-- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: -- คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต...บทพิเศษ ไม่พิเศษ -- (อัพเดต 21/01/2021) หน้า 20  (อ่าน 104629 ครั้ง)

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
สนุกมว๊ากกกกก      :give2:


แต่ยังติดใจอาการป่วยแล้วตาบอดชั่วขณะของรติ มันคืออะไรยังไง!?    :m28:

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 47

คำแนะนำของท่านอมรา

--------


   สองสามีภรรยาคู่นี้ไม่ค่อยแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง แต่คนใกล้ชิดดูออกว่ายามใดทะเลาะเบาะแว้ง ยามใดรักใคร่กลมเกลียว 


ยามใดรติไม่สดใสร่าเริง หลบเลี่ยงไม่มองหน้าหรือสบตาตรัส หรือยามใดตรัสนิ่งเฉยไม่พูดไม่จา นั่นก็เพราะพวกเขาทะเลาะกัน ยามใดรติกลับมาร่าเริงอย่างเก่า ตรัสพูดคุยยิ้มแย้ม นั่นก็เพราะความสัมพันธ์กลับมารักใคร่ตามเดิม


สามีภรรยาเหมือนลิ้นกับฟัน ตรัสและรติก็เช่นกัน มีทะเลาะเบาะแว้ง มีรักใคร่กลมเกลียว ความสัมพันธ์สลับสับเปลี่ยนไปตามเวลา


   อย่างไรก็ตาม ดังที่กล่าวว่าตรัสและรติไม่ใช่คู่สามีภรรยาที่แสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง ท่านอมราก็ชักเป็นกังวล


   ในฐานะคนอาบน้ำร้อนมาก่อน การไม่เห็นฝ่ายสามีแสดงออก เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง แม้ว่ารติจะไม่แสดงท่าทีว่าต้องการแต่อย่างใดก็ตาม หรือการไม่เห็นฝ่ายภรรยาเอาอกเอาใจปรนนิบัติสามีต่อหน้าธารกำนัล ก็เป็นเรื่องน่าห่วง แม้ว่าฝ่ายสามีจะไม่มีท่าทีว่าต้องการเรื่องเหล่านั้นเช่นกัน


   พักนี้ รติทำผงสมุนไพรเพียงลำพัง หาใช่เพราะหมางเมินกัน แต่เพราะกรรมวิธีไม่ยุ่งยาก รติจึงเสนอให้สามีทำบัญชีรับจ่าย ศึกษาโรคภัยใหม่ๆ หรืองานใดๆที่ต้องทำ แล้วค่อยเข้านอนพร้อมกันโดยไม่ต้องตื่นกลางดึกมาทำเพียงลำพังอีก


   แน่นอนว่าตรัสย่อมยินดี การได้นอนกอดภรรยาจนถึงเช้าเป็นช่วงเวลาที่เขาชื่นชอบ ใครเล่าจะอยากผละห่างร่างอุ่นๆของคนรัก


   มีบ้าง เมื่อตรัสจัดการธุระใดๆเรียบร้อยแล้ว แวะมาช่วยรติเป็นครั้งคราว แต่โดยรวม เป็นอันว่าช่วงกลางคืน รติและตรัสแยกกันทำงานเป็นส่วนใหญ่ อมราเห็นว่าสบโอกาส จึงเข้ามาหาทางพูดคุยด้วย


   “รติ...” เสียงเรียกดังขึ้นเบื้องหลัง ทำเอาคนกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมผงสมุนไพรในโรงครัวต้องหันมอง


   “ท่านอมรา ต้องการอะไรหรือขอรับ” รติรีบวางมือเข้ามาหาหญิงชรา เห็นท่าทางกระตือรือร้นพร้อมจะช่วยเหลือนางแล้ว อมราก็ยิ่งเอ็นดู รติถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี เขาดูไม่จริงจังแต่กลับเป็นคนเสียสละ เขาดูรักสนุกแต่กลับเอางานเอาการ ภาพลักษณ์ภายนอกของเขาสดใสร่าเริง แต่ภายในกลับแบกรับความคาดหวังและความลับมากมาย


   “แค่อยากสนทนากับเจ้าบ้าง ในบรรดาคนในเรือนนี้ก็เห็นจะมีแต่เจ้า ที่ข้าไม่ค่อยได้พูดคุยด้วยนัก”


   รติกะพริบตาปริบๆงุนงงเล็กน้อยก่อนจะยิ้มแผล่


   “ขออภัยขอรับ ข้า...ไม่ค่อยมีเวลาดูแลท่านสินะขอรับ”


   “ไม่ต้องดูแลข้าหรอก รุจีดูแลข้าอย่างดีแล้ว นางช่างเอาใจใส่ ละเอียดรอบคอบ ส่วนระพีก็เรียบร้อยมีมารยาทใฝ่รู้ใฝ่เรียน เจ้าเลี้ยงน้องได้ดี”


   “หาใช่ความดีของข้าขอรับ ทั้งรุจีและระพีต่างดีด้วยเนื้อแท้ของพวกเขา”


   “เอาเถอะ ไม่เถียงกับเจ้าหรอก” ท่านอมราพูดพลางโบกมือไปมาแล้วยิ้ม หย่อนกายลงนั่งบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง รติจึงชงน้ำสมุนไพรร้อนๆมาให้นางดื่มในระหว่างที่เขาก็ยังเตรียมผงสมุนไพรสำหรับขายไปด้วย


   “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ตั้งแต่แต่งงานเข้ามาอยู่ที่นี่”


   “ดีขอรับ ดีทุกอย่าง” ปากว่าดี แต่มือมิได้หยุดทำงาน ท่านอมราเห็นแล้วก็นึกเอ็นดู


ผู้คนทั้งหลายต่างรักสบาย ใครเลยจะอยากลำบาก รติก็คงเป็นเช่นนั้น แต่ในเมื่อยังสบายไม่ได้ ก็มิได้กระฟัดกระเฟียดโทษชะตาฟ้าดิน กลับมุมานะ ขยันขันแข็ง คนอื่นพากันชื่นชมที่นางช่างหาสะใภ้เข้าอหัสกรได้เก่งกาจ แต่ใครเลยจะรู้ว่าหญิงชรานอนไม่หลับอยู่พักใหญ่เพราะไม่รู้ว่าคนแปลกหน้าที่นางดื้อดึงพาเข้าเรือน เนื้อแท้เป็นเช่นไร


   นางวางเดิมพันครั้งใหญ่ ความเสี่ยงครั้งนี้สูงลิบลิ่ว และผลที่ได้ยิ่งกว่านอนตายตาหลับ


   “ตรัสดูแลเจ้าอย่างดีไหม”


   “ดีขอรับ”


   “รักเจ้า ใส่ใจเจ้าไหม”


 คำถามชักตอบยาก รติเริ่มตะกุกตะกัก


   “ข...ขอรับ”


   “เขาไม่ค่อยแสดงออก ข้าก็เกรงว่าเจ้าจะไม่สบายใจ”


   “ม...ไม่จำเป็นเลยขอรับ”


   “ทำไมถึงคิดว่าไม่จำเป็นเล่า ชีวิตคู่ การแสดงออกเป็นสิ่งสำคัญ”


รติพูดไม่ออก ไม่กล้าบอกว่าตรัสแสดงออกเสมอยามอยู่กับเขาสองต่อสองในที่รโหฐาน


   “รติ เจ้าเป็นภรรยา ต้องรู้จักออดอ้อนเอาใจ รู้จักแสดงเนื้อตัวให้คนรอบข้างเห็นว่าตรัสเป็นสามีของเจ้า จริตมารยาเป็นเรื่องสำคัญ จำเรื่องตอนรสนากลับมาได้หรือไม่ นั่นเพราะนางไม่เอาจริง จึงล่าถอยไปโดยง่าย แต่ลองคิดว่าเป็นผู้อื่นที่หมายมั่นจะยึดเอาตรัสไปจากเจ้าเล่า? ตรัสรักเดียวใจเดียวมั่นคงก็จริง แต่ใจคนเราเป็นเลือดเป็นเนื้อ บอกไม่ได้ว่าวันใดจะเปลี่ยนแปลง ดังนั้น เจ้าต้องรู้จักประคบประหงม รู้จักทำให้เขารักหลงอย่าได้หน่าย อย่าประมาทเชียว”


   “อ่า...ต้องถึงเพียงนั้นเลยหรือขอรับ”


   “เจ้าเป็นชาย คงไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร” อมราเปรย มองหลานสะใภ้แล้วก็ถอนหายใจ รตินั้นเหมือนจะมีเหลี่ยมมีมุม หากแต่แท้จริงแล้วใสซื่อ เรื่องรักใคร่ยิ่งแล้วใหญ่ บริสุทธิ์ผุดผ่องรู้จักแต่คำว่าเสียสละ


   “ยามเดินในเมือง ก็ต้องรู้จักออเซาะให้เขาช่วยจับจูง ยามรับประทานอาหารก็ต้องรู้จักป้อนข้าวป้อนน้ำ ชะม้อยชายตาให้เขาด้วย เวลาแนะนำตัวกับใคร ก็จงพูดอย่างภาคภูมิใจว่าเป็นภรรยาของตรัส อย่าได้กระมิดกระเมี้ยน”


   “เอ่อ...” รติทำหน้าไม่ถูก


   ยามเดินในเมือง แม้จะเคียงข้าง แต่ไม่เคยจับมือ ยกเว้นถนนลื่น หิมะละลายอย่างคราวก่อน


ยามรับประทานอาหาร ไม่เคยป้อนข้าวป้อนน้ำ เพียงแต่รู้ว่าอะไรคือของโปรด อะไรคือของไม่โปรด หลีกเลี่ยงสั่งหรือเตรียมอาหารไม่โปรด และสรรหาของโปรดของดีมาขึ้นโต๊ะ


ยามแนะนำตัวกับใคร รติไม่เคยพูดเสียที เพราะใครๆก็ล้วนรู้กันอยู่แล้วว่าเขาเป็นภรรยาของตรัส


   “คงไม่เคยทำเลยล่ะซี” อมราหนักใจนัก ยิ่งเห็นสีหน้ากระอั่กกระอวลแล้วก็ทั้งเวทนาปนเอ็นดู


   “แล้วเวลาอยู่กันสองต่อสองน่ะ เจ้าเคยใกล้ชิดตรัสบ้างไหม”


   “ก...ใกล้ชิด?!” รติย้อนถามตาเหลือก หน้าแดงก่ำ เห็นท่าทีตกตะลึงอีกทั้งยังหน้าแดงหูแดงเช่นนั้น ท่านอมราก็ถึงกับถอนหายใจแล้วส่ายหน้า


   “รติเอ๋ยรติ...เจ้าเป็นชายแท้ๆ กลับละเลยเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไรกัน”


   “เจ้าก็รู้ว่าผู้ชายน่ะ เรื่องใกล้ชิดเป็นเรื่องสำคัญ ต้องรู้จักแตะต้องถึงเนื้อถึงตัวให้เขารู้สึกว่าเราใกล้ชิดเป็นคู่ผัวตัวเมีย แล้วไม่ใช่แตะอย่างที่จับโต๊ะจับเก้าอี้ เอ้า! วางมือจากผงสมุนไพรนั่นเสีย แล้วไหนลองจับมือตัวเอง”


   “จ...จับมือตัวเองหรือขอรับ?” รติงงเป็นไก่ตาแตก หญิงชราถอนหายใจอีกครั้งอย่างขัดใจ ดึงมือสองข้างของอีกฝ่ายมาใกล้ แล้วบังคับให้มือหนึ่งวางทับอีกมือหนึ่ง


   “เช่นนี้รู้สึกอย่างไร”


   “อ...เอ่อ...ร...รู้สึก...เอ่อ...อุ่นขอรับ...” รติไม่รู้ว่าต้องรู้สึกเช่นไร มือหนึ่งวางทับอีกมือหนึ่งก็...อุ่น


   ท่านอมราพลิกมือที่อยู่ด้านล่างให้หงายฝ่ามือขึ้น จากนั้นจับอีกมือวางทับลงไป


   “แล้วอย่างนี้ล่ะ”


   “ก...ก็...อุ่น...”


   “ไหนลองเขี่ยฝ่ามือเจ้าเองดูซิ”


   รติตาเหลือกโต แต่หญิงชราจ้องให้ทำตาม เขาก็จำต้องทำตาม ใช้ปลายนิ้วเขี่ยฝ่ามือตนเอง


   “ม...มันจั๊กกะจี้นิดๆขอรับ”


   “ใช่! นี่ล่ะ มันไม่เหมือนกัน ถ้าเจ้าอยากให้เขารู้สึกอบอุ่น ก็จับมือเขาทั้งมือ แต่หากเจ้าอยากให้เขารู้สึกวูบวาบ ก็ต้องค่อยๆลูบ ค่อยๆแตะ ฝ่ามือเอย ท้องแขนเอย ต้นขาเอย ผิวใต้ร่มผ้าส่วนใหญ่มิได้ถูกผู้อื่นแตะต้องโดยง่าย เจ้าเป็นภรรยา ย่อมมีอภิสิทธิ์ในพื้นที่ที่ผู้อื่นมิอาจมีสิทธิ์” หญิงชราสอนสั่ง แต่รติดูจะตะลึงค้างไปแล้ว นางไม่ทันถามว่าเขาเข้าใจดีหรือไม่  ตรัสก็โผล่หน้าเข้ามาในโรงครัวเสียก่อน


   “อ้าว ท่านย่า ยังไม่พักผ่อนหรือขอรับ”


   “นอนไม่หลับ ก็เลยแวะมาพูดคุยกับรติ”


   หญิงชรากล่าวเช่นนั้น หลานชายจึงหันไปทางภรรยาของตนด้วยความสงสัยว่าพูดคุยกันเรื่องใด แต่รติไม่กล้าเอ่ย


   จะให้เอ่ยได้อย่างไรว่าอมราสั่งสอนเรื่องใดแก่เขาบ้าง ล้วนกระดากใจทั้งสิ้น


   “เจ้ามาตามรติกลับไปพักหรือ ข้าก็จะกลับไปพักแล้วเช่นกัน”


เห็นสองสามีภรรยามองตา หญิงชราก็หมายเปิดทาง


   “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปส่งท่านย่านะขอรับ แล้วจะกลับมารับรติ”


   นางโบกมือไปมา แล้วลุกขึ้น


“ไม่ต้อง ข้ามาเองก็กลับเองได้ เจ้าพารติไปพักผ่อนได้แล้ว...อ้อ...รติมีเรื่องจะคุยกับเจ้าแหน่ะ” ท่านอมรากล่าว ก่อนจะออกจากโรงครัวไป นางเปิดทางสะดวกให้รติใช้วิชาที่นางสอนสั่งแล้ว ตรัสมิได้รู้เรื่อง จึงหันมาถามดว้ยความสงสัย


“คุยเรื่องอะไรหรือ” ถามพลาง มือช่วยเก็บข้าวของพลาง แต่มือไม้ของรติเก้งก้าง รู้สึกประหม่าครามครัน


“อ...เอ่อ...เอ่อ...คุย...คุยเรื่อง...เรื่องซ่อมเรือน...คือ...คือข้าเห็นรั้วผุ...”   


   “รั้วผุ?”


   “ช...ใช่...ผุ...พ...พรุ่งนี้...พรุ่งนี้ข้าจะให้คนไปดูแล้วกันนะ” รติพูดแล้วก็รีบยัดทุกอย่างลงกล่อง เก็บเข้าที่ สำรวจฟืนไฟว่าดับดีแล้ว สองสามีภรรยาก็พากันเดินกลับเรือนพักผ่อน


แล้วคืนนั้น...ทุกอย่างก็เงียบสนิท


   หญิงชราโผล่หน้าจากห้องของตนออกมาสอดส่อง แล้วก็ถอนหายใจแรงๆทีหนึ่ง


   นางสอน นางแนะ นางสั่งการบ้าน แต่นักเรียนที่ชื่อรติ ไม่ทำการบ้านไม่พอ ยังไม่ทบทวนบทเรียนด้วย น่าตีนักเชียว!


---------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------

ท่านย่าต้องให้เวลานักเรียนหน่อย นักเรียนตามบทเรียนไม่ทัน สอนปุ๊บจะให้ทำปั๊บ มันก็จะหัวไวไปหน่อย

แต่วันศุกร์นี้ล่ะค่ะ วันศุกร์นี้...มีคนเสียอาการจริงๆ แต่ไม่รู้คนไหนนะคะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านค่ะ


ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
นักเรียนเขินไงค่าาาา

แต่คนอ่านอยากนักเรียนลองทำบ้างนะ 555

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ PoyPay

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 270
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นักเรียนอาจจะคิดว่า...
ถ้าทำตามคงไม่ได้ลุกออกจากเตียงแน่ๆ... คุคุ...

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
รอแปป ทำใจก่อนแล้วค่อยหัด(ยั่ว)  ตรัสจะเป็นยังไงนะเจอรติเวอร์ชั่นนี้เข้าไป 55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
ค่อยเป็นค่อยไปนะรติ ค่อยค่อยทำอย่างที่ท่านย่าสอนล่ะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
อย่างงี้ต้องตีแล้วค่ะคุณย่านักเรียนไม่เชื่อฟัง5555 ถ้ารติทำจริงตรัสคงปิดร้านยาวๆ :-[ :pig4: :L1:

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 48

ทดลอง

---------


วาจาผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน จะไม่ทำตามก็ได้ หากเห็นว่าบริบทเปลี่ยนแปลง แต่รติมิใช่คนนิ่งเฉยต่อคำแนะนำของผู้อื่น โดนเฉพาะผู้อื่นอย่างท่านอมราที่มิได้มุ่งร้าย อีกทั้งคำพูดของนางก็ล้วนไม่มีเรื่องใดเกินจริง


‘…ใจคนเราเป็นเลือดเป็นเนื้อ บอกไม่ได้ว่าวันใดจะเปลี่ยนแปลง ดังนั้น เจ้าต้องรู้จักประคบประหงม รู้จักทำให้เขารักหลงอย่าได้หน่าย อย่าประมาทเชียว’


ลงท้ายว่าอย่าประมาทเช่นนี้ รติก็ชักรู้สึกว่าหากจะลองทำในสิ่งที่ท่านอมราแนะนำก็คงไม่เสียหาย


‘ยามเดินในเมือง ก็ต้องรู้จักออเซาะให้เขาช่วยจับจูง...’


ตรัสและรติต้องเดินด้วยกันทั้งเช้า กลางวันและเย็น เส้นทางประจำของพวกเขาคือเรือนอหัสกรสู่ร้านยาอหัสกรที่อยู่ใกล้น้ำพุใจกลางเมือง และจากร้านยาอหัสกรกลับมาที่เรือน



โอกาสจะทำตามคำแนะนำของหญิงชรานั้นมีมากทีเดียว ผิดก็แต่...จะเริ่มเช่นไร


ถนนไม่กว้างไม่แคบ ริมถนนเป็นทางเดินเท้า กลางถนนเป็นทางสัญจรของรถม้า เกวียน รถเข็นรถลาก ตอนเช้าผู้คนไม่พลุ่กพล่านนัก ก็พอจะเดินเคียงโดยไม่เกะกะ


แต่เดินเคียง...หาใช่เดินออเซาะ


แล้วออเซาะทำเช่นไร? ตรัสจึงจะจับจูง



แล้วตรัสจะจับจูงทำไมในเมื่อเส้นทางสายนี้พวกเขาก็เดินด้วยกันทุกวัน


“รติ... นั่นเจ้าจะไปไหน” เสียงเรียกดังปลุกสติ ทำเอารติกะพริบตาปริบๆ รู้ตัวก็ตอนที่ตนเองกำลังจะเดินไปทางหนึ่ง ในขณะที่ตรัสยืนอยู่อีกทางหนึ่ง


มัวแต่คิดจนเดินไม่รู้สติ ผิดทางเสียแล้ว ฝ่ายภรรยาทำหน้างงงัน ตรัสจึงเป็นฝ่ายเดินเข้าไปหา


“เจ้าไม่สบายหรือ วันนี้ดูใจลอยพิกล”


“ป...เปล่า ข้า...มัวแต่คิด...”


“คิดว่าจะขายผงสมุนไพรอะไรอีกแล้วล่ะซี เวลาเดินก็เดิน อย่าเพิ่งคิด ไว้ถึงร้านแล้วจะคิดก็ไม่ว่า” ตรัสมิได้ดุจริงจัง เพราะรู้นิสัยชอบทำงานของรติดี


“มาเถอะ ข้าจูง จะได้ไม่หลงอีก” ว่าแล้วก็คว้าเอาข้อมือของภรรยามากุมแล้วพาเดินเลี้ยวยังทางที่มุ่งสู่ร้านยาอหัสกร รติท้วงไม่ทัน แต่พอก้มลงมองมือของตนที่ถูกอีกฝ่ายจับอยู่ ก็พลอยคิดไปถึงคำสั่งสอนของหญิงชรา


‘…ออเซาะให้เขาช่วยจับจูง’


อย่างนี้เรียกออเซาะให้จับจูงไหมไม่รู้ แต่ตรัสจูงเขาจนกระทั่งถึงร้านยา พอตอนกลางวัน ตรัสก็ยังจูงภรรยากลับไปกินมื้อเที่ยงที่เรือน โดยให้เหตุผลว่ารติจะมัวแต่คิดแล้วเดินผิดทางอีก แต่เหตุการณ์เช่นนี้ก็เกิดอยู่แค่ครั้งนั้น เพราะตรัสเห็นว่าภรรยาไม่ได้ป่วยไข้ เมื่อมีสติครบถ้วน ก็เลิกจับจูงไปโดยปริยาย


เรื่องออเซาะนั้นถือว่าเป็นงานยาก รติล้มเลิกเพราะทำไม่ได้ ก็มาถึงคำสั่งสอนเรื่องที่สอง


‘ยามรับประทานอาหารก็ต้องรู้จักป้อนข้าวป้อนน้ำ ชะม้อยชายตาให้เขาด้วย...’


สามีภรรยาร่วมโต๊ะด้วยกันทุกวัน วันละสามเวลา แต่ทุกเวลาล้วนมีผู้อื่น การจะชะม้อยชายตาย่อมไม่เหมาะ รติจึงหาโอกาสจากมื้อกลางวันในวันหนึ่งที่มีคนไข้นัดมาดูแผลตอนเที่ยง



ตรัสจะกลับไปกินอาหารกลางวันที่เรือนย่อมไม่สะดวก เพราะต้องรอทำแผลคนไข้ก่อน ครั้นทำเสร็จแล้วค่อยกลับไป คนที่เรือนก็ต้องหิ้วท้องรอ รติจึงเสนอให้คนที่เรือนกินกันไปได้เลย ส่วนอาหารกลางวันของเขาและตรัส รติจะหิ้วมากินที่ร้านยา


มื้อกลางวันที่มีเพียงสองคนเกิดขึ้นแล้ว เรื่องถัดไปก็คือชะม้อยชายตา


...แล้วมันทำอย่างไร...


ต้องก้มหน้าไหม แล้วต้องเหลือบตาขึ้นหรือ แล้ว...ต้องยิ้มไหม? จะยิ้มอย่างไร ต้องเคี้ยวข้าวให้หมดก่อนใช่ไหม...


“รติ...รติ...” เสียงเรียกของผู้ร่วมโต๊ะดังปลุกสติ รติสะดุ้งเล็กน้อย แล้วก็พลันรู้ตัวว่าเขาเอาแต่คิดจนไม่ตักข้าวเข้าปากสักคำ


“เจ้าเป็นอะไร” ตรัสถาม มองภรรยาด้วยความสงสัยระคนเป็นห่วง รติเอาแต่คนข้าวในชามไปมาจนเละไปหมดแล้ว ยังไม่เห็นกินสักคำ


“อ...เอ่อ...ม...ไม่มีอะไร”


“ไม่มีอะไรได้อย่างไร ข้าเรียกเจ้าตั้งหลายครั้ง แล้วข้าวนั่นก็คนจนเละ มัวแต่คิดอะไรอยู่”



คราวนี้ตรัสชักจริงจัง สองครั้งแล้วที่เขาจับได้ว่าอีกฝ่ายเอาแต่ตกอยู่ในภวังค์จนดูไม่ปกติ


“หรือไม่สบาย? เจ้าเจ็บป่วยตรงใด บอกข้า” สามีไม่พูดอย่างเดียว แต่ลุกจากเก้าอี้มาจับหน้าผากลูบแก้ม หากแต่อุณหภูมิของภรรยาปกติ


“ข้าไม่ได้เป็นอะไร”


“ถ้าเช่นนั้นคิดอะไร”


คำถามนี้ตอบยาก หากตอบตามความจริงว่าคิดไม่ตกว่า ‘ชะม้อยชายตา’ ทำอย่างไร มีหวังตรัสคงยิ่งตกตะลึงพรึงเพริศ


“อ...เอ่อ...ก็...เรื่องผงสมุนไพร”


พอตอบไปเรื่องงาน คราวนี้ตรัสทำหน้าดุ ถอนหายใจแรง


“เรื่องนี้อีกแล้ว นี่เวลาพักกลางวันก็ยังเอาแต่คิดเรื่องงานเช่นนี้ แล้วสมองจะได้พักผ่อนหรือ” กลายเป็นว่าถูกดุ รติยิ้มแหย


“ขอโทษ ข้า...คิดเพลินไปหน่อย...”


“เลิกคิด แล้วกินข้าว” พอสั่งเสียงเข้มงวดเช่นนั้น ตรัสก็เหลือบไปมองข้าวในถ้วยของรติที่กลายเป็นก้อนรวมกันไม่น่ารับประทานอย่างยิ่ง เขาส่ายศีรษะ ขยับเก้าอี้ของตนเองเข้าไปหาภรรยา พร้อมด้วยชามข้าว


“ข้าวในถ้วยของเจ้าน่ะกินไม่ได้แล้ว กินกับข้าก็แล้วกัน”


“ไม่เป็นไร ข้ากินได้” รติรีบท้วงเมื่ออีกฝ่ายจะยกชามข้าวของเขาไป


“จะกินได้อย่างไร จับกันเป็นก้อนเละขนาดนี้ ไม่ดื้อ กินข้าวกับข้า แล้วก็เลิกคิดเรื่องงานเวลากินข้าวด้วย”



พอถูกสามีดุด้วยน้ำเสียงเข้มงวดจริงจัง รติก็พลอยเถียงไม่ออก หรืออีกนัยหนึ่งคือเกรงว่าเถียงไปแล้วจะกลายเป็นความแตกเรื่องที่กำลังคิดหาใช่เรื่องงานแต่เป็นเรื่องชะม้อยชายตา คราวนี้คงถูกดุหนักกว่าเดิม


เป็นอันว่าคำสั่งสอนเรื่องที่สองของท่านอมราก็ไม่สัมฤทธิ์ผล รติชักถอดใจ ยิ่งคิดถึงคำสั่งสอนเรื่องที่สาม คราวนี้ยิ่งแล้วใหญ่


‘เวลาแนะนำตัวกับใคร ก็จงพูดอย่างภาคภูมิใจว่าเป็นภรรยาของตรัส อย่าได้กระมิดกระเมี้ยน’


อย่าได้กระมิดกระเมี้ยนทำอย่างไร รติไม่รู้ ที่ไม่รู้หนักกว่าคือจะต้องแนะนำตัวกับใคร


วันๆของเขาล้วนหมดไปกับการค้าขายในร้านยาอหัสกร ลูกค้าที่แวะเวียนมาล้วนอยากรู้เรื่องผงสมุนไพรมากกว่าอยากรู้ว่าคนขายเป็นใคร หนำซ้ำ...มีใครบ้างไม่รู้ว่าเขาคือภรรยาของหมอตรัส


“อ...เอ่อ...ท่าน...ท่านรู้จักข้าใช่ไหม” ลองเสี่ยงถามลูกค้าคนที่หนึ่งที่เข้ามาซื้อผงสมุนไพร ลูกค้าคนนั้นก็กะพริบตาปริบๆ


“รู้จักซี ท่านคือภรรยาของหมอตรัส”


ลูกค้าว่ามาเช่นนี้ก็เป็นอันว่าไม่ต้องแนะนำตัว


พอพบหน้าลูกค้าคนที่สอง รติก็ลองดูอีก


“เอ่อ...ท่านรู้ไหมว่าข้าชื่ออะไร สกุลอะไร”



ลูกค้าคนนั้นกะพริบตาปริบๆ


“ท่าน...เป็นภรรยาของหมอตรัส ชื่อรติ”


กับคนนี้ก็ไม่ต้องแนะนำตัวอีก รติถอดใจลงทุกที จนกระทั่งลูกค้าคนที่สาม


“ท่าน...รู้ไหมว่าข้าชื่ออะไร”


ลูกค้าผู้นั้นกะพริบตาปริบๆ ยิ้มจืดแล้วส่ายหน้า


“ขอโทษที ข้าไม่ค่อยได้เข้ามาในเมือง บังเอิญท่านพ่อฝากให้มาซื้อผงสมุนไพรก็เลยแวะมาซื้อให้”



คล้ายรติเห็นแสงเรืองรองแห่งความหวัง ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ รีบแนะนำตัวพัลวัน


“ข้าชื่อรติ อหัสกร เป็นภรรยาของหมอตรัส!”


“อ้อ ยินดีที่ได้รู้จัก” ลูกค้าคนนั้นตอบพลางหัวเราะ ตอนนั้นเองที่รติเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าท่าทีของเขาคงจะเกินกว่าคำว่า ‘อย่าได้กระมิดกระเมี้ยน’ ไปมากโข เพราะมัวแต่ดีใจที่จะได้ลองแนะนำตนเอง



เขาถอนหายใจ สุดท้าย ก็จำต้องถอดใจกับคำสั่งสอนที่สามของท่านอมราเช่นเดียวกับคำสั่งสอนที่หนึ่งและสองนั่นเอง


คำสั่งสอนของท่านอมราล้วนไม่สำเร็จสักข้อ เหลือเพียงข้อสุดท้าย


‘...ถ้าเจ้าอยากให้เขารู้สึกอบอุ่น ก็จับมือเขาทั้งมือ แต่หากเจ้าอยากให้เขารู้สึกวูบวาบ ก็ต้องค่อยๆลูบ ค่อยๆแตะ ฝ่ามือเอย ท้องแขนเอย ต้นขาเอย ผิวใต้ร่มผ้าส่วนใหญ่มิได้ถูกผู้อื่นแตะต้องโดยง่าย เจ้าเป็นภรรยา ย่อมมีอภิสิทธิ์ในพื้นที่ที่ผู้อื่นมิอาจมีสิทธิ์’


รติก็เป็นชาย คำสั่งสอนข้อนี้ของท่านอมราเขาย่อมเข้าใจ เพศชายนั้นมีพื้นที่อ่อนไหวไม่กี่แห่ง แต่ใช่ว่าชายทุกผู้จะมีจุดที่อ่อนไหวเช่นเดียวกัน กระนั้น ไม่ว่าจะจุดใด การค่อยๆลูบ ก็เป็นวิธีจุดอารมณ์ได้ไม่ต่างกันเลย


แต่...อย่างไรจึงจะเรียกว่าลูบ


วันนี้ทั้งวัน รติลองจับมือตนเองตามที่ท่านอมราสอน จับทั้งมือให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่ลูบเบาๆที่กลางฝ่ามือก็ไม่เห็นจะให้ความรู้สึกวูบวาบแต่อย่างใด เพียงรู้สึกจั๊กกะจี้เท่านั้น



หรือต้องลูบเบากว่านี้? แต่ยิ่งลูบเบา ก็ยิ่งจั๊กกะจี้ แต่อย่างที่กล่าว แม้ทั้งเขาและตรัสล้วนเป็นชาย แต่ก็ใช่ว่าจะมีพื้นที่อ่อนไหวเช่นเดียวกัน


ดังนั้น...ต้องลอง


สองสามีภรรยานั้นยุ่งอยู่เสมอ ตลอดทั้งวัน ทำงานที่ร้านยาอหัสกร พอกลับมาที่เรือน คนหนึ่งต้องทำผงสมุนไพร อีกคนทำบัญชีอยู่ที่โต๊ะทำงาน จนกระทั่งตกดึก ตรัสถึงไปตามภรรยามาเข้านอน


รติไม่ค่อยจะมีสมาธินัก เพราะเอาแต่คิดว่าจะหาทางทดลองทำตามที่คิด พอก้าวเข้ามาในเรือนพักผ่อนแล้ว นี่คือช่วงเวลาสองต่อสองของพวกเขา ตรัสหันไปปิดประตูลงกลอน พอเรียบร้อยดีแล้ว กำลังจะหมุนตัว ก็กลับถูกคว้ามือไว้


คนถูกคว้ามือชะงัก คนคว้ามือก็ชะงัก


ฝ่ายสามีมองหน้าภรรยา ฝ่ายภรรยาก็มองหน้าสามี ก่อนที่รติจะรู้ตัวรีบปล่อยมืออีกฝ่ายออก


“อ...เอ่อ...เอ่อ...ขอโทษ...ข้า...”



ไม่รู้จะอ้างอย่างไร รติรู้สึกเหมือนตนเองช่างไร้สาระ ทำเรื่องอะไรไม่เข้าท่า แต่ท่าทางของเขากลับยิ่งทำให้ตรัสเป็นห่วง


ความประพฤติของรตินั้นเรียกได้ว่าไม่ปกติ สามีผู้เอาใจใส่เช่นตรัสจะดูไม่ออกเชียวหรือ แม้ไม่พูด แต่เฝ้าดูภรรยาถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้หนักอกเรื่องใด


“หน้าเจ้าแดง เป็นอะไรไป หรือไม่สบาย” เขาถามด้วยความเป็นห่วง เอื้อมมือไปแตะหน้าผาก


“อุณหภูมิปกติ...” ตรัสเอ่ย “...แต่แก้มเย็น...”


รตินั้นขี้หนาว กระทั่งอากาศในช่วงใบไม้ผลิที่อุ่นขึ้นมากแล้ว แต่ช่วงกลางคืนก็ยังหนาวเย็น ในโรงครัวมีทั้งไฟมีทั้งน้ำร้อนก็จริง แต่ก็มิได้เป็นห้องหับมิดชิด


เขาลูบมือกับข้างแก้มของภรรยาคล้ายจะให้ความร้อน ฝ่ามือของตรัสมิได้นุ่มนวล แต่กระด้างอย่างชายหนุ่ม ทว่าก็ให้ความรู้สึกอบอุ่น


...อุ่น...


...จับเช่นนี้สินะที่เรียกว่าอุ่น...


รติจับมือของสามีแล้วแนบแก้มของตนลงกับมือนั้นมากขึ้น ฝ่ามือของตรัสให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายจนเผลอยิ้ม เหลือบตาขึ้นมอง


“แต่มือของท่านอุ่น...”


ท่าทางของภรรยานั้นไม่ได้ออดอ้อน ไม่ได้แฝงจริตมารยา แต่กลับทำให้หัวใจของตรัสเต้นถี่



ฝ่ามือของเขาที่แนบอยู่กับแก้มของรติ ค่อยๆไล้นิ้วโป้งกับผิวแผ่วเบา ดวงตายังมองสบเข้าไปในดวงตาของภรรยา



ราวกับต้องมนตร์ ตรัสขยับเข้าใกล้ ก้มลงหา แล้วแนบริมฝีปากเข้าไปกับริมฝีปากของภรรยาแผ่วเบา


จุมพิตนั้นชวนให้เคลิบเคลิ้มจนเบียดกายเข้าหากัน บดริมฝีปากเข้าแนบสนิทกันมากกว่าเดิม สื่อความรู้สึกของหัวใจผ่านทางการสัมผัสกันและกัน จนกระทั่งริมฝีปากของตรัสผละออกห่างเล็กน้อย เมื่อนั้น รติจึงคล้ายได้สติ รีบดันแผ่นอกร้อนรุ่มของอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วท้วงแผ่วเบา


“ตัวข้ามีแต่กลิ่นสมุนไพร”


ประโยคนี้แสนน่ารักสำหรับตรัส คล้ายจะปรามแต่มิได้ห้ามจริงจัง ราวกับว่าหากกายไร้กลิ่นสมุนไพรเหล่านี้แล้ว...ก็ไม่ว่า


“ถ้าเช่นนั้น...ข้าจะอาบน้ำให้”


---------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

--------

จริงๆ รติไม่ต้องทำตามท่านอมราเลยค่ะ แค่รติทำในสิ่งที่รติอยากทำ ตรัสก็วูบวาบแล้ว

ส่วนตอนหน้าก็คือ...รติต้องได้รับผลจากการทดลองในตอนนี้ค่ะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเลยค่ะ

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
นักเรียนลองทำแล้ว

555555

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เอ็นดูรติ...น่ารักๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ  :hao7:

ออฟไลน์ Caramel Syrup

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 465
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-2
ก้อทำได้หนิรติ เอ้า สู้ สู้ 

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
เออ! บทจะได้ สำเร็จพิชิตสามีไปหนึ่งบท จัดไปอย่าให้เสียตรัส 555 รติไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ ผ่อนคลายนะ แค่ทำตามที่ใจต้องการจะง่ายเอง อยากทำไรทำเลย ตรัสชอบทุกอย่างละ อิอิ สนุกกกกดดด ขอบคุณนะคะที่มาต่อ  :m31: :pig4: :pig4: รอตอนต่อไปเลย

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขำรติน่ารักมากๆเลย :pig4: :L1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 49

ไม่ทุกวัน

---------


สองสามีภรรยาใกล้ชิดกันมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่นี่คือครั้งแรกที่ตรัสออกปากว่าขอใกล้ชิดในยามที่ไม่ได้อยู่บนเตียง


รติตื่นเต้นจนหัวใจเต้นถี่ แต่พอถูกดึงแขนไปยังห้องน้ำ ก็เดินตามแต่โดยดี ตอนที่อีกฝ่ายช่วยปลดเปลื้องเสื้อผ้า เสียงของรติก็ดังขึ้นอีกครั้งทั้งที่เจ้าตัวก้มหน้างุด


“ข...ข้าหนาว...”


ตรัสยิ้ม ไม่พูดอะไรแต่มือปลดอาภรณ์หล่นจากไหล่ของภรรยา


สองร่างเปลือยเปล่า ภายในห้องน้ำนั้นมีแสงเทียนเรืองรองให้ความสว่างสลัว รติเอาแต่หลบเลี่ยงสายตาไปทางอื่น ย่อมไม่รู้ว่าเรือนกายของตนเองถูกจับจ้องราวกับจะกลืนกิน ตรัสตักน้ำขึ้นรดแขนของภรรยาช้าๆ อากาศเย็น ต่อให้น้ำอุ่นเพียงใดก็ทำให้สั่นได้ไม่ยาก ดูแล้วช่างน่าสงสาร จนชายหนุ่มต้องขยับกายเข้าชิด


ยิ่งชิด...ก็ยิ่งไม่อยากปล่อย


มือหนึ่งลูบผิวกายที่เปียกชื้น อีกมือโอบประคองมิให้ภรรยาแยกห่าง


ยิ่งชิด...ก็ยิ่งรับรู้


กายแนบกาย ใจแนบใจ อารมณ์จะนิ่งสงบได้อย่างไร


ตอนที่ตรัสลูบเนื้อตัวภรรยา พอปลายนิ้วปัดผ่านยอดอก เสียงอุทานของรติก็ดังขึ้นแผ่วเบา พอเขาแกล้งลูบลงมาที่หน้าท้องแบนราบ เสียงเครือของรติก็ดังตามมา คราวนี้...เขาลองลูบไปยังก้อนเนื้อกลมด้านหลัง รติครางเบา สะดุ้งน้อยๆ จิกแขนเขาแน่น


“ต...ตรัส...นี่...ห้องน้ำ...”


อารมณ์หวามเริ่มก่อตัว แต่รติยังพอมีสติ กระนั้น...ดูเหมือนตรัสจะไร้สติเสียแล้ว


เขาแนบจูบลงกับผิวแก้ม เมื่อได้สัมผัสครั้งหนึ่งแล้ว การจะถอนตัวถอนใจออกมายิ่งเป็นไปไม่ได้ ริมฝีปากที่บดเบียดกับแก้มของรติจึงลากไล้ชิมรสผิวเนื้อลงสู่ซอกคอที่เปียกชื้น ดูดดึง ขบเม้มราวกับจะลิ้มลองทุกอณูผิว มือข้างที่ลูบก้อนเนื้อสะโพกลากปลายนิ้วไปยังร่องหลืบ กดนิ้วผ่านความเบียดชิดของก้อนเนื้อกลมลงสู่ส่วนลับที่ร้อนผ่าว เพียงแตะ...รติก็สะท้านขึ้นมาอีกครั้ง ตรัสเงยหน้าขึ้นมาจากซอกคอของภรรยา ดวงตาของเขาเป็นประกายวาวแห่งความต้องการ


“ได้ไหม”


รติเงยหน้ามอง ใบหน้าแดงก่ำ ทั้งตื่นตระหนก ทั้งตื่นเต้น


“ที่นี่...ได้ไหม” คำถามดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับปลายนิ้วยาวที่บดลงกับปากทางร้อนผะผ่าวนั้น


รติหมดแรงต้านทาน ก้มหน้าซุกกับแผ่นอกกว้างแล้วปล่อยใจปล่อยกายไปกับสัมผัสของสามี


ตรัสเชยปลายคางของอีกฝ่ายขึ้นมาหา ปรนเปรอด้วยจูบดูดดื่ม ฝ่ามือลูบกายปลุกเร้า ในขณะที่ดันร่างของภรรยาไปจนชิดผนังไม้ที่เย็นชื้น


เบื้องหน้าถูกรุกไล่ด้วยร่างกายสูงใหญ่ของสามี เบื้องหลังแนบติดไปกับผนัง รติตกอยู่ในที่แคบๆ ขยับไปทางไหนไม่ได้ เมื่อถูกเร้าโลมจนอารมณ์ปะทุไปแทบทุกส่วน กลับทำได้เพียงบิดเร้าไปมา


สองมือของตรัสฟอนเฟ้น เมื่ออยู่ในท่ายืนเช่นนี้ แน่นอนว่ารติย่อมไม่อาจซุกกายกับฟูกหลบเลี่ยงการสัมผัสของสามีได้อย่างเคย ยิ่งตรัสยกขาข้างหนึ่งของภรรยาขึ้นแนบกับเอวของเขา มืออีกข้างก็ปาดนิ้วที่ชุ่มฉ่ำด้วยเนื้อสบู่ลื่นถูไถกับร่องหลืบแล้วสอดลึกเข้าไปภายใน


“อ๊ะ...ย...อย่า...อื้อ...”



อารมณ์กำหนัดนั้นแสนร้ายกาจ แม้จะอับอายจนร้องปฏิเสธ แต่แท้จริงแล้วหัวใจกลับเรียกร้อง ดูได้จากร่างกายของรตินั้นพรั่งพร้อมแข็งขืนเสียดสีกับความต้องการของตรัสจนหยาดเยิ้ม


ตรัสยกร่างภรรยาขึ้นเล็กน้อย จัดท่วงท่าให้ความแข็งแกร่งของเขาทักทายปากทางร้อนที่ถูกเตรียมพร้อมแล้ว หัวใจของรติเต้นตุบจนแทบกระเด้งกระดอนออกมานอกอก ท่าทางเช่นนี้ เขาไม่คุ้นเคยจึงเผลอเกร็งรับเมื่อความแข็งแกร่งแทรกผ่านเข้ามา


เดิมที ความคับแคบของรติไม่พอดิบพอดีกับความใหญ่โตของตรัสอยู่แล้ว เมื่อรติยิ่งเกร็งก็ยิ่งแคบ หากดันทุรังก็จะมีแต่เจ็บปวด


   แม้จะนึกกระหยิ่มในใจทุกครั้งที่ได้เห็นภรรยาหน้าแดงเขินอายหรือเรียกร้องการกระทำของเขา แต่การจะให้รติร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดกลับไม่เคยอยู่ในความรู้สึกนึกคิดของตรัส ดังนั้น เมื่อลองดูแล้วไม่สำเร็จ ตรัสก็ไม่ฝืน รติคล้ายจะร้องไห้ที่คราวนี้ไม่อาจพาสามีไปถึงฝั่งฝันอย่างที่เคย


   “ข...ข้า...ข้าขอโทษ...”


   ไม่รู้ว่ารติจะรู้หรือไม่ ทั้งคำพูดคำจา แววตารู้สึกผิด กลับยิ่งน่ารักในสายตาของตรัส


เขาคว้าร่างภรรยาขึ้นอุ้ม “ไม่ใช่เรื่องต้องขอโทษ”


   “แต่...”


   “กลับไปที่เตียงของเรา” คำชวนนั้นแสนอบอุ่นแต่ก็วาบหวาม ตรัสอุ้มภรรยาออกจากห้องอาบน้ำตรงไปยังเตียงนอน เนื้อตัวยังเปียกชื้น อากาศภายนอกก็เหน็บหนาว แต่พอเนื้อแนบเนื้อเสียดสี ก็ราวกับจุดไฟบนผิวหนังจนร้อนผ่าว


ร่างของรติถูกพลิกลงนอนคว่ำ สะโพกถูกยกขึ้นสูง ท่านี้ช่างน่าอับอาย แต่สามารถตอบรับความแข็งแกร่งของตรัสได้โดยไม่สร้างความเจ็บปวดนัก อีกทั้งรติยังกลั้นเสียงร้องด้วยการซุกหน้าลงกับหมอนได้ด้วย


แต่...ตรัสนั้นขี้แกล้ง


การที่ภรรยาจะร้องด้วยความเจ็บปวดมิได้อยู่ในความต้องการของเขาก็จริง แต่การที่ภรรยาเรียกร้องด้วยความต้องการ กลับเป็นความปรารถนาของตรัส


เมื่อทุกอย่างแนบสนิทดีแล้ว ตรัสมิได้เป็นผู้สร้างจังหวะอย่างทุกที แต่เขากลับรั้งสะโพกของรติเข้าแนบตัว จากนั้นเป็นฝ่ายนั่งลง


กลายเป็นร่างของรติถูกรั้งให้เป็นฝ่ายนั่งทับตักเสียแล้ว เขาเอี้ยวตัวกลับไปมองด้วยความตกใจ แต่ตรัสยังเอาแต่ซุกไซ้จูบไปทั่วแผ่นหลังและท้ายทอยของเขา


“ท...ท่าน...อ๊ะ!...ท่านทำอะไร”



ตรัสเงยหน้าขึ้นมา จูบริมฝีปากเจ้าของคำถามนั้นอย่างรักใคร่และต้องการ สองมือของเขาจับยึดสะโพกกลมแล้วสอน


“ยกสะโพกขึ้น รติ...อ่า...”


“อ๊ะ!...ม...มัน...” รติต้องใช้หัวเข่าค้ำกับฟูก พอยกร่างของตนขึ้น ภายในก็เสียดสีจนกายสั่นระริก แต่ตรัสมิได้รอให้คุ้นชิน เขาก็บังคับให้สะโพกกลมกดลงแนบกับตักเขาอีกครั้ง


“กดสะโพกลง...ใช่...อ่า...”


“อ๊ะ...ต...ตรัส...ม...มัน...”


มันวูบวาบไปทั้งช่องท้อง แต่จะครวญครางตามอารมณ์รัญจวนก็เกรงว่าใครจะได้ยินเข้า จึงต้องยกสองมือขึ้นปิดปาก กระนั้นก็ดูเหมือนตรัสจะไม่เข้าใจความพยายามของภรรยาเลยสักนิด


เขาสอนให้อีกฝ่ายขยับกายขึ้นลง แรกเริ่มนั้นเชื่องช้าเพราะรติไม่คุ้นเคย แต่มือของตรัสคอยบังคับให้สะโพกกดลงและยกขึ้นเป็นจังหวะ รติเป็นคนหัวไว ยิ่งเมื่อจัดร่างกายให้คุกเข่าอย่างมั่นคงดีขึ้นแล้ว จังหวะขยับกายของเขาก็เริ่มเร็วขึ้น คล้อยหลังเพียงไม่กี่อึดใจ จากจังหวะเนิบนาบก็กลับกลายเป็นเร็วขึ้น แรงขึ้น รติครางกระเส่า หาใช่เพียงเขาที่โยกกายขึ้นลง แต่ตรัสก็เป็นฝ่ายเสยความแข็งแกร่งขึ้นกระแทกถี่ยิบด้วย


“อ๊ะ! อ๊ะ!...ต...ตรัส...อื้อ...แรง...แรงไป...อ๊ะ!...”


“ดีไหม...อ่า...รติ...”


“ม...มัน...อื้อ...มัน...” รติพูดไม่เป็นคำแล้ว อารมณ์กระสันพุ่งพล่านไปทั้งร่าง แม้แต่เวลานี้เขาก็ไม่รู้ตัวแล้วว่าตรัสไม่ได้เป็นฝ่ายบังคับสะโพกของเขาให้ขยับขึ้นลง แต่เป็นตนเองที่โยกขย่มตักสามีอย่างเร่าร้อน


สองร่างบนเตียงคล้ายเป็นกองเพลิงขนาดย่อม ฝ่ายภรรยานั่งหันหลังทับตักสามี สองขาแยกคร่อมตักใช้หัวเข่าช่วยยันกายส่งแรงให้ขย่มได้ตามใจปรารถนา ฝ่ายสามีกอดรัดจากด้านหลัง เสยกายตอบรับอย่างถึงอารมณ์ ใบหน้าซุกไซ้จุมพิตดูดดึงไปทั่วแผ่นหลัง มือหนึ่งบดขยี้ยอดอกตึงเขม็ง อีกมือชักรูดปลุกปั่นอารมณ์ของภรรยา


เสียงครางเครือเรียกหากันและกันดังลั่น ก่อนที่รติจะสะท้านเฮือก ทะลักเอาความต้องการขุ่นข้นออกมาเต็มฝ่ามือของตรัส


ภรรยาถึงห้วงสวรรค์แล้ว แต่สามียัง...


ตรัสดันร่างของรติกลับลงไปนอนคว่ำกับเตียง แล้วยกสะโพกของอีกฝ่ายขึ้นสูง คราวนี้เขาเป็นคนคุมจังหวะด้วยตนเอง อารมณ์ของเขาเจียนระเบิดเต็มที จึงกระแทกกระทั้นรุนแรง ในขณะที่ร่างกายของรติในยามที่เพิ่งปลดปล่อยนั้นแสนอ่อนไหว เมื่อถูกกระตุ้นด้วยความเกรี้ยวกราดของอารมณ์รักของสามี ความรู้สึกจึงถูกจุดขึ้นใหม่อย่างรวดเร็ว คราวนี้มันซาบซ่านตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สองมือกำผ้าปูที่นอน สองเท้าเกร็งจิก ราวกับจะช่วยลดความเสียวกระสันลงได้ แต่...ไม่เลย


“ต...ตรัส...อ๊ะ! อ๊ะ!”


ตรัสตะบี้ตะบันอัดกระแทกความแข็งแกร่งของเขาจนกระเสือกกระสนไปจุดอารมณ์ของรติ เบื้องหน้าเหยียดเกร็งขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่ภายในตอดรัดถี่ยิบ ตอบสนองความใหญ่โตที่กระแทกกระทั้นเข้ามา ตอนที่ตรัสอัดกายเข้าลึกในครั้งสุดท้ายและปล่อยไอรักเข้าไปในกายภรรยา รติก็ปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง


“อ๊า!”


สามีภรรยาพากันขึ้นไปกอดเกี่ยวบนสวรรค์


ร่างของรติร่วงผล็อยลงกับเตียงอย่างอ่อนล้า ก่อนจะถูกทาบทับด้วยร่างของสามีที่ตามลงมาแนบจูบกับกกหูและขมับ ความแข็งแกร่งที่อยู่ภายในกายอ่อนตัวลงแล้ว มันถูกถอนออกไป ตามด้วยหยาดข้นที่เยิ้มไหลตามมา


...ทั้งๆที่...เคยบอกว่าจะไม่ทุกวันแท้ๆ...


“ท...ท่านน่ะ...ไหนว่าไม่ทุกวัน” เสียงประท้วงดังแผ่วมาพร้อมกับเสียงหอบหายใจ ฟังดูแล้วน่าสงสาร แต่ตรัสก็ยังคลอเคลียกับผิวแก้มของอีกฝ่ายไม่ห่าง


“เมื่อวานก็ไม่” เขาตอบเบาแต่จริงจัง


“แต่เมื่อวันก่อน...” รติหันไปท้วง


“เว้นหนึ่งวัน ก็ถือว่าไม่ทุกวันแล้ว”


เหตุผลของตรัส  อหัสกรข้อนี้...มิอาจโต้แย้งได้เลย


---------

#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------

ตรัสทื่อกับทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องนี้ค่ะ ถ้าเว้นหนึ่งวัน ก็จะนับว่าทุกวันไม่ได้ อย่างน้อยก็เว้นให้รติพักแล้วนะคะ ฮ่าฮ่า

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเลยค่ะ



ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
 :jul1: :jul1: :jul1:

จริงของตรัส

ไม่ทุกวัน

อร๊อยยย

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ร้อนแรง....งงงงงงงงง    :haun4:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 o13  o13 ตรัสเริ่มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาบ้างแล้ว

ออฟไลน์ nikpook

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 284
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ร้อนแรงมาก :m25: :pighaun: หนูไม่ไหวแล้วค่าทำไมคุณตรัสถึงร้อนแรงขนาดนี้เตียงก็คือร้อนป็นไฟไปหมดแล้ว o13 ฟินมากๆเลย :pig4: :L1:

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 501
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เขียนได้ดีมาก มีมิติ ดูเป็นเรื่องยาวได้อีกมาก แม้จะขัดๆกันเรื่อง บรรยากาศออกไปทางจีน หรือโลกแฟนตาซี ที่ขัดๆกับชื่อไทยๆ ที่ดูแปลกอยู่

แต่ละมุนแล้วใช้ภาษาได้งดงามมาก ขอชื่นชม

ออฟไลน์ Tassanee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0

ออฟไลน์ THAMON926

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 83
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-1
คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

บทที่ 50

ท่านอมราลงมือ

---------


   แม้ในเรือนพักผ่อนของสองสามีภรรยาจะเร่าร้อนเพียงใด ก็เป็นเพียงเรื่องในที่รโหฐาน


ในสายตาของท่านอมรา ยังมิได้เห็นว่าสองสามีภรรยาใกล้ชิดกันมากไปกว่าก่อนหน้านี้ จึงคาดเอาว่ารติคงไม่ทำตามที่นางแนะ หารู้ไม่ว่าไม่ใช่รติไม่ทำ แต่ทำแล้ว และสำเร็จสมประสงค์ท่านอมราอีกต่างหาก


   กระนั้น...หญิงชราก็มิได้รับรู้ นางจึงต้องหาทางลงมือด้วยตนเอง


   “งานเลี้ยงหรือขอรับ” ตรัสทวน


   “ตอนงานแต่งงานของเจ้ากับรติ ทางนั้นก็มา พอถึงงานของลูกหลานเขา พวกเจ้าจะไม่ไปไม่ได้หรอก”


บัตรเชิญจากเพื่อนเก่าผู้หนึ่งถูกส่งมาที่เรือนอหัสกรเมื่อเช้า มีใจความขอเชิญอมราไปร่วมงานเลี้ยงพิธีวิวาห์ เพื่อนเก่าผู้นี้ เมื่อครั้งที่ตรัสและรติแต่งงาน ก็เคยมาร่วมงาน หรืออย่างเมื่อครั้งที่อหัสกรจัดพิธีรับขวัญระพี ก็ส่งทายาทมาร่วม ครั้นถึงงานของลูกหลานทางนั้น อหัสกรจะไม่ส่งใครไปก็ไม่ได้


   ท่านอมราย่อมต้องไปร่วมงานอยู่แล้ว เพราะสนิทสนมกับเจ้าภาพ แต่ตรัสกับรติ จะไม่ไปก็ได้


   กระนั้น...นางก็ยังจงใจสั่งการให้หลานชายและหลานสะใภ้ไปร่วมให้ได้


   อย่างไรก็ตาม ทั้งสองหารู้ถึงเหตุผลที่แท้จริงของความพยายามของท่านอมรา


   รติคิดว่าเป็นการไปเพื่อตอบแทน


   ตรัสคิดว่าไปตามคำสั่งย่า


   หญิงชราได้แต่ถอนหายใจอย่างระอา


   อย่ากล่าวเพียงว่าหลานสะใภ้ใสซื่อเลย กระทั่งหลานชายก็บริสุทธิ์เช่นกัน


   งานเลี้ยงมงคลสมรส แขกเหรื่อมากมาย เจ้าภาพย่อมไม่อาจมีเวลาให้แขกแต่ละคนมากนัก ท่านอมราไม่ติดใจ เพราะนางมีความตั้งใจมาร่วมงานส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือมาเพื่อ ‘จัดแจง’


   โต๊ะจัดเลี้ยงเป็นทรงกลม มีสิบที่นั่ง สกุลอหัสกรนั่งไปแล้วสาม อีกเจ็ดที่ล้วนเป็นคนอื่น อย่างไรก็ตาม ตรัสเป็นหมอประจำร้านยาเก่าแก่ ผู้คนย่อมรู้จักเขา ชายชราที่นั่งข้างเขาเป็นคหบดีที่ฝากสุขภาพเอาไว้กับร้านยาอหัสกรมาตั้งแต่บิดาของตรัสยังอยู่ เมื่อกิจการมาถึงมือตรัส ก็ยังฝากผีฝากไข้เรื่อยมา จึงมีเรื่องให้สนทนามากมาย


รตินั่งถัดจากตรัส มิได้เข้าไปร่วมสนทนาด้วยแต่รับประทานอาหารอย่างเงียบๆ ส่วนท่านอมรานั่งถัดจากรติอีกทีหนึ่ง นางมิได้เอาแต่รับประทานอาหาร หรือหันไปคุยกับคนที่นั่งอีกข้าง แต่สนอกสนใจความสัมพันธ์ของหลานชายและหลานสะใภ้


   แต่...หลานชายเอาแต่คุย หลานสะใภ้เอาแต่กิน นั่งข้างกันแต่หาได้มีปฏิสัมพันธ์กันแต่อย่างใด


   ท่านอมราชักเคือง สะกิดรติ แล้วบุ้ยใบ้ไปที่จอกสุราของตรัส


   “ท่านอมราจะดื่มหรือขอรับ”


   “ไม่ใช่! เจ้าลืมแล้วหรือไร ดูแลสามีของเจ้าซี!”


   รติกะพริบตาปริบๆ


   “เทสุราให้สามีของเจ้า!” หญิงชรากระซิบเสียงเข้มงวด


รติลำบากใจ ให้อย่างไรประเพณีดั้งเดิมของที่นี่คือชายหญิงเป็นสามีภรรยา แต่คู่ของพวกเขาล้วนเป็นชายทั้งคู่ ต่างคนต่างเอาใจใส่กันอย่างเงียบๆนั้นนับว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะไม่ถูกจับจ้องมากนัก


สำหรับรติ ผู้อื่นจะมองอย่างไรล้วนเป็นเรื่องของผู้อื่น แต่สำหรับตรัส เห็นอีกฝ่ายเงียบๆไม่หือไม่อือ แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจะสนใจเสียงนกกามากน้อยเพียงใด


ลำพังแต่งงานกับชายอย่างรติ อยู่กินเป็นสามีภรรยาท่ามกลางสายตาของผู้คนทั้งเมืองก็นับว่าเด็ดเดี่ยวมากแล้ว หากเขาปรนนิบัติตรัสต่อหน้าธารกำนัลก็เกรงว่าผู้อื่นจะมองอย่างขำขันแล้วตรัสจะไม่สบายใจ


แต่...หากไม่ทำ ก็เกรงว่าจะถูกท่านอมราดุและกลายเป็นว่าผู้อาวุโสของสกุลไม่ชอบหน้า รติถอนหายใจเบา เอื้อมมือไปหยิบขวดสุรามาเทใส่จอกให้ พอวางขวดลงแล้ว นึกว่าจะเสร็จพิธี...แต่มิใช่


   หญิงชรายังบงการต่อเนื่อง


   “ขยับเข้าไปใกล้สามีของเจ้าอีก”


   “ข...ขยับ?”


   “ใช่ ขยับเข้าไปใกล้ๆซี เจ้านั่งห่างเพียงนี้จะดูแลอย่างไร”


   รติกลืนน้ำลายอึกใหญ่ แต่ก็ยอมทำตาม ขยับเก้าอี้เข้าใกล้สามีมากขึ้นกว่าเดิม แต่...หญิงชรายังไม่หยุด


   “เรียกสามีของเจ้าให้หันมายกสุราดื่ม บอกเขาว่าเจ้าเทให้”


   “ร...เรียก?” รติเหลือบไปมองตรัส เห็นอีกฝ่ายยังคุยถูกคออยู่กับคนที่นั่งอีกฝั่ง เขาก็ไม่กล้าขัด


   “จับต้นขาตรัสเบาๆ เขาก็รู้ตัวเอง” หญิงชราสั่งอีก


รติยอมทำตาม วางมือลงกับหน้าขาอีกฝ่าย การกระทำนี้ถึงเนื้อถึงตัว แม้จะเป็นสามีภรรยา แต่ตรัสกับรติมิเคยใกล้ชิดกันในที่สาธารณะ ชายหนุ่มที่กำลังคุยกับคนข้างๆถึงกับหันมามอง


   เห็นภรรยาทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ ตรัสก็ยิ่งงุนงง แต่ไม่ทันได้ถามอะไร ฝ่ายนั้นก็เอ่ยเสียงเบา


   “อย่าคิดอะไรมากนักเลยนะตรัส...” เสียงกระซิบนั้นไม่ให้ความกระจ่าง แต่ที่ชัดแจ้งคือการที่คนพูด เหลือบไปมองยังจอกสุราที่ตนเทให้


   “ดื่มสิ”


ตรัสกะพริบตาปริบๆ แล้วเสียงจากชายที่นั่งอีกฝั่งของเขาก็ดังขึ้น


“โอ้! ภรรยาของหมอตรัสนี่ช่างดูแล เทสุราให้ด้วยหรือนี่”


ตรัสหันไปมองคนพูด แล้วหันกลับมามองภรรยาที่ยังคงทำหน้าคล้ายจะร้องไห้ ท่าทีของรติแปลกไปจากเคย แต่เวลานี้ผู้คนมากมาย ย่อมไม่เหมาะจะถามไถ่ เขาจึงยกจอกสุราขึ้นดื่ม เมื่อดื่มหมด รติก็เทให้อีก


   ตลอดงานเลี้ยง รติปรนนิบัติดูแลสามีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ใกล้ชิดถึงเนื้อถึงตัว แม้ไม่รุ่มร่ามแต่หากตาไม่บอดก็คงดูออกว่าความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขาราบรื่นและหวานซ่านเพียงใด แต่หากผู้ตาไม่บอดจะเผื่อแผ่มามองหญิงชราที่นั่งข้างรติก็คงจะเห็นว่านางบงการแทบทุกกระเบียด


   ‘ตักอาหารมาใส่จานให้ตรัสสิ’


   ‘ถ้าตรัสหันมา เจ้าต้องมองตาเขาให้บ่อย ไม่ต้องยิ้มมากนัก เพียงยิ้มมุมปากก็พอ’


   ‘สุราก็อย่าให้พร่อง’


   ‘ต...แต่เขาดื่มไปเยอะแล้วนะขอรับ’ รติชักกังวลกลัวตรัสจะล้มป่วยหากดื่มมาก แต่หญิงชราส่ายหน้า


   ‘ไม่ต้องห่วง ตรัสไม่แพ้เหล้า ดื่มมากก็แค่เมา เจ้าก็จัดการต่อเอาซี!’ นางว่ามาเช่นนั้น รติก็ไม่รู้จะแย้งอย่างไร


เป็นอันว่างานเลี้ยงคืนนี้ ตรัสดื่มมากเป็นพิเศษ ส่วนท่านอมราก็ยินดีเป็นพิเศษเพราะนางได้ทำในสิ่งที่ต้องการครบถ้วน!

---------


#คนแปลกหน้าคือคู่ชีวิต

ธ ม น

THAMON926

---------

ท่านย่าก็คือไม่รู้เรื่องในห้องหอ แต่อยากให้เกิดเรื่องในห้องหอนะคะ ฮ่าฮ่า

ตอนหน้า รอดูคนเมาเลยค่ะ (เรื่องนี้ไม่ได้เน้น NC แต่ช่วงนี้มันถี่หน่อยเพราะเขาอยู่ในช่วงฮันนีมูนกันค่ะ ฮ่าฮ่า)

ขอบคุณสำหรับทุกการอ่านเลยค่ะ

เจอกันวันศุกร์นี้ค่ะ



 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด