☆ My name is...เพราะผมชื่อ'นก' ☆ บทส่งท้าย.นกไม่นกแล้วนะ [จบ] up. 09/02/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ☆ My name is...เพราะผมชื่อ'นก' ☆ บทส่งท้าย.นกไม่นกแล้วนะ [จบ] up. 09/02/63  (อ่าน 14912 ครั้ง)

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
         

          เมื่อคืนผมกับมันดูหนังกันจนดึก พอตอนเช้าเกือบจะตื่นไปทำงานไม่ทัน ดีหน่อยที่ไอ้ปามีรถมันเลยไม่ต้องเสียเวลารอรถเมย์เหมือนทุกๆ วัน ไม่อย่างนั้นได้สายแน่ๆ ผมนั่งมองกองเอกสารที่ถูกใครบางคนโยนลงมาบนโต๊ะของผม จากมือคนบางคน ไม่อยากเรียกมันเป็นคนเลย ให้ตายสิ!

“งานมึงน้อยไปสินะไอ้นก ถึงได้หนีงานกลับบ้านไปก่อนคนอื่น” ผมเงยหน้าขึ้นมองหน้าไอ้พี่หนูผ่านเลนส์แว่น หน้าตาก็ดี ไม่น่าเลี้ยงหมาในปากเลย เสียดายความหล่อ

“งานพี่เองก็น่าจะน้อยไปนะครับ ถึงมีเวลาว่างมากัดผม”

ปัง!!

“ไอ้เหี้ยนก!!!!” เสียงตบโต๊ะที่ว่าดังแล้ว ยังสู้เสียงแหกปากจองพี่มันไม่ได้เลย ป่านนี้ขี้หูผมคงพากันลุกขึ้นมาเต้นระบำแล้วล่ะ

“เอะอะอะไรกัน!!!” ผมนั่งเงียบส่วนไอ้พี่หนูมันก็ฟึดฟัดขัดใจเมื่อเห็นว่าคนที่มาขัดจังหวะคือพี่อาร์ต

“เสือกอะไรด้วยไอ้อาร์ต กูด่าลูกน้องที่มันไม่ตั้งใจทำงาน” ไม่จริงเสียหน่อย!! ผมสบตาบอกพี่อาร์ตเป็นนัยๆ ว่าพี่หนูมันโกหก

“ไอ้นกมันทำอะไรหรือครับคุณหนู”

“เมื่อวานมันหนีงาน กลับบ้านก่อนเวลา!! กูเลยจะเพิ่มงานให้มันจะได้ไม่ว่างมากนัก!!!” ผมเห็นพี่อาร์ตหลบสายตาพี่หนูมาสบตากับผมแทน ทำไมเหมือนพี่อาร์ตไม่อยากจะอยู่ใกล้ ไม่อยากสบตา ไม่อยากมองหน้าพี่หนูมันวะ หรือผมคิดไปเอง

“เมื่อวานนกยืนเอกสารลาแล้ว ผมอนุญาตเอง” หะ??? กูไปยื่นตอนไหนวะ ผมมองหน้าพวกพี่มันด้วยความไม่เข้าใจ แต่เหมือนไอ้พี่หนูมันไม่ได้สนใจเครื่องหมายคำถามที่อยู่บนหน้าผม มันดูสนใจหน้าพี่อาร์ตมากกว่า

“กูอยากคุยกับมึง ตัว-ต่อ-ตัว”

“ขอโทษด้วยนะครับคุณหนู พอดีผมไม่ว่าง” พี่อาร์ตพูดจบก็เดินหนีไป ไม่สนใจพี่หนูที่ยังยืนอยู่ที่เดิมอีก

เชี้ย!!!

ผมเงยหน้าขึ้นมองไอ้พี่หนูมันแต่แทนที่จะเห็นแววตาโกรธเกรี้ยวที่ควรแสดงออกมา กลับพบว่าพี่มันมองไล่หลังพี่อาร์ตไป แลบลิ้นเลียไปบนริมฝีปากตัวเองอย่างกับโรคจิต ผมที่นั่งอยู่ตรงนี้ ขนลุกแทนเลยครับ

“มองห่าอะไร!! ทำงานของมึงไปสิวะ!!”

ผมนี่สะดุ้งเลยอยู่ๆ พี่มันก็หันมาตวาดผมลั่น เมื่อมึงยังทำหน้าโรคจิตๆ ใส่พี่อาร์ตอยู่เลย กูเห็นนะ แต่จะไปพูดอะไรได้ เป็นลูกน้องก็ต้องก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป อย่าให้ถึงทีไอ้นกบ้างก็แล้วกัน นกจำได้นะใครทำอะไรนกอ่ะ พ่อจะจิกให้พรุนเลยคอยดูสิ

“ไปแดกข้าวกันไอ้นก” เที่ยงทีก็มาลากผมทีเนอะมันเนี่ย จะมีใครอีกล่ะครับ ก็ไอ้ปาเพื่อนผมนี่แหละ

“เออๆ รอกูเก็บของก่อน” ผมจัดเอกสารให้เข้าที่เรียบร้อย ตรวจดูว่าอยู่ครบไหม เกิดหายขึ้นมาขี้เกียจไปตีฝีปากกับไอ้พี่หนูมันอีก

“ไปได้แล้ว อ้อยอิ่งจริงๆ มึงนี่!!”

“รีบห่าอะไรขนาดนั้นวะ ร้านมันจะบินหนีมึงไปทางช้างเผือกหรือ” ปากผมจะหมาขึ้นเมื่อเกิดความหมั่นไส้คน

“หึ.......ร้านคงไม่ไปหรอกทางช้างเผือก แต่ถ้าเป็นมึงกับกู.......มันก็ไม่แน่”

พ่องง พูดอะไรไม่ออกเลยต้องปล่อยให้มันลากขึ้นรถจับคาดเข็มขัดนิรภัยแล้วขับรถออกไป เวลาพักแค่ชั่วโมงเดียวมันจะพาผมไปไหนเนี่ย ไม่นานตัวรถก็มาจอดหน้าร้านอาหารร้านหนึ่ง

ร้านคุณอา

ทำไมชื่อร้านว่าคุณอา คุณอาเป็นเจ้าของร้านหรือ มองป้ายไปก็คิดไปต่างๆ นานา คนส่วนใหญ่อาจจะตั้งชื่อร้านจากชื่อตัวเอง แต่ดูแล้วร้านนี้ไม่น่าจะใช่ บรรยากาศก็ดีหรอกนะ แต่ความอร่อยจะแค่ไหนคงต้องเข้าไปชิม

“สวัสดีค่ะ จองไว้หรือเปล่าคะ” สาวสวยหน้าร้านเอ่ยทักทายพร้อมยกมือไหว้ผมและไอ้ปา

“ครับ จองชื่อ ‘ปรมะ’ เอาไว้ครับ”

“อ๋อคุณปรมะ งั้นเชิญทางด้านนี้เลยค่ะ สองท่านชั้นพิเศษเราจัดเตรียมไว้ให้แล้วค่ะ” อะไรพิเศษๆ นะ ผมหูฝาดหรือเปล่า

พนักงานพาเราทั้งคู่เดินมาที่บริเวณชั้นสองที่สามารถมองเห็นสระน้ำทางด้านหลัง โต๊ะที่นี่เรียกว่านับตัวได้เลย สงสัยคงให้เข้าเฉพาะคนที่จองเท่านั้น ยิ่งโต๊ะผมยิ่งแล้วใหญ่ อย่างกับว่าอยู่ในห้องส่วนตัว
“คิดยังไงพากูมากินข้าวเนี่ย” เพราะปกติผมจะเป็นคนทำ หรือไม่ก็จะหาอะไรกินแถวบริษัท

“ก็แม่กูบอกเอาไว้” หือ.....แม่มันรู้จักผมหรือ

“แม่มึงบอกว่าไง”

“แม่บอกว่า........”

“........”

“ถ้าชอบใคร ให้พามากินข้าว”

อึก!!

มือบนหน้าขาใต้โต๊ะเผลอจิกเล็บลงจนเจ็บแต่ไม่ได้ทำให้สติที่หลุดหายไปกับมุขไอ้ปาจะกลับมาแม้แต่น้อย ผมนี่เหวออ้าปากจนไอ้ปาที่นั่งตรงข้ามถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง

มันแกล้งผมอีกแล้ว!!!!!

“ฮ่าๆ หน้ามึงตลกวะไอ้นก ฮ่าๆ”

ไอ้เหี้ย!!! ไอ้เพื่อนเหี้ย!! ทั้งที่ควรจะรู้ว่ามันแกล้งอำผมเล่นแต่ตัวผมเองกลับเผลอใจเต้นกับคำพูดมัน ทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่ควรเลยสักนิด ใจสั่นไปก็ไร้ความหมาย

“เมนูครับ”

“อ๊ะ ขอบคุณครับ” ผมรับเมนูมาจากผู้ชายที่ยื่นให้แล้วส่งยิ้มขอบคุณไปให้เขา เขาเองก็ยิ้มให้ผมเช่นกัน แต่ผมก็ต้องชะงักเมื่ออยาดีๆ ไอ้ปาก็เล่นกระชากเมนูจากมือของพนักงานเสริฟจนอีกฝ่ายถึงกับหน้าเสีย กลัวว่าตัวเองไปทำอะไรให้ลูกค้าไม่พอใจแล้วจะตกงาน

“เอ่อ ไอ้ปา สั่งอาหารดีไหมวะมึง ไม่มีอะไรนะครับ เพื่อนผมคงโมโหหิว” ผมพูดกับไอ้ปาก่อนจะหันไปบอกอีกคนให้คลายความกังวล ดูหน้าเขาสิ จะร้องไห้อยู่แล้ว

“มึงอยากกินอะไรสั่งเลย”

“งั้นเอา......ผัดผักรวมมิตรกับปลาสามรสครับ อ๋อ แล้วก็ข้าวสวยสองจานด้วยนะครับ”

“ครับ รอสักครู่นะครับ” พนักงานเดินออกไปพร้อมกับเมนูในมือส่วนผมเอาแต่จ้องหน้าไอ้ปาที่ทอดสายตาออกไปด้านนอก

“ทำไมไม่เห็นมึงสั่งอะไรเลยวะ” ไอ้ปาหันมามองหน้าผม พร้อมกับใบหน้าที่ขยับเข้ามาใกล้ๆ

“มันไม่มีที่กูอยากกิน” อะไรวะ อาหารตั้งเยอะตั้งแยะมันกลับบอกไม่มีที่อยากกิน

“แล้วมึงอยากกินอะไรล่ะ”

“กูอยากกิน..........นก” ผมเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ แต่ไม่นานปากผมก็ขยับตอบโต้ได้เหมือนเดิม

“แหม.....อยากกินกูก็ไม่บอก” ไอ้ปายกยิ้มมุมปากก่อนที่เสียงทุ้มของมันจะตอบกลับมา

“ก็แล้วถ้ากูบอก.......มึงจะยอมให้กูกินไหมละ

“อะ อะ ไอ้” อยากจะด่าแต่ด่าไม่ออก ได้แต่ส่งเสียงตะกุกตะกักขยับตัวไปมา สายตาที่มองมาที่ผมมันดูกรุ้มกริ่มจนเลือดสูบฉีดเข้าหัวใจดีกว่าปกติ แรงเต้นที่หน้าอกทำเอาผมกลัวว่าคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามจะได้ยินมัน เมื่อไม่รู่จะทำยังไง ผมจึงได้แต่ยกน้ำขึ้นดื่มแก้เก้อ ทอดสายตาไปจับจ้องอยู่ที่สระน้ำมากกว่าจะเป็นสายตาคู่นี้

“อาหารมาแล้ว” ไอ้ปาเอ่ยขึ้นให้ผมหันกลับมาสนใจอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า ผมเหลือบมองหน้าหล่อของไอ้ปาเพียงเสี้ยววินาที คิดไว้ว่าจะแอบมองไม่ให้มันรู้ตัว แต่ที่ไหนได้เจ้าตัวกลับมองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว ทันทีที่สายตาเราสองคนสบกัน ผมก็หลบตามองอาหารที่วางอยู่ตรงหน้าแทน อะไรกันแววตาหยาดเยิ้มแบบนั้น มันใช่สายตาของเพื่อนผมจริงๆ หรือ

“อิ่มวะ”

“สมควร” ปลาทั้งตัวผมกับมันจัดการกันจนแทบไม่เหลือซาก แดกก้างได้คงแดกกันไปแล้ว ส่วนผัดผัก หึหึ! เหลือแต่น้ำกับซากหมูที่แทบจะดูไม่ออกว่าเคยเป็นชิ้นมาก่อน ผมก้มลงมองเวลาในโทรศัพท์มือถือ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อมันเหลืออีกไม่กี่นาทีก็ต้องกลับไปเข้างานแล้ว แต่พอหันมามองไอ้เพื่อนตัวดีที่นั่งเต๊ะท่าไม่รู้ร้อนรู้หนาว ผมมากกว่าที่ร้อนรนจนแทบนั่งไม่ติด

“มึง กลับเถอะ เดี๋ยวเข้างานสายกูจะมีปัญหากับไอ้พี่หนูมัน” ไอ้ปาเลิกคิ้วมองผมราวกับจะถามว่า มึงกลัว? คือกูน่ะไม่ได้กลัว แต่กูไม่อยากตกงาน อีกอย่างเวลามันด่า คนอื่นเขามองกูอาย

“กลับเหอะปา เชื่อกู เดี๋ยวมื้อนี้กูจ่ายเองก็ได้”

“เฮ้ย!! ได้ยังไง กูพามึงมา กูก็ต้องเลี้ยงดิ” ไอ้ปายืนยันเสียงแข็ง เมื่อเห็นว่าผมไม่สบายใจไอ้ปาก็ยอมเรียกพนักงานมาเก็บเงิน

ผมกับไอ้ปาพากันเดินออกมาจากร้าน อาหารอร่อย บรรยากาศดีแถมไม่แพงแบบนี้ ผมจะจำแล้วมากินบ่อยๆ เลย แต่ตอนนี้ผมต้องคิดก่อนว่าทำยังไงให้ไปทันและไม่โดนไอ้พี่หนูมันกัดเอาอีก เอาจริงๆ ผมก็ไม่ได้เกลียดอะไรพี่มันมากนักหรอกครับ ถ้าไม่นับที่มันใส่ร้ายทำให้ผมพลาดตำแหน่งมันก็แค่คนขี้แกล้งที่เห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้น แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ สายตาที่พี่มันมองพี่อาร์ตวันนี้ มันเหมือน.........เหมือนกับสายตาที่.......ไอ้ปาใช้มองผม พอคิดแบบนั้น สายตาของผมก็พลันไปจับจ้องใบหน้าของไอ้ปาแบบไม่รู้ตัว

“มีอะไร มองกูแบบนั้นทำไม หืม?” ผมสะดุ้งเมื่อถูกจับได้ว่าแอบมองมันที่เดินอยู่ข้างๆ

“ปะ เปล่านิ กูก็แค่ไม่รู้จะวางสายตาไว้ตรงไหนเฉยๆ” น่าอายชะมัดดเลย ไอ้ปายิ้มเจ้าเล่ห์ใส่ผมก่อนจะมายืนตรงหน้าพร้อมกับใช้มือจับใบหน้าของผมให้แหงนขึ้นสบตากับมัน

“เอาสิ”

“.......” หืม??

“ถ้าไม่รู้วางไว้ตรงไหน.....”

“.....”

“วางที่กูก็ได้.......”

“.....”

“กูยินดี”

ผมถูกรอยยิ้มของมันเล่นงานเข้าซะแล้วสิ แบบนี้แย่แน่ หัวใจผมเริ่มจะอ่อนแอซะแล้ว เขาจะรู้ไหมว่าทำแบบนี้มันจะเป็นการ......อ่อยผมโดยที่เขาไม่รู้ตัว และแบบนี้ เพราะแบบนี้ ทำให้ผมจ้องหลบตาไม่ยอมมองหน้ามันอีก ผมก้มหน้าซ่อนความแดงซ่านที่ปรากฏอยู่บนผิวแก้ม อย่าคิดๆ ไอ้นก ห้ามคิดเด็ดขาด ลืมไปแล้วหรือไงว่ามึงควรปิดใจให้สนิท ลืมความเจ็บปวดที่ได้รับจากหลินเมื่อตอนนั้นแล้วหรือ อีกอย่าง.......นั่นเพื่อน มันเป็นเพื่อน เพื่อนเพียงคนเดียวของมึงนะ หยุดเต้นสิ หยุดส่งเสียงดังเดี๋ยวนี้นะหัวใจ

“อ้าว!! พี่ปา!!”

“เบญ” ผมเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวที่ไอ้ปาเรียกเธอว่าเบญ สวยชะมัด เธอสูง ขายาว สวมชุดนักศึกษารัดรูปจนเห็นขนาดของอกอวบที่ล้นจนแทบทะลักออกจากเสื้อ ใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มสดใสแสดงความดีใจจนออกมาฉายชัด อีกทั้งสองแขนเล็กๆ ที่โอบกอดแขนของไอ้ปาอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของนั่นอีก

......อึก......

อยู่ๆ หัวใจของผมก็เจ็บแปลบๆ เหมือนถูกเข็มนับร้อยปักลงบนหัวใจ ยิ่งเห็นท่าทางสนิทสนมของไอ้ปากับน้องเขา ผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรจะยืนอยู่ตรงนี้ เหมือนไม่เหลือที่สำหรับผมอีก ผมไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนี้ ทำไมถึงต้องเจ็บเพียงแค่เห็นมันอยู่กับน้องเบญ ผมให้คำตอบกับความรู้สึกของผมตอนนี้ไม่ได้ มือทั้งสองข้างเผลอกำชายเสื้อตัวเองแน่น ผมด้านหน้าที่ยาวจนปิดตาไม่ได้ทำให้ภาพตรงหน้าจางหายไปได้เลย

เหมาะสมกันเหลือเกิน

ผมเชื่อว่าใครมาเห็นก็คงคิดเช่นเดียวกันกับผม มันเป็นธรรมดาที่คนหล่อเหล่อย่างไอ้ปาเมื่อยืนอยู่กับสาวสวยอย่างเบญจะถูกจับจ้องเป็นพิเศษ ความเหมาะสม ความลงตัวของทั้งสองคน ทำให้ผมอดคิดไม่ได้เลยว่า พวกเขาอาจจะเกิดมาคู่กัน

“พี่ปามาทำอะไรที่นี่คะ” ตากลมโตของเธอเหลือบมองผมเล็กน้อยก่อนจะหันไปฉีกยิ้มให้ไอ้ปาอีกครั้ง

“พี่มา....”

“เอ๊ะ หรือว่าพาลูกน้องมาทานข้าวคะเนี่ย” หือ? ลูกน้องหรือ น้องเบญก็เป็นเด็กฝึกงานที่บริษัทนี่นา ทำไมถึงคิดว่าผมเป็นลูกน้องไอ้ปาล่ะ ก็ผมกับมันทำตำแหน่งเดียวกัน

“เปล่า พี่พา...” เหมือนไอ้ปาตั้งท่าจะปฏิเสธ แต่เธอชิงพูดออกมาเสียก่อน

“อ๊ะ จริงด้วยสิคะ คุณพ่อฝากมาบอกว่าให้พี่ปานัดคุณลุงให้หน่อย ท่านอยากจะไปตีกอล์ฟกับคุณลุงจะแย่แล้ว”

“ได้สิครับ เดี๋ยวพี่จะบอกท่านให้นะ” เดี๋ยวนะ ไม่ใช่ว่ากีฬากอล์ฟเป็นกีฬาของพวกคนรวยๆ หรือ

“แล้วนี่พี่ปาจะไปไหนต่อคะเนี่ย”

“พี่จะไปส่งนกที่ออฟฟิศน่ะ” พอได้ยินแบบนั้น สายตาน้องเบญก็มองเหยียดผมอย่างไม่ปิดบัง จนผมหน้าชารู้สึกจุกจนแน่นหน้าอก

“ไปส่งทำไมคะ พี่เป็นถึงระดับผู้บริหารนะ ทำไมต้องไปส่งพนักงานกิ๊กก๊อกแบบนี้ด้วยละ”

“..!!!”

“เบญ!!!!”

ผมอึ้งมองไอ้ปาที่หันไปเรียกน้องเบญจนเสียงดัง นี่มันอะไรกัน หมายความว่ายังไงที่ว่าระดับผู้บริหาร ไอ้ปาเป็นใครกันแน่ ระดับผู้บริหารก็คือประธาน ฮะๆ ผมนี่มันโง่จริงๆ เลย แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้ว มันเป็นความจริงสินะ ไอ้ปามันหลอกผมมาตลอด ดูจากที่มันไม่ยอมสบตาผมก็พอจะรู้ได้แล้ว

ร่างกายไม่มีแรงเสียดื้อๆ ทั้งๆ ที่อยากจะก้าวออกไปจากตรงนี้ แต่เหมือนขามันไม่ยอมขยับ บางที ส่วนลึกในใจของผม หวังให้มันบอกสักคำ ว่าที่เบญพูดมา มันไม่จริง

หึ.......หวังอะไรของมึงอยู่ไอ้นก โง่ไม่เลิกจริงๆ

“นก...มึงฟังกูก่อนนะ” ไอ้ปาจับแขนของผมให้หันไปฟังมัน แต่ผมสะบัดออกอย่างรังเกียจ

"พี่ปา!! จะไปสนใจทำไมคะ!! ก็แค่เด็กในบริษัทเอง!! นี่!! รีบๆ กลับไปเสียทีสิยะ!! เสียมารยาทจริงๆ หรือกลับเองไม่เป็นต้องรอให้เจ้าของบริษัทขับรถไปส่ง!!”

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ เบญ!!!” เสียงของเธอดังจนคนรอบข้างเริ่มหันมาสนใจ ผมพยายามทำตัวลีบๆ ก้มหน้าไม่ให้ใครเห็น อับอายจนไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เสียงซุบซิบดังเข้าหูจนนึกอยากเอามือปิดไว้ จนเผลอคิดว่า.........ถ้าหูหนวกก็คงจะดี

ถ้าตาบอดได้ก็คงจะดี

ถ้าไม่มีหัวใจก็คงจะดี

เพราะผมคงไม่ต้องทนอยู่อย่างนี้........ไม่ต้องเจ็บเพราะใคร

“นก!!! เดี๋ยวนก!!!!”

“พี่ปา!!! จะไปไหนคะ ห้ามไปนะ!!!”

ผมวิ่งหนีไอ้ปาและน้องเบญออกมาจากร้าน ไม่อยากรับรู้ว่าตัวเองโง่แค่ไหน ยิ่งเห็นหน้ามันผมยิ่งเจ็บ วันนี้ผมคงไม่เข้าบริษัทอีกแล้ว ผมคงไม่เข้าไปในบริษัทเพื่อให้ใครๆ หัวเราะและสมน้ำหน้าผมหรอก

“อ้อ......ระวังเพื่อนมึงให้ดีก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่ารุ่นพี่อย่างกู ไม่เตือน!!!”

นี่สินะที่พี่หมายถึง........พี่หนู ผมเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองหูหนวกตาบอดแค่ไหน พี่ชนะแล้วว่ะ ผมแม่ง.....แพ้อย่างหมดท่า พี่เก่งกว่า ฉลาดกว่า แต่คนอย่างผมคงไม่กลับไปให้พี่สมน้ำหน้าหรอก ผมทำไม่ได้ ผมเรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่แมนชั่นของตัวเอง อยากอยู่กับตัวเองให้มากกว่านี้ คิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด แม้จะเจ็บแค่ไหน ก็ต้องเรียนรู้ให้สุด เจ็บให้ลึก เอาให้ฝังใจ ต่อไป จะได้ไม่โง่แบบนี้อีก!!

ผมเปิดประตูทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้าง น้ำตาที่สะกดกลั้นเอาไว้ตั้งแต่ที่ร้านถูกปล่อยให้มันไหลรินจนหมอนเปียก ความขมของน้ำตาไม่ใช่ยาที่ช่วยให้ได้สติ แต่มันคือความรู้สึกทั้งหมดที่ถูกกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำ ของๆ มันยังอยู่ในห้องผม ผมนึกอยากจะเอาไปเผาทิ้ง อยากจะใช้มีดกรีดให้มันพังไป ให้เหมือนที่มันเอาหัวใจของผมไปเหยียบเล่นมาตลอดสองปี มันทำได้ยังไง มันยังเห็นว่าผมเป็นเพื่อนมันไหม หรือจริงๆ แล้วผม.......เป็นแค่ตัวตลกในสายตามัน

ครืน ครืน

เสียงเรียกเข้าของผมดังขึ้นจนต้องหยิบมันขึ้นมาดู ละเป็นอย่าที่ผมคิดไว้ เมื่อชื่อที่ปรากฏขึ้นบนหน้าจอทำให้ผมเม้มปากแน่นทั้งที่น้ำตายังนองหน้า ก่อนจะกดล็อคหน้าจอเพื่อตัดสายของอีกคนไป เสียงยังคงดังอยู่หลายครั้งและมันก็เป็นชื่อเดิมที่โทรเข้ามาตลอด เมื่อไหร่มันจะเลิกโทรสักที ผมไม่อยากคุยกับมัน มันไม่เข้าใจหรือไง!!! เสียงเพลงและการสั่นทำให้ผมโมโหจนหยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมกลับต้องชะงัก เมื่อชื่อที่ปรากฏ ไม่ใช่ไอ้ปา

“ฮึก ฮะ ฮัลโหลครับ”

‘นี่มึงโดดงานหรือไอ้นก!! ทำไมป่านนี้มึงยังไม่ถึงบริษัทอีก!!’ ไอ้พี่หนู ผมจำเสียงของมันได้ ขี้โวยวายแบบนี้มีแต่พี่มันนั่นแหละ

“ผม ขอ ฮึก ขอลาป่วย ครับ” แม้จะพยายามกัดปากเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นเท่าไหร่ แต่ก็เหมือนไม่ได้ผล

‘........’

เสียงเงียบจากอีกฝ่ายทำให้ผมต้องเอาโทรศัพท์ออกมาดูว่าพี่มันวางไปหรือยัง แต่ไม่นี่ ก็ยังติดอยู่

‘มึงเป็นอะไร ไอ้นก มึงร้องไห้หรือ’ ณ ตอนนี้ ถ้าผมจะคิดว่ามันเยาะเย้ยผมคงไม่แปลกใช่ไหมครับ เมื่อเดิมทีตัวพี่หนูเองก็ไม่ได้ชอบใจอะไรในตัวผม ออกจะเกลียดเสียด้วยซ้ำ

“ใช่!!! ทำไม อยากสมน้ำหน้าหรือ เอาสิ!!! พูดเลยสิ!!! หัวเราะเลยสิ!!! สาแก่ใจดีไหมล่ะ ที่ไอ้นกคนนี้มันโง่ โดนหลอกให้เป็นควายมาหลายปี!!! ฮือออ”

‘.......’

“ฮือๆๆ พี่อยากพูดอะไรก็พูดสิวะ!! เงียบทำไมเล่า!! ฮึก พูดมาดิ ซ้ำเติมผมสิ!! พี่ถนัดอยู่แล้วนี่!!!” น้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสายจากตอนแรก ยิ่งกระหน่ำไหลอย่างไม่มีท่าทีจะหยุด ไม่กลัวหรอก ผมไม่เหลืออะไรให้กลัวอีกแล้ว

‘.......แค่นี้นะ ติ๊ด!!’

“โธ่เว้ย!!!!!!!”

ตุบ ตุบ ตุบ ตุบ

ผมได้แต่ระบายอารมณ์ด้วยการใช้มือทุบหมอนเท่านั้น แค่นี้นะหรือ ไม่ด่าเขางั้นหรือ หึ!! ผมไม่เชื่อหรอก ป่านนี้พี่มันคงนั่งหัวเราะเยาะผมอยู่แน่ๆ คนอย่างพี่หนู ไม่มีทางเห็นใจผมหรอก ไม่มีทาง!!!



TBC




ดำดิ่งเข้าสู่วังวนของดราม่า ไหนใจใคีพร้อมบอกมาสิ~ เรื่องความสัมพันธ์ของนก แมวจะคุยละเอียดตอนเรื่องทั้งหมดเปิดเผยนะคะ แต่คาดว่าหลายๆคนคงจะเดาได้

ชีวิตคือน้ำตาและเสียงหัวเราะ เพราะไม่มีใครที่ยิ้มได้ทั้งชีวิต และไม่มีใครต้องร้องไห้ตลอดไป มาค่อยๆลุ้นและเดินไปกับนิยายเรื่องนี้ทีละก้าวกันนะคะ


ปากินนก

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
เอาแล้ว มีเคลียร์กันยาว

งานนี้ปาผิดจริงๆแหละ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด
ใครเป็นนกก็ต้องโกรธเผลอๆอาจเกลียดด้วยซ้ำ

สู้ๆนะ ตามง้อต่อไป

ออฟไลน์ shinyface

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
งงงวย ทำไมนกอ่อนจังคะ  ชกปาไปเลยเหอะ  หลังรู้ความจริงแล้วอะ

ออฟไลน์ snoopyme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอ๊ยยยย อยากรู้ว่าปาจะทำไง พี่หนูนี่คงจะรู้เรื่องตั้งแต่แรกเลยกวนประสาทนกมาตลอด สนุกมากก ไรท์สู้ๆ :katai2-1:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ janamanza

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 649
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-2
น้องงงงงง กอดดดด ไม่ต้องร้องนะลูก

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[7]

ตอนที่7.

นกโดนหักหลัง
[/b]

กว่าจะผ่านเมื่อคืนไปได้แม่งโคตรทรมาน ผมนอนร้องไห้อยู่บนเตียงทั้งคืนจนปวดตาปวดหัวไปหมด แม้แต่หมอนที่ใช้เองก็แทบจะบิดน้ำออกมาได้จนเต็มกะละมัง ถึงไม่ส่งกระจกผมก็รู้สึกได้ ตาผมมันต้องบวมและช้ำมากแน่ๆ ก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมต้องร้องไห้มากมายกับแค่เรื่องที่มันโกหก

ผมไม่กินข้าว ไม่สนใจจะอาบน้ำ ไม่อยากจะทำอะไรด้วยซ้ำ มือของผมกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจจะดูหรือก แค่ไม่อยากปล่อยให้สมองว่างแล้วคิดเรื่องนั้นอีก แค่นี้ก็เสียน้ำตาไปเยอะแล้ว ถ้าห้องนิ่งเงียบผมคงยิ่งร้องไห้ ยิ่งจมปลักอยู่กับความเศร้าความเสียใจ ผมไม่อยากเดินไปในครัว เพราะในครัวเต็มไปด้วยของที่ไอ้ปามันซื้อไว้ ยิ่งเห็น ผมก็ยิ่งทรมาน

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ใครมากัน ผมก้มลงมองดูสภาพตัวเอง ชุดเมื่อวานกับตาที่แดงก่ำมันไม่ใช่สภาพที่จะรับแขกแน่ๆ แต่การจะให้เขาเคาะไปเรื่อยๆ มันก็คงจะดูน่าเกลียดและผมเกรงใจห้องอื่นที่เขาอาจจะรำคาญได้ เอาเถอะ ยังไงก็คงต้องเปิด

“ครับ!” พอประตูเปิดออก คนที่มายืนอยู่ตรงหน้ากลับทำให้ผมมองด้วยความไม่เชื่อในสายตาตัวเอง ถ้าไม่ติดว่าเกรงใจ ผมคงยกมือขึ้นขยี้ตาตัวเองไปแล้ว ใครมันจะอยากเชื่อว่าคนที่ยืนอยู่ตอนนี้จะเป็น ไอ้พี่หนู

“พี่มาทำไม” มันคงเป็นคำถามที่ออกจะดูเสียมารยาทไปหน่อย แต่กับพี่มันคงไม่คิดเรื่องมารยาทกับผมมั้งครับ ในเมื่อเราเกลียดกันจะตาย

“อะไร......กูมาเยี่ยมลูกน้องที่หนีงาน ผิด?” ผมกลอกตาก่อนจะเปิดประตูกว้างขึ้นให้พี่มันเข้ามาข้างใน เอาเถอะ อยากมาก็มา ห้องผมว่างอยู่แล้ว

“กูซื้อของมา เอาไปแดกๆ ซะ” มันแทบจะโยนของในมือมาอ่ะ ดีนะที่ผมรับไว้ได้ ร้อนก็ร้อน จากที่ดูแล้วคงเป็นโจ๊กแน่ๆ ยังดีที่พี่มันมีน้ำใจซื้อของมาให้ แต่ที่ไม่เข้าใจคือ มันมาทำไมวะ!!

“อะไร มองหน้ากูแบบนั้น??” จะให้ผมมองด้วยแววตาเทิดทูนก็คงไม่ได้หรือกครับ คนอย่างพี่มัน

“แล้วพี่จะให้ผมมองยังไง อยู่ๆ พี่ก็มาหาผมพร้อมกับโจ๊ก ทั้งๆ ที่เราไม่ถูกกัน ผมไม่คิดว่าพี่มาเพื่อฆ่าผมก็ดีเท่าไหร่แล้ว”

โป๊ก!!

นั่นไง กูว่าแล้ว

“พี่แม่ง มาฆ่าผมจริงๆ ด้วย” ผมเบะปากใส่มัน ตอนนี้อารมณ์อ่อนไหว เจออะไรนิดหน่อยน้ำตาแม่งก็จะไหลท่าเดียว ไอ้พี่หนูมันส่ายหน้าด้วยความระอาเมื่อเห็นน้ำตาที่เริ่มปริ่มๆ จะไหลของผม

“มึงอย่าเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างของการร้องไห้” ผมชะงัก หลบสายตาที่มองมาของพี่มัน แม่ง.....โคตรจะจี้ใจดำเลย อย่างที่พี่หนูพูด เหมือนผมจะเอาความเจ็บอื่นๆ มาเป็นข้ออ้างในการจะร้องไห้

“ผมเปล่า” ผมบอกปฏิเสธเสียงเบา แต่ก็รู้ว่าพี่หนูมันได้ยิน มือของพี่มันแตะลงบนไหล่ผมสองสามที ก่อนที่มือนั้นจะเลื่อนขึ้นไปที่กลุ่มผมสีดำของผม

“มึงอยากร้องก็ร้อง ไม่เห็นต้องหาข้ออ้างอะไร”

“......”

“คนที่ร้องไห้ ใช่จะแปลว่าอ่อนแอ”

“.....ฮึก.....”

“แต่มันแปลว่ามึงยังมีความรู้สึก ยังมีชีวิตและมึง........ยังมีหัวใจ”

ปึกๆ

“ตรงนี้โว้ย!!” ผมเจ็บจนแทบจะจุกกับกำปั้นที่ทุบลงมาบนตำแหน่งของหัวใจ เกือบซึ้งครับ ถ้าแรงที่พี่มันประเคนลงมาไม่ใช่แรงควาย

“ถึงว่าดิพี่ ตอนพี่ทุบผมแม่งโคตรจุก!” จากที่กำลังซึ้งๆ กัน กลายเป็นทั้งห้องมันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของพี่หนูมัน ผมเองก็พลอยยิ้ม รอยยิ้มแรกของวันมาจากผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเกลียดขี้หน้า แต่น้ำตาที่ไหล มาจากผู้ชายที่เรียกว่าเพื่อน ชีวิตบัดซบดีจริงๆ ผมจะเชื่อใครได้อีกวะแบบนี้

พี่หนูมันก็ดี หาอะไรให้ผมกิน วันนี้พี่มันเองก็หนีงานมาอยู่กับผม ไม่รู้สิครับ ผมว่าพี่มันคงกลัวว่าผมจะฆ่าตัวตาย สงสัยพี่หนูจะเข้าใจผิดครับถึงได้คิดแบบนั้น คนจะฆ่าตัวตายมันต้องอกหักจากแฟน ไม่ใช่โดนเพื่อนโกหกแบบผม พี่หนูนอนเอกเขนกอยู่บนเตียงโดยมีผมมองจ้องไปเป็นระยะๆ เพราะตอนนี้ตัวเองได้แต่ตักโจ๊กในชามทาน ร่างกายประท้วงบอกผมว่าไม่หิว เหมือนจะสั่งการไม่ให้ตักมันขึ้นมาเข้าปากด้วยซ้ำ ผมรู้สึกไม่ดี ไม่อยากกินอะไรเลยสักนิด ทำไงดี เสียดายของจัง พี่หนูเองก็อุตส่าห์ซื้อมาให้ผม เฮ้อ........

“กินๆ เข้าไปเหอะ เดี๋ยวจะไม่มีแรงทำห่าอะไร”

“ผมไม่หิววะพี่” แม้สายตาของพี่หนูไม่ได้มองมา แต่ก็ยังอุตส่าห์รู้อีกนะว่าผมไม่ได้กินมันเข้าไป

“พยายามหน่อยดิวะ เดี๋ยวมึงก็ปวดท้อง” ผมได้แต่ถอนหายใจ วันนี้ไม่รู้ว่ารอบที่เท่าไหร่แล้วที่ผมเอาแต่ถอนหายใจแบบนี้ ใครๆ เขาก็บอกว่าการถอนหายใจมันทำให้อายุสั้นลง ป่านนี้ผมจะเหลือเวลาอยู่อีกกี่ปีกันเนี่ย จะทันได้แต่งงานมีลูกกับเขาไหมนะ

“เออพี่หนู”

“ว่า.......” ตาน่ะ ละโน้ตวีมามองผมบ้างก็ได้นะครับ

“ผมถามจริงๆ นะพี่ พี่เป็นคนไปพูดให้เบื้องบนปลดชื่อผมหรือเปล่าครับ” พี่หนูหันมาสบตากับผม สีหน้าพี่มันเหมือนครั้งก่อนที่เราตีกัน คือจริงจังและเต็มไปด้วยความมั่นใจ หาแต่ตอนนั้น ใบหน้าของพี่มันมีรอยยิ้มเยาะเย้ยอยู่เป็นนัยๆ ไม่เหมือนกับตอนนี้

“กูเปล่า......”

“งั้น........” ผมเริ่มลังเล จับต้นชนปลายไม่ถูก แล้วถ้าไม่ใช่พี่หนู มันจะเป็นใคร

“คนที่ทำ........มันต้องใหญ่กว่ากู” ใครใหญ่กว่าพี่หนู คนที่ใหญ่กว่า.......หรือว่าจะเป็น......

“ไอ้ปา....”

“อืม.......”

เสียงตอบรับที่ดังมากระทบหูมันเป็นเหมือนเข็มที่คอยทิ่มแทงและตอกย้ำให้ผมรู้สึกเจ็บ หัวใจมึงทำด้วยอะไร ขนาดความก้าวหน้าที่กูหวัง มึงยังทำลายมันลงด้วยมือของมึงเอง ตอนนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเป็นเพราะชื่อของผม หรือเพราะผมไว้ใจคนผิดกันแน่

ครืน ครืน

มันยังคงดังไม่หยุด เสียงโทรศัพท์ที่มีแค่เพียงชื่อเดียวที่โทรเข้ามาจนเกือบจะร้อยสาย ผมไม่สนใจจะรับ ไม่สนใจจะมองด้วยซ้ำ แต่เสียงมันดัง......จนผมอยู่เฉยไม่ได้

อยากจะโยนออกไป

อยากจะปาทิ้งให้มันพัง

แต่ผมก็ทำได้แค่อยู่เฉยๆ มองมันสั่นอยู่บนโต๊ะเงียบๆ จมอยู่กับความคิดตัวเองไปจนลึกสุดหยั่ง คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัวของผม มันจะโทรมาทำไม? ต้องการอะไรอีก? ผมยังโง่ไม่พอหรือ? แต่คำถามที่เกิดขึ้น ไม่ได้ทำให้ผมกล้าพอจะรับสายของมัน ผมอยากให้ทุกอย่างจบไปอย่างเงียบๆ ให้ทุกอย่างมันค่อยๆ จางหายไป เหมือนกับสายลม

“ฮัลโหล”

อ้าว......แล้วไอ้พี่หนูมันเดินมารับโทรศัพท์ผมทำไมเนี่ย!!!!

“กูไง ทำไม??” เขาคุยอะไรกันวะ

“เสือก!! เรื่องของกู” ไอ้พี่หนูยิ้มเยาะทำอย่างกับว่าปลายสายจะมองเห็น

“แล้วแต่มึงจะคิด” พี่หนูเหลือบมองผมก่อนจะหันไปคุยต่อ สีหน้าที่บ่งบอกว่าตัวเองชนะ มันหมายความว่าไงวะพี่

“จริงด้วยสิ......”

“...??? ...”

“กูเพิ่งรู้ว่าไอ้นกตัวมันก็หอมดีเหมือนกัน”

ฉะ ฉะ ฉิบหายแล้ว!!! พี่มันเกิดเฮี้ยนอะไรขึ้นมาวะถึงพูดไปแบบนั้น เดี๋ยวมัน....เอ่อ ผมหมายถึงเดี๋ยวคนอื่นก็เข้าใจผิดกันหมดหรือกว่าผม....... ซวยๆ งานนี้ซวยแน่ๆ

แต่เดี๋ยวนะ!!! ผมจะกังวลไปทำไมวะเนี่ย??

พี่หนูหันเลิกคิ้วถามว่า มีปัญหาหรือ โอ๊ย!! พี่!! ขนาดนี้แล้วไม่มีแล้วล่ะครับ เพราะถ้ามีมันก็คงไม่ทันแล้วล่ะ บอกตรงๆ ตอนนี้ผมจิตใจฟุ้งซ่านมาก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องกลัวไอ้ปาเข้าใจผิด ช่างมันสิวะ!! มันอาจจะไม่สนใจผมก็ได้นี่ ยังไงมันก็มีน้องเบญอยู่แล้วทั้งคน ใช่!! ผมมันจะไปสำคัญอะไร มันอาจจะกำลังหัวเราะเยาะผมที่เพิ่งจะฉลาดตอนนี้ก็เป็นไปได้

ไม่เอาดิวะ........เลิกคิดๆ

“มึงคุยกับตัวเองอยู่หรือ” หือ ผมหันหน้าไปมองพี่หนูด้วยสีหน้าที่เรียกว่าเอ๋อแดกก็คงจะได้

“ใช่!! ....มั้งครับ” ผมก็ไม่แน่ใจ พี่หนูมันถอนหายใจก่อนเดินกลับไปนอนดูหนังบนเตียงของผม ย้ำว่าของผมแต่โดนพี่มันยึด ผมรู้สึกตงิดๆ ใจเหมือนกับว่าเรื่องมันจะไม่จบแค่นี้น่ะสิ หรือผมจะคิดมากไปกันนะ เพราะดูแล้วพี่หนูมันก็ไม่เห็นจะเดือดเนื้อร้อนใจอะไรกับการไปยั่วโมโหไอ้ปามันแบบนั้น ตั้งแต่รู้จักกันมา นับครั้งได้เลยที่ผมจะเห็นไอ้ปาโมโหแต่กับพี่หนู ทุกครั้งเหมือนกับว่าไม่เคยถูกกันเลย ตอนแรกผมก็คิดว่าไอ้ปามันไม่ชอบเพราะพี่หนูเป็นเด็กเส้น แต่ผมว่า.........คงไม่ใช่แค่นั้นแน่ๆ











เคยรู้สึกว่าตัวเองซวย แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะโคตรซวยมาก่อนเลย เมื่อก่อนอาจจะมีเรื่องราวมากมายที่ผมเจอมา และทุกครั้งมักจะเป็นผมที่ทำผิดพลาดและผิดหวัง มันคือคำว่าชีวิตเฮงซวยที่ผมได้แต่โทษชื่อของตัวเอง เคยเรียกร้องให้พ่อเปลี่ยนชื่อให้ผม แต่พ่อกลับบอกผมว่า.....

คนอื่นจะชื่อหมู ชื่อหมา ชื่อกา ชื่อไก่ ก็แล้วแต่มัน แต่ที่ข้าตั้งให้เอ็งชื่อนก เพราะอยากให้เอ็งมีอิสระ บินไปให้สูง ถึงจะตกลงมาเอ็งก็จะไม่เจ็บ เพราะเอ็งมีปีก

ซึ้งครับ พอได้ยินตอนนั้นคือรู้สึกดีจนผมยืดอกพกชื่อตัวเองไปอย่างไม่อายไปพักใหญ่ๆ แต่มันก็แค่พักหนึ่งเพราะเรื่องซวยๆ มันก็มีมาไม่หยุดเช่นเดิม อุปสรรคของนกไร้ปฏิเสธแค่ไหน ชีวิตผมก็ไม่ต่างกัน นกไร้กรงต้องดิ้นรนหาอาหาร ต้องแย่งชิง ต้องพยายามเพื่อมีชีวิตรอด ผมก็ไม่ต่างกัน แม้จะเจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหนผมก็ต้องกางปีกบินผ่านมันไปให้ได้ เหมือนที่พ่อบอกผม ว่าผมเป็นนกที่มีอิสระ แต่ไม่ใช่ตอนนี้........

ตอนที่ไอ้ปามายืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องของผม!!!!!

ปึงๆๆ

“เปิดประตู!!” ผมผวากับเสียงเคาะของไอ้ปาที่กระหน่ำทุบมันจนเกิดเสียงดังจนน่ากลัว

หยุดสักที!!

ปังๆๆๆ

“กูรู้ว่ามึงอยู่ข้างใน.....เปิดให้กูเข้าไปเดี๋ยวนี้ ไอ้นก!!!” ผมกัดปากยกมือขึ้นปิดหูไม่อยากได้ยินอะไรทั้งนั้น ผมไม่อยากคุยกับมัน มันไม่เข้าใจหรือไงนะ ตอนนี้ผมแค่อยากอยู่คนเดียว อยากใช้เวลากับตัวเอง อยากให้มันเลิกเห็นผมเป็นควายที่คิดจะพูดอะไรก็ได้ให้ฟังแล้วผมก็เชื่อเสียที ผมเป็นคนที่กินข้าวนะ ไม่ได้กินหญ้า

ปึงๆๆ ปังๆๆๆ

“เปิดดิวะ!! มึงอยากให้กูพังใช่ไหมนก!!! อยากให้กูพังเข้าไปใช่ไหม!!!”

อย่านะ แบบนั้นผมก็เดือดร้อนนะสิ

“กะ กูไม่อยากคุย!! มึงกลับไปเถอะ นะ” ผมพยายามจะตะโกนกลับไปให้มันเข้าใจและหยุดสิ่งที่ทำอยู่

“เปิดเดี๋ยวนี้!! กูไม่สนว่าค่าประตูมันจะแพงแค่ไหน มึงก็รู้กูมีปัญญาซ่อม!!” ผมรู้ รู้ดีเลย ลูกชายของประธานบริษัทที่ผมทำงานอยู่ มีหรือจะไม่มีเงินจ่ายค่าประตู แต่ปัญหามันอยู่ที่ผมไม่อยากเห็นหน้ามัน

“ไอ้ปา กูขอร้อง...ถ้ายังเห็นกูเป็นเพื่อน หยุดและกลับไปเถอะ นะปา”

ผมไม่ได้ยินเสียงมันตอบกลับมา ความเงียบที่เกิดขึ้นมันทำให้ผมสงสัย มันกลับไปแล้วใช่ไหม นั่นคือสิ่งที่ผมถามตัวเอง ห้องผมไม่มีตาแมว เป็นเพียงห้องเช่าที่มีแค่ห้องน้ำในตัวเท่านั้น ผมรู้สึกเหมือนตัวเองอ่อนแอ เพราะแค่ได้ยินเสียงของมัน ผมก็แทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว

ผลัวะ!!!

“กรี๊ด!!! มีคนตีกัน ช่วยด้วยค่า!!!” ผมสะดุ้งเมื่อมีเสียงกรีดร้องจากห้องอื่นดังมา ผมลังเลใจที่จัเปิดแต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ไอ้ปามันเหมือนหมาบ้า มันกัดไม่ยอมปล่อย และผมเองก็กลัวว่ามันจะทำคนอื่นเดือดร้อน

“ไอ้ปา พี่หนู หยุดนะ!!!”

ผมรีบสิ่งตรงไปแยกไอ้ปาที่คร่อมตัวพี่หนูไว้พร้อมกับหมัดที่กระหน่ำซัดเข้าไปที่ใบหน้าหล่อเหลา เลือดสีแดงไหลออกมาจากปากและจมูก รอยช้ำบนหน้าเกิดขึ้นแต่ไม่ชัดมาก ผมคิดว่าพรุ่งนี้มันคงเขียวแน่ๆ

“หยุดนะมึง!! อย่าต่อยพี่เขา!!!” ผมตะโกนออกไปโดยไม่ได้คิดอะไร มันได้ผล ไอ้ปาชะงักเหลือบมองมาที่ผมก่อนจะปล่อยมือออกจากคอเสื้อของพี่หนู ผมไม่รู้ว่าทำไมพี่หนูถึงยังยิ้ม ไม่เข้าใจว่าทำไมพี่เขาไม่สู้ เพราะหมัดที่ผมเคยได้ลิ้มรสเมื่อตอนนั้น มันไม่ใช่แรงที่เบา ผมเชื่อว่ามันหนักไม่แพ้หมัดไอ้ปาเลย เราสามคนยืนประจันหน้ากันโดยไม่มีใครยอมถอยด้วยอารมณ์ที่ต่างกันออกไป ไอ้ปามองหน้าผมด้วยความขุ่นเคือง พี่หนูมองไอ้ปาด้วยรอยยิ้มราวกับว่าสะใจหนักหนา ส่วนผมได้แต่มองไอ้ปาทีพี่หนูทีเพราะกลัวจะตีกันอีก คนอย่างไอ้นกมันไม่ได้กล้าขนาดเดินดุ่มๆ เข้าไปห้ามโดยไม่กลัวมือกลัวตีนใครนะ เกิดโดนลูกหลงมาที เจ็บแน่ๆ ยิ่งไม่ค่อยจะหล่ออยู่แล้ว

“นี่มึงเป็นห่วงมันหรือนก!!” ผมหลบสายตา ไม่อยากมองแววตาคาดคั้นและเจ็บปวดของไอ้ปาที่ส่งมาให้ผม

อะไรกัน มันไม่ใช่ความผิดผมเสียหน่อย

“ใช่......ก็มึงไปต่อยพี่เขา”

“ก็แล้วเมื่อวานพวกมึงสองคนทำเหี้ยอะไรกันล่ะ!!!” ผมมองหน้าไอ้ปาตรงๆ ด้วยความไม่เข้าใจ

“ทำอะไร? กูทำอะไร???”

“มึงให้มันเข้าไปในห้อง!! ให้มันรับโทรศัพท์แทนมึง!! มึงจะบอกว่าไม่มีอะไรงั้นหรือ!!!”

“ก็มันไม่มีอะไร.......มึงจะให้โน้ตบอกว่ามีได้ยังไงล่ะ” ไอ้ปาตวัดสายตามองพี่หนูที่ส่งยิ้มยียวนไปให้ ขนาดเลือดกบปากอยู่ไม่ได้ทำให้พี่หนูลดความกวนตีนลงเลยแม้แต่น้อย

“แต่มัน!! ....” ผมถอนหายใจกับความดึงดันของมันที่ไม่ยอมลดละและไม่ยอมเชื่อในสิ่งที่ผมพูด

“กลับไปเถอะ มึงไม่เชื่อกูอยู่แล้วไม่ว่ากูจะพูดอะไรยังไง เพราะงั้น......มึงกลับไปเถอะ กูยังไม่พร้อมจะเจอหน้ามึง” ผมเบี่ยงหน้าไปอีกด้าน ไม่อยากมองหน้าเพื่อนที่โกหกผมมาตลอด เพื่อนที่หักหลังผม

“กูไม่กลับ.... กูมาเพื่อคุยกับมึงนะ กูอยากให้มึงฟังกูสักนิด” ผมปรายตามองไอ้ปาที่แววตาเต็มไปด้วยความเว้าวอน ถัดไปก็จะเจอกับพี่หนูที่ใบหน้าเริ่มฉายชัดถึงความฟกช้ำจากฝีมือไอ้ปา

“พี่หนู ขอบคุณที่มาเยี่ยม มาอยู่เป็นเพื่อนนะครับ แต่วันนี้ผมรบกวนพี่กลับไปก่อนได้ไหมครับ ผมอยากจะเคลียร์กับไอ้ปา...ให้มันจบๆ”

“เอางั้นก็ได้ ไว้กูจะมาเยี่ยมมึงใหม่แล้วกัน” ไอ้ปาเหยียดยิ้มเยาะใส่พี่หนู แต่พี่หนูก็ไม่ได้สนใจอะไรกับท่าทางของมัน กลับยืนถุงข้าวและของอย่างอื่นมาให้ผมแทน

“นี่ข้าวกับน้ำแล้วก็ขนม กูซื้อมาฝาก ไว้กูจะมาใหม่วันหลัง”

“ขอบคุณมากครับพี่"

ผมยกมือไหว้ขอบคุณกับสิ่งที่พี่หนูทำให้ผม พี่หนูหันหลังเพื่อจะเดินกลับไปแต่ก็ไม่วายหันมามองสบตากับไอ้ปาก่อนพี่หนูจะหยุดเดิน

“ระวังตัวมึงไว้ให้ดีเถอะ!!” ไอ้ปากัดฟันพูดออกมาด้วยความไม่พอใจ ผมมองไม่เห็นหน้าพี่หนูเพราะพี่มันหันหลังให้ผม รู้เพียงแต่ว่า พี่หนูมันหันไปกระซิบอะไรบางอย่างกับไอ้ปาก่อนที่สีหน้ามันจะเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดอย่างบอกไม่ถูก ผมเดินนำมันเข้ามาในห้อง บอกให้ตัวมันนั่งรออยู่ที่เก้าอี้โดยที่ตัวผมเดินเข้าไปหยิบน้ำเย็นๆ มาให้มัน (ตามมารยาท) ไอ้ปารับน้ำไปถือไว้ มันอาศัยจังหวะนั้นจับกุมมือผมเอาไว้

“ปล่อย” ผมพยายามดึงมือออก แต่เหมือนไอ้ปาจะทากาวเอาไว้เพราะไม่ว่าผมจะดึงยังไงก็ดึงไม่ออก

“กู......คิดถึงมึงนะนก” ผมหันหน้าหนีสายตาที่บ่งบอกความรู้สึกคิดถึงเหมือนดังที่ปากกล่าว

“อย่าเลยวะปา...” ผมยิ้มเยาะออกมา ไม่รู้ว่ายิ้มให้ตัวเองหรือให้มันกันแน่

“ไอ้นก......”

“ที่กูยอมให้มึงเข้ามาในนี้ ยอมคุยกับมึง เพราะกูอยากจะถามบางอย่างแล้วเคลียร์ให้มันจบๆ ไป” ไอ้ปาสูดลมหายใจเข้าราวกับต้องการเรียกกำลังใจให้ตัวเอง

“มึงอยากจะรู้อะไร ไม่ว่ามึงจะถามอะไรกูจะตอบมึงทั้งหมด ขอแค่ให้มึงยอม.....คุยกับกูเหมือนเดิม กลับไปทำงานเหมือนเดิม และอยู่กับกูเหมือนเดิม”

หึ.....นี่มันหวังมากไปไหม

“เรื่องที่กูไม่ได้ปรับขึ้นตำแหน่ง......เป็นฝีมือของมึงหรือเปล่า” ในใจหวาดหวั่น แม้จะรู้อยู่แล้วแต่ผมก็หวังเอาไว้ว่าจะไม่ใช่มัน แต่ปฏิกิริยาของคนตรงหน้าที่แสดงออกมาทำให้ผมแน่ใจถึงได้ยิ้มเยาะตัวเองอยู่แบบนี้

“คือกู......” หึ...คิดแล้วเชียว

“เป็นมึงจริงๆ สินะ” ผมพยายามจะสะบัดแขนออกจากการจับกุมของมัน แต่มันก็ไม่ยอมปล่อย ไอ้ปามันเห็นแก่ตัว มันทำร้ายผมแต่ก็ยังคงยึดตัวผมไว้ มันไม่ยอมให้ผมไป

“ปล่อยกู!!!”

“ไม่ๆ นก ขอร้องฟังกูก่อนได้ไหม” ฟังหรือ ตลกสิ้นดี มันบอกให้ผมฟังมันหรือ สองปีที่มันโกหก สองปีที่มันทำลายความเชื่อใจ ไม่ใช่เพราะผมฟังมันหรือไงกัน!!!

“ฟังอะไรอีก!!!! ตลอดมากูไม่เคยฟังหรือ!!!”

“นก อย่าเป็นแบบนี้” ผมมองมันด้วยน้ำตาที่นองหน้า

“แบบไหน มึงอยากให้กูกลับไปเป็นไอ้นกโง่ๆ ที่เอาแต่เดินตามมึงโดยไม่รู้อะไร ไอ้นกคนที่มึงทำลายโอกาสที่จะก้าวหน้าไปกับมืองั้นหรือ มึงอยากได้ไอ้นกคนนั้นใช่ไหม!!!!!” ผมใช้แรงทั้งหมดสะบัดมือมันออก ตัดสินใจหันหลังหวังจะเดินหนีแต่ก็ถูกไอ้ปารวบเข้าไปกอดไว้จนหลังของผมสัมผัสกับแผ่นอกที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของมัน แรงของผมไม่สามารถดิ้นรนหนีออกจากอ้อมกอดนี้ได้ ผมเคยดีใจที่มีมันเป็นเพื่อน เคยดีใจจริงๆ

“ไม่ใช่!!! กูไม่เคยมองว่ามึงโง่เลยนะนก ไม่เคยเลยสักครั้ง” เสียงนุ่มที่กระซิบอยู่ริมหูไม่ได้ช่วยให้ใจผมลดความเจ็บปวดลงไปเลย มันกลับเป็นเหมือนมีดที่กรีดลงบนหัวใจผมมากกว่า

“หึๆ กูยังเชื่ออะไรมึงได้อีกวะ ยังเชื่ออะไรกับคำพูดมึงได้อีก”

“ที่กูทำไปทั้งหมด ก็เพราะกูรักมึงนะ!!!”

“รักเหี้ยอะไร!!! จะบอกว่าทั้งหมดนี่มึงหวังดีกับคนที่มึงเรียกว่าเพื่อนงั้นสิ??” อ้อมแขนที่กอดรัดผมไว้ถูกกระชับมากขึ้นจนผมแทบจะขยับตัวไม่ได้

“เพราะกูไม่เคยเห็นมึงเป็นเพื่อนไง ทั้งหมดเพราะกูรักมึง รักมึงแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งจะรักใครสักคนได้ มึงไม่เข้าใจเลยหรือ!!!”

อะ อะไรนะ!! นะ นี่มัน ไม่จริง!!

ผมไม่อยากจะยอมรับ บอกตรงๆ ว่าทำใจยอมรับไม่ได้ เพราะการกระทำมันช่างสวนทางกับคำพูดมันเหลือเกิน คำหวานที่มันใช้ล่อหลอกผมเป็นเหมือนกับดักที่ใช้ล่อหลอกแมลงให้ตกหลุมพรางก่อนจะฆ่ามันให้ตายอย่างเลือดเย็น ผมไม่รู้ว่าควรมองเห็นอะไรในตัวของคนที่ผมเรียกว่าเพื่อน เพราะสายตาของผมในตอนนี้ มองเห็นแต่ความโหดร้ายที่เหมือนมันถือมีดเล่มหนึ่งมากระหน่ำแทงที่ด้านหลังของผม

“ปา...มึงปล่อยกูเถอะ มึงปล่อยกูไปได้ไหม กูขอร้อง” ผมหมดแรงจะดิ้นรน น้ำตาไหลนองปากก็พร่ำบอกให้มันได้ปล่อยผมไป แต่แขนแกร่งแทนที่จะปล่อยผมตามคำขอกลับยิ่งเพิ่มแรงกอดรัดมากขึ้นไปอีก ร่างของผมสะอื้นไห้อยู่ในอ้อมแขนของมัน ผมไม่มีเรี่ยวแรงเหลืออีกแล้ว ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เป็นแบบนี้ ผมรู้แค่ว่า สุดท้ายแล้ว มันก็กลายเป็นผมเองที่ไม่มีปัญญาจะหนีไปให้ไกลจากกับดักของมัน

ไอ้ปากระชับอ้อมกอดไว้แน่นราวกับกลัวว่าผมจะหลุดหายไป ปากก็เอาแต่พูดคำว่าขอโทษไม่หยุด ผมปล่อยสายตาเลื่อนลอยไปกับทิวทัศน์นอกหน้าต่างห้อง ปิดความรู้สึกนึกคิดทุกอย่างเอาไว้แค่นี้ ยินยอมให้มันกอดเอาไว้จนกว่ามันจะพอใจ

ไม่เอาแล้ว พอแล้ว ผมเหนื่อยเกินไปแล้ว

อาจเพราะผมไม่ดิ้นรนเพื่อออกจากอ้อมแขนมันถึงได้ใจ จับผมหันหน้าไปหาแล้วกอดไว้อีกครั้ง ฝ่ามือของไอ้ปาลูบหัวผมอย่างต้องการจะปลอบโยน แต่มันจะเข้าใจหรือเปล่านะว่า ยิ่งมีคนปลอบเราก็ยิ่งแสดงความเจ็บปวด ยิ่งคนที่กำลังปลอบผมคือคนที่ทำร้ายผม ผมก็ยิ่งทนไม่ได้

มันเจ็บ มันจุก มันทรมานจนอย่างจะตาย

ผมแค่อยากให้มันได้รู้สึกบ้าง รู้สึกอย่างที่ผมรู้สึก เจ็บเหมือนที่ผมเจ็บ ทรมานให้เหมือนที่ผมกำลังทรมานอยู่ตอนนี้!! ทำไมสวรรค์ไม่เห็นความดีของผมบ้าง ทำไมสวรรค์ถึงส่งมากลั่นแกล้งผม ทำไม ทำไมต้องเป็นมันด้วย!!!!






50%



ขออธิบายจ้าาา การที่ปาระงับชื่อน้องนกไม่ให้น้องเป็นหัวหน้าเพราะว่า...ในฐานะประธานบริษัทแล้ว นกยังไม่มีคุณสมบัติมากพอจะขึ้นมาได้ค่ะ แต่ถึงอย่างนั้นปาเองก็ไม่ได้อยากทำนะคะ แต่น้องยังเป็นไม่ได้จริงๆ อีกอย่างน้องมีตำแหน่งทีทดีกว่ารออยู่ค่ะ นั่นคือเมีย แค่กๆ แฟนของประธานไงคะ เพราะงั้นโปรดเข้าใจปาด้วยนะคะ กระทืบปาเบาๆน้าาา เดี๋ยวพระเอกแมวตายเสียก่อน คิกๆ

ปากินนก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-11-2019 19:17:20 โดย llมว_น้oe »

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ปาต้องแสดงความจริงใจมากๆๆนะ เพือแผลของนกจะได้หายไวไว

ออฟไลน์ pepperpro

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 99
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เข้าใจเรื่องการบริหารนะ แต่จะระงับการเลื่อนขั้นมันก็น่าจะแจ้งเหตุผลไม่ใช่เหรอครับ ไม่ใช่ระงับไปเฉยๆ ยิ่งจะเลื่อนตำแหน่งยิ่งไม่ควรบอกว่าเธอเข้ารอบว่าจะได้เลื่อนขั้นนะ ใครก็คิดไปไกล แล้วอยู่ๆ มารู้ว่าตัวเองไม่ได้ ใครก็จิตตกเน้อ

อยากอ่านครึ่งหลังแล้วอะครับ มาลงเลยได้ไหม

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
นกน่าจะยอมรับตัวเองด้วยนะเรื่องตำแหน่ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ผมลืมตาตื่นมาในตอนเช้าของอีกวันที่ไม่อยากจะตื่นขึ้นมาพบความจริงเลยสักนิดเดียว หัวใจที่บอบช้ำยังไม่ได้รับการรักษาแม้แต่น้อย เหมือนแอปเปิลที่ตกลงมาแล้วถูกจิกกิน รอเพียงเวลาจะเน่าไปเท่านั้น มันไม่มีวันกลับมาเป็นแอปเปิลเต็มผลได้เหมือนเดิมอีกแล้ว แล้วหัวใจผมล่ะ จะกลับมาเหมือนเดิมได้อีกหรือเปล่านะ

อย่าถามหาเลยว่าคนที่เอาแต่กอดผมไว้ไม่ยอมปล่อยเมื่อวานนี้หายไปไหน ผมจำได้แค่ว่าตัวเองหลับไปทั้งน้ำตา หลับไปเพราะความเพลียที่ต้องร้องไห้หนักขนาดนั้นโดยที่มีมันกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ผมสัมผัสได้ถึงน้ำหนักที่หน้าท้องตัวเองและไอ้อุ่นที่แผ่นหลังสัมผัส ก่อนจะรู้ตัว บางสิ่งก็รัดผมแน่นขึ้นจนผมตกใจ

“อืม......นก มึงตื่นแล้วหรือ” ไอ้นกตัวนี้อยากจะบ้าตาย!!!! นี่มันไม่คิดกลับบ้านกลับช่องมันหรือไงวะเนี่ย ถึงได้เอาตัวมาซุกอยู่กับผม

ไม่ได้ๆ!! อย่าหลงกลเก่าๆ อย่ากลับไปกินหญ้าอีก!!!

“ปล่อยกูได้แล้วไอ้ปา กูไม่ใช่หมอนข้างให้มึงมากอดเวลานอน ปล่อย!” แต่ไม่ว่าจะแงะ จะแกะ จะดิ้น จะถีบ จะทำอะไรกับร่างกายของมัน แต่มันก็ไม่ปล่อยมันเอาแต่กอดรัดตัวผมเอาไว้จนอึดอัด

“นก...ยังโกรธกูอีกหรือ”

ผมอยากจะหัวเราะให้ฟันหัก นี่มันคิดว่าผมจะหายโกรธมัน กะอีแค่นอนหลับตื่นมาในอีกวันงั้นหรือ มันดูง่ายเกินไปหรือเปล่า นี่มันใช้สมองคิดหรือว่าใช้...คิดกันแน่ ผมอยากหยุดทุกๆ อย่าง อยากจะให้มันเข้าใจผมบ้าง ผมไม่อยากเห็นหน้ามันแต่มันก็ยังเอาหน้าของมันมาให้ผมเห็น ผมไม่อยากคุยกับมัน มันก็ยังดึงดันจะคุยกับผมให้ได้ สุดท้ายเราก็ไม่ได้คุยกัน เพราะเหตุผลของผมกับมันต่างกันเสียจนไม่สามารถจะเข้าใจกันได้ มันถึงได้กอดรัดตัวผมเอาไว้ ไม่ยอมให้ผมหนีมันไปไหน

ไอ้ปาใช้คำว่ารักมาเป็นเหตุผลทุกๆ อย่าง ในขณะที่ผมใช้คำว่าหลอกลวงที่มันให้ในการหาเหตุผล แต่ผมก็ได้เพียงแค่ลมปากกลับมา ไม่ใช่คำตอบที่ผมต้องการสักนิด คำว่ารักของมันไม่ได้ช่วยให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย กลับยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดมากขึ้นไปอีก ยิ่งถูกมันกอดผมก็ยิ่งปวดร้าวไปทั้งหัวใจ น้ำตาก็เริ่มเอ่อล้นอยู่ที่ดวงตาจนผมต้องพยายามห้ามไม่ให้มันไหลออกมาอย่างเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น...ผมคงจะทรมานเพราะจะหยุดร้องไห้มันยากมากเหลือเกิน

“กูไม่โกรธแล้วล่ะ”

“จริงหรือ!” ไอ้ปารีบเอ่ยถามผมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นจนผมต้องยิ้มเยาะออกมา

“ใช่! ถ้าต่อไปนี้...มึงกับกู ต่างคนต่างอยู่” ผมถูกไอ้ปากระชากให้หันหน้าไปสบตากับมันอย่างแรงจนผมต้องนิ่วหน้า ไอ้บ้านี่มันแรงควายไม่ต่างกับไอ้พี่หนูมันเลยสักนิด เผลอๆ แรงกว่าด้วยซ้ำ มิน่าล่ะ...หน้าพี่หนูวันนั้นยับเยินเชียว

“มึงพูดอะไร? ต่างคนต่างอยู่อะไรของมึง?” น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจจนผมสัมผัสได้ แต่จะให้ผมหัวหดกลัวมันก็คงไม่ใช่เรื่อง

“ก็หมายความว่า กูกับมึงเลิกเกี่ยวข้องกะ...อื้อ!!”

ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อถูกมันจู่โจมด้วยริมฝีปากร้อนผ่าว มันดูดดึงอย่างเอาแต่ใจไม่สนว่าผมจะดิ้นรนหนีมันแค่ไหน สองมือของผมพยายามผลักอกกว้างของมันออก เบี่ยงหน้าหลบเลี่ยงไม่ยอมให้ไอ้ปามันสอดลิ้นร้อนเข้ามาในปากของผม หัวใจเต้นแรงจนแทบจะกระเด็นออกมาอยู่นอกอก ใครจะคิดว่าอยู่ดีๆ มันจะกล้าขนาดจูบผมกลางวันแสกๆ แบบนี้ล่ะ ทั้งๆ ที่ผมยังโกรธมันอยู่

หรือมันคิดว่าผมใจง่ายกัน?

“ปล่อย! ไอ้ปาอย่า!” ผมรีบร้องห้ามเพราะตัวมันเริ่มมีท่าทีว่าจะไม่หยุดง่ายๆ แค่จูบ ใบหน้าของมันซุกไซร้ลงมาที่ซอกคอของผม ใช้ปลายลิ้นเลียไปตามลำคออย่างชอบใจ

“กูจะเอามึงตอนนี้ก็ได้นะนก กูจับมึงกดลงเตียงได้ง่ายๆ เลยมึงเห็นไหม?” ผมพยักหน้ารัวๆ อย่างกลัวๆ เมื่อมันถามแบบนั้น เสียงของมันเต็มไปด้วยความไม่พอใจผมได้ยินเสียกัดฟันดังลอดออกมาจนผมตัวสั่น มันไม่เคยโกรธขนาดนี้ ปกติผมไม่เคยถูกมันโกรธเลยด้วยซ้ำ

แต่เดี๋ยวสิ! ผมหรือเปล่าที่ควรจะโกรธ!!

“ปา...กูสั่งให้มึงออกไป!” เมื่อนึกได้ว่าควรเป็นผมต่างหากที่ต้องโกรธผมจึงพยายามดันมันออกพร้อมกับออกคำสั่งด้วยเสียงที่เข้มขึ้น ผมสบตากับมันอย่างไม่เกรงกลัว ให้มันรู้กันไปว่าผมกับมันใครจะโกรธได้นานกว่ากัน
ผมจ้องตากันไม่กะพริบจนน้ำหล่อเลี้ยงในดวงตาเหือดแห้ง ต่อให้อยากกะพริบตาแค่ไหนผมก็จะแข็งใจไม่กะพริบเด็ดขาด เกมนี้ผมจะแพ้ไม่ได้ ถ้าผมแพ้ผมก็ต้องหายโกรธมันน่ะสิ แต่ไอ้ปามันกลับละสายตาจากดวงตาของผมทั้งสองข้างที่ตอนนี้แข็งค้างจนไม่สามารถจะเอาเปลือกตาลงมาได้ มันจับจ้องที่ริมฝีปากของผมจนผมต้องเม้มปากแน่น หนีสายตาวาววับของมัน ไอ้บ้านี่มันบ้า มันจ้องเหมือนกับว่าจะกินปากผมเข้าไป ถ้าทำได้

“ก็ได้...” มันยอมแพ้แล้วปล่อยมือจากผม ผมขยับตัวหนีไปอีกด้านเว้นระยะห่างจากมันพอสมควร เผื่อเอาไว้ก่อน เกิดมันบ้าจับผมกดขึ้นมาจะได้หนีทัน

นี่ผมไม่ได้กลัวมันนะ จริงจริ๊ง!

“กลับบ้านมึงไปได้แล้ว! ที่นี่มันบ้านกู”

“จะกลับได้ไง ก็อยากอยู่กับเมีย”

อะ อะ ไอ้บ้านี่มัน! พูดอะไรของมันนนนนนนนนน

“กูไม่ใช่เมียมึงโว้ย!” ผมโวยวายลั่นเมื่อได้ยินคำพูดที่พาให้ขัดหู ขัดหูไม่พอ ขัดตีนด้วย ขัดอีกหน่อยคงได้ถีบหน้ามันแน่ๆ
ผมไม่รู้ว่าหน้าผมตอนนี้เป็นยังไงแต่มันก็คงไม่น่าดูนักหรือก ไม่อย่างนั้นไอ้ปามันจะยิ้มแบบนั้นหรือ ผมหลบหน้าหันเหความสนใจไปทางอื่นโดยการเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการล้างหน้าแปรงฟันแทน แอบหวังเอาไว้ว่าเมื่อกลับออกมามันจะไม่อยู่ในห้องอีกแล้ว ผมยืนมองตัวเองในกระจกแล้วก็ต้องตกใจ ไอ้คนที่ยืนหน้าแดงก่ำปากสั่นผมยุ่งๆ ที่ดูน่าฟัดนี่มันใครวะ? ใช่ผมแน่หรือ จริงด้วยสินะ! เพราะผมไม่ได้ใส่แว่นนี้เอง มิน่าล่ะ ไอ้ปามันถึงยิ้มแบบนั้นใส่ผม ยิ้มแบบที่...ทำให้ผมใจสั่นได้โดยไม่ต้องทำอะไร

ผมกัดปากกอดตัวเองแน่น รสสัมผัสจากปากร้อนๆ นั้นยังติดอยู่ที่ริมฝีปากของผม ความหวานที่ถูกป้อนให้มันยังคละคลุ้งไปทั้งปากราวกับจะบอกว่าไม่อยากจะปล่อยความหวานในครั้งนี้ไป หัวใจของผมเต้นแรงจนต้องยกมือขึ้นมากดมันเอาไว้ พยายามคิดเรื่องอื่นให้สมองทำงานหนักจะได้ไม่หลงเหลือความทรงจำที่ทำให้ร่างกายของผมสั่นสะท้านด้วยความปรารถนาบางอย่างซึ่งผม...ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นมา

ไม่ได้! จะเป็นแบบนี้ไม่ได้!

ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดฟุ้งซ่านให้ออกไปจากหัวให้หมด เอาน้ำลูบหน้าให้หายบ้า มีอย่างที่ไหนผมถึงไปคิดเรื่องแบบนั้นกับไอ้ปามัน ในตอนนี้ผมต้องใช้น้ำแค่ไหนกันนะถึงจะทำให้ผมเลิกคิดเรื่องแบบนั้นได้ ผมโกรธมัน ผมต้องท่องเอาไว้ให้ขึ้นใจ จะใจอ่อนกับความรู้สึกวูบไหวที่ผ่านเข้ามาไม่ได้

ไม่ได้เด็ดขาด! มันโกหก มันหลอกลวง มันตัดอนาคตของผม มันทำให้ผมพลาดโอกาสที่จะได้เลื่อนขั้น

พอคิดแบบนั้นมือของผมก็กำเข้าหากันจนแน่น ผมมองสบตาของตัวเองที่สะท้อนอยู่ในกระจกด้วยความโกรธแค้น ผมเห็นความเกลียดชังที่ผมปล่อยออกมาจากแววตา จากใบหน้าที่ดูยั่วให้ลากขึ้นเตียงตอนนี้เหลือเพียงแค่ผู้ชายที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ มันจะรู้ไหมว่าชีวิตของผมหวังเอาไว้กับตำแหน่งนั้นแค่ไหน มันจะรู้ไหมว่าสิ่งที่มันบอกว่าทำเพราะรัก มันคือการทำร้ายผมอย่างที่สุด ความเจ็บปวดจากการถูกโกหกยังไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่ถูกคนที่ไว้ใจ...หักหลัง

ผมเปิดประตูห้องน้ำออกมาหลังจากที่จัดการกับตัวเองเรียบร้อย กวาดสายตามองไปหาร่างอันคุ้นเคยอย่างลืมตัว จากมุมมุมหนึ่งก็กลายเป็นมองจนทั่วทั้งห้อง ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะมองหามันทำไม ทำไมจะต้องบอกตัวเองให้เดินไปจนทั่วทั้งห้องแบบนี้ ผมไม่ควรจะสนใจด้วยซ้ำว่ามันจะอยู่ตรงส่วนไหนของบ้าน ต่อให้มันยังอยู่แล้วยังไงล่ะ ก็แค่ไม่ต้องไปสนใจเสียก็จบ แต่ก็ไร้ซึ่งเงาของไอ้ปา ไม่ว่าจะมุมไหนของห้อง...ก็ไม่มีมันอยู่

มันไปแล้วสินะ...

แล้วทำไม ทำไมผมจะต้องปวดที่ใจแบบนี้ด้วยล่ะ? ผมควรจะดีใจไม่ใช่หรือ

สายตาของผมเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมขยับเดินเข้าไปใกล้ๆ อย่างสนใจว่ามันคืออะไรกันแน่ ในใจผมหวัง...ให้เป็นสิ่งที่มันทิ้งเอาไว้บอกอะไรสักอย่างกับผม แล้วมันก็เป็นไปดังคาด มันคือลายมือของไอ้ปาจริงๆ และผมก็เผลอตัวดีใจกับมันไปแค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ก่อนจะถูกผลักให้ตกเหวตายกับเนื้อหาในกระดาษนั้น

ขอโทษนะนก พอดีน้องที่รู้จักกันรถเสีย กูเลยต้องไปรับเขาก่อน มึงหาอะไรกินด้วยนะ กูเป็นห่วง

เมื่อคาดหวัง....ก็ย่อมต้องมีผิดหวัง มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่ไม่ธรรมดาคือน้ำตาที่กำลังไหลลงมาอย่างช้าๆ โดยที่ผมไม่มีแม้แต่แรงจะเช็ดมันออกด้วยซ้ำ น้องที่รู้จักงั้นหรือ คงจะเป็นน้องเบญคนสวยของมันล่ะสิ เกลียดตัวเองเหลือเกินที่เผลอคิดว่าตัวเองสำคัญสำหรับมัน ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วผมก็เป็นแค่คนธรรมดาที่อยู่ข้างๆ มันมานานเท่านั้น วันหนึ่ง...เราก็แค่ห่างกันไป ต่างก็เดินตามทางของตัวเอง ซึ่งมันก็แค่...ไม่มีผมในเส้นทางนั้น

ชีวิตของผมอาจจะพูดได้เต็มปากว่าไม่เคยมีใครดีกับผมเท่าไอ้ปาอีกแล้ว และไม่มีใครทำร้ายความไว้ใจของผมได้เท่ากับมันเช่นกัน ผมเจ็บมากครับเมื่อได้รู้ว่ามันคือคนที่ลงมือทำร้ายผมอย่างไม่ปรานี เจ็บกว่าตอนที่ผมถูกแย่งแฟนไปเสียอีก ผมหาเหตุผลไม่ได้ว่าทำไมต้องโกรธมันขนาดนั้น ทำไมต้องผิดหวังกับตัวมันมากขนาดนี้ แต่ที่ผมรู้คือผมไม่สามารถมองหน้ามันได้อย่างเต็มตาเหมือนเมื่อก่อน ผมทำไม่ได้จริงๆ





“แล้วไง? มึงก็เลยนั่งหงอยเป็นหมาโดนทิ้งแบบนี้หรือ?” ไอ้พี่หนูมันถามทั้งๆ ที่ตายังไม่ละไปจากทีวีบ้านผมด้วยซ้ำ มือมันก็จกขนมซองสีเหลืองที่เป็นมันฝรั่งทอดด้วยความอร่อย ทำไมผมมองไม่เห็นความสนใจในเรื่องของผมจากหน้าพี่มันเลยล่ะครับ

“ผมเปล่าเว้ย! ใครจะนั่งหงอยวะ อยากไปก็ไปดิ ดีเสียอีกจะได้ไม่ต้องกลับมา ฮึ!” ผมเชิดหน้าขึ้นอย่างถือดี ไม่เห็นสนใจสักนิดว่าจะอยู่หรือไป เฮอะ!

“ถ้ามึงไม่สนใจ มันจริงๆ ... มึงจะมานั่งทำหน้าเศร้าอย่างนี้หรือ คิดถึงมันก็บอกมาเถอะ “ผมกัดปากตัวเองแน่นไม่อยากยอมรับสักนิดว่าคิดถึงมัน แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมันหายไปเป็นใจผมเองที่หายไปพร้อมกับมัน ทั้งทั้งที่ความจริงแล้วผมควรจะโกรธมันมากๆ ผมควรจะไม่สนใจมันไม่ว่ามันจะมาหรือมันจะไปแต่สุดท้ายผมกลับรู้สึกเหงาเมื่อไม่มีมันอยู่

ผมก้มหน้ามองมือตัวเองที่อยู่บนตักบอกมันนิ่งๆ ด้วยสายตาที่ปวดร้าว มันไม่รู้หรือกว่าผมรู้สึกยังไงมันไม่เคยรู้ และผมคิดว่ามันไม่เคยคิดจะสนใจ สำหรับผมมันคือเพื่อนที่ดีที่สุดเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ห่วงใยผม คอยอยู่ข้างๆ ผมเวลาผมมีปัญหา แต่มันก็เป็นคนที่ทำให้ผมเจ็บมันเลือกที่จะโกหกเลือกที่จะไม่บอก เหมือนผมไม่ใช่เพื่อนผมมันและมันไม่คิดจะแคร์สักนิด

“ผมแค่...” อธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

"มึงแค่... แค่ไม่แน่ใจหรือ หรือมึงแค่ไม่อยากยอมรับว่าเหงาเมื่อไม่มีมัน" การได้ยินคำพูดคำนั้นที่ออกมาจากปากของพี่หนู มันก็ทำให้ผมอึ้งจนพูดไม่ออก ไม่อยากจะยอมรับ แต่มันก็คงจะจริง เมื่อผมตอนนี้รู้สึกราวกับขาดอะไรไปสักอย่าง เพียงแต่ความรู้สึกที่ถูกหักหลัง...มันมีมากกว่า

“พี่แม่งรู้ดีวะ...” พี่หนูมันแสยะยิ้มให้ผมราวกับว่าตัวเองคือคนที่รู้ดีเหลือเกิน มันน่าหมั่นไส้จนผมต้องเบ้ปากใส่พี่มันอย่างอดไม่ได้

“กราบกูสิ”

“พวงมาลัยด้วยไหมพี่ หรือน้ำแดงด้วยดี?”

“ไอ้นก! กูไม่ใช่ศาลพระภูมินะโว้ย!” ผมเอียงหัวหลบหมอนและข้าวของต่างๆ ที่บินตรงมายังหัวผมอย่างเฉียดฉิว ความโมโหแรงนี้พี่มันควรตัดทิ้งหรือเปล่า จะมาห้องคนอื่นแล้วใช้ข้าวของของคนอื่นปาหัวข้าวของห้องไม่ได้จริงไหม ผมก้มหลบเป็นพัลวันกับของที่ลอยละล่องมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ผมล่ะกลัวเหลือเกินว่ามันจะปลิวมาโดนหัวเมื่อไหร่

“ก็พี่บอกให้ผมกราบพี่อ่ะ ผมก็แค่ถามหรือเปล่าวะ ไม่เอาหัวหมูมาถวายให้ก็ดีแค่ไหนแล้ว” ผมบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ ในประโยคหลังไม่ให้พี่มันได้ยิน แต่รู้สึกว่าพี่หนูมันจะหูดีเกินไป หน้าตาที่บอบช้ำจากการถูกไอ้ปาซัดหน้ามาถึงเริ่มบึ้งตึงใส่ผม

“มึงพูดอะไรให้มันดังๆ ดิ! จะพึมพำเบาๆ เห่าให้เห็บบนหัวมึงฟังหรือ?” กัด! เก่งแต่กัดกูนี่ล่ะ แม่ง...ผมรู้สึกเหมือนตัวเองคิดผิดที่เชิญมันเข้ามาในห้อง คนบ้าอะไรวะด่าผมอยู่ได้ตลอดเวลา อย่าให้มันหาช่องได้นะ ผมนี่อยากจะเกลียดขี้หน้าพี่มันอีกรอบแล้วครับ

“พี่ดิมีเห็บ! ผมรักสะอาดเถอะ!” เฮอะ! มาหาว่าผมมีเห็บ! ผมไม่ใช่หมานะ!

“เดี๋ยวมึงจะโดนไอ้นก กวนตีน!” พี่หนูมันชี้หน้าใส่ผมด้วยสายตาคาดโทษ

กลัวตายล่ะ แบร่!

จริงๆ ผมก็อดคิดตามที่พี่มันบอกไม่ได้ว่าจริงๆ แล้วผมเหงาหรือเปล่าเวลาที่ไม่มีมันอยู่ ลองนึกย้อนๆ ไปก่อนหน้านี้ ผมมีไอ้ปาอยู่ด้วยตลอดเวลา วันหยุดมันก็ตัวติดกับผม กินข้าวก็กินกับผม ไปไหนก็ไปกับผม เรียกได้ว่าเจอหน้ากันมากกว่าหน้าพ่อแม่มันอีกมั้ง

แต่จะว่ายังไงล่ะ เพราะเราสนิทกันมากนี่ล่ะ เพราะชีวิตของผมมีมันอยู่แค่คนเดียว ผมถึงได้เป็นบ้าเป็นหลัง ผิดหวังกับมันอย่ารุนแรงที่มันโกหกผม ทำเหมือนกับว่าเราสองคนไม่ใช่เพื่อนกัน ทั้งๆ ที่ผมไว้ใจมันมาก ให้มันทั้งใจ แต่สิ่งที่ผมได้ตอบแทนมา...กลับเป็นการหลอกลวงที่ผมต้องมารับรู้และถูกหัวเราะเยาะจากคนอื่นที่ผมไม่รู้จัก ทุกอย่างมันเลยทำให้ผมรู้สึกแย่ รู้สึกเจ็บปวดจนเรียกได้ว่าน้อยใจ

ขอโทษนะนก พอดีน้องที่รู้จักกันรถเสีย กูเลยต้องไปรับเขาก่อน มึงหาอะไรกินด้วยนะ กูเป็นห่วง
อึก! ทำไมเจ็บที่ใจแบบนี้นะ แปลกชะมัดเลย

อาการปวดๆ หน่วงๆ บริเวณหน้าอกข้างซ้ายเมื่อผมคิดถึงข้อความในโน้ตที่มันทิ้งเอาไว้ให้ผม ทำให้ผมต้องยกมือขึ้นมาลูบมันเบาๆ อย่างเหม่อลอย ในสมองกำลังทำหน้าที่คิดวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ แต่ผมก็ไม่สามารถหาเหตุผลจากความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาได้

มันเกิดบ้าอะไรกับหัวใจของผมกันแน่! ผมไม่เห็นเคยเป็นแบบนี้ ไม่เคยเลยสักครั้ง แต่แค่ผมคิดถึงเนื้อความในโน้ตที่ไอ้ปาบอกว่าจะไปหาน้องที่รู้จัก

น้องที่รู้จักหรือ เฮอะ! น้องเบญสินะ!

“เฮ้ยๆ ไอ้นก มึงกัดปากตัวเองทำไมวะนั่น เดี๋ยวก็เลือดออกหรือก!” แต่มันไม่ทันแล้ว ตอนที่พี่มันทักให้ผมได้สติในปากของผมก็ได้กลิ่นคาวเลือดพอดี

“นั่นไง! กูบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่ากัด ดูดิ! พูดไม่ทันขาดคำเลือดออกแล้วนั่น” ผ้าเช็ดหน้าลายพื้นสีทึบถูกยื่นออกมาให้ผม ผมใช้มันซับเลือดที่ปากตัวเอง แต่แค่แตะๆ ก็ต้องร้องซี๊ดแล้ว

“ซี๊ด…เจ็บวะพี่”

“ไอ้ตอนมึงกัด กูไม่เห็นว่ามึงจะร้องเจ็บ ทีตอนนี้แค่แตะๆ มึงกลับร้องเสียงดัง”
เอ้า! ก็ผมพึ่งจะเจ็บนี่ผมผิดเรอะ???

“คือกูไม่ควรร้องใช่ไหมครับพี่?” พี่หนูมันทำหน้าตาเหม็นเบื่อแล้วตอบผมกลับมาเสียงหนักแน่นว่า

“เออ!!”

หยาบคาย นี่น้องนกนะ น้องนกที่กำลังเจ็บปากเพราะกัดปากตัวเองไง ทำไมไม่อ่อนโยนวะ
ผมเบ้ปากจะร้องไห้ แต่ถูกตบหัวด้วยมือใหญ่ของพี่หนูอย่าแรงจนหน้าแทบจะทิ่มพื้นใส่แรงอีกนิดนี่กูคอหักได้เลยนะ
แล้วคิดว่าพี่มันสนไหมครับ?

ไม่!!! พี่มันไม่สนใจเลยว่าผมจะคอหักตายเพราะมันหรือเปล่า เห็นได้จากอาการลอยหน้าลอยตาใส่ตอนนี้ และการพาดขากระดิกเท้าที่ชวนให้อยากเอาตีนไปถีบเหลือเกิน

หรือว่าผมควรไล่พี่มันออกจากห้องดีวะ?


TBC


ไล่มันออกไปเลยค่ะลูก ไม่ต้องให้มันมานอนกินขนมในห้องหนูเลยค่ะ ไล่พี่มันไปเลย ชิ้วๆ ยังคงความหม่นๆทางอารมณ์และคงรอยยิ้มไว้บ้าง เนื้อเรื่องของเรื่องนี้ไม่มีอะไรที่เป็นสาระเลยค่ะ ขายความไร้สาระล้วนๆ สนุกไปกับมันแล้วพบกันใหม่ อาทิตย์หน้านะคะ

ปากินนก

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
นกชอบปาก็บอกไม่ต้องพื้นน  แม่รู้แม่เรียนมา

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
[8]

ตอนที่8.
นกกับเรื่องวุ่นวาย

วันนี้ผมถูกไอ้พี่หนูมันลากมาบริษัทอย่างไม่เต็มใจ ผมไม่เต็มใจ!!! เข้าใจบ้างไหม!!
แต่เหตุผลที่ถูกปามาใส่หน้าคือ!

“กูใจดีให้มึงหยุดมาตั้งหลายวันแล้ว ถึงเวลาที่มึงควรกลับมาทำงานสักที”
แต่ความจริงคือประโยคนี้ต่างหาก!

“ไม่ทำงานแล้วมึงจะเอาเงินที่ไหนมาแดก!!!”

ใช่ไง! ไม่มีเงินจะแดกแล้ว ไม่ใช่ผมกินเยอะหรือข้าวของราคาแพงอะไรนะ ของพวกนั้นผมสามารถไปหาของsale มาประทังชีวิตได้เหมือนเมื่อก่อน แต่ที่มันหมดเร็วก็เพราะมีเหลือบไรตัวเห็บหมัด มาคอยกัดแทะเงินในกระเป๋าให้หมดไปไง!! ไม่ต้องให้เดาก็คงจะรู้ใช่ไหมล่ะครับว่าใคร?

เออ!! ไอ้พี่หนูนั่นล่ะ!! มันนั่นล่ะตัวดูดเงินในกระเป๋าผม!

เวลาจะกินขนมก็มาเอาที่ผม! แทนที่มาใช้น้ำใช้ไฟห้องผมแล้วยังจะมาใช้เงินอันน้อยนิดที่มีติดอยู่ไม่ถึงพันของผมไปใช้จนหมด ใครจะไปคิดว่าพี่หนูมันแม่งโคตรเด็ก แดกแต่ขนมนมเนยแต่พี่มันก็ไม่อ้วน เห็นจะมีแต่กล้ามเนื้อหน้าท้องเป็นลอนๆ น่าอิจฉา ตกลงแดกขนมแล้วหุ่นดีใช่ไหมครับ พวกไขมันทั้งหลายสามารถกลายเป็นกล้ามเนื้อได้ใช่ไหม ว่าแต่ทำไมผมถึงมีแต่พุงล่ะ??? ทำไมโลกไม่ยุติธรรมกับโผมมมมมมมมม ทำไมไขมันต้องรักผมขนาดนี้!!!!!! โหดร้ายที่สุดดดดดด
พี่แม่งโคตรเหี้ยเลยโว้ยยยยยยยยยย!!!!!!!

“หน้าหงิกหน้างอ นี่กูลากมึมาหาเงินไหมไอ้นก ทำเหมือนกูพามึงมาทำเรื่องเหี้ยๆ ไปได้!” ผมคงมีเวลาพักอีกยาวๆ ถ้าพี่มึงไม่แดกตังค์กูหมด

“พี่แม่ง! พี่ก็รู้ว่ากูไม่อยากมาที่นี่อะ!” แทนที่พี่มันจะทำหน้าตาสำนึกผิดให้ผมเห็นใจหรือยกโทษให้ มีหรือครับ ไม่มีหรอก!! พี่มันก็ยังยกกาแฟร้านดังขึ้นแดกได้หน้าตาเฉยเหมือนเดิมนั่นล่ะ มันสนใจคนอื่นที่ไหนกัน

ผมบอกพี่หนูมันไว้ว่าจะลาออก แต่กลับกลายเป็นว่าผมลาป่วย ผมป่วยหรือ? ไม่เลย ผมสบายดี แต่ผมไม่อยากมาเห็นไอ้เพื่อนทรยศ ไอ้คนที่มันทำให้ผมบ้าบอคอแตกกับความรู้สึกแปลกๆ ในหัวใจอยู่แบบนี้ต่างหาก ไม่อยากเจอ ไม่อยากพบ ไม่อยากจะรู้จักมันแล้วด้วย ถ้าไม่ติดว่าผมไม่มีเงินแล้ว ผมจะย้ายหอ ย้ายหนีแม่งไปให้ไกลจนมันหาผมไม่เจออีกเลยยิ่งดี อยากเปลี่ยนงานเปลี่ยนทุกอย่าง เปลี่ยนให้หมดทุกอย่างจนใครๆ ก็จำผมไม่ได้อีก เผื่อว่าผมจะเลิกเป็นไอ้โง่ที่โดนเพื่อนรักของตัวเองหลอกมาสักที

ผมพร่ำเพ้ออยู่ในใจอย่างนั้น จดจ่ออยู่กับที่นั่งกิตติมศักดิ์ข้างๆ ไอ้พี่หนูด้วยเหตุผลข้อเดียวคือ พี่มันกลัวว่าผมจะหนีกลับบ้านไป มาถึงขนาดนี้แล้วไหมวะ คนเห็นเยอะแยะว่าไม่เป็นเหี้ยอะไร ให้หนีกลับไปก็คงหน้าด้าน แล้วผมก็ไม่ใช่คนหน้าด้านแบบนั้นเสียด้วย ซึ่งมันหมายความว่าผมต้องในจนกว่าจะถึงเวลาเลิกงาน แล้วลาขาดจากไอ้พี่บ้าข้างๆ ตัวเอง

“อ้าว...นก หายดีแล้วหรือ?” ผมหันไปมองหน้าพี่ฝนที่เดินเข้ามาทักทายผมด้วยใบหน้าที่ยังคงยิ้มแย้มเหมือนทุกที
ยิ้มที่มีเรื่องจะใช้งานกูนั่นล่ะ

“ครับพี่ ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะครับ” ผมตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มเจื่อนๆ ที่อยากให้พี่เขาเข้าใจว่า กูไม่อยากคุย ไม่ว่างทำงานให้เมิงงงงงงง แต่พี่ฝนหรือจะเข้าใจ เอ๊ะ หรือเข้าใจแต่ทำแกล้งไม่เข้าใจวะ อันนี้ผมไม่รู้นะครับ

“ว่าสิ ไม่เห็นหน้าเรามาสองสามวันแล้ว พี่ก็ว่าจะไปเยี่ยมอยู่” ว่าจะไปนี่คือไม่ไปหรอกสินะครับ เพราะตั้งแต่ผมหยุดงานมา ไม่มีหรอกสักคนจะโผล่หน้ามาเยี่ยมผมอ่ะ

อ๋อ...ยกเว้ยเห็บหมัดอย่างพี่หนูมันตัวหนึ่งนะครับ สิงห้องผมได้นี่มันคงทำไปแล้วล่ะ

“ครับพี่”

“ยิ่งตอนที่นกไม่อยู่นะ โอ๊ยมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นด้วยล่ะ” ผมขมวดคิ้ว มองพี่ฝนด้วยความสงสัย

“เรื่องอะไรหรือครับ?” ทำไมไม่เห็นไอ้พี่หนูมันบอกเรื่องใหญ่กับผมเลย

“จะอะไรล่ะ ก็ปาน่ะสิ เอ๊ย ไม่ได้ ต้องเรียกคุณปาสินะ คุณปาน่ะ กลายเป็นลูกชายคนเล็กของท่านประธานบริษัทของเรา แถมตอนนี้ก็ยังมานั่งเก้าอี้ประธานอีกด้วยนะรู้ไหม! พวกพี่นี่ก็พอรู้อยู่บ้างหนอกว่าเจ้านายเรามีลูกชายสองคน แต่ใครจะไปคิดว่าลูกเจ้านายจะมาเล่นเป็นพนักงานแบบนี้ นกว่าจริงไหมล่ะ?” ผมเม้มริมฝีปากแน่น อดไม่ได้ที่จะสั่นไหวไปตามคำบอกเล่าของพี่ฝน เพราะผมเองก็รู้ตัวตนของมันมาก่อนแล้ว เพราะแบบนั้นมันถึงได้ป่าวประกาศและดำรงอยู่ในจุดที่มันควรจะอยู่สินะ
แล้วผมจะเจ็บทำไมกันนะ ทำไมต้องปวดใจขนาดนี้ด้วย?

“ครับพี่” ผมตอบพี่ฝนที่เล่าให้ผมฝังเสียงเบาหวิวจนแทบจะไม่ได้ยิน

“นี่สาวๆ ตาพากันมองตาละห้อย แต่งตัวยั่วยวนคุณปาเป็นว่าเล่นเชียวล่ะ คงนึกจะปีนขึ้นไปเป็นลูกสะใภ้คนเล็กกันนะสิ นกก็เถอะ สนิทกับปาไม่ใช่หรือ รู้มากก่อนก็ไม่บอกกันบ้างเลยนะ” ผมได้แต่หัวเราะเหอะๆ

“อะ ครับ” ตอบได้แค่นี้แหละ ตอบอะไรไม่ได้อีก ไม่อยากรู้ด้วยว่าเข้ามาทักผมทำไม เดี๋ยวงานงอก แบบงอกจริงๆ นะครับ งอกมาให้กูทำนี่ล่ะ

“ว่าแต่ตอนนี้นกคงกำลังว่างใช่ไหม พอดีพี่...” นั่นไง งานงอกจริงๆ เร็วกว่าเพาะเห็ดก็งานไอ้นกนี่ล่ะ บ้าบอ ทำไมไม่ทำกันเองวะ เวลาขี้ใส่กางเกงนี่ผมต้องไปซักให้ไหม?

“เอ้า นั่งนิ่งทำเหี้ยอะไร ทำงานสิวะ เห็นไหมว่ากูกองไว้ตรงหน้ามึงจนจะทับมึงตายได้แล้วนะนั่น”
เอ่อ...ผมรู้สึกว่าพี่ฝนกำลังหน้าแตกยับเยินจน ไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัวเดินออกไป

แน่ล่ะครับ เป็นผมก็เหวอ เห็นๆ อยู่ว่าผมว่าง แต่ไอ้พี่หนูมันดันบอกว่างานผม (?) งานมันล้วนๆ ที่กองอยู่ตรงหน้าคืองานมันนน ไม่ใช่งานผม!!! พี่ฝนส่งยิ้มแบบใกล้จะร้องไห้เต็มทีให้ผม คงอยากจะให้ผมใจอ่อนหรือไม่ก็อายจนอยากจะร้องไห้

“เอ่อ พี่ไปก่อนนะ พอดีมีงานค้างอยู่”

“อ่า...ครับพี่ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะครับ” มารยาทและความตอแหลล้วนๆ ครับในคำพูดนั้น ความจริงใจมีที่ไหน เพราะถ้าผมพูดได้ ผมคงบอกว่า...

รู้ว่ามีงานค้างเยอะก็ไปทำงานตั้งแต่แรกสิโว้ย!!!! จะเดินมาหว่านล้อมกูทำไม!!!!
แต่เมื่อมีความเกรงใจและความน่ารักของไอ้นกบวกเข้ามาด้วย จึงกลายเป็นคำขอบคุณไปโดยปริยาย นะ ตอแหลกว่าผมคงไม่มีอีกแล้วล่ะครับ ในบริษัทนี้

“นก!!”

ยกเว้นมันนะ...

“อืม...” ผมก้มหน้ามองเอกสารของไอ้พี่หนูมันก่อนจะจัดเรียงหน้าให้เรียบร้อยโดยไม่สนใจจะเงยหน้าขึ้นมองมันด้วยซ้ำ

“มึงมาทำงานด้วยหรือ ทำไมไม่บอกวะ กูจะได้ไปรับ” ไปรับผม? นี่มันคิดว่าเรากำลังเล่นเป็นเพื่อนที่แสนดีกันอีกรอบหรือ? ผมไม่ใช่คนดีขนาดนั้น บอกได้แค่ว่าผมไม่สามารถเงยหน้ามองมันได้โดยที่ไม่มีแววตาตัดพ้อใส่มัน หรือความโกรธเกรี้ยวที่จะถูกส่งผ่านออกไปทางแววตาได้ ผมไม่สามารถห้ามตัวเองได้หรอก

ผมไม่ใช่คนดี ไม่ใช่พ่อพระที่จะอภัยให้ได้ทุกอย่าง เพราะผมโกรธมัน และเกือบๆ จะเกลียดมันไปแล้วด้วย

เพียงแค่มันไม่เคยรู้.......

มันไม่เคยสนใจ.......

ว่าผมเจ็บปวดกับการกระทำของมันมากแค่ไหน

“ไม่เป็นไร...นกมันมากับกูเอง” หัวของผมถูกมือหนาของพี่หนูมันจับโยกไปมาราวกับว่าเอ็นดูผมนักหนา ซึ่งมันคือความตอแหลล้วนๆ ตอแหลแบบเกิน80% ตอแหล๊ ตอแหล

แต่มันก็ดีกว่าการที่ผมต้องรับมือกับไอ้ปาคนเดียว ดีที่ยังมีพี่มันอยู่ข้างๆ เป็นทัพหน้าตีบุกด่านและคอยต้านกำลังศัตรู เดี๋ยวเบรกก่อน ไม่ใช่แล้วล่ะ กลับมาที่เรื่องไอ้ปากันเถอะ

“ผมคุยกับไอ้นกครับพี่…ไม่ได้คุยกับพี่” พี่นกแม่งขยุ้มหนังหัวผมอย่างแรงโดยไม่ให้ไอ้ปารู้ คือผมเข้าใจนะว่าพี่มันโกรธที่โดนด่าว่าเสือกซึ่งๆ หน้าแบบนั้น

แต่นี่หนังหัวกูไงพี่มึง!! ไอ้ที่พี่มึงกำลังดึงคือผมกูโว้ย!

ผมไม่รู้หรอกว่าพี่หนูมันเจ็บแค้นไอ้ปามากแค่ไหน แต่ตอนนี้ที่ผมรู้คือหัวผมถูกจิกระบายอารมณ์จนแสบไหมหมดแล้ว ไม่รู้ว่าผมหลุดอแกไปกี่ร้อยเส้น ถ้าหัวล้านขึ้นมาก็ใช่ว่าพี่หนูมันจะชดใช้ให้ผมได้ แต่พอผมลองเงยหน้าขึ้นมองพี่หนู สีหน้าเรียบเฉยที่มีรอยยิ้มอยู่มุมปาก กับแววตาที่เหมือนจะเยาะเย้ยของพี่มันทำให้ผมต้องหันไปมองคู่กรณีอย่างอดไม่ได้

ไอ้ปา…มันกำลังโกรธ ผมมองเห็นประกายไฟที่โหมขึ้นมาในดวงตาของมัน แม้ว่าใบหน้าของมันจะไม่มีอะไร แต่คนที่เป็นเพื่อน เอ่อ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า ผมที่เคยเป็นเพื่อนมันมาหลายปีมองเห็นอย่างชัดเจนเลยครับว่า มันโกรธมากถึงมากที่สุด พี่หนูอาจจะมีเส้นสาย แต่คงไม่เส้นใหญ่เท่ากับการเป็นลูกชายเจ้าของบริษัทอีกแล้วล่ะ เพราะอย่างนั้น ผมจึงปล่อยให้พี่หนูมันเดือดร้อนไม่ได้
ขนาดผมยังโดนถอนชื่อออกจากการเป็นหัวหน้าได้ การไล่พี่หนูออกคงไม่ใช่เรื่องยากหรอก

“มึงมีอะไรหรือเปล่า?” ไม่อยากถาม อย่าว่าแต่ถามเลยแค่จะพูดด้วยผมยังไม่อยากจะพูด แต่เพื่อจบปัญหาที่จะตามมา ผมควรพูดกับมันเสียตอนนี้

“กูแค่เป็นห่วงมึง อยากคุยกับมึงก็เท่านั้น”

“แต่มันไม่ได้อยากคุยกับมึงไง” เอ่อ…ผมไม่ได้พูดนะ ไอ้พี่หนูมันพูดขึ้นมาก่อนที่ผมจะได้อ้าปากด้วยซ้ำ คราวนี้ไอ้ปาเริ่มโกรธจัด ผมรู้ได้เลยจากบรรยากาศรอบๆ ตัวมัน พี่หนูแม่งงง มึงรู้ไหมครับพี่ ว่ากูพยายามช่วยมึงอยู่!!!

“เสือ…”

“อยากคุยใช่ไหม งั้นไปกัน” ผมรีบพูดขัดมันขึ้นมาก่อนที่มันจะพูดจบ กลัวมวยกลางออฟฟิศ และมันคงไม่ดีหรอกครับถ้าจะต้องนั่งดูร่างควายสองคนต่อยกัน ผมไม่เอาอ่ะ กลัวโดนลูกหลง

“ได้!”

สุดท้ายมันก็ยอมถอยออกมาง่ายๆ บางทีมันคงอยากคุยกับผมจริงๆ แต่ผมไม่อยากคุยเลย ผมอยากห่างกับมันสักพัก อยากถอยออกไปจากการมีมันดูบ้าง แม้ว่าสองสามวันที่ผ่านมาผมจะรู้ว่าตัวเองเหงา รู้สึกว่าขาดอะไรไปสักอย่างแต่ผมก็ยังอยู่ได้ ยังสามารถยิ้มหัวเราะไปกับไอ้พี่หนูมันได้ ถึงแม้บางครั้งที่ผมจะมีอาการเหม่อลอยขึ้นมาก็เถอะ โอเค…ผมเหม่อบ่อยๆ

“พี่หนูเดี๋ยวผมมา แป๊บเดียวเท่านั้นพี่ ไม่นาน” ผมหันไปบอกและดูเหมือนพี่หนูมันจะไม่ค่อยพอใจนัก แต่ก็ยังยอมตอบตกลงให้ผมไป

“ได้…แต่อย่าไปไกลนะมึง เสร็จแล้วรีบกลับมาช่วยกูทำงานด้วย เข้าใจไหม?” เหอะ! งานผมหรือก็ไม่ใช่ แต่ก็ต้องตอบตกลงทำให้พี่หนูมันอยู่ดี เอาเถอะครับ ยังไงพี่มันก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไหร่ ออกจะเป็นคนดีด้วยซ้ำ ผิดกับไอ้คนข้างหลังผม โกหกปลิ้นปล้อน

“ไปได้แล้ว!”

“อ๊ะ! อย่าดึงได้ไหม กูเดินเองได้!” แขนผมถูกไอ้ปากระชากลากถูให้ตามหลังมันไป ตัวก็ควายแรงยังควายอีก แขนผมแทบจะช้ำ กระดูกจะแตกเพราะแรงบีบจากมือของมัน ไอ้ปามันคงจะโมโหมากที่ผมขัดปากมันไว้ ไม่ยอมให้พ่นคำพูดเหี้ยๆ ออกมา

ร่างของผมถูกลากมาจนถึงข้างนอก ผ่านสายตาของพนักงานหลายคนที่มองพวกเราเหมือนกับว่าเห็นเรื่องประหลาด เออ…แต่มันก็ประหลาดจริงนั่นล่ะ ปกติผมเคยถูกไอ้ปาลากด้วยสีหน้าบึ้งตึงแบบนี้ที่ไหน เพราะหลายปีที่เป็นเพื่อนกันมามีแต่เดินไปด้วยกัน ไม่มีหรอกไอ้การกระชากลากถูผมที่ทำอยู่ตอนนี้ ผมพยายามบิดแขนตัวเองออกเพราะแขนผมเจ็บมาก แต่ไอ้ปาก็ไม่ยอมปล่อยจนเราออกมาพ้นตัวบริษัทผมถึงได้อิสระ

“เจ็บ…” ผมบ่นเบาๆ มือก็ลูบแขนตัวเองไปมา

“มึง…ทำไมถึงมากับมัน?” สายตาของไอ้ปามันเต็มไปด้วยความคาดคั้นที่จะเอาคำตอบจากผม
“แล้วทำไมกูจะมากับพี่หนูไม่ได้…”

ไม่อยากสบตา ผมกลัวสายตาของมัน

หัวใจก็ไม่รักดี…เอาแต่จะเต้นดัง นี่ผมเป็นอะไรไปแล้วล่ะนี่ ทั้งความรู้สึกจั๊กจี้หัวใจและความรู้สึกบีบหัวใจที่เกิดขึ้นพร้อมกันเวลาที่ได้เจอหน้าของไอ้ปา

ผิดหวังหรือเปล่า?

ถ้าไม่ใช่มันคืออะไรล่ะ?

“มาทำงานพร้อมมันตอนเช้าทั้งที่บ้านมึงกับมันอยู่กันคนละทาง คงไม่ใช่ว่าเมื่อคืนนี้มึงกับมันนอนด้วยกันหรอกนะ” ผมเม้มปาก กำมือจนแน่นกับคำพูดของมัน มันบ้าไปแล้วหรือ มันคิดว่าผมเป็นอะไร ไอ้คำพูดที่ส่อให้เข้าใจไปในทางร้ายๆ แบบนั้น ใช่คำพูดของคนเป็นเพื่อนเขาพูดต่อกันหรือ?

“หมายความว่าไงวะ มึงพูดแบบนั้น…จะบอกอะไรกันแน่?” เสียงของผม…มันกำลังสั่น น้ำตา…มันกำลังตีตื้นขี้นมา ไอ้ปาเพียงแค่ยิ้มเยาะ กวาดสายตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าคล้ายดูถูก มันทำให้ผมเจ็บไปทั้งใจ แรงจะยืนก็แทบจะไม่มี

“อย่าให้กูพูดดีกว่า ว่าแต่มันให้อะไรมึงวะถึงได้ยอมนอนอ้าขาให้มันเอา!”

ผลัวะ!

“ถ้าอยากจะพูดเหี้ยๆ แบบนี้! ทีหลังก็ไม่ต้องเดินเข้ามาคุยกับกู ฮึก เลิกเป็นเพื่อนกันไปเลย!!”

ผิดหวัง…ผมผิดหวังเหลือเกินกับสิ่งที่มันพูด สายตาที่เคยมีรอยยิ้มให้ผม เคยแฝงความเอ็นดูในตอนนี้มีแต่คำดูถูกที่เป็นเหมือนมีดที่กรีดลงบนหัวใจของผม

มันใจร้ายเกินไปแล้ว!!!

หมับ

“แล้วมึงจะให้กูคิดยังไงวะ! มันเอาแต่ไปอยู่กับมึง! มึงเอาก็เปิดประตูต้อนรับมันทั้งที่เมื่อก่อนเกลียดขี้หน้ามันนักหนา!”

“เจ็บ…ปล่อยนะ ฮึก ไอ้เหี้ย!”

“แล้วทีเป็นกู แค่เข้าไปมึงยังไม่ยอม แค่มองหน้ากูมึงยังไม่มอง แล้วมึงจะให้กูคิดยังไง!!”

“ปล่อยกูนะ ฮึก กูเจ็บ!” ผมพยายามเหลือเกินที่จะสะบัดแขนออกจากมือของมัน แต่มันไม่ยอมปล่อย กลับยิ่งดึงผมเข้าไปใกล้ยิ่งกว่าเดิม ผมกลัวสายตาของมัน กลัวสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจของมัน

“กูมีมากกว่ามัน มีให้มึงได้เยอะกว่าที่มันให้ ทำไมล่ะนก อยากได้อะไรทำไมไม่มาเอาที่กู!! ทำไมมึงต้องไปอยู่ใกล้มันด้วยวะ! ทำไม!!”

ผลัก

“เพราะพี่มันไม่เคยโกหกกูไง!! ...”

“นก…”

“มึงมีมากกว่าพี่หนู ใช่! แต่แล้วไงวะ ของพวกนั้นเคยซื้อกูได้หรือ? ถึงกูจะจน แดกแต่ของsale แต่ไม่ได้หมายความว่ามึงจะมาพูดเหี้ยๆ อะไรใส่กูก็ได้แบบนี้! ฮึก” ผมระเบิดอารมณ์ มือปาดน้ำตาออกจากหน้าตัวเองลวกๆ โดยไม่ใส่ใจว่าตอนนี้ผมน่าสมเพชแค่ไหนในสายตาของมัน

“กูสบายใจที่อยู่กับพี่หนู เพราะอย่างน้อยๆ คนอย่างพี่หนูที่จิกหัวกูใช้งานและเอาเปรียบกู มันก็ไม่เคยโกหกกู เหมือนที่มึงทำ!!”

“นก กูไม่ได้…” ผมยกมือขึ้นห้าม ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวเป็นการบอกให้มันรู้ว่า สายไปแล้วที่จะมาพูดอะไรตอนนี้

“ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ไม่ได้ตั้งใจ คำพูดพวกนี้มึงบอกกูหลายครั้งแล้วว่ะ แต่สุดท้ายมึงก็ยังเหมือนเดิม และมันเปลี่ยนสิ่งที่มึงทำไม่ได้ ถูกไหมวะ” สีหน้าของมันดูเศร้าลง ความโกรธก่อนหน้านี้ดูเหมือนจะหายไปจนไม่หลงเหลืออะไรอีกนอกจาก ความรู้สึกผิดที่สะท้อนออกมาจากแววตาของมัน จนผมต้องเบือนหน้าหนี กลัวว่าหัวใจที่กำบังเจ็บปวดของผม จะยอมโอนอ่อนให้อภัยมัน

“นก ไม่เอาแบบนี้ดิวะ มึงก็รู้ว่ากู…แม่งเอ๊ย!” ผมเองสะดุ้งกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของมัน เพราะแรงสั่นสะเทือนที่กางเกงของมันดังออกมา ไอ้ปาดูจะหัวเสียมากจนต้องใช้มือเสยผมขึ้นไปก่อนจะสูดลมหายใจระงับอารมณ์ แล้วล้วงเอาโทรศัพท์เครื่องสวยออกมาดู ก่อนที่มันจะชะงักไป

เบญ

อา…นั่นสินะ จะมีใครไปอีกล่ะ ผมนี่ก็โง่ไม่เปลี่ยนแปลง

“รับเถอะวะ ยังไงกูก็ต้องกลับไปทำงานแล้ว ตามสบายนะครับ ท่านประธาน”

“นก นก!!!” ผมโค้งตัวให้แล้วหันหลังเดินหนีทันทีไม่สนใจเสียงเรียกที่ดีแต่ส่งเสียงนั่น เพราะสุดท้ายมันก็เลือกจะยืนอยู่ที่เดิม กดรับสายจากคนรักมันมากกว่าการจะมาง้อเพื่อนที่ไม่รู้ว่าสำหรับมันผมใช่เพื่อนหรือเปล่าอย่างผม
เหมือนเรื่องงี่เง่าที่ไม่จบไม่สิ้น แต่จริงๆ มันคือเรื่องใหญ่มากๆ

อย่างน้อยมันก็ใหญ่มากสำหรับหัวใจของผม ที่ยังไม่ยอมหยุดส่งสัญญาณความเจ็บปวดเสียที

เขาไม่ได้เลือกมึงไง ชัดแล้วก็เลอกบ้าสักทีไอ้นก คนแบบมึง แค่มีเพื่อนยังนกเลย

ผมเดินก้มหน้าเข้ามาในบริษัทอีกครั้ง น้ำตาที่ไหลแห้งไปหมดแล้วในตอนนี้ แต่ตาผม จมูกของผมมันยังคงแดงอยู่ และเพื่อนไม่ให้ใครได้พูดจาว่าสมน้ำหน้า ผมจึงไม่อยากให้ใครได้มองเห็นใบหน้าของผมในตอนนี้ และมันคงจะดีกว่าถ้าผมจะเดินก้มหน้าเข้าไป ป่านนี้พี่หนูมันคงบ่นผมจนขนร่วงหมดตัวแล้วล่ะครับ เล่นถูกลากมาคุยนอกบริษัทแบบนี้ จริงๆ ที่จะคุยเงียบๆ มันก็มีหรอก แต่ดูท่าทางว่าลูกชายของท่านประธานใหญ่จะไม่อยากให้ใครได้รู้มั้งครับว่าทะเลาะกับผม นั่นสินะ ถ้ารู้เข้าคงเสียฟอร์มตายเลย

“มาช้านะมึง ไอ้นั่นล่ะ?” พี่หนูเปิดปากถามผมทันทีที่ผมนั่งลงข้างๆ พี่มัน แถมยังมีหน้าสอดส่องสายตามองซ้ายขวาหาร่างของไอ้ปาอีก

นี่กวนตีนผมหรือพี่มันไม่รู้จริงๆ วะ?

“ไปหาคู่หมั้นเขาสิพี่ ทำไมวะพี่ พี่คิดถึงมันหรือ?” ไอ้พี่หนูมันทำหน้าปูเลี่ยน กลอกตาใส่ผมจนนึกอยากหาอะไรมาควักลูกตาพี่มันทิ้งจริงๆ

“แล้วมึงเป็นไงวะ ตาแดงๆ นะ ร้องไห้มาหรือจ๊ะน้อง” เสียงกวนส้นตีนไม่พอ หน้าตาเสือกเรียกตีนอีก ดีจริงๆ

“พี่หนู พี่ควรหาอะไรทำที่มันห่างๆ ตีนบ้างนะพี่ เสียงหรือหน้าแม่งก็เรียกตีนดีฉิบหาย พี่โตมาได้ไงวะ”

โป๊ก!

“โอ๊ย!! พี่แม่ง! ...” ปูดไหมวะ มือหรือตีนก็ไม่รู้ หนักฉิบ!

“เดี๋ยวมึงจะได้ตีนจากกูนี่ล่ะไอ้นก ปากมึงนะ มีหมาอยู่กี่ตัว เวลาไปวัดนอกจากทำบุญมึงนี่คงชอบเก็บหมาวัดเข้าปากสินะ โผล่มากัดกูเป็นฝูงขนาดนั้น” ดู๊!! ดู ดูพี่มันด่าผมสิ!

“พี่แม่งเลววะ ด่าผมเจ็บฉิบหาย ล็อตไวเลอร์หรือพิบูลวะ?”

“พิบูล ถุ๊ย เดี๋ยวมึงจะโดน จัดเอกสารไปเลย ห่านี่” ผมหัวเราะตัวงอเมื่อเห็นว่าพี่มันยอมรับมุขเล่นไปด้วยกับผม ผมว่าพี่หนูมันคงสงสาร ไม่อยากให้ผมเศร้าเลยพาเล่นอะไรคลายเครียด แต่ผมว่ามันได้ผลนะ…เพราะตอนนี้ผมสบายใจขึ้นมากเลย
บางที…พี่หนูมันก็น่ารักดีเหมือนกันนะครับ ว่าไหม


50%

พี่หนูน่ารักแล้วๆ ไหนใครเกลียดพี่หนูของเรามาก่อนรีบมองพี่หนูใหม่เลยน้าาา ตอนนี้ความสัมพันธ์ของน้องนกกับพี่หนูกำลังไปได้สวย ใครจิ้น จิ้นได้นะคะ แต่เราไม่เปลี่ยนพนะออกน้าาา (ฮาาา) ขอให้สนุกกับครึ่งแรกนะคะทุกคนนนน

ปากินนก

ออฟไลน์ Grey Twilight

  • Moderator
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +171/-17
ผมว่ามีคาแรกเตอร์แบบพี่หนูอยู่ในเรื่องก็ไม่แย่นะครับ พี่หนูกับน้องนกนี่ให้อารมณ์แบบ น้องชายที่ชอบงอแงกับพี่ ส่วนคนพี่ก็เลี้ยงน้องด้วยลำแข้ง (ฮา) น้องนกนี่กับพี่หนูก็ปากกล้าใช้ได้นะครับเนี่ย เหมือนน้องชายตัวจิ๋วเถียงพี่ชายฉอดๆเลย /หัวเราะ

สงสารปา นี่ถ้านกมีเพื่อนรุ่นพี่แบบพี่หนูที่สนิทเพิ่มเข้ามาล่ะก็ หัวเน่าแน่แก แต่ก็สมควรอะครับ หลอกเค้าไม่พอ ยังสกัดความก้าวหน้าในชีวิตโดยที่ไม่บอกอะไรเลย ถ้านกจะอยากย้ายบริษัท เพราะไม่อยากอยู่กับประธานบริษัทที่นิสัยแบบนี้ ผมก็เข้าใจน้องนะครับ ความจริงก็สนับสนุนให้ย้ายนะครับ แต่ก็คิดว่าคงจะได้ที่ทำงานแย่กว่าเดิมแน่ๆ ซึ่งน้องอาจจะสบายใจกว่า แต่ถ้าให้ดีละมุนละม่อม ก็จับไปเป็นเลขาส่วนตัวเลย เพราะปาก็คงไม่ว่าอะไรที่จะให้นกรู้และจัดการชีวิตส่วนตัวอยู่แล้ว ถือว่าประณีประณอมกันทั้งสองฝ่าย (ฮา)

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :mew6:าอีปา นี้ยังไง

ออฟไลน์ shinyface

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
คหสต. ไม่ชอบแบบปาเลย ถ้ามีให้โหวตพระเอกจะเอาคนอื่นที่ไม่ใช่ฮิม แค่ความคิดก็ห่วยแตกแล้วอะ คิดมาได้

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ปาไม่ชัดเจนซักอย่าง จะเอายังไง จะทำอะไรก็ไม่สุด
จะง้อนกก็ไม่ชัดเจน ปากบอกรักแต่ก็ยังมีเบญเป็นบ่วง

ไปๆ มาๆ สิ่งที่สัมผัสได้จากปา คงแค่คนเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง
ที่มองนกเหมือนของเล่นหรือสมบัติของตัวเอง
วันหนึ่งที่ของชิ้นนั้นกำลังจะหลุดมือ ถึงได้มีอาการแบบนี้

เอาใจช่วยนกละกัน ถึงนกจะซื่อมากแต่ก็แอบหวังว่าจะหาทางออกของตัวเองได้
ไม่ต้องลาออกก็ได้แต่ต้องมูฟออนเชิ่ดใส่ไปเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
จากที่ผ่านมานานพอสมควรที่ผมต้องนั่งจัดเอกสารให้พี่หนูมันอย่างไม่ได้พัก ใช้งานผมยิ่งกว่าเลขาหน้าห้องท่านประธานอย่างพี่ฝ้ายอีก ผมทั้งถูกใช้ชงกาแฟ จัดเอกสารยันเช็ดโต๊ะ ผมอยากจะถามเหลือเกินว่า หน้าที่กูหรือวะ? ใช่หน้าที่กูหรือไง!!!!

ผมเหลือบมองนาฬิกาบนผนังที่บอกเวลาแล้วว่าใกล้เลิกงาน ผมจะได้หลุดพ้นจากพี่หนูมันสักที ผมยิ่งกว่านับเวลารออีกครับ เหลือบมองแทบจะทุกสิบวินาทีเลยก็ว่าได้ เหลือบมองจนไอ้พี่หนูมันแทบจะไล่ให้ผมไปสิงนาฬิกาแทนนั่งทำงาน ก็ผมอยากกลับบ้านแล้วนี่! ผมผิดตรงไหนเล่าาาาา

“มึงคิดว่ามองบ่อยๆ เวลามันเดินเร็วขึ้นหรือไง?” ก็ไม่หรอก แต่ผมกลับบ้านนี่ เหนื่อยนะทำทุกอย่างให้พี่มันขนาดนี้!

“ก็ไม่แน่นะ มันอาจจะเดินเร็วขึ้นจริงๆ ก็ได้” ผมหันไปยักคิ้วใส่พี่หนูมันจนได้สันมือของพี่มันเป็นของขวัญลงมาบนหัวเลยเต็มๆ เจ็บนะนี่!

ผมบ่นไม่เป็นคำ บ่นจนกว่าจะได้เลิกงานกลับบ้านไปทิ้งตัวนอน แต่ก็ไม่กล้าบ่นให้พี่หนูมันได้ยินหรอก ผมกลัวว่าถ้าพี่มันได้ยินขึ้นมา งานผมจะเพิ่มขึ้นนะสิ รอบนี้คงให้ผมไปช่วยแม้บ้านขัดห้องน้ำแน่ๆ ผมเลยทำได้แค่บ่นไม่ให้พี่มันได้ยิน ก้มหน้าก้มตาทำงานแม้จะเหลือบมองนาฬิกาอยู่เหมือนเดิมก็ตามที เมื่อไหร่จะเลิกงานนนน ผมอยากกลับบ้านแล้ว ไม่อยากอยู่ที่นี่ ผมกลัวเจอไอ้ปา แม้ว่าตั้งแต่คุยกับผมไปมันจะไม่ได้กลับเข้ามา แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีโอกาสกลับมาไง ผมถึงอยากชิ่งหนีกลับบ้านสักที

“5 โมง! เลิกงานแล้ว!!!” ผมเหลือบมองครั้งสุดท้ายและพบว่ามันถึงเวลาเลิกงานพอดี ผมลุกขึ้นยิ้มแก้มปริคว้ากระเป๋าทำท่าจะวิ่งออกไปด้วยอารมณ์ดีใจด้วยซ้ำ

“จะไปไหนไอ้นก…” นี่ไง! ติดตรงที่มีคนเรียกไง!! คิดว่าใครล่ะครับ ก็ไอ้พี่หนูเจ้าเดิมนั่นล่ะ ผมค่อยๆ หันหน้าไปหาพี่หนูมันช้าๆ ค่อยปรับสีหน้าที่ติดรำคาญให้กลายเป็นยิ้มหวาน ก็ตอแหลไง ยอมรับตรงๆ เลยนี่ล่ะ

“กลับบ้านไงครับพี่ ก็นี่มันเลิกงานแล้ว”

“ใครให้มึงกลับ?”

“พี่! ก็ผมเลิกงานแล้วนี่ ผมกลับบ้านไม่ได้หรือ?”

“ได้ดิวะ ถ้ามึงอยากกลับมึงกลับก่อนเลย”

ผมนี่ยิ้มกว้างเลยครับเมื่อได้ยินแบบนั้น

“แต่มึงก็คงต้องอดไปนะ กูรึอุตส่าห์ว่าจะพาไปเลี้ยงข้าว แต่ไม่เป็นไร มึงไปเถอะ กลับบ้านไปได้เลย” เลี้ยงข้าว! หูของผมกางรับคำว่าเลี้ยงข้าวอย่างเต็มที่ เงินไม่กระเด็นแถมยังอิ่มท้อง มีหรือที่ผมจะปฏิเสธ ไม่แน่นอน! คนอย่างไอ้นก คำว่าเลี้ยงเรียกได้เสมอ!

“เฮ้ยพี่! ใครรีบกลับวะ ไม่มี๊ไม่มี! ผมอ่ะเป็นห่วงพี่นะ กินข้าวคนเดียวไม่ดีหรอก เชื่อดิ” ไอ้พี่หนูส่ายหน้าใส่ผมแต่ก็ไม่จิกกัดเหมือนวันอื่นๆ ผมว่าพี่หนูมันคงจะรู้ล่ะว่าผมไม่ค่อยจะมีเหลือแล้ว (สาเหตุก็มาจากพี่หนูมันนั่นล่ะ) เลยคิดจะพาผมไปเลี้ยง แต่ช่างหัวเหตุผลบ้าบออะไรของพี่มันเถอะ ขอแค่พี่มันเลี้ยงผมก็พอแล้วล่ะ

“ไปได้แล้ว ชักช้ากูไม่รอนะ”

“คร้าบบบบบ”

ผมรีบสาวเท้าวิ่งตามหลังพี่หนูไปติดๆ สีหน้าของผมหรือ ยิ่งกว่าจานดาวเทียมอีก ปากที่ฉีกยิ้มก็แทบจะติดกับใบหู อารมณ์ดีจนลืมไปหมดแล้วว่าก่อนหน้านี้ทะเลาะกับใครอะไรยังไง หรือถูกไอ้พี่หนูมันใช้งานหนักหนาสาหัสแค่ไหน ไม่รู้ครับ จำไม่ได้ ฮ่าๆ

พอผมกับพี่หนูเดินเข้ามาในลิฟต์ได้ ความน่าอึดอัดก็มาเยือนทันทีเมื่อคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ผมหรือพี่หนู เปิดศึกอันดุเดือดกลางลิฟต์ ชนิดที่ไฟแทบจะเผาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง พี่อาร์ตดูหัวเสีย สีหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างชัดเจนจนผมที่เคยเห็นแค่พี่อาร์ตฉบับยิ้มๆ ยังงงไปเลย พี่อาร์ตคนนั้น คนที่ยิ้มมาตลอดกำลังไม่พอใจกับการลงลิฟต์ตัวเดียวกันกับผม (?) หรือไอ้พี่หนูวะ

“เฮ้ยไอ้นก มึงว่าวันนี้เราจะแดกอะไรกันดีวะ?” ก็อยู่กันแค่นี้เองนะ พี่มึงจะเสียงดังทำไมครับ

“เอ่อ…ผมกินอะไรก็ได้พี่ แล้วแต่พี่เลย” ทำไมรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางสงครามโลกได้วะเนี่ย

“มึงนี่ดีนะไอ้นก กล้าไปกินข้าวกับกู”

ดีตรงไหนวะ ถ้าไม่ติดว่ากูกำลังจนไม่มีตังค์จะแดกข้าว กูก็ไม่ไปกับพี่มึงหรอก ไม่สิ กินฟรีไม่เสียตังค์ไอ้นกไม่เคยปฏิเสธอยู่แล้วต่างหาก นี่ผมไม่ได้งกนะ เขาเรียกว่าอยู่เป็น

“ไม่เหมือนคนบางคน แม่งแค่ไปกินข้าวกับกู เขายังไม่กล้าเล๊ย” พี่หนูมันแดกดันใครผมไม่รู้นะครับ แต่ตอนนี้รังสีฆ่าฟันทะลุออกมาจากตัวพี่อาร์ตมาก จนผมต้องหันไปมอง พี่อาร์ตยืนนิ่งแต่ริมฝีปากของพี่อาร์ตเม้มจนแน่น แววตาของพี่อาร์ตแข็งกร้าว สองมือกำหมัดแน่นจน….นกกลั๊วววววววววววว แง๊

“จิ๊ อะไรของมึงนก” พี่หนูมันโวยวายเพราะผมกระตุกเสื้อพี่มันยิกๆ ไม่ยิกได้ไงเล่า ดูหน้าพี่อาร์ตสิ ดูสิวะ หันมาดูบ้างสิโว้ยยยยยย

“พะ พี่หนู” นกกลัวแล้วนะ นกกลัวจริงๆ แล้วนะ

 

“โอ๊ย ไอ้อาร์ต!” นั่นไง เต็มเบ้าตาเลยไหมล่ะ พี่อาร์ตคงโมโหมากจนระงับอารมณ์ไม่อยู่ เพราะพอผมเรียกพี่หนูแล้วพี่หนูมันหันมาหาผม พี่อาร์ตก็เล่นต่อยเข้าตาซ้ายเต็มหมัดเลย เห็นตัวเล็กกว่าผมไม่คิดว่าพี่อาร์ตแม่งจะ…เป็นมวยด้วยอ่ะ

แล้วชีวิตน้อยๆ ของนกจะรอดไหมครับ พ่อจ๋า แม่จ๋า นกไม่อยากถูกกระทืบตายยยยยย

“ทำไม? ต่อยกูคืนสิ มาสิ” เออ! ต่อยดิ เฮ้ย ไม่ใช่ๆ อย่าต่อยกันนะ เดี๋ยวผมเจ็บ!

“พี่อาร์ต ใจเย็นๆ นะพี่ ใจเย็นๆ นะพี่หนูนะ” ทำไมกูต้องมาเป็นกรรมการห้ามมวยด้วยวะเนี่ย ใช่หน้าที่กูไหม

“นก ไปกินกับกูก็ได้นะ แค่ข้าวเดี๋ยวกูเลี้ยงมึงเอง ไปกับไอ้คนนิสัยไม่ดีแบบนี้ เดี๋ยวมึงจะรอดกลับบ้านยาก ไม่พ้นร้านอาจจะโดนตีนใครก่อนกลับได้” เออวะ ไม่ปลอดภัยๆ ผมค่อยๆ กระดึ๊บตัวออกห่างพี่หนูมาใกล้พี่อาร์ตมากขึ้นเรื่อยๆ ปลอดภัยไว้ก่อน

“ไอ้นก! ถ้ามึงไปกับกู กูจะเลี้ยงเหล้ามึง!”

เหล้า! เหล้า!!!!! ไป!

ผมขยับตัวไปทางพี่หนูมากขึ้น งื้อออ อย่าว่าผมนะ ผมไม่มีเหล้าให้กินมานานแล้ววว

“ไปกับกูดีกว่านก” พี่อาร์ตดึงแขนผม

“ไปกับกูไอ้นก!” พี่หนูก็ดึงแขนอีกข้างของผมเช่นกัน

“ไปกับกู!”

“กับกู!”

“กับกู!!!”

“กับกู!!!!”

“โอ๊ยยย! แขนผมจะหลุดแล้วเนี่ย! ก็ไปพร้อมกันทัเงคู่นั่นล่ะ พี่หนูเลี้ยงเหล้า พี่อาร์ตกับแกล้มจบ! จะดึงทำไมนักหนาแขนคนนะไม่ใช่หนังยาง” ผมลูบแขนตัวเองเบาๆ พี่หนูแม่งก็แรงควาย พี่อาร์ตก็โคตรแรงเยอะ ตัวบางๆ อย่างไอ้นกช้ำหมดแล้วครับตอนนี้ อย่าว่าแต่แขน หูผมเองก็อื้อหมดแล้ว เล่นมาตะโกนคำว่ากับกูๆ อยู่ข้างๆ หูแบบนี้ หูหนวกไปพวกพี่แม่งจะรับผิดชอบผมกันไหม!

“ไง? มึงกล้าไหมไอ้อาร์ต” พี่อาร์ตจิกตาใส่อย่างแรงทันทีที่ได้ยินคำถามแกมดูถูกของพี่หนู

“กล้า กูกล้าแน่นอน! ขืนปล่อยไอ้นกไปกับคนแบบมึงนะ ได้กลับบ้านแบบโชกเลือดแน่” ขอบคุณครับพี่ที่ห่วงผม เขินจัง เหมือนผมหล่อมากอะ คนแย่งกันสองคน ตายล๊าวววว

สรุปแล้วผมและพี่อาร์ตกับไอ้พี่หนูก็เรียกแท็กซี่หน้าบริษัทเพื่อจะไปยังร้านABY เป็นร้านที่ไอ้พี่หนูมันจะพาผมไปเลี้ยงข้าวในตอนแรก เพียงแต่ข้าวของพี่มันมีเหล้าขายเป็นอาหารเสริมนั่นเอง ผมนั่งคั่นกลางระหว่างพี่อาร์ตกับพี่หนู ตอนแรกพี่หนูมันจะให้ผมนั่งในสุด แต่พี่อาร์ตคงจะรังเกียจพี่หนูมากจนต้องดึงผมให้ผมนั่งคั่นกลางเอาไว้ มันจึงกลายเป็นพี่หนูที่ต้องนั่งด้านในสุด แม้ว่าสีหน้าพี่มันจะโคตรไม่เต็มใจก็ตาม

ไม่พอใจอะไรของพี่มันวะ???

พอมาถึงร้านลงแท็กซี่พี่หนูกับพี่อาร์ตก็แย่งกันจ่ายเงิน เออ! เอาเข้าไป ดี…ผมไม่ต้องจ่ายสักอย่าง ยิ่งจนๆ อยู่

“อ้าว…พี่มิก วันนี้กี่ที่ดีครับ” เดี๋ยวนะ! มิก มิกไหนวะ ผมหันไปมองหน้าพี่อาร์ตแต่ดูเหมือนพี่อาร์ตเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน สายตาของเราสองคนจึงหันไปมองร่างของพี่หนูมันแทน พี่หนูยิ้มให้พนักงานคนนั้นระหว่างที่พับแขนเสื้อของตัวเองขึ้นมาจนถึงศอก

“สามที่ ขอเมนูที่กูสั่งมาประจำ กับเหล้าสามกลม น้ำแข็งโซดา…แค่นั้น” ดูเหมือนผมกับพี่อาร์ตจะได้คำตอบโดยไม่ต้องเอ่ยถามใดๆ ให้เปลืองน้ำลายเลย แค่มองพี่มันคุยตอบโต้แบบเป็นกันเองก็พอจะรู้แล้ว

“งั้นทางนี้เลยพี่ เงียบๆ เพลงคลอเบาๆ อย่างที่พี่ชอบ”

“อืม…” พี่หนูมันรับคำเบาๆ ก่อนจะเดินตามพนักงานคนนั้นเข้าไปในร้านตรงมุมขวาช่วงในสุด เงียบ และบรรยากาศดีอย่างที่เด็กคนนั้นบอกจริงๆ ถึงจะดูไม่หรูหราเท่าร้านของชายเพื่อนไอ้ปาเมื่อครั้งก่อน แต่ก็ถือว่าชวนให้นั่งกินลมชมวิวฟังเพลงเพลินๆ ได้

“รอแป๊บนะพี่มิก เดี๋ยวผมจะไปบอกในครัวให้”

“เออ”

พอเด็กคนนั้นเดินออกไป ผมก็ขยับตัวเข้าไปใกล้พี่หนูมันแทบจะทันที ไอ้ความอยากรู้อยากเห็นของผมมันพุ่งสูงกว่าความร้อนในภูเขาไฟ

“พี่ๆ อะไรคือมิกวะ พี่ไม่ได้ชื่อหนูหรอกหรือ?” ผมถามออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น อืม…ของผมเองนี่ล่ะ

“ไม่…กูชื่อมิกกี้ ที่บ้านเรียกกูว่ามิก แต่เพื่อนกูมันบอกมิกกี้ก็คือหนู มันเลยเรียกกูว่าหนูมาตลอด” เว้ยๆ สุดยอดเลยวะ ชื่อแม่งโคตรอินเทรนด์แต่ดันไม่บอกคนอื่นให้คนอื่นเรียกว่าหนู ต่อมความรู้สึกของพี่มันตายด้านหรือ?

“โห…ชื่อดูดีเนอะพี่” ผมบ่นเลื่อนลอยเพราะพอเทียบกับชื่อผมแล้ว ไม่ติด ผมนี่ล่ะเทียบพี่มันไม่ติด อิจฉาโว้ยยยย

“ดีแต่ชื่อน่ะสิ หึ!” พี่อาร์ตยิ้มเยาะ ทั้งที่ยังคงหันหน้าไปอีกทาง

“อย่างอื่นกูก็ดี หรือมึงอยากลอง?”

“สัตว์!!”

“หึ! ...” ผมหันมองพี่หนู เอ่อ พี่มิกที่ตอนนี้ริมฝีปากกระตุกยิ้มอันตรายกับแววตาที่จับจ้องพี่อาร์ตเหมือนสัตว์ร้ายเวลาเจอเหยื่อน่ากิน ส่วนพี่อาร์ตสีหน้ายุ่งเหยิงจะเรียกว่าหงุดหงิดหรือโมโหดี ถ้าพี่อาร์ตมันเรียกไปต่อยหน้าร้านได้นี่พี่อาร์ตมันคงทำอะผมว่า เป็นผม ผมก็ลากไปต่อย ดูคำพูดคำจาสิครับ ชวนให้เอาตีนไปลูบหน้ามาก

รออยู่สักพัก ทั้งเหล้าทั้งอาหารก็มาเต็มโต๊ะ สงครามน้ำลายถึงได้เงียบลงไป ผมกับพี่อาร์ตกินข้าวกันก่อนเป็นสิ่งแรก ด้วยกบัวว่าท้องว่างแดกเหล้าไปจะเมาเร็วขึ้น พออาหารตรงหน้าพร่องไปเยอะนั่นล่ะครับ เหล้าก็เริ่มเข้าปาก พี่หนู ผมหมายถึงพี่มิกน่ะ พี่มันเอาแต่จิบเหล้าเงยหน้าขึ้นหลับตาฟังเพลง ปล่อยอารมณ์ไปกับบรรยากาศที่เงียบๆ กับเพลงเพราะๆ ถุย! นี่พี่มันคิดว่ามันพาเด็กฝึกงานมาเลี้ยงหรือไง อยากกลอกตาให้พี่มิกมันจริงๆ

ความเงียบเริ่มกลับมาสู่โต๊ะ ทั้งผม พี่มิกหรือแม้แต่พี่อาร์ตก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ ผมเหลือบมองพี่มิกกับพี่อาร์ตอยู่เงียบๆ แบบไม่ให้รู้ตัว และบ่อยครั้งที่ผมเห็นว่าพี่หนูมันจ้องใบหน้าของพี่อาร์ตโดยที่พี่อาร์ตไม่ได้รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ มันแปลก…เพราะแววตาของพี่มิกมันดูร้อนแรง มันชวนให้ผมเสียวสันหลังแทนคนที่ถูกจับจ้อง ผมไม่สามารถอธิบายได้ พอหาเหตุผลของแววตาคู่นั้นไม่ได้ผมจึงปล่อยให้มันเป็นเพียงเรื่องของพวกเขาสองคน กลับมาจมอยู่กับความคิดตัวเอง

ไอ้ปา…ภาพวันที่ผมนั่งรถไปกินข้าวกับมัน ภาพของการหัวเราะให้กันมันย้อนกลับมาในหัวไม่มีหยุด ยิ่งผมกลืนน้ำสีอำพันในแก้วไปมาเท่าไหร่ ภาพพวกนั้นยิ่งชัดเจน หัวใจยิ่งบีบรัดด้วยความทรมานที่เจียนตาย คำพูดร้ายๆ ที่มันพูดกับผม หรือแม้แต่คำพูดหวานๆ ที่มันชอบพูดเพื่อแกล้งผม มันยังชัดเจนเหมือนผมย้อนกลับไปอยู่ในช่วงเวลานั้นอีกครั้ง

อยากหัวเราะ…แต่เสียงที่ออกมากลับคล้ายการเยาะเย้ยตัวเอง

อยากร้องไห้…ก็ทำได้แค่เงยหน้าขึ้นให้น้ำตามันขังอยู่ในดวงตา ไม่ให้แสดงความอ่อนแอ

เพื่อนคนเดียวของผม กลับทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าตัวผมเองไม่มีใคร แต่ยังดีที่ผมยังเหลือพี่อาร์ตกับพี่มิก ไม่อย่างนั้นผมก็คงกลายเป็นไอ้นก…คนที่ไม่มีใครคบหรือเห็นใจ สังคมที่ต้องใส่หน้ากากผมไม่ชินเลย ไม่เคยชินกับมันสักครั้ง ต้องคอยระวังหลัง ไม่ให้ถูกใครแทงจนตาย แต่สุดท้ายผมก็ถูกเพื่อนที่ไว้ใจที่สุดทำร้าย จนต้องซมซานมาให้ศัตรูสงสาร

ไม่เอาดีกว่า รู้สึกว่าจะดราม่าเกินไปแล้วสิผมนี่

“เป็นอะไรมึง ตาแดงๆ” พี่มิกถามผมเบาๆ คงรู้ว่าผมกำลังเป็นบ้าทางอารมณ์อีกแล้ว

“โน้กกกก…มาหากูมา ม่ายต้องไปกล้ายมาน” โห…ผมจมอยู่กับตัวเองแป๊บเดียวพี่อาร์ตของผมเมาเละเลยหรือ ใครชงให้พี่มันวะ??

ผมเห็นสภาพของพี่อาร์ตแล้วก็เลยกลับไปจ้องไอ้พี่มิกมันอีกครั้ง ครั้งนี้พี่มิกมันหลบตา ยกแก้มเหล้าขึ้นมาจรดปากแล้วยิ้ม นี่พี่มึงแกล้งเขาหรือ! เวรกรรมอะไรของไอ้นกวะเนี่ย อยากจะเมากลับต้องมาดูแลคนเมา โอ๊ยยยย อยากเมาบ้างงงงงง

“แดกๆ ไปเถอะ เดี๋ยวกูรอเก็บศพทั้งมึงและมันนั่นล่ะไม่ต้องห่วงหรอก” ผมส่งสายตาถามประมาณว่าพี่มันแน่ใจใช่ไหมว่าไหว พอเห็นว่าพี่มันพยักหน้าผมจึงผ่อนลมหายใจแล้วกระดกเหล้าไม่หยุดมือ

“เออพี่หนะ เอ่อ พี่มิก”

“ว่าไง…” พี่มิกวางแก้วเหล้าลงก่อนจะพิงเก้าอี้กอดอกมองผมราวกับจะบอกผมว่า มีอะไรก็พูดมา

“ผมสงสัยวะพี่ ชื่อพี่มันก็โคตรดีนะ ทำไมพี่ไม่บอกคนอื่นวะว่าชื่อมิก ไม่ใช่ชื่อหนู” ชั่วขณะหนึ่งผมรู้สึกเหมือนมีคำว่าเสือกอยู่บนหน้า แต่แค่แป๊บเดียวทันก็หายไปทันที อะไรวะ คิดไปเองหรือ?

“ชื่ออะไรมันก็เหมือนกันนั่นล่ะ ถ้าไม่ใช่คนที่สำคัญกับกู จะเรียกอะไรก็เรื่องของพวกมันเถอะ” ผมพยักหน้าหงึกอย่างพอจะเข้าใจได้

“ผมเข้าใจ” แต่จะว่าไม่เข้าใจก็ไม่เข้าใจ เอ่อ….

“ฟังนะนก ชื่ออ่ะ ขอแค่รู้ว่ามีไว้เรียกเรา…มันก็แค่ชื่อ มึงไม่สนใจ ไม่ไปคิดถึงมันมาก มันก็แค่คำเรียกเท่านั้น”

“…” มันก็…ใช่

“แต่ถ้าเป็นคนสำคัญของกู กูย่อมต้องอยากให้เขา เรียกชื่อของกูที่พ่อแม่เป็นคนตั้งให้กูอยู่แล้ว เพราะนั่นคือชื่อกู ต่อให้ใครบอกมันจะดูตุ๊ดดูเหี้ยอะไรก็ตาม ถ้ามันถูกเรียกออกจากปากคนที่กูรัก กูชอบทั้งนั้น”

ผมเงียบ เพราะสิ่งที่พี่มิกมันพูดมามันคือความจริง สำหรับผมตอนที่หลินเรียกผมว่านก มันคือความรู้สึกที่เรียกได้ว่าชอบ เป็นครั้งแรกที่ผมชอบชื่อของตัวเอง แต่ผมก็คอยโทษแต่ชื่อว่ามันทำให้ผมเสียไปทุกสิ่งทุกอย่าง ขนาดตำแหน่งดีๆ ผมยังเสียมันไป มือของผมกำจนแน่น ทว่ามันกลับสั่นระริกจนน่าสงสาร

แต่ใครจะมาสงสารผมกันล่ะ

ผมต้องคอยปลอบตัวเองสินะ เป็นแค่ไอ้นกกับชีวิตนกๆ ไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้ใครมาเห็นใจอยู่แล้ว ความตึงๆ ทางอารมณ์ทำให้ผมเร่งกระดกเอาเหล้าขมๆ เข้าปากอย่างไม่คิดจะหยุดมือ จากแก้วที่พร่องไปก็ถูกเติมจนเต็ม ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ผมกินมันจนหมด แก้วของผมก็ไม่เคยหมดจริงๆ เลยสักครั้ง

ราวกับว่าผมกำลังถูกมอม

แต่บ้าสิ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว พี่หนูมันจะมามอมผมทำไมกัน เอาเป็นว่าผมเรียกพี่มันว่าพี่หนูแล้วกัน ผมเริ่มจะสับสนเองแล้วตอนนี้

ผมสะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆ ออกไปจากหัว ตัวผมเองตอนนี้เองก็เริ่มมึนๆ แล้วเหมือนกัน ภาพตรงหน้าเริ่มซ้อนทับจนมองแทบไม่ออก แต่ผมรู้สึกเหมือนเห็นพี่หนูมันนั่งกับใครสักคน ลักษณะคล้ายๆ พี่อาร์ตเลยวะ แต่ไม่ใช่หรอกมั้งครับก็พี่อาร์ตนั่งอยู่ข้างๆ ผมนี่นา คงเป็นใครที่คล้ายพี่อาร์ตมากกว่า ผมโยกตัวโยกศีรษะไปมาตามจังหวะเพลง ทั้งที่ใบหน้าเริ่มแดงดวงตาก็ปรือเสียจนแทบจะปิดอยู่เต็มที

หือ? มือที่หนูมันกำลังลากจากเอวของคนข้างกายลงไปยังสะโพก ใช่ครับ ตูดผู้ชายนั่นล่ะ ผมหัวเราะเบาๆ ออกมากับการกระทำที่หน้าไม่อายของพี่มัน ดูสิครับ โดนลวนลามขนาดนั้นยังนั่งนิ่งซบไหล่พี่หนูมันอยู่ได้ คนอะไรหน้าด้านชะมัดเลย! ผมแอบเบ้ปากใส่ผู้ชายที่คล้ายพี่อาร์ตผู้แสนดีของผมอย่างไม่ค่อยพอใจ นี่ถ้าพี่อาร์ไม่เมาคงลุกขึ้นมากัดพี่หนูอีกสักรอบแล้วล่ะ

สติของผมคล้ายๆ ว่าจะดับวูบไปกับเสียงเพลงที่ดังเข้ามาในหู ทุกสิ่งดำดิ่งลงสู่ห้วงความมืดมิดที่ทำให้ผมรู้สึกสบายและผ่อนคล้าย แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผมกลับรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงของโทรศัพท์เครื่องสวยของตัวเองดังขึ้นมา ผมไม่ไหวจะลุกแล้ว ผมจึงควานหาโทรศัพท์ตัวเองทั้งที่ยังไม่ลืมตา

“มีอะไร?” หืม? เสียงพี่หนูนี่ครับ กำลังคุยกับใครกันนะ

‘…..’

“หึ ใช่อยู่กับกูนี่ล่ะ อย่ามาขึ้นเสียใส่กู!”

“อื้อ!” ผมรำคาญ อยากจะไล่แต่ทำได้แค่ส่งเสียงให้รู้ว่ากำลังรบกวนการนอนของผมอยู่

“หึ! มึงคิดว่ากูทำอะไรมันล่ะ แต่จะว่าไป…แม่งโคตรรู้สึกดีเลยว่ะ”

รู้สึกดีอะไร? แต่ช่างเถอะ ผมง่วงจะตายอยู่แล้ว

“กูหรือ? นั่นสิ อยู่ไหนกันนะ คงแถวๆ ….ล่ะมั้ง หวังว่ามึงจะหาเจอนะ ปรมะ”

แล้วเสียงพูดคุยก็หายไปจากหูของผม แต่สิ่งที่มาแทนที่คือสัมผัสอันอ่อนโยนที่ลูบเส้นผมของผมอย่างแผ่วเบา พร้อมกับคำกระซิบที่แสนแผ่วเบาจนแทบจะจับใจความไม่ได้ริมหู

“กูไปก่อนนะนก…โชคดีนะ”

ไปไหนกัน ไปไหน ทำไมถึงทิ้งผมล่ะ ผมอยากจะลืมตาขึ้นมา อยากจะขยับปากถาม แต่ทุกอย่างมันหนักอึ้งไปหมด มันไม่ยอมฟังคำสั่งของผม ทั้งที่สั่งให้ลืมตาขึ้นมอง แต่กลับทำได้เพียงปรือตามองแผ่นหลังของพี่หนูที่อุ้มร่างของใครบางคนไว้แนบอกเดินกลับไป

ผมควรร้องไห้ไหม ทำไมผมถูกทิ้งอีกแล้ว

แล้วนี่พี่มันจ่ายเงินหรือยังก็ไม่รู้ ผมขยับร่างตัวเอง อยากดึงขึ้นจากความเมามายของตัวเอง แต่กลับเป็นเพียงการขยับตัวที่คล้ายการหาท่านอนที่ถูกใจเสียมากกว่า

ผมได้ยินเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา กับเสียงหอบหายใจราวกับว่าวิ่งมาไกลเหลือเกินค่อยๆ เข้ามาใกล้เรื่อยๆ นั่นยิ่งทำให้ผมขมวดคิ้ว ใครมา มาทำไม แล้วผมจะกลับบ้านยังไงล่ะไหนจะค่าเหล้าค่าอาหารอีก ผมไม่อยากลุกขึ้นเลย อยากให้มันเป็นแค่ฝันไป

“อื้ออออ”

ทำไมผมลอยได้ล่ะ ทำไมผมถึงรู้สึกคุ้นเคยกับวงแขนที่กำลังยกผมขึ้นมา ผมพยายามปรือตามองแต่เห็นเพียงโครงหน้าหล่อเหลารางๆ ที่แสนคุ้นตาเท่านั้น ก่อนที่ความง่วงงุนจะจู่โจมผมจนต้องจมอยู่กับอกกว้างของใครบางคน กลิ่นของเขาทำให้น้ำตาของผมซึมออกมา ร่างกายสั่นสะท้านกับแรงสะอื้นไห้อยู่กับแผ่นอกที่มีเสื้อสีฟ้าอ่อนสวมทับอยู่

กลิ่นที่ผมรู้จักดี กลิ่นที่ผมมักจะสบายใจเสมอเวลาเจ้าของกลิ่นเข้ามาใกล้ๆ

และเป็นกลิ่นเดียวกับคนที่ทำให้ผมทรมานจนต้องระบายออกมาเป็นหยดน้ำตา

“ปา…ฮึก”

มันใช่ไหม เป็นมันจริงๆ ใช่ไหม ผมกำเสื้อที่อกของผู้ชายที่อุ้มผมจนแน่น ไม่สนใจว่าเสื้ออีกฝ่ายจะยับยังไง น้ำตาของผมยังคงนองหน้า ไหลลงมาจนชุ่มไหล่กว้างของเขา แต่เขาไม่ได้รังเกียจผม มือที่แสนอบอุ่นไม่เคยผลักไสผมออก กลับกัน มันกลับยิ่งทวีความอ่อนโยนมากขึ้นจนผมหวั่นไหว

เพราะผมเมาใช่ไหม เพราะผมกำลังเมาใช่ไหมถึงเจอกับภาพลวงตาในตอนนี้

ถ้าใช่…ผมไม่อยากตื่นอีกแล้ว ไม่อยากให้มันหายไปอีกแล้ว

เพื่อนคนสุดท้ายของผม ไอ้ปา…





TBC



กรี๊ดดดดก พี่มิกขาาาา มาอุ้มแมวด้วยสิค้าาา ความจริงน้องโหยหาปามากนะคะ ก็เขาสองคนสนิทกันมาสองสามปี ตัวติดกันตลอดน้องเลยเคว้งก็ไม่แปลก แต่ปาคะ น้องเมานะลูก อย่าทำอะไรน้องล่ะรู้ไหม แม่ๆอย่าเพิ่งเบื่อเพราะหาสาระใดๆจากหัวน้องนกไม่ได้เลยนะคะ เพราะต่อไปก็...ไม่มีสาระเหมือนเดิมค่ะ (ฮ่าๆ) 

ปากินนก

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1414
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
สงสารนกอ่ะ ปาก็นะรักเค้าแต่ก็ปิดบังตัวตนทุกอย่าง เานความเชื่อใจจะโทษใครได้

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
หนูนกลูกกกกกกกก

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยิ่งอ่านยิ่งเกลียดปา  ฮือๆๆ  :ling1:

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
ตอนที่ 9.

 นกตัวนี้สำคัญมาก 

หนักจัง….

มันคือสิ่งแรกที่ผมรู้สึกถึงขนาดที่เป็นตัวปลุกผมจากความฝันจนน่ารำคาญ ผมยังอยากจะนอนต่อ ยังอยากจะจมอยู่กับฝันเมื่อคืนนี้ ความฝันที่ผมได้มีมันอยู่เคียงข้างอีกครั้งเหมือนกับเมื่อก่อน ผมไม่อยากจะยอมรับว่า ความฝันเมื่อคืนนี้มันช่างดีกับผมเหลือเกิน มันช่วยให้จิตใจที่เริ่มอ่อนแอของผมนั้น ได้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้ง

แต่ต่อให้ไม่อยากจะลืมตาขึ้นมาแค่ไหน ผมก็จำเป็นจะต้องลืมตาขึ้นมาอยู่ดี

เพราะน้ำหนักที่ทับจนผมแทบจะขาดใจตายอยู่ตอนนี้ มันเพิ่มขึ้นอีกแล้ว!!!

ใครมันเอารถถังมาทับผมวะ!

“โอ๊ย...หนักนะโว้ย!!!” ผมตกโกนออกไปทั้งที่ยังมองเห็นไม่ชัด มือ แขนและขาของผมชาเหมือนถูกวางยาชาเอาไว้ แต่ไอ้ท่อนซุกที่ดูคล้ายๆ ท่อนขาของคนนั้น ทำให้ผมต้องพยายามเอามือตัวเองออกมาจากการถูกทับไว้ให้ได้

“ฮึบ...”

อา...ในที่สุด เลือดของผมก็สามารถเดินทางไปเลี้ยงที่แขนสักที ทับเสียจนผมนึกว่าพิการไปแล้ว

ผมมองก้อนผ้าสีขาวที่ห่อตัวใครบางคนเอาไว้จนมิด มีเพียงช่วงขาที่โผล่ออกมาทับตัวผมอยู่ในตอนนี้เท่านั้น ซึ่งผมคงยังไม่เสียเวลาไปเปิดดูหรอกว่าใคร เพราะสิ่งที่ผมควรจะทำตอนนี้คือ การหาอากาศหายใจให้ตัวเองก่อน เริ่มจากการยกไอ้ท่อนขาควายๆ ที่หนักสักสิบตันนี่ออกจากตัวผมโดยเร็วที่สุด

ผมยกท่อนขาปริศนานี่ออกอย่างแรงเรียกว่าผลักเลยก็ได้ คนอื่นอาจจะกลัวว่าไอ้บุคคลปริศนาข้างๆ จะตื่น แต่ผมไม่กลัว กล้าดียังไงมาฆ่าผมด้วยวิธีนี้ จะให้ผมเป็นข่าวหน้าหนึ่งว่าขาดอากาศหายใจตายเพราะถูกทับด้วยขาปริศนาหรือครับ ไม่เอาหรอก ไม่เห็นจะเท่เลย ขอเป็นรวยจนตายหรืออะไรแบบนี้ได้ไหมครับ นกจะไม่บ่นเลยสาบาน

“บ้าเอ๊ย!” แน่นอน เสียงผมเอง ทั้งที่ออกแรงไปขนาดนั้น ไอ้ขาปริศนานี่ยังไม่ยอมขยับออกไปเลย ผมต้องกลั้นหายใจพยายามกลิ้งตัวออกมาจากท่อนขานั่นแทน เพราะไม่อย่างงั้นผมคงตายก่อน

แล้วในที่สุดผมก็หลุดออกมาได้~ พร้อมกับความฉิบหายของบั้นท้ายผม

ตุบ

“โอ๊ย...บ้าจริง” ผมต้องลูบคลำที่ก้นตัวเองเมื่อดันพาตัวเองร่วงลงมาข้างเตียง ซวยแต่เช้าจริงๆ เลย เวรกรรมอะไรของผมวะเนี่ย

“ลงไปทำอะไรตรงนั้น”

เสียงนี้มัน….ไม่จริง!

“ไอ้ปา!” ใช่มันจริงๆ ผมอ้าปากค้าง ลืมไปหมดกับความเจ็บปวดตรงก้นที่ตกลงมากระแทกกับพื้น

บ้าจริงๆ ผมเมาจนคิดว่าเมื่อคืนที่ได้สัมผัสมันคือความฝันงั้นหรือ? ต้องเมาขนาดไหนนะถึงจะเป็นได้ขนาดนั้น แล้วไหนจะห้องนี้อีก เพราะผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการอึดอัดคล้ายคนถูกทับจนหายใจไม่ออก ผมถึงไม่ได้มองให้ดีๆ ว่าที่นี่คือที่ไหน บ้าเอ้ย! ผมพลาดมาก พลาดมาอยู่กับมันแบบนี้ได้ไงวะ แล้วพี่หนูล่ะ พี่หนูกับพี่อาร์ตหายไปไหน!!

“ก็กูไง” ก็มึงไง กูก็หมายถึงมึงนั่นล่ะ

“ทำไมกูมาอยู่ที่นี่!” ผมควรกลับพร้อมพวกพี่หนูสิ แบบนี้มันจะแปลกเกินไปแล้ว

“กูเป็นคนหิ้วมึงกลับมาเอง” ท่าทางการพูดสบายๆ กับการนอนเท้าแขนมองผมช่างหล่อ เอ่อ ไม่ใช่สิ ต้องบอกว่า กวนตีนมากๆ เลยต่างหาก อย่างไอ้ปา เพื่อนเหี้ยๆ แบบนี้ ไม่มีหรอกคำว่าหล่อในหัวผม

“แล้ว แล้วพี่หนูล่ะ พี่หนูไม่มีทางให้กูกลับมากับมึงแน่!” ผมกลัว…กลัวว่าสิ่งที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำที่คล้ายจะเป็นความฝันนั้น จะกลายเป็นความจริงที่ผมอับอาย ช่วยให้มันเป็นแค่ฝันทีเถอะครับ

แต่ไอ้ปากลับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแล้วยิ้มเยาะผม กูเห็นนะ!

“มันทิ้งมึงไว้ที่ร้าน แบบนี้มึงยังจะเรียกว่า ‘ไม่มีทางให้มึงกลับมากับกู’ อีกไหมวะนก”

“กะ โกหก!”

ใช่ มันต้องโกหก มันโกหกผมตลอด ผมไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด

ไม่ว่าจะเรื่องไหนๆ ไอ้ปาก็โกหกผมมาเสมอ จะมาเชื่อมันเพราะมันพาผมกลับบ้านของมันแบบนี้ ผมไม่ยอมเชื่อเด็ดขาด จำได้ไหมไอ้นก มึงจำได้ไหมว่ามันโกหกมึง จำได้ไหมว่าเจ็บแค่ไหนวันที่ได้รู้ความจริงจากปากของคนอื่น หยุดโง่ หยุดเชื่อคำพูดมันสักทีเถอะ หยุดทำตัวไร้สมองมองว่ามันเป็นเพื่อนที่แสนดีของมึงได้แล้ว มันไม่ใช่ ไม่ใช่อีกแล้ว เพื่อนคนนั้นมันเป็นแค่ภาพลวงตา ที่ไม่มีวันจะปรากฏตัวขึ้นมาเวลาที่เราลืมตาหรอก

ผมแค่นยิ้มออกมาเมื่อนึกย้อนไปในคราวที่มันเลี้ยงข้าวผม ในวันที่ผมได้รู้ความจริงที่แสนเจ็บปวดว่าผมกับมัน เป็นเพื่อนกันไม่ได้ มันโกหก มันหลอกลวง และมันคือคนที่ทำให้ผมก้าวไปข้างหน้าอีกไม่ได้ ต้องย่ำอยู่กับที่ เป็นคนที่ทำให้ความหวังของผมพังทลายลง แล้วผมยังจะเชื่ออะไรมันได้อีก!

“กูจะโกหกมึงไปทำไมวะนก?”

“คงเหมือนที่มึงโกหกกูมาหลายปีล่ะมั้ง” ไอ้ปาถอนหายใจดันตัวเองขึ้นมายืนอยู่ตรงหน้าผม ผมเองก็ลุกขึ้นยืนเช่นกัน ตอนนี้จึงกลายเป็นผมกับมันยืนประจันหน้ากันอยู่

“เมื่อไหร่มึงจะหยุดพูดเรื่องนี้สักทีวะนก กูพูดกับมึงไปหลายครั้งแล้วนะว่ากูขอโทษ”

“…” ใช่…มันพูด! แต่ใจของผมมันรับคำขอโทษแล้วยื่นการอภัยให้มันไปไม่ได้ ผมเจ้าคิดเจ้าแค้นหรือ ก็ไม่! แต่ผมเพียงแค่ปกป้องตัวเอง เจ็บแล้วก็แค่จำมันก็เท่านั้น ผมไม่ได้แค้นเคือง ไม่ได้คิดแค้นอยากเอาคืนกับมัน สำหรับผมแล้ว สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้คือกลไกปกป้องตัวเองจากคำโกหกที่อาจจะมีอีกของไอ้ปา ไอ้ปาจับมือผมเอาไว้แล้วมองตาอย่างจริงจัง

“เฮ้อ…มึงไม่เข้าใจหรือวะ ว่ากูแคร์มึงมากแค่ไหน มึงไม่เข้าใจหรือว่าทำไมกูต้องเฝ้าตามง้อมึง ทั้งที่กูไม่จำเป็นต้องทำก็ได้” ผมสะอึก ไม่ใช่เพราะจริงอย่างที่มันพูด แต่คนที่เคยมีแผลแบบผม ไม่สิ ต้องเรียกว่า คนที่กำลังน้อยใจมันอย่างผม มาเจอคำพูดแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับราดน้ำมันลงสู่กองไฟ

ไม่จำเป็นหรือ ใช่สิ ไม่จำเป็นสักนิด

ถ้าอย่างนั้นมึงจะมาง้อกูทำไม!!

“หึ! ...” ผมสะบัดมือออกอย่างแรง ในสายตาของผมไอ้ปาก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด ความจริงแล้วมันอาจจะเป็นคนแบบนี้อยู่แล้วก็ได้ ผมมันโง่เองที่ไปเชื่อภาพลวงตาที่มันสร้างขึ้นมาในตอนนั้น

“นก มึงแม่ง!”

“กูทำไม? กูขอให้มึงมาง้อหรือ? ก็เปล่า มึงทำของมึงเองไหม กูบอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามายุ่งกับกู!” ใช่! แต่มันก็ไม่ยอมหยุด ความผิดผมตรงไหน!

“….”

“มึงอยากเลิกง้อใช่ไหม เอาสิ…กูไม่เคยห้ามมึงอยู่แล้ว ดีเสียอีกกูจะได้อยู่อย่างสงบสักที” ทั้งที่ในใจผมเจ็บ แต่ก็เลือกจะสาดคำพูดร้ายๆ ออกไป เพียงเพื่อให้มันเจ็บเหมือนผม

แต่ผมรู้ดีว่ามันไม่ได้ผลหรอก คนอย่างไอ้ปรมะ มันไม่มีหัวใจ!

“นก!” เฮอะ! คิดว่าตีหน้ายักษ์เรียกชื่อผมเสียงดังแล้วผมจะกลัวหรือ? ไม่มีทาง

“ทำไม? กูพูดอะไรผิด ทุกวันนี้มีแต่มึงนั่นล่ะที่ อื้อ!!”

ผมเบิกตากว้างจนแทบจะหลุดออกมานอกแว่น เมื่อถูกไอ้ปามันดึงใบหน้าเข้าไปใกล้และประกบปากจู่โจมด้วยจูบหนักๆ ราวกับกำลังลงโทษผม

บ้า! นี่มันบ้าบอสิ้นดี!

“อื้อ ปล่อย อื้ม!” ผมทั้งทุบทั้งตีทั้งหยิก ทำทุกอย่างให้มันหยุดขยี้ริมฝีปากของผมเสียที แต่มันกลับบีบแก้มของผมอย่างแรงจนต้องเปิดริมฝีปากออกรับลิ้นร้อนที่เข้ามากวาดต้อนหาความหวาน ผมพยายามจะส่ายหน้าหนี แต่ก็ทำได้แค่ส่ายหน้าไปเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากจะไม่ช่วยอะไรเลยแล้ว มันยังเป็นการเปลี่ยนมุมองศาให้อีกฝ่ายได้ขโมยจูบผมอย่างง่ายดาย

มันเห็นผมเป็นอะไรกัน?

อยากจะทำอะไรก็ทำ จะหลอกอะไรก็หลอก จะพูดอะไรก็พูดงั้นหรือ

น้ำตาของผมค่อยๆ ไหลลงมาพร้อมๆ กับเรี่ยวแรงที่ค่อยๆ หายไปจนไม่สามารถขัดขืนจูบอันจาบจ้วงได้อีก ผมหลับตาลง ปล่อยให้มันบ้าคลั่งอยู่อย่างนั้นจนกว่ามันจะหยุดไปเอง ไอ้ปาปล่อยมืออีกข้างหนึ่งออกจากใบหน้า เปลี่ยนมากระชับวงแขนให้ตัวของผมแนบชิดเข้ากับมัน

ใจร้าย ใจร้ายเกินไปแล้ว!

จนมันยอมถอนริมฝีปากออก ผมก็หมดเรี่ยวแรงจะพยุงตัวเองแล้ว ได้แต่หอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการถูกมันช่วงชิงลมหายใจไป มือของมันลูบแผ่นหลังของผมราวกับปลอบประโลม แต่ผมไม่รู้สึกดีด้วยหรอก การที่มันทำแบบนี้ไม่ต่างกับการตบหัวผมแล้วลูบหลัง

“อย่าพูดแบบนั้นอีก” ผมจ้องหน้ามันด้วยแววตาไม่ยอมแพ้ ร่างกายดิ้นรนเพื่อหนีออกจากอ้อมแขนแข็งแรงที่กอดรัดตัวผมอยู่ แต่มันช่างยากเย็นราวกับว่าสิ่งที่กำลังกอดรัดผมอยู่นั้นไม่ใช่อ้อมแขนของคน

“ปล่อยกู!”

อย่าไปกลัวมัน จ้องมันกลับไป อย่าไปยอมแพ้

“กูไม่ใจดีขนาดนั้นมึงควรรู้ไว้นก…” ไอ้ปามันใช้ปลายนิ้วเกลี่ยริมฝีปากที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของมัน จับจ้องด้วยดวงตาพราวระยับทว่ากลับแฝงไปด้วยอันตราย

“ไอ้เหี้ย!” คิดคำด่าไม่ออก เอาไปแค่นั้นก่อนแล้วกัน ก็เพิ่งโดนจูบมาเข้าใจไหม ผมเพิ่งโดนจูบมา แถมไอ้บ้านี่กลับจ้องเหมือนจะแดกปากผมเข้าไปอีก ไม่เขินมันก็ต้องเขินบ้างล่ะ แต่แทนที่มันจะโกรธกลับหัวเราะในลำคอเบาๆ คล้ายกับว่ากำลังตลกกับสิ่งที่ได้ยิน

มึงมันโรคจิต ไอ้เวร!

“เหี้ยสิ…ไม่เหี้ยกูจะทำแบบนี้ได้หรือวะ?”

“…” ผมกัดริมฝีปากตัวเองเอาไว้อย่างระงับอารมณ์ ร่างกายของผมกำลังสั่นเพราะการยอมรับคำด่าง่ายๆ ของผมอย่างเต็มใจ เหมือนมีคนมาพูดกับผมว่า มึงขี้แล้วไม่กดชักโครกใช่ไหม แล้วผมยืดอกตอบกลับไปว่า ใช่กูเอง มันก็จะอารมณ์นั้นล่ะครับ

“กูทำให้มึงหลุดจากการชิงน้ำแหน่งหัวหน้าได้…กูก็ไล่มึงออกได้นะนก”

แม่งเอ๊ย! มันจะเหี้ยเกินไปแล้ว คราวนี้ผมทั้งดิ้นทั้งทุบ ทั้งผลัก ทั้งต่อย พยายามทุกวิถีทางให้ได้หลุดออกจากอ้อมแขนของมัน สาบานเลยว่าถ้าผมสามารถรอดพ้นจากการกอดของมันได้ ผมจะต่อยหน้ามันให้หมดหล่อเลย มันพูดแบบนี้ได้ยังไงว่าจะไล่ผมออก มันก็รู้ดีว่าตัวผมเป็นยังไง ปัญหาของผมคืออะไร ทั้งๆ ที่รู้ก็ยังจะไล่ผมออก

“อยากไล่ใช่ไหม! ไล่กูเลย! แล้วสาบานเลยว่าชาตินี้มึงกับกูจะไม่มีวันได้เจอกันอีก” ใช่! ผมกลับไปบ้านก็ได้ ไปทำงานที่นั่นก็ได้ ไม่ตายผมย่อมต้องหาทางจนได้ ก็แค่งานที่นี่เงินดี ก็แค่สนิทกับคนที่นี่ ก็แค่…ผูกพัน ผมน่ะ ทิ้งมันได้อยู่แล้ว

“อย่าท้ากูนะนก! มึงกำลังยั่วโมโหกูอยู่!” เฮอะ! มันคิดว่าตัวมันโมโหเป็นคนเดียวหรือไง ผมไม่มีสิทธิ์รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของมันใช่ไหม

“มึงมันก็ทำได้แค่นี้ไอ้ปา ไม่ได้ดั่งใจมึงก็โมโห เฮอะ! สมเป็นลูกคุณหนูจริงๆ”

“ไอ้นก!”

“จะเรียกทำไม! รู้แล้วว่าชื่อนก! ไม่ต้องย้ำกูนักหรอก กูจำชื่อตัวเองดะ โอ๊ย!”

ดูเหมือนว่ามันจะสติแตกแล้ว สีหน้าดำทะมึนกับดวงตาแข็งกร้าวของมันจ้องหน้าผมอย่างน่ากลัว อ้อมกอดของมันรัดผมแน่นขึ้นเหมือนการกลั่นแกล้งให้ผมที่ทำอะไรไม่ได้ต้องเจ็บจนกระดูกทั้งตัวร้าวจนแทบจะแตกละเอียด เห็นมันตัวโต แต่ไม่นึกว่าจะแรงควายด้วย แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วครับ มันแรงควายจริงๆ

แต่ถามว่าผมยอมแพ้ไหม…

ผมบอกได้เลยว่า!

ยอม…ก็ผมเจ็บนี่

“เจ็บ ปล่อยกูนะ” ผมเลิกดิ้น เพราะสีหน้าของผมตอนนี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ไอ้ปาชะงัก อ้อมแขนค่อยๆ คลายแรงออกจนแทบจะไม่เหลือความอึดอัด แต่ก็ออกไปไม่ได้อยู่ดี เหมือนติดอยู่กับกาวเหนียวๆ

“เจ็บหรือ เจ็บมากไหม ขอโทษนะ”

สีหน้าของมันดูเหมือนสำนึกผิด มันจ้องหน้าผมตอนเอ่ยคำว่าขอโทษ ดวงตาสีดำคู่นั้นกำลังอ่อนลงและ…มันชวนให้ใจสั่นแปลกๆ

ตึกตัก

“ใจมึง…เต้นแรงจัง” มะ มันบ้าหรือไง! เรื่องแบบนี้ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้หรือเปล่า ผมหลุบตาลงจ้องมองที่แผ่นอกของมันแทน เพราะรู้สึกได้ว่าความร้อนกำลังแล่นขึ้นใบหน้า

“ขะ ของมึงหรือเปล่า ไม่ใช่กูสักหน่อย!” ผมกัดริมฝีปากที่สั่นระริกเอาไว้ แก้มสองข้างมันต้องแดงมากแน่ๆ ไม่ต้องส่องกระจกผมก็รู้ได้ ผมแอบเหลือบตามองหน้าไอ้ปา แต่เมื่อเห็นมันยิ้มพร้อมกับก้มลงมาช้าๆ ทำให้ผมเลือกจะปล่อยสายตาหาเห็บบนหน้าอกของมันแทน หรือเหา เผื่อมันจะเลี้ยงเอาไว้

“ก็ใช่…”

“ทำอะไร!” ผมร้องขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อมันจับมือผมขึ้นมาวางไว้บนหน้าอกของมัน เห็บเหาจะเดินเข้ามาหาผมไหมครับนี่

“ให้มึงลองสัมผัสดูไง…”

ไอ้ปาโน้มใบหน้าของมันลงมาจนหูของผมได้ยินเสียงลมหายใจของมัน

“มึงจะได้รู้ว่าใจกูก็เต้นแรง”

ขอผมจับขอผม touch นอนบนตักพี่สักพัก ขอสัมผัสได้มั้ยจ๊ะ

ใครก็ได้ ปิดเพลงในหัวผมที!!!!!











มันต้องบ้า ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ

และที่น่าจะบ้ากว่ามัน ก็คงเป็นผมนี่ล่ะ ที่ดันเขินกับคำพูดบ้าๆ ท่าทางบ้าๆ ที่ดูเหมือนการจีบสาวของมัน ตอนนี้ไอ้ปามันออกไปแล้ว แต่ขนาดมันออกไปก็ยังขู่ผมเอาไว้ว่า หากผมออกจากห้องของมันไป มันจะทำผมให้ยับ ยับจนไม่สามารถหนีมันได้อีก

น่ากลัว…มันคิดจะ

คิดจะ…

คิดจะ…

คิดจะกระทืบผมใช่ไหม! น่ากลัวจัง ผมกลัวแล้ว ฮื่อๆ ใครก็ได้ ช่วยนกที นกกลัว ไอ้ปาน่ากลัวจังเลยครับ โฮ~ ถ้าไม่กลัวว่าจะโดนมันกระทืบยับ ผมนี่หนีกลับบ้านแล้วครับ ไม่นั่งนิ่งเป็นหินอยู่แบบนี้หรอก นี่ก็กว่า20นาทีแล้วที่มันออกไป มันบอกจะไปหาข้าวหาอะไรมาให้ผมกิน ทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีไม่ให้ผมออกไป มันบอกว่าอากาศร้อนให้อยู่ในห้องตากแอร์ไป ไอ้ผมก็สบาย นั่งนอนตีพุงดูทีวีสบายใจสิครับ

“กลับมาแล้ว” แล้วไง? ผมต้องตอบกลับไปว่า ยินดีต้อนรับกลับบ้านหรือ? ฝันเถอะ!

“เออ” ผมหันไปสนใจอนิเมะที่ฉายอยู่ในทีวีมากกว่า ที่จริงผมต้องไปทำงาน แต่อย่างว่าล่ะครับ ผมถูกลูกชายเจ้าของบริษัทกักตัวเอาไว้ เพราะอย่างนั้น ถ้าบริษัทคิดจะไล่ผม ผมจะลากไอ้ปาเข้ามาอยู่ในวงสนทนาด้วย เพราะมันคือต้นเหตุทำให้ผมไม่ได้ไปทำงาน

“กูซื้อข้าวผัดทะเลมา กับกะเพราเนื้อ มึงจะกินกล่องไหน”

“กะเพราเนื้อ” ผมตอบกลับอย่างรวดเร็ว จนเห็นสีหน้ายิ้มอย่างอารมณ์ดีของมันนั่นล่ะครับ ผมถึงอยากจะตบปากตัวเอง ไอ้ปาเดินเข้ามาหาผม ทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาข้างๆ ผม แถมยังโน้มตัวเข้ามาหาจนผมต้องเอนตัวหนี มันจะทำอะไรอีก

“ขอบใจนะ”

“ขะ ขอบใจอะไรของมึง” มันยิ้ม มันยิ้มอีกแล้ววววววว

“ขอบใจที่ยังจำได้ว่ากูชอบข้าวผัด” บะ บ้าจริง! ผมเผลอเลือกสิ่งที่มันไม่ชอบมากินเองอีกแล้ว โอ๊ย! ผมพลาด! ผมพลาดดดดดด!!

“กะ กูก็แค่ ก็แค่อยากกินกะเพราเนื้อเถอะ มะ มึงหลงตัวเองแล้วไอ้ปา!” หัวเด็ดตีนขาดยังไงผมก็ไม่ยอมรับหรอกว่าผมเลือกกะเพราเนื้อเพราะมัน ไม่มีทาง…

“จริงหรือ?”

“จะ จะ จริงสิ! กะ กูจะโกหกมึงไปทำไมล่ะ” เย็นไว้ตัวผม อย่าแสดงพิรุธ จ้องใจเย็นเข้าไว้

“ถ้าอย่างนั้น…มึงหลบตากูทำไมล่ะ ไหน…มองหน้ากูหน่อยสิ” โอ๊ย แค่มองหน้าเอง สบายมาก!

“ได้เลย!”

“เอาสิ” ผมเลื่อนสายตาของตัวเองไปที่หน้ามัน ก่อนที่สายตาของผมจะปัดออกจากหน้ามันทั้งที่ยังมองไปไม่ถึงสองวิ

ฉิบหาย! ใกล้ฉิบหายเลยโว้ย!!

“ไหนบอกจะมองหน้ากูไง” ผมรู้สึกได้ว่าลมหายใจของผมเป่ารดอยู่ตรงแก้มของผม บ้าจริง ผมมองหน้ามันไม่ได้! อันตรายเกินไป

“มะ มึงก็ขยับออกไปหน่อยสิ”

“แบบนี้หรือ” ไอ้ปาขยับจริงๆ แต่ขยับมาหาผมมากกว่าเดิม

พ่อมึง! แบบนั้นเขาเรียกขยับเข้ามา! ไม่ใช่ขยับออก

“ขะ ขยับออก! ไม่ใช่ขยับเข้ามาหากู!” ผมบอกมันเสียงสูงมาก ถ้าแหกปากตะโกนใส่หูมันได้ ผมทำไปแล้ว แต่ถ้าจะตะโกนใส่หูมัน ผมก็ต้องหันหน้าไปหามันใช่ไหมล่ะ ผมทำไม่ได้หรอก ทำไม่ได้!!!!

“ทำไม อยู่ใกล้แล้วหวั่นไหวหรือ?”

“ใคร? ไม่มี๊”

“ถ้างั้นทำไมไม่หันมาล่ะ หรือเขิน”

“บ้านแม่มึงสิเขิน กูจะเขินมึงไปทำซากอ้อยอะไร” ใช่ ก็แค่ผู้ชายหน้าตาดีๆ ที่บอกว่าใจเต้นแรงในตอนที่กอดผม แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรเลย ไม่มี๊ ไม่มี

“หืม?” มันลากเสียงอย่างกวนตีนพร้อมกับขยับเข้ามาหาผมมากขึ้นไปอีก

นี่ผมกับมันแทบจะรวมร่างกันแล้วนะ จะขยับเข้ามาทำไมนักหนาวะ ผมจึงต้องยกมือขึ้นมาดันอกของมันไว้

“มะ มึง…ถอยออกไปหน่อยสิ บะ แบบนี้กูอึดอัด”

ตึกตัก ตึกตัก

อีกแล้ว…ใจเต้นอีกแล้ว ทั้งผมและไอ้ปา หัวใจของเราทั้งสองคนต่างก็เต้นแรงเป็นจังหวะเดียวกัน จนผมต้องรีบเอามือออกราวกับสัมผัสเข้ากับของที่ร้อนจนลวกมือ แต่ไอ้ปากลับไม่ยอมให้ผมถอย มันจับมือผมขึ้นมาวางไว้ที่เดิมอีกครั้ง ทั้งที่ผมไม่ได้หันหน้าไปมองเลยว่ามันทำสีหน้าแบบไหน แต่ผมรู้ดีเลยว่า ถ้าผมหันไปแม้แต่เสี้ยววินาที ผม…อาจจะไม่รอดก็ได้





50%









งุ้ยยยย ปาอย่างรุนแรงสิคะ สงสารน้องนกหน่อย น้องตัวนิดเดียวเองนะ

ปากินนก

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ llมว_น้oe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-4
“ถะ ถอยหน่อย” กูจะตายอยู่แล้วปา ใจกูจะหลุดออกมาอยู่แล้ว

“มึงรู้สึกใช่ไหม ว่าหัวใจกูเต้นแรงทุกครั้ง ที่อยู่ใกล้มึง”

ผมส่ายหน้าทันทีโดยไม่ต้องคิด จะพยักหน้าให้เรื่องเข้าตัวทำไมล่ะครับ ส่ายหน้าปฏิเสธไว้ก่อนเลย รู้ไม่รู้ค่อยคุยกับตัวเองทีหลัง ตอนนี้ ไม่อยากคุยกับมันแล้ว ยิ่งคุยกับมันผมยิ่งรู้สึกว่าตัวเองแปลกๆ ทั้งหัวใจที่เต้นแรงราวกับแผ่นดินไหว ทั้งความร้อนที่แล่นขึ้นสู่ใบหน้า ยิ่งทำให้ผมดูอ้อนแอ้นเข้าไปอีก ไหนจะความรู้สึกที่ตีรวนอยู่ในสมองกับหัวใจ ที่ผมยังแยกไม่ออกว่าเป็นความรู้สึกแบบไหนกันแน่อีก

อยู่กับไอ้ปาทีไร ผมรู้สึกเหมือนตัวเองหาคำตอบอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

“ตัวมึงแนบกูแบบนี้ก็ดีนะ” ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย! ผมเสียเปรียบชัดๆ เลยครับตอนนี้

“ร้อน…” ผมพูดออกมาเบาๆ

“อะไรนะ?” และเดาว่ามันคงได้ยินไม่ชัด จึงกัดปากแล้วพูดออกไปเสียงดังว่าเดิมนิดหนึ่ง

“กูบอกว่าร้อน ขยับออกไป” แต่ไอ้หน้าหนาข้างๆ มีหรือครับที่มันจะขยับ ไม่มีเสียหรอก มันยังคงตั้งหน้าตั้งตากวนตีนผมด้วยการเขยิบเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม จากที่แนบชิดอยู่แล้ว ในตอนนี้จึงกลายเป็นแนบแน่นจนไม่มีเหลือช่องว่างให้ผมได้หนี มันต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ถึงได้ทำแบบนี้ แต่ที่บ้ากว่าก็คงเป็นผมที่ดูจะตื่นเต้นเหลือเกิน

“ขยับแล้วนะครับ”

ทะ ทำไมต้องกระซิบด้วย

ผมก้มหน้ากัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงเพื่อระงับอาการแปลกๆ ที่ตีรวนขึ้นมาให้รู้สึก ไอ้ปามันทำสีหน้าแบบไหนไม่รู้ ผมน่ะไม่กล้าหันไปมองหรอก ที่ทำได้ก็คงได้แต่รอให้มัน ขยับออกห่างผมไปเอง

“นก…หันมาหน่อยสิ” เรื่องสิ เรื่องอะไรผมต้องหันไปด้วย

ผมส่ายหน้าทั้งที่รู้สึกได้ถึงความร้อนที่สัมผัสแผ่นหลังของผมในตอนนี้

“มึงจะอายอะไรวะ! กูก็เพื่อนมึงไหม” น้ำเสียงจริงจังที่เรียกสติผมให้กลับมาอีกครั้ง ใช่! ทำไมผมต้องอาย ต้องเขินมันด้วยล่ะ เราสองคนเป็นเพื่อนกัน มันเป็นเพื่อนผมและผมก็เป็นเพื่อนมัน เพราะงั้นไม่มีอะไรที่ชวนให้เขินเลยสักนิด ผมต้องหันไปสบตามันได้สิ จะมาเป็นบ้าเป็นบอแบบนี้ไม่ได้ ผมพยายามเตือนสติตัวเองก่อนจะหันขวับไปมองหน้ามันอย่างรวดเร็วจน…

จุ๊บ

พละ พลาดแล้ว! หลงกลมันจนได้!!!!

“ปากนุ่มจัง ปากนกนุ่มจัง”

อ๊ากกกก!!!

กรี๊ดดดด!!!!

โว้ยยยย!!!!

ผมอยากจะร้องดิ้นเป็นผู้หญิง หรือไม่ก็อาละวาดอะไรสักอย่างให้หายอับอาย ช่วงที่ผมหันหน้ามาเพื่อจะมองหน้าของไอ้ปา ปรากฏว่าไอ้ปามันอยู่ใกล้ผมมาก เหมือนมันรอจังหวะนี้อยู่แล้ว เพราะแบบนั้นพอผมหันไป ปากของมันกับผมถึงได้…ชนกัน

ชนกันไม่พอ! ไอ้ปายังกดแรงลงมาด้วย กดแรงเลยครับ กดจนปากผมแบนเลย!

“อะ อะ ไอ้!” ด่าไม่ออก จากที่โง่อยู่แล้วตอนนี้ผมเลยกลายเป็นไอ้เอ๋อที่นั่งหน้าแดงก่ำไม่กล้ามองหน้ามัน แต่ก็ไม่สามารถหันหนีได้เช่นเดียวกัน เมื่อไอ้ปามันใช้สองแขนกอดรัดตัวผมเอาไว้ ไม่ยอมให้หันกลับไปทางไหนอีก

“ไอ้อะไร? พูดไม่ดี ระวังจะไม่จบแค่เมื่อกี้นะ”

“จะทำไม? จะต่อยกันก็มาเลย กูไม่กลัวหรอก” ไอ้ปาได้ยินแล้วก็เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดีจนผมที่ได้ยินอดโมโหไม่ได้

“ต่อยทำไมล่ะ ต่อยไปก็มีแต่ต้องเจ็บตัว”

“วะ เหวอ…” อยู่ดีๆ ไอ้ปาก็ยกร่างของผมขึ้นมานั่งบนตักมันโดยที่หน้าของเราสองคนห่างกันแค่เพียงลมหายใจกั้นผ่าน ท่าทางล่อแหลมแบบนี้มันไปจำมาจากไหน! มันจะใช้กับผู้หญิงคนไหนก็ได้! แต่จะใช้กับเพื่อนแบบผมไม่ได้!!!!

“ถ้าเปลี่ยนเป็นตอดมึงก็ว่าไปอย่าง ว่าไง”

“พะ พูดเหี้ยอะไร!” ตอดเติดอะไร ใครเขาพูดเรื่องแบบนี้กัน อีกอย่างมันกับผมไม่ใช่ปลานะ จะมาตอดได้ยังไง แล้วผมก็ไม่ใช่ขนมปังด้วย ตอดไม่ได้! ผมห้าม!!

“ไม่เข้าใจหรือนก?”

“…” ผมเม้มปาก ไม่ตอบคำถาม กลัวว่าถ้าตอบไปมันจะเกิดเรื่องบ้าๆ ขึ้นอีก ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกว่าตาขวานี่กระตุกยิกๆ เหมือนจะเตือนอะไรผมสักอย่าง

“ถ้ามึงไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวกูแสดงตัวอย่างให้ดู”

“ห๊ะ? อ๊ะ!” ก่อนจะเข้าใจอะไรหรือถามอะไรไอ้ปาก ริมฝีปากร้อนผ่าวเหมือนถูกไฟลวกก็สัมผัสลงบนลำคอของผมก่อนจะขบเม้มมันเบาๆ แต่ก็สามารถทำให้ผมสะดุ้งได้

มันทำอะไร! มันทำบ้าอะไรแบบนี้!

นี่คือสิ่งที่ผมสงสัยและไม่เข้าใจ ผมจับจุดที่ถูกสัมผัสที่ลำคออย่างตกใจ เห็นมันมองหน้าผมตาพราวแล้วยิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นผลงานของตัวเองก่อนที่มือผมจะปิดมันเอาไว้ ลิ้นสีสดของไอ้ปาเลียไปตามริมฝีปากของมันเองอย่างพึงพอใจราวกับเสียดายรสหวานที่ได้ลองลิ้มรสไป

เสียดายอะไร ได้ข่าวว่ากูยังไม่ได้อาบน้ำนะโว้ย!

“มึงบ้าหรือวะ! มึงทำแบบนี้ไม่ได้!”

“ทำไมล่ะ?” ทำไมนะหรือก็เพราะ…

เพราะว่า…

“เพราะกูเป็นเพื่อนมึงไง! มึงต้องทำแบบนี้กับแฟน ไม่ใช่เพื่อนอย่างกูนะ”

มันอาจจะแค่อารมณ์ชั่ววูบ แค่ความรู้สึกเก็บกดของมันเท่านั้นก็ได้ ตัวผมเองอาจจะไม่ได้เป็นอะไร แต่เพราะช่วงนี้ไม่เคยได้ชิดใกล้กับใครขนาดนี้ ถึงได้เกิดความรู้สึกแปลกๆ จนควบคุมและหาคำตอบไม่ได้ง่ายๆ

ใช่! มันจะต้องเป็นแบบนั้นแน่นอน!

“กูก็แค่แสดงให้มึงเห็น จะได้เข้าใจว่าคำว่าตอดของกูเป็นยังไง”

“ฮะ เฮ้ยๆ” ผมได้ยินคำตอบของมันยังไม่หนาวเท่ากับฝ่ามือนั้นที่กำลังลูบไล้ตรงช่วงเอวของผมลงไปเรื่อยๆ

“หืม?”

“มือๆ ไอ้สัตว์ มือมึงน่ะ หยุดลูบสักทีสิวะ!”

“หึหึ” ไอ้ปาหยุดลูบตามที่ผมเตือน แต่ยังไม่ยอมปล่อยให้ผมลงจากตักของมันไปได้ แถมยังกอดเอาไว้ไม่ยอมปล่อยอีกต่างหาก นี่ถ้าไม่ติดว่าสภาพมันชวนให้คิดลึกนะ ผมจะนั่งทับให้ขามันชากันไปข้างหนึ่งเลย

แต่ตอนนี้คงไม่ดี ขืนนั่งนานๆ บางทีผมอาจจะโดนท่อนซุงตำก้นเอาได้ เพราะงั้น…ลงจากตักมันอย่างไวเลยดีที่สุด

“ปล่อยสิ กูจะแดกข้าว” สีหน้าของผมเต็มไปด้วยความไม่ชอบใจ ขึงตาใส่มันจนแว่นจะแตกเพราะแรงแค้นอยู่แล้ว แต่ไอ้ปามันเคยรับรู้หรือครับ นั่งยิ้มอย่างอารมณ์ดีเหมือนคนบ้าก็ไม่ปาน

“ไอ้เหี้ยปา! กูจะไปแดกข้าว!” ใช้เสียงก็แล้ว ส่งสายตาก็แล้ว แต่ไอ้คนที่ถูกผมทับกลับไม่ยอมขยับเขยื้อนส่วนไหนที่นอกจากมือ

มันเริ่มลูบผมอีกแล้ว! มันเป็นบ้าหรือไงนะถึงเอาแต่ลูบผมอยู่ได้!

“อะ ไอ้!!”

“โอเค กูปล่อยก็ได้” สมควร จริงๆ มึงควรจะปล่อยกูตั้งนานแล้ว ไม่ใช่อ้อยอิ่งกระทิงแมวอยู่จนกูเมื่อยตูดจากการเกร็ง! แต่ผมก็ได้แค่คิดนั่นล่ะ จะพูดออกไปได้ยังไง เดี๋ยวกัด เดี๋ยวตอด ผมยังอยากมีชีวิตรอดอยู่นะครับทุกคนนนนน

“ไหนข้าว!” เสียงที่ใช้ถามออกจะเต็มไปด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย โอเค ไม่น้อยก็ได้ ก็ผมไม่ชอบที่มันทำนี่ครับ ไม่ชอบเลยจริงๆ ทำเหมือนผมเป็นผู้หญิงไปได้

“รอสักครู่นะครับ…”

สีหน้ากับรอยยิ้มและเสียงที่ตอบรับผมมันช่าง…ชวนให้เอาตีนไปลูบหน้ามันเหลือเกิน ผมเกลียดท่าทางแบบนี้ของมันจริงๆ ท่าทีที่บ่งบอกว่าเล่นสนุกมากพอแล้วถึงได้ปล่อยไปแบบนั้น ยิ่งทำให้ไฟโกรธในใจของผมมันเริ่มปะทุขึ้นมาอีกรอบ ผมกับไอ้ปาดูท่าคงจะดีหันยากแล้วล่ะครับ

อา…พอคิดแบบนั้นอยู่ๆ หัวใจของผมก็กระตุก แถมยังสั่นอย่างไม่มีเหตุผลอีกต่างหาก

ความจริงแล้วผมควรจะต้องยินดีหรือไม่ก็ดีใจสบายใจไม่ใช่หรือ ที่มันจะเป็นแบบนั้นไปได้สักที ผมจะได้ตัดขาดจากมัน และมันจะได้เลิกวุ่นวายกับผม ก็แค่กลับไปเป็นคนที่ไม่มีเพื่อน ไม่มีใครคบ ส่วนมันก็กลับไปเป็นลูกชายของเจ้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ คงจะมีคนล้อมหน้าล้อมหลัง มีสาวๆ เข้าคิวให้มันเลือก เราก็แค่ต่างคนต่างอยู่ในจุดที่ตรงกันข้าม และไม่มีวันผสานมันเข้าด้วยกันได้อีก

ใช่…มันคงต้องเป็นแบบนั้นสินะ

ฮ่าๆ เป็นแค่ไอ้นกแท้ๆ จะหวังอะไรมากมายวะ

“เป็นอะไร…” ไอ้ปามันนั่งลงบนส้นเท้าตัวเอง มองหน้าผมที่ก้มอยู่อย่างเป็นห่วงเป็นใย

“เปล่า” ผมบ่ายหน้าหนี กลัวว่าสายตาของผมมันจะยังหลงเหลือความรู้สึกบางอย่างจนมันจับได้ ผมกลัวครับ ยอมรับตรงๆ เลยว่ากลัวมาก

เพราะผมเองก็ยังไม่แน่ใจว่า สิ่งที่จะสะท้อนออกไปคือความรู้สึกไหนกันแน่

“กินข้าวๆ มึงหิวไม่ใช่หรือ” อา…นั่นสินะ ผมควรเลิกคิดแล้วกินข้าวให้อิ่ม เสร็จแล้วก็จะได้กลับห้องตัวเองสักที

“อืม…”

มันลุกขึ้นมานั่งข้างๆ ผม เราสองคนต่างแกะกล่องข้าวของกันและกัน และเริ่มลงมือกินของใครของมัน ในห้องเงียบมาก แม้ว่าจะมีเสียงจากทีวีดังอยู่บ้าง แต่สำหรับผมแล้วมันเงียบเกินไปจริงๆ ผมมองไปรอบๆ ห้องชุดสุดหรูที่ครั้งหนึ่งไอ้ปาเคยบอกว่า เป็นของญาติและมันแค่มาอาศัยอยู่

ผมอดคิดไม่ได้ว่าตัวเองต้องโง่ขนาดไหนถึงคิดไม่ได้ ญาติที่ไหนจะใจดีขนาดเอาห้องสุดแพงแบบนี้มาให้พนักงานระดับล่างอย่างพวกผมใช้ เพราะงั้นมันย่อมต้องเป็นของไอ้ปา ไม่ใช่ของญาติห่าเหวอะไรที่มันยกมาอ้างทั้งสิ้น

ยิ่งคิดได้ผมก็ยิ่งอยากจะหัวเราะเยาะตัวเองที่โง่จนไม่หลงเหลือความโง่ให้ใครอีก

ถามว่าผมชอบไหม ใครบ้างล่ะครับจะไม่ชอบความสะดวกสบาย ของสารพัดอย่างที่โคตรจะอำนวยความสะดวก ของแพงๆ ที่ผมเคยเห็นผ่านตาจากในห้างและเว็บขายของ แต่ถึงผมจะชอบมันมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งเกลียดมันมากกว่า เพราะมันคือสิ่งตอกย้ำความโง่ของผมที่สามารถมองเห็นและจับต้องได้ โง่จนถูกเพื่อนตัวเองหลอกมานานเป็นปี

“ไม่อร่อย?” ผมมองช้อนในมือที่เขี่ยข้าวครึ่งกล่องไปมา ถ้าถามผมว่าหิวไหม ผมหอวนะครับ แต่ผมกินไม่ลง

“เปล่า กูอิ่มแล้ว”

“ปกติมึงไม่เคยกินเหลือนี่ เป็นอะไรวะ” ผมเม้มปากแน่น นัยน์ตาไหวระริกแย่างไม่อาจห้าม

“อิ่มแล้วจริงๆ” แม้ว่ามันจะไม่เชื่อผม แต่อาจจะเพราะว่าเมื่อคืนผมเมาหนักมากด้วยล่ะมั้งครับ มันถึงได้เชื่อง่ายหน่อย มันคงคิดว่าผมเมาค้าง แต่ก็ดีแล้วล่ะครับ จะได้ไม่ต้องถามผมอีก

“นก…เฮ้อ ตามใจมึง เดี๋ยวกูไปเอานมมาให้ อย่างน้อยก็กินเข้าไปหน่อย”

ผมพยักหน้ารับ ไอ้ปาจึงเดินเข้าไปเปิดตู้หยิบแก้วออกมาหนึ่งใบ ก่อนจะเดินมาที่ตู้เย็นแล้วเปิดออกเอานมสีขาวออกมาเทใส่แก้ว ก่อนที่จะเดินเอามาให้ผม ผมมองนมสีขาวในแก้วนิ่งๆ รู้สึกไม่อยากกินมันเท่าไหร่ แต่เมื่อรับปากไปแล้วก็คงต้องดื่มเท่านั้น ผมจึงต้องฝืนยกแก้วขึ้นมาจรดริมฝีปาก ยอมฝืนกระดกมันจนหมดแก้วไม่ให้เหลือ จนไอ้ปาที่มองอยู่ยิ้มอย่างพอใจ

“ฮ้า!” เกือบขาดใจตายเพราะแดกนม ดีนะยมบาลไม่อยากให้ผมตายอนาถ ถึงได้ยังไม่ยอมให้ผมขาดใจ

“ปา กูกลับได้หรือยัง”

ปึก!

ผมสะดุ้งกับแรงกระแทกของแก้วน้ำที่อยู่ในมือไอ้ปาลงกับโต๊ะจนเสียงดัง ดีหน่อยที่มันไม่แตกเป็นเสี่ยงๆ แต่แค่นั้นก็ทำให้ผมขวัญหนีดีฝ่อได้แล้วล่ะ สายตาของมันมองตวัดมาที่ผมเหมือนไม่พอใจ คล้ายกับว่าผมทำอะไรผิดไปสักอย่าง แต่มันคืออะไรล่ะ?

“ไอ้ปา…” ผมพยายามเรียกมันด้วยเสียงที่อ่อนโยน เหมือนเวลาที่เราเคยเป็นเพื่อนกัน แค่อยากให้มัน…ปล่อยผมไป

“ทำไมต้องรับกลับ? มึงนัดใครไว้หรือไง!!” ผมไม่เข้าใจอารมณ์แปรปรวนของไอ้ปาสักนิด ก่อนหน้านี้ผมเห็นมันก็ยังดีๆ หัวเราะ ยิ้มแย้ม แล้วตอนนี้ทันเป็นอะไรไปอีกล่ะ ผีเข้าหรือ?

“กูจะกลับห้องกูนี่คือกูต้องนัดใครไว้เท่านั้นหรือ? กูไม่มีสิทธิ์กลับไปหรือไงวะ” ผมเองก็เริ่มฉุน เริ่มไม่ชอบใจคำพูดของมันแล้วเหมือนกัน

บ้าอะไรวะ แค่ผมจะกลับห้องหมายความว่าผมต้องนัดใครไว้หรือ?

“ถ้าไม่มีแล้วมึงจะรีบทำไม! ห้องมึงมันไม่หายไปไหนหรอก!!”

“ก็แล้วทำไมกูจะรีบไม่ได้วะ นั่นมันห้องกู! มันคือบ้านกู!”

“ไอ้นก! มึงยอมรับมา! มึงนัดใครไว้! ไอ้เหี้ยหนูใช่ไหม! มึงนัดมันใช่ไหม!” สองแขนของผมถูกมือหนาของไอ้ปายึดเอาไว้แล้วดึงเข้ามาใกล้ แรงบีบที่ต้นแขนทำให้ผมต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บ

“โอ๊ย!! มันเรื่องของกูไหม!!!” ผมสะบัดแขนออกจากมือของมันอย่างแรงด้วยความรำคาญ ไอ้ปามองผมราวกับอึ้งสุดๆ ก่อนที่สีหน้าของมันจะโกรธสุดขีด

“นี่มึง!! ...”

ครืดดดด ครืดดดด

‘พี่หนู’

โธ่เอ๊ย…ทีเวลาแบบนี้ล่ะโทรมาถูกจังหวะเหลือเกินนะ ผมเอื้อมมือออกไปจะคว้าโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ แต่ยังไม่ทันได้เอื้อมไปแตะโดนด้วยซ้ำ โทรศัพท์ของผมก็ถูกไอ้ผีบ้ามันหยิบไปต่อหน้าต่อตาเสียก่อน เพียงแค่เห็นชื่อของคนที่โทรเข้ามา ไอ้ปาก็พร้อมจะแปลงร่างปล่อยแสงแห่งหายนะใส่ผมทันที

“ไหนมึงบอกไม่ได้นัดมันไง! นี่รีบขนาดต้องโทรตามกันเลยหรือ?”

ผมว่าไอ้ปาน่าจะสมองบวม ฟังจากเรื่องที่มันแต่งขึ้นมาเป็นตุเป็นตะ

“หรืออดทนรอไม่ไหว จนต้องโทรมาให้ได้ยินเสียง!!!”

ไม่ก็สมองกลับ ผมล่ะอยากลุกขึ้นปรบมือให้กับความคิดสร้างสรรค์ในเรื่องแย่ๆ ของมันเสียเหลือเกิน อยากจะบอกมันว่ามันควรไปเขียนนิยายขายน่าจะรุ่งกว่า แต่ลืมไปว่ามันรวยอยู่แล้ว คงไม่ต้องปากกัดตีนถีบแบบผมหรอก ไอ้ปาที่เห็นผมเงียบไม่ตอบ มันก็กดรับสายทันที

“….” ไอ้ปาไม่ยอมพูด เอาแต่ฟังเสียงจากฝั่งโน้นโดยไม่ตอบโต้ แต่สีหน้าไม่ได้ดีขึ้นเลยสักนิด กลับยิ่งแย่เข้าไปใหญ่

นี่ผมจะถูกมันฆ่าตายไหม?

“นกมันไม่ว่างคุยกับมึงหรอก ปากมันอม…กูอยู่” ไอ้ปายิ้มเยาะด้วยใบหน้าสะใจก่อนจะตัดสายทิ้งไปไม่คิดจะฟังอะไรจากไอ้พี่หนูอีก ส่วนผม นั่งอึ้งแดกกับคำพูดมันอยู่เป็นนาที ก่อนที่ความโกรธจะเริ่มทำงาน!

“ไอ้ปา! มุงพูดเหี้ยอะไร!!” มันปรายตามองผมอย่างเย็นชา แต่ทว่ากลับส่งยิ้มมาให้

บอกได้เลยว่า โคตรสยอง

“ก็ถ้าไม่ได้นัดกัน ทำไมต้องกลัวมันเข้าใจผิดล่ะ? ทำไมกูจะพูดอะไรแบบนั้นไม่ได้?” พอ พอกันที ผมหมดความอดทนกับมันแล้ว!

“กูจะกลับห้อง!”

“กูไม่ให้กลับ!” ผมถูกไอ้ปาขวางอยู่หน้าประตู สายตาของมันดึงดันไม่ยินยอมอ่อนข้อให้ผม แต่ผมก็ไม่ยอมอ่อนข้อหรือยอมแพ้ต่อมันเหมือนกัน

“กู! จะ! กลับ!” ไอ้ปาจ้องหน้าผมอย่างดุดัน แล้วเดินเข้ามาใกล้จนผมต้องถอยหนี

“กูบอกมึงแล้วไง ว่าไม่ให้กลับ!” มันกระซิบ กระซิบอีกแล้ว แต่คราวนี้น้ำเสียงของมันเต็มไปด้วยความข่มขู่ เหมือนต้องการเตือนว่ามันไม่ใช่ประโยคบอกเล่า แต่มันคือประโยคคำสั่ง

“ไอ้ปา! ถอยเดี๋ยวนี้!”

“กูไม่ยอมให้มึงไปหามันหรอก!” มันพูดบ้าอะไร

“กูบอกว่าไม่ได้ไปหาใครไงวะ จะกลับห้อง กูจะกลับห้องของกู!!!” ผมเริ่มจะคุมตัวเองไม่อยู่แล้วนะ ถ้ามันยังไม่เลิกบ้า ผมกับมันได้มวยกันจริงๆ แน่

“มึงโกหก! มึงจะไปหามันใช่ไหม! กูไม่ให้ไปหรอก ไม่ให้ไป!!”

ผลัวะ

ผมบอกแล้วว่าคงได้มวยกันแน่ถ้ามันไม่เลิกบ้า!

ไอ้ปาที่ถูกผมต่อยชะงักไปอย่างนึกไม่ถึง แน่ล่ะ ใครจะไปคิดว่าไอ้นกที่ตัวบางๆ ขี้ก้างๆ จะมีแรงต่อยเรียกสติไอ้ปาตัวใหญ่อย่างกับควายได้ แต่ผมก็ต่อยมันไปแล้ว อย่าว่าผมบ้าเลยนะครับ แต่ผมโคตรรู้สึกดีเลยวะ อยากต่อยอีกสักหมัดจัง

“เลิกบ้าแล้วสินะ ทีนี้จะหลบกูได้หรือยัง?” แววตาของไอ้ปาเริ่มกลับมาปกติ นัยน์ตาคู่นั้นมีแววสับสน มึนงงและเจ็บปวด ซึ่งมันทำให้ผมไม่อยากจะมองเลยสักนิด ผมมันคนใจอ่อน ขี้สงสาร ยิ่งเห็นว่ามัน…กำลังเจ็บ ผมยิ่งกลัวว่าตัวเองจะยอมให้อภัยมันทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ผมยังไม่ยอมให้อภัย

“นก…อย่าไปเลยนะ อยู่กับกูก่อนนะ” น้ำเสียงของมันเว้าวอน เสียงที่เปล่งออกมาคล้ายการอ้อนวอนต่อผม มันสั่นใจผมได้จริงๆ จนผมต้องยกมือขึ้นมาลูบแขนตัวเองเอาไว้ให้เข้มแข็ง

“ปา…กูต้องกลับห้อง กูอยู่ที่นี่ไม่ได้” มันไม่ใช่ที่ของกู

“นก กูอยู่คนเดียวมึงเห็นไหม ถ้ามึงไป กูอาจจะลืมกินข้าว ลืมอาบน้ำ หรือ…อาจจะลืมหายใจก็ได้นะ” เอ่อ ลืมกินข้าวยังพอทน ลืมอาบน้ำยังพอเข้าใจได้ แต่ลืมหายใจนี่ไม่ใช่ว่าตายหรือครับ แล้วคนเรามันลืมได้หรือ การลืมหาย

“มึงไม่ลืมหรอกไอ้ปา มันคือสิ่งที่มึงทำอยู่ทุกวัน มันไม่มีทางลืมง่ายๆ” ไอ้ปาจับมือผมขึ้นมากุมเอาไว้ สายตาจับจ้องเข้ามาในแววตาของผมอย่างจริงจัง จนไม่รู้ว่ามันอยู่ไม่ได้จริงๆ หรือแค่หาข้ออ้างให้ผมไม่ไป

“ขอร้อง…อยู่กับกูก่อนนะ แล้วเราไปซื้อของมาทำกินกันไง มึงชอบทำกับข้าวนี่ กูก็ชอบกินฝีมือมึง นะนก เดี๋ยวกูออกค่าของเอง แค่มึงยอมอยู่ อะไรก็ได้ทั้งนั้นนะ”

ลังเล สับสน ไม่แน่ใจ ผมควรเดินออกไป ควรจะตัดสินใจให้เด็ดขาดแต่ผมก็ทำไม่ได้ ผมสงสาร เห็นใจ

ก็ได้!! ผมเห็นแก่กิน อย่ามาทำเป็นรู้ดีนะ! ฮึ!

“ห้องกูมีอ่างด้วยนะ เวลานอนแช่โคตรสบายเลย”

โอเค ผมอยู่ต่อ ทำไมล่ะ ก็ห้องผมไม่มีนี่!

“ได้! แค่วันนี้นะ” ไอ้ปายิ้มจนตาปิด หมดกันลุคหล่อๆ แบดๆ ที่สะสมมา ลักษณะตอนนี้ โคตรลูกหมาเลยครับ ฮ่าๆ

“ได้ๆ แค่วันนี้ก่อน (วันหลังค่อยว่ากันใหม่) ก็ได้” เหมือนได้ยินอะไรที่ไม่ใช่ประโยคสั้นๆ แต่ช่างเถอะ เอาเป็นสนใจของกินกับอ่างก่อนดีกว่า วันนี้จะได้ลงอ่างแล้ว~

“ที่จริง…มึงไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะ แค่กูจะไปหรือจะอยู่ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” ถึงจะบ่นแบบนั้นแต่จริงๆ ผมออกจะตื่นเต้นดีใจมากจนแทบจะลอยติดเพดานเลยล่ะ แต่ยังไงก็ต้องเตือนไว้ก่อน ถึงยังไงมันก็เป็นพะ…ไม่สิ ไม่ใช่เพื่อนแล้ว เอาเป็นเพื่อนร่วมงานก็แล้วกัน ลูกเจ้าของบริษัท อนาคตก็คงเป็นเจ้านายของผม ถึงเวลานั้น คำว่าเพื่อนร่วมงานก็คงใช้ไม่ได้แล้ว ระหว่างที่ผมคิดไร้สาระมากมายไอ้ปากลับเดินเข้ามาซ้อนหลังผมแล้วกระซิบคำพูดข้างๆ หูประโยคเดียว ที่ทำให้ผม…ใจสั่นจนเต้นแรง

“เพราะนกสำคัญไงครับ”

บ้าจริง! ใครสั่งใครสอนให้พูดกับผู้ชายแบบนี้วะ!! ผมจะเอาระเบิดไปปาบ้านมัน!!!!

ไอ้บ้า! ไอ้ปา! เขินเป็นนะเว้ย







TBC





เพราะนกสำคัญไงครับ กรี๊ดดดดด แมวรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงที่กระซิบอยู่ข้างหูเลยค่ะ โยนหัวใจใส่ปารัวๆเลย

ปากินนก

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ปามันเหมือนคนโรคจิตเลย นกกรูจะโดนฆ่าไหมเนี้ย

ออฟไลน์ padthaiyen

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 943
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
นกต้องดัดนิสัยปาบ้าง

ออฟไลน์ JanTi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ปาต้องมีปัญญาจิตทางแน่ๆ  :sad4:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด