03 ซื้อไม่ได้(ถ้าไม่มากพอ)
“ไอ้เหี้ย อย่างจี้”
เรื่องจริงมันเศร้า เรื่องเล่ามักตลกเป็นคำคมที่ใช้ได้เสมอเมื่อเล่าเรื่องฉิบหายของตัวเองให้คนอื่นฟัง รูมเมทเพียงคนเดียวของผมขำจนแก้มกระเพื่อม ส่วนหญิงสาวผู้ส่งผมไปพบความฝันอันสูญสลายได้แต่ยิ้มเจื่อน ถ้าไม่ติดว่าสวยมึงซวยแน่ ข้อหาพังอิมเมจเทพบุตรสุดคูลของผมภายในครึ่งวันทำการ
“แล้วยังไงวะ พอหนีออกมาจากห้องน้ำได้มึงทำยังไงต่อ”
“ก็เทโจ๊กไว้ให้แล้วเปิดแนบสิครับ รออะไร”
“เอ๊า แล้วสรุปมึงช่วยอะไรพี่กะทิได้บ้าง” ประโยคสุดท้ายเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด หมายถึงผมนะที่อยากจะหักเหลี่ยมมันใจจะขาดแต่ไม่มีอะไรไปแข็งข้องัดด้วยได้ถาม ใต้ต้นก้ามปูที่แผ่กิ่งก้านสาขากว้างใหญ่ ไอ้เพื่อนเวรก็นั่งหัวเราะไประหว่างรอเข้าคลาสถัดไปที่ตั้งใจลงเรียนพร้อมกัน
ผมตอบด้วยการถอนหายใจพรืดยาว ก่อนพรั่งพรูความอัดอั้นออกมายาวเหยียดเหมือน
“จะให้กูช่วยอะไรได้ แค่เอาตัวรอดก็เกือบไม่ไหว ไอ้ควาย”
“โห แล้วฟาดตั้งสองพัน ฟ้าอย่าไปให้มัน เอาไปสองร้อย แค่ทิ้งขยะ กทม.เก็บขยะทั้งเดือนยังคิดแค่ 50 บาท ไอ้น้ำมนต์”
“เข้าไปเก็บขยะห้องพี่ทิง่ายมากมั้ง คิดว่ากระจอกขนาดนั้นไม่ไปทำเองล่ะวะ” อย่าให้ฉอด เพราะถ้าน้ำมนต์ฉอดจะฉอดไม่หยุด ผมไม่ชอบนิสัยตัวเองแบบนี้เลย แง่ง
“โอ๊ย อย่าทะเลาะกัน เอาน่า อย่างน้อยก็รู้ว่าพี่ทิยังรู้เรื่องว่ามีคนแปลกหน้าเข้าไปในห้อง นี่น้ำมนต์ เย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันไหม พี่ลมอยากเจอน้ำมนต์”
“อยากเจอเราอะนะ”
ผมทำหน้าหมาสำลักน้ำลาย กลืนไม่เข้าคายไม่ออกสุดๆ พูดมาขนาดนี้ก็รู้แล้วว่าอยากเจอเพราะอะไร ผมเคยได้ยินชื่อพี่ทิวลมอยู่บ้าง แต่ฟ้าไม่ได้เล่าให้ฟังบ่อยๆ แน่นอน ผมก็ไม่ได้อยากฟังเรื่องของพี่ลมบ่อยๆ เหมือนกัน เว้นเสียแต่ว่าพี่ลมเป็นผู้หญิง
“โน ฟ้า เรารับงานนี้ไม่ไหว ลาออก อย่างนี้ต้องลาออก”
“เฮ้ย อยากให้เจอกันเฉยๆ บ้า แกอะคิดม้าก”
คนไม่คิดทำเสียงสูงเหมือนขึ้นไปพูดอยู่บนยอดเขาเอเวอเรสต์ น่าเชื่อถือมาก ไอ้อุ้ยโกหกว่าไม่มีกิ๊กยังน่าเชื่อกว่า
“แหม ไหนๆ ก็เลิกเรียนพร้อมกัน ถือว่าพี่ลมเลี้ยงข้าวขอบคุณที่เข้าไปดูพี่กะทิหน่อยก็แล้วกัน ใช่ไหมนิว”
“ข้าวที่ไหนอะ”
นี่สิครับที่ว่าเพื่อนกินหาง่าย เพื่อนตายก็ปล่อยมันไป ไอ้นิวจะเป็นรูมเมทของผม เพื่อนคู่เตียงเคียงคู่หมอนของผม!
“เดอฟีนอมีน่อล”
“ตกลง! ไปดิน้ำมนต์ ร้านนั้นพิซซ่าผักโขมอร่อยมาก”
“แพงมากๆ ด้วย”
ทิวฟ้าเป็นผู้หญิงที่ฉลาดและโกงเก่ง ขอบคุณที่สนใจเรื่องบริษัทมากกว่าลงการเมือง ผมบอกได้โดยไม่ต้องใช้หมอดูคนไหนก็รู้ได้ทันทีว่าฟ้าสายเปย์พร้อมจะซื้อเสียงเพื่อความเป็นใหญ่ของตัวเองแน่ๆ เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะการเช็กบิลย้อนหลังมันคุ้มกว่าการลงทุนไง
“เออๆ ถ้าจะไปก็ไป ตามใจ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าไม่ได้ผลหรอก เราต้องทำธีสิสจบ ถึงจะอยากช่วยฟ้าแค่ไหนก็คงทำไม่ได้หรอก”
ผมดักคอ ขณะเดียวกันก็มีรอยยิ้มปรามาศจากรูมเมทผู้รู้เท่าทันผมคอยเย้ยหยันข้างๆ ทิวฟ้าฉีกยิ้มกว้าง กว้างแบบที่เห็นแล้วใครใจไม่สั่นมันผู้นั้นไม่ใช่คน ผมเหมือนโดนสะกดให้เท้าคางมองภาพตรงหน้าเพ้อๆ บทเพลงบางท่อนบางตอนของพี่กะทิลอยเข้ามาในหัว เมโลดีของเปียโน ผสมผสานกันกับกีต้าร์คลาสสิค ความรู้สึกของผมไหวเอน คล้ายกับว่าจะยอมทำตามทุกคำสั่งของฟ้าแค่หญิงสาวออดอ้อนสักคำหวานๆ ให้ชื่นใจ
“ฟ้าดีใจน้าที่น้ำมนต์ช่วย”
“อื้อ”
ผมยิ้มเขิน เกาท้ายทอย เสเบือนสายตาหลบดวงตาวาววับ ความลำบากของคนแอบรักเพื่อนก็เรียกว่ายากมากๆ แล้ว ถ้าไม่เซียนจริงคงไม่หน้าด้านหน้าทนนั่งตรงนี้ทั้งที่แฟนมันก็เป็นเพื่อนตัวเองเหมือนกันอย่างนี้หรอก เสียงหัวเราะขึ้นจมูกของไอ้นิวยังฟังรกแก้วหู มันเป็นเพียงคนเดียวที่รู้จักความคิดของผม กระนั้นนิวก็ไม่ได้ห้ามปรามจริงจัง ตราบใดที่ผมอยู่ในเส้นแดนของผม ไม่ก้าวล่วงพังทลายความสัมพันธ์ของพวกเราลงครืนด้วยความคิดวูบไหวไปตามอารมณ์
แน่ล่ะ...เพราะผมกับฟ้า ไม่มีอะไรคู่ควรกันเลย
ไม่ต้องย้ำ ภาพก็ชัดเจนทุกอย่างเสมอมา
การพบกันครั้งแรกของผมกับพี่ทิวลม พี่ชายอายุมากกว่าทิวฟ้าถึงสิบปีเกิดขึ้นในร้านอาหารฟิวชั่นไทยอิตาเลี่ยน ไอ้นิวสั่งเมนูในฝันไม่ยั้ง ไม่มีคำว่าเกรงใจ ไม่เคยแคร์คอเรสเตอรอลหรือน้ำหนัก ฟาดคนเดียวยาวเหยียดจนคนอื่นไม่ต้องสั่งเพิ่มตามเคย สั่งไม่ดูฐานะ สั่งเหมือนอยากกินให้อิ่มไปจนถึงชาติหน้า ซึ่งรอบนี้นางฟ้าของผมไม่ขัด ก็นะ...หัวคะแนนอย่างไอ้นิวมีคนเดียวก็เกินคุ้ม เลี้ยงหนึ่งครั้งทวงบุญคุณหนึ่งเทอม เทอมหน้านับใหม่ ถ้าไม่มีเบี้ยใบ้รายทางที่ต้องไหว้วานอะไรเพิ่มเติม
สำหรับผมแล้วจะเรียกว่าเคยชินกับไลฟ์สไตล์ของคนรวยก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่แปลกใจถ้าเมื่อย่างกรายลงจากรถหรูของไอ้อุ้ยแล้วพนักงานจะบริการราวผมเป็นเทวดา จากไอ้น้ำมนต์ของคนที่บ้านกลายเป็นคุณผู้ชายแค่เดินตามไฮโซนนท์เท่านั้น ความยุติธรรมของชุดนิสิตคือแม้ว่าฐานะทางบ้านผมจะห่างชั้นกับคุณชายนนท์แค่ไหนก็ไม่ดูประดักประเดิดเกินไป ออกแนวคล้ายบอยแบนด์ที่ต้องมีคาแรคเตอร์ของตัวเอง ผมขอนำเสนอตัวเองในมาดของผู้ชายที่มีฐานะ ฐานะยากจน
ร้านอาหารเดอมาพอห์นซัมธิงที่ว่าตั้งอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นร้านในโรงแรมหรูหราระดับหกดาว คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะ new rich asian อย่างคนจีน อีหล่งฉ่งฉ่างกันทุกถิ่นที่ ทิวฟ้ารู้จักร้านนี้ดี เปิดห้องอาหารสุดเอ็กคลูซีฟ สุดไพรเวทด้วยเงินไอ้อุ้ย น้ำเปล่าที่เสิร์ฟก็ไม่ใช่น้ำก๊อก หรือน้ำประปา แต่เป็นน้ำแร่ธรรมชาติ จานชามสะอาดสะอ้าน แม้แต่ทิชชู่ยังดูดีกว่าเสื้อนักศึกษาที่ผมสวมด้วยซ้ำไป
“สวัสดีค่ะคุณแอ้ พี่ลมมาหรือยังคะ ไม่ตอบข้อความฟ้าเลย”
“มาแล้วค่ะ คุณลมติดสายอยู่” ผู้จัดการร้านเข้ามาทักทายทิวฟ้า ผมชะเง้อคอมองหาคนที่น่าจะหน้าตาละม้ายหญิงสาวที่สุด กระทั่งพี่ลมเดินเข้ามาจริงๆ ก็ตอบได้ในปราดตาเดียวว่าทิวลมและทิวฟ้าเป็นพี่น้องคลานตามกันมาไม่ผิดเพี้ยน
“ว่าไงเจ้าอุ้ย สั่งอะไรไปหรือยัง”
“สั่งแล้วครับ เพื่อนผมกินจุหน่อยนะ เดี๋ยวผมช่วยออก”
“ไม่ต้องๆ เป็นเด็กเป็นเล็ก คนไหนชื่อน้ำมนต์ล่ะ” เข้าเรื่องรวดเร็ว ฉับไว พี่ลมไม่ได้มีท่าทางเหมือนคนอายุสามสิบเลยสักนิด เขาทั้งสมาร์ทและกระฉับกระเฉง ยิ้มแย้มแจ่มใส หน้าตาขาวใสเปล่งประกายอย่างคนเชื้อจีนแรงกล้า ผมยกมือไหว้ก่อนไอ้นิวจะทำตาม อุ้ยชี้มาทางผมแล้วแนะนำให้รู้จัก
“คนนี้ชื่อน้ำมนต์ครับ ไอ้อ้วนนั่นชื่อนิว น้ำมนต์เรียนเอกการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ส่วนนิวเรียนเอกการจัดการเจ้าของธุรกิจ”
ในสายวิชาบริหารของมหาวิทยาลัยผมเปิดรับนักศึกษาเข้าเรียนสาขาใหม่ๆ หลายอัตรา และแม้ว่าตอนปีหนึ่งเราจะเรียนด้วยกันทุกตัว เมื่อขึ้นปีสองแต่ละคนก็เลือกเอกเป็นของตัวเอง อย่างอุ้ยก็เรียนบริหาร ส่วนฟ้าเรียนสายงานการจัดการกับต่างประเทศ เหลือเพียงบางวิชาเท่านั้นที่ยังลงเรียนเซคเดียวกันอยู่
“อ้อ คนนี้เอง หน้าตาดีนะเรา”
“หา?” พี่ลมเป็นคนแรกเลยที่ชมแบบนี้ เขายิ้มกรุ้มกริ่ม ไม่น่าไว้ใจ หลอกชมให้กูทำงานให้หรือเปล่าเนี่ย “ผมน่ะแค่ไปวัดหมาไม่หอนก็ดีใจแล้วครับ”
“ก็เวอร์ไป แต่หน้าตาดีจริงๆ จัดการแต่งตัวให้ดีๆ หน่อยปั้นได้เลยล่ะ สนใจไหม”
“พี่ลมเป็นนักปั้นเด้อ ตาถึง” ทิวฟ้าอวยพี่ตัวเองสุดใจ แล้วไง ปั้นผมเป็นดาราแล้วฟ้าจะเลิกกับไอ้อุ้ยมาคบกับผมไหมล่ะ ถ้าไม่ก็อย่ามาอวยดีกว่า “คนนี้แหละค่ะที่ฟ้าบอกว่าเป็นแฟนคลับพี่กะทิ”
“ทิมันคงดีใจนะที่ยังมีแฟนคลับ ตั้งแต่มันทำงานให้ค่ายก็ไม่ค่อยเจอแฟนเพลงตัวเอง มันเขียนเพลงให้น้องเจนเสียเยอะด้วย แฟนเพลงก็สนใจแต่หน้าตากับท่าเต้นมากกว่าเนื้อหาที่ทิเขียน”
ผมเห็นด้วย ก็น้องเจนโดดเด่นเด้งดึ๋งขนาดนั้น ทว่าเรื่องที่พี่ทิคบกับเด็กในสังกัดก็เป็นเรื่องที่รู้กันแคบๆ ผมยังเห็นน้องเจนให้สัมภาษณ์ครั้งล่าสุดว่าหัวใจยังว่างอยู่เลย เหอะ หัวใจว่างแต่ห้องไม่ว่าง อยู่กับผัว แต่พูดไม่ได้
“วันนั้นเข้าไปไอ้ทิแผลงฤทธิ์อะไรหรือเปล่า”
“ก็มีบ้างครับ แต่ผมไม่ได้ทำอะไรเยอะนะ แค่เอาขยะไปทิ้ง พี่ทิเมาไม่รู้เรื่อง”
“เหรอ วันหลังไปอีกสิ”
นั่น...ผมมองฟ้าค้อนขวัก ส่วนคนลากผมมาเชือดกลางห้องอาหารเฉไฉเล่นโทรศัพท์ เรด้ารับสัญญาณเพื่อนเสียกะทันหันนะมึง
“ไม่ไหวหรอกพี่ ผมปีสี่แล้ว ต้องทำธีสิสจบอีก”
“แต่ไม่หนักไม่ใช่เหรอ ฟ้าบอกว่าเมื่อก่อนเราสอนพิเศษด้วย พี่ว่าน้ำมนต์ทำได้ ไอ้ทิมันไม่มีอะไรหรอก ถ้าพามันไปหาหมอบำบัดเรื่องติดเหล้าได้น่ะนะ”
“ถ้าไม่มีอะไรทำไมพี่ลมไม่ดูแลเองล่ะครับ”
“พี่มีงานต้องทำเยอะไปหมดเลยว่ะ อีกอย่างไม่ค่อยมีศิลปะในการพูดกับมันด้วย เข้าใจใช่ไหมพอคนเราสนิทกันมากๆ ช่องว่างของความเกรงใจจะหายไป พี่เห็นมันทำเพลงตั้งแต่ตอนทำลงยูทูป”
“ใช่ไหม! ผมก็ตามพี่ทิตั้งแต่ตอนนั้น พี่เขาไปสุดมาก แต่ไม่เคยเล่นให้เห็นหน้านะ ผมเห็นแต่มือตอนโซโล่กีต้าร์ อย่างเท่ นิ้วสวยมาก นิ้วเรียวยาวอย่างกับผู้หญิง”
“จริงๆ มันหล่อนะ”
“โห วันที่ผมเห็นห่างไกลมากพี่ หนวดเคราเฟิ้มเชียวโทรมเหมือนผีดิบ บอกว่าเป็นผีดิบผมก็เชื่อนะ แต่ผมรอด ซอมบี้แม่งกินสมอง ผมไม่ค่อยมี”
“น่ารักนะเราน่ะ”
เอะเอ๊? !?
ตอบน้ำมนต์ทีว่าทำไมถึงจบประโยคด้วยคำนี้ ผมมองทิวฟ้าโดยอัตโนมัติด้วยประโยคคำถามว่าฟ้าๆ พี่มึงชมเพื่อนแบบนี้ทุกคนมั้ย
“ไม่ได้นะพี่ลม”
“อะไร ชมไม่ได้เหรอ ฟ้านี่หวงเพื่อนจังเลยเนอะ มีเพื่อนน่ารักแบบนี้ไม่เคยพามาให้พี่เจอ”
“ไม่ชมนิวบ้างล่ะ นิวก็น่ารัก”
คนถูกพาดพิงคว้าส้อมมีดรอแล้ว ชะเง้อคอยาววว่าเมื่อไหร่อาหารจะมาเสิร์ฟ ออเดิร์ฟเป็นยำผลไม้ มิกซ์แอนด์แมชเบอรี่กับสูตรน้ำยำสไตล์ไทย นิวไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกับผม มาเพื่อกินและชัดเจนเสมอมา
“เข้าเรื่องเลยดีกว่า พี่ว่าไอ้เจ้าทิมันติดเหล้าน่ะ”
พี่ลมตัดบทไม่ให้ผมกระอักกระอ่วน มีอะไรเซอร์ไพรส์เหรอครับ สภาพที่ผมเห็นคราวนั้นก็น่าจะติดเหล้าอยู่แล้ว งอมแงมทีเดียว
“ผมเห็นตามโรงพยาบาลก็มีคนให้คำปรึกษาเรื่องบำบัดอาการติดเหล้านะพี่”
“ไอ้ทิมันไม่ไปนี่สิ”
“อ้าว แล้วเขาทำงานได้เหรอครับ”
“ไม่ได้น่ะสิ” ใช่ นั่นไง แล้วทำไมไม่ไปวะ “กะทิบอกว่าไม่ทำเพราะไม่อยากทำ ไม่เกี่ยวกับเหล้า”
“ไม่เกี่ยวได้เหรอ ตื่นมาก็อ้วก อ้วกเสร็จจะดื่มต่อเลยหรือเปล่าก็ไม่รู้ สภาพเหมือนโดนของ”
“เออ ใช่ไหม”
ผมเริ่มคุยกับพี่ลมรู้เรื่อง เห็นพ้องต้องกันว่าอยากให้พี่กะทิเข้าบำบัด เหตุผลหลักคืออยากให้เขากลับมาทำงานอีก อย่างน้อยก็ในฐานะคนเขียนเพลงก็ได้ ไม่ต้องเล่นร้องเหมือนสมัยยังไม่ดังเพราะตอนนี้ไม่มีน้องเจนคอยขับขานส่งต่อท่วงทำนองคล่องหูอีกต่อไปแล้ว แต่ผมว่าพี่กะทิก็ทำเพลงให้ดังได้ แมสได้ แมสแบบเพราะๆ ก็เยอะแยะไป
“บางคนเขาต่อต้านเพลงแมสนะ”
“ทำไมอะครับ”
“เขาเชื่อว่ามันขายวิญญาณ” พี่ลมว่า ตักพาสต้าใกล้มือใส่จานแบ่งให้ผม อาหารกระจุ๋มกระจิ๋มพรรค์นี้กินไม่ทันอิ่มก็เลี่ยนก่อน น้ำมนต์รักในข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู ปีกไก่ทอดน้ำปลา ยำปลาดุกฟู แบบนัวๆ ร้านริมทาง ยิ่งสภาพสกปรกยิ่งอร่อย อร่อยระดับเลียจาน
“ขายวิญญาณยังไงอะพี่”
“ก็นายทุนเข้าใช่ไหม พอนายทุนเข้าก็ทำตามใบสั่งของนายทุน มันเลยเป็นเพลงที่ไม่ค่อยได้คุณภาพ มีนักเขียนเพลงแค่ไม่กี่คนหรอกนะที่เป็นมืออาชีพ พี่หมายถึงต่อให้มีใบสั่งก็เขียนเพลงตามใบสั่งได้สวยงาม”
“อย่างพี่กะทิเรียกว่ามืออาชีพไหมครับ”
ผมถาม พี่ลมยิ้ม ดวงตาเป็นสระอิคล้ายทิวฟ้า แต่โครงหน้าความเป็นผู้หญิงของฟ้าน่ารักกว่า กระนั้นองศามุมปากก็ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ อาจเป็นลักษณะรอยยิ้มที่ดูเหมือนคนเจ้าเล่ห์ ลุ่มลึก และดูรว้ายๆ เหมือนกันทั้งบ้าน
“กะทิไม่เขียนเพลงตามใบสั่ง แต่มีวินัย ถ้าบอกว่าอยากได้เพลงเดือนไหน ให้ใครร้อง เขาจะหาแนวทางของนักร้องคนนั้นแล้วแต่งเพลงออกมา ทุกเพลงของกะทิเลยติดหู แล้วก็เป็นแมสเพราะความโปรเฟสชันแนล”
ผมแม่ง โคตรเลื่อมใสพี่ทิเลย
“เสียดายที่ตอนนี้ขาดวินัย แต่เขาเป็นคนอินดี้ คนอินดี้กับงานอินดี้ไม่เหมือนกันนะ หมายถึงไลฟ์สไตล์ บางทีบอกให้เขาเขียนเพลงส่งภายในเดือนมกรา ในธีมครบรอบก่อตั้งห้างสรรพสินค้า เขาจะหายไปแบบตามตัวไม่ได้ แต่กลับมาอีกทีพร้อมงานที่ดีที่สุด”
“ต้องแก้ไหมพี่”
“มีบ้าง ธรรมดา บางครั้งแก้หลายรอบ บางครั้งไม่ต้องแก้เลย บางครั้งสั่งแก้ เขาไม่แก้ แต่เล่นให้ดู เฮ้ย มันดีว่ะ แต่นักร้องเรามือไม่ถึงจริงๆ จะให้กะทิร้องก็ไม่ร้อง พอร้องมากๆ ต้องรับอีเวนท์ เราเข้าใจใช่ไหมว่าบางทีร้องตามผับก็มี ต้องเซอร์วิส กะทิทำไม่ได้ เขาชอบร้องเพลง ไม่ได้ชอบเล่นตลก”
จะว่าไปทิวากรก็เป็นที่โด่งดังเพราะเปิดยูทูปมาไม่พูดพร่ำทำเพลง ไม่แนะนำตัวอะไรทั้งนั้นดีดกีต้าร์นำ บางทีก็ตั้งกล้องถ่ายแผ่นหลังกว้างกับเปียโนตัวนั้น เปียโนสีดำโบราณ คนจับได้ว่าเขาเป็นใครจากรอยสักที่นิ้วรูปตัวหนอนเหมือนในแป้นพิมพ์ ไม่มีใครเล่าประวัติของมัน แม้แต่เจ้าตัว พี่กะทิเลยเป็นไอดอลซึ่งคล้ายการอุปโลกขึ้นมาว่ามีตัวตนหรือไม่มี นึกถึงครั้งที่นักร้องชายบางคนถูกสร้างข่าวลือว่าเป็นผู้หญิง จนถึงทุกวันนี้ยังมีคนเชื่อแบบนั้น ตลกดี
“น้ำมนต์ชอบเพลงไหนของกะทิที่สุดเหรอ”
“ผมเหรอ ผมชอบเพลงดนต์บรรดาล เคยได้ยินคำว่าดลบรรดาล แต่พี่ทิเอาคำว่าดนต์จากดนตรีมาเล่นคำ ผมว่าเขามีความรู้ด้านภาษาไทยที่เฉียบมาก ไหนจะความคิดสร้างสรรค์ ถามผม ผมตอบไม่ได้หรอกว่าคิดได้ยังไง”
“เชื่อไหมกะทิเคยเป็นคนที่ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่”
“ลงหลุมไหมพี่” ผมหมายถึงยาเสพติดให้โทษอื่นๆ พี่ลมส่ายหน้าหวือ ตักพิซซ่าให้ผมเพิ่ม เพลงบรรเลงเล่นคลอเพิ่มอรรถรสแต่ไม่กลบเสียงส้อมและมีด ด้านไอ้นิวตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเอาเป็นเอาตาย ส่วนฟ้ากับแฟนก็กระจุ๋งกระจิ๋งต๊ะติ่งโหน่งจนรกลูกตา ผมผูกขาดบทสนทนาไว้กับพี่ลมเป็นเรื่องราวของพี่กะทิแบบเอ็กคลูซีฟอย่างที่แฟนเพลงคนไหนก็ไม่เคยได้แหย็ม
“กะทิไม่ยุ่งเลย ผิดกับนิสัยนักดนตรียุคเก่าที่บอกว่าต้องพึ่งเฮโรอีนผลิตสื่อ”
“นั่นไง ผมว่าแล้ว เท่เป็นบ้า” ตัดสลับภาพมาเป็นผู้ชายกากๆ ในห้องนอนสับปะรังเคนั่นแล้วทดท้อ “พี่ทิคงรักน้องเจนมากเนาะ”
“ไม่รู้มัน ตอนคบกันก็พาไปดีนะ แต่เจนคบคุณพรหมดีกว่า”
ตัวละครลับโผล่ขึ้นมา แปลว่าพี่ทิสุดเท่ของผมโดนคุณพรหมแย่งของรัก กลายเป็นสภาพกอลลั่มโหยยาจนปัจจุบัน
“คุณพรหมเป็นลูกชายคุณพฤกษ์”
“พี่เล่นมุกอะไร ไวพดเพ็ดตะพึดเหรอ”
“เปล่าๆ แค่ไล่เรียงให้เห็นว่าคุณพฤกษ์เป็นเจ้าของค่ายเพลง ส่วนคุณพรหมน่ะเป็นลูกชายที่ตอนนี้คบกับเจน ที่จริงน่าจะคบกันมาสักพักแล้ว แต่ไม่มีใครคิดว่าคุณพรหมจะจริงจัง ไอ้เจ้ากะทิมันก็เป็นคนไม่ติดตามข่าว อยู่ป่าได้คงหายเข้าป่าไปแล้ว พอลำดับเหตุการณ์ได้ไหม”
เท่านี้ก็ถึงบางอ้อ ว่าทำไมเรื่องส่วนตัวของพี่กะทิกับเรื่องงานถึงยึดโยงเกี่ยวพันกันไปหมด สรุปคือตอนนี้ไม่มีแรงแต่งเพลงให้ค่ายที่หักหลังตัวเอง เพราะตั้งแต่ลูกชายเจ้าของที่ลักลอบเป็นชู้กับศิลปินในค่าย
“โห ผมสงสารพี่กะทิเลยว่ะ โดนแย่งแฟนจากลูกเจ้านายงี้”
“แล้วจะโดนไล่ออกด้วยถ้าทำงานให้ค่ายไม่ได้”
อะไรจะซวยซ้ำซ้อน แต่จากสมบัติที่เห็นถ้าไม่เอาเงินไปลงขวดหมดก็น่าจะลาออกไปอยู่ต่างจังหวัดสบาย ในทางกลับกัน การหนีเข้าป่าอาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีของพี่ทิ เพราะถึงแม้เป็นมนุษย์อินโทรเวิร์ทพี่ทิก็ยังต้องการแฟนคลับและชื่อเสียงในการยืนยันว่าผลงานของตัวเองเป็นที่ยอมรับอยู่ดี
“นี่ น้ำมนต์ พี่อยากได้คนที่ไว้ใจได้พากะทิไปรักษา”
“ใช่สิพี่ ถ้าขืนเรื่องนี้หลุดออกไปมีแต่เสียกับเสีย”
“แล้วไม่ใช่ว่ามาทำงานด้วยเงินด้วย เพราะไอ้เจ้าทิก็ร้าย ฟ้าได้เล่าไหมว่าไล่จ้างแม่บ้านออกไปคน อาละวาดไปคน”
“ได้ข่าวว่าสามคน”
“อืม นั่นแหละ”
จู่ๆ เสียงเชลโล่ก็ดังชัด ผมรู้สึกว่าพี่ลมจะตักอาหารใส่จานให้ผมมากเกินไปแล้วล่ะ มันดูเกินไป เกินไปทุกอย่าง
“น้ำมนต์ช่วยพี่หน่อยสิ”
นั่นไง เซนส์กูเคยพลาดที่ไหน ขอเพลงหมากเกมนี้ฉันก็รู้ จะต้องลงเอยเช่นไรครับ พี่พูดราคามาเลยดีกว่า อย่าเสียเวลาหว่านล้อมกันให้มากความ ถ้าบอกว่าทิวฟ้าเจ้ามารยาแล้วผมยอมพี่ลมจริงๆ เล่นหลอกให้ผมเผยความชื่นชมในตัวพี่กะทิหมด ตะล่อมด้วยความดีงามที่ผ่านมา ปิดท้ายว่ากูจะใช้มึงแล้วน้า ที่ผ่านมาแค่ขนมๆ ผมกลืนน้ำลายลงเอื้อก บอกแล้วว่าค่าความเสี่ยงต่อชีวิตไม่คุ้มเลย ไม่คุ้มจริงๆ
“ฟ้ามันให้ผมชั่วโมงละสองพันแหนะพี่ ผมยังไม่สู้เลย คนเมา คนไม่มีสติน่ากลัวนะครับ ผมยังไม่มีเมียเลยพี่ลม”
“งั้นพี่เป็นเมียให้เอาปะ”
“เดี๋ยวครับ ไม่ได้!” ถึงพี่จะหน้าคล้ายกับฟ้ามากแค่ไหน แต่ไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ!
“ล้อเล่นโว้ย ปฎิเสธขึงขังเชียว เดี๋ยวเหอะ แต่ที่จะให้ช่วยไอ้เจ้าทิน่ะ พูดจริงๆ นะ พี่เสียดายมันว่ะ”
“เสียดายฝีมือ?”
“เสียดายเงิน จ้างมันไว้หลายงานเลย”
ผ่าม!
มาดดีอย่างพี่ลมก็แหย่ขึ้นเว้ย
“ก็พี่ลมไปแหย่น้ำมนต์ เดี๋ยวน้ำมนต์ก็ไม่ช่วย”
นางฟ้าผมเข้าชาร์จ ผมยิ้มโชว์ฟันกระต่ายเต็มภาคภูมิ เห็นร่องรอยของความเอ็นดูผ่านดวงตา ถ้าฟ้าอายุสามสิบจะกลายเป็นคนติดหรูเหมือนพี่ลมหรือเปล่า หรือยังเป็นฟ้าคนเดิมที่ผมรู้จัก คนที่กินข้าวข้างทางด้วยกันได้ คนที่ปกป้องเวลาผมถูกแกล้งแบบนี้อยู่ไหม
“พี่ พูดจริงผมก็สนใจแหละนะ แต่ว่าผมก็กลัว ผมยังมีอนาคตนะครับ”
“เราเรียนอะไรมานะ”
“การจัดการทรัพยากรบุคคลครับ”
“คิดว่าเงินเดือนจบไปจะได้สักเท่าไหร่”
“ถ้าในกรุงเทพ หรือบริษัททั่วไปก็น่าจะซักหมื่นห้าครับ”
ปริญญาตรีอะโนะ แต่ผมแค่ปีสี่เองนะครับ ยังไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าจะต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ ทำงานแถวไหน ตอนนั้นจะยังหารค่าห้องกับไอ้นิวอยู่ไหม หรือว่าจะกลับไปทำงานที่บ้านดีกว่ากัน
“พี่ให้สองหมื่น สามเดือนโปร ทำไปเรียนไปได้ ไม่จำกัดเวลาเข้างาน ไม่จำกัดเวลาออกงาน แค่พากะทิไปบำบัด หลักๆ เลย แค่นี้ แต่ถ้าทำให้มันกลับมาเขียนงานได้พี่ให้อีกสามพัน สนใจไหม”
สองหมื่นเลยเหรอครับ เชี่ย ทำงานสองเดือนได้ไอโฟนเครื่องใหม่ ทุนนิยมนี่มันแย่จริงๆ
“ถ้าเรียนจบแล้วกะทิมันเป็นผู้เป็นคนอาจได้เป็นผู้จัดการส่วนตัวเลยนะ”
เท่สัด เป็นผู้จัดการส่วนตัวของกะทิ ทิวากร แต่ว่า...
“ปกติแล้วคนเขียนเพลงต้องมีผู้จัดการส่วนตัวด้วยเหรอครับ”
“ไม่ต้อง”
“อ้าว งี้ก็ขายฝันผมสิ”
“ไม่ใช่ดิ เมื่อก่อนกะทิมันมีเจน แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว มันก็ต้องการคนอยู่ด้วย พ่อมันไม่ยอมรับเรื่องเป็นนักดนตรีด้วย รู้ไหม ต่อให้ได้เรียนดนตรีหรือถีบตัวเองมาเป็นเบอร์แรงของประเทศก็ยังไม่คุยกับมันเลย”
“ดราม่านะครับ”
“น้ำมนต์จะช่วยใช่ไหม”
เนี่ย แล้วก็วางพิซซ่าให้ผมอีกชิ้น คนอย่างผมซื้อด้วยของกินไม่ได้หรอกครับ อยากล่อด้วยอาหารหันไปทางไอ้นิวโน่น ที่สำคัญไม่ใช่คนขี้เกรงใจด้วย ผมอ่อนข้อให้กับผู้หญิง พี่ทิวลมก็ไม่ใช่ผู้หญิงปะ
“เดี๋ยวพี่คุยกับทางบริษัทให้ออกหนังสือรับรองการทำงานให้ด้วย ทำงานเลยนะ ไม่ใช่รับรองฝึกงานนะ”
ประสบการทำงานกับโฟลด์เรคคอร์ด ด้วยเงินเดือนสองหมื่นเลยนะเว้ย
“ถามจริง น้ำมนต์อยากได้อะไร ถ้าพี่หาให้ได้พี่หาให้เลย”
อยากได้น้องสาวพี่ครับ แต่ไม่เอากระสุนจากไอ้อุ้ย ซึ่ง...เงื่อนไขที่คิดไว้นอกจากไม่น่าจะทำได้แล้วยังเสี่ยงโดนตีนด้วย แต่ทำไมถึงต้องเป็นผมวะ
“น้ำโมนน ช่วยพี่เราหน่อยน้า”
โอเค ทิวฟ้าเสียงหวานมาขนาดนี้ใครมันจะใจไม้ไส้ระกำลงคอ
“ให้ผมเริ่มงานเมื่อไหร่ครับพี่ลม”
ไอ้นิวผู้เงียบตลอดมื้ออาหารสำลักพาสต้าขึ้นจมูก ไม่รู้จะสมเพชมันหรือตัวเองดีที่สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนทิวฟ้าอะเกน อะเกน แอนด์อะเกน
ใครบอกร.ห้าเลิกทาสแล้วครับ
ทำไมผมยังเป็นทาสรักของหญิงสาวอย่างอับจนหนทางตลอดเลย
TBC
วันพุธเดินทางมาถึงไวจังเลยค่ะ ช่วงนี้เว้ดกลับมาปั่นงานอีกแล้ว เป็นคนชอบทำงาน! เรารักงานเร่ง!! ขอบคุณสำหรับการต้อนรับอย่างอบอุ่นนะคะ ไว้เจอกันใหม่พุธหน้า (ถ้ายังมีชีวิต)
ใครเล่นทวิตฝากแท็ก #ดังต้องมนตร์ นะคะ จะเข้าไปส่อง ช่วงแรกๆ ยังเป็นช่วงล่อลวง เดี๋ยวรู้ใครจะแสบกว่าใคร ฮึ่มๆ