7
[/size]
“หม่ำ ๆ นะครับคนเก่ง” เจียอุ้มลูกเข้าอกเพื่อป้อนนมให้เจ้าก้อนที่กำลังทำหน้างอแงใส่ผู้เป็นแม่เรียกร้องจะกินนมนอนให้ได้ ทันทีที่ได้รับรสชาติจากอกแม่ที่คุ้นเคยเจ้าตัวน้อยก็เงียบกริบ ปากขยับรับสารอาหารเข้าร่างกายส่วนตาก็จดจ้องไปยังเจ้าของอก เจียไม่รู้ว่าลูกกำลังคิดอะไรอยู่แต่ก็ส่งยิ้มหวานให้ไปเพื่อให้เขามั่นใจว่าคน ๆ นี้จะไม่มีวันทำร้าย
ตลอดระยะเวลา 4 เดือนแห่งการเติบโตของหนึ่งชีวิตมันไม่ง่ายเลยสักนิดแม้เจียจะมีพ่อแม่และพี่ชาย รวมไปถึงเพื่อนพ้องที่รู้จักกันที่นี่ แต่เวลาเห็นครอบครัวที่ผู้เป็นแม่มีคนคอยช่วยดูแลไม่เว้นแม้แต่แม่ตัวเองที่มีพ่อเคียงข้างกันเขาก็อดอิจฉาในใจไม่ได้ ข่าวคราวของฝั่งนั้นเงียบหายเจียไม่ได้ยินเรื่องราวอะไรของไป๋เลยตั้งแต่มา
เรื่องราวมันก็ผ่านมาค่อนปีแล้วแต่ต้องยอมรับว่าเจียเองยังตัดใจจากพ่อของไจ๋ไม่ได้เลย
“มะ มะ” เสียงร้องเรียกความสนใจจากดวงตาหวานที่ส่อแววหม่นให้กลับมาจดจ่ออยู่กับดวงใจของตัวเอง แค่รอยยิ้มกว้างจนเห็นเหงือกแดง ๆ แสนน่าเอ็นดูนั่นก็ทำให้ความขมุกขมัวในใจหายวับไปกับตา
“ไหนเมื่อกี้ใครจะหลับครับหือ ยังนอนทำตาแป๋วใส่แม่อยู่เลย” คนตัวบางที่รับบทเป็นแม่โน้มหน้าลงไปหยอกล้อกับเด็กน้อยที่เลิกกินนมแล้วหัวเราะเอิ๊กอ๊ากใส่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เจียลูก” เสียงเรียกเบา ๆ ดังขึ้นที่กรอบประตูแต่เมื่อเห็นว่าหลานชายหัวแก้วหัวแหวนยังไม่หลับ คนเป็นย่าก็เดินเข้ามาใกล้
“ครับแม่”
“พี่แพทมาน่ะ เห็นบอกว่าจะมาพาเรากับหลานไปซื้อของ แอบไปนัดกันตอนไหนน่ะเรา” เจียหัวเราะพลางส่ายหัวเบา ๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มแซวของแม่ตนเอง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคนที่บ้านเชียร์ให้เขาเปิดใจกับผู้ชายคนนี้ แต่จะว่าก็ว่าเถอะเขายังไม่พร้อมกับความรักครั้งใหม่เพราะอะไรทุกคนก็รู้ดี
“ไม่มีอะไรหรอกแม่ วันก่อนเจียบ่นกับพี่จุ้ยว่าของใช้ลูกจะหมดแล้ว อยากไปเดินซื้อเองไม่อยากฝากแม่บ้าน ไม่รู้พี่จุ้ยน่ะสิไปคุยอีท่าไหนเมื่อวานคุณแพทเขาเลยส่งข้อความมาชวน” อธิบายเสียยืดยาวแต่ดูเหมือนแม่จะจับใจความได้แค่ประโยคสุดท้ายถึงยังไม่เลิกยิ้มแซว
“แล้วจะเอาลูกไปด้วยไหม ให้ตาหนูอยู่กับแม่ก็ได้นะ”
“เจียอยากพาไปด้วยครับ”
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมของใช้สำหรับเด็กอ่อนเสร็จเรียบร้อย เจียก็อุ้มลูกพร้อมกระเป๋าสัมภาระใบย่อมลงมาหาแขกที่นั่งรออยู่นาน
“ขอโทษที่ทำให้รอนานนะครับคุณแพท”
“ไม่เป็นไรเลยครับ มาเดี๋ยวผมช่วยถือ” แพททริครับกระเป๋ามาก่อนทั้งหมดจะไหว้ลาผู้ใหญ่แล้วจึงออกมา
“คุณแพทจะไปทำธุระอะไรไหมครับ เจียเดินกับลูกสองคนได้นะ” เจียหันมาถามร่างสูงใหญ่ข้างกายที่เข็นรถเข็นตามไม่ห่าง ไม่ได้คิดจะหลงตัวเองหรอกแต่เขารู้อยู่ว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีธุระปะปังอะไรที่ไหนเพียงแต่ใช้เป็นข้ออ้างออกมาด้วยกัน
“ขอผมเดินด้วยคนนะ” แพททริคหันมาทำเสียงอ่อนใส่แม่ลูกหนึ่ง เจียหัวเราะพลางพยักหน้ารับก่อนจะอุ้มลูกเดินนำไปยังของที่ต้องการ
“แอะ แอะ” มือเล็กป้อมพยายามจะเอื้อมหยิบถุงขนมสีสดใสด้วยความสนใจ แต่ก็ถูกแม่ตนเองขืนเอาไว้ไม่ให้แตะ
“No No ครับคนเก่ง อันนี้ของแม่ ลูกยังกินไม่ได้นะครับ”
ในระหว่างที่กำลังยืนเลือกขนมที่อยู่ ๆ ก็นึกอยากขึ้นมา หางตาก็เหลือบเห็นว่ามีคนยืนมองอยู่จะบอกว่าเป็นแพททริคก็คงจะเป็นไปไม่ได้ในเมื่ออีกฝ่ายยืนประชิดอีกฝั่งอยู่ เรียวคิ้วขมวดเข้าหากันหวั่นใจจะเป็นผู้ประสงค์ร้ายที่หาจังหวะขโมยของ และเพราะความอยากรู้ทำให้เขาตัดสินใจหันไปมองแม้จะยังไม่ทันได้เห็นเต็มตาแต่ใครจะจำความรักครั้งเดียวของตัวเองไม่ได้กัน!
“ป...ไป๋” คนตรงหน้าที่พอสบสายตาก็สะดุ้งแต่ไม่หันหนีต่างจากเขาที่รีบหันหลังขวับใส่ด้วยอารามตกใจจนลูกและแพททริคสะดุ้ง
“ฮึก มะ มะ อึก”
“ชู่ว เด็กดี แม่ขอโทษครับ” เจียได้สติก็รีบโยกตัวกล่อมให้คนตั้งท่าจะเบะร้องเงียบลง พลางสบตากับแพททริคที่ส่งสายตาเป็นคำถามมาให้ แต่ก่อนจะได้พูดอะไรเสียงเรียกจากด้านหลังก็ดังขึ้น
“เจีย”
“...”
“เจียครับ” เพียงแค่น้ำเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยชื่อเขาออกมาก็แทบจะยกทิฐิทั้งหมดในใจโยนทิ้งเอาไว้ แต่เพราะลูกที่อยู่ในอ้อมแขนทำให้เขายั้งเอาไว้ได้ และย้ำเตือนตัวเองว่าครั้งหนึ่งผู้ชายคนนี้เคยใจร้ายต่อกันมากแค่ไหน
“มีอะไรหรือเปล่าครับเจีย” แพททริคมองคนข้างกายสลับกับคนแปลกหน้าที่ยืนจ้องไม่ยอมไปไหน เจียเม้มปากไม่กล้าตอบและไม่รู้จะต้องบอกว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
เป็นพ่อน้องเจีย? ไม่หรอก จะให้อ้างถึงกับคนที่ครั้งนึงไม่ยอมลูก เขาทำไม่ได้หรอก
เป็นเพื่อน? ไม่ เราไม่เคยเป็นเพื่อนกัน
เป็นแฟนเก่า? นั่นยิ่งแล้วกันใหญ่ เราไม่เคยแม้แต่จะพูดถึงสถานะจริงจังกันเลยสักครั้งด้วยซ้ำ
“เจีย”
“ไปกันเถอะครับคุณแพท” คนถูกเรียกตัดใจหันหลังกลับเดินออกมาจากตรงนั้น แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อคนที่เขาหนีกลับไม่ยินยอม แขนเรียวบางถูกรั้งด้วยมือหนา อุณหภูมิอุ่นร้อนพร้อมด้วยสัมผัสที่คิดถึงทำให้เจ้าของแขนใจสั่นได้อย่างง่ายดาย
“คุยกันหน่อยนะ ... นะครับเจีย”
ไป๋คว้าเอาโอกาสเพียงแค่หนึ่งในล้านของตัวเองเอาไว้เพราะเขาไม่รู้เลยว่าหากชวดจากครั้งนี้ไปแล้วจะได้พบอีกฝ่ายอีกเมื่อไหร่ กว่าเขาจะสืบหาจนเจอว่าเจียพักอยู่ประเทศนี้ เมืองนี้ ก็ได้มันมาอย่างยากลำบาก หนำซ้ำพอมาตามมาหาบริษัทที่สามารถฝึกงานไปด้วยและพบเจียไปด้วยได้ก็ไม่ง่ายเลย เขาจะไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ไปแน่ ๆ
ภายในร้านกาแฟกับโต๊ะมุมนึงของร้าน ระหว่างเรามีเพียงแต่ความเงียบและเสียงลมหายใจแผ่วเบาของเจ้าตัวน้อยที่เจียกล่อมให้หลับไป ใช่ เขายอมมาคุยกับไป๋เพียงคิดว่าเวลามันก็ผ่านมาสักพักแล้ว เราก็ควรจะเคลียร์กันให้มันจบเรื่องจบราว
ดวงตาเรียวเป็นเอกลักษณ์ของไป๋ยังคงจับจ้องไปที่เด็กเล็กตรงหน้าไม่ยอมกะพริบตา ยิ่งได้มาเห็นกับตาตัวเองยิ่งรู้สึกแย่ อยากจะตบตัวเองแรง ๆ หลายที วันนั้นกล้าพูดออกไปได้ยังไงในเมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเจียซื่อสัตย์ต่อกฎของเราขนาดไหน
“เป็นยังไงบ้าง”
เจียไม่ยอมสบตาคนฝั่งตรงข้าม เขาเหม่อมองออกไปข้างนอกพร้อมกับความรู้สึกที่ล่องลอยไม่รู้ว่าจะต้องยึดจับสิ่งใดไว้ ไม่รู้เลยว่าจะต้องรู้สึกอะไรกับเหตุการณ์ในตอนนี้ ไป๋เองก็ไม่ได้เร่งรัดเอาคำตอบ เจียเองก็พยายามรวบรวมสมาธิตัวเองกลับคืนมาก่อนจะพ่นลมหายใจออกมาและเอ่ยตอบคำถาม
“ก็เรื่อย ๆ ไป๋ล่ะมา ... มาทำอะไรที่นี่”
“ถ้าบอกว่าตามมาจะเชื่อไหม” ดวงตาเรียวเบิกขึ้นด้วยความตกใจ เขารู้ว่าไป๋ไม่ใช่พวกชอบพูดเล่นอีกทั้งยังสำทับด้วยแววตาที่จ้องมาด้วยความจริงจังนั่นทำให้ลึก ๆ แล้วเจียเชื่อว่าสิ่งที่ไป๋พูดคือความจริง
“...”
“เราตามดูเธอกับล- เด็กคนนี้ในไอจีตลอด พยายา--”
“พอเถอะ! ถ้าไม่มีอะไรแล้ว เราขอตัว” เจียไม่อยากฟังคำพูดอะไรก็ตามที่จะทำให้ความตั้งใจเดิมของเขาเปลี่ยนแปลงไป ในเมื่อมาถึงจุดนี้แล้วและเขาก็ผ่านความรู้สึกเหล่านั้นมาได้แล้วก็ไม่จำเป็นที่ต้องมารื้อฟื้นให้มันมาตอกย้ำเขาอีก
“เดี๋ยวก่อน!”
“... ขอร้องล่ะไป๋ มันผ่านไปแล้วเราไม่อยากคิดถึงเรื่องเก่า ๆ อีกแล้วล่ะ”
ร่างโปร่งบางกระชับลูกน้อยในอ้อมกอดก่อนจะหมุนตัวหันหลังเดินไปหาแพททริคที่นั่งรอและพาเดินกลับออกไป คล้อยหลังสองแม่ลูกแล้วแพททริคหันกลับมาสบสายตากับไป๋และเราทั้งคู่รู้ดีว่าต่างรู้สึกกับเจียในทิศทางเดียวกัน
คนไร้โอกาสกำฝ่ามือแน่นมองแผ่นของทั้งคู่ลับตาไปด้วยความอึดอัดที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย แต่ประกายไฟในดวงตากลับไม่มอดดับ มีคนใหม่แล้วอย่างไร ดีกว่าแล้วอย่างไร เขานี่แหละที่จะทวงลูกและเมียตัวเองคืนมาให้ได้ เขาเชื่อว่าลึก ๆ แล้วเจียยังไม่ลืมตนเอง เพียงแต่ต้องอาศัยระยะเวลา
ระยะเวลาอีกเกือบปีเขาจะต้องทำให้เจียยอมรับเขาให้ได้อีกครั้ง และเขามั่นใจว่าตัวเองจะทำมันได้ดียิ่งกว่าเคย
เจียเมื่อกลับถึงบ้านก็รีบขอแยกตัวขึ้นห้องนอนทันทีหลังจากพาลูกกล่อมนอนได้ มือเรียวก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสายหาเพื่อสนิทเพียงคนเดียวเพื่อระบายความอึดอัด
“ต้า ... กูเจอเขา”
(ฮะ ใครวะ) คนตัวบางพยายามกลั้นเสียงสะอื้นจนตาและจมูกแดงไปหมด เขาไม่อยากให้ลูกได้ยินเสียงร้องไห้ของตัวเอง
“ไป๋ ... กูเจอไป๋”
(เชี่ย! ได้ไงวะ มันตามมึงไปถึงนู่นเลยหรอ)
“ไม่รู้ ไม่รู้เลยเหมือนไป๋จะเล่า แต่กูไม่อยากฟัง ต้า .. กูกลัว ฮึก แค่ดูกับตาก็รู้แล้วว่าไจ๋หน้าเหมือนไป๋อย่างกับอะไร กูกลัวเขาจะเอาลูกไป อึก” เสียงสะอื้นแผ่วทำให้ปลายสายสงสารเพื่อนตัวเองกว่าเดิม
(เจียฟังกูนะ ลองคิดถึงความเป็นจริงว่าถ้าการที่มันหามึงเจอจนตามไปถึงนั่นได้ มันก็ดูจะเป็นคำตอบอะไรบางอย่างว่ามันไม่ได้แค่อยากได้ลูกหรอกนะ) ต้ารู้ว่าเจียก็พอจะรู้อยู่แก่ใจ เราไม่ใช่เด็ก ๆ ที่อ่อนต่อโลกขนาดนั้นแล้ว
“กูกลัว”
(โอเค กูเข้าใจที่มึงจะกลัว มึงจะตั้งป้อมกำแพงกี่สิบกี่ร้อยชั้นมึงทำได้ มึงทำไปเลย)
“...”
(ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ ถ้ามึงยังไม่โอเคก็ไม่ต้องไปสนใจ ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา)
“อืม”
(กูถามหน่อยดิ ถ้าวันนึงไอ้ไป๋มันอยากจะเข้ามาขอเจอลูก มึงจะให้มันเจอไหม)
“กูไม่ขวางหรอกต้า กูรู้ว่าเด็กที่เกิดมาแม้จะไม่มีพ่อแม่ครบก็สามารถมีความสุขได้ แต่ลึก ๆ อย่างน้อยกูก็อยากให้ไจ๋ได้รู้จักพ่อตัวเอง ถ้าเขายอมรับนะ แต่...”
(...)
“แต่ขออย่างเดียวว่าแยกลูกกับกูก็พอ ถ้าเป็นอย่างนั้น .... ถ้าเป็นอย่างนั้นกูคงทนไม่ได้” เจียใช้สายตาที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตามองลูกชายตัวน้อยบนเปลด้วยความรักและสุดแสนจะหวง
(มันไม่มีทางเอาลูกไปจากมึงหรอก ต่อให้มันทำให้กูคนนึงนี่แหละที่จะช่วยขัดขวางเต็มที่)
…
PAI ‘ให้เวลาเขาหน่อยนะเจ้าไป๋ เพราะถ้าเป็นแม่เจอเหตุการณ์แบบนั้นแม่ก็คงไม่หายโกรธเราง่าย ๆ หรอกนะ’
‘ครับ’
‘แล้วก็ทำตัวดี ๆ แม่น่ะอยากเจอลูกสะใภ้กับหลานใจจะขาดแล้ว’ เขาได้แต่นั่งนึกย้อนบทสนทนากับผู้เป็นแม่หลังจากเจียกลับไปแล้ว ใช่ ที่บ้านของเขารู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วและเขาก็โดนพ่อแม่ตำหนิอย่างหนักที่ทำนิสัยไม่ดีแบบนั้นไป อีกทั้งพวกท่านก็เข้าข้างเจียอย่างแรงและยังไม่เคยถามหาการตรวจเช็คด้วยซ้ำว่าเด็กคนนั้นเป็นลูกของเขาจริงหรือเปล่า
จำได้เลยว่าวันที่เจียอัปโหลดรูปลูกลงอินสตาแกรมครั้งแรก เขาดีใจลั่นบ้านทั้งยังรีบส่งไปให้พ่อกับแม่ดูอย่างรวดเร็ว ซึ่งแม่ก็ตอบกลับมาประโยคนึงที่ทำให้เขาจุกอกจนเจ็บว่า
‘หน้าเหมือนเราตอนเด็กอย่างกับแกะ แล้วยังกล้าคิดอีกนะว่าไม่ใช่ลูกตัวเอง’ นั่นสิ โง่ชิบหาย
“น้องไจ๋น่ารักจังเลยเนอะ” ไป๋เหลือบตามองเพื่อนสนิทที่ตามมาฝึกงานถึงนี่ด้วยกันพลางพยักหน้ารับ ดูในรูปว่าน่ารักแล้วตัวจริงยิ่งกว่าอีก ดวงตากลมเป็นประกายเหมือนแม่ของเจ้าตัว แต่โครงหน้ารวมถึงจมูกและปากกลับได้เขามาเต็ม ๆ
“แต่ดูเหมือนพี่เจียเขาจะมีใหม่แล้วใช่ปะวะ” แต่ประโยคถัดมากลับทำให้ไม่สบอารมณ์จนต้องตวัดตามอง
“ไม่ต้องมามองกูแบบนั้นเลย มึงก็เห็นแบบที่กูเห็น น่าจะใช่แพททริคเดียวกับคนที่เห็นมาเมนต์ใต้รูปพี่เจียเขาบ่อย ๆ น่ะแหละ”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็ออกไป กูจะนอน” ไล่แบบไม่คิดรักษาน้ำใจเพียงเพราะคำพูดที่ไม่ถูกหู โซ่ยักไหล่พร้อมลุกขึ้นยืนอย่างไม่ยี่หระกับอารมณ์ของเพื่อน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะชิน
“มึงจะไปกลับไปจริง ๆ หรอวะ” แต่ก่อนออกไปก็ขอถามย้ำให้ชัดเจนอีกสักครั้ง ไป๋เงยหน้าสบตาเพื่อนด้วยดวงตาที่จริงจังจนน่ากลัว
“ไม่ใช่แค่จะกลับไปเฉย ๆ แต่กูจะไม่มีวันยอมปล่อยเขาไปไหนอีก” เพียงแต่ไป๋หวังว่าเขาจะทำมันสำเร็จ ภาวนาให้อย่างน้อยก็เป็นคนลูกเห็นใจพ่อไม่ได้เรื่องคนนี้ด้วย
__________________________
สวัสดีปีใหม่ทุกคนนะคะ
เรามาแล้วววว ขอโทษที่หายไปเป็นเดือน
กลับมาแล้วจ้า ลงต่อจนจบแน่นอนน
ยังคงคอนเซปต์แต่ละตอนสั้นเหมือนเดิม
ไม่เกิน 15-20 ตอนจบจ้า
ฝากเป็นกำลังใจให้คนปากไม่ดี ง้อลูกง้อเมียได้ด้วยน้า
#เรื่องค่อนข้างสั้นสิบเก้าสิงหา