[7]
ตอนที่7.
นกโดนหักหลัง
[/b]
กว่าจะผ่านเมื่อคืนไปได้แม่งโคตรทรมาน ผมนอนร้องไห้อยู่บนเตียงทั้งคืนจนปวดตาปวดหัวไปหมด แม้แต่หมอนที่ใช้เองก็แทบจะบิดน้ำออกมาได้จนเต็มกะละมัง ถึงไม่ส่งกระจกผมก็รู้สึกได้ ตาผมมันต้องบวมและช้ำมากแน่ๆ ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องร้องไห้มากมายกับแค่เรื่องที่มันโกหก
ผมไม่กินข้าว ไม่สนใจจะอาบน้ำ ไม่อยากจะทำอะไรด้วยซ้ำ มือของผมกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจจะดูหรือก แค่ไม่อยากปล่อยให้สมองว่างแล้วคิดเรื่องนั้นอีก แค่นี้ก็เสียน้ำตาไปเยอะแล้ว ถ้าห้องนิ่งเงียบผมคงยิ่งร้องไห้ ยิ่งจมปลักอยู่กับความเศร้าความเสียใจ ผมไม่อยากเดินไปในครัว เพราะในครัวเต็มไปด้วยของที่ไอ้ปามันซื้อไว้ ยิ่งเห็น ผมก็ยิ่งทรมาน
ก๊อก ก๊อก ก๊อกใครมากัน ผมก้มลงมองดูสภาพตัวเอง ชุดเมื่อวานกับตาที่แดงก่ำมันไม่ใช่สภาพที่จะรับแขกแน่ๆ แต่การจะให้เขาเคาะไปเรื่อยๆ มันก็คงจะดูน่าเกลียดและผมเกรงใจห้องอื่นที่เขาอาจจะรำคาญได้ เอาเถอะ ยังไงก็คงต้องเปิด
“ครับ!” พอประตูเปิดออก คนที่มายืนอยู่ตรงหน้ากลับทำให้ผมมองด้วยความไม่เชื่อในสายตาตัวเอง ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจ ผมคงยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองไปแล้ว ใครมันจะอยากเชื่อว่าคนที่ยืนอยู่ตอนนี้จะเป็น ไอ้พี่หนู
“พี่มาทำไม” มันคงเป็นคำถามที่ออกจะดูเสียมารยาทไปหน่อย แต่กับพี่มันคงไม่คิดเรื่องมารยาทกับผมมั้งครับ ในเมื่อเราเกลียดกันจะตาย
“อะไร......กูมาเยี่ยมลูกน้องที่หนีงาน ผิด?” ผมกลอกตาก่อนจะเปิดประตูกว้างขึ้นให้พี่มันเข้ามาข้างใน เอาเถอะ อยากมาก็มา ห้องผมว่างอยู่แล้ว
“กูซื้อของมา เอาไปแดกๆ ซะ” มันแทบจะโยนของในมือมาอ่ะ ดีนะที่ผมรับไว้ได้ ร้อนก็ร้อน จากที่ดูแล้วคงเป็นโจ๊กแน่ๆ ยังดีที่พี่มันมีน้ำใจซื้อของมาให้ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ มันมาทำไมวะ!!
“อะไร มองหน้ากูแบบนั้น??” จะให้ผมมองด้วยแววตาเทิดทูนก็คงไม่ได้หรือกครับ คนอย่างพี่มัน
“แล้วพี่จะให้ผมมองยังไง อยู่ๆ พี่ก็มาหาผมพร้อมกับโจ๊ก ทั้งๆ ที่เราไม่ถูกกัน ผมไม่คิดว่าพี่มาเพื่อฆ่าผมก็ดีเท่าไหร่แล้ว”
โป๊ก!!นั่นไง กูว่าแล้ว
“พี่แม่ง มาฆ่าผมจริงๆ ด้วย” ผมเบะปากใส่มัน ตอนนี้อารมณ์อ่อนไหว เจออะไรนิดหน่อยน้ำตาแม่งก็จะไหลท่าเดียว ไอ้พี่หนูมันส่ายหน้าด้วยความระอาเมื่อเห็นน้ำตาที่เริ่มปริ่มๆ จะไหลของผม
“มึงอย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างของการร้องไห้” ผมชะงัก หลบสายตาที่มองมาของพี่มัน แม่ง.....โคตรจะจี้ใจดำเลย อย่างที่พี่หนูพูด เหมือนผมจะเอาความเจ็บอื่นๆ มาเป็นข้ออ้างในการจะร้องไห้
“ผมเปล่า” ผมบอกปฏิเสธเสียงเบา แต่ก็รู้ว่าพี่หนูมันได้ยิน มือของพี่มันแตะลงบนไหล่ผมสองสามที ก่อนที่มือนั้นจะเลื่อนขึ้นไปที่กลุ่มผมสีดำของผม
“มึงอยากร้องก็ร้อง ไม่เห็นต้องหาข้ออ้างอะไร”
“......”
“คนที่ร้องไห้ ใช่จะแปลว่าอ่อนแอ”
“.....ฮึก.....”
“แต่มันแปลว่ามึงยังมีความรู้สึก ยังมีชีวิตและมึง........ยังมีหัวใจ”
ปึกๆ“ตรงนี้โว้ย!!” ผมเจ็บจนแทบจะจุกกับกำปั้นที่ทุบลงมาบนตำแหน่งของหัวใจ เกือบซึ้งครับ ถ้าแรงที่พี่มันประเคนลงมาไม่ใช่แรงควาย
“ถึงว่าดิพี่ ตอนพี่ทุบผมแม่งโคตรจุก!” จากที่กำลังซึ้งๆ กัน กลายเป็นทั้งห้องมันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของพี่หนูมัน ผมเองก็พลอยยิ้ม รอยยิ้มแรกของวันมาจากผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเกลียดขี้หน้า แต่น้ำตาที่ไหล มาจากผู้ชายที่เรียกว่าเพื่อน ชีวิตบัดซบดีจริงๆ ผมจะเชื่อใครได้อีกวะแบบนี้
พี่หนูมันก็ดี หาอะไรให้ผมกิน วันนี้พี่มันเองก็หนีงานมาอยู่กับผม ไม่รู้สิครับ ผมว่าพี่มันคงกลัวว่าผมจะฆ่าตัวตาย สงสัยพี่หนูจะเข้าใจผิดครับถึงได้คิดแบบนั้น คนจะฆ่าตัวตายมันต้องอกหักจากแฟน ไม่ใช่โดนเพื่อนโกหกแบบผม พี่หนูนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงโดยมีผมมองจ้องไปเป็นระยะๆ เพราะตอนนี้ตัวเองได้แต่ตักโจ๊กในชามทาน ร่างกายประท้วงบอกผมว่าไม่หิว เหมือนจะสั่งการไม่ให้ตักมันขึ้นมาเข้าปากด้วยซ้ำ ผมรู้สึกไม่ดี ไม่อยากกินอะไรเลยสักนิด ทำไงดี เสียดายของจัง พี่หนูเองก็อุตส่าห์ซื้อมาให้ผม เฮ้อ........
“กินๆ เข้าไปเหอะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงทำห่าอะไร”
“ผมไม่หิววะพี่” แม้สายตาของพี่หนูไม่ได้มองมา แต่ก็ยังอุตส่าห์รู้อีกนะว่าผมไม่ได้กินมันเข้าไป
“พยายามหน่อยดิวะ เดี๋ยวมึงก็ปวดท้อง” ผมได้แต่ถอนหายใจ วันนี้ไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่แล้วที่ผมเอาแต่ถอนหายใจแบบนี้ ใครๆ เขาก็บอกว่าการถอนหายใจมันทำให้อายุสั้นลง ป่านนี้ผมจะเหลือเวลาอยู่อีกกี่ปีกันเนี่ย จะทันได้แต่งงานมีลูกกับเขาไหมนะ
“เออพี่หนู”
“ว่า.......” ตาน่ะ ละโน้ตวีมามองผมบ้างก็ได้นะครับ
“ผมถามจริงๆ นะพี่ พี่เป็นคนไปพูดให้เบื้องบนปลดชื่อผมหรือเปล่าครับ” พี่หนูหันมาสบตากับผม สีหน้าพี่มันเหมือนครั้งก่อนที่เราตีกัน คือจริงจังและเต็มไปด้วยความมั่นใจ หาแต่ตอนนั้น ใบหน้าของพี่มันมีรอยยิ้มเยาะเย้ยอยู่เป็นนัยๆ ไม่เหมือนกับตอนนี้
“กูเปล่า......”
“งั้น........” ผมเริ่มลังเล จับต้นชนปลายไม่ถูก แล้วถ้าไม่ใช่พี่หนู มันจะเป็นใคร
“คนที่ทำ........มันต้องใหญ่กว่ากู” ใครใหญ่กว่าพี่หนู คนที่ใหญ่กว่า.......หรือว่าจะเป็น......
“ไอ้ปา....”
“อืม.......”
เสียงตอบรับที่ดังมากระทบหูมันเป็นเหมือนเข็มที่คอยทิ่มแทงและตอกย้ำให้ผมรู้สึกเจ็บ หัวใจมึงทำด้วยอะไร ขนาดความก้าวหน้าที่กูหวัง มึงยังทำลายมันลงด้วยมือของมึงเอง ตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นเพราะชื่อของผม หรือเพราะผมไว้ใจคนผิดกันแน่
ครืน ครืนมันยังคงดังไม่หยุด เสียงโทรศัพท์ที่มีแค่เพียงชื่อเดียวที่โทรเข้ามาจนเกือบจะร้อยสาย ผมไม่สนใจจะรับ ไม่สนใจจะมองด้วยซ้ำ แต่เสียงมันดัง......จนผมอยู่เฉยไม่ได้
อยากจะโยนออกไป
อยากจะปาทิ้งให้มันพัง
แต่ผมก็ทำได้แค่อยู่เฉยๆ มองมันสั่นอยู่บนโต๊ะเงียบๆ จมอยู่กับความคิดตัวเองไปจนลึกสุดหยั่ง คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของผม มันจะโทรมาทำไม? ต้องการอะไรอีก? ผมยังโง่ไม่พอหรือ? แต่คำถามที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้ผมกล้าพอจะรับสายของมัน ผมอยากให้ทุกอย่างจบไปอย่างเงียบๆ ให้ทุกอย่างมันค่อยๆ จางหายไป เหมือนกับสายลม
“ฮัลโหล”
อ้าว......แล้วไอ้พี่หนูมันเดินมารับโทรศัพท์ผมทำไมเนี่ย!!!!
“กูไง ทำไม??” เขาคุยอะไรกันวะ
“เสือก!! เรื่องของกู” ไอ้พี่หนูยิ้มเยาะทำอย่างกับว่าปลายสายจะมองเห็น
“แล้วแต่มึงจะคิด” พี่หนูเหลือบมองผมก่อนจะหันไปคุยต่อ สีหน้าที่บ่งบอกว่าตัวเองชนะ มันหมายความว่าไงวะพี่
“จริงด้วยสิ......”
“...??? ...”
“กูเพิ่งรู้ว่าไอ้นกตัวมันก็หอมดีเหมือนกัน”
ฉะ ฉะ ฉิบหายแล้ว!!! พี่มันเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาวะถึงพูดไปแบบนั้น เดี๋ยวมัน....เอ่อ ผมหมายถึงเดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดกันหมดหรือกว่าผม....... ซวยๆ งานนี้ซวยแน่ๆ
แต่เดี๋ยวนะ!!! ผมจะกังวลไปทำไมวะเนี่ย??
พี่หนูหันเลิกคิ้วถามว่า มีปัญหาหรือ โอ๊ย!! พี่!! ขนาดนี้แล้วไม่มีแล้วล่ะครับ เพราะถ้ามีมันก็คงไม่ทันแล้วล่ะ บอกตรงๆ ตอนนี้ผมจิตใจฟุ้งซ่านมาก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องกลัวไอ้ปาเข้าใจผิด ช่างมันสิวะ!! มันอาจจะไม่สนใจผมก็ได้นี่ ยังไงมันก็มีน้องเบญอยู่แล้วทั้งคน ใช่!! ผมมันจะไปสำคัญอะไร มันอาจจะกำลังหัวเราะเยาะผมที่เพิ่งจะฉลาดตอนนี้ก็เป็นไปได้
ไม่เอาดิวะ........เลิกคิดๆ
“มึงคุยกับตัวเองอยู่หรือ” หือ ผมหันหน้าไปมองพี่หนูด้วยสีหน้าที่เรียกว่าเอ๋อแดกก็คงจะได้
“ใช่!! ....มั้งครับ” ผมก็ไม่แน่ใจ พี่หนูมันถอนหายใจก่อนเดินกลับไปนอนดูหนังบนเตียงของผม ย้ำว่าของผมแต่โดนพี่มันยึด ผมรู้สึกตงิดๆ ใจเหมือนกับว่าเรื่องมันจะไม่จบแค่นี้น่ะสิ หรือผมจะคิดมากไปกันนะ เพราะดูแล้วพี่หนูมันก็ไม่เห็นจะเดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับการไปยั่วโมโหไอ้ปามันแบบนั้น ตั้งแต่รู้จักกันมา นับครั้งได้เลยที่ผมจะเห็นไอ้ปาโมโหแต่กับพี่หนู ทุกครั้งเหมือนกับว่าไม่เคยถูกกันเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าไอ้ปามันไม่ชอบเพราะพี่หนูเป็นเด็กเส้น แต่ผมว่า.........คงไม่ใช่แค่นั้นแน่ๆ
เคยรู้สึกว่าตัวเองซวย แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะโคตรซวยมาก่อนเลย เมื่อก่อนอาจจะมีเรื่องราวมากมายที่ผมเจอมา และทุกครั้งมักจะเป็นผมที่ทำผิดพลาดและผิดหวัง มันคือคำว่าชีวิตเฮงซวยที่ผมได้แต่โทษชื่อของตัวเอง เคยเรียกร้องให้พ่อเปลี่ยนชื่อให้ผม แต่พ่อกลับบอกผมว่า.....
คนอื่นจะชื่อหมู ชื่อหมา ชื่อกา ชื่อไก่ ก็แล้วแต่มัน แต่ที่ข้าตั้งให้เอ็งชื่อนก เพราะอยากให้เอ็งมีอิสระ บินไปให้สูง ถึงจะตกลงมาเอ็งก็จะไม่เจ็บ เพราะเอ็งมีปีก
ซึ้งครับ พอได้ยินตอนนั้นคือรู้สึกดีจนผมยืดอกพกชื่อตัวเองไปอย่างไม่อายไปพักใหญ่ๆ แต่มันก็แค่พักหนึ่งเพราะเรื่องซวยๆ มันก็มีมาไม่หยุดเช่นเดิม อุปสรรคของนกไร้ปฏิเสธแค่ไหน ชีวิตผมก็ไม่ต่างกัน นกไร้กรงต้องดิ้นรนหาอาหาร ต้องแย่งชิง ต้องพยายามเพื่อมีชีวิตรอด ผมก็ไม่ต่างกัน แม้จะเจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหนผมก็ต้องกางปีกบินผ่านมันไปให้ได้ เหมือนที่พ่อบอกผม ว่าผมเป็นนกที่มีอิสระ แต่ไม่ใช่ตอนนี้........
ตอนที่ไอ้ปามายืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องของผม!!!!!
ปึงๆๆ“เปิดประตู!!” ผมผวากับเสียงเคาะของไอ้ปาที่กระหน่ำทุบมันจนเกิดเสียงดังจนน่ากลัว
หยุดสักที!!
ปังๆๆๆ“กูรู้ว่ามึงอยู่ข้างใน.....เปิดให้กูเข้าไปเดี๋ยวนี้ ไอ้นก!!!” ผมกัดปากยกมือขึ้นปิดหูไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น ผมไม่อยากคุยกับมัน มันไม่เข้าใจหรือไงนะ ตอนนี้ผมแค่อยากอยู่คนเดียว อยากใช้เวลากับตัวเอง อยากให้มันเลิกเห็นผมเป็นควายที่คิดจะพูดอะไรก็ได้ให้ฟังแล้วผมก็เชื่อเสียที ผมเป็นคนที่กินข้าวนะ ไม่ได้กินหญ้า
ปึงๆๆ ปังๆๆๆ“เปิดดิวะ!! มึงอยากให้กูพังใช่ไหมนก!!! อยากให้กูพังเข้าไปใช่ไหม!!!”
อย่านะ แบบนั้นผมก็เดือดร้อนนะสิ
“กะ กูไม่อยากคุย!! มึงกลับไปเถอะ นะ” ผมพยายามจะตะโกนกลับไปให้มันเข้าใจและหยุดสิ่งที่ทำอยู่
“เปิดเดี๋ยวนี้!! กูไม่สนว่าค่าประตูมันจะแพงแค่ไหน มึงก็รู้กูมีปัญญาซ่อม!!” ผมรู้ รู้ดีเลย ลูกชายของประธานบริษัทที่ผมทำงานอยู่ มีหรือจะไม่มีเงินจ่ายค่าประตู แต่ปัญหามันอยู่ที่ผมไม่อยากเห็นหน้ามัน
“ไอ้ปา กูขอร้อง...ถ้ายังเห็นกูเป็นเพื่อน หยุดและกลับไปเถอะ นะปา”
ผมไม่ได้ยินเสียงมันตอบกลับมา ความเงียบที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมสงสัย มันกลับไปแล้วใช่ไหม นั่นคือสิ่งที่ผมถามตัวเอง ห้องผมไม่มีตาแมว เป็นเพียงห้องเช่าที่มีแค่ห้องน้ำในตัวเท่านั้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองอ่อนแอ เพราะแค่ได้ยินเสียงของมัน ผมก็แทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
ผลัวะ!!!“กรี๊ด!!! มีคนตีกัน ช่วยด้วยค่า!!!” ผมสะดุ้งเมื่อมีเสียงกรีดร้องจากห้องอื่นดังมา ผมลังเลใจที่จัเปิดแต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ไอ้ปามันเหมือนหมาบ้า มันกัดไม่ยอมปล่อย และผมเองก็กลัวว่ามันจะทำคนอื่นเดือดร้อน
“ไอ้ปา พี่หนู หยุดนะ!!!”
ผมรีบสิ่งตรงไปแยกไอ้ปาที่คร่อมตัวพี่หนูไว้พร้อมกับหมัดที่กระหน่ำซัดเข้าไปที่ใบหน้าหล่อเหลา เลือดสีแดงไหลออกมาจากปากและจมูก รอยช้ำบนหน้าเกิดขึ้นแต่ไม่ชัดมาก ผมคิดว่าพรุ่งนี้มันคงเขียวแน่ๆ
“หยุดนะมึง!! อย่าต่อยพี่เขา!!!” ผมตะโกนออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร มันได้ผล ไอ้ปาชะงักเหลือบมองมาที่ผมก่อนจะปล่อยมือออกจากคอเสื้อของพี่หนู ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่หนูถึงยังยิ้ม ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เขาไม่สู้ เพราะหมัดที่ผมเคยได้ลิ้มรสเมื่อตอนนั้น มันไม่ใช่แรงที่เบา ผมเชื่อว่ามันหนักไม่แพ้หมัดไอ้ปาเลย เราสามคนยืนประจันหน้ากันโดยไม่มีใครยอมถอยด้วยอารมณ์ที่ต่างกันออกไป ไอ้ปามองหน้าผมด้วยความขุ่นเคือง พี่หนูมองไอ้ปาด้วยรอยยิ้มราวกับว่าสะใจหนักหนา ส่วนผมได้แต่มองไอ้ปาทีพี่หนูทีเพราะกลัวจะตีกันอีก คนอย่างไอ้นกมันไม่ได้กล้าขนาดเดินดุ่มๆ เข้าไปห้ามโดยไม่กลัวมือกลัวตีนใครนะ เกิดโดนลูกหลงมาที เจ็บแน่ๆ ยิ่งไม่ค่อยจะหล่ออยู่แล้ว
“นี่มึงเป็นห่วงมันหรือนก!!” ผมหลบสายตา ไม่อยากมองแววตาคาดคั้นและเจ็บปวดของไอ้ปาที่ส่งมาให้ผม
อะไรกัน มันไม่ใช่ความผิดผมเสียหน่อย
“ใช่......ก็มึงไปต่อยพี่เขา”
“ก็แล้วเมื่อวานพวกมึงสองคนทำเหี้ยอะไรกันล่ะ!!!” ผมมองหน้าไอ้ปาตรงๆ ด้วยความไม่เข้าใจ
“ทำอะไร? กูทำอะไร???”
“มึงให้มันเข้าไปในห้อง!! ให้มันรับโทรศัพท์แทนมึง!! มึงจะบอกว่าไม่มีอะไรงั้นหรือ!!!”
“ก็มันไม่มีอะไร.......มึงจะให้โน้ตบอกว่ามีได้ยังไงล่ะ” ไอ้ปาตวัดสายตามองพี่หนูที่ส่งยิ้มยียวนไปให้ ขนาดเลือดกบปากอยู่ไม่ได้ทำให้พี่หนูลดความกวนตีนลงเลยแม้แต่น้อย
“แต่มัน!! ....” ผมถอนหายใจกับความดึงดันของมันที่ไม่ยอมลดละและไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่ผมพูด
“กลับไปเถอะ มึงไม่เชื่อกูอยู่แล้วไม่ว่ากูจะพูดอะไรยังไง เพราะงั้น......มึงกลับไปเถอะ กูยังไม่พร้อมจะเจอหน้ามึง” ผมเบี่ยงหน้าไปอีกด้าน ไม่อยากมองหน้าเพื่อนที่โกหกผมมาตลอด เพื่อนที่หักหลังผม
“กูไม่กลับ.... กูมาเพื่อคุยกับมึงนะ กูอยากให้มึงฟังกูสักนิด” ผมปรายตามองไอ้ปาที่แววตาเต็มไปด้วยความเว้าวอน ถัดไปก็จะเจอกับพี่หนูที่ใบหน้าเริ่มฉายชัดถึงความฟกช้ำจากฝีมือไอ้ปา
“พี่หนู ขอบคุณที่มาเยี่ยม มาอยู่เป็นเพื่อนนะครับ แต่วันนี้ผมรบกวนพี่กลับไปก่อนได้ไหมครับ ผมอยากจะเคลียร์กับไอ้ปา...ให้มันจบๆ”
“เอางั้นก็ได้ ไว้กูจะมาเยี่ยมมึงใหม่แล้วกัน” ไอ้ปาเหยียดยิ้มเยาะใส่พี่หนู แต่พี่หนูก็ไม่ได้สนใจอะไรกับท่าทางของมัน กลับยืนถุงข้าวและของอย่างอื่นมาให้ผมแทน
“นี่ข้าวกับน้ำแล้วก็ขนม กูซื้อมาฝาก ไว้กูจะมาใหม่วันหลัง”
“ขอบคุณมากครับพี่"
ผมยกมือไหว้ขอบคุณกับสิ่งที่พี่หนูทำให้ผม พี่หนูหันหลังเพื่อจะเดินกลับไปแต่ก็ไม่วายหันมามองสบตากับไอ้ปาก่อนพี่หนูจะหยุดเดิน
“ระวังตัวมึงไว้ให้ดีเถอะ!!” ไอ้ปากัดฟันพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ ผมมองไม่เห็นหน้าพี่หนูเพราะพี่มันหันหลังให้ผม รู้เพียงแต่ว่า พี่หนูมันหันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับไอ้ปาก่อนที่สีหน้ามันจะเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างบอกไม่ถูก ผมเดินนำมันเข้ามาในห้อง บอกให้ตัวมันนั่งรออยู่ที่เก้าอี้โดยที่ตัวผมเดินเข้าไปหยิบน้ำเย็นๆ มาให้มัน (ตามมารยาท) ไอ้ปารับน้ำไปถือไว้ มันอาศัยจังหวะนั้นจับกุมมือผมเอาไว้
“ปล่อย” ผมพยายามดึงมือออก แต่เหมือนไอ้ปาจะทากาวเอาไว้เพราะไม่ว่าผมจะดึงยังไงก็ดึงไม่ออก
“กู......คิดถึงมึงนะนก” ผมหันหน้าหนีสายตาที่บ่งบอกความรู้สึกคิดถึงเหมือนดังที่ปากกล่าว
“อย่าเลยวะปา...” ผมยิ้มเยาะออกมา ไม่รู้ว่ายิ้มให้ตัวเองหรือให้มันกันแน่
“ไอ้นก......”
“ที่กูยอมให้มึงเข้ามาในนี้ ยอมคุยกับมึง เพราะกูอยากจะถามบางอย่างแล้วเคลียร์ให้มันจบๆ ไป” ไอ้ปาสูดลมหายใจเข้าราวกับต้องการเรียกกำลังใจให้ตัวเอง
“มึงอยากจะรู้อะไร ไม่ว่ามึงจะถามอะไรกูจะตอบมึงทั้งหมด ขอแค่ให้มึงยอม.....คุยกับกูเหมือนเดิม กลับไปทำงานเหมือนเดิม และอยู่กับกูเหมือนเดิม”
หึ.....นี่มันหวังมากไปไหม
“เรื่องที่กูไม่ได้ปรับขึ้นตำแหน่ง......เป็นฝีมือของมึงหรือเปล่า” ในใจหวาดหวั่น แม้จะรู้อยู่แล้วแต่ผมก็หวังเอาไว้ว่าจะไม่ใช่มัน แต่ปฏิกิริยาของคนตรงหน้าที่แสดงออกมาทำให้ผมแน่ใจถึงได้ยิ้มเยาะตัวเองอยู่แบบนี้
“คือกู......” หึ...คิดแล้วเชียว
“เป็นมึงจริงๆ สินะ” ผมพยายามจะสะบัดแขนออกจากการจับกุมของมัน แต่มันก็ไม่ยอมปล่อย ไอ้ปามันเห็นแก่ตัว มันทำร้ายผมแต่ก็ยังคงยึดตัวผมไว้ มันไม่ยอมให้ผมไป
“ปล่อยกู!!!”
“ไม่ๆ นก ขอร้องฟังกูก่อนได้ไหม” ฟังหรือ ตลกสิ้นดี มันบอกให้ผมฟังมันหรือ สองปีที่มันโกหก สองปีที่มันทำลายความเชื่อใจ ไม่ใช่เพราะผมฟังมันหรือไงกัน!!!
“ฟังอะไรอีก!!!! ตลอดมากูไม่เคยฟังหรือ!!!”
“นก อย่าเป็นแบบนี้” ผมมองมันด้วยน้ำตาที่นองหน้า
“แบบไหน มึงอยากให้กูกลับไปเป็นไอ้นกโง่ๆ ที่เอาแต่เดินตามมึงโดยไม่รู้อะไร ไอ้นกคนที่มึงทำลายโอกาสที่จะก้าวหน้าไปกับมืองั้นหรือ มึงอยากได้ไอ้นกคนนั้นใช่ไหม!!!!!” ผมใช้แรงทั้งหมดสะบัดมือมันออก ตัดสินใจหันหลังหวังจะเดินหนีแต่ก็ถูกไอ้ปารวบเข้าไปกอดไว้จนหลังของผมสัมผัสกับแผ่นอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของมัน แรงของผมไม่สามารถดิ้นรนหนีออกจากอ้อมกอดนี้ได้ ผมเคยดีใจที่มีมันเป็นเพื่อน เคยดีใจจริงๆ
“ไม่ใช่!!! กูไม่เคยมองว่ามึงโง่เลยนะนก ไม่เคยเลยสักครั้ง” เสียงนุ่มที่กระซิบอยู่ริมหูไม่ได้ช่วยให้ใจผมลดความเจ็บปวดลงไปเลย มันกลับเป็นเหมือนมีดที่กรีดลงบนหัวใจผมมากกว่า
“หึๆ กูยังเชื่ออะไรมึงได้อีกวะ ยังเชื่ออะไรกับคำพูดมึงได้อีก”
“ที่กูทำไปทั้งหมด ก็เพราะกูรักมึงนะ!!!”
“รักเหี้ยอะไร!!! จะบอกว่าทั้งหมดนี่มึงหวังดีกับคนที่มึงเรียกว่าเพื่อนงั้นสิ??” อ้อมแขนที่กอดรัดผมไว้ถูกกระชับมากขึ้นจนผมแทบจะขยับตัวไม่ได้
“เพราะกูไม่เคยเห็นมึงเป็นเพื่อนไง ทั้งหมดเพราะกูรักมึง รักมึงแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักใครสักคนได้ มึงไม่เข้าใจเลยหรือ!!!”
อะ อะไรนะ!! นะ นี่มัน ไม่จริง!!
ผมไม่อยากจะยอมรับ บอกตรงๆ ว่าทำใจยอมรับไม่ได้ เพราะการกระทำมันช่างสวนทางกับคำพูดมันเหลือเกิน คำหวานที่มันใช้ล่อหลอกผมเป็นเหมือนกับดักที่ใช้ล่อหลอกแมลงให้ตกหลุมพรางก่อนจะฆ่ามันให้ตายอย่างเลือดเย็น ผมไม่รู้ว่าควรมองเห็นอะไรในตัวของคนที่ผมเรียกว่าเพื่อน เพราะสายตาของผมในตอนนี้ มองเห็นแต่ความโหดร้ายที่เหมือนมันถือมีดเล่มหนึ่งมากระหน่ำแทงที่ด้านหลังของผม
“ปา...มึงปล่อยกูเถอะ มึงปล่อยกูไปได้ไหม กูขอร้อง” ผมหมดแรงจะดิ้นรน น้ำตาไหลนองปากก็พร่ำบอกให้มันได้ปล่อยผมไป แต่แขนแกร่งแทนที่จะปล่อยผมตามคำขอกลับยิ่งเพิ่มแรงกอดรัดมากขึ้นไปอีก ร่างของผมสะอื้นไห้อยู่ในอ้อมแขนของมัน ผมไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออีกแล้ว ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เป็นแบบนี้ ผมรู้แค่ว่า สุดท้ายแล้ว มันก็กลายเป็นผมเองที่ไม่มีปัญญาจะหนีไปให้ไกลจากกับดักของมัน
ไอ้ปากระชับอ้อมกอดไว้แน่นราวกับกลัวว่าผมจะหลุดหายไป ปากก็เอาแต่พูดคำว่าขอโทษไม่หยุด ผมปล่อยสายตาเลื่อนลอยไปกับทิวทัศน์นอกหน้าต่างห้อง ปิดความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ยินยอมให้มันกอดเอาไว้จนกว่ามันจะพอใจ
ไม่เอาแล้ว พอแล้ว ผมเหนื่อยเกินไปแล้ว
อาจเพราะผมไม่ดิ้นรนเพื่อออกจากอ้อมแขนมันถึงได้ใจ จับผมหันหน้าไปหาแล้วกอดไว้อีกครั้ง ฝ่ามือของไอ้ปาลูบหัวผมอย่างต้องการจะปลอบโยน แต่มันจะเข้าใจหรือเปล่านะว่า ยิ่งมีคนปลอบเราก็ยิ่งแสดงความเจ็บปวด ยิ่งคนที่กำลังปลอบผมคือคนที่ทำร้ายผม ผมก็ยิ่งทนไม่ได้
มันเจ็บ มันจุก มันทรมานจนอย่างจะตาย
ผมแค่อยากให้มันได้รู้สึกบ้าง รู้สึกอย่างที่ผมรู้สึก เจ็บเหมือนที่ผมเจ็บ ทรมานให้เหมือนที่ผมกำลังทรมานอยู่ตอนนี้!! ทำไมสวรรค์ไม่เห็นความดีของผมบ้าง ทำไมสวรรค์ถึงส่งมากลั่นแกล้งผม ทำไม ทำไมต้องเป็นมันด้วย!!!!
50%ขออธิบายจ้าาา การที่ปาระงับชื่อน้องนกไม่ให้น้องเป็นหัวหน้าเพราะว่า...ในฐานะประธานบริษัทแล้ว นกยังไม่มีคุณสมบัติมากพอจะขึ้นมาได้ค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นปาเองก็ไม่ได้อยากทำนะคะ แต่น้องยังเป็นไม่ได้จริงๆ อีกอย่างน้องมีตำแหน่งทีทดีกว่ารออยู่ค่ะ นั่นคือเมีย แค่กๆ แฟนของประธานไงคะ เพราะงั้นโปรดเข้าใจปาด้วยนะคะ กระทืบปาเบาๆน้าาา เดี๋ยวพระเอกแมวตายเสียก่อน คิกๆปากินนก