พิมพ์หน้านี้ - คนเดียว...เดียวดาย (END)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: yuzhou62ppap ที่ 12-01-2020 13:15:43

หัวข้อ: คนเดียว...เดียวดาย (END)
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 12-01-2020 13:15:43
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
คนเดียว...เดียวดาย

คนเดียวก็ได้ไม่เห็นเป็นไรเลย...


"ทำไมชอบมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ"

"พี่..."

"อ..อะไร"

"พี่เห็นผมด้วยหรอ?"

"..."

**********

(ออม)สิน

"เถียงอีกทีกูจะจับขังห้องน้ำให้ผีหลอกแม่ง"

ปอนด์

"คนดี ผีคุ้ม เคยได้ยินมั้ย คุณผีไม่หลอกผมหรอก...ใช่มั้ยครับ(งึมงำ)"


**********

ไม่มีผีแน่นอนจ้ะ เพราะคนแต่งกลัวผี

 

หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.1 Begin...Alone
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 12-01-2020 13:19:06
Ch.1 Begin...Alone






"ไม่เป็นไรนะมึง อย่างน้อยมึงยังมีพวกกูไง พวกกูพร้อมจะอยู่เคียงข้างมึงในวันที่มึงไม่เหลือใครนะเว่ย"



"ผมว่าผมไม่..."



"มึงเงียบไปเชลดอน" ผมเงียบทันทีเมื่อวิวหันมามองหน้าแถมใช้คำสุภาพของคำว่าหุบปาก อ่า ผมไม่ได้ชื่อเชลดอนหรอก นั่นเป็นฉายา คุณเคยดูบิ๊กแบงธีโอรี่มั้ย นั่นแหละ เพื่อนๆบอกว่าผมเหมือนเขา ตอนผมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ชายผมฟัง พี่ผมหัวเราะลั่นห้อง แถมบอกว่าเหมือนจริงๆ แต่ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่ถึงขำแล้วส่ายหน้าเหมือนเอือมระอาผมขนาดนั้น น่าภูมิใจออกที่มีคนบอกว่าเราเหมือนพระเอกซีรี่ส์ ถึงผมจะไม่เคยดูก็เถอะนะ



"มึงมองในแง่ดีนะโฟล์ค มึงเพิ่งจะ 20 มึงจะรีบผูกมัดตัวเองทำไมวะ อนาคตยังอีกยาวไกล มึงเพิ่งจะขึ้นปีสองเอง ผู้หญิงมีเยอะแยะป้ะวะ ใช้ชีวิตให้เต็มที่ก่อนมั้ย"



"แต่เขาเป็นแฟนคนแรกของกูนะมึง กูคบกันมาตั้งนาน กูก็ต้องอยากลงหลักปักฐานมั้ยวะ"



"โฟล์ค"



"ว่า..." โฟล์คเงยหน้าขึ้นมาจากการนอนฟุบหน้าบนโต๊ะแล้วมองหน้าวิวน้ำตาคลอ



"มึงเพิ่งคบกับเขาได้สามเดือน ไอ้ควาย"



"คนเราจะรักกันมากน้อยไม่เกี่ยวกับระยะเวลาที่คบโว้ย" โฟล์คโวยวายแล้วหันไปกระดกน้ำใบเตยแก้ช้ำใน ทำไมไม่ใช่บัวบกน่ะเหรอ? เจ้าตัวบอกไม่ชอบกลิ่นน้ำใบบัวบก แต่ชอบน้ำใบเตยมันหอมดี ผมก็ว่าหอมดีนะ



"มึงจะชอกช้ำระกำทรวงขนาดไหนกูก็ไม่ว่าหรอกนะ แต่มึงช่วยทำงานกลุ่มก่อนได้มั้ยวะ จะส่งอาทิตย์หน้าแล้ว กลุ่มเรายังไม่ได้คนที่จะมาให้สัมภาษณ์สักคนเลยนะ" วิวบ่นเรื่องโปรเจ็กต์ขึ้นมา นั่นทำให้ผมคิดขึ้นมาได้ทันที ตอนแรกผมว่าจะส่งอีเมลเชิญไปหาโรเบิร์ตดาวนี่จูเนียร์ ขวัญใจนายไอร่อนแมนของผมเพื่อขอสัมภาษณ์ แต่ว่าเพื่อนๆห้ามไว้ก่อน ทำไมล่ะ นั่นผู้ทรงอิทธิพลด้านแฟชั่นในอิสตาแกรมอันดับสามปีนี้เลยนะ ก็ตรงกับหัวข้อที่อาจารย์ให้มาแล้วไง แล้วจะเอาอะไรอีก



"แล้วมึงอ่ะ นั่งเงียบอยู่นั่น แทนที่จะช่วยกันปลอบมัน" วิวหันมาเหวี่ยงตาเขียวใส่ผมแทน



"ก็วิวบอกให้ผมเงียบ"



"งั้นมึงจะพูดทำไมห๊ะ" ผมก้มหน้าไถหน้าจออินสตาแกรมตัวเองต่อ ผมไม่ค่อยฟอลไอจีใครมากหรอกครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นนักแสดงจากจักรวาลมาร์เวลนั่นแหละครับ ผมชอบหมดเลย ดูได้ไม่รู้เบื่อ ขณะที่ผมกำลังนั่งขำคลิปที่คุณคริสแพรตแอบถ่ายมาจากในกองถ่ายนั้น ก็มีแรงสะกิดเบาๆที่แขนขวา พี่ชายผมเองแหละ



"ปอนด์ไหนว่ามาแป๊บเดียว"



"เอ้าพี่เป้ หวัดดีครับพี่" วิวกับโฟล์คหันไปยกมือไหว้พี่ชายผม พร้อมเลื่อนเก้าอี้ให้นั่ง



"ไงมึง"



"เรื่อยๆพี่ ขอโทษทีที่เรียกไอ้ปอนด์มันออกมาดึกๆนะพี่"



"เออ ไม่เป็นไร เรียกมันออกมาบ้างเหอะ เอาแต่หมกอยู่ห้อง กูกลัวมันโดนเตียงดูดตาย" พี่ชายผมพูดพลางหัวเราะเบาๆ ตลกตรงไหน



"ฮื่อ" ผมส่งเสียงขัดใจเล็กน้อยพร้อมปัดมือพี่เป้ออกจากหัว



"หวงๆ เดี๋ยวตบคว่ำเลย" พี่เป้ว่าพลางผลักหัวผมออกส่งท้ายอีกที



"แล้วนี่มานั่งชุมนุมอะไรกันวะ"



"นั่งปลอบคนอกหักพี่"



"หืม?"



"ผมโดนแฟนทิ้งอะพี่เป้ โฮ~" เฮ้อ ผมอุตส่าห์คิดว่าวันนี้จะรอด โฟล์คคงไม่ร้องไห้แล้ว พี่เป้นี่น่าทุบจริงๆ



"เฮ้ย กูไม่รู้จะช็อคเรื่องไหนก่อน ระหว่างมึงโดนแฟนทิ้งกับมึงมีแฟนอ้ะ"



"พี่เป้!!"



"เอาน่า ไหนๆ สั่งไรกันมั่ง เดี๋ยวเป็นเจ้ามือเลี้ยงเอง"



"จริงป้ะพี่ งั้นจัดมาเลย ป้าครับ ขอลีโอเพิ่มสามขวดครับ"



"อ้าววิว นั่งอยู่ตรงนี้กันสี่คนทำไมสั่งมาแค่สามละครับ"



"มึงจะกิน?"



"ไม่อ้ะ" ผมส่ายหัวแล้วหันไปสั่งโค้กมาเพิ่มแทน น้ำใบเตยมันก็หอมดีแหละ แต่เหนื่อยจะลุกขึ้นไปเติม แถมรสชาติก็จืดเกิน นี่มันน้ำเปล่ากลิ่นใบเตยชัดๆเลย



"แล้วไหนเห็นปอนด์บ่นว่างานยังไม่เสร็จ มีเวลาว่างมานั่งเล่นกันอยู่หรอวะ"



"งานก็ยังไม่เสร็จนั่นแหละพี่ แต่เพื่อนต้องมาก่อนไง"



"ไอ้วิวกูขอความจริง"



"แหะ ยังหาคนที่จะมาสัมภาษณ์ไม่ได้เลยอะดิพี่ ทำยังกะหัวข้อง่ายๆงั้นแหละ"



"หัวข้ออะไรวะ"



"บุคคลทรงอิทธิพลบนโซเชี่ยล"



"อ๋อ นี่คือสาเหตุที่ปอนด์มันนั่งเขียนๆลบๆเรียงความเทียบเชิญอะไรนั่นใช่มั้ย กูถามมัน มันบอกจะส่งอีเมลให้ไอร่อนแมน" พี่เป้ว่าพลางหันมามองหน้าผม



"มึงนั่งเขียนจริงหรอวะเชลดอน" วิวถามผมพร้อมทำเหรอหรา ประมาณว่าไม่น่าเชื่อ อะไรมันจะขนาดนั้น ก็แค่ส่งอีเมลขอสัมภาษณ์เอง



"อืม ก็อาจารย์บอกว่าคนที่มีอิทธิพลบนโซเชี่ยล ก็ตรงคอนเซ็ปต์หนิ" แล้วทุกคนก็พากันหัวเราะกับคำตอบของผม



"ในหัวกูนี่ ขอแค่เดือนดาว คณะไหนซักคณะนึงมายอมให้สัมฯคือพอแล้วนะ ปิดโปรเจ็กต์แบบง่ายๆไป มึงคิดว่าดาราระดับโลกขนาดนั้นจะมายอมให้สัมภาษณ์กับเด็กนิเทศน์ปีสองมหาลัยไกลกรุงแบบเราหรอวะ" อ้าว ทำไมล่ะ เผื่อฟลุคไม่ได้หรอ



"ก็แค่เผื่อไว้" ผมตอบงึมงำแล้วไล่กดไลค์รูปหน้าไทม์ไลน์



"ดูโง่ตั้งแต่มึงคิดจะเชิญเขาแล้วไอ้ปอนด์" ผมได้แต่ทำหน้าบูดใส่โฟล์ค ผมว่าผมเริ่มชอบที่เค้าร้องห่มร้องไห้พร่ำเพ้อถึงคนรักมากกว่ามาช่วยกันรุมผมแบบนี้ซะแล้วสิ



"แล้วนี่พี่เป้ไม่ทำงานหรอ ถึงลงมานั่งเตร็ดเตร่ตอนนี้ได้"



"ก็มีแหละ แต่เห็นปอนด์มันไม่ขึ้นห้องสักที เลยลงมาดูกลัวโดนหมาแถวหน้าคอนโดได้กลิ่นแล้วคาบไป" เอ๊ะ ผมไม่ได้ตัวจิ๋วขนาดหมาคาบไปได้สักหน่อย



"นั่นน้องไงพี่ เปรียบซะ เดี๋ยวกินหมดแล้วก็พาไปส่งละป้ะ เพิ่งจะสามทุ่มกว่าเอง" วิวพูดพร้อมทำหน้าอี๋ เกิดเป็นคนตัวจิ๋วมันน่าอี๋ขนาดนั้นเลยหรอ



"เออ รีบๆกิน รีบกลับไปนอนกันได้ละ เป็นเด็กเป็นเล็ก"



"บรรลุนิติภาวะกันหมดแล้วเหอะ" โฟล์คพูดมองตาขวางพร้อมกระดกเบียร์เข้าไปอีกหลายอึก ส่วนผมก็นั่งกินโค้กของตัวเองเพราะไม่มีใครสนใจจะดื่มด้วย



"ก็ยังไม่เป็นผู้ใหญ่อยู่ดีแหละ รีบๆกินอย่าพูดมาก มึงด้วย" แล้วพี่เป้ก็ยัดคอหมูย่างใส่ปากผมมาชิ้นนึง ผมยังไม่ได้พูดอะไรสักแอะเลย มีแต่พี่เขานั่งทะเลาะกับโฟล์คนั่นแหละ ขี้มั่ว



**************************



"พรุ่งนี้มีเรียนกี่โมง"



"สิบโมงครับ" ผมตอบพี่เป้ที่เดินเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ



"ช่วงนี้เรียนหนักมั้ย"



"เรื่อยๆครับ แต่โปรเจ็กต์แทบทุกวิชาเลย"



"เงินพอมั้ย"



"พี่เป้ เงินอาทิตย์ที่แล้วที่ให้มาก็ยังเหลือ ไม่ต้องห่วง"



"..." พี่เป้ถอนหายใจพลางเดินเช็ดผมมานั่งลงข้างๆ



"เลิกทำงานพิเศษมั้ย ขึ้นปีสองแล้ว งานมันน่าจะเยอะขึ้น เอาเวลาไปตั้งใจเรียน ทำโปรเจ็กต์ดีกว่า"



"ผมไหวครับ" ผมตอบพลางก้มหน้าไล่ดูรูปถ่ายใน pinterest เรื่อยเปื่อย



"มีอะไรให้ช่วยก็บอกรู้มั้ย เรามีกันแค่สองคน มีอะไรบอกพี่ได้ตลอด" พี่เป้ว่าพลางลุกเดินเข้าห้องนอนใหญ่ไป ครับ ผมกับพี่เป้เรามีกันแค่สองคน เราไม่มีพ่อแม่ ท่านจากเราไปนานแล้ว ตั้งแต่ผมอายุ 15 ปี ตอนนั้น พี่เป้เพิ่งเริ่มทำงานพอดี พี่ชายผมทำงานเป็นพนักงานโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่ง เงินเดือนกับเซอร์วิสที่พี่ได้มันก็เยอะพอที่จะส่งผมเรียน แต่ผมก็อยากใช้เงินของตัวเองอยู่ดี คงรบกวนแค่ค่ากินบ้าง หรือเวลาทำโปรเจ็กต์ที่ต้องใช้เงินเยอะๆ ตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เสีย พี่ก็ต้องย้ายมาอยู่คอนโดที่มีสองห้องนอนเพราะต้องรับผมมาอยู่ด้วย ค่าใช้จ่ายอะไรก็เพิ่มขึ้นเพราะผมยังเรียนไม่จบ แถมยังไม่บรรลุนิติภาวะ เขาเลยต้องเป็นผู้ปกครองผมต่ออย่างช่วยไม่ได้ ผมรู้สึกว่าตัวเองขโมยช่วงชีวิตของพี่มาเยอะแล้ว เลยพยายามช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด





****************************





"พี่ไปทำงานก่อนนะ" พี่เป้วิ่งวุ่นออกมาจากห้องพร้อมคว้ากาแฟที่ผมยื่นให้กระดกหมดแก้ว แล้วหยิบกล่องพัพเปอร์แวร์ที่ผมทำแซนด์วิชไว้ให้เป็นมื้อเช้าทุกวันก่อนออกไปทำงาน ชีวิตประจำวันของผมเป็นแบบนี้มาตลอด ตอนเช้าผมมักจะตื่นก่อนเพื่อมาทำอาหารเช้าให้พี่ ยกเว้นวันไหนที่ผมมีเรียนเช้า หรือว่าคืนไหนผมกลับบ้านดึก เพราะบางทีก็ต้องเข้าแทนพี่บางคน ผมทำพาร์ทไทม์ที่เซเว่นสี่ชั่วโมงหลังเรียน แล้วก็มีรับจ๊อบถ่ายรูปบ้างประปราย ส่วนใหญ่ก็งานรับปริญญาพวกรุ่นพี่ในมอนั่นแหละ พี่ๆในคณะช่วยกันหาให้ เพราะเรื่องที่ผมทำงานหาเงินเรียนเขารู้กันทั้งคณะ



"สวัสดีครับน้องปอนด์ ไป ม.แต่เช้าเลย"



"สวัสดีครับพี่กุ้ง" ผมยกมือไหว้พี่ยามหน้าคอนโดขณะกำลังจะออกไป ม.ก่อนยกนาฬิกาข้อมือดู อืม เช้าอยู่จริงๆ เพิ่งจะแปดโมงครึ่งเอง นั่งรถเมล์ไปดีกว่า



"แล้วนี่หาคนมาอยู่เป็นเพื่อนได้หรือยังครับเนี่ย" ผมชะงัก มองหน้าพี่กุ้ง งงๆ ทำไมผมต้องหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนด้วยล่ะ ผมก็อยู่กับพี่ชายผมไง



"ผมก็อยู่กับพี่เป้ไงครับ"



"อ้าว เห็นคุณเป้บอกว่าที่โรงแรมจะให้ย้ายไปคุมพร็อพเพอร์ตี้อื่นในเครือที่ต่างประเทศนี่ครับ บ่นๆอยู่ว่าจะหาใครมาอยู่เป็นเพื่อนคุณปอนด์ระหว่างที่ไม่อยู่ดี" ผมมองหน้าพี่กุ้งอีกครั้งก่อนจะขมวดคิ้ว ไม่เห็นพี่เป้จะพูดอะไรหนิ



"หรอครับ" ผมนิ่งคิด คิดยังไงก็คิดไม่ออกอยู่ดีว่าพี่เป้ได้บอกเรื่องนี้ตอนไหนหรือเปล่า คงจะลืมล่ะมั้ง



"น่าจะลืมครับ ยังไงผมไป ม.ก่อนนะครับ"



"ครับ โชคดีครับ" พี่กุ้งพูดพร้อมตะเบ๊ะให้อย่างร่าเริง ผมเลยยิ้มตอบไป แต่ในหัวยังคงคิดอยู่ว่ามีตอนไหนที่พี่เป้พูดขึ้นมาแล้วผมไม่ได้ตั้งใจฟังหรือเปล่า เพราะเรื่องนี้ก็ถือว่าสำคัญอยู่นะ ทำไมต้องหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนผมเล่า ผมโตแล้วนะ อยู่คนเดียวได้เหอะ





**********************************





"เป็นไรหน้ามุ่ยแต่เช้าเลยวะ" ผมยู่หน้าเมื่อวิวเเดินมาหยิกแก้ม เห็นแก้มคนอื่นเป็นอะไรกัน ชอบจิ้ม ชอบหยิกนัก



"เอ้าๆ แหย่เล่นแค่นี้ทำตาขวางใส่ น่ารักมากมั้ง" วิวว่าพร้อมกับจับแก้มผมยืดออกแล้วเขย่าไปมา



"เอ็บ" ผมตีมือวิวไปหนึ่งทีแล้วล้วงเอาแซนด์วิชที่ทำเผื่อออกมาให้



"เอ้า รู้ว่ายังไม่ได้กิน"



"โอ๊ยยยยย เชลดอนเพื่อนรัก" วิวว่าพร้อมกับคว้าเอาแซนด์วิชไปเคี้ยวตุ้ยๆ



"เหลือไว้ให้โฟล์คด้วยนะ เดี๋ยวบ่นผมอีก" วิวเคี้ยวไปพยักหน้าไปน่าจะหิวจัด ผมกลัวเขาจะติดคอเลยยื่นน้ำขวดของตัวเองไปให้ วิวรับไปกระดกแล้วกลืนแซนด์วิช ก่อนจะย้อนกลับมาประเด็นเดิม



"อ้ะ ไหนเป็นอะไร ว่ามา ใครทำมึงหน้าบูดแต่เช้าเลย" ผมเล่าเรื่องที่พี่กุ้งทักให้วิวฟัง พร้อมกับทั้งถามความคิดเห็นเขา



"วิวว่าไงอ้ะ เรื่องสำคัญขนาดนี้ เป็นไปได้มั้ยที่เขาจะลืมบอกผม"



"มันก็มีสิทธิเป็นไปได้ทั้งสองอย่างเลยนะ แบบพี่เขาอาจจะคิดๆอยู่ รอตัดสินใจจริงๆ แล้วบอก หรือลืมไปก็ได้ไง"



"แต่มันจำเป็นด้วยหรอที่จะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนผม ผมโตแล้วนะ อายุจะ 21 อยู่แล้ว ผมอยู่คนเดียวได้"



"ที่มึงหน้าบูดนี่เพราะเรื่องที่พี่มึงจะไปทำงานที่ต่างประเทศโดยไม่บอก หรือว่าเรื่องที่เขาจะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนกันแน่วะ"



"แน่นอนว่า..."



"..."



"ต้องเป็นเรื่องที่เขาจะหาคนมาอยู่เป็นเพื่อนผมอยู่แล้วสิ"






*********************************

tbc.



 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:



[/list]
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.2 คนละเรื่องเดียวกัน
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 12-01-2020 13:30:14

Ch.2 คนละเรื่องเดียวกัน






หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 12-01-2020 15:06:55
หลอกเด็ก,,,

น่าติดตามครับผม,,,,
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.3 พลังงานบางอย่าง...
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 15-01-2020 07:55:58


Ch.3 พลังงานบางอย่าง...




หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-01-2020 19:01:18
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: Kelvin Degree ที่ 17-01-2020 00:40:47
ทั้งพี่ ทั้งน้อง. สงสัยโดนหลอกทั้งคู่,,, 555
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.4 ปอนด์...พอเถอะ
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 25-01-2020 18:45:46
Ch.4 ปอนด์...พอเถอะ






"ปอนด์ พี่วางตังค์ไว้บนโต๊ะนะ"



"ผมยังมีใช้อยู่"



"เลิกได้มั้ย พูดผมเนี่ย ไม่พอใจทีไร ปากยื่นปากยาว แทนตัวเองว่าผมตลอด"



"พี่จะได้จำได้สักทีไงว่าป..ผมโตแล้ว"



"มันเกี่ยวกันมั้ยเนี่ย"



"ถ้าปอนด์บอกว่าเกี่ยวก็คือเกี่ยว" พี่เป้หรี่ตามองผมล้อๆ



"ปอนด์หมายถึง ถ้าผมบอกว่าเกี่ยวก็คือเกี่ยว" พี่เป้หัวเราะออกมาดังลั่นก่อนจะเดินหยิบไทมาให้ผม



"ผูกให้หน่อย" ผมถลึงตาใส่สายตาล้อเลียน ก่อนจะรับมาคล้องคอแล้วผูกให้



"เอ้า เสร็จแล้ว อย่าลืมกินข้าวนะ ปอนด์ใส่ไว้ให้ในเป้แล้ว"



"แต๊งกิ้ว พี่ไปละ วันนี้กลับดึกหน่อยนะ" ผมพยักหน้ารับพี่เป้ที่เดินมาขยี้ผมก่อนจะออกจากห้องไป วันนี้ผมมีเรียนอีกทีบ่ายโมงก็เลยว่างช่วงเช้า ตั้งใจว่าจะเก็บกวาดห้องก่อนไปมหาลัยสักหน่อย ละดูวางเงินไว้ ผมหยิบเงินที่พี่เป้วางไว้ไปใส่กระปุกหมาที่วางอยู่หน้าทีวี อืม ใกล้เต็มแล้วแฮะ เดี๋ยวต้องเอาไปฝากธนาคารเหมือนเดิมแหงๆ ผมมีบัญชีกลางที่แอบทำไว้ไม่ให้พี่เป้รู้ ทุกครั้งที่พี่เป้ให้เงินแล้วผมใช้ไม่หมด ผมก็จะเก็บไว้ รอเยอะกว่านี้ก่อนละค่อยคืน



ผมเดินเข้าห้องพี่เป้เพื่อทำความสะอาดให้ก่อน เพราะห้องผมไม่ได้รกเท่าไหร่ไว้ค่อยทำก็ได้ โห นี่ห้องนอนหรือห้องเก็บของเนี่ย แค่อาทิตย์เดียวพี่เป้ทำรกได้ขนาดนี้เลย บอกกี่ทีแล้วว่าให้ใส่ผ้าที่ยังไม่ซักไว้ในตะกร้า ทำไมพูดไม่เคยฟังเลย ผมเดินไล่เก็บเสื้อผ้าของเป้ที่ระเกะระกะ แล้วเตรียมนำส่วนที่จะซักไปแยกผ้าสีผ้าขาว เพื่อจะนำเข้าเครื่องปั่น จริงๆ พี่เป้อยากจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดนะ แต่ผมไม่ยอม ไม่รู้จะจ้างให้เปลืองเงินทำไมในเมื่อแค่นี้ผมก็ทำได้



"หืม" ผมรวบกองหนังสือที่วางอยู่บนที่นอนเพื่อจะเก็บเข้าตู้ชั้นวาง แล้วเหลือบเห็นหนังสือเดินทางที่วางอยู่ คิดแล้วก็ใจหายเหมือนกัน แต่ผมไม่อยากเป็นตัวถ่วงอนาคตพี่ชายตัวเองไปมากกว่านี้แล้ว ผมเก็บหนังสือเดินทางของพี่เป้ไว้ตรงโต๊ะหัวเตียงเพื่อให้สังเกตเห็นได้ง่าย ก่อนจะยกอัลบั้มรูปที่เจ้าตัววางแผ่ไว้รวมกับหนังสืออ่านเล่นเก็บใส่ลิ้นชัก



"โอ๊ะ แฮร์รี่พอตเตอร์ ไม่ได้อ่านนานแล้วแฮะ" ยืมหน่อยละกัน



************************



"คุณปอนด์ไปดีมาดีครับ"



"ครับ" ผมหันไปยกมือไหว้ยิ้มให้พี่กุ้งที่ป้อมยามแล้วเดินมารอรถเมล์ตรงป้าย อาจจะเพราะขึ้นรถเมล์บ่อย ผมเลยจำเวลาที่มันจะผ่านป้ายแถวหน้าคอนโดได้ เลยไม่ต้องรอนาน



"คุณป้านั่งนี่ก็ได้ครับ" ผมลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นคนแก่เดินมาข้างๆที่ตัวเองนั่งอยู่



"ขอบใจมากเลยลูก" ผมขยับไปจับคุณป้าเพื่อให้เดินมานั่งอย่างปลอดภัย เพราะคุณลุงคนขับก็ซิ่งพอสมควรเลย



"อ้าว" ผู้ชายวัยกลางคน คนหนึ่งที่ยืนอยู่ก่อนหน้านั้นนั่งลงบนที่ที่ผมลุกให้คุณป้า ทำอย่างนี้ได้ไง ผมลุกให้คุณป้านั่งนะ นิสัยไม่ดีเลยจริงๆ



"มองอะไร" ผมเบ้ปากใส่ มาแย่งที่นั่งคนแก่แล้วยังมาขึ้นเสียงใส่ผมอีก คนบนรถส่วนใหญ่ก็ส่งเสียงต่อว่า แต่ไม่ได้ดังอะไร ไม่มีใครอยากจะหาเรื่องใส่ตัวเองให้ยุ่งยากหรอก



"ลุกครับ"



"แล้วทำไมฉันต้องลุก"



"ผมลุกให้คุณป้าท่านนี้นั่งไม่ใช่คุณครับ ถ้ามีจิตสำนึกความเป็นคนก็ลุกให้คนแก่นั่งเถอะ"



"ไอ้หนู นี่มันรถสาธารณะ ใครถึงก่อนก็นั่งก่อน แล้วฉันทำอะไรผิด"



"..." ผมจนปัญญาจะเถียงกับคนแบบนี้จริงๆ หัวหมอแต่กับเรื่องเอาเปรียบคนอื่น น้ำใจไม่มี คุณป้าคนข้างๆก็สะกิดแขนผมพร้อมส่ายหัวให้ แล้วยิ้มอย่างใจดี



"ไม่เป็นไรเลยลูก เดี๋ยวป้าก็ลงแล้ว ขอบใจมากเลยนะหนู" ผมยืนหัวเสียพลางยื่นมือไปช่วยถือกระเป๋าแทน



"มาครับผมช่วยถือ" คุณป้ายื้อไว้ในตอนแรก แต่สุดท้ายก็ปล่อยให้ผมช่วย



"คุณป้านั่งนี่ก็ได้ครับ" ผมหันไปมองผู้ชายอีกคนที่ใส่ชุดนักศึกษาเหมือนกัน ลุกขึ้นมาจากที่เกือบท้ายๆให้คุณป้า



"คุณหนุ่มสมัยนี้ใจดีกันจริงๆเลยลูก" ผมเดินตามคุณป้าไปจนท่านนั่งแล้วจึงยื่นกระเป๋าให้ คุณป้ายิ้มน้อยๆให้เราสองคนอีกครั้งพร้อมกับขอบคุณ



"สวัสดีครับ" ผมหันไปยิ้มให้ผู้ชายที่ยืนข้างๆ ก่อนจะทักทายกลับ



"สวัสดีครับ ขอบคุณมากเลยนะ"



"ไม่เป็นไรครับ เห็นแล้วมันขัดหูขัดตาน่ะ เป็นผู้ชายแท้ๆ"



"นั่นสิ คนอะไรนิสัยไม่ดีเลย" ผมมองไปยังคุณลุงคนนั้นด้วยสายตาขุ่นเคือง



"หึๆ ผมชื่อนัทนะ พี่ปอนด์ใช่ป้ะ?" เอ๊ะ รู้จักผมได้ยังไงกัน



"อืม"



"จำผมไม่ได้หรอ?"



"เรารู้จักกันหรอ?"



"ผมนัทที่ประกวดเดือนไง เหมือนตอนนั้นพี่ก็มาช่วยพวกช่างกล้องของมหาลัยหนิ ตอนถ่ายโปรโมตดาวเดือน"



"อ่อ โทษที ผมจำไม่ได้"



"ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ แล้วนี่พี่ปอนด์นั่งรถเมล์ไปเรียนทุกวันเลยหรอ แปลกดีปกติไม่เคยเจอ" อีกละ ทำไมคนพวกนี้ชอบคิดว่ามันแปลกนะ ก็มหาลัยออกจะใหญ่ใครจะไปเจอหน้ากันได้ทุกคน เห้อ



"แล้วแต่บางวัน แต่ส่วนใหญ่ก็รถเมล์"



"เหมือนกันเลย ผมเบื่อรถติดมากๆเลย ไม่ชอบขับรถไป รถเมล์สะดวกกว่าเยอะ แล้วนี่พี่เรียนนิเทศน์ใช่ป้ะ วันหลังผ่านไปจะไปทัก" งี้ถ้านัทรู้จักคนทุกคณะ ไม่ต้องแวะทักมันทุกคณะเลยหรอเนี่ย



"อืม"



"ผมบริหารนะ ข้าวโรงอาหารนิเทศน์อร่อยป้ะ" ข้าวโรงอาหารมันก็เหมือนกันทุกที่ป้ะวะ



"ก็อร่อยนะ ทำไมอ้ะ"



"อืม งั้นเที่ยงนี้ไปกินที่โรงอาหารนิเทศน์ละกัน" ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับนัทไปอีก เรายืนกันไปเงียบๆ ผมก็หยิบหูฟังมาฟังเพลง นัทเห็นผมทำงั้นก็หัวเราะขำเบาๆ ก่อนจะหยิบของตัวเองมาฟังบ้าง



**************************



"พี่ปอนด์ที่ว่างแล้วครับ" ผมเงยหน้ามองคนที่สะกิดแขนยิกๆ



"ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ถึงแล้วนัทนั่งเลย"



"พี่ปอนด์นั่งดีกว่าครับ ผมอยากออกกำลังกาย" ปอนด์ดึงแขนผมไปนั่งแล้วถอดเป้ตัวเองวางไว้บนตักผม



"ฝากหน่อยนะครับ"



"อืม" ผมว่านัททำตัวแปลกๆ ถึงผมจะไม่ค่อยทันคน แต่ผมก็ไม่ได้โง่นะครับ แค่นี้ทำไมจะดูไม่ออก



"นัทเลี้ยงแมวหรอ?"



"หืม? ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะครับ"



"วันก่อน เข้าไปดูคลิปในยูทูปมาน่ะ ช่วงนี้เหมือนคนชอบซื้อกัญชาแมวมาให้น้องแมวลองกัน" นัทมองหน้าผมงงๆ เหมือนต้องการให้อธิบายต่อ



"แล้วบ้านนัทมีแมวมั้ย?"



"ที่บ้านเลี้ยงอยู่ตัวหนึ่งครับ คุณย่าเลี้ยงมาตั้งนานแล้ว" นั่นไงล่ะ ผมว่าแล้ว นัทต้องเมากัญชาแมวแน่ๆ ถึงได้ยิ้มไม่หุบเลย!



"พี่ปอนด์ชอบแมวหรอครับ" นัทถามผม ยิ้มอีกแล้ว



"ก็ชอบนะ น่ารักดี"



"น่ารักจริงๆครับ" ผมไม่ได้ตอบอะไรอีก นั่งเข้ากูเกิ้ลหาข้อมูลเกี่ยวกับกัญชาแมว ว่ามันมีผลข้างเคียงกับคนรุนแรงแค่ไหน เพราะตั้งแต่นัททักผม นัทก็ไม่ยอมหยุดยิ้มเลย จนตอนนี้จะถึงมหาลัยอยู่แล้ว



"พี่ปอนด์ จะถึงมอละครับป้ายหน้า" นัทสะกิดผมอีกทีก่อนจะหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นสะพายบ่า ผมเลยลุกขึ้นไปยืนรอบริเวณทางลงแล้วกดกริ่ง



"เที่ยงพอดีเลย พี่ปอนด์จะกินข้าวเที่ยงที่ไหนหรอครับ โรงอาหารคณะหรือเปล่า" นัทเดินตามผมเข้ามหาลัยมาไม่ห่าง แต่ระหว่างทางก็ยังหันไปยิ้มทักทายคนอื่นด้วย สงสัยนัทคงต้องแวะทักคนทุกคณะจริงๆ เพราะดูรู้จักคนอื่นไปทั่วเลยแฮะ



"น่าจะ"



"งั้นผมกินด้วยได้มั้ยครับ?"



"ทำไมไม่ไปกินกับเพื่อนล่ะ"



"เพื่อนน่าจะยังไม่มากันครับ นะครับ" นัทชะโงกหน้ามายิ้มตาปริบๆใส่ผม เมื่อไหร่ฤทธิ์กัญชาแมวมันจะหมดเนี่ย



"เอาสิ" ผมเดินไปรอรถมอซักพักก็มีผ่านมาคันหนึ่ง แต่ว่าเหลือที่ว่างอยู่ที่เดียว ผมเลยให้นัทขึ้นไปนั่งก่อน เพราะเมื่อกี๊เขาสละที่ให้ผมนั่งบนรถเมล์



"นั่งด้วยกันสิครับ" นัทดึงผมที่ยืนอยู่ให้เข้ามาใกล้ๆ



"มันเบียด นั่งได้คนเดียว" นัทยังรั้งแขนไม่เลิก จังหวะที่รถออกตัวกระตุกเล็กน้อย ทำให้ผมเสียหลัก นัทจึงสามารถดึงผมไปนั่งเกยเขาได้ คือเอาง่ายๆก็คือผมนั่งอยู่บนต้นขาเขาข้างหนึ่งน่ะ ผมเลยพยายามจะลุกขึ้น แต่นัทดึงไว้



"เดี่ยวร่วงหรอกครับ นั่งดีๆ..." ยังอุตส่าห์ใจดีเอามือมาโอบเอวผมกันตกด้วย



"เปี๊ยก มึงมานั่งนี่!" จู่ๆ ก็มีเสียงคนตะโกนลั่นรถ ผมหันซ้ายขวา หาคนชื่อเปี๊ยกทำไมยังไม่ลุกไปอีก คนตะโกนท่าทางจะโกรธนะ เสียงเข้มเชียว



"มึงจะหันอีกนานมั้ยลุกมานี่!" ผมพยายามชะโงกหน้าไปมองยังต้นเสียงทางด้านขวามือ แต่เกือบหน้าทิ่ม เพราะมีมือคนมาดึงแขนผมข้างที่จับราวข้างหน้าอยู่



"อ้าว พี่สิน"



"เออ อย่าให้กูพูดซ้ำ มานี่!" ผมที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ก็โดนมือพี่สินจับกระชากผ่านหน้าคนที่นั่งถัดจากนัทไปนั่งตักพี่เขาแทน



"ไหนว่าวันนี้ไม่มีเรียนล่ะครับ"



"เรื่องของกูมั้ย"



"เอ้า คนถามดีๆ"



"ละทำไมเมื่อกี๊เรียกไม่ยอมมา มึงอยากนั่งตักมันหรือไง" พี่สินก้มมากระซิบข้างหูผม หื้อ จั๊กจี้



"ก็พี่เรียกเปี๊ยก ผมจะรู้ได้ไงว่าเรียกผม ผมไม่ได้ชื่อเปี๊ยก" พี่สินผลักหัวผมทีด้วยความหมั่นไส้



"กวนตีนกูหรอ" ผมส่ายหัว บ้าใครจะกล้ากวนตีนพี่กัน ก็ผมไม่ได้ชื่อเปี๊ยกอ้ะ



"มึงมีเรียนกี่โมง"



"บ่ายครับ"



"กินข้าวยัง"



"ยังครับ"



"ดี กูก็ยังไม่ได้กิน" ผมกระพริบตาปริบๆ แล้วมาบอกผมทำไม ก็ไปกินสิ พี่สินถอนหายใจก่อนขยี้ผมให้เสียทรง



"เฮ้อ กูเหนื่อยใจกับมึงจริงๆ กูไปกินด้วย รอมึงชวนชาติหน้ากูก็คงไม่ได้แดก"



"ครับ"



"แล้วมึงจะกินที่ไหน"



"โรงอาหารคณะครับ"



"คณะกูแทนได้มั้ย"



"ทำไมครับ"



"คณะมึงโจทก์กูอยู่เยอะ"



"พี่โดนฟ้องร้องหรือครับ?" ผมตาโตหันไปมองหน้าพี่สิน ในขณะที่พี่สินทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจ



"เรื่องใหญ่มากมั้ยพี่ ต้องเข้าคุกมั้ยอ้ะ แล้วโดนฟ้องเรื่องอะไร"



"ฮ่าๆๆ ซื่ออย่างที่มึงบอกจริงๆว่ะ" คนข้างๆพี่สินหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น ก่อนจะตบไหล่พี่สิน



"ปอนด์ มึงพอเถอะ กูไม่ได้โดนฟ้อง มึงจะตกใจอะไรขนาดนั้น ตาจะถลนแล้ว"



"ก็ตกใจ...กลัวไม่มีคนมาอยู่เป็นเพื่อนหนิ"



"ท่า่จะงานหนักว่ะมึง" พี่คนข้างๆพูดกับพี่สินอีกรอบ ผมไม่ตอบอะไรอีก เพราะฟังพี่สองคนเขาไม่รู้เรื่อง เกี่ยวอะไรกับซื่อ เกี่ยวอะไรกับงานหนัก ไม่รู้ งง



"เอ้อ พาน้องไปกินด้วยอีกคนได้มั้ยอ้ะพี่สิน"



"น้องที่ไหน"



"น้องนัทอ้ะ คนที่มากับผม" พี่สินชะโงกหน้าไปมองนัทซึ่งนั่งมองมาทางพวกเราอยู่ก่อนแล้ว



"อืม ตามใจมึง"





*************************************

tbc.








[/li]
[li][/li]
[/list]




หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.5 วางถุงกาวลง แล้วตั้งสติ
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 25-01-2020 18:49:53




Ch.5 วางถุงกาวลง แล้วตั้งสติ







หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.6 ผีจะผลักเอา
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 25-01-2020 18:57:20




Ch.6 ผีจะผลักเอา





หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 25-01-2020 20:16:35
 :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: $VAN$ ที่ 08-02-2020 11:47:07
ก๊อบกฎเล้ามาลงก่อนเริ่มนิยายด้วยค่ะ
ลองดูตัวอย่างจากนิยายเรื่องอื่นๆนะคะ^^

โมฯเล้า
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 14-02-2020 12:40:58

รับทราบค่ะคุณโม ต้องขออภัยด้วยค่ะ เพิ่งเข้ามาเช็คเลย ตอนนี้แก้ไขเรียบร้อยแล้วนะคะ  :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.7 ขอที่นอนให้ผู้ยากไร้
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 14-02-2020 12:44:34



Ch.7 ขอที่นอนให้ผู้ยากไร้




หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.8 ผีเห็นผี
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 14-02-2020 12:47:12


Ch.8 ผีเห็นผี



หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.9 ความหื่นมันห้ามกันไม่ได้ จำ!
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 14-02-2020 12:50:08



Ch.9 ความหื่นมันห้ามกันไม่ได้ จำ!

หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 14-02-2020 20:13:41
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.10 ธุระของสิน
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 22-02-2020 04:46:40

Ch.10 ธุระของสิน



07.45 น.



"ฮ้าววววว ปอนด์มีไรกินมั่ง หิว" ผมหันไปมองพี่เป้ที่เดินหัวฟูออกมาจากห้องนอน พลางทำแซนด์วิชต่อ



"มีแซนวิชทูน่า กินรองท้องไปก่อนแล้วค่อยออกไปหาข้าวทาน" ผมวางจานแซนด์วิชสองชิ้นใหญ่ๆให้พี่เป้ ก่อนจะแพ็คแซนด์วิชที่เหลือลงกล่องเผื่อพี่สินด้วย รายนั้นน่ะคงยังไม่ตื่นหรอกครับ เมื่อคืนกว่าจะเข้าห้องไปนอนได้ก็เกือบตีสามแล้ว ผมไล่ก็ไม่ไป ตอนแรกพี่เป้ก็ไม่ยอมจะอยู่เป็นเพื่อนให้ได้ นั่งสัปปะหงกอยู่นานสองนานสุดท้ายก็ยอมแพ้เข้าไปนอนตอนตีหนึ่ง



"วันนี้หยุดหรอ หรือว่าเข้ารอบไหน" ผมเดินเอากล่องไปเก็บในตู้เย็น ส่วนพี่เป้นั่งเมาขี้ตาอยู่โต๊ะกินข้าว



"อืม หยุดแต่ก็ต้องออกไปทำธุระ วันนี้เรามีเรียนกี่โมง"



"มีเรียนเก้าโมงครับ" ผมตอบพลางเดินไปเทนมใส่แก้ว จริงๆ มื้อเช้าสำหรับผมแค่นมแก้วเดียวก็โอเคแล้ว



"งั้นเดี๋ยววันนี้พี่ไปส่ง" ผมหันไปเพื่อปฏิเสธแต่เป็นจังหวะที่พี่เป้กำลังจะหยิบแซนด์วิชเข้าปาก



"นี่แน่ะ ไปแปรงฟันก่อนเลย" ผมตีมือไปทีหนึ่งพยายามดึงจาน แต่พี่เป้ยื้อไว้



"เดี๋ยวค่อยแปรงทีเดียวไง ประหยัดน้ำ ประหยัดยาสีฟัน" ผมส่ายหัวระอากับข้ออ้างแบบเด็กอนุบาล แต่ก็ยอมปล่อยจานให้เจ้าตัวที่ยิ้มร่าเหมือนกับเด็ก ใครกันแน่ที่เด็กเนี่ย



"ซกมก" พี่เป้ยิ้มรับคำบ่นของผมก่อนจะรีบกลืนแซนด์วิชที่อยู่ในปาก



"เดี๋ยวรอพี่แป๊บหนึ่ง เดี๋ยววิ่งผ่านน้ำแล้วจะไปส่ง"



"ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวปอนด์นั่งรถเมล์ไป แป๊บเดียว"



"ไม่ต้องเลย นานๆทีพี่จะไปส่ง แป๊บเดียวนะ" พี่เป้ว่าพลางหยิบแซนด์วิชอีกชิ้นแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเลย เฮ้อ จริงๆ เลย ใครเขาเอาของกินเข้าไปกินในห้องน้ำแบบนี้กันบ้าง ระหว่างรอพี่เป้อาบน้ำ ผมเลยตัดสินใจเดินเข้าไปหยิบพวกชีทเรียนที่ต้องใช้วันนี้ เห็นพี่สินยังนอนหลับอุตุอยู่ หลับสบายเลยนะ หมอนเน่าของผมก็ยึดไป น้ำลายหกใส่หมอนบ้างมั้ยเนี่ย ผมเลิกสนใจพี่สินที่นอนอยู่แล้วรื้อพวกชีทเรียนที่หมกไว้ในกล่องแฟ้มออกมา



"ทำไรน่ะ" ผมสะดุ้งตัวโยน เมื่ออยู่ๆพี่สินที่คิดว่ายังไม่ตื่นส่งเสียงทักขึ้น



"ตกใจหมดเลยพี่" ผมหันไปมองพี่สินที่นอนก่ายหมอนข้างหันมาทางผม



"จะไปไหนแต่เช้า"



"เรียนสิครับ" ใส่ชุดนักศึกษาจะให้ไปไหนล่ะ



"รอด้วย" พี่สินว่าพลางยันตัวขึ้นนั่งขยี้ผมจนเสียทรง



"พี่สินมีเรียนกี่โมงครับ" เจ้าตัวส่ายหัวพลางลุกขึ้นยืนขยี้ตา



"คือ...?" เขาหวังจะให้ผมเข้าใจอะไรกับการส่ายหัวของเขาเหรอ หมายถึง ไม่รู้เวลาหรือไม่มีเรียนล่ะเนี่ย



"ไม่มีเรียน"



"อ่อ...แล้ว...ให้ผมรอทำไมครับ"



"จะไปส่ง" พี่สินว่าพลางยืนบิดขี้เกียจ



"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่เป้ไปส่ง"



"ใคร"



"พี่เป้ครับ"



"ใครถามความเห็น" กวนตีน



"จะไปอาบน้ำ"



"ผมไม่ได้ขวางทางพี่สักหน่อย ไปสิครับ"



"แล้วจะยืนเหนียงย้อยอยู่ตรงนี้อีกนานมั้ย ออกไปข้างนอกดิ จะถอดกางเกง" ผมรีบหันไปหยิบของให้เสร็จเพื่อจะออกไปข้างนอก ฟู่~



"อ้ะ!! ตกใจหมดพี่" ผมลูบต้นคอ ลูบหู ตัวเองป้อยๆ ขนลุกหมด อยู่ดีๆก็เป่าลมใส่หู



"หรือมึงอยากดู กูยังไงก็ได้นะ" ผมคว้าของมาแนบอกแล้วรีบเผ่นออกมานอกห้องทันทีที่พี่สินจับขอบกางเกง แถมปิดประตูใส่หน้าไปทีหนึ่งด้วย คนหน้าไม่อาย! นิสัยไม่ดี ใครเขาไปอยากดูกัน ของเราก็มี



"ปอนด์เป็นไร?"



"พี่เป้อาบน้ำเสร็จแล้วหรอ ไปกันเลยมั้ย" ผมเดินไปหยิบที่อยู่บนโต๊ะหน้าโซฟายัดใส่กระเป๋าเป้เตรียมหนีพี่สิน



"เดี๋ยว ใจเย็นวัยรุ่น พี่ยังไม่ใส่เสื้อผ้าเลย" ผมละมือตัวเองจากเป้กำลังจะจับพี่เป้ลากไปใส่เสื้อผ้าก็ประจวบเหมาะกับพี่สินเดินออกมาจากห้องหัวรุงรังมายืนอยู่หน้าห้องผม



"พี่เป้รอด้วย"



"ไม่ได้ สายแล้ว" ผมหันไปเถียงขวับ ผมไม่อยากไปกับพี่



"มีเรียนเก้าโมงไม่ใช่หรอ" นี่ก็ไม่ช่วยน้องเลย



"ต้องรีบไปเตรียมตัวเรียนไง"



"พี่เป้ เดี๋ยวผมไปส่งปอนด์เอง" พี่สินเดินเข้าห้องน้ำดุ่มๆ ไม่สนใจผมที่ยืนอ้าปากพะงาบๆอยู่ตรงนี้เลย



"สรุปยังไง รอไม่รอ?" พี่เป้หันมาถามผมแทน



"ไม่รอ พี่เป้รีบไปใส่เสื้อผ้าเลย"



************************



"ยังไม่เลิกหน้ามุ่ยอีก" ผมหลบมือพี่สินที่ยื่นมาบีบปาก ทำไมถึงเป็นพี่สินน่ะเหรอ เพราะสุดท้ายแล้วพี่เป้ก็เทผมด้วยเหตุผลที่ว่าคนที่เข้างานรอบเช้าเกิดป่วยกะทันหัน ตัวเองเลยต้องไปแทน แล้วก็ไม่ได้มาส่งผมอย่างที่บอกไว้เลยกลายเป็นว่าผมต้องนั่งรอพี่สินแต่งองค์ทรงเครื่องอีกเป็นชั่วโมง ถ้าออกมาขึ้นรถเมล์ตั้งแต่แรกป่านนี้ผมถึงห้องเรียนแล้ว



"ยุ่ง" ผมปัดมือพี่สินที่พยายามวุ่นวายกับปากผมไม่เลิก



"จะงอนอีกนานมั้ยเนี่ย ว่าจะบอกข่าวดีสักหน่อย"



"ข่าวดีอะไร"



"เลิกงอนก่อน" เล่นตัวจริงๆ



"ผมไม่ได้งอนสักหน่อย ไม่ใช่เด็กๆแล้ว"



"จ้า ไม่เด็กจ้า" ผมจิ๊ปากใส่พี่แกไปทีหนึ่งด้วยความหงุดหงิด ก็ดูดิ น้ำเสียงแบบนี้ฟังก็รู้แล้วว่าล้อเลียน



"สรุปเรื่องสัมภาษณ์อ้ะ พรุ่งนี้ไอ้รันว่างบ่ายนะ สะดวกหรือเปล่า" ผมหันไปมองพี่สินตาโต



"ว่างครับ ได้เลยครับ พรุ่งนี้ผมไม่มีเรียน ว่าแต่พี่เขาสะดวกที่ไหน ผมจะได้ไปหาที่ให้แล้วก็เตรียมของด้วย" ดีจังเลย จะได้ทำให้เสร็จๆสักที



"ใจเย็น ดีใจอะไรขนาดนั้นวะ"



"ดีใจสิ จะได้สัมภาษณ์พี่รันแล้ว" ผมฮึมฮัมเพลงด้วยความสุขใจ ได้พี่รันเดือนมหาลัย มาสัมภาษณ์ให้แบบนี้ รับรองว่าผมต้องได้เอแน่ๆ



"เกินไปแล้วมั้ง" แล้วพี่จะหงุดหงิดอะไรกับความดีใจของคนอื่นล่ะ นิสัยไม่ดีเลย ไม่ชอบให้คนอื่นมีความสุขงี้หรอ



"ให้มันน้อยๆ หน่อย คำขอบคุณสักคำยังไม่มีอ้ะคนเรา" มัวแต่ดีใจลืมขอบคุณเลย



"ขอโทษครับ แล้วก็ขอบคุณที่ช่วยคุยให้นะครับ" ผมยิ้มให้คนตรงหน้า พี่สินหันมามองหน้าผมแว๊บหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองถนน บ่นงึมงำๆอยู่คนเดียว



"วันนี้ทำงานพาร์ทไทม์มั้ย"



"ทำครับ"



"งั้นเดี๋ยวไปส่ง"



"วันนี้พี่ไม่ไปไหนเหรอครับ?"



"มึงจะให้กูไปไหนล่ะ" อ้าว จะไปรู้พี่เหรอ



"ก็ไปที่ชอบ ที่ชอบ..."



"มึงว่ากูเป็นสัมภเวสีเหรอ!!!" อ้าว แล้วจะขึ้นเสียงทำไมล่ะเนี่ย



"ไม่ใช่แบบนั้น หมายถึง ไม่มีธุระต้องไปทำหรอครับ" ผมรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน วันนี้ดูพี่สินอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ วัยทองหรอ



"มึงไง ธุระกู"



"..."



"เลิกทำหน้าเอ๋อได้แล้ว มึงเลิกเรียนกี่โมง"



"เที่ยงครับ ถ้าไม่เลทนะ"



"เออ จะไปเรียนก็รีบไปกูจะกลับไปนอน ง่วง"



"อ่อครับ" ผมหันมองด้านนอก เพิ่งสังเกตว่ารถพี่สินวนมาจอดหน้า ม.แล้ว



"เดี๋ยว" ผมหันไปมองพี่สินที่ดึงมือผมไว้ก่อนจะได้ปลดเบลท์ออกจากตัว



"คีย์การ์ด" พี่สินว่าพลางแบมือมาทางผม



"คือ...?"



"คีย์การ์ดคอนโดมึงอ้ะ ถ้าไม่ให้กูแล้วกูจะเข้าห้องยังไง แค่นี้ต้องให้บอกหรอวะ"



"อ่อ" ผมครางรับ พลางยื่นคีย์การ์ดของตัวเองให้พี่สิน แต่พี่แกก็ยังไม่สบอารมณ์ ขมวดคิ้วกว่าเดิม แถมยังจิ๊ปากใส่ผมอีกต่างหาก อะไรของเขา



"นี่มึงให้คีย์การ์ดคนอื่นง่ายขนาดนี้เลยหรอ! ถ้าเกิดมึงโดนหลอก เขายกเค้าบ้านมึง มึงจะทำยังไง!" เอ้า ให้ก็ผิดอ้ะคนเรา



"ก็..."



"ไม่ต้องอธิบาย มึงแม่ง รีบๆไปเรียนเลยไป" ผมพยักหน้ารับ ยกมือไหว้แล้วรีบเผ่นจากรถทันที ท่าทางพี่เขาน่าจะถึงวัยหมดประจำเดือนแล้วมั้งเนี่ย แต่เดี๋ยวนะ ผู้ชายไม่มีหนิ เฮ้อ ช่างเถอะ





*****************************



"เชลดอนเพื่อนรักกกกกกกกกกกกกกกก" ทันทีที่ผมเข้าห้องมาก็ต้องตกใจเสียงเรียกหวานหยดย้อยจากวิว ซึ่งผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ออกแนวขนลุกมากกว่า ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน



"มานั่งนี่มาๆๆๆ เร้วววว" โฟล์คก็เป็นไปกับเขาอีกคน



"เดี๋ยวกูช่วยถือนะ มาๆๆนั่งจ้ะ" ผีเข้าเพื่อนผมหรือเปล่าเนี่ย คนหนึ่งเดินมาช่วยถือกระเป๋า คนหนึ่งปัดเก้าอี้แถมเลื่อนออกให้อย่างดี แถมมีมานั่งขนาบทั้งสองข้างพลางยิ้มหวานใส่อีก



"เล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้เลยจ้า" วิวเปิดประเด็นทันทีที่ผมนั่งลงบนเก้าอี้



"เล่าอะไรเหรอ?" ผมหันไปมองหน้าทั้งคู่สลับไปมาอย่างงงๆ



"มึงหยัมแสร้งว่า อย่าไขสือ เล่ามาเลยว่ามึงไปนอนกับพี่สินสุดฮอตได้ยังไงวะ"



"เปล่านี่ครับ" ผมส่ายหัวยืนยันคำตอบ



"แล้วเมื่อคืนคืออะไร ทำไมพี่สินรับสายแทนมึงได้"



"อ๋อ เมื่อคืนพี่สินมานอนห้องผมครับ" ผมสะดุ้งโหยง เมื่อวิวตบเข่าตัวเองดังฉาด พร้อมเอ่ยขึ้นเสียงดัง



"นั่นไง กูว่าแล้วว่ามันต้องมีซัมธิง" โฟล์คพยักหน้ารับ พลางจ้องผมอย่างคนอยากรู้อยากเห็น



"ไม่มีอะไรนี่ครับ ผมก็นอนที่โซฟา พี่เขาก็นอนในห้องผม" ไม่เห็นจะมีซัมธิงที่ตรงไหน



"ทำไมจะไม่มีล่ะ มึงอย่ามาดับฝันกูนะไอ้ปอนด์ ตอนนี้ก็ลงเรือผีลำนี้แล้ว ต่อไปนี้กูจะแล่นเรือเอง กัปตันกูแสดงตัวขนาดนี้ ไม่ชิปไม่ได้" วิวเพ้ออะไร เรือผีอะไร ไพเรทออฟเดอะแคริบเบียนหรอ ผมทำหน้างงใส่ หน้าแบบที่ปกติวิวกับโฟล์คจะชอบว่าหน้าหมางงน่ะ สองคนนั้นก็ไม่สนใจผม แถมยังหันไปซุบซิบๆกันสองคนกะไม่ให้ผมได้ยินด้วย แต่ลืมไปแล้วหรอ ว่าผมอยู่ตรงกลางระหว่างเขาสองคนน่ะ



"ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง" โฟล์คทำท่าเพ้อๆมองเพดานเรื่อยเปื่อย ส่วนวิวก็จับมือโฟล์คไว้ด้วยท่าทีมาดมั่น



"ใช่มึง ถึงเวลาเรือเล็กควรออกจากฝั่ง" ผมอยากจะมีส่วนร่วมกับเขาทั้งสองคนนะ แต่บอกตรงๆว่าผมฟังไม่รู้เรื่องสักอย่าง แล้วทั้งคาบเรียนผมก็โดนวิวกับโฟล์คถามนู่นนี่ซอกแซกไปเรื่อยเปื่อย ขนาดว่าผมบอกข่าวดีเรื่องที่พี่รันจะมาให้สัมภาษณ์กลุ่มเรา เขายังโวยวายผมเสียยกใหญ่ ว่าให้ขอพี่สิน ไม่ใช่พี่รัน ผมนี่งงไปหมด แล้วสุดท้ายเขาก็วกกลับมาเรื่องผมกับพี่สิน หาว่าผมหวง ไม่อยากให้ใครเห็นพี่สิน แล้วก็พึมพำว่าฟินอย่างงู้นอย่างงี้ เฮ้อ ผมเหนื่อยจะใส่ใจเลยนั่งเรียนไปท่ามกลางความเพ้อเจ้อของสองคนนี้อย่างที่ทำเป็นประจำนั่นแหละ



"แล้วนี่มึงไปทำงานพาร์ทไทม์ใช่ป้ะ" ผมพยักหน้ารับพลางเก็บของลงกระเป๋าตัวเอง



"งั้นเดี๋ยวพวกกูไปส่งเลย ยังไงก็ทางผ่าน"



"ครับ" ครืด ครืด ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู 'พี่สิน' โทรมาทำไมกัน



"ฮัลโหลครับ" ผมรับสายพลางเหล่ตามองทางขวา เพราะเพื่อนสองคนเอาหูมาแนบโทรศัพท์ที่ผมคุยอยู่จนอยากจะยื่นให้คุยเอง อะไรจะไร้มารยาทได้ขนาดนี้



("เลิกยัง")



"เลิกแล้วครับ"



("งั้นก็รีบๆลงมาได้แล้ว ร้อน") ห๊ะ



"อ่า...ครับ"



("ไม่ต้องทำความเข้าใจนาน กูมารับไปส่งที่ทำงาน") อ๋อ



"ว่างเหรอครับ"



("ไม่ว่างกูจะมาหรือไง เร็วๆ")



"โอเคครับ" ติ๊ด อะไรของเขากันนะ อารมณ์ยังกับพายุ ผมเก็บโทรศัพท์ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาเดินลงไปใต้อาคารเรียน เดี๋ยวจะโดนพี่เขาเหวี่ยงใส่อีก



"ฮั่นแน่ ยังไงครับยังไง"



"อืม ก็ไปกับพี่สินนะ วิวกับโฟล์คไม่ต้องไปส่งแล้ว"



"ฮิ้ววววววววววววววววว" แล้วเขาสองคนก็ทำท่าร้องโห่ รำวงอะไรไม่รู้จนคนทั้งเซคหันมามอง อายกันบ้างเถอะ



"เล่นอะไรไม่รู้" ผมบ่นพลางเดินนำสองคนนี้จนถึงใต้ถุนอาคารก็เห็นคนกลุ่มใหญ่กำลังล้อมโต๊ะม้าหินอยู่ แต่มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผม ผมเลยเลือกที่จะเดินเลี่ยงไปหาพี่สิน เดี๋ยวรอนานแล้วจะบ่นผมอีก



"ปอนด์!!!" ผมหันไปทางกลุ่มตรงนั้นงงๆ ก่อนคนจะพากันแหวกออกเป็นทางให้ผมเห็น อ่า พี่สินนั่นเอง แล้วนั่นซื้อขนมอะไรมาเยอะแยะ



"งั้นเดี๋ยวพี่ไปก่อนนะครับ ธุระของพี่มาแล้ว" พี่สินว่ายิ้มๆ พลางเดินมากอดไหล่ผม สายตาแต่ละคนนี่ดูเหมือนโกรธเกลียดผมมาตั้งแต่ชาติปางก่อน ผมไปทำอะไรให้ละเนี่ย



"เอ่อ พี่สินอยู่ต่อก็ได้ครับ เดี๋ยวปอนด์ไปกับวิวแล้วก็โฟล์คได้ สองคนนี้จะกลับพอดี" ผมชี้ไปที่เพื่อนของตัวเองที่ยืนรออยู่ด้านหลัง แต่นอกจากพี่สินจะไม่ปล่อยแล้ว ยังกอดผมแน่นกว่าเดิมอีก



"พี่อุตส่าห์มารอตั้งนาน นี่คือสิ่งที่พี่ควรจะได้รับหรอ" พี่สินทำหน้าเป็นหมาหงอย แถมยังทำตาปริบๆใส่ผมอีก นอกจากเพื่อนผม พี่สินเองก็น่าจะผีเข้าเหมือนกันนะครับ อารมณ์ดูขึ้นๆลงๆ แปลกๆ



"อ่อ ครับ"



"งั้นไปกันเลยนะครับ" พี่สินว่าพลางยิ้มแล้วเดินกอดไหล่ผมออกมาจากกลุ่มคนที่ยืนล้อมตัวเองอยู่ ผมหันไปโบกมือบ๊ายบายเพื่อนตัวเอง ก่อนจะพยายามทำตัวลีบที่สุด รู้สึกเหมือนชีวิตตัวเองหลังจากนี้จะวุ่นวายยังไงก็ไม่รู้สิครับ























*******************



tbc.



^^





หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.11 เพราะพี่หล่อเกินไป
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 07-03-2020 00:05:36

Ch.11 เพราะพี่หล่อเกินไป

หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 07-03-2020 12:17:49
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.12 ต้องง้อยังไง?
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 08-03-2020 06:30:15
Ch. 12 ต้องง้องยังไง?



 




 

00:04 น.

 

แกรก ผมละมือจากแล็ปท็อปพลางหันไปมองทางประตูห้องเห็นเป็นพี่เป้กำลังเดินเข้ามา อืม กลิ่นเหล้าหึ่งเลย ไหนว่าไปทำงาน

 

"อ้าว ยังไม่นอนหรอ ขอโทษทีนะ วันนี้มีเลี้ยงส่งพี่นิดหน่อยเลยกลับมาดึกเลย" พี่เป้เหวี่ยงกระเป๋ากับสูทไว้บนโต๊ะพลางนั่งแผ่ลงโซฟาอีกตัว

 

"แล้วกำหนดเดินทางมาหรือยังครับ"

 

"อืม" เราต่างคนต่างเงียบ เพราะไม่รู้จะพูดอะไรต่อ ผมเลยหันกลับมาพิมพ์งานที่เหลือ

 

"จะไม่ห้ามพี่หน่อยหรอ" ผมหันไปมองพี่เป้ที่นั่งมองผมอยู่ก่อนแล้ว

 

"ไม่ครับ ปอนด์ยังยืนยันคำเดิม ถ้าทำแล้วดีกับตัวพี่ ไม่ว่าเรื่องอะไร ปอนด์ก็สนับสนุน" พี่เป้มองตาผมสักพักแล้วถอนหายใจออกมาก่อนจะพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน

 

"พี่จะรีบกลับมา" ผมพยักหน้ารับ ในขณะที่พี่เป้เอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆ

 

"ดูแลตัวเองนะ พี่เป็นห่วงเรามากๆ อยู่นู่นต้องเหงาแน่เลยไม่มีปอนด์คอยปลุกตอนเช้า" ผมอมยิ้มกับมือที่ยังลูบหัวผมอยู่

 

"พี่เป้ก็ต้องดูแลตัวเอง อยู่คนเดียวก็อย่าลืมกินข้าวด้วย ไม่มีปอนด์คอยทำให้แล้ว" พี่เป้ชอบนอนจนลืมกินตลอดเลย ไม่ให้ห่วงได้ไง เห็นบอกร่างกายต้องการเตียงตลอด แต่ผมก็เข้าใจนะ ทำงานที่ต้องเจอแขกต่างชาติ ต่างความต้องการทั้งวัน คงเหนื่อยมาก

 

"โอเค แล้วนี่ทำไมยังไม่นอนอีก"

 

"ปอนด์เตรียมงาน พรุ่งนี้มีสัมภาษณ์พี่รัน ก็เลยมานั่งคิดคำถามกับพวกเพื่อนๆครับ"

 

"โอเค งั้นพี่ไปอาบน้ำนอนแล้วเดี๋ยวมาอยู่เป็นเพื่อน" พี่เป้ว่าพลางลุกขึ้นยืน

 

"ไม่เป็นไรครับ พี่เป้นอนก่อนเลย" พี่เป้พยักหน้ารับแล้วเดินหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไปผมเลยกลับมานั่งคิดงานต่อ

 

เพ่ื่อนตายก็แค่ไปงานศพ (3)

00.04


Mr.Hurt: แล้วทีเหลือเราก็ค่อยตัดต่อเพลงใส่เอา หรือมึงว่าไง @ปอนด์
Mr.Hurt: Hello~
Mr.Hurt: อ้าวเพื่อนกู ไปดีซะแล้ว
 

00.12

ปอนด์: โทษทีครับ พี่เป้กลับมาพอดีเลยคุยอะไรกันนิดหน่อย


Mr.Hurt: เออ งั้นมึงไปนอนได้แล้วมั้ง เดี๋ยวพวกกูก็จะกลับละ

ปอนด์: นี่ยังอยู่ที่ร้านเหล้ากันหรอครับ


Mr.Hurt: เออ กำลังจะกลับ
Mr.Hurt: คืนนี้พี่สินไม่ไปนอนกับมึงหรอวะ
Mr.Hurt: กูเจอพี่เขานั่งกินเหล้าอยู่กับเพื่อนโต๊ะใกล้ๆ น่าจะเมาด้วย

ปอนด์: แล้วทำไมเขาต้องมานอนกับผมละครับ

ปอนด์: เขาจะไปไหนมันก็เรื่องของเขา

ปอนด์: ผมไปนอนแล้ว โฟล์คกับวิวก็รีบกลับได้แล้วครับ

ปอนด์: เดี๋ยวพรุ่งนี้จะตื่นไม่ทัน


Mr.Hurt: โห รัวเลย
วิวเฉยๆ วี้ดวิวพ่อง: เออ กูตกใจเลย
Mr.Hurt: ทะเลาะไรกับพี่เขาป้ะวะ
Mr.Hurt: เห็นพี่มันดูอารมณ์ไม่ค่อยดี
วิวเฉยๆ วี้ดวิวพ่อง: เออ จริง แถมตอนไปทัก พี่เขาถามเพื่อนตัวดีไม่มาด้วยหรอ
วิวเฉยๆ วี้ดวิวพ่อง: กูนี่งงเลย มากันสองคน ถามหาใคร เลิ่กลั่กสุด
Mr.Hurt: รีบๆ ง้อพี่เขาด้วยนะมึง
Mr.Hurt: เดี๋ยวโดนคาบไปแดกนะ ของดีขนาดนี้

 

ผมขมวดคิ้วกับข้อความสุดท้ายที่โฟล์คส่งมา ทำไมผมต้องง้อด้วย ผมทำอะไรผิด มีแต่พี่เขาเองที่หงุดหงิดอยู่ฝ่ายเดียว แถมตอนนี้ยังมาทำให้ผมหงุดหงิดเพิ่มอีกคน เป็นอะไรนักหนา จะไม่กลับก็ไม่บอก แถมเอาคีย์การ์ดผมไปด้วย นี่ผมก็ต้องบอกให้ทางนิติมาเปิดห้องให้ เพราะไม่ได้เอาคีย์สำรองติดตัวไป ผมปิดแชท นั่งโหลดซาวด์ประกอบเรื่อยเปื่อยจนพี่เป้เดินออกมาจากห้องน้ำ

 

"เป็นอะไรเรา คิ้วขมวดเชียว คิดงานไม่ออกหรอ" ผมผละมือออกจะจับคิ้วตัวเอง นี่ผมขมวดคิ้วตั้งแต่เมื่อไหร่

 

"เปล่าครับ งานเสร็จแล้วกำลังโหลดเพลงอยู่"

 

"เอ้าหรอ เห็นทำหน้าเครียดเลย มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ปรึกษาพี่ได้นะ" ผมลังเลนิดหน่อย ก่อนจะพยักหน้าหันไปทางพี่เป้

 

"คือว่ามีคนงอนปอนด์" พี่เป้พยักหน้าแล้วนั่งลงข้างๆ

 

"อ่าฮะ ทะเลาะกันหรอ ถึงบอกว่าเขางอน" ผมส่ายหน้า

 

"ปอนด์ไม่รู้ว่าจะเรียกทะเลาะได้มั้ย เพราะปอนด์ไม่รู้สึกว่าตัวเองทำอะไรผิด" พี่เป้พยักหน้าพลางนั่งหลังตรง

 

"แล้วปอนด์รู้สึกผิดมั้ย" ผมนิ่งคิดตามพี่เป้ แล้วค่อยพยักหน้าเบาๆ

 

"อืม แล้วอยากให้เขาหายงอนมั้ย?" ผมพยักหน้าตามอีก

 

"ก็ง้อสิ ไม่เห็นยากเลย"

 

"แต่ปอนด์ไม่รู้จะเริ่มยังไง คือถ้าปอนด์ง้อเขา หมายความว่าปอนด์ผิดหรอ? ปอนด์ไม่เคยง้อใครมาก่อน" พี่เป้หัวเราะน้อยก่อนจับผมโยกหัว

 

"มันไม่เกี่ยวหรอกว่าใครผิดใครถูก ถ้าปอนด์รู้สึกไม่ดีที่ทำให้เขางอน ถึงแม้จะไม่รู้ว่าเขางอนเรื่องอะไรก็เถอะ ปอนด์ก็ควรหาทางคืนดีกับเขานะ" ผมพยักหน้าตาม

 

"แล้วต้องง้อยังไง?" พี่เป้หัวเราะดังขึ้นอีกหน่อย

 

"ก็ขอโทษเขา พาเขาไปกินของอร่อยๆก็น่าจะหายมั้ง สำหรับพี่แค่นั้นมันก็พอนะ" ผมพยักหน้ารับก่อนจะบอกขอบคุณพี่เป้ แล้วแยกย้ายกันไปนอน ว่าแต่พี่สินชอบกินอะไรผมยังไม่รู้เลย

 

***************************

 

"ขอบคุณมากเลยนะครับพี่รัน" ผมกับเพื่อนๆยกมือไหว้ขอบคุณพี่รันหลังจากสัมภาษณ์เสร็จแล้ว เห็นว่ามีเรียนต่อด้วย แต่ก็ยังอุตส่าห์หาเวลามาให้พวกผมสัมภาษณ์อีก ใจดีจริงๆเลย

 

"ยินดีมากครับ เอาจริงๆ ปอนด์มาถามพี่โดยตรงเลยก็ได้นะ พี่ไม่กัด" พี่รันว่าพลางยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี ผิดกับคนที่มากับพี่รัน หน้าอย่างกับไปกินรังแตนที่ไหนมา

 

"เสร็จแล้วก็ไปได้แล้วมั้ง อาลัยอาวรณ์กันเหลือเกิน" พี่รันยื่นขาไปเตะพี่สินที่นั่งอยู่เบาๆ ก่อนจะยิ้มแหยๆให้ผม

 

"สงสัยเมนส์มันมาครับ อย่าไปใส่ใจเลย เอ้อ ว่าแต่จะเป็นไรมั้ยครับ ถ้าพี่จะขอไลน์น้องปอนด์ไว้ พี่ชอบรูปที่เราถ่ายพี่มากเลย หล่อดี อยากให้ส่งให้" พี่รันยิ้มตาหยี ผมพยักหน้าพลางหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา

 

"ได้สิครับ พี่รันหล่ออยู่แล้วถ่ายออกมายังไงก็หล่อครับ ถ้ายังไงเดี๋ยวผมเอารูปลงแล้วจะส่งให้ในไลน์นะครับ อ๊ะ"

 

"เดี๋ยวกูส่งให้มึงเอง" พี่สินที่ไม่รู้ลุกมาตอนไหน แย่งโทรศัพท์ผมไปจากมือแถมเอาไปเก็บในกระเป๋ากางเกงตัวเองหน้าตาเฉย

 

"มึงจะทำให้ยุ่งยากทำไมวะ ให้น้องส่งมาให้กูเลยก็จบ"

 

"เออน่ะ เดี๋ยวกูส่งให้เอง ไปได้แล้ว" พี่สินว่าพลางกอดคอพี่รันทำท่าจะลากเพื่อนตัวเองไป

 

"พี่สินครับ โทรศัพท์ผมล่ะ" ผมรั้งแขนข้างที่ว่างของพี่สินไว้แล้วขอโทรศัพท์ตัวเองคืน

 

"ตามมาเอาเองดิ กูจะไปเรียนแล้ว ปล่อย" แล้วพี่สินก็เดินหนีไปหน้าตาเฉยเลย อ้าว อะไรของเขา

 

"นี่มึงยังไม่ได้คืนดีกับพี่เขาอีกหรอ" ผมส่ายหน้าให้วิวที่กำลังก้มเก็บสถานที่ที่เราใช้สัมภาษณ์พี่รันอยู่

 

"ยังเลย"

 

"ทำไมไม่ง้อวะ" โฟล์คเงยหน้าจากการเช็คงานในกล้องเพื่อถามผมโดยเฉพาะ

 

"ก็ไม่รู้จะง้อยังไง" วิวถอนหายใจหน่ายๆใส่ผม ผมยักไหล่พลางเก็บอุปกรณ์กล้อง

 

"แล้วมึงไปทำอะไรให้พี่เขาโกรธล่ะ" ผมส่ายหน้าอีกหน

 

"ก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าพี่เขาโกรธเรื่องอะไร"

 

"ห๊ะ แล้วมึงจะง้อเขาสำเร็จมั้ยเนี่ย" วิวทำท่าตกใจซะเว่อร์อะไรขนาดนั้น

 

"สมเป็นมึงจริงๆเชลดอน ฮ่าๆๆ" ส่วนโฟล์คก็หัวเราะขัดอารมณ์วิวไปอีก นี่เขาสองคนเป็นมาเป็นเพื่อนกันได้ไงนะ เอ้อ แล้วผมมาเป็นเพื่อนสองคนนี้ได้ไงเนี่ย

 

"แล้วนี่มึงจะกลับไปทำต่อให้เสร็จเลยป้ะหรือยังไง" อืม เอาจริงๆ ทำเลยก็ดีนะ จะได้เสร็จๆไป ไหนๆวันนี้ผมก็ไม่ต้องทำพาร์ทไทม์แล้ว

 

"แต่กูว่าก่อนอื่นมึงไปง้อพี่เขาก่อนเหอะ" วิวพูดพลางตบไหล่ผมเบาๆ โฟล์คก็พยักหน้าเห็นด้วย

 

"แต่ผมไม่รู้จะง้อยังไง" วิวกับโฟล์คหันหน้าไปยิ้มให้กันแล้วหันมามองหน้าผมพลางยิ้มกริ่ม

 

"เดี๋ยวพวกกูช่วยมึงเอง"

 

*************************

 

"ไม่เอาาาาาา จะบ้าหรอ คนเต็มคลาสเลย" ผมกำลังยื้อตัวเองสุดชีวิตเพราะเพื่อนสองคนที่บอกจะช่วยผมหาวิธีง้อพี่สิน คือการพาผมไปซื้อกาแฟใต้ถุนอาคารมาหนึ่งแก้วแล้วลากผมมาถึงคลาสเรียนพี่เขา

 

"มึงจะมาป๊อดอะไรวะ เร็วๆดิ ก่อนอาจารย์เขาจะเข้า" วิวยังคงพยายามดันตัวผมที่พยายามเกาะผนังมุมทางเดินไว้อย่างเหนียวแน่น ชาติที่แล้วผมต้องเกิดเป็นตุ๊กแกแน่ๆ

 

"อย่าลีลาดิ๊ปอนด์กูเหนื่อยแล้วนะ" โฟล์คว่าพลางพยายามแกะนิ้วมือผมออกจากผนัง

 

"เด็กๆทำอะไรกัน" ผมสะดุ้งโหยงหันไปมองข้างหลัง พี่โอ๊ต

 

"พี่โอ๊ตสวัสดีครับ" ผมยกมือไหว้พี่เขา เพื่อนอีกสองคนเลยปล่อยมือแล้วไหว้ตาม

 

"สวัสดีครับ แล้วนี่มาทำอะไรกันหน้าห้องพี่ครับ" พี่โอ๊ตยิ้มสดใสพลางมองพวกผมที่ยืนรวมกันเป็นกระจุก โอ้โห ต่อให้พี่เขาจะไม่ใช่ราชนิกุลจริงๆ แต่ยิ้มอย่างนี้ร้อยทั้งร้อยผู้หญิงคือตายเรียบแน่ๆครับ ขนาดรอยยิ้มยังดูผู้ดีเลย คนอะไรก็ไม่รู้

 

"คือว่าผมจะมาง้อพี่สินน่ะครับ"

 

"หืม? ยังไงนะครับ"

 

"คือว่าพี่สินเขาเอาโทรศัพท์เพื่อนผมไปน่ะครับ พวกผมก็เลยพามันมาเอาคืน" โฟล์คเป็นคนตอบพี่โอ๊ตไปแทน เพราะถ้าให้ผมตอบคงต้องอธิบายกันไปอีกยาวเลย

 

"อ๋อ โดนสินยึดโทรศัพท์นี่เอง มาสิ เดี๋ยวพี่พาเข้าไป" พี่โอ๊ตว่าพลางดึงข้อมือผมให้เดินตามไป แรงเยอะเป็นบ้า ออกแรงดึงทีเดียวผมนี่ตัวปลิวตามเลย ผมก็ไม่ใช่ตัวน้อยๆ นะครับ ขนาดเพื่อนผมสองคนยังพยายามแงะผมออกจากผนังตั้งนานแน่ะ

 

"ไอ้สิน!!! เด็กมึงมาง้อแล้ว!!!" แล้วพี่โอ๊ตจะตะโกนทำไมครับเนี่ย นั่นไง หันมาทั้งห้องเลย ToT ผมยืนหลบหลังพี่โอ๊ตตัวลีบ แล้วแอบชะเง้อดู เห็นพี่สินนั่งอยู่ไกลลิบ แล้วทำไมห้องนี้ต้องเป็นแบบสโลฟด้วยเนี่ย เห็นกันอย่างทั่วถึงเลย

 

"มาครับ ไม่ต้องกลัวเพื่อนพี่นิสัยดีทุกคน ไม่มีใครกัด" พี่โอ๊ตเดินจูงมือผมขึ้นไปจนถึงโต๊ะที่พี่สินนั่งอยู่กับเพื่อนเขาอีกสี่คน ผมก็ยืนเก้ๆกังๆ ทำอะไรไม่ถูกอยู่ดี ก็เลยยื่นแก้วกาแฟไปให้ตรงหน้าพี่สิน

 

"..." พี่สินมองแก้วกาแฟแล้วมองหน้าผม

 

"เอ่อ ให้ครับ"

 

"ให้ทำไม?"

 

"คือ...ขอโทษครับเรื่องเมื่อวาน"

 

"..." เงียบเป็นป่าช้าเลย แล้วทุกคนจะมาลุ้นอะไรกับผมนักล่ะครับ มีอะไรก็ทำไปสิ

 

"ผมก็ไม่รู้ว่าพี่งอนเรื่องอะไร แต่ขอโทษครับ"

 

"..." พี่สินไม่ตอบอะไรพลางมองหน้าผมนิ่งๆ เอาไงดีอ่ะ หรือผมค่อยมาวันหลังดี ผมหันไปหาเพื่อนๆพี่เขาอย่างหาตัวช่วย แต่ทุกคนก็เอาแต่นั่งขำอย่างเดียว

 

"หายงอนปอนด์ได้มั้ยครับ"

 

"โอ๊ยยยยยยย น่ารักเหี้ยๆ ไอ้สินถ้ามึงยังไม่หายงอนน้องกูจะคาบไปแดกแล้วนะ" แล้วก็อีกหลายเสียงเซ็งแซ่ ทั้งผิวปากทั้งตะโกนอะไรที่ผมจับใจความไม่ค่อยรู้เรื่อง ว่าแต่ผมต้องระวังพี่คนที่นั่งข้างพี่สินใช่มั้ย เขาบอกว่าจะคาบผมไปกินด้วยล่ะ น่ากลัววววว ToT

 

"เสือก" พี่สินหันไปว่าเพื่อนตัวเองแล้วยื่นมือมารับแก้วกาแฟไปจากผมไปดูด

 

"เออ หายก็ได้" ผมยิ้มให้พี่สิน แสดงว่าพี่สินหายงอนแล้วใช่มั้ยเนี่ย กาแฟไถ่โทษถือว่าสำเร็จ

 

"แล้วก็ขอโทรศัพท์คืนได้มั้ยครับ"

 

"เดี๋ยวกูค่อยคืนตอนเลิกเรียน" อ้าว

 

"แต่ว่าผมจะกลับบ้านแล้ว"

 

"มึงยังกลับไม่ได้ ไอ้เชมึงขยับไปดิ๊ ส่วนมึงมานั่งนี่" พี่สินถีบเพื่อนตัวเองให้ลุกไปนั่งอีกตัวแล้วดึงแขนผมมานั่งข้างๆ

 

"รอกลับพร้อมกัน"

 

"แต่ว่า..."

 

"ไม่มีแต่ รอกูเรียนเสร็จค่อยกลับพร้อมกัน" ผมพยักหน้ารับ

 

"ผมเอางานขึ้นมาทำได้มั้ยครับ" ผมถามพี่สินพลางยกแล็ปท็อปตัวเองออกมาจากกระเป๋า

 

"อืม" ผมเปิดแล็ปท็อปตัวเองพลางเอาหูฟังขึ้นมาเสียบด้วย กะว่าจะนั่งตัดคลิปที่สัมภาษณ์พี่รันไปพลางๆระหว่างรอพี่สินเรียน

 

"น้องปอนด์ใช่มั้ยครับ พี่ชื่อเชนะ ส่วนไอ้นี่ชื่อมาร์ค คนที่เหลือน้องคงรู้จักแล้ว" ผมหันไปยกมือไหว้พี่ๆ จากนั้นก็กลับมาทำงานตัวเองต่อ สักพักอาจารย์ก็เดินเข้าห้องมา

 

"ง่วงสัส" ผมหันไปมองพี่สินที่นอนเอาแก้มแนบโต๊ะพลางหันมาทางผม

 

"ทำไมไม่เรียนล่ะครับ"

 

"ขี้เกียจ นอนมองมึงดีกว่า"

 

"ดียังไงครับ พ่อแม่ส่งมาเรียนนะ"

 

"เพลินตากว่าไง อย่าพูดมากทำงานไป" หลังพี่สินพูดก็มีเสียงฮิ้วเบาๆจากเพื่อนๆเขา แล้วทุกคนก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อผมหันไปมอง

 

"จบคาบแล้วปลุกด้วยดิ"

 

"ถ้าจะนอนอย่างนี้อย่าเข้าเรียนเลยครับ" พี่สินหัวเราะในลำคอก่อนจะลุกขึ้นเรียนเหมือนเดิมพลางขยี้หัวผมเบาๆด้วย ฮื่อ ผมยุ่งหมด แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก พี่สินอารมณ์ดีก็ดีแล้ว ดีกว่าตอนทำหน้าบูดเยอะ จะว่าไปการง้อคนนี่มันก็ไม่ได้ยากแฮะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

************

tbc

 

^^

 

 

 

 

 

 

 

 

 



หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.13 อย่าชี้ทางสว่างให้น้อง
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 14-03-2020 23:14:42


Ch.13 อย่าชี้ทางสว่างให้น้อง


"คืนนี้กูไปนอนด้วยนะ" ผมเก็บโน๊ตบุ๊คไปพลางพยักหน้ารับไป



"เดี๋ยวๆ ยังไงครับไอ้สิน มีขอไปนอนห้องน้องด้วย" ก็พี่สินเป็นรูมเมท ไม่ให้ไปนอนห้องผมแล้วจะให้ไปนอนไหน พวกพี่ๆนี่ก็ถามแปลกๆ



"ไม่เสือกดิ" พี่สินยื่นมืออ้อมหลังผมไปตบหัวเพื่อนตัวเองหนึ่งที จะทำให้มันยุ่งยากทำไมเนี่ย แล้วก็วางแขนพาดไหล่ผมไว้เลย เดือดร้อนไหล่ผมอีก



"เค้" พี่เชลูบหัวตัวเองป้อยๆ ก่อนหันมายิ้มให้ผมแล้วจ้องหน้าอยู่แบบนั้น



"ครับ?" 



"ไอ้สินไปนอนกับปอนด์บ่อยมั้ยครับ?" พี่เชถามพลางยิ้มกริ่มแล้วก็หันไปหรี่ตามองหน้าเพื่อนตัวเอง



"ไม่บ่อยนะครับ เพิ่งค้างแค่คืนเดียวแล้วก็งอนไม่ยอมกลับห้องเมื่อคืนนั่นแหละครับ"



"อ๋อ แล้วสินมันนอนตรงไหนหรอครับ"



"ในห้องนอนผมครับ"



"อ๋ออออ" พี่ๆที่เหลือพากันประสานเสียงรับ



"ทำไมหรอครับ?"



"เปล่าครับ ไม่มีอะไร พี่ๆก็แค่อยากรู้" ผมพยักหน้ารับ



"แล้วนี่น้องปอนด์จะไปไหนต่อหรอเปล่าครับ" พี่รันถามพลางยิ้มให้อย่างใจดี



"น่าจะกลับเลยนะครับ"



"ไปกินข้าวกับพวกพี่มั้ยครับ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง" ผมหันไปถามความเห็นพี่สิน เพราะที่อยู่จนถึงตอนนี้ก็เพราะพี่สินบอกให้กลับบ้านพร้อมกัน



"เดี๋ยวไปกินข้าวกับพวกนี้มันก่อนก็ได้" ผมพยักหน้ารับพี่สินเดินมาหยิบกระเป๋าโน๊ตบุ๊คผมไปเพื่อจะถือให้ แต่ผมยื้อไว้กับตัว



"เดี๋ยวผมถือเองครับไม่เป็นไร"



"อย่าดื้อ เอามานี่ หิ้วอะไรมาเยอะแยะเป็นบ้าหอบฟางเลย ทั้งเป้ ทั้งกระเป๋ากล้องเนี่ย" ผมหน้างอก่อนจะยอมยื่นให้ เพราะยังไงเดี๋ยวเขาก็ใช้กำลังบังคับเอาไปถือให้อยู่ดี ผมเดินตามกลุ่มพี่สินลงไปติดๆ แต่เพราะมัวแต่เดินก้มมองพื้นเลยทำให้ชนกับแผ่นหลังพี่สินเต็มๆตอนที่คนข้างหน้าหยุดกะทันหัน พอเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง มีกันอยู่สามคนมาดักหน้าพวกเราไว้



"วันนี้สินพอจะว่างมั้ยคะ?" คนที่ยืนอยู่หน้าสุดถามพี่สิน แต่เจ้าตัวทำหน้ารำคาญสุดขีดเหมือนไม่อยากจะเสียเวลาคุยด้วย



"ไม่ว่าง"



"เดี๋ยวนี้ดูสินไม่มีเวลาให้มิตาเลยนะคะ" ผู้หญิงคนนั้นเสียงดังขึ้นมาอีกระดัับหนึ่ง พลางเดินเข้ามาใกล้อีก พวกพี่ทั้งกลุ่มช่วยกันบังผมไว้หลังสุด จริงๆ ผมก็ไม่ได้เตี้ยนะ แต่พวกพี่เขาสูงกว่ามาตรฐานกันไปเอง สถานการณ์ดูไม่สู้ดีเท่าไหร่เลยครับ เพราะแม้กระทั่งพี่สินเองก็เอื้อมมือมาจับข้อมือผมไว้แน่น



"สินว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ"



"สินรู้เรื่องอยู่คนเดียวหรือเปล่าคะ? คิดว่าจะทำอย่างนี้กับมิตาได้หรอ!" ผมสะดุ้งเฮือกเลย คุยกันดีๆ ก็ได้นะ ทำไมต้องตะโกนใส่กันด้วย



"นึกว่าจะเลิกกันง่ายๆแบบนี้หรอ บอกไว้เลยว่ามิตาไม่ยอม!" เจ็บคอแทนเลยครับ ตะโกนขนาดนั้น



"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ เราไม่ได้คบกันสักหน่อย มิตาก็รู้อยู่แก่ใจ" พี่สินพูดขึ้นนิ่งๆ แต่ผมว่าเขาเริ่มอารมณ์เสียแล้วล่ะ ทำไมน่ะเหรอ ก็มือที่บีบข้อมือผมอยู่นี่ไง น่าจะเป็นหลักฐานที่ดี



"ทำไมสินพูดแบบนี้คะ!!!"



"ก็พูดเรื่องจริง สินไม่เคยพูดสักคำว่าเราคบกัน"



"สิน!!!" หน้าคุณมิตาเครียดขึง เหมือนพร้อมจะเข้ามาขย้ำพี่สินทุกเมื่อ ตาจะถลนออกมาอยู่แล้ว หรือว่า...



"จะตะโกนอีกนานมั้ย น่ารำคาญ!! ก็น่าเบื่ออย่างนี้ไง ถึงได้โดนทิ้งเร็ว"



"กรี๊ดดดดดดดดดด!!!!" เฮือก! ตกใจหมดเลย ผีเข้าหรือเปล่าเนี่ย ทำไมอยู่ดีๆก็กรี๊ด ผมพยายามดึงข้อมือตัวเองออกตั้งใจจะจับพระตรงคอเสื้อขึ้นมาไหว้ แต่พี่สินจับไว้แน่นก็เลยได้แต่ย่อตัวลงนั่งแทน ผีเข้า ผีเข้าแน่ๆ



"น้องปอนด์ลงไปทำอะไร" พี่เต็มที่ยืนอยู่ข้างๆก้มหน้าลงมากระซิบ ผมเลยโชว์พระไหว้เหนือหัวแล้วแบมือให้พี่เขาดูก่อนจะบอกเบาๆ



"สวดมนต์ครับ" พี่เต็มทำหน้าเหวอก่อนจะกลั้นขำ สวดมนต์ตลกตรงไหน



"โว้ยยยยยยยยยยยย จะเงียบได้ยัง แหกปากให้ได้อะไร นึกว่าเป็นผู้หญิงแค่กรี๊ดๆๆ คนก็เข้าข้างหรือไง หยุดเถอะมันดูทุเรศ!" พี่สินตะโกนขึ้นมาเสียงดัง ส่วนคุณคนนั้นก็เงียบไปเลย โห พี่สินนี่โคตรเจ๋งอ้ะ แค่ตะคอกผียังกลัวเลย



"เอ้า ลุกดิ มึงลงไปนั่งทำไม?" พี่สินกระตุกข้อมือผมให้ลุกขึ้น ผมรีบผุดลุกตามแรงดึงไม่งั้นหน้าคว่ำแน่ๆ



"สวดมนต์ครับ"



"สวดมนต์? ตอนนี้อ่ะนะ มึงสวดทำไม?"



"แผ่ส่วนกุศลครับ ผมคิดว่าผีที่เข้าพี่เขาอยู่อาจจะสงบลง ถ้าเราแผ่เมตตาให้" ผมตอบพลางหันไปยิ้มให้อย่างเป็นมิตร เป็นคนดีผีคุ้มครองก็จริง แต่ผีคุ้มคลั่งแบบนี้ ต้องผูกมิตรไว้ก่อนครับเดี๋ยวพุ่งมาบีบคอผมล่ะแย่เลย ผมไม่สู้คน แล้วทำไมทุกคนต้องหัวเราะเสียงดังขนาดนี้ ผมเริ่มคิดจริงๆแล้วนะ ว่าคนสมัยนี้เห็นเรื่องการไหว้พระไหว้เจ้าเป็นเรื่องตลก แย่ๆ ควรได้รับการปลูกฝังที่ดีกว่านี้



"ไอ้เด็กบ้า!! แกกล้าดียังไงมาว่าฉันผีเข้า!!!" ผมผงะถอยหลังทันทีเมื่อผี เอ้ย พี่ผู้หญิงที่ชื่อมิตากระทืบเท้าทำท่าเหมือนจะเข้ามาขย้ำผมให้ตายคามือ



"คือ..." ผมหันไปหาพี่สินอย่างขอความช่วยเหลือ แต่พี่สินก็เอาแต่ขำไม่สนใจผมเลย กว่าจะหยุดได้ก็ขำจนเขาพอใจกันนั่นแหละ



"อย่าไปใส่ใจเลย พี่เขาแค่ผีเข้านั่นแหละ แต่เขาไม่กล้าทำอะไรมึงหรอก อยู่กับกูซะอย่าง ป้ะ อย่าไปใส่ใจไปกินข้าวกัน" พี่สินว่าพลางลากผมจะเดินออกจากห้องแต่ว่าพี่มิตาก็ยังไม่ยอมปล่อยเราไปอยู่ดี



"สินจะหนีไปแบบนี้ไม่ได้นะ เราต้องคุยกัน แล้วไอ้เด็กนี่มันเป็นใคร ทำไมต้องไปจับมือมันด้วย!" ผมพยายามดึงมือออกแต่พี่สินกลับจับไว้แน่นมากกว่าเดิมแล้วดึงผมไปประชิดตัวด้วย



"แล้วมีสิทธิอะไรจะรู้ไม่ทราบ ถอยไป น่ารำคาญ" แล้วพี่สินก็เดินกระแทกไหล่พี่เขาเปิดทางเพื่อนๆได้เดินผ่านมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องอย่างโหยหวน หรือเราควรจะชวนพี่เขาไปกินข้าวด้วยกัน เผื่อได้กินข้าวแล้วจะสงบขึ้น



"เอ่อ พี่สินจะไม่ชวนเขาไปด้วยหรือครับ?" ผมถามพี่สินหลังจากพวกเราเดินออกมาได้ไกลพอสมควรแล้ว พี่สินหันหน้าไม่สบอารมณ์มามองผมก่อนจะถอยหายใจใส่แรง



"บางทีกูก็สับสนนะปอนด์ว่ามึงซื่อหรือกวนตีนกูกันแน่"



***********************



"น้องปอนด์กินเยอะๆนะครับ"



"น้องปอนด์กินอันนี้ด้วย"



"อันนี้ด้วยครับ ตัวผอมหมดแล้ว" ผมคีบหมูที่พี่ๆเอามาวางไว้ในถ้วยคืนให้แต่ละคน คือจะไม่กินกันเลยใช่มั้ยเนี่ย อ่อ แต่เว้นพี่มาร์คไว้คนหนึ่ง รายนั้นนั่งคีบหมูกินไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น แถมดูจะเป็นคนเงียบๆด้วย



"ไม่ต้องทำให้ผมก็ได้ครับ ผมทำเองได้" 



"ไม่เป็นไรครับ พวกพี่รักษาหุ่น" พี่รันตอบพลางคีบหมูมาวางไว้ในถ้วยผมอีกครั้ง ถ้ารักษาหุ่นแล้วจะพามากินทำไม



"ใช่ พี่เห็นน้องปอนด์ยืนมองร้านนี้อยู่นาน ชอบใช่มั้ย กินเยอะๆเลยนะครับ" พี่โอ๊ตพูดไปคีบไปจนตอนนี้ถ้วยผมเต็มไปด้วยหมู ซ้ำยังมีถ้วยเปล่าที่สินขอพนักงานมาให้เพิ่มอีก



"น้องปอนด์ชอบก็กินเยอะๆเลยครับ" พี่เชก็เป็นไปกับเขาด้วยเหรอเนี่ย



"คือจริงๆแล้วผมไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้นครับ" ผมตอบไปตามความจริง



"อ้าว พี่เห็นเรายืนมองหน้าร้าน" ผมนึกตาม



"อ๋อ ผมเห็นน้องคนหนึ่งยิ้มน่ารักมากครับอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ แต่มันไม่เหมาะ เลยยืนมองเฉยๆแค่นั้นเองครับ" ผมตอบพลางยิ้มให้ ในขณะที่พี่สินนี่วางตะเกียบแล้วจ้องหน้าผมอย่างไม่พอใจ หรือจะโมโหที่ไม่มีใครคีบให้เจ้าตัวบ้าง



"ใคร?" หืม?



"ใครอะไรครับ?"



"คนที่มึงมองน่ะ"



"อ๋อ ผมไม่รู้จักหรอกครับ แต่น่ารักดีเลยมอง" ผมยิ้มตอบ หน้าเด็กน้อยคนนั้นยังติดอยู่ในหัวผมอยู่เลย น้องน่ารักมาก แก้มกลมๆ เคี้ยวตุ้ยๆ ผมเป็นคนชอบเด็กมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะเข้าหาหรือรับมือยังไงเวลาที่พวกเขาร้องไห้เท่านั้นเอง พยายามจะเข้าไปเล่นกับหลายๆคน ก็โดนร้องไห้ใส่มาทุกคน ผมก็เลยเลิกพยามยามจะผูกมิตร



"เอ่อ น้องปอนด์ชอบคนน่ารักเหรือครับ" พี่เชหันมาถามผมบ้างพลางคีบเนื้อหมูเข้าปาก



"ครับ ชอบมากเลย ยิ่งยิ้มน่ารักๆ ยิ่งชอบมอง" ผมตอบพลางยิ้ม ใครไม่ชอบเด็กๆน่ารักๆ กันบ้างล่ะ



"..."



"ฮ่าๆๆๆ อ๋อ อย่างนี้นี่เอง ไอ้สินกินๆๆมึง" พี่โอ๊ตหันไปคีบเนื้อหมูให้พี่สินบ้างแต่พี่เขาก็ยังหน้าบูดอยู่



"ไม่กินแม่งละ อิ่ม" อ้าว ผมวางตะเกียบลงบ้าง นี่คือจะเลิกกินกันแล้วใช่มั้ย



"จะกลับเลยหรอครับ?" ผมถามพี่สินที่ตอนนี้นั่งกอดอกมองหน้าผมอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ ถ้าหิวก็กินเข้าไปสิ



"ยัง มึงกินต่อดิ"



"แล้วพี่สินไม่กินหรอครับ?"



"ไม่หิว" อ้าว หรือจะง่วง เห็นบ่นๆตั้งแต่ในห้องเรียน



"งั้นกลับเลยก็ได้ครับ" 



"กินๆไปเหอะ" แล้วเจ้าตัวก็คีบหมูมากองๆไว้ตรงถ้วยเปล่าที่เอามาให้ผม จังหวะนั้นเองที่เด็กคนที่ผมมองก่อนจะเข้ามาร้านเดินผ่านมาทางโต๊ะพอดีเหมือนเจ้าตัวจะไปเข้าห้องน้ำ เพราะโต๊ะที่พวกผมนั่งอยู่ใกล้ทางเข้าห้องน้ำพอดี อ๊ะ



"เจ็บมั้ยครับ?" ผมจับแขนน้องไว้ได้ก่อนจะล้ม เจ้าตัวเล็กเดินชนขอบโต๊ะจนเซ คุณพ่อน้องก้มหัวขอบคุณผมก่อนจะบอกให้น้องขอบคุณผมด้วย



"ขอบคุณคับ" น้องหันมาไหว้ผมก่อนจะเดินจากไป ดูจากขนาดตัวแล้วไม่น่าจะเกิน 4-5 ขวบ แต่น้องน่ารักมาก แถมเป็นเด็กดีอีกต่างหาก อยากจะหยิบกล้องมาถ่ายจังเลยนะ



"ยิ้มอะไรของมึง? กินเข้าไป" ผมนั่งกินอาหารต่อ สักพัก น้องก็ออกมาจากห้องน้ำเดินพลางโต๊ะผมอีกที เหมือนน้องกับคุณพ่อจะทานเสร็จแล้ว ก่อนไปยังหันมาโบกมือให้ผมด้วย ผมเลยโบกมือบายบายกลับ พวกพี่ๆในโต๊ะเลยหันไปมองตาม น้องน่ารักจังเลยยยยย



"น้องปอนด์ชอบเด็กหรอ?" พอน้องออกจากร้านไปแล้วพี่เชก็หันมาถามผม



"ครับ น้องน่ารักมาก ตอนเคี้ยวก็แก้มตุ้ยๆ อยากจะถ่ายรูปเก็บไว้เลย"



"ที่บอกว่ายืนมองน้องน่ารักๆนี่หมายถึงคนนี้?" 



"ใช่ครับ" ผมพยักหน้าพลางคีบหมูขึ้นปิ้งบนกะทะเมื่อเห็นว่ามันเริ่มร่อยหรอ



"ฮ่าๆๆๆ" ผมเงยหน้ามองพี่ๆทุกคนที่พากันนั่งขำ ยกเว้นพี่สินคนเดียวที่ทำหน้าบึ้งหงุดหงิดกว่าเดิม



"ไอ้สินเอ๊ยยยย หึงได้แม้กระทั่งเด็ก" แล้วพวกพี่ๆเขาก็พูดแซวอะไรพี่สินอีกไม่รู้เยอะแยะที่ผมจับใจความไม่ได้



"น้องปอนด์ครับ ถ้าวันไหนเบื่อไอ้สินแล้วอยากจะเปลี่ยนรูมเมทบอกพี่ได้นะ พี่พร้อมจะมาอยู่เป็นเพื่อนน้องทุกเมื่อเลย" ผมพยักหน้ารับก่อนจะโดนพี่สินตบหัวเบาๆหนึ่งที



"มึงพยักหน้าทำไม มึงจะเบื่อกูเหรอ ใครอนุญาต" เอ้า คนจะเบื่อต้องขออนุญาตด้วยหรอเนี่ย ผมเพิ่งรู้



"มึงก็อีกคน กินๆไปเลยไอ้เช ไม่ต้องมาเสือก" 



"ทำไม กูก็แค่อยากชี้ทางสว่างให้น้องเขา คนอย่างมึงน่ะ ซื่อๆอย่างน้องตามทันที่ไหน เดี๋ยวพี่ขอเบอร์น้องปอนด์ไว้ด้วยนะครับเผื่อเวลาไอ้สินมันทำอะไรไม่ดี ก็ทักมาบอกพี่ได้เลย" ผมพยักหน้า พวกพี่รัน พี่โอ๊ตก็หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาด้วยเหมือนกัน แต่พี่สินตีมือทุกคนก่อนจะได้แลกคอนแทคกันจริงๆ



"พอๆเลย พวกมึงก็บ้าตามมัน มีอะไรก็ติดต่อผ่านกูนี่"



"แหม ยังไม่ทันไร หวงเขาแล้วหรอตัวเอง" พี่โอ๊ตว่าพลางเอานิ้วจิ้มคางพี่สินอย่างล้อเลียน



"เออ หวงมากด้วยเพราะฉะนั้นพวกมึงห้ามเสือก จบนะ" พี่สินเอื้อมมือมาโอบไหล่ผมพลางดึงชิดตัวเองท่ามกลางเสียงโห่แซวของคนทั้งโต๊ะเว้นพี่มาร์คที่แค่ยิ้มมุมปาก ผมเพิ่งรู้ ว่าคนเราก็หวงรูมเมทตัวเองได้ด้วย แล้วผม หวงพี่เขาได้มั้ยนะ?



















*****************************

tbc.









หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-03-2020 20:11:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch. 14 พี่ไม่อยู่สินร่าเริง
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 20-03-2020 03:45:28


Ch.14 พี่ไม่อยู่สินร่าเริง




"ฮัลโหลครับ"



("ทำไมรับสายช้า")



"ปอนด์เพิ่งถึงห้องครับ"



("พี่โทรไปตั้งหลายสาย")



"ขอโทษครับ ปอนด์เอาโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าเลยไม่รู้สึกตัว ว่าแต่พี่เป้มีอะไรหรือเปล่าครับ" ผมเดินเอาของไปเก็บในห้อง ส่วนพี่สินกระโดดขึ้นเตียงไปแล้ว ผมเลยเลี่ยงออกมาตรงระเบียงแทน



("วันนี้พี่น่าจะไม่ได้กลับนะ")



"อ้าว ทำไมครับ งานเยอะหรอ" ผมนั่งลงตรงพื้นพรมที่พี่เป้ซื้อมาวางไว้ พลางหยิบบัวรดน้ำรดต้นไม้ไปด้วย อ่า เริ่มสูงแล้วสิ ท่วมหัวเลย ยังกับป่าดงดิบย่อมๆ ต้นไม้รอบๆนี้ผมเป็นคนเอามาปลูกเอง ตอนแรกพี่เป้ไม่เห็นด้วยหรอก บอกว่ารก แต่พอผมซื้อมาปลูกในห้องตัวเอง เขากลับช่วยผมซื้อมาตกแต่งเพิ่มเองซะงั้น แถมยังให้เอาออกมาปลูกตรงระเบียงอีก



("อ่า นิดหน่อยนะ คงนอนที่ออฟฟิศเลย พี่ว่าจะเคลียร์งานที่ค้างๆอยู่")



"..."



("อยู่ได้ใช่มั้ย?")



"ได้ครับ พี่เป้กินอะไรหรือยัง? ถ้ายังให้ปอนด์ซื้อเข้าไปให้มั้ย?" เอาจริงๆ ผมก็โหวงๆเหมือนกันนะ พอรู้ว่าอีกไม่นานพี่เป้ก็จะไปทำงานที่ต่างประเทศ ก็อยากจะอยู่ด้วยเยอะๆ เพราะปกติถึงไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันมาก แต่ก็รับรู้ว่าอีกฝ่ายยังอยู่ที่ห้องนี้ ไม่นานก็กลับมา แตกต่างจากครั้งนี้ ที่กลับมาแล้วก็รับรู้ว่าพี่เป้จะไม่ได้กลับมาที่ห้องแน่นอน



("พี่กินแล้ว แต่เดี๋ยวดึกๆ คงหิวอีก ปอนด์ก็ไปหาอะไรกินด้วย อย่าอดล่ะ") 



"ปอนด์กินแล้วครับ"



("ไปกินกับพวกโฟล์คมาหรอ?")



"เปล่าครับ ไปกับกลุ่มพี่สิน"



("ทำไมถึงไปกับกลุ่มมัน เอ้ย สินได้ล่ะ")



"ก็ที่ปอนด์เล่าให้ฟังไงครับว่ามีโปรเจ็คสัมภาษณ์ เผอิญคนที่ปอนด์สัมฯเป็นเพื่อนกลุ่มพี่สินเขา"



("อ่อ งั้นก็แล้วไป งั้นเราทำงานเถอะ พี่ไม่กวนแล้ว ต้องตัดต่ออีกเยอะ")



"..." เหงาแฮะ ผมนั่งกอดเข่าตัวเองมุดหน้าฟังพี่เป้พูดต่อ



("ปอนด์ น้องหลับหรอ?")



"เปล่าครับ รีบๆกลับบ้านนะ ไม่ไหวก็นอนพัก"



("...อืม") พี่เป้วางสายไป ส่วนผม รู้สึกไม่อยากลุกไปทำอะไรเลย หรือว่าจริงๆ แล้วผมจะเป็นเด็กติดพี่นะ



"ทำไมชอบมาอยู่ตรงนี้คนเดียวล่ะ?"



"พี่..." ผมเงยหน้าไปมองพี่สินที่เดินออกมายืนพิงประตูกระจกระเบียงมองผมอยู่



"อ...อะไร?"



"พี่เห็นผมด้วยหรอ?"



"มึงบ้าป้ะเนี่ย มึงไม่ใช่ผีซะหน่อย ทำไมกูจะมองไม่เห็น แล้วนี่หงอยห่าอะไร"



"งั้นถ้าผมเป็นผีพี่จะมองไม่เห็นหรอ?" อ้าว ไหนเขาว่าเขามองเห็นผีไง



"อ่า ก็ถ้าไม่อยากเห็นกูก็ไม่เห็น" มีด้วยหรอ งั้นแสดงว่าเขาก็ไม่อยากเห็นผมหรอ?



"พี่ไม่อยากเห็นผมหรอ?"



"มึงงอแงอะไรเนี่ย ทำไมกูต้องรอเห็นมึงตอนเป็นวิญญาณด้วย ในเมื่อตอนนี้มึงนั่งอย่ตรงหน้าให้กูมองเต็มตา เลิกฟุ้งซ่านได้แล้ว กูไปอาบน้ำได้ก่อน ถ้ากลับมายังนั่งอยู่ตรงนี้กูจะจับโยนลงตึกแม่ง" พี่สินเดินมายีหัวผมทีหนึ่งเบาๆ แล้วหมุนตัวกลับเข้าห้องไป ทั้งๆที่พี่เขาขู่ผม แต่ทำไมรู้สึกดีจัง





***************************





"จะไปไหน?" หอบผ้าห่มกับหมอนขนาดนี้ คงจะไปจ่ายตลาดมั้ง ผมหันไปมองพี่สินที่ยืนเช็ดผมอยู่ข้างหลัง คนๆนี้ทำไมชอบโป๊อยู่เรื่อย ผมล่ะไม่เข้าใจเลย หรือว่าเป็นคนที่มั่นใจในรูปร่างตัวเองมากจนอยากโชว์? ผมเลื่อนสายตามองตามลอนหน้าท้อง อืม ท่าจะออกกำลังกายหนัก



"มองอะไร ทะลึ่งนะมึงอ้ะ" ผมสะดุ้งตัวโยนผงะถอยหลังเมื่อพี่สินก้มหน้ามาให้อยู่ระดับเท่ากัน



"ไม่ได้มองสักหน่อย"



"แล้วทำไมหน้าต้องแดงด้วย คิดอะไรกับกูป้ะเนี่ย" ผมกอดผ้าห่มแน่น ไม่อยากเถียงด้วยแล้ว แล้วทำไมอากาศมันร้อนๆพิกล ลืมเปิดแอร์หรือไงนะ



"เปล่า จะให้คิดอะไรล่ะครับ?" พี่สินยิ้มมุมปากล้อเลียนก่อนจะเอาผ้าที่พาดคอมาโปะหน้าผมเต็มๆ



"ฝากไปตากด้วย" ผมหยิบผ้าออกจากหน้า คนอะไรนิสัยไม่ดี



"เอ้า มองจนตาจะถลนแล้ว ไม่รีบไปอีก อยากดููกูแก้ผ้าหรอ? ก็ได้นะ" ผมรีบวิ่งออกจากห้องทันทีที่พี่สินจับผ้าขนหนูที่เอว คนบ้าอะไรจ้องแต่จะถอดอย่างเดียวเลย ตั้งแต่รู้จักกันมา พี่เขาจะแก้ผ้าโชว์ผมบ่อยกว่าพูดดีๆกันด้วยซ้ำมั้งเนี่ย เฮ้อ ผมขนฟูกมากองไว้ตรงหน้าทีวี คาดว่าน่าจะเป็นที่สิงสถิตผมไปอีกหลายวันถ้าพี่เขายังมานอนค้างที่นี่อยู่



"พรุ่งนี้ว่างป้ะ" พี่สินที่ใส่กางเกงแล้ว แต่ยังเปลือยท่อนบนอยู่ เดินออกมาจากห้องพลางถามผม



"ก็ว่างนะครับ ไม่มีเรียน" ผมกะว่าพรุ่งนี้จะนั่งทำโปรเจ็คต์ให้เสร็จไปเลย จะได้เตรียมพรีเซ้นต์กันสักที



"ไปเก็บของเป็นเพื่อนหน่อย"



"เก็บของอะไรครับ?"



"ก็พวกของใช้ที่จะย้ายมาที่นี่ พวกเสื้อผ้า" ผมพยักหน้ารับ เอ๊ะ ทำไมรีบนักล่ะ



"แต่พี่เป้ยังไม่ได้ไปเลยนะครับ ไม่รีบไปหรอ อีกตั้งเกือบสองอาทิตย์"



"ก็ไปเอามาเตรียมก่อน คุยกับพี่เป้แล้วพี่เป้โอเค เขาบอกเดี๋ยวช่วงนี้จะหาเวลาเข้ามาเคลียร์ห้องให้ ไม่ก็ให้เคลียร์เองไปเลย" 



"หมายความว่าไงครับ ที่ว่าจะหาเวลาเข้ามาเคลียร์ห้องให้ ทำเหมือนพี่เป้จะไม่กลับห้องมางั้นแหละ"



"คงได้กลับอยู่หรอก โดนไอ้พี่เสือโกรธขนาดนั้น"



"อะไรนะครับ?" ผมถามซ้ำเพราะได้ยินพี่สินพูดไม่ค่อยชัด



"อ๋อ ก็พี่เขาต้องเคลียร์งานไง ก็ต้องส่งต่องานที่ตัวเองทำ ไหนจะเทรนคนที่ต้องมาทำตำแหน่งตัวเองชั่วคราว อาจจะไม่ค่อยได้เข้ามา" นั่นสินะ ผมก็ลืมคิดไปเลย



"งั้นก็ได้ครับ ว่าแต่ของพี่สินเยอะมั้ยครับ ถ้าเยอะจะได้ออกแต่เช้า"



"ไม่เยอะหรอก ขนรอบเดียวก็หมด ออกสายๆหน่อยก็ได้"



"โอเคครับ"



"นี่มึงจะนอนนี่หรอ ทำไมไม่ไปนอนในห้องพี่เป้"



"ตรงนี้ก็สะดวกดีครับ อีกอย่างห้องพี่เป้ก็รกด้วย" ผมนั่งพิมพ์งานต่อไม่ได้สนใจอะไรพี่สินอีก ส่วนพี่สินก็ดูหนังเงียบๆไป ผมคิดว่างานน่าจะเสร็จเร็วพอตัวเลย เพราะว่าเนื้อหาก่อนหน้า รวมถึงตัวซับคำถามผมพิมพ์ไว้หมดแล้ว  ทีนี้คือแค่ต้องมานั่งแกะคำพูดของพี่รันนี่แหละ เพื่อใส่ซับข้างล่าง นอกนั้นก็ไม่น่าจะมีอะไรแล้ว ผมนั่งทำงานไปได้สักพัก พอดูเวลาอีกทีก็ตั้งเกือบตีสองซะละ ผมบิดขี้เกียจเล็กน้อย เพราะนั่งมาตั้งนานโดยไม่รู้ตัวเลย ข้อดีของผมคือถ้าเมื่อไหร่ที่ได้จดจ่อตั้งสมาธิแล้วจะหูดับเนี่ยแหละ เป็นความสามารถที่ผมชอบมากที่สุดของตัวเอง



"อ้าว ทำไมยังไม่ไปนอนล่ะครับ" ผมบิดเอี้ยวตัวไปข้างหลัง เห็นพี่สินนอนเหยียดอยู่บนโซฟาอยู่ นึกว่าเขาเข้าไปนอนแล้วซะอีก



"รอมึงไง เสร็จแล้วหรอ" เจ้าตัววางโทรศัพท์คว่ำไว้บนอกแล้วชะโงกหน้ามาดูตรงโต๊ะที่ผมวางแล็ปท็อปไว้



"ยังครับ แต่ได้ประมาณเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วแหละ เลยคิดว่าจะพักก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยทำต่อ"



"อืม มึง..."



"ครับ?" ผมเอียงคอถามพี่สินที่นอนมองหน้าผมอยู่แต่ไม่ยอมพูดอะไร



"สายตามึงสั้นเท่าไหร่?"



"สองร้อยครับ"



"ปกติไม่เห็นใส่"



"ก็ไม่ได้สั้นขนาดนั้นครับ เลยไม่ได้ใส่เวลาไปข้างนอก" จริงๆคือผมมีคอนแทคเลนส์รายวันด้วยแต่นานๆก็จะใส่ทีเหมือนกันเพราะขี้เกียจ แถมเจ็บตาด้วย



"ดีแล้ว" ห๊ะ ดียังไง ปกติมีแต่คนบอกให้ใส่ เพราะเดี๋ยวสายตาจะเสีย



"ดียังไงครับ"



"เออ ดีแล้วกัน แล้วอย่าเสล่อไปใส่ให้ใครเห็นนะ ขี้เหร่ จุกนี่ก็ด้วย มัดทำห่าอะไร ขัดหูขัดตาว่ะ" ก็พอรู้ตัวนะว่าผมไม่ได้หน้าตาดีอะไร แต่พอฟังก็จุกๆเหมือนกันแฮะ ผมเอื้อมมือไปจับผมจุกที่ตัวเองรวบไว้ตอนทำงานเพราะมันยาวทิ่มตา



"เดี๋ยวสิ้นเดือนนี้ผมหาเวลาไปตัดครับ"



"ไม่ต้อง!" 



"..." ผมสะดุ้งเพราะอยู่ๆ พี่สินก็ตะโกนเสียงดัง



"ปล่อยมันไว้งี้แหละ พออยู่ห้องก็มัด จะยุ่งยากทำไม คือ...ไปตัดก็เปลืองเงินไง ใช่มั้ยล่ะ" อ่อ ผมพยักหน้ารับ



"ดึกแล้วนะครับ"



"แล้ว?"



"พี่สินไม่ไปนอนหรอ ผมจะนอนแล้ว"



"อ่อ...เออ กูไปนอนละ" พี่สินผุดลุกนั่งก่อนจะเกาหัวเหมือนคนเหาขึ้นแล้วเดินไปทางเข้าห้องผม



"พี่สินครับ" พี่สินหยุดเดินฉับแล้วรีบหันมาทางผม



"ว่าไง"



"ผมจะฝากปิดไฟให้ด้วยน่ะครับ" 



"อ่อ..เออ เดี๋ยวกูปิดให้ มึงนอนเหอะ"



"ขอบคุณครับ ฝันดีครับ" 



"...อืม" ผมล้มตัวลงนอนสักพักไฟห้องนั่งเล่นก็ดับลง เหลือเพียงแสงไฟตรงระเบียงที่ผมเปิดไว้หนึ่งดวง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตั้งปลุกตอนสิบโมงเช้า เผื่อเวลานอนไว้แปดชั่วโมง น่าจะพอ รีบๆหลับดีกว่าพรุ่งนี้ต้องไปช่วยพี่สินขนของอีก





***************************



ติ๊ดๆๆๆๆ ผมควานหาโทรศัพท์ที่จำได้ว่าตัวเองวางไว้บนหัวนอนแต่ผมยกมือไม่ขึ้นซะงั้น พยายามใช้แขนอีกข้างยิ่งแล้วใหญ่แทบขยับไม่ได้เลย



"อืม..." หืม? ใคร? ผมพยายามขยับตัวพลิกหนีเสียงงึมงำข้างหูแต่กลับขยับไม่ได้ เหมือนมีอะไรมาเหยียบที่หน้าอกไว้ หรือว่า...ผีอำ? ผมหลับตาปี๋แน่นกว่าเดิม พยายามตั้งสติท่องนะโมในใจให้ครบสามจบ ว่าแต่หลังภะคะวะโตต้องท่องว่าอะไรนะ โฮ ท่องแค่ นะโม นะโม นะโม ได้มั้ย สามจบเหมือนกัน พี่เป้ช่วยด้วยยยยยยยยยยยยย เสียงนาฬิกาปลุกดับไปแล้ว ผมพยายามขืนตัวออกแต่เหมือนยิ่งโดนรัดแน่นกว่าเดิม แถมยังโดนเสียงฮื่ออย่างขัดใจอยู่ข้างหูด้วย ฮือออ ใกล้ไปแล้วครับคุณผี ผมกลัววว อยากจะยกมือขึ้นมาพนมแต่มันทำไมไม่ได้ ทดไว้ในใจได้มั้ย หลุดไปได้จะทำบุญแผ่ส่วนกุศลไปให้นะครับ เดี๋ยวซื้อเคเอฟซีถวายเลย





"อย่าขยับ เดี๋ยวกูตื่น" ก็ตื่นแล้วไงถึงได้ขยับ คุณผีทำไมถึงพูดอะไรแปลกๆ เอ๊ะ? เสียงคุณผีเหมือนพี่สินจัง ผมหรี่ตาข้างหนึ่ง เจอละ ตัวการที่ทำให้ผมขยับไม่ได้



"อะไรของพี่เนี่ยพี่สิน"



"อืม นอนดีๆดิวะ ง่วง"



"จะนอนดีๆ ก็เอาแขนออกไปสิครับ" ผมพยายามขืนตัวเองจากแขนที่วางพาดหน้าออกมาอีกฝั่ง แต่นอกจากจะไม่สำเร็จแล้ว ยังแน่นกว่าเดิมอีก ถึงว่าทำไมร้อนแปลกๆ



"กูหนาว"



"แต่ผมร้อน" พี่สินส่งเสียงฮื่ออย่างขัดใจในลำคอ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยผมอยู่ดี แถมยังหลับหน้าตาเฉยอีก ผมเลยดิ้นเผื่อพี่เขาจะรำคาญแล้วปล่อย แต่ไม่ครับ ตอนนี้สภาพก็คือเหมือนโดนงูเหลือมตัวโข่งรัดแน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก



"กูเตือนแล้วนะว่าเดี๋ยวกูตื่น" อ้าว แล้วที่พูดๆๆ อยู่นี่คือยังไม่ตื่นอีกหรอครับ



"แต่พี่ตื่นแล้วนี่ครับ ผมจะลุกไปล้างหน้า ปล่อย" พี่สินถอนหายใจ คลายอ้อมแขนนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยผมอยู่ดี



"กูหมายถึงน้องกูตื่น มึงต้องรับผิดชอบ" น้อง? พี่สินมีน้องด้วยหรอ? พี่สินลืมตาขึ้นมามองหน้าผม แล้วเหมือนเจ้าตัวจะรู้ว่าผมคงไม่เข้าใจน้องที่เขาบอก



"อืม น้องงงง กูอ้ะ" เจ้าตัวเน้นคำว่าน้องพร้อมกับหลุบตาลงต่ำไปยังส่วนนั้น ผมเข้าใจได้ทันที พร้อมหยุดนิ่งทันควัน คนไม่มียางอาย เอะอะลากลงใต้สะดือตลอดเลย



"เอ้า ตัวแข็งเป็นหินเลย เกร็งอะไรขนาดนั้นวะ ผู้ชายเหมือนกัน ตอนเช้ามึงไม่เคารพธงชาติหรือไง" เคารพธงชาติ? แน่นอนสิว่าผมก็เคารพธงชาตินะ เวลาไปเดินจตุจักร หรือสถานที่ที่เขาเปิดเพลงเคารพธงชาติทุกแปดโมงเช้ากับหกโมงเย็นผมก็หยุดตลอด



"แต่นี่มันเลยแปดโมงมาแล้วนี่ครับ" พี่สินหัวเราะพลางยีหัวผมหนึ่งที แล้วพลิกตัวนอนหงายปล่อยผมออกจากอ้อมกอด



"อยู่กับมึงนี่หมดอารมณ์เลยว่ะ" ผมลุกขึ้นนั่งพับผ้าห่มตัวเองวางไว้กับหมอน แต่พี่เป้ก็ดึงไปปิดหน้าอีก ของตัวเองมีก็ไม่ขนออกมา มาแย่งเราใช้อีก บ่นหนาวแต่มานอนถอดเสื้อ ผมล่ะไม่เข้าใจเขาเลยจริงๆ



"จะไปไหนก็ไปดิ มานั่งเฝ้าอยู่เดี๋ยวถ้าน้องกูตื่นอีกรอบ กูจะให้มึงกล่อมให้สงบ" ผมรีบลุกเดินหนีทันทีเมื่อพี่สินเอาผ้าห่มออกจากหน้ายิ้มยียวนแล้วยื่นมือมาจะจับแขนผม ฮู่ว เกือบไปแล้ว ว่าแต่วันนี้ร้อนจริงๆ นะ ร้อนหน้าไปหมดแล้วเนี่ย ไปอาบน้ำดีกว่า























**************************

tbc.



talk: มาแล้วๆๆๆ ขอบคุณที่ทุกท่านเข้ามาอ่านนะคะ หายไปเลย แต่จะพยายามมาอัพนะจ๊ะ นิยายเราไม่มีกำหนดจริงๆว่าจะลงวันไหนยังไง แล้วแต่อารมณ์คนแต่งล้วนๆ เพราะเราแต่งแล้วลงเลย ไม่มีตอนสำรองเผื่อล่วงหน้า ต้องขอโทษด้วย ปกติก็ไม่ค่อยทอล์คเท่าไหร่ เพราะไม่รู้จะทอล์คเรื่องอะไร ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยนะจ๊ะ เราจะผ่านCovidไปด้วยกัน ด้วยรักและห่วงใย

















หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-03-2020 07:07:20
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.15 เนียนกว่ารองพื้นก็พี่สินนี่แหละ
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 23-03-2020 04:41:41


Ch. 15 เนียนกว่ารองพื้นก็พี่สินนี่แหละ



"อันนั้นไม่ต้อง มันหนัก เดี๋ยวกูย้อนมาขนเอง อันนี้ก็วางๆไว้ตรงหน้าห้อง เดี๋ยวกูขึ้นมาเอา อันนั้นเอามานี่เลยเดี๋ยวกูเอาลงไปพร้อมกล่องนี้" สรุปแล้ววันนี้พี่สินไม่ได้ชวนผมมาช่วยขนของหรอกครับ เขาชวนผมมาดูเขาแบกของคนเดียวต่างหาก ตั้งแต่มาถึงก็แทบจะไม่ได้ยกอะไรลงไปที่รถเลย จับอันไหนก็บอกมันหนักเดี๋ยวขนเอง บางกล่องก็กลัวผมทำแตก บางกล่องก็บอกไม่ต้องเอาไป แต่ก็เห็นขนไปรวมกับกล่องที่ตัวเองจะถือลงไป



"งั้นเดี๋ยวผมนั่งรอตรงโซฟาละกันครับ เสร็จเมื่อไหร่ก็บอก"



"โอเค" พี่สินว่าพลางหันไปขะมักเขม้นเรียงของตัวเองต่อหน้าตาเฉย นี่ผมประชดเขานะ



"สรุปนี่ให้ผมมาช่วยหรือมาดูครับ"



"มาช่วยดูไง นั่งพักตรงนั้นก่อน เดี๋ยวมึงเหนื่อย" พี่สินพูดจบแล้วก็เดินเปิดประตูออกไปเลย คาดว่าน่าจะเอาไปไว้ที่รถ ผมเดินสำรวจห้องเจ้าตัว น่าอยู่มากแถมยังค่อนข้างหรูนะ สำหรับเด็กมหาลัยอย่างผม ทำเอาคอนโดพี่ผมเป็นหอพักไปเลย ห้องพี่สินมีห้องนอนหนึ่งห้อง ห้องทำงานหนึ่งห้อง ห้องน้ำสองห้อง ห้องนั่งเล่น แล้วก็ห้องครัว แต่ว่าห้องใหญ่กว่าคอนโดผมมากๆ เหมือนเป็นบ้านหนึ่งหลังบนตึกมากกว่า แถมมีของสะสมเยอะด้วย เหมือนพี่สินจะชอบโมเดลรถยนต์มากๆ เพราะมีตู้แยกต่างหากเลย



"ดูอะไรอยู่" ผมหันไปมองพี่สินที่เดินเข้ามาเหงื่อท่วม



"โมเดลครับ"



"ชอบก็หยิบไปสักคันดิ กูมีเยอะ" ผมส่ายหัว



"ไม่ล่ะครับ ท่าทางจะแพงน่าดู"



"ชอบมั้ย?"



"ก็สวยดีครับ"



"ถามว่าชอบหรือเปล่า?" ผมพยักหน้า ก็ชอบนะ สวยดี



"กูให้" พี่สินหยิบโมเดลรถสีดำมาหนึ่งคันยื่นให้ผม



"ไม่ล่ะครับ พี่เก็บไว้ดีกว่า ผมไม่รู้จะเอาไปโชว์ตรงไหน ห้องก็เล็กแค่นั้น"



"มึงจะเอาไปตั้งไว้ในห้องน้ำกูก็ไม่ว่าหรอก เพราะกูให้มึงแล้ว สิทธิของมึง รับไป" ผมลังเลที่จะรับโมเดลคันตรงหน้า นั่นทำให้พี่สินหงุดหงิดจนโยนมันมาทางผม ฮู่ว เกือบรับไม่ทัน ถ้าตกไปแตกนี่ จะมีปัญญาซื้อมาคืนมั้ยเนี่ย ต้องแพงแน่ๆเลย



"ดูแลดีๆด้วย"



"ครับ จะให้อาหารสามมื้อ พร้อมอาหารเสริมเลยครับ" ผมประชดพี่สินกลับ ถ้าหวงขนาดนั้นจะให้ผมทำไมกัน



"กวนตีน ไปได้แล้ว ขนของเสร็จแล้ว" ผมหันไปมองหน้าเจ้าตัว ทำไมเอาของไปแค่นี้เองล่ะ หรือจะกลับมาย้ายอีกวันหลัง



"เดี๋ยวกลับมาเอาส่วนที่เหลือวันหลังหรือครับ" พี่สินส่ายหัวพลางกอดคอผมลากไปห้องนอน แล้วผลักให้ผมนั่งลงบนเตียง



"ไม่อ้ะ เดี๋ยวเอาไปแค่นี้แหละ มึงนั่งรอนี่ก่อนกูขออาบน้ำหน่อย ร้อนชิบ" พูดจบก็ถอดเสื้อเลย ผมหันหน้าหนีมองสำรวจห้องนอนพี่สิน ก็ไม่มีอะไรมากครับ เตียงนอน บนผนังก็มีพวกรูปนิดๆหน่อยๆ ตกแต่งอยู่ มีกีต้าร์วางอยู่สองสามตัว



"เอ้า ฝากก่อน" อี๋ ผมหยิบเสื้อที่โชกเหงื่อออกจากหัว เพราะพี่สินโยนมาโปะใส่



"ผมไปนั่งรอข้างนอกได้มั้ยครับ" ผมถามพลางลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินออกไปนอกห้อง



"นั่งนี่แหละ กูอาบแป๊บเดียว" ผมพยักหน้ารับ พี่สินเดินเข้าห้องน้ำไป ยิ่งเห็นความกว้างของห้องนี้ผมก็ยิ่งสงสัย ทำไมพี่สินถึงตกลงย้ายไปอยู่คอนโดเล็กๆกับผมนะ ห้องเขาก็ดูใหญ่โตดีออก น่าจะสบายกว่าคอนโดแคบๆแบบนั้นเยอะเลย ติ๊งต่อง~ เสียงกริ่งมั้ยนะ ผมควรเดินไปบอกพี่สินหรือไปเปิดประตูก่อนล่ะเนี่ย ผมตัดสินใจลุกเดินไปใกล้ๆห้องน้ำ บอกพี่สินดีกว่า ยังไงพี่เขาก็เป็นเจ้าของห้องให้เขาตัดสินใจ



"พี่สินครับ มีคนมาหา" ผมตะโกนบอกเจ้าตัวไป ได้ยินเขาตอบกลับมาให้ไปเปิดประตูได้เลย เอาไงดี ไปเปิดก่อนละกัน แกรก



"อ้าว เจ้าลูกคนนี้หนิ โทรมาให้แม่ซื้อของเข้ามาเยอะแยะ ยังไม่รีบเปิดประตูให้แม่เร็วๆอีก" ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูก็พอดีกับอีกฝั่งเปิดเข้ามาพลางยื่นของเยอะแยะมาให้ผมช่วยถือ ลูก? งั้นนี่ก็เป็นแม่พี่สินน่ะสิ



"เอ่อ คือ..." ผมไม่ใช่พี่สินครับ



"ตายแล้ว ขอโทษทีลูก แม่มองไม่ชัด นึกว่าตาสิน" ผู้หญิงวัยกลางคนรงหน้าว่าพลางขยับแว่นเพ่งมองผมชัดๆ แล้วพยายามจะดึงถุงของสุดไปถือเอง



"สวัสดีครับ เอ่อ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมช่วยถือ คือพี่สินเขาอาบน้ำอยู่น่ะครับคุณป้า" ผมว่าพลางเดินถือของไปไว้ที่เคาท์เตอร์ในครัวโดยมีแม่พี่สินเดินตามมานั่งตรงโต๊ะทานข้าวด้วย ผมเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาก่อนจะเทใส่แก้วแล้วเดินเอาไปให้



"นี่ครับ"



"ขอบใจมากจ้ะ ว่าแต่หนูชื่ออะไรจ๊ะเนี่ย เป็นแฟนเจ้าสินหรอลูก"



"ไม่ใช่ครับ" ผมยกมือปฏิเสธพัลวัน นี่คิดยังไงถึงถามคำถามนี้ครับเนี่ย



"ผมชื่อปอนด์ครับ เป็นรุ่นน้องที่มหาลัยที่พี่สินกำลังจะย้ายไปเป็นรูมเมทด้วย" แม่พี่สินพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้อย่างใจดี



"ย้ายไปอยู่กับหนูเหรอลูก คนหนุ่มสาวสมัยนี้ไวไฟกันจริงเชียว เจ้าลูกคนโตแม่ก็เอาแฟนเข้าบ้านตอนวัยประมาณนี้แหละ ก็ว่าอยู่ว่าทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยโผล่หน้าไปหาแม่บ้าง ที่แท้ก็ติดแฟน" เอ่อ เข้าใจไปไหนกันครับเนี่ย



"ไม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้นครับคุณป้า คือว่า ผมเป็นแค่รุ่นน้องที่มหาลัยเฉยๆ ไม่มี..."



"เรียกแทนตัวเองว่าปอนด์สิลูก มาผงผมอะไร แล้วป้าอะไรกัน สองครั้งแล้วนะลูก เรียกแม่สิ เป็นแฟนสินก็เหมือนเป็นลูกแม่คนหนึ่ง" ยอมใจความหน้ามึนของบ้านนี้เลยครับ เหมือนผมพูดอะไรไป คุณแม่พี่สินก็ไม่คงไม่ฟังแล้วล่ะ



"อ้าว แม่ ทำไมมาเร็วจัง" พี่สินออกมาพอดีตอนที่ผมกำลังตั้งใจจะอธิบายอีกครั้ง



"แหม ก็สินโทรให้แม่เข้ามาหาทั้งที แถมเราไม่ค่อยเข้าไปหาพ่อกับแม่ที่บ้านใหญ่เลย แม่ก็ต้องรีบมาหาสิ มีลูกก็เหมือนไม่มี มันน่าน้อยใจจริงเชียว" พี่สินเดินมาคุกเข่ากอดแม่ตัวเองพร้อมเอาหน้าซุกท้องอย่างออดอ้อน อืม นั่นแหละครับ ออดอ้อนจริงๆ ถึงคำนี้มันจะไม่ค่อยเข้ากับคนอย่างพี่สินก็เถอะ ผมไม่เคยเห็นมุมนี้ของพี่สินเลยแฮะ น่ารักดีเหมือนกัน



"โอ๋ ไม่งอนสิครับ สินไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ ช่วงนี้ปีสี่แล้ว วุ่นๆเรื่องเรียนน่ะครับ นี่ก็ต้องมาย้ายของไปคอนโดน้องด้วย" ขนลุกเลยครับ ชีวิตนี้ไม่เคยคิดว่าจะมาเห็นพี่สินทำเสียงกระเง้ากระงอดออดอ้อนแม่ตัวเอง



"ไม่ต้องมาอ้อนเลย แล้วนี่จะไม่แนะนำแฟนให้แม่รู้จักเลยหรือไงเรา" พี่สินหันมายิ้มกรุ้มกริ่มให้ผม ก่อนจะลุกขึ้นเดินมาโอบไหล่ผมไปยืนตรงหน้าคุณแม่



"นี่น้องปอนด์ครับแม่ คนที่สินจะย้ายไปอยู่ด้วย" พี่สินแนะนำเสร็จผมเลยยกมือไหว้คุณแม่อีกทีหนึ่ง



"ผมเป็นรูมเมทของพี่สินครับ"



"น้องขี้อายน่ะครับแม่" ผมหันไปมองพี่สินเหวอๆ ผมไปขี้อายตอนไหนกัน



"อ๋อ เอาเถอะลูก จะอยู่ด้วยกันในฐานะรูมเมทหรือแฟน แม่ก็ไม่ขัดทั้งนั้นแหละ ขอแค่เป็นคนดีกันก็พอ"



"คือว่าผมไม่..."



"แม่ครับซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยครับเนี่ย" พี่สินตัดบทก่อนจะเดินไปคุ้ยๆถุงของสดที่ผมเอาไปวางไว้บนเคาท์เตอร์



"ก็พวกของสดนั่นแหละ แม่กะจะเข้ามาทำกับข้าวทิ้งไว้ให้เรา เผื่อเรียนเสร็จกลับห้องมาจะได้อุ่นกิน"



"โห เยอะไปมั้ยครับ ถ้าไง สินขอเอากลับไปที่คอนโดน้องได้มั้ย ปอนด์ก็ชอบทำอาหารนะครับแม่"



"จริงเหรอลูก ดีเลย งั้นมาเป็นลูกมือให้แม่หน่อย เดี๋ยวแม่จะทำใส่กล่องให้เอากลับไปอุ่นกินกันที่ห้องนะ" คุณแม่พี่สินพูดเองเสร็จสรรพ แล้วจัดการลากผมไปจัดการพวกของสดที่ท่านซื้อมา



"เดี๋ยวน้องปอนด์หุงข้าวล้างผักให้แม่หน่อยนะลูก เดี๋ยวแม่หั่นพวกเนื้อหมักไว้ กะว่าจะทำหมูทอดของโปรดเจ้าสินด้วย" ผมพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้ แล้วเดินไปทำงานที่ได้รับมอบหมาย ส่วนพี่สินก็นั่งเกะกะอยู่ที่เดิม



"มองอะไร ทำไปดิ" ผมอยากจะกลอกตามองบนใส่ซะเหลือเกิน นั่งลอยหน้าลอยตา ช่วยก็ไม่ช่วย ยังจะสั่งอีก



"แล้วนี่น้องปอนด์เรียนอยู่ปีไหนแล้วลูก"



"ปีสองครับ"



"คณะไหนลูก"



"นิเทศน์ครับ"



"มันถ่ายรูปเก่งด้วยนะแม่" พี่สินที่นั่งเงียบๆอยู่แทรกขึ้นมา คุณแม่ตีไหล่พี่สินทีหนึ่งก่อนหันมามองหน้าผมพลางยิ้มให้อย่างใจดี



"งั้นหรอลูก เก่งจังเลยนะ ว่างๆก็มาถ่ายรูปให้แม่บ้างสิ แม่อยากได้รูปสวยๆอัพลงอินสตาแกรม" ผมยิ้มพลางหยักหน้ารับ คุณแม่นี่ทันสมัยจริงๆเลย



"ได้เลยครับ" ผมเป็นลูกมือช่วยคุณแม่พี่สินจนเสร็จ มีกับข้าวอยู่สามสี่อย่าง ซึ่งทั้งหมดเห็นว่าเป็นของโปรดพี่สินหมดเลย คุณแม่เก็บบางส่วนใส่กล่องเพพเพอร์แวร์ไว้ เผื่อให้พวกผมเอากลับไปกินที่ห้องด้วย



"เอ๊ะ เจ้าลูกคนนี้หนิ ไปล้างมือก่อนจับอาหารสิ" คุณแม่พี่สันหันไปตีมือพี่สินที่เดินมาจับหมูทอดกระเทียมเข้าปาก



"หิวแล้ว กินข้าวด้วยกันก่อนกลับนะครับแม่" พี่สินกอดเอวคุณแม่พลางยื่นหน้าไปหอมแก้มหนึ่งทีแล้วเอ่ยอย่างอ้อนๆ



"จ้ะ ทำให้ขนาดนี้ลองไม่ชวนแม่จะหอบกลับให้หมดเลย มาน้องปอนด์มาช่วยแม่ตั้งโต๊ะ"



"ครับ" ผมพยักหน้าพลางเดินไปช่วยแม่พี่สินตั้งโต๊ะสำหรับสามคน ผมนั่งมองสองคนแม่ลูกคุยหยอกล้อกันบนโต๊ะอาหาร ตักกับข้าวให้กัน คุณแม่พี่สินกับพี่สินดูมีความสุขมากจนผมต้องยิ้มตาม ชีวิตผมตั้งแต่เกิดมา ไม่เคยมีความรู้สึกอิจฉาใครมาก่อนเลย แต่ตอนนี้ต้องยอมรับเลยว่า ผมรู้สึกอิจฉาเขามากๆ อิจฉาที่เขามีพร้อมทุกอย่าง ทุกอย่างที่ผมไม่มี



"น้องปอนด์ น้องปอนด์ลูก!"



"ครับ?" ผมหลุดออกจากภวังค์ตัวเองแล้วหันไปมองตามเสียงเรียก เห็นคุณแม่พี่สินนั่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ แถมพี่สินเองก็ยังทำหน้าสงสัยตามอีก



"กับข้าวไม่ถูกปากเหรอลูก แม่ว่าแม่ทำสุดความสามารถแล้วนะ" คุณแม่พูดเสียงหงอยก่อนจะตักกับข้าวทุกอย่างชิมดูฝีมือตัวเอง



"ไม่นะครับ อร่อยมากเลย"



"ทำไมไม่ค่อยเห็นหนูกินเลย กินเยอะๆนะลูก ตัวเล็กนิดเดียวเองเรา เดี๋ยวไม่มีแรงสู้ตาสินนะ" คุณแม่ตักหมูทอดกระเทียมมาให้ผมจนแทบล้นจาน ในขณะที่พี่สินได้ไปแค่สองสามชิ้น จนเจ้าตัวโวยวาย



"อ้าวแม่ ทำไมตักให้สินแค่นี้ล่ะ"



"เราน่ะกินแค่นั้นพอ เดี๋ยวอ้วนนะ ทุกวันนี้ก็ตัวโตจนน้องสู้ไม่ได้แล้วเนี่ย"



"อ้าว เกี่ยวอะไรกับสินล่ะ สินไม่ได้รังแกมันซะหน่อย"



"เรียกน้องว่ามันรอบที่สองแล้วนะ" คุณแม่หันไปจิกตาใส่พี่สินเคืองๆ จนเจ้าตัวทำหน้าแหยไปเลย



"โห่ แม่อ้ะ ก็มันชินปาก"



"ก็เลิกชินสิจ๊ะ น้องมีชื่อเรียก ถ้าไม่ถนัดเรียกชื่อก็เรียกว่าน้องไปเลย เรียกมันแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคุณสิน" ไม่ต้องมาตาขวางใส่ผมเลย ผมไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลยนะ 



"เรียกคุณสินแบบนี้ผมจะทำอะไรได้ล่ะครับ" พี่สินพูดพลางถอนหายใจก่อนจะหันมาทางผมแล้วทำหน้าจริงจัง



"ขอโทษ" หืม? ขอโทษผม? ขอโทษทำไมล่ะ? ผมไม่ได้ตอบอะไรเพราะยังงงๆอยู่



"น้องปอนด์ให้อภัยพี่สินได้มั้ยคะลูก?"



"เอ่อ...ที่จริงผมไม่ได้โกรธอะไรเลยนะครับ"



"เห็นมั้ยแม่ น้องไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย" พี่สินหันไปเถียงๆแม่ตัวเอง แต่ว่าโดนถลึงตาใส่เลยหุบปากฉับทันที



"ได้ลูกรักคนใหม่อีกแล้วสินะ" พี่สินว่าอย่างงอนๆ เฮ้อ ทำตัวเป็นเด็กๆเลย



"แน่นอน น้องปอนด์ขึ้นแท่นลูกรักอันดับหนึ่งของแม่เลยตอนนี้" ผมเหรอหรา เพิ่งเจอกันผมขึ้นแท่นลูกรักแล้วเหรอ



"ถ้าพี่ปะ...เอ่อ แฟนพี่เสือรู้ งอนตายเลย"



"รายนั้นน่ะไม่กล้างอนแม่หรอก มีความผิดติดตัวอยู่ เห็นตาเสือบ่นว่าจะไปทำงานต่างประเทศ ไม่บอกล่วงหน้าเลย ใกล้จะบินอยู่แล้วเพิ่งจะบอก ไปนานแค่ไหนก็ไม่รู้ แม่สิสมควรต้องงอน" ผมนั่งกินข้าวต่อฟังสองคนคุยกัน รู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง แต่ก็สนุกดี ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมชอบบรรยากาศแบบนี้ แต่ผมก็ไม่ค่อยอยากให้เกิดขึ้นบ่อยเท่าไหร่ เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่ผมชินแล้วมันเกิดหายไป ไม่รู้ว่าผมจะรับได้ไหวมั้ยในครั้งนี้ มันคงเกินทนแล้วกับการต้องรับเรื่องแย่ๆที่เกิดขึ้นในชีวิตอีกครั้ง



















*************************

tbc.



มาแล้วจ้าาาาาาาา แล้วก็ไปนอนก่อนจ้าาาาาา กู๊ดไนท์ทุกท่าน









หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.16 จีบแหละคนเขาดูออก
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 02-05-2020 20:13:29



Ch.16 จีบแหละคนเขาดูออก




"แน่ใจนะครับแม่ว่าไม่ให้สินไปส่ง"



"ไม่เป็นไรหรอกลูก เดี๋ยวแม่กลับเอง เห็นว่าน้องปอนด์ต้องรีบกลับไปทำรายงานต่อด้วยใช่มั้ย? รีบกลับกันได้แล้ว กับข้าวอย่าลืมเอามาอุ่นกินกันตอนเย็นนะลูก"



"แต่นี่ก็เย็นแล้วนะครับ จะให้กินอีกหรอแม่ ผมท้องแตกกันพอดี"



"ก็กินมื้อดึกสิลูกคนนี้หนิ หิวก็อุ่นกิน เข้าใจมั้ย? "



"ครับๆ " ผมกับพี่สินเดินลงมาส่งคุณแม่ที่ลานจอดรถเห็นว่าท่านขับรถมาเองด้วย



"งั้นแม่ไปก่อนนะ ไหนมากอดทีสิลูก" พี่สินเดินเข้าไปหาคุณแม่ที่อ้าแขนรออยู่แต่ท่านหุบแขนฉับแล้วหันมาทางผม



"ไม่ใช่สิน แม่หมายถึง น้องปอนด์มาให้แม่กอดทีหนึ่งสิลูก" พี่สินหันมาตาขวางเบะปากส่ผมหนึ่งทีก่อนจะเดินหลบทางให้แบบไม่เต็มใจ ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองอย่างมึนๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหาท่านที่อ้าแขนรออยู่ก่อนแล้ว อบอุ่น ไม่ดีเลย



"ว่างๆ ก็เข้าให้พี่เขาพามาหาแม่ที่บ้านใหญ่นะลูก คุณพ่อต้องอยากเจอหนูแน่ๆ เลย แม่รู้สึกชนะยังไงก็ไม่รู้" คุณแม่ผละออกก่อนจะลูบหัวผมอีกที



"แล้วสินล่ะแม่"



"กอดบ่อยแล้ว แม่เบื่อ อยากให้แม่กอดก็พาน้องเข้าไปบ้านใหญ่ด้วย เดี๋ยวแม่จะเข้าไปอวดพ่อว่าเจอแฟนสินแล้ว รับรองว่าวันนี้สายโทรศัพท์สินไหม้แน่นอน"



"คือ ผมไม่ใช่..." ผมพยายามปฏิเสธอีกครั้งว่าตัวเองไม่ใช่แฟนพี่สิน แต่ดูทุกคนจะไม่ให้ความร่วมมือผมเลยสักนิดเดียว



"โห่ แม่ งั้นเดี๋ยวสินปิดเครื่องเลยดีกว่า น้องต้องทำงาน โทรเข้ามาแบบนี้ก็รบกวนน้องสิ" ผมขนลุกซู่ เมื่อพี่สินแทนตัวผมด้วยคำว่าน้อง แถมยังโอบไหล่ผมอีกต่างหาก



"เออ ใช่แม่ก็ลืมเลย เดี๋ยวแม่ค่อยอวดตอนดึกๆ ดีกว่า งั้นแม่ไปก่อนนะลูก"



"ครับ ขับรถดีๆ นะครับ" ผมยกมือไหว้ท่านอีกรอบ รอจนท่านขับรถไปลับสายตาแล้วถึงได้เงยมองหน้าคนที่เนียนโอบไหล่ผมอยู่



"ปล่อยได้แล้วครับ" พี่สินสะดุ้งนิดหนึ่งพลางละมือออกเกาหัวแกรกๆ



"งั้นเราก็กลับห้องกันเลยมั้ย? " ผมพยักหน้าเดินตามพี่สินไปที่รถ



********************************



"เฮ้อ เหนื่อยว่ะ" พี่สินว่าพลางนั่งลงกับพื้นข้างโซฟาหลังจากขนของทุกอย่างขึ้นมาแล้ว กว่าพวกเราจะกลับมาถึงห้องก็จะค่ำแล้ว เพราะการจราจรที่ติดขัดช่วงเย็น



"เดี๋ยวพี่สินเอาของไว้ที่ห้องผมก่อนก็ได้ครับ แล้วเดี๋ยวเคลียร์ห้องพี่เป้เสร็จค่อยย้ายของไป" พีี่สินพยักหน้าพลางลุกขึ้นเตรียมขนของเข้าไปไว้ในห้องผมก่อน



"วางไว้ตรงนี้ได้มั้ยวะ?"



"ได้ครับ"



"เสื้อผ้านี่ก็ขอแขวนไว้ในตู้มึงก่อนได้ป้ะ" ผมพยักหน้าพลางเดินไปเคลียร์ตู้ฝั่งหนึ่งให้พี่สินทันที ส่วนเจ้าตัวนั่งกับพื้นเปิดลิ้นชักข้างตู้ผมเล่น



"กางเกงในมึงเล็กจังวะ ฮ่าๆๆ นึกว่ากางเกงในเด็ก" ผมรีบก้มไปฉวยกางเกงในตัวเองมาซ่อนไว้ข้างหลังทันที พี่สินนิสัยไม่ดี



"นิสัยไม่ดี" ผมว่าพลางรีบเอากางเกงในตัวเองยัดเก็บที่เดิมแล้วจัดการปิดลิ้นชักทันที



"อายอะไรวะ ผู้ชายด้วยกัน ถึงของมึงจะไซส์เด็กก็เถอะ"



"ไม่เด็ก พี่สินออกไปเลยไป เดี๋ยวผมเก็บเอง" พี่สินหัวเราะอีกเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นขยี้ผมแรงๆทีนึงก่อนจะเดินออกไปยกกล่องใบอื่นเข้ามาเก็บ ผมกับพี่สินช่วยกันเก็บของที่เขาขนมาจนเสร็จ ผมก็เดินไปหุงข้าวไว้ เพราะวันนี้มีกับข้าวเยอะมาก ส่วนพี่สินนอนแผ่อยู่ที่เตียงในห้องไม่ยอมขยับไปไหนที่เดิม ผมเดินไปเคลียร์โต๊ะทำงานตัวเองนิดหน่อยให้เข้าที่เข้าทางก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตูเข้ามา พี่เป้น่าจะกลับมาแล้ว



"ทำไรกันน่ะ" พี่เป้ยืนชะโงกหน้าตรงหน้าประตูเข้ามา พลางคลายเนกไทตรงคอ



"จัดของนิดหน่อยครับ นั่นก็กองของพี่สินเขาครับ" ผมพยักหน้าไปทางกองกล่องต่างๆที่เรียงกันข้างๆประตู



"แล้วทำไมไม่เอาของมันไปไว้ห้องพี่" พี่เป้ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางดึงเนกไทจนหลุดพลางมองไปที่พี่สินอย่างไม่สบอารมณ์



"ห้องพี่เป้รกจะตาย เดี๋ยวรอพี่จัดของก่อนแล้วค่อยขนไปก็ได้ครับ ตอนนี้ก็ให้พี่สินนอนห้องปอนด์ไปก่อน"



"งั้นเดี๋ยวพี่เก็บของเลย เดี๋ยวย้ายของมันมาห้องพี่ด้วย"



"วันหลังก็ได้ครับ วันนี้เหนื่อยแล้ว พี่เป้กินข้าวมาหรือยัง?" พี่เป้พยักหน้าติดไม่พอใจอยู่เล็กน้อย แต่ก็ยอมเพราะคงเหนื่อยจริงๆ



"ยังเลย เราล่ะ" ผมเดินเข้าไปแล้วหยิบเนกไทจากมืออีกฝ่ายมาถือไว้เองแล้วแกะตรงปมออก



"ปอนด์เพิ่งกินมา แต่ว่าใช้แรงไปเริ่มหิวแล้ว" พี่ปอนด์ยิ้มพลางยกมือมาลูบหัวผมเบาๆ



"งั้นสั่งอะไรมากินดีมั้ย เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยทำ" ผมส่ายหน้าพลางยิ้ม



"ไม่เอา วันนี้ปอนด์ไปช่วยพี่สินขนของมา คุณแม่พี่สินทำกับข้าวมาให้เยอะเลย เดี๋ยวปอนด์เอาไปอุ่นกินกันนะ" ผมยิ้มให้พลางเดินไปทางห้องครัว



"เอ้อ พี่สินกินด้วยมั้ย"



"อืม"



"โอเค งั้นเดี๋ยวปอนด์อุ่นสำหรับสามคนเลย" พี่เป้เดินมานั่งรอที่โต๊ะ แต่ยังคงขมวดคิ้วอยู่ไม่คลาย เครียดอะไรนักหนาเดี๋ยวก็แก่เร็ว



"ปอนด์ไปเจอแม่มา...เอ่อ แม่สินมาหรอ" ผมพยักหน้าตอบพี่เป้พลางแกะถุงกับข้าวเทใส่จานเพื่อเอาไปอุ่นให้



"ใช่ แม่ยกให้เป็นลูกรักนัมเบอร์วันแล้วด้วย คนบางคนอ้ะ ตกกระป๋องแล้ว" พี่สินตอบพลางนั่งลอยหน้าลอยตาตรงข้ามพี่เป้ จะภูมิใจทำไม ก็ตัวเองนั่นแหละที่ตกกระป๋อง ประหลาดจริง



"แล้วแม่ว่ายังไงบ้าง" พี่เป้หันไปถลึงตาใส่พี่สินแล้วหันมาถามผมอีกครั้ง



"คุณแม่พี่สินใจดีมากๆเลย นี่ก็ให้กับข้าวปอนด์มาเยอะแยะ บอกให้เอามาอุ่นกินกับพี่สิน" พี่เป้ พยักหน้าพึมพำว่าดีแล้วแค่นั้น ผมจัดการเอาอาหารที่จะกินเข้าไมโครเวฟ รอแค่นาทีครึ่งก๋็กินได้แล้วเพราะเพิ่งเอาเข้าตู้เย็นไปไม่นานเท่าไหร่



"พี่เป้กินเยอะๆเลย" ผมยื่นจานข้าวที่ตักจนพูนจานยื่นไปทางพี่เป้ แล้วตักอีกจานให้พี่สิน



"ทำไมของกูแค่นี้อ้ะ จะอิ่มหรือไง" พี่สินบ่นพลางยื่นจานข้าวกลับมาให้ผม



"กินๆไปเถอะเรื่องมาก ไม่อิ่มก็เดินไปตักเพิ่มเอง" ผมส่ายหัวให้ผู้ใหญ่สองคนที่จ้องแต่จะตีกันตรงหน้าก่อนจะหยิบจานมาตักข้าวเพิ่มให้พี่สินอีก



"นี่ครับ" พี่สินยิ้มลอยหน้าลอยตา ยักคิ้วใส่พี่เป้ไปอีกทีนึง จะอยู่กันดีๆสักวันไม่ได้เลยสองคนนี้



*************************





ติ๊ดๆๆๆ



ผมเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ตัวเองแล้วรีบกดปิดเพราะกลัวรบกวนพี่เป้ที่นอนอยู่ ปกติแล้วถ้ามีเรียนเช้าผมต้องตื่นเร็วกว่านี้ แต่ว่าเพราะมีกับข้าวจากคุณแม่พี่สินแล้ว ผมเลยไม่ต้องรีบตื่นมาทำ ผมย่องออกจากห้องนอนพี่เป้เพื่อไปรดน้ำต้นไม้แล้วแต่งตัวไปเรียน แต่ออกมาก็เห็นพี่สินนั่งดูทีวีอยู่ตรงโซฟาแล้ว



"ทำไมตื่นแต่เช้าจังครับ" ผมปิดประตูเบาๆพลางเดินไปหยิบผ้าขนหนูกะจะไปแปรงฟันล้างหน้าก่อน



"ทำไมเมื่อคืนไม่นอนตรงโซฟา?" หืม? ผมเอียงคอมองพี่สินที่ขมวดคิ้วอย่างงงๆ เมื่อคืนพี่เป้ลากผมไปนอนด้วย เห็นบอกว่าจะนอนกับผมจนกว่าจะบินไปทำงานต่างประเทศเลย



"พี่เป้ให้ไปนอนในห้องครับ พี่สินมีอะไรหรือเปล่า?"



"แล้วกูจะเข้าไปอุ้มมึงมานอนด้วยยังไง พี่มึงล็อคห้องอ้ะ" พี่สินทำเสียงงอแงเล็กน้อยพลางเบะปากเหมือนเด็ก ห๊ะ? ผมยืนทำความเข้าใจสักพักก่อนจะรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าว อุ้ม? นอนด้วย?



"ละ..แล้วทำไมพี่ต้องมาอุ้มผมไปนอนด้วยล่ะ?"



"ก็มึงไม่ยอมนอนกับกู" ผมใบ้กินก่อนจะรีบหนีเข้าห้องน้ำทันที ผมแค่หวังว่าน้ำน่าจะช่วยให้ผมหายร้อนหน้าได้นะ



**********************



"มีเรียนสิบโมงใช่มั้ย? เดี๋ยววันนี้พี่ไปส่ง" พี่เป้พูดขึ้นเรียบๆขณะที่เราสามคนนั่งกินข้าวอยู่ด้วยกัน



"พี่เป้เข้างานกี่โมง?"



"เที่ยง"



"งั้นเดี๋ยวปอนด์ไปเอง ไม่เป็นไร พี่เป้ไปนอนต่อก็ได้"



"เดี๋ยวผมพาน้องไปเอง" พี่สินที่นั่งเงียบตั้งแต่แรกแทรกขึ้น



"ไม่ต้อง เดี๋ยวพี่ไปส่งเอง มีธุระแถวนั้นพอดี" ผมพยักหน้ารับพลางกินข้าวต่อ พี่สินก็เงียบไม่ได้พูดอะไร พอเจ้าตัวกินเสร็จก็ลุกเอาจานไปวางที่ซิงก์แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำ



"ปอนด์" ผมเงยหน้ามองพี่เป้ที่เรียกผมเบาๆ ทำไมต้องกระซิบด้วยเนี่ย



"ครับ"



"คือ...กับสินนี่น้องคิดยังไง?"



"คิดยังไง หมายถึงอะไรครับ?"



"ก็แบบสิน...ได้แบบ..." แบบ? ผมรอพี่เป้พูดต่อ แต่เจ้าตัวดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากพูดเท่าไหร่ เอาแต่อ้ำๆอึ้งๆ แล้วก็ก้มหน้าไปกินข้าวต่อ สักพักก็เงยหน้าขึ้นมาใหม่ เหมือนมีอะไรอยากจะพูด แล้วก็ส่ายหัวเล็กน้อยเป็นเชิงช่างมันอยู่แบบนั้นซ้ำๆ เรานั่งกินข้าวกันต่อสักพัก พี่สินก็เดินออกมาพร้อมชุดนักศึกษาเต็มยศแล้วเดินมานั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงโซฟา



"พี่สินมีเรียนกี่โมงหรอครับ"



"เหมือนมึง"



"เสร็จแล้วก็ไปดิ" พี่เป้หันไปพูดด้วยอย่างไม่ใส่ใจ ผมกับพี่เป้รวบช้อนเก็บเพราะกินข้าวเสร็จพอดี



"รอปอนด์อยู่"



"เดี๋ยวกูไปส่งเอง"



"อืม รู้แล้ว"



"รู้แล้วก็ไปดิวะ รอทำไม?"



"ไหนๆพี่ก็จะไปส่งแล้ว ผมขอติดรถไปด้วยแล้วกัน" พี่เป้ขมวดคิ้วหันไปมองพี่สินทันที



"ทำไม? ทางเดียวกันไปด้วยกัน ประหยัดน้ำมัน"



"แล้วขากลับมึงจะกลับยังไง?"



"บีทีเอสก็ได้ รถเมล์ก็เยอะแยะ"



"ห๊ะ มึงอ้ะนะนั่งรถเมล์?"



"อืม ทำไมอ้ะ" พี่สินถามกลับทำท่าไม่ทุกข์ร้อนอะไร



"เป็นไปได้หรอวะคุณชาย แค่แอร์ถูกปรับองศาลงนิดเดียวมึงก็ร้อนจนโวยวายลั่นบ้าน  อย่างมึงจะทนนั่งรถเมล์ไหวหรอ?" พี่เป้พูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยพี่สินเต็มที่ แต่ผมฟังแล้วรู้สึกแปลกๆนิดหน่อย ตั้งแต่พี่สินมานอนค้างที่ห้อง ผมยังไม่เคยเห็นเขาโวยวายเรื่องอุณหภูมิแอร์สักครั้ง ก็เลยหันไปมองหน้าพี่เป้เป็นเชิงถาม



"แล้วพี่เป้รู้ได้ยังไงครับว่าพี่สินขี้ร้อน?"



"ห๊ะ! อ่อ...ก็...เดาๆเอา"



"เดา? เดาว่าโวยวายลั่นบ้าน?"



"หึๆ โป๊ะ" พี่สินหัวเราะในลำคอแล้วพูดออกมาแค่คำเดียว พี่เป้ก็ทำท่าจะเข้าไปขย้ำคออีกฝ่ายแล้ว



"พี่เป้เคยไปนอนค้างบ้านพี่สินด้วยหรอครับ?"



"อ่า...ก็..." นั่นสินะ ตอนเจอกันครั้งแรกที่ห้อง ทั้งคู่ก็ดูเหมือนรู้จักกันมาก่อน ผมก็ไม่ได้ถามว่ารู้จักกันได้ยังไงเพราะไม่ใช่ธุระกงการอะไรที่ต้องรู้จักคนที่รู้จักกับพี่ แต่ตอนนี้ผมรู้สึกแย่ยังไงก็ไม่รูัที่พี่เป้ดูมีเรื่องปิดบังผมอยู่ ทั้งๆที่ก็เป็นคนอยากให้พี่เขามีเวลาส่วนตัวมากๆ ถ้าจะมีความลับก็ไม่เห็นแปลก



"ไม่เป็นไร ปอนด์ไปเรียนดีกว่าครับ" ผมรีบตัดบทเดินเอาจานของตัวเองกับพี่เป้ไปเก็บตรงซิงก์ล้างจานแล้วฉวยดระเป๋าเป้ตั้งท่าเตรียมพร้อมออกเดินทาง



"ปอนด์คือพี่..." พี่เป้พูดขึ้นแต่แล้วก็เงียบไป ผมเลือกที่จะยิ้มให้อีกฝ่ายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วเดินนำไปที่ประตู



"ป้ะ"



***********************



"ขอบคุณที่มาส่งครับ" ผมยกมือไหว้พี่เป้พลางเดินดิ่งตรงไปทางคณะตัวเองทันที ยังมีเวลาเหลืออีกกว่าจะเข้าเรียน ก็เลยกะไปนั่งรอเพื่อนตรงม้าหินใต้คณะ



"ปอนด์ ปอนด์! รอกูด้วย!!" ผมหันไปตามเสียงเรียกเห็นพี่สินที่คิดว่าน่าจะแยกตัวไปทางคณะตัวเองวิ่งกระหืดกระหอบตามมา ผมเลยหยุดยืนรออีกฝ่าย



"พี่สินไม่ไปเรียนหรอครับ"



"กูไม่รีบ เดี๋ยวอยู่เป็นเพื่อน"



"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยววิวกับโฟล์คก็มาแล้ว"



"อย่าพูดมาก ไป" พี่สินเดินมากอดคอผมพลางลากไปทางใต้คณะ พอสาวๆเห็นเขาเท่านั้นแหละ หูผมแทบดับเลย ความหล่อนี่เป็นภัยจริงๆ ผมนั่งรอเพื่อนตรงที่ประจำโดยมีพี่สินนั่งอยู่ข้างๆ ถ้าสิงได้ผมว่าเขาคงสิงผมไปแล้ว แต่พี่เขาไม่ใช่ผีไง



"เถิบไปนิดก็ได้ครับ ที่ตั้งกว้าง ผมอึดอัด"



"กูพอใจ" พี่สินพูดแล้วนั่งเล่นโทรศัพท์ต่อโดยไม่สนใจผมอีก ผมเลยจะเขยิบตัวเองไปนั่งเก้าอี้อีกตัวแทน แต่คนที่ทำท่าไม่สนใจผมเมื่อสักครู่กลับดึงข้อมือผมไว้ไม่ให้ขยับหนี



"จะไปไหน"



"ไปนั่งอีกตัวครับ"



"กูไม่ให้ไป นั่งตรงนี้แหละ" ผมนั่งอยู่ที่เดิมอย่างจนใจ สักพักผู้หญิงที่ด้อมๆมองๆ พี่สินอยู่รอบๆ ก็เริ่มใจกล้าเดินเข้ามาทักเขาสองสามคน บางคนแค่ให้ขนมแล้วก็ไป บางคนก็พยายามชวนอีกฝ่ายคุยต่อ



"พี่สินคะ คือเย็นนี้พี่สินว่างมั้ยคะ หนูอยากชวนไปดูหนัง" เช่นหญิงสาวตรงหน้าผมที่ยืนบิดไปบิดมาเหมือนคนปวดท้องเข้าห้องน้ำโดยมีเพื่อนๆอีกสองคนดันๆให้มาข้างหน้า



"ไม่ว่างครับ"



"งั้นวันหลัง..."



"ไม่ว่างครับ"



"ฉันบอกแกแล้วว่าพี่เขาจีบคนนี้อยู่" เพื่อนคนหนึ่งด้านหลังกระซิบบอกคนที่มาชวนพี่สินไปดูหนัง กระซิบดังขนาดนี้คนที่นั่งห่างออกไปอีกโต๊ะยังได้ยินเลย ส่วนผมได้แต่หน้าเหวอ เพราะโดนพาดพิง



"เอ่อ ไม่ชะ..."



"เพื่อนน้องก็บอกแล้วหนิครับ แล้วทำไมยังกล้ามาชวนพี่ไปดูหนังอีก"



"นี่พี่สินเป็นเกะ...เกย์หรอคะ?"



"ก็ถ้าชอบคนนี้แล้วเป็นเกย์ พี่ก็เป็นเกย์นั่นแหละครับ เพราะใครๆเขาก็ดูออกว่าพี่จีบคนนี้อยู่" ผมอ้าปากค้าง ในขณะที่ผู้หญิงตรงหน้าผมหน้าเสียแล้วรีบขอตัวไปเลย ส่วนพี่สินก็เล่นโทรศัพท์ต่ออย่างไม่ใส่ใจ



"พี่สินทำไมพูดแบบนั้น" ผมหันไปมองหน้าพี่สินอย่างอึ้งๆ นี่คือเขาพูดเพียงเพื่อจะตัดรำคาญใช่มั้ย?



"คนเขาดูออกกันหมดแล้ว มีแต่มึงเนี่ยแหละ เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักทีว่ากูชอบ"















************

tbc.

มาแล้วจ้า ขอโทษจริงๆ ที่หายไป ย่าเราเข้าโรงพยาบาลเนื่องจากกะเพาะปัสสาวะอักเสบ ก็เลยวุ่นๆกันทั้งบ้านเลย ถึงจะว่างอยู่บ้าน work from home แต่ก็ค่อนข้างวุ่นวายอยู่ดี ตอนนี้เอาตัวกลับมาที่บ้านแล้ว เพราะยังไงก็รักษาไม่ได้แล้ว ได้แต่ทำใจกันค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ จะพยายามมาอัพนะ บายๆ


หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 02-05-2020 22:06:59
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.17 ตุ้มๆต่อมๆหัวใจเต้น
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 15-05-2020 08:31:10

Ch.17 ตุ้มๆต่อมๆหัวใจเต้น




"ปอนด์ ถามจริง ทะเลาะอะไรกับสินหรือเปล่า?" ผมหันไปมองหน้าพี่เป้ ที่อยู่ๆก็ถามออกมาไม่มีปี่มีขลุ่ย เจ้าตัวกำลังนั่งแทะขนมปังที่ผมปิ้งให้เป็นอาหารเช้า



"ทำไม...คิดงั้นล่ะครับ?"



"ไม่รู้สิ ดูแปลกๆกันหลายวันแล้ว" ผมนึกตามคำว่าแปลกๆของพี่เป้ อืม ก็แปลกจริงๆนั่นแหละ ตั้งแต่ที่พี่สินบอกว่า...เอ่อ..ชอบผม เจ้าตัวก็ดูเว้นระยะกับผมมากขึ้นกว่าเดิม จริงๆมันต้องเป็นผมไม่ใช่เหรอ ที่จะเว้นระยะห่างกับเขา เหมือนเราสลับพฤติกรรมกันชอบกล



"ก็ปกตินะครับ"



"แน่หรอ เหมือนสินมันคอยหลบหน้าเราตลอด" ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะเดินเอาจานของตัวเองไปไว้ที่ซิงค์รอล้างทีเดียว



"แล้ววันนี้ทำงานพิเศษมั้ย?"



"ทำครับ" ผมพยักหน้ารับ จริงๆ ผมคิดมาหลายวันแล้วเหมือนกันว่าจะเลิกทำพาร์ทไทม์ ตอนแรกคิดว่าตัวเองน่าจะทำไหว แต่เมื่อวันก่อนผมไม่มีสมาธิเลย เรียงของผิดๆถูกๆ อาจจะเป็นเพราะเรียนหนักเกินไปเลยมีเรื่องให้คิดเยอะ



"พี่เป้ ปอนด์ว่าจะเลิกทำพาร์ทไทม์"



"เห้ย จริงดิ ดีแล้ว เรียนก็หนักพอแล้ว เอาเวลาไปตั้งใจเรียนดีกว่า งานอ้ะเดี๋ยวจบมาก็ได้ทำ" พี่เป้ว่าอย่างคนอารมณ์ดีแล้วเดินเอาจานไปไว้ที่ซิงค์ เจ้าตัวน่ะ คือคนที่อยากให้ผมเลิกทำงานพาร์ทไทม์ที่สุดเลย ชอบบอกว่ามันลำบาก เหนื่อย พี่เลี้ยงไหว



"เดี๋ยวพี่ไปเอากระเป๋าก่อน รอแป๊บ" ผมหยักหน้ารับ พี่เป้ไปส่งผมที่มหาลัยมาหลายวันแล้ว ส่วนพี่สินก็ขับรถไปเรียนเองกลับเอง แถมกลับมาดึกๆทุกวัน



"ไปกันเดี๋ยวสาย"



************************



"เป็นไรวะ นั่งหน้าเครียดเชียว" ผมหันไปมองวิวที่ยื่นหน้ามากระซิบข้างหู ผมดูเครียดอย่างนั้นเหรอ



"เปล่าหนิ" ผมตอบกลับไปเสียงเบา กลัวอาจารย์ที่ยืนสอนอยู่หน้าชั้นจะดุเอา



"ใช่หรอวะ ทำไมวันนี้มึงดูไม่มีกะจิตกะใจเรียน ดูดิ๊เนี่ย อาจารย์สอนไปเป็นสิบสไลด์ หน้าสมุดเลคเชอร์มึงยังโล่งโจ้งอยู่เลย" ผมมองหน้าสมุดตัวเองก่อนจะเริ่มลงมือจดตามสไลด์ที่อาจารย์สอน แต่จดไปได้สักพักก็รู้สึกว่าตัวเองตามไม่ทันสักนิดจนหมดคาบผมก็ได้แค่หัวข้อในสไลด์ที่ไม่ปะติดปะต่อ คงต้องเข้าไปโหลดไฟล์พาวเวอร์พ้อยท์มานั่งอ่าน



"เย็นนี้มึงไปทำพาร์ทไทม์ป้ะ"



"อืม แล้วก็จะลาออกแล้ว" ผมพยักหน้าตอบโฟล์คพลางเก็บของลงกระเป๋า



"พี่มึงไม่ดีใจตายหรอวะ เห็นเจอหน้าพวกกูทีไร ก็เอาแต่บ่นเรื่องที่มึงทำพาร์ทไทม์...เห้ย มึงฟังกูอยู่ป้ะเนี่ย" โฟล์คยื่นมือมาผลักหัวผมจนหลุดจากภวังค์ก่อนหน้า



"ครับ? ฟังสิ" ผมเลือกที่จะโกหกไป ทั้งๆที่ก่อนหน้าโฟล์คพูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ฟังจับได้แค่ท้ายประโยค



"มึงเป็นไรวะ เอาจริงๆปอนด์กูว่ามึงสติไม่อยู่กับตัวว่ะ" ผมนิ่งคิดไปอึดใจ หรือผมจะลองปรึกษาเพื่อนๆดี โฟล์คก็เคยมีประสบการณ์ด้านนี้มาก่อนถึงจะแค่สามเดือนก็เถอะ



"คือ..." ผมเกริ่นหลังจากที่รอให้เพื่อนร่วมเซคคนอื่นทยอยออกจากห้องให้หมดก่อน โฟล์คกับวิวทำหน้าลุ้นรอคอยคำพูดต่อไปจากผมนั่นยิ่งทำให้ผมรู้สึกกดดันเพิ่มขึ้นไปอีก



"คือว่า..."



"ว่า...." ทั้งสองคนลากเสียงตามผม พลางจ้องปากผมอย่างตั้งใจยิ่งกว่าตอนเรียนซะอีก



"ปกติแล้วถ้าเรารู้สึกชอบใคร โฟล์คกับวิวจะทำยังไงหรอ" วิวตบเข่าตัวเองฉาดใหญ่ เหมือนกับว่าเรื่องที่ผมพูดออกมามันไปตรงเข้ากับความคิดอย่างจัง



"ทำไมกูซื้อหวยไม่ถูกแบบนี้วะ" วิวบ่นงึมงำๆ แต่ผมก็ได้ยินอยู่ดีเนื่องจากห้องที่เงียบ



"ก็ต้องจีบดิ ชอบใครก็จีบไปเลย" โฟล์คบอกออกมาอย่างมาดมั่น



"ใช่ ถ้ากูชอบใครก็จะพยายามหาทางเข้าใกล้คนๆนั้น พยายามดูแลเอาใจใส่ให้เขารู้ตัว" ผมพยักหน้ารับรู้ ถ้าชอบก็ต้องพยายามเข้าใกล้สิ แต่ทำไมพี่สินเหมือนเอาแต่หลบหน้าผมตลอดเลย หรือจริงๆพี่เขาแค่พูดไปอย่างนั้นเอง แต่วันนั้นสายตาตอนบอกชอบก็จริงจังไม่มีแววล้อเล่นเลยสักนิด วิวกับโฟล์คหรี่ตามองผม ผมก็เลยส่งสายตาสงสัยกลับไปเป็นเชิงถามว่าทำไม



"ทำไมมึงถึงถามคำถามนี้ล่ะเชลดอน ร้อยวันพันปีเคยสนใจที่ไหนไอ้เรื่องรักๆใคร่ๆน่ะ" ผมยักไหล่พลางขยับเดินหนีสองคนนี้ที่เริ่มทำตัวเป็นนักสืบล้วงความลับจากผมอยู่



"ฮั่นแน่ มึงมีอะไรในกอไผ่กับพี่สินหรือเปล่า มึงชอบพี่มันใช่มั้ยเชลดอน" ทั้งสองพากันเดินมาดักหน้าผมไม่ให้หนีพลางจ้องอย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบ ผมส่ายหน้ารัว คนที่ชอบน่ะมันพี่สินต่างหากแต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ก้มหน้างุดเร่งฝีเท้าเดินหนีสองคนนี้เพราะรู้สึกร้อนหน้าแปลกๆ ปึก!



"อะ..." ผมยกมือขึ้นลูบหน้าผากลูบจมูกตัวเองป้อยๆ ก่อนจะเงยหน้ามองสิ่งกีดขวางตรงหน้า ผมเดินมาดีๆ มาขวางกันทำไมเนี่ย เจ็บชะมัด



"มึงง่าวหรอ เดินก้มหน้าอย่างนั้นเดี๋ยวก็ชนนู่นนี่หัวแตกกันพอดี" พี่สินที่เอาแต่หลบหน้าหลบตากันอยู่หลายวันโผล่มาที่หน้าห้องผมได้ถูกเวลาจริงๆ แถมยังยืนหน้าทะมึนเหมือนคนกินรังแตนมาซะอย่างนั้น คนที่ควรจะโกรธมันต้องผมไม่ใช่หรอ



"เอ่อ...ขอโทษครับ" แต่ก็ได้แค่คิดแหละครับ หน้าพี่มันเหมือนจะทุบหัวผมขนาดนั้น ใครจะกล้าต่อล้อต่อเถียง



"จะไปทำพาร์ทไทม์แล้วใช่มั้ย?" ผมพยักหน้ารับ พี่สินจับกระเป๋าที่ผมสะพายบนไหล่ข้างหนึ่งไปสะพายแทนก่อนจะกอดคอผมดึงเข้าหาตัว



"กูไปส่ง" ผมอ้าปากค้างแต่ก็ยอมให้ตัวเองโดนลากไปโดยไม่ได้หันไปมองเพื่อนสองคนเลย ถ้าหันไปมองสักนิดก็คงจะได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่สองคนนั้นส่งให้กัน



***********************



ผมเลิกงานได้สักพักก็มายืนรออยู่หน้าเซเว่น เรื่องลาออกก็คุยกับพี่นันท์ผู้จัดการเรียบร้อยแล้วซึ่งพี่นันท์ก็เข้าใจเรียกผมไปเซ็นเอกสารแล้วยังบ่นหงุงหงิงว่าเสียดายที่ผมออก ถ้าว่างก็ให้กลับมาสมัครอีกรอบ สักพักพี่น้ำกับพี่เบนซ์ก็เดินตามออกมาน่าจะเป็นช่วงพักของทั้งสองคนพอดี



"เสียดายเลยน้องปอนด์ลาออกแล้ว แบบนี้ใครจะช่วยพี่เรียกลูกค้าล่ะเนี่ย" ผมหันไปยิ้มให้พี่น้ำคนที่สอนงานผมทุกอย่าง



"ถึงปอนด์ไม่อยู่พี่น้ำก็เอาอยู่อยู่แล้วแหละครับ"



"ปากหวาน ก่อนกลับไปกินอะไรกับพวกพี่ก่อนนะ ถือว่าเลี้ยงส่ง"



"คือ..."



"ไม่ไกลหรอกตรงนี้เอง ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีกเจ้าประจำพี่เบนซ์เขา" พี่น้ำพยักหน้าไปให้พี่เบนซ์ที่ยืนอยู่ข้างๆกัน พี่เบนซ์เพิ่งมาทำงานพาร์ทไทม์ได้แค่สองอาทิตย์แถมช่วงเวลาที่พี่เขามาเข้ากะก็ไม่ได้เจอกับผมเท่าไหร่ เลยไม่ค่อยได้คุยกัน ผมก็อยากจะไปด้วยอยู่หรอก แต่ว่าพี่สินบอกว่าจะมารับ ถ้าเจ้าตัวมาแล้วไม่เจอผมทำยังไงล่ะ



"ไปด้วยกันนะครับ พี่ไม่ค่อยได้เจอเราเลย ถือว่าทำความรู้จักกัน ยังไงก็รุ่นพี่รุ่นน้องมหาลัยเดียวกันนะ" พี่เบนซ์หันมายิ้มให้อย่างใจดี จนผมเกือบเผลอพยักหน้าตกลงแต่หางตาเห็นรถพี่สินเลี้ยวเข้ามาพอดีเลยต้องยิ้มแหยๆพลางขอโทษเจ้าตัวแทน



"ผมก็อยากจะไปด้วยนะครับ แต่ว่าพี่ชายมารับกลับพอดี..." พี่น้ำกับพี่เบนซ์หันไปมองคนที่เพิ่งจอดรถแล้วเดินมาทางพวกเราที่ยืนอยู่ พี่เบนซ์ขมวดคิ้วมุ่น ท่าทางเหมือนรู้จักพี่สินมาก่อน ในขณะที่พี่สินทำเพียงแค่ปรายตามองเท่านั้น ส่วนพี่น้ำอ้าปากจนแมลงวันบินเข้าไปวางไข่ได้แล้ว



"กลับกัน" พี่สินพูดแค่นั้นแล้วเอื้อมมือมาดึงแขนผม ผมเลยหันไปไหว้พี่ทั้งสองคนอย่างทุลักทุเล จะปล่อยให้ผมไหว้ก่อนก็ไม่ได้ เจ้าตัวเปิดประตูแล้วรีบยัดผมลงนั่งเบาะข้างคนขับก่อนจะเดินอ้อมไปนั่งที่แล้วออกรถ



"ไปรู้จักมันได้ไง?" ผมหันไปมองหน้าพี่สินอย่างมึนงง คือรู้จักใครนะ?



"ไอ้เบนซ์อ้ะ ไปรู้จักมันได้ไง?" อ๋อ



"พี่เขาทำงานพาร์ทไทม์ที่เซเว่นเดียวกันครับ แต่เพิ่งมาได้แค่สองอาทิตย์เลยยังไม่ได้สนิทกันเท่าไหร่" พี่สินนิ่งเงียบรับรู้พลางส่งเสียงเหอะออกมาเบาๆโดยที่ตายังไม่ละจากถนน ผมดึงสายตาตัวเองกลับมามองข้างทาง



"อยู่ห่างๆมันไว้" ผมหันกลับไปมองคนพูดอีกครั้ง สีหน้าพี่สินราบเรียบไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ แล้วทำไมผมต้องเอาตัวเองเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพี่เบนซ์ด้วยล่ะ ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้นสักหน่อย คนที่มหาลัยก็มีเป็นพันๆคน คงจะเจอกันหรอก เรียนคณะอะไรผมยังไม่รู้เลย พี่สินไม่ได้อธิบายอะไรต่อ ผมก็ไม่อยากจะเซ้าซี้อะไร เพราะยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของตัวเองอยู่แล้ว



"เข้าใจที่พูดใช่มั้ยเนี่ย" ผมพยักหน้ารับ แต่เหมือนพี่สินจะเริ่มไม่พอใจเพราะเจ้าตัวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



"เข้าใจก็ขานรับ มึงไม่พูดกูก็ไม่รู้หรอกนะ"



"ครับ" รถกลับมาเงียบอีกครั้ง แต่คราวนี้เต็มไปด้วยความอึดอัดจนทำให้ผมอยากจะขอลงแล้วเดินกลับให้รู้แล้วรู้รอด เราสองคนกลับมาถึงห้องโดยที่ไม่พูดอะไรกันสักคำพอเข้าห้องได้พี่สินก็เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องนอน ผมได้ยินเขาคุยโทรศัพท์กับใครสักคนแต่ว่าจับใจความไม่ได้ เอาเวลาไปนึกเมนูอาหารดีกว่า ไหนๆ วันนี้ผมก็กลับบ้านเร็ว งานก็เสร็จหมดแล้วไม่มีอะไรต้องปั่น แค่รอส่งก็จบ



"ทำอะไร" ผมชะงักมือยื่นหน้าไปมองพี่สินตรงโต๊ะกินข้าวด้านหลัง เปิดตู้เย็นขนาดนี้คงกำลังกวาดบ้านมั้ง



"กำลังเช็คของสดครับ ไม่รู้ว่าพอทำอะไรกินได้บ้าง"



"อยากกินหมูทอด" พี่สินบอกเมนูที่ตัวเองอยากกินแล้วนั่งเท้าคางมองผมอยู่อย่างนั้น ผมพยักหน้ารับ แต่ไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆก็รู้สึกว่าหน้ามันร้อนๆ เวลาที่เราสบตากัน ผมเลยดึงสายตามาเช็คของสดว่าพอจะมีหมูเหลือทอดให้เขากินหรือเปล่า



"ให้ช่วยป้ะ"



"ไม่ต้องครับ พี่สินไปรอในห้องก็ได้" ผมบอกพลางหยิบถุงของสดที่ตัวเองจะใช้ อืม ทำหมูทอด ผัดผักรวม แล้วก็ผัดกะเพราอีกอย่างน่าจะพอ เนื้อสดต่างๆหมดพอดีคงต้องออกไปซื้อมาเติมพรุ่งนี้ยังไงก็หยุดนี่นะ ปึก



"อะ..." ผมหันตัวออกมาจากตู้เย็นแล้วก็ชนเข้ากับพี่สินเต็มๆ วันนี้มันครั้งที่สองแล้วนะ ที่มายืนขวางทางให้ผมเอาหน้าชนเล่นๆเนี่ย วางแผนฆาตกรรมจมูกน้อยของผมหรือไงกัน ถ้าหักนะจะเรียกร้องค่ารักษาให้หมดตัวเลย



"อะ..อะไรของพี่สินครับ ทำไมชอบขวางทางคนอื่นเขาเรื่อยเลย" ผมตะกุกตะกักเอ็ดใส่ เพราะเจ้าตัวก้มหน้าเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน คนอะไรตัวสูงยังกับยีราฟ แค่จะให้สายตาอยู่ระดับเดียวกันต้องโค้งตัวลงมาขนาดนี้เลยหรอ ตอนเด็กๆคุณแม่ให้กินเสาโทรเลขหรือไง ทำซะผมเตี้ยไปเลยทั้งๆที่ผมก็มาตรฐานชายไทย



"ใครชอบขวางทางคนอื่น?" พี่สินถามพลางยิ้มยียวน แต่ก็ยังไม่ถอยห่างไปจากผม



"ก็พี่นั่นแหละจะใครล่ะ หลบครับ จะกินมั้ยหมูทอดน่ะ" ผมตอบพลางหลุบตาเบี่ยงตัวหนีคนข้างหน้า แต่พี่สินก็ยังขยับมาบังทางไว้เหมือนเดิม



"กูไม่ได้ชอบขวางทางใคร..." พี่สินพูดแล้วเว้นจังหวะไว้นิดหนึ่ง ก่อนจะยืดตัวขึ้นยืนตรงปกติ



"กูแค่อยากอยู่ใกล้ๆมึงเฉยๆ นี่ไม่ได้เรียกว่าขวางทาง" ผมค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองต้องทำหน้าเหวอมากๆเลย เพราะพี่สินยิ้มขำแล้วเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆจนเสียทรงด้วยความเอ็นดู...เอ็นดู? หรอ?



"เดี๋ยวกูหุงข้าวให้ ไปทำกับข้าวได้แล้ว ยืนทำหน้าเอ๋ออยู่นั่นแหละ น่ารักมากมั้ง" พี่สินหลบตัวไปทางซิงค์แล้วหยิบหม้อหุงข้าวที่คว่ำไว้ไปจัดการตามที่ตัวเองพูด ในขณะที่ผมยังยืนนิ่งอยู่เลย ทำไม? ทั้งๆที่เขาก็ยิ้มแบบปกติ กวนโมโหผมเหมือนเดิมไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่ใจผมมันเต้นแรงได้ขนาดนี้ล่ะ ฮืออออ หรือว่า ผมจะเป็นโรคหัวใจตั้งแต่วัยรุ่นกันนะ พี่เป้ช่วยด้วย

















tbc.



มาแล้วจ้า เอ็นดูน้องปอนด์คนซื่อผู้คิดว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจ

คืองี้ค่ะ เราไม่รู้วิธีการจัดหน้ากระดาษให้ขึ้นหน้าใหม่ เลยกลายเป็นว่าอัพยาวๆๆๆๆ ลงมาหน้า 1 อย่างเดียวเลย 5555 เลื่อนกันมันส์มือเลย ขอโทษด้วยนะคะ






หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 15-05-2020 10:29:40
 :pig4: :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: Morake ที่ 16-05-2020 10:03:19
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.18 ฐานทัพลับหรือฐานทัพเรา
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 16-05-2020 16:40:33




Ch.18 ฐานทัพลับหรือฐานทัพเรา




"เป็นไรมึงนั่งทำหน้าเป็นหมาหงอยเลย" ผมหันไปมองโฟล์คกับวิวที่เดินเข้ามาหาตรงม้าหินหน้าคณะก่อนจะส่ายหัวให้กับคำถามนั้น



"ไปเรียนกันเถอะครับ" ผมลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินเข้าไปหาเพื่อนทั้งสองคนแล้วออกเดินนำขึ้นตึกเรียน ระหว่างที่กำลังเดินขึ้นชั้นสอง แขนผมโดนคนๆหนึ่งดึงไว้เลยหันกลับไปมองเห็นเป็นพี่เบนซ์ผมก็เลยยกมือไหว้



"สวัสดีครับพี่เบนซ์" โฟล์คกับวิวที่ไม่ได้รู้จักอะไรอีกฝ่ายก็ยกมือไหว้ตามผมเป็นมารยาท



"เฮ้ย หวัดดี ไม่คิดเลยว่าจะบังเอิญเจอที่มอ" พี่เบนซ์ยิ้มให้อย่างใจดี ผมเลยยิ้มตอบอีกฝ่ายไปงั้น ก่อนจะค้อมตัวนิดหน่อยเป็นเชิงขอตัว



"เดี๋ยวผมกับเพื่อนไปเรียนก่อนนะครับ" พี่เบนซ์พยักหน้ายิ้มให้อีกที ผมเลยเดินขึ้นห้องเรียนต่อ ไม่นึกเลยว่าพอรู้จักกันแล้วจะเจอกันง่ายๆแบบนี้เลย นี่ผมไม่ได้เอาตัวเองไปอยู่ใกล้ๆเขานะ พี่เขามาเอง เพราะฉะนั้นที่รับปากพี่สินไว้ไม่ถือว่าผิดคำ



"ใครวะมึง?"



"พี่เบนซ์ รู้จักกันที่ทำงาน" โฟล์คกับวิวพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ พวกเราเดินขึ้นอาคารเรียนเข้ามาในห้องก็เห็นเพื่อนร่วมเซคนั่งกันอยู่ก่อนแล้วสองสามคน



"วันนี้มึงเอาอะไรมาให้พวกกูกิน" ผมเดินไปนั่งที่ประจำกำลังจะหยิบสมุดเลคเชอร์ออกมาก็นึกขึ้นได้ จริงด้วย เมื่อเช้าทำแซนด์วิชแฮมไข่เพราะของใกล้จะหมดอายุเลยทำไว้เยอะมาก ต้องลืมไว้บนรถพี่สินแน่ๆเลย วันนี้พี่เป้ออกไปทำงานแต่เช้าผมเลยได้มากับพี่สินแทน



"ขอโทษครับ วันนี้ไม่มีอ้ะ"



"อะไรวะ นี่อุตส่าห์ไม่ซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งหน้ามอเพื่อมึงเลยนะ" ผมก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด ผมไม่ได้ทำมาให้พวกเขาทุกวันอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แต่ว่าในหนึ่งอาทิตย์อย่างน้อยก็ต้องมีสามวันแหละที่หอบมาให้ อาทิตย์นี้ผมยังไม่ได้เอามาเผื่อวิวกับโฟล์คเลย



"เห้ย มึง พวกกูแหย่เล่น อย่าทำหน้างั้นดิ" โฟล์คพูดพลางจับไหล่ผมผลักเบาๆ



"ผมรู้สึกผิดนี่ครับ"



"มึงต้องรู้สึกผิดอะไรเนี่ย เงินพวกกูก็ไม่จ่ายสักแดง" ผมหันไปมองหน้าเพื่อนๆแล้วยิ่งรู้สึกเศร้าใจที่ทั้งสองคนไม่ได้กินข้าวเช้าเพราะคิดว่าผมจะเอามาให้ ผมเลยเลือกจะบอกความรู้สึกออกไปตรงๆ



"มันรู้สึกเหมือนเราเลี้ยงน้องหมาแล้วลืมให้ข้าวเขาน่ะครับ น่าสงสาร" ผมกล่าวเสียงเศร้าเล่าความรู้สึกของตัวเองให้เพื่อนๆฟัง ผัวะ!



"โอ๊ย เจ็บนะครับ" ผมลูบหัวตัวเองบริเวณที่โดนตบป้อยๆ ทำไมชอบทำร้ายร่างกายผมกันจังคนพวกนี้



"มึงว่าพวกกูเป็นหมาหรอ" ผมส่ายหน้าหวือ ผมได้ไปว่าเขาสองคนเป็นน้องหมาตอนไหนกัน หมาน่ารักๆ นิสัยดีกว่าพวกเขาเยอะ



"ผมยังไม่ได้พูดเลยนะครับ"



"กูล่ะเบื่อเวลามึงตอบหน้าซื่อๆเนี่ยแหละ ไม่รู้กวนตีนหรือซื่อจริง ห่า" วิวกับโฟล์คทิ้งตัวนั่งลงข้างผมก่อนจะดูนาฬิกาข้อมือ



"มีเวลาเหลืออยู่นะ มึงเอาไง ไปหาไรกินก่อนมั้ย ยังไงอาจารย์ก็เข้าเลท" เรื่องนี้จริงครับ แต่ก่อนผมมาก่อนเวลานานกว่าทุกวันนี้อีก อาจารย์ก็ยังเข้าห้องหลังคลาสเริ่มไปแล้วตั้ง 15 หรือ 20 นาทีตลอดด้วยข้ออ้างรถติด



"ผมไปด้วย" วิวกับโฟล์คพยักหน้า ผมทิ้งกระเป๋าไว้ในห้อง แล้วเอาพวกของมีค่าติดตัวมาด้วยอย่างกระเป๋าเงินกับโทรศัพท์ 



"นั่งไหนดีวะ" วิวกับโฟล์คหยุดอยู่ทางเข้าโรงอาหารคณะ อาจจะเพราะว่าใกล้ถึงเวลาเรียนแล้วนักศึกษาเลยรีบมากินข้าวก่อนเข้าเรียนกัน จากตอนแรกคิดว่าคนจะไม่เยอะกลายเป็นว่ามองไปทางไหนก็แทบไม่มีโต๊ะว่างเลย



"พี่ปอนด์!!" ผมหันหน้าไปตามเสียงเรียกเห็นนัทลุกขึ้นโบกมือไหวๆทางขวามือเลยเดินเข้าไปหาเพราะโต๊ะที่นัทนั่งยังมีที่ว่างอยู่



"นั่งนี่ก็ได้พี่ เฮ้ย พวกมึงขยับให้พี่กูนั่งหน่อย" นัทยกมือไหว้พวกผมแล้วเจ้าตัวก็ดันๆเพื่อนตัวเองไปอีกทางให้ผมนั่งข้างๆ ส่วนเพื่อนผมนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม



"ผมมากินข้าวที่คณะพี่ตั้งหลายครั้งไม่เคยเจอ ไม่คิดว่าวันนี้จะฟลุคแฮะ"



"ไม่ค่อยลงมากินที่โรงอาหารอ้ะ ถนัดทำเอง" ผมตอบอีกฝ่ายพลางนั่งลงตรงที่ว่างด้วย



"ทำอาหารเป็นด้วยหรอ เก่งอ้ะพี่ จ้างทำมาให้ทุกวันได้ป้ะเนี่ย ผมตื่นสายตลอดหาไรกินก่อนเข้าเรียนไม่ค่อยทัน" อืม ก็ดีนะ ไหนๆก็ไม่ได้ทำพาร์ทไทม์แล้ว หาเงินทางนี้ก็น่าสนใจ



"เดี๋ยวขอเก็บไปคิดก่อนละกัน เพราะว่าก็ทำอะไรได้ไม่ค่อยเยอะหรอก" นัทฉีกยิ้มแฉ่งทันทีที่ผมพูดจบ



"ไอ้ปอนด์กูฝากของแป๊บ จะไปซื้อข้าว" ผมพยักหน้าให้เพื่อนก่อนจะนั่งคุยเล่นกับเพื่อนๆของนัทไปด้วย ทุกคนนิสัยดีกันมาก แต่ดูเวลาแล้วจะไม่รีบไปเรียนกันหน่อยหรอ



"แล้วนี่พี่ปอนด์เลิกเรียนกี่โมงครับ"



"เที่ยงตรงเลย บ่ายไม่มีเรียนแล้ว"



"ผมก็เลิกเที่ยง ดีเลย บ่ายว่างมั้ยพี่ ว่าจะชวนไปลองร้านเปิดใหม่หน้ามอ" 



"คือยังไงครับเพื่อนนัท ที่นั่งหัวโด่อยู่นี่ก็เพื่อนมั้ยครับ ไม่คิดจะชวนเพื่อนฝูงเนาะ ชวนพี่เขาก่อนเนาะ" ผมหันไปมองเพื่อนนัทที่นั่งอยู่ข้างๆอีกคน คำพูดเหมือนจะไม่พอใจนะครับ แต่ทุกคนพากันยิ้มๆ ไม่ได้ดูน้อยใจอะไร



"เออ เพื่อนมึงพูดขนาดนี้แล้วก็ไปกับเพื่อนมึงนะ" พี่สินที่เดินมาจากไหนไม่รู้มายืนอยู่ข้างหลังผมแถมเอามือมาแปะหน้าผากผมแล้วดันให้หัวพิงท้องตัวเองด้วย น้องๆที่เหลือบนโต๊ะพากันยกมือไหว้พี่สินระนาว น่าจะเพราะเป็นรุ่นน้องในคณะเลยรู้จักพี่สินกันหมด



"มึงลืมนี่ไว้ในรถ" พี่สินวางถุงผ้าที่ผมใส่แซนด์วิชแฮมไข่มาตรงหน้าผม



"ขอบคุณครับ" ผมเงยหน้าไปยิ้มขอบคุณให้เจ้าตัวเพราะพี่สินยังยืนอยู่



"ขี้ลืม" ผมยกมือขึ้นจับหน้าผากที่ถูกพี่สินมือดีดีดดังเปี๊ยะ



"เจ็บ"



"ก็ดีดให้เจ็บ" ผมทำหน้าไม่พอใจ พี่สินขยับมายืนตรงหัวโต๊ะแทนแล้วเท้าแขนสองข้างลงกับโต๊ะ



"งอแงอะไร ตอนเที่ยงนี้รออยู่ที่โต๊ะม้าหินหน้าคณะเดี๋ยวกูพาไปกินข้าว" ผมพยักหน้ารับรู้แล้วรวบถุงผ้าเข้าหาตัวเอง



"อ้าวพี่สินหวัดดีพี่" พี่สินหันไปรับไหว้โฟล์คกับวิว



"พวกมึงมาก็ดี กูฝากมันด้วย เลิกเรียนแล้วเฝ้าไว้เลย เดี๋ยวกูมารับตรงที่ประจำ" โฟล์คตะเบ๊ะรับแข็งขันในขณะที่วิวแค่หรี่ตาล้อเลียนพี่สินเล็กน้อย



"อ้าวพี่สิน ผมชวนพี่ปอนด์ก่อนนะ" นัทที่นั่งเงียบอยู่นานโวยวายท้วงขึ้นมา พวกเพื่อนๆน้องที่เหลือพากันดึงๆไว้ เพราะนัททำท่าจะลุกขึ้น



"มึงชวนก่อนแต่กูจองตัวมันไว้ก่อนมึงนานละ ไม่ต้องเสือกมาโวยวาย รีบกินข้าวรีบไปเรียนได้แล้วพวกมึงอ้ะ เดี๋ยวกูฟ้องอาจารย์แม่ว่าพวกมึงเข้าเรียนสายเพราะตั้งใจมาเต๊าะเด็กคณะอื่น" เสียงโอดครวญดังขึ้นพร้อมกันทั้งกลุ่มก่อนน้องๆจะพากันลุกเอาจานไปคืนร้านอาหารทีละคนแล้วกลับมาเอากระเป๋าท่าทางกวนอารมณ์



"ผมไปละนะครับพี่ปอนด์ วันนี้ดวงไม่ค่อยดี ไว้วันหลังผมมาเต๊าะใหม่ จุ๊บๆ พี่สินเผลอแล้วเจอกันครับ" นัทหันมาส่งจูบให้ผมก่อนจะเดินทำหน้าทะเล้นวิ่งหนีไป เพราะพี่สินทำท่าจะเข้าไปเตะ



"รำคาญมึงว่ะ" พี่สินทิ้งตัวลงนั่งข้างผมแล้วผลักหัวแรงๆ



"ผมทำอะไรผิดอีกล่ะ" พี่สินไม่ตอบพลางนั่งเล่นโทรศัพท์



"แล้วนี่พี่ไม่เข้าเรียนหรอครับ" ผมหันไปถามคนที่นั่งลอยหน้าลอยตาข้างๆตัวไม่ยอมกลับไปคณะตัวเองตามน้องๆ



"รอมึงขึ้นห้องก่อน"



"เดี๋ยวอาจารย์ก็ว่าหรอกครับ" พี่สินวางโทรศัพท์คว่ำหน้าลงกับโต๊ะแล้วหันตัวเองมาหาผม



"ทำไม ห่วงกูหรอ" ผมเหรอหรามองพี่สินที่นั่งเท้าคางกระหยิ่มยิ้มย่องใส่



"ใครห่วง แค่บอกเฉยๆเองครับ"



"ง่วงนอนอ้ะ ขอไปนอนฐานทัพลับมึงได้มะ" ผมขมวดคิ้วใส่เขาทันที พ่อแม่ส่งมาเรียนไม่ใช่ส่งมานอน ผมล่ะไม่เข้าใจจริงๆเลยว่าเขาเรียนมาจนถึงปีสี่ได้ยังไง



"ไม่อนุญาตครับ"



"กูง่วงกูจะไปนอน"



"ไปเรียนครับ จะมานอนอะไรล่ะ"



"ไม่มีเรียน"



"อ้าว..." ผมอ้าปากค้าง ไม่มีเรียนแล้วทำไมมามอแต่เช้าล่ะ



"กูมีเรียนบ่าย แต่ต้องตื่นเช้ามาส่งมึงนี่ไง มึงจะใจร้ายไม่ให้กูนอนพักหน่อยหรอ" พี่สินว่าเสียงอ้อนๆ ผมเคยได้ยินเจ้าตัวอ้อนคุณแม่อยู่ แต่ไม่เคยโดนเอง ผมว่าผมไม่ชอบเลย ใจมันสั่น



"..." ผมหันหน้าหนีสายตาที่พี่สินมองมาก็ไปป๊ะเข้ากับสายตาเพื่อนสองคนที่อยู่ตรงหน้าที่หรี่ตามองพลางยิ้มแซว



"ไม่กินข้าวหรือไงครับ" โฟล์คกับวิวพากันก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อแต่ก็ยังไม่หยุดยิ้มล้อเลียนผม



"เขินก็บอกไม่ต้องพาลเพื่อนก็ได้" ผมหันไปมองพี่สินตาแทบถลน ยังจะยิ้มล้อเลียนอีก เหนื่อยแล้วนะใจมันเต้นแรงกว่าเดิมอีก 



"จะ...จะไปนอนใช่มั้ย ไปเลยครับ" ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินหนีพี่สินขึ้นตึกเรียน รู้สึกหน้าร้อนจนแทบไหม้ ทำไมพักหลังมานี้ใจผมมันเต้นผิดจังหวะบ่อยจังเลย เต้นแรงขึ้นด้วย เหนื่อยจนมือไม้เปลี้ยไปหมดแล้ว แถมทุกครั้งก็มักจะเกิดหลังจากเจอพี่สินด้วย



*******************



"เร็วๆเลยเชลดอน มึงอย่าลีลา กูจะพาไปส่งห้องหอ" มือผมที่กำลังเก็บของเข้ากระเป๋าอยู่ชะงักกึกหันไปมองหน้าเพื่อนแล้วเม้มปาก



"เฮ้ยยยยย ไอ้ปอนด์มันเขินอ้ะมึง ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตกูจะได้เห็นโมเม้นท์นี้" โฟล์คทำท่าทางเว่อร์เขย่าคอเสื้อวิวให้หันมามองผม อาการคนอกหักจะลงแดงตายนั่นมันหายไปไหนแล้วนะ ผมล่ะคิดถึงจริงๆโฟล์คคนที่เงียบสงบปากสงบคำ



"จะกินมั้ยครับแซนด์วิชเนี่ย" ผมเอาแซนด์วิชที่ตัวเองทำมาขู่ เผื่อว่าโฟล์คจะสงบปากสงบคำบ้าง



"เขินแล้วพาลเพื่อนอย่างที่พี่สินว่าจริงๆด้วยนะเนี่ย" ผมเม้มปากเถียงอะไรสองคนนี้ไม่ได้ ตลอดคาบเรียนทั้งคู่ก็เอาแต่ส่งสายตาล้อเลียนบ้าง แซวบ้างจนผมเรียนแทบไม่รู้เรื่อง



"ไม่คุยด้วยแล้วครับ เอ้านี่เอาไปกินกันให้หมดเลย" ผมยื่นแซนด์วิชให้เพื่อนทั้งสองคน แต่ว่าก็แอบเก็บไว้ชิ้นหนึ่งเผื่อใครบางคนตื่นขึ้นมาแล้วหิว จะได้กินรองท้อง



"ใช่หรอ ให้หมดจริงหรอ เหมือนเห็นแอบจิ๊กไว้อันหนึ่ง จะเอาไปให้ใครมั้ยน้า" วิวที่เดินตามมาเอาแขนโอบรอบคอผมพลางส่งเสียงล้อเลียนไม่เลิก ผมก็เดินไปเงียบๆ เพราะถ้าเราร้อนลนเพื่อนก็จะยิ่งแกล้งสนุก เหลือก็แต่



"เฮ้ยยย หน้าแดงว่ะ น่ารักกก" ครับ สีหน้านี่ล่ะที่เก็บไม่มิด ไอ้อาการร้อนๆที่พาดผ่านแก้มนี่ล่ะครับที่ทำให้เพื่อนๆยังมีเรื่องล้อผมอยู่



"แล้วฐานทัพลับนี่ยังไง"



"ก็ไม่ยังไงครับ แค่ห้องว่างๆที่ผมขอสโมฯไว้ทำงาน"



"แล้วทำไมพี่สินถึงเอาไปเป็นที่ซุกหัวนอนได้อ้ะ" ผมนึกๆดู ก็สถานที่นั้นเป็นที่ๆเราเจอกันครั้งแรกด้วย และผมก็ไม่รู้ว่าพี่สินไปนอนอยู่นั่นได้ไง



"ไม่รู้เหมือนกัน ครั้งแรกที่เจอกัน พี่สินก็นอนอยู่ในห้องนั้นแล้ว" วิวกับโฟล์คหันไปมองหน้ากันแล้วส่งยิ้มแบบที่รับรู้กันอยู่สองคน จนโฟล์คเดินเข้ามากอดคอผมอีกข้างไว้แล้วกระซิบข้างหู



"งั้นก็ไม่ใช่ฐานทัพลับแล้ว นี่มันฐานทัพเรา" โฟล์คพูดจบก็หัวเราะลั่นอย่างคนอารมณ์ดีที่ทำผมหน้าแดงได้ ผมอยากจะเลิกเขินนะ แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันมันทำไม่ได้อ้ะ



"อ้ะๆ ไม่แกล้งละ ไปรอพี่สินของมึงกันดีกว่า" พี่สินไม่ใช่ของผมสักหน่อย เขาก็คือเขาเป็นเจ้าของตัวเองไปสิ วิวกับโฟล์คนี่พูดมั่วไปเรื่อย แล้วทำไมผมต้องเขินไม่เลิกด้วยล่ะ!



**********************



"ไง ชอบป้ะ" ผมมองไปรอบๆร้านก่อนจะพยักหน้าเบาๆ พี่สินพาผมมาลองอาหารร้านใหม่ที่เปิดหน้ามอ ร้านที่นัทชวนผมนั่นแหละ



"ชอบครับ"



"โห บอกกูตรงๆงี้ กูเขินเลย" ผมเม้มปากมองหน้าคนเสแสร้งเขินอย่างหมั่นไส้



"หมายถึงชอบร้านต่างหาก" พี่สินหัวเราะขำยื่นมือมาขยี้ผมเบาๆ แล้วเรียกพนักงานมาสั่งอาหาร เราสั่งจานหลักกันไปสองสามอย่าง ของหวานอีกคนละอย่าง แล้วก็น้ำปั่น แต่พี่สินสั่งกาแฟ



"กินกาแฟตอนนี้ ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับหรอกครับ" พี่สินยักไหล่อย่างไม่สนใจเล็กน้อย ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปผมที่นั่งหน้าเหวออยู่



"ลบเลยครับ หน้าผมเหวอมากอ้ะ"



"ไม่ น่ารักจะตาย" พี่สินว่าพลางก้มหน้าก้มตาพิมพ์ยุกยิกๆ ในขณะที่ผมใจเต้นอีกแล้ว คนๆนี้มันน่าทุบจริงๆเลย หืม? ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพราะมีแจ้งเตือนในไอจี พอปลดล็อคหน้าจอก็เตือนรัวๆๆ จนผมตกใจ Man of sin tag you in photo? พอเห็นรูปกับแคปชั่นผมรีบเงยหน้าไปมองคนตรงข้ามทันที ก็หน้าเหวอๆนี่มันรูปที่พี่สินถ่ายผมอ้ะ แล้วไอ้ที่เด้งแจ้งเตือนก็คือคนที่ฟอลโล่พี่เขานั่นแหละมากดหัวใจให้ แล้วไหนจะแคปชั่นว่า 'ชอบเหมือนกัน' นี่อีก ฮือออ กะไม่ให้หัวใจผมได้พักผ่อนเลยสินะ

























*************************



เรา: น้องปอนด์พี่ก็ชอบน้องเหมือนกัน

สิน: เสือก

อืม เค



tbc.













หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-05-2020 20:35:26
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch. 19
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 23-05-2020 16:04:06


Ch. 19 ในฐานะคนขับรถส่วนตัวก็ได้



"พี่เป้กำหนดวันเดินทางวันไหน" ผมหยุดมือที่กำลังล้างจานอยู่แล้วเงี่ยหูฟังพี่สินกับพี่เป้คุยกัน บอกตรงๆว่าใจกระตุกแปลกๆ



"อีกสี่วัน" พี่เป้พูดเบาๆ แต่เพราะว่าทั้งห้องมันเงียบอยู่แล้วผมก็เลยพลอยได้ยินไปด้วย สี่วัน เร็วจังนะ



"แล้วพี่บอกพี่...พี่ๆ เพื่อนๆ หมดยังอ้ะว่าจะเดินทางแล้ว เขาจะได้ไปส่งกัน" ผมล้างจานต่อไม่ได้สนใจประโยคต่อไปที่ทั้งคู่คุยกัน แล้วเมื่อไหร่พี่เป้จะกลับมา ผมได้แต่คิดในใจ ยังไม่ไปเลย แต่ผมอยากให้กลับมาแล้ว ในหัวคือตีกันไปหมดอยากให้ไปนะเพื่อนความก้าวหน้าทางการงานที่ดี แต่ผมคงคิดถึงพี่เป้มากเหมือนกัน



"ปอนด์ ปอนด์ ปอนด์!!"



"อ้ะ!" ผมสะดุ้งสุดตัวจนจานที่อยู่ในมือร่วงลงไปในซิงค์ได้ยินเสียงแตกเพราะกระทบกับจานใบอื่น พี่สินที่อยู่ใกล้ตัวผมมากกว่าเดินเข้ามาดึงมือผมออก



"ระวัง เอาน้ำออกจากซิงค์ก่อน มีแต่ฟองแบบนี้ ควานไปเกิดบาดมือขึ้นมามึงทำไง" พี่สินว่าดุๆแล้วดึงสายโซ่สต็อปเปอร์อ่างล้างจานให้น้ำมันไหลออก



"ลืมคิดครับ" 



"ขี้ลืมเก่งมึงอ้ะ" ผมยิ้มแหยนิดๆ ก่อนจะเดินไปเอาถังขยะมีใส่จานที่แตก



"เอามานี่ มึงล้างมือไปนั่งนู่นไป เดี๋ยวกูทำเอง" พี่สินคว้าถังขยะไปจากมือผม บอกดีๆก็ได้ จะเกรี้ยวกราดทำไมเนี่ย เปิดน้ำล้างมือตัวเองเสร็จผมก็มานั่งกับพี่เป้แทน 



"ไงเรา ใจลอยอะไร พี่เรียกตั้งหลายครั้ง" ผมส่ายหัวยิ้มตอบพี่เป้ แล้วเราก็นั่งมองหน้ากันเงียบๆ จนพี่เป้ทนไม่ไหวเองเลยเอ่ยขึ้นมา



"ปอนด์...กำหนดวันเดินทางพี่มาแล้วนะ" ผมยิ้มพยักหน้ารับ



"อีกสี่วันต่อจากนี้" พี่เป้พูดเบาลงกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ผมรู้ว่าเขาคงเป็นห่วงผมมาก ผมเลยยิ้มให้เหมือนเดิมพูดอะไรไม่ออก มันจุกๆลำคอไปหมด



"ไม่ต้องไปส่งพี่ก็ได้ วันนั้นมีเรียนหนิ" ผมส่ายหน้า ยังไงก็จะไป



"ไม่เอา จะไปส่ง"



"พี่หยุดยาวเลยจนวันเดินทาง เราอยากไปไหนมั้ย?" ผมส่ายหน้าอีกครั้ง พี่เป้ยิ้มตอบแล้วยื่นมือมาลูบหัวเบาๆ



"อยากไปไหนก็บอกรู้มั้ย พี่จะพาไป" ผมพยักหน้ารับอีกครั้ง แล้วทำทีหันไปมองพี่สิน จะรอดมั้ยนั่น แน่ใจนะว่าล้างจานไม่ได้อาบน้ำสระผม ทำไมน้ำมันกระเด็นเลอะเทอะจนผมเปียกขนาดนั้น



"เอ่อ พี่สินครับ เดี๋ยวผมทำเองก็ได้นะ"



"ไม่ต้อง กูทำได้" ทำได้ก็ทำได้ครับ -_-



"สิน มึงจะล้างจานหรือสระผมมึงเลือกสักอย่างมั้ย" พี่เป้พูดได้ตรงใจผมมากเลยครับ ข้อดีของการเป็นคนอาวุโสกว่ามันอย่างนี้นี่เอง พี่สินมัดถุงที่ใส่เศษจานแล้วเดินกระทืบเท้าตึงตังด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด น้อยใจหรอนั่น? 



"พี่สินครับคือ..." ผมพยายามจะเรียกเจ้าตัวที่เดินลิ่วๆไปทางประตูห้องแต่พี่สินไม่ฟัง เดินออกไปซะแล้วคาดว่าน่าจะเอาเศษแก้วไปทิ้งนั่นแหละ จริงๆเอาไว้ในถังขยะก่อนแล้วค่อยรอไปทิ้งทีเดียวพร้อมกับขยะอื่นก็ได้ หรือไม่ก็...ถอดผ้ากันเปื้อนลายหมีพูห์ก่อนสักนิดถ้าจะออกไปเจอผู้คนเถอะครับ



****************************



ผมนอนกอดหมอนอิงอยู่บนโซฟาขณะที่ตาก็ดูทีวีไปด้วย พี่เป้นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่โซฟาอีกตัว ส่วนพี่สินนอนดูทีวีแหมะอยู่บนพรมข้างโซฟาที่ผมนอนอยู่นี่แหละครับ



"พรุ่งนี้มึงมีเรียนป้ะ"



"ไม่มีครับ" ผมตอบพี่สิน เจ้าตัวไม่ได้ละสายตามาจากทีวีด้วยซ้ำตอนที่คุยกับผม



"แต่กูมี" 



"ครับ" ผมตอบแค่นั้นแล้วไม่ได้สนใจอะไรอีก เพราะไม่รู้จุดประสงค์ของบทสนทนานี้ พี่เป้ก็ดูจะงงเหมือนกัน เขาเหลือบตามองพี่สินหยุดพิมพ์แชทเพราะรอว่าพี่สินจะพูดอะไรต่อ แต่จนแล้วจนรอดพี่สินก็ยังไม่พูด



"ไหนคือพ้อยท์หลักของประโยคเมื่อกี๊วะสิน กูงง" พี่เป้ถามออกมาอย่างคาใจ ผมก็ไม่รู้ว่าพี่เป้จะคาใจทำไมนักหนาพี่สินคุยกับผมต่างหากไม่ใช่เขา



"ก็แค่บอก"



"บอกเพื่อ?" อันนี้ก็พี่เป้ครับ ผมยังคงใบ้สนิท



"ยุ่งอะไรเนี่ย"



"ก็กูอยากรู้ มึงจะบอกน้องกูทำไมว่ามึงมีเรียนพรุ่งนี้ แล้วมึงจะอยากรู้ทำไมว่าน้องกูมีเรียนหรือไม่มีเรียน" พี่เป้หรี่ตาถามพี่สินด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยไว้วางใจเท่าไหร่



"อยู่มอเดียวกัน ก็ถามเผื่อมันมีเรียนจะได้ไปพร้อมกันไง พี่ระแวงอะไรเนี่ย"



"มึงมันไว้ใจไม่ได้แบบพี่มึงนั่นแหละ" ผมยกหัวขึ้นมองไปทางพี่เป้อย่างงุนงง นี่พี่เป้รู้จักพี่เสือด้วยหรอ



"พี่เป้รู้จักพี่เสือด้วยหรอครับ?"



"รู้จักดีเลยล่ะ" พี่สินพูดออกมาเบาๆในขณะที่พี่เป้ยังอึกอักๆ



"อืม ก็เพื่อนตั้งแต่มหาลัย" ผมพยักหน้ารับรู้ อย่างนี้นี่เอง พี่เป้เป็นเพื่อนกับพี่เสือก็เลยรู้จักพี่สินที่เป็นน้องชาย งั้นที่เคยไปนอนบ้านก็คือไปนอนบ้านพี่เสือซึ่งอยู่บ้านเดียวกับพี่สิน ผมคิดได้ถึงตอนนี้ก็รู้สึกอับอายที่ตอนนั้นมีอาการไม่พอใจที่เขารู้จักกันมาก่อนโดยที่ผมไม่รู้เรื่อง



"เป็นอะไรเรากัดหมอนทำไมเนี่ย" ผมผงะเอาหมอนอิงออกจากปากตอนที่พี่เป้ทัก พี่เป้ส่ายหัวเล็กน้อย จะว่าผมไม่โตอีกล่ะสิ



"พี่ยังไม่ได้พูดอะไรเลยนะ ทำไมหน้างอแบบนั้นห๊ะ" พี่เป้ยื่นมือมาผลักหัวผมเบาๆ ถึงไม่พูดออกมาผมก็รู้หรอกว่าเขาต้องคิดในใจแน่ๆ



"แล้วนี่เราหยุดวันไหน?"



"หยุดพรุ่งนี้ครับ สองวันติด"



"งั้นไปเที่ยวกันมั้ยไหนๆก็หยุดแล้ว เราไม่ได้ไปทะเลกันนานแล้วนะ" ผมนิ่งคิด ครั้งสุดท้ายที่เราไปทะเลด้วยกันมันเมื่อไหร่นะ ผมก็จำไม่ได้



"ไปครับ งั้นปอนด์ไปเก็บกระเป๋าเลยนะ" ผมลุกขึ้นด้วยความกระตือรือร้น ก็นี่มันจะสี่ทุ่มแล้ว รีบเก็บกระเป๋ารีบเข้านอนพรุ่งนี้จะได้ตื่นเดินทางกันแต่เช้า



"ออกสายๆก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยเก็บ"



"ไม่เอาครับ อยากออกแต่เช้าจะได้อยู่นานเพิ่มขึ้นอีกหน่อย" พี่เป้หัวเราะอารมณ์ดีพร้อมกับลุกขึ้นยืนกอดไหล่ผมลากกันมาเก็บกระเป๋า



"อ้าวปอนด์ พรุ่งนี้กูติดเรียนคาบเช้านะ ไปตอนบ่ายๆเลย" พี่สินที่นอนอยู่ผุดลุกนั่งมองมาทางพวกเราสองพี่น้อง



"ก็เรื่องของมึงดิ กูจะพาน้องกูไปทะเล ไม่ได้บอกว่าจะพามึงไปหนิ มึงก็ไปเรียนนั่นแหละถูกแล้ว" ผมพยักหน้ารับเห็นด้วยกับพี่เป้ทุกประการ พี่สินจะโวยวายทำไม ตัวเองมีเรียนก็ไปเรียนสิ ผมเดินเข้าห้องไปหยิบกระเป๋าเป้ใบโตแล้วเลือกเสื้อผ้าสองสามชุดที่จะเอาไปทะเลด้วย พี่เป้ก็เข้าห้องตัวเองไปเก็บกระเป๋าเช่นกัน หรือจะชวนพวกโฟล์คไปด้วยดีนะ ไปหลายๆคนสนุกดี



"ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะ" ผมเงยหน้าจากการพับเสื้อเชิ้ตตัวนอกสีฟ้าอ่อนของตัวเองมองหน้าพี่สินยิ้มๆ ก็ต้องยิ้มสิในเมื่อคนมีความสุข จะให้ร้องไห้หรือไง พี่สินนี่ก็ประหลาด



"ครับ ไม่ได้ไปเที่ยวกับพี่เป้นานแล้ว"



"อ่าฮะ" ผมฮัมเพลงเรื่อยเปื่อยแล้วก็เก็บของใช้ต่อ พี่สินก็ไม่ได้พูดอะไร เจ้าตัวเดินมาหยิบเสื้อผ้าตัวเองสองสามตัวจากตู้เสื้อผ้าแล้วเอามานั่งพับข้างๆผม



"พี่สินจะไปไหนครับ"



"ทะเล"



"ห๊ะ?" ผมหันไปมองพี่สินที่นั่งพับเสื้อผ้าต่อไม่สนผมที่นั่งหน้าเหวอต้องการคำตอบ



"กูจะไปด้วยไง"



"แล้วพี่สินไม่เรียนหรอครับ"



"จะโดด" พอพูดถึงตรงนี้พี่สินเหมือนนึกอะไรได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก



"เออ ไอ้รัน พรุ่งนี้กูโดดนะ..." เดี๋ยวนะ นี่จริงจังใช่มั้ยเนี่ย โดดเรียนไปทะเลกับผมเนี่ยนะ?



"บอกอาจารย์เลื่อนพรีเซ้นท์ไปดิ กูจะไปทะเล...เหี้ย เอฟเลยหรอ แต่กูอยากไปทะเลอ่ะ" พี่สินโวยวายดังขึ้นเรื่อยๆ เพราะดูเหมือนจะไม่ได้ดั่งใจ



"แม่ง..." พี่สินหงุดหงิดวางสายแล้วขว้างโทรศัพท์ไปบนเตียง ผมเอื้อมมือไปลูบหลังเขาเบาๆให้อารมณ์เย็นลง



"ไม่เป็นไรนะครับ ไว้ครั้งหน้านะ"



"ไม่ มึงรอไปตอนบ่ายพร้อมกู ถ้าพี่เป้รอไม่ได้ก็ให้ไปก่อน" หืม? ยังไงนะ



"แต่ทริปนี้เป็นทริปผมเที่ยวกับพี่เป้นะครับ"



"งั้นพี่เป้ก็ต้องรอ" พี่สินพูดอย่างคนเอาแต่ใจแล้วเก็บของต่อ สักพักก็เหมือนนึกอะไรได้อีก รีบคว้าโทรศัพท์แล้วเดินออกจากห้องไป ผมนี่นั่งมึนกับความแปรปรวนทางอารมณ์ของเขาจริงๆ



*************************



สุดท้ายแล้วแพลนการเดินทางแต่เช้าตรู่ของผมก็ถูกเลื่อนมาตอนบ่ายจริงๆครับ แถมเพื่อนร่วมทริปก็มีมาเพิ่มอีกตั้งสามคน ครับ วิวกับโฟล์คที่ผมตั้งใจจะชวนตั้งแต่เมื่อคืน ไม่รู้พี่สินไปนัดแนะกับเพื่อนผมสองคนตอนไหน หลังเตรียมของเสร็จผมก็โทรถามเพื่อนทั้งสองคนว่าจะไปเที่ยวทะเลด้วยกันมั้ย สองคนนั้นกลับบอกว่ากำลังจะเก็บเสื้อผ้า ส่วนอีกคนพี่ชายพี่สินครับ เจ้าตัวขับรถมารับผมกับพี่เป้ตอนเที่ยงกว่าๆ เป็นรถอินโนว่าเจ็ดที่นั่งคันใหญ่แถมมีพี่สินกับเพื่อนๆผมนั่งจองที่นั่งกันเรียบร้อย



"จะแวะกินอะไรก่อนหรือรอไปกินที่จุดพักรถเลย" พี่เสือที่นั่งที่คนขับถามแต่ตายังคงมองถนนอยู่ตอนนี้เราออกมาจากกรุงเทพได้สักพักแล้ว คาดว่าใช่เวลาไม่ถึงสองชั่วโมงก็ถึงที่หมาย



"เดี๋ยวรอแวะจุดพักก็ได้พี่" พี่สินที่นั่งข้างๆคนขับตอบแทนพวกผม วิวกับโฟล์คนั่งด้านหลังสองคน ส่วนผมกับพี่เป้นั่งถัดจากคนขับ ซึ่งตอนนี้พี่เป้หลับคอพับคออ่อนไปแล้ว รายนี้น่ะชอบนอนเวลาเดินทางมากกว่านอนบนเตียงนิ่งเสียอีก



"ปอนด์ล่ะหิวหรือยัง?" พี่เสือมองกระจกหลังทางผมนิดหนึ่ง ผมเลยส่ายหัวให้เป็นคำตอบ เอาจริงๆผมก็ยังไม่หิวเท่าไหร่แต่ไม่รู้ว่าเพื่อนๆจะหิวกันหรือยัง ผมเลยก้มหยิบถุงผ้าที่ตัวเองทำแซนด์วิชขึ้นมาเผื่อทุกคน ก่อนจะยื่นให้เพื่อนที่นั่งข้างหลังคนละชิ้น



"กินรองท้องกันไปก่อนนะครับ เดี๋ยวค่อยแวะทีเดียว" 



"ไม่ต้องห่วงพวกกูก็มีเสบียง แต่ขอแซนด์วิชมึงด้วยก็ดีอยากกิน" วิวยัดถุงขนมที่ซื้อมาจากเซเว่นลงกระเป๋าตามเดิม ผมยื่นไปให้พี่สินสองชิ้น เผื่อให้พี่เสือด้วยเลย พี่สินรับไปแล้วลงมือกินทันที ส่วนอีกชิ้นก็วางไว้เฉยๆบนตัก



"แกะให้กูด้วย" พี่เสือเหล่ตามอพี่สินที่นั่งกินแซนด์วิชลอยหน้าลอยตาแล้วคงหมั่นไส้เลยยื่นมือข้างหนึ่งไปผลักหัวพี่สินจนกระแทกกระจกเบาๆ



"ไอ้พี่เหี้ย กูเจ็บ" 



"กูทำให้เจ็บ มึงนี่มันไร้ประโยชน์จริงๆ ทริปต้องเลื่อนมาบ่ายเพราะต้องรอมึงเรียนเสร็จ รถกูก็ต้องมาขับให้นั่ง นี่ยังมานั่งกินแซนด์วิชหน้าระรื่นอีก ถามจริง มึงมาทำไมเนี่ย ไอ้ตัวถ่วง"



"ก็เดี๋ยวค่อยเปลี่ยนกัน รอไอ้ปอนด์นอนก่อน" หืม? พี่เสือก็คงจะงงเหมือนผมนี่แหละครับ สังเกตได้จากหัวคิ้วที่เลิกขึ้นข้างหนึ่ง



"กูไม่เก็ทแกทเชื่อมโยงนี้" อย่าว่าแต่พี่เสือเลยครับ ผมก็ไม่เข้าใจประโยคที่พี่สินพูด เกี่ยวอะไรกับผมนอน



"กูขับนิ่มกว่า" ห๊ะ? อะไรของพี่สินเขา



"คือมึงจะบอกว่า รอปอนด์มันนอนมึงจะขอขับเพราะอยากให้น้องมันนอนนิ่มๆ?" พี่สินไม่พูดอะไรก้มหน้าก้มตากินแซนด์วิชที่มือตัวเองต่อ ผมเลยแกะแร็ปออกจากชิ้นที่ตักตัวเองแล้วยื่นไปป้อนให้พี่เสือ แต่พี่สินก็แย่งไปทำแทน



"มึงไม่ต้อง กินของมึงไป" พี่สินโยนชิ้นบนตักตัวเองที่ผมให้พี่เสือในตอนแรกกลับมาให้ ผมพยักหน้ารับแล้วแกะกินรองท้องทันที



"เหอะ กูรู้แล้วว่ามึงมาทำไม" พี่เสือที่นั่งมองการกระทำของเราสองคนเงียบๆ ส่งเสียงขึ้นจมูกแล้วเอ่ยขึ้นมาดึงความสนใจผมไปจากแซนด์วิชปูอัดเนื้อแน่น



"มาเป็นคนขับรถส่วนตัวให้ไอ้น้องปอนด์นี่เอง" -////- เหมือนผมได้ยินเสียงเนื้อหมูที่เอาไปวางบนกระทะร้อนๆอ้ะ แต่ไม่ใช่หมูหรอกครับ มันเป็นหน้าผมเองนี่แหละ ที่ร้อนจนลามไปที่ใบหู ฮือ แค่พี่สินคนเดียวอาการผมก็แย่แล้ว นี่แพ็คคู่มาทำผมเขินทั้งพี่ทั้งน้องเลยหรอ ใจร้ายกันเกินไปแล้ว



























*********************

tbc.





เรา: น้องปอนด์ครับ พี่ก็ขับรถนิ่มนะ

สิน: เคยขับๆรถอยู่แล้วเหยียบตะปูเรือใบมั้ย?

เรา: อ่า ไม่เต๊าะก็ได้จ้า



















หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.20 ทะเลก็มีชีวิต
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 05-06-2020 20:58:19

Ch.20 ทะเลก็มีชีวิต




 




 

 

"ทะเลก็มีชีวิต"

 

"ชีวิต!!!" ผมที่สะลึมสะลืออยู่ถึงกับสะดุ้งโหยงกับการประสานเสียงที่เรียกได้ว่าหลงโน๊ตกันสุดๆของเพื่อนรักสองคน

 

"ทะเลก็มีหัวใจ"

 

"หั้วจายยยยยย!!!" พี่เป้ที่นอนอยู่ข้างๆผมทนไม่ไหวจนต้องปาขวดพลาสติกเปล่าใส่ตัวคนร้องนำ ครับ พี่เสือนั่นเอง ไม่รู้พี่แกคึกอะไร สงสัยคงเพราะสลับที่กับพี่สินแล้ว แอเนอร์จี้มาเต็มดูครึ้กครื้นเสียเต็มประดา ขนาดโดนขวดน้ำขว้างใส่ยังหันมายิ้มลอยหน้าลอยตาไม่เลิก

 

"หุบปากกูจะนอน!" พี่เป้ว่าหน้างอแล้วทำท่าจะนอนต่อ แต่ยังไม่ทันได้นอนสมใจพี่เสือก็ตะโกนขึ้นมาอีก

 

"ไปเที่ยวทะเลกันมั้ย"

 

"ไป!!!" ถามจริงนะ พี่เสือจ้างเพื่อนผมมากี่บาทครับ เผื่อผมสู้ราคาไหวจะจ้างให้เงียบปากกันบ้าง

 

"ไอ้เสือเงียบ!" เท่านั้นแหละครับ ไม่ใช่เงียบนะ หัวเราะเสียงดังมากจนพี่เป้ละความพยายามจะนอนต่อมานั่งจ้องหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อแล้ว

 

"มึงจะเอาแต่นอนทั้งๆที่มาเที่ยวทะเลไม่ได้ ถ้าจะนอนมึงก็กลับไปนอนบ้าน" ผมหน้าเหวอชี้มือเข้าหาตัวเองเป็นเชิงถามพี่เสือว่า ด่าผมหรอ?

 

"ไม่ใช่มึง เห้อ กูล่ะเพลียมึงสองคนพี่น้อง" พี่เสือส่ายหัวระอา แล้วหันกลับไปมองถนนตามเดิม ยังไม่วายส่ายหัวเหนื่อยหน่ายผมกับพี่เป้ด้วย

 

"อย่าไปสนใจมันเลย พี่ขอแซนด์วิชหน่อยดิ หิว" ผมพยักหน้ารับแล้วหยิบแซนด์วิชยื่นให้พี่เป้

 

"นิ่งเป็นหลับ ขยับเป็นแดก" อันนี้พี่เสือด่าพี่เป้แน่นอนครับ ผมรู้ ผมเรียนมาแล้ว

 

"เสือก" พี่เสือยิ้มมุมปากไม่พูดอะไรต่อ สงสัยเหนื่อยจะแหย่พวกผมแล้ว

 

"ปอนด์อยากเข้าห้องน้ำมั้ย" พี่สินที่ขับรถอยู่มองกระจกหลังมานิดหนึ่งแล้วถามผมเบาๆ

 

"ไม่ครับ" แล้วพี่เขาก็เงียบขับรถต่อ

 

"แหม อยู่กันตั้งหลายคนถามแค่ไอ้ปอนด์คนเดียว งี้ถ้าผมปวดฉี่ผมทำไงล่ะพี่" ผมอยากจะเอาของกินยัดปากเพื่อนตัวเองให้สงบปากสงบคำไป จะได้จบๆ ถ้าจะพูดขึ้นมาแล้วทำผมหน้าร้อนขนาดนี้น่ะ

 

"เหนื่อยหน่อยนะไม่ได้ชื่อปอนด์ก็งี้แหละ" พี่เสือตอบโฟล์คแทนพี่สิน แต่หน้าคือหันมายิ้มกรุ้มกริ่มใส่ผมแทน

 

"มึงก็บอกสิ หรือจะฉี่ใส่ขวดกูก็ไม่ห้าม" พี่สินตอบบ้าง แต่โฟล์คกับวิวไม่ได้ไม่พอใจอะไร เพราะเข้าใจว่าพี่สินแค่พูดเล่น

 

"โห สองมาตรฐานชัดๆ"

 

"อืม ไม่ได้ชื่อปอนด์ก็เหนื่อยหน่อยนะ" พี่สินลอกคำตอบจากพี่เสือพูดกับเพื่อนผมอีกครั้ง

 

"โอ๊ยยยยยยยย/ฮิ้ววววววววววว" โฟล์คกับวิวพากันประสานเสียงเหมือนควาย...ช่างเถอะครับ เอาเป็นว่ามันไม่รื่นหูแล้วก็ไม่เป็นผลดีกับจิตใจผมด้วย

 

"นี่สินมันจีบน้องกูหรือเปล่าวะเสือ?" พี่เป้ที่นั่งเงียบฟังบทสนทนาทั้งหมดตั้งแต่เริ่มถามพี่เสือ ทั้งคันรถเงียบกริบ จะมีก็แต่พี่สินที่หัวเราะจนตัวสั่นตัวโยน

 

"กูนึกว่ามึงจะโทรมาถามกูหลังไปออสฯแล้วซะอีก ความรู้สึกช้าจังวะเป้" แล้วพี่เสือก็หัวเราะไปอีกครึ่งนาที พี่เป้หันมามองหน้าผมอ้าปากค้างพะงาบๆ เหมือนปลาขาดน้ำแล้วชี้ผมกับพี่สินสลับไปมา

 

"นี่ไปสปาร์คกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!? ไม่ๆๆ กูไม่อนุญาต กูไม่ให้จีบ!!" ผมรีบตะครุบปากพี่เป้ทันทีที่เขาตะโกนขึ้นมาดังลั่นหลังจากได้สติ ฮือออ อายนะ

 

"ผมจีบน้องพี่ไม่ได้จีบพี่สักหน่อย ทำไมต้องรอให้อนุญาตด้วย"

 

"อื้อ!!!" ขนาดโดนปิดปากยังไม่เลิกความพยายามที่จะโวยวายอีก เฮ้อ พี่เป้นะพี่เป้

 

"โฮ่ย กูแทบขาดใจ ปอนด์จะปิดปากพี่ทำไมเนี่ย!"

 

"เสียงดัง"

 

"ไม่ต้องมาทำเสียงดุพี่เลย บอกมาเดี๋ยวนี้ เรารู้หรือเปล่าว่ามันจีบเราอยู่?" ผมพยักหน้ารับอย่างกล้าๆกลัวๆ เอาจริงๆ ผมก็เหลือพี่เป้คนเดียวนี่แหละที่เป็นผู้ปกครอง ถ้าพี่เป้ไม่ให้พี่สินจีบผมต่อ ผมก็คงขัดไม่ได้...แล้วทำไมผมต้องมากังวลเรื่องนี้ด้วยล่ะเนี่ย

 

"ทำไมไม่บอกมันไปว่าเราไม่ชอบมัน?" ผมนิ่ง ก็ผมไม่ได้ไม่ชอบพี่สิน แต่ก็ไม่รู้ระดับความชอบของตัวเองว่าขั้นไหน

 

"แล้วมึงจะเสือกอะไรกับน้องมัน เรื่องตัวเองเอาให้รอดก่อนมั้ย จะไปออสฯนี่เตรียมพร้อมหรือยัง เดี๋ยวก็ลืมนู่นลืมนี่ กูไม่บินเอาไปให้นะ" พี่เป้หันขวับไปมองพี่เสือตาขวาง

 

"ทำไม? ทำไมบินเอาไปให้กูไม่ได้ มึงกกใครไว้ นี่มึงรอมาตลอดใช่มั้ยให้กูไปไกลๆ เพื่อจะได้ไปหากิ๊กน่ะ!" พี่เป้พ่นออกมายาวเหยียดแล้วเหมือนลืมตัวว่าตัวเองเผลอพูดอะไรออกมา จึงรีบปิดปากตัวเองฉับ

 

"ว้าย โป๊ะอีกแล้ว" พี่สินนั่งกลั้นยิ้มส่งสายตาล้อเลียนมาให้พี่เป้ที่นั่งอยู่เบาะหลัง ผมหันไปมองหน้าพี่เป้เพื่อให้อธิบายคำพูดเมื่อสักครู่

 

"คือ...คือว่า...พี่..."

 

"จะอึกอักอีกนานมั้ยก็บอกน้องมันไปดิว่ากูกับมึงไม่ได้เป็นแค่เพื่อนกัน" ผมหันไปมองพี่สิน แล้วก็สลับมองหน้าพี่เป้อีกรอบ

 

"เป็นเพื่อนสนิทไง ไม่ใช่แค่เพื่อนกัน" พี่เป้โพล่งขึ้นมาเสียงดัง

 

"ถุย พี่เป้ หลอกเด็กอนุบาลยังไม่เชื่อเลย เป็นแฟนกันก็บอกปอนด์มันไปดิ กั๊กอยู่ได้ มันโตแล้วนะ" พี่เป้หันไปขว้างซองถุงขนมเปล่าใส่วิวที่พูดขึ้นมากลางปล้อง เดี๋ยวนะ พี่เสือกับพี่เป้ เป็นแฟนกัน? ที่คุณแม่บอกว่าลูกชายคนโตพาแฟนเข้าบ้านก็คือพี่เป้?

 

"อ่า" ผมครางเสียงแผ่วเมื่อปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้ พี่เป้ที่มีท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนกำลังรอให้ผมพูดอะไรสักอย่าง แต่บางที่ก็หลบสายตาเหมือนไม่แน่ใจ

 

"ก็ดีแล้วนี่ครับ คุณแม่ก็ดูรับได้" ผมพูดไปตามที่คิด พี่เป้อ้าปากหน้าเหวอ ในขณะที่คนที่เหลือพากันหัวเราะเสียงดัง

 

"น้อง...ไม่โกรธ?" เอาจริงๆก็แค่ตกใจนิดหน่อย แต่พี่จะคบใครมันก็ไม่ใช่เรื่องของผมไง อายุอานามก็ขนาดนี้แล้ว

 

"โกรธอะไรล่ะครับ พี่จะคบกับใครมันก็เป็นสิทธิของพี่ ปอนด์ไม่เข้าไปยุ่งหรอกครับ ขอให้คบกับคนดีๆก็พอ" ประโยคหลังผมพึมพำกับตัวเองซะมากกว่า แต่มั่นใจว่าพี่เป้น่าจะได้ยิน เพราะเจ้าตัวเล่นกอดผมแน่นแถมแอบหอมหัวไปหลายทีด้วย ผมไม่ได้สระผมนะเมื่อคืน

 

"เอ้า เลิกกอดกันได้แล้ว ถึงแล้ว" พี่เสือหันมาส่ายหน้าอ่อนใจกับผมสองคนพี่น้องแล้วเปิดกระจกคุยกับพนักงานที่มายืนต้อนรับให้ขนของไปที่บ้านพักระหว่างที่เราเช็คอินเลย

 

"โห เช่าเป็นหลังเลยหรอครับ" ผมได้ยินพี่เสือพูดกับพนักงานว่าเอาหลังที่ใกล้กับทะเลที่สุดด้วย

 

"อืม ก็มากันหลายคน เป็นหลังน่าจะคุ้มกว่า" พี่สินหันมาตอบผมพลางหยิบหมวกแก๊ปของเจ้าตัวมาสวมให้เมื่อเห็นผมหยีตาเพราะแดดแรง นี่ก็ขยันจีบผมเหลือเกิน ใจผมเองก็ขยันทำงานเกินไปแล้ว

 

"แต่ไม่ต้องห่วงนะ มีห้องแยกกันเลย ห้องละ 2 คน อยากทำไรก็ตามสบายเลย ห้องเก็บเสียง" พี่สินหันไปตอบพี่เสือ พลางกอดคอดึงผมเข้าไปใกล้

 

"แยกๆ ไม่ได้มาโดนน้องกูเลย กูหวง" พี่เป้เดินมาแยกเราสองคนออกจากกันแล้วกอดผมไว้ทั้งตัวเหมือนโอ๋เด็กตัวน้อยๆ

 

"มึงอ้ะมานี่เลย อย่าไปยุ่งกับเขา ไป พากูไปเช็คอิน" แล้วก็ตามมาด้วยเสียงโวยวายของพี่เป้ลั่นไปตลอดทางเดินไปทางส่วนหน้าของแผนกต้อนรับ

 

"ร้อนมากมั้ย" พี่สินเดินเข้ามาใกล้ผม แล้วขยับไปทางฝั่งที่แดดตกกระทบเพื่อจะบังแดดให้ เนื่องจากตัวพี่เขาสูงกว่าผมเยอะอยู่

 

"ไม่เท่าไหร่ครับ"

 

"แล้วทำไมหน้าแดงจัง แดงยันหูเลย ถ้าไม่ใช่เพราะแดด นี่เพราะกูมั้ย" ผมก้มหน้างุดหลบสายตาคนเจ้าชู้รีบเดินตามพี่เสือกับพี่เป้ให้ทัน ไม่ไหวแล้ว ใจจะวายแล้วนอกจากเวลานั่งรถที่ขับเร็วๆก็มีพี่สินนี่แหละ ที่ทำผมใจเต้นแรงขนาดนี้ได้ไม่หยุดหย่อนเลย

 

"ฮิ้วววววววววววว"

 

"ร้อนมากมั้ย"

 

"ไม่เท่าไหร่ครับ ฮิ้ววววววววววว" วิวกับโฟล์คที่เดินตามหลังผมมาส่งเสียงล้อเลียนให้ผมได้อายขึ้นไปอีก

 

"ไม่รอด เพื่อนกูไม่รอดแน่ๆจ้า"

 

"เรียบร้อยตระกูลนี้ทั้งพี่ทั้งน้องเลยโว้ย" แล้วก็อีกต่างๆนานา ที่สองคนนี้จะยกขึ้นมาแซวผมได้ ทริปนี้ต้องเป็นทริปที่เหนื่อยมากแน่ๆเลยครับ นี่คิดถูกคิดผิดที่ชวนสองคนนี้มาเนี่ย

 

***********************************

 

"กูจะนอนกับน้องกู" พี่เป้ยืนกอดอกไม่ยอมให้พี่สินเข้าห้องนอน พวกเราทั้งหกคนตกลงกันแล้วว่า พี่เสือนอนกับพี่เป้ วิวกับโฟล์ค ผมกับพี่สิน คู่วิวกับโฟล์คนั้นไม่มีปัญหาอะไร เพื่อนรักของผมทั้งสองคนกระโจนเข้าห้องตัวเองไปพักผ่อนเรียบร้อย เนื่องจากเดินทางมาไกลเลยเพลีย เจ้าตัวว่างั้นนะ แต่ดูเหมือนจะมีคนหนึ่งที่ไม่โอเค นั่นก็คือพี่ชายของผมเอง

 

"แล้วกูล่ะ?" พี่เสือชี้นิ้วเข้าหาตัวเองทำหน้าไม่พอใจ

 

"มึงก็นอนกับน้องมึง น้องใครน้องมัน"

 

"เป้ นี่มันทริปสุดท้ายในไทยของมึงกับกูนะ"

 

"ไม่ใช่มึงกับกูสักหน่อย ตั้งแต่เริ่มกูก็ตั้งใจมากับน้องกูสองคน มึงนั่นแหละเสือกตามมาเอง" พี่เสือขมวดคิ้วไม่พอใจมองพี่เป้แต่ไม่พูดอะไรแล้วเดินเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไปเลย แถมปิดดังปั้งจนผมสะดุ้งด้วย

 

"เรื่องนี้ผมไม่เกี่ยวนะครับ เชิญเคลียร์กันเอง" พี่สินว่าพลางเดินตามพี่ชายตัวเองไป ส่วนพี่เป้หลังจากพูดไปแล้วก็มาทำหน้าหมาหงอยสำนึกผิดที่ตัวเองพูดไป

 

"แลกมั้ย ตอนนี้ยังทันนะ" ผมหันไปมองหน้าพี่ชายตัวเองที่ยืนทำตาละห้อยอยู่หน้าห้อง

 

"ไม่ พี่จะนอนกับน้อง มันจะอะไรนักหนาวะ ไม่ได้แยกกันอยู่สักหน่อย แค่แยกกันนอนคนละห้องเอง บ้านก็หลังเดียวกันเปิดประตูมาก็เจอแล้ว" แน่ะ ยังจะมาบ่นหงุงหงิงอีก ผมนั่งเก็บของไปฟังพี่เป้บ่นนู่นนี่ไปจนเสียงเงียบพอหันกลับไปดูพี่เป้ก็นอนหลับไปแล้ว ไม่แน่ใจว่าแค่หลับตาเพราะเพลียหรือหลับไปจริงๆกันแน่ ผมหยิบกล้องตัวเองมาเช็คนู่นนี่สักพักก่อนจะเดินออกมานอกห้องโดยเขียนโน๊ตเอาไว้ว่าจะออกไปเดินเล่นหน้าบ้าน

 

"จะไปไหน" พี่สินที่ยั่งอยู่ตรงโซฟาอยู่ก่อนแล้วหันมาถามผม

 

"ว่าจะออกไปเดินเล่นครับ"

 

"แดดแรง ทำไมไม่รอเย็นๆก่อน"

 

"ว่าจะออกไปถ่ายรูปเล่นครับ"

 

"งั้นรอแป๊บ ขอเข้าไปเอาครีมกันแดดก่อน" ผมพยักหน้ารับ สรุปคือพี่เขาจะไปด้วยกันกับผมใช่มั้ยนะ สักพักพี่สินก็เดินออกมาจากห้องนอนพร้อมกับสเปรย์กันแดดขวดใหญ่

 

"ยื่นแขนมานี่" ผมมองพี่เขางงๆ แล้วยื่นแขนไปตรงหน้า พี่สินฉีดสเปรย์ที่ต้นแขนผมไล่ไปจนปลายมือแล้วทำท่านั่งลงจะฉีดที่ขาให้ด้วย

 

"เอ่อ เดี๋ยวผมฉีดเองครับ"

 

"เฉยๆ" แล้วพี่เขาก็จัดการนั่งยองๆกับพื้นแล้วฉีดสเปรย์ให้ผมเหมือนเดิมก่อนจะเอามือตบๆตรงหลังเท้าให้ครีมซึมเข้าผิวด้วย

 

"เรียบร้อย แล้วหมวกที่ให้เมื่อกี๊อยู่ไหน"

 

"ในห้องครับ"

 

"ไปเอามาด้วย มันร้อน" ผมพยักหน้ารับ

 

"แล้วพี่สินไม่ทากันแดดหรือครับ"

 

"กูทาไปแล้ว" อ่า ผมพยักหน้าแล้วเดินเข้าห้องไปเอาหมวกแก๊ปที่พี่สินให้มา

 

"พร้อมแล้วครับ" พี่สินพยักหน้ารับก่อนจะเดินนำผมออกไปหน้าบ้าน แดดแรงมาก พี่สินก็เลยเดินเอาตัวบังให้ผมเหมือนเดิม

 

"ขยับไปด้านใน เดินเลียบต้นมะพร้าวไป" ผมทำตามที่พี่สินบอก เราสองคนเดินห่างจากตัวบ้านมาพอสมควรเห็นร้านหมวกสานข้างทางพี่สินรีบเดินเข้าไปทันที เจ้าตัวน่าจะร้อนจัดดูได้จากสีผิวที่แขนเริ่มไหม้

 

"เอาใบนี้ครับ เท่าไหร่ครับ" ผมแอบถ่ายรูปพี่เขาที่นั่งคุยกับแม่ค้าที่ข้างทาง หวังว่าพี่เขาคงไม่หวงรูปนะ พี่สินเลือกหมวกสานใบโตใบหนึ่งจ่ายเงินกับแม่ค้าแล้วเดินเข้ามาหาผมเร็วๆ

 

"เอ้า" จากนั้นจัดการถอดหมวกแก๊ปที่ผมสวมอยู่ไปใส่หัวตัวเองแล้ววางหมวกสานลงมาที่หัวผมแทน

 

"ใบนี้มันใหญ่ กันแดดได้มากกว่า ใส่ไว้ หน้าไหม้หมดแล้ว" ผมยิ้มรับความใส่ใจที่พี่สินมอบให้ ได้แต่คิดว่าถ้ามันเป็นแบบนี้ไปตลอดก็คงจะดี ถ้าเป็นคนนี้ผมก็น่าจะวางใจให้เขาดูแลได้

 

 

 

 

 

 

 

 

 

*******************

tbc.

 

แม่ค้า: หล่อจังเลยนะ มีแฟนหรือยังวะ **หันไปเห็นอิพี่ใส่หมวกให้น้อง** น่ารักจังเลย ดูแลน้องชายด้วย เป็นพี่ชายที่แสนดี

เรา: **สะกิดแม่ค้า** มองจากนอกโลกยังรู้เลยว่าแฟนกัน เอาอะไรมาพี่น้องคะ!!

 

ขอโทษค่ะ หายไปนานเลย เรามีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แต่ตอนนี้ช่างแม่งหมดแล้ว น่าจะมีเวลาเหลือเฟือในการกลับมาแต่งและอัพแล้วล่ะค่ะ ใครที่ตกงานมากอดคอเป็นเพื่อนกันค่ะ เราก็เพิ่งโดนที่ทำงานเลิกจ้างมาจนกว่าโควิดจะหายไปและนักท่องเที่ยวจะกลับเข้าประเทศล่ะนะ ยังไงทุกคนก็สู้ๆนะ ผ่านไปครึ่งปีแล้วเหมือนชีวิตไม่ได้อะไรเลย อิโควิดดดดด!!!!
 :z6: :z6: :z6: :z6: :z6: :z6:

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 05-06-2020 21:10:57
 :กอด1:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.21 ดูดาวไม่สวยเท่าดูเธอ
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 08-06-2020 22:37:10



Ch.21 ดูดาวไม่สวยเท่าดูเธอ






 

 

"เล่นนานไปแล้วมั้งปอนด์" ผมหันไปมองพี่เป้ที่นั่งเล่นตรงผ้าใบริมหาดจิบน้ำมะพร้าวสบายใจเฉิบกับพี่เสือสองคน สองคนนี้เขาดีกันแล้วครับ ไม่รู้ไปง้อกันยังไง ผมกลับถึงบ้านพักก็เห็นนั่งป้อนข้าวกันอยู่ในห้องครัวแล้ว

 

"ขออีกสิบนาทีครับ" ผมตะโกนกลับไป นานๆมาทีขอเล่นให้เปื่อยหน่อยเถอะครับ ผมไม่ได้มาทะเลนานมากแล้วด้วยตัวพี่เป้เองไม่ค่อยมีเวลาว่าง ผมเองก็ติดทำงานพาร์ทไทม์ แถมรอบนี้มากับเพื่อนๆด้วย

 

"ปอนด์มึงมาช่วยกูเลย" วิวที่เพิ่งโผล่หัวจากน้ำมากวักมือเรียกให้ผมไปช่วยตัวเองที่โดนโฟล์ครัดคออยู่ สองคนนี้เล่นกันโหดมากครับ จับกดกันไปมาอยู่นั่น บอกว่ามาถึงทะเลแล้วก็ต้องได้ชิมน้ำทะเล ตัวผมเองก็กินไปหลายอึกแล้วเหมือนกันเพราะสองคนนี้จับกดน้ำนั่นแหละครับ ถ้าไม่โดนพี่สินทุบกันไปคนละที ป่านนี้ผมคงกลายเป็นผีทะเล หมายถึง ผีที่เฝ้าทะเลน่ะครับ

 

"ปอนด์หิวยัง"

 

"ยังครับ พี่สินหิวแล้วหรอ?"

 

"อืม อยากกินกุ้ง" พี่สินทำหน้าอ้อน..อ้อนผมนะครับ อ้อนจริงๆ ไม่ใช่อ้อนตีนแบบที่พวกเพื่อนๆชอบพูดกัน

 

"งั้นเดี๋ยวขอไปล้างตัวก่อนละกันครับ" ผมขึ้นจากน้ำเดินไปหาพี่สินที่นั่งปูเสื่อบนทรายรอผมกับเพื่อนเล่นน้ำกันมาได้ชั่วโมงกว่าแล้ว ผมชวนเขาลงมาเล่นด้วยกันก็กลัวผมเสียทรงเดี๋ยวไม่หล่ออะไรของเขาไม่รู้ หล่อไปเพื่อใคร

 

"แหม พี่สิน พอพี่ชายเขารับรู้ก็รุกเต็มที่เลยนะ น้องอยู่ตรงนี้อีกสองคนไม่มีหรอกความห่วงใย" วิวแซวพี่สินทันทีที่เดินมาถึงบริเวณเสื่อ

 

"เก็บปากไว้กินกุ้งมั้ยพวกมึงสองคนน่ะ"

 

"อ้าว พี่สิน ผมไม่เกี่ยวนะ" โฟล์คเอานิ้วชี้เข้าหาหน้าตัวเองก่อนปฏิเสธพัลวันว่าไม่ขอหารในเรื่องนี้

 

"เพื่อนกูจริงป้ะเนี่ย" แล้วสองคนนั้นก็ทะเลาะกันเป็นเด็กๆเหมือนเคยแหละครับ จากที่ตอนแรกเดินขึ้นมาจากทะเล ตอนนี้ก็วิ่งไล่กันลงทะเลไปอีกรอบ

 

"อ้ะ ผ้าขนหนู รีบไปล้างตัวไปเดี๋ยวไม่สบาย" ผมพยักหน้าพลางรับผ้าขนหนูเดินเข้าบ้านไปอาบน้ำ ส่วนพี่สินก็ตามมารอที่ห้องนั่งเล่นด้วย

 

"เดี๋ยวพี่สินรอแป๊บหนึ่งนะครับ ผมวิ่งผ่านน้ำสิบนาที" พี่สินหัวเราะในลำคอแล้วยื่นมือมาขยี้หัวผมเบาๆ

 

"อืม"

 

********************************

 

"ไอ้เสือนั่นของกู อันนั้นก็ของกู มึงวางเลย แม่ง" ผมนั่งมองพี่ชายตัวเองแย่งกุ้งย่างกับพี่เสือแล้วก็ได้แต่สงสัย นี่เขาสองคนคบกันจริงๆใช่มั้ย ถ้าไม่บอกผมก็ดูไม่ออกเลย เหมือนเพื่อนกันมากกว่าที่จะเป็นคนรัก พี่เสือเองก็ชอบกวนนู่นนี่ให้พี่เป้โมโหเล่นๆ แต่ถึงแม้จะดูกวนโมโหแกล้งนู่นแกล้งนี่แต่ก็เอาใจใส่พี่เป้ดี ถ้าพี่เป้มีความสุขก็ดีแล้วแหละ

 

"มองอะไร กินไป" ผมหันไปยิ้มขอบคุณพี่สินที่แกะกุ้งตัวโตมาวางไว้ให้บนจาน

 

"ขอบคุณครับ"

 

"โห บุญตาว่ะ ไอ้สินแกะกุ้งให้คนอื่น ทำเป็นด้วยหรอมึงอ้ะ นึกว่าเป็นแต่งอมืองอเท้าเป็นคุณชายให้คนอื่นทำให้" พี่เป้ที่เลิกตีกับพี่เสือแล้วหันมาแขวะพี่สินที่เอาแต่นั่งแกะกุ้งแกะปูให้ผม ไหนบอกว่าหิว ตัวเองกินไปแค่นิดเดียวที่เหลือมากองอยู่บนจานผมหมด

 

"ไม่ใช่น้องพี่ผมก็ไม่ทำหรอก"

 

"ฮิ้ววววววววววววว"

 

"มันเอาว่ะไอ้คนนี้" ครับ ฮิ้วนั่นเพื่อนผมเอง ส่วนประโยคนี้พี่เสือพูดพลางยักคิ้วให้น้องชายตัวเอง ยังจะมีหน้ามาภูมิใจอีกพี่น้องคู่นี้

 

"พอแล้วครับพี่สิน กินเองบ้างเถอะ" ผมตักเนื้อกุ้งไปวางบนจานที่ว่างเปล่าของพี่สินบ้าง

 

"ปากดี กูไม่อนุญาตให้คบกันหรอก อย่ามาทำดีใจไป" พี่เป้พูดแล้วกัดเนื้อปูเข้าปากคำใหญ่

 

"อ้าว ทำไมล่ะครับ ถ้าความรู้สึกตรงกันจะคบกันก็ไม่เห็นแปลก" ผมถามพี่เป้ออกไปอย่างพาซื่อ ทีเขาคบกับพี่เสือยังไม่เห็นต้องมาขออนุญาตจากผมเลย แล้วทำไมผมกับพี่สินถึงต้องรอให้เขาอนุญาตก่อนจะคบกันด้วย

 

"น้อง ก็ปอนด์ยังไม่โต ไอ้สินมันไว้ใจไม่ได้ เชื่อพี่ มันจะดูแลน้องไปได้สักกี่น้ำ"

 

"ไม่เห็นเกี่ยวเลยครับ ทำไมพี่สินต้องมาคอยดูแลปอนด์ด้วย ปอนด์ดูแลตัวเองได้ อีกอย่างคนเราจะคบกัน ก็ต้องดูแลกันทั้งสองฝ่าย จะให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งดูแลอยู่ฝ่ายเดียวไม่ได้" พี่เป้อ้าปากค้างจนแมลงวันแทบบินเข้าปาก ผมพูดผิดตรงไหน ก็ถูกแล้วนี่

 

"เป็นไงพี่เสือ น้องสะใภ้คนนี้ผ่านมั้ย" วิวทำท่าจับไมค์ยื่นไปทางพี่เสือที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่

 

"ผ่านตั้งแต่เป็นน้องเมียกูแล้ว"

 

"ฮิ้ววววววววววววววววววววววววววว"

 

"พอๆๆๆ นี่ตกลงน้องคบกับสินมันแล้วหรอ"

 

"ยังครับ"

 

"งั้นน้องก็อย่าเพิ่งด่วนตัดสินใจ ไม่แน่ พอโตไปน้องอาจจะชอบคนอื่นก็ได้"

 

"อ้าวพี่เป้" พี่สินปาเปลือกกุ้งที่ตัวเองแกะไปทางพี่เป้

 

"ทำไมพูดแมวๆงี้อ่ะพี่ ปอนด์มันต้องชอบผมดิ"

 

"มึงอย่ามามั่นหน้า น้องกูอาจจะแค่หลงผิดไปก็ได้"

 

"เหมือนที่พี่หลงผิดอ้ะหรอ"

 

"ไอ้สิน อย่าลากครอบครัวกูไปเกี่ยว" ผมหันไปมองหน้าคนพูดที่ยังนั่งนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมฮิ้วในใจนี่ไม่ผิดใช่มั้ย พี่เสือนี่เห็นเงียบๆ พอพูดอะไรออกมาทีแอทแทคตายเป็นแถบๆเลยนะครับ ผมนั่งกลั้นยิ้มมองพี่เป้ที่หน้าดำหน้าแดงอ้าปากพะงาบๆ หยุดเถียงพี่สินไปเลย ส่วนวิวกับโฟล์คครั้งนี้ถือว่าทำดีครับเพราะสองคนนี้ทำหน้าที่แซวแทนผมไปแล้ว ครอบครัวหรอ คำนี้ไม่เลวเลยจริงๆ

 

*************************

 

"เป้ นั่งตรงๆ" พี่เสือจับหัวพี่เป้ออกจากไหล่ตัวเอง พี่ชายผมนี่คออ่อนจริงๆเลย เอ๊ะ หรือว่าโดนมอมกันแน่ ดูจากจำนวนกระป๋องเบียร์ตรงหน้าพี่เป้แล้วเทียบกับคนที่เหลือเยอะกว่าตั้งสองเท่า

 

"พวกมึงนั่งกินกันต่อเถอะ กูพาเป้มันไปนอนละ"

 

"โอเคพี่ ละพี่จะกลับมาป้ะ" พี่เสือแบกพี่เป้ขึ้นหลังด้วยท่าทางชำนาญก่อนจะส่ายหัวให้พวกผมทั้งหมด

 

"ไม่ละว่ะ พวกมึงกินเสร็จก็เก็บของดับไฟดีๆล่ะ" ผมพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นยืนเก็บพวกจานที่วางเกะกะตรงที่พี่เป้พี่เสือเมื่อสักครู่ให้เรียงกันเป็นที่

 

"ง่วงยัง" พี่สินที่นั่งอยู่ข้างๆหันมาถามผมบ้าง

 

"ยังครับ เย็นดีด้วย"

 

"ฉีดสเปรย์กันยุงเพิ่มมั้ย กูเห็นยุงบินวนๆมึงหลายตัวแล้ว"

 

"โอ๊ยยยยยยยยยยย เบื่อคนรักกันว่ะ" พี่สินหยิบเปลือกกุ้งใกล้ๆมือปาไปที่โฟล์คกับวิวที่นั่งดื่มกันอยู่อีกทางรอผมเก็บศพ สองคนนี้ก็หัวเราะไม่เลิกเส้นตื้นไปหมด ปกติก็รั่วอยู่แล้ว นี่เมาอีก แถมดื่มขนาดนั้นเชื่อเถอะครับ ไม่พ้นผมกับพี่สินนี่ล่ะที่ต้องลากเข้าบ้าน พี่สินส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป น่าจะไปหยิบสเปรย์กันยุงมาให้ผมนั่นแหละ

 

"เชลดอนเพื่อนรักกูถามจริงมึงกับพี่สินนี่ยังไม่คบกันอีกหรอ?" ผมที่โดนวิวลุกขึ้นมาลากไปนั่งใกล้ๆสอบสวนทันทีที่ก้นสัมผัสเก้าอี้

 

"จะบ้าหรอยังไม่ได้คบ"

 

"แล้วทำไมยังไม่คบอีก?"

 

"ก็..." ผมลากเสียงเพราะหาคำตอบไม่ได้ ในขณะที่เพื่อนสองคนก็ขยับหน้าเข้ามาใกล้มากขึ้นอย่างตั้งใจฟัง เรื่องผมนี่มันน่าใส่ใจขนาดนั้นเลยนะ

 

"พี่เขายังไม่ได้ขอ" ผมก้มหน้างุด

 

"มึงก็ขอก่อนเลยดิ มึงก็ชอบพี่เขาใช่มั้ยกูรู้นะ" วิวกอดอกหรี่ตามองผมอย่างจับผิด

 

"ก็ชอบ..." โฟล์คตบตักตัวเองดังปั้กจนผมเจ็บแทน

 

"เนี่ย ชอบกันแล้วก็คบๆไปเลย" ผมส่ายหน้าหวือ

 

"ไม่เอา มันเร็วเกินไป พี่เขาเพิ่งบอกว่าจีบเองจะให้คบแล้วหรอ ผมไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้ด้วยเลยทำตัวไม่ถูก อีกอย่างผมก็ยังไม่แน่ใจหรอกว่าผมชอบเขาแบบที่เขาชอบผมหรือเปล่า" นี่คือความจริงอีกข้อครับ ผมยังไม่แน่ใจในตัวเองเท่าไหร่ว่าตัวเองพร้อมที่จะคบใครจริงจัง ผมไม่เคยมีความรู้สึกชอบใครมาก่อน ไม่เคยคบใครมาก่อน ชีวิตผมมีแค่พี่เป้ เรียน งานพิเศษ หาทางยืนให้ได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องพึ่งพี่ชายมากนัก เลยไม่เคยมีเวลามาคิดเรื่องพวกนี้

 

"จากนี้ก็คิดซะสิ" ผมสะดุ้งสุดตัวหันไปมองพี่สินที่ยืนถือสเปรย์กันยุงอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

 

"กูมีเวลาให้มึงคิดได้เต็มที่ มึงพร้อมเมื่อไหร่ก็บอกกู กูจะขอมึงคบอย่างเป็นเรื่องเป็นราว" ผมอ้าปากค้างมองคนที่พูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย หันกลับมามองเพื่อนตัวเองที่เป็นคนจุดประเด็นขึ้นมาก็เนียนไม่มองทำราวกับก่อนหน้าไม่ได้ยินอะไรที่พี่สินพูด แต่มุมปากที่ขยับขึ้นนั่นก็ทำให้ผมรู้แล้วว่าเพื่อนผมสองคนได้ยินทุกประโยคนั่นแหละ

 

"ฮ้าววววว ง่วงจังวะ โฟล์คไปนอนกันมึง ปอนด์กูฝากเก็บด้วยนะ เดี๋ยวพวกเบียร์ที่เหลือกูเอาไปเก็บกันเอง ไปนอนละ ฝันดี บายพี่สิน" แล้วเพื่อนตัวดีสองคนก็พากันหอบกระป๋องเบียร์ที่เหลือหนีผมเข้าบ้านไปเลย ทิ้งให้ผมอยู่กับพี่สินสองคนหลังจากสถานการณ์นั้นอ้ะนะ เกินไปแล้ว

 

"เป็นอะไร เขินหรือไง" พี่สินเดินมาใกล้พลางจับแขนผมไปสเปรย์ให้ รู้แล้วยังจะมายิ้มล้อเลียนกันอีก

 

"ยุงกัดเต็มไปหมดเลย รีบเก็บของแล้วเข้าไปในบ้านไป" 

 

"ขอดูดาวก่อนไม่ได้หรอครับ" ผมช้อนตามองสบกับคนตรงหน้าที่ยืนฉีดสเปรย์ให้ผมทั่วแขนขาจนตัวเหนอะไปหมด พี่สินพยักหน้ารับวางขวดสเปรย์ลงบนมือผมก่อนจะยื่นแขนมาตรงหน้า

 

"ฉีดให้มั่ง" แค่ฉีดสเปรย์เองจะใจเต้นทำไมละปอนด์ พี่สินยิ้มขำผมที่รีบฉีดสเปรย์รอบตัวพี่เขาแบบลวกๆ

 

"แค่เนี้ย?"

 

"ครับ" ผมวางสเปรย์กันยุงลงบนมือพี่สินแล้วหันไปเก็บของบนโต๊ะที่เละเทะอยู่ พี่สินก็ลงมือช่วยเก็บด้วยอีกแรงจนเสร็จ ผมเอาถุงขยะไปทิ้ง ส่วนพี่สินถือพวกจานชามที่เปื้อนเข้าไปไว้ในครัว ผมกลับมาอีกทีก็เห็นพี่สินนั่งรออยู่บนเสื่อพร้อมหมอนผ้าห่มก่อนแล้ว

 

"พี่สินไปนอนก่อนได้เลยนะครับ"

 

"ไม่เอา จะดูดาวเป็นเพื่อนมึง มานอนนี่ดิมาเอาหมอนกับผ้าห่มมาให้แล้ว" ผมยิ้มเดินเข้าไปทิ้งตัวนอนลงบนเสื่อผืนใหญ่ข้างๆที่พี่สินนั่งอยู่ พี่สินเอาผ้าห่มมาห่มให้ผม แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ แถมยังเบียดเบียนหมอนกับผ้าห่มที่บอกว่าเอามาให้ผมอีก

 

"ทำไมไม่เอาหมอนกับผ้าห่มมาให้ตัวเองด้วยล่ะครับ"

 

"ก็ถ้าเอามาก็ไม่ได้แบบนี้ดิ" พี่สินว่าพลางขยับตัวเข้ามาใกล้ผมมากขึ้นอีกจนหัวชนกัน

 

"ใกล้ไปมั้ยครับ"

 

"ก็ตั้งใจ"

 

"ขี้โกง" ผมพึมพำเบาๆแต่ก็ไม่ได้ขยับหนีแต่อย่างไร นอนเบียดกันมันก็คลายหนาวดี

 

"คืนนี้มึงคงต้องนอนกับกูแล้วล่ะ" หืม ผมหันไปมองหน้าคนข้างๆที่ยังคงมองท้องฟ้าอยู่

 

"ทำไมครับ?"

 

"พี่เสือมันนอนกับพี่เป้อ้ะดิ เข้าบ้านไปเมื่อกี๊มันล็อคห้องแล้ว แถมเจอกระเป๋ากูวางไว้ในห้องมึงอีก" 

 

"เดี๋ยวผมนอนห้องรับแขกก็ได้ครับ"

 

"ไม่ต้อง นอนกับกูนั่นแหละ มึงอึดอัดหรอ?" พี่สินหันมาถามหน้าจริงจังจนผมกลัวเขาเข้าใจผิดเลยรีบตอบออกไป

 

"เปล่าครับ กลัวพี่จะอึดอัดมากกว่า" ผมมองดาวไปเรื่อยเปื่อยไม่กล้าหันไปสบตากับพี่สิน

 

"ปอนด์มึงลืมอะไรหรือเปล่า" หืม? ลืม? ลืมอะไร สงสัยหน้าผมคงแสดงออกอย่างขัดเจนมากๆว่าอยากรู้คำตอบ พี่สินเลิกดูดาวแล้วเปลี่ยนท่านอนเป็นตะแคงข้างเข้าหาผมแทน จมูกเฉียดแก้มผมไปแค่นิดเดียวเอง

 

"กูชอบมึงนะ กูจะอึดอัดได้ไง ถ้าได้นอนกับคนที่ตัวเองชอบ" ช่วยผมด้วยทุกคน ใจมันเต้นแรงไปหมดเลย หน้าผมต้องแดงแหงๆ

 

"ดูดาวไปครับ จะมานอนมองหน้าผมทำไมเล่า" ผมดันหน้าพี่สินให้หันไปทางท้องฟ้าแทนเพื่อกลบเกลื่อนความเขินอายที่คงแสดงออกทางสีหน้าตัวเองไปแล้วเรียบร้อย

 

"ดาวก็สวยนะ แต่อยากดูมึงมากกว่า สวยเพลินตากว่าเยอะเลย" โอเค ตาย ตายไปเลย ผมเนี่ย TTOTT

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

********************

tbc.

 

เรา: ดาวก็สวยนะ แต่พี่ชอบน้องปอนด์มากกว่า พี่ชอบคนน่ารัก

สิน: น่ารักมากมั้ย

เรา: มากกกกกกกกกก

สิน: **ยิ้มเย็น**

เรา: **4 x 100**

 

 

มาดึกมากเลยยยยยยยยยยย ไปนอนแล้วจ้า ฝันดีนะทุกคน

 

 

 

 

 

 

 




หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 08-06-2020 23:29:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch. 22 พาน้องเข้าบ้าน
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 09-06-2020 20:11:26


Ch. 22 พาน้องเข้าบ้าน



เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอดูท่าว่าจะจริงครับ เพราะได้หยุดแค่สองวันพี่เป้เลยกลัวกระทบกับการไปเรียนของผมพรุ่งนี้เราเลยเช็คเอาท์ออกจากรีสอร์ทตั้งแต่เก้าโมงเพื่อจะได้มีเวลาให้ผมได้เก็บภาพความทรงจำของเราด้วย



"เป็นไรหน้าหงอยเลย" พี่สินเดินเข้ามาหาผมที่ยืนเช็ครูปทุกๆคนในมุมเผลออยู่ริมทะเล



"ไม่ได้หงอยครับ"



"หน้าหงอยเป็นหมาโดนเจ้านายทิ้งขนาดนี้ยังจะเถียงอีก" แน่ะ ว่าผมไม่พอยังจะยื่นมือมาบีบปากอีก



"ร้านนี้บรรยากาศดีจังครับ มีทางเดินลงหาดเลย พี่สินรู้จักได้ยังไงครับ?"



"เคยมากับที่บ้าน นี่ร้านประจำเลย พี่มึงก็เคยมาช่วงมหาลัย แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้มาอีกเลย นานมากแล้ว"



"อ่อ" ผมพยักหน้ารับ งั้นแสดงว่าหลังจากนั้นตลอดเวลาที่อยู่กับผมพี่เป้ก็ไม่ได้มาอีกเลยสินะ เพราะต้องคอยดูแลก้อนภาระอย่างผม ถ้าเพียงตอนนั้น ผมไปกับพ่อแม่ก็คงดีสินะ เพราะอย่างน้อยๆ เขาก็คงยังมีเวลามาเที่ยวกับพี่เสือ ได้มีความสุขกับครอบครัวเขา เหมือนผมได้ขโมยเวลาชีวิตทั้งหมดของพี่ชายมาเพื่อมาดูแลเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองยังไม่ได้ในตอนนั้น



"คิดมากอะไรอีกล่ะ คิ้วขมวดเลย ไม่ต้องเถียงด้วยว่าไม่ได้คิดอะไร หน้าอย่างมึงอย่าคิดว่าจะโกหกกูได้นะ" นี่ก็รู้เก่งจังเลยมีพรายกระซิบหรือไง



"คิดอะไรเรื่อยเปื่อยครับ"



"เรื่อยเปื่อยของมึงน่ะคืออะไร มึงบอกกูได้ทุกเรื่อง กูพร้อมฟัง" ผมนิ่งไปนิด ใจหนึ่งก็อยากจะเล่าให้คนอื่นฟังบ้าง แต่อีกใจมันก็รู้ว่าถึงเล่าไปก็ไม่มีใครช่วยอะไรได้อยู่ดี มีแต่ผมต้องยืนให้ได้ด้วยตัวเองให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เป็นภาระไปมากกว่านี้



"ปอนด์"



"ไม่มีอะไรหรอกครับ" ผมยิ้มให้พี่สินเพื่อไม่ให้เขาสงสัยอะไรอีก ผมยังไม่พร้อม ถ้าบอกไปแล้วคงจะโดนว่าไร้สาระ ผมยังเด็กแหงๆ ผู้ใหญ่ทุกคนก็เอาแต่พร่ำบอกผมแบบนี้แหละ



"งั้นก็เลิกทำหน้าหมาหงอยแบบนี้สักที ไปที่โต๊ะได้แล้วอาหารน่าจะมาแล้ว เดี๋ยวเพื่อนก็แย่งกินหมด ตัวยิ่งผอมๆอยู่" ผมพยักหน้าเดินตามพี่สินกลับไปที่โต๊ะอาหารก็เห็นพนักงานทยอยมาเสิร์ฟแล้วจริงๆ



"ปอนด์มานั่งนี่ เสือมึงไปนั่งฝั่งนู้นไป" พี่เป้กวักมือเรียกยิกๆให้ผมไปนั่งข้างเจ้าตัวแต่พี่สินเร็วกว่าลากแขนผมไปนั่งฝั่งตรงข้าม



"พี่จะทำให้มันยุ่งยากทำไมเนี่ย โต๊ะมันก็แค่นี้ ไม่ได้นั่งคนละโต๊ะสักหน่อย" พี่สินนั่งลงรินน้ำใส่แก้วก่อนจะยื่นให้ผม



"ก็กูอยากนั่งกับน้องกู"



"นี่ก็นั่งด้วยกัน กินเข้าไป" พี่เสือจัดการปิดปากพี่เป้ด้วยไข่เจียวกุ้งสับ เพราะอาหารเต็มปากพี่เป้ก็เลยทำตากะหลับกะเหลือกอยู่คนเดียวส่วนปากก็เคี้ยวตุ้ยๆ ผมได้แต่ยิ้มส่งไปให้เผื่อจะช่วยให้พี่เป้อารมณ์ดีขึ้นบ้าง 



"พี่เป้พี่เสือกินเยอะๆ" ผมตักผัดผงกะหรี่ปูที่อยู่ฝั่งผมใส่จานคนตรงข้ามทั้งสองคนพลางยิ้มให้อย่างเอาใจ ทริปนี้ฟรีทุกอย่างครับ พี่เสือพี่เป้ออกเองหมดต้องเอาใจเขาหน่อย



"อ้าว แล้วกูอ้ะ" เฮ้อ เป็นเด็กหรือไงจานก็อยู่ตรงหน้าตัวเองยังจะงอแงอีก ผมดันจานไปให้พี่สินแล้วนั่งกินข้าวต่อไม่สนใจเจ้าตัวที่งุ้งงิ้งๆอยู่ข้างหู



"ตักให้แค่นี้ก็ไม่ได้" นี่จะไม่หยุดบ่นจริงๆใช่มั้ยเนี่ย ผมยื่นมือไปตักเปลือกผัดเผ็ดหอยลายก่อนจะวางลงบนจานข้าวสวยพี่สินเพื่อให้หยุดพูดได้แล้ว



"นี่ กินเข้าไปครับ" วิวกับโฟล์คปิดปากกลั้นหัวเราะหน้าดำหน้าแดง



"ฮ่าๆๆๆ กินเข้าไปดิสิน ชอบไม่ใช่หรอหอยอ้ะ" ส่วนพี่เป้อ้าปากดังลั่นจนพี่เสือต้องเอื้อมมือไปปิดปากให้เพราะกลัวเศษกับข้าวจะกระเด็นใส่จานอื่นๆ



"กินดีๆ" พี่เสือยื่นทิชชูเช็ดริมฝีปากให้พี่ชายผม เราสบตากันครู่หนึ่ง พี่เป้ก็เลือกจะหลบสายตาไป เอ่อ พี่เป้น่าจะเขินแรงมากดูจากแก้มที่ขึ้นสีจนลามไปถึงหูแล้ว



"เช็ดเองได้ มึงกินไป" พี่เสือหัวเราะในลำคอแล้วกินข้าวต่อ ร้ายเหมือนกันนะเนี่ย ทำพี่เป้ผู้หน้าด้านให้อายได้ ไม่ใช่คำด่านะครับ นี่คำชม พี่ชายผมเป็นคนกล้าแสดงออกมากๆ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว ต่างกับผมคนละขั้วเลย เวลามีงานโรงเรียนทีขาดพี่ชายผมไม่ได้เลย จนพวกอาจารย์แทบไม่เชื่อแล้วว่าผมสองคนเป็นพี่น้องกัน



"ปอนด์มึงกินนี่" พี่สินตักกุ้งแผ่นทอดกรอบมาวางบนจานให้ ผมค้อมหัวขอบคุณเล็กน้อยก่อนตักเข้าปาก โห อร่อยมากเลย



"อร่อยใช่มั้ย งั้นวันหลังเรามากินกันอีกมั้ย?" ผมพยักหน้ารับรัวๆ ยิ้มตาหยี



"น้อยๆหน่อย นั่งอยู่ตรงนี้หลายคนทำไมชวนอยู่แค่คนเดียวอ้ะพี่" โฟล์คที่นั่งเงียบนานไม่ได้ดูเหมือนจะคันปากจนต้องพูดแซวผมกับพี่สิน



"มึงยังไม่เข็ดหรอ ต้องให้กูบอกว่าไงถึงจะเข้าใจว่ามึงไม่ได้สำคัญเท่าปอนด์"



"โอ๊ยยยยยย เจ็บตรงนี่ที่หัวใจ เรามันก็แค่น้องอ้ะเนาะ วิวช่วยกูด้วยยยยย" แล้วโฟล์คก็เล่นใหญ่ด้วยการเอาหัวตัวเองไปซบไหล่วิวที่นั่งอยู่ข้างๆ



"อย่ากวน กูจะกิน" แล้วก็จบด้วยการโดนผลักหัวหน้าแทบทิ่มเพราะไปรบกวนการกินข้าวของวิวเข้า อยากจะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายจัง ผมยิ้มกับตัวเองก่อนจะนั่งทานข้าวต่อ พอทานเสร็จพวกเราก็แวะซื้อของฝากไปฝากคนที่กรุงเทพฯ ตัวผมน่ะมีคนให้ฝากไม่กี่คนหรอกครับ พี่กุ้งยามคอนโดผมนั่นแหละ แต่ดูท่าพี่สินจะเยอะอยู่พอควรดูได้จากการที่เจ้าตัวเข็นรถเข็นแทนที่จะถือตระกร้าใบเล็กๆแบบผม



"พี่สินผมไปจ่ายเงินก่อนนะครับ"



"อย่าเพิ่งเดี๋ยวไปพร้อมกัน มาช่วยกูเลือกของฝากหน่อย" ผมพยักหน้ารับแล้วเดินไปวางตระกร้าตัวเองในรถเข็นพี่สินก่อนจะเดินนำหยิบของลงบนรถเข็น ขณะที่กำลังเลือกของกันอยู่ก็มีผู้หญิงสองคนท่าทางเขินอายเดินเข้ามาหาเราทั้งคู่



"พี่คะ พี่ชื่ออะไรหรอคะ?" ผมชี้หน้าตัวเอง สองสาวข้างหน้ากลับส่ายหน้าแล้วชี้ไปที่พี่สิน ผมเลยหันไปมองตาม พี่สินไม่ตอบอะไรแถมมองมาทางผมอยู่ตลอดเวลา ขนาดผมทำสัญญาณก็แล้วว่าให้หันไปตอบเขา พี่แกก็ยังนิ่ง



"เอ่อ พี่..."



"ตัวเล็กครับหยิบถุงนั้นมาด้วยพวกไอ้รันชอบกิน เอาไซส์ใหญ่เลย" ห๊ะ ตัวเล็ก? ตัวเล็กไหน? 



"ยืนนิ่งทำไมครับ น้องหยิบให้พี่หน่อย เมื่อคืนน้องใช้งานพี่ปวดไปทั้งตัวเลย ตัวก็เล็กแค่นี้แต่ทำไมหนักจัง" ผมชี้หน้าตัวเอง ผมตัวหนักขนาดนั้นเลยหรอเมื่อคืนไม่ต้องอุ้มก็ได้หนิ ปลุกก็ตื่นแล้วทีงี้ทำมาบ่น ผมพยักหน้ารับแล้วหยิบถุงขนมที่พี่สินชี้ก่อนหน้านี้ใส่ลงรถเข็นแล้วค้อมตัวผ่านหน้าผู้หญิงสองคนที่ยืนหน้าเจื่อนรอคำตอบอยู่ พอพี่สินไม่สนใจเธอสองคนก็เลิกตื๊อแล้วถอยทัพไปเอง



"น่ารำคาญจริงๆ" 



"ผมหรอครับ?"



"ไม่ใช่มึงกูหมายถึงสองคนนั้น มานี่มา" พี่สินลากผมไปกอดแขนข้างหนึ่ง แล้วใช้แขนอีกข้างเข็นรถไปด้วย มันเดินลำบากมั้ยล่ะเนี่ย



"ทำงี้ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาหาละ ทั้งมึงทั้งกู จบ" 



"ใครจะกล้าเข้าหาผมครับ"



"ไม่รู้กันไว้ก่อน กูหวง" อ่า ทำไมพูดตรงกันทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ ผมอยากจะเดินหนีมากๆเลย ถ้าไม่ติดว่ามือพี่สินล็อคแขนผมไว้ล่ะก็ แล้วก็เป็นอย่างที่พี่สินพูดจริงๆครับตั้งแต่นั้นก็ไม่มีใครกล้าเดินเข้ามาทักเราอีกเลย จะมีก็แต่สายตาที่มองมาเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติเพราะผู้ชายสองคนเดินกอดแขนกัน นี่มันดีแล้วใช่มั้ยเนี่ย



******************************



"เสือเมื่อไหร่มึงจะกลับบ้าน" พี่เป้ที่นอนแหมะอยู่บนโซฟายาวหันไปถามพี่เสือที่นั่งอยู่อีกด้าน พวกเรากลับมาถึงคอนโดแล้วเรียบร้อยครับ แวะส่งวิวกับโฟล์คเสร็จผมก็นึกว่าพี่เสือจะแวะส่งผมกับพี่เป้แล้วกลับเลย แต่ไม่ครับ เจ้าตัวเดินตามขึ้นมาถึงห้องเปิดทีวีดู เดินเปิดตู้เย็นกินน้ำเหมือนเป็นบ้านตัวเองเฉยเลย



"มึงไปด้วยมั้ยล่ะ"



"ไม่ กูจะเก็บเสื้อผ้า อีกแค่สองวันเอง"



"มึงเก็บของหมดแล้วกูเห็นเหลืออยู่ไม่กี่ตัว"



"กูอยากนอนกับน้องกู"



"งั้นอีกครึ่งชั่วโมง"



"มึงครึ่งชั่วโมงมาจนจะทุ่มนึงแล้วเนี่ย ไปๆ กลับไปได้ละ เอาสินกลับไปด้วยกูจะขอบใจมาก"



"อ้าว เกี่ยวอะไรกับผมล่ะพี่เป้ ผมนอนนี่" พี่เป้กลอกตามองสองคนพี่น้องที่ไล่ยังไงก็ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องตัวเอง เหมือนไล่จนขี้เกียจจะไล่แล้วพี่เป้เลยหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำซะเลย



"ปอนด์ พรุ่งนี้มึงมีเรียนใช่ป้ะ" ผมพยักหน้ารับพี่เสือที่เบาเสียงทีวีแล้วหันมาคุยกับผม



"งั้นมึงไปนอนบ้านกูแล้วพรุ่งนี้ออกไปมอพร้อมไอ้สิน" ผมทำหน้างง ทำไมผมต้องไปนอนบ้านพี่เสือด้วย เหมือนพี่เสือเข้าใจเลยอธิบายมาเสียยาวยืด



"ไอ้เป้มันจะไปต่างประเทศอยู่แล้ว มันยังไม่ได้ไปง้อแม่กูเลย แม่งอนมันอยู่นะเรื่องจะย้ายไปแล้วเพิ่งมาบอก นี่กูก็โทรเข้าไปบอกแม่แล้วว่าจะพามันเข้าไปเย็นนี้ มึงช่วยกูหน่อยนะ ถ้ามึงไปนอนด้วย เป้มันต้องไปแน่นอน" ผมชั่งใจเล็กน้อย จะว่าไปวันนั้นก็เหมือนคุณแม่บ่นๆอยู่เหมือนกันว่างอนพี่เป้เรื่องนี้



"ตกลงครับ งั้นเดี๋ยวผมไปเอาชุดนักศึกษาก่อน" ผมพยักหน้ารับแล้วเดินเข้าห้องไปเอาชุดนักศึกษาพับเก็บลงกระเป๋าเป้ใบที่เอาไปเที่ยวนั่นแหละ



"ปอนด์น้องไปอาบน้ำได้แล้ว แล้วทำไมไม่รื้อเสื้อผ้าในกระเป๋าไปเก็บ" พี่เป้เดินเข้ามาจะหยิบกระเป๋าผมไปจัดการให้ แต่ผมดึงเอาไว้



"อันนี้เป็นชุดที่จะเอาไปนอนบ้านพี่เสือครับ" ผมบอกแล้วหยิบกระเป๋าหลบไปอีกทาง พี่เป้มองหน้าผมขมวดคิ้วแน่นก่อนจะหันไปมองพี่เสือที่นั่งยิ้มอยู่ก่อนแล้ว



"มึงจะเล่นงี้ใช่มั้ย"



"แม่คิดถึงมึง" พี่เป้เงียบแล้วเดินตึงตังเข้าห้องไปเลย ผมหันหน้าไปหาพี่สินเป็นเชิงถาม พี่สินก็ได้แต่ยักไหล่ไม่รู้กลับมา



"ไม่ต้องคิดมาก มึงไปอาบน้ำเถอะ" พี่เสือลุกขึ้นยีหัวผมเบาๆก่อนจะเดินเข้าห้องตามพี่เป้ไป



"ไปอาบน้ำดิ หรือจะให้กูเข้าไปอาบด้วยเลย" ผมรีบลุกพรวดเดินเข้าห้องน้ำทันทีที่พี่สินเตรียมท่าจะลุกเข้าไปอาบน้ำพร้อมผม เห้อ พี่น้องคู่นี้นี่กวนโมโหเก่งทั้งคู่จริงๆ



*****************************



"กินเยอะๆเลยนะลูก" คุณแม่พี่สินก็ยังคงเป็นผู้ใหญ่ใจดีทุกครั้งที่เจอ ท่านตักกับข้าวให้ทั้งผมและพี่เป้แถมยิ้มให้อย่างใจดี



"ขอบคุณครับ" ผมกับพี่เป้ค้อมหัวให้คุณแม่เล็กน้อย เรื่องที่คุณแม่งอนเหมือนพี่เสือจะโกหกเพราะทันทีที่มาถึงบ้านคุณแม่ก็วิ่งมากอดพี่เป้ทันที ไม่เห็นเหมือนคนไม่พอใจอะไรเลยสักนิด



"น้องปอนด์อยู่ปีสองแล้วใช่มั้ย เห็นแม่เขาเล่าให้พ่อฟัง"



"ครับ" ผมหันไปตอบคุณพ่อที่นั่งอยู่ทางหัวโต๊ะ



"พ่อฝากๆดูเจ้าสินหน่อยนะ จะจบอยู่แล้วยังไม่ได้เรื่องได้ราวเลย"



"โห่ พ่อ ทำไมมาเผากันให้น้องฟังแบบนี้ล่ะ" พี่สินว่าพลางทำหน้ากระเง้ากระงอด



"ก็แกมันไม่เป็นโล้เป็นพาย ปีสี่แล้วยังเอ้อระเหยอยู่ มาฝึกงานที่บริษัทซะ"



"ไม่เอาหรอก ผมจะไปฝึกบริษัทอื่น" พี่สินลอยหน้าลอยตาตอบคุณพ่อแล้วกินข้าวต่อไม่รู้ร้อนรู้หนาว



"ดูมันนะน้องปอนด์ เหนื่อยหน่อยนะ ลูกชายพ่อมันเป็นอย่างนี้ ทำยังไงก็เปลี่ยนมันไม่ได้ อย่าเพิ่งท้อจนเลิกกับมันล่ะ"



"คือคุณพ่อครับ น้องปอนด์ไม่ได้คบกับสินนะครับ" พี่เป้ว่าขึ้นมากลางปล้อง ก่อนจะหันมามองหน้าผม



"ใช่มั้ย น้องบอกไม่ได้คบกันหนิ" ผมพยักหน้ารับพี่เป้ นี่แหละที่ผมอยากจะบอกคุณแม่พี่สินตั้งแต่วันที่เจอกันวันแรก ผมไม่ได้หลอกลวงอะไรนะครับ แต่ท่านไม่ยอมฟังผมเลย แถมพี่สินก็เอาแต่ขัดจังหวะอยู่เรื่อย



"ยังไม่ได้คบแต่เดี๋ยวก็ได้คบครับ พ่อครับแม่ครับ ผมจีบปอนด์อยู่ครับ ยังไงก็จะเอามาเป็นลูกสะใภ้พ่อกับแม่ให้ได้" พี่สินพูดขึ้นมาด้วยความมั่นใจจนพี่เป้หันไปอ้าปากเหวอใส่



"มันต้องอย่างนี้ลูกพ่อ ชอบก็ต้องบอกให้เขารู้ไปเลย เดินหน้าเต็มที่ พ่อสนับสนุน ค่าสินสอดอยากได้เท่าไหร่ เป้คุยกับแม่เขาได้เลยนะ" เมื่อกี๊คุณพ่อยังบอกว่าพี่สินไม่ได้เรื่องได้ราวอยู่เลยไม่ใช่หรอครับ ทำไมตอนนี้ลูกพ่อแล้วล่ะ



"หรือจะแต่งพร้อมกันเลยก็ได้นะลูก" แม่หันมาบอกผมแล้วก็เผื่อแผ่ไปทางพี่เป้พี่เสือจนสำลักข้าวกันยกใหญ่ โอย ผมจะเป็นลม ก็รู้นะว่าพ่อแม่พี่สินไม่คิดมากเกี่ยวกับลูกจะรักใคร แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะขนาดนี้



"คุณแม่อย่าล้อเล่นอย่างนี้สิครับ" พี่เป้วางแก้วน้ำลงแล้วลูบหน้าอกตัวเองเป็นการใหญ่



"เปล่านะจ๊ะ ใครว่าแม่ล้อเล่นล่ะ แม่เอาจริงนะ" คุณแม่พูดแล้วยิ้มให้อย่างใจดีไม่มีทีเล่นเช่นเมื่อสักครู่ มีแต่ทีจริงล้วนๆ ผมหันไปมองหน้าพี่เป้ช้าๆ ก่อนจะหันกลับมายิ้มแหยให้ผู้ใหญ่ทั้งสองท่าน



"เอ้าทานข้าวกันก่อนลูก เรื่องฤกษ์เดี๋ยวค่อยว่ากัน" คุณพ่อครับ ถ้าจะช่วยอย่างนี้ อย่าช่วยกันเลยครับ



















***************

tbc.

สิน: ยังไงก็ไมรอดหรอก อย่าคิดหนีเลย

เรา: อยากเคียงคู่ก็ทำตัวให้มันดีๆ เดี๋ยวไม่ยกลูกให้นะ

สิน: ว่าอะไรนะ?

เรา: เปล่าจ้า ไม่ได้พูดอะไรเลยยยยยยยย





ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้องปอนด์กันนะคะ :) ไปนอนก่อน ฝันดีทุกคนค่ะ












หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 11-06-2020 21:39:58
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 11-06-2020 21:45:03
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch. 23 จากลาแค่ไม่นาน
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 13-06-2020 19:03:15


Ch. 23 จากลาแค่ไม่นาน




"ทำไมยังไม่ไปเรียนอีกล่ะเรา" ผมหันไปส่ายหัวน้อยให้พี่เป้ที่เปิดประตูเข้าห้องมาอย่างแผ่วเบา ตั้งแต่วันที่มาค้างบ้านพี่สินก็ผ่านไปสองคืนแล้ว เมื่อวานผมก็ไปกลับมหาลัยพร้อมพี่สินเลย ส่วนวันนี้ผมลาหยุด แจ้งกับทางอาจารย์ไว้แล้วตั้งแต่เมื่อวาน ท่านก็เข้าใจ



"วันนี้หยุดครับ"



"พี่จำได้ว่ามีเรียน" พี่เป้หรี่ตาทำหน้าดุใส่ ผมหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ทำตัวเป็นผู้ปกครองจนหยดสุดท้ายเลยจริงๆ



"ลากับอาจารย์แล้วครับไม่ต้องห่วง"



"ไม่กระทบอะไรแน่นะ"



"ไม่ครับ" พี่เป้พยักหน้าแล้วเดินมานั่งข้างๆผม



"แล้วทำไมตื่นแต่เช้าเลยเรา" พี่เป้โยกหัวผมเบาๆพลางบิดตัวขี้เกียจอ้าปากหาวไปด้วย



"ถ้าไม่ตื่นแต่เช้าจะรู้หรอครับว่ามีคนหนีไปนอนที่อื่น" พี่เป้หน้าแดงเรื่อหลังจากผมแซวพลางยิ้มล้อเลียน จริงๆแล้วคุณแม่ให้คนจัดห้องพักแขกให้ผมกับพี่เป้นอนด้วยกัน คืนแรกพี่ชายคนดีก็นอนอยู่กับผมเนี่ยแหละครับ แต่เมื่อคืนตกดึกมาเขาย่องออกจากห้องผมไปเพราะพี่เสือมาเคาะประตูเรียก พี่เป้คงคิดว่าผมหลับแล้ว แต่เพราะความแปลกที่แล้วก็รู้ว่าวันนี้พี่เป้จะไปออสฯแล้ว ผมเลยนอนไม่หลับ



"พี่ออกไปเดินเล่นมาเถอะ"



"เดินเล่นอะไรตั้งแต่ตีหนึ่งล่ะครับ" พี่เป้เถียงต่อไม่ได้เลยแก้เขินด้วยการขยี้หัวผมแรงๆแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป



"รีบลงไปทานข้าวล่ะครับ เดี๋ยวต้องไปเอากระเป๋าที่ห้องอีก" ผมทิ้งท้ายแล้วเดินลงไปชั้นล่าง จุดหมายคือห้องครัว ตั้งใจว่าจะทำแซนด์วิชง่ายๆสำหรับมื้อเช้านี้



"อ้าว น้องปอนด์มาพอดีเลยลูก" ผมยกมือไหว้คุณแม่อย่างลืมตัว



"ไหว้อะไรกันได้ทุกวันล่ะลูก" คุณแม่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมจึงยิ้มรับพลางเดินเข้าไปดูพวกของสดที่ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว



"คุณแม่ตื่นเช้าจังครับ"



"เวลาปกติแม่น่ะลูก เราเถอะทำไมตื่นแต่เช้าเลย ไม่เหมือนเจ้าลูกชายแม่ สองรายนั้นถ้าตะวันส่องไม่ถึงก้นก็ไม่ตื่นหรอก" คุณแม่เอามือป้องปากกระซิบกระซาบนินทาลูกชายตัวเองกับผม ทั้งๆที่ต่อให้พูดไปพี่เสือกับพี่สินก็ไม่ได้ยินหรอกครับ เพราะยังไม่มีใครตื่นเลย



"ผมกะว่าจะมาทำแซนด์วิชรองท้องตอนเช้าให้น่ะครับ" คุณแม่ยื่นมือมาลูบหัวผมเบาๆ



"เด็กดี วันนี้เป้มีไฟล์ตอนหัวค่ำใช่มั้ยลูก งั้นเราออกไปหาอะไรทานกันมื้อเที่ยงดีมั้ย ถือว่าเป็นเลี้ยงส่งให้พี่เป้ของหนูด้วย"



"รบกวนเกินไปแล้วครับ เดี๋ยวผมไปหาอะไรทานกันข้างนอกก็ได้ครับ"



"ไม่รบกวนเลยลูก เดี๋ยวแม่โทรไปสั่งผู้จัดการร้านให้ปิดร้านอาหารเลย จะได้มีแค่พวกเรา แต่ตอนนี้เรามาช่วยแม่ทำอาหารเช้าก่อนมา" ผมหน้าเหวอทันทีที่คุณแม่พูดจบ ถึงขั้นต้องปิดร้านกันเลยหรอ แต่จะพูดอะไรก็ไม่ได้เพราะคุณแม่เขาจะเลี้ยงพี่เป้ รอให้พี่เป้มาพูดเองดีกว่า กลายเป็นว่าแซนด์วิชง่ายๆเป็นอันต้องพับเก็บไปแล้วทำข้าวต้มกุ้งแทน



"แล้วอย่างนี้ตอนพี่เป้ไปออสเตรเลีย น้องปอนด์ก็อยู่ที่คอนโดกับพี่สินใช่มั้ยลูก" ผมพยักหน้ารับ



"ใช่ครับ"



"แล้วไปไงมาไงถึงได้ย้ายมาอยู่ด้วยกันล่ะลูก"



"พี่เป้หาคนมาอยู่เป็นเพื่อนผมระหว่างที่ไปทำงานแล้วพอดีกับผมรู้จักพี่สินน่ะครับ พี่สินกำลังหาที่อยู่ใหม่เหมือนกัน เพราะว่าที่ห้องพี่สิน คุณผีดุมาก" ผมกระซิบประโยคหลังกับคุณแม่



"คุณผีหรอลูก?" แม่พี่สินทำหน้าแปลกใจเล็กน้อยแล้วถามผมกลับ



"ครับ พี่สินบอกว่ามีซิกเซ้นส์ พวกผีเลยขอบมาขอส่วนบุญ นี่พี่สินก็เล่าให้ฟังว่าที่ห้องชอบมีผีผู้หญิงมาร้องไห้หน้าห้องตะโกนเรียกบ่อยๆ จนไม่เป็นอันหลับอันนอนเลยนะครับ" แม่พยักหน้ารับที่ผมเล่าให้ฟังแล้วหรี่ตานิดหน่อย



"แล้วยังไงต่อลูก"



"คือพี่สินบอกว่าผมมีวิญญาณตามครับ เป็นเจ้ากรรมนายเวรตั้งแต่ชาติปางก่อนนู้น แต่ถ้าอยู่กับพี่สิน ผีจะไม่กล้าเข้ามายุ่มย่ามเพราะพี่สินดวงแข็งมาก"



"แล้วน้องปอนด์ก็เลยชวนพี่เขาย้ายไปอยู่ด้วยกัน?"



"ใช่ครับ ผมน่ะชอบเรื่องลี้ลับมากเลยนะครับ แต่ก็กลัวด้วยเหมือนกัน ถ้ามีพี่สินอยู่ด้วยจะได้อุ่นใจ"



"เจ้าเล่ห์ใหญ่แล้วเจ้าลูกคนนี้" คุณแม่พึมพำเบาๆจนผมต้องถามซ้ำอีกครั้งว่าท่านพูดอะไร



"อะไรนะครับ?"



"เปล่าจ้ะ แม่บอกว่ามีคนดูแลก็ดี" ผมพยักหน้ารับแล้วมองหม้อต้มที่น้ำเริ่มเดือด



"ใส่กุ้งได้เลยมั้ยครับ" คุณแม่พยักหน้ายิ้มรับเบาๆ ผมเลยหยิบกุ้งที่ถูกแกะไว้แล้วอย่างสวยงามใส่ลงหม้อทีละตัว



"เดี๋ยวแม่ขอไปปลุกลูกชายแม่ก่อนนะลูก มีเรื่องต้องคุยกันยาวเลย" ผมพยักหน้ารับแล้วหันกลับมาใส่กุ้งลงหม้อต่อ ด้วยน้ำที่เดือดอยู่แล้ว ใส่กุ้งลงไปแค่แป๊บเดียวก็ขึ้นสีส้มสวยน่ากินผมปิดเตาก่อนจะปิดฝาหม้อให้คงความอุ่นร้อนไว้ ขึ้นไปตามพี่เป้ดีกว่า ป่านนี้น่าจะแต่งตัวเสร็จแล้ว



***********************



"คุณแม่ครับ เดี๋ยวผมหาอะไรทานข้างนอกก็ได้ครับ เพราะยังไงก็ตั้งใจจะไปเอากระเป๋าที่คอนโดด้วยอยู่แล้ว"



"แต่แม่สั่งปิดร้านอาหารช่วงเที่ยงไปแล้ว ไม่รู้ล่ะ เรื่องกระเป๋าเดี๋ยวแม่ให้คนขับรถไปขนมาไว้ที่บ้าน วันนี้เป้ต้องไปช็อปกับแม่แล้วก็ทานข้าวเที่ยงกันเลย พ่อเขาก็จะมาด้วย" ตอนนี้ผมนั่งฟังผู้ใหญ่สองคนหาข้อตกลงกันเรื่องอาหารมื้อเที่ยง ทั้งๆที่เพิ่งจะพ้นมื้อเช้าไปได้ไม่ถึงชั่วโมงดีเลย เรื่องมีอยู่ว่าหลังจากกินข้าวเช้าเสร็จพี่เป้ก็ชวนผมขึ้นมาเก็บของบนห้องเตรียมกลับไปเก็บของที่คอนโดกัน แต่ว่าคุณแม่ไม่อนุญาตให้ไปไหนทั้งนั้น ท่านบอกว่าวันนี้ทำการจองตัวผมสองคนไว้เรียบร้อยแล้วจนกว่าจะถึงเวลาไฟล์ทพี่เป้ตอนเย็น พอพูดมาถึงแพลนกลางวันที่จะเลี้ยงส่งพี่เป้ด้วยการปิดทั้งร้านอาหารเลี้ยงก็เกิดเกรงใจแล้วก็บอกปฏิเสธคุณแม่อย่างที่ผมทำไปแล้วนั่นแหละครับ แต่มีหรือจะสำเร็จ



"วันนี้เสือก็หยุดงานสักวันแล้วขับรถให้แม่นะลูกสินด้วยนะ" คุณแม่หันไปหากำลังเสริมที่นั่งสบายอารมณ์ดูหนังไม่สนใจเลยว่าแฟนตัวเองกับแม่จะตีกันอยู่แล้ว



"ได้ครับ/ครับแม่" พี่เสือกับพี่สินตอบขึ้นพร้อมกันก่อนจะหันกลับไปดูหนังรอบเช้าต่อ



"เสือ!" พี่เป้ขึ้นเสียงเรียกพี่เสือทันทีที่อีกฝ่ายตอบตกลงง่ายๆ



"ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้ขนหน้าแข้งแม่กูไม่ร่วงหรอก" คูณแม่ตีไหล่พี่เสือไปหนึ่งทีเบาๆก่อนจะมองค้อน



"แม่ไม่มีขนหน้าแข้งย่ะ"



"ครับๆ คุณนาย เลิกมองค้อนได้แล้วครับ เดี๋ยวก็ปวดตา" พี่เสือว่าพลางขยับเข้าไปกอดเอวคุณแม่อย่างเอาใจ



"คุณแม่ครับ..."



"ไม่ต้องเลยน้องเป้ พูดอีกทีแม่งอนนะจ๊ะ ไปๆ เด็กๆไปเตรียมตัวได้แล้ว อีกยี่สิบนาทีเจอกัน แม่ก็จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนกัน" ว่าแล้วคุณแม่ก็ลุกขึ้นเดินหนีขึ้นห้องไปเลยโดยไม่สนใจคำท้วงของพี่เป้สักนิด



"ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ชินๆได้แล้ว ดีจะตายแม่กูรักมึงมากนะ"



"กูรู้แต่บางทีมันมากไป กูเกรงใจ"



"เกรงใจทำไม แม่กูก็เหมือนแม่มึงอ้ะ ทำไมหรือมึงจะไปแต่งกับคนอื่น" พี่เป้ทุบหลังพี่เสือที่ชอบกวนโมโหเสียงดังอั้กไปทีหนึ่งแก้เขิน



"พูดอะไรของมึงกูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว" พี่เป้รีบวิ่งหนีขึ้นห้องไปอีกคน พี่เสือหันมายิ้มกับผมก่อนจะนินทาพี่เป้



"คนอะไรเขินรุนแรงจริง เนอะ" แล้วพี่เสือก็เดินหัวเราะตามขึ้นไปบนห้อง ผมยิ้มรับคำพูดนั้น ดีจริงๆนะ ที่พี่เป้มีความสุข ขอให้เขามีความสุขแบบนี้ไปนานๆเลย พี่เป้ได้คนดีๆแบบพี่เสือดูแล คุณพ่อคุณแม่ก็น่ารัก ดีแล้วจริงๆ



"นั่งยิ้มอะไรอยู่คนเดียว เป็นบ้าหรอ" ผมลืมคนกวนโมโหอันดับหนึ่งของบ้านนี้ไปได้ยังไงเนี่ย พอหันไปมองพี่สินเขาก็นั่งมองผมอยู่ก่อนแล้ว



"ไม่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าหรอครับ"



"ไม่ล่ะ จะชุดไหนกูก็หล่อ" โห ความมั่นหน้านี้



"เหมือนมึงไง ชุดอะไรก็น่ารักไปหมด เพราะงั้นไม่ต้องเปลี่ยนหรอก มานั่งดูหนังกับกูนี่" แล้วพี่สินก็กระชากแขนผมไปนั่งข้างๆเจ้าตัวพลางโอบไหล่ผมไว้ด้วย หรือจริงๆแล้วบ้านนี้เขาเลี้ยงลูกมาด้วยหลักสูตรขี้เต๊าะกันครับ ทั้งพี่ทั้งน้องเลย ทำไมเก่งเรื่องทำให้คนเขินได้ขนาดนี้นะ



***************************



"เอายาแก้เมาเครื่องมาแล้วใช่มั้ย ยาแก้แพ้อากาศล่ะ อันนี้เอาขึ้นไปเคี้ยวเล่น เขาว่าเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยลดอาการเมาได้" ผมยื่นหมากฝรั่งมินต์ที่ซื้อมาจากเซเว่นให้พี่เป้ อ้อ มีลูกอมด้วย จังหวะที่กำลังก้มลงไปค้นในถุงผ้าตัวเองพี่เป้ก็ทักขึ้นมาก่อน



"ปอนด์พอก่อน พี่เอามาหมดแล้วนี่ไง เราจัดให้พี่เองนะ ถ้าจะลืมก็ต้องเป็นเราสิที่ลืม" พี่เป้ชูกระเป๋าใบเล็กที่ผมจัดไว้ให้ ผมหยักหน้ารับเล็กน้อย



"เป็นอะไรเรา ตื่นเต้นแทนหรือไง" พี่เป้ยิ้มกว้างล้อเลียนผม ทุกคนพากันมาส่งพี่เป้หมด ตอนนี้มีผมคุณแม่ พี่เสือ พี่สิน ส่วนคุณพ่อมาไม่ได้เลยร่ำลากันตั้งแต่ที่ร้านอาหารพี่เสือเมื่อตอนเที่ยงไปแล้ว เหลือวิวกับโฟล์คอีกสองคน เห็นบอกกำลังรีบมาใกล้จะถึงแล้วอีกสถานีเดียว ไม่รู้จะทันหรือเปล่า



"เป็นห่วง" พี่เป้หุบยิ้มลงช้าๆ แล้วขยับเข้ามานั่งข้างๆผมแทน พี่เสือนี่มองตาขวางเลย ก่อนจะยื่นซองจดหมายให้ซองหนึ่ง



"อ้ะ อันนี้พี่ให้ ใช้ไปเลยนะ ไม่ต้องเก็บไว้ให้เชื้อราขึ้นล่ะ" ผมขมวดคิ้วแกะซองดูเห็นบัตรเครดิตหนึ่งใบ บนบัตรสลักเป็นชื่อนามสกุลผม



"ไม่เอา พี่เป้เก็บไว้ใช้เหอะ" ผมยื่นซองกลับไปให้พี่เป้ แต่เจ้าตัวกอดอกไม่ยอมแบมือมารับซองไป



"พี่จะใช้ได้ไงมันเป็นของเรา" ผมทำหน้ายู่ใส่พี่ชายตัวเองก่อนจะพึมพำขอบคุณเบาๆแล้วเก็บบัตรใส่กระเป๋า



"สิ้นเปลือง"



"เปลืองอะไร รอเราทำงานได้ค่อยใช้คืนพี่ไง"



"ถึงเวลานั้นถ้าไม่เอาปอนด์จะทุบให้" พี่เป้หัวเราะเสียงดังแล้วขยี้หัวผมแรงๆ ประจวบเหมาะกับวิวและโฟล์คที่วิ่งหน้าตั้งมาทางพวกเราพอดี



"แฮ่กๆ คิดว่าจะมาไม่ทันซะแล้ว"



"ค่อยๆพูดก็ได้ เหลืออีกตั้งสิบนาที" ผมดูนาฬิกาข้อมือตัวเองแล้วบอกเพื่อนที่ตอนนี้ยืนหอบแฮ่กเอามือเท้าเข่าตัวเองทั้งคู่ก่อนจะรู้สึกตัวได้ว่าตรงนี้ไม่ได้มีแค่พวกเรา วิวกับโฟล์คหันไปไหว้พี่เสือพี่สินแล้วก็ไหว้คุณแม่ด้วย



"พี่เป้อ้ะให้" โฟล์คยื่นห่อของขวัญขนาดสี่เหลี่ยมเล็กๆให้พี่เป้ ผมไม่ได้ซื้ออะไรให้เลยแฮะ



"ละมึงอ้ะไม่มีหรอ" พี่เป้หันไปถามหาของขวัญจากวิว



"ก็นั่นแหละหารกับโฟล์คมัน" ผมน่าจะซื้ออะไรให้พี่เป้บ้าง ผมก็ลืมนึกถึงไปเลย



"คิดอะไรอยู่ ไม่ต้องคิดว่าจะซื้ออะไรให้พี่เลยนะเรา" พี่เป้พูดออกมาอย่างรู้ทัน



"คิดมาก ปอนด์ให้พี่เยอะแล้วนะ"



"ยังไม่ได้ให้อะไรเลย"



"จะให้ไล่รายการมั้ย ทั้งอาหารเช้า อาหารเย็น ทำงานบ้านให้ทุกอย่างนี่ยังไม่ให้อะไรอีกหรอ" ผมยู่ปากใส่



"ก็มันไม่เหมือนกัน"



"ไม่เหมือนยังไง พี่ได้รับมาเยอะแล้ว ไม่ต้องคิดมากเข้าใจที่พูดมั้ย" ผมพยักหน้ารับ



"ตั้งใจเรียนด้วย รีบๆเรียนให้จบ เดี๋ยวพี่ก็กลับมา ไม่ต้องงอแง อย่าดื้อให้มาก แล้วก็ไม่ต้องไปหางานพิเศษทำแล้วนะเราอ้ะ" พี่เป้ร่ายยาวพลางลูบหัวผมไปด้วยเบาๆ



"สิน พี่ฝากน้องชายพี่ด้วยนะ" พี่เป้หันไปบอกพี่สินที่นั่งอยู่อีกฝั่งนึ่งกับคุณแม่ พี่สินพยักหน้ารับเบาๆ



"แค่ดูอย่างเดียวมืออย่าต้อง"



"อันนี้ไม่สัญญา" พี่สินยักคิ้วกลับมาให้พี่เป้โมโหเล่น จนวินาทีสุดท้ายจะญาติดีกันไม่ได้เลยสินะสองคนนี้



"เดี๋ยวเถอะ คุณแม่ผมต้องรบกวนฝากดูด้วยนะครับ"



"ได้เลยจ้ะ เดี๋ยวแม่จัดการเจ้าสินให้ เจ้าเสือก็ด้วย ถ้านอกลู่นอกทางเมื่อไหร่ แม่โทรรายงานน้องเป้ทันที"



"โหย ขอบคุณครับ" พี่เป้รีบเดินเข้าไปกอดคุณแม่อย่างเอาอกเอาใจ



"อ้าวแม่ ไหงงั้นล่ะ ผมลูกแม่นะ" พี่เสือกับพี่สินพูดแทบจะพร้อมกันขึ้นมาทันที



"อยากให้แม่รักก็หัดทำตัวดีๆซะบ้างเราสองคนน่ะ" พี่เป้แล่บลิ้นใส่สองพี่น้องทีหนึ่งก่อนจะลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋าเป้เป็นเชิงเตรียมพร้อม ผมลุกขึ้นตามแล้วลากกระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็กไปให้ ส่วนพวกกระเป๋าใบโตๆ โหลดขึ้นเครื่องไปหมดแล้ว



"ใกล้ถึงเวลาแล้ว ถ้ายังไงผมไปก่อนนะครับคุณแม่" พี่เป้หันไปไหว้คุณแม่ จากนั้นก็โบกมือลาเพื่อนๆผม พี่สิน ส่วนพี่เสือเดินเข้ามากอดแฟนตัวเอง แล้วก็ เอ่อ...จูบ ครับ กลางสนามบินเลย พี่สินยื่นมือมาปิดตาผมไว้ไม่ให้ดู



"เป็นเด็กเป็นเล็กห้ามมอง สองคนนี่ก็เหลือเกิน คนเยอะแยะ หน้าไม่อาย" พี่สินบอกผมก่อนจะหันไปตวาดพี่ชายตัวเอง ผมจับมือพี่สินออก อยากจะเถียงว่าผมโตแล้วเถอะ เคยเห็นคนเขาจูบกันมาแล้วด้วย



"ไหนมากอดที" พี่เป้เดินเข้ามากอดผมแน่นๆผมยกมือกอดตอบในใจคิดแต่ว่าห้ามร้อง ร้องไห้ไม่ได้เด็ดขาดเดี๋ยวพี่เป้จะยิ่งเป็นห่วง



"เดินทางปลอดภัยนะครับ" ผมบอกพี่เป้หลังจากผละออก พี่เป้ยิ้มก่อนจะจับกระเป๋าลากของตัวเองเดินเข้าไปในเกท ผมยกมือโบกให้พี่ชายตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย พี่เป้ก็ทำเช่นกัน เราต่างยิ้มให้กันเป็นการส่งท้าย ไม่มีน้ำตาสักหยดกับการจากลาครั้งนี้ เพราะเราทุกคนต่างรู้ดี ว่าเราแค่จากลากันแค่ไม่นานเท่านั้น เพื่อรอวันกลับมาพบกันใหม่























****************************



เป้: *นั่งน้ำตาไหลตรงที่นั่งริมหน้าต่าง* โฮ ไหนใครบอกว่าไม่มีน้ำตา ไม่ไปแล้วได้มั้ยออสฯ คิดถึงปอนด์แล้ว



โรคติดน้องของพี่ชายที่ไม่มีวันรักษาหาย -_-











หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 13-06-2020 19:47:14
พี่สิน พี่เสือ พี่เป้ ทั้ง 3 นิสัยกวนทีนพอๆ กันเลย 55555
น้องปอนด์ต้องฝึกนิสัยกวนทีนแบบนี้ไว้บ้างแล้วนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 13-06-2020 20:45:07
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.24 น้องปอนด์ผู้ล่อได้ด้วยของกิน
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 16-06-2020 21:33:18

 
Ch.24 น้องปอนด์ผู้ล่อได้ด้วยของกิน


 

"ปอนด์เห็นบ็อกเซอร์แดงพี่ป้ะ"

 

"อยู่ลิ้นชักล่างสุดซ้ายมือครับ" ผมตะโกนกลับไปตอบพี่สิน เราอยู่ร่วมกันมาได้อาทิตย์กว่าแล้ว พี่สินก็ยังคงทำตัวได้เหมือนเดิมอย่างคงเส้นคงวา จะมีเพิ่มเติมก็คือพี่เขาจีบผมถี่ขึ้นนั่นแหละครับ เต๊าะเช้าเต๊าะเย็น การมีพี่สินอยู่ด้วยในทุกวันทำให้ผมไม่คิดถึงพี่เป้มากนัก เพราะว่ากิจวัตรประจำวันเหมือนเดิมทุกอย่าง เปลี่ยนแค่คนที่อยู่ร่วมกันเท่านั้น ผมเคยทำงานบ้านยังไงก็ทำอย่างนั้น พี่สินย้ายของเข้าไปไว้ที่ห้องพี่เป้หมดแล้ว ผมก็กลับเข้าไปนอนห้องตัวเองเหมือนเดิม ถึงแม้ว่าจะมีบ่อยครั้งที่ผมตื่นเช้ามาอยู่บนเตียงพี่เป้ก็เถอะ

 

"ทำอะไรอยู่" พี่สินเดินออกมาชะโงกหน้ามองตรงระเบียงด้วยความมั่นใจกับบ็อกเซอร์สีแดงสดที่เจ้าตัวใส่เพียงแค่ตัวเดียว เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ค่อนข้างหนักใจมากๆสำหรับผม คือพี่สินไม่ชอบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย พี่เขาชอบเดินถอดเสื้อโชว์เป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติเลยก็คือใจผมนี่แหละครับ ไม่เคยชินสักทีกับการแต่งตัวกึ่งโป๊ของเขา

 

"รดน้ำต้นไม้ครับ" ผมหลบสายตาหันกลับมามองต้นไม้ให้เจริญหูเจริญตาตัวเอง บ็อกเซอร์แต่ละตัวของพี่เขาก็บางแสนบาง บางอีกนิดก็บางเท่าใจผมแล้วครับ

 

"หิวข้าว" อีกหนึ่งอย่างที่เราต้องทำร่วมกันตลอดก็คือพี่สินชอบกินข้าวพร้อมกัน ผมเคยไม่รออยู่ครั้งหนึ่งงอนผมไปตั้งชั่วโมงกว่า

 

"แป๊บหนึ่งนะครับ จะเสร็จแล้ว ผมทำข้าวผัดวางไว้ เดี๋ยวกินรองท้องไปก่อนแล้วตอนเที่ยงค่อยไปหาอะไรกิน" พี่สินพยักหน้ารับเดินมานั่งขัดสมาธิข้างๆเอาหัวพิงไหล่ผมไม่ยอมไปไหน วันนี้ผมกับพี่สินหยุดทั้งคู่ครับ ทุกวันนี้เราไปเรียนด้วยกันตลอด จริงๆแล้ว พี่สินมีเรียนน้อยกว่าผมมาก แต่ก็ยังคงตื่นไปส่งผมได้ทุกวัน ต่อให้บอกว่าผมบอกว่าจะไปเองก็ไม่ยอม มีครั้งหนึ่งผมตั้งใจจะแอบไปมหาลัยเอง เลยทำทุกอย่างให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ เสื้อผ้าก็เอาเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำ แต่พอออกจากห้องน้ำใจผมแทบหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเพราะพี่สินเล่นยืนกอดอกมองด้วยสีหน้าเอาเรื่อง สุดท้ายก็จบที่พี่สินไปส่งผมเหมือนเดิม แถมไม่ยอมเข้าไปล้างหน้าด้วยนะเพราะกลัวว่าผมจะหนีไปมอก่อน

 

"แล้วนี่พี่สินไม่ไปทำโปรเจคหรอครับ" พี่สินลงซัมเมอร์ทุกเทอมทำให้เทอมนี้เขามีเรียนแค่อาทิตย์ละไม่กี่วิชา แต่ว่าเป็นวิชาที่หนักพอสมควร เพราะต้องทำโปรเจคจบด้วย แล้วก็ต้องหาที่สมัครงานไปพร้อมๆกัน ผมเห็นเพื่อนพี่สินทุกคนวิ่งวุ่นหัวปั่น จะมีก็แต่พี่สินนี่แหละที่ยังชิลๆอยู่ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว สงสัยว่าจะได้ฝึกที่บริษัทคุณพ่อตัวเองก็เพราะขี้เกียจนี่แหละ

 

"ไป แต่ขี้เกียจมาก" พี่สินลากเสียงยานคางบ่งบอกว่าตัวเองขี้เกียจจริงๆ ผมวางฝักบัวไว้ที่ตั้งของมัน ก่อนจะดันหัวพี่สินออกแล้วลุกขึ้นยืน

 

"ไปครับ ลุกขึ้นไปกินข้าวได้แล้ว" ผมยื่นสงมือไปให้พี่สินจับแต่ด้วยความที่เขาตัวหนักไปหรือเพราะผมยืนไม่มั่นคงเองก็ไม่รู้กลายเป็นว่าจากที่จะช่วยฉุดให้พี่สินลุก กลับเป็นผมเองที่ล้มลงไปนั่งแหมะอยู่บนตักเขา

 

"ขอโทษครับ" ผมรีบเอ่ยขอโทษและพยายามยันตัวเองลุกขึ้นแต่พี่สินเอื้อมมือมารั้งเอวไว้ก่อน

 

"ไม่อยากกินข้าวแล้วกินมึงก่อนได้มั้ย" พี่สินเอาหน้าถูกับไหล่ผมแล้วพูดอู้อี้ไม่เป็นภาษาจนผมฟังไม่รู้เรื่อง

 

"นี่เอาน้ำมูกมาเช็ดเสื้อผมป้ะเนี่ย ปล่อยได้แล้วครับ" พอพี่สินคลายมือที่กอดอยู่รอบเอวเล็กน้อยผมก็พยายามลุกขึ้นอีกครั้งคราวนี้ผมลุกขึ้นได้ง่ายๆเพราะพี่สินไม่แกล้งอะไรอีก

 

"มึงนี่ดับอารมณ์กูตลอดเลยนะ"

 

"อะไรนะครับ" ผมยื่นมือให้พี่สินจับอีกครั้ง คราวนี้เจ้าตัวหน้ามุ่ยส่ายหัวแล้วจับมือผมพยุงตัวลุกขึ้นยืนตรงได้สำเร็จ

 

"เปล่า ไปกินข้าวกัน"

 

"โอเคครับ" พี่สินเดินกอดคอผมเข้าห้องอย่างอารมณ์ดี ดูได้จากที่ฮัมเพลงตลอดทางเดินมาที่ครัวนี่แหละครับ ผีเข้าผีออกจริงๆเลยคนนี้

 

**********************

 

"แล้ววันนี้มึงจะไปไหนป้ะ" พี่สินถามผมหลังจากเรากินข้าวกันเสร็จแล้ว

 

"ไม่ครับ ผมกะจะทำความสะอาดห้องสักหน่อย" จริงๆห้องก็ไม่ได้รกเท่าไหร่หรอกครับ แต่ผมตั้งใจจะเก็บนานแล้ว แต่ไม่ค่อยมีเวลา วันนี้หยุดพอดีเลยตั้งใจจะเก็บของครั้งใหญ่สักหน่อย

 

"งั้นดีเลยวันนี้ไปทำโปรเจคกับกู"

 

"ครับ?" ทำไมผมต้องไปด้วยล่ะ

 

"ไปทำโปรเจคเป็นเพื่อนกูหน่อย เอยกลับมาทำความสะอาด ห้องไม่ได้รกอะไรเดี๋ยวกูช่วย"

 

"ไม่เอาครับ" ให้พี่สินช่วยหรอ ผมขอทำคนเดียวดีกว่า พี่สินเคยพยายามจะช่วยผมทำความสะอาดอยู่ครั้งหนึ่ง พินาศมากครับ เพราะพี่เขาเล่นทำอะไรไม่เป็นเลย แถมยังเพิ่มงานให้ผมอีก

 

"ไปด้วยกันหน่อย วันนี้ต้องไปเซอร์เวย์ร้านขนม กูไม่ถนัดของหวาน" โปรเจ็คต์อะไรทำไมมีเซอร์เวย์ขนมด้วยล่ะ

 

"ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจร้านขนมเนี่ยแหละ ไม่รู้ใครเลือกหัวข้อ กูล่ะอยากจะฟาดจริงๆ" ผมพยักหน้ารับ

 

"เอาผมไปด้วยแล้วจะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ"

 

"เอาไปชิมกับถ่ายรูปไงเดี๋ยวพวกกูออกเงินเอง มึงแค่ชิมแล้วเก็บรูปให้ก็พอ มึงชอบไม่ใช่หรอ"

 

"พี่รู้ได้ไงว่าผมชอบขนมหวาน" ผมตาวาวทันทีที่ได้ยิน

 

"เปล่า กูไม่ได้รู้ว่ามึงชอบขนมหวาน กูรู้ว่ามึงชอบถ่ายรูปกับกิน" ผมแอบเบะปากใส่พี่สินไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้ เขามองไม่เห็นหรอกครับผมยืนหันหลังล้างจานให้เขาอยู่

 

"ตกลงไปไม่ไป?"

 

"ไปก็ได้ครับ แล้วจะไปกี่โมง" ผมล้างจานใบสุดท้ายคว่ำจัดการล้างมือตัวเองเรียบร้อยแล้วหันไปเช็ดมือกับผ้าที่แขวนไว้ข้างๆซิงค์

 

"เดี๋ยวกูโทรถามพวกมันอีกที"

 

"มีคนอื่นไปด้วยหรอครับ"

 

"อืม พวกเพื่อนๆกูนั่นแหละ" ผมพยักหน้ารับ ส่วนพี่สินเดินหยิบโทรศัพท์ตัวเองเข้าห้องนอนไปแล้วเรียบร้อยน่าจะไปนัดแนะสถานที่และเวลากับเพื่อนๆเขานั่นแหละ ผมเลยหยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำจัดการตัวเองเพื่อไม่ให้เสียเวลา

 

********************

 

พี่สินพาผมมาที่ห้างที่วัยรุ่นชอบมากันเห็นพี่สินบอกว่าแถวนี้คาเฟ่เยอะมากๆ เรานัดกันตรงทางเข้าหน้าห้างเพื่อความสะดวกในการหากัน แถมนั่งบีทีเอสมาลงก็เจอเลย แต่พี่สินก็เลือกที่จะขับรถมาอยู่ดีแหละครับเพราะว่าร้อน ผมลองเซิร์ชดูในแมพแล้ว คาเฟ่ร้านขนมต่างๆในย่านนี้เยอะจริงๆครับ แถมเราสามารถเดินได้ด้วย ผมตั้งใจว่าจะเดินไล่กินเอาเพราะยังไงก็สามารถเดินถึงกันได้อยู่แล้ว

 

"สวัสดีครับพี่ๆ" ผมยกมือไหว้เพื่อนๆพี่สินทุกคน มากันครบเลย กลุ่มพี่สินนี่ดีจังเลยนะครับ สามัคคีกันดีไม่ทิ้งให้เป็นภาระเพื่อนคนใดคนหนึ่ง

 

"กูบอกว่าไม่ต้องมากันไง" อ้าว ผมหันไปมองหน้าพี่สินงงๆ

 

"หมายถึง ไม่ต้องมากันทุกคนก็ได้"

 

"พวกกูอยากมาช่วยมึงไง งานกลุ่มก็ต้องช่วยๆกันดิ จะปล่อยให้เพื่อลำบากคนเดียวได้ไงวะ" ผมยิ้มให้พี่ๆตรงหน้า นิสัยดีกันจังเลย

 

"พี่สินนี่โชคดีจังนะครับ มีเพื่อนๆน่ารัก" อ้าว พูดผมอะไรตลกหรอ ก็ไม่นะ ทำไมทุกคนขำกันเอาเป็นเอาตายขนาดนี้ล่ะ

 

"ใช่ครับ พวกพี่น่ารักกันทุกคน นิสัยก็ดีกว่าไอ้สินเยอะ ถ้าน้องปอนด์เบื่อมันเมื่อไหร่บอกพวกพี่ได้เลยนะครับ พวกพี่ก็อยากจะหารูมเมทใหม่กันพอดี" พี่เชเดินมากอดไหล่ผมแล้วทำท่าเหมือนกระซิบแต่ระดับเสียงก็คือได้ยินกันทุกคนแหละครับไม่รู้จะป้องปากทำไม

 

"ไอ้เชเลิกเสือกสักที จะทำมั้ยงานถ้าไม่ทำกูจะได้พามันกลับ"

 

"ใจร้อนๆ ทำจ้า เริ่มร้านไหนก่อนดีอ้ะ"

 

"กูเตรียมมาแล้วอ้ะ เดินตามแมพนี่เลย" พี่รันยื่นกระดาษแมพคร่าวๆยี่สิบห้าร้านพร้อมภาพประกอบของแต่ละร้านมากลางวง

 

"โห แต่ละร้าน คือถ้าเรายกโขยงกันไปแบบนี้เขาจะคิดว่าเราไปปล้นมั้ยวะ" พี่เต็มชะโงกดูแค่แว้บเดียวแล้วพูดขำๆ

 

"เห้ย กูอยากไปร้านนี้ สาวเมดน่ารัก" พี่เชชี้ที่ร้านของหวานร้านหนึ่งที่มีภาพประกอบเป็นผู้หญิงน่ารักๆ สองคนแต่งตัวคอสเพลย์เป็นเมด

 

"กูขอผ่าน" พี่มาร์คที่ยืนเงียบที่สุดในกลุ่มบอกก่อนจะถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

 

"กูด้วย" พี่สินพูดพลางมองมาทางผม

 

"มึงก็ไม่ต้องไป" อ้าว เศร้าเลย ผมอยากได้รูปสาวๆแต่งเมดนะ น่ารักจะตาย

 

"งั้นตัดร้านนี้ทิ้ง" พี่โอ๊ตเห็นด้วยทันที

 

"เห้ย ร้านนี้คือซิกเนเจอร์เลยนะ กูมาเพราะร้านนี้เลย" พี่รันว่าเสียงกระเง้ากระงอดแล้วกระทืบเท้ากับที่เบาๆ สาบานเลยว่าผมไม่เคยชอบท่าทางแบบนี้มาก่อนในชีวิต แต่พอพี่รันทำแล้วดูน่ารักยังไงไม่รู้ ด้วยเพราะเขาตัวเล็กที่สุดในกลุ่มล่ะมั้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังสูงกว่าผมอยู่ดี

 

"งั้นแยกกันไป" พี่สินตัดสินใจออกมาทันทีเมื่อเริ่มจะหาข้อสรุปไม่ได้

 

"แยกไปไม่ได้ดิวะ เราต้องให้น้องปอนด์ถ่ายรูปไง" พี่โอ๊ตขัดขึ้นมา

 

"มึงอยากไปมั้ย?" พี่สินหันมาถามผม หน้าที่ตัดสินใจเลยตกมาอยู่ที่ผม พี่ๆทุกคนก็มองมาเป็นตาเดียว จริงๆ ผมอยากไปนะ แต่เหมือนพี่สินไม่อยากไปเท่าไหร่ ผมเริ่มคิดหาทางออกใจจริงก็ไม่อยากจะยืนอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่นัก ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า แต่เริ่มมีคนให้ความสนใจกับกลุ่มผมเยอะพอสมควรแล้ว บ้างก็หยุดยืนมอง ยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปหรือหันไปพูดคุยกับเพื่อนตัวเอง ก็ตรงที่เรายืนมันก็หน้าห้างเลยนี่ครับ คนผ่านไปผ่านมาก็ต้องมองเป็นธรรมดา

 

"เอางี้ดีกว่ามั้ยครับ เราเริ่มไล่กินจากร้านแรกก่อน ทีนี้ถ้าเกิดว่าข้อมูลมันมากพอแล้ว เราก็ตัดช้อยส์ร้านนี้ออก เพราะว่าที่พี่รันใส่ๆมา คงไม่ได้จะกินหมดทั้ง 25 ร้านหรอกใช่มั้ยครับ" ผมหันไปถามความเห็นจากพี่รันซึ่งเป็นคนหาข้อมูลร้านขนมทั้งหมด

 

"อืม ก็จริงของน้องปอนด์ ยังไงร้านนี้ก็เอาไว้หลังๆอยู่แล้วเพราะมันไกลกว่าเพื่อน งั้นเราเริ่มร้านแรกกันก่อนเลยดีกว่า ป้ะ" พี่รันพูดขึ้นอย่างร่าเริงแล้วเดินมาจูงมือผมให้เดินตามลิ่วๆทันทีโดยไม่สนใจเพื่อนๆที่เหลือ

 

"มึงปล่อยมือน้องเลย!!!" เสียงพี่สินตะโกนไล่หลังมา นี่ผมคิดถูกหรือคิดผิดที่มาช่วยงานเขาวันนี้เนี่ย ลางสังหรณ์มันบอกว่าวันนี้ผมต้องเหนื่อยแหงๆเลย

 

**************************

 

"น้องปอนด์ชิมนี่สิ อร่อยมากเลย"

 

"อันนี้ดีกว่าครับ พี่สั่งมาไซส์ใหญ่สุดให้ปอนด์เลย"

 

"ปอนด์ชอบช็อคโกแลตหรอครับ เอาช็อกโก้ปั่นด้วยมั้ยเดี๋ยวพี่สั่งให้"

 

"เอ่อ...พอก่อนครับ" เหมือนตอนไปกินปิ้งย่างเด๊ะนั่นแหละครับ ทุกคนเอาแต่สั่งให้ผมไม่ยอมกินกันเลย พี่สินนอกจากจะไม่ช่วยแล้วยังยื่นจานบราวนี่ชิ้นเล็กมาให้ผมอีก

 

"กินด้วยกันสิครับ ผมกินคนเดียวไม่หมดหรอก" ผมยกกล้องขึ้นมาถ่ายขนมแต่ละจานที่พี่ๆสั่งมาแล้วเช็ครูป พอเสร็จแล้วก็ลงมือกินอย่างละคำ เดี๋ยวจะอิ่มซะก่อน

 

"จานนี้เต็มสิบให้แปดครับ จริงๆอร่อยทุกอย่างเลย แต่ว่าเหมือนแป้งจะร่วนๆหน่อย"

 

"จริงหรอครับ ไหนน้องป้อนพี่หน่อย อ้า~" ผมตักบราวนี่เป็นคำเล็กๆก่อนจะยื่นไปตรงหน้าพี่เชแต่โดนพี่สินตัดหน้าด้วยการยัดช็อคบอลใส่เข้าไปในปากพี่เชที่อ้ารออยู่ก่อนแล้ว

 

"แดกเข้าไปมึงอ้ะอย่าเยอะ เอ้า ช้อน มือมีตักเอง"

 

"แอ้ง อ๋วงอัง" (แม่ง หวงจัง)

 

"อะไรนะครับ?" พี่เชยิ้มให้ก่อนจะส่ายหน้าจนผมปลิว

 

"แล้วนี่น้องปอนด์อยู่กับสินมันเจอผีบ้างมั้ยครับ เช่น ผีผ้าห่ม ผีทะเล" พี่เต็มหันมาถามผม ผมส่ายหัวเป็นคำตอบเพราะในปากเต็มไปด้วยขนมที่ตักกินเมื่อสักครู่

 

"เงียบไปเลยมึง เดี๋ยวไก่ตื่น" พี่สินผลักหัวพี่เต็มเบาๆ

 

"อร่อยมั้ย" พี่สินหันมาถามผมที่นั่งตักขนมเข้าปากเคี้ยวไม่ทันจะหมดดีเลยยื่นแก้วมอคค่าให้ผม ผมยิ้มขอบคุณแล้วรับมาลองดูดไปอึกหนึ่งเพื่อช่วยให้กลืนขนมได้ง่ายๆ ก่อนจะยื่นคืน

 

"อร่อยดีครับ"

 

"อร่อยก็กินเยอะๆ" ผมยิ้มให้พี่สินอีกครั้งก่อนจะตักขนมกินต่อ

 

"เช้ดดดด จูบทางอ้อม" พี่รันแซวขึ้นมาเสียงดังจนโต๊ะข้างๆหันมามอง ส่วนผมได้แต่ก้มหน้างุดเพราะเขินสายตาพวกพี่ๆที่มองมาอย่างล้อเลียน พี่สินก็ดันไปยักคิ้วให้อย่างภูมิใจในตัวเองอีก แทนที่จะช่วยกัน ผมว่าแล้วว่าวันนี้ต้องไม่ผ่านไปง่ายๆแน่นอน อย่างน้อยๆ เรื่องที่พี่สินจีบผมอยู่ พวกเพื่อนๆเขาต้องรู้แล้วแน่เลย คงโดนแซวไปทั้งวันแหงๆ เฮ้ออออออออออ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

***********************

tbc.

 

เรา: น้องปอนด์ พี่อยากกินขนมจังน้า~ อ้าาาาาา~~~~

สิน: กินตีนมั้ย?

เรา: ท่ดจ้า

 

มาอัพให้แล้วค่ะแล้วก็เอาบรรยากาศเขาค้อมาฝาก ช่วงนี้เที่ยวบ่อยแต่ก็หอบโน๊ตบุ๊คมาแต่งนิยายด้วย ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ จะพยายามอัพบ่อยๆนะคะ ถ้าไม่ติดเที่ยวจนลืม

(http://)

 

 

 

 

หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 16-06-2020 22:54:30
 :3123:
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 16-06-2020 23:23:01
อ่านจบละหิวเลย  :katai5:

พี่สินเมื่อไหร่จะจีบน้องติดละพี่
แต่เห็นใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างกับคบกันแล้วเลย :hao6:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: psychological ที่ 16-06-2020 23:35:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 17-06-2020 12:29:16
ติดตาม
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.25 เธอเป็นแฟนฉันแล้ว
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 24-06-2020 17:30:02


Ch.25 เธอเป็นแฟนฉันแล้ว






 

 

"มึง รู้สึกแปลกๆกันมั้ย" วิวกับโฟล์คขยับเข้ามาประชิดตัวผมคนละฝั่งแล้วเกาะแขนไว้แน่น เรานั่งอ่านหนังสือในห้องสมุดมาได้พักใหญ่แล้ว จริงๆวันนี้ผมเลิกเร็วกว่าพี่สินสองชั่วโมง แต่เพราะความเอาแต่ใจของพี่สินที่จะให้ผมรอกลับพร้อมกันทำให้ผมต้องมานั่งฆ่าเวลาที่นี่ เพราะพี่เขามีให้แค่สองตัวเลือกคือเข้าไปนั่งเรียนกับเขา หรือมารอที่นี่ ส่วนโฟล์คกับวิวไม่รีบไปไหน เลยมานั่งเป็นเพื่อนผม

 

"เออ กูก็รู้สึก เหมือนตั้งแต่เข้าหอสมุดมากลุ่มผู้หญิงกลุ่มนั้นมองพวกเราแปลกๆป้ะวะ" โฟล์คพูดขึ้นมาอีกคน ผมจึงลองมองไปรอบๆดูแต่ก็โดนวิวจับหัวหันกลับมา

 

"มึงอย่าหันไปมองดิ เดี๋ยวเขารู้ว่าเรามอง" รู้ก็รู้ไปสิ

 

"ถ้าเขามองเราอยู่จริง เขาก็ควรจะละอายใจสิ ที่มามองพวกเราแปลกๆแล้วโดนจับได้ เราไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อยครับ" ผมตอบกลับไปอย่าไม่ใส่ใจ มันเป็นเรื่องจริงผมใช้ชีวิตของผมไปตามปกติ พวกเขามาใส่ใจผมเองทำไมผมต้องมานั่งระแวงด้วยล่ะ

 

"กูลืมรูดซิปหรือเปล่าวะ" วิวก้มมองเป้ากางเกงตัวเองเมื่อเห็นมันรูดอยู่ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

"แล้วสาวๆเขามองอะไรวะ" 

 

"เดี๋ยวผมไปถามให้ครับ"

 

"เห้ย เดี๋ยวๆๆ มึงใจเย็น" โฟล์คดึงผมนั่งลงที่เดิมแล้วยื่นโทรศัพท์ให้ดู

 

"กูรู้แล้วทำไม" ผมรับโทรศัพท์ที่โฟล์คยื่นมาให้ มันเป็นรูปผมกับพี่สินที่ร้านขนมที่เราไปด้วยกัน คือจริงๆแล้วเราไปกันทั้งกลุ่มแต่นี่เขาจงใจถ่ายแค่ผมกับพี่สิน แล้วช็อตที่ถ่ายก็เป็นตอนที่พี่สินเช็ดปากให้ผมพอดีโดยแคปชั่นก็ใส่ข้อมูลผมเอาไว้ อย่างนี้มันเข้าข่ายรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคลมั้ย

 

"ผมจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด"

 

"เดี๋ยวๆ เชลดอนกูงง มึงจะดำเนินคดีอะไร อยู่ดีๆ มึงหัวร้อนอะไรเนี่ย"

 

"เขาเอารูปผมมาลงโดยไม่รับอนุญาตแถมลงข้อมูลส่วนตัวผมไว้ด้วย"

 

"ไหนวะ" วิวยื่นหน้าเข้ามาอ่านแคปชั่นบนหน้าจอโทรศัพท์

 

"มีคนแอบเห็นพี่สินควงเด็กใหม่ไปกินขนมกันที่ห้างจ้า ใครที่คิดว่าเป็นสาวคณะไหนเตรียมตัวเซอร์ไพร์สได้เลย เพราะครั้งนี้พี่สินเปลี่ยนสไตล์มากันเลย น้องปอนด์นิเทศน์ปีสอง หน้าตาน่ารักน่าชัง ใครไหวไปก่อนเลย ส่วนชีวิตสาววายของแอดมิน ตอนนี้คือคอมพลีทแน้ว" วิวยื่นโทรศัพท์กลับมาให้ผมคืน

 

"ก็ไม่เห็นมีอะไรนี่หว่า แค่น้องปอนด์ปีสองนิเทศน์เอง"

 

"เออ รูปที่ถ่ายก็สวยด้วยนะ" โฟล์คว่า ผมก้มหน้าลงดูรูปอีกครั้ง อืม ก็สวยแหละ

 

"มึงก็อย่าไปคิดเยอะ เขาก็ไม่ได้เอามาลงด่าอะไร ออกจะชอบมึงกับพี่สินด้วยซ้ำ ปล่อยๆไปเหอะ" ผมไล่อ่านคอมเม้นท์มีทั้งดีและไม่ดี อาจจะเพราะจำนวนที่คนแชร์และไลค์โพสนี้ ทำให้คอมเม้นท์มีหลายร้อย และผมก็ไม่มีเวลาพอจะมานั่งอ่านทุกคอมเม้นท์เลยได้แต่อ่านพวกท็อปคอมเม้นท์เอา บางคอมเม้นท์ก็พิมพ์แค่ หวีดดดดดดดดด ซึ่งผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันดีหรือไม่ดียังไง

 

"แต่ผมว่า..."

 

"เออ เลิกว่า อ่านๆหนังสือของมึงไปเนี่ย เดี๋ยวพี่สินก็เลิกเรียนแล้ว" ผมพยักหน้าเปิดหนังสือที่ตัวเองอ่านค้างไว้ เราสามคนนั่งอ่านหนังสือกันไปสักพักก็มีเสียงผู้หญิงดังขึ้นข้างๆ

 

"ขอโทษนะคะ" ผมหันไปตามแรงสะกิดที่หัวไหล่เบาๆ ผู้หญิงกลุ่มเมื่อสักครู่ที่มองผมอยู่เดินเข้ามาหาสองคนพลางยิ้มให้แบบขัดๆเขินๆ

 

"น้องปอนด์ใช่มั้ยคะ?"

 

"ใช่ครับ" ผมพยักหน้ารับให้ผู้หญิงสองคนที่ยืนเขินผมอยู่ 

 

"คือพี่จะขอถ่ายรูปคู่ด้วยได้มั้ยคะ" ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองงงๆ ถ่ายรูปคู่กับผมเนี่ยนะ

 

"เอ่อ ผมหรอครับ"

 

"ใช่ค่ะ คือพี่เป็นแฟนคลับสินปอนด์นะคะ อยากจะขอถ่ายรูปกับน้องเอาไปลงในกลุ่มได้มั้ยคะ?" กลุ่ม?

 

"กลุ่มอะไรหรอครับ?"

 

"อ๋อ ไม่ใช่กลุ่มไม่ดีอะไรหรอกค่ะน้อง แค่กลุ่มแฟนคลับเล็กๆ มีจำนวนสมาชิกแค่ไม่กี่คน" 

 

"ชื่อกลุ่มอะไรหรอครับพี่?" โฟล์คหยิบโทรศัพท์ตัวเองคืนไปแล้วเข้าไปตรงช่องค้นหาในเฟส

 

"SinPond FC จ้ะ" โฟล์คพิมพ์เข้าไปตามที่พี่เขาบอกก่อนจะร้องโหออกมาเบาๆ

 

"โห กลุ่มไม่เล็กแล้วมั้งครับ สมาชิกห้าร้อยกว่าคนขนาดนี้"

 

"แหะๆ แต่ไว้ใจได้ เราแค่เอาไว้หวีดกันเล็กๆ หล่อเลี้ยงหัวใจไม่มีอะไรไม่ดีเลย แอดมินก็คัดกรองคนเฉพาะที่เป็นแฟนคลับจริงๆ" ผมยื่นหน้าเข้าไปดูเห็นเป็นชื่อกลุ่มตามที่พี่เขาบอกเห็นสมาชิกห้าร้อยกว่าคนในนั้นก็ตกใจจริงๆ 

 

"เอ่อ แล้วน้องปอนด์จะถ่ายรูปกับพี่ได้มั้ยคะ?"

 

"ได้ครับพี่ถ่ายเลย มาๆ ผมถ่ายให้" วิวตอบรับแทนผมพลางลุกขึ้นไปขอโทรศัพท์พี่ผู้หญิงคนข้างหน้าแล้วดันพี่ๆเข้ามานั่งข้างๆผมแทน

 

"ยิ้มดิมึง ชีส" ผมฉีกยิ้มให้กล้องแบบงงๆตามที่เพื่อนบอก มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติครับ

 

"สองนิ้วด้วย" ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าต้องทำด้วยหรอ

 

"เออน่ะ สองนิ้วๆนะ หนึ่ง สอง" 

 

"ขอบคุณมากเลยนะคะน้องปอนด์" ผมพยักหน้ารับมองพี่ๆที่เดินไปเช็ครูปที่วิวถ่ายให้ก่อนจะเดินกลับไปทางกลุ่มตัวเองด้วยความดีใจ

 

"อยู่ๆก็มีเพื่อนเป็นเซเลบว่ะ" โฟล์คตบไหล่ผมพลางแซวแบบขำๆ

 

"มันจะดีหรอครับ ถ้าให้ถ่ายหนึ่งคน เดี๋ยวก็มีมาอีกเรื่อยๆ"

 

"ไม่เห็นเป็นไรเลย คนที่เข้ามาขอถ่ายเขาก็ชอบมึง ดีซะอีกมีคนชอบ ถ้ามีคนเกลียดก็ว่าไปอย่าง" ผมพยักหน้ารับปล่อยวางตามที่วิวบอก มันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง

 

***************************

 

"กลับบ้านกัน" ผมเงยหน้ามองพี่สินที่เดินเข้ามาตรงที่ผมนั่งอยู่ตอนไหนไม่รู้

 

"เรียนเสร็จแล้วหรอครับ?" พี่สินนั่งลงข้างๆวางหนังสือเล่มหนาที่ตัวเองเอามาแล้วทิ้งตัวหมอบกับโต๊ะหนังสือหันหน้ามามองผม

 

"ก็ต้องเสร็จแล้วดิ ไม่งั้นจะมารับมึงได้ไง" จริงด้วย แล้วทำไมผมต้องถามโง่ๆเนี่ย

 

"หิวยังอ้ะ หาอะไรกินก่อนกลับมั้ย?" ผมส่ายหน้าให้เบาๆ จริงๆแล้วก็ยังไม่หิวเท่าไหร่ครับ

 

"มีของสดอยู่ในตู้เย็นครับ เดี๋ยวผมทำกับข้าวให้" พี่สินพยักหน้ารับแล้วหยิบกระเป๋าเป้ผมไปสะพายแทน

 

"โอเค เอาหมูทอดด้วยนะ" ผมยิ้มรับแล้วพยักหน้าให้ พี่สินเป็นคนอยู่ง่ายกินง่ายกว่าที่คิดครับ คืออาหารที่เขาชอบก็บ้านๆ แต่แค่ค่อนข้างระแวงอาหารข้างทางที่ดูไม่ถูกสุขลักษณะ คุณแม่เล่าให้ฟังว่าตอนเด็กๆพี่สินท้องเสียบ่อยมากเพราะกินอาหารข้างทาง ก็เลยขยาดนิดหนึ่งแต่ถ้าต้องกินก็กินได้ไม่มีปัญหาอะไร อ่อ อีกเรื่องพี่สินชื่อเต็มๆว่าออมสินครับน่ารักมาก คุณแม่คิดว่าตัวเองต้องได้ลูกสาวแน่ๆเลยตั้งชื่อเตรียมไว้ก่อน พอออกมาเป็นลูกชายคุณแม่เสียดายมากก็เลยดื้อเรียกพี่สินว่าออมสินตามที่คิดไว้ แต่พอพี่สินโตขึ้นมาหน่อยพี่สินก็เขินๆชื่อตัวเอง เลยบอกเพื่อนทุกคนให้เรียกตัวเองแค่สินพอ ผมว่าออมสินน่ารักดีออก พี่ออมสิน

 

"รู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกินจังเลย นั่งอยู่ตรงนี้อีกสองคน ทำไมสร้างโลกคุยกันงุ้งงิ้งๆ งี้อ้ะ ทักน้องบ้างก็ได้นะครับพี่สิน" พี่สินหันไปพยักหน้าให้โฟล์คกับวิวที่นั่งอยู่ด้วย

 

"พวกมึงกลับเลยป้ะเนี่ย ให้กูแวะส่งมั้ย"

 

"ผมขับรถมาพี่ไม่รบกวนเวลาสวีทหรอก" ผมฟาดมือใส่ไหล่โฟล์คไปทีหนึ่ง ชอบพูดอะไรมั่วซั่ว ใครเขาสวีทกัน

 

"โอ๊ย เขินละทำร้ายร่างกายเก่งว่ะ" ผมยกหนังสือในมือจะฟาดให้อีกทีแต่โฟล์คลุกขึ้นไปหลบหลังพี่สินอย่างรวดเร็ว

 

"งั้นพวกผมไปก่อนดีกว่าพี่เดี๋ยวจะพิการเอา เพื่อนผมมันเขินรุนแรง" โฟล์ครีบวิ่งหนีไปอย่างไวหลังจากพูดจบ วิวก็หันมาโบกมือบายบายผมสองคนก่อนจะรีบตามโฟล์คไป

 

"เลิกเขินแล้วเอาหนังสือไปเก็บไป หิวข้าวแล้ว" ผมพยักหน้าลุกเดินเอาหนังสือไปเก็บเข้าชั้นตรงที่ตัวเองไปหยิบมา แต่ระหว่างทางที่เดินไปชนเข้ากับใครอีกคนที่กำลังเดินสวนมา

 

"โอ๊ะ ขอโทษครับ" ผมก้มลงเก็บหนังสือที่ร่วงลงพื้นทั้งของผมและของเขาก่อนจะยื่นคืนให้ หญิงสาวตรงหน้าเห็นผมก็ส่งสายตาไม่เป็นมิตรให้ทันที สงสัยจะไม่พอใจที่โดนชนจนล้ม

 

"เดินประสาอะไรไม่ดูตาม้าตาเรือ" อีกฝ่ายกระชากหนังสือตัวเองกลับไปปัดหน้าปกเบาๆ ผมยิ้มแหยเป็นเชิงขอโทษอีกครั้ง

 

"วันหลังหัดเดินดูทางซะมั่งนะ ถ้าหนังสือเราเสียหายขึ้นมาจะรับผิดชอบยังไง" 

 

"ผมต้องขอโทษจริงๆนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจ"

 

"นี่ขนาดไม่ได้ตั้งใจนะ ยังชนซะกระเด็นขนาดนี้ ถ้าเกิดฉันล้มหัวฟาดโดนชั้นวางหัวแตกจะทำยังไง" ผู้หญิงคนตรงหน้าเริ่มใส่อารมณ์และขึ้นเสียงจนผมตกใจ ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น

 

"เอ่อ...คือ..."

 

"มีอะไรหรือเปล่า" ผมหันไปมองพี่สินที่เดินตามมาคงคิดว่าผมมานานเลยเดินมาดู

 

"โอ๊ย" ผมหันกลับไปมองผู้หญิงคนที่ผมชน อยู่ๆเธอก็ร้องพร้อมกับจับแขนข้างหนึ่งของตัวเองไว้ด้วยท่าทางเจ็บปวด

 

"เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" ผมตรงเข้าไปดูอาการ เมื่อกี๊เราก็ไม่ได้ชนกันแรงขนาดนั้นนะ อีกอย่างมันก็ผ่านมาสักพักแล้วมันไม่ช้าไปหรอสำหรับความรู้สึกเจ็บ

 

"สงสัยตอนล้มเมื่อกี๊จะชนเข้ากับชั้นหนังสือน่ะค่ะ แต่ไม่เป็นไรนะคะเดี๋ยวมิ้วเอาหนังสือไปเก็บเอง" คุณมิ้วที่โดนผมชนค้อมศีรษะน้อยๆจะเดินผ่านไปแต่ว่ากลับกะเผลกขาเหมือนจะล้ม ผมจะเข้าไปรับเจ้าตัวแต่ว่าพี่สินถึงตัวเร็วกว่าเลยเป็นคนที่พยุงเขาไว้ ผมขมวดคิ้วแน่น เมื่อกี๊เขายังกระชากหนังสือจากมือผมไปอยู่เลย ดูท่าทางไม่ได้เจ็บอะไรด้วยซ้ำ แถมยืนตั้งท่าจะเอาเรื่องผมอีกทำไมตอนนี้มาเจ็บขาได้

 

"ไหวมั้ยครับ" ผมส่งเสียงถามออกไป คุณมิ้วปรายตามามองทางผมเล็กน้อยแล้วหันไปขอบคุณพี่สิน

 

"ขอบคุณมากนะคะพี่สิน ขามิ้วน่าจะพลิกด้วยน่ะค่ะ ยังไงมิ้วรบกวนคุณปอนด์ถือหนังสือไปคืนที่ให้หน่อยได้มั้ยคะ มิ้วน่าจะเดินไปไม่ไหว" ผมพยักหน้ารับหนังสือจากมือเขา

 

"มึงมาพยุงเขาดีกว่าเดี๋ยวกูเอาหนังสือไปเก็บให้" พี่สินว่าพลางปล่อยมือจากไหล่คุณมิ้วแล้วจะมาเอาหนังสือจากผมไปแทน

 

"โอ๊ย" 

 

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวยังไงพี่สินพาคุณมิ้วเขาไปนั่งก่อนละกันครับ เดี๋ยวผมเอาหนังสือไปไว้ที่เอง" ผมสรุปเองเสร็จสรรพแล้วรีบเดินแยกตัวออกมา ถึงผมจะโง่ขนาดไหนแต่ทำขนาดนี้ใครจะไม่เข้าใจจุดประสงค์ล่ะครับ ก็คงจะอีกหนึ่งในแฟนคลับพี่สินเขานั่นแหละ แต่ก่อนฮอตยังไงก็ฮอตอย่างนั้นจริงๆคนเข้าหาเยอะแยะไปหมด

 

************************

 

"ขอบคุณพี่สินมากเลยนะคะที่มาส่ง ไม่คิดเลยว่าจะกลับทางเดียวกัน" คุณมิ้วที่นั่งอยู่เบาะหลังยื่นหน้ามาขอบคุณพลางยิ้มให้อย่างน่ารัก

 

"ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็ทางผ่าน" พี่สินตอบอย่างไม่ใส่ใจนัก ส่วนผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรก็เลยเลือกที่จะเงียบดีกว่า

 

"ถ้ายังไงมิ้วขอช่องทางการติดต่อไว้ได้มั้ยคะ อยากจะเลี้ยงขอบคุณจริงๆ ที่อุตส่าห์มาส่งมิ้ว"

 

"ไม่เป็นไรครับ คุณโอเคแล้วก็รีบขึ้นห้องไปพักผ่อนเถอะครับ"

 

"เรียกมิ้วเฉยๆก็ได้ค่ะ แต่มิ้วอยากจะเลี้ยงขอบคุณพี่สินจริงๆนะคะที่มาเป็นธุระให้"

 

"แค่คำขอบคุณก็พอครับ อีกอย่างที่คุณมิ้วต้องเจ็บตัวก็เพราะแฟนผมด้วย ผมต้องขอโทษแทนน้องปอนด์ด้วยนะ น้องสายตาสั้นน่ะครับแล้วยังไม่ชอบใส่แว่นด้วยก็เลยไปชนคุณมิ้วเข้า ซุ่มซ่ามตลอดเลยนะเรา เอ้า ขอโทษคุณมิ้วเขาด้วย" พี่สินยื่นมือมาขยี้หัวผมที่หน้าเหวอเบาๆแล้วยิ้มหวานให้ผมจนขนลุก

 

"ขอโทษครับ"

 

"มะ..ไม่เป็นไรค่ะ  ถ้ายังไงมิ้วขอตัวก่อนนะคะ แล้วก็ขอบคุณอีกครั้งด้วยค่ะ" คุณมิ้วรีบเปิดประตูลงจากรถไปทันที แถมรีบเดินจ้ำอ้าวไปอีก ไม่เจ็บขาแล้วหรอ แปลกคน

 

"มึงนี่นะเมื่อไหร่จะทันคนสักทีวะ" พี่สินถอนหายใจเบาๆแล้วออกรถ

 

"ผมไม่ได้ซื่อขนาดนั้นสักหน่อย"

 

"มึงดูไม่ออกหรอว่าเขามาอ่อยกูเนี่ย" พี่สินขึ้นเสียงถามผมออกมาอย่างไม่รู้ตัว

 

"ดูออกครับ แต่ผมไม่ได้มีสิทธิจะไปห้ามอะไรเขานี่ครับ" ผมตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์บ้าง

 

"กูยกให้"

 

"อะไรครับ" ผมถามกลับงงๆ อยู่ๆมายกอะไรให้ผม

 

"สิทธิไงกูยกให้"

 

"สิทธิอะไรของพี่?"

 

"สิทธิของแฟน มึงหวงกูได้ ห่วงกูได้ มึงเป็นแฟนกูแล้ว เหลือแค่เมื่อไหร่กูจะเป็นแฟนมึงแค่นั้นแหละ" ผมเม้มปากพยายามไม่หลุดยิ้มออกมาแต่ก็ห้ามได้ยากจริงๆครับ

 

"จะยิ้มก็ยิ้มกูชอบให้มึงยิ้ม แล้วก็ไม่ต้องคิดจะให้ใครเข้ามาหากูเพื่อลองใจนะ กูชอบมึงกูจีบมึงอยู่ มึงไม่มีทางเลือกหรอกไม่ว่าช้าหรือเร็วยังไงกูก็ต้องเป็นแฟนมึง" พี่สินพูดจบก็ขับรถต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเรื่องที่พูดเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือใจกับปากผมเนี่ยแหละ จะยิ้มอะไรนักหนาเล่า บอกให้หุบยิ้มไงปอนด์!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

*******************

tbc.

 

มาอัพแล้ว ขอโทษนะคะ ความห้าวของเราคือเที่ยวหนักมากห้าวันสี่คืนเลย พอกลับจากเที่ยวคือไม่สบายเลย ต้องให้น้ำเกลือกันเลยทีเดียว แล้วข้อมือก็ซ้นอีกพิมพ์มาเรื่อยๆหลายวันแล้วแต่มันปวดเลยพิมพ์ได้แค่แป๊บๆต่อวันต้องพันผ้าเอาไว้ แทนคำขอโทษ เอาบรรยากาศวิวสวยๆมาฝากค่ะ อยากจะพาทุกคนมาเที่ยวด้วยกันให้หมดเลย

 




หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 26-06-2020 00:16:37
 :3123:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.26 กลัวความเร็ว
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 29-06-2020 19:03:37


Ch.26 กลัวความเร็ว








 

"ปอนด์วันนี้เย็นมึงว่างป้ะ" ผมละสายตาจากโปรเจคเตอร์ที่อาจารย์สอนอยู่หันไปหาวิวกับโฟล์ค

 

"ว่างครับ"

 

"พี่รหัสกูให้มาชวนไปกินเลี้ยงงานวันเกิดเขา" ร้อยวันพันปี พี่ปลาพี่รหัสของโฟล์คไม่เคยจะชวนผมไปกินเลี้ยงหรืออะไรทำนองนี้เลย โฟล์คเองก็บอกว่าปกติเขากับพี่รหัสตัวเองก็ไม่ได้สนิทชิดเชื้ออะไร พวกผมก็เป็นพวกที่ไม่ค่อยสุงสิงกับกลุ่มไหนอยู่แล้ว เลยคิดว่าเพราะความติสท์ของเด็กคณะนี้ล่ะมั้งเลยทำให้แต่ละคนเลือกจะเกาะกลุ่มตัวเอง ถึงจะรู้จักกัน แต่ก็ไม่ได้ถึงกับสนิท ส่วนตัวผมไม่มีพี่รหัสด้วยสายขาดครับเพราะพี่ซิ่วไปมออื่น งานที่ได้ส่วนใหญ่ก็คือเพื่อนพี่รหัสนั่นแหละครับ เขาฝากฝังผมไว้ก่อนจะซิ่วไป

 

"แปลกๆป้ะวะ ปกติไม่เห็นจะสนใจเราเลย" วิวตั้งข้อสังเกตเหมือนผมเป๊ะ ผมพยักหน้ารับเบาๆ ผมแทบไม่เคยคุยกับพี่เขาเลยด้วยซ้ำนอกจากตอนที่เขาเรียกให้ไปช่วยถ่ายภาพพวกเบื้องหลังงานอะไรประมาณนั้น

 

"กูก็แปลกใจเหมือนกันแหละ แต่ทำไงได้อ้ะ กูก็ไม่อยากไปคนเดียวป้ะวะ" โฟล์คว่าพลางหยิบมือถือขึ้นมาส่งให้ผมกับวิวอ่าน

 

"เนี่ย แถมพี่เขายังย้ำมาอีกว่าให้พาพวกมึงสองคนไปให้ได้ด้วย" ผมอ่านจบแล้วมองหน้าเพื่อนตัวเองพลางขมวดคิ้ว อืม แปลกแฮะ

 

"มีใครไปบ้างวะ"วิวยื่นโทรศัพท์คืนให้โฟล์ค

 

"ก็มีพวกพี่ๆปีสามกลุ่มเขากับพวกรุ่นพี่ต่างคณะอีก"

 

"งั้นเราไม่ไปคงไม่เป็นไรมั้งครับ คนก็ไปเยอะแล้ว"

 

"แต่เขาเน้นมาเลยนะว่าให้กูลากพวกมึงไปให้ได้" โฟล์คว่าพลางทำหน้าลำบากใจ

 

"ถ้างั้นเราแค่แวะเอาของขวัญไปให้แล้วกลับดีมั้ยวะ?" วิวเสนอความคิดเห็นซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง

 

"ผมว่าก็ดีนะ แค่แวะไปทักทายแล้วขอตัวกลับ บอกว่าเราติดธุระน่าจะไม่น่าเกลียดเท่าไหร่มั้งครับ" 

 

"งั้นเราสามคนรวมเงินกันซื้อของขวัญดีๆให้เขาไปเลยดีมั้ยมึง" ผมพยักหน้าเห็นด้วย เพราะถ้าให้แยกกันซื้อผมคงไม่พ้นต้นไม้สักต้น หรือตุ๊กตาสักตัวแน่ๆ ปกติผู้หญิงเขาชอบของขวัญอะไรกันนะ

 

"มึงก็โทรไปบอกพี่สินด้วยล่ะ เดี๋ยวพี่เขามารับเก้อ" ผมพยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์มาส่งไลน์บอกพี่สินว่าวันนี้ไม่ต้องมารับเพราะจะกลับประมาณหัวค่ำหน่อย พี่สินอ่านข้อความอย่างรวดเร็วแล้วโทรกลับมาทันที ผมรีบกดตัดสายแล้วปิดเสียงก่อนที่จะโดนอาจารย์ไล่ออกจากห้อง

 

"พี่สินหรอวะ?" ผมพยักหน้าตอบรับวิวแล้วรีบเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง รับรู้ถึงอาการสั่นของโทรศัพท์ตัวเองไม่หยุด

 

"กูว่ามึงรับเถอะ ไม่งั้นไม่เลิกโทรแน่ๆ"ผมพยักหน้ารับก่อนจะขออนุญาตอาจารย์ไปเข้าห้องน้ำ พอเดินออกมาจากห้องได้ก็รีบรับสายพี่สินทันที ดูจากที่ไม่ได้รับมาสามสายแล้วเตรียมตัวหูชาได้เลยครับ

 

("ทำไมรับช้า") นั่นไง เสียงมาคุมากเลยครับ

 

"ผมเรียนอยู่ครับ"

 

("เรียนอยู่แล้วไลน์มาหากูได้ไง แถมไลน์มาว่าจะกลับดึกคือ?")

 

"ไม่ได้กลับดึกครับ กลับหัวค่ำ จะไปทำธุระ"

 

("ดึกหรือหัวค่ำก็เหมือนกันอ้ะ ธุระอะไรกูพาไปได้")

 

"ผมจะไปงานวันเกิดรุ่นพี่น่ะครับ"

 

("รุ่นพี่ที่ไหน?")

 

"ที่คณะนี่แหละครับ"

 

("มึงกวนตีนกูหรอปอนด์") อ้าว

 

"เปล่าครับ รุ่นพี่ที่คณะจริงๆ"

 

(ที่กูอยากรู้คือ เขาเป็นใคร?")

 

"เป็นรุ่นพี่ผมไงครับ" ผมตอบอย่างพาซื่อ พี่สินจะถามคำถามเดิมๆไปเพื่ออะไร ผมก็บอกไปแต่ต้นแล้วว่าเป็นรุ่นพี่ที่คณะ

 

("เฮ้อ กูหมายถึงรุ่นพี่มึงน่ะ ชื่ออะไร?") อ๋อ อยากรู้ชื่อก็ถามชื่อสิ ถามว่าเป็นใครอยู่ได้

 

"พี่ปลาครับ เป็นพี่รหัสของโฟล์ค"

 

("แสดงว่าไอ้โฟล์คไปด้วย?") พี่สินเสียงอ่อนลงมานิดหนึ่งตอนที่ผมบอกว่าโฟล์คก็ไปกับผม

 

"ครับ วิวก็ไปครับ" 

 

("เออ แค่นี้") แล้วพี่สินก็ตัดสายไปเลยครับ อะไรของเขานะ อารมณ์ยังกับพายุนึกจะโทรมาก็โทรมา นึกจะวางก็ตัดสายดื้อเลย เห้อ

 

"ครับพี่...ครับ" จังหวะที่ผมกำลังจะเดินกลับห้องเรียนก็เห็นโฟล์คเดินคุยโทรศัพท์มาทางนี้พอดี ผมเลยเดินเข้าไปหาเจ้าตัว โฟล์คทำท่าเอานิ้วชี้แตะไปที่ปากเป็นเชิงให้ผมเงียบ ผมพยักหน้ารับแล้วยืนอยู่เป็นเพื่อนจะได้กลับเข้าห้องเรียนพร้อมกัน

 

"ไว้ใจผมได้ครับ ผมจะดูแลมันเป็นอย่างดี ไม่ให้ห่างตัวเลยครับพี่...ครับ...เหล้าไม่มีเฉียดกรายเข้าใกล้มันแน่นอนครับ...ครับพี่...ได้ครับ ถ้าถึงผมจะโทรรายงานครับ ครับ สวัสดีครับ" โฟล์คตัดสายทิ้งพลางหันมาถอนหายใจใส่ผมด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย

 

"นี่เพื่อนกูกำลังจะผัวหรือมีพ่อวะ?" หืม?

 

"ใครครับ วิวหรอ?" 

 

"กวนตีนตาใสจริงๆเลยมึงก็รู้ว่ากูหมายถึงมึงนั่นแหละ พี่สินนี่หวงมึงเกินหน้าเกินตาไปหน่อยมั้ย พี่เป้ก็คนหนึ่งแล้ว นี่ต้องมาคอยตอบคำถามพี่สินเพิ่มอีก" โฟล์คบ่นหงุงหงิงก่อนจะกอดคอผมเดินเข้าคลาส

 

**************************

 

"แฮปปี้เบิร์ธเดย์นะครับพี่ปลา" ผมยิ้มให้พี่รหัสคนสวยของโฟล์คพี่ปลาฉีกยิ้มกว้างทันทีที่เห็นพวกผมก่อนจะขอบคุณสำหรับของขวัญที่พวกเราซื้อมาให้

 

"จริงๆ ไม่น่าลำบากกันนะ แค่มาร่วมงานพี่ก็ดีใจแล้ว" พวกผมยิ้มรับแห้งๆไม่รู้จะพูดอะไร รู้สึกกระอักกระอ่วนนิดหน่อย พี่ปลายิ้มให้อีกทีก่อนจะกวักมือเรียกเพื่อนตัวเองจากอีกฝั่งหนึ่ง

 

"เบนซ์ๆ ทางนี้" ผมหันไปมองคนที่เข้ามาใหม่ในวงสนทนาเราก่อนจะยกมือไหว้ พี่เบนซ์หันมายิ้มให้ผมก่อนจะหันไปยื่นกล่องของขวัญให้เพื่อนตัวเอง

 

"เอ้า ของขวัญแฮปปี้เบิร์ธเดย์นะปลา"

 

"ขอบใจนะ เออเบนซ์นี่ไงน้องรหัสเรากับเพื่อนๆที่เราเคยเล่าให้ฟัง"

 

"อืม เรารู้จักน้องแล้ว"

 

"อ้าวหรอ งั้นคุยกันไปก่อนนะเราไปหาเพื่อนตรงนู้นก่อน" พี่เบนซ์พยักหน้ารับ

 

"เป็นไงเราไม่ได้เจอกันนานเลย"

 

"สบายดีครับ พี่เบนซ์ล่ะ" ผมตอบแล้วถามกลับเป็นมารยาท

 

"ก็ดี พี่ๆเขาบ่นคิดถึงเรากันใหญ่เลย พี่ก็คิดถึง ว่างๆก็แวะไปบ้างนะ"

 

"ได้ครับ" 

 

"หิวมั้ยเดี๋ยวพี่ไปตักขนมมาให้"

 

"ยังไม่หิวครับ พี่เบนซ์ไปทานก่อนได้เลย"

 

"ไม่อ้ะ พี่อยู่เป็นเพื่อนปอนด์ดีกว่า" พี่เบนซ์ยิ้มแล้วเลื่อนเก้าอี้ใกล้ๆออกให้ผมนั่ง

 

"ไม่รบกวนพี่ขนาดนั้นหรอกครับ เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนมันเอง พี่ไปหาเพื่อนพี่เถอะครับ" วิวเดินมานั่งตรงเก้าอี้ตัวนั้นแล้วตบเก้าอี้ตัวข้างๆบังคับทางสายตาให้ผมนั่งลง ซ้ำโฟล์คยังเดินไปนั่งขนาบอีกข้าง พี่เบนซ์ขมวดคิ้วมองเพื่อนๆ ผมอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่พูดอะไรไม่ได้ ผมยิ้มแหยๆให้ พี่เบนซ์จึงรีบเปลี่ยนสีหน้ายิ้มแย้มให้ผม

 

"งั้นเดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้ปอนด์ดีกว่าเนอะ" พี่เบนซ์พูดจบก็เดินออกไปทางซุ้มน้ำเลยทันที

 

"กูว่าแล้วว่ามันต้องมีอะไรไม่งั้นพี่สินไม่โทรมาย้ำกูหลายๆรอบหรอกว่าให้ตัวติดมึงไว้" วิวขยับเก้าอี้เข้ามาใกล้ผมก่อนจะกระซิบให้ได้ยินกันแค่สามคน

 

"อ้าว มึงก็ด้วยหรอวะ นี่พี่สินก็โทรบอกให้กูดูแลไอ้ปอนด์ให้ดี" โฟล์คพูดขึ้นมาอีกคน

 

"เออ เข้าใจเลยว่าทำไมพี่มันหวง ดูสายตาแม่งมองไอ้ปอนด์ดิ" ผมหันไปมองทางซุ้มน้ำที่พี่เบนซ์เดินไปเมื่อสักครู่เห็นเขายืนคุยกับเพื่อนอยู่พอหันมาสบสายตาผมก็ยิ้มให้ ผมยิ้มตอบก่อนจะหันมาคุยกับเพื่อนๆ

 

"ไม่มีอะไรหรอกครับ พี่สินระแวงมากไป"

 

"ไม่มีกับผีสิ มึงห้ามห่างพวกกูเลยนะ เดี๋ยวอีกสักครึ่งชั่วโมงกูจะพามึงกลับ" ผมพยักหน้าให้โฟล์คก่อนพวกเราทั้งสามคนจะเงียบเมื่อพี่เบนซ์เดินเข้ามากับเพื่อนเขาอีกสองสามคน

 

"น้องปอนด์เพื่อนพี่ขอมานั่งด้วย สะดวกมั้ยครับ" ผมพยักหน้ารับเชิญให้พวกเขาที่อุตส่าห์ถือน้ำดื่มเข้ามาให้

 

"นี่พี่จอย พี่ทิว พี่ตุ๊กตาครับ ส่วนนี่น้องวิว น้องโฟล์ค แล้วก็น้องปอนด์" ผมยกมือไหว้พวกพี่ๆที่มาใหม่

 

"พี่ขอนั่งด้วยนะเด็กๆ ที่อื่นมันเต็มแล้ว" พี่ตุ๊กตาพูดขึ้นอย่างเกรงใจ

 

"ยินดีเลยครับพี่" โฟล์คระริกระรี้เข้าไปบริการเลื่อนเก้าอี้ให้สาวสวยตรงหน้าแถมยังเปลี่ยนไปนั่งข้างพี่เขาเรียบร้อยแล้ว ทั้งๆที่เมื่อกี๊ยังห้ามให้ผมห่างจากเขาอยู่เลยแต่ตอนนี้คือโฟล์คไม่สนใจผมไปแล้วครับ นั่งคยกับสาวๆสนุกสนานเชียว

 

"น้องปอนด์ใช่มั้ย? เห็นเบนซ์มันพูดให้ฟังหลายครั้งแล้วว่ามีน้องที่ทำงานเรียนที่เดียวกัน ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ"

 

"เช่นกันครับ" ผมยิ้มตอบพี่ทิว พี่เบนซ์ยื่นน้ำสีสันสดใสให้ผมพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

 

"ขอบคุณครับ" ผมยิ้มรับก่อนจะหยิบแก้วมาวางไว้ข้างหน้า

 

"น้องปอนด์มานานหรือยังครับ แล้วกลับยังไงให้พี่ไปส่งมั้ย?" ผมที่กำลังจะอ้าปากตอบจำต้องหุบปากลงเมื่อวิวเพื่อนผมโพล่งตอบขึ้นมาแทน

 

"เพิ่งมาถึง แต่คิดว่ากำลังจะกลับแล้ว ขับรถกันมาเองไม่รบกวนพี่หรอกครับ" พี่เบนซ์หันไปมองหน้าวิวอย่างไม่พอใจในขณะที่วิวเองก็มองพี่เบนซ์อย่างไม่เป็นมิตรเช่นกัน พี่ทิวหัวเราะขึ้นเพื่อทำลายบรรยากาศที่กำลังมาคุสุดๆ ระหว่างพี่เบนซ์กับวิว

 

"เออ น้องวิวนี่น้องรหัสไอ้พีทมันป้ะเหมือนพี่จะคุ้นๆ" พี่ทิวถามขึ้นวิวทำหน้าฉงนเล็กน้อยก่อนจะตอบ

 

"ใช่ครับ"

 

"เห็นพี่รหัสเราบ่นหาอยู่นะหาตัวยากนี่เรา" วิวยิ้มแหยๆ 

 

"เรียนยุ่งๆน่ะครับ พวกพี่ๆเองก็ใช่ย่อย แทบไม่เห็นหน้าเห็นตา" เจ้าตัวตอบหงุงหงิงๆ ก่อนจะจิบน้ำที่พี่ทิวเอามาให้ จากนั้นก็คุยติดลมกันไปอีกคู่ แถมชวนกันเดินไปตักอาหารที่ซุ้มแล้วหายไปเลย ผมหันไปทางโฟล์คก็เห็นเจ้าตัวเริ่มกรึ่มๆ ยกแก้วชนกับพี่สาวที่เริ่มมาเพิ่มเยอะขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้จนผมแทบมองไม่เห็นโฟล์คที่อยู่กลางวง ไหนบอกอยู่แค่ครึ่งชั่วโมงจะกลับไง นี่เลยมาชั่วโมงครึ่งแล้วนะ

 

"เบื่อหรอเรา" ผมยิ้มน้อยๆให้พี่เบนซ์ก่อนจะพยักหน้าเบาๆ

 

"นิดหน่อยครับ คือผมไม่ค่อยชอบงานสังสรรค์อะไรแบบนี้" พี่เบนซ์พยักหน้ารับก่อนจะชูกุญแจรถมาตรงหน้า

 

"พี่ไปส่งบ้านมั้ย?" ผมลังเลใจนิดหน่อย อยากกลับก็อยาก แต่ก็ไม่กล้ากลับกับพี่เขาสองคนเพื่อนตัวดีก็ไม่มีทีท่าอยากจะกลับเลย

 

"คือ..."

 

"ไม่ต้องเกรงใจหรอก พี่สงสารดูทำหน้าเข้า ฮ่าๆๆ" พี่เบนซ์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี ผมพยักหน้าเบาๆก่อนจะพูด

 

"ถ้ายังไงต้องรบกวนด้วยนะครับ" พี่เบนซ์ยิ้มรับก่อนจะหันไปบอกเพื่อนเขาที่นั่งอยู่บริเวณนั้น

 

"ป้ะ"

 

"ครับ"

 

**********************************

 

"รถพี่รกหน่อยนะ" ผมเข้ามานั่งข้างคนขับก่อนจะมองไปรอบๆ ไม่รกเลยสักนิด ออกจะเป็นระเบียบเกินไปด้วยซ้ำ สู้รถพี่สินไม่ได้ คันนั้นนะ รองเท้าอยู่คนละทางเลย

 

"ไม่เป็นไรครับ รบกวนพี่สินด้วยนะครับ"

 

"...." ผมหันไปมองพี่เบนซ์ที่ไม่ยอมออกรถสักทีอย่างแปลกใจ พี่เบนซ์ก็ขมวดคิ้วมองหน้าผมอยู่เหมือนกัน

 

"มีอะไรหรือเปล่าครับ?"

 

"เมื่อกี๊ปอนด์เรียกพี่ว่าสิน" ผมตกใจจนเผลอยกมือตบปากตัวเอง ปกติผมเคยชินกับการนั่งรถไปไหนมาไหนกับพี่สินตลอด

 

"ขอโทษครับ มันชิน..." พี่เบนซ์ยิ้มให้ก่อนจะออกตัว ทั้งคันรถเงียบกริบผมไม่กล้าพูดอะไรอีกเพราะกลัวจะเรียกผิด พอออกมาได้สักพักก็มีเสียงเรียกเข้ามือถือผมจนผมสะดุ้ง พี่สินโทรมาทำไมตอนนี้?

 

"ครับ"

 

("มึงอยู่ไหน ไอ้วิวบอกว่าพอกลับไปที่โต๊ะแล้วไม่เจอมึง")

 

"ผมกำลังกลับแล้วครับ"

 

("กลับกับใคร?") เสียงพี่สินห้วนสั้นจนผมใจหาย

 

"พี่เบนซ์ครับ"

 

"..." พี่สินเงียบจนผมไม่ได้ยินเสียงลมหายใจด้วยซ้ำ

 

"พี่สิน?"

 

("ลงจากรถเดี๋ยวนี้")

 

"ครับ?"

 

("กูบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าอย่ายุ่งกับเหี้ยนั่น!!") ผมตกใจจนยกโทรศัพท์ออกจากหู พี่เบนซ์หันมามองพลางขมวดคิ้วเล็กน้อยคาดว่าเขาก็ได้ยินเหมือนกัน

 

"เอ่อ...ตอนนี้ออกมาได้สักพักแล้วน่ะครับ เดี๋ยวใกล้ถึงแล้วผมบอกนะครับ" ผมพยายามประนีประนอมกับพี่สินดีๆเมื่อพี่เขาเริ่มใส่อารมณ์มากขึ้น แถมยังตะคอกจนเสียงลอดลำโพงอีก

 

("กูบอกให้ลงจากรถเดี๋ยวนี้ มึงพูดไม่รู้เรื่องหรอปอนด์ กูบอกมึงว่าไง กูไม่ให้มึงอยู่ใกล้ๆมันมึงจำได้บ้างมั้ย หรือมึงชอบมัน!") ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยทำไมถึงไม่มีเหตุผลได้ขนาดนี้นะ

 

"ปอนด์เอามานี่พี่คุยให้ครับ" ปกติผมไม่ชอบหรอกนะที่จะให้ใครมาจับของส่วนตัวแต่ตอนนี้ผมไม่ไหวจะคุยกับพี่สินจริงๆ

 

"กูขับออกมาไกลแล้วมึงจะอะไรนักหนา เดี๋ยวใกล้ถึงน้องโทรบอกมึงไม่ได้ฟังหรอวะ?...มึงสิเหี้ย...มีเหตุผลหน่อยได้มั้ย?...ถ้ากูปล่อยน้องลงตรงนี้แล้วน้องมันจะกลับยังไง...กว่ามึงจะมาถึงน้องไม่โดนลากเข้าข้างทางไปแล้วหรือไง?" ผมนั่งเงียบฟังพี่เบนซ์คุยกับพี่สินไป ไม่ได้อยากจะจับใจความอะไรมากมายเลยหันหน้าออกนอกรถดีกว่า

 

"ไอ้สัตว์!!!!" พี่เบนซ์ตะโกนด่าเสียงดังก่อนจะกดตัดสายแล้วยื่นโทรศัพท์คืนให้ผม จากนั้นก็เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆจนผมกลัว

 

"พี่เบนซ์ครับ ช้าๆหน่อยครับ" ผมจับเบลท์ที่คาดตัวเองไว้แน่นเสียงที่เปล่งออกไปก็เบาหวิว นอกจากพี่เบนซ์จะไม่ได้ยินแล้วยังคงเพิ่มความเร็วขึ้นจนผมมวนท้องมองรอบข้างไม่ชัดเจนอย่างที่เคย ทุกอย่างที่กินเข้าไปทั้งวันมากระจุกกันอยู่ที่คอ

 

"พี่เบ...เบนซ์" ผมส่งเสียงออกไปอย่างยากลำบากทั้งแน่นหน้าอก หายใจติดขัดและพยายามที่จะไม่อ้วกออกมาทั้งๆที่มันจะไม่ไหวแล้ว สุดท้ายผมก็ไม่ไหวปล่อยให้อาหารที่จุกอยู่ที่ลำคอออกมาสู่ภายนอก

 

"เฮ้ย ปอนด์!!! ปอนด์เป็นอะไร!!!!" ผมรู้สึกเหมือนรถจอดนิ่งสักทีแต่รอบๆข้างยังคงลายตาไม่ชัดเหมือนเดิมเพราะสติที่ใกล้จะดับวูบแต่ก่อนที่จะหมดสติไปผมได้ยินเสียงโทรศัพท์ตัวเองจากที่ไกลๆ แต่น่าเสียดายที่ผมไม่มีแรงพอจะรับมันแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

*********************

tbc.

 

เรา: โอ๋ๆนะน้องปอนด์ ไหนใครมันชอบตะคอกหนู แม่จะตีหัวมัน

น้องปอนด์: **ปรายตาไปทางพี่สิน**

สิน: มองอะไร!!!

เรา: เปล่าจ้า  ไม่มีอะไรเลย **อุ้มน้องเข้าเอวหนี** **เราไม่สู้คน**

  :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5: :katai5:

 

 

 

 

 

 


หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: GBlk ที่ 29-06-2020 19:15:39
เบนซ์ ศพไม่สวยแน่นอน
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.27 ไม่เก่งเรื่องดูแล แต่รักเธอไม่แพ้ใคร
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 02-07-2020 18:22:56


Ch.27 ไม่เก่งเรื่องดูแล แต่รักเธอไม่แพ้ใคร




 
 ​




 

ผมลืมตาตื่นรู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองมาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว สังเกตจากชุดที่เปลี่ยนไปเป็นชุดของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ปวดหัวเหมือนจะระเบิดเลย

 

"ปอนด์ ปอนด์เป็นไงบ้าง ได้ยินพี่มั้ย?" ผมหันไปมองตามเสียงหรี่ตาฝ่าความจ้าของแสงไฟเห็นพี่สินยืนอยู่ข้างเตียงด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน

 

"กินน้ำก่อนนะ" พี่สินเทน้ำเปล่าใส่แก้วให้ผมพร้อมประคองตัวผมให้ลุกนั่ง

 

"นี่ ค่อยๆดื่ม" ผมรับแก้วน้ำมาดื่มแก้กระหาย ลำคอยังรู้สึกได้ถึงรสชาติแปร่งๆของอาเจียนที่ตัวเองปล่อยออกมาก่อนจะสติหายไป

 

"เป็นยังไงบ้าง" ผมยื่นแก้วน้ำให้พี่สินเอาไปเก็บไว้ตามเดิมก่อนจะเอ่ยเสียงตอบ แต่เสียงผมกลับแหบพิกล

 

"ปวดหัวนิดหน่อยครับ"

 

"ให้พี่ตามหมอมั้ย แล้วหิวหรือเปล่าอยากกินอะไรมั้ยพี่จะไปบอกพยาบาล" ผมส่ายหัวพลางหลับตาทิ้งตัวลงนอนเหมือนเดิม ผมจะปวดหัวกว่าเดิมเพราะพี่สินเนี่ยแหละครับ

 

"แล้วนี่ปอนด์มาอยู่ที่นี่ได้ไงครับ"

 

"ไอ้เบนซ์มันพาเรามาส่งโรงพยาบาล"

 

"แล้วพี่เบนซ์ล่ะครับ"

 

"ทำไม? คิดถึงมันหรือไง" พี่สินถามด้วยน้ำเสียงกระชากห้วนและแสดงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้าท่าทาง

 

"ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมแค่ถาม" ผมตอบเสียงอ่อย จริงๆก็แทบไม่มีเสียงอยู่แล้วมาเจอพี่สินอารมณ์เสียใส่อีก ผมยิ่งไม่มีแรงจะพูดเลย

 

"มันกลับไปแล้ว รู้ตัวมั้ยว่าสลบไปตั้งเกือบ10ชั่วโมง นี่ถ้าไม่ตื่นกูว่าจะวนรอบเมรุขึ้นเผาละนะ" ผมเบะปากใส่ ใจร้ายจริงๆเลย

 

"ไม่ต้องมาเบะปากใส่เลยกูบอกแล้วว่าให้กูพาไปไม่เชื่อแล้วเป็นไง เพื่อนมึงนี่ก็ไว้ใจไม่ได้สักคน กูต้องทำไงวะปอนด์ ต้องผูกข้อมือมึงติดไว้กับกูเลยมั้ยมึงถึงจะปลอดภัย" พี่สินว่ายาวออกมาจนผมรู้สึกผิด เดี๋ยวนะ แล้วนี่ผมผิดอะไร ใครจะอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกันเล่า

 

"ทำไมกลายเป็นผมผิดไปได้ล่ะครับ?" ผมหลุบตามองต่ำพึมพำเรียกร้องความยุติธรรมให้ตัวเองอย่างไม่เต็มเสียงนัก เพราะจับสัญญาณความไม่พอใจของพี่สินได้อยู่

 

"มึงผิดนั่นแหละถูกแล้ว โทษฐานที่ทำกูเป็นห่วงจนนอนไม่ได้เนี่ย" ผมหันไปมองตาพี่สินที่มองกลับมาเช่นกัน ขอบตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าเลย

 

"ขอโทษครับ" 

 

"ช่างมันเถอะ จะโทษมึงคนเดียวก็ไม่ได้หรอก ต้องโทษไอ้เหี้ยเบนซ์ ไอ้เบนซ์คนเดียวเลย กูบอกมึงแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับมัน" พี่สินว่าเสียงเครียด พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับพี่เบนซ์ทีไร ดูเหมือนพี่สินจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้สักที

 

"คือ..."

 

"อะไร?"

 

"ผมถามได้มั้ยครับว่าทำไม พี่เบนซ์กับพี่สินไม่ถูกกันหรอครับ"

 

"เกลียดเลยล่ะ" ผมขมวดคิ้วหลังจากที่ได้ยินคำตอบ

 

"จริงๆ มันนั่นแหละที่เกลียดกูอยู่ตอนนี้กูไม่ได้อะไรแล้ว เรื่องไร้สาระผ่านมาตั้งนานแล้ว"

 

"เรื่องอะไรหรอครับ?" พี่สินชะงักไปนิดก่อนจะหลบสายตาผมแล้วถอนหายใจ

 

"ไม่ต้องบอกก็ได้ครับ ผมแค่ถามเฉยๆ" พี่สินดึงเก้าอี้มานั่งข้างเตียงแล้วหายใจเข้าแรงๆครั้งหนึ่ง

 

"เล่าได้แต่กูขออย่าง มึงฟังให้จบอย่าเพิ่งตัดสินกูได้มั้ยวะ?" ผมพยักหน้ารับตั้งใจฟังในสิ่งที่พี่สินกำลังจะพูด

 

"มึงก็รู้ใช่มั้ยว่าแต่ก่อนกูค่อนข้างเจ้าชู้..." พี่สินพูดอย่างระมัดระวังแล้วมองดูปฏิกิริยาผมก่อนจะพูดต่อ

 

"ก็นั่นแหละแต่ตอนนี้กูเลิกแล้วนะ มีมึงคนเดียวเลยสาบาน" ผมมองหน้าพี่สินประมาณว่ามันเกี่ยวกับที่จะเล่ายังไง มัวแต่ลีลาแก้ตัวอยู่อย่างนี้จะเล่าจบมั้ย

 

"กำลังจะเล่าต่อนี่ไง มึงอย่ามองแรงดิใจกูฝ่อ" ยังอีก

 

"ก็กูเคยไปจีบน้องคนหนึ่งแต่ว่าน้องเขาดันจริงจัง อย่ามองกูแบบนั้นดิเดี๋ยวกูเล่าไม่ออก...กูไม่ได้จริงจังอะไรอ้ะ ตอนนั้นยังไม่เจอมึงเลยด้วยกูเพิ่งขึ้นปีสองใหม่ๆก็แบบมั่นใจตัวเองพอสมควรเลย แต่พอควงได้ประมาณสองอาทิตย์กูก็เริ่มเบื่อ" ผมขมวดคิ้วเมื่อพี่สินเล่าถึงตรงนี้ อย่างนี้ถ้าเราคบกันถึงสองอาทิตย์เขาก็จะเบื่อผมใช่มั้ย

 

"อย่าคิดว่ากูจะเบื่อมึงล่ะ ถ้ากูเบื่อมึงกูเบื่อไปนานแล้วไม่ตามตอแยจนได้มาอยู่กับมึงอย่างนี้หรอก" ทีอย่างนี้ล่ะแก้ตัวเร็วเลย

 

"กูก็เลยบอกเลิกน้องไป แต่น้องไม่ยอมจบ ส่วนกูตอนนั้นมันก็หมดความสนใจน้องแล้วก็เลยเดินหน้าจีบคนอื่น พอน้องรู้น้องก็ตามมาอาละวาดที่ห้องกู กูก็เลยแจ้งตำรวจเพราะมันค่อนข้างคุกคามหนักแล้ว น้องเล่นปั๊มกุญแจห้องกูบางทีเข้าห้องไปนอนรออยู่บนเตียง บางวันก็ทำกับข้าวไว้รอกูกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มันน่าขนลุกนี่หว่า" พี่สินเล่าพลางทำท่าขนลุกไปด้วย

 

"แล้วเผอิญว่าน้องคนนั้นเป็นน้องสาวไอ้เบนซ์มัน กูกับมันก็เลยมีปัญหากัน" ผมพยักหน้ารับ

 

"เป็นผม ผมก็เกลียดครับ"

 

"เออ ก็รู้สึกผิดอยู่นี่ไง ตั้งใจจะเป็นคนดีแล้วด้วย" ผมหรี่ตาอย่างไม่เชื่อนัก

 

"แล้วตอนนี้น้องเขาอยู่ที่ไหนหรอครับ"

 

"ได้ข่าวว่าน้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับพ่อแม่ เพราะต้องรักษาอาการทางจิตด้วย กูก็ไม่ค่อยรู้อะไรมาก แต่ก็เข้าใจแหละว่าตัวเองก็คงเป็นต้นเหตุให้น้องเป็นแบบนั้น"

 

"มันก็แน่แหละครับ เขารักพี่อย่างจริงใจ มีอย่างที่ไหนไปคบเขาเล่นๆแล้วทิ้งกัน"

 

"ใครจะไปรู้วะว่าจะจริงจังขนาดนั้น"

 

"ยังจะเถียงอีก" ผมส่ายหัวระอากับความไม่รู้จักโตของพี่สิน

 

"ขอโทษจ้า"

 

"ไม่ใช่ผมหรอกครับที่พี่ต้องขอโทษ ฝั่งพี่เบนซ์ต่างหากที่พี่ต้องขอโทษ" 

 

"กูขอโทษเรื่องนั้นไปแล้วแต่มันผูกใจเจ็บ จนมาทำมึงเจ็บอยู่นี่ไง ทำกู กูไม่ว่า มาทำมึงกูไม่ยอม" ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ

 

"พี่เบนซ์ไม่ได้ทำอะไรผมครับ"

 

"ไม่ได้ทำได้ไง ไม่งั้นมึงจะมานอนอยู่โรงพยาบาลแบบนี้หรอ รู้งี้น่าจะต่อยไปอีกสองสามหมัด" ผมขมวดคิ้วหลังจากจับใจความประโยคหลังๆที่พี่สินพึมพำได้

 

"พี่สินทำอะไรนะครับ"

 

"เปล่าหนิ"

 

"เมื่อกี๊ผมได้ยินว่าน่าจะต่อยไปอีกสองสามหมัด?" พี่สินอึกอักไม่ยอมพูดผมหรี่ตาเค้นให้พี่สินตอบคำถามทางสายตาจนเจ้าตัวทนไม่ไหวในที่สุดก็หลุดโพล่งออกมา

 

"ก็มันทำมึงอ้ะ กูไม่พอใจมาก ดีแค่ไหนแล้วกูต่อยมันไปแค่ไม่กี่หมัด ไม่ได้กระทืบซ้ำอีก"

 

"แล้วไปทำเขาทำไมครับ เขาไม่รู้เรื่องสักหน่อย อาการนี้มันเป็นที่ผมเองไม่มีใครผิดทั้งนั้น มันก็แค่อาการที่แก้ไม่หาย ผมเป็นของผมเอง" พี่สินถอยหายใจหนักพลางขยี้ผมจนไม่เป็นทรง

 

"มึงบอกกูได้มั้ย ว่าทำไมมึงถึงเป็นแบบนี้" ผมเงียบไปอึดใจแต่ผมก็ยังไม่พร้อมจะบอกใครจริงๆ

 

"หรือต้องให้กูโทรไปถามพี่เป้"

 

"ห้ามเลยนะครับ" เพราะพี่เป้ไม่รู้เรื่องด้วย และผมไม่อยากให้เขาเป็นกังวลกับผมไปมากกว่านี้ พี่เป้และเพื่อนๆรู้แค่ว่าผมไม่ชอบให้ขับรถเร็วๆแค่นั้นก็พอแล้ว

 

"ปอนด์...กูเป็นห่วงมึงนะ มากกว่านี้กูช็อคตายได้เลยนะ เป็นกูไม่ได้หรอที่มึงไว้ใจเล่าให้ฟังทุกเรื่อง" แล้วทำไมต้องมาทำหน้าหมาหงอยใส่ผมด้วยล่ะเนี่ย เฮ้อ

 

"ผมไม่ได้เป็นอะไรขนาดนั้นหรอกครับ แค่หลีกเลี่ยงการใช้รถเร็วๆพวกนี้ก็พอแล้ว"

 

"มึงกลัวความเร็ว?" ผมหันไปมองตาพี่สินก่อนจะพยักหน้ายอมรับเบาๆ

 

"ครับ แต่ไม่ได้มีผลกับชีวิตประจำวันอะไรมากขนาดนั้น"

 

"ไอ้ที่มึงเป็นลมจนมานอนโรง'บาล นี่คือไม่ได้มีผลอีกหรอวะ?"

 

"ก็ปกติผมกลับกับพี่สิน กลับกับโฟล์ค ไม่ก็พวกรถสาธารณะนี่ครับ มันก็ไม่เห็นเป็นไร"

 

"แล้วมึงไม่อยากหายหรอ?" พี่สินถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

"สาเหตุที่มึงขับรถไม่ได้ก็เพราะอย่างนี้ด้วยใช่มั้ย?"

 

"ไม่ใช่ขับไม่ได้ครับ แค่ไม่เห็นความจำเป็น" ผมกลัวรถยนต์มากๆ เพราะพ่อแม่ผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทุกอย่างยังคงติดอยู่ในหัว ผมไม่เคยลืมมันได้เลย ผมจดจำได้ทุกรายละเอียด ทุกเรื่องราวก่อนที่ท่านจะจากไป ก่อนที่ผมกับพี่เป้จะเหลืออยู่แค่สองคนพี่น้อง ตอนที่พ่อกับแม่มีปากเสียงกันจนกระทั่งแม่ลงมือทำร้ายพ่อ พ่อเร่งความเร็วรถขึ้นจนเสียการควบคุม และปะทะเข้ากับรถอีกคันที่สวนมาก่อนจะหักลงข้างทางชนกับต้นไม้ใหญ่ น้ำตามันไหลเองโดยเพราะผมเผลอไปนึกถึงสิ่งที่พยายามจะปกปิดเอาไว้ ผมก็แค่คนอ่อนแอคนหนึ่งที่ปกปิดบาดแผลตัวเองแล้วทำเป็นเข้มแข็งไม่ให้ใครรู้โดยการพยายามทำตัวเองให้ยุ่งอยู่ตลอดเวลา พี่สินลูบหัวผมเบาๆ ก่อนจะลดระดับเสียงให้อ่อนลงมา

 

"บอกได้มั้ยว่าทำไมมึงถึงกลัว" ผมเงียบ แค่นึกถึงวันนั้น วันที่ตัวเองนอนจมกองเลือดในซากรถยนต์ข้างหน้ามีพ่อกับแม่ที่นิ่งไร้สติอยู่ผมก็รู้สึกหายใจไม่ออกและสั่นจนยากที่จะควบคุมแล้ว

 

"ปอนด์ ปอนด์! เป็นอะไร!!!" ผมจับมือพี่สินแน่นๆ พี่สินก็จับตัวผมกอดไว้พลางลูบหัวปลอบและกระซิบข้างหูเบาๆ

 

"ไม่เป็นไรนะ ไม่ร้อง ไม่ต้องบอกก็ได้" ผมเอื้อมมือไปกอดแผ่นหลังของเขาไว้ก่อนจะซุกหน้ากับอกเขาร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย ตั้งแต่พ่อแม่เกิดอุบัติเหตุผมก็ไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนี้อีกเลย มันแย่มาก ทำไมต้องเป็นผมที่รับรู้ทุกอย่าง ทำไมเขาไม่เอาผมไปด้วยเลยตั้งแต่แรก ถ้าเป็นอย่างนั้นพี่เป้จะสุขสบายกว่านี้มั้ย ผมก็คงไม่ต้องมาทรมาณแบบนี้ทุกครั้งที่เจอสถานการณ์แบบนี้จนเป็นภาระให้คนอื่นไปหมด ถ้าเพียงแต่ว่า...

 

"ปอนด์ ปอนด์ครับ พี่อยู่ตรงนี้ อยู่กับปอนด์ตรงนี้ ไม่เป็นไรแล้วนะ" เสียงพี่สินที่ปลอบประโลมอยู่ข้างๆหู ทำให้ผมอุ่นใจ ผมรู้สึกปลอดภัยที่ได้อยู่ในอ้อมกอดนี้ รู้สึกว่าเขาสามารถปกป้องผมได้จริงๆ ไม่ว่ามันจะเป็นเพราะผมกำลังอ่อนแออยู่หรืออะไรก็ตาม แต่เขาก็เป็นคนที่เข้ามาได้ถูกที่ถูกเวลาจริงๆ

 

"ไม่เป็นไรนะ" คำที่อ่อนโยนที่สุดที่ผมเคยได้จากคนๆนี้ก็คงเป็นคำนี้แหละ เขากระชับกอดผมไม่คลายหายไปไหน พี่สินพร่ำบอกคำนี้อย่างอ่อนโยนอีกเป็นสิบๆ ครั้งจนเหมือนว่าเสียงมันเริ่มห่างไกลไปเรื่อยๆทุกที เหมือนกับผมที่สติกำลังดำดิ่งจมลงสู่ความมืดเข้าไปในทุกขณะ แต่นี่คงเป็นความมืดที่อบอุ่นที่สุดเท่าที่ผมเคยหลับฝันมา

 

 

*********************************

 

 

"คุณโฟล์คกับคุณวิวซื้อมาเยี่ยมผมหรือซื้อมากินเองกันแน่ครับ" ผมหันไปมองเพื่อนตัวดีสองคนที่นั่งปอกผลไม้กินดูทีวีอยู่ตรงโซฟาอย่างสบายใจเฉิบ สองคนนี้มาเยี่ยมผมแต่เช้าแล้วเฝ้าผมแทนพี่สินที่กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย แถมก่อนไปยังโดนพี่สินเอ็ดจนหน้าเสียเลย ถ้าผมไม่ขอพี่สินไว้นี่สองคนนี้คงร้องไห้ไปแล้วมั้ง

 

"ซื้อมาให้มึงนั่นแหละ แต่เห็นมึงมีหมดแล้วหนิ สงสารพี่สินคงเอามาประเคนทุกอย่างที่อยากกิน" วิวว่าอย่างประชดประชัน ทีอย่างนี้ทำมาเก่ง ไม่เหมือนกับตอนที่เดินเข้ามาขอโทษผมเป็นลูกแมวขี้อ้อนตัวเล็กๆเลยสักนิด

 

"แล้วนี่มึงอาการเป็นไงบ้างวะ เมื่อคืนพี่สินนี่โมโหใหญ่ โทรมาด่ากูจนแทบสร่าง พอมาถึงโรง'บาลเห็นพี่เขากำลังจัดการพี่เบนซ์เลย กูล่ะเจ็บแทนพี่เบนซ์ฉิบหาย" โฟล์คกดเบาเสียงทีวีพูดพลางทำหน้าตาโอเว่อร์จนผมเห็นภาพ

 

"ดีขึ้นแล้วครับ บ่ายนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว"

 

"แล้วมึงเป็นอะไรวะ?" ผมเงียบก่อนจะหาข้ออ้างดีๆให้เพื่อนทั้งสองคน

 

"หอบกำเริบน่ะครับ หายใจไม่ออกจนหมดสติไป" โฟล์คพยักหน้ารับไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ สักพักพี่สินก็กลับมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบเล็กก่อนจะเอาเสื้อผ้าตัวใหม่ของผมออกมายื่นให้

 

"เอ้า เอาไปเปลี่ยน ตัวเก่าเอากลับไปทำความสะอาดที่บ้าน เลอะอ้วกมึงหมด" ผมยิ้มรับก่อนจะลุกขึ้นเพื่อเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนชุด

 

"พี่สินไม่คิดจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มันหน่อยหรือไง พี่นี่ดูแลใครไม่เป็นจริงๆนะ ไอ้ปอนด์มันเพิ่งจะหายดีเกิดมันเป็นลมเป็นแล้งตอนเปลี่ยนชุดขึ้นมาจะทำยังไง" วิวพูดขึ้นพลางยิ้มอย่างมีเลศนัยมาให้ผม ผมรีบยกเสื้อผ้าในมือกระชับเข้าอ้อมอกตัวเองทันที บ้าสิใครจะปล่อยให้พี่สินเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เล่า ไม่เอาหรอก พี่สินยิ้มหึในลำคอทีหนึ่งก่อนจะหันไปหาคุณวิวแล้วพูดว่า

 

"ถึงกูจะไม่เก่งเรื่องดูแล แต่เรื่องรักมันกูไม่แพ้ใครนะ กูมั่นใจข้อนี้มากๆ"

 

"ฮิ้วววววววววววววววว" ผมรีบเดินหนีสายตาหวานเชื่อมที่พี่สินส่งมาเข้าห้องน้ำล็อคประตูทันที ขืนอยู่นานกว่านี้ผมได้ละลายลงไปกองกับพื้นแน่ๆ แต่ขนาดว่าหนีเข้ามาอยู่ในห้องน้ำแล้ว เพื่อนๆสองคนยังไม่เลิกส่งเสียงแซวผมอีก มันน่าจับไปรับจ้างโห่หน้างานบวชนัก คนพวกนี้!!!

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

************************

tbc.

 

เรา: น้องปอนด์ พี่ก็อยากไปรับจ้างโห่หน้างาน

ปอนด์: เอาสิครับ เอาโฟล์คกับวิวไปด้วยเลย ไปโห่หน้างานบวชทั้งสามคนเลย

เรา: พี่รับงานเดียวจ้ะ

ปอนด์: งานอะไรครับ

เรา: งานแต่งหนู โห่วววววว ฮิ้ววววววววว

 

  :impress2: :impress2: :impress2: :-[





หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.28 ให้มันเป็นสีชมพู
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 05-07-2020 16:41:32



Ch. 28 ให้มันเป็นสีชมพู






 

 

"กินเยอะๆนะลูกแม่ทำมาให้เพียบเลย อันนี้บำรุงร่างกายจะได้หายป่วยเร็วๆ วันหลังน้องปอนด์อยากกินอะไรบอกแม่ได้เลยนะ เดี๋ยวแม่ทำมาไว้ให้" ผมยิ้มรับค้อมหัวขอบคุณคุณแม่พี่สินก่อนจะหันไปถลึงตาใส่คนข้างตัวที่โทรไปบอกคุณแม่จนเดือดร้อนท่านต้องหาของบำรุงมาให้ผม

 

"ไม่ต้องไปว่าพี่เขาหรอกลูก เขาทำถูกแล้วที่รายงานแม่ อยู่กันสองคนแบบนี้คงดูแลกันได้ไม่ทั่วถึงนี่พ่อเขากะจะให้ย้ายเข้าไปอยู่ที่บ้านใหญ่ด้วยกันเลยนะ แต่แม่ห้ามไว้เพราะว่าพวกหนูคงอยากได้ความเป็นส่วนตัว" ผมยิ้มแห้งทันทีที่คุณแม่พูดถึงเรื่องเข้าไปอยู่ที่บ้านด้วย

 

"มึงอ้ะดื้อ"

 

"สิน แม่บอกให้เรียกน้องว่าไง"

 

"ปอนด์อ้ะดื้อ" พี่สินทำหน้าหงอยเมื่อโดนคุณแม่ดุเข้าให้

 

"หัดไว้ให้ชิน ถ้าสินเรียกปอนด์ว่ามึงหรือแทนตัวเองว่ากูเมื่อไหร่น้องปอนด์โทรหาคุณแม่เลยนะลูก แล้วตอนนี้คือดีขึ้นแล้วใช่มั้ย" 

 

"ผมไม่เป็นไรมากแล้วครับ แค่เป็นหวัดนิดหน่อย จริงๆก็หายแล้วนะครับ ตอนนี้แข็งแรงมากๆเลย" ผมยิ้มเอาใจคุณแม่ที่พยายามยัดเยียดตักอาหารบำรุงมาไว้ที่จานผม

 

"ถึงยังไงก็ต้องบำรุงไว้ก่อนลูก ครั้งนี้ยังดีนะที่ส่งโรงพยาบาลทันแล้วเราไปทำยังไงถึงได้หอบกำเริบล่ะลูก" ผมชะงักเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าคุณแม่จะถามสาเหตุเลยไม่ได้คิดไว้ก่อนล่วงหน้า

 

"แม่ครับ แม่กินนี่ดีกว่านะครับ อันนี้อร่อยมากเลย" พี่สินเบี่ยงเบนความสนใจคุณแม่ไปที่อาหารแทน ผมหันไปยิ้มขอบคุณก่อนจะตักอาหารในจานกิน เห็นแล้วก็อยากจะถอนหายใจเลยวันนี้ผมจะกินหมดมั้ยเนี่ย

 

*************************

 

"ว่างๆก็พาน้องไปหาพ่อกับแม่บ้างนะออมสิน พ่อกับแม่เหงามาก ลูกๆไม่คิดจะไปเยี่ยมกันเลย"

 

"แล้วพี่เสือล่ะแม่ รายนั้นไม่กลับบ้านบ้างหรือไง?"

 

"รายนั้นน่ะหรอ ย้ายไปอยู่ออสเตรเลียแล้วมั้ง บินทุกอาทิตย์เลย" แม่บ่นกระปอดกระแปดไปเรื่อยตามประสาก่อนจะเก็บกระเป๋าเตรียมตัวกลับ

 

"งั้นแม่กลับก่อนนะ เราก็เข้าไปดูบัญชีที่ร้านบ้างล่ะ" พี่สินพยักหน้ารับ ผมลุกเดินตามคุณแม่ไปที่หน้าประตูก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้

 

"ไม่ต้องไปส่งหรอกลูก สินด้วยอยู่ดูน้องนั่นแหละหน้ายังซีดๆอยู่เลย อย่าลืมกินยาด้วยนะลูก แม่กลับแล้วบายๆจ้า" ผมแทบยกมือไหว้ไม่ทัน มาไวไปไวจริงๆเลย

 

"เป็นไงบ้าง ดีขึ้นบ้างยัง"

 

"ไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยครับ พี่สินไปบอกคุณแม่ว่าผมเข้าโรงพยาบาลทำไมล่ะครับ เลยวุ่นวายกันไปหมดเลย" พี่สินเดินตามผมเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นแล้วทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ

 

"ก็ปอนด์ดื้อจะไปเรียนให้ได้อ้ะ ถ้าไม่บอกแม่มึง เอ้ย...ปอนด์จะยอมหยุดพักสักวันมั้ยดื้อ" ผมหันไปค้อนตาใส่คนชอบหาข้ออ้างแก้ตัวเรื่อยเปื่อย พี่สินทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

 

"งั้นวันนี้ทำอะไรกันดีอ้ะ ไหนๆก็หยุดแล้ว" 

 

"พี่สินมีเรียนบ่ายไม่ใช่หรอครับ?" ผมหันไปหรี่ตาใส่คนข้างๆ

 

"ก็แม่บอกให้อยู่ดูแลปอนด์ไง" ผมว่าพี่สินเอาอาการป่วยของผมมาเป็นข้ออ้างในการโดดเรียนแล้วล่ะ

 

"ไม่ต้องเลยครับ ไปเรียนเลย"

 

"แล้วปอนด์รู้ได้ไงว่าพี่มีเรียนบ่าย?" ผมทำเฉไฉเล่นมือถือเปิดนู่นนี่ไปเรื่อย ใครจะบอกล่ะว่าผมแอบถามพี่รันมา ตอนนี้กลายเป็นว่าพี่สินมองผมอย่างเค้นหาคำตอบและดูท่าจะไม่ปล่อยไปง่ายๆด้วย

 

"แดดดีจังเลยนะครับไปปั่นผ้าดีกว่า"

 

"เดี๋ยว มานี่เลยไม่ต้องหนี ผ้าเดี๋ยวค่อยปั่นก็ได้" พี่สินดึงผมจนแทบจะหงายหลังกลับไปนั่งโซฟาตามเดิมแถมยังไม่ยอมปล่อยมือออกจากข้อมือผมด้วย

 

"รู้ได้ไงว่าพี่มีเรียนตอนบ่าย?"

 

"ก็..."

 

"ก็?"

 

"ผมเห็นตารางเรียนพี่ในสมุดไงครับ"

 

"พี่ไม่เคยปริ๊นท์ตาราง มันอยู่ในมือถือ...เดี๋ยวนะ นี่แอบเช็คมือถือพี่หรอ ปอนด์รู้ได้ไงว่าพี่ตั้งรหัสเข้าเป็นวันเกิดปอนด์" พี่สินโพล่งขึ้นมาอย่างตกใจผมเองก็เช่นกัน เดี๋ยวนะ รหัสเข้ามือถือพี่สิน เป็นวันเกิดผมหรอ?

 

"..."

 

"เชี่ย นี่ขนาดแอบเช็คมือถือกันแอบคิดไรกับพี่ป่าวเนี่ย กลัวพี่มีชู้หรอ" พอผมไม่ตอบพี่สินก็ยิ่งคิดเองเออเองไปใหญ่ว่าผมเช็คมือถือเจ้าตัวจริงๆ แถมยังมาทำหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยใส่อีก ผมรีบผลักหน้าพี่สินออกไปให้ห่างตัวแล้วรีบลุกขึ้นไปยืนข้างหลังโซฟา

 

"มีชู้อะไรกันล่ะครับไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย" ผมรีบหยิบโทรศัพท์ที่เปิดหน้าแชทระหว่างผมกับพี่รันไว้มาแอบไว้ข้างหลังตัวเองทันที

 

"ไม่ได้เป็นอะไรได้ไง มึงเป็นแฟนกูอ้ะ เช็คไปเถอะ เช็คไปก็ไม่เจออะไร กูเคลียร์ตัวเองหมดแล้ว" พี่สินพูดด้วยความมั่นใจก่อนจะหันไปเปิดทีวีดูอย่างอารมณ์ดี ผมผู้ซึ่งพูดอะไรไม่ออกก็ได้แต่ยืนกลั้นยิ้มอยู่ตรงนี้ ทำไมชอบทำอะไรให้เขินเรื่อยเปื่อยจริง

 

"มองทำไมชอบกูหรอมองจัง" ผมสะดุ้งทำตัวไม่ถูกเพราะพี่สินพูดทั้งๆที่สายตายังคงมองทีวีอยู่

 

"เปล่ามองสักหน่อย! จะฟ้องคุณแม่ พูดมึงกูกับผม" ผมเดินหนีเข้าห้องตัวเองแล้วโดดขึ้นเตียงหนีไปฟาดงวงฟาดงากับตุ๊กตาตัวเองแทน

 

"ไม่ต้องหนีหรอก หนีไปก็ไม่หายเขิน เปลี่ยนเสื้อผ้าจะพาไปเดต" เสียงพี่สินตะโกนมาจากหน้าประตูแล้วก็เงียบไป คนเขาชวนเดตกันอย่างนี้หรือไงเล่า

 

********************************

 

พี่สินพาผมมาไกลจนเกือบถึงฝั่งธนเพียงเพราะว่าเข้าไปอ่านในบล็อคหนึ่งมาว่าสถานที่เดตสุดฮิตของวัยรุ่นติดอันดับต้นๆคือเอเชียทีค ทั้งๆที่ผมบอกแล้วบอกอีกว่าจริงๆเราไปแถวๆคอนโดเราก็ได้ แถมไม่ต้องทนรถติดนานขนาดนี้ด้วย

 

"ถึงสักที" พี่สินบ่นเบาๆขณะกำลังจอดรถ ผมเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเป้กับกล้องตัวโปรดก่อนลงจากรถอย่างรวดเร็ว จริงๆผมก็อยากมานานแล้วนะครับแต่ไม่ค่อยได้มีเวลาไปไหนมาไหน

 

"พี่สินครับ ปอนด์อยากไปตรงชิงช้าสวรรค์" ผมหันไปบอกพี่สินอย่างกระตือรือร้น เพราะว่ารถติดมากๆ กว่าเราจะมาถึงกันก็เย็นแล้ว แดดไม่ค่อยมีเท่าไหร่ ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องดีมากๆ เดี๋ยวพี่สินบ่นร้อนแล้วงอแงพาผมกลับทำยังไงล่ะ

 

"ไปดิ" พี่สินพูดแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เดินล้วงกระเป๋าตามผมเรื่อยๆ แต่ผมรู้สึกเขาเดินช้าไปไม่ทันใจเลยหันกลับไปจูงมือเจ้าตัวลากไปทางชิงช้าสวรรค์ทันที

 

"ช้าๆก็ได้ มันไม่เดินหนีไปไหนหรอก" พี่สินพูดจบก็หัวเราะขำเบาๆผมหันกลับไปมองเจ้าตัวก็ยักคิ้วให้แล้วมองไปที่มือเราที่กุมกันอยู่ ผมรีบปล่อยเหมือนมือแตะโดนของร้อน แต่ที่ร้อนไม่ใช่มือผมหรอกครับ มันร้อนที่หน้าแทน

 

"จับต่อก็ได้นะให้ยืม" ผมหันหน้าหนีพี่สินแล้วทำทีเป็นถ่ายนู่นนี่ตามรายทาง มีร้านค้าขายของเยอะแยะไปหมด ผมเดินเข้าไปดูร้านไฟประดับข้างทางร้านหนึ่งแบบสวยมากๆ มีเยอะแยะไปหมด

 

"อยากได้มั้ย?" ผมหันไปส่ายหัวให้พี่สินก่อนจะออกจากร้านถ้าถือไปตอนนี้คงเกะกะน่าดู

 

"เอาไว้ก่อนครับ เดี๋ยวค่อยกลับมาซื้อ" ผมปักหมุดร้านไฟประดับร้านนี้ไว้ขากลับต้องแวะมาซื้อให้ได้ มันเป็นรูปฮาโลวีนกลมๆครอบไฟไว้น่ารักมากเลย พี่สินไม่ได้ตอบอะไรก่อนจะเดินตามผมมาเรื่อยๆจนถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา

 

"อ้าว ไหนว่าจะไปชิงช้าสวรรค์?"

 

"เดี๋ยวก่อนครับ ขอเก็บภาพข้างล่างก่อนเดี๋ยวค่อยไป" ผมตอบก่อนจะเก็บภาพแม่น้ำเจ้าพระยาที่สะท้อนแสงอาทิตย์ยามเย็น มีเป็ดเหลืองตัวใหญ่ตั้งไว้ด้วย ผมเก็บภาพจนพอใจแล้วหันกลับไปหาพี่สินแต่ไม่เห็นเขาอยู่ตรงที่เดิม จะเดินตามหาก็กลัวจะคลาดกันเลยยืนรอเฉยๆสักพักพี่สินก็กลับมา

 

"โทษทีไปห้องน้ำมา เห็นถ่ายรูปอยู่เลยไม่ได้บอก" ผมพยักหน้ารับ

 

"แล้วนี่ถ่ายเสร็จแล้วหรอ?"

 

"ครับ"

 

"งั้นไปชิงช้าสวรรค์เลยมั้ย?"

 

"ไปครับ" ผมรีบรับคำทันทีแล้วเดินไปทางขึ้น คนต่อแถวไม่เยอะมากเท่าไหร่เราได้ขึ้นเร็ว ค่าขึ้นก็คนละ 300 บาท พี่สินจัดการจ่ายให้ผมเรียบร้อยก่อนที่ผมจะควักเงินซะอีก

 

"ผมจ่ายเองก็ได้ครับ"

 

"ไม่ต้อง ก็บอกแล้วไงจะพามาเดต เอ้า ขึ้นไปได้แล้ว" ผมรีบขึ้นมานั่งบนกระเช้า พี่สินก็ตามเช่นกันแต่เจ้าตัวไปยอมไปนั่งอีกฝั่งดันมานั่งข้างเดียวกับผมเฉยเลย

 

"ทำไมไม่นั่งฝั่งนู้นล่ะครับ แบบนี้มันก็เอียงสิ"

 

"ไม่เอา นั่งด้วยพี่กลัวความสูง" พี่สินตอบแล้วเอื้อมมือมาโอบเอวผมไว้ทั้งสองข้าง ผมขมวดคิ้ว

 

"จริงๆนะ" อย่างพี่สินเนี่ยนะกลัวความสูง? ไม่พูดเปล่ายังเอียงหัวมาซบไหล่ผมอีกข้างด้วย จะไม่เชื่อก็เพราะอย่างนี้นั่นแหละครับ

 

"พี่สินนั่งดีๆ สิครับ ปอนด์จะถ่ายรูป" พี่สินขยับเพียงเล็กน้อยซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไรเลย ผมเลยหันไปเตรียมจะจัดการกับคนที่มือซนยุกยิกลูบเอวผมไม่เลิกแต่ไม่รู้ว่าเพราะพี่สินนั่งมองผมอยู่แล้วหรือเงยหน้าขึ้นมาพร้อมกันเลยกลายเป็นว่าภาพตรงหน้าผมเบลอไม่ชัดเจนเพราะว่าหน้าพี่สินที่อยู่ใกล้มากจนจมูกเราสองคนชนกัน

 

"จุ๊บ" ผมรีบดึงหน้าตัวเองออกทันทีเมื่อได้สติหลังจากโดนขโมยจุ๊บไปหน้าตาเฉย ระหว่างเราสองคนมีแต่ความเงียบปกคลุม ผมเองก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปเหมือนหากล่องเสียงของตัวเองไม่เจอ มันไม่ได้รู้สึกแย่ รู้สึกดีกว่าที่คิดด้วยซ้ำ ไม่รู้ว่าเพราะวิวตรงหน้าที่ทำบรรยากาศพาไป หรืออาจจะเป็นรอยแดงที่พาดผ่านหน้าของคนข้างๆที่ปิดไม่มิดนั้นที่ทำให้ผมรู้ว่าเขาเองก็เขินเหมือนกัน อย่างนี้ผมก็ไม่เสียเปรียบอยู่ฝ่ายเดียวแล้วใช่มั้ย? พี่สินยิ้มแบบแปลกๆให้เหมือนทำตัวไม่ถูกก่อนจะขยับไปนั่งดีๆ แล้วหันหน้าออกไปอีกทาง ผมเลยหันไปอีกด้านหนึ่งแล้วถ่ายวิวตรงหน้าแทนเพื่อลดอัตราการเต้นของหัวใจที่เหมือนจะหลุดออกมาจากอกให้ได้นี้

 

*************************

 

"พี่สินครับ" ผมเรียกอีกฝ่ายที่นั่งนิ่งมองหน้ากันไม่ยอมพูดอะไร หลังจากลงมาจากชิงช้าสวรรค์แล้วเราสองคนก็เดินงงๆมาตรงริมน้ำอีกรอบแล้วนั่งดูวิวเรื่อยเปื่อย แต่เหมือนจะนั่งใจลอยกันนานไปจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว

 

"ห๊ะ" พี่สินสะดุ้งก่อนจะกระแอมเล็กน้อย

 

"ว่าไง"

 

"มืดแล้วนะครับ เรากลับกันเลยมั้ย?" พี่สินหันไปรอบๆก่อนจะพยักหน้าลุกขึ้น

 

"เดี๋ยวพาไปอีกที่หนึ่ง"

 

"ที่ไหนหรอครับ?"

 

"ถึงแล้วเดี๋ยวก็รู้เองแหละ" เราเดินกลับมาทางเดิมที่จอดรถไว้ ผมแวะซื้อไฟประดับที่ตัวเองหมายตามาแล้วเรียบร้อย พี่สินออกรถโดยไม่ได้พูดอะไรอีก ผมมองตามป้ายข้างทางเห็นเส้นที่พี่สินกำลังเลี้ยวไปคือสาทรใต้ รถติดมากจนพี่สินเผลอหลุดสบถคำหยาบออกมาเลยทีเดียว ก่อนเจ้าตัวจะกดโทรศัพท์โทรออกไปไหนสักที่ บอกว่าเราจะไปเลทนิดหนึ่ง กว่าจะฝ่ารถติดมาจนถึงที่หมายได้ก็เล่นไปเกือบชั่วโมงเลยครับ ระยะทางไม่ได้ไกลเลยด้วยซ้ำ ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ

 

"ป้ะ" พี่สินเปิดประตูรถก่อนจะก้าวเดินนำไปก่อน พอมาถึงเค้าท์เตอร์พี่สินก็แจ้งชื่อกับพนักงานให้พาเราขึ้นมาด้านบน

 

"เดี๋ยวกินข้าวที่นี่ก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยขึ้นไปข้างบนกัน" ผมพยักหน้ารับพลางมองไปรอบๆอย่างตื่นเต้น ทุกอย่างดูหรูหราไปหมดแม้กระทั่งลิฟต์เลยครับ ตัวเลขที่วิ่งบอกเลขชั้นเลื่อนไปย่างรวดเร็วจนผมหูอื้อ พอมาถึงชั้น 76 พนักงานก็กดเปิดลิฟต์พลางผายมือให้อย่างอ่อนน้อม ผมค้อมหัวให้เล็กน้อยก่อนเดินตามพี่สินออกไปเจอพนักงานอีกคนมาพาไปนั่งบริเวณริมกระจกที่มองวิวออกไปอย่างสุดลูกหูลูกตา

 

"ชอบมั้ย" ผมหันไปพยักหน้าให้แต่ก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี

 

"มันไม่แพงไปหรอครับ?" 

 

"เดตแรกทั้งที แค่นี้พี่จ่ายได้"

 

"แต่มันมากไปมั้ยครับ เราไปกินกันธรรมดาๆก็ได้ ที่ไหนก็ได้เหมือนกัน" พี่สินถอนหายใจก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ

 

"รอบหน้าแล้วกัน จะพาพี่ไปกินชายสี่หมีเกี๊ยวพี่ก็ไม่ว่าแต่ครั้งนี้พี่ขอก่อนได้มั้ยครับ?" ผมไม่ชอบเวลาพี่สินพูดเพราะๆแล้วทำตาเชื่อมๆแบบนี้เลยให้ตายแล้วผมจะปฏิเสธยังไง ผมพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย สักพักบริกรก็เดินมาเสิร์ฟอาหารให้โดยที่ผมยังไม่ได้สั่งด้วยซ้ำ

 

"พี่โทรมาสั่งไว้แล้ว" หรือที่บอกว่าหายไปเข้าน้ำนั่น?

 

"อืม ตอนไปเข้าห้องน้ำนั่นแหละ" เหมือนอ่านความคิดผมได้ พี่สินรีบบอกออกมาทันที เจ้าเล่ห์นักคนนี้ เราสองคนนั่งกินดื่มกันจนอิ่มท้องพี่สินเรียกเช็คบิลก่อนจะพาผมเดินขึ้นไปส่วนที่เป็นสกายวอล์คผมมองไปรอบๆอย่างตื่นตา ด้านบนสามารถมองวิวได้ 360 องศา แถมมีบริเวณพื้นกระจกที่ให้คนขึ้นไปเดินถ่ายรูปได้ด้วย แค่เห็นผมก็เสียวท้องวูบแล้วแต่มันก็สวยมากอย่างบรรยายไม่ถูกเลย พี่สินเดินกลับมาหาผมแล้วยื่นถุงสีน้ำเงินให้หนึ่งใบ

 

"ต้องเปลี่ยนรองเท้า" ผมพยักหน้าก่อนจะถอดรองเท้าตัวเองไว้มุมหนึ่งแล้วเอาถุงเท้าสีน้ำเงินคู่หนึ่งมาใส่แทนก่อนจะเอาของสำคัญต่างๆเข้าไปในเป้แล้ววางไว้ข้างรองเท้าตัวเอง ผมยืนทำใจระหว่างบันไดกับกระจกใสที่มองลงไปเห็นตึกรามต่างๆมากมาย

 

"ให้ช่วยมั้ย" พี่สินเดินเข้ามาใกล้ก่อนจะจับเอวผมเบาๆจนสะดุ้ง นาทีนี้ไม่ปฏิเสธครับอยากเดินลงไป แต่ก็กลัวมากผมเลยพยักหน้าจับมือพี่สินไว้แล้วก้าวลงไปบริเวณพื้นกระจกเบาๆ พอลงมาได้ทั้งสองขาแล้วก็รู้สึกโล่งแต่ก็ยังรู้สึกเสียวท้องวูบแปลกๆอยู่ดีครับ ตึกที่เห็นข้างล่างดูเล็กจนไม่น่าเชื่อว่าจะสูงเสียดฟ้าตอนที่เราอยู่ข้างล่างนั่น เสียดายที่เขาไม่ให้เอาอุปกรณ์ถ่ายรูปลงมาด้วย ลงมาได้แค่ตัวเปล่าเท่านั้น เห็นนักท่องเที่ยวบางคนลงไปนอนกับพื้นก้มหน้าไปดูข้างล่างอย่างใจกล้าผมก็อยากจะทำบ้างแต่พี่สินไม่ยอมปล่อยมือผมแล้วบอกให้นิ่งๆ

 

"อ้ะ ไปได้" พอพี่สินปล่อยมือผมก็รีบเดินไปยังฝั่งที่ไม่มีคนแล้วทำการนอนมองลงไปข้างล่างทันที ก่อนจะรีบกวักมือเรียกพี่สินให้มาด้วยกัน พี่สินยิ้มให้ก่อนจะส่ายหน้านั่งมองผมอยู่ตรงนั้น ผมไม่ใส่ใจก่อนจะนอนมองลงไปอีกครั้ง ถ้าถามว่าเดตครั้งนี้ผมให้คะแนนเท่าไหร่ มีร้อยผมก็ให้เต็มร้อยเลยครับ

 

 

******************************

 

 

Side story

Man of sin just made a post

 




Man_of_Sin : 1st date with you <3 <3 <3

 

 

 

 

 

 

 

 

************************

tbc.

 

มาอัพแน้ววววววววว ไปฝึกวาดจิบิต่อก่อนครับเดี๋ยวรอบหน้าจะเอาจิบิน้องปอนด์ในมโนเรามาให้ดู 

 

 

 


หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 05-07-2020 21:53:56
พี่เบนซ์ที่ทำท่าเหมือนจีบปอนด์นั้น จริงๆ แล้วต้องการจะจีบน้องจริงๆ หรือว่าต้องการจะแก้แค้นพี่สินกันแน่นะ ถ้าทำเพื่อแก้แค้นพี่สิน ขอให้พี่เบนซ์เลิกคิดทำซะ สงสารน้อง เพราะน้องไม่ได้รู้เรื่องอะไีรด้วยเลย ถ้าอยากแก้แค้นพี่สินก็จีบพี่สินเลยสิ เอาให้พี่สินหลงรักแล้วถีบหัวส่งไปเลย 55555555

เดตแรกของพี่สินกับน้องมันละมุนดีจังเลย อยากให้พี่สินแสดงความรักความอบอุ่นกับน้องแบบนี้ให้ตลอด พูดกับน้องให้เพราะๆ อย่าใช้อารมณ์ออกคำสั่งเวลาต้องการให้น้องทำอะไร แบบนั้นยิ่งทำให้น้องอยากจะขัดคำสั่งเอาน้าาาาา นี่น้องก็เป็นแฟนพี่สินแล้ว เหลือแต่พี่สินอะแหละจะเป็นแฟนน้องได้ตอนไหน ยังไงก็เอาใจช่วยพี่สินให้น้องยอมรับพี่สินเป็นแฟน และยอมเปิดใจบอกเรื่องที่น้องกลัวความเร็วให้พี่สินรู้ไวๆ นะ จะได้รักษากันให้หายซะที สงสารน้อง

ปล. ขอบคุณที่มาต่อนะคะ ตามอ่านอยู่น้าาา :mew1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.29 Couple day VS ครับเพื่อนเดย์
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 08-07-2020 17:48:20



Ch.29 Couple day VS ครับเพื่อนเดย์







 

"มึง กูอยากกินหมูกะทะ" วิวที่นั่งอยู่ข้างๆผม ถอนหายใจอีกรอบก่อนจะนั่งตัวตรงท่าทางขึงขังมากขึ้นอีกเท่าตัวก่อนจะพูดเน้นทุกคำว่า

 

"วันนี้กูต้องได้กินหมูกะทะ" อาจารย์หน้าห้องหันมามองทางพวกผมคิดว่าวิวน่าจะพูดเสียงดังเกินไปหน่อยเพื่อนร่วมเซคบางคนก็หันมามองแล้วเอาไปหัวเราะกันเบาๆ แต่วิวไม่มีท่าทีสนใจสายตาใครทั้งสิ้น เจ้าตัวขมวดคิ้วแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม สงสัยผมน่าจะแสดงท่าทางลำบากใจอย่างโจ่งแจ้งเกินไปหน่อย

 

"ทำหน้าแบบนี้มึงไม่ว่างอีกแล้วใช่มั้ยห๊ะ" ผมพยักหน้าให้อย่างรู้สึกผิด ผมกับพี่สินเราตกลงกันแล้วว่าจะพยายามทำความรู้จักกันให้มากขึ้นโดยการพาอีกฝ่ายไปรู้จักแอคทิวิตี้ที่เราต่างคนต่างชอบทำ เพื่อไม่ให้ต้องมีใครคนใดคนหนึ่งเสียสละสิ่งที่ตัวเองชอบเพียงเพื่อจะก้าวเข้าไปในโลกของอีกฝ่าย ก็สู้เอาโลกสองใบมารวมกันไปเลย จะได้รู้ด้วยว่าสิ่งไหนที่เราชอบ เขาไม่ชอบ เป็นการปรับจูนหาตรงกลางระหว่างกันเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ ทั้งในฐานะเพื่อนร่วมห้อง แล้วก็...นั่นแหละ

 

"มึงจะเกินไปแล้ว พี่สินนี่ก็ทำตัวเป็นไอ้หนุ่มคลั่งรักไปได้ แค่ทุกวันนี้ก็อยู่ด้วยกันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแล้วมั้ยวะ" วิวบ่นเสียงกระปอดกระแปดแถมมองค้อนจนผมปวดตาแทน

 

"ไม่ขนาดนั้นสักหน่อยครับ ผมก็อยากไปนะ แต่ตกลงกันไว้แล้ว..." ผมนิ่งคิดสักพักก่อนจะหาทางออกที่โอเคกับทั้งสองฝ่าย

 

"งั้นผมชวนพี่สินไปด้วยได้มั้ยครับ" ผมหันไปขอความเห็นจากวิวกับโฟล์ค วิวทำท่าดีใจพยักหน้ารัวๆแถมยิ้มแป้นจนเกินเรื่อง

 

"ดีๆๆๆ เอาพี่สินมาด้วยเลย ถ้าเขาอยากได้ใจมึงเขาก็ต้องเข้ากับเพื่อนมึงได้ก่อน" โฟล์คโบกหัววิวไปทีหนึ่งด้วยความหมั่นไส้ เพราะเจ้าตัวดูจะคึกมากเกินเหตุจนไม่เบาเสียงพูดเลย

 

"ก็เข้ากันดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยอยู่แล้วไม่ใช่หรอครับ" ผมแซววิวไปตามประสา เข้ากันกว่านี้ไม่มีแล้วล่ะครับ

 

"เออ มึงทักไปชวนเลย เดี๋ยวช้ากว่านี้พ่อท่านจะกริ้วอีก" ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะรีบส่งข้อความหาพี่สินเพื่อนัดกันไปกินหมูกะทะเย็นนี้ พี่สินกดอ่านก่อนจะเงียบหายไปสักพักแล้วตอบกลับมาแค่คำว่าได้คำเดียว ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรก่อนจะเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตามเดิมก่อนจะตั้งใจเรียนจนจบคลาส

 

"หมูกะทะๆๆ" วิวฮึมฮัมไม่เป็นเพลงอย่างอารมณ์ดีขณะกำลังเก็บของ ขออนุญาตใช้คำว่ากวาดของทุกอย่างบนโต๊ะลงกระเป๋าดีกว่าครับ ผมหยิบโทรศัพท์มาอ่านข้อความที่พี่สินเป็นคนส่งมาเมื่อห้านาทีก่อนบอกว่าเจ้าตัวเลิกแล้วกำลังจะมาที่คณะ ผมหันไปบอกเพื่อนๆก่อนจะพากันเดินลงไปที่ใต้ถุนตึกเพื่อนนั่งรอพี่สินมาถึงก่อน นั่งไปสักพักไม่ถึงสิบห้านาทีรถพี่สินก็มาจอดตรงบริเวณหน้าคณะพร้อมกับสองสามคนข้างหลังที่มาจอดตาม

 

"เอ่อ พี่สินคือ..." ผมยืนมองหน้าพี่ๆทุกคนก่อนจะหันมาส่งสายตาถามพี่สินที่ยืนอยู่ข้างหน้า

 

"เพื่อนพี่มันอยากตามไปกินด้วยทางปอนด์สะดวกกันหรือเปล่า ถ้าไม่สะดวกไม่เป็นไรนะเดี๋ยวพี่ไล่มันกลับเอง ไม่ต้องลำบากใจ เอ้า พวกมึงกลับกันได้แล้วน้องๆเขาลำบากใจกันเนี่ย" พี่สินทำหน้ารำคาญใจพลางหันไปโบกมือไล่เพื่อนๆตัวเองในขณะที่เพื่อนๆเขายืนยิ้มแฉ่งแถมยังโบกมือมาให้ผมด้วย พี่รันรีบเดินเข้ามากอดคอผมเขย่าเบาๆก่อนพูด

 

"คิดถึงน้องปอนด์จัง พี่อยากไปกินหมูกะทะด้วย น้องปอนด์อนุญาตได้มั้ย?" ผมยิ้มแห้งๆก่อนจะหันไปถามความเห็นเพื่อนตัวเอง เพราะต้นเรื่องที่อยากจะกินหมูกะทะวันนี้คือวิวไม่ใช่ผม

 

"ไปกันหมดนี่เลยก็ได้ครับ" วิวหันไปบอกพวกพี่ๆแทนผม ทุกคนยิ้มรับอย่างดีใจ เอ่อ ยกเว้นไว้คนหนึ่งนะครับ

 

"ปอนด์ไปรถพี่ดีกว่าพี่ขับนุ่มมาก" พี่รันพูดพลางออกแรงลากผมไปทางรถเจ้าตัว

 

"ไม่ต้องเสือกเลยไอ้รัน มือน่ะก็ปล่อยได้แล้ว ปอนด์มานี่" พี่สินเดินมาดึงมือพี่รันออกจากคอผมก่อนจะลากผมไปทางรถตัวเอง พี่รันส่งเสียงไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็กลับไปขึ้นรถตัวเองตามเดิม ผมเปิดประตูฝั่งข้างคนขับขึ้นนั่งคาดเข็มขัดเรียบร้อย พี่สินปิดประตูแรงพลางถอนหายใจ

 

"ขอโทษทีนะ ตอนแรกตั้งใจกะจะพาปอนด์ไปคาเฟ่ที่ปอนด์บอกกันสองคนต่อด้วย กลายเป็นมากันทั้งฝูงเลย" ผมหัวเราะไม่ได้คิดมากอะไร

 

"มากันเยอะๆก็สนุกดีออกครับ"

 

"ก็อยากอยู่กับปอนด์แค่สองคน" พี่สินว่าพลางขยี้หัวผมเบาๆอย่างเอ็นดู

 

"ไม่เห็นเป็นไรเลยครับ นี่ก็ถือเป็นการเรียนรู้อีกฝ่ายได้เหมือนกันนะ พี่สินเข้ากับเพื่อนของปอนด์ได้ ปอนด์ก็เข้ากับพี่ๆได้ ดีจะตาย" พี่สินยิ้มบางก่อนจะเปลี่ยนเป็นเจ้าเล่ห์แล้วทำเสียงเล็กเสียงน้อย

 

"อยากเข้ากับเพื่อนแฟนได้ก็ไม่บอก จะได้พามาเจอกันบ่อยๆ" ผมอ้าปากจะเถียงแต่เถียงไม่ออกเลยปล่อยเบลอไป พี่สินฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีมาตลอดทางจนน่าหมั่นไส้ แต่ก็ดีแล้วล่ะครับ เพราะเวลาพี่สินอารมณ์ดีพี่สินน่ารัก แต่อย่าเอาไปบอกเขาเชียวนะครับเดี๋ยวได้ใจ

 

"เหมือนเรามาถล่มร้านเขาเลยว่ะ" พี่เชที่เดินตามมาพูดเบาๆแล้วหัวเราะในลำคอ

 

"จะว่างั้นก็ไม่ผิดหรอกครับ เดี๋ยวพี่เชเห็นวิวกินพี่เชก็จะรู้เอง"

 

"ไอ้เชลดอนมึงนินทาอะไรกู กูได้ยินนะ" วิวที่เดินตามห่างออกไปตะโกนขึ้นไม่อายคนอื่น

 

"ถ้าได้ยินแล้วจะถามทำไมล่ะครับว่านินทาอะไร" ผมตะโกนกลับอย่างไม่ยอมแพ้ พวกพี่ๆก็พากันหัวเราะผมรีบเดินไปให้พี่สินเป็นที่กำบังเมื่อเห็นวิวรีบสับเท้าตามมา แต่โชคดีที่โฟล์ครั้งตัวไว้ก่อน

 

"เลิกตีกันเป็นเด็กๆได้แล้ว" โฟล์คว่าก่อนจะล็อคคอวิวเข้าหาตัวเอง

 

"พวกน้องนี่น่ารักกันดีนะ" พี่โอ๊ตพูดพลางหัวเราะ ขนาดที่พี่มาร์คที่นิ่งยังหลุดยิ้มเลย

 

"ปอนด์นั่งนี่เดี๋ยวพี่ไปตักให้" พวกเราเลือกที่นั่งริมสุดของร้านซึ่งเป็นตัวใหญ่แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังต้องต่อโต๊ะเพราะหอบกันมาตั้งเก้าคน

 

"ไม่เอาครับ ปอนด์ไปตักด้วย"

 

"เอ้าๆ สวีทกันอยู่นั่นแหละ ไปกันทั้งหมดนี่แหละ ไอ้มาร์คมึงเฝ้าโต๊ะนะ" พี่เต็มพูดขึ้นเสียงดังก่อนจะหันไปบอกพี่มาร์คซึ่งนั่งพยักหน้าเล่นโทรศัพท์ไม่หือไม่อือ

 

"ปอนด์ชอบกินอะไร" พี่รันเดินถือจานกับที่คีบมาทางผมก่อนจะแทรกระหว่างผมกับพี่สินที่ยืนชิดกัน

 

"ผมกินอะไรก็ได้ครับพี่รัน แต่ที่ชอบๆเลยก็กุ้ง แต่ขี้เกียจแกะ" ผมยิ้มแห้งให้พี่รันที่ยืนพยักหน้าอย่างแข็งขัน

 

"งั้นเดี๋ยวพี่ตักกุ้งไปให้เยอะๆดีกว่า กุ้งตัวใหญ่ๆ" แล้วเจ้าตัวก็เดินลิ่วไปโซนของทะเลทันที

 

"ปอนด์.../น้องปอนด์" จังหวะที่พี่สินกำลังจะเดินเข้ามาหาผมอีกรอบ พี่เชก็เดินตัดหน้าเข้ามาหาผมก่อน

 

"น้องปอนด์กินน้ำอะไรครับ เดี๋ยวพี่กดไปเผื่อ"

 

"โค้กก็ได้ครับพี่เช ขอบคุณนะครับ" ผมหันไปยิ้มขอบคุณ พี่เชยิ้มกว้างรับก่อนจะเดินไปโซนเครื่องดื่ม

 

"น้องปอนด์ครับ เดี๋ยวพี่ว่าจะไปตักพวกของทอด น้องปอนด์เอาอะไรมั้ย" พอพี่เชเดินออกไปพี่โอ๊ตก็ตรงเข้ามาทันที

 

"เอาเฟรนช์ฟรายก็ได้ครับ"

 

"ได้เลยครับ" พี่โอ๊ตเดินออกไปแล้วพี่สินที่เดินตามผมมาต้อยๆตอนแรกตอนนี้ยืนกอดอกหน้ามุ่ยเลยครับ

 

"เป็นอะไรครับ" ผมหันไปยิ้มให้กับหน้าบูดๆของเจ้าตัว พี่สินถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามาหาผมแล้วยื่นจานเปล่ามาให้ผมวางเนื้อหมูหมักพริกไทยดำที่คีบมา

 

"เบื่อพวกมันอ้ะ น้องปอนด์ครับ น้องปอนด์ชอบอันไหน น้องปอนด์..." พี่สินดัดเสียงเล็กเสียงน้อยนินทาเพื่อนตัวเองแล้วเบะปาก

 

"พี่ๆเขาแกล้งพี่สินเล่นนั่นแหละครับ" ผมส่ายหัวให้พี่สินโหมดเด็กน้อยก่อนจะคีบหมูหมักพริกไทยดำของโปรดให้เยอะๆ

 

"เลิกหน้าบูดได้แล้วครับ ป้ะ เดี๋ยวปอนด์ย่างหมูให้" ผมดันหลังพี่สินกลับไปทางโต๊ะ พอไปถึงจานหมูที่ผมตักมาสามจานดูน้อยไปเลยเมื่อเทียบกับที่ทุกคนตักมากองไว้บนโต๊ะ โดยมีพี่มาร์คนั่งปิ้งอยู่คนเดียวสามเตา

 

"โห จะกินหมดมั้ยครับเนี่ย"

 

"เดี๋ยวก็หมด" พี่มาร์คว่าพลางเอากุ้งที่ตัวเองปิ้งเสร็จแล้วมาไว้ที่จานผม พอเห็นผมเอาหมูลงเตาของตัวเองพี่มาร์คก็กลับไปดูอีกสองเตา สักพักทุกคนก็กลับมานั่งที่กันหมด 

 

"น้องปอนด์ให้พี่แกะกุ้งให้มั้ยครับ?" พี่เต็มพูดเสียงเล็กเสียงน้อยที่ดูก็รู้ว่าจงใจจะแกล้งพี่สินเท่านั้น

 

"ไม่ต้องเสือก แดกไป" พี่สินว่าพลางปาผักบุ้งใส่ปากเพื่อนตัวเอง คนที่เหลือก็พากันหัวเราะเสียงดัง มื้อนี้เป็นมื้อที่ผมชอบมากๆ พี่ๆทุกคนเข้ากับเพื่อนผมได้เป็นอย่างดีทั้งวงไม่มีช่วงที่เงียบเลย ต่างคนต่างหยิบยกเรื่องนู้นเรื่องนี้ขึ้นมาพูด ซึ่งผมก็ชอบที่จะฟังนะ

 

"แล้วเนี่ยน้องปอนด์รู้มั้ย พี่ไม่เคยเห็นไอ้สินมันเป็นแบบนี้มาก่อนเลยนะ เหมือนคนไม่เคยมีความรักไปได้" พี่เชพูดพลางหันมาหลิ่วตาใส่เพื่อนตัวเอง

 

"อันนี่จริง แม่งอย่างหงอ พี่ชวนไปกินเหล้าก็กลัวน้องปอนด์รอ ชวนไปไหนก็บอกนัดกับน้องปอนด์ไว้ เช้าถึงเย็นถึงขนาดนี้ ถึงขั้นไหนกันแล้วครับถามจริง?" พี่เต็มว่าเสริม ทีนี้ทั้งวงจากที่ตอนแรกเฮฮากลายเป็นเงียบกริบแล้วมองมาทางผมกับพี่สินเป็นตาเดียว

 

"เอ่อ...คือ" ผมลังเลที่จะตอบจะให้บอกว่าไงดี ผมเป็นแฟนพี่สินแต่พี่สินยังไม่เป็นแฟนผม แบบนี้ได้มั้ยนะ

 

"เป็นอะไรพวกมึงจะเสือกทำไม แดกๆไป อย่าถามมาก" พี่สินว่าพลางโบกมือปัดๆ อย่างรำคาญเพื่อนตัวเอง ทุกคนพากันโอดครวญเล็กน้อยแล้วก็ล่าถอยไปแต่ที่ผมสัมผัสได้อีกอย่างคือบรรยากาศมันเปลี่ยนไป พี่สินไม่พูดอะไรกับผมอีก เขาเอาแต่แกะกุ้งให้แล้วก็ปิ้งหมูไปเงียบๆ ในขณะที่กับคนอื่นๆก็ยังคุยเล่นปกติ

 

"แฟนครับ" ผมพูดคำเดียวแล้วก็ไม่ได้พูดอะไรอีก กินกุ้งที่กองพะเนินอยู่บนจานตัวเอง คราวนี้ทั้งวงเงียบอีกครั้ง ทุกคนชะงักมือตัวเองพลางมองมาที่ผม ผมก็กินต่อไม่ได้สนใจอะไร

 

"อะไรนะเชลดอน มึงว่าไงนะ" เป็นโฟล์คที่ได้สติคนแรกแล้วถามผม

 

"แฟนไงครับ ผมกับพี่สินเป็นแฟนกัน เมื่อกี๊พี่เต็มถาม" พอผมตอบไปทุกคนก็เงียบไปอึดใจก่อนจะตะโกนเฮลั่นร้านจนคนอื่นหันมามองแต่ก็ไม่มีใครว่าอะไร พี่ๆที่นั่งใกล้ก็พากันตบหลังตบไหล่พี่สินอย่างแสดงความยินดี มียกแก้วชนประหนึ่งทีมที่ตัวเองเชียร์ได้เวิลด์คัพ

 

"ซุ่มหรอวะไอ้เสือ ดูๆกันอยู่ นี่ดูกันยังไงน้องเขาตอบเต็มปากเต็มคำขนาดนี้ว่าแฟนวะ" พี่สินยิ้มหน้าบานยังไม่พูดอะไรทั้งยังไม่หลบมือเพื่อนที่กระหน่ำทุบหลังคนละสองสามตุ้บด้วย แต่จากสายตาพี่สินที่มองมา มันเต็มไปด้วยความขอบคุณและปลื้มปีติ ผมยิ้มกลับให้เขาผมก็อยากขอบคุณเขาเหมือนกันที่เข้ามาในชีวิตของผม เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตผมอย่างสมบูรณ์

 

***********************

 

พี่สินพาผมมานั่งร้านเคเฟ่ที่ผมเล็งไว้อย่างที่สัญญาหลังจากแยกกับเพื่อนๆพี่ๆ ที่ร้านหมูกะทะแล้ว บรรยากาศร้านน่ารักมาก ผมมองจากข้างนอกก็อยากแวะเข้ามาตั้งหลายครั้งหลายครา แต่ไม่ได้เข้ามาสักที

 

"ปอนด์เอาอะไรพี่สั่งให้"

 

"เอาชากุหลาบครับ" พี่สินหันไปสั่งกับพนักงาน ผมเดินดูรอบๆร้านอย่างสนใจ มีรูปคนที่เคยมาเป็นโพลารอยด์ห้อยไว้เต็มไปหมด แล้วก็มีพวกของแฮนด์เมดขายด้วย

 

"อ้าวทำไมสั่งเหมือนกันเลยครับ" ผมหันไปเห็นพี่สินที่ยกน้ำสีชมพูสวยสองแก้วมาเหมือนกันเด๊ะก่อนจะวางลงโต๊ะใกล้ๆผม ผมเดินไปนั่งลงแล้วลองชิมดู อร่อยมากเลย

 

"พี่คิดไม่ออก" พี่สินว่างพลางเดินกลับไปที่เคาท์เตอร์อีกครั้ง คราวนี้พี่สินกลับมากับกล้องโพลารอยด์ตัวเล็กสีฟ้าน่ารักแล้วยื่นมาให้ผม

 

"เอามาทำไมครับ?"

 

"เขาบอกว่าที่นี่ให้ใช้รูปเราแทนบัตรสมาชิก สมัครฟรีนะ มีสะสมแต้มด้วยถ้ากินครบสิบแก้วฟรีเมนูอะไรก็ได้หนึ่งร้อยบาท" ผมยิ้มอย่างสนใจ ยกกล้องขึ้นมาพยายามถ่ายรูปพี่สินแต่เจ้าตัวยื่นมือมาจับไว้ก่อนแล้วลุกมานั่งข้างๆผม พี่สินหยิบกล้องไปถือเองแล้วเซลฟี่เราทั้งสองคนผมยิ้มให้กล้องเต็มที่ในขณะที่พี่สินแค่ยิ้มน้อยๆหล่อๆสไตล์เขานั่นแหละครับ พอรูปที่ถ่ายปริ๊นท์ออกมาผมรีบหยิบออกมาสะบัดๆแบบที่คนอื่นชอบทำกัน ถึงมันจะไม่ช่วยอะไรก็ตามที

 

"ไหนเอามาดูหน่อย" พี่สินหยิบรูปไปจากผมแล้วยิ้มเต็มแก้มก่อนจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายเก็บไว้แล้วยื่นรูปคืนผม

 

"รูปนี้เราต้องทิ้งไว้ที่ร้านหรอครับ?" พี่สินก้มหน้ากดโทรศัพท์ยุกยิกแล้วพยักหน้าให้ผมโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง พอเสร็จก็คว่ำโทรศัพท์ไว้แล้วนั่งดื่มชาของตัวเองไป ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเพราะมีคนโทรเข้า เป็นพี่เป้นี่เอง ผมรีบรับวิดิโอคอลจากพี่ชายตัวเองที่อยู่ต่างแดน ตอนนี้ที่ไทยก็หนึ่งทุ่มแล้ว ออสเตรเลียนี่ก็ดึกแล้วสิ

 

"พี่เป้~" พอเห็นสัญญาณภาพเป็นพี่เป้นอนมุดผ้าห่มอยู่ฝั่งตรงข้ามผมก็โบกมือทักทายอย่างดีใจ

 

("ปอนด์มันยังไงบอกพี่มาเดี๋ยวนี้!!") พี่เป้ตะโกนลั่นใส่จนผมสะดุ้ง

 

"อะไรครับพี่เป้" ผมถามกลับอย่างสับสน

 

("ที่สินมันโพสต์รูปคู่กับเราแล้วตั้งแคปชั่นว่า คุณแฟน หมายความว่ายังไง?!") ผมหันไปมองหน้าพี่สิน เจ้าตัวก็คงจะได้ยินเหมือนกันถึงได้ส่งยิ้มแหยๆมาให้

 

"ให้พี่คุยให้มั้ย?" ผมส่ายหน้าถอนหายใจกับพี่ชายตัวเองที่ทำเหมือนมันเป็นเรื่องใหญ่

 

"ก็ตามนั้นแหละครับ ปอนด์กับพี่สินตกลงเป็นแฟนกันแล้ว"

 

("น้อง น้องคิดดีแล้วหรอ? คิดใหม่ได้นะ") พี่เป้ว่าเสียงกระเง้ากระงอด

 

("เป้ หยิบกางเกงในให้กูที") เอ๊ะ? ผมได้ยินเสียงพี่เสือแว่วๆมาจากที่ไกลๆเมื่อกี๊ และมั่นใจว่าพี่สินก็ได้ยินเช่นกันจึงอ้อมมายืนหลังผม

 

"นั่นเสียงพี่เสือหรอพี่เป้" พี่สินถามออกไปแทน พี่ชายผมทำหน้าเลิ่กลั่กมองไปทางอื่นก่อนจะรีบหันมากระซิบกับกล้อง

 

("เดี๋ยวค่อยคุยกันนะปอนด์ คิดถึงน้องนะ จุฟๆ บาย") พี่เป้ว่าอย่างเร่งรีบแล้วกดวางสายไปเลย อะไรของเขากันนะนึกจะมาก็มานึกจะไปก็ไป แต่เมื่อกี๊พี่เสือพูดอะไรกางเกงๆมั้ยนะ ผมได้ยินไม่ค่อยชัดเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

***********************

เรา: **ปิดหูน้อง** ไม่เอาไม่ฟังนะลูก

 

มาอัพแล้วค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านมากๆเลยนะคะ ไม่คิดว่าจะมีคนอ่านด้วยซ้ำขอบคุณมากๆนะคะ อ่านทุกคอมเม้นท์ รู้สึกขอบคุณมากๆ แล้วก็ตามสัญญาค่ะจิบิน้องปอนด์ในมโน เราเพิ่งฝึกวาดอาจไม่สวยแต่ก็ตั้งใจมากๆ แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าพร้อมจิบิพี่สินนะคะ บายๆ


 

 


หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 08-07-2020 21:03:07
กรี๊ดดดดด ในที่สุดน้องปอนด์ก็ตกลงปลงใจรับพี่สินเป็นแฟน ชอบรรยากาศเพื่อนๆ ของพี่สินมากๆ เลยแกล้งเพื่อนได้ตลกน่ารักมากๆ อ่านไปขำไป แซวจนน้องยอมเป็นแฟนพี่สินมันจนได้ มันเป็นแผนใช่มั้ยละ  o13 o13

ขำพี่เป้เลิ่กลั่กเพราะน้องกับพี่สินได้ยินเสียงพี่เสือขอกางเกงใน 55555 นี่สรุปพี่เสือบินไปอยู่กับเมียที่โน้นเลยเหรอ สุดๆ จริงๆ พี่เสือ  :hao6:

ปล.รูปนุ้งปอนด์น่ารักมากๆ เลยค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 09-07-2020 20:41:08
 :katai2-1:
 :3123:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch. 30 เข้าใจกับผิดใจ
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 14-07-2020 16:09:45



Ch. 30 เข้าใจกับผิดใจ






 




 

 

"น้องปอนด์คะ ขอถ่ายรูปด้วยหน่อยได้มั้ยคะ?" 

 

"น้องปอนด์พี่ขอถ่ายรูปหน่อยค่ะ"

 

"น้องปอนด์พี่เอาขมมาฝากค่ะ" และอีกสารพัด ผมยิ้มรับขนม คือโดนแบบนี้มาเป็นอาทิตย์แล้ว ก็ตั้งแต่ที่พี่สินลงรูปว่าผมคือแฟนเขา กลุ่มแฟนคลับก็ดูเหมือนจะเข้าหาผมเยอะขึ้นเรื่อยๆ คนที่เข้ามาดีๆต่อหน้ากันก็มีเยอะ แต่ก็มีคนที่แอบตามแอบถ่ายจนชีวิตส่วนตัวแทบไม่มี ผมไม่ใช่เซเลปนะแต่ก็เป็นเพราะผมเองด้วยส่วนหนึ่งที่ปฏิเสธใครไม่เป็น พี่สินบอกว่าเดี๋ยวคนก็เลิกบ้ากันไปเอง ที่ตอนนี้ยังเข้ามาก็เพราะเห่อกระแสแรกๆเท่านั้น 

 

"มีมึงเป็นเพื่อนนี่มันลาภปากจริงๆเลยเว้ยเชลดอน" วิวหันมาหยิกแก้มผมสองข้างแล้วส่ายเบาๆ ส่วนโฟล์คคุ้ยขนมในถุงที่คนเอามาให้ผมอยู่

 

"นี่มึงรู้มั้ยตั้งแต่มึงกับพี่สินเป็นแฟนกันนี่คนเข้ามาหามึงโคตรเยอะ จากแต่ก่อนนี่โนวันเลยนะครับตอนนี้เดินไปทางไหนคนก็มอง"

 

"..." ผมถอยหายใจเหนื่อยหน่ายไม่รู้จะตอบอะไร ความฮอตของพี่สินเป็นพิษจริงๆ ถามว่าผมมีความสุขมั้ย จริงๆตั้งแต่ก่อนเป็นแฟนกันผมก็มีความสุขอยู่แล้วแหละครับ ทุกวันนี้มันก็มีแต่มันเหมือนจะสุขก็สุขไม่เต็มที่ วันก่อนพี่สินให้ผมไปหาที่แคนทีนคณะผมนี่โดนเขม่นจนพรุนเลยคือถ้าเขาเดินมาตบได้คงทำแล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมเลยไม่กล้าไปหาพี่สินที่คณะอีกเลย เอาตรงๆ เริ่มไม่กล้าอยู่กับพี่สินที่มอด้วยซ้ำ

 

"ปอนด์พี่สินทักมาถามกูว่าทำไมมึงไม่อ่านไลน์เขา" ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูจริงๆก็ไม่ได้ไม่อยากตอบหรอกครับ แต่ว่ามัวแต่รับมือพวกแฟนคลับพีเขานั่นแหละ

 

"วิวก็เห็นว่าผมเพิ่งมีเวลาจับมือถือ"

 

"เออกูบอกพี่มันให้แล้วอย่าลืมไปตอบมันล่ะ เดี๋ยวจะคลั่งเอา อากาศยิ่งร้อนๆอยู่" ผมหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะพิมพ์ตอบพี่สิน ที่ทิ้งข้อความไว้ตั้งแต่ช่วงเช้าแล้ว

 

"พี่มันว่าไงวะ" โฟล์คนั่งแกะขนมหลายๆถุงกองไว้แล้วนั่งกินวนๆไปทุกถุง

 

"เย็นนี้พี่สินไม่ว่างน่ะครับติดทำโปรเจ็คเลยจะให้ผมกลับก่อน"

 

"งั้นเดี๋ยวกูไปส่ง"

 

"ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมนั่งรถเมล์กลับได้" โฟล์คพยักหน้ารับก่อนจะนั่งกินขนมต่อ

 

"งั้นมึงจะกลับเลยป้ะ ยังไงก็ไม่มีเรียนคาบบ่ายอ้ะ" วิวเงยหน้าจากโทรศัพท์มาคุยกับผม

 

"ว่าจะกลับเลยครับ อยากกลับไปทำความสะอาดห้องด้วย"

 

"งั้นเดี๋ยวกูส่งตรงป้ายรถเมล์"โฟล์คยัดๆถุงขนมที่กินหมดแล้วลงถุงใหญ่เพื่อเอาไปทิ้งแล้วโยนกุญแจรถให้วิว

 

"มึงขับนะ กูขี้เกียจ" วิวรับมาแล้วเดินกอดคอผมนำไปทางลานจอดรถที่จอดอยู่ด้านหน้าอาคาร

 

"เออเชลดอนเมื่อวานกูบังเอิญเจอพี่เบนซ์เขาถามถึงมึงอยู่นะ เขาบอกอยากขอโทษเรื่องนั้นอ้ะ เขาไม่รู้จริงๆ ว่ามึงจะหอบกำเริบ" ผมชะงักเล็กน้อย จะว่าไปตั้งแต่เกิดเรื่องผมก็ไม่เจอพี่เบนซ์อีกเลยไม่ใช่ว่าผมหลบหน้าเขาหรืออะไรนะครับ แต่ว่ามันไม่เจอกันจริงๆ

 

"หรอครับ งั้นเดี๋ยวผมรบกวนคุณวิวแวะส่งผมตรงเซเว่นที่ผมเคยทำพาร์ทไทม์ได้มั้ยครับ?"

 

"อ่า ได้ดิ มึงจะไปหาพี่เขาหรอ?" ผมพยักหน้ารับ

 

"ครับ อยากจะไปขอโทษเขาด้วยที่วันนั้นพี่สินทำรุนแรง"

 

"มึงนี่น้า" โฟล์คไม่พูดอะไรต่อแล้วนั่งกินขนมไปเงียบๆส่วนวิวก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นออกมา พอถึงที่หมายผมก็โบกมือลาเพื่อนทั้งสองของตัวเอง โฟล์คยื่นถุงขนมที่ยังไม่ได้แกะกินมาให้ ผมเดินเข้าไปในเซเว่นที่ตัวเองเคยทำงานอยู่มีพนักงานบางคนที่ไม่เคยเห็นหน้าคาดว่าน่าจะมาใหม่ ผมมองหาพี่ๆที่เคยทำงานร่วมกันรอบๆร้าน ก่อนจะเจออยู่ตรงบริเวณตู้แช่น้ำ

 

"พี่ๆสวัสดีครับ"

 

"น้องปอนด์!!!" พี่น้ำวิ่งมาหาผมเป็นคนแรกแถมจับมือเขย่าแสดงความดีใจที่ได้เจอจนผมหัวสั่นหัวคลอน

 

"เป็นไงกันบ้างครับ สบายดีกันมั้ย"

 

"สบายดีมันก็สบายดีแหละจ้ะ แต่คิดถึงน้องปอนด์จังเลย ไปไงมาไงจ๊ะเนี่ย"

 

"ผ่านมาน่ะครับเลยเอาขนมมาฝาก"

 

"น้องปอนด์ลืมอะไรไปหรือเปล่าที่นี่เซเว่นนะจ๊ะ ขนมเต็มไปหมดเลย" ผมนึกได้ก่อนจะหัวเราะแห้งๆใส่

 

"วันหลังไม่ต้องมีอะไรติดไม้ติดมือมาหรอกจ้ะ แค่น้องปอนด์มาหาก็ดีใจแล้ว" พี่น้ำว่าอย่างอารมณ์ดี ผมพยายามมองหาพี่เบนซ์แต่ไม่เจอเจ้าตัวเลย สุดท้ายก็เลยต้องถามจนได้

 

"แล้วนี่พี่เบนซ์ไม่มาหรอครับ?"

 

"รายนั้นลาออกไปแล้วล่ะจ้ะ เห็นบอกพ่อแม่บินกลับมาจากต่างประเทศแล้วเรียกให้กลับไปนอนบ้านเลยไม่สะดวกทำพาร์ทไทม์แล้ว" ผมพยักหน้ารับก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง

 

"แล้วนี่ถึงเวลาพี่น้ำพักยังครับเนี่ย จะได้ไปหาอะไรกินกัน"

 

"อีกสิบนาทีจ้ะ น้องปอนด์รอพี่ได้มั้ย" ผมพยักหน้ารับ

 

"โอเค งั้นน้องปอนด์ไปรอพี่ที่โต๊ะม้าหินข้างนอกเดี๋ยวพี่พักแล้วไปหา มีเรื่องจะคุยด้วยเยอะแยะเลย" ผมหัวเราะให้พี่น้ำคนขี้เม้าท์ ก่อนจะเดินออกไปนั่งรอด้านนอกเพียงไม่นานพี่น้ำก็ออกมา

 

"ป้ะ น้องปอนด์พี่หิวแล้ว" ผมกับพี่น้ำเดินเลาะเข้าซอยน้อยๆข้างเซเว่นไปร้านส้มตำเจ้าประจำที่พวกผมเคยมากินกันบ่อย เดินไม่ถึงห้านาทีก็ถึงแล้ว วันนี้คนแน่นขนัดเป็นพิเศษอาจจนะเพราะเป็นเวลาพักของพนักงานออฟฟิศแถวนี้พอดี แถมยังเด็กมหาลัยผมอีกจนผมกับพี่น้ำไม่มีที่นั่งเลยต้องยืนรอ

 

"น้องปอนด์ พี่น้ำ ทางนี้ครับ" ผมหันไปหาเสียงเรียกเห็นพี่เบนซ์ที่มากับกลุ่มเพื่อนๆเขานั่งอยู่ด้านในของร้าน ก่อนจะเดินเข้าไปหา

 

"สวัสดีครับพี่เบนซ์ สวัสดีครับพี่ๆ" ผมหันไปไหว้เพื่อนพี่เขาอีกสองคน ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกครับ พี่ทิวกับพี่ปลาพี่รหัสของโฟล์คนั่นแหละ

 

"ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอที่นี่ พี่ไปหาปอนด์ที่คณะหลายครั้งแล้วแต่เข้าไม่ถึงตัวสักทีเลย" พี่เบนซ์พูดพลางเลื่อนเก้าอี้ข้างๆตัวให้ผมนั่ง พี่น้ำก็ตามมานั่งอีกข้างหนึ่ง

 

"พวกมึงนี่พี่น้ำ พี่ที่ทำงานพาร์ทไทม์กู" พี่ทิวกับพี่ปลายกมือไหว้พี่น้ำแล้วชวนคุยอย่างเป็นกันเอง

 

"หลังจากนี้ปอนด์ว่างมั้ย?" พี่เบนซ์เริ่มบทสนทนาอย่างเกร็งๆ เหมือนยังรู้สึกผิดอยู่กับเรื่องที่ผ่านมาดูได้จากที่เขาพยายามหลบตาผม

 

"ว่างครับ ปอนด์ก็มีเรื่องจะคุยกับพี่เบนซ์พอดี"

 

"จริงเหรอ งั้นตอนนี้เราสั่งอาหารก่อนละกัน" พี่เบนซ์ตอบรับด้วยความดีใจก่อนจะยื่นเมนูอาหารให้ผม พี่น้ำสั่งไปสองสามอย่างที่เราชอบกินกันประจำ ส่วนพวกพี่เบนซ์นั้นสั่งไปก่อนแล้ว

 

"แล้วนี่ปอนด์ไม่มีเรียนแล้วหรอวันนี้ เข้ามอพร้อมพี่มั้ย พี่มีเรียนบ่ายสอง"

 

"ผมไม่มีเรียนแล้วครับ กะว่ากินข้าวเสร็จแล้วจะกลับบ้านเลย"

 

"งั้นพี่ไปส่งมั้ย?" ผมหันไปมองหน้าพี่เบนซ์ บอกตามตรงยังรู้สึกขยาดอยู่เลยครับ

 

"สัญญาครั้งนี้พี่จะขับช้าๆ ให้พี่ไปส่งนะ"

 

"ไม่เป็นไรดีกว่าครับ พี่เบนซ์มีเรียนต่อ เดี๋ยวผมกลับเองได้ ยังไงคุยกันเสร็จแล้วแยกย้ายดีกว่า" ผมตัดบทก่อนจะหันไปร่วมบทสนทนากับพวกพี่ๆแทน เพราะไม่อยากให้พี่เบนซ์หาข้ออ้างอะไรเพื่อที่จะไปส่งผมอีก มื้ออาหารเป็นไปอย่างเร่งรีบ เพราะพี่น้ำต้องรีบกลับไปทำงานทำให้เราไม่ได้คุยอะไรกันมาก ส่วนพี่ทิวกับพี่น้ำขอตัวเข้ามอไปก่อน จะเหลือก็แค่ผมกับพี่เบนซ์

 

"เดี๋ยวเราไปคุยกันที่รถพี่ดีกว่า ตรงนี้เสียงดัง ร้อนด้วย พี่จอดไว้ใกล้ๆนี่เอง" พี่เบนซ์เดินนำผมไปยังรถที่ตัวเองจอดไว้ก่อนจะสตาร์ทแล้วเปิดแอร์ให้ ผมนั่งเงียบด้วยความอึดอัดใจ จริงๆก็ไม่ค่อยอยากจะขึ้นมาเท่าไหร่แต่ไม่อยากยืดเวลาคุยไปนานกว่านี้

 

"คือว่า เรื่องที่พี่สินทำร้ายร่างกายพี่เบนซ์ปอนด์ต้องขอโทษแทนเขาด้วยนะครับ" พี่เบนซ์ขมวดคิ้วก่อนจะผ่อนลมหายใจ

 

"เรื่องนี้พี่ต้องเป็นคนขอโทษเราต่างหาก พี่ไม่รู้มาก่อนว่าเราจะเป็นอย่างนั้น พี่ขอโทษนะ" ผมพยักหน้ารับก่อนจะเงียบอีกครั้ง

 

"แล้วนี่ปอนด์คบกับสินแล้วหรอ" ผมพยักหน้า พี่เบนซ์มีท่าทีตึงเครียดขึ้นเหมือนกำลังไตร่ตรองบางอย่างอยู่ในหัว

 

"จริงๆ พี่ก็ไม่ได้มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งในความสัมพันธ์ของใครนะ แต่พี่อยากให้ปอนด์คิดใหม่อีกทีเรื่องที่จะคบกับมัน พี่เป็นห่วงเราจริงๆนะ มันไม่ใช่คนดีอย่างที่ปอนด์คิด พี่ไม่อยากให้คนที่พี่ชอบต้องเสียใจ" ผมหันไปมองสีหน้าจริงจังของพี่เบนซ์ก่อนจะคลี่ยิ้มบางให้

 

"เรื่องเขาไม่ใช่คนดีผมรู้ครับ"

 

"ถ้ารู้อยู่แล้ว ปอนด์ยังจะคบมันอีกหรอ?"

 

"ครับ ถึงพี่สินจะไม่ใช่คนดีร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็ปฏิบัติตัวกับผมดีมาก แค่นี้มันก็พอแล้วครับ" พี่เบนซ์มีท่าทีหนักใจขึ้นก่อนจะผ่อนหายใจออกยาวๆ

 

"พี่เป็นห่วงปอนด์นะ ปอนด์ยิ่งซื่อๆอยู่จะไปตามมันทันได้ไง" 

 

"ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ปอนด์โตแล้ว อีกอย่างถ้าถึงเวลาพี่เขาเกิดเลิกรักปอนด์ไปเจอคนใหม่ที่ดีกว่า ปอนด์ก็จัดการกับตัวเองได้ครับ ขอบคุณพี่เบนซ์มากๆที่เป็นห่วงปอนด์ขนาดนี้" ผมพูดตัดบทและพยายามหาคำที่สุภาพที่สุดเพื่อรักษาน้ำใจคนตรงหน้า ความเป็นห่วงผมก็ขอบคุณที่มีให้ แต่เรื่องความรู้สึกผมคงรับไว้ไม่ได้ ผมกับพี่สินมีสถานะต่อกันแล้วการให้คนอื่นเข้ามายุ่งกับความสัมพันธ์ของเราไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ

 

"ถ้าปอนด์แน่ใจแล้วจริงๆ พี่ก็ขอให้มีความสุขมากๆ แต่จำไว้เลยนะว่าถ้ามันทำปอนด์เจ็บ พี่ไม่เอามันไว้แน่" พี่เบนซ์พูดอย่างอาฆาตมาดร้าย ผมยื่นมือไปลูบแขนพี่เบนซ์บเบาๆเผื่อจะบรรเทาความรู้สึกในใจเกี่ยวกับเรื่องน้องสาวเขาได้

 

"ผมรู้สาเหตุที่พี่เบนซ์เกลียดพี่สินครับ แล้วก็ขอบคุณมากๆที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทน แต่เรื่องของผม ผมขอจัดการเองดีกว่าครับ" พี่เบนซ์มองหน้าผมก่อนจะถอนหายใจยอมแพ้ในที่สุด

 

"โอเคครับ พี่ยอมแล้ว แต่ยังไงพี่ก็ต้องขอโทษปอนด์เรื่องที่พี่เป็นต้นเหตุทำให้ปอนด์เข้าโรงพยาบาล ปอนด์จะสะดวกมั้ยถ้าพี่อยากจะเลี้ยงขนมไถ่โทษ"

 

"เรื่องนี้ผมไม่ได้โกรธอะไรครับพี่เบนซ์ไม่ต้องไถ่โทษอะไร เอาเป็นว่าเราคุยกันเข้าใจแล้วนะครับ งั้นผมขอตัวกลับก่อนเลยดีกว่า"

 

"เฮ้อ ปอนด์เล่นปิดพี่ทุกทางแบบนี้ พี่ไม่มีหวังแล้วใช่มั้ยเนี่ย" ผมยิ้มให้พี่เบนซ์

 

"ถ้าในฐานะพี่น้องร่วมมหาลัยผมโอเคครับ แต่ถ้ามีอย่างอื่นแอบแฝง อันนี้ผมขอไม่รับ" ก่อนจะยกมือไหว้ลาพี่เบนซ์

 

"โห ปอนด์คนซื่อหายไปไหนเนี่ย งี้พี่คงไม่ต้องห่วงแล้วมั้ง" ผมปิดประตูรถเบาๆก่อนจะเดินกลับไปทางป้ายรถเมล์ที่อยู่ไม่ไกลแต่ไม่รู้ว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่ามีคนมองผมตั้งแต่ที่ร้านแล้วนะ ผมหันไปมองรอบๆก็ไม่พบสิ่งผิดสังเกตอะไร สงสัยผมจะคิดไปเองจริงๆนั่นแหละ กลับบ้านไปทำความสะอาดดีกว่าดองเสื้อผ้าไว้หลายวันแล้ววันนี้แดดก็เหมาะกับการตากผ้าจริงๆ พอผมลงป้ายหน้าคอนโดตัวเองได้ไม่ถึงสิบนาทีพี่สินก็โทรเข้ามราวกับนกรู้

 

"ฮัลโหลครับพี่...."

 

("มึงอยู่ไหน?") พี่สินถามเสียงเข้มจนผมจับสัมผัสได้ว่าเขาต้องกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่แน่ๆ

 

"เพิ่งถึงคอนโดครับ กำลังขึ้นห้อง"

 

("ทำไมเพิ่งถึง") 

 

"แวะไปกินข้าวกับพี่ที่ทำงานพาร์ทไทม์มาครับ"

 

("ขอความจริง") ผมขมวดคิ้วเมื่อพี่สินถามเสียงห้วนกระชากเหมือนหาเรื่องกัน

 

"พี่สินไปสงบสติอารมณ์ก่อนมั้ยครับ ปอนด์ไม่อยากทะเลาะด้วยนะ"

 

("คุยกับกูนี่มันเสียเวลาชีวิตมึงมากเลยหรอ มากินข้าวกับกูที่คณะไม่ได้แต่มึงไปกินกับไอเบนซ์ได้ ทำอย่างนี้มึงหมายความว่าไงวะปอนด์!") พี่สินตะคอกผ่านโทรศัพท์มาจนผมสะดุ้งทำกุญแจที่กำลังจะไขประตูเข้าห้องร่วง

 

("เงียบทำไมวะ ตอบมาดิ มึงไปหามันมาใช่มั้ย?")

 

"พี่สินใจเย็นๆก่อนครับ พี่สินไปรู้มาจากไหน?"

 

("กูรู้จากไหนมันไม่สำคัญหรอก สำคัญคือมึงไปหามันมาจริงๆใช่มั้ยปอนด์") พี่สินพูดพลางหายใจฟึดฟัดจนผมได้แต่กลัวว่าเขาจะโกรธจนไม่ยอมฟังกัน ปลายสายมีเสียงเพื่อนๆเขารวมอยู่ด้วยคาดว่าน่าจะเป็นพี่รันที่กำลังบอกให้พี่สินใจเย็นๆ

 

"ครับ ปอนด์ตั้งใจไปหาพี่เบนซ์มา แต่ว่า...พี่สิน พี่สินครับ! พี่สิน!!!" พี่สินตัดสายผมไปแล้ว ผมพยายามโทรกลับหาแต่เจ้าตัวก็ตัดสายทิ้ง พอโทรหนักๆเข้าก็ปิดเครื่องหนีไปเลย ผมไม่รู้จะทำยังไงเลยได้แต่รอพี่สินกลับมาคุยกันที่ห้อง ไลน์ไปหาพี่รันแล้วแต่พี่รันบอกว่าพี่สินยังไม่อยากคุยตอนนี้ รอให้ใจเย็นก่อนแล้วค่อยคุยกัน แล้วผมต้องเย็นไปถึงเมื่อไหร่ คบกันได้แค่ไม่นานก็มีปัญหาเลยหรอ ทำไมพี่สินไม่เรียนรู้บ้างเลยว่าการใจร้อนมันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น ผมก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

**************

tbc.

 

แฮ่ ตัดจบแบบ....ขอโทษจ้าาาาาาา อิพี่สินนี่มันน่ามอหอ อยากจะอุ้มน้องหนีไม่ยกให้จริงๆแล้วนะ มาช้าหน่อยนะ เราเป็นประสาทค่ะช่วงนี้อารมณ์สวิงมา ตั้งสมาธิไม่ค่อยได้ ขอบคุณที่อ่านนะคะ บายๆ 

 

ปล. จิบิพี่สินที่ลองวาดดูค่าาาา

 




 

 


หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 14-07-2020 21:43:07
เวลาอ่านที่พี่สินพูดกับน้องแบบโมโหเรารู้สึกแสบคอไปด้วยเลย เหมือนจะต้องตะเบงเสียงตอนอ่านไปด้วย 5555

อิพี่สินนนนนน หยุดแว้ดๆ ใส่น้องเดี๋ยวนี้นะ
หัดใจเย็นบ้าง ระวังน้องงอนบ้างแล้วจะรู้สึก
ตอนน้องคุยกับพี่เบนซ์แล้วดูน้องเป็นผู้ใหญ่เกินตัวมาก ความคิดความอ่านดีมีวุฒิภาวะ.. ตัดมาที่พี่สิน เอ่อ.. แว้ดๆๆ ไว้ก่อนตลอด  :katai1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.31 ง้องอน
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 23-07-2020 14:28:13


Ch. 31 ง้องอน








 

"พี่สินพรุ่งนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยครับ?" 

 

"..."

 

"เอาเป็นหมูทอดมั้ย เดี๋ยวปอนด์ทำให้"

 

"..." พี่สินยังคงนิ่งเฉยไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับผม ตั้งแต่กลับมาถึงผมตั้งใจจะคุยกับพี่เขาให้รู้เรื่องว่าระหว่างผมกับพี่เบนซ์มันไม่มีอะไรจริงๆ แต่พี่สินบอกว่ายังไม่อยากคุย ผมก็เลยได้แต่เงียบไว้ ผมพยายามง้อเขาแล้วแต่เขาไม่มีท่าทีจะหายงอนเลย ไหนบอกว่าของกินอร่อยๆช่วยได้ไง นี่หมูทอดยังช่วยไม่ได้อีก ผมถอนหายใจลุกเข้าห้องตั้งใจว่าจะไปหยิบกระเป๋าตังค์กับกุญแจลงไปเดินเล่นแถวนี้สักหน่อยเผื่อไม่เห็นหน้าผมพี่เขาอาจจะอารมณ์ดีขึ้นบ้าง

 

"จะไปไหน?" ตอนคุยด้วยไม่คุย พอไม่คุยด้วยจะมารั้งให้อยู่ เฮ้อ

 

"มันเหนื่อยขนาดนั้นเลยหรอวะคุยกับกูเนี่ย?" ผมขมวดคิ้วหันไปมองพี่สินที่พอพูดก็จ้องแต่จะชวนทะเลาะ ไม่ปงไม่ไปละ

 

"พี่สินปอนด์ไม่ได้เหนื่อยที่คุยกับพี่นะครับ แต่ปอนด์เหนื่อยทะเลาะ เราคุยกันดีๆไม่ได้เลยหรอทำไมเวลาต้องหาเรื่องปอนด์ตลอดเลย" พี่สินดูอารมณ์ขึ้นมากกว่าเดิมเจ้าตัวลุกขึ้นยืนเขวี้ยงโทรศัพท์ลงโซฟาแล้วหันหน้ามาปะทะกับผมตรงๆ

 

"เรื่องนี้สรุปกูผิด? กูติดงานไม่มาส่งมึงทำให้มึงมีเวลาไปหาไอ้เบนซ์ได้นี่กูผิดหรอ กูพูดกี่ครั้งแล้วว่าไม่ให้ยุ่งกับมันมึงก็เสือกไปยุ่งกับมันทุกครั้ง กูต้องทำยังไงวะปอนด์มึงถึงจะทำตามที่กูบอก!" ผมไม่ชอบเลย ไม่ชอบที่เขาไม่ฟังอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ตะคอกๆกันระบายคำพูดไม่ดีใส่กันแบบนี้

 

"ผมไม่ได้บอกว่าพี่ผิดผมแค่อยากให้ฟังผมอธิบายก่อน ก่อนพี่จะมาขึ้นอารมณ์ไม่เข้าท่าเป็นเด็กๆแบบนี้"

 

"มึงว่ากูเด็กหรอ"

 

"ใช่ ผมว่าพี่เด็ก พี่ทำตัวเป็นเด็กเอาแต่ใจแบบนี้เมื่อไหร่พี่จะโต"

 

"อย่างกับมึงโตมากนักงั้นแหละ กูเตือนกูห้ามอะไรเคยฟังที่ไหน รั้นแต่จะทำตามความคิดของตัวเอง" 

 

"ความคิดของผมมันทำไมครับ มันไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้ใครที่ไหน"

 

"แล้วที่มันกำลังเกิดขึ้นกับเรานี่ไม่เรียกว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อนหรอปอนด์ เราต้องมาทะเลาะกันเพราะอะไร?" ก็เพราะพี่ไม่ยอมรับฟังไง ผมได้แต่คิดในใจไม่อยากพูดออกไปเพราะพูดออกไปตอนนี้พี่สินก็ไม่ฟัง สุดท้ายแล้วก็คือผมเป็นตัวต้นเรื่องอยู่ดี

 

"ผมผิดเองก็ได้ครับที่ไปหาพี่เบนซ์ ผมแค่ตั้งใจจะไปขอโทษเขาแล้วก็เคลียร์เรื่องที่มันเกิดขึ้นและตอนนี่ทุกอย่างก็จบแล้วพี่เบนซ์รับรู้เรื่องที่ผมคบกับพี่แล้วเขาจะไม่เข้ามายุ่งวุ่นวายกับผมอีก แต่ถ้ามันจะทำให้พี่สินไม่พอใจผมขอโทษจริงๆ" ผมพูดออกไปอย่างเหนื่อยล้าและต้องการให้เรื่องมันจบลง ตอนนี้ผมไม่มีแรงจะทำอะไรต่ออีกแล้วเลยตัดสินใจเดินเข้าห้องล็อคประตู พี่สินไม่ได้ตามเข้ามาโวยวายอะไรอีกแต่ผมได้ยินเสียงปิดประตูห้องดังมากตามอารมณ์ของคนปิดนั่นแหละครับ สงสัยคงจะออกไปข้างนอก พอพี่สินออกไปผมก็ล้มตัวลงนอนบนที่นอน ปวดหัวไปหมดเลยนอนพักสักหน่อยแล้วค่อยลุกมาอาบน้ำน่าจะดีกว่า

 

*****************************

 

ผมควานมือหามือถือที่ดังส่งเสียงเวลานอนไม่หยุดจนรำคาญ สายไม่ได้รับเยอะมากจนผมตกใจ ใครเป็นอะไรหรือเปล่า ผมกดไล่ดูเป็นเบอร์ของวิวกับโฟล์คสลับกันโทรเข้ามา แถมยังมีข้อความในกลุ่มที่เตือนเป็นสิบๆนั่นด้วย จังหวะที่กำลังจะโทรกลับไปหาเพื่อนก็มีสายเข้าจากวิวพอดี ผมรีบกดรับสายแต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป วิวก็ตะโกนสวนมาด้วยเสียงอันดังเพราะดนตรีรอบข้างแทบจะกลบเสียงของวิวหมดทำให้ต้องตะโกนคุยกัน

 

("ไอ้ปอนด์ กว่าจะรับได้นะมึงกูนึกว่าตายห่าไปแล้ว!!!") ผมดึงโทรศัพท์ที่ตัวเองเอาออกห่างจากหูไปตอนแรกและขยี้ตาเพื่อดูให้ชัดว่าตอนนี้เป็นเวลากี่โมงแล้ว

 

"วิวนี่เที่ยงคืนกว่าละนะ โทรมาทำไมเนี่ย ผมจะนอน" 

 

("มึงตื่นเดี๋ยวนี้เลย อย่าเพิ่งนอนนี่มึงรู้ตัวบ้างป้ะเนี่ยว่าแฟนมึงมาเมาอยู่ที่ร้านแถวมอเนี่ย ไอ้ห่าโฟล์คจับพี่มันไว้ดิ๊ เดี๋ยวก็โดนผู้หญิงหิ้วไปหรอก") นี่พี่สินยังไม่กลับห้องอีกหรอ?

 

"พี่สินอยู่ที่นั่นหรอครับ?"

 

("เออดิ พี่มันโทรเรียกกูกับไอ้โฟล์คออกมาดื่มเป็นเพื่อน พวกกูอ้ะก็กินปกตินะ แต่แฟนมึงอ้ะอาบ ตอนนี้ไม่มีสติเลย ใครชนมาแม่งก็ชนหมด")

 

"อยู่ที่ไหนครับเดี๋ยวผมไปรับ"

 

("มึงจะมายังไง")

 

"แท็กซี่ครับ"

 

("โอ๊ย พอๆเลย เดี๋ยวมึงลงมารอที่ล็อบบี้เดี๋ยวกูไปส่งเองละให้ไอ้โฟล์คมันขับรถพี่มันตามไป เคนะ")

 

"ได้ครับอีกนานมั้ยครับกว่าจะถึง"

 

("ไม่นานๆ อีกครึ่งชั่วโมง")

 

"ได้ครับ เดี๋ยวผมรอ"

 

("เออ! (ไอ้วิวมาช่วยกูจับดิ๊แม่ง) เออๆ แค่นี้นะมึง") แล้วสายก็ตัดไปเลย ทำไมต้องดื่มให้เมาขนาดนี้นะ กลับมาถึงห้องจะตีให้ตายเลย ผมรีบอาบน้ำจัดการตัวเองแล้วลงไปซื้อพวกผ้าเย็นยาแก้แฮงค์ไว้เผื่อก่อนวิวกับโฟล์คจะมาถึงแล้วนั่งรอตรงบริเวณล็อบบี้ ไม่นานวิวก็โทรมาให้ผมไปช่วยกันแบกพี่สินขึ้นห้อง พี่กุ้งพี่ยามประจำคอนโดยืนแบกพี่สินอยู่ข้างหนึ่ง ส่วนวิวอีกข้างหนึ่ง โฟล์คน่าจะเอารถขึ้นไปจอดให้

 

"มาเลยไอ้เชลดอนมาเก็บศพแฟนมึงเลย" วิวพูดเสียงอ้อแอ้ ท่าทางกรึ่มๆอยู่บ้างเหมือนกันแต่ไม่หนักเท่า ผมรีบเข้าไปพยุงพี่สินอีกข้างก่อนจะหันไปขอบใจเพื่อนตัวเอง กลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้น่าจะอาบมากกว่าดื่มจริงๆ ผมยืนรอลิฟต์ไม่นานลิฟต์ก็มา เผอิญกับที่โฟล์คสวนออกมาพอดีเลยเข้ามาช่วยแบกอีกข้าง พี่ยามกุ้งจะได้ไม่ต้องเหนื่อยขึ้นไปถึงข้างบนห้อง

 

"ขอบคุณมากนะครับพี่กุ้ง เดี๋ยวยังไงปอนด์ซื้อเอ็มร้อยไปให้นะครับ"

 

"โอ๊ย ไม่เป็นไรครับน้องปอนด์ ทุกวันนี้พี่ก็อ้วนแล้วเนี่ย เอาขนมมาให้ได้ทุกวันเลย" ผมยิ้มให้พี่กุ้งก่อนจะขยับตัวพี่สินให้ยืนดีๆ เพราะตอนนี้พี่สินแทบจะทิ้งน้ำหนักตัว ถ้าผมปล่อยคงลงไปนอนกองกับพื้น พอถึงชั้นที่เป็นห้องผมก็ยื่นกุญแจให้วิวเปิดให้ก่อนจะรีบลากพี่สินไปทิ้งตรงโซฟาก่อน คนอะไรตัวหนักเป็นบ้า ขนาดโฟล์คที่ตัวไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ยังหอบเลย แล้วผมจะเหลืออะไรล่ะครับ ล้าไปหมดเลย ผมพยายามจับพี่สินให้นั่งตรงๆจัดการปลดกระดุมเสื้อให้สบายๆตัว

 

"ทำไมถึงปล่อยให้เมาขนาดนี้ล่ะครับเนี่ย?" ผมแกะห่อผ้าเย็นเช็ดหน้าให้พี่สินพลางถามเพื่อนๆไปพลาง พี่สินก็หลบหน้านี้สัมผัสแปลกปลอมไม่ยอมอยู่นิ่งๆให้ผมเช็ดให้

 

"กูจะรู้พี่มันหรอ? กูไปถึงแม่งก็กระดกเอาๆ ไม่เผื่อชาติหน้าเหมือนกลัวตายไปไม่มีใครกรวดเหล้าไปให้" วิวตอบผมแล้วลุกขึ้นเดินไปหาน้ำที่ตู้เย็นมาส่งให้โฟล์คกับผมคนละขวด

 

"ขอบคุณครับ" ผมยกน้ำกระดกแล้วหันไปมองคนข้างๆที่ล้มตัวลงนอนบนโซฟายาวก่อนจะถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ

 

"ยังไงก็ต้องขอบคุณวิวกับโฟล์คด้วยนะครับที่อยู่เป็นเพื่อนพี่เขา"

 

"ถามจริงเชลดอนพวกมึงทะเลาะอะไรกันหรือเปล่า? กูเป็นห่วงมึงนะ" โฟล์คถามด้วยสีหน้าจริงจังจนผมไปไม่ถูก

 

"เออ จะว่ากูเสือกก็ได้นะ แต่ถ้ามีปัญหาอะไรกันก็คุยกันดีๆ มึงก็รู้ว่าพี่สินมันใจร้อน ปากหมา มึงก็ใจเย็นๆ อย่าไปร้อนตามมัน" ผมพยักหน้าหันไปหาวิว

 

"เสือกครับ"

 

"อ้าวไอ้นี่ กวนตีนกูแล้วไง กูอุตส่าห์ให้คำปรึกษาดีๆ" ผมยิ้มแฉ่งให้วิวก่อนจะจับชายเสื้อเขาแกว่งนิดๆ

 

"ล้อเล่นครับ ล้อเล่น" วิวถอนหายใจก่อนจะผลักหัวผมเบาๆ

 

"ผมรู้ครับผมเองก็พยายามปรับตัวอยู่ ผมก็ไม่เคยคบใครมาก่อนยอมรับว่ายังไม่ค่อยเข้าใจความคิดความอ่านของคนเป็นแฟนกันเท่าไหร่ ทำไมแค่การที่ผมรู้จักกับคนอื่นหรือคุยกับคนอื่นมันถึงกลายเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ก็ไม่รู้" ผมพูดออกไปอย่างหงอยๆ หรือผมเหมาะจะอยู่คนเดียว

 

"มันไม่ได้ผิดหรอกปอนด์ที่มึงคุยกับเพื่อนใหม่ ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ แต่ถ้าคนๆนั้นเข้ามาในชีวิตมึงแล้วเขาไม่ได้หวังจะเป็นแค่เพื่อนหรือคนรู้จัก มันก็เป็นปัญหามึงเข้าใจที่กูพูดมั้ย?" ผมพยักหน้าคิดตามที่วิวพูด

 

"การเป็นแฟนกันคือการคบกันของคนสองคนถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งเปิดให้ใครอีกคนเข้ามาความสัมพันธ์มันก็พัง" กรณีนี้คือเป็นผมที่เปิดให้พี่เบนซ์เข้ามาสินะในสายตาของพี่สิน

 

"มึงรู้ว่าพี่เบนซ์มันคิดยังไงกับมึงใช่มั้ย?"

 

"ครับ ตอนแรกก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ตอนนี้รู้แล้วพี่เขาบอกกับผมตรงๆว่าเขาชอบผม"

 

"เอาเรื่องว่ะ แล้วมึงจัดการหรือยัง"

 

"ก็นั่นแหละครับที่ทำให้ผมมีปัญหากับพี่สิน ผมไปหาพี่เบนซ์วันนั้นก็เพื่อต้องการบอกเขาให้ชัดเจนว่าผมมีแฟนแล้ว อยากให้เขาเลิกยุ่งกับผม พี่สินจะได้สบายใจสักที เพราะผมไว้ใจพี่สินมากผมก็เลยคิดว่าเขาจะไว้ใจผมเช่นกัน" วิวกับโฟล์คถอนหายใจออกมาหนักๆ ตามผมก่อนจะตบบ่าเบาๆ

 

"เอาน่ามึง ค่อยๆเรียนรู้กันไปพี่มันตื่นมาก็อธิบายกับมันดีๆแล้วกัน พวกกูก็ช่วยได้แค่นี้แหละ" ผมพยักหน้าให้เพื่อนๆ รู้สึกขอบคุณที่พวกเขาเข้าใจ

 

"งั้นพวกกูกลับละ ดูพี่มันดีๆด้วยล่ะ"

 

"ครับกลับดีๆนะ ถึงแล้วบอกผมด้วย"

 

"เออ" โฟล์คผลักหัวผมอีกทีก่อนจะเดินกอดคอวิวออกจากห้องไป ผมจัดการล็อคประตูดีแล้วเดินมาจัดการคนที่อยู่บนโซฟา ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้มั้ยนะ อึดอัดน่าดูเลย ถอดรองเท้าก่อนละกันแล้วค่อยเช็ดตัว ผมเดินไปรองน้ำใส่กาละมังเล็กแล้วเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาชุบน้ำเช็ดตัวให้คนเมาที่นอนอยู่ ดีนะที่พี่สินเป็นคนที่เมาแล้วไม่อ้วก ถ้าอ้วกด้วยนี่แจ็กพ็อตเลยผม กว่าจะจัดการพี่สินเสร็จก็กินเวลาผมไปเกือบครึ่งชั่วโมง เฮ้อ ปล่อยให้นอนตรงนี้แล้วกัน ผมขนผ้านวมกับหมอนออกมาให้พี่สินกดจะเบาแอร์ลง ตื่นมาพรุ่งนี้คงต้องคุยกันหน่อยแล้ว อ้ะ!! จังหวะที่กำลังหมุนตัวจะกลับไปนอนที่ห้องตัวเองพี่สินก็จับแขนผมกระชากลงไปนอนด้วยกัน

 

"พี่สิน..."

 

"ไม่ไปได้มั้ย อยู่กับพี่" ผมนอนนิ่งๆให้พี่สินกอดจากด้านหลัง เพราะโซฟาที่แคบเลยทำให้ขยับไปไหนไม่ได้มาก ร่างของเราทั้งสองคนแนบชิดกันสนิทตั้งแต่หัวจรดเท้า

 

"ถ้าตื่นแล้วก็ลุกไปอาบน้ำอาบท่าเถอะครับ เหม็นเหล้าหึ่งเลย" พี่สินขยับยุกยิกแล้วเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเบา

 

"...ขอโทษครับ" ลมหายใจที่กระทบอยู่หลังต้นคอทำผมขนลุกจนต้องย่นคอหนี แต่ต่อให้หนียังไงผมก็หลบสัมผัสเปียกชื้นเบาๆจากปากที่กดจูบลงมาหลังต้นคอไม่ได้ พี่สินย้ำจูบอยู่แบบนั้นพร้อมกับพูดคำว่าขอโทษออกมาอีกหลายครั้งก่อนจะเงียบไปแล้วกลายเป็นลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ แล้วจะให้ผมตีลงได้ยังไง ก็เป็นซะอย่างเนี้ย แค่เขาพูดเสียงอ่อนนิดๆหน่อยๆ ผมก็พร้อมจะให้อภัยเขาไปทุกเรื่องแล้ว

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

********************

tbc.

 

มาต่อแล้วค่ะ ด่าได้แต่อย่าแรง ทางบ้านมีปัญหาค่ะ คุณยายไม่สบายเข้าโรงพยาบาล ไม่รู้ช่วงนี้มันเป็นอะไร เดี๋ยวคุณย่า เดี๋ยวคุณยาย เดี๋ยวแม่เจ็บแขน นี่เราก็ต้องไปเฝ้าร้านยาแทนแม่มาตั้งอาทิตย์กว่า ขอโทษด้วยนะจ๊ะ ที่มาช้า หลังจากนี้ก็อาจจะมาช้าอีก แต่จะจบแล้วนะ เราวางไว้ประมาณ 33-35 ตอนนี่แหละค่ะ ไม่ดราม่านะ มีมานิดๆ ตามประสาไม่ถนัดดราม่าเลย จบเรื่องนี้ก็มีแพลนเรื่องใหม่อยู่เหมือนกัน คิดๆพล็อตไว้แล้ว แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีเวลาหรือเปล่า ขอบคุณ ที่เข้ามาอ่านนะคะ เป็นกำลังใจที่ดีมากๆแค่เห็นว่ามีคนเปิดอ่านก็รู้สึกดีแล้ว บายๆค่ะเจอกันตอนหน้า

 

ปล. มาแถมเมจพี่เป้สายหงึค่ะ

 




หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 25-07-2020 01:30:48
พี่สินนี่เหมือนเด็กเอาแต่ใจจริงๆ เล้ยยยยยยย
แต่ถ้าเป็นเราเราก็คงเหมือนพี่สินแหละที่โมโห
ก็แหมมมมม ใครจะอยากให้แฟนเราไปพูดคุย
กับคนที่เราก็รู้ว่ามันคิดไม่ซื่อกับแฟนเราละ
จริงมั้ย?? 

แต่ชอบความคิดและความใจเย็นของน้องปอนด์มากๆ เลยนะ ดูเป็นคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่มากๆ จนเหมือนว่าพี่สินกับปอนด์น่าจะสลับอายุกันนะ  55555 อ่ะล้อเล่นนนน อย่าโกรธเรานะเฮียสิน  :katai3:

ขอบคุณที่มาต่อนะคะ และขอส่งกำลังใจไปให้นักเขียนด้วยค่ะ  :3123: :L1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch. 32 อะไรสำคัญกว่า?
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 09-08-2020 10:24:21



Ch. 32 อะไรสำคัญกว่า








 

 

"ปอนด์ ปอนด์ครับ ปอนด์!!" เสียงโหวกเหวกโวยวายภายในห้องดังขึ้นและตามมาด้วยเสียงตึงตังเปิดปิดประตูห้องของคนที่เพิ่งตื่นจากเมาค้าง

 

"น้องอยู่ไหน อย่าทิ้งพี่ไป..." ผมถอนหายใจก่อนจะวางฟ็อกกี้ที่ตัวเองเอามาฉีดต้นกระบองเพชรตรงระเบียง เล่นใหญ่ตลอดเลยผู้ชายคนนี้ ผมเดินกลับเข้าไปในห้อง ที่ตอนแรกจินตนาการไว้ว่าเล่นใหญ่มากคือเทียบไม่ได้เลยกับภาพที่เกิดขึ้น คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกเอ็มวีหรือไง ลงไปนั่งคุกเข่าทำอะไรตรงพื้น

 

"พี่สินเป็นบ้าหรอครับ" ผมส่งเสียงทักออกไป คนที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่กับพื้นหันมามองผมแล้วคลี่ยิ้มกว้างก่อนจะรีบลุกพรวดเดินเข้ามาหา

 

"ปอนด์ พี่นึกว่าปอนด์ไปเรียนแล้วซะอีก" พี่สินเดินเข้ามาจับมือผมแน่นแถมยังแกว่งเบาๆเป็นเด็กน้อยอีก

 

"ก็ใครล่ะครับทำให้ผมไม่ได้ไปเรียนน่ะ" พี่สินทำหน้าหงอยนี่ถ้ามีหูมีหางคงจะลู่ลงเป็นหมาเหงาเลยล่ะครับ

 

"แหย่เล่นครับ ปอนด์อยากหยุดดูแลพี่สินเอง ไปอาบน้ำเร็วเน่าหมดแล้วเนี่ย ตัวมีแต่กลิ่นเหล้า" ผมว่าพลางพยายามดันคนตัวโตไปทางห้องน้ำ พี่สินยอมขยับแต่โดยดีผมหยิบผ้าขนหนูยื่นให้ก่อนจะเข้ามาทีครัวเพื่ออุ่นโจ๊กให้เขา นี่ผมลงทุนตื่นมาแต่เช้าเพื่อทำโจ๊กให้เลยนะเนี่ย ถึงมันจะเป็นโจ๊กสำเร็จรูปก็เถอะ แต่ว่าคุณค่าทางโภชนาการครบห้าหมู่แน่นอนเพราะผมใส่ทั้งผักทั้งหมูครบเลย รอเพียงไม่นานโจ๊กที่ต้มไว้ก็ได้ที่พอดีกับที่ผมได้ยินพี่สินอาบน้ำเสร็จเปิดประตูออกมา

 

"ไปใส่เสื้อผ้าแล้วมากินข้าวครับ ปอนด์รอกินข้าวพร้อมกันจนปวดท้องแล้วเนี่ย" ผมไม่ได้หันไปมองเจ้าตัวเพราะมัวแต่ตักโจ๊กใส่ถ้วยสองใบเพื่อจะยกไปที่โต๊ะกินข้าวจังหวะที่กำลังจะปิดหม้อพี่สินที่ไม่ยอมไปแต่งตัวก็เดินเข้ามากอดจากทางด้านหลังแล้วเอาหน้าซุกกับไหล่ผมอยู่อย่างนั้น ที่รู้ก็เพราะความเย็นและเปียกชื้นจากร่างกายเขานั่นแหละครับ เสื้อผมเปียกหมดแล้วมั้ง แล้วคือจะโชว์ภูมิว่าตัวเองสูงกว่าจนต้องก้มลงมาหรือไงเนี่ยก้มมาไม่พอยังจะถูหน้าไปมาอีก

 

"น้องครับพี่ขอโทษ..." พี่สินพูดออกมาเสียงเบาหวิว ทีขอโทษล่ะเสียงอ่อนเสียงเบาแต่ตอนตะคอกนี่ตะเบ็งจนเอ็นคอแทบแตก ไม่ใช่อะไรครับห่วงสุขภาพเดี๋ยวจะเจ็บคอเอาขี้เกียจหาน้ำผึ้งมะนาวมาให้เพิ่ม

 

"เมื่อคืนก็พูดไปแล้วครับ"

 

"แต่พี่อยากขอโทษอีก" ผมจับแขนของคนตรงหน้าออกจากหน้าท้องแล้วหันไปเผชิญหน้ากันแต่ไม่กล้าหลุบตาลงต่ำเท่าไหร่ คนอะไรชอบโป๊ให้คนอื่นดู

 

"ปอนด์รู้แล้วครับ แต่ว่าไปใส่เสื้อผ้าก่อนมั้ยแล้วมานั่งคุยกันดีๆ โจ๊กจะเย็นหมดเอานะ" ผมยิ้มให้คนตัวโตที่ตอนนี้ดูงอแงเป็นเด็กน้อยติดแม่มากกว่าที่เคย แต่ผมไม่ได้อยากเป็นแม่เขานะ มันแค่การเปรียบเทียบ

 

"โอเคครับ" พี่สินทำท่าอิดออดไม่อยากปล่อยมือแต่สุดท้ายก็รีบวิ่งเข้าห้องไปใส่เสื้อผ้าอยู่ดี ผมส่ายหัวให้กับอาการอ้อนนั้นก่อนจะยกถ้วยโจ๊กทั้งสองไปวางตรงโต๊ะรอไม่นานพี่สินก็ออกมาอย่างไม่เรียบร้อยดีนักเพราะเดินใส่เสื้อออกมาจากห้องเลย ผมเลื่อนถ้วยให้คนตรงหน้าก่อนจะรินน้ำใส่แก้วให้ พี่สินนั่งมองทุกการกระทำเหมือนกลัวว่าผมจะหายไปไหนจนผมต้องกระแอมเบาๆ

 

"มองอะไรขนาดนั้นครับ กลัวปอนด์หายหรอ" ผมถามขำๆขณะที่ลงมือตักข้าวเข้าปาก พี่สินไม่ได้ตอบอะไรแต่เริ่มลงมือกินส่วนของตัวเองบ้าง เรานั่งกินกันไปเงียบๆแต่ไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรอีกแล้ว พี่สินเองก็คงรู้สึกเช่นกันสังเกตได้จากที่เจ้าตัวกินอย่างเอร็ดอร่อยจนผมต้องดันแก้วน้ำให้เพราะกลัวจะสำลัก

 

"กินช้าๆก็ได้ครับ ปอนด์ไม่แย่ง ถ้าไม่พอก็ตักใหม่ได้ปอนด์ทำไว้เยอะอยู่" ผมเอ่ยแซวคนตรงหน้าที่ท่าทางคงหิวน่าดู พี่สินกินหมดชามแรกก็ลุกขึ้นไปตักมาเพิ่มอีกแต่รอบนี้ไม่รีบกินแล้วเหมือนแค่อยากนั่งกินเป็นเพื่อนผมเฉยๆ พอกินเสร็จผมจะเอาไปล้างก็มาแย่งทำอีก 

 

"น้องทำให้พี่กินแล้วเดี๋ยวพี่ล้างเอง" ผมพยักหน้ารับรู้แต่ยังไม่ไปไหนและเลือกจะยืนกอดอกพิงผนังมองคนที่ทำเก่งจะล้างจานแทน

 

"มองแบบนี้พี่ล้างไม่ออกหรอก ไปนั่งรอก็ได้"

 

"เอ้า นี่จะล้างจานหรอครับ ปอนด์นึกว่าจะอาบน้ำอีกรอบซะอีก" ผมหัวเราะสายตาเขียวปั้ดที่ส่งตรงมาจากพี่สิน ก็เจ้าตัวน่ะล้างจานเป็นที่ไหนล่ะครับ ครั้งที่แล้วพี่เป้ยังแซวเลย

 

"พี่พัฒนาแล้วเหอะ ไม่เปียกแล้ว...เราเถอะหายโกรธพี่แล้วใช่มั้ย?" ผมเลิกคิ้วมองพี่สินที่ก้มหน้าก้มตาล้างจานไม่ยอมเงยหน้ามามองกัน นี่คิดมากอยู่จริงๆสินะ

 

"พี่สินครับ..."

 

"พี่ไม่เลิกนะ"

 

"ยัง" ผมหัวเราะขำพี่สินสวนขึ้นมาทันทีที่ผมเริ่มประโยค

 

"ปอนด์ยังไม่ได้พูดเลย คิดมากจังคนแก่แถวนี้"

 

"โห น้อง ขึ้นเลยว่าพี่แก่พี่ขึ้นเลยเนี่ย" ผมหัวเราะน้อยๆก่อนจะเดินไปซ้อนหลังคนคิดมากแล้วกอดไว้

 

"ไม่โกรธครับ ปอนด์เข้าใจพี่สินแล้วว่าพี่สินน่ะหวงปอนด์มากกกก" ผมลากเสียงยาวเพื่อหยอกล้อพี่สินก่อนจะวางคางลงบนไหล่แกร่ง

 

"ใช่ครับ มากน่ะถูกแล้ว ทั้งหวงทั้งหึง สงสัยพี่กำลังโดนกรรมตามสนองแน่ๆ ไม่น่าไปทำคนอื่นไว้เยอะเลย" พี่สินพึมพำเบาๆคนเดียวประโยคหลัง แต่เพราะความใกล้ชิดระดับนี้ก็ทำให้ผมได้ยินอยู่ดี

 

"รู้แล้วครับต่อไปนี้ถ้าปอนด์เจอพี่เบนซ์หรือว่าได้คุยกันโดยบังเอิญปอนด์จะรีบไลน์หาพี่ทันทีเลยดีมั้ย?" พี่สินพยักหน้ารับไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

 

"ปอนด์ว่าพี่งี่เง่ามั้ย?"

 

"เอาตรงๆแบบไม่ถนอมน้ำใจเลยมั้ยครับ?"

 

"ถนอมนิดนึงก็ได้ครับ" ผมหัวเราะอารมณ์ดีอีกครั้ง ตั้งแต่เป็นแฟนกันพี่สินน่ารักขึ้นมากจนผมหมั่นเขี้ยวเลย

 

"ก็งี่เง่านะครับแต่มันก็ปกติของคนเป็นแฟนกันนั่นแหละ ตอนนี้ปอนด์กำลังพยายามเรียนรู้ที่จะเข้าใจพี่สินอยู่นะครับ อาจจะไม่ทั้งหมด แต่ก็อยากให้พี่สินพยายามไปด้วยกัน มีอะไรไม่เข้าใจกันปอนด์อยากให้พูดให้ถามไม่ใช่ใส่อารมณ์กับปอนด์ก่อนแล้ว แบบนั้นไม่ดีเลยนะครับ" พี่สินหงอยลงไปอีกอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเอ่ยคำขอโทษออกมาเบาๆอีกครั้ง

 

"พอแล้วครับไม่ดราม่าแล้ว เอาเป็นว่าเราดีกันแล้วนะ ปอนด์เบื่อจะดูฉากนั่งคุกเข่าเป็นพระเอกเอ็มวีของพี่" ผมรีบปล่อยมือออกจากเอวพี่สินทันทีเมื่อพี่เขาจะเอาช้อนที่มือเคาะหัว

 

"ตั้งใจล้านจานไปนะครับ เดี๋ยวปอนด์ไปเอายาแก้แฮงค์มาให้ ยังปวดหัวอยู่มั้ย"

 

"ปวดอยู่ครับแต่ไม่มากเท่าไหร่แล้ว สงสัยได้กอดจากน้อง แต่ถ้าจะให้หายเลยคือต้องตรงนี้ครับ" พี่สินหันมาทำปากจู๋ใส่ผมหน้าตายียวนจนอยากจะดึงปากนั่นแรงๆ

 

"ไม่ต้องเลยครับ เดี๋ยวปอนด์ไปเอามาให้" ผมผละออกจากตรงนั้นได้ยินเสียงอิดออดงุ้งงิ้งๆไม่พอใจของพี่สินเบาๆแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก จะว่าไปมีแฟนนี่มันก็ไม่ได้แย่อะไรนะครับ

 

*********************************

 

วันนี้ทั้งวันผมกับพี่สินเอาแต่นอนก่ายกันดูเน็ตฟลิกบนเตียง อาหารเที่ยงก็เลือกโทรสั่งให้มาส่งไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเพราะคนข้างๆผมเอาแต่วอแวไม่ยอมให้ห่างไปไหน วิวกับโฟล์คก็โทรมาถามไถ่ความเป็นไปหรือที่ผมเรียกว่าอยากเสือกนั่นแหละครับ พอรู้ว่าคืนดีกันแล้วก็ปวารณาตนเป็นพี่อ้อยพี่ฉอดกันเลยทีเดียว ให้คำปรึกษาเก่ง ไหนต้นเรื่องใครนะที่โดนแฟนทิ้งไปหาสายฝ.

 

"ปอนด์น้องอยากดูเรื่องอะไรต่อ" ผมพยายามขยับตัวออกจากอ้อมกอดพี่สินเพื่อบิดขี้เกียจแต่ทำยังไงเขาก็ไม่ยอมปล่อย ขนาดจะกินน้ำตอนดูเรื่องที่สองหรือสามนี่แหละผมจะไม่ได้ยังกระเตงผมไปเอาน้ำที่ตู้เย็นด้วย พอบอกขี้เกียจลุกก็อุ้มไปทั้งอย่างนั้น น่าตีจริงๆ

 

"พี่สินปล่อยก่อนครับ แล้วก็พอก่อนมั้ยหนังอ้ะนี่จะหกโมงครึ่งแล้วนะ ไม่หิวหรอ" พี่สินคลายอ้อมแขนออกให้ผมพอเอาแขนตัวเองยกขึ้นได้แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยทั้งตัว

 

"อยากอยู่กับน้อง" พี่สินว่าเสียงอู้อี้อยู่แถวลำคอด้านหลังให้ผมจั๊กจี้กับลมหายใจเล่นๆ

 

"นี่ก็อยู่ทั้งวันแล้วครับ ปอนด์ปวดตาแล้ว" พี่สินรีบปล่อยตัวผมแล้วลุกขึ้นจับหน้าผมให้หันไปทางเจ้าตัวทันที

 

"เจ็บมากมั้ย? ข้างไหน? แดงหรือเปล่าเนี่ย?" หลังจากจับหน้าผมหันไปหันมาอย่างพอใจแล้วก็เอานิ้วมาแหกตาผมเล่นอีก

 

"โอ๊ย พี่สินพอก่อน แค่ตาล้าเฉยๆ หิวยังปอนด์จะไปหาอะไรให้กิน" จังหวะที่ผมกำลังจะลุกเพื่อไปหาอะไรง่ายในครัวทำให้พี่สินกินเป็นมื้อเย็นกลับโดนมือใหญ่ดึงเข้าหาตัวจนเสียหลักล้มไปทับอีกคนจนหน้าห่างกันไม่ถึงคืบ ผมได้แต่หลบสายตาแล้วร้องขอให้เขาปล่อยผมก่อนเพราะถ้าอยู่ท่านี้ต่อใจผมได้ระเบิดออกมานอกตัวแน่ๆ

 

"ปล่อยก่อน..."

 

"กินปอนด์แทนไม่ได้หรอ" พี่สินพูดเสียงอ้อนจนผมขนลุกทั้งตัว จากที่คิดว่าไม่สามารถใจเต้นแรงมากกว่านี้ได้แล้วก็ต้องปรับความคิดใหม่ว่ามันสามารถเต้นได้แรงกว่าเดิมอีก ฮือออ ช่วยผมที

 

"ปอนด์ไม่ใช่อาหาร...." ผมพึมพำตอบออกไป ตาก็ยังคงพยายามไม่มองสบกับคนตรงหน้า ทั้งหน้ารู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด ยิ่งพี่สินเอามือลูบเอวเบาๆ ผมเขินจนจะระเบิดตัวตายอยู่แล้ว

 

"ไม่ใช่อาหารแต่พี่อยากกินนี่คะ ให้พี่กินได้มั้ยเนี่ยคนนี้" พี่สินพูดคะขาแล้วยังพยายามจับหน้าผมให้หันไปสบตากับตัวเองด้วย

 

"กินปอนด์มันอิ่มท้องที่ไหนเล่า"

 

"ไม่อิ่มท้องแต่อิ่มอกอิ่มใจนะคะ" เจ้าเล่ห์ใหญ่แล้ว พอยอมหน่อยนี่หาเศษหาเลยตลอดเลย ผมพยายามหาทางหนีเอาตัวรอดจากคนตรงหน้าอยู่เพราะถ้าจะให้ใช้กำลังก็คงไม่ชนะหรอก

 

"พี่สิน...คือปอนด์...อื้อ!" พูดยังไม่จบประโยคสติผมก็กระเจิงเพราะการจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัวจากปากคนตรงหน้า พี่สินเอามือล็อคหน้าผมไม่ให้ขยับไปไหน ก่อนจะขยับจูบเปลี่ยนองศาเบาๆแค่ภายนอก จังหวะที่อากาศหายใจผมกำลังจะหมดคนตรงหน้าก็เหมือนจะรู้จึงปล่อยริมฝีปากผมออกเป็นอิสระให้ผมได้สูดอากาศหายใจเข้าปอด

 

"ไม่กลั้นหายใจสิคะ" เสียงที่เปล่งออกมาทั้งนุ่มทุ้มน่าฟัง ไหนจะนิ้วโป้งที่คอยเกลี่ยริมฝีปากล่างให้ผมอย่างอ่อนโยนก็ทำให้ผมคล้อยตามได้อย่างไม่ยากนัก

 

"หน้าแดงหมดเลย" ผมหน้างอทุบอกพี่สินไปหนึ่งทีด้วยความหมั่นไส้

 

"ใครทำล่ะ"

 

"พี่ทำค่ะ แฟนปอนด์ทำเอง" พี่สินหัวเราะในลำคออย่างอารมณ์ดีพร้อมกับเกลี่ยแก้มผมไปด้วย ผมเขินจนต้องฟุบหน้าลงกับอกพี่เขา ไม่ชินกับพี่สินเวอร์ชั่นนี้เลยให้ตาย

 

"น้องเป็นอะไร เขินหรอ" พี่สินถามแล้วหัวเราะออกมาด้วยเสียงอันดัง ไม่เขินสิแปลก

 

"เงยหน้ามาให้พี่เห็นหน่อยค่ะคนดีพี่อยากเห็นหน้าน้อง" ผมส่ายหัวรัวๆ เงยไปตอนนี้ได้เป็นลมแน่ๆ

 

"เลิกพูดคะขาก่อน...."

 

"อะไรนะคะ?" ไม่รู้ว่าเพราะผมตอบเสียงอู้อี้ออกไปหรือพี่สินต้องการกวนประสาทผมกันแน่ถึงได้ถามย้ำให้อายไม่เลิก

 

"ปอนด์บอกให้เลิกพูดคะขาก่อน!"

 

"ยอมเงยหน้าแล้วหรอ" พี่สินหัวเราะก่อนจะโยกตัวผมเบาๆเหมือนปลอบเด็กน้อยผมรีบซุกหน้าตัวเองลงกับอกอีกหน สู้สายตาไม่ไหวเลยทำไมแค่มองถึงมีอิทธิพลกับผมขนาดนี้ล่ะ

 

"ปอนด์ครับเงยหน้าเร็ว"

 

"...."

 

"คนดีพี่อยากจูบอีกได้มั้ยครับ"

 

"...." ผมกลั้นใจฮึบลืมตาแล้วเงยหน้าให้พี่สินจูบอีกรอบ คราวนี้พี่สินไม่ได้จู่โจมอีกแล้วแต่เลือกที่จะเคลื่อนใบหน้าเข้าหาผมช้าค่อยๆเป็นไปเหมือนสอนให้ผมชินกับสัมผัสของเขาไปเรื่อยๆ และผมชอบมันมาก ชอบมากกว่าโกสต์เรดิโอซะอีกมันรู้สึกดีจนเหมือนจะลอยได้ พี่เป้จะว่าผมใจแตกมั้ยเนี่ย

 

"...อ้าปากหน่อยครับ" พี่สินพูดชิดริมฝีปากผมลองทำตามที่บอกจูบครั้งนี้แปลกจากครั้งก่อนเพราะนอกจากจะรู้สึกดีแล้วผมยังวูบวาบแปลกยิ่งมือที่ลูบอยู่บนเอวของพี่สินที่ไล้ไปมาตามแนวแผ่นหลังยิ่งทำให้ใจเต้นแรงเป็นพิเศษแต่เพราะมัวแต่เคลิ้มอยู่กับรสจูบตัวผมถูกพี่สินพลิกลงใต้ล่างในเวลาแค่พริบตาโดยที่ปากเรายังไม่ผละออกจากกันด้วยซ้ำ

 

"อ๊ะ!" มือที่เลื่อนมาลูบหน้าท้องผมเบาๆทำเอาสะดุ้งขนลุกไปทั่วทั้งตัวเหมือนโดนไฟฟ้าสถิตพี่สินยังคงไม่ยอมปล่อยปากออกและลูบอยู่อย่างนั้นจนผมต้องทุบอกประท้วง ผมหอบหายใจไม่ทั่วท้องมองพี่สินที่ตอนนี้หน้าแดงไม่แพ้กัน ผมไม่ได้ใสซื่อขนาดไม่รู้ว่าตอนนี้พี่สินต้องการอะไร ผมหลุบสายตาหนีไปทางอื่นไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาสักคำเพราะสายตาที่แสดงถึงความปรารถนาของเขาโดยไม่คิดจะปิดบังนั่นทำให้ผมไม่กล้าสบตา

 

"ขมวดคิ้วทำไมคะ ไม่ชอบหรอ..."

 

"ชอบครับ แต่...." ในหัวผมมันตีกันไปหมดผมชอบนะชอบมากๆแล้วมันก็เป็นปกติของคนเป็นแฟนกันกับเรื่องอะไรแบบนี้ แต่มันก็เร็วไปหรือเปล่า

 

"ไม่เป็นไรนะพี่ไม่ได้เร่งรัดอะไรแค่ปอนด์ไม่รังเกียจพี่ก็พอ" พี่สินพูดปลอบโยนแล้วทิ้งตัวมากอดผมไว้ทั้งตัวโดยใบหน้าซุกอยู่ตรงซอกคอผมให้ขนลุกเล่นกับลมหายใจของเขา และเพราะทั้งตัวเราแนบชิดกันอยู่จึงทำให้ผมรู้สึกได้ถึงสิ่งที่ดุนดันอยู่ด้านล่าง

 

"เอ่อ พี่สินครับ...ให้ปอนด์ช่วยมั้ย" ผมทำใจกล้าถามออกไปพี่สินชะงักตัวแข็งทันทีเมื่อผมพูดจบก่อนจะรีบลุกขึ้นนั่ง

 

"ได้หรอครับ" ผมพยักหน้าแล้วลุกตามเจ้าตัว

 

"...ต้องทำยังไงครับ" มันน่าจะไม่ต่างจากที่ผมทำให้ตัวเองนักหรอกมั้ง

 

"..." พี่สินเงียบไปก่อนจะปิดปากหันหน้าไปทางอื่นแต่ผมก็ทันเห็นริ้วแดงๆบนแก้มนั่น ผมเลยยื่นมือตัวเองไปปลดกระดุมกางเกงนั่นให้ พี่สินสะดุ้งสุดตัวไม่ได้ออกปากห้ามอะไรแต่ยกมือขึ้นสองข้างเพื่อปิดสีหน้าตัวเอง

 

"...น้องใจพี่มันจะไม่ไหวแล้ว" พอผมแตะนิ้วลงบนชั้นในของเขาตั้งใจจะดึงลงแต่ว่ากลับมีเสียงโทรศัพท์พี่สินดังขึ้นมาซะก่อน พี่สินลนลานรีบไปหยิบมาดูผมเห็นแว้บๆว่าเป็นพี่รัน จากนั้นพี่สินก็ปิดเสียงแล้วโยนลงที่นอนอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะทำสายตาเลิ่กลั่กมองผมทีไม่มองทีอยู่อย่างนั้นก่อนจะเอ่ยปากออกมาอย่างเขินอาย

 

"ต่อเลยครับ..." ผมยิ้มน้อยๆนานๆทีจะเห็นพี่สินเสียอาการขนาดนี้ แต่พอผมจะเริ่มต่อเสียงโทรเข้าเครื่องผมก็ดังขึ้นอีก พี่สินเริ่มไม่สบอารมณ์หันไปมองโทรศัพท์ผมเหมือนจะขว้างทิ้ง ผมหยิบขึ้นมาดูเป็นพี่รันที่โทรเข้ามา

 

"เดี๋ยวปอนด์รับสายก่อนดีกว่าครับเผื่อมีอะไรสำคัญ" ผมบอกเสร็จก็กดรับสายแล้วเปิดลำโพงทันที

 

"ครับพี่รัน"

 

("ฮัลโหลน้องปอนด์ ไอ้สินมันอยู่กับน้องมั้ย?") ผมเหลือบสายตาไปมองพี่สินน้อยๆก่อนจะตอบ

 

"อยู่ครับ"

 

("โหย ไอ้เหี้ย เขานัดกันทำโปรเจ็ควันนี้ไม่ใช่ชาติหน้าบอกมันทีเพื่อนมาครบกันหมดแล้ว!") 

 

"เอ่อ พี่สินครับ..."

 

"แม่งเอ๊ย บอกมันว่าวันนี้พี่ไม่ไป แล้วปอนด์ก็วางสายมันได้แล้ว"

 

("ไม่ได้ดิวะจะแดกเอฟหรือไงเหลือเวลาไม่มากแล้วเนี่ย!! ตัวนี้สำคัญนะโว้ย!!!") ผมหันไปยิ้มแหยๆให้พี่สิน

 

"กูหมดอารมณ์เลยสัสเอ๊ย" พี่สินพึมพำก่อนจะหยิบโทรศัพท์จากมือผมไปจัดการคุยเอง

 

"เออ ไอ้เหี้ยรู้แล้ว พวกมึงมาทำที่คอนโดกูได้มั้ยกูไม่อยากให้น้องอยู่คนเดียวเดี๋ยวกูส่งโลให้แค่นี้" แล้วก็กดตัดสายไปเลยก่อนจะเข้าไลน์ตัวเองส่งโลให้เพื่อนๆ พี่สินเสยผมท่าทางหงุดหงิด ระหว่างเราเกิดเดธแอร์ขึ้นมาอยู่หลายวิ

 

"ขอโทษนะครับน้องอุตส่าห์..." พี่สินก้มมองหน้าผมก่อนจะก้มจุ๊บเบาๆที่ปาก

 

"ไม่เป็นไรครับ'งานสำคัญกว่านะ ตอนนี้รีบไปอาบน้ำเถอะครับเดี๋ยวปอนด์ไปทำอะไรให้กิน ต้องทำเผื่อเพื่อนๆพี่ด้วย" ผมยิ้มให้พี่สินเจ้าตัวถอนหายใจพรืดก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกระหยิ่มยิ้มอีกครั้งแล้วพูดเสียงแหบเครือ

 

"อาบด้วยกันมั้ยคะ?" ผมตีไหล่พี่สินไปหนึ่งทียังจะมาทำเล่นอีก

 

"พอเลยครับ ไม่โลภมากสิ ไปได้แล้ว" ผมส่ายหัวให้กับคนตัวโตที่ทำตัวเป็นเด็กๆไม่เลิกก่อนจะลุกไปหาของทำกับข้าวให้กับทุกคน พอนึกกลับไปทำไมผมถึงได้กล้าขนาดนั้นนะ เรื่องนี้จะให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดโดยเฉพาะพี่เป้ผมต้องโดนตีแน่เลย TTOTT

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

*********************

tbc.

มาแล้วค่ะ ช้ามากๆเลยขอโทษนะ ใกล้จะจบแล้ว สงสารอีพี่มันนะ แต่ขอเอาคืนบ้างนิดๆหน่อยๆเถอะ ตะคอกน้องเก่งดีนัก

 

 

 


หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 09-08-2020 11:02:29
หวานจนมดขึ้นคับ
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: mab ที่ 09-08-2020 23:51:06
ฝากตบไอ้พี่รัน 5 ทีด้วยค่ะ มาขัดจังหวะจริงๆ เล้ยยย  :m20:

น้องปอนด์รอโอกาสหน้าค่อยมาทำให้พี่สินใหม่นะน้องนะ  :hao6:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.33 ครอบครัว
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 23-08-2020 14:11:08


Ch. 33 ครอบครัว




 




 

"พี่สินเสร็จหรือยัง?" หลังจากผมเอาแซนด์วิชเก็บลงพัพเปอร์แวร์เสร็จก็ตะโกนเรียกคนที่แต่งตัวได้นานกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก จะออกไปเที่ยวทีเหมือนจะไปเดินแฟชั่นโชว์ไม่รู้จะจัดเต็มอะไรนักหนา หลังจากพี่สินทุ่มเวลาให้กับโปรเจ็คต์ตัวเองจบเจ้าตัวก็มีเวลาพักสักที ตานี่โหลจนจะเป็นหมีแพนด้าอยู่แล้ว แต่ผมก็เข้าใจแหละครับ ใช่ว่าพี่สินจะเหนื่อยคนเดียวที่ไหนทุกคนก็เหนื่อยเหมือนกันทั้งหมดนั่นแหละ

 

"แท๊แด่ เป็นไงพี่หล่อมั้ยคะ?" นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมห้ามเขาไม่ได้ เรื่องพูดคะขาเพื่อกวนโมโหผมน่าจะกลายเป็นงานอดิเรกของเขาไปแล้ว แรกๆผมก็เขินนะ หลังๆมาเริ่มหมั่นไส้เมื่อคิดไปว่า เมื่อก่อนเขาเองก็คงพูดแบบนี้กับเด็กๆที่เขาควง

 

"หน้างอ พี่ไม่หล่อเลยหรอ งั้นไปเปลี่ยนใหม่"

 

"พอแล้วครับ หล่อแล้ว ไปกันได้หรือยังออกสายกว่านี้ไปถึงช้านะ" เพราะว่ามีวันหยุดยาวพี่เป้เลยบินกลับมาไทยแล้วเราก็ตั้งใจจะไปเที่ยวกาญจนบุรีด้วยกันสองคนพี่น้อง แต่ว่าพี่เสือพี่สินไม่ยอมจะติดสอยห้อยตามไปด้วย เลยกลายเป็นว่าผมกับพี่สินต้องไปรับพี่เป้แล้วไปที่บ้านใหญ่ก่อนเพราะพี่เสือไม่ว่าง จริงๆพี่เป้อยากมานอนกับผมที่คอนโดแต่ว่าพี่เสือพี่สินไม่ยอม สุดท้ายตกลงกันที่ทุกคนไปนอนที่บ้านใหญ่หมดเลย พอต้องไปนอนบ้านใหญ่คุณพ่อคุณแม่ท่านก็เลยรู้ว่าเรากำลังแพลนจะไปเที่ยวกัน นั่นแหละครับเลยกลายเป็นว่าทุกคนงอแงจะไปด้วยหมดเลย จากทริปสองคนพี่น้องก็กลายเป็นทริปครอบครัวที่พี่สินเขาตั้งชื่อมานั่นแหละครับ

 

"แล้วจะแต่งอะไรนักหนาครับเนี่ย ยังไงคืนนี้ก็ต้องไปนอนค้างที่บ้านใหญ่ก่อนอยู่ดี" ผมถอนหายใจเดินบ่นงึมงำเคียงคู่กับพี่สินขณะไปลิฟต์

 

"ก็แต่งให้ดูดีไว้ไงครับ พ่อกับแม่จะได้รู้ว่าลูกสะใภ้ดูแลลูกชายท่านดีมาก" ผมฟาดแขนพี่สินไปทีนึงด้วยความหมั่นไส้ เรื่องนี้ก็อีกเรื่องหนึ่งที่เขาชอบหยิบยกมาแกล้งผม

 

"เลิกเรียกลูกสะใภ้เลย" พี่สินยกมือลูบแขนตัวเองป้อยๆแล้วหันมาทำหน้าอ้อน

 

"โอเคครับๆ ทำไมเดี๋ยวนี้แฟนพี่โหดจังกินน้ำหวานมากไปหรือเปล่า" ผมฟาดพี่สินไปอีกที หาว่าผมเป็นหมาหรอ ผมรู้นะโฟล์คเคยเล่นมุขนี้กับวิว

 

"ไม่แกล้งละๆ เอาของมานี่พี่ถือเอง" ผมรีบเบี่ยงตัวหลบพี่สินที่ทำท่าแย่งถุงผ้าที่ผมใส่ของกินไป ที่ตัวนั่นก็กระเป๋าสองใบทั้งของตัวเองและของผมแล้วนะ จะถึกไปไหน

 

"ปอนด์ถือเองได้แค่ถุงเดียวเนี่ย" พี่สินทำหน้ายู่บ่นพึมพำๆ แต่กลับเป็นคำบ่นที่ทำให้ผมยิ้มและรู้สึกดี

 

"ก็กลัวหนัก" ผมส่ายหัวให้แล้วเดินตามเจ้าตัวไปทางรถที่จอดอยู่เมื่อลิฟต์เปิดผมเข้ามานั่งรอพี่สินที่เปิดกระโปรงหลังเอาพวกกระเป๋าไปวางเก็บอยู่แล้วอ้อมมาที่นั่งคนขับก่อนจะเดินทางไปรับพี่เป้ที่สนามบินกัน

 

 

********************************

 

"พี่เป้ทางนี้ๆ" ผมโบกมือให้พี่ชายตัวเองที่ลากกระเป๋าออกมาหันซ้ายหันขวาจนเกือบโดนคนข้างหลังชน พอพี่เป้เห็นผมก็รีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาก่อนจะโผตัวกอดผมทั้งตัวจบแทบล้ม

 

"ปอนด์ คิดถึงจังเลยยยยยย" กอดแน่นไปมั้ยเนี่ยผมหายใจไม่ออกแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้พูดอะไรปล่อยให้เขากอดจนพอใจนั่นแหละซึ่งก็นานพอจนพี่สินต้องกระแอมขัด

 

"พอแล้วมั้ง เว่อร์นะเนี่ยพี่อ้ะไปได้ไม่กี่เดือนเอง" พี่สินพูดแขวะพี่เป้เล็กน้อย ผมผละออกจากอ้อมกอดพี่ชายตัวเองเมื่อเขาคลายวงแขน

 

"ยุ่ง เรื่องมึงยังไม่เคลียร์นะเดี๋ยวต้องคุยกันหน่อยแล้ว"

 

"เรื่องผม? เรื่องอะไรพี่มีแต่เรื่องของผมกับแฟนนะที่พี่ต้องเคลียร์" พี่สินเลิกคิ้วกวนประสาทพี่เป้ให้ได้โมโหเล่นๆ จนผมต้องปรามทางสายตาเล็กน้อย

 

"มาเหนื่อยๆ รีบกลับไปนอนพักกันมั้ยครับ ปอนด์ทำแซนด์วิชมาให้ด้วยนะพี่เป้หิวหรือเปล่า" ผมรีบเอาใจพี่ชายตัวเองก่อนที่จะอารมณ์เสียไปมากกว่านี้ พี่เป้หันมายิ้มกว้างให้แล้วกอดผมอีกครั้งก่อนจะรั้งให้ออกเดินด้วยกันแล้วทิ้งกระเป๋าลากไว้ให้พี่สินจัดการลากตามมาให้

 

"รู้ใจพี่ที่สุดเลยหิวจนท้องร้องแล้วเนี่ยอาหารบนเครื่องไม่ถูกปากเลยคิดถึงฝีมือน้อง" พี่เป้ว่าเสียงอ้อนๆแล้วเดินลิ่วๆลากผมไปด้วยไม่รอพี่สินแม้แต่น้อย

 

"เดินนำไปรู้หรอว่ารถอยู่ไหน" พี่สินเอ่ยเรียบๆแต่เหมือนเป็นการไปกวนประสาทพี่เป้มากกว่าเพราะตอนนี้พี่สินทำอะไรก็คงขัดตาพี่ชายผมหมดนั่นแหละครับ

 

"ก็นำไปสิมึงน่ะ" พี่สินหัวเราะเบาๆก่อนจะเดินนำไปแต่ยังไม่วายเอื้อมแขนขวามากอดคอผมด้วยจนพี่เป้ตีแขนดังเพียะ

 

"โอ๊ย ทำร้ายผมทำไมเนี่ย"

 

"มากอดคอน้องกูทำไม เดินไปดีๆ"

 

"เอ้า นั่นก็แฟนผมนะ"

 

"เออ รู้ แต่กูไม่ให้กอดมึงจะทำไม นี่ก็น้องกูนะ"

 

"พี่น้องกันจริงว่ะ เอะอะฟาดแขน" พี่สินไม่ติดใจอะไรเดินนำไปหน้ามุ่ย ผมยิ้มขำกับการตีกันเป็นเด็กๆของสองคนนี้ไม่เปลี่ยนไปเลยจริงๆ พี่เป้เดินเข้ามากอดคอผมจากอีกข้างแทนจากนั้นก็เล่านู่นนี่ตั้งมากมายให้ผมฟังตามประสาคนไม่ได้เจอกันนาน ทั้งเรื่องงาน เรื่องเพื่อนใหม่ แล้วก็เรื่องหาๆที่เรียนต่อโทให้ผมด้วย ยังคงไม่ละความพยายามจริงๆที่จะให้ผมไปอยู่ที่นู่นด้วย เฮ้อ แต่กว่าผมจะจบปีสี่ก็อีกตั้งนานจะรีบหาไปไหน ตอนนี้ผมสนใจแค่พี่ชายตัวเองกลับมาหาเท่านั้นแหละสำหรับผมเองแค่ไม่กี่เดือนที่พี่สินว่าก็นานมากแล้วสำหรับผมกับพี่ที่ไม่เคยห่างกันเลย วันนี้ผมเลยอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษเลยตั้งใจว่าจะเกาะติดพี่เป้จนกว่าเจ้าตัวจะกลับไปอีกรอบ ซึ่งพี่เป้ก็บอกว่าจะทำแบบนั้นเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่า

 

"ปอนด์พี่อยากกินหมูทอด" ตั้งแต่ผมมาถึงบ้านใหญ่ผมกับพี่เป้ก็เอาแต่อยู่ด้วยกันบนห้องนอนที่แม่ให้แม่บ้านจัดไว้ให้ พี่เป้เพิ่งลงเครื่องมาเหนื่อยๆเลยนอนหพักยังไม่ได้จัดการของในกระเป๋า ผมเลยต้องมาจัดการให้ ส่วนพี่สินก็เอาแต่เดินมาบอกว่าอยากกินนู่นกินนี่ รอบนี้ก็เป็นรอบที่ห้าได้แล้วมั้ง

 

"เบาๆครับเดี๋ยวพี่เป้ตื่น ขอปอนด์จัดตรงนี้ก่อนนะครับแล้วเดี๋ยวปอนด์ไปทำให้"

 

"ทำไมเอาแต่ทำให้พี่เป้ไม่สนใจพี่เลย" พี่สินว่างอนๆแล้วเดินเข้ามากอดเอวผมไว้หลวมทำเสียงกระเง้ากระงอดเป็นเด็กๆ

 

"ใครบอกไม่สนใจครับ นี่ไงเดี๋ยวปอนด์รีบจัดเสื้อผ้าเข้าตู้ให้พี่เป้แล้วเราลงไปหาอะไรกินกันนะ" พี่สินพยักหน้ารับโขมยหอมแก้มผมทีนึงก่อนจะเดินไปนั่งรอตรงปลายเตียง ผมจึงหันมาจัดการกับเสื้อผ้าของพี่เป้ต่อ

 

"โอ๊ย" เสียงเหมือนของหนักๆตกลงพื้นแล้วตามมาด้วยเสียงอุทานของพี่สินทำให้ผมต้องหันกลับไปหาเจ้าตัวอีกครั้ง

 

"พี่สินเป็นอะไรครับ" ผมถามเจ้าตัวที่รีบลุกขึ้นลูบก้นตัวเองป้อยๆก่อนจะหันไปชี้พี่เป้ที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง

 

"พี่เป้ไม่ต้องมาทำเนียนแกล้งหลับเลยนะ ถีบมาได้เจ็บนะเว้ย" ผมขมวดคิ้วมองพี่ชายตัวเองก็ยังเห็นหลับสนิทอยู่ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นเลยเดินไปตีแขนพี่สินเบาๆ

 

"เบาเสียงหน่อยสิครับ พี่เป้เดินทางมาเพลียขนาดนั้นไม่ตื่นง่ายๆหรอก"

 

"น้องอย่าไปเชื่อ พี่เป้ของน้องถีบพี่นะ" พี่สินงอแงเป็นเด็กแล้วหันไปมองคนบนเตียงตาขวาง

 

"พี่เป้น่าจะดิ้นน่ะครับ พี่สินลงไปรอข้างล่างก่อนนะเดี๋ยวปอนด์ตามไป" ผมดันหลังพี่สินให้ออกไป เจ้าตัวอิดออดเล็กน้อยแต่ก็ยอมออกไปแต่โดยดี ผมรีบปิดประตูแล้วหันมายืนกอดอกมองคนบนเตียง

 

"ไม่น่ารักเลยนะครับ" พี่เป้ถอนหายใจเฮือกก่อนจะลุกขึ้นมองผมหน้ามุ่ย

 

"ก็พี่หวงอ้ะน้องพี่ ไอ้สินมันทำรุ่มร่าม"

 

"พี่สินเขาเป็นแฟนปอนด์นะครับ"

 

"น้องปกป้องมันอ้ะ" ผมขำพี่เป้เล็กน้อยก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ

 

"ตาแดงหมดแล้ว ง่วงก็นอนสิครับ จะฝืนทำไม" ผมมองพี่ชายตัวเองที่ง่วงจะตายอยู่แล้วแต่ก็ยังไม่ยอมนอนอีก อยากจะส่ายหัวให้กับความดื้อของคนตรงหน้าเลย

 

"ถ้ายังไม่นอนปอนด์โทรฟ้องพี่เสือนะครับ"

 

"นอนแล้วๆ" พี่เป้รีบคลุมโปงหนีผมทันทีเมื่อผมอ้างถึงแฟนเจ้าตัว ผมรีบเก็บของทั้งหมดให้เสร็จแล้วเดินลงไปข้างล่างก็เจอพี่สินนั่งอยู่กับคุณแม่ตรงโซฟากลางบ้าน

 

"นั่น น้องมาแล้วเลิกทำหน้าบูดสักทีเจ้าลูกชายคนนี้" คุณแม่หันมายิ้มให้แล้วเดินควงผมไปบริเวณห้องครัว

 

"แม่ให้คนเตรียมของไว้ให้แล้วน้องปอนด์มาช่วยเป็นลูกมือแม่หน่อยนะ แม่บอกจะทำให้ก่อนก็ไม่เอางอแงจะให้น้องปอนด์ทำให้กิน ใช่สิเดี๋ยวนี้มีแฟนแล้วลืมแม่กันหมด" คุณแม่เดินไปบ่นไปอย่างไม่จริงจังนัก ผมยิ้มรับน้อยๆ

 

"ขอโทษนะครับปอนด์ไม่รู้ว่ารออยู่"

 

"แม่ไม่ได้บ่นเราจ้ะ บ่นพ่อลูกชายตัวดีนั่นแหละน้อยใจน้องปอนด์ไม่สนใจ" ผมหันไปถลึงตาใส่คนตัวโตขี้ใจน้อย นี่ฟ้องคุณแม่ไปถึงไหนแล้วเนี่ย

 

"ก็ปอนด์ไม่สนใจพี่จริงๆ" ผมส่ายหัวให้ก่อนจะลงมือช่วยคุณแม่ทำกับข้าวโดยมีพี่สินเป็นป่วน เดินหยิบนู่นจับนี่เข้าปากเรื่อยๆ ผมตีมือที่กำลังจะหยิบหมูทอดที่ผมเพิ่งเอาลงจากเตา เผลอไม่ได้เลย

 

"หยุดเลยครับรอสะเด็ดน้ำมันก่อนมันร้อนเดี๋ยวลวกมือ" พี่สินทำหน้างอเล็กน้อยแต่ก็ยอมเชื่อฟังไม่หยิบจับอะไรอีก

 

"จะกินเลยใช่มั้ยลูกแม่จะให้เด็กเอาไปจัดโต๊ะ"

 

"ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวปอนด์ยกไปเองดีกว่าแค่นี้เอง พี่สินมาช่วยกันครับ" ผมหันไปพยักหน้าให้พี่สินก่อนจะเดินถือจานกับข้าวสองสามจานไปวางที่โต๊ะกินข้าว เดินวนอยู่สองรอบก็หมดแล้วเพราะไม่ได้ทำอะไรเยอะ

 

"เดี๋ยวปอนด์ไปปลุกพี่เป้ก่อนนะครับ" ผมรีบลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นสองไปตามพี่ชายตัวเองทันที พอเปิดประตูเข้าไปก็เจอพี่เสือกำลังปลุกพี่เป้อยู่ เอ่อ ไม่รู้ว่าจะปลุกหรือจะลงไปนอนด้วยกัน โน้มตัวลงไปขนาดนั้น

 

"อะแฮ่ม ขอโทษนะครับ" พี่เป้สะดุ้งรีบผลักพี่เสือออกจากตัวแล้วลุกมามองผมตาโต

 

"พี่เสือมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย"

 

"เมื่อกี๊ ว่าแต่มีอะไรเรา"

 

"อ๋อ ปอนด์จะมาตามลงไปกินข้าวน่ะครับ เห็นว่าเที่ยงแล้ว" พี่เสือพยักหน้าเอือมๆก่อนจะโบกมือไล่ผม ส่วนพี่เป้วิ่งเข้าห้องน้ำไปยังกับเดอะแฟลชเลยครับ ผมเดินอมยิ้มลงมานั่งที่โต๊ะกินข้าวจนพี่สินสังเกตได้

 

"เป็นอะไรเราอารมณ์ดีมาเชียว" ผมส่ายหัวไม่ได้ตอบอะไรแต่นั่งคุยกับคุณแม่ไปเรื่อยเปื่อยรอพี่เป้กับพี่สินมากินข้าวพร้อมกัน ไม่นานทั้งสองคนก็ลงมา คุณแม่จัดการเซลฟี่รูปพวกเราพร้อมกับอาหารหน้าตาอร่อยแล้วก้มหน้าพิมพ์ยุกยิกๆอยู่สักพักก่อนจะวางมือถือลง

 

"มา กินกันเลยลูก" ผมพยักหน้ารับก่อนจะเริ่มตักข้าวให้ทุกคน

 

"น้องปอนด์ เราเอากล้องมาแล้วใช่มั้ย" ผมพยักหน้าตอบคุณแม่ที่อยู่ๆก็ถามขึ้น

 

"ดีเลย แม่จะให้หนูถ่ายรูปให้ แม่จะเอาไปอัพไอจีอวดเพื่อนๆ" ผมหัวเราะเล็กน้อย คุณแม่เคยพูดไว้นานแล้วแต่เราก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปไหนด้วยกันเท่าไหร่ ครั้งนี้ประจวบเหมาะพอดี

 

"ได้เลยครับ"

 

"แม่จองตัวแล้วนะ ตากล้องส่วนตัวแม่คนนี้ห้ามแย่งเลย" 

 

"ได้ไงล่ะครับ เป้ก็อยากได้รูปสวย" พี่เป้ว่าอ้อนๆก่อนจะตักกับข้าวใส่จานคุณแม่

 

"งั้นแม่ยอมให้ถ่ายเป้กับแม่สองคนละกัน"

 

"อ้าวแม่/ไหงงั้นล่ะแม่" พี่เสือพี่สินพูดขึ้นพร้อมกัน ก่อนทุกคนจะหัวเราะไปกับบทสนทนาที่ไม่จริงจังบนโต๊ะอาหารมื้อนี้ ถึงมื้อนี้คุณพ่อพี่สินจะไม่ได้อยู่กินด้วยกันแต่มันก็อบอุ่นมากๆ เลยที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ ผมยังคิดเลยว่าถ้าเกิดวันหนึ่งข้างหน้าผมกับพี่สินไม่ได้คบกันต่อ แต่ก็คงไม่เป็นอะไร ผมคงสามารถไปมาหาสู่กับบ้านนี้ได้โดยไม่รู้สึกตะขิดตะขวง เพราะทุกคนใจดีกับผมมาก มากจริงๆ ผมเดินขึ้นห้องมากับพี่เป้สองคน แต่กว่าจะถึงห้องก็ต้องตกลงกับสองพี่น้องเสือสินอยู่นานพอสมควร เพราะว่าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้ผมนอนกับพี่เป้ พี่เสือนี่จ้องผมยังกับจะกินเลือดกินเนื้อแต่สุดท้ายโดนพี่เป้ดุบอกว่าเพิ่งเจอกันไปเมื่ออาทิตย์ก่อนก็เลยสงบได้ ส่วนพี่สินแค่ผมจ้องดุๆหน่อยก็ยอมแล้วล่ะครับ ฮ่าๆๆ พี่เป้ขอเข้าไปอาบน้ำก่อนแล้วเดี๋ยวออกมาเอาของฝากให้ ผมก็เลยนอนเล่นมือถือบนเตียงรอ มีโนติไลน์เด้งมาผมจึงเปิดเข้าไปดู 

 

"แอดเข้าร่วมกลุ่มหรอ?" ผมกดนิ้วเข้าไปดูกลุ่มที่ว่า ครอบครัว? มือที่ถือโทรศัพท์อยู่สั่นเล็กน้อย ผมกดจอยเข้ากลุ่มก่อนจะไล่ดูสมาชิกในกลุ่มนี้แล้วยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พอผมเข้าร่วมกลุ่มได้ไม่ถึงนาทีคุณแม่ก็ส่งรูปที่เราถ่ายกันเมื่อตอนก่อนกินข้าวเข้ามาในไลน์แถมแท็กอวดคุณพ่อด้วย ผมส่งสติ๊กเกอร์กระต่ายกอดหัวใจไปด้วยความรู้สึกที่พองโต น้ำตาที่คลออยู่หางตามาจากความปลื้มปริ่มใจที่อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ รู้แต่ว่าผมจะพยายามรักษาครอบครัวนี้ให้อยู่ตลอดไปให้ได้เลย

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

*********************

tbc.

 

มาแล้วจ้า มาแล้วววว ตอนหน้าจบนะ สำหรับใครที่คิดว่าอยากให้น้องบอกเหตุผลที่น้องกลัวความเร็วกับพี่ ต้องขอโทษด้วยนะ เราไม่ได้วางเรื่องมาให้น้องบอก มันต้องใช้เวลานานมากจริงๆ ในการบอกเรื่องบางเรื่องกับคนๆหนึ่ง ความลับบางอย่าง เราก็อยากจะเก็บไว้กับตัวไปให้นาน เพราะไม่อยากให้คนที่เรารักต้องรู้สึกทุกข์ใจไปกับเราด้วย 

 

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ เจอกันตอนหน้า

 

 

  :mew1: :mew1:

 

หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: Nattie69 ที่ 23-08-2020 15:36:23
 :m25:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-08-2020 22:42:14
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย**Ch.34 เรื่อยๆ ไปจนแก่ (End)
เริ่มหัวข้อโดย: yuzhou62ppap ที่ 31-08-2020 20:32:40


Ch. 34 เรื่อยๆ ไปจนแก่


 




 

 

"สินเดี๋ยวแวะปั๊มหน้ามึงมาเปลี่ยนกูหน่อย" เสียงจากพี่เสือผู้ซึ่งขับรถพาพวกเรามาเที่ยวที่กาญฯดังขึ้น พี่สินงัวเงียผุดลุกจากการนอนหลับมาตลอดทางพลางขยี้ตาชะโงกหน้าไปถามพี่เสือ

 

"ได้ ว่าแต่ถึงไหนแล้ว?"

 

"ตัวเมืองละ" พี่เสือตอบพลางตบไฟเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมัน ตอนแรกคุณพ่อจะให้คนขับรถเป็นคนพามาแต่ความดื้อของพี่เสือและพี่สินที่บอกจะรับหน้าที่ขับพามาเองนั่นชนะขาดลอย

 

"โห จะถึงอยู่แล้วทำไมพี่ไม่ขับให้ถึงไปเลยล่ะ" พี่สินถามเสียงหงุดหงิดแล้วล้มตัวลงนอนหนุนตักผม

 

"จะถึงอะไรล่ะ เพิ่งตัวเมืองเนี่ยต้องขับไปอีกไกลอยู่ ใครเขาให้มึงติสท์จองที่พักซะห่างไกลล่ะ" พี่เสือบ่นกระปอดกระแปดก่อนจะหันหน้าเลยไปทางคุณพ่อคุณแม่

 

"พ่อครับแม่ครับเดี๋ยวพักกินข้าวกันที่นี่สักพักนะครับ เสือจะพักรถด้วย"

 

"ดีเลยลูกแม่อยากไปยืดเส้นยืดสายอยู่" พี่เป้ลงจากเบาะข้างคนขับไปเปิดประตูให้คุณพ่อคุณแม่ ส่วนผมกับพี่สินที่จองเบาะหลังทั้งแถวรอให้ท่านลงไปก่อนแต่คนตัวโตที่ทำตัวเป็นเด็กๆไม่ยอมลุกจากการหนุนตัก

 

"ลุกได้แล้วครับไม่หิวหรอ"

 

"อยากนอนต่ออ้ะ"

 

"ปอนด์ว่าลงไปหาอะไรกินแล้วไปล้างหน้าล้างตาดีกว่าครับ ถ้านอนต่อเดี๋ยวตอนขับจะยิ่งง่วงนะ" พี่สินพยักหน้ากับพุงผมพลางลุกขึ้นนั่งอย่างอิดออด

 

"ไปครับถ้ายังไม่อยากกินข้าวเดี๋ยวกินแซนด์วิชของปอนด์ก็ได้"

 

"แล้วน้องไม่กินหรอ"

 

"ปอนด์ว่าจะไปกินข้าวทีเดียวเลยครับ แต่ไม่ต้องห่วงนะอันนี้ส่วนของปอนด์ยังไม่กัดเลย" ผมยื่นแซนด์วิชของตัวเองที่เหลืออยู่หนึ่งชิ้นให้พี่สิน

 

"ต่อให้น้องกัดไปแล้วพี่ก็กินได้" พี่สินคว้าไปก่อนจะลงจากรถนำไปก่อน ผมรีบตามลงไปก่อนจะพาเจ้าตัวไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่น

 

"ทิชชู่ครับ" พี่สินรับทิชชูไปซับหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำจนมันเป็นขุยน้อยๆติดอยู่บนหน้า ผมเลยเอื้อมมือไปหยิบออกให้

 

"โอ๊ยยยยยย นี่น้องกูมันเป็นแม่มึงป้ะเนี่ย ดูแลอะไรขนาดนั้นน่ะเราให้มันทำเอง" พี่เป้ที่เดินตามมาเข้าห้องน้ำอดไม่ได้ที่จะแขวะพี่สิน ส่วนพี่สินก็ไม่น้อยหน้ายังจะหันไปยักคิ้วยิ้มเหนือใส่ให้พี่เป้หงุดหงิดเล่นอีก ผมตีไหล่พี่สินเบาๆเป็นการเตือน พี่สินหันมายู่หน้านิดๆก่อนจะหันไปต่อปากต่อคำกับพี่เป้ต่อ

 

"แม่ทูนหัว แม่ของลูกอ้ะใช่" พี่เป้หน้าคว่ำทำท่าจะเข้ามาขย้ำคอพี่สินให้ได้แต่โดนพี่เสือลากไปเข้าห้องน้ำซะก่อน

 

"ไปเลย ตีกันเป็นเด็กๆไปได้พวกมึงนี่ จะเข้าห้องน้ำไม่ใช่หรอมึงอ้ะเป้" พี่เป้ที่ทานแรงแขนของพี่เสือไม่ไหวจำต้องเดินไปตามแรงลากแต่ก็ยังไม่วายหันมาชี้หน้าพี่สินเป็นเชิงฝากไว้ก่อน

 

"ไปครับคุณพ่อคุณแม่รอมันจะไม่ดี" พี่สินยิ้มก่อนจะเดินกอดคอผมตรงไปร้านอาหารที่ไปสั่งรอไว้ก่อนแล้ว

 

"น้องปอนด์มานั่งข้างแม่มาลูก" ผมรีบเดินไปนั่งข้างๆท่านคุณแม่ก็ชวนคุยนู่นนี่เรื่อยเปื่อย บางครั้งคุณพ่อก็ร่วมวงสนทนาบ้างพี่เป้กับพี่เสือก็กลับมาที่โต๊ะแล้วคุณแม่จะให้พนักงานมาเสิร์ฟได้

 

"แล้วนี่เมื่อไหร่น้องปอนด์จะย้ายเข้ามาอยู่บ้านแม่ล่ะคะ?" ผมแทบสำลักข้าวที่กำลังเคี้ยวอยู่พี่เป้เองก็ชะงักไปเหมือนกัน ก่อนจะหัวเราะแห้งๆ

 

"แม่ครับผมกับน้องเพิ่งคบกันเองนะ" พี่สินตอบแทนผมที่ตอนนี้ทำหน้าไม่ถูกไปแล้วเรียบร้อย

 

"ไม่เห็นเกี่ยว ลูกจะเพิ่งคบก็เพิ่งคบไปสิแม่จะให้น้องปอนด์มาอยู่กับแม่ในฐานะลูกชายอีกคนหนิ แล้วบอกเลยนะถ้าลูกกล้าทำน้องเสียใจทรัพย์สมบัติในส่วนของลูกแม่จะยกให้น้องหมดเลย" คุณแม่ลอยหน้าลอยตาไม่สนใจพี่สินที่อ้าปากค้างไปแล้วเรียบร้อยคุณแม่หันมาทำตาเป็นประกายใส่ผมแทนแล้วเขย่าแขนท่าทางเอาแต่ใจ

 

"นะน้องปอนด์ลูก แม่ก็แก่แล้วอยู่บ้านคนเดียวมันก็เหงาๆ เจ้าลูกชายตัวดีแต่ละคนก็ไม่ค่อยกลับบ้านกลับช่องถ้าน้องปอนด์มาอยู่ด้วยบ้านคงจะสดใสขึ้นเป็นกอง" ผมที่กำลังทำตัวไม่ถูกได้คุณพ่อช่วยชีวิตไว้ด้วยการกระแอมเบาๆ

 

"กินข้าวกันก่อนเถอะเดี๋ยวจะเย็นหมดเรื่องนี้เดี๋ยวค่อยคุยกัน" ผมผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก มื้ออาหารเป็นไปอย่างราบรื่นคุณแม่ก็ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกซึ่งนั่นก็ดีแล้วแหละครับ หลังจากกินข้าวและพักรถเสร็จพวกเราก็เดินทางต่อไปยังที่พักทันทีโดยครั้งนี้เป็นพี่สินขับและผมที่นั่งข้างคนขับแทน ออกจากตัวเมืองมาได้สักพักด้วยความอิ่มท้องทุกคนเลยหนังตาหย่อนหลับกันทั้งคันรถมีผมที่นั่งเป็นเพื่อนคนขับเท่านั้น

 

"น้องง่วงหรือเปล่า ถ้าง่วงน้องนอนก็ได้นะ"

 

"ไม่ง่วงครับเดี๋ยวปอนด์คุยเป็นเพื่อน" พี่สินยิ้มรับก่อนจะผละมือข้างหนึ่งมาขยี้หัวผมเบาๆ

 

"ปอนด์ เรื่องที่แม่พี่พูดน้องอย่าไปคิดมากนะ" ผมหันไปมองหน้าพี่สินเจ้าตัวไม่ได้ละสายตาจากท้องถนนมองผมกลับแต่ผมก็สัมผัสได้ถึงความกังวลใจของเขาจากคิ้วเข้มที่ขมวดอยู่

 

"ไม่เป็นไรเลยครับปอนด์ไม่ได้คิดมากอะไร พี่สินก็อย่าคิดมากนะคุณแม่ไม่ตัดออกจากกองมรดกหรอก" ผมพูดติดขำเพื่อให้พี่สินคลายกังวล

 

"เรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่หรอก พี่กลัวแต่เราจะอึดอัด แม่เขาเอ็นดูน้องกับพี่เป้มากเลย ตอนพี่เสือเปิดตัวกับพี่เป้ก็แบบนี้แหละ"

 

"ไม่ได้อึดอัดอะไรครับ แค่...ไม่ชินเฉยๆ" ผมว่าเสียงแผ่ว ไม่ชินกับการมีผู้ใหญ่คนหนึ่งรักและเอ็นดูมากใส่ใจมาก ไม่ชินกับการมีความสุขมากขนาดนี้ ไม่ชินเลย

 

"เดี๋ยวน้องก็ชิน ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ มีอะไรต้องพูดออกมารู้มั้ย ทุกคนพร้อมจะรับฟังน้อง" ผมพยักหน้ารับก่อนจะยิ้มให้แทนคำขอบคุณ พี่สินขับออกจากตัวเมืองมาได้ประมาณชั่วโมงกว่าก็ถึงที่พักซึ่งเป็นแพที่เราจองเอาไว้ ถ้าไม่มีรถมาเองก็ค่อนข้างลำบากพอสมควรเพราะว่าต้องเข้ามาลึกแทบจะอยู่กลางป่ากันเลยทีเดียว พี่เสือกับพี่เป้ไปทำการเช็คอินส่วนผมก็เดินดูรอบๆแพเช็คอิน บรรยากาศดีมากๆ มีภูเขาล้อมรอบ น้ำใสสะอาด อากาศก็ดี แค่เห็นก็อยากจะยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปแล้วครับ

 

"อ้ะนี่ อันนี้กุญแจห้องมึงกับน้องปอนด์" พี่เสือยื่นกุญแจให้พี่สินดอกหนึ่งโดยมีพี่เป้ที่ทำท่าทักท้วงอยู่ด้านหลังแต่พี่เสือไม่ปล่อยให้มาแย่งกุญแจไปจากมือพี่สินได้

 

"เย็นนี้เขามีกิจกรรมมีไปล่องแพ บานาน่าโบ้ท กูจ่ายตังไปแล้วจะไปไม่ไปก็แล้วแต่ กูไปพักก่อนละกันเจอกันตอนห้าโมง" แล้วพี่เสือก็ลากคอพี่เป้ไปเลย ผมได้แต่ส่ายหัวมองสองคนนั้นก่อนจะเดินไปห้องตัวเอง ห้องพักก็ดูสะอาดสะอ้านดีครับ ทุกอย่างถูกดีไซน์ด้วยไม้ไผ่ พอเปิดประตูหลังห้องมาก็เป็นระเบียงห้องที่มีโต๊ะและเก้าอี้เอาไว้นั่งเล่น มีเปลผูกไว้พร้อมกับเสื้อชูชีพสองตัว และมีแพไม้ส่วนตัวต่อให้เราเดินลงไปนั่งห้อยขาเล่นกับน้ำได้ด้วย มีเรือพลาสติกลำเล็กๆผูกไว้อีก โดยรวมคือผมชอบมากๆเลย ผมเดินลงไปนั่งบริเวณแพไม้แล้วห้อยขา มองออกไปแพถัดไปสองหลังเห็นคุณพ่อคุณแม่นั่งเล่นบริเวณระเบียงอย่างผ่อนคลาย

 

"มานั่งตากแดดอะไรตรงนี้เรา เข้าไปพักรอแดดร่มก่อนมั้ย" ผมหันไปมองแพข้างๆที่ห่างกันไปไม่เท่าไหร่มีคนเดินลงมานั่ง เป็นพี่เป้นั่นเอง

 

"แดดไม่แรงเท่าไหร่ครับ อีกอย่างน้ำก็เย็นดีด้วยปอนด์เลยมานั่งเล่น" พี่เป้พยักหน้าแล้วนั่งเอาขาจุ่มน้ำเหมือนผม

 

"น้องชอบมั้ย?"

 

"ชอบครับ อยากมาบ่อยๆเลย" ผมพูดไปตามที่ใจคิด

 

"ขอโทษนะ" พี่เป้พูดเสียงอ่อยๆ จนผมต้องหันกลับไปมองด้วยความงุนงง เจ้าตัวเอากิ่งไม้แถวๆนั้นนั่งตีน้ำไปเรื่อยเปื่อยไม่หันมามองหน้าผม

 

"ขอโทษเรื่องอะไรครับ?" 

 

"ก็พี่ไม่ค่อยมีเวลาพาเรามาเที่ยวแบบนี้เลย แถมยังไปทำงาน ทิ้งเราไว้ไกลหูไกลตาอีก"

 

"อย่าพูดแบบนั้นสิครับ พี่เป้ก็พยายามพาปอนด์เที่ยวตลอดแต่ปอนด์ปฏิเสธเองจำไม่ได้หรอครับ" ผมพูดเสียงดุกลับไปให้กับคนที่คิดมากไม่เข้าเรื่อง

 

"ถ้าไม่เลิกคิดมากปอนด์จะโกรธนะครับ" ผมพูดคาดโทษอีกฝ่ายไป พี่เป้รีบเงยหน้ามาเหรอหราโบกมือเป็นพัลวัน

 

"ไม่เอาๆๆ ไม่โกรธดิ พี่ไม่คิดมากแล้ว" ผมยิ้มเมื่อแกล้งให้อีกฝ่ายหน้าตาลนลานได้ พี่เป้กลั้นยิ้มก่อนจะวักน้ำใส่ผม ผมก็ทำคืนจนกลายเป็นสงครามสาดน้ำขนาดย่อมตรงแพหน้าบ้าน ผมกับพี่เป้หัวเราะลั่นเมื่อเห็นสภาพอีกฝ่ายเปียกปอนเป็นลูกหมาพอๆกัน

 

"เล่นอะไรกันเนี่ย เปียกไปหมดแล้วไม่ต้องพักแล้วมั้ง" พี่เสือทักขึ้นเมื่อเดินมาข้างหลังพี่เป้แล้วพยายามจับอีกฝ่ายโยนลงน้ำ ส่วนพี่เป้ก็เกาะเป็นลูกลิง ผมหัวเราะท่าทางของทั้งสองคนจนไม่สังเกตว่ามีใครอีกคนเดินมานั่งซ้อนหลัง พี่สินเอาผ้าขนหนูผืนเล็กวางโปะไว้บนหัวผมก่อนจะลงมือเช็ดให้เบาๆ

 

"เล่นอะไรเป็นเด็กๆ เปียกหมดแล้วเนี่ย ทำไมน้องไม่นอนพักเดี๋ยวเย็นนี้ต้องไปล่องแพอีกนะ" ผมหันไปคลี่ยิ้มให้พี่สินเบาๆ ไม่ได้ทักท้วงอะไร ปล่อยให้อีกฝ่ายเช็ดผมให้แบบนี้ก็สบายดี พี่เสือลากพี่เป้เข้าห้องไปเรียบร้อยแล้วบริเวณนี้ก็เลยเหลือแค่ผมกับพี่สินสองคน

 

"น้อง พี่อยากจูบ" พี่สินพูดขึ้นเบาๆหลังหูผมเลยหันหน้าไปหาเจ้าตัวพอพี่สินโน้มตัวลงมาใกล้ผมก็รีบเบี่ยงหน้าออกทันที

 

"ติดไว้ก่อนนะครับตรงนี้ข้างนอกเดี๋ยวคนมาเห็นเข้าจะดูไม่ดี" ผมรีบผุดลุกเดินเข้าห้องก่อนจะโดนพี่สินจับตัวได้ถึงมันแทบจะไม่ช่วยอะไรเพราะเรานอนห้องเดียวกันก็เถอะ แต่อย่างน้อยๆ ตอนนี้ผมก็รอดเงื้อมมือเขาไปได้อยู่

 

**********************

 

"มัดตรงนี้แน่นยัง น้องหันมาหน่อยพี่จะเช็คให้" ผมโดนพี่สินจับหันหน้าหันหลังอยู่หลายรอบจนเริ่มจะมึนหัว แค่ใส่เสื้อชูชีพแค่นี้เอง

 

"ไม่น่าเชื่อว่าวันหนึ่งแม่จะมีโอกาสได้เห็นอะไรแบบนี้นะเนี่ย" คุณแม่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติกเอ่ยแซวขำๆจนผมเริ่มอาย

 

"พอแล้วครับ แน่นเกินไปแล้ว" ผมพูดให้พี่สินวางใจแต่ดูเหมือนเจ้าตัวก็ยังคงห่วงเกินเบอร์ไม่เลิกอยู่ดี ผมเลยได้แต่ส่ายหัวเบาๆ พนักงานขับเรือลากแพที่เรานั่งกันมาได้ระยะหนึ่งก็จอดให้เราโดดลงน้ำไปพร้อมกับมีคนที่เป็นไลฟ์เซฟเวอร์ ผมที่ไม่เคยมาเที่ยวแบบนี้มาก่อนตื่นเต้นมากๆ กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มารอบเดียวกันเหมือนจะคุ้นชินกับกิจกรรมนี้ดีทุกคนต่างพากันกระโดดลงน้ำด้วยท่าทางผาดโผน ผมนั่งลงริมแพตั้งใจจะลงน้ำแบบดีๆ พี่สินซึ่งกระโดดลงน้ำไปก่อนแล้วจึงโผล่หัวขึ้นมาอุ้มผมลงน้ำเหมือนผมเป็นเด็กๆไปได้ พอลงน้ำได้ผมก็ลอยตัวรอพี่เป้ที่ถอยไปตั้งหลักอย่างไกลแล้ววิ่งมากระโดดน้ำเสียงตูมเป็นเด็กๆเรียกเสียงหัวเราะจากคุณพ่อคุณแม่ได้เป็นอย่างดี ท่านสองคนไม่ได้ลงมาเล่นด้วยแต่เลือกจะนั่งถ่ายคลิปให้พวกเราแทน พวกเราเริ่มออกตัวว่ายน้ำกันเป็นกลุ่มๆโดยมีผู้เชี่ยวชาญพื้นที่ว่ายน้ำคุมไปด้วย มีหนึ่งคนตรงหัวแถว กลางแถว และคุมด้านหลังสุด ผมกับพี่ๆว่ายตามเป็นกลุ่มสุดท้ายโดยมีคุณพ่อคุณแม่นั่งอยู่บนแพที่กำลังลอยตามมา

 

"นี่พากันมาเที่ยวเป็นครอบครัวหรอครับ" ผมหันไปทางนักท่องเที่ยวชาวไทยคนหนึ่งที่ว่ายเกาะกลุ่มอยู่กับพวกเราก่อนจะยิ้มรับ ส่วนพี่เป้ตอบกลับเบาๆว่าใช่ครับ

 

"พี่น้องสนิทกันแบบนี้น่ารักดีนะครับ" จบคำพูดนั้นพี่เสือกับพี่สินหน้าตึงทันทีทั้งยังว่ายเข้ามาใกล้ๆผมกับพี่เป้อีก

 

"ไม่ใช่พี่น้อง" พี่เสือพูดตอบกลับไปทั้งคิ้วยังขมวดใส่อีกฝ่าย

 

"อ่อ เพื่อนกันหรอครับ ขอโทษทีผมไม่รู้"

 

"เป็นแฟนครับไม่ใช่เพื่อน" พี่สินตอบแค่นั้นแล้วรีบดึงแขนผมให้ว่ายน้ำไปพร้อมกับเขา ผมได้แต่หันไปยิ้มแหยให้ จากนั้นอีกฝ่ายก็ไม่ได้เข้ามาอะไรกับพวกผมอีกเลย กว่าจะว่ายกลับถึงที่พักแขนขาผมก็แทบหมดแรงเพราะปกติไม่ใช่คนที่ออกกำลังกายอยู่แล้ว ในขณะที่พวกพี่ๆยังพลังล้นเหลือและไปต่อบานาน่าโบ๊ทกับเขาต่อได้ ผมมานั่งเล่นบนแพกับคุณพ่อคุณแม่รอจนพวกเขาเล่นเสร็จแล้วถึงพากันกลับห้อง ก่อนกลับพวกเราก็สั่งอาหารไว้ก่อน ตอนค่ำจะได้ออกมากินพร้อมกัน ซึ่งทางรีเซฟชั่นก็ได้จัดโต๊ะริมน้ำโซนเอาท์ดอร์ไว้ให้เลย ไฟประดับที่เป็นสีส้มสลัวๆกระทบกับแม่น้ำส่งให้บรรยากาศรอบตัวยิ่งดูสบายตามากไปอีก

 

"บรรยากาศดีมากเลยนะคะคุณ น่าจะมีเวลามากกว่านี้เนอะ มาพักสักอาทิตย์น่าจะดี" คุณแม่พูดขึ้นพลางทำหน้าเสียดาย ซึ่งคุณพ่อก็พยักหน้ารับไม่ปฏิเสธ

 

"ไว้ผมเคลียร์งานแล้วหาวันหยุดยาวๆเราค่อยไปเที่ยวกันอีกดีมั้ย คราวนี้ไปหาเจ้าเป้ที่ออสเตรเลียเลยเป็นไง" คุณพ่อพูดพลางตักกุ้งตัวโตที่แกะแล้วให้คุณแม่อย่างน่ารัก ผมนั่งมองผู้อาวุโสสองคนสร้างโลกสวีทกันอยู่สองคนก็ได้แต่ยิ้มตาม น่ารักจริงๆเลยนะ ผมเองก็อยากจะอยู่ช่วยกันดูแลกันกับพี่สินแบบนี้ไปเรื่อยๆจนแก่เลย

 

"อะแฮ่ม เบาๆหน่อยครับ ลูกเต้าก็นั่งอยู่ตรงนี้ยังจะสวีทกันได้ไม่อายเลยนะครับ" พี่สินกระแอมขึ้นเบาๆก่อนจะแซวทั้งสอง แต่ท่านก็ไม่ได้ยี่หระอะไร ติดออกจะกวนลูกชายตัวเองกลับด้วยการยักไหล่เบาๆแล้วหันไปคุยกับพี่เป้แทน

 

"ถ้าวันไหนพ่อมีเวลาว่างจะบินไปเที่ยวขอจองตัวไกด์คนนี้ไว้เลยได้มั้ย" พี่เป้หัวเราะก่อนจะสัญญากับคุณพ่อเป็นมั่นเป็นเหมาะ เราพากันกินข้าวเย็นและเดินย่อยกันบริเวณแพสักพักก่อนคุณพ่อคุณแม่จะขอตัวเข้านอนก่อน พอเหลือกันอยู่สี่คนพี่เสือก็สั่งเบียร์มานั่งกินกันสามคน ครับ ไม่นับผมเหมือนเดิม

 

"ไม่ลองหน่อยหรอเรา" พี่เสือยื่นขวดที่ว่างอยู่ให้ผมแต่พี่สินและพี่เป้ห้ามไว้ แต่เหมือนรอบนี้พี่เสือจะเตรียมการมาดี

 

"พวกมึงอย่าเว่อร์ ยังไงน้องมันก็เกินยี่สิบแล้ว มันต้องลองบ้างไอ้ของพวกนี้ต้องกินให้เป็น ไม่งั้นไปโดนใครเขามอมมึงจะตามไปช่วยกันทันมั้ย" พี่เป้และพี่สินคิดตามผมก็เลยจำใจรับเบียร์ขวดนั้นมาจิบๆดู ขมขนาดนี้ชอบกันไปได้ไง พวกเรานั่งกินกันไปคุยกันไปเบียร์ในมือผมก็ดูจะพร่องลงไปไม่ใช่น้อย แถมผมยังรู้สึกว่าแพมันโคลงเคลงผิดปกติด้วย พี่สินยื้อไปกระดกที่เหลือเองแล้วพยุงผมลุกขึ้นยืน แต่พื้นตรงหน้าเหมือนทางขึ้นเขาตรงหน้าทางเข้ารีสอร์ทเลย

 

"ไหวมั้ยเรา" เสียงพี่สินที่ดังขึ้นจากที่ไกลๆทำให้ผมหันไปหาแต่กลับปะทะกับแผ่นแข็งๆเข้าอย่างจัง

 

"กูว่าไม่น่าไหว มึงพาน้องมันไปนอนไป" จากนั้นพี่สินก็พยุงผมที่ห้อง ตลอดทางผมจะล้มอยู่หลายครั้งเพราะพื้นที่สั่นไม่เลิก ใครมาวิ่งเล่นบนแพหรือเปล่านะ พอถึงห้องได้ภาพตรงหน้าก็กลายเป็นพัดลมเพดานหน้าตาวินเทจจนผมอยากจะถ่ายรูปมันเก็บไว้

 

"กล้อง....กล้องอยู่ไหน" ผมควานมือไปรอบๆ แต่ไม่เจอกล้องตัวเองเลย

 

"เห้ย ปอนด์อย่าปัดมั่ว ค่อยไว้ถ่ายพรุ่งนี้" เสียงพี่สินที่ดังมาไม่ทำให้ผมละความพยายามได้เลย ก็อยากถ่ายตอนนี้ทำไมต้องพรุ่งนี้ ผมขมวดคิ้วมุ่นรู้สึกเวียนหัวไปหมด เพราะไม่ว่าจำคลำหายังไงก็ไม่เจอกล้องเลย เจอแต่อะไรไม่รู้

 

"พี่เตือนแล้วนะว่าอย่าจับมั่ว จะมาโทษพี่ไม่ได้นะตัวแสบ" ภาพตรงหน้าเปลี่ยนจากแสงสว่างเป็นมืดลงจากพัดลมเพดานเป็นเงาตะคุ่มๆแทน พอปรับสายตาให้เพ่งดูก็เห็นเป็นหน้าของพี่สินที่อยู่ห่างกันไปไม่ถึงคืบ สัมผัสยุกยิกตรงริมฝีปากทำให้ผมต้องขยับตามการชักนำนั้น พอรู้สึกหายใจไม่ทัน อีกฝ่ายก็ผละไป ก่อนจะกดย้ำ ซ้ำไปซ้ำมา วนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด

 

"อ๊ะ" แรงกัดเบาๆตรงริมฝีปากล่างทำเอาผมลืมตา ความเจ็บและแสบนิดๆทำเอาผมอ้าปากร้องเบาๆ แต่ยังไม่ทันจะได้โต้ตอบอะไรสิ่งที่ทำให้มัวเมายิ่งกว่าเบียร์ที่กินไปก็สอดเข้ามาในปากผม ผมขยับลิ้นหนีอีกฝ่ายก็ยิ่งรุกรานไล่ต้อนจนไม่มีที่หลบได้แต่ตอบสนองกลับไปอย่างไม่ประสา

 

"อื้ม พี่สิน...พอก่อน...ปอนด์หายใจไม่ทัน" พี่สินยอมผละออกโดยดีแต่ยังคงซบหน้าผากชนกันไว้ สีหน้าเต็มไปด้วยแรงอารมณ์

 

"ให้พี่ได้มั้ยคะ?" คำถามที่ตรงซะจนแทบสร่างเมาดังขึ้นเบาๆขณะที่ปากอีกฝ่ายยังคลอเคลียไม่ห่าง แต่ไม่ว่าจะตอนไหน สุดท้ายสักวันหนึ่งเรื่องแบบนี้ก็ต้องมาถึงแล้วทำไมมันจะเป็นวันนี้ไม่ได้ล่ะ ผมพยักหน้าอย่างเขินอายก่อนจะรีบยกสองมือปิดหน้าที่ร้อนซะจนลวกผิว

 

"พี่จะพยายามทำเบาๆค่ะ พี่สัญญา" พี่สินพูดจบก็กดจูบที่ปากผมแผ่วๆก่อนจะเริ่มดุดันขึ้นต่างจากก่อนหน้าอีก มือที่อยู่ไม่สุขของเขาลูบไปลูบมาบริเวณเอาและสีข้างจนผมขนลุกไปทั้งตัว ผมจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเสื้อที่ใส่อยู่หลุดไปตอนไหน

 

"อื้อ ตรงนั้นอย่าจับ" ผมรีบตะครุบมือพี่สินที่ล้วงเข้าไปในกางเกงจับส่วนที่แข็งขืนอยู่ข้างใน แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงคนตรงหน้าได้

 

"พี่สินไม่ต้อง..." พี่สินก้มลงจูบปิดปากผมอีกครั้งก่อนจะเริ่มขยับมือเบาๆ กางเกงที่ใส่อยู่ถูกดึงจนหลุดร่นไปจนอยู่บริเวณหนั่นสะโพกให้เจ้าตัวได้ขยับมือถนัด

 

"คนดี ไม่เป็นไรค่ะ พี่เต็มใจทำให้" พี่สินพูดพลางขยับเร็วขึ้น เร็วขึ้น จนผมที่ไม่เคยโดยคนอื่นสัมผัสมาก่อนทนได้ไม่นาน ผมพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะกลั้นเสียงร้องของตัวเองตอนที่หลั่งออกมาเพราะผนังห้องที่เป็นแค่ไม้ไผ่แบบนี้ไม่มีทางที่จะกักเก็บเสียงน่าอายเอาไว้ได้แน่ๆ นอนหอบหายใจได้ไม่นานพี่สินก็จับร่างของผมพลิกกลับ

 

"อื้อ!!!" ผมรีบก้มหน้ากับหมอนทันทีเมื่อมีสิ่งแปลกปลอมสอดเข้ามาช่องทางด้านหลังทั้งที่

 

"น้องอย่างเกร็งครับ ชู่ว ไม่เป็นไรนะ" พี่สินแช่ค้างไว้สักพักให้ผมได้ปรับตัวกับนิ้วที่สอดเข้าไป แต่ยังไม่ทันได้โล่งใจก็ใส่เข้ามาอีกจนผมรู้สึกตึงๆ ได้แต่จิกแขนอีกฝ่ายระบาย

 

"เจ็บหรอครับ" ผมส่ายหัวให้พี่สินเบาๆ 

 

"แค่..รู้สึก...แปลกๆครับ" พี่สินยิ้มออกมาอย่างใจชื้นก่อนจะก้มจูบปากผมไว้ มืออีกข้างที่ไม่ปล่อยให้ว่างก็ซุกซนอยู่บริเวณหน้าอกผมไม่เลิก คราวนี้พี่สินไม่ได้ผละริมฝีปากออกแต่กลับเพิ่มนิ้วขึ้นอีกเป็นสาม ผมพยายามถอยตัวออกเพราะรู้สึกเจ็บๆ แต่พี่สินไม่ยอมยังคงจับตัวเอวผมรั้งไว้แล้วก้มจูบปลอบ มืออีกข้างก็เปลี่ยนมาจับตรงกลางหว่างขาพยายามชักนำผมให้เกิดความรู้สึกอีกครั้ง นิ้วทั้งสามก็ขยับเข้าออกเบาๆ ก่อนจะเริ่มเร่งจังหวะขึ้น

 

"อือ...พี่สิน..ตรงนั้น...อ๊ะ อย่าเพิ่งขยับ" ผมร้องไม่เป็นคำเมื่อพี่สินขยับมือทั้งสองข้างเป็นจังหวะเดียวกัน มันรู้สึกทั้งเจ็บและรู้สึกดีไปพร้อมกันจนผมก็เริ่มสับสนตัวเอง

 

"น้องไม่กัดปากสิครับ" พี่สินรั้งหน้าผมให้หันกลับไปก่อนก้มลงเลียริมฝีปากผมเบาๆแล้วกดจูบ จากนั้นดึงนิ้วทั้งสามออก โดยมืออีกข้างยังไม่หยุดขยับ

 

"อย่าเกร็งนะครับ พี่จะทำเบาๆ พี่สัญญา น้องเชื่อพี่ใช่มั้ย?" ผมหลับตาพยักหน้ารับคำ รู้สึกโหวงๆเมื่อพี่สินดึงนิ้วออก ช่องทางข้างหลังยังคงขยับเพราะจังหวะจากนิ้วเมื่อสักครู่

 

"พี่ขอนะคะ" พี่สินกระซิบเบาๆข้างหูผมก่อนจะเลียเบาๆจนผมขนลุกซู่ ช่องทางเบื้องล่างถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่าจนผมผวาเฮือกทิ้งตัวลงนอนกอดหมอนที่ตัวเองซุกอยู่แน่น

 

"น้องอย่างเกร็ง เชื่อใจพี่" พี่สินขยับมือตรงส่วนนั้นของผมจนน้ำขาวขุ่นหลั่งออกมาเป็นรอบที่สอง เจ้าตัวเอานิ้วปาดน้ำตรงนั้นไปบริเวณช่องทางด้านหลังจนผู้รู้สึกเหนียวเหนอะ เพียงไม่นานก็รู้สึกเหมือนเจ้าตัวขยับเข้ามาเรื่อยๆจนผมอึดอัดไปทั้งตัวราวกับตัวจะแตกออก

 

"อ๊ะ!!" แรงกระแทกที่พี่สินดันส่วนนั้นของตัวเองเข้ามาจนสุดทำเอาผมต้องร้องออกมาอย่างห้ามไม่ได้ พี่สินก้มลงจูบปลอบประโลมและคลอเคลียอยู่ไม่ห่าง มือข้างหนึ่งพยายามขยับให้ผมรู้สึกดีไปด้วยกันส่วนอีกข้างบดบี้บริเวณยอดอกจนผมรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งสันหลัง

 

"พี่จะขยับแล้วนะคะ" ผมรู้สึกถึงแรงขยับเข้าออกเบาๆจากคนด้านหลัง และแรงขบกัดอย่างหยอกเย้าบริเวณหลังคอ พี่สินเร่งจังหวะเร็วขึ้น จนผมที่พยายามกลั้นเสียงไว้เริ่มกลั้นไม่อยู่ จังหวะที่กำลังจะกัดปากเพื่อกลั้นเสียงก็โดนอีกฝ่ายพลิกผมให้กลับมานอนหงาย พี่สินเอาแขนรองขาผมเอาไว้ก่อนจะจับออกให้อ้ากว้างจนน่าอายผมรีบเอาหมอนที่หนุนเมื่อสักครู่มาปิดหน้าที่แทบระเบิดของตัวเอง แต่ก็โดนพี่สินแย่งออกไปอย่างนิสัยเสีย

 

"ฮื้ออ...อ๊ะ..อย่า...แฮ่ก...แกล้งน้อง...." ไม่รู้ว่าคำพูดผมไปกระตุ้นอะไรคนตรงหน้า สีหน้าพี่สินที่กำลังพยายามอดกลั้นจนกรามขึ้นเป็นรูปทำเอาผมใจเสีย พี่สินจับข้อมือทั้งสองข้างออกก่อนกดกับที่นอนแล้วก้มจูบผมจนแสบปาก แรงกระแทกจากข้างล่างเพิ่มขึ้นจนตัวผมสั่นคลอนได้แต่ร้องอืออาในลำคอเพราะปากพี่สินที่ไล่บดจูบจนไม่มีพื้นที่ให้เสียงได้เล็ดรอดออกไป เสียงกระทบอย่างหยาบโลนดังเข้ามาในโสตประสาทจนผมอายแต่ไม่มีเวลาได้เขินมากจนต้องกัดปากตัวเอง พี่สินปล่อยข้อมือออกข้างนึงก่อนจะใช้มือขยับส่วนนั้นให้ผมอีกครั้งเมื่อใกล้จะเสร็จ ผมเอามือข้างที่ว่างปิดจับแขนอีกคนอย่างระบายความเสียวซ่านที่ได้รับ ขยับอีกเพียงไม่นานทั้งผมและเขาก็สุขสม พี่สินรีบดึงส่วนนั้นของตัวเองออกมาปลดปล่อยข้างนอกพร้อมกับของผมก่อนจะทิ้งตัวหอบหายใจทับผมไปทั้งตัว

 

"พี่รักน้องนะ" พี่สินพูดเสียงหอบอยู่ข้างหูพร้อมกดจูบข้างกระหม่อม ผมยิ้มตอบกลับด้วยเสียงที่ไม่แน่ใจว่าดังพออีกฝ่ายจะได้ยินมั้ย

 

"รักเหมือนกันครับ" แต่รอยยิ้มที่มาทั้งปากและตาของเจ้าตัวก็เป็นตัวยืนยันได้แล้วว่าเขาได้ยินสิ่งที่ผมพูด

 

"จะรักตลอดไปด้วย อยู่ให้ปอนด์รักไปนานๆนะครับ" น้ำตาที่คลออยู่ในตาของเจ้าตัวทำเอาผมยิ้มขำ พี่สินจูบผมอีกครั้งก่อนจะดึงผมไปนอนกอดเบาๆเหมือนกลัวว่าจะเจ็บ ก็เจ็บจริงๆนั่นแหละครับ เฮ้อ พรุ่งนี้ต้องอดเล่นน้ำแน่ๆเลย แต่อะไรที่เป็นความสุขของเขาผมก็อยากจะทำให้ ถ้าทำได้ ผมได้แต่คิดในใจเพราะตอนนี้ไม่มีแรงเหลือพอจะให้พูดอะไรอีก ขอบคุณทุกสิ่ง ไม่ว่าอะไรก็ตามที่ทำให้คนๆนี้ได้เป็นคนรักของผม ขอบคุณที่รักผมและให้ผมได้รัก ขอบคุณที่เลือกผมแล้วเข้ามาเติมเต็มชีวิต ตอนนี้ผมก็ไม่ต้องอยู่คนเดียวอย่างเดียวดายอีกแล้ว...

 

 

 

 

 

 

 

 

The End.....

 



 

จบแล้ววววววว แอแง ขอบคุณทุกคนที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ต้นจนจบ NC แรกในชีวิตมือสั่นมากจ้า ไม่มีประสบการณ์ด้านนี้เลย อาศัยเอาจากการเคยเป็นคนอ่านมา อยากบอกว่าเฮือกมากๆ รู้สึกดีและโหวงไปพร้อมกัน เพราะส่งเจ้าน้องน้อยให้กับคนที่ดูแลเขาได้ไปตลอดชีวิตแล้ว ยังไงก็ถ้ามีโอกาสหน้าก็จะมาลงเรื่องใหม่ให้ได้อ่านกันนะคะ รักนะจ๊ะ บายๆ แล้วเจอกันใหม่นะทุกคน

 

 

 

หัวข้อ: Re: คนเดียว...เดียวดาย (END)
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 12-09-2020 21:31:16
 :sad4: