watercolor
ถ้าถามว่าตื่นเต้นไหม สีน้ำก็จะบอกว่าตื่นเต้นมาก เกิดมายังไม่เคยคบใครจริงจังถึงขนาดต้องไปเจอญาติเขาทั้งตระกูลขนาดนี้ สีน้ำยืนสงบสติอยู่หน้ากระจกสำรวจหน้าผมเครื่องแต่งกายว่าโอเคแล้ว ก่อนจะหันไปมองโปสการ์ดทีเชียงใหม่อีกครั้งเหมือนให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง ก่อนจะเจอภาคินแน่อนนว่าต้องเจอญาติตัวเองก่อน เหมือนณัฐจะรู้ทันเตรียมตัวเอ่ยปากแซวเขาตั้งแต่ก้าวเท้าลงบันได
พอเห็นสายตาเขาณัฐก็เปลี่ยนมาเป็นทำเสียงฮิ้วๆ แทน ก่อนจะออกจากร้านณัฐเองก็บอกว่า พ่อแม่เขาก็อยากเจอภาคินเหมือนกันไอ้ณัฐบอกไปโม้ไว้เยอะว่าหล่ออย่างนู้น ดีอย่างนี้ ที่จริงสีน้ำก็ตั้งใจจะพาคินไปหาอยู่แล้ว แต่เพราะครอบครัวเขาไม่ได้ซีเรียสเรื่องความรักของเขา แต่สำหรับภาคินที่นามสกุลเป็นที่รู้จักครอบครัวก็เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน
“วันนี้คุณคินหล่อมากเลยนะเนี่ย”
ทันทีที่เปิดประตูคนที่ยืนรออยู่หน้าร้านก็เงยหน้ามายิ้มให้ และพอได้ยินที่เขาทักก็เก๊กท่าพระเอกซะจนสีน้ำทำหน้าหมั่นไส้ แต่เป็นอย่างที่สีน้ำบอกจริงๆ วันนี้ภาคินใส่เสื้อเชิ้ดกางเกงก็เป็นแบบทางการไม่ใช่ยีนส์อย่างทุกวันแต่สียังคงคุมโทนอยู่เหมือนเดิม ตลกเหมือนกันกินข้าวที่บ้านตัวเองแท้ๆ แต่งตัวเหมือนไปกินที่โรงแรมหรูห้าดาว
“ปกติไม่แต่งแบบนี้หรอก”
“แสดงว่าวันนี้พิเศษ”
“แน่นอน พาแฟนเข้าบ้านครั้งแรก”
“คนที่ตื่นเต้นและหัวใจจะวายตายก่อนคือคนนี้ต่างหาก”
“ไม่ต้องกลัวนะผมจะอยู่กับน้ำ”
“ไปกินข้าวไม่ใช่ไปรบ”
เพราะไม่อยากให้เครียดภาคินเลยแกล้งหยอกให้สีน้ำสบายใจ ตอนแรกก็คิดว่าแค่ตื่นเต้นแต่พอเห็นประตูรั้วสีน้ำก็ชักจะกลัวๆ ขึ้นมาจริงๆ เลยเอาแต่นั่งถูมือไปมาในรถจนไม่รู้ตัวขนาดภาคินเดินมาเปิดประตูให้ สีน้ำถึงได้รู้สึกตัวนี่คงจะเหม่อจริงๆ ปกติก็เปิดประตูเองลุกออกมาเดินไปเดินมาแล้ว ภาคินรั้งให้สีน้ำมายืนพิงรถไว้ก่อนจะถามซ้ำอีกครั้งว่าโอเคนะ ถ้าไม่พร้อมค่อยวันอื่นก็ได้แต่สีน้ำก็ยืนยันว่าโอเคมาถึงขนาดนี้แล้ว ภาคินเลยยิ้มให้ก่อนจะจูบลงบนหน้าผากขาวตรงหน้า
เสียงกระแอมที่ดังขึ้นตรงกำแพงบ้านทำให้ทั้งคู่ต้องผละออกจากกัน แน่นอนว่าเพื่อนข้างบ้านต้องมาให้กำลังใจ ทับทิม นพจินดาโผล่หน้ากลมๆ พร้อมกับผมจุก คุยกันไปสักพักทับทิมก็ยกมือขึ้นมาแปะกับมือสีน้ำพร้อมกับบอกว่า
เอาพลังไป! ท่าทางเหมือนเด็กๆ แต่สีน้ำก็ยังเล่นด้วยมีการกำหมัดให้สู้ๆ พร้อมกันอีกต่างหาก เออ..เข้ากันได้ดีจริงๆ
“ผมมาเร็วหน่อย อยากให้น้ำได้เจอกับพ่อแล้วก็คุณนายญาดาก่อน”
บ้านพิชญเดชาหรูหราตามบ้านคนรวย แปลกดีเหมือนกันห้องของภาคินที่นี่โคตรจะแตกต่างจากที่ร้าน เฟอร์นิเจอร์สีทองระยิบระยับไปหมด คินเดินตามหาแม่ตัวเองหลังจากที่พ่อบอกว่าแม่อยู่ข้างบนบ้าน พ่อเขาหลังจากเกษียณก็ทำนู่นทำนี่ไปเรื่อยงานอดิเรกคือการเล่นหุ้น ที่เหลือก็เดินเล่นตัดหญ้าเลี้ยงนก ตอนที่พาสีน้ำมาสวัสดีพ่อก็แค่รับไหว้พร้อมกับถามว่าชอบนกไหม ภาคินหัวเราะเบาๆ แน่ล่ะว่าสีน้ำโดนพ่อเขาแกล้งแน่ๆ สีน้ำได้แต่บอกว่าดูเฉยๆ ได้แต่ไม่กล้าจับ แล้วพ่อก็เงียบก่อนจะหัวเราะชอบใจเมื่อสีน้ำตอบกลับมาอีกครั้ง
“ผมวาดรูประบายสีน้ำนกได้นะครับ ลงสีให้เหมือนเปี๊ยบเลย”
“เออดี คินชอบวาดแต่ดินสอเจ้าเมฆาลูกพ่อไม่มีสีสันเอาซะเลย”
ในที่สุดคินก็เจอแม่สักที คุณนายญาดานั่งดูรูปอยู่ในห้องของพี่เค พอได้ยินเสียงฝีเท้าแม่เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วยิ้มให้ก่อนจะกวักมือเรียกให้เขาเข้าไปหาทั้งคู่ สีน้ำนั่งลงตรงพื้นก่อนจะยกมือไหว้ คุณนายญาดาแกล้งแซวลูกชายว่าพาแฟนมาเปิดตัวแต่งตัวซะหล่อ ทุกทีมากินข้าวบ้านเสื้อยืดกางเกงบอลด้วยซ้ำ
“คุณนายมาทำอะไรในนี้”
“มาช่วยตาเคเคลียร์ของหน่อย จะแต่งงานอยู่แล้วแต่ไม่ค่อยมีเวลาเลย”
“งานหนักเหรอครับ”
“งานธนาคารก็หนักอยู่แล้วแต่นี่…เออคินไว้หลังกินข้าวเสร็จพ่อกับแม่มีเรื่องจะคุยด้วยนะ”
“เรื่องพี่เค? งานแต่ง? หรือเรื่องอื่น”
“เดี๋ยวก็รู้”
“โหคุณนาย บอกแบบนี้ใครจะกินข้าวลง”
“เฮ้ย เรื่องดี”
“หลอกป่ะเนี่ย คุณนายอย่าทำแบบนี้กับลูกชายคนเล็ก”
“แม่ไปดูกับข้าวดีกว่า อยู่กับสีน้ำไปก่อนไว้ดึกๆ มาคุยกันนะคะวันนี้ค้างที่นี่ได้ไม่ต้องรีบกลับ”
“แม่ หนีเลยนะ”
สีน้ำกลั้นขำกับท่าทางของคุณนายญาดา ที่ก่อนไปยังโบกมือลาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงเรียกอีกต่างหาก พ่อกับแม่ของภาคินใจดีกว่าที่เขาคิดไว้ซะอีก อัลบั้มรูปตรงหน้าคือรูปสมัยเด็กของสองพี่น้องเคคิน สีน้ำเปิดดูทีละรูปแล้วก็ยิ้มออกมาเมื่อตอนเด็กๆ นี่ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ แต่งตัวเหมือนกันอีกต่างหาก ภาคินชะโงกหน้ามาดูก่อนจะบอกว่าเมื่อก่อนตอนเด็กไม่ค่อยหล่อ พี่เคหล่อกว่ายิ่งเล่นกีฬาได้สาวก็กรี๊ดเต็มไปหมด สีน้ำเหลือบมองภาคินที่พูดไปยิ้มไปเดาได้เลยว่าตอนเด็กต้องสนิทกับพี่ชายมากแน่ๆ
ภาคินยกนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนจะบอกว่าให้ลงไปข้างล่างได้แล้ว คินเลยหยิบอัลบั้มรูปไปเก็บที่ชั้นตามเดิมจังหวะที่กำลังวางอัลบั้มรูป อยู่ดีๆ ก็มีกล่องสีเทาอ่อนร่วงลงมาพร้อมกับของในกล่องที่กระจายเต็มพื้น ภาคินยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นเมื่อเห็นว่าในกล่องคือบรรรดาเหรียญที่พี่ชายเขาเคยแข่งเทควันโด
นอกจากบรรดาเหรียญแล้วยังมีรูปถ่ายเกี่ยวกับการแข่งเต็มไปหมด รวมทั้งรูปคู่ของเขากับพี่เคที่เคยถ่ายด้วยกันตอนที่พี่เคได้เหรียญทอง แผ่นกระดาษที่ตกอยู่ตรงปลายเท้าทำให้คินหยิบขึ้นมา ทันทีที่อ่านจนถึงประโยคสุดท้าย คินก็กำกระดาษในมือไว้แน่น
อาชีพในฝัน : นักเทควันโดทีมชาติมันไม่ใช่แค่กระดาษแผ่นเดียว ทุกใบพี่เคเขียนไว้เหมือนกันหมด
โดยเฉพาะใบที่เขากำลังอ่านอยู่ตอนนี้
สิ่งที่อยากเป็น : ผมอยากเป็นนักเทควันโดทีมชาติที่ไปแข่งทั่วโลก ครอบครัวของเราทำธุรกิจธนาคาร ป้าญาณีบอกว่าสักวันผมกับน้องต้องมาทำงานตรงนี้แทนพ่อ แต่ภาคินน้องชายผมไม่ชอบตัวเลขเลยคินชอบวาดรูป คินวาดรูปสวยมากไม่รู้ว่าคินอยากเรียนอะไรอาจจะสถาปัตย์ไม่ก็พวกคณะศิลป์ ไม่เป็นไร…การเงินก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่หรอกผมจะทำงานแทนพ่อเอง คินจะได้วาดรูปคำตอบของเด็กในวัยสิบห้าสิบหกปีมันไม่ได้ซับซ้อนอะไรเลยคินเข้าใจมันทั้งหมด สายคาดเอวสีดำที่เขาถือไว้ตอนนี้มันเก่าจนแทบจะขาด บรรดาเหรียญทองก็สีลอกจนแทบมองไม่เห็น พี่เคไม่ได้อยากเป็นนายธนาคาร และคินก็ไม่รู้มาก่อนว่าพี่เคต้องเสียสละมากขนาดนี้ อยู่ดีๆ ภาคินก็นึกถึงคำพูดของสีน้ำ
“ผมไม่รู้เรื่องครอบครัวของคุณหรอกแต่ผมเชื่อว่าทุกคนมีสองด้านนะ ด้านที่คุณคินเห็นกับด้านที่คุณคินไม่เคยเห็น”ในขณะที่เขาเรียนอะไรก็ได้ที่อยากเรียน อยากทำอะไรที่อยากทำ ไปไหนก็ได้ตามที่ตัวเองต้องการ แต่พี่เคต้องยอมทิ้งความฝันของตัวเองเพื่อมาทำงานในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ต้องการเลยสักนิด เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ อยู่ดีๆ หยดน้ำตาเขาก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ สีน้ำเลยเดินเข้ามาหาพร้อมกับกอดไว้แน่น
“น้ำเคยบอกใช่ไหมว่าพี่เคเหมือนสีเทา”
“ครับ ครั้งแรกที่เจอรู้สึกถึงสีนี้เลย”
“ผมไม่อยากให้พี่เคเป็นสีเทาแล้ว สีน้ำ”
“เจอครั้งล่าสุดคุณเคเป็นสีเทาอ่อนแล้วนะ”
“เปลี่ยนสีได้ไหม ไม่อยากให้พี่เคเป็นสีเทาเลย”
“อาจจะเปลี่ยนสีไม่ได้แต่เป็นสีเทาแบบที่มีความสุขได้นะ ภาคินก็ลองทำดู”
มันเป็นบทสนทนาที่ใครมาฟังก็คงขมวดคิ้ว แต่สำหรับภาคินเขาเข้าใจที่สีน้ำต้องการจะสื่อ คนที่เอาแต่หนีพี่ชายตัวเองมาตลอดหลายปีตอนนี้มันคงถึงเวลาสักทีที่เขาจะเลิกหนีได้แล้ว เสียงเคาะประตูพร้อมกับแม่บ้านที่บอกว่าอาหารพร้อมแล้วทำให้ทั้งสองต้องผละออกจากกัน พอมองหน้าก็หัวเราะออกมาทั้งคู่เพราะอยู่ดีๆ ก็มาร้องไห้งอแง คินหลับตาก่อนจะแบมือให้สีน้ำจับก่อนจะเดินลงไปที่ห้องทานข้าว
watercolor
โคตรเหมือนละครหลังข่าว ตอนนี้สีน้ำนั่งตัวเกร็งไปหมดบรรดาญาติๆ ของภาคินเอาแต่มองหน้าเขาคล้ายจะถามว่าใคร แต่ภาคินก็ยังไม่มีทีท่าจะพูดอะไรสีน้ำเลยนั่งเงียบไปด้วยแต่เดาเลยคนอย่างภาคิน มีแผนอยู่ในหัวอยู่แล้วแน่ๆ แค่เพียงไม่นานคนที่มาถึงคนสุดท้ายก็คือพี่เคที่ดูเหนื่อยล้าก็รีบเข้ามานั่ง ลูกชายคนโตของพิชญเดชาดูชะงักเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งข้างๆ เขาคือภาคิน ปกติรวมญาติกันทีไรไม่เคยได้นั่งใกล้กันสักที แต่ยังไม่ทันได้เริ่มกินคนที่เริ่มบทสนทนาก็คือป้าญาณีที่กอดอกอยู่ตรงข้าม
“ไปพบลูกค้าเป็นยังไงบ้างตาเค”
“เขาขอคิดดูก่อนครับ”
“คิด? นี่ครั้งที่สองแล้วใช่ไหมที่เราไปคุย”
“ครับ”
“แล้วเกิดอะไรขึ้น! รู้ใช่ไหมว่าการที่เขาบอกแบบนี้แสดงว่าเขามีตัวเลือกที่ดีกว่า ทำไมทำงานแย่ขนาดนี้ เคป้าบอกเราหลายครั้งแล้วนะ”
“ป้าณีครับ”
“ทำงานไม่ได้เรื่อง ไหนใครบอกเก่งนักเก่งหนาจบเมืองนอกเมืองนาแทนที่จะทำให้ธุรกิจเจริญขึ้น ป้าผิดหวังกับเรามากนะ”
“มาผิดหวังอะไรกับลูกผม” / “หยุดว่าพี่ชายผมสักที”เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกันทำให้ทุกคนในโต๊ะเงียบสนิทโดยเฉพาะป้าญาณีที่ดูจะตกใจ เคเองก็เงยหน้าขึ้นมามองคินที่นั่งอยู่ข้างๆ เมื่อกี้เขาว่าเขาได้ยินไม่ผิด คินเรียกเขาว่าพี่ชาย ..คำที่เขาไม่ได้ยินมานานมากแล้ว แถมพ่อเขาก็ยังวางช้อนแล้วยกขึ้นมากอดอกจ้องป้าญาณีไม่เลิก
“เท่าที่ผมรู้งานนี้มันเป็นของลูกชายคุณป้าไม่ใช่เหรอครับ พี่แคน นครินทร์คนเก่ง”
“แกจะไปรู้เรื่องอะไรตาคิน งานการธนาคารไม่เกี่ยวกับแกเลยสักนิดเคยมาแยแสด้วยเหรอไงไปวาดรูปถ่ายรูปของแกไปสิ”
“ก็ไม่ได้อยากยุ่งนักหรอกแต่ทนไม่ได้แล้วว่ะ”
“คิน..”
“นั่งอยู่เฉยๆ เลยพี่เคเดี๋ยวน้องชายอย่างผมจัดการเอง”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรภาคินก็หยิบซองกระดาษสีน้ำตาลออกมาพร้อมกับเทรูปของญาติตัวเองที่ชื่อ แคน กระจายเต็มโต๊ะ บรรดาญาติๆ ต่างหยิบขึ้นมาดูก่อนจะยกมือขึ้นมาทาบอก เมื่อรูปที่เห็นคือแคนหลานชายที่เขารู้จักกันดีกำลังเล่นคาสิโนอยู่ที่ต่างประเทศ และมันไม่ใช่แค่ที่เดียวมันหลายที่จนนับไม่ถ้วน นอกจากคาสิโนแล้วยังมีบ่อนในประเทศด้วย
“ทุกโปรเจกต์ที่เป็นของพี่แคนลูกคุณป้า ทำไมพี่เคถึงต้องเป็นคนรับผิดชอบทั้งหมด คนที่บอกว่ามีงานที่ตางประเทศแต่เข้าคาสิโนแทบทุกวันนี่มันหมายความว่ายังไง”
“…………..”
“ไม่เคยเข้าประชุม ไม่เคยมาทำงาน แต่ได้เงินเดือน โบนัส เงินปันผล มันยุติธรรมสำหรับพี่ชายผมงั้นเหรอครับ”
“…………..”
“ป้ารู้ไหมว่าพี่ชายผมต้องเสียสละมากแค่ไหน ป้าณีเคยรู้อะไรบ้าง!”
“ตาเค! ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้ภาคินมายุ่งกับธุรกิจธนาคาร ไม่งั้นฉันจะสั่งให้มาทำงานด้วยกันไม่ต้องวาดรูปไร้สาระอะไรนั่นอีก ฉันเตือนแล้วนะเค อยากให้ฉันบังคับคินมาทำงานที่ธนาคารมากใช่ไหม”
“อย่ามายุ่งกับน้องชายผม! ผมยอมทุกอย่างแล้ว ยอมทำงานให้พี่แคนตามที่ป้าบอก กันคินออกจจากธุรกิจธนาคารบ้าๆ นี่ ป้าให้สัญญากับผมแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับคินอีก”
“เค!”
“เพราะผมกลัวว่าป้าณีจะใช้วิธีสกปรกกับคินผมถึงยอมขนาดนี้ คินคือน้องชายของผมนะครับ”
“ก็ดู..”
“อย่ายุ่งกับภาคิน จะให้ผมเอารายละเอียดที่พี่แคนเอาเงินไปเล่นที่คาสิโนออกมาให้ดูไหมครับ แค่โกหกว่าไปทำงานที่ต่างประเทศแล้วไปหมดตัวที่นู่นก็แย่พอแล้วมั้ง”
“สรุป นี่พวกเธอตามสืบเรื่องลูกชายฉันกันทั้งสองคนเลยใช่ไหม!”
“ผมทนไม่ไหวแล้ว ที่จริงผมน่ะโง่เองแทนที่จะปกป้องคินแบบที่พี่ชายควรจะทำแต่กลับเอาแต่ผลักไสให้ออกไป ป้ารู้ไหมผมไม่เคยมีความสุขเลยที่คินกับผมไม่ได้คุยกันเหมือนพี่น้องคนอื่นๆ เพราะป้าเอาแต่ขู่ผมว่าจะบีบบังคับให้คินมาทำงานธนาคารให้ได้”
“……….”
“เลิกยุ่งกับเราสองพี่น้องได้ไหม ยังไงป้าก็เป็นญาติผมคนหนึ่งแต่ถ้าป้าไม่อยากจะนับเราเป็นหลานผมก็ไม่ว่าอะไร ผมกับคินก็ไม่ได้อยากมีญาติแบบป้าเหมือนกัน”
“มันจะมากไปแล้วนะ!”
ทั้งโต๊ะเงียบกริบ ญาติบางคนถึงกับยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาเมื่อเห็นว่าหลานชายอย่างเค คุณากรที่เห็นทำงานงกๆ จะรู้สึกแบบนี้ และยิ่งรู้เรื่องลูกชายของป้าญาณีทุกคนก็เริ่มไม่ไว้ใจกลัวว่าปล่อยไว้แบบนี้อาจจะเกิดการยักยอกเงินบริษัทได้ ตอนนี้ป้าญาณีเองก็เริ่มสติแตก เสียงกระแทกช้อนที่ดังขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่หัวโต๊ะ พ่อของเคหันมายิ้มให้ลูกชายทั้งสองคนก่อนจะบอกบางอย่างที่ทำให้ทุกคนบนโต๊ะพากันตกใจ
“อยากลาออกไหมเค พ่ออาจจะถามช้าไปขอโทษด้วย ทั้งๆ ที่พ่อกับแม่ควรจะปกป้องลูกมากกว่านี้ แต่ถ้าลูกอยากไปทำอย่างอื่นพ่อกับแม่ก็เข้าใจ ไปได้เลยนะ”
“ไม่ได้!”
“พี่นั่นแหละที่ไม่ได้ บอกไว้ก่อนว่าพรุ่งนี้พี่โดนสอบสวนหนักแน่ลูกชายพี่น่ะ ไม่ใช่แค่ภาคินที่ตามสืบเรื่องนี้ กลับบ้านไปเตรียมตัวตอบคำถามบอร์ดบริหารดีกว่ามั้ง แล้วก็อย่าคิดหนี..มีคนจับตาดูอยู่”
ป้าญาณีดูไม่มีทางสู้และตอนนี้ก็อายกับการกระทำของลูกชายตัวเองมากเหมือนกัน สุดท้ายน้าดาวคือคนที่ทนไม่ไหวเลยตัดการให้ทุกอย่างเพราะตัวเองก็เป็นอีกคนที่รู้เรื่องนี้ เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นถึงความสามารถของน้าดาวเพราะทุกทีเจ้าตัวไม่แสดงอาการอะไรเวลาโดนป้าญาณีต่อว่า คงเพราะอดทนมานานเหมือนกันเลยระเบิดทุกอย่างออกมา ป้าญาณีถึงกับหนีกลับไปตั้งหลัก
แน่นอนว่าไม่มีใครแตะอาหารตรงหน้า บรรดาญาติๆ ที่เหลือได้แต่ถอนหายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาไม่เคยรู้ว่าที่ป้าญาณีเอาแต่เข้มงวดกับเค เพราะว่าอยากปิดบังเรื่องที่ลูกตัวเองติดการพนันทั้งในประเทศและนอกประเทศ เร่งให้เคทำงานแล้วใส่ชื่อลูกตัวเองลงไปในโปรเจกต์ทำแบบนี้ได้ยังไงกัน ตอนนี้คงไม่มีใครอยากจะกินอาหารสักเท่าไหร่ และคินเองก็ยังไม่รู้จะเริ่มยังไงกับพี่ชายตัวเอง ทั้งๆ ที่ป้าญาณีก็ลุกออกไปแล้ว คินก้มลงมองมือของสีน้ำที่วางมือลงบนหน้าตักก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้
“ทุกคนครับ ที่จริงวันนี้ผมอยากจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักคนๆ หนึ่ง”
“………..”
“ไม่รู้ว่ามันเหมาะที่จะพูดตอนนี้หรือเปล่า แต่ผมตั้งใจจริงๆ อย่างน้อยในอนาคตเขาก็จะมาเป็นครอบครัวเดียวกับผม”
“………”
“นี่สีน้ำ แฟนผมครับ”
สีน้ำยกมือขึ้นมาไหว้ทุกคนแต่ทุกอย่างตรงหน้าก็เงียบกริบจนสีน้ำเริ่มใจไม่ดี บรรดาญาติที่เป็นผู้ใหญ่หันมามองหน้ากันแต่คินก็เบาใจ เมื่อเห็นว่าคนที่เด็กกว่าเขาหรือหลานในวัยมัธยมยกนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมกับบอกว่า วันนี้โคตรเท่! คินยิ้มขำและพอเห็นสีน้ำเอาแต่กำกางเกงเขาแน่นคล้ายกับไม่มั่นใจเลยต้องสอดมือเข้าไปจับไว้แทน
“คิน นี่เราชอบ..”
“ครับ ผมชอบผู้ชายผมเป็นเกย์ น้าดาวเข้าใจถูกต้องแล้วครับ”
“น้ารู้ น้าแค่จะถามว่านี่เราชอบวาดรูปจนได้แฟนชื่อสีน้ำเลยเหรอเนี่ย”
“ผมไม่ชอบวาดสีน้ำครับ แต่เขาเอาสีน้ำมาสาดใส่ผม”
“เฮ้ย! ภาคิน”
ท่าทางลืมตัวของสีน้ำทำให้ทุกคนที่มองอยู่หลุดยิ้ม คินยังบอกว่าอยากให้ญาติทุกคนรับรู้ว่าแฟนเขาคือใคร ไม่ได้หวังว่าใครจะรับได้ทั้งหมดยังไงเรื่องแบบนี้เขาก็เข้าใจ คินยอมรับว่าเขาไม่ค่อยได้คุยกับบรรดาญาติตัวเองสักเท่าไหร่ มีที่อายุเท่าๆ กันก็พอทักทายกันบ้าง อยู่ดีๆ เค้กน่าจะเด็กกว่าเขาสักห้าหกปีก็ตะโกนขึนว่านี่มันเป็นยุคไหน จะคบใคร เพศไหน ก็ไม่ต้องแคร์ ก่อนจะประกาศดังลั่นว่า ใครมีปัญหาให้มาเคลียร์ได้เลย บรรดาญาติผู้ใหญ่เลยพากันหัวเราะกับท่าทางนักเลงนั่น
“โตๆ กันแล้วป้าๆ น้าๆ ก็ไม่เข้าไปยุ่งหรอกแต่เราน่ะภาคิน มาให้เจอหน้าบ่อยๆ แวะมาที่ธนาคารบ้างไม่ต้องไปทำงานก็ได้ ยังไงเราก็พิชญเดชาคนหนึ่ง”
“จะดีเหรอน้าดาว”
“ทำไมล่ะ มากับแก๊งลูกเพื่อนแม่เราก็ได้ เมื่อก่อนจะยังมากินข้าวกันได้ทั้งแก๊ง ตาเบนจามินโตอาตี๋ของน้าตัวโตเท่าไหนแล้วนะไม่เจอกันนาน”
“ไว้บอกแก๊งลูกเพื่อนแม่ให้นะครับ”
“ส่วนเค..ถ้าอยากลาออกน้าก็เข้าใจ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมทำงานที่นี่ต่อได้ยังไงผมก็อยู่กับมันจนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว”
“มีสิ่งที่อยากทำไหม”
“มีครับ แต่ผมทำไปพร้อมกับงานธนาคารได้ มันอาจจะเคยเป็นความฝันแต่ตอนนี้มันเป็นแค่งานอดิเรกผมก็พอใจแล้วครับ”
“ลาพักร้อนใช้ซะมั่ง ลางานไปเตรียมงานแต่งได้แล้วเจ้าสาวน้อยใจแย่ น้ำฟ้าน่ารักนะเจอที่ธนาคารก็ยิ้มหวานให้”
“ครับ ว่าจะคุยเรื่องนี้อยู่เหมือนกันยังไม่ได้เริ่มอะไรสักทีกลัวเขาหนีไปแต่งกับคนอื่น”
“ภาคิน”
“ครับ”
“ฉลาดไม่เปลี่ยนเลยนะ รู้เลยว่าวางแผนมานานเอกสารของตาแคนเราเป็นคนส่งให้น้าใช่ไหม รายละเอียดวันเวลาเป๊ะขนาดนั้น”
“ผมทนเห็นพี่ชายผมโดนเอาเปรียบไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้วครับ ผมก็รักพี่ชายผมเหมือนกัน”
“โตขึ้นเยอะเลยนะแล้วก็ดูสดใสขึ้นด้วย เมื่อก่อนเจอกันทีไรดูอึมครึมตลอด”
“สดใสขึ้นเพราะคนนี้ครับ”
“โอ๊ย หลงแฟนเหลือเกินนะเรา สีน้ำ”
“ครับ”
ทั้งโต๊ะเงียบลงเมื่ออยู่ดีๆ น้าดาวก็ดูเป็นงานเป็นการแถมยังเรียกสีน้ำด้วยน้ำเสียงที่ดูน่ากลัวอีกต่างหาก สีน้ำยิ้มให้พร้อมกับกระชับมือของภาคินไว้แน่น ก่อนที่น้าดาวจะยิ้มออกมาพร้อมกับบอกว่าแกล้งเล่นเห็นนั่งซะตัวแข็งทื่อเป็นท่อนไม้ เสียงโวยวายดังลั่นโต๊ะตามด้วยบรรดาเด็กๆ ที่ทำท่ามอบมงให้น้าดาว พร้อมกับบอกว่ารู้แล้วว่าใครที่จะมาทำตำแหน่งนี้แทนป้าญาณี
ภาคินมองภาพวุ่นวายตรงหน้าก่อนที่จะชะงักไปเพราะสัมผัสตรงกลุ่มผม พี่เคยังคงมองบรรดาญาติปรบมือชอบใจแต่มือก็คอยลูบผมเขาเหมือนตอนเด็กๆ สุดท้ายน้าดาวก็ต้องบอกให้ทุกคนมานั่งกับที่ก่อนจะบอกว่าต่อไปนี้ก็ให้เริ่มกันใหม่ พร้อมกับหันมายิ้มให้สีน้ำที่ยิ้มตอบ
“พิชญเดชายินดีที่ได้รู้จักนะ สีน้ำ”เป็นการกินข้าวบ้านแฟนที่แปลกใหม่มากมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย อย่างตอนนี้บรรดาญาติๆ ของพิชญเดชากำลังสั่งข้าวไข่เจียวกับแม่บ้าน เพราะไม่อยากจะแตะต้องอาหารที่คุณป้าญาณีเป็นคนสั่ง คนเริ่มเรื่องนี้คือคุณเคที่บอกว่าไม่ได้กลับมากินข้าวบ้านมานานแล้วติดประชุมตลอด เลยสั่งข้าวไข่เจียวหมูสับ พอคุณเคเริ่มก็ภาคินก็ยกมือตามว่าขอไข่เจียวดอกอัญชัญแต่ป้านิ่มก็สวนกลับมาว่า จะไปเก็บดอกอัญชัญมาจากไหนเลยเปลี่ยนเป็นไข่เจียวแหนมแทน แล้วหลังจากนั้นก็ต่อกันเป็นทอดๆ ครบทั้งครอบครัว ตรงหน้าสีน้ำตอนนี้ก็มีข้าวไข่เจียวใส่หอมแดงหอมฉุยวางอยู่
“ฝีมือป้านิ่มไม่เคยตก แค่ข้าวไข่เจียวก็ชนะเลิศ”
“เออ คินวันก่อนป้าสั่งรูปจากร้านเราด้วยนะคิน เอามาติดที่ห้องทำงานสวยเช้ง”
“ไม่บอกผมเองล่ะครับ จะได้เอามาให้”
“ของซื้อของขาย ขืนบอกเราก็ให้ฟรีๆ อีก”
“เปล่า ถ้าเป็นของป้าก้อยผมจะได้บวกเพิ่ม”
“ตาคินนี่เจ้าเล่ห์ตั้งแต่เด็กยันโต แล้วอีกอย่างเปิดร้านบ้างย่ะ ฉันบอกลูกค้าไปกี่คนกี่คนเขาก็บอกร้านเจ๊งไปแล้วหรือเปล่า เห็นปิดประตูตลอด โมโหเลยมาว่าร้านของหลานฉันเจ๊ง”
เสียงหัวเราะของภาคินทำให้สีน้ำหันไปมอง เขาไม่รู้หรอกนะว่าทุกครั้งที่คินกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากับญาติๆ จะมีความรู้สึกแบบไหนแต่ครั้งนี้น่าจะแตกต่างออกไป เสียงพูดคุย เสียงหัวเราะ บนโต๊ะกินข้าวตัวใหญ่มันก็คงจะดีกว่าทุกครั้ง และสิ่งที่ทำให้สีน้ำชื่นใจที่สุดก็คือ พี่เคค่อยๆ แบ่งข้าวไข่เจียวหมูสับในจานตัวเองแล้วแบ่งให้คินที่เอ่ยขอบใจเบาๆ ท่าทางเกร็งๆ ของทั้งคู่ทำให้คนบนโต๊ะอาหารต้องแอบยิ้ม
กว่าทุกคนจะแยกย้ายก็ดึกมาแล้ว ทั้งโต๊ะอาหารเลยเหลือเฉพาะ พ่อ แม่ พี่ชายและภาคิน นั่งเงียบกันอยู่นานจนพ่อเป็นฝ่ายเริ่มก่อน พ่อและแม่ของคินเอ่ยขอโทษลูกทั้งสองคนที่ไม่เคยปกป้องอย่างเต็มที่ ทั้งๆ ที่ก็รู้ว่าเคต้องเจออะไร แล้วก็ขอโทษคินเหมือนกันที่ปล่อยให้ป้าญาณีเอาแต่ว่า เพราะคิดมาตลอดว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นทั้งสองคนจะลำบาก สรุปแล้วเรื่องที่พ่อแม่จะคุยด้วยหลังกินข้าวก็คือเรื่องนี้แต่ภาคินก็เป็นฝ่ายเปิดเรื่องซะก่อน
“ตอนนี้พ่อกับแม่โอเคหมดนะถ้าเคจะไม่ทำงานที่ธนาคารต่อ ไปทำบริษัทอื่นหรืออยากทำธุรกิจเองแบบคินก็ได้”
“ผมทำงานที่ธนาคารต่อได้ ผมเรียนรู้งานทางด้านนี้มาเยอะแล้วไว้ถ้ามีอะไรที่อยากทำผมจะค่อยๆ เริ่ม พ่อกับแม่ไม่ต้องกังวลหรอกครับ”
“ไม่อยากเป็นนักเทควันโดทีมชาติแล้วเหรอไง”
เคเงียบไปเพราะไม่รู้ว่าคินรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แต่สุดท้ายเคก็ส่ายหน้าพร้อมกับบอกว่ามันเป็นความฝันในวัยเด็ก และก็มันคงย้อนกลับมาไม่ได้แล้ว ยังไงทางที่ดีที่สุดก็ควรอยู่กับปัจจุบันจะดีกว่า ภาคินยอมรับว่าเขาเคยยกให้พี่เคเป็นไอดอล และความรู้สึกนั้นก็หายไปเมื่อพี่เคกับเขาต้องห่างกัน จนกระทั่งวันนี้พี่ชายคนเดียวต้องทำห่างเหินกับเขา ต้องทนให้ใครคนหนึ่งเจ้ากี้เจ้าการชีวิต เพียงเพราะไม่อยากให้ทำเข้ามาทำงานธนาคารที่โคตรไม่ชอบ แล้วก็เท่ที่หนึ่งตอนที่ทิ้งความฝันในวัยเด็กเพื่อรับผิดชอบงานที่ต้องทำ
“ไว้ว่างๆ กลับมาแข่งกันไหม”
“สายเหลืองจะมาท้าสายดำเหรอ”
“นัดมาเลยเดี๋ยวได้รู้”
ภาคินยกหมัดตั้งท่าเหมือนจะสู้จริงๆ เคแค่ส่ายหน้าไปมาก่อนจะบอกขนาดยกมือตั้งท่าเริ่มยังผิดเลย แน่นอนว่าภาคินแกล้งทำเป็นปล่อยหมัดใส่พี่ชาย ที่แกล้งทำเป็นหลบไปมาเสียงหัวเราะของทั้งคู่ทำให้คนเป็นแม่ปล่อยโฮออกมา จนทุกคนรวมถึงแม่บ้านต่างตกอกตกใจกันใหญ่ แต่เจ้าตัวก็แค่ปาดน้ำตาแล้วบอกว่า นึกว่าชาตินี้พี่น้องทั้งสองคนจะกลับมาดีกันไม่ได้แล้ว พี่น้องเคคินเลยต้องกลับมากอดคอให้แม่ได้ชื่นใจอีกครั้ง
“แล้วตามสืบเรื่องพี่แคนมานานหรือยัง”
“นานแล้วพี่เค ที่จริงก็สงสัยมานานตอนแรกเห็นใช้เงินโคตรเก่ง ทั้งซื้อรถแพงๆ คอนโดอีก ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนไม่ขนาดนี้ งานรวมญาติก็ไม่เคยมา ป้าญาณีเอาแต่บอกประชุมต่างประเทศประชุมอะไรนักหนา”
“เรื่องนี้พี่ก็สงสัย ทุกโปรเจกต์มีชื่อพี่แคนทุกงานแต่ไม่เคยเห็นเข้าประชุม”
“ป้าญาณีหลอกให้พี่เคทำงานแทนพี่แคน บางงานไม่ใส่ชื่อพี่ด้วยซ้ำใส่แค่ชื่อลูกตัวเองยอมได้ที่ไหน”
“เก่งเหมือนเดิมนะเรา พี่เพิ่งรู้เมื่อไม่นานนี้เอง”
“เอ๊า..ใช้เงินของตระกูลเราไปเล่นพนัน มันก็ควรจะต้องเจอกันสักตั้งผมยังไม่เคยได้ใช้สักบาท”
“เกือบดีแล้ว”
“เฮ้ย ล้อเล่นรวยด้วยตัวเองได้ไม่ง้อหรอกนะ”
“งั้นหุ้นก็ไม่ต้องเอา”
“มีแฟนต้องดูแลอย่าทำแบบนี้ หลอดสีน้ำหลอดละสามพันนะนายธนาคารรู้ยัง”
พอถูกพาดพิงสีน้ำก็ฟาดใส่พร้อมกับบอกว่าเวอร์ตลอด เคหันมายิ้มแล้วเอ่ยขอบคุณสีน้ำที่เจอกันวันนั้นที่ผับ พอพูดเรื่องนี้คินก็ขมวดคิ้วจนสีน้ำต้องบอกว่าเดี๋ยวเล่าให้ฟังทีหลัง และมันก็เป็นอย่างที่สีน้ำคิดมาตลอดคุณเคพยายามให้คินออกห่างจากงานธนาคาร แต่ก็ยังห่วงน้องชายคนนี้คอยดูคอยตามอยู่ตลอด คินเองถึงจะบอกว่าต่างคนต่างอยู่ แต่ก็ให้คนไปสืบทุกเรื่อง เพราะกลัวว่าพี่ชายจะโดนเอาเปรียบ รู้แม้กระทั่งว่าพี่ชายต้องไปพบแพทย์เรื่องที่นอนไม่ค่อยหลับเพราะเครียดเรื่องาน สีน้ำยังเคยแอบเห็นว่าคินสั่งสินค้าต่างๆ ที่ทำให้นอนหลับแล้วแอบส่งไปให้พี่ชาย
“สีน้ำครับ”
“ครับ”
“ตอนนี้สีของผมยังเป็นสีเทาอยู่หรือเปล่า”
“ครับแต่เป็นสีเทาอ่อน แล้วก็เป็นสีเทาอ่อนที่เท่มากๆ”“ขอบคุณสำหรับคำพูดวันนั้นนะครับ ถึงคุณจะเมาเล็กน้อยแต่มันทำให้ผมคิดได้จริงๆ”
“ถ้าจะกันให้คินออกห่าง ถ้าจะทำเป็นใจร้ายก็ขอให้ทำอย่างที่ตั้งใจไว้ไม่ใช่ครึ่งๆ กลางๆ แต่ถ้าจริงๆ แล้วไม่ได้คิดแบบนั้น ถ้าจะปกป้องก็ปกป้องให้ถึงที่สุด อาจจะเท่กว่าก็ได้นะ”เคยกนิ้วโป้งขึ้นมาพร้อมกับบอกว่าขอบคุณ สีน้ำเองก็ยิ้มรับไม่น่าเชื่อเลยว่าตอนเมาเขาก็พูดอะไรที่มันมีประโยชน์ได้เหมือนกัน และแน่นอนว่าคนที่นั่งอยู่ตรงกลางของทั้งสองคนอย่างคินต้องรีบแทรกตัว พลางถามว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องท่าทางไม่ยอมเหมือนเด็กอนุบาลทำให้ทั้งสีน้ำและเคหัวเราะ
“ค่อยสมกับเป็นน้องชายคนเล็กหน่อย”
“วันนี้ดูอายุน้อยกว่าผมด้วย ทุกทีคินชอบทำตัวโตกว่าอายุตลอด”
“เมื่อก่อนร้องเก่งจะตาย โดนทิมแกล้งก็วิ่งร้องไห้จ้ากลับบ้านแล้ว”
“อยากเห็นเลย ภาคินตอนเด็กต้องน่ารักมากแน่ๆ”
“พอทั้งคู่เลย! สนิทกันตั้งแต่ตอนไหน เจอกันที่ไหนอะไรยังไงแล้วใครเมาขอรายละเอียดหน่อย สีน้ำเล่ามา”
เคกับสีน้ำต้องแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินที่คินโวยวาย และคนที่ปล่อยโฮอีกรอบก็ยังเป็นแม่ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะ เพราะไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้เห็นภาพพี่น้องสุขสันต์แบบนี้อีกครั้ง
...............
...................................................