☆ My name is...เพราะผมชื่อ'นก' ☆ บทส่งท้าย.นกไม่นกแล้วนะ [จบ] up. 09/02/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆ My name is...เพราะผมชื่อ'นก' ☆ บทส่งท้าย.นกไม่นกแล้วนะ [จบ] up. 09/02/63  (อ่าน 14913 ครั้ง)

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[15]

ตอนที่ 15.

 นกกับการรักษา 

ผมกลับบ้านด้วยสภาพที่ต้องเปลี่ยนเสื้อใหม่ด้วยการยืมเสื้อไอ้ตัวการที่ทำเสื้อผมขาดมาใส่ พ่อผมตอนเห็นผมก็เกิดความแปลกใจกับการที่ผมไปลากไอ้หนุ่มข้างบ้านมาที่บ้านด้วย แถมในมือของมันยังมีกับข้าวที่พ่อผมเพิ่งจะบอกให้ไปส่งถือกลับมาอีก สายตาพ่อตวัดกลับมาหาผมอย่างคนที่ต้องการคำอธิบาย ซึ่งผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆ กลับไป ลอบมองไอ้หน้าด้านข้างหลังผมที่ยังคงยิ้มระรื่นอย่างมีความสุขจนน่าหมั่นไส้

ส่วนไอ้แมวตาวาววับแทบจะทันทีเมื่อเห็นหน้าของคนข้างบ้านที่ผมได้เคยนินทาอยู่กับมัน มันคงนึกชอบใจกับความหล่อเหลาที่บรรดาพี่ชายเพื่อนของมันยังเทียบไม่ได้ แน่ล่ะ…ไอ้พวกห่าเหวนั่นจะมาเทียบกับแฟนผมได้ยังไง พี่ชายของไอ้ตะพาบถึงจะหล่อแต่ถ้าเทียบความสูงคงได้แค่ปลายคางไอ้ปาด้วยซ้ำ หน้าตาก็ติดจะหวานอยู่นิดๆ แต่ก็มีความคมคายอยู่มากกว่า ส่วนไอ้ปาหล่อทะลุจอขนาดที่เดินไปไหนไม่ต้องตามหา กระดิกนิ้วนิดหน่อยสาวๆ ก็แทบจะวิ่งเข้ามาหามันแล้ว ไม่อย่างนั้นตอนผมเป็นเพื่อนกับมันอยู่มีหรือที่ผมจะยังโสด เฮอะ! หล่อไม่เท่าเลยเหลาใครไม่ได้

“ไอ้นก!” ผมสะดุ้งโหยงเลยทีเดียวเมื่อเจอน้ำเสียงห้วยดุดันเรียกมาจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็น…ผัวแม่

“จะ จ๋าพ่อ” หน้าผมนี่แห้งแล้วแห้งอีก ฟีบแล้วฟีบอีกก็ยังไม่ได้เศษเสี้ยวความสงสารเห็นใจจากพ่อผม เหงื่อตกจนต้องยกมือขึ้นมาปาดทิ้งเลยทีเดียว

“เอ็งให้ไอ้หนุ่มนี้เอากับข้าวมาคืนข้าเรอะ!” หื้อ! พ่อใส่ร้ายผมทำไมเนี่ย ผมรีบส่ายหน้าทันทีเลยครับ กลัวเป็นประเด็นสำคัญที่จะทำให้กระเด็นออกไปจากบ้าน

“ใคร๊! ผมเหรอจะกล้า ไม่มีหรอกพ่อ มันเอามาคืนเองต่างหาก” ไม่ใช่ลูกรักเลยโดนใส่ร้าย มันน่าน้อยใจเหลือเกิน ฮึก!

“มัน? พวกเอ็งสองคนรู้จักกันงั้นเหรอ?”

“อา ก็ ก็รู้จักครับ” บอกยังไงดีล่ะ บอกว่าเป็นแฟน? ไม่ได้ๆ พ่อมีหวังช็อกตายก่อนเขียนพินัยกรรมให้ผมแน่ๆ

งั้นบอกว่าเป็นเพื่อนดีกว่า ปลอดภัยไว้ก่อนดีที่สุด

“?” เมื่อตัดสินใจได้ผมจึงยิ้มให้พ่อแล้วสูดลมหายใจลึกพร้อมกับโกหกคำโตว่า!

“เป็นพะ…”

“เป็นแฟนครับคุณพ่อ!”

ฉิบหายแล้ว! ใครใช้ให้มึงบอกพ่อกูออกไปแบบนั้นไอ้เวรเอ๊ย!!

ผมเก็บคำว่าเพื่อนที่ไม่ทันจะหลุดออกจากปากกลืนลงท้องอย่างปวดหัว แอบลอบมองพ่อที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งตั้งโชว์อย่างใจเต้นแรง แล้วเหลือไปมองไอ้น้องชายที่น่ารักของผมที่ก่อนหน้านี้เคยประกาศกร้าวว่าจะต่อยหน้าไอ้ปาให้หงาย ซึ่งสภาพมันตอนนี้ปากนี่แทบจะหุบไม่ลง ช็อกจนเรียกหาสภาพความเป็นปกติไม่เจอเลย

รู้สึกเหมือนตัวเองคิดผิดที่ให้ไอ้หน้าทะเล้นที่ได้ชื่อว่าแฟนของผมตอนนี้เข้ามาในบ้านยังไงไม่รู้ แถมเสื้อก็ยืมมันมาใส่ สภาพผมตอนนี้โดนไอ้แมวที่ดึงสติกลับมาได้แล้วกวาดสายตามองทั้งร่างจนแทบจะพรุน

พี่เปล่านะ พี่ไม่ได้ทำเรื่องแบบนั้นจริงๆ

แต่สายตาของมันเหมือนจะไม่เชื่อ มันมองบนแล้วกลอกตาจนลูกตาแทบจะหมุนได้รอบโลกอยู่แล้ว เข้าใจนะว่าหมั่นไส้ เข้าใจไงว่ามันชวนให้คิด ตอนออกไปใส่เสื้ออีกตัวหนึ่ง กลับมากับเสื้ออีกตัวหนึ่ง ใครๆ ก็คิด ไม่ใช่แค่มันหรอกที่คิด ถ้าน้องผมกลับมาสภาพแบบนี้ ผมก็คิดครับ!

ประเด็นหลักของเรื่องคือ!

กูไม่ได้ทำอย่างที่มึงคิดไงครับไอ้น้องเวร! เก็บสายตาเวทนาที่แสนดูแคลนนั่นกลับไปเลย!

พี่ชายคนนี้ยังรักษาเอกราชเอาไว้ได้ดี ยังไม่ถูกใครตีแตก แม้จะเกือบไปแล้วก็ตาม

จะว่าไป…นิ้วเดียวคงไม่นับหรอก ใช่ไหม?

หรือว่านับ?

ไม่หรอกๆ ไม่นับสินั่นแค่นิ้วเอง ฮะๆ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนว่ามันนับวะ ไม่ๆ โอ๊ย! แล้วทำไมผมต้องมาเถียงกับตัวเองด้วยล่ะเนี่ย! จะบ้าตายๆ นี่ผมอาการหนักขนาดนี้ไปได้ยังไงกัน ผมในตอนแรกออกจะน่านับถือ (?) น่ารักน่าเอ็นดู (ตรงไหน?) ใครๆ เขาก็ชอบผมกันทั้งนั้น แต่ไอ้อาการที่เกิดขึ้นนี่คือการวิตกจริตของผมเองใช่ไหม ผมคงไม่ใกล้เคียงกับคำว่าบ้าหรอกเนอะ

“อะ ไอ้นก นี่ นี่เอ็งเป็น…” พ่อกลืนคำว่าเกย์ลงคอไปอย่างยากลำบาก สีหน้าย่ำแย่พอๆ กับที่ไอ้แมวมันมีอยู่ตอนนี้ จะว่าไปแล้วไอ้แมวจะโกรธผมก็ไม่แปลกหรอก เพราะมันเป็นคนมาปลอบผมตอนร้องไห้ แต่พ่อนี่สิ โกรธเรื่องอะไรหว่า?

“ครับคุณอา ผมขอแนะนำตัวอีกครั้งนะครับ ผมชื่อปา นายปรมะ เทียบสินธนากุลครับ เป็นแฟนกับลูกชายคุณอาครับผม” ไอ้ปายืดอกบอกเผยรอยยิ้มภาคภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยมจนน้ำหูน้ำตาผมเกือบจะไหล

เนี่ย! ไอ้แมวแกดูๆ แบบนี้จะไม่ให้ใจอ่อนได้ยังไงเล่า!

“เป็นแฟน? ใช่ไอ้คนที่มันทำพี่นกร้องห่มร้องไห้ ซมซานหนีกลับมาบ้านป่ะ?”

วูบ!

เหมือนมีลมพัดผ่านหน้าไปอย่างหนาวยะเยือก พ่อผมที่ได้ยินคำพูดของไอ้แมวที่ติดรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมาก็นิ่ง บรรยากาศรอบตัวอึมครึมจนน่ากลัว ผมไม่เคยเห็นพ่อมีท่าทางแบบนี้มากก่อนเลย ตั้งแต่เกิดมาผมเคยเห็นแค่เวลาพ่อหงุดหงิด พ่อรำคาญ แต่ไม่เคยเห็นพ่อโกรธใครเลยสักคน มันจึงช่วยไม่ได้ที่ผมจะตัวสั่นขึ้นมา

ไอ้แมว ไอ้ปากสว่าง!

ถ้ามันไม่พูดขึ้นมา พ่อก็คงไม่มีทีท่าจะฆ่าใครตายแบบนี้!

ผมไม่ได้ห่วงไอ้ปา ไม่เลยครับ ผมห่วงพ่อนี่ล่ะ ไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล แก่แล้ว

“มึงนี่เอง…” อึก! มึงกูก็มาแล้วจ้าาาาา

“ครับผมเอง” แล้วมึงจะรับคำทำซากฟอสซิลอะไรวะไอ้เห็บหมา! ไม่กลัวพ่อกูเอาปืนมายิงกบาลมึงเลยใช่ไหม!!!

ผมอยากจะทิ้งตัวลงร้องไห้แม่งเลย ทั้งพ่อทั้งผะ เอ่อ ทั้งแฟนแม่งจะดวลพลังวัตรกันให้คนข้างๆ เป็นลมตายให้ได้ใช่ไหม พ่อผมจ้องหน้ามันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ส่วนไอ้ปายิ้มเฉย ยิ้มเหมือนไม่รู้ว่ามัจจุราชมายืนกวักมือเรียกอยู่ข้างๆ แล้ว ละเหี่ยใจจนอยากเดินเข้าบ้านเลยได้ไหม ทิ้งสองคนนี้ให้จ้องกันไปเองทั้งคืน

“ไอ้แมว! ไอ้นก!” พ่อเรียกผมกับไอ้แมวเสียงเข้มทั้งที่สายตายังคงไม่ละออกมาจากหน้าไอ้ปา

“ครับ! / ครับพ่อ” ไอ้แมวกระตือรือร้นมากเป็นพิเศษรับคำเหมือนถูกทหารสั่งให้ไปออกรบ ส่วนผม หมดอาลัยตายอยากมาก

“เอ็งสองคนเอากับข้าวที่ข้าให้มันกลับมาแล้วส่งมันออกไป อย่าให้มันมาเหยียบประตูบ้านนี้อีก!” นั่นไงล่ะ พ่อผมตัดความเอ็นดูมันออกไปแล้วจริงๆ ด้วย ฮือๆ

“ได้ครับ!” ผมหันไปมองไอ้แมวที่ดูดี้ด้ามีความสุขฉิบหายด้วยความหมั่นไส้ อยากจะถีบมันสักทีสองทีเหลือเกิน ไอ้น้องเวร!

แต่จะไปว่ามันก็ไม่ได้ วันนั้นผมแม่งก็อาการหนักจริงๆ การที่น้องชายผมจะโกรธมัน ไม่ต้อนรับมันย่อมไม่แปลก

“ดี เอาพี่เอ็งกลับเข้าไปในบ้านด้วย อย่าปล่อยให้หมามันคาบไปไหนได้อีก!”

โอ้! ดีใจด้วยนะไอ้ปา มึงอัปเกรดจากสัตว์น้ำเป็นสัตว์บกสี่ขากระดิกห่างพร้อมแลบลิ้นแล้ว! เย้!

“พะ พ่อ” ผมอยากจะอธิบายให้พ่อฟัง แต่ไอ้ปาดึงแขนผมเอาไว้แล้วส่ายหน้า มันยังคงยิ้มไม่เปลี่ยน แววตาที่มองผมอ่อนโยนจนผมต้องถอนหายใจออกมา

“ไม่เป็นไร กูผิด กูก็ต้องทำให้มันดีขึ้นเอง”

“แต่ แต่ว่า…” มันไม่ได้ง่ายเลยนะ พ่อผม…ไม่เหมือนใคร ยิ่งโกรธยากแค่ไหน จะให้หายโกรธยากยิ่งกว่า ผมรู้ดี

ไอ้ปาวางมือบนศีรษะของผมแล้วโยกเบาๆ ไม่ให้ผมคิดมาก แต่ขอโทษเถอะ กูคิดไปแล้วครับ!

“รออยู่อย่างนั้นล่ะครับคุณนก เดี๋ยวผมคนนี้จะพาคุณมายืนข้างๆ ผมอีกครั้งแน่ๆ รักมากขนาดนี้…ไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ หรอก” ผมก้มหน้าลงซ่อนใบหน้าแดงก่ำแล้วพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่มันสื่อ

ทุกอย่างแม้จะเป็นผมที่ทิ้งและหนีมันมาก แต่มันก็มองว่าเป็นความผิดของมันอยู่ดี ถึงได้พยายามจะสร้างความไว้ใจขึ้นมาใหม่ พยายามจะสร้างความเชื่อใจและเข้าหาพ่อของผมเองโดยไม่ยอมให้ผมช่วยพูดหรืออะไรทั้งสิ้น สำหรับไอ้ปา สิ่งที่พยายามหามาได้ด้วยตัวเองย่อมน่าภูมิใจกว่า นั่นสินะ…ผมต้องรอให้ได้ ต้องเชื่อในตัวของมัน

เพราะเราต่างก็รักอีกฝ่ายมากพอๆ กัน

“เอามือออกจากหัวลูกกูได้แล้วไอ้ตะไคร่น้ำ!” ดะ เดี๋ยว! นั่นด่าแล้วเหรอพ่อ!

ผมอ้าปากค้างกับคำเรียกขานของพ่อผมที่ใช้เรียกไอ้ปา บ้าจริง ไอ้ตะไคร่น้ำเนี่ยนะ? เหอะๆ ผมควรจะขำหรือช็อกดี สกิลการด่าของพ่อธรรมดามากครับ ว่างๆ ควรไปลับฝีปากกับไอ้แมวมันบ้าง ลูกคนเล็กพ่อนี่ปากจัดมาก คมกว่ากรรไกรจนผมสงสัยแล้วว่ามันได้ใครมา

“ครับๆ ขอโทษครับคุณอา” ไอ้ปาหัวเราะเบาๆ แล้วปล่อยมือออกจากหัวของผมทันที อดเสียดายความอบอุ่นที่หายไปไม่ได้

ไม่ได้สิ อดทนไว้ไอ้นก! อดทนเอาไว้ก่อน

“ไอ้แมว! ไอ้นก เข้าบ้าน!” ผมมองไอ้ปาตาละห้อย ส่วนไอ้แมงเดินไปกระชากจานที่อยู่ในมือไอ้ปาออกมา แถมท้ายด้วยการแยกเขี้ยวใส่ขู่เขาไปอีก

จ้ะ สูงแค่อกเขายังจะไปขู่เขาอีกกกก น้องผมนี่มันกล้าไม่กลัวขนาดตัวจริงๆ เห็นแล้วหดหู่ใจ ไม่รู้มันจะได้กินตีนจริงๆ วันไหน ใครสั่งสอนให้มึงห้าวขนาดนี้ หา!!!

“อย่ามายุ่งกับพี่นกอีกนะ ไอ้…” หืม? ไอ้อะไร ฟังไม่ชัด รีเพลย์อีกทีได้ไหม

“หึๆ”

คงไม่แรงมั้ง ไม่งั้นไอ้ปาคงไม่หัวเราะแบบนี้ เอาเถอะ ปล่อยๆ ไปก่อนค่อยไปถามมันวันหลังว่าไอ้แมวมันด่าว่าอะไร

“พี่นก! เข้าบ้านดิวะ จะยืนแดกยุงอีกนานไหม เร็ว!” ไอ้น้องสารเลว พูดซะกูกลายเป็นคางคกเลย ผมทำหน้าเซ็งใส่มันพร้อมกับส่งเสียงตอบกลับไปว่า…

“เออ!!” ผมเดินเข้าบ้าน แอบเหลือบมองข้างหลังตัวเองอยู่เป็นระยะๆ ไอ้ปาโบกมือให้ผมใบหน้ายังคงส่งยิ้มมาให้ ปากของมันขยับเป็นคำพูดที่ผมไม่ได้ยินเสียง แต่สามารถมองเห็นได้ และเข้าใจ แค่นั้น แค่นั้นผมก็ยิ้มแล้ว ยิ้มให้แก้มแม่งแตกตายไปเลยโว้ยยยย

“ยิ้มบ้าอะไรวะพี่นก ประสาทเหรอ?”

เหมือนมีพ่อคนที่สอง แม่ง…บังคับผมพอๆ กันเลย

ผมยังคงไม่สนใจ ยังคงเดินยิ้มเข้าบ้านโดยไม่ได้ตอบกลับมันไป ในหัวยังคงวนเวียนอยู่แต่กับปากของมันที่บอกคำพูดแสนธรรมดาๆ มาให้ผม แต่แปลกนะ เพียงแค่คำพูดไม่กี่คำนี้กลับทำให้ใจของผมเต้นแรง ปากก็ไม่สามารถหุบยิ้มลงไปได้ เหมือนคนบ้าจริงๆ นั่นล่ะ แต่ทำไงได้ คงเพราะผมรักมันมากเกินไปนั่นล่ะ ถึงได้มีอาการแบบนี้ ก็ใครที่ไหนเขาถูกบอกด้วยคำธรรมดาๆ แล้วหุบยิ้มไม่ได้บ้าง คำพูดแค่ไม่กี่คำที่ว่า…

ฝันดีนะ ปารักนกมาก

ขอบใจนะปา ฝันดีเหมือนกันนะครับ แฟนของผม















หลังจากเข้ามาในบ้านเมื่อคืน พ่อกับน้องชายขอผมก็จัดการปิดล็อกประตูหน้าต่างบ้านเหมือนกลัวว่าโจรจะมาปล้นโดยมีผมที่ยืนมองตาปริบๆ อาการกระซิบกระซาบกันอยู่สองคนโดยกันผมออกมาอยู่วงนอกยิ่งทำให้ผมรู้สึก หมั่นไส้มากโว้ยยยยยย นี่คือเรื่องของผมนะ เรื่องของโผมมม พวกคุณสองคนจะกันผมออกมาไม่ให้รู้เรื่องรู้ราวไม่ได้

แต่พอขยับเข้าไปใกล้ พ่อกับไอ้น้องชายตัวดีของผมก็จะถลึงตาใส่ ขยับออกห่างเหมือนผมเป็นตัวเชื้อโรค สุดท้ายคืนนั้นพ่อกับน้องผมก็หารือกันเองอยู่สองคน ส่วนผมหลุดออกจากวงโคจรแทบจะทันทีทันใด ไร้ตัวจนถ้าไม่เข้าไปใกล้

พอกลับขึ้นไปบนห้องนอน ผมยังถูกน้องชายตัวดีจับผมยัดใส่ผ้าห่ม ส่วนตัวมันก็เดินสำรวจว่าหน้าตงหน้าต่างห้องล็อกแล้วเรียบร้อยไหม มีอะไรแปลกปลอมหลุดเข้ามาหรือเปล่า มันแทบจะรื้อห้องผมดูด้วยซ้ำ ผมล่ะอยากจะกลอกตาใส่เหลือเกิน

แต่อย่าคิดว่าแค่นี้จะจบ ไอ้น้องชายหน้าแมวของผมก็กระโดดขึ้นมานอนกับผมที่ร้อยวันพันปีมันก็นอนของมันคนเดียวในดงคิตตี้ยักษ์สีชมพูของมัน!

ใช่! มันมาเฝ้าผม! นี่ผมควรจะดีใจไหมครับ

“เฮ้ออ…” ผมก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา เรื่องเมื่อคืนก็คือเรื่องเมื่อคืนเถอะ ตอนนี้ดีกว่า ขนาดตื่นมาเข้าวันใหม่ ผมยังไม่วายถูกขังอยู่ในบ้าน!

สาเหตุเพียงเพราะว่าไอ้ปามันมากดออดแต่เช้า พ่อกับไอ้แมวเลยจัดการแท็กทีมกันออกไปประจันหน้ากับไอ้ปา ประหนึ่งว่าข้าศึกบุกมาตีประตูเมือง ผมเองก็อยากจะหัวเราะ แต่มันก็หัวเราะไม่ได้ จะร้องไห้ก็ไม่มีน้ำตา ชีวิตอันขื่นขมของผมดำเนินไปอย่างนี้อยู่กว่า3วัน

ทุกครั้งที่ไอ้ปายอมล่าถอยไป ผมจะเห็นพ่อและไอ้แมวขนของมากมายเข้ามาในบ้าน ปากก็บ่นขมุบขมิบฟังไม่ได้ศัพท์ แต่มือกลับเปิดถุงดูโน่นดูนี่ ตาก็จับจ้องเป็นมันจนผมอดใจไม่ได้ต้องถามออกไปว่าของใคร แล้วคำตอบที่ผมได้กลับมาคือ…

“ของไอ้ตะไคร่น้ำข้างบ้านนั่นไง”

เดี๋ยวสิพ่อ พ่อไม่ชอบมันไม่ใช่เหรอแล้วรับของมันมาทำไม??

เป็นแบบนี้อยู่ทุกครั้ง ครั้งล่ะสองเวลา เช้าเย็นเสมอเหมือนการทานยาหลังอาหาร ไอ้ปาก็ช่างขนมาเหลือเกิน พ่อเองก็หน้าบานตอนได้เห็นของข้างใน ไอ้แมวยิ่งแล้วใหญ่วิ่งกรี๊ดลั่นบ้านเพราะไอ้ปาดันซื้อคิตตี้อลิมิเต็ดอิดิชั่นให้มัน ทุกวันนี้ก็โน้นล่ะครับ เข้าไปกองอยู่ในห้องมันโน้น

ละเหี่ยใจ

“นก…”

เมื่อไหร่พ่อกับแฟนผมจะดีกันสักที ขี้เกียจยืนเป็นกรรมการห้ามมวยแล้วนะ

“ไอ้นก…”

“หืม?” ใครมาเรียก? เสียงคุ้นหูทำให้ผมหันไปมองทางหน้าบ้านตัวเอง ถึงได้เห็นไอ้ปายืนเกาะประตูรั้วด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ผมยิ้มออกเลยครับ ไม่ได้เจอตั้งหลายวันโคตรคิดถึงมันเลย

“ไอ้ปา!” ผมเผลอเรียกมันเสียงดังด้วยอาการดีใจ ปากฉีกยิ้มกว้างแทบจะถึงหู รีบถลาตัวไปหามันหน้าบ้านทันทีเมื่อหันไปมิงรอบตัวแล้วมั่นใจว่าพ่อกับไอ้แมวคงไม่ออกมาแน่ๆ

รู้สึกเหมือนลักลอบเป็นชู้กันเลยว่ะ ไม่ดีๆ

“คิดถึงมึงจังนก” แหม…มาถึงก็ป้อนคำหวาน สมกับเป็นมันจริงๆ ผมหัวเราะแก้เขิน ยอมรับเลยว่าเขินมากแม้ว่าจะเป็นคำพูดดาษดื่นทั่วๆ ไป แต่ด้วยอาการดีใจและสุขใจมันทำให้ผมหัวใจพองโตไม่ได้

คิดถึง สองคำนี้ฟังกี่ทีก็ดีต่อใจ

“มึงมาได้ไง ไม่กลัวว่าจะไม่ได้เจอกูเหรอ?” ไอ้ปายิ้มขำแล้วส่ายหน้า

“ไม่ ไม่เคยกลัวเลย วันนี้ไม่เจอ พรุ่งนี้ก็มาใหม่ จะมาจนกว่าเจ้าของบ้านจะยอมให้เจอลูกเขา” ผมกัดปากก้มหน้าลง เหมือนถูกจีบยังไงไม่รู้

“มึงไม่ต้องทำขนาดนั้นก็ได้นะ”

ทำไปขนาดนั้นบางทีมันอาจจะเสียเปล่า พ่อกูอาจจะไม่ยอมรับพวกเราก็ได้

“ทำไงได้วะ กูรักลูกเขาไปแล้วนี่” ผมอมยิ้มแก้มจะแตกตาย เขินจนตัวบิดยืนม้วนเป็นเลขแปดอยู่หน้ารั้วบ้านจนคนขับรถผ่านไปผ่านมานึกว่าคนบ้าคุยกัน ไอ้ปามองผมด้วยสายตาอ่อนโยนเสมอ แม้มันจะเจ้าอารมณ์แต่ก็อ่อนโยนอยู่มาก มันทำเพื่อผมหลายอย่าง พอมานึกย้อนดูแล้วก็อดรู้สึกขอบคุณมันไม่ได้

“ปา”

“ครับ?”

“ขอที่กูคืนให้มึง กูคืนให้จริงๆ นะ แต่กูรู้สึกขอบคุณมากๆ ที่มึงทำให้กูขนาดนั้น ทุกอย่าง” มือขอมันเอื้อมมาประคองใบหน้าของผมให้เงยขึ้นมาสบตา

“ของพวกนั้นกูให้มึง แต่ถ้ามึงจะคืนก็ไม่เป็นไร” มันยิ้มกว้างจนผมแสบตา ไม่ใช่ความฝัน ไอ้ปาที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้คือของจริง มันคือคนที่ยังไงก็ทำให้หัวใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ มันเป็นคนที่แค่คำพูดเพียงไม่กี่ทำก็สามารถทำให้ผมละลายได้

เป็นมัน ต้องเป็นปาเท่านั้นใจผมจึงจะมีปฏิกิริยา ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายทำงานหนักทุกครั้งที่มีมันอยู่ใกล้ๆ

แต่แม้จะเป็นแบบนั้น ผมกลับ…ชอบที่มีไอ้ปาอยู่ ชอบที่เรามีกันและกัน

“เพราะยังไงต่อไปนี้มึงก็มีของที่ห้องกูให้ใช้อยู่แล้ว”

หมายความว่าไง?

“กูไม่เข้าใจ” ผมขมวดคิ้วเป็นปม ส่วนไอ้ปาหัวเราะร่าอย่างมีความสุข ฝ่ามือสองข้าที่ประคองหน้าผมเอาไว้ก็ออกแรงจนแก้มผมจนปากยู่ ก่อนจะนวดมันเบาๆ ไปมาอย่างสนุกมือ

นี่แก้มนะ ไม่ใช่ก้อนแป้ง จะนวดทำซากเห็ดอะไร

“ก็หมายความว่า ต่อไปนี้มึงก็จะเป็นแฟนกูอย่างเต็มตัว อยู่กับกู ของทุกอย่างเราจะใช้มันร่วมกันไงล่ะ”

ไม่แบ่งแยก ไม่ต้องกลายเป็นคนอื่น เราสองคนใช้ร่วมกัน คำนี้มันช่าง…

“ปล่อยมือออกจากหน้าลูกกูเลยนะไอ้เวร!”

เฮือก!

สะดุ้งสิครับ เสียงเข้มมาขนาดนั้นผมก็ต้องตกใจเป็นธรรมดา ไอ้ปายอมละมือออกจากหน้าผมอย่างช้าๆ เหมือนไม่อยากจะเอามือออกไปตามคำสั่ง ซึ่งผมเองก็โหยหามือคู่นั้นเองเช่นกัน แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้อยู่ในระหว่างการทดสอบจากพ่อ ไอ้ปาต้องการจะฝ่าฟันมันเพื่อผม จึงได้ยอมถอยห่างตามที่พ่อของผมต้องการ

ผมเองก็จะต้องเข้มแข็ง อดทนรอให้มันทำสำเร็จ เราสองคนก็จะสามารถมีกันและกันได้เสียที

“สวัสดีครับคุณอา” ไอ้ปายกมือขึ้นไหว้พ่อผมอย่างนอบน้อม เมื่อเห็นว่าสีหน้าของพ่อผมอยู่ในระดับอันตราย

“เอากองไว้ตรงนั้นล่ะ!”

กองทำไม เกะกะหน้าบ้าน ทีเขามาไหว้ล่ะกองไว้ ไอ้ของที่ขนๆ เข้าบ้านไปทำไมพ่อไม่บอกให้มันกองเอาไว้บ้างล่ะ หรือพ่อผมบอกมันไปแล้ว??

“คุณอายังสุขภาพแข็งแรงดีเหมือนทุกวันเลยนะครับ” มันพูดยิ้มๆ ส่วนพ่อผมนี่คิ้วกระตุกไปแล้วครับ คาดว่าต่อจากคิ้วคงจะเป็นตีน

“เออ! กูไม่ตายง่ายๆ หรอก อย่าหวังจะมาคาบอะไรในบ้านกูไปแดกได้”

เดี๋ยวนะพ่อ นั่นคนหรือจระเข้ ต้องลักลอบเข้าบ้านมาคาบอะไรไปแดก

แต่ไอ้ปาไม่ได้สะทกสะท้านใดๆ ยืนยิ้มกริ่มอย่างพอใจด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ผมนี่โคตรอยากจะยกนิ้วให้ อยากจะปรบมือดังๆ แล้วตะโกนออกไปว่ามึงโคตรเก่ง เห็นแบบนี้แต่พ่อผมขึ้นชื่อว่าดุมาก อาจจะไม่ถึงกับพิบูลแต่ก็พอจะเข้าขั้นล็อตไวเลอร์ได้

เอ่อ นรกจะกินหัวผมไหม?

งั้นเอาใหม่ดีกว่า ที่ไอ้ปาเจออยู่นี่เรียกว่าเบาะๆ พ่อผมตอนไปต่อยกับผู้ชายที่มาตามจีบแม่นะ หูยยย อย่าให้พูดเลย แทบจะตายคาตีนพ่อผมด้วยซ้ำ ไอ้หมอนั่นนะรู้ทั้งรู้ว่าแม่ผมมีผัวแล้วแต่ก็ยังไม่ยอมหยุด ยังตามมาส่งขนมจีบถึงบ้าน พ่อผมก็ปรี๊ดแตก ลากแม่งไปต่อยกันหน้าบ้านประกาศศักดาให้คนอื่นๆ รู้ไปเลยว่า ใครกล้ายุ่งกับเมียกูก็จะหน้าแหกแบบไอ้เหี้ยนี่ล่ะ

ผมโคตรชอบเลยตอนนั้น จำได้เลยว่าชาวบ้านแทบจะขยาดพ่อผมไปเลย เวลาเดินผ่านก็หลีกทางให้ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวประหนึ่งเจ้าถิ่นที่พร้อมจะบวกเมื่อมีคนสด ไอ้ผมที่เคยถูกแกล้งสารพัด พอเรื่องพ่อผมกระจายเป็นวงกว้างในบรรดาผู้ปกครอง ผมก็อยู่สุขสบายขึ้นมาทันที ถึงจะมีเพื่อนไม่มากแต่ก็พอจะหาได้ ยกตัวอย่างเช่นไอ้เพียว พี่ชายเพื่อนไอ้แมวนั่นก็คนหนึ่ง กอดคอกันมาตั้งแต่เด็ก ถึงจะไม่ค่อยได้อยู่ห้องเดียวกันแต่มันก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ดีเลยล่ะ

ส่วนพี่กุ้งพี่ชายเพื่อนไอ้แมวอีกคนหนึ่งนั้นเป็นรุ่นพี่ผมกับไอ้เพียว ผมกับไอ้เพียวเลยไม่ได้รู้จักมากมาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่เคยคุยกัน คือรู้จักแต่ไม่สนิท คุยได้แต่ไม่ใช่คนสำคัญประมาณนี้มากกว่า

กลับมาเข้าเรื่อง ก่อนจะมีใครตาย

“ผมก็เชื่อว่าคุณอาจะอยู่อีกนานครับ น่าจะอยู่จนถึงวันที่ได้อุ้มลูกของผมกับนก”

“อุ แค่กๆ” ผมสำลักน้ำลายตัวเองจนหน้าดำหน้าแดง ส่วนพ่อผมหน้านี่เปลี่ยนจากโกรธเป็นอึ้ง จากอึ้งเป็นช็อก ก่อนจะเปลี่ยนจากช็อกเป็นโกรธจัด

มันพูดบ้าอะไรของม้านนนนนน!!!





50%



ปาาาาา!!! นั่นมันพ่อตานะลูก!! เดี๋ยวก็อดได้ลูกสาว แค่กๆ ลูกชายของเขาหรอก โอ้ยย แมวจะเป็นลม ขอยาดมหนอ่ยค่ะทุกคนขาาา

ปากินนก

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
นกที่ว่าเพี้ยนแล้วนะ มาตอนนี้เจอปาเข้าไป คิดไม่ออกเลยจริง
พ่อก็ทำมึนๆ ไปก่อนละกัน มึนจนกว่าปาจะหาของฝากที่ถูกใจ
 :jul3: :jul3: :jul3:

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อีปาก็เพี้ยนน

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
“ไอ้เวรนี่!!”

“ดะ เดี๋ยวๆ พ่อ พ่อจ๋า นกหิ๊วววหิว ไปหาอะไรกินในบ้านกันเถอะ นะๆ” ผมทั้งกอดทั้งรั้งตัวพ่อเอาไว้เพราะกลัวว่าพ่อกับแฟนตัวเองจะวางมวยกันหน้าประตูรั้วบ้านนี่ล่ะ

“หึๆ ขอโทษครับคุณอา ผมแค่พูดเล่นเท่านั้นเองครับ” ไอ้ปายกมือขึ้นไหว้ขอโทษพ่อผม แต่รอยยิ้มใบหน้าของมันดูจะติดขำมากกว่า คงจะชอบเห็นพ่อผมเดือดจนควันขึ้นหัว แต่ด้วยความที่ยังไม่สามารถเข้าใกล้ผมได้มันเลยต้องยอมๆ พ่อผมไปก่อน

อืม หรือผมอาจจะคิดไปเอง

“ไปไอ้นกเข้าบ้าน!” แล้วพ่อก็กระชากลากคอเสื้อผมให้เดินตามกลับไปเข้าบ้านทันที ผมมองไอ้ปาที่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยแววตาเสียดาย เพิ่งจะได้คุยกับมันแค่นิดเดียวเอง พ่อก็ออกมาไล่มันเสียแล้ว ไอ้ปามือขึ้นโบกให้ผม ผมเองก็ยิ้มเหงาๆ โบกมือคืนไปให้มัน

ครั้งที่สองแล้วที่มันต้องยืนมองผมจากด้านหลัง เราสองคนต่างคนต่างก็เหงาไม่ต่างกันเลย ต่างคนต่างก็คิดถึงกัน ผมดีใจนะครับ เพราะเมื่อเป็นแบบนั้นก็ย่อมหมายความว่าผมสามารถรักมันได้จริงๆ

ค่อยๆ คลายไปทีละอย่างก็ได้ ผมรอได้อยู่แล้ว

มึงก็ต้องรอให้ได้นะปา ตอนนี้อาจจะเป็นเรื่องของพ่อกู ครอบครัวกู

แต่วันหน้า…ขอให้มึงคลายความสงสัยในตัวมึงให้กูบ้างนะ กูจะได้รักมึงอย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ

โป๊ก!

“โอ๊ย! พ่อ!” เจ็บนะ หัวคนนะเนี่ย

“แรดนะเดี๋ยวนี้ เอ็งยังใช่ลูกชายข้าอยู่ไหม!” ผมยู่ปากใส่พ่อที่ขึงหน้าขึงตาใส่ผม เก๊กว่าเข้มให้ตัวเองดูน่าเกรงขาม แต่เอาเถอะ เห็นพ่อพยายามขนาดนั้น ผมจะทำเป็นกลัวเอาหน่อยก็ได้

“แรดที่ไหน นี่ลูกชายพ่อเหมือนเดิมนั่นล่ะ” มนุษย์ต่างดาวโคลนนิ่งมาก็ไม่เหมือนนกต้นฉบับหรอก เฮอะ! ไม่อยากจะคุย พ่อถึงกับยกมะเหงกขึ้นมาอีกรอบ ตั้งท่าจะเขกลงมาบนหัวผมอีกรอบจนผมต้องยกมือขึ้นป้องไว้ หดหัวหดคอกลัวแรงที่จะส่งลงมา

“เป็นลูกชายข้าจริง มีเหรอที่เอ็งจะเดินไปให้ผู้ชายแตะเนื้อต้องตัวง่ายๆ แบบนั้น” ผมกะพริบตาปริบๆ

นี่ผมง่ายเหรอ?

“ผมง่ายเหรอพ่อ?” พ่อทำท่าทางฉุนกึก มองค้อนผมเสียวงใหญ่ตามด้วยน้ำเสียงกระแทกใส่อย่าหมั่นไส้

“เออ! เอ็งมันแรด! แรดไม่พอยังจะง่ายอีก! ข้าล่ะเจ็บใจจริงๆ มีลูกชายแทนที่จะแต่งเมีย กลับแต่ผัว!”

แต่งผัว! ใครจะไปแต่งผัวกัน นี่พ่อผมเข้าใจผิดไปถึงไหน

“ใครบอกพ่อกัน ไอ้ปามันเป็นว่าที่ลูกสะใภ้พ่อต่างหาก ผมนี่ล่ะผัวมัน” ต้องแก้ความเข้าใจผิด ตำแหน่งนี้ผมไม่มีทางยอมเปลี่ยนแน่!

อย่างอื่นช่างมัน แต่เรื่องการอยู่บนอยู่ล่างนี่ผมจริงจัง! ผมไม่มีทางยอมโดนเสียบหรอก

อะไร! ตอนนั้นผมแค่ตกใจเลยลืมสู้กลับ อีกอย่างไอ้ปาแค่ใส่เข้ามานิ้วเดียวเอง ไม่นับสิ! ไม่นับบบบบ

ตำแหน่งผัวมันเป็นของผม คนอื่นอย่าหวัง!

“เฮอะ! เอ็งนี่นะผัวมัน ข้ายอมกินเลือดไก่สดๆ ทั้งชามเลยถ้ามันเป็นเมียเอ็ง” ผมโกรธแล้วนะ! ทำไมพ่อสบประมาทผมแบบนี้ล่ะ ฮึ่มมมม!!

“พ่อคอยดู วันนี้ล่ะ ผมจะทำให้มันเป็นเมียผมแน่นอน!” ไอ้นกคนนี้ถึงจะผอมแห้งตัวบาง แต่ก็เป็นผู้ชายนะ จะสู้แรงผู้ชายด้วยกันไม่ได้ก็ให้มันรู้ไปสิ!

โป๊ก!

“เอ็งอย่ามาหัวหมอไอ้นก! ข้าไม่ได้โง่ เรื่องอะไรจะต้องรอดูในเมื่อข้าไม่ให้เอ็งไปหามัน”

เออวะ ผมลืมเลย

“เอ้า ก็พ่อไม่เชื่อนี่ ผมก็จะไปพิสูจน์ให้พ่อดูไงว่า แม้จะมีแฟนเป็นผู้ชาย ผมก็ยังอยู่ในตำแหน่งผัวไม่มีเปลี่ยน” พ่อกวาดตามองผมทั้งตัวแล้วร้องเฮอะ! ออกมา อะไร? เฮอะทำไม ก็ผมพูดความจริง

“ฝันไปเถอะเอ็งน่ะ แต่ไม่ว่าจะตำแหน่งไหนข้าก็ไม่ให้เป็น! เรื่องอะไรข้าจะต้องยอมรับไอ้คนที่มันทำลูกข้าร้องไห้ด้วย!” ผมชะงัก กะพริบตาปริบๆ มองพ่ออย่างไม่เชื่อหูตัวเอง

นี่พ่อเป็นห่วงผมงั้นเหรอ พะ พ่อก็รักผมใช่ไหม!

“พ่อออออ!!” ผมโคตรดีใจเลย พ่อรักผมล่ะ พ่อก็รักผม!!! โฮๆ ใครก็ได้ หุบยิ้มให้ผมที ตอนนี้ปากผมแทบจะฉีกถึงหูอยู่แล้ว

“หยุดเลยนะเอ็ง ก้าวเข้ามาข้าเขวี้ยงพระใส่จริงๆ ด้วย!” เอ่อ มีพ่อบ้านไหนขู่ลูกด้วยพระบ้างวะ

ปิ๊งป่องงงง บ้านผมไง

“พ่อก็! ซึ้งได้ไม่เท่าไหร่เอง แล้วใครเขาขู่ลูกชายผู้แสนหล่อเหลาด้วยพระกันบ้างเนี่ย” พ่อผมเชิดหน้าขึ้น จิกตามองผมด้วยท่าทางที่โคตร…ดี ดีจ้าดี ทำต่อไปจ้า

“ข้านี่ไงล่ะ ไม่เคยเห็นใช่ไหม กราบข้าสิเอ็งจะรออะไร” ผมตาลุกวาว วิ่งไปหยิบของบางอย่างออกมาจากลิ้นชักตู้ของแม่ แล้ววิ่งกลับมาหาพ่อ คุกเข่าลงไปกอดขาแน่นๆ

“พ่อออออ พ่อเมพขิงๆ เลย โอ้โห!”

แปะๆ

“ดีมาก เดี๋ยว..นั่นเอ็งทำอะไรวะไอ้นก เฮ้ย! เอ็งเอาอะไรมาทาขาข้าวะ!” ทาไม่พอหรอก เรียกว่าทายังน้อยไป ผมพอกเลยต่างหาก ขาพ่อผมตอนนี้ขาวจนเกือบจะมองไม่เห็นผิวหนัง

อืม…น่าจะได้แล้วนะ

“โอ๊ยๆๆ ไอ้เวร! จะถูกหาบิดาเอ็งเรอะ!” ผมเงยหน้าขึ้นจากขาพ่อมองหน้าพ่ออย่างไม่เข้าใจ แต่มือผมก็ยังไม่หยุดถูๆ ที่ขาข้างนั้น

“หาทำไมก็พ่อยืนให้ผมถูอยู่นี่ไง”

“ข้าประชด! หยุดถูขาข้าสักที! เอ็งจะถูให้มันได้อะไรขึ้นมา!” พ่อพยายามจะดึงขาออกจากการกอดของผม ทั้งสะบัด ทั้งถีบ แต่ผมเหนียวแน่น ยังคงขูดๆ ถูๆ ต่อไป

“เดี๋ยวพ่อ เดี๋ยวก่อน เผื่อมันจะขึ้น”

คิดว่าพ่อจะฟังที่ผมพูดงั้นเหรอ เปล่าเลย พ่อยิ่งทั้งสะบัดทั้งถีบผมเข้าไปใหญ่

“อุก…พ่อ! ละ ลูก ลูกผม โอยย” ผมเอามือออกจากการขูดหาเลขจากขาพ่อผมทันทีแล้วเอามากุมลูกชายผมแทน หน้าเขียวเลยครับ พ่อเล่นเหยียบไอ้นกน้อยเต็มแรงไม่กลัวการสูญพันธุ์ของครอบครัวเราเลยแม้แต่น้อย

อ้อ! ไอ้ปาไม่มีมดลูกนี่นา ลืมไปเลย

แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องใช้งานนะ! ต้องใช้มันสร้าความสุขให้กับว่าที่ลูกสะใภ้บ้านเราอย่างไอ้ปา ทำแบบนี้ไอ้ปามันต้องนอนร้องไห้แน่ๆ ใบหน้าผมบิดเบี้ยว ทั้งจุกทั้งเจ็บจนลุกไม่ขึ้น แถมยังมีสายตามองเหยียดเยาะเย้ยของพ่อที่ส่งมาอีก นี่ตกลงแล้วพ่อรักผมบ้างไหม!! ทำไมทำร้ายร่างกายของผมขนาดนี้!!

น้อยใจ! มันน่าน้อยใจจริงๆ

“เฮอะ! ข้าจะกำจัดมันทิ้งให้ ถ้าเอ็งยังคบกับไอ้สัตว์น้ำประเภทกินเนื้อนั่นก็ตัดทิ้งไปซะ! เอ็งไม่ได้ใช้แน่นอน!” ดูสิดู!! ดูพ่อผมพูด มีที่ไหนแช่งให้ลูกถูกเขาเสียบ

“ใจร้ายยยยยยยย” แต่พ่อไม่ได้แยแสกับน้ำตาปลอมๆ ที่คลออยู่ในตาผมเลย พ่อสะบัดตูดเดินหนีขึ้นไปข้างบนแล้ว ส่วนผมก็ยังนั่งไว้อาลัยให้กับน้องนกน้อยลูกชายสุดรักสุดหวงของผม โธ่…ผงาดอยู่เมื่อกี้ ต้องมานอนตายเป็นมะเขือเผาเสียแล้ว น่าสงสารจริงๆ ฮือๆ

จะว่าไปพ่อก็ขึ้นไปแล้ว แอบย่องไปหาไอ้ปาดีกว่า หึๆ

“ไอ้นก ถ้าข้าเห็นเอ็งแรดออกไปหาผู้ชายอีก ข้าจะจับเอ็งตอน!!”

เซ็ง…รู้ทันทุกที















ผมถูกจับตามิงอย่างใกล้ชิดชนิดที่แค่เดินไปขี้ก็ต้องมีคนตามไปเฝ้าเพราะกลัวว่าผมจะแอบหนีออกไปหาไอ้ปา ผมล่ะปวดหัวเหลือเกิน นี่พ่อกับไอ้แมวคิดว่าผมจะจับตัวเองลงชักโครกแล้วกดน้ำลงไปหรือไง ห้องน้ำหน้าต่างมันก็เล็กนิดเดียว ขนาดเท่าแมวลอดเข้ามาได้มั้ง แล้วนี่พ่อกับน้องผมคิดไปได้ยังไงว่าผมจะหนีออกไปได้น่ะ

แถมเวลาจะขี้ยังมีคนมายืนจ้อง มามองกดดัน

ใครมันจะไปขี้ออกวะ!!!

ผมทั้งอึดอัดพ่อกับน้อง ทั้งอึดอัดกับการอั้นอึจนป่านนี้ขยายเผ่าพันธุ์เป็นดาวใหม่ในลำไส้อยู่แล้ว พอไม่สะดวกใจจะถ่ายของเก่าทิ้งก็กลายเป็นว่าของใหม่ก็กินไม่ลง ผมก็โดนเฉ่งมาอีกรอบ หาว่าประชดชีวิตรักที่ถูกขัดขวางด้วยการอดข้าว หนำซ้ำไอ้น้องชายตัวดีก็ยังทำเหมือนผมเห็นแฟนดีกว่าสภาพร่างกายตัวเอง งอนผมจนสะบัดตูดใส่ตั้งหลายรอบ

มันไม่ใช่ไง ไม่เข้าใจเหรอว่าผมไม่ได้ขี้!!!

ปวดทั้งหัว ปวดทั้งท้อง ถ้าจะวิ่งเข้าห้องน้ำไม่แคล้วคนใดคนหนึ่งต้องวิ่งตามผมมาแน่ๆ แล้วกูก็ไม่ได้ขี้อย่างมีความสุข

อยากร้องไห้จัง ทำไมชีวิตของผมต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้ ฮือๆ

“ถ้าพี่ลุกไปห้องน้ำ แกจะทำไง?” ผมบิดซ้ายบิดขวาพยายามหยุดยั้งเผ่าพันธุ์ในร่างกายไม่ให้ออกมายึดพื้นที่โลกในตอนนี้ ไอ้น้องชายตัวดีก็เหลือบมองผมประหนึ่งว่าช่างกล้าถามเรื่องแบบนี้ออกมาได้

ผมน่ะช่างกล้าถามมันออกไป แต่มันน่ะช่างกล้าเข้าไปเฝ้ากูขี้!

“พี่อยากให้ทำยังไง?” เออดี มีการย้อนถามกูกลับมาอีก เจริญเถอะน้องผม แต่ก็ดี บางทีเราอาจจะคุยกันได้

“พี่อยากให้แก…รออยู่ข้างนอก ได้ไหม” ขอเถอะ ช่วยรอให้ผมล้างกงล้างก้นเสร็จเรียบร้อยค่อยเข้าไป ผมไม่สะดวกใจ ไม่สะดวกใจมากๆ ด้วย!!

“อะไร! นี่พี่คิดจะหนีไปหาไอ้หน้าหล่อข้างบ้านเราใช่ไหมถึงไม่อยากให้ผมเข้าไป!” ผมอยากจะร้องไห้ ไอ้แมวมันโกรธเป็นจริงเป็นจังมาก เหมือนผมเอาน้องคิตตี้ของมันมาผ่าแยกชิ้นส่วน

“ไม่ เอ่อ แกจำห้องน้ำเราได้ไหม” ไอ้แมวชักสีหน้า นั่งกอดอกทำแก้มป่องใส่ผมอย่างน่าหมั่นไส้

“จำได้ ใครบ้างจะลืมห้องน้ำบ้านตัวเอง พี่ก็ช่างถามอะไรโง่ๆ นะพี่นก” เออ กูผิดเอง ผมกลอกตาไปมาอย่างช่วยไม่ได้

เครียดโว้ยยยยย!!!

“แล้วแกเห็นทางไหนที่พี่ชายแกคนนี้มันจะพอสอดตัวเข้าไปได้บ้างวะ!” ช่วยใช้สมองอันชาญฉลาดหน่อยเถอะ ขอร้องล่ะนะน้องรัก แต่ไอ้แมวกลับยักไหล่

“ใครจะไปรู้ พี่อาจจะแปลงร่างเป็นขยะแล้วลอยออกทางหน้าต่างไปก็ได้”

ในใจผมเจ็บแปลบๆ รู้สึกเหมือนอีกนิดเดียวจะกระอักเลือดตายอยู่ตรงหน้ามัน พ่อก็ขู่จะเอาพระเขวี้ยงใส่ผม ส่วนน้องชายก็บอกว่าผมจะแปลงร่างเป็นขยะ

นี่สรุปผมยังเป็นคนอยู่ไหมครับ??

ทั้งน้องทั้งพ่อนี่รักผมกันฉิบหายเลย รักผมเหลือเกินจ้าาา

“แปลงร่างเป็นขยะอะไร หน้าตาแบบนี้เป็นดารายังได้เลย” ผมไม่ได้มั่นอกมั่นใจว่าหล่อเหลาอะไรหรอก แต่เห็นแล้วหมั่นไส้ อดปากไม่ได้จริงๆ

“เหอๆ อย่างพี่นกเนี่ยนะเป็นดารา เดินผ่านกล้องเขายังไม่เอาเลย” โห ดูถูกๆ แบบนี้ผมปรี๊ดเลยครับ!

“ทำไมๆ พี่มันทำไมห๊ะ!!” ฟังแล้วฉุน ถึงขะไม่ได้คิดว่าตัวเองหล่อ แต่ก็ไม่ได้หมดความรู้สึกรู้สาจนมีคนมาด่าแล้วยังยิ้มสบายใจได้หรอกนะ!

“ไม่ทำไม ดาราเขาเอาแต่คนที่เจ้าบทบาท อย่างพี่แค่เดินผ่านกล้องยังแข็งเลย ไปเป็นดาราไม่ได้หรอก ไม่มีทางๆ” ถ้าผมฆ่าน้องชายตัวเองผมจะสามารถหนีรอดจากการถูกจับไหม ผมอยากฆ่ามันชะมัดเลย

แต่แล้วเสียงดังจากหน้าบ้านก็ดึงเอาความสนใจจากผมไปทั้งหมด ผมกับไอ้แมวหันไปมองทางต้นเสียง แต่จุดที่เรายืนอยู่นั้นไม่สามารถจะมองเห็นได้ เสียงที่ผมได้ยินชัดๆ คือพ่อของผมเอง แต่กำลังทะเลาะกับใครล่ะ?

อย่าบอกนะว่า...

“ไอ้แมว! ไปเร็ว!” ผมเตรียมถลาจะไปหาพ่อทันที แต่กลับถูกไอ้แมวดึงรั้งเอาไว้

“ไปไหน? พี่จะไปไหนเนี่ย??”

“แกไม่ได้ยินหรือไง เสียงพ่อดังอยู่ข้างนอกนั่นน่ะ” ไอ้แมวสีหน้าเรียบเฉยแล้วพ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด

อะไร? เกิดอะไรขึ้น? ไอ้แมวมันรู้อะไร???

“ผมได้ยิน แต่พี่ออกไปไม่ได้” คิ้วของผมขมวดเข้าหากันทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

“ทำไม?”

“พี่นก พี่คิดว่าพ่อจะยืนด่าใครอยู่ล่ะ คิดว่าทำไมผมถึงต้องมานั่งเฝ้าพี่แบบนี้” ทุกสิ่งหยุดชะงักไปสำหรับผม สมองเริ่มทำงานประมวลผลขึ้นมาทันที ถ้าหากพ่อผมอยู่ข้างนอก เหตุผลที่ไอ้แมวยังอยู่เฝ้าผมแบบนี้นั่นต้องหมายความว่า คนที่อยู่กับพ่อผมก็คือ…

“ไอ้ปาเหรอ? ไอ้ปามันมา?” แมวมันพยักหน้า หรี่ตามองอาการดีใจของผมด้วยความไม่ชอบใจนัก

“ใช่…พ่อบอกให้ผมเฝ้าพี่ และพี่ไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปหามัน”

ไอ้ปามันมา ผม…ผมิยากไปหามันจัง อยากเห็นหน้า อยากคุยกับมัน ผมรู้ว่าเรื่องของเรายังไม่ได้ทำให้มันมั่นคง ยังมีเรื่องของน้องเบญที่ผมยังปักใจเชื่อมันเต็มร้อยไม่ได้ แต่ตัวผมเองก็ไม่สามารถห้ามหัวใจไม่ให้มันเต้นแรงเวลาอยู่กับมันไม่ได้ ยิ่งเราห่างกันแต่ไม่ไกลกัน มันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกคิดถึง อยากพบ อยากคุย อยากเจอมันใจจะขาด

“พี่นก ผมถามจริงๆ”

“ถามอะไรล่ะ?” ผมหันไปมองไอ้แมวอย่างไม่เข้าใจ สีหน้าของมันแปลกๆ เหมือนมีอะไรสักอย่างที่ติดอยู่ในใจ

“พี่กลับมาเพราะหมอนั่นใข่ไหม หมอนั่นทำให้พี่เจ็บใช่หรือเปล่า มัน…นอกใจพี่เหรอ”

นอกใจเหรอ หึๆ จะเรียกแบบนั้นได้ไหมนะ

“ไม่ใช่เสียทีเดียวหรอก อา จะว่าไงดี พี่คบกับมันแล้วมารู้ทีหลังว่ามันหมั้นแล้ว เลยคิดว่าตัวเองถูกไอ้ปามองเป็นของเล่น” สีหน้าของไอ้แมวเริ่มย่ำแย่ ดวงตาของไอ้แมววาววับด้วยความโกรธ

“แล้วทำไมพี่ยังไปดีกับไอ้หมอนั่นอีก! พี่ไม่เข็ดหรือไง!” ผมเข้าใจที่น้องโกรธ น้องเป็นห่วงผม และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ทั้งการกระทำของพ่อและของน้องชาย ต่างทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองสำคัญ

“ไม่ใช่ไม่เข็ด ตัวพี่เองก็เจ็บ แต่เพราะมันบอกว่าจะพิสูจน์ให้พี่เห็นว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่อย่างที่พี่คิด ไอ้ปาน่ะ มันบอกพี่ว่ามันถอนหมั้นไปแล้ว ที่หมั้นกันก็เพราะผู้ใหญ่จัดการ ไม่ใช่สิ่งที่มันต้องการ”

“แล้วพี่ก็เชื่อเหรอ! พี่โง่หรือเปล่า” ผมส่ายหน้าไม่ได้โกรธหรือรู้สึกอะไรกับคำต่อว่าของน้อง เพราะรู้ดีว่ามันเป็นห่วง

“ไอ้แมวฟังนะ พี่ไม่ได้เชื่อ แต่รอให้มันพิสูจน์มากกว่า ถ้าหากพี่หลับหูหลับตาบอกไปว่าไม่มีวันเชื่อ ไม่ต้องพิสูจน์อะไรมา แกสามารถบอกพี่ได้เต็มปากไหมว่าพี่จะไม่เสียใจในสิ่งที่เลือก?”

“ผม…” ไอ้แมวชะงักไปทันที แววตามันดูสับสน

“แกสามารถรับรองได้ไหมว่า มันโกหกพี่จริงๆ ว่ามันไม่มีการพิสูจน์อะไร” ไม่หรอก ไม่มีใครรับรองได้เลยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น เพราะทุกอย่างที่จะเกิดขึ้นคืออนาคต ผมแค่เลือกในสิ่งที่คิดว่า โอเค ต่อให้เจ็บ อย่างน้อยก็จะได้รู้ไปว่า มันไว้ใจไม่ได้อีก ถึงตอนนั้น ผมกับมันจะลาขาดชนิดที่ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่มีวันได้เจอกัน

“ผม…ผม” ผมถอนหายใจกับคำว่าผมซ้ำๆ ของมันแล้ววางมือลงบนไหล่

“พี่รู้ว่าแกห่วงพี่ แต่เชื่อเถอะถ้ามันโกหกพี่ล่ะก็ พี่จะกลับมาแล้วไม่มีวันให้มันได้เห็นหน้าอีกแน่นอน!” ไอ้แมวมองสบตาของผม มองความรู้สึกจริงๆ ในแววตา ซึ่งผมรู้ว่ามันเองก็ไม่อยากยอมรับหรอก ไอ้แมวกัดริมฝีปากแล้วเอามือขยี้หัวตัวเองแรงๆ

“โธ่เว้ย! ก็ได้ๆ ออกไปดูใช่ไหม ผมออกไปด้วยก็ได้!” ไอ้แมวพูดอย่างหัวเสีย ส่วนผมได้แต่หัวเราะกับท่าทางน่ารักของน้องชายตัวเอง งุ่มง่ามแต่ก็ซื่อตรง แถมยัง…รักผมสุดๆ

นี่ล่ะเรื่องดีๆ ของผม

สุดท้ายผมก็เดินออกมาจากในบ้านพร้อมกับไอ้แมว แม้จะมีทีท่าฮึดฮัด แต่ก็ยอมเดินมาพร้อมกันโดยไม่บ่นอะไร ผมมองไปที่แผ่นหลังของพ่อ ระหว่างพ่อกับไอ้ปามีรั้วกั้นอยู่ ผมไม่เห็นสีหน้าของพ่อ แต่ไอ้ปาผมเห็นได้ชัดเจน มันยืนนิ่งให้พ่อผมด่าอยู่อย่างนั้นไม่คิดจะเถียงอะไรสักคำ แต่พอเห็นว่าผมมามันก็มองมาที่ผมแล้วยิ้มให้เหมือนทุกครั้ง

“เอ็งมาทางไหนก็กลับไปเลยนะ! ข้าไม่มีทางยกลูกชายสุดที่รักของข้าให้เอ็งหรอก!”

สะ สุดที่รักเหรอ นี่พ่อเรียกผมว่าลูกชายสุดที่รักของพ่องั้นเหรอ!

ดีใจจัง ดีใจชะมัด ดีใจฉิบหายเลยโว้ยยยยยย

“พ่อ! ผมเป็นลูกสุดที่รักจริงหรือเปล่า จริงไหมๆ” ผมกอดเอวพ่อเอาไว้เล่นเอาพ่อสะดุ้งสีหน้าเปลี่ยนจากโกรธ ตีหน้าดุเป็นเขิน พ่อผมน่ารักโคตรๆ เลย

“อะ อะไรของเอ็งไอ้นก! กลับเข้าบ้านไปเลยนะ!” แน่ะ มีหน้าดงหน้าแดงแล้วมาดุกลบเกลื่อน

“ม่ายยยยยย” ผมยิ่งรัดเอวพ่อแน่นเข้าไปอีก ปากก็ฉีกยิ้มจนแทบจะถึงหูอยู่แล้ว

“ปล่อยข้าเลยนะไอ้เวร ข้าอายชาวบ้านเขา!”

“ไม่เอาหรอก นกจะกอดพ่อแน่นๆ เลย จะกอดให้คนอื่นเขาเห็นไปให้หมดเลย” พ่อดันผมออกทันทีจนปลิวออกไปทางไอ้แมวที่อยู่ด้านหลัง ยังดีที่ไอ้แมวยังพอมีน้ำใจรับร่างของพี่มันเอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงถลาไปจูบต้นไม้จนฟันหักแน่ๆ

พ่อโหดร้ายกับนกอีกแล้วเนี่ยยยย

ผมไม่โกรธหรอก ไม่สักนิด ได้ยินคำว่าลูกรักก็ไม่มีอะไรมาทำให้ผมโกรธได้อีกแล้วครับ แต่ไม่ใช่พ่อผม จากความอับอายที่ผมพุ่งเข้าไปกอดรัดทำให้พ่อผมหันไประบายความอายด้วยการดุใส่ไอ้ปา ส่วนไอ้ปาแม้ว่าจะมีสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไร แต่แววตาของมันกลับมีความอ่อนโยนระคนเอ็นดูอยู่เล็กน้อย คนอื่นอาจจะมองไม่เห็น แต่ผมเป็นเพื่อนมันมานานก่อนจะมาเป็นแฟน ผมมองออกแน่นอน!

“เอ็งจะมายืนมองอะไรอีก! กลับบ้านเอ็งไปได้แล้ว!”

“ไม่ได้หรอกครับ ผมมาหานกเพราะคิดถึง ยังไม่ทันได้คุยผมจะกลับได้ยังไงกัน” ไอ้ปามาเพราะคิดถึงผมล่ะ มันมาเพราะคิดถึงผม ว๊ากกก เขินนนนน

“พี่นกๆ เก็บอาการหน่อย บิดจนตัวจะงอแล้วนั่น” อะ เอ่อ…ผมออกอาการมากไปเหรอ? แต่ใครจะไปทนได้ล่ะ ก็มีผู้ชายมายืนอยู่หน้าบ้านพร้อมกับบอกว่าคิดถึง เป็นใครก็ต้องเขินจริงไหม

โดยเฉพาะคนที่ได้ชื่อว่าแฟน

“ไปไกลๆ ลูกชายข้าเลยนะ! เอ็งทำมันร้องไห้ยังไม่พออีกเรอะ คิดว่าข้าจะยอมให้มันกลับไปเจ็บเหมือนตอนที่มันกลับมาหรือไง! ข้าไม่ได้โง่พอจะทำแบบนั้นหรอกนะไอ้เวร!”

ไอ้ปานิ่งเงียบ มันก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ผมคิดว่ามันคงจะเสียใจและรู้สึกผิดอยู่เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นคงไม่ยืนหน้าด้านให้พ่อผมตะโกนด่าจนน่าอับอายแบบนี้หรอก นี่ผมไม่ได้เข้าข้างมันเลยนะ พูดตามที่เห็นเฉยๆ

“ผมยอมรับผิดตรงจุดนั้นครับ แต่เรื่องนี้นกแค่เข้าใจผิด ผมไม่ได้…”

“หุบปากของเอ็งไปเลยข้าไม่อยากจะฟัง! กลับบ้านเอ็งไปซะ! ไม่งั้นอย่างหาว่าข้าไม่เตือน!” ไอ้ปาเงยหน้าขึ้นมาด้วยแววตาจริงจัง

“ผมรักนก อยากคุยกับนก อยากใช้ชีวิตกับนก เรื่องนี้ผมจะไม่มีวันยอมแพ้ ผมอดทนรอ ทำทุกอย่างเพื่อให้คุณอายอมรับในตัวผม” มะ มึง มึงหล่อมากเลยปา กระชากใจกูเลยตอนนี้ แต่พ่อกลับไม่พอใจอย่างมาก กระชากประตูรั้วให้เปิดออกแล้วตรงปรี่เข้าไปหาไอ้ปาจนผมกับไอ้แมวตกใจ

“เฮ้ยพ่อ!!”

“พ่ออย่านะ! ไอ้ปาวิ่งเร็ว!!”

“นี่มันเรื่องอะไรกัน!!”

ฉิบหายแล้ว พ่อ!! เมียพ่อมา!







TBC



กรี๊ดดดดด เมียมาค่ะพ่อออออ เอ่อ แล้วเราจะตื่นเต้นไปทำไมกันล่ะ ปา!! วิ่งค่ะลูกกก เอาชีวิตรอดก่อนนนนนน

ปากินนก

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[17]

ตอนที่ 17.

นกกับการพิสูจน์ความจริง

กระเป๋าถูกเก็บจนเรียบร้อยทันทีที่ตกลงใจได้ว่าจะตามไอ้ปามันกลับกรุงเทพฯ ผมเดินเข้าไปบอกพ่อกับแม่เพื่อจะลาท่านทั้งสอง แต่พอผมอ้าปากบอกว่าจะไป พ่อก็ตะเบ็งเสียงใส่ สั่งห้ามไม่ยอมให้ผมกลับไปอย่างเด็ดขาดด้วยเสียงเข้มๆ ผมจำได้นะว่าตอนผมกลับมาพ่อยังไล่ผมให้กลับไปอยู่เลย พอตอนนี้ที่ผมตกลงจะกลับพ่อผมดันไม่ยอมให้กลับเสียอย่างนั้น สรุปแล้วพ่อจะเอายังไงกับปมกันแน่

แต่ถึงพ่อจะไม่ยอมให้ผมไป แม่ของผมกลับยิ้มแล้วถือกระเป๋าลงมาส่งผมเองกับมือ พ่อที่หงุดหงิดงุ่นง่านเป็นคนวัยทองก็ได้แต่ฮึดฮัดเดินตามมาด้วยสีหน้าไม่พอใจ สายตาวาวโรจน์จ้องไปที่ไอ้ปาไม่วางตา เพียงแต่ไอ้ปาไม่ได้รู้สึกถึงสายตาของพ่อผมเลยสักนิด เพราะตัวมันเอาแต่คุยโทรศัพท์มาพักหนึ่งแล้ว

“ครับ…ใช่ครับคุณแม่ ได้แบบนั้นก็จะดีมากเลยครับ โอเคครับ ครับ สวัสดีครับ”

“คุยกับแม่เหรอ” ผมถามเมื่อมันวางสายแล้วเดินกลับมายืนอยู่ข้างๆ ผม

“ใช่ เดี๋ยวรอรถจากที่บ้านกูก่อน แม่กูส่งลุงโชคมารับแล้ว อีกสักพักก็คงมาถึง” ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย

“พี่ชายพ่อมึง?” แต่ไอ้ปากลับกลอกตาใส่ราวกับว่าเบื่อความโง่ของผม

ทำไมมีแต่คนชอบด่าผมทางสายตา นกไม่เข้าใจ ฮือๆ

“คนขับรถที่บ้านกู มึงนี่ก็นะ”

“อ๊ะๆ อย่านะมึง” ผมรีบใช้มือปกป้องศีรษะตัวเองเอาไว้เมื่อไว้ปายกมือขึ้นมาแล้วมีท่าทีจะเขกลงไปบนหัวของผม

ไอ้ปาส่ายหน้ากับความบ้าบอและเล่นไม่ดูเวลาของผม แม่ผมเองก็หัวเราะกับความสนิทกันของเราทั้งสองคน แต่ที่ผมอยากบอกแม่คือนี่ไม่ใช่การเล่นกันนะแม่ ถ้าแม่กับพ่อไม่อยู่ตรงนี้รับรองเลยว่ามือมันเขกลงบนหัวผมแน่ๆ ผมกล้าเอาหัวเป็นประกันเลย ไอ้ปามันร้ายยยย

“เฮอะ!” ก็มีแต่พ่อผมนี่ล่ะที่ไม่สบอารมณ์กว่าชาวบ้านเขา ผมเหลือบตามองพ่อที่ยืนกอดอกกระดิกเท้าผินหน้าหนีไปทางอื่นก็รู้ได้เลยว่านี่คืออาการงอนของพ่อ

จริงๆ เลยพ่อผมเนี่ย ปากแข็งที่หนึ่ง ทำมึนก็เก่ง แถมยังขี้งอนสุดๆ ด้วย

“โธ่พ่อครับ…อย่าโกรธเลยนะ” แต่พ่อก็ยังเมินใส่จนแม่ต้องตีแขนแรงๆ พ่อถึงยอมหันมาหาผม

“เดี๋ยวเถอะพี่นุ ลูกจะกลับกรุงเทพฯ นะคะ ไม่ได้ไปประเทศอื่น” ใช่ๆ ไปแค่กรุงเทพฯ นะครับ ไม่ได้จะไปไหนไกลเสียหน่อย คิดถึงก็มาหา ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนผมไปอยู่เมืองนอกนะ

“ไม่รู้จะกลับไปทำไม!” ตอนมาก็ไม่อยากให้มา พอจะกลับก็ไม่อยากให้กลับ อะไรของพ่อผมครับเนี่ย!!

“เดี๋ยวผมจะพานกมาเยี่ยมบ่อยๆ แน่นอนครับคุณอา” ไอ้ปาโอบไหล่ผมไว้แล้วบอกกับพ่อผม แต่แทนที่พ่อจะยินดีที่ได้ยิน กลับแยกเขี้ยวใส่ ตั้งท่าจะกัดไอ้ปาให้ตายไปเลย

ดีนะแม่ผมอยู่ ไม่งั้นคงมีมวยอีกแน่ๆ

“แง่งงงง” มีขู่ๆ

“พี่นุ!!!” หงอย หงอยไปเลยจ้าาา พ่อผมที่ยืดตัวพองขนขู่ตั้งท่าจะบวกเต็มที เจอแม่เรียกเสียงเข้มทีเดียวร้องเหมียวๆ เลี้ยวกลับแทบไม่ทัน

“ก็พี่ไม่อยากให้ลูกเราไปนี่คะหนู” แม่ผมส่ายหน้ากับอาการหวงลูกอย่างหนักของพ่อ

อย่าคิดมากเลยแม่ โรคนี้สงสัยรักษาไม่หายแล้วล่ะ ฮ่าๆ

“ถึงอย่างนั้นก็ควรทำตัวดีๆ หน่อยสิคะ พี่เป็นพ่อคนแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ”

“แม่ครับ แน่ใจนะว่าพ่อโตแล้ว?” พ่อหันขวับมาหาผมแทบจะทันทีตามด้วยเสียงเรียกชื่อผม

“ไอ้นก! ไอ้ลูกเวร!”

“แม่มีผัวชื่อเวรเหรอครับ เอ้านี่ผมคิดมาตลอดนะว่าเป็นลูกพ่อนุ สงสัยต้องไปเช็กข้อมูลใหม่ซะแล้วสิ” พ่อผมหายใจแรงแทบจะโมโหตาย ส่วนแม่ผมยืนหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดีที่เห็นพ่อผมเถียงไม่ออก

แน่ล่ะ จะมาเถียงสู้ผมได้ยังไงเล่า นี่ใครครับ ดูด้วยนะครับ หึๆ

“เอ็งจะไปไหนก็ไปๆ ดีเสียอีกข้าจะได้พาเมียข้าไปเที่ยวได้อย่างสบายใจ”

“คร้าบๆ” อยากกลอกตาใส่พ่อจัง หายใจเข้าออกก็มีแต่เมีย เมีย เมีย ไม่มีหรอกลูกน่ะ เฮอะ!

เพียงแต่ว่า…พ่อเป็นสามีที่ดีของแม่ เป็นพ่อที่ เอ่อ ดีไหมวะ ก็ดีแหละ เอาเป็นว่าดีของพ่อผมไอ้แมวแล้วกัน

ไอ้แมวเองมันก็ไม่ค่อยพอใจนะที่ผมเลือกจะกลับไปกับไอ้ปา ผมเข้าใจความรู้สึกมัน มันอาจจะเป็นผมเองที่งี่เง่าเลือกที่จะร้องไห้แสดงความอ่อนแอออกมาให้น้องชายของผมเห็น จึงทำให้มันออกอาการต่อต้านและผิดหวังในตัวผมอยู่ไม่น้อย ผมไม่ได้เลือกจะไปเพราะว่าเห็นมันสำคัญ

แต่ที่ผมเลือกจะไปเพราะผมอยากจะเคลียร์ปัญหาทุกอย่างให้จบ

อยากมั่นใจว่าครั้งนี้ผมไม่ได้เลือกผิด มันไม่ได้โกหก สิ่งที่ค้างคาใจของผมได้ถูกกำจัดไปหมดแล้วจริงๆ ความสัมพันธ์ที่ดำเนินไปด้วยความรู้สึกคลุมเครือ มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น ไม่ได้ทำให้ผมกับไอ้ปารักกันมากขึ้นหรือผูกพันกันมากขึ้น แต่มันจะเป็นตัวบั่นทอนความรู้สึกของเรา ให้ความรักของเราค่อยๆ ลดลง

เพราะฉะนั้นผมจึงเลือกที่จะเดินต่อ เลือกที่จะกลับไปกรุงเทพฯ กับมัน

“เป็นอะไร โกรธพี่เหรอ?” ผมถามน้องชายที่ยืนหน้าบึ้งตึงอยู่ตรงหน้า แต่น้องชายผมกลับสะบัดหน้าใส่ยังไม่สนใจ รอบนี้ผมต้องง้อแบบไหนละเนี่ย ต้องใช้เงินส่วนตัวไปซื้อเจ้าคิตตี้บ้านั่นมาให้มันอีกแล้วใช่ไหม ช่างเป็นน้องชายที่ละลายทรัพย์กูได้ดีจริงๆ

ยัง ยังจะมางอนกูอีก ยังไม่พูดกับกูอีก กูพี่มึงนะไอ้แมว

“คิตตี้…” แหม ทีอย่างนี้ล่ะหันมาได้ ถ้าไม่มีชื่อลูกรักนี่มันจะหันมาหาผมไหม

เอาเถอะ อย่างน้อยก็ถือว่าซื้อมาง้อน้อง ใครใช้ให้มันเกิดมาเป็นน้องชายผมกันล่ะ มีน้องชายคนเดียวก็ต้องเอาอกเอาใจมันหน่อย ให้งอนมากๆ ไม่ได้หรอก พี่ชายมันอย่างผมปวดใจ รู้ว่ามันเป็นห่วงและผมก็เข้าใจที่มันจะโกรธหรือว่างอนผม แต่ด้วยความที่เป็นพี่มันเพราะงั้นผมจึงรู้ดีว่าจะต้องง้อด้วยวิธีไหน

“ไว้พี่จะซื้อมาให้ รับรองว่าไม่ลืมแน่นอน” ผมยิ้มวางมือบนหัวน้องชายตัวเองแล้วโยกเบาๆ ด้วยความรู้สึกเอ็นดู

“หายงอนพี่ได้แล้วไอ้แมวต๊อง” ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เพราะมันปัดมือผมออก แววตายังคงมีร่องรอยของความขัดเคืองอยู่ไม่น้อยเลย แต่มันกลับเม้มปากใส่ผม

อะไร??? ทำไมตัวน่ารักแบบนี้มันจะเอาอะไรอีก ซื้อให้สองเท่าไม่ไหวนะบอกก่อน กูก็จนอยู่!

“พี่แม่ง…ไม่เคยจำอะไรเลย!!” เอ้า! อะไรวะ? เหวี่ยงกูเฉย

“ใจเย็นๆ โกรธอะไรขนาดนั้นวะแมว” ผมเริ่มงงกับน้องตัวเองแล้ว นี่ผมแค่กลับกรุงเทพฯ หรือเปล่าวะ?

“ไม่ต้องมาพูดเลย! พี่แม่ง…ฮึ่ย!!”

น้องผมมันไม่ปกติหรือผมเองที่โง่ ผมยืนงงเป็นไก่ตาแตกโดยมีพ่อแม่และไอ้ปายืนมองอยู่ ไอ้แมวเองก็มีทีท่าฮึดฮัดๆ ไม่ต่างจากท่าทีของพ่อเท่าไหร่ นิสัยเหมือนกันจริงๆ ดูสิ ยังจะส่งสายตาโกรธมาทางนี้อีก คิตตี้ไม่พอหรือยังไงหว่า??

“เอาที่พี่เข้าใจด้วย พูดแล้วเข้าใจคนเดียวไม่ต้องพูด” ผมถอนหายใจแต่หัวคิ้วยังไม่คลายออก ไม่ชอบให้น้องโกรธ ผมแหย่มันได้ แซ็วมันเล่นอะไรๆ แบบนี้ได้ แต่ไม่ชอบครับถ้าเราสองคนต้องมาทะเลาะกัน

“พี่นกแม่งโง่ไง! เจ็บแล้วทำไมไม่จำ กลับไปให้มันทำพี่ร้องไห้อีกเหรอ!” ผมกลอกตาไปมา สรุปที่โกรธคือโกรธที่ผมรีบกลับกรุงเทพฯ ใช่ไหม แบบนั้นจริงๆ พูดตรงๆ มาก็ได้ว่าไม่อยากให้ไป

อ้อมโลกกันจริงๆ

“ก็…ถ้าร้องไห้อีกก็จะกลับมาอีกไง” ผมพูดติดตลก แต่เหมือนไอ้แมวจะไม่ขำด้วย

“ไม่ต้องมาเลย! ไม่ต้อนรับแล้ว บินโง่ๆ เข้าป่าไปเลยไป!!”

เอ่อ…ถึงกูจะชื่อนกแต่ไม่ได้แปลว่ากูมีปีกนะมึง

“ก็ได้งั้นพี่จะไปร้องไห้คนเดียวแล้วกัน เฮ้อ…” ผมแกล้งถอนหายใจพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ดูท่าทีไอ้น้องชายตัวดีว่ามันจะทำยังไง แล้วก็ได้ผล ไอ้แมวที่เดิมทีโกรธอยู่นั้นเริ่มร้อนใจ สายตาจ้องมองผมอย่างสับสนว่าจะโกรธต่อหรือง้อผมดี

น่ารักว่ะ น้องใครวะ

“ก็ ก็ได้! พี่กลับมาก็ได้! แต่ไม่ต้องเอามันกลับมาด้วยนะ คนที่ทำพี่ร้องไห้ผมไม่ชอบ”

อยากจะยิ้มให้แก้มปริเมื่อได้ยินแบบนั้น รู้สึกได้เลยว่าหัวใจฟูจนคับอก หน้าบานกว่ากระด้งแล้วครับตอนนี้ น้องผมมันซึนเดเระใช่ไหม ทำไมทำตัวน่าดึงเข้ามากอดแล้วหอมแก้มแรงๆ จังเลย แบบนี้จะมีผู้หญิงที่ไหนมาเป็นแฟนมันได้วะ นิสัยมันเป็นแบบนี้ดูๆ แล้วคงไม่พ้นมีผู้ชายมาจีบแน่ๆ

“ไม่รับปากนะ แต่ถ้าพี่ไม่ร้องไห้ พี่ขอพามันกลับมาด้วยได้ไหม?” ไอ้แมวเม้มริมฝีปากก่อนจะเชิดหน้าไปอีกทาง

“ถะ ถ้าพี่นกยิ้มกลับมา จะพามาเป็นของแถมผมก็ไม่ว่าหรอก”

หมับ!!

“น่ารักว่ะไอ้น้องงงงงง” ผมกอดมันเข้าเต็มอกเลย กอดแน่นๆ ทั้งที่ปากยังฉีกยิ้ม

น่ารัก น่ารัก น่ารัก

ทำไมน้องชายปมน่ารักแบบนี้วะเนี่ยยยย

“ปล่อยเลยนะโว้ย! พี่นกปล่อยๆๆๆ อย่ามากอดผมนะ!” มันดิ้นแง้วๆ เหมือนแมวดิ้นไปมาไม่ยอมให้กอด นอกจากจะชื่อแมวชอบแมวโง่สีชมพูแล้วยังนิสัยเหมือนแมวอีก

“ฮ่าๆ พี่รักแกชะมัดเลยไอ้แมว” มันชะงักไปแป๊บหนึ่งก่อนจะดันผมให้ตัวมันเองหลุดออกจากอ้อมกอดผม

“เออ! เรื่องของพี่เถอะ แล้วก็อย่าลืมคิตตี้ของผมด้วยล่ะ ห้ามซื้อของปลอม ของตลาดราคาถูกๆ ก็ไม่เอา อีกอย่าง…ถ้าผมจับได้ว่าพี่ทำเหมือนวันเกิดผมตอนนั้น ผมจะปรับพี่ให้ซื้อของนอกให้ซะเลย”

“เห็นใจเงินในกระเป๋าพี่บ้างเถอะ ขอร้องล่ะ” เหมือนเห็นภาพเงินสุดที่รักปลิวหายออกไปจากกระเป๋าแล้วหันมาโบกมือลากลายๆ

“ถ้างั้นพี่ก็อย่าลืมซื้อสิ อย่าลืมเอามาให้ผม! อย่าลืม…กลับมานะ” ผมรู้สึกว่ากระบอกตามันร้อนผ่าว มองความฉ่ำวาวในดวงตาของน้องอย่างตื้นตันใจ

ไอ้แมวมันเป็นห่วงผม มันกำลังบีบบังคับ ใช้ทุกอย่างเพื่อให้ผมกลับมาที่บ้านอีก

อา ไม่อยากไปแล้วสิแบบนี้

“กลับสิ กลับมาแน่นอน” ครอบครัวอยู่ที่นี่ ผมจะไม่กลับมาได้ยังไงกัน ไอ้แมวมันหันหลังให้ผม มือยกขึ้นมาที่ใบหน้าเองแล้วถูแรงๆ สองสามครั้งแล้ววิ่งเข้าบ้านไปโดยมีผมตะโกนตามหลัง

“พี่จะกลับมาแน่นอน! จะเอาไอ้คิตตี้มาฝากด้วย!!”

นั่นคือคำสัญญาที่ผมมีให้น้อง มันจะไม่มีวันเปลี่ยน ผมจะกลับมาหาน้องอีกแน่ๆ ถึงยังไงผมก็ไปแค่ยืนยันทุกอย่างเท่านั้น ไม่ใช่ไปอยู่ที่นั่นถาวรเสียหน่อย ผมกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่ความร้อนที่หัวตาออกไป กลืนความรู้สึกจุกที่ลำคอให้มันลงไปในอกอีกครั้ง มองพื้นดินหน้าบ้านด้วยความรู้สึกหวิวๆ ในใจ

“ไม่เป็นไรหรอกนก เดี๋ยวแม่ดูน้องให้เอง” ผมเงยหน้าขึ้นมามองรอยยิ้มของแม่ คิดถึง ผมอยากอยู่ต่อแต่ตอนนี้ยังไงก็ต้องไป บางอย่างให้มันชัดเจนตั้งแต่ตอนดีกว่าที่จะปล่อยเวลาให้มันผ่านไปเรื่อยๆ แล้วต้องมาอยู่กับความค้างคาใจ

“นก…ต้องไปแล้ว” ผมหันไปมองไอ้ปาที่ส่งสายตาไปให้ดูรถหรูสีดำที่เข้ามาจอดเทียบรออยู่แล้ว

“ผมต้องไปแล้วครับแม่”

“ไปเถอะลูก โทรมาบ้างนะคะ” แม่ยังคงยิ้มให้ผม มองด้วยแววตาอ่อนโยนเหมือนทุกครั้งไม่เคยเปลี่ยน เมื่อครั้งที่ผมไปเรียนที่กรุงเทพฯ แม่ก็พูดแบบนี้ สุดท้ายผมก็ไม่มีเวลาที่จะได้ติดต่อมา

มันคิดถึง โหยหา และรู้สึกยึดติดจนไม่อยากไป

เหมือนกับว่าตรงนี้คือพื้นที่ที่ผมสามารถจะทำอะไรก็ได้ เสียใจแค่ไหนก็ได้ มีความสุขยังไงก็ได้ มีทุกคนอยู่ข้างๆ เป็นบ้านที่แสนสุขของผมเอง

“พ่อ!” พ่อยังคงตีสีหน้าเรียบเฉย แววตาเต็มไปด้วยร่องรอยความห่วงหา

“อะไรของเอ็งอีก!” ถึงแม้ว่าพ่อจะทำสีหน้าติดรำคาญใส่ผม แต่ผมก็รู้ว่าพ่อรักผมมาก

“ผมไปแล้วนะครับ”

“ก็ไปสิวะ ข้าห้ามเอ็งได้เรอะ!” ปากแข็งตลอดเลยนะพ่อ แต่เพราะพ่อเป็นแบบนี้ล่ะผมถึงได้ไม่เศร้ามากนัก

“สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับพ่อ แล้วผม…จะซื้อของกลับมาฝากนะครับ ถ้าหางานใหม่ได้แล้ว”

“จ้ะ ไหนมาแม่กอดหน่อยสิ” แม่ดึงผมเข้าไปกอดแล้วลูบผมของผมอย่างเอ็นดู

“ผมรักแม่นะครับ”

พอผละออกจากอ้อมกอดแม่ผมก็รู้สึกหวิวๆ ขึ้นมา พ่อหันหลังให้ผมกับไอ้ปาทันที ทำทีว่าจะเดินกลับเข้าไปในบ้านแต่ผมรวบพ่อเข้ามากอดเอาไว้ทางด้านหลังเสียก่อน ใช้แขนออกแรงรัดตัวพ่อจนแน่น นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่ได้กอดพ่อแบบนี้ มันนานมากแล้วจริงๆ

“นกรักพ่อนะ” เสียงผมอู้อี้เมื่อใบหน้าซุกอยู่กับแผ่นหลังของพ่อ

“อะ เออ! ข้ารู้แล้ว!” ผมปล่อยพ่อออกทันที ไม่อยากให้พ่ออึดอัดมาก เพราะรู้ว่าพ่อไม่ค่อยชอบการแสดงความรักแบบนี้สักเท่าไหร่

“ถ้างั้นผมลานะครับคุณน้า คุณอา สวัสดีครับ”

“จ้ะ” ไอ้ปายกมือไหว้แม่ผม แม่ผมก็รับไหว้ด้วยรอยยิ้มอย่างดี แต่พ่อผมสิ ไม่ยอมหันกลับมามองด้วยซ้ำไป ผมและไอ้ปาจูงมือกันหันหลังจะเดินจากไปแต่ก็ต้องชะงักกับเสียงเรียกที่คุ้นหู พร้อมกับคำพูดที่ทำให้ผมแทบจะไม่อยากก้าวขึ้นรถไปเลย

“ถ้าเอ็งทำลูกข้าเสียใจอีกครั้ง อีกแค่ครั้งเดียวข้าจะไปพามันกลับ และจะไม่มีวันส่งมือมันไปให้เอ็งจับอีก จำเอาไว้ให้ดี!”

พ่อ…

“ไม่มีวันนั้นแน่นอนครับคุณอา ผมสัญญา” ไอ้ปากุมมือผมแน่น รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้ายามมองหน้าผม ความอ่อนโยนของมันถ่ายทอดออกมาทางแววตาจนผมสามารถรับรู้ได้อย่างดี แต่น้ำเสียงที่เอ่ยตอบพ่อผมกลับเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นราวกับต้องการยืนยันให้พ่อผมได้มั่นใจ

“หึ! ข้าจะรอดู”

“เอาล่ะๆ เสียเวลามามากแล้ว นกกับปารีบไปเถอะลูก”

“ครับ งั้นผมกับนกไปก่อนนะครับ”

“เดินทางปลอดภัยนะลูก”

ผมโบกมือให้แม่ ส่วนพ่อเดินกลับเข้าไปในบ้านแล้วตอนนี้เหลือเพียงแค่แม่เท่านั้นที่ยืนส่งพวกเราอยู่ ลุงโชคคนขับรถของแม่ไอ้ปาเอากระเป๋าของผมและไอ้ปาใส่ท้ายรถก่อนจะมาเปิดประตูให้ผมกับไอ้ปาเข้าไปนั่งด้านใน ลุงโชคดูแก่กว่าพ่อผมนิดหน่อย ท่าทีที่มีต่อไอ้ปาเรียกได้ว่านอบน้อมมากๆ จนผมทำตัวไม่ถูก

ภายในรถเงียบมาก ไอ้ปาเองก็แทบไม่พูดอะไรเลย บรรยากาศเลยชวนให้อึดอัดไม่น้อย ผมเองก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไป เอาจริงๆ ผมไม่รู้จะพูดอะไรมากกว่า

“หิวไหม?”

“อะ ห๊ะ? อ๋อ นิดหน่อยไม่เป็นไรๆ” จู่ๆ ไอ้ปาก็หันมาถามผมจนผมตั้งตัวไม่ทัน

“อืม…งั้นกินขนมก่อนแล้วกัน แม่กูฝากมาให้กินระหว่างทางอยู่แล้ว”

“โอเค ได้กินหน่อยก็ดีเหมือนกัน”

ไอ้ปาเอื้อมมือไปทางด้านหน้า หยิบเอาถุงกระดาษที่มีขนมหลายอย่างอยู่ในนั้นออกมาให้ผมกิน ส่วนตัวมันเองก็กินไปไม่กี่ชิ้น ส่วนใหญ่จึงกลายเป็นผมเสียมากกว่าที่กิน อย่างน้อยก็เติมพลังก่อนออกรบ เพราะยังไม่รู้ว่าถึงกรุงเทพฯ แล้วจะต้องเจออะไรบ้าง เตรียมพร้อมไว้ก่อนคงดีที่สุด

เฮ้อ…หวังว่าคงไม่มีปัญหาอะไรมาให้ปวดหัวอีกหรอกนะ













แล้วผมกับไอ้ปาก็มาถึงกรุงเทพฯ เสียที ผมเพิ่งจะรู้ว่าเวลาอยู่ต่อหน้าคนของมัน (คนที่ทำงานให้) ไอ้ปามันจะวางท่ามากๆ เหมือนคุณชายที่อยู่ในละครไม่มีผิดเพี้ยน แบบนี้ผมก็ยิ่งวางตัวยากเข้าไปอีก ชนชั้นวรรณะที่แตกต่างแบบนี้ชวนให้รู้สึกแย่ไม่น้อยเหมือนผมเป็นซินเดอเรลล่ายังไงไม่รู้

ตัวมันยังเคร่งเครียดกับคนขับรถขนาดนี้ เข้าไปไหว้แม่มันถึงบ้านผมจะถูกมองเป็นเด็กเก็บกระเป๋าไหมครับ

แล้วดูตอนนี้สิ ลงจากรถแล้วคุณชายปรมะก็ยังวางท่าเป็นคุณชายผู้เคร่งขรึมไม่เลิก ส่วนลุงโชคแกก็ชินกับท่าทางการวางตัวของไอ้ปา เหมือนว่านี่คือตัวตนที่มีมาตั้งแต่เกิด น่าอิจฉาจริงๆ เลยพวกคนรวยเนี่ย ผมไม่รวยบ้างให้มันรู้ไป ฮึ!

“คุณชายจะให้ผมขนขึ้นไปไว้ให้บนห้องไหมครับ” คะ คุณชาย ผมแอบตาโตกับสรรพนามที่ไอ้ปาถูกเรียก

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมเอาขึ้นไปเอง ลุงกลับไปที่บ้านเถอะ” การสนทนาที่ไร้ความตะขิดตะขวงใจช่างเป็นอะไรที่ทำให้สติของไอ้นก หลุดลอยหายไปกับอากาศเหลือเกิน จริงๆ มันต้องไอ้ปาที่อายุน้อยกว่าจ้องเป็นคนที่มีท่าทีนอบน้อม เคารพกับคนรุ่นพ่ออย่างลุงโชคสิ นี่อะไรกัน คนรุ่นพ่อกลับต้องมามีท่าทางนอบน้อมและเคารพต่อไอ้ปาแทน เป็นผมนะอึดอัดแย่เลยล่ะ

“คุณผู้หญิงให้ถามคุณชายก่อนกลับด้วยครับว่าจะเข้าไปพบท่านเมื่อไหร่” ไอ้ปามองผมอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ใช่การมองแบบถามความเห็น เพราะถ้าใช่มันคงรอให้ผมตอบแล้วล่ะ ไม่ใช่การหันไปตอบเองแบบนี้

แล้วมึงจะมองหน้ากูทำไม!!!

“บอกคุณแม่ว่าอีกสองวันผมจะเข้าไปทานข้าวเย็นด้วย แล้วก็จะค้างที่บ้านเลย ฝากลุงบอกนมชื่นให้ด้วยนะครับว่าช่วยจัดห้องของผมให้หน่อย” ลุงโชคยิ้มแล้วก้มตัวลงเล็กน้อย

“ได้ครับคุณชาย นมชื่นต้องเตรียมของโปรดของคุณชายไว้รอแน่ๆ ครับ ถ้างั้นผมกลับก่อนนะครับ”

“ครับ”

“อะ เอ่อ ขอบคุณนะครับที่ขับรถมาส่งผมกับปา” เพราะเห็นว่าลุงโชคกำลังจะหลับแล้ว และผมไม่อยากเสียมารยาทที่นั่งรถมาแล้วไม่เอ่ยคำขอบคุณต่อผู้ใหญ่ออกไป ผมจึงเลือกที่จะก้าวออกมาข้างหน้าเล็กน้อยและพูดคำขอบคุณออกไปอย่างชัดเจน

ลุงโชคยิ้มให้ผมปากก็บอกว่าเป็นเรื่องที่แกต้องทำอยู่แล้วยิ่งทำให้ผมทำตัวไม่ถูกเข้าไปอีก ส่วนใหญ่เคยแต่นั่งแท็กซี่ที่ต้องจ่ายเงิน ขึ้นรถเมย์ที่ต้องจ่ายค่าตั๋ว ไม่เคยมานั่งสบายตูดเป็นคุณชายแบบนี้ แถมรถหรู เบาะกว้างแอร์เย็นแบบนี้ ที่สำคัญเงินสักบาทก็ไม่กระเด็นออกจากกระเป๋า ถึงปากจะติดเกรงใจแต่ในใจผมโคตรชอบเลยครับ

อยากนั่งอีก อยากมีบ้าง ทำไมพ่อไม่รวยยยยยยย

“ปะ…” ปะ? ปะอะไร?

“…?? ...”

“ขึ้นห้องสิ จะทำหน้างงอะไรของมึงเนี่ยนก หน้าปกติก็โง่อยู่แล้ว เวลามึงงงหน้ามึงโง่กว่าเดิมหลายเท่าเลย” ไอ้เวร! นี่คือคำพูดของคนที่เป็นแฟนกันเรอะ!! รู้สึกได้เลยว่าตีนกระตุกจนอยากจะยกขึ้นมาถีบคน

“ไอ้เหี้ย!”

แต่แทนที่มันจะเจ็บหรืออะไร ไม่เลยครับ! มันหัวเราะเสียงดังเหมือนกับว่าชอบใจที่ผมเรียกมันด้วยชื่อของสัตว์ตัวน้อยที่ลิ้นสองแฉกแบบนั้น มันไม่ปกติใช่ไหม นี่คืออาการของคนใกล้บ้าที่ถูกด่าแล้วหัวเราะชอบใจเหรอ? หรือว่าผมควรจะด่ามันเยอะๆ ด่าอะไรก็ได้มันไม่โกรธหรอก เอ…แบบนี้ก็น่าลองเหมือนกันนะครับผมว่า

เราสองคนเดินขึ้นลิฟต์มา ผมเดินตัวปลิวเชียวล่ะเพราะไอ้ปาทำหน้าที่แฟนได้ดีมาก แย่งกระเป๋าของผมไปถือเองเสร็จสรรพ ไม่มีการเกี่ยงงอนว่าใครจะถือ มีแต่แย่งดันด้วยซ้ำ เพราะผมไม่ชอบหรอกนะที่มันทำเหมือนผมเป็นผู้หญิงอ่อนแอ แค่กระเป๋าก็ถือเองไม่ได้ แต่แล้วไอ้ปาก็ปล่อยคำพูดที่ทำเอาผมต้องยอมปล่อยมือ เลิกยื้อยุดฉุดกระชากกับมันไปเลย มันบอกผมว่า ไม่ใช่เพราะเห็นเป็นผู้หญิง แค่เห็นว่าเป็นหน้าที่แฟน กูเลยอยากจะทำ

เนี่ยยยย เนี่ยยยยย แล้วผมจะไปปฏิเสธได้ยังไงกันเล่าาาาา







50%





ปลื้มปริ่มประหนึ่งได้ส่งลูกไปถึงห้องหอ อะ อ้าว ยังเหรอคะ ขอโทษๆ แหมแมวดีใจมากไปหน่อย

ปากินนก

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
พ่อนก จะเก่งปานไหน แต่ก็แพ้หัวหน้าเผ่าอย่างแม่นก อยู่ดี
อ่ะ กลับมากรุงเทพฯ แล้ว เข้าสู่โหมดการทำงานเสียทีนะนก
ว่าแต่ ทำตัวดีๆ ตอนไปพบแม่ผัว เอ้ยแม่แฟนด้วยละ อิอิอิ
 :hao3 :hao3:

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[17] 100%


“โอ๊ย…ปวดตัวชะมัดเลย” พอเข้าห้องมาได้ผมก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา บ่นพึมพำอย่างเหนื่อยล้าจากการนั่งรถ ไอ้ปาเอากระเป๋าของเราทั้งสองคนไปเก็บในห้องนอน ก่อนจะเดินมาที่ครัวแล้วรินน้ำเย็นมาวางไว้ตรงหน้าของผม

ผมบีบนวดตัวเองไปตามแขนและขา โดยมีไอ้ปาที่นั่งอยู่ข้างๆ มองอยู่ตลอดไม่ยอมละสายตา จะว่าไปเหมือนผมจะลืมอะไรไปสักอย่างแต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก คิดแล้วคิดอีกก็ยังมึนๆ

อะไรน้าาาา ผมลืมอะไรไปหนออออ

“ซิมการ์ดมึงน่ะ เอากลับมาใส่ในโทรศัพท์บ้างหรือยัง?” นั่นไง! ว่าแล้วว่าผมลืมอะไร!

“มึงไม่ทักกูก็ลืมไปแล้วนะเนี่ย เดี๋ยวๆ กูใส่ซิมแป๊บ” ผมจับๆ ไปตามตัวเพื่อหากระเป๋าสตางค์ก่อนจะหยิบมันออกมาแล้วเปิดออก รูดซิบช่องเล็กๆ ที่ไม่รู้ว่าจะใส่อะไรแต่ตอนนั้นผมเอาซิมการ์ดใส่เอาไว้ออกมา ซิมเล็กๆ จากค่ายดังถูกผมดึงออกจากกระเป๋าแล้วนำไปใส่เอาไว้ในมือถืออีกครั้ง

เมื่อเครื่องถูกรีเซตใหม่เรียบร้อย สัญญาณโทรศัพท์กลับมาใช้งานได้อีกครั้งก็ปรากฏข้อความหลายร้อยข้อความ ทั้งข้อความเสียง ทั้งข้อความแจ้งเตือนเรื่องจำนวนสายที่โทรเข้าและเบอร์ที่โทรเข้ามา ทั้งข้อความจากไอ้ปาที่ผมไม่ได้อ่านอีกมากมายจนเครื่องเก่าๆ ราคาไม่แพงแทบจะค้างแล้วพังตัวเอง

จะเยอะไปไหน!! มีใครตายหรือไงเล่า!!!

“ฉิบหาย เครื่องกูจะระเบิดไหมเนี่ย!” มันเริ่มร้อนๆ แล้วด้วย หรือผมรู้สึกไปเอง?

“ใครสอนให้มึงหนีปัญหาล่ะนก สมควรแล้วล่ะ” สีหน้าไม่ได้มีความเห็นอกเห็นใจกูเลย เปลี่ยนแฟนได้ไหม มีแฟนใหม่ได้ไหม แบบนี้ไม่เอาแล้วล่ะ นกไม่ถูกใจสิ่งนี้

ผมเบ้ปากใส่มันอย่างไม่ชอบใจ ฮึดฮัดกับข้อความที่ดังไม่หยุด เมื่อไหร่ระบบมันจะส่งมาเสร็จสักที ไม่ก็มึงรวบยอดแล้วส่งมาทีเดียวเลยไม่ใช่เด้งมาทีล่ะข้อความแบบนี้ เครื่องกูพังไปมึงจ่ายให้กูไหม!!! บ่นในใจไปก็เท่านั้น สุดท้ายผมก็ได้แต่นั่งรออย่างเซ็งๆ แต่ระหว่างที่ผมนั่งรอให้มันรีรันจนครบทุกข้อความ จู่ๆ มือถือที่มีข้อความมากมายเด้งมาก็เปลี่ยนเป็นสายเรียกเข้าจากใครบางคน

ที่ไม่ใช่คนตัวที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมแน่นอนครับ คนบ้าที่ไหนนั่งข้างกันแล้วยังโทรมาหาอีก

“ว่าไงพี่หนู คิดถึงผมล่ะซี้กระหน่ำโทรมาแบบนี้น่ะ” ผมทักพี่มันด้วยรอยยิ้ม แต่ไอ้คนข้างๆ นี่ไม่ยิ้มแล้วครับ มาคุเลยด้วย

‘ไอ้นก! มึงหายหัวไปไหนมาวะ! รู้ไหมว่ากูเป็นห่วงขนาดไหนเนี่ย!’ มาถึงก็หูชาจากเสียงพี่มันเลย ขี้บ่นได้ใครวะ

“ก็นี่ไง ผมรับสายแล้วเนี่ย ว่าไงครับคุณหนู มีอะไรให้นกรับใช้ดีเอ่ย~”

‘ถุย! กวนตีนไม่เคยเปลี่ยนเลยนะมึง ตอนนี้มึงอยู่ไหน’ อยู่ไหนเหรอ ตอบยังไงดีล่ะ ถ้าบอกว่าอยู่คอนโดไอ้ปาจะมีปัญหาไหม จำได้ว่าก่อนไปผมดันบอกพี่มันไปแล้วด้วยว่าไอ้ปามีคู่หมั้นแล้ว

“เอ่อ…อ๊ะ ดะ เดี๋ยวดิวะ!” ยังไม่ทันได้ตอบอะไรไอ้ปาก็ดึงมือถือผมออกไปแนบหูตัวเอง

‘เฮ้ย! เป็นอะไรวะ มึงอยู่ไหนตอนนี้บอกกูมาดิไอ้นก’ ไอ้ปาปรายตามามองผม จับจ้องด้วยแววตาคาดโทษเบาๆ จนผมต้องหมั่นไส้ลงไปด้วยความเกรงกลัว ถ้ามีกระดองนะ ผมจะไม่โผล่หัวออกมาเลยล่ะรับรอง

“อยู่กับผม พี่มีอะไรกับมันไม่ทราบ?” เสียงพี่หนูผมไม่ได้ยอนอีก เห็นแค่รอยยิ้มแสยะมี่ออกมาทางสีหน้าของไอ้ปาเท่านั้นที่ชวนให้ขนลุก

“ได้ ได้ รู้แล้ว เดี๋ยวผมส่งโลฯ ไปให้ เออ แล้วแต่พี่เถอะ แค่นี้นะ!” ไอ้ปากดวางสายแทบจะทันทีที่ตัวเองพูดจบ ไม่รู้ทางพี่หนูจะหัวร้อนแค่ไหน แต่งช่างเถอะ หัวร้อนไม่ร้อนก็ช่างมันแล้ว ขอแค่ไอ้ปาอย่าหัวร้อนก็พอ ผมไม่อยากเป็นเป้าให้มันมายิงใส่หรอกนะ เวลามันโมโหผมซวยทุกที

“พี่หนูว่าไงวะ?” มันโยนมือถือคืนมาให้ผมจนเกือบรับไม่ทัน ดีนะที่ทันไม่งั้นจะร้องไห้ใส่แม่งเลย ยิ่งมีเครื่องเดียวด้วย

“มันบอกว่าจะมาหามึง ให้กูแชร์โลฯ ไปให้ เห็นบอกว่าจะพกเหล้ากับหิ้วพี่อาร์ตมาด้วยอีกคน” พี่อาร์ต อา…แต่ว่านะ ไม่ใช่ว่าสองคนนี้ไม่ถูกกันหรอกเหรอ?

“จะไม่ตีกันตายเหรอวะ ยิ่งชอบกัดกันอยู่ด้วย” ห่วงสวัสดิภาพห้องไอ้ปานะครับ กลัวจะกลายเป็นเวทีมวยลุมพินีเสียก่อน ศึกเดือดเลือดบริษัทเลยนะงานนี้

“หึ…มึงยังไม่รู้อะไรอีกเยอะไอ้นก รอดูไปเถอะ” เห็นรอยยิ้มรู้ดีกว่าชาวบ้านของไอ้ปาแล้วอยากกระโดนถีบขาคู่ใส่หน้ามัน หมั่นไส้เหลือเกินพ่อจอมวางท่า

ไม่ว่ากับใครก็เก่งเหลือเกิน เก่งกว่าเขาไปหมด มันน่าจะอัดสักทีสองทีให้สะใจ

“มึงรู้ดีทุกอย่างงั้นสิ?” ไอ้ปาหันมาหาผม สีหน้าฉายชัดถึงความเหนือกว่า

“แน่นอนสิ ผู้ชายของมึงคนนี้น่ะรู้ดีทุกอย่างเลยล่ะ”

ขะ ขนลุก!

ไอ้ปามันกวาดสายตามองผมทั้งตัวโดยไม่สนใจเลยว่าผมจะมีสีหน้ายังไง ผมนี่รีบยกเข่าขึ้นมากอด ทำตัวกลมๆ ไว้เผื่อมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะได้กลิ้งหนีมันไปได้ง่ายๆ แต่ท่าทางของผมที่เหมือนหนูแฮมเตอร์หนีภัยยิ่งทำให้ไอ้ปาขบขันเข้าไปใหญ่ เพราะมันระเบิดเสียงหัวเราะออกมาไม่หยุด จนผมหน้าแดงด้วยความอับอาย

มันแกล้งผมอีกแล้ว!!

ทำไมผมเป็นคนที่ถูกแกล้งทุกที ผมกอดอกหันหน้าหนีมันไปอีกด้านอย่างงอนๆ ไอ้ปาเอามือมันมาวางบนหัวผมแล้วโยกไปมาอย่างเอ็นดู ใบหน้าของผมที่แข็งค้างด้วยอาการติดงอนก็พลันอ่อนลง บอกไม่ถูกเลยว่ารู้สึกยังไง แต่หัวใจผมมันอ่อนยวบกับความอ่อนโยนที่ได้รับมาตอนนี้

ผมมองโทรศัพท์มือถือตัวเองอีกครั้งอย่างตั้งใจ ตอนนี้ข้อความต่างๆ ก็ถูกแจ้งเตือนจนครบแล้ว หลักๆ ก็มีการโทรเข้าของพี่หนูกับพี่อาร์ตรวมถึงไอ้ปาด้วย แต่ที่น่าตกใจคือข้อความของไอ้ปามากกว่า

“หืม? มึงจะกลับมาไหม ถ้าไม่กลับกูเผาไอ้หอพักเน่า ๆ ของมึงแน่” เดี๋ยวนะ มันจะเผาแมนชั่นของคนอื่นเขาแบบนี้ไม่ได้สิ มันไม่ใช่ของผม ผมย้ายออกแล้ว!!

“ก็มึงปิดเครื่องหนีกูนี่หว่า” ท่าทางไม่ได้สำนึกอะไรเลยครับ เหมือนกับว่าเป็นเรื่องธรรมดาๆ ที่ใครๆ เขาก็ทำ

แต่ปัญหาคือมันไม่มีใครเขาทำแบบมึ้งงงงงงง

“นี่อีก ถ้ากูเจอตัวมึง กูจะล่ามไว้สามวันสามคืนไม่ให้มึงออกมาเห็นเดือนเห็นตะวัน?” เห็นผมเป็นหมาเหรอ ล่ามไว้แล้วจะเชื่องขึ้นมาหรือยังไง ความคิดมันช่างบ้าบอสิ้นดี แต่ไอ้ปาก็แค่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ ดวงตาวิบวับน่าตบให้ไฟตกฉิบหาย

“ก็น่าลองนะนก…” ไอ้ปา ไอ้จัญไร ไอ้คน…ฮึ่ยยย ไม่รู้จะด่ามันว่าอะไรแล้ว

“จะแทงมึงให้ยับ ทำจนมึงท้องลูกของกู! ไอ้ปา ไอ้เหี้ย!!! มึงส่งส้นตีนอะไรมาวะ!” เจอข้อความนี้ไปผมอยากจะเอาโทรศัพท์มาเขวี้ยงใส่หน้ามันมาก แทงให้ยับ ทำจนท้อง พ่องงงงง กูมีมดลูกหรือไงไอ้หน้าหมา!

ไม่สิ ไม่ใช่ประเด็นนั้น ประเด็นคือ กูต้องเป็นคนได้ทำโว้ย!!

“ส่งสิ่งที่กูคิดไง ทำไม กูผิดตรงไหน?” หน้าด้านไม่มีใครเกิน ลอยหน้าลอยตาถามผมมาได้ว่าทำผิดอะไร มันผิดตั้งแต่จับกูขังแล้วโว้ย!!

“กูอยากเลิกคบกับมึงจริงๆ ไอ้ปา แต่ล่ะอย่างที่ส่งมา กูรู้สึกว่าชีวิตไม่เคยบัดซบขนาดนี้เลย” ปวดหัวกับมันจนต้องยกมือขึ้นมากุมขมับเอาไว้แล้วคลึงเบาๆ มีใครเจอความฉิบหายและเลวร้ายกว่าผมอีกไหม ช่วยยกมือขึ้นมาหน่อยเถอะ ผมอนาถตัวเองจะแย่แล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“สงสัยพี่หนูมันมาแล้วล่ะ”

“อ๋อ” ผมพยักหน้าเข้าใจไอ้ปาจึงเดินไปเปิดประตู เพียงแค่ประตูเปิดออกกว้าง พี่อาร์ตแม่งก็แทรกตัวเข้ามาในห้องโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาตใดๆ ทั้งสิ้น พี่อาร์ตครับ มารยาทพี่แม่งโคตรดีเลยเว้ย

พี่อาร์ตเดินเข้ามาหาผมแล้วนั่งลงข้างๆ ผม จับหน้าผมหันซ้ายกันขวา สำรวจดูความเสียหายของสินค้า เอ๊ย ไม่ใช่ๆ ต้องบอกว่าสำรวจอาการบาดเจ็บของผมด้วยตาตัวเอง ผมมองแววตาที่กวาดมองไล่ไปยังส่วนต่างๆ ของใบหน้าและร่างกาย แววตาคู่นั้นของพี่อาร์ตมันเต็มไปด้วยความห่วงใย สีหน้าคลายกังวลลงไปมากเมื่อเห็นว่าผมปกติดีทุกอย่าง

พี่หนูเดินตามเข้ามา เดี๋ยวนี้พี่มันแต่งตัวชวนซี๊ดมาก หล่อแบบวัวตายควายล้มเลยครับ เมื่อก่อนเป็นหนุ่มออฟฟิศธรรมดาๆ แต่เดี๋ยวนี้หรือเพิ่มระดับเป็นหนุ่มหล่อสุดแบดที่สาวๆ ใฝ่ฝันอยากจะครอบครัวหัวใจ เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาระหว่างที่ผมไม่อยู่หรือเปล่า ทำไมแต่ละคนไม่เหมือนเดิมแบบนี้ล่ะ

ผมพยักหน้าให้พี่หนูโดยที่พี่มันแค่ยักคิ้วหลิ่วตาให้เหมือนเคย แต่พี่อาร์ตไม่มองพี่หนูมันเลย เอาแต่จ้องผมไม่กะพริบตาจนผมรู้สึกว่าตัวเองแทบจะถูกมองจนทั่วทั้งตัวอยู่แล้ว ไอ้ปาเดินนำพี่หนูเข้าไปในครัว คงไม่จัดการเหล้าเบียร์และกับแกล้มกันนั่นล่ะ เลยทิ้งผมเอาไว้กับพี่อาร์ตตรงนี้

“นก...มันทำอะไรมึงหรือเปล่า ไอ้ปามันทำอะไรมึงไหม?” ผมขมวดคิ้วกับท่าทางอันแสนจริงจังของพี่อาร์ต นี่พี่ชายผมไปกินอะไรผิดสำแดงหรือใครปล่อยวิญญาณที่ไหนเข้าสิงพี่กัน

“ไม่นี่ครับ ทำไมพี่ถามแบบนั้นล่ะ” ไม่ใช่ว่าพี่อาร์ตไม่รู้จักไอ้ปาเสียเมื่อไหร่ ก็เห็นกันมาตั้งนาน นิสัยมันไม่เคยทำร้ายร่างกายผมอยู่แล้ว

“ตอนมึงหายไป มันให้คนไล่เช็กภูมิลำเนาของมึง ต้องไปค้นเอกสารเก่าๆ จนแทบไม่ได้นอนกันเลย” อา มิน่าล่ะมันถึงรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน

“มันไม่ได้ทำอะไรหรอกครับพี่สบายใจได้ ไอ้ปามันก็แค่อยากคุยอยากอธิบายให้ผมฟัง” ผมยิ้มแล้วตอบพี่อาร์ตไปอย่างเคย แต่สีหน้าของพี่อาร์ตไม่ได้คลายกังวลลงไปเลย

“มึงไม่เข้าใขไอ้นก กูเห็นมัน ตอนนั้นมันเหมือนคนที่พร้อมจะ...” พี่อาร์ตไม่ได้พูดต่อแกกลืนคำพูดลงคอไปอย่างเงียบเชียบ จนผมที่รอฟังได้แต่นั่งงง

“ครับ??”

“คุยอะไรกันอยู่เหรอ” เสียงไอ้ปาดังขึ้นมาขัดความสงสัยทุกอย่าง ผมเห็นพี่อาร์ตกัดปากตัวเอง แววตาที่มองมาที่ผมฉายชัดถึงความเป็นห่วง

“ไม่ได้คุยอะไร มึงขนอะไรมาวะเยอะแยะ” ผมพามันเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะสงสารพี่อาร์ต แกหน้าซีดแล้วซีดอีก คงไม่อยากให้ไอ้ปารู้เรื่องที่มาบอกผม แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไรก็ช่าง พี่อาร์ตเป็นพี่ที่ดี เรื่องแค่นี้ปิดบังไว้หน่อยก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา

“ถามคนนั้นสิ ว่าขนเหี้ยอะไรมาห้องกู” ผมเอี้ยวตัวมองพี่หนูที่อยู่ข้างหลังแล้วเลิกคิ้ว

“พี่ขนอะไรมาวะ ใช่เงินไหมพี่ ช่วงนี้กำลังจนเลย”

“มาถึงก็ถามหาแต่เงินนะมึงไอ้นก ขอผัวมึงโน้น” ผมยู่หน้าใส่อย่างไม่ชอบใจ

“ผมต่างหากผัวมันน่ะ” ทำไมใครๆ ก็ชอบให้ผมเป็นเมียไอ้ปาเรื่อยเลยนะ ไม่ยุติธรรมสักนิด พี่หนูเหลือบมองไอ้ปาที่ไร้อารมณ์ด้วยใบหน้าที่ติดสงสัย

“จริงเหรอวะ มึงไก่อ่อนขนาดนั้น?” ไอ้ปากระตุกยิ้ม

“รอดูต่อไป มันอยากพูดอะไรก็ให้มันพูด”

ก็เพราะมันคือความจริงไอ้ปาถึงปฏิเสธผมไม่ได้ไงล่ะ พวกคุณคิดผิดแล้วครับที่เชียร์ให้ไอ้ปากดผม ผมต่างหากที่จะกดมันน่ะ บอกเลยว่างานนี้น่ะนกชนะใสๆ

แต่จะว่าไปแล้วพอมองดีๆ พี่หนูกับไอ้ปาในลุคนี้ก็น่าสนใจเหมือนกันนะ มองๆ ดูแล้วหล่อใช้ได้เลยล่ะ ตอนเดอนเข้ามาผมยอมรับเลยล่ะว่าตกใจ เพราะไม่เคยเห็นพี่หนูมันเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวมาก่อน มันดูดีนะ จนผมเองยังเผลอคิดเลยว่าก่อนหน้านี้พี่มันจะแต่งตัวเต็มขั้นทำไม ถ้าแต่งแบบนี้ตั้งแต่แรกนะ สาวๆ คงกรี๊ดกันมากกว่าไอ้ปาอีกมั้ง

“มองอะไร!” ผมสะดุ้งหลุดออกจากความคิดของตัวเอง มองไอ้ปาที่จ้องมาด้วยแววตาดุดันอย่างร้อนตัว

“เปล่าซะหน่อย กูก็แค่คิดว่าพี่หนูมันแต่งแบบนี้ก็หล่อดีออก ทำไมไม่แต่งตั้งนานแล้ว” ไอ้ปายิ่งไม่สบอารมณ์เข้าไปใหญ่ แต่พี่หนูที่ตอนนี้จัดเหล้าจัดกับแกล้มอยู่บนโต๊ะหูผึ่งจนต้องรีบเดินมาทางนี้

“กูหล่อใช่ไหม? ฮ่าๆ หล่อกว่าไอ้ปาไหมวะ” ผมทำท่าทางครุ่นคิด สายตาจ้องมองสลับไปมาที่ไอ้ปาและพี่หนู

ดูยังไงๆ ก็…

“พี่หนูหล่อกว่าจริงๆ นั่นล่ะ”

“ฮ่าๆ” คราวนี้เป็นพี่หนูที่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น มือก็ตบบ่าไอ้ปาอย่างปลอบโยน เอ้า…ผมพูดความจริงนะ

“ขำอะไรวะพี่” นี่กูชมพี่มันหรือกูเล่นตลกให้ดูวะ เริ่มงงแล้วนะ

“เปล่าๆ ฮ่าๆ เอาน่าไอ้ปา มึงก็อย่าคิดมากสิวะ แค่หล่อน้อยกว่ากูเอง” คิ้วไอ้ปากระตุกยิกๆ มันจ้องมาทางผมอย่างน่ากลัว

“เดี๋ยวมึงได้จมเตียงไอ้นก พูดแบบนี้” ผมขมวดคิ้ว จมเตียง? เอ้า เตียงพังหรอกเหรอเนี่ย ตายห่า แล้วคืนนี้จะไปนอนที่ไหนวะ!

“ทำไมไม่บอกวะว่าเตียงมึงพัง กูจะได้ไปหาโรงแรมอยู่ เชี่ย ป่านนี้แล้วด้วย กูจะมีที่พักไหมวะ” ทำผมเดือดร้อนได้ตลอดจริงๆ เลยนะครับแฟนผมคนนี้

“ฮ่าๆ กูชอบๆ ไอ้นก กูยกนิ้วให้มึงเลย” ผมไม่ได้สนใจพี่หนูที่หัวเราะราวกับคนบ้าอยู่หรอก ตอนนี้กำลังคิดหาที่นอนอยู่มากกว่า ส่วนไอ้ปาก็เดินขบเขี้ยวเคี้ยวฟันมาหาผมแล้วล็อกคอเอาไว้จนแน่น

“มานี่เลยมึง คำพูดมึงนี่วอนตีนดีจริงๆ”

ผมถูกลากมานั่งอยู่ข้างๆ ไอ้ปา ส่วนพี่หนูก็ดึงรั้งพี่อาร์ตมานั่งข้างๆ เหมือนกัน มือก็พาดลงบนไหล่ของพี่อาร์ตอย่างสนิทสนม แต่พี่อาร์ตกลับสะบัดตัวออก ไม่สนใจว่าพี่หนูมันจะรู้สึกยังไง แต่ผมเห็นนะ ว่าพี่หนูกระซิบอะไรบางอย่างใส่พี่อาร์ตแล้วพี่มันก็หน้าซีด ยอมให้พี่หนูพาดแขนลงบนไหล่แต่โดยดี

อะไร ความลับเหรอ นกก็อยากรู้ด้วย!!!

พวกเรากินกันไปไม่รู้เท่าไหร่ คำว่าพวกเราคือไอ้ปากับพี่อาร์ตแล้วก็พี่หนูนะครับ ส่วนเหล้าผมนี่โดนไอ้ปาชงซะจางเลย จางจนแทบจะแดกแต่น้ำเปล่าก็ยังได้

แต่ดูพี่หนูกับไอ้ปาสิ กินเข้มๆ ชงเข้มๆ ผมเองก็อยากกินแบบนั้นบ้างงงงงง

ถึงไม่ได้เข้มๆ เหมือนของไอ้ปากับพี่หนู ก็ขอแบบพอมีรสชาติของเหล้าแบบพี่อาร์ตก็ได้ ไม่ใช่ประเคนน้ำเปล่าที่แก้วมีรอยเหล้ามาให้กูแบบนี้!!

กูไม่โอเคเว้ย! ไม่โอเคมากๆ ด้วย!!!

แต่บ่นอะไรไม่ได้หรอก เหล้าผมก็ไม่ได้ออกตังค์ นั่งแดกกับแกล้มจนจะอิ่มอยู่แล้วตอนนี้ก็บังไม่รู้ว่าตกลงว่าพวกพี่หนูมันมาทำไม คือพี่อาร์ตผมพอเข้าใจได้นะว่าเป็นห่วงผมมาก เพราะนาทีแรกที่เข้าห้องมาได้แกก็พุ่งหลาวเข้ามาหาผมแล้วสำรวจร่างกายก่อนเลย

แต่ไอ้พี่หนูสิ มันมาทำไม!!!

หอบทั้งเหล้าทั้งกับแกล้มมานี่คือไม่ใช่มาธุระหรือห่วงใยกูแน่ พี่มึงเหงาใช่ไหมตอบมา!!!

แม้ว่าพี่อาร์ตจะกินช้า แต่ผมก็เห็นว่าแกเมาก่อนคนอื่นเขาเลยล่ะ เวลาพี่อาร์ตเมาจะหน้าแดงมากๆ นั่งก้มหน้านิ่งๆ แล้วเล่นมือตัวเอง มันเป็นภาพที่โคตรกระแทกใจอ่ะ ดาเมทคือแรงมากครับ เห็นแล้วมันรู้สึกงุ้ยๆ น่ารักน้าหยิก ชวนให้จั๊กจี้หัวใจแปลกๆ ทำไมน่ารักขนาดนี้วะ โอ๊ยย อยากดึงเข้ามากอดจังเลย

“ไอ้นก…”

“ครับ?” ผมละสายตาจากพี่อาร์ตแล้วมามองหน้าไอ้พี่หนูแทน

“มึงรู้เรื่องไอ้ปากับน้องเบญแล้วสินะ” ผมพยักหน้า พอพูดชื่อน้องแล้วผมก็รู้สึกหวิวๆ ในใจจัง

“ก็…ครับ ผมรู้แล้วนั่นล่ะ” จริงๆ คือเพราะเสือกแอบไปฟังเขาคุยกันไงเลยได้รู้เรื่องมา ไม่งั้นผมก็ยังนั่งโง่เหมือนเดิม คิดแล้วแค้น อยากเก็บเสื้อผ้ากลับบ้านอีกรอบจัง

“จะว่าไปมึงคงไม่รู้สินะ”

รู้??? ยังมีอะไรที่ผมไม่รู้อีกเหรอ

“เรื่องอะไรวะพี่?” ผมควรรู้สึกยังไง ปวดใจอีกรอบ หรือควรปลงตกได้แล้วดี

“เรื่องที่ว่าเบญเป็นน้องสาวกูเอง”

หืม? หืม??? หืมมมมมมมม

“ล้อเล่นใช่ป่ะ” เอาจริงๆ ผมแอบช็อกนะ แทบจะเรียกได้ว่าอึ้งเลยนั่นล่ะ เพราะผมเองก็พอรู้อยู่บ้างว่าพี่หนูแกเส้นใหญ่ แต่ก็ไม่ได้นึกว่าจะเส้นใหญ่ขนาดนี้

“กูพูดจริง เบญเป็นน้องสาวคนละพ่อคนละแม่กับกู”

“…” เอ่อ แบบนี้เรียกน้องสาวได้ด้วยเหรอ?

“ยังไงดีล่ะ แม่กูตาย พ่อกูก็เลยแต่งงานใหม่ แล้วแม่เลี้ยงกูเขาก็มีลูกติดคนหนึ่งชื่อเบญ” อ้อ! แบบนี้นี่เอง

“ผมเข้าใจล่ะ ว่าแต่ทำไมไอ้ปาถึงไปหมั้นกับน้องสาวพี่ได้ล่ะ” คาใจนะ ถ้าเกิดคำตอบคือสองคนนี้ชอบพอกันมาก่อน ผมคงปวดใจแล้วก็เกลียดตัวเองเลยล่ะ เพราะเป็นคนที่ทำลายความรัดของอีกคนหนึ่ง

“เรื่องนี้…ต้องโทษที่แม่เลี้ยงกับเบญเองนั่นล่ะ”

“ยังไงวะพี่?” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจสิ่งที่พี่หนูบอก พี่แกก็ถอนหายใจออกมาเสียงดัง สายตาหลุบลงมองพื้น

“เบญมันชอบไอ้ปามาตั้งนานแล้ว ก่อนที่จะรู้จักกับมึงอีก ด้วยนิสัยมันที่ถูกแม่เลี้ยงกูตามใจมา มันก็อยากได้ไอ้ปาถึงขั้นสร้างเรื่องว่าชอบพอกัน แต่มันก็ไม่ได้พูดออกมาโต้งๆ หรอก แค่เปรยๆ พ่อแม่ไอ้ปาก็เลยจับหมั้นเอาไว้ก่อน ถึงยังไงซะ พ่อแม่ไอ้ปาก็ไม่ใช่คนหูเบา แค่ทำให้มันจบๆ เรื่องไปแล้วให้ไอ้ปามันเคลียร์เอง” พี่หนูดูหดหู่แปลกๆ ท่าทางรอบยิ้มเย้ยหยันนั่นดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจแม่เลี้ยงกับน้องสาวต่างสายเลือดตัวเองสินะ

“ตอนที่กูคบกับมึงก็กูคิดเอาไว้แล้วว่าจะพามึงไปหาพ่อกับแม่ จะพาไปไหว้ท่านทั้งสองแล้วถือโอกาสยกเลิกการหมั้น เพราะกูไม่ได้ชอบน้องเบญ แต่มึงดันหนีไปซะก่อน” ไอ้ปายกเหล้าขึ้นมาจิบ ปล่อยอารมณ์ให้ไหลออกไปทางสายตาที่ทอดมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย

“เรื่องนี้จะไปโทษไอ้ปามันก็ไม่ได้ ตัวเบญเองนั่นล่ะที่ทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่ กู…ไม่อยากเข้าไปยุ่งมากนักหรอก พูดมากๆ กูก็มีปัญหากับพ่อกูเองอีก” แววตาที่มีความน้อยใจเจอปนอยู่นั้นทำให้ผมรู้สึกเห็นใจพี่หนูไม่ได้ ใครว่ามีเงินหนา มีเส้นใหญ่แล้วจะมีความสุขกัน พี่หนูไม่มีมันด้วยซ้ำความสุขที่ว่า ตอนนี้มีแต่ความรู้สึกไม่เป็นธรรมที่ผมพอจะเดาได้ว่า เป็นความรู้สึกที่ถูกรักไม่มากพอ

พ่อของพี่หนูลำเอียงจริงๆ หรือเป็นพี่หนูที่เข้าใจผิด ผมเองคงตอบพี่หนูไม่ได้

เพราะผมไม่ได้ยืนอยู่ตรงจุดนั้น

ผมเห็นใจพี่หนูนะครับ ไม่ใช่เพียงแค่เห็นใจอย่างเดียว ผมสงสารแกทั้งที่เป็นลูกชายแท้ๆ แต่กลับต้องมารู้สึกว่าพ่อรักพี่หนูน้อยลง ถ้ามันไม่มีเรื่องอะไรให้เข้าใจปอด ผมว่าคงไม่มีใครคิดหรอกว่าพ่อแท้ๆ จะลำเอียงรักลูกเลี้ยงมากกว่า สาเหตุมันต้องมี แต่ผมคงจะไปสะกิดพี่หนูแล้วบอกว่าให้ไปนั่งคุยกันไม่ได้ อย่างที่ผมบอกไป ผมคือคนนอก ไม่ใช่คนในครอบครัวของพี่หนู

เรื่องนี้ละเอียดอ่อนมาก ต้องให้พี่หนูจัดการด้วยตัวเอง ผมทำอะไรไม่ได้นอกจากให้กำลังใจ

“พี่อย่าคิดมากเลย ถึงยังไงพี่ก็มีผมอยู่ เอ่อ มีไอ้ปาด้วย มีพี่อาร์ตอีก” รวมๆ ไปก่อนแล้วกัน กลัวสายตาที่จ้องแต่จะฆ่าฟันแฟนตัวเองของไอ้ปา

คืนนี้หลับตาตื่นมาผมจะกลายเป็นศพไหมครับ รู้สึกเหมือนชีวิตใกล้จะลาโลกเต็มทีแล้ว

“เออ กูรู้เว้ย! ใครไม่รักกูช่างมันสิวะ ตอนนี้กูมีคนที่กูต้องทำให้รักอยู่แล้วอีกคน!”

“ใครวะพี่!” ความเสือกมาก่อนทุกเรื่องเสมอ ผมอยากรู้อยากเห็นมาก ยิ่งไม่ใช่เรื่องของตัวเองยิ่งอยากรู้มากเป็นพิเศษเลยล่ะ

“กูไม่บอกมึงหรอกไอ้นก อย่ามาถามกูซะให้ยากเลย ฮ่าๆ” โหย! ขี้งกวะ ไม่อยากรู้ก็ได้วะ

แต่ถ้าผมรู้เมื่อไหร่ผมจะเป่าหูคนคนนั้นให้หนัก เอาให้พี่หนูจีบยังไงก็ไม่มีทางติดไปเลย อยากปิดบังผมดีนักใช่ไหม

งั้นก็ไม่ต้องสมหวังแล้วกัน หึหึ

ว่าแต่ผมจะถามจากใครดีล่ะ ไอ้ปาหรือพี่อาร์ตดี

แต่ดูสภาพพี่อาร์ตตอนนี้คงตอบอะไรผมไม่ได้ เพราะแกมุดไปนั่งคุยกับมดอยู่ใต้โต๊ะแล้วล่ะ เอ้อ…กูเครียดดดด









TBC



เอ๋ ใครกันน้าาาา แมวไม่รู้เลยจ้าาา ไหนใครเดาได้บ้างบอกสิ แต่เราไม่เฉลยหรอก คิกๆ พวกเธอต้องคิดกันเอาเองงงงงง

ปากินนก แล้วหนูจะกินอะไร อุกๆ

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[18]

ตอนที่ 18.

 นกกับการเผชิญหน้า 

ผมปวดหัวกับพี่อาร์ตที่พอยิ่งเมามากเท่าไหร่ยิ่งทำตัวว่าง่ายเป็นเด็กเล็ก จ้องหน้าผมตาแป๋วด้วยซ้ำ ใจผมนี่อยากจะกระชากพี่อาร์ตมากอดมาจูบมาก ความน่ารักตะมุตะมิเรียกความคลั่งไคล้จนอยากดูเอ็น เอ๊ย เอ็นดูเต็มที รู้สึกคล้ายตัวเป็นป๋าที่กำลังตะล่อมเด็กเข้ามาทำอนาจาร

แต่พอผมขยับเข้าไปใกล้ ไอ้พี่หนูก็แยกเขี้ยวใส่ ไอ้ปาก็จ้องจะแดกหัวผมอยู่ตลอดเวลา ผมเลยได้แต่ขยับหนี ต้องเข้าไปนั่งใกล้ไอ้ปาแทน สีหน้าก็จะแสดงออกถึงความเซ็งอย่างไม่ปิดบัง

อยากนั่งใกล้คนน่ารักไง ทำไมไม่เข้านกบ้างงงงงง

อยากงอแงใส่ อยากทำตัวเป็นเด็กแล้วทิ้งตัวลงไปนั่งร้องไห้ ร้องแต่จะเอาๆ ให้มันมาตามใจ แต่ก็กลัวว่าจะกลายเป็นภาพที่อุบาทว์ลูกตาจนทนดูไม่ได้ ไม่ใช่แค่คนอื่นทนดูไม่ได้หรอก ผมก็คงอายตัวเองด้วยเหมือนกัน แต่ว่าผมก็อยากนั่งใกล้ๆ พี่อาร์ตนี่ ดูสิ! คนอะไรเมาแล้วโคตรน่ารักเลย

ผมหลงรักได้เลยนะ ใจเต้นตึกตักเลยเนี่ย

“มองอะไรหนักหนา หืม?” เลื้อย เลื้อยมาแล้ววววว

“เปล่า ไม่ได้มอง” ผมไม่ได้โกหก ผมไม่ได้มองมันจริงๆ ผมมองพี่อาร์ตอยู่ สายตาของผมไม่ได้ถูกดึงกลับมา แต่ร่างกายก็ขยับโดยอัตโนมัติเพื่อหนีจากมือไม้ที่ออกลวดลายเป็นปลาหมึกใส่ผม

“ก็กูเห็นมึงมองอยู่นี่ไงนก!” เสียงเข้มอีกแล้ว ผมมุ่ยหน้าใส่เมื่อถูกเสียงเข้มๆ นั้นเอ่ยใส่คล้ายว่ากำลังดุผม

“อะไร! ก็กูไม่ได้มองมึงซะหน่อย” จะเดือดร้อนทำไมหนักหนา ผมก็แค่อยากมองพี่อาร์ต พี่อาร์ตน่ารัก คนน่ารักใครๆ ก็อยากจะมองไหม ทีเมื่อก่อนมันมองสาวๆ นมโตๆ ใส่เสื้อแหวกหน้าแก้หลังโชว์ขา ผมยังไม่เคยบ่นมันเลย

ไอ้คนสองมาตรฐาน!

“ก็ถ้ามึงมองกูกูจะถามมึงแบบนี้ไหม! เลิกมองสักที!!”

“อะไรของมึงวะปา!! หงุดหงิดเหี้ยอะไรก็อย่ามาลงกับกูแบบนี้! กูเป็นที่ระบายอารมณ์ของมึงหรือไง หา!!!”

อีกแล้ว ผมจะหงุดหงิดแล้วนะ! พอกริ่มๆ ใกล้เมาทีไรก็เป็นแบบนี้ตลอด เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจชอบบังคับ ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดที่กลับกรุงเทพมากับมันแล้วนะ ตัวมันเองไม่เคยควบคุมอารมณ์ตัวเองเลยจริงๆ เรื่องเล็กๆ น้อยๆ มันก็ยังถือเป็นเรื่องใหญ่

ไอ้ปาจ้องหน้าผม สีหน้าและแววตามันชัดเจนมากว่ากำลังจะโมโหแล้วจริงๆ ผมแอบหวั่นๆ นะครับ ไอ้ปามันโมโหแล้วไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขาหรอก จากเหตุการณ์ก่อนๆ ถ้านึกย้อนไปก็จะเห็นว่า ไม่กระชาก ไม่บีบแขนผม ไม่ผลักผม มันก็ต้องมีอะไรสักอย่างที่ผมเจ็บ และเป็นผมเสมอที่เจ็บตัว

“ก็เพราะมึงเป็นคนที่ทำให้กูหงุดหงิดไงวะ!! จะมองทำเหี้ยอะไร ชอบหรือไง? ผัวมึงนั่งอยู่ตรงนี้ทำไมไม่มอง!!”

อะ ไอ้…

ผมชะงักค้าง อารมณ์โมโหถึงกับค้างเติ่งกลางอากาศไปเลยเมื่อเจอคำพูดไอ้ปา ผัวเหรอ? ผัวใคร? ผมกับมันไม่ใช่ผัวเมียกันสักหน่อย อีกอย่างเราตกลงกันแล้วนี่ว่าผมจะเป็นผัวมัน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือมันพูดออกมาหน้าตาเฉยได้ยังไง ผมเลิ่กลั่ก มองซ้ายขวาก็เห็นพี่หนูมันตาวาววับแต่ก็มีมารยาทไม่แซ็วออกมาจึงยกแก้วเหล้าขึ้นมาแดกต่อแทน

เหี้ยเถอะ! มันพูดแบบนี้ได้ไงวะ

“มึงพูดเหี้ยอะไรปา!” ไอ้ปาจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ แต่ก็ปล่อยมือจากผมแล้วหันไปยกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มต่อจนหมดแก้ว แล้วชงใหม่ ผมที่ยังทั้งอึ้งทั้งอับอายก็ทำอะไรไม่ได้ จะดื้อด้านดึงดันถามต่อมันก็เหมือนยิ่งพาตัวเองขายหน้าเปล่าด้วย แต่ในช่วงที่ผมกำลังมึนๆ และอายๆ จู่ๆ ร่างกายของผมก็ถูกโอบกอดทั้งตัว ถูกดึงใบหน้าไปซุกอกหอมๆ ของใครคนหนึ่ง ผมรู้สึกได้ถึงฝ่ามือที่ลูบผมของผมเบาๆ รับรู้ถึงน้ำเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยออกมาปลอบผมของเขา

จะเป็นใครไปไม่ได้อีกนอกจากพี่อาร์ต พี่ชายที่น่ารักของผม

“ไม่เป็นไรน้าาา”

กลิ่นพี่อาร์ตหอมชะมัด หอมจนไม่อยากออกจากอกนี้เลย

“พี่กอดนกอยู่น้าา โอ๋ๆ เด็กดี”

อา ผมชอบพี่อาร์ตแบบนี้!! อยากมอมเหล้าพี่มันทุกวันแล้วจับมากอดๆ มาซุกๆ แบบตอนนี้อีก งื้อออ ผมเสพติดกลิ่นพี่อาร์ต!!!

“ขอบคุ อะ เฮ้ย!” แทบหงายหลังเลยบอกได้คำเดียว ถูกกระชากจากด้านหลังไม่พอ ยังถูกมือพี่หนูที่มาแงะมาแกะตัวผมกับพี่อาร์ตออกจากกันแล้ว แถมพี่มันยังผลักผมออกไปข้างหลังจังหวะเดียวกับที่ไอ้ปามันเข้ามากระชากผม

เจ็บคูณสอง ถนอมกูบ้างเถอะพวกมึงงงง กูช้ำหมดแล้วเนี่ย!

แล้วดูนะครับ มีใครหน้าหนาผลักคนอื่นที่เขากอดกันด้วยความรักออกแล้วมายืนมองหน้าหาเรื่องแบบนี้บ้าง พี่หนูมันบ้าหรือเปล่าก็ไม่รู้ จู่ๆ มายืนตวัดสายตาฆ่าฟันใส่ผมอย่างไม่มีสาเหตุ แบบนี้ผมต้องการคำอธิบายนะ เผื่อว่าถูกฆ่าตายจะได้เข้าฝันบอกไอ้แมวได้ว่าสาเหตุของการถูกฆาตกรรมคืออะไร

ไอ้ปาก็อีกคน ปกติถูกกระชากเจ็บๆ มันก็บ่อยอยู่หรอก แต่ตอนนี้ทั้งช้ำจากมือมันที่กระชากแขนผมมาไม่พอ พ่อเจ้าประคุณก็เล่นยีบแขนกูจนจะหักคามืออยู่แล้ว ไม่รู้โกรธแค้นอะไรหนักหนา จะว่าไปเมื่อกี้เถียงมันก็ไม่ได้รุนแรง แต่ความมาคุในห้องคืออะไร ทำไมทุกคนต้องเงียบเป็นเป่าสาก มองหน้ากันเงียบๆ นิ่งๆ แบบนี้ด้วยเล่า

นกก็อยากรู้เรื่องบ้างนะ!!

“กูกลับก่อนดีกว่า” อ้าวเฮ้ย! ทำไมงั้นอ่ะพี่มึงงงงง

หลังจากสบตากันอยู่สักพัก พี่หนูก็สลัดอาการเมามายออกไปจนเหลือแต่ผู้ชายลุคแบดๆ ที่กอดพี่อาร์ตเอาไว้ในอ้อมแขน ดวงตาฉายแววจริงจังและเงียบขรึม มันดูไม่เหมือนพี่หนูที่ผมรู้จัก ส่วนไอ้ปาก็เหมือนกันไม่หลงเหลืออาการที่ส่อว่าเมามายเหมือนเมื่อกี้ที่ถกเถียงกับผมเลย ราวกับว่าไอ้ปาที่ต่อว่าผมอยู่เมื่อครู่เป็นเพียงภาพมายา

ความตึงเครียดที่ผมไม่เข้าใจว่ามันมาจากที่ไหนก้าวเข้ามาปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ผมมองไอ้ปาสลับไปมากับพี่หนูอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมสองคนนี้ถึงอยู่ในโหมดที่เข้าใจกันได้เพียงแค่มองตา ในเมื่อไม่ถูกกันแท้ๆ แต่ทำเหมือนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน แรงที่ไอ้ปาใช้บีบแขนผมไม่ได้ลดลง ทางด้านพี่อาร์ตก็คงอึดอัดเช่นกันที่ถูกรวบตัวไปกอดเอาไว้ด้วยแขนเดียวแบบนั้นถึงได้พยายามดิ้นหนีอยู่

“ไม่ส่ง…” สั้นแค่เนี่ย? มึงจะประหยัดคำไปไหน

“พี่ เดี๋ยวดิ ทำไมรีบกลับวะ?” พี่หนูไม่ได้ตอบคำถามของผมหรอก มันไม่ได้มองผมด้วยซ้ำ สายตายังมองไอ้ปาไม่หยุด จนตอนที่กำลังจะหันกลับนั่นล่ะครับถึงได้ปรายตามามองผมอยู่บ้าง

อะไร?? รู้สึกเหมือนว่าจะถูกโกรธ นกทำอะไรผิด

อารมณ์ของผมตอนนี้คืองงเป็นไก่ตาแตกว่าตัวเองทำผิดตรงไหน ทบทวนหาสาเหตุของการถูกพี่หนูโกรธแต่ก็หาไม่เจอ ผมว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะ ไม่ได้ทำอะไรที่สะเทือนอารมณ์หรือชวนให้โมโหด้วยซ้ำ แล้วตรงไหนล่ะที่พี่มันเอามาโกรธผมแบบนี้ แถมไอ้ปาเองก็ดูไม่สบอารมณ์ เหมือนไม่พอใจผมเช่นเดียวกับพี่หนู

หมับ!

“อ๊ะ!” อะ อะไรอีกวะเนี่ย!

ผมยืนงงกว่าเก่า แต่กลิ่นนี้ผมจำได้ พี่อาร์ต พี่อาร์ตแม่งกระโดดกอดผมทั้งตัวเลยครับ ไม่ใช่กอดธรรมดาเหมือนการกอดลาอะไรแบบนี้นะ เป็นการกอดที่เอาขาสองข้างมาเกี่ยวรัดเอวไว้ แขนสองข้างก็รัดคอผมจนแทบจะหายใจลำบาก ใบหน้าของพี่อาร์ตก็ซุกอยู่ที่ไหล่ของผม อารมณ์เหมือนเห็นลูกลิงเกาะต้นมะพร้าวก็ไม่ผิด เพียงแต่ผมแม่งเตี้ยกว่าต้นมะพร้าวไง มันเลยดูไม่สมดุลเอามากๆ

ดูขัดๆ ลูกตาไม่น้อยเลยล่ะผมว่านะ

“อาร์ต ลงมา!” เสียงพี่หนูพูดเตือนเสียงจอดไรฟัน สีหน้ายิ่งดำทะมึนเข้าไปมากกว่าเดิม แต่ไม่ว่าพี่หนูมันจะทำหน้าแบบไหน คนที่กลัวก็มีแค่ผมนี่ล่ะ เพราะพี่อาร์ตมองไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงอย่างเดียวเท่านั้น

“ม่ายยยย นกกกกกก”

“อะ ครับๆ แฮะๆ” อย่าฆ่ากู กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย ผมเหลือบตามองไอ้ปา ฝ่ายนั้นยิ่งแล้วใหญ่ สีหน้าแววตาเหมือนฆาตกรที่เพิ่งออกมาจากคุก

ไอ้เหี้ย! น่ากลัวไปแล้วนะโว้ย!!

“ลงมาอาร์ต กูพูดกับมึงดีๆ แล้วนะ!” เอ่อ ขอโทษนะพี่ นี่ดีแล้วเหรอ?

“ไม่อาวๆ จะอยู่กับนก นกกก นกจ๋าาาา”

“จะ จ้าาา” จ๋าไม่ได้ เดี๋ยวตายไม่มีศพ นกอยากร้องไห้ นกอยากจะร้องไห้นะ

“ไอ้ปา! มาเอาเมียมึงออกจากไอ้อาร์ตเดี๋ยวนี้! ไม่งั้นเมียมึงเจ็บแน่!” ผมสะดุ้งเลยครับ ยิ่งได้ยินคำว่าเจ็บยิ่งรู้สึกหวาดกลัวเข้าไปใหญ่ ไอ้พี่อาร์ต มึงไม่น่ารักแล้ว รีบๆ ออกไปเลยไอ้พี่เวร!!!

“พี่ต่างหาก เอาพี่อาร์ตออกไปซะ ก่อนที่ผมจะตัดแขนตัดขาที่เกี่ยวไอ้นกไว้ทิ้ง!” นี่มันประธานบริษัทหรือฆาตกรตามหมายจับ ทำไมโหดกันแบบนี้ ถ้ามือถืออยู่ใกล้ๆ นะ ผมจะโทรแจ้งตำรวจ ให้มันรู้ไปเลยว่าสองคนนี้ใครหนีคดีมา!

“ไอ้นก! ปล่อยไอ้อาร์ต เดี๋ยวนี้!”

เอ่อพี่มึนได้แหกตาดูไหมครับว่าใครควรปล่อยใคร? โดดมาหากูเป็นลูกลิงแบบนี้ กูจะปล่อยยังไงวะ

“พี่อาร์ตปล่อยไอ้นกซะ แล้วพี่จะกลับบ้านได้ครบสามสิบสอง” ขนลุกเกรียวทันทีที่ได้ยินคำขู่ของไอ้ปา ผมรับรู้ได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องขบขันอะไรแน่ๆ อย่างไอ้ปา…มีหวังเอาจริงแน่นอน

“พี่ พี่อาร์ตครับ ผะ ผมว่า…”

“คร่อกกกก ฟี้”

“…”

“…”

“…”

หมดคำจะพูด ใบ้แดกกันยกห้อง ผมอยากจะกลอกตาขึ้นฟ้าแล้วหงายหลังให้หัวมันโขกกับพื้นแล้วตายไปซะ เจ้าตัวต้นเหตุหลับอยู่ในท่าที่ไม่ควร เกาะผมหนึบเป็นตังเม ปล่อยให้ผมเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญสั่นประสาทอยู่คนเดียว ส่วนพี่มันหลับสบายสไตล์มิ้วลีบแบบนี้เหรอครับ มันไม่ได้ไงเฮ้ย!!

ร้องไห้ได้ไหม นกร้องไห้ได้ไหม ฮือๆๆ

“พี่หนู แยกพี่อาร์ตออกไป”

“เออ”

ไอ้ปาลดทอนเสียงลงไปมาก แต่หน้าตาก็ยังคงตึงเครียดไม่เปลี่ยน ส่วนพี่หนูถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนที่พี่มันจะเดินเข้ามาแล้วแกะแขนที่เหนียวหนึบเหมือนฉาบเอาไว้ด้วยกาวตราเช้งออกไป หนังคอผมแทบจะหลุดตามมือพี่อาร์ตไปด้วย บอกตามตรงเลยว่า ตุ๊กแกยังอาย

ในที่สุดก็หลุด ผมเป็นไทยแล้วครับ!!

“เดี๋ยว!”

“เฮ้ย!”

ฉิบหายล่ะ

กึก!

โอ๊ยยยย อยากจะร้องไห้ออกมาเสียงดังๆ ให้แม่งอับอายไปเลย! พี่หนูแม่ง พี่มึงทำไมเหยียบแว่นกูซะเละแบบนี้วะ!! นี่ผมต้องทิ้งและลาจากกับแว่นสุดรักสุดหวงแล้วเหรอ อยู่ด้วยกันมาก็ตั้งหลายปี ช่วยผมทำเรื่องต่างๆ ก็มาก ทำไมจากกันไปเร็วแบบนี้ล่ะ ฮืออออออ

“เอ่อ นก กูขอโทษที ไม่ได้ตั้งใจวะ” เต็มตีนขนาดนี้ไม่ได้ตั้งใจเลยมั้ง! ถ้าตั้งใจไม่ถอยรถบรรทุกมาเหยียบทับอีกรอบเหรอ!

“ช่างมันเถอะครับ” มันแจ้งตำรวจจับไม่ได้นี่นะแว่นแตกแบบนี้ โกรธไปก็คงไม่ได้อะไร แต่นกเสียใจ เสียใจมากด้วยยยย

“แหะๆ งั้นกูกลับก่อนนะ โทษที”

แล้วเสียดายแว่นของผมก็มาพร้อมกับกรงขังอีกใบ คอผมที่ถูกปล่อยออกจากแขนของพี่อาร์ตก็มีแขนของไอ้ปามาแทนที่ ผมก็ทำอะไรไม่ได้ แค่ขยับตัวจะออกจากวงแขนมันยังถูกล็อกไว้แน่นกว่าเดิม เป็นแบบนี้แล้วผมจะหนีมันได้ยังไงล่ะ ขืนหนีอีกมีหวังถูกกดจนหลอดลมปิด ขาดใจตายพอดี ผมไม่อยากเสี่ยงตายแบบนั้นนะ มันทรมาน

“ปล่อยกูได้แล้ว ไม่เห็นเหรอพี่มันไปแล้ว” ล็อกซะเหมือนกลัวผมจะวิ่งตามพวกพี่หนูไปงั้นล่ะ ป่านนี้คอผมแดงไปหมดแล้วมั้ง เดินออกไปข้างนอกคงมีคนนึกว่าถูกคนพยายามฆ่าด้วยการรัดคอ

“หึ!”

หึ? หึอะไรวะ???

“หึอะไรของมึง?” ไอ้ปาเอาแขนออกอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังยืนจ้องหน้าผมเอาไว้ไม่ยอมหลบสายตา ผมเองก็ไม่ยอมแพ้แน่นอนว่าจ้องมาย่อมต้องจ้องกลับ ใครกะพริบตาก่อนคนนั้นแพ้ ผมเล่นบ่อยหรอกเกมนี้ เด็กๆ เตรียมตัวเรียกลูกพี่ได้เลยไอ้ปา

ฮึบ!

ผมเล่นแข่งจ้องตากับมัน ไม่มีใครยอมใครมันเองก็ไม่หลบตา ไม่ยอมกะพริบตาสักนิด เราสองคนจ้องกันนานมาก (ประมาณ30วิได้) ตาผมแทบจะขึงเอาไว้ไม่ไหว น้ำตาเริ่มคลอเบ้าโดยที่ไอ้ปายังคงชิวๆ สบายๆ เหมือนเกิดมายังไม่เคยกะพริบตามาก่อน

มันเป็นไปไม่ได้!!

โอเค กูยอมแพ้

ผลสรุปคือผมยอมกะพริบตาแล้วใช้มือนวดๆ ดวงตาตัวเอง ให้ตายเถอะใครจะไปคิดว่ามันจะอึดขนาดนี้ ตาผมแทบจะลืมไม่ขึ้นเลยด้วยซ้ำตอนนี้ แต่มันยังไม่ยอมละสายตาไปจากผมเลยครับ ไม่รู้จะจ้องให้มีใบมีดอกงอกออกมาจากตัวผมหรือเปล่า

“จะมองทำไม มีอะไรก็พูดมาเลยดีกว่า” ถูกมองแบบนี้นานๆ เข้าผมก็เริ่มทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน เพราะงั้นพูดออกมาเลยดีกว่า

“ทำไม? กูมองไม่ได้?” ผมกลอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ

“แล้วไม่ใช่ว่ามึงมองอยู่เหรอตอนนี้” ไอ้ปายกยิ้มมุมปาก ดวงตาของมันวาววับจนน่ากลัว

“กูเพิ่งรู้ว่ามึงชอบแบบนั้น”

“แบบไหน?” ผมสงสัยจริงๆ นะเนี่ย ไอ้แบบนั้นของมันคือแบบไหนกัน แต่ไอ้ปาไม่ปล่อยผมงงนาน มันเย้ยหยันผมด้วยวาจาที่น่าตบตีนเข้าที่ปากมาก

“แบบไอ้พี่อาร์ตไง! มึงอย่ามาทำหน้าโง่ๆ เหมือนไม่รู้อะไรได้ไหม กูเห็นอยู่กับตาว่ามึงอยากจะแดกมันเข้าไปด้วยซ้ำ!”

“อย่ามาหาเรื่องกูนะไอ้ปา!”

“กูหรือหาเรื่อง นี่กูกำลังถามมึงดีๆ ต่างหาก รู้ไหมว่าถ้าไม่ใช่เพราะกลัวมึงจะโกรธกูอีก กูจับมึงลงเตียงแล้วจัดการมึงไปนานแล้ว!” ผมเม้มปาก นี่คือคุยกันดีๆ แล้วเหรอ?

“ปากมึงก็บอกว่าถามกูดีๆ มึงแน่ใจแล้วเหรอว่าที่ถามอยู่นี่คือดีแล้ว? ถ้าจริงๆ มึงพูดห่าอะไรดีๆ กับกูไม่ได้ มึงไม่ต้องพูดก็ได้นะปา กูเองก็เบื่อจะทะเลาะกับมึงเหมือนกัน” งี่เง่า ผมเองกำลังงี่เง่าอยู่ แค่น้อยใจกับน้ำเสียงกับคำพูดคำจาที่มันใช้กล่าวหาผม แม้มันจะเรียกว่าถามก็ตามที แต่สำหรับผมมันไม่ต่างจากการยัดเยียดนั่นล่ะ

“แม่งเอ๊ย!” ไอ้ปามันอารมณ์ขึ้นจนถึงขีดสุุด ผมหลับตาปี๋เพราะกลัวว่ามันจะลงไม้ลงมือกับผมขึ้นมาจริงๆ แต่เปล่าเลยครับ ร่างกายผมไม่มีความรู้สึกเจ็บ สิ่งที่รับรู้และรู้สึกได้คือความอุ่นร้อนจากแผ่นอกของมันและวงแขนแข็งแรงที่รัดร่างของผมเอาไว้

มันกำลังกอดผม และผมเองก็อดตกใจจนตัวแข็งทื่อไม่ได้

“ขอโทษ”

!!!

มันพูด…อะไรนะ?

“กูขอโทษที่พุดจาเหี้ยๆ ใส่มึง ขอโทษที่หึงแล้วพาลใส่มึงแบบเมื่อกี้” หะ หึง! มันหึงผมเนี่ยนะ

“เอ่อ…” ตอนนี้เลยกลายเป็นผมเองที่พูดไม่ออก ทำตัวไม่ถูกมากกว่าเดิมเข้าไปอีก

“แต่กูรักมึงมากนะนก แค่มึงมองใคร กู กูก็หวงจนอยากจะฆ่าคนนั้นทิ้งแล้ว”

ฆ่า ฆ่าเลยเรอะ!!

“เพราะงั้นตอนที่มึงมองพี่อาร์ต ตอนที่พี่อาร์ตกอดมึงกูถึงได้หงุดหงิด กูอิจฉาทุกคนที่อยู่ในสายตามึง”

“ดะ เดี๋ยว!” มันใช่เวลาจะมาหวานตอนนี้ไหม? แต่ไอ้ปาไม่สนใจหรอกว่าผมจะร้องห้ามยังไง มันยังคงพูดต่อไปอีกเช่นเดิม

“อิจฉาทุกคนที่มึงอยากเข้าไปใกล้ๆ”

“อ๊ะ!” สะ ส้นตีนเถอะ พูดอย่างเดียวไม่ต้องจูบคอกู ไอ้เหี้ย!!!

“แค่เห็นว่าร่างกายของมึงถูกใครสัมผัส กูก็ร้อนใจจนอยู่ไม่ได้แล้ว”

“อะ อือ” ทะ ทำไมไม่มีแรงเลยล่ะ ทำไมทุกอย่างถึงดูว่างเปล่า ผมรับรู้ถึงฝ่ามือของมันที่ไล่มาจากเอวของผมขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ผมไม่สามารถห้ามมันได้ สมองผมเริ่มเลือนราง เรี่ยวแรงหดหายเพียงเพราะสัมผัสที่ร้อนระอุจากริมฝีปากของมันที่ไล่เลียและพรมจูบตามซอกคอและหัวไหล่

ไม่ได้นะ! แบบนี้อันตรายแน่ๆ

“หยะ อย่า ปา” ไอ้ปาชะงักมือ แต่ไม่ยอมปล่อยผมออกจากอ้อมแขน มันยังกอดผมเอาไว้ มองใบหน้าเลื่อนลอยของผมอย่างหลงใหล

“ได้ กูหยุดแล้ว”

“…” ไม่มีแรง ไม่มีแรงแม้แต่จะตอบ ผมเค้นเอาแรงสุดท้ายมาบอกให้มันหยุดไปแล้ว ร่างกายที่อ่อนเปลี่ยนจึงตกอยู่ในอ้อมกอดของมันอยู่พักใหญ่ เพื่อที่จะเรียกคืนเรี่ยวแรงให้กลับมาอีกครั้ง ไอ้ปาใช้ปลายนิ้วเกลี่ยผิวแก้มของผมเบาๆ มองผมด้วยความอ่อนโยนพร้อมกับรอยยิ้มหวาน

“กูจะรอ…รอให้มึงพร้อม ให้มึงยอมรับกูอย่างเต็มใจ” ผมหลบตาลง หัวใจสั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่

“มะ มึงพูดจริงๆ นะ” ไอ้ปายิ้ม เป็นรอยยิ้มที่กระชากใจผมมากๆ

“จริงสิ แค่มีมึงอยู่ข้างๆ กูก็พอ ต่อให้มันนานแค่ไหน กี่เดือน กี่ปี กูก็รอมึงได้ทั้งนั้นนก”

รอได้ มันบอกว่ารอผมได้ไม่ว่าจะนานแค่ไหน ผมไม่รู้หรอกว่ามันจะทำได้จริงๆ ไหม แต่ผมกลับรู้สึกตื้นตันใจ รู้สึกว่าตัวเองสำคัญมากๆ สำหรับมัน สำคัญมากพอให้มันรอผมด้วยใจจริง ผมอดยิ้มไม่ได้ ความขุ่นเคืองที่มีมาก่อนหน้าหายไปในทันที

บางครั้งคนเราก็ไม่ได้อยากได้ความพิเศษอะไรมากมาย ไม่ต้องเวอร์วังอลังการงานสร้างใดๆ แค่คนที่ผมรักสามารถทำให้ผมรับรู้และรู้สึกได้จากใจว่าเป็นคนสำคัญ เป็นคนที่เขาแคร์มากๆ แค่นั้นก็ดีมากมายแล้ว

“ขอบใจนะ” ขอบใจที่มึงเข้าใจ ไม่เร่งรัด ไม่เอาเปรียบกู ทั้งที่จะทำก็ได้

ขอบใจที่ทำให้กูสำคัญมากขนาดนี้ ขอบใจจริงๆ







TBC





อะ อาร์ต! กลับมาหาแม่เร็วค่ะลูก อย่าไปอยู่ใกล้ฆาตก๊รรรรร แอบปาดเหงื่อเบาๆ แต่หัวใจแมวเต้นแรงมากเลยค่ะ ขอแอบเก็บน้องอาร์ตเข้าบ้านได้ไหมคะ แมวหวงงงงงง

ปากินนก

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
่ตกลง คนที่น่ากลัวที่สุดคือพี่อาร์ต ที่สามารถสร้างให้คนใกล้ตัวเป็นศัตรูกันได้ หุหุ
 o18 o18

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[18]


ไม่ได้มากรุงเทพแค่เดือนเดียว ความเปลี่ยนแปลงของเมืองกรุงไม่ได้มากมายอะไร เรียกได้ว่าแทบจะไม่เปลี่ยนเลยมากกว่า แน่นอนสิครับ มันสมควรจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว คิดว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมาควรจะเกิดอะไรขึ้นล่ะ? รัฐบาลชุดใหม่เหรอ? มียานบินลำใหม่? หรือคิดว่าตึกราทั้งหลายจะถูกรื้อถอนจนหมด

เรื่องพวกนั้นย่อมไม่ใช่เวลาเพียงแค่เดือนเดียวแน่นอนที่จะทำได้ ผมจึงสามารถเดินไปเดินมาอย่างสบายใจ ดีหน่อยที่ไอ้ปามันยอมปล่อยผมให้ออกมาเดินเล่นบ้าง

ใครกำลังนึกภาพเจ้าตัวเล็กที่มีปลอกคอพร้อมกับสายจูงรีบหยุดเลยนะ ไม่อย่างนั้นผมจะแช่งให้โสดไปทั้งชีวิตจริงๆ ด้วย!

แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผมก็ยังคงเบื่อหน่ายกับสภาพจราจรของบ้านเราอยู่ดี ถึงแม้หนึ่งเดือนมานี้ผมจะหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน แต่ที่บ้านผมก็ไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์หนักๆ เสียงบีบแตรไล่ หรือเสียงที่ชวนให้หงุดหงิดแบบที่นี่ ไม่มีการแก่งแย่งกันของคนขับรถ มีแต่ความสงบเงียบ ความน่าอยู่ ที่ชวนให้คิดถึงแต่กลับไปไม่ได้

ขืนไอ้ปามันรู้ว่าผมอยากกลับบ้านนะ ไอ้คำว่ารอที่มันพูดเมื่อคืนเตรียมถูกขยำทิ้งได้เลย

บรึ๋ยยยยย ไม่อยากจะคิดสภาพตัวเอง

“โอ๊ย! โคตรร้อนเลย ทำไมฝนไม่ตกลงมาบ้างวะ” ถึงปากจะบ่นแบบนั้น แต่ก็ดีกว่าหมกตัวอยู่แต่ในห้องล่ะนะ ไอ้ปาที่นั่งดูข่าวอยู่ตรงโซฟาหันมามองผมแล้วยิ้มกับท่าทางเหนื่อยล้าของผม

“มึงลงไปเดินแค่สิบนาทีก็บ่นแล้วเหรอวะ แต่จะว่าไปก็ควรบ่นอยู่หรอก ใครใช้ให้มึงไปอยู่ที่บ้านตัวเองซะเป็นเดือนล่ะ” ผมขมวดคิ้ว ตอนนี้สมองผมไม่พร้อมทำงาน พวกมันกำลังนั่งตากแอร์กันอยู่

“เกี่ยวอะไรกับบ้านกูวะ?” อา แอร์จ๋า เย็นดีจังเลยยยยย

“ก็บ้านมึงน่ะ ร่มรื่น อากาศก็ไม่ร้อนจัดเหมือนที่นี่ แต่ก็อย่างว่าล่ะนะ กรุงเทพฯ ย่อมต้องมีมลพิษ” อ้อ! มลพิษคือตัวทำให้อากาศร้อนเข้าไปใหญ่สินะ พอเข้าใจอยู่หรอก

“แล้วนี่ไม่มีแว่นมึงมองเห็นทางเหรอ บอกแล้วว่าให้กูไปด้วยก็ไม่เชื่อ” แค่ไม่มีแว่นไหม ไม่ได้ตาบอด

“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ได้สั้นขนาดนั้น ใส่ให้มันดูน่าค้นหาเฉยๆ เผื่อว่าสาวๆ สวยๆ จะสนใจอยากจะมองตาใต้แว่นของกูบ้าง” ไอ้ปาชี้หน้าผม ทำสีหน้าขึงขังแยกเขี้ยวใส่ผมอย่างคาดโทษ

“หยุดเลยนะ คนที่จะมองมึงได้มีแค่กูคนเดียว คนอื่นกูจะจับแม่งฆ่าแล้วโยนทิ้งทะเลแม่งเลย!” ไอ้โหดเอ๊ย!!

ผมเปิดตู้เย็นหยิบเอาโค้กมาหนึ่งกระป๋องแล้วเปิดออก หยิบอีกกระป๋องแล้วเดินมาหาไอ้ปาที่ยังคงจับจ้องไปกับการรายงานข่าว สนใจอะไรขนาดนั้นก็ไม่รู้ ข่าวพักนี้ก็มีแต่คดีฆ่ากันตาย ไม่ก็คดียาเสพติด สังคมเราจะเสื่อมลงๆ ไปถึงไหนก็ไม่รู้ ผมเองเป็นอีกคนที่ดูข่าวพวกนี้ไม่ได้ สงสารเหยื่อและครอบครัวที่ต้องมาเจอกับความเลวร้ายของคนบางคน

“อะ” ผมยื่นน้ำให้ไอ้ปาที่มีสีหน้าเคร่งเครียด มันหันมายิ้มให้ มือรับน้ำไปเปิดดื่มแล้วพึมพำเบาๆ ให้ผมได้ยินว่าขอบคุณ ก่อนที่มันจะหันไปสนใจกับเนื้อหาข่าวสารต่อ

ผมเองก็นั่งชิว ๆ ดูไปงั้น ๆ ไม่ได้ลงลึก แต่มีสะดุดใจบ้างเป็นบางข่าว

“ถ้าดูแล้วเครียด มึงจะดูทำไมวะปา” ไอ้ปาถอนหายใจ จากที่นั่งจับจ้องทีวีนิ่งๆ ก็ขยับเอนหลังพิงกับผนังโซฟาแทน

“ก็ดูไปแบบนั้นล่ะ มันไม่มีอะไรให้กูดูนี่หว่า” ผมส่ายหัว แล้วเปลี่ยนช่องด้วยตัวเองแทน

“นี่ไง หนังก็มีทำไมมึงไม่ดูล่ะ?” แต่ไอ้ปากลับยิ้มกรุ้มกริ่ม แววตาระยิบระยับแพรวพราวจนน่าหมั่นไส้

เป็นบ้าอะไรของมัน! แล้วทำไมผมต้องใจเต้นแรงกับเรื่องแค่นี้ด้วยล่ะโว้ย!!

“หนังที่ไม่มีมึงดูอยู่ข้างๆ ดูยังไงก็ไม่สนุกสักเรื่อง” ผมเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะนึกอะไรดีๆ ขึ้นมาได้ รอยยิ้มร้ายๆ จึงถูกจุดขึ้นมาที่ริมฝีปากของผม

“ไม่สนุกสักเรื่องใช่ไหม?”

“ที่สุดแล้วครับแฟน” ยัง ยังไม่เลิกปากดี

“ปีก่อน เดือนกุมภา วันที่14” ผมไม่พูดอะไรมาก แค่นั้นก็ทำเอาไอ้ปามันหยุดชะงัก รอยยิ้มที่กรุ้มกริ่มเหลือแค่ยิ้มเจื่อนๆ ที่ถูกกระป๋องโค้กยกมาบดบัง

ไงล่ะ หายเจ้าชู้ไปเลยสิ

วันที่14เดือนกุมภาปีที่แล้ว ผมจำได้ว่ามันออกไปกับน้องคนหนึ่งที่ชื่อก้อย ถ้าจำไม่ผิดเด็กคนนั้นเจอมันที่ผับAในคืนที่มันออกไปเที่ยวคนเดียว ผมที่เซ็งๆ กับความโสดเองก็หมกตัวอยู่ในห้อง นอนตีพุงอย่างสบายอกสบายใจแม้จะอิจฉาคนอื่นๆ หน่อยๆ ที่มีคู่กันหมด กับน้องก้อยไอ้ปามันคบได้อยู่สักอาทิตย์หนึ่งล่ะมั้ง แล้วทั้งคู่ก็โบกมือลา โดยที่หน้าไอ้ปามีรอยมือกลับมาด้วยอีกห้านิ้ว จำได้ว่าผมขำไม่หยุดจนมันงอนหนีกลับบ้านไป

“เสือกจำได้อีก” หือ?

“อะไรนะครับคุณแฟน?” ไอ้ปายิ้มเจื่อนๆ แล้วรีบโบกมืออย่างไม่มีพิรุธใดๆ ไม่มีเลยจริงๆ ครับ ผมดูไม่ออกเลย

“ไม่มี๊ ไม่มี”

หึๆ ผมไม่ได้ต่อความยาวสาวความยืดใดๆ มันไม่อยากให้ได้ยินผมก็ทำเป็นไม่ได้ยินอย่างที่มันต้องการ แต่อากาศร้อนๆ แบบนี้ออกไปได้แค่สิบนาทีก็เหงื่อมโทรมไปทั้งร่างแบบนี้ก็ไม่ไหว ผมอยากออกไปข้างนอกบ้าง ตอนที่ทำงานอยู่ก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน เพราะส่วนใหญ่ก็ถูกคนอื่นเขาวานให้ทำงานให้ พอจะไปก็ติดที่ตังค์ไม่ค่อยจะมีอีก พอมาตอนนี้ที่พอจะมีเงินเหลืออยู่ โลกก็ดันร้อนตับจะแล่บออกมาแหกปากร้องงอแง

นี่กูไม่มีทางได้ไปเที่ยวใช่ไหม สวรรค์ใจร้ายวะ

“เป็นอะไรหรือเปล่า”

“หือ?” ผมหันหน้าไปหามันด้วยความเหลอหลา เป็นอะไร? ใคร? ผมเหรอ?

“เห็นมึงทำหน้าเบื่อๆ เศร้าๆ” ผมยิ้มใช้นิ้วลูบกระป๋องโค้กด้วยแววตาเหม่อๆ

“กูแค่เซ็งๆ อยากออกไปข้างนอกบ้าง แต่อากาศก็ร้อนฉิบหาย” ก็แค่อยากเปิดหูเปิดตา แค่อยากใช้เวลากับไอ้ปามากกว่าการที่เราสองคนต้องมานั่งอยู่ในคอนโดแบบนี้

“หึๆ อยากออกไปเที่ยว?” ผมไม่กล้าสบตา ได้แต่ก้มหน้าลงซ่อนรอยแดงบนแก้มไว้ไม่ให้มันเห็น

“อืม”

“งั้นก็ไป ลุกขึ้นมา”

เอ๊ะ? อะไร?

ผมทำหน้างงใส่มัน มองตัวมันที่ยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วส่งมือมาตรงหน้าผมราวกับว่าต้องการให้ผมส่งมือตัวเองไปวางไว้บนมือของมัน

“มาสิครับคุณแฟน ผมจะพาคุณไปเดินเล่นให้หายเบื่อเลยล่ะ” รอยยิ้มของมันทำให้ผมตาพร่ามัว ยอมส่งมือออกไปให้มันอย่างง่ายดาย

“ขอบใจนะปา” ไอ้ปายิ้มขำ

“ขอบใจทำไม เราเป็นแฟนกันนะนก เรื่องการพามึงออกไปเที่ยว มันก็ต้องเป็นหน้าที่กูถูกไหม” ผมพยักหน้าให้มัน ส่วนมันก็ยิ้มละมุนแล้วโยกหัวผมไปมา

“งั้นก็เลิกขอบจงขอบใจแล้วไปเที่ยวกันได้แล้วครับ คุณแฟน”

“อื้อ!” ผมยิ้มกว้างขึ้นจนตาหยี ความรู้สึกสุขใจประดังเข้ามาจนล้นปรี่ ผมมีความสุขมาก มีความสุขจนแทบจะสำลักความสุขตาย

ไอ้ปาพาผมออกมาจากคอนโดโดยที่มันทำหน้าที่ขับรถเอง ซึ่งผมว่ามันดีเลยล่ะ เพราะถ้าหากต้องให้ลุงโชคมาขับให้อีกผมว่าตะคริวได้กินหน้าผมอีกรอบแน่ วางตัวอย่างไอ้ปาไม่ง่ายเลยสักนิดผมน่ะลองมาแล้ว ไม้รู่ว่าตัวมันเองทนทำมาได้ยังไงนานขนาดนั้น มาดคุณชายผู้เคร่งขรึมดูสูงสง่าไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้ภายในวันเดียวจริงๆ หรือเพราะผมไม่ได้มีความรวยติดตัว รัศมีเลยเทียบไม่ติดไปด้วยก็ไม่รู้

ขับมาสักพักก็มาถึงห้างใหญ่กลางกรุงพอดี อย่าให้ผมต้องบ่นเรื่องจราจร รถติดยิ่งกว่าอะไร ไฟแดงทุกๆ สามวิ ไฟเขียวคืออะไรผมแทบจะไม่รู้จัก เหมือนยืนโบกมือแล้วบอกสวัสดีจากนั้นก็ลาก่อน บางทีผมก็สงสัยมากๆ ว่าจะมีไฟเขียวไปทำไมถ้าไม่เปิดใช้งาน อ้าว นี่ผมบ่นไปแล้วหรอกเหรอ

แต่ยังดีที่ไอ้ปาเลือกมาทางอื่น นั่นก็คือเงินแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง ทางด่วนเลยครับท่าน แม้จะมีรถมากหน่อย รถเกือบจะติดเหมือนทางปกติ แต่ก็ถือว่าน่าหงุดหงิดน้อยกว่าล่ะนะ

ทำไมล่ะ แฟนรวยซะอย่าง ค่าทางด่วนน่ะจิ๊บๆ

นี่ผมไม่ได้อวดแฟนเลยนะ จริงจริ๊ง

ผมกับมันเดินลงจากรถมาโดยที่ไม่ลืมล็อกรถเอาไว้ สมัยนี้ไว้ใจยากครับ พวกโจรขโมยมันเยอะ ต้องระวังเอาไว้ก่อน ไอ้ปาจับมือผมเอาไว้แน่น เราสองคนจูงมือกันเข้าไปในห้างโดยไม่สนใจว่าใครจะมองแบบไหน สมัยนี้เพศที่สามเปิดเผยแล้ว ความรักของคนสองคนไม่มีคำว่าเพศมาจำกัด ยิ่งโลกเปิดกว้างความรักก็ยิ่งมากมายตามไปด้วย เหมือนที่ผมและไอ้ปาเราสองคนรักกัน

ใช่แล้ว เรารักกัน นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมและไอ้ปา

“อยากทำอะไรล่ะ?”

อยากทำอะไรงั้นเหรอ อืม ทำอะไรดีล่ะ ผมไม่ได้คิดมาเสียด้วยสิ

“ยังคิดไม่ออกเหรอ”

“อืม กูไม่ค่อยได้มาเที่ยวเท่าไหร่ ตอนที่มาเที่ยวก็กับแฟนเก่ากูสมัยยังเรียนไม่จบด้วยซ้ำ” ช่วงนั้นก็เป็นช่วงตามใจผู้หญิง เงินจากการทำงานพิเศษก็เอามาใช้ในการจ่ายค่ากินค่าเที่ยวให้กับหลิน ผมจำได้ดี

“อ๊ะ!”

“คิดดีแล้วเหรอที่พูดถึงแฟนเก่าต่อหน้าแฟนคนปัจจุบันอย่างกู?” ผมยิ้มเจื่อนกับน้ำเสียงข่มขู่และใบหน้าบึ้งตึง

“ไม่เลยๆ กูไม่ได้นึกถึงเขาหรือคิดถึงอะไรพวกนั้น ความหมายของกูคือนอกจากเดินตามเขากูก็ไม่รู้เลยว่าควรทำอะไรบ้าง” นั่นล่ะครับ บรรยากาศมาคุถึงได้หายไป เหลือแค่ความอ่อนโยนของมันเหมือนแรกเริ่มที่เราเดินเข้ามา

“ถ้างั้นไปดูหนังกันดีไหม”

“เอาดิ…กูน่ะได้ทั้งนั้นล่ะ”

ผมยิ้มให้ ไอ้ปาก็ยิ้มตอบ ทุกอย่างมันไปได้ดีมาก เราสองคนไม่ได้สนใจมองรอบข้าง ต่างพากันเดินไปยังจุดหมายที่เราต้องการ ผมชอบนะ การได้เดินเคียงข้างมันแบบนี้ มีแค่เราสองคนที่เป็นกันและกัน ยิ้มให้กัน หัวเราะด้วยกัน แบบนี้ไปทุกๆ วันผมคงมีความสุขมาก

“รอนี่ เดี๋ยวกูไปซื้อตั๋ว”

“ได้”

ผมก็ยืนรอตามที่ไอ้ปาบอก ใช้เวลากวาดสายตามองซ้ายขวาหน้าหลังไปเรื่อยเปื่อย เพราะตอนนี้ผมเหมือนบ้านนอกเข้ากรุงมากครับ เดินไปไหนไม่ได้กลัวหลง ดีที่ไอ้ปาจับมือไว้ตลอดจึงพออุ่นใจได้บ้าง

แต่จะว่าไปเดี๋ยวนี้เด็กวัยรุ่นก็เดินกันเป็นคู่เยอะเหมือนกันนะ ทั้งจับมือ โอบไหล่ กอดเอว นั่งหัวเราะกันดูท่าทางมีความสุข แต่อย่างว่าล่ะครับ ติดอยู่ในห้วงความรัก จะมีสักกี่คนที่มานั่งอมทุกข์ ใช่อยู่ว่ามีไม่น้อย แต่สุดท้ายไม่ว่าจะจบแบบไหน วันหนึ่งเราก็จะกลับมามีรอยยิ้มอยู่ดี

“ได้ตั๋วมาแล้ว แต่กว่าจะถึงรอบฉายอีกนานเลย อยากไปไหนก่อนไหม”

“ไม่รู้เลย กูไม่เคยมา ถ้ามาคนเดียวคงกลัวหลงแย่ ยังดีที่มีมึงมาด้วย” ผมบอกด้วยความขบขัน ไอ้ปาเองก็หัวเราะแล้วใช้ฝ่ามือของมันโยกศีรษะของผมไปมาเหมือนผู้ใหญ่เวลาเอ็นดูเด็ก

แต่ได้ข่าวว่ากูกับมึงเราอายุเท่ากันนะ…

“หิวหรือยัง จะได้ไปหาอะไรกินก่อน” จะว่าไปตั้งแต่ออกมาก็ยังไม่ได้กินอะไรจริงๆ นั่นล่ะ งั้นก็ไม่มีอะไรให้ปฏิเสธ

“เอาสิ กูเองก็หิวพอดี”

ช่วงเวลาที่แสนสุขต้องถนอมเอาไว้ เพราะเราก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่มันจะถูกช่วงชิงไป แค่ตอนนี้เรายังสามารถตักตวงความสุขที่แสนล้นใจเอาไว้ได้ ก็ต้องรีบตักตวงไว้ก่อนจริงไหม

















“สนุกดีนะ ไม่ได้ดูหน้ามาเสียนานจนแทบจะลืมไปแล้วว่าโรงหนังแม่งเป็นยังไง” ผมบิดตัวไปมากับอาการเมื่อยขบไปตามตัวเพราะนั่งนาน แถมไอ้ปาก็เอาแต่โอบเอวผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย

“หึๆ วันหลังมาดูบ่อยๆ ก็ได้” ผมส่ายหน้าแทบจะทันที

“ไม่เอาหรอก มาบ่อยๆ ก็น่าเบื่อแย่เลย ของแบบนี้มันควรจะมาเฉพาะเรื่องที่เราอยากดูจริงๆ มากกว่า” ไอ้ปายิ้มสายตาของมันอบอุ่นและเต้นระริกไปด้วยความสุขไม่ต่างจากผม

“นั่นสิ ถ้างั้นวันหลังเราดูโปรแกรมหนังด้วยกัน ถ้ามีเรื่องที่มึงกับกูอยากดู เราค่อยหาเวลามากันใหม่ แบบนี้มึงว่าดีไหม” ผมยิ้มกว้างแล้วพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

“ดีสิ แบบนั้นดีเลยล่ะ”

“หึๆ”

“อ๊ะ พี่ปานี่นา ใช่จริงๆ ด้วย!”

เราสองคนชะงักฝีเท้าลงก่อนจะหันไปมองร่างบอบบางของใครคนหนึ่งที่แสนคุ้นตา แค่เห็น…ความปวดหนึบก็แล่นมาจู่โจมหัวใจของผมอย่างรุนแรงเสียแล้ว

น้องเบญ คู่หมั้นของไอ้ปา

ผมจับจ้องใบหน้าอ่อนหวานที่ฉีกยิ้มกว้างอย่างดีใจที่ได้พบกับไอ้ปา แววตาเต้นระริกไปด้วยความยินดีที่ถ่ายทอดออกมาทางสีหน้าได้อย่างไม่ต้องคาดเดา วันนี้น้องเบญอยู่ในชุดสบายๆ แต่ไม่สบายตานัก เพราะกระโปรงของเธอมันสั้นจนแทบจะปิดอะไรไม่มิด ตัวเสื้อก็ปล่อยความอวบอิ่มของอกสาววัยรุ่นให้ปรากฏออกมาดึงดูดสายตาของหนุ่มๆ ให้น้ำลายไหล

ความหวาดหวั่นเกิดขึ้นในใจโดยอัตโนมัติ ยิ่งเห็นว่าไอ้ปาถูกมือเล็กๆ ของน้องเบญเกี่ยวแขนเอาไว้ ใช้ความเอิบอิ่มถูไถกับแขนของมันผมยิ่งรู้สีกว่าตัวเองไม่สมควรจะยืนอยู่ตรงนี้

แม้จะหงุดหงิดแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้

เขาเป็นคู่หมั้นกัน…แล้วผมเป็นใครล่ะ? จะเอาความสัมพันธ์แบบไหนไปหึงหวงไอ้ปา

มันไม่มีอยู่แล้ว หนุ่มหล่อ สาวสวย เป็นภาพการออดอ้อนของคนรักที่ดูเหมาะสมกันจนผมต้องเบือนหน้าหนี ไม่อยากจะเห็นภาพบาดตาที่เป็นเสมือนมีดกรีดลงมาในหัวใจของผม มันเจ็บจนทรมาน ปวดจนแทบจะร้องไห้ แต่ก็ทำได้เพียงยืนอยู่ตรงนั้น…ทนมองดูมันอย่างร้าวราน เฝ้ารอให้คนของหัวใจขับไล่ผมไปจากตรงนี้เสียที

“เบญ…มาทำอะไรที่นี่หรอ” ไอ้ปายังคงสุภาพเสมอ น้องเบญยิ้มเอาใจ เอียงหน้าเล็กน้อยให้ดูมีความน่ารักมากขึ้นกว่าเดิม

“เบญมากับเพื่อนค่ะ พี่ปามาทำอะไรเหรอคะ” ผมเม้มปากแน่น กำมือที่สั่นระริกเพื่อสกัดกั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลลงมา

“พี่มาดูหนังครับ”

“คนเดียวเหรอคะ?” ไอ้ปายิ้ม ปลดมือของน้องเบญออกจากแขนตัวเองแล้วเดินมาหาผม วางมือของมันลงบนศีรษะของผม

“มากับแฟนพี่ครับ”

ตึกตัก

“…” ผมกลั้นหายใจมองใบหน้าของมันที่ประดับรอยยิ้มเอาไว้ สายตาก็มองไปที่น้องเบญ

ดีใจ ผมดีใจมากจนแทบจะยิ้มกว้างออกมา แต่เพราะรู้ว่ามันไม่ควรผมจึงได้แต่กลั้นยิ้มเอาไว้ด้วยการเม้มริมฝีปาก ใช้มือเอื้อมไปทางด้านหลังแล้วกำเสื้อของมันจนแน่น

“โกหกเบญสินะคะ อำเบญแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะคะพี่ปา” เธอปรายตามาทองผม แต่ดูเหมือนเธอจะลืมผมไปแล้วสินะ มันก็ควรจะเป็นแบบนั้นเพราะเรื่องที่เธอบอกกับผมว่าไอ้ปาคือเจ้าของบริษัทมันก็นานมากแล้วด้วย ผมไม่ได้ติดใจอาการเหยียดหยามของเธอที่มีต่อผมเมื่อก่อน พอเข้าใจได้ว่าเป็นแค่พนักงานแต่กลับเป็นเพื่อนกับเจ้านายมันคงดูไม่ดีนัก

เพราะผมเข้าใจเธอ จึงไม่เคยโกรธเธอ ไม่เคยเกลียดเธอ รู้ดีว่าเธอคงชอบไอ้ปามาก

“พี่ไม่ได้โกหก นี่นกแฟนพี่เอง” น้องเบญหุบยิ้มทันตา แววตากร้าวขึ้นมาอย่างไม่พอใจในคำตอบที่ได้ยิน

“พี่ปาคงไม่ได้ลืมใช่ไหมคะว่าหมั้นอยู่กับเบญ ถ้าจะเล่นๆ กับของเล่นชิ้นนี้เบญก็ไม่ว่าหรอกค่ะ แต่ถึงขนาดแนะนำของเล่นว่าเป็นแฟนต่อหน้าคู่หมั้นอย่างเบญเห็นทีเบญคงจะยอมรับไม่ได้” ผมหันไปมองไอ้ปาทันที

ไหนมันบอกว่าถอนหมั้นไปแล้วไง ไหนบอกว่าตอนนี้มีแค่ผมไง

ความเจ็บปวดจากครั้งก่อนวิ่งมากระทบใจอีกระลอกหนึ่ง ร่างกายของผมแข็งทื่อ เกร็งร่างกายเพื่อเบี่ยงออกจากวงแขนของมันแต่ก็ถูกไอ้ปาใช้แรงที่มากกว่ายึดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ผมได้ยินมันถอนหายใจออกมาเสียงดัง ไม่รู้ว่าเพราะเหนื่อยใจกับการดิ้นรนขัดขืนของผมหรือเปล่า

“เบญ พี่ว่าเรื่องนี้คุณแม่พี่ได้คุยกับคุณลุงวิชัยแล้วนะ”

“คุยอะไรเบญไม่เห็นรู้เรื่องสักนิด” น้องเบญเชิดหน้าขึ้นตอบ ก่อนจะหันมาจับจ้องผมด้วยความไม่พอใจและเจ็บแค้น

“แกน่ะ หน้าคุ้นๆ นะ ใช่ผู้ชายที่ไม่เจียมตัวไปนั่งทานข้าวกับพี่ปาทั้งที่เป็นแค่พนักงานระดับล่างหรือเปล่า” ความจริงกระแทกใจเข้าอย่างจังจนจุก ผมจึงได้แต่ยิ้มตอบแล้วพยักหน้ารับคำถามเธอไป

“เบญ!”

“ตอนแรกก็นึกว่าอยากจะเจริญก้าวเลยมาทำตัวสนิทสนมกับพี่ปาที่เป็นเจ้าของ นี่หน้าด้านถึงขนาดเอาตัวมาเป็นของเล่นให้พี่ปาเลยเหรอ ไม่รู้หรือไงว่าพี่ปามีคู่หมั้นตัวจริงอย่างฉันอยู่แล้ว!” รู้สิ ผมรู้ดี แต่ทั้งที่รู้ก็ยังเลือกจะเชื่อว่ามันเปลี่ยนไปแล้ว

“อึก รู้ครับ”

“อย่าไปฟังนะนก อย่าไปฟัง” ไอ้ปาดึงผมเข้าไปกอดเอาไว้ กระซิบข้าหูของผมด้วยเสียงทุ้มที่อ่อนนุ่ม

ไม่ฟังได้ยังไงกัน ในเมื่อเขาเอาความจริงมาปาใส่หน้ากูแบบนี้

“ปล่อยพี่ปานะไอ้บ้า!!”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะเบญ!! ไม่อย่างงั้นพี่จะไม่เกรงใจแล้วนะ!” ไอ้ปาตะคอกใส่น้องเบญที่ตอนนี้เป็นยังไงผมไม่รู้ ผมมองเห็นแค่ไหล่ของไอ้ปา และคนจำนวนมากที่เริ่มเข้ามามุงดูเหตุการณ์ครั้งนี้

อับอายเหลือเกิน ตกเป็นเป้าในวงสนทนาทั้งที่ผมไม่ได้อยากจะแย่งของใคร

“พี่ปา!! พี่ปาปกป้องมันเหรอ! มันเป็นใครแล้วเบญเป็นใคร! เบญเป็นคู่หมั้นพี่นะ! พี่จะปกป้องไอ้ของเล่นนี่มากกว่าคนที่จะเป็นเมียพี่ในอนาคตหรือไง!!” น้ำเสียงของเบญแข็งกร้าว เต็มไปด้วยความโกรธและความน้อยใจจนผมสามารถรับรู้ถึงมันได้

สุขใจได้ไม่นานก็ต้องคืนให้เขา นี่คือความจริงเมื่อยืมคนของเขามา

เจ็บเป็นบ้าเลย เจ็บจนอยากจะร้องไห้ เจ็บจนอยากจะหายไปจากความวุ่นวายพวกนี้

ผมมันอ่อนแอใช่ไหม ยืนหยัดขึ้นมาต่อสู้ไม่ได้ แต่ผมไม่สู้เบญไม่ใช่เพราะความอ่อนแอ แต่เพราะว่าเขาคือตัวจริงส่วนผมมันก็แค่คนที่มาสร้างรอยร้าวของคนสองคนเท่านั้น ผมผิด ผมจะตอบโต้ได้ยังไง คนที่เป็นมือที่สาม จะแก้ต่างตัวเองยังไงมันก็คือคำแก้ตัว

“พี่ปกป้องแฟนพี่ พี่ผิดตรงไหน!”

“ผิดตรงที่เบญต่างหากที่เป็นแฟนของพี่ไม่ใช่มัน!” ใช่แล้วไอ้ปา เขาต่างหากที่เป็นแฟนมึง

“คุณแม่พี่ถอนหมั้นกับเบญไปแล้ว! เบญไม่ใช่แฟนพี่ ไม่เคยใช่ และไม่มีวันใช่!!”

“พี่ปา!!!” ไอ้ปาหายใจแรงจนผมที่อยู่ในอ้อมกอดรู้สึกได้ น้ำตาของผมกำลังไหลรินลงมา สองแขนเริ่มมีแรงยกขึ้นมากอดมันเอาไว้

ไม่อยากปล่อย ผมหวงแหนอ้อมกอดนี้มากจนไม่อยากจะปล่อยให้ใครที่ไหน

ขอร้องล่ะปา ชัดเจนหน่อยเถอะ ก่อนที่กูจะทนเหนี่ยวรั้งความเห็นแก่ตัวที่จะยึดมึงเอาไว้ไม่ได้อีก

“พี่จะยืนยันอีกครั้ง เราถอนหมั้นกันแล้ว!”

“ไม่จริงๆ! เบญไม่ถอนหมั้น!! เบญจะหมั้น!!!”

“พี่ไม่เคยรักเบญเกินกว่าน้องสาว ทุกอย่าง…เบญเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมาเอง แม้แต่เรื่องที่เราสองคนต้องหมั้นกันด้วย!”

ไอ้ปากอดผมแน่นเมื่อรับรู้ได้ว่าตัวผมเริ่มสั่น มือของมันลูบศีรษะผมอย่างปลอบประโลม ใช้ความอบอุ่นค่อยๆ รักษาแผลที่ถูกทำร้ายในหัวใจอย่างช้าๆ

“แก! เพราะแก เพราะแก!!” ร่างของผมถูกเหวี่ยงไปทางด้านหลัง ไอ้ปาใช้ตัวเองปกป้องผมเอาไว้จนสิ่งที่ตามมาคือใบหน้าหล่อเหลาที่ถูกตบจนแดง

เพียะ!

“พะ พี่ พี่ปา พี่ปาขาเบญไม่ได้ ไม่ได้ตั้งใจนะ” น้องเบญตัวสั่น พยายามจะอธิบายแต่ผมที่ตกใจกว่ากลับจับให้ไอ้ปาหันหน้ามาเพื่อตรวจดู

“หันมาปา หันมานี่!” แก้มมันแดงจนขึ้นรอยนิ้ว ผมขมวดคิ้วแล้วลูบเบาๆ

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง กูไม่เจ็บหรอก” แววตาของผมสั่นระริก หยาดน้ำตาไหลลงมาช้าๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มของมัน รับรู้ได้ถึงฝ่ามือของมันที่กุมมือของผมเอาไว้แล้วดึงไปแนบกับแก้มตัวเอง

“มึงเจ็บ…เพราะกู” ไอ้ปาจูบฝ่ามือของผม ส่ายหน้าช้าๆ ด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ใช่…กูเจ็บเพราะปกป้องมึงต่างหาก นั่นต่างหากที่ทำให้กูดีใจ”

“หยุดนะไอ้บ้า ปล่อยพี่ปานะ ปล่อยพี่ปา!!!” เบญเริ่มขาดสติ พุ่งตัวเข้ามาจะทำร้ายผมแต่ไอ้ปาไม่ยอมให้ผมอยู่ใกล้เธอแม้แต่น้อย ในขณะเดียวกันเพื่อนของน้องเบญเองก็เดินเข้ามาพอดี

“เบญ! เบญทำอะไร แกทำอะไร” เพื่อนของน้องเบญต่างพยายามจับเบญเอาไว้แล้วเอ่ยถาม

“มันแย่งแฟนฉัน ไอ้บ้านั่น ไอ้คนชั้นต่ำนั่นมันกล้าแย่งของของฉัน ฉันจะตบมัน กรี๊ดดดดด”

“พาเบญไปส่งที่บ้านซะ แล้วบอกคุณลุงวิชัยด้วยว่า ปรมะขอบคุณมากที่จัดการเรื่องนี้ได้ดีเยี่ยม!” รอยยิ้มของไอ้ปาเหี้ยมเกรียมจนน่าขนลุก ทั้งผมและเพื่อนๆ ของน้องเบญต่างก็หวาดหวั่นไม่ต่างกัน เพียงแต่ความอ่อนโยนที่ถ่ายทอดมาทางผิวกายและสัมผัส มันทำให้ผมได้สติและจำได้ดีว่าไอ้ปาไม่ใช่คนที่ทำอะไรไม่มีเหตุผล

“คะ ค่ะๆ”

“กรี๊ดดดด ไม่ไป! พี่ปาเป็นของเบญ ของเบญ!!”

ผมถอนหายใจด้วยความโล่งใจเมื่อเห็นว่าเพื่อนๆ ของน้องเบญต่างช่วยกันพาน้องเบญกลับไป คราวนี้ความสงสัยในใจของผมก็ถูกทำให้กระจ่างแล้ว จากนี้ไปผมคงต้องเริ่มเชื่อใจไอ้ปาได้แล้วในเมื่อมันแสดงให้ผมเห็นแล้วว่า เป็นผมเองที่สำคัญกับมัน

ผมกระชับมือที่จับฝ่ามือใหญ่เอาไว้แน่น หันไปมองสบตากับไอ้ปาแล้วส่งยิ้มให้กับมัน ให้มันได้รู้สึกถึงความรักของผม ไอ้ปาเองก็ค่อยๆ กระชับฝ่ามือตัวเองให้แน่นขึ้น เราสองคนไม่รู้หรอกว่าฝูงชนเลือนหายไปมากมายแค่ไหน ในห้วงเวลาของเรามีเพียงแค่เราเท่านั้น ผมฉีกยิ้มกว้าง แล้วพูดกับมันด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นหัวใจ

“กลับบ้านกันนะ” ไอ้ปายิ้ม

“อืม…กลับบ้านกัน”







TBC


ละ และแล้ว ลูกนกของแม่ก็ได้ความชัดเจนสักที!!! อยากจะร้องไห้ออกมาเป็นภาษาดาวอังคาร ตอนนี้เราเดินทางมาเกือบจะจบเรื่องกันแล้วนะจ๊ะ เรื่องราวอันสุข เศร้าและเฮฮาของน้องนกและผองเพื่อน กำลังจะจบแล้วน้าาา 

ปากินนก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
น้องเบญขาจะทำให้คุณพ่อขาเดือดร้อนมั้ยนะ
อยากให้พี่ปาขาช่วยจัดหนักๆให้ที

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[19]


ตอนที่ 19.

นกในรังใหม่

ตอนนี้ผมกำลังตื่นตะลึงกับสภาพบ้านที่โคตรใหญ่โตของไอ้ปา ในตอนแรกที่รถหักเลี้ยวเข้ามาผมก็คิดว่าอาจจะแค่อยู่ข้างๆ ไม่คิดว่าจะเป็นหลังนี้จริงๆ แบบนี้เรียกว่ารวยมันธรรมดาไปแล้วครับ มันเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีชัดๆ อ๊าก!!! ผมอิจฉาอีกแล้วนะเนี่ย! ฮึ่ม!!

พอรถผ่านประตูบ้านที่กว้างกว่าบ้านผมทั้งหลังมาได้ ซ้ายขวาก็ถูกขนาบข้างด้วยป่าที่มีต้นไม้ไม่เรียงรายแต่เต็มไปหมด แน่นอนว่าร่มรื่นมากกก ต่อให้แดดแรงแยงเข้าตาใคร แต่บ้านไอ้ปาไม่มีทางเจอภาวะโลกร้อนหรอกครับ ผมกล้ายืนยันเลยเรื่องนี้

ผมหุบปากไม่ได้ด้วยซ้ำไป มองรอบข้างอย่างอึ้ง ทึ่งแม้จะไม่เสียวแต่ใจก็เต้นตึกตักๆ ไม่หยุด บุญตีนไอ้นกจริงๆ ที่มีโอกาสได้มาเหยียบถึงบ้านคนรวยๆ แบบนี้ รอบนี้กลับไปรัศมีความจังไร เอ่อ หมายถึงรัศมีความรวยต้องจับตัวผมไม่มากก็น้อยล่ะ หวังก็แต่ว่าคนในบ้านนี้จะไม่มีใครเป็นแบบละครหลังข่าวหรอกนะ พวกที่รังเกียจจนออกนอกหน้า มองจิกตั้งแต่หัวจรดเท้า หรือเอาเงินฟาดหัวแล้วขับไล่ไสส่ง

พอคิดแบบนั้นในใจก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้ ผมเป็นคนจืดๆ หน้าตาก็ชืดๆ ติดไปทางน้ำล้างจาน จะดีหน่อยก็ตรงที่…เดี๋ยวนะ เหมือนผมจะหาข้อดีตัวเองไม่เจอ

เฮ้ย!! เป็นไปได้ยังไงกัน ผมจะไม่มีข้อดีเลยไม่ได้นะ! แบบนี้มันจะไร้ค่าเกินไปแล้ว!

จริงสิ! ข้อดีของมคือผมประหยัดไงล่ะ ฮ่าๆ

รถถูกขับมาจอดที่หน้าบ้าน ทางซ้ายที่สามารถมองเห็นได้คือโรงรถ โอ๊ย! อิจฉาความรวยที่กระทบตาจัง! ใครเขามีรถอยู่ในบ้านเป็นสิบคันแบบนี้บ้าง! แถมแต่ละคันก็คนล่ะรุ่นเกรดพรีเมียมหมด ถามจริงๆ เถอะ คนบ้านนี้ใช้รถกันคนละกี่คัน ขับวันล่ะกี่หน ใช้รถหมดทุกคันได้จริงๆ น่ะเหรอ ผมเริ่มรู้สึกสงสารคนล้างรถที่นี่ชะมัดเลย

“ไปกันเถอะ”

“โอ๊ย อ๋อ อืม” ยังมึน ยังหาทางออกจากวังวนความรวยไม่ได้

พอเราก้าวลงจากรถกันมา ผมก็เห็นคนห้าคนมายืนรอเราอยู่แล้ว พวกเขาใส่เสื้อสีขาวกับกระโปรงใช่ไหม เอ่อ ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร เอาเป็นผมเรียกมันว่ากระโปรงแล้วกันนะครับเป็นกระโปรงสีทึบ ผู้ชายก็ไม่ต่างกันนัก ในห้าคนมีสองคน คนหนึ่งใส่เสื้อสีกรม อีกคนหนึ่งใส่เสื้อสีฟ้าและกางเกงสีดำ ญาติพี่น้องไอ้ปาเหรอ

อ๊ะ จะมองเพลินไม่ได้ ต้องสร้างความประทับใจ

“สะ สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่ของปา”

“…”

“…”

“…”

“…”

“…”

ผมรีบยกมือขึ้นไหว้แต่พอเงยหน้าขึ้นมาทุกคนก็ยืนอึ้งนิ่งค้างไปเหมือนกับรูปปั้นในสวน ผมงุนงงเล็กน้อย เป็นเวลาเดียวกับที่ได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของไอ้ปาดังขึ้นมา ผมจึงได้หันไปมองมันอย่างสงสัย

ผมทำอะไรผิดเหรอ?

“หึๆ”

“กูทำอะไรผิดเหรอ?” ผมเอียงคอถามอย่างไม่เข้าใจ ไอ้ปาก็ยิ่งปล่อยเสียงหัวเราะออกมา วางฝ่ามือลงบนศีรษะของผมแล้วโยกมันเล่น

กูจะกลายเป็นไอ้ตุ๊กตาหัวโตที่ส่ายไปมาแล้วนะ เล่นเหี้ยอะไรหนักหนากับหัวกูเนี่ย!

และด้วยความหงุดหงิดผมจึงปัดมือมันออกไป จ้องถลึงตาใส่อย่างงอนๆ เอาสิๆ หัวเราะให้ตายไปเลย จะได้หาแฟนใหม่ หัวเราะเลยๆ ไอ้แฟนชั่วช้าหัวเราะกูไปเลยยยยยย!!!

“นี่ไม่ใช่ หึๆ พ่อแม่กูนะนก พวกเขาเป็นคนดูแลบ้านของกู” คนดูแลบ้าน แปลบ้านๆ คือคนใช้

ผมรู้สึกถึงบางสิ่งที่แตกยับ อ๋อ หน้าผมนี่เอง อยากจะก้มลงไปเก็บเศษหน้าแล้วหากาวตราเช้งมาติดมันเข้าด้วยกันใหม่ รู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งจะปล่อยไก่ออกไปตัวเท่าตึก จับเข้าคอกก็ล้วนแต่ถูกเห็นได้ ผมเหลือบมองไปที่พวกเขาที่มายืนต้อนรับ สีหน้ากระอักกะอ่วมมาก แต่ไม่ใช่เพราะทำตัวไม่ถูก พวกเขากลั้นขำ!!

จะกลั้นทำไม! ขำเลย ขำออกมา จงสรรเสริญไอ้นกด้วยเสียงหัวเราะของพวกท่านเสียเถอะ!!!

อยากร้องไห้ นกอยากหดตัวแล้วหนีกลับบ้านจัง อับอายที่สุด ฮือออ

“หึๆ อะแฮ่ม เราเข้าไปข้างในกันดีกว่า” ถึงมึงจะหยุดขำแต่ใช่ว่ากูจะไม่เห็นสายตาล้อเลียนของมึงนะไอ้ปา ไอ้เลว ผมแยกเขี้ยวใส่มัน ให้มันเห็นว่าผมสามารถกัดมันได้จริงๆ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น

“เออ!”

ตอนนี้ความตื่นตงตื่นเต้นอะไรไม่มีหลงเหลืออยู่อีกแล้วจ้า ไอ้นกเป็นไทจากอาการตื่นๆ พวกนั้นแล้ว สิ่งที่มาทำหน้าที่แทนอาการตื่นเต้นก็คือ ท้าดา~ ความอับอายไงล่ะ ไหนใครทายถูกมาเอารางวัลสิ! ไอ้นกคนนี้จะส่งความขายขี้หน้าไปให้คุณเอง อะไรนะ? ไม่เอา เฮอะ! คุณพลาดแล้วล่ะ

ว่าแต่บ้านไอ้ปาส้วยสวย ใบผนังฝังเพชรไว้บ้างไหม ว่างๆ จะมาของแงะบ้านมันดูหน่อย

โอ๊ะ! นั่นๆ แจกันนั่นเป็นสีทอง จะใช่ทองแท้หรือเปล่า อาจจะใช่ก็ได้นะ ถ้าแอบไปขอลูบๆ คลำๆ จากนั้นอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครเห็นแบกกลับบ้าน ไอ้ปาก็ไม่น่าจะงกมั้ง อืม…อันนั้นก็สวย อุ๊ย! อันนี้ก็สวย บ้านไอ้ปาสวยหมดเลยทุกอย่าง ชวนให้รู้สึกอยากยกเค้า ไม่ใช่ๆ หมายถึงอยากมาอาศัยเฉยๆ นะ

“ไอ้นก…”

“อะไรวะ?” ผมไม่ได้หันไปหรอก สายตาของผมยังจับจ้องไปที่ข้าวของต่างๆ พวกนั้น ฮือออ เงินนน ทองงง ไปโรงจำนำกันเถอะนะพวกเอ็งงง

“ปรับสีหน้าหน่อย เดี๋ยวแม่กูตกใจนึกว่ากูพาโจรมาปล้นบ้านตัวเอง โอ๊ะ!” ผมฟาดมือลงไปบนไหล่มันทันทีที่ได้ยิน

“ดูมึงพูดนะปา อยากโดนดีใช่ไหม” ไอ้ปายิ้มๆ แล้วทำหน้าตาสำออยใส่ผม มือก็ลูบแขนตัวเองไปมาราวกับจะสื่อว่าเจ็บมาก

มันไม่เจ็บหรอก คนที่เจ็บต้องเป็นผมสิ คนห่าอะไรหนังหนาฉิบหาย มีที่ไหนล่ะที่ตีคนอื่นแล้วตัวเองเจ็บเอง

อ้อ! มีคนหนึ่ง ผมเองงงง ไอ้นกเองจ้าาาา

“ไม่กล้าจ้าไม่กล้า ผัวหรือจะกล้ากับเมีย”

“โอ๊ย ไอ้ ไอ้!” ผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ ด่าอะไรไม่ออก ใบหน้าขึ้นริ้วแดงเมื่อเห็นสายตาของคนรอบข้างกับรอยยิ้มล้อเลียนของมัน ไอ้ปา ไอ้บ้า! บอกแล้วไงว่ากูจะเป็นผัว!!!

“เดินๆ ไปเลย!”

ผมผลักมันให้เดินไปข้างหน้า ส่วนมันก็เอาแต่หัวเราะผมไปด้วย ที่หน้าแดงไม่ใช่เพราะเขิน ผมโกรธมันต่างหากที่เรียกผมว่าเมีย บอกแล้วไงว่าผมจะเสียบ ไม่ใช่ถูกเสียบ!!! ทำไมมันไม่เข้าใจอะไรเลยแบบนี้เนี่ย!! สงครามการขึ้นคร่อมต้องร้อนระอุเพราะตกลงสถานะกันไม่ได้เหรอ เราต้องต่อสู้แย่งชิงสถานะความเป็นสามีกันแล้วล่ะ

รู้สึกอนาถใจยังไงไม่รู้ เหมือนจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง

แต่ไม่ได้สิ! ผมจะมานั่งเสียใจกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน มันต้องลองสักตั้ง ฮึบ!

“อ้าว มากันแล้วเหรอคะลูก” ผมมองรอยยิ้มอ่อนหวานของผู้หญิงตรงหน้าด้วยความงุนงง

ใครหว่า สวยจัง

“สวัสดีครับคุณแม่ คิดถึงคุณแม่จังเลย”

มะ แม่! แม่มันเหรอ! สวยมาก สวยหยาดฟ้ามาดิน สวยจนน่าตกใจ สวยแบบใครก็เทียบไม่ได้ อายุเท่าไหร่วะเนี่ย ดูหน้าแล้วตอนแรกนึกว่าพี่สาว โอ้โห แม่ผมชิดซ้ายเลย ไม่แปลกใจเลยครับที่ไอ้ปามันจะหล่อลากกระชากใจสาวแบบนี้ เพราะมีแม่สวยนี่เอง ว่าแต่ว่า…แม่ผมก็สวยนะ ทำไมผมหน้าตาไม่ดีล่ะ ฮือออ สวรรค์ใจร้ายย ทำไมผมไม่หล่อบ้างล่ะท่าน!!

“นก…นี่แม่กู แม่ครับนี่นกแฟนผม” แม่ไอ้ปาหันมามองผมด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนที่รอยยิ้มบนหน้าแม่ไอ้ปาจะหายไป นี่ท่านไม่ใช่ว่าไม่ชอบผมหรอกนะ

“แฟนเหรอ?” น้ำเสียงยะเยือกชวนให้หนาวสั่นนี่ช่างน่ากลัวเหลือเกิน ไอ้ปา กูกลัวแม่มึ๊งงงงง

“ครับแม่ หึๆ”

จะหัวเราะทำซากเห็ดอะไร เห็นไหมว่าแม่มึงหรี่ตาแทบจะบีบกูให้ตายแล้วนั่น โธ่…พ่อแม่ไอ้แมว มาเก็บศพนกด้วยนะครับ ฮือๆ

“ปา…ไม่เห็นลูกบอกเลยว่าจะ…” จะ??? จะอะไรครับแม่ จะเป็นผู้ชายหรือเปล่า อยากเก็บกระเป๋ากลับบ้าน นกกลัวแล้ว

ผมกลืนน้ำลายลงคอ ส่งยิ้มให้แม่ไอ้ปาด้วยใบหน้าเจื่อนๆ

“จะน่ารักขนาดนี้! โอ๊ยตายแล้วทำไมถึงน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้คะลูก ไหน ขอแม่ดูหน้าหนูหน่อยสิคะ” อึ้งแดกเป็นที่เรียบร้อย สติไอ้นกบินออกไปนอกจักรวาลแล้วครับและไม่น่าจะมีแพลนกลับมาในเร็ววัน สมองผมวนเวียนทบทวนคำพูดของแม่ไอ้ปาอีกครั้ง น่ารักเหรอ น่าเอ็นดู เดี๋ยวนะ! นั่นใช่ผมแน่ๆ ใช่ไหม

แต่ความสงสัยก็ได้รับคำตอบเมื่อใบหน้าเอ๋อๆ ของผมถูกแม่ของไอ้ปาจับพลิกซ้ายพลิกขวา แกแขน จับลำตัว บีบนมด้วยเรอะแม่! อยากจะพูดอะไรก็พูดไม่ออก ได้แต่พะงาบๆ มองคุณแม่คนสวยของไอ้ปาขยับตัวของผมเองไปเรื่อยๆ

“โอ๊ย! ใจแม่เต้นแรงมากเลยค่ะหนูนก หนูน่ารักจังเลยค่ะลูก แก้มก็นิ่ม ปากก็แดง ตัวก็เล็ก เอวก็บาง กรี๊ด! นี่มันเคะในตำนาน!”

“เคะ??” เดี๋ยวๆ แม่! เคะคืออะไร!!!

ผมไม่ได้แค่อึ้งแดก ตอนนี้ยังมีงองูวนอยู่รอบหัวด้วย เอวบาง พอนึกๆ แล้วก็บางนั่นล่ะ ก็ผมจนนี่ยิ่งอกหักยิ่งกินอะไรไม่ค่อยจะได้ แก้มนิ่ม อืม…อันนี้ผมก็อธิบายยากนะ แต่คงนิ่มมั้ง แม่ผมก็ชอบหยิกเหมือนกันส่วนปากนี่ เอ่อ ผมว่ามันก็ไม่แดงนะ มันแดงจริงๆ เหรอ? ทำไมผมถึงคิดว่ามันสีปกติ สีดูเป็นธรรมชาติ หรือผมไม่ปกติ? เริ่มสับสนตอนแม่ไอ้ปาทักนี่ล่ะ อยู่มาตั้งหลายปี ไม่เคยมีความคิดในหัวหรอกว่าปากตัวเองมันแดงหรือเปล่า

“ใช่ค่ะหนูนก เคะ! เคะคือผู้ชายที่ เอ๊ะ อะไรคะลูก” เอ้า ที่อะไรล่ะครับแม่!!

“ไว้ค่อยคุยเถอะครับแม่ ไอ้นกน่าจะหิวแล้วล่ะ” ผมเหรอ ผมหิวที่ไหน ตอนนี้อยากรู้มากกว่าว่าเคะในตำนานคืออะไร ศัพท์ใหม่เหรอ? ผมกะพริบตาแล้วส่ายหน้า

“ไม่ๆ กูยังไม่หิวเลย” ผมไม่ได้หิวจริงๆ นะ

“เห็นไหมล่ะคะลูก หนูนกยังไม่หิวซะหน่อย มาค่ะแม่จะอธิบายต่อ คือว่าเคะเนี่ยมันจะ…” ผมก็รอฟังอย่างใจจดใจจ่อ แต่ก็ถูกดันหลังให้เดินไปอีกทางแทน เดี๋ยว กูยังไม่รู้เลยว่าเคะคืออะไร!!

“แต่กูหิวแล้ว”

หิวแต่ไม่ไปแดกเองคืออะไร ผมทั้งมึนทั้งงง ได้แต่ปล่อยให้มันดันหลังตัวเองเดินไปแบบนั้น ส่วนแม่ของมันยืนนิ่งค้างเมื่อคู่สนทนาอย่างผมถูกมันพามาอีกทางหนึ่ง

ขอโทษนะครับแม่ นกไม่ได้ไร้มารยาทใดๆ เลย ลูกแม่ล้วนๆ ครับ ด่ามันเลย!!

“นมชื่นสวัสดีครับ” นมชื่อ? ชื่อคุ้นจัง เคยได้ยินที่ไหนนะ อืม…

“คุณปา! กลับมาแล้วเหรอคะ นมคิดถึงจังเลยค่ะ ฮืออ” เอิ่ม…แล้วคุณนมชื่นร่างอวบก็ถูกไอ้ปารวบเข้าไปกอดปลอบโยน แกเล่นร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลจนน่าสงสารแบบนั้นนี่ครับ สงสัยจะคิดถึงไอ้ปามาก นี่มันไม่ได้กลับบ้านมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย! อาการคนในล้านเหมือนมันหายตัวไปนานมากๆ จนถึงขนาดถอดใจจะตามหา กลับมาเลยคิดถึงมากมาย เริ่มงงกับสถานการณ์ในล้านมันเสียแล้วสิ

“โธ่ กลับมาแล้วสิครับ ผมก็บอกลุงโชคแล้วนี่ครับว่าจะมา” มือมันลูบหลังของคนในอ้อมแขนเบาๆ ด้วยรอยยิ้มอบอุ่นจนผมยังเผลอยิ้มตาม

“โอ๊ย ก็นมคิดถึงนี่ คุณปาเล่นหายหน้าไปเป็นปีไม่ยอมกลับมาที่บ้าน นมก็ทั้งเป็นห่วงทั้งคิดถึง”

ตายห่า เป็นปีเลยเรอะ! นี่มันหนีออกจากบ้านประชดชีวิตหรือยังไงล่ะเนี่ย

“แล้วดูสิ! ได้กินอะไรที่มีประโยชน์บ้างไหมคะ ทำไมถึงผอมแบบนี้ ไม่ได้! :นมจะต้องไปทำอาหารเพิ่ม! แม่นวล! แม่นวล!”

“หึๆ ไม่ต้องหรอกครับนม วันนี้ผมพาคนพิเศษมาแนะนำให้นมรู้จักด้วยนะ” ไอ้ปาคว้าแขนนมชื่นเอาไว้ แล้วส่ายหน้าปฏิเสธ นมชื่อที่ได้ยินคำพูดของไอ้ปาก็แสดงออกถึงความตกใจไม่น้อยแต่นอกจากความตกใจยังมีความแปลกใจมาอีกด้วย แต่ทำไมต้องแกใจล่ะ

“นมครับนี่คือนก แฟนผมเอง ไอ้นกนี่นมชื่น คนที่คอยดูแลกูมาตั้งแต่เด็ก” ผมยิ้มแล้วยกมือขึ้นมาไหว้อย่างนอบน้อมตามแบบฉบับของผู้ชายมารยาทงดงามแห่งปี เอาล่ะหลับมาที่เดิมก่อนจะไหลไปไกล

“สวัสดีครับนมชื่น ผมชื่อนกครับ” นกที่แปลว่านกเสมอ นกจริงๆ นะครับไม่ใช่นกบินได้ นกที่ไม่เคยได้อะไรเลย นกนั่นล่ะครับคือผมเอง นมชื่นยกมือขึ้นมารับไหว้ผมทั้งที่ยังงงๆ อยู่ แต่เพียงแค่ครู่เดียวดวงตาที่ฉายแววไม่เข้าใจก็พลันสว่างวาบ จับจ้องผมด้วยดวงตาระยิบระยับ

“สวัสดีค่ะ…หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ เลย ตาคุณนกสวยมากเลยนะคะ” เอ่อ ตาอีกแล้วเหรอ นี่ผมจะน่าชมทุกอย่างไม่ได้นะ

“ขอบคุณครับ แต่นมชื่นสิครับสวยทั้งตัวเลย ดูแล้วเหมือนเพิ่งจะสามสิบเอง” ผมยิ้มประจบประแจง เรื่องการเข้าหาผู้ใหญ่ผมถนัด

“โอ๊ยยตายแล้ว! ปากหวานจริงๆ เลยนะคะ ไหนคะคุณนกชอบทานอะไรเดี๋ยวนมจะทำให้ทานเป็นพิเศษ” นมยิ้มหวานให้ผม มองผมด้วยความเอ็นดูเหมือนลูกเหมือนหลาน

“ผมทานได้ทุกอย่างครับ ขอแค่อร่อยรับรองเลยครับว่าจะกินไม่ให้เหลือ” ผมตบพุงกลมๆ เอ่อ แบนๆ ของตัวเองให้นมดูเพื่อเป็นการยืนยันจนนมชื่อหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ

“โอเคค่ะ ถ้างั้นนมจะเข้าไปทำอาหาร คุณนกรอทานด้วยนะคะ อย่าให้เหลือเลยนะคะ” นมชื่นแกชี้หน้าผมเพื่อเน้นย้ำ แต่ท่าทางก็ยังดูเป็นการเย้าเล่นเสียมากกว่าจะขู่จริงจัง ผมจึงยกนิ้วขึ้นสามนิ้วแล้วยืนยันอีกครั้ง

“ผมสัญญาครับ!!”

นมโอ๊ยหัวเราะอย่างชอบใจแล้วเดินจากไป ผมเหลือบเห็นไอ้ปามันกลั้นขำ แต่ก็ยังคงได้ยินเสียงอยู่ดี ผมจึงตวัดสายตาไปใส่มัน ให้มันรู้ว่าผมเห็นนะไม่ว่าจะทำอะไร มันจึงกระแอมไอเบาๆ แล้วทำทีท่าไม่รู้ไม่ชี้ใดๆ

เดี๋ยวเถอะ! เดี๋ยวกูจะลงโทษให้ลุกไม่ขึ้นเชียว!

“คุณปาครับ กระเป๋าของคุณปากับคุณนกให้ทำยังไงครับ?” เดี๋ยว! กระเป๋าอะไร?? จำได้ว่าก่อนมาผมไม่ได้ขนอะไรมานี่นา มาตัวเปล่าๆ ขนาดกระเป๋าตังค์ยังมีแค่สองร้อยเลย แล้วกระเป๋าผมมาจากไหน แต่พอจะเอ่ยปากขึ้นถามไอ้ปาก็ชิงตอบเสียก่อน

“พี่หนุ่มเอาไปไว้ที่ห้องผมนั่นล่ะครับทั้งสองใบเลย”

“ได้ครับคุณปา”

พี่หนุ่มคือผู้ชายที่ยืนอยู่ตอนต้อนรับพวกเราหน้าบ้าน แต่แกก็เรียกว่าเกรงอกเกรงใจไอ้ปามากอยู่ จัดเรียงลำดับไว้ด้วยท่าทางของคนที่อยู่ต้อยต่ำกว่าอย่างชัดเจน ทั้งที่ผมก็เห็นว่าแม่ของไอ้ปาก็ออกจะใจดี แต่…

กระเป๋าอะไร??

“ไอ้ปา”

“หืม?” ยังจะมาหืมอีก

“กระเป๋าของกูนี่หมายความว่าไง ไม่ใช่ว่าเรามากันตัวเปล่าเหรอวะ?” ไอ้ปาหัวเราะเบาๆ ในลำคอ

“ก็ใช่ เรามาตัวเปล่าเพราะมึงไม่ยอมเก็บของ”

อา…ใช่ครับผมไม่ยอมเก็บของเอง เพราะมันบอกว่าจะย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ แล้วผมก็เป็นแค่แฟนมัน เป็นคนที่ยังไม่ถูกยอมรับด้วยซ้ำจะหน้าหนาหน้าด้านเข้ามาอยู่ในบ้านไอ้ปาได้ยังไงกัน มันไม่ได้อยู่แล้ว เพราะงั้นผมถึงได้ปฏิเสธมันและบอกให้พวกเรามาแต่ตัว

เพราะงั้นผมถึงได้งงว่ากระเป๋าของพวกเรามันมาได้ยังไง!

“แล้วกระเป๋ามันจะมาได้ยังไง?”

“ก็เพราะมึงไม่เก็บ กูไม่เก็บ ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เก็บนี่” ไอ้ปายิ้มเจ้าเล่ห์จนผมขนลุกไปทั้งตัว นี่มันคงไม่ได้…

“นี่อย่าบอกกูนะว่ามึง…” มันยิ้ม! มันยิ้มมมมม!

“ถูกต้องแล้วครับที่รัก กูสั่งให้คนไปเก็บกระเป๋าของพวกเราแล้วตามมาที่นี่ คราวนี้…มึงก็ต้องอยู่ที่นี่แล้วล่ะ หึๆ”

ไอ้เวร! นี่มันมัดมือชกกันชัดๆ ทำแบบนี้ได้ยังไงกันเล่า!!

ผมหายใจเข้าออกอย่างรุนแรง รู้สึกอยากจะเป็นลมตายเหลือเกิน มันทำอะไรเอาแต่ใจตัวเองเสมอ การเอากระเป๋าผมไปเก็บแบบนี้คือผมไปไหนไม่ได้แล้วสินะ เพราะถ้าผมถือกระเป๋าออกจากบ้านต้องมีคนถามแน่ๆ ว่าจะไปไหน แล้วไอ้ปาน่ะหรือครับที่มันจะยอมให้ผมเอากระเป๋าออกมาจากห้อง จากนิสัยมันคงไม่มีทาง มีหวังมันล็อกห้องขังผมเอาไว้แน่ ปวดหัวกับมันจริงๆ จะเอาแต่ใจไปถึงไหนกันล่ะเนี่ย!

“ไอ้ปา มึงก็รู้กูอยู่ที่นี่ไม่ได้” ช่วยเข้าใจอะไรง่ายๆ ทีเถอะกูไหว้ล่ะ แต่ไอ้ปาก็คือไอ้ปา เป็นคุณชายเต็มรูปแบบมาก เพราะมัน…ไม่ฟังเลยครับ มันเดินขึ้นห้องไปทันที

ผมจะทำไงได้ล่ะ เดินตามสิ บ้านผมเสียเมื่อไหร่ บ้านมันนั่นล่ะ! มีหน้ามาทิ้งกูอีก!

“ไอ้ปา ไม่เอาดิวะ คุยกันก่อน” ผมดึงมันไว้ไม่ยอมให้มันเดินเข้าห้อง ไม่อยากเข้าไปในที่ที่เคลียร์กันลำบาก ไอ้ปายอมหยุดแล้วหันมาหาผม สีหน้ามันดู…โกรธมาก โกรธทำไมล่ะเนี่ย!

“มึงเป็นอะไรปา คุยกันดีๆ ดิ”

“มึงบอกว่าอยู่บ้านกูไม่ได้” ผมพยักหน้า ก็ผมพูดจริงๆ

“ใช่”

“ทำไม”

“เฮ้อ…ก็นี่ไม่ใช่บ้านกู การเข้ามาอยู่มันเป็นเรื่องไม่สมควร มึงคิดว่าพ่อกับแม่และคนอื่นๆ จะมองกูยังไงวะปา”

ไอ้ปาเงียบและนิ่งมาก มันไม่มองหน้าผม ผมเลยไม่รู้ว่ามันทำสีหน้าแบบไหน แต่ผมเองก็ไม่อยากให้มันโกรธเพียงเพราะเรื่องแค่นี้ ความจริงการที่ผมไปอยู่กับมันที่คอนโดเองก็เป็นเรื่องที่ไม่ควร แต่เพราะเราเป็นผู้ชายทั้งคู่มันเลยดูไม่น่าเกลียดนัก ตัวไอ้ปาก็ไม่ได้ถูกมองว่าแย่อะไร แต่เพราะที่นี่คือบ้านของมัน บ้านที่มีผู้ใหญ่อยู่ไม่ใช่แค่เราสองคน มันจึงดูเป็นเรื่องที่ผมไม่ควรจะทำเลย ไม่ควรอย่างยิ่ง

“โอ๊ยเข้าใจใช่ไหมปา”

“เพราะเหตุผลแค่นั้นใช่ไหมที่อยู่ไม่ได้” สำหรับมันอาจจะเหตุผลแค่นั้น แต่สำหรับผมแล้วมันคือเหตุผลสำคัญ

“ใช่ เพราะเหตุผลนี้ล่ะ” ไอ้ปานิ่งไปก่อนจะหันมาหาผมด้วยสีหน้าและแววตาที่ไม่มีความขุ่นเคืองอีกต่อไป ผมจึงได้โล่งอกที่มันเข้าใจผมเสียที

“โอเค กูเข้าใจแล้ว ไปกินข้าวกัน”

” ดะ เดี๋ยว”

ไม่เดี๋ยวแล้วล่ะ มันลากผมลงมาชั้นล่างแล้วตรงไปยังห้องทานอาหาร เลื่อนเก้าอี้ออกแล้วจัดให้ผมนั่งอยู่ข้างๆ มัน จานข้าวถูกวางไว้มากกว่า4ที่ นับๆ ดูแล้วก็อยู่ที่6ที่พอดิบพอดี แล้วนี่ที่บ้านมันมีใครบ้าง ผมยังไม่รู้เลยนี่นา เจอแต่แม่ของมัน คนอื่นผมยังไม่รู้จัก

“ไอ้ปา ที่บ้านมึงมีใครอยู่บ้างวะ” ผมกระซิบให้ไอ้ปาได้ยินคนเดียว เพราะคงไม่ดีนักถ้าแม่มันได้ยินคำถามแบบนี้ไปด้วย

“มีพ่อแม่กูกับพี่ชายและพี่สะใภ้อีกคน” อ้อ 4บวกผมกับไอ้ปาไปก็เลยเป็น6 เข้าใจล่ะ แบบนี้นี่เอง







50%



ขอโทษค่าาา แมวมาช้าใช่ไหม แง พอดีช่วงนี้แมวมึนและเบลอมาก เลยอัพช้าไปหน่อย น้องนกเข้าบ้านผัวแล้วนะคะคุณ~ 

ปากินนก

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[19]

“โอ้…วันนี้ฝนตกแน่ๆ เลยครับคุณแม่ เจ้าปามันกลับมาทานข้าวที่บ้านด้วย” ผมหันไปมองตามเสียงก็พบกับผู้ชายที่รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาคมคายละม้ายคล้ายไอ้ปาไปกว่า7ส่วน คนนี้สินะพี่ชายไอ้ปา ขาวกว่ามันอีกนะเนี่ย ฮ่าๆ

“คุณ! อย่าแซ็วน้องสิคะ ยินดีต้อนรับกลับบ้านจ้าน้องปา” ว้าวๆ พี่สะใภ้ไอ้ปาสวยมาก สวยเหมือนดาราเลยนะเนี่ย บ้านนี้คงไม่ได้คัดคนจากหน้าตาใช่ไหม รู้สึกเป็นจุดด้อยยังไงไม่รู้

“ครับพี่วรรณ” ไอ้ปายิ้มให้พี่สะใภ้ของมัน ส่วนพี่วรรณหรือพี่สะใภ้ของมันก็มองมาที่ผมแล้วทำหน้าตาตกอกตกใจ คนนะครับพี่ ไม่ใช่ผีจะตกใจทำไม

“ต๊าย! ใครคะน้องปา ทำไมถึง นะ น่ารักจังเลย!” เดี๋ยวๆ ทำไมชอบมีคนชมผมว่าน่ารักวะ หลายคนแล้วนะ ดูท่าทางนั่นสิ แทบจะพุ่งถลาตัวเข้ามากอดรัดฟัดเหวี่ยงผมอยู่แล้ว นี่คนนะครับไม่ใช่ตุ๊กตา ใจเย็นๆ ก็ได้จ้าา

“แฟนผมเองพี่วรรณ น่ารักใช่ไหมล่ะ” พี่วรรณพยักหน้ารัวๆ แล้วดันสามีให้นั่งก่อนตัวเองนั่งอยู่ตรงข้ามผม จนพี่ชายไอ้ปาได้แต่น้อยเนื้อต่ำใจ

“วรรณ! ไม่สนใจผมเลยนะ!” อาการน้อยใจคนเราเป็นเช่นนี้เอง แต่พี่วรรณไม่ได้สนใจเลยครับ ยังคงจ้องผมตาเป็นประกายเหมือนเดิม

“คุณเก่าแล้วค่ะคุณปี วรรณสนใจน้องคนนี้ดีกว่า ชื่ออะไรคะหืม?” น้ำเสียงที่เอ่ยถามประหนึ่งว่ากำลังสนทนากับเด็กอนุบาล กูเริ่มเครียดแล้วนะไอ้ปา!

“เอ่อ ชื่อนกครับพี่วรรณ”

“โอ๊ย!” ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ พี่วรรณก็มีรีแอคชั่นพิเศษด้วยการใช้มือกุมหัวใจตัวเองเอาไว้แน่นิสีหน้าบ่งบอกถึงความสุขจนแทบจะบินได้

“กะ เกิด เกิดอะไรขึ้นครับ พี่ พี่วรรณเอ่อ โอเคไหม” ผมตกใจจนฉี่แทบเล็ด เดี๋ยวเกิดคดีขึ้นมา กูนะครับที่จะซวย!

“โอ๊ย ไม่ ไม่เลยค่ะ น้องนกน่ารักเกินไป ใจพี่วรรณเลยเต้นแรงไปหน่อย” โอ้โห ทำท่าเหมือนหัวใจจะวาย ผมนี่แทบจะช็อกตายแทนแล้วครับพี่วรรณ!!

“ใช่ไหมลูกวรรณ น้องน่ารักใช่ไหมคะ แม่เห็นแม่ยังหลงน้องเลยค่ะ”

“โอ๊ย คุณแม่ขา แบบนี้ละค่ะที่หายากมาก ปกติเจอแต่คนที่เหมือนคุณปีหรือน้องปา อย่างน้องนกเนี่ย วรรณหาแทบไม่ได้เลย เห็นแล้วอยากกอดอยากฟัดเหลือเกินค่ะ งื้อออ” หดตัวลงไปอยู่รูมดได้นี่ทำแล้วนะ ทำไมผู้หญิงน่ากลัว ผมกลัวไปหมดแล้วเนี่ย!

“ไม่ได้นะพี่วรรณ นี่แฟนผม ผมฟัดได้คนเดียว” ผมส่ายหน้าอย่างแรง มึงเข้าใจผิดแล้วปา มึงก็ฟัดกูไม่ได้โว้ย!!!

“ส่ายหัวอะไร หนีกูได้เหรอมึงน่ะ” ผมนั่งกัดปากมองค้อนไอ้ปาวงใหญ่เมื่อมันทำหน้าตาล้อเลียนผมที่หนีไปไหนไม่ได้จริงๆ จะหนีไปไหนล่ะ กระเป๋าก็อยู่กับมัน

หนอย! อย่าให้กูมีโอกาสก็แล้วกัน กูจะไม่ขนไปแค่กระเป๋า แต่จะยกเค้าบ้านมึงเลยด้วย!

“จริงสิครับแม่”

“ว่าไงคะลูก?” ไอ้ปาหันมามองผมเล็กน้อยพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์แปลกๆ มันจะทำอะไรอีกล่ะเนี่ย ยิ้มทีไรงานเข้ากูทุกที

“ผมคิดว่าจะย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านเสียหน่อย แต่ไอ้นกมันไม่ยอมย้ายมากับผม มันบอกว่าคนในบ้านจะมองมันไม่ดี คุณแม่คิดว่ายังไงครับ” ฉิบหาย! มึงพูดอะไร๊!!!!!

“จริงเหรอคะลูก! ดีจังเลย หนูนกคะย้ายมาเลยค่ะลูกไม่มีใครมองไม่ดีแน่นอน ถ้ามีแม่จะจัดการเอง ว่าไงคะลูกปี จะมองน้องไม่ดีไหม หืม?” พี่ชายไอ้ปาสะดุ้ง เกาแก้มตัวเองอย่างงงๆ ว่าเข้ามาอยู่ในบทสนทนาครั้งนี้ได้ยังไง

“มะ ไม่ ไม่เลยครับคุณแม่ ดี๊ดีเลยครับ” พี่มันโคตรเต็มใจตอบ ผมดูออกมากเลยครับว่าพี่มันไม่ได้โดนบังคับ อยากลอกตาไปมาสักแปดล้านรอบ แล้วสายตาของแม่ไอ้ปาก็หันมาทางผมด้วยรอยยิ้มที่แสนจะเรียกว่า กดดันกูสุดๆ

“แล้วหนูนกคิดว่าไงคะลูก จะย้ายมาไหมเอ่ย” อย่ามีคำว่าเอ่ยเลยครับถ้าจะใช้การกดดันกันขนาดนี้ ผมนึกอยากจะหันไปกัดไอ้คนข้างๆ ให้จมเขี้ยว กัดให้เนื้อแหว่งไปเลยยิ่งดี ดูหาเรื่องให้ผมสิ! คิดแล้วเชียวว่าอย่างมันไม่น่าจะยอมแพ้ง่ายๆ

มึงวางแผนมาตั้งแต่แรกใช่ไหมไอ้ปา!!!

“เอ่อ คะ ครับ ย้าย (ก็ได้) ครับ”

ผมเห็นท่านยิ้มหวานเลยครับ พอได้คำตอบที่ถูกใจปุ๊บทุกอย่างก็ดำเนินสู่สภาวะปกติ คุยสัพเพเหระเพื่อรอคนบนโต๊ะอาหารให้พร้อม ขาดก็แต่คนหัวโต๊ะ ต้องเป็นพ่อไอ้ปาแน่ๆ เลย

“อ๊ะ คุณคะ มาดูว่าที่ลูกสะใภ้ของเราสิคะ น่ารักมากเลยค่ะ” วะ ว่าที่ลูกสะใภ้ ใครวะ??

“หืม? ไหนล่ะคุณ”

“นั่นไงคะคุณ ช้างๆ ลูกชายคนเล็กของคุณนั่นละค่ะ น่ารักไหมคะ น่ารักใช่ไหมคะ” ใจเย็นๆ นะครับแม่ ให้คุณพ่อหายใจสักนิด กดดันผมไม่พอยังกดดันพ่อไอ้ปาอีก ผมจะรอดไหมเนี่ย

“จ้ะๆ น่ารักมากเลย น่ารักอย่างที่คุณว่าจริงๆ” แต่หน้าตาพ่อไม่เต็มใจสักนิด สงสารตัวเอง ฮือๆ

“ใช่ไหมละคะ ฉันบอกคุณแล้ว นี่ปาก็จะย้ายกลับมา ติดที่ลูกสะใภ้เราเขาเกรงใจ กลัวทุกคนมองเขาไม่ดีนี่ล่ะค่ะ แล้วว่าไงคะ คุณคิดว่าลูกควรย้ายกลับมาไหม หื้ม?” พ่อไอ้ปาปาดเหงื่อเลยครับ สายตาของแม่ที่จับจ้องไปเรียกได้ว่าต้องได้คำตอบที่ถูกใจเท่านั้น

น่ากลัว แม่มึงน่ากลัวมากปา

“แน่นอนสิคุณ! ย้ายมาเลยลูก ทั้งคู่เลยนะ ไม่ต้องคิดมากมายอะไร ใครมองไม่ดี เดี๋ยวแม่เขาก็กัดหัว เอ๊ย เดี๋ยวแม่เขาก็จัดการให้เอง” สภาพแม่เริ่มไม่เหมือนคนแล้วนะครับ แต่แม่บอกไอ้ปาไม่ได้สนใจเลยครับ พอได้ยินสิ่งที่ต้องการจบ ก็หันกลับมาหาทุกคนแทน

“ดีค่ะ ถ้าแบบนั้นเราทานข้าวกันดีกว่า วันนี้นมชื่นทำกับข้าวหลายอย่างมาก สงสัยจะทำมาเอาใจลูกสะใภ้คนใหม่ของแม่ คิกๆ”

“ไอ้ปา…”

“ว่าไงครับที่รัก” จะอ้วก! แต่เขิน ช่างมันก่อนเถอะ!

“กูเลือกกลับบ้านตอนนี้ทันไหมวะ” รู้สึกเหมือนว่าจะไม่ทัน ไอ้ปาหัวเราะเสียงต่ำมันชวนให้หลอนๆ ยังไงไม่รู้ มือของมันลูบขาผมเล่น

“ไม่ทันแล้วครับ และไม่มีโอกาสอีกแล้ว เพราะจากนี้ไป…เราจะอยู่ด้วยกัน”

แม่ครับ บ้านนี้ไม่มีใครปกติเลย น่ากลัวจัง นกกลัวมากเลย พ่อครับแม่ครับ มารับนกกลับบ้านที!!



“อา อิ่มแปล้เลย” ผมทิเงตัวลงบนเตียงของไอ้ปาเมื่อมาถึงห้องนอน เตียงโคตรนุ่ม ผ้าโคตรนิ่ม ยิ่งอิ่มๆ นะครับอย่าให้บอกว่าโคตรน่านอนขนาดไหน

ผมลูบท้องตัวเองไปมา อย่างที่รับปากนมชื่นเอาไว้ ผมซัดทุกอย่างไม่ให้เหลือจนทุกคนหัวเราะชอบใจ พ่อกับพี่ชายของไอ้ปาที่ในตอนแรกดูจะถูกแม่บังคับให้ยอมรับผมมากกว่า ตอนนี้เห็นได้ชัดเจนเลยครับว่าทุกคนไม่ได้รังเกียจผม พวกเขายิ้มถามไถ่และดูแลผมดีมาก ยิ่งพี่สะใภ้กับคุณแม่ของไอ้ปานะครับ ยิ่งรักผมยิ่งกว่าลูกตัวเอง ผมรู้สึกดีนะ ตอนแรกคิดว่าจะมาเจอการถูกฟาดด้วยเงินก้อนใหญ่เหมือนในละครเสียอีก

จะว่าไปเหมือนผมลืมถามอะไรสักอย่างกับแม่ไอ้ปา แต่ก็นึกไม่ออก

“หึๆ อร่อยใช่ไหม ฝีมือของป้านวลกับนมชื่นน่ะ อร่อยมากจนกูเองยังคิดถึง” ไอ้ปานั่งลงข้างๆ ผม เอี้ยวตัวหันมามองแล้วยิ้มขำกับท่าทางแสนขี้เกียจของผมเอง

ก็แหม…ขอนิดหนึ่งสิ ผมเพิ่งจะกินอิ่มๆ นะ

“จะว่าไปก็ไม่อยากจะเชื่อเลยนะ”

“เรื่องอะไรล่ะ”

“เรื่องของเรา” ผมหันหน้าไปหามัน เราสองคนสบตาของกันและกัน เรื่องของเราจริงๆ ครับ พอนึกย้อนไปแล้วทุกอย่างมันช่างดูน่าขำไปหมด

“นั่นสิ…หึหึ”

“มึงชอบกูตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอปา” ผมดันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่ง หันหน้าเข้าหามันอย่างรอคอยในคำตอบ

“เมื่อไหร่…คงตั้งแต่แรกเลยมั้ง” ทำไมเหมือนไม่แน่ใจ ผมขมวดคิ้วกับคำว่ามั้งของมันที่แสดงออกถึงความไม่มั่นใจของมันเอง

“ทำไมต้องมีมั้ง มึงจำไม่ได้เหรอ?” ไอ้ปามันขำ หัวเราะเสียยกใหญ่

“ไม่ใช่หรอก กูแค่ชินปาก แน่นอนว่ากูจำได้ดี วันที่กูชอบมึง วันที่เจอมึงวันแรก ทุกอย่างที่มีมึงอยู่ในนั้น…กูไม่เคยลืม” ผมรู้สึกเขินหน่อยๆ แต่ก็ยังคงชวนมันคุยไปเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนเราสองคนคุยกันน้อยมาก เหมือนทุกอย่างมันลงตัวไปหมดแล้วในตอนนี้ การพูดคุยจึงเต็มไปด้วยใจจริงของทั้งผมและมัน

“มึงรักกูจริงๆ ใช่ไหมวะปา”

ไอ้ปายิ้ม แววตาถ่ายทอดความรักออกมาจนสามารถมองเห็นได้ มันค่อยๆ โน้มตัวลงมาช้าๆ จนใบหน้าของเราห่างกันเพียงแค่คืบ ผมรับรู้ถึงความร้อนจากมัน มันเองก็รับรู้ความร้อนจากร่างกายของผม เราแลกเปลี่ยนลมหายใจของกันและกันอย่างไม่รู้ตัว

“รักสิ”

มันยิ้ม ยิ้มทั้งใบหน้าและหัวใจ น้ำเสียงอ่อนนุ่มที่ทุ้มหูฟังแล้วชวนให้ใจเต้นแรง

“ไม่เคยมีสักวันที่กูจะรักมึงน้อยลง และไม่เคยมีสักวันที่กูอยากจะเลิกรักมึง” ไอ้ปาไล่ปลายนิ้วไปมาบนผิวแก้ม ในขณะที่เรายังคงไม่อาจละสายตาจากกันและกันไปได้

ความจริงที่สะท้อนในดวงตา มันทำให้ผมรู้ว่าไอ้ปาไม่ได้โกหก คำว่ารักที่ถูกบอกออกมานั้นออกมาจากใจจริงๆ

“มึงคือเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตกู เป็นส่วนหนึ่งที่กูไม่อาจจะทำหายไปได้”

ตึกตัก ตึกตัก

“เพราะงั้น…อย่าหนีกูไปไหนอีกเลยนะ ช่วยอยู่ให้กูได้รักมึงตลอดไปที” ผมกลั้นยิ้มอีกไม่ไหว น้ำตาก็พายแต่จะไหลลงมา

ช่างมันสิ จะอ่อนแอ จะเข้มแข็ง จะเป็นสิ่งไหน ถ้าคนที่ได้เห็นคือคนที่อยู่ตรงหน้า ผมยอมแสดงมันออกมาทั้งนั้น

“มึงจะไม่ทิ้งกูใช่ไหมปา” ไอ้ปายังคงยิ้ม ปลายนิ้วเลื่อนมาไล่วนอยู่ที่ริมฝีปาก

“ไม่มีวัน กูสัญญา”

“กูรักมึงนะปา” ผมบอกเสียงสั่น ทุกอย่างมันสั่นไปหมด แม้แต่หัวใจของผมเอง

“กูก็รักมึงนก รักมึงมาก”

ไอ้ปาก้มลงมาจูบผมอย่างแผ่วเบาแล้วผละออก เราสองคนมองตากันอยู่ครู่หนึ่ง ความร้อนแรงก็ถูกส่งมาที่ริมฝีปากของผมอีกครั้ง รสชาติหวานละมุนค่อยๆ แทรกซึมไปทั่วทั้งริมฝีปากจนผมต้องเผยอมันออกเพื่อลิ้มรสให้มากขึ้น ไอ้ปาเปลี่ยนจากการดูดดึงริมฝีปากเป็นสอดแทรกปลายลิ้นเข้ามา หยอกเย้าเกี่ยวกระหวัดกับปลายลิ้นของผมจนตัวผมเองสั่นสะท้านและมึนงง

มันเก่ง เก่งมากเหลือเกิน

ความเชี่ยวชาญของมันนำให้ผมก้าวเข้าสู่ความรสชาติที่ไม่เคยลิ้มลองมาก่อน ค่อยๆ ละเมียดละไมอย่างเชื่องช้า ให้ผมได้เรียนรู้ไปกับความรู้สึก มันสอนผมด้วยการชักนำ หลอกล่อให้ผมโหยหาและตอบสนองมันช้าๆ ไม่เร่งรีบใดๆ ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังดูดดึงปลายลิ้นของมันตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมกำลังล่องลอยไปกับความหวานที่ได้ลิ้มรส

“อืม” ฝ่ามือของไอ้ปาประคองใบหน้าของผมให้ปรับเปลี่ยนองศาเพื่อตอบรับจูบที่เริ่มรุนแรงขึ้น เมื่อมันรู้แล้วว่าผมเริ่มชินกับสิ่งที่มันสอน มันก็เริ่มเรียกร้อง เริ่มเปลี่ยนความเชื่องช้าเป็นความร้อนแรงจนแผดเผาผมให้ร้อนรุ่ม

สองมือของผมกอดเกี่ยวลำคอของมันเอาไว้แน่น ไอ้ปายกตัวผมขึ้นมาเล็กน้อยแล้วดึงเสื้อของผมออกจากศีรษะอย่างรวดเร็วพร้อมกับกางเองที่ถูกปลดตามออกไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ร่างกายผมเกือบเปลือยเปล่าแต่ผมกลับไม่สามารถขยับหรือห้ามปรามใดๆ ได้ ริมฝีปากยังคงถูกปลายลิ้นของมันหยอกเย้าอย่างเอาแต่ใจ เรี่ยวแรงเองก็หดหายไปเพราะจุมพิตร้อนแรงที่ถูกมอบให้ ในสมองขาวโพลน คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ตัวเลยว่าปราการชื้นสุดท้ายได้หลุดลอยออกจากร่างกายไปในตอนไหน

แม้ว่าภายในห้องจะเย็นฉ่ำไปด้วยอุณหภูมิจากเครื่องปรับอากาศ แต่ร่างกายของผมกลับร้อนระอุเกินกว่าที่ความเย็นในห้องจะดับได้ ยิ่งได้ดูดดึงปลายลิ้น ได้เกี่ยวกระหวัดกินรสหวานมากเท่าไหร่ สติของผมก็เหมือนถูกดับลงไปตาม

“อะ อื้อ” ผมแอ่นอกขึ้นเมื่อไอ้ปาใช้ปลายนิ้วสะกิดยอดอกสีหวานของผมเล่น ความเสียวซ่านแล่นไปทั่วทั้งร่างจนอ่อนปวกเปียก มีเพียงความแข็งแกร่งเบื้องล่างเท่านั้นที่แข็งขืน ชูชันขึ้นมาตามแรงอารมณ์

ไอ้ปาไล่จูบลงมายังลำคอ ซุกไซร้มันอย่างหลงใหลพร้อมกับความเจ็บเล็กๆ ที่ทำให้ผมนิ่วหน้าลง แต่ก็ไม่ได้ลดทอนความเสียวซ่านที่ได้รับลงไปเลย ไอ้ปาจูบแก้มของผม ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาของมันจะลดลงไปที่แผ่นอกของผม

“ปะ อื้ออ”

ยอดเล็กๆ ถูกปลายลิ้นของมันตวัดเลียเล่นอย่างถูกใจ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นดูดดึงให้เกิดเสียงน่าอายขึ้นมา ผมใบตอนนี้ไม่รู้เลยว่าสภาพตัวเองเป็นอย่างไร เพียงแค่ถูกปลายลิ้นแตะลงบนยอดอก สติและความนึกคิดก็พลันสลายหายไปแทบจะทันที ได้แต่สอดมือเข้าไปในกลุ่มผมสีดำของมัน กอบกำเอาไว้เพื่อระบายอารมณ์เสียวซ่านเจียนขาดใจลงไปบ้าง

ไอ้ปาเล่นกับยอดอกของผมทั้งสองข้าง ดูดดึงราวกับทารกที่ต้องการน้ำนมก็ไม่ปานจนแผ่นอกของผมลอยขึ้นสูง ส่งความหวานเข้าสู่ริมฝีปากของมันอย่างลืมอาย มืออีกข้างยังคงทำหน้าที่ สะกิดและบีบบี้จนผมสั่นไปทั้งตัวกับรสชาติความกระสันมี่ถูกปรนเปรอ ก่อนที่มือข้างนั้นจะละออกจากยอดอกแล้วไล่ลงไปยังเบื้องล่างที่ตื่นตัวของผม

“หวาน…นกของปาหวานที่สุด”

“ฮะ อึก! อื้ม”

มือของมันขยับรูดรั้งความองอาจ ขยับมือเป็นจังหวะจนเรียกเสียงครวญครางออกมาจากริมฝีปากของผม สองมือจิกไหล่ของมันเมื่อความเสียวซ่านเล่นงานจนใบหน้าผมเหยเก หลอกล่อให้ผมกระโจนเข้าสู่กับดักอันแสนหอมหวานที่ถูกวางเอาไว้ มันทั้งน่าลิ้มลองและดูอันตราย แต่เมื่อถูกล่อหลอกด้วยความรัญจวน ผมก็ยิ่งอยากจะขยับกายแล้วกระโดดเข้าไปในกับดักนั้น

“ชอบไหม หื้ม? ชอบหรือเปล่า” ไอ้ปาถามทั้งที่ปลายลิ้นยังคงตวัดเล่นอยู่กับยอดหวานบริเวณแผ่นอก

ยิ่งเห็นผมไม่ยอมตอบกลับ กัดริมฝีปากเอาไว้แน่นไม่ยอมอ่อนข้อมันก็ยิ่งขยับรูดรั้งจังหวะรุนแรงขึ้น จากปลายลิ้นก็เปลี่ยนเป็นริมฝีปากที่ดูดดึงเม็ดทับทิมเข้าไปอย่างจงใจแกล้ง

“อ๊า อย่า ปา อื้อ” ความกระสันเล่นงานจนหัวหมุน ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ

แต่ไอ้ปาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด มันยังคงแกล้งเร่งและผ่อนจังหวะของมือที่รูดรั้งตลอดจนยังคงใช้ลิ้นโลมเลียยอดอกสีหวานอย่างรุนแรง ดูดดึงจนมันแดงก่ำและแวววาวไปด้วยน้ำลาย

“บอกมาสิ ชอบไหม มึงชอบให้กูทำแบบนี้ใช่ไหม” แม้ว่าใบหน้าจะส่ายไปมา เสียงหอบครางยังไม่อาจจะหยุด แต่ผมกลับคิดอะไรไม่ออก ทรมานเหลือเกิน อยากจะไปให้ถึงฝั่งเสียที

“ชอบ อะ ชอบ กูชอบ อ๊า ปา”

“ดี อยากปล่อยไหม หืม?” ผมพยักหน้าระรัวอย่างไม่ต้องคิด ไอ้ปาก็เร่งมือเข้าไปใหญ่จนผมขนลุกไปทั้งตัว มันวาบหวามจนไร้เรี่ยวแรง กว่าจะรู้ตัวความองอาจของผมก็ถูกมันครอบครองด้วยความร้อนผ่าว

“อื้อ!! อย่าาาา”

ผมแทบจะคลั่งกับสัมผัสที่มันปรนเปรอ แทบจะสำลักความสุขตายเสียเดี๋ยวนั้น ปลายลิ้นสากตวัดเลียยอดสีสวยที่ชูชันอย่างหยอกเย้า ก่อนจะครอบครองมันเสียทั้งหมดอย่างตะกละตะกลาม ผมตัวสั่นไปด้วยความรู้สึกเสียวซ่าน ดึงรั้งศีรษะของไอ้ปาเอาไว้ตามจังหวะที่มันดูดดึง ความองอาจที่ได้สัมผัสความร้อนจากปากของไอ้ปาก็แทบจะปลดปล่อยออกมาตามธรรมชาติ

“มะ อะ อ๊า!” ขาของผมสั่นไปหมด ดวงตาปรือมองภาพความองอาจผลุบเข้าออกด้วยความรู้สึกเกินจะบรรยาย ก่อนที่ผมจะเกร็งตัวกระตุกร่างกายปลดปล่อยออกมาจนหมดทุกหยดหยาด ไอ้ปารอจนผมปล่อยออกมาจนหมดจริงๆ จึงยอมถอนริมฝีปากออกจากความแข็งแกร่งของผม ตอนนี้มันอ่อนตัวลงไปส่วนตัวผมก็ได้แต่นอนหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

“ดะ เดี๋ยว เดี๋ยวสิ! อื้อ!”

อึดอัด ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ เมื่อถูกปลายนิ้วสอดแทรกเข้ามายังจีบรักที่ปิดสนิท ปลายนิ้วของมันค่อยๆ ถูกสอดเข้ามาลึกยิ่งขึ้น แต่ร่างกายผมก็ปิดกั้นไม่ยินยอมรับสิ่งแปลกปลอมใดๆ ให้รุกล้ำพื้นที่หวงห้าม

“ผ่อนคลายหน่อยยก กูเข้าไม่ได้”

“ไม่ได้ อื้อ อึดอัด เอาออกเถอะนะ” แต่ไอ้ปาไม่ยอม ยังคงสอดปลายนิ้วเข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่าจีบรักของผมจะรัดมันเอาไว้ไม่ยอมให้ขยับมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่สุดท้ายปลายนิ้วก็บุกรุกได้จนเต็มพื้นที่ มันกดค้างเอาไว้ไม่ยอมถอดถอนออกมา หนำซ้ำยังเริ่มขยับความองอาจที่อ่อนยวบของผมอีกครั้งเพื่อปลุกเร้า ริมฝีปากจู่โจมตามจุดอ่อนไหว ทั้งลำคอและแผ่นอกเต็มไปด้วยร่องรอยแห่งรัก

“ปา อื้อ เบาหน่อย อึก!” ผมร้องห้ามเมื่อมันเริ่มขยับสอดปลายนิ้วเข้าออกเป็นจังหวะ เน้นย้ำและควานหาบางสิ่งอยู่ภายในร่างกายของผม มันไม่เจ็บก็จริง แต่มันอึดอัดและจุกแปลกๆ

“ฮื้อ อื้อ อะไร อ๊า”

จู่ๆ ผมก็ถูกความเสียวซ่านโหมกระหน่ำเข้าใจ ปลายนิัวของมันสะกิดเข้ากับบางสิ่งที่เพียงแค่สัมผัสโดนมัน ผมก็อ่อนปวกเปียก ร่างทั้งร่างคล้ายถูกไฟช็อต ไอ้ปายิ้มทั้งที่ริมฝีปากยังคงติดอยู่กับยอดอกของผม มือมันยิ่งได้ใจขยับเข้าออกอย่างว่องไวจนผมร้องครางอย่างลืมตัว

“ฮะ อ๊ะ อ๊า” ยิ่งรุนแรงร่างผมยิ่งเกร็งไปหมดทั้งตัว สมองขาวโพลนจนไม่อาจจะคิดอะไรต่อไปได้ ผมปล่อยให้ไอ้ปาทำตามใจเพราะตัวเองไม่มีแม้แต่แรงจะพูด ริมฝีปากได้แต่เปล่งเสียงครวญครางเสียงหวานออกไปตามความรู้สึก สองขาเปิดอ้าให้มันล่วงล้ำเข้ามาอย่างไม่คิดจะเหนียมอาย แต่ไม่นานผมก็ได้สติเพราะความเจ็บที่กำลังย่างกรายเข้าม้าๆ

“หยุด! เจ็บ! อ๊ะ ไอ้ปา! กูเจ็บ!”

“ชู่! เดี๋ยวก็หายเจ็บนะ กูจะค่อยๆ ช้าๆ ไม่รีบร้อน เราจะค่อยๆ ทำ อา มัน” ช้าๆ บ้าอะไรผมไม่เชื่อหรอก! คนอย่างมันเชื่อได้ที่ไหน ขนาดแค่สอดปลายนิ้วเข้ามายังตะบี้ตะบันขยับเหมือนอดอยากขนาดนั้น ให้มันสอดไอ้นั่นเข้ามาผมมีหวังได้ตายพอดี

“หยุด มึง อ๊า!”

ผมรู้สึกได้เลยว่าจีบรักกำลังกลืนกินตัวตนของมันทีละน้อย ความใหญ่โตที่บุกรุกเข้ามาทำให้ช่องทางของผมเต้นตุบๆ ผมนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ น้ำตาคลอเบ้าอยู่ทั้งสองตา แต่ไอ้ปากลับแหงนหน้าขึ้นร้องคราง ยั้งความปรารถนาของตัวเองเอาไว้แล้วค่อยๆ ขยับเข้ามาทีล่ะนิดๆ

“นก อา อย่าดิ้น ซี๊ด มึงเล็กจังวะ” แล้วรู…ใครเขาใหญ่โตมโหฬารบ้างเล่า ไอ้เหี้ย! ถามอะไรควายๆ ออกมาแบบนี้เลิกรับมันเป็นแฟนดีไหม ผมต้องมาทนเจ็บแบบนี้เหรอ ไม่เอาหรอก! ผมไม่ยอมแล้ว!

“หยุด! กู อึก กูจะทำเอง มึงเอาออกสิ เอาออก กูจะเสียบมึงเอง” ไอ้ปาหยุดชะงัก สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความต้องการอย่างชัดเจนจับจ้องมาที่ผมทั้งตัว กวาดมองทั่วร่างแล้วแสยะยิ้ม

“ไม่มีทาง มึงเป็นผัวกูไม่ได้หรอกนะนก มึงเป็นได้แค่เมียกูเท่านั้น อย่าดื้อมากนัก! เพราะถ้ามึงยังไม่ยอมหยุดดิ้น กูจะไม่อดทนแล้ว!” ผมพยายามดันร่างมันออก พยายามให้การเชื่อมต่อของเราหลุดออกจากการโดยเร็วที่สุด แต่ไอ้ปามันไม่ยอมง่ายๆ เพราะมันเกร็งตัวเองไว้ แล้วดันสะโพกเข้ามาอย่างแรงจนผมต้องร้องลั่น

“โอ๊ย! ไอ้ปา กูเจ็บ!!”

“อา อยู่นิ่งสินก อย่าดิ้นนะ ซี๊ด”

ไอ้ปาก้มลงมาประกบริมฝีปาก มอบจูบที่แสนหวานและร้อนแรงชักนำให้ผมหลงลืมความเจ็บปวดในตอนนี้ไป ใช้ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัด กวาดไล่กับเรียวลิ้นของผมอย่างเพลิดเพลิน นิ้วของมันสะกิดยอดสีหวานที่ชูชันไปมาจนมันผงกหัวสู้มือทำให้ผมเผลอผ่อนแรงที่รัดความใหญ่โตของมันเอาไว้

ไอ้ปาค่อยๆ กดร่างลงมาช้าๆ เมื่อไหร่ที่ผมเริ่มเกร็งมันจะหยุดลง หยอกเย้าจนผมหลงลืมอีกครั้งแล้วกดลงมาเรื่อยๆ จนสุดความยาว ภายในจีบรักโอบล้อมความองอาจที่มีขนาดใหญ่โตเอาไว้ กลืนกินมันจนหมดด้วยความโลภไม่ยอมให้เหลือเอาไว้

“นก ไหวไหม กูขยับได้ไหม” ไอ้ปาใช้ปลายนิ้วไล่เช็ดเหงื่อตามไรผมออก เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่แสนห่วงใยจนผมต้องเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้ารับมัน

“ชะ ช้าๆ ได้ไหม กู กูยังไม่ชิน” มันยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ผมแทบจะเขินจนมุดเข้าไปใต้หมอนแล้วกรีดร้องดังๆ สายตาที่มีแต่ความร้อนแรงกับรอยยิ้มของมันเป็นเหมือนมันสิ่งที่ล่อลวงคนได้อย่างดี แม้แต่ผมเองก็เช่นกัน

“ครับ ปาจะกินช้าๆ”

“อ๊า”

ผมร้องลั่นเมื่อมันกดร่างเข้ามาสัมผัสถึงบางสิ่งที่อยู่ภายใน มันทำให้ผมต้องยึดบ่ากว้างของไอ้ผาเอาไว้ แหงนเงยใบหน้าขึ้นครางด้วยน้ำเสียงแสนหวานที่ผมแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง แต่ทุกครั้งที่ถูกความองอาจของมันตอกเข้ามา ผมก็เป็นเหมือนคนที่ถูกไฟช็อตจนอ่อนแรงแต่ก็วาบหวามด้วยเช่นกัน

สองขาเกี่ยวกระหวัดเอวหนาเอาไว้แน่น ยกสะโพกขึ้นตอบรับจังหวะการสอดแทรกเข้ามา ยิ่งพายุอารมณ์โหมกระหน่ำมาแค่ไหน ยิ่งทำให้เราสองคนเร่งเร้าเข้าหากันอย่างไม่คิดจะหยุด ไอ้ปาจับเอวของผมเอาไว้แน่น ยกตัวผมขึ้นมาจนเราสองคนต่างก็นั่งหันหน้าเข้าหากันทั้งที่ยังคงเชื่อมต่อกันอยู่

“ปา อื้อ ไม่เอาแบบนี้” ผมไม่คุ้น มันน่าอายเกินไป

“ขยับสิ แค่ขยับตามที่มึงต้องการ มึงทำได้”

ผมเม้มริมฝีปากอย่างลังเล แต่อาการค้างอยู่กลางอากาศแบบนี้ผมเองยิ่งไม่ชอบ อยากไปถึงฝั่งฝัน อยากไปจนสุดทางกับมัน ผมจึงพยายามขยับร่างกายเงอะงะของตัวเอง แต่กลับเรียกเสียงครางที่ทุ้มต่ำของไอ้ปาออกมา ปากมันก็ชมว่าผมเก่ง สีหน้ามันสุขเสียจนผมรู้สึกว่าตัวเองทำได้จริงๆ

ยิ่งผมขยับเร่งเร้าจังหวะมากเท่าไหร่ ไอ้ปาก็ยิ่งส่งเสียงครางให้ได้ยินมากเท่านั้น ความเสียวซ่านชักนำให้ผมทำไปตามจังหวะแห่งธรรมชาติ ความองอาจสอดลึกจนขาสั่น ไอ้ปากอดเอวผมเอาไว้ เร่งตัวผมและมันให้เร็วขึ้น กระแทกความใหญ่โตเข้าออกถี่ยิบจนศีรษะของผมสั่นไปตามแรง มันกดใบหน้าลงแนบแผ่นอก ดูดดึงยอดเล็กๆ เข้าในปากอย่างทนไม่ไหว

“ไม่ไหว อา ปา ไม่ไหวแล้ว”

“ซี๊ด อีกนิด อา อีกนิดเดียว ฮึ่ม!”

ผมถูกกดลงนอนบนเตียงอีกครั้ง คราวนี้มันเป็นฝ่ายยึดเอวผมเอาไว้แล้วกระแทกกายเข้าออกอย่างเอาแต่ใจและรุนแรง สองมือกำผ้าปูเตียงแน่นเพื่อระบายความเสียวซ่านที่กำลังแล่นขึ้นสูง ไอ้ปาขยับเอวถี่ยิบและรุนแรงเพียงไม่นานผมก็ปลดปล่อยหยาดรักสีขาวขุ่นออกมา พร้อมๆ กับมันที่กระตุกเกร็งร่างฉีดพ่นความร้อนเข้ามาจนล้นทะลักในตัวผม ผมเหนื่อยจนแทบขาดใจ ความวาบหวามยังคงไม่หมดไปง่ายๆ ผมรู้ดี ตัวไอ้ปาเองก็ยังไม่ยอมถอดถอนความองอาจออกไปจากร่างกายผม ความใหญ่โตของมันยังไม่มีทีท่าจะอ่อนตัวลงทั้งที่ปลดปล่อยออกไปแล้ว

“แฮกๆ เหนื่อย แฮก เหนื่อยแล้ว” ไอ้ปาจับผมพลิกไปด้านข้าง ก่อนจะทิ้งตัวลงมานอนซ้อนหลังผม มือของมันยกขาของผมขึ้นมาข้างหนึ่ง ก่อนที่สะโพกจะเริ่มขยับอย่างเชื่องช้าอีกครั้ง

“มึงนอนพักสิ เดี๋ยวกูทำเอง”

“อ๊ะ อ๊า ปา อ๊า” ผมถูกไอ้ปาจับพลิกซ้ายขวาแทบจะทั้งคืน ต้องปล่อยให้มันกินจนอิ่มผมจึงจะได้พัก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเมื่อไหร่ อยากนอนก็ไม่ได้นอน อยากพักก็ไม่ได้พัก มันอดยากมาจากไหนวะเนี่ย! ผมจะตายคาเตียงไหม! กินข้าวบ้านมันวันนี้ไม่คุ้มเลยครับ กลายเป็นว่าผมต้องแบ่งพลังงานจากอาหารเย็นมาเป็นพลังงานสำรองในเรื่องแบบนี้มันใช่เหรอ ผมจะจำเอาไว้ให้ขึ้นใจเลยว่า คนอย่างไอ้ปา…มันไม่มีคำว่ารอบเดียว!!







TBC




รอบเดียวคืออะไร ปาไม่รู้จักหรอกจ้าาา ได้ชื่อใหม่แล้ว ปาผู้ไม่รู้คำว่ารอบเดียว สงสารน้องนกของแม่เหลือเกิน ไม่รู้ว่าช้ำไปแค่ไหนแล้ว โธ่ๆๆๆ มาเอาใจช่วยกันดีกว่าค่ะ เพราะตอนหน้า ก็จะถึงบทสรุปกันแล้ววว เย้~ ในที่สุดก็จบสักที!! คราวนี้แมวจะอู้ยาวๆ อู้จนกว่าจะหาเรื่องมาลงใหม่ได้ ฮ่าๆ 

ปากินนก

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
เม้นท์ไม่ถูกแล้วตอนนี้ ปาาาาา กิน นกกกก แล้ว

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
บทส่งท้าย

 นก…ไม่นกแล้วนะ 
[/b]

“อื้อ อย่า” อะไรกัน คนกำลังหลับสบายแท้ๆ แต่กลับถูกรบกวนจากบางสิ่งที่กำลังลากไล้ไปตามแนวสันหลังของผม แต่พอผมพยายามจะขยับร่างกายหลบหนี ความเจ็บรวดร้าวก็แล่นขึ้นมาจนผมต้องนิ่วหน้า สติและความนึกคิดทุกๆ อย่างกลับมาจนครบถ้วน

ผมนอนกับไอ้เหรอ? คำตอบคือใช่! ผมนอนกับมัน แต่เดี๋ยวก่อน…ทำไมไปๆ มาๆ ผมถึงเป็นฝ่ายโดนเสียเองล่ะ บอกไปแล้วไงว่าผมจะเป็นผัว! ไม่ได้อยากเป็นเมียใครแบบนี้!!

“นก…เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม” ไอ้ปาผละออกจากแผ่นหลังของผม ดึงผมเข้าไปในอ้อมกอดอย่างร้อนใจ

“ฮึก มะ มึง ฮึก มึงทำให้กู เป็นเมียมึง ฮือๆ”

ไอ้ปายิ้มเอ็นดูพร้อมกับเสียงทุ้มต่ำที่หัวเราะอยู่ในลำคอ มือของมันก็ลูบศีรษะผมไปด้วยเพื่อปลอบโยน ผมเสียใจจริงๆ นะ ก็เคยบอกมันไปแล้วว่าผมน่ะต้องเป็นผัวมันเท่านั้น แต่สุดท้ายมันก็เป็นฝ่ายได้ผมไป แบบนี้ผมก็เสียเปรียบนะสิ ผมไม่ยอมนับง่ายๆ หรอกนะ! ผมจะประท้วง!

“ปล่อยกูเลยนะ ฮึก มึงมันไอ้คนเห็นแก่ตัว ไอ้คนชั่วช้า!”

“ครับๆ ชั่วช้าก็ชั่วช้า หึหึ” น้ำเสียงของมันไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความโกรธ มันทั้งอ่อนโยนที่ปนเปความอ่อนใจ น้ำเสียงที่คล้ายกับผู้ใหญ่กำลังปลอบประโลมเด็กน้อยขี้แยก็ไม่ปานนั้น ยิ่งทำให้ผมดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของมัน

ผมไม่ยอมใจอ่อนหรอก เรื่องอะไรจะยอม!

“ปล่อยเลย ออกไปเลย!” แต่ไอ้ปากลับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ดึงใบหน้าของผมให้อยู่ในระดับเดียวกับมัน ใช้ดวงตาคมคู่นั้นสะกดผมเอาไว้ไม่ให้ขยับ

ผมจับจ้องดวงตาคู่คมที่เต้นระริกไปด้วยความรักแล้วก็ได้แต่นิ่งเงียบ ก่อนจะหลุบตาลงไม่มองหน้ามันอีกเพราะกลัวว่าจะเป็นคนเปิดเผยความรู้สึกไปเองว่าผมกำลังหวั่นไหวไปกับความรู้สึกที่มันส่งมา ปลายจมูกของเราสองคนแตะกัน รับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เราทั้งสองต่างแลกเปลี่ยนมัน ผมเห็นริมฝีปากของมันเผยอออกเล็กน้อยในขณะที่มันกำลังเคลื่อนเข้ามาหาผมอย่างเชื่องช้าในตอนนี้ โดยที่ผมเองก็เผลอเผยอริมฝีปากออกตามเช่นกัน

ราวกับว่าทุกอย่างหยุดหมุน รอบกายไร้สิ่งใดที่ควรจะใส่ใจ กลิ่นหอมหวานของความรักกำลังลอยฟุ้งอยู่เหนืออากาศ หลอมรวมจิตสำนึกทุกอย่างให้หายไป สติที่ถูกเรียกคืนมากำลังดำดิ่งลงไปกับห้วงอารมณ์และแรงปรารถนาที่พวยพุ่งขึ้นมา ผมอยากจะหยุด อยากจะเรียกร้องความยุติธรรมคืนมา แต่เพียงแค่ถูกมันจับจ้องด้วยแววตาแบบนั้น ส่งผ่านความต้องการของร่างกายผ่านทางผิวเนื้อที่แนบชิดและรับรู้ได้ถึงความร้อนแรงที่แววตาของมันมองผม ผมก็ยิ่งคล้ายกับถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงจนไม่อาจจะหยุดลงได้

“เจ็บมากไหม” ทั้งที่ผมเจ็บ แต่น้ำเสียงที่นุ่มละมุนกลับทำให้ผมแก้มแดงปลั่งส่ายหน้าปฏิเสธมันเบาๆ จนแทบจะมองไม่เห็น

“ไม่เจ็บแล้วเหรอ?” ผมกัดริมฝีปากตัวเอง ร่างกายสั่นสะท้านเมื่อฝ่ามือของไอ้ปาเลื่อนลงไปจนถึงบั้นท้ายกลม บีบเค้นมันเบาๆ ด้วยกลัวว่าจะทำให้ผมเจ็บ แต่สัมผัสแผ่วเบาที่ได้รับมากลับเป็นเหมือนยากระตุ้นความเร่าร้อน ร่างกายผมจึงตอบสนองด้วยการชูชันขึ้นมาอีกรอบ ร่างกายของผมสั่นระริกจนต้องกัดริมฝีปากห้ามเสียงครางหวานๆ เอาไว้เมื่อถูกความองอาจของไอ้ปาถูกไถเข้ากับความองอาจของผม

“ต่อได้ไหม”

ผมส่ายหน้าดวงตาสองข้างฉ่ำวาวไปด้วยหยาดน้ำตา มือถูกยกขึ้นมาปิดปากตัวเองเอาไว้ ไม่ยอมให้เสียงน่าอับอายใดๆ ได้หลุดลอดออกไปเด็ดขาด แต่ไอ้ปากลับเหมือนยิ่งแกล้ง แรงบีบคลึงส่วนโค้งนูนทางด้านหลังกลับยิ่งแรงขึ้น มือข้างที่ยังว่าอยู่ก็ลูกลากไล้มายังด้านหน้า กอบกุมเอาความองอาจของผมไปไว้ในมือ

“อื้ออ”

ความทรมานที่แสนหวานถูกไอ้ปาใช้เป็นเครื่องมือบีบบังคับให้ผมตอบรับ มันขยับรูดรั้งอย่างเชื่องช้าก่อนจะเร่งเร้าจนผมแทบจะทนไม่ไหว หลุดเสียงครางดังออกมาจากลำคอ หยัดกายขึ้นตามจังหวะอันรุนแรงทั้งที่สองมือยังคงปิดปากตัวเองแน่น

แต่ความเสียวซ่านที่แล่นไปทั่วทั้งร่างกลับทำให้ผมต้องยอมแพ้ ปล่อยมือจากการปกปิดห้ามเสียงครางออก จิกทึ้งผ้าปูเตียงแน่น ยิ่งถูกปรนเปรอด้วยลิ้นร้อนที่คอยตวัดไล่เลียอยู่กับยอดอกสีหวาน ยิ่งทำให้ผมหูอื้อตาลาย สมองมึนงงไปจนหมด ได้แต่อ้อนวอนไอ้ปาด้วยแววตาขอร้อง

“ว่าไง…อยากให้กูช่วยไหม” ยังจะถามอีกเรอะ! ถึงจะอยากจับหัวมันมาโขกกับเตียงให้ตายๆ ไปซะ แต่ผมตอนนี้อ่อนเปลี้ยเพลียแรงมาก ยิ่งถูกสุมด้วยความต้องการ ร่างกายก็ยิ่งไม่อาจจะควบคุมได้

ไอ้ปาลากปลายนิ้วเข้าไปยังช่องทางที่ฉ่ำไปด้วยหยาดหยดของมันที่ปลดปล่อยเอาไว้ ค่อยๆ สอดแทรกเข้าไปอย่างเอาแต่ใจจนสุดปลายนิ้ว มันมองผมที่บิดเร้าร่างอย่างต้องการด้วยความร้อนแรง เสียงเฉอะแฉะลอยเข้าหูยิ่งเร้าอารมณ์ให้ผมอย่างประหลาด ไอ้ปาเพิ่มจำนวนนิ้วขึ้นเป็นสอง ขยับเข้าออกเป็นจังหวะเนิบนาบจนรู้สึกได้ว่าผมตอบรับการร้องขอเพื่อเข้าไปของมัน จำนวนนิ้วจึงเพิ่มขึ้นอีก

“ทำ อื้อ ทำเถอะนะ”

“ครับ” ไอ้ปาดึงนิ้วทั้งสามออกทีเดียวจนผมผวาเฮือกตามอย่างลืมตัว มันวูบโหวงกับความว่างเปล่าที่เกิดขึ้นมากะทันหัน ไอ้ปาจับขาของผมให้อ้าออกกว้างๆ ยกสะโพกขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่มันจะจับจ่อความองอาจที่ใหญ่โตนั้นกับความอ่อนนุ่มที่เปิดอ้ารอรับอย่างหิวกระหาย

“อ๊า!”

“ซี๊ด อา นกมึงรัดกูฉิบหาย”

ไอ้ปาหยุดดันตัวเมื่อช่องทางของผมเริ่มหดเกร็งอีกครั้งเพราะความใหญ่โตของมัน ส่วนหัวที่ถูกผนังอุ่นร้อนโอบรัดเอาไว้แทบจะกลืนหายไปด้วยซ้ำ ผมพยายามคลายตัวออกเมื่อถูกปรนเปรอทางด้านหน้า ปากถูกประกบจูบดูดดึงจนบวมเจ่อ ปลายลิ้นเกี่ยวกระหวัดกันไปมาอย่างไม่มีใครยอมใคร กว่าจะรู้ตัวว่าผมเผลอไผลไป ก็ในตอนที่ถูกกดสิ่งนั้นเข้ามาจนแนบชิดร่างกันไปแล้ว

“อื้อ!!”

“สุดยอดเลยนก อา มึงไม่เจ็บใช่ไหม” ผมนอนอ่อนแรงอยู่บนเตียง ทำได้เพียงแค่พยักหน้ารับมันเท่านั้น ความเสียวกระสันที่เกิดจากการเสียดสีกันของช่องทางผมกับความองอาจของมันทุกครั้งที่ขยับเข้าออกแทบจะทำให้ผมคลั่งตาย

“ไม่ อ๊ะ ขยับ อึก! ขยับเลย” ได้ยินคำตอบจากผมมันก็ขยับดึงความใหญ่โตออกมาเกือบสุด แล้วดันสะโพกเข้าไปอีกครั้งอย่างเชื่องช้า ผมบิดกายไปมาอย่างวาบหวาม ถูกความใหญ่โตตอกย้ำเข้าออกเบาๆ ก่อนจะหนักหน่วงรุนแรงขึ้นตามแรงอารมณ์ของเรา

เสียงหอบหายใจดังไม่หยุด ภายในห้องร้อนระอุจากพายุอารมณ์ของเราสองคนจนไม่อาจจะดับลงไปได้ มือของไอ้ปาจับเอาความองอาจของผมไว้ในมือ ขยับรูดรั้งจนมันผงกหัวสู้มือ

ผมยอมรับว่าเมื่อคืนนี้มันเจ็บมาก เรียกว่าทรมานแทบตายเลยก็ได้ ถูกบังคับให้ต้องดูดกลืนความใหญ่โตที่จ่ออยู่ตรงบั้นท้าย กัดกินเอาไว้ไม่ให้หลุดออกมา มันทั้งจุกทั้งเจ็บ แต่พอผ่านไปครู่ใหญ่ผมจึงได้รู้สึกถึงความวาบหวามที่ค่อยๆ แล่นเข้ามาแทนที่ แต่วันนี้ความเจ็บพวกนั้นหายไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงแค่รสชาติอันร้อนแรงที่ถูกป้อนให้กินซ้ำๆ จนผมร้องครวญครางไม่เป็นภาษา

“อ๊ะ อ๊า”

ผมถูกพลิกกายคว่ำหน้าลงกับหมอน สะโพกถูกยกขึ้นสูงตามด้วยความใหญ่โตที่สอดเข้ามาแล้วกระแทกเข้าจนสุด ผมขาสั่นไปหมด ร่างกายไร้เรี่ยวแรงโดยสิ้นเชิงจนต้องจิกผ้าปูเตียงเอาไว้เพื่อระบายอาการเสียวซ่าน ไอ้ปากระแทกกายเข้าออกซ้ำๆ ย้ำจุดเดิมจนผมเกือบจะปลดปล่อยออกมา มือของมันยึดสะโพกของผมเอาไว้แล้วดันตัวเข้าออกไปเรื่อยๆ อย่างรุนแรง

จังหวะที่ถูกสอดเข้ามาและดึงออกนั้นส่งเสียเฉอะแฉะน่าอายออกมา ครีมสีขาวเปรอะเปื้อนแก่นกายของไอ้ปาจนไม่น่ามองสักนิด แต่แววตาของมันกลับยิ่งทวีความร้อนแรงยิ่งขึ้นขยับสะโพกเข้าหาผมอย่างแรงโดยไม่สนใจเสียงร้องครวญครางที่ทั้งสุขสมและทรมานไปพร้อมกันแม้แต่น้อย ริมฝีปากร้อนไล่ไปตามแนวกระดูกสันหลังทั้งที่การสอดแทรกกายเบื้องล่างยังไม่หยุดลง หนำซ้ำมันยังยิ่งเพิ่มความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเข้าไปอีก

ผมที่ถูกกระแทกเข้าออกครั้งแล้วครั้งเล่าจนหัวสั่นคลอน ได้แต่ขยับสะโพกตัวเองตอบสนองกลับไป เสียงหอบหายใจปะปนกับเสียงครางหวาน ในห้องจึงมีเพียงภาพการร่วมรักกันของผมกับไอ้ปาที่ไม่มีทางจะสิ้นสุดลงง่ายๆ ไอ้ปาจับผมพลิกขึ้นไปอยู่บนตัวมัน ทั้งที่การเชื่อมต่อกันระหว่างเรายังคงไม่หลุดไปไหน ช่องทางด้านหลังแน่นจนจุก แต่ความเสียวซ่านกลับยังมีมากกว่า

“อะ อะไร อ๊า!” ในหัวขาวโพลน ร่างกายไร้เรี่ยวแรง แต่ไอ้ปากลับกอบกุมสะโพกของผมเอาไว้ไม่ยอมปล่อย อีกทั้งยังจับมันขยับขึ้นลงเป็นจังหวะเองจนผมต้องปลดปล่อยเสียงครางออกมา

“มึงบอกกูเองนี่ว่าอยากอยู่ข้างบน”

“มะ ไม่ใช่! กูบอกว่า อ๊า! อยากจะ อ๊ะ เสียบมะ อื้อ มึง” มันสวนสะโพกขึ้นมาในจังหวะที่สะโพกของผมหล่นลงมาพอดี ความใหญ่โตของมันจึงเข้าไปลึกยิ่งกว่าเก่า ผมกัดริมฝีปากที่สั่นระริกของตัวเองแน่น รู้ได้อย่างดีกว่ามันกำลังแกล้งให้ผมขาดใจตายเพราะความเสียวซ่าน

“อา มึงว่าอะไรนะนก กูได้ยินไม่ชัดเลย ซี๊ด มึงอยากจะทำอะไรนะ?” ผมจิกเล็บลงไปบนไหล่ของมันเมื่อต้องดันอะไรบางอย่างเอาไว้เพื่อพยุงกาย สะโพกยังคงหมุนควงไปมา ดันเข้าออกอย่างร้อนแรงโดยไม่สนใจสักนิดว่าผมกำลังรู้สึกมากแค่ไหน

“ทะ ทำ อื้ม”

“ว่าไง?” ผม ผมกำลังจะพ่ายแพ้

“ทำ ระ เร็วๆ จะ อึก! อ๊า จะไปแล้ว แฮ่กๆ”

“บอกมาสิ ตอนนี้มึงเป็นอะไรของกู” ผมส่ายหน้า สองตาเริ่มมีหยาดน้ำใสคลออยู่

มันแกล้งผม มันจงใจแกล้งผมชัดๆ

“ปะ ปา ทำ ทำเถอะ อ๊ะ อา นะ” ไอ้ปายิ้มร้าย สวนสะโพกเข้าออกไม่หยุด

“บอกมาก่อนสิ บอกได้ถูกใจกูเมื่อไหร่ กูจะให้มึงไป” ไอ้ปาจับเอวของผมเอาไว้ ขยับเสียดสีความใหญ่โตกับผนังร้อนๆ ที่โอบรัดอย่างยั่วเย้า ผมตัวสั่นเมื่อถูกความเสียวกระสันจู่โจมอย่างรุนแรง ใบหน้าแดงก่ำ แววตาฉ่ำวาวไปด้วยหยาดน้ำตา ริมฝีปากแดงจากการถูกจูบหนักๆ มาหลายต่อหลายครั้ง เผยอขึ้นส่งเสียงครางที่ชวนให้วาบหวามยามได้ยิน

“ปะ เป็น ฮึก ฮ๊า เป็นมะ อ๊ะ เมีย! ฮึก อื้อ ระ รีบๆ ทำสัก ฮ๊า ทีเถอะ” ผมจะขาดใจตายเพราะความเสียวซ่านนี้อยู่แล้ว

“ดี ดีมาก ซี๊ด”

ไอ้ปาจับร่างผมให้นอนลงอีกครั้ง ดันเข่าของผมชิดอกก่อนจะสอดใส่ความองอาจเข้ามาแล้วกระแทกเข้าใส่ด้วยความรุนแรง ผมบิดร่างกายอยู่บนเตียงด้วยความเสียวซ่าน ปากเผยอร้องครางออกมาจนสุดเสียง สะโพกขยับตอบรับตามจังหวะที่ถูกกระแทกกระทั่นจนศีรษะสั่นคลอน หัวใจเต้นแรง ลมหายใจหอบถี่ราวกับว่าผ่านการวิ่งมาหลายกิโล

ไอ้ปาบดจูบร้อนแรงเข้ามา สอดปลายลิ้นเพื่อเกี่ยวกระหวัดในจังหวะที่เริ่มจะลุกไหม้ ช่องทางรักร้อนผ่าวจากการเสียดสี ความองอาจกลางร่างปวดจนแทบระเบิดออก

“อ๊ะ อ๊า ไม่ไหว ละ แล้ว อ๊า!”

ร่างกายของผมกระตุกทันทีที่ปลดปล่อยคราบสีขาวขุ่นออกมาจนเต็มแผ่นอก ด้านหลังถูกกระแทกถี่ๆ จนรับรู้ได้ถึงความอุ่นร้อนที่ฉีดพุ่งเข้ามาภายในร่างกายของผม ผมนอนหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า บทรักนี้กินแรงกายขอผมไปมากกว่าครึ่ง หนังตาเริ่มหนักขึ้นจนใกล้จะหลับ แต่กลับถูกไอ้ปาอุ้มขึ้นสูงจนต้องผวาร่างตามมาด้วยแขนของผมที่กอดลำคอขอลมันเอาไว้จนแน่น

“ละ เล่น เล่นบ้าอะไร” ใจหายวาบเลยนึกว่าจะตกไปเสียแล้ว ไอ้ปาหัวเราะเบาๆ ยกตัวผมขึ้นสูงจนตัวตนของมันหลุดออกจากช่องทางด้านหลังจนเกิดเสียงดัง ผมรู้สึกได้ว่าจีบรักของผมกำลังพ่นเอาน้ำรักของไอ้ปาออกมาเพราะถูกปลดปล่อยเอาไว้จนมากเกินไป

น่าอายเกินไปแล้ว

“กูจะพามึงไปอาบน้ำ ล้างเอาของกูออก” ผมก้มหน้าลงซ่อนร่องรอยสีแดงบนผิวแก้มเอาไว้

“กู กูเดินไปเองก็ได้” ผมอาย ทั้งเขินทั้งอาย ยิ่งด้านหลังปล่อยคราบสีขาวที่คั่งค้างเอาไว้ออกมามากแค่ไหนผมก็ยิ่งอับอาย ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าหรือสบสายตากับมัน

“อย่าห่วง…หน้าที่แบบนี้ คนที่เป็นผัวต้องทำอยู่แล้ว หึๆ”

อะ อะ ไอ้เหี้ยปา!!! ไอ้สารเลววววว

แต่ผมก็ทำได้แค่แหกปากต้องอยู่ในใจ เพราะปากของผมได้ถูกปิดแน่นด้วยริมฝีปากและเรียวลิ้นของมันที่สอดเข้ามาดูดดึงและขบเม้มไปแล้ว ดูท่า…คงได้มียกสองนอกเตียงอีกรอบสินะ เฮ้อ…



















สุดท้ายแล้วผมก็ถูกปล่อยออกมานอกห้องนอนได้ในที่สุด หลังจากที่มื้อเช้าถูกไอ้ปาจับกินไปหลายต่อหลายรอบ ผมก็หอบร่างกายอันเหนื่อยล้าที่ย่ำแย่ลงมาด้านล่าง เพราะท้องผมกำลังประท้วงร้องขออาหารเต็มที่แล้ว ไอ้ปาพยุงผมให้นั่งลงที่โต๊ะอาหาร ตอนนี้มีเพียงแค่ผม คุณแม่ของไอ้ปา พี่วรรณพี่สะใภ้ของมันและไอ้ปาเองที่นั่งอยู่ ส่วนคนอื่นคงไปทำงานกันหมดแล้ว

สายตาวิบวับนั่นมันอะไรกันครับคุณพี่ คุณแม่ มองแบบนั้นผมเองก็ร้อนตัวได้โดยที่ไม่ได้ทำความผิดหรอกนะ

“น้องปาคะน้องปาขา แบบนี้แล้วพี่จะได้ยินข่าวดีของน้องทั้งสองเมื่อไหร่คะ คิกๆ” ผมหน้าร้อนผ่าวกับคำถามและรอยยิ้มล้อเลียนนั่น แต่ไอ้ปากลับยิ้มระรื่นราวกับว่าเป็นเรื่องที่น่าภูมิอกภูมิใจเหลือเกิน

“นั่นสิคะลูก เมื่อไหร่ดีคะ แม่จะได้หาฤกษ์งามยามดีเอาไว้ เอาเป็น...หมั้นเช้าแต่งเย็นไปเลยดีไหมคะลูก!” เดี๋ยวนะครับคุณแม่ครับ อะไรคือหมั้นเช้าแต่งเย็น ผมยังเป็นผู้ชายอยู่นะ ฮืออออ

“คะ คือ คือว่า”

“ก็ดีนะครับแม่ ของานใหญ่ๆ เลยนะครับ ผมอยากประกาศให้ทุกคนรู้ว่านี่เมียของผมเอง” ยังไม่ทันได้พูดอะไรไอ้ปาก็แทรกขึ้นมาแทบจะทันที

ไอ้ปา! ไอ้เพื่อน เอ๊ย ไอ้ผัวเหี้ย! แบบนี้ผมจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอพ่อกับแม่ของผมกัน โดนพ่อกับไอ้แมวล้อตายแน่ๆ โอ๊ย! อยากจะบ้าตาย อยากจะบ้าตายจริงๆ!

“ดีเลยค่ะลูก แล้วเรื่องฮันนีมูนละคะลูก จะไปที่ไหนดี ญี่ปุ่น ปารีส สวีเดนหรือว่าอยากจะไปที่ฮาวายคะ” ผมอ้าปากค้างกับชื่อแต่ละสถานที่ ผมไม่เคยไปหรอก แม้แต่จะคิดยังไม่เคยเลย เงินก็มีพอให้กินให้ใช้ธรรมดา จะเอาปัญญาที่ไหนไปคิดเรื่องเที่ยวต่างประเทศ

“คุณแม่คะ ช่วงนี้ญี่ปุ่นซากุระกำลังบานเลยค่ะ แต่จะว่าไปคิดเรื่องฮันนีมูนก็ต้องเป็นที่ฮาวายสินะคะ จริงไหมคะคุณแม่” พี่วรรณพูดจบแม่ไอ้ปาก็ตาวาววับขึ้นมาทันที

“งั้นก็ฮาวายนะคะ เดี๋ยวแม่จะไปจองตั๋วทำเรื่อง เร่งดำเนินการและจัดการทุกอย่างให้เอง ตอนนี้ก็เตรียมตงเตรียมตัวกันเถอะค่ะ ไปค่ะลูกวรรณเรามีเรื่องต้องทำอีกเยอะเลย” หา? เดี๋ยวสิ นี่เรียกปรึกษาแล้วเหรอ ทำไมรู้สึกเหมือนโดนมัดมือชก คุณแม่กับพี่วรรณลุกขึ้นจากเก้าอี้ ผมก็ได้สติทันที

“ดะ เดี๋ยวก่อนสิครับ! ไอ้ปา มึงช่วยห้ามบ้างสิวะ!” ผมเรียกทั้งสองคนเอาไว้ก่อนที่จะหาตัวไม่พบเพราะมัวแต่ยุ่งกับการเตรียมการต่างๆ ที่ผมยังไม่ได้อยากได้ขนาดนั้น ไอ้ปายักไหล่ พูดด้วยน้ำเสียงสบายอารมณ์

“พูดทำไม กูก็อยากไปฮันนีมูนนะ” ไม่ใช่สิโว้ย! ไอ้ฮันนีมูนน่ะผมก็อยากไป แต่ไอ้ที่ให้ห้ามน่ะอีกเรื่องหนึ่ง!

“ว่าไงคะน้องนก มีอะไรเอ่ย” จะมีอะไรได้เล่า ผมกัดปาก พยายามทำใจแข็งปฏิเสธความหวังดีบางประการของทั้งสองบวกหนึ่งตัวที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมออกไปก่อน

“คะ คือ เรื่องฮันนีมูน ผมไม่คัดค้านอะไร” ทั้งสองยิ้มกว้างขึ้น ไอ้ปาเองก็พลอยยิ้มไปด้วย

คือกูยังพูดไม่จบ!

“งั้นก็ดีแล้วนี่คะ ไปค่ะคุณแม่”

“ไม่ๆ ไม่ใช่ครับ แต่เรื่องแต่งงานผมไม่เอาด้วยนะ!” เหมือนทุกอย่างในโลกหยุดหมุนกะทันหัน สายตาทั้งสามคู่จับจ้องมาที่ผมเป็นจุดเดียว คุณแม่และพี่วรรณดูอึ้งๆ ส่วนไอ้ปา อย่าไปมองเลยครับ มีแต่สายตาของความรุนแรง เหมือนจับรังสีได้ว่าขึ้นห้องเมื่อไหร่ผมคงยับแน่ๆ

ขนลุกพรึบเลยกู

“คะ คือว่า เอ่อ”

“ทำไม!” เสียงดุดันของไอ้ปาเอ่ยถามออกมาเล่นเอาผมสะดุ้งด้วยความตกใจ ไม่อยากหันไปมองแต่ก็ต้องหัน และเป็นอย่างที่สังหรณ์เอาไว้จริงๆ เพราะมันมองเหมือนจะจับผมลงโทษเอาตรงนี้เลยด้วยซ้ำไป น่ากลัวกว่าเดิมไปอีก!

“ฟะ ฟังก่อนนะ ที่กูพูดไม่ได้หมายความว่ากูไม่คิดอยากแต่ง แต่กูหมายถึงว่าเราควรจะจัดแค่งานเลี้ยง เพราะยังไงการที่กูกับมึงจัดงานแต่งงานก็จะทำให้คนอื่นมองครอบครัวมึงไม่ดีมากกว่า กูแค่ห่วง เพราะงั้น เราเปลี่ยนเป็นจัดงานเลี้ยงเถอะนะ ในงานมึงอยากจะประกาศอะไรกูก็ไม่ว่า จะบอกว่ากูเป็นเมียมึง จะบอกว่าเราจะอยู่ด้วยตลอดไปก็ได้ กูขอแค่จากงานแต่งเป็นงานเลี้ยง ได้ไหมครับแม่ พี่วรรณ” เพราะกลัวว่าจะไม่ได้ผล ผมจึงหันไปถามพี่วรรณและคุณแม่แทน

ผมคิดแบบนั้นจริงๆ นะ เพราะครอบครัวไอ้ปาก็ไม่ใช่จะหมูหมากาไก่ที่ไหน ชื่อเสียงก็มี รวยตั้งเท่าไหร่ ถ้าเกิดว่าถูกมองเหยียด ถูกสังคมต่อว่าผมก็อยากให้มันเป็นแค่งานส่วนตัว เป็นงานเลี้ยงที่ไม่ใช่งานแต่งงานที่ตายตัว ผมแค่กลัวว่าทุกอย่างมันจะล้มลงมา แล้วพวกเราจะยิ่งเสียใจ

“คุณแม่คิดว่าไงคะ?”

“แม่ว่าแบบนั้นก็ดีนะคะ มันดูไม่เอิกเกริกกันเกินไปด้วย เป็นความคิดที่ดีเลยค่ะ” ผมค่อยยิ้มออกมาได้หน่อยเมื่อได้ยินคำตอบของคุณแม่ ตอนนี้พี่วรรณกับคุณแม่คือโอเคแล้วเหลือก็แต่ไอ้ปาที่จะมีปัญหาหรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ผมเหลือบตามองไอ้ปาเพื่อจะดูปฏิกิริยาของมัน ไอ้ปาเงียบลง ใบหน้านิ่งขรึมลงไปไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆ จนผมเองก็อดหวั่นใจไม่ได้

“ได้ครับ งานเลี้ยงก็ได้ผมโอเค” ผมยิ้มกว้างกับคำตอบที่ได้ยิน เอื้อมมือออกไปจับฝ่ามือของไอ้ปาเอาไว้แน่น ใช้ปลายนิ้วไล้ไปมาเบาๆ บนหลังมือของมัน

“กูดีใจนะ ที่มึงเข้าใจกู” ไอ้ปาเองก็บีบกระชับฝ่ามือจนแน่น ส่งสายตาหวานที่เต็มไปด้วยความรักมาให้

“ขอแค่มีมึงอยู่ข้างๆ ต่อให้มันเป็นแค่งานเลี้ยงกูก็ดีใจแล้ว”

ผมรู้สึกโชคดีเหลือเกินที่มีมันอยู่เคียงช้าง รู้สึกโชคดีที่ได้เป็นคนสำคัญของมัน สำหรับคนบางคนความรักอาจจะไม่หอมหวานและน้ามองนัก เหมือนตัวผมเมื่อก่อนที่เจ็บปวดจากหลินมาก็ไม่กล้าคบกับใครอีก แต่ความจริงแล้วความรักมันเป็นสิ่งที่สวยงามและดึงดูดให้เราหลงเข้าไปในห้วงความรักนั้นๆ จนตัวเราเองก็ไม่สามารถถอนตัวออกมาได้

ผมว่าเพราะแบบนั้นเราจึงมองว่าความรักเป็นสิ่งที่เจ็บปวด

แต่ความจริงแล้วสิ่งที่ทำให้เราเจ็บปวดคือตัวของเราเองที่ยึดติด ไม่ยอมปล่อยวางมันลงไป

“โอเคค่ะ ถ้าอย่างงั้นแม่กับหนูวรรณจะไปจัดการเรื่องทั้งหมดนะคะ ลูกทั้งสองคนก็พักผ่อนเถอะค่ะ คงจะเพลียกันแย่แล้ว คิกๆ” ผมก้มหน้าลงทั้งที่ความร้อนกำลังเล่นงานแก้มใสทั้งสองข้าง เขินอายทุกครั้งที่ถูกมองมาอย่างล้อเลียน

“ดีค่ะคุณแม่เราไปกันดีกว่าค่ะ” พี่วรรณยิ้มแล้วคล้องแขนไปกับคุณแม่อย่างอารมณ์ดี เพราะเธอยิ้มกว้างจนผมเองยังคิดว่าเป็นงานเลี้ยงแนะนำตัวของพี่น้องเธอเอง แต่ผมดีใจนะครับที่พี่วรรณเอ็นดูผม เพราะผมเองก็มีแต่น้องชาย ความรู้สึกที่ถูกใส่ใจจากพี่สาว มันดีจนผมอยากจะให้แม่ย้อนกลับไปแล้วมีลูกใหม่ก่อนจะมีผมมาคนหนึ่งก่อน ผมอยากมีพี่บ้างไง

“จริงสิคะน้องนก น้องปา”

“ครับ?”

“ถ้ายังไงเก็บแรงเอาไว้หน่อยนะคะอย่าเพิ่งหักโหมมากนัก รอไปฮันนีมูนแล้วค่อยเต็มที่ ถึงตอนนั้นต่อให้ร้องเสียงดังแค่ไหนก็ไม่มีใครสนใจหรอกค่า~” พี่วรรณพูดจบก็เดินจากไปพร้อมกับคุณแม่และเสียงหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุขของทั้งสองคน ทิ้งให้ผมยืนหน้าแดงก่ำจากความอับอาย ตวัดสายตามองไอ้ตัวต้นเหตุที่ยังคงนั่งชิวไม่รู้สึกรู้สาอะไรแบบนี้

นิ่งนักใช่ไหม ไม้รู้สึกอะไรใช่ไหม ดี!!

“โอ๊ย! เดี๋ยว โอ๊ยนก! กูเจ็บ อย่าตี! โอ๊ย! เมียจ๋า เจ็บแล้วจ้าๆ”

“ไม่ต้องมาเรียก มึงได้ยินไหม เพราะมึงทำเสียงดังนั่นล่ะ”

“อ้าว! ทำไมโทษกูล่ะ ก็มึงร้องเสียงดังเองนะ”

“ยัง…”

“ยังอะไร กูไม่ได้เถียงเลยนะ นี่กูพูดความจริงล้วนๆ”

“ยังไม่ตายอีกเรอะ! ย๊ากกก!!!”

“อ๊ากกกก กูขอโทษษษษษษษษษษ!!”

หากใครวิ่งผ่านไปผ่านมาในบ้านคงตกใจกับภาพที่ผมกำลังสั่งสอนผู้ชายของตัวเองอยู่ตอนนี้เป็นแน่ แต่ภาวนาให้อย่ามีใครเดินมาเลยครับ โดนเฉพาะคุณแม่กับพี่วรรณ ผมไม่อยากให้ทั้งสองคนมาเห็นผมทำร้ายร่างกายลูกชายและน้องเขยพวกเขาหรอก แต่แหม...ก็ผมโมโหนี่ จะทำไงได้

ยังไงก่อนจะได้จัดงานเลี้ยงเปิดตงเปิดตัวอะไร ก็จัดรถพยาบาลให้ไอ้ปาไปพักผ่อนก่อนสักคืนสองคืนก็แล้วกันนะครับ

ว่าแต่…รู้กันหรือยังครับว่าผม…

ไม่นกแล้วนะ หึหึ





...The End...
[/b]





จบแล้วจ้าาาา เขามีความสุขกันแล้ว เต็มอิ่มกันไหมคะ ในที่สุดก็จบสักที โฮ~ จากนี้แมวจะอู้งาน!!! อู้งานนนนนนนน เพราะยังคิดไม่ออกว่าจะเขียนอะไรต่อดี ถ้าหากว่าคิดออกแล้ว เขียนแล้ว แมวจะเอามาลงให้อ่านต่อกันนะคะ ฝากรักน้องนกและน้องปากันเยอะๆหน่อยน้าาา แล้วพบกันใหม่ในงานเขียนเรื่องต่อไป กราบขอบพระคุณทุกคอมเมนท์และทุกคนที่เข้ามาอ่าน ขอบคุณมากๆค่ะ 

ปากินนก

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
จบเสียที ปากับนก เลิฟๆ อีกอย่างครอบครัวปาน่ารักมากมาย ชอบจัง
ขอบคุณคนเขียนมากอนุญาตให้พักผ่อนได้นะ
แต่ถ้าว่างๆ ขอตอนพิเศษพี่อาร์ตกับพี่หนูด้วยนะ อยากรู้ว่าพี่หนูไปล่อลวงพี่อาร์ตยังไง
 :hao6: :hao6: :hao6:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ sugarcane_aoi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-0
นกเป็นคนตลกและสุดแสนจะซื่อ น่ารักมากมาย สนุกค่ะ

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ขอบคุณค่ะ ชอบแนวพระเอกขึ้หึงมากกกกกก  :hao7:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ Gatjang_naka

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
นกตลกอะ  คำพูดซื่อๆแต่กวนตีนคนอื่นแท้  :pigha2:

 :pig4:

ออฟไลน์ sk_bunggi

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ฮาทั้งเรื่อง แม้กระทั่งตอนดราม่า ยังฮาเลย  :hao7:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด