Doctor Plz Help me. หมอครับ รัก(ษา)ผมได้ไหม? โดย SeenYu - ตอนที่36(17/4/63)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Doctor Plz Help me. หมอครับ รัก(ษา)ผมได้ไหม? โดย SeenYu - ตอนที่36(17/4/63)  (อ่าน 34968 ครั้ง)

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
“ผมทำเพราะคุณ” ???คืออะไรครับ อธิบายหน่อยสิคุณหมอ ทำเพราะน้องคืออะไร? แล้วจะยังไงกับน้องก็คุย ก็เคลียร์ให้มันเป็นเรื่องเป็นราวดี ๆ สิครับ จะจีบก็จีบ ไม่ใช่ว่าอยากจีบน้อง แต่ไปลงกับคนอื่น หาที่ระบายไม่ได้ว่างั้น :katai4:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
อะไร ยังไงเหรอหมอ จัดฉากให้นางเอกหึงใช่ไหม ถ้าใช่ก็ได้ผลเกินร้อย
 o22 o22

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ทำไมเราชอบพี่ดิน ดูอบอุ่น จริงใจ เป็นผู้ใหญ่ พร้อมปกป้อง

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
โถ่หมอ อุตส่าห์ดราม่าน้ำตานองเพราะสงสารปั้น หมอจะมาหักมุมแบบนี้ไม่ได้นะ 5555

ออฟไลน์ SeenYu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Chapter – 15
หมอครับ น่ารำคาญ

   วันนี้ผมเลิกงานเร็วเป็นพิเศษ หมายถึง... เร็วกว่าปกติน่ะ ไม่ใช่ออกก่อนเวลานะ เพราะว่าผมมีนัดกับหมอครับ

   เดี๋ยวก่อน... ไม่ใช่หมอที่พวกคุณคิดหรอกครับ

   ผมเดินขึ้นจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ยังไม่ใช่สถานีที่คอนโดผมอยู่ ผมลงก่อนสองสถานีเพื่อที่จะมาพบคนที่ผมนัดไว้ที่ร้านกาแฟใกล้ๆ สถานีนี้

   ผมผลักประตูร้านเข้าไป เป็นร้านเล็กๆ ติดถนน แต่คนไม่เยอะมาก บรรยากาศในร้านเงียบสงบดีเหมาะสำหรับการอ่านหนังสือ ตกแต่งแนวธรรมชาติ โทนสีไปทางส้มๆ ไม้ๆ พนักงานเอ่ยต้อนรับ ผมสั่งโกโก้หวานน้อยก่อนจะหันไปมองหาคนที่ผมนัดเจอ

   รับรู้ได้ถึงสัมผัสที่แตะเบาๆ บนบ่า ผมหันกลับไปเห็นหน้าตาน่ารักของคุณหมอสาวที่อาจจะเป็นเจ้าของไข้ผมในอนาคตแล้วยิ้มเขินๆ แม้คุณหมอจะอายุเกือบสามสิบแต่หน้าตาของหมอยังดูเด็กจนผมนึกว่าเป็นรุ่นน้องเสียอีก ร่างเล็กที่สูงแค่บ่าผมในชุดกระโปรงสีเหลืองอ่อนทับด้วยคาร์ดิแกนสีน้ำตาลอ่อน ผมยาวรวบเป็นหางม้า ตากลมโต ปากชมพูๆ ประดับรอยยิ้มสดใส

   ฮือ... น่ารักอ่ะครับ

   “ข้าวปั้นใช่มั้ยคะ?”

   คุณหมออิงลดา จิตแพทย์สาวที่หมออคินแนะนำมายิ้มหวานให้ผมพร้อมกับทักทายอย่างเป็นมิตร

   “วะ... หวัดดีครับ หมออิงลดา”

   ผมยกมือไหว้คนอายุมากกว่า หมออิงลดายกมือไหว้ตอบ ก่อนจะโบกมือ

   “เรียกหมออิงก็ได้ค่ะ” แล้วเธอก็หันไปสั่งกาแฟกับขนมเค้ก จากนั้นก็พากันไปเลือกโต๊ะนั่ง เราเลือกที่จะนั่งหลังๆ มุมเงียบๆ ที่ไม่ค่อยมีคน เพราะผมค่อนข้างอยากให้มันส่วนตัวหน่อย

   “หมอได้ยินเรื่องของข้าวปั้นจากหมออคินเยอะแยะเลยค่ะ หมอเล่าว่าเป็นน้องชายของเพื่อนสนิทของเขา”

   “เห... จริงเหรอครับ”

   ผมยิ้มแห้ง ไอ้หมอมันเอาผมไปเผาอะไร!

   “เอ่อ ขอบคุณนะครับที่หมออุตส่าห์ออกมาหาเป็นการส่วนตัว” ผมเริ่มเล่นนิ้วตัวเอง แอบเกร็งนิดๆ ไม่เคยมาปรึกษาจิตแพทย์ตัวเป็นๆ นอกจากทำแบบสำรวจในเว็บไซต์สุขภาพจิต

   “ไม่เป็นไรค่ะ หมอลงเวรแล้ว วันนี้เราแค่มาคุยกันนอกรอบแล้วค่อยมาคุยกันว่าหมอจะรับข้าวปั้นเป็นคนไข้เต็มตัวรึเปล่านะคะ” หมออิงยิ้มใจดี “ไม่ต้องเกร็งนะ หมอไม่กัดค่ะ แล้วข้าวปั้นก็ไม่ได้บ้า ข้าวปั้นแค่มาปรึกษาเฉยๆ”

   ผมคลายมือออก ถอนหายใจเบาๆ

   “ข้าวปั้นคะ”

   ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังก้มหน้าอยู่จนกระทั่งหมอเรียก

   “ครับ!”   

   “คิดซะว่ามาคุยกับเพื่อนก็ได้ค่ะ”

   ผมพยักหน้า

   “งั้นหมอถามนะคะ ข้าวปั้นเป็นโรคกลัวที่มืดเหรอ”

   “อ่า... ครับ”

   “ได้บอกคนอื่นรึเปล่า”

   “เปล่าครับ คือ... ส่วนใหญ่คนที่รู้จะเป็นเพราะเจออาการผมตอนอยู่ในสถานการณ์นั้นน่ะครับ”

   “หมายถึง บังเอิญรู้ใช่มั้ยคะ”

   “ครับ”

   หมออิงพยักหน้า ก่อนจะหันส่งยิ้มให้พนักงานที่ยกของที่สั่งไว้มาเสิร์ฟ ผมรับโกโก้มาดูดแก้เขิน... ความจริงเรื่องนี้ไม่ได้ร้ายแรง แต่สิ่งที่ร้ายแรงคือสาเหตุของมันที่ผมไม่กล้าพูดออกไป จนเกิดเป็นแผลในใจจนถึงทุกวันนี้

   “อาการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ ข้าวปั้นรู้สาเหตุหรือเปล่า”

   หมออิงจ้องหน้ามองตรงๆ อาจเป็นความเคยชินของหมอที่มักจะมองคนไข้ตรงๆ เพื่อสังเกตปฏิกิริยา แต่ผมไม่ชินเอาซะเลย... โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า

   “รู้ครับ... ตอนสิบขวบ”

   “เล่าให้หมอฟังได้มั้ยคะ?”

   คำถามที่น่ากลัวของหมอมาแล้ว... ผมเงียบ เงียบนาน เหงื่อเริ่มซึมชื้น

   เสียง... เสียงร้อง...

   “...ปั้น ข้าวปั้นคะ?”

   “ไม่ครับ ผมไม่อยากพูด”

   หมออิงเงียบ กลับไปตั้งหลักใหม่ เธอไม่คะยั้นคะยอผม ก่อนจะเลื่อนเค้กมาให้

   “ทานหน่อยนะคะ แบ่งกัน หมอกินคนเดียวไม่หมด”

   ผมมองเค้กที่โดนตัดไปนิดหน่อยแล้วตัดสินใจเอาน้ำตาลเข้าปาก

   “ข้าวปั้น รู้มั้ยคะ ว่าโฟเบียรักษาได้นะ” หมออิงพูด “อาการโฟเบียบางอย่างรักษาได้ด้วยยา หากเกี่ยวกับเคมีในสมองผิดปกติ แต่บางอย่างเกิดจากแผลทางใจ ถ้าเป็นแบบนั้นต้องทำพฤติกรรมบำบัด โดยค่อยเป็นค่อยไป”

   “ครับ แต่... ผมก็อยู่กับอาการนี้มาได้ตั้งสิบกว่าปี” ผมวางส้อม “คิดว่าคงไม่เป็นไรถ้าไม่เอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงกับสถานการณ์ที่ทำให้อาการออก”

   ผมคิดงั้นจริงๆ และปฏิเสธครอบครัวที่พร้อมจะพามารักษาอาการกลัวที่แคบที่มืดเสมอ

   “ผมแค่ไม่ชอบการอยู่ในที่แคบและมืด ถ้าแค่มันแคบแต่ไม่มืด หรือมืดแต่ไม่แคบ ผมไม่เป็นไรหรอกครับ”

   หมออิงครางในลำคอ ก่อนจะเอียงคอ เธอน่าจะรับรู้ได้ว่าอาการนี้มันไม่ได้ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของผมลำบาก

   “งั้น... วันนี้หมอจะไม่รับคนไข้ แต่จะขอแอดเพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งคนแทนจะได้มั้ยคะ” หมออิงยื่นโทรศัพท์มาให้ผม “หมอขอเฟซบุ๊คกับไลน์หน่อยได้ป่ะคะ หมอจะเอาไว้เม้าท์เรื่องหมออคิน”

   ผมเบิกตากว้าง หน้าแดงขึ้นมาทันที หมออคินมันเอาผมไปเม้าท์อะไรที่โรงพยาบาล หมออิงถึงทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มแบบนั้น... ผมรับมือถือหมออิงมาอย่างลังเล ก่อนจะกรอกเบอร์โทรกับเฟซบุ๊คไป หมอรับคืนมา และไม่ถึงวินาที ก็มีแจ้งเตือนผ่านเฟซบุ๊คว่ามีคนส่งคำขอเป็นเพื่อนมา

   “อ้าว ไม่มีหมออคินเป็นเพื่อนในเฟซบุ๊คเหรอคะ?”

   หมออิงดูแปลกใจเมื่อเธอหาเพื่อนร่วมกันไม่เจอ ผมส่ายหัว ไม่เห็นจะเคยรู้ว่าหมอเล่นเฟซด้วย

   “หมอคนนั้น... หมายถึงหมออคิน เขาเล่นเฟซบุ๊คด้วยเหรอครับ” ผมเริ่มสนใจ หมออิงผงกหัวรัวๆ ก่อนจะค้นหาเพื่อนแล้วยื่นส่งให้ผมดู รูปโปรไฟล์ของเขาโคตรจะแตกต่างกับตัวจริง...

   ผมเบิกตากว้าง อ่านชื่อเฟซแล้วมองรูปเขา

   “หมอจริงเหรอเนี่ย?”

   “ใช่มะ หล่อเนอะคะ แต่เขาไม่รับคนแปลกหน้า ความจริงคนรู้จักถ้าไม่จำเป็นเขาก็ไม่รับนะคะ เขาเพิ่งจะรับแอดเฟซหมอเมื่อไม่นานมานี้เอง แลกกับการรับปรึกษาให้เขา”

   ผมมองรูปโปรไฟล์ของเขา

   หมออคินมีเค้าโครงหน้าเขาค่อนข้างจะเอเชีย แต่มองอีกมุมก็มีความเป็นลูกครึ่ง จมูกเขาโด่งเป็นสัน ริมฝีปากได้รูปกระจับสวยน่าอิจฉา หน้าผากกว้าง ผมหยักศกมักถูกปาดเซทขึ้นดูดีเสมอ (แต่ผมมักเห็นเขาตอนเซทหลุด) มีไรหนวดเคราบ้างทำให้ดูเข้ม คิ้วหนาเป็นทรงเฉียงขึ้นทำให้ดูดุ ดวงตาคมเรียวสีเขียวประหลาด รูปโปรไฟล์ของเขาเป็นสีโทนทึมๆ เย็นๆ ยืนพิงกำแพงดูสตรีท ชุดลำลองธรรมดาไม่ได้ใส่สูทผูกไทด์ เหมือนเขาจะถ่ายที่ต่างประเทศเพราะเล่นใส่เสื้อคอเต่าสีดำ คลุมทับด้วยโค้ทตัวยาวสีเทาเข้ม

   ดูดี... สุดๆ เหมือนหลุดออกมาจากปกนิตยสาร BAZAAR

   นี่กูอยู่กับมนุษย์แบบนี้ที่คอนโดเดียวกันแน่นะ...

   ผมพึ่งจะมานั่งสังเกต เอาจริงๆ ผมไม่ค่อยได้มองหน้าหมอชัดๆ เลยสักครั้ง ถ้าไม่มองต่ำกว่าอก ก็มองข้ามหัวข้ามไหล่ไปเลยเพราะไม่กล้าสบตา และในรูปหมอไม่ได้ใส่แว่น... ทำให้ลดอายุลงไปเยอะ เหมือนตอนที่เขามาค้างห้องผมครั้งแรก คุณหมอสุดหล่อในรูปที่อยู่ในชุดบอล ผมยังจำได้

   ผมหัวเราะ...

   “ลองแอดเฟรนด์ไปสิคะ”

   “เอ๊ะ... ไม่เอาดีกว่าครับ ผมกับหมอก็ไม่ได้สนิทกัน...”

   ไม่สนิทเชี่ยไรล่ะ... โว้ย ความสัมพันธ์ประหลาดฉิบหาย

   คำถามคือเขามายุ่งกับผมทำไมนี่แหละประเด็น และเขาเองก็ยังไม่ตอบ ผมไล่เขาออกจากห้องไปเสียก่อน และตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาได้ห้าวันแล้ว ผมก็ยังไม่เจอหน้าเขาเหมือนเดิม เออ... ผมหลบหน้าเขาด้วยนั่นแหละ

   “เอ่อ ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยครับ” ผมทำเหมือนนึกอะไรได้ ไหนๆ คนตรงหน้าก็เป็นหมอจิตแล้ว ลองถามอีกเรื่องนึงละกัน หมออิงเอ่ยรับพลางยกกาแฟดื่ม

   “ค่ะ อะไรคะ”

   “คือ... คือผมแค่ถามนะครับ แบบ... มันเป็นเรื่องของคนรู้จัก”

   “อ่า... ค่ะ ได้ค่ะ” หมออิงยิ้มหวาน... เอ่อ

   “คือ... ผู้ชายที่มีอะไรกับผู้ชายได้เนี่ย ต้องเป็นเกย์อย่างเดียวเหรอครับ คือ... คือเพื่อนผมเขาไม่เคยชอบผู้ชายเลยนะครับ แค่... เหมือนเขาจะมีความรู้สึกดีๆ กับหมอ... เอ้ย! กับผู้ชายอีกคนน่ะครับ”

   เชี่ยปั้น อยากตีปากตัวเองฉิบหาย!

   ผมทำหน้าปั้นยาก หมออิงมองนิ่งๆ ก่อนจะวางถ้วยกาแฟลง

   “ข้าวปั้น กำลังจะถามว่า คนที่ไม่ใช่เกย์ ชอบผู้ชายได้มั้ยใช่มั้ยคะ”

   ผมเงียบ... ก่อนจะผงกหัว

   “ได้สิคะ ไม่เห็นจะแปลกเลย โดยเฉพาะในยุคสมัยที่ข้อจำกัดเรื่องเพศเป็นเรื่องที่ยอมรับกันในสังคมแล้ว ทุกอย่างเป็นความรู้สึกส่วนบุคคลค่ะ อย่ายึดติดกับคำว่าเกย์เลยนะ”

   งานนี้หมออิงคอนเฟิร์ม คือ... คือผมก็ใช่ว่าจะไม่รู้ แค่อยากถามให้แน่ใจ

   “ไม่ว่าจะชายชอบชาย ชายชอบหญิง หญิงชอบหญิง ล้วนแต่เป็นความรู้สึกส่วนตัว บางคนชอบผู้หญิงมาทั้งชีวิต แต่งงานกับผู้หญิง มีอะไรกับผู้หญิงได้ แต่สุดท้ายกลับรักผู้ชายที่เขาอยู่ด้วยแล้วสบาย โดยที่ไม่ได้รู้สึกกับผู้ชายคนอื่นเลยก็มี ความรู้สึกมนุษย์คือสิ่งที่ยากจะเข้าใจค่ะ”

   “ครับ” ผมตอบรับหมอ

   “ข้าวปั้นคะ... หมอถามไรหน่อยสิคะ” จู่ๆ หมออิงก็ทำหน้าจริงจัง ผมผงะห่างเล็กน้อย ไม่แน่ใจสิ่งที่หมอจะถาม

   “หมออคินใจดีมั้ยคะ”

   “หา?”

   “จริงจังนะ เขาเป็นรุ่นพี่ของหมอเอง ตอนเป็นรุ่นพี่ที่วอร์ด ดุมาก! ดุฉิบหายเลยค่ะ” ผมอึ้งไป ก่อนจะหัวเราะลั่น

   “ฮ่าๆๆ ผมตกใจหมด นึกว่าจะถามอะไร”

   “ข้าวปั้น หมอจริงจังนะ ทุกคนในแผนกศัลยกรรมกลัวหมออคินกันทั้งนั้น กับคนไข้เขาก็ดุนะคะ เข้าประชุมทีไรเครียดกันทั้งบอร์ด” หมออิงทำหน้าขนลุก

   “ก็... ดุครับ แต่... ก็ใจดีแบบแปลกๆ”

   ผมเกาแก้ม กรอกตาขึ้นมองเพดาน ไม่สบตาหมออิง

   “แล้ว แล้ว แล้ว... ตอนอยู่ด้วยกันเนี่ย...” หมออิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ สีหน้าหมอดูตื่นเต้นยิ่งกว่าลุ้นบอลโลก

   “หมออิง”

   จู่ๆ เสียงทุ้มก็ดังขัดขึ้น เล่นเอาผมกับหมออิงผงะออกจากกันแล้วกันมองเจ้าของเสียงที่อยู่ดีๆ ก็เดินเข้ามาทัก ผมมองตั้งแต่หัวจรดเท้าของหมอที่อยู่ชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้ม ผูกไทด์ชิดคอสีดำเลื่อม ทับด้วยเสื้อกั๊กสีกรมกับกางเกงสแลคเข้ารูปสีเดียวกัน แว่นสายตาทำให้เขาดูแก่เรียนแต่ไม่ได้ลดความดูดีของเขาเลยสักนิด

   “พี่หมอ” หมออิงหลุดเรียกเขาออกมาตามความเคยชิน

   ผมหุบปากก่อนจะกวาดกระเป๋าตัวเองมากอดแล้วลุกขึ้น

   “ขะ... ขอบคุณมากนะครับหมออิง ไว้เรื่องค่าปรึกษา... ผม ผมจะติดต่อกลับไป” ผมกระวีกระวาดออกจากโต๊ะ แต่คนตัวสูงกลับรั้งศอกผมไว้พลางหันไปพูดกับหมอรุ่นน้อง

   “ไม่เห็นบอกว่าจะมาหาเขาวันนี้”

   “นี่เป็นการตกลงกันระหว่างหมอกับคนไข้ค่ะ พี่หมอไม่เกี่ยวนะคะ” หมออิงพูดอย่างรู้งาน มองผมที่พยายามจะบิดแขนออกจากมือใหญ่ที่แข็งอย่างกับคีมเหล็ก

   หมออคินหรี่ตามองรุ่นน้องนิ่งๆ มีแววดุอยู่ในทีกับการต่อปากต่อคำ หมออิงยิ้มแหยแต่ใจดีสู้เสือ ชี้มาทางผมที่พยายามแกะแขนตัวเองอยู่อย่างน่าสงสาร

   “ข้าวปั้นเขาเจ็บแล้วนะคะพี่หมอ”

   หมอเหมือนพึ่งรู้ตัวว่าจับผมแรงไปจึงได้ผ่อนแรงลงพลางถาม

   “จะกลับแล้วใช่มั้ยครับ กลับด้วยกันสิ”

   “ไม่ครับ วันนี้ผมมีนัดต่อ”

   “นัดกับใครครับ”

   “เรื่องอะไรของหมอครับ”

   ผมไม่กล้ามองหน้าเขา ได้แค่มองแขนตัวเอง แต่ถึงจะไม่มอง แต่ก็รู้เลยว่า... ตาสีเขียวคู่นั้นต้องดุฉิบหายแน่ๆ ดูจากความเงียบหลังจากผมพูดแบบนั้นออกไป

   “คุณจะไปดื่มอีกแล้วเหรอ คราวที่แล้วไม่เข็ดรึไง”

   เสียงเขาเย็นชาสุดๆ ผมเม้มปากก่อนจะเงยหน้าจ้องกลับ    

   “ขอโทษนะครับ ผมโตแล้ว ไปไหนก็ได้เรื่องของผมครับ คุณหมอ”

   ผมเน้นคำว่า ‘คุณหมอ’ หนักๆ เพื่อให้เขาสำนึกจิตได้เองว่าเขาเป็นหมอนะครับ ไม่ควรมาออกแรงทำร้ายอดีตคนไข้อย่างนี้ หมออคินเหมือนจะพูดอะไร แต่ประตูร้านกลับเปิดเข้ามาอีกครั้ง และผมคงจะไม่สนใจถ้าคนที่เข้ามา ไม่ใช่เจ้าของผมสีน้ำตาลกับร่างโปร่งในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแลคพอดีตัวอวดรูปร่างเพรียวบางจนผู้หญิงอิจฉา และเหมือนจะมองหาใครบางคน แน่นอนผมเดาได้ว่าเขาหาใครอยู่

   วันนี้ผมใส่เสื้อสีอัปมงคลรึเปล่าวะเนี่ย

   “พี่หมออคิน” ชายคนนั้นมองข้ามหัวผมไปยิ้มให้คนตัวสูงกว่าที่ยังจับแขนผมไม่ปล่อย ผมยังคงพยายามดึงตัวเองออกจากการจับกุม แต่หมอกลับเปลี่ยนจากจับข้อศอกผมมากุมแน่นที่มือจนผมเบิกตากว้าง

   สัสหมอ!!!

   ผมเหงื่อแตก เหลือบมองหมออิงที่มองหน้าผมด้วยสีหน้าปกติ ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร ก่อนจะหันไปทักทายผู้มาใหม่

   “หมอวา ลงเวรแล้วเหรอคะ”

   เหมือนคนมาใหม่จะไม่ทันเห็นหัวหมออิงเช่นกัน เขาเลิกคิ้วก่อนจะยิ้มให้คนทัก เหลือบมองผมเล็กน้อยเหมือนผมเป็นแค่ต้นไม้ประดับร้าน

   อึดอัดจนอยากจะอ้วก...

   “หมอคินครับ ผมจะมาชวนไปดื่มครับ ไปกับพวกหมอนนท์ หมอริท”

   เขาไม่สนใจคนแปลกหน้าที่ถูกจับอยู่ตรงนี้เลยซักนิด ผมหายใจเข้าลึกๆ กระชากมือออกอย่างแรงแล้วกระชับกระเป๋าเป้ของตัวเองเดินออกจากร้านไปเลย

   “ข้าวปั้น!”

   ผมไม่สนใจ ล้วงมือถือออกมาจะกดหาเบอร์พี่ดินแต่เขาไม่รับสาย ผมจึงส่งข้อความไปบอกเขาว่าวันนี้จะไปข้าวสาร คราวนี้ผมมีสติมากพอจะเดินลงรถไฟใต้ดินแทนที่จะวิ่งเตลิดเปิดเปิง ผมเดินเร็วๆ ลงบันไดเลื่อน แตะบัตรแล้วเข้าไปในเกททันที

   ผมยืนรอรถไฟท่ามกลางคนประมาณสามล้านที่เบียดเสียดกันต่อแถว เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์ ใครๆ ก็พากันไปแฮงค์เอ้าท์ทั้งนั้น ผมล้วงเอาหูฟังมาเสียบแล้วเปิดเพลงให้ดังจนสุด กลบทุกเสียงรอบตัว

   ปึ้ก! แรงตบที่ไหล่ทำให้ผมสะดุ้งสุดตัว รีบถอดหูฟังหันกลับไปมอง ผมขมวดคิ้วแน่น เมื่อคนที่เข้ามาทักคือหนึ่งในคนที่ผมจำได้ลางๆ ว่าเป็นหนึ่งในแก๊งที่เจอกันที่ร้านนั่งชิววันนั้น

   ไอ้เหี้ยที่ทำผมเสียตัว!

   “เหี้ยกันต์”

   “ทักกันงี้เลยเหรอวะสัส”

   ไอ้หน้าชั่วในชุดพร้อมเที่ยวยิ้มเหยียดให้ผม มันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนเบ้ปากคว่ำเล็กน้อยเหมือนพิจารณาสิ่งของ ผมถอนหายใจยาว

   “มีไร”

   “เอ้าสัส วันก่อนที่ดื่มด้วยกันมึงยังดีๆ กะกูอยู่เลย ไหงวันนี้เย็นชาจังคนสวย”

   ผมเกลียดไอ้เหี้ยพวกนี้ มันชอบแหย่ผมแบบนี้มาตั้งแต่มหา’ลัย แม่งจบมาได้ก็บุญแค่ไหนแล้ว พฤติกรรมมึงยังเหี้ยอีก มันกับผมอยู่คนละคณะกัน แต่ที่รู้จักกันเพราะเพื่อนผมเป็นเพื่อนกับมัน เลยพอจะรู้จักบ้าง การตีซี้เป็นนิสัยของไอ้กันต์แต่ไม่ใช่กับผม แค่เพราะเหล้าเข้าปากเลยทำให้สามารถสนุกด้วยกันได้เท่านั้น

   “สวยเหี้ยไร” ผมขมวดคิ้ว ก่อนจะถามมัน “เออ วันนั้นใครเอาห่าอะไรให้กูแดก”

   “วันนั้น?” ไอ้กันต์ทำหน้านึกก่อนจะร้องอ๋อยาวๆ ผมเริ่มหงุดหงิดอยากฟาดหน้ามันด้วย adidas เบอร์ 41 “ของดีที่เพื่อนกูพกมา ความจริงมันจะมอมสาว แต่มันบอกเห็นหน้ามึงแล้วเงี่ยน เลย... ลองหยอดไปนิดหน่อย คนเมาๆ อ่ะมึง อย่าคิดมาก”

   ผัวะ!!!

   ผมต่อยมันกลางสถานีที่เต็มไปด้วยผู้คน ก่อนจะแผดเสียงใส่จนกลายเป็นที่สนใจของไทยมุง ไอ้กันต์ทำหน้างงไม่คิดว่าผมจะจริงจังขนาดนี้เพราะมันก็คงไม่รู้ว่ายานั่นมันแรงแค่ไหนและสำหรับคนที่แพ้ยาบางประเภทแบบผมมันอันตรายขนาดไหนน่ะ ไอ้ฉิบหาย!!

   “ไอ้เหี้ย! เงี่ยนพ่อมึงสิ ถ้ากูตายเพราะยาเหี้ยๆ ของมึงจะเป็นไง!”

   ผมกระทืบซ้ำมันอีก แต่มันกลับลุกขึ้นมาแล้ววางมวยกับผม เกิดเป็นวงตะลุมบอนขนาดย่อมที่เจ้าหน้าที่ประจำสถานีต้องรีบเข้ามาจับแยก ผมทำท่าจะเข้าไปซัดอีกรอบ แต่กลับถูกรั้งไว้ด้วยแรงที่มากกว่าเดิมให้ถอยออกมา ผมโดนลากออกจากสถานีก่อนที่ตำรวจจะมา หายใจหอบกระชั้นจนเลือดขึ้นไปกองบนหน้า กัดฟันจนได้ยินเสียงกรอดลั่นหู

   ผมพึ่งเคยเลือดขึ้นหน้าของจริงก็วันนี้แหละ!!

   “ปล่อยผมนะหมอ! ผมจะไปกระทืบมัน ไอ้เหี้ยพวกนั้นแม่งเลวตั้งแต่หัวยันส้นตีน!”

   คนที่ลากผมออกจาก MRT ยังคงลากผมไปเรื่อยๆ คนก็มองผมไปตลอดทางที่ฟาดงวงฟาดงาเหมือนละครหลังข่าว จนกระทั่งเขาลากผมมาถึงรถที่จอดอยู่ริมฟุตบาท เขาเปิดประตูรถแล้วดันร่างผมเข้าไป ผมหอบหายใจหนักๆ หัวสมองชาวูบๆ เพราะความโมโห มือกำแน่นจนเส้นเลือดปูด

   เสียงปิดประตูรถทำให้ผมเริ่มได้สติ ผ่อนลมหายใจ ก่อนจะค่อยๆ หันไปมองคนที่นั่งกอดอกอยู่หน้าพวงมาลัยอย่างใจเย็น เขามองไปข้างหน้า รอผมสงบสติ

   “ยาดมมั้ย”

   “หมอ!”

   ผมจะโกรธอีกแล้วเมื่อเขาถามเหมือนจะล้อเลียน หมอหันมาสบตาผมทั้งๆ ที่ยังกอดอกอยู่ หน้าเขาไม่ยิ้มแม้แต่น้อย ผมเงียบกริบ ก่อนจะกอดกระเป๋าแน่น สะบัดหน้าหันไปอีกฝั่งอย่างไม่สู้

   “โมโหอะไรขนาดนั้นครับ อยากโดนจับรึไง”

   ผมเงียบ เสียงเขาอ่อนลง

   “ข้าวปั้นครับ”

   “หมอไม่ต้องมายุ่งกับผมได้มั้ย รำคาญ!”

   ผมหันกลับไปพูดสิ่งที่รู้สึกออกไปตรงๆ ด้วยความโมโห หงุดหงิด ก่อนจะเริ่มรู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมันรุนแรงมาก และเมื่อกี้เขาก็เป็นคนเข้ามาช่วยผมอีกต่างหาก ผมเงียบ ก่อนจะก้มหน้าลง ยกมือข้างหนึ่งปิดตาตัวเอง

   “ผม... ผมขอโทษครับ”

   ผมหายใจเข้าพลางสะอื้น อยู่ดีๆ น้ำตามันก็ไหล ความน้อยอกน้อยใจ ความโกรธ ความสมเพช ความสับสนมันประดังประเดจนกลั่นออกมาเป็นน้ำตา มันอึดอัดจนผมอยากแผดเสียงร้องออกมา สิ่งที่ผมเจออยู่ตอนนี้มันไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ผมกับหมออาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ถ้าความสัมพันธ์มันไม่สับสนวุ่นวาย และเขาเองก็ไม่เคยจะชัดเจนอะไรกับผมซักอย่าง โดยเฉพาะภาพวันนั้นมันยังฝังหัว ทำให้ผมคิดว่า เขาจะทำอะไรแบบนี้กับใครก็ได้ จะชายจริงหญิงแท้เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ผมเองก็แค่โชคร้าย

   และยิ่งน้อยใจที่สุด คือผมเสือกยอมรับความรู้สึกตัวเองไปแล้ว...

   “ผมเกลียดหมอ หมอแม่งไม่เคยชัดเจนอะไรเลย มีแต่ผมคนเดียวที่วุ่นวายกับความรู้สึกตัวเอง” ผมพูดไปปากสั่นไป น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาเหมือนคนเก็บกด

   “อย่ามายุ่งกับผมเลยครับ ถ้าหมอไม่ได้คิดอะไร ผมไม่สามารถทำตัวปกติได้จริงๆ”

   คนข้างๆ เงียบไป เสียงสะอึกสะอื้นของผมดังสะท้อนอยู่ในรถที่เงียบสนิท

   จนกระทั่งเขาตอบ

   “ได้”



พี่หมอทำตัวน่าตีอีกเเล้ว...
จริงอ๊ะเป่า อย่าพึ่งดุพี่หมอกันน้า ให้โอกาสพี่หมอขอแก้ตัว
น้องยูรอเม้นต์ทุกวันเบยยยย
#คุณหมอชอบกินข้าวปั้น
https://twitter.com/_SeenYu




ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
หมอวา นี่คือคนในวันนั้นที่น้องข้าวปั้นเปิดประตูห้องหมอคินไปเจอใช่ไหม? สงสารน้องข้าวปั้น มันหน่วง ๆ ในใจเนอะ :m15:

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
หมอออ หมอต้องชัดเจนกับน้องแล้วแหละ ข้าวปั้นคือพร้อมหนีสุดด

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หมอทำไมแบดจังอ่ะ :ling1:

ติดตามค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ได้ของหมอนี่คือจะจีบให้ชัดเจนขึ้นใช่ไหม

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
สงสารข้าวปั้นอ่ะ,,,

ออฟไลน์ wutwit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 259
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
ถ้าไม่จั่วหัวเรื่องแต่แรกว่าเป็นหมอ อยากเชียร์พี่ดินใจจะขาด

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
ฮือออ ค้างงง สงสารน้องอะ ถ้าเฮียรู้ อคินคือต้องโดนหลายหมัด


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ SeenYu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Chapter – 16
หมอครับ สารภาพมา



   “ได้”

   ผมเผลอกัดปากตัวเองแบบไม่รู้ตัว ก้อนสะอื้นจุกในลำคอ ก่อนจะยิ้มเหยียด ปาดน้ำตาลวกๆ หัวเราะเสียงแผ่ว

   “ครับ ขอบคุณ”

   ผมหันไปจะเปิดประตูรถ แต่กลับถูกกระชากกลับมา ริมฝีปากที่เปื้อนทั้งน้ำตาและน้ำมูกของผมถูกประกบทาบทับ ริมฝีปากหนาบดจูบอย่างรีบร้อนและเอาแต่ใจ มือใหญ่ล็อคหลังคอผมไว้พลางใช้ฝ่ามือดันท้ายทอยให้แหงนหน้ารับจูบร้อน ลิ้นชุ่มเปียกสอดเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว ผมเบิกตากว้าง ร้องอู้อี้ในลำคอพร้อมกับยกมือฟาดไหล่หนาอย่างแรงเมื่อมือข้างที่ว่างเริ่มเลื้อยสอดเข้ามาใต้เสื้อยืดย้วยๆ ของผม

   แรงมากครับ จริงๆ แรงผู้ชายด้วย

   “ฟาดไม่ยั้งเลย”

   หมอถอนจูบออก ไม่วายแลบลิ้นตวัดเลียริมฝีปากบวมเจ่อที่เผยอออกอย่างเซ็กซี่ ดวงตาสีเขียวสะท้อนแสงจากข้างถนนและรถที่ขับผ่านไปมาจนวาววับ

   ทั้งๆ ที่มันทั้งแคบและสลัว แต่ผม... กลับไม่มีอาการกลัวที่แคบมืดเลยสักนิด

   เพราะผมคิดว่า ถ้าตอนนี้หมอเปิดไฟในรถ มันจะต้องน่ากลัวกว่าปิดไฟเป็นแน่

   ดวงหน้าคมเอียงมองจ้องผมตรงๆ มือใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยจากแก้มผมที่ชื้นน้ำตาและร้อนผ่าว

   “ผมจะทำให้มันชัดเจน”

   “...ฮะ?”

   “ผมจะจีบข้าวปั้น”

   “...เฮะ?”

   “ผมชอบข้าวปั้น”

   “หมอ... เดี๋ยวๆ”

   “ข้าวปั้นล่ะ ชอบผมบ้างมั้ย”

   “Hang on!! (รอเดี๋ยว!!)”



   ผมนั่งเงียบมาตลอดทาง คำถามมากมายในหัวแต่มันกรองออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ ทำได้แค่กอดกระเป๋าเป้ เล่นมือตัวเอง กระดิกปลายเท้ารัวๆ อีกนิดจะแทะคอนโซลหน้ารถแล้ว คนข้างๆ ใช้มือข้างเดียวจับพวกมาลัย อีกข้างวางไว้บนที่วางมือตรงกลาง

   “หนาวเหรอครับ สั่นเชียว”

   น้ำเสียงเขาแฝงความขันไว้ ผมเบือนหน้าออกไปข้างนอกพลางแยกเขี้ยว

   หมอแม่ง...

   “เปล่า”

   ผมตอบเสียงห้วน แต่เขาก็เพิ่มอุณหภูมิแอร์ให้ แม้ว่าผมจะไม่หนาวขนาดนั้นเพราะร่างกายเป็นปกติดีแล้ว

   ผมดูมือถือที่สั่นเพราะข้อความจากพี่ดินที่ถามว่าผมจะไปร้านไหน ผมเหลือบไปมองหน้าหมอเล็กน้อย... ก่อนถามเขา

   “หมอ ผมว่าจะแวะข้าวสารครับ”

   “ไม่ต้องไปครับ ดึกแล้ว”

   ผมมองนาฬิกา เพิ่งจะสี่ทุ่ม... บ้านหมอเที่ยวร้านเหล้าตอนเช้าเหรอ?

   หมอตบไฟเลี้ยวไปทางกลับคอนโดทันที ผมมองทางแยกตาละห้อย... ก่อนจะเบ้หน้า ก้มลงพิมพ์ตอบพี่ดิน



   KaowwwPun: โทษทีพี่ ไปไม่ได้แล้ว ติดธุระ

   Kanin>.<Din: อ้าวไอ้สัส กูออกบ้านแล้วเนี่ย

   KaowwwPun: โทษทีพี่ดิน ไว้ชดเชยให้นะ

   Kanin>.<Din: เออๆ เซ็งเลยกู



   แล้วผมก็ส่งสติ๊กเกอร์ไหว้กลับไปให้ก่อนเก็บมือถือ ไม่นานนัก รถออดี้สีเทา สเปรซเกรย์ก็เข้ามาจอดที่เดิม ผมเปิดประตูรถลงไป เดินเงียบๆ ไปที่ลิฟต์ หมอเดินตามหลัง ไม่พูดอะไรเช่นกัน

   แต่พอถึงชั้น 9 เขาก็ยังคงตามผมต้อยๆ เหมือนจะเข้าห้องผม ผมหันกลับไปช้าๆ ก่อนเลิกคิ้ว

   “ไม่กลับห้องตัวเองเหรอครับ”

   “ยังไม่กลับครับ มีเรื่องต้องเคลียร์กับคุณก่อน”

   หมอพเยิดหน้าให้ผมเปิดประตูเข้าไป แน่นอนว่า... ผมไว้ใจเขาที่ไหน

   “เชิญครับ”

   แต่กล้าด่าเขาเหมือนเมื่อกี้มั้ยละ?... ก็ไม่ ไอ้ข้าวปั้นเอ้ย...

   ปั้นสิบเดินตุบตับๆ เข้ามาพันแข้งพันขาผม สงสัยจะหิวแล้ว แต่ผมก็เตรียมข้าวเตรียมน้ำไว้ให้แล้วนะ ผมอุ้มเจ้าอ้วนขึ้นมาทักทายแล้วพาเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อเปิดเอาปลาดิบที่เป็นมื้อพิเศษทุกวันศุกร์ออกมา

   ผมกับมันดูทะเลาะกันบ่อย แต่เราสนิทกันมากนะครับ

   “หมอ... เอ่อ แป๊บนะครับ เอาน้ำมั้ย?”

   “ไม่เป็นไรครับ” หมอเดินมานั่งที่โซฟาตัวเดิม ปลดกระดุมเสื้อกั๊กออกก่อนคลายเนคไท ผมรู้สึกว่าตอนเขาอยู่ตามลำพังเขาค่อนข้างจะไม่เนี้ยบและสบายๆ ผมวางปลาดิบให้ปั้นสิบที่ถาดก่อนจะเติมน้ำให้

   “ข้าวปั้นครับ”

   ผมพยายามทำทุกอย่างให้ปกติ แต่พอเขาเรียกผมอย่างสุภาพแบบนั้น แถมบทสนทนาและเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็ทำให้ผมหัวใจหวั่นไหว ทำตัวยากเข้าไปอีก

   “ครับหมอ”

   “มานี่หน่อย”

   เรียกกูเป็นแมวเชียว

   ผมมองอย่างหวาดระแวง ก่อนจะเดินไปใกล้เขา หมอจับปลายนิ้วผมก่อนจะเล่นเหมือนเดิม... เขามีปัญหาอะไรกับนิ้วผมรึเปล่า ตาคู่สวยจ้องมองนิ้วเรียวก่อนจะดึงให้นั่งลงข้างๆ

   เอาสิวะครับ มาถึงจุดนี้แล้ว มีไรอยากพูด พูดมาเลย! พูดมา!

   “ตัดเล็บบ้างก็ดีนะครับ”

   โอเค... หมอเป็นคนตลกนะเนี่ย หมอมองนิ้วผมเหมือนนึกถึงความหลัง... ออ... ความหลัง

   สัส!!!

   ผมดึงนิ้วออกทันที ก่อนจะกำแน่นหันหน้าหนี หมอคงจะรู้ว่าผมนึกออกแล้วว่าเขาบอกให้ผมตัดเล็บเพราะอะไรเพราะเขาหัวเราะเบาๆ ยิ้มหวานใส่... ขนลุกน่าหมอ

   “เรื่องวันนั้น คุณโกรธรึเปล่า”

   จู่ๆ หมอก็เปลี่ยนเรื่อง ผมเลิกคิ้ว

   “วันไหนครับ”

   “วันที่ไส้อั่วกระจาย”

   ผมร้องออเสียงเบา นึกถึงไส้อั่วของหมอ... เอ้ย ของม๊า ก่อนจะทำหน้าปั้นยาก จะเรียกว่าโกรธ หรือตกใจดีล่ะ

   “ผม... ค่อนข้างตกใจมากกว่า”

   “คุณ... อยากให้ผมจีบแบบไหน?”

   “อะไรวะ... เอ้ย อะไรนะครับ”

   ผมเผลอหยาบคายไป เผลอไปจริงๆ... เมื่อหมอเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน เขาเท้าศอกลงกับหน้าขาตัวเองพลางประสานมือไว้ หันมองผมจริงจัง หน้าผมยับย่นไปหมดแล้วครับ ตามคนไอคิวสูงไม่ทัน

   “ผมไม่เคยจีบผู้ชาย” หมอทำหน้าเครียด เครียดมากเหมือนกำลังอ่านรายงานก่อนผ่าตัด หันกลับไปมองปั้นสิบ “อันที่จริง กับผู้ชาย ผมทำกับคุณเป็นคนแรก”

   “...”

   จะให้กูต่อยังไงล่ะครับ

   “ปกติผมเดทกับผู้หญิง และไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน ผมชัดเจนเรื่องสถานะเสมอ ถ้าเราจะเป็นแค่คู่นอนกัน มันก็จะเป็นแค่นั้น เหมือนกับวาริศ ผมไม่เคยสนใจเขานอกจากเป็นเพื่อนร่วมงาน เขาชอบผม แต่ผมปฏิเสธไปในตอนแรก เพราะผมไม่ได้ชอบผู้ชาย”

   “... อา”

   “วันที่คุณเจอเขาครั้งแรก ผมแค่อยากลองว่ากับผู้ชายมันจะเป็นยังไง เพราะว่าผมเอาแต่นึกถึงคุณ ผมคิดว่าผมอาจจะชอบผู้ชายก็ได้ แต่สุดท้ายผมก็ทำไม่ได้ มันก็จบแค่นั้น ไม่มีอะไร ผมไม่ได้อยากมีอะไรกับผู้ชายคนอื่น”

   ออ มิน่า... หมอนั่นถึงหงุดหงิดน่าดู เพราะอดนี่เอง

   ผมโยกหัวให้กับความคิดตัวเอง

   “จากนั้นก็ไม่มีอะไรอีก ผมลองกลับไปเดทกับผู้หญิง แต่มันก็ไม่รอด กับผู้ชายก็ไม่รอด ผมเลยคิดว่าที่ผมเป็นแบบนี้ คงเป็นเพราะคุณ”

   “หมอ... เจ้าชู้เหมือนกันนะครับเนี่ย” ผมพูดตามใจปากอีกแล้ว หมออคินหันมามองผมก่อนกระตุกยิ้ม

   “ผมร้ายกว่าที่คุณคิดเยอะ ข้าวปั้น”

   เงียบๆ ฟาดเรียบสินะ

   “วันนั้นที่คุณโดนยา ผมยอมรับว่ารู้วิธีทำให้อาการมันบรรเทา แต่ผมไม่ทำ ผมอยากทำกับคุณ”

   “แม่ง...”

   ผมเผลอสบถ ก่อนจะตบปากตัวเอง ขัดเขาทำไมวะ? หมอเงียบไป ก่อนจะเอื้อมมือมาดึงมือผมไปอีกครั้ง เขาสอดประสานมือใหญ่กับมือผมพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เหมือนที่เคยชิน

   “ผมเคยลองศึกษา ลองดูวิธี ลองถามหมออิง... เขาเป็นจิตแพทย์ ผมยอมรับว่าสับสนมากๆ แต่ก็เลิกแคร์ เพราะผมชอบคุณ”

   “หมอเลยทำ?”

   “ครั้งแรกเลย เจ็บใช่มั้ย?”

   ผมหน้าแดง เช่นเดียวกับเขา ต่างคนต่างก้มหน้า อยากบอกเหลือเกินว่า... นั่นดูไม่ใช่ครั้งแรกของหมอเลยนะ หมอดูไม่รังเกียจ พอนึกย้อนๆ ดู วันนั้นเขาดูสับสนมากจริงๆ นั่นแหละ เหมือนไม่รู้จะทำตัวยังไง... แต่สุดท้าย... เขาก็ทำตามแต่ใจตัวเองทั้งหมดแค่เพราะอยากทำ เช่นเดียวกับผม

   ถ้าไม่ใช่หมอ... แค่คิดก็ขนลุกแล้วครับ

   “หลังจากวันนั้น ผมก็รู้ตัวว่าโดนคุณเกลียดขี้หน้าไปแล้ว แถมยังกลับบ้านกะทันหัน ผมเลยถามวาริศในสิ่งที่ผมทำลงไป เขาเสนอตัวบอกว่าจะสอน... เขาบอกว่าไม่คิดมาก ให้คิดซะว่าเขาเป็นคู่นอนอีกคนของผมเหมือนๆ กับคนอื่นๆ ยอมรับว่าผมก็ลังเล พอคุณกลับบ้าน ผมก็ลองทำกับเขาประมาณสองสามครั้ง”

   “เหี้ยนี่หมอ... เอ้ย ไม่ใช่ๆ หยุดเล่าได้แล้วครับ ผมรู้สึกเหมือนกำลังฟังเซ็กซ์โฟนยังไงก็ไม่รู้”

   ผมปิดหูกระดากอาย... ไม่อยากจะรู้อะไรแล้ว แต่หมอกลับรั้งมือผมไว้ก่อนยกขึ้นมาทาบริมฝีปากตัวเอง ปล่อยให้ผมยกมือข้างที่ว่างปิดหน้าตัวเอง

   เวร... เวรเอ้ย มันไม่ควรเป็นแบบนี้

   “หลังจากวันนั้น... ผมก็เลิกกับเขา ผมทนไม่ได้ แม้จะรู้ว่าคุณอาจจะไม่ได้ชอบผม อาจจะรังเกียจที่ผมคิดไม่ซื่อ แต่ผมไม่ได้อยากทำกับใครอีกจริงๆ นอกจากคุณ... เฮ้อ... เชี่ย อะไรของกู...”

   เป็นครั้งแรกที่เขาสบถหยาบแบบแผ่วเบาให้ผมได้ยิน เพราะปกติเขาจะสุภาพเสมอ หมอที่เอามือผมไปทาบริมฝีปากตัวเองไว้เบือนหน้าหนี ผมกลั้นยิ้มขำ... เขาคงจะสับสนไม่แพ้ผมนั่นแหละ พอคิดๆ แล้ว ก็ตลกดี...

   คนสองคนที่ยังสับสนในตัวเอง สุดท้ายก็แค่ยอมรับมันไป

   “หมอ... เขินเหรอครับ”

   ผมลองแหย่ แต่หมอกลับเงียบ

   “หมอครับ”

   แหย่อีก

   “คุณหมออคิน... เฮ้ย!”

   ผมร้องลั่นเมื่อโดนผลักให้นอนราบกับโซฟา ริมฝีปากอุ่นตามลงมาฉกฉวยเอาริมฝีปากผมไป คุณหมอขยับกายให้ขึ้นมาทาบทับผมไว้โดยสมบูรณ์ ล็อคร่างกายง่อยๆ ของผมไว้ไม่ให้หนี ลมหายใจกระชั้นจนผมเกิดอารมณ์ตาม ลิ้นร้อนชื้นค่อยๆ แทะเล็มผ่านรอยแยกของริมฝีปากเข้ามาช้าๆ เหมือนขออนุญาต ผมค่อยๆ เผยอออกให้ลิ้นสากสอดแทรกเข้ามาวนเวียนทั่วโพรงปากเหมือนคนอดอยาก

   “ข้าวปั้น... เรียกผมว่าเฮียคินเหมือนเมื่อก่อนได้มั้ยครับ”

   เขาถอนริมฝีปากออกมา ไล่จูบไปตามแก้มแล้วกระซิบที่ข้างหูผม มือใหญ่ค่อยๆ สอดซุกเข้ามาในเสื้อยืดย้วยๆ ของผมพลางเลิกมันขึ้น ผมพยายามเอามือดึงไว้แต่สู้สรีระเขาไม่ได้จริงๆ

   “ทะ... ทำไมครับ”

   “เพราะตอนคุณเรียก มันน่ารัก”

   “คือ... อา... เดี๋ยวหมอ จับตรงไหนเนี่ย”

   ผมเริ่มประท้วง เมื่อนิ้วโป้งที่เคยชอบลูบไล้มือผม ตอนนี้มันถูไถเล่นกับยอดอกสีอ่อนที่เริ่มแข็งชันตามแรงอารมณ์ผ่านเนื้อผ้า คนตัวโตขบเม้มที่ต้นคอ รู้สึกถึงแรงดูดจนเกิดเสียงน่าอายก่อนจะลากเลียเหมือนคนอดอยากปากแห้งจนผมดิ้นหนี

   “เรียกสิครับ”

   “ไม่ ปล่อยผม ปล่อยผมก่อนครับ”

   “หืม...” หมอครางในลำคอ ผมแทบร้องไห้หน้าเบ้เมื่อกลางตัวผมกับกลางตัวเขามาทาบทับกันอยู่ แล้วผมดันตื่นตัวจนส่วนนั้นมันดันเนื้อผ้ากางเกงยีนส์ออกมา...

   “มะ... หมอ...”

   “แข็งซะแล้วไม่ใช่เหรอ เฮียช่วยมั้ยครับ” เขาใช้คำแทนตัวเองได้ไม่อายปากแม้จะเป็นสรรพานามแทนตัวที่เฮียปุ้นใช้กับผม แต่พอคนคนนี้พูดบ้าง มันกลับทำให้ผมอาย ริมฝีปากบางเม้มปากแน่น อยากลดมือลงไปปลดมันออกเพราะเนื้อผ้ายีนส์มันรัดแน่น แต่คนด้านบนไม่ยอมซะงั้น

   “ปล่อยครับ หมอปล่อย ปั้น... ปั้นเจ็บ”

   หมอยิ้มหวาน ลูบหน้าผมอย่างอ่อนโยน ผมลืมตัว เวลาตัวเองตกใจหรือตื่นเต้นจะเผลอใช้คำแทนตัวเองแบบนี้ออกมา แต่นั่นยิ่งทำให้คุณหมอคนหื่นได้ใจ เขาขยับสะโพกตัวเองไปมา ผมตาปรือ

   “หมอ...”

   “เรียกเฮียคินสิครับ ข้าวปั้นเด็กดี”

   มือของหมอขยับสอดเข้าไปในกางเกงยีนส์ ลูบไล้สัดส่วนที่กำลังแข็งตัว

   “ปั้น... ปั้น...”

   “แง้วววววววววว”

   เสียงร้องขัดจังหวะของไอ้อ้วนที่นั่งจ้องมนุษย์ทาสทั้งสองทำอะไรกันก็ไม่รู้ทำให้อารมณ์อะไรหลายๆ อย่างมันหดฮวบ ผมมองขวับ เห็นปั้นสิบนั่งเลียไข่ตัวเอง มันหันมาสบตาผมก่อนจะกระโดดขึ้นมาเหยียบหน้าผมด้วยเท้าที่เลอะทรายแมว

   ไอ้อ้วนเวรมันเพิ่งขี้มา!!!

   “เชี่ยอ้วน!!!”

   ปั้นสิบ IS THE WINNER.



ฮืออออ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์ และขอบคุณที่ทุกคนเชียร์พี่ดินนะคะ

แต่เสียจุย อย่างที่นักอ่านท่านหนึ่งเม้นต์ไว้ จั่วหัวเป็นคุณหมอ 5555

น้องยูไม่ถนัดเขียนดราม่าเยอะนะคะ เลยขออนุญาตจบดราม่าไว้ตอนนี้

ราตรีสวัสดิ์ค่า เจอกันตอนต่อไปเน้อค่ะ

#คุณหมอชอบกินข้าวปั้น

https://twitter.com/_SeenYu

 :katai3:


ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
โดนน้องแมวแย่งซีนไปซะแล้ว
 :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
หวังว่าจากนี้ไปจะไม่มีดราม่าเยอะนะครับ //มันหนึบในใจ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
ปั้นสิบดับอารมณ์หื่นทันตาจริง ๆ

ออฟไลน์ tawanna

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-0
 :jul1:หมดดราม่าเลือดท่วมแน่เลย :hao6:

ออฟไลน์ Kelvin Degree

  • ถ้าวันนั้นเลือกที่จะเดินออกไป คงไม่เจ็บมาจนถึงทุกวันนี้...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1700
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-2
555 มีแมวคอยดูแล,,,

ออฟไลน์ SeenYu

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-1
Chapter – 17
หมอครับ อย่าจีบแบบนี้



   “เหม่อเหี้ยไร งานน่ะ ทำสิ”

   พี่ดินที่เดินกลับจากห้องน้ำแล้วต้องผ่านโต๊ะผมด่าเข้าให้ เมื่อผมนั่งอ้าปากค้าง มองจอแต่มือไม่ขยับ นั่งแบบนี้มาสักพักแล้วตั้งแต่เขาเข้าห้องน้ำไปขี้จนขี้เสร็จแล้วผมก็ยังไม่ขยับมือต่อโนดอะไรสักอย่าง

   “อ่า... ครับ”

   ผมขยับเมาส์แบบล่องลอย ใจลอยคิดไปถึงไหนก็ไม่รู้

   “อ้าว ไอ้เจี้ยน เป็นเหี้ยอะไร”

   พี่ดินทักคนที่นั่งอยู่ถัดจากผม พี่เจี้ยนจ้องโทรศัพท์มือถือตาโต ก่อนจะรีบคว่ำลงเมื่อพี่ดินทัก

   “เปล่า! ผมจะไปขี้”

   พี่เจี้ยนหยิบมือถือเดินเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้คอมเรนเดอร์ไป พักนี้พี่เจี้ยนแปลกๆ ตั้งแต่กลับจากเชียงรายก็ดูเหมือนคนจิตตก เห็นหน้าผมเหมือนเห็นผี ผมไม่รู้ว่าพี่แกโกรธอะไรผมรึเปล่า พอผมถาม พี่เจี้ยนก็หงุดหงิดใส่ แต่ก็ไม่ได้เหินห่างเย็นชาอะไร ผมเลยคิดว่า คงเป็นอารมณ์คนแก่เครียดงานล่ะมั้ง

   “เอ้า ไอ้นี่ ทำงานดิวะ เย็นนี้ส่งอัฐตอนสามโมงนะ” พี่ดินที่เป็นลีดเดอร์โปรเจคใหม่เร่งผมจนหน้าตาตื่นกันเลยทีเดียว

   “เชี่ยยยยยย”



   “ไอ้ข้าว กูถามไรมึงหน่อยดิ”

   “ว่า”

   พี่เจี้ยนถามขึ้นระหว่างกินข้าวเที่ยง ซึ่งตอนนี้เหลือแค่ผมกับพี่เจี้ยนเพราะคนอื่นรอตรวจงานรอบเที่ยงกันยังไม่เสร็จ ผมที่ข้าวยังเต็มปากเงยหน้าเลิกคิ้ว

   “ถ้าสมมติมีคนส่งรูปโป๊เปลือยของตัวเองมาให้เนี่ย กูควรด่ากลับไปว่าไง”

   ผมแทบจะคายข้าวทิ้ง พี่แม่ง!

   “อะไรพี่ โดนโรคจิตรังควานรึไง”

   พี่เจี้ยนขมวดคิ้วแน่น

   “เออ กูโดนรังควานอยู่ กูควรทำไงดี”

   ผมกลืนข้าวลงไป

   “แจ้งตำรวจมะ ไม่ก็บล็อกเบอร์ เอ... ฝ่ายนั้นส่งรูปให้พี่ทางไหน”

   พี่เจี้ยนทำหน้าปั้นยาก ก่อนจะวางช้อนลง... นี่ผมให้คำปรึกษาไม่ดีเหรอเนี่ย ผมถามกลับบ้าง

   “พี่เจี้ยน ช่วงนี้พี่แปลกๆ เป็นอะไรรึเปล่า มีสโตกเกอร์ตามเหรอ?”

   “เปล่า... อืม ก็ไม่เชิง ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น แต่... แม่งน่ารำคาญ”

   “หา?”

   “ช่างแม่งเหอะ แดกให้เสร็จแล้วรีบขึ้นไปปั่นงานดีกว่า” พี่เจี้ยนเร่งผมยิกๆ จนผมต้องรีบกวาดข้าวที่เหลือลงปากอย่างรวดเร็ว ช่วงนี้พี่เจี้ยนแปลกไปจริงๆ ปกติขี้เกียจทำงานจะตายชัก มานึกขยันอะไร?

   หลังจากวันนั้น หมอก็มาหาผมที่ห้องบ่อยเท่าที่จะมาได้ เพราะผมกับเขาเลิกงานไม่ตรงกันอยู่แล้ว ยิ่งถ้าวันไหนหมอมีขึ้นเวรหรือเคสฉุกเฉินก็แทบจะไม่ได้เจอหรือคุยกันเลย มากินข้าวด้วยบ้าง มาทำอะไรให้กินบ้าง ถึงเขาบอกว่าจะเริ่มจีบผมแบบจริงจังแต่ผมก็ไม่เห็นว่ามันต่างกับตอนที่เขาไม่จีบตรงไหน

   อาจเป็นเพราะตั้งแต่รู้จักกับหมอมา นับๆ ดูแล้วเราเจอกันจริงๆ จังๆ แค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ช่วงนี้ถือว่าเจอกันบ่อยมากแล้ว ผมยอมใจเขานะที่หาเวลาว่างให้ผมได้ ซึ่งความจริงผมไม่คิดมากอยู่แล้ว เราทั้งคู่ต่างทำงาน การจะมีเวลาให้กันทุกวินาทีเหมือนรักสมัยเรียนคงเป็นไปไม่ได้

   แต่ถามว่าคบกันรึยัง... ก็น่าจะยัง เพราะหมอก็ไม่ได้ขอ และผมก็ไม่ได้พูด

   โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ผมปั่นงานดึกอีกแล้ว ส่วนเขาก็มีทั้งประชุม ขึ้นเวร ขึ้นวอร์ด อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ ผมไม่อยากรบกวนจึงไม่เคยส่งข้อความหรืออะไรไปเลย มีแต่เขาที่ส่งมา ถ้าผมเห็นก็จะรีบตอบทันที

   ทำตัวเป็นเด็กหัดอินเลิฟไปได้ไอ้ปั้นเอ๊ย

   ผมเดินออกจากรถไฟฟ้าใต้ดินพอดีกับที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้น เบอร์ที่โชว์คือคนที่ผมกำลังนึกถึงพอดี หน้าเห่อแดงขึ้นมาแบบไม่รู้ตัว ก่อนจะกดรับสาย

   “ครับ”

   [“กลับรึยังข้าวปั้น”]

   “กำลังจะกลับครับ อยู่สถานี หมอล่ะครับ”

   ผมได้ยินเสียงคนจ้อกแจ้ก คิดว่าเขาน่าจะอยู่โรงพยาบาล ก่อนจะได้คำตอบ ปลายสายก็เหมือนโดนเรียกด่วนทำให้สายตัดไปกะทันหัน ผมมองมือถือที่ถูกตัดไปอย่างงงๆ ก่อนจะยักไหล่ให้ คงมีงานด่วนจริงๆ ล่ะมั้ง ผมเดินทอดน่องมาจนถึงคอนโด เดินไปคิดไป

   นี่ผมจะคบกับผู้ชายได้จริงๆ เหรอ?

   ปกติเวลาคบกับผู้หญิง ผมมักเป็นฝ่ายตามใจอีกฝ่าย เจ้าหล่อนอยากทำอะไรผมก็เออออตามที่เธอต้องการ แต่ผมไม่ใช่คนติดแฟน ออกจะติดเพื่อนเสียมากกว่า ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นสาเหตุให้แฟนเก่าแต่ละคนของผมบอกว่า ‘เธอสนใจทุกอย่างยกเว้นฉัน’ ก็ได้ล่ะมั้ง...

   แล้วคราวนี้ ผมจะเรียกร้องอะไรจากหมอได้อีกล่ะ

   “ไอ้อ้วน กินข้าว”

   ผมกลับมาถึงห้องก็โยนกระเป๋าแล้วเทอาหารแมวลงถาดที่ว่างเปล่า มองนาฬิกาที่บอกเวลาสามทุ่ม ก่อนจะเดินไปเปิดตู้เย็นหาอะไรกิน ซึ่งในนั้นก็มีแค่ไข่ไก่สิบกว่าฟองกับผักบุ้งอีกสองสามมัดใกล้เน่าเต็มที

   ไข่เจียวกับผัดผักบุ้งแล้วกัน

   แต่พอมาคิดๆ ดู นี่เป็นอาหารมื้อแรกที่เคยกินกับหมอนี่หว่า ผมยังจำได้ว่าผักบุ้งจืดมากจนผมขอเหยาะซีอิ๊วเพิ่ม แต่หมอกลับตีมือผมแล้วบอกว่า กินเค็มตอนดึกๆ มันไม่ดีต่อกระเพราะ เออนะ เขาเป็นหมอนี่หว่า

   ผมนั่งกินข้าวอยู่หน้าทีวีเป็นปกติ เปิดช่องข่าวก็พบว่ามีข่าวด่วนถึงอุบัติเหตุรถชนแถวๆ เขตโรงพยาบาลของหมอ หรือว่าที่เขารีบตัดสายเพราะเรื่องนี้กันนะ

   ผมเปิดคอม นั่งไหลไปสักพักก็เบื่อ เปลี่ยนมาเล่นเกมมือถือ ก็เบื่อ... เลยเดินเข้าไปอาบน้ำซะเลย

   พออาบน้ำเสร็จ ผมก็ออกมานั่งมองมือถือ... ไม่มีข้อความเหมือนทุกครั้ง ไม่มีสายเรียกเข้า ผมไม่รู้จะทำอะไร เลยลองเลื่อนหน้าฟีด เจอสเตตัสที่เพิ่งโพสเมื่อประมาณสิบนาทีที่แล้วของหมออิงที่โพสขอบริจาคเลือดให้ผู้ประสบอุบัติเหตุจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนหัวค่ำ ถึงจะอยู่คนละแผนกก็ตาม

   ผมนึกถึงชื่อเฟซบุ๊คของหมอ มันเป็นชื่อเดียวกับเขาเลยทำให้หาได้ไม่ยาก มันถูกตั้งเป็นไพรเวทจริงๆ  ผมไม่สามารถดูอะไรได้นอกจากรูปโปรไฟล์ของเขา ดูดีจริงๆ แหละ รูปร่างหมอก็ดี พอหันมาดูสารรูปตัวเองแล้ว ไม่แปลกเลยที่เฮียปุ้นจะบอกจะบอกว่าเป็นหุ่นทรมานใจสาว คือสาวเห็นแล้วทรมานแทน ผอมไปไหน?

   “ออกกำลังกายบ้างดีมั้ยว้า”

   ผมลองกดแอดเฟรนด์เขาไป เอาน่า ถ้าเป็นเพื่อนกันหรือพอจะสนิทกัน ผมก็แอดไปเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

   แต่เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันซะหน่อย...

   “ว้ากกกกกกๆๆๆๆ”

   ผมยกมือปิดหน้ากลิ้งอยู่บนเตียงตะโกนโวยวายจนปั้นสิบกระโดดหนีไปด้วยความรำคาญ หัวใจผมเต้นตึกๆ ตักๆ

   เมื่อไหร่จะวันศุกร์น้า... เผื่อหมอจะว่างบ้าง



   โอเค...หมออาจจะว่าง แต่ผมอ่ะ ไม่ว่าง

   “พี่ดิน! Hierarchy  แม่งไม่ตรงกัน shade ไม่เข้า เรนเดอร์ออกมาเจ้งหมดเลย” เสียงนั่นคือผมเอง

   “ไอ้สัส นี่ก่อนส่งเรนเดอร์มึงไม่เทสเรอะ”

   “เทสดิ ผมยังจัดแสงอยู่เลย ทำไมอยู่ดีๆ ใครไปยุ่งกับ outliner อีกล่ะเนี่ย” ผมเช็คไฟล์เรนเดอร์แล้วกุมขมับ

   “ส่งกลับไปให้โมเดล บอกโคดิ๊ ไอ้เด็กตัวไหนมันทำวะเนี่ย ต้องส่งพรุ่งนี้ด้วย เวรเอ้ย มึง comp ส่วนที่ยังไม่พังไปก่อนเลย”

   แล้วพี่ดินก็เดินไปหาแผนกโมเดลเองเลย รอโคโปรดิวเซอร์มันคงไม่ทันแล้วงานนี้ เรื่องนี้ผมทำอะไรไม่ได้จริงๆ ต้องรอฝั่งโมเดลแก้แล้วอัพเดท ที่นานน่ะไม่ใช่แก้งาน แต่เป็นการเรนเดอร์ มันต้องรอ แล้วมันเสียเวลา

   สุดท้ายแทนที่งานผมจะเสร็จวันนี้ กลายเป็นว่าผมต้องมาทำใหม่เช็คใหม่วันพรุ่งนี้ ส่วนวันนี้ก็ปั่นชอตอื่นๆ ต่อไป

   เมื่อถึงเวลาจะกลับ ผมยกมือถือขึ้นมาดูก็เห็นว่ามีข้อความทิ้งไว้ตั้งแต่ห้าโมงเย็น ตั้งแต่วันที่พี่ดินบอกว่าเห็นข้อความของผมเพราะไม่ชอบคว่ำจอ จากนั้นมาผมคว่ำตลอดเลยครับ กันคนมาเสือก... รวมถึงแจ้งเตือนเฟซบุ๊คว่า



   Akin L. Worachoti-Ingkanan accepted your friend request.



    รับเร็วเหมือนกันแฮะ

   ผมลูบหลังคอตัวเอง ก่อนจะอ่านข้อความของหมอที่ส่งมาถามว่าผมเลิกงานกี่โมง ให้ไปรับมั้ย... เชดดดด เขาส่งมาตั้งแต่ห้าโมง ป่านนี้ล่อไปเกือบสามทุ่ม ผมรีบตอบกลับทันที



   KaowwwPun: คือผมเพิ่งเลิกงานครับหมอ



   ผมรออยู่สักพัก เห็นว่าเขายังไม่อ่านก็รู้สึกใจไม่ดี แต่พี่ดินกลับเดินมาแล้วถาม

   “ไอ้ข้าว เดี๋ยวกูไปส่ง มีธุระทางนั้นพอดี จะไปมั้ย”

   “เอ๋...” ผมมองโทรศัพท์ จะรอหมอตอบดีรึเปล่าว้า แต่พอพี่ดินเร่ง ผมก็รีบเดินตามเขาลงลิฟต์ไป

   “เออใช่ เห็นไอ้เนบอกว่ามึงไปปรึกษาจิตแพทย์เรื่องโรคกลัวที่มืด เป็นไงมั่ง กูลืมถามไปเลย”

   พี่ดินถามระหว่างลงลิฟต์

   “ออ ก็ไม่ไงอ่ะ หมอเขาบอกว่าแล้วแต่ว่าผมอยากเข้ารับการบำบัดรึเปล่า แต่โรคผมมันก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น เห็นว่าต้องใช้วิธีพฤติกรรมบำบัดเอา” ผมตอบ มองตัวเลขชั้นในลิฟต์ไปด้วยตามความเคยชิน

   “ยังไงวะ?”

   “ก็แบบ ให้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่ใกล้เคียงบ้าง ให้คุ้นเคยกับความมืดบ้าง ผมก็ลองนะ ปกติผมจะจุดเทียนก่อนนอนให้มันมีแสง แต่ช่วงนี้ก็พยายามลดๆ จำนวนเทียนลง”

   “แล้วดีขึ้นมั้ย”

   “ไม่รู้ดิ บางครั้งสะดุ้งตอนกลางคืนผมก็จิตตกไปเหมือนกัน พอเทียนดับผมก็ลุกขึ้นมาจุดใหม่ ไม่งั้นนอนไม่หลับ”

   “ต้องหาคนมานอนด้วยล่ะมั้ง” พี่ดินแซวผมเล่น ผมเลยแยกเขี้ยวใส่ไปทีนึง

   “แล้วเรื่องหมอกับมึงนี่ยังไง คบกันยัง?”

   “ยัง!” ผมปฏิเสธทันควัน ก่อนจะหุบปากสนิทเมื่อพี่ดินยิ้มกริ่มเหมือนรู้อะไรบางอย่าง

   ผมเดินออกจากลิฟต์มา ไปยังหน้าบริษัทเพราะรถของพี่ดินจอดอยู่ที่ลานจอดข้างๆ  นี่ ระหว่างทางก็โดนแซวจนหน้าแดงไปหมด พี่ดินมองไปข้างหน้าก่อนจะหัวเราะหึ

   “เอ... สงสัยกูไม่ต้องไปส่งมึงแล้วล่ะ”

   “เอ๊ะ”

   ผมมองตามสายตาของพี่ดิน เห็นรถออดี้รุ่นไอรอนแมนจอดรออยู่หน้าตึก ร่างสูงนั่งพิงกระโปรงหน้ารถพลางสูบบุหรี่ไปด้วย ไม่สมกับเป็นหมอเลยแฮะ ร่างสูงขายาวหุ่นพอดีพองามไม่ล่ำเกินไปเหมือนไอ้คุณพี่ดินข้างๆ ผมทำตัวเหมือนเป็นนายแบบขายรถ เขามองมาทางผมก่อนจะดับบุหรี่ลงกับที่เขี่ยบุหรี่พกพาแล้วยืดตัวลุกขึ้น

   “หมอ”

   ผมเดินเข้าไปหาแล้วยกมือไหว้ตามปกติ เขาผงกหัวรับก่อนจะถามผมนิ่งๆ

   “กินอะไรรึยัง”

   “ยังครับ”

   หมอมองข้ามหัวผมที่สูงแค่คางเขาไปทางพี่ดินที่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

   “หวัดดีครับหมอ จำผมได้มั้ย” พี่ดินทักทาย หมอผงกหัวให้

   “จำได้ครับ”

   “มารับข้าวปั้นหรอครับ”   

   “ครับ”

   พี่ดินมองทางผมที่เริ่มทำหน้าปั้นยากก่อนจะยกมือขึ้น

   “งั้นกูกลับละ” พี่ดินหันไปสบตาหมออีกครั้ง ผมไม่เข้าใจว่าผู้ชายตัวควายๆ สองคนมันสื่ออะไรกันผ่านสายตา พี่ดินเชิดหน้าแสยะยิ้มประหลาด “ดูแลข้าวปั้นมันดีๆ นะหมอ”

   หมอเงียบไป ผมยกมือบ๊ายบายพี่ดินแบบง่อยๆ คือ... คือพี่ดินคงจะรู้แล้วล่ะว่าผมกับหมอน่าจะดูๆ กันอยู่ ต้องบอกให้เหยียบเรื่องนี้ให้มิดเลยเชียว

   ฝ่ามือใหญ่วางแปะลงบนหัวผม ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง เห็นรอยยิ้มกระชากใจผ่านแสงจากไฟถนนที่เล่นเอาใจวูบๆ วาบๆ   

   “กลับบ้านกันครับ”



   “หมอ มารอตั้งแต่เมื่อไหร่ครับเนี่ย”

   เมื่อคาดเข็มขัด ผมก็ถามเขาทันที เกรงใจฉิบเป๋ง ว่าแต่... เขารู้ได้ยังไงว่าผมทำงานบริษัทอะไร รู้สึกเหมือนจะไม่เคยบอกนี่หว่า คุณหมอหนุ่มที่ไม่เจอหน้ากันเกือบอาทิตย์เข้าเกียร์รถพลางตอบ

   “ประมาณหกโมง เฮียลงเวรพอดี คิดว่าข้าวปั้นน่าจะยังไม่เลิกงาน”

   “หกโมง!” ผมหน้าแหยไปเลย “ขอโทษนะครับ วันหลังถ้าผมไม่ตอบหมอไม่ต้องรอก็ได้นะครับ รบกวนเปล่าๆ แถมเสียเวลาด้วย”

   “ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่ แวะหาอะไรทานหน่อยมั้ยครับ หรือจะกลับไปทำอะไรกินที่บ้าน”

   ผมยกมือถือขึ้นดูเวลา นี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะ กลับไปทำอะไรกินก็เหนื่อยที่จะเตรียมจะล้างอีก

   “เอ่อ งั้นแวะกินดีกว่าครับ หมอล่ะ กินอะไรยัง”

   “ยังครับ รอปั้นนั่นแหละ”

   เดี๋ยวโรคกระเพาะก็แดกเหมือนผมหรอกครับหมอ

   “เมื่อวานผมดูข่าวอุบัติเหตุ ที่หมอตัดสายไปตอนนั้นเพราะเรื่องนั้นใช่มั้ยครับ” ผมลองถามดู หมอเลิกคิ้วก่อนจะทำหน้าเหมือนนึกออก นี่เขาลืมว่าคุยกับผมจริงๆ เหรอวะเนี่ย คนเลว...

   “ครับ ขอโทษนะ เฮียลืมโทรกลับ เพิ่งลงเวรตอนสี่โมง เมื่อวานอยู่เวรห้องฉุกเฉินแถมมีอุบัติเหตุเลยทำให้ยุ่งๆ น่ะครับ... โกรธรึเปล่า” หมอเหลือบมองผมที่ส่ายหน้าดิกๆ งานของหมอนี่มันหนักจริงๆ เมื่อก่อนจะเจอหน้าหมอบางทีก็เดือนละครั้งบ้าง ผมยังจำสภาพตอนที่เขาเอาของมาฝากม๊าได้อยู่เลย สภาพแย่กว่าวันนี้อีก

   “พักผ่อนบ้างนะครับ”

   หมอยิ้มกว้างกว่าที่เคยๆ เขาเอื้อมมือมาโยกหัวผมเบาๆ

   “ครับ”



   “ข้าวปั้น”

   หมอมาส่งถึงห้องหลังจากที่กินข้าวเย็น... ไม่สิ น่าจะเรียกว่ามื้อดึกมากกว่าเสร็จแล้ว ผมที่กำลังจะแตะคีย์การ์ดเข้าห้องหันมาตอบรับเสียงเรียก

   “ครับหมอ”

   หมอดันร่างผมเข้าไปในห้องที่มืดสนิท ผมรีบควานหาสวิตช์ไฟ แต่หมอที่แขนยาวกว่ากลับเอื้อมไปเปิดให้ทำให้ห้องสว่างก่อนที่ผมแพนิคความมืด ทันทีที่ประตูปิดลง หมอก็คว้าเอวผมเข้ามาชิด ก่อนจะงับริมฝีปากของผมแรงๆ หนึ่งที ผมร้องเบาๆ เขาจึงค่อยๆ จูบผมอย่างกระหาย ลมหายใจกระชั้นรดหน้า ผมยกมือขึ้นเกาะบ่ากว้างของเขาในขณะที่มือใหญ่ยกขึ้นประคองท้ายทอยผมไว้พลางดันให้แหงนหน้าขึ้น ผมเอียงหน้าเปิดช่องทางให้ตัวเองได้หายใจหายคอสะดวกขึ้น คุณหมอจูบย้ำๆ ถอนริมฝีปากเพื่อเปลี่ยนองศาแล้วก็จูบลงมาใหม่ ลิ้นร้อนสอดดุนเข้ามาแลกเปลี่ยนน้ำลายซึ่งกันและกัน ผมหดลิ้นหนีด้วยความตกใจ

   “ข้าวปั้น ขอลิ้นหน่อย”

   “มะ... หมอ”

   “เร็วครับ”

   หมอคนที่เคยใจเย็นเสมอเร่งเร้าด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

   เข้าโน้มลงมาครอบปากผมอีกครั้ง ผมเปลี่ยนจากเกาะบ่าเป็นคล้องคอเขาแทน หมอเลื่อนมือจากท้ายทอยมาประคองหน้าผมแทน มือที่ใหญ่เท่าหน้าใช้นิ้วโป้งลูบไล้ข้างแก้มเหมือนจะบังคับให้เปิดปาก ผมค่อยๆ ยื่นลิ้นออกมาแข่งกับเขา หมอเลื่อนจากการจูบผมทั้งปากมาเป็นดูดดึงลิ้นแทน

   เชี่ยเอ้ย เมื่อกี้เพิ่งกินก๋วยเตี๋ยวไปเอง ผักติดฟันบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้!

   ผมไม่เคยจูบแบบดีปคิสขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกเหมือนจะเสร็จทั้งๆ ที่ทำแค่จูบ

   ลีลาของหมอไม่ธรรมดา!

   เสียงดูดลิ้นดูดน้ำลายดังจนน่าอาย ผมปรือตามองเขาด้วยน้ำตาคลอเบ้าทำให้เห็นนัยน์ตาสีเขียวสวยจ้องมองผมอย่างเร่าร้อนอยู่แล้ว

   สายตาหมอเหมือนจะแดกผมเข้าไปทั้งตัวแล้วครับ...

   “แฮ่กๆ...พอ.. อื้อ พอก่อนครับ”

   ผมพยายามดันหน้าออก หันหน้าหนีเพื่อเอาออกซิเจนเข้าปอด ไม่เคยจูบต่อเนื่องนานขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต!

   “ข้าวปั้นครับ”

   หมอเอามือจับหน้าผมให้หันกลับมา ผมยกมือขึ้นเช็ดน้ำลายที่เปรอะทั่วปาก มองเขาดุๆ ที่ทำอะไรไม่บอกไม่กล่าวกันก่อน สำลักลมหายใจตายจะทำยังไง

   หมอไม่สนใจสายตาผมสักนิด เขาดันผมให้ถอยหลังไปเรื่อยๆ จนล้มลงบนเตียง

   เชี่ยๆๆๆๆๆ เดี๋ยวๆๆๆ มันชักจะไม่งามแล้วนะ

   “หมอครับ หมอ สติ”

   ผมโดนเขาขึ้นคร่อม กดร่างผอมแห้งที่ไร้การออกกำลังกายลงกับที่นอนนุ่ม

   ไอ้เชี่ยหมออออออออออออออ ไปโดนตัวไหนมาวะเนี่ย ก๋วยเตี๋ยวใส่กัญชาเรอะ!

   “หมอ หมอไม่ง่วงเหรอครับ ฮ่าๆๆๆๆ ว้ากกกก”

   “ร้องทำไมเนี่ย?”

   หมอชันตัวลุกขึ้นโดยใช้แขนทั้งสองข้างค้ำยันคร่อมหัวผมไว้ สีหน้าของหมอปกปิดรอยขบขันไว้ไม่มิดเมื่อเห็นว่าผมโวยวายปัดป้องตัวเองพัลวัน เขารวบข้อมือข้างหนึ่งของผมไว้จนชะงักกึก หันมองเขาแบบกลัวๆ สายตาที่เขาทอดมองผมอย่างอ่อนโยน ก่อนจะจูบลงบนฝ่ามือข้างที่เขาจับ

   “จีบอยู่ไงครับ”

   “นี่เรียกล่วงละเมิดทางเพศครับ! อย่าจีบแบบนี้!”

   หมอหัวเราะก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบที่แก้มผมแรงๆ อย่างมันเขี้ยวพลางกระซิบเบาๆ

   “เชื่อเฮียเถอะ ว่าเฮียไม่เคยจีบใคร”

   “เชื่อก็โง่แล้วครับ!!!”



Hierarchy – สำหรับในโปรแกรม 3D นั้น ลำดับ Hierarchy คือการจัดเรียงความสำคัญจากบนลงล่างและใช้ทำการเชื่อมต่อกันระหว่าง object เช่น การใส่กระดูกให้กับโมเดล ก็ต้องเรียงลำดับของ Hierarchy หากลำดับไม่ตรงกันกับที่ทำไว้จะทำให้เกิดความผิดพลาดได้


มันก็จะ... หวานนิดๆ
55555
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะคะ

ฝากติดแท็กในทวิตเตอร์กันโหน่ยน้า
#คุณหมอชอบกินข้าวปั้น

https://twitter.com/_SeenYu
 :mew1:

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-11-2019 00:26:06 โดย SeenYu »

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5383
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
รุกแรงมากหมอคิน น้องข้าวปั้นตั้งตัวไม่ทันกันเลยทีเดียว :impress2:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ stickyyrice

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-5
แหม่ แทนตัวเองว่าเฮียกะให้น้องหลงเรียกให้ได้


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
ไง..ข้าวปั้นไม่ยอมก็ไม่ได้แล้วละ ก็หมอรุกขนาดนั้น
ข้าวป้้นถามหน่อยดิ ว่ามีพี่ชายโรคจิตขนาดส่งรูปเปลือยด้วยเหรอ
สงสารเจี้ยนที่ยังสับสนนะ แต่ไม่ยอมบล็อกเบอร์ตามที่ข้าวปั้นบอก อิอิอิ
 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
งู้ยย หมอไม่อ่อนโยน แซ่บๆพริก 10 เม็ดไปเลยจ้า 555

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด