☆ My name is...เพราะผมชื่อ'นก' ☆ บทส่งท้าย.นกไม่นกแล้วนะ [จบ] up. 09/02/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆ My name is...เพราะผมชื่อ'นก' ☆ บทส่งท้าย.นกไม่นกแล้วนะ [จบ] up. 09/02/63  (อ่าน 14916 ครั้ง)

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม







......ใครบอกว่าชื่อนกจะต้องนก? เรื่องนี้จะทำให้คุณรู้ว่า ชีวิตของนก บัดซบแค่ไหน.......


เพราะพ่อผมดันตั้งชื่อให้ว่านก ชีวิตผมถึงได้นกไม่มีที่สิ้นสุด อยากเปลี่ยนชื่อ!!! ผมอยากเปลี่ยนชื่อโว้ยยยยยยยย แต่อะไรก็แทบจะดีไปหมด เพื่อนดี งานก็...เกือบดี



ติดอย่างเดียวเท่านั้น!!!



ทำไมผมถึงรู้สึกว่าไอ้ปามันชอบมองผมแปลกๆ พูดจาแปลกๆ แต่ที่แปลกกว่าการกระทำของมัน ก็หัวใจของผมนี่แหละ ที่เต้นแรงแปลกๆ นี่ผมไม่ได้ชอบมันใช่ไหมครับ????

นี่เพื่อนไงปา นี่เพื่อนมึงไงงงงงงงงง

                       

                       

                       







เปิดเรื่องใหม่ค่ะ เรืื่องนี้เป็นฟีลกู๊ด+คอมเมดี้ที่มีความบ้าบอของนกเป็นที่ตั้ง แต่ถามว่ามีดราม่าไหม หึหึ ชีวิตใครบ้างล่ะคะที่จะสุขสงบ จริงไหม รักนก หลงนกกันเยอะๆ นะคะ แล้วเจอกัน....#ปากินนก





นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของแมวนะคะ งดนำไปเผยแพร่ที่อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาตจ้า


ผลงานที่ผ่านมา

(เรื่องสั้น)
-  คลินิกรัก(ษ์)บำบัด(ไข้)ใคร่ 18+ [จบแล้ว]
-  เรื่องสั้นสุดวาย(Y) ฉบับนิทานสุดฟิน [จบแล้ว]

(เรื่องยาว)
-  บุปผาร้อยราตรี (จีนโบราณ) [จบแล้ว]
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-02-2020 18:36:34 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[1]

คุณเคยรู้สึกว่าชื่อเป็นอะไรที่สำคัญไหมครับ ผมเองก็รู้สึกแบบนั้น เพราะตอนนี้ผม.......กำลังเกลียดชื่อตัวเอง



3ปีก่อน

“นก เราเลิกกันเถอะ”

หลิน แฟนคนสวยของผมที่คบกันได้ไม่ถึงปี

“ทำไม........” ผมมองหลินอย่างต้องการคำตอบ ผมแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอ เมื่อคนที่ผมรักพูดคำนี้ออกมา

“ฮึก.....นกต้องเข้าใจเรานะ เรารักนก แต่นก...ฮือ นก นกดูเฉิ่มเกินไป”

“!!!”

“เวลาเราไปไหนมาไหนกับนก มันก็เหมือนเราเดินกับโรคจิตที่คอยแอบซุ่มตามเรา” นี่กูเป็นโรคจิตแล้วหรือ

“เราผิดที่เกิดมาแบบนี้สินะ ถึงทำให้หลินทิ้งเรา”

“ไม่ใช่!!! ไม่ใช่เลยนก” ผมยิ้มเยาะตัวเอง

“เราขอบคุณนกนะ ที่นกพยายามเพื่อเราทุกอย่าง”

“หลินครับ......ไปกันเลยไหม” ผมและหลินหันไปมองชายหนุ่มที่เข้ามาใหม่ นั่นมัน......

“อ้าว.....พี่นก สวัสดีครับ” ครับ ไอ้เอ็ม น้องรหัสผมเอง

“อืม.......”

“ถ้างั้น ผมรอข้างนอกนะครับ อย่าช้านะ ผมคิดถึง” เอ็มขยิบตาให้หลินและหลินเองก็แก้มแดงปลั่ง นี่สินะ สิ่งที่ผมไม่มี ความเท่ ความหล่อ และความน่าสนใจ อย่างนี้ทุกทีสินก มึงนี่นกได้สมชื่อจริงๆ

“กะ ก็ อย่างที่หลินบอก ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะ หลินไปก่อนนะ ขอโทษนะนก” เดี๋ยว จบง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ แล้วไอ้ที่ร้องไห้เมื่อกี้นี่ ใครวะ??? ผมได้แต่มองชาเขียวร้านดังในห้างที่ผมแทบไม่ได้แตะ กับลาเต้เย็นของโปรดของหลินที่ทุกครั้ง ผมจะเป็นคนซื้อไปให้ที่คณะเสมอ มันคงไม่มีอีกแล้วสินะ มันจบแล้วสินะ ผมคงไม่มีเธออีกแล้วใช่ไหม

“ฮะ ฮะ สมน้ำหน้ามึงไอ้นก เสือกชื่อนกทำไม” ผมได้แต่เยาะเย้ยตัวเอง มันธรรมดาที่ทุกคนต้องเลือกคนรักที่หน้าตา คนอย่างผมจะไปสู้เดือนคณะได้ยังไง คนอย่างผมจะมีสิทธิ์ไปรักใครได้อีก ผมลุกเดินออกไปโดยไม่สนใจจะหยิบแก้วน้ำสุดแพงนั้นออกมาด้วยซ้ำ ดีแล้วละ ให้มันอยู่คู่กันเพียงแค่บนโต๊ะนั้นก็ยังดี ชาเขียวกับลาเต้ไม่เคยเข้ากันเหมือนที่ผมไม่เคยเข้ากับเธอ

ปัจจุบัน

ผมนั่งก้มหน้าอยู่กับกองเอกสารมากมายที่แทบจะถมร่างผมให้จมลงไป งานผมคนเดียวที่ไหนละครับ เขาโยนมากันทั้งนั้น

“นก พี่ฝากดูเอกสารนี่หน่อยนะ สำคัญมากด้วยแต่พอดีที่บ้านพี่มีปัญหา พี่ต้องรีบไป ยังไงพี่ฝากด้วยนะ” แล้วผมปฏิเสธได้เหรอครับ ไม่หรอก ผมจึงทำได้แค่ ยิ้ม

“ครับพี่ฝน เดี๋ยวผมดูให้ครับ”

“จ้า ขอบใจมากเลยนะ พี่พึ่งพานกได้จริงๆ” พี่ฝนลูบหัวผมไปมา อา ถ้าไม่ได้หวังผลก็ดีอยู่หรอกครับ

“ถ้างั้นพี่ไปก่อนนะ บายๆ จ้า”

“ครับพี่” ผมโบกมือลาพร้อมส่งยิ้มให้จนอีกคนลับตาไป ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“มาม่าอีกแล้วสิเราวันนี้” ผมก้มหน้าก้มตาจัดการเอกสารตรงหน้าให้เสร็จภายในคืนนี้ให้ได้ โอทียาวๆ ไปสิครับ ทั้งออฟฟิศตอนนี้เหลือแค่ผมคนเดียวบรรยากาศวังเวงใช้ได้เลยละ ผมน่ะมันไม่เอาไหนปฏิเสธใครไม่เป็นมาตั้งแต่เด็กๆ มาแล้ว ถึงได้โดนใช้ให้ทำนั่นทำนี่บ่อยๆ

“เอ.......ตรงนี้อืมมม”

“ทำอะไรอยู่คนเดียวน่ะ”

กรี๊ดดดดดด ผีหลอกกกกกกกก

“นะโมตัสสะ นะโมตัสสะ” อย่ามาหลอกมาหลอนผมเลย

“ทำบ้าอะไรวะนก” ผมหันหน้าไปมองทางต้นเสียง

“ปา โธ่ กูนึกว่าผี” โล่กอกไปที

“ผีห่าอะไร แล้วนี่อะไรงานมึงเหรอเต็มโต๊ะแบบนี้”

“เอ่อ ก็ไม่เชิง” ผมหลบสายตาคาดคั้นของเพื่อนรักคนเดียวในบริษัท

“นี่มึงรับงานคนอื่นมาทำอีกแล้วเหรอวะไอ้นก!!!” อึ๋ย.....โดนอีกแล้วกู

“ก็เขามีธุระนี่หว่า ทำไงได้ละวะ”

“มึงก็บอกไปดิว่าตัวมึงเองก็มีธุระ นี่ห่าอะไรก็มาโยนๆ ให้มึง”

“......” มันกวาดตามองงานที่กองอยู่ตรงหน้าผม

“มึงจะเป็นถังขยะแล้วนะไอ้เหี้ย!!” โอ๊ย.....เจ็บ

“กูขอโทษคร๊าบบบบ เพื่อนปา อย่าโกรธกูเลยนะๆ ๆ” ผมเขย่าแขนร่างสูงตรงหน้าอย่างง้อๆ จนไอ้ปาทำสีหน้าเหมือนจะบอกว่า อย่างนี้ทุกที

“เออๆ เอา......กูซื้อข้าวมาเผื่อ กูรู้ว่าอย่างมึงคงนั่งแดกมาม่าอีกแน่” ชิ..รู้ได้ไงวะ

“ขอบคุณคร๊าบบบบ” กลิ่นผัดกะเพราลอยเข้าจมูก

“ห๊อมมม หอมมมม”

“ไม่ต้องมาปากดี แดกๆ ไป เดี๋ยวกูช่วยทำ สัตว์เอ๊ย แม่งลำบากกูทุกที”

ผมแกะกล่องข้าวในถุงกินอย่างอร่อย ถึงมันจะเป็นอาหารสิ้นคิด แต่ก็ดีกว่ากินมาม่าละว๊า!! ผมลอบมองเพื่อนคนเดียวที่อยู่ข้างๆ ผมตลอดเวลา มันเป็นคนที่เก่ง เก่งไปหมด หน้าตาดี โครงหน้าหล่อเหลาสันจมูกโด่ง ปากบางผิวสีแทนกับทรงผมที่ถูกเซ็ตมาอย่างดี กลิ่นหอมอ่อนๆ จากน้ำหอมราคาน่าจะแพงทำให้สาวๆ น้อยใหญ่ในบริษัทต่างกรี๊ดกร๊าด ขนงขนมนี่มีมาทุกวัน ยิ่งความสูงที่มีถึง186ซม. กับกล้ามเนื้อทุกส่วนและซิกแพคที่ผมเคยแอบเห็นและมองมันอย่างอิจฉาทำให้ตัวมันดูเท่ไม่หยอกในสายตาคนอื่นๆ
แตกต่างจากผม ผู้ชายที่สูงเพียง175ซม. ใส่แว่นหนาเตอะเนื่องจากสายตาที่สั้น ผมเผ้าขาดการดูแลจนมันยาวมาปรกใบหน้า แม้จะมีริมฝีปากที่ไอ้ปามักจะบอกว่าสวยกว่าผู้หญิง (ผมควรดีใจไหม) แต่เบ้าหน้าผมมันไม่ให้ไง ไหนจะเรื่องรูปร่างที่บางจนใครชนทีผมก็กระเด็นติดฝา ก็จะให้ผมทำไงได้ละครับ งานมันเยอะจนต้องกินมาม่านี่นา ผมไม่ได้ขาวจนน่าสนใจแต่ก็ขาวในระดับที่ยืนกับไอ้ปาแล้วภูมิใจได้ว่า เหี้ย!! กูขาวกว่าโว้ย (?)

“แดกเร็วๆ งานจะเสร็จไหม กูง่วง!!!”

“ง่ำๆ ๆ” ผมยัดข้าวเข้าปากอย่างเร็วเมื่อคุณท่านตรงหน้ามองจิกผมด้วยแววตาที่ว่า หากมึงยังแดกไม่หมด กูจะผ่าท้องแล้วยัดแม่งไปทั้งกล่อง ฮื่อออ แม่จ๋า ปาน่ากลัว

“เอ็ดแอ้ว” ผมวางกล่องข้าวลงทันที

“แดกน้ำสิ จะรอติดคอหรือไงวะ”

“อั๊บๆ” ผมจึงต้องยกน้ำขึ้นกระดกพรวดเดียว ก็มันเหลือแค่นั้นอ๊า

“เสร็จแล้วก็ทำงาน ทีหลังก็อย่ารับงานคนอื่นอีก หน้าที่มึงก็ไม่ใช่ ถ้าแม่งรีบกลับบ้านมากก็ให้มันหอบไปทำที่บ้านด้วย” มันบ่นๆ ทั้งที่สองตายังกวาดมองไปทั่วเอกสาร

“แล้วมึงดูนี่....” ผมชะโงกหน้าไปมองแฟ้มในมือมัน

“มึงจะทำได้ไงวะ มึงรับเหี้ยไรมาก็ดูบ้างสิโว้ย นี่มันของแผนกบัญชี” ผมย่นคอลงเมื่อคนตรงหน้าตะคอกใส่ปาวๆ

“มึงอยากให้เงินบริษัทหายแล้วเขามาโทษมึงใช่ไหมห๊ะ!!! มึงอยากให้ฝ่ายตรวจสอบเขามานั่งจับผิดมึงเพราะเขาคิดว่ามึงโกงเงินบริษัทไปใช่ไหม!!”

“..!!!” ผมส่ายหน้าทันที ใครมันจะไปอยากฟะ

“ไม่ใช่แล้วมึงรับมาทำไมวะไอ้นก!”

“กะ ก็พี่หนูบอกว่า หมาที่บ้านพี่เขาจะคลอดลูก”

ปัง!!!

“หมาเหี้ยอะไร พี่หนูมันแพ้ขนหมา ไอ้สัตว์ ทำไมมึงโง่แบบนี้วะไอ้นกกกกก!!!!” ผมถูกไอ้ปาที่แปลงร่างเป็นยักษ์จับตัวมาเขย่าๆ จนกระดูกแทบจะหลุดร่วงเป็นชิ้น

พรึบ!!

“ปาครับ นกสัญญาว่านกจะไม่ทำอีก” มุกเด็ดผมต้องกุมมือมันเอาไว้ สวดคาถาไล่ยักษ์ในใจ จงออกไปจากเพื่อนกู จงออกไปให้ไกลจากเพื่อนกู

“มึงแน่...”

“แต่นกขอโทษที่นกเลิกโง่ไม่ได้นะครับ” ผมบอกด้วยน้ำตาที่ปริ่มๆ จะไหล

“ไอ้เหี้ยนก!!! มึงกวนตีนกูใช่ไหม!!!”

“เปล่านะๆ กูพูดจริงๆ อ๊ากกกก อย่ารัดคอกู!!!”

“ต่อไปนี้มึงกลับบ้านพร้อมกู เข้าใจไหม เดี๋ยวกูจะพูดเอง ใครแม่งมาฝากให้มึงทำอีกกูจะด่าแม่ง” หวาย สบายเลยกู

“คร๊าบบบบบบผมมมมมมม” ผมส่งยิ้มประจบประแจงใส่ ไม่ได้หรอก เดี๋ยวยักษ์มันกลับมาอีก ผมบอกแล้วยักษ์มันน่ากลัว

ผลัวะ!!!

“รีบทำสิวะ กูง่วง!!!!”

“ครับๆ” อ้าว.....ยักษ์ยังอยู่

“เสร็จแล้วววววววว” โฮๆ ๆ ๆ เตียงนอนจ๋า ในที่สุดนกก็จะได้ไปหาแล้ว

“เออ!! ทีหน้าทีหลังอย่ารับมาอีก ถ้ากูเห็นอีกคราวนี้นะ.......มึงโดนแน่” หูย~ น่ากลั๊วน่ากลัว

“จ้า ผมจะไม่ทำแล้วจ้า” มันยิ้มมุมปากก่อนจะหยิบเอกสารที่ผมจำได้ว่าเป็นของฝ่ายบัญชี

“มึงจะเอาไปไหนวะ”

“จิ๊!!! มึงอยู่เฉยๆ เดี๋ยวกูจัดการเอง แล้วก็อย่า กูสั่งห้ามเลย มึงห้ามสบตาพวกฝ่ายบัญชีเด็ดขาด เข้าใจไหม!!” ผมพยักหน้ารัวๆ ก็มันทำเสียงน่ากลัวอ๊า

“ว่าแต่ มึงคงไม่ได้ไปขู่กรรโชกเขาใช่ไหมวะปา ถ้าเรามีปัญหากับแผนกนั้นมันจะเป็นปัญหากับเรามากกว่านะ”

“มึงกลัว?”

“กลัวดิวะ เกิดกูตกงานทำไง ทำมาตั้งสองปีกูก็ไม่อยากจะเปลี่ยนงานนะ” มันเลิกคิ้วขึ้น

“หึ!! มึงไม่โดนไล่ออกหรอก เชื่อกูดิ มีกูอยู่ทั้งคน” ดูมันพูด

“มีมึงมันก็ดี แต่มีกินคงดีกว่านี่กูแดกๆ ก็เงินบริษัทนะไม่ได้ดูดอากาศแล้วอิ่มได้ ถึงได้ไม่ต้องกลัวพวกเส้นใหญ่” เกิดพวกฝ่ายนั้นเล่นงานผมขึ้นมา มีหวังอดตาย

“เออน่า ไม่ต้องกังวลหรอกเชื่อกูสิ เดี๋ยวกูเคลียร์เอง” นั่น....มันฟังผมที่ไหน มันถือเอกสารเดินตัวปลิวไปไกลแล้ว เออ แล้วผมยืนทำไมละครับ

“รอกูด้วยๆ ๆ” วิ่งสิครับ เดี๋ยวผีก็ออกมาหลอกหรอก ยิ่งวังเวงๆ อยู่

.
.
.
.
.
.
.

ผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะของตัวเองต้องมองออกไปรอบๆ อย่างระแวง ไม่รู้ไอ้พี่หนูมันจะมาเฉ่งผมเมื่อไหร่ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้ปาไปพูดอะไรไว้กับฝ้ายนั้นบ้าง ถ้ามีปัญหากับพี่มัน ผมคงโดนไล่ออกเป็นแน่ ก็พี่หนูมันเป็นลูกของผู้ถือหุ้นคนสำคัญของบริษัทนี่ครับ ไอ้ผมมันก็แค่พนักงานธรรมดา ถ้ามันแกล้งให้ผมต้องออกจากงานขึ้นมา ผมคงอดตายแน่ๆ แค่ทุกวันนี้ก็ไม่มีจะกินอยู่แล้ว ถึงไอ้ปามันจะพูดกับผมไว้ว่าจะไม่มีปัญหาก็เถอะ

ปึง!!!

“นี่หมายความว่ายังไง ไอ้นก!!!”

“อะ อะไรครับ”

“ทำไมงานที่กูวานมึงถึงได้ไปอยู่ที่ไอ้ปรมะ นี่มันหน้าที่มึงที่ต้อง....”

“หน้าที่พี่ไม่ใช่เหรอครับ พี่หนู หรือผมควรไปถามหัวหน้าพี่ดีว่ามันเป็นหน้าที่ใคร!!” ไอ้ปา มะ มันมาตอนไหนฟะ

“มะ ไม่ต้องมาขู่กูไอ้เด็กเวร อย่าคิดว่ากูกลัวนะไอ้สัตว์ ส่วนมึงไอ้นก กูจะจำไว้ว่าเรื่องแค่นี้กูไหว้วานอะไรมึงไม่ได้!!” พี่หนูชี้หน้าผมอย่างคาดโทษก่อนจะเดินจากไป

“นี่ไง เพราะมึงไปยอมมันมากๆ ก็เป็นแบบนี้ ต่อไปเลิกรับงานคนอื่นเลยนะไอ้สัตว์ เงินเดือนก็ได้กันเต็มจำนวนแท้ๆ งานตัวเองเสือกไม่ทำ” ไอ้ปาพูดขึ้นเสียงดังจนคนอื่นๆ ได้ยินกันทั่ว แต่ก็ไม่มีใครเงยหน้าขึ้นมามอง แหงสิครับ ก็พวกเขาโยนงานมาให้ผมจริงๆ นี่

“ช่างเถอะมึง มึงกลับไปทำงานเถอะ กูต้องเคลียร์งานต่อ”

“เออ ไอ้สัตว์ ไล่กูเชียว หมดประโยชน์แล้วนี่”

“อย่างอนดิวะ เดี๋ยวกูเลี้ยงข้าวเที่ยงวันนี้เอง”

“ให้มันจริง พูดอย่างนี้ทีไร กูจ่ายทุกที” ฮะๆ ก็กูจนอ่า

“แหะๆ”

“เออๆ .....กูไปละ เจอกันตอนเที่ยง”

ผมพยักหน้าให้มันแล้วก้มลงทำงานที่ค้างอยู่ต่อ โอ๊ย ไอ้พี่หนูแม่งทำผมขี้หดตดหายเลย มันจะอาฆาต อะไรหนักหนาก็แค่งานของพี่มันแค่งานเดียวเอง ทำเองเสียก็จบทำไมมันต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ก็ไม่รู้ ผมได้แต่ส่ายหน้าด้วยความไม่เข้าใจในความคิดของพี่หนู ดีนะที่ไอ้ปามันเข้ามาทัน หัวเกือบแตกแล้วไม่ล่ะกู

“พักเที่ยงนี้กินอะไรดี”

“นี่สิ ร้านมาเปิดใหม่ เห็นคนอื่นเขาว่าอร่อยนะ ไปลองไหม” ผมเงี่ยหูฟังแม้จะไม่ได้เงยหน้ามองก็ตามที

“คนเยอะหรือเปล่าก็ไม่รู้ ไปกินร้านป้าเอมแทนแล้วกัน วันหลังค่อยไปลอง”

“เอางั้นเหรอ” ทั้งสองคนเดินผ่านผมไปโดยไม่ได้หันมอง ร้านป้าเอมเหรอ น่าสนใจ ชวนไอ้ปาไปดีกว่า เหมาะกับคนงบน้อยอย่างผมดี คึคึ

“ไอ้ปา~”

“ว่าไงนก หน้าสลอนมาเชียว”

“เที่ยงแล้วเถอะมึง ไปหาไรแดกกัน กูหิวแล้ว” ผมแลบลิ้นเลียปากไปมาให้มันเห็นว่าผมโคตรหิวจริงๆ

“หืม.......มึงเลี้ยง”

“อะแน่นอน!! กูพูดคำไหนคำนั้น” ผมเชิดหน้าขึ้น ให้มันรู้บ้างว่านี่ใคร

“เอ้า งั้นไป กูก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน”

ไอ้ปาลุกจากเก้าอี้แล้วคว้าคอผมดึงไปใกล้ตัว เดินลำบากชะมัดแต่ดันออกไม่ได้ครับ ไอ้ปามันแรงควาย พวกเราเดินออกจากบริษัท (เสียที) ไม่อยากบอกเลยครับว่ากว่าจะเดินออกมาได้ต้องฟันฝ่าพงดงหญิงแท้และหญิงเทียมทั้งน้อยใหญ่ โอ๊ย!! เดี๋ยวคนนั้นก็

‘พี่ปา~’

‘ครับน้องริน’

‘กำลังไปไหนคะเนี่ย’

‘ไปทานข้าวครับ’

‘ให้รินไปทานเป็นเพื่อนไหมคะ จะได้ไม่เหงา กรี๊ดดด!!’ ครับน้อง มันโคตรเหงาเลย มันไปแดกคนเดียว ถุ้ย!!

หรือ......

‘ว๊ายยย น้องปา แหม ไปทานข้าวคนเดียวเหงาแย่เลย ไปกับพวกพี่ไหมคะ’ ไอ้คนข้างๆ ผมก็แม่งยิ้มอย่างเดียว มึงทำแบบนี้มึงบอกเขาไปเลยสิวะว่ามึงพกหมามาแดกข้าวด้วย!!!

อ๋อ.....ยังมีๆ

‘ปา~ เราทำอาหารมาเอง มาทานด้วยกันไหม เผื่อติดใจ เดี๋ยวเราจะทำให้ทานทั้งชีวิตเลย’ ที่ผมสงสัยคือ ไอ้นกมันเคยมีตัวตนในสายตาพวกคุณๆ กันบ้างไหม!!! หรือเห็นหัวผมแค่ตอนที่จะจิกหัวใช้งานเท่านั้น โฮ~ ทำไมสวรรค์สร้างผมมาให้หล่อ (?) น้อยกว่ามันได้เนี่ย!!

“เป็นไรวะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น” ชิ ไม่รู้ตัวเลย

“ป๊าว กูก็หน้าอย่างนี้ตั้งแต่เกิดแล้ว”

“หน้าเหี้ย”

“ไอ้ห่าปา!!! อย่าให้กูหล่อบ้างก็แล้วกัน!!!”

ชิช๊ะ ไอ้เพื่อนเลว แดกความหล่อไปหมดไม่พอ ยังจะมาเนื้อหอมเกินหน้าเกินตา นกจะไม่ทน นกจะไม่โท๊นนนนนนนนนนนนนน

“จึก.....งำๆ”

“.......”

“จึก.....งำๆ”

“......”

“จึก จึก จึก......งำๆ ๆ”

“มึงจะจิ้มๆ งับๆ อีกนานไหมวะ แดกดีๆ เดี๋ยวจานทะลุขึ้นมาต้องจ่ายค่าจานเพิ่มอีก” ขัดอารมณ์ฉิบหาย

“จึก จึก จึก พุ๊!!” ฉิบหายแล้ววว!!!!

“นั่นไง กูบอกแล้วไอ้สัตว์” ฮื่อๆ ทะลุเลย

“ไอ้นก!!!!!”

“จะ จ๋า~ ป้าเอม” อู้หู ยืนถือตะหลิวเท้าสะเอวมาเชียว

“เอ็งทำจานข้าทะลุอีกแล้วนะ!!”

“ป้าเอม นกขอโทษก๊าบบบบ” ยืนถือตะหลิวเท้าสะเอวมาเชียว ตาเขียวด้วยอ่ะ นกกลัว

“ข้าจะโทรไปบอกพ่อเอ็ง” อ๊าก!!! ตายแน่นกเอ๋ย ตายๆ

“ป้า ไม่เอา!!! นกขอโทษ!!!”

“......” ไอ้ปามองผมที่คุกเข่ากอดขาป้าเอมด้วยแววตาเวทนา เชี้ย!! มึงไม่เข้าใจกูหรอก ว่าถ้าพ่อกูรู้นะ งื้ออออ~ ตูดลายแน่กู

“เออๆ ปล่อยข้าเลย แต่ถ้าคราวหลังยังมีอีกนะ ข้าจะบอกพ่อเอ็งแน่ๆ” ป้าเอมสะบัดขาออก ก่อนจะเดินไปผัดข้าวต่อ

“ลุกมาๆ อายคนไหมเนี่ย กูบอกแล้วว่าอย่าจิ้มจาน มึงก็ไม่เชื่อ”

ผมเบ้ปาก ยกจานขึ้นมาสำรวจความเสียหาย อึ๋ย แรงคนเหรอวะเนี่ย พังอย่างกับแรงควาย ทีตอนมีปัญหากับใคร ทำไมแรงกูไม่ออกมาเยอะเหมือนเวลากูจิ้มจานบ้างวะ เชี้ย! ต่อยใครทีอย่างกับกูเอาหมัดไปสะกิดเขา อนาถแท้หนอชีวิตมึง ไอ้นก

“เอิ๊ก เอออ” อือหือ เรอได้ทุเรศมาก กูอยากให้สาวๆ มาเห็นมึงเรอจริงๆ
แต่ภาพความจริงคือ.......

“กรี๊ดดดด!!!! พี่ปาเรอแหละแก”

“ใช่ๆ ขนาดเรอยังหล่อเลยอ่ะ กรี๊ดดดดดด”
อืม......ปลงตก ลองผมเรอไหมละครับ ได้อี๋ แถมจะโดนถีบออกนอกร้านล่ะไม่ว่า

“เอาอีกแล้ว ทำไมมึงชอบทำหน้าแบบนี้วะ”

“หน้าแบบไหน”

“เหมือนหมาไม่ได้แดกขนม” เปรียบเทียบได้ส้นตีนมาก

“พ่องง”

“ป้าเอมคร๊าบบบ เก็บตังด้วยคร๊าบบบบ”

ปึง!!!

“500” ไอ้หย๊า ป้าเอมโหดดดด

“500เลยเหรอป้า นกจนน๊า ป้าไม่สงสารหลานเหรอครับ” ปิ๊งๆ ทำตาหวานๆ เข้าไว้

“ไม่ต้องมาปากดีไอ้นก จ่ายมา500 นี่ข้าต้องไปซื้อจานมาสักโหลไหมวะ เอามาให้เอ็งนั่งจิ้มเผื่อมันพังอีก”

“ป้าอ๊า~”

“นี่ครับ 500” ไอ้ย๊ะ!! ท่านเทพ กระเป๋าตังค์เคลื่อนที่ของน้องนก

“โธ่ พ่อคุณ กับพ่อป้าเอาแค่200พอแล้วจ้า” ป้าเอมหยิบแบงค์สีแดงไปสองใบด้วยแววตาเอ็นดู ป้าใจร้ายมาก กับหลานเก็บ500 คนอื่น200 ฮื่อออ ป้าลำเอียงงงงง

“เชี้ยมาก แม่งเชี้ยมาก”

“อะไรของมึงวะนก”

“ป้าแม่งลำเอียงสัตว์ๆ กูเป็นหลานเก็บกูตั้ง500 พอกับมึงเก็บ200 คืออะไรวะ” มันเลิกคิ้วขึ้น

“มันอยู่ที่มาตรฐานความหล่อโว้ย” ควายเถอะ!

“เหี้ย กูโกรธ!!”

“โอ๋ๆ น้องนก อย่าเคืองพี่ปาเลยนะครับ มามะ พี่ปาจะพาไปกินตับ” แขนมันโอบไหล่ผมไว้

“ตับพ่องง กูจะไปขี้”

สะใจครับ มันหน้าเหวอเลยเจอคำพูดผม ผมสะบัดตูดเดินหนีแม่ง สมน้ำหน้า อยากเด่นมากทำไม ผมเดินไปไม่สนใจมันที่ยังยืนอึ้งแดกอยู่ที่เดิมนั้นล่ะครับ ชิช๊ะ ไอ้เนื้อหอม ไม่อยากคุย มันหล่อเกินหน้าเกินตา ไม่อยากคุย มันทำให้ป้าสุดที่รักของผมลำเอียง ไม่อยากคุย มันแม่งสาวเยอะ ไม่รู้โว้ยยย!!! ผมพาล



....50%....



นกลูกกกกกก ทำไมหนูหยาบคายแบบนี้คะ ถถถ
#ปากินนก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2019 21:36:14 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ผมนี่เวลาว่างก็แทบจะไม่มีไหนจะงานล้นโต๊ะ ไหนจะเรื่องครอบครัว ผมล่ะเหนื่อยจนไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว ยิ่งตอนนี้ผมต้องมาเจอเพื่อนร่วมงานที่เอาแต่โยนงานมาให้ผม (ถึงจะโดนมาตลอดก็เถอะ) ผมได้แต่ถอนหายใจเดินเหม่อลอยไปตามทางเดินหลังออกจากห้องน้ำ

“เออ...นกๆ” ใครเรียก?????

“ครับพี่” ผมเดินเข้าไปหาพี่ชายที่อยู่เยื้องๆ กัน

“มึงว่างใช่หรือเปล่าวะ” ผมมองโต๊ะทำงานตัวเอง

“ก็ว่างนะพี่”

“ดีเลยๆ ฝากนี่ไปให้ไอตาลหน่อย มันลืมไว้เมื่อตอนเช้า” เชี้ย!! ตั้งแต่เช้า ทำไมพี่มึงไม่เอาไปให้เขาละโว้ย

“อ่า....ครับ” ผมเดินงงๆ เอาเอกสารที่ว่าไปให้สาวร่างท้วมที่ชื่อตาล ซึ่งพี่ตาลเหรอครับ บ่นสิ ทำไมพึ่งจะเอามาให้ป่านนี้ #%$$*%#$#<€¥%#* เอาเป็นว่าผมยืนฟังแกบ่นอยู่ครึ่งชั่วโมงได้อ่ะ

“อาว นก ไม่มีงานเหรอ”

“อ่า......”

“ดีๆ มานี่ๆ ช่วยพวกกูยกพวกนี้หน่อย” อ่าของผมคือ กูไม่ได้ว่างครับ กูเพิ่งไปให้ไอพี่ตาลมันบ่นมา แต่จะทำอะไรได้ครับ ยกสิ เดี๋ยวจะหาว่าผมไม่มีน้ำใจ แล้วยังไงละ ลิฟต์แม่งเสือกไม่ใช้ไง กูต้องแบกกองแฟ้มที่ท่วมหัวตามหลังพี่มันต้อยๆ แล้วมันไม่ใช่ชั้นเดียว ห้าชั้น!!! คือมึงควรจะใช้ลิฟต์ไหม!!

“แฮกๆ เฮ้ออออ”

“เออ ขอบใจมากเว้ย มึงกลับไปทำงานของมึงได้เลย”

เออ ครับ เอากับพี่มันสิ ใช้กูเสร็จก็ปล่อยกูทิ้งเลย ผมเดินกลับอย่างงงๆ ไม่งงสิแปลก เหมือนถูกลากมาแล้วปล่อยทิ้งไว้ วันนี้แม่ง วันส้นตีนไรวะเนี่ย

“น้องนกๆ” อีกละ เรียกกูอีกละ

“คะ ครับ พี่จุ๋ม”

“น้องนกว่างอยู่ ช่วยชงกาแฟไปเสริฟที่ห้องประชุมหน่อยสิคะ สักสิบสองแก้วนะคะ” สิบสองแก้ว กูมีสองมือนะพี่มึงงงงง

“......”

“ครีม2น้ำตาล1 กาแฟ1 4แก้ว กาแฟ2ครีม2น้ำตาล2 อีก4แก้ว กาแฟ1ไม่ใส่ครีม น้ำตาล2 อีก2แก้ว อีกสองแก้วเป็นชานะคะ น้ำตาล2ช้อน จำได้ใช่ไหม พี่ฝากด้วย”

“เด๊ะ เดี๋ยว...” ทันไหมละ วิ่งตูดบิดลงลิฟต์ไปแล้ว จำได้เหี้ยไรล่ะ ห่าเอ๊ย ฉิบหายแน่ๆ อะไรบ้าง กาแฟสาม หรือสองวะ น้ำตาลโหลหนึ่ง ครีมอีกเท่าไหร่ว๊า ไอ้เชี้ยยยยยยย เอาวะ มั่วแหลกแล้วกู

“เอาวะ.....แม่งมั่วๆ ไปแล้วกัน”

ผมกลั้นใจชงให้เสร็จๆ ไป สิบสองแก้ว สิบแก้วกาแฟ สองแก้วเป็นชา กูจำได้แต่ชานี่แหละ น้ำตาลสอง ง่ายสุด

ก๊อกๆ

“กะ กาแฟครับ” อือ สายตาทิ่มแทงกูมาก ผมก้มหน้ามองพื้น รีบวางให้แต่ละคน ว่าแต่ชาสองแก้วนี่ของใคร แต่สั่งแปลกแยกแบบนี้ ผู้บริหารแน่ๆ งั้นหัวโต๊ะแล้วกันวะ

“ขอบใจมาก”

“คะ ครับ”

ผมจัดการเรียบร้อยก็วิ่งปรู๊ดออกมาจากห้องนั้นทันที อยู่ให้ฝ่าตีนลอยมาทำไมละครับโผ๊มมม แต่แล้ว.....

พรวดดด!!!!!

“เหี้ยอะไรวะเนี่ย!!!!!!”

“รสชาติส้นตีนมาก กูอยากอ้วก!!!”

ครับ เสียงโหยหวน เอ๊ย โอดครวญดังมาจากห้องประชุมราวกับเกิดการฆาตกรรมหมู่ขึ้น งื้อออ นกขอโต๊ดดดดด นกบ่ฮู้ นกจำบ่ได้ อโหสิให้นกเต๊อะ ไปสู่สุขติเถอะนะ แล้วนกจะทำบุญไปให้ พรุ่งนี้....ข่าวพาดหัวใหญ่แน่ๆ อนาถ หนุ่มออฟฟิศคลั่ง ชงกาแฟสังหารยกห้องประชุม แง๊~ แม่จ๋า พ่อจ๋า ประกันตัวนกด้วยน๊า
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมนั่งรอจนนาฬิกามันเดินไปถึง5โมงนั่นคือเวลาแห่งอิสรภาพของผมเอ๊งงงงงง ในที่สุดก็ได้กลับบ้านแล้วว ฮู่เล่ ฮู้ล่

“นกกกกกก~” อีกแล้ว

“ครับพี่ฝน”

“คือวันนี้พี่ฝาก...”

“ไอนก!!!! เสร็จยัง เลิกงานแล้ว” อ่ำ พี่ฝนเงียบไปเลย เมื่อเจอไอ้ปาแทรกกลางแบบไร้มารยาทมว๊ากกก

“เอ๊ะ เอ่อ พะ พี่ฝนมีอะไรหรือเปล่าครับ” มารยาทกูก็ไม่มี หักหน้าสาวซะงั้น พี่ฝนยืนหน้าเสียอยู่ตรงหน้าผม

“ปะ เปล่าๆ กลับบ้านดีๆ นะ”

“ครับพี่ เอ่อ บายๆ ครับ เฮ้ย เดี๋ยวดิ ช้าๆ” ไอห่านี่แม่งก็ไม่ดูขนาดขากูเลย ลากเอาๆ ไม่รู้มันไปอารมณ์เสียที่ไหนมาหรือเปล่า แล้วกล้าหาเรื่องมันไหม ก็ไม่ หน้าตาแต่เดิมก็ไม่หล่อพอแล้วครับ ขืนมีเรื่องอีกเดี๋ยวจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

ผมยืนหงุดหงิดอยู่ในลิฟต์ข้างๆ ไอ้ปานี่แหละ ในลิฟต์ก็ไม่เว้นจริงๆ ไอ้ความชอบของสาวๆ ที่มีต่อไอ้ปาน่ะผมพอเข้าใจ แต่ไอ้ที่ไม่เข้าใจคือ......สภาพผมที่โดนบี้ติดผนังลิฟต์เพราะสาวๆ อยากอยู่ใกล้ๆ ไอปานี่ล่ะครับ ชั้นแม่งก็ไม่ได้เยอะห่าเหวอะไรเลย แต่ผมจูบผนังลิฟต์นานมาก นานจนแม่งจะท้องอยู่แล้ว

“คิคิ ปานี่ก็พูดเล่นไปเรื่อยเลย”

“อาว....ผมพูดจริงๆ นะ เขาว่าผู้หญิงขยันเนี่ย.....มักจะเร่าร้อนเวลาอยู่บนเตียง” ไอ้ปายักคิ้วหลิ่วตาให้ ไม่ใช่ผมครับ เพราะผมกำลังผลิตลูกกับลิฟต์อยู่

“บ้า....พูดอะไรก็ไม่รู้” อือ จ้ะแม่คุณ บิดจนจะเป็นเลขแปดแล้วนั่น

“แล้วจริงหรือเปล่าละครับ”

“เอ......ของอย่างนี้มันต้องลองนะ” ไอย๊ะ ผมอยากเห็นจังว่าใคร แต่คงได้แต่มองผนังลิฟต์ต่อไป

“หึหึ”

“ว่าแต่ว่า......พูดมาแบบนี้ แฟนปาไม่ว่าเหรอคะ”

“ไม่หรอกครับ ผมยังโสด”

“กรี๊ดดดดดด!!!” เอาเข้าไป ลั่นลิฟต์เลย ผมละกลัวสลิงขาดเพราะเสียงกรี๊ดจริงๆ

“ว้า ถึงซะแล้ว งั้นเราไปก่อนนะปา กลับบ้านดีๆ นะ”

“ครับ บาย” ไปเสียที กูจะเป็นพ่อเด็กในท้องลิฟต์อยู่แล้วแม่ง

“เอ้า มึงไปทำอะไรตรงนั้นวะ” กล้าถาม!!!

“กูเกิดอารมณ์กับลิฟต์มั้ง ไอ้เหี้ย!” มันทำหน้าหมางงใส่ผม เพราะผมใส่อารมณ์กับมัน

“อะไรของมึงวะ อดอยากเหรอนก”

“ให้กูเด้าลิฟต์ กูชักเองดีกว่า” ผมยกกำปั้นขึ้นให้มันดู จนได้ยินเสียงมันหัวเราะเสียงดัง

“อะ ไปๆ เดี๋ยวกูไปส่งห้อง” ฟวยเถอะ อย่างนี้ทุกที แล้วยอมไหม

“เออ ดี!!! ประหยัดค่ารถกู” ยอมสิ ฟรีนี่ครับ

“ไอ้นก ไอ้ขี้งก!!!” งกที่ไหนครับ อย่างผมเนี่ยเขาเรียกกันว่า วางแผนการเงินเก่ง แดกกับใครได้ก็แดกไป ไม่เสียเงินเป็นเรื่องดี ต้องเข้าใจครับเศรษฐกิจไม่ค่อยดี คนตกงานเยอะ เงินเดือนเพิ่มก็จริงแต่ค่าข้าวค่าของก็เพิ่มตามไปด้วย ไหนผมจะต้องส่งให้พ่อกับแม่ใช้ ต้องจ่ายค่าห้อง ค่าน้ำค่าไฟ ค่ากินแต่ละวัน แทบจะไม่พออยู่แล้ว ผมจึงต้องแอบๆ กินจากไอ้ปาเพื่อนผมแทน แต่มันดีนะครับ ไม่เคยบ่นสักคำ ไม่บ่นสักเดือนด้วยว่าไม่พอใช้ สงสัยมันจะรับจ๊อบกลางคืนอีกงานแน่ๆ เลย

“อะ อะ ไอ้ปา รถมึงเหรอวะ” ผมนี่อ้าปากค้างเลยครับ

“ใช่ดิ มึงคิดว่ากูไปขโมยใครมาหรือไง”

“เชี้ย!!! ทำไมมึงมีรถสวยแบบนี้วะ แถมใหม่กิ๊ก ไม่ใช่ป้ายแดงด้วย มึงทำได้ไง มึงแอบไปทำงานอื่นใช่ไหม ไอ้เพื่อนเลววว” ผมคว้าไหล่มันพร้อมเขย่า เอาให้สมองแม่งไหลเลย

“เดี๋ยวๆ ไม่ใช่ๆ คันนี้ญาติกูให้มา เพราะเขาซื้อคันใหม่คันนี้ไม่ได้ใช้เลยยกให้กู” ไอ้ปารีบยกมือห้ามเมื่อสมองผมเริ่มมโนอย่างหนัก

“อาวเหรอ ชิส์ ทำไมญาติกูแม่งไม่มีใครซื้อรถใหม่บ้างวะสัตว์” ไอ้ปาส่ายหน้ายิ้มๆ

“เฮ้ย....แต่นี่กูไม่ได้อิจฉามึงนะ”

“เออๆ กูเชื่อ” เชื่อแล้วมองแบบนั้นทำไมฟะ

“เอ้า ขึ้นมาได้แล้ว”

ห่านี่ ช้านิดช้าหน่อยไม่ได้เลย แล้วไง ก็วิ่งไปเปิดประตูขึ้นรถสิ ขืนชักช้ามากๆ มันทิ้งผม ผมก็ต้องเสียเงินค่ารถอีก ไม่เอาหรอกผมชอบอะไรฟรีๆ

ฟุดฟิดๆ

“กลิ่นอะไรวะปา”

“น้ำหอมไง” อย่างหอมมมม

“ฟุดๆ ฟิดๆ”

“มึงเลิกดมได้แล้ว ชอบอะไรขนาดนั้นวะ”

“มันหอมอ่ะมึง กูขอไปใช้ที่ห้องได้ป่าววะ”

“ไอ้สัตว์ นี่มันน้ำหอมรถ มันใช้ในห้องได้ที่ไหน โง่อีกแล้วมึงนี่” อ้าว......ก็นึกว่าเหมือนๆ กัน

“ด่ากูโง่ได้ทุกวันอ่ะมึง จริงๆ กูฉลาดจะตาย”

“ฉลาดห่าอะไร ทีเรื่องที่กู....” ผมมองหน้ารอให้มันพูดต่อ

“อะไรวะ” ไอ้ปาละสายตาจากถนนมองหน้าผมอย่างเอือมระอา

“ฉลาดนักก็คิดเองสิ”

เอ๊ะ......หรือว่ามัน

“นี่อย่าบอกกูนะว่ามึง......”

“.....” มันลอบกลืนน้ำลาย

“นี่มึง มึง!!!”

“...”

“มึงปวดขี้ใช่ไหม มึงแอบตดในรถใช่ไหม ไอ้สันดาน!!!!”

เอี๊ยดดด!!!! โป๊ก!

“โอ้ย เจ็บนะโว้ย!!! เบรกหาพ่อมึงเหรอ”

“ไอ้นก.......” มันจับไหล่มองผมด้วยสายตาที่เวทนามาก กูผิดอะไร~

“กูผิดเองนก กูผิดเองที่นึกว่าในหัวมึงมันคือสมอง กูขอโทษ”

“ไอ้เชี้ยนี่!! ด่ากูอีกละ ขับๆ ไปเลย กูจะกลับห้องแล้ว”
ผมสะบัดตัวออก งอน เอะอะอะไรก็ว่าผมโง่ ผมโง่ตรงไหน แอบตดก็บอกดีๆ ดิ กูไม่ได้กลิ่นหรอก น้ำหอมมึงกลบมิดแล้ว เชื่อกูดิ

ตัวรถค่อยๆ จอดหน้าแมนชั่นที่แม้จะทรุดโทรมตามกาลเวลาและดูราวกับว่าจะเคยมีใครตาย แต่มันก็เป็นที่ซุกหัวนอนของผม ซึ่งแน่นอนว่าต้องไม่แพงและเป็นกันเองมาก เวลาผมกลับมาจากทำงานเหนื่อยๆ บางครั้งก็ไม่มีเสียงรบกวนเลยแม้แต่น้อย บางครั้งนะ ไม่ใช่ครั้งนี้......

โครม!!! เพล้ง!!!!!

“มึงแอบไปกินกับมันมานานแล้วใช่ไหม ไอ้ผัวเหี้ย!!” ร่างของผู้ชายคนหนึ่งกระเด็นออกมาจากห้องกลิ้งหลุนๆ มาติดผนังอีกด้าน ตีนเมีย

“ไม่ใช่โว้ย!!! มึงฟังกูบ้างสิวะ กูบอกว่าน้องๆ มึงก็ไม่เชื่อ”

“น้องเหรอๆ น้องบ้านแม่มึงเขาให้กางเกงในตัวเองติดกระเป๋ามึงมาเหรอห๊ะ!!!!”

ตะหลิวลอย ฟิ้วววว~ ปึก!

“โอ๊ย!! เดี๋ยวๆ”

“ไม่เดี๋ยวแล้วโว้ยยย!!!”

กระทะลอย ฟิ้วววว~ ปัก!!

“อ๊ากกก!!!! หัวกูแตกแล้วโว้ย!!!”

“เรื่องของมึง!! มองหาส้นตีนอะไรวะ จะเดินก็เดินไปสิ เสือกเรื่องชาวบ้าน!!” ผมสะดุ้งจนต้องรีบผลักร่างไอ้ปาให้กลับไปเสียที

“ไปเร็วมึง เดี๋ยวเขาด่าเอาอีก”

“ที่นี่แม่งตลกดีนะ อย่างกับกูกำลังดูละคร” ละครพ่อมึงสิ เฉียดหัวไปนิดเดียวเนี่ย

“มึงกลับไปได้แล้ว เดี๋ยวเลือดหัวก็ออกหรอก”

“เออๆ กูไปแล้ว ฝันดีนะมึงไอ้นก” ผมพยักหน้าแล้วโบกมือลามัน

ผมยืนมองร่างของไอ้ปาที่กำลังเดินออกไป อดอิจฉามันไม่ได้เลยเพราะมันคือนิยามของผู้ชายที่โชคดีหลายๆ อย่างที่ผมตั้งเอาไว้ หน้าตา งาน เรื่องของความรัก ไหนจะเรื่องรถที่มันได้มาฟรีๆ อีก ดูผมสิครับ เรื่องหน้าตาไม่ต้องไปพูดถึง ไหนจะเรื่องงาน ที่ทุกวันนี้ไม่ต่างจากคนใช้ที่พวกนั้นทำกับผม เรื่องความรักนี่พูดแล้วหดหู่ใจครับ หน้าตาอย่างผมใครเขาจะมองกัน ส่วนเรื่องรถ ชาติหน้ามั้งครับผมถึงจะมี เอาแค่รอดถึงสิ้นเดือนก่อนดีกว่า เฮ้อออ.....ทำไงได้ละครับผมมันค่าใช้จ่ายแต่ละเดือนเยอะนี่นา ต่างกับไอปาที่ตัวคนเดียว พูดถึงตัวผมเองก็ไม่เคยไปเห็นหรือรู้จักครอบครัวมันเลย สงสัยต้องถามไถ่บ้างแล้วอย่างนี้ไม่ได้ไม่แฟร์ ครอบครัวผมมันรู้จักหมด แต่ครอบครัวมันผมไม่เคยรู้จักเลย อย่างนี้ต้องมีเคลียร์

แกรก.......แอด

ถึงแล้วสินะ ห้องแสนสุขของผม ผมถอดรองเท้าก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าไปภายในด้วยความคุ้นเคย ใช้มือข้างถนัดคลำหาสวิชไฟก่อนจะเปิดมัน ความสว่างจ้าขับไล่ความมืดของเวลากลางคืนไปจนหมด ผมตรงไปยังตู้เย็นขนาดพอดีที่ผมอดข้าวอดน้ำใช้เงินซื้อมาเพราะมองเห็นความจำเป็นและความคุ้มค่าของมัน ใช่สิครับ มีตู้เย็นผมก็ซื้ออะไรมาใส่ไว้เพื่อทำกินได้ ไม่เน่าเร็วผมยังยื้อชีวิตได้อยู่

“นมหมดอีกแล้วเหรอวะเนี่ย เฮ้อ....” ผมกวาดตาไล่หาอะไรที่พอจะทานรองท้องรอจนเช้าไปก่อนได้ อืม.......ไข่สามฟองกับผักอีกนิดหน่อย อ๊ะ!! มาม่าเหลืออยู่สองซองนี่นา ทำมาม่าแล้วกัน ผมลงมือหันผักต้มน้ำรอจนมันเดือด ใส่ผักลงไปผมอ่ะชอบผักสุกๆ เปื่อยๆ เพราะงั้นผมต้องรอสักพัก ก่อนที่ผมจะใส่มาม่าและตอกไข่ลงไป อิ่มแน่ๆ มื้อนี้ พรุ่งนี้ค่อยแวะไปซื้อของลดราคามาไว้อีก คนจนก็แบบนี้แหละครับ มีอะไรประหยัดได้ก็ประหยัด ไม่อย่างนั้นคงไม่มีกิน ดีหน่อยที่พรุ่งนี้ผมหยุดงาน ว่าแต่......แล้วกลางวันผมจะเอาอะไรกินละครับเนี่ย!!!!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แสงแดดที่สาดส่องมาบนหน้าผมทุกเช้าไม่ได้ทำให้รำคาญเลย มันทำให้หน้าผมดำมากกว่า แสงก็ส่องเข้าตาจนถ้าตาผมกักเก็บแสงไว้ได้คงปล่อยออกมาเป็นเลเซอร์แล้วละครับ

ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ

“โว้ย!!! รู้ๆ แล้วๆ ตื่นแล้วเนี่ย” บ่นไปก็เท่านั้นล่ะครับ นาฬิกาปลุกมันก็ฟังไม่รู้เรื่องหรอก ผมจึงต้องเอื้อมมือไปปิดทุกเช้าไง ผมขยี้หัวแรงๆ ด้วยความหงุดหงิดที่ต้องตื่นขึ้น เดินเข้าไปทำธุระต่างๆ ในห้องน้ำจนเสร็จแล้วเดินมาอยู่หน้าตู้เย็นเข้าเก่าที่คราวนี้เหลือเพียงแค่ไข่ไก่สองฟอง อดตาย!!! เอาวะ เจียวไข่เอาก็ได้!!!

หลังจากที่กินจนอิ่มหนำสำราญใจกับข้าวไข่เจียวฝีมือตัวเอง ผมก็ออกจากแมนชั่นมาเดินเล่นที่สวนสาธารณะตรงปากซอย ต้นไม้มากมายเรียงรายกันเต็มไปหมด คนส่วนใหญ่ก็มักจะมีสูดอากาศหรือแม้แต่นักเรียนบางคนที่เป็นแฟนกันก็มานั่งเล่นแถวๆ นี้เช่นกัน ด้วยว่าบรรยากาศมันชวนโรแมนติกสุดๆ แล้วผมมาทำไมน่ะหรือครับ ผมมีนัดทุกๆ วันหยุด อ๊ะๆ ผมเปล่านัดสาวนะครับ อย่างผมน่ะ นัดได้แค่เพื่อนที่เป็นพวกเดียวกันเท่านั้น

“เอ้า กินเยอะๆ นะ วันนี้กูไปเอามาให้เยอะมาก ดีนะที่ทางร้านมีขนมปังที่จะทิ้ง ไม่งั้นพวกมึงก็อดอ่ะ ดูอย่างกูดิ ไม่เลือกแดกก็ไม่อด” ผมโยนขนมปังที่ตัวเองแบ่งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพื่อโปรยให้พวกนกที่หิวโหยพวกนี้กิน

“เอ้า.....ไม่ต้องแย่งกันๆ มึงอย่าแย่งเพื่อนดิวะ กูบอกแล้วนี่ว่ากูมีเยอะ วู้!! เอาๆ เอานี่ไปแดก” สบายใจครับ อย่างน้อยการได้มาทำอะไรแบบนี้ก็เหมือนผมได้มาช่วยเหลือพวกที่ลำบากกว่า และนั่น......มักทำให้ผมต้องยิ้มออกมาเสมอ

“นี่เขาเปลี่ยนชื่อจากลั่นทมมาเป็นลีลาวดี เปลี่ยนแห้วให้เป็นสมหวัง กูว่าพวกมึงก็ไม่รอด” เป็นฝูงด้วยพวกมึงน่ะ

“ถ้าเขาเปลี่ยนมานี่พวกมึงเตรียมตัวได้เลยนะ คงถูกแดกในไม่ช้า” เออเว้ย......ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ฉิบหายกันหมดแน่ๆ เลยวะ และเหมือนพวกมันจะรู้ตัว ชิ่งบินหนีผมไปหมด อะไรวะ.....แค่นี้ก็กลัว ผมนั่งเรื่อยๆ เฉื่อยๆ เดินไปโน้นมานี่รอจนเวลาล่วงเลยไปถึงสองทุ่ม และแล้วก็ได้เวลา.....แท่นแท๊น!!!! ของลดราคาคร๊าบบบบบบบบบ ผมมุ่งหน้าตรงไปยังแผนกของสดซึ่งจะมีพนักงานถือป้ายsale และบรรดาป้าๆ ทั้งหลายแหล่แห่กันมารออยู่ตรงนั้น ถึงผมจะเฉื่อยชาความคิดช้า แต่เรื่องแย่งของกับชาวบ้านเขาเนี่ย ผมโคตรไว!

“เฮ้ย....ลดแล้วๆ” เสียงแห่งการเปิดทางของทุกสรรพสิ่ง เพราะเพียงเสียงนั้นดังมาก ทุกคนก็วิ่งตะลุมบอนเข้าไปยื้อแย่งกันเป็นที่เรียบร้อย

“อ๊าก!!! ใครเหยียบตีนผม!!” ไม่รู้หรอก และคงไม่มีใครออกมาบอกด้วย เพราะสมองจดจ่ออยู่ที่ป้ายsaleเท่านั้น เฮ้ย......นั่นสันคอหมู ป๊าด~ 25บาท สายตาผมไม่ไวอย่างเดียวนะครับ พอเห็นตัวเลขมือผมก็คว้ามาก่อนใครเลย แม้จะถูกสายตากดดันนับสิบ แต่ผมไม่แคร์ครับ ความอยู่รอดของปากท้องผมสำคัญที่สุด

ศึกแห่งความเป็นความตายบนสังเวียนป้ายเหลืองที่ขึ้นต้นว่าsaleหากไม่แข็งแกร่งจริงไม่มีทางได้ยืนอยู่เป็นคนสุดท้าย และแน่นอนว่าผมคือคนที่รอด ความชุลมุนขยายเป็นวงกว้างจนทำให้ไม่มีใครสังเกตผม นั่นคือสิ่งที่ทำให้ผมคว้าสันคอหมู เนื้อสไลด์ ไก่สับทรงเครื่อง ตับหมู เครื่องในไก่ และพวกผักต่างๆ มาจนล้น พวกที่ไม่ทันได้หยิบจึงจ้องมองโอกาสที่มีคนเผลอเพื่อจะฉกชิงไป แต่.....ไม่ใช่ผมคร๊าบบบบ ผมนี่แทบจะกอดตะกร้าไว้ด้วยซ้ำ ระแวงซ้ายขวาจนพวกนั้นได้แต่กระทืบเท้าด้วยความขัดใจ โฮะๆ ๆ ๆ ไม่ทันนะน้อง ไปฝึกมาใหม่

ระหว่างที่ผมถือของพะรุงพะรังอยู่นั้น ตัวผมเริ่มรับรู้ได้ถึงเสียงฝีเท้าซึ่งได้เดินตามผมมาสักระยะหนึ่งแล้ว ผมภาวนาให้เป็นผีสางนางไม้ เพราะพวกนั้นการรับมือมันง่ายกว่า ผมไม่กลัวโจรครับ เพราะผมไม่มีเงิน แน่นอน สิ่งที่ผมกลัวคือพวกที่แย่งไม่ทันแล้วจะมาแย่งเอากลางทางเสียมากกว่า

“เฮ้ย.....มึงอ่ะ” ผมหันไปร่างชายอายุประมาณ20-22

“ห๊ะ??? เรียกพี่เหรอครับ”

“ใช่!!” เขาเอามือเข้าไปในเสื้อก่อนจะล้วงบางอย่างออกมา

“เฮ้ย!!! น้อง ใจเย็นๆ”

“มึงไม่ต้องมาปากดี มึงคิดว่ามึงเร็วนักเหรอวะ ส่งที่มึงซื้อมาให้กูเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นกูแทงใส้ไหลแน่” ผมมองมีดที่ยื่นมาตรงหน้าอย่างหวาดหวั่น ไอ้ห่า ปล้นอะไรไม่ปล้น มาปล้นของsale กู

“ไม่ให้โว้ย มึงช้าเอง อันนี้ของกู”

“เฮ้ย หยุดนะโว้ย!!!!!” จะอยู่ทำไมละครับ วิ่งสิ อยู่เดี๋ยวมันก็แทงตายหรอก แต่แม่งเสือกวิ่งไล่ตามผมมาเนี่ยสิครับ ผมเลยต้องวิ่งตรงดิ่งกลับไปยังแมนชั่นทันที โอ๊ย!! ไอ้เหี้ย มึงไม่เหนื่อยแต่กูเหนื่อยนะโว้ย!!! ผมรีบเร่งฝีเท้าจนห่างกับมันได้สักระยะให้มันห่างประมาณว่าถ้าผมเข้าตึกไหนไปมันจะไม่เห็นว่าผมไปตึกไหน

ผมยืนหอบหายใจแฮกๆ หลังที่เข้าห้องและรอดพ้นจากไอโจรปล้นsaleได้ คนห่าอะไรวิ่งเร็วมาก เกือบขาดอากาศหายใจตายแล้วไหมล่ะกู



100%



โจร : ส่งมาเดี๋ยวนี้นะ!!!

นก : ม๊ายยยยยย (กอดของแน่น)

แมว : กลอกตาสิบแปดตลบ อย่าตีกันค่ะลูกขาาา

นกก็คือนก งกไปวันๆ #ปากินนก[/pre]
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-10-2019 21:46:53 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ตัวหนังสือเล็กมากๆ แก้ไห้ด้วยจร้า ติดตามๆ ^^

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[2]

วันนี้มันช่างเป็นวันที่สดใส....แน่นอนครับ ผมย่อมต้องกินอิ่มสบายท้องอย่างแน่นอนกักตุนไว้เต็มตู้เย็นแบบนี้ ผมอยู่รอดถึงสิ้นเดือนแน่ๆ เพราะผมทำข้าวกล่องมาเองงงงงง

“แดกอะไรวะนก ไม่ออกไปกินข้างนอกเหรอวะ” อย่ามาชวนคุย กูจน

“ไม่ไป กูทำมาแดกเอง ผัดพริกกับเครื่องในไก่” นี่มันหอมน่ากินจริงๆ

“อะไรวะ แดกได้เหรอ” ผมหันไปมองหน้าหาเรื่องมันทันที ดูถูก!

“แดกได้ดิ เอ้า....แดกดู”

“หน้าตาเยินๆ เหมือนหน้าคนทำเลยว่ะ” มันเหลือบมองปิ่นโตของผม จนผมนี่แทบอยากจะเอามาปาใส่หน้ามันจริงๆ

“ไอ้สัตว์!!!”

“......”

“ถ้างั้นก็ไม่ต้องแดก!!!” ผมรีบดึงกลับทันที เสียอารมณ์แดกข้าวฉิบหาย แต่มือของไอ้ปากลับดึงปิ่นโตกลับไป

“โอ๋ๆ กูหยอกเล่นหรอก” ผมแยกเขี้ยวใส่มัน

“เอามาๆ ไหนกูขอลองสิ มันจะอร่อยอย่างที่มึงว่าหรือเปล่า” Kเถอะ แล้วทำมาพูดดี

ไอ้ปาใช้ช้อนที่ผมใส่มาในกล่องข้าวตักเข้าปากเพื่อจะชิม

ไงละมึง ทำหน้าแบบนั้น อร่อยล่ะสิ หึหึ ฝีมือไอ้นกเสียอย่าง

ผมรีบแย่งกล่องข้าวคืนแต่ไอปามันกลับพาหนี เอ้า แล้วกูจะได้แดกไหมเนี่ย

“ไอ้ปา ของกู!!!” มันลอยหน้าลอยตาไม่สนใจที่ผมพูด แถมยังตักเข้าปากไปอีกคำ หน็อย!! แต่ละคำที่มึงตักนี่ กูแดกได้ครึ่งท้องแล้วมั้ง

“อะ มึงเอาของกูไปแดกแทน แลกกัน”

“....!!!!” เชี้ย! ปิ่นโตคุณชายปาเป็นซูชิ น้ำลายแทบจะไหลเลยกู

“เอาไง แลกไม่แลก ไม่แลกกูเอาคืนนะ” มันทำท่าว่าจะมาดึงคืนแต่เรื่องกินผมไวกว่า ผมพากล่องหนี

“เรื่องดิวะ มึงแดกไปเยอะละ กูแดกของมึงก็ได้ นี่กูจำเป็นต้องเอานะเนี่ย”

“เหรอออออ......” เออดิ ผมจกซูชิเข้าปากด้วยสีหน้าที่ปลื้มปริ่ม ปกติผมไม่เคยกินหรอกครับของดีๆ แบบนี้ มันแพง

“มึงทำเองเหรอวะ” ผมถามมันที่ตักข้าวผมเข้าปาก ส่วนผมก็เคี้ยวซูชิมันแก้มตุ่ย
“เปล่า” เอ้า....

“หรือมึงซื้อมา” มันส่ายหน้าให้ผมแทนคำตอบ

“ฝ้ายเอามาให้” หา!!!!

“ฝ้ายเหรอ”

“ใช่...”

“ฝ้ายที่ว่านี่.....เลขาท่านประธานใช่ไหมวะ?” มันพยักหน้า

“ก็ใช่”

“นี่มึงฟาดเลขาท่านประธานเลยเหรอ!!!”

พรวด!!!

เต็มๆ เต็มหน้ากูเลย

“คิดส้นตีนอะไรวะ ไอ้เหี้ยนก” ผมยกมือขึ้นลูบเอาตับไตไส้พุงไก่ออกจากหน้าตัวเอง

“ก็ถ้าไม่ใช่แล้วเขาจะเอามาให้มึงทำไมล่ะ”

“เขาสั่งมาให้ท่านประธาน แต่ท่านไปทานกับลูกค้าข้างนอก เขาเห็นว่ากูเดินไปแถวนั้นพอดีเลยยกให้” อ๋อ.....แบบนี้เอง

“ก็ ก็ ก็กูไม่รู้นี่หว่า” ผมคีบซูชิเข้าปากอีกชิ้น

“ไม่รู้ก็หัดถามสิวะ เดามั่วได้เหี้ยมากเลยนะมึงน่ะ” ห่า ได้ทีใส่กูใหญ่

“ว่าแต่ว่า.....มึงทำอร่อยดีนะ วันหลังทำเผื่อกูด้วยสิ” ทำเผื่อเหรอ ทำให้=ไถเงิน โอ๊ะ รวย ผมแบมือไปข้างมัน จนมันทำหน้าไม่เข้าใจ

“อะไรวะ?”

“ไหนเงิน”

“ค่าอะไรของมึง”

“ค่าข้าวดิวะ มึงคิดว่าของมันลอยมาเองเหรอ” โด่ แค่นี้ทำงง

ป๊าบ!

“อ๊าก เจ็บนะ” ผมกุมหัวตัวเองที่โดนมันตบ มองมันอย่างเคืองๆ

“ไม่ต้องมาโกรธกู มีที่ไหนมาคิดเงินกับเพื่อน”

“ชิ!.....ของมันแพงนะเว้ย” ผมมองค้อนมัน

“นี่ถ้ามันไม่ขึ้นป้าย sale กูก็คงไม่มีปัญญาซื้อมาทำแดกหรอก” พูดแล้วจะร้องไห้ มันไม่รู้หรอกว่า ศึกแห่งการแย่งชิงมันหนักแล้ว โดนจี้เอาของที่ซื้อนี่หนักกว่า

“ไม่ต้องมางอแงใส่กู ถึงกูไม่ให้เงินมึงก็ใช่ว่ากูจะแดกฟรีๆ”

“ไม่ต้องล้างจานให้กูนะ กูล้างเองได้”

“ไม่ใช่โว้ย!!! กูหมายถึงกูจะไปซื้อของให้มึง”

เอ๊ะ! เอ๊ะ!! เอ๊ะ!!! เดี๋ยวนะ คำนวณก่อน มันบอกว่าจะซื้อของให้ หมายความว่า ผมไม่ต้องเข้าในศึกแย่งชิง ไม่ต้องกินของที่เกือบจะเสีย ไม่ต้องรอของsale และผมก็จะแดกอะไรก็ได้ เยี่ยม!!!!

“ทำไมกูรู้สึกว่ากูควรกลับไปซื้อแดกเองวะ”

“เฮ้ย ไอ้ปาเพื่อนรัก เดี๋ยวนกคนนี้จะจัดการทำตามเมนูที่เพื่อนปาสั่งเลยนะ ไม่ต้องไปซื้อกินหรอก” ผมส่งยิ้มพร้อมกุมมือมันทั้งสองข้างขึ้นมา

“แค่เพื่อนปาซื้อของให้กูก็พอ แดกอิ่มทุกมื้อแน่นอนเพื่อนรัก” มันส่งยิ้มให้ผมแบบไม่เต็มใจ

“เออๆ ก็ได้วะ ดีที่มึงทำอร่อย ไม่อย่างนั้นกูยอมซื้อแดก”

วะฮะๆ ๆ ในที่สุด ผมก็มีกระเป๋าเงินสำรองที่จะลดการใช้เงินแต่ละเดือนไปได้อีก โอ๊ย.....อยากขอบคุณท่านแม่เหลือเกินที่ตบและจิกหัวไอนกให้มาช่วยทำอาหาร โชคดีจริงๆ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
พอเลิกงานตอนเย็น ไอปาก็ลากผมออกมาจากที่ทำงานทันที พวกเราก้าวขึ้นไปบนรถโดยที่มันทำหน้าที่ขับออกไปบนถนนอย่างเร่งรีบ จะไปไหนของมันวะ

“ไปไหนวะปา”

“ไปห้าง.....ดิ” ผมขมวดคิ้ว

“ไปทำไมวะ”

“ไปซื้อของที่จะให้มึงทำกับข้าวมาให้กูแดกไง” อ้าว......ผมดันลืมไปเลยนี่สิ

“จริงด้วยวะ ดีๆ ตรงไปเล๊ยย~”

ผมคาดเข็มขัดนิรภัยเตรียมพร้อมและมองตรงไปข้างหน้าอย่างมีความสุข จะซื้ออะไรดีนะ ไก่ หมู หรือเนื้อดี เอ๊ะ....หรือจะอาหารทะเล ตื่นเต้นชะมัด ของดีโดยไม่เสียเงินมันทำให้ผมตื่นเต้นสุดๆ เลยครับ ในขณะที่ผมกำลังคิดเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ ก็ลอยมากระทบหู แต่ผมไม่สนใจหรอกครับ ของฟรีที่กำลังจะมามันทำให้ผมไม่สนใจอย่างอื่นเลย พอไอปามันต้องเอารถไปจอดผมจึงอาสาจะไปเลือกของก่อนอย่างใจดี แต่มันไม่เข้าใจไงมันบังคับให้ผมนั่งนิ่งๆ รอจอดรถเสร็จแล้วไปพร้อมกัน พอเดินเข้ามาในห้างตัวผมก็ถลาไปที่เนื้อต่างๆ ทันทีโดยมีไอปามันเข็นรถตามมา

“นั่น! เอาอันนั้นมึง” ผมชี้ มันก็หยิบ

“อันนั้นด้วย” มันก็หยิบ

“เฮ้ย.....อันนี้สด” มันก็หยิบ

“มึง.....กินปลาไหม” มันหยิบใส่โดยไม่สนใจจะตอบคำถามผม แหม......อยากกินล่ะสิ

“พอยังวะ” มันส่ายหน้าอย่างระอา พร้อมกับถามผมที่กำลังเดินดูต่อ

“ยังๆ เอาพวกผักด้วยสิวะ ไข่ไก่อีก เฮ้ย!! นั่นๆ มึงไปเร็ว” ผมวิ่งไปด้วยความเร็วแสง ก็เว่อร์ไป แต่ก็เร็วมากจนไอปาต้องเร่งตามมาให้ทัน

“ช้าๆ ไอนก จะรีบไปไหนวะ”

“ชิมก่อนได้เลยค่ะ วันนี้เรามีโปรโมชั่นมาเสนอเป็นพิเศษ” ผมยืนมองตาโต ของฟรี~

“ตรงหน้าของคุณลูกค้าคือน้ำผลไม้ยี่หลัน ที่คัดสรรผลส้มมาจากอเมริกา ผ่านการตรวจและคัดกรองอย่างดี ไม่มีการปรุงแต่งจากน้ำตาล ใช้ความหวานจากตัวส้มเองเลยนะคะ ลองก่อนได้ค่ะ เรามีทั้งน้ำส้ม องุ่น และลำไย”

“ขอองุ่นแก้วหนึ่งครับ”

“นี่ค่ะคุณลูกค้า ถ้าคุณลูกค้าซื้อสามแพควันนี้เราจะลด10% ทันที ยิ่งลูกค้าซื้อมากยิ่งได้ส่วนลดเยอะมากเลยนะคะ” อืม.....หวานดีแฮะ

“ขอบคุณครับ” ผมยกขึ้นชิมแล้วเดินออกมา โดยที่เธอยิ้มค้างอยู่ที่เดิมและมีไอปายืนมองตาค้างอยู่ข้างๆ อีกคน อะไรของมัน ไม่ยอมตามมาสักที เดี๋ยวก็โดนบังคับให้ซื้อหรอก ไอนี่

“ไอ้ปา ไปกันได้แล้ว”

“อะ ห้ะ? อ๋อ...โอเคๆ” อะไรของมัน งงๆ แปลกๆ

“เมื่อกี้......มึงไม่ซื้อแล้วไปแดกของเขาทำไมวะ” ผมยกขึ้นดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

“ไม่เห็นเป็นอะไรเลย อร่อยดีออก” มันส่ายหน้าใส่ผมช้าๆ

“มึงนี่น๊า......กูล่ะเชื่อเลย”

“อะไร บ่นมาก ผักยังไม่ได้ซื้อเลย ไปๆ ยังเหลือของอีกเยอะ”

สุดท้ายผมกับมันก็เดินไปยังจุดโน้นจุดนี้เพื่อซื้อของต่างๆ ที่ขาด อย่างแชมพูเอย สบู่เอย โอ๊ะ......อย่าบอกมันนะ เดี๋ยวมันให้ผมจ่ายเอง คิกคิก
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
และเมื่อเรากลับมาจนถึงห้องของผม เราก็มีปัญหาใหญ่มากรออยู่ ไม่ใช่เรื่องของเพื่อนบ้านตีกันหรืออะไรทำนองนั้น และแน่นอนว่าวันนี้ผมไม่ได้เจอโจรปล้นเพราะผมไม่ได้ซื้อของsale แต่ปัญหาของผมคือ......

“เชี้ยเอ๊ย!!! แม่งยัดไม่เข้า” ผมโมโหมาก เมื่อพยายามดันเท่าไหร่มันก็ไม่เข้าสักที

“ก็ซื้อห่าอะไรไม่เคยจะดูขนาดของตู้เย็นมึงไง” ไอคุณชายมันนั่งบ่นผมทั้งๆ ที่ปากยังเคี้ยวโดนัทที่ซื้อมา

“ทำไงดีวะ กูเสียดาย กูจะร้องไห้แล้วนะ ฮื่อออออออออ” พูดแล้วน้ำตาไม่ไหล เอาวะ น้ำลายแปะๆ เอาก็ได้

“ซกมกจริงๆ มึงนี่ เดี๋ยวพรุ่งนี้กูซื้อตู้เย็นใหม่มาให้” มันลุกขึ้นปัดมือที่มีโดนัทติดอยู่ออก แล้วเดินมาเอาชายเสื้อของมันเช็ดน้ำตาของผม เอ่อ.....ถึงจริงๆ มันจะเป็นน้ำลายก็เถอะ

“มึงมีเงินเหรอวะ มันไม่ใช่ถูกๆ นะ” เหมือนมันจะชะงักไปเล็กน้อย

“ของมือสองสิวะ มือ1กูจะเอาปัญญาที่ไหน”
เออ ก็จริงของมัน ผมพยักหน้ารับรู้อย่างเข้าใจ พนักงานกินเงินเดือนอย่างพวกเราจะเอาปัญญาที่ไหนไปซื้อของแพงๆ ได้ล่ะครับ แค่ลำพังจะเลี้ยงตัวเองยังลำบากเลย คิดๆ แล้วผมก็รู้สึกไม่ดีเลยที่ต้องให้มันซื้อของพวกนี้ให้ผม มันดูมากเกินไป

“ปา.....”

“หือ” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าไอ้ปาที่กำลังเช็ดหน้าให้ผมด้วยสายตารู้สึกผิด

“กูขอโทษนะ เหมือนกูเอาเปรียบมึงยังไงไม่รู้” มันชะงักมือเล็กน้อยก่อนจะสบตาผมอย่างตั้งใจฟัง

“.....”

“กูเองก็ต้องกินต้องใช้ แต่กลับให้มึงซื้อทั้งหมด ทั้งๆ ที่อาหารเมื่อกลางวันมันก็แค่ ของsale” ผมหลับตาหดคอลง รอการฟาดลงมาของฝ่ามือใหญ่

“หึ......คิดว่ากูไม่รู้เหรอวะ” อะ อ้าว เป็นงั้นไป

“มึงรู้...”

“รู้ดิ แต่กูก็แค่อยากซื้อ ยังไงกูก็ต้องแดกข้าวตามร้านอยู่แล้ว สู้กูเอาเงินพวกนั้นไปซื้อของมาไว้ให้มึงทำไปให้กูแดกไม่ดีกว่าเหรอ ถูกกว่า อร่อยกว่าด้วย” อืม.......มันก็จริง

“เข้าใจใช่ไหม ว่ามึงไม่ได้เอาเปรียบกู กูยินดีที่จะจ่ายเอง” มันใช้มือทั้งสองข้างกุมใบหน้าผมไว้ให้เชิดขึ้น ก่อนจะหยิกแก้มและดึงมันจนยืดดดดด เอาใส่กระเป๋ากลับไปเล่นบ้านไปครับเพื่อน! จนผมต้องปัดมือมันออก

“พอเลยๆ หยิกแก้มกูเป็นเด็กๆ ไปได้มึงนี่”

“ใครให้แก้มมึงนุ่มมือน่าหยิกวะ” ผมมุ่ยหน้าใส่เมื่อได้ยินคำตอบ

“เอาเถอะ ทำอะไรให้กูกินหน่อยสิ เสียเงินไปเยอะกูเริ่มหิวแล้วนะตอนนี้”

ทวงๆ แล้วเมื่อกี้หมาตัวไหนมันบอกว่ายินดีเสียเงินวะ แม่ง แต่ก็นั่นแหละครับ ผู้อุปการคุณรายใหญ่แบบนี้ ด่าออกเสียงไม่ได้ พึมพำเอาอย่างเดียวครับ ส่วนมือผมน่ะเหรอ คุ้ยเอ๊ยค้นหาอะไรในตู้มาทำให้คุณชายเขาทาน เหมือนจะซื้อกุ้งมากับหน่อไม้ฝรั่ง เอามาผัดก็แล้วกัน

“มึงกินผักได้ใช่ไหม”

“ก็ได้นะ กูแดกได้ทุกอย่าง”
ก็ดี ผมหุงข้าวเอาไว้ก่อนเพราะผมคิดว่าเมื่อทำกับข้าวเสร็จข้าวก็คงสุกพอดี ผมลงมือปอกเปลือกกุ้งเหลือแต่ส่วนหัวให้ติดกับส่วนตัวเอาไว้ แม่ผมทำแบบนี้ตลอด แม่บอกว่ารสชาติของกุ้งมันจะอร่อยมากโดยเฉพาะส่วนหัวของกุ้งก่อนจะหั่นหน่อไม้ฝรั่งเตรียมเอาไว้ ผมตั้งกระทะ ใส่กระเทียมแล้วผัดกุ้งพร้อมกับเครื่องปรุงรสต่างๆ ก่อนจะใส่หน่อไม้ฝรั่งที่เตรียมไว้ลงไปผัดรวมกัน ไม่นานผมก็ตักมันขึ้นมาใส่จานก่อนจะเอาไปวางไว้ตรงหน้าของไอ้ปา แล้วเดินไปตักข้าวใส่จานมาวางให้มันกับผมอีกที

“เสร็จละ แดกเลย” ผมไม่มีพิธีรีตองอะไรหรอกครับ ทำเสร็จผมก็ตักกินเท่านั้น ผมเป็นคนที่ชอบข้าวสวยหุงสุกใหม่ๆ มันเป็นอะไรที่ฟินมาก ยิ่งกับข้าวหอมๆ ยิ่งชวนให้น้ำลายไหล

“อื้อหือ..........อร่อยโคตร!” ไอ้เว่อร์

“ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ กูดูไม่ออกเลยว่ามึงเฟค” ผมตักข้าวเข้าปากเรื่อยๆ มองอีกฝ่ายที่หัวเราะเบาๆ แต่ก็นั่งกินต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งผมก็มองเป็นพักๆ ก็แหม ผมอยากรู้นี่ครับว่าอาหารที่ผมทำอร่อยหรือเปล่า

“อะไร”

“ก็......เปล่า”

“หึ......เติมได้ไหม กูหิวมาก” เอ๊ะ

“ได้ๆ เดี๋ยวกูตักให้”

ไม่ต้องพูดว่าอร่อย แค่คำว่าเติมอีกมันก็เหมือนกับอีกฝ่ายพูดว่าอร่อยนั่นล่ะครับ ซึ่งแน่นอน แค่นี้ผมก็ยิ้มจนแก้มปริแล้ว
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
เช้าวันใหม่กับการยุ่งยากในออฟฟิศที่ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง เพราะแค่ถึงเวลาเข้างานทุกอย่างก็วุ่นวายไปหมด ไม่เว้นแม้แต่ผมที่โดนตั้งแต่เช้าเชียว

“ไอ้นก กูดีใจที่เห็นมึงขยันนะ”

“ครับพี่อาร์ต ก็งานผมนี่นา”

“หึหึ ได้ยินแบบนี้ก็ดีเลย เพราะกูมีข่าวดีมาบอกมึง” ผมเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารมองหน้าพี่อาร์ต

“อะไรหรือครับพี่ งานเพิ่มนี่ผมของบายนะครับ” ซึ่งนั่นแหละครับ พี่อาร์ตหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อผมพูดดักทางเอาไว้

“ไม่ใช่เว้ย มึงนี่! พอดีกูได้ยินจากเบื้องบนมาว่าเขากำลังจะเลื่อนตำแหน่งให้พนักงานอย่างเรา”

“ครับพี่....” ผมมองหน้าพี่อาร์ตอย่างสงสัย ก็นกไม่เข้าใจนี่ครับ

“ดีใจด้วยไอน้อง ชื่อมึงติด1ในนั้น” หา!!!!

“จริงหรือพี่ ผม ผมได้รับการเสนอชื่อเหรอครับ” พี่อาร์ตตบไหล่ผมอย่างแรง ถ้าในออฟฟิศจะมีคนหวังดีกับผม ก็มั่นใจได้เลยครับว่านอกจากไอปาแล้วก็มีพี่อาร์ตนี่ล่ะครับอีกหนึ่งคน

“จริงสิวะ อีกสองวันผลจะออกมา เตรียมตัวเอาไว้ล่ะ”

“ครับพี่!!! ขอบคุณพี่มากนะครับ” ผมยกมือไหว้ด้วยความตื้นตัน

“เฮ้ย! ไม่ต้องไหว้ๆ อย่าคิดมาก กูได้ยินมาก็แค่มาบอกเท่านั้น ยังไงก็ดีใจด้วยนะ”

“ครับ!!!”

ผมมีความสุขมาก งานแม้จะกองจนท่วมหัวผมแต่มันกลับเป็นเพียงบันไดเล็กๆ ที่ผมจะไต่มันขึ้นไปสู่การอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าเท่านั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นไอนก ทุกๆ อย่างจะดีขึ้น!!!

“เที่ยงแล้ว ไหนข้าวกู” อะ อ้าว เที่ยงตอนไหนวะ ผมมองไปรอบๆ ตัวเห็นพนักงานหลายคนกำลังออกไปทานข้าวข้างนอกกันเป็นส่วนใหญ่

“โทษทีวะ กูกำลังดีใจ” ผมอมยิ้มค้นหาปิ่นโตของไอ้ปาก่อนจะยื่นให้มัน

“เรื่องอะไรวะ”

“มึงต้องไม่เชื่อแน่!!” ผมเม้มปากเพราะกลัวว่าจะหลุดยิ้มที่บ่งบอกได้ว่าในใจผมมันเต้นแรงและดีใจขนาดไหน

“.....”

“กูกำลังจะได้เลื่อนตำแหน่ง ไอ้ปา กูกำลังจะได้เป็นหัวหน้า!!”

“..!!!”

“กู กูดีใจมาก จนจะบ้าอยู่แล้ว มึงเชื่อไหม”

“เออ.......กูเห็นแล้ว” มันส่งยิ้มให้ผมบางๆ ผมตื่นเต้นที่ได้บอกเพื่อนสนิทของผม ในขณะที่มันเปิดปิ่นโตออกดู

“อันนี้ของกูเหรอ”

“ใช่ ทำไมวะ มึงไม่ชอบถั่วฝักยาวผัดเหรอ ยังมีแกงส้มผักรวมกับกุ้งด้วยนะ” มันเลิกคิ้วขึ้น แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร มันตักกินอย่างสบายใจ ผมจึงหันไปหยิบของตัวเองออกมากินบ้าง

“อร่อยไหม มีอะไรที่ไม่ชอบก็บอกนะ เผื่อกูทำมาไม่ถูกใจมึง” ผมตักกินไปด้วยบอกมันไปด้วย

“ก็ไม่ได้แย่อะไร ปกติกูไม่ค่อยชอบแกงส้ม แต่ไม่เป็นไร กูว่ามันก็อร่อยดี” ผมเหลือบมองมันที่ตักกินด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อน มันคงไม่ได้เกลียดขนาดนั้นมั้ง

“พรุ่งนี้ ขอข้าวผัดอเมริกันได้ไหมวะ” เอ......วันก่อนไม่ได้ซื้อไส้กรอกเสียด้วยสิ

“ไม่มีไส้กรอกวะ จำพวกถั่วลันเตากับของจุกจิกที่ใช้ทำมันมีไม่พอ”

“เหรอ......ไม่เป็นไร” ผมมองใบหน้าของมันที่หงอยลงทันที เอ้า......เอาวะ เดี๋ยวค่อยกลับไปดูของ ข้าวผัดอื่นมันก็คงกินได้เหมือนกันแหละ

“อร่อยดีนะ กูชอบ ขอบใจมาก”

“เออ ไม่เป็นไร”

ผมมองมันที่วางปิ่นโตเอาไว้แล้วเดินกลับไปเงียบๆ วันนี้ผมรู้สึกว่าไอปามันแปลกๆ มันเป็นอะไรวะ แค่ไม่ได้กินข้าวผัดต้องหงอยขนาดนี้เลยเหรอ แล้วผมต้องทำไงล่ะครับ ก็ของจะทำมันไม่พอ เฮ้อ......สรุปนี่ผมมีลูกต้องเลี้ยงใช่ไหมครับ ไม่ได้มีเพื่อน ให้ตายเถอะ ผมได้แต่เก็บปิ่นโตไปล้าง ในสมองก็ประมวลหาข้าวผัดที่จะทำให้ไอเด็กน้อยขี้งอนมันกิน เป็นข้าวผัดไข่กับแตงกวายัดไส้น่าจะได้มั้ง คงต้องลองทำดู ไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยวงอนมากๆ หรือนานๆ เข้าจะง้อยาก




50%




เมื่อไหร่แม่จะได้กินบ้างล่ะคะลูกกกก ทำให้แต่ผั- แค่กๆ เพื่อนตัวเองกิน แม่จะงอนหนูแล้วน๊าาา ใครอยากกินกับข้าวของน้องนกจงวางปลาทูซะดีๆ ไม่งั้นน้องนกจะยกข้าวไปให้ปากินคนเดียวววววว

#ปากินนก

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
     วันต่อมา

ผมก็ยังคงนั่งทำงานของตัวเองต่อไป ยิ่งช่วงปลายๆ เดือนผมยิ่งมีงานเข้ามาเยอะมาก และดูเหมือนไม่ได้มีแค่ผมเพราะทุกคนก็ดูวุ่นวายเช่นกัน ตอนแรกที่ผมเข้ามาในบริษัทนี้มันเป็นอะไรที่ยากลำบากแต่ผมไม่คิดเลยว่าทางบริษัทจะรับผมเข้ามาทำงาน ด้วยเกรดเฉลี่ยของผมที่ไม่ได้สูงและประสบการณ์ก็ไม่มี ตัวผมเป็นเพียงนักศึกษาที่เพิ่งเรียนจบ แต่ทางบริษัทก็รับผมจากคนที่สมัครอีกมากมาย ตัวผมจึงไม่อยากทำอะไรให้บริษัทผิดหวัง ยิ่งโอกาสก้าวหน้าลอยมาให้ผมคว้า ผมก็อยากจะทำให้เต็มที่เผื่อให้ได้เห็นว่าผมสามารถทำได้จริงๆ

การที่ได้เลื่อนตำแหน่งนั่นก็ย่อมหมายถึงเงินเดือนที่สูงขึ้นด้วย ครอบครัวของผมเองก็จะสบายขึ้น ผมก็ไม่ต้องนับวันหรือนับเหรียญจ่ายในช่วงปลายเดือน นี่โชคดีหน่อยที่ได้ไอ้ปามาช่วยแบ่งเบาค่ากินเพราะถ้าไม่ได้มัน ผมคงยังนั่งกินแต่ไข่อยู่ ถึงแม้จะต้องแลกด้วยการที่ผมต้องลุกขึ้นมาแต่เช้าเพื่อทำอาหารกลางวันสองชุดก็ตาม แต่มันก็ไม่ได้หนักหนาอะไรเลย นี่มันก็ซื้อตู้เย็นมาให้อย่างที่มันพูดเอาไว้ ติดอยู่แค่ว่า มันดูใหม่มากๆ ใหม่เกินที่จะเป็นของมือสอง แต่มันก็ยืนยันเป็นเสียงหนักแน่นว่าแค่มือสองจริงๆ ผมจะทำอะไรได้นอกจากจะเชื่อที่มันพูด แต่บางทีเขาอาจจะย้ายบ้านหรือย้ายที่อยู่แล้วไม่อยากจะเอาไปเลยขายถูกๆ ก็เป็นไปได้เหมือน ซึ่งผมเองก็เคยเจอที่เขาขายยกชุดเพราะขี้เกียจที่จะขนไป แต่ช่วงนั้นผมไม่มีเงินเท่าไหร่และคิดว่าไม่ได้จำเป็นอะไรมากเลยไม่ได้ซื้อมาไว้ ตู้เย็นใหม่ของไอ้ปาเป็นแบบ Twin ที่ผมเคยเดินดูในห้างซึ่งเป็นมือหนึ่งที่แพงมาก แต่ไอ้ปาซื้อมาในราคาแค่4,000 บาท ไม่รู้ไปต่อราคาอีท่าไหน ได้มาถูกเกิน ผมล่ะหมั่นไส้ความหล่อของมัน ถ้าเป็นผมไปซื้อสักบาทเดียวเขาก็คงไม่ลดให้ผมหรอก

“นก เอกสารที่พี่ส่งไปให้เสร็จหรือยัง”

“ครับพี่ เสร็จแล้วครับ” อยู่ไหนวะ ด้วยความที่ว่า โต๊ะผมรกไปด้วยกองงาน มันจึงหายากนิดหน่อย

“อ๊ะ......นี่ครับพี่”

“เออ ขอบใจมาก”

เมื่อผมยื่นเอกสารให้พี่จีเสร็จผมก็หันมาเคลียร์งานบนโต๊ะต่อ จนลืมเวลาไปเลย รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้ปาเดินมาสะกิดไหล่ผม

“ข้าวกูล่ะ” ไอ้ห่านี่มาทีก็ทวงแต่ข้าว

“อะ.........ของมึง”

“วันนี้ทำอะไรกินวะ” ไอ้ปาถามขณะที่ยังคงวุ่นอยู่กับการแกะกล่องข้าว

“...!!” ไงล่ะๆ ตาค้างเลยสิ หึหึ

“กูตื่นสาย กูเลยทำข้าวผัดไข่มาให้แทน” ไอ้ปาส่งยิ้มกว้างอย่างดีใจมาให้ผม เชี้ย!! แสบตา ความหล่อมันพวยพุ่งมาก?

“ขอบใจว่ะ”

“อีกกล่องนั่นเป็นต้มจืดแตงกวายัดไส้ มึงเอาไปอุ่นกับไมโครเวฟของบริษัทก็ได้นะ จะได้ร้อนๆ " ใช่ครับ จะทานให้อร่อยมันก็ต้องอุ่นให้ร้อน และแน่นอนว่าไอปามันทำตามอย่างแน่นอน ถือกล่องเดินละลิ่วตัวปลิวไปหน้าไมโครเวฟเรียบร้อย ไม่นานกลิ่นหอมก็ลอยมาเชียวครับ เล่นซะน้ำลายหกเลยทีเดียว ส่วนผมน่ะเหรอ แกะกล่องข้าวรอไอปาเอาต้มจืดกลับมาครับ ตอนนี้ในบริษัทคนอื่นๆ เขาก็ออกไปทานข้างนอกกันหมด จะเหลือก็แค่ผมสองคนเท่านั้น ผู้ชายสองคนในบรรยากาศอันเงียบงันกับแอร์เย็นๆ ชวนสยองใช่ไหมล่ะครับ แต่ทำไงได้ล่ะทางรอดของคนกินเงินเดือนก็คือต้องประหยัดเท่านั้น อะไรที่ประหยัดได้ก็ประหยัด และผมก็เต็มใจประหยัดเผื่อแผ่มันด้วย แต่ใช่เพราะผมจะพิศวาสอะไรมันนะครับ ผมแค่เห็นว่ามันซื้อของให้แล้วผมก็แค่ลงมือทำ ส่วนข้าวผัดวันนี้ก็ไม่ใช่อะไร แค่เห็นว่ามันทำง่ายผมเลยทำมาไม่ใช่เพราะมันอยากจะกินเลย จริงจริ๊ง

“อุ่นเสร็จแล้ว” ไอปาวางกล่องต้มจืดลงตรงหน้าผมก่อนที่มันจะลากเก้าอี้มานั่งทานด้วยกัน

“แดกๆ เดี๋ยวคนอื่นกลับมาก่อน” ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจกับสิ่งที่มันบอก

“ทำไมวะ คนอื่นมาก็ใช่ว่าจะหมดเวลาพักเสียหน่อย”

“กูไม่ได้กลัวหมดเวลา” มันก้มหน้าก้มตากิน เช่นเดียวกับผมที่ลงมือจัดการตักเข้าปาก

“.......”

“กูกลัวคนอื่นเขาจะมาแย่งกิน”

“ฮ่าๆ เอาน่า ถ้ามีคนมาแย่งกิน เดี๋ยวพรุ่งนี้กูทำให้กินใหม่ก็ได้” ผมหัวเราะกับความขี้หวงของกินเหมือนเด็กๆ ของมัน

“ไม่ใช่.....”

“.....”

“กูแค่ไม่อยากให้ใครได้กิน........นอกจากกู”

“..!!”

ผมนิ่งค้างช้อนที่ตักต้มจืดยังคาปาก น้ำซุปยังคงละลายอยู่ภายในช่องปาก โดยที่ตัวผมลืมกลืนมันด้วยซ้ำ สมองของผมค่อยๆ ประมวลผล แต่มันก็ดูจะตื้อเกินไป ราวกับมันไม่เข้าใจความหมายได้แค่วนเวียนเปิดคำพูดนั้นซ้ำๆ กูแค่ไม่อยากให้ใครได้กิน.......นอกจากกู นอกจากกู นอกจากกู

สติของผมกลับมาเมื่อรับรู้ความร้อนจากปลายนิ้วของคนตรงหน้าที่เช็ดเข้าที่มุมปากของผม นั่นทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย

“แดกดีๆ สิวะ เสียดายของ”

“...!!!”

เชี้ย!!! ผมนี่ร้องเหี้ยหนักมากเพราะแม่งเอานิ้วที่เช็ดปากผมเข้าปากมัน ไม่ต้องเสียดายครับมึง กูยกให้ทั้งถ้วยเลยไอปา แค่หยดเดียว เช็ดเอาก็ได้ ก็อยากจะพูดอยู่หรอกครับ แต่หัวผมแม่งว่างจนเบลอเพราะนอกจากจะตัดข้าวเข้าปากเรื่อยๆ แล้ว ผมก็คุยกับใครไม่รู้เรื่องหรอก อยากจะกวนตีนมันเหมือนเดิม แต่วันนี้แม่งเป็นห่าอะไรไม่รู้ ผมแม่งเขินไอปา ไม่ได้ๆ ผมต้องทำตัวให้เนียน

“ใช่!!! กูนึกได้ว่าลืมแปรงฟัน”

พรวด!!!!

“ไอ้เหี้ยนก!!!!” น้ำแกงเอย ข้าวเอย มาเต็มๆ หน้าไอ้นกเลยครับ แต่ก็ดีหน่อย ผมจะได้กลบเกลื่อนง่ายๆ

“ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ กูล้อเล่น ฮ่าๆ มึงเชื่อจริงดิ”

“ไอ้สัตว์ มึงนี่ จิ๊...”

ผมกับมันทานข้าวกันในบรรยากาศที่เรียกว่าเฮฮา นั่นผมรู้สึกดีกว่าที่มันเป็นก่อนหน้านี้ที่ผมทำตัวไม่ถูก ผมไม่ชอบสถานการณ์แบบนั้นเลยครับ ผมหน้าร้อนผ่าวกับการวางสายตาไม่เป็นที่และแขนขาที่เกะกะขวางทางไปหมด ไม่รู้ว่าควรเอาไปไว้ตรงไหน ไม่รู้ว่าควรทำหน้ายังไง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไร ไม่รู้แม้กระทั่งว่าผม.....ใจเต้นทำไม
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
หลังจากที่ทานกันจนหมด ผมก็เก็บทุกอย่างล้าง ใช่สิครับ ผมต้องล้างจะใครล่ะ ก็เพราะผมดันไปพูดเอาไว้ไงว่า ไม่ต้องล้างจานให้ล้างเองได้ มันก็แดกแล้วเดินตัวปลิวกลับไปทำงานต่อ ส่วนผมต้องยืนล้างในห้องน้ำชาย

“เฮ้ย นก ได้ข่าวมาแล้วนะ ขอให้โชคดีได้เลื่อนขั้นนะโว้ย”

“ขอบคุณครับพี่” แต่จะดีกว่านี้ถ้าพี่มึงจะล้างมือหลังที่เยี่ยวเสร็จ ไม่ใช่มาตบหลังกู กลิ่นเยี่ยวแม่งจะติดตัวกูไหมเนี่ย

ผมหอบกล่องข้าวที่ล้างเสร็จออกจากห้องน้ำเพื่อกลับไปยังโต๊ะทำงานของผมเอง ระหว่างทางทุกคนที่เดินผ่านก็เอาแต่แสดงความยินดีกับผมซึ่งผมไม่รู้เลยว่าข่าวมันมาจากไหน แต่ผมก็รู้สึกดีนะครับ ที่ได้รู้ว่ามีคนยินดีกับผมมากขนาดนี้

ผมไล่ความคิดฟุ้งซ่านทุกอย่างก่อนจะลงมือทำงานตัวเองต่อ ถ้าจะต้องขึ้นเป็นหัวหน้าผมต้องพยายามอย่างหนักเผื่อให้ทุกคนเห็นว่าผมเต็มที่จริงๆ และผมพร้อมจะเป็นที่พึ่งให้กับทุกคน แต่ผมก็รู้ว่าไม่ได้มีผมแค่คนเดียวที่เป็นหนึ่งในรายชื่อ ซึ่งอย่างน้อยๆ พี่หนูเองก็อยู่ในรายชื่อนั้น และตัวพี่หนูเองก็มีหุ้นส่วนบางคนหนุนหลังให้อยู่ โดยตัวผมเองไม่ได้มีใครหรืออะไรหนุนหลังเลยผมจึงทำได้แค่แสดงให้พวกเขาเห็นว่าผมนี่แหละคือคนที่พวกเขาควรจะเลือก

พี่หนูไม่ชอบผมมาตั้งแต่ไอปามันเอางานไปคืนและดูพี่แกจะเกลียดขี้หน้าผมด้วยซ้ำไป ผมอาจจะโง่ แต่เรื่องนี้ผมยอมรับเลยว่าโง่จริงๆ เพราะแค่งานชิ้นเดียวที่ผมไม่ยอมทำให้พี่หนู แกต้องจงเกลียดจงชังผมขนาดนี้เลยหรือ ผมไม่เข้าใจจริงๆ แต่จะหันไปถามใครได้ล่ะครับ ผมมันก็แค่ไอบ้านนอกที่จับพลัดจับผลูได้มาทำงานในบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศเท่านั้น เกียรตินิยมก็ไม่มี เกรดเฉลี่ยก็ไม่ได้ดีกว่าคนอื่นเขา แค่ดวงดี แค่โชคดีเท่านั้น ส่วนพี่หนูแกเจ้ามาได้ด้วยการฝาก หรือที่เขาเรียกกันว่าเด็กเส้น แต่เด็กเส้นคนนั้นทำงานกับบริษัทมาแล้วห้าปี แต่ผมทำมาแค่สองปี ประสบการณ์ที่มีก็ไม่เท่า 
ผมเคยเจอกับท่านประธานครั้งหนึ่ง ท่านเป็นคนที่ใจดีมากครับ ผมยังเคยได้รับของฝากที่พี่ฝ้ายเอามาให้โดยที่พี่ฝ้ายบอกว่าท่านประธานนำมาฝากผม ผมดีใจนะครับถึงแม้ในใจจะสงสัยก็ตามทีว่าทำไมท่านถึงให้ผม แต่ก็เท่านั้นคนอย่างไอ้นก เจอของอร่อยก็ลืมเหตุผลไปหมด แน่นอนครับ ไอปามันก็ด่าผมว่าไอตะกละไปตามระเบียบ แต่คนอย่างไอ้นกไม่มีแคร์ครับ อิจฉาตาร้อนแล้วหาเรื่องด่าผมก็อย่างนี้แหละ

“กลับบ้านได้แล้ว ขยันเอาโล่เหรอมึง” อะไรวะ เผลอแป๊บเดียวก็เย็นเสียแล้ว

“อ้าว.....เลิกงานแล้วเหรอวะ” ผมหันมองซ้ายมองขวา ทุกคนล้วนแต่กำลังเก็บของกลับบ้านกันทั้งนั้น

“เออ มึงใจลอยไปไหนเนี่ย” ใจลอยเหี้ยอะไร ไอ้นี่ก็พูดไม่คิด

“กูทำงาน ใจลอยที่ไหนวะ”

“จะรู้เหรอวะ เห็นมึงนั่งมึนไม่รู้เวลา” ปากหมาจริง

“ชิ......กูไม่อยากคุยกับมึงแล้ว” ผมรีบเก็บของลงกระเป๋าอย่างเร่งรีบ วันนี้เป็นวันเงินเดือนออกด้วยสิ

“เหรอ.......ไม่อยากคุยจริงดิ” ผมกัดปากพยายามกลั้นขำเต็มที่ ก็ไอ้ปาเล่นทำหน้าตาตลกแบบนี้นี่

“แน่ใจนะ..........นี่กูคิดว่าจะพามึงไปเลี้ยงข้าวเย็นเสียหน่อย สงสัยต้องชวนคนอื่น น่าเสียดายจัง” ผมรีบหันไปคว้าแขนมันทันที (ที่ได้ยินว่าเลี้ยง)

“เดี๋ยวดิ.......กูว่าง ไปได้ๆ” มันเลิกคิ้วเล็กน้อย

“แน่ใจ โกรธกูไม่ใช่เหรอวะ” มันรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ใคร๊ มันจะไปกล้าโกรธเคืองท่านเทพปรมะ

“ไม่มี๊ ใครมันจะไปโกรธมึ๊งงง ว่าแต่จะพากูไปเลี้ยงที่ไหนวะ”

“หึหึ.........เดี๋ยวก็รู้”

บรรยากาศร้านที่มันพาผมมานี่อย่าให้ผมต้องพูดออกมาเลยครับ เพราะมันหรูมาก!! โคตรของโคตรหรู และผมคิดว่าชีวิตนี้เกิดสักสิบชาติผมก็คงไม่มีบุญได้เข้าด้วย โคมไฟระย้าที่ประดับอยู่บนเพดานกับความระยิบระยับของแสงไฟ โต๊ะถูกจัดแต่งไว้มีไม่มากจนดูรกตา ความหรูหราจากการแต่งกายของผู้คนที่เข้ามารับประทานยิ่งเสริมให้ดูมีระดับขึ้นไปอีก ผมนั่งเจียมตัวหดหัวอยู่ที่โต๊ะไม่กล้าแม้แต่จะเสนอหน้าไปคุยกับพนักงานเสริฟด้วยซ้ำ เพราะจากการแต่งกายของเขายังดูดีกว่าเหงาของผมอีก นี่ไอปามันจงใจพาผมมาขายขี้หน้าใช่ไหมเนี่ย

“ไอ้ปาๆ กูไม่มีปัญญาจ่ายนะ” มันเบนสายตาจากเมนูมามองหน้าผม

“ก็กูบอกอยู่ว่ากูเลี้ยง” ไอ้สัตว์ เงินเดือนมึงกับกูก็พอๆ กัน ยังจะมาพูดอีก

“ออกตอนนี้ยังทันนะมึง” ผมยกเมนูขึ้นบังหน้าไม่ให้พนักงานที่ยืนรับออเดอร์อยู่ได้ยิน

“ออกตอนนี้ก็ไม่ทันแล้วครับน้อง สั่งสักทีเถอะครับ กูเมื่อย!!” เวร........กูนึกว่ามึงไม่ได้ยิน

“อะแหะๆ ครับๆ”

“หึหึ.....มึงก็ไปแกล้งมันไอชาย” หือ..... ผมมองหน้าไอ้เด็กเสริฟที่ชื่อชายสลับกับหน้าไอ้ปาด้วยความงุนงง อะไรวะ......หรือกูโง่

“โทษทีวะ......เด็กมึงแม่งน่าแกล้งฉิบหาย” บุคคลซึ่งเพิ่งจะเปิดเผยชื่อเปลี่ยนเป็นยืนด้วยท่าทีสบายๆ ยกมือขึ้นเสยผมไปมาด้วยท่าทางแบดๆ

“มะ ไม่ใช่ๆ ผม25แล้วครับ” ผมละล่ำละลักพูดแก้ต่าง แต่อีกฝ่ายกลับปล่อยก๊ากเสียอย่างนั้น ผมพูดอะไรผิดวะเนี่ย

“ฮ่าๆ เด็กมึงจี้วะไอ้ปา”

“หึหึหึ”

“???” ผมนั่งเอ๋อแดกงองูแบบอินฟินิตี้ยาวๆ

“ไม่ได้หมายถึงมึงเด็ก”

“....” อ้าว แล้วหมายถึงอะไรวะ

“มันหมายถึง......มึงกับกู.....อะ” เว้นหาเหี้ยอะไรวะ แล้ววันนี้กูจะเข้าใจไหม

“????” ผมจึงหันไปทำหน้างงชวนสงสัยใส่เพื่อนไอ้ปาแทน

“อย่างงใส่กู กูหมายถึง มึงเป็นแฟนมัน” อ๋อ.....กูเข้าใจล่ะ

“ไม่ใช่ๆ เป็นเพื่อนกัน!” ผมนี่แทบเด้งหนีเลยครับ แต่เหมือนเจ้าตัวยังคาใจเพราะผมเห็นชายหันไปถามไอ้ปาทางสายตา จนไอปายิ้มมุมปากก่อนจะพยักหน้าเบาๆ จนชายยิ้มอย่ามีเลศนัยที่คนโง่ๆ อย่างผมไม่เข้าใจ

“ทำไมยิ้มแบบนั้นกันวะ”

“หึ เปล่านิ”

“เอ้าสั่งสิคุณปรมะ นั่งอมอากาศแล้วจะอิ่มไหม” กัดทุกคำจริงๆ สมแล้วที่เป็นเพื่อนกัน

“เป็นพนักงานก็เลือกมาสิวะ กูรอแดกกับจ่ายตัง” ไอ้ปาโยนเมนูลงอย่างไม่สนใจจะอ่านอีก

“เออ!! เดี๋ยวกูจะเอาให้มึงจนเลย” ผมนี่แทบจะลงไปกราบไอ้ชายเลยครับ กลัวไม่มีปัญญาจ่ายอ่ะบอกตรงๆ

“กูจนอยู่แล้ว ไอ้ชาย”

“อะ อ๋อ เออๆ กูลืม เดี๋ยวลงบิลกูไว้ก็ได้นะ ยังไงก็สวัสดิการพนักงานของร้านอยู่แล้ว” ไอ้ชายยิ้มให้ผมก่อนจะเดินเข้าไปในครัว

“ไอ้ปาๆ”

“ว่าไงนก”

“มึงว่ากูลาออกจากงานดีป่ะวะ” ผมถามสีหน้าจริงจังจนมันมีสีหน้างงงวย

“ทำไม”

“สวัสดิการร้านนี้ดี กูว่าจะลาออกมาทำที่นี่”
ผลัวะ!

“โอ๊ย!!!” หัวผมระบบหมดแล้วเนี่ย

“อย่าแม้แต่จะคิด ไม่ทันไรนี่มึงคิดทรยศบริษัทซะแล้วเหรอ”

เออ ก็จริงของมัน ทำงานมาตั้งหลายปี ไหนจะตำแหน่งที่รอลุ้นอยู่

“จริงของมึง”

“เออ!! .....คิดซะบ้าง!!”

ผมพยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่มันพยายามจะสื่อความหมาย สงสัยผมคงจะคิดน้อยไปจริงๆ ผมนี่โง่จริงๆ เลย

“แล้วมึงว่า เขารับพนักงานพาร์ทไทม์ไหมวะ”

“โว้ย!!!! ไอ้ห่านก ไอ้เหี้ย!!!”

ผมผิดตรงไหนทำไมมันต้องทำหน้าตาเหมือนผมหยิบหนอนมาแดกด้วยวะ ก็หาเงินสองทางไง ไม่ได้ลาออก กูก็ทำพาร์ทไทม์หาเงินพิเศษแถมได้แดกของหรูมีสวัสดิการด้วย เหี้ยดีอ่ะ ถ้าผมเจอที่นี่ก่อนนะ ผมไม่ไปสมัครหรอกบริษัทนั้น แหะๆ ผมล้อเล่นครับ แต่ผมอยากทำพาร์ไทม์จริงๆ นะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
อาหารมาเสริฟเป็นอาหารที่ผมไม่รู้จักครับ ก็ยังดีที่พอจะงูๆ ปลาๆ แดกไปได้ไม่ปล่อยไก่ เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยได้กินหรอกครับอาหารแบบนี้ ส่วนไอ้ปาแดกแบบชิลค์ๆ มาก จนผมยังอึ้งแต่ไม่กล้าถามกลัวว่าปกติเขาจะทานกันเป็นแล้วกลายเป็นว่ามีแต่ผมที่โง่แดกไม่เป็นแค่คนเดียว กลิ่นหอมที่ไม่เหมือนอาหารที่ผมทำ ความกลมกล่อมของรสชาติและความลงตัวมันทำให้ผมต้องละเมียดละไมเคี้ยวให้นาน (จริงๆ แค่อยากเก็บรสชาติ เพราะไม่รู้เมื่อไหร่จะได้แดกอีก) ไม่อยากให้อาหารตรงหน้าหมดลงเลย ผมที่กินช้ากว่าปกติจนดูมีมารยาท วางท่าทางสง่า (?) ดูแล้วโคตรจะรวย แต่ดูการแต่งตัวผมสิครับ เสื้อเชิตผูกเน็กไทเก่าๆ กับรองเท้าที่ผ่านการใช้งานมานานไม่ต่ำกว่า3ปี และแว่นตาบนหน้าที่หนาจนแทบจะเอามาใช้แทนจานอาหารยังได้ 

ส่วนไอปาแค่เสื้อเชิตยับๆ ยับแบบมีสไตล์ เน็กไทถูกดึงลงให้ดูหลวมๆ กับผมที่ถูกเซ็ตมาตั้งแต่เช้าที่แม่งก็ยังอยู่ทรงเดิม จนบางทีผมก็แอบคิดว่านั้นแว็กซ์หรือโบกปูนกันแน่อึดถึกทนเหลือเกิน และที่สำคัญ...ใบหน้าที่หล่อเหลาของมันไม่มีใครมองหรอกครับว่าแม่งเป็นพนักงานบริษัทแบบผม นี่ถ้าผมไม่ได้มากับผมถามว่าพนักงานเปิดประตูเขาจะอัญเชิญตัวผมเข้ามาไหม เหอะ!! โลกแม่งลำเอียง ไม่สิ ต้องบอกว่า คนบนโลกแม่งลำเอียง!!!

และในที่สุดแม้ว่าผมจะพยายามแดกช้าแค่ไหน มันก็ต้องหมดอยู่ดี นี่ถ้าเลียจานได้นี่ผมเลียไปแล้วนะ เสียดาย หรือเก็บจานไปล้างให้เขาที่บ้านดีวะ

“เอาอีกจานไหม”

“อะ ห๊ะ เฮ้ยไม่เอาๆ พอแล้ว” ผมยิ้มยิงฟันให้ชายที่ถามผม คงเวทนาที่ผมจ้องจานจนแทบจะแดกมันเข้าไป

“เออ กูลืมแนะนำเลย นี่ไอ้ปฐพี เพื่อนสมัยเรียนมหาลัยของกูเอง ส่วนมึงไอ้ชาย นี่ไอ้นก เพื่อนที่ทำงานของกู” ไอ้ชายทำหน้าอ๋อเหรอใส่ไอ้ปาที่มันแนะนำผม แต่ผมได้แต่ยิ้มให้มันไป แต่กูยังคาใจอยู่นะ

“เอ่อ....ชาย”

“ครับผม....” อ๊ากหล่อ.........ไม่ใช่แล้ว ผมจะไขว้เขวกับรอยยิ้มของเจ้าชายไม่ได้ๆ ผมมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องถาม

“มึงจะหน้าแดงหาพ่อมึงเหรอวะ ไอนก!!!” สะดุ้งสิครับ เรียกซะลั่นร้านขนาดนี้

“กะ กูเปล่านะ”

“มึงก็เลิกยิ้มได้แล้วไอชาย!! อย่าให้กูต้อง...”

“จะดุทำเหี้ยอะไรวะ นกมันตัวสั่นหมดแล้วดูสิ”

ตึง!!!

ชายที่กำลังลูบหัวลูบหางผมสะดุ้งตกใจพร้อมๆ กับผมเลยครับ ก็คุณพ่อเล่นทุบโต๊ะเสียดังขนาดนั้น นี่ผู้จัดการยังไม่มาไล่เราอีกเหรอวะเนี่ย

“อย่า-เยอะ!!” ชายหัวเราะชอบใจ ในขณะที่ผมไม่เข้าใจว่ามันโกรธอะไรเลยได้แต่นั่งตัวลีบที่สุด

“แล้วนกจะถามอะไรเราเหรอ” เออใช่ๆ

“คือ เอ่อ ที่นี่ รับพนักงานพาร์ทไทม์ไหม”
ปัง!!!

“ไอนก กลับ!!!” อ้าว พ่อมันลุกยืนแล้ว งานกูล่ะ

“ดะ เดี๋ยวดิ กูยังไม่ได้คำตอบเลย” ผมพยายามรั้งแขนไอปาเอาไว้

“หึหึ.....ปกติก็รับนะ แต่กรณีนกเราคงรับไม่ได้อ่ะ” เอ๊ะ ทำไมหว่า ผมก็มีแขนมีขาครบปกตินะ ไม่เห็นต่างจากคนอื่นตรงไหน

“ทะ ทำไมละ เราขยันนะ” รีบๆ ตอบหน่อย พ่อมันจะแดกหัวผมแล้ว

“ก็......พอดีเจ้านายเราเคยบอกว่าเจ้านายของนกน่ะ เขาดุมาก แถมขี้หวงซะด้วย ถ้าเราดึงนกมาคงมีปัญหา เดี๋ยวจะต้องไปฉีดยากันยกใหญ่” ฉีดยา?? ฉีดทำไม เจ้านายกูเป็นโรคร้ายเหรอ

“แต่เรา โอ๊ะ!! เจ็บนะไอ้ปา อย่าลากดิ” ไม่ทันได้พูดอะไรผมก็โดนรั้งออกมาจากร้านเรียบร้อยโดยมีชายซึ่งเป็นเพื่อนใหม่ หรือเปล่า ใช่นั้นล่ะ โบกมือไล่หลังเรามาก ว่าแต่ นี่ไม่ต้องจ่ายจริงดิ ท่าทางอาหารจะแพงด้วยนะนั่น

“เข้าไป!!” ผมถูกจับยัดใส่รถสวยราคาแพงแต่มันไม่ได้ซื้อ ซี๊ดดด กัดปาก!!

“เจ็บนะเนี่ย มึงแม่งชอบขวางเวลากูจะหาเงินเพิ่ม” ผมลูบข้อมือที่เริ่มจะแดงเพราะแรงบีบไปมา

“ไม่ต้องมาพูดเลย กูไม่ให้ทำ!!” เอ้า พ่อ ทำไมพ่อพูดจาไร้สมองแบบนี้ งานกูครับไอ้เหี้ย!

“ไม่ใช่ๆ งานกู กูไม่ได้มาขออนุญาตมึง” ผมถูกไอ้ปายิงเอ็ม16 ใส่ด้วยสายตา

“กูไม่ให้ทำ!!! ชัดไหมนก”

“ชะ ชัด ชัดแล้ว” ไม่ต้องก้มหน้ามาหาก็ได้ หูไม่ได้ตึง

“อย่าไปทำหน้าแบบนั้นใส่มันอีกนะ กูสั่งห้าม”

“แบบไหนวะ”

“แบบที่........ถ้าได้จูบก็คงจะดี” เชี้ย!!! พูดอย่างนี้ได้ไง

“กูเปล่า!!!”

“ก็ลองทำอีกรอบสิ จะได้รู้ว่าที่กูพูดมันจริงไหม!!”

“..!!”

หมดคำพูด พูดอะไรไปก็เข้าตัว เงียบไว้ดีกว่า เกลียดอะ พูดอย่างนี้ ใครมันจะไปกล้าวะ กัดปาก!!!
ผมเงียบมาตลอดทางที่ขับรถ แต่นั่นแหละครับถ้าไม่เงียบคงมีมวยรอบสองแน่ๆ เพลงที่คลอเบาๆ ช่วยขับให้ความง่วงเข้าโจมตี หน้ามันน่ะสิ!!! ใช่ผมที่ไหน
“ปิดเพลงเลย ถ้ามึงจะขับไปง่วงไปแบบนี้ พากูแหกโค้งตายห่าพอดี” ห่าแม่ง

“เออๆ ปิดๆ หาวนิดๆ หน่อยๆ ไม่ได้เลยนะ” ไอ้เชี้ย!!! นิดๆ แหกโค้ง หน่อยๆ ตกคลองสิ พูดไม่คิดจิงๆ

“ตาอ่ะลืมด้วย อย่าพึมพำแต่งปาก นั่น!!! รถๆ ไอ้เหี้ย!!”

เอี๊ยด!!! แต่ไม่จอด พ่องงงง

“ก็ให้มันหลบไปดิวะ กูขับตรงทางแล้ว” ตรงไหนของมัน

“ลืมตา กูบอกให้ลืมตา” ยัง ยังไม่ลืม ไม่ลืมใช่ไหมได้!!!

เพี้ยะ!!

“โอ๊ย!!”

เพี้ยะ!!! เพี้ยะ!!! เพี้ยะ!!!!

“โอ๊ยๆ ๆ ๆ ๆ ตื่นแล้วๆ ห่านี่ จูบปลุกไม่ได้หรือไง” หือ อะไรปลุกๆ นะ

“อะไรนะ กูไม่ค่อยได้ยิน”

“เปล๊า กูบอกว่าตื่นแล้ว”

“คำหลังอะ”

“ปลุกเบาๆ ไม่ได้หรือไง” เหมือนจะไม่ใช่ แต่ช่างแม่ง ให้มันลืมตาพาผมกลับบ้านอย่างปลอดภัยพอ

“ไม่ได้ แหกตาไว้แล้วขับรถดีๆ กูยังไม่อยากตาย”

“จะกลัวอะไร มึงไม่ได้ตายคนเดียวเสียหน่อย” ผมนี่หันไปจ้องหน้ามันเลยครับ

“กูไม่ได้กลัวเหงา กูไม่อยากตาย”

“กูยังไม่คิดมากเลย ถ้าได้ตายพร้อมมึง”

“!!!”

ผมควรคิดมากไหมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ผมต้องหันหน้าไปมองนอกหน้าต่างแทน ไม่ไหวครับ ผมสู้มันไม่ได้จริงๆ ปากแบบนี้นี่เองที่สาวๆ ทั่วทุกแผนกต่างก็หมายปองจะครอบครองไว้ หยุดไว้ หายใจเข้าออกลึกๆ มันก็แค่คำพูดของคนเป็นเพื่อนกัน มันไม่ได้พิเศษ อย่าคิดถึงมัน
กูยังไม่คิดมากเลย ถ้าได้ตายพร้อมมึง

ถ้าได้ตายพร้อมมึง

ถ้าได้ตายพร้อมมึง

แล้วทำไมมันต้องรีรันเสียงไอ้ปาด้วยวะ ทำไมสมองผมต้องจำแต่คำพูดมันด้วยเนี่ย!!! ไม่เข้าใจๆ ๆ ผมแค่นายอินทรีย์ที่ชอบอกหักเพราะเรื่องรักๆ และกำลังหวั่นไหวกับคำพูดของเพื่อนรักเพียงคนเดียวในบริษัท ให้ตายสิ บอกได้คำเดียวเลย กัดปาก!!!!




100%




กรี๊ดดดดด อีนกกกกกกกกก แค่กๆ ผิดค่ะๆ น้องนก หนูหวั่นไหวเพราะเรื่องนี้ไม่ได้ลูก แม่ใจไม่ดีเลยค่ะ / นั่งกุมใจ จะลงทุกวันจนกว่าจะทันเว็บอื่นนะคะ

โปรดวางปลาทูและของเล่นแมวด้วยนะคะ

เมี๊ยวววว~

#ปากินนก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ shinyface

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
อ่านๆไปจนถึงตอนล่าสุด น้องนกเบ๊อะแท้

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ผมว่าปานี่ต้องเป็นทายาทบริษัทสักแห่งแน่ๆ (หัวเราะ) โชคยังดีนะครับที่น้องนกอ๊องเกินกว่าจะจับผิดได้ แต่คิดว่าน่าจะเป็นทายาทของบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่าครับ? เห็นในเรื่องเขียนไว้ว่าบริษัทที่นกเข้าไปทำเป็นบริษัทที่ใหญ่เป็นอันดับสอง ที่ผมไม่มองว่าปาเป็นทายาทของบริษัทที่น้องนกและตัวเองทำอยู่ เพราะถ้าปาเป็นทายาทบริษัทที่กำลังทำอยู่ แล้วมาทำงานในตำแหน่งที่ไม่สูง มันไม่มีทางที่ข่าวมันจะถูกเก็บเงียบได้ขนาดนี้ อย่างน้อยก็ต้องมีข่าวซุบซิบมาบ้างครับ

แต่ว่าการที่ปาสามารถผลักดันช่วยเหลือน้องนกในบริษัทได้ นอกจากความทุ่มเทและทัศนคติในการทำงานของน้องนกที่ขยันน่าชื่นชมแล้ว น่าจะเพราะว่าปามีความสำคัญบางอย่างกับบริษัทนี้ จากที่อ่านดูหลายอย่างแล้วก็น่าจะอนุมานได้ว่าน่าจะเป็นบริษัทของเพื่อนพ่อนะครับ ที่ปาเข้ามาทำในตำแหน่งไม่สูงมาก (เพราะน้องนกบอกว่าเงินเดือนเขาพอๆกัน) น่าจะเป็นการมาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในบริษัทอื่นที่มีกระบวนการทำงานคล้ายๆกันก่อนรึเปล่า เพราะถ้าเป็นแนวนี้ มันก็จะตอบคำถามที่ว่าคนในบริษัทไม่มีข่าวซุบซิบเกี่ยวกับฐานะของปาเลย

อีกคำถามนึงที่ผมยังงงอยู่นิดหน่อย แต่ย้อนกลับไปอ่านก็ยังไม่เห็น ซึ่งอาจจะดูช่องโหว่ไปนิดนึง คือปากับนกรู้จักกันได้ยังไงครับ? จากที่บรรยายมาช่วงต้น เห็นนกบอกว่าเป็นเพื่อนที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ถ้าเป็นเพื่อนกันมานานแต่ว่าไม่รู้จักครอบครัว ก็อนุมานได้ว่าอาจจะมารู้จักกันตอนมหาวิทยาลัย ซึ่งถ้าเป็นแนวนี้ ก็ต้องวางเรื่องว่าทำไมนกไม่เคยรู้จักเพื่อนกลุ่มชายของปามาก่อน (กรณีมหาวิทยาลัย จะไม่รู้ฐานะแท้จริงของปาก็ไม่เป็นไร เพราะว่าแนวคุณชายติดดินมันก็อธิบายได้)

หรือว่ามารู้จักกันตอนทำงานที่บริษัท? แต่ถ้าเป็นรูทนี้ผมว่ามันจะมี plot hole ที่เยอะระดับหนึ่งน่ะครับ อันดับแรกคือต้องไปแก้เรื่องที่รู้จักกันมานานก่อน เพราะน้องนกเพิ่ง 25 ถ้ารู้จักกันแค่สามปีก็ยังไม่ถือว่านานนะครับ ถ้าเป็นมัธยมปลายนับถึงปัจจุบัน มันจะ 10 ปี ถ้าเป็นรู้จักกันตั้งแต่มหาวิทยาลัยมา มันจะ 7 ปี ซึ่งอันนี้แหละก็ถือว่านาน แต่ถ้าแค่สามปี สำหรับผมมันยังไม่ถือว่านานพอที่จะสนิทกันได้นะครับ แล้วยิ่งเป็นเพื่อนร่วมงานด้วย โมเมนต์แบบที่เกิดขึ้นในเรื่องมันจะเกิดได้ยากมาก

อันดับที่สองคือต้องตอบให้ได้ว่าทำไมถึงสนิทกัน ปกติแล้วเราจะสนิทกับเพื่อนร่วมงานน้อยกว่าเพื่อนเรียนครับ ดังนั้นการพัฒนาความสัมพันธ์จะค่อนข้างยาก ยิ่งถ้าเป็นแนวโรแมนซ์ด้วย ตรงนี้จะทำให้ความสมจริงของพล็อตเรื่องตกไปหน่อย ผมคิดว่าต่อให้เราทำงานร่วมกับใครมาเป็นสิบปี แต่เราก็ยังมี barrier บางอย่างที่วางกั้นไว้ ทำให้พัฒนาความสัมพันธ์แบบเพื่อนผสมโรแมนซ์ยากอยู่

อันดับสุดท้ายคือต้องเคลียร์ความบังเอิญที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ให้มันสมจริงขึ้นมา เพราะถ้ามารู้จักกันตอนทำงาน แปลว่าปาเข้ามาในบริษัทนี้ด้วยจุดประสงค์เรียนรู้งาน ซึ่งบังเอิญมาเจอน้องนก (ซึ่งบังเอิญบริษัทรับเข้ามา) แล้วก็บังเอิญตกหลุมรักอีก มันหลายแจ็คพอตเกินไปจนดูจงใจนิดหนึ่งครับ ผู้อ่านบางคนอาจรู้สึกว่าไม่ค่อยสมจริง ซึ่งตรงนี้ก็จะขัดๆ เพราะว่าเท่าที่ผมอ่าน รู้สึกเหมือนว่าปากับน้องนกน่าจะเข้ามาทำงานบริษัทนี้พร้อมกัน แล้วจากบรรยาย ก็อนุมานได้ว่าปาน่าจะใช้เส้นสายช่วยให้น้องนกได้เข้ามาทำงานด้วยกัน แปลว่าต้องรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยแล้วน่ะครับ

ทีนี้มาพูดเรื่องสไตล์การเขียนบรรยาย ผู้เขียนเขียนสนุกเลยนะครับ ทำได้ดี น้องนกอ๊องได้น่ารักมาก เอกลักษณ์ความใจดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ของน้องเป็นคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นมากครับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรับงานเยอะเกินไปหน่อย (ฮา) หรือว่าฉากที่น้องให้อาหารเหล่านก คำผิดก็มีน้อย คุมโทนเรื่องโรแมนติกคอเมดี้ได้ดี อยากให้พัฒนาตรงปมมุมพล็อตอีกนิดหน่อยก็จะทำให้ภาพรวมออกมาดีขึ้นอีกครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ shinyface

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
^ คุณ grey twilight  คอมเมนท์ดีมากอะ :heaven

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[3]


เมื่อคืนกว่าผมจะกลับถึงบ้านต้องตบต้องตีต้องหยิกไอปาให้ตื่นตั้งหลายรอบ กลัวมันจะพาผมไปตรวจเลขทะเบียนท้ายรถใครเขาเหลือเกินครับ แต่มีหนักกว่านั้นอีกนะ

“ไอ้ปา หมาๆ เหยียบเบรก!!!”

“เดี๋ยวมันก็บินหนี เชื่อกู” บินพ่อมึงสิ หมา มันไม่ใช่นก
“เห็นไหม มันหลบได้ กูบอกแล้วกูเก่ง” ได้ข่าวว่ามึงบอกกู เดี๋ยวมันก็บินหนี ไอ้สัตว์

“ปา กูไม่ไหวแล้ว”

“อะไรวะนก อยากเหรอ เสียงกระเส่าเชียว” ลืมตาบ้างก็ดีนะเวลาจะพูด

“อยากห่าไร กูปวดขี้ เร็วๆ หาปั้มก่อน ไอ้สัตว์มันจะโผล่หัวออกมาทักทายแล้วมึง!!”

“ออกมาเลยๆ เดี๋ยวกูนั่งคุยกับมันเอง”

“ไอ้ห่า กูไม่เล่น!!! กูต้องการห้องน้ำ!!!”

“กูอยากคุยกับขี้มึง”
ผมล่ะอยากร้องไห้ มันเมาอะไรมาวะเนี่ย เมาน้ำลายบูดตัวเองใช่ไหม ความง่วงแม่งพาเพื่อนผมเพี้ยนไปแล้ว สรุป...กว่าจะได้เข้าห้องน้ำ ขี้เกือบเล็ดออกมา ดีหน่อยที่ได้ระบายตดในรถบ้าง แต่จุ๊ๆ นะครับ เดี๋ยวมันรู้

ซึ่งนั่นล่ะครับ พอหลังจากที่ทุกอย่างเรียบร้อยผมก็กลับถึงห้องอย่างปลอดภัย ผมรู้สึกว่าอยากจะก้มลงกราบห้องกอดหมอนไม่อยากออกไปไหน บอกตรงๆ ว่าประสบการณ์ที่ไอ้ปาพาไปเจอนี่ทำให้ผมแทบจะสิงอยู่แต่ในห้อง แต่จะทำไงได้ล่ะครับ ผมมีงานต้องทำเดี๋ยวจะกลายเป็นคนไม่รับผิดชอบไปอีก ยิ่งกำลังถูกจับตามองความประพฤติเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้นยิ่งต้องขยันครับ

“อ้าวนก มาแต่เช้าเลยนะจ๊ะ”

“สวัสดีตอนเช้าครับพี่ฝน ทานอะไรมาหรือยังครับเนี่ย” ผมยิ้มทักทายพี่ฝนที่เดินเข้ามาทักทาย

“เรียบร้อยแล้วจ้า เราเถอะ ทานอะไรบ้างไหมเนี่ย ผอมเชียว” ผมชอบพี่ฝนนะครับ แกเป็นเหมือนพี่สาวของผม พี่ฝนจะชอบลูบหัวผม แม้บางครั้งพี่ฝนจะใช้ประโยชน์จากผมบ่อยๆ ก็ตาม

“ทานเรื่อยๆ ครับพี่ แต่น้ำหนักไม่ค่อยจะขึ้นเลย” พี่ฝนมองผมด้วยความหมั่นไส้ เลยเปลี่ยนจากลูบหัวเป็นดึงแก้มยุ้ยๆ ของผมแทน

“แหม.......น่าอิจฉาจริงๆ เลยน๊า~” จำไว้นะครับ อย่าพูดเรื่องกินแล้วไม่อ้วนกับผู้หญิง ไม่อย่างนั้นหน้าคุณจะระบมแบบผม

“พี่ฝนครับ นกเจ็บ”

“อุ๊ย!! ขอโทษที แก้มนกนิ่มมากเลยนี่นา พี่เลยเผลอไปหน่อย”

“ไม่เป็นไรคร๊าบ” ผมฉีกยิ้มกว้างไปให้และแน่นอนว่าผมมักจะได้รับสายตาเอ็นดูกลับมาเสมอ

“เฮ้อ....”

“มีอะไรไม่สบายใจเหรอครับพี่” พี่ฝนที่ถอนหายใจเสียงดัง หันหน้ามามองผมเต็มๆ ตา

“นก......เพราะพี่เอ็นดูเราเหมือนน้องเหมือนนุ่ง พี่จะเตือนเราไว้”

“.....” ผมมองพี่ฝนนิ่งๆ รอฟังสิ่งที่พี่ฝนจะบอก
“พี่อยากให้เราทำใจเอาไว้บ้างเรื่องตำแหน่ง”

“โห.....พี่ฝน เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงครับ ผมสบายมาก ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร” ผมยิ้มอย่างสบายๆ ให้พี่ฝนเห็นว่าไม่เป็นไรจริงๆ ถึงผมจะอยากได้ตำแหน่งแต่ผมรู้ดีว่าไม่ได้มีแค่ผมคนเดียวที่จ้องตำแหน่งใหม่นี้อยู่

“พี่ได้ยินแบบนี้พี่ก็ดีใจ เพราะพี่ได้ยินมาว่ามีใครบางคนที่เส้นหนาสั่งระงับการขึ้นตำแหน่งให้นก”

“...!!!” ถึงผมจะบอกว่าเตรียมใจรับความผิดหวัง แต่ไม่ใช่เรื่องนี้แน่ๆ

“แต่อาจจะเป็นแค่ข่าวลือก็ได้เนอะ อย่าคิดมากล่ะ” ผมยิ้มแหยๆ กลับไปให้พี่ฝน

“ครับพี่.....คงไม่มีอะไรหรอก....มั้ง”

พี่ฝนลูบหัวผมอย่างให้กำลังใจ ในขณะที่ตัวเองเดินกลับไปนั่งโต๊ะเพื่อเตรียมตัวทำงานต่อ ส่วนผมยืนนิ่งคิดทบทวนสิ่งที่พี่ฝนบอก ใครกันคนๆ นั้น หากจะหาคนที่เกลียดผมก็เห็นแต่จะมีแค่ พี่หนู แต่ไม่ใช่หรอก พี่หนูไม่น่าจะทำแบบนั้น ถึงแม้ว่าผมจะพยายามเชื่อแบบนั้น แต่ทำไมใจผมถึงแย้งมันออกมานะ

“นก......เดี๋ยวมึงเข้าไปหากูที่ห้องหน่อยนะ”

“ครับพี่!!” พี่อาร์ตเดินตรงมาเรียกผม ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องตัวเอง ผมจัดการวางกระเป๋าลงก่อนจะตรงตามร่างพี่อาร์ตไป

“มีอะไรหรือครับพี่”

“ปิดประตูก่อน”

ผมหันไปปิดประตูทั้งที่ตัวเองยังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น หรือผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า พี่อาร์ตทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

“มีอะไรครับพี่ ผมทำอะไรผิดหรือเปล่าครับ!”

“เปล่า....ไม่ใช่หรอก” พี่อาร์ตยกฝ่ามือขึ้นมาปิดดวงตาทั้งสองข้างดูเครียดๆ จนผมเองก็เริ่มกังวล

“พี่มีอะ// กูมีเรื่อง” เราสองคนชะงักมองหน้ากัน แต่ผมอ่านแววตาตรงหน้าไม่ออก

“พี่พูดเลยครับ ผมแค่จะถามว่าเกิดอะไรขึ้น” พี่อาร์ตพยักหน้า

“พี่อยากให้แกฟังพี่พูดให้ดีๆ”

“ครับ?” พี่อาร์ตสูดลมหายใจเข้าปอด ดูท่าทางอย่างกับว่าเรื่องที่จะพูดเป็นเรื่องใหญ่

“เรื่องเลื่อนตำแหน่งของมึง มีการร้องเรียนจากเบื้องบนว่าไม่เหมาะสม มึงเลยถูกตัดชื่อออกไป”

ผมได้แต่นิ่งค้างฟังสิ่งที่พี่อาร์ตพูด มือเท้าผมเย็นเฉียบจนคิดว่าวัดอุณหภูมิไม่ได้ สมองผมคิดถึงคำพูดที่พี่ฝนบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้และนั่นทำให้ผมสงสัย

“เป็นคนที่ผมรู้จัก ใช่ไหมครับ” ผมพยายามกัดฟันถามทั้งๆ ที่เจ็บปวด

“พี่บอกไม่ได้วะ”

ใช่ครับ เรื่องแบบนี้มันบอกกันไม่ได้หรอกเพราะเดี๋ยวปัญหามันจะกลับไปหาตัวต้นเรื่อง จะใครไม่รู้แต่คนที่มีปัญหากับผมมีแค่คนเดียว

“พี่หนู ได้เลื่อนตำแหน่งไหมครับพี่”

“อืม”

แค่คำตอบเท่านี้ ทุกอย่างมันก็กระจ่างแล้ว แค่นี้ผมก็รู้ตัวแล้ว ผมกำหมัดแน่นด้วยความโมโห ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเดือดได้ขนาดนี้เลย เพราะไม่เคยจะคิดเลยว่าพี่หนูแกจะทำแบบนี้กับผมได้ลงคอ นี่เหรอคนที่เป็นผู้ใหญ่ นี่เหรอคนที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้า แค่ความเป็นคนมันยังไม่มีเลย

“ขอบคุณครับพี่ที่มาบอกผม” ผมยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณพี่อาร์ทจากใจ

“ไม่เป็นไร อย่าคิดมาก โอกาสหน้ากูเชื่อว่ามึงทำได้”
ผมทำได้เพียงส่งยิ้มบางๆ ให้พี่อาร์ตและเดินออกมา แค่เพียงลับสายตาเท่านั้นรอยยิ้มที่เคยมีบนใบหน้าของผมมันก็หายไป ผมคงยิ้มต่อไปไม่ได้หากไม่ได้เคลียร์กับตัวต้นเหตุ และตอนนี้ ผมทำได้แค่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป แค่ต้องอดทนเพราะไม่มีหลักฐาน แค่ต้องอดทนเพราะเขาใหญ่กว่า แค่ต้องอดทน อดทนต่อไปแม้ว่ามันจะเจ็บใจแค่ไหนก็ต้องอดทน

ผมพยายามจดจ่อกับงาน พยายามทำงานของตัวเองให้ดีที่สุด ให้มันเหมือนก่อนหน้านี้ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะเป็นแบบนี้ ผมทำได้ดีมาตลอดและต้องทำต่อไป แต่ผมรู้ตัวดีว่าผมเหม่อลอยบ่อยๆ จิตใจฟุ้งซ่านจนไม่เข้าใจสักตัวอักษรของเอกสารที่อยู่ตรงหน้าเลยสักตัวเดียว

ปัง!!!

ผมเงยหน้าขึ้นมองเมื่อเอกสารถูกโยนมาบนโต๊ะของผมอย่างแรง และไม่ใช่ใครที่ไหนเลย เพราะเขาคือคนที่ตอนนี้เป็นหัวหน้าของผม พี่หนู

“มีอะไรครับพี่”

“มึงทำงานชุ่ยๆ แบบนี้ได้ไงวะ มึงได้ตรวจก่อนเอามาให้กูไหม” ผมหยิบเอกสารขึ้นมาหวังจะเอามาดู แต่ก็ถูกคนตรงหน้ากระชากมันออกไป

“...” ผมได้แต่เม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นความรู้สึกเอาไว้

“เงียบ ทำเป็นเงียบ เพราะมึงทำงานแบบนี้ไงถึงไม่ได้ตำแหน่ง” อึก!! มันเจ็บนะครับเมื่อมีคนมาสะกิดแผลเรา

“ถ้ามึงจะทำงานเหี้ยๆ แบบนี้ กูแนะนำให้มึงลาออกกลับไปนอนเล่นที่บ้านมึงแทน!!”

พรึบ!!!

เอกสารในมือพี่หนูถูกปาใส่หน้าผมโดยที่พี่หนูไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่าผมจะเป็นยังไง รู้สึกแบบไหน เพราะเขาไม่เคยสนใจอยู่แล้ว ทุกสายตามองมาที่ผม เสียงกระซิบที่มันดังเข้าโสตประสาทของผมอย่างจัง นี่พวกเขาไม่รู้เลยเหรอว่าผมได้ยิน

“ได้ยินไหม นกแห้วตำแหน่ง”

“ฉันว่าแล้ว”

ผมทำได้เพียงก้มลงเก็บเอกสารต่างๆ ขึ้นมาช้าๆ ไม่อยากรีบลุก ไม่อยากเห็นสายตาสมเพชเวทนาที่ส่งมาและผมคิดว่า คงมีสายตาสมน้ำหน้าส่งมาเช่นกัน ผมเกลียดการใส่หน้ากาก เกลียดการเสแสร้งเพราะมันไม่ใช่งานถนัดของผม ผมอยากให้เลิกงานเสียที ผมเหนื่อย ผมอยากกลับไปพักแต่ยิ่งผมเฝ้ารอมากแค่ไหนก็เหมือนว่าเวลามันจะเดินช้าลง จากชั่วโมง นานเป็นนาที แม้แต่วินาทีก็ยังนานเกินไป

ผมหูอื้อตาร้อนผ่าวจนอยากจะร้องไห้ แต่ผมจะกลายเป็นคนอ่อนแอไม่ได้ นั่นจะยิ่งทำให้พวกเขาสมน้ำหน้าผมเข้าไปใหญ่ ผมจึงต้องกลืนก้อนสะอื้นลงคอไปแม้มันจะยากลำบากเพราะการตีตื้นขึ้นมาเป็นระยะๆ ของน้ำตาก็ตาม ผมก้มหน้าอยู่กับโต๊ะไม่สนใจสายตาและเสียงซุบซิบที่ดังมาสักนิด เมื่อไหร่จะจบเสียที ผมเหนื่อย!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ผมเช็ดหน้าเช็ดตาหลังจากที่ทานข้าวเที่ยงกับไอปาจนหมด แม้ผมจะแน่ใจว่ามันคงได้ยินมาแล้วก็ตามเรื่องที่ผมชวดการเลื่อนตำแหน่ง แต่มันก็ไม่คิดที่จะเอ่ยถามอะไรให้ผมอึดอัดแม้แต่น้อย มันพูดแค่ว่า อยากระบายเมื่อไหร่ค่อยพูด เหอะๆ เพื่อนผมดีใช่ไหมล่ะครับ ที่มันพูดแบบนั้นเพราะมันรู้ดีว่าเวลานี้ไม่เหมาะกับการที่ผมจะร้องไห้ออกมา รู้ใจกูดีจริงๆ ผมเดินผ่านมุมตึกแต่ขาของผมก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหูที่คุยกัน

“มึงเห็นหน้ามันไหมวะ อยากหยิ่งดีนัก แค่กูฝากงานแม่งเรื่องมากฉิบหาย เหอะ!!” ไอ้พี่หนู!! ผมยืนฟังเงียบๆ

“เออ หน้าแม่งซีดเป็นไก่ต้มเลย มึงก็ไปแกล้งมัน”

“เรื่องของกู สะใจกูฉิบหาย คนอย่างมันแม่งไม่เหมาะจะเป็นหัวหน้า มันต้องกูโว้ย ฮ่าๆ”

“เออ ฮ่าๆ ๆ”

กรอด!! พวกมันเห็นว่าเรื่องของผมเป็นเรื่องสนุกปาก มันคิดว่าผมเป็นตัวตลกของพวกมัน ผมจะไม่ทนอีกแล้ว!!!!!

ผลัวะ!!!

“โอ๊ย!!! เหี้ยอะไรวะ!!!”

“สำหรับปากหมาๆ ของมึง!!” ผมโผล่ออกไปต่อยเข้าที่เบ้าตาของพี่หนูเต็มๆ

“มึงต่อยกูเหรอวะ ไอ้เหี้ยนก!!!”

“เออ!!!” ผมกระชากคอเสื้อของมันก่อนจะต่อยไปอีกสองหมัด

ผลัวะ!! ผลัวะ!!

“ไอ้สัตว์!! หยุดนะ อั๊ก!!!!”

“มึงมันเหี้ย!!”

ผลัวะ!!

“มึงใช่ไหมที่ทำให้กูไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง!!”

“หึ......มึงมันไม่มีความสามารถเอง อย่ามาโทษกู ถุ้ย!!”

ผลัวะ!!

“กูไม่เชื่อ!!” ผมกระหน่ำต่อยมันอย่างบ้าคลั่งในขณะที่เพื่อนมันเอาแต่ยืนมองด้วยความอึ้ง แต่นั่นดีแล้วสำหรับผม เพราะกว่าที่พวกมันจะได้สติไอพี่หนูมันก็เลือดกบปากจนสะบักสะบอม

“ปล่อยนะโว้ย!!” เพื่อนๆ มันต่างกรูเข้ามาแยกผมออกจากร่างของไอพี่หนู

“ปล่อยมัน! ถุย! เจ็บฉิบหาย” ผมสะบัดแขนออกจากการจับกุมของเพื่อนๆ มัน ยืนเชิดหน้ารอการเอาคืนอย่างไม่กลัว บอกเลยว่าเวลานี้ผมไม่คิดจะกลัวอยู่แล้ว

“จะต่อยก็เข้ามา กูไม่กลัวมึงหรอก!!” ผมตะคอกเสียงดัง

“หึ....กูไม่อยากต่อยเด็กให้เสียมือกูหรอกจะบอกให้นะ คนอย่างกูไม่คิดลอบกัด ถ้าจะทำกูทำตรงๆ แบบนี้”

ผลัวะ!!

ผมถูกชกจนล้มเพียงแค่หมัดเดียวของมันทำให้ผมมึนและงงได้จนต้องสะบัดหน้าไล่ความมึนออกไปและลุกขึ้นไปเผชิญหน้ามันอีกครั้ง

“อะไรที่มึงยัดเยียดให้กู ถ้ากูไม่ได้ทำ กูไม่รับ!!”

“ถุย!! กูไม่เชื่อมึงหรอก!!”

ไอ้พี่หนูมันตบแก้มผมเบาๆ ก่อนจะบีบมันอย่างแรงจนผมต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ถึงแม้ว่าผมจะพยายามแกะมือมันออกจากหน้ามากแค่ไหนก็ตาม

“จะเชื่อไม่เชื่อก็เรื่องของมึง!! แต่กูไม่ได้ทำนั่นคือความจริง” มันปล่อยมือออกอย่างแรงจนใบหน้าของผมหันไปตามแรงที่ปล่อย ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ต้องเป็นมันสิ มันโกหกแน่ๆ ใช่ มันต้องโกหก

“อ้อ......ระวังเพื่อนมึงให้ดีก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่ารุ่นพี่อย่างกู ไม่เตือน!!!”

ผมมองตามหลังของไอ้พี่หนูอย่างไม่เข้าใจ มันหมายความว่าไง มันจะทำอะไรไอปา นี่แค่กูคนเดียวไม่พอเหรอวะ ผมเดินเข้าไปด้านในอย่างหัวเสีย ทั้งไม่เข้าใจ ทั้งเจ็บแผลที่มุมปาก ไหนจะไอประโยคที่มันทิ้งท้ายไว้อีก ผมไม่อยากจะคิดเลย ปวดหัว

แต่เรื่องใหม่ก็เข้ามาหาผมจนได้ เพราะแค่ไม่หย่อนก้นลงนั่งที่ไม่นานผมก็ถูกเรียกเข้าไปในห้องของพี่อาร์ต อีกรอบ ต่างกันแค่ว่าคราวนี้ มีไอพี่หนูมันเข้าไปด้วย สงสัยมันจะเอาเรื่องที่ผมต่อยมันไปฟ้อง เหอะ!!

“เอาล่ะ ผมจะถามสั้นๆ เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับคุณหนู” พี่อาร์ตหันไปถามไอ้พี่หนูที่ยืนเต๊ะท่าราวกับไม่ทุกข์ร้อนใดๆ ว่าแต่ ไอ้ที่พี่อาร์ตเรียกพี่หนูมันดูสาวยังไงไม่รู้สิ ตัวอย่างกับควายเรียกคุณหนู

“ก็ไม่มีอะไร กูกัดกับหมามา แค่นั้น” มันหยักไหล่ราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ที่น่าแปลกใจคือ ผมนึกว่ามันจะเป็นคนที่มาฟ้องเสียอีก

“แน่ใจนะครับ”

“งั้นสิ หรือมึงอยากให้กูกัดกับมึง” พี่อาร์ตยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ทั้งๆ ที่สีหน้ามีแต่ความขบขัน อะไรกันวะ???

“แล้วมึงละนก เกิดอะไรขึ้น?”

“ผมโดนหมากัด แค่นั้นครับ” หึ หมามาก็หมากลับ ผมเหลือบตาไปมองหน้าไอ้พี่หนูที่กัดฟันกรอดๆ อย่างสะใจ

“ดีจังนะ คนหนึ่งกัดกับหมา อีกก็โดนหมากัด แหม.....สงสัยจะหมาตัวเดียวกัน” ผมและพี่หนูสะดุ้งเมื่อพี่อาร์ตเน้นคำว่าหมาจนดูจงใจจะกัดเราทั้งคู่

“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม กูจะได้ไปทำงานต่อ” พี่อาร์ตพยักหน้า นั่นแหละครับพี่หนูถึงได้เดินปึงปังออกไป

“กูไม่ได้โง่จนดูไม่ออก แต่ก็จะไม่คาดคั้นอะไร แต่จะทำอะไรก็คิดหน่อย ถ้ามึงตกงานไปจะทำยังไง”

“ครับพี่” ผมก้มหน้ารับผิด ผมรู้ว่าพี่อาร์ตเตือนเพราะเป็นห่วง

“ไปทำงานต่อเถอะ กูไม่มีอะไรแล้ว”

ผมเดินออกมาเพื่อทำงานต่อ ผมรู้ดีว่าตัวเองผิดที่ไม่รู้จักอดทนและรู้สึกผิดที่ต้องเอาเรื่องปวดหัวพวกนี้มาเป็นปัญหารกสมองให้พี่อาร์ตเพิ่ม พวกพนักงานคนอื่นๆ ก็เริ่มซุบซิบกันแต่เรื่องของผมกับพี่หนู ส่วนใหญ่จะหาว่าผมพาลที่ไม่ได้ถูกเลื่อนตำแหน่งก็เลยไปหาเรื่องพี่หนูแทน เอาเถอะครับ ผมเองคงไม่สามารถไปห้ามความคิดใครได้ ใครอยากคิดอะไรก็คิดไป สบายใจก็ทำ ผมเบื่อที่จะต้องสนใจอะไรที่ไม่ใช่ตัวผมแล้ว



50%




ต้องขอบอกว่า เราดีใจมากๆเลยค่ะที่มีคนมาคอมเม้นและยาวด้วย (ฮ่าๆ) ก่อนอื่นแมวต้องบอกก่อนว่า ขอบพระคุณมากค่ะที่เข้ามาอ่านนิยายไร้สาระของแมว ซึ่งจริงๆเรื่องนี้ไม่มีสาระหลักแหล่งอะไรเลยค่ะ มันขายความบ้า ความโง่ของอีนกล้วนๆ โปรดอย่าคาดหวังอะไรจากมันเลยนะคะ แหะๆ เพียงแต่ว่า เราน้อมรับทุกคำติชมและความหละหลวมบางประการที่ได้แจ้งเรามา แต่นะ ไม่ได้จะขัดแต่อย่างใด แมวต้องขออธิบายก่อนว่า สำหรับบางคน ซึ่งย้ำนะคะว่า บางคน การที่คบเพื่อนมาในระยะเวลา 2-3ปี ก็ถือว่านานแล้ว (ไม่ๆ ไม่ใช่แมวน้าา) แต่คนแบบนี้มีจริงๆค่ะ ระยะเวลาและคำว่านานหรือไม่ต้องอยู่ที่หลายปัจจัย อย่างที่แมวบอกไปตั้งแต่ต้นนิยาย นกเป็นคนไร้เพื่อนค่ะ เป็นคนที่ไม่มีใคร(แม้แต่แฟน) เขาจึงมองว่า ระยะเวลาที่คบกับปามา มันอยู่ในระดับที่สามารถใช้คำว่านานได้ แต่ส่วนอื่นๆ ขอให้รอลุ้นกันก่อนน้าา อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ แต่แมวรับรองว่า แมวมีคำตอบให้แน่นอนจ้า ตอมเม้นมาเถอะ ยาวๆ สั้นๆ แมวขอแค่ได้เห็นก็ดีใจจนน้ำตาไหลแล้วค่ะ เม้นด่าก็ได้ เม้นมาโลดดดด~

แมว : ทำไมต้องทำร้ายน้องคะหนู! /รูดไม้เรียว

หนู : เฮ้ยๆ มันต่อยผมก่อนนะ มันต่อยผมตีมันดิ ตีมัน!

นก : ฮึก แม่ครับ พี่หนูต่อยผมเจ็บมากเลย แง๊

แมว : รังแกน้องใช่ไหม ฮึ่มมมม เพียะๆๆๆ

หนู : อ๊ากกก เจ็บนะแม่ อย่าตีโผมมมมมม

นก : คิกๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ

#ปากินนก

ออฟไลน์ shinyface

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
คนเราเวลาบอกว่า ไม่คิด เราโอเค เอาเข้าจริงๆก็ไม่โอเคกันทั้งนั้น ขนาดน้องนกยังหลุดเลย

แต่น้องนกยังไม่น่าเป็นหัวหน้าใครได้นะ คือเอาจริงๆมันต้องมีความเป็นหัวหน้าในบุคลิกด้วย แต่น้องแบบว่ายังไม่มีตรงนี้อะ อาจจะเป็นส่วนนึงที่ทำให้นกหรือเปล่า?

แต่ถ้าเฉลยว่าเป็นปาที่ดึง น้องน่าจะโกรธมาก แต่ปาคงมีเหตุผลที่ดี(ถ้าเขาทำจริงๆอะนะ)


ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ในที่สุดเวลาที่ผมจะพักผ่อนก็มาถึงเสียที เมื่อนาฬิกาบอกเวลา5โมงเย็น และแน่นอนทุกคนทยอยเก็บของลงกระเป๋ากลับบ้านหรือบางคนอาจจะออกไปหาความสนุกส่วนตัว แต่ผมพยายามเก็บของให้ช้าที่สุดเพราะไม่อยากเห็นสายตาของใครที่มองมาที่ผม และไม่อยากจะได้ยินเสียงซุบซิบนินทาที่ผมแน่ใจว่าเขาคงไม่ได้อยากให้ผมได้ยิน แต่ผมดันได้ยินไง ปัญหาไม่ได้อยู่ที่เสียงกล่าวหาของใครๆ มันอยู่ที่ว่าผมทำตัวไม่ถูกเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นมากกว่า จากคนที่ไม่เคยอยู่ในสายตาของใครกลายเป็นจุดสนใจขึ้นมา โดยที่ผมเองไม่ได้ต้องการมันเลยแม้แต่น้อย ผมอยากกลับไปไร้ตัวตนเหมือนเดิม เพราะแบบนั้นมันสบายใจสำหรับผมมากกว่า

“ไอ้นก!!! รอกูด้วย แฮกๆ”

ผมหันไปมองไอ้ปาที่วิ่งกระหืดกระหอบมาทางผมด้วยท่าทีเร่งรีบ เดาว่ามันคงเดินหาผมจนทั่วแน่ๆ

“ว่าไงวะ”

“ไปแดกเหล้ากับกูไหม เดี๋ยวกูเลี้ยง” ไอ้ปากอดคอผมเหมือนอย่างที่เคยทำตลอดมา

“เอางั้นก็ได้ กูไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว”

ผมตอบตกลงกับมันไปเพราะอย่างที่ผมบอก กลับไปผมก็ไม่มีอะไรทำนอกจากนั่งร้องไห้อย่างเจ็บใจ ผมเชื่อว่าพอกลับถึงห้องน้ำตาผมคงไหลออกมาแน่นอน

“งั้นปะ......ไปรถกู เดี๋ยวกูพาไปส่ง” ไปส่ง!! ให้ตายเถอะครับ ความทรงจำเมื่อคืนดันย้อนเข้ามาในสมองผมเสียได้ แค่ง่วงมันยังแทบพาผมไปตาย ถ้ามันเมานี่ผมไม่ตายไปแล้วเหรอครับ

“เฮ้ย.....กูกลับแท็กซี่ก็ได้!!” กูกลัวตาย

“จะเสียเงินกลับแท็กซี่ทำไมวะ รถกูก็มี”

“ไม่เอา เดี๋ยวกลับไม่ถึงบ้าน” ไอ้ปาชะงัก ก่อนจะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ๆ จนผมต้องผงะหนี

“ทำไมครับ กลัวตื่นมาแล้วอยู่บ้านพี่เหรอ”

ผมส่ายหน้าไม่สนใจไอ้ปาที่หยักคิ้วหลิ่วตาจนน่าเตะให้หน้าหงายด้วยความหมั่นไส้จริงๆ มีอย่างที่ไหนกับเพื่อนกับฝูงเล่นหน้าเล่นตา

“เปล่า......กูกลัวว่าจะตื่นข้างทางมากกว่า”

ถึงแม้ผมจะพูดแบบนั้นแต่ก็เดินนำมันไปที่ตัวรถคันสวยของมันอยู่ดี ก็แหม....วันนี้ผมเครียดนี่ครับ ขอปลดปล่อยบ้างอะไรบ้างสิ เหล้านี่แหละครับตัวปลดปล่อยชั้นดี โดยมีเสียงไอ้ปาลอยมากับสายลม

“หึ....ข้างทางคงไม่ แต่ถ้าข้างๆ กูอะ ไม่แน่”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แสงสีเสียงกระหึ่มจนเวลาที่จะคุยกันต้องตะโกนใส่หน้าใส่หูกันแทน ผมไม่ค่อยได้มาที่แบบนี้บ่อยนัก เพราะล่าสุดที่มาก็ตอนที่เลี้ยงสายรหัสกัน ครับสายรหัส น้องรหัสที่แย่งแฟนผมนั่นล่ะ ผมมองไปรอบๆ ตัวที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนที่สนุกสนานเฮฮาเต้นแร้งเต้นกากันไปตามเสียงดนตรี ส่วนผมกับไอ้ปาเพียงนั่งกันที่โต๊ะเท่านั้น แต่อย่างที่รู้ครับ หน้าตาแบบมันดึงดูดสาวๆ เสมอ ไม่เว้นแม้แต่ตอนนี้

“คิกๆ พี่ปานี่ตลกจังเลยค่ะ คาร่าชอบ”

สาวสวยปากแดงใช้แขนคล้องคอของไอ้ปาดึงให้ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ห่างกันเพียงคืบเท่านั้น เพียงลมหายใจที่ปัดผ่าน

“หึหึ พี่ก็ชอบ ก็คาร่าสวยขนาดนี้” ไอ้ปาใช้ความเร็วของมันแตะจมูกลงบนแก้มสีชมพูสวย จนคาร่าฟาดมือลงบนแขนของไอ้ปาเบาๆ แล้วจะตีทำไมฟะ!! ส่วนผมกระดกแต่เหล้าเข้าปากไม่สนใจอะไรอีก

“บ้าจริง พี่ปาก็...อายเพื่อนพี่บ้างสิคะ”

“ตามสบายเลยคร๊าบบบบ”

ผมตอบน้องคาร่าที่ลอบมองผมอย่างเขินอาย ก่อนจะหันไปกระซิบที่ข้างหูของไอปาและพากันเดินออกไป

“เดี๋ยวกูมานะ รอนี่”

ผมพยักหน้ารับทราบ จะให้กูไปไหนวะ กูรอมึงจ่ายตังค์แล้วพากูกลับบ้านนี่แหละ สรุปแล้วมันพาผมมาปลดปล่อยความทุกข์ หรือมันพามารอมันปลดปล่อยอารมณ์กันแน่เนี่ย

ผมยังคงดื่มด่ำกับรสสุราที่แรกๆ มันขมแต่พอเราเคยชินมันก็ไม่ขมอีก ซึ่งผมก็เป็นเช่นนั้น ผมยกขึ้นดื่มเรื่อยๆ รอเวลาให้ไอ้ปามา แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่เห็นมาเสียที รอจนผมเริ่มจะมึนๆ แล้วด้วยซ้ำ

“อะ อ้าว! นกนี่ มาคนเดียวเหรอ”

ใครทักกูวะ! ผมหันไปมองหน้าของเจ้าของเสียงหล่อเหล่าที่แต่งตัวด้วยเชิดสีน้ำเงินเข้มที่ปลดเพียงกระดุมเม็ดบนสองเม็ดกับกางเกงสีดำแนบตัว แขนเสื้อที่ถูกยกขึ้นจนถึงข้อศอกทำให้เห็นนาฬิกาข้อมือสุดหรูของเจ้าตัว เด็กเสริฟนี่มีเงินเยอะขนาดนั้นเลยเหรอวะ

“หวัดดีชาย นั่งก่อนๆ” ผมขยับเลื่อนเก้าอี้เชื้อเชิญให้อีกคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ได้นั่งลง

“แล้วทำไมมาอยู่นี่คนเดียวล่ะ ไอปาไปไหนล่ะ” ชะเง้อจนคอจะยาวเป็นยีราฟแล้วนั่น

“ไปเยสาว เห็นพากันเดินไปทางนู้นนนนนนน” ต้องปากจู๋ด้วยนะครับ แล้วมันไม่เชื่อ แต่ผมกลับโดนชายหัวเราะใส่แทน

“ฮ่าๆ เหรอๆ มันก็แบบนี้ประจำแหละ แล้วนกไม่ไปบ้างเหรอ” มันส่ายหน้าเร็วๆ จนแว่นร่วงลงมาอยู่ที่ปลายจมูก ผมจึงยกมือขึ้นมาดันแว่นตาขึ้นจนสุด

“ไม่ไปหรอก สาวๆ ไม่ชอบหนุ่มเนิร์ด”

“อืม~ งั้นเดี๋ยวเรานั่งเป็นเพื่อนนกดีกว่าเนอะ หรือไม่ดี”

“ดีๆ มาๆ เราชงเหล้าให้” ผมรีบตอบรับก่อนจะหยิบแก้วเหล้ามาชงให้ชาย

“มาๆ กินด้วยกัน”

“ครับๆ”

ชายรับแก้วจากผมแล้วยกขึ้นจรดปาก แตะๆ แบบนั้นจะไปได้รสอะไร ต้องแบบผมนี่ แป๊บเดียวครึ่งแก้ว อา รสชาติขมๆ กับชีวิตบัดซบนี่เข้ากันดีจริงๆ

“แล้วคิดยังไงถึงมาดื่มละนก” ถามเรื่องนี้ ถ้าถามเรื่องนี้ ต้องเล่า!!!

ปัง!!

“ชีวิตเรามันเหี้ย!!! ชายเข้าใจไหม แม่ง!! อึกๆ ๆ” พูดแล้วต้องกระดกเหล้าต่อ

“อะ เอ่อ แบบไหนเหรอ”

“เราทำงานดีแสนดี ขยันขันแข็ง แต่มีคนแกล้งเรา!!! ไปบอกเบื้องบนว่าเรามันไม่เหมาะกับตำแหน่งหัวหน้า!!!!”

ผมเริ่มขึ้นเสียงมากขึ้นตามอารมณ์จนชายผงะหนี อะไรแค่นี้ก็ต้องหนีด้วย

“อะ อ่า”

“แล้วชายคิดว่าเรานี่เหรอที่ไม่เหมาะ หา!!!”

“ไม่เลยๆ ใครนะช่างกล้าทำ” หน้าตาชายดูไม่จริงใจเล๊ย

“เขาบอกมานะ ว่าเป็นคนที่เส้นใหญ่มาก ระงับการขึ้นตำแหน่งเรา”

พรวด!!

“แค่กๆ” ผมหันไปมองชายที่สำลักเหล้าหน้าดำหน้าแดง

“เป็นไรเปล่า เอาน้ำเปล่าไหม” ชายโบกมือปฏิเสธทั้งที่ยังไม่หยุดไอ

“ไม่ๆ อะ แค่กๆ ไม่เป็น แค่ก ไร”

“แน่ใจนะ” ชายพยักหน้ายืนยันว่าตัวเองโอเค ผมจึงหันไปสนใจเหล้าตัวเองต่อ

“แล้วนกคิดว่าเป็นใครล่ะ ที่ทำแบบนั้น”

“เราคิดว่า.....”

“อึก...” ชายมองผมอย่างลุ้นคำตอบที่จะได้จนต้องกลืนน้ำลายลงคอ

“เราว่าต้องเป็นไอ้พี่หนูแน่ๆ!!”

“...ฟู่....” เมื่อได้ยินคำตอบจากผม ชายก็ทิ้งหลังติดเก้าอี้เป่าปากอย่างโล่งใจ แล้วชายโล่งใจอะไรหว่า????

“นี่วันนี้ก็เพิ่งต่อยกันมา!! แต่แม่งก็ไม่ยอมรับว่ามันทำ แถมยังบอกให้เราระวังไอปาด้วยนะ ให้ตายสิ!! นี่มันคงคิดจะแกล้งไอ้ปาแน่ๆ”

คิดแล้วโมโหไม่หาย น่าจะต่อยมันเพิ่มอีกสักสามสี่ที ชิ! อยากระบายโว้ย หงุดหงิดๆ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ไง เลยต้องนั่งแดกเหล้าอยู่แบบนี้

“ฮะ ฮะ ไอปามันเอาตัวรอดได้ อย่าห่วงเลย” ไม่ได้ห่วง กูหงุดหงิดเฉยๆ

“ไม่รู้มันไปเยสาวหรือมันไปฉาบปูนห้องน้ำกันแน่” อยากกลับบ้าน

“ฮ่าๆ อยากกลับบ้านแล้วเหรอ ให้เราไปส่งไหมล่ะ” ผมหันไปมองชายที่ส่งยิ้มอย่างหวังดี ก็ดีเหมือนกัน เริ่มง่วงแล้วด้วยสิ

“ไม่ต้อง!!!”

“อ้าวมึง!! เสร็จแล้วเหรอวะ”

มันหันมามองผมแค่หางตาไม่นานก็หันไปมองไอ้ชายต่อโดยที่น้องคาร่าก็ยังเกาะแขนมันไม่ห่าง ชายที่ถูกจ้องด้วยสายตาดุดันถึงกับต้องยกมือขึ้นทั้งสองข้างอย่างยอมแพ้

“กูเห็นว่ามึงยังไม่มา แล้วไอ้นกมันก็ง่วงกูเลยหวังดีจะพากลับ แค่นั้น”

“มึงง่วงแล้ว?” มันหันมาถามผม อะไรวะ ไม่เชื่อเพื่อนตัวเองซะงั้น

“อะ เออ แต่มึง เดี๋ยวกูกลับแท็กซี่ก็ได้นะ”

บรรยากาศมาคุชอบกล ผมล่ะไม่อยากกลับกับใครเลย แค่อยากกลับบ้านไปนอนพักแค่นั้น ไม่งั้นพรุ่งนี้ผมคงแฮงค์แน่ๆ ดูจากปริมาณเหล้าที่ผมกินไปแล้ว ไม่น่ารอด

“ไม่ต้องเดี๋ยวกูไปส่ง”

มันปลดแขนของน้องคาร่าออกแล้วมาดึงมือผมให้เดินออกไปโดยไม่ลืมวางเงินเอาไว้ให้บาร์เทนเดอร์ ผมมองคาร่าที่ยืนงุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้าและหน้าตาที่กระตุกยิ้มมุมปากของชาย มันเคยรู้ตัวไหมเนี่ย ว่ายิ้มแบบนั้นทีไร หน้าตามันชวนเอาตีนไปเหยียบมาก

ไอ้ปาจับผมยัดลงในรถโดยที่ตัวเองจะเดินไปอีกฝั่งก่อนจะขับออกไป ผมกับมันต่างคนต่างก็เงียบจนได้ยินเสียงหายใจของแต่ละคน ผมเห็นมือของมันที่กำพวงมาลัยแน่น ไม่รู้มันไปหงุดหงิดโมโหอะไรมา

“ไม่ได้เยเหรอวะ”

อูย......ดูเหมือนผมจะถามผิดหรือยังไงไม่รู้เพราะมันเหวี่ยงสายตาใส่ผมเสียอย่างนั้น อะไรของผม ผมแค่อยากจะถามเพื่อทำลายความเงียบ เห็นมันหงุดหงิดก็นึกว่าไม่ได้เย

“หรือว่าของมึงไม่ขึ้นแล้ววะ”

“เสือก!!” เอ้า ไอ้สัตว์ พูดหมาๆ

“นี่กูถามมึงดีๆ ถ้าตอบกูดีๆ ไม่ได้ก็จอด เดี๋ยวกูกลับเอง!!” อารมณ์เสียฉิบหาย

เอี๊ยด!!

“อยากกลับเอง หรือมึงจะโทรให้ใครมารับกันแน่!” ผมหันไปมองหน้ามันอย่างไม่อยากเชื่อ

“นั่นมึงคิดแล้วเหรอปา ไอ้ที่มึงพ่นออกมาจากปากนี่มึงใช้สมองคิดแล้วใช่ไหม!!”

“....”

“กูนั่งรอคนเดียวอยู่ที่โต๊ะ! รอมึงพาสาวไปเย จากนั้นกูต้องมารองรับอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของมึง!!”

“....”

“แบบนั้นใช่ไหมปา กูต้องมาเจอแบบนี้ใช่ไหม!!!” ผมแม่งตลกตัวเองฉิบหาย รอเพื่อนกลับมาพูดจาเหี้ยๆ ใส่ เออดีจริงๆ

“นก คือกู...”

“พอเถอะวะ วันนี้กูเหนื่อยมากพอที่จะคุยกับมึงแล้ว”

“แต่..”

“มึงรู้ป่ะ กูรอคุยกับมึง รอระบายให้มึงฟัง รอแล้วก็รอๆ ๆ แต่สิ่งที่กูได้จากการที่กูรอ คือมึงที่มาใส่อารมณ์กับกู ทั้งๆ ที่กูไม่ได้ผิดเหี้ยอะไรเลย!!!”

หมับ!

“กูขอโทษ”

ไอ้ปาดึงตัวผมเข้าไปกอดไว้จนจมอก พร้อมกับกระซิบคำขอโทษเบาๆ ไม่มีใครเข้าใจผมหรอก ว่าการที่ต้องมาเจอเรื่องเหี้ยๆ ในวันเดียวกันมันแย่แค่ไหน เพื่อนที่เราคิดว่าเขาจะรับฟังเรา กลับกลายเป็นมานั่งให้มันด่าแบบนี้ บางทีผมก็อยากจะร้องไห้เหมือนกันนะครับ

“ปล่อย..”

ผมพยายามดันอกมันออก แต่ไอ้ปามันฝืนไม่ยอมปล่อยผมออกจากอ้อมแขน ความอบอุ่นจากวงแขนมันทำให้ความเข้มแข็งที่ผมพยายามมาทั้งวันได้พังทลายลงจนน้ำตามันเอ่อล้นออกมา

“ปล่อยกู ฮึก ปล่อย”

“ขอโทษ ขอโทษนะนก ปาขอโทษ”
มันแย่ ที่ความรู้สึกของผมทั้งหมดมันถูกอ้อมกอดที่กอดผมอยู่ตอนนี้ทำให้มันต้องไหลรินออกมา ผมไม่ได้อยากแสดงความอ่อนแอแม้สักนิด ผมไม่ใช่คนที่ควรจะอ่อนแอแบบนี้ แต่ไม่รู้ทำไม เพียงแค่มันกระซิบขอโทษผมเบาๆ มันก็ทำให้ผมต้องปล่อยทุกอย่าง

“ฮื่ออ ฮึก ฮื่อออ”

ปาไม่พูดอะไรอีก ได้แค่ขอโทษผมซ้ำๆ กอดรัดร่างกายผมจนแน่นแต่ผมกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดอะไรมากมาย การที่มีเพื่อนเวลาร้องไห้นี่ดีจังนะครับ เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรมาผมมักจะร้องไห้คนเดียวมาเสมอ ถึงจะมีสายรหัสตอนอยู่มหา’ ลัย มันก็ไม่ได้ช่วยให้ผมมีเพื่อนมากขึ้นมา คนส่วนใหญ่มองผมที่ภายนอก เขาไม่เคยมองเห็นเลยว่าภายใต้แว่นตา ภายในหัวใจผมเป็นเพียงแค่คนคนหนึ่งที่อยากมีความสุข อยากเป็นคนที่ทุกๆ คนยอมรับ ไม่ใช่คนที่ใครจะเห็นเมื่อมีประโยชน์ หรือแค่เพราะผมเป็นตัวประหลาด แต่ไอ้ปาเป็นคนที่คบผมโดยไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกของผมด้วยซ้ำ ไม่สนใจว่าคบกับผมแล้วจะถูกมองแบบไหน นั่นทำให้ผมมีมันเพียงคนเดียวที่เป็นเพื่อน

ในใจผมตั้งคำถามของผมตั้งคำถามทุกครั้งที่มองไปยังกลุ่มของเพื่อนคนอื่นๆ การคบกันเป็นเพื่อนมันต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง ผมขาดคุณสมบัติข้อไหนหรือเปล่าถึงต้องนั่งกินข้าวคนเดียว ต้องนั่งอ่านหนังสือคนเดียว ต้องพยายามทุกๆ อย่างเพียงคนเดียว จะเป็นเพื่อนกันรูปลักษณ์แบบไหนที่ผมควรจะมี ถึงจะมีเพื่อนอย่างคนอื่นๆ เขา ผมไม่เคยเข้าใจเลยสักอย่าง เพราะผมโง่อย่างนั้นเหรอ ไอ้ปาบอกเสมอว่าผมโง่ ถ้าผมโง่.....ทำไมผมเจ็บปวดที่ใครๆ มองผมด้วยสายตาเหยียดหยาม ทำไมผมถึงเจ็บปวดทุกครั้งที่มีคนหัวเราะเยาะ ทำไมผมถึงเจ็บปวดทุกครั้งที่ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ๆ ผม ผมอยากโง่นะ อยากโง่จนไม่ต้องเข้าใจเรื่องพวกนี้ มันคงจะดีกว่า ถ้าผมไม่ต้องรับรู้มัน หรือผมไม่ควรเดินอยู่ในสังคม

“มึงระบายกับกูได้.....กูรับฟังมึงทุกอย่าง ขอโทษที่กูหงุดหงิดใส่มึง มันจะไม่มีอีก”

“ช่างมันเถอะ ฮึก กูไม่อยาก ฮึก พูดถึงมันอีก” ผมปล่อยให้มือของไอปาปาดไล่น้ำตาบนใบหน้า อย่าถามเลยว่าทำไมผมถึงยอม ถ้าหากใครอยู่ในจุดที่มีเพียงคนเดียวที่ยอมรับผมเป็นเพื่อน เรื่องแค่นี้ไม่ยากเลยถ้าจะให้อภัย

“บอกกูหน่อย ทำไมปากมึงช้ำแบบนี้” ปลายนิ้วของปาสัมผัสเบาๆ ราวกับกลัวว่าผมจะเจ็บ

“มีเรื่องกับไอ้พี่หนูมันนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรหรอก กูก็เป็นลูกผู้ชาย ต่อยตีกันมันต้องมีบ้าง” พ่อผมบอกเสมอ เกิดเป็นลูกผู้ชาย อย่ากลัวโดนต่อย ความเจ็บปวดจะสอนให้เรายืนขึ้นได้

“มันทำอะไรมึง หรือมันพูดจาหาเรื่องมึง” ผมส่ายหน้า

“ไม่ใช่หรอก กูคิดว่ามันเป็นคนสั่งระงับการเลื่อนตำแหน่งของกู กูเลยเข้าไปซัดมันก่อน” ไอ้ปาชะงักไปเล็กน้อยโดยที่ผมไม่ได้สนใจ

“แล้วมันว่ายังไง ยอมรับไหม”

“ไม่.......แต่มันเตือนกูมา”

“.....” ไอ้ปามองหน้าผมนิ่ง จนเป็นผมเองที่ต้องกัดปากระงับการสั่นของตัวเอง

“มันบอกว่า ให้ระวังมึงไว้ให้ดี”

“หึ!!” ไอ้ปามันยกยิ้มราวกับขบขันเรื่องที่ผมพูด

“ปา กูไม่อยากให้มึงไปยุ่งกับมัน พี่มันอาจจะแกล้งมึงต่อจากกูก็ได้ กูไม่อยากให้มึงมีปัญหา ถ้ามึงโดนไล่ออก แล้วกูจะทำยังไง” ผมไม่อยากอยู่คนเดียว

“อย่าห่วงไป กูไม่โดนไล่ออกง่ายๆ หรอก”

“แต่มัน......พี่มัน....” ให้ตายสิ ผมพูดไม่ออก

“กูรู้จักมันดี กูรู้ว่ามึงห่วงเรื่องเส้นของมัน” ผมเม้มปากแน่น ใช่ นั่นแหละที่ผมเป็นห่วง

“....”

“แต่มันไม่กล้ามายุ่งกับกูหรอก เชื่อสิ มันสู้กูไม่ได้หรอก”

“มึงจะแน่ใจได้ยังไง” ผมหันไปสบตากับไอ้ปา

“กูเคยพูดอะไรออกมาโดยที่กูไม่มั่นใจเหรอ” ไม่เคย ผมส่ายหน้าและไอ้ปาก็ส่งยิ้มมาให้ผม

“เพราะงั้นเลิกเป็นห่วงกูได้เลย กูอยู่นี่แหละ ไม่ไปไหนหรอก”

“ฮึก มึงก็รู้ ว่ากูมีมึงแค่คนเดียว แล้วถ้าหาก ถ้าหาก....” อึก ถ้าหากว่ามึงต้องไปล่ะ ผมคงทนไม่ได้

“หึหึ นก มองหน้ากูสิ”

ไอ้ปาจับใบหน้าของผมขึ้นมาให้สบตากับมัน แววตาที่มุ่งมั่นและมั่นคงส่งตรงมาที่ผม เพียงแต่แววตานั้นกลับแฝงบางอย่างเอาไว้ บางอย่างที่คล้ายความห่วงใยแต่มันดูเหมือนจะมีมากกว่า เพียงแต่ผมไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ผมรู้แค่ผมทนไม่ได้ที่จะเสียเพื่อนเพียงคนเดียวไป ทนไม่ได้ที่จะต้องมองหน้าคนที่ทำให้เพื่อนผมต้องไป พอถึงตอนนั้น ผมจะทำยังไง ผมสบตามันด้วยแววตาสั่นระริกที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตา

“มึงอยู่ตรงนี้ ที่นี่ กูจะไปไหน กูก็ต้องอยู่กับมึงสิ”

“....” ผมเบี่ยงหน้าหนี บอกตรงๆ ผมก็ยังไม่มั่นใจ

“ถ้ากูไป ใครจะช่วยมึงเรื่องกองงานที่มึงค้าง ใครจะช่วยไม่ให้คนอื่นฝากงานมึงอีก”

“....ฮึก...”

“เห็นไหม กูไปไม่ได้หรอก และกูจะไม่ยอมไปด้วย ไม่ต้องกลัวหรอก มึงจะไม่มีทางอยู่คนเดียว”
ผมกระชับอ้อมกอดของมันให้แน่นขึ้น กลัวเหลือเกินว่าอ้อมแขนตรงหน้านี้จะหายไป ความอบอุ่นที่ผมได้รับนี้จะไม่มีอีก กลัวว่าคนตรงหน้าจะต้องไป ผมไม่อยากให้มันไป

“มึงสัญญานะ” ไอ้ปายิ้มและกระชับอ้อมแขนมากขึ้น

“กูสัญญา”

เพียงแค่คำพูดสั้นๆ แค่นี้ก็พอแล้ว แค่นี้ผมก็มั่นใจแล้วว่าไม่ว่าพี่หนูมันจะทำอะไร ไอปาก็จะยังอยู่ตรงนี้ ไม่มีทางหายไปจากผม ไม่มีทางทิ้งผมไปให้ผมต้องอยู่คนเดียว ผมเชื่อในคำสัญญาที่มันมีให้ ไม่รู้ว่าทำไม แต่ผมอยากจะเชื่อ อาจจะเป็นเพราะคำว่าเพื่อน ที่ทำให้ผมเชื่อมัน ไอ้ปาไม่เคยโกหก จะไม่พูดหากว่าทำไม่ได้ ถ้ามันสัญญานั้นหมายถึงมันต้องมีทางออก

“เอ้า!! เช็ดหน้าได้แล้ว กูจะพาไปส่ง” มันดันผมออกเล็กน้อยก่อนจะหยิบเอาผ้าเช็ดหน้าส่งมาให้ผม

“ขอบใจ ฟึดดดด!” อา ค่อยโล่งจมูกขึ้นหน่อย

“เหี้ย!! กูให้เช็ดหน้า ไม่ใช่เช็ดขี้มูกมึง” เอ้า

“ก็กูไม่รู้ เอาน่าๆ มึงเอากลับไปซักเดี๋ยวมันก็หาย” ผมส่งยิ้มกว้างใส่มันโดยไม่สนใจว่ามันพยายามจะเอาหัวโขกพวงมาลัยรถตาย

“ห่าเอ้ย!!!! วันหลังกูจะพกผ้าขี้ริ้วมาให้มึงใช้!”

“ไม่เอาอะ เดี๋ยวเชื้อโรคเข้าโพรงจมูกกู”

“ไอ้สัตว์!!!”

การสนทนาก็กลับมาเหมือนเดิมครับ ขำขันกันไปมา ไม่มีความหงุดหงิดใส่กันอีก

ครืดดด ครืดดด

“มีไรวะ” ไอ้ปาหยิบโทรศัพท์เครื่องสวยขึ้นมากดรับสาย

“...”

“ถามทำไม” อะไรวะ มองผมด้วยสายตาแล้วตอบกลับไปแบบนั้น

“...”

“ก็เปล่า ปกติดี เออๆ”

“....”

“หึ!! ก็เอาไปดิ กูยกให้”

“....” ผมได้แต่ฟังเงียบๆ กลัวเสียมารยาท

“เออ แค่นี้นะ กูขับรถอยู่” อ๋อ....เพิ่งรู้ตัว ผมส่ายหน้าเบาๆ กับความเอาแต่ใจของมัน มันหันมามองผมอย่างสงสัย

“ไม่ถามเหรอวะ ว่าใคร”

“ไม่ใช่เรื่องของกูนี่ โทรศัพท์มึง ถ้าโทรศัพท์กูก็ว่าไปอย่าง”

มันหัวเราะหึหึในลำคออย่างพอใจ แต่ผมไม่รู้หรอกครับว่าหมายถึงอะไร มันอาจจะเห็นด้วยกับความคิดผม หรืออาจจะคิดว่ารู้ตัวก็ดีก็ได้ วันนี้เป็นวันธรรมดา ที่มีทั้งดีและร้าย ก็แค่เรื่องเข้าใจผิด แค่เพื่อนทะเลาะกัน นี่แหละรสชาติของชีวิต และผมก็โอเคกับมัน อย่างน้อยๆ มันก็ไม่เหี้ยไปหมด อย่างน้อยวันนี้ก็มีคนปลอบเมื่อผมร้องไห้ อย่างน้อยๆ ........วันนี้ ก็ไม่ต้องกลับไปร้องไห้คนเดียว กัดปากเบาๆ


100%


นกลูก มาค่ะ อกแม่ว่างนะคะ มาซบอกแม่ก็ได้ โปรดวางปลาทูและของเล่นแมวด้วยนะคะที่รัก

#ปากินนก

ออฟไลน์ toomild

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 183
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
น้องนกโดนรังแกหนักมาก ไหน ใครกล้ามาแกล้งลูกแม่คะ แต่กลัวใจปาจะเป็นคนทำเกิ๊น น้องเสียใจตายเลยนะคะแบบนั้น

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ได้แต่หวังว่าปาจะเป็นคนที่ดีกับหนูนกจริงๆนะ :call:

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[4]

ตอนที่4 นกกับการพิสูจน์ความกล้า


ตื่นมาอาการปวดหัวก็เข้ามารุมเร้าผม ก็แน่ละครับผมกินเหล้าไปเยอะนี่นาเมื่อคืน ไอ้ตอนที่กินเนี่ย ไม่ได้คิดหรอกว่ามันจะขนาดไหนหลังจากกินไปนี่แหละครับ ถึงได้มาคิดว่า ไม่น่าแดกเลยกู โอ๊ย......เอกสงเอกสารนี่ลายตาไปหมด ตัวอักษรกระโดดมาขี่กันทำไมวะนั่น ห่าเอ๊ย.....กูไม่น่าจะรอดแน่ๆ มีหวังได้น็อกก่อนเที่ยงชัวร์ๆ

มึนตัวที่สามร้อยหนึ่ง มึนตัวที่สามร้อยสอง มึนตัวที่สามร้อยสาม โอ๊ย ทำไมมึนเยอะวะ นี่ผมนับได้หลายมึนแล้วนะ ยังไม่หายมึนเลย

“เฮ้ออออ”

ถอนหายใจบ่อยๆ เผื่อความมึนมันจะหายไปบ้างแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยครับ เพราะผมก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม นี่ขนาดชงกาแฟมาดื่มเข้มๆ มันยังไม่ช่วยอะไรผมเลย ให้ตายเถอะ เมื่อเช้าถ้าไอ้ปามันไม่ไปรับผมที่ห้อง ผมจะเดินออกจากห้องถูกทางไหมดีกว่า เพราะแค่ตื่นเช้ามาเดินเข้าห้องน้ำยังไม่ถูกเลยครับถ้ามันไม่มารับ ผมคงปีนหน้าต่างออกมาทำงาน

“นก!! เป็นไงบ้าง!!”

“เมาค้างนิดหน่อยครับพี่ฝน ไม่เป็นไรครับ”

“ไม่ใช่ๆ คือ เมื่อวานเขาลือกันทั้งบริษัทเลยนะ ว่านกไปต่อยพี่หนูเพราะพาลเรื่องตำแหน่ง” อ๋อ.....เรื่องนี้เอง ผมมองหน้าพี่ฝนที่มีสีหน้าเป็นกังวล

“ไม่เป็นไรครับ ผมโอเค”

ผมได้แต่ส่งยิ้มเพื่อยืนยันให้พี่ฝนเห็นและสบายใจว่าผมไม่เป็นไรจริงๆ บางทีเราก็ต้องทำตัวเก่งไม่ให้ใครเห็นความอ่อนแอนะครับ และผมมักจะเป็นคนแบบนั้นบ่อยๆ

“แน่ใจนะ ไม่อยากเล่าให้พี่ฟังเหรอ” อ๋อ...ที่แท้ก็อยากได้เรื่องเผือก ผมได้แต่กลอกตาไปมา เอาที่พี่สบายใจเลยครับ

“ไม่เป็นไรดีกว่าครับพี่ ผมโอเคดี”

พี่ฝนทำหน้าเสียดายแต่ก็ยอมเดินกลับไปที่โต๊ะแต่โดยดี เสียดายอะไรวะ

หลังจากที่พี่ฝนเดินจากไป ผมก็ทำงานของตัวเองต่อโดยไม่ได้สนใจคนรอบข้างอีกเลย เพราะทุกคนก็คงไม่พ้นซุบซิบนินทาเรื่องของผมอีกเหมือนเดิม ถ้าผมไม่สนใจทุกคำพูดกำอะไรผมไม่ได้ ถ้าผมไม่มองสายตาพวกนั้นก็ไม่ทำให้ผมต้องเจ็บปวด เห็นไหมครับ ถ้าไม่สนใจเสียอย่างเราก็ไม่เป็นอะไร แต่ความเป็นจริง ใครบ้างครับที่ได้ยินเสียงนินทาตัวเองแล้วจะไม่สนใจจะฟัง ใครบ้างครับที่มีคนมองมาแล้วไม่สนใจสายตาพวกนั้น ไม่มีหรอกครับ ทุกคนย่อมเลือกความเจ็บปวดอยู่แล้ว ทั้งๆ ที่รู้ว่าเจ็บ ก็เลือกที่จะเก็บมันมาใส่ใจอยู่ดี ผมก็คนธรรมดา ทุกๆ เสียงนินทาและทุกๆ สายตา ผมไม่สามารถปัดมันออกจากวงกลมของความสนใจได้ ไม่ได้จดจ่อแต่ก็รับรู้ เหมือนอากาศที่แทรกซึมเข้าสู่ปอด เหมือนน้ำที่ค่อยๆ ซึมลงบนทราย เหมือนความเจ็บปวดที่ค่อยๆ ฝังลึกลงไปในใจของผม

“เอาล่ะๆ หยุดมือแล้วฟังทางนี้หน่อย!!!”

ทุกสายตาเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารตรงหน้ามองตรงไปยังร่างผอมบางของพี่อาร์ตที่ยืนเป็นจุดสนใจอยู่กลางห้องด้วยท่าทางสุดจะเก๊กตามแบบฉบับของพี่มัน

“มีอะไรเหรอค้า หรือจะปรับเงินเดือนให้พวกเรา” เสียงโห่ร้องสนับสนุนดังสนั่นจนผมต้องยกมือขึ้นปิดหู

“ดูปากกูๆ ชาติ-หน้า”

ครับ ทุกสายตาก็ไปกองรวมอยู่ที่ปากแดงๆ ของพี่มันที่ขยับแต่ไม่ออกเสียงออกมา แต่ก็เรียกเสียงโห่ร้องได้ดังยิ่งกว่า

“เลิกเล่นๆ วันนี้เลิกงาน ฝ่ายบริหารจัดทริปพิเศษไว้ให้พวกเรา ใครสนใจบ้าง” ยกมือกันให้พรึบ ไม่มีหน้าไหนไม่ยกหรอกครับ ของฟรีนี่

“นี่พวกมึงไม่คิดจะถามเลยเหรอว่าจัดที่ไหนยังไง”

“ไม่!!!” พร้อมใจกันตอบราวกับนัดกันมา

“เออ!! ดี งั้นเลิกงานแล้วพวกมึงไปขึ้นรถตู้กันให้หมดนะ ถ้าไปถึงที่หมายแล้วใครคิดจะกลับ ซองขาว!!!”

สะดุ้งกันยกใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาพอลับหลังพี่อาร์ตเสียงซุบซิบเรื่องทริปพิเศษก็กระหึ่มดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งห้อง ส่วนผม.....เหมือนเดิมครับ ไม่มีใครคบได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตาทำงานไม่คุยกับใคร เกิดเป็นไอ้นกก็แบบนี้ ลำบากลำบนก็ต้องอดทนครับทำไงได้ ส่วนคนอื่นๆ ก็หัวเราะคิกคักๆ สนุกสนานกับเรื่องที่คุยกันอย่างเมามัน บ้างก็คุยกันว่าเขาจะเลี้ยงอะไร บ้างก็คุยเกี่ยวกับหนุ่มๆ แผนกอื่นๆ ที่อาจจะไปกับเรา ซึ่งยังไม่รู้เลยว่าเขาจะไปกันหรือเปล่า

และเวลาก็ล่วงเลยไป..........

5 โมงเย็น

ทุกคนต่างมีความสุขและลุ้นไปกับทริปที่จะเกิดขึ้น ผมเริ่มเก็บของเพราะกลัวเหลือเกินว่าพวกเขาจะไม่รอผม ก็ผมมันเป็นส่วนเกินนี่นา ถ้าเขาไม่สนใจผมคงไม่ได้ไป คิดไปก็หดหู่จริงๆ

“นก! เสร็จยังวะ!!” เสียงไอ้ปาเร่งผมเมื่อเห็นว่าทั้งห้องเหลือแค่ผมคนเดียวที่ยังไม่ไปเสียที

“เออๆ เสร็จแล้ว” ผมหยิบกระเป๋าขึ้นมาก่อนจะเดินไปหาไอ้ปาที่ยืนรออยู่

“มึงนี่ชักช้าจริงๆ”

“ก็ไม่ต้องรอกูดิ” ก็กัดฟันพูดไปแบบนั้นล่ะครับ จริงๆ ดีใจจะตายห่าที่มันมารอ

“หึ.....เอากระเป๋ามา เดี๋ยวกูถือให้”

“เฮ้ย!! ไม่เป็นไรๆ มันไม่ได้หนัก กูถือได้”

“เออ เอามาเหอะ”

มันฟังผมที่ไหนครับสุดท้ายมันก็แย่งจากมือผมไปถืออยู่ดี ผมได้แต่ส่ายหน้ากับความเอาแต่ใจตัวเองของมัน จริงๆ เลย

ผมและไอ้ปารีบเดินไปยังตัวรถตู้ที่จอดรอโดยมีสาวๆ โบกไม้โบกมือเรียกไอ้ปายิกๆ นี่ถ้ากระโดดมาคาบคอมันขึ้นรถได้คงทำไปแล้วล่ะครับ ไอ้ปากลับเพียงแค่ส่งยิ้มให้เท่านั้นแต่มือมันสิครับคว้าแขนผมแล้วลากให้เร่งเดินไปกับมันซะอย่างนั้น

“แหม....น้องปา มาช้าจังเลยนะคะ พี่รอตั้งนาน”

“ผมไปรอไอ้นกมันมาน่ะครับเลยช้าไปหน่อย” ไอ้ปามันตอบเนิบๆ อย่างไม่ได้สนใจอะไรมากมาย

“พิรี้พิไรอะไรหนักหนาวะ จะไปไม่ไป คนอื่นเขารอกันทั้งคัน!!!” ปากหมาแบบนี้ก็มีแค่ไอ้พี่หนูมันนั่นแหละ ผมไม่ติดใจอะไรหรอก ติดใจมากๆ เดี๋ยวได้มวยกันอีก

“หึ.....ถ้าปากไม่ได้มีไว้พูดเรื่องดีๆ ก็ควรเก็บไว้กินข้าวดีกว่านะครับ” แต่ไม่ใช่กับไอ้ปา

“มึง!!” ไอ้พี่หนูชี้หน้าไอ้ปาด้วยความโกรธ

“ไอ้ปา พอเถอะมึง” มือผมกระตุกเสื้อเพื่อเตือนมัน
“หรือปกติพี่กินหญ้าล่ะครับ”

“ไอ้เหี้ยปา!!!!”

ผมกลัวมากเลยครับกับสถานการณ์ตอนนี้ที่มีผู้ชายร่างยักษ์สองตัว เอ๊ย สองคนยืนจ้องหน้ากัน คนหนึ่งมองราวกับจะกินเลือดกินเนื้อส่วนอีกคนมองด้วยรอยยิ้มที่เรียกตีนสุดๆ

“มีอะไรกัน ขึ้นรถได้แล้ว!!” พี่อาร์ต!! โอ๊ย.....ฮีโร่ผู้สยบสถานการณ์ร้ายของโผ๊มมมมม เพราะมีแต่พี่อาร์ตนี่ล่ะครับที่จะกล้าบุกฝ่าดงสงครามระหว่างพี่หนูและไอ้ปาได้ หลังจากที่มีผู้มาสยบสงครามได้ผมและไอ้ปาเดินขึ้นรถไป ไอ้ปาถูกสาวๆ ดึงไปนั่งตรงแถวที่สองซึ่งมีที่ว่างอยู่สองที่

“ไอ้นก! มานั่งสิ” ไอ้ปากวักมือเรียกให้ผมไปนั่งข้างๆ

“เอ่อ..”

“โอ๊ย...ไม่ได้หรอกค่ะพี่ปา ตรงนี้ที่ของเหมยเขา พี่นกไปนั่งที่อื่นแล้วกันนะคะ” แล้วผมจะหน้าด้านหน้าทนไปนั่งหรือครับ

“เฮ้ยไม่เป็นไรๆ กูไปนั่งข้างหลังสบายกว่า”

ผมเดินหนีหลบสายตาของสาวๆ ที่ทำให้ผมอึดอัด คนเขาไม่อยากให้นั่งก็อย่าไปนั่งสิ ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ผมนั่งคนเดียวก็ได้สบายใจกว่าด้วย ผมเลือกที่จะนั่งติดหน้าต่างหลังสุดเพื่อจะได้หลีกเลี่ยงทุกๆ คนผมไม่เหงาหรอก ก็ผมมีวิวข้างนอกเป็นเพื่อนไงครับ แต่อยู่ๆ เบาะข้างๆ ผมก็ยวบลงจนผมต้องหันไปมอง

“มึงว่าพี่เขาจะพาเราไปไหนกันวะ” ไอ้ปา....
ผมมองมันที่นั่งเก๊กหน้าหล่ออยู่ข้างๆ อย่างไม่เชื่อสายตา ไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเลือกมาข้างผมมากกว่าจะนั่งกับสาวๆ นั่นทำให้ผมดีใจจนต้องระบายรอยยิ้มออกมาบนใบหน้า

“มึงมานั่งกับกูไม่เป็นไรเหรอวะ” ไอ้ปาหันมามองผมที่หันใบหน้าไปอีกด้านไม่ยอมมองหน้ามัน กลัวมันจะเห็นว่าผมยิ้มอยู่

“ที่ว่างมีเยอะแยะ กูอยากนั่งตรงไหนก็นั่ง”

“...” นั่นสิครับ ที่ก็ว่างตั้งเยอะแยะ

“กูอยากนั่งข้างมึง..........กูก็มานั่ง จริงไหม” ไอ้บ้าเอ๊ย!! กระซิบทำไมวะ แม้ว่าประโยคที่เอ่ยออกมาจะเป็นเหมือนประโยคคำถาม แต่ผมไม่ตอบหรอกครับเพราะดูแล้วตอบยังไงก็เข้าตัวอยู่ดี แล้วทำไมหน้าผมมันร้อนผ่าวขึ้นมาง่ายๆ กับคำพูดแค่คำเดียวของไอ้ปาด้วย ผมไม่เข้าใจตัวเองเลย

หลังจากรถออกจากบริษัทมาสักพักผมกับไอ้ปาก็ได้แต่คุยสัพเพเหระกันอย่างออกรส โดยที่มีสาวๆ เดินมานั่งใกล้ๆ ไอ้ปาไม่ขาดสายแต่พ่อเจ้าประคุณท่านเย็นชามากครับ ยิ่งกับพวกน้องเหมยกับน้องรินนี่แทบจะกลายเป็นอากาศสำหรับมันก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าสองสาวจะชวนคุยอะไรมันก็จะทำราวกับไม่ได้ยินเสียอย่างนั้น สงสารน้องครับบอกตรงๆ หน้าตาน้องสองคนซีดจนจะเป็นไก่ต้มอยู่แล้ว ผมเห็นใจจึงได้สะกิดไอ้ปา

“ไอ้ปาๆ มึงคุยกับน้องเขาบ้างดิวะ หน้าซีดหมดแล้วนะนั่น”

“ไม่วะ ปากกูไม่ว่าง.....คุยกับมึงอยู่” ไอ้สัตว์!! ตอบแบบนี้น้องแม่งก็ซีดเข้าไปอีกดิ

“เฮ้ย!! อย่าพูดแบบนั้นดิวะ” ไอ้ปาถอนหายใจใส่ผมก่อนจะหันไปหาสองสาวที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างๆ

“เหมย ริน”

“คะพี่ปา!!” สองสาวตอบพร้อมกันเมื่อไอ้ปาเรียกด้วยเสียงเข้ม

“พี่ไม่ชอบการกระทำที่เราสองคนทำกับไอ้นกมัน อย่าทำอีก!” สองสาวหน้าสลดลงเมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ขี้เล่นเหมือนเดิมกับแววตาที่ทิ่มแทงใจ

“ฮึก ค่ะ” น้องเหมยน้ำตาคลอแต่น้องรินนี่ถึงกับปล่อยโฮเลยทีเดียว ก่อนที่สองสาวจะกลับไปนั่งที่ของตัวเองเมื่อเห็นว่าไอ้ปาไม่มีท่าทีจะสนใจอีก ผมปลื้มปริ่มกับการกระทำของมันก็จริงแต่ก็อดสงสารเด็กสาวสองคนนั้นไม่ได้ ผมเหลือบมองไอ้ปาเป็นระยะๆ แต่ผมกลับมองเห็นเพียงอารมณ์ที่ยังคุกรุ่นเท่านั้นผมจึงหันไปมองวิวข้างทางดีกว่า ระยะทางมันช่างแสนไกลรอบข้างต่างเต็มไปด้วยบ้านเรือนแต่ไม่นาน เมื่อตัวรถแล่นไปเรื่อยๆ บ้านเรือนก็เริ่มน้อยลง จนตัวรถมาจอดหน้าบ้านหลังใหญ่ที่รกร้างราวกับไม่มีใครอยู่มานานหลายปีภายใต้ความมืดของท้องฟ้ายามค่ำคืนยิ่งวังเวงแปลกๆ

“เอ้าๆ ลงมากันได้แล้ว ถึงแล้ว” เสียงพี่อาร์ตดังอยู่นอกตัวรถพร้อมๆ กับประตูรถที่เปิดออก พวกเราค่อยๆ ทยอยลงจากรถกันทีละคนจนหมด

“ไม่เห็นมีร้านเหล้าหรือที่สังสรรค์เลยพี่ เราจะไปทริปกันที่ไหนอ่ะ” ผมเองก็สงสัยยังดีที่มีคนถามแทน

“ก็ที่นี่แหละ”

“หา!!!!!!” พวกผมสิบกว่าคนร้องออกมาพร้อมกันอย่างตกใจ

“เลี้ยงกันยังไงวะพี่ ที่นี่ดูยังไงๆ ก็บ้านร้างชัดๆ” พวกผมมองไปรอบๆ อย่างระแวง

“ก็ใช่ดิวะ ต้องบ้านร้างดิถึงจัดทริปได้”

“ยังไงของมึงไอ้อาร์ต!” พี่หนูถามออกมาอย่างเหลืออด

“ก็ฝ่ายบริหารจัดทริปความหลอนนี่ครับคุณหนู ถ้าจัดที่ผับมันจะหลอนได้ยังไง”

“ไอ้เหี้ย!!! งั้นกูกลับ!” พี่หนูหันหลังกลับทันทีที่พูดจบ

“กลัวสินะครับคุณหนู”

“มึงว่าไงนะ!!!” ศึกนี้พี่อาร์ตชนะเห็นๆ สงครามประสาทกับความอารมณ์ร้อนของพี่หนูมัน ผมว่าพี่อาร์ตเข้าเส้นชัยก่อนแน่ๆ

“จริงๆ ที่จะกลับก็แค่กลัวสินะครับ ที่ทำเป็นอารมณ์เสียก็แค่กลัวผี”

“ไอ้อาร์ต!!!!” พี่หนูกระชากคอเสื้อพี่อาร์ตด้วยความโมโหโดยมีเหล่าบรรดาลูกน้องพี่หนูคอยห้ามปราม

“ว่าไงครับ คุณหนู อยากกลับก็กลับไปสิครับ”

“จิ๊!!!” พี่หนูมันยอมปล่อยง่ายๆ ครับแถมยังไม่กลับด้วย

“อย่างที่กูบอกไปเมื่อตอนกลางวัน ถ้าใครกลับ ซองขาว!!!” ทุกคนสะดุ้งกันทั่วหน้าถึงจะกลัวผี แต่นาทีนี้คงกลัวตกงานกันมากกว่าครับ

“มึงกลัวปะ”

“กลัวดิวะ!! หรือมึงไม่กลัวไอ้ปา” ไอ้ปายกยิ้มมุมปากแต่ไม่ยอมตอบคำถามของผม งั้นผมจะคิดว่ามันกลัว!! ฮ่าๆ

“เอ้าๆ ไอ้สองคนนั้น อย่าเพิ่งจีบกัน มาฟังผมอธิบายก่อนครับ!!” เชี้ย!! พี่อาร์ตแม่งพูดซะเสียงดัง

“เฮ้ยยย ไม่ใช่พี่” แม้ผมจะพยายามอธิบายแต่ไอ้พี่อาร์ตกลับโบกมือทำราวกับจะบอกว่า เรื่องของมึง

“เริ่มจากประวัติบ้านก่อนแล้วกัน บ้านหลังนี้เมื่อ25ปีก่อน เกิดการฆ่าตัวตายปริศนา เป็นสาววัยรุ่นที่ท้องแก่ใกล้คลอดที่ผูกคอตายที่ห้องนั่งเล่นของตัวบ้าน”

“แล้วมันเป็นปริศนาตรงไหนคะพี่” นั่นสิ

“ก็เพราะจากคำให้การพยาน เขาบอกกันว่าก่อนเสียชีวิตผู้หญิงคนนั้นไม่มีท่าทีว่าจะฆ่าตัวตายเลยสักนิด แต่จากภาพคดีตำรวจจึงสรุปว่าเป็นการฆ่าตัวตาย” น่าสงสารจัง ญาติๆ คงเสียใจมากแน่ๆ

“แต่นั่นไม่ใช่ที่สุด หลังจากนั้นมา12ปี ก็มีนักศึกษาชายถูกฆ่าปาดคอที่นี่เหมือนกัน หลังจากที่นักศึกษาคนนั้นตาย ก็จะมีคนพบเห็นนักศึกษาคนนี้เดินมาขอความช่วยเหลือหน้าบ้านเสมอ บางคนถึงขั้นเจอแบบเลือดทะลักบริเวณลำคอวิ่งมาขอความช่วยเหลือก็มี” มะ ไม่เอานะ ผมไม่อยากเจอ

“ยังมีต่อนะ จนเมื่อล่าสุด พอบ้านหลังนี้ถูกซื้อไป ครอบครัวที่เข้ามาอยู่เป็นคู่รักที่เพิ่งแต่งงานไป แต่อยู่ๆ ไปก็รับรู้ถึงวิญญาณสาวท้องแก่ที่นั่งร้องไห้อยู่กลางห้อง กับเด็กที่ค่อยๆ คลานออกมาจากทางระหว่างขาของเธอพร้อมๆ กับเสียงกรีดร้อง หรือวันดีคืนดีก็จะเห็นวิญญาณนักศึกษาใช้มือกุมบริเวณลำคอพอเข้าไปถามเขาก็จะปล่อยมือให้เห็นคอที่เกือบจะขาดจากการถูกเชือดกับเสียงพูดที่ดังอยู่ในหูว่า ‘ทำไมไม่ช่วยกู’ อยู่ตลอดเวลา จนอยู่ไม่ได้ต้องย้ายออกไป” ทุกคนต่างทำหน้าตาหวาดกลัวจนอยากจะร้องขอกลับไปใช้ชีวิตต่อที่บ้าน แต่ดูจากการเกริ่นเรื่องมาขนาดนี้ของพี่อาร์ตแล้วคงไม่ได้กลับแน่นอนครับ

“แล้วมึงจะให้พวกกูทำอะไร” พี่หนูยืนกอดอกถามพี่อาร์ตอย่างวางท่า ทั้งๆ ที่ผมแอบเห็นขาพี่มันสั่น ลองคิดภาพผู้ชายตัวใหญ่ๆ ยืนขาสั่นเต๊ะท่าหล่อดูสิครับ

“ครับ......ผมจะให้ทุกคนจับคู่กันพากันเข้าไปในบ้าน และอยู่ในนั้นเป็นเวลา20นาที”

“อะ เอ่อ” พี่ฝนยกมือขึ้น

“ว่าไงครับพี่ฝน”

“ระบุเพศไหม เอ่อ พี่หมายถึง หญิงทั้งคู่หรือชายทั้งคู่หรือยังไงก็ได้”

“แล้วแต่สะดวกเลยครับ แค่ให้ได้คู่ก็พอ” ก็ดีนะไม่ระบุเพศมันก็ดีไปอย่าง ถ้าผมมีคู่นะ

“เอาละครับ ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มจับคู่กันได้เลย แล้วเดี๋ยวเราจะมาจับเลขเพื่อเรียงคิวเข้าไปกัน”

ผมมองซ้ายมองขวาดูทุกคน (เกือบ) สนุกสนานกับการจับคู่ และมองไอ้ปาที่ถูกสาวๆ รุมล้อมตอมมันอย่างกับขี้

“พี่ปาคู่เหมยนะ”

“ไม่ได้สิ พี่ปาคะ รินกลัว พี่ปาไปกับรินนะคะ” บนรถพวกน้องยังหน้าซีดเป็นไก่ขาดเลือดอยู่เลย

“ปาคะ / พี่ปา /น้องปา” จากล่าท้าวิญญาณจะกลายเป็นงานชักเย่อแล้วครับ

“ไอ้นก!!!” ไอ้ปาตะโกนเรียกผมพร้อมกับสะบัดแขนออกจากสาวๆ แล้วเดินมาทางผมแทน

“ว่าไงวะ ได้คู่แล้วเหรอ” ผมชะเง้อคอไปมองสาวๆ ข้างหลังมัน

“เปล่าวะ กูว่าจะมาขอคู่มึง”

“เฮ้ย!! สาวตั้งเยอะ มึงจะมาคู่กูทำไมวะ” คิดสภาพผมกลัวผีแล้วกระโดดกอดมันคงน่าเกลียดตาย

“เอาเป็นว่ากูคู่มึงจบนะ”

“ตะ..”

“หืม~” ทะ ทำไมต้องโน้มหน้าเข้าใกล้ๆ ด้วยวะ ตกไข่ เอ้ย!! ตกใจนะเนี่ย

“ระ ระ รู้แล้ว”

“หึหึ.....ขอโทษด้วยนะครับ พอดีผมมีคู่แล้ว”

หอปาหันไปบอกสาวๆ ที่ยืนโอดครวญกันอย่างเสียดาย อันนั้นไม่เท่าไหร่ คือ....มึงจำเป็นต้องโอบเอวกูไหม ผมนี่ถึงขั้นต้องดึงมือมันออกอยู่หลายรอบ ให้ตายเถอะครับ ไม่รู้มันใช้กาวอะไรทามือเหนียวกว่าปลาหมึกเสียอีก

“เอาละๆ เมื่อจับคู่กันแล้วก็มาจับหมายเลขกันต่อ แต่ละคู่ส่งคนมาจับหนึ่งคนนะ” คู่ผมส่งไอ้ปาออกไปจับครับแต่ละคู่ก็ทยอยออกไปจับกันจนครบ

“เอาละ คู่พี่ฝนกับฟ้าเป็นคู่แรก ต่อด้วยอุ้มกับเมย์.....รินกับเหมย.....คมกับต้น......สองกับต้อม....ปากับนก และปิดท้ายด้วยผมกับคุณหนู” เออเว้ย.....พี่อาร์ตกับพี่หนูเข้าไปด้วยกัน ผมควรจะสงสารผีดีไหมครับ เพราะสองคนนี้เข้าไปมีกัดกันแน่ๆ ดูหน้าพี่หนูสิครับ หน้าพี่แกราวกับว่าอยากจะฆ่าตัวตายเสียให้ได้
ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มตรง ที่ที่เราอยู่เป็นพื้นที่รกร้างจึงไม่มีไฟข้างทางให้เราแม้แต่ดวงเดียว แต่ทางบริษัทก็ยังใจดีแจกไฟฉายให้ทุกคนได้ใช้ ผมยืนมองพี่ฝนกับพี่ฟ้าที่แทบจะเดินกอดกันเข้าไปด้านใน ขนาดพวกผมยืนกันอยู่ข้างนอกนะครับยังรับรู้ถึงบรรยากาศที่น่าขนลุก ไม่ต้องพูดถึงข้างในเลยว่าจะน่ากลัวแค่ไหน พอคู่พี่ฝนเดินเข้าไปข้างใน จู่ๆ ลมก็พัดวูบเข้าหน้าจนพวกผมหันไปมองรอบๆ แปลก.....ทั้งๆ ที่มีลมพัด แต่ต้นไม้รอบๆ ตัวผมกลับไม่ไหวติงใดๆ เลย

“กรี๊ดดดดดดดด!!!!!!!!”

“..!!”




50%



กะ เกิดอะไรขึ้นคะ! แหกปากร้องทำไมเล่าาา แมวตกใจจนขนพองหมดแล้วนะรู้ไหม! เจอกันครึ่งหลังวันพรุ่งนี้นะคะทุกคน อย่าลืมปลาทูกับของเล่นให้แมวด้วยน้าาา~

#ปากินนก

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
100%


“กรี๊ดดดดดดดด!!!!!!!!”

“..!!”

“อะไรๆ เกิดอะไรขึ้น!!” ไม่รู้ครับว่าเกิดอะไรขึ้น รู้แต่ตัวผมนี่กระโดดกอดคอเป็นลิงปีนต้นไม้อยู่บนตัวไอ้ปาเรียบร้อยแล้ว

“มะ แมงมุม แมงมุมมันไต่หนูค่ะพี่!!!”

“โธ่......กูก็นึกว่าอะไร”

ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าไอ้ปาที่ยืนนิ่งเป็นหุ่นให้ผมกอด ปรากฏว่าไอ้ปามันกลัวจนตัวแข็งไปแล้วครับ ฮ่าๆ แต่จะไปหัวเราะมันไม่ได้หรอกครับ ผมเองก็ตกใจจนกระโดดกอดมันนี่แหละ ว่าแต่ แค่แมงมุมนี่ร้องกันขนาดนี้เลยเหรอครับ แล้วถ้าเจอผีจะร้องกันแบบไหนละเนี่ย

“กรี๊ดดดดดดด!!!!!!!!!”

“คราวนี้ตัวอะไรไต่อีกล่ะ” ผมหันไปมองรอบตัวแต่ทุกคนต่างก็หันมองหาต้นเสียงเช่นเดียวกัน

“ไม่มีใครร้องนี่ครับ มึงร้องปะ น้องล่ะ” ทุกคนต่างส่ายหน้าปฏิเสธกันหมด ผมเองก็สงสัย ถ้าเสียงไม่ได้มาจากพวกเรา งั้นใคร

“กรี๊ดดดดดดด!!!” อะ อีกแล้วครับ เสียงมาอีกแล้ว

“คระ ใคร ใครร้องวะ!!!!”

“กรี๊ดดด ไม่เอาแล้วๆ”

พี่ฝนกับพี่ฟ้าวิ่งออกมาจากตัวบ้านร้างก่อนจะวิ่งผ่านหน้าพวกเราที่ยืนมองอยู่ขึ้นรถตู้ไปนั่งกอดกันด้วยตัวที่สั่นและแววตาที่หวาดกลัว ผมมองพี่ฟ้าและพี่ฝนอย่างสงสัย แม้ใจหนึ่งจะไม่อยากรู้ก็ตามว่าพี่เขาไปเจออะไรมา

“เอ้าๆ คู่ต่อไป เข้าไปได้แล้ว”

“ไม่อาว!!!!!” อุ้มกับเมย์กอดกันจนตัวกลมพร้อมๆ กับส่ายหน้าไปมาอย่างแรง

“ไป เร็วๆ อย่าช้า จะได้กลับบ้าน!” ทั้งลากทั้งดึงจนผมอดทึ่งในความสามารถของผู้ชายบริษัทนี้ไม่ได้ นี่พวกมึงทำกับผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบนี้เหรอวะ อุ้มไปโยนไว้หน้าบ้านแล้วพวกมึงก็วิ่งกลับมาเนี่ยนะ แล้วไง บ่นไปแล้วกล้าเดินไปช่วยเขาไหม ก็ไม่ครับ ผมก็ได้แต่ยืนหลบอยู่หลังไอ้ปาเนี่ยล่ะ ว่าแต่......มึงยังไม่เลิกแข็งอีกเหรอ

เมย์กับอุ้มที่ถูกพาเข้าไปจนตอนนี้พวกผมที่เหลือยังคงนั่งรอลุ้นเหตุการณ์ต่อไป จนในที่สุดเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นอีกคู่พร้อมๆ กับร่างของทั้งสองคนที่วิ่งออกมาก่อนจะขึ้นรถไปรวมอยู่กับพวกพี่ฝนและพี่ฟ้าที่เข้าไปก่อนหน้านี้ ผมเห็นรินกับเหมยตัวสั่นมองหน้ากันอย่างหวาดๆ น่าสงสารนะครับ ผู้หญิงตัวเล็กๆ สองคนต้องมาเห็นคู่ก่อนหน้ามีสภาพแบบนี้แล้วยิ่งตัวเองต้องเข้าไปเป็นคิวต่อไปอีก คงจะขวัญเสียแน่นอน

“เอ้า....คิวต่อไปครับ”

“พี่......รินไม่เล่นได้ไหมอะ รินกลัว”

“เหมยก็กลัวพี่อาร์ต เหมยไม่เอาแล้ว” ทั้งสองคนมีสีหน้าไม่สู้ดีเลยครับ ผมเห็นแล้วก็อดสงสารน้องไม่ได้

“เข้าๆ ไปแป๊บเดี๋ยวเอง ครึ่งชั่วโมงเองก็ได้ออกมาแล้ว เอางี้ พี่ลดให้ เหลือ20นาทีแล้วกัน” ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างลังเลแต่สุดท้ายก็ตกลง เพราะยังไงก็ต้องเข้าไป 20นาทีนี่น้อยกว่าคนอื่นๆ แล้วนะครับ เมื่อทุกอย่างโอเคเหมยกับรินก็เดินเข้าไปด้ายท่าทางกล้าๆ กลัวๆ เดินสองเก้าถอยสิบก้าว จะได้เข้าไปไหมครับแบบนี้

“20นาทีมีจำกัดเวลานะ ถ้าพวกน้องยังไม่เข้าไปพี่ยืดให้เต็มเวลาจริงๆ ด้วย” พี่อาร์ตยืนกอดอกมองหน้าน้องๆ อย่างเอาเรื่อง

“ไปแล้วพี่ ไปแล้วๆ” สุดท้ายทั้งคู่ก็หลับหูหลับตาเดินเข้าไปจนได้

“กรี๊ดดดดดดดดดดด!!” อะไรวะ ยังไม่ทันจะเข้าบ้านเลยมั้งนั่น น้องรินกับเหมยก็วิ่งออกมาซะแล้ว

“เฮ้ยๆ อะไรๆ ยังไม่ทันเข้าไปเลยนะ” พี่อาร์ตจับแขนของทั้งสองคนที่หลับตาวิ่งมาหน้าตาแตกตื่น

“ไม่เอาแล้วค่ะพี่ จะให้เข้าไปได้ไง เขายืนเรียกอยู่หน้าบ้านเลยนะ”

“ฮื่อๆ ใช่ค่ะ ยืนกวักมืออยู่หน้าบ้าน ให้ตายหนูก็ไม่ไปหรอก จะไล่ออกก็ไปไม่”

พี่อาร์ตยืนงงสิครับงานนี้ ก็น้องมันเล่นเดินไปไม่ถึงนาทีวิ่งออกมาจากเวลาที่กำหนด20นาทีแท้ๆ เลยต้องจบคู่ของเหมยกับรินไปอย่างช่วยไม่ได้ แล้ว.......น้องกลัวผีแล้วเดินมากอดไอ้ปาทำไมวะ ว่าแต่......จะกอดไอ้ปาทั้งคู่เลยเหรอ อกพี่ก็ว่างนะ

“เออๆ งั้นก็คู่ต่อไป ไอ้คมไอ้ต้น พวกมึงเข้าไปเลย”

“ผีเผอที่ไหนมี เดี๋ยวกูจะจับกลับมาให้ดู” พี่คมเดินล้วงกระเป๋านำพี่ต้นที่มีท่าทีว่ากลัวมากกว่าพี่คมเขา

“ไอ้คม ไอ้เหี้ย ปากหมานะมึง ถ้าเขามาหลอกมึงกูก็โดนไปด้วยนะโว้ย!!”

เหมือนจะสนุกนะครับ แต่เห็นคนที่กลัววิ่งตามหลังไอ้คนที่ชอบท้าไปทั่วแบบนี้แล้วความสงสารเลยเข้ามาแทน พวกผมที่เหลืออีกสามคู่ยืนรอดูหนึ่งคนที่ปากดีกับอีกคนที่กลัวผีแบบสุดๆ ว่าจะเป็นยังไงต่อไป

“ริน เหมย ปล่อยครับ พี่อึดอัด!” สงสัยไอ้ปามันจะเพิ่งรู้สึกตัวว่าโดนน้องสองคนกอดเสียแน่นถึงได้พยายามแกะมือออกจากตัว แต่ว่าดูเหมือนน้องรินกับน้องเหมยจะมีเหนียวมากกว่าจนไอ้ปาต้องเอ่ยปากออกมา

“ไม่เอาค่ะ ก็รินกลัวนี่คะ”

“เหมยก็กลัวค่ะพี่ปา มันน่ากลัวมากเลย” ผมได้แต่กลอกตาไปมากับน้องสองคนนี้จริงๆ ครับ ปากบอกกลัวแต่ทำหน้าฟิน คืออะไร?

หมับ!!

“ไอ้นก กูกลัววะ กอดหน่อย” พ่องงง!! กอดหน่อยเหี้ยไร ดูมันทำสิครับ ก็เล่นกระโดดจากสาวๆ มากอดผมแทนแบบนี้ใช้ได้ที่ไหน ดูหน้าน้องๆ สิ อึ้งจนต้องอ้าปากค้างเลยนะนั่น

“ปล่อยเลยๆ ร้อนจะตายห่า” ผมสะบัดออกตัวออกจากมัน ผู้ชายสองคนยืนกอดกันมันเป็นภาพที่คงไม่น่าดูเท่าไหร่หรอกครับ

“น้องริน น้องเหมย พี่ว่าขึ้นไปรอบนรถก็ดีนะ หรือว่าอยากจะเข้าไปอีกรอบ”

“มะ ไม่เอาดีกว่าค่ะ เดี๋ยวเราสองคนขึ้นไปรอพี่ปาบนรถนะคะ” ไอ้ปาทำหน้าเอือมระอาใส่สองสาว

“ไม่ต้องหรอก ยังไงพี่ก็นั่งกับไอ้นกอยู่แล้ว”

ไอ้ปาไม่สนใจสองสาวที่เดินคอตกขึ้นรถอีก เพราะตอนนี้ไอ้ปาเอาแต่จดจ่อรอดูผลของคู่พี่คมต่อ

“อ๊ากกก!!!! ผีหลอก!!!!!”

“ฮ่าๆๆๆๆ”

นั่นไงเสียงมาแล้ว เดี๋ยวก็ต้องวิ่งออกมา แล้วนั่นมันอะไรครับนั่น!! ทำไมพี่คมวิ่งหัวเราะแถมบนหลังยังมีพี่ต้นขี่หลังออกมาแบบนั้นล่ะ มันเกิดอะไรขึ้นข้างในกันแน่ แต่ผมว่าคงไม่ได้เจอผีหรอกครับ น่าจะโดนพี่คมแกล้งมากกว่า

“อะไรวะ มึงเจออะไรมา”

“ผีๆ ผีหลอกผมพี่” พี่ต้นบอกทั้งๆ ที่ยังซบหน้าลงกับแผ่นหลังของพี่คม แขนนี่รัดซะจนผมกลัวว่าพี่คมจะหายใจไม่ออก

“ไม่มีผีอะไรหรอกพี่อาร์ต ผมแกล้งมันเอง”

“เอ้า....ไอ้เชี้ย!! นี่มึงแกล้งกูหรอกเหรอ!!” พี่ต้นโวยวายทุบหลังพี่คมอย่างแรงในขณะที่พี่คมก็พาร่างของพี่ต้นที่อยู่บนหลังวิ่งไปมาด้วย เอาเข้าไปครับ เอาเข้าไป

“เอ้าๆ สองต้อม มึงสองคนเข้าไปได้แล้ว”

“รับทราบครับลูกเพ่!!”

สองคนนั้นวิ่งเข้าไปอย่างไม่มีความกลัวใดๆ เลยครับ แถมยังทำอย่างกับว่ากำลังวิ่งแข่งกันซะอย่างนั้นอีก ผมสิ ยืนเครียดอยู่ตรงนี้ เพราะคู่ต่อไปก็พวกผมแล้ว ไม่อยากเข้าไปเลย เสียงในใจร้องบอกผมเต็มที่ ร่างกายก็เริ่มกระวนกระวายเดินไปมาจนไอ้ปาที่ยืนอยู่ข้างๆ รำคาญ

“เดินทำไมนักหนาวะ เดินจนจะครบรอบวงกลมสี่รอบแล้วเนี่ย เห็นแล้วเวียนหัวแทน” เหอะ!! ไอ้คนใจเย็น ผมไม่ตอบมันหรอกครับได้แต่สะบัดหน้าหนีมันเท่านั้น ไม่อยากคุยกับไอ้พวกมั่นใจในตัวเอง
ยิ่งดึกก็ยิ่งหนาว บรรยากาศแถวๆ นี้ที่เต็มไปด้วยต้นไม้เรียงรายกัน ทำให้พวกผมยิ่งรับเอาลมเย็นๆ เข้ามาเต็มๆ ยืนอยู่แถวๆ นี้ยิ่งรู้สึกได้ถึงความเย็นจนเกือบจะยะเยือก ไม่ต้องพูดถึงเลยครับว่า ข้างในจะเย็นแค่ไหน ผมยังคงยืนรอเสียงร้องกับการวิ่งออกมาของสองคนนั้น แต่ก็ไม่มีครับ นี่ก็ผ่านไปจนครบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมยังไม่ออกมากันนะ

“ฮ่าๆ สนุกวะ วันหลังเอาแบบนี้อีกดีกว่า สนุกดี”

“เออ สนุกดี แต่กูอยากแดกเหล้ามากกว่า”

“ก็จริงว่ะ”

เดินคุยกันมาแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยครับ ไม่เข้าใจอ่ะ ทำไมต้อมกับสองไม่เจออะไรที่คนอื่นๆ เขาเจอกัน หรือในนั้นมันไม่มีอะไรจริงๆ งั้นอะไรที่ทำให้ทุกคนร้องออกมาแบบนั้น อะไรที่ทำให้ทุกคนที่เขาไปก่อนหน้าหวาดกลัว มันคืออะไรกันแน่........

“นี่ก็ดึกแล้ว เอาเป็นว่า เหลือสองคู่ก็......เข้าไปพร้อมๆ กันเลยแล้วกัน!” ผมกับไอ้ปาหันมามองหน้ากัน เหอะๆ นี่ต้องเข้าไปเจอหน้าไอ้พี่หนูมันข้างในอีกเหรอ

“จะไปก็รีบๆ ไปสักทีดิ กูอยากกลับบ้านไปนอนแล้ว!!” เห็นไหม ไม่ทันไรก็ปัญหาเยอะซะแล้ว

“ครับๆ คุณหนู เอ้าไปพวกมึง เดี๋ยวคุณหนูจะอารมณ์เสียแล้วแดกหัวพวกมึงหรอก”

“ไอ้เหี้ยอาร์ต!!!”

เป็นผมก็คงอุดหูแล้ววิ่งหนีแบบพี่อาร์ตแหละครับ เสียงแม่งโคตรหนวกหูเลย พี่อาร์ตวิ่งอุดหูเข้าไปในบ้านร้างโดยที่มีพี่หนูวิ่งตามหน้าตาเหมือนจะแดกหัวพี่อาร์ตจริงๆ ครับ ผมละหน่ายกับสองคนนี้จริงๆ
ผมกับไอ้ปาเดินตามพี่หนูกับพี่อาร์ตเข้าไปข้างในตัวบ้าน ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ตัวบ้านมากเท่าไหร่ ความเย็นที่กระจายอยู่รอบๆ ตัวทำให้ขนผมลุกไปทั้งร่าง ผมขยับไปเกาะแขนไอ้ปาด้วยความรู้สึกกลัวนิดๆ ไม่รู้สิครับ บรรยากาศมันไม่ค่อยน่าไว้ใจเท่าไหร่ อีกอย่าง.....ผมอาจจะคิดมากไปก็ได้ แต่ผมรู้สึกว่า มีใครบางคนแอบมองพวกเราอยู่

“เป็นอะไรวะ เกาะแขนกูซะแน่นเชียว”

“กูรู้สึกเหมือนมีใครมองพวกเราอยู่เลยวะ” ผมมองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง

“ไหนวะ.......พวกไอ้สองไอ้ต้อมหรือเปล่า” ก็จริง เราเพิ่งจะเดินเข้ามาเมื่อกี้ อาจจะเป็นพวกนั้นก็ได้

“ก็.....อาจ.....จะ....ใช่” ผมหยุดความคิดไว้แค่นั้น เพราะตอนนี้เราเข้ามายืนอยู่กลางบ้านเรียบร้อยแล้ว
“เอาล่ะ ฟังนะ เดี๋ยวกูกับคุณหนูจะอยู่ชั้นล่าง ส่วนมึงกับไอ้ปา ขึ้นไปชั้นสอง”

“โอเคครับพี่อาร์ต งั้นอีกครึ่งชั่วโมงเรามาเจอกันตรงนี้นะครับ” ไอ้ปาจับมือผมเอาไว้แน่นแล้วหันไปบอกพี่อาร์ต ก่อนจะจูงมือผมเดินขึ้นตัวชั้นสองไป ระหว่างที่เดินขึ้นบันไดผมเห็นเศษไม้ต่างๆ ที่กระจัดกระจายบริเวณบันไดไปจนถึงชั้นสอง ผมว่าห้องโถงด้านล่างหนาวแล้วนะ พอได้ขึ้นมาบนนี้ถึงรู้ว่าหนาวที่แท้จริงมันเป็นยังไง

“หนาวไหมวะมึง”

“ไม่นี่ กูว่าร้อนไปด้วยซ้ำ” ไอ้ปามองหน้าผมอย่างสงสัย

“มึงหนาวเหรอ”

“อือ......หนาวๆ ไงไม่รู้วะ สงสัยไข้จะแดกกู” เมาค้างตอนเช้า ตกกลางคืนไข้แดกนี่เป็นเรื่องปกติใช่ไหมครับ ผมถึงได้หนาวขนาดนี้

“อะ เอาของกูไปใส่” ไอ้ปาถอดเสื้อคลุมที่ตัวเองใส่อยู่มาคลุมตัวผมเอาไว้ ไอ้อุ่นจากร่างกายของมันที่ถูกกักเก็บเอาไว้ในตัวของเสื้อทำให้ผมอุ่นขึ้นทันที

“ขอบใจนะมึง” ผมกระชับเสื้อเข้าหาตัวมากขึ้นให้ความอบอุ่นมันแผ่ซ่านไปทั้งตัว

“เออ....ไม่เป็นไร”

ผมแอบยิ้มกับความน่ารักของไอ้ปา แหม....อยู่กับมันมาตั้งนาน เพิ่งจะรู้นะเนี่ยว่าน่ารัก แต่อย่าเพิ่งคิดว่ามันเป็นสีชมพู เพราะมันยังมืดอยู่เช่นเดิมครับ แถมยังวังเวงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยครับ

“ไอ้ปาๆ”

“อะไรอีกวะ มึงนี่เรื่องเยอะจริงๆ” ไอ้ปาหันมามองผมด้วยความรำคาญ

“แฮะ....เปล่าหรอก มันเงียบๆ น่ะ กูกลัวกูก็เลยเรียกมึง”

“เกาะแขนกูแน่นขนาดนี้ มึงยังจะกลัวอีกเหรอวะ” ผมเบนสายตามามองที่แขนไอ้ปา เออวะ เกาะมันแน่นจริงๆ ด้วย แล้วไงครับ คิดว่าผมจะปล่อยเหรอ ไม่มีทางอยู่แล้ว!! ไอ้ปาก็ยังเดินหน้าสำรวจอย่างเต็มที่ส่วนผมก็ยังเกาะแขนมันอย่างเหนียวแน่นเช่นเดิม

แกร็ก แอ๊ดดด.....

จู่ๆ เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น ผมและไอ้ปาหันมองหน้ากันทันที ผมไม่รู้ว่ามันคิดอะไร รู้แต่ผมคิดว่า เจอดีเข้าแล้ว

“สะ สะ เสียงอะไรวะมึง!”

“ประตู” เออ ไอ้สัตว์ กูก็รู้นั่นแหละว่าเสียงประตู แต่ที่กูถามคือ ใครเปิด!!!

ไอ้ปาไม่สนใจเลยสักนิดว่าผมกำลังขวัญเสียขนาดไหน เพราะมันทำหน้าที่สำรวจได้ดีมากลากผมไปหาที่มาของเสียงที่ได้ยินมาเมื่อครู่จนเรามาเจอห้องห้องหนึ่ง ซึ่งประตูได้ถูกเปิดทิ้งไว้ โดยที่ห้องอื่นๆ บริเวณชั้นสองนี้ ไม่มีห้องไหนเลยที่เปิดประตู

“มะ มึง ไม่เอาไม่เข้าไป”

“ไม่เข้าไปจะรู้ได้ไงวะ กูก็อยู่กับมึงเนี่ย กลัวอะไร” ผมพยายามขืนตัวไม่ยอมเดินไปตามแรงดึงของไอ้ปา แต่ก็อย่างว่าล่ะครับ ปล่อยมือเอาง่ายกว่า แต่ถ้าปล่อย ผมก็อยู่คนเดียวน่ะสิ ไม่เอาหรอก!!

ไอ้ปาใช้เท้าเตะประตูให้เปิดกว้างขึ้นกว่าเก่า เพราะตอนแรกมันเพียงแค่แง้มๆ ออกมาเท่านั้น ผมหลับตาปี๋ ไม่กล้ามองเข้าไปในห้องที่มันเปิด

“เห็นไหม กูบอกแล้วว่าไม่มีอะไรๆ” ผมค่อยเปิดตาทีละน้อยๆ

“..!!!”

ผมรีบหลับตาลงอีกครั้งทันที พร้อมกับกระตุกแขนไอ้ปาแรงๆ ไม่สนใจว่ามันจะเจ็บหรือเปล่า

“อะไรของมึงวะนก”

“ออกไปกันเถอะมึง นะๆ”

ไอ้ปาไม่สนใจซ้ำยังพาตัวผมเดินเข้าไปข้างในเสียอีก ไอ้บ้าปา ออกไปได้นะ กูจะตีหัวมุงคอยดู

“ฮื่อๆ ไปเถอะนะมึงนะ กูอยากออกไปจากที่นี่แล้ว”

“อะไรของมึงเนี่ยนก มึงก็ลืมตาดูดิวะ มันไม่มีอะไรเลย” ผมโมโห บอกเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง ลืมตาแม่ง

ผ่าง!!!!

นั่นไง นั่นไง เป็นตัวๆ เลย ยืนมมองหน้ากูอยู่เลยนะนั่น ยังไม่เรียกว่ามีอะไรอีกเหรอ นี่มึงตาบอดใช่ไหมไอ้ฟาย

“ไม่มีพ่อมึงดิ!!! แล้วที่ยืนจ้องหน้ากูอยู่นั่นตัวเหี้ยอะไร” ผมแม่งน้ำหูน้ำตาไหลนองหน้า ไม่สนใจเลยว่าแม่งจะน่าเกลียดแค่ไหน เอาเป็นว่าออกจากที่นี่ให้ได้เป็นพอ

“ไหนวะ กูไม่เห็นอะไรเลย มึงตาฝาดหรือเปล่านก” ก็กูลืมตาอยู่เนี่ย ชะโงกหน้ามองจากข้างหลังมันอีกที แม่งก็ยังยืนอยู่ที่เดิม

“นี่มึงต้องเห็นให้ได้ใช่ไหมถึงจะเชื่อกู จะให้กูทำไงวะ ให้กูเดินไปขอเซลล์ฟี่กับแม่งเลยไหม ห้ะ!!!” นาทีนี้เวลากลัวผีหมดแล้วครับ ความโมโหมันเข้ามาแทน จนผมต้องทะเลาะกับมันเสียยกใหญ่ คนเหี้ยอะไร ไม่เห็นผีแต่มาเชื่อว่าคนอื่นจะเห็นด้วย

“ก็แล้วกูไม่เห็น แล้วกูจะรู้ได้ยังไงล่ะ!!” ไอ้ห่านี่แม่ง
“มึงมาเอาตากูไปเลยไหม ห้ะ อยากเห็นนักมึง อื้อ!!!!”
จู่ๆ ไอ้ปามันก็จับหน้าผมเข้าไปรับจูบมัน ทำเหี้ยอะไรของมึง!!!!! กูบอกให้มึงเอาลูกตากู ไม่ใช่ปากกูโว้ย ผมดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนของมัน ผีเผออะไรผมไม่มองมันแล้ว ตบไอ้เกรียนนี่ก่อนแล้วกัน

ผลัวะ!!

“โอ๊ย!! ตบกูทำไมวะ” ยัง ยังมีหน้ามาถาม

“ก็แล้วมึงจูบกูทำไมล่ะ!!!” ผมเช็ดปากแรงๆ จนรู้สึกแสบๆ ที่ปาก

“เอ้า!! ก็กูไม่เห็น แต่ถ้ากูได้เชื่อมต่อกับมึง กูอาจจะเห็นก็ได้นี่หว่า” ตรรกะส้นตีนมาก สาบานว่าไอ้ที่ใช้คิดนี่สมอง

“แล้วไง มึงเห็นไหม” มันกวาดตามองไปรอบๆ

“เหี้ย!!!!”

“มึงเห็นเหรอ!!” ผมรีบถามมันทันทีที่ไอ้ปาทำสีหน้าตกอกตกใจ

“เหอะ กูไม่เห็นอะ” พ่อง แล้วมึงจะเสือกตกใจทำเหี้ยอะไรวะ

“จะไม่เห็นได้ไงวะ กูแม่งยืนอยู่....” ตรงนั้น อ้าว.....หายไปแล้ว ผมหันซ้ายหันขวาเงยหน้าหงายหลังมองหาไอ้ผีเจ้าปัญหาที่ผมเจอเมื่อกี้ แต่ตอนนี้ไม่รู้หายไปไหนแล้วเนี่ยสิครับ

“ไหน ตรงไหน” ผมกัดปากอย่างเจ็บใจ (เจ็บปากด้วย)

“ไม่รู้!!! แม่งหายไปแล้วนี่หว่า”

“หึหึ.....งั้นก็ได้ผลสินะ” ผมหันหน้าไปมองไอ้ผาอีกครั้งอย่างสงสัย

“อะไรได้ผลวะ”

“หึหึ.....”

ไอ้ปาโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ จนผมรับรู้ได้ถึงลมหายใจของมัน จากที่เงียบอยู่แล้ว ตอนนี้เงียบจนผมรู้สึกว่าได้ยินเสียงหัวใจเต้นแรง และนั่นทำให้ผมต้องผละหนี

“ก็...’ จูบ’ ไล่ผีไง”

อ๊าก!!!! มันมีที่ไหนวะ ตำราเล่มไหนที่มันสอนมึง!!! กูจะไปซื้อมาเผาทิ้ง ไม่รู้ว่าจริงไหม แต่ผีแม่งก็หายไป เฮ้ย!! ไม่ได้ๆ ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดที่เห็นด้วยกับมันให้ออกไป นี่ผมเสียเปรียบนะ เห็นผีแถมยังต้องเสียจูบให้มันอีก ไม่เห็นมีอะไรดีเลย ว่าแต่ เพื่อนกันเขาจูบกันไหมอ่ะ?

หลังจากสำรวจบริเวณชั้นสองแล้วและผมไม่พบวิญญาณอีก ไอ้ปาและผมจึงเดินลงมาเพื่อรอพี่อาร์ตกับพี่หนูที่กำลังสำรวจชั้นล่างอยู่ ผมเดินเกาะมันเหมือนเดิม แหม.....ก็ผมกลัวนี่ ใครจะรู้ว่าผีมันจะออกมาตอนไหน แต่ตอนนี้.....แม่งเกิดวิปโยคห่าเหวอะไรขึ้นวะ!! นอกจากผมจะถูกจูบแล้ว นี่พวกพี่มันแม่งก็จูบกันด้วยเหรอ ผมกับไอ้ปาชะงักเท้าที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ ตะลึงค้างกับภาพที่เห็น ไอ้พี่หนูแม่งจับแขนทั้งสองข้างของพี่อาร์ตติดกำแพง
ริมฝีปากของพี่มันก็บดขยี้จูบพี่อาร์ตที่พยายามดิ้นรนหนีออกมาจากตัวพี่หนูอย่างแรง เสียงอู้อี้และใบหน้าที่พยายามสะบัดหนีริมฝีปากร้อนๆ นั้นบ่งบอกได้ดีเลยว่าพี่อาร์ตมันไม่ได้เต็มใจจะจูบจะสักนิดเดียว เกิดอะไรขึ้น นี่คือสิ่งที่ผมถามตัวเองเบาๆ ในความคิด ถึงผมจะมีสติรู้ดีว่าควรออกไป แต่ขาผมมันไม่ยอมทำตามเลย จนไอ้ปาที่เริ่มได้สติ ลากผมออกไปรอบริเวณหน้าตัวบ้าน

“เป็นอะไรวะ” มันคงเห็นว่าหน้าตาผมเหมือนหมางงมั้งครับ เลยถามดู

“ไม่รู้ดิ มึงว่าพี่มันสองคนจูบไล่ผีด้วยหรือเปล่า” ไอ้ปาเบี่ยงหน้าหลบตาผม แต่ผมเห็นนะว่าไหล่มันไหว แบบนี้แอบหัวเราะกูแน่ๆ

ป๊าบ!!!

“โอ๊ย ไอ้นก ตีกูอีกแล้วนะ”

“ก็มึงขำทำไมล่ะ กูยิ่งซีเรียสๆ อยู่”

แล้วไงครับ คนอย่างนายปรมะ คุณคิดว่ามันจะสำนึกไหม ไม่!!! มันหัวเราะออกมาเสียงดังต่อหน้าผมเลยครับตอนนี้

ระหว่างที่รอพี่อาร์ตและพี่หนูมา ผมเริ่มรู้สึกถึงสายตาที่จ้องมองมาอีกครั้ง ผมพยายามหันไปหาต้นตอของสายตานั้น แต่มันก็ไม่มี ใครกันที่แอบมองพวกผมอยู่ ทำไมถึงหาไม่เจอกันนะ ทั้งๆ ที่ผมรู้สึกว่ากำลังถูกมองแต่กลับไม่มีใครเลยสักคน พี่อาร์ตเดินออกมาจากตัวบ้านด้วยใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากบวมเจ่อซึ่งผมคงไม่ต้องบอกว่าเกิดจากอะไร

พี่หนูที่เดินตามมามองตามร่างของพี่อาร์ตไม่ห่างตา ผมไม่รู้ว่ามีอะไรในสายตานั้นไหม แต่ให้เดาพี่หนูน่าจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าสายตามองตามร่างพี่อาร์ตตลอดเวลา เพราะสีหน้าของพี่หนูมันแสดงออกถึงความหงุดหงิดและไม่พอใจ แต่ผมไม่รู้หรอกครับว่าเรื่องอะไร

“พวกมึงเสร็จแล้วใช่ไหม” พี่อาร์ตพยายามคุมน้ำเสียงของตัวเองไม่ให้แสดงความหงุดหงิดออกมา

“ครับพี่ // ครับ” ผมกับไอ้ปาตอบพร้อมกัน

“ดี.....กลับ!!!”

พี่อาร์ตเดินนำไปโดยไม่รอใครเลยสักคนโดยมีพี่หนูที่เดินตามหลังกวาดสายตามองพี่อาร์ตทั่วทั้งร่างก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง ให้ตายสิครับ พี่หนูมันโคตรโรคจิตเลย ผมกับไอ้ปาเดินตามหลังไปติดๆ แต่ผมยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่ยังคงมองมา และนั่นทำให้ผมกลัวจนต้องพยายามเบียดร่างเข้าไปใกล้ๆ ไอ้ปามากขึ้น สายตาลึกลับที่หาตัวไม่พบ คงไม่ต้องคิดให้มากมายอะไรเลยนะครับว่ามันคืออะไร แต่สำหรับผมฟันธงว่าเป็นผีไปก่อนก็แล้วกัน

ผมกับไอ้ปาก้าวขึ้นรถเป็นคนสุดท้าย ผมยังคงนั่งหลังสุดเหมือนตอนมาแต่ไอ้ปาถูกสาวๆ ดึงไปนั่งข้างๆ อย่างไม่อาจจะปลีกตัวออกมาผมจึงต้องนั่งคนเดียว เบาะด้านหลังว่างเปล่าไร้ผู้คนร่วมชะตากับผม มันเงียบเหงาทั้งๆ ที่เสียงพูดคุยกันดังไปทั่วทั้งตัวรถ เพียงแต่ผมกลับมีความเหงาทั้งหัวใจ มันกัดกินจนผมรู้สึกได้ถึงความร้อนในดวงตา

นี่ผมกำลังจะร้องไห้เหรอ น่าตลกนะครับ เพราะแค่การต้องอยู่คนเดียวไม่กี่นาทีก็ทำให้ผมแทบจะร้องไห้ได้ ผมทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง มองไปอย่างไร้จุดหมาย ผมรู้ ว่าไอ้ปามันเป็นห่วงผม เพราะมันลอบมองผมเป็นระยะๆ เพียงแต่ผมทำเป็นไม่เห็นเท่านั้น ผมอยากให้มันมีสังคมอื่นนอกจากตัวผม มันแทบจะไม่มีเพื่อนเพราะเอาแต่อยู่กับผม

ผมไม่เคยได้ยินเรื่องแฟนของมันด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะผมก็ได้ที่ทำให้มันยังโสดอยู่ ถ้าผมไม่เอาแต่ยึดมันไว้กับตัว มันก็คงมีเพื่อนอีกมาก มีสาวๆ เข้ามาง่ายๆ ที่ของผมอยู่ตรงนี้ ไม่ใช่ที่ที่มันยืน แม้จะใช้มันเพื่อให้ตัวเองได้มีตัวตนในสายตาใคร แต่มันก็ไม่ใช่ตัวผมอยู่ดี ผมเพียงแค่เศษฝุ่นผงสีดำอยู่บนสิ่งที่ดึงดูดสายตา มันเกะกะและน่ารำคาญ จนบางทีคนบางคนก็ทนไม่ได้จนต้องปัดมันทิ้งไป แต่ผมไม่อยากให้ใครมาปัดทิ้ง เพราะมันเจ็บกว่าการทิ้งตัวเอง ผมเพียงแค่ยืนในที่ของตัวเองเท่านั้น มันดีแล้วกับทุกคน
ผมพยายามเบี่ยงหน้าให้มากที่สุด ปล่อยความเหงาออกไปทางสายตา ความอบอุ่นเดียวที่ยังเหลือให้ผมคือเสื้อที่ไอ้ปามันให้ยืม กลิ่นของมันแตะจมูกจนผมเผลอสูดดมเข้าไปจนสุดปอด มันยังอยู่ตรงนี้แม้จะเป็นเพียงแค่เสื้อก็ตาม แค่นี้ก็พอแล้ว พอแล้วสำหรับคนอย่างผม แค่เพื่อนห่วงใยผมก็พอใจแล้ว ในระหว่างที่ผมมัวแต่ใจลอยออกไปนอกหน้าต่างนั้น จู่ๆ ผมก็รู้สึกถึงลมหายใจของใครบางคนที่อยู่ใกล้ๆ จนผมต้องหันไปมอง แต่มันว่างเปล่า ถ้าอย่างนั้น มันคืออะไร!!

‘ผมจะอยู่กับคุณเอง’




TBC


ครบ100%แล้วจ้าาา เป็นยังไงกันบ้าง พอจะเข้าตาบ้างไหม ถ้าถูกใจอย่าลืมวางของเล่นแมวและปลาทูไว้ด้วยน้าาา ตอนนี้ทันเว็บอื่นแล้ว ต่อไปเราจะลงอาทิตย์ละ1ตอน แบ่งเป็นสองวัน วันละ50%น้าา

รักแมวหลงแมว รักแมวหลงแมว เพี้ยงงงง

#ปากินนก

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ปาอย่าทิ้งน้องงงง จูบอล้วก็ต้องรับผิดชอบ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[5]

ตอนที่ 5.

☆ นกกับบางสิ่งที่ตามติด ☆

รถตู้ค่อยๆ เคลื่อนตัวมาจอดเทียบบริเวณหน้าแมนชั่นของผม ตอนนี้ในรถเหลือเพียงแค่ผม ไอ้ปา พี่หนูและพี่อาร์ตเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ กลับบ้านไปหมดแล้ว ผมขยับตัวเพื่อจะเดินลงจากรถเมื่อมันจอดสนิท ประตูถูกเปิดออกด้วยมือของพี่คนขับที่ทำหน้าที่อย่างดี แต่แทนที่จะมีแค่ผมที่ลงมา ไอ้ปากลับเดินลงมาพร้อมผมซะงั้น

“มึงลงมาทำไมวะ”

“กูว่าจะขอค้างด้วย” ผมเลิกคิ้วมองมันอย่างแปลกใจ

“เกิดเฮี้ยนอะไรของมึง” ปกติไม่เห็นเคยขอค้าง แต่ไอ้ปาเพียงแค่ยักไหล่

“ก็เปล่า.....ทำไมวะ กูค้างกับมึงไม่ได้หรือ” ผมเบะปากใส่ หมั่นไส้กับท่าทางกวนตีนๆ ของมัน ผมถอดเสื้อที่เอาของไอ้ปามาใส่คืนมันไป

“อะ....ขอบใจมาก มึงกลับไปก่อนแล้วกัน วันหลังค่อยมาค้าง วันนี้กูง่วงวะ ไม่ไหว”

“เอางั้นก็ได้” ผมหันไปหาพี่อาร์ตเมื่อไอ้ปากลับขึ้นรถไป

“พี่อาร์ต หวัดดีครับพี่......ดีครับพี่หนู” กูไม่เต็มใจ!

“เออ....ฝันดีไอ้น้อง เจอกันพรุ่งนี้” ผมส่งยิ้มกลับไปให้พี่อาร์ต นี่สรุปไอ้พี่หนูมันจะไม่มองหน้ากูเลยใช่ไหมเนี่ย แม่งเอาแต่มองหน้าพี่อาร์ตอยู่นั่นแหละ ผมได้แต่ส่ายหน้า

“ฝันดีมึง พรุ่งนี้เจอกัน”

ผมโบกมือให้ไอ้ปาก่อนจะปิดประตูรถแล้วเดินเข้าไปในตัวแมนชั่น เวลาดึกแบบนี้ส่วนใหญ่คนในแมนชั่นจะนอนหลับกันหมดแล้ว จะมีบ้างที่เวลาเดินผ่านจะได้ยินเสียงของทีวีหรือวิดีโอเกมดังลอดออกมาจากด้านใน ผมไม่ได้สนใจอะไรชีวิตความเป็นอยู่คนอื่นมากนัก เพราะแค่ชีวิตของผมยังเอาไม่รอดเลยนี่นา

ตึก ตึก ตึก

ผมรู้สึกว่ามีใครบางคนเดินตามผมมา ขนแขนผมลุกชัน รู้สึกเย็นวาบไปทั้งร่าง ผมหันไปมองหวังให้มีสักคนกลับบ้านเวลานี้ เวลาเดียวกับที่ผมกลับแต่.....ไม่มีเลย!! เพราะสิ่งที่เมื่อผมหันไปเห็นนั้นคือ.....ความว่างเปล่า ไร้สิ่งมีชีวิตใดๆ ไม่มีแม้แต่มดสักตัว ผมเลิกสนใจพยายามตั้งสติแล้วเดินไปข้างหน้า อีกนิด.......อีกเพียงนิดเดียว อีกแค่สองห้องเท่านั้น ผมคิดเช่นนั้น เท้าของผมเร่งความเร็วมากขึ้น ความกลัวทำให้ผมใจสั่น

ครืดดดด........คราดดดดด

เสียงอะไร? ไม่หรอก มันอาจจะเป็นเพียงเสียงดังจากห้องของใครก็ได้ อาจจะยังมีคนที่ยังไม่หลับ ผมพยายามไม่คิดอะไร มือล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบกุญแจออกมาไข ระหว่างที่ไขประตูมือผมสั่นจนน่ากลัวและทันทีที่ประตูเปิดผมรีบเอาตัวเองเข้าไปแล้วปิดประตูอย่างรีบร้อน ถ้าเป็นคนผมกลัวว่าจะเป็นโจรแต่ถ้าไม่ใช่.....ผมไม่อยากคิด คืนนี้ผมจะนอนหลับไหม ภาพบ้านร้างมันติดตาผม ผู้ชายคนนั้นที่ผมเห็นคือใคร ทำไมมีแค่ผมเท่านั้นที่เห็นเขา เขาต้องการอะไรจากผมหรือเปล่า ผมเฝ้าถามตัวเองตลอดทั้งคืนจนเผลอหลับไป.......

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ผมสะลึมสะลือรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู ผมเหลือบมองนาฬิกาตรงโต๊ะข้างเตียง ตี2.30น. ให้ตายเถอะ ใครกันที่มาเคาะประตูเวลานี้ ผมตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงเดินโซซัดโซเซด้วยความง่วงไปที่ประตูห้อง

“คร้าบบ”

!!!

ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก มันไม่มีใครเลยที่ยืนอยู่ตรงนั้น มีเพียงแสงไฟสลัวๆ ที่ดูแล้วชวนให้รู้สึกขนลุก หรือจะหูฝาด ผมคิดและปิดประตูเพื่อจะกลับไปนอนอีกครั้ง

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

อีกแล้ว!! ใครกันแกล้งผมแบบนี้ ไม่รู้หรือยังไงว่าเวลานี้เป็นเวลานอน ผมเดินไปหน้าประตูอีกครั้งอย่างหัวเสีย แน่ใจแล้วว่าคราวนี้ไม่ได้หูฝาดไปแน่ๆ

แต่ทันทีที่ผมเปิดประตู มันกลับไร้วี่แววของผู้คนสักคนเดียว อะไรเนี่ย!!! เกิดอะไรขึ้นกับผม ผมบ้า? หูฝาด? หรือว่าผมเหนื่อยเกินไป ผมอยากนอนพัก พรุ่งนี้ผมต้องไปทำงานอีก อย่ากวนผมนักเลย ผมได้แต่คิดในใจ ไม่ไหว ร่างกายของผมล้าเกินกว่าจะสนใจแล้ว ผมทิ้งตัวลงบนเตียงและหลับไปอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่มีเสียงเคาะอีก

เมื่อเช้านี้ผมตื่นมาทำกับข้าวใส่กล่องสองกล่องเหมือนทุกวัน แต่ผมรู้สึกเหมือนกับว่าแทบไม่ได้นอน ไม่รู้สิครับ หรือว่าผมอาจจะเหนื่อยมากจนพักไม่พอก็เป็นไปได้ แถมเมื่อคืนผมยังเพิ่งจะไปบ้านร้างเจอเรื่องที่อธิบายไม่ได้มา ผมอาจจะมึนงงจนเบลอก็เป็นได้ ที่บริษัทพูดคุยกันเสียงดังเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนนี้ พี่ฝนลางานได้ยินคนพูดกันเรื่องนี้ว่าพี่ฝนจับไข้ ผมอยากรู้ว่าสิ่งที่พี่ฝนเจอคืออะไร แต่ก็นั่นล่ะ พี่ฝนป่วยแล้วผมจะไปคุยกับใครได้ ไอ้ปาหรือ? ตัวมันเองยังมองไม่เห็นวิญญาณด้วยซ้ำแล้วผมจะไปคุยอะไรกับมันได้ จะให้ผมไปบอกมันว่าเมื่อคืนเจอเสียงเคาะประตูปริศนาหรือครับ มันคงหัวเราะเยาะใส่หน้าผมน่ะสิ

“ไอ้หนู เมื่อคืนเป็นไงวะ เข้าไปกับไอ้อาร์ตแบบนั้น” ผมหูกระดิกเลยครับ พอได้ยินเรื่องนี้ ก็ฉากร้อนแรงที่ไอ้พี่หนูมันแสดงสดในบ้านร้างมันยังติดตาผมไม่หาย อึ๋ย.....พูดแล้วขนลุก

“เป็นไง ไม่เป็นไง มันก็กวนตีนกูเหมือนเดิม” พี่หนูพยายามทำเสียงเข้ม ขี้โม้จริงๆ

“แล้วไม่เจออะไรหรือวะ ในนั้น”

“ก็ไม่ กูไม่เห็นเจออะไรเลย” อ้าว.....สรุปเมื่อคืนพี่มันไม่ได้จูบไล่ผีกันหรือวะ แล้วเขาจูบกันทำไม????

“เออก็ดีแล้วเว้ย แต่ระวังนะ......เขาว่า ถ้าผีถูกใจ จะตามกลับบ้านด้วย”

“หยุดเลยไอ้เหี้ยคม มึงไม่ต้องมาแหย่กู มึงก็รู้ว่ากูไม่กลัว” ชิ!! หมดอารมณ์ พี่หนูมันจะทำเป็นกลัวหน่อยก็ไม่ได้ ไม่มีเรื่องสนุกเลยวะ

“ไม่มีงานมีการทำกันหรือไง!!!”

“มี ทำอยู่ไม่เห็นหรือ” พี่หนูตอบด้วยน้ำเสียงกวนอารมณ์พี่อาร์ตสุดๆ

“มึงล่ะคม ไม่มีงานมีการทำหรือ กลับไปทำงานได้แล้ว!!!” พี่คมเหลือบตามองพี่หนูก่อนจะเดินกลับไปทำงานของตัวเอง พี่อาร์ตมองพี่หนูด้วยหางตาก่อนจะเดินกลับห้องไป มันผิดปกติ เพราะปกติแล้วพี่อาร์ตจะกวนตีนพี่หนูด้วยรอยยิ้ม

แต่วันนี้พี่อาร์ตแทบไม่อยากจะคุยกับพี่หนูเลย ขนาดพี่หนูตอบพี่อาร์ตยังแค่มองด้วยหางตาเท่านั้น หายนะแล้ว อย่างที่บอกมันไม่ปกติและผมบอกได้เลยว่ามันทำให้พี่หนูไม่พอใจ’ มาก!!’ ทำไมผมถึงรู้หรือ เพราะพอพี่อาร์ตมองด้วยหางตาแล้วเดินเข้าห้องไปแบบไม่สนใจอีก พี่หนูมันกำปากกาที่ตัวเองถือไว้แน่นจนผมได้ยินเสียงปากกาที่แทบจะหักคามือ

พรึบ!!

ผมมองกระดาษจากโต๊ะของผมที่กระจายลงบนพื้น ผมหันไปมองรอบๆ เพื่อจะดูว่าใครกันที่ทำให้มันหล่น แต่ไม่มีเลย ไม่มีใครเดินผ่านโต๊ะผมด้วยซ้ำ แถมแก้วกาแฟที่วางไว้บนโต๊ะอีก ตอนแรกมันไม่มี แค่ผมหันไปมองพี่หนูคุยกับเพื่อนเท่านั้น ไอ้กาแฟแก้วนี้ก็โผล่มา ถ้าไม่มีใครงั้นมันมาวางที่นี่ตรงนี้ได้ไง กระดาษผมมันหล่นได้ไง แต่จะอึ้งหรือคิดนานไม่ได้ครับ ต้องเก็บเอกสารขึ้นมาก่อน ทำไมมีแต่เรื่องที่ผมไม่เข้าใจเลยนะ

เวลาล่วงเลยไปจนผมที่วุ่นอยู่กับเอกสารบนโต๊ะรู้สึกว่าท้องร้อง ร้องดังมากด้วยครับ กาแฟแก้วเดียวมันไม่พอนี่ครับ แต่นี่ก็เที่ยงแล้วด้วย ทำไมไอ้ปายังไม่มาเอาข้าวกล่องอีกนะ ผมชะเง้อคอมองหาไอ้ปาว่าเมื่อไหร่มันจะมาสักทีผมจะได้กินบ้าง ผมตัดสินใจถือข้าวกล่องเพื่อจะเอาไปให้มันแทนเพราะผมรอไม่ไหวแล้ว วันนี้มันมาช้าเกินไป

“ชอบไหมคะ”

“แน่นอนสิครับ พี่ต้องชอบอยู่แล้ว”

เสียงไอ้ปา ผมแอบฟังไอ้ปาคุยกับสาวคนหนึ่งในออฟฟิศ ซึ่งผมไม่คุ้นหน้าแต่ดูจากการแต่งตัวแล้วเหมือนน้องเขาจะเป็นนักศึกษาฝึกงาน

“นี่เบญทำสุดฝีมือเลยนะคะ พอรู้ว่าพี่ปาชอบ” มือของน้องเบญไล้ไปบนแขนของไอ้ปาช้าๆ

“เบญก็ทำ....เพื่อพี่โดยเฉพาะ”

เสียงหวานที่กระซิบอยู่บริเวณริมหูของไอ้ปากับสายตาหื่นกระหายในรสรักของมันทำให้ผมรู้แล้วว่า ข้าวกล่องของผม คงไม่จำเป็นกับไอ้ปาอีกแล้ว ผมมองข้าวกล่องในมือด้วยสายตาที่ผมเองก็อธิบายไม่ถูก แต่น่าจะเป็นความเสียดายมากกว่า เสียดายเวลาที่ผมต้องตื่นเช้าขึ้นมาทำให้มัน โดยที่มันไม่ได้กินสักคำ

ผมเดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเองอย่างหมดแรง เป็นช่วงเดียวกับที่เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของผมดังขึ้น เบอร์แปลก ผมจำได้ว่าช่วงนี้ไม่ได้ให้เบอร์ใครด้วยซ้ำ หรือผมให้หว่า?? เอาเถอะ! ผมรองรับดูก็คงจะรู้

“ครับผม”

‘นกหรือ ผมชายนะ’ ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ ชายรู้เบอร์ผมได้ยังไง

“มีอะไรหรือเปล่าชาย แล้วนี่เราเคยให้เบอร์ชายด้วยหรือ ทำไมเราจำไม่ได้” ผมพยายามนึกแต่กลับได้ยินเสียงกลั้วหัวเราะจากปลายสายแทน

‘ไม่เคยหรอก แต่ไม่เกินความสามารถเรา’ เป็นงั้นไป

“แล้วมีอะไรให้เราช่วยหรือ”

‘คือเราติดต่อไอ้ปาไม่ได้ นกอยู่กับมันไหม พอดีเรามีเรื่องสำคัญต้องคุยกับมันอะ’ คงติดต่อได้หรอก จีบสาวอยู่หน้าห้องแบบนั้น

“เปล่านะ ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เออ จริงด้วยชาย”

‘ว่าไงครับ’ ผมหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ

“ชายทานข้าวเที่ยงหรือยัง”

‘หึหึ......ยังครับ ทำไมเอ่ย จะชวนเราหรือ’

“เราทำอาหารไว้ให้ไอ้ปามัน แต่มันคงไม่มากินแล้ว เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจ...”

‘ไม่นี่ เราไม่รังเกียจ กำลังหิวพอดี เดี๋ยวเราเข้าไปเอานะ ขอบคุณมาก’

อ้าว......วางไปแล้ว ผมมองโทรศัพท์อย่างงงๆ กับชาย อะไรของเขาเนี่ย แต่ดีแล้วล่ะครับ ไอ้ปามันคงไม่มากินแล้วล่ะ ผมแค่เสียดายของ และผมคงกินคนเดียวไม่หมดแน่ๆ เพราะงั้นแบ่งๆ ให้ชายกินด้วยก็คงไม่เป็นไร ผมเปิดกล่องข้าวเพื่อจะเริ่มกินมันแต่ทันทีที่ผมเอาช้อนตักมันร่างของใครที่ผมเพิ่งโทรไปเมื่อครู่วิ่งกระหืดกระหอบมายืนอยู่หน้าโต๊ะผม แต่ผมเพิ่ง แต่ผม เอ่อ ผมอ้าปากค้างมองหน้าชายอย่างตกตะลึง ผมเพิ่งโทรไปเมื่อกี้เองนะ มาเร็วไปไหมเนี่ย

“ไหน แฮกๆ ข้าว” ผมที่ตกตะลึงได้สติทันที

“อะ อ๋อ นี่ไงๆ” ชายดึงเก้าอี้ของโต๊ะข้างๆ มานั่งกับผม

“โห.....หอมจัง”

“แน่นอน เราทำเองเลยนะ เอ่อ ชายทานได้ใช่ไหม มันก็แค่กุ้งผัดพริกเผากับไข่ดาวเย็นชืด” ชายยักไหล่ให้ผมราวกับมันไม่ได้สำคัญอะไร

“ได้ดิ เรากินอะไรง่ายๆ อยู่แล้ว” ผมส่งยิ้มให้ชายบางๆ

ผมเอากล่องข้าวใส่ถุงผ้าให้ชายเอากลับไปเพราะดูเหมือนชายจะมีเรื่องด่วนที่ร้านของเขาอาจจะโทรมาตามก็ได้ ผมมองชายที่โบกมือลายิ้มโดยมีสาวๆ มองตามตลอดทาง เพราะช่วงเวลาที่ชายกลับเป็นช่วงที่ทุกคนเริ่มกลับเข้ามา ผมคงไม่ได้ทานข้าวแล้วล่ะครับวันนี้ ผมตัดสินใจเก็บข้าวกล่องแล้วหันมาสนใจกับงานแทน ไม่รู้ทำไมวันนี้ผมไม่สมาธิทำงานเลย ผมเหม่อลอยแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ตลอดทั้งเที่ยงไอ้ปาไม่มาหาผมเลยไม่เข้าใจ แต่อย่างว่าอาหารของผมจะไปสู้อะไรกับของน้องเบญได้ล่ะครับ พูดแล้วก็รู้สึกหดหู่อย่างไม่มีเหตุผล ผมพยายามดึงสติกลับมาให้จดจ่อกับงานอีกครั้ง ทุกคนดูเอาจริงเอาจังกับงานช่วงบ่ายอย่างมากแม้จะมีเสียงพูดคุยกันอยู่บ้างประปรายแต่ก็ไม่ได้ดังมากจนทำให้รำคาญ ความง่วงจู่โจมผมจนผมรู้เลยว่าตัวเองหาวนับครั้งไม่ถ้วน





เสียงอื้ออึงจากทั่วทุกทิศดังขึ้นเมื่อตอนนี้เป็นเวลาที่ทุกคนรอคอย ใช่ครับ.......เวลาเลิกงาน ผมเก็บของเข้ากระเป๋า มองข้าวกล่องที่ตอนเที่ยงตัวผมเองไม่มีเวลาได้ทานเลย ผมตัดสินใจเก็บมันลงไปเพื่อจะเอากลับบ้าน ท้องผมร้องประท้วงเพราะความหิว ผมรู้ดีว่าหิวแต่ปัญหาคือผมทานไม่ลง ปากผมไม่รับอาหาร ลำคอผมไม่อยากจะกลืนอะไรนอกจากน้ำ วันนี้ผมดื่มน้ำไปเยอะมากด้วยว่าผมอาจจะทดแทนข้าวที่ไม่ได้กิน ผมเดินออกจากออฟฟิศไปเรื่อยๆ จนถึงป้ายรถเมย์ ผมนั่งรอให้รถเมย์เพื่อจะตรงกลับบ้านแต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่มาสักที แต่จู่ๆ ตรงหน้าผมก็มีรถยนต์คันสวยสีดำที่คุ้นตาเป็นอย่างดีมาจอด กระจกไฟฟ้าเลื่อนลงจนเผยใบหน้าของเจ้าของรถให้ผมได้เห็น

“ขึ้นรถ! เดี๋ยวกูไปส่ง” ผมเลิกคิ้วมองหน้ามันที่ทำหน้าตาไม่พอใจใส่ผม อะไรอีกล่ะคราวนี้

“ไม่เป็นไร กูกลับรถเมย์ก็ได้”

“ขึ้น!! - รถ!!!” ผมหันไปมองหน้าไอ้ปาที่แทบจะควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ แต่ก็ยอมเดินขึ้นรถของมันไป ทันทีที่ผมปิดประตู รถคันสวยก็พุ่งทะยานจนผมต้องหาอะไรยึดไว้

“เฮ้ย ช้าๆ ดิวะ กูไม่อยากตายวันนี้นะเว้ย!!” ผมหันไปพูดกับไอ้ปา แต่มันไม่สนใจผมสักนิด

“....”

“มึงเป็นอะไรวะ มึงโกรธอะไรกู”

เอี๊ยด!!!

“มึง เอา.....ให้......ทำไม”

“อะไรนะ” ผมไม่เข้าใจที่มันพึมพำ

“กูถามว่า มึงเอาข้าวของกูไปให้ไอ้ชายทำไม!!” ไอ้ปาหยิบกล่องข้าวที่ว่างเปล่าโยนมาบนตักของผม ผมจำได้ว่ามันเป็นอันเดียวกับที่ผมเอาให้ชายไปเมื่อตอนเที่ยง

“คือ.....กูเห็นว่ามึงไม่กินแล้ว กูเสียดายเลยเอาให้ชายไปกินแทน”

“มึงรู้ได้ไงว่ากูไม่กิน!!” ผมหันไปมองไอ้ปาที่ระบายความโกรธด้วยการทุบพวงมาลัยรถ

“ก็ถ้ามึงจะแดก!! มึงคงเดินมาหากูแล้ว ไม่ปล่อยให้กูนั่งหิวรอมึงจนหมดเวลาหรอก!!!” ผมตะคอกใส่มันเสียงดัง

“...”

“แค่ข้าวไอ้ปา มันก็แค่ข้าวที่กูแบ่งให้เพื่อนมึง”

“...”

“มันคือข้าวของมึงที่มึงไม่กิน!!! กูผิดตรงไหนวะ!!!”

“ก็มันคือข้าวของกู ข้าวของกูที่มึงเป็นคนทำ” หึ!!

“ก็ถ้ามันสำคัญ....” ผมกัดปากตัวเอง

“...”

“ถ้ามันสำคัญจริง......ทำไมวันนี้มึงไม่มา”

“กะ กู เอ่อ กู” ก็ตอบไม่ได้

“กูรู้......กูรู้ว่ามึงกินไปแล้ว ข้าวที่คนอื่นทำให้มึง”

“...!!!” ไอ้ปามองหน้าผมอย่างตกใจ

“แต่ที่กูไม่รู้คือ มึงมีสิทธิ์จะโกรธกูหรือวะ” ผมยกยิ้มเยาะเย้ยตัวเอง ที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ผิดไปหมด

“ไอ้นก มึงเข้าใจผิด กูไม่ได้..” ผมยกมือขึ้นห้ามมัน ตอนนี้ผมไม่อยากจะฟังอะไรทั้งสิ้น

“พากูไปส่ง กูอยากกลับบ้าน” ผมทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่าง เอนตัวพิงเบาะอย่างไม่สนใจคนข้างๆ อีก ผมนั่งรอแต่คนข้างๆ ไม่มีท่าทีจะออกรถเลย จนผมต้องหันไปมองหน้ามันทั้งๆ ที่ใจจริงแล้วผมไม่อยากจะเห็นหน้ามันสักนิด ไอ้ปานั่งนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับตัวจนผมสงสัย มันจะเล่นอะไรอีก

“ถ้ามึงไม่คิดจะไปส่งก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวกู อ๊ะ!!”

แทบไม่ทันตั้งตัว ผมพูดไม่ทันจะจบประโยคไอ้ปาก็เหยียบคันเร่งจนผมหงายหลังไปด้วยแรงกระชากของรถ ความเร็วที่หน้าปัดบอกคือ120 และผมมั่นใจว่าความเร็วขนาดนี้ถ้าพุ่งไปชนอะไรสักอย่างผมคงไม่ทันจะรู้สึกตัวด้วยซ้ำ แต่มันไม่ได้สนใจ

“ไอ้ปา จอดกูจะกลับเอง จอดรถ!!”

ผมพยายามจะเรียกร้องให้มันจอด อยากจะทำเหมือนในหนังในนิยายที่เปิดประตูแล้วกระโดดออกไป แต่ความเร็วขนาดนี้โดดไปก็ตาย ผมไม่เสี่ยงดีกว่าครับ เดี๋ยวตายฟรี

“มึงจะไปไหน กูจะกลับบ้าน จอดดิวะ!! จอด!!!”

“...”

มันไม่คิดจะสนใจผมเลยครับ เพราะมันรู้ดีว่าผมกลัวตายไม่กล้าทำอะไรมาก จะต่อยมันก็กลัวรถเสียหลัก จะเปิดประตูก็กลัว ผมเลยได้แค่โวยวายใส่มันเท่านั้น มันเอาแต่เงียบไม่สนใจว่าผมจะพูดอะไร พอโวยวายมากๆ ผมเองก็เริ่มเหนื่อยเลยใช้สงครามประสาทเล่นกับมัน เอาสิ ถ้ามึงคิดว่ามีมึงคนเดียวที่เงียบได้ กูจะทำให้ดูว่าเงียบกว่าเป็นยังไง

ทันทีที่ตัวรถเข้าไปจอดหน้าคอนโดที่ผมไม่รู้จัก แต่เคยเห็นตามพวกป้ายโฆษณาขายหลายๆ ที่ สวยหรูตามที่โฆษณาไว้จริงๆ มิน่าล่ะ......ถึงแพง ว่าแต่มันพาผมมาที่นี่ทำไม คงไม่พาผมมาสมัครงานรปภ.หรอกใช่ไหมครับ ผมอยากทำร้านอาหารเดียวกับชายมากกว่า นกชอบของฟรี แต่เดี๋ยวก่อน.....ผมโกรธมันอยู่นี่นา

“ลงมานก”

“...” นิ่ง.... ผมนั่งเม้มปากไม่สนใจมัน เหมือนที่มันไม่สนใจคำพูดของผมก่อนหน้า

“นก ลงมา อย่าให้กูต้องอุ้มมึงนะ” เชี้ย!! อุ้มเลยหรือ

“ไม่ต้อง!! ลงเองได้” ผมก้าวลงจากรถอย่างไม่เต็มใจ ใครจะเต็มใจมาละครับที่ที่ไม่รู้จักแบบนี้

“มานี่”

“อะไร ไม่ต้องมาจับ กูเดินเองได้” ผมสะบัดแขนออกเมื่อมันจับเข้าที่แขนของผม

“อย่าดื้อ!!”

“...” ผมชะงักเมื่อมันค่อยเลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ อะไร จะแดกหัวกูหรือ ไม่กลัวหรอก แล้วผมถอยหนีทำไมวะเนี่ย

“เพราะถ้ามึงดื้อ......กูอาจจะคุมตัวเองไม่ได้”

ไอ้ปาลากผมเดินตรงเข้าไปภายใน ผมที่ยังอึ้งอยู่รู้ตัวอีกทีก็มาหยุดหน้าห้องแล้ว ผมได้แต่พยายามบิดมือออกจากการเกาะกุมแต่มันไม่ช่วยอะไรเลย เพราะมือของไอ้ปาเหนียวแน่นมาก ไม่รู้มันเป็นตุ๊ดแกมาเกิดใหม่หรือเปล่าแกะเท่าไหร่ก็แกะไม่ออก จนมันไขกุญแจเสร็จผมถึงได้ถูกลากเข้าไปข้างใน ให้ตายสิครับ!! ชาตินี้แทบไม่เชื่อเลยว่าไอ้นกจะมีบุญได้มาเหยียบห้องหรูๆ แบบนี้ แทบจะเรียกว่าระยิบระยับเลยครับ อาจจะเพราะผมมัวแต่ทึ่งกับความสวยงามของห้องทำให้ผมไม่รู้ตัวเองเลยว่ามันปล่อยมือผมตอนไหน

“จะกินอะไรไหม” ผมหันขวับไปมอง

“ไม่กิน จะกลับบ้าน!” อะไร ทำไมมันต้องยิ้มเหมือนเอ็นดูผมด้วย

“ถ้ามึงยังโกรธยังไม่ฟังอยู่แบบนี้ กูก็ไม่พากลับหรอก นอนห้องกูนี่แหละ” ห้องมัน??

“นี่ห้องมึงหรือ” ผมกวาดสายตาไปรอบๆ จนสะดุดเข้ากับทีวีจอยักษ์

“ใช่.....พอดีญาติกูเขาปล่อยว่างไว้ กูเลยขอยืมเอ่อ เช่าอยู่ไปก่อน” เดี๋ยวรถ เดี๋ยวคอนโด

“ญาติมึงเป็นมหาเศรษฐีหรือวะ”

พรวด!!!

“อึก แค่กๆ พูดเหี้ยอะไรของมึง” ผมเลิกคิ้วมองมันที่สำลักน้ำจนไอ้

“ผิดตรงไหน เดี๋ยวรถ เดี๋ยวคอนโด ไม่มหาเศรษฐีแล้วทำไมซื้อแต่ของแพงๆ แถมให้มึงโดยที่ไม่เสียดาย”

‘ทีอย่างนี้ล่ะทำมาฉลาด’

“ห้ะ??? มึงว่าไงนะ” ผมปายักไหล่โดยไม่สนใจจะตอบผมอีก ผมรู้สึกเหมือนนักสำรวจอยากจะขุดคุ้ย เอ๊ย ค้นบ้านไอ้ปาแล้ว คันมือมากเลย ผมชะเง้อคอมองไอ้ปาที่หันหลังให้ค่อยๆ ย่องเข้าไปในห้องที่แยกอยู่

กึก กึก

ฉิบหาย เสือกล็อกอีก เอาวะ ไปดูห้องน้ำก็ได้ ผมเดินไปอีกหน่อย ประตูที่ปิดอยู่ทำให้ผมอยากรู้อยากเห็นจนต้องเอื้อมมือไปเปิด แต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าทำให้ผมแทบกรี๊ด นั่นๆ นั่นมันรูปผมนี่ครับ!!! ทำไมมีรูปผมอยู่เต็มห้องน้ำไปหมดแบบนี้ล่ะครับท่าน!!!!

ตึง!!

“ทำอะไรของมึงวะ!!!” ผมสะดุ้งค้างกับภาพที่เห็นจนไม่รู้เลยว่าไอ้ปามาเมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีมันก็ปิดประตูตรงหน้าผมไปแล้ว

“ทะ ทะ ทำไมมีรูปกู.......อยู่ในนั้น”

“.....” ไอ้ปาไม่ตอบคำถามผม เอาแต่หลบสายตาผมไม่เข้าใจ นี่มันอะไรกัน??







50%





นกลูก หนูจะลืมความโกรธง่ายๆ แบบนี้ไม่ได้นะคะสามีหนูมันจะไม่จำเอาน้าา แมวมาอัพแล้ว แจ้งวันอัพตรงนี้เลยนะคะ จากนี้แมวจะอัพอาทิตย์ละ 1ตอน ตอนละ2พาร์ท เท่ากับว่า1อาทิตย์แมวจะลงนิยายสองวันจ้า ทุกวันศุกร์และเสาร์นะจ๊ะ ฝากน้องนกกับพี่ปาไว้ด้วยนะคะ

ขอปลาทูโหน่ยยยย~

#ปากินนก

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ทำไมรู้สึกว่าปาเหมือนเห็นนกเป็นของตาย

อยากจะมาก็มา อยากจะไปก็ไป ขาดความชัดเจนมากๆ

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ปาถ้าชอบนกก็รีบๆบอกนะ ก่อนจะมีคนชิงตัวไปเสียก่อน

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
“ทะ ทะ ทำไมมีรูปกู.......อยู่ในนั้น”

“.....” ไอ้ปาไม่ตอบคำถามผม เอาแต่หลบสายตาผมไม่เข้าใจ นี่มันอะไรกัน??

“มึง......ติดรูปกูเอาไว้ ในห้องน้ำเนี่ยนะ”

“คือกู”

“แถมตอนเผลอด้วย” ผมจ้องหน้าไอ้ปาที่ยังไม่ยอมสบตากับผม

“คือ...”

“ทำไมมึงไม่บอกกูก่อนวะ ไม่หล่อเลย”

“หา???” งงอะไรของมัน ก็หน้าผมในรูปมันเหวอฉิบหาย มีรูปหนึ่งที่ผมนั่งอ้าปากกว้างกำลังตักข้าวเข้าปากเลย

“อยากถ่ายรูปกูก็มาขอดีๆ กูจะได้ทำหน้าหล่อๆ ก่อน” ไอ้ปาเหวอไปเลยครับ คงไม่คิดว่าผมจะยอมให้ถ่ายง่ายๆ แบบนี้ล่ะสิ ฮึ.....อยากได้รูปคนหล่อก็บอกดีๆ ก็ได้

“มึงคิดงั้นหรือ”

“ทำไม มึงไม่อยากได้หรือ”

“เปล่า เอ๊ย! หมายถึงอยากสิวะ” ผมยักไหล่เมื่อตกลงกันได้ก็โอเค ต่อไปรูปแย่ๆ ของผมคงไม่ออกมาอีก

“งั้นก็ดีล!!” ผมยื่นมือไปตรงหน้ามันเพื่อต้องการทำข้อตกลง ไอ้ปามองมือผมก่อนจะยกยิ้มมุมปากจนน่าหมั่นไส้แล้วยื่นมือมาจับ

“ดีล!!”

ผมเดินตามไอ้ปากลับไปที่โซฟาตัวใหญ่ที่นุ่มมาก นุ่มตูดผมสุดๆ จนอยากหาผ้าห่มมานอนเลยครับ ผมลูบไล้ไปตามเบาะนั่งอย่างเพลิดเพลินจนไอ้ปากลับมานั่งข้างๆ ผม ใกล้ไปมั้งเนี่ย ผมขยับหนีเล็กน้อยแค่ห่างจากมันนิดหน่อยติดกันเกินไปผมอึดอัด

“นั่นอะไรวะ” ผมหันไปมองตามที่นิ้วไอ้ปาชี้ อ๋อ.....กระเป๋าผม

“ข้าวกูเอง” ไอ้ปาเลิกคิ้วอย่างสงสัย ไม่แปลกครับ ก็ข้าวผมมันเหลือเต็มกล่อง

“มึงไม่ได้กิน?” เอ้า.....ไอ้นี่ก็ถามแปลก

“ถ้าได้กิน มึงจะเห็นว่าเหลือเต็มกล่องหรือวะ”

โป๊ก!!

“โอ๊ย!!”

“กวนตีนนะมึง” ผมอมลมแก้มป่องงอนมันเมื่อไอ้ปาเขกลงบนหัวผมแม้จะไม่แรงมากก็ตาม

“หึหึ.....กูจะไม่โกรธมึงที่เอาข้าวกูไปให้ไอ้ชาย ถ้าตอนนี้.......มึงทำให้กูกิน” จะ จะ จะเอาหน้าเข้ามาใกล้ทำไมฟะไอ้ปาโน้มหน้าลงมาจนผมต้องเอนตัวหนีมันกลิ่นโคโลญจากตัวมันแตะจมูกผม มันหอมจนผมเผลอรับกลิ่นเข้าไปจนเต็มปอด

"ได้ๆ "

ผมรีบลุกหนีทันที จะนั่งอยู่นานๆ ทำไมละครับเดี๋ยวใจก็หายหรอก เกือบไปแล้วๆ หยุดนะไอ้นก นั่นเพื่อนนะ ผมเม้มปากแน่นระหว่างที่ก้มลงหาของสดในตู้เย็นไอ้ปา ไม่มีห่าอะไรเลย แล้วมันจะให้ผมทำอะไรให้มันกินละครับเนี่ย บ้าจริง!!

“ตู้เย็นมึงไม่มีอะไรพอจะทำแดกได้เลยหรือวะ” ผมย่อตัวลงเพื่อจะหาอะไรสักอย่าง อะไรที่พอจะทำเป็นอาหารได้

“มีสิ!”

“!!” ผมสะดุ้งเมื่อน้ำเสียงทุ้มดังอยู่ข้างหูทางด้านหลังของผมจนต้องหันไปมอง มาตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมหันกลับไปมองตู้เย็นเมื่อเห็นว่าหน้าของเราสองคนห่างกันเพียงแค่กระดาษกั้นกลาง ผมยังรู้สึกถึงลมหายใจที่ออกมาอยู่เลย

“มันก็มี........ไข่นี่ไง”

ไอ้ปามันโผล่หน้ามาทางขวามือจนแก้มของเราสัมผัสกัน มันเอื้อมมาหยิบแผงไข่ที่ผมน่าจะเห็นแต่กลับไม่เห็น แล้วทำไมผมมองไม่เห็นนะ

“อะ เอ่อ ขอบใจ”

“หึหึ!!”

เสียงหัวเราะในลำคอดังขึ้นใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆ ถอยห่างจากผมจนผมรับรู้ได้ว่ามันกลับไปที่โซฟาแล้วผมถึงได้หยิบไข่ออกมาสี่ฟอง ไอ้ปามันมีอุปกรณ์เครื่องครัวครบแต่กลับไม่มีของสดในตู้ มันดูขัดแย้งกันยังไงไม่รู้ ผมลงมือหุงข้าวรอ มันต้องรอครับ รอให้ข้าวสุกแล้วค่อยทอดไข่ เดี๋ยวมันเย็นหมด

“เออ ไอ้ปา กูถามหน่อย”

“หือ” มันไม่สนใจหันมามองหน้าผมหรอกครับ กดแต่โทรศัพท์อยู่นั่นแหละ

“มึงโสดหรือวะ” ไอ้ปาชะงักก่อนจะหันมามองผมด้วยแววตาแวววับ

“ทำไม.....สนใจหรือ”

“ไม่สนใจจะถามหรือวะ” ถามแปลกๆ ละ แล้วทำไม ต้องยิ้มแบบนั้นด้วยล่ะ

“โสดสิ........”

ตึกตัก ตึกตัก

“โสดเฉพาะกับมึงนะ”

หมายความว่าไง ผมไม่เข้าใจแต่ไอ้ปาก็คือไอ้ปา มันไม่อธิบายเพิ่มให้ผมฟังเพราะมันดูอารมณ์ดี ยิ้มไปเล่นโทรศัพท์ไป ส่วนผมก็นั่งทำหน้าโง่ๆ อยู่ข้างๆ มัน สงสัยในคำพูดของมันอยู่คนเดียว
ข้าวสุกแล้ว!

ผมลุกขึ้นจากโซฟาไปในครัว เตรียมกระทะเพื่อทอดไข่ ผมมัวแต่สนใจกับการทอดไข่เลยไม่ได้สนใจไอ้ปาอีก แต่คิดว่ากลิ่นหอมๆ คงล่อมันมา เพราะตอนนี้มันนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าครัวรอข้าวที่ผมทำ นี่มันหิวขนาดนี้เลยหรือครับ ผมวางจานลงตรงหน้าไอ้ปาแล้วลากเก้าอี้มานั่งอีกฝั่งตรงข้ามมัน ไอ้ปากินโดยไม่สนใจอะไร มันเป็นอาหารสิ้นคิดผมรู้ แต่มันคงไม่สิ้นคิดถ้ามันจะมีของสดบ้าง เดี๋ยวนะ......หรือว่าที่ไอ้ปาไม่มีของสด เพราะผม!! คิดได้แบบนั้นผมก็ชะงักมือ

“ไอ้ปา”

“หือ”

“ที่มึงไม่มีของสดติดห้อง เพราะกูให้มึงซื้อเข้าห้องกูหมดแล้ว ใช่ไหม” ไอ้ปามองผมด้วยแววตาจริงจัง

“เปล่า ไม่ใช่หรอก” ใช่แน่ๆ

“มึงไปแบ่งจากห้องกูมาไว้ห้องมึงบ้างก็ได้นะ” ไอ้ปาส่ายหน้าทั้งๆ ที่ยังเคี้ยวข้าวอยู่เต็มปาก

“ที่กูไม่มีของสด เพราะกูทำอาหารไม่เป็น”

“แต่...”

“ที่กูมีของสำหรับทำอาหารครบ เพราะ.....” ไอ้ปาลากเสียงก่อนจะจ้องตาผมตรงๆ จนผมรู้สึกทำตัวไม่ถูก

“เอ่อ เพราะอะไรหรือ”

“หึ......เพราะกูรอให้คนที่กูรัก มาทำให้กิน”

เคร้ง!!!

ผมอึ้งค้าง มือไม้อ่อนจนช้อนตกลงกระทบกับจานจนเกิดเสียงดัง ทันทีที่รู้สึกตัวผมก็ได้แต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองไอ้ปาอีก ใจหล่นวูบ เพียงแค่มันบอกว่าคนที่รักมาทำให้มันกิน เพียงแค่คิดว่ามันจะไม่กินอาหารฝีมือผมอีก มันก็คันๆ เจ็บๆ ที่หัวใจ อาการแบบนี้คืออะไรน่ะ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ แต่ไม่สนใจให้มากจะดีกว่าครับ คิดไปก็ไม่ได้คำตอบอยู่ดี อย่างที่ไอ้ปาชอบว่าผมบ่อยๆ นั่นแหละ ไอ้นกมันโง่ คิดได้แต่เรื่องโง่ๆ

“เอ้า ชุดนอน” ผมรับชุดที่ไอ้ปาโยนมาให้ มองชุดสีน้ำเงินเข้มด้วยความสงสัย

“ของใครวะ”

“ของกูเอง เมื่อตอนม.ต้นได้มั้งตัวนี้” โห.....นานขนาดนั้นแม่งยังจะเก็บไว้อีก

“เออ ขอบใจ”

ผมรับผ้าขนหนูมาไว้พร้อมกับชุดนอน ทำไงได้ล่ะครับเจ้าของห้องไม่ยอมให้ผมกลับบ้านนี่ ผมใช้เวลากับการอาบน้ำไปนานพอสมควร ไม่ใช่เพราะรักสะอาดอะไรเลย ผมใช้เครื่องทำน้ำอุ่นมาเป็นจนต้องลำบากไปตามไปปาให้มาช่วยดูให้นี่แหละ ไหนจะไอ้สิ่งที่รูปร่างเหมือนกะละมังใหญ่ๆ นี่อีก เอาไว้ทำอะไรวะ หรือจะใช้ซักผ้า คอนโดก็หรูน่าจะมีเครื่องซักผ้าสักเครื่องนี่ต้องลำบากใช้กะละมังกระเบื้องใหญ่ๆ ซักแทนแล้วหรือ ว่าแต่ว่า......มันใหญ่จนผมคิดว่าเอาผ้าทั้งห้องมาซักก็ยังไม่เต็มเลยมั้งครับเนี่ย พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นไอ้คุณชายนั่งอยู่กับกองเอกสารเยอะแยะมากมาย ว่าแต่นี่มึงบอกกูไม่ให้รับงานคนอื่นแต่มึงทำเองเนี่ยนะ ผมเดินเข้าไปใกล้เพื่อจะดูว่างานของแผนกไหน แต่มันดันไหวตัวทัน!! ปิดเอกสารก่อนที่ผมจะเห็นซะอย่างนั้น

“อะไรวะ งานมึงหรือ”

“เปล่า ไม่ใช่ของกู” ผมยิ่งมั่นใจเลยว่ามันรับงานคนอื่นมา

“มีคนฝากมึงทำแทนหรือวะ” ผมพยายามจะดูแต่ไอ้ปากลับเอาเอกสารหนีผม อะไรวะขอดูนิดหน่อยไม่ได้ โธ่เอ๊ย ทำเป็นหวง

“ใช่”

“ใครวะ ไหนมึงบอกไม่ให้กูรับงานคนอื่น แล้วทีแบบนี้ทำไมมึงรับมาวะ” ผมหัวเสียทันทีที่ได้ยินคำตอบมัน มีที่ไหนสั่งคนอื่นไม่ให้ทำแต่ตัวเองดันไปทำเสียเอง

“ไม่ใช่แบบนั้นเว้ย” ไอ้ปาถอนหายใจใส่ผม หน็อย.....

“ไม่ใช่เหี้ยไร ก็เห็นๆ อยู่ว่างานคนอื่น ใคร!! บอกมาเลยกูจะไป...”

“ท่านประธาน”

“กราบสวัสดี ไอ้สัตว์!! แล้วไม่รีบบอกกู” แล้วไม่บอก เกือบด่าท่านประธานบริษัทแล้วไหมล่ะกู ผมโยนผ้าขนหนูที่ใช้เช็ดผมใส่หน้ามันแต่เสือกรับทัน

“ฮ่าๆ มึงแม่ง ฮ่าๆ” เฮอะ!! เออๆ เอาหัวเราะเข้าไป แม่งทำหน้าตากวนตีนจนแทบจะเอาตีนถีบหน้ามันอยู่แล้วเนี่ย

“ไปอาบน้ำไปสัตว์ เหม็น” ไอ้ปาเลิกคิ้วขึ้นอย่างกับว่ามันไม่เชื่อผม แถมมีการดมพิสูจน์ให้ดูด้วยนะครับว่าไม่เหม็น เอาเถอะครับพ่อ เอาที่พ่อสบายใจ

“ห๊อมมม หอมมมม” เอากับมันสิครับ ลอยหน้าลอยตาได้อีก

“งั้นกูนอนโซฟา”

“เดี๋ยวกูอาบเลย เหม็นจริงๆ ด้วยวะ”

ผมทำหน้าเหม็นเบื่อ ไอ้เด็กติดหมอนข้าง ตอนที่มันไปค้างห้องผมมันก็ไม่ยอมให้ผมนอนข้างล่าง มันจะนอนเบียดบอกว่าตัวเองติดหมอนข้าง เชื่อไหมล่ะครับ ก็ผมเชื่อไปแล้วนี่ ผมมองไปรอบห้อง ไม่เห็นหมอนข้างมันสักใบไหนมันบอกว่าติดหมอนข้างไงวะ นี่ถ้าไม่เกรงใจผมจะเดินหาแล้วนะ คาใจจริงๆ ผมเลิกสนใจเรื่องจุกจิกแล้วกระโดดขึ้นเตียงนอนใหญ่ตรงหน้าแทน โอ้แม่เจ้า!! นุ่มมาก และเพราะความนุ่มนิ่มของมันนี่แหละครับ ที่ทำให้ผมหลับทันทีที่หัวถึงหมอน

ZzzzZzz

ผมหลับไปแต่ความรู้สึกของผมสิครับ รู้สึกว่ามีคนมาสะกิดเรียก แต่ผมนอนหลับไปแล้วไม่อยากลืมตาขึ้นมามองจึงทำทีไม่สนใจคิดว่าเดี๋ยวมันก็เลิกสะกิดเอง แต่เปล่าเลย จากสะกิดตัวผม มันกลายเป็นเขย่าตัวแรงๆ จนผมนึกรำคาญ

“ฮืออ จะนอน” ผมสะบัดตัวหนีแล้วหันหน้าไปอีกด้านแทน แต่มันก็ยังไม่จบ เมื่อหลับไปอีกสักพัก จากที่เขย่าร่างผมก็กลายเป็นผมที่ถูกจูงให้ลุกจากเตียง มือของผมถูกใครบางคนจับจูงให้ผมเดินไปเรื่อยๆ

“จะไปไหน...ปา กูง่วง อยากนอน”

ไม่ตอบ ทำไมมันไม่ตอบ ผมง่วงและไม่อยากไปไหนผมจึงขืนตัวเอาไว้จะกลับไปนอนที่เดิม แต่มือที่ยึดผมไว้ดูเหมือนจะไม่ยอมง่ายๆ

'ไปด้วยกันนะ ไปอยู่กับผม'

เสียงไม่คุ้นเลย ถ้าไม่ใช่ไอ้ปางั้นใครล่ะที่กำลังลากผมอยู่ ถึงแม้ความง่วงจะมีมากแต่ตอนนี้ผมคงต้องตัดใจลืมตาขึ้นเพื่อมองคนตรงหน้าก่อน
พรึบ!

“ไอ้ปา ไอ้ปาช่วยด้วย!!!!” มะ ไม่จริง สิ่งที่ผมคือระเบียงห้องไอ้ปาที่มองเห็นวิวข้างล่างชัดเจน แต่ที่มันชัดแบบนี้เพราะตัวผมตอนนี้.....มันปีนอยู่บนระเบียง!!!

“ไอ้ปา!!! ช่วยกูด้วย!!!” ผมมองไม่เห็นแต่รู้สึกได้ว่าร่างของผมถูกดัน มีใครบางคนพยายามผลักผมให้ลงไป ไม่เอานะ ผมยังไม่อยากตาย

‘ลงไปสิ เดี๋ยวเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ’

ใคร เสียงใครน่ะ ไม่เอานะ ไอ้ปาอยู่ไหน ช่วยด้วย

“เฮ้ย!!! ไอ้นก!!!”

โชคดีที่ไอ้ปามาทัน มันดึงผมลงจากระเบียงได้ ทันเวลา ผมกอดมันแน่นความกลัวยังไม่จางหายไปแม้แต่น้อย ตัวผมสั่นระริกร้ำตาไหลนองอย่างห้ามไม่ได้ เสียงสะอึกสะอื้นของผมดังเป็นระยะอยู่กับอกของไอ้ปา

“ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร” มืออุ่นๆ ลูบหัวผมอย่างปลอบโยน อ้อมแขนก็กระชับแน่นขึ้นมันคงอยากให้ผมรู้สึกปลอดภัย

“ฮื่อออออ กูกลัว”

“ไม่เป็นไร......กูอยู่นี่แล้ว ไหนบอกกูหน่อย ทำไมมึงไปอยู่ตรงนั้น” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าไอ้ปา พยายามนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้า

“กูหลับอยู่ รู้สึกเหมือนมีคนมาสะกิด สักพักก็เขย่าตัวกู แต่พอกูไม่ยอมตื่น มันก็ลากกูมาตรงนี้ กูไม่รู้ ฮึก ไม่รู้ว่าเป็นใคร กูนึกว่ามึง ฮื่อออ”

“ช่างมันนก ถ้ามึงไม่สบายใจ พรุ่งนี้กูจะพาไปหาหลวงพ่อ”

หาหลวงพ่อหรือ มันก็ดีหรอกแต่กว่าจะเช้าล่ะ ถ้าเขากลับมาอีกล่ะ ผมกลัว ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้กับผม ผมไปทำอะไรเขางั้นหรือ ผมไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ หรือว่า!!

“ปา เขาต้องตามกูมาจากบ้านร้างแน่ๆ เลย ต้องใช่แน่ๆ”

“ใจเย็นนก ใจเย็นๆ เขาทำอะไรมึงไม่ได้แล้ว กูอยู่นี่ พรุ่งนี้เราไปทำบุญให้เขากัน” ผมพยักหน้ารับ มองไปรอบๆ ตัวอย่างหวาดระแวง ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ตรงไหน หรือยังอยู่ที่นี่ไหม แต่ที่ผมรู้คือผมควรจะตั้งสติและรอเวลา แต่มันยากนะครับ กับการที่เราเฉียดตายไปเมื่อกี้แล้วต้องมานั่งตั้งสติ มันยากจริงๆ ยากเกินกว่าที่ผมจะทำมันไหว





เสียงนกร้องกับแสงแดดที่ลอดเข้ามาทำให้ผมขยับตัวและลืมตาตื่น นี่ผมเผลอหลับไปตอนไหนนึกยังไงก็นึกไม่ออก แถมตอนนี้ยังกลับมานอนบนเตียงแล้วด้วย หรือไอ้ปามันจะเป็นคนอุ้มผมมา ว่าแต่......แล้วนี่มันหายไปไหน ผมไม่อยากอยู่เดียว

“อ้าว.....ตื่นแล้วหรือวะ”

“อะ อื้ม” ผมหลบตาไม่กล้ามองหน้ามันตรงๆ อาจจะด้วยเพราะมันเพิ่งผ่านมาเมื่อคืน ที่มันเป็นคนช่วยชีวิตผมเอาไว้ เลยไม่รู้ว่าควรจะทำหน้าตายังไงดี

“ไปล้างหน้าล้างตาดิ เดี๋ยวกูจะพามึงไปวัด” ผมชะงักเมื่อนึกขึ้นได้ จริงด้วยสินะผมต้องไปทำบุญให้เขา

“อ่า....โอเค”

ล้างหน้าล้างตาสินะ ล้างหน้าล้างตา การรับฟังของผมยังทำงานปกติ แต่การประมวลผลดูจะย่ำแย่เอามากๆ เพราะแค่มันสั่งให้ไล้างหน้าล้างตาผมยังเดินชนผนัง สะดุดธรณีประตูห้องน้ำ หนักสุดก็เกือบจะเอาน้ำในโถมาป้วนปากนี่แหละครับ สยองกว่าเจอผีก็อาการผมนี่แหละ แต่ใครจะรู้ว่า ไอ้ปาเพื่อนของผม มันจะทำอาหารเป็น!!!! ดีครับ ใส่อัศเจรีย์เยอะๆ เลย แต่ผมไม่แน่ใจนะว่าเรียกว่าอาหารไหม ไข่ดาว ขนมปัง ไส้กรอกสองชิ้น กับนมแก้วหนึ่งนี่ เรียกอาหารได้ใช่ไหมครับ ไม่รู้สิ ก็ปกติผมกินแต่กาแฟ ไม่ก็โจ๊กหมู พูดถึงโจ๊กหมูแล้วก็คิดถึงหน้าแมนชั่นผม อร่อยสุดๆ ครับ ขนาดที่ต้องต่อแถวรับบัตรคิวกันเลยทีเดียว พูดแล้วหิว แดกอาหารของไอ้ปาไปก่อนแล้วกันวะ

"แดกเสร็จแล้วใช่ไหม ไปได้แล้ว" อะอ้าว กูยังไม่ได้แดกเลย แต่จะทำอะไรได้ล่ะครับ ก็ยกนมดื่มจนหมดแก้วรองท้องแล้วเดินตามมันออกไปเท่านั้นแหละครับ จริงๆ ไม่ได้กลัวมันทิ้งหรอก กลัวไอ้ผีตัวเมื่อคืนมากกว่า กลัวว่าไอ้ปาไม่อยู่แล้วมันจะออกมาลากผมไปโดดตึกอีก สยอง

ไอ้ปาขับรถมาจอดหน้าวัดหนึ่งที่ดูเก่ามาก ตลอดทางผมเอาแต่ถามมันว่าเราจะไปวัดไหน มันเอาแต่ยิ้มไม่ยอมตอบผมจนสุดท้ายเราก็มายืนอยู่ที่นี่ ไอ้ปาพาผมเข้าไปพบหลวงพ่อ มันบอกว่าที่บ้านมันมาทำบุญที่นี่บ่อยหลวงพ่อที่นี่ท่านเก่งวิชามาก น่าจะช่วยอะไรผมได้บ้าง แต่ที่ผมสงสัยมากๆ คือ ทำไมพวกเราเข้ามาแล้วท่านไม่มองหน้าพวกเราเลย เอาแต่มองไปที่ประตูตลอดเวลา

"โยม......มาทำไมที่นี่ ที่นี่ไม่ใช่ที่ของโยม" ผมก้มลงกราบท่าน รู้สึกเหมือนหนังหน้าอย่างผมไม่เหมาะกับวัดเข้าไปอีก

"ผมขอโทษครับที่มารบกวนหลวงพ่อกะทันหันนะครับ แต่ผมมีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนจริงๆ " หลวงพ่อหันมามองผมแล้วยิ้มบางๆ

"อาตมาไม่ได้หมายถึงโยมหรอก โยมนก" อ้าว....นี่หลวงพ่อรู้ชื่อผมได้ไงหว่า หรือไอ้ปาจะบอกท่าน ว่าแต่ว่า....ถ้าท่านไม่ได้หมายถึงผมแล้วหมายถึงใครกัน

"อาตมาหมายถึงคนที่ยืนอยู่ตรงประตูนั่นต่างหาก"

"...!!! " ผมกับไอ้ปาหันขวับไปมองเบื้องหลังทันที แต่สิ่งที่หลวงพ่อเห็นพวกผมสองคนกลับไม่เห็นเสียนี่ ผมขยับตัวเข้าไปใกล้ไอ้ปามากขึ้น กลัวครับ เกิดหลวงพ่อบอกว่าเขามานั่งข้างๆ ผม ผมคงได้กระโดดขี่คอไอ้ปาแน่ๆ

"โยมนก ทำบุญกรวดน้ำให้เขาไปสิ เขาชอบโยมนะ แต่เพราะโยมเป็นคนเดียวที่มองเห็นเขา เขาถึงพยายามจะพาโยมไปอยู่กับเขา" โฮ.......ไม่น่าดีใจเลย มองเห็นว่าไม่ดีแล้ว นี่มองเห็นแล้วจะพาไปอยู่ด้วยยิ่งไม่ดีใหญ่ ผมส่ายหน้าให้หลวงพ่อ เบ้ปากจะร้องไห้ให้ได้

"ผมไม่อยากไปอยู่กับเขานี่ครับหลวงพ่อ ผมอยากอยู่กับไอ้ปามากกว่า" หมายถึงอยู่กับเพื่อนนะครับ ถ้ามีเพื่อนเป็นผีแล้วต้องไปอยู่กับผี ผมอยากอยู่กับเพื่อนที่เป็นคนมากกว่า หลวงพ่อมองผมก่อนจะส่ายหน้า อ้าว ผมทำอะไรผิด

"โยมนี่นะ.....กรรมมันจะมาจากปากโยมนี่แหละ คนเราเวลาจะพูดอะไร ต้องแน่ใจว่าคนฟังเขาจะเข้าใจตามที่เราตั้งความหมายด้วย อย่างเช่น ถ้าหาก อาตมาพูดว่า นก แต่ความหมายในยุคปัจจุบันเขาหมายถึงการที่เราไม่สมหวัง แต่ความหมายของอาตมาคือนกที่เป็นสัตว์ปีกเท่านั้น โยมคิดว่าเขาจะเข้าใจอาตมาไหม" ผมนั่งเอ๋อ พยายามประมวลผลกับสิ่งที่หลวงพ่อบอก แต่คนโง่ๆ อย่างผมไม่เข้าใจอยู่ดี

"หลวงพ่อปล่อยไปเถอะครับ ไอ้นกมันโง่ มันไม่เข้าใจหรอก" ผมได้แต่ยิ้มแหยงๆ ให้หลวงพ่อแม้ในใจจะอยากถีบไอ้ปาที่ด่าผมโง่ก็ตาม

"เอาเถอะ มันก็คือกรรมของโยมทั้งสองที่ต้องเผชิญ ส่วนเรื่องของเขาคนนั้นที่หน้าประตู ไปทำบุญกรวดน้ำให้เขาก็พอ เดี๋ยวอาตมาจะคุยกับเขาให้เอง" ผมรู้สึกโล่งใจที่ได้ยินแบบนั้น ทีนี้ผมจะได้นอนหลับเสียทีไม่ต้องระแวงว่าจะไปตื่นตรงขอบตึกอีกเมื่อไหร่

"ขอบคุณครับหลวงพ่อ"

ผมกับไอ้ปากราบลาท่านก่อนจะไปหาสังฆทานมาถวายพร้อมกับกรวดน้ำให้เขาตามที่หลวงพ่อแนะนำ เชื่อไหมครับ แค่เพียงได้ทำผมก็รู้สึกสบายใจขึ้นเป็นกอง มันรู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก ผมเห็นหลวงพ่อยืนมองเรานิ่งๆ ผมจึงสะกิดไอ้ปาก่อนที่เราสองคนจะยกมือไหว้ลาหลวงพ่อไป ผมเดินยิ้มขึ้นอย่างสุขใจ พูดถึงการทำบุญแล้วผมเองก็ไม่ได้ทำมานานแล้วเหมือนกัน วันนี้ได้ทำมันเสียที เฮ้อ! หวังว่าเรื่องเลวร้ายจะหมดไปเสียทีนะครับ ชีวิตผมตอนนี้ไม่พร้อมเจอเรื่องร้ายๆ อะไรอีก เอ่อ ว่าแต่ว่า......ทำบุญแล้วจะถูกหวยไหมครับ รู้แบบนี้ผมน่าจะขอหวยเขาไว้ก็ดีหรอก

“ไงล่ะมึง สบายใจแล้วสิแบบนี้” ไอ้ปาถามขณะที่ตายังมองถนน

“ก็โอเคนะ ดีกว่าเมื่อคืนเยอะเลย”

“หึหึ.......เสียดายเนอะ” ผมหันไปมองหน้ามันด้วยความสงสัย

“เสียดายอะไรวะ” ไอ้ปามองหน้าผมด้วยแววตาระยิบระยับจนผมอยากควักเอาลูกตามันไปขาย

“ก็เสียดาย.......”

“..? ..”

“เพราะถ้ามึงยังไม่สบายใจ”

“......” ไอ้ปาค่อยๆ เกลี่ยปอยผมของผมเอาไปทัดหู แต่ผมกลับสัมผัสได้ถึงไอ้ร้อนของนิ้วมือที่แตะลงบนผิวแก้มของผม

“จะไปนอนกับกูอีกสักคืนก็ได้นะ กูยินดี”

“มะ มึง ขับรถไปเลย!!”

“หึหึ”

ผมผลักไหล่ของมันอย่างแรงด้วยความรู้สึกแปลกๆ และเพราะผมรู้สึกถึงความร้อนที่ตีขึ้นมาบนใบหน้า ยิ่งทำให้ผมต้องหลบหน้ามันหันไปมองหน้าต่างแทน มันพูดบ้าอะไรของมัน ขยันพูดให้ผมรู้สึกแปลกๆ ตลอดเวลา แต่ที่บ้ากว่าคงจะเป็นหัวใจของผมเอง ที่ดันเต้นแรงกับคำพูดที่ไม่คิดอะไรของเพื่อนตัวเอง
คนพูดไม่คิดอะไร........แล้วทำไมคนฟังถึงรู้สึก



TBC



งื้อออออ แมวก็อยากจะไปนอนกับปา แค่กๆ หมายถึงลองไปนอนคอนโดคุณปาบ้างจังเลยค่ะ แต่ไม่ใช่น้องนก...ไม่มีสิทธิ์ขึ้นห้องปานะคะ แล้วแมวก็นกไปอีกคน งอแง!

#ปากินนก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[6]
ตอนที่6.
นกกับความจริงของปา

จากวันนั้นมาผมก็ไม่เจอวิญญาณผู้ชายคนนั้นอีกเลย ไม่ใช่แค่ผู้ชายคนนั้นนะครับไอ้ปาเพื่อนผมมันก็หายไปพร้อมกับวิญญาณเลย หรือไอ้ปาจะเป็นผีเหมือนกัน ไม่ๆ ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดไร้สาระของตัวเองออกไป บ้าจริงเชียว ถ้าไอ้ปามันเป็นผีมันคงไม่พาผมไปที่วัดหรอก หระ หระ หรือว่า!! หลวงพ่อจะเป็น อ๊ากกกก!!! นรกกินหัวผมแล้ว!! ให้ตายสินี่ผมคิดแบบนี้ได้ไงกันนะ แต่ก็นะ ไอ้ปามันหายไม่ติดต่อผมมาเลยเนี่ยสิ ข้าวกล่องที่ผมทำมาก็เลยเหลือทุกวัน ไปไหนของมันก็ไม่รู้ ไม่รู้จักโทรหรือไลน์มาบอกกันเลย อ๊ะๆ ไม่ได้เป็นห่วงนะครับ ผมก็แค่......เสียดายของเฉยๆ อ๊าก!!! ผมไม่ได้ทำเสียงอ่อยซะหน่อย!! อย่ามาจับผิดผมน้า!!!!!

“อ้าว.......น้องนก มาทำอะไรตรงนี้คะเนี่ย” หือ ตรงนี้ ผมหันไปมองป้ายที่เป็นรูปประจำห้องน้ำหญิง ตายห่า!!!

“อะ แหะๆ พี่ฝ้าย พอดีผมคิดอะไรเพลินๆ น่ะครับ ไม่รู้มาโผล่ตรงนี้ได้ไง” ผมเกาแก้มตัวเองแก้เขินจนพี่ฝ้ายหัวเราะแล้วส่ายหน้าไปมา

“คิดเรื่องอะไรคะเนี่ยถึงเดินมาหน้าห้องน้ำหญิงได้” ผมก็ได้แต่ยิ้มให้พี่ฝ้ายเท่านั้น เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกไปดี ตอนนี้ในหัวผมเอาแต่คิดถึงเหตุผลที่ทำให้ไอ้ปาหายไป

“เอ๊ะ!! หรือว่า น้องนกจะคิดเรื่องที่ไม่ดีๆ คะ”
ผมเบิกตากว้างตกใจกับความคิดของพี่ฝ้ายจนต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธ แต่พี่ฝ้ายสิครับ กลับหัวเราะผมเสียยกใหญ่

“ฮ่าๆ น้องนกเนี่ย แหย่เล่นแล้วสนุกเหมือนที่คุณปาบอกเลยนะคะ” หือ คุณปา??

“พี่ฝ้ายสนิทกับไอ้ปาหรือครับ” พี่ฝ้ายดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินที่ผมถาม

“ก็พอรู้จักค่ะ ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” หืม......ผมหรี่ตามองพี่ฝ้ายด้วยความสงสัย หรือพี่ฝ้ายจะอกหัก

“ถ้างั้น.....พี่ฝ้ายพอจะทราบไหมครับว่าไอ้ปามันหายไปไหน” ผมมาทำงานวันนี้ยังไม่เจอมันเลย

“ค่ะ......ปาไม่ได้บอกน้องนกหรือคะว่าต้องเดินทางไปดูงานที่ต่างจังหวัด” ผมส่ายหน้าไปมาจนพี่ฝ้ายได้แต่ร้องอ้าว อย่าอ้าวเลยครับพี่ มันไม่บอกผมสักคำ

“บางทีปาอาจจะคิดว่ากลับมาทันก็ได้นะคะ คงไม่ได้ตั้งใจจะหายไปเฉยๆ หรอกค่ะ”

“ครับ.......ก็คงงั้น ถ้างั้น.....ผมขอตัวก่อนนะครับพี่ฝ้าย”

“เอ๊ะ? เอ่อ.......ค่ะ”

ผมอดยิ้มเยาะตัวเองไม่ได้ เพื่อนหรือ? ก็แค่บอกว่าไม่อยู่สักพักมันก็ได้ไหม เพื่อนกันมันก็ต้องบอกกันสิ แบบนี้......มันไม่เห็นจะเหมือนเพื่อนสักนิด หรือผมฝ่ายเดียวที่คิดว่ามันเป็นเพื่อน นั่นสินะ จะว่าไปตัวไอ้ปาเองก็รู้เรื่องของผมเยอะอยู่ มีแค่ผมฝ่ายเดียวที่ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ครอบครัวมีกี่คน มีพี่น้องไหม พ่อแม่ชื่ออะไร มันรู้หมดในชีวิตผม แต่ผม.....รู้แค่มันชื่อปา มาสมัครงานพร้อมผมแล้วได้งานพร้อมกัน แค่นั้น มันดูน้อยนิด แต่เมื่อก่อนผมไม่เคยเอะใจเลยกับเรื่องราวพวกนี้ เพราะผมเชื่อว่า ความเป็นเพื่อนมันไม่ต้องใช้ข้อมูลเลยคิดว่าเดี๋ยวมันอยากเล่าก็คงเล่าเอง แต่รอแล้วรอเล่าจนป่านนี้ที่ผมและมันเป็นเพื่อนกันมาสองปี ไม่มีเลยสักวันที่ผมจะได้ยินเรื่องนี้จากปากมัน

ตกลงเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหมวะปา หรือมึงไม่อยากเป็นเพื่อนกูอีกแล้ว

ทุกคนเริ่มพูดคุยกันหนาหูขึ้นถึงการกินข้าวคนเดียวของผม หรือการที่เหลือแค่ผมคนเดียวไร้วี่แววไอ้ปาข้างๆ เหมือนเดิม บางคนบอกว่าผมมันนิสัยไม่ดีไอ้ปาคงเบื่อนิสัยเสียๆ ของผมแล้ว ก็เป็นไปได้นะครับ ว่าแต่ พวกคุณมึงรู้จักกูหรือ บอกกูนิสัยไม่ดีเนี่ย หนักกว่ากูว่ากันว่าผมมาเกาะไอ้ปาแล้วไอ้ปาเกิดรู้ตัวเลยเลิกเป็นเพื่อนกับผม เอาสิครับ ผมล่ะอยากถามเหลือเกินว่า ไอ้ปากับผมก็จนพอกันจะไอ้เกาะแดกมันทำไม เหมือนกับว่า บ้านผมมีเกลือบ้านมันมีน้ำปลาไปแลกของมันมาก็เค็มพอกัน คนพวกนี้ไม่มีอะไรทำกันหรือไงน่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ

ผมกลับถึงบ้านด้วยอาการเหนื่อยที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นร่างกายหรือจิตใจกันแน่ ผมเหนื่อยล้ากับการที่ต้องพยายามทำงานไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทารอบข้าง ไอ้ผมน่ะอยากจะเดินไปถามเหลือเกิน ชีวิตพวกพี่ไม่มีอะไรทำนอกจากนินทาผมแล้วหรือครับ เหอะ!! แล้วไง กล้าหรือ ก็ไม่! นั่งแห้งอยู่ที่โต๊ะเหมือนเดิม ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กอีกครั้งวันนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ผมก็ไม่รู้ หวังว่าเพื่อนเพียงคนเดียวของผมจะโทรเข้ามาหรืออาจจะไลน์มาให้ผมได้เห็น แต่โทรศัพท์เครื่องสวยก็โชว์ให้เห็นเพียงภาพหน้าจอที่มีผมและมันยืนกอดคอยิ้มให้กล้อง มันเป็นรูปที่ผมกับมันถ่ายด้วยกันเป็นครั้งแรกและมันก็ดูดีที่สุดแล้ว หมายถึงหน้าผมนะครับ หน้าไอ้ปาไม่ต้องเลือกหรอกครับแม่งหล่อทุกรูปเลยมีแต่ผมนี่แหละเรื่องมากอยู่คนเดียว

กูคงไม่ได้ทำให้มึงเบื่อใช่ไหมวะ ไอ้ปา




กาแฟแก้วเดียวคืออาหารเที่ยงสำหรับผม เมื่อไม่มีเงาของไอ้ปามากินด้วยมันเหงาๆ น่ะครับผมเลยกินอะไรไม่ค่อยลงเท่าไหร่ สิ่งเดียวที่พอจะให้ผมมีแรงทำงานต่อไปได้คือกาแฟ เพราะช่วงนี้ผมนอนไม่ค่อยจะหลับด้วยเลยต้องกินกาแฟที่เข้มกว่าปกติ งานก็ใช่ว่าจะมากมายอะไรนักหนา แต่ผมเองที่ข่มตานอนให้หลับไม่ได้ ผมรู้สึกเป็นเอามาก ในหัวผมคิดไปต่างๆ นานา ถ้าหากมันไปดูงานที่ต่างจังหวัดอย่างที่พี่ฝ้ายบอกจริงๆ มันก็คงติดต่อผมมาแล้ว หรือว่าตัวมันจะมีปัญหาอะไร หรือจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น!! สิ่งที่ผมคิดทำให้ผมกระสับกระส่าย อยากจะโทรหาแต่ใจหนึ่งก็ยั้งมือตัวเองเอาไว้

“เฮ้อ!!” ผมเองก็ได้แค่ถอนหายใจ ความคลุมเครือไม่ชัดเจนแบบนี้ผมยิ่งไม่ชอบเลย ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่ถ้าไม่เป็นอะไรก็คงจะดี

“ถอยหายใจคิดถึงกูอยู่หรือ” กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ผมหันไปมองข้างหลังทันที

“ไอ้ปา!!” ผมเบิกตากว้างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่ผมฝันไปหรือ

“โอ๊ย!!!”

ตายล่ะ เพราะความไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ เอ่อ ไม่ใช่สิ ไอ้ปาที่ยืนตรงหน้าผมตอนนี้คือตัวจริงหรือฝันกันแน่จึงทำให้มือเจ้ากรรมหยิกหมับเข้าที่เนื้อตัวเองอย่างแรง เจ็บอ่ะ

“ฮ่าๆ ทำอะไรของมึงวะนก” เออ หัวเราะไปเถอะ ผมมองหน้ามันตาเขียว

“มาทำไม!!”

“เฮ้ย.....โกรธอะไรกูเนี่ย” สัตว์! โง่ต่อไปเถอะ คิดหรือว่าผมต้องบอกมันทุกอย่างว่าเป็นอะไร

“....” ผมไม่ชอบต่อล้อต่อเถียง ความเงียบคือสิ่งที่ดีที่สุด

“เฮ้ย....อะไรว้า! กูเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ยังต้องมาโดนมึงโกรธกูอีกหรือ”

“....” เหอะ!! อมลมแก้มป่อง อมลมแก้มป่องงงง

“ว้า!! แย่จริง โดนโกรธแบบนี้สงสัยต้องเอาช็อกโกแลต,ช็อกโกเลตที่ซื้อมาฝากไปให้คนอื่นซะแล้วสิ” ง่ะ ชะ ชะ ช็อกโกแลต,ช็อกโกเลต

“ให้ใครดีน้า.......ให้พี่ฝ้ายดีกว่า”

“อย่าน้า เอามาๆ” ผมรีบดึงแขนมันไว้ กลัวมันจะเอาไปให้คนอื่นจริงๆ ก็ของโปรดผมนี่ครับ

“อ้าว......ไม่โกรธกูแล้วหรือ”

“อื้อ” โกรธกูก็อดแดกดิ

“หึหึ มึงนี่น้า ไหนบอกมาดิ โกรธอะไรกู” ชิ ไม่บอกได้ไหมเนี่ย แต่ดูจากสายตามันคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ

“มึงหายไปไหนมาล่ะ” พูดแล้วโมโห โกรธมันต่อดีไหมเนี่ย!!

“กูหรือ?”

“ก็เออดิ มึงไปไหนไม่บอกกูเลย กูทำข้าวมาเผื่อมึงทุกวันๆ แล้วแม่งก็เหลือทุกวันๆ มันเสียดายของนะเว้ย!!”

“เฮ้ยๆ ไม่ใช่ล่ะ กูบอกมึงแล้ว” ตอแหล

“บอกกูตอนไหน กูไม่เห็นรู้เรื่อง นี่ถ้ากูไม่ได้ไปถามพี่ฝ้าย กูก็คงไม่รู้ว่ามึงไปต่างจังหวัด" แต่ท่าทางที่โบกมือไปมากับใบหน้าที่ขมวดคิ้วอย่างจริงจังทำให้ผมถึงกับงง

“กูไลน์ไปบอกมึงแล้วนะ อะ ไม่เชื่อใช่ไหม งั้นดูนี่”
ไอ้ปาเปิดโทรศัพท์ตัวเองให้ผมเห็นแอปพลิเคชันสีเขียวที่มีชื่อผมอยู่ภายใน จริงด้วย!! อย่างที่ไอ้ปาบอก แต่ที่ผิดคือมันพิมพ์มาจริง แต่ผมไม่ได้อ่าน! ด้วยความสงสัยทำให้ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันตัวเดียวกันเพื่อจะเช็กดู

“ไง....กูบอกแล้วเห็นไหม” อย่างที่ไอ้ปามันบอก มันไลน์มาจริงๆ ด้วย แล้วทำไมไม่มีแจ้งเตือนขึ้นมาล่ะ

“ก็ ก็ มันไม่เตือนกูนี่” ผมบอกมันเสี่ยงอ่อย รู้สึกเหมือนว่าความผิดมันกลับมาเข้าตัวผมแทนเนี่ยสิ

“ไม่ต้องมาทำตาแป๋วใส่กู กูยึดช็อกโกแลต,ช็อกโกเลตคืนดีไหมห๊ะ!!” หวา.....ไอ้ปาโกรธแล้ว ช็อกโกแลต,ช็อกโกเลตของผมจะลอยไปแล้ว

“มึงจะเอาคืนไปจริงๆ หรือปา”
ปริบๆ

“ควรไหม...” ผมส่ายหน้ายิ้มเอาใจมันจนแทบจะเห็นฟันครบทุกซี่ จนไอ้ปาส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ

“หึหึ กูไม่เอาคืนหรอก แต่!!!”

“อะไรวะ?”

“แต่มึงต้องไปกินข้าวกับกู อื้ม.....3วัน” ผมกะพริบตาถี่ๆ เอียงคอมองมันอย่างไม่เข้าใจ

“ข้าวอะไรวะแดกตั้ง3วัน”

ป๊าบ!!

“กวนตีน” ผมนี่แดดิ้นไปมาก็ไอ้ปาน่ะสิตบซะกะโหลกแทบจะยุบลงไปเลย

“ก็มึงบอกให้กูไปกินข้าวกับมึง3วัน กูผิดตรงไหน โอ๊ยๆ” มันจิ้มหน้าผากผมแบบไม่ยั้งมือเลยครับ

“ในนี้มันมีอะไรอยู่ข้างในวะ ใช่สมองไหม”

“ก็สมองดิ มึงจะให้กูเอาลอดช่องไว้ในหัวกูหรือ” อุ้ย ไอ้ปาตาเขียวเลยอ่ะ น่ากลัว ผมเลยเสมองไปทางอื่นทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ยกช็อกโกเลตขึ้นมากัดกิน สนใจของอร่อยดีกว่า คนหน้ายักษ์ไม่น่ามอง ว่าแต่ช็อกโกแลต,ช็อกโกเลตอันละสิบบาทกับของฝากของไอ้ปานี่รสชาติแตกต่างกันเยอะเลยครับ เพราะอันนี้อร่อยอ่ะ มีรสชาติขมๆ ด้วย อื้อออ มันฟินอ๊า~
ทุกอย่างเริ่มกลับมาปกติเพราะแค่ไอ้ปาเดินมาหาผมพร้อมของฝากและการพูดคุยที่ยังเหมือนเดิมก็ทำให้พวกจับกลุ่มนินทาก่อนหน้านี้หายไปกับสายลมอย่างไร้ร่องรอย แม้ผมจะได้รับสายตาอาฆาตอยู่บ้างก็ตามแต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าสายตาที่เขามองแบบสมน้ำหน้าหรอกครับ แค่นี้ไม่ทำให้ผิวหนังของน้องนกสุดหล่อคนนี้ระคาย นกทนได้คร้าบบบ แหม ก็พออารมณ์ดี รู้ว่าเพื่อนไม่ได้ทิ้งแต่เป็นเพราะความผิดพลาดมันก็สบายใจอ่ะ ทุกอย่างก็ดู ดี๊ ดี๊~ โลกนี่สดใสขึ้นมาทันตา แล้วพอทุกอย่างลงตัวแบบนี้นะครับ ไอ้ท้องของผมมันก็ดันร้องซะดังลั่นจนทุกคนต้องหันมามองผมอย่างเวทนาหาว่าจนขนาดไม่มีข้าวจะกิน คือไม่ใช่ครับ จริงๆ มันก็แค่พอเราสบายใจ จากที่กินอะไรไม่ลงมันก็ต้องหิวใช่ไหมล่ะ นั่นล่ะ ดีหน่อยที่มีของฝากของไอ้ปาอยู่ผมเลยได้แดกรองท้องไปพลางๆ ถึงไม่อิ่มแต่ก็เลี่ยนจนเอียนได้เหมือนกัน ความหวานของมันก็ช่วยให้ผมอยู่ท้องรอเลิกงานอ่ะครับถึงจะได้กลับไปกิน นี่วันนี้ก็ตกลงกับมันไว้นะครับว่าจะยอมให้มันไปค้างด้วย ลองไม่ยอมสิพ่อเล่นจะยึดแต่ของฝากคืนไปอยู่นั่นแหละ ก็รู้อยู่ว่าของชอบผมๆ มันก็ยังจะเอาคืน ชิ รอกูแดกจนหมดก่อนเถอะมึง เดี๋ยวมึงก็ไม่มีอะไรมาขู่กูได้แล้ว ฮ่าๆ

“เสร็จยัง” อะ อ้าว

“มึงไม่ทำงานหรือวะ”

“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้กูเพิ่งกลับมา นี่กูกลับไปเอาเสื้อผ้ามาพร้อมแล้ว ไปกันเลยไหม” ไปห่าอะไร นี่ยังไม่เลิกงานเลย”

“เฮ้ย ไม่ได้ๆ กูทำงานอยู่” ผมบอกในขณะที่หันซ้ายหันขวากลัวพี่อาร์ตจะมาดึงหูจริงๆ

“เอาน่า วันเดียว ไปๆ เดี๋ยวกูเคลียร์เอง”

“เฮ้ย!! เดี๋ยวดิ” มันฟังที่ไหนครับ เก็บเอกสารผมวางเอาไว้บนโต๊ะเสร็จก็ลากมือผมออกจากออฟฟิศไป ทำไมมันเอาแต่ใจแบบนี้ล่ะครับเนี่ย งานนี้ผมจะไม่โดนเด้งใช่ไหม

“ขึ้นรถดิ” ผมยืนมองรถคันเดิมที่ไปส่งผมบ่อยๆ ในช่วงหลังก่อนจะเปิดขึ้นไปนั่ง

“ไปไหนวะ”

“ห้องมึง” ไอ้ปาตอบพร้อมกับตีนมันที่เหยียบคันเร่งจนรถถลาไปบนถนน

“มึงรีบไปไหมเนี่ย!! ถ้าเกิดกูโดนไล่ออกขึ้นมาทำไง”
“มึงจะกลัวอะไร กูอยู่ด้วยทั้งคน” มีมึงมันก็ดี แต่มีกินมันดีกว่า

“ถ้าพี่อาร์ตรู้ว่ากูหนีงานมาน่ะ มีหวังกูโดนไล่ออกแน่ๆ เลย” ผมลุกลี้ลุกลนกลัวว่าพี่อาร์ตจะโทรมาด่าเหลือเกิน แต่ดูมันสิครับ ผิวปากสบายอารมณ์จนน่าหมั่นไส้

“คิดมากทำไมว้า เอาอย่างนี้ ถ้ามึงโดนไล่ออกมาทำงานให้กู เดี๋ยวกูจ้างมึงเอง” ผมเลิกคิ้วมองไอ้ปาที่ดูไม่ทุกข์ร้อน

“งานอะไรวะ?”

“หึหึ เฝ้าห้องให้กู”

“ไอ้เหี้ยปา กูไม่ใช่หมานะ!!!” มันคิดได้ไงครับ จะเอาผมไปเฝ้าห้องมัน หน้ากูเหมือนหมาเฝ้าบ้านหรือ!!

“เฮ้ย กูไม่ได้จะว่ามึงเป็นหมา”

“ไม่ใช่หมาแล้วอะไร!!” มันก็เป็นได้แค่หมาอ่ะ จะคิดเป็นอย่างอื่นได้อีกหรือ

“เป็น มะ มะ”

“มะ อะไรวะ!! มะกรูด มะนาว มะพร้าว??”

“มะ แมวเว้ย!! หมายถึงแมว”

“เออ แล้วไป” พูดให้จบก็สิ้นเรื่องก็แค่แมว แล้วมันจะหน้าแดงทำไมวะนั่นไม่เข้าใจเลย สงสัยจะเข้าวัยทองแล้วมั้งเพื่อนผมอารมณ์ไม่ค่อยจะคงที่เลย

ไอ้ปาเลี้ยวรถเข้าจอดหน้าแมนชั่นผมพอรถจอดสนิทผมกับมันก็พากันลงจากรถ ผมหอบเอาถุงของฝากมันติดมือมาด้วยอยู่แล้วครับ ทิ้งไว้เดี๋ยวหาย ส่วนไอ้ปามีเพียงกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้ามันมาเท่านั้น แต่ดูๆ แล้วไม่เหมือนมาค้างบ้านผมนะ เหมือนเด็กจะไปค่ายมากกว่า พอคิดแบบนั้นผมเองก็อดที่จะขำไม่ได้ ภายใต้ความหล่อที่ชวนหลงใหลยังคงเก็บซ่อนเด็กชายตัวน้อยเอาไว้สินะ

แกร็ก...

“เข้ามาดิ” ผมเปิดประตูอัญเชิญเพื่อนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่ยอมเข้ามาสักที อะไรของมัน ก่อนหน้านี้ล่ะอยากจะมาค้าง ทีตอนนี้ล่ะยืนเฉยอยู่หน้าห้อง

“หะ?? อ๋อๆ เออ โทษที”

แปลก.....ปกติไอ้ปาไม่เคยเหม่อลอยแบบนี้ ผมได้แต่มองมันที่พยายามทำตัวปกติ หรือมันปกติจริงๆ แล้วผมคิดมากไป มันก็เป็นไปได้ ไอ้ปาวางกระเป๋าหน้าตู้ จัดการเอาทุกอย่างออกจากกระเป๋าแล้วยัดใส่ตู้ผม บ้าไปแล้ว!!

“นั่นมึงขนมาทั้งบ้านเลยไหม” ตัวสองตัวยังพอว่า นี่มันแทบจะเหมามาทั้งโรงงานเลย

“เกือบแล้วแหละ แต่กูเก็บไว้บ้าง เผื่อมึงไปค้างห้องกู”
“ไม่ไปหรอก ไปค้างห้องมึงคืนแรกตื่นมากูไปอยู่บนระเบียง มึงยังคิดว่ากูจะไปอีกหรือวะ” ผมยังจำได้ไม่ลืมวันนั้นที่แทบจะตกตึกตาย ดีที่มันช่วยผมไว้ทัน ไปอีกรอบมีหวังตกลงมาตายจริงๆ แน่ๆ

“เฮ้ยๆ นั่นเขาตามมึงมา ไม่เกี่ยวกับห้องกูเลย”

ผมไม่สนใจจะต่อล้อต่อเถียงมันอีก ได้แต่ส่ายหน้าให้มันเห็นว่าผมไม่อยากจะพูดเรื่องนี้อีก ผมเดินไปที่ตู้เย็น หาอะไรมาทำให้เพื่อนผู้หิวโหยของผมที่ยังคงวุ่นอยู่กับตู้เสื้อผ้าผมไม่เลิก

“มึงจะกินอะไรวะ!”

“อะไรก็ได้ มึงทำมาเลย”

“เฮ้ย!!!!”

ผมรีบวิ่งไปหาไอ้ปาที่กำลังรื้อลิ้นชักตู้เสื้อผ้าผม หนำซ้ำยังหยิบยกเอากางเกงในผมมาดมดูอีก นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกันมา ผมคงนึกว่ามันเป็นโรคจิตแน่ๆ มีที่ไหนมาดมกางเกงในชาวบ้านเขา ผมดึงกางเกงในออกจากมือมันอย่างรวดเร็ว

“ทำบ้าอะไรของมึงวะ!! จะดมหาอะไร!!”

“อะไร? ก็ดมดูเฉยๆ ว่าซักหรือยัง” ไอ้ปาถามหน้าซื่อๆ ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด

“ไม่ต้องดม กูซักแล้ว!!” บ้าเอ๊ย!! นี่มันของส่วนตัวนะ

“แล้วบ็อกเซอร์ล่ะ ไว้ตรงไหน”

“ลิ้นชักทางขวา แล้วก็ห้ามดมอีกนะ!!!”

ผมพูดดักทางเอาไว้ก่อนมันไว้ใจไม่ได้ครับ เดี๋ยวพอเผลอก็เอามาดมอีก ผมเดินกลับไปที่ตู้เย็นอีกครั้งไอ้ปาที่ได้ยินผมพูดก็เอาแต่หัวเราะทั้งที่มือยังคงง่วนอยู่กับการเก็บเสื้อผ้าตัวเอง

ผมลงมือหุงข้าวหันผักหันเนื้อเตรียมของให้พร้อมเพื่อจะทำอะไรกินกับไอ้ปา จะว่าไปผมเองก็ไม่มีเพื่อนมาเยี่ยมบ้านมาก่อนเลยแฮะ ไอ้ปาเป็นคนแรกเลยที่มาค้างบ้านผมแบบนี้ พอคิดแบบนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา

“ทำอะไรกินวะ”

“เหี้ย!!!”

ผมตกใจเมื่ออยู่ๆ ไอ้ปาก็มายืนซ้อนหลังผมแถมยังกระซิบอยู่ข้างๆ หูของผมอีก คนกำลังคิดอะไรเพลินๆ แท้ๆ

“อะไรของมึงวะ ฮ่าๆๆ ขวัญอ่อนจริง แล้วตกลงทำอะไรกิน” ไอ้ปากุมท้องหัวเราะอย่างขบขันที่ผมตกใจ

“ต้มยำทะเลน้ำข้น กับไข่เจียวหมูสับ”

“โห.......เห็นแล้วน้ำลายไหล” ก็ ก็แล้วทำไมต้องมามองหน้าผมละเนี่ย

“มึงไปนั่งรอดิวะ เดี๋ยวก็ได้กินแล้วน่า” ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่มีมันยืนซ้อนหลังทำให้ผมต้องออกปากไล่ให้มันไปนั่งรอ ไอ้ปายักไหล่ยอมเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอย่างเรียบร้อย แต่สายตาของมันก็ยังคงไม่เลิกจับจ้องผม การทำอาหารหรือทำอะไรก็แล้วแต่ถ้ามีคนมานั่งจ้องยืนต้องเราจะเขินจนทำตัวเปิ่นๆ ออกไป เคยเป็นกันใช่ไหมครับ ยิ่งผมที่เป็นคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองแบบนี้แล้วด้วยผมยิ่งประหม่าไปกันใหญ่

เพียงไม่นานอาหารน่าทานสองอย่างก็ถูกจัดลงบนโต๊ะ โดยมีไอ้ปาทำหน้าตาราวกับว่าไม่เคยกินอาหารพวกนี้มาก่อน เวอร์จริงเพื่อนใครวะ

ผมวางกับข้าวลงบนโต๊ะเสร็จก็ลุกขึ้นไปหยิบจานออกมาจากตู้สองใบเพื่อตักข้าวใส่ ข้าวสวยร้อนๆ ถูกตักใส่จานควันลอยจนเข้าหน้าเข้าตาผมแต่ไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะกลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งอยู่ในห้องต่างหากที่ทำให้น้ำย่อยในกระเพาะผมเริ่ทำงาน

“อื้อหือ!!! หอมมมมมมมม”

“หอมก็กินดิวะ สูดแต่กลิ่นแล้วอิ่มหรือมึงอ่ะ” จานข้าวแทบจะปลิวลงบนหัวผมเมื่อไอ้ปายกขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้

“เดี๋ยวกูเทใส่หัวมึงเลยนี่” ผมนั่งตักข้าวเข้าปากเงียบๆ โดยลอบสังเกตท่าทีของไอ้ปาไปด้วย ดูมันมีความสุขกับการทานอาหารที่ผมทำมาก เพราะหลายๆ ครั้งที่มันทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีใครทำให้กิน แต่คงไม่ใช่หรอก.....คนอย่างไอ้ปาคงมีคนทำให้กินเยอะแล้ว บ่อยด้วย ดูจากวันนั้น........ที่มีนักศึกษาฝึกงานเอาข้าวกล่องมาให้สิ

เดี๋ยวนะ!! แล้วทำไมผมต้องเอาเรื่องวันนั้นมาคิดด้วยนะ บ้าจริงๆ

ผมส่ายหน้าอย่างแรงเพื่อไล่เรื่องบ้าๆ ให้ออกไปจากหัว ดันเผลอคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องระหว่างกินข้าวเสียแล้วสิ คิดได้ยังไงกันนะ แต่ไม่รู้ทำไม แต่คิดว่ามันกินข้าวของใครคนอื่น......มันทำให้ผมรู้สึกหน่วงๆ ที่ใจแปลกๆ

“เป็นไรวะไอ้นก เดี๋ยวส่ายหน้า เดี๋ยวขมวดคิ้ว มึงไม่สบายหรือ” ผมเผลอกำช้อนในมือจนแน่น เสียงไอ้ปาทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเที่ยงของวันนั้น วันที่มันไม่กินข้าวกล่องของผม

“เปล่าวะ กินข้าวต่อเถอะ”

ไอ้ปามองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ยอมทานอาหารต่อ ผมก้มหน้าก้มตาทานต่อเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่บริเวณลำคอแท้ๆ จะกลืนข้าวยังลำบาก ขอบตาพาลร้อนผะผ่าวขึ้นมาจนต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำที่ตั้งท่าจะไหลรินให้หายไป อย่าบ้าน่า.....กับเรื่องแค่นี้ ไม่เห็นจำเป็นต้องร้องไห้เสียงหน่อย ผมเหลือบมองไอ้ปาที่ทานข้าวไปเล่นมือถือไปพลาง มันดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร ผมไม่รู้ว่ามันคุยกับใครหรือทำอะไร แต่มันก็ดูมีความสุขกับพื้นที่เล็กๆ ของมัน ส่วนผม ก็แค่เงียบเหงาอยู่ในส่วนเล็กๆ ของตัวเองก็ดีแล้ว

ผมเก็บจานชามมาล้างทำความสะอาดในขณะที่ตัวไอ้ปานั่งดูทีที่มีช่องเคเบิลฟรีจากแมนชั่นของผม มันอาจจะไม่มีช่องมากมายแต่ก็พอจะมีหนังมีกีฬาให้ไอ้ปาได้ดูเล่น ขายาวเหยียดอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเตียงนอนที่เจ้าตัวกินเสร็จก็กระโดดขึ้นไปนอนพร้อมรีโมททีวี ส่วนผมก็ทำหน้าที่เจ้าบ้านยืนล้างถ้วยล้างชามต่อไป ผมหูกระดิกเมื่อหนังที่กำลังฉายอยู่เป็นแอคชั่นเรื่องโปรดที่ผมไม่ยอมพลาดเด็ดขาด

“ไอ้นกๆ หนังโปรดมึงมาวะ!!” เสียงเรียกดังขึ้นจนผมต้องเอี้ยวดังไปถาม

“เรื่องอะไรวะ”

“Taken โว้ย!! รีบๆ ล้างแล้วมานอนดูกับกูดีกว่า” ประเสริฐจริงๆ เพื่อนผมสั่งให้รีบล้างแล้วไปนอนดูกับมัน มีที่ไหนครับแบบนี้ แทนที่จะลุกขึ้นมาช่วยผม แต่อย่าว่ามันเลยครับ แค่ได้ยินชื่อหนังผมก็ล้างจนมือเป็นระวิงแล้ว กลัวจะดูไม่ทัน

“เสร็จแล้วๆ!!!”

พอล้างมือเสร็จผมก็กระโดดขึ้นเตียงทันที ดีชะมัดที่มาทันเวลา ผมชอบเนื้อเรื่องของเรื่องนี้ ที่เป็นเรื่องราวของพ่อผู้ที่เดินทางไปตามหาและช่วยลูกสาวคนเดียวออกมา ดูทีไรก็อยากจะกลับไปกอดพ่อผมทุกที น้ำตาจะไหล

“ล้างมือยังวะ” เอ้า......ไอ้นี่!!!

“ล้างแล้วดิวะ” ผมไม่ได้หันไปมองมันหรอก สนใจหน้าจอมากกว่า

“มึงนี่เก่งเนอะ” เก่ง? เก่งอะไร

“หะ???” ผมหันไปมองมันอย่างไม่เข้าใจ แต่แทนที่จะได้สบตา กลับเห็นว่ามันเอาแต่มองหน้าจอทีวีอยู่

“ก็นี่ไง......อาหารก็เป็น งานบ้านก็เก่ง”

“........”

“ใครได้มึงเป็นแฟน.......โชคดีฉิบหาย” ผมหลบสายตาที่จ้องมองมาตรงๆ ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกแน่นบริเวณหน้าอกจนหายใจแทบไม่ออก

“อย่าเวอร์น่า อย่างกูคงไม่มีใครมาสนใจหรอก” แม้จะไม่ได้หันไปมอง แต่หางตาผมก็ยังเห็นว่าไอ้ปามองมาและส่งยิ้มให้

“แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งมีคนมาสนใจมึงล่ะ” ถ้าเกิดมีก็ดีนะสิ

“ฮ่าๆ ถ้ามีกูก็คงยินดีเป็นแฟนเขาเลยมั้ง ถ้าเขาอยากโชคดีแบบที่มึงว่ามานะ” แต่จะไปมีได้ไงกันคนแบบนั้น ผมได้แต่หัวเราะไปกับความคิดของไอ้ปา

“แล้วถ้ากูอยากโชคดีล่ะ” ไอ้ปาส่งยิ้มหวานเยิ้มให้ผม

“...!!!” มือหนาลูบไล้แก้มผมอย่างแผ่วเบา ในขณะที่ผมยังคงอึ้งอยู่

“ถ้ากูอยากจะโชคดี........มึงจะยินดีเป็นให้กูไหม”

ผมไม่รู้ตัวอะไรเข้าสิงมัน ไม่รู้ว่ามันเล่นบ้าอะไร แต่ผมที่หันกลับมามองทีวีเลิกสนใจที่จะตอบคำถามได้แต่ฟังเสียงหัวเราะเบาๆ ของมันที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมหน้าแดง ความร้อนแล่นขึ้นหน้าขนาดนี้ผมน่ะรู้ดีเลยล่ะ ตกลงTaken จบยังไงไม่รู้ แต่หัวใจผม จบตั้งแต่ไอ้ปาพูดมันออกมาแล้ว ไอ้เพื่อนบ้า.......ไอ้หมาขี้อ่อย กูไม่ใช่ผู้หญิงนะโว้ย!!!!



50%


กรี๊ดดดด พี่ปาขา อย่ารุกแรง ใจแมวไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ

กราบขออภัยในความเลินเล่อของแมวที่ลืมไปว่าเมื่อวานนี้คือวันศุกร์ และแมวจะต้องลงนิยาย แง๊ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ กำหนดยังคงเดิม พาร์ทหลังจะมาต่อให้พรุ่งนี้ ส่วนตอนที่7 เจอกันวันศุกร์หน้าน้าาา

โปรดวางปลาทูและของเล่นแมวด้วยเจ้าค่ะ เมี๊ยว~


ปากินนก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-11-2019 13:45:45 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
นกรู้ได้แล้วว่าปามันอ่อยแก :katai1:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด