคล้ายเสียงคนเดิน แต่น่าแปลกที่ไอ้สามทหารเสือไม่ยักจะเห่า ปกติใครเข้าบ้านมาแปลกหน้านี้ เห่าฉิบหายวายปลวก ผมตัดสินใจย่องเข้าไปใกล้กับหน้าต่างเพื่อชะโงกออกไปดูว่าไอ้โจร 500 นั้นเป็นใคร มันมากันกี่คน กันแน่ ฮึ ต่อให้มาสัก 10 คนก็ไม่กลัวหรอก แต่กูแค่ขอวิ่งไปตั่งหลักนอกบ้านแค่นั้นเอง อย่างนะโว้ย ไอ้โทนคนนี้โหดยิ่งกว่าหมาแม่ลูกอ่อนอีกนะ สาดดดดดดดดดด
แก๊ก แก๊ก แก๊ก
เสียงห่านั้นดังขึ้นถี่ ๆ เหมือนกำลังจะขึ้นมาถึงห้องผมแล้ว ผมที่แอบอยู่ด้านข้างหน้าต่างเหงื่อแตกซิก ใจหนึ่งก็อยากจะชะโงกไปมองแต่คิดอีกที ถ้ามันมีปืนผาหน้าไม้ ผมอาจจะตายก่อนเล่นตัวชนะไอ้ไม้ก็ได้ แง่มมมมม บ้านอื่นมาตั้งเยอะแยะไอ้ลูกหมาใจทรามกลับเลือกขึ้นบ้านหลังนี้ จิตใจมันทำด้วยอะไรวะ แล้วไอ้พี่แสงตายแล้วหรือไง ขโมยขโจรขึ้นบ้านไม่รู้สึกตัวเนี้ย!!!
“ไอ้เหี้ยขโมย!!! บ้านกูอยู่กันเยอะ มึงขึ้นมามึงตายแน่!!!!!! ถ้ามึงลงไปตอนนี้ยังทันนะ!!!!!!”ผมตะโกนโม้ลั่นแต่ไอ้เสียงนั้นก็ยังไม่หยุด เอาวะ จะลองดีกับกูใช่ไหม ได้!!!!!
กูง้างไม้ตะพดขึ้นเหนือหัว กะว่าถ้าขึ้นมาเมื่อไหร่ พ่อฟาดไม่เลี้ยงแน่ๆ นาทีนั้นเหมือนหัวใจผมหยุดเต้น เดี๋ยวนะ และถ้าผมฟาดลงไปและมันตกลงไปตายละ … ผมก็ฆ่าคนน่ะสิ แต่มันเป็นโจรนะ … แต่ผมไม่อยากฆ่าคนเลยอะ … ฮื่ออออออ
ผมทิ้งไม่ตะพด และทำท่าจะวิ่งออกมาด้านนอกห้อง แต่ระหว่างที่กำลังจะปลดล็อกกลอนประตู เสียงวิ่งก็ดังมาจากด้านหลัง ไอ้โทนขี้ขลาดไม่แม้แต่จะกล้าหันไปมอง
หมับ!!!!
“ปล่อย ไอ้เหี้ยปล่อย!!!!!!” พ่อมึงเป็นตุ๊กแกเหรอกอดกูแน่นขนาดนี้เนี้ย!!!!!!!
“พ่อโทนครับ นี้ไม้เอง”
เสียงที่ผมจำได้ขึ้นใจไม่ว่าจะผ่านไปสักกี่ปีดังขึ้น กูหันไปมองทันที ร่างทะมึนตรงหน้าอยู่ใต้เงาจันทร์ที่ส่องเข้ามาภายในห้อง ใบหน้าคมสันที่อยู่สูงกว่าหน้าผมกว่าศอกครึ่ง กำลังยิ้มอยู่ รอยยิ้มไร้เดียงสาของไอ้เด็กที่ทำพิษกับผมไว้มาก …. ไอ้ไม้!!!!
“มะ มึงมาไง”
“คิดถึงครับเลยมาหา”
“มึงปีนขึ้นมาเนี้ยนะ”
ผลั๊ว!
ผมฟาดลงหัวไอ้ไม้หนึ่งทีเบาะ ๆ มันหัวสะบัดนิด ๆ แต่ก็ยังยิ้มอยู่ แขนใหญ่ของมันตวัดผมเข้าไปกอดอีกรอบ ถึงผมจะโวยวายแค่ไหน มันก็ไม่ปล่อยผมหรอกผมรู้ดี เลยต้องปล่อยให้ไอ้ยักษ์กอดผมอยู่อย่างงั้น … คิดว่าจะอึดอัดนะแต่ไม่ใช่เลย ผมกลับรู้สึกอบอุ่นและโหยหาซะมากกว่า … คิดถึงคนเดียวหรือไง … กูรอมึงมาตลอดแท้ ๆ สองอาทิตย์ที่ผ่านมากูก็ไม่ได้ไปไหนนอกจากที่ทำงานและก็บ้าน มึงยังไม่พยายามไปหากูเลย …กูไม่คิดถึงมึงเลยสินะ กูไม่น้อยใจเลยใช่ไหมละ… ฮึ
“พ่อโทน”
“อะไร”
“ผมรักพ่อโทนนะครับ”
“อือ” ผมขานรับ ในใจนี้แทบแตกเป็นเสี่ยง ๆ มึงจะย้ำทำไม แค่นี้กูก็รู้แล้วว่าไม่ควรคิดไปไกลให้มากเกินกว่าคำว่าพ่อลูก มึงย้ำแบบนี้กูเสียใจนะ
“รักแบบไม่ใช่พ่อลูก … รักแบบผู้ชายคนนึงจะรักอีกคนได้ รักแบบนี้มาตั้งแต่เราเจอกันครั้งแรก เข้าใจไหมครับพ่อโทน”
“ห๊ะ …”
“ผมรักพ่อโทน และจะเดินหน้าจีบแล้ว ผมไม่สน ปู่ ไม่สนใครทั้งนั้น ไม่สนคำว่าพ่อ ของพ่อโทนด้วย เตรียมตัวไว้ได้เลยนะครับที่รัก”
“แต่กูพ่อมึงนะไอ้ไม้ ดะ เดี๋ยว อย่าจูบกู!!!อื้อ!”
จุ๊บ!
“ไม่สนครับ ผมไม่สนอะไรทั้งนั้น เราไม่ใช่พ่อลูกกันจริงๆ อีกอย่างพี่ป๊อกก็บอกผมแล้วว่าพ่อโทนรักผม หึหึ ที่รัก ต่อไปนี้ผมจะเดินหน้าเต็มที่แล้วนะครับ ให้สมกับที่รอคอย 12 ปีเลย” มันไม่พูดเปล่าก้มลงมาจูบผมอีกรอบ กลิ่นเหงื่ออ่อน ๆ กับกลิ่นเหล้าทีคลุ้งไปทั่ว แทบทำให้สติผมดับสูญซะตรงนั้นมือไม้ไม่มีแม้กระทั่งแรงที่จะผลักออก ไอ้ป๊อก ไอ้เพื่อนเวร มึงชวนลูกกูกินเหล้ามาใช่ไหม …
“พะ พอแล้ว!” ผมดันหน้าไอ้เด็กหื่นที่ลวนลามกูไม่เลิก
แม่งกลายเป็นเก้งเป็นกวางตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย ถึงมันจะบอกว่ามันเป็นเด็กบ้าน ๆ เหมือนแต่ก่อนแต่ความจริงตอนนี้มันมีหน้าที่ใหญ่โตในสังคม ถ้าเกิดสมมุติมันมีผมขึ้นมาจริง ๆ แล้วสังคมรอบข้างของมันละ … ผมยังครองสติได้อยู่นะ พอที่จะแยกแยะได้ … อาจจะดูคิดมากไป แต่ถ้าผมไม่คิดเผื่อเอาไว้ วันไหนเกิดมีปัญหาขึ้นมาจะทำยังไง …
ผมเองก็รักมัน และผมก็ดีใจที่มันคิดตรงกับผม … แต่มันแตกต่างกันเกินไปไหม ไอ้ไม้ควรที่จะได้แต่งงานแต่งการกับผู้หญิงที่เพียบพร้อมทุกอย่าง สร้างครอบครัวที่แสนอบอุ่นขึ้นมาสิ … นั้นคืออนาคตที่ถึงเจ็บเจียนตายผมก็อยากให้มันเกิดขึ้น
“มึงเลิกบ้าไปเลยไอ้ไม้ กลับไปนอนบ้านมึงได้แล้ว ทุกอย่างคืนนี้มึงลืมไปให้หมด กูเป็นพ่อมึงนะ” ผมเสียงแข็ง ทั้ง ๆ ที่ในใจแม่งอยากจะร้องไห้ ถ้าตอนนั้นผมรับมันมาอยู่ในฐานะ อื่นที่ไม่ใช้คำนำว่าว่า ‘ลูก’ ผมคงไม่กระดากใจแบบนี้
“ผมจะอดทนรอวันที่พ่อโทนยอมรับและมองข้ามความสัมผัสจอมปลอมของเราออกไป ผมไม่ใช่ลูกพ่อนะครับ ผมเป็นไอ้ไม้ เด็กที่บ้านไฟไหม้ พ่อแม่เสีย เป็นลูกกำพร้า และวันนึงผมก็ได้เจอคนที่ฉุดผมขึ้นมาจากหลุมพรางชีวิต และผมก็หลงรักเขาหมดใจ … ไอ้ไม้คนนี้ไม่มีทางไปรักใครได้ … ไม่มีวันไม่รักพ่อโทน ผมจะรอ … จะรอจนกว่าถึงวันที่พ่อโทนยอมรับผม” มันพูดจบก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน เวลานั้นขอบตากูร้อนผ่าว ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร ดีใจ เสียใจ ตื้นตัน เพียงแต่มันอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆใส่หน้าไอ้เด็กแก่แดดตรงหน้า
“มะ มึงพูดอะไร กูฟังไม่รู้เรื่อง” ผมผละเดินออกมาหันหน้าเข้ามุมห้อง ไม่กล้าแม้แต่จะหันกลับไปมองไอ้เด็กตัวยักษ์ด้านหลัง ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวออกจากห้องไป กลัวว่าจะทำร้ายจิตใจมันมากจนเกินไป
“หึหึ หันมาหาไม้นะครับ” เสียงขอมันอ่อนโยน มือแกร่งค่อย ๆ จับไหล่ผมหันไป จนผมต้องย่นหน้าใส่จมูกแทบติดกับปาก
ฮึบ ไม่ร้อง ผมไม่ใช่เด็กแล้ว อายุจะ 30 แล้ว เป็นหนุ่มแล้วแท้ ๆ ไอ้เด็กบ้ายิ้มก่อนจะใช้หลังมือสาก ๆ แต่อุ่นลูบไปตามแก้มของผม ผมปฏิเสธยกมือปัดมันออก แต่มืออีกข้างก็ถูกจับเอาไว้เหมือนกัน เลยทำได้แต่ก้มหน้าชิดอก ไม่ได้เขิน ไม่ได้อายโว้ย ระดับนี้แล้ว ไม่มีทาง!!!!
“ก็บอกว่าผมจะรอ รอจนกว่าพ่อโทนจะพร้อม ไม่ว่าเมื่อไหร่ ผมก็จะรอ”
ลมหายใจของมันเป่าที่แก้มผม ก่อนที่ลมหายใจแผ่วๆนั้นจะลากยาวมาที่จมูก จรดที่หน้าปาก และทำวนอยู่อย่างงั้น และมอบความอบอุ่นให้ริมฝีปากของผม … ต่อจากนี้ … จะเป็นยังไงผมก็ไม่รู้เหมือนกัน … แต่ผมรู้เพียงอย่างเดียว ว่าผมรักไอ้เด็กนี้มาก มากจนไม่รู้จะปฏิเสธยังไง ไม่รู้จะหักห้ามหัวใจยังไงไม่ให้พองโต ไม่รู้จะกู่ร้องยังไงให้ความรู้สึกเหล่านี้หายไป … คงได้แต่เฝ้าดู ว่าไอ้เด็กคนนี้จะทำอย่างไร จะเติบโตได้อีกแค่ไหน … ได้แค่นี้จริงๆ
“คืนนี้ผมนอนที่นี้ได้ไหมครับ” ไอ้เด็กนี้ละริมฝีปากออกจากผม ก่อนจะเอาหัวมาถูไถกับซอกคอของผมอย่างออดอ้อนผมเต็มที่ เหมือนหมาตัวใหญ่ ๆ ที่เชื่องมากๆ ระริกระรี้น่าหมั่นไส้
“ที่แอบปีนขึ้นมานี้ ไม่ใช่ว่ากลัวพ่อกูหรือไง” ผมแกล้งเหย้ามัน ผลักอกผละออกมาเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าเปิดออกค้นหาอะไรในตู้ไม่สนใจไอ้ไม้ที่ครางหงิง ๆ หูตกหางตกอยู่ด้านหลัง
“กลัวครับ แต่ผมบอกแล้วไง ต่อจากนี้จะสู้หัวชนฝา”
“ถุ้ย แน่จริงมึงก็เข้าทางหน้าบ้านสิ หึหึ” ผมหัวเราะกับเด็กบ้านี้ ก่อนจะค้นหัวผ้านวมกับหมอนใบเก่าของมันออกมา … ไม่เคยเอาไปทิ้งหรือย้ายที่ไปไหนเลย ทุกอย่างที่เป็นของมัน ยังคงวางอยู่ที่เดิม รอคอยวันนี้ วันที่มันกลับมาในห้องนี้อีกครั้ง
“เอ๊า ยืนอยู่นั้นละ ใจคอจะให้กูทำคนเดียวใช่ไหม!”
ไอ้ไม้รีบแบกหน้าบานเป็นกระด้งของมันเข้ามาช่วยผมถือผ้าน่วมดิ่งตรงไปวางไว้ข้างเตียงของผม ก่อนจะปูอย่างเชี่ยวชาญ แต่ผมมองสภาพมันแล้วถ้านอนในสภาพนี้ตื่นเช้าขึ้นมากลิ่นละมุดต้องหึ่งไปทั่วห้องผมแน่ ๆ เลยต้องเตะตูดมันให้ไปอาบน้ำด้านล่าง มันทำหน้านิ่งไปสักพักอย่างลังเล ไม่รู้มันฝั่งใจอะไรกับพ่อผมนัก หึหึ ไม่ให้เก่งเหมือนปากว่าเลยวะ
“พ่อไม่อยู่กลับมะรืน”
“จริงเหรอครับ งั้นรอผมแปปนึงนะพ่อโทนที่รัก” ทีงี้ละหูกระดิกเชียว หึหึ
ว่าแล้วมันก็วิ่งวุ่นหาอุปกรณ์อาบน้ำของตัวเอง และมันก็ชะงักนิด ๆ เมื่ออุปกรณ์อาบน้ำทุกอย่างอยู่ที่เดิม แต่ยังใหม่กิ๊ก เพราะผมหมั่นซื้อมาเปลี่ยนอยู่เสมอ ผมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ จนมันออกจากห้องไป ถึงจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ยกมือขึ้นจับริมฝีปากที่ยังอุ่น ๆ อยู่เลย …
ไอ้เด็กบ้า ลามปามเชียวนะ หึ! นอนแล้ว ไม่สนใจมึง