คนเดียว...เดียวดาย (END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: คนเดียว...เดียวดาย (END)  (อ่าน 8262 ครั้ง)

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คนเดียว...เดียวดาย (END)
« เมื่อ12-01-2020 13:15:43 »

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
คนเดียว...เดียวดาย

คนเดียวก็ได้ไม่เห็นเป็นไรเลย...


"ทำไมชอบมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ"

"พี่..."

"อ..อะไร"

"พี่เห็นผมด้วยหรอ?"

"..."

**********

(ออม)สิน

"เถียงอีกทีกูจะจับขังห้องน้ำให้ผีหลอกแม่ง"

ปอนด์

"คนดี ผีคุ้ม เคยได้ยินมั้ย คุณผีไม่หลอกผมหรอก...ใช่มั้ยครับ(งึมงำ)"


**********

ไม่มีผีแน่นอนจ้ะ เพราะคนแต่งกลัวผี

 

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 31-08-2020 20:35:39 โดย yuzhou62ppap »

ออฟไลน์ yuzhou62ppap

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 36
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.1 Begin...Alone
«ตอบ #1 เมื่อ12-01-2020 13:19:06 »

    Ch.1 Begin...Alone





      คุณว่าคนเราสามารถรักใครสักคนจนถึงขั้นมีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าเขาจากไปมั้ย? ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมตอนเกิดมาคนเดียวก็มีชีวิตอยู่มาจนโตได้ แต่พอเริ่มมีคนรักแล้ว กลับรู้สึกว่าขาดเขาไม่ได้กันขึ้นมาซะงั้น



      "กูอยากตาย กูทำเพื่อเขาทุกอย่าง อยากให้เขามีความสุข ทุกวันนี้ที่ทำงานไปเรียนไปก็เพื่ออนาคตของเรา แต่ดูเขาดิแม่ง กลับเลือกฝรั่งตาน้ำข้าวตามที่ป้าแนะนำมาซะงั้น แล้วรักที่กูให้ไปแม่งไม่มีค่าอะไรเลยหรือไงวะ" นี่โฟล์ค เพื่อนผมเอง ถ้าคิดว่าเราจะนั่งเมาหัวราน้ำกันอยู่ร้านเหล้าที่ไหนสักแห่ง เลิกคิดไปได้เลยครับ พวกเราไม่มีเวลาขนาดนั้น เพราะฉะนั้นร้านลาบยโสหน้าปากซอยทางเข้าคอนโดเราจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้




    "ไม่เป็นไรนะมึง อย่างน้อยมึงยังมีพวกกูไง พวกกูพร้อมจะอยู่เคียงข้างมึงในวันที่มึงไม่เหลือใครนะเว่ย"



    "ผมว่าผมไม่..."



    "มึงเงียบไปเชลดอน" ผมเงียบทันทีเมื่อวิวหันมามองหน้าแถมใช้คำสุภาพของคำว่าหุบปาก อ่า ผมไม่ได้ชื่อเชลดอนหรอก นั่นเป็นฉายา คุณเคยดูบิ๊กแบงธีโอรี่มั้ย นั่นแหละ เพื่อนๆบอกว่าผมเหมือนเขา ตอนผมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ชายผมฟัง พี่ผมหัวเราะลั่นห้อง แถมบอกว่าเหมือนจริงๆ แต่ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ถึงขำแล้วส่ายหน้าเหมือนเอือมระอาผมขนาดนั้น น่าภูมิใจออกที่มีคนบอกว่าเราเหมือนพระเอกซีรี่ส์ ถึงผมจะไม่เคยดูก็เถอะนะ



    "มึงมองในแง่ดีนะโฟล์ค มึงเพิ่งจะ 20 มึงจะรีบผูกมัดตัวเองทำไมวะ อนาคตยังอีกยาวไกล มึงเพิ่งจะขึ้นปีสองเอง ผู้หญิงมีเยอะแยะป้ะวะ ใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนมั้ย"



    "แต่เขาเป็นแฟนคนแรกของกูนะมึง กูคบกันมาตั้งนาน กูก็ต้องอยากลงหลักปักฐานมั้ยวะ"



    "โฟล์ค"



    "ว่า..." โฟล์คเงยหน้าขึ้นมาจากการนอนฟุบหน้าบนโต๊ะแล้วมองหน้าวิวน้ำตาคลอ



    "มึงเพิ่งคบกับเขาได้สามเดือน ไอ้ควาย"



    "คนเราจะรักกันมากน้อยไม่เกี่ยวกับระยะเวลาที่คบโว้ย" โฟล์คโวยวายแล้วหันไปกระดกน้ำใบเตยแก้ช้ำใน ทำไมไม่ใช่บัวบกน่ะเหรอ? เจ้าตัวบอกไม่ชอบกลิ่นน้ำใบบัวบก แต่ชอบน้ำใบเตยมันหอมดี ผมก็ว่าหอมดีนะ



    "มึงจะชอกช้ำระกำทรวงขนาดไหนกูก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่มึงช่วยทำงานกลุ่มก่อนได้มั้ยวะ จะส่งอาทิตย์หน้าแล้ว กลุ่มเรายังไม่ได้คนที่จะมาให้สัมภาษณ์สักคนเลยนะ" วิวบ่นเรื่องโปรเจ็กต์ขึ้นมา นั่นทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ทันที ตอนแรกผมว่าจะส่งอีเมลเชิญไปหาโรเบิร์ตดาวนี่จูเนียร์ ขวัญใจนายไอร่อนแมนของผมเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่ว่าเพื่อนๆห้ามไว้ก่อน ทำไมล่ะ นั่นผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นในอิสตาแกรมอันดับสามปีนี้เลยนะ ก็ตรงกับหัวข้อที่อาจารย์ให้มาแล้วไง แล้วจะเอาอะไรอีก



    "แล้วมึงอ่ะ นั่งเงียบอยู่นั่น แทนที่จะช่วยกันปลอบมัน" วิวหันมาเหวี่ยงตาเขียวใส่ผมแทน



    "ก็วิวบอกให้ผมเงียบ"



    "งั้นมึงจะพูดทำไมห๊ะ" ผมก้มหน้าไถหน้าจออินสตาแกรมตัวเองต่อ ผมไม่ค่อยฟอลไอจีใครมากหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักแสดงจากจักรวาลมาร์เวลนั่นแหละครับ ผมชอบหมดเลย ดูได้ไม่รู้เบื่อ ขณะที่ผมกำลังนั่งขำคลิปที่คุณคริสแพรตแอบถ่ายมาจากในกองถ่ายนั้น ก็มีแรงสะกิดเบาๆที่แขนขวา พี่ชายผมเองแหละ



    "ปอนด์ไหนว่ามาแป๊บเดียว"



    "เอ้าพี่เป้ หวัดดีครับพี่" วิวกับโฟล์คหันไปยกมือไหว้พี่ชายผม พร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง



    "ไงมึง"



    "เรื่อยๆพี่ ขอโทษทีที่เรียกไอ้ปอนด์มันออกมาดึกๆนะพี่"



    "เออ ไม่เป็นไร เรียกมันออกมาบ้างเหอะ เอาแต่หมกอยู่ห้อง กูกลัวมันโดนเตียงดูดตาย" พี่ชายผมพูดพลางหัวเราะเบาๆ ตลกตรงไหน



    "ฮื่อ" ผมส่งเสียงขัดใจเล็กน้อยพร้อมปัดมือพี่เป้ออกจากหัว



    "หวงๆ เดี๋ยวตบคว่ำเลย" พี่เป้ว่าพลางผลักหัวผมออกส่งท้ายอีกที



    "แล้วนี่มานั่งชุมนุมอะไรกันวะ"



    "นั่งปลอบคนอกหักพี่"



    "หืม?"



    "ผมโดนแฟนทิ้งอะพี่เป้ โฮ~" เฮ้อ ผมอุตส่าห์คิดว่าวันนี้จะรอด โฟล์คคงไม่ร้องไห้แล้ว พี่เป้นี่น่าทุบจริงๆ



    "เฮ้ย กูไม่รู้จะช็อคเรื่องไหนก่อน ระหว่างมึงโดนแฟนทิ้งกับมึงมีแฟนอ้ะ"



    "พี่เป้!!"



    "เอาน่า ไหนๆ สั่งไรกันมั่ง เดี๋ยวเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง"



    "จริงป้ะพี่ งั้นจัดมาเลย ป้าครับ ขอลีโอเพิ่มสามขวดครับ"



    "อ้าววิว นั่งอยู่ตรงนี้กันสี่คนทำไมสั่งมาแค่สามละครับ"



    "มึงจะกิน?"



    "ไม่อ้ะ" ผมส่ายหัวแล้วหันไปสั่งโค้กมาเพิ่มแทน น้ำใบเตยมันก็หอมดีแหละ แต่เหนื่อยจะลุกขึ้นไปเติม แถมรสชาติก็จืดเกิน นี่มันน้ำเปล่ากลิ่นใบเตยชัดๆเลย



    "แล้วไหนเห็นปอนด์บ่นว่างานยังไม่เสร็จ มีเวลาว่างมานั่งเล่นกันอยู่หรอวะ"



    "งานก็ยังไม่เสร็จนั่นแหละพี่ แต่เพื่อนต้องมาก่อนไง"



    "ไอ้วิวกูขอความจริง"



    "แหะ ยังหาคนที่จะมาสัมภาษณ์ไม่ได้เลยอะดิพี่ ทำยังกะหัวข้อง่ายๆงั้นแหละ"



    "หัวข้ออะไรวะ"



    "บุคคลทรงอิทธิพลบนโซเชี่ยล"



    "อ๋อ นี่คือสาเหตุที่ปอนด์มันนั่งเขียนๆลบๆเรียงความเทียบเชิญอะไรนั่นใช่มั้ย กูถามมัน มันบอกจะส่งอีเมลให้ไอร่อนแมน" พี่เป้ว่าพลางหันมามองหน้าผม



    "มึงนั่งเขียนจริงหรอวะเชลดอน" วิวถามผมพร้อมทำเหรอหรา ประมาณว่าไม่น่าเชื่อ อะไรมันจะขนาดนั้น ก็แค่ส่งอีเมลขอสัมภาษณ์เอง



    "อืม ก็อาจารย์บอกว่าคนที่มีอิทธิพลบนโซเชี่ยล ก็ตรงคอนเซ็ปต์หนิ" แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะกับคำตอบของผม



    "ในหัวกูนี่ ขอแค่เดือนดาว คณะไหนซักคณะนึงมายอมให้สัมฯคือพอแล้วนะ ปิดโปรเจ็กต์แบบง่ายๆไป มึงคิดว่าดาราระดับโลกขนาดนั้นจะมายอมให้สัมภาษณ์กับเด็กนิเทศน์ปีสองมหาลัยไกลกรุงแบบเราหรอวะ" อ้าว ทำไมล่ะ เผื่อฟลุคไม่ได้หรอ



    "ก็แค่เผื่อไว้" ผมตอบงึมงำแล้วไล่กดไลค์รูปหน้าไทม์ไลน์



    "ดูโง่ตั้งแต่มึงคิดจะเชิญเขาแล้วไอ้ปอนด์" ผมได้แต่ทำหน้าบูดใส่โฟล์ค ผมว่าผมเริ่มชอบที่เค้าร้องห่มร้องไห้พร่ำเพ้อถึงคนรักมากกว่ามาช่วยกันรุมผมแบบนี้ซะแล้วสิ



    "แล้วนี่พี่เป้ไม่ทำงานหรอ ถึงลงมานั่งเตร็ดเตร่ตอนนี้ได้"



    "ก็มีแหละ แต่เห็นปอนด์มันไม่ขึ้นห้องสักที เลยลงมาดูกลัวโดนหมาแถวหน้าคอนโดได้กลิ่นแล้วคาบไป" เอ๊ะ ผมไม่ได้ตัวจิ๋วขนาดหมาคาบไปได้สักหน่อย



    "นั่นน้องไงพี่ เปรียบซะ เดี๋ยวกินหมดแล้วก็พาไปส่งละป้ะ เพิ่งจะสามทุ่มกว่าเอง" วิวพูดพร้อมทำหน้าอี๋ เกิดเป็นคนตัวจิ๋วมันน่าอี๋ขนาดนั้นเลยหรอ



    "เออ รีบๆกิน รีบกลับไปนอนกันได้ละ เป็นเด็กเป็นเล็ก"



    "บรรลุนิติภาวะกันหมดแล้วเหอะ" โฟล์คพูดมองตาขวางพร้อมกระดกเบียร์เข้าไปอีกหลายอึก ส่วนผมก็นั่งกินโค้กของตัวเองเพราะไม่มีใครสนใจจะดื่มด้วย



    "ก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่อยู่ดีแหละ รีบๆกินอย่าพูดมาก มึงด้วย" แล้วพี่เป้ก็ยัดคอหมูย่างใส่ปากผมมาชิ้นนึง ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักแอะเลย มีแต่พี่เขานั่งทะเลาะกับโฟล์คนั่นแหละ ขี้มั่ว



    **************************



    "พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง"



    "สิบโมงครับ" ผมตอบพี่เป้ที่เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ



    "ช่วงนี้เรียนหนักมั้ย"



    "เรื่อยๆครับ แต่โปรเจ็กต์แทบทุกวิชาเลย"



    "เงินพอมั้ย"



    "พี่เป้ เงินอาทิตย์ที่แล้วที่ให้มาก็ยังเหลือ ไม่ต้องห่วง"



    "..." พี่เป้ถอนหายใจพลางเดินเช็ดผมมานั่งลงข้างๆ



    "เลิกทำงานพิเศษมั้ย ขึ้นปีสองแล้ว งานมันน่าจะเยอะขึ้น เอาเวลาไปตั้งใจเรียน ทำโปรเจ็กต์ดีกว่า"



    "ผมไหวครับ" ผมตอบพลางก้มหน้าไล่ดูรูปถ่ายใน pinterest เรื่อยเปื่อย



    "มีอะไรให้ช่วยก็บอกรู้มั้ย เรามีกันแค่สองคน มีอะไรบอกพี่ได้ตลอด" พี่เป้ว่าพลางลุกเดินเข้าห้องนอนใหญ่ไป ครับ ผมกับพี่เป้เรามีกันแค่สองคน เราไม่มีพ่อแม่ ท่านจากเราไปนานแล้ว ตั้งแต่ผมอายุ 15 ปี ตอนนั้น พี่เป้เพิ่งเริ่มทำงานพอดี พี่ชายผมทำงานเป็นพนักงานโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง เงินเดือนกับเซอร์วิสที่พี่ได้มันก็เยอะพอที่จะส่งผมเรียน แต่ผมก็อยากใช้เงินของตัวเองอยู่ดี คงรบกวนแค่ค่ากินบ้าง หรือเวลาทำโปรเจ็กต์ที่ต้องใช้เงินเยอะๆ ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เสีย พี่ก็ต้องย้ายมาอยู่คอนโดที่มีสองห้องนอนเพราะต้องรับผมมาอยู่ด้วย ค่าใช้จ่ายอะไรก็เพิ่มขึ้นเพราะผมยังเรียนไม่จบ แถมยังไม่บรรลุนิติภาวะ เขาเลยต้องเป็นผู้ปกครองผมต่ออย่างช่วยไม่ได้ ผมรู้สึกว่าตัวเองขโมยช่วงชีวิตของพี่มาเยอะแล้ว เลยพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด





    ****************************





    "พี่ไปทำงานก่อนนะ" พี่เป้วิ่งวุ่นออกมาจากห้องพร้อมคว้ากาแฟที่ผมยื่นให้กระดกหมดแก้ว แล้วหยิบกล่องพัพเปอร์แวร์ที่ผมทำแซนด์วิชไว้ให้เป็นมื้อเช้าทุกวันก่อนออกไปทำงาน ชีวิตประจำวันของผมเป็นแบบนี้มาตลอด ตอนเช้าผมมักจะตื่นก่อนเพื่อมาทำอาหารเช้าให้พี่ ยกเว้นวันไหนที่ผมมีเรียนเช้า หรือว่าคืนไหนผมกลับบ้านดึก เพราะบางทีก็ต้องเข้าแทนพี่บางคน ผมทำพาร์ทไทม์ที่เซเว่นสี่ชั่วโมงหลังเรียน แล้วก็มีรับจ๊อบถ่ายรูปบ้างประปราย ส่วนใหญ่ก็งานรับปริญญาพวกรุ่นพี่ในมอนั่นแหละ พี่ๆในคณะช่วยกันหาให้ เพราะเรื่องที่ผมทำงานหาเงินเรียนเขารู้กันทั้งคณะ



    "สวัสดีครับน้องปอนด์ ไป ม.แต่เช้าเลย"



    "สวัสดีครับพี่กุ้ง" ผมยกมือไหว้พี่ยามหน้าคอนโดขณะกำลังจะออกไป ม.ก่อนยกนาฬิกาข้อมือดู อืม เช้าอยู่จริงๆ เพิ่งจะแปดโมงครึ่งเอง นั่งรถเมล์ไปดีกว่า



    "แล้วนี่หาคนมาอยู่เป็นเพื่อนได้หรือยังครับเนี่ย" ผมชะงัก มองหน้าพี่กุ้ง งงๆ ทำไมผมต้องหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยล่ะ ผมก็อยู่กับพี่ชายผมไง



    "ผมก็อยู่กับพี่เป้ไงครับ"



    "อ้าว เห็นคุณเป้บอกว่าที่โรงแรมจะให้ย้ายไปคุมพร็อพเพอร์ตี้อื่นในเครือที่ต่างประเทศนี่ครับ บ่นๆอยู่ว่าจะหาใครมาอยู่เป็นเพื่อนคุณปอนด์ระหว่างที่ไม่อยู่ดี" ผมมองหน้าพี่กุ้งอีกครั้งก่อนจะขมวดคิ้ว ไม่เห็นพี่เป้จะพูดอะไรหนิ



    "หรอครับ" ผมนิ่งคิด คิดยังไงก็คิดไม่ออกอยู่ดีว่าพี่เป้ได้บอกเรื่องนี้ตอนไหนหรือเปล่า คงจะลืมล่ะมั้ง



    "น่าจะลืมครับ ยังไงผมไป ม.ก่อนนะครับ"



    "ครับ โชคดีครับ" พี่กุ้งพูดพร้อมตะเบ๊ะให้อย่างร่าเริง ผมเลยยิ้มตอบไป แต่ในหัวยังคงคิดอยู่ว่ามีตอนไหนที่พี่เป้พูดขึ้นมาแล้วผมไม่ได้ตั้งใจฟังหรือเปล่า เพราะเรื่องนี้ก็ถือว่าสำคัญอยู่นะ ทำไมต้องหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนผมเล่า ผมโตแล้วนะ อยู่คนเดียวได้เหอะ





    **********************************





    "เป็นไรหน้ามุ่ยแต่เช้าเลยวะ" ผมยู่หน้าเมื่อวิวเเดินมาหยิกแก้ม เห็นแก้มคนอื่นเป็นอะไรกัน ชอบจิ้ม ชอบหยิกนัก



    "เอ้าๆ แหย่เล่นแค่นี้ทำตาขวางใส่ น่ารักมากมั้ง" วิวว่าพร้อมกับจับแก้มผมยืดออกแล้วเขย่าไปมา



    "เอ็บ" ผมตีมือวิวไปหนึ่งทีแล้วล้วงเอาแซนด์วิชที่ทำเผื่อออกมาให้



    "เอ้า รู้ว่ายังไม่ได้กิน"



    "โอ๊ยยยยย เชลดอนเพื่อนรัก" วิวว่าพร้อมกับคว้าเอาแซนด์วิชไปเคี้ยวตุ้ยๆ



    "เหลือไว้ให้โฟล์คด้วยนะ เดี๋ยวบ่นผมอีก" วิวเคี้ยวไปพยักหน้าไปน่าจะหิวจัด ผมกลัวเขาจะติดคอเลยยื่นน้ำขวดของตัวเองไปให้ วิวรับไปกระดกแล้วกลืนแซนด์วิช ก่อนจะย้อนกลับมาประเด็นเดิม



    "อ้ะ ไหนเป็นอะไร ว่ามา ใครทำมึงหน้าบูดแต่เช้าเลย" ผมเล่าเรื่องที่พี่กุ้งทักให้วิวฟัง พร้อมกับทั้งถามความคิดเห็นเขา



    "วิวว่าไงอ้ะ เรื่องสำคัญขนาดนี้ เป็นไปได้มั้ยที่เขาจะลืมบอกผม"



    "มันก็มีสิทธิเป็นไปได้ทั้งสองอย่างเลยนะ แบบพี่เขาอาจจะคิดๆอยู่ รอตัดสินใจจริงๆ แล้วบอก หรือลืมไปก็ได้ไง"



    "แต่มันจำเป็นด้วยหรอที่จะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนผม ผมโตแล้วนะ อายุจะ 21 อยู่แล้ว ผมอยู่คนเดียวได้"



    "ที่มึงหน้าบูดนี่เพราะเรื่องที่พี่มึงจะไปทำงานที่ต่างประเทศโดยไม่บอก หรือว่าเรื่องที่เขาจะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนกันแน่วะ"



    "แน่นอนว่า..."



    "..."



    "ต้องเป็นเรื่องที่เขาจะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนผมอยู่แล้วสิ"






    *********************************

    tbc.



     :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



    [/list]
    « แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2020 13:34:21 โดย yuzhou62ppap »

    ออฟไลน์ yuzhou62ppap

    • เป็ดประถม
    • *
    • กระทู้: 36
    • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

    Ch.2 คนละเรื่องเดียวกัน


      วันนี้ผมมีเรียนแค่สิบโมงถึงเที่ยง เพราะฉะนั้นตอนนี้ผมว่างสุดๆ เย็นก็ไม่ต้องไปทำพาร์ทไทม์เพราะเป็นวันหยุด ตั้งใจจะกลับบ้านไปนั่งคิดโปรเจ็คต่อ แต่ว่าไหนๆก็พกแล็ปท็อปมาแล้ว เลยเลือกเลี้ยวไปที่ประจำของตัวเองแทน ผมมีฐานทัพเป็นของตัวเองล่ะ จริงๆมันก็ไม่ถึงขั้นเรียกว่าฐานทัพได้หรอก มันก็แค่ห้องเก็บของเก่าที่ไม่มีคนใช้แค่นั้นเอง ผมต้องตื๊อพี่ประธานสโมฯอยู่หลายวันเพื่อขอใช้ห้องนี้ ตอนแรกเขาจะไม่ให้เพราะผมไม่ได้ขอเพื่อทำห้องชมรมหรืออะไร แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนยอมเมื่อผมแลกกับการจะดูแลรักษาความสะอาดและเคลียร์ห้องเอกสารของสโมฯให้เขาเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน



      "..." ผมเปิดประตูเข้าไปก่อนจะชะงักเมื่อบนพื้นกลางห้องข้างๆกับโซฟาหวายมีคนนอนอยู่ ผมเลือกที่จะเงียบแล้วเดินไปนั่งเปิดแล็ปท็อปทำงาน ท่าทางเขาจะหลับ แต่ผมไม่เห็นหรอกนะเพราะว่าเขาเอาหนังสือกางออกแล้วปิดหน้าไว้ ผมนั่งทำงานเงียบๆไม่ได้พูดอะไร มือก็พิมพ์พวกบทคัดย่อคร่าวๆเอาไว้ จะรอให้วิวเป็นคนทำเห็นทีว่าคงไม่ได้อะไร



      "ฮื่อ รำคาญ" ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงงึมงำจากคนที่นอนอยู่ รำคาญหรอ ผมมากกว่ามั้ยที่ต้องรำคาญ ห้องนี้ผมเป็นคนขอสโมฯมานะ แล้วเค้าเป็นใครอยู่ๆก็เอาตัวเองมานอนเฉยเลย จะปลุกก็ไม่กล้า เพราะผมรู้ดีเลยว่าเวลาที่ง่วงนอนมากๆ ยังไม่ถึงเวลาตื่นแล้วโดนปลุกมันน่าหงุดหงิดแค่ไหน ผมใจดีขนาดนี้แล้วยังจะรำคาญเสียงพิมพ์งานอีกหรอ



      "กี่โมงแล้ววะ..." ผมหันไปมองก่อนจะเอ่ยออกไปเบาๆ



      "อีกสิบนาทีบ่ายโมงครับ"



      "อืม..." คนฟังตอบรับในลำคอเงียบไปนิดก่อนจะลุกขึ้นนั่งพรวดพราด เป็นอะไรน่ะ ฝันร้ายหรอ



      "มึงเป็นใคร เข้ามาได้ไง" ผมหันไปมองหน้าคนถาม ก่อนจะถอนหายใจ ผมต่างหากมั้ยที่ต้องเป็นคนถาม



      "ผมชื่อปอนด์ ก็เดินเข้ามาตามปกตินั่นแหละ" ผมตอบตามปกติแล้วนั่งพิมพ์งานต่อไม่สนใจคนที่นั่งขมวดคิ้วมองหน้าตัวเองตอนนี้



      "แล้วมึงเข้ามาได้ไง" ท่าทางเขาจะฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องนะ



      "ห้องไม่ได้ล็อก นี่ที่ประจำผมอยู่แล้ว โซฟาหวายนั่นผมก็เป็นคนซ่อม โต๊ะนี่ก็ด้วย พรมที่คุณนอนอยู่ผมก็เป็นคนขนมา กรอบรูปพวกนี้ก็ผลงานของผม ไหนจะแจกัน ดอกไม้ ต้น..."



      "พอๆๆ" ผมหยุดพูดเมื่อคาดว่าอีกฝ่ายคงได้คำตอบมากพอแล้ว



      "ถ้าตื่นแล้วก็ช่วยออกไปด้วยครับ ผมจะทำงาน" ผมพูดโดยไม่ได้หันไปมองว่าอีกฝ่ายทำอะไรต่อ



      "กูจะนอนต่อ อีกชั่วโมงปลุกด้วย" ผมเหวอมองคนที่ล้มตัวลงไปนอนต่อโดยไม่สนใจผมที่นั่งอยู่ ให้ตายเถอะ เมื่อกี๊เขาตื่นแล้วนะ ยังจะนอนต่ออีกหรอเนี่ย ทั้งๆที่เจ้าของห้องนั่งอยู่ตรงนี้อ้ะนะ ผมหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาดูเวลา อืม 12.57 ผมต้องตั้งปลุก 13.57 สินะ





      **************************





      "ฮ้าวววววว..." ผมเหลือบตาไปมองคนที่ลุกขึ้นบิดขี้เกียจหลังจากนอนไปเต็มอิ่มแล้ว เขาตื่นก่อนเวลาที่ตั้งปลุกไว้ห้านาที ผมควรยกเลิกการปลุกหรือรอปลุกเขาต่อดี



      "แต๊งกิ้วมากมึง"



      "เรื่องอะไรครับ"



      "ก็เรื่องที่มึงปล่อยกูนอนต่อนี่ไง" ผมพยักหน้ารับไม่ได้ตอบอะไร จริงๆแล้วเขาก็เป็นคนดีนะเนี่ย รู้จักขอบอกขอบใจ



      "ว่าแต่มึงชื่อปอนด์ใช่ป้ะ" ผมพยักหน้ารับอีกที แต่ตายังคงจ้องหน้าจอต่อ



      "กูชื่อสิน ปีสี่" ผมพยักหน้ารับเหมือนอย่างเคยแต่ไม่ได้ตอบโต้อะไรต่อ



      "เงียบเฉย มึงอยู่ปีอะไรแล้ว"



      "สองครับ"



      "อ่า งั้นก็รุ่นน้องกู ว่าแต่คณะอะไร กูไม่เคยเห็นหน้า" ถามอะไรแปลกๆ เป็นปีสี่ต้องเคยเห็นหน้ารุ่นน้องทุกคนในมหาลัยหรือไง ผมขึ้นปีสองมา ผมยังเจอหน้าเด็กปีหนึ่งไม่ครบทุกคนเลย



      "นิเทศน์ครับ"



      "อืม...แปลกว่ะ กูก็ไปคณะมึงออกจะบ่อยไม่ยักเห็น" ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน คณะตั้งกว้าง คนเรียนเป็นร้อย สี่ปีรวมกันก็เป็นพัน เจอกันสิถึงจะแปลก



      "ครับ" ผมเออออไปตามน้ำ เสียงตั้งปลุกที่ผมตั้งไว้ดังขึ้น ผมหันไปมองคนตรงหน้า



      "บ่ายโมงห้าสิบเจ็ดแล้วครับ"



      "แล้ว?"



      "คุณบอกให้ผมปลุกอีกหนึ่งชั่วโมง"



      "ห๊ะ?" เขาทำหน้าหมางงซักพัก นั่งระลึกชาติได้ว่าสั่งผมไว้จริงก็หัวเราะออกมาดังลั่น



      "มึงตลกดีว่ะ" ตลกตรงไหน ทำไมใครๆก็ชอบบอกว่าผมเป็นคนตลก ผมว่าก็ไม่นะ ระหว่างเราเงียบไปซักพัก เพราะพี่เขาเอาแต่ขำ ไม่รู้ขำอะไรนักหน้า เส้นตื้นหรือไง พอเขาตั้งสติได้ก็เดินมานั่งดูผมพิมพ์งานข้างๆ



      "พิมพ์ไรนักหนาวะตั้งแต่กูนอนเมื่อกี๊แล้ว หืม? ผู้มีอิทธิพลทางสื่อโซเชี่ยล..."



      "โปรเจ็คต์กลุ่มน่ะครับ"



      "งานกลุ่ม?"



      "ครับ"



      "แต่มึงทำคนเดียว?"



      "..." ผมขมวดคิ้วเมื่อได้ยิน ก็บอกว่างานกลุ่ม จะเป็นงานคนเดียวได้ไง ผมว่าพี่เขาพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องจริงๆนั่นแหละ เลยเงียบซะ เพราะขี้เกียจอธิบาย



      "ไม่มีคนคบหรอวะ"



      "มีครับ"



      "อ้าว แล้วไหนล่ะเพื่อนมึง"



      "ที่นี่เป็นฐานทัพลับผมครับ"



      "ฐานทัพเลยหรอวะ ฮ่าๆ" ตลกตรงไหน



      "แล้วทำไมปล่อยให้กูนอนได้ล่ะ"



      "ตอนนี้ก็ตื่นแล้วนี่ครับ"



      "..."



      "งั้นก็ออกไปได้แล้วครับ ผมจะทำงาน" พี่สินมองผมอึ้งๆ เมื่อผมไล่เขาออกจากห้องตรงๆ



      "ทำไมกูต้องออกไปด้วยล่ะ" แล้วทำไมต้องยิ้ม ทำไมต้องยื่นหน้าเข้ามาด้วย ไม่เข้าใจ พูดดีๆ ก็ได้ยินอยู่กันสองคนเนี่ย จะขยับเข้ามาทำไม



      "นี่ห้องผม"



      "ไม่เห็นมีป้ายบอกเลย"



      "แต่ผมเป็นคนขอห้องนี้กับทางสโมฯและแต่งห้องนี้"



      "ไหนหลักฐาน"



      "..."



      "ไม่มีอะไรบ่งบอกซะหน่อยว่าที่นี่เป็นของมึง" ผมขยับลุกขึ้นเตรียมเก็บของกลับไปทำงานที่ห้อง เพราะดูท่าทางแล้วคนๆนี้จะพูดไม่รู้เรื่องจริงๆ



      "เฮ้ยๆๆๆ น้อยใจเป็นตุ๊ดไปได้มึงหนิ เออ กูไปละ ไม่อยากแกล้งเด็ก"



      "เด็กที่ไหนครับ" ผมหันมองซ้ายขวาด้วยความหวาดระแวง ห้องนี้มีเด็กด้วยหรอ ทำไมผมไม่เห็น หรือพี่เขาจะสื่อถึงวิญญาณได้ ผมขยับตัวเข้าหาร่างสูงเล็กน้อย ถึงผมจะชอบเรื่องลี้ลับ และเป็นแฟนคลับของThe shock แต่ไม่ใช่ว่าผมไม่กลัวนะครับ



      "เอ้า เป็นอะไรของมึงเนี่ย ขยับมาทำไม"



      "ก็เมื่อกี๊พี่บอกว่าพี่แกล้งเด็กอยู่ พี่เห็นผีหรอครับ" ผมหันไปมองพี่เขาด้วยความตื่นเต้น โห ไม่คิดว่าในชีวิตจะเจอคนที่สัมผัสวิเศษ ถ้าอย่างนั้นเขาต้องมีเรื่องเล่าผีเยอะแน่ๆเลย พี่สินอมยิ้มน้อยๆกลั้นขำ ก่อนจะพยักหน้า



      "ใช่ อยู่ตรงมุมห้อง มึงกลัวหรอ" ผมพยักหน้าทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่ ติ่นเต้นจังเลย



      "เอ้า สรุปมึงกลัวไม่กลััวเนี่ย"



      "กลัวสิครับ"



      "แล้วมึงยิ้มทำไม"



      "ผมชอบเรื่องลี้ลับ อ๊ะ แต่อย่าบอกพวกเขานะครับ ว่าผมชอบ ผมชอบฟังเรื่องผี แต่ผมไม่ได้อยากจะสื่อหรือสัมผัสได้เองนะ งั้นพี่ก็ต้องเคยเจอผีเยอะเลยใช่มั้ย แล้วเคยโดนตามมั้ย แบบว่าไปเที่ยวแล้วเขาตามมางี้ หรือเคยโดนกระตุกขา ผ้าห่มหรือนั่งทับอกอะไรงี้ป้ะพี่" ผมถามออกไปด้วยความอยากรู้ แต่พี่สินกลับขำออกมาเสียงดังลั่นน้ำตาไหล





      "มึงรู้มั้ยว่าเมื่อกี๊เป็นประโยคที่ยาวที่สุดเท่าที่มึงพูดกับกูมาทั้งวันเลย" ทั้งวันอะไรกันเขาเพิ่งเจอผมไม่ถึงสามชั่วโมงด้วยซ้ำ ผมขมวดคิ้วคิดตาม



      "อยากรู้หรอ" ผมพยักหน้ารัวๆ เมื่อพี่สินถาม



      "เดี่ยวเล่าให้ฟังเอามั้ย"



      ***************************

      19.15 น.



      "อ้าวทำไมวันนี้กลับซะเย็นเลย มีเรียนถึงเที่ยงหนิ" ผมเดินหน้างอเปิดประตูห้องเข้ามาก็เจอพี่เป้นั่งดูหนังอยู่ห้องนั่งเล่น ผมเดินไปนั่งข้างพี่ชายพลางมองจอทีวีไปด้วย



      "พี่เป้ พี่ว่าช่วงนี้ปอนด์หน้าคล้ำๆป้ะ"



      "หืม? ก็นิดหน่อยนะ ถามทำไม?"



      "จริงหรอๆ อืมหรือจะจริงอย่างที่พี่สินบอก"



      "งึมงำอะไรของเรา" พี่จับมือผมที่เอานิ้วโป้งเข้าปากออก มันติดเป็นนิสัยน่ะ เวลาที่คิดอะไรผมชอบกัดนิ้วโป้งทุกที



      "ผมตัดสินใจแล้ว"



      "..."



      "ผมจะให้พี่สินมาอยู่เป็นเพื่อนช่วงที่พี่เป้ไปต่างประเทศ!!!"











      *********************

      tbc.








    « แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2020 13:34:03 โดย yuzhou62ppap »

    ออฟไลน์ Kelvin Degree

    • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
    • เป็ดDemeter
    • *
    • กระทู้: 1700
    • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    Re: คนเดียว...เดียวดาย
    «ตอบ #3 เมื่อ12-01-2020 15:06:55 »

    หลอกเด็ก,,,

    น่าติดตามครับผม,,,,

    ออฟไลน์ yuzhou62ppap

    • เป็ดประถม
    • *
    • กระทู้: 36
    • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0


    Ch.3 พลังงานบางอย่าง...




      "ห๊ะ" พี่เป้อ้าปากหวอ พลางมองหน้าผม



      "ปอนด์หมายความว่าไง"



      "ก็พี่เป้จะไปทำงานต่างประเทศแล้วจะหาเพื่อนให้มาอยู่กับปอนด์ นี่ไง ปอนด์ตัดสินใจแล้วว่าจะให้พี่สินมาอยู่เป็นเพื่อน"



      "เดี๋ยวๆ พี่สินนี่คือใคร ทำไมพี่ไม่รู้จัก" พี่เป้หยิบรีโมทมาปิดทีวีแล้วหันมานั่งมองหน้าผมอย่างจริงจัง แปลกตรงไหน มหาลัยผมมีคนเป็นหมื่น ถ้าพี่เป้รู้จักสิถึงจะแปลก ขนาดก่อนหน้านี้ผมยังไม่รู้จักพี่สินเลย แต่ตอนนี้รู้จักแล้ว เพราะพี่สินเล่าเรื่องผีให้ฟังเยอะมาก แถมยังทักมาอีกว่าช่วงนี้ผมหน้าหมองคล้ำ มีพลังงานบางอย่างตามผมอยู่ ไม่ควรอยู่คนเดียว เพราะอาจเกิดอะไรที่ไม่คาดคิดขึ้นได้



      "พี่ที่มหาลัยปอนด์" ผมบอกออกไป พี่เป้ถึงกับกุมขมับ



      "แล้วเรื่องที่พี่จะไปต่างประเทศนี่เอามาจากไหน พี่ยังไม่ได้ตัดสินใจเลย"



      "อ้าว ก็เห็นพี่กุ้งถามปอนด์"



      "พี่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะไปเลยนะปอนด์ พี่ถึงยังไม่พูดกับเรา มันเป็นข้อเสนอของทางโรงแรมเท่านั้นเอง" ผมคิดตามพี่เป้พูด



      "ไปแล้วได้เงินเดือนเพิ่มมั้ย?" พี่เป้พยักหน้า



      "ตำแหน่งเพิ่มมั้ย?" พี่เป้พยักหน้าอีกครั้ง



      "แล้วอยากไปมั้ย?"



      "ก็...อยากนะ" พี่เป้ทำท่าครุ่นคิดนิดหน่อยก่อนจะหันมามองผม



      "แต่..."



      "งั้นก็ไปสิ" ผมบอกพี่เป้ที่ทำหน้าเหวอไปแล้ว



      "ปอนด์โตแล้วนะ เดี๋ยวก็ 21 แล้ว พี่ไม่ต้องกังวล ปอนด์ดูแลตัวเองได้ พี่อ้ะคิดมากเกินไป"



      "แต่..."



      "ไม่มีแต่ พรุ่งนี้ก็ไปบอกทางโรงแรมเขาเถอะ ถ้าพลาดโอกาสครั้งนี้ ไม่รู้จะมีเข้ามาเมื่อไหร่เลยนะพี่เป้" พี่เป้เงียบไปนิด ก่อนจะพยักหน้ารับ พลางเอามือลูบหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย



      "ปอนด์อยากไปกับพี่มั้ย? ไปต่อที่นู่นก็ได้นะ"



      "ไม่เอาอ้ะ ปอนด์อยากอยู่ไทยมากกว่า แล้วพี่จะไปที่ไหน ไปนานเท่าไหร่"



      "เมลเบิร์น ไม่รู้ว่านานแค่ไหน คงจนกว่าจะเข้าที่เข้าทางแหละ"



      "ไม่รู้เลยหรอ.."



      "อืม เปลี่ยนใจไปด้วยกันมั้ย ไปเรียนต่อที่นู่นก็ได้นะ พี่ส่งได้" ผมชะงักไปนิดก่อนจะส่ายหัว



      "ไม่เอาหรอก ถ้าไปก็ต้องไปเริ่มใหม่ อีกอย่างปอนด์ไม่อยากหาเพื่อนใหม่ด้วย" ผมตอบออกไปด้วยความมั่นใจ พี่เป้ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนจะจับหัวผมโยกเบาๆ



      "ดื้อจริงๆว่ะ ดื้อเหมือนใครวะ มากอดที" พี่เป้ว่าพลางดึงผมเข้าไปกอดแรงๆ



      "ฮื่อ อึดอัด"



      "เออน่าขอกอดหน่อย"



      "แล้วต้องไปเมื่อไหร่"



      "ก็ถ้าพรุ่งนี้ตกลงเลยก็คงหลังจากนั้นเดือนนึงให้เคลียร์งานและเก็บของเตรียมไปเลย"



      "เดือนนึงเองหรอ" ทำไมเร็วจัง



      "เอ้า หงอยๆ ยังไง จะเปลี่ยนใจไปกับพี่มั้ย" ผมสะบัดหน้ายุ่งๆ



      "ไม่เอาหรอก ปอนด์โตแล้ว ปอนด์อยู่ได้"



      "แต่เดี่ยวก่อน เมื่อกี๊ยังมีอีกประเด็นนึง ใคร คือ พี่สิน?"



      "อ่อ พี่ที่มหาลัย ปอนด์จะให้พี่เขามาอยู่ด้วย พี่เป้จะได้ไม่เป็นห่วงปอนด์"



      "ไว้ใจได้เหรอ?"



      "ได้สิ เมื่อวานนะ พี่สินน่ะเล่าเรื่องผีเยอะให้ปอนด์ฟังด้วยนะ แถมยังเป็นที่ปรึกษาที่ดีด้วย ปอนด์เล่าให้พี่สินฟังเรื่องที่พี่เป้จะไปทำงานต่างประเทศ ปอนด์ไม่ชอบใจที่พี่จะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อน แต่พี่สินอธิบายว่าเพราะพี่เป้เป็นห่วงปอนด์มาก เลยอยากให้มีคนมาคอยดูแล" ผมเล่าให้พี่ชายฟัง พี่เป้พยักหน้ารับ พลางพึมพำ



      "อืม...ใช้ได้"



      "ใช้ไปไหน ใช้พี่สินหรอ ไม่ได้นะ พี่สินจะมาอยู่เป็นเพื่อน นับเป็นแขก ห้ามใช้"



      "ข้ามเรื่องใช้ไม่ใช้ก่อน แล้วยังไงต่อ แค่นี้หรอ ถึงไว้ใจให้มาอยู่เป็นเพื่อนกับเราน่ะ เห็นปกติ ชอบอยู่คนเดียว ทำอะไรคนเดียวตลอด ขนาดตอนพูดถึงเพื่อน พี่ยังคิดว่าเพื่อนในมโนปอนด์เลย" ผมยู่หน้าใส่พี่ชาย ก่อนฟาดมือใส่แขนไปทีด้วยความหมั่นไส้



      "พี่สินมีตัวตน แถมเป็นคนดีด้วย นี่พี่สินก็ทักนะ ว่าช่วงนี้ปอนด์หน้าหมองคล้ำเหมือนมีพลังงานด้านลบตามอยู่ อาจจะเป็นเจ้ากรรมนายเวร เพราะฉะนั้นไม่ควรอยู่คนเดียวระหว่างที่พี่ไม่อยู่ด้วย แล้วพี่สินก็เสนอตัวเองมาอยู่เป็นเพื่อนปอนด์ด้วย ดูสิจะมีคนไม่ดีที่ไหนเอาตัวเองมาพัวพันกับคนที่โดนวิญญาณตามอ้ะ" ผมร่ายยาวให้พี่เป้ฟัง หวังให้เขาลดอคติต่อคนไม่รู้จัก



      "คือยังไงนะ คือไอ้พี่สินอะไรนี่มีสัมผัสพิเศษ? แล้วบอกว่าจะมาอยู่กับปอนด์ในระหว่างพี่ไม่อยู่?"



      "อือ ใช่"



      "มันเสนอตัวเองเลย? เสนอตัวเองมาอยู่เป็นเพื่อนกับคนที่เพิ่งรู้จักกัน?"



      "ใช่ไง"



      "พี่ว่ามันน่าจะมีพลังงานบางอย่างจริงๆ แล้วล่ะ"



      "พี่เป้ก็สัมผัสได้หรอ มันแรงขนาดนั้นเลยหรอพี่ ปอนด์จะโดนเขาทำอะไรมั้ย?"



      "ผีน่ะไม่ แต่ไอ้พี่สินน่ะไม่แน่" 



      "ห๊ะ อะไรนะ พี่เป้บ่นไรงึมงำๆ ปอนด์กลัวนะเนี่ย บทสวดมนต์ไล่ผีหรอ?"



      "เอาเป็นว่าเรื่องคนที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนเดี๋ยวค่อยตกลงว่าควรจะเป็นใคร ตอนนี้ไปอาบน้ำก่อนไป เดี๋ยวเป็นหวัด" 



      "โอเค" ผมลุกขึ้นเดินเข้าห้องเพื่อเข้าห้องไปหยิบชุดนอนกับผ้าขนหนูเตรียมไปอาบน้ำ



      "คือพี่เป้..."



      "หืม? ว่า?" พี่เป้หันมามองผมก่อนจะเลิกคิ้วงงว่าทำไม



      "ไปเป็นเพื่อนปอนด์หน่อยดิ แหะๆ"



      "กลัวอะไรขนาดนั้นวะ ก็แค่ผีเนี่ย"



      "ชู่ พี่อย่าพูดเสียงดังดิ เดี๋ยวเขาได้ยิน" พี่เป้ถอนหายใจส่ายหัว แต่ก็ยังลุกมากอดคอพาผมเข้าห้อง



      "ปอนด์ถ้าเขาตามมาจริง ปอนด์นั่งเล่าให้พี่ฟังตั้งนาน เขาจะไม่ได้ยินหรือไง" เออ จริงแฮะ



      "เอ้า ไปหยิบเสื้อผ้ามา"



      "พี่เป้ปอนด์นอนด้วยได้มั้ยอ่ะ?"



      "เออออ"



      "งั้นรอแป๊บ" ผมรีบหยิบชุดนอนกับผ้าขนหนูตามพี่เป้ออกจากห้องมาอย่างรวดเร็ว พี่เป้เดินไปนั่งโซฟาตามเดิม



      "พี่เป้" ผมยื่นหน้าจากประตูห้องน้ำที่เปิดทิ้งไว้นิดนึงเรียกพี่เป้ที่นั่งดูหนังอยู่



      "อะไร?" ทำไมต้องหงุดหงิดน้องด้วย เรียกนิดเดียวเอง



      "มายืนตรงนี้หน่อยดิ" ผมชี้ไปที่ข้างหน้าประตูห้องน้ำ



      "ปอนด์ ถ้ากลัวขนาดนั้นให้พี่อาบน้ำให้เลยมั้ยล่ะ?"



      "ได้หรอ?"



      "ประชด" ชิ ไม่ง้อก็ได้



      **************************



      00.23 น.



      "ไอ้เสือๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"



      ("โอ๊ย อะไรของมึงเนี่ยเป้ คนจะหลับจะนอน")



      "มึงตื่นๆๆๆ มาคุยกับกูก่อน กูนอนไม่หลับ"



      ("มึงบ้าป้ะเนี่ย นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ไว้คุยพรุ่งนี้โว้ย")



      "ไม่ได้ มึงตื่นมาคุยกับกูตอนนี้เลย กูมีเรื่องจะปรึกษา"



      ("เออ!! มีอะไร!!")



      "มึงอย่าตะคอก กูใจบาง"



      ("กูไม่ด่าให้ก็บุญหัวแล้วไอ้สัส มึงว่างนักหรือไงวะ ถึงโทรมาไม่ดูเวล่ำเวลาเนี่ย")



      "กูว่าน้องกูกำลังโดนผู้ชายหลอก!!!"



      ("...")



      "จริงๆนะมึง แล้วน้องกูอ้ะมึง ซื่อๆ อ้ะ น้องงงงงงงงงงงง"



      ("มึงลดลงบ้างเหอะ ไอ้โรคติดน้องเนี่ย เป็นมาตั้งแต่เรียน จนตอนนี้มึงยังไม่เลิกหวงอีกหรอวะ น้องมันโตแล้ว")



      "กูก็เพลาๆแล้วไงวะ ตอนกูเรียนมหาลัยก็แทบไม่ได้เจอ กลับบ้านได้เจอแค่สองสามเดือนครั้งกูจะขาดใจตาย ทุกวันนี้กูคีพคูลไม่จับแม่งมากอดหอมตอนเช้าก่อนไปเรียนนี่กูก็เก่งมากแล้วนะ"



      ("เฮ้อ กูล่ะอยากจะลองส่งมึงไปเลิกที่ถ้ำกระบอกดูซักครั้ง")



      "สัส กูไม่ได้ติดยา นอกเรื่อง แล้วเนี่ย มึงรู้มั้ยมันหลอกน้องกูจะขอมาอยู่กับน้อง"



      ("มันจะมาอยู่กับน้องมึงได้ไง น้องอยู่กับมึงหนิ ถ้ามันจะมาอยู่จริง มึงจะยอมหรือไง")



      "ก็ไม่ไง แต่นี่กูกำลังจะไปทำงานที่ต่างประเทศ กูกำลังมองหาคนจะมาช่วยดูแลน้องกูอยู่เนี่ย"



      ("เมื่อกี๊มึงว่าไงนะ?")



      "เอ่อ..."



      ("มึงจะไปไหน?")



      "กูสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่มาพร้อมกับคำถาม"



      ("เดี๋ยวมึงได้สัมผัสตีนกูแน่เป้! มึงจะไปไหน เมื่อไหร่ที่คิดจะบอกกู")



      "ใจเย็นนะเสือนะ นี่มันก็ดึกแล้ว มึงควรนอนพักผ่อน เออ ใช่ พรุ่งนี้มึงมีประชุมกับพ่อมึงหนิ ใช่มั้ย ฝันดีนะมึง บาย"



      ("ไอ้...") ติ๊ด



      "ฮู้ววว กูยังไม่ได้บอกมันนี่หว่า เกือบไปแล้วกู"











      ****************************

      tbc.



      :)

      เรื่องนี้ไม่มีผีจริงๆค่ะ มีแต่ผีอำ อำน้องเก่ง







    ออฟไลน์ fc_fic

    • เป็ดAres
    • *
    • กระทู้: 2598
    • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
    Re: คนเดียว...เดียวดาย
    «ตอบ #5 เมื่อ16-01-2020 19:01:18 »

     :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

    ออฟไลน์ Kelvin Degree

    • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
    • เป็ดDemeter
    • *
    • กระทู้: 1700
    • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
    Re: คนเดียว...เดียวดาย
    «ตอบ #6 เมื่อ17-01-2020 00:40:47 »

    ทั้งพี่ ทั้งน้อง. สงสัยโดนหลอกทั้งคู่,,, 555

    ออฟไลน์ yuzhou62ppap

    • เป็ดประถม
    • *
    • กระทู้: 36
    • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
      Ch.4 ปอนด์...พอเถอะ






      "ปอนด์ พี่วางตังค์ไว้บนโต๊ะนะ"



      "ผมยังมีใช้อยู่"



      "เลิกได้มั้ย พูดผมเนี่ย ไม่พอใจทีไร ปากยื่นปากยาว แทนตัวเองว่าผมตลอด"



      "พี่จะได้จำได้สักทีไงว่าป..ผมโตแล้ว"



      "มันเกี่ยวกันมั้ยเนี่ย"



      "ถ้าปอนด์บอกว่าเกี่ยวก็คือเกี่ยว" พี่เป้หรี่ตามองผมล้อๆ



      "ปอนด์หมายถึง ถ้าผมบอกว่าเกี่ยวก็คือเกี่ยว" พี่เป้หัวเราะออกมาดังลั่นก่อนจะเดินหยิบไทมาให้ผม



      "ผูกให้หน่อย" ผมถลึงตาใส่สายตาล้อเลียน ก่อนจะรับมาคล้องคอแล้วผูกให้



      "เอ้า เสร็จแล้ว อย่าลืมกินข้าวนะ ปอนด์ใส่ไว้ให้ในเป้แล้ว"



      "แต๊งกิ้ว พี่ไปละ วันนี้กลับดึกหน่อยนะ" ผมพยักหน้ารับพี่เป้ที่เดินมาขยี้ผมก่อนจะออกจากห้องไป วันนี้ผมมีเรียนอีกทีบ่ายโมงก็เลยว่างช่วงเช้า ตั้งใจว่าจะเก็บกวาดห้องก่อนไปมหาลัยสักหน่อย ละดูวางเงินไว้ ผมหยิบเงินที่พี่เป้วางไว้ไปใส่กระปุกหมาที่วางอยู่หน้าทีวี อืม ใกล้เต็มแล้วแฮะ เดี๋ยวต้องเอาไปฝากธนาคารเหมือนเดิมแหงๆ ผมมีบัญชีกลางที่แอบทำไว้ไม่ให้พี่เป้รู้ ทุกครั้งที่พี่เป้ให้เงินแล้วผมใช้ไม่หมด ผมก็จะเก็บไว้ รอเยอะกว่านี้ก่อนละค่อยคืน



      ผมเดินเข้าห้องพี่เป้เพื่อทำความสะอาดให้ก่อน เพราะห้องผมไม่ได้รกเท่าไหร่ไว้ค่อยทำก็ได้ โห นี่ห้องนอนหรือห้องเก็บของเนี่ย แค่อาทิตย์เดียวพี่เป้ทำรกได้ขนาดนี้เลย บอกกี่ทีแล้วว่าให้ใส่ผ้าที่ยังไม่ซักไว้ในตะกร้า ทำไมพูดไม่เคยฟังเลย ผมเดินไล่เก็บเสื้อผ้าของเป้ที่ระเกะระกะ แล้วเตรียมนำส่วนที่จะซักไปแยกผ้าสีผ้าขาว เพื่อจะนำเข้าเครื่องปั่น จริงๆ พี่เป้อยากจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดนะ แต่ผมไม่ยอม ไม่รู้จะจ้างให้เปลืองเงินทำไมในเมื่อแค่นี้ผมก็ทำได้



      "หืม" ผมรวบกองหนังสือที่วางอยู่บนที่นอนเพื่อจะเก็บเข้าตู้ชั้นวาง แล้วเหลือบเห็นหนังสือเดินทางที่วางอยู่ คิดแล้วก็ใจหายเหมือนกัน แต่ผมไม่อยากเป็นตัวถ่วงอนาคตพี่ชายตัวเองไปมากกว่านี้แล้ว ผมเก็บหนังสือเดินทางของพี่เป้ไว้ตรงโต๊ะหัวเตียงเพื่อให้สังเกตเห็นได้ง่าย ก่อนจะยกอัลบั้มรูปที่เจ้าตัววางแผ่ไว้รวมกับหนังสืออ่านเล่นเก็บใส่ลิ้นชัก



      "โอ๊ะ แฮร์รี่พอตเตอร์ ไม่ได้อ่านนานแล้วแฮะ" ยืมหน่อยละกัน



      ************************



      "คุณปอนด์ไปดีมาดีครับ"



      "ครับ" ผมหันไปยกมือไหว้ยิ้มให้พี่กุ้งที่ป้อมยามแล้วเดินมารอรถเมล์ตรงป้าย อาจจะเพราะขึ้นรถเมล์บ่อย ผมเลยจำเวลาที่มันจะผ่านป้ายแถวหน้าคอนโดได้ เลยไม่ต้องรอนาน



      "คุณป้านั่งนี่ก็ได้ครับ" ผมลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นคนแก่เดินมาข้างๆที่ตัวเองนั่งอยู่



      "ขอบใจมากเลยลูก" ผมขยับไปจับคุณป้าเพื่อให้เดินมานั่งอย่างปลอดภัย เพราะคุณลุงคนขับก็ซิ่งพอสมควรเลย



      "อ้าว" ผู้ชายวัยกลางคน คนหนึ่งที่ยืนอยู่ก่อนหน้านั้นนั่งลงบนที่ที่ผมลุกให้คุณป้า ทำอย่างนี้ได้ไง ผมลุกให้คุณป้านั่งนะ นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ



      "มองอะไร" ผมเบ้ปากใส่ มาแย่งที่นั่งคนแก่แล้วยังมาขึ้นเสียงใส่ผมอีก คนบนรถส่วนใหญ่ก็ส่งเสียงต่อว่า แต่ไม่ได้ดังอะไร ไม่มีใครอยากจะหาเรื่องใส่ตัวเองให้ยุ่งยากหรอก



      "ลุกครับ"



      "แล้วทำไมฉันต้องลุก"



      "ผมลุกให้คุณป้าท่านนี้นั่งไม่ใช่คุณครับ ถ้ามีจิตสำนึกความเป็นคนก็ลุกให้คนแก่นั่งเถอะ"



      "ไอ้หนู นี่มันรถสาธารณะ ใครถึงก่อนก็นั่งก่อน แล้วฉันทำอะไรผิด"



      "..." ผมจนปัญญาจะเถียงกับคนแบบนี้จริงๆ หัวหมอแต่กับเรื่องเอาเปรียบคนอื่น น้ำใจไม่มี คุณป้าคนข้างๆก็สะกิดแขนผมพร้อมส่ายหัวให้ แล้วยิ้มอย่างใจดี



      "ไม่เป็นไรเลยลูก เดี๋ยวป้าก็ลงแล้ว ขอบใจมากเลยนะหนู" ผมยืนหัวเสียพลางยื่นมือไปช่วยถือกระเป๋าแทน



      "มาครับผมช่วยถือ" คุณป้ายื้อไว้ในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ผมช่วย



      "คุณป้านั่งนี่ก็ได้ครับ" ผมหันไปมองผู้ชายอีกคนที่ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกัน ลุกขึ้นมาจากที่เกือบท้ายๆให้คุณป้า



      "คุณหนุ่มสมัยนี้ใจดีกันจริงๆเลยลูก" ผมเดินตามคุณป้าไปจนท่านนั่งแล้วจึงยื่นกระเป๋าให้ คุณป้ายิ้มน้อยๆให้เราสองคนอีกครั้งพร้อมกับขอบคุณ



      "สวัสดีครับ" ผมหันไปยิ้มให้ผู้ชายที่ยืนข้างๆ ก่อนจะทักทายกลับ



      "สวัสดีครับ ขอบคุณมากเลยนะ"



      "ไม่เป็นไรครับ เห็นแล้วมันขัดหูขัดตาน่ะ เป็นผู้ชายแท้ๆ"



      "นั่นสิ คนอะไรนิสัยไม่ดีเลย" ผมมองไปยังคุณลุงคนนั้นด้วยสายตาขุ่นเคือง



      "หึๆ ผมชื่อนัทนะ พี่ปอนด์ใช่ป้ะ?" เอ๊ะ รู้จักผมได้ยังไงกัน



      "อืม"



      "จำผมไม่ได้หรอ?"



      "เรารู้จักกันหรอ?"



      "ผมนัทที่ประกวดเดือนไง เหมือนตอนนั้นพี่ก็มาช่วยพวกช่างกล้องของมหาลัยหนิ ตอนถ่ายโปรโมตดาวเดือน"



      "อ่อ โทษที ผมจำไม่ได้"



      "ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ แล้วนี่พี่ปอนด์นั่งรถเมล์ไปเรียนทุกวันเลยหรอ แปลกดีปกติไม่เคยเจอ" อีกละ ทำไมคนพวกนี้ชอบคิดว่ามันแปลกนะ ก็มหาลัยออกจะใหญ่ใครจะไปเจอหน้ากันได้ทุกคน เห้อ



      "แล้วแต่บางวัน แต่ส่วนใหญ่ก็รถเมล์"



      "เหมือนกันเลย ผมเบื่อรถติดมากๆเลย ไม่ชอบขับรถไป รถเมล์สะดวกกว่าเยอะ แล้วนี่พี่เรียนนิเทศน์ใช่ป้ะ วันหลังผ่านไปจะไปทัก" งี้ถ้านัทรู้จักคนทุกคณะ ไม่ต้องแวะทักมันทุกคณะเลยหรอเนี่ย



      "อืม"



      "ผมบริหารนะ ข้าวโรงอาหารนิเทศน์อร่อยป้ะ" ข้าวโรงอาหารมันก็เหมือนกันทุกที่ป้ะวะ



      "ก็อร่อยนะ ทำไมอ้ะ"



      "อืม งั้นเที่ยงนี้ไปกินที่โรงอาหารนิเทศน์ละกัน" ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับนัทไปอีก เรายืนกันไปเงียบๆ ผมก็หยิบหูฟังมาฟังเพลง นัทเห็นผมทำงั้นก็หัวเราะขำเบาๆ ก่อนจะหยิบของตัวเองมาฟังบ้าง



      **************************



      "พี่ปอนด์ที่ว่างแล้วครับ" ผมเงยหน้ามองคนที่สะกิดแขนยิกๆ



      "ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ถึงแล้วนัทนั่งเลย"



      "พี่ปอนด์นั่งดีกว่าครับ ผมอยากออกกำลังกาย" ปอนด์ดึงแขนผมไปนั่งแล้วถอดเป้ตัวเองวางไว้บนตักผม



      "ฝากหน่อยนะครับ"



      "อืม" ผมว่านัททำตัวแปลกๆ ถึงผมจะไม่ค่อยทันคน แต่ผมก็ไม่ได้โง่นะครับ แค่นี้ทำไมจะดูไม่ออก



      "นัทเลี้ยงแมวหรอ?"



      "หืม? ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะครับ"



      "วันก่อน เข้าไปดูคลิปในยูทูปมาน่ะ ช่วงนี้เหมือนคนชอบซื้อกัญชาแมวมาให้น้องแมวลองกัน" นัทมองหน้าผมงงๆ เหมือนต้องการให้อธิบายต่อ



      "แล้วบ้านนัทมีแมวมั้ย?"



      "ที่บ้านเลี้ยงอยู่ตัวหนึ่งครับ คุณย่าเลี้ยงมาตั้งนานแล้ว" นั่นไงล่ะ ผมว่าแล้ว นัทต้องเมากัญชาแมวแน่ๆ ถึงได้ยิ้มไม่หุบเลย!



      "พี่ปอนด์ชอบแมวหรอครับ" นัทถามผม ยิ้มอีกแล้ว



      "ก็ชอบนะ น่ารักดี"



      "น่ารักจริงๆครับ" ผมไม่ได้ตอบอะไรอีก นั่งเข้ากูเกิ้ลหาข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาแมว ว่ามันมีผลข้างเคียงกับคนรุนแรงแค่ไหน เพราะตั้งแต่นัททักผม นัทก็ไม่ยอมหยุดยิ้มเลย จนตอนนี้จะถึงมหาลัยอยู่แล้ว



      "พี่ปอนด์ จะถึงมอละครับป้ายหน้า" นัทสะกิดผมอีกทีก่อนจะหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นสะพายบ่า ผมเลยลุกขึ้นไปยืนรอบริเวณทางลงแล้วกดกริ่ง



      "เที่ยงพอดีเลย พี่ปอนด์จะกินข้าวเที่ยงที่ไหนหรอครับ โรงอาหารคณะหรือเปล่า" นัทเดินตามผมเข้ามหาลัยมาไม่ห่าง แต่ระหว่างทางก็ยังหันไปยิ้มทักทายคนอื่นด้วย สงสัยนัทคงต้องแวะทักคนทุกคณะจริงๆ เพราะดูรู้จักคนอื่นไปทั่วเลยแฮะ



      "น่าจะ"



      "งั้นผมกินด้วยได้มั้ยครับ?"



      "ทำไมไม่ไปกินกับเพื่อนล่ะ"



      "เพื่อนน่าจะยังไม่มากันครับ นะครับ" นัทชะโงกหน้ามายิ้มตาปริบๆใส่ผม เมื่อไหร่ฤทธิ์กัญชาแมวมันจะหมดเนี่ย



      "เอาสิ" ผมเดินไปรอรถมอซักพักก็มีผ่านมาคันหนึ่ง แต่ว่าเหลือที่ว่างอยู่ที่เดียว ผมเลยให้นัทขึ้นไปนั่งก่อน เพราะเมื่อกี๊เขาสละที่ให้ผมนั่งบนรถเมล์



      "นั่งด้วยกันสิครับ" นัทดึงผมที่ยืนอยู่ให้เข้ามาใกล้ๆ



      "มันเบียด นั่งได้คนเดียว" นัทยังรั้งแขนไม่เลิก จังหวะที่รถออกตัวกระตุกเล็กน้อย ทำให้ผมเสียหลัก นัทจึงสามารถดึงผมไปนั่งเกยเขาได้ คือเอาง่ายๆก็คือผมนั่งอยู่บนต้นขาเขาข้างหนึ่งน่ะ ผมเลยพยายามจะลุกขึ้น แต่นัทดึงไว้



      "เดี่ยวร่วงหรอกครับ นั่งดีๆ..." ยังอุตส่าห์ใจดีเอามือมาโอบเอวผมกันตกด้วย



      "เปี๊ยก มึงมานั่งนี่!" จู่ๆ ก็มีเสียงคนตะโกนลั่นรถ ผมหันซ้ายขวา หาคนชื่อเปี๊ยกทำไมยังไม่ลุกไปอีก คนตะโกนท่าทางจะโกรธนะ เสียงเข้มเชียว



      "มึงจะหันอีกนานมั้ยลุกมานี่!" ผมพยายามชะโงกหน้าไปมองยังต้นเสียงทางด้านขวามือ แต่เกือบหน้าทิ่ม เพราะมีมือคนมาดึงแขนผมข้างที่จับราวข้างหน้าอยู่



      "อ้าว พี่สิน"



      "เออ อย่าให้กูพูดซ้ำ มานี่!" ผมที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็โดนมือพี่สินจับกระชากผ่านหน้าคนที่นั่งถัดจากนัทไปนั่งตักพี่เขาแทน



      "ไหนว่าวันนี้ไม่มีเรียนล่ะครับ"



      "เรื่องของกูมั้ย"



      "เอ้า คนถามดีๆ"



      "ละทำไมเมื่อกี๊เรียกไม่ยอมมา มึงอยากนั่งตักมันหรือไง" พี่สินก้มมากระซิบข้างหูผม หื้อ จั๊กจี้



      "ก็พี่เรียกเปี๊ยก ผมจะรู้ได้ไงว่าเรียกผม ผมไม่ได้ชื่อเปี๊ยก" พี่สินผลักหัวผมทีด้วยความหมั่นไส้



      "กวนตีนกูหรอ" ผมส่ายหัว บ้าใครจะกล้ากวนตีนพี่กัน ก็ผมไม่ได้ชื่อเปี๊ยกอ้ะ



      "มึงมีเรียนกี่โมง"



      "บ่ายครับ"



      "กินข้าวยัง"



      "ยังครับ"



      "ดี กูก็ยังไม่ได้กิน" ผมกระพริบตาปริบๆ แล้วมาบอกผมทำไม ก็ไปกินสิ พี่สินถอนหายใจก่อนขยี้ผมให้เสียทรง



      "เฮ้อ กูเหนื่อยใจกับมึงจริงๆ กูไปกินด้วย รอมึงชวนชาติหน้ากูก็คงไม่ได้แดก"



      "ครับ"



      "แล้วมึงจะกินที่ไหน"



      "โรงอาหารคณะครับ"



      "คณะกูแทนได้มั้ย"



      "ทำไมครับ"



      "คณะมึงโจทก์กูอยู่เยอะ"



      "พี่โดนฟ้องร้องหรือครับ?" ผมตาโตหันไปมองหน้าพี่สิน ในขณะที่พี่สินทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจ



      "เรื่องใหญ่มากมั้ยพี่ ต้องเข้าคุกมั้ยอ้ะ แล้วโดนฟ้องเรื่องอะไร"



      "ฮ่าๆๆ ซื่ออย่างที่มึงบอกจริงๆว่ะ" คนข้างๆพี่สินหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ก่อนจะตบไหล่พี่สิน



      "ปอนด์ มึงพอเถอะ กูไม่ได้โดนฟ้อง มึงจะตกใจอะไรขนาดนั้น ตาจะถลนแล้ว"



      "ก็ตกใจ...กลัวไม่มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนหนิ"



      "ท่า่จะงานหนักว่ะมึง" พี่คนข้างๆพูดกับพี่สินอีกรอบ ผมไม่ตอบอะไรอีก เพราะฟังพี่สองคนเขาไม่รู้เรื่อง เกี่ยวอะไรกับซื่อ เกี่ยวอะไรกับงานหนัก ไม่รู้ งง



      "เอ้อ พาน้องไปกินด้วยอีกคนได้มั้ยอ้ะพี่สิน"



      "น้องที่ไหน"



      "น้องนัทอ้ะ คนที่มากับผม" พี่สินชะโงกหน้าไปมองนัทซึ่งนั่งมองมาทางพวกเราอยู่ก่อนแล้ว



      "อืม ตามใจมึง"





      *************************************

      tbc.








      [/li]
      [li][/li]
      [/list]





      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0




      Ch.5 วางถุงกาวลง แล้วตั้งสติ







        "นัทไปกินที่...ที่ไหนนะพี่สิน?" ผมก็ลืมถามไปเลยว่าพี่เขาเรียนคณะไหน



        "คณะกู" -_-



        "ก็นั่นแหละ คณะไหนล่ะ"



        "บริหาร" อ่อ บริหารนี่เอง งั้นก็คณะเดียวกันกับนัทสิ



        "อ่อ โอเค นัทไปกินที่ตึกบริหารได้มั้ยอ้ะ" ผมชะโงกหน้าหันไปถามนัทที่นั่งอยู่ซ้ายมือสุดของแถวนั่งบนรถ



        "ได้ครับ พี่ปอนด์ นัทไม่มีปัญหา" นัทตอบกลับพร้อมยิ้มมาให้ผม ผมเลยยิ้มตอบ



        "โอ๊ย จะดึงผมทำไม" ผมหันไปตีมือพี่สินที่นึกบ้าอะไรไม่รู้ดึงผมแทบจะหลุดจากหนังหัว เจ็บ



        "นั่งนิ่งๆ มึงจะชะโงกหน้าไปทำไมนักหนา"



        "ก็คุยกับน้อง จะให้หันหน้ามาคุยกับพี่หรือไง โอ๊ย ดีดปากทำไมเนี่ย" ผมฟาดแขนพี่สินไปอีกที คนอะไรนิสัยไม่ดี ชอบทำร้ายร่างกายคนอื่น เนี่ย เจ็บหัว ละยังมาเจ็บปากอีก



        "เถียงเก่ง"



        "เขาเรียกอธิบาย อ๊ะ อย่านะ" ผมยกมือขึ้นปิดปากตัวเองเมื่อพี่สินทำท่าจะดีดอีก



        "โอ๊ย เจ็บ!" แต่ก็ไม่รอดอยู่ดีเมื่อพี่เขาเล่นเปลี่ยนเป้าหมายมาดีดเหม่งแทน



        "ทำหน้าเป็นตูดหมา" พี่สินว่าพลางขำ ใช่สิ ผมทำไรพี่ไม่ได้หนิ เจ็บตัวอยู่ฝ่ายเดียวนี่ไม่แฟร์เลย



        "เลิกงอน ถึงแล้ว ลุกๆ" แล้วพี่แกก็ลุกกระทันหัน จนหัวผมแทบทิ่มราวข้างหน้า โรคจิตชะมัด คิดถูกคิดผิดเนี่ยที่จะให้ไปอยู่เป็นเพื่อน



        "ลงๆ จะอยู่ให้ผีดึงขาหรือไง" ผมรีบลุกวิ่งลงจากรถทันที เมื่อโดนพี่สินขู่ พี่สินเดินลงจากรถมา ผมก็เลยเขยิบไปติดกับพี่แกเป็นพิเศษ



        "เป็นไร เกาะเป็นเห็บหมาเลย"



        "งั้นพี่ก็เป็นหมา" ผมรีบหดคอยกมือปิดเหม่งหลับตาปี๋เมื่อพี่สินทำนิ้วจะดีดอีกรอบ



        "ปากมึงนี่นะ" เอ้า ผมพูดอะไรผิดอีก ผมป้องปากกระซิบใกล้ๆ



        "พี่เห็นผี เอ๊ย ไม่ใช่ เจ้ากรรมนายเวรเขาตามผมมาหรอ?" พี่สินขมวดคิ้วคิดนิดนึง ก่อนยิ้มมุมปากแล้วก้มหน้าลงมากระซิบให้ได้ยินกันแค่สองคน



        "เออ ตัวใหญ่ซะด้วย" ผมขนลุกพรึ่บ ขยับเข้าใกล้พี่แกอีกนิดหน่อย ก่อนจะโดนสะกิดจากนัท ที่ลงมาจากรถตามๆกันมา



        "พี่ปอนด์ อยากกินอะไรครับ เดี๋ยวผมไปสั่งให้ อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างเลย" ถ้าอร่อยจริงแล้วทำไมนัทถึงอยากไปกินที่คณะผมล่ะ



        "เดี๋ยวนี่สั่งเอง นัทไปสั่งของตัวเองเถอะ" ผมตอบก่อนจะเดินตามพี่สินที่เดินหนีไปนู่นแล้ว



        "แล้วปกติพี่ปอนด์ชอบกินอะไรครับ?" ชอบกินหรอ อืม



        "ไม่เชิงชอบ แต่กินบ่อยก็คงข้าวผัด"



        "แล้วอาหารที่ไม่ชอบล่ะครับ?"



        "กินได้ทุกอย่างนะ"



        "ดีเลย งั้นวันหลังไปกินข้าวกันมั้ยครับ ผมมีร้านแนะนำเยอะเลย" ก็ดีแฮะ จะได้ชวนพวกโฟล์คไปด้วย



        "ไม่มีเพื่อนหรือไง" ผมเงยไปมองหน้าพี่สิน นึกจะหยุดเดินก็หยุด



        "มีสิ" ผมตอบทันที คนๆนี้นี่พูดไม่เคยฟังเลยก็บอกว่าผมมีคนคบ นั่น ละยังมากลอกตาถอนหายใจใส่ผมอีก ส่วนเพื่อนพี่แกก็หัวเราะไม่เลิก สองคนนี้มาคบกันได้ยังไงเนี่ย อีกคนดูเส้นตื้น ไม่เต็มเต็ง อะไรนิดหน่อยก็ขำ ส่วนอีกคนก็ทำหน้าเหม็นเบื่อโลกอยู่ตลอดเวลา แต่จะว่างั้นก็ไม่ได้สิ ขนาดผมยังคบกับพวกโฟล์คได้เลย



        "กูไม่ได้พูดกับมึง" พี่สินจิ้มหน้าผากผมแทบจะหงายเงิบ แต่ก็ยังเอื้อมมาดึงแขนไว้ จะแกล้งหรือจะช่วยก็เลือกสักอย่างเถอะครับ เพลียใจ



        "ไปกินข้าวได้แล้ว คุยกันอยู่นั่นแหละ" แล้วจะลากทำไมเนี่ย พี่สินดึงผมมายืนต่อแถวร้านตามสั่งร้านหนึ่ง ซึ่งดูท่าว่าน่าจะอร่อย เพราะคนเข้าคิวเต็มไปหมดเลย



        "เต็ม มึงไปจองโต๊ะไว้ก่อนเดี๋ยวกูสั่งข้าวให้" อ่อ พี่คนไม่เต็มเต็งคนนี้ชื่อพี่เต็มนี่เอง คอนทราสดีจัง



        "โอเค"



        "ป้า เอาข้าวผัดกุ้งสองจาน กะเพราทะเลหนึ่ง"



        "ผมขอข้าวผัดกุ้งอีกจานด้วยครับ" ผมบอกคุณป้าร้านตามสั่งตามพี่สิน คุณป้าจะได้ทำทีเดียว



        "กูสั่งให้แล้วไง" พี่สินหันมาทำหน้ามุ่ยใส่ผม มากันสี่คนสั่งสามจานจะให้แย่งกันกินหรือไง



        "ก็สั่งเผื่อนัทไง นัทกินได้ใช่มั้ย" ผมหันหน้าไปถามนัทที่ยืนต่อแถวข้างหลัง



        "ผมกินได้หมดเลยครับ" นัทยิ้มกว้างให้ผมอีกที ผมเลยยิ้มตอบ



        "มึงอ้ะ ไปซื้อน้ำดิ๊"



        "พี่สินจะเอาน้ำอะไร" ผมว่าพลางหยิบกระเป๋าเงินออกจากเป้ ไหนๆพี่เขาก็สั่งข้าวเผื่อแล้วเดี๋ยวผมไปซื้อน้ำให้ก็ได้



        "มึงไม่ต้อง มึงอ้ะ ไปดิ๊" พี่สินพยักหน้าไปทางนัทที่ยืนอยู่ ซึ่งนัทเองก็ไม่ได้อิดออดอะไร แถมยังทำตัวเป็นคนดี ถามผมด้วยว่าจะเอาน้ำอะไร



        "ได้ครับ พี่ปอนด์เอาน้ำอะไรครับ"



        "เอาโค้กแล้วใหญ่แล้วกัน พี่สินเอาอะไร"



        "เหมือนมึง"



        "โอเคครับ"



        "แล้วมึงก็ไปรอที่โต๊ะกับไอ้เต็มเลยนะ" นัทยิ้มแหยๆให้พี่สินพร้อมพยักหน้าก่อนจะแยกไปอีกทาง



        "มองอะไร" ผมถามพี่สินที่ยืนจ้องหน้ายังกะจะงับหัวผม หิวหรือไง เดี๋ยวก็ได้ข้าวแล้วน่ะ



        "ไปรู้จักกันได้ยัง" หืม? หมายถึงใคร ผมหันซ้ายหันขวา พี่สินทำหน้าเบื่อก่อนจะถอนหายใจแรงๆ



        "มึงกับไอ้นั่นอ่ะ ไปรู้จักกันได้ไง" ผมหันไปตามที่พี่สินพยักหน้าไปก็เจอนัทยืนต่อแถวร้านน้ำอยู่



        "อ๋อ บนรถเมล์"



        "บนรถเมล์?"



        "อื้ม" ผมพยักหน้ารับ จะทวนคำตอบเพื่ออะไร



        "แล้วไหงได้มากินข้าวด้วยกัน"



        "ก็ไม่ยังไง ตอนแรกว่าจะกินที่คณะ นัทก็หาข้าวกิน เลยชวนกินด้วยกัน"



        "มึงชวน?"



        "เปล่า นัทชวน" พี่สินพยักหน้ารับรู้ แล้วก็ไม่ได้เซ้าซี้เรื่องนัทต่อ



        "แล้วไปคุยกับพี่มึงยัง เรื่องที่กูจะย้ายเข้าไป"



        "คุยแล้ว" พี่สินพยักหน้า



        "แล้วกูย้ายเข้าไปได้วันไหน"



        "น่าจะอีกสองอาทิตย์ เพราะพี่กำลังเคลียรืงานเตรียมตัวไปต่างประเทศอยู่" มั้งนะ



        "งั้นวันนี้กูขอเข้าไปดูห้องหน่อยได้มั้ย" พี่สินยิ้มแล้วก้มหน้าลงมาให้หน้าเราอยู่ระดับเดียวกันแล้วกระซิบเสียงแหบ



        "พี่สินเจ็บคอหรอ?"



        "ไม่หนิ"



        "แล้วกระซิบทำไม" พอผมถามพี่สินก็ยืดตัวไปยืนตรงเหมือนเดิม แล้วกลอกตาขึ้นบน ผมเลยมองตาม ข้างบนมันมีอะไร ทำไมพี่เขามองบ่อย ผมเลยเขย่งตัวป้องปากกระซิบถามพี่สิน



        "พี่มองคุณเจ้ากรรมนายเวรที่ตามผมมาหรอ" เท่านั้นแหละ พี่สินถอนหายใจเฮือกใหญ่มาก ก่อนจะไม่สนใจผมอีก



        "ใช่หรือเปล่าพี่ิสิน"



        "เอออออออ" พี่สินตอบลากเสียงยานคาง พี่เลยขยับเข้าไปใกล้พี่สิน งั้นคืนนี้ให้พี่สินไปดูห้องแล้วถือโอกาสให้อยู่เป็นเพื่อนดีกว่า เพราะพี่เป้กลับดึก ผมกลัว



        "งั้นคืนนี้พี่ไปดูห้องพี่ผมที่จะย้ายไปอยูนะ" พี่สินหันมามองหน้าผมพลางยิ้มกว้างอย่างดีใจ แค่ดูห้องใหม่มันต้องดีใจขนาดนั้นมั้ยน่ะ



        "ได้หรอ"



        "อืม"



        "มึงเลิกเรียนกี่โมง"



        "สี่โมงครับ แต่ว่าวันนี้ผมมีทำงานพิเศษที่เซเว่นถัดจากมอไปสามซอยครับ"



        "แล้วเลิกกี่โมงเดี๋ยวกูไปรับ"



        "ทุ่มนึงครับ"



        "โอเค" พี่สินว่าอย่างอารมณ์ดีแล้วดึงผมไปกอดคอ แถมยังฮัมเพลงซะมีความสุข เอ หรือพี่เขาจะเป็นไบโพล่าร์นะ



        "หนุ่มข้าวได้แล้วลูก" ผมกำลังจะควักเงินออกมาจ่ายคุณป้าร้านตามสั่ง แต่พี่สินหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าเสื้อนักศึกษาแล้วชิงจ่ายก่อน



        "เท่าไหร่ครับ เดี๋ยวผมจ่ายเผื่อนัทด้วยเลย"



        "ไม่ต้องกูเลี้ยง"



        "ได้ไงล่ะครับ"



        "เออน่า กูอารมณ์ดี" โอเค เชื่อครับว่าพี่อารมณ์ดี ท่าจะอารมณ์ดีมากด้วย ผมกับพี่สินยกจานข้าวไปตรงที่พี่เต็มจองไว้ก่อนหน้า แต่บนโต๊ะกับมีคนที่ผมไม่รู้จักโผล่มาอีกสองคน



        "ไงมึง ทำไมวันนี้เสด็จมาได้วะ" โอ๊ะ เพื่อพี่สินเป็นราชนิกุลเหรอ ใช้คำว่าเสด็จเลยนะ



        "ว่างว่ะ เบื่อๆด้วย" ผมวางจานข้าวลงข้างๆพี่สิน แต่ยังไม่กล้านั่งลง จนพี่คนที่มาใหม่สังเกตได้ว่าผมยืนเก้ๆกังๆ อยู่ข้างพี่สิน แกเลยถาม



        "ไม่นั่งหรอน้อง" ดีจังเลย ไม่ถือตัวด้วย แล้วผมต้องใช้ราชาศัพท์กับพี่เขามั้ยนะ



        "นั่งครับ เอ่อ นั่งพะยะค่ะ" 



        "ห๊ะ" ทำไมทุกคนต้องทำหน้าหมางงกันโดยพร้อมเพรียงขนาดนั้น



        "พะยะค่ะอะไรของมึงปอนด์" ผมป้องปากก่อนจะกระซิบ



        "พี่เขาเป็นเชื้อเจ้า ราชนิกุลไรงี้หรือเปล่าอ้ะพี่สิน"



        "มึงเมากาวป้ะเนี่ย ใครเชื้อเจ้า?" พี่สินถามกลับพลางทำคิ้วขมวด



        "ก็เมื่อกี๊พี่สินถามเขาว่า ทำไมวันนี้เสด็จมาได้ ผมเลยไม่รู้ว่าต้องใช้ราชาศัพท์กับพี่เขาหรือเปล่า" ผมเพิ่งรู้ตัวว่าเผลอพูดเสียงดังตามพี่สินเพราะทุกคนบนโต๊ะพากันหัวเราะเสียงดังลั่น ผมเลยรีบตะครุบปากไว้ จะโดนอาญามั้ยเนี่ย



        "ฮ่าๆๆ ไอ้สิน มึงไปเก็บมาจากไหนวะ จี้สัด" พี่เต็มที่นั่งอยู่ตรงข้ามหัวเราะพลางลุกขึ้นมาตบไหลพี่สินป้าบๆ โห เจ็บมั้ยนั่น



        "ฮ่าๆๆ เออ กูชอบว่ะ น้องชื่อไรวะ พี่ชื่อโอ๊ตนะ ส่วนไอ้นี่ชื่อรัน" พี่ราชนิกุลหันมาแนะนำตัวกับผม พลางหันไปแนะนำเพื่อนเขาอีกคนที่ตอนนี้นอนหัวเราะฟุบหน้ากับโต๊ะ พร้อมตบขาตัวเองอยู่ ไม่ยอมเงยหน้ามาดูสถานการณ์บ้านเมือง ขำอะไรขนาดนั้นน่ะ เดี๋ยวก็ขาดใจตายหรอก



        "ชื่อปอนด์ครับ เอ่อ..."



        "ครับนั่นแหละ ไม่ต้องพะยะค่ะนะน้อง เดี๋ยวเพื่อนพี่จะขาดใจตายจริงๆ ฮ่าๆๆ" พี่โอ๊ตว่าพลางหันไปลูบหลังเพื่อนตัวเอง พอพี่รันตั้งสติได้ พี่เขาก็ลูบอกตัวเอง พลางปรับลมหายใจเป็นการใหญ่



        "มึงจะขัดน้องทำไมวะ กำลังฮาเลยแม่ง" พี่รันว่าพลางเช็ดน้ำตาตัวเองใหญ่



        "นี่น้ำครับพี่ปอนด์" นัทที่หยุดขำได้ซักพักแล้วยื่นแก้วน้ำมาให้ผม พลางยิ้มหวาน อย่าบอกนะว่าแอบไปปุ๊นมาอีกน่ะ



        "ขอบใจนะ" ผมกำลังยื่นมือไปรับแก้วโค้กของตัวเองแต่พี่สินรับมาก่อนจะวางไว้ข้างๆกัน พร้อมกับยื่นเงินให้นัทไปด้วยร้อยนึง



        "ไม่เป็นไรครับพี่สิน ผมจ่ายเอง"



        "เอาไป เด็กกู กูเลี้ยงเองได้" 



        "เดี๋ยวๆ มันยังไงครับมึง" พี่เต็มทำตาโตมองหน้าพี่สิน ส่วนพี่โอ๊ตกับพี่รันก็หรี่ตามองหน้าพี่สินเหมือนกัน ส่วนนัทอ้าปากค้างไปแล้ว ผมหันมองคนนั้นทีคนนี้ทีด้วยความมึนงง มันมีอะไรหรอ นัทเป็นเด็กบริหาร พี่สินเป็นเด็กบริหาร รุ่นพี่จะเลี้ยงน้ำเด็กตัวเอง มันน่าแปลกใจขนาดนั้นเลยหรอ ผมไม่สนใจปฏิกิริยาของพวกเขา แล้วเริ่มลงมือกินข้าวแทน ผมมีเรียนบ่ายโมงเดี๋ยวจะไม่ทันเอา



        "แล้วที่มึงบอกว่ามึงได้ที่ิิอยู่ใหม่แล้ว คือ..." ผมกินข้าวไปฟังพวกพี่เขาไปด้วย เดี๋ยวข้าวเย็นแล้วจะไม่อร่อย



        "ไม่กินข้าวกันหรอครับ เดี๋ยวข้าวเย็นหมด" ผมหันไปถามพี่ๆในกลุ่ม รวมถึงนัทด้วยความหวังดี แต่พี่รันกลับยกมือพลางบอกให้เงียบ



        "น้องปอนด์กินข้าวไปครับ เรื่องของผู้ใหญ่จะคุยกัน ไม่ต้องสนใจ" อ้าว ทีนัทยังฟังได้เลย โอเค ผมก้มหน้าก้มตากินข้าว โดยมีกลุ่มพี่สินพากันสุมหัวกระซิบกระซาบ ซักพักพี่สินก็ตะโกนลั่น



        "แล้วมึงเสือกเหี้ยไรเนี่ย มึงไม่เกี่ยว ไปนั่งนู่นไป" ผมหันไปมองเป็นนัทนั่นเองที่โดนไล่ออกมาจากการสุมหัวของพี่ๆทั้งสี่คน ผมคิดไว้อยู่แล้ว ก็นัทน่ะเด็กกว่าผมอีก ไปนั่งฟังพี่ๆเขาคุยกันก็ต้องโดนไล่ตะเพิดแบบนี้ละนะ นัทเดินมานั่งข้างผมแทน แต่ก็ยังไม่วายโดนพี่สินตะคอกอยู่ดี



        "แล้วมึงจะไปนั่งข้างมันทำไม ไปนั่งฝั่งตรงข้ามโน่น" พี่เขาโมโหหิวหรือเปล่านะ นัททำอะไรก็ขัดหูขัดตาไปหมด แล้วถ้าโมโหหิว ทำไมไม่ยอมกินข้าวกันก่อน เฮ้อ ผมล่ะไม่เข้าใจคนพวกนี้เลยจริงๆ









        ***************************

        tbc.

        โถ สงสารนัท










      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0




      Ch.6 ผีจะผลักเอา





        "แล้ววันนี้น้องปอนด์กลับบ้านยังไงคะ พี่เป้จะมารับหรือเปล่า" ผมเงยหน้ามองพี่น้ำ เพื่อนร่วมงานที่เซเว่นที่ผมทำอยู่



        "ไม่ครับ วันนี้พี่เป้กลับดึก" ผมมองนาฬิกาข้อมือตัวเองหลังจากจัดของขึ้นเชลฟ์เสร็จเป็นอย่างสุดท้าย โห แป๊บเดียวเองจะหนึ่งทุ่มแล้ว



        "เสียดายจังเลย ไม่ได้เจอหน้าพี่เป้นานแล้ว" ผมส่งยิ้มให้พี่น้ำตามมารยาทแล้วเดินกลับเข้าหลังร้านเพื่อไปเอากระเป๋าตัวเอง จริงๆช่วงที่ทำงานที่นี่แรกๆ ถ้าพี่เป้เลิกงานจะชอบแว้บมารับผม แรกๆ ก็มารับบ่อยจนผิดสังเกต ผมเลยถามถึงได้รู้ว่าแอบเอางานกลับมาทำที่บ้านไม่ยอมเคลียร์ให้เสร็จเพื่อมารับผม เพราะว่ามันดึก หนึ่งทุ่มเนี่ยนะ ดึก ผมเลยบอกให้เลิกมารับผมได้แล้ว แต่พี่เขายังแอบมาตามผมอยู่ จนผมจับได้อีกแล้วขู่ว่าจะเพิ่มชั่วโมงทำงานนั่นแหละ ถึงเลิกมารับผมสักที



        "ถ้ายังไงปอนด์กลับก่อนนะครับพี่ๆ สวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้พวกพี่ๆทุกคนก่อนจะเดินออกมาหน้าร้านเพื่อเดินไปที่ป้ายรถเมล์



        "ปอนด์ขึ้นรถ" ผมหันไปมองตามเสียงเรียก เห็นเป็นพี่สินที่จอดรถอยู่บริเวณหน้าเซเว่น ผมอ้อมไปฝั่งข้างคนขับแล้วยกมือไหว้พี่สิน



        "ปอนด์ลืมเลยว่าพี่สินจะมารับ"



        "ก็บอกให้ไปดูห้อง" ผมพยักหน้ารับพร้อมเอี้ยวตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัย



        "พี่ปอนด์เอากระเป๋าเสื้อผ้ามาเลยหรอครับ" ผมเหลือบเห็นกระเป๋าเสื้อผ้าที่เบาะหลัง



        "ปกติมันติดรถไว้อยู่แล้ว เผื่อค้างที่อื่นจะได้ไม่ต้องแวะเข้าห้องไปเอา"



        "พี่สินค้างที่อื่นบ่อยหรอครับ"



        "ปกติก็ไม่ค่อยบ่อยหรอก แต่ช่วงนี้ก็กลับห้องไม่ได้ มีคนตามรังควาน" พี่สินตอบพร้อมแค่นยิ้มตามองถนน



        "แล้วต้องไปทางไหน"



        "อ่อ เดี๋ยวเลี้ยวซ้ายครับขับตรงไปเรื่อยๆ เดี่ยวผมบอกอีกที"



        "โอเค" พี่สินตอบรับแล้วก็เงียบไป ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดเพลง



        "ขออนุญาตฟังเพลงนะ" ผมพยักหน้ารับ ทำไมต้องขอด้วย รถก็รถของพี่เขาเอง เอ แต่เมื่อกี๊พี่เขาบอกว่ามีคนตามรังควานใช่มั้ยนะ อยากถามจัง เขาจะว่าผมก้าวก่ายมั้ยอ้ะ



        "เป็นไรขมวดคิ้วยุ่งเชียว หรือไม่อยากให้ไปอยู่ด้วยแล้ว" ผมสะดุ้ง เพราะไม่คิดว่าพี่เขาจะเห็นว่าผมขมวดคิ้ว ขับรถอยู่ไม่ใช่เหรอ ยังจะมีเวลามามองอีก



        "ไม่ใช่ครับ คือ ผมมีเรื่องอยากถาม แต่ไม่รู้ว่าควรถามหรือเปล่า"



        "ถามมาสิ ถ้าตอบได้ก็จะตอบ"



        "ที่บอกว่าโดนรังควานนี่..." ผมเว้นช่วง เพราะไม่รู้ว่าควรจะถามดีมั้ย



        "อ๋อ ใช่ มากวนทั้งคืนเลย จะนอนก็นอนได้ไม่เต็มอิ่ม" ผมตาโต แสดงว่าพี่เขาก็โดนผีตามแบบผมใช่มั้ยเนี่ย



        "เป็นผีผู้หญิงหรือเปล่าครับ" ผมตื่นเต้นที่จะได้ฟังเรื่องเล่าจากพี่สิน ตั้งแต่รู้จักกับพี่สินมา เหมือนมีเดอะช็อคส่วนตัวเลยครับ ผมชอบฟัง



        "ห๊ะ อ๋อ เออ ผีผู้หญิง หึหึ" พี่สินว่าพลางหัวเราะในลำคอ แข็งแกร่งเกินไปแล้วคนๆ นี้ ขนาดโดนผีตามเหมือนกัน ยังอารมณ์ดีได้อีก ส่วนผมนี่ ช่วงนี้ระแวงจนนอนผวา ตื่นมากลางดึกบ่อยๆเลย



        *****************************



        "เลี้ยวซ้ายคอนโดข้างหน้าเลยครับ" พี่สินเลี้ยวเข้าทางคอนโดตามที่ผมบอก ก่อนจะเอารถไปจอด



        "คอนโดมึงชั้นไหน"



        "12 ครับ พี่สินเป็นโรคกลัวความสูงหรืออะไรหรือเปล่าครับ"



        "ไม่นะ" ผมพยักหน้ารับ พลางพาเขาขึ้นลิฟต์ไปยังห้องตัวเอง แตะคีย์การ์ดแล้วเดินนำพี่สินเข้าห้องมา



        "กว้างใช้ได้นะ" พี่สินว่าพลางเดินสำรวจห้องไปเรื่อยเปื่อย



        "แล้วไหนห้องนอนมึง" ผมเอียงคอมองพี่สินอย่างงงงวย จะถามหาห้องผมทำไม เขาควรถามหาห้องที่เขาจะมาพักสิ ผมไม่ได้บอกอะไร พลางชี้ไปทางห้องนอนตัวเอง พี่ิสินเห็นดังนั้นเลยเดินก้าวไปทางห้องผมแล้วเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ขออนุญาตสักคำ ผมว่าเขาน่าจะมีปัญหาทางกระบวนการความคิด เพราะตอนที่เขาจะเปิดเพลงบนรถของตัวเอง เขาขออนุญาตผม แต่พอจะเปิดเข้าห้องผม เขากลับเดินดุ่มๆ ไปเปิดเฉยเลย



        "ชอบถ่ายรูปหรอ?"



        "ครับ" ผมเดินตามพี่สินเข้ามาในห้องแล้วเดินเอากระเป๋าไปเก็บ



        "พี่สินพอจะอยู่ได้มั้ยครับ" ผมหันไปมองอีกที พี่เขาก็กระโดดขึ้นเตียงผมไปแล้วเรียบร้อย



        "เตียงนอนสบาย เด้งดึ๋งใช้ได้" 



        "ห้องพี่อยู่ฝั่งตรงข้ามครับ นี่ห้องผม" พี่สินนอนเอามือรองหัวแล้วพยักหน้ารับคำพูดผม แต่ดูไม่ได้ใส่ใจจะฟังเลยด้วยซ้ำ



        "เดี๋ยวผมพาไปดูห้องพี่ผมครับ"



        "ไม่อ่ะ นอนนี่ก็สบายดี"



        "แต่นี่ห้องผม"



        "กูก็ไม่ได้บอกว่าห้องกูหนิ หรือมึงอยากไปห้องกู?" ผมมองคนที่ยันตัวขึ้นมาตรงปลายเตียงแล้วเลิกคิ้วใส่ ทำไมต้องไปห้องพี่ล่ะ ก็รู้หนิว่าผมกลัวผี ยังจะชวนไปห้องตัวเองอีก ไหนว่าโดนผีผู้หญิงกวนทั้งคืน



        "ไม่เอาครับ"



        "ทำไม กลัว?"



        "ครับ" ผมตอบไปตามตรง



        "ขนลุกเลย" ผมยื่นแขนให้เขาดู แค่คิดว่าต้องไปนอนห้องที่มีผีอยู่ก็ขนลุกตั้งแล้ว



        "ขยะแขยงกูขนาดนั้นเลยหรอ" พี่สินถามพลางทำหน้าไม่สบอามรมณ์ เกี่ยวอะไรกับขยะแขยงเขากัน



        "ไม่ครับ ทำไมผมต้องขยะแขยงพี่ด้วย"



        "ก็มึงบอกขนลุก"



        "ก็ขนลุกจริงๆไงครับ ผมกลัว"



        "แล้วทำไมต้องกลัวกู"



        "ผมกลัวผีห้องพี่ ไม่ได้กลัวพี่" พี่สินนิ่งไปนิด ก่อนจะคลายคิ้วที่ขมวดอยู่แล้วหัวเราะเบาๆในลำคอ แล้วก็พึมพำอะไรไม่รู้



        "แล้วนี่พี่มึงกลับมากี่โมง"



        "ไม่รู้ครับ เห็นบอกจะกลับมาดึกๆ"



        "ดึกแค่ไหน" แล้วผมจะรู้หรือไงล่ะ ปกติพี่เป้บอกดึก ก็ไม่เคยตรงเวลาหรอก สามทุ่มบ้างสี่ทุ่มบ้าง บาทีก็ตีหนึ่งกว่า



        "ไม่รู้ครับ" พี่สินยิ้มน้อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แล้วเดินมากอดคอผม



        "หิวแล้วว่ะ ไปหาอะไรกินกัน"



        "ผมไม่ค่อยหิวครับ พี่กลับไปกินที่บ้านพี่เลยก็ได้" ผมขืนตัวออกจากพี่เขา แต่แรงมีไม่มากพอให้หลุดออกจากวงแขน



        "ไม่ได้ดิ มาด้วยกันก็ไปกินด้วยกัน ยังไงพี่มึงก็ยังไม่กลับ เดี๋ยวกูพาไปเลี้ยงเอง"



        "ไม่เอา..."



        "เออน่ะ ป้ะ" พี่สินไม่ฟังคำปฏิเสธแล้วรีบลากคอผมออกไปทางประตูทันที เห้อ หยิบมาได้แต่กุญแจห้อง ยังไม่ทันได้หยิบกระเป๋าเงินเลย



        **************************



        "สวัสดีครับเชิญครับ อ้าว..คุณสิน ไม่มาร้านนานเลยนะครับ" 



        "สวัสดีครับพี่แชมป์ ช่วงนี้เรียนวุ่นๆน่ะครับ ว่าแต่หิวมากเลย มีอะไรที่ทำเร็วๆมั้ยครับ ขอด่วนๆเเลยสองสามอย่าง ขอข้าวเปล่าด้วยสองจานครับ" ผมยกมือไหว้ตามพี่สินก่อนจะยิ้มให้



        "พาเพื่อนมาด้วย งั้นสั่งไปทานโต๊ะที่ห้องนั่งเล่นมั้ยครับ" พี่สินตอบรับก่อนจะลากผมไปทางหลังร้านที่น่าจะเป็นส่วนของพนักงานเท่านั้น ก่อนจะพาเข้าห้องนั่งเล่นที่พี่เขาบอก



        "มาบ่อยหรอครับ" ผมนั่งลงตรงโซฟาตัวหนึ่งแล้วมองรอบๆห้อง เหมือนเป็นห้องทำงานด้วยเพราะว่ามีโต๊ะที่วางเอกสารเต็มไปหมดเลย



        "อืม แต่หลังๆไม่ค่อยมาหรอก ขี้เกียจฟัง..."



        "ไอ้สินนนนน!!" จังหวะที่พี่สินกำลังอธิบายให้ผมฟังก็มีผู้ชายคนหนึ่งท่าทางหัวเสียมากๆ ผลักประตูเข้ามาพร้อมกับเรียกพี่แกเสียงดัง ในมือถือกระทะหนึ่งใบ พี่สินกลอกตาเบื่อไปทีนึงก่อนหันไปมองแล้วแล้วเบะปากใส่



        "เสียงดังทำไมเนี่ยพี่เสือ"



        "มึงหายหัวไปไหนวะ คอนโดก็ไม่อยู่ บ้านก็ไม่กลับ แถมไม่มาช่วยงานที่ร้านอีก กูจะฟาดหัวมึงไอ้น้องเวร" พี่ที่น่าจะชื่อว่าเสือพูดเสร็จก็เดินพรวดพราดเข้ามา ยกมือจะฟาดพี่สินจริงๆ พี่แกเลยจับตัวผมมาบังไว้ข้างหน้า โห ซึ้งเหลือเกิน



        "อิน PubG หรือไง ถือกระทะไปมา เป็นบ้าหรอ" พี่สินไม่ควรเก่งแต่ปาก จะด่าเค้าแน่จริงออกมาจากข้างหลังผมสิ ยังจับตัวผมโยกไปโยกมาเหมือนเล่นไล่จับ แต่ก็ยื่นหน้ายื่นปากไปต่อล้อต่อเถียง เห้อ เหนื่อยใจ



        "แล้วนี่ใคร นี่มึงเปลี่ยนรสนิยมเหรอ คราวก่อนกูยังไม่เคลียร์ที่มึงพาผู้หญิงมาตั้มที่ห้องกูเลยนะ ตามมาโวยวายหามึงได้ตั้งนานสองนาน ไอ้น้องเหี้ย!" พี่เสือว่าขึ้นพลางโกรธจัด ส่วนผมพยายามจะขืนตัวออกจากพี่สิน เริ่มกลัวๆพี่แกมากกว่าผีแล้วล่ะครับ คิดถูกคิดผิดเนี่ย



        "เฮ้ย ไม่ใช่ นี่น้องที่ ม. จะมาเป็นรูมเมทผม"



        "รูมเมทเหี้ยไร มึงอย่ามาตอแหล มึงขึ้นปีสี่แล้ว ม.ไม่ได้บังคับให้อยู่หอในกับรูมเมท ไอ้ควาย อย่ามาหลอกกู" พี่เสือทำท่าจะอ้อมมาฟาดอีก พี่สินเลยดึงผมตาม แล้วหลบเป็นพัลวัน วนอยู่รอบโซฟาตัวที่เรานั่งกันอยู่



        "เอ่อ จริงนะครับ ผมจะมาเป็นรูมเมทพี่เขา" พี่เสือหยุดมองหน้าผม แล้วมองเลยไปถลึงตาใส่พี่สิน



        "เหนื่อยสัส" พี่เขาว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งโซฟาพลางโยนกระทะไปไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟา



        "ยืนค้ำหัวทำห่าไรกัน นั่งสิ" ผมนั่งลงทันทีเมื่อโดนพี่เขามองมาดุๆ แต่ก็เว้นระยะมาสุดพนักอีกฝั่ง กลัวแล้ว



        "ปอนด์นี่พี่ชายพี่เองชื่อพี่เสือ"



        "นี่มึงไปหลอกลูกเต้าเหล่าใครเขามาฮะ ไอ้สิน หน้าซื่อเหมือนหมา" - - เหมือนหมานี่ตัดทิ้งได้มั้ยครับ



        "น้องชื่อปอนด์ เป็นรุ่นน้องที่ ม. ผม กำลังหารูมเมทอยู่" พี่สินตอบ



        "คือจริงๆ แล้วผมอยู่กับพี่ชายครับ แต่ว่าพี่กำลังจะไปทำงานที่ต่างประเทศ ระหว่างนั้นเลยอยากหาคนมาอยู่เป็นเพื่อน ผมเลยลองชวนพี่สินดู"



        "น้องไม่มีคนคบแล้วหรอวะ ถึงมาชวนไอ้เหี้ยนี่" ผมเชื่อแล้วว่าเขาเป็นพี่น้องกันจริงๆ ตรรกะความคิดเหมือนกันเลย ชอบหาว่าผมไม่มีคนคบ



        "มีครับ แต่ว่าผมไม่อยากรบกวนเพื่อน"



        "แต่รบกวนไอ้สินได้?" พี่เสือว่าพลางเลิกคิ้ว



        "นี่แอบชอบไอ้สินป้ะเนี่ย?" ผมเบิกตาโต อย่าสิครับเดี๋ยวผีผลัก



        "ไม่ครับ ไม่ได้ชอบ ค่อนไปทางไม่ชอบขี้หน้าด้วยซ้ำ"



        "อ้าว" พี่สินร้องอ้าวแล้วหันมามองผม



        "ผมหมายถึงไม่ชอบพวกลักษณะนิสัย หรือพฤติกรรมแย่ๆ ที่มีมากกว่าด้านดีๆ อ่ะครับ" ผมหันไปอธิบายให้พี่สินฟัง



        "กูว่ามึงเลิกอธิบายเถอะ ยิ่งพูดกูยิ่งจุก ด่าไอ้เหี้ย ยังรู้สึกดีกว่า"



        "อ่อครับ ไอ้เหี้ย" ผมพยักหน้าพร้อมกับพูดสิ่งที่พี่สินจะรู้สึกดีกว่าการอธิบายของผม พี่เสือหัวเราะออกมาดังลั่น ในขณะที่พี่สินหันมามองหน้าผมอึ้งๆ ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ



        "ฮ่าๆ กูชอบ ถูกชะตาว่ะ น้อง มึงปอนด์ใช่ป้ะ ทำไมหน้าคุ้นๆจังวะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน" พี่สินว่าพลางทำท่าคิด ซักพักมีเสียงโทรศัพท์เข้าพี่แกเลยเดินไปรับที่โต๊ะทำงาน ระหว่างนั้นอาหารก็เข้ามาเสิร์ฟพอดี



        "กูไม่รู้ว่ามึงชอบอะไรเลยสั่งที่ได้เร็วๆมา มึงกินได้ป้ะ" ผมพยักหน้ารับ พลางหยิบช้อนขึ้นมา ในขณะที่พี่สินกินนำไปแล้ว



        "ก็เหี้ยแล้วไอ้สัส!!! มึงจะไปอยู่ยังไงคนเดียว!!!" ผมสะดุ้งหันไปมองพี่เสือที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ด้วยความเกรี้ยวกราด พี่เขาหันมาเห็นผมแล้วพยักหัวขอโทษ ผมเลยหันกลับมาทานข้าวต่อ เดี๋ยวจะดูไม่มีมารยาท



        "นี่ถ้าไม่หลุดพูดกูจะรู้มั้ย?" พี่เสือพูดเสียงเบาลง แต่น้ำเสียงยังคงระดับเกรี้ยวกราดอยู่ ผมไม่ได้แอบฟังนะ แต่มันได้ยิน



        "เออแม่ง เย็นนี้ค่อยคุย เลิกงานแล้วมึงมาหากูที่ร้านแล้วกัน ไม่อยากไปหากินที่อื่น...เออ ไม่ดึก ไม่เมา ไอ้เหี้ย กูรู้ว่ามึงต้องกลับไปตบตูดกล่อมน้องนอน...เออ รีบๆเคลียร์รีบๆมา" พี่เสือวางสายแล้วเดินหน้ามุ่ยมานั่งลงตรงโซฟาข้างๆผม



        "เป็นไรอีกล่ะ ทะเลาะกับเมีย?" พี่เสือทำท่าจะจับกระทะขึ้นมาอีกรอบ แต่พี่สินไวกว่า หยิบมาไว้กับตัว



        "เออ แม่ง หงุดหงิด เดี๋ยวกูไปดูร้านก่อน มึงก็รีบๆกิน รีบๆไสหัวไปได้แล้ว พออยากแดกฟรีละสะเออะโผล่หัวมา เลี้ยงเสียข้าวสุก กูจะฟ้องพ่อว่ามึงไม่มาช่วยงานที่ร้าน" พี่เสือว่าพลางเดินตึงตังออกจากห้องไป ส่วนพี่สินก้มหน้าก้มตากินต่อ สรุปแล้วมื้อนี้ คนที่เลี้ยงผมก็คือพี่เสือสิ ไม่ใช่พี่สินซะหน่อย





















        *********************

        tbc



        หายไปนานมากเลย ช่วงนี้งานยุ่งมากจ้า ขอบคุณสำหรับคนที่หลงมาอ่านนะคะ คาดว่าคงพอเดาได้นะคะว่าเมียพี่เสือที่ว่าหมายถึงใคร ^^













      CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

      ประกาศที่สำคัญ


      ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
      https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



      รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
      https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



      สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
      https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






      ออฟไลน์ fc_fic

      • เป็ดAres
      • *
      • กระทู้: 2598
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
      Re: คนเดียว...เดียวดาย
      «ตอบ #10 เมื่อ25-01-2020 20:16:35 »

       :laugh: :laugh: :laugh:

      ออฟไลน์ $VAN$

      • Moderator
      • เป็ดDemeter
      • *
      • กระทู้: 1738
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +307/-6
      Re: คนเดียว...เดียวดาย
      «ตอบ #11 เมื่อ08-02-2020 11:47:07 »

      ก๊อบกฎเล้ามาลงก่อนเริ่มนิยายด้วยค่ะ
      ลองดูตัวอย่างจากนิยายเรื่องอื่นๆนะคะ^^

      โมฯเล้า

      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
      Re: คนเดียว...เดียวดาย
      «ตอบ #12 เมื่อ14-02-2020 12:40:58 »


      รับทราบค่ะคุณโม ต้องขออภัยด้วยค่ะ เพิ่งเข้ามาเช็คเลย ตอนนี้แก้ไขเรียบร้อยแล้วนะคะ  :mew2: :mew2: :mew2:

      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



      Ch.7 ขอที่นอนให้ผู้ยากไร้




        "เดี๋ยวพี่สินจอดหน้าทางเข้าคอนโดก็ได้ครับ" โอเค หรือจะเลี้ยวเข้าคอนโดก็ได้ครับแล้วแต่เลย - -



        "ขอบคุณที่มาส่งครับ" ผมยกมือไหว้กำลังจะเปิดประตูออกแต่พี่สินดึงแขนไว้ก่อน



        "ครับ?"



        "ขอนอนด้วยดิ" พี่สินว่าพลางเอื้อมไปหยิบกระเป๋าที่เบาะหลังมาเตรียมพร้อม



        "ไม่ได้ครับ"



        "โซฟาก็ได้ ไม่มีที่นอนเนี่ย"



        "กลับห้องตัวเองไปสิครับ"



        "กลัวผี"



        "ตอนเล่าดูไม่เห็นกลัวเลยครับ"



        "เออน่า ขอนอนด้วยคน" พูดจบก็เปิดประตูรถเดินนำผมไปก่อนเลย เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาเข้าใจภาษาไทยมั้ย



        "พี่สินเดี๋ยวก่อนครับ" ผมวิ่งตามอีกฝ่ายที่เดินไปกดลิฟต์รอเรียบร้อยแล้ว



        "ถือว่าซ้อมอยู่ด้วยกันไง" ผมหรี่ตามองคนตรงหน้า



        "อะไร ยังไงสุดท้ายก็ต้องอยู่ด้วยกันอยู่ดี ซ้อมไว้ก็ไม่เสียหาย" พี่สินพูดจบประตูลิฟต์ก็เปิดพอดี พี่เขาเดินนำเข้าลิฟต์ ผมเลยรีบเดินเข้าไปตามก่อนประตูจะปิด เอาเถอะ ยังไงผมก็เอาชนะความเอาแต่ใจของพี่แกไม่ได้อยู่ดี แล้วจะบอกพี่เป้ว่าไงดีหว่า



        "ปอนด์ ปอนด์ ไอ้ปอนด์!" ผมสะดุ้งเล็กน้อยหันไปมองคนข้างๆ



        "เรียกเบาๆก็ได้ครับ"



        "กูเรียกสามปอนด์แล้วเหอะ ถึงแล้วเนี่ย จะออกมั้ย หรือจะนอนในนี้ กูยังไงก็ได้ เพลินดี ลิฟต์ขึ้นๆ ลงๆ" เป็นอีกครั้งที่ผมไม่ค่อยเข้าใจคำพูดพี่แกมากนัก พี่สินเดินตามผมเข้าห้องมาพลางวางกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ไว้ตรงโต๊ะหน้าโซฟา พี่สินหยิบรีโมทมาเปิดทีวีดูอะไรเรื่อยเปื่อยท่าทางเหมือนกับอยู่บ้านตัวเอง และคาดว่าคงติดลมเพราะเห็นนั่งดูตาแทบไม่กระพริบ เอาจริงๆ คือผมไม่ค่อยรู้เรื่องฟุตบอลเท่าไหร่ เลยเลือกที่จะเดินเข้าห้องตัวเองหาอะไรทำ ผมเปิดโน๊ตบุ๊คล็อคอินไลน์ไว้เพื่อเช็คข้อความต่างๆ ส่วนโทรศัพท์ขี้เกียจเดินไปเอา



        เพื่อนตายก็แค่ไปงานศพ (3)

        18:44

        Mr.Hurt: อยากกินเหล้า ใครไปมั่ง ยกมือ!

        วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง: โฟล์คมึงยังไม่เลิกเฮิร์ทอีกหรอวะ

        วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง: เลิกดราม่าสักทีกูรำคาญ

        Mr.Hurt: มึงไม่เป็นกู มึงไม่เข้าใจอ้ะวิว กูรักเขา รักสุดท้าย มึงรู้จักมั้ย

        วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง: สุดท้ายที่ตีนกูนี่

        วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง: เลิกเพ้อ ไอ้สัส มาช่วยเพื่อนทำการทำงาน

        Mr.Hurt: ทำเป็น...ไอ้เหี้ย กูเห็นไอ้ปอนด์ทำอยู่คนเดียว มึงก็มัวแต่ลอยชายอยู่กับกูเนี่ย

        Mr.Hurt: @ปอนด์ มึงไปกินเหล้าเป็นเพื่อนกูหน่อย กูเจ็บ กูปวด กูช้ำชอก ระกำทรวง โอ๊เย~~~~~

        วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง: โอ๊เยมางี้กูว่าไม่น่าเฮิร์ทละ แค่เสี้ยนเหล้าก็พูดมา - -

        Mr.Hurt: อ้ะ รู้ดี ไปไม่ไป?

        วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง: เออ ร้านเดิม?

        Mr.Hurt: เออ ละมึงอ้ะ ไปป้ะ @ปอนด์

        19:07

        Mr.Hurt: มึงยังมีชีวิตอยู่มั้ยเอ่ย? @ปอนด์

        วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง: มันทำงานอยู่มั้ง เดี๋ยวมันก็โทรกลับมึงจะไปรีบไปช่วยพนักงานเปิดร้านหรือไงวะ

        Mr.Hurt: เอ๊า ไม่ได้สิ ต้องจับจองที่นั่งวิวดีๆ

        วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง: กูรู้ว่ากูดี มึงไม่ต้องชมกูก็ได้

        Mr.Hurt: ขอสักถุยเถอะ ไอ้เหี้ย

        Mr.Hurt: ถุย!!!!

        วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง: อี๋ มึงมันโสโครก

        Mr.Hurt: เล่นใหญ่ไอ้สัส @ปอนด์ ไปไม่ไปยังไงบอกกูด้วย

        22:15

        ปอนด์: ขอโทษทีครับ ผมเพิ่งได้เข้าไลน์

        ปอนด์: ไม่ไปครับ ก็รู้ว่าผมดื่มเหล้าไม่เป็นก็ยังจะชวนกันอีก

        Mr.Hurt: โห มึงไม่ตอบกูพรุ่งนี้เช้าเลยล่ะปอนด์

        ปอนด์: ได้หรอครับ ขอโทษที งั้นเดี๋ยวผมขอลบข้อความก่อน โฟล์คก็ทำไม่รู้ไม่เห็นนะครับ

        Mr.Hurt: เออ อย่างนี้สิค่อยดูใส่ใจเพื่อนหน่อย

        Mr.Hurt: ถุย!!!

        Mr.Hurt: กวนตีนกูเหรอปอนด์

        ปอนด์: เปล่านะครับ

        เป็นแบบนี้กันทุกทีเลย ผมก็ทำตามที่ต้องการแล้ว ชอบเข้าใจเจตนาผมผิดกันตลอด หาว่าผมกวนตีนบ้างล่ะ หาว่าผมตลกบ้างล่ะ ขนาดตัวผม ยังไม่รู้เลยว่าตัวเองเป็นแบบนั้น คนพวกนี้ก็คิดกันไปเองละว่าผมกวนตีน หน้ามึน ตลก เห้อ

        Mr.Hurt: @วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง มึงมาดูลูกมึง มันกวนตีนกู

        ปอนด์: อ้าว สรุป ผมหรือลูกวิวครับที่กวนตีนโฟล์ค

        ปอนด์: ผมงงไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าควรจะสำนึกผิดมั้ยที่กวนตีนหรือไม่ได้กวนตีนโฟล์คดี

        Mr.Hurt: เนี่ย มึง มาดู! @วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง

        Mr.Hurt: @วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง

        Mr.Hurt: @วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง

        Mr.Hurt: @วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง

        Mr.Hurt: @วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง ไอ้เหี้ยวิว กูเห็นขึ้นอ่าน 3

        วิวเฉยๆ วี๊้ดวิวพ่อง: พิมพืๆม่ภนัด

        Mr.Hurt: ภาษาเชี่ยไรของมึง



        ผมสะดุ้งเมื่อเสียงเรียกเข้าเพื่อวิดิโอคอลกลุ่มดังขึ้น กำลังจะกดรับ แต่เหมือนว่าสายน่าจะตัดไปก่อนหรืออะไรไม่รู้เพราะหน้าจอมันดับหายไปพอดี ผมนั่งดูเนื้อหารายงานเรื่อยเปื่อย กลุ่มก็เงียบไปเช่นกัน สงสัยแอพจะมีปัญหา เพราะ Wifi ผมไม่ได้มีปัญหาอะไร



        "ปอนด์ เพื่อนมึงจะคุยด้วย" ผมหันหลังไปมองพี่สินที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง พร้อมกับยื่นโทรศัพท์ให้ อ่า แอพน่าจะเสียจริงๆเลยโทรเข้าเบอร์มือถือแทน ผมเดินไปรับโทรศัพท์มือถือก่อนจะเอ่ยขอบคุณพี่สินเบาๆ แล้วเอาโทรศัพท์แนบหู



        "ฮัลโหลครับ"



        ("เชี่่ยปอนด์!!!!!!!!!!! นั่นพี่สิน พี่สินบริหารปี่สี่ใช่มั้ยวะ เขาไปอยู่ห้องมึงได้ไง มึงหลอกล่ออะไรพี่เขา โอ๊ยยยยยย") ผมยกโทรศัพท์ออกจากหู พี่สินเปิดลำโพงเครื่องผมหรอ พอหันไปมองหน้าจอผมก็เห็นหน้าเพื่อนตัวเองสองคนเด่นหราอยู่หน้าจอ



        "อ้าว"



        ("อ้าวห่าอะไร มึงบอกมาว่าเป็นไงพี่เขาถึงได้ไปอยู่ห้องมึงได้!!! @_*$()@*)%@*_#%*")



        "เอ่อ ใจเย็นๆครับ พูดทีละคน ผมฟังไม่รู้เรื่อง" ผมจับโทรศัพท์ให้ห่างจากหน้าตัวเองอีกพอสมควรเมื่อโฟล์คกับวิวพูดพร้อมกันเสียงดังและฟังไม่รู้เรื่อง



        ("ขอกูหายใจแป๊บ") วิวพูดพร้อมกับหายใจเข้าออกช้า



        ("มีอะไรจะสารภาพมั้ยนังลูกตัวดี") วิวถามขึ้นพลางหรี่ตามอง ผมงงจนต้องยกมือเกาหัว ใครลูกเขา แล้วเขาคุยกับใครแน่ โฟล์คไปทำอะไรผิดมา ถึงต้องสารภาพ



        ("ไม่ต้องมาเกาหัวกลบเกลื่อนเลย ตอบมาซะดีๆ ว่าพี่สินไปอยู่ที่ห้องมึงได้ยังไง") สรุปผมเหรอคือนังลูกตัวดีของเขา



        "ก็พี่เขาขอมานอนด้วย"



        ("ว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ลูกโว้ยยยยยย ฮือออ วิว มึง ลูกจะเป็นฝั่งเป็นฝา แถมสาดีโคตรๆ มึง กูน้ำตาจะไหล")



        ("มึง หัวอกของคนเป็นแม่อ้ะ มันปริ่ม ปริ่มมากกกก") แล้ววิวกับโฟล์คก็พร่ำพรรณนาอะไรกันไม่รู้อยู่จนผมไม่สามารถเข้าไปขัดบทสนทนาได้เลยเลือกจะเงียบดีกว่า



        ("มึงงงงงง นี่ไงๆๆ ไหนๆมึงก็สนิทกับพี่เขาแล้วอ้ะปอนด์...")



        "ไม่ได้สนิทนะครับ"



        "ปอนด์ พี่จะอาบน้ำ ยืมผ้าขนหนูหน่อยดิ" พี่สินเดินเข้ามาในห้องผมอีกครั้งพร้อมกับหยิบผ้าขนหนูตรงราวไป



        "อันนั้นของผมครับ เดี๋ยวผมหยิบผืนสำรองให้ มันอยู่ในตู้"



        "ไม่เป็นไรพี่ใช้ได้ หอมดีออก" พูดจบยิ้มมุมปากพี่สินก็เดินออกจากห้องไป ทิ้งผมไว้กับความงง พี่แกอารมณ์ดีอะไร ปกติ มึงๆ กูๆตลอด เห็นบอกเพื่อความสนิทสนมอะไรไม่รู้



        ("อ๊ากกกกกกกกกกกก!! กูเขินนนนนน") ผมขมวดคิ้วมองจอเห็นวิวกับโฟล์คดีดดิ้นเป็นหนอนโดนน้ำร้อนลวก เป็นอะไรกัน



        ("เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงโดนซักแน่ปอนด์ แต่ว่าเรามาคุยเรื่องจริงจังกันก่อน") วิวพูดขึ้น ผมเลยตั้งใจฟัง เอาจริงๆ ผมก็จริงจังอยู่แล้วกับทุกบทสนทนา แต่พวกวิวกับโฟล์คแหละชอบพูดเล่นๆกันแล้วบอกอรรถรส



        "ครับ"



        ("คือมึงก็สนิทกับพี่เขานะ...เท่าที่พวกกูเห็น หุบปาก อย่าเพิ่งเถียง") ผมหุบปากตามที่วิวบอก กำลังจะพูดว่าไม่ได้สนิทกัน เนี่ย เห็นมั้ย ไม่มีคนคิดจะฟังผมเลย



        ("มึงก็ขอให้พี่เขาช่วยเราเรื่องโปรเจ็กต์ดิ พี่สินน่ะคนดังของ ม.เลยนะเว่ย ถ้าได้พี่แกมาสัมภาษณ์นะ รับรองได้ A+ ชัวร์")



        ("A เฉยๆ ก็พอเถอะวิว กูขอ") โฟล์คพูดเสียงหน่ายๆ ก่อนจะพูดต่อ



        ("แต่กูเห็นด้วยนะที่จะขอให้พี่เขาช่วย เพราะพี่แกไม่เคยให้ความร่วมมือกิจกรรมพวกนี้มาก่อน ขนาดรุ่นแกตอนประกวดเดือน พี่สินแกได้รับเลือก แต่เสือกติสท์ไปนั่งให้อาหารปลาอยู่หลังม. คนก็ตามหากันให้ควั่ก สุดท้ายก็เป็นพี่รันประกวดแทน") โฟล์คพูด ส่วนวิวพยักหน้ารับเสริม ทำไมผมไม่เคยเห็นได้ยินเลย



        ("แถมพี่เขายังเป็นแชมป์ Hot guy ประจำ ม. มา 3 ปีติดเลยนะมึง เหลือปีนี้แหละ ที่ยังไม่เปิดโหวต ก็ถือว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลในโซเชี่ยลอยู่นะมึง") โห พี่สินเนี่ยนะ ไม่น่าเชื่อ



        ("พวกกูฝากความหวังไว้กับมึงเลยนะเว่ยปอนด์") ผมพยักหน้ารับเพื่อนทั้งสองคน จริงๆ เวลามันก็น้อยลงแล้ว ถ้าพี่สินดังอย่างที่เพื่อนผมว่าจริงๆ ผมก็จะลองขอดู ผมโบกมือลาเพื่อนๆสองคน ก่อนจะลุกเดินออกไปนอกห้อง



        "พี่จะนอนตรงนี้จริงๆหรอเนี่ย" ไหนว่าจะอาบน้ำ ยังใส่ชุดเดิมอยู่เลย ผมมองพี่สินที่จัดที่จัดทางตรงโซฟาที่เขาอยู่โดยเอาพวกหมอนอิงไปไว้กับโซฟาอีกตัว



        "เออดิ"



        "เดี๋ยวผมหาผ้าห่มมาให้แล้วกันครับ" ผมเดินเข้าห้องไปเปิดเอาผ้าห่มสำรองในตู้เสื้อผ้าแล้วเดินกลับมาห้องนั่งเล่น



        "ถอดเสื้อทำไมพี่ิสิน" ผมยกผ้าห่มขึ้นบังหน้ากันอนาจาร



        "ก็จะอาบน้ำ ปกติมึงใส่เสื้อผ้าอาบน้ำหรือไง"



        "แล้วทำไมไม่ไปถอดในห้องน้ำล่ะครับ"



        "ลืม" คนบ้าอะไร ลืมได้ด้วยเรื่องแบบนี้



        "นี่ผ้าห่มครับ" ผมวางผ้าห่มไว้ที่โซฟาแล้วเดินตัวปลิวเข้าห้องตัวเองมา ถึงผมจะเป็นผู้ชายเหมือนเขา แต่ทั้งชีวิตนี้ผมเคยเห็นแต่พี่ชายตัวเองเปลือยนี่ครับ พี่สินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวจากกระเป๋าตัวเองเดินตัวปลิวเข้าห้องน้ำไป ผมกดรีโมทเปิดโทรทัศน์หาอะไรดูเรื่อยเปื่อยเผื่อพี่แกจะเอาอะไรจะได้หยิบให้



        "ปอนด์ยาสระผมขวดไหน" เสียงพี่สินตะโกนอู้อี้มาจากห้องน้ำ ผมเลยเดินลุกไปใกล้ๆประตูห้องน้ำเพื่อให้เขาได้ยินถนัดๆ



        "สีฟ้าขาว มันเขียนอยู่ข้างขวดว่าแชมพูไง" ผมว่าเสร็จแล้วเดินกลับมานั่งดูทีวีต่อ โอ๊ะ มีฉายเชอร์ล็อคโฮมด้วย ผมชอบดูมาก เพราะโรเบิร์ตดาวน์นี่เล่น



        "แล้วครีมนวดล่ะ" ผมถอนหายใจใส่ก่อนจะตะโกนกลับไป



        "ขวดสีส้ม ข้างๆขวดก็บอกอยู่ว่าครีมนวดผม"



        "อะไรนะ" พี่สินตะโกนกลับมาอีก ถ้าผมกลอกตามองบนนี่จะดูเป็นคนไม่ดีมั้ยครับ ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปใกล้ๆประตูอีกรอบ



        "ขวดสีส้มครับ" ว่าเสร็จก็เดินกลับมานั่งโซฟาเหมือนเดิม หนังถึงไหนแล้วเนี่ย



        "แล้วโฟมล้างหน้าอันไหนของมึง" โอ๊ยยยยยย ใช้ๆไปเถอะ ผมเงียบไม่ตอบเพราะเริ่มรู้สึกว่าพี่มันเริ่มกวนตีนมากกว่าจะถามเอาจริงๆจังๆแล้ว



        "..."



        "ปอนด์! ปอนด์โว้ยยยยยยย" เปลี่ยนใจอยู่คนเดียวตอนนี้ทันมั้ยครับ ผมลุกขึ้นเดินไปหยิบหูฟังมาใส่แล้วเปิดดูในโทรศัพท์แทน รำคาญพี่สินมากเลย บอกตรงๆ ผมเปิดดูเชอร์ล็อคโฮมในเน็ตฟลิกดูแทนก็ได้ ผมนั่งดูไปสักพัก พี่สินก็เงียบไปแล้ว สงสัยจะอาบน้ำจริงจัง



        "เรียกทำไมไม่ขาน" ผมเอนหลังพิงพนักโซฟาแหงนหน้าขึ้นพร้อมกับพี่สินก้มหัวลงมาจนน้ำหยดลงมาโดนหน้า



        "ครับ?" ผมดึงหูฟังออกจากหูตัวเองข้างนึง



        "เรียกทำไมไม่ตอบ"



        "ดูหนังอยู่ครับ"



        "เรื่องอะ..."



        "กลับมาแล้วววววว!!" ผมหันหน้าไปมองทางประตู อ่อ พี่เป้กลับบ้านแล้ว เหลือบไปมองนาฬิกาฝาผนัง ห้าทุ่มกว่า กลับดึกเหมือนกันนะเนี่ย



        "ทำไมกลับดึกจัง..."



        "สินมาทำอะไรที่นี่!!!!"

















        *******************

        tbc.



        พี่สินมันรว้ายยยยยยยยยยย.








      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
      Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.8 ผีเห็นผี
      «ตอบ #14 เมื่อ14-02-2020 12:47:12 »



      Ch.8 ผีเห็นผี



        "เห้ย พี่เป้มาทำอะไรที่นี่"



        "พี่สิต้องถามว่าสินมาทำอะไรที่นี่ แล้วทำไมนุ่งแค่ผ้าเช็ดตัวอย่างนั้น" ผมหันมองพี่ทั้งสองคน ที่ดูเหมือนว่า น่าจะรู้จักกันดีอยู่แล้ว ก็ดีนะ ผมจะได้ไม่ต้องแนะนำ



        "ผมมาดูห้อง น้องปอนด์ชวนผมมาเป็นรูมเมท"



        "แต่นี่ห้องพี่" พี่เป้หันมามองหน้าผมเหมือนขอคำอธิบาย



        "ก็พี่เป้กำลังจะไปทำงานต่างประเทศ ปอนด์ก็เลยชวนพี่สินมาอยู่ด้วย คนที่ปอนด์เล่าให้ฟังไง"



        "พี่สิน? ที่มีซิกส์เซ้นส์?" ผมพยักหน้ารับ พี่เป้ขมวดคิ้ว เข่นเขี้ยว เคี้ยวฟันกรอดๆ พลางหันหน้าไปมองพี่สินเหมือนจะกระโดดงับคอ แล้วหันมามองหน้าผม



        "ปอนด์ เข้าห้องไปเลย พี่มีเรื่องต้องคุยกับสิน"



        "ปอนด์อยู่ฟังด้วย ปอนด์พาพี่เขามานะ"



        "นี่เรื่องของผู้ใหญ่เด็กเข้าห้องไปเลย" พี่เป้ชี้นิ้วไปที่ห้องผม โกรธนะ อะไรๆก็เด็ก ผมลุกขึ้นเดินเข้าห้องพร้อมกับล็อคประตูสามชั้น ทั้งลูกบิด กลอน โซ่ ทีนี้ต่อให้มีกุญแจก็ไขเข้ามาไม่ได้หรอก ผมโกรธบอกเลย ไม่ต้องคิดจะง้อด้วย ไม่หายง่ายๆหรอก คอยดู



        ***************************



        [ออมสินพาร์ท]



        "สรุปนี่ห้องพี่? พี่เป้คือพี่ไอ้น้องปอนด์?" ผมชี้หน้าแฟนพี่ชายตัวเองแบบอึ้งมาก ใครจะไปคิดวะแม่ง บังเอิญอะไรขนาดนั้นอ้ะชีวิตกู แค่จะหาที่ซุกหัวนอนหนีผู้หญิงช่วงนี้ เสือกเจอแจ็คพอต



        "ใช่ นี่สินหลอกน้องพี่ใช่มั้ย ไอ้เรื่องซิกส์เซ้นส์อะไรเนี่ย" เอาละไงกู เลิ่กลั่กไปหมดแล้ววววววว



        "ไม่ได้หลอกพี่ น้องมันเข้าใจไปเอ๊งงง"



        "เสียงสูงกว่านี้ยอดเขาเอเวอเรสแล้วนะ" พี่เป้ยืนกอดอก ถอนหายใจใส่ผม



        "โห่ พี่เป้" ผมว่าพลางทรุดตัวนั่งลงตรงโซฟาอย่างเจี๋ยมเจี้ยม เอาจริงๆ ไม่ได้กลัวหรอก แต่โคตรเกรงใจ เพราะทุกทีที่ผมโดนที่บ้านหรือพี่เสือด่า ก็มีพี่เป้นี่แหละที่ช่วยให้รอดตลอด



        "เมื่อไหร่จะเลิกเนี่ยนิสัยฟันไปทั่ว พอโดนเขาตามรังควานก็ไปเดือนร้อนคนอื่น" อูย เอามีดมาแทงเลยเถอะ



        "กลับไปอยู่บ้านบ้าง จะลอยไปลอยมาอย่างนี้จริงดิ จะจบปีสี่อยู่แล้วเนี่ย" 



        "..."



        "หงอยๆ ไม่ต้องมาทำเบะ ไม่น่ารัก แล้วยังอยากจะเรียกเสือมาถีบด้วย" ผมกลอกตามองบนเมื่อมุกที่ใช้ปกติไม่ได้ผล



        "ไม่ต้องตามแฟนมาช่วยบ่นเล.."



        "ชู่ว" ผมเงยหน้ามองพี่เป้ที่วิ่งเข้ามาตะครุบปากผมตั้งแต่ยังพูดไม่จบประโยค



        "อะไอเอี้ยอี้" (อะไรเนี่ยพี่)



        "อย่าพูดเสียงดังสิ" หืม? พี่เป้กระซิบบอกผม พลางมองไปทางประตูห้องปอนด์ แตกตื่นทำไม เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ หรือว่าปอนด์ยังไม่รู้เรื่องพี่ตัวเองมีแฟน ผมยิ้มพลางมองหน้าพี่เป้ที่ตอนนี้สลับเอาสีหน้าเลิ่กลั่กของผมไปเต็มๆ



        "ยิ้มอะไร" พี่เป้หันมาถลึงตาใส่ผม พลางค่อยๆ ปล่อยมือออกจากปาก



        "นี่ปอนด์ยังไม่รู้ใช่ป้ะว่าพี่มีแฟน" ผมหรี่ตามองพี่เป้อย่างเป็นต่อ



        "แฟนอะไร มั่ว"



        "หืม ไม่แฟนเลยมั้ง เข้าออกบ้านเขายังกับบ้านตัวเอง แถมพ่อแม่เขายังรักมากกว่าลูกในใส้อีก" พี่เป้ตีกลางหลังผมดังอั่ก มือโคตรหนักเลย เป็นรอยแน่กู ยัง ยังไม่เลิกหยิกอีก



        "เงียบไปเลย!" พี่เป้เผลอพูดเสียงดัง ก่อนจะตะครุบปากตัวเองเพราะลืมตัว



        "ยังไงพี่ก็ไม่ให้สินอยู่ที่นี่" ผมนั่งเช็ดผมต่อแบบโนแคร์โนสน ตอนนี้ผมก็ถือไพ่เหนือกว่า ยังไงก็ได้อยู่แน่นอนห้องนี้น่ะ



        "แน่ใจ?" ผมเลิกคิ้วมองพี่เป้ที่ตอนนี้นั่งหน้าบูดอยู่ที่โซฟาอีกตัว เรามองตากันอยู่นาน ไอ้ผมน่ะไม่อะไรหรอก แต่สงสารคนที่ตาขวางมองผมอยู่นี่ล่ะ เดี๋ยวจะปวดตาเอา



        "ก็ได้นะ แต่ไม่รับรองว่าเรื่องพี่จะเป็นความลับต่อไป บางทีผมเจอน้องที่มหาลัยแล้วอาจจะหลุดพูดก็ได้นะ"



        "นี่สินขู่พี่หรอ"



        "เปล่า ผมจะขู่พี่ทำไม" ผมตอบพลางส่งยิ้มยียวนให้พี่เป้ ผมเห้นพี่เป้กำลังใช้ความคิดอยู่ เลยปล่อยให้อีกฝ่ายขมวดคิ้วเถียงกับตัวเองต่อ ส่วนผมตอนนี้ควรเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ละ หนาวจนจะแข็งแล้ว ผมจัดการตัวเองจนเสร็จ เดินเอาผ้าขนหนูไปตากตรงราวไม้ที่ตั้งอยู่หน้าห้องน้ำแล้วกลับมานั่งโซฟาทีเดิมพี่เป้ก็ยังคุยกับตัวเองไม่เสร็จ



        "สินเราต้องคุยกัน" ผมหันไปทำหน้างงใส่พี่เป้อีกรอบ แล้วเมื่อกี๊ไม่เรียกว่าคุยหรอวะ



        "ก็คุยไปแล้วไงพี่"



        "หมายถึงแบบจริงจัง"



        "แล้วเมื่อกี๊ไม่จริงจังตรงไหนอ้ะ"



        "อย่าเพิ่งขัดสิ" พี่เป้จิ๊ปากใส่ผมอย่างรำคาญก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นมา 1 แผ่น แล้วเขียนอะไรไม่รู้ยุกยิกก่อนจะเงยหน้ามามองผมแล้วยื่นกระดาษที่ตัวเองเขียนเมื่อกี๊ให้ผมอ่าน



        "ข้อตกลงการอยู่ร่วมกัน?" มันจำเป็นต้องมีด้วยหรอวะ?



        "สรุปคือ ผมได้อยู่ที่นี่ถูกมั้ย?"



        "ใช่ สินได้อยู่ที่นี่ แต่..." พี่เป้เว้นวรรคพลางจรดปากกาลงบนกระดาษ A4 เลข 1. ตัวใหญ่ๆ



        "ต้องทำตามกฏที่พี่ตั้งไว้เท่านั้น"



        "เพื่ออะไร?" ผมถามพลางเลิกคิ้วขึ้น



        "งั้นก็ไปหาที่อยู่ใหม่" จริงๆ ผมจะแกล้งพี่เขาต่อก็ได้ แต่สงสารอ้ะ ตาจะถลนออกมาอยู่แล้ว ตลก ทั้งคนพี่คนน้อง คนพี่คิดอะไรก็แสดงออกทางสีหน้าจนหมด ส่วนคนน้องเฉยจนงงว่าคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่ปฏิกิริยาตลกทั้งคู่



        "โอเค ไหนลองว่ามา" พอผมตอบรับ พี่เป้ก็อมยิ้มอย่างพอใจก่อนจะลงมือจดข้อตกลงในการเข้าอยู่ที่ห้องนี้ ผมหยิบโทรศัพท์เข้ามาเล่นเกมส์รอพลางๆ ระหว่างรอพี่เขาจดข้อตกลงให้เสร็จ แกร๊ก ผมหันไปมองต้นเสียงเห็นเป็นคนน้องเปิดประตูห้องออกมา เจ้าตัวเดินผ่านหน้าผมกับพี่เป้ไปโดยไม่พูดอะไร



        "ปอนด์...เอ่อ...กินข้าวมาหรือยัง" ปอนด์ชะงักทันทีที่พี่เป้ทัก เจ้าตัวแค่หันมาพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมหันมาเล่นเกมส์ต่อโดยไม่ได้สนใจอะไร



        "ตาย กูตาย" แต่เสียงพี่เป้ทำให้ผมต้องหันไปมอง พี่น้องคู่นี้นี่อย่างกับขั้วตรงข้ามจริงๆ



        "เป็นอะไรอีกล่ะพี่" ผมมองคนที่เอามือสองข้างขยี้หัวจนเป็นรังนกแล้วทำหน้าเหมือนจะลงแดง



        "ปอนด์โกรธพี่แล้วอ่ะดิ ทำไงดี TTOTT" พี่เป้ทิ้งตัวลงนอนกับพื้นพลางดีดดิ้นเป็นเด็กๆ



        "ผมไม่เห็นว่าน้องมันจะพูดอะไรเลย พี่รู้ได้ไงว่าน้องโกรธ" พี่เป้ดันตัวขึ้นแล้วขยับมาใกล้ๆกับที่ผมนั่งอยู่



        "เวลาเงียบไง ถ้าเงียบแล้วถอนใจ แสดงว่าเบื่อ ไม่อยากเถียง เมื่อไหร่ที่เงียบแต่ยังตอบสนองคำถามหรือคำพูดอยู่คือโกรธปานกลาง แต่ถ้าโกรธมากๆ เมื่อไหร่จะเมินเหมือนเราไม่มีตัวตันเลยล่ะ" ผมพยักหน้าเก็บข้อมูลเกี่ยวกับน้องปอนด์ ยังไงผมก็ต้องมาอยู่ร่วมกับน้อง รู้ไว้ไม่เสียหาย



        "มันขนาดนั้นเลยหรอพี่ แล้วพี่เคยโดนโกรธมากๆป้ะ"



        "เคยดิ" พี่เป้ ว่าพลางขยับมานั่งหลังพิงโซฟา เหมือนลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่



        "ยังจำได้ขึ้นใจเลย ตอนนั้นนะ แค่เพราะลางานเพื่อไปประชุมผู้ปกครองอ้ะ แต่โดนโกรธไม่สนใจไปอาทิตย์นึง" พี่เป้ว่าพลางถอนหายใจ



        "ห๊ะ โกรธเพราะไปประชุมผู้ปกครอง?" พี่เป้พยักหน้าพลางทำหน้าหงอย



        "อืม ไม่รู้โกรธอะไรขนาดนั้น แต่กลับมาถึงห้อง บอกคราวหน้าไปต้องไปหรอก มันใช่เรื่องมั้ยที่ต้องมาเหนื่อยแล้วต้องไปทำงานวันที่ตัวเองหยุด"



        "แค่นี้อ่ะนะ?" เด็กส่วนใหญ่ควรจะภูมิใจไม่ใช่หรอวะ มีพ่อแม่ หรือผู้ปกครองหน้าตาดี อวดเพื่อนแม่งทั้งห้อง ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น ถึงจะไปบ้างไม่ไปบ้างก็เถอะ



        "เออ แล้วก็เมินพี่ไปเลยทั้งอาทิตย์ ช่วงนั้นนะ พี่กลับบ้านตรงเวลาตลอด ง้อตั้งนาน กว่าจะยอมคุยด้วย" เหมือนจะคุ้นๆว่ามีช่วงนึงที่พี่เสือกลับบ้านเร็วมาแล้วก็พาลคนอื่นไปทั่วบ้าน



        "แล้วตอนน้องมันโกรธพี่ง้อยังไง?" ผมหลอกถามข้อมูลคนตรงหน้า เผื่อไว้ก่อน จะได้เอาไว้ใช้ ถ้าเผลอไปทำอะไรให้ไม่พอใจขึ้นมาในกาลหน้า



        "ซื้อของให้?" พี่เป้ส่ายหัวรัว



        "ไม่ได้เด็ดขาด ที่ต้องง้อนานเป็นอาทิตย์ก็เพราะตอนแรกซื้อของให้นี่แหละ จริงๆ 2-3 วันก็น่าจะหายโกรธ แต่ตอนนั้นพี่ไม่รู้ไงว่าต้องง้อยังไง เลยซื้อของที่เด็กรุ่นๆเขาน่าจะชอบให้"



        "พี่ซืี้ออะไรให้"



        "เกมส์เพลย์" ผมพยักหน้ารับ ถ้าพี่ชายผมซื้อเกมส์เพลย์ให้ผมคงกราบเช้าเย็น



        "แล้วทำไมไม่ได้ผล น้องก็ดูชอบเล่นเกมส์"



        "ก็ใช่ ชอบน่ะชอบ แต่เจ้าตัวบอกจำเป็นมั้ยน่ะอีกเรื่อง พี่ต้องปรับตัวอยู่พักใหญ่เลยตอนอยู่ด้วยกันแรกๆ ใครจะไปคิดว่าเด็กอายุแค่ 15 จะมีความคิดเกินผู้ใหญ่มากๆ ปอนด์ก็ยังทำตัวเป็นเด็กบ้างแหละ แต่บางครั้งความคิดเจ้าตัวน่ะเป็นผู้ใหญ่กว่าพี่อีก" พี่เป้พูดจบพลางถอนหายใจ



        "พี่อยากให้ปอนด์อ้อนบ้าง ทำตัวเป็นเด็กให้สมอายุ ร้องไห้ได้ถ้าเสียใจ ยิ้มได้ตอนที่มีความสุข แค่นี้พี่ก็รู้สึกตัวเองทำหน้าที่ได้ดีแล้ว" ผมนั่งมองพี่เป้ที่ดูหงอยลงถนัดตาเมื่อพูดถึงเรื่องเก่าๆ ผมเองก็พอรู้อยู่บ้างว่าพี่เป้อยู่กับน้องชายสองคน เพราะพ่อกับแม่เสียไปแล้ว นั่นเลยทำให้พ่อแม่ผมเอ็นดูพี่เป้มาก เพราะต้องดูแลน้องด้วยตัวเองตั้งแต่ยังวัยรุ่น ถึงขั้นอยากจะรับเป็นลูกบุญธรรมด้วยซ้ำ แต่ว่าพี่เป้ปฏิเสธเพราะไม่อยากรบกวน แล้วก็อยากดูแลน้องด้วยตัวเอง สำหรับผมคงทำไม่ได้หรอก เหมือนถูกแย่งชีวิตส่วนตัวไปหมด เพราะตอนนั้นพี่เป้เพิ่งจบมาด้วยซ้ำแต่ต้องมาแบกรับอะไรตั้งเยอะแยะ ผมโคตรนับถือพี่เขาจริงๆในจุดนี้



        "พี่ทำดีแล้วพี่เป้ เพราะพี่เต็มที่กับสิ่งที่ทำ ผมเห็น พี่เสือเห็น เพราะฉะนั้นอย่าโทษตัวเองเลยพี่ พี่เลี้ยงปอนด์ให้โตขึ้นมาได้ดีจริงๆ" พี่เป้หันมายิ้มให้ผมก่อนจะตบเข่าผมเบาๆ



        "ขอบใจมากนะ" ผมส่งยิ้มให้ พอดีกับปอนด์ออกมาจากห้องน้ำแล้วมองมาทางเราสองคนอย่างสงสัย



        "ปอนด์มึงมานี่ เอ่อ...หมายถึงมานี่" ผมเปลี่ยนคำเรียกทันทีเมื่อมือที่ตบเข่าอยู๋บีบแรงๆ สงสัยโรคหวงน้องนี่จะแก้ไม่หายแค่เรียกมึงยังบีบเนื้อแทบหลุดติดมือ ปอนด์เดินมานั่งตรงโซฟาข้างๆ ก่อนจะเช็ดผมเบาๆ



        "ครับ" ช่างประหยัดถ้อยคำเสียจริง



        "สรุปพี่เป้อนุญาตแล้ว" ปอนด์หันไปมองพี่ชายตัวเองอย่างแปลกใจ



        "จริงเหรอครับ?" พี่เป้พยักหน้ารับเบาๆ พลางถอนหายใจ



        "ยังไงมีคนอยู่เป็นเพื่อนปอนด์ พี่ก็สบายใจกว่า"



        "ขอบคุณนะครับ" น้องยิ้มกว้างให้พี่ชายตัวเองพลางลุกมากอดพี่เป้ที่นั่งอยู่ อ่า เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่เป้ถึงอยากให้ปอนด์มันยิ้ม แม่ง นึกว่าสปอร์ตไลท์ เด็กห่าอะไรยิ้มทีโลกสว่างเหมือนคนมาเปิดสวิตช์ไฟใส่ตาตอนนอนวะ



        "พี่เป้ใจดี" พี่เป้วางมือลงบนหัวน้องแล้วลูบเบาๆ



        "อยากให้ใจดีก็อย่าดื้อ" นั่น หุบยิ้มฉับเลย นิสัยเด็กจริงๆนั่นแหละ ท่าทางจะพูดไม่ได้เรื่องที่เหมือนว่าเจ้าตัวเป็นเด็ก โอเค จดไว้ในสมองเลยขอนี้



        "แล้วนี่อะไรครับ ข้อตกลงการอยู่ร่วมกัน?" ปอนด์หยิบกระดาษจากโต๊ะมาถามพี่เป้ที่ตอนนี้ยิ้มแห้งไปแล้วเรียบร้อย



        "อันนี้ปอนด์ต้องเขียนหรอครับ" น้องหันไปทำหน้ามึนใส่พี่เป้ ในขณะที่พี่เป้เปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างทันที



        "ไม่ต้องหรอก เดี่ยวเรื่องนี้พี่จัดการเอง" รู้สึกเสียวสันหลังยังไงก็ไม่รู้แฮะ



        (End Part ออมสิน)















        ********************



        tbc.



        มาแล้วววววววววววววว ปาดเหงื่อ








      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



      Ch.9 ความหื่นมันห้ามกันไม่ได้ จำ!


        "งั้นคืนนี้พี่สินนอนนี่ได้มั้ย?" ผมหันไปถามพี่เป้ ไหนๆก็จะมาอยู่ด้วยกันแล้ว มาลองนอนสักคืนน่าจะไม่เป็นไร



        "แต่พี่ว่า..."



        "ผมว่าก็ดีนะครับ ให้ผมมาลองนอนก่อน จะได้รู้ว่าชอบหรือไม่ชอบ" พี่สินตอบพลางหันไปยิ้มให้พี่เป้แล้วยักคิ้วจึ้กๆ



        "แถมตอนนี้ก็ดึกแล้วด้วย ขับรถกลับก็อันตราย" ผมพยักหน้าตามคำที่พี่สินบอกอย่างเห็นด้วย



        "งั้นให้พี่สินนอนห้องปอนด์ก็ได้ครับ"



        "ไม่ได้!" ผมหันไปมองพี่เป้ที่ตะโกนเสียงดังขึ้นมาหลังจากผมพูดจบ



        "เอ่อ ก็ให้สินมานอนห้องพี่สิ เตียงปอนด์เล็กแค่นิดเดียว เดี๋ยวอึดอัด จะไปนอนเบียดกันทำไม" อ่อ พี่เป้น่าจะเข้าใจผิด ผมไม่ได้จะนอนกับพี่สินสักหน่อยแค่จะยกเตียงให้ เตียงห้องผมก็เล็กจริงๆนั่นเแหละ สามฟุตครึ่งเอง



        "ไม่เป็นไรเลยครับผมนอนได้ ดีซะอีก อบอุ่นดีออก" พี่สินพูดอย่างอารมณ์ดีผิดกับพี่เป้ ที่ดูท่าพร้อมจะงับหัวพี่สินได้ทุกเมื่อ



        "ครับให้พี่สินนอนห้องปอนด์ก็ได้ครับ เดี๋ยวปอนด์มานอนที่โซฟาเอง ยังไงคืนนี้ก็กะจะทำรายงานอยู่แล้ว" พี่เป้หันมามองหน้าผม ก่อนจะหันไปยิ้มยักคิ้วสองจึ้กแบบเดียวกับที่พี่สินทำก่อนหน้าคืน ในขณะที่พี่สินกลอกตามองบนท่าทางเบื่อหน่าย



        "อ๋อ อย่างนี้นี่เอง แต่ปอนด์มานอนกับพี่ก็ได้นะ ห้องพี่เตียงใหญ่" พี่เป้พูดพลางเดินมากอดไหล่ผม



        "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่เป้อึดอัด" ผมเดินเอาผ้าไปตากไว้ตรงราวกั้นก่อนจะเดินกลับมาตรงที่โซฟาทันเห็นสองคนแยกเขี้ยวใส่กัน



        "งั้นเอาตามนี้นะครับ เดี๋ยวปอนด์ไปเอาแล็ปท็อปกับพวกของที่จำเป็นออกมาก่อน" ผมบอกทั้งคู่ก่อนจะเดินเข้าห้องเพื่อหยิบของที่จำเป็นของตัวเอง ผมก้มเอาของที่ถือมาวางลงบนโต๊ะหน้าทีวีพอดีกับพี่เป้ยื่นมือมาตีหน้าอกผม



        "ตีปอนด์ทำไม"



        "ไม่ได้ตี แล้วไอ้เสื้อเน่านี่เมื่อไหร่จะทิ้ง ย้วยจนจะไปกองกับพื้นอยู่แล้วเห็นมั้ย" ผมจับคอเสื้อตัวเองที่ย้วยหน่อยๆ แหวกออกแล้วก้มลงมอง พี่เป้ก็พูดเว่อร์ ถ้าใส่ละยังไม่หลุดจากไหล่ มันก็ไม่ถือว่าย้วยขนาดนั้นมั้ย แถมใส่สบายด้วย



        "ไม่เอา ใส่สบาย ปอนด์ชอบ"



        "ใส่ตัวอื่นสิเยอะแยะ ตัวนี้มันย้วยเกินไป"



        "ยังไม่หลุดจากไหล่เลย พี่ก็เว่อร์" ผมว่าพลางจับคอเสื้อให้ขึ้นมาจากไหล่ แต่พี่เป้ก็ตามมาตะครุบอีก



        "ไปเปลี่ยนเป็นชุดนอนที่พี่ซื้อให้ไป เนี่ยมันกว้างจนเห็นนมแล้ว" ผมตวัดสายตามองพี่เป้ไปทีหนึ่ง พี่เขาเลยถอยไปนั่งดูหนังต่อ เห็นนมแล้วยังไง ที่นี่ก็มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น ผมนั่งขัดสมาธิกับพื้นแล้วเปิดแล็ปท็อปพิมพ์งานต่อ พี่เป้หยิบหมอเน่าที่ผมเอามาจากห้องนอนยื่นให้



        "หืม?"



        "เอาไปกอดไว้ เดี๋ยวหนาว" อ่อ ผมรับมาแล้วเอาหมอนเน่ามากอดแล้วพิมพ์งานต่อ



        "พี่สิน คือผมมีเรื่องจะรบกวนหน่อย" ผมหันไปถามพี่สิน พอนั่งพิมพ์งานก็คิดได้ว่าจะลองขอให้พี่เขาช่วยเรื่องหาคนมาสัมภาษณ์ในโปรเจ็กต์ให้หน่อย แต่ถ้าเขาไม่ว่างก็ไม่เป็นไรว่าจะลองโทรไปขอนัทดู



        "ว่า"



        "คือผมมีโปรเจ็กต์ที่อาจารย์สั่งเขาให้สัมภาษณ์ คนดังของม. อะไรประมาณนั้นอ้ะ พี่พอจะช่วยได้มั้ย" พี่สินทำท่าครุ่นคิดนิดหนึ่ง



        "เอาไงดี คิวกูก็เยอะซะด้วยสิ" พี่สินว่าพลางนั่งไขว่ห้างเอามือวางใต้คาง ในขณะที่พี่เป้เบะปากกลอกตามองบนใส่



        "ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ"



        "ไอ้หาเวลาว่างมาให้มันก็ได้อยู่ แต่กูจะได้อะไรจากการช่วยมึงล่ะ"



        "ก็ถือว่าช่วยรุ่นน้องหน่อยไม่ได้หรือไง" พี่เป้กอดอกพลางมองพี่สินอย่างไม่ชอบใจ



        "ค่าเสียเวลาไงพี่"



        "งั้นเอาเป็น ไม่ต้องจ่ายค่าไฟ ค่าน้ำอะไรเลย แค่มาอยู่ที่นี่ฟรีๆเลย โอเคมั้ยครับ"



        "อืม เผอิญว่าก็รวยอ้ะนะ จ่ายได้อยู่แล้วของแค่นี้"



        "งั้นผมเลี้ยงข้าวพี่เลย 1 อาทิตย์ แต่อย่าแพงนะ ผมไม่ค่อยมีเงิน"



        "อันนี้ก็ซื้อกินเองได้สบาย"



        "จะเอาอะไรพูดมาเลยดีกว่า" กลายเป็นพี่เป้ที่โมโหแทนผมไปซะงั้น



        "เดี๋ยวค่อยบอกดีกว่าว่าจะเอาอะไร จะสัมภาษณ์วันไหนก็บอกละกัน จะได้เคลียร์ตารางไว้ให้" หืม เคลียร์ทำไม พี่รันต่างหากที่ต้องเคลียร์ก็พี่รันเป็นเดือนมหาลัยไม่ใช่หรอ



        "เอาเป็นถ้าพี่รันสะดวกวันไหนพี่บอกผมดีกว่าครับ" พี่สินหันมามองหน้าผมงงๆ



        "เกี่ยวอะไรกับไอ้รัน?"



        "อ้าว ก็ผมจะสัมภาษณ์พี่รันที่เป็นเดือนมหาลัยไงครับ" ผมตอบพี่สินไปตามที่คิด ส่วนพี่เป้หัวเราะลั่นห้องเอามือกุมท้องอยู่ข้างๆ



        "ที่มึงจะให้กูช่วยคือ..."



        "ครับ ช่วยคุยกับพี่รันให้หน่อย พี่เป็นเพื่อสนิทพี่รันใช่มั้ยครับ" ผมหันไปมองพี่เป้ที่ตอนนี้ตีไหล่พี่สินไปหัวเราะไปอย่างสะใจ อะไรจะตลกขนาดนั้น ผมยังหาพ้อยท์ที่ตลกไม่เจอเลย



        "แม่ง..."



        "เอ่อ แต่ถ้าพี่ไม่สะดวก ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวผมทักไปขอให้นัทช่วย"



        "นัท นัทไหน?" พี่เป้หันมาถามผม อ่า เขาหยุดหัวเราะได้สักที



        "รุ่นน้องที่มหาลัยครับ"



        "ทำไมช่วงนี้ถึงมีตัวละครใหม่โผล่เข้ามาในชีวิตเราเยอะจัง นี่พี่ตามห่วงไม่หวาดไม่ไหวแล้วนะ" พี่เป้ว่าอย่างหงุดหงิด



        "ปอนด์โตแล้วน่า"



        "ก็โตแล้ว แต่พี่ก็ห่วงเข้าใจมั้ย" ผมยิ้มให้พี่เป้อย่างอ่อนใจ นิสัยเป็นห่วงเกินเหตุนี่มันแก้ไม่หายจริงๆ นั่นแหละ พี่เป้ยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ อบอุ่นที่สุดเลย ผมชอบ



        "ฮัลโหล ยังนั่งอยู่นี่นะ อย่ามาสร้างโลกกันสองคนแล้วเมินกันแบบนี้ดิ"



        "แล้วพี่จะช่วยมั้ยครับ" พี่สินมองหน้าผมก่อนจะส่ายหัว



        "โอเค งั้นเดี๋ยวผมทักนัทไป"



        "อ้าว นี่คือจะไม่ตื๊อหน่อยเหรอ"



        "ไม่ล่ะครับ คนโดนตื๊อมันน่ารำคาญผมเข้าใจ"



        "เห้ย มันต้องไม่ใช่งี้ดิ"



        "สม เล่นตัวดีนัก" พี่เป้พูดพลางนั่งดูหนังต่อไม่สนใจพี่สินที่นั่งหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ข้างๆ



        "ดูหนังไปสิ จะมองน้องทำไม" ผมหันไปมองสองคนที่นั่งยุกยิกบนโซฟาก่อนจะถอนหายใจ



        "เงียบหน่อยครับ" ผมบอกพลางลงมือพิมพ์งานของตัวเอง จัดเรียงหน้ากระดาษรายงาน ทำพ้อยท์คร่าวๆ แต่เอาจริงๆก็ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าไหร่ เพราะทั้งสองคนยังไม่เลิกทะเลาะกัน ถึงจะเบาเสียงจนกลายเป็นการกระซิบก็เถอะ



        "ถ้ายังไม่เลิกตีกันผมจะโกรธแล้วนะครับ" พี่เป้หน้างอก่อนจะเดินเข้าห้องไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องอาบน้ำไป ผมนั่งทำนู่นนี่ไปซักพักรู้สึกว่ามีคนมองอยู่เลยเงยหน้าไปมอง ก็เห็นเป็นพี่สินที่นั่งจ้องอยู่ พอผมมองพี่เขาก็สะดุ้ง



        "มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมถามพลางหันไปมองทีวี



        "ไม่ดูก็เข้าไปนอนเลยก็ได้นะครับ ใช้เตียงผมได้เลย"



        "ยังไม่ง่วง"



        "อ่อ งั้นดูหนังมั้ยครับ"



        "ไม่อยากดู"



        "เล่นเกส์?"



        "หึ" พี่สินว่าพลางส่ายหน้า



        "อ้าว แล้วอยากทำอะไร" ผมมองหน้าพี่สินอย่างสงสัย



        "จะให้ทำหรอ?" แล้วผมมีสิทธิอะไรไปห้ามไม่ให้ทำกัน



        "ก็ตัวพี่ พี่อยากทำอะไรก็ทำสิ"



        "เผอิญว่าไอ้ที่อยากทำมันแค่พี่คนเดียวไม่ได้นี่สิ" อ๋อ หรือว่า...



        "งั้นเดี๋ยวผมทำด้วย" พี่สินทำตาโตตกใจเมื่อผมขยับขึ้นไปนั่งข้างๆ พี่เขาบนโซฟา พลางหันหน้าเข้าหา



        "เดี๋ยวๆๆๆ ทำอะไร" พี่สินยกมือขึ้นจับไหล่ผมดันออก



        "อ้าวก็ทำที่พี่อยากทำ"



        "รู้หรอว่าอยากทำอะไร" พี่สินกลืนน้ำลายดังเอื๊อก พลางขยับชิดผนังโซฟา



        "รู้สิ" ผมก้มหยิบจอยที่ใต้โซฟา เมื่อกี๊ตอนนั่งทำรายงานเห็นแว๊บๆ อยู่ไหนนะ ผมควานมือไปรอบแต่ยังไม่เจอสักทีเลยขยับไปข้างหน้าอีกนิด อ๊ะ เจอแล้ว



        "อ้ะ พี่สิน" ผมยื่นจอยเกมส์ให้พี่สินอันนึง พลางยิ้มแฉ่งชูของตัวเองขึ้น



        "เล่นด้วยกัน" พี่สินรับจอยไป พลางกระพริบตาปริบๆ



        "ห๊ะ"



        "นี่ไง เดี่ยวผมเล่นเป็นเพื่อน พี่จะเล่นเกมส์ไหน เดี๋ยวผมต่อสายเพลย์เข้าทีวีก่อน" ผมพูดพลางลุกขึ้นไปเชื่อมสายเคเบิ้ลจากเกมส์เพลย์เข้าทีวี



        "สรุปเอาเกมส์ไหนอ้ะพี่ แต่ผมอยากเล่น CTR นะ" ผมว่าพลางหยิบแผ่นเกมส์แข่งรถที่ตัวเองชอบขึ้นมาชูให้พี่สินดู



        "ห๊ะ หมายถึงที่ว่ากูอยากทำ?"



        "อืม เล่นเกมส์ไง แต่เล่นคนเดียวพี่คงจะเหงาใช่มั้ย เดี๋ยวผมเล่นเป็นเพื่อน" พี่สินอ้าปากค้างมองจอยเกมส์ที มองผมทีก่อนจะสบถในลำคออย่างหัวเสียแล้ววิ่งไปทางห้องน้ำที่พี่เป้เดินออกมาพอดี



        "หลบดิพี่" พี่สินว่าเสียงหงุดหงิดใส่พี่เป้ที่ยืนเช็ดผมงงๆอยู่ สงสัยจะปวดฉี่ เห็นเอามือกุมเป้า



        "เป็นไรวะ ลุกลี้ลุกลน" นอกจากพี่เป้จะไม่หลบแล้วยังยืนพิงผนังลอยหน้าลอยตาใส่อีก แกล้งคนปวดฉี่มันเป็นบาปนะ



        "หลบไปดิพี่ จะอาบน้ำ"



        "อาบไปแล้วไม่ใช้หรอ"



        "ก็จะใช้ห้องน้ำไง" พี่สินกระชากเสียงหงุดหงิดใส่พลางผลักพี่เป้ออกแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำปิดประตูดังปั้ง รีบอะไรขนาดนั้นน่ะ ผมนั่งอยู่ยังสะดุ้งเลย



        "มันเป็นอะไรของมัน" พี่เป้หันมาถามผม ผมเลยยักไหล่ใส่ เป็นเชิงว่าไม่รู้เหมือนกันแล้วนั่งลงพิมพ์งานต่อ รอให้พี่สินออกมาเล่นพร้อมกัน



        "พี่เป้ทำอะไร แอบฟังพี่สินฉี่หรอ" ผมหันไปมองพี่เป้ที่ยืนเงี่ยหูไปทางประตูห้องน้ำ พี่เป้ทำหน้าเหวอตาโต ก่อนจะหันมาโบกมือเป็นพัลวันแล้วพูดกับผม



        "เอ่อ มะ ไม่มีอะไร ปอนด์จะทำงานใช่มั้ย ใส่หูฟังด้วยล่ะ เปิดเพลงกลบๆ เดี๋ยวจะไม่มีสมาธินะ" ผมมองหน้าพี่เป้ แต่ไม่ทำอะไร แต่เป็นพี่เป้เองที่เดินเข้าไปหยิบหูฟังมายัดใส่หูผม



        "ไหนๆ ยูทูป  เปิดยูทูป"



        "พี่เป้เป็นอะไร"



        "เออ ฟังเพลงไปเถอะ ไม่ต้องรู้หรอก จะได้มีสมาธิทำงานไง" ผมงงนะ แต่ก็หันมาเปิดยูทปเสียบแจ็คฟังเพลงตามที่พี่เป้บอก



        "ไอ้สิน ไอ้บ้า เบาหน่อยสิโว้ย!!!" ผมหันไปมองหน้าพี่เป้ที่หันไปตะโกนด่าพี่สิน แล้วหันกลับมายิ้มแฉ่งใส่ผม



        "มีอะไรหรอครับ" พี่สินฉี่ดึงขนาดนั้นเลยหรอ



        "ไม่มีอะไรหรอก ฟังเพลงเนาะ ฟังเพลง" ผมอ่านปากตาม พี่เป้จับแล็ปท็อปผมหันไปพลางเปิดเสียงเพลงในยูทูปให้ดังขึ้น ตอนแรกก็ดังจนหูจะแตกอยู่แล้วนะ



        "ดังไปครับ" พี่สินฉีกยิ้มพลางลดเสียงลงให้นิดหน่อย ก่อนจะนั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่คนเดียว ซึ่งผมจับใจความไม่ได้หรอก แต่ท่าทางพี่เป้น่าจะต้องการฆ่าใครสักคนแน่ๆ





        **Hidden story**



        - Part : เป้ -



        "ไอ้สิน ไอ้เด็กเวร กับผู้ชายก็มีอารมณ์ได้หรอวะแม่ง คอยดูนะจะบอกให้เสือจัดการ"



        "ครับ?" โอ๊ยยยยย น้องงงงง มียาแก้ซื่อขายมั้ยวะ อยากจะซื้อสักกระปุกแล้วบดผสมข้าวให้น้องชายกินแม่งทุกวัน เผื่อจะทันโลก ทันคนกับเขาบ้าง



        "เปล่าๆ ปอนด์ฟังเพลงเถอะ" จะไว้ใจมันได้มั้ยเนี่ย ผมหันไปมองทางประตูห้องน้ำทันทีที่ไอ้สินเปิดประตูออกมาแล้วจัดการลากมันเข้ามาคุยในห้องนอนตัวเอง



        "ไม่ต้องมองงี้เลยพี่"



        "ของขาดหรือไง"



        "เออ ยอมรับ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ปลดปล่อยอ้ะ"



        "นี่มึงมีอารมณ์กับน้องกูหรอสิน"



        "โห ขึ้นกูมึงแล้วอ้ะ"



        "ทำตัวน่าให้พูดดีด้วยงั้นสิ"



        "ขอโทษได้มั้ยล่ะ ก็ของมันเคยๆ อยู่ทุกวัน แล้วน้องพี่ก็ไม่ระวังตัวเลย"



        "ของเคยๆทุกวันของมึงมันผู้หญิง มึงเป็นไบหรอ" สินหลบสายตาผมพลางมองที่พื้นอย่างคนสับสน



        "กับผู้ชายมึงก็มีอารมณ์เหรอวะสิน"



        "มันไม่ใช่อย่างนั้นพี่ กับคนอื่นผมไม่ได้เป็นอย่างนี้"



        "แล้วทำไมกับน้องกูมึงเป็นล่ะ"



        "ผมจะรู้ได้ไงวะ แล้วเด็กผู้ชายห่าไรแม่งขาวเนียนซะผู้หญิงอาย นี่พี่จับน้องพี่แช่น้ำนมป้ะเนี่ย"



        "นี่มึงโทษความขาวน้องกูหรอ"



        "เออ!"



        "มึงอย่าอยู่เลย!" ผมว่าพลางหยิบหมอนไล่ฟาดไอ้ตัวดีที่มาทำน้องผมแปดเปื้อนทางความคิด แม่ง แล้วผมจะวางใจให้มันอยู่กับน้องผมได้ยังไงวะเนี่ย













        ***********

        tbc.



        หายไปนานเลย แบบว่า  ปรับเวลานอนเป็นไทยโซนแทบไม่ทันเลย งานก็หนักมากๆเลย ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะจ๊ะ ดีใจที่มีคนหลงเข้ามา ><






      ออฟไลน์ fc_fic

      • เป็ดAres
      • *
      • กระทู้: 2598
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
      Re: คนเดียว...เดียวดาย
      «ตอบ #16 เมื่อ14-02-2020 20:13:41 »

       :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

      Ch.10 ธุระของสิน



      07.45 น.



      "ฮ้าววววว ปอนด์มีไรกินมั่ง หิว" ผมหันไปมองพี่เป้ที่เดินหัวฟูออกมาจากห้องนอน พลางทำแซนด์วิชต่อ



      "มีแซนวิชทูน่า กินรองท้องไปก่อนแล้วค่อยออกไปหาข้าวทาน" ผมวางจานแซนด์วิชสองชิ้นใหญ่ๆให้พี่เป้ ก่อนจะแพ็คแซนด์วิชที่เหลือลงกล่องเผื่อพี่สินด้วย รายนั้นน่ะคงยังไม่ตื่นหรอกครับ เมื่อคืนกว่าจะเข้าห้องไปนอนได้ก็เกือบตีสามแล้ว ผมไล่ก็ไม่ไป ตอนแรกพี่เป้ก็ไม่ยอมจะอยู่เป็นเพื่อนให้ได้ นั่งสัปปะหงกอยู่นานสองนานสุดท้ายก็ยอมแพ้เข้าไปนอนตอนตีหนึ่ง



      "วันนี้หยุดหรอ หรือว่าเข้ารอบไหน" ผมเดินเอากล่องไปเก็บในตู้เย็น ส่วนพี่เป้นั่งเมาขี้ตาอยู่โต๊ะกินข้าว



      "อืม หยุดแต่ก็ต้องออกไปทำธุระ วันนี้เรามีเรียนกี่โมง"



      "มีเรียนเก้าโมงครับ" ผมตอบพลางเดินไปเทนมใส่แก้ว จริงๆ มื้อเช้าสำหรับผมแค่นมแก้วเดียวก็โอเคแล้ว



      "งั้นเดี๋ยววันนี้พี่ไปส่ง" ผมหันไปเพื่อปฏิเสธแต่เป็นจังหวะที่พี่เป้กำลังจะหยิบแซนด์วิชเข้าปาก



      "นี่แน่ะ ไปแปรงฟันก่อนเลย" ผมตีมือไปทีหนึ่งพยายามดึงจาน แต่พี่เป้ยื้อไว้



      "เดี๋ยวค่อยแปรงทีเดียวไง ประหยัดน้ำ ประหยัดยาสีฟัน" ผมส่ายหัวระอากับข้ออ้างแบบเด็กอนุบาล แต่ก็ยอมปล่อยจานให้เจ้าตัวที่ยิ้มร่าเหมือนกับเด็ก ใครกันแน่ที่เด็กเนี่ย



      "ซกมก" พี่เป้ยิ้มรับคำบ่นของผมก่อนจะรีบกลืนแซนด์วิชที่อยู่ในปาก



      "เดี๋ยวรอพี่แป๊บหนึ่ง เดี๋ยววิ่งผ่านน้ำแล้วจะไปส่ง"



      "ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวปอนด์นั่งรถเมล์ไป แป๊บเดียว"



      "ไม่ต้องเลย นานๆทีพี่จะไปส่ง แป๊บเดียวนะ" พี่เป้ว่าพลางหยิบแซนด์วิชอีกชิ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเลย เฮ้อ จริงๆ เลย ใครเขาเอาของกินเข้าไปกินในห้องน้ำแบบนี้กันบ้าง ระหว่างรอพี่เป้อาบน้ำ ผมเลยตัดสินใจเดินเข้าไปหยิบพวกชีทเรียนที่ต้องใช้วันนี้ เห็นพี่สินยังนอนหลับอุตุอยู่ หลับสบายเลยนะ หมอนเน่าของผมก็ยึดไป น้ำลายหกใส่หมอนบ้างมั้ยเนี่ย ผมเลิกสนใจพี่สินที่นอนอยู่แล้วรื้อพวกชีทเรียนที่หมกไว้ในกล่องแฟ้มออกมา



      "ทำไรน่ะ" ผมสะดุ้งตัวโยน เมื่ออยู่ๆพี่สินที่คิดว่ายังไม่ตื่นส่งเสียงทักขึ้น



      "ตกใจหมดเลยพี่" ผมหันไปมองพี่สินที่นอนก่ายหมอนข้างหันมาทางผม



      "จะไปไหนแต่เช้า"



      "เรียนสิครับ" ใส่ชุดนักศึกษาจะให้ไปไหนล่ะ



      "รอด้วย" พี่สินว่าพลางยันตัวขึ้นนั่งขยี้ผมจนเสียทรง



      "พี่สินมีเรียนกี่โมงครับ" เจ้าตัวส่ายหัวพลางลุกขึ้นยืนขยี้ตา



      "คือ...?" เขาหวังจะให้ผมเข้าใจอะไรกับการส่ายหัวของเขาเหรอ หมายถึง ไม่รู้เวลาหรือไม่มีเรียนล่ะเนี่ย



      "ไม่มีเรียน"



      "อ่อ...แล้ว...ให้ผมรอทำไมครับ"



      "จะไปส่ง" พี่สินว่าพลางยืนบิดขี้เกียจ



      "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่เป้ไปส่ง"



      "ใคร"



      "พี่เป้ครับ"



      "ใครถามความเห็น" กวนตีน



      "จะไปอาบน้ำ"



      "ผมไม่ได้ขวางทางพี่สักหน่อย ไปสิครับ"



      "แล้วจะยืนเหนียงย้อยอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ย ออกไปข้างนอกดิ จะถอดกางเกง" ผมรีบหันไปหยิบของให้เสร็จเพื่อจะออกไปข้างนอก ฟู่~



      "อ้ะ!! ตกใจหมดพี่" ผมลูบต้นคอ ลูบหู ตัวเองป้อยๆ ขนลุกหมด อยู่ดีๆก็เป่าลมใส่หู



      "หรือมึงอยากดู กูยังไงก็ได้นะ" ผมคว้าของมาแนบอกแล้วรีบเผ่นออกมานอกห้องทันทีที่พี่สินจับขอบกางเกง แถมปิดประตูใส่หน้าไปทีหนึ่งด้วย คนหน้าไม่อาย! นิสัยไม่ดี ใครเขาไปอยากดูกัน ของเราก็มี



      "ปอนด์เป็นไร?"



      "พี่เป้อาบน้ำเสร็จแล้วหรอ ไปกันเลยมั้ย" ผมเดินไปหยิบที่อยู่บนโต๊ะหน้าโซฟายัดใส่กระเป๋าเป้เตรียมหนีพี่สิน



      "เดี๋ยว ใจเย็นวัยรุ่น พี่ยังไม่ใส่เสื้อผ้าเลย" ผมละมือตัวเองจากเป้กำลังจะจับพี่เป้ลากไปใส่เสื้อผ้าก็ประจวบเหมาะกับพี่สินเดินออกมาจากห้องหัวรุงรังมายืนอยู่หน้าห้องผม



      "พี่เป้รอด้วย"



      "ไม่ได้ สายแล้ว" ผมหันไปเถียงขวับ ผมไม่อยากไปกับพี่



      "มีเรียนเก้าโมงไม่ใช่หรอ" นี่ก็ไม่ช่วยน้องเลย



      "ต้องรีบไปเตรียมตัวเรียนไง"



      "พี่เป้ เดี๋ยวผมไปส่งปอนด์เอง" พี่สินเดินเข้าห้องน้ำดุ่มๆ ไม่สนใจผมที่ยืนอ้าปากพะงาบๆอยู่ตรงนี้เลย



      "สรุปยังไง รอไม่รอ?" พี่เป้หันมาถามผมแทน



      "ไม่รอ พี่เป้รีบไปใส่เสื้อผ้าเลย"



      ************************



      "ยังไม่เลิกหน้ามุ่ยอีก" ผมหลบมือพี่สินที่ยื่นมาบีบปาก ทำไมถึงเป็นพี่สินน่ะเหรอ เพราะสุดท้ายแล้วพี่เป้ก็เทผมด้วยเหตุผลที่ว่าคนที่เข้างานรอบเช้าเกิดป่วยกะทันหัน ตัวเองเลยต้องไปแทน แล้วก็ไม่ได้มาส่งผมอย่างที่บอกไว้เลยกลายเป็นว่าผมต้องนั่งรอพี่สินแต่งองค์ทรงเครื่องอีกเป็นชั่วโมง ถ้าออกมาขึ้นรถเมล์ตั้งแต่แรกป่านนี้ผมถึงห้องเรียนแล้ว



      "ยุ่ง" ผมปัดมือพี่สินที่พยายามวุ่นวายกับปากผมไม่เลิก



      "จะงอนอีกนานมั้ยเนี่ย ว่าจะบอกข่าวดีสักหน่อย"



      "ข่าวดีอะไร"



      "เลิกงอนก่อน" เล่นตัวจริงๆ



      "ผมไม่ได้งอนสักหน่อย ไม่ใช่เด็กๆแล้ว"



      "จ้า ไม่เด็กจ้า" ผมจิ๊ปากใส่พี่แกไปทีหนึ่งด้วยความหงุดหงิด ก็ดูดิ น้ำเสียงแบบนี้ฟังก็รู้แล้วว่าล้อเลียน



      "สรุปเรื่องสัมภาษณ์อ้ะ พรุ่งนี้ไอ้รันว่างบ่ายนะ สะดวกหรือเปล่า" ผมหันไปมองพี่สินตาโต



      "ว่างครับ ได้เลยครับ พรุ่งนี้ผมไม่มีเรียน ว่าแต่พี่เขาสะดวกที่ไหน ผมจะได้ไปหาที่ให้แล้วก็เตรียมของด้วย" ดีจังเลย จะได้ทำให้เสร็จๆสักที



      "ใจเย็น ดีใจอะไรขนาดนั้นวะ"



      "ดีใจสิ จะได้สัมภาษณ์พี่รันแล้ว" ผมฮึมฮัมเพลงด้วยความสุขใจ ได้พี่รันเดือนมหาลัย มาสัมภาษณ์ให้แบบนี้ รับรองว่าผมต้องได้เอแน่ๆ



      "เกินไปแล้วมั้ง" แล้วพี่จะหงุดหงิดอะไรกับความดีใจของคนอื่นล่ะ นิสัยไม่ดีเลย ไม่ชอบให้คนอื่นมีความสุขงี้หรอ



      "ให้มันน้อยๆ หน่อย คำขอบคุณสักคำยังไม่มีอ้ะคนเรา" มัวแต่ดีใจลืมขอบคุณเลย



      "ขอโทษครับ แล้วก็ขอบคุณที่ช่วยคุยให้นะครับ" ผมยิ้มให้คนตรงหน้า พี่สินหันมามองหน้าผมแว๊บหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองถนน บ่นงึมงำๆอยู่คนเดียว



      "วันนี้ทำงานพาร์ทไทม์มั้ย"



      "ทำครับ"



      "งั้นเดี๋ยวไปส่ง"



      "วันนี้พี่ไม่ไปไหนเหรอครับ?"



      "มึงจะให้กูไปไหนล่ะ" อ้าว จะไปรู้พี่เหรอ



      "ก็ไปที่ชอบ ที่ชอบ..."



      "มึงว่ากูเป็นสัมภเวสีเหรอ!!!" อ้าว แล้วจะขึ้นเสียงทำไมล่ะเนี่ย



      "ไม่ใช่แบบนั้น หมายถึง ไม่มีธุระต้องไปทำหรอครับ" ผมรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน วันนี้ดูพี่สินอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ วัยทองหรอ



      "มึงไง ธุระกู"



      "..."



      "เลิกทำหน้าเอ๋อได้แล้ว มึงเลิกเรียนกี่โมง"



      "เที่ยงครับ ถ้าไม่เลทนะ"



      "เออ จะไปเรียนก็รีบไปกูจะกลับไปนอน ง่วง"



      "อ่อครับ" ผมหันมองด้านนอก เพิ่งสังเกตว่ารถพี่สินวนมาจอดหน้า ม.แล้ว



      "เดี๋ยว" ผมหันไปมองพี่สินที่ดึงมือผมไว้ก่อนจะได้ปลดเบลท์ออกจากตัว



      "คีย์การ์ด" พี่สินว่าพลางแบมือมาทางผม



      "คือ...?"



      "คีย์การ์ดคอนโดมึงอ้ะ ถ้าไม่ให้กูแล้วกูจะเข้าห้องยังไง แค่นี้ต้องให้บอกหรอวะ"



      "อ่อ" ผมครางรับ พลางยื่นคีย์การ์ดของตัวเองให้พี่สิน แต่พี่แกก็ยังไม่สบอารมณ์ ขมวดคิ้วกว่าเดิม แถมยังจิ๊ปากใส่ผมอีกต่างหาก อะไรของเขา



      "นี่มึงให้คีย์การ์ดคนอื่นง่ายขนาดนี้เลยหรอ! ถ้าเกิดมึงโดนหลอก เขายกเค้าบ้านมึง มึงจะทำยังไง!" เอ้า ให้ก็ผิดอ้ะคนเรา



      "ก็..."



      "ไม่ต้องอธิบาย มึงแม่ง รีบๆไปเรียนเลยไป" ผมพยักหน้ารับ ยกมือไหว้แล้วรีบเผ่นจากรถทันที ท่าทางพี่เขาน่าจะถึงวัยหมดประจำเดือนแล้วมั้งเนี่ย แต่เดี๋ยวนะ ผู้ชายไม่มีหนิ เฮ้อ ช่างเถอะ





      *****************************



      "เชลดอนเพื่อนรักกกกกกกกกกกกกกกก" ทันทีที่ผมเข้าห้องมาก็ต้องตกใจเสียงเรียกหวานหยดย้อยจากวิว ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ออกแนวขนลุกมากกว่า ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน



      "มานั่งนี่มาๆๆๆ เร้วววว" โฟล์คก็เป็นไปกับเขาอีกคน



      "เดี๋ยวกูช่วยถือนะ มาๆๆนั่งจ้ะ" ผีเข้าเพื่อนผมหรือเปล่าเนี่ย คนหนึ่งเดินมาช่วยถือกระเป๋า คนหนึ่งปัดเก้าอี้แถมเลื่อนออกให้อย่างดี แถมมีมานั่งขนาบทั้งสองข้างพลางยิ้มหวานใส่อีก



      "เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้เลยจ้า" วิวเปิดประเด็นทันทีที่ผมนั่งลงบนเก้าอี้



      "เล่าอะไรเหรอ?" ผมหันไปมองหน้าทั้งคู่สลับไปมาอย่างงงๆ



      "มึงหยัมแสร้งว่า อย่าไขสือ เล่ามาเลยว่ามึงไปนอนกับพี่สินสุดฮอตได้ยังไงวะ"



      "เปล่านี่ครับ" ผมส่ายหัวยืนยันคำตอบ



      "แล้วเมื่อคืนคืออะไร ทำไมพี่สินรับสายแทนมึงได้"



      "อ๋อ เมื่อคืนพี่สินมานอนห้องผมครับ" ผมสะดุ้งโหยง เมื่อวิวตบเข่าตัวเองดังฉาด พร้อมเอ่ยขึ้นเสียงดัง



      "นั่นไง กูว่าแล้วว่ามันต้องมีซัมธิง" โฟล์คพยักหน้ารับ พลางจ้องผมอย่างคนอยากรู้อยากเห็น



      "ไม่มีอะไรนี่ครับ ผมก็นอนที่โซฟา พี่เขาก็นอนในห้องผม" ไม่เห็นจะมีซัมธิงที่ตรงไหน



      "ทำไมจะไม่มีล่ะ มึงอย่ามาดับฝันกูนะไอ้ปอนด์ ตอนนี้ก็ลงเรือผีลำนี้แล้ว ต่อไปนี้กูจะแล่นเรือเอง กัปตันกูแสดงตัวขนาดนี้ ไม่ชิปไม่ได้" วิวเพ้ออะไร เรือผีอะไร ไพเรทออฟเดอะแคริบเบียนหรอ ผมทำหน้างงใส่ หน้าแบบที่ปกติวิวกับโฟล์คจะชอบว่าหน้าหมางงน่ะ สองคนนั้นก็ไม่สนใจผม แถมยังหันไปซุบซิบๆกันสองคนกะไม่ให้ผมได้ยินด้วย แต่ลืมไปแล้วหรอ ว่าผมอยู่ตรงกลางระหว่างเขาสองคนน่ะ



      "ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง" โฟล์คทำท่าเพ้อๆมองเพดานเรื่อยเปื่อย ส่วนวิวก็จับมือโฟล์คไว้ด้วยท่าทีมาดมั่น



      "ใช่มึง ถึงเวลาเรือเล็กควรออกจากฝั่ง" ผมอยากจะมีส่วนร่วมกับเขาทั้งสองคนนะ แต่บอกตรงๆว่าผมฟังไม่รู้เรื่องสักอย่าง แล้วทั้งคาบเรียนผมก็โดนวิวกับโฟล์คถามนู่นนี่ซอกแซกไปเรื่อยเปื่อย ขนาดว่าผมบอกข่าวดีเรื่องที่พี่รันจะมาให้สัมภาษณ์กลุ่มเรา เขายังโวยวายผมเสียยกใหญ่ ว่าให้ขอพี่สิน ไม่ใช่พี่รัน ผมนี่งงไปหมด แล้วสุดท้ายเขาก็วกกลับมาเรื่องผมกับพี่สิน หาว่าผมหวง ไม่อยากให้ใครเห็นพี่สิน แล้วก็พึมพำว่าฟินอย่างงู้นอย่างงี้ เฮ้อ ผมเหนื่อยจะใส่ใจเลยนั่งเรียนไปท่ามกลางความเพ้อเจ้อของสองคนนี้อย่างที่ทำเป็นประจำนั่นแหละ



      "แล้วนี่มึงไปทำงานพาร์ทไทม์ใช่ป้ะ" ผมพยักหน้ารับพลางเก็บของลงกระเป๋าตัวเอง



      "งั้นเดี๋ยวพวกกูไปส่งเลย ยังไงก็ทางผ่าน"



      "ครับ" ครืด ครืด ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู 'พี่สิน' โทรมาทำไมกัน



      "ฮัลโหลครับ" ผมรับสายพลางเหล่ตามองทางขวา เพราะเพื่อนสองคนเอาหูมาแนบโทรศัพท์ที่ผมคุยอยู่จนอยากจะยื่นให้คุยเอง อะไรจะไร้มารยาทได้ขนาดนี้



      ("เลิกยัง")



      "เลิกแล้วครับ"



      ("งั้นก็รีบๆลงมาได้แล้ว ร้อน") ห๊ะ



      "อ่า...ครับ"



      ("ไม่ต้องทำความเข้าใจนาน กูมารับไปส่งที่ทำงาน") อ๋อ



      "ว่างเหรอครับ"



      ("ไม่ว่างกูจะมาหรือไง เร็วๆ")



      "โอเคครับ" ติ๊ด อะไรของเขากันนะ อารมณ์ยังกับพายุ ผมเก็บโทรศัพท์ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินลงไปใต้อาคารเรียน เดี๋ยวจะโดนพี่เขาเหวี่ยงใส่อีก



      "ฮั่นแน่ ยังไงครับยังไง"



      "อืม ก็ไปกับพี่สินนะ วิวกับโฟล์คไม่ต้องไปส่งแล้ว"



      "ฮิ้ววววววววววววววววว" แล้วเขาสองคนก็ทำท่าร้องโห่ รำวงอะไรไม่รู้จนคนทั้งเซคหันมามอง อายกันบ้างเถอะ



      "เล่นอะไรไม่รู้" ผมบ่นพลางเดินนำสองคนนี้จนถึงใต้ถุนอาคารก็เห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังล้อมโต๊ะม้าหินอยู่ แต่มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผม ผมเลยเลือกที่จะเดินเลี่ยงไปหาพี่สิน เดี๋ยวรอนานแล้วจะบ่นผมอีก



      "ปอนด์!!!" ผมหันไปทางกลุ่มตรงนั้นงงๆ ก่อนคนจะพากันแหวกออกเป็นทางให้ผมเห็น อ่า พี่สินนั่นเอง แล้วนั่นซื้อขนมอะไรมาเยอะแยะ



      "งั้นเดี๋ยวพี่ไปก่อนนะครับ ธุระของพี่มาแล้ว" พี่สินว่ายิ้มๆ พลางเดินมากอดไหล่ผม สายตาแต่ละคนนี่ดูเหมือนโกรธเกลียดผมมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ผมไปทำอะไรให้ละเนี่ย



      "เอ่อ พี่สินอยู่ต่อก็ได้ครับ เดี๋ยวปอนด์ไปกับวิวแล้วก็โฟล์คได้ สองคนนี้จะกลับพอดี" ผมชี้ไปที่เพื่อนของตัวเองที่ยืนรออยู่ด้านหลัง แต่นอกจากพี่สินจะไม่ปล่อยแล้ว ยังกอดผมแน่นกว่าเดิมอีก



      "พี่อุตส่าห์มารอตั้งนาน นี่คือสิ่งที่พี่ควรจะได้รับหรอ" พี่สินทำหน้าเป็นหมาหงอย แถมยังทำตาปริบๆใส่ผมอีก นอกจากเพื่อนผม พี่สินเองก็น่าจะผีเข้าเหมือนกันนะครับ อารมณ์ดูขึ้นๆลงๆ แปลกๆ



      "อ่อ ครับ"



      "งั้นไปกันเลยนะครับ" พี่สินว่าพลางยิ้มแล้วเดินกอดไหล่ผมออกมาจากกลุ่มคนที่ยืนล้อมตัวเองอยู่ ผมหันไปโบกมือบ๊ายบายเพื่อนตัวเอง ก่อนจะพยายามทำตัวลีบที่สุด รู้สึกเหมือนชีวิตตัวเองหลังจากนี้จะวุ่นวายยังไงก็ไม่รู้สิครับ























      *******************



      tbc.



      ^^





      « แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-03-2020 05:33:18 โดย yuzhou62ppap »

      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

      Ch.11 เพราะพี่หล่อเกินไป


        "วันนี้เลิกงานกี่โมง"



        "วันนี้เลิกสี่โมงเย็นครับ อ๊ะ เดี๋ยวพี่สินจอดตรงนี้ก็ได้ครับ ผมจะลงไปหาอะไรกินก่อนเข้างาน" ผมชี้ไปที่ร้านก่วยเตี๋ยวข้างทางที่กำลังจะถึง



        "เข้างานกี่โมง"



        "บ่ายสองครับ พี่สินเลยแล้ว" คนยิ่งหิวๆอยู่



        "กูไม่ชอบกินข้าวข้างทาง" บอกทำไม พี่สินนี่ชอบพูดเองเออเองจัง



        "ครับ แต่ผมจะกินก๋วยเตี๋ยว พี่ช่วยจอดที"



        "กวนตีนกูหรอ?"



        "..."



        "ถามทำไมไม่ตอบ งอน?"



        "เปล่าครับ"



        "แล้วทำไมไม่ตอบ"



        "ก็ผมไม่แน่ใจ"



        "เรื่อง?"



        "ไม่แน่ใจว่าพี่ต้องการคำตอบหรือเปล่า เพราะพี่ชอบพูดเองเออเอง สรุปเองก็เก่ง แถมยัง.."



        "นี่กวนตีนกูถูกต้องมั้ย?"



        "อย่างอันนี้ผมก็ไม่แน่ใจว่าพี่ถามหรือประชด" พี่สินจิ๊ปากก่อนจะเร่งความเร็วรถ ภาพตรงหน้าผมเร็วจนแทบมองอะไรไม่เห็น ค่อยๆเลือนไปเรื่อยๆ เหมือนมีคนเอาผ้าขาวมาบังที่ตา



        "เอ่อ พี่สิน ช้าหน่อย ผมกลัว" ผมจับเบลท์ที่คาดอยู่จนมือชื้น เหมือนมันจะช่วยได้ แต่เอาจริงๆ ไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด พี่สินก็ไม่ฟังผมเลย



        "พี่สิน ผม...ผมขอ ช้าหน่อย...ได้มั้ย" ไม่ชอบเลย ไม่เอา กลัวแล้ว ผมก้มหน้าหลับตาลงเอาหูฟังเสียบหูแล้วเร่งเปิดเพลงกลบเสียงรอบข้าง



        "ปอนด์ ปอนด์ ปอนด์!!" ผมเงยหน้าตาแรงสะกิดพลางหันไปมองหน้าพี่สิน สังเกตโดยรอบถึงรู้ว่าพี่สินจอดรถอยู่ข้างทาง



        "ครับ?"



        "มึงร้องไห้ทำไม!?" ผมร้อง? ผมจับแก้มตัวเองก่อนจะตกใจที่มันมีน้ำตาไหลจริงๆ



        "ไม่รู้เหมือนกันครับ" ผมตอบพลางเช็ดหน้าตัวเอง



        "เดี๋ยวผมลงตรงนี้ก็ได้ครับ ขอบคุณที่มาส่ง" ผมรีบปลดเบลท์เอื้อมไปหยิบกระเป๋าจากเบาะหลังทันที เดินไปเองน่าจะปลอดภัยกว่า



        "มึงไปไหนไม่ได้ บอกกูก่อน มึงร้องทำไม?" พี่สินจับแขนผมแน่นแทบแหลก



        "ผมไม่รู้จริงครับ มันไหลของมันเอง"



        "มึงกลัวความเร็วหรอ?"



        "เปล่าครับแค่ไม่ชอบ"



        "เคยไปหาหมอมั้ย?"



        "เคยครับ เวลาไม่สบายหนักๆ พี่เป้ชอบลากไป ทั้งที่จริงกินยานอนพักเดี๋ยวก็หาย"



        "ไม่ใช่แบบนั้น กูหมายถึง จิตแพทย์" ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่สิน ทำไมผมต้องไปพบจิตแพทย์ด้วย ถ้าต้องมีใครสักคนที่ต้องพบจิตแพทย์ ควรเป็นเขามากกว่าผม



        "อย่ามองกูแบบนั้น กูไม่ได้ว่ามึงบ้า แต่บางทีการไปเจอใครสักคนที่ฟังเราทุกเรื่องที่เราเก็บไว้ มันก็ช่วยให้ชีวิตเราก้าวต่อไปได้"



        "ไม่ครับ ผมไม่มีความจำเป็นที่ต้องไป"



        "มึงลอง..."



        "ไม่ครับ" ผมดึงแขนตัวเองออกจากมือพี่สินได้ รีบยกมือไหว้แล้วลงจากรถทันที มือหรือคีม เจ็บแขนไปหมดเลย ผมเดินตามซอยเข้าไปเรื่อยๆ ก่อนจะหยุดที่ร้านข้าวแกงร้านหนึ่ง ไม่รู้ว่าอร่อยหรือเปล่าไม่เคยลอง แต่ไหนๆก็ไม่ได้กินก๋วยเตี๋ยวแล้ว ลองหน่อยก็ได้ ผมยืนอ่านป้ายข้างหน้าตู้กับข้าวก่อนจะตาโต โห ถูกไปไหนเนี่ย กำไรไม่เอาแล้วหรอครับ 2 อย่าง 25 3 อย่าง 30 นี่มันโอเอซิสแหล่งใหม่ของผม ถ้าอร่อยวันหลังผมจะมาอุดหนุนพร้อมเพื่อนๆ ผมไม่ได้งกนะ ผมแค่ประหยัด



        "ป้าครับ ผมเอาผัดกะเพรา ไข่ดาวใบหนึ่ง ขอสุกๆนะครับ"



        "นั่งรอเลยลูก" ผมพยักหน้ารับเดินไปตักน้ำที่ให้บริการตัวเองก่อนจะหาโต๊ะนั่ง ร้านนี้คนเยอะกว่าที่คิดครับ แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นน่าจะเป็นลุงป้าน้าอาที่อาศัยอยู่แถวๆนี้ เพราะบางคนนี่ใส่เสื้อกล้ามนั่งกินอยู่เลย ผมนั่งมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆครับ แถมอยู่เข้ามาในซอยลึกด้วย จริงๆมันเป็นซอยที่จะลัดไปเซเว่นที่ผมทำงานอยู่ แต่ผมไม่ค่อยได้ผ่าน ถ้าไม่เลทมาก ผมมักจะเดินไปตามถนนใหญ่มากกว่าเพราะจริงๆมันก็ไม่ได้ไกลมาก แถมไม่อันตรายด้วย ผมคิดว่าซอยจะเปลี่ยวกว่านี้ แต่ไม่เลย ออกจะครึกครื้นด้วยซ้ำเพราะเป็นแหล่งชุมชน



        "มาแล้วค่ะ" ผมยิ้มตอบน้องคนที่เอาจ้านข้าวมาเสิร์ฟให้



        "ขอบคุณครับ" พยักหน้าขอบคุณก่อนจะรับจานข้าวมาวางไว้ข้างหน้าตัวเอง น่าจะเป็นลูกสาวของป้าเจ้าของร้านก่อนจะลงมือตักข้าวกิน อื้ม อร่อยแฮะ ได้เยอะด้วย



        "ผมขอแบบเขาจานหนึ่งครับ" ผมเงยหน้ามองเห็นเป็นพี่สินที่ยืนอยู่อย่างเก้ๆกังๆ ไม่นั่งลงสักที ผมเลิกสนใจเขาแล้วลุกเพื่อจะไปตักน้ำตรงมุมบริการตัวเอง



        "ปอนด์ จะไปไหน" ผมมองมือที่จับแขนตัวเองงงๆ ท่าทางพี่สินทำให้ผมอยากหัวเราะ



        "จะไปตักน้ำให้พี่ไง นั่งลงสิครับ" พี่สินนั่งลงอย่างว่าง่ายแต่ก็ไม่วายหันตามผมทุกฝีก้าว ผมเดินกลับมานั่งฝั่งตรงข้ามเขา ก่อนลงมือกินข้าวต่อ



        "ข้าวได้แล้วค่ะ"



        "ขอบคุณครับ...เอ่อ...มีอะไรหรือเปล่าครับน้อง?" ผมเงยหน้าไปมองพี่สินก่อนจะมองไปทางน้องคนที่มาเสิร์ฟข้าวให้ผมเมื่อสักครู่ น้องรีบปล่อยจานข้าวก่อนจะลนลานขอโทษแล้ววิ่งไปหลบข้างหลังแม่ตัวเอง น่ารักดี



        "มองอะไรกินไปสิ" พี่สินว่าพลางตักไข่ดาวจากจานตัวเองมาโปะที่จานข้าวผม



        "พี่สินกินเถอะครับ ผมกินไม่หมด" ผมตักไข่ดาวคืนพี่เขาไปก่อนจะก้มหน้ากินข้าวต่อแต่พี่สินกลับไม่ยอม ตักไข่ดาวมาไว้บนจานผมเหมือนเดิมอีก



        "ถือว่าเป็นคำขอโทษถ้ากินไม่หมดเดี๋ยวกูกินต่อเอง" หืม? ขอโทษ? เรื่องอะไร



        "ขอโทษทำไมครับ"



        "ก็...เรื่องบนรถ"



        "..."



        "กูแค่ห่วง" ห่วง? ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ



        "ก็อาการที่มึงเป็น มันน่าเป็นห่วง"



        "จริงๆแล้วมันไม่ได้น่าเป็นห่วงอะไรเลยนะครับ แค่พี่ลดความเร็ว แค่นั้นก็โอเคแล้ว" พี่สินพยักหน้ารับ



        "แล้วมึงเป็นแบบนี้บ่อยมั้ย?"



        "แบบไหนครับ"



        "ก็กลัวจนร้องไห้" ผมนิ่งคิด ก่อนจะส่ายหัว โครม!!! ผมหันไปมองทางตู้กับข้าวก็เห็นน้องคนที่มาเสิร์ฟน่าจะทำหม้อร่วง น้องรีบหันมาขอโทษขอโพย ก่อนจะรีบเก็บของแล้วโกยแน่บ ได้ยินเสียงแว่วๆ มาว่านิพพานแล้วจากหลังร้าน ผมเลิกสนใจแล้วหันกลับมาตอบพี่สิน



        "ไม่ครับ ปกติผมนั่งรถเมล์ไม่ก็บีทีเอส ส่วนเพื่อนๆก็ไม่มีใครขับเร็ว" พี่สินพยักหน้ารับก่อนจะตักข้าวเข้าปากบ้าง เจ้าตัวตาโตก่อนจะถามผม



        "มึง อร่อยมาก มึงรู้จักร้านนี้ได้ไง"



        "ผมก็เพิ่งรู้ครับ"



        "อร่อยดีว่ะ วันหลังจะมากินบอกกูด้วย" ผมไม่ได้ตอบรับอะไร ลงมือกินข้าวต่อ ถ้าผมจะมาทำไมต้องบอกเขาก่อนด้วย อยากกินก็มาเองสิ พวกเรานั่งกินข้าวกันไปเงียบๆ พี่สินก็ไม่เซ้าซี้อะไรอีก ส่วนผมก็ไม่มีอะไรให้คุยมากนัก



        "น้องเช็คบิลด้วยครับ" พี่สินยกมือเมื่อเห็นว่าผมดื่มน้ำจนหมดแก้วแล้ว น้องคนที่มาเสิร์ฟ เดินหน้าแดงเข้ามาอีกครั้ง



        "ทั้งหมด 40 บาทค่ะ" พี่สินควักแบงค์พันออกจากกระเป๋ายื่นให้น้องเขา แต่น้องไม่รับ พลางยิ้มแหยๆให้



        "

        "คือ...มีแบงค์ย่อยมั้ยคะ" ผมหัวเราะก่อนจะหยิบแบงค์ยี่สิบออกมาสองใบกับเหรียญ 10ให้น้องไป ท่าทางน้องจะเบลอ จานละ 25 น้องคิด 40 น้องยิ้มขอบคุณแก้เขินก่อนจะรีบวิ่งไปหลบหลังแม่อีกรอบ ผมกับพี่สินก็ลุกเดินออกมานอกร้าน

        "แล้วมาใหม่นะคะพี่สุดหล่อ!!!" ผมสะดุ้งหันไปมองเห็นน้องคนเดิมยื่นหน้ามาจากกำแพงก่อนจะผลุบหน้าหนีไปอีกรอบ อ่อ สงสัยจะหลงเสน่ห์พี่สินล่ะมั้ง



        "โทษทีหนุ่ม ลูกป้ามันเป็นสาววาย" ผมพยักหน้ารับไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ในขณะที่พี่สินหัวเราะอะไรไม่รู้ ผมจะเดินไปทางที่ทำงานแต่พี่สินรั้งข้อมือไว้ก่อน



        "แล้วนี่มึงจะไปทำงานเลยหรอ" ผมพยักหน้ารับ



        "ยังไม่ถึงเวลาเข้างานเลย ไปห้างเป็นเพื่อนกูหน่อยดิ อยากไปซื้อของ" ผมส่ายหน้า ไม่อยากไป คนเยอะ วุ่นวาย



        "ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย จะไปซื้อพวกสบู่แชมพูอ้ะ กูไม่ชอบกลิ่นที่ห้องมึง"



        "ไว้ตอนพี่ย้ายมาค่อยไปเอาของที่คอนโดมาสิครับ"



        "มึงลืมไปแล้วหรือไงว่าผีที่คอนโดกูเฮี้ยน" ผมพยักหน้ารับ



        "แต่ผมไม่อยากไปห้างกับพี่"



        "ทำไม?"



        "ก็พี่หล่อเกินไป"



        "ห๊ะ? เดี๋ยว กูงง ทำไมอยู่ๆมึงชมให้กูดีใจ"



        "ผมไม่ได้ชม"



        "ก็มึงบอกกูหล่อ" ผมถอนหายใจ



        "ผมไม่ชอบ คนเยอะ วุ่นวาย แถมคนชอบมองพี่ด้วย เหมือนน้องคนเมื่อกี๊ไง" พี่สินพยักหน้าแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือจากข้อมือผมอยู่ดี แถมยังลากผมไปที่รถด้วย



        "ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย ถือว่าตอบแทนเรื่องที่กุช่วยคุยกับไอ้รันให้ไง" ผมลังเลก่อนจะพยักหน้ารับในที่สุด เพราะกว่าจะถึงเวลาเข้างานก็ตั้งบ่ายสอง ห้างก็แค่นี้ หวังว่าพี่เขาจะไม่ซื้อของเยอะนะ



        "ก็ได้ครับ" ผมขึ้นรถก่อนจะคาดเบลท์ให้เรียบร้อย ไม่รู้ว่าคิดไปเองมั้ย แต่รอบนี้พี่สินขับรถนิ่มกว่าเดิมเยอะเลย



        **************************



        "เอาอันนี้ อันนี้ด้วย อันนี้ก็ต้องใช้" พี่สินเดินนำผมที่เข็นรถตามแล้วหยิบๆพวกของใช้ลงตะกร้าเหมือนเผื่อคนทั้งโลก



        "มันไม่เยอะไปเหรอครับ" พี่แค่มาอยู่ช่วงที่พี่เป้ไม่อยู่ แต่ซื้อของเหมือนจะมาอยู่ถาวร



        "ของมันต้องมีไง มึงไม่เคยได้ยินหรอ" ผมขมวดคิ้ว ไปเอามาจากไหนอีกล่ะเนี่ย



        "พอแล้วครับพี่สิน ไหนบอกว่าไม่ชอบกลิ่นแชมพูสบู่ผมไง แล้วพี่ซื้อมาทำไมเนี่ย" ผมหยิบขวดที่พี่สินเพิ่งโยนลงมา นี่มันยี่ห้อที่ผมใช้หนิ



        "กูไม่ชอบเวลามันอยู่บนตัวกูไง อันนี้กูซื้อให้มึง"



        "ไม่ต้องครับ ของผมยังไม่หมด"



        "แล้วทำไมต้องรอให้หมดกูถึงจะซื้อให้มึงได้ล่ะ" ผมส่ายหัวพลางเดินหยิบไปวางที่เดิม พี่สินก็เดินตามมาหยิบลงรถเข็นเหมือนเดิมไปๆมาๆ จนคนแถวนั้นเริ่มมอง



        "อย่าดื้อดิ๊ปอนด์"



        "พี่แหละดื้อ" ผมเถียงด้วยความไม่ยอม จากตอนแรกที่วางไว้บนเชลฟ์กับโยนลงรถเข็น กลายเป็นยื้อแย่งกันในที่สุด



        "เหนื่อย ผมไม่เถียงกับพี่แล้ว" ผมปล่อยของพลางเดินหนีส่วนพี่สินก็เข็นรถตามมาติดๆ



        "อ้าว พี่สินมาทำอะไรคะ" ผมชะงักเท้าเมื่อมีผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหยุดตรงหน้า อีกแล้ว ความหล่อของพี่เขานี่น่ารำคาญดีจัง ผมเบี่ยงทางให้ผู้หญิงคนนี้เดินเข้าไปคุยกับพี่สินได้ถนัดแล้วรีบเดินออกมาทันที เบื่อจริงๆเลยคนหล่อไม่เลือกที่เนี่ย



        "ทำไมมาเดินห้างไม่โทรบอกกันบ้างคะ ช่วงนี้ก็ไม่ค่อยโทรหาเลย"



        "ปอนด์!! เดี๋ยว รอด้วย พี่ขอตัวก่อนนะครับ ปอนด์งอนแล้วต้องรีบไปง้อ" ได้ยินเสียงพี่สินตะโกนแว่วๆ แต่ไม่ได้สนใจอะไร ใกล้เวลาเข้างานผมแล้วด้วย ก็เลยเรียกพี่วินหน้าห้างนั่นแหละ จากตอนแรก เดินไปถึงที่ทำงานโดยไม่เสียตังซักบาท นี่ต้องมาเสียค่ารถอีก เฮ้อ RRRRRRRRR



        "ครับ" ผมกดรับสายโดยไม่มองหน้าจอ คิดว่าคงเป็นพี่สินนั่นแหละ



        ("มึงอยู่ไหน") นั่นไง เสียงหงุดหงิดมาเลย



        "บนมอเตอร์ไซต์ครับ"



        ("ทำไมไม่รอกู")



        "ก็พี่มีคนเดินซื้อของเป็นเพื่อนแล้ว ผมเลยมาทำงานไงครับ"



        ("แล้วมึงถามกูหรือยังว่าอยากให้เขามาเป็นเพื่อนกูหรือเปล่า")



        "อ้าว เห็นพี่อยากได้เพื่อนซื้อของนี่ครับ" ผมเอามือป้องปากกันลมเข้าไปในโทรศัพท์



        ("มึงแม่ง...ถ้ากูอยากให้คนอื่นมาเป็นเพื่อนกูจะตามตื๊อให้มึงมาด้วยทำเหี้ยอะไรวะ คิดบ้างดิ!!!") ติ๊ด! พี่สินตัดสายผมทันทีหลังจากระเบิดอารมณ์ใส่ผมชุดใหญ่ นี่สรุปผมผิดอีกแล้วใช่มั้ยเนี่ย ทำไมชีวิตมันยุ่งยากจังล่ะครับ









        ***********

        tbc.








      « แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-03-2020 20:08:46 โดย yuzhou62ppap »

      ออฟไลน์ fc_fic

      • เป็ดAres
      • *
      • กระทู้: 2598
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
      Re: คนเดียว...เดียวดาย
      «ตอบ #19 เมื่อ07-03-2020 12:17:49 »

       :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

      CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

      Re: คนเดียว...เดียวดาย
      « ตอบ #19 เมื่อ: 07-03-2020 12:17:49 »





      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
      Ch. 12 ต้องง้องยังไง?



       




       

      00:04 น.

       

      แกรก ผมละมือจากแล็ปท็อปพลางหันไปมองทางประตูห้องเห็นเป็นพี่เป้กำลังเดินเข้ามา อืม กลิ่นเหล้าหึ่งเลย ไหนว่าไปทำงาน

       

      "อ้าว ยังไม่นอนหรอ ขอโทษทีนะ วันนี้มีเลี้ยงส่งพี่นิดหน่อยเลยกลับมาดึกเลย" พี่เป้เหวี่ยงกระเป๋ากับสูทไว้บนโต๊ะพลางนั่งแผ่ลงโซฟาอีกตัว

       

      "แล้วกำหนดเดินทางมาหรือยังครับ"

       

      "อืม" เราต่างคนต่างเงียบ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ผมเลยหันกลับมาพิมพ์งานที่เหลือ

       

      "จะไม่ห้ามพี่หน่อยหรอ" ผมหันไปมองพี่เป้ที่นั่งมองผมอยู่ก่อนแล้ว

       

      "ไม่ครับ ปอนด์ยังยืนยันคำเดิม ถ้าทำแล้วดีกับตัวพี่ ไม่ว่าเรื่องอะไร ปอนด์ก็สนับสนุน" พี่เป้มองตาผมสักพักแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน

       

      "พี่จะรีบกลับมา" ผมพยักหน้ารับ ในขณะที่พี่เป้เอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ

       

      "ดูแลตัวเองนะ พี่เป็นห่วงเรามากๆ อยู่นู่นต้องเหงาแน่เลยไม่มีปอนด์คอยปลุกตอนเช้า" ผมอมยิ้มกับมือที่ยังลูบหัวผมอยู่

       

      "พี่เป้ก็ต้องดูแลตัวเอง อยู่คนเดียวก็อย่าลืมกินข้าวด้วย ไม่มีปอนด์คอยทำให้แล้ว" พี่เป้ชอบนอนจนลืมกินตลอดเลย ไม่ให้ห่วงได้ไง เห็นบอกร่างกายต้องการเตียงตลอด แต่ผมก็เข้าใจนะ ทำงานที่ต้องเจอแขกต่างชาติ ต่างความต้องการทั้งวัน คงเหนื่อยมาก

       

      "โอเค แล้วนี่ทำไมยังไม่นอนอีก"

       

      "ปอนด์เตรียมงาน พรุ่งนี้มีสัมภาษณ์พี่รัน ก็เลยมานั่งคิดคำถามกับพวกเพื่อนๆครับ"

       

      "โอเค งั้นพี่ไปอาบน้ำนอนแล้วเดี๋ยวมาอยู่เป็นเพื่อน" พี่เป้ว่าพลางลุกขึ้นยืน

       

      "ไม่เป็นไรครับ พี่เป้นอนก่อนเลย" พี่เป้พยักหน้ารับแล้วเดินหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปผมเลยกลับมานั่งคิดงานต่อ

       

      เพ่ื่อนตายก็แค่ไปงานศพ (3)

      00.04


      Mr.Hurt: แล้วทีเหลือเราก็ค่อยตัดต่อเพลงใส่เอา หรือมึงว่าไง @ปอนด์
      Mr.Hurt: Hello~
      Mr.Hurt: อ้าวเพื่อนกู ไปดีซะแล้ว
       

      00.12

      ปอนด์: โทษทีครับ พี่เป้กลับมาพอดีเลยคุยอะไรกันนิดหน่อย


      Mr.Hurt: เออ งั้นมึงไปนอนได้แล้วมั้ง เดี๋ยวพวกกูก็จะกลับละ

      ปอนด์: นี่ยังอยู่ที่ร้านเหล้ากันหรอครับ


      Mr.Hurt: เออ กำลังจะกลับ
      Mr.Hurt: คืนนี้พี่สินไม่ไปนอนกับมึงหรอวะ
      Mr.Hurt: กูเจอพี่เขานั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อนโต๊ะใกล้ๆ น่าจะเมาด้วย

      ปอนด์: แล้วทำไมเขาต้องมานอนกับผมละครับ

      ปอนด์: เขาจะไปไหนมันก็เรื่องของเขา

      ปอนด์: ผมไปนอนแล้ว โฟล์คกับวิวก็รีบกลับได้แล้วครับ

      ปอนด์: เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ทัน


      Mr.Hurt: โห รัวเลย
      วิวเฉยๆ วี้ดวิวพ่อง: เออ กูตกใจเลย
      Mr.Hurt: ทะเลาะไรกับพี่เขาป้ะวะ
      Mr.Hurt: เห็นพี่มันดูอารมณ์ไม่ค่อยดี
      วิวเฉยๆ วี้ดวิวพ่อง: เออ จริง แถมตอนไปทัก พี่เขาถามเพื่อนตัวดีไม่มาด้วยหรอ
      วิวเฉยๆ วี้ดวิวพ่อง: กูนี่งงเลย มากันสองคน ถามหาใคร เลิ่กลั่กสุด
      Mr.Hurt: รีบๆ ง้อพี่เขาด้วยนะมึง
      Mr.Hurt: เดี๋ยวโดนคาบไปแดกนะ ของดีขนาดนี้

       

      ผมขมวดคิ้วกับข้อความสุดท้ายที่โฟล์คส่งมา ทำไมผมต้องง้อด้วย ผมทำอะไรผิด มีแต่พี่เขาเองที่หงุดหงิดอยู่ฝ่ายเดียว แถมตอนนี้ยังมาทำให้ผมหงุดหงิดเพิ่มอีกคน เป็นอะไรนักหนา จะไม่กลับก็ไม่บอก แถมเอาคีย์การ์ดผมไปด้วย นี่ผมก็ต้องบอกให้ทางนิติมาเปิดห้องให้ เพราะไม่ได้เอาคีย์สำรองติดตัวไป ผมปิดแชท นั่งโหลดซาวด์ประกอบเรื่อยเปื่อยจนพี่เป้เดินออกมาจากห้องน้ำ

       

      "เป็นอะไรเรา คิ้วขมวดเชียว คิดงานไม่ออกหรอ" ผมผละมือออกจะจับคิ้วตัวเอง นี่ผมขมวดคิ้วตั้งแต่เมื่อไหร่

       

      "เปล่าครับ งานเสร็จแล้วกำลังโหลดเพลงอยู่"

       

      "เอ้าหรอ เห็นทำหน้าเครียดเลย มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ปรึกษาพี่ได้นะ" ผมลังเลนิดหน่อย ก่อนจะพยักหน้าหันไปทางพี่เป้

       

      "คือว่ามีคนงอนปอนด์" พี่เป้พยักหน้าแล้วนั่งลงข้างๆ

       

      "อ่าฮะ ทะเลาะกันหรอ ถึงบอกว่าเขางอน" ผมส่ายหน้า

       

      "ปอนด์ไม่รู้ว่าจะเรียกทะเลาะได้มั้ย เพราะปอนด์ไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด" พี่เป้พยักหน้าพลางนั่งหลังตรง

       

      "แล้วปอนด์รู้สึกผิดมั้ย" ผมนิ่งคิดตามพี่เป้ แล้วค่อยพยักหน้าเบาๆ

       

      "อืม แล้วอยากให้เขาหายงอนมั้ย?" ผมพยักหน้าตามอีก

       

      "ก็ง้อสิ ไม่เห็นยากเลย"

       

      "แต่ปอนด์ไม่รู้จะเริ่มยังไง คือถ้าปอนด์ง้อเขา หมายความว่าปอนด์ผิดหรอ? ปอนด์ไม่เคยง้อใครมาก่อน" พี่เป้หัวเราะน้อยก่อนจับผมโยกหัว

       

      "มันไม่เกี่ยวหรอกว่าใครผิดใครถูก ถ้าปอนด์รู้สึกไม่ดีที่ทำให้เขางอน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขางอนเรื่องอะไรก็เถอะ ปอนด์ก็ควรหาทางคืนดีกับเขานะ" ผมพยักหน้าตาม

       

      "แล้วต้องง้อยังไง?" พี่เป้หัวเราะดังขึ้นอีกหน่อย

       

      "ก็ขอโทษเขา พาเขาไปกินของอร่อยๆก็น่าจะหายมั้ง สำหรับพี่แค่นั้นมันก็พอนะ" ผมพยักหน้ารับก่อนจะบอกขอบคุณพี่เป้ แล้วแยกย้ายกันไปนอน ว่าแต่พี่สินชอบกินอะไรผมยังไม่รู้เลย

       

      ***************************

       

      "ขอบคุณมากเลยนะครับพี่รัน" ผมกับเพื่อนๆยกมือไหว้ขอบคุณพี่รันหลังจากสัมภาษณ์เสร็จแล้ว เห็นว่ามีเรียนต่อด้วย แต่ก็ยังอุตส่าห์หาเวลามาให้พวกผมสัมภาษณ์อีก ใจดีจริงๆเลย

       

      "ยินดีมากครับ เอาจริงๆ ปอนด์มาถามพี่โดยตรงเลยก็ได้นะ พี่ไม่กัด" พี่รันว่าพลางยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี ผิดกับคนที่มากับพี่รัน หน้าอย่างกับไปกินรังแตนที่ไหนมา

       

      "เสร็จแล้วก็ไปได้แล้วมั้ง อาลัยอาวรณ์กันเหลือเกิน" พี่รันยื่นขาไปเตะพี่สินที่นั่งอยู่เบาๆ ก่อนจะยิ้มแหยๆให้ผม

       

      "สงสัยเมนส์มันมาครับ อย่าไปใส่ใจเลย เอ้อ ว่าแต่จะเป็นไรมั้ยครับ ถ้าพี่จะขอไลน์น้องปอนด์ไว้ พี่ชอบรูปที่เราถ่ายพี่มากเลย หล่อดี อยากให้ส่งให้" พี่รันยิ้มตาหยี ผมพยักหน้าพลางหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา

       

      "ได้สิครับ พี่รันหล่ออยู่แล้วถ่ายออกมายังไงก็หล่อครับ ถ้ายังไงเดี๋ยวผมเอารูปลงแล้วจะส่งให้ในไลน์นะครับ อ๊ะ"

       

      "เดี๋ยวกูส่งให้มึงเอง" พี่สินที่ไม่รู้ลุกมาตอนไหน แย่งโทรศัพท์ผมไปจากมือแถมเอาไปเก็บในกระเป๋ากางเกงตัวเองหน้าตาเฉย

       

      "มึงจะทำให้ยุ่งยากทำไมวะ ให้น้องส่งมาให้กูเลยก็จบ"

       

      "เออน่ะ เดี๋ยวกูส่งให้เอง ไปได้แล้ว" พี่สินว่าพลางกอดคอพี่รันทำท่าจะลากเพื่อนตัวเองไป

       

      "พี่สินครับ โทรศัพท์ผมล่ะ" ผมรั้งแขนข้างที่ว่างของพี่สินไว้แล้วขอโทรศัพท์ตัวเองคืน

       

      "ตามมาเอาเองดิ กูจะไปเรียนแล้ว ปล่อย" แล้วพี่สินก็เดินหนีไปหน้าตาเฉยเลย อ้าว อะไรของเขา

       

      "นี่มึงยังไม่ได้คืนดีกับพี่เขาอีกหรอ" ผมส่ายหน้าให้วิวที่กำลังก้มเก็บสถานที่ที่เราใช้สัมภาษณ์พี่รันอยู่

       

      "ยังเลย"

       

      "ทำไมไม่ง้อวะ" โฟล์คเงยหน้าจากการเช็คงานในกล้องเพื่อถามผมโดยเฉพาะ

       

      "ก็ไม่รู้จะง้อยังไง" วิวถอนหายใจหน่ายๆใส่ผม ผมยักไหล่พลางเก็บอุปกรณ์กล้อง

       

      "แล้วมึงไปทำอะไรให้พี่เขาโกรธล่ะ" ผมส่ายหน้าอีกหน

       

      "ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าพี่เขาโกรธเรื่องอะไร"

       

      "ห๊ะ แล้วมึงจะง้อเขาสำเร็จมั้ยเนี่ย" วิวทำท่าตกใจซะเว่อร์อะไรขนาดนั้น

       

      "สมเป็นมึงจริงๆเชลดอน ฮ่าๆๆ" ส่วนโฟล์คก็หัวเราะขัดอารมณ์วิวไปอีก นี่เขาสองคนเป็นมาเป็นเพื่อนกันได้ไงนะ เอ้อ แล้วผมมาเป็นเพื่อนสองคนนี้ได้ไงเนี่ย

       

      "แล้วนี่มึงจะกลับไปทำต่อให้เสร็จเลยป้ะหรือยังไง" อืม เอาจริงๆ ทำเลยก็ดีนะ จะได้เสร็จๆไป ไหนๆวันนี้ผมก็ไม่ต้องทำพาร์ทไทม์แล้ว

       

      "แต่กูว่าก่อนอื่นมึงไปง้อพี่เขาก่อนเหอะ" วิวพูดพลางตบไหล่ผมเบาๆ โฟล์คก็พยักหน้าเห็นด้วย

       

      "แต่ผมไม่รู้จะง้อยังไง" วิวกับโฟล์คหันหน้าไปยิ้มให้กันแล้วหันมามองหน้าผมพลางยิ้มกริ่ม

       

      "เดี๋ยวพวกกูช่วยมึงเอง"

       

      *************************

       

      "ไม่เอาาาาาา จะบ้าหรอ คนเต็มคลาสเลย" ผมกำลังยื้อตัวเองสุดชีวิตเพราะเพื่อนสองคนที่บอกจะช่วยผมหาวิธีง้อพี่สิน คือการพาผมไปซื้อกาแฟใต้ถุนอาคารมาหนึ่งแก้วแล้วลากผมมาถึงคลาสเรียนพี่เขา

       

      "มึงจะมาป๊อดอะไรวะ เร็วๆดิ ก่อนอาจารย์เขาจะเข้า" วิวยังคงพยายามดันตัวผมที่พยายามเกาะผนังมุมทางเดินไว้อย่างเหนียวแน่น ชาติที่แล้วผมต้องเกิดเป็นตุ๊กแกแน่ๆ

       

      "อย่าลีลาดิ๊ปอนด์กูเหนื่อยแล้วนะ" โฟล์คว่าพลางพยายามแกะนิ้วมือผมออกจากผนัง

       

      "เด็กๆทำอะไรกัน" ผมสะดุ้งโหยงหันไปมองข้างหลัง พี่โอ๊ต

       

      "พี่โอ๊ตสวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้พี่เขา เพื่อนอีกสองคนเลยปล่อยมือแล้วไหว้ตาม

       

      "สวัสดีครับ แล้วนี่มาทำอะไรกันหน้าห้องพี่ครับ" พี่โอ๊ตยิ้มสดใสพลางมองพวกผมที่ยืนรวมกันเป็นกระจุก โอ้โห ต่อให้พี่เขาจะไม่ใช่ราชนิกุลจริงๆ แต่ยิ้มอย่างนี้ร้อยทั้งร้อยผู้หญิงคือตายเรียบแน่ๆครับ ขนาดรอยยิ้มยังดูผู้ดีเลย คนอะไรก็ไม่รู้

       

      "คือว่าผมจะมาง้อพี่สินน่ะครับ"

       

      "หืม? ยังไงนะครับ"

       

      "คือว่าพี่สินเขาเอาโทรศัพท์เพื่อนผมไปน่ะครับ พวกผมก็เลยพามันมาเอาคืน" โฟล์คเป็นคนตอบพี่โอ๊ตไปแทน เพราะถ้าให้ผมตอบคงต้องอธิบายกันไปอีกยาวเลย

       

      "อ๋อ โดนสินยึดโทรศัพท์นี่เอง มาสิ เดี๋ยวพี่พาเข้าไป" พี่โอ๊ตว่าพลางดึงข้อมือผมให้เดินตามไป แรงเยอะเป็นบ้า ออกแรงดึงทีเดียวผมนี่ตัวปลิวตามเลย ผมก็ไม่ใช่ตัวน้อยๆ นะครับ ขนาดเพื่อนผมสองคนยังพยายามแงะผมออกจากผนังตั้งนานแน่ะ

       

      "ไอ้สิน!!! เด็กมึงมาง้อแล้ว!!!" แล้วพี่โอ๊ตจะตะโกนทำไมครับเนี่ย นั่นไง หันมาทั้งห้องเลย ToT ผมยืนหลบหลังพี่โอ๊ตตัวลีบ แล้วแอบชะเง้อดู เห็นพี่สินนั่งอยู่ไกลลิบ แล้วทำไมห้องนี้ต้องเป็นแบบสโลฟด้วยเนี่ย เห็นกันอย่างทั่วถึงเลย

       

      "มาครับ ไม่ต้องกลัวเพื่อนพี่นิสัยดีทุกคน ไม่มีใครกัด" พี่โอ๊ตเดินจูงมือผมขึ้นไปจนถึงโต๊ะที่พี่สินนั่งอยู่กับเพื่อนเขาอีกสี่คน ผมก็ยืนเก้ๆกังๆ ทำอะไรไม่ถูกอยู่ดี ก็เลยยื่นแก้วกาแฟไปให้ตรงหน้าพี่สิน

       

      "..." พี่สินมองแก้วกาแฟแล้วมองหน้าผม

       

      "เอ่อ ให้ครับ"

       

      "ให้ทำไม?"

       

      "คือ...ขอโทษครับเรื่องเมื่อวาน"

       

      "..." เงียบเป็นป่าช้าเลย แล้วทุกคนจะมาลุ้นอะไรกับผมนักล่ะครับ มีอะไรก็ทำไปสิ

       

      "ผมก็ไม่รู้ว่าพี่งอนเรื่องอะไร แต่ขอโทษครับ"

       

      "..." พี่สินไม่ตอบอะไรพลางมองหน้าผมนิ่งๆ เอาไงดีอ่ะ หรือผมค่อยมาวันหลังดี ผมหันไปหาเพื่อนๆพี่เขาอย่างหาตัวช่วย แต่ทุกคนก็เอาแต่นั่งขำอย่างเดียว

       

      "หายงอนปอนด์ได้มั้ยครับ"

       

      "โอ๊ยยยยยยย น่ารักเหี้ยๆ ไอ้สินถ้ามึงยังไม่หายงอนน้องกูจะคาบไปแดกแล้วนะ" แล้วก็อีกหลายเสียงเซ็งแซ่ ทั้งผิวปากทั้งตะโกนอะไรที่ผมจับใจความไม่ค่อยรู้เรื่อง ว่าแต่ผมต้องระวังพี่คนที่นั่งข้างพี่สินใช่มั้ย เขาบอกว่าจะคาบผมไปกินด้วยล่ะ น่ากลัววววว ToT

       

      "เสือก" พี่สินหันไปว่าเพื่อนตัวเองแล้วยื่นมือมารับแก้วกาแฟไปจากผมไปดูด

       

      "เออ หายก็ได้" ผมยิ้มให้พี่สิน แสดงว่าพี่สินหายงอนแล้วใช่มั้ยเนี่ย กาแฟไถ่โทษถือว่าสำเร็จ

       

      "แล้วก็ขอโทรศัพท์คืนได้มั้ยครับ"

       

      "เดี๋ยวกูค่อยคืนตอนเลิกเรียน" อ้าว

       

      "แต่ว่าผมจะกลับบ้านแล้ว"

       

      "มึงยังกลับไม่ได้ ไอ้เชมึงขยับไปดิ๊ ส่วนมึงมานั่งนี่" พี่สินถีบเพื่อนตัวเองให้ลุกไปนั่งอีกตัวแล้วดึงแขนผมมานั่งข้างๆ

       

      "รอกลับพร้อมกัน"

       

      "แต่ว่า..."

       

      "ไม่มีแต่ รอกูเรียนเสร็จค่อยกลับพร้อมกัน" ผมพยักหน้ารับ

       

      "ผมเอางานขึ้นมาทำได้มั้ยครับ" ผมถามพี่สินพลางยกแล็ปท็อปตัวเองออกมาจากกระเป๋า

       

      "อืม" ผมเปิดแล็ปท็อปตัวเองพลางเอาหูฟังขึ้นมาเสียบด้วย กะว่าจะนั่งตัดคลิปที่สัมภาษณ์พี่รันไปพลางๆระหว่างรอพี่สินเรียน

       

      "น้องปอนด์ใช่มั้ยครับ พี่ชื่อเชนะ ส่วนไอ้นี่ชื่อมาร์ค คนที่เหลือน้องคงรู้จักแล้ว" ผมหันไปยกมือไหว้พี่ๆ จากนั้นก็กลับมาทำงานตัวเองต่อ สักพักอาจารย์ก็เดินเข้าห้องมา

       

      "ง่วงสัส" ผมหันไปมองพี่สินที่นอนเอาแก้มแนบโต๊ะพลางหันมาทางผม

       

      "ทำไมไม่เรียนล่ะครับ"

       

      "ขี้เกียจ นอนมองมึงดีกว่า"

       

      "ดียังไงครับ พ่อแม่ส่งมาเรียนนะ"

       

      "เพลินตากว่าไง อย่าพูดมากทำงานไป" หลังพี่สินพูดก็มีเสียงฮิ้วเบาๆจากเพื่อนๆเขา แล้วทุกคนก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อผมหันไปมอง

       

      "จบคาบแล้วปลุกด้วยดิ"

       

      "ถ้าจะนอนอย่างนี้อย่าเข้าเรียนเลยครับ" พี่สินหัวเราะในลำคอก่อนจะลุกขึ้นเรียนเหมือนเดิมพลางขยี้หัวผมเบาๆด้วย ฮื่อ ผมยุ่งหมด แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก พี่สินอารมณ์ดีก็ดีแล้ว ดีกว่าตอนทำหน้าบูดเยอะ จะว่าไปการง้อคนนี่มันก็ไม่ได้ยากแฮะ

       

       

       

       

       

       

       

       

       

      ************

      tbc

       

      ^^

       

       

       

       

       

       

       

       

       



      « แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2020 23:13:37 โดย yuzhou62ppap »

      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0


      Ch.13 อย่าชี้ทางสว่างให้น้อง


      "คืนนี้กูไปนอนด้วยนะ" ผมเก็บโน๊ตบุ๊คไปพลางพยักหน้ารับไป



      "เดี๋ยวๆ ยังไงครับไอ้สิน มีขอไปนอนห้องน้องด้วย" ก็พี่สินเป็นรูมเมท ไม่ให้ไปนอนห้องผมแล้วจะให้ไปนอนไหน พวกพี่ๆนี่ก็ถามแปลกๆ



      "ไม่เสือกดิ" พี่สินยื่นมืออ้อมหลังผมไปตบหัวเพื่อนตัวเองหนึ่งที จะทำให้มันยุ่งยากทำไมเนี่ย แล้วก็วางแขนพาดไหล่ผมไว้เลย เดือดร้อนไหล่ผมอีก



      "เค้" พี่เชลูบหัวตัวเองป้อยๆ ก่อนหันมายิ้มให้ผมแล้วจ้องหน้าอยู่แบบนั้น



      "ครับ?" 



      "ไอ้สินไปนอนกับปอนด์บ่อยมั้ยครับ?" พี่เชถามพลางยิ้มกริ่มแล้วก็หันไปหรี่ตามองหน้าเพื่อนตัวเอง



      "ไม่บ่อยนะครับ เพิ่งค้างแค่คืนเดียวแล้วก็งอนไม่ยอมกลับห้องเมื่อคืนนั่นแหละครับ"



      "อ๋อ แล้วสินมันนอนตรงไหนหรอครับ"



      "ในห้องนอนผมครับ"



      "อ๋ออออ" พี่ๆที่เหลือพากันประสานเสียงรับ



      "ทำไมหรอครับ?"



      "เปล่าครับ ไม่มีอะไร พี่ๆก็แค่อยากรู้" ผมพยักหน้ารับ



      "แล้วนี่น้องปอนด์จะไปไหนต่อหรอเปล่าครับ" พี่รันถามพลางยิ้มให้อย่างใจดี



      "น่าจะกลับเลยนะครับ"



      "ไปกินข้าวกับพวกพี่มั้ยครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง" ผมหันไปถามความเห็นพี่สิน เพราะที่อยู่จนถึงตอนนี้ก็เพราะพี่สินบอกให้กลับบ้านพร้อมกัน



      "เดี๋ยวไปกินข้าวกับพวกนี้มันก่อนก็ได้" ผมพยักหน้ารับพี่สินเดินมาหยิบกระเป๋าโน๊ตบุ๊คผมไปเพื่อจะถือให้ แต่ผมยื้อไว้กับตัว



      "เดี๋ยวผมถือเองครับไม่เป็นไร"



      "อย่าดื้อ เอามานี่ หิ้วอะไรมาเยอะแยะเป็นบ้าหอบฟางเลย ทั้งเป้ ทั้งกระเป๋ากล้องเนี่ย" ผมหน้างอก่อนจะยอมยื่นให้ เพราะยังไงเดี๋ยวเขาก็ใช้กำลังบังคับเอาไปถือให้อยู่ดี ผมเดินตามกลุ่มพี่สินลงไปติดๆ แต่เพราะมัวแต่เดินก้มมองพื้นเลยทำให้ชนกับแผ่นหลังพี่สินเต็มๆตอนที่คนข้างหน้าหยุดกะทันหัน พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง มีกันอยู่สามคนมาดักหน้าพวกเราไว้



      "วันนี้สินพอจะว่างมั้ยคะ?" คนที่ยืนอยู่หน้าสุดถามพี่สิน แต่เจ้าตัวทำหน้ารำคาญสุดขีดเหมือนไม่อยากจะเสียเวลาคุยด้วย



      "ไม่ว่าง"



      "เดี๋ยวนี้ดูสินไม่มีเวลาให้มิตาเลยนะคะ" ผู้หญิงคนนั้นเสียงดังขึ้นมาอีกระดัับหนึ่ง พลางเดินเข้ามาใกล้อีก พวกพี่ทั้งกลุ่มช่วยกันบังผมไว้หลังสุด จริงๆ ผมก็ไม่ได้เตี้ยนะ แต่พวกพี่เขาสูงกว่ามาตรฐานกันไปเอง สถานการณ์ดูไม่สู้ดีเท่าไหร่เลยครับ เพราะแม้กระทั่งพี่สินเองก็เอื้อมมือมาจับข้อมือผมไว้แน่น



      "สินว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ"



      "สินรู้เรื่องอยู่คนเดียวหรือเปล่าคะ? คิดว่าจะทำอย่างนี้กับมิตาได้หรอ!" ผมสะดุ้งเฮือกเลย คุยกันดีๆ ก็ได้นะ ทำไมต้องตะโกนใส่กันด้วย



      "นึกว่าจะเลิกกันง่ายๆแบบนี้หรอ บอกไว้เลยว่ามิตาไม่ยอม!" เจ็บคอแทนเลยครับ ตะโกนขนาดนั้น



      "ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เราไม่ได้คบกันสักหน่อย มิตาก็รู้อยู่แก่ใจ" พี่สินพูดขึ้นนิ่งๆ แต่ผมว่าเขาเริ่มอารมณ์เสียแล้วล่ะ ทำไมน่ะเหรอ ก็มือที่บีบข้อมือผมอยู่นี่ไง น่าจะเป็นหลักฐานที่ดี



      "ทำไมสินพูดแบบนี้คะ!!!"



      "ก็พูดเรื่องจริง สินไม่เคยพูดสักคำว่าเราคบกัน"



      "สิน!!!" หน้าคุณมิตาเครียดขึง เหมือนพร้อมจะเข้ามาขย้ำพี่สินทุกเมื่อ ตาจะถลนออกมาอยู่แล้ว หรือว่า...



      "จะตะโกนอีกนานมั้ย น่ารำคาญ!! ก็น่าเบื่ออย่างนี้ไง ถึงได้โดนทิ้งเร็ว"



      "กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!" เฮือก! ตกใจหมดเลย ผีเข้าหรือเปล่าเนี่ย ทำไมอยู่ดีๆก็กรี๊ด ผมพยายามดึงข้อมือตัวเองออกตั้งใจจะจับพระตรงคอเสื้อขึ้นมาไหว้ แต่พี่สินจับไว้แน่นก็เลยได้แต่ย่อตัวลงนั่งแทน ผีเข้า ผีเข้าแน่ๆ



      "น้องปอนด์ลงไปทำอะไร" พี่เต็มที่ยืนอยู่ข้างๆก้มหน้าลงมากระซิบ ผมเลยโชว์พระไหว้เหนือหัวแล้วแบมือให้พี่เขาดูก่อนจะบอกเบาๆ



      "สวดมนต์ครับ" พี่เต็มทำหน้าเหวอก่อนจะกลั้นขำ สวดมนต์ตลกตรงไหน



      "โว้ยยยยยยยยยยยย จะเงียบได้ยัง แหกปากให้ได้อะไร นึกว่าเป็นผู้หญิงแค่กรี๊ดๆๆ คนก็เข้าข้างหรือไง หยุดเถอะมันดูทุเรศ!" พี่สินตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ส่วนคุณคนนั้นก็เงียบไปเลย โห พี่สินนี่โคตรเจ๋งอ้ะ แค่ตะคอกผียังกลัวเลย



      "เอ้า ลุกดิ มึงลงไปนั่งทำไม?" พี่สินกระตุกข้อมือผมให้ลุกขึ้น ผมรีบผุดลุกตามแรงดึงไม่งั้นหน้าคว่ำแน่ๆ



      "สวดมนต์ครับ"



      "สวดมนต์? ตอนนี้อ่ะนะ มึงสวดทำไม?"



      "แผ่ส่วนกุศลครับ ผมคิดว่าผีที่เข้าพี่เขาอยู่อาจจะสงบลง ถ้าเราแผ่เมตตาให้" ผมตอบพลางหันไปยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เป็นคนดีผีคุ้มครองก็จริง แต่ผีคุ้มคลั่งแบบนี้ ต้องผูกมิตรไว้ก่อนครับเดี๋ยวพุ่งมาบีบคอผมล่ะแย่เลย ผมไม่สู้คน แล้วทำไมทุกคนต้องหัวเราะเสียงดังขนาดนี้ ผมเริ่มคิดจริงๆแล้วนะ ว่าคนสมัยนี้เห็นเรื่องการไหว้พระไหว้เจ้าเป็นเรื่องตลก แย่ๆ ควรได้รับการปลูกฝังที่ดีกว่านี้



      "ไอ้เด็กบ้า!! แกกล้าดียังไงมาว่าฉันผีเข้า!!!" ผมผงะถอยหลังทันทีเมื่อผี เอ้ย พี่ผู้หญิงที่ชื่อมิตากระทืบเท้าทำท่าเหมือนจะเข้ามาขย้ำผมให้ตายคามือ



      "คือ..." ผมหันไปหาพี่สินอย่างขอความช่วยเหลือ แต่พี่สินก็เอาแต่ขำไม่สนใจผมเลย กว่าจะหยุดได้ก็ขำจนเขาพอใจกันนั่นแหละ



      "อย่าไปใส่ใจเลย พี่เขาแค่ผีเข้านั่นแหละ แต่เขาไม่กล้าทำอะไรมึงหรอก อยู่กับกูซะอย่าง ป้ะ อย่าไปใส่ใจไปกินข้าวกัน" พี่สินว่าพลางลากผมจะเดินออกจากห้องแต่ว่าพี่มิตาก็ยังไม่ยอมปล่อยเราไปอยู่ดี



      "สินจะหนีไปแบบนี้ไม่ได้นะ เราต้องคุยกัน แล้วไอ้เด็กนี่มันเป็นใคร ทำไมต้องไปจับมือมันด้วย!" ผมพยายามดึงมือออกแต่พี่สินกลับจับไว้แน่นมากกว่าเดิมแล้วดึงผมไปประชิดตัวด้วย



      "แล้วมีสิทธิอะไรจะรู้ไม่ทราบ ถอยไป น่ารำคาญ" แล้วพี่สินก็เดินกระแทกไหล่พี่เขาเปิดทางเพื่อนๆได้เดินผ่านมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน หรือเราควรจะชวนพี่เขาไปกินข้าวด้วยกัน เผื่อได้กินข้าวแล้วจะสงบขึ้น



      "เอ่อ พี่สินจะไม่ชวนเขาไปด้วยหรือครับ?" ผมถามพี่สินหลังจากพวกเราเดินออกมาได้ไกลพอสมควรแล้ว พี่สินหันหน้าไม่สบอารมณ์มามองผมก่อนจะถอยหายใจใส่แรง



      "บางทีกูก็สับสนนะปอนด์ว่ามึงซื่อหรือกวนตีนกูกันแน่"



      ***********************



      "น้องปอนด์กินเยอะๆนะครับ"



      "น้องปอนด์กินอันนี้ด้วย"



      "อันนี้ด้วยครับ ตัวผอมหมดแล้ว" ผมคีบหมูที่พี่ๆเอามาวางไว้ในถ้วยคืนให้แต่ละคน คือจะไม่กินกันเลยใช่มั้ยเนี่ย อ่อ แต่เว้นพี่มาร์คไว้คนหนึ่ง รายนั้นนั่งคีบหมูกินไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แถมดูจะเป็นคนเงียบๆด้วย



      "ไม่ต้องทำให้ผมก็ได้ครับ ผมทำเองได้" 



      "ไม่เป็นไรครับ พวกพี่รักษาหุ่น" พี่รันตอบพลางคีบหมูมาวางไว้ในถ้วยผมอีกครั้ง ถ้ารักษาหุ่นแล้วจะพามากินทำไม



      "ใช่ พี่เห็นน้องปอนด์ยืนมองร้านนี้อยู่นาน ชอบใช่มั้ย กินเยอะๆเลยนะครับ" พี่โอ๊ตพูดไปคีบไปจนตอนนี้ถ้วยผมเต็มไปด้วยหมู ซ้ำยังมีถ้วยเปล่าที่สินขอพนักงานมาให้เพิ่มอีก



      "น้องปอนด์ชอบก็กินเยอะๆเลยครับ" พี่เชก็เป็นไปกับเขาด้วยเหรอเนี่ย



      "คือจริงๆแล้วผมไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้นครับ" ผมตอบไปตามความจริง



      "อ้าว พี่เห็นเรายืนมองหน้าร้าน" ผมนึกตาม



      "อ๋อ ผมเห็นน้องคนหนึ่งยิ้มน่ารักมากครับอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ แต่มันไม่เหมาะ เลยยืนมองเฉยๆแค่นั้นเองครับ" ผมตอบพลางยิ้มให้ ในขณะที่พี่สินนี่วางตะเกียบแล้วจ้องหน้าผมอย่างไม่พอใจ หรือจะโมโหที่ไม่มีใครคีบให้เจ้าตัวบ้าง



      "ใคร?" หืม?



      "ใครอะไรครับ?"



      "คนที่มึงมองน่ะ"



      "อ๋อ ผมไม่รู้จักหรอกครับ แต่น่ารักดีเลยมอง" ผมยิ้มตอบ หน้าเด็กน้อยคนนั้นยังติดอยู่ในหัวผมอยู่เลย น้องน่ารักมาก แก้มกลมๆ เคี้ยวตุ้ยๆ ผมเป็นคนชอบเด็กมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเข้าหาหรือรับมือยังไงเวลาที่พวกเขาร้องไห้เท่านั้นเอง พยายามจะเข้าไปเล่นกับหลายๆคน ก็โดนร้องไห้ใส่มาทุกคน ผมก็เลยเลิกพยามยามจะผูกมิตร



      "เอ่อ น้องปอนด์ชอบคนน่ารักเหรือครับ" พี่เชหันมาถามผมบ้างพลางคีบเนื้อหมูเข้าปาก



      "ครับ ชอบมากเลย ยิ่งยิ้มน่ารักๆ ยิ่งชอบมอง" ผมตอบพลางยิ้ม ใครไม่ชอบเด็กๆน่ารักๆ กันบ้างล่ะ



      "..."



      "ฮ่าๆๆๆ อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ไอ้สินกินๆๆมึง" พี่โอ๊ตหันไปคีบเนื้อหมูให้พี่สินบ้างแต่พี่เขาก็ยังหน้าบูดอยู่



      "ไม่กินแม่งละ อิ่ม" อ้าว ผมวางตะเกียบลงบ้าง นี่คือจะเลิกกินกันแล้วใช่มั้ย



      "จะกลับเลยหรอครับ?" ผมถามพี่สินที่ตอนนี้นั่งกอดอกมองหน้าผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าหิวก็กินเข้าไปสิ



      "ยัง มึงกินต่อดิ"



      "แล้วพี่สินไม่กินหรอครับ?"



      "ไม่หิว" อ้าว หรือจะง่วง เห็นบ่นๆตั้งแต่ในห้องเรียน



      "งั้นกลับเลยก็ได้ครับ" 



      "กินๆไปเหอะ" แล้วเจ้าตัวก็คีบหมูมากองๆไว้ตรงถ้วยเปล่าที่เอามาให้ผม จังหวะนั้นเองที่เด็กคนที่ผมมองก่อนจะเข้ามาร้านเดินผ่านมาทางโต๊ะพอดีเหมือนเจ้าตัวจะไปเข้าห้องน้ำ เพราะโต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่ใกล้ทางเข้าห้องน้ำพอดี อ๊ะ



      "เจ็บมั้ยครับ?" ผมจับแขนน้องไว้ได้ก่อนจะล้ม เจ้าตัวเล็กเดินชนขอบโต๊ะจนเซ คุณพ่อน้องก้มหัวขอบคุณผมก่อนจะบอกให้น้องขอบคุณผมด้วย



      "ขอบคุณคับ" น้องหันมาไหว้ผมก่อนจะเดินจากไป ดูจากขนาดตัวแล้วไม่น่าจะเกิน 4-5 ขวบ แต่น้องน่ารักมาก แถมเป็นเด็กดีอีกต่างหาก อยากจะหยิบกล้องมาถ่ายจังเลยนะ



      "ยิ้มอะไรของมึง? กินเข้าไป" ผมนั่งกินอาหารต่อ สักพัก น้องก็ออกมาจากห้องน้ำเดินพลางโต๊ะผมอีกที เหมือนน้องกับคุณพ่อจะทานเสร็จแล้ว ก่อนไปยังหันมาโบกมือให้ผมด้วย ผมเลยโบกมือบายบายกลับ พวกพี่ๆในโต๊ะเลยหันไปมองตาม น้องน่ารักจังเลยยยยย



      "น้องปอนด์ชอบเด็กหรอ?" พอน้องออกจากร้านไปแล้วพี่เชก็หันมาถามผม



      "ครับ น้องน่ารักมาก ตอนเคี้ยวก็แก้มตุ้ยๆ อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้เลย"



      "ที่บอกว่ายืนมองน้องน่ารักๆนี่หมายถึงคนนี้?" 



      "ใช่ครับ" ผมพยักหน้าพลางคีบหมูขึ้นปิ้งบนกะทะเมื่อเห็นว่ามันเริ่มร่อยหรอ



      "ฮ่าๆๆๆ" ผมเงยหน้ามองพี่ๆทุกคนที่พากันนั่งขำ ยกเว้นพี่สินคนเดียวที่ทำหน้าบึ้งหงุดหงิดกว่าเดิม



      "ไอ้สินเอ๊ยยยย หึงได้แม้กระทั่งเด็ก" แล้วพวกพี่ๆเขาก็พูดแซวอะไรพี่สินอีกไม่รู้เยอะแยะที่ผมจับใจความไม่ได้



      "น้องปอนด์ครับ ถ้าวันไหนเบื่อไอ้สินแล้วอยากจะเปลี่ยนรูมเมทบอกพี่ได้นะ พี่พร้อมจะมาอยู่เป็นเพื่อนน้องทุกเมื่อเลย" ผมพยักหน้ารับก่อนจะโดนพี่สินตบหัวเบาๆหนึ่งที



      "มึงพยักหน้าทำไม มึงจะเบื่อกูเหรอ ใครอนุญาต" เอ้า คนจะเบื่อต้องขออนุญาตด้วยหรอเนี่ย ผมเพิ่งรู้



      "มึงก็อีกคน กินๆไปเลยไอ้เช ไม่ต้องมาเสือก" 



      "ทำไม กูก็แค่อยากชี้ทางสว่างให้น้องเขา คนอย่างมึงน่ะ ซื่อๆอย่างน้องตามทันที่ไหน เดี๋ยวพี่ขอเบอร์น้องปอนด์ไว้ด้วยนะครับเผื่อเวลาไอ้สินมันทำอะไรไม่ดี ก็ทักมาบอกพี่ได้เลย" ผมพยักหน้า พวกพี่รัน พี่โอ๊ตก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาด้วยเหมือนกัน แต่พี่สินตีมือทุกคนก่อนจะได้แลกคอนแทคกันจริงๆ



      "พอๆเลย พวกมึงก็บ้าตามมัน มีอะไรก็ติดต่อผ่านกูนี่"



      "แหม ยังไม่ทันไร หวงเขาแล้วหรอตัวเอง" พี่โอ๊ตว่าพลางเอานิ้วจิ้มคางพี่สินอย่างล้อเลียน



      "เออ หวงมากด้วยเพราะฉะนั้นพวกมึงห้ามเสือก จบนะ" พี่สินเอื้อมมือมาโอบไหล่ผมพลางดึงชิดตัวเองท่ามกลางเสียงโห่แซวของคนทั้งโต๊ะเว้นพี่มาร์คที่แค่ยิ้มมุมปาก ผมเพิ่งรู้ ว่าคนเราก็หวงรูมเมทตัวเองได้ด้วย แล้วผม หวงพี่เขาได้มั้ยนะ?



















      *****************************

      tbc.










      ออฟไลน์ fc_fic

      • เป็ดAres
      • *
      • กระทู้: 2598
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7
      Re: คนเดียว...เดียวดาย
      «ตอบ #22 เมื่อ16-03-2020 20:11:54 »

       :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0


      Ch.14 พี่ไม่อยู่สินร่าเริง




      "ฮัลโหลครับ"



      ("ทำไมรับสายช้า")



      "ปอนด์เพิ่งถึงห้องครับ"



      ("พี่โทรไปตั้งหลายสาย")



      "ขอโทษครับ ปอนด์เอาโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเลยไม่รู้สึกตัว ว่าแต่พี่เป้มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมเดินเอาของไปเก็บในห้อง ส่วนพี่สินกระโดดขึ้นเตียงไปแล้ว ผมเลยเลี่ยงออกมาตรงระเบียงแทน



      ("วันนี้พี่น่าจะไม่ได้กลับนะ")



      "อ้าว ทำไมครับ งานเยอะหรอ" ผมนั่งลงตรงพื้นพรมที่พี่เป้ซื้อมาวางไว้ พลางหยิบบัวรดน้ำรดต้นไม้ไปด้วย อ่า เริ่มสูงแล้วสิ ท่วมหัวเลย ยังกับป่าดงดิบย่อมๆ ต้นไม้รอบๆนี้ผมเป็นคนเอามาปลูกเอง ตอนแรกพี่เป้ไม่เห็นด้วยหรอก บอกว่ารก แต่พอผมซื้อมาปลูกในห้องตัวเอง เขากลับช่วยผมซื้อมาตกแต่งเพิ่มเองซะงั้น แถมยังให้เอาออกมาปลูกตรงระเบียงอีก



      ("อ่า นิดหน่อยนะ คงนอนที่ออฟฟิศเลย พี่ว่าจะเคลียร์งานที่ค้างๆอยู่")



      "..."



      ("อยู่ได้ใช่มั้ย?")



      "ได้ครับ พี่เป้กินอะไรหรือยัง? ถ้ายังให้ปอนด์ซื้อเข้าไปให้มั้ย?" เอาจริงๆ ผมก็โหวงๆเหมือนกันนะ พอรู้ว่าอีกไม่นานพี่เป้ก็จะไปทำงานที่ต่างประเทศ ก็อยากจะอยู่ด้วยเยอะๆ เพราะปกติถึงไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันมาก แต่ก็รับรู้ว่าอีกฝ่ายยังอยู่ที่ห้องนี้ ไม่นานก็กลับมา แตกต่างจากครั้งนี้ ที่กลับมาแล้วก็รับรู้ว่าพี่เป้จะไม่ได้กลับมาที่ห้องแน่นอน



      ("พี่กินแล้ว แต่เดี๋ยวดึกๆ คงหิวอีก ปอนด์ก็ไปหาอะไรกินด้วย อย่าอดล่ะ") 



      "ปอนด์กินแล้วครับ"



      ("ไปกินกับพวกโฟล์คมาหรอ?")



      "เปล่าครับ ไปกับกลุ่มพี่สิน"



      ("ทำไมถึงไปกับกลุ่มมัน เอ้ย สินได้ล่ะ")



      "ก็ที่ปอนด์เล่าให้ฟังไงครับว่ามีโปรเจ็คสัมภาษณ์ เผอิญคนที่ปอนด์สัมฯเป็นเพื่อนกลุ่มพี่สินเขา"



      ("อ่อ งั้นก็แล้วไป งั้นเราทำงานเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว ต้องตัดต่ออีกเยอะ")



      "..." เหงาแฮะ ผมนั่งกอดเข่าตัวเองมุดหน้าฟังพี่เป้พูดต่อ



      ("ปอนด์ น้องหลับหรอ?")



      "เปล่าครับ รีบๆกลับบ้านนะ ไม่ไหวก็นอนพัก"



      ("...อืม") พี่เป้วางสายไป ส่วนผม รู้สึกไม่อยากลุกไปทำอะไรเลย หรือว่าจริงๆ แล้วผมจะเป็นเด็กติดพี่นะ



      "ทำไมชอบมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ?"



      "พี่..." ผมเงยหน้าไปมองพี่สินที่เดินออกมายืนพิงประตูกระจกระเบียงมองผมอยู่



      "อ...อะไร?"



      "พี่เห็นผมด้วยหรอ?"



      "มึงบ้าป้ะเนี่ย มึงไม่ใช่ผีซะหน่อย ทำไมกูจะมองไม่เห็น แล้วนี่หงอยห่าอะไร"



      "งั้นถ้าผมเป็นผีพี่จะมองไม่เห็นหรอ?" อ้าว ไหนเขาว่าเขามองเห็นผีไง



      "อ่า ก็ถ้าไม่อยากเห็นกูก็ไม่เห็น" มีด้วยหรอ งั้นแสดงว่าเขาก็ไม่อยากเห็นผมหรอ?



      "พี่ไม่อยากเห็นผมหรอ?"



      "มึงงอแงอะไรเนี่ย ทำไมกูต้องรอเห็นมึงตอนเป็นวิญญาณด้วย ในเมื่อตอนนี้มึงนั่งอย่ตรงหน้าให้กูมองเต็มตา เลิกฟุ้งซ่านได้แล้ว กูไปอาบน้ำได้ก่อน ถ้ากลับมายังนั่งอยู่ตรงนี้กูจะจับโยนลงตึกแม่ง" พี่สินเดินมายีหัวผมทีหนึ่งเบาๆ แล้วหมุนตัวกลับเข้าห้องไป ทั้งๆที่พี่เขาขู่ผม แต่ทำไมรู้สึกดีจัง





      ***************************





      "จะไปไหน?" หอบผ้าห่มกับหมอนขนาดนี้ คงจะไปจ่ายตลาดมั้ง ผมหันไปมองพี่สินที่ยืนเช็ดผมอยู่ข้างหลัง คนๆนี้ทำไมชอบโป๊อยู่เรื่อย ผมล่ะไม่เข้าใจเลย หรือว่าเป็นคนที่มั่นใจในรูปร่างตัวเองมากจนอยากโชว์? ผมเลื่อนสายตามองตามลอนหน้าท้อง อืม ท่าจะออกกำลังกายหนัก



      "มองอะไร ทะลึ่งนะมึงอ้ะ" ผมสะดุ้งตัวโยนผงะถอยหลังเมื่อพี่สินก้มหน้ามาให้อยู่ระดับเท่ากัน



      "ไม่ได้มองสักหน่อย"



      "แล้วทำไมหน้าต้องแดงด้วย คิดอะไรกับกูป้ะเนี่ย" ผมกอดผ้าห่มแน่น ไม่อยากเถียงด้วยแล้ว แล้วทำไมอากาศมันร้อนๆพิกล ลืมเปิดแอร์หรือไงนะ



      "เปล่า จะให้คิดอะไรล่ะครับ?" พี่สินยิ้มมุมปากล้อเลียนก่อนจะเอาผ้าที่พาดคอมาโปะหน้าผมเต็มๆ



      "ฝากไปตากด้วย" ผมหยิบผ้าออกจากหน้า คนอะไรนิสัยไม่ดี



      "เอ้า มองจนตาจะถลนแล้ว ไม่รีบไปอีก อยากดููกูแก้ผ้าหรอ? ก็ได้นะ" ผมรีบวิ่งออกจากห้องทันทีที่พี่สินจับผ้าขนหนูที่เอว คนบ้าอะไรจ้องแต่จะถอดอย่างเดียวเลย ตั้งแต่รู้จักกันมา พี่เขาจะแก้ผ้าโชว์ผมบ่อยกว่าพูดดีๆกันด้วยซ้ำมั้งเนี่ย เฮ้อ ผมขนฟูกมากองไว้ตรงหน้าทีวี คาดว่าน่าจะเป็นที่สิงสถิตผมไปอีกหลายวันถ้าพี่เขายังมานอนค้างที่นี่อยู่



      "พรุ่งนี้ว่างป้ะ" พี่สินที่ใส่กางเกงแล้ว แต่ยังเปลือยท่อนบนอยู่ เดินออกมาจากห้องพลางถามผม



      "ก็ว่างนะครับ ไม่มีเรียน" ผมกะว่าพรุ่งนี้จะนั่งทำโปรเจ็คต์ให้เสร็จไปเลย จะได้เตรียมพรีเซ้นต์กันสักที



      "ไปเก็บของเป็นเพื่อนหน่อย"



      "เก็บของอะไรครับ?"



      "ก็พวกของใช้ที่จะย้ายมาที่นี่ พวกเสื้อผ้า" ผมพยักหน้ารับ เอ๊ะ ทำไมรีบนักล่ะ



      "แต่พี่เป้ยังไม่ได้ไปเลยนะครับ ไม่รีบไปหรอ อีกตั้งเกือบสองอาทิตย์"



      "ก็ไปเอามาเตรียมก่อน คุยกับพี่เป้แล้วพี่เป้โอเค เขาบอกเดี๋ยวช่วงนี้จะหาเวลาเข้ามาเคลียร์ห้องให้ ไม่ก็ให้เคลียร์เองไปเลย" 



      "หมายความว่าไงครับ ที่ว่าจะหาเวลาเข้ามาเคลียร์ห้องให้ ทำเหมือนพี่เป้จะไม่กลับห้องมางั้นแหละ"



      "คงได้กลับอยู่หรอก โดนไอ้พี่เสือโกรธขนาดนั้น"



      "อะไรนะครับ?" ผมถามซ้ำเพราะได้ยินพี่สินพูดไม่ค่อยชัด



      "อ๋อ ก็พี่เขาต้องเคลียร์งานไง ก็ต้องส่งต่องานที่ตัวเองทำ ไหนจะเทรนคนที่ต้องมาทำตำแหน่งตัวเองชั่วคราว อาจจะไม่ค่อยได้เข้ามา" นั่นสินะ ผมก็ลืมคิดไปเลย



      "งั้นก็ได้ครับ ว่าแต่ของพี่สินเยอะมั้ยครับ ถ้าเยอะจะได้ออกแต่เช้า"



      "ไม่เยอะหรอก ขนรอบเดียวก็หมด ออกสายๆหน่อยก็ได้"



      "โอเคครับ"



      "นี่มึงจะนอนนี่หรอ ทำไมไม่ไปนอนในห้องพี่เป้"



      "ตรงนี้ก็สะดวกดีครับ อีกอย่างห้องพี่เป้ก็รกด้วย" ผมนั่งพิมพ์งานต่อไม่ได้สนใจอะไรพี่สินอีก ส่วนพี่สินก็ดูหนังเงียบๆไป ผมคิดว่างานน่าจะเสร็จเร็วพอตัวเลย เพราะว่าเนื้อหาก่อนหน้า รวมถึงตัวซับคำถามผมพิมพ์ไว้หมดแล้ว  ทีนี้คือแค่ต้องมานั่งแกะคำพูดของพี่รันนี่แหละ เพื่อใส่ซับข้างล่าง นอกนั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว ผมนั่งทำงานไปได้สักพัก พอดูเวลาอีกทีก็ตั้งเกือบตีสองซะละ ผมบิดขี้เกียจเล็กน้อย เพราะนั่งมาตั้งนานโดยไม่รู้ตัวเลย ข้อดีของผมคือถ้าเมื่อไหร่ที่ได้จดจ่อตั้งสมาธิแล้วจะหูดับเนี่ยแหละ เป็นความสามารถที่ผมชอบมากที่สุดของตัวเอง



      "อ้าว ทำไมยังไม่ไปนอนล่ะครับ" ผมบิดเอี้ยวตัวไปข้างหลัง เห็นพี่สินนอนเหยียดอยู่บนโซฟาอยู่ นึกว่าเขาเข้าไปนอนแล้วซะอีก



      "รอมึงไง เสร็จแล้วหรอ" เจ้าตัววางโทรศัพท์คว่ำไว้บนอกแล้วชะโงกหน้ามาดูตรงโต๊ะที่ผมวางแล็ปท็อปไว้



      "ยังครับ แต่ได้ประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วแหละ เลยคิดว่าจะพักก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำต่อ"



      "อืม มึง..."



      "ครับ?" ผมเอียงคอถามพี่สินที่นอนมองหน้าผมอยู่แต่ไม่ยอมพูดอะไร



      "สายตามึงสั้นเท่าไหร่?"



      "สองร้อยครับ"



      "ปกติไม่เห็นใส่"



      "ก็ไม่ได้สั้นขนาดนั้นครับ เลยไม่ได้ใส่เวลาไปข้างนอก" จริงๆคือผมมีคอนแทคเลนส์รายวันด้วยแต่นานๆก็จะใส่ทีเหมือนกันเพราะขี้เกียจ แถมเจ็บตาด้วย



      "ดีแล้ว" ห๊ะ ดียังไง ปกติมีแต่คนบอกให้ใส่ เพราะเดี๋ยวสายตาจะเสีย



      "ดียังไงครับ"



      "เออ ดีแล้วกัน แล้วอย่าเสล่อไปใส่ให้ใครเห็นนะ ขี้เหร่ จุกนี่ก็ด้วย มัดทำห่าอะไร ขัดหูขัดตาว่ะ" ก็พอรู้ตัวนะว่าผมไม่ได้หน้าตาดีอะไร แต่พอฟังก็จุกๆเหมือนกันแฮะ ผมเอื้อมมือไปจับผมจุกที่ตัวเองรวบไว้ตอนทำงานเพราะมันยาวทิ่มตา



      "เดี๋ยวสิ้นเดือนนี้ผมหาเวลาไปตัดครับ"



      "ไม่ต้อง!" 



      "..." ผมสะดุ้งเพราะอยู่ๆ พี่สินก็ตะโกนเสียงดัง



      "ปล่อยมันไว้งี้แหละ พออยู่ห้องก็มัด จะยุ่งยากทำไม คือ...ไปตัดก็เปลืองเงินไง ใช่มั้ยล่ะ" อ่อ ผมพยักหน้ารับ



      "ดึกแล้วนะครับ"



      "แล้ว?"



      "พี่สินไม่ไปนอนหรอ ผมจะนอนแล้ว"



      "อ่อ...เออ กูไปนอนละ" พี่สินผุดลุกนั่งก่อนจะเกาหัวเหมือนคนเหาขึ้นแล้วเดินไปทางเข้าห้องผม



      "พี่สินครับ" พี่สินหยุดเดินฉับแล้วรีบหันมาทางผม



      "ว่าไง"



      "ผมจะฝากปิดไฟให้ด้วยน่ะครับ" 



      "อ่อ..เออ เดี๋ยวกูปิดให้ มึงนอนเหอะ"



      "ขอบคุณครับ ฝันดีครับ" 



      "...อืม" ผมล้มตัวลงนอนสักพักไฟห้องนั่งเล่นก็ดับลง เหลือเพียงแสงไฟตรงระเบียงที่ผมเปิดไว้หนึ่งดวง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งปลุกตอนสิบโมงเช้า เผื่อเวลานอนไว้แปดชั่วโมง น่าจะพอ รีบๆหลับดีกว่าพรุ่งนี้ต้องไปช่วยพี่สินขนของอีก





      ***************************



      ติ๊ดๆๆๆๆ ผมควานหาโทรศัพท์ที่จำได้ว่าตัวเองวางไว้บนหัวนอนแต่ผมยกมือไม่ขึ้นซะงั้น พยายามใช้แขนอีกข้างยิ่งแล้วใหญ่แทบขยับไม่ได้เลย



      "อืม..." หืม? ใคร? ผมพยายามขยับตัวพลิกหนีเสียงงึมงำข้างหูแต่กลับขยับไม่ได้ เหมือนมีอะไรมาเหยียบที่หน้าอกไว้ หรือว่า...ผีอำ? ผมหลับตาปี๋แน่นกว่าเดิม พยายามตั้งสติท่องนะโมในใจให้ครบสามจบ ว่าแต่หลังภะคะวะโตต้องท่องว่าอะไรนะ โฮ ท่องแค่ นะโม นะโม นะโม ได้มั้ย สามจบเหมือนกัน พี่เป้ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยย เสียงนาฬิกาปลุกดับไปแล้ว ผมพยายามขืนตัวออกแต่เหมือนยิ่งโดนรัดแน่นกว่าเดิม แถมยังโดนเสียงฮื่ออย่างขัดใจอยู่ข้างหูด้วย ฮือออ ใกล้ไปแล้วครับคุณผี ผมกลัววว อยากจะยกมือขึ้นมาพนมแต่มันทำไมไม่ได้ ทดไว้ในใจได้มั้ย หลุดไปได้จะทำบุญแผ่ส่วนกุศลไปให้นะครับ เดี๋ยวซื้อเคเอฟซีถวายเลย





      "อย่าขยับ เดี๋ยวกูตื่น" ก็ตื่นแล้วไงถึงได้ขยับ คุณผีทำไมถึงพูดอะไรแปลกๆ เอ๊ะ? เสียงคุณผีเหมือนพี่สินจัง ผมหรี่ตาข้างหนึ่ง เจอละ ตัวการที่ทำให้ผมขยับไม่ได้



      "อะไรของพี่เนี่ยพี่สิน"



      "อืม นอนดีๆดิวะ ง่วง"



      "จะนอนดีๆ ก็เอาแขนออกไปสิครับ" ผมพยายามขืนตัวเองจากแขนที่วางพาดหน้าออกมาอีกฝั่ง แต่นอกจากจะไม่สำเร็จแล้ว ยังแน่นกว่าเดิมอีก ถึงว่าทำไมร้อนแปลกๆ



      "กูหนาว"



      "แต่ผมร้อน" พี่สินส่งเสียงฮื่ออย่างขัดใจในลำคอ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยผมอยู่ดี แถมยังหลับหน้าตาเฉยอีก ผมเลยดิ้นเผื่อพี่เขาจะรำคาญแล้วปล่อย แต่ไม่ครับ ตอนนี้สภาพก็คือเหมือนโดนงูเหลือมตัวโข่งรัดแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก



      "กูเตือนแล้วนะว่าเดี๋ยวกูตื่น" อ้าว แล้วที่พูดๆๆ อยู่นี่คือยังไม่ตื่นอีกหรอครับ



      "แต่พี่ตื่นแล้วนี่ครับ ผมจะลุกไปล้างหน้า ปล่อย" พี่สินถอนหายใจ คลายอ้อมแขนนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยผมอยู่ดี



      "กูหมายถึงน้องกูตื่น มึงต้องรับผิดชอบ" น้อง? พี่สินมีน้องด้วยหรอ? พี่สินลืมตาขึ้นมามองหน้าผม แล้วเหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าผมคงไม่เข้าใจน้องที่เขาบอก



      "อืม น้องงงง กูอ้ะ" เจ้าตัวเน้นคำว่าน้องพร้อมกับหลุบตาลงต่ำไปยังส่วนนั้น ผมเข้าใจได้ทันที พร้อมหยุดนิ่งทันควัน คนไม่มียางอาย เอะอะลากลงใต้สะดือตลอดเลย



      "เอ้า ตัวแข็งเป็นหินเลย เกร็งอะไรขนาดนั้นวะ ผู้ชายเหมือนกัน ตอนเช้ามึงไม่เคารพธงชาติหรือไง" เคารพธงชาติ? แน่นอนสิว่าผมก็เคารพธงชาตินะ เวลาไปเดินจตุจักร หรือสถานที่ที่เขาเปิดเพลงเคารพธงชาติทุกแปดโมงเช้ากับหกโมงเย็นผมก็หยุดตลอด



      "แต่นี่มันเลยแปดโมงมาแล้วนี่ครับ" พี่สินหัวเราะพลางยีหัวผมหนึ่งที แล้วพลิกตัวนอนหงายปล่อยผมออกจากอ้อมกอด



      "อยู่กับมึงนี่หมดอารมณ์เลยว่ะ" ผมลุกขึ้นนั่งพับผ้าห่มตัวเองวางไว้กับหมอน แต่พี่เป้ก็ดึงไปปิดหน้าอีก ของตัวเองมีก็ไม่ขนออกมา มาแย่งเราใช้อีก บ่นหนาวแต่มานอนถอดเสื้อ ผมล่ะไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ



      "จะไปไหนก็ไปดิ มานั่งเฝ้าอยู่เดี๋ยวถ้าน้องกูตื่นอีกรอบ กูจะให้มึงกล่อมให้สงบ" ผมรีบลุกเดินหนีทันทีเมื่อพี่สินเอาผ้าห่มออกจากหน้ายิ้มยียวนแล้วยื่นมือมาจะจับแขนผม ฮู่ว เกือบไปแล้ว ว่าแต่วันนี้ร้อนจริงๆ นะ ร้อนหน้าไปหมดแล้วเนี่ย ไปอาบน้ำดีกว่า























      **************************

      tbc.



      talk: มาแล้วๆๆๆ ขอบคุณที่ทุกท่านเข้ามาอ่านนะคะ หายไปเลย แต่จะพยายามมาอัพนะจ๊ะ นิยายเราไม่มีกำหนดจริงๆว่าจะลงวันไหนยังไง แล้วแต่อารมณ์คนแต่งล้วนๆ เพราะเราแต่งแล้วลงเลย ไม่มีตอนสำรองเผื่อล่วงหน้า ต้องขอโทษด้วย ปกติก็ไม่ค่อยทอล์คเท่าไหร่ เพราะไม่รู้จะทอล์คเรื่องอะไร ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะจ๊ะ เราจะผ่านCovidไปด้วยกัน ด้วยรักและห่วงใย


















      ออฟไลน์ AkuaPink

      • เป็ดHermes
      • *
      • กระทู้: 2033
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
      Re: คนเดียว...เดียวดาย
      «ตอบ #24 เมื่อ20-03-2020 07:07:20 »

       :pig4:
       :3123:

      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0


      Ch. 15 เนียนกว่ารองพื้นก็พี่สินนี่แหละ



      "อันนั้นไม่ต้อง มันหนัก เดี๋ยวกูย้อนมาขนเอง อันนี้ก็วางๆไว้ตรงหน้าห้อง เดี๋ยวกูขึ้นมาเอา อันนั้นเอามานี่เลยเดี๋ยวกูเอาลงไปพร้อมกล่องนี้" สรุปแล้ววันนี้พี่สินไม่ได้ชวนผมมาช่วยขนของหรอกครับ เขาชวนผมมาดูเขาแบกของคนเดียวต่างหาก ตั้งแต่มาถึงก็แทบจะไม่ได้ยกอะไรลงไปที่รถเลย จับอันไหนก็บอกมันหนักเดี๋ยวขนเอง บางกล่องก็กลัวผมทำแตก บางกล่องก็บอกไม่ต้องเอาไป แต่ก็เห็นขนไปรวมกับกล่องที่ตัวเองจะถือลงไป



      "งั้นเดี๋ยวผมนั่งรอตรงโซฟาละกันครับ เสร็จเมื่อไหร่ก็บอก"



      "โอเค" พี่สินว่าพลางหันไปขะมักเขม้นเรียงของตัวเองต่อหน้าตาเฉย นี่ผมประชดเขานะ



      "สรุปนี่ให้ผมมาช่วยหรือมาดูครับ"



      "มาช่วยดูไง นั่งพักตรงนั้นก่อน เดี๋ยวมึงเหนื่อย" พี่สินพูดจบแล้วก็เดินเปิดประตูออกไปเลย คาดว่าน่าจะเอาไปไว้ที่รถ ผมเดินสำรวจห้องเจ้าตัว น่าอยู่มากแถมยังค่อนข้างหรูนะ สำหรับเด็กมหาลัยอย่างผม ทำเอาคอนโดพี่ผมเป็นหอพักไปเลย ห้องพี่สินมีห้องนอนหนึ่งห้อง ห้องทำงานหนึ่งห้อง ห้องน้ำสองห้อง ห้องนั่งเล่น แล้วก็ห้องครัว แต่ว่าห้องใหญ่กว่าคอนโดผมมากๆ เหมือนเป็นบ้านหนึ่งหลังบนตึกมากกว่า แถมมีของสะสมเยอะด้วย เหมือนพี่สินจะชอบโมเดลรถยนต์มากๆ เพราะมีตู้แยกต่างหากเลย



      "ดูอะไรอยู่" ผมหันไปมองพี่สินที่เดินเข้ามาเหงื่อท่วม



      "โมเดลครับ"



      "ชอบก็หยิบไปสักคันดิ กูมีเยอะ" ผมส่ายหัว



      "ไม่ล่ะครับ ท่าทางจะแพงน่าดู"



      "ชอบมั้ย?"



      "ก็สวยดีครับ"



      "ถามว่าชอบหรือเปล่า?" ผมพยักหน้า ก็ชอบนะ สวยดี



      "กูให้" พี่สินหยิบโมเดลรถสีดำมาหนึ่งคันยื่นให้ผม



      "ไม่ล่ะครับ พี่เก็บไว้ดีกว่า ผมไม่รู้จะเอาไปโชว์ตรงไหน ห้องก็เล็กแค่นั้น"



      "มึงจะเอาไปตั้งไว้ในห้องน้ำกูก็ไม่ว่าหรอก เพราะกูให้มึงแล้ว สิทธิของมึง รับไป" ผมลังเลที่จะรับโมเดลคันตรงหน้า นั่นทำให้พี่สินหงุดหงิดจนโยนมันมาทางผม ฮู่ว เกือบรับไม่ทัน ถ้าตกไปแตกนี่ จะมีปัญญาซื้อมาคืนมั้ยเนี่ย ต้องแพงแน่ๆเลย



      "ดูแลดีๆด้วย"



      "ครับ จะให้อาหารสามมื้อ พร้อมอาหารเสริมเลยครับ" ผมประชดพี่สินกลับ ถ้าหวงขนาดนั้นจะให้ผมทำไมกัน



      "กวนตีน ไปได้แล้ว ขนของเสร็จแล้ว" ผมหันไปมองหน้าเจ้าตัว ทำไมเอาของไปแค่นี้เองล่ะ หรือจะกลับมาย้ายอีกวันหลัง



      "เดี๋ยวกลับมาเอาส่วนที่เหลือวันหลังหรือครับ" พี่สินส่ายหัวพลางกอดคอผมลากไปห้องนอน แล้วผลักให้ผมนั่งลงบนเตียง



      "ไม่อ้ะ เดี๋ยวเอาไปแค่นี้แหละ มึงนั่งรอนี่ก่อนกูขออาบน้ำหน่อย ร้อนชิบ" พูดจบก็ถอดเสื้อเลย ผมหันหน้าหนีมองสำรวจห้องนอนพี่สิน ก็ไม่มีอะไรมากครับ เตียงนอน บนผนังก็มีพวกรูปนิดๆหน่อยๆ ตกแต่งอยู่ มีกีต้าร์วางอยู่สองสามตัว



      "เอ้า ฝากก่อน" อี๋ ผมหยิบเสื้อที่โชกเหงื่อออกจากหัว เพราะพี่สินโยนมาโปะใส่



      "ผมไปนั่งรอข้างนอกได้มั้ยครับ" ผมถามพลางลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไปนอกห้อง



      "นั่งนี่แหละ กูอาบแป๊บเดียว" ผมพยักหน้ารับ พี่สินเดินเข้าห้องน้ำไป ยิ่งเห็นความกว้างของห้องนี้ผมก็ยิ่งสงสัย ทำไมพี่สินถึงตกลงย้ายไปอยู่คอนโดเล็กๆกับผมนะ ห้องเขาก็ดูใหญ่โตดีออก น่าจะสบายกว่าคอนโดแคบๆแบบนั้นเยอะเลย ติ๊งต่อง~ เสียงกริ่งมั้ยนะ ผมควรเดินไปบอกพี่สินหรือไปเปิดประตูก่อนล่ะเนี่ย ผมตัดสินใจลุกเดินไปใกล้ๆห้องน้ำ บอกพี่สินดีกว่า ยังไงพี่เขาก็เป็นเจ้าของห้องให้เขาตัดสินใจ



      "พี่สินครับ มีคนมาหา" ผมตะโกนบอกเจ้าตัวไป ได้ยินเขาตอบกลับมาให้ไปเปิดประตูได้เลย เอาไงดี ไปเปิดก่อนละกัน แกรก



      "อ้าว เจ้าลูกคนนี้หนิ โทรมาให้แม่ซื้อของเข้ามาเยอะแยะ ยังไม่รีบเปิดประตูให้แม่เร็วๆอีก" ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูก็พอดีกับอีกฝั่งเปิดเข้ามาพลางยื่นของเยอะแยะมาให้ผมช่วยถือ ลูก? งั้นนี่ก็เป็นแม่พี่สินน่ะสิ



      "เอ่อ คือ..." ผมไม่ใช่พี่สินครับ



      "ตายแล้ว ขอโทษทีลูก แม่มองไม่ชัด นึกว่าตาสิน" ผู้หญิงวัยกลางคนรงหน้าว่าพลางขยับแว่นเพ่งมองผมชัดๆ แล้วพยายามจะดึงถุงของสุดไปถือเอง



      "สวัสดีครับ เอ่อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมช่วยถือ คือพี่สินเขาอาบน้ำอยู่น่ะครับคุณป้า" ผมว่าพลางเดินถือของไปไว้ที่เคาท์เตอร์ในครัวโดยมีแม่พี่สินเดินตามมานั่งตรงโต๊ะทานข้าวด้วย ผมเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาก่อนจะเทใส่แก้วแล้วเดินเอาไปให้



      "นี่ครับ"



      "ขอบใจมากจ้ะ ว่าแต่หนูชื่ออะไรจ๊ะเนี่ย เป็นแฟนเจ้าสินหรอลูก"



      "ไม่ใช่ครับ" ผมยกมือปฏิเสธพัลวัน นี่คิดยังไงถึงถามคำถามนี้ครับเนี่ย



      "ผมชื่อปอนด์ครับ เป็นรุ่นน้องที่มหาลัยที่พี่สินกำลังจะย้ายไปเป็นรูมเมทด้วย" แม่พี่สินพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้อย่างใจดี



      "ย้ายไปอยู่กับหนูเหรอลูก คนหนุ่มสาวสมัยนี้ไวไฟกันจริงเชียว เจ้าลูกคนโตแม่ก็เอาแฟนเข้าบ้านตอนวัยประมาณนี้แหละ ก็ว่าอยู่ว่าทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยโผล่หน้าไปหาแม่บ้าง ที่แท้ก็ติดแฟน" เอ่อ เข้าใจไปไหนกันครับเนี่ย



      "ไม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้นครับคุณป้า คือว่า ผมเป็นแค่รุ่นน้องที่มหาลัยเฉยๆ ไม่มี..."



      "เรียกแทนตัวเองว่าปอนด์สิลูก มาผงผมอะไร แล้วป้าอะไรกัน สองครั้งแล้วนะลูก เรียกแม่สิ เป็นแฟนสินก็เหมือนเป็นลูกแม่คนหนึ่ง" ยอมใจความหน้ามึนของบ้านนี้เลยครับ เหมือนผมพูดอะไรไป คุณแม่พี่สินก็ไม่คงไม่ฟังแล้วล่ะ



      "อ้าว แม่ ทำไมมาเร็วจัง" พี่สินออกมาพอดีตอนที่ผมกำลังตั้งใจจะอธิบายอีกครั้ง



      "แหม ก็สินโทรให้แม่เข้ามาหาทั้งที แถมเราไม่ค่อยเข้าไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านใหญ่เลย แม่ก็ต้องรีบมาหาสิ มีลูกก็เหมือนไม่มี มันน่าน้อยใจจริงเชียว" พี่สินเดินมาคุกเข่ากอดแม่ตัวเองพร้อมเอาหน้าซุกท้องอย่างออดอ้อน อืม นั่นแหละครับ ออดอ้อนจริงๆ ถึงคำนี้มันจะไม่ค่อยเข้ากับคนอย่างพี่สินก็เถอะ ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของพี่สินเลยแฮะ น่ารักดีเหมือนกัน



      "โอ๋ ไม่งอนสิครับ สินไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ ช่วงนี้ปีสี่แล้ว วุ่นๆเรื่องเรียนน่ะครับ นี่ก็ต้องมาย้ายของไปคอนโดน้องด้วย" ขนลุกเลยครับ ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะมาเห็นพี่สินทำเสียงกระเง้ากระงอดออดอ้อนแม่ตัวเอง



      "ไม่ต้องมาอ้อนเลย แล้วนี่จะไม่แนะนำแฟนให้แม่รู้จักเลยหรือไงเรา" พี่สินหันมายิ้มกรุ้มกริ่มให้ผม ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาโอบไหล่ผมไปยืนตรงหน้าคุณแม่



      "นี่น้องปอนด์ครับแม่ คนที่สินจะย้ายไปอยู่ด้วย" พี่สินแนะนำเสร็จผมเลยยกมือไหว้คุณแม่อีกทีหนึ่ง



      "ผมเป็นรูมเมทของพี่สินครับ"



      "น้องขี้อายน่ะครับแม่" ผมหันไปมองพี่สินเหวอๆ ผมไปขี้อายตอนไหนกัน



      "อ๋อ เอาเถอะลูก จะอยู่ด้วยกันในฐานะรูมเมทหรือแฟน แม่ก็ไม่ขัดทั้งนั้นแหละ ขอแค่เป็นคนดีกันก็พอ"



      "คือว่าผมไม่..."



      "แม่ครับซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยครับเนี่ย" พี่สินตัดบทก่อนจะเดินไปคุ้ยๆถุงของสดที่ผมเอาไปวางไว้บนเคาท์เตอร์



      "ก็พวกของสดนั่นแหละ แม่กะจะเข้ามาทำกับข้าวทิ้งไว้ให้เรา เผื่อเรียนเสร็จกลับห้องมาจะได้อุ่นกิน"



      "โห เยอะไปมั้ยครับ ถ้าไง สินขอเอากลับไปที่คอนโดน้องได้มั้ย ปอนด์ก็ชอบทำอาหารนะครับแม่"



      "จริงเหรอลูก ดีเลย งั้นมาเป็นลูกมือให้แม่หน่อย เดี๋ยวแม่จะทำใส่กล่องให้เอากลับไปอุ่นกินกันที่ห้องนะ" คุณแม่พี่สินพูดเองเสร็จสรรพ แล้วจัดการลากผมไปจัดการพวกของสดที่ท่านซื้อมา



      "เดี๋ยวน้องปอนด์หุงข้าวล้างผักให้แม่หน่อยนะลูก เดี๋ยวแม่หั่นพวกเนื้อหมักไว้ กะว่าจะทำหมูทอดของโปรดเจ้าสินด้วย" ผมพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ แล้วเดินไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย ส่วนพี่สินก็นั่งเกะกะอยู่ที่เดิม



      "มองอะไร ทำไปดิ" ผมอยากจะกลอกตามองบนใส่ซะเหลือเกิน นั่งลอยหน้าลอยตา ช่วยก็ไม่ช่วย ยังจะสั่งอีก



      "แล้วนี่น้องปอนด์เรียนอยู่ปีไหนแล้วลูก"



      "ปีสองครับ"



      "คณะไหนลูก"



      "นิเทศน์ครับ"



      "มันถ่ายรูปเก่งด้วยนะแม่" พี่สินที่นั่งเงียบๆอยู่แทรกขึ้นมา คุณแม่ตีไหล่พี่สินทีหนึ่งก่อนหันมามองหน้าผมพลางยิ้มให้อย่างใจดี



      "งั้นหรอลูก เก่งจังเลยนะ ว่างๆก็มาถ่ายรูปให้แม่บ้างสิ แม่อยากได้รูปสวยๆอัพลงอินสตาแกรม" ผมยิ้มพลางหยักหน้ารับ คุณแม่นี่ทันสมัยจริงๆเลย



      "ได้เลยครับ" ผมเป็นลูกมือช่วยคุณแม่พี่สินจนเสร็จ มีกับข้าวอยู่สามสี่อย่าง ซึ่งทั้งหมดเห็นว่าเป็นของโปรดพี่สินหมดเลย คุณแม่เก็บบางส่วนใส่กล่องเพพเพอร์แวร์ไว้ เผื่อให้พวกผมเอากลับไปกินที่ห้องด้วย



      "เอ๊ะ เจ้าลูกคนนี้หนิ ไปล้างมือก่อนจับอาหารสิ" คุณแม่พี่สันหันไปตีมือพี่สินที่เดินมาจับหมูทอดกระเทียมเข้าปาก



      "หิวแล้ว กินข้าวด้วยกันก่อนกลับนะครับแม่" พี่สินกอดเอวคุณแม่พลางยื่นหน้าไปหอมแก้มหนึ่งทีแล้วเอ่ยอย่างอ้อนๆ



      "จ้ะ ทำให้ขนาดนี้ลองไม่ชวนแม่จะหอบกลับให้หมดเลย มาน้องปอนด์มาช่วยแม่ตั้งโต๊ะ"



      "ครับ" ผมพยักหน้าพลางเดินไปช่วยแม่พี่สินตั้งโต๊ะสำหรับสามคน ผมนั่งมองสองคนแม่ลูกคุยหยอกล้อกันบนโต๊ะอาหาร ตักกับข้าวให้กัน คุณแม่พี่สินกับพี่สินดูมีความสุขมากจนผมต้องยิ้มตาม ชีวิตผมตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีความรู้สึกอิจฉาใครมาก่อนเลย แต่ตอนนี้ต้องยอมรับเลยว่า ผมรู้สึกอิจฉาเขามากๆ อิจฉาที่เขามีพร้อมทุกอย่าง ทุกอย่างที่ผมไม่มี



      "น้องปอนด์ น้องปอนด์ลูก!"



      "ครับ?" ผมหลุดออกจากภวังค์ตัวเองแล้วหันไปมองตามเสียงเรียก เห็นคุณแม่พี่สินนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ แถมพี่สินเองก็ยังทำหน้าสงสัยตามอีก



      "กับข้าวไม่ถูกปากเหรอลูก แม่ว่าแม่ทำสุดความสามารถแล้วนะ" คุณแม่พูดเสียงหงอยก่อนจะตักกับข้าวทุกอย่างชิมดูฝีมือตัวเอง



      "ไม่นะครับ อร่อยมากเลย"



      "ทำไมไม่ค่อยเห็นหนูกินเลย กินเยอะๆนะลูก ตัวเล็กนิดเดียวเองเรา เดี๋ยวไม่มีแรงสู้ตาสินนะ" คุณแม่ตักหมูทอดกระเทียมมาให้ผมจนแทบล้นจาน ในขณะที่พี่สินได้ไปแค่สองสามชิ้น จนเจ้าตัวโวยวาย



      "อ้าวแม่ ทำไมตักให้สินแค่นี้ล่ะ"



      "เราน่ะกินแค่นั้นพอ เดี๋ยวอ้วนนะ ทุกวันนี้ก็ตัวโตจนน้องสู้ไม่ได้แล้วเนี่ย"



      "อ้าว เกี่ยวอะไรกับสินล่ะ สินไม่ได้รังแกมันซะหน่อย"



      "เรียกน้องว่ามันรอบที่สองแล้วนะ" คุณแม่หันไปจิกตาใส่พี่สินเคืองๆ จนเจ้าตัวทำหน้าแหยไปเลย



      "โห่ แม่อ้ะ ก็มันชินปาก"



      "ก็เลิกชินสิจ๊ะ น้องมีชื่อเรียก ถ้าไม่ถนัดเรียกชื่อก็เรียกว่าน้องไปเลย เรียกมันแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคุณสิน" ไม่ต้องมาตาขวางใส่ผมเลย ผมไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ 



      "เรียกคุณสินแบบนี้ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ" พี่สินพูดพลางถอนหายใจก่อนจะหันมาทางผมแล้วทำหน้าจริงจัง



      "ขอโทษ" หืม? ขอโทษผม? ขอโทษทำไมล่ะ? ผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะยังงงๆอยู่



      "น้องปอนด์ให้อภัยพี่สินได้มั้ยคะลูก?"



      "เอ่อ...ที่จริงผมไม่ได้โกรธอะไรเลยนะครับ"



      "เห็นมั้ยแม่ น้องไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย" พี่สินหันไปเถียงๆแม่ตัวเอง แต่ว่าโดนถลึงตาใส่เลยหุบปากฉับทันที



      "ได้ลูกรักคนใหม่อีกแล้วสินะ" พี่สินว่าอย่างงอนๆ เฮ้อ ทำตัวเป็นเด็กๆเลย



      "แน่นอน น้องปอนด์ขึ้นแท่นลูกรักอันดับหนึ่งของแม่เลยตอนนี้" ผมเหรอหรา เพิ่งเจอกันผมขึ้นแท่นลูกรักแล้วเหรอ



      "ถ้าพี่ปะ...เอ่อ แฟนพี่เสือรู้ งอนตายเลย"



      "รายนั้นน่ะไม่กล้างอนแม่หรอก มีความผิดติดตัวอยู่ เห็นตาเสือบ่นว่าจะไปทำงานต่างประเทศ ไม่บอกล่วงหน้าเลย ใกล้จะบินอยู่แล้วเพิ่งจะบอก ไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แม่สิสมควรต้องงอน" ผมนั่งกินข้าวต่อฟังสองคนคุยกัน รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็สนุกดี ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมชอบบรรยากาศแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ค่อยอยากให้เกิดขึ้นบ่อยเท่าไหร่ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ผมชินแล้วมันเกิดหายไป ไม่รู้ว่าผมจะรับได้ไหวมั้ยในครั้งนี้ มันคงเกินทนแล้วกับการต้องรับเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นในชีวิตอีกครั้ง



















      *************************

      tbc.



      มาแล้วจ้าาาาาาาา แล้วก็ไปนอนก่อนจ้าาาาาา กู๊ดไนท์ทุกท่าน










      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0



      Ch.16 จีบแหละคนเขาดูออก




      "แน่ใจนะครับแม่ว่าไม่ให้สินไปส่ง"



      "ไม่เป็นไรหรอกลูก เดี๋ยวแม่กลับเอง เห็นว่าน้องปอนด์ต้องรีบกลับไปทำรายงานต่อด้วยใช่มั้ย? รีบกลับกันได้แล้ว กับข้าวอย่าลืมเอามาอุ่นกินกันตอนเย็นนะลูก"



      "แต่นี่ก็เย็นแล้วนะครับ จะให้กินอีกหรอแม่ ผมท้องแตกกันพอดี"



      "ก็กินมื้อดึกสิลูกคนนี้หนิ หิวก็อุ่นกิน เข้าใจมั้ย? "



      "ครับๆ " ผมกับพี่สินเดินลงมาส่งคุณแม่ที่ลานจอดรถเห็นว่าท่านขับรถมาเองด้วย



      "งั้นแม่ไปก่อนนะ ไหนมากอดทีสิลูก" พี่สินเดินเข้าไปหาคุณแม่ที่อ้าแขนรออยู่แต่ท่านหุบแขนฉับแล้วหันมาทางผม



      "ไม่ใช่สิน แม่หมายถึง น้องปอนด์มาให้แม่กอดทีหนึ่งสิลูก" พี่สินหันมาตาขวางเบะปากส่ผมหนึ่งทีก่อนจะเดินหลบทางให้แบบไม่เต็มใจ ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างมึนๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาท่านที่อ้าแขนรออยู่ก่อนแล้ว อบอุ่น ไม่ดีเลย



      "ว่างๆ ก็เข้าให้พี่เขาพามาหาแม่ที่บ้านใหญ่นะลูก คุณพ่อต้องอยากเจอหนูแน่ๆ เลย แม่รู้สึกชนะยังไงก็ไม่รู้" คุณแม่ผละออกก่อนจะลูบหัวผมอีกที



      "แล้วสินล่ะแม่"



      "กอดบ่อยแล้ว แม่เบื่อ อยากให้แม่กอดก็พาน้องเข้าไปบ้านใหญ่ด้วย เดี๋ยวแม่จะเข้าไปอวดพ่อว่าเจอแฟนสินแล้ว รับรองว่าวันนี้สายโทรศัพท์สินไหม้แน่นอน"



      "คือ ผมไม่ใช่..." ผมพยายามปฏิเสธอีกครั้งว่าตัวเองไม่ใช่แฟนพี่สิน แต่ดูทุกคนจะไม่ให้ความร่วมมือผมเลยสักนิดเดียว



      "โห่ แม่ งั้นเดี๋ยวสินปิดเครื่องเลยดีกว่า น้องต้องทำงาน โทรเข้ามาแบบนี้ก็รบกวนน้องสิ" ผมขนลุกซู่ เมื่อพี่สินแทนตัวผมด้วยคำว่าน้อง แถมยังโอบไหล่ผมอีกต่างหาก



      "เออ ใช่แม่ก็ลืมเลย เดี๋ยวแม่ค่อยอวดตอนดึกๆ ดีกว่า งั้นแม่ไปก่อนนะลูก"



      "ครับ ขับรถดีๆ นะครับ" ผมยกมือไหว้ท่านอีกรอบ รอจนท่านขับรถไปลับสายตาแล้วถึงได้เงยมองหน้าคนที่เนียนโอบไหล่ผมอยู่



      "ปล่อยได้แล้วครับ" พี่สินสะดุ้งนิดหนึ่งพลางละมือออกเกาหัวแกรกๆ



      "งั้นเราก็กลับห้องกันเลยมั้ย? " ผมพยักหน้าเดินตามพี่สินไปที่รถ



      ********************************



      "เฮ้อ เหนื่อยว่ะ" พี่สินว่าพลางนั่งลงกับพื้นข้างโซฟาหลังจากขนของทุกอย่างขึ้นมาแล้ว กว่าพวกเราจะกลับมาถึงห้องก็จะค่ำแล้ว เพราะการจราจรที่ติดขัดช่วงเย็น



      "เดี๋ยวพี่สินเอาของไว้ที่ห้องผมก่อนก็ได้ครับ แล้วเดี๋ยวเคลียร์ห้องพี่เป้เสร็จค่อยย้ายของไป" พีี่สินพยักหน้าพลางลุกขึ้นเตรียมขนของเข้าไปไว้ในห้องผมก่อน



      "วางไว้ตรงนี้ได้มั้ยวะ?"



      "ได้ครับ"



      "เสื้อผ้านี่ก็ขอแขวนไว้ในตู้มึงก่อนได้ป้ะ" ผมพยักหน้าพลางเดินไปเคลียร์ตู้ฝั่งหนึ่งให้พี่สินทันที ส่วนเจ้าตัวนั่งกับพื้นเปิดลิ้นชักข้างตู้ผมเล่น



      "กางเกงในมึงเล็กจังวะ ฮ่าๆๆ นึกว่ากางเกงในเด็ก" ผมรีบก้มไปฉวยกางเกงในตัวเองมาซ่อนไว้ข้างหลังทันที พี่สินนิสัยไม่ดี



      "นิสัยไม่ดี" ผมว่าพลางรีบเอากางเกงในตัวเองยัดเก็บที่เดิมแล้วจัดการปิดลิ้นชักทันที



      "อายอะไรวะ ผู้ชายด้วยกัน ถึงของมึงจะไซส์เด็กก็เถอะ"



      "ไม่เด็ก พี่สินออกไปเลยไป เดี๋ยวผมเก็บเอง" พี่สินหัวเราะอีกเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นขยี้ผมแรงๆทีนึงก่อนจะเดินออกไปยกกล่องใบอื่นเข้ามาเก็บ ผมกับพี่สินช่วยกันเก็บของที่เขาขนมาจนเสร็จ ผมก็เดินไปหุงข้าวไว้ เพราะวันนี้มีกับข้าวเยอะมาก ส่วนพี่สินนอนแผ่อยู่ที่เตียงในห้องไม่ยอมขยับไปไหนที่เดิม ผมเดินไปเคลียร์โต๊ะทำงานตัวเองนิดหน่อยให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา พี่เป้น่าจะกลับมาแล้ว



      "ทำไรกันน่ะ" พี่เป้ยืนชะโงกหน้าตรงหน้าประตูเข้ามา พลางคลายเนกไทตรงคอ



      "จัดของนิดหน่อยครับ นั่นก็กองของพี่สินเขาครับ" ผมพยักหน้าไปทางกองกล่องต่างๆที่เรียงกันข้างๆประตู



      "แล้วทำไมไม่เอาของมันไปไว้ห้องพี่" พี่เป้ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางดึงเนกไทจนหลุดพลางมองไปที่พี่สินอย่างไม่สบอารมณ์



      "ห้องพี่เป้รกจะตาย เดี๋ยวรอพี่จัดของก่อนแล้วค่อยขนไปก็ได้ครับ ตอนนี้ก็ให้พี่สินนอนห้องปอนด์ไปก่อน"



      "งั้นเดี๋ยวพี่เก็บของเลย เดี๋ยวย้ายของมันมาห้องพี่ด้วย"



      "วันหลังก็ได้ครับ วันนี้เหนื่อยแล้ว พี่เป้กินข้าวมาหรือยัง?" พี่เป้พยักหน้าติดไม่พอใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยอมเพราะคงเหนื่อยจริงๆ



      "ยังเลย เราล่ะ" ผมเดินเข้าไปแล้วหยิบเนกไทจากมืออีกฝ่ายมาถือไว้เองแล้วแกะตรงปมออก



      "ปอนด์เพิ่งกินมา แต่ว่าใช้แรงไปเริ่มหิวแล้ว" พี่ปอนด์ยิ้มพลางยกมือมาลูบหัวผมเบาๆ



      "งั้นสั่งอะไรมากินดีมั้ย เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำ" ผมส่ายหน้าพลางยิ้ม



      "ไม่เอา วันนี้ปอนด์ไปช่วยพี่สินขนของมา คุณแม่พี่สินทำกับข้าวมาให้เยอะเลย เดี๋ยวปอนด์เอาไปอุ่นกินกันนะ" ผมยิ้มให้พลางเดินไปทางห้องครัว



      "เอ้อ พี่สินกินด้วยมั้ย"



      "อืม"



      "โอเค งั้นเดี๋ยวปอนด์อุ่นสำหรับสามคนเลย" พี่เป้เดินมานั่งรอที่โต๊ะ แต่ยังคงขมวดคิ้วอยู่ไม่คลาย เครียดอะไรนักหนาเดี๋ยวก็แก่เร็ว



      "ปอนด์ไปเจอแม่มา...เอ่อ แม่สินมาหรอ" ผมพยักหน้าตอบพี่เป้พลางแกะถุงกับข้าวเทใส่จานเพื่อเอาไปอุ่นให้



      "ใช่ แม่ยกให้เป็นลูกรักนัมเบอร์วันแล้วด้วย คนบางคนอ้ะ ตกกระป๋องแล้ว" พี่สินตอบพลางนั่งลอยหน้าลอยตาตรงข้ามพี่เป้ จะภูมิใจทำไม ก็ตัวเองนั่นแหละที่ตกกระป๋อง ประหลาดจริง



      "แล้วแม่ว่ายังไงบ้าง" พี่เป้หันไปถลึงตาใส่พี่สินแล้วหันมาถามผมอีกครั้ง



      "คุณแม่พี่สินใจดีมากๆเลย นี่ก็ให้กับข้าวปอนด์มาเยอะแยะ บอกให้เอามาอุ่นกินกับพี่สิน" พี่เป้ พยักหน้าพึมพำว่าดีแล้วแค่นั้น ผมจัดการเอาอาหารที่จะกินเข้าไมโครเวฟ รอแค่นาทีครึ่งก๋็กินได้แล้วเพราะเพิ่งเอาเข้าตู้เย็นไปไม่นานเท่าไหร่



      "พี่เป้กินเยอะๆเลย" ผมยื่นจานข้าวที่ตักจนพูนจานยื่นไปทางพี่เป้ แล้วตักอีกจานให้พี่สิน



      "ทำไมของกูแค่นี้อ้ะ จะอิ่มหรือไง" พี่สินบ่นพลางยื่นจานข้าวกลับมาให้ผม



      "กินๆไปเถอะเรื่องมาก ไม่อิ่มก็เดินไปตักเพิ่มเอง" ผมส่ายหัวให้ผู้ใหญ่สองคนที่จ้องแต่จะตีกันตรงหน้าก่อนจะหยิบจานมาตักข้าวเพิ่มให้พี่สินอีก



      "นี่ครับ" พี่สินยิ้มลอยหน้าลอยตา ยักคิ้วใส่พี่เป้ไปอีกทีนึง จะอยู่กันดีๆสักวันไม่ได้เลยสองคนนี้



      *************************





      ติ๊ดๆๆๆ



      ผมเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ตัวเองแล้วรีบกดปิดเพราะกลัวรบกวนพี่เป้ที่นอนอยู่ ปกติแล้วถ้ามีเรียนเช้าผมต้องตื่นเร็วกว่านี้ แต่ว่าเพราะมีกับข้าวจากคุณแม่พี่สินแล้ว ผมเลยไม่ต้องรีบตื่นมาทำ ผมย่องออกจากห้องนอนพี่เป้เพื่อไปรดน้ำต้นไม้แล้วแต่งตัวไปเรียน แต่ออกมาก็เห็นพี่สินนั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟาแล้ว



      "ทำไมตื่นแต่เช้าจังครับ" ผมปิดประตูเบาๆพลางเดินไปหยิบผ้าขนหนูกะจะไปแปรงฟันล้างหน้าก่อน



      "ทำไมเมื่อคืนไม่นอนตรงโซฟา?" หืม? ผมเอียงคอมองพี่สินที่ขมวดคิ้วอย่างงงๆ เมื่อคืนพี่เป้ลากผมไปนอนด้วย เห็นบอกว่าจะนอนกับผมจนกว่าจะบินไปทำงานต่างประเทศเลย



      "พี่เป้ให้ไปนอนในห้องครับ พี่สินมีอะไรหรือเปล่า?"



      "แล้วกูจะเข้าไปอุ้มมึงมานอนด้วยยังไง พี่มึงล็อคห้องอ้ะ" พี่สินทำเสียงงอแงเล็กน้อยพลางเบะปากเหมือนเด็ก ห๊ะ? ผมยืนทำความเข้าใจสักพักก่อนจะรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว อุ้ม? นอนด้วย?



      "ละ..แล้วทำไมพี่ต้องมาอุ้มผมไปนอนด้วยล่ะ?"



      "ก็มึงไม่ยอมนอนกับกู" ผมใบ้กินก่อนจะรีบหนีเข้าห้องน้ำทันที ผมแค่หวังว่าน้ำน่าจะช่วยให้ผมหายร้อนหน้าได้นะ



      **********************



      "มีเรียนสิบโมงใช่มั้ย? เดี๋ยววันนี้พี่ไปส่ง" พี่เป้พูดขึ้นเรียบๆขณะที่เราสามคนนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน



      "พี่เป้เข้างานกี่โมง?"



      "เที่ยง"



      "งั้นเดี๋ยวปอนด์ไปเอง ไม่เป็นไร พี่เป้ไปนอนต่อก็ได้"



      "เดี๋ยวผมพาน้องไปเอง" พี่สินที่นั่งเงียบตั้งแต่แรกแทรกขึ้น



      "ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง มีธุระแถวนั้นพอดี" ผมพยักหน้ารับพลางกินข้าวต่อ พี่สินก็เงียบไม่ได้พูดอะไร พอเจ้าตัวกินเสร็จก็ลุกเอาจานไปวางที่ซิงก์แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ



      "ปอนด์" ผมเงยหน้ามองพี่เป้ที่เรียกผมเบาๆ ทำไมต้องกระซิบด้วยเนี่ย



      "ครับ"



      "คือ...กับสินนี่น้องคิดยังไง?"



      "คิดยังไง หมายถึงอะไรครับ?"



      "ก็แบบสิน...ได้แบบ..." แบบ? ผมรอพี่เป้พูดต่อ แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่ เอาแต่อ้ำๆอึ้งๆ แล้วก็ก้มหน้าไปกินข้าวต่อ สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาใหม่ เหมือนมีอะไรอยากจะพูด แล้วก็ส่ายหัวเล็กน้อยเป็นเชิงช่างมันอยู่แบบนั้นซ้ำๆ เรานั่งกินข้าวกันต่อสักพัก พี่สินก็เดินออกมาพร้อมชุดนักศึกษาเต็มยศแล้วเดินมานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงโซฟา



      "พี่สินมีเรียนกี่โมงหรอครับ"



      "เหมือนมึง"



      "เสร็จแล้วก็ไปดิ" พี่เป้หันไปพูดด้วยอย่างไม่ใส่ใจ ผมกับพี่เป้รวบช้อนเก็บเพราะกินข้าวเสร็จพอดี



      "รอปอนด์อยู่"



      "เดี๋ยวกูไปส่งเอง"



      "อืม รู้แล้ว"



      "รู้แล้วก็ไปดิวะ รอทำไม?"



      "ไหนๆพี่ก็จะไปส่งแล้ว ผมขอติดรถไปด้วยแล้วกัน" พี่เป้ขมวดคิ้วหันไปมองพี่สินทันที



      "ทำไม? ทางเดียวกันไปด้วยกัน ประหยัดน้ำมัน"



      "แล้วขากลับมึงจะกลับยังไง?"



      "บีทีเอสก็ได้ รถเมล์ก็เยอะแยะ"



      "ห๊ะ มึงอ้ะนะนั่งรถเมล์?"



      "อืม ทำไมอ้ะ" พี่สินถามกลับทำท่าไม่ทุกข์ร้อนอะไร



      "เป็นไปได้หรอวะคุณชาย แค่แอร์ถูกปรับองศาลงนิดเดียวมึงก็ร้อนจนโวยวายลั่นบ้าน  อย่างมึงจะทนนั่งรถเมล์ไหวหรอ?" พี่เป้พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยพี่สินเต็มที่ แต่ผมฟังแล้วรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย ตั้งแต่พี่สินมานอนค้างที่ห้อง ผมยังไม่เคยเห็นเขาโวยวายเรื่องอุณหภูมิแอร์สักครั้ง ก็เลยหันไปมองหน้าพี่เป้เป็นเชิงถาม



      "แล้วพี่เป้รู้ได้ยังไงครับว่าพี่สินขี้ร้อน?"



      "ห๊ะ! อ่อ...ก็...เดาๆเอา"



      "เดา? เดาว่าโวยวายลั่นบ้าน?"



      "หึๆ โป๊ะ" พี่สินหัวเราะในลำคอแล้วพูดออกมาแค่คำเดียว พี่เป้ก็ทำท่าจะเข้าไปขย้ำคออีกฝ่ายแล้ว



      "พี่เป้เคยไปนอนค้างบ้านพี่สินด้วยหรอครับ?"



      "อ่า...ก็..." นั่นสินะ ตอนเจอกันครั้งแรกที่ห้อง ทั้งคู่ก็ดูเหมือนรู้จักกันมาก่อน ผมก็ไม่ได้ถามว่ารู้จักกันได้ยังไงเพราะไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่ต้องรู้จักคนที่รู้จักกับพี่ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกแย่ยังไงก็ไม่รูัที่พี่เป้ดูมีเรื่องปิดบังผมอยู่ ทั้งๆที่ก็เป็นคนอยากให้พี่เขามีเวลาส่วนตัวมากๆ ถ้าจะมีความลับก็ไม่เห็นแปลก



      "ไม่เป็นไร ปอนด์ไปเรียนดีกว่าครับ" ผมรีบตัดบทเดินเอาจานของตัวเองกับพี่เป้ไปเก็บตรงซิงก์ล้างจานแล้วฉวยดระเป๋าเป้ตั้งท่าเตรียมพร้อมออกเดินทาง



      "ปอนด์คือพี่..." พี่เป้พูดขึ้นแต่แล้วก็เงียบไป ผมเลือกที่จะยิ้มให้อีกฝ่ายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินนำไปที่ประตู



      "ป้ะ"



      ***********************



      "ขอบคุณที่มาส่งครับ" ผมยกมือไหว้พี่เป้พลางเดินดิ่งตรงไปทางคณะตัวเองทันที ยังมีเวลาเหลืออีกกว่าจะเข้าเรียน ก็เลยกะไปนั่งรอเพื่อนตรงม้าหินใต้คณะ



      "ปอนด์ ปอนด์! รอกูด้วย!!" ผมหันไปตามเสียงเรียกเห็นพี่สินที่คิดว่าน่าจะแยกตัวไปทางคณะตัวเองวิ่งกระหืดกระหอบตามมา ผมเลยหยุดยืนรออีกฝ่าย



      "พี่สินไม่ไปเรียนหรอครับ"



      "กูไม่รีบ เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน"



      "ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยววิวกับโฟล์คก็มาแล้ว"



      "อย่าพูดมาก ไป" พี่สินเดินมากอดคอผมพลางลากไปทางใต้คณะ พอสาวๆเห็นเขาเท่านั้นแหละ หูผมแทบดับเลย ความหล่อนี่เป็นภัยจริงๆ ผมนั่งรอเพื่อนตรงที่ประจำโดยมีพี่สินนั่งอยู่ข้างๆ ถ้าสิงได้ผมว่าเขาคงสิงผมไปแล้ว แต่พี่เขาไม่ใช่ผีไง



      "เถิบไปนิดก็ได้ครับ ที่ตั้งกว้าง ผมอึดอัด"



      "กูพอใจ" พี่สินพูดแล้วนั่งเล่นโทรศัพท์ต่อโดยไม่สนใจผมอีก ผมเลยจะเขยิบตัวเองไปนั่งเก้าอี้อีกตัวแทน แต่คนที่ทำท่าไม่สนใจผมเมื่อสักครู่กลับดึงข้อมือผมไว้ไม่ให้ขยับหนี



      "จะไปไหน"



      "ไปนั่งอีกตัวครับ"



      "กูไม่ให้ไป นั่งตรงนี้แหละ" ผมนั่งอยู่ที่เดิมอย่างจนใจ สักพักผู้หญิงที่ด้อมๆมองๆ พี่สินอยู่รอบๆ ก็เริ่มใจกล้าเดินเข้ามาทักเขาสองสามคน บางคนแค่ให้ขนมแล้วก็ไป บางคนก็พยายามชวนอีกฝ่ายคุยต่อ



      "พี่สินคะ คือเย็นนี้พี่สินว่างมั้ยคะ หนูอยากชวนไปดูหนัง" เช่นหญิงสาวตรงหน้าผมที่ยืนบิดไปบิดมาเหมือนคนปวดท้องเข้าห้องน้ำโดยมีเพื่อนๆอีกสองคนดันๆให้มาข้างหน้า



      "ไม่ว่างครับ"



      "งั้นวันหลัง..."



      "ไม่ว่างครับ"



      "ฉันบอกแกแล้วว่าพี่เขาจีบคนนี้อยู่" เพื่อนคนหนึ่งด้านหลังกระซิบบอกคนที่มาชวนพี่สินไปดูหนัง กระซิบดังขนาดนี้คนที่นั่งห่างออกไปอีกโต๊ะยังได้ยินเลย ส่วนผมได้แต่หน้าเหวอ เพราะโดนพาดพิง



      "เอ่อ ไม่ชะ..."



      "เพื่อนน้องก็บอกแล้วหนิครับ แล้วทำไมยังกล้ามาชวนพี่ไปดูหนังอีก"



      "นี่พี่สินเป็นเกะ...เกย์หรอคะ?"



      "ก็ถ้าชอบคนนี้แล้วเป็นเกย์ พี่ก็เป็นเกย์นั่นแหละครับ เพราะใครๆเขาก็ดูออกว่าพี่จีบคนนี้อยู่" ผมอ้าปากค้าง ในขณะที่ผู้หญิงตรงหน้าผมหน้าเสียแล้วรีบขอตัวไปเลย ส่วนพี่สินก็เล่นโทรศัพท์ต่ออย่างไม่ใส่ใจ



      "พี่สินทำไมพูดแบบนั้น" ผมหันไปมองหน้าพี่สินอย่างอึ้งๆ นี่คือเขาพูดเพียงเพื่อจะตัดรำคาญใช่มั้ย?



      "คนเขาดูออกกันหมดแล้ว มีแต่มึงเนี่ยแหละ เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักทีว่ากูชอบ"















      ************

      tbc.

      มาแล้วจ้า ขอโทษจริงๆ ที่หายไป ย่าเราเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากกะเพาะปัสสาวะอักเสบ ก็เลยวุ่นๆกันทั้งบ้านเลย ถึงจะว่างอยู่บ้าน work from home แต่ก็ค่อนข้างวุ่นวายอยู่ดี ตอนนี้เอาตัวกลับมาที่บ้านแล้ว เพราะยังไงก็รักษาไม่ได้แล้ว ได้แต่ทำใจกันค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ จะพยายามมาอัพนะ บายๆ


      « แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2020 08:29:45 โดย yuzhou62ppap »

      ออฟไลน์ AkuaPink

      • เป็ดHermes
      • *
      • กระทู้: 2033
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
      Re: คนเดียว...เดียวดาย
      «ตอบ #27 เมื่อ02-05-2020 22:06:59 »

       :pig4:
       :กอด1:

      ออฟไลน์ yuzhou62ppap

      • เป็ดประถม
      • *
      • กระทู้: 36
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

      Ch.17 ตุ้มๆต่อมๆหัวใจเต้น




      "ปอนด์ ถามจริง ทะเลาะอะไรกับสินหรือเปล่า?" ผมหันไปมองหน้าพี่เป้ ที่อยู่ๆก็ถามออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย เจ้าตัวกำลังนั่งแทะขนมปังที่ผมปิ้งให้เป็นอาหารเช้า



      "ทำไม...คิดงั้นล่ะครับ?"



      "ไม่รู้สิ ดูแปลกๆกันหลายวันแล้ว" ผมนึกตามคำว่าแปลกๆของพี่เป้ อืม ก็แปลกจริงๆนั่นแหละ ตั้งแต่ที่พี่สินบอกว่า...เอ่อ..ชอบผม เจ้าตัวก็ดูเว้นระยะกับผมมากขึ้นกว่าเดิม จริงๆมันต้องเป็นผมไม่ใช่เหรอ ที่จะเว้นระยะห่างกับเขา เหมือนเราสลับพฤติกรรมกันชอบกล



      "ก็ปกตินะครับ"



      "แน่หรอ เหมือนสินมันคอยหลบหน้าเราตลอด" ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะเดินเอาจานของตัวเองไปไว้ที่ซิงค์รอล้างทีเดียว



      "แล้ววันนี้ทำงานพิเศษมั้ย?"



      "ทำครับ" ผมพยักหน้ารับ จริงๆ ผมคิดมาหลายวันแล้วเหมือนกันว่าจะเลิกทำพาร์ทไทม์ ตอนแรกคิดว่าตัวเองน่าจะทำไหว แต่เมื่อวันก่อนผมไม่มีสมาธิเลย เรียงของผิดๆถูกๆ อาจจะเป็นเพราะเรียนหนักเกินไปเลยมีเรื่องให้คิดเยอะ



      "พี่เป้ ปอนด์ว่าจะเลิกทำพาร์ทไทม์"



      "เห้ย จริงดิ ดีแล้ว เรียนก็หนักพอแล้ว เอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่า งานอ้ะเดี๋ยวจบมาก็ได้ทำ" พี่เป้ว่าอย่างคนอารมณ์ดีแล้วเดินเอาจานไปไว้ที่ซิงค์ เจ้าตัวน่ะ คือคนที่อยากให้ผมเลิกทำงานพาร์ทไทม์ที่สุดเลย ชอบบอกว่ามันลำบาก เหนื่อย พี่เลี้ยงไหว



      "เดี๋ยวพี่ไปเอากระเป๋าก่อน รอแป๊บ" ผมหยักหน้ารับ พี่เป้ไปส่งผมที่มหาลัยมาหลายวันแล้ว ส่วนพี่สินก็ขับรถไปเรียนเองกลับเอง แถมกลับมาดึกๆทุกวัน



      "ไปกันเดี๋ยวสาย"



      ************************



      "เป็นไรวะ นั่งหน้าเครียดเชียว" ผมหันไปมองวิวที่ยื่นหน้ามากระซิบข้างหู ผมดูเครียดอย่างนั้นเหรอ



      "เปล่าหนิ" ผมตอบกลับไปเสียงเบา กลัวอาจารย์ที่ยืนสอนอยู่หน้าชั้นจะดุเอา



      "ใช่หรอวะ ทำไมวันนี้มึงดูไม่มีกะจิตกะใจเรียน ดูดิ๊เนี่ย อาจารย์สอนไปเป็นสิบสไลด์ หน้าสมุดเลคเชอร์มึงยังโล่งโจ้งอยู่เลย" ผมมองหน้าสมุดตัวเองก่อนจะเริ่มลงมือจดตามสไลด์ที่อาจารย์สอน แต่จดไปได้สักพักก็รู้สึกว่าตัวเองตามไม่ทันสักนิดจนหมดคาบผมก็ได้แค่หัวข้อในสไลด์ที่ไม่ปะติดปะต่อ คงต้องเข้าไปโหลดไฟล์พาวเวอร์พ้อยท์มานั่งอ่าน



      "เย็นนี้มึงไปทำพาร์ทไทม์ป้ะ"



      "อืม แล้วก็จะลาออกแล้ว" ผมพยักหน้าตอบโฟล์คพลางเก็บของลงกระเป๋า



      "พี่มึงไม่ดีใจตายหรอวะ เห็นเจอหน้าพวกกูทีไร ก็เอาแต่บ่นเรื่องที่มึงทำพาร์ทไทม์...เห้ย มึงฟังกูอยู่ป้ะเนี่ย" โฟล์คยื่นมือมาผลักหัวผมจนหลุดจากภวังค์ก่อนหน้า



      "ครับ? ฟังสิ" ผมเลือกที่จะโกหกไป ทั้งๆที่ก่อนหน้าโฟล์คพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ฟังจับได้แค่ท้ายประโยค



      "มึงเป็นไรวะ เอาจริงๆปอนด์กูว่ามึงสติไม่อยู่กับตัวว่ะ" ผมนิ่งคิดไปอึดใจ หรือผมจะลองปรึกษาเพื่อนๆดี โฟล์คก็เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนถึงจะแค่สามเดือนก็เถอะ



      "คือ..." ผมเกริ่นหลังจากที่รอให้เพื่อนร่วมเซคคนอื่นทยอยออกจากห้องให้หมดก่อน โฟล์คกับวิวทำหน้าลุ้นรอคอยคำพูดต่อไปจากผมนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกกดดันเพิ่มขึ้นไปอีก



      "คือว่า..."



      "ว่า...." ทั้งสองคนลากเสียงตามผม พลางจ้องปากผมอย่างตั้งใจยิ่งกว่าตอนเรียนซะอีก



      "ปกติแล้วถ้าเรารู้สึกชอบใคร โฟล์คกับวิวจะทำยังไงหรอ" วิวตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่ เหมือนกับว่าเรื่องที่ผมพูดออกมามันไปตรงเข้ากับความคิดอย่างจัง



      "ทำไมกูซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้วะ" วิวบ่นงึมงำๆ แต่ผมก็ได้ยินอยู่ดีเนื่องจากห้องที่เงียบ



      "ก็ต้องจีบดิ ชอบใครก็จีบไปเลย" โฟล์คบอกออกมาอย่างมาดมั่น



      "ใช่ ถ้ากูชอบใครก็จะพยายามหาทางเข้าใกล้คนๆนั้น พยายามดูแลเอาใจใส่ให้เขารู้ตัว" ผมพยักหน้ารับรู้ ถ้าชอบก็ต้องพยายามเข้าใกล้สิ แต่ทำไมพี่สินเหมือนเอาแต่หลบหน้าผมตลอดเลย หรือจริงๆพี่เขาแค่พูดไปอย่างนั้นเอง แต่วันนั้นสายตาตอนบอกชอบก็จริงจังไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด วิวกับโฟล์คหรี่ตามองผม ผมก็เลยส่งสายตาสงสัยกลับไปเป็นเชิงถามว่าทำไม



      "ทำไมมึงถึงถามคำถามนี้ล่ะเชลดอน ร้อยวันพันปีเคยสนใจที่ไหนไอ้เรื่องรักๆใคร่ๆน่ะ" ผมยักไหล่พลางขยับเดินหนีสองคนนี้ที่เริ่มทำตัวเป็นนักสืบล้วงความลับจากผมอยู่



      "ฮั่นแน่ มึงมีอะไรในกอไผ่กับพี่สินหรือเปล่า มึงชอบพี่มันใช่มั้ยเชลดอน" ทั้งสองพากันเดินมาดักหน้าผมไม่ให้หนีพลางจ้องอย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบ ผมส่ายหน้ารัว คนที่ชอบน่ะมันพี่สินต่างหากแต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ก้มหน้างุดเร่งฝีเท้าเดินหนีสองคนนี้เพราะรู้สึกร้อนหน้าแปลกๆ ปึก!



      "อะ..." ผมยกมือขึ้นลูบหน้าผากลูบจมูกตัวเองป้อยๆ ก่อนจะเงยหน้ามองสิ่งกีดขวางตรงหน้า ผมเดินมาดีๆ มาขวางกันทำไมเนี่ย เจ็บชะมัด



      "มึงง่าวหรอ เดินก้มหน้าอย่างนั้นเดี๋ยวก็ชนนู่นนี่หัวแตกกันพอดี" พี่สินที่เอาแต่หลบหน้าหลบตากันอยู่หลายวันโผล่มาที่หน้าห้องผมได้ถูกเวลาจริงๆ แถมยังยืนหน้าทะมึนเหมือนคนกินรังแตนมาซะอย่างนั้น คนที่ควรจะโกรธมันต้องผมไม่ใช่หรอ



      "เอ่อ...ขอโทษครับ" แต่ก็ได้แค่คิดแหละครับ หน้าพี่มันเหมือนจะทุบหัวผมขนาดนั้น ใครจะกล้าต่อล้อต่อเถียง



      "จะไปทำพาร์ทไทม์แล้วใช่มั้ย?" ผมพยักหน้ารับ พี่สินจับกระเป๋าที่ผมสะพายบนไหล่ข้างหนึ่งไปสะพายแทนก่อนจะกอดคอผมดึงเข้าหาตัว



      "กูไปส่ง" ผมอ้าปากค้างแต่ก็ยอมให้ตัวเองโดนลากไปโดยไม่ได้หันไปมองเพื่อนสองคนเลย ถ้าหันไปมองสักนิดก็คงจะได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่สองคนนั้นส่งให้กัน



      ***********************



      ผมเลิกงานได้สักพักก็มายืนรออยู่หน้าเซเว่น เรื่องลาออกก็คุยกับพี่นันท์ผู้จัดการเรียบร้อยแล้วซึ่งพี่นันท์ก็เข้าใจเรียกผมไปเซ็นเอกสารแล้วยังบ่นหงุงหงิงว่าเสียดายที่ผมออก ถ้าว่างก็ให้กลับมาสมัครอีกรอบ สักพักพี่น้ำกับพี่เบนซ์ก็เดินตามออกมาน่าจะเป็นช่วงพักของทั้งสองคนพอดี



      "เสียดายเลยน้องปอนด์ลาออกแล้ว แบบนี้ใครจะช่วยพี่เรียกลูกค้าล่ะเนี่ย" ผมหันไปยิ้มให้พี่น้ำคนที่สอนงานผมทุกอย่าง



      "ถึงปอนด์ไม่อยู่พี่น้ำก็เอาอยู่อยู่แล้วแหละครับ"



      "ปากหวาน ก่อนกลับไปกินอะไรกับพวกพี่ก่อนนะ ถือว่าเลี้ยงส่ง"



      "คือ..."



      "ไม่ไกลหรอกตรงนี้เอง ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกเจ้าประจำพี่เบนซ์เขา" พี่น้ำพยักหน้าไปให้พี่เบนซ์ที่ยืนอยู่ข้างๆกัน พี่เบนซ์เพิ่งมาทำงานพาร์ทไทม์ได้แค่สองอาทิตย์แถมช่วงเวลาที่พี่เขามาเข้ากะก็ไม่ได้เจอกับผมเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยได้คุยกัน ผมก็อยากจะไปด้วยอยู่หรอก แต่ว่าพี่สินบอกว่าจะมารับ ถ้าเจ้าตัวมาแล้วไม่เจอผมทำยังไงล่ะ



      "ไปด้วยกันนะครับ พี่ไม่ค่อยได้เจอเราเลย ถือว่าทำความรู้จักกัน ยังไงก็รุ่นพี่รุ่นน้องมหาลัยเดียวกันนะ" พี่เบนซ์หันมายิ้มให้อย่างใจดี จนผมเกือบเผลอพยักหน้าตกลงแต่หางตาเห็นรถพี่สินเลี้ยวเข้ามาพอดีเลยต้องยิ้มแหยๆพลางขอโทษเจ้าตัวแทน



      "ผมก็อยากจะไปด้วยนะครับ แต่ว่าพี่ชายมารับกลับพอดี..." พี่น้ำกับพี่เบนซ์หันไปมองคนที่เพิ่งจอดรถแล้วเดินมาทางพวกเราที่ยืนอยู่ พี่เบนซ์ขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางเหมือนรู้จักพี่สินมาก่อน ในขณะที่พี่สินทำเพียงแค่ปรายตามองเท่านั้น ส่วนพี่น้ำอ้าปากจนแมลงวันบินเข้าไปวางไข่ได้แล้ว



      "กลับกัน" พี่สินพูดแค่นั้นแล้วเอื้อมมือมาดึงแขนผม ผมเลยหันไปไหว้พี่ทั้งสองคนอย่างทุลักทุเล จะปล่อยให้ผมไหว้ก่อนก็ไม่ได้ เจ้าตัวเปิดประตูแล้วรีบยัดผมลงนั่งเบาะข้างคนขับก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งที่แล้วออกรถ



      "ไปรู้จักมันได้ไง?" ผมหันไปมองหน้าพี่สินอย่างมึนงง คือรู้จักใครนะ?



      "ไอ้เบนซ์อ้ะ ไปรู้จักมันได้ไง?" อ๋อ



      "พี่เขาทำงานพาร์ทไทม์ที่เซเว่นเดียวกันครับ แต่เพิ่งมาได้แค่สองอาทิตย์เลยยังไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่" พี่สินนิ่งเงียบรับรู้พลางส่งเสียงเหอะออกมาเบาๆโดยที่ตายังไม่ละจากถนน ผมดึงสายตาตัวเองกลับมามองข้างทาง



      "อยู่ห่างๆมันไว้" ผมหันกลับไปมองคนพูดอีกครั้ง สีหน้าพี่สินราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ แล้วทำไมผมต้องเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพี่เบนซ์ด้วยล่ะ ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้นสักหน่อย คนที่มหาลัยก็มีเป็นพันๆคน คงจะเจอกันหรอก เรียนคณะอะไรผมยังไม่รู้เลย พี่สินไม่ได้อธิบายอะไรต่อ ผมก็ไม่อยากจะเซ้าซี้อะไร เพราะยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเองอยู่แล้ว



      "เข้าใจที่พูดใช่มั้ยเนี่ย" ผมพยักหน้ารับ แต่เหมือนพี่สินจะเริ่มไม่พอใจเพราะเจ้าตัวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



      "เข้าใจก็ขานรับ มึงไม่พูดกูก็ไม่รู้หรอกนะ"



      "ครับ" รถกลับมาเงียบอีกครั้ง แต่คราวนี้เต็มไปด้วยความอึดอัดจนทำให้ผมอยากจะขอลงแล้วเดินกลับให้รู้แล้วรู้รอด เราสองคนกลับมาถึงห้องโดยที่ไม่พูดอะไรกันสักคำพอเข้าห้องได้พี่สินก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องนอน ผมได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับใครสักคนแต่ว่าจับใจความไม่ได้ เอาเวลาไปนึกเมนูอาหารดีกว่า ไหนๆ วันนี้ผมก็กลับบ้านเร็ว งานก็เสร็จหมดแล้วไม่มีอะไรต้องปั่น แค่รอส่งก็จบ



      "ทำอะไร" ผมชะงักมือยื่นหน้าไปมองพี่สินตรงโต๊ะกินข้าวด้านหลัง เปิดตู้เย็นขนาดนี้คงกำลังกวาดบ้านมั้ง



      "กำลังเช็คของสดครับ ไม่รู้ว่าพอทำอะไรกินได้บ้าง"



      "อยากกินหมูทอด" พี่สินบอกเมนูที่ตัวเองอยากกินแล้วนั่งเท้าคางมองผมอยู่อย่างนั้น ผมพยักหน้ารับ แต่ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆก็รู้สึกว่าหน้ามันร้อนๆ เวลาที่เราสบตากัน ผมเลยดึงสายตามาเช็คของสดว่าพอจะมีหมูเหลือทอดให้เขากินหรือเปล่า



      "ให้ช่วยป้ะ"



      "ไม่ต้องครับ พี่สินไปรอในห้องก็ได้" ผมบอกพลางหยิบถุงของสดที่ตัวเองจะใช้ อืม ทำหมูทอด ผัดผักรวม แล้วก็ผัดกะเพราอีกอย่างน่าจะพอ เนื้อสดต่างๆหมดพอดีคงต้องออกไปซื้อมาเติมพรุ่งนี้ยังไงก็หยุดนี่นะ ปึก



      "อะ..." ผมหันตัวออกมาจากตู้เย็นแล้วก็ชนเข้ากับพี่สินเต็มๆ วันนี้มันครั้งที่สองแล้วนะ ที่มายืนขวางทางให้ผมเอาหน้าชนเล่นๆเนี่ย วางแผนฆาตกรรมจมูกน้อยของผมหรือไงกัน ถ้าหักนะจะเรียกร้องค่ารักษาให้หมดตัวเลย



      "อะ..อะไรของพี่สินครับ ทำไมชอบขวางทางคนอื่นเขาเรื่อยเลย" ผมตะกุกตะกักเอ็ดใส่ เพราะเจ้าตัวก้มหน้าเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน คนอะไรตัวสูงยังกับยีราฟ แค่จะให้สายตาอยู่ระดับเดียวกันต้องโค้งตัวลงมาขนาดนี้เลยหรอ ตอนเด็กๆคุณแม่ให้กินเสาโทรเลขหรือไง ทำซะผมเตี้ยไปเลยทั้งๆที่ผมก็มาตรฐานชายไทย



      "ใครชอบขวางทางคนอื่น?" พี่สินถามพลางยิ้มยียวน แต่ก็ยังไม่ถอยห่างไปจากผม



      "ก็พี่นั่นแหละจะใครล่ะ หลบครับ จะกินมั้ยหมูทอดน่ะ" ผมตอบพลางหลุบตาเบี่ยงตัวหนีคนข้างหน้า แต่พี่สินก็ยังขยับมาบังทางไว้เหมือนเดิม



      "กูไม่ได้ชอบขวางทางใคร..." พี่สินพูดแล้วเว้นจังหวะไว้นิดหนึ่ง ก่อนจะยืดตัวขึ้นยืนตรงปกติ



      "กูแค่อยากอยู่ใกล้ๆมึงเฉยๆ นี่ไม่ได้เรียกว่าขวางทาง" ผมค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองต้องทำหน้าเหวอมากๆเลย เพราะพี่สินยิ้มขำแล้วเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆจนเสียทรงด้วยความเอ็นดู...เอ็นดู? หรอ?



      "เดี๋ยวกูหุงข้าวให้ ไปทำกับข้าวได้แล้ว ยืนทำหน้าเอ๋ออยู่นั่นแหละ น่ารักมากมั้ง" พี่สินหลบตัวไปทางซิงค์แล้วหยิบหม้อหุงข้าวที่คว่ำไว้ไปจัดการตามที่ตัวเองพูด ในขณะที่ผมยังยืนนิ่งอยู่เลย ทำไม? ทั้งๆที่เขาก็ยิ้มแบบปกติ กวนโมโหผมเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ใจผมมันเต้นแรงได้ขนาดนี้ล่ะ ฮืออออ หรือว่า ผมจะเป็นโรคหัวใจตั้งแต่วัยรุ่นกันนะ พี่เป้ช่วยด้วย

















      tbc.



      มาแล้วจ้า เอ็นดูน้องปอนด์คนซื่อผู้คิดว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจ

      คืองี้ค่ะ เราไม่รู้วิธีการจัดหน้ากระดาษให้ขึ้นหน้าใหม่ เลยกลายเป็นว่าอัพยาวๆๆๆๆ ลงมาหน้า 1 อย่างเดียวเลย 5555 เลื่อนกันมันส์มือเลย ขอโทษด้วยนะคะ






      « แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-05-2020 08:35:27 โดย yuzhou62ppap »

      ออฟไลน์ AkuaPink

      • เป็ดHermes
      • *
      • กระทู้: 2033
      • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
      Re: คนเดียว...เดียวดาย
      «ตอบ #29 เมื่อ15-05-2020 10:29:40 »

       :pig4: :pig4:
       :3123:

       

      สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


      สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
      สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด