...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...เวรกรรมตามทันในภพนี้..ตอนพิเศษ ผ้ากันเปื้อน...=> หน้าที่ 17 (26/09/2020)  (อ่าน 91874 ครั้ง)

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-12-2021 19:25:49 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………………

บทนำ


   โถงบันไดมีเพียงแสงสลัวราวกับเป็นยามเย็น ฝ่าเท้าก้าวลงบันไดทีละขั้นอย่างมั่นคง ก่อนจะหยุดยืนบนบันไดขั้นสุดท้าย ภาพเบื้องหน้าคือเด็กหนุ่มร่างผอมมอมแมมและสกปรก เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแผลและนุ่งโจงกระเบนซอมซ่อนั่งคุกเข่าบนพื้นเบื้องล่าง เอาแต่ก้มหน้าต่ำ ดูอย่างไรก็รู้ว่าเป็นผู้ร้ายกระทำความผิด


   “เอาตัวมันไป!! อย่าให้กูเห็นหน้ามันอีก!!” เสียงคำรามดังก้อง หนุ่มน้อยที่นั่งคุกเข่าถูกกระชากพาตัวออกไป แต่ก่อนที่ร่างผอมกะหร็องจะลับตา ใบหน้าของเด็กหนุ่มเหลียวกลับมา ดวงตาบวมปูดข้างหนึ่งห้อเลือดจนม่วงช้ำ ทว่านัยน์ตากลับเต็มไปด้วยความเจ็บแค้นแรงกล้า


   “คุณหลวงขอรับ ระวังตัวให้มาก” เสียงหนึ่งดังขึ้น เมื่อหันกลับมามองที่พื้นเบื้องหน้า กลับกลายเป็นชายฉกรรจ์คนหนึ่งนั่งคุกเข่าพนมมือ


   ประโยคนั้นชวนให้สงสัย แต่ไม่ทันได้ถามอะไร ชายคนเดิมก็ย้ำเป็นคำรบสอง


   “ระวังตัวด้วยขอรับ มันหาท่านเจอแล้ว”


   ........


...   


   ร่มธรรมสะดุ้งลืมตาโพลง ภายในห้องนอนที่มีเครื่องปรับอากาศทำความเย็นจนต้องห่มผ้าเนื้อหนา ทว่าบนใบหน้าและลำคอของเขากลับชื้นเหงื่อ ทั้งห้องยังคงมืดสลัวจนต้องเอื้อมไปกดเปิดสวิสซ์ไฟที่โต๊ะข้างเตียง นาฬิกาแบบเข็มทรงกลมขนาดเล็กที่วางอยู่ใกล้กันบอกเวลาสามนาฬิกาพอดิบพอดี


   เลขสวยช่วงผีออกพอดีด้วย


   แม้หัวใจจะหนักอึ้งแต่เห็นเวลาแล้วก็รีบกระเสือกกระสนลุกจากเตียงมุ่งตรงไปยังสวิสซ์ไฟที่ข้างประตู พอไฟในห้องนอนสว่างโร่ขึ้นในพริบตาก็ชวนให้ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง


   เขาเดินลากเท้ากลับมาที่เตียงกว้าง ทว่ายังไม่ทันจะทิ้งตัวลงก็เผลอเหลือบไปทางกระจกบานสูงบนประตูเสื้อผ้าที่อยู่อีกฝั่งของห้องแล้วก็พบว่ารูปร่างหน้าตาของเขายังคงเป็นเช่นเดิม


   ภาพที่สะท้อนบนกระจกคืออดีตนักแสดงหนุ่มในวัย 28 ปี หน้าตาหล่อเหลาที่มาพร้อมกับรูปร่างสูงเพรียว อายุเท่านี้แต่มีสถานะเป็น ‘อดีต’ มาตั้งแต่เมื่อ 6 ปีก่อนแล้ว เพราะการตัดสินใจลาออกจากวงการบันเทิงของเขาเอง


   ก่อนหน้านี้ร่มธรรมเป็นหนึ่งในพระเอกแถวหน้า แต่พอชื่อเสียงเริ่มติดลมบน บิดากลับจากไปอย่างกะทันหัน ทิ้งธุรกิจเกี่ยวกับกาแฟเอาไว้ให้ดูต่างหน้า พี่ชายคนรองของเขาจึงขอให้มาช่วยสานต่อ ชายหนุ่มไม่ได้ยึดติดชื่อเสียง เมื่อพี่น้องขอร้อง เขาก็ถอนตัวออกมาใช้ชีวิตสงบอย่างคนธรรมดา


   ดวงตากลมจับจ้องภาพสะท้อนบนกระจก ทุกอย่างยังเป็นเขา แต่อะไรบางอย่างทำให้นึกถึงฝันเมื่อครู่


   ฝันเห็นเด็กผู้ชาย...ไม่สิ ไม่ใช่เด็ก น่าจะอายุสัก 15 หรือ 16 แล้ว ร่างผอมแกร็น มอมแมมเต็มไปด้วยแผลแตก ใบหน้าบวมปูดและดวงตา...อาฆาต


   พอคิดถึงสายตาคู่นั้น ร่างกายก็พลันหนาววูบอย่างประหลาดจนต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เขาจำหน้าเด็กหนุ่มคนนั้นไม่ได้แม่นยำนัก แต่ที่ชัดเจนคือความโกรธเคือง


และที่สำคัญ...เขารู้...รู้ว่าตนเองไม่ใช่เด็กหนุ่มคนนั้น


   ‘คุณหลวงขอรับ ระวังตัวให้มาก’ เสียงของชายฉกรรจ์ที่นั่งคุกเข่าพนมมือยังติดสมอง


นี่ก็อีก...ร่มธรรมรับรู้ด้วยความรู้สึกว่าเขาไม่ใช่เจ้าของเสียงนั้น


ในฝัน...เขารู้ว่าตนเองคือคนที่ชายคนนั้นเรียกต่างหาก


   ...คุณหลวง...


   คุณหลวงที่เด็กหนุ่มอาฆาต คุณหลวงที่ชายอีกคนห่วงใยจนออกปากเตือนให้ระวังตัว


   ‘คุณหลวง’


   พอคิดถึงคำนี้ ชายหนุ่มก็ถึงกับทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ลูบหน้าลูบตาเพื่อตั้งสติ


   นี่ไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับความฝันประเภทนี้ สมัยก่อน เขามักฝันเห็นชายนุ่งโจงบ่อยๆ จำรายละเอียดในฝันไม่ได้แม่นยำนัก แต่ก็รับรู้ว่าชายผู้นั้นปรารถนาดีต่อเขา บิดามารดาก็เคยเล่าว่าสมัยเด็กๆ เขาเคยพูดว่าคุณอาผู้ชายไม่ใส่เสื้อชอบมาเล่นด้วย ทั้งๆที่เขานั่งเล่นอยู่คนเดียว ครอบครัวเป็นกังวลกับคำพูดของเด็กชายร่มธรรมจนต้องพาไปหาหมอ แต่ผลตรวจร่างกายเป็นปกติทุกอย่าง คราวนี้เลยเบนเข็มจากวิทยาศาสตร์สุขภาพไปยังไสยศาสตร์ พาไปรดน้ำมนต์ทำบุญสะเดาะเคราะห์แทน แต่...คุณอาผู้ชายก็ยังไม่ไปไหน


   ทว่านั่นก็นานมาแล้ว ยิ่งเติบโต ยิ่งมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นในชีวิต มีเรื่องต้องรับผิดชอบและเอาใจใส่ เขาก็ยุ่งจนลืมเรื่องชวนพิศวงพวกนี้อีก


   จนกระทั่ง...วันนี้ สิ่งที่คิดว่าห่างหายก็กลับมา


   ความฝัน


   อาผู้ชายไม่ใส่เสื้อ


   และ ‘ตัวละครใหม่’


เด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาอาฆาตคู่นั้น


   ...โกรธเกลียดอะไรกัน...


   ร่มธรรมถอนหายใจยาว พยายามปล่อยวาง แล้วเอนตัวลงนอนบนเตียงตามเดิม


   แน่นอน...ตีสามเวลาดีผีออกแบบนี้ อีกทั้งยังฝันแปลกๆแบบนั้น ต่อให้จะเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบแปดที่เติบโตมาในโลกแห่งวิทยาศาสตร์ แต่ก็ใช่จะไม่กลัวผี


   คืนนี้ ห้องนอนภายในคอนโดของเขาจึงเปิดไฟทิ้งไว้เช่นนั้นจนสว่างคาตา


………………………..


   “เนื้อเรื่องโบราณ ไม่น่าสนใจ”


ไม่เพียงแค่เปรยออกมาอย่างตรงไปตรงมา แต่มือใหญ่ยังโยนแท็บเล็ตในมือลงกับโต๊ะอย่างไม่สนจะรักษาของสักนิด ใบหน้าหล่อเหลาของอดีตพระเอกดังวัย 45 ซึ่งผันตัวมาเป็นผู้จัดละครติดจะไม่สบอารมณ์กับงานที่ถูกบังคับยัดใส่มือ


   “เอาหน่า ผู้ใหญ่ขอมา รู้นี่...คนเราชอบเห็นโศกนาฏกรรมในชีวิตคนอื่น”


   อดีตพระเอกทำเสียงขึ้นจมูก


   “แล้วยังไง? คุยกับต้นสังกัดไอ้ครองมาแล้วทางนั้นปฏิเสธล่ะสิ บทยังงี้ต้นสังกัดที่ไหนจะให้ตัวท็อปลุคพระเอกไอดอลมาเล่น ประสาทรึเปล่า” หงุดหงิดแล้วยังด่ากราด ไม่รู้ด่าใคร แต่ชายสูงวัยคู่สนทนาทำหูทวนลม ประสบการณ์ชีวิตนับ 70 ปี บอกให้รู้ว่าอย่าถือสาวาจาใดๆ ถ้าอยากใช้งานเจ้าของวาจานั้น


   คนอายุมากกว่ายังคงใช้น้ำเสียงลื่นหู อธิบายอย่างใจเย็น “ทางนั้นบอกเด็กขึ้นหม้อ คิวเต็ม”


คนฟังทำเสียงในคออย่างเย้ยหยัน


   “ก็เลยมาเข้าทางผม คิดว่าผมเป็นเทวดาทำให้คิวไอ้ครองหายเต็มได้รึไง”


   “แกเป็นผู้จัด ครองภพจะไม่รับเล่นได้ไง”


“ผมบอกตอนไหนว่าจะเอาเรื่องนี้มาทำ” นอกจากสีหน้าไม่สบอารมณ์แล้ว ยังบ่นไม่หยุด ทว่าคู่สนทนากลับยิ้มจางอย่างปลอบประโลม


   “บอกตอนนี้แหละ ช่วยพ่อหน่อยหน่า เรื่องนี้ผู้ใหญ่ขอ...” พอชายผู้มีผมแซมด้วยสีขาวอ้างสถานะบุพการีบังเกิดเกล้า รามิลก็ยิ่งทำหน้าเหม็นเบื่อ


   นอกจากความเป็นบิดาที่อีกฝ่ายถือครอง คนตรงหน้ายังเป็นผู้กำกับชื่อดังของวงการ ทว่าความสัมพันธ์พ่อลูกนั้นไม่สนิทชิดเชื้อ รามิลไม่ใช่ลูกคนเดียว เรื่องนั้นไม่ถือเป็นประเด็น แต่มารดาของเขาก็ไม่ใช่ภรรยาเพียงคนเดียวของบิดาเช่นกัน และแน่นอน...เรื่องนี้เป็นประเด็น เขาไม่ใช้นามสกุลของผู้กำกับคนนี้ด้วยซ้ำ


   แต่โลกเราแคบนิดเดียว คนพ่อเป็นผู้กำกับผู้คร่ำหวอดในวงการ คนลูกหน้าตาหล่อเหลาขึ้นแท่นพระเอกอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะถอยมาอยู่เบื้องหลังในฐานะผู้จัด ทั้งๆที่รามิลพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ข้องแวะกับบิดา สมัยเป็นนักแสดง เขาไม่เคยรับละครหรือภาพยนตร์เรื่องใดที่มีผู้กำกับชื่ออนันต์ พอขยับมาเป็นผู้จัดยิ่งแล้วใหญ่ คือไม่เรียกใช้ผู้กำกับที่ชื่ออนันต์เด็ดขาด ถึงอย่างนั้น ผู้กำกับอนันต์คนที่เขาพยายามหลีกเลี่ยง ก็หาเรื่องมาข้องแวะเขาจนได้


   สาเหตุหนึ่งเพราะนับตั้งแต่รามิลผันตัวมาเป็นผู้จัด งานของเขาทุกชิ้นล้วนเป็นที่กล่าวถึง บางเรื่องเรตติ้งดี บางเรื่องมีรางวัลการันตี บางเรื่องมีทั้งเรตติ้งมีทั้งรางวัล และละครพีเรียดเรื่องล่าสุดของเขา มีทั้งเรตติ้ง มีทั้งรางวัล มีทั้งราคา ละครโด่งดัง นักแสดงนำอย่าง ‘ครองภพ’ ติดลมบน จับมือกันโกยรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ


   ‘ผู้ใหญ่’ ที่ชื่ออะไรก็ไม่รู้ เลยติดต่อผ่านผู้กำกับอนันต์ ให้เรียกลูกชายมารับเป็นผู้จัดละคร และเรียกนักแสดงคู่บุญอย่างครองภพมารับบทนักแสดงนำ


   “ถ้าแกติดต่อครองภพ เขาต้องยอมรับงานนี้แน่ๆ แกทำให้พ่อหน่อย โปรเจ็คนี้เป็นของผู้ใหญ่...” ผู้กำกับอนันต์ย้ำ


เป็นอีกครั้งที่คนฟังยกมุมปากอย่างเย้ยหยัน แม้จะไม่ได้ใกล้ชิดเป็นครอบครัวที่อบอุ่น แต่รามิลรู้จักบิดาของตนดี นอกจากจะกำกับละครได้ดีแล้ว อีกอย่างที่ ‘ดี’ ไม่แพ้กันคือชอบเล่นกับคำว่า ‘ผู้ใหญ่’


ใครรู้จักผู้กำกับอนันต์ หรือผู้กำกับอนันต์รู้จักใคร เป็นต้องได้เรียกใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวเสมอ 


   “ถ้างั้นผมขอบ้างได้ไหม”


   “อยากจะขออะไรล่ะ ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงจะไปพูดให้”


รามิลชูขึ้นมาสองนิ้ว


   “ข้อแรก งานต่อไปของผู้กำกับฉาย ต้องให้ไอ้ครองเล่นบทนำ”


คนฟังเลิกคิ้ว ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ แต่เอนหลังพิงพนัก ดวงตาจับจ้องบุตรชาย


“ไอ้ครองมีความสามารถ” รามิลย้ำ เรื่องนี้ใครก็รู้ ไม่อย่างนั้นละครพีเรียดที่ครองภพแสดงนำเมื่อปีที่แล้วคงไม่ดังเปรี้ยงปร้างขนาดนี้


คู่สนทนาพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย แต่ไม่วายเอ่ยแทรก “และคนในวงการอีกมากก็มีความสามารถ”


“ใช่ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เขาต้องได้คือโอกาส”


คราวนี้คู่สนทนาของรามิลเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปาก แล้วเอ่ยอย่างแบ่งรับแบ่งสู้


“เอาเป็นว่า ถ้าบทเหมาะ จะให้ครองภพแล้วกัน”


“ภายในสามปี ต้องหาบทที่เหมาะให้กับเขา” อดีตพระเอกดังสำทับ ทำเอาคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามยักไหล่


“ก็ได้ เคี่ยวจริงๆ แล้วข้อสองล่ะ”


“ข้อสอง...นอกจากไอ้ครองแล้ว คนอื่น...ผมต้องเป็นคนเลือก”


คู่สนทนานิ่งไปเล็กน้อย กะพริบตาปริบๆ เพราะเงื่อนไขของรามิลระหว่างข้อแรกกับข้อสองนั้นระดับความยากง่ายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง


   “หมายถึง...บทพี่ชายน่ะหรือ”


   “ใช่ ผมขอเป็นคนเลือกเอง” ในเมื่อถูกบังคับตั้งแต่โยนบทละครที่ ‘โบราณและไม่น่าสนใจ’ แถมยังเจาะจงระบุตัวนักแสดงนำให้ผู้จัดอย่างเขาใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัวดึง ‘ครองภพ’ มาเล่นทั้งๆที่ต้นสังกัดปฎิเสธไปแล้ว รามิลก็คิดว่าตนเองควรเป็นฝ่ายยื่นข้อเสนอบ้าง


   “จะเลือกใคร” คำถามมาพร้อมดวงตาหรี่ลงเล็กน้อยราวกับไม่วางใจ


   “นักแสดงเก่า ผมเพิ่งได้ดูละครที่เขาเล่นเอาไว้ อยากดึงเขากลับมาเล่นละครอีกรอบ” อันที่จริงก็อยากให้เล่นบทที่โดดเด่นและ ‘ไม่โบราณคร่ำครึ’ แต่คิดอีกที การได้ประกบกับนักแสดงดังในฐานะนักแสดงนำ ก็นับว่าเป็นก้าวแรกที่ไม่เลวเลย สำหรับการดึงใครสักคนกลับเข้าวงการ


   “ชื่ออะไร”


   ผู้จัดหนุ่มชื่อดังมองคนถามด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะเอ่ยเรียบ


   “ร่มธรรม”


………………………….


   ร่มธรรมเป็นลูกชายคนเล็กในบรรดาสามพี่น้อง เขามีพี่สาวคนโตชื่อรินฤดี และพี่ชายคนรองชื่อรุ่งโรจน์ พวกเขาเสียมารดาไปตั้งแต่เล็ก และเสียบิดาไปเมื่อ 6 ปีก่อน เมื่อเหลือกันแค่สามคนพี่น้อง อีกทั้งยังไม่มีใครแต่งงานหรือสร้างครอบครัวใหม่ การร่วมหัวจมท้ายจึงเกิดขึ้นอยู่เสมอ


   หนึ่งในความร่วมไม้ร่วมมือคือการพยายามรักษาธุรกิจกาแฟและร้านกาแฟที่บิดาเปิดเอาไว้


   ‘ร้านกาแฟ ร.รอ’


   ร้านกาแฟขนาดสองชั้นที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง พื้นที่กว้างขวางขนาดนี้หากขายต่อคงมีเงินกินใช้ทั้งชาติ แต่กระนั้น สามพี่น้องตัว ร. ก็จับมือกันมั่นจะรักษาของดูต่างหน้าบุพการีเอาไว้


   รินฤดีทำงานเป็นสไตลลิสต์ในวงการบันเทิง เวลาไม่แน่ไม่นอนนัก แต่ก็โผล่หน้ามาดูกิจการอยู่เนืองๆ ในขณะที่รุ่งโรจน์รับราชการตำรวจ ทำงานเป็นเวลาแน่นอน นั่นคือแน่นอนว่าไม่มีเวลามาดูแลกิจการเต็มตัว แต่ก็แวะเวียนมาสอดส่องอยู่บ่อยๆ ส่วนร่มธรรม ดูแลกิจการของบิดาเลยควบรวมมาดูแลร้านกาแฟไปด้วยอีกทอดหนึ่ง หากไม่พบเขาที่ออฟฟิศ ก็มักจะพบเขาที่ร้าน


   พี่น้องย่อมรู้ใจกันดี เลยเป็นการเปิดโอกาสให้พี่สาวคนโตได้พบหน้าน้องชายคนเล็กโดยไม่ต้องนัดแนะเป็นกิจจะลักษณะ


   “ร่มช่วยพี่หน่อยนะ รุ่นพี่ของพี่อยากให้ไปเล่นซีรี่ส์ด้วยจริงๆ”


   “เล่นซีรี่ส์? ทำไมเป็นผมล่ะ...”


   ร่มธรรมย้อนถามอย่างงุนงง ตอนแรกที่เห็นรินฤดีปรากฏตัวที่ร้านกาแฟ เขายังคิดว่าหล่อนคงแวะมานั่งเล่นระหว่างรอเวลาไปทำงาน ทว่าแท้จริงแล้วไม่ใช่


รินฤดีมาชวนเขากลับเข้าวงการบันเทิง


ทั้งๆที่ออกมาตั้ง 6 ปีแล้วแท้ๆ


“ก็รุ่นพี่ของพี่น่ะสิ บังเอิญได้ดูละครที่ร่มแสดงไว้ ก็เลยอยากได้ร่มไปเล่นด้วย”


“แต่ผมไม่รับงานมาตั้งหลายปีแล้วนะ สนิมกินหมดแล้ว” ร่มธรรมไม่ได้พูดเกินจริงเลย เวลานี้คลื่นลูกใหม่ในวงการบันเทิงมีเป็นร้อยลูกพันลูก นับประสาอะไรกับคลื่นลูกเก่าอย่างเขาที่ปลดระวางตัวเองไปนานนม แม้จะยังแอบภาคภูมิใจอยู่นิดๆก็เถอะว่าถึงจะเป็นคลื่นลูกเก่าแต่เขาก็ยังมีแฟนคลับคอยแวะเวียนมาซื้อกาแฟที่ร้านก็แล้วกัน


   “อ่ะ! อย่างน้อยร่มไปลองก็ยังดี ถ้าสนิมกินหมดแล้วจริงๆ ค่อยว่ากันอีกที ดีมั้ย” รินฤดียื่นข้อเสนอ แต่ร่มธรรมกลับส่ายหน้า


   “เกิดเป็นแบบนั้นผมก็อายเขาเปล่าๆน่ะสิ”


   “โอย จะอายเอยอะไรกัน! ร่มหล่อขนาดนี้ ถึงจะโก๊ะก็มีแต่คนให้อภัย!” รินฤดียังตื้อไม่เลิก แต่พอเห็นสีหน้าลำบากใจของน้องชายคนเล็กแล้วก็พลอยนึกไปถึงน้องชายอีกคนที่ไม่ได้อยู่ที่นี่ในวันนี้


   แน่สิ...ขืนรุ่งโรจน์อยู่ การเจรจานี้ก็มีอันล้มเหลว!


   “กลัวไอ้โรจน์ว่าเหรอ”


รุ่งโรจน์คือคนที่ขอให้ร่มธรรมมาดูแลกิจการของทางบ้านภายหลังเสียบิดาไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อ 6 ปีก่อน ซึ่งนั่นหมายความว่าคนที่ทำให้ร่มธรรมต้องออกจากวงการบันเทิง เพื่อมาทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับธุรกิจ ก็คือพี่ชายคนรองคนนั้น ทั้งๆที่พี่สาวคนโตอย่างหล่อนไม่เห็นด้วยเลยสักนิด!


...มีน้องชายเป็นพระเอกยอดนิยม เป็นสามีแห่งชาติ เป็นนักแสดงมือกวาดรางวัล เก๋จะตายไป!!...


   “ถ้าเรื่องไอ้โรจน์ พี่คุยให้ก็ได้ พี่อยากให้ร่มไปลองจริงๆนะ พี่อ่านบทแล้วมันดีมากเลย ใช้อารมณ์สุดๆ ดราม่าสุดๆ รับรองว่าทวงคืนตำแหน่งพระเอกร้องไห้สวยได้สบาย” ประโยคหลังๆนั้นทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของร่มธรรมถึงกับเหยเก แต่พอหวนคิดตามที่รินฤดีพูด ก็พาลให้คิดถึงการแสดงขึ้นมาตะหงิด


   ...ใช้อารมณ์สุดๆ ดราม่าสุดๆ…


   นานเท่าไรแล้ว ที่ไม่ได้แตะต้องการแสดงเลย นานเท่าไรแล้ว ที่ไม่ได้แม้แต่จะหาบทประพันธ์มาอ่านอย่างถ้วนถี่เพราะกลัวจะคิดถึง


   “เอาล่ะ ตัดสินใจแล้ว ร่มตกลงนะ” รินฤดีตัดบทด้วยการตัดสินใจเองเสร็จสรรพทำเอาน้องชายคนเล็กถึงกับทำตาโต


   “เดี๋ยวสิพี่ริน ผมยัง...”


   “ไม่ต้องมายังแล้ว สีหน้าอยากทำขนาดนี้ จะปฏิเสธทำไม ส่วนเรื่องโรจน์ พี่จะคุยให้เอง กิจการของพ่อก็ใช่ว่าจะทิ้งซะที่ไหน ก็ยังทำตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อตอยู่นี่ แล้วอีกอย่าง...แกไม่คิดว่ามันแปลกเหรอ ทั้งๆที่แกเองก็ไปได้ดีในวงการ แล้วกิจการของพ่อก็ไม่ได้จำเป็นต้องสืบทอดอะไรขนาดนั้น แต่ไอ้โรจน์ก็ยังบังคับให้แกออกมาทำธุรกิจต่อ ตอนนี้แกก็จะสามสิบแล้ว ปล่อยให้แกทำในสิ่งที่อยากทำบ้างมันก็คงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง”


อย่าว่าแต่รินฤดีจะไม่เข้าใจ เพราะแม้แต่ร่มธรรมเองก็ไม่เข้าใจเว่าเหตุใด วันนั้น...คำขอร้องของพี่ชายคนรองถึงเกิดขึ้น


   ‘ออกจากวงการได้ไหมร่ม แล้วไปดูแลธุรกิจของพ่อ’


   ‘แต่พ่อเองก็เคยบอกว่าไม่ต้องมีคนทำต่อก็ได้’


   รุ่งโรจน์เงียบ เงียบจนกระทั่งฝั่งน้องชายเป็นคนถาม


   ‘พี่โรจน์อยากให้ผมไปทำธุรกิจของพ่อ หรือแค่อยากให้ผมออกจากวงการบันเทิง’


   เป็นอีกครั้งที่คำตอบคือความเงียบ ทว่าร่มธรรมกลับเข้าใจความเงียบนี้เป็นอย่างดี


   รุ่งโรจน์ต้องการให้เขาออกจากวงการบันเทิง


   ไร้เหตุผล ไม่มีคำอธิบาย ไม่มีใครให้คำตอบว่าเพราะอะไรพี่ชายของเขาจึงต้องการให้หลีกหนีจากเส้นทางสายนี้


ทว่า 6 ปีผ่านมาแล้ว


6 ปีแล้วที่เขาไม่ได้เข้าไปข้องแวะกับวงการนี้อีก จนกระทั่งวันนี้


   ร่มธรรมคิดว่าถ้าจะไม่อธิบายถึงเหตุผลในครั้งนั้น เวลา 6 ปีที่ผ่านมาก็น่าจะนานเพียงพอแล้วที่เหตุผลใดๆจะไม่เป็นเหตุผลอีก


ถ้ามันเอ่ยขึ้นมาไม่ได้ในวันนั้น วันนี้...มันก็ควรจะเจือจางลงเสียที

.....................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-01-2020 21:23:55 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
ทว่า...ในความเป็นจริง เวลาอาจเยียวยาบางอย่าง แต่กับบางอย่างก็ไม่อาจเจือจางได้เลย


   “อะไรนะ?!! เล่นละคร! แกจะกลับไปรับงานเหรอ?!!”


ครอบครัวไม่ได้ห่างเหิน แม้จะไร้ร่มโพธิ์ร่มไทรแล้ว แต่สามคนพี่น้องก็ยังไปมาหาสู่เป็นประจำ ร่มธรรมจึงสบโอกาสบอกเล่างานชิ้นใหม่ล่าสุดของเขาให้พี่ชายคนรองรับทราบ


   แสดงละคร


   “รุ่นพี่ของพี่รินติดต่อมา ไม่ใช่บทใหญ่อะไรหรอก ไม่ใช่พระเอกด้วย เป็นพี่พระเอกอีกที” ชายหนุ่มวัย 28 ให้อย่างไรก็เป็นพระเอกยาก ในยุคที่ดารานักแสดงเด็กๆเกิดขึ้นเป็นรายวันอย่างนี้


   รุ่งโรจน์ตวัดสายตาไปมองพี่สาวคนโต ต่อให้จะอายุน้อยกว่า แต่ด้วยอาชีพตำรวจส่งผลให้สายตาของเขานั้นทั้งดุทั้งกร้าวชนิดที่คนเป็นพี่ที่อายุมากกว่าสองปียังขยาด ได้แต่ยิ้มแหย


   รินฤดีเม้มปากเล็กน้อย ก่อนจะอธิบายเสียงแห้ง


   “เอ่อ...พอดี พี่...รู้จักกับพี่มิล...รามิล พระเอกเก่าไง ตอนนี้เขามาเป็นผู้จัด แล้วพี่มิลบังเอิญได้ดูการแสดงของร่มเรื่องก่อนๆ พอรู้ว่าร่มเป็นน้องของพี่ ก็เลยมาขอให้ร่มไปเล่นละครให้...”


   “แต่ไอ้ร่มออกจากวงการมาตั้งนานแล้ว!” รุ่งโรจน์พูดเสียงแข็ง หน้าตาดูจะเป็นกังวลมากกว่าจะไม่สบายใจ


   “ออกมาตั้งนานก็กลับเข้าไปได้ ไม่เห็นยากเลย” รินฤดีแย้ง ในฐานะคนอยู่ในวงการ แม้จะเป็นเบื้องหลัง แต่เรื่องกลับเข้าวงการก็มีให้เห็นอยู่บ่อยๆ


“แต่ไอ้ร่มต้องทำงาน! ไหนจะงานบริษัท ไหนจะร้านกาแฟ!”


“ก็แบ่งเวลาไง น้องชายของเราเก่งจะตาย ทำได้อยู่แล้ว”


“แล้วมันก็ไม่ได้แสดงมาตั้งนานแล้ว!”


“พี่จัดการสมัครคอร์สการแสดงแล้ว รับรองชื่อเสียงครอบครัวเราไม่ป่นปี้แน่ๆ” รินฤดีแย้งด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุน แน่นอนว่าน้ำเสียงอย่างนี้แต่เนื้อหาขัดแย้งทุกประโยคไม่ได้ช่วยให้สีหน้าถมึงทึงของน้องชายคนรองดีขึ้นเลย ทว่าดูเหมือนนายตำรวจหนุ่มจะรู้ดีว่าเขาต่อล้อต่อเถียงกับหล่อนต่อไปก็ไม่ช่วยอะไร จึงไปทางน้องชายคนเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆ


   “แกจะไหวได้ยังไง ทั้งทำงานประจำ ทั้งร้านกาแฟ ไหนจะต้องไปเรียนการแสดง แล้วมาถ่ายละครอีก!” รุ่งโรจน์ถามเสียงกระด้างดูก็รู้ว่าเขาไม่พอใจและเป็นกังวล แต่ไม่แน่ใจนักว่ากังวลกับเรื่องการแบ่งเวลาของน้องชาย หรือกังวลเรื่องที่ร่มธรรมจะกลับเข้าวงการบันเทิงกันแน่


   “ผมไหว ซีรี่ส์สั้นๆ ใช้เวลาไม่มาก อีกอย่าง ผมคุยกับทีมงานแล้ว คิวผมกับเขาลงตัวกันพอดีเลย”


อะไรๆก็ลงตัว อะไรๆก็เหมาะเจาะ ทว่ารุ่งโรจน์กลับไม่คิดว่าสวรรค์สรรสร้างโอกาสทองให้น้องชายของตนเลย


   “เรื่องธุรกิจของพ่อ พี่เองก็จะช่วยร่มดูแลด้วย แล้วก็จะเป็นผู้จัดการให้ร่ม ดูแลคิวงานให้ จะไม่ให้ร่มลำบากมากเกินไป พี่สัญญา” ในเมื่อมีถึงสองเสียงที่เห็นด้วยกับการกลับเข้าวงการในครั้งนี้ แล้วรุ่งโรจน์ที่หัวเดียวกระเทียมลีบจะคัดค้านได้อย่างไร เมื่อรู้ว่าคงห้ามไม่ได้แล้ว จึงได้แต่ถอนฉุนอย่างหงุดหงิด


   “ทำอะไรทำไมไม่ปรึกษากันสักคำ!”


   “ถ้าปรึกษา ร่มก็ไม่ได้เล่นน่ะสิ” คนต่อปากต่อคำยังคงเป็นรินฤดี ในขณะที่ร่มธรรมซึ่งเป็นน้องชายคนเล็กที่แสนตามใจคนเป็นพี่ ยังเอาแต่มองรุ่งโรจน์ราวกับขอร้อง สายตาที่เต็มไปด้วยความปรารถนาจะกลับเข้าวงการ ผสานมากับความกังวลว่าจะไม่ได้รับโอกาส


   ร่มธรรมไม่อยากขัดใจพี่ รุ่งโรจน์ก็ไม่อยากเมินเฉยต่อเรื่องของน้องเช่นกัน


   “เอาเถอะ! ในเมื่อรับปากเขาไปแล้วจะพูดอะไรได้อีก!”


แต่ก็แค่ตัดบท หาใช่ตัดใจยอมปล่อยน้องชายกลับเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างว่าง่าย


   “แต่พี่ขอให้เป็นเรื่องสุดท้ายได้ไหม อย่ารับงานอื่นอีก”


ร่มธรรมและรินฤดีมองหน้ากันอย่างงุนงง สำหรับน้องชายคนเล็กผู้ตามใจพี่ชายคนรองมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 6 ปีก่อนย่อมคิดจะรับปากเพื่อตัดปัญหา แต่เป็นฝ่ายพี่สาวคนโตที่แทรกขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มเบี่ยงประเด็น


   “โธ่! ใครจะจ้างไอ้ร่มมันเล่นบ่อยๆ แก่ปูนนี้แล้ว สมัยนี้ดารามีแต่เด็กๆทั้งนั้น อายุ 15 ก็เป็นพระเอกนางเอกกันแล้ว ตอนพวกแกอายุ 15 น่ะยังเห็นนั่งเล่นเกมกันอยู่เลย!” สมกับเป็นพี่สาวผู้อ่านสถานการณ์เฉียบขาด เพราะจูงใจน้องชายทั้งสองคนออกไปเรื่องอื่นได้อย่างว่องไว


   “อายุ 15 เป็นพระเอกนางเอก?!” รุ่งโรจน์ย้อนถามเสียงสูง


   “ไม่ใช่พระเอกนางเอกวัยเด็กนะจ๊ะ พระเอกนางเอกแบบที่เป็นพระเอกนางเอกจริงๆ ด้วย!” โต๊ะอาหารเริ่มครื้นเครงเมื่อรินฤดีชวนคุย แม้ร่มธรรมจะติดใจกับการที่รุ่งโรจน์ไม่ต้องการให้เขากลับเข้าสู่วงการบันเทิง แต่เมื่อถูกชักชวนเข้าสู่บทสนทนา ชายหนุ่มวัยยี่สิบแปดก็ทิ้งเรื่องคาใจเอาไว้เบื้องหลัง


   อย่างที่รินฤดีว่า อายุเยอะ อีกทั้งยังไม่ใช่ดาราแม่เหล็ก จะได้รับโอกาสสักกี่ครั้งกัน ครั้งนี้อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับอาชีพนี้แล้วก็ได้


………………………….


   รามิลเป่ากาแฟร้อนอย่างเชื่องช้า ไม่มากนักที่เขาจะมีเวลาละเลียดกาแฟรสชาติดีในร้านที่บรรยากาศสบายๆแบบนี้ ส่วนหนึ่งเพราะสบายใจที่แม้จะถูกบังคับให้รับงานมาทำ แต่เขาได้เลือกคนร่วมงานเกือบทั้งหมด ส่วนคนที่ทาง ‘ผู้ใหญ่’ ขอมา ก็ตอบตกลงรับงานนี้ตั้งแต่เจ้าตัวยังถ่ายแบบอยู่ต่างประเทศเมื่อวันก่อน


   ‘พี่มิลอยู่ไหน’ ข้อความจากห้องแชทปรากฏขึ้น รามิลหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู ก่อนจะพิมพ์ตอบกลับไป


   ‘ร้านกาแฟ แกถึงแล้วขึ้นมาชั้นสองเลย บอกเขาว่าโต๊ะคุณรามิล’


   ร้านกาแฟใจกลางเมืองไม่ใช่สถานที่สงบ ยิ่งเป็นย่านทำเลทอง ยิ่งมีผู้คนขวักไขว่หมุนเวียนเข้าออกจากร้านเป็นว่าเล่น สถานที่เช่นนี้ไม่ควรเป็นที่นัดพบของเหล่าคนดังเลย โดยเฉพาะเป็นการนัดพบของอดีตพระเอกเก่าอย่างรามิลและนักแสดงหนุ่มที่กำลังดังเป็นพลุแตกในปัจจุบันอย่าง ‘ครองภพ’


   ครองภพเป็นนักแสดงหนุ่มดาวรุ่งที่สุดในเวลานี้ 


เมื่อเดือนที่แล้ว ป้ายโฆษณาใจกลางเมืองทั้งหมดมีแต่หน้าของเขา จะซื้อสินค้าประเภทใดก็ล้วนต้องมีชื่อครองภพติดหราว่าเป็นพรีเซ็นเตอร์ หน้าตาหล่อเหลาตามสมัยนิยมทำให้แฟนคลับของเขามีทั้งเด็กสาวแรกรุ่นอายุน้อย ไปจนถึงหญิงสาววัยทำงาน ละครพีเรียดเรื่องก่อนที่รับบทเป็นราชนิกูลก็ช่วยกวาดคะแนนนิยมล้นหลามจากสาวๆให้อุปทานเป็น ‘แม่’ ไปอีกครึ่งประเทศ ภาพลักษณ์ไม่อินังขังขอบกับเรื่องใดรวมไปถึงการถูกเปิดเผยว่าในเพื่อนสนิทจำนวนน้อยเท่าหยิบมือกลับมีเพศสภาพที่หลากหลาย ก็ยิ่งทำให้เขาได้คะแนนนิยมจากเหล่าเพศทางเลือก ในขณะที่งานอดิเรกได้แก่กีฬาเอ็กตรีม อีสปอร์ต และหุ่นยนต์กันดั้ม ก็ถูกอกถูกใจแฟนบอยอีกจำนวนหนึ่ง เรียกได้ว่าเก็บฐานแฟนได้แทบทุกเพศและช่วงวัย


   แต่ความโด่งดังและการรักษาระดับชื่อเสียงเอาไว้ ไม่ได้แลกมาด้วยการอยู่เฉย ครองภพทำงานติดต่อกันทุกวัน ตารางงานเป็นรายชั่วโมง เมื่อเสร็จจากงานหนึ่งแล้ว ก็ไปอีกงานต่อทันที


   อย่างเช่นวันนี้ ทันทีที่เหยียบแผ่นดินมาตุภูมิ เขาก็ติดต่อหารามิลเพื่อมาคุยงานชิ้นต่อไป


   พักใหญ่ คนที่รามิลนั่งรอก็มาถึง


   ชายหนุ่มร่างสูงสวมหมวกแก็ปและคาดผ้าปิดจมูกปิดปากกับเสื้อผ้าสบายๆอย่างเสื้อยืดและกางเกงขายาว ก้าวเท้าตามบริกรของร้านขึ้นมายังชั้นสอง   รามิลส่งยิ้มจาง เมื่อนักแสดงหนุ่มวัย 22 เดินมาถึงโต๊ะแล้วยกมือไหว้


   “สั่งกาแฟรึยัง” คนนั่งรอเอ่ยปากถามเมื่อนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องนั่งลงแล้วถอดหมวกแก็ปออก


   “ฝากพี่ณุสั่งแล้วครับ” ครองภพมีผู้จัดการส่วนตัวหนึ่งคนชื่อวิษณุ ซึ่งคอยดูแลจัดการงานมาตั้งแต่เข้าวงการ มีคนติดตามบ้างเพื่ออำนวยความสะดวกและความปลอดภัย ยิ่งชื่อเสียงโด่งดังก็ยิ่งต้องระมัดระวัง เพราะไม่ใช่แค่แฟนคลับที่รักใคร่แต่ยังมีคนไม่ประสงค์ดีด้วย


   “ครองอ่านบทแล้วใช่มั้ย”


   “อ่านแล้วครับ ผมโอเค น่าสนใจดี”


   “แล้วทางต้นสังกัดโอเค?”


อีกฝ่ายพยักหน้ารับแทนคำตอบ


“ขอบใจมาก” รามิลรู้ว่างานนี้ต้นสังกัดของครองภพไม่อยากให้รับ แต่ที่เจ้าตัวรับก็เพราะเขาเป็นขอร้อง


ครองภพเพียงยิ้มจางแล้วส่ายศีรษะเป็นเชิงไม่เป็นไร


“พี่ว่าพล็อตมันโบราณไปหน่อย แต่ถ้านับว่าครองไม่เคยเล่นบทแบบนี้ ก็ถือว่าได้ลอง” คราวนี้นักแสดงหนุ่มพยักหน้ารับรู้


ดูท่าทางเจ้าตัวไม่หือไม่อือไม่มีข้อคัดค้าน แต่ไม่ใช่ว่าครองภพไม่ตั้งใจทำงาน รามิลพิสูจน์มาแล้วกับงานละครพีเรียดเรื่องก่อนที่เขาเป็นผู้จัดและยืนกรานที่จะให้ครองภพรับบทราชนิกูลหนุ่ม ตอนปล่อยภาพฟิตติ้ง กระแสลบถล่มทลาย บ้างว่าครองภพหล่อเหลาตามสมัยนิยม ผิวขาวผ่อง ตาเรียวดุ จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง ไม่เหมาะกับบทราชนิกูลที่ควรจะหน้าตาคมเข้มอย่างไทยแท้ บ้างก็ว่าเขาเข้าวงการด้วยหน้าตาและฐานะทางบ้านที่ร่ำรวยช่วยกรุยทาง แต่ความสามารถไม่เป็นที่ปรากฎ บ้างก็ว่าเขาเส้นใหญ่มีคนหนุนหลัง ถึงได้รับงานดีๆอยู่เสมอ


   แต่หนทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน และสิ่งที่พิสูจน์ความเหมาะสมก็คือความตั้งใจและความสามารถของคน


   ครองภพแสดงให้เห็นว่าต่อให้เขาจะเข้าวงการด้วยหน้าตา ยืนหยัดในวงการเพราะสายป่านยาว หรือได้รับงานดีๆเพราะผู้ใหญ่หนุน แต่ความสามารถของเขาไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้าม


บทราชนิกูลสร้างความนิยมล้นหลามให้กับเขา เรตติ้งละครกลายเป็นปรากฏการณ์ในยุคที่มีทางเลือกหลากหลายให้ผู้คนใช้ปรนเปรอเวลาว่าง กระแสของละครและการแสดงของเขากลายเป็นเรื่องที่ถูกพูดถึง เขากวาดรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากแทบทุกเวที ชื่อเสียงของเขาพุ่งไม่หยุด ยิ่งละครถูกซื้อไปฉายในต่างประเทศ ก็ยิ่งทำให้ชื่อของครองภพไต่ระดับขึ้นเป็นพระเอกแนวหน้าของอุตสาหกรรมบันเทิง


   “อีกอย่าง...พี่ว่าครองเหมาะ”


   “เหมาะ? บทติดยาน่ะเหรอ” คราวนี้คนไม่หือไม่อือกลายเป็นย้อนถามตาเหลือก รามิลหัวเราะร่วนก่อนจะส่ายหน้ารัวๆ


   “ไม่ได้บอกว่าครองเหมาะกับบทติดยา แต่เหมาะกับคนที่มารับบทเป็นพี่ชายของครอง” ครองภพขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่เข้าใจ รามิลเลยเสริม


“พี่ว่าเขาหน้าเหมือนครอง”


   เพียงเท่านั้น คิ้วที่อยู่เหนือดวงตาเรียวก็พลันคลายลง ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ใส่ใจอีก แต่ถึงอย่างนั้นรามิลก็ยังคะยั้นคะยอ


   “อยากเห็นไหม”


   “ไม่ล่ะครับ เอาไว้เจอกันวันฟิตติ้งเลยก็ได้” นักแสดงหนุ่มว่าอย่างนั้น พอดีกับที่ผู้จัดการส่วนตัวของครองภพขึ้นมาชั้นสองพร้อมด้วยเครื่องดื่ม พวกเขาจึงเริ่มพูดคุยกันเกี่ยวกับงานชิ้นใหม่ ก่อนที่ฝ่ายครองภพจะขอตัวก่อนเพราะมีงานตอนค่ำ ในขณะที่รามิลไม่รีบร้อนอะไร กำลังจะหันไปยกแก้วกาแฟมาละเลียด สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินขึ้นบันไดมา สวนกับครองภพที่เพิ่งลงบันไดไป


รามิลชะงักเล็กน้อย ยิ่งตะลึงหนักเข้าไปอีกเมื่ออึดใจต่อมา เห็นหญิงสาวอีกคนตามขึ้นมาด้วย


“ริน?” เขาออกปาก เจ้าของชื่อหันมาเห็นก็ส่งยิ้มก่อนจะดึงแขนชายหนุ่มคนนั้นตรงมาที่โต๊ะของรามิล


“พอดีร่มประชุมเสร็จเร็ว เห็นพี่มิลบอกว่าจะแวะมาที่ร้าน รินก็เลยรีบพาร่มมาเจอ” รินฤดีเอ่ย


หล่อนเป็นรุ่นน้องและเป็นใบเบิกทางให้เขาคว้าตัวอดีตพระเอกยอดนิยมเมื่อ 6 ปีก่อนกลับเข้ามาในวงการอีกครั้ง และชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างรุ่นน้องของเขาจะเป็นใครไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คนที่จะมารับบทเป็นพี่ชายของครองภพ


...ร่มธรรม…


ครองภพและร่มธรรมสวนกันที่บันได ทว่าต่างคนต่างไม่รับรู้การมีอยู่ของกันและกันเลย


รามิลผู้เห็นเหตุการณ์ ได้แต่หัวเราะเบาๆในลำคอ โชคชะตาคนเรานี่ประหลาดจริงๆ


ถ้าไม่ถึงเวลา ต่อให้ได้เจอ...ก็เหมือนไม่ได้เจอ

.................................
   


   เสียงกรีดร้องดังขึ้นในความมืด ร่างที่ซุกตัวอยู่ที่มุมหนึ่งสั่นเทา สองมือหงิกงอเกร็งแข็ง สองขาถีบพื้นทุรนทุรายราวกับจะขาดอากาศหายใจ


   “ทำไม!!! ทำไม!!!!!”


“ไหนบอกว่าเขาจะไม่กลับไป!!!”


“เอาเขาออกมา!!! เอาเขาออกมา!!!”


เสียงนั้นดังไปตลอดค่อนคืน ไร้คนรับฟัง ไร้คนเห็นใจ ไร้คนปลอบโยน


ทางเดียวทื่ทำได้ก็มีแต่จะต้องลงมือทำเองเท่านั้น!!!


ติดตามตอนต่อไป (วันพฤหัสค่ะ)

สวัสดีค่ะ

หายไปครึ่งปี กลับมาอีกทีก็คืออีกนิดนึงจะพ้นปีแล้วค่ะ ฮ่าฮ่า

สำหรับเรื่องนี้ ถ้าใครกลัวผี ขอบอกว่าไม่น่ากลัวค่ะ ที่น่ากลัวคือตัวละครเยอะอ่ะ ฮ่าฮ่า

   เรื่องนี้น่าจะยาวหน่อย ถ้ายังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ ขอบคุณพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

   สำหรับปีนี้ ขอบคุณทุกการอ่าน ทุกความคิดถึง ทุกกำลังใจ ไม่ว่าจะทางคอมเม้นท์ใบอร์ด ในบล็อก ในเพจ ในทวิต หรือที่ DM Inbox มา ทั้งหมดนั้นบัวได้อ่าน และมันเป็นแหล่งพลังงานของบัวสำหรับปีที่หนักมากๆอย่างปีนี้เลยค่ะ ขอบคุณนะคะ

   ปีหน้า ก็ขอฝากงานเช่นเคย ทั้งเรื่องใหม่ เรื่องเก่า ตอนพิเศษต่างๆ ตัวละครทุกๆตัว คิดถึงเรื่องไหน ตัวละครไหน แวะมาบอกกันได้นะคะ เผื่อบัวคิดถึงเหมือนกัน ฮ่าฮ่า

   สวัสดีปีใหม่ 2563 ล่วงหน้า ขอให้เป็นปีที่ดี สมปรารถนาทุกความตั้งใจ กายใจสุขสบาย เงินทองไหลมาเทมานะคะ แล้วเจอกันปีหน้าค่ะ

ป.ล.เนื่องจากชื่อเรื่องย้าวยาว แท็กในทวิตเอาเป็นอันนี้ละกันนะคะ #เวรกรรมฯ

แก้ไข: เพิ่มผังความสัมพันธ์
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2020 11:55:36 โดย Dezair »

ออฟไลน์ CattyMeawMeaw

  • Just An Ordinary Person in The WORLD
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
โอยยย น่าติดตามมากๆค่ะ มาต่อเร็วๆนะคะ ปล.สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ :)

 :กอด1:

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
ยินดีต้อนรับกลับค่าาาาาาาา
เปิดเรื่องได้น่าสนใจมากๆ พี่รองต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ๆ ถึงไม่อยากให้ร่มกลับไปทำงานวงการ
ส่วนครองภพ กับร่มมีซัมติงอะไรกันชาติที่แล้วหรือเปล่า
แถมเสียงตอนสุดท้ายนั่นอีกกก
ติดตามค่าาาา  :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
น่าติดตามค่ะร่มธรรมไปทำอะไรไว้กับใครนะแล้วเสียงที่ว่าพี่โรจน์รู้ใช่ไหม

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
อู้ววว


ปมอดีต


ข้ามภพข้ามชาติ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ลึกลับซ่อนเงื่อน  o8 o8

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น่าสนมากค่าาาาา ติดตามๆๆ :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ c4jeab

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
แค่ตอนแรกก็น่าติดตามมากเลยค่ะ

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
น่าสนใจมากค่ะ สงสัยจังทำไมรุ่งโรจน์ถึงอยากให้น้องออกจากวงการขนาดนั้น

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
แค่ชื่อเรื่องก็กินขาดแล้ว...รอติดตามจ้า  :pig4:

ออฟไลน์ Sulumu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :mew1: รอติดตามครับ เปิดเรื่องน่าสนใจดี มีปมหลายอย่างชวนให้ติดตาม เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
ชื่อเรื่อง บทนำ ดูน่าสนใจไปหมดเลยจ้า โอย ลุ้นๆๆ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่พี่ชายคนกลางรู้อะไรบางอย่างแน่นอน

ปล1. Happy new year เช่นกันค่ะ
ปล2. อยากอ่านเรื่องน้องข้าวบ้าง เพราะหายคิดถึงขนมจากจอมร้ายบ้างแล้ว อยากรู้ว่าอย่างข้าว ต้องเจอแบบไหน...

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
น่าติดตามมมมมมม :katai3: :katai3:

ออฟไลน์ lolli_candy99

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 57
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
รอติดตามค่ะ

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
น่าติดตามสุดๆไปเลยค่ะ จะอดใจรอตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว

 :pig4:

ออฟไลน์ phrase

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
กลับมาที่เล้าเพราะคุณบัวเลยค่ะ คิดถึงมาก ๆ เลย แค่ตอนแรกก็ทิ้งปมเต็มไปหมด จะรอลุ้นว่าใครเป็นใครในชาติเดิมชาติใหม่นะคะ

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ถ้าพี่ชายเป็นคนได้ยินทำไมถึงเลือกที่จะทำตาม :undecided:
หรือใครมีความสามารถพิเศษ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
เวรกรรมตามทันในภพนี้
By: Dezair
………………………

ตอนที่ 1


   บ้านทรงโคโลเนียล มีหอมุกแปดเหลี่ยมอยู่ฝั่งซ้ายตั้งตระหง่านอยู่ใต้ท้องฟ้าครึ้มขมุกขมัวด้วยเมฆก้อนใหญ่ เมฆฝนลอยเหนือหัวแต่ลมกลับสงบจนใบไม้ใบหญ้าไม่แม้จะไหวเอนสักน้อย 


   “ระวัง...” เสียงแหบแห้งดังขึ้นเบื้องหลัง ทำเอาคนกำลังจับจ้องบ้านหลังใหญ่ที่ทึบทึมต้องหันมอง ทว่าภาพที่เห็นกลับกลายเป็นความดำมืด พอหมุนตัวดูโดยรอบอีกที บ้านหลังนั้นหายไปแล้ว รอบกายเหลือเพียงความมืดมิดมองไม่เห็นแม้แต่มือตนเองด้วยซ้ำ


   “ระวัง...” เสียงแหบนั้นดังใกล้เข้ามาอีก กวาดตามองรอบตัวซ้ำสอง แต่ก็ราวกับถูกขังอยู่ในที่ไร้แสง


   ฝันหรือ


   ร่มธรรมร้องถามตนเองในใจ สมองในภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนจะเริ่มทำงาน เขารู้ว่าเขากำลังหลับ และเขารู้ว่าตอนนี้กำลังฝัน ภาวะเช่นนี้ทรมาน อยากตื่นแต่ไม่ตื่น อยากหลับสนิทแต่ก็ไม่สนิท พยายามขยับตัวแต่กลับรู้สึกเหมือนแขนขาถูกแช่แข็งจนได้แต่อยู่กับที่


   ชายหนุ่มกวาดตามองความมืดมิดในฝัน ได้ยินเสียงแว่วมาอีก


   “บอกให้ระวัง...” เสียงแหบดังขึ้นอีกครั้ง ร่มธรรมหงุดหงิด ขมวดคิ้วมุ่น


   “ระวังอะไร” เขาร้องถาม พลันนั้นใบหน้าของชายฉกรรจ์คนหนึ่งพุ่งออกจากความมืด หน้าตาถมึงทึง ถลึงตาจนปูดโปนเห็นเส้นเลือดแดงก่ำ อ้าปากกว้างตวาดก้อง


   “กูบอกให้ระวัง! ทำไมไม่ระวัง!!”


   ร่มธรรมสะดุ้งโหยง ตาเหลือกด้วยความตกใจ ทว่าวินาทีต่อมา ดวงตาของชายคนนั้นหดลงตามเดิม สีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นนอบน้อม เรือนร่างสันทัดก้าวออกจากความมืดมาทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ายกมือประนมตรงหน้า


   “คุณหลวงต้องระวัง” ชายคนนั้นกล่าวน้ำเสียงแหบแห้ง ดวงตาที่ทอดมองเต็มไปด้วยความห่วงใยชัดแจ้ง


   “ระวังอะไร” ร่มธรรมรู้ว่าตนเองชื่อร่มธรรม อายุเพิ่งจะ 28 และไม่ได้มียศฐาบรรดาศักดิ์ แต่...เขากลับไม่คิดจะแก้ไขคำพูดของชายผู้นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้าของเขาเลย ความอยากรู้ในสิ่งที่อีกฝ่ายบอกให้ระวังต่างหาก น่าสนใจกว่าอะไรทั้งหมด


   “ระวัง...ไอ้แผนขอรับ”


สิ้นประโยคนั้น ร่างที่นั่งคุกเข่าก็จางหายไป


   ........


...


ร่มธรรมสะดุ้งตื่น หัวใจเต้นถี่ เหงื่อไหลซึมราวกับเพิ่งวิ่งระยะไกล


เขากวาดตามองรอบตัว ก็พบว่าตนเองอยู่ในรถที่กำลังเลี้ยวเข้าสู่อาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง ข้างกายคือรินฤดีที่วันนี้ติดตามมาในฐานะผู้จัดการส่วนตัว หล่อนกำลังวุ่นวายอยู่กับการพิมพ์ข้อความโต้ตอบในโทรศัพท์มือถือ พอรถจอดสนิทถึงได้หันมามองน้องชายที่เมื่อครู่เห็นว่าหลับ


“อ้าว ตื่นแล้วเหรอ เหนื่อยล่ะสิ นั่งรถแปบเดียวยังหลับ” ร่มธรรมไม่ทันได้พูดอะไร ผู้เป็นพี่ก็เหลือบเห็นเหงื่อซึมตามไรผม หล่อนยิ้มอย่างเอ็นดู


“ตื่นเต้นรึไง เหงื่อออกเชียว เอ้า! ทิชชู่ เช็ดหน้าเช็ดตาซะหน่อย ลงไปทั้งหน้ายับๆแบบนี้ เดี๋ยวก็แพ้น้องครองพอดี”


“น้องครอง?” ร่มธรรมไม่อยากคิดเรื่องความฝันเมื่อครู่ เลยพยายามดึงความสนใจของตนเองไปยังเรื่องที่รินฤดีพูดแทน


“ครองภพไง เขาจะมาเล่นเป็นน้องของร่ม” รินฤดีพูดแค่นั้นก็เปิดประตูลงจากรถ เป็นฝ่ายน้องชายที่ต้องรีบก้าวตาม


สองพี่น้องกำลังจะก้าวเท้าเข้าอาคาร ก็พอดีกับที่รถยนต์อีกคันแล่นมาจอดต่อหลัง ชายหนุ่มร่างท้วมก้าวเท้าลงจากรถ จากนั้นจึงตามด้วยชายหนุ่มร่างสูงที่คาดผ้าปิดปากปิดจมูก แม้จะเห็นแค่ใบหน้าครึ่งท่อนบน แต่เสียงระทดระทวยก็ดังขึ้นจากหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายร่มธรรม    


   “น้องครอง...” พี่สาวดีเด่นผู้ผันตัวมาเป็นผู้จัดการส่วนตัวเห็นนักแสดงหนุ่มรูปหล่อก็ถึงกับตาเยิ้มตัวบิดแทบจะเป็นเกลียว


   “อู้ยยยยย...หล่อขึ้นทุกครั้งที่เจอหน้า ใส่แมสก์ก็ยังหล่อ หล่อทะลุแมสก์ ทะลุใจ!” รินฤดีออกปาก แต่ดูเหมือนนักแสดงหนุ่มรูปหล่อคนนั้นจะไม่ได้สนใจสายตาของหล่อนสักนิด ลงจากรถได้ก็ก้าวเท้าไวเข้าไปในอาคารทันที เป็นฝ่ายร่มธรรมที่ต้องหันไปบอกผู้เป็นพี่


   “เข้าไปข้างในกันเถอะครับ ทางนั้นจะรอ”


วันนี้เป็นวันฟิตติ้ง ร่มธรรมไม่อยากสาย เขาเดินนำพี่สาว แต่รินฤดียังไม่วายพูดอย่างเคลิบเคลิ้ม


   “แต่หล่อจริงๆนะ เห็นแล้วคันไม้คันมืออยากปั้นหุ่นขี้ผึ้งเลย!”


   ร่มธรรมอยากจะบอกให้พี่สาวใจเย็นๆ แต่พอจะหันไปปรามไม่ให้หล่อนพูดจาเสียงดัง สายตาก็ดันเหลือบไปสบเข้ากับสายตาของชายหนุ่มร่างสูง


   ครองภพ


   ดวงตาเรียวจ้องเขม็ง ขนาดไม่เห็นสีหน้า อีกทั้งยังเป็นแค่อึดใจเดียวที่สบตากัน ยังพอจะคาดเดาได้เลยว่าใต้ผ้าปิดปากปิดจมูกนั้น ริมฝีปากไม่ยิ้มและน่าจะโค้งลงด้วยซ้ำ


พระเอกหนุ่มชื่อดังหมุนตัวเดินตามทีมงานหายไปทางหนึ่งแล้ว ทิ้งเอาไว้เพียงความรู้สึกเย็นเฉียบจนสันหลังหนาววาบ


   “ผมว่าพ่อหุ่นขี้ผึ้งของพี่รินได้ยินซะแล้วล่ะ” ร่มธรรมเปรยเสียงเบา รินฤดีถึงกับหน้าแหย มองตามหลังนักแสดงหนุ่มรูปหล่อที่หล่อจนหล่อนอยากปั้นหุ่นขี้ผึ้ง แล้วหันมามองน้องชายคนเล็กที่ยืนอยู่ข้างกาย


   “เขาคงไม่ติดใจอะไรมั้งเนอะ ใครๆก็บอกว่าเขาหล่อนี่นา” แล้วหล่อนก็หัวเราะแห้งๆ ทีมงานคนหนึ่งเข้ามาทักทายพอดีเป็นจังหวะให้รินฤดีทิ้งความปากไวของหล่อนเอาไว้เบื้องหลัง ทว่ากลับเป็นร่มธรรมเสียเองที่ไม่อาจปล่อยวางสายตาจ้องเขม็งของอีกฝ่ายลงได้เลย


   .........................


   การฟิตติ้งเริ่มขึ้นทันทีที่ทีมงานทุกฝ่ายพร้อม ร่มธรรมถูกจัดให้นั่งแต่งหน้าทำผมข้างชายหนุ่มรูปหล่อที่ไม่มีรอยยิ้มสักนิดให้เขา มีเพียงแค่การปรายสายตามามองแล้วค้อมศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงทำความรู้จัก แต่ถึงอย่างนั้น ร่มธรรมก็ทำการบ้านมาอย่างดี


เขารู้มาว่าครองภพรับบทเป็น ‘ภูมิ’ น้องชายวัยรุ่นที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างเข้มงวด เก็บสะสมปัญหาและเรื่องราวจนกลายเป็นแรงขับให้เข้าสู่เส้นทางของยาเสพติด ในขณะที่เขารับบทเป็น ‘ภาค’ พี่ชายผู้เจ้าระเบียบและแข็งกระด้างซึ่งนับเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันน้องชายเข้าสู่เส้นทางนรก


แม้จะออกจากวงการไปถึง 6 ปี แต่ร่มธรรมก็พอจะรู้ว่าเวลานี้ครองภพดังขนาดไหน หากรับงานโดยคัดเฉพาะบทพระเอกที่เรียกกระแสและความหลงใหลคลั่งไคล้ รับรองว่าจะต้องขึ้นแท่นพระเอกค้างฟ้า สามีแห่งชาติ หรืออะไรก็ตามแต่ที่จะทำให้มูลค่าของเขาสูงขึ้น ทว่า...เขากลับมารับบท ‘ติดยา’


ร่มธรรมอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจจนต้องเหลือบมองนักแสดงหนุ่มชื่อดังที่นั่งอยู่ข้างกาย


   ครองภพเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา เสี้ยวหน้าด้านข้างตั้งแต่หน้าผาก จมูก ลงมาที่ริมฝีปากและคาง ไม่มีส่วนใดที่ขัดสายตาเลยสักนิด ยิ่งลากเส้นจากคอลงมายังลาดไหล่ก็ยิ่งรู้สึกถึงความสมบูรณ์แบบ ขนาดไม่ได้ยืนให้เห็นสัดส่วนของร่างกายทั้งหมด ร่มธรรมยังนึกชื่นชมไปถึงบุพการีของนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องว่าช่างปั้นช่างแต่งราวกับลูกชายเป็นเส้นที่สมบูรณ์แบบจากปลายพู่กันของนักวาดมือฉมังอย่างไรอย่างนั้น


   ...ถ้ารับบทพระเอกละครโรแมนติกดราม่าก็เหมาะ หรือจะรับบทพระเอกละครบู๊ก็น่าจะดี...


   “มองอะไร” คนจ้องเพลินถูกขัดด้วยน้ำเสียงทุ้มที่แสนเย็นชา ทำเอาสะดุ้งจนช่างแต่งหน้ายังสะดุ้งไปด้วย


   “ข...ขอโทษครับ” ทีมงานแถวนั้นพากันหัวเราะเบาๆอย่างเอ็นดู


   สองนักแสดงนำแต่งหน้าแต่งตัวเรียบร้อยแล้วถึงได้ถูกเรียกออกไปถ่ายรูป พวกเขาถูกจับถ่ายรูปเดี่ยว ถ่ายคู่ ถ่ายรวมกับนักแสดงอาวุโสผู้มารับบทเป็นบิดามารดา ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า เปลี่ยนมุม เปลี่ยนท่า อยู่ค่อนวัน ตลอดกระบวนการ รามิลซึ่งเป็นผู้จัดยืนกอดอกดูคนทั้งคู่อย่างเงียบๆ


จนกระทั่งเสร็จสิ้น


   ร่มธรรมเห็นว่างานลุล่วงไปด้วยดี พอจะมีเวลาเล็กน้อยเลยคิดจะทำความรู้จักคุ้นเคยกับคนที่ต้องมารับบทเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกัน ทว่าพอหันไปสานสัมพันธ์ ก็พบว่าร่างสูงๆของรุ่นน้องก้าวเท้าไวๆออกไปพร้อมผู้จัดการส่วนตัวแล้ว


   “ไอ้ครองต้องไปสนามบินต่อน่ะ” รามิลหันมาเห็นสายตาของอดีตพระเอกเมื่อ 6 ปีก่อน เลยเปรยขึ้นมาเพื่อไม่ให้นักแสดงหนุ่มรู้สึกไม่ดีต่อคนที่รีบชิ่งออกไป


   แต่ร่มธรรมอย่างไรก็เป็นร่มธรรม เขายิ้มสุภาพ


   “เหนื่อยแย่เลยนะครับ ทำงานหนักขนาดนี้” ผู้จัดเลิ่กคิ้วเล็กน้อย เขาอยู่ในวงการบันเทิงมานานนม ใครมีมารยาท ใครเถรตรงเขาดูออก ใครเลียแข้งใคร ใครจริงใจ เขาดูออก ใครใส่หน้ากาก ใครมีมารยา ใครมีวุฒิภาวะ เขาก็ดูออก ร่มธรรมอายุเกือบจะ 30 แล้ว หลังจากพูดคุยกัน 2-3 ครั้ง รามิลก็จัดให้อีกฝ่ายเป็นชายหนุ่มที่มีมารยาทดี เป็นสุภาพบุรุษ และวันนี้...เขาให้อีกคำหนึ่งเพิ่มเข้าไป


...จริงใจ...


เป็นคนจริงใจโดยเนื้อแท้


“หนุ่มๆวัยรุ่นก็แบบนี้แหละ ร่มก็อย่าแพ้มันล่ะ” ร่มธรรมยิ้ม พยักหน้าอย่างมุ่งมั่น ดวงตาเป็นประกาย เห็นความตั้งอกตั้งใจนั้นแล้ว รามิลก็พลอยสบายใจอย่างประหลาด


สบายใจ...เพราะรู้สึกว่าตนเองได้คนหนุ่มที่มีทั้งความสามารถและความมุ่งมั่นมาร่วมงาน


สบายใจ...เพราะเขาเคยปั้นครองภพจนดังพลุแตกมาแล้ว หากคราวนี้ส่งร่มธรรมกลับเข้าวงการได้ แน่นอนว่าจะมีคนหนุ่มอนาคตไกลที่พร้อมจะร่วมงานกับเขาเพิ่มขึ้น


ที่สำคัญ...สบายใจเพราะคนหนุ่มสองคนที่ว่า...ดูเหมาะสมกันทุกประการ


พอรู้ตัวว่าคิดเช่นนั้น รามิลก็เลิกคิ้วกับตนเอง พลางชื่นชมในใจ


...ตาดีจริงๆ รามิล...

....................................
   

ความโด่งดังของอาชีพนักแสดงแลกมาด้วยการต้องใช้จ่ายเวลาอย่างคุ้มค่า ยิ่งอายุยังน้อย ก็ยิ่งมีโอกาสที่งานหลากหลายจะเข้ามาในมือ หากไม่เหนือบ่ากว่าแรงและน่าสนใจ ครองภพแทบไม่ปฏิเสธ


วันนี้ ทันทีฟิตติ้งเรียบร้อย เขาก็รีบตรงดิ่งไปขึ้นรถส่วนตัวมุ่งหน้าสู่สนามบินทันที แต่คราวนี้ออกจะแปลกกว่าทุกครั้งอยู่บ้าง ตรงที่ครองภพพกคำถามขึ้นรถด้วย 


   “พี่ณุ...คนที่เล่นเป็นพี่ผมน่ะ ชื่ออะไร”


เขาไม่เพียงตั้งคำถาม แต่ยังหันมองวิษณุผู้จัดการส่วนตัวที่นั่งอยู่ข้างๆ เพื่อรอคำตอบ


   ผู้จัดการหนุ่มร่างท้วมกะพริบตาปริบๆ


   “หมายถึงคุณร่มน่ะหรือ”


   “ร่ม?”


   “อื้อ ร่มธรรม”


   “ชื่อแปลกดี”


คนฟังยิ้ม หน้าตาดูกระตือรือร้นที่จะได้พูดถึง “ตอนคุยกัน เขาก็แนะนำตัว”


   “ไม่ได้ยิน” คราวนี้ผู้จัดการส่วนตัวเลิกคิ้วเล็กน้อย ถึงครองภพจะโลกส่วนตัวสูง แต่เวลางานก็คือเวลางาน ต่อให้จะต้องร่วมงานกับคนที่นิสัยไม่ถูกจริต แต่ความมุ่งมั่นจริงจังของเขาก็ไม่ต่างจากเกราะแข็งแกร่งที่พาตัวตนและความสามารถให้เปล่งประกาย


   แต่...คราวนี้กลับบอกว่าไม่ได้ยินชื่อคนที่จะร่วมงานด้วย?


   หากจะกล่าวว่าร่มธรรมไม่ถูกจริตของครองภพก็ไม่น่าใช่ เพราะแม้จะเพิ่งร่วมงานด้วยกันครั้งแรกและพบหน้ากันวันแรก แต่ฝ่ายนั้นก็แสดงออกว่าเป็นผู้ใหญ่ ใจเย็นและตั้งใจทำงาน ในฐานะผู้จัดการส่วนตัวที่ดูแลงานของครองภพมาตั้งแต่เข้าวงการ เขามองว่าคนอย่างร่มธรรมจะร่วมงานกับครองภพไปได้ตลอดรอดฝั่งด้วยซ้ำ


   “ครองไม่ชอบคุณร่มหรือ”


   “เปล่า”


ครองภพเองก็บอกไม่ถูก เขาไม่ได้ไม่ชอบ เพียงแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า ความรู้สึกบางอย่างกลับไหลทะลักเข้ามาในร่างกายอย่างรวดเร็ว ตอนแรกเขาคิดว่าเพราะอากาศร้อน แต่เมื่อเข้าไปในอาคารที่อุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศทำให้อยู่สบาย พอจับจ้องอีกฝ่ายอีกครั้งและอีกหลายครั้ง หัวใจก็ยิ่งบีบรัดหนักหน่วง


   มันเต็มไปด้วยอารมณ์มากมาย ทั้งเจ็บปวด โหยหา รอคอย โกรธแค้น เหมือนถูกดึงดูดแต่ก็อยากผลักไสไปพร้อมๆกัน


   อาการนิ่งเงียบของครองภพไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ แต่การที่คนตรงเผงอย่างเขาบอกว่าเปล่าก็คือเปล่า วิษณุเลยพอจะเบาใจว่าอย่างน้อยซีรีส์เรื่องนี้จะผ่านพ้นไปด้วยดี


   “คุณร่มเคยเป็นดารา แต่ออกจากวงการไปนานแล้ว...ครองน่าจะเข้ามาไม่ทันช่วงคุณร่มกำลังดังมั้ง”


ครองภพเลิกคิ้ว ปากไวตั้งคำถาม


   “ทำไมออก”


   “เห็นว่าพ่อเสีย เลยออกไปทำธุรกิจแทนพ่อ แต่ก็มีข่าวลือว่าทำผู้หญิงท้องเลยต้องออกไปแต่งงาน บางคนก็ลือว่าออกไปเรียนต่อ แต่นี่ก็ 6-7 ปีแล้ว ไม่เห็นจะแต่งงาน ไม่เห็นจะเรียนต่อด้วย สงสัยคงออกไปทำธุรกิจที่บ้านจริงๆ”


   “ธุรกิจอะไร”


   “เกี่ยวกับกาแฟนี่ล่ะ ก็ร้านที่เราเคยไปคุยกับคุณรามิลคราวก่อน ที่อยู่ใกล้ๆคอนโดของครองน่ะ เวลามีงานเช้า พี่ซื้อกาแฟร้านนั้นให้ครองทุกที ครองยังบอกว่ากินได้” 


สำหรับครองภพผู้เถรตรงแต่ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมกับสิ่งรอบข้าง การที่จำกัดความรสชาติกาแฟว่า ‘กินได้’ ถือว่าดีมากแล้ว เพราะถ้า ‘กินไม่ได้’ เขาจะคายแล้วเททิ้งทั้งแก้วในวินาทีต่อมา และหลังจากนั้น กาแฟร้านนั้นๆจะถูกขึ้นบัญชีดำ ‘อาหารกินไม่ได้ของครองภพ’


นักแสดงหนุ่มไม่หือไม่อือ เอนกายพิงพนักอีกครั้ง คราวนี้เขาหันออกไปมองนอกหน้าต่างรถ


   “ครองอยากรู้เรื่องคุณร่มธรรมหรือ”


ทว่าคำตอบคือความเงียบ ครองภพไม่ใช่คนโกหก หากเขาไม่อยากรู้ เขาย่อมตอบว่าเปล่า แต่ถ้าเขาเงียบ แสดงว่าเขาไม่รู้สึกอะไร หรือไม่...เขาก็อยากรู้


   ...อยากรู้เรื่องของร่มธรรม...


   วิษณุยิ้มจาง


   “พี่จะหาข้อมูลเขามาให้แล้วกัน”


   ไม่มีคำตอบอะไรอีก ครองภพขยับตัวนั่งสบายแล้วหลับตาลง แม้สนามบินจะอยู่อีกไม่ไกล แต่ความรู้สึกนึกคิดของเขากลับเริ่มล่องลอยไปถึงใครบางคนที่เพิ่งพบหน้ากันวันแรก


   ร่มธรรม


……………………


   การกลับเข้าสู่วงการบันเทิงของชายหนุ่มวัย 28 ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้โชคดีที่ได้รับโอกาส แต่เขาก็รู้ตัวดีว่าโอกาสเช่นนี้เมื่อมีครั้งนี้แล้วอาจจะไม่มีมาอีกเลย ดังนั้นจึงต้องทำอย่างตั้งใจ ชายหนุ่มเข้าคอร์สเรียนการแสดงอย่างเข้มข้น ศึกษาการแสดงของคนอื่นอย่างเข้มงวด ไหนจะต้องดูแลงานบริษัทและร้านกาแฟ แม้จะยังหนุ่มแน่น แต่ก็ชวนให้ล้าได้ไม่ยาก


   “พี่ร่ม...พี่ร่ม” เสียงเรียกทำให้ร่มธรรมรู้สึกตัว เขาสะดุ้งหันมองแล้วก็ถึงได้เห็นหญิงสาวยืนอยู่ข้างโต๊ะ ร่มธรรมกวาดตามองรอบตัวก่อนจะหมุนคอตนเองไปมาไล่ความเมื่อยล้า นับตั้งแต่ทรุดตัวลงนั่งพร้อมกาแฟร้อนหนึ่งแก้ว เขาก็ไม่แม้แต่จะยกกาแฟขึ้นจิบสักคำ จิตใจลอยละล่อง จนน้ำสีดำเย็นชืด


   “พี่ร่มไม่สบายรึเปล่าคะ” เบญญาเป็นหญิงสาววัยยี่สิบต้นๆ นอกจากจะเป็นลูกค้าประจำของร้านแล้ว หล่อนยังติดตามร่มธรรมมาตั้งแต่เขายังอยู่ในวงการเมื่อ 6 ปีก่อน แม้ตอนหลังเขาออกจากวงการ หล่อนก็ยังตามมาเป็นลูกค้าในร้านกาแฟของเขา กลายเป็นความสนิทสนมชิดเชื้อไม่ใช่ในฐานะดาราหนุ่มกับแฟนคลับ แต่เป็นพี่น้องที่รู้จักมักจี่


    “เปล่าครับ ผมเหนื่อยๆน่ะ แล้วนี่...คุณเบญทานอะไรรึยัง ผมสั่งให้ไหม” แม้อีกฝ่ายจะเรียกเขาว่าพี่ทุกคำ แต่ร่มธรรมเป็นคนสุภาพและรู้จักการวางตัว กับหญิงสาวตรงหน้า ต่อให้รู้จักกันมานาน อย่างไรก็เรียกคุณนำหน้า


“สั่งลาเต้ไปแล้วค่ะ แต่เห็นพี่ร่มนั่งเหม่อ ก็เลยเข้ามาดู”


“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ” เจ้าของร้านยิ้มจางให้อีกฝ่ายสบายใจ


   “จริงด้วย เบญได้ยินมาว่าพี่ร่มกลับมารับงานละครแล้ว...”


ร่มธรรมหัวเราะเบาๆ “คุณเบญได้ยินจากไหนครับ อย่าบอกนะว่าวงใน”


   “แน่สิคะ คุณพ่อของเบญก็อยู่ในวงการ เรื่องในวงการเรื่องไหนบ้างที่เบญไม่รู้” หญิงสาวโอ่อย่างน่ารักด้วยสีหน้าซุกซนก่อนจะเอ่ยต่อ “...ได้ยินว่า...คนที่จะมาเล่นละครกับพี่ร่มน่ะ...”


   ทว่าหล่อนไม่ทันจะพูดจบ เสียงกระดิ่งกรุ๊งกริ๊งก็ดังมาจากหน้าประตู ร่มธรรมในฐานะเจ้าของร้านให้อย่างไรก็ต้องเบนสายตาไปมอง แล้วก็ได้แต่นิ่งงัน


ลูกค้าคนใหม่ของร้านที่สวมหมวกแก็ปและแว่นตาสีดำสนิทก้าวเท้าตรงไปยังเคาท์เตอร์สั่งเครื่องดื่ม ลูกจ้างสาวประจำหน้าที่แคชเชียร์ยังคงทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ถึงอย่างนั้นก็เห็นประกายระยิบในดวงตาของหล่อนมากกว่าเคย ก็จะไม่ให้ระยิบได้อย่างไร ในเมื่อลูกค้าในยามบ่ายวันนี้คือนักแสดงหนุ่มรูปหล่อที่ชื่อครองภพ


   “นั่นครองภพ...คนที่จะเล่นซีรี่ส์กับพี่ร่มนี่คะ” เบญญารีบหันไปกระซิบคนที่ยังนั่งนิ่งตาค้าง ร่มธรรมรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้ง หันมองหญิงสาวอย่างตื่นๆ


   “ใช่...อ่า...”


   “พี่ร่มไปทักไหม”


   ...ควรทักไหม...


   คำถามนี้ดังขึ้นในใจ ครองภพเป็นคนรักสันโดษ แม้จะเป็นดาราดัง เดินอยู่ใจกลางเมืองสวมแค่หมวกแก็ปกับแว่นตากันแดด ร้อยทั้งร้อยของทุกคนที่เดินผ่านล้วนต้องจำเขาได้ แต่จะมีสักกี่คนที่กล้าทัก


   แต่...เรากำลังจะร่วมงานกัน ไม่ใช่การร่วมงานผิวเผินอย่างพระเอกกับตัวประกอบเอ็กตร้า แต่เป็นพระเอกกับพี่พระเอก


   ร่างสูงสง่าของนักแสดงหนุ่มชื่อดังรับเครื่องดื่มเย็นแล้วก็หมุนตัวออกจากร้าน ร่มธรรมไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่เห็นเขา แต่คนอย่างครองภพไม่คิดจะทักเขาสักนิดด้วยซ้ำ


   หากเป็นคนอื่น คงรู้สึกเหมือนถูกฉีกหน้า และกลายเป็นหมายหัวให้กับความหยิ่งทะนง แต่สำหรับร่มธรรมที่ใจดี อ่อนน้อมและเอาใจใส่คนรอบข้าง ย่อมไม่ถือเรื่องพวกนี้มาใส่ใจ หนำซ้ำยังลุกจากโต๊ะรีบก้าวเท้าไปสั่งให้พนักงานหยิบเบเกอร์รี่ในตู้กระจกมาใส่ถุง แล้ววิ่งตามออกไป


   “รอก่อน” เสียงเรียกนั้นไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายหยุด ร่มธรรมตัดสินใจเรียกชื่อแทน


   “น้องครอง!”


คราวนี้ได้ผล ครองภพที่กำลังจะขึ้นรถที่จอดรออยู่หน้าร้านถึงกับชะงัก เจ้าของร้านจึงก้าวไปถึงตัวได้ทันเวลา


   นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องหันกลับมามอง ใบหน้ายังคงเรียบเฉย แว่นกันแดดบดบังสายตาทำให้ไม่อาจเห็นว่าเขารู้สึกเช่นไร


   “เอาไปทานในรถ เผื่อหิว”


ทว่าอีกฝ่ายยืนนิ่ง


   “เอาไปเถอะ จะได้กินระหว่างทาง” ร่มธรรมต้องย้ำอีกครั้งแล้วยัดถุงใส่มือ


   “เท่าไร”


   “ไม่เอาเงิน นี่ร้านพี่เอง ถ้าอร่อยไว้ค่อยแวะมาอีก”


   ครองภพพยักหน้า ยอมรับถุงกระดาษแล้วหมุนตัวขึ้นรถ ทว่าก่อนจะปิดประตู เขาหันกลับไปมองเจ้าของร้านที่ยืนส่ง


   “ขอบคุณ”


   ร่มธรรมชะงัก ไม่ใช่คาดไม่ถึงที่ได้ยินคำพูดนี้ แต่เป็นเพราะคาดไม่ถึงว่าตนเองจะรับรู้ถึงความรู้สึกบางอย่างที่แผ่ออกมาจากตัวของอีกฝ่าย


   ...ผ่อนคลาย...


   ประตูรถแวนเลื่อนปิด กระจกที่ติดฟิล์มทึบทำให้เขามองไม่เห็นคนข้างในอีก รถหรูเคลื่อนตัวกลับสู่ท้องถนนและหายไปกับการจราจรอีกครั้ง แต่ถึงอย่างนั้นร่มธรรมก็ยังยืนอยู่กับที่ ไตร่ตรองความรู้สึกที่ตนเองสัมผัสได้เมื่อครู่นี้


   บรรยากาศเย็นชาและท่าทีไม่น่าเข้าใกล้ของครองภพ แท้จริงอาจเป็นเพียงกำแพงขวางความยุ่งยากวุ่นวายที่จะเข้ามาในชีวิต ครองภพอายุยังน้อย แม้จะรักสันโดษ แต่มนุษย์ล้วนเป็นสัตว์สังคม มีหรือจะไม่อยากคบหากับใคร


   เอาล่ะ! ช่วงเวลาที่ถ่ายละครด้วยกัน เขาจะก้าวข้ามกำแพงของครองภพไปเป็นเพื่อนให้ได้เอง!


   ร่มธรรมตัดสินใจอย่างมุ่งมั่น ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับเข้าร้าน ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ดวงตาแดงก่ำคู่หนึ่งจับจ้องตามหลังรถแวนคันนั้นด้วยความอาฆาต


 
……………………………..


   เพราะเวลาอันจำกัดและตารางงานแน่นเอี้ยด ครองภพจึงไม่ได้เข้าร่วมแม้กระทั่งวันอ่านบท นักแสดงนำทั้งสองคนไม่ได้พบกันอีก จนกระทั่งวันเปิดกล้อง


   ตอนแรก ร่มธรรมคิดว่าน้ำใจที่เขาเคยหยิบยื่นให้ น่าจะพอทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นไปด้วยดีและทำให้การทำงานราบรื่นขึ้นบ้าง ทว่าเขาคิดผิด


   ตอนที่พบหน้ากันวันแรกในกองถ่าย ร่มธรรมส่งยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร แต่อีกฝ่ายมองเมินแล้วหมุนตัวเดินเข้าห้องแต่งตัว ตอนนั้นยังพอมองโลกในแง่ดีว่าครองภพคงไม่เห็น แต่พอต้องนั่งแต่งหน้าทำผมใกล้กัน เขาก็พบว่าฉายา ‘หล่อพิกุลจะร่วง’ ไม่ได้ได้มาด้วยโชคช่วย


   “เมื่อวานพี่เปิดเจอรายการที่ครองไปออกด้วย” ร่มธรรมเกริ่นหาเรื่องคุย ปฏิกริยาที่ได้รับกลับมาจากคนที่นั่งแต่งหน้าทำผมอยู่ข้างๆคือการเหลือบสายตามามองเล็กน้อย...แล้วเงียบ


ไม่รู้คิดไปเองหรือไม่ แต่คนอายุมากกว่ารู้สึกเหมือนอีกฝ่ายกางเกราะป้องกันที่มองไม่เห็นออกมาขวางอีกต่างหาก


   “รายการสนุกดีนะ” แต่ร่มธรรมก็ยังพยายามสร้างความคุ้นเคยด้วยการชวนคุย ทว่าแม้จะอยากสนิทสนมมากขึ้นเพื่อให้การทำงานเป็นไปด้วยดี แต่ตัวเขาเองก็ไม่ใช่คนมนุษยสัมพันธ์ดีเลิศ ดังนั้น พอชวนคุยแล้วถูกเงียบใส่ก็พาเอาไปต่อไม่เป็น ตอนที่ถอดใจได้แต่เกาคางตนเองอย่างเขินๆ จู่ๆคนที่นั่งเงียบอยู่ข้างกายก็ดันพูดขึ้นมา


   “ท่องบทมารึยัง”


   “อ่า...หมายถึงที่จะถ่ายวันนี้หรือ”


   “อือ”


   “ท่องแล้ว ถ่ายวันแรกพี่ก็ต้องตวาดครองเลย...” กำลังตัดสินใจว่าควรจะพูดขอโทษไว้ก่อนดีไหม หากเป็นคนอื่น ร่มธรรมคงไม่คิดว่าฉากอาละวาดใส่กันที่ต้องใช้อารมณ์ น้ำเสียง และหน้าตาถมึงทึง จะเป็นเรื่องให้ต้องมานั่งคิดกังวลหาคำขอโทษ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นครองภพผู้ซึ่งเขาเองก็อ่านความรู้สึกนึกคิดไม่ออก เลยไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรหรือไม่พูดอะไร ทว่า...ไม่ทันพูดอะไรมากไปกว่านั้น คนที่ต้องเข้าฉากแล้วถูกเขาตวาดในวันนี้ก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ


   “ถ้าคุณทำให้เทคบ่อย คุณต้องรับผิดชอบ”


   “หะ?”


   “ตั้งใจทำงานแล้วกัน”


   ร่มธรรมอ้าปากค้าง เข้าฉากวันแรกก็โดนนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องข่มเหงด้วยสายตาและวาจา


   สงสัยบทพี่ชายผู้เคร่งครัดกับน้องชายผู้เลือกทางผิด จะกลายเป็นพี่ชายอาภัพกับน้องชายจอมข่มจริงๆเสียแล้ว


……………………..

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2020 20:56:00 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
   

บทของร่มธรรมและครองภพเต็มไปด้วยการใช้อารมณ์และความรู้สึก ฉากแรกที่ถ่ายกับครองภพเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่อง เมื่อผู้เป็นพี่พบผงยาที่ไม่มีที่มาที่ไปในห้องส่วนตัวของน้องชาย และมันนำไปสู่การจุดระเบิดครั้งใหญ่ในครอบครัว


   “มึงเล่นยาเหรอ ไอ้ภูมิ!”


   “ผ...ผมเปล่า โอ๊ย!” น้องชายถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับตู้ดังปัง ก่อนที่ร่างจะไหลกรูดลงกับพื้น สีหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด


   “มึงยังโกหกกูอีกเหรอ! ไอ้ผงเหี้ยนี่อะไร! มันอยู่ในห้องมึง!”


“ข...ของเพื่อน...”


“เพื่อนสารเลวตัวไหน! มึงบอกกูมา!! มึงเอายามาจากเพื่อนตัวไหน!!” ทั้งๆที่ตะโกนถาม แต่คนเป็นพี่กลับไม่รอคำตอบสักนิด เหวี่ยงขากระแทกอั่กเข้าที่กลางลำตัว ร่างที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนพื้นงอกายหลบเลี่ยงทว่าไม่อาจพ้น


“โอ๊ย! พี่! อย่า!...”


“มึงบอกกู! เพื่อนตัวไหนพามึงเล่นยา! บอกกู! บอกกู!!” เลือดขึ้นหน้า ไม่สนใจแม้แต่เสียงร้องขอจากน้องชาย ท่อนขาของคนเป็นพี่เตะอัดเข้าชายโครง หน้าตาถมึงทึงดวงตาวาวโรจน์บอกให้รู้ถึงอารมณ์ที่โหมกระพือราวกับจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตาย


“ม...ไม่ใช่ของผม...โอ๊ย! พี่ภาค...ผมไม่ได้เล่นยา...” ร่างของคนน้องพลิกตัวหลบท่อนขาพัลวันพลางร้องห้าม ทว่าไม่อาจหยุดอะไรได้เลย


“เพื่อนมึงเล่น มึงจะไม่เล่นได้ยังไง! มึงคิดว่ากูโง่เหรอ! ไอ้เหี้ย! ไอ้น้องสารเลว!! สอบตก!! ติด F!! ยังเสือกเล่นยาคบแต่เพื่อนชั่วๆ! มึงคิดบ้างมั้ยว่าทั้งกู ทั้งพ่อทั้งแม่จะมองหน้าคนอื่นๆยังไงที่มีคนแบบมึงอยู่ในบ้าน!!”


แรงกระแทกยังไม่สู้คำพูดเฉือดเชือนหัวใจ ร่างที่พลิกหนีกลายเป็นนิ่งขึง ท่อนขากระแทกปั่กเข้าที่ชายโครง เจ็บร้าว...แต่ไม่เท่าที่ใจ


เขาเงยหน้ามอง ดวงตาว่างเปล่าคล้ายทำนบของความเจ็บปวดพังทลายจนไม่เหลือแม้แต่ความรู้สึกใด


“ถ้าผมมันเลวขนาดนั้น ก็ตัดพี่ตัดน้องกันไปเลย”


“นี่มึงท้ากูเหรอไอ้ภูมิ!”


“ผมไม่ได้ท้า ในเมื่อผมมันเลว ก็ไม่ควรจะเป็นน้องของพี่ ไม่ควรเป็นลูกของพ่อแม่” สุ้มเสียงต่ำ ใบหน้าเรียบเฉย ไม่มีแม้แต่จะตะคอกกลับไป นี่คือความสงบ...ก่อนพายุจะมา


“ปีกกล้าขาแข็งเหรอมึง!!”


“ก็ในเมื่อผมอยู่ที่นี่ ทำให้พี่เสียหน้า ทำพ่อแม่อับอาย ผมก็จะไป!!!” ทว่าเมื่อน้องชายกลายเป็นพายุ พี่ชายกลับโหมกระพือเป็นพายุลูกใหญ่กว่า


“ไปใช้ชีวิตเหี้ยๆของมึงให้มันเหี้ยลงกว่าเดิมน่ะสิ!! อย่าหวังเลยว่ากูจะปล่อยให้มึงได้กลับไปเจอเพื่อนสารเลวของมึงแล้วพากันล่มจมอีก!! ไอ้บัดซบ!! ไอ้น้องจัญไร!!”


อารมณ์ร้ายกาจบดบังความเมตตาอาทร ไร้ความเห็นอกเห็นใจ ถ้อยคำมีแต่ด่าทอ มือฉุดเอาร่างปวกเปียกของคนเป็นน้องขึ้นมาแล้วกระแทกหมัดเข้าที่ใบหน้าดังผลั่วะ ร่างโซซัดโซเซไปกระแทกกับตู้ด้านหลังแล้วร่วงกรูดลงกับพื้นอีกครั้งราวกับตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต


   ไร้เยื่อใยของความเป็นพี่น้อง ความโกรธเคืองทำให้ไร้ความปรานี คอเสื้อถูกกระชากให้ร่างผุดลุกขึ้นยืน ก่อนจะถูกหมัดอัดซ้ำอีกครั้งและอีกครั้ง พร้อมกับเสียงด่าดังก้องราวกับน้องไม่ใช่น้อง ราวกับร่างในเงื้อมมือไม่ใช่คน


   ครองภพมองภาพที่ปรากฏบนจอมอนิเตอร์ อดเลิกคิ้วกับตนเองไม่ได้เมื่อพบว่าคนที่ดูสุภาพอ่อนโยนอย่างร่มธรรมกลับแสดงเป็นพี่ชายเจ้าระเบียบและโหดร้ายได้ดีขนาดนี้


   “เอ่อ...ผมขอเล่นใหม่อีกเทคได้มั้ยครับ” แต่เสียงของคนที่เขาชื่นชมในใจกลับดังขึ้น


   “คือ...ตอนที่น้องบอกว่าจะให้ตัดพี่ตัดน้อง ผมน่าจะต้องแสดงออกว่าตกใจมากกว่านี้อีกหน่อย...” พอเสนอกับผู้กำกับไปแล้ว คราวนี้ดวงตาของชายหนุ่มรุ่นพี่ก็เหลือบมามองคนที่ต้องเข้าฉากกับเขาอย่างเกรงใจ


   “เอ่อ...น้องครองเล่นอีกรอบได้มั้ย”


   นักแสดงหนุ่มรุ่นน้องมองคนขอด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืนเดินกลับเข้าไปในฉากอีกครั้ง เป็นฝ่ายร่มธรรมที่ต้องรีบลุกขึ้นวิ่งตามไปอย่างกระตือรือร้น


   วงการบันเทิงก็คือวงการมายา


   ตัวตนอย่างหนึ่ง รับบทอีกอย่างหนึ่ง


   ดูร่มธรรมผู้รับบทพี่ชายเจ้าระเบียบและโหดร้ายอย่าง ‘ภาค’ กับครองภพผู้รับบทน้องชายผู้เป็นเหยื่อของชะตาชีวิตอย่าง ‘ภูมิ’ เป็นตัวอย่าง


   แตกต่างราวฟ้ากับเหวจริงๆ


………………………..


   ‘ถ้าคุณทำให้เทคบ่อย คุณต้องรับผิดชอบ’


   ทั้งที่คนพูดก็ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องรับผิดชอบอย่างไร แต่ร่มธรรมกลับยึดคำพูดประโยคนั้นเป็นสรณะ เมื่อไรก็ตามที่เข้าฉากกับครองภพ ต้องพยายามให้ ‘เทคเดียวผ่าน’ หรือในระดับมาตรฐานคือ เทค 2 ต้องผ่าน ทั้งๆที่ครองภพก็ไม่ได้มีทีท่าจะตวาดเฆี่ยนตีหากจะมีเทค 3 หรือ 4 แต่อย่างใด


แต่...ไม่ต้องเฆี่ยนตี แค่ปรายสายตามอง ร่มธรรมก็รู้สึกยะเยือกแล้ว


   อายุแค่ 22 แต่จะรีบดุไปไหน


   นักแสดงหนุ่มรุ่นพี่ได้แต่คิดไม่กล้าถาม มุ่งมั่นก้มหน้าก้มตาท่องบท ทำความเข้าใจบท แล้วอย่าเทคบ่อยเป็นพอ


ทว่า...ชีวิตคนทำงานที่นอนน้อย คิดเยอะ จู่ๆก็มีงานเพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกอย่าง ต่อให้จัดสรรเวลาได้ดีแค่ไหนก็ยังเบียดบังเวลาพักผ่อน อีกทั้งไม่ใช่หนุ่มน้อยวัยรุ่นที่พลังงานเหลือเฟืออีกแล้ว ต่อให้จิตใจจะแข็งแกร่ง แต่ร่างกายที่ไม่ไหวก็เริ่มส่งเสียงประท้วง


   “ไอ้ร่ม!” เสียงตะโกนของผู้กำกับทำเอาร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่นี้เขายืนนิ่งอยู่กลางฉากที่ประกอบไปด้วยชายหญิงสูงวัยและครองภพ


บทของ ‘ภาค’ ที่ต้องพูดแทรกยุแยงให้บิดาลงโทษน้องชายที่สอบตก กลับกลายเป็นบทเงียบ


   ใช่...ร่มธรรมลืมบท


   ลืมว่าต้องพูด


   “อ่า...ขอโทษครับ” ชายหนุ่มวัย 28 รีบออกปากหน้าตาตื่น ยกมือไหว้ประหลกๆ ทว่าชายหญิงผู้รับบทบิดามารดาจอมเข้มงวด นอกบทกลับเป็นนักแสดงผู้คร่ำหวอดในวงการที่มีเมตตาอารี ในขณะที่คนรับบทน้องชายผู้ล้มเหลวกลับตวัดสายตามาจ้องจนร่มธรรมกลืนน้ำลายเอื้อก ได้แต่ยิ้มแหยแล้วผงกศีรษะ


   “ขอโทษนะน้องครอง พี่ขออีกเทค”


   ไม่มีคำตอบจากหนุ่มรุ่นน้อง นอกจากการเดินกลับเข้าไปยืนในจุดเดิมเพื่อเริ่มแสดงใหม่ ร่มธรรมสูดลมหายใจเข้าลึก รวบรวมสติและสมาธิทั้งหมดอย่างรวดเร็ว การถ่ายทำเริ่มต้นใหม่อีกหน


   โชคดีที่ฉากนี้ ร่มธรรมไม่ต้องใช้อารมณ์มากนัก แต่ความเหนื่อยล้าจากการทำงานหลายอย่างและไม่ได้พักผ่อนก็ทำให้ต้องใช้พลังงานมากกว่าที่ควรอยู่ดี ตอนที่ผู้กำกับสั่งคัท ชายหนุ่มก็ถึงกับถอนหายใจเฮือก


   “เหนื่อยหรือ ร่ม” พรรณรสผู้รับบทมารดาของ ‘ภาค’ และ ‘ภูมิ’ หันมาถามอย่างเอ็นดู หล่อนเคยร่วมงานกับเขามาแล้วก่อนที่เขาจะออกจากวงการเมื่อ 6 ปีก่อน ตอนนั้นยังเสียดายฝีไม้ลายมือ คราวนี้เขากลับเข้ามาในวงการอีกครั้ง พอได้ร่วมงานกัน ก็พบว่าร่มธรรมยังเป็นชายหนุ่มผู้สุภาพและน่าคบหาเช่นเดิม ฝีมือของเขาจัดว่าอยู่ในระดับดีที่เดียว สำหรับคนที่ไม่ได้จับต้องงานด้านนี้มาถึง 6 ปีเต็ม


   “นิดหน่อยครับ แต่นี่คิวสุดท้ายของวันนี้แล้ว แล้วป้าพรรณมีถ่ายต่อรึเปล่า”


   “มีอีกคิวนึง กับครอง” พรรณรสตอบพลางหันไปมองชายหนุ่มวัย 22 ที่ยืนอยู่กับผู้จัดการส่วนตัว


   “คนหนุ่มๆสมัยนี้ทำงานกันหนักจริงๆ เมื่อวานป้าเจอครอง ขึ้นเวทีถ่ายรูปเสร็จ เห็นเผ่นแน่บไปอีกงานต่อ” พรรณรสพูดพลางยิ้ม แต่ชายสูงวัยผู้รับบทสามีของหล่อนและเป็นบิดาของสองพี่น้อง ‘ภาค’ และ ‘ภูมิ’ กลับเหลือบไปมองครองภพแล้วทำหน้ายู่


   “หน้าตึงแถมไม่พูดอะไรทั้งวันแบบนั้น ยังจะถูกจ้างขึ้นเวทีอีกเรอะ” พรรณรสฟังแล้วก็ถึงกับหัวเราะ


   “ใครจะพูดเก่งเป็นต่อยหอยอย่างพี่อู๊ดล่ะ” องอาจทำหน้าตาขึงขัง


   “ไม่ได้พูดเก่งเป็นต่อยหอย เขาเรียกว่ามีมนุษยสัมพันธ์! ทั้งตระกูลก็ไม่เห็นจะมีใครเป็นแบบนี้สักคน มีมันคนเดียวผ่าเหล่าผ่ากอ”


   “ก็ลุงอู๊ดไม่สอนหลาน นี่ผิดที่ลุงนะ ไม่ใช่ผิดที่หลาน” หญิงสูงวัยหันไปหยอก


   พรรณรสและองอาจเป็นนักแสดงที่โลดแล่นในวงการมาพร้อมๆกัน ดังนั้นเรื่องครอบครัวหรือชีวิตส่วนตัวของอีกฝ่ายก็ย่อมผ่านหูผ่านตามาบ้าง การที่ครองภพเป็นหลานชายขององอาจซึ่งเป็นนักแสดงมากฝีมือไม่ใช่เรื่องที่รู้กันโดยทั่วนัก แม้กระทั่งร่มธรรมเองก็ยังถึงกับเลิกคิ้ว


   “ลุงอู๊ดเป็นลุงของน้องครองเหรอครับ”


   องอาจทำหน้าเหม็นยามถูกถามถึงสถานะของตนเองกับครองภพ เป็นฝ่ายพรรณรสที่ต้องตอบแทน


   “ลุงแท้ๆเลยล่ะ แม่ของครองเป็นน้องสาวของพี่อู๊ด”


   “ร่มอย่าคิดว่าลุงพามันเข้าวงการนะ มันเข้าของมันเอง แล้วถ้าลุงรู้แต่แรกว่ามันจะเข้า ลุงจะถีบมันออกด้วยซ้ำ ดูสิ! มีมนุษยสัมพันธ์กับมนุษย์โลกซะที่ไหน!”


   “พูดไป เขาไหว้พรรณทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ มีสัมมาคารวะ หล่อแล้วยังน่ารักด้วย” พรรณรสรีบแย้ง ต่อให้ครองภพจะไม่ค่อยพูด แต่ก็มีสัมมาคารวะไม่เป็นที่ขัดหูเคืองตาคนยึดอาวุโส เพียงแต่เขาไม่ใช่คนมีหัวข้อพูดคุยมากมายนัก พรรณรสมีลูกชายเช่นกัน หล่อนจึงพอจะรู้ว่าพวกเด็กผู้ชายนั้นมีเรื่องที่ยกมาเป็นหัวข้อชวนคุยกับผู้หญิงอาวุโสอย่างหล่อนไม่มาก


   องอาจพ่นลมหายใจอย่างฉุนๆ


   “เพราะพ่อมันนั่นแหละ เอาแต่ทำงาน ไม่รู้จักดูแลลูกไม่พอยังชิงตายตั้งแต่ไอ้ครองยังเด็ก นี่ถ้าไม่ได้พี่คอยจ้ำจี้จ้ำไชนะ ป่านนี้มันจะยกมือไหว้ใครเป็น!”


   “โอ้โห เรื่องเอาดีใส่ตัวนี่ต้องยกให้คุณองอาจจริงๆ” องอาจเหล่ตามองนักแสดงหญิงรุ่นราวคราวเดียวกับตนอย่างหมั่นไส้ แต่คบหากันมาเป็นสิบๆปีเช่นนี้ ไม่มีอะไรต้องมาเคืองใจกับคำหยอกเย้าแล้ว เขาจึงหันมาทางนักแสดงหนุ่มผู้อายุมากกว่าหลานชายของตน


   “กับร่มล่ะ มันคุยด้วยบ้างไหม”


ร่มธรรมยิ้มจืด ไม่อยากจะพูดให้เป็นประเด็นว่านอกจากเขาต้องเป็นฝ่ายทักทายก่อนแล้ว รายนั้นยังไม่แม้แต่จะทักตอบด้วยซ้ำ เอาเป็นว่าการปรายสายตามามองนับเป็นการทักทายที่ครองภพมีต่อเขาก็แล้วกัน
 

   “ยิ้มแบบนี้แสดงว่ามันไม่คุย เฮ้อ! จนใจกับไอ้ครองจริงๆ ขนาดคนรุ่นเดียวกับมัน มันยังไม่คุย แล้วชาตินี้มันจะไปคุยกับใคร”


   “ผมอายุมากกว่าตั้ง 6 ปี คงจะคุยกับน้องไม่รู้เรื่องเหมือนกันแหละครับ”


แล้วร่มธรรมก็หัวเราะแห้งๆ พอดีกับที่รินฤดีเข้ามาตามเขาไปเซ็นเอกสารที่มีคนเอามาส่ง ชายหนุ่มจึงขอตัว


   องอาจและพรรณรสมองตามก่อนจะเป็นฝ่ายชายที่ถอนหายใจออกมา


   “สงสัยพี่ต้องเรียกไอ้ครองมาคุยบ้างแล้ว ให้มันหัดพูดกับคนอื่น หรือถ้าจะไม่พูดก็ไม่ใช่ข่มเขาแบบนั้น”


องอาจไม่ใช่ไม่เห็น หลานชายของเขาไม่พูดอะไรก็จริง แต่ฝ่ายร่มธรรมปิดความรู้สึกไม่เก่ง ตอนที่ต้องถ่ายเทคที่ 2 3 หรือ 4 นักแสดงหนุ่มผู้หวนกลับเข้าวงการอีกครั้งมีท่าทีเกรงอกเกรงใจหลานชายของเขาชนิดที่ไม่เหลือคราบบทบาทพี่ชายจอมเฮี้ยบอารมณ์ร้ายที่แสดงเลยสักนิด


   พรรณรสพยักหน้าเห็นด้วย แต่ไม่วายเหลือบมองเพื่อนร่วมวงการที่เห็นหน้ากันมานาน


“แต่จะพูดกับครองแบบนั้น ก็ต้องรอให้ครองพูดกับลุงอู๊ดด้วยนะ ทุกวันนี้ลุงหลานคุยกันนับได้กี่คำแล้ว”


   องอาจพูดไม่ออก อย่าว่าแต่ครองภพไม่คุยกับร่มธรรมเลย กระทั่งกับลุงแท้ๆที่เห็นมาตั้งแต่จำความได้ ยังพูดด้วยนับประโยคได้!


   เออ! หรือจริงๆแล้วครองภพตัดขาดคนทั้งโลก ก่อนที่คนทั้งโลกจะตัดขาดครองภพเสียอีก!!


…………………………


   ร่มธรรมนั่งอยู่ที่ชุดเก้าอี้ม้าหินไม่ไกลจากฉากนัก คนที่ยืนอยู่ข้างหลังคือพนักงานส่งเอกสารจากบริษัทของเขา แม้จะเป็นเรื่องด่วน แต่ชายหนุ่มก็รอบคอบ เขากวาดตาอ่านในขณะที่โทรศัพท์คุยกับเจ้าของเรื่องที่ต้องการลายเซ็นเร่งด่วน ก่อนจะจรดปากกาเซ็น แล้วปิดแฟ้มส่งเอกสารคืนให้พนักงานหนุ่มร่างเล็ก


   “ขอบใจมาก” เขาพูด ก่อนจะหันไปหยิบกล่องอาหารของตนเองที่ยังไม่ได้ทานมาส่งให้ หนุ่มเมสเซ็นเจอร์ขาประจำของออฟฟิศที่ถูกเรียกใช้บ่อยๆได้แต่กะพริบตาปริบๆ


   “พอดีผมมีอีกกล่องที่ทำมาจากบ้านแล้ว ช่วยเอากล่องนี้ไปทานแทนผมได้ไหม”


   “ได้ครับ” หนุ่มเมสเซ็นเจอร์ยกมือไหว้ก่อนจะรับกล่องข้าวไป แล้วหมุนตัวเดินจากไป ตอนนั้นเองที่ร่มธรรมถึงได้เห็นว่าไม่ใกล้ไม่ไกลจากโต๊ะม้าหิน มีชายหนุ่มร่างสูงยืนจ้องมาที่เขา


   “อ้าว น้องครอง...” 


ครองภพมองตรงมาที่เขาแต่ไม่พูดอะไร เป็นฝ่ายร่มธรรมเองที่กระดากให้คนอื่นเข้ามาในบริเวณกองถ่ายที่ควรจะมีแค่คนที่เกี่ยวข้อง เพราะเห็นว่าบริเวณนี้ค่อนข้างเงียบเหมาะแก่การคุยโทรศัพท์เพื่อประสานงานในขณะที่ต้องใช้สมาธิอ่านเอกสารด้วย


   “อ่า...พี่เห็นไม่มีใคร ก็เลยขอยืมพื้นที่ใช้เซ็นเอกสารหน่อย ขอโทษที”


   “งานเยอะหรือ” ทว่าประโยคถัดมาไม่ใช่คำกระแหนะกระแหนแดกดันหรือการกระทำราวกับร่มธรรมเป็นอากาศธาตุ


   ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆอย่างคาดไม่ถึง แต่ก็รู้ตัวในเวลาอันสั้นเพราะอีกฝ่ายจ้องไม่วางตาราวกับต้องได้คำตอบ


   “อ...เอ่อ...อื้อ งานด่วนด้วยน่ะ”


   “วันนี้ก็เลยไม่มีสมาธิ” ประโยคนี้ของครองภพแม้จะไม่มีอารมณ์ประชดประชัน แต่ก็ทำเอาคนไม่มีสมาธิถึงกับหน้าเจื่อน หากเป็นคนอื่นถูกพูดจาเช่นนี้ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าเรียบๆแบบนี้ คงหมายหัวครองภพไปแล้ว แต่...เพราะเป็นร่มธรรมที่ถูกเลี้ยงดูมาให้สุภาพ นอบน้อมและใจเย็น เจ้าตัวเลยไม่ถือโทษโกรธเคือง หนำซ้ำยังเกรงใจเพราะรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่มีสมาธิจริง


   “ขอโทษนะ พี่นอนน้อยก็เลย...”


   “ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็ควรรีบกลับไปนอน ไม่มีคิวแล้วไม่ใช่รึไง” เป็นอีกครั้งที่ร่มธรรมกะพริบตาปริบๆ


   “น้องครองรู้ได้ไงว่าพี่ไม่มีคิว”


   “ได้ยินที่คุยกับป้าพรรณ”    


   “อ้อ...เห็นว่าลุงอู๊ดเป็นลุงของน้องครองด้วยใช่ไหม”


ครองภพไม่ตอบคำถามนี้ พอดีกับที่รินฤดีสาวเท้าไวๆเข้ามาหา


   “ร่ม เสร็จรึยัง จะได้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า...อ๊ะ...น้องครองก็อยู่ด้วย?” หญิงสาวเพิ่งเห็นว่าน้องชายของตนไม่ได้อยู่ที่โต๊ะม้าหินกับเมสเซ็นเจอร์แล้ว แต่เปลี่ยนเป็นนักแสดงหนุ่มรูปหล่อแทน   


   “จะรีบไปเปลี่ยนครับ”


คนไม่มีคิวถ่ายวันนี้แล้วรีบลุก ก่อนจะหันไปยิ้มจางขอตัวจากชายหนุ่มรุ่นน้องแล้วเดินกลับไปยังห้องแต่งตัว เป็นฝ่ายรินฤดีที่เข้ามาตรวจตราว่ามีของส่วนตัวของร่มธรรมตกหล่นหรือไม่ แน่นอนว่าต่อให้ทำงานในวงการมายาวนาน พบเจอดาราหนุ่มรูปหล่อมามากมาย ร่างกายมีภูมิคุ้มกันกับความหล่อเหลาของครองภพจนไม่กระโตกกระตากออกนอกหน้า แต่ถึงอย่างนั้น ในใจก็หวีดร้องกับทุกองศาบนเบ้าหน้าของเขาไม่เปลี่ยน


   แต่ครองภพไม่ใช่คนเปิดโอกาสให้คนอื่นใกล้ชิด เมื่อเห็นว่าร่มธรรมจากไปแล้ว และบริเวณนี้เหลือเพียงเขาและหญิงสาวซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของนักแสดงรุ่นพี่ ชายหนุ่มจึงหมุนตัวจะเดินหนีทันที


   “เอ๊ย! น้องครองคะ” รินฤดีรีบร้องเรียก ทำเอาเจ้าของชื่อหันกลับมามอง


   ครองภพไม่ขานรับ แค่เพียงมองหน้าคนเรียกด้วยสายตาเรียบเฉย


   “อ...เอ่อ...น้องครองเห็น...เห็นกล่องข้าวตรงนี้มั้ยคะ ของร่มน่ะ พี่เห็นร่มถือมาด้วยตอนจะมาเซ็นเอกสาร” รินฤดีจำได้ว่าหล่อนเห็นร่มธรรมหยิบเอากล่องข้าวติดมือมาด้วย ตอนแรกคิดเอาเองว่าคงจะเซ็นเอกสารไปทานไปด้วย แต่ตอนนี้กลับไม่มีแม้แต่กล่องด้วยซ้ำ


   ครองภพเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเหมือนสีหน้า


   “เห็นเขาให้แมสเซ็นเจอร์ไป”


   รินฤดีทำตาโต ก่อนจะกลายเป็นถอนหายใจห่อไหล่แล้วส่ายศีรษะ


   “เอาอีกแล้ว พี่อุตส่าห์ซื้อมาเพราะจะให้ร่มกินรองท้อง ดันให้คนอื่นแล้วตัวเองจะกินอะไร”


   ครองภพนิ่งไป เห็นเขาไม่หมุนตัวทำท่าจะเดินออก รินฤดีเลยรีบสร้างความน่าเอ็นดูให้น้องชาย


   “เป็นแบบนี้ประจำเลย แล้วเดี๋ยวโรคกระเพาะก็ถามหา” หล่อนทำเป็นเปรยกับตัวเอง แต่หวังให้อีกฝ่ายที่ยืนอยู่ได้ยิน อย่างน้อยหากครองภพนึกเอ็นดูร่มธรรมสักนิด จะได้ไม่จิกตาเขียวเหมือนทุกวันนี้


   “เขาบอกว่าเขามีอาหารมาจากบ้าน”


แล้วสิ่งที่ไม่น่าเชื่ออย่างที่สองก็เกิดขึ้น นอกจากครองภพจะไม่มีทีท่าเดินหนีแล้ว ยังเอ่ยปากในเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตนเองแต่อย่างใด รินฤดีทำตาโตก่อนจะรีบสำรวมท่าที


   “เพราะกลัวว่าพี่หนุ่ยแกจะไม่รับน่ะสิคะ เมสเซ็นเจอร์น่ะ รายนี้เป็นเจ้าประจำรับงานของออฟฟิศ แกมีลูกเล็กที่ไม่สบาย เมียก็ตาย ร่มสงสารก็เลยจ้างรายเดือนแต่ให้วิ่งเอกสารอย่างเดียว ถ้าไม่มีงานก็ไม่ต้องเข้ามารอที่บริษัท จะได้มีเวลาไปรับงานที่อื่นด้วย นี่ยังไม่นับที่ช่วยหาโรงพยา...” ยังไม่ทันจะแจกแจงความดีของร่มธรรมได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย คนที่ถูกพูดถึงก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย ก้าวเท้าตรงดิ่งกลับมาหาผู้จัดการส่วนตัวของตนเองแล้ว


   ร่มธรรมอยู่ในชุดสูทเป็นทางการ ดูแล้วไม่ต่างจากคอสตูมจากในเรื่องเท่าไร แต่สีหน้าของเขาไม่ได้เคร่งเครียดถมึงทึง แต่กลับมีรอยยิ้มจางที่ดูสุภาพและใจดี


   “เสร็จแล้ว พี่ริน ไปเถอะ พี่ไปก่อนนะน้องครอง” นักแสดงหนุ่มรุ่นพี่หันมาพูดกับครองภพก่อนที่ทั้งเขาและผู้จัดการสาวจะออกจากกองถ่ายไป โดยไม่ทันรู้ตัวว่ามีสายตาของคนที่ยืนนิ่งอยู่กับที่มองตาม


   ทั้งๆที่อยากถอยห่าง แต่ทำไม...


ครองภพไม่เข้าใจตนเองเลย


   ...สุดท้าย กลับกลายเป็นเขาที่เดินเข้าหาร่มธรรมเสียเอง...


ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)

   คอนเซ็ปต์ของเรื่องคือปัจจุบันสำคัญค่ะ จริงๆเรื่องนี้ไม่ได้มีทริคอะไรเลย ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไรด้วย แค่ตัวละครเยอะอย่างเดียวค่ะ สายสุขนิยมอย่างเราๆ จะมีทริคอะไรได้ยังไง ฮ่าฮ่า
   
เดี๋ยวบัวทำผังความเกี่ยวพัน แล้วจะเอามาแปะอีกทีนะคะ จะได้เข้าใจได้ง่ายขึ้นค่ะ
   
ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนติดตามและพื้นที่ค่ะ
   
เจอกันพฤหัสหน้า

แก้ไข: เพิ่มผังความสัมพันธ์ของตัวละคร (สำหรับตัวละครหลักจะคงไว้ ส่วนตัวละครที่หลักน้อยลงมาหน่อยจะปรากฏในผังบ้างหรือถูกลบออกไปบ้างนะคะ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-01-2020 11:58:04 โดย Dezair »

ออฟไลน์ anntonies

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 848
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
อ๋อออ ที่แท้ร่มกับครอง
ไอ้เราตอนแรกก็นึกไปว่ารามิล แต่เนื้อเรื่องตอนนี้ดูไม่หนักเหมือนตอนแรก
ไอ้แผนคือตาแดงๆ ที่แอบมองใช่มั้ยน้า

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
2คนนี้ต่างกันสุดขั้วเลย บุคลิกของน้องครองเนี่ย ถ้าเป็นชีวิตจริงจะมีใครกล้าคบมั้ยนะ ตึงมาก ดูไม่เป็นมิตรเลย ไม่น่าจะมีใครกล้าคุยกับเขานะ
ดีนะที่มาเจอคนอย่างร่มธรรม แบบร่มเนี่ยเป็นที่รักของทุกคนได้ง่ายๆเลยนะ น่าเอ็นดูไปหมด
ขำบทตัวละครที่ร่มได้รับมากๆ โคตรตรงกันข้ามกับตัวนักแสดง เราชอบนะคะพวกบทบาทท้าทาย ถ้าเล่นออกมาให้คนดูอินได้ มันยกระดับความสามารถของตัวนักแสดงไปได้อีก  :pig4:

ออฟไลน์ ppwct

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai2-1: สนุกมากกกกน้องชอบบบบ จะเริ่มรักกันยังไง ปมก็น่าจะผูกมากอยู่น้าา รอลุ้นนะคะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ kinjikung

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ชอบชื่อเรื่องมาก
 ความหลังอะไรกันนะทำให้คนสองคนมาเจอกันในชาตินี้

ออฟไลน์ mab

  • ชื่อ mab ไม่ได้ชื่อ map
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 710
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
สนุกกกกกกก :z2:
ชอบมากๆ เลย รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด