Soulmate วิญญาณป่วนรัก ตอนที่ 23# เหตุเกิดจากความเมา [28.12.62]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Soulmate วิญญาณป่วนรัก ตอนที่ 23# เหตุเกิดจากความเมา [28.12.62]  (อ่าน 17055 ครั้ง)

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
 :z1: คิดดีไม่ได้เลย

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
แบบนี้ที่เค้าเรียกว่าผีผลักช่ายมั้ยอ่า

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
Soulmate วิญญาณป่วนรัก


Part 10# Z เพื่อนช่วยเพื่อน NC


ผมอึ้งแดกอยู่ประมาณ 3 วิ ซึ่งหลังจากที่ตั้งสติได้ผมก็จะรีบลุกขึ้นจากตักของไอ้เอส แต่ประเด็นคือ...มันจะกอดเอวผมไว้ทำเหี้ยอะไรรรรรรรรร!


“ปล่อยกูเซ่!” ผมดิ้นไปมา แต่ว่าแทนที่จะปล่อยมันกลับกอดผมแรงขึ้นซะงั้น


“รับผิดชอบมาก่อน”


“รับผิดชอบเหี้ยไร!”


“มันแข็งอยู่”


“หา?” สาบานจริงๆ ว่าตอนแรกผมโคตรงงว่ามันหมายถึงอะไร แต่พอเอะใจแล้วก้มมองลงไปข้างล่าง...ชัดเลย แม่งแข็งแล้วก็ใหญ่กว่าเมื่อกี้ไปอี้กกกกกกกก!


“ไอ้เหี้ยเอส! น้องมึงแข็งแล้วมันเกี่ยวเหี้ยอะไรกับกู!” ผมใช้คำว่าน้องเพราะอยากให้บรรยากาศมันดูซอฟต์ลง แต่แม่งก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย


“ใครล่ะเป็นคนขึ้นคร่อมกู” อ้าว จู่ๆ มาโทษกูซะงั้น 


“แต่มันแข็งก่อนที่กูจะอยู่ท่านี้อีก!” ไม่งั้นกูจะตกใจจนเสียหลักต้องมานั่งอยู่ท่านี้รึไง


“แข็งตอนนั้นกับแข็งตอนนี้มันไม่เหมือนกัน”


“ก็แล้วมันต่างกันตรงไหน!” เลอะเทอะใหญ่แล้วไอ้เหี้ยนี่


“ตอนนั้นแข็งตามธรรมชาติ แต่ตอนนี้แข็งเพราะอารมณ์อยาก”


“อยากเหี้ยอะไรล่ะ!”


“ก็อยาก...”


“หยุดดดดดดดดด! พอแล้วๆๆ มึงไม่ต้องพูดแล้วว่าอยากอะไร” ผมรีบร้องห้ามก่อนที่ไอ้เอสมันจะพูดอะไรที่ชวนขนลุกและแสลงหูออกมา คือเมื่อกี้ที่ถามนี่เพราะปากไวไม่ทันคิด แต่พอคิดได้แล้วก็แทบปิดหูเอาไว้ไม่ทัน


“แข็งกับผู้ชายแบบนี้นี่มึงเป็นเกย์รึไง” ปกติถูกพูดแบบนี้ใส่ก็ต้องรีบผลักผมออกไปใช่มั้ย แต่ไอ้เอสกลับยิ้มที่มุมปากหน่อยๆ แล้วก้มไปมองด้านล่าง


“งั้นมึงก็เป็นด้วยสิ”


“หา?” ด้วยความที่งงเลยก้มลงมองตามไอ้เอส...เยสเป็ด! กูก็แข็งเหมือนกัน!


ตาเหลือกสิครับตอนนี้ คิดไม่ตกเลยดิว่าแม่งแข็งได้ไง ทำไมมันถึงแข็ง หรือว่าจะเป็นตอนที่ผมดิ้นไปมาเมื่อกี้?


“กู...กูเปล่านะเว่ย มันแข็งของมันเอง กูชอบผู้หญิงนะมึง” ผมไม่ได้จะแถนะ แต่ผมพูดเรื่องจริง


“แล้วก่อนหน้านี้เห็นกูมีแฟนเป็นผู้ชายรึไง”


“ก็ไม่...” มีแฟนเป็นผู้หญิงแถมยังสวยมากด้วย ถึงนิสัยจะทรยศหน้าตาไปเลยก็เถอะ


“เห็นมั้ยล่ะ แล้วมึงจะคิดมากทำไม มึงรับผิดชอบของกูไป ส่วนกูก็รับผิดชอบของมึง แค่นี้ก็จบ”


“แต่มึง ผู้ชายทำแบบนี้ให้กันไม่คิดว่ามันแปลกไปหน่อยหรอวะ”


“คิดมาก ก็แค่เพื่อนช่วยเพื่อน ไม่เห็นมีอะไรแปลก”


แปลกตรงที่มึงพูดเยอะกว่าปกตินี่แหละ! ปกติเห็นถามคำตอบคำเหมือนกลัวดอกพิกุลจะร่วง แต่ตอนตะล่อมกูนี่แม่งพูดซะยาวเหยียดเลย


“มึงเห็นกูเป็นเพื่อนด้วยหรอ นึกว่าเห็นกูเป็นเบ๊ซะอีก”


“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่อง” ชิ! เกลียดจริงๆ คนรู้ทัน


“ไฟสว่างจ้าขนาดนี้ใครจะไปทำลง กูว่า...” แต่ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ ไฟของห้องน้ำก็ดับวูบลงซะงั้น! “มึงปิดไฟหรอวะ”


“กูก็นั่งอยู่ตรงนี้” เออ ก็จริงของมัน มันไม่ได้ลุกไปไหนแถมยังกอดเอวผมเอาไว้ซะแน่น


“แล้วใครเป็นคนปิด”


“ไฟดับพอดีมั้ง”


ถ้าไฟดับในห้องก็ต้องดับด้วยสิ แต่นี่ผมยังเห็นแสงลางๆ ผ่านทางประตูห้องน้ำอยู่เลย ถึงมันจะแค่สลัวๆ ไม่ได้สว่างมากก็เถอะ แต่มันก็ทำให้ผมเห็นทุกอย่างอยู่ดี โดยเฉพาะสีหน้าของไอ้เอส


“แต่ว่า...”


“จะอ้างอะไรอีก”


“กูไม่...อ๊ะ!” แต่ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรต่อผมก็ต้องร้องครางออกมาซะก่อน นั่นก็เพราะไอ้เอสแม่งคว้าหมับเข้าที่ส่วนนั้นของผมเต็มๆ มือ!


“มือคนอื่นมันรู้สึกดีกว่ามือตัวเองใช่มั้ยล่ะ”


“อึ่ก!” ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ คือมือของตัวเองมันก็คุ้นเคยอยู่แล้วไง แต่มือของคนอื่นมันให้ความรู้สึกแตกต่างแล้วก็แปลกใหม่ ขนาดแค่มันรูดขึ้นลงเบาๆ ยังเสียวฉิบหายเลยอะ


 “ซี้ดด...” ผมพยายามกัดปากแล้วนะเพราะมันน่าอาย แต่ให้ตายสิ ทำไมมันถึงได้เสียวขนาดนี้วะ


“พึ่งเคยถูกคนอื่นทำให้งั้นสิ”


“ก็แน่ดิ เรื่องแบบนี้คิดว่ากูจะมีโอกาสได้ทำกับใคร”


“นั่นสินะ” ไอ้เอสยิ้มออกมา ท่าทางเหมือนจะดีใจ แต่ไม่น่าจะใช่หรอก ผมคงมองผิดแหละ มันน่าจะยิ้มเยาะผมมากกว่า


“อยากตายใช่มั้ย” ผมยกกำปั้นขึ้นกะจะต่อยหน้ามันสักหน่อย แต่ว่ามันก็จับที่กำปั้นของผมเอาไว้ แล้วดึงลงไปกำส่วนนั้นของมันที่อยู่ด้านล่างแทน


“ถ้าจะกำหมัดมากำตรงนี้แทนดีกว่า”


หน้าร้อนไปเลยดิผม ไม่รู้จะเขินน้ำเสียงกระเส่าของมัน สีหน้าหื่นๆ ที่จ้องมองมา หรือว่ามือของตัวเองที่กำลังกำ (เกือบไม่) รอบท่อนเนื้อของมันดี


คิดไม่ตกเลยตอนนี้ จะเอายังไงดีวะกู ผู้ชายสองคนมาช่วยกันแบบนี้มันก็แปลกอยู่นะเว่ย ต่อให้สนิทกันแค่ไหนก็ไม่น่าจะสนิทกันเบอร์นี้เปล่าวะ


แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ถามว่ารู้สึกดีมั้ยขอตอบเลยว่ามากกกกก ถ้าอย่างนั้นจะลองดูสักครั้งดีมั้ยอะ คิดซะว่าเพื่อนช่วยเพื่อนแบบที่ไอ้เอสบอก เพราะยังไงก็แค่ช่วยกันอยู่แล้ว ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นสักหน่อย


“ยังจะคิดอะไรอยู่อีกหรอ” ไอ้เอสกอดเอวผมให้ขยับเข้าไปใกล้มันที่นั่งพิงกำแพงมากขึ้น แถมมือก็ยังกำตรงนั้นของผมให้แน่นขึ้นอีกต่างหาก เท่านั้นยังไม่พอ นิ้วหัวแม่มือของมันยังบี้ที่ส่วนปลายด้วยอีก


ถ้าจะทำขนาดนี้ผมยังจะคิดอะไรออกได้ล่ะ ไม่คิดแม่งแล้วโว้ย!


ผมไม่ตอบอะไรแต่หลับตาลง แต่เท่านี้ไอ้เอสก็รู้คำตอบแล้วว่าผมตัดสินใจยังไง เพราะงั้นมันถึงได้โน้มคอผมให้ลงมาใกล้ๆ ก่อนที่จะใช้ลิ้นเลียช้าๆ ไปพร้อมๆ กับนิ้วที่ลากไล้อยู่ที่แผ่นหลังของผม


“ซี้ดด...” ผมหลุดเสียงครางออกมาอีกรอบ ตอนนี้ผมเสียวจนแทบบ้า ยิ่งตอนที่มันเริ่มขยับมือรูดตรงนั้นของผมขึ้นลงอีกครั้ง ก็เล่นเอาสมองของผมขาวโพลนจนคิดอะไรแทบไม่ออกเลย


“ขยับของกูไปด้วยสิ” ไอ้เอสพูดด้วยเสียงกระเส่า ระหว่างที่กำลังคลอเคลียอยู่แถวๆ หูของผม ซึ่งผมก็ทำตามที่มันบอกอย่างว่าง่าย มันสั่งให้ทำอะไรก็ทำ เหมือนไม่เป็นตัวของตัวเองเลยสักนิดเดียว


“อืม...” ไม่รู้ทำไมเสียงครางของไอ้เอสที่หลุดออกมาถึงทำให้หัวใจของผมเต้นแรง ไหนจะแววตาที่มองมายังผมราวกับจะกลืนกินนั่นอีก เล่นเอาร่างของผมถึงกับสั่นสะท้าน ช่วงล่างร้อนวาบและเสียวซ่านไปทั้งลำ


ผมขยับมือขึ้นลงให้เร็วขึ้น ท่อนเนื้อของมันเลยยิ่งขยายใหญ่มากขึ้นจนมือของผมกำไม่รอบแล้ว ส่วนมือของมันที่กำรอบของผมอยู่ก็เช่นกัน มันรูดรั้งขึ้นลงให้เร็วขึ้น โดยเอานิ้วหัวแม่มือขยี้ตรงส่วนปลายเป็นจังหวะไปด้วย เจอแบบนี้เข้าไปผมก็แทบจะทนไม่ไหวแล้วน่ะสิ


“ไอ้เอส...กูเสียว...” ผมกัดริมฝีปากล่างแน่น ส่วนร่างกายก็แอ่นและบิดไปมา


“กูก็เหมือนกัน” ไอ้เอสพูดด้วยเสียงแหบพร่า สีหน้าโคตรหื่นแต่ก็เร้าอารมณ์เป็นบ้าเลย


‘อยากจูบมึงว่ะ’


สาบานเลยนะว่าผมแค่คิดในใจ แต่ไม่รู้ว่าสีหน้าของผมแสดงออกมากไป หรือว่ามันอ่านใจผมได้ก็ไม่รู้ เพราะมันได้โน้มคอของผมลงมาจูบ ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่แค่ปากแตะปากธรรมดา แต่เป็นการจูบอย่างดูดดื่มมากกว่าครั้งก่อนที่เคยจูบผมซะอีก


“อือ...อืม...อา...” ผมครางพร้อมกับหอบกระเส่า ไอ้เอสมันดูดปากผมอย่างหนักหน่วงจนแทบจะดูดวิญญาณออกไปด้วย จนเมื่อดูดจนพอใจแล้วมันถึงได้ใช้ลิ้นเลียแล้วก็สอดเข้ามากระทบกับลิ้นของผม


วินาทีแรกที่โดนกันราวกับว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านไปทั่วร่าง มันทั้งชาวาบแต่ก็เสียวสะท้าน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นมึนเมาเมื่อปลายลิ้นของเราสองตวัดพันกันไปมา เสียงจูบ เสียงคราง เสียงหอบหายใจ และเสียงของมือที่กำลังขยับขึ้นลงดังประสานกันก้องห้องน้ำ


“ไอ้เอส...กู...กูจะเสร็จแล้ว...” ผมพูดด้วยเสียงแหบพร่า โดยที่ริมฝีปากก็กำลังจูบและแลกลิ้นกับไอ้เอสอย่างดูดดื่ม แน่นอนว่ามือของผมแล้วก็มันยังคงรูดรั้งท่อนเนื้อของกันและกัน


“รอ...พร้อมกูนะ...” แววตาของมันเหมือนจะอ้อนๆ ร่างกายที่กำลังร้อนๆ ก็เลยแทบจะละลายไปเลยดิ


“ก็รีบ...เสร็จซะสิ...” เสียงมึง สายตาของมึง แล้วก็ลีลาการใช้มือของมึง คิดว่ากูจะทนได้นานขนาดนั้นเลยรึไง


“เรียกชื่อกู” มันพูดด้วยเสียงที่โคตรจะกระเส่า ยั่วความกามในตัวฉิบหาย


“เอส...”


“อืม...เรียกอีกสิ...” ดูท่าทางมันจะพึงพอใจ เพราะท่อนล่างของมันกระตุกใหญ่ ท่าทางคงจะใกล้เสร็จแล้ว


“เอส...”


“อืม...ซี...” จู่ๆ ร่างกายของผมก็เสียววาบจากที่เสียวมากอยู่แล้ว ก็พึ่งรู้นี่แหละว่าการเรียกชื่อมันมีอิทธิพลมากถึงขนาดนี้


“ซี้ดดด...ไอ้เอส...” ตอนนี้ห้วงอารมณ์ของผมกำลังพุ่งขึ้นสูง จนเอวแทบจะเด้งสวนกับไอ้เอสที่กำลังชักของผมขึ้นลงอยู่แล้ว มันที่เห็นผมใกล้จะเสร็จก็เลยเร่งมืออย่างสุดแรง แถมยังชักอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าที่แล้วมาอีกด้วย


จนในที่สุด...


“เอส...เอส! อาาาา!” ผมก็ทนความเสียวต่อไปไม่ไหว แผ่นอกแอ่นเกร็งแล้วก็ปลดปล่อยออกมาทันที


ส่วนไอ้เอสก็ตามผมมาติดๆ เพราะตอนที่เสร็จผมก็ชักของมันอย่างสุดแรงเหมือนกัน ซึ่งหลังจากที่ปลดปล่อยออกไปแล้วนั้น เราสองคนก็พากันหายใจอย่างแรงด้วยความเหนื่อยหอบ


“อา...อา...” ก็ไม่รู้ว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร เช่นเดียวกันกับน้ำสีขาวขุ่นที่กำลังเลอะเต็มมือและตามตัวของพวกผม

 
จู่ๆ ก็เกิดหน้าซีดขึ้นมา คล้ายๆ กับว่าจะเป็นลมด้วย...


คือตอนนั้นความอยากมันทำลายสติไง แต่พอเสร็จแล้วความอยากหายไปสติก็กลับคืนมา ซึ่งมันก็ทำให้ผมตระหนักได้ว่า...
นี่กูทำอะไรลงป๊ายยยยยยยยยยยยยยยย!


2BC


 :pighaun: เฮือก! สะ...สวัสดีค่ะทุกคน (ยกมือขึ้นอุดจมูก >,.<) ไหนใครเสียเลือดบ้างขอเสียงหน่อยค่าา ตอนนี้เป็น NC ที่ตั้งใจเขียนให้หื่นปนฮา ก็หวังว่าจะฟินและชื่นชอบกันนะคะ  :z1:

ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันค่ะว่าเรื่องจะดำเนินต่อไปยังไง ความรู้สึกของเอสคงจะชัดเจนแล้วล่ะเนอะ น่าจะต้องลุ้นที่ซีคนเดียวแล้วแหละ อิอิ  :impress2:

แล้วเจอกันอีก 2 – 3 วันนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและคอมเมนท์ให้น้า ร้ากกกกกกกก  :pig4: :กอด1:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

ตอนนี้แค่ภายนอกเนอะ

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เกิดเพราะอารมณ์ล้วนๆ เนอะ.

พี่เต้ยแอบดูอยู่ตรงไหนล่ะจ๊ะ.  :hao3:

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
 :jul1: ตาย พูดเลยว่าตาย  :heaven สู่ขิต

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43
NC เขียนดีมากกกกก >///<

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
Soulmate วิญญาณป่วนรัก


Part 11# Z โมโห (ทำไมวะ!?)


“ต่อมั้ย” ไอ้เอสเอ่ยปากถาม พลางค่อยๆ ไล้ปลายลิ้วที่อยู่ตรงแผ่นหลังของผมลงมาช้าๆ เห็นก่อนนี้กูยอมเข้าหน่อยแถมยังช็อกอยู่ก็เอาใหญ่เลยนะมึง


“ต่อเชี่ยอะไรล่ะ!” ผมผลักที่อกของมันอย่างสุดแรง ก่อนจะลุกขึ้นด้วยท่าทางเซนิดๆ แล้วรีบล้างตัวเอาคราบอะไรต่อมิอะไรออกไปจากตัวให้หมด พอเสร็จก็คว้าผ้าเช็ดตัวแล้วรีบวิ่งแจ้นออกจากห้องน้ำมาเลย


ทำลงไปได้ยังไง...


นี่กูทำเรื่องแบบนั้นกับไอ้เอสลงไปได้ยางง๊ายยยยยยยยย!


ผมจิกทึ้งผมของตัวเองจนยุ่งเหยิง คือตอนนี้ไม่รู้ว่าผมจะเขิน จะอาย หรือจะโกรธ (ตัวเอง) ดี นี่ถ้าไม่ติดว่ากลัวเจ็บคงจะเอาหัวโขกกำแพงให้รู้แล้วรู้รอด แต่ไหนๆ เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ผมไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ เพราะงั้นสิ่งที่ผมทำได้ก็มีแต่...หลบหน้าไอ้เอสจนกว่าจะจะถึงพรุ่งนี้ก็แล้วกัน! ก็กูคิดอะไรไม่ออกแล้วอะ!


เมื่อคิดได้แบบนั้นก็รีบกระโจนขึ้นเตียงนอนคลุมโปงทันที ซึ่งผ่านไปไม่กี่วิไอ้เอสมันก็ออกมาจากห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงฝีเท้ามันใกล้เข้ามาเลยพยายามนอนให้นิ่งที่สุด แต่หารู้ไม่ว่ามือที่กำลังจับผ้าห่มแม่งสั่นพั่บๆ


“หลับแล้วหรอ”


“เออ! หลับแล้ว!” เชี่ย! อ๊องจริงกู! ถ้ากูหลับแล้วจะตอบมันได้ยังไงวะ!


“หึหึ” หัวเราะแบบนี้มันคงรู้แหละว่าผมยังไม่หลับ แต่ก็ยังดีที่มันไม่ได้มากวนหรือถามอะไรอีก


ผมได้ยินเสียงมันเดินไปนู่นมานี่ ไม่รู้ว่าทำอะไร แต่ในเมื่อผมมองไม่เห็นก็เลยไม่ได้สนใจ แล้วอีกอย่างผมก็ชักง่วงขึ้นมาจริงๆ ซึ่งไม่กี่นาทีหลังจากนั้นผมก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปเลย...


.......................................

..........................

.............


   ตื่นมาอีกทีปรากฏว่าตอนนี้เป็นเวลา 10 โมงกว่าเกือบ 11 โมง...


“เชี่ย!” นี่กูนอนไปนานขนาดนี้เลยหรอวะ 1...2...3...4...5...6...7...8...9... 9 ชั่วโมงกว่า! นี่กูนอนหรือซ้อมตายถามจริง!


ซึ่งขณะที่ผมกำลังพูดกับตัวเองอยู่นั้น ไอ้เอสที่ไม่รู้ว่าออกไปไหนมาก็เปิดประตูกลับเข้ามาในห้อง ดวงตาของเราสองคนจ้องมองกันโดยที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่พูดอะไร


นั่นแหละฮะท่านผู้ชม...เดดแอร์!


ก็แน่ล่ะสิ เมื่อคืนพวกผมทำเรื่องอะไรกันล่ะ ถึงจะทำเป็นลืมแต่มันก็ลืมไม่ได้ง่ายๆ หรอกนะ ทั้งรูป รส กลิ่น เสียง แล้วก็สัมผัสยังตราตรึงอยู่เลยขอบอก


“นี่กะว่าถ้ากลับมามึงยังไม่ตื่น กูจะแจ้งป่อเต็กตึ๊งให้มาเก็บศพแล้ว” ไอ้เอสพูดด้วยใบหน้านิ่งๆ แล้วเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม ท่าทางของมันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย กวนตีนหน้าตายเหมือนเดิมทุกประการ


“ไอ้สัส” ถึงจะรู้สึกหมั่นไส้จนยกมือทำท่าจะต่อยมันลับหลัง แต่พอคิดๆ ดูก็ดีแล้วล่ะ บรรยากาศกระอักกระอ่วนจะได้หมดไป คิดซะว่าเรื่องเมื่อคืนมันก็แค่ความฝันเท่านั้นพอ


“แล้วนั่นมึงไปไหนมา” แต่ดูจากเสื้อผ้าแล้วก็การแต่งหน้าทำผม ผมคิดว่ามันน่าจะออกไปทำงานมานะ


“ถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสาร” พูดจบมันก็เดินเอาขวดน้ำมายื่นให้ผม ก็ขวดที่มันพึ่งจะกินไปเมื่อกี้นั่นแหละ


เอาวะ จูบก็จูบมาแล้ว ทำมากกว่านั้นก็เคยแล้วด้วย จะมาคิดมากอะไรกะอีแค่ดื่มน้ำจากขวดเดียวกัน!


“ขอบใจ” แล้วผมก็ยกดื่มอั่กๆ แต่ก็แอบเห็นอยู่ว่าไอ้เอสมันกำลังอมยิ้มนิดๆ ก็ไม่รู้ว่ายิ้มอะไรของมัน แต่ผมก็ขี้เกียจจะสนใจ

“แล้วนี่มีงานต่อมั้ยอะ”


“ต้องไปกองถ่ายบ่ายโมง”


“กูต้องไปด้วยปะ”


“ไม่งั้นกูจะรีบกลับมารับทำไม ไปอาบน้ำได้แล้ว” พูดจบมันก็กระชากผ้าห่มออกไปจากตัวผม แต่พอเห็นว่าร่างกายของผมกำลังเปลือยเปล่า มีเพียงผ้าเช็ดตัวที่พันเอวเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ จะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่อยู่แล้ว ร่างของมันก็ถึงกับแข็งค้าง ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง


“ไอ้...ไอ้...ไอ้ฟาย! จำไม่ได้รึไงว่ากูไม่มีเสื้อผ้าใส่น่ะไอ้เหี้ย!” ผมโวยวายดังลั่นพร้อมกับปาหมอนใส่มันอย่างแรง จากนั้นก็รีบวิ่งปรู๊ดลงจากเตียงไปที่ห้องน้ำ โดยกำผ้าเช็ดตัวที่กำลังจะหล่นจากเอวเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย


เฮ้อออออ เกือบไปแล้ว เกือบได้โชว์อนาคอนด้ากลางวันแสกๆ แล้วมั้ยล่ะ!


หลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้แล้วก็ได้ฤกษ์อาบน้ำสักที ตอนที่อาบแว้บหนึ่งสมองมันก็ดันคิดเรื่องเมื่อคืนขึ้นมา เพราะงั้นหน้ามันก็จะร้อนๆ หน่อย แต่ผมก็ตบแก้มดึงสติพยายามไม่คิดอะไร จนกระทั่งอาบเสร็จจะหาเสื้อผ้าใส่ ผมก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่าไม่มีชุดเปลี่ยน


ก๊อก ก๊อก ก๊อก


“อะไร!” หน้าตื่นเลยสิผมที่จู่ๆ ไอ้เอสก็มาเคาะประตู ถ้ามึงเข้ามากูต่อยไม่ยั้งเลยนะเว่ยบอกไว้ก่อน


“เสื้อผ้า กูซื้อมาให้ แต่ถ้าอยากใส่ผ้าเช็ดตัวไปกองถ่ายก็ตามใจ” ได้ยินแบบนี้แล้วจะรออะไรล่ะ ผม ก็รีบเปิดประตูออกไปหยิบถุงเสื้อผ้าที่ไอ้เอสซื้อมาให้ทันทีน่ะสิ


ในนี้นอกจากจะมีเสื้อผ้าก็ยังมีชั้นใน โรลออน และน้ำหอม มันรู้รสนิยมและไซซ์ของผมจนน่าตกใจ คงไม่น่าใช่เรื่องบังเอิญหรอกมั้ง ซึ่งพอใส่เสื้อผ้าและทำอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินออกมาจากห้องน้ำ


“ขอบใจนะ” ก็พยายามไม่มองตามัน เพราะยังรู้สึกเขินๆ เรื่องเมื่อคืนอยู่


“คิดว่าคงไม่มีเวลากินข้าว กูเลยซื้อนี่มาให้ด้วย” ไอ้เอสมองไปที่แซนด์วิชปูอัดไข่กุ้ง ดูทรงแล้วมันน่าจะจำเรื่องที่เกี่ยวกับผมได้

ว่าแต่ทำไมมันต้องใส่ใจผมขนาดนี้ด้วย?


“ดูแลกูขนาดนี้ ทำยังกะกูเป็นเมี...”


เชี่ยยยยยยยย นี่กูพูดอะไรออกป๊ายยยยยยยยย เมื่อกี้กูจะพูดคำว่าเมียงั้นเรอะ? เมียเนี่ยนะ? ม่ายยยยยยยยย ไม่มีทาง!


“ตายละ! ใกล้จะเที่ยงแล้วหรอเนี่ย! รีบลงไปเช็คเอาท์ดีกว่าเนอะ เดี๋ยวมึงต้องไปกองถ่ายต่ออีก เกิดไปสายมึงจะดูไม่ดี ว่าแต่มีของอะไรให้เก็บมั้ยนะ? อ้อ! นั่นไงเสื้อผ้าที่กูใส่เมื่อวาน เอาไปตากแล้วก็พับซะเรียบร้อยเลย ขอบใจมากนะเพื่อน...เอ้า! แล้วจะนั่งทำอะไรอยู่! รีบลุกขึ้นมาสิ! เดี๋ยวก็ไปกองถ่ายสายหรอก!”


พูดคนเดียวเกินครึ่งนาทีโดยไม่มีหยุดพักหายใจ เกือบตายสิครับกู! เป็นการพูดกลบเกลื่อนเปลี่ยนเรื่องที่เสี่ยงตายฉิบหาย แต่ก็ถือว่าคุ้มล่ะวะ เพราะไอ้เอสที่ทำหน้ายิ้มๆ และกำลังจะพูดอะไรสักอย่างก็ถูกผมขัดจังหวะฉุดให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ซะก่อน


เฮ้อออออออ รอดไปได้อีกครั้ง


หลังจากเช็คอินเรียบร้อยไอ้เอสก็พาผมตรงไปกองถ่ายเลย ถึงจะแปลกใจที่มันบอกจะขับรถเอง แต่ผมก็ไม่ได้ขัด นั่งเป็นคุณชายไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหมาย


เราสองคนมาถึงกองถ่ายก่อนเวลานัดนิดหน่อย ซึ่งก็พอดีเหลือเวลาให้ไอ้เอสได้ไปแต่งตัว ส่วนผมก็ไปช่วยหยิบนั่นหยิบนี่ จนเมื่อไม่มีอะไรทำเพราะไอ้เอสไปเข้าฉาก ผมก็ไปนั่งคุยกับพี่ๆ ทีมงาน ก็ย้ายไปคุยหลายกลุ่มแล้วแต่ว่ากลุ่มไหนจะว่าง หรือถ้ามีใครเรียกใช้ให้ทำอะไรผมก็จะรีบไปช่วยทันที


เนื่องจากผมเป็นคนที่พูดมากและเข้ากับคนง่าย ผมก็เลยพลอยสนิทกับคนง่ายเข้าไปด้วย เพราะงั้นก็เลยมีโอกาสได้ถามพวกพี่ๆ ทีมงานหลายๆ เรื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องของไอ้เอสนั่นแหละ


อย่างแรกที่ถามเลยก็คือ เคยรู้สึกเกลียดหรือหมั่นไส้มั้ยที่มันเป็นคนนิ่งๆ จนคล้ายกลับว่าหยิ่ง ซึ่งคำตอบที่ได้น่ะหรอ? ทุกคนตอบกันเป็นเสียงเดียวกันเลยว่ามากกกกก เล่นเอาผมถึงกับตบเข่าฉาด เพราะว่าผมก็รู้สึกหมั่นไส้มันเหมือนกัน ฮ่าๆๆๆ


แต่หลังจากที่ได้รู้จักจริงๆ พวกพี่ทุกคนก็ไม่รู้สึกอย่างนั้นกันแล้ว เพราะเข้าใจว่านั่นเป็นบุคลิกของมัน ไม่ได้สร้างปัญหาให้กอง นอกจากนี้ก็ยังรับผิดชอบงานดี ไม่เคยโดด หาย เท หรือเรื่องมาก การแสดงอาจจะไม่ได้ดีอะไรมาก แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นเรื่องแรก แถมยังขึ้นกล้อง จับแต่งลุคไหนก็ดูดีไปซะหมด


“พี่นั่งยันนอนยันเลยว่า น้องเอสนี่อนาคตไกลแน่นอน ยิ่งตอนนี้มีน้องซีอยู่ข้างๆ ด้วยแล้ว ความสดใสของน้องก็ทำให้บรรยากาศรอบตัวน้องเอสเปลี่ยนไปด้วย เห็นพี่พูดบ่อยๆ ก็อย่ารำคาญเลยนะ พี่คิดอย่างนั้นจริงๆ” ผมที่ได้ยินอย่างนั้นก็มีแต่จะยิ้มรับ มีผู้ใหญ่เอ็นดูจะมีใครรำคาญได้ลงล่ะจริงมั้ย


ผ่านไปสักพักคิวถ่ายของไอ้เอสก็หมดลง ซึ่งหลังจากที่ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วก็นัดแนะเวลาที่ต้องมาพรุ่งนี้กับทีมงานเสร็จ มันก็เดินมาหาผม


“พรุ่งนี้มีคิวถ่ายกี่โมงอะ”


“ค่ำๆ แต่ตอนเช้าต้องเข้าไปคุยงานที่บริษัท พรุ่งนี้มึงก็พักเถอะ”


“โอเค” ดีเลย ผมจะได้ไม่ต้องแหกขี้ตาตื่นขึ้นมาแต่เช้า จะได้มีเวลาอยู่เมาท์อยู่เล่นเกมกับไอ้พวกเพื่อน..................เวรละ! ผมดันลืมติดต่อพวกมันไปซะสนิท!


คือตื่นมาเห็นโทรศัพท์แบตหมดก็เลยตั้งใจว่าจะมาหายืมสายชาร์จพี่ๆ ทีมงาน แต่ก็มัวแต่เมาท์แล้วก็เดินทำนู่นทำนี่จนลืม ป่านนี้มันจะไม่ห่วงผมฉิบหายวายป่วงไปแล้วเรอะ!


“ทำไมทำหน้าแบบนั้น หรืออยากไปกับกูด้วย?”


“กูสนใจเรื่องนั้นที่ไหนกันเล่า!” แว้บหนึ่งผมเห็นไอ้เอสมันทำหน้าหงอยๆ แต่ผมคงจะคิดไปเองล่ะมั้ง “ขอยืมมือถือหน่อยดิ กูหายไปทั้งวันทั้งคืนไม่รู้ไอ้พวกเพื่อนกูมันจะเป็นห่วงขนาดไหน”


“ถ้าเรื่องนั้นมึงไม่ต้องห่วงหรอก กูบอกพวกเพื่อนมึงตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว”


“ถามจริง?”


“อืม”


“เอาเวลาไหนไปบอกวะ”


“ตอนที่มึงนอน”


“โอ้โห นี่...”


“เลิกถามมากสักที กูหิว ไปหาอะไรกินกัน” แล้วมันก็รีบลากผมออกมาเลย ทำเอาผมต้องรีบยกมือไหว้รีบบอกลาพี่ๆ ทีมงานกันยกใหญ่ ซึ่งพอไปถึงรถผมก็พึ่งนึกขึ้นมาได้...


เมื่อวานรถเสียไม่ใช่เรอะ!


“ว่าแต่เมื่อคืนรถเป็นอะไรมึง” ผมถามหลังจากที่เราสองคนเข้ามานั่งในรถแล้ว แน่นอนว่าไอ้เอสก็เป็นคนขับเหมือนขามา สบายล่ะผม


“ไม่รู้สิ แต่เมื่อเช้าลองสตาร์ทดูก็ติด ขับไปทำงานก็ปกติด้วย”


“เอ๊า แบบนี้ก็มีเว่ย แต่ยังไงถ้าว่างมึงก็เอาไปเข้าศูนย์เช็คดูหน่อยแล้วกัน เผื่อจะเจอว่ารถมันเป็นอะไร” ก็ไม่ได้ห่วงความปลอดภัยของมันนักหรอก ผมห่วงตัวผมเองเนี่ย เกิดรถเสียกลางทางแล้วโดนชนหลังก็ตายห่าพอดี


“อืม”


“แล้วนี่มึงอยากกินอะไรอะ”


“ตามใจมึง”


“เลี้ยงด้วยปะ?”


“อืม”


“อื้อหือ ใจดีผิดหูผิดตานะเนี่ย” ผมพูดยิ้มๆ พลางเอาศอกกระทุ้งสีข้างของไอ้เอส คือพอได้ทำนู่นนั่นนี่ ได้คิดอะไรเรื่องอื่น ผมก็เลยลืมเรื่องที่ทำกับมันเมื่อคืนไปโดยปริยาย


“สรุปอยากกินอะไร”


“ชายสี่หมี่เกี๊ยวก็ได้ แถวๆ ปากซอยบ้านมี เด็ดอย่างนี้เลยขอบอก” ผมยิ้มแฉ่งพร้อมกับยกนิ้วโป้งขึ้นทั้งสองข้าง


“อืม”


“เฮ้ออออ มึงนี่ไม่รู้เรื่องอะไรเอาซะเล้ย ในเวลาแบบนี้มึงต้องถามกูสิว่าบะหมี่หรอที่เด็ด” ไอ้เอสที่ได้ยินผมพูดแบบนี้ก็ทำหน้างง


“ทำไม”


“ถามมาเหอะน่า” มันทำหน้าเหมือนรำคาญ แต่ก็ยอมถามตามที่ผมบอก


“บะหมี่หรอที่เด็ด”


“เปล่า ลูกสาวเจ้าของร้าน ผ่าม!”


“...” เงียบ วังเวงยิ่งกว่าป่าช้าซะอีก


“นี่มึงไม่ตลกเลยหรอวะ” ถามจริง? คนปกตินี่ฮาขี้แตกขี้แตนไปแล้ว ส่วนคนเส้นลึกก็ต้องมียิ้มๆ บ้าง แต่กับไอ้นี่ทำไมแม่งหน้านิ่งจังวะ


“กูเปลี่ยนใจแล้ว จะกินเบอร์เกอร์” แล้วมันก็ตีไฟเลี้ยวรถเข้าไปในแมคโดนัลด์ที่อยู่ข้างหน้าเฉย!


ฮัลโหล! มันเกิดอะไรขึ้น กูไม่เข้าใจ กูผิดอะไร กูพูดจาไม่เข้าหูมึงตรงไหน คือกูงงอะเพื่อน!


ก็เดินเข้าร้านอย่างงงๆ คนมอง (มาที่ไอ้เอส) ก็ทำหน้างงๆ กินเบอร์เกอร์ก็กินแบบงงๆ ตอนเดินกลับก็เดินกลับแบบงงๆ ขนาดตอนถึงบ้านผมก็ยังทำหน้างงเลยอะคิดดู แต่สิ่งที่ทำให้ผมหายงงก็คือ คำทักทายจากเพื่อนคนไหนสักคนเมื่อผมเดินเข้าไปในบ้าน


“ฮั่นแน่! ได้ข่าวว่าไปเปิดโรงแรมนอนด้วยกัน เสร็จไปกี่น้ำกันล่ะพวกมึง” ถูกถามแบบนี้จากที่งงๆ อยู่ก็ตาเหลือกไปเลยสิ!


ก็รู้อยู่หรอกว่าพวกมันก็แค่แซวเล่นขำๆ ไม่ได้คิดอะไร แต่คือผมมีชนักติดหลังไง ภาพเมื่อคืนแม่งลอยขึ้นมาเป็นฉากๆ เหงื่อแตกพลั่กไปหมดแล้วเนี่ย


“ไหงทำหน้าแบบนั้นอะมึง ซีเรียสอะไรเฮ้ย” ไอ้เก่งใช้นิ้วจิ้มๆ มาที่ไหล่ของผม ส่วนคนอื่นก็ทำหน้างง แล้วก็พูดว่านั่นดิ


“คือกู...กู...กูเหนื่อย! ขอขึ้นไปนอนก่อนแล้วกัน” แล้วผมก็รีบวิ่งขึ้นห้องไปเลยท่ามกลางความงุนงงของไอ้พวกเพื่อน


ก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะคิดว่าผมเป็นอะไร แต่ขนาดผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน เมื่อคืนการที่ผมทำแบบนั้นมันแปลว่าผมเป็นเกย์รึเปล่าวะ?


ไม่ได้การละ อย่างนี้มันต้องพิสูจน์!


นี่เลย พอเสียบสายชาร์จก็จัดการส่องเพจ ‘สมาคมนิยมสาวสวยเซ็กซี่แห่งประเทศไทย’ ก่อนเลย แต่ละคนนี่อื้อหือ คุณแม่รักกันเหลือเกิน มองเพลินแล้วก็ไถนิ้ว (ที่โทรศัพท์) เพลินดิผม หลังจากนั้นก็ตามไปส่องที่เพจ ‘ทาสนม’ คงไม่ต้องบรรยายอะเนอะ แต่ละรูปก็ตามชื่อเพจนั่นแหละ แต่ว่าผมก็ยังไม่พอแค่นี้ เลยตามไปส่องที่เพจ ‘Cup E’ และ ‘Sexy girl’ เพื่อพิสูจน์ความเป็นชายแท้ด้วยอีก


ซึ่งผลที่ได้ก็คือ...


กูแข็ง! แข็งโป๊กครับพี่น้อง! เพราะงั้นกูก็ไม่ได้เป็นเกย์! กูยังมีอารมณ์กับผู้หญิงอยู่!


พอรู้อย่างนี้ก็โล่งอกดิผม เลยนอนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไถหน้าฟีดข่าวเฟซบุ๊กไปเรื่อยๆ ส่วนไอ้เรื่องที่มันแข็ง ผมก็ไม่ได้อารมณ์อยากจะเอาออกขนาดนั้น แหงล่ะ ก็พึ่งทำไปเมื่อคืนนี่นา เพราะงั้นผมก็เลยปล่อยมันเอาไว้ ผ่านไปสักหน่อยมันก็กลับสู่สภาพเดิม


เมื่อไถจนไม่มีอะไรจะไถแล้ว ผมก็กะว่าจะวางโทรศัพท์แล้วไปอาบน้ำ แต่ก็มีใครสักคนทักข้อความมาหาผมซะก่อน


แพร...


แพรเป็นเพื่อนของเพื่อนในคณะผมอีกที เคยเจอกัน 2 ครั้ง ครั้งแรกประมาณเดือนที่แล้ว ตอนนั้นเป็นการรวมกลุ่มเฉพาะคนโสดไปเที่ยวด้วยกัน อารมณ์ก็ประมาณนัดบอร์ดอะไรแบบนี้


แพรเป็นคนที่ร่าเริงสดใส ผมที่รู้สึกถูกใจตรงนั้นก็เลยขอเฟซขอไลน์ไว้ติดต่อ ก็คุยกันเรื่อยๆ จนนัดเจอกันอีกทีครั้งที่ 2 ก่อนสอบไฟนอล แต่ก็ในฐานะเพื่อนไม่ได้คบกันหรอก พอไอ้เต้ยเสียผมก็ยุ่งๆ เลยไม่ได้ติดต่อ แต่ก็คิดว่าแพรคงไม่ได้สนใจอะไรมากมาย เพราะแพรเองก็มีหลายคนที่คุยด้วยอยู่ ก็ธรรมดาของคนน่ารักอะนะ ว่าแต่วันนี้ทักมาเองเลยแฮะ มีอะไรรึเปล่าหว่า


แพร : หวัดดี


ดีครับแพร : ซี   



แพร : เห็นออนอยู่เลยลองทัก จำเราได้รึเปล่า


โหย ใครจะลืมคนน่ารักอย่างแพรลง : ซี


แพร : ก็เห็นหายไปนาน นึกว่าลืมเราแล้ว


พอดีเรายุ่งๆ กับงานศพเต้ยน่ะ แพรจำเต้ยได้รึเปล่า : ซี


แพร : จำได้ๆ ง่า...เต้ยเสียแล้วหรอ


อืม : ซี


แพร : เราเสียใจด้วยนะ


ครับ ขอบคุณนะ : ซี


แพร : งี้ซีก็อยู่ช่วงไว้ทุกข์น่ะสิ นี่ว่าจะชวนไปดูหนังด้วยกันสักหน่อย


ได้นะ คือก็ยังคิดถึงมันแหละ แต่ก็ไม่ได้เศร้าขนาดนั้นแล้ว : ซี


แพร : เจอกันพรุ่งนี้เลยมั้ยล่ะ


กี่โมงดี : ซี


แพร : เที่ยงมั้ย จะได้กินข้าวก่อนด้วย


ได้ แล้วเจอกันครับ ฝันดีนะ : ซี


แพร : เจอกันๆ ฝันดีๆ


แต่คืนนั้นผมดันฝันไม่ค่อยดีซะได้ คือการที่ไอ้เต้ยมาเข้าฝันมันก็ดีอยู่หรอก แต่แทนที่จะมาบอกหวย ดันมาห้ามไม่ให้ผมไปเดทกับแพรซะงั้น บอกว่าผมทำไม่ถูกอย่างนั้นอย่างนี้ แถมยังด่าว่าผมโง่อีกต่างหาก คือมันแบบอีหยังวะมาก ผมที่ขี้เกียจฟังมันบ่นมันด่าก็เลยไล่มันออกจากฝันของผมไปซะเลย


ก็พึ่งรู้นี่แหละว่าไล่ผีที่มาเข้าฝันได้เหมือนกัน!


ว่าแต่ก่อนที่จะไล่ คลับคล้ายคลับคลาว่าไอ้เต้ยมันบอกให้ผมไปเดทกับใครแทนหว่า?


แต่ก็ช่างเถอะ ผมจำไม่ได้ อีกอย่างผมก็นัดกับแพรเอาไว้แล้วด้วย จะให้ยกเลิกนัดได้ยังไงกันล่ะ มีแต่จะยิ่งแต่งตัวหล่อๆ แล้วไปรอแพรก่อนเวลานัดต่างหาก


“เหยดดดด แต่งหล่อสัสๆ ขนาดนี้ มีนัดกับสาวหรอสาดดดด” ไอ้เก่งแซวทันทีที่ผมเดินลงบันไดมา


“วี้ดวิ้ว หล่อแท้น้อผู้บ่าว” ส่วนไอ้เสือลูกคู่มันก็ผิวปากแซวผมเช่นกัน


เห็นพวกมันนั่งหน้าสลอนกันขนาดนี้ไม่ใช่ว่าตื่นเช้าหรอกนะ แต่พวกมันยังไม่ได้นอน! เล่นเกมยันหว่างอะไอ้คู่นี้


“ก็นิดนึงอะนะ มีนัดกับสาวน่ารักทั้งที” ผมยักไหล่พร้อมทำหน้าทำตาให้พวกมันหมั่นไส้มากที่สุด “ใครมันจะไปอยู่บ้านเหงาๆ แบบพวกมึง 2 ตัวกันล่ะ”


“ปากคอเราะร้าย เดี๋ยวพ่อแช่งให้เดทล่มเลยสาด”


“เหี้ยละไอ้เก่ง แทนที่จะอวยพรกู”


“พวกกูยังโสด มึงก็ต้องโสดเป็นเพื่อนพวกกูด้วยดิ”


“ตรรกะคนเหี้ยชัดๆ” ผมส่ายหน้าไปมา แต่ว่าก็ไม่ได้ถือสาพวกมันหรอก เพราะผมก็ไม่ได้รู้สึกชอบแพรมากขนาดนั้น ก็แค่ถูกใจ อยากศึกษานิสัยใจคอเผื่อว่าจะสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ได้ก็เท่านั้นเอง


“อ้าวไอ้เอส! กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่” พอได้ยินเสียงไอ้เก่งพูดแบบนี้ผมก็รีบหันมองไปที่ประตูทันที ซึ่งก็เห็นไอ้เอสยืนอยู่ แถมยังจ้องมาที่ผมอย่างไม่วางตาด้วย


“เออ นั่นดิ แล้วมึงไปยืนทำอะไรตรงนั้น” คราวนี้ไอ้เสือถาม แต่ไอ้เอสก็ไม่ได้ตอบ สายตาของมันยังจ้องมาที่ผมเช่นเดิม


“จะออกไปไหน” ผมรู้สึกเย็นยะเยือกที่แผ่นหลังยังไงก็ไม่รู้เลยไม่ได้ตอบอะไร ไอ้เก่งที่คงจะคิดว่าผมไม่ได้ยินที่ไอ้เอสถามก็เลยตอบแทนให้ แต่คือมึงไม่ต้องมาทำตัวเป็นเพื่อนที่ดีตอนนี้ก็ได้โว้ยยยยยยย


“ไอ้ซีมันนัดสาวเอาไว้ เห็นว่าน่ารักซะด้วยแต่ไม่ยอมบอกว่าใคร ท่าทางหวงขนาดนี้สงสัยจะจริงจังว่ะ” พูดจบมันก็หันไปหัวเราะคิกๆ คักๆ กับไอ้เสือ แม่งไม่ได้ดูหน้าของไอ้เอสที่กำลังทำหน้าถมึงทึงแผ่รังสีมาคุออกมาเล้ยยยยยย


ว่าแต่...ทำไมไอ้เอสมันต้องโมโหด้วยอะ?


ส่วนผมก็เหมือนกัน ทำไมต้องรู้สึกกลัวราวกับคนมีความผิดด้วยวะเนี่ย!


2BC


 o18 สวัสดีค่า ถึงจะมาช้าแต่ก็มานะคะที่รัก นี่ปั่นนิยายโต้รุ่งไม่หลับไม่นอนกันเลย พรุ่งนี้จะทำงานไหวมั้ยถามใจดู  :laugh:

มาพูดถึงเรื่องตอนนี้กันดีกว่า อ่านจบแล้วมีใครอยากเข้าฝันไปเฉ่งซีเหมือนเต้นบ้าง คือแบบความรู้สึกช้ามาก บางทีก็วงวารเอส  เอ๊ะหรือจะสมน้ำหน้าพ่อคนขี้เก๊กดี  o17
ส่วนตอนหน้าก็มาลุ้นกันนะคะว่าเอสจะโกรธเบอร์ไหน จะทำอะไร แล้วซีจะรู้ตัวได้สักทีรึยัง มาเอาใจช่วยคู่เอสซีกันด้วยนะคะ เลิฟๆๆ  :กอด1: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
ซีเก่งอ่ะ ไล่ผีออกจากฝันก็ได้ด้วย

ดูท่าว่าแผนเต้ยจะได้ผลกะคนนึง เหลือคนอึนอีกหนึ่ง สู้ๆ นะเต้ย

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
มีหงมีหึง งู๊ยนัลรั่ค

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
Soulmate วิญญาณป่วนรัก


Part 12# Z เดทพัง (พังหมดแล้วววว!)


“เอ่อ...กู...กูต้องไปแล้ว เดี๋ยวจะไปสาย” พูดจบผมก็เดินออกมาจากบ้านเลย


คือไอ้ที่พูดเมื่อกี้น่ะก็ใช่ แต่ประเด็นหลักคือผมไม่อยากอยู่ตรงนี้ต่อแล้ว ผมกลัวสีหน้าแล้วก็สายของไอ้เอสอะ ไม่รู้มันโมโหอะไร ผมก็ว่าผมไม่ได้ทำอะไรให้มันโกรธสักหน่อย


“เดี๋ยว มึงจะไปยังไง” ให้ตาย กูอุตส่าห์เดินออกมาแล้ว มึงก็ยังจะตามกูออกมาอีกนะไอ้เอส


“เดี๋ยวนั่งวินออกไปขึ้นรถเมล์ปากซอย” คนไม่มีรถก็งี้ แต่มันก็ไม่ได้ยุ่งยากหรือลำบากอะไร ถ้าวันไหนรถติดมากๆ ก็จะใช้บริการรถไฟฟ้า ซึ่งก็เหมือนคนกรุงเทพปกติทั่วไปนั่นแหละ


“นัดผู้หญิงทั้งทีไปแบบนั้นจะดีหรอ กูไปส่งดีกว่า” พูดจบปุ๊บมันก็ฉุดแขนของผมให้เดินไปที่รถของมันปั๊บ แต่เชื่อมั้ย คำพูดคำจาเหมือนว่าเป็นห่วงเป็นไย แต่สีหน้าและการกระทำแม่งไม่ใช่ มันโกรธผมอยู่ชัดๆ!


“เดี๋ยว! ไอ้เอส! ปล่อยกูก่อน!” แต่ห้ามไปก็เท่านั้น ตอนนี้มันจับผมยัดใส่รถเป็นที่เรียบร้อย แถมยังชี้หน้าผมให้อยู่นิ่งๆ ด้วยเมื่อเห็นผมทำท่าจะเปิดประตูออกมา


ว่าแต่ทำไมกูต้องทำตามที่มึงสั่งด้วยเนี่ย!


“มีนัดที่ไหน” ไอ้เอสถามหลังจากขึ้นมานั่งตรงเบาะคนขับเป็นที่เรียบร้อย


“สยาม” แล้วกูจะตอบตามความจริงเพื่อ! “มึง...เอ่อ...ไม่มีงานต่อหรอ”


“มีถ่ายละคร”


“งั้นก็รีบไปสิ เดี๋ยวสายนะ” ถามว่ากูห่วงมัน? เปล่า! ห่วงตัวกูนี่แหละ!


“มีถ่ายตอนค่ำ”


“อ้อ งั้นหรอ” แป่ว...แต่ก็จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่า มันบอกผมไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะนะ


แล้วจากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุม แหงล่ะ ก็ผมไม่รู้จะพูดอะไรนี่หว่า ดูหน้าของมันสิ ปกติก็นิ่งฉิบหายอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดันเพิ่มความอึมครึมเข้าไปด้วย บรรยากาศรอบตัวเลยทะมึนจนน่ากลัวสัส


เกือบชั่วโมงที่ผมต้องนั่งอยู่เฉยๆ ด้วยความอึดอัดสุดขีด ในที่สุดผมก็จะหลุดพ้นแล้ว เพราะเห็นป้าย BTS สถานีสยามอยู่ไม่ไกล


“มึงจอดตรงข้างหน้านี้ก็ได้” คือถัดไปมันเป็นสี่แยกไง เผื่อไอ้เอสมันจะไปไหนก็จะได้เลี้ยวไปเลยไม่ต้องยูเทิร์นให้เสียเวลา แต่นอกจากมันจะไม่จอดตรงที่ผมบอก มันยังเลี้ยวรถเข้าไปในพารากอนเฉย!


“เดี๋ยวๆ มึงจะเลี้ยวรถเข้ามาในนี้ทำไม” ซึ่งก็ไม่ใช่แค่เลี้ยว แต่มันขับวนจนจอดรถด้วยอะ!


“ตอนนี้กูว่าง” ฮัลโหลลลลล ใครถามมึงเรื่องน้านนนนน


“แล้วยังไง”


“ว่าจะลงไปเดินเล่นสักหน่อย” แต่หน้ามึงไม่ได้อยากลงไปเดินเล่นเลยเพ่!


“งั้นก็ขอให้เพลิดเพลินแล้วกันนะ” ผมยิ้มแห้งๆ ให้มัน จากนั้นก็รีบลงจากรถมาเลย


พอเป็นแบบนี้ก็ดูเหมือนว่าผมจะหมดเวรหมดกรรมแล้วเนอะ แต่เปล่าเลย เพราะไอ้เอสแม่งดันตามผมมาอีกซะงั้น!


“มึงจะเดินตามกูทำเหี้ยอะไรเนี่ย!” ตามกูยังกะเจ้าหนี้เลยนะมึง!


“...” เอ๊า ใบ้แดก ไม่ยอมตอบอีก แต่ก็ยังเดินตามกูต้อยๆ ให้มันได้อย่างนี้เซ่!


ในเมื่อมันไม่พูดผมก็ขี้เกียจจะพูดกับมันเหมือนกัน ก็เลยเดินไปนั่นไปนี่ฆ่าเวลารอแพร และแน่นอนว่ามันก็ยังตามผมมาตลอด ถึงจะใส่หมวกกับแมสปิดปาก แต่รูปร่างกับออร่าของมันก็ทำให้คนที่สวนกันเหลียวหลังมองอยู่ดี


“ถามจริง นี่มึงจะเดินตามกูอีกนานมั้ย”


“จะเอาคำตอบจริงๆ ใช่มั้ย”


“เออ แล้วก็ตอบมาด้วยว่าจะเดินตามกูเพื่อ”


“ได้” แต่ว่ายังไม่ทันที่ไอ้เอสจะได้ตอบอะไร เสียงใสๆ ก็ดังขัดขึ้นซะก่อน


“ซี!” ไม่ใช่ใคร แพรนั่นเองที่ตะโกนเรียกผมแล้วโบกไม้โบกมือให้ตั้งแต่ไกล ยังคงน่ารักสดใสเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน


“หวัดดีแพร” ผมทักทายเมื่อแพรวิ่งมาหยุดอยู่ที่หน้าผม


“ดีจ้าซี โทษทีเรามาช้าไปหน่อย”


“ไม่เลย เราต่างหากที่มาเร็ว” อันนี้สาบานได้ว่าผมไม่ได้พูดเอาหล่อหรือตามมารยาท เพราะแพรมาก่อนเวลา 5 นาทีด้วยซ้ำ แต่ผมอะที่มาเร็วไปจริงๆ แล้วก็คงไม่ต้องบอกนะว่าตัวต้นเหตุคือใคร


ผมเหลือบตาไปมองหน้าไอ้เอสอย่างคาดโทษ ก่อนที่จะรีบหันกลับไปยิ้มให้แพร แต่ว่าผมก็ต้องยิ้มค้าง เพราะสายตาของแพรไม่ได้มองมาที่ผม แต่มองไปที่ไอ้เอสแถมยังอมยิ้มน้อยๆ อีกด้วย


“นี่ใช่เอส ที่เป็นดารารึเปล่าคะ” โอ้โห กับผมนี่ไม่เคยมีหรอกคะขา แต่ทำไมกับไอ้เอสที่พึ่งเจอครั้งแรกแพรต้องพูดหวานขนาดนี้ด้วย!


“ครับ” ส่วนไอ้นี่ก็เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ยังโกรธหน้าตายใส่ผมอยู่เลย ไหงตอนนี้กลับยิ้มละมุนอบอุ่นหัวใจได้ล่ะวะ!


“เอสเป็นเพื่อนกับซีหรอคะ”


“ครับ อยู่บ้านเดียวกันด้วย”


“โหย เสียดาย เราน่าจะรู้ให้เร็วกว่านี้”


“ทำไมหรอครับ”


“ก็เราเป็น FC เอสน่ะสิ ปลื้มมานานแล้ว”


“จริงหรอครับ ดีใจจัง”


เออ! เอาเข้าไป! คุยกันกระหนุงกระหนิงยิ้มให้กันอยู่ 2 คน! ฮัลโหลลลลลล สนใจกูบ้างงงงงง กูยืนหัวโด่อยู่นี่นะเฮ้ยยยยยย


“อะแฮ่ม!” ไม่ได้ไอหรือเจ็บคออะไรหรอก แต่ตั้งใจขัดจังหวะเลยแหละ!


“อุ้ย! โทษที เราลืมซีไปเลย” คำว่า ‘ลืม’ พูดเบาๆ ก็เจ็บ เฮือก! เหมือนโดนมีดอีโต้ปักเข้าที่กลางหัวใจ แทบทรุดไปกองที่พื้นเลยกู


“นี่ก็เที่ยงแล้ว แพรหิวรึยัง ไปกินข้าวกันมั้ย”


ในเมื่อเข้าไปแทรกระหว่างดารากับ FC ไม่ได้ ผมก็ต้องจัดการแยกทั้งคู่ให้ออกจากกัน แน่นอนว่าผมก็ต้องเรียกความประทับใจคืนมา ผมจะเลี้ยงข้าว เลี้ยงของหวาน เลี้ยงหนัง แล้วก็จะซื้อของขวัญให้ ก่อนนี้ผมไปกดตังมาเตรียมเอาไว้รับรองเหลือๆ


“เอสกินข้าวรึยังคะ” แล้วกัน ดูเหมือนว่าสิ่งที่ผมคิดเอาไว้มันกำลังจะล่ม ไม่นะ...


“ยังไม่ได้กินเลยครับ”


“งั้นก็ไปด้วยกันสิคะ” นั่นไง! แต่ว่าผมจะไม่ยอมให้เดทของผมพังหรอกนะ ตั้งใจจะมากันแค่ 2 แต่จู่ๆ จะกลายเป็น 3 ได้ยังไง แบบนั้นมันเรียกว่าเดทที่ไหน ผมต้องจัดการไล่ไอ้ส่วนเกินออกไปโดยเร็วที่สุด!


“ไอ้เอส มึงมีถ่ายละครไม่ใช่หรอ” ไม่ใช่แค่พูด ผมยังส่งซิกซ์ทุกสิ่งอย่างไปให้มันด้วย แต่แทนที่รู้มันจะไสหัวกลับไป มันกลับไม่สนใจแล้วตอบตกลงคำชวนของแพรซะงั้น!


“ได้สิครับ ผมมีถ่ายละครตอนค่ำ” เรื่องนั้นกูรู้! แต่คือกูอยากให้มึงไสหัวไปเข้าใจมั้ยวะ!


“ดีจังเลยค่ะ!”


ผมอยากจะบ้าตาย! นี่แพรลืมไปแล้วใช่มั้ยว่าตั้งใจจะมาเดทกับผม แถมคนที่ชวนก่อนยังเป็นแพรด้วยนะ แล้วทำไมถึงได้เอาแต่สนใจไอ้เอสไม่สนใจผมเลยแบบนี้ (น้ำตาจิไหล)


สรุปแล้วผม แพร และไอ้เอสก็ต้องไปกินข้าวด้วยกัน 3 คนจนได้ ไอ้ตอนเลือกร้านกับสั่งอาหารยังไม่เท่าไหร่ แต่ตอนกินนี่สิ...


“อันนี้อร่อยมากเลยค่ะ เอสลองกินดูนะ” ไม่พูดเปล่าแพรก็ตักอาหารใส่ในจานของไอ้เอสด้วย ขนาดนั่งตรงข้ามกันก็ยังอุตส่าห์ยืดแขนแล้วก็ยืดตัวตักให้เลยอะ


“ขอบคุณครับ จานนี้ก็อร่อยนะ” แล้วไอ้เอสก็ตักอาหารอีกอย่างใส่ในจานของแพร


ถ้าจะทำขนาดนี้ไม่ป้อนกันให้รู้แล้วรู้รอดเลยล่ะ!


แล้วหลังจากที่กินข้าวกันเสร็จ ผมที่กำลังเปิดกระเป๋าตังจะโชว์ป๋าเลี้ยงอย่างหล่อๆ ก็ถูกไอ้เอสสกัดดาวรุ่งเอาไว้ เพราะมันหยิบแบงก์เทาๆ 2 ใบที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อยื่นให้พนักงาน แถมยังพูดจาป๋าสุดๆ ที่ผมยังไม่กล้าจะพูดด้วยว่า...


“ไม่ต้องทอน”


เยสครก! ยกนี้ผมแพ้ราบคาบตั้งแต่ยังไม่ได้แข่งเลยครัชท่านผู้ชม!


ไม่ได้การ ขืนปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปแพรได้เทคะแนนให้ไอ้เอสหมดใจแน่ เพราะงั้นตอนดูหนังผมเลยต้องจัดการขั้นเด็ดขาด ซึ่งนั่นก็คือ...การนั่งตรงกลางระหว่างแพรกับไอ้เอส! ซึ่งผมก็ทำสำเร็จด้วย!


แต่ๆๆ แทนที่จะไปได้สวย ที่คิดไว้ก็คือแพรจะต้องหันมาคุยกับผม ยิ้มให้ผม หรือไม่แน่อาจจะจับมือไม่ก็ซบไหล่ผมก็ได้ ส่วนในความจริง...สองคนนี้แม่งคุยข้ามหัวผม! What the fuck!


ดูหนังไม่รู้เรื่องเลยกู รู้ตัวอีกทีคือหนังจบไปแล้ว ยอมรับเลยนะว่าจากที่เซ็งๆ ผมก็ชักจะเดือดแล้ว แต่ถ้าหากคิดว่าไอ้เอสมันหยุดแค่นี้ ผมพูดเลยว่ายังมีพีคกว่านั้น เพราะตอนที่แพรขอแวะเข้าร้านขายเครื่องสำอางชื่อดัง เห็นว่าลิปสติกที่ใช้อยู่กำลังจะหมด ไอ้เอสก็เดินเข้าไปด้วยแถมยังแนะนำอีกต่างหาก!


“ผมว่าแพรเหมาะกับรุ่นนี้ เบอร์นี้ มากกว่านะ กำลังฮิตในหมู่เซเลบดาราด้วย” แล้วมันก็อ้างชื่อคุณพี่นางเอกที่มันเล่นละครด้วย บอกว่าก็ใช้อยู่เหมือนกัน


“จริงหรอคะ งั้นเราเอานี่แหละค่ะ”


“เดี๋ยวผมจ่ายให้”


“อุ้ย จะดีหรอคะ เราเกรงใจ”


“ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ”


“ขอบคุณนะคะ”


หมด...หมดกัน! เรื่องที่ผมคิดว่าจะทำกับแพรดันถูกไอ้เอสแย่งทำไปหมด และที่เจ็บใจคือมันดันทำได้ดีกว่าด้วย!


แต่ประเด็นมันไม่ได้อยู่ตรงนั้น มันอยู่ที่ไม่รู้ไอ้เอสแม่งจะทำแบบนี้เพื่ออะไร ทำเป็นจีบคนที่ผมกำลังจีบอยู่มันใช่หรอวะ ส่วนแพรผมไม่โกรธหรอกนะ เจอดาราที่ปลื้มมาทำดีด้วยแบบนี้มันก็ต้องตื่นเต้นดีใจเป็นธรรมดา


คนที่ผมโกรธมีแค่ไอ้เอสคนเดียวเลย!


“เดี๋ยวเราคงต้องกลับแล้วค่ะ ค่ำๆ จะมีญาติผู้ใหญ่มาหา” แพรพูดขึ้นหลังจากที่เดินออกจากร้านขายเครื่องสำอาง ท่าทางดูเสียดายหน่อยๆ ที่ต้องกลับบ้านเร็ว แน่นอนว่าคงเสียดายที่ไม่ได้อยู่เดินเล่นต่อกับไอ้เอสไม่ใช่กับผม


“งั้นกลับบ้านดีๆ นะแพร ถ้ามีเวลามาเจอกันอีกนะ” ที่ผมพูดหมายถึงผมกับแพรแค่ 2 คน แต่ดูเหมือนว่าแพรจะไม่ได้คิดแบบนั้น


“เอสก็มาด้วยกันอีกนะคะ” เฮ้อออออ นกบินว่อนรอบตัวไปดิผม!


“ได้สิครับ แล้วแพรจะกลับยังไง”


“เดี๋ยวดูก่อนค่ะ ถ้ารถไม่ติดมากอาจจะกลับแท็กซี่”


“งั้นให้ผมไปส่งนะ บ้านแพรอยู่แถวไหน”


“เอสใจดีจัง ภาพลักษณ์ดูหยิ่งๆ แต่ตัวจริงนิสัยน่ารักมากๆ” เฮอะ! เธอถูกมันหลอกแล้วล่ะแพร! “แต่บ้านเราอยู่ไกล คนละทางกับบ้านเอสเลย เดี๋ยวเรากลับเองดีกว่าค่ะ”


“เอางั้นก็ได้ครับ”


“แต่ก่อนกลับ เราขอแอดไลน์เอสไว้หน่อยได้มั้ยคะ” แพรพูดด้วยท่าทางเอียงอาย ก่อนจะกลั้นใจยื่นโทรศัพท์ไปให้ไอ้เอสพร้อมกับลุ้นจนหลับตาปี๋


“ได้สิครับ” แล้วนอกจากจะให้ไอดีไลน์ ไอ้เอสมันก็ยังให้เบอร์ แถมยังให้ถ่ายรูปเซลฟี่ชู 2 นิ้วด้วยอีกต่างหาก


เฮอะ! ทีกับผมนะรู้จักกันมาก่อนตั้งนาน ถึงจะพึ่งได้มาคุยกันบ่อยๆ ช่วงนี้ก็เถอะ แต่รูปสักรูปก็ยังไม่เคยถ่ายด้วยกันเลยด้วยซ้ำ มันน่าหมั่นไส้จริงเว่ย!


ว่าแต่...เหมือนผมจะคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยมีรูปคู่ของผมกับไอ้เอสอยู่นะ แต่จะเป็นรูปอะไรผมก็นึกไม่ออกแล้วอะ ถ้างั้นก็ช่างมันเถอะ


“ขอบคุณนะคะเอส ไว้ค่อยคุยกันต่อนะ”


“โอเคครับ”


“งั้นเราขอตัวกลับก่อนนะคะ ไว้เจอกันอีกนะ บ๊ายบายนะซี” แล้วหลังจากที่ร่ำลาไอ้เอสอยู่นาน ในที่สุดแพรก็หันมาพูดกับผมสักที เอาจริงๆ ผมคิดว่าเมื่อกี้แพรลืมไปแล้วนะว่าผมก็ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย


“บ๊ายบาย” ผมยิ้มและโบกมือลาแพรที่กำลังเดินจากไป จนเมื่อแพรลับสายตาไปแล้วผมก็หยุดชะงักทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งมือที่กำลังโบกไปมาแล้วก็ใบหน้าที่กำลังฝืนยิ้ม


“กูกับมึงมีเรื่องต้องคุยกัน เลือกมาว่าจะคุยที่นี่หรือว่าที่บ้าน” สีหน้าของผมตอนนี้แม้แต่เด็ก 3 ขวบยังรู้เลยว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ไหน แน่นอนว่าไอ้เอสก็ต้องดูออก


“ที่บ้าน” มันเลิกสวมบทหนุ่มดอกไม้แล้วกลับไปเป็นไอ้คนหน้านิ่งเหมือนเดิม ก่อนที่มันจะเดินนำผมไปขึ้นรถตรงลานจอดรถ


ตลอดทางผมกับมันไม่มีใครเอ่ยปากอะไรเลย ขามาว่าเงียบแล้วแต่ขากลับนี่เงียบยิ่งกว่า แถมยังอึมครึมสุดๆ อีกด้วย แต่ไอ้ตัวคนที่ทำให้เป็นแบบนี้มันก็ยังทำหน้านิ่งไม่ทุกข์ไม่ร้อน


“มึงต้องการอะไร” ผมถามทันทีที่รถขับเข้ามาจอดในบ้าน


“มึงหมายถึงเรื่องอะไรล่ะ” พอได้ยินแบบนี้ผมก็หลับตาลงแล้วถอนหายใจออกมา กะว่าจะใจเย็นๆ แล้วเชียว แต่ในเมื่อมันทำเป็นไม่รู้เรื่องแบบนี้ ผมก็ทำใจเย็นไม่ไหวเหมือนกัน!


“มึงอย่ามากวนตีนได้มั้ย! กูก็หมายถึงเรื่องที่มึงทำวันนี้ทั้งหมดไง! กูจีบแพรอยู่มึงไม่รู้หรอ!”


“ก็เพราะรู้ว่าจีบอยู่ไงกูถึงได้ทำ”


“ว่าไงนะ!?” เพราะรู้ถึงได้ทำ? นี่มันเหตุผลเชี่ยอะไรเนี่ย!


เห็นทีคุยกันในรถคงจะไม่รู้เรื่อง ผมเลยเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปหาไอ้เอสที่ฝั่งคนขับ จากนั้นก็เปิดประตูแล้วลากมันลงมา แต่จังหวะที่ผมกำลังจะดันร่างของมันให้ไปติดกับรถ ผมกลับเป็นฝ่ายถูกมันดันจนแผ่นหลังไปติดกับรถแทน


“กูสิที่ต้องเป็นฝ่ายถามมึงมากกว่า” ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ขึ้นเสียงใส่ผม แต่ผมก็สัมผัสได้ว่ามันก็กำลังโมโหผมอยู่เหมือนกัน


“ยังมีหน้าจะมาถามอะไรกูอีก! ที่มึงทำก่อนหน้านี้มันหมายความว่าไงมึงยังไม่ตอบกูเลย!”


“แล้วทีมึงล่ะ มันใช่หรอที่เมื่อคืนทำเรื่องแบบนั้นกับกู แต่เช้ามากลับนัดผู้หญิงไปเที่ยว”


“ก็แล้วมันเกี่ยวอะไรกันวะ!”


“เกี่ยวสิทำไมจะไม่เกี่ยว!”


“เกี่ยวกันตรงไหน! ก็มึงกับกูไม่ได้เป็นอะไรกันนี่!” เท่านั้นแหละไอ้เอสก็ถึงกับชะงัก ผมเลยใช้โอกาสนั้นผลักที่อกมันออกไป


น่าแปลก ผมว่าผมก็ไม่ได้ผลักแรงขนาดนั้น แต่ว่ามันกลับเซถอยไปด้านหลังเหมือนคนหมดแรงจนเกือบจะล้มซะได้


“โอเค...ไม่ได้เป็นอะไรกัน...” ผมไม่ได้ยินว่ามันพึมพำอะไร แต่ว่าผมก็มองเห็นแววตาของมัน ที่ไม่รู้ทำไมถึงได้ดูเจ็บปวดแบบนั้น


“เฮ้ยพวกมึงมีเรื่องอะไรกันวะ!” แต่ก่อนที่ผมจะได้ถามมัน ไอ้พวกเพื่อนของผมที่คงได้ยินเสียงทะเลาะก็พากันกรูออกมาจากในบ้าน ซึ่งก็มากันครบทุกคนนั่นแหละ นำทีมโดยไอ้เก่งเลย


“ก็ลองถามมันดูสิ!” ผมหันไปถลึงตาใส่ไอ้เอส


บอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้โบ้ยนะ แต่ผมไม่รู้จริงๆ ว่ามันทำเรื่องแบบนั้นทำไม ถามไปแม่งก็ไม่ตอบแถมยังมีการถามผมกลับอีก นี่ผมไม่ต่อยหน้ามันก็บุญขนาดไหนแล้ว


แต่จนแล้วจนรอดมันก็ยังไม่ยอมตอบ เอาแต่มองหน้าผมอย่างหลากหลายความรู้สึก แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็มีความเจ็บปวดที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะมองผมแบบนั้นทำไม ก่อนที่มันจะเดินไปขึ้นรถอย่างไม่สบอารมณ์แล้วก็ขับออกไปข้างนอกเลย


ฮัลโหลลลลลลล คนที่ต้องโมโหมันคือกูรึเปล่าวะ!


2BC


 :3123: สวัสดีค่า Soulmate ตอนที่ 12 จบไปแล้ว แลดูเป็นตอนที่วุ่นวายมาก 55555  :laugh:
ก็ไม่รู้ว่าระหว่างซี เอส และแพร ทุกคนจะลำไยใครมากกว่ากัน แต่ที่แน่ๆอย่ามาลงกับเค้าน้าาาา  :ling3:
ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันนะคะว่าระหว่างซีกับเอสจะเป็นยังไงต่อไป จะเข้าใจกันหรือยิ่งเคืองกันมากกว่าเดิม  o3 ยังไงก็มาเอาใจช่วยคู่นี้ด้วยนะคะ Happy Halloween ค่าาา  :m1:

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
คนนึงเค้าคิดไปไกลแล้ว แต่อีกคนยังอึนอยู่เลย.  :hao4:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
อ๊อง เอ๋อ อึน //3คำของซี55

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
Soulmate วิญญาณป่วนรัก



Part 13# Z กลับวัง!


“แม่งเอ๊ย!” ผมสบถอย่างหัวเสียพร้อมกับชูนิ้วกลางไล่หลังรถของไอ้เอส จากนั้นก็สะบัดหน้าหนีแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้าน โดยที่ในใจก็สาปส่งมันแบบฉิบหายป่วง


“ตกลงพวกมึงทะเลาะอะไรกัน” ไอ้เก่งเดินตามเข้ามาถามผม ไอ้เพื่อนคนอื่นๆ ก็เลยเดินตามเข้ามาในบ้านด้วย


“ไม่รู้” ผมตอบอย่างเซ็งๆ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อที่จะหยิบน้ำมาดื่มให้หายหัวร้อน แต่พอเปิดปุ๊บแล้วเจอเบียร์กระป๋องวางเรียงเป็นตับ ผมเลยคว้ามาเปิดแล้วยกซดอักๆ แบบไม่สนว่าจะเป็นของใคร


“ไอ้ซี! ของกู!” รู้ละ ของไอ้อาร์ทนี่เอง ผมเลยล้วงกระเป๋าตังที่อยู่ในกางเกงออกมาแล้วโยนไปให้มัน ซึ่งมันก็รับเอาไว้ได้อย่างสวยงาม


ป๋องแรกผ่านไป...


ป๋องสองป๋องสามค่อยๆ ผ่านไป...


พยายามคิดว่าทำผิดอะไร...


ก่อนเดินมาถึงตรงนี้...



ผมร้องเพลงในใจเป็นทำนองเพลง ‘มือปืน’ ของพี่ปู พงษ์สิทธิ์ ด้วยความที่ดื่มแบบรวดเร็วมันเลยทำให้ผมค่อนข้างที่จะมึนๆ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเมาจนเดินเซ ผมเดินมานั่งกับไอ้พวกเพื่อนที่โซฟาได้อย่างเป็นปกติ แต่อาจจะพูดไม่ค่อยรู้เรื่องสักหน่อย...มั้งนะ


“สรุปมึงนึกออกยังว่าทะเลาะอะไรกับไอ้เอส” ไอ้นี่มันเสือกเก่งเหมือนชื่อเลยเว่ย ดูทรงละถ้าไม่ได้คำตอบมันคงไม่ปล่อยผมไปนอนแน่ๆ ซึ่งไอ้พวกที่นั่งหน้าสลอนจ้องผมอยู่นี่ก็ด้วยเหมือนกัน


“คือมันแม่งเป็นบ้า”


“บ้ายังไงวะ” ไอ้เสือถาม


“บ้าก็คือบ้าอะ มึงไม่เข้าใจคำว่าบ้าหรอ” แต่นอกจากจะไม่ตอบมันยังมีการกลอกตาใส่ผม ไอ้เก่งก็เกาหัวแกรกๆ ส่วนไอ้หลินกับไอ้อาร์ทก็มองหน้ากันแล้วยักไหล่ ก่อนที่ไอ้หลินจะถอนหายใจออกมาแล้วจึงพูดกับผม


“เอางี้นะ มึงเล่าเหตุการณ์มาให้พวกกูฟังเลย เอาตั้งแต่ต้นเลยนะ เดี๋ยวพวกกูวิเคราะห์กันเอง”


“เตงเก่งที่สุดเลยอะ!” คราวนี้ผมเป็นฝ่ายกลอกตามองบนบ้าง มันใช่เวลามาอวยเมียมั้ยเนี่ยไอ้เชี่ยอาร์ท แต่เอาเถอะ ตอนนี้ที่ผมต้องทำคือการใช้สมองคิดและลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


“คือวันนี้กูมีนัดเดทกับแพร ไอ้เอสพอรู้ก็ไม่รู้โมโหเชี่ยอะไร มันจ้องกูตาเขม็งแล้วถามว่ากูจะไปเดทไหน พอกูบอกว่าสยามมันก็บอกจะไปส่งแล้วก็ลากกูขึ้นรถเลย”


“...”


“แต่พอไปถึงแทนที่จะส่งเฉยๆ มันเสือกลงรถมาด้วย แล้วก็ตามกูต้อยๆ จนสุดท้ายก็กลายเป็นว่าต้องเดทกัน 3 คน แต่อันนี้ยังไม่เท่าไหร่เว่ย ที่กูโมโหคือระหว่างที่เดทมันทั้งทำดี พูดเพราะ เอาอกเอาใจแพรสารพัด คือทุกอย่างที่กูตั้งใจจะทำกับแพรมันแม่งทำตัดหน้ากูหมดอะ”


“...”


“กูเลยถามว่ามันรู้มั้ยว่ากูจีบแพรอยู่ แต่รู้มั้ยว่ามันตอบว่าไง? มันตอบเพราะรู้ไงถึงได้ทำ โอ้โห เจอแบบนี้ก็ปรี๊ดเลยดิ กูเลยลากมันออกจากรถแล้วกะจะถามให้รู้เรื่อง แต่มันก็ไม่รู้ทำไมดันเสือกของขึ้นเหมือนกัน แถมยังโวยวายว่าเมื่อคืนทำเรื่องแบบนั้นกับมัน แต่วันนี้กูดันไปเที่ยวกับผู้หญิง กูนี่อีหยังวะเลยอะพวกมึง”


“เดี๋ยวนะเดี๋ยว” แล้วหลังจากที่พวกมันต่างก็พากันตั้งใจฟังผมกันอยู่นาน จู่ๆ ไอ้เก่งก็พูดแทรกขึ้นมาพร้อมกับยกมือขึ้น “กูขอถามอะไรนิดนึง”


“อือ ถามมาดิ”


“เมื่อคืนมึงกับไอ้เอสทำอะไรกันวะ” จากที่มึนๆ อยู่ก็ตาสว่างเลยดิผม


“เอ่อ...กูจำเป็นต้องเล่าด้วยหรอวะ”


“จำเป็นดิวะ พวกกูจะได้วิเคราะห์กันถูกไง” พอไอ้หลินพูดงี้ผมก็ถึงกับต้องยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอย ส่วนลูกตาก็หลุกหลิกไปมา มองซ้ายบ้างขวาบ้าง ไม่กล้าสบตาไอ้พวกเพื่อนที่จ้องเขม็งมาที่ผมเปนสายตาเดียว


“กูขอเวลานอก” ผมรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ตู้เย็นอีกครั้ง จากนั้นก็หยิบเบียร์มาอีกกระป๋องแล้วซดอักๆ จนกระทั่งมันหมด


โอเค เริ่มมึนละ ค่อยกล้าเล่าหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องสูดหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อทำใจครั้งสุดท้ายอยู่ดี


“คือ...กูช่วยไอ้เอส ส่วนไอ้เอสมันก็ช่วยกู” แต่ทั้งที่ผมอุตส่าห์พูดขนาดนี้ พวกมันกลับทำหน้าเป็นควายงงกันหมดซะงั้น


“ช่วยอะไรวะ” ไอ้เสือถาม


“ก็ช่วย...นั่นไง...” จะให้พูดตรงๆ กูก็อายนะเว่ยไอ้ห่า


“นั่นอะนั่นไหน” ยัง...ยังทำหน้างงกันอีก ทำไมแม่งเข้าใจอะไรยากจังวะ


“ก็นั่นไง ชู่ววู่ว”


“ชู่ววู่วเชี่ยอะไรของมึง”


“โว้ยยยยย! ก็ชักว่าวไงไอ้ฟาย! ชักว่าวอะชักว่าวเข้าใจมั้ยไอ้พวกเหี้ย!” ขี้เกียจอ้อมขี้เกียจอายแล้วกู พูดไปตรงๆ เลยนี่แหละ แล้วถ้ายังไม่เข้าใจกันอีกนะ พ่อจะควักมาชักโชว์แม่ง!


“...”


“อ้าวอึ้ง อึ้งแดกกันหมด ฮัลโหลลลล” ผมยกมือขึ้นโบกไปมาที่หน้าของพวกมันเรียงตัว นั่นแหละพวกมันถึงได้กลับคืนสู่สภาวะปกติ


“อะแฮ่ม!” ไอ้เก่งทำเป็นตบๆ ที่อกตัวเอง “กูจะขอข้ามเรื่องที่มึงกับไอ้เอสช่วย...กันนะ”


“ใช่ๆ” ไอ้เสือลูกคู่มันพยักหน้า ส่วนไอ้หลินกับไอ้อาร์ทก็ด้วย แหม...ทีงี้ล่ะมาทำเป็นอายนะพวกมึง


“ฟังกูเล่าจนจบแล้ว พวกมึงมีใครพอจะรู้มั้ยว่าตกลงไอ้เอสมันเป็นเหี้ยอะไร” พอผมถามแบบนี้พวกมันก็รีบหันหน้าไปมองกันทันที แต่ก็ไม่มีใครตอบอะไร


“ว่ายังไง!” กูอุตส่าห์กลั้นใจเล่าขนาดนี้ พวกมึงจะไม่มีใครรู้สักคนไม่ได้นะเว่ย


“เอาจริงๆ กูว่ามันก็ชัดอยู่นะ” ไอ้อาร์ทเป็นคนแรกที่เปิดปากพูดออกมา จากนั้นก็หันไปขอเสียงสนับสนุนจากไอ้หลิน “เนอะเตงเนอะ”


“ใช่ๆ” มันพยักหน้ารัวๆ


“งั้นพวกมึงบอกกูหน่อยดิ”


“แหม...เรื่องแบบนี้กูว่ามึงควรฟังจากปากของมันเองดีกว่า”


“เออ พวกกูเป็นคนนอกจะให้มาพูดเรื่องนี้มันก็...” ไอ้เก่งพูดเสริมพร้อมกับยักไหล่ โดยมีไอ้เสือพยักหน้าเห็นด้วยกับมัน


“เดี๋ยวนะ...คือพวกมึงทุกคนรู้กันหมดเลยว่าไอ้เอสเป็นเชี่ยอะไร?”


“ใช่” พร้อมใจพูดและพยักหน้ากันอย่างพร้อมเพรียงด้วย


“รู้กันหมดแต่ไม่มีใครคิดจะเล่าให้กูฟังเลย?”


“ก็บอกไปแล้วว่ามันพูดยาก พวกกูมันคนนอกอะ” ไอ้เก่งพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ แต่คือมันจะเท่าไหร่นักเชียว แค่บอกมาว่าไอ้เอสมันเป็นอะไรจะอะไรนักหนา พวกมันทุกคนก็เห็นอยู่ว่าผมอยากรู้เรื่องนี้มาก แต่ทั้งๆ อย่างนั้นก็ยังไม่ยอมบอก จำไว้เลย!


“เออ! พูดยากก็ไม่ต้องพูด! แต่ก็จำเอาไว้ว่ากูก็จะไม่พูดกับพวกมึงเหมือนกัน! งอนเว่ย!” ผมพูดจบก็สะบัดหน้าจนคอแทบหัก จากนั้นก็เดินกระแทกส้นตึงตังเดินขึ้นห้องไปเลย


ด้วยความง่วงผมเลยทิ้งตัวลงนอนทันที แต่ก็ได้ยินคลับคล้ายคลับคลาว่าไอ้พวกเพื่อนมันมาเคาะประตูเรียกอยู่ ก็พยายามง้อนั่นแหละ แต่ว่าผมจะไม่ยอมใจอ่อนง่ายๆ หรอก จะเล่นตัวหน่อยให้พวกมันเข็ดหลาบ คราวหน้าจะได้ไม่กล้าทำกับผมแบบนี้อีก หึหึ


ว่าแต่...สรุปแล้วไอ้เอสมันเป็นอะไรชาตินี้ผมจะได้รู้มั้ยเนี่ย!


เฮ้ออออออออ


................................................

................................

................   


Rrrrrrr Rrrrrrr


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นขัดขวางการนอนอันแสนสุขของผม สายแรกปล่อยผ่านไป แต่พอสายที่ 2 ตามกันมาติดๆ ผมเลยคิดว่าถ้าไม่รับคงมีสายที่ 3, 4, 5 ตามมา ถ้าอย่างนั้นผมก็คงมีแต่จะต้องกดรับให้มันจบๆ ไปนั่นแหละ


“โหลลลล” ผมกดรับสายโดยไม่แม้แต่จะลืมตาดูว่าใครโทรมา แต่พอได้ยินเสียงจากปลายสายเท่านั้นแหละ จากที่ง่วงๆ อยู่ผมก็เบิกตาโพลงขึ้นมาทันที


[“อีหยังหนิ! สายป่านนี้ยังบ่ตื่นอีกติซี!”] เสียงแบบนี้ สำเนียงแบบนี้ นี่มันคุณนายแม่บังเกิดเกล้านี่หว่า!


“โหยแม่ ปิดเทอมแล้วก็หยวนๆ ให้ผมหน่อยน่า...นะคร้าบ” แม่ผมอะเหมือนจะดุแต่จริงๆ แพ้ลูกอ้อน เพราะงั้นจากเสียงที่กำลังแข็งๆ ก็เลยอ่อนยวบลง ส่วนภาษาถิ่นที่มักจะหลุดตอนบ่นหรือด่าก็เลยกลับไปเป็นภาษากลาง


[“อย่าให้ติดเป็นนิสัยก็แล้วกัน”]


“คร้าบ ว่าแต่โทรมาแต่เช้ามีอะไรอะครับแม่”


[“สายย่ะ”]


“อ่าๆๆ สายก็สายคร้าบคุณนาย” แต่สำหรับผม 8 โมงนี่ถือว่าเช้าทั้งตอนเปิดเทอมและปิดเทอมเลย


[“ก็เห็นแกเงียบหายไปน่ะสิ งานศพเพื่อนน่ะเรียบร้อยแล้วรึยัง”]


“เรียบร้อยแล้วครับ”


[“งั้นก็กลับบ้านได้แล้วสิ”]


“อืม...ก็ได้นะแม่” ตอนนี้ผมก็ไม่ค่อยอยากอยู่ที่นี่ด้วย เดี๋ยวถือโอกาสกลับบ้านเลยก็แล้วกัน


[“หืม? นี่แกไม่ได้ล้อแม่เล่นใช่มั้ย”]


“จะล้อเล่นทำไมล่ะครับ เดี๋ยวผมกลับวันนี้เลย ถ้ารีบอาบน้ำแต่งตัวน่าจะทันเที่ยวสุดท้ายรอบสายๆ งั้นแค่นี้นะแม่” แล้วผมก็กดวางสายไปเลย จากนั้นก็รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวและเก็บข้าวของ เพียงครึ่งชั่วผมก็ลงมาข้างล่างเตรียมรอแท็กซี่ไปบขส.


“ตื่นแล้วหรอมึง แล้วนั่นจะไปไหนน่ะ” ไอ้เก่งที่โต้รุ่งเล่นเกมกับไอ้เสือถามผม


“ฮึ!” แต่ผมก็ไม่ตอบ สะบัดบ็อบใส่แม่งด้วย


“คิดว่างอนแล้วน่ารักหรอสาดดด” เท่านั้นแหละผมก็ชูนิ้วกลางให้มันแล้วเดินออกจากบ้านมาเลย นี่ถ้าไม่ติดว่ากลัวคอมมันพังแล้วไม่มีปัญญาจ่าย ผมจะเดินไปดึงปลั๊กออกแม่ง ฮึ่ย!


ยืนรอสักพักแท็กซี่ก็มา แต่อย่าคิดล่ะว่าผมโบกได้ แกร็บสิครับจะโบกให้เสียเวลาทำไม ส่วนใหญ่พวกนั้นถึงจอดก็คงไม่ไปอยู่ดี อ้างนู่นอ้างนี่จนน่ารำคาญ ถ้าดวงดีจริงๆ ถึงจะเจอส่วนน้อยที่เป็นแท็กซี่ดีๆ


เวลานี้รถไม่ค่อยติดมาก ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงผมก็มาถึงบขส.เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งหลังจากที่จ่ายเงินผมก็เดินไปช่องขายตั๋ว โชคดีที่รถเที่ยวสุดท้ายยังมีเหลือผมก็เลยได้กลับบ้านสมใจคุณนายแม่


พอรถออกปุ๊บก็ไม่รู้ทำไมผมถึงได้ง่วงปั๊บ เวลาขึ้นรถทัวร์ทีไรมักจะเป็นแบบนี้ทุกทีสิน่า แต่ว่าก่อนที่จะนอนผมก็โทรบอกแม่เอาไว้แล้วล่ะ คิดว่าน่าจะถึงสัก 6 โมงหรือ 1 ทุ่ม


แน่นอนว่าตอนนอนผมก็ต้องเปิดโหมดห้ามรบกวนเอาไว้ แต่จริงๆ มันก็เป็นมารยาทที่ควรจะทำอยู่แล้ว เพราะเดี๋ยวเสียงมันจะไปรบกวนคนอื่นที่อยู่บนรถ ดังนั้นตลอดเวลา 8 ชั่วโมงผมก็เลยหลับเป็นตาย ไม่ได้รู้เลยว่ามีใครโทรมาบ้าง


มาเห็นอีกทีก็ตอนที่หยิบมือถือจะโทรบอกแม่ว่าใกล้ถึงแล้ว เอ่อ...ไอ้พวกเพื่อนของผมมันเป็นอะไรกันเนี่ย กระหน่ำโทรมาจนสายแทบไหม้ แถมยังไลน์มารัวๆ อีกต่างหาก แล้วนอกจากเพื่อนผมก็ยังมีไอ้เอสอีกคน ไอ้นี่น่ะโทรมามากที่สุดจนเกือบเท่าสายที่พวกเพื่อนผมรวมกัน


นั่นไง พูดถึงก็โทรมาเลย แต่ว่าผมไม่รับสายมันหรอก ปล่อยให้มันรอไปแบบนั้นแหละทรมานดี แต่สายต่อมาที่เป็นของไอ้เก่งอันนี้ผมรับอยู่ ถึงจะยังเคืองนิดๆ แต่ผมก็ไม่อยากให้มันเป็นห่วงผมล่ะนะ


“ฮัลโหล”


[“เฮ้ย! ไอ้ซี! มันรับสายกูแล้วเว่ยยยย!”] ไอ้เก่งพูดอย่างดีใจ ส่วนประโยคหลังคงจะหันไปพูดกับไอ้พวกเพื่อน ซึ่งพวกมันก็อยู่กันครบแถมยังแย่งกันพูดจนผมแทบฟังไม่ทัน แต่ส่วนไอ้เอสคงไม่ได้อยู่ด้วยเพราะผมไม่ได้ยินเสียง


[“มึงอยู่ไหน! รู้มั้ยว่าพวกกูเป็นห่วง!”]


“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ตอนนี้กูกำลังจะถึงวังแล้ว”


[“วัง?”]


“ก็บ้านกูไง” ‘วังสามหมอ’ เป็นอำเภอหนึ่งในจังหวัดอุดรธานีซึ่งเป็นบ้านเกิดของผมเอง คนแถวนี้จะเรียกสั้นๆ ว่าวังกันทั้งนั้นแหละ


[“ถุ้ย! ถ้ามึงอยู่วังกูก็อยู่ปราสาทแล้วไอ้สัส!”]


“ไม่เชื่อก็ตามใจ เอาเป็นว่ากูสบายดีแล้วกัน แค่นี้นะ เดี๋ยวโทรหาแม่ก่อน”


[“ไม่เรียกว่าพระมารดาเลยล่ะ”]


“สัส” ผมขี้เกียจจะเถียงกับมันละก็เลยกดตัดสายแม่งเลย


ผมรีบจัดการโทรหาแม่ต่อ ถ้าออกจากบ้านตอนนี้ก็น่าจะมาถึงบขส.พอดีพร้อมๆ กับผม ซึ่งพอลงจากรถ ผมก็เห็นรถของที่บ้านขับตรงมาทางนี้พอดีอย่างที่คิดเอาไว้


“คุณนายยยย คิดถึงจังเลยคร้าบบบบ” ผมรีบวิ่งเข้าไปกอดแม่ทันทีที่เจอหน้า


ด้วยความที่สนิทกันมากผมเลยมักจะพูดเล่นแบบนี้ ซึ่งแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ออกจะชอบด้วยซ้ำ ส่วนกับพ่อผมไม่ค่อยสนิทเท่าแม่ ก็แกไม่ค่อยขี้เล่นอะนะ ผมก็เลยไม่ค่อยได้พูดเล่นแบบนี้ด้วยเท่าไหร่


“ย่ะ! นี่ถ้าไม่โทรหาก็คงจะไม่โผล่หน้ามาให้เห็นหรอก!” แม่มองค้อนใส่


“โหย แม่ก็ว่าไป ผมก็ตั้งใจจะกลับบ้านอยู่แล้ว ไม่งั้นจะรีบมาแบบนี้หรอครับ”


“ให้มันแน่เถอะ”


“เอาล่ะๆ ขึ้นไปคุยกันต่อบนรถดีมั้ย” พ่อเบรกผมกับแม่เมื่อเห็นว่าท่าทางจะคุยกันยาว ผมเลยเดินเข้าไปกอดพ่อบ้าง จากนั้นก็เข้าไปในรถเพื่อเดินทางกลับสู่วัง (สามหมอ)


ครอบครัวผมมีสมาชิกทั้งหมด 4 คน ก็จะมีผม พ่อ แม่ แล้วก็น้องสาวที่อยู่ม.2 บ้านของพวกเราจะเป็นบ้านสวนออกแนวเกษตรทฤษฎีใหม่ ตัวบ้านมี 2 ชั้นทำจากไม้ บริเวณรอบๆ จะแบ่งเป็น 2 ส่วนคือพื้นที่สำหรับปลูกพืชผัก แล้วก็สระน้ำที่ตอนแรกตั้งใจขุดเอาไว้เลี้ยงปลา แต่ไปๆ มาๆ ก็กลายเป็นที่นั่งชมวิวชิลๆ เพราะพ่อได้สร้างเถียงนาน้อยเอาไว้ริมสระด้วย


พอได้กลับมาเห็นบรรยากาศแบบนี้ นี่สิที่เรียกว่าความสุข จะที่ไหนก็ไม่มีความสุขเท่ากับที่บ้านอย่างที่เขาพูดกันไว้เลย แถมยิ่งได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา กินอาหาร พูดคุยกัน แล้วก็ทำอะไรต่างๆ ร่วมกันกับคนในครอบครัว มันก็ทำให้ผมมีความสุขมากจริงๆ


หลังจากละครจบ พ่อ แม่ แล้วก็ยัยเอน้องสาวของผมต่างก็แยกย้ายกันไปนอน ผมที่ยังไม่ง่วงก็เลยนั่งดูทีวีต่อ แต่ก็ไม่มีอะไรน่าดูเลยหยิบมือถือขึ้นมา กะว่าจะเข้าไปส่องเฟซบุ๊กกับไถทวิตเตอร์เล่น แต่ผมก็เห็นเบอร์ของไอ้เอสขึ้นสายไม่ได้รับ 10 กว่าสาย แถมยังส่งไลน์มาถามเรื่องนู่นนี่อีกเพียบ


ท่าทางมันจะยังไม่รู้ว่าผมกลับมาที่วัง ถ้าอย่างนั้นก็ขอเอาคืนมันหน่อยดีกว่า สัก 2 – 3 วันค่อยรับสายกับตอบไลน์ก็แล้วกัน จะเอาให้กระวนกระวายจนไม่มีสมาธิทำงานเลยคอยดู แค่คิดก็สนุกแล้ว


“หึหึหึ ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆๆ” จากที่หัวเราะในลำคอผมก็ระเบิดหัวเราะเหมือนคนบ้า แต่วันต่อมาจากที่คิดว่าจะต้องหัวเราะยิ่งกว่านี้ ผมกลับรู้สึกหงุดหงิดเพราะไอ้เอสดันไม่โทรมา แถมยังไม่ไลน์หาผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว


อีหยังวะเลยกู ที่คิดไว้มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิเฟ้ย!


หรือไอ้พวกเพื่อนจะบอกแล้วว่าผมสบายดี?


พอคิดได้แบบนั้นผมก็รีบโทรไปถามไอ้เก่งทันที แต่ก็คิดเอาไว้ในใจแล้วแหละว่ายังไงก็ต้องใช่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นจู่ๆ ไอ้เอสมันจะเงียบไปแบบนี้ได้ยังไง ถ้าไม่โทรอย่างน้อยก็ต้องไลน์มาสักหน่อยสิ


แต่คำตอบที่ได้...


[“เปล๊า! พวกกูไม่ได้บอกอะไรมันเล้ย!”]


“จริงหรอวะ”


[“จริงจริ้งงงง”]


“เออๆ งั้นแค่นี้แหละ” แล้วผมก็กดวางสาย


สรุปแล้วพวกเพื่อนผมก็ไม่ได้บอกอะไร แล้วทำไมจู่ๆ ไอ้เอสถึงได้หายไป ไม่สนใจผมแล้ว ถ้าจะบอกว่างานเยอะ แต่เท่าที่ผมเห็นก็ไม่ได้เยอะจนถึงกับไม่มีเวลาพักสักหน่อย อย่างเมื่อวานยังโทรมาได้เกือบจะร้อยสาย แล้ววันนี้ทำไมแค่สักสายถึงโทรหาผมไม่ได้ล่ะ


จากที่ตั้งใจจะให้มันกระวนกระวาย แต่ผมนี่แหละที่เป็นฝ่ายกระวนกระวายซะเอง ผ่านไปวันนึงก็แล้ว สองวันก็แล้ว แต่มันก็ยังคงหายไม่ติดต่อมาเลย คืออะไรวะ ทำไม! ทำไม!! ทำไม!!!


เมื่อวานผมเอาแต่นั่งเครียดไม่ก็คิ้วขมวดเดินไปเดินมา แต่วันนี้ผมเอาแต่โมโหจนเหมือนคนบ้า ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็ขวางหูขวางตาไปซะหมด จนคนที่บ้านถึงกับงงว่าผมเป็นอะไร ยัยเอถึงกับแอบกระซิบบอกพ่อกับแม่ว่าผมอาจจะเป็นบ้า ให้รีบพาผมไปรักษาที่โรงพยาบาลด่วน


“พี่ไม่ได้บ้าเว่ย!” ปรี๊ดเลยสิผม เลยวิ่งไล่เตะตูดมันพร้อมกับตะโกนลั่นว่าผมไม่ได้บ้า แต่พอเช้าวันที่ 3 ผมก็เริ่มคิดว่าตัวเองอาจจะบ้าเข้าจริงๆ แล้วล่ะ


ถามว่าเพราะอะไร?


ก็เพราะผมเห็นไอ้เอสปรากฏตัวตรงหน้าผมน่ะสิ!


คนอย่างมันจะมายืนอยู่ที่หน้าบ้านผมได้ยังไง ผมอยู่ที่ไหนก็ไม่มีใครรู้ ดูท่าทางผมจะบ้าจนเห็นภาพหลอนของมันเข้าซะแล้ว...


2BC


สวัสดีค่า เอาแล้วสิจบแบบนี้ มาลองเดากันดูซิว่าที่ซีเห็นนี่เป็นภาพหลอนหรือเอสตัวจริงกันนะ?  :hao3:

ตอนหน้าได้รู้กันแน่นอน รับรองว่าสนุกแน่ๆ ยังไงรอกันนึงน้า จะรีบปั่นรีบเอามาลงเลยค่ะ   :katai4:

รักทุกคนมากๆ แล้วเจอกันน้าาา กอดดดดด  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
………

555 เอสตามถึงบ้านเธอละซี……

ไม่ต้องหงุคละนะ

……


 :katai3: :katai2-1: :katai3: :katai2-1: :katai3: :katai2-1: :katai3: :katai2-1:


……

ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
งู้ยยยยย ตามมาง้อถึงบ้านแล้ว ก็สู่ขอกะพ่อแม่น้องซีเลยสิเอส.  :katai2-1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Nus@nT@R@

  • Life is Investment
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5589
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +456/-11
ไม่ยอมรับสาย ตามมาถึงบ้านเลย 5555

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ Y-Darkness

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0

ออฟไลน์ Micky_MN

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-3
ซีน่ารักอะ โอ๊ยหลงซีมาก

ออฟไลน์ Sameejaejung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 394
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-17
Soulmate วิญญาณป่วนรัก


Part 14# S ยอมตั้งแต่หน้าประตู


ผมขับรถออกจากบ้านด้วยความหัวเสีย


ฝ่าเท้าของผมกดเหยียบคันเร่งจนแทบมิดตั้งแต่พ้นปากซอย แต่ผมก็ไม่มีจุดหมายหรอก อีกเกือบ 2 ชั่วโมงกว่าจะถึงคิวถ่ายละครก็เลยขับรถไปเรื่อยๆ ยิ่งถนนโล่งก็ยิ่งเหยียบคันเร่งจนจมเท้า ก็พึ่งรู้วันนี้แหละว่าการขับรถเร็วๆ มันก็ช่วยระบายอารมณ์ได้ดีเหมือนกัน


ระหว่างที่ขับรถผมก็คิดเรื่องของซีไปด้วย แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่เข้าใจความคิดของซีเลยแม้แต่น้อย การที่ยอมทำเรื่องแบบนั้นเมื่อคืน ไม่ใช่หมายความว่าซีก็ใจตรงกันกับผมหรอกหรอ เพราะถ้าไม่ใช่ ใครมันจะไปกล้าทำเรื่องแบบนั้นกับคนอื่น ผมล่ะที่ไม่คนนึง ซึ่งผมก็มั่นใจว่าซีก็ไม่มีทางทำได้เหมือนกัน


100% ผมคิดว่าซีใจตรงกันกับผม แต่นั่นก็เป็นความคิดของผมเมื่อคืน ส่วนเมื่อกลางวันความมั่นใจของผมก็หายไปถึงครึ่ง เหลือแค่ 50% เท่านั้น ซึ่งมันก็ทำให้ผมไม่สบอารมณ์จนต้องไปป่วนการเดทของซีกับแพร


นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมทำเรื่องงี่เง่าแบบนี้ แต่ผมหงุดหงิดนี่ ถึงซีจะยังไม่รู้ใจตัวเองหรือไม่ได้ชอบผม แต่ก็น่าจะดูออกไม่ใช่หรอว่าผมรู้สึกยังไง แล้วทำไมถึงยังไปเดทกับแพรอีกผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ


ให้ตายสิ! ทำไมผมถึงหลงไปชอบคนที่ซื่อ (หรือโง่) แบบนี้ได้ก็ไม่รู้!


................................................

................................

................


ผมกลับบ้านอีกทีก็เช้าของอีกวัน


เมื่อคืนพอถ่ายละครเสร็จผมก็นอนโรงแรมแถวนั้นเพราะยังไม่อยากเจอหน้าซี แต่พอตื่นความรู้สึกหงุดหงิดมันก็เปลี่ยนเป็นความคิดถึง ซึ่งผมคงทนอีกไม่ได้ ดังนั้นหลังจากที่ถ่ายละครเสร็จช่วงเย็นๆ มีเวลาพัก 3 ชั่วโมงก่อนเข้าฉากตอนกลางคืน ผมก็เลยตัดสินใจกลับไปที่บ้านเพราะอยากเคลียร์กับซีให้รู้เรื่อง


แต่พอกลับไปถึง...


“รู้มั้ยว่าซีอยู่ไหน” ผมถามหลินที่นั่งดูทีวีอยู่กับอาร์ท


“อ้าว มันไม่ได้อยู่ในห้องหรอ”


“เปล่า” เมื่อกี้ผมไปเคาะประตูห้องอยู่นานแต่ก็ไม่มีสัญญาณตอบรับ ผมเลยลองจับลูกบิดแล้วเปิดประตูเข้าไปดู แต่ก็ไม่เห็นซีเลยแม้แต่เงา


“ลองโทรหามันรึยัง” ผมส่ายหน้า ก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมาแล้วโทรหาซี แต่ไม่ว่าจะโทรไปสักกี่สายซีก็ไม่ยอมรับเลย


“อาจจะยังโกรธเรื่องเมื่อคืนอยู่มั้ง” ผมถอนหายใจ หลินเลยหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมาโทรหาซีบ้าง แต่ก็เหมือนผม พอให้อาร์ทลองโทรก็ไม่ต่างกัน ซีไม่ยอมรับโทรศัพท์ใครสักคน


“มันเป็นเหี้ยอะไรเนี่ย!” หลินสบถอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วจังหวะนั้นเสือที่ดูเหมือนว่าจะพึ่งตื่น เพราะหาวจนปากกว้างก็เดินลงมาจากห้อง


“โวยวายอะไรแต่เช้าวะไอ้หลิน”


“เช้าพ่อง! พระอาทิตย์จะตกอยู่ละ”


“ก็เช้าของกูไง ว่าแต่มึงโวยวายเรื่องอะไร”


“ก็ไอ้ซีอะดิ มันหายหัวไปไหนไม่รู้ พวกกูโทรไปก็ไม่ยอมรับสาย”


“เมื่อเช้ากูเห็นมันอยู่นะ แต่ไม่รู้ไปไหน เห็นสะพายเป้ด้วย”


“หรือซีจะกลับบ้าน?” ผมสันนิษฐาน เพราะปกติเวลาซีไปไหนก็จะพกแค่กระเป๋าตังกับโทรศัพท์เท่านั้น ไม่เคยเห็นสะพายเป้สักทีนอกจากตอนไปงานศพเต้ย


“ก็เป็นไปได้” เสือพยักหน้าเห็นด้วย


“แล้วมึงรู้มั้ยว่าบ้านซีอยู่ไหน”


“จะตามไปง้อมันหรอ” เสือพูดยิ้มๆ พอได้ยินแบบนี้หลินกับอาร์ทก็ยิ้มแบบกรุ้มกริ่มด้วย แต่ถึงจะสงสัยผมก็ไม่ได้ถามอะไรหรอก


“ก็อาจจะถ้ายังไม่ยอมรับสายสักที”


“แอร๊ยยย นึกถึงสมัยที่เตงจีบเค้าใหม่ๆ เลยอะ” จากโหมดเกรี้ยวกราดเมื่อกี้ อยู่ดีๆ หลินก็เปลี่ยนโหมดแล้วทุบที่อกของอาร์ทประมาณว่าเขินซะงั้น


“ไม่ต้องทำหน้างงหรอกน่า เรื่องของมึงกับไอ้ซีพวกกูรู้อยู่แล้ว” เก่งที่ไม่รู้ว่าออกจากห้องมาตอนไหนพูดขึ้นอยู่ตรงบันได พอพวกผมพากันหันไปมองก็เลยเดินตรงมาทางนี้


“มึงชอบไอ้ซีใช่มั้ย” ผมหยุดคิด 2 – 3 วินาทีจึงพยักหน้าลง


“อืม ซีบอกพวกมึงหรอ”


“โอ๊ยยยย อย่างมันจะไปรู้อะไร มันยังถามพวกกูอยู่เลยว่าทำไมมึงทำแบบนั้น แต่ที่พวกกูรู้ก็เพราะวิเคราะห์จากเรื่องที่มันเล่าให้ฟังนั่นแหละ” เออเนอะ เรื่องนี้คนอื่นรู้แต่เจ้าตัวอย่างซีดันไม่รู้ จะเรียกว่าเรื่องตลกหรือน่าเศร้าดี?


“กูขอแนะนำให้มึงบอกมันตรงๆ ไปเลย ไม่อย่างนั้นคนอย่างมันไม่มีทางรู้หรอก”


“นั่นสินะ ไงถ้าติดต่อซีได้หรือซีกลับมาแล้วมึงช่วยโทรบอกกูหน่อยละกัน เดี๋ยวกูต้องออกไปถ่ายละครต่อแล้ว” ถ้ารีบขับรถไปตอนนี้ก็น่าจะถึงทันที่นัดเอาไว้พอดี


“ได้ๆ มึงไปเหอะ” ผมพยักหน้า จากนั้นก็รีบขับรถตรงไปยังกองถ่าย


ถึงแม้ในใจจะเป็นกังวลเรื่องของซี แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลเสียต่องานของผมสักนิด อันที่จริงผู้กำกับชมผมเรื่องการแสดงด้วยซ้ำว่าวันนี้ทำได้ดีมาก แต่ละซีนเทคเดียวผ่านทั้งนั้น ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะผมอยากรีบกลับบ้านไวๆ เลยตั้งใจแสดงให้สมบทบาทที่สุด


แต่พอกลับบ้าน ผมก็ต้องพบกับความผิดหวังเพราะซียังไม่กลับมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีข่าวดีอยู่บ้าง นั่นก็คือเก่งติดต่อซีได้แล้ว เห็นบอกว่าสบายดีและกวนประสาทตามปกติ ได้ยินแบบนี้ผมก็ค่อยสบายใจขึ้นหน่อย


“มีใครรู้มั้ยว่าบ้านซีอยู่ไหน”


“ไม่รู้ดิพวกกูก็ไม่เคยไป แต่จำได้ว่ามันอยู่อุดร เอ๊ะหรือว่าอุบลวะ?” เสือดูท่าทางสับสน ส่วนเพื่อนคนอื่นก็สายหน้า


“จะว่าไปเห็นมันบอกว่ากลับวัง ไม่รู้พูดจริงพูดเล่นอะนะ แต่คงจะพูดเล่นล่ะมั้ง” อันนี้เก่งพูด ผมเลยลองหยิบมือถือขึ้นมาเสิร์ชหาดู แต่ข้อมูลก็มีน้อยเกินไปเลยไม่ได้เรื่องอะไร


“ไว้พวกมึงนึกอะไรออกค่อยบอกกูอีกทีแล้วกัน”


หลังจากนั้นผมก็ขอแยกตัวขึ้นไปบนห้อง โดยที่ก่อนจะนอนผมก็ลองโทรหาซีเรื่อยๆ แต่ซีก็ไม่ยอมรับสักสาย ส่วนไลน์ผมก็ส่งหา แต่ซีแค่เปิดอ่านอย่างเดียว ท่าทางคงจะยังโกรธผมอยู่แน่ๆ แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงในเมื่อติดต่อไม่ได้ ส่วนบ้านก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนเหมือนกัน


คืนนั้นไม่รู้เป็นเพราะความเครียดหรือความกังวลของผมรึเปล่า มันก็เลยทำให้ผมถึงกับฝันแปลกๆ ซะได้


ถามว่าผมฝันอะไร?


ผมฝันเห็นเต้ย ใช่...เพื่อนร่วมบ้านที่พึ่งตายไปก่อนหน้านี้ไม่นาน ส่วนเรื่องราวในความฝันมันคือการสนทนาของพวกเรา ซึ่งก็เหมือนจริงซะจนผมถึงกับขนลุกตอนที่ลืมตาตื่นขึ้นมาเลย...


“อยากรู้มั้ยว่าไอ้ซีอยู่ไหน” ถึงจะยังงงๆ เพราะพอเจอหน้าเต้ยก็ยิงคำถามเลย แต่ผมก็ไม่รอช้าที่จะพยักหน้าลง


“อยากสิ”


“จำเอาไว้ดีๆ นะเพราะกูบอกมึงได้แค่ในนี้ บ้านไอ้ซีอยู่ที่ อ.วังสามหมอ จ.อุดร อยู่ไม่ไกลจากเซเว่นมาก มึงหาเซเว่นให้เจอก่อนค่อยเริ่มหาก็ได้ เพราะทั้งอำเภอมีอยู่ที่เดียว แต่ถึงจะรู้แค่นี้ก็หาบ้านมันไม่ยากหรอก ถามๆ คนแถวนั้นเอาก็ได้ สังคมต่างจังหวัดมันไม่เหมือนกรุงเทพ ส่วนใหญ่ก็รู้จักกันหมดอะ” ผมพยักหน้า โดยที่ในใจก็ท่องตามที่เต้ยบอก เพราะพอตื่นมาจะได้ไม่ลืม


ว่าแต่...เรื่องราวในฝันมันจะเชื่อได้หรอ?


“เชื่อได้สิ” เท่านั้นแหละผมก็เบิกตากว้าง


“มึงอ่านใจกูได้?”


“ใช่ ถามเหมือนไอ้ซีเป๊ะ เนื้อคู่กันปะเนี่ย” เต้ยอมยิ้มแซวๆ แล้วเอานิ้วชี้จิ้มๆ กันไปมา ผมที่ไม่รู้จะตอบว่าอะไรก็เปลี่ยนเรื่องซะเลย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่คาใจผมตั้งแต่ที่เห็นเต้ยแล้ว


“มึงยังวนเวียนอยู่แถวนี้หรอ”


“ใช่ กูมีภารกิจที่ต้องทำน่ะเลยยังไปไหนไม่ได้” ท่าทางคงจะเป็นภารกิจที่สำคัญมาก แต่ผมก็ไม่ถามหรอกเพราะไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว


“ขอให้สำเร็จไวๆ นะ”


“สาธุ ขอให้เป็นตามนั้นด้วยเทอญ เพี้ยง!” ก็ไม่รู้ทำไมตอนที่พูดเต้ยถึงได้มองหน้าผมไปด้วย


“แล้วเรื่องที่มึงยังวนเวียนอยู่แถวนี้ มีใครรู้อีกนอกจากกูรึเปล่า”


“ไม่มีหรอก กูไม่ได้บอกไอพวกนั้น แค่เข้าฝันครั้งนึงบอกว่าไม่ต้องเศร้าเรื่องกูแล้ว...อ้อ! แต่ไอ้ซีกูไปเข้าฝันอีกครั้งอยู่นะ ว่าจะบอกเรื่องสำคัญกับมัน แต่สงสัยก่อนจะบอกกูด่าแรงไปหน่อย มันโมโหเลยไล่ตะเพิดกูออกมา”


“ทำได้ด้วย?” ผมหลุดขำ สมกับเป็นซีจริงๆ


“กูก็พึ่งรู้นี่แหละว่าได้” แล้วเต้ยก็หัวเราะออกมาบ้าง


“ว่าแต่ทำไมมึงถึงไม่บอกใครล่ะว่ายังวนเวียนอยู่แถวนี้” พอได้ยินที่ผมถาม จากที่กำลังยิ้มอยู่เต้ยก็ทำหน้าเศร้าขึ้นมา


“สักวันกูก็ต้องไป กูเลยไม่อยากให้พวกมันต้องมาร้องไห้เสียใจเพราะกูอีก แค่ครั้งเดียวมันก็เศร้าพอแล้ว”


“นั่นสินะ...” ประโยคสุดท้ายเต้ยพูดด้วยเสียงที่เบามาก ทำเอาผมรู้สึกผิดไปเลยที่ถามออกไปแบบนั้น เพราะงั้นผมเลยไม่ได้พูดอะไรอีก แต่สักพักเต้ยก็ยิ้มแล้วชวนผมคุยเรื่องนู่นนั่นนี่ แล้วก็บอกด้วยว่าจะช่วยผมเรื่องซีให้ถึงที่สุดด้วย...



ผมจำเรื่องราวในฝันได้อย่างแม่นยำ แถมยังจำได้ด้วยว่าเต้ยสั่งห้ามไม่ให้ผมห้อยพระหรือผูกสายสิญจน์โดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะเข้าฝันอีกไม่ได้ ที่รู้ก็เพราะตอนกลับบ้านซีห้อยพระเอาไว้ แม้จะถอดแล้วเมื่อถึงบ้าน แต่ครอบครัวก็พาเข้าวัดทำบุญ หลวงพ่อเลยผูกสายสิญจน์ให้ที่ข้อมือ ซึ่งมันก็ทำให้เต้ยอดเข้าฝันซีตั้งแต่นั้น


ก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวในฝันมันเป็นการคุยกับเต้ยจริงๆ หรือผมแค่คิดไม่ตกเรื่องซีเลยเพ้อเจ้อไปเอง แต่ผมก็เลือกที่จะเชื่ออย่างแรก เลยโทรไปขอพักงานกับต้นสังกัด 1 สัปดาห์เพื่อที่จะไปหาซี


เจรจาต่อรองอยู่นานกว่าต้นสังกัดจะยอม แต่ก็แลกมาด้วยการที่ผมต้องเร่งทำงานที่จำเป็นตลอด 2 วันโดยแทบไม่ได้พัก ซึ่งนั่นมันก็เลยทำให้ผมไม่มีเวลาติดต่อซี แต่เต้ยก็บอกว่าดีแล้ว ปล่อยให้ซีเป็นฝ่ายกระวนกระวายบ้าง พอผมหายไปจะได้รู้ใจตัวเอง ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ


แต่ทันทีที่เจอหน้าซี ยังไม่ทันที่ผมจะได้ถามหรือทำอะไร ความรู้สึกโล่งใจและเหนื่อยมาตลอด 2 วันเต็มๆ มันก็ทำให้ผมถึงกับวูบไปเลย


“เฮ้ย! ไอ้เอส! มึงเป็นอะไร! มึงได้ยินกูมั้ย! ไอ้เอส! ไอ้เอส...” แล้วนั่นก็เป็นเสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินก่อนที่ภาพจะตัดฉับจนทุกอย่างดำมืดลง...


................................................

................................

................


Z


“ตื่นได้สักทีนะมึง” ผมพูดขึ้นเมื่อไอ้เอสค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาหลังจากที่หลับไปเกือบ 1 วันเต็มๆ


“ที่นี่...ห้องของมึงหรอ” เหมือนมันจะดูงงๆ แต่คงไม่ได้ลืมหรอกใช่มั้ยว่าตัวเองมาหาผมถึงที่บ้าน เอาจริงๆ เลยนะตอนแรกผมก็คิดว่าเป็นแค่ภาพหลอน แต่พอมันล้มลงใส่ตัวผมนั่นแหละผมถึงได้รู้ว่านี่คือเรื่องจริง


ตอนที่มันล้มผมกับคนทั้งหมู่บ้านตกใจมาก...ครับ ฟังไม่ผิดหรอก คนทั้งหมู่บ้านจริงๆ คือแห่ตามไอ้เอสกันมาเป็นพรวนอะ พอถามดูเลยรู้ว่ามันเที่ยวถามคนนั้นคนนี้ว่าบ้านผมอยู่ไหน แล้วประเด็นคือมันหล่อสัสๆ ไง พอมีคนจำหน้าได้แล้วบอกว่าเป็นดารา เท่านั้นล่ะตั้งแต่ต้นยันท้ายหมู่บ้านก็เลยแห่ตามมาดูจนเต็มหน้าบ้านของผม กว่าจะอัญเชิญให้กลับไปได้ทั้งหมดก็เล่นเอาเหนื่อยแทบแย่


“เออ ห้องกู หรือคิดว่าเป็นห้องมึงล่ะ” ผมมองค้อน ส่วนไอ้เอสก็ไม่ได้ตอบอะไร เอาแต่มองหน้าผมแล้วอมยิ้มน้อยๆ เท่านั้น


“ไม่เจอกัน 3 วันเป็นใบ้ไปแล้วหรอ”


“เปล่า”


“เออ ก็ดีที่ยังพูดได้ นี่รู้มั้ยว่าการที่มึงมามันทำให้บ้านกูวุ่นวายขนาดไหน” แถมยังทำให้ใจกูวุ่นวายด้วย เล่นเอาเป็นห่วงซะแทบแย่ แต่ผมจะไม่มีวันบอกมันเด็ดขาดว่าผมกระวนกระวายจนไม่เป็นอันทำอะไร ถึงได้นั่งเฝ้ามันอยู่ในห้องจนแทบไม่ได้ออกไปไหนแบบนี้


“ขอโทษ” ไอ้เอสมองตรงเข้ามาในดวงตาของผม ไม่รู้ทำไมจู่ๆ ผมถึงได้รู้สึกเขินขึ้นมา แล้วผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อด้วยก็เลยเอาแต่เงียบ


ซึ่งจังหวะที่กำลังเกิดเดดแอร์นั่นเอง...


“ซีตื่นยังลูก!” แม่ผมตะโกนขึ้นมาจากชั้นล่าง ขอบคุณที่เข้ามาช่วยสถานการณ์นะครับคุณนาย


“ตื่นแล้วคร้าบ!” ผมตะโกนตอบ แต่แม่ก็ไม่ได้พูดหรือถามอะไรอีก ผมเลยคิดว่าแม่คงอยากจะเช็คเฉยๆ ว่าผมตื่นรึยังเท่านั้นล่ะมั้ง แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าแม่จะถึงขั้นเดินขึ้นมาหาผมถึงบนห้อง


“เช้านี้จะกินอะไรแม่จะได้ทำ...อุ้ย! เอสตื่นแล้วหรอลูก” แล้วจากเสียงแข็งๆ ก็เปลี่ยนเป็นเสียงหวานๆ ทันทีที่เห็นว่าไอ้เอสตื่นแล้ว


“คือไรอะแม่ ทีกับผมใช้เสียง 1 แต่กับไอ้เอสใช้เสียง 2” ผมมองบน เอาละไง โรคคลั่งดาราเริ่มกำเริบละ เชื่อมั้ยว่าสมัยสาวๆ แม่ผมนี่เป็นติ่งพี่เบิร์ดตัวยงเลยนะ ออกงานที่ไหนจัดคอนเสิร์ตทีไรแม่ผมตามไปแทบทุกงาน


“เสียงของแม่แปรผันกับความหล่อของคนที่คุยด้วยย่ะ” คำตอบของคุณนายทำเอาผมถึงกับต้องกลอกตาไปมาจนแทบไหลมารวมกัน


ถ้าเป็นปกติแม่คงจะถลึงตาหรือมองค้อนใส่ผมแล้ว แต่วันนี้ไม่ปกติเพราะมีไอ้เอสอยู่ที่นี่ด้วย คือต้องบอกก่อนว่าแม่ผมอะเป็นแม่บ้าน เลยมีเวลาดูละครหรือรายการนู่นนี่ที่เกี่ยวกับดารา เพราะงั้นแม่ผมก็เลยรู้จักไอ้เอส เห็นว่าช่องอัดโปรโมทเพราะละครกำลังจะออนแอร์แล้ว แถมแม่ยังปลื้มมันมาก ยิ่งเจอตัวจริงก็ยิ่งปลื้มหนักจนถึงขั้นอยากได้เป็นลูกเขย ผมนี่เบรกแทบไม่ทันเลย ก็ยัยเอพึ่งจะอายุ 14 เองนี่นา


“เอสหิวมั้ยลูก อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ยจ๊ะ เดี๋ยวแม่จะทำสุดฝีมือเลย” เนี่ย กับลูกอย่างผมไม่มีหรอกที่จะเสียงหวานกับพูดจ๊ะจ๋าแบบนี้


“ผมกินอะไรก็ได้ครับคุณน้า”


“ว้าย! น้าเน้ออะไร เรียกแม่สิลูก”


“ครับ คุณแม่” เออ ไอ้นี่ก็ว่าง่ายจังวะ แถมยังยิ้มรับอย่างยินดีอีกต่างหาก กูว่าเดี๋ยวนี้มึงชักจะยิ้มบ่อยเกินไปแล้วนะ ทีเมื่อก่อนเห็นเอาแต่ทำหน้าตายไร้อารมณ์อย่างกับรูปปั้น


“น่ารักจริงๆ เลยลูก น่ารักจนแม่อยากจะได้มาเป็นลูกเขยเลยเนี่ย”


“งั้นผมขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” เฮ้ยๆๆ คือมึงไม่ต้องเออออตามแม่กูทุกเรื่องก็ได้สาด


“ว้าย งั้นแม่...”


“พอก่อนมั้ยครับคุณนาย” ผมรีบเบรกก่อนที่เรื่องมันจะไปกันใหญ่ “ถามผมยังว่าอยากได้มันเป็นน้องเขยมั้ย ไหนจะยัยเออีก ลืมไปแล้วหรอแม่ว่ามันพึ่งจะม.2 เอง”


“ก็แหม...แม่อยากจองเอสไว้ก่อนนี่นา”


“พอๆๆ ลงไปทำกับข้าวเลยครับคุณนาย” ผมพูดจบก็จับที่ไหล่แล้วดันแม่ออกไปจากห้อง ซึ่งแม่ก็ทำเป็นอิดออด แต่พอผมบอกว่าไอ้เอสมันน่าจะหิวมากเพราะไม่ได้กินอะไรมาเป็นวันๆ เท่านั้นแหละคุณนายแม่ก็รีบไปเข้าครัวเลย


“ยิ้มอะไรของมึง” พอกลับเข้ามาในห้องผมก็เห็นไอ้เอสกำลังอมยิ้ม มันดูเปลี่ยนไปจริงๆ นะเนี่ย


“เวลามึงอยู่กับแม่น่ารักดี กูอยากมีแม่แบบนี้บ้าง”


“เดี๋ยวๆ อย่าบอกนะว่ามึงคิดจะมาเป็นเขยบ้านนี้จริงๆ กูไม่ยอมยกน้องสาวให้มึงหรอกนะเว่ย!” น้องใครใครก็หวงนะครับผม


“สบายใจเถอะ กูไม่คิดจะจีบน้องสาวมึงหรอก”


“แล้วไป” แต่ถ้ามันคิดจะจีบน้องผมเมื่อไหร่ ผมจะแจ้งตำรวจจับมันข้อหาพรากผู้เยาว์แม่ง “ว่าแต่งานไม่มีทำรึไงถึงได้มาที่นี่ได้”


“มี แต่ทำที่จำเป็นหมดแล้ว ต้นสังกัดเลยให้ลาได้ 7 วัน” แสดงว่าที่ผ่านมามันคงหักโหมจนแทบไม่ได้นอน พอมาถึงเลยนอนเหมือนคนตายอดตายอยาก นี่ผมควรจะด่าหรือว่าสงสารมันดี?


“แล้วมึงมาที่นี่ทำไม”


“คิดว่ามาทำไมล่ะ”


“มาง้อกู?” จริงๆ ผมก็พอเดาได้แหละ แต่ผมแค่อยากได้คำยืนยันจากปากของมันกันหน้าแหก


“อืม ดีกันนะ”


ฉิบหาย...เป็นเหี้ยอะไรเนี่ยกู อยู่ดีๆ ก็เกิดใจสั่นขึ้นมาแค่เพราะไอ้เอสพูดว่า ‘ดีกันนะ’ ซะงั้น ส่วนถ้าถามว่ายังโกรธมันมั้ย ผมตอบได้เลยว่าหายตั้งแต่ที่เห็นมันอยู่หน้าประตูบ้านแล้ว


เธอรู้ไหมว่าทั้งหัวใจ


ยอมกลับไปกลายเป็นของเธอ


ตั้งแต่เจอ...เธอยืนหน้าประตู ~



เวร! ไหงเพลง ‘ยอมตั้งแต่หน้าประตู’ ของวง 001 ก็ขึ้นมาในหัวได้วะ โมเมนต์ในเพลงนั่นมันผัวง้อเมีย แต่นี่มันเพื่อนง้อเพื่อน ไม่ได้ใกล้เคียงหรือเกี่ยวกันเลยสักนิด


สติโว้ยสติ! คิดฟุ้งซ่านอะไรของมึงวะไอ้ซี!


2BC


 :mc4: สวัสดีค่า Soulmate ตอนที่ 14 ก็จบไปแล้ว ก็หวังว่าจะฟินและอมยิ้มกันนะคะ ว่าแต่มีใครเกิดทันเพลงนี้กันบ้าง  :hao3: ถ้าทันนี่แสดงว่าเราเกิดยุคเดียวกันค่ะ 55555  :laugh:
จริงๆตอนนี้เราตั้งใจว่าจะลงตั้งแต่เมื่อวาน แต่รู้สึกว่าสั้นไปหน่อย ตอนนั้นเขียนจบที่เอสบรรยาย เลยตัดสินใจเขียนบทของซีที่จะลงในตอนหน้ามาใส่ที่ตอนนี้ด้วย ได้อ่านจากมุมมองของทั้ง2หนุ่มก็ว่าจะจุใจกันนะคะ  o18
ส่วนตอนหน้ามาลุ้นกันค่ะว่าความสัมพันธ์ของเอสกับซีจะพัฒนาขึ้นมั้ย ดูท่าทางเอสตั้งใจจะจีบซีจริงๆเข้าแล้ว ยังไงก็มาเอาใจช่วยทั้งคู่กันด้วยน้าาา  :m1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด