Soulmate วิญญาณป่วนรัก ตอนที่ 23# เหตุเกิดจากความเมา [28.12.62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Soulmate วิญญาณป่วนรัก ตอนที่ 23# เหตุเกิดจากความเมา [28.12.62]  (อ่าน 17048 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
เอสเขาจีบหนูลูก บอกชอบซีเลย

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คุณแม่ยอมรับเป็นลูกเขยแล้ว เหลือแต่ตัวซี เมื่อไหร่จะยอมเป็นแฟนน้อ

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
Soulmate วิญญาณป่วนรัก


Part 15# Z ถ้าชอบ...ก็บอกชอบตรงๆไปเลย


“คิดว่ากูจะยอมยกโทษให้มึงง่ายๆ รึไง”


หลังจากที่ตั้งสติได้ผมก็กอดอกทำทีเป็นว่ายังโกรธไอ้เอสอยู่ ถึงแม้ในความเป็นจริงจะหายแล้วก็เถอะ แต่ถ้ายอมยกโทษให้ง่ายๆ เกิดมันได้ใจแล้วครั้งหน้างี่เง่าใส่ผมใหม่ก็แย่น่ะสิ


“แล้วต้องทำยังไงมึงถึงจะหายโกรธ”


บอกตามตรงอันนี้ผมไม่ได้คิด คือแค่ไอ้เอสตามมาง้อถึงนี่มันก็เกินคำว่าขอโทษแล้ว แต่ก็อย่างที่บอก ผมจะแกล้งทำเป็นโกรธต่อก็เลยทำหน้านิ่ง แต่ไม่ได้จะสั่งให้มันทำอะไรหรอก แค่จะให้มันทบทวนความผิดที่ทำกับผมเท่านั้นแหละ


“รู้ตัวใช่มั้ยว่าทำผิดเรื่องอะไร”


“อืม” ไอ้เอสพยักหน้า


“บอกความผิดตัวเองมา”


“กูหึงมากไปหน่อย”


“ใช่ มึงไม่ควรจะหึงเบอร์นี้ มึงควรจะรู้จักเก็บ...............................อะไรนะ! นี่มึงหึงงั้นหรอ!” พระเจ้าจอร์ช! นี่ผมไม่ได้ฟังผิดไปใช่มั้ย!


“ใช่ กูหึง” แล้วไอ้เอสก็หยุดพูดไปแป๊บหนึ่ง มันทำหน้าประมาณว่า ‘เอาวะ พูดก็พูด’ ราวกับว่าถ้าไม่พูดตอนนี้ก็ไม่รู้จะพูดตอนไหนแล้ว


“กูไม่ชอบที่มึงสนิทสนมกับแพร ไม่ชอบที่มึงยิ้มให้แพร แตะตัวหรือเทคแคร์กูก็ไม่ชอบ สรุปคือกูไม่ชอบทุกสิ่งทุกอย่างที่มึงทำกับแพร แต่กูอยากให้มึงทำแบบนี้กับ...”


“เดี๋ยววววววววว! หยุด! หยุดก่อน!” ผมรีบเบรกไอ้เอสก่อนที่มันจะพูดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะแค่ที่ฟังผมก็แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว


“นี่มึงชอบ...ขนาดนี้เลยหรอวะ”


“มากกว่าที่มึงคิด” โอ้มายก็อด! คำตอบนั้นทำเอาผมหมดแรงจนถึงกับต้องลงไปนั่งที่เก้าอี้


“ตั้งแต่เมื่อไหร่”


“ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ชอบไปแล้ว” ผมได้แต่นิ่งงันกับคำสารภาพนั้น สาบานจริงๆ ว่าผมไม่รู้มาก่อนเลย ไม่เคยฉุกคิดหรือเอะใจด้วย ทั้งที่ไอ้เอสก็แสดงออกชัดเจนขนาดนั้น


“กูขอโทษนะที่ไม่ทันสังเกต กูนึกว่ามึงจะแค่แกล้งกูเล่น ไม่นึกว่ามึงจะคิดเกินกว่านั้น กู...กูไม่รู้จริงๆ ว่ามึงชอบแพร”


“อะไรนะ!” จู่ๆ ไอ้เอสก็ร้องลั่นด้วยความตกใจ เฮ้ออออ มันคงจะไม่คิดว่าผมจะโง่ได้ถึงขนาดนี้ ที่มองความรู้สึกของมันที่มีต่อแพรไม่ออก


“มึงคงจะอยากด่ากูแบบฉิบหายวายป่วงเลยใช่มั้ย ไม่...มึงไม่ต้องพูด กูรับรู้แล้ว ด่าเยอะกูสำนึกผิดไม่ทัน”


“เดี๋ยวซี มึงฟังกู...”


“บอกว่าไม่ต้องพูดแล้วไง กูสำนึกผิดแล้ว มึงใจร่มๆ แล้วไปอาบน้ำให้หัวเย็นซะนะ ระหว่างนี้กูจะลงไปช่วยแม่ทำกับข้าวให้มึงกินเพื่อชดใช้ความผิด แล้วก็จะไม่โกรธที่วันก่อนมึงงี่เง่าใส่กูด้วย โอเค้?” ผมรีบดึงไอ้เอสให้ลุกขึ้นจากเตียงแล้วดันเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นก็รีบเผ่นแน่บออกมาโดยไม่สนใจว่ามันจะโวยวายอะไร


เฮ้อออออ ก็คงจะด่าผมเรื่องแพรนั่นแหละ แต่ผมก็ยอมรับผิดแล้ว สำนึกผิดแล้วด้วยมันก็ควรจะให้อภัยผมสิ อย่างผมยังยอมเลย ขนาดเจอมันงี่เง่าใส่เบอร์นั้น


แต่จะว่าไปมันก็พึ่งเจอกับแพรแท้ๆ ทำไมถึงได้ดูชอบเอามากๆ ได้หว่า แต่อืม...อาจจะเป็นรักแรกพบก็ได้มั้งใครจะไปรู้ ไว้เดี๋ยวผมจะลองแย็บๆ ถามดูก็แล้วกัน


“มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับคุณนาย” เมื่อเดินลงไปถึงด้านล่างผมก็สลัดเรื่องในหัวออกไป ตอนนี้ขอโฟกัสเรื่องการช่วยคุณนายแม่ทำอาหารเช้าก่อนก็แล้วกัน


“มีเพียบ วันนี้แม่จะแสดงฝีมือชุดใหญ่ กำลังต้องการลูกมือพอดี”


“เวอร์วังตลอดดดด” แต่ถึงจะบ่นผมก็ช่วยแม่ทำแหละ คือต้องชดใช้ความผิดไง แม้งานในครัวจะไม่ใช่งานถนัดผมเท่าไหร่ แต่ผมก็พอทำได้บ้างเลยแบ่งเบาภาระแม่ได้เยอะอยู่


ครึ่งชั่วโมงอาหารทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อย ที่รวดเร็วก็เพราะก่อนที่ผมจะลงมาแม่ได้ทำไว้เกือบครึ่งแล้ว แต่ประเด็นคือ...กินกันแค่ 5 คนไหงคุณนายแม่ทำยังกะกินทั้งหมู่บ้านล่ะปัดโธ่!


“ไม่คิดว่ามันเยอะไปหน่อยหรอครับแม่” จะเอาใจไอ้เอสอะไรขนาดนั้น ไม่ค่อยเห่อดาราเล้ยแม่ผม


“วันพิเศษก็ต้องจัดเต็มหน่อยสิ ว่าแต่เอสจะอยู่ที่นี่กี่วันลูก”


“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่เห็นมันบอกว่าได้หยุดงาน 7 วัน”


“งั้นก็ชวนอยู่ที่นี่จนหมดวันหยุดเลยสิ”


“ง่ะ จะชวนทำไมแม่ เปลืองข้าวเปลืองน้ำบ้านเราเปล่าๆ”


“ทำเป็นบ่น คิดว่าแม่ไม่รู้หรอว่าลูกก็อยากให้เอสอยู่ต่อ” ผมไม่ตอบแล้วเสหน้าไปทางอื่น “พวกลูกนี่ก็สนิทกันดีนะ”


“โหย เอาอะไรมาสนิทล่ะแม่ มีแต่ทะเลาะกันล่ะไม่ว่า”


“อ๋อ งั้นที่จู่ๆ ลูกกลับบ้านก็เพราะงอนกัน เอสก็เลยตามมาง้อ?” โอ้โห พูดยังกะเห็นเอง เดาได้เก่งเกิ้นคุณนายแม่ แต่ผมว่าการที่แม่ใช้คำว่างอนมันก็ดูยังไงๆ อยู่นะ ต้องใช้คำว่าโกรธหรือทะเลาะกันสิถึงจะถูก


“เดี๋ยวผมขึ้นไปดูไอ้เอสหน่อยดีกว่า ไม่รู้ป่านนี้ตกห้องน้ำตายไปแล้วรึยัง” จริงๆ ก็อยากแย้งที่แม่ใช้คำว่างอนอยู่นะ แต่ผมขี้เกียจมากความ พูดมากเดี๋ยวหาว่าร้อนตัว เลยหาเรื่องหนีออกจากตรงนี้แม่งเลย ฮ่าๆๆ


แต่เอาจริงๆ ผมก็จะขึ้นมาตามไอ้เอสลงมากินข้าวด้วยแหละ ป่านนี้น่าจะอาบน้ำเสร็จแล้ว ถ้ายังไม่เสร็จอีกตัวคงเปื่อยไม่ก็ไหลลงท่อไปกับน้ำ ส่วนเสื้อผ้ากับข้าวของของมัน ผมเอาลงจากรถมาไว้ให้ในห้องเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อวานแล้ว


“ยืนทำไรตรงนั้นอะ” ผมถามไอ้เอสเมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วเห็นมันยืนอยู่ที่หน้าต่าง


“กำลังใช้ความคิด”


“หืม? มีเรื่องกลุ้มใจหรอมึง ปรึกษากูได้นะ” ผมเดินเข้าไปยืนข้างๆ มันเลยหันหน้ามาหาผม


“กูพยายามจีบคนคนนึง แต่คนคนนั้นก็ดันไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าคนที่กูชอบโง่เกินไป หรือเป็นเพราะกูจีบใครไม่เป็นกันแน่”


พอได้ยินแบบนี้ แว้บหนึ่งผมก็รู้สึกจี๊ดๆ ในใจอย่างประหลาด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้กำลังตกใจถึงไม่เป็นรึยังไง แต่คนที่มันพยายามจีบคือแพรแน่ๆ หรือว่าผมจะชอบแพรจริงๆ วะเลยรู้สึกแบบนี้?


แต่เอ...คิดดูดีๆ ผมก็คิดว่าไม่น่าใช่นะ ผมแค่รู้สึกถูกใจแต่ไม่ได้ชอบแพร แต่เอาเถอะ ช่างมันแล้วกัน ยิ่งคิดก็ยิ่งมีแต่เรื่องที่ไม่เข้าใจ เพราะงั้นผมเลยพยายามไม่สนใจแล้วแสร้งหัวเราะออกมาหน่อยๆ จากนั้นก็ตบที่ไหล่ของไอ้เอส 2 – 3 ที


“มึงนี่มันกากจริงๆ แต่ระดับพระเอกอย่างมึงจะจีบทำไมให้เสียเวลาวะ ถ้าชอบก็บอกตรงๆ ไปเลยดิ”


“เอางั้น?”


“เออ เชื่อกู”


“ได้ กูจะทำตามที่มึงบอก”


“ดี งั้นลงไปข้างล่างกันเถอะ กับข้าวเสร็จหมดแล้ว” ไอ้เอสพยักหน้า ผมเลยเดินนำมันลงมา


พอเห็นหน้าพ่อ แม่ และน้องสาวของผม ไอ้เอสก็แนะนำตัวอย่างเป็นทางการอีกที ส่วนผมก็แนะนำครอบครัวของผมให้รู้จักมันบ้าง จากนั้นก็นั่งกินข้าวด้วยกันอย่างชื่นมื่น


เอ...ผมว่าไอ้ฟีลแบบนี้มันดูทะแม่งๆ ยังไงก็ไม่รู้ เหมือนไม่ใช่ฟีลพาเพื่อนมารู้จักครอบครัว แต่เหมือนพาแฟนมาแนะนำมากกว่า


หืม? แฟน?


พรวด!


“ว้าย! อะไรเนี่ยซี!” คุณนายแม่ร้องลั่น ก็แน่ล่ะ ซดต้มยำอยู่ดีๆ แต่ผมก็พ่นมันออกมาเพราะสำลักซะงั้น


“เป็นอะไรรึเปล่า” ไอ้เอสที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามอย่างห่วงใย แถมยังหยิบทิชชู่มาซับที่ปากของผมให้อีกต่างหาก


“แค่กๆ ปะ...เปล่า...” ตอนแรกผมก็ปล่อยให้มันซับดีๆ อยู่หรอก แต่พอพ่อ แม่ และยัยเอมองมาทางนี้ตาไม่กะพริบ เท่านั้นแหละผมก็รีบดันมือของไอ้เอสออกไปเลย


“พอแล้ว ไม่เลอะแล้ว” ไอ้เอสพยักหน้า ส่วนผมที่ถึงแม้จะยังรู้สึกเขินๆ แปลกๆ ก็แสร้งกินข้าวต่อแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น


“กินข้าวเลอะเทอะอย่างกับเด็กไปได้นะ” แม่หันมาทำตาดุผม ก่อนจะหันไปทำตาหวานใส่ไอ้เอส “อาหารชาววัง (สามหมอ) ถูกปากมั้ยลูก”


“อร่อยมากๆ ครับ” แล้วทั้ง 2 คนก็หัวเราะออกมาเบาๆ นี่ผมชักสงสัยแล้วนะว่าใครกันแน่ที่เป็นลูกแม่ เฮ้อออออ


“เห็นแม่บอกว่าเราเป็นดารา ทำไมพ่อไม่ค่อยคุ้นหน้าเราเลยล่ะ” พ่อผมเรียกแทนตัวเองว่าพ่อแบบนี้ แสดงว่าน่าจะเอ็นดูถูกชะตากับไอ้เอสพอสมควรเลยนะเนี่ย


“ละครที่ผมแสดงยังไม่ได้ออนแอร์น่ะครับ”


“พี่เอสเป็นพระเอกด้วยค่ะ!” ไม่มีใครถามแต่ยัยเอก็ภูมิใจนำเสนอสุดๆ


“แล้วละครของเอสจะได้ออนแอร์ตอนไหนล่ะลูก” อันนี้แม่ผมถาม


“ต่อจากละครล็อตนี้จบครับ จริงๆ ละครยังไม่ปิดกล้อง แต่เลื่อนกำหนดให้เร็วจากเดิม เพราะเรื่องที่จะออนแอร์ก่อนนางเอกมีข่าวไม่ค่อยดี”
“อ๋อ ยัยคนนั้นใช่มั้ย ที่ไปเป็นเมียน้อยของเสี่ยไฮโซ”


“ครับ” ไอ้เอสพยักหน้า เรื่องซุบซิบดารานี่รู้ดีนักล่ะคุณนายแม่ บางทีนะแวะตลาดได้เป็นชั่วโมงๆ แต่ไม่ใช่ไปเลือกซื้อของหรอก ไปนั่งเมาท์กับแม่ค้า ผมอยากจะบ้าตาย


 “เออมึง เห็นบอกละครยังไม่ปิดกล้องใช่มะ เลื่อนกำหนดออนแอร์ให้เร็วขึ้นด้วย แล้วงี้ที่กองจะไม่ต้องเร่งถ่ายตายห่าเลยหรอวะ” ผมก็พึ่งนึกขึ้นได้ ความจริงตอนนี้ไอ้เอสควรจะอยู่ที่กองถ่ายไม่ใช่ที่บ้านผมนะ


“ก็ต้องเร่งสิ”


“เอ๊า ถ้างั้นแล้วมึงจะขอหยุดมาหากูทำไม”


“มาง้อมึงไง”


“ไอ้สัสไม่ต้องมาหยอดกู ไปพูดกับแพรนู่น กูบอกแล้วนี่ว่าให้ไปพูดกับคนที่ชอบตรงๆ”


“กูก็เลยพูดกับมึงนี่ไง”


“...”


อ้าวอึ้ง อึ้งแดกกันหมดทั้งโต๊ะ ก่อนนี้ที่ไอ้เอสเช็ดปากให้ผมทุกคนก็มองตาไม่กะพริบใช่มั้ย แต่ปัจจุบันคือตาเหลือกไปแล้วครัช!


“มะ...แม่ หนูอยากไปเล่นบ้านไอ้นาว ไปส่งหนูหน่อยนะคะ” เป็นยัยเอที่ดึงสติกลับมาได้ก่อน แต่ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ถึงอยากไปเล่นบ้านเพื่อนเอาตอนนี้ซะได้


“ได้ๆ” เอ๊า คุณนายแม่ก็ไม่คิดจะห้าม


“เดี๋ยวพ่อไปส่งด้วยคน” โวะ ขนาดพ่อก็เอาด้วย แล้วอะไรคือพร้อมใจลุกออกไปกันหมด ทิ้งให้ผมอยู่กับไอ้เอสแค่ 2 คน ฮัลโหลลลลลลล


“เพราะมึงอะ พูดเหี้ยอะไรเนี่ย” อยากเอาช้อนที่อยู่ในมือเขกหัวมันฉิบหาย


“กูก็ทำตามที่มึงบอกไง”


“กูบอกว่าอะไร”


“ให้บอกชอบตรงๆ”


“ก็นั่นไง แล้วมึงจะมาบอกกูเพื่อ!”


แต่หืม? เดี๋ยวนะ...ผมแนะนำให้ไอ้เอสไปบอกคนที่ชอบ มันก็ตกลงจะทำตาม แล้วหลังจากนั้นมันก็มาบอกกับผม ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่า...


“ทำหน้าแบบนี้คือเข้าใจแล้วสินะ” ถามแบบนี้จะให้กูตอบยังไงล่ะสัส


“กู...เอ่อ...กู...กูว่ากูไปส่งยัยเอที่บ้านเพื่อนด้วยคนดีกว่า!” ในเมื่อตอบไม่ได้ก็หาเรื่องชิ่งหนีแม่ง แต่ไอ้เอสก็ดันมือไวเสือกคว้าที่คอเสื้อด้านหลังของผมเอาไว้ได้ก่อน


“ป่านนี้น้องมึงคงถึงบ้านเพื่อนแล้วมั้ง”


“มึงก็พูดเกินไป ตอนนี้อาจจะไปถึงแค่ปากซอยหรือเซเว่นก็ได้”


“เลิกเฉไฉได้แล้ว” พอพูดจบ จากมือที่กำลังกำคอเสื้อด้านหลังของผมอยู่ ไอ้เอสก็เปลี่ยนเป็นสวมกอดที่รอบลำคอของผมแทน


 “แต่มึงชอบแพรไม่ใช่หรอวะ ถ้าจะล้อเล่นมึงพอแค่นี้...”


“กูไม่ได้ชอบแพร” ไอ้เอสพูดขัดขึ้นทั้งที่ผมยังพูดไม่จบประโยค ก่อนที่มันจะกระชับวงแขนที่กำลังกอดผมให้แนบแน่นยิ่งขึ้น


“กูไม่รู้นะว่ามึงคิดได้ยังไงว่าวันนั้นกูหึงแพร กูพึ่งเจอแพรวันนั้นเป็นวันแรกแล้วกูจะหึงได้ยังไง ที่สำคัญกูยังจำหน้าแพรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ วันนั้นกูมองแค่มึง สนใจแค่มึง แน่นอนว่าที่กูบอกว่าหึงก็คือหึงมึง เพราะกูชอบมึง ชอบมึงคนเดียว ทีนี้มึงเข้าใจรึยัง”


2BC


 :L2: สวัสดีค่า Soulmate ตอนที่ 15 ก็จบไปแล้ว ในที่สุดเอสก็บอกความในใจกับซีแล้วค่า! ฮูเร่! ขอเสียงแม่ยกกันหน่อยยยยยย  :mc4:

เชื่อว่าหลายๆคนคงลุ้นกันจนเหนื่อย คงจะคิดว่ายังไงตอนนี้ก็คงต้องเซ็งกันต่อไปใช่มั้ย  :hao3: แต่ไม่จ้า อย่าประมาทเอสสิทุกคน แล้วก็คำสารภาพรักนั่นน่ะ น่าจะเป็นประโยคที่ยาวที่สุดที่เคยพูดในชีวิตด้วยเลยมั้ง 55555  :laugh:

ยังไงตอนหน้าก็มาลุ้นกันนะคะว่าซีจะเฉไฉต่อไปได้มั้ย แล้วซีจะคิดยังไงกับเอสกันแน่ เรื่องนี้ได้ดำเนินมาเกินครึ่งสักหน่อยแล้ว ยังไงก็ช่วยติดตามกันต่อไปอย่าทิ้งเค้าไว้กลางทางน้าา  :impress: ช่วงนี้ค่อนข้างยุ่งนิดนึงเลยมาต่อช้า แต่ตอนหน้าจะพยายายามมาให้เร็วขึ้นนะคะ รักทุกคนน้า ไว้เจอกันตอนหน้าค่ะ บ๊ายบายยย  :bye2:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

คือซีจะอึนไปไหนเนี่ย

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เล่นจีบกันโต้งๆ ตอนกินข้าว อย่างงี้กับข้าวไม่เป็นหมันเหรอเนี่ย แม่อุตส่าห์ทำตั้งเยอะ 55555

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
เอสน่ารัก บอกอะไรก็ทำ ฟินนนนนน

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
Soulmate วิญญาณป่วนรัก


Part 16# Z มึงก็ชอบกูเหมือนกันใช่มั้ย?


ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก


ทำไงดี ตอนนี้หัวใจของผมมันเต้นแรงสุดๆ จนแทบจะระเบิดตู้มเป็นโกโก้ครันช์อยู่แล้ว!


ไอ้เอสมันสารภาพรักกับผม...มันบอกว่าชอบผม! โอ้มายก็อด! ผมก็นึกมาตลอดว่ามันเห็นผมเป็นทาส อย่างมากก็แค่เพื่อน แต่นี่...แต่นี่...มันบอกว่าชอบผมเลยนะ เรื่องนี้มันเป็นเรื่องเหลือเชื่อเกินกว่าที่ผมจะกล้าคิด ซึ่งการที่มันเกิดขึ้นจริงเลยทำให้ผมถึงกับทำอะไรไม่ถูก


“อย่าเอาแต่นิ่งสิ พูดอะไรบ้าง” ไอ้เอสที่ยังคงกอดผมเอาไว้อยู่พูดขึ้น ริมฝีปากของมันที่อยู่ใกล้ๆ ใบหูยิ่งทำให้หัวใจของผมเต้นแรงมากขึ้นไปอีก


“ก็กูไม่รู้จะพูดอะไรนี่”


“เห็นปกติมึงออกจะพูดมาก”


“แล้วนี่มันปกติที่ไหนเล่า” พอผมพูดแบบนี้ ไอ้เอสเลยจับตัวผมให้หมุนเข้าหามัน


“กูต้องการคำตอบ”


“คำตอบอะไร” ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้พลางก้มหน้างุด ส่วนเสียงพูดก็อ้อมแอ้มอย่างที่ไม่เคยเป็น


“มึงคิดยังไงกับกู” นี่มึงไม่คิดจะอ้อมให้กูพักหายใจหายคอบ้างเลยหรอวะ รู้งี้แม่งไม่น่าไปแนะนำให้มันบอกชอบตรงๆ เล้ย รู้อะไรไม่เท่ารู้งี้จริงๆ สิน่า


 “กูขอเวลาคิดหน่อยได้มั้ย”


“นานแค่ไหน” ไอ้นี่ทำไมมันดูรีบร้อนจังวะ


“กูไม่รู้” อันนี้ผมตอบจริงๆ ไม่ได้กวนเลยนะ แต่มันอะตั้งใจกวนผมแน่ๆ


“งั้นกูไม่ให้”


“เอ๊าไอ้...”


“ฟังกูก่อนสิ กูมีวิธีพิสูจน์นะว่ามึงคิดยังไงกับกู”


“ยังไง”


“มึงแค่อยู่นิ่งๆ แล้วตอบคำถามกูแค่นั้น” ฟังดูเหมือนจะง่าย แต่ดูจากสีหน้าของไอ้เอสผมกลับรู้สึกหวั่นใจหน่อยๆ ขอให้ผมแค่คิดมากไปเองเถอะ


“อืม” ซึ่งพอผมพยักหน้า มันก็เริ่มถามคำถามแรกทันที


“รู้สึกรังเกียจมั้ยที่กูทำแบบนี้” แต่ประเด็นคือไม่ใช่แค่ถามนี่สิ มันกลับดึงตัวผมเข้าไปกอด แถมยังกอดอย่างแนบแน่นจนผมแทบจะจมลงไปในอกของมันด้วย


“ไม่” ผมตอบไปตามความจริง ไอ้เอสเลยคลายอ้อมกอดออกมาแล้วอมยิ้มหน่อยๆ


“แบบนี้ล่ะ” คราวนี้มันก้มหน้าลงมาจุ๊บที่หน้าผากของผม แว้บแรกก็รู้สึกตกใจอยู่หรอก แต่ถ้าถามว่ารังเกียจมั้ย...


“ไม่”


 “แล้วแบบนี้ล่ะ” ถัดจากจุ๊บเหม่งไอ้เอสมันก็เปลี่ยนมาจุ๊บที่แก้ม ผมว่ามันเริ่มเยอะละ อยากจะด่ามันฉิบหาย แต่ประเด็นคือเสือกเขินด้วยนี่แหละ


“ไม่” พอได้ยินแบบนี้ จากที่แค่อมยิ้มก็กลายเป็นยิ้มจนแก้มแทบจะแตกแล้วมัน


“ถ้าแบบนี้ล่ะ” แล้วครั้งนี้มันก็ก้มหน้าลงมา


ทายซิมันจะทำอะไร?


ใช่แล้ว...จูบผมไงล่ะ! แต่ว่าผมรู้ทันหรอกนะเลยยกมือขึ้นมาปิดปากของมันเอาไว้ได้ก่อน ไม่ได้แดกกูหรอกมึง


“พอแค่นั้นแหละ เห็นกูยอมเข้าหน่อยนี่เอาใหญ่เลยนะสัส”


“มึงจะได้รู้ไงว่าคิดยังไงกับกูกันแน่”


“ไม่เห็นมันจะช่วยเลย”


“ไม่ลองก็ไม่รู้” แล้วไอ้เอสก็จับมือของผมออกไป จากนั้นก็ประคองที่ท้ายทอยของผมเอาไว้แล้วก้มหน้าลงมาจูบผมทันที


!!!


ผมเบิกตากว้าง สมองสั่งการว่าให้ดิ้นและต่อต้าน แต่ร่างกายมันกลับไม่ฟัง เอาแต่ยืนนิ่งให้ไอ้เอสจูบอยู่แบบนั้นจนกระทั่งมันถอนจูบออกมา


ดวงตาของเราต่างมองกันและกัน แต่ทั้งที่ผมคิดว่ามันจะถามความรู้สึกของผมเหมือนก่อนหน้านี้ คราวนี้กลับไม่เป็นอย่างนั้น เพราะมันก้มหน้าลงมาจูบผมซ้ำ แถมยังไม่ใช่แค่ปากแตะปากเหมือนตอนแรกด้วย


!!!


คราวนี้ผมมีสติดีเลยดันที่แผ่นอกของมันออกไป แต่ก็ไม่เป็นผล แถมมันยังโอบที่ด้านหลังแล้วดันให้ผมเข้ามาแนบชิดติดตัวมันมากขึ้นอีกต่างหาก ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน การขัดขืน (เพียงน้อยนิด) ก็กลายเป็นยินยอมให้มันจูบแต่โดยดี


ก็ไม่รู้ว่าตอนไหนที่ผมเริ่มจูบตอบไอ้เอสไปด้วย แต่รู้ตัวอีกทีริมฝีปากของพวกเราก็กำลังดูดดุนและขบเม้มซึ่งกันและกัน ก่อนที่หลังจากนั้นปลายลิ้นของเราทั้งคู่ก็ตวัดเกี่ยวพันกันจนแทบจะรวมเป็นหนึ่ง


จูบนี้ดูเหมือนว่าจะรุนแรงและเต็มไปด้วยความใคร่แบบที่ผ่านๆ มา แต่ความจริงแล้วไม่ใช่ ถึงแม้จะดูดดื่มแต่ก็มีความหวานและความรู้สึกที่ลึกซึ้งอยู่ในนั้นด้วย เล่นเอาผมเคลิบเคลิ้มราวกับว่ากำลังล่องลอย ส่วนหัวใจก็สั่นไหวจนใกล้จะหลอมละลาย


“มึงก็ชอบกูเหมือนกันใช่มั้ยซี” ไอ้เอสถามผมทันทีที่ถอนจูบออกมา น้ำเสียงและสีหน้าของมันเซ็กซี่เป็นบ้า ทำเอาใจของผมที่มันกำลังสั่นอยู่แล้วยิ่งสั่นมากขึ้นไปอีก


“กู...” สารภาพจากใจ ตอนนี้สมองของผมมันขาวโพลนจนคิดอะไรไม่ออกจริงๆ ขนาดสิ่งที่มันถามผมยังงงๆ อยู่เลย ซึ่งขณะที่ผมกำลังจะพยักหน้าแทนคำตอบ เสียงสวรรค์ก็ดังขึ้นมาช่วยชีวิตพอดี


Rrrrrrrr Rrrrrrrr


เสียงนั้นทำให้ผมกลับมามีสติเลยผลักที่อกของไอ้เอสออกไป ต้องขอบคุณไอ้เก่งจริงๆ ที่โทรมาได้จังหวะมาก แต่สำหรับไอ้เอสคงอยากจะฆ่าไอ้เก่งให้ตายซะเดี๋ยวนี้ล่ะมั้ง ฮ่าๆๆ


 “กูขอรับโทรศัพท์ก่อน...ฮัลโหลเมิงงงงง” แล้วผมก็เดินออกไปคุยกับไอ้เก่งที่นอกบ้านเลย โดยทำเป็นมองไม่เห็นไอ้เอสที่กำลังไม่สบอารมณ์สุดๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ผิดกับผมที่กำลังอมยิ้มและหัวเราะหน่อยๆ อย่างอารมณ์ดี


ส่วนที่ไอ้เก่งโทรมา มันก็ถามเรื่องไอ้เอสนั่นแหละว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะเมื่อวานมันก็โทรมาผมเลยเล่าอาการของไอ้เอสให้ฟัง พอรู้ว่าฟื้นแล้วมันก็โล่งอก ต่อจากนั้นก็แย็บๆ ถามเรื่องความสัมพันธ์ของพวกผม แต่คิดเรอะว่าผมจะบอก อ้างว่าสัญญาณไม่ดีแล้วตัดสายทิ้งแม่งเลย


“คุยกับเก่งเสร็จแล้วหรอ” ไอ้เอสที่ก่อนหน้านี้ยืนพิงประตูอยู่เดินมาหาผม


“เห็นกูวางสายก็น่าจะรู้อยู่แล้วนี่ ถามทำไมอีก”


“งั้นกูถามอย่างอื่นก็ได้”


“อะไร” ชักรู้สึกหวั่นๆ ใจ


“สรุปแล้วมึงคิดยังไงกับกู” นั่นไง! กูว่าแล้ววววว ถ้าเปรียบมันเป็นหมานี่คือกัดไม่ปล่อยเลยนะ อยากรู้จริงๆ ใครสั่งใครสอนให้มันรุกหนักแบบนี้...อ้อ เหมือนจะเป็นกูเองนี่หว่า


“ว่ายังไง ได้ยินที่กูถามมั้ย” นี่ก็เร่งกูจั้งงงงง ฮัลโหลลลลล ก็บอกไปแล้วว่าขอเวลาคิดไงจำไม่ได้หรอแสรดดดดด


“เดี๋ยวเข้าไปช่วยกูเก็บกับข้าวหน่อยดิ ทิ้งไว้แบบนั้นเดี๋ยวแมลงวันลง” จัดการเปลี่ยนเรื่องแม่งเลยผม ก็เอาซี๊ รุกแรงขนาดไหนกูก็ไหลได้อยู่ดีล่ะวะ ฮ่าๆๆ


ถึงแม้จะดูเซ็งๆ แต่ไอ้เอสก็ทำอะไรไม่ได้ ผมเห็นมันแอบถอนหายใจแล้วค่อยเดินตามเข้ามาในบ้าน แต่ผมรู้นะว่ามันไม่ยอมแพ้แค่นี้หรอก คงจะหาโอกาสถามผมอีกให้ได้ แต่คิดเรอะว่าผมจะเปิดโอกาสให้ หลังจากเก็บกับข้าวเข้าตู้เย็นเสร็จก็นี่เลย...


“อะไร” ไอ้เอสทำหน้างงๆ เมื่อผมยื่นตะกร้าที่สานจากไม้ไปให้มัน


“ไปเก็บผักกัน”


“หา?” มันทำหน้างงยิ่งกว่าเดิม แต่ผมขี้เกียจอธิบาย เลยจูงมือ (ลาก) มันไปยังโซนที่เอาไว้ปลูกพืชผัก แล้วก็ร่ายให้ฟังว่าบ้านผมปลูกอะไร แต่ละชนิดเก็บเกี่ยวยังไง จากนั้นก็สาธิตให้มันดู


“จำได้ใช่มั้ย” ผมถาม ไอ้เอสก็พยักหน้า “งั้นก็ไปเก็บมาทุกอย่าง แต่ไม่ต้องเยอะมากล่ะ มึงเก็บฝั่งนู้น ส่วนกูเก็บฝั่งนี้ เคนะ?”


“เค” แล้วพวกผมก็แยกย้ายกันไปเก็บผัก แม้ตอนแรกไอ้เอสมันจะดูงงๆ และไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ แต่พอได้ทำแล้วมันก็ดูตั้งใจเป็นอย่างดี จนผมที่แอบมองอยู่อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้


แว้บหนึ่งผมคิดว่ามันน่าจะเป็นลูกเขยที่ดีของแม่ แต่ถุ้ย! อะไรดลใจให้ผมคิดแบบนี้วะเนี่ย!


สักพักใหญ่ๆ ผักก็เกือบเต็มตะกร้าของพวกเรา คราวนี้ก็ถึงขั้นตอนเอาไปล้าง แล้วก็หั่นใส่กล่องเก็บเข้าตู้เย็น แต่พอเสร็จจากนี้คิดว่าผมจะเปิดโอกาสให้มัน? โน้วววววว บอกเลยว่าไม่มีทาง


“จะพากูไปไหนอีกล่ะ” จากที่เคยทำหน้าเซ็งๆ ไอ้เอสก็เริ่มยิ้มออกมาแล้ว คงจะรอดูนั่นแหละว่าผมจะสรรหาอะไรมาให้มันทำ จะหลบเลี่ยงคำถามของมันได้นานสักแค่ไหน


“เคยตกปลามั้ย” ไอ้เอสหยุดคิดแป๊บหนึ่งแล้วจึงส่ายหน้า


“ไม่”


“งั้นไปตกปลากัน แต่อย่าคาดหวังเบ็ดที่มันหรูหราหมาเห่านะเว่ย แถวนี้เขาใช้กันแต่เบ็ดแบบบ้านๆ” พูดจบผมก็กวักมือให้ไอ้เอสเดินตามมาที่เถียงนาน้อยริมน้ำ ซึ่งมันก็เดินตามมาต้อยๆ แต่โดยดี


“เอ้า” ผมยื่นคันเบ็ดให้ไอ้เอส พอเห็นมันก็ทำหน้างง


“นี่อะไร”


“ก็เบ็ดตกปลาไง”


“ถามจริง?” แต่ก็ไม่แปลกหรอกที่มันจะถามแบบนั้น ก็เพราะคันเบ็ดที่ผมพึ่งยื่นให้ ถ้าจะให้เรียกมันก็แค่ด้ามไม้ยาวๆ ที่มีเอ็นใสๆ ผูกกับตะขอเกี่ยวตรงปลายแค่นั้นแหละ แต่เห็นลักษณะแบบนี้ก็อย่าดูถูกมันนะ มันตกปลาได้จริงๆ นะเออผมพิสูจน์มาแล้ว


“กูจะโกหกมึงหาหอกอะไรล่ะ มานี่ เดี๋ยวกูจะตกให้ดู” แล้วผมก็ไปนั่งหย่อนขาที่ปลายเถียงนา จากนั้นก็ปั้นเหยื่อตกปลาที่ทำจากรำข้าวเป็นก้อนๆ คลุมตะขอเกี่ยวตรงปลายเอาไว้ พอเสร็จก็จับหย่อนลงน้ำไปเลย


“จะตกได้จริงหรอ” ไอ้เอสถามอย่างไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่


“เดี๋ยวมึงคอยดูให้เป็นบุญตาได้เลย ว่าแต่จะยืนค้ำหัวกูอีกนานมั้ย ลงมานั่งกับกูดิสาด” ตอนที่ด่าก็คิดอยู่หรอกว่าทำไมมันยิ้ม แต่พอมันนั่งลงเท่านั้นแหละผมถึงได้เข้าใจ


ทำไมน่ะหรอ?


ก็เพราะว่ามันนั่งลงซ้อนที่ด้านหลังของผมน่ะสิ!


“ไอ้เชี่ยเอส!”


“ชู่วววว เสียงดังแบบนี้เดี๋ยวปลาก็ตกใจหมดหรอก” ตอนนี้ใครจะบ้ามีอารมณ์ไปสนใจปลากันวะ!


“ก็ช่างแม่งมัน...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจนจบประโยค ไอ้เอสมันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมแล้วก็...


จุ๊บ!


เชี่ยยยยยยยยย ตาเหลือกเกือบเท่าไข่ห่านไปดิกู มันกล้าดียังไงถึงมาจูบปากผม! นี่มันที่โล่งแจ้งไม่ใช่ที่ลับตาคนนะเว่ย!


“ไอ้...”


“อย่าโวยวายมากเลยน่า ตกปลาไป” ทำเป็นพูดเหมือนรำคาญ แต่ความจริงแล้วมันกำลังยิ้มอยู่ ไอ้ฟายยยยยย


“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” แล้วกูเนี่ยเป็นเชี่ยอะไร ทำไมไม่ด่ามันไปล่ะ จะศอกใส่หรือลุกขึ้นไปเตะแม่งเลยก็ได้ จะนั่งอยู่แบบนี้หาสวรรค์วิมานอะไร เนี่ย...แล้วพอนั่งไปสักหน่อย จากที่นั่งซ้อนเฉยๆ มือมันก็ค่อยๆ เลื้อยมากอดที่เอวของผมแล้ว


“เยอะละมึง เยอะไปละ” แต่ก็ด่าแค่นั้นแหละ ไม่ได้ดิ้น ขัดขืน หรือว่าแกะมือของมันออกไปสักนิด กูอยากจะบ้า!


“ก็ไม่เยอะนะ มากกว่านี้ก็เคยทำมาแล้ว” เออ ก็จริงของมึง ถุ้ย! คิดว่ากูจะตอบแบบนี้รึไงวะ!


“ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้นมั้ยสัส กูอนุญาตให้มึงทำตอนไหน เป็นแฟนกันรึก็ไม่ใช่”


“งั้นก็เป็นซะสิ” นั่นไง ไม่น่าเปิดช่องให้มันเล้ยยยยยย


“มึงนั่งแบบนี้แล้วกูจะตกปลายังไง มันไม่ถนัดนะเว่ย” จงหาความเชื่อมโยงของคำถามของมันและคำตอบของผม...ใช่แล้ว ไม่มี จะมีได้ยังไงกูก็ไหลไปเรื่อยอะ!


“มึงนี่น้า” ไอ้เอสพูดอย่างเหนื่อยใจ ตอนแรกผมก็หวั่นๆ อยู่ว่ามันจะรุกแรงใส่ผมอีกมั้ย แต่ก็ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ทำแบบนั้น


“คิดซะว่ากูเป็นเก้าอี้สิ”


“หืม?”


“ก็แบบนี้ไง” แล้วมันก็ดันตัวผมให้เอนไปพิงที่อกของมัน เออ จะว่าไปพอทำแบบนี้ก็สบายดีเหมือนกันนะ นั่น...ยังไม่ทันไรก็คล้อยตามมันไปอีกเรื่องแล้ว


“เดี๋ยวคนก็มาเห็นหรอกมึง” ผมออกแรงดิ้น แต่เอาจริงๆ ก็แค่พอเป็นพิธีเท่านั้นแหละ


“นี่มันที่บ้านมึง จะมีใครมาเห็นได้ยังไง”


“เดี๋ยวพวกแม่ก็คงจะกลับมาแล้ว”


“แต่ตอนนี้ยังไม่กลับ ที่นี่มีแค่มึงกับกู 2 คนจะกังวลอะไร” ก็จริงของมัน ถ้างั้นผมจะยอมอยู่ท่านี้ต่อไปอีกสักหน่อยก็ได้ ถูกมันตะล่อมจนเลยตามเลยอีกแล้วสิน่า


“ถ้าพวกแม่กลับมามึงต้องรีบลุกทันทีเข้าใจมั้ย”


“อืม”


“ไม่ใช่แค่รับปากกูแบบส่งๆ นะเว่ย”


“อืม”


“มึงช่วยพูดอะไรนอกจากคำว่า...อื้ม!” พึ่งจะด่ามันไปหยกๆ ก็กลายเป็นว่าผมดันพูดซะเอง แต่ถ้าจะบอกว่าพูดมันก็ยังไงๆ อยู่ อันที่จริงต้องเรียกว่าครางมากกว่า เพราะไอ้เอสมันยื่นหน้าเข้ามาจูบผมแบบหนักๆ โดยไม่ทันให้ตั้งตัว


“กูเข้าใจแล้ว” แถมตอนที่ถอนจูบ มันยังมีการดูดปากผมเบาๆ ทิ้งทวนด้วยนะ ใจสั่นไปดิเจอแบบนี้ เกือบทำคันเบ็ดหลุดมือแล้วมั้ยล่ะ


“ถ้าเข้าใจแล้วก็บอกดีๆ สิวะ ไม่เห็นต้องจูบกูเลย” ผมบ่นกระปอดกระแปด ด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าวและคงแดงแป๊ดอย่างกับลูกตำลึง


“ก็ปากมึงมันน่า...”


“พอ! พอแล้ว ไม่ต้องพูดแล้วสาด” ให้ตายสิ แค่คิดว่ามันจะพูดอะไรออกมาผมก็ขนลุกด้วยความสยอง (เอ๊ะหรือสยิว?) ไปแล้วเนี่ย


อยากรู้จริงๆ ว่าไอ้เอสคนที่มันเคยพูดน้อย เย็นชา หน้าตาย ไม่สนหัวใครแม่งหายไปไหน ตอนนี้ผมเห็นแต่ไอ้เอสคนที่มันพูดมาก ตะล่อมเก่ง ชอบแอบทำหน้ากรุ้มกริ่ม แล้วก็มักจะจ้องหาโอกาศเอากำไรจากร่างกายของผมตลอด


คือขนาดยังไม่คบกันผมยังโดนขนาดนี้ ถ้าหากคบกันผมจะโดนขนาดไหน แล้วแบบนี้ผมควรที่จะคบกับมันมั้ยถามใจดู!


2BC


 :oni1: สวัสดีค่า Soulmate ตอนที่ 16 ก็จบไปแล้ว ตอนนี้ถึงแม้จะตอนที่ไม่ค่อยมีสาระเท่าไหร่ แต่ก็หวังว่าทุกคนจะชอบแล้วก็อมยิ้มไปกับการจีบของเอสและการไหลของซีนะคะ อิอิ  :-[

ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันว่าซีจะยอมใจอ่อนคบกับเอสมั้ย แต่โดนทำอะไรก็อ่อยระทวยขนาดนี้คิดว่าคงไม่นานหรอกเนอะ...มั้ง 55555  :laugh:

ยังไงก็ฝากติดตามคู่เอสซีกันต่อด้วยนะคะ รักทุกคนน้า  :L1: ขอบคุณมากๆสำหรับการติดตามค่า  :pig4: แล้วเจอกัน บ๊ายบายยยย  :bye2:

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
ไม่ยอมก็จัดหนักให้ยอมให้ได้

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แหม่   เอสรุกแรงเหลือเกิน

ป.ล. เพิ่งนึกขึ้นได้  คนนึง S คนนึง Z เข้ากั๊น ๆ

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
น้อนนนนนนนนนนนน เขินอ่ะ โอ๊ยน่ารัก

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
น้องซียอมเอสไปหลายทีแระ ก็ตกลงเป็นแฟนไปเลยเถอะ  :katai2-1:

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
Soulmate วิญญาณป่วนรัก


Part 17# Z ผมชอบลูกชายแม่นะครับ


พวกแม่กลับมาอีกทีก็ค่ำๆ


ถ้าเป็นปกติผมจะภาวนาให้ทุกคนกลับช้าๆ เพราะการได้อยู่บ้านคนเดียวมันโคตรสบายแล้วก็โคตรมีอิสระ แต่สำหรับวันนี้..................รีบกลับกันมาเถอะคร้าบบบบบบ ปากผมโดนจูบจนแทบจะเปื่อย ส่วนเนื้อตัวก็โดนกอดจนแทบจะช้ำไปหมดแล้ววววววว


แต่ก็นั่นแหละ คำภาวนาของผมไม่เป็นผล กว่าพวกแม่จะกลับมาผมก็โดนหากำไรจนแทบไม่มีอะไรเหลือ แต่ก็ยังดีที่อยู่ต่อหน้าทุกคนไอ้เอสมันไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น ไม่งั้นคนทั้งบ้านมีหวังได้หัวใจวายตายแน่ๆ โดยเฉพาะพ่อกับแม่ของผมที่คงรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้


โอเค ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นแหละ คือผมเป็นลูกชายคนเดียวไง ถึงจะไม่ใช่ครอบครัวคนจีนก็เถอะ แต่ปกติก็ต้องคาดหวังให้ผมสืบสกุล มีลูกมีหลานให้อุ้มไรงี้ใช่มั้ย แต่ก็ปรากฏว่าผมดันคิดมากไป พ่อกับแม่ผมไม่ได้คิดอะไร คือชิลมาก มากจนผมอยากจะบอกว่าช่วยคัดค้านบ้างก็ได้เฮ้ยยยยยยย


“แม่กับพ่อจะไปนอนยังครับ” ผมพูดกับแม่ เมื่อละครหลังข่าวที่พากันนั่งดูที่โซฟาจบลง ตอนนี้กำลังเป็นรายการข่าว


“ก็ว่าจะขึ้นนอนแล้ว ถามทำไมลูก”


“พายัยเอขึ้นไปนอนด้วยนะ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะไปนอนห้องมัน”


“อ้าว ไหงงั้นอะพี่ซี ห้องพี่ก็มีจะมานอนห้องหนูทำไม” ไอ้น้องคนนี้ จะทำตามที่พี่มันบอกดีๆ ไม่ได้รึไงฟะ


“ก็ห้องพี่มีไอ้เอสนอนไง”


“ก็นอนด้วยกันไปสิ เนอะแม่เนอะ” แน่ะ มีหันไปหาแนวร่วมด้วย


“นั่นน่ะสิ จะทำให้มันยุ่งยากทำไม” แล้วทำไมต้องไปเห็นด้วยกับมันด้วยล่ะคุณนายแม่!


“เตียงมันแคบจะตาย ผู้ชาย 2 คนจะนอนด้วยกันได้ยังไง”


แต่เอาความจริงจากใจเลยนะ ถึงแม้ขนาดเตียงในห้องของผมมันจะเล็กจริงเพราะแค่ 3.5 ฟุต แต่ที่ผมไม่อยากนอนห้องเดียวกันกับไอ้เอสก็เพราะไม่ไว้ใจ กลัวมันจะทำไรนู่นนี่นั่นกับผมอะ ที่รโหฐานมีหลังคา ผนัง กำแพง แถมยังมีเตียงขนาดนั้น ถ้าผมนอนกับมันมีหวังถูกจับกินไม่เหลือแน่ๆ


“มึงก็ทำอย่างกับไม่เคยนอน” เอาละไงไอ้เวรนี่ พูดอะไรออกมาทีทำบ้านกูติดสตั๊นกันหมด


“ไอ้เชี่ยเอส มึงอย่าพูดอะไรที่มันชวนเข้าใจผิดได้มั้ยสัส” ผมตีที่แขนมันดังป๊าบพลางหัวเราะกลบเกลื่อน แล้วก็แอบส่งซิกซ์ให้มันพูดแก้ประโยคที่พึ่งพูดไปด้วย


แต่ทั้งที่ผมอุตส่าห์ทำขนาดนั้นมันกลับทำยังไงรู้มั้ย?


ทำเป็นไม่รู้แถมยังพูดเรื่องที่มันชวนเข้าใจผิดมากขึ้นไปอีก!


“กูพูดไม่ถูกตรงไหน เคยเปิดโรงแรมนอนด้วยกันก็ทำมาแล้ว”


“...”


เอาอีกแล้ว ไอ้เอสแม่งทำคนทั้งบ้านอึ้งแดกอีกแล้ววววววว คือจังหวะนี้ผมอยากบีบคอมันให้ตายคามือมาก มันกล้าพูดเรื่องนั้นออกมาได้ยังไง กล้าพูดหน้าตาเฉยได้ยังไงไอ้เหี้ยยยยยยยยย


“เอ่อ...พ่อจ๊ะ แม่ว่าเราขึ้นห้องนอนกันดีกว่าเนอะ” คุณนายแม่ที่ตั้งสติได้ก่อนใครเอามือสะกิดพ่อ


“จ้ะแม่” แล้วทั้งคู่ก็รีบจูงมือกันขึ้นไปบนห้อง ส่วนยัยเอที่สติพึ่งมาก็เลิ่กลั่ก จากนั้นก็วิ่งตามพ่อกับแม่ขึ้นห้องไปเลย


“มึงแม่ง...” ผมกุมขมับ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าไอ้เอสจริงๆ เดี๋ยวต้องหาเวลาปรับทัศนคติกับมันหน่อยละ


“ขึ้นห้องกันบ้างมั้ยเรา” โอ้โห นอกจากจะไม่สำนึกแล้วยังมายิ้มกรุ้มกริ่ม แถมยังวาดมือมากอดคอของผมอีกต่างหาก


“ไปดิ” เท่านั้นแหละมันก็แทบจะอุ้มผมขึ้นห้อง ดีที่ผมขืนตัวเอาไว้ได้ทันไม่งั้นล่ะเสร็จโจร


อ้อ...แต่เห็นผมตอบแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าคืนนี้ผมจะนอนกับมันหรอกนะ ขืนนอนก็เสียตัวอะดิ ผมคงจะโง่นอนด้วยหรอก


“ยืนทำอะไรตรงโน้น” ไอ้เอสถามเมื่อเห็นผมหยุดยืนที่หน้าห้องยัยเอ ไม่ได้เดินเลยไปที่ห้องของผม


“คืนนี้กูจะนอนห้องนี้”


“เดี๋ยว!” แต่คิดหรอว่าผมจะยืนรอให้มันมาฉุดไปนอนด้วย ผมก็ต้องรีบเปิดประตูเข้าห้องยัยเอแน่นอนอยู่แล้ว แถมยังกดล็อกและลงกลอนอย่างแน่นหนาด้วย


“อ้าวพี่ซี! เข้ามาในห้องหนูทำไม!” เวรกรรม ผมก็นึกว่ายัยเอไปนอนที่ห้องพ่อกับแม่แล้ว ไหงถึงยังได้อยู่ในห้องวะเนี่ย ส่วนไอ้เอสนี่แม่งก็เคาะประตูเรียกผมใหญ่เลย


“ซี! มาคุยกันก่อน!”


“มีไรไว้ค่อยคุยพรุ่งนี้! ฝันดีเว่ย!” แล้วผมก็ขึ้นเตียงไปนอนเบียดกับยัยเอ ทำเป็นหูทวนลมไม่สนใจเสียงเรียกและเสียงเคาะประตูของไอ้เอส ซึ่งไม่นานมันก็ยอมถอย บอกราตรีสวัสดิ์แล้วก็เดินเข้าห้องของผมไป


“จะมานอนเบียดหนูทำไมเนี่ย หนูอึดอัดนะพี่ซี” ก็ไม่แปลกหรอกที่ยัยเอจะบ่น ก็เตียงมันขนาด 3.5 ฟุตเท่ากับเตียงในห้องผมนั่นแหละ


“ถึงได้บอกให้ไปนอนห้องพ่อกับแม่ไง” เตียงในห้องนั้นน่ะนอน 3 คนได้สบาย


“นี่มันห้องหนูนะ พี่ซีนั่นแหละต้องไป ไม่งั้นก็ไปนอนที่ห้องตัวเอง”


“ก็บอกแล้วไงว่าเตียงมันแคบ” ขนาดนอนกับยัยเอที่ตัวเล็กๆ ยังแทบจะขยับไม่ได้ ถ้าไปนอนกับไอ้เอสจะไม่ต้องทับบนตัวมันเลยเรอะ


“แคบแล้วไง เป็นแฟนกันนอนเบียดกันนิดหน่อยดีจะตายพี่ซี”


“พี่กับไอ้เอสไม่ได้เป็นแฟนกันเว่ย!”


“แหมๆ ไม่ต้องมาเขินหรอกน่า เรื่องนี้รู้กันทั้งบ้าน”


“ก็บอกว่าไม่ใช่ไงเล่า!” ให้ตายสิ! เดี๋ยวพรุ่งนี้ต้องรีบไปบอกพ่อกับแม่ด้วย ไอ้เอสนะไอ้เอส ทำคนที่บ้านผมเข้าใจผิดกันหมดแล้ว!


“อ๊ะๆ ไม่ใช่แฟนก็ไม่ใช่แฟน แต่กำลังอยู่ในช่วงจีบกันใช่มะ”


“...” ไปไม่เป็นเลยดิเจอคำถามงี้


“เงียบ แสดงว่าใช่” ยัยเอยิ้มแซว ด้วยความหมั่นไส้ผมเลยดีดที่หน้าผากมัน ก่อนจะจับมันพลิกตัวไปอีกด้านแล้วเอาผ้าห่มคลุมโปงแม่งด้วย


“นอนได้แล้ว เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องมายุ่งเรื่องของผู้ใหญ่”


“ชิ บอกหนูเป็นเด็กหรอ ได้...” แล้วยัยเอก็บ่นอะไรไปเรื่อยแต่ผมไม่ได้สนใจ พอนอนนิ่งๆ สักพักก็ง่วงจนหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีมือมาเขย่าที่ร่าง


“เช้าแล้วพี่ซี ตื่นได้แล้ว”


“อื้อ...อย่ากวน คนจานอน” ผมโบกมือไล่ด้วยความรำคาญ วันก่อนผมนอนน้อยมาก นอนเหมือนไม่ได้นอน เพราะงั้นตอนนี้มันก็เลยยังง่วงจนลืมตาไม่ขึ้น


“แต่กับข้าวจะเสร็จแล้วนะพี่ซี”


“กินปาย ม่ายต้องรอ”


“ไม่ได้ แม่บอกให้ลงมากินด้วยกัน”


“ก็บอกว่าจานอน!”


“ถ้าไม่ยอมตื่น...จะจูบนะพี่ซี” วินาทีแรกผมนิ่ง แต่หลังจากนั้นผมก็ระเบิดหัวเราะดังลั่นจนแทบจะหงายตกเตียง


“กร๊ากกกก กลัวจังเลยยยย ก็มาดิค้าบบบบ” พนันหมดตัวเลยว่ายัยเอมันไม่กล้าจูบผมหรอก แหม...ขู่มาได้ สงสัยจะอ่านการ์ตูนตาหวานมากเกินไป ก็บอกให้เพลาๆ ลงแล้วนะ แต่สงสัยไม่ยอมฟังถึงได้อาการหนักแบบ...


จุ๊บ!


หือ...หืออออ...หืออออออออ เอาจริงดิ นี่ยัยเอมันกล้าจูบผมจริงๆ หรอวะ! ซึ่งพอผมลืมตาขึ้นมาเท่านั้นล่ะ...


“มอนิ่งคิส” ไอ้เอสยิ้มกรุ้มกริ่มโดยที่หน้าอยู่ห่างจากผมไม่ถึงคืบเลยด้วยซ้ำ


“เชี่ยยยยยยยยยย!” จากที่ง่วงๆ อยู่ก็ตื่นเต็มตาเลยผม สองมือผลักที่อกมันออกไปแล้วดีดตัวลุกจากที่นอนทันที ส่วนยัยเอที่ทำเป็นเอามือปิดตาแต่แหกนิ้วกางออกก็หัวเราะคิกๆ คักๆ


“อะ...ไอ้...ไอ้พวกเวรรรรรรรรร!” พอรู้ว่าโดนไอ้สองตัวนี้รวมหัวกันแกล้ง ผมก็อาละวาดปาหมอนใส่แล้วไล่ตีพวกมันแม่ง แต่เสียดาย ยังตีได้ไม่หนำใจคุณนายแม่ก็ตะโกนขึ้นมาซะก่อน


“โวยวายอะไรซี! ถ้าตื่นแล้วก็รีบอาบน้ำแล้วลงมากินข้าว!”


“ชิ! รอดตัวไปนะ” ผมชี้หน้าคาดโทษพวกมัน 2 ตัว ก่อนจะเดินกลับห้องแล้วหยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำ แน่นอนว่าผมต้องล็อกห้องอย่างแน่นหนา ผมไม่ประมาทเหลือโอกาสให้ไอ้เอสมันเข้าห้องผมมาได้หรอก หึ!


พออาบน้ำเสร็จผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินลงมาข้างล่าง เวลาที่ใช้ไม่น่าจะถึง 10 นาทีล่ะมั้ง ก็แหม...เป็นผู้ชายจะอาบอะไรนาน ซึ่งพอเดินมาถึงโต๊ะอาหารก็เห็นไอ้เอสวางจานสุดท้ายลงพอดี


“เอสนี่น่ารักเนอะ ทั้งหล่อ ทั้งขยัน ทั้งนิสัยดี ไม่เหมือนลูกแม่บางคน ตื่นก็สาย งานบ้านงานครัวไม่รู้จักมาช่วย เป็นเจ้าบ้านแท้ๆ ไม่อายแขกบ้างเล้ย” คำพูดเหมือนไม่เจาะจงใคร ตรงข้ามกับสายตาที่ล็อกเป้ามายังผม แต่คิดเรอะว่าผมจะรับ


“แม่ว่าแกอะยัยเอ”


“ว่าพี่นั่นแหละพี่ซี!” พอโดนสวนทันควันผมก็ยักไหล่ ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ไปเลย


“เฮ้ออออ แม่ล่ะกลุ้มใจกับแกจริงๆ นะซี นิสัยแบบนี้จะกล้ายกให้เอสได้ยังไง” หืม? นี่ผมฟังผิดไปเปล่าวะ?


“เดี๋ยวนะแม่ ยกให้อะไร”


“ก็ยกให้ไปเป็นเจ้าสาวน่ะสิ” เท่านั้นแหละ น้ำที่ผมกำลังยกขึ้นดื่มก็แทบพุ่ง


“ฮัลโหลลลลลล เจ้าสาวอะไรกันแม่! ผมเป็นผู้ชายนะยังไงก็ต้องเจ้าบ่าวสิ!” แต่เดี๋ยวก่อน เหมือนผมจะหลงประเด็น คือมันไม่ได้อยู่ที่ผมจะเป็นเจ้าสาวหรือเจ้าบ่าว มันอยู่ที่ว่าผมบอกเมื่อไหร่ว่าจะแต่งกับไอ้เอส ขนาดคบก็ยังไม่ได้ตอบตกลงเลยด้วยซ้ำ!


“มึงไปพูดอะไรกับแม่กูหา!” ผมแยกเขี้ยวใส่ไอ้เอส ส่วนมือก็เตรียมแจกยันต์ 5 แถวให้แม่งด้วย แต่มันก็ไม่ได้มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย


“ก็แค่บอกว่า...ผมชอบลูกชายแม่นะครับ” มันตอบอย่างหน้าตาเฉย แถมยังอมยิ้มหน่อยๆ อีกต่างหาก ผิดกับผมที่อ้าปากพะงาบๆ แถมยังตาเบิกกว้างด้วยความช็อก


“อะ...ไอ้...ไอ้...”


“แล้วก็ไม่ใช่แค่แม่ กูพูดกับพ่อมึงด้วย”


“พ่อก็โอเคยกซีให้แล้ว”


“หาาาาาาาา!” อะไรนะ! หน่านี้! โฮลี่ชิท! ตอนนี้ผมช็อกจนวิญญาณแทบจะออกจากร่างไปแล้ว คืออย่างแม่อะไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมแม้แต่พ่อก็เป็นไปด้วย นี่ไอ้เอสมันทำคุณไสยใส่เรอะ!


“คือ...ทุกคนฟังผมก่อนนะครับ” ผมพยายามทำจิตใจให้สงบแล้วยิ้มแห้งๆ โดยที่ในหัวก็พยายามคิดหัวแทบแตกว่าจะแถเรื่องนี้ยังไงให้เจ็บสีข้างน้อยที่สุด


“แบบว่า...เรื่องที่ไอ้เอสพูดน่ะ คือ...มันแค่ล้อเล่นนึกออกปะ มันเป็นมุกอะมุก ถึงจะไม่ขำแต่ก็ขำให้มันหน่อยนะ ฮ่าๆๆๆ”


“...” กริบ เงียบยิ่งกว่าป่าช้า มีแค่ผมเนี่ยที่หัวเราะแบบจางๆ จางในจาง จางแบบฉิบหายวายป่วง


“กินข้าวกันเถอะทุกคน” ยอมแพ้ละผม ขี้เกียจแถแม่งละ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็แอบหันไปคาดโทษไอ้เอสที่กำลังอมยิ้มด้วยท่าทางอารมณ์ดี “เดี๋ยวมึงเจอกู”


หลังจากที่กินข้าวเสร็จพ่อก็ไปส่งยัยเอที่โรงเรียน เพราะวันนี้เป็นวันจันทร์ จากนั้นพ่อก็จะเลยไปที่ทำงาน แล้วก็จะกลับมาที่บ้านตอนเย็นพร้อมกับยัยเอ ส่วนแม่ของผมอย่างที่รู้ๆ กันว่าเป็นแม่บ้าน เพราะงั้นปกติช่วงกลางวันก็จะทำงานบ้านนู่นนี่ แต่เนื่องจากวันนี้ไม่ปกติ มีแรงงานทาสอย่างผมอยู่ เพราะงั้นงานทั้งหมดเลยถูกโยนมาที่ผม ส่วนคุณนายก็ไปเม้าท์มอยกับเพื่อนซี้ที่อยู่ปากซอยนู่น


งานที่สั่งให้ผมทำก็มีตั้งแต่ล้างจาน กรอกน้ำ เก็บบ้าน กวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า ล้างรถ รดน้ำต้นไม้ ให้อาหารปลา แล้วก็อีกสารพัดจิปาถะที่คุณนายนึกออกก็จะโทรมาสั่ง ถึงได้บอกไงว่าผมนี่มันแรงงานทาสชัดๆ แถมคุณนายแม่ยังสั่งให้ทำคนเดียวด้วยนะ ย้ำนักย้ำหนาว่าห้ามให้ไอ้เอสช่วย แต่ฝันไปเถอะ!


“กรอกน้ำเสร็จยัง ถ้าเสร็จแล้วไปล้างจาน กวาดบ้าน แล้วก็ถูบ้านด้วยนะ”


“ได้” แหมมมมม อยากจะแหมให้อ้อมจักรวาล พออยากได้กูเป็นแฟนนี่ว่าง่ายเชียวนะ แต่คิดเรอะว่าแค่นี้จะทำให้ผมใจอ่อนยอมเป็นแฟนด้วย เรื่องที่มันไปพูดแบบนั้นกับพ่อแม่ผมยังไม่ได้คิดบัญชีแค้นเลยเหอะ


“รีบๆ ทำด้วยล่ะ ยังมีงานให้ทำอีกเยอะ”


ส่วนผมพอสั่งงานแล้วก็ใช่ว่าจะไปนอนเกาพุงสบายๆ หรอก แต่ผมจะไปซักผ้า ซึ่งก็มีทั้งผ้าตัวเอง แล้วก็พวกผ้าปูที่นอนกับผ้าเช็ดตัวของคนทั้งบ้าน กว่าจะเสร็จก็คงเที่ยงเลยล่ะมั้ง แล้วไหนจะงานอย่างอื่นที่คุณนายแม่สั่งให้ทำอีก ถ้าทำคนเดียวนี่ว่าคงตาย


 กว่างานจะเสร็จทุกอย่างก็ปาไปบ่ายเกือบเย็น หมดแรงเลยสิผม นี่ขนาดว่าโยนงานไปให้ไอ้เอสตั้งเยอะแล้วนะ แต่ก็ยังเหนื่อยจนต้องทิ้งตัวลงจนแทบจมกับโซฟา


“ไปหาหมอนมาให้กูหน่อยดิมึง” ผมพูดกับไอ้เอสอย่างไร้เรี่ยวแรง แต่แทนที่มันจะไปหาหมอนมาให้ผมตามที่สั่ง มันกลับเดินมานั่งข้างๆ ผมซะงั้น


“ไม่ได้ยินที่กูพูดหรอวะ”


“ได้ยิน”


“งั้นก็รีบไปหาหมอนมาดิ จะมานั่งทำซากอะไรตรงนี้”


“หมอนก็อยู่ที่นี่แล้วไง” แล้วมันก็ตบที่ตักของตัวเอง เปลืองแรงเบ้ปากกับกลอกตาเลยกู


“เสี่ยวฉิบหาย อายมั้ยเนี่ยถามจริง”


“ด้านได้อายอด”


“หรอ แปลกจัง กูว่ากูเคยได้ยินแต่ ‘ถึงด้านก็ยังอด’ นะมึง” พอผมพูดแบบนี้ จากที่อมยิ้มอยู่ก็หน้าเหงาเป็นหมาหงอยเลยมัน เฮ้อออออ แล้วทำไมต้องสงสารด้วยเนี่ย


“อ๊ะๆๆ ไหนๆ ก็ใจกล้าหน้าด้านพูดออกมาละ งั้นกูจะยอมสักครั้งก็ได้” ถึงจะยังหมั่นไส้ที่มันไปพูดเรื่องบ้าบอกับพ่อแม่ผมก็เถอะ แต่เห็นแก่ที่วันนี้มันยอมทำงานนู่นนี่ตามที่ผมสั่งหรอกนะ อีกอย่างตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่ที่บ้านด้วย


“มาสิ” ไอ้เอสตบที่ตักของตัวเอง ผมเลยขยับหัวไปนอนหนุนที่ตักของมัน ถึงจะแข็งไปนิดไม่นุ่มเหมือนหมอนก็เถอะ แต่ก็ถือว่าสบายใช้ได้อยู่


“ยิ้มอะไร” ผมตีหน้าเข้มใส่ คือตอนนี้มันอมยิ้มจนแก้มแทบแตกแล้วอะ


“ก็มีความสุขเลยอยากยิ้มไง”


“ลำไย” ผมมองบน พูดตามตรงเลยนะ เอาจริงๆ ผมจำแทบไม่ได้แล้วว่าเมื่อก่อนมันเคยเป็นคนหน้านิ่งขนาดไหน ถ้าหากคิดว่าที่มันเปลี่ยนไปก็เพราะผม จะเป็นการหลงตัวเองเกินไปมั้ยนะ?


“แล้วมึงล่ะยิ้มอะไร” หืม? นี่ผมยิ้มหรอ? ผมเนี่ยนะยิ้ม? บ้าาาาาา


“กูเปล่าสักหน่อย หลอนแล้วมึงอะ” ผมจะหันหน้าหนี แต่ไอ้เอสก็ใช้สองมือจับหน้าของผมเอาไว้ไม่ให้หันหนีไปไหน


“เมื่อไหร่จะเลิกปากแข็งสักที” สายตาของมันที่จ้องมองมาทำเอาใจของผมเริ่มสั่นหน่อยๆ ชักไม่ได้การ ขืนเป็นแบบนี้มีหวังผมต้องคล้อยตามยอมเป็นแฟนมันแน่ๆ เพราะงั้น...หลับตาลงแม่งเลยจะได้ไม่ต้องเห็นหน้ามันอีก!


“กูง่วง ของีบก่อนนะ แล้วก็ห้ามกวนด้วย”


“จริงๆ เล้ย” ผมได้ยินเสียงไอ้เอสมันถอนหายใจ ใจแป้วเลยดิกู หรือว่ามันจะยอมแพ้แล้ว? แค่นี้ก็ยอมถอดใจแล้วหรอวะ?


แต่ขณะที่ผมกำลังเริ่มจิตตกอยู่นั้น ที่หน้าผากของผมก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนนุ่มและลมหายใจอุ่นๆ ซึ่งพอลืมตาขึ้นมา ผมก็เห็นว่าใบหน้าของไอ้เอสอยู่ห่างจากผมเพียงไม่ถึงคืบ


“กูไม่ยอมแพ้ง่ายๆ หรอกนะ” วินาทีนั้นเอง หัวใจของผมที่กำลังแห้งเหี่ยวก็พองโตขึ้นมา


ความรู้สึกแบบนี้ผมจะเรียกมันว่าอะไรดีนะ? จะเรียกว่าความรักได้มั้ย? ขอกูมั่นใจอีกนิดแล้วจะรีบตอบมึงนะไอ้เอส...


2BC


 :mc4: สวัสดีค่า Soulmate ตอนที่ 17 ก็จบไปแล้ว คิดว่าตอนนี้น่าจะทำให้หลายๆคนยิ้มได้อีกตอน ก็หวังว่าจะชอบกันนะคะ  o18

ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันค่ะว่าซีจะเซย์เยสได้รึยัง พ่อกับแม่ก็ไฟเขียวละ เหลือแค่ซีละตอนนี้ ยังไงก็มาเอาใจช่วยเอสกันด้วยน้าาา  :impress:

แล้วเจอกันตอนหน้า ขอบคุณสำหรับคอมเมนท์และกำลังใจนะคะทุกคน  :pig4: จุ๊บๆๆๆๆ  :mew1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 22-11-2019 07:13:03 โดย Sameejaejung »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
วิญญาณหายไปเลย...

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
เล่นตัวหนักมากกกกกกกก55

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
อ่ะ. ห้เวลาซีทำใจอีกนิดก็ได้   :laugh:

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
Soulmate วิญญาณป่วนรัก


Part 18# Z เวลามึงหึงนี่น่ารักดีนะ


แชะ! แชะ! แชะ!


เสียงชัตเตอร์และเสียงหัวเราะคิกๆ คักๆ ทำให้ผมที่กำลังนอนอยู่ลืมตาตื่นขึ้นมา ตอนนี้ผมยังคงนอนอยู่ที่ตักของไอ้เอสเหมือนเดิม แต่เพิ่มเติมคือมียัยเอยืนถือโทรศัพท์อยู่ใกล้ๆ


“ถ่ายอะไรของแกวะ” แต่ทั้งที่ผมถาม มันกลับเมินแล้วเดินเอารูปไปให้ไอ้เอสดูซะงั้น


“เป็นไงคะพี่เอส ดีมั้ย” แล้วมันก็พยักหน้า


“แอดไลน์พี่แล้วส่งมาให้หน่อยสิ”


“ได้เลยค่ะ” จากนั้นพวกมันก็ถามไอดีไลน์เพื่อที่จะส่งรูปให้กัน คุยกันงุ้งงิ้งๆ ไม่สนใจผมเลย พออยากมีส่วนร่วมเลยจะลุกขึ้นไปดูด้วย แต่ไอ้เอสก็กดหัวผมเอาไว้ไม่ให้ลุกขึ้นซะงั้น


“ปล่อยกูววววววว” ก็ดิ้นอยู่สักพักอะกว่ามันจะปล่อยมือ พอลุกขึ้นมาได้อันดับแรกก็รีบจัดผมให้เข้าทรงก่อนเลย จากนั้นค่อยหันไปมองไอ้เอสตาขวาง


“ลบออกเลยนะ นั่นรูปกูที่ทำหน้าทุเรศๆ ตอนนอนใช่มั้ย”


“ไม่ใช่”


“กูไม่เชื่อ เอามาดูเลย”


“ไม่” แล้วไอ้เอสก็ลุกหนีไป ส่วนยัยเอคือวิ่งป่าราบตั้งแต่ที่ส่งรูปให้ไอ้เอสเสร็จละ ไวจริงๆ ไอ้น้องคนนี้ ว่าแต่นี่พึ่งกี่วันเอง ไอ้เอสมันใช้วิธีไหนคนทั้งบ้านถึงไปอยู่ทีมมันกันหมดเลยวะ หรือว่ามันจะใช้คุณไสยจริงๆ?


ว่าไปนั่น พึ่งตื่นสติสตังเลยยังไม่เต็มมั้งผม เดี๋ยวลุกไปล้างหน้าล้างตาสักหน่อยดีกว่า ส่วนเรื่องรูปเดี๋ยวผมค่อยหาโอกาสขโมยดูก็ได้ ยังไงไอ้เอสก็คงจะอยู่ที่นี่อีกหลายวัน


“เย็นนี้มีอะไรกินครับคุณนาย” ตื่นมาสักหน่อยผมก็เริ่มหิวเพราะไม่ได้กินข้าวเที่ยง พอเดินเข้าไปในครัวแล้วก็เจอแม่เข้าพอดี


“แม่กำลังดูอยู่ว่ามีอะไรเหลือบ้าง อืม...มีแค่ผัก สงสัยต้องไปตลาดแล้วล่ะ ไปด้วยกันกับแม่หน่อย”


“คร้าบ” แล้วแม่ก็เดินขึ้นไปบนห้อง คงจะไปหยิบกระเป๋าตังกับกุญแจรถ ส่วนผมก็ออกไปรอข้างนอก ซึ่งก็เห็นพ่อกับไอ้เอสกำลังรดน้ำต้นไม้ไปคุยกันไป ท่าทางจะถูกคอกันดี


“ไงซี ออกมาทำอะไรล่ะเรา” พ่อทักเมื่อเห็นผม


“ออกมารอแม่ครับ จะไปตลาด”


“ไปด้วยสิ” ประโยคนี้ไอ้เอสพูด ตอนแรกผมก็ว่าจะตอบไม่อยู่หรอกเพราะยังหมั่นไส้เรื่องรูปอยู่ แต่คิดไปคิดมาให้มันไปด้วยดีกว่า จะได้มีแรงงานทาสช่วยถือของ


“อือ”


“งั้นไว้เดี๋ยวค่อยคุยกันนะครับพ่อ” ไอ้เอสหันไปพูดกับพ่อผมก่อนที่มันจะเดินมาทางนี้


“เรียกพ่อกูว่าพ่อได้เต็มปากเลยนะ” ผมมองบนใส่


“หรือจะให้เรียกพ่อตา?”


“ไอ้...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้อ้าปากด่าและทุบไอ้เอสไปสักหมัด คุณนายแม่ก็เดินออกจากบ้านมาช่วยชีวิตมันเอาไว้ได้ก่อน


“ไปกันซี แม่พร้อมแล้ว”


“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” ผมชี้หน้าคาดโทษ แต่มันก็ยักไหล่ไม่ได้สะทกสะท้าน เนี่ย ธาตุแท้มันเป็นแบบเนี้ย ทำไมไม่มีใครเห็นนอกจากผมบ้างวะ


ตลาดอยู่ไม่ไกลจากบ้านของผมมาก ขับรถแค่ 5 นาทีก็ถึงแล้ว ที่ตรงนี้ถือว่าเป็นทำเลทองเลยก็ว่าได้ เพราะมีทั้งเซเว่น โลตัสเล็ก ร้านเสื้อผ้า แล้วก็ร้านขายสินค้าปลีก – ส่ง เรียกว่าเป็นศูนย์รวมของคนชาววังเลยล่ะ แล้วยิ่งช่วงเวลาเย็นๆ แบบนี้ด้วยนะ คนยิ่งมหาศาลจนแทบจะเหยียบกันตาย


แน่นอนว่าที่ผมพูดน่ะมันคือการเปรียบเปรย คนไม่ได้เยอะขนาดที่จะเหยียบกันตายได้จริงๆ หรอก แต่ยกเว้นวันนี้ ที่ผมคิดว่าคนอาจจะเหยียบกันตายขึ้นมาจริงๆ ก็ได้


ถามว่าทำไม?


ก็เพราะไอ้พระเอกอย่างไอ้เอสมันมาเดินตลาดน่ะสิ! ซึ่งทันทีที่มันลงจากรถแล้วชาวบ้านเห็นมันเท่านั้นแหละ...


“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด”


“ป๊าดดดดดดดดดดดดดด”


“ดาราติน่ะ!” (ดารารึเปล่า!)


“พระเอกพู่นเด้อสู!” (พระเอกเลยนะพวกเธอ!)


“ป้าดติโท่! ผู้บ่าวกรุงเทพคือมาหล่อกะด้อกะเดี้ย!” (โอ้โห! หนุ่มกรุงเทพหล่อมากเกินไปแล้ว!)


“หล่อโพด! หล่อโพ! หล่อคัก! หล่อขนาด! หล่ออีหลี!” (หล่อมากๆๆๆ หล่อจริงๆ)


จะบอกว่านี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผมฟังไม่ทันแล้วก็จำได้ไม่หมด ก็คนเป็นร้อยอะคิดดู คือกูไม่น่าให้มันมาด้วยเล้ยยยย ดันลืมไปซะสนิทว่ามันเป็นดารา แค่วันแรกที่มาก็พากันยกโขยงมามุงแทบจะทั้งหมู่บ้าน ยิ่งมาตลาดที่คนทั้งอำเภอมาจับจ่ายใช้สอยกันแบบนี้ โอ้โห! ตลาดไม่แตกสิให้มันรู้ไป!


คนในเมืองกรี๊ดดาราเท่าไหร่ ที่นี่ให้เลยคูณสิบ! ก็อย่างว่าแหละ บ้านนอกแบบนี้จะไปหาดาราตัวเป็นๆ ดูได้ที่ไหน อย่างมากก็แค่วงหมอลำไรงี้ ยิ่งระดับพระเอกด้วยแล้วยิ่งไม่มีทาง พอมีโอกาสที่มันน่าเหลือเชื่อแบบนี้...ก็รุมทึ้งสิค้าบบบบ


ทั้งสาวน้อย สาวใหญ่ สาวแก่ แม่หม้าย หรือว่ารุ่นคุณยายก็ไม่มียกเว้น ต่างก็มะรุมมะตุ้มไปขอลายเซ็น ถ่ายรูป หรือว่าจับมือไอ้เอสกันใหญ่ ถ้าเป็นเมื่อก่อนคิดว่ามันคงจะทำหน้านิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้ง แล้วก็เดินหนีไปเพราะไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ตอนนี้นอกจากจะไม่ทำแบบนั้นมันยังยิ้มและโบกมือทักทาย แถมยังยอมให้บรรดาสาวๆ ไม่ว่าจะเหลือน้อยเหลือมากเข้ามารุมล้อมได้ตามใจชอบ


เป็นผมเนี่ยที่ไม่ยอม คือตอนแรกก็ไม่ได้อะไร แต่หลังๆ นี่ชักเยอะไปแล้วนะสาวๆ จากที่ขอถ่ายรูปเดี่ยวก็กลายเป็นเซลฟี่ จากขอลายเซ็นที่กระดาษก็ให้เขียนที่อกเสื้อ จากขอจับไม้จับมือก็กลายเป็นจับแก้มจับหน้า ยิ่งบางคนนี่อาศัยช่วงชุลมุนโผเข้ากอดหรือว่าหอมแก้มด้วย!


คือมันเกินเบอร์ไปมากแล้วโว้ยยยยยยยยย!


“ทุกคน! ทุกคนคร้าบ! ฮัลโหล! ได้ยินผมมั้ย! ผมขอล่ะนะคร้าบ! เลิกรุมไอ้เอสกันก่อนนะ! พวกผมต้องไปธุระที่อื่นต่อ! เดี๋ยวจะไปไม่ทันคร้าบ!” ผมแหกปากสุดเสียง แล้วฝ่าวงล้อมฝูงชนเข้าไปลากตัวไอ้เอสออกมา


แม้ชาวบ้านแถวนี้จะดูตื่นเต้นมากที่ได้เจอดาราตัวเป็นๆ แต่พอได้ยินผมพูดแบบนี้ก็พากันเข้าใจเลยค่อยๆ สลายตัว ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางส่วนที่ยังยืนมองและยืนถ่ายรูป ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติทั่วไป แต่ก็มีที่เล่นใหญ่เหมือนกัน อย่างร้านขายเครื่องเสียงตรงนู้น ที่ถึงกับเปิดคาราโอเกะพร้อมกับชวนเหล่าสาวสว. (สูงวัย) ไปร้องเพลงแอ้วไอ้เอสซะลั่นตลาด


~ ทั้งใหญ่ ทั้งยาว ทั้งขาว ทั้งหล่อ


โอ๊ยจังแม่นเนาะ จังแม่นหล่อถืกใจ


บ่แม่นน้องเคียวห่าวใส่ผู้ชายได๋ หุ่นกะได้ สเปคน้องเลย


คันได้อ้ายมานอนเชย คือสิบ่เสียชาติเกิด ~



เสียงร้องให้ 5 แต่ท่าเต้นให้เต็ม 10 ไปเลย คือเหล่าป้าๆ พากันแดนซ์แบบไม่แคร์อะไรทั้งนั้น ทั้งวัย ทั้งเอว หรือแม้กระทั่งผัวที่ยืนข้างๆ ส่วนเนื้อร้องสองแง่สองง่ามมันก็เป็นปกติของเพลงลูกทุ่งอยู่แล้วอะนะ คนที่ไม่ค่อยชินอย่างไอ้เอสแถมยังโดนสายตาโลมเลียจากพวกป้าๆ ก็จะมีความเขินๆ อายๆ แต่สำหรับผมที่ได้ยินเพลงแนวนี้มาตั้งแต่เด็กก็เลยชิน ไม่ได้โดนเองด้วยแหละก็เลยมองว่าขำๆ บันเทิงจะตายไป


“ไม่ไปแดนซ์กับแก๊งสว.หน่อยหรอ” ผมเอาศอกสะกิดไอ้เอสพร้อมกับยิ้มแซวๆ ตอนแรกก็คิดว่ามันจะอายหนักกว่าเดิม แต่ผิดคาด


“ทีตอนกูถูกกอดกับหอมแก้มมึงไม่ยุแบบนี้บ้างล่ะ” อ้าว มันตอบมาแบบนี้จากที่อารมณ์ดีๆ ก็ชักยั้วะเลยดิ


“คือยังไง ชอบที่ถูกทำแบบนั้นว่างั้น?”


“อืม ชอบ”


“โหยไอ้คนเหี้ย! ที่แท้มึงเป็นคนแบบนี้เองหรอ! ถ้าชอบก็ไปเลยนะ! ไปให้สาวๆ รุมฟัดเลยไป๊!” แม่ง! ผมไม่คิดเลยจริงๆ ว่ามันจะเป็นคนแบบนี้ แล้วยังกล้ายอมรับออกมาอีกหน้าด้านๆ แถมยังมีหน้ามาหัวเราะด้วยอีก ปรี๊ดสิครับปรี๊ด


เอาจริงๆ นี่ก็ว่าจะโวยวายใส่มันอีกชุดสักหน่อย แต่คุณนายแม่ที่เดินดูของอยู่ด้วยท่าทางอารมณ์ดีก็หันมากระซิบเบรกผมซะก่อน


“อย่าเสียงดังสิซี อยากให้ชาวบ้านเขารู้กันหมดหรอว่าเป็นแฟนกัน”


“หา! ไม่ใช่นะแม่! ผมกับมันน่ะ...”


“หมูโลเท่าได๋จ๊ะ” เฮ้อออออ แม่นะแม่ไม่ยอมฟังกันเลย หันไปคุยกับเจ๊ขายหมูซะงั้น


ปกติถ้าคุยกับคนแถวนี้แม่จะใช้ภาษาอีสาน แต่ถ้าอยู่บ้านจะใช้ภาษากลางเพราะพ่อเป็นคนกรุงเทพ พอแต่งกับแม่เลยย้ายมาอยู่ที่นี่ ผมกับน้องก็เลยจะถนัดพูดภาษากลางกันมากกว่า ภาษาอีสานจะพูดไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่ เวลาพูดทีไรพวกเพื่อนก็มักจะด่าว่าเพี้ยน ให้พูดภาษากลางดีกว่า แต่ถ้าให้ฟังนี่ก็รู้เรื่องทุกคำนะ


“ไม่อยากรู้หรอว่า ที่กูบอกว่าชอบหมายถึงชอบอะไร” ไอ้เอสกระซิบที่ข้างหูผม


“อย่ามากวนได้มั้ยสัส อยากพูดอะไรก็พูด” คนยิ่งหงุดหงิดอารมณ์ไม่ดีอยู่ด้วย ถ้าไม่ติดว่ากลัวคนที่ตลาดได้ยินผมคงด่ามันไปอีกชุดละ แม่งทำหน้าระรื่นอยู่ได้


“ที่กูบอกว่าชอบ คือชอบที่เห็นมึงหึงกูน่ะ น่ารักดี” หน่านี้! ใครได้ไปหึงมันฟะ!


“พ่องสิ! คิดได้เนอะว่ากูหึงมึง! กูเนี่ยนะหึง! มึงเพ้อแล้วสัส!” ผมกัดฟันพูดเสียงเข้ม แม่ง คนเหี้ยอะไรโคตรหลงตัวเอง ขี้มโนขี้โมเมฉิบหาย


“เวลามึงหึงนี่น่ารักดีนะ”


“ยัง...ยังไม่หยุดพูดอีก!”


“ก็จะพูดจนกว่ามึงจะยอมรับว่าชอบกู”


“อย่ามาพูดจาไร้สาระ!”


“งั้นก็แย้งมาสิว่าที่กูพูดมันไม่ใช่ มึงไม่ชอบเวลามีคนมาแตะเนื้อต้องตัวกู ยิ่งกอดยิ่งหอมก็ยิ่งไม่ชอบ แล้วที่ยิ่งไม่ชอบมากที่สุด ก็คือการที่กูบอกว่าชอบที่ถูกทำแบบนั้น”


“...” ผมไม่ตอบ ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธอะไร


คือตอนนี้ผมสับสนอะ อย่างตอนที่อยู่กองถ่ายละคร มันเข้าฉากกับนางเอกนางรองมากกว่านี้ผมยังไม่เห็นรู้สึกอะไร แต่ทำไมตอนนี้ผมถึงได้รู้สึกไม่พอใจล่ะ ไม่เข้าใจตัวเองจริงๆ


“ถ้าไม่ตอบกูจะถือว่ามึงยอมรับนะ”


“อย่ามาขี้ตู่! แล้วก็อย่ามาทำเป็นรู้ดีด้วย!” ผมสะบัดหน้าหนีแล้วรีบก้าวไปเดินข้างคุณนายแม่ ก่อนจะชี้นั่นชี้นี่ชวนคุยไปเรื่อยเพราะไม่อยากคุยกับไอ้เอส


ตั้งแต่เดินตลาดจนกลับมาถึงบ้าน ยาวไปจนถึงกินข้าวและดูละครหลังข่าวจบผมก็เอาแต่หลบเลี่ยงมัน ไม่ยอมพูด ไม่ยอมมองหน้า ไม่ยอมสบตา จนคุณนายแม่ที่ดูอยู่นานถึงกับทนไม่ไหว


“งอนอะไรเอสอีกเนี่ย ขี้งอนจริงๆ นะเรา เอ้าเคลียร์กันซะให้เรียบร้อย พวกแม่จะขึ้นไปนอนแล้ว” พูดจบคุณนายแม่ก็เดินขึ้นไปบนบ้าน โดยมีพ่อและยัยเอตามขึ้นไปติดๆ เหลือแค่ผมกับไอ้เอสแค่ 2 คนอะตอนนี้


“คราวนี้กูจะไม่ให้มึงหนีหรือว่าเลี่ยงไปเรื่องอื่นอีกแล้วนะ จะให้คำตอบกูได้รึยังซี” ใจจริงผมก็อยากจะกวนตีนมันอยู่หรอกนะว่าคำตอบอะไร แต่เห็นสีหน้าและแววตาที่จริงจังผมก็กวนไม่ออก


“ไปคุยกันที่อื่นดีกว่า” แล้วผมก็เดินนำไอ้เอสออกไปยังเถียงนาน้อยริมน้ำ


ถามว่าทำไมผมไม่คุยในบ้าน?


ล้านเปอร์เซ็นต์เลยนะ ที่พวกแม่บอกว่าขึ้นไปนอน แต่ความจริงคือขึ้นไปแอบฟังกันนั่นแหละ! แหม...ทำเป็นพูดว่าเปิดโอกงโอกาส อยากจะเผือกเรื่องของผมกับไอ้เอสกันล่ะไม่ว่า เพราะงั้นฝันไปเถอะว่าผมจะคุยให้ได้ยิน หึ!


ตอนนี้ผมกับไอ้เอสเดินมาถึงเถียงนาน้อยแล้ว พอได้อยู่สองต่อสองในที่เงียบๆ แบบนี้แล้วก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกชอบกล อารมณ์แบบเขินๆ ปนกับประหม่า เพราะงั้นผมเลยตัดสินใจไม่มองหน้ามันแล้วไปนั่งมองฟ้า มองน้ำ มองต้นไม้ใบหญ้าแม่งเลย


“คิดอะไรอยู่” ไอ้เอสถามเมื่อลงมานั่งข้างๆ ผม ดีที่มันไม่มานั่งซ้อนข้างหลังเหมือนเมื่อวาน ไม่งั้นผมจะฟาดเข้าให้


“ก็คิดเรื่องมึงนั่นแหละ” พอได้ยินแบบนี้ไอ้เอสก็อมยิ้มออกมา


“คิดว่า?”


“กูได้ชอบมึงมั้ย”


“แล้วได้คำตอบรึเปล่า” ถึงจะถาม แต่ก็เหมือนมันจะรู้คำตอบอยู่แล้วอะ ก็ดูดิ แม่งยิ้มแป้นแล้นซะหน้าบานเชียว หมั่นไส้ว่ะ


“ถามจริง มึงชอบกูตรงไหน” ผมไม่อยากตอบมันเลยถามคำถามแม่งเลย


“ตรงความสดใสมั้ง ขนาดแค่มองไกลๆ ความสดใสของมึงยังทำให้กูยิ้มได้เลย แล้วยิ่งได้อยู่ใกล้ๆ มีหรอที่กูจะไม่ตกหลุมรักมึง” โอ้โห เจอคำตอบแบบนี้เข้าไปก็เขินสิครับพี่น้อง คือเขินเหี้ยๆ จนแทบอยากจะดำน้ำหนีให้รู้แล้วรู้รอดเลยอะ


แต่จะว่าไป ผมว่าประโยคที่มันพูดฟังดูแปลกๆ ยังไงชอบกล


“มึงพูดอย่างกับว่า ก่อนหน้านี้เคยมองกูอยู่นานแล้ว”


“ตอนแรกกูก็ไม่รู้ตัวหรอก แต่พอลองคิดย้อนดู กูอาจจะมองมึงตั้งแต่ก่อนชวนมาอยู่ที่บ้านด้วยกันอีกมั้ง”


“ล้อเล่นใช่ปะ!”


“กูพูดจริง” แล้วมันก็นิ่งไปสักพัก เหมือนกำลังนึกคำพูดหรือคิดถึงเหตุการณ์อะไรสักอย่าง “มึงอาจจะไม่รู้ตัว ไม่ว่ามึงจะทำอะไรก็มักจะเป็นจุดสนใจตลอด เพราะแค่มึงยิ้มมันก็ทำให้โลกสดใสแล้ว”


“มึงก็พูดเวอร์” ว่าแต่กูจะเขินทำไมวะเนี่ย


“กูบอกความรู้สึกของกูไปหมดแล้ว ทีนี้มึงจะบอกความรู้สึกของมึงได้รึยัง” ถึงใจจริงผมอยากจะอยากตอบว่ายัง แต่ดูท่าคงจะไม่ได้ซะแล้ว


เอาวะ! พูดก็พูด!


“ความจริงกูก็พอจะรู้แหละว่ากูรู้สึกยังไงกับมึง แต่คือกูไม่อยากยอมรับไง ความสัมพันธ์ระหว่างชายกับชายมันจะยั่งยืนหรอวะไรงี้ คือโลกนี้มันไม่ได้มีแค่กูกับมึงสองคน แต่ยังมีครอบครัว เพื่อนฝูง คนรอบข้าง แล้วก็สังคมอีก ทีนี้กูเลยลองคิดดูว่าถ้าหากกูกับมึงคบกันมันจะไปรอดมั้ย มันไม่เหมือนความสัมพันธ์ระหว่างชายกับหญิงอะ”


“...”


“มึงอาจจะคิดว่ากูคิดไกลเกินไปมั้ย แต่ถ้าจะคบใครสักคนกูก็อยากคบกันไปนานๆ ไม่อยากคบแป๊บๆ ก็เลิก ซึ่งถ้าหากกูคบกับมึงมันก็มีโอกาสเป็นแบบนั้นสูงมาก เพราะงั้นกูเลยคิดว่า กูควรตัดใจซะตั้งแต่เนิ่นๆ จะดีกว่า ยิ่งถลำลึกไปมากมันก็ยิ่งเจ็บมาก มึงคิดแบบนั้นมั้ย”


“ไม่” ไอ้เอสตอบกลับทันที ดูจากสีหน้าของมันตอนนี้ผมก็พอจะเดาออกว่ามันกำลังคิดอะไร อยากจะแย้งอะไรผมบ้าง ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมหลุดขำออกมา


“อย่าพึ่งทำหน้าแบบนั้นดิ ฟังกูให้จบก่อน” ถึงจะไม่ค่อยอยากยอม แต่มันจะทำอะไรได้ล่ะ ก็ต้องยอมผมอยู่ดี


“พูดต่อสิ”


“ถึงไหนแล้วล่ะ...อ้อ ถึงที่กูพูดว่าควรรีบตัดใจก่อนจะยิ่งถลำลึกใช่มั้ย คือตอนแรกกูก็คิดแบบนั้นแหละ แต่พอคิดอีกแง่ตัดใจตอนนี้ถึงจะเจ็บน้อยมันก็เจ็บนะ อีกอย่างอนาคตมันเป็นเรื่องที่ไม่มีใครรู้ ถ้าลองเสี่ยงดูมันอาจจะเวิร์คก็ได้ แล้วกูก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจทีหลังที่ปฏิเสธมึงด้วย เพราะงั้น...มาคบกันเถอะ”


“...” ที่นิ่งเงียบไม่ใช่อะไร ผมว่าไอ้เอสคงกำลังอึ้งอยู่ มันคงไม่คิดว่าผมจะพูดว่าคบกันเถอะออกมา


“คือกูก็เขินเป็นนะเว่ย ถ้ามึงจะไม่ตอบอะไรแบบนี้กูก็...อื้อ!” จากที่คิดว่าจะลุกหนีไป แต่ผมก็ทำแบบนั้นไม่ได้ซะแล้ว เพราะไอ้เอสล็อกที่ท้ายทอยของผมไว้ แล้วเคลื่อนใบหน้าเข้ามาจูบผมอย่างรวดเร็ว


มันจูบผมแบบหนักๆ รสจูบเต็มไปด้วยความยินดี ดีใจ และมีความสุขมาก จากตอนแรกผมที่ไม่ทันได้ตั้งตัวเลยเกร็งอยู่หน่อย แต่ตอนนี้ผมก็จูบตอบและปล่อยตัวตามสบาย ไหนๆ ก็ได้ปล่อยใจไปให้มันแล้วนี่


“มึงพูดแล้วห้ามคืนคำเด็ดขาด” ไอ้เอสพูดเมื่อถอนจูบออกมา ฟังดูเผินๆ เหมือนจะเป็นคำสั่ง แต่เปล่าหรอก มันกำลังขอร้องผมต่างหาก


“ไม่คืนหรอกน่า เห็นกูเป็นคนยังไงเนี่ย”


“คนที่เป็นแฟนกู”


“แหม มึงนี่พูดได้ไม่อายปากเลยนะ” ผมมองบน ส่วนมันก็ยักไหล่ แต่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วิมันก็เปลี่ยนโหมด สายตาจ้องมองมาที่ผมแล้วเลื่อนมือมาประคองที่ข้างแก้มช้าๆ


“ขอจูบอีกครั้งได้มั้ย” ใจสั่นเลยดิกู ก็ดูสายตาของมันสิ เหมือนอยากจะกลืนกินผมทั้งตัวยังไงยังงั้น แล้วยังจะเสียงกระเส่านิดๆ นั่นอีก


“ที่ผ่านมาทำยังกะเคยขอ” ผมเสหน้ามองไปทางอื่น คือถ้าจะให้ตอบว่าก็มาดิค้าบมันก็จะดูใจกล้าเกินไป


“นั่นสินะ” แล้วมันก็จัดการจูบผมเลย ชอบจูบปุบปับไม่ให้ตั้งตัวตามเคยอะมัน และแน่นอนว่าจูบจากคนอย่างมันก็ไม่ใช่จูบแบบใสๆ อยู่แล้ว


 ริมฝีปากของมันกดแนบลงมาอย่างหนัก ก่อนที่จะขบเม้มและดูดดุนที่ริมฝีปากของผมจนรู้สึกเสียววาบ แล้วในจังหวะที่ผมเปิดปาก ลิ้นร้อนๆ ก็สอดแทรกเข้ามาทันที


“อืม...” ผมหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ ปลายลิ้นของเราที่สัมผัสกันมันทำให้ผมรู้สึกราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านร่าง ซึ่งนั่นมันก็ทำให้ผมเสียการควบคุม สมองของผมมันมึนและเบลอไปหมดจนคิดอะไรแทบไม่ออกแล้ว


“อือ...อื้ม...” ผมเริ่มครางหนักขึ้น โดยไม่รู้ตัวเลยว่าได้จูบตอบและแลกลิ้นกับไอ้เอสอย่างดุเดือดแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มันดันผมลงไปนอนที่พื้น แล้วก็สอดมือเข้ามาในเสื้อของผมนั่นแหละ


“ดะ...เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! นี่มึงกำลังจะทำอะไร!” จากที่เคลิ้มๆ อยู่ก็ตาเหลือกเลยดิผม


“ถึงขนาดนี้ยังต้องให้กูพูดอีกหรอ” ก็นั่นน่ะสิ สีหน้าของมึงออกอาการหื่นชัดเจนขนาดนี้ มึงคงจะไม่ชวนกูนอนดูดาวที่นี่แน่ๆ


“โอเค งั้นมึงไม่ต้องพูด แล้วก็ช่วยลุกขึ้นไปด้วย” ผมพูดพร้อมกับดันที่แผ่นอกของมัน แต่แม่งก็ไม่ยอมขยับไปไหนเลยอะ


“แต่มึงเป็นแฟนกูแล้วนะ” พอโหมดทำให้เคลิ้มไม่ได้ผลก็มาโหมดลูกอ้อนเลยเรอะไอ้นี่ แต่โทษที กูใจแข็งมากกว่าที่มึงคิดว่ะ


“แค่วันแรกก็จะให้กูเปลี่ยนสถานะจากแฟนเป็นเมียเลยรึไง” เอาจริงๆ ผมก็อยากเป็นผัวอยู่นะ แต่ดูทรงละแม่งไม่น่าเวิร์ค คือด้วยบริบทมันก็เข้าใจได้ด้วยตัวเองอะว่าใครเป็นฝ่ายไหน แต่ขอเวลาผมทำใจสักหน่อยก็แล้วกัน


“ความจริงกูถือว่ามึงเป็นเมียกูตั้งแต่วันที่ช่วยกันที่โรงแรมแล้วนะ”


“สัส!” ถึงว่าล่ะหลังจากวันนั้นมันก็ดูแลใส่ใจผมแปลกๆ แถมยังโมโหเรื่องที่ผมไปเดทกับแพรด้วย คิดแล้วก็ตลกเหมือนกันที่ผมดันเข้าใจผิดว่ามันหึงแพรซะได้


“ตอนนั้นยังไม่ได้คบกันกูเลยยั้งไว้ แต่ตอนนี้กูพูดเลยว่าจะไม่ทน”


“แต่มึงต้องทน!” ผมพูดพร้อมกับยกมือขึ้นไปดันหน้ามันที่กำลังจะก้มจูบลงมา


“ซี ไม่เอาน่า...”


“มึงช่วยแหกตาดูด้วยว่าที่นี่มันคือที่ไหน” เถียงนาน้อย! ไอ้ฉิบหาย! ประสบการณ์เสียตัวครั้งแรกมึงก็จะจัดเอาท์ดอร์กับกูเลยเรอะ!


“งั้นก็ไปที่ห้องมึงกัน”


“สัส! พ่อแม่น้องกูก็อยู่บ้าน!”


“กำแพงห้องมึงหนาอยู่ กูลองเคาะดูแล้ว” ว้อทเดอะฟัค! นี่ธาตุแท้มึงเป็นคนแบบนี้เองเรอะ!


“แต่มันใช่เรื่องที่จะมาทำที่บ้านเปล่าวะ!”


“กูมีให้มึง 2 ทางเลือก จะทำที่นี่หรือที่ห้องนอน เลือกมา” แล้วฉันเลือกอะไรได้ไหม เลือกให้เธอไม่ทำได้รึเปล่า หากไม่ยอมให้ทำ จะตามใจฉันหรือเธอ ณ จุดๆ นี้กูอยากร้องเพลงนี้ตอบไปมากอะ


“คือมึง...แบบว่า...เรื่องแบบนี้มันก็ต้องมีเตรียมตรงเตรียมตัวกันก่อนนึกออกมะ อย่างถุงยางงี้ เจลหล่อลื่นงี้ มึงมีหรอ”


“ไม่มี”


“นั่นไง!” กำลังว่าจะตบเข่าฉาดอยู่แล้ว แต่ประโยคถัดมาของไอ้เอสก็ทำเอาผมที่กำลังจะง้างมือถึงกับต้องเบรกซะก่อน


“แต่ของพวกนี้กูขับรถออกไปซื้อที่เซเว่นก็ได้ จะเอายี่ห้อไหน รสไหน กลิ่นไหน เลือกมาสิ”


“เห็นเขาว่า Durex Chocolate ที่พึ่งออกใหม่ก็หอมนะมึง................ถุ้ย! ไม่ใช่แล้วมั้ยสัส!” ดันเผลอเคลิ้มตามมันไปซะได้ บ้าจริง! “ประเด็นมันอยู่ที่มึงเป็นดารานะเว่ย จะออกไปเซเว่นซื้อของพวกนั้นได้ยังไง สังคมบ้านนอกมันเล็กจะตาย แป๊บๆ แม่งก็รู้กันทั้งหมู่บ้าน มึงได้กลายเป็นที่เมาท์แน่ๆ เชื่อกู”


ใครว่าไอ้เอสมันตะล่อมเก่งคนเดียว พอถึงเวลาคับขันผมก็ทำได้เหมือนกันล่ะวะ หึหึ


“แล้วกูต้องทนอีกนานแค่ไหน” มันถอนหายใจ สีหน้าเซ็งสุดอะไรสุด


“ก็จนกว่าจะมีถุงยางมีเจลหล่อลื่นพร้อมไง อีกไม่กี่วันมึงก็กลับกรุงเทพแล้วนี่ ยังไงมึงก็ต้องลากกูกลับไปด้วยอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะ” เหลือเวลาทำใจอีกกี่วันวะกู 1...2...3...4... 4 วันก็ยังดี เผลอๆ วันที่ 5...6...7... กูอาจจะไหลได้อีกก็ได้ใครจะไปรู้


แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น อีก 2 วันต่อมา...


“พัสดุมาส่งคร้าบ!” บุรุษไปรษณีย์มาส่งของแต่เช้าเลย จ่าหน้าชื่อผมด้วย งงในงงเลยดิ ผมว่าผมก็ไม่ได้สั่งอะไรไปสักหน่อย เพราะงั้นพอเซ็นรับของเรียบร้อยแล้วก็เลยเปิดดูมันซะเลย ซึ่งพอเห็นของที่อยู่ข้างในเท่านั้นแหละ...


“เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย!” แหกปากดังลั่นไปดิผม เอาจริงๆ ไม่ตกใจจนโยนของในกล่องให้มันกระจัดกระจายก็ดีเท่าไหร่แล้ว


ถามว่าทำไมผมถึงได้ตกใจขนาดนี้?


ก็เพราะมันมีถุงยางอนามัยกับเจลหล่อลื่นอยู่ในกล่องน่ะสิ!


2BC


 o18 สวัสดีค่าทุกคนนน ขอโทษที่มาช้าไปหน่อยนะคะ แบบว่าช่วงสิ้นเดือนงานเยอะมว้ากกกก  :katai4: เพราะงั้นเพื่อเป็นการไถ่โทษตอนนี้เราเลยจัดให้แบบยาวๆ ให้ได้ฟินกันหลายๆ ฉากแบบจุใจไปเลย ซึ่งก็หวังว่าจะชอบกันน้าาา  :m1:

ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันต่อว่าชะตากรรมของซีจะเป็นยังไง จะรอดจากเงื้อมมือเอสมั้ย  o3 ว่าแต่ใครสั่งของมาส่ง? ผีหรือคนมาเดากันค่ะ อิอิ แล้วเจอกันค่า ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ให้เค้านะคะที่ร้าก  :pig4: บ๊ายบายยยย  :bye2:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

555 ยกนี้ไอ้เอสชนะใส  หุหุ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ถึงขั้นนี้แล้วคงอดทนรอไม่ไหวล่ะ ไหนๆ พ่อตาแม่ยายก็ยินดียกลูกชายให้แล้ว กะจัดเลยสินะ  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด