แจ้งข่าว (Pre order) หนังสือทำมือน้องหมีกับพี่แทนค่ะ ตอนพิเศษเยอะมากๆๆๆ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แจ้งข่าว (Pre order) หนังสือทำมือน้องหมีกับพี่แทนค่ะ ตอนพิเศษเยอะมากๆๆๆ  (อ่าน 10610 ครั้ง)

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

.:น้ำผึ้งหยดที่สิบเอ็ด:.

Some people care too much. I think its called love

.

.

บางคนที่ใส่ใจกันมากๆ ฉันคิดว่าเขากำลังมีความรัก





“พะ..พี่แทน..”
“ฟังกูก่อน...”
“...”
“หมีพูห์ช่วยฟังที่พี่พูดก่อนได้ไหม...”
พูรินรู้สึกหายใจหายคอไม่สะดวก มือหนาที่มาเกาะกุมข้อมือเขาไว้แน่น กับสรรพนามแทนตัวที่เปลี่ยนไปของใครบางคน ทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“พี่แทน..ปะ...ปล่อย..” แต่คนที่น้อยใจก็ยังเอ่ยออกไปเสียงเบา พยายามออกแรงดึงขืนข้อมือเรียวให้พ้นการเกาะกุม แต่ถึงแม้จะใช้แรงทั้งหมดที่มี เขาก็ไม่อาจสู้แรงมหาศาลของใครอีกคนที่อยากยื้อกันไว้ได้เลย
“พะ..พี่แทนจะทำอะไร..”
“พี่ขอโทษ...”
“...”
“ที่พูดไปวันนั้น พี่ไม่ได้หมายความอย่างที่พูดเลยสักนิด พี่ไม่เคยคิดว่าน้องมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของพี่เลยจริงๆนะ ตรงกันข้าม พี่รู้สึกขอบคุณน้องมาตลอดที่น้องมาคอยใส่ใจ มาคอยช่วยเหลือทั้งแม่พี่และพี่แบบนี้”
คำพูดคำจาแสนสุภาพที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากคนตรงหน้าทำให้ใจฟูพอง พูรินรู้สึกถึงความร้อนที่พลุ่งพล่านไปทั่วใบหน้า มันลามแผดเผาไปถึงหัวใจให้ร้อนระอุคล้ายจะระเบิดออกมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ความประหม่าที่มีในตอนนี้มันทำให้สมองเขาพร่าเบลอ เขาไม่รู้ว่าจะควรจะวางตากลมโตที่เอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำนี้ไว้ตรงไหน จึงทำได้เพียงมองจ้องตรงไปที่แผงอกกว้างของใครอีกคนตรงหน้า
“ยกโทษให้พี่ได้ไหม”
เสียงทุ้มนุ่มหูที่อีกคนไม่เคยใช้กับถ้อยคำแสนหวาน มันกำลังจะทำให้เขาหลอมละลาย ระเหิดระเหยหายไปจากโลกนี้ แค่พี่แทนรั้งเขาไว้อีกครั้งมันก็แสนจะเกินความฝัน แล้วนี่ยังมาเอ่ยง้องอนด้วยถ้อยคำเพราะหูแบบนี้
พี่แทนโหมดนี้เขารับไม่ไหวจริงๆ
“พะ..พี่แทนพูดเพราะทำไม”
“ทำไม มึงไม่ชอบหรือไง” คนร่างหนาที่พยายามพูดจาน่ารักตามคำแนะนำของเพื่อนซี้เอ่ยเสียงแข็งขึ้นมาทันที เขาก็คิดอยู่ว่าอะไรแบบนี้ มันคงไม่เหมาะกับคนอย่างเขา
ทั้งหมดเป็นเพราะมึงไอ้เหี้ยต้น!
“เปล่า..ไม่ใช่อย่างนั้นนะ มันแค่..ผมแค่รู้สึกแปลกๆ..”
“...” แทนคุณยิ่งใจเสียเมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย
“เวลาพี่พูดแบบนี้ หัวใจผมมันเต้นแรงเกิน เหมือนหัวใจจะวาย”
คนหน้าแดงก้มหน้าก้มตาตอบ ร่างหนาที่ใจแป่วยกยิ้มขึ้นอีกครั้งอย่างมีความหวัง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็คิดว่าการเป็นตัวของตัวเอง มันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์นี้
“แล้วตกลง...มึงยกโทษให้กูได้ไหม”
“ฮื่อ พี่ไม่ผิดอะไรสักหน่อย ผมก็ผิดเองจริงๆนั่นแหละที่ไปยุ่งกับเรื่องของพี่ มันก็ถูกแล้วนี่ที่พี่จะโกรธผม” พูรินเอ่ยแย้งกลับไป พยายามเก็บงำความน้อยใจที่มีให้ลึกที่สุด
“กูบอกแล้วว่ากูไม่เคยคิดว่ามึงยุ่งเรื่องของกู กูรู้ว่าที่มึงทำ เพราะมึงใส่ใจ เพราะมึงเห็นว่ากูสำคัญกับมึง..มึงคิดแบบนั้นใช่ไหม”
คำถามตรงๆของอีกคนทำให้พูรินเลิ่กลั่ก ะี่แทนทำให้เขาไปไม่เป็น เจ้าตัวเล่นเอาคำพูดที่เขาเคยใช้มาเล่นงานเขาแบบนี้
“เอ่อ...คือ..”
“กูก็เหมือนกัน มึงสำคัญกับกูมากเหมือนกัน”
เขาไม่ทันได้ตอบอะไร คนตั้งคำถามก็เอ่ยต่อให้ตากลมโตเบิกกว้าง ถึงจะรู้สึกดีใจอย่างสุดซึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แต่คนที่ต้องทนอยู่ในความคลุมเครือที่มีระหว่างกันมาตลอด ก็ไม่อยากจะหวังหรือคิดไปเองอีกต่อไปแล้ว
“พี่แทนทำแบบนี้ทำไม พี่รู้ไหมว่าพี่ชอบทำให้ผมเข้าใจผิด”
พูรินเอ่ยออกไปด้วยเสียงสั่นไหวเกินจะทน ความน้อยอกน้อยใจที่สะสมมันผลักดันให้เขาเอ่ยระบายในสิ่งที่ใจคิด
“...”
“เดี๋ยวก็เข้ามาดูแล เดี๋ยวก็โมโหใส่ เวลาโกรธถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ พูดทีก็ทำให้ผมเจ็บจี๊ดไปหมด รู้ไหมคำพูดร้ายกาจของพี่มันทำให้ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว อ่านหนังสือก็ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด จะสอบตกหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วนี่มาบอกว่าผมสำคัญอีก อย่ามาพูดจาให้คนเข้าใจผิดได้ไหม เก็บไว้ไปบอกกับแฟนตัวเองเลยไป”
ว่าแล้วคนที่น้ำตาคลอก็พยายามสะบัดข้อมือตัวเองออก แต่นอกจากจะไม่สำเร็จแล้วเขายังถูกดึงเข้าไปกระแทกเข้ากับอ้อมอกแกร่งอย่างแรง ก่อนจะโดนสองแขนรั้งเขาไว้อย่างแน่นหนา
“ปล่อยผมเลยนะ ในเมื่อพี่ว่าผมไม่เกี่ยวของอะไรแล้วพี่จะมายุ่งกับผ...”
ไม่ทันได้พูดจนจบประโยค จู่ๆความนุ่มละมุ่นก็มากระทบกับริมฝีปากให้เขาชะงัก สองตากลมเบิกโตขึ้นกว่าที่เคย อย่างตาไม่กระพริบเขาจ้องตรงไปยังภาพพร่าเบลอตรงหน้าของใครอีกคนอย่างไร้สติ
พะ..พี่แทนจูบเขา...
“กูชอบมึง” เมื่อสัมผัสที่วูบหวามผละออกไป ใครอีกคนก็เอ่ยสิ่งที่อดรนทนเก็บไว้มานานออกมาในที่สุด
 “มึงได้ยินไหม กูชอบมึง”
“ชะ..ชอบผม..”
พูรินลองกัดลิ้นตัวเอง กระโดดโลดเต้นในหัวใจเมื่อมันรู้สึกเจ็บ นี่เขาไม่ได้ฝันไปจริงๆ..
“ตะ..แต่พี่ชอบผมแบบไหนอ่ะ” ถึงจะคิดว่ารอบนี้คงไม่เป็นการเข้าใจผิดอีกแล้ว แต่คนขี้กลัวก็ยังอยากถามให้มั่นใจอยู่ดี
“แบบไหนคือ?” แทนคุณโคลงศีรษะถามกลับคนในอ้อมอกที่ยืนมองกันตาแป๋ว
“ก็ชอบแบบไหน แบบเพื่อน แบบครูนักเรียน แบบบราเทอร์โซนมุม VIP หรือแบบ...”
“อะไรของมึงเนี้ย ถือว่ากูไม่ได้พูดแล้วกัน” แทนคุณปล่อยสองแขนที่รัดอีกฝ่ายไว้ออกทันที ก็จูบซะขนาดนี้ นี่มันกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกเขาหรืออะไรเนี้ย
“เดี๋ยวๆๆ พี่แทนพูดให้เคลียร์ก่อน” แต่อีกคนที่อยากได้ยินชัดๆ ก็โอบรอบเอวสอบไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
“...”
“นะ..นะพี่แทนนะ~”
คนแก่กว่ามองนิ่งเข้าไปในแววตาออดอ้อน บางครั้งเขาก็สงสารตัวเองเหลือเกินที่มาตกหลุมรักคนแบบนี้ ถึงจะทำเป็นส่ายหน้าอย่างระเหี่ยใจ แต่ในวินาทีต่อมาก็เลื่อนมือมาจับไหล่ทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไว้แน่น สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นคงจ้องตรงไปยังคนตรงหน้า
“มึงฟังดีๆนะหมีพูห์..”
“...”
“กูชอบมึง..ไม่ใช่สิ กูรักมึง รักแบบที่รู้สึกหึงเวลามีคนเข้ามาจีบมึง และวันนั้นที่กูโกรธ ก็เพราะกูหึงไอ้ผู้ปกครองคนนั้น หึงทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์อะไร โมโหที่มึงดูอยากไปดูหนังกับมัน ทั้งๆที่เวลากูอยากไปดูกับมึงสองต่อสอง มึงทำท่าไม่อยากไปด้วยกัน”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ...” พูรินพยายามแย้งกลับ
“แล้วกูก็รักมึง แบบที่คิดถึงมึงเวลาที่ไม่ได้เจอหน้า รักแบบที่กินไม่ได้นอนไม่หลับเวลาที่รู้ว่ามึงกำลังมีความทุกข์ รักแบบที่อยากเป็นคนที่มึงจะคิดถึงทั้งเวลาที่มึงไม่สบายใจหรือมีความสุข”
“...”
“แล้วมึง..” พูรินใจเต้นตึกตัก เมื่อมือสองข้างที่เกาะกุมไหล่เลื่อนไปรวบมือทั้งสองของเขาไว้ ใครอีกคนยกมันขึ้นแนบชิดอกกว้าง
“มึงคิดยังไงกับกู มึงรังเกียจกูไหม กูที่ไม่มีอะไรเลย กูที่ไม่ได้ดีพร้อมอย่างใครเขา กูที่มีแต่ตัวแบบนี้”
พูรินรู้สึกดีใจเหลือเกินที่เขาไม่ได้เป็นโรคหัวใจ เพราะไม่อย่างนั้น ประโยคที่เขาเพิ่งได้ฟังอาจทำให้เขาตายได้ ก่อนที่จะเกิดใหม่แล้วตายซ้ำอีกครั้ง
“ผม..ผมจะรังเกียจ รังเกิดอะไรเล่า” เขาไม่กล้าสบตา ได้แต่พึมพำออกไปเสียงแผ่วเบา
“งั้น...”
“อ่ะ..แล้วพี่นิ้งล่ะ” คนที่จู่ๆก็นึกขึ้นได้โพลงออกไปให้คนที่กำลังใช้ความกล้าทัั้งหมดกลอกตามองบนเมื่อโดนขัดอีกแล้ว
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนิ้ง”
“ก็ผมนึกว่าพี่กับพี่นิ้งคบกันอยู่ซะอีก ผมเห็นพวกพี่อยู่ด้วยกันตลอด แล้ววันนั้น..วันที่เจอกันที่ร้านราดหน้า ผมถึงรู้ว่าพี่ยอมเล่าเรื่องที่จะไปอเมริกาให้พี่เขาฟัง แต่พี่ไม่ยอมเล่าให้ผมฟังเลย”
“...”
“ผมก็นึกว่าพี่อยากเล่าให้คนสำคัญๆฟังเท่านั้น” พูรินเล่าตามที่รู้สึก แค่คิดถึงวันนั้นความหวั่นไหวก็ผุดขึ้นอีกครั้ง
“มึงน้อยใจกูหรอเนี้ย กูกับนิ้งเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ” คนที่เพิ่งรู้ว่าทำให้น้องมันคิดมากเอ่ยถาม นิ้งเป็นเพื่อนในภาคเขา อีกฝ่ายเป็นคนที่สนุกสนานและคุยด้วยง่ายพวกเขาจึงสนิทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่เขาสองคนก็เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง มันก็เลยไม่เหมือนเพื่อนผู้ชายที่พูดจาหยาบคายเวลาจะแซวกัน แต่จะเป็นการหยอกล้อแซวเล่นแนวเหมือนจะจีบ พวกเขารู้กันอยู่แล้วว่าไม่มีใครจริงจัง แต่กับน้องที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก มันเลยเข้าใจผิดอย่างที่เห็น
“แล้วทำไมมึงไม่ถามกู คิดเองเออเองเก่ง”
“โห พี่แทน พี่ยังกล้าพูดคำนี้อีกเนอะ ถ้าอย่างผมเรียกว่าคิดเองเออเอง พี่แทนก็โครตพ่อโครตแม่คิดเองเออเองแล้ว”
“เดี๋ยวเถอะมึง ปากดีนักนะ” แทนคุณว่าพร้อมยื่มือไปดึงสองแก้มยุ้ยของคนพูดเก่ง
“เจ็บอ่ะ พี่แทน~ ปล่อยนะ~”
เมื่อโดนโวยวายใส่ เขาก็ยอมหยุดมือที่หยิกแก้มนิ่ม เปลี่ยนมาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไปมาคลายความเจ็บให้เจ้าตัว ปากเอ่ยเล่าเรื่องราวที่เคยเก็บงำไว้เพื่อรอเวลาที่เหมาะสม
“ที่กูยังไม่ได้เล่าเรื่องที่จะอเมริกาให้มึงฟัง เพราะที่จริงกูยังไม่ได้ตัดสินใจแน่ชัด กูตั้งใจไว้ว่าจะถามมึงก่อน”
“หืม..ถามอะไรหรอพี่” คนตัวบางเงยหน้าสบตา ตั้งใจฟังสิ่งที่ใครอีกคนอยากถาม
“กูมาคิดดูแล้ว กูคิดว่ากูอยากไป กูอยากจะพัฒนาตัวเอง อยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ อยากทำให้แม่ภูมิใจ อยากทำให้แม่สบายสักที”
และนอกจากนี้เขาก็อยากจะเป็นคนที่คู่ควรกับน้อง เป็นคนที่น้องจะเดินเคียงคู่ได้อย่างไม่อายใคร
“...”
“มันอาจจะฟังเห็นแก่ตัว แต่กูก็ยังอยากถาม และยังหวังว่ามึงจะตอบตกลง กูก็แค่อยากรู้..ว่าถ้ากูขอเวลาสามปี แค่สามปีเท่านั้น คนอย่างกูจะมีค่าพอให้มึงรอกันไหม”
พูรินไม่อาจละสายตาจากคนตรงหน้า แววตาวาวไหวทำให้ใจไหวสั่น เขาสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่แฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นในดวงตาคม เขาเองก็รู้สึกหวั่นไหวไม่แพ้กัน สามปี...มันช่างดูเป็นระยะเวลาที่แสนนาน แค่เขาไม่ได้เจอพี่แทนหนึ่งอาทิตย์ เขาก็ได้รู้รสของความทรมานนั้นแล้วอย่างดี แต่คำตอบของเขาเองก็ชัดเจนอยู่แล้ว เขาเชื่อใจในตัวพี่แทนที่สุด แน่นอนว่าสำหรับเขา ไม่ใช่แค่สามปี แต่กับคนคนนี้ ทั้งชีวิตเขาก็พร้อมจะรอ
“มันก็แล้วแต่ว่า พี่จะให้ผมรอในฐานะอะไร”
แทนคุณกลอกตาให้กับคนเล่นลิ้น เขารู้ว่ากำลังโดนน้องมันแหย่เข้าแล้ว
“นี่กูพูดขนาดนี้แล้ว มึงยังไม่เข้าใจอีกหรอ”
“โอ๊ย พี่แทนอ่ะ~ ก็เข้าใจแล้ว แต่อยากฟังชัดๆนี่น่า ไม่ได้หรือไงเล่า~”
“กูคือกู..มึง...”
“ไม่เอากูมึงไม่ได้หรือไง เวลาพี่แทนแทนตัวว่าพี่ แล้วเรียกผมว่าน้อง คือใจผมเต้นแรงเป็นบ้าเลย”
“...”
“...”
แทนคุณถอนหายใจหนัก เขาอดอมยิ้มให้กับคนที่กุมสองมือไว้แนบอกเหมือนกำลังอธิฐานไม่ได้ สองตากลมขยับปริบๆเป็นการออดอ้อนเต็มที่ ยังไงเขาก็ต้องยอมมันทุกทีสินะ
“น้องหมีพูห์ครับ”
“ครับ!”
“พี่รักน้องนะ”
“ผมก็รักพี่แทน!!”
“มึงใจเย็นๆดิ ฟังกูก่อน”
“...” พูรินที่อยู่ไม่สุขทำท่ารูดซิปปากให้อีกคนยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วอย่างเพลียใจ ก่อนจะยกยิ้มอบอุ่นที่พูรินชอบที่สุดออกมา
“น้องจะให้เกียรติเป็นแฟนกับพี่ได้ไหมครับ”
พูรินพยักหน้างึกงักรัวๆ ความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงที่ถูกเจ้าชายขอแต่งงาน
“เป็นๆๆๆ” เขาร้องตะโกน พร้อมกระโจนเข้าไปหาจนพี่แทนเซล้มลงนั่งบนเตียงด้านหลัง ทำให้ตอนนี้กลายเป็นเขานั่งอยู่บนขาหนึ่งข้างของคนร่างหนา พูรินไม่สนใจ สองแขนเรียวโอบรัดคอแกร่งไว้แน่น หลับตาพริ้ม ยื่นหน้าเข้าไปประชิดทันที
“...”
“อะไรของมึง”
“จุ๊บได้แล้ว”
“จุ๊บอะไร แก่แดดนะมึง” แทนคุณว่าแล้วเอากำปั้นเขกกระโหลกอีกฝ่ายเบาๆ
“แก่แดดอะไร ฉากนี้มีในการ์ตูนทุกเรื่อง เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี”
“ถ้าไม่ยอมจุ๊บ ผมไม่ยอ..”
อย่างไม่ยอมให้คนชอบพล่ามพูดจนจบ แทนคุณยกมือหนึ่งข้างจับหลังคอขออีกคนไว้มั่น โน้มตัวกดจูบดุดันลงไปบนปากเรียวนุ่ม พูรินที่เพียงหวังสิ่งที่เหมือนจูบก่อนหน้านี้ตกใจกับความร้อนแรงที่คาดไม่ถึง ตอนที่จะอ้าปากห้ามปรามก็โดนลิ้นร้อนดุนแทรกเข้าไปในโพรงปาก กวาดเลียทุกซอกภายในให้ใจวูบไหว สลับพลัดมาทั้งดูดทั้งเม้มริมฝีปากจนก่อให้เกิดเสียงดังน่าอายก้องสะท้อนไปทั่วห้องนอนเล็ก
พูรินที่เริ่มไม่ไหวตีไหล่อีกฝ่ายซ้ำๆเป็นสัญญาณให้หยุด เมื่อในที่สุดเหมือนว่าเขาจะขาดใจจริงๆ คนที่อยากสอนให้คนชอบอ่อยหลาบจำ ก็ยอมผละออกในที่สุด ไม่ลืมลากเลียริมฝีปากหนาของตัวเองเป็นการยั่วเย้าแถมท้าย
“จุ๊บแล้วนะ”
“นี่ไม่เรียกว่าจุ๊บแล้ว!!”
“เออนะ แล้วตกลงเป็นแฟนกับกูแล้วนะ”
ถึงจะยังเมาจูบอยู่ แต่พูรินก็พยักหน้ารับรัวๆด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
“อือ เป็นแฟนกันแล้วนะพี่แทน!”












“เป็นไงไอ้พุทธ ทำได้ไหมว่ะ” ธงชัยเงยหน้าขึ้นมาจากเกมส์ในมือถือ เอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทอีกคนเดินมาที่โต๊ะ เขากับหมีพูห์ทำเสร็จก่อน เลยตัดสินใจมานั่งรอมันใต้คณะ ไอ้พุทธมันเป็นประเภททวนแล้วทวนอีก ถ้าเวลาไม่หมดมันไม่เคยออกจากห้องสอบหรอก นี่ขนาดเขาเล่นเกมส์ตายไปห้ารอบ มันถึงเพิ่งโผล่หน้ามาให้เห็น
“ก็ได้ทำว่ะ ไม่มั่นใจเลย” และแน่นอนว่าที่แม่งบอกว่าไม่มั่นใจ ผลออกมาทีไรแม่งได้เต็มทุกที
“แล้วพวกมึงอะเป็นไง ออกเร็วกันฉิบหาย ทำได้กันหมดล่ะสิ”
“โธ่ คุณพุทธ คือกูเป็นพวกรู้จักปลงไงมึง แบบเดินทางสายมีน กูไม่ได้หวังจะเป็นท๊อปแบบมึง กูขอแค่ผ่านให้พ่อแม่กูยิ้มได้บ้าง” ธงชัยพูดความจริง เขามันพวกสายชิวอยู่แล้ว
“แล้วมึงอ่ะหมี” พุทธโธหันมาถามเพื่อนตัวเล็กที่ไม่ยอมพูดอะไร ได้แต่นั่งยิ้มฟังพวกเขาสองคนคุยกัน
“ก็พอทำได้มึง”
“เออ ตัวนี้ที่มึงบอกมึงอ่านไม่ทันใช่ไหม พอโอเคใช่ป่ะ บอกให้ติวด้วยกันก็ไม่ยอม มึงนะมึง”
“แต่มันได้พี่มาติวให้ไม่ใช่หรอตัวนี้ สบายเลยดิ” ธงชัยที่นึกขึ้นได้เป็นฝ่ายถามขึ้นมา
“อ่อ พี่ดินใช่ไหมล่ะ มึงแม่งโครตโชคดี พี่รหัสโครตใจดีเลยว่ะ”
“อะ..อืม” พูรินรับคำ คือที่จริงพี่ดินก็มาติวให้เขาวันนึงจริงๆนั่นแหละ แต่พอเขากลับมาคืนดีกับพี่แทน พี่แทนต่างหากที่เป็นคนเสียเวลามาติวให้เขาตลอดจนเกือบไม่ได้อ่านของตัวเอง
“งั้นไปกันเหอะ กินข้าวกัน จะได้กลับไปอ่านหนังสือของตัวพรุ่งนี้” ธงชัยเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า พยักหน้าชักชวนเพื่อนให้ไปกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารข้างคณะก่อนกลับห้อง
“เออ..คือ...พวกมึงไปกันเถอะ” เพื่อนทั่งสองที่ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วชะงัก หันหลังมามองคนพูด เลิกคิ้วเป็นเชิงถามอย่างสงสัย
“คะ..คือกูรอพี่..กูอยู่น่ะ”
“พี่ดิน? มึงจะรอพี่ดินทำไมว่ะ พี่แกจะติวให้หรอ”
“ปะ..เปล่า พี่แทน”
“สัดหมี มึงเป็นอะไรว่ะ ติดอ่างอะไรนักหนา” พุทธโธที่เห็นเพื่อนพูดติดๆขัดๆอยู่นั่นเริ่มทนไม่ไหว ทรุดนั่งตรงข้ามมันอีกครั้ง ตาคมเพ่งสำรวจคนที่ทำท่าทางมีพิรุจ
“เปล่าเว้ยเฮ้ย ติดอ่างอะไรเล่า”
“ไอ้หมี มึงแปลกจริงๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา พูดทีก็ตะกุกตะกัก กูว่าต้องมีอะไรแน่ๆ” ธงชัยว่าเสริม ทรุดนั่งลงข้างไอ้พุทธทันที
พูรินอยากจะกระโดดถีบขาคู่ใส่พวกมัน ทีงี้ทำมาเป็นรู้ดี เวลากูแกล้งทำเป็นไม่เศร้าล่ะเสือกเชื่อกันซะงั้น ไอ้พวกเวร! พูรินบ่นงึมงำในใจ ก่อนที่ในที่สุดตัดสินใจที่จะเอ่ยออกไป เขาไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรพวกมันอยู่แล้ว แค่ยังไม่อยากโดนพวกแม่งแซวจนไม่มีสมาธิอ่านหนังสือสอบก็เท่านั้น
“คือมึง..คือที่จริง..กูกับพี่..”
“อ้าวนั่นไงพี่แทนมาแล้ว พี่ดิน พี่แทน ทางนี้ครับ!” เพราะความสูงที่มีมากเกินใคร พุทธโธเห็นรุ่นพี่เดินมาแต่ไกล เขาโบกมือเป็นสัญญาณหย่อยๆให้อีกฝ่าย เมื่อพี่ดินเห็นก็เดินนำกลุ่มเพื่อนเข้ามา
“ไอ้พี่ต้นแม่งก็มา” เขาไม่ลืมที่จะบ่นอุบอิบ ใครๆก็รู้ เขาเกลียดขี้หน้าแฟนพี่กีกว่าใคร เจอกันทีไรคอยแต่ทำตาขวางใส่เขา นี่ขนาดเขาไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับพี่กีมาเป็นปีแล้วนะ
“ไง ไอ้หมี ไอ้ธง”
นั่นไง แม่งจงใจไม่ทักเขาแค่คนเดียว
“หวัดดีครับพี่พี่ดิน พี่ต้น พี่แทน”
“ว่าไง ทำกันได้หรือเปล่า” บดินทร์เอ่ยทักทายรุ่นน้องในโต๊ะบ้าง เอามือขยี้หัวน้องรหัสตัวเองอย่างเอ็นดูเมื่อมันนั่งยิ้มแป้นมาให้ ไม่ลืมลอบสังเกตอาการของเพื่อนสนิทที่ตั้งแต่มายังไม่ยอมพูดยอมจา เขาไม่รู้ว่ามันคืนดีกับน้องไปหรือยัง ตอนเช้าก็วุ่นๆกับเรื่องสอบเลยไม่ได้ถาม แล้วอย่างมันก็ไม่ใช่พวกที่จะเดินมาบอกเขาเองซะด้วย
“ก็ได้บ้างไม่ได้บ้างแหละพี่ พวกผมไม่มีพี่รหัสมาติวให้แบบไอ้หมีนี่น่า” ธงชัยเป็นคนตอบ ทำเสียงน้อยอกน้อยใจจนน่าจับทุ่มเป็นที่สุด
“พี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเยอะแยะสักหน่อย จะช่วยติวให้มันอีกก็ไม่ยอม ไม่รู้จะมาทำเป็นเกรงอกเกรงใจอะไรนักหนา”
“เอ้า ก็มีดินมีทั้งงานโปรเจคทั้งสอบ ผมไม่อยากกวนพี่นี่น่า” คนเป็นน้องพึมพำแก้ตัว
“เออๆ ไม่ได้ว่าอะไร ไม่อยากกวนก็ไม่อยากกวน แล้วนี่มานั่งทำอะไรกัน มีสอบอีกหรือเปล่า ไปกินข้าวด้วยกันไหม เดี๋ยวพี่เลี้ยง”
“ไปดิพี่ พวกผมก็รอพวกพี่อยู่นั่นแหละ”
“อ้าว แล้วพวกมึงจะรอพวกกูทำไมว่ะ”
“อ้าว ก็ไอ้หมีมันบอกมันรอพี่แทนอยู่อ่ะ ผมก็นั่งรอเป็นเพื่อนมันอยู่เนี้ย”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบ สายตาของรุ่นพี่ทั้งสองก็หันตรงไปยังคนที่ไม่ยอมพูดยอมจา ไอ้แทนยังทำมึนมองหน้าพวกเขานิ่ง ไม่สนใจรอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่เขาตั้งใจทำให้เห็นกันชัดๆ
บดินทร์ละสายตาจากคนเฉยชาไปมองไอ้หมีพูห์แทน มันที่ทำตัวเลิกลั่กยิ่งดูลนลานกว่าเดิม ไอ้หมีมันไม่เหมือนกับอีกคน รายนี้คิดอะไรแม่งออกมาทางสีหน้าสีตาให้เห็นกันชัดๆ
“พวกมึงจะกินก็ลุกกันดิวะ กูหิวแล้ว” แทนคุณว่าเสียงเรียบก่อนจะออกเดินนำไปยังโรงอาหารโดยไม่ยอมรอใครสักคน พูรินรู้สึกใจแป่วขึ้นมาทันที เขาคิดว่าพี่แทนเองก็ยังไม่ได้บอกเพื่อนตัวเองเหมือนกัน แล้วสถานการณ์เมื่อกี้ก็พอจะทำให้เข้าใจได้ว่าพี่เขาคงยังไม่อยากให้ใครรู้ ความรู้สึกน้อยอกน้อยใจก่อขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว
เพราะเหมือนวันนี้จะมีนักศึกษาจากนอกคณะมาสอบที่นี่กันเยอะ เมื่อพวกเขาเข้ามาในโรงอาหารจึงมีคนแน่นขนัดจนมองหาที่ว่างแทบไม่เจอ
“มึงไปหาที่นั่งรอนะ เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวให้” พี่แทนหันมากระซิบข้างหูก่อนที่จะผละออกไป เขาเดินวนเวียนไปมาอยู่หลายรอบ แต่จนแล้วจนรอดก็หาที่ว่างไม่ได้เลยสักที
“น้องหมีพูห์” พูรินหันหลังไปมองเมื่อมีเสียงทักดังขึ้น เขาเห็นพี่นิ้งส่งยิ้มมาพร้อมกวักมือเรียกเขาอยู่ พูรินรู้สึกคันยุบยิบในใจ แต่ก็ไม่ยอมเสียมารยาทเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
“หาที่นั่งอยู่หรอ ตรงนี้มีที่ว่างนะ” พี่นิ้งชี้ให้ดูพื้นที่ว่างข้างตัว นอกจากพวกพี่เขาสามคนแล้วมันมีที่ให้นั่งอีกประมาณสามถึงสี่คน
“อ่อ ขอบคุณมากครับพี่นิ้ง แต่เดี๋ยวมีพวกพี่ดินมาด้วย ไม่น่าจะพอหรอกครับ”
“ไม่เป็นไร นั่งลงเถอะ กว่าจะมากันพวกพี่ก็คงกินเสร็จแล้วแหละ”
เมื่อพวกพี่เขาว่าอย่างนั้น แม้จะอยากทำแต่พูรินก็ไม่กล้าปฏิเสธซ้ำ หย่อนก้นตัวเองนั่งลงข้างพี่นิ้งทันที ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่เขาคิดว่าพี่นิ้งเป็นคนอัธยาศัยดีจริงๆ ชวนเขาคุยนั่นคุยนี่ไม่หยุด แล้วก็ยังนิสัยดีมากขนาดว่าพอกินเสร็จแล้วยังบอกเพื่อนตัวเองให้ไปก่อน เพราะไม่อยากปล่อยให้เขานั่งรอที่โต๊ะคนเดียว
“อ้าวนิ้งมาได้ไงว่ะ ซื้อข้าวยังอ่ะ” บดินทร์กับตั้งต้นที่เดินมาถึงโต๊ะเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมภาค ก่อนที่รุ่นน้องอีกสองคนจะตามกันมาติดๆ
“กินแล้ว เนี้ยมาช่วยน้องหมีนั่งเฝ้าโต๊ะให้พวกนายนั่นแหละ แล้วสามทหารเสือวันนี้มากันแค่สองคนหรอ คุณแทนกลับบ้านไปแล้วหรือไง”
พูรินอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ที่จู่ๆใครอีกคนถูกถามถึงขึ้นมา รู้แหละว่าทำตัวงี่เง่า แต่กินอิ่มแล้วก็ควรรลุกไปได้แล้วป่ะ?!
“มันต่อแถวซื้อราดหน้าอยู่ แถวโครตยาว ไม่รู้จะอยากกินอะไรหนักหนา” ตั้งต้นตอบคำถามเพื่อน
“อ้าวหมี แล้วข้าวมึงอ่ะ”
ไม่ทันจะได้เอ่ยตอบไอ้พุทธ จานราดหน้าทะเลก็ถูกเอามาวางตรงหน้า พูรินหันมองไปข้างหลัง เห็นพี่แทนยืนถือถาดอาหารค้ำหัวเขาอยู่
“เขยิบดิ กูจะนั่ง” เมื่อได้ยินเขาก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร ลังเลอยู่นิด ก่อนจะตัดสินใจเขยิบตัวออกห่างจากพี่นิ้งไปด้านที่ไอ้พุทธนั่ง เว้นที่ว่างเพียงพอที่จะให้คนตัวใหญ่เข้ามานั่งได้
“โอโห มีซื้อข้าวให้กันด้วย” แน่นอนว่าเป็นตั้งต้นคนดีคนเดิมที่เอ่ยแซว ให้รุ่นน้องอีกสองคนที่แสนจะคันปากแต่ยังเกรงใจหมัดหนักๆของพี่แทนอยู่ตบมือเบาๆเป็นการแซวตาม
“พี่แทนให้ผมหาที่นั่งไง ผมเลยฝากพี่เขาซื้อข้าว ไม่มีอะไรพิเศษสักหน่อย” พูรินได้แต่แก้ตัวไปอย่างนั้น เขาแอบเหลือบมองคนร่างหนาเป็นระยะ รู้สึกโมโหเป็นที่สุดเมื่อเห็นใครอีกคนมัวคุยสนุกกับพี่นิ้ง ไม่คิดจะช่วยเขาเลยสักนิด
“เออ ฝากซื้อก็ฝากซื้อ แล้ววันนี้น้องหมีรอเพื่อนพี่ทำไมครับ” ตั้งต้นยังจี้ต่อไม่หยุด
“เออ..ก็..”
“มึงเลิกยุ่งกับน้องมันได้ไหม ถามเซ้าซี้มันอยู่ได้”
ตอนที่กำลังคิดว่าจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ แขนแกร่งของคนข้างตัวก็พาดทิ้งน้ำหนักมาที่บ่าของเขา เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าที่ยังเรียบเฉยของใครบางคนอย่างงงงัน
“พวกมึงปล่อยแฟนกูกินข้าวบ้างเถอะ” ว่าแล้วก็หันหน้ามาหาตากลมโตที่มองจ้องค้างเขาอยู่
“มึงก็กินข้าวได้แล้ว จะอ้ำๆอึ้งๆทำไมเนี่ย”
พูรินหุบปากฉับ เขารีบก้มหน้าก้มตาตักราดหน้าเข้าปากไม่สนใจเสียงโห่ฮาที่ได้ยินในโต๊ะ ได้สบตากันอีกครั้งตอนที่มือหนาของใครอีกคนเลื่อนมาเกาะกุมปลายนิ้วก้อยเขาไว้ มุมปากของคนยิ้มยากยกขึ้นสูง เขาเขินจนหลุบตาหลบอย่างไม่รู้จะมองไปตรงไหน
เขาบอกแล้วว่าพี่แทนน่ะ แม่งโครตขี้โกง
ไอ้เรื่องทำให้เขาใจแกว่ง ใจสั่น ไปไม่เป็น พี่มันนี่แหละ เก่งที่หนึ่งเลย!




******
บางทีน้องหมีอาจจะทำให้ต้องเปลี่ยนเรทนิยายจาก 13 เป็น 18+ (.////.)







ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องหมีน่ารักกกกก
พี่แทนทำดีมากกกก
ติดตามจ้า :mew1:

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะะะะะะะะ
แต่บอกเพื่อนทีก็รับรู้โดยทั่วกัน  :katai2-1:

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:น้ำผึ้งหยดที่สิบสอง:.

We didnt realise we were making memories, we just knew we were having fun

.

.

เราเพียงแค่สนุกสนานไปกับสิ่งหนึ่ง เราไม่เคยรู้เลยว่าวันนึงสิ่งนั้นจะกลายเป็นความทรงจำล้ำค่าที่ไม่อาจลืม



















หลังจากผ่านการสอบที่สุดแสนจะทรหด ช่วงเวลาที่พูรินตั้งหน้าตั้งตารอก็มาถึง สองอาทิตย์แรกของการปิดเทอมหนึ่ง พูรินใช้มันไปกับการเตรียมการแสดงประจำปีของเด็กๆ ที่โรงเรียนอนุบาล ในเวลาปกติเขามีสอนแค่สองวัน แต่ช่วงเตรียมการแสดงแบบนี้ นอกจากสอนร้องสอนเต้น เขายังไปช่วยพี่ๆคุณครูทำพร๊อพ ช่วยเตรียมชุดให้เด็กๆ และทำของที่ระลึกที่จะเอาไว้แจกผู้ปกครองในวันงานอีกด้วย

และเขาเพิ่งจะได้มารู้ว่า ช่วงที่เขาทะเลาะและไม่ได้คุยกับพี่แทน วันที่พี่แทนไปส่งชุด ครูจันทร์ได้ขอร้องให้พี่แทนมาช่วยเล่นกีต้าร์ให้เด็กๆ ร้องเพลงในวันงานด้วย ดังนั้นตลอดอาทิตย์นี้เราสองคนจึงวุ่นๆ กับงานนี้ไปด้วยกัน และอย่างน่าประหลาด ทั้งๆ ที่พี่แทนเคยไปเล่นตามร้านมาก็ตั้งเยอะแยะ แต่เหมือนการได้มาสอนเด็กๆ แบบนี้จะทำให้เจ้าตัวตื่นเต้นไม่น้อย และพูรินเองได้มีโอกาสเห็นคนที่ใครๆ ว่าเป็นเสือยิ้มยาก หัวเราะและยิ้มร่าได้ง่ายขึ้นกว่าทุกที

“พี่แทนครับ”

“ว่าไงครับน้องหมี”

“ผมอยากเล่นกีต้าร์จังเลยครับ”

“มาลองดูสิครับ” ว่าแล้วแทนคุณที่นั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวจิ๋วของเด็กๆ ก็อ้าแขนออก ให้เด็กชายตัวน้อยขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนจะโอบรอบเด็กชายด้วยกีต้าร์ตัวใหญ่

“มือขวากดคอร์ด มือซ้ายดีดลงแบบนี้นะครับ” น้องหมีลองทำตาม เมื่อได้ยินเสียงแต้งๆๆ ก็รู้สึกพอใจ ดีดขึ้นลงไม่เป็นจังหวะอย่างเมามัน

“ช้างๆๆ น้องเคยเห็นช้างเลยเปล่า...” อินเนอร์ของศิลปินตัวน้อยมาเต็ม น้อยหมีเน้น ชอช้าง ซะจนฟังเหมือนเพลงเพื่อชีวิต เพื่อนๆ ที่เห็นรีบเข้ามามุง เด็กๆช่วยกันร้องเพลงและต่อคิวกันเป็นแถวยาวเพราะอยากลองเล่นกีต้าร์บ้าง

พูรินได้แต่หัวเราะกับภาพที่เห็น เขาขึ้นมาที่ห้องเพราะตอนนี้ใกล้จะได้เวลาพักทานของว่างของเด็กๆ แล้ว แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็แสนจะล้ำค่าเกินกว่าจะเข้าไปขัด ได้แต่ยกโทรศัพท์มือถือในมือมาถ่ายทั้งรูปและวิดีโอเก็บไว้

“คุณครูแทนคะ คุณครูแทน”

“เรียกพี่แทนก็ได้นะคะน้องหนูดี”

พี่แทนพูดนะคะด้วยเว้ย หล่อได้อีกอะแฟนเขา

“พี่แทนคิดว่าระหว่างหนูดีกับกิ่งแก้ว ใครร้องเพลงเพราะกว่ากันค่ะ”

พูรินหลุดขำพรืดเมื่อเห็นคนร่างหนาไปไม่เป็น พี่แทนกระอึกกะอัก เจ้าตัวคงไม่อยากทำให้เด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งคนใดที่กำลังจ้องมาอย่างมีความหวังต้องเสียใจ

“พี่ว่าทั้งสองคนตอนร้องด้วยกันเพราะที่สุดเลยค่ะ”

พูรินแทบจะลุกขึ้นปรบมือ ไม่รู้ว่าควรดีใจไหมที่มีแฟนหัวไวขนาดนี้ นั่นมันคุณสมบัติที่ดีที่สุดของคนกระล่อนเลยน่ะนะ

“อ้าว แล้วอย่างนี้ระหว่างหนูกับหนูดี ใครจะได้เป็นเจ้าสาวของพี่ล่ะคะ” เมื่อไม่ได้คำตอบที่พึงหวังในคำถามแรก คำถามที่สองก็ตามมาให้แทนคุณมืดแปดด้าน เขาหันมาเห็นหมีพูห์ที่ได้แต่ยืนขำอยู่ตรงกรอบประตู เลยส่งสายตาออดอ้อนเป็นการขอความช่วยเหลือ

“เอ่อ...คือ...”

“แต่หนูดีไม่ได้อยากเป็นเจ้าสาวของพี่แทนสักหน่อย หนูดีอยากเป็นเจ้าสาวของคุณครูพูรินต่างหาก”

“ไม่ได้นะคะ” ทันทีที่เด็กน้อยโต้ขึ้น แทนคุณก็สวนกลับทันที หนูดีสะดุ้งนิดนึงที่พี่แทนเสียงดังใส่ ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้าขึงขังใส่คนที่เอ่ยปากห้าม

“ทำไมล่ะคะ ก็คุณครูพูรินบอกว่าหนูดีน่ารักที่สุด หนูดีบอกคุณแม่แล้ว โตขึ้นหนูดีจะแต่งงานกับคุณครู”

“ก็พี่บอกแล้วไงคะว่าไม่ได้”

“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะคะ”

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ค่ะ”

พูรินไม่รู้จะขำหรือร้องไห้ดีเมื่อคนตัวใหญ่ยักษ์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเถียงกับเด็กน้อยอย่างเป็นจริงเป็นจัง จนในที่สุดเมื่อเขาเห็นน้องหนูดีใกล้จะเบะออกมาแล้ว เขาเลยรีบเดินรุดเข้าไปห้ามทัพ

“เด็กๆ ครับ ได้เวลากินของว่างแล้วนะแล้วครับ”

พอได้ยินว่าถึงเวลากินขนม เด็กๆ ก็ร้องเฮเสียงดัง วิ่งมาต่อแถวเกาะไหล่เพื่อนข้างหน้าก่อนที่จะเดินลงไปห้องอาหารชั้นล่างกับพูริน ทิ้งให้เด็กยักษ์ที่ถือกีต้าร์นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่บนเก้าอี้ตัวจิ๋วที่เล็กเกินตัวอีกฝ่ายไปเยอะอยู่คนเดียวในห้อง พูรินกลับขึ้นมาหาพี่แทนอีกครั้งเมื่อส่งเด็กๆ เสร็จ ตอนที่เด็กๆ อยู่ที่โรงอาหารแบบนี้ มันเป็นเวลาพักของพวกเขาสองคน

“ใช่เรื่องไหมพี่แทน” เขาหยิบเก้าอี้ตัวจิ๋วอีกตัวมานั่งลงข้างๆ อีกฝ่าย ยื่นขนมปังไส้หมูหยองกับขวดน้ำเปล่าให้ พร้อมเอ่ยถามกลั้วหัวเราะออกไปเมื่อยังเห็นใครอีกคนหน้าบึ้งไม่หยุด

“...”

“ได้ข่าวว่าน้องหนูดีสี่ขวบ”

“แล้วมึงไปตกลงจะแต่งงานกับน้องทำไม โกหกแบบนี้ เป็นครูได้หรอว่ะ”

อือฮือ เวลาหึงนี่ ปากเสียเก่งสุดๆ อ่ะคนนี้

“ตกลงอะไรเล่า ผมแค่ชมว่าน้องหนูดีน่ารักเฉยๆ เด็กๆ ก็แบบนี้แหละพี่ กำลังอยู่ในวัยจินตนาการ ผมก็เคยเป็น”

“มึงเคยเป็นอะไร มึงอยากแต่งกับใคร” แทนคุณถามเสียงขุ่นให้พูรินร้องว้าว พี่แทนแม่งบางทีก็งี่เง่าได้สุดโต่งดีเหมือนกัน

“ผมก็เคยอยากแต่งกับเจ้าชายไง”

“ดิสนีย์อีกแล้วนะมึง แล้วเจ้าชายเรื่องไหนล่ะ” คนที่ทำท่าเหมือนเอือมระอายังคงถามต่อ

“บอกไปพี่จะรู้จักไหม เรื่องที่เจ้าชายดุๆ อ่ะ”

แทนคุณนั่งนึก ถึงจะไม่ได้ดูเป็นจริงเป็นจังแบบน้องมัน แต่เขาก็เคยดูผ่านๆ มาบ้าง บางเรื่องก็เคยเจอในหนังสือนิทานตอนเด็กๆ จึงพอรู้จักเรื่องที่มันดังๆ อยู่หลายเรื่อง

“เจ้าชายอสูรป่ะ ที่มีกาน้ำเต้นได้”

“จะว่าอสูรก็อสูรอยู่นะ ชอบทำหน้าโหด แยกเขี้ยวใส่ตลอด พูดจาก็ไม่เพราะ เวลาโกรธก็เงียบใส่”

“...” แทนคุณเกาหัวกอกแก๊ก เขาว่ามันฟังคุ้นๆ แบบประหลาด

“แล้วยังหึงเก่งอีก หึงแม้กระทั่งเด็กสี่ขวบอะพี่คิดดู”

“แบบที่พระมเหสีแม่เจ้าชายรับจ้างตัดผ้างี้”

“อ้าวรู้ได้ไงเนี้ย ฉลาดจัง”

“ลามปามที่หนึ่งอะมึงอะ” พูรินหัวเราะเสียงดังเมื่อโดนแขนแกร่งรวบจับล๊อคคอ ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ว่างดึงแก้มเขาจนยืดไปหมด

“ปล่อยก่อนนน เจ็บบบบ”

“อ้อนวอนกูมาสิ”

“พี่แทนคนหล่อ ปล่อยผมนะครับนะ”

“...”

“นะพี่แทนนะ เจ็บไม่ไหวแล้ว”

“ใครหล่อกว่ากัน”

“ห๊ะ?”

“คนที่มึงเคยอยากแต่งงานด้วยตอนเด็กๆ กับกู ใครหล่อกว่ากัน”

“จริงจังไหมเนี้ย” พูรินเงยหน้าขึ้นไปมองตาอย่างเหลือเชื่อ อะไรคือหึงเจ้าชายในฝันเขาซะงั้น ตาสองตาประสานกันนิ่งอยู่นาน จนในที่สุดคนที่รู้ตัวว่าแอบงี่เง่าก็ถอนหายใจ ปล่อยมือออกจากแก้มเขา

“เฮ้อ..ช่างเถอะ”

“เท่ากันเลยพี่” พูรินไม่ปล่อยผ่าน รวบมือหนาของใครอีกคนมาไว้ในสองมือ พึมพำออกไปให้อีกคนหันมามอง ก่อนเจ้าตัวจะยกยิ้มอย่างพอใจในคำตอบ

“เออ..ก็ยังดี” เขาก็รู้แหละ ว่าตัวเองไม่ได้หล่ออย่างไอ้ดิน เท่อย่างไอ้ต้น ตัวก็ดำแถมยังหุ่นหนาเป็นหมีแบบนี้ จนก็จน มีดีที่ไหนล่ะ จะไปถามให้น้องมันแกล้งชมทำไม

“ก็เจ้าชายในฝันกับพี่ หน้าเหมือนกันเปี๊ยบ ก็ต้องหล่อเท่ากันดิ”

“...”

“งงอีก ก็จริงที่ผมแค่อยากแต่งงานกับเจ้าชาย แต่ก็ไม่ได้มีสเป็กว่าต้องหน้าตาแบบนี้แบบนั้น แล้วพอมาตกหลุมรักพี่แทนถึงได้รู้ไงว่าที่จริงเจ้าชายที่ตามหามาตลอดหน้าแบบนี้นี่เอง”

“...”

“ซึ้งยัง” ตากลมจ้องปริบๆ ถามเสียงใส ให้คนหน้าเข้มอยู่แล้วเข้มขึ้นกว่าเดิมไปอีกเมื่อมีสีแดงมาผสม

“คำพูดคำจามึงนี่มัน...” พูรินยิ้มกว้างเมื่อทำให้คนหน้านิ่งเขินได้ในที่สุด

“งั้นตกลงคือมึงจะแต่งงานกับกูว่างั้น” เขาตั้งใจพูดให้น้องมันเขิน แต่เขาว่าเขาคงคิดผิดไปเยอะ

“แต่งๆๆๆ แต่พี่แทนต้องขอดีๆ นะ เอาแบบในทุ่งทานตะวันงี้ แล้วพี่แทนก็ต้องย่อเข่าลงข้างนึง” คนเพ้อเจ้อทำท่าประกอบ เชิดหน้า ตามองลอยขึ้นเบื้องบนอย่างเพ้อฝัน

“น้องหมีพูห์ครับ พี่รักน้องหมีพูห์นะครับ พี่อยากให้น้องหมีพูห์มาเดินเคียงข้างกัน ทั้งในวันที่ทุกข์หรือสุขที่สุด พี่ก็อยากเดินจับมือกับน้องไปแบบนี้เรื่อยๆ แต่งงานกับพี่แทนนะครับน้องหมีพูห์”

“พอไหมมึง เดี๋ยวเด็กๆ จะคิดว่าคุณครูเป็นบ้า” แทนคุณรีบลากคนที่คุกเข่ากับพื้นขึ้นมานั่งที่เดิม เมื่อเขาได้ยินเสียงเด็กๆ เจี๊ยวจ๊าวมาแต่ไกล ส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อมันยังร้องเพลง So this is love ไม่หยุด

“And I can fly...I'll touch every star in the sky....

So this is the miracle that I've been dreaming of....

Mmmmmm

Mmmmmm

So this is love...”

ก็เขาเคยบอกหลายครั้งแล้ว ว่าเขาน่ะรักคนบ้า!

























วันนี้พูรินตื่นตั้งแต่ตีห้า ที่จริงจะเรียกว่านอนไม่หลับทั้งคืนน่าจะถูกต้องกว่า เขาตื่นเต้นเหลือเกินเพราะในที่สุดวันแสดงก็มาถึง เมื่อคืนเขามานอนบ้านพี่แทน เพื่อว่าตอนเช้าจะได้ออกไปพร้อมกัน เวลาเขามานอนด้วยแบบนี้ พี่แทนจะสละห้องนอนให้เขา ส่วนตัวเองจะลงไปนอนที่ห้องรับแขกข้างล่าง ไม่ก็เอาฟูกไปปูข้างเตียงนอนแม่กุ้ง ไอ้เรื่องที่จะได้นอนกอดกันทั้งคืน ถึงเขาจะแอบคิดแต่ก็ไม่ได้พูดออกไปหรอก เดี๋ยวก็โดนด่าว่าแก่แดดอีก แม้แต่จูบที่เคยทำมาแล้วก็เถอะ หลังจากวันที่ตกลงคบกัน มันก็ไม่มีครั้งที่สองอีกเลย

โรงเรียนอนุบาลที่เขาสอนไม่มีเวทีใหญ่สำหรับจัดแสดง งานของโรงเรียนจึงไปจัดขึ้นที่หอประชุมของโรงเรียนมัธยมใกล้ๆ เมื่อวานเขาเข้าไปช่วยพี่ๆ ตกแต่งสถานที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้จะเหลือแค่ต้องเข้าไปดูความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายอีกครั้งเท่านั้น

เมื่อแวะกินโจ๊กหน้าปากซอยกันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ตรงไปที่โรงเรียนมัธยมดังกล่าวทันที ตอนที่ไปถึงคุณครูมากันครบหมดทุกคนแล้ว แถมยังมีนักเรียนและผู้ปกครองบางส่วนเริ่มทยอยกันมาจับจองที่นั่งแถวหน้า ครูใหญ่ให้พวกเขาสองคนช่วยเสิร์ฟน้ำและขนมปังให้กับคนที่ยังไม่ได้กินอาหารเช้ามา เมื่อจวนเวลาเข้ามาเต็มที ครูใหญ่จึงให้เขาไปเรียกเด็กๆ มารวมตัวกับคุณครูประจำชั้นด้านหลังเวที ส่วนพี่แทนก็แยกขึ้นไปเตรียมตัวสำหรับการแสดงเปิดงาน

“สวัสดีครับคุณครูพูริน” ตอนที่กำลังเดินเรียกเด็กๆ ตามแถวที่นั่ง คุณณัติคุณอาของน้องหมีก็เอ่ยทักขึ้นให้เขาส่งยิ้มและทักทายกลับ ตอนที่กำลังจะชวนคุยเขารู้สึกว่ามันร้อนวูบๆ ที่หลังยังไงไม่รู้ พูรินหันขึ้นไปมองบนเวที เขาสะดุ้งเมื่อเห็นตาคมวาวของใครอีกคนกำลังจ้องมองมาอย่างไม่วางตา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตาคู่นั้นเป็นของใคร

เกร็งได้อีก พี่แม่งทำให้กูเกร็งได้อีก

“วันนี้ครูพูรินแต่งตัวน่ารักจังเลยครับ” อีกฝ่ายยื่นหน้ามากระซิบข้างหูให้ได้ยินกันแค่สองคน คนที่วันนี้แต่งตัวทางการกว่าปกติ เสื้อยืดสีขาวเรียบกับยีนต์สีฟ้าพอดีตัว มีแจ๊คเกตสีเหลืองอ่อนคลุมทับอีกทีได้แต่ยิ้มรับ เขาพูดคุยกับคุณณัติและคุณพ่อคุณแม่ของน้องหมีอีกนิดหน่อยพอเป็นพิธี ก่อนที่จะเอ่ยขอตัว เพราะเขายังต้องไปเรียกเด็กคนอื่นๆ ขึ้นเวทีอีก ไม่ได้กลัวสายตงสายตาของหมีบ้าที่ไหนเลยจริงๆ นะ!

เสียงเพลงชาติที่ดังกระหึ่มทั่วหอประชุมจบลง เป็นสัญญาณว่าในที่สุดการแสดงกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เมื่อผู้ปกครองนักเรียนนั่งลงประจำที่ตามเดิม ครูจันทร์ที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรของงานก็เดินออกไปกล่าวต้อนรับ เอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะกล่าวถึงจุดประสงค์ของงาน นอกจากนั้นครูจันทร์ยังเล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการฝึกซ้อมและไม่ลืมที่จะเอ่ยชมกับความตั้งใจของเด็กๆ ที่เยอะเกินตัว เมื่อได้รับสัญญาณตอบรับจากด้านหลังเวที คุณครูก็อธิบายตารางเวลาของงานในวันนี้คร่าวๆ แล้วในที่สุดก็ขอให้ผู้ปกครองตบมือต้อนรับการแสดงแรกที่กำลังจะเริ่มขึ้น

เมื่อม่านสีแดงถูกเลื่อนออก เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง เด็กๆ ทั้งสามสิบคนที่อยู่ในชุดสีขาวล้วนถูกจัดเรียงเป็นครึ่งวงกลมสองแถว เด็กที่อยู่ในแถวหลังยืนอยู่บนกล่องไม้เตี้ยเพื่อให้ไม่โดนแถวหน้าบัง พูรินเห็นเด็กๆ ตื่นเต้นกันใหญ่ ร้องเรียกเมื่อมองเห็นคุณแม่คุณพ่อของตัวเองอยู่ด้านล่างเวที เขาเหลือบมองพี่แทนที่อยู่ด้านข้างกลุ่มเด็กน้อย เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยเหมือนกำลังรำคาญอะไรสักอย่าง แต่เขารู้ดีว่าตอนที่พี่แทนทำหน้าตาแบบนี้ มันเป็นเพราะเจ้าตัวกำลังเขินถึงขีดสุด

แชะ!

ตอนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก สายตาคมก็หันมามองสบกันพอดี เขาโบกมือให้พี่แทนก่อนที่จะยกชูนิ้วโป้งให้กำลังใจอีกฝ่าย พี่แทนพยักหน้าให้เขาหนึ่งทีเป็นการรับรู้ ก่อนจะดีดกีต้าร์ขึ้นลงเรียกสติเด็กๆ ให้กลับมาอยู่บนเวทีอีกครั้ง

การแสดงแรกจะเป็นการแสดงรวมของเด็กๆ ทั้งสองห้องเพื่อต้อนรับผู้ปกครอง พวกน้องๆ จะร้องเพลงเด็กที่รู้จักกันทั่วไปพร้อมกับเต้นประกอบจังหวะ จะเป็นเพลงไทยสามเพลง ก่อนจะต่อด้วยเพลงภาษาอังกฤษอีกสองเพลง ซึ่งเมื่อถึงท่อนภาษาอังกฤษ พูรินจะคอยนั่งอยู่แถวหน้าสุดของเวทีกับคุณครูประจำชั้นของเด็กๆ เพื่อช่วยแสดงท่าทางประกอบเผื่อนักเรียนตื่นเต้นจนลืมเนื้อร้องและท่าเต้นกันไปหมด

แต่ละเพลงผ่านไปด้วยดี ถึงจะร้องถูกบ้างผิดบ้าง บางคนก็งอแงร้องไห้บนเวที ไม่ยอมเต้นตามเพื่อนบ้าง แต่ความน่ารักของเด็กๆ ก็ทำให้ผู้ปกครองทั้งยิ้มหัวเราะในความไร้เดียงสา ทั้งน้ำตาซึมเพราะความภาคภูมิใจในลูกตัวน้อยของตน

ตอนที่เด็กๆ กำลังโชว์การตีกลองเข้าจังหวะ พูรินที่ช่วยจัดชุดสำหรับการแสดงสุดท้ายของเด็กๆเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมานั่งข้างพี่แทนที่บริเวณที่นั่งด้านหน้า ตั้งแต่จบการแสดงเปิดงานพี่แทนก็ว่างมาตลอด จึงมานั่งอยู่ตรงนี้คอยช่วยเขาถ่ายรูปเด็กๆ ตอนที่เขากำลังวุ่นอยู่หลังเวที

“ตื่นเต้นจังเลยพี่แทน” พูรินตื่นเต้นจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เขาทุ่มเทกับการแสดงชุดนี้มากที่สุด เพราะมันเป็นการแสดงที่มาจากคลาสการแสดงละครของเขาเอง พูรินทั้งเขียนบท ทำพร๊อพ และยังให้แม่กุ้งช่วยตัดชุดให้ เขาไม่คิดเงินค่าชุดกับเด็กๆ สักบาท เพราะอยากให้เด็กๆ เก็บไว้แทนคำขอบคุณที่ช่วยมาเป็นส่วนหนึ่งกับก้าวแรกของความฝันของเขา

วันนี้เด็กๆ จะเล่นละครเรื่องวินนี่ย์เดอะพูห์ มันเป็นเรื่องราวตอนที่หมีพูห์เล่นเกมส์ Poohsticks กับเพื่อนๆ ในป่าร้อยเอเคอร์

ฉากแรกเริ่มต้นที่ตัวละครเดินมายืนคุยกันอยู่บนสะพานไม้กลางแม่น้ำที่ไหลเอื่อย ตัวละครในฉากนี้มีทั้งหมด 5 ชีวิต มีเจ้าหมีพูห์เสื้อแดง หมูน้อยพิกเล็ต เจ้ากระต่ายแร็พบิทหูยาว เจ้าเสือร่าเริงทิกเกอร์ และเจ้าจิ้งโจ้รูตัวน้อย

ทั้งหมดกำลังถกเถียงถึงกติกาและของรางวัลของผู้ชนะเกมส์นี้ ในมือของเด็กน้อยแต่ละคนถือกิ่งไม้ที่มีสีแตกต่างกันเพื่อให้รู้ว่าของใครเป็นของใคร เมื่อตกลงกันได้ หมีพูห์ก็เอ่ยอธิบายเกมส์คร่าวๆ อีกครั้ง เมื่อเล่าจบ เด็กๆ ก็ไปยืนเรียงกันชิดขอบสะพานด้านที่เป็นต้นน้ำ นับหนึ่งถึงสามก่อนที่จะทิ้งกิ่งไม้ลงไปพร้อมๆ กัน หลังจากนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ขอบสะพานอีกฝั่ง ดูว่าถ้ากิ่งไม้ของใครโผล่ออกมาจากใต้สะพานก่อน คนนั้นก็จะเป็นฝ่ายชนะทันที

พูรินหัวเราะเสียงดังเมื่อเด็กๆ เริ่มส่งเสียงโวยวายตอนที่กิ่งไม้ไม่ยอมโผล่ออกมาสักที เขาทั้งขำทั้งซึ้งใจจนน้ำตาไหลที่เห็นเจ้าตัวแสบทั้งหลายอินกับบทบาทกันขนาดนี้

เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ เงียบลงเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างลอยโผล่ออกมาจากขอบสะพาน แต่แทนที่จะเป็นกิ่งไม้ มันกลับเป็นหางของเจ้าลาอียอร์ที่ลอยเคว้งอยู่บนน้ำ ถึงบทจะเป็นแบบนั้น แต่จริงๆ เจ้าอียอร์คือน้องหมีที่อยู่ในชุดลาสีม่วง น้องนอนแผ่อยู่บนแผ่นไม้ที่มีล้อเลื่อนดังเอี๊ยดๆ มีเชือกผูกอยู่กับแผ่นกระดานหนึ่งข้างให้คนหลังฉากอีกด้านค่อยๆ ดึงออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนน้องลอยตามน้ำอยู่ ท่าทางตื่นๆ ของน้องหมีทำให้ผู้ปกครองทั้งขำทั้งเอ็นดูกันยกใหญ่

เหล่าเพื่อนในป่าร้อยเอเคอร์ถกเถียงกันว่าจะช่วยเจ้าลาได้ยังไง เพราะว่ามันไม่ยอมจมลงไป ได้แต่ลอยไปตามน้ำ หลังจากที่ตกลงกันอยู่นาน เรื่องก็จบลงตรงที่หมีพูห์เดินไปหยิบก้อนหินก้อนใหญ่มาถ่วงให้อียอร์จมลงน้ำ ทำให้เจ้าลาสามารถหมุนตัวว่ายน้ำและหาทางขึ้นมาบนบกได้อีกครั้ง

เสียงปรบมือดังกึกก้องหอประชุม พูรินน้ำตาไหลพราก ความรู้สึกตอนนี้ของเขา ก็คงไม่ต่างกับผู้ปกครองอีกหลายคน เขารู้ว่าน้องๆ ฝึกซ้อมกันมาหนักแค่ไหน เด็กน้อยตัวแค่นี้ มันอาจจะไม่ใช่การแสดงที่ดีที่สุด แต่การได้มาเห็นความสำเร็จก้าวเล็กๆ อีกก้าวของน้องๆ มันช่างเป็นความรู้สึกสุขอิ่มที่เกินบรรยายจริงๆ

ภาพตรงหน้ามันเป็นสิ่งที่พูรินเคยเฝ้าฝันมาตลอดชีวิต และเขาคิดว่าเขาเดินมาถูกทางแล้ว ความสุขจากสิ่งที่ได้เห็นมันไม่มีอะไรมาแทนที่ได้เลย และมันจะดีแค่ไหนกันนะ ถ้าเขาจะได้ทำมันซ้ำๆ ถ้าเขาจะได้เห็นมันแบบนี้ตลอดไป

“กูเข้าใจแล้ว ว่าทำไมมึงถึงอยากทำงานนี้หนักหนา”

ตอนที่กำลังป่ายมือเช็ดน้ำตาไปมา เสียงทุ้มจากคนข้างตัวก็ดังขึ้นให้เขาหันไปมอง แววตาของใครอีกคนวาวไหวในความมืด พูรินอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นเหมือนพี่แทนมีน้ำตาคลอเบ้า

“พี่แทน...”

“เรามาทำมันไปด้วยกันนะ..” มือหนาเอื้อมมากอบกุมหลังมือของเขาแน่น แทนคุณเองก็ประทับใจกับการแสดงวันนี้ไม่น้อย ตัวเขาเองได้ใช้เวลาร่วมกับเด็กๆ เพียงระยะสั้น แต่กับหมีพูห์ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดทั้งเทอม เขานึกรู้ว่ามันคงสำคัญกับน้องมากเหลือเกิน

“ความฝันของมึง เรามาทำมันไปด้วยกันนะ”

น้ำตาของพูรินร่วงหล่นลงสองแก้ม เขาพยักหน้ารับรัวๆ แค่เพียงคิดว่าจะได้ทำตามฝันมันก็สุขใจมากพอแล้ว และนี่ยิ่งถ้าได้ทำมันกับคนที่รักมากที่สุด เขาคิดว่าในโลกนี้เขาคงไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว













หลังจากการแสดงทั้งหมดจบลง ก็ถึงเวลาที่นักเรียนและผู้ปกครองแต่ละชั้นเรียนจะถ่ายรูปร่วมกัน พูรินมีหน้าที่ช่วยแจกของที่ระลึก ส่วนแทนคุณก็วุ่นอยู่กับการช่วยผู้ปกครองถ่ายรูปคู่กับเด็กๆ

“ครูพูรินครับ” เป็นอีกครั้งที่อาของน้องหมีเดินมาทัก พูรินยื่นของที่ระลึกในมือให้เจ้าตัวก่อนจะเอ่ยทักอย่างมีมารยาท

“เป็นยังไงบ้างครับคุณณัติ วันนี้น้องหมีเต็มที่มากเลย”

“ผมกับพี่ๆ อึ้งมากเลยครับ ไม่คิดว่าน้องจะทั้งร้องทั้งเต้นได้ขนาดนั้น อยู่บ้านไม่เคยยอมบอกเลยว่าจะแสดงอะไร” เมื่อได้ยินพูรินก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“ผมเป็นคนบอกให้น้องหมีทำเซอร์ไพร์เองครับ นี่แสดงว่าน้องหมีเก็บความลับได้สุดยอดเลย”

“อย่างนี้ต้องพาเด็กดีไปเลี้ยงไอติมด้วยกันอีกนะครับ” ณัติไม่ยอมทิ้งโอกาส ไม่รู้ว่าปิดเทอมแล้วจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหม เขาเลยรีบเอ่ยปากชวนอีกฝ่ายทันที

“รอบนี้ยังไม่สัญญานะครับ เพราะยังไม่แน่ใจว่าเทอมหน้าทางโรงเรียนจะต่อสัญญากับผมไหม”

“อ้าว แย่จังเลย แล้วเรื่องที่ร้านตกลงยังไงครับ”

“ก็หลังจากจบงานนี้ก็ว่าจะเริ่มแล้วครับ ก็จะเหมือนกับที่โรงเรียน คือมีสอนภาษาอังกฤษกับแสดงละคร อ๋อ แล้วก็คอร์สสอนร้องเพลงสำหรับเด็กเล็กด้วยครับ”

“ดีเลยครับ ถ้าเริ่มเมื่อไหร่บอกด้วยนะครับ ผมจะพาน้องหมีไปสมัครเป็นนักเรียนคนแรกเลย”

“ได้เลยครับ ได้นักเรียนน่ารักๆ แบบนี้ผมสอนเต็มพลังแน่นอน” พูรินยิ้มรับจนตาปิด ท่าทางน่ารักของคุณครูทำให้คนที่มองเผลอยิ้มตาม ณัติลังเลนิดหน่อย ก่อนที่จะทำใจสู้ยื่นถุงกระดาษในมือส่งให้

“ครูพูรินครับ..ช่วยรับไว้ได้ไหมครับ” พูรินเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เขารับถุงกระดาษมาเปิดดู เมื่อเห็นว่าเป็นตุ๊กตาหมีพูห์ตัวน้อยก็ยิ้มอย่างดีใจ

“โธ่~ น่ารักจังเลย อย่างนี้คงไม่ต้องรอเปิดเทอม ผมคงต้องเลี้ยงไอติมน้องหมีตอบแทนซะแล้ว”

“ไม่ใช่หรอกครับ อันนี้จากผมครับ”

“...”

“ถ้าครูพูรินไม่รังเกียจ ช่วยรับไว้ได้ไหมครับ”

พูรินทำตัวไม่ถูก พี่แทนชอบพูดบ่อยๆ ว่าคุณณัติคิดเกินเลยกับเขา เขาไม่เคยเชื่อเลย แต่พอเป็นแบบนี้ เขาก็เริ่มคิดแล้วว่ามันอาจจะจริง

“เอ่อ..ขอบคุณนะครับคุณณัติ แต่ผมคง..”

“นะครับ อย่าทำให้ผมเสียน้ำใจเลย ผมไม่ได้หวังอะไร แค่อยากขอบคุณที่ช่วยดูแลน้องหมีอย่างดีน่ะครับ”

“เอ่อ..งั้นก็ขอบคุณมากเลยนะครับ” ถึงจะยังลังเล แต่พูรินก็ไม่อยากเสียมารยาทปฏิเสธอีกครั้ง เขาจึงได้แต่ยอมรับมาแต่โดยดี

“งั้นก่อนกลับ ผมขอถ่ายรูปคู่กับคุณครูเป็นที่ระลึกนะครับ” ไม่ทันตั้งตัว คนร่างสูงกว่าก็แนบตัวเข้าประชิด ยกเหยียดมือที่ถือกล้องมือถือขึ้นสูง เตรียมตัวจะเอาหน้าแนบชิดคุณครูเพื่อถ่ายรูป

หมับ!

พูรินตาโตเมื่อเห็นพี่แทนคว้าเข้าที่ข้อมือคุณณัติ หน้าที่ยังเรียบเฉยของอีกคนทำให้เขารู้สึกกลัว ตรงนี้มีผู้ปกครองและเด็กๆ อยู่เยอะมาก ถ้ามีเรื่องกันตอนนี้คงไม่ดีแน่ๆ

“ผมถ่ายให้ครับ”

พี่แทนเอ่ยเสียงแข็ง ณัติที่ตกตะลึงอยู่พยักหน้ารับ หน้าตาหาเรื่องขนาดนั้นนึกว่าจะโดนต่อย ใครจะรู้ว่าแค่จะมาช่วยถ่ายรูป

“งั้นรบกวนถ่ายหลายๆ รูปด้วยนะครับ”

พูรินยิ้มเจื่อนเมื่อคุณณัติมายืนยิ้มให้อีกคนถ่ายรูป เมื่อเช็คภาพจนพอใจ คุณณัติก็กล่าวขอบคุณและหันมาลาเขาก่อนที่จะเดินออกไป ทิ้งให้ช่างถ่ายรูปยืนอยู่กับนายแบบจำเป็นเพียงสองคน

“เสน่ห์แรงเหลือเกินนะครูพูริน”

“ง่ะ ไม่แซวดิพี่แทน~”

“...”

“อ่ะๆ แซวก็ได้ แต่ห้ามโกรธ” เมื่อเห็นอีกคนเงียบไป เขาก็เขย่าแขนอีกฝ่ายแรงๆ ส่งเสียงงอนง้อ

“เฮ้อ..กูขี้หึงว่ะ กูพยายามแก้อยู่”

“ขอบคุณนะครับที่พยายาม เมื่อกี้ผมคิดว่าพี่แทนจะใส่คุณณัติซะแล้ว”

“กูไม่ทำอะไรที่ทำให้มึงเดือดร้อนทีหลังหรอกน้า”

“ก็เป็นแบบนี้ ผมถึงได้รักเยอะรักแยะ”

แทนคุณกลอกตามองบนอย่าอ่อนเพลีย หมีพูห์มันเริ่มอีกแล้ว

“พี่แทนอย่าเดินหนีดิ”

“ไปไกลๆ เลยมึงอ่ะ”

“รักขนาดนี้ ไล่ยังไงก็ไปไหนไม่รอด”

“หมีพูห์หยุด”

“ให้หยุดอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่หยุดรัก”

“มึงมันบ้า”

“ถึงจะบ้าก็บ้ารักเธอนะรู้ไหม”





แทนคุณอยากจะกรีดร้อง..

เขาไม่แน่ใจว่าชาติที่แล้วตักบาตรด้วยอะไร ทำไมถึงได้มาคู่กับคนติ๊งต๊องแบบนี้!!





**********

#หมีแทนที่รัก

มานั่งคิดดูแล้ว พระเอกของเราขี้หึงหมดเลยนะ สงสัยจะเพราะชอบผช. ประเภทนี้เป็นการส่วนตัว หุหุ แต่นายเอกของเราจะนิสัยไม่เหมือนกันสักคน และคนนี้ก็คือบ้าสุดอะไรสุด รักน้องหมีจริงๆอ่ะ มันน่ารักน่าฟัดจริงๆเลย แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า 13บวกจ้า

#ต้นคนรักไม่เป็น

ขอฝากตอนพิเศษตอนที่สองของแฟนเดือนเดียวด้วยนะคะ ลืมตั้งต้นคนแสนดีหรือยังเอ่ย ถ้ายังไม่ลืมกันก็ฝากไปอ่านด้วยน้า

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

ทวิตเตอร์ @maywrite1





















































ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
คุณครูพูรินน่ารักจังเลยค่าาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:น้ำผึ้งหยดที่สิบสาม:.

Promise me you will never forget me because if I thought you would, I’ d never leave.

.

.

สัญญาสิว่าคุณจะไม่ลืมฉัน เพราะถ้าฉันคิดว่าคุณจะลืม ฉันจะไม่มีทางจากคุณไป









เขาว่ากันว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ชีวิตของพูรินในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาก็คงเหมือนกัน

หลังจากที่จบงานแสดงละครของเด็กๆ เขาก็พาพ่อกับแม่มาหาแม่กุ้งที่บ้าน เพื่อที่จะพูดคุยกันเรื่องร้าน แม่กุ้งยังยืนยันที่จะขอออกค่าใช้จ่ายร่วมให้ได้ พ่อที่เป็นสปอนเซอร์ฝ่ายเขาเลยยื่นข้อเสนอ โดยการที่พ่อขอเป็นฝ่ายซื้ออาคารพานิชย์สามชั้นใกล้บ้านพี่แทนที่จะใช้เป็นร้านไว้เอง เพราะให้เหตุผลว่าเจ้าตัวอยากซื้อไว้เพื่อเกร็งกำไรในอนาคต

พ่อขอให้แม่กุ้งเป็นฝ่ายออกค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แม่กุ้งก็มีอยู่แล้ว เช่น จักรเย็บผ้า ราวและหุ่นจำลองแขวนเสื้อผ้า และอุปกรณ์จำเป็นที่ใช้สำหรับงานเย็บปักถักร้อย พี่แทนกับแม่กุ้งนำเงินเก็บที่มีอยู่ก้อนนึงออกมา พวกเขาใช้มันซื้อโซฟารับแขก โต๊ะเรียนของเด็กๆ และหนังสืออีกจำนวนหนึ่งตามที่เราเห็นว่าจำเป็นต้องใช้ในเบื้องต้น

ส่วนแม่ของเขาเสนอตัวขอเป็นคนจัดการเรื่องการออกแบบตกแต่งร้าน แม่มีเพื่อนสนิทที่เป็นมัณฑนากรที่พร้อมจะมาช่วยเหลือโดยไม่คิดเงินสักบาท พวกเราใช้ชั้นหนึ่งเป็นหน้าร้านสำหรับเช่าและขายชุดแฟนซีสำหรับเด็กๆ มีห้องเล็กๆ ไว้สำหรับให้แม่กุ้งทำงาน ส่วนชั้นสองที่มีอยู่สามห้องจะเอาไว้เป็นห้องเรียนของเด็กๆ ซึ่งตอนนี้มีแค่เขากับพี่แทนสองคนรับหน้าที่ผู้สอน พี่แทนสอนเด็กๆ ร้องเพลงและเล่นดนตรีอย่าง กีต้าร์ อะคูเลเล่และเปียโน ส่วนของเขาก็มีร้องเพลง เล่นละครและภาษาอังกฤษสลับกันไป ส่วนชั้นสามของบ้านตอนนี้มีห้องหนึ่งใช้เป็นห้องพักผ่อน อีกสองห้องยังทิ้งว่างไว้ เผื่อว่าในอนาคตถ้ากิจการของโรงเรียนไปได้ดี ก็จะขยับขยายใช้อีกสองห้องที่เหลือเป็นห้องเรียนด้วย

หลังจากที่ทำร้านเสร็จในเวลาไม่ถึงเดือน ครูจันทร์ก็ช่วยโปรโมทร้านในกรุ๊ปของผู้ปกครองให้ มีนักเรียนของโรงเรียนหลายคนมาลงสมัครร้องเพลงและลงเรียนภาษาอังกฤษ ดังนั้นตลอดช่วงปิดเทอม เขาทั้งสองคนจึงใช้เวลาอยู่กับร้านซะเป็นส่วนใหญ่ จะมีกลับไปบ้านเขาบ้างเวลาที่ไม่มีสอนตอนเช้า

กิจการงานเย็บผ้าของแม่กุ้งก็ดีขึ้นมาเป็นลำดับ นอกจากจะมุ่งขายในเวบต่างประเทศแล้ว ตอนนี้พูรินยังก้าวไปอีกขั้นด้วยการไลฟ์สดขายชุดในเฟซบุ๊ค ถึงพี่แทนจะไม่ค่อยชอบไอเดียนี่เท่าไหร่ ชอบบอกว่าเพราะเป็นแบบนี้ถึงมีอินบ๊อคมาจีบไม่หยุด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังขอดื้อต่อไป เพราะยอดไลท์ที่เพิ่มมากขึ้นในทุกวันทำให้ร้านของเรามีคนรู้จักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนเรื่องที่พี่แทนจะไปเรียนต่อ ในที่สุดเมื่อพี่แทนคุยกับแม่กุ้งจนเข้าใจกันดีแล้ว พี่แทนก็เดินเรื่องขอรับทุนและเริ่มเตรียมเอกสารที่จำเป็น ถึงจะยุ่งกันจนหัวหมุน ยังไงเขาก็ไม่ลืมแบ่งเวลาให้กับการติวภาษาอังกฤษให้กับพี่แทนอยู่ดี เวลาหลังจากปิดร้าน เราทั้งสองจะกลับไปที่บ้านพี่แทน ใช้เวลาหลังจากนั้นนั่งติวหรือไม่ก็ดูหนังดูการ์ตูนฝึกภาษากันจนดึกดื่น

เรียกได้ว่า เราสองคนแทบจะอยู่ด้วยกัน 24 ชม.ต่อวันเลยก็ว่าได้

มันเป็นแบบนี้จนกระทั่งขึ้นเทอมสอง ในเทอมนี้พี่แทนยุ่งมาก เจ้าตัวทั้งต้องทำโปรเจกท์จบทั้งต้องเตรียมเรื่องเรียนต่อ ส่วนเขาเองก็มีทั้งการบ้านที่ต้องทบทวน งานที่โรงเรียนอนุบาลที่เพิ่งได้ต่อสัญญาฉบับใหม่ นี่ยังไม่รวมถึงเวลาที่เอาไปช่วยแม่กุ้งเย็บผ้าอีก เราเลยตกลงกันว่าจนกว่าจะปิดเทอม พวกเขาจะรับนักเรียนเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ เขาขอให้ไอ้พุทธมาช่วยสอนวิชาที่พี่แทนเคยสอนไปก่อน เพราะถึงพี่แทนจะบอกว่าอยากทำต่อจนถึงที่สุด แต่เป็นเขาเองที่อยากได้เวลาที่เหลืออันน้อยนิดของพี่แทนไว้กับตัวเองบ้าง

“จะหลับแล้ว” เสียงทุ้มนุ่มที่ลอยผ่านหู มาพร้อมกับความรู้สึกอุ่นร้อนที่แทรกซึมผ่านกลุ่มผม มือหนาของใครบางคนขยี้ไปมาบนหัวของคนที่นั่งตาปรือ ก่อนที่คนที่จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่จะเอนหัวมาซบลงในอกกว้างของคนร่างหนา

แทนคุณหยิบเข็มเย็บผ้าออกจากมือของคนที่สติเริ่มไม่มั่นคง เมื่อวางมันลงบนโต๊ะญี่ปุ่นข้างตัวแล้ว เขาก็ใช้สองแขนแกร่งโอบรอบให้ไออุ่นกับคนที่ง่วงนอนจัด

“ขึ้นไปนอนไหม” กระซิบข้างหูคนที่ขยับหาที่สบายในอ้อมอกของเขา เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงักแต่ยังไม่ยอมลุกไปไหน

เป็นแบบนี้ทุกทีสินะ...

“พี่แทนอุ้ม”

นั่นไงล่ะ!

แทนคุณอดหัวเราะหึในลำคอไม่ได้ เขาจัดการช้อนคนในอ้อมกอดด้วยสองมือ เมื่อจับอีกฝ่ายมั่น เขาก็เดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของเจ้าตัว วันนี้พวกเขามานอนบ้านน้อง เพราะตั้งใจจะมาลาพ่อกับแม่ของน้องที่จะกลับมาตอนรุ่งเช้าเป็นครั้งสุดท้าย

“พี่แทน...”

เมื่อวางอีกคนลงบนเตียงเรียบร้อย แทนคุณตั้งใจจะผละไปหยิบฟูกจากชั้นลงมาปูนอนข้างเตียงอย่างที่ทำเป็นประจำ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีบางสิ่งมาดึงรั้งชายเสื้อของเขาไว้

“นอนด้วยกันนะ..” พูรินเอ่ยออกมาทั้งทียังงัวเงีย

“...”

“ไม่ได้หรือไง”

แทนคุณไม่ได้ตอบกลับไปในทันที เขามองจ้องอีกคนที่ใช้ตากลมออดอ้อน ถอนหายใจหนักดังๆ หนึ่งครั้งก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนฟูกนุ่ม ทันทีที่เอาหลังพิงหัวเตียง ใครอีกคนที่นอนอยู่ก็เขยิบเข้ามาซบอก สองแขนเรียวรวบเอวสอบไว้แน่น ให้คนโดนรัดใช้สองแขนโอบทับอีกชั้น

“งอแงอีกแล้วนะมึง..” พึมพำบ่นออกไปอย่างไม่จริงจัง ใช้แขนข้างที่โอบหลังอีกฝ่ายลูบขึ้นลงเบาๆ คล้ายการกล่อมนอน

“เตียงที่บ้านผมใหญ่กว่าของพี่แทนตั้งเยอะ”

“...”

“พี่แทนทำไมต้องแยกไปนอนที่พื้นด้วย นอนด้วยกันบนเตียงไม่ได้หรอ ผมอยากนอนกอดพี่แบบนี้ทั้งคืนได้ไหม”

“เดี๋ยวกูก็อดใจไม่ไหวจริงๆ หรอก” คนที่พยายามหักห้ามใจตัวเองมาโดยตลอดพึมพำออกมาอย่างเสียไม่ได้ เขามันคนคิดไม่ซื่อ น้องมันไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่วันที่ตกลงเป็นแฟนกัน เขาคิดจะทำมิดีมิร้าย คิดจะทำอะไรมันไปถึงไหนต่อไหน

“หืม พี่ว่าอะไรนะ”

“เปล่า กูบอกว่ากูกลัวมึงนอนไม่สบาย”

“สบายอยู่แล้วที่ตั้งเยอะแยะ แล้วอีกอย่างนอนหนุนอกพี่แทนแบบนี้ หลับฝันดีกว่าเดิมไปอีก”

“มึงนี่น้า..” เขาได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงตก กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด ก็เพราะหมีพูห์มันเป็นแบบนี้ น้องมันยังเหมือนเด็กน้อยที่เพ้อฝันถึงความรักแสนบริสุทธิ์ เพราะรู้ดีว่าจะอยู่ดูแลไม่ได้ เขาจึงยังอยากให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปอีกนิด นึกรู้ว่าถ้าเขาไม่ยอมชั่งใจ เขาจะทำให้เรื่องมันยากขึ้นกว่าเดิมอีกร้อยเท่าพันเท่า

“พี่แทน...” จู่ๆ ในความเงียบ คนที่เขานึกว่าหลับไปแล้วก็เอ่ยเรียกชื่อเขาออกมา

“ยังไม่หลับอีกหรอหืม..”

“...”

“...”

“ถ้าพี่แทนไม่อยู่ พี่ว่าผมจะทำยังไง” คนที่หายง่วงพูดไปอีกเรื่องตามที่ใจคิด พูรินพยายามที่จะไม่คิดถึงวันที่ต้องไกลห่าง แต่มันก็เหมือนในทุกครั้งที่เมื่อยอมปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปตามใจ มันมักจะจินตนาการไปถึงวันที่ต้องบอกลาอ้อมกอดของคนที่รักที่สุดคนนี้ไป

“พี่คิดว่าผมจะอยู่ได้ไหม” ถามออกไปเพราะไม่รู้จริงๆ แค่คิดว่าวันนึงจะไม่มีพี่แทนอยู่เคียงข้าง กระบอกตาของใครบางคนก็เริ่มร้อนขึ้นมาทันใด

“พี่คิดว่าผมจะทำได้ยังไง จะให้ใช้ชีวิตแบบไม่มีพี่ได้ยังไง ทั้งๆ ที่ยังต้องไปในทุกๆ ที่ที่เคยมีพี่อยู่”

“...”

“บางที ผมก็คิดนะ ผมอยากงี่เง่า อยากบอกให้พี่ไม่ไป อยากให้อยู่ด้วยกันไปแบบนี้ตลอดเลย แต่พอยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ว่าทำไม่ได้ ผมไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่อยากเป็นคนทำลายอนาคตของพี่”

เขาไม่แน่ใจว่าพี่แทนจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดมากแค่ไหน เพราะยิ่งพูดเขาก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น พูรินรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนเข้มแข็ง แต่คนที่ร้องไห้ให้กับ Toy Story ทั้งสี่ภาคอย่างเขาก็พยายามมาโดยตลอดที่จะไม่ทำให้พี่แทนลำบากใจ แต่เหมือนวันนี้เขาจะเผลอหล่นลงไปในช่องว่างของความอ่อนแอที่ปิดไม่สนิท ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทำให้ใครอีกคนกังวล แต่วันนี้เขาก็ได้แต่สะอึกสะอื้นอยู่ในความเงียบ มีเพียงอ้อมกอดของคนที่เขาไม่อยากให้ไปไหนกระชับแน่นขึ้น เหมือนอยากให้เขารู้ว่าเจ้าตัวยังอยู่ตรงนี้

“กูเคยคิดมาตลอดว่ากูเป็นคนไม่มีความฝัน..” ในที่สุดเมื่อร้องไห้จนพอใจเขาก็ปล่อยให้ความเงียบครอบงำห้องเล็กๆอีกครั้ง เราต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนในที่สุดคนที่เงียบมาตลอดก็เป็นฝ่ายเอ่ยออกมา

“เพราะต้องคอยอยู่กับความจริงตรงหน้า ต้องคอยดิ้นรนเอาตัวรอด กูถึงไม่มีเวลาที่จะฝัน ไม่เคยถามตัวเองเลยสักครั้ง ว่าจริงๆแล้วกูอยากเป็นอะไร อยากได้อะไรกับชีวิต แม้แต่ตอนมาเรียนที่คณะนี้กูยังลังเล เพราะถึงแม้กูชอบดนตรีแต่กูก็ไม่รู้ว่าอาชีพนี้มันจะพากูไปถึงไหน มันอาจจะทำให้กูอิ่มใจ แต่มันจะทำให้กูกับคนที่บ้านอิ่มท้องหรือเปล่า”

แทนคุณเผยสิ่งที่คิด เขาย้อนนึกไปถึงวันที่ตัดสินใจเลือกคณะเรียน ทั้งๆ ที่ใครต่างชมว่าเขามีพรสวรรค์ แต่ในตอนนั้นเขาที่คิดเพียงอยากจะเลือกเรียนอะไรก็ได้ที่จบไปแล้วได้งานที่เงินเยอะๆ เขารู้เพียงเขาอยากให้แม่สบาย แต่ก็เป็นแม่เองนั่นแหละที่เห็นความสุขของเขาเกินใคร สนับสนุนให้เขาเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบ

“พี่แทน...”

“แต่มันเป็นวันนั้นที่ทำให้กูมั่นใจ วันที่กูได้เห็นมึงที่งานแสดงของน้องๆ กูถึงได้รู้ว่าการไล่ตามความฝัน มันให้ความสุขกับคนคนนึงได้มากแค่ไหน”

พูรินผละออกมาจากอ้อมอกของอีกฝ่าย ลุกขึ้นนั่งมองหน้าคนที่กำลังเล่าความในใจ คนร่างหนายื่นมือมาเกลี่ยใต้ตาที่บวมฉึ่งของเขาอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะเลื่อนเอาผมทัดหูให้อย่างแผ่วเบา

“แล้วมึงคงไม่รู้ว่าเรื่องทำร้านมันทำให้แม่กูมีความสุขมากแค่ไหน จากคนที่ทำงานเพื่อหาเงินกลายเป็นคนที่ทำแล้วรู้สึกสนุก มึงรู้ไหมมันต่างกันแค่ไหน ที่ต้องตื่นมาเพื่อทำในสิ่งที่ ‘จำเป็นต้องทำ’ กับ ‘สิ่งที่อยากทำ’ น่ะ”

“...”

“กูก็เลยถามตัวเองว่าอะไรกันแน่คือความฝันของกู มึงรู้ไหมว่าคำตอบของกูคืออะไร” พูรินส่ายหน้าแทนคำตอบ ตากลมจับจ้องอย่างใจจดใจจ่อไปที่อีกคน

“กูอยากมีชีวิตเพื่อทำให้ฝันของคนที่กูรักเป็นจริง”

“...”

“มึงก็เห็นว่าตอนนี้กูก็เป็นแค่นักศึกษาจนๆ กูไม่มีอะไรมาเป็นหลักประกันชีวิตให้มึงได้เลย กูอยากเป็นคนที่ดีกว่านี้ อยากเป็นคนที่สามารถสานฝันของคนช่างฝันแบบมึงได้มากกว่านี้”

“...”

“กูถึงคิดว่าการที่กูได้ไปเรียนต่อมันจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยเปลี่ยนกูเป็นคนละคน กูจะพยายามพัฒนาตัวเอง กูจะได้ทำในสิ่งที่กูชอบ และในขณะเดียวกันกูก็จะหางานที่ได้เงินเยอะๆ และเมื่อกูถึงจุดนั้นทั้งมึงและแม่ก็จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำได้เต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลอะไร”

เป็นอีกครั้งที่คนพูดน้อยพูดเยอะกว่าที่เคย แทนคุณเป็นคนพูดไม่เก่งแต่ใช่ว่าเขาจะไม่ใช่คนคิดเยอะ ที่เขาลังเลมาตลอด ก็เพราะไม่อยากจะทิ้งทั้งแม่และน้องไปไหน แต่เมื่อมาคิดย้อนถึงความจริงที่ต้องเผชิญ เขาก็เห็นชัดว่า ในบางครั้งเราจำเป็นต้องอดทนและยอมปล่อยมือจากบางสิ่งบางอย่าง เพื่อที่จะเตรียมความพร้อมให้กับสิ่งที่สำคัญกว่าในอนาคต

“นี่คือทั้งหมดที่กูคิด กูอยากให้มึงเห็นด้วย แต่กูก็ยังอยากให้มึงรู้ไว้..แค่มึงพูดคำเดียวว่ามึงอยู่ไม่ได้ มึงไม่อยากให้กูไป กูก็จะไม่ไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความสุขของมึงคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับกู”

พูรินไม่อาจห้ามน้ำตาตัวเองได้ เขาไม่เคยรู้เลยว่าพี่แทนคิดถึงเขาได้มากมายขนาดนี้ บางครั้งยังเคยแอบน้อยใจด้วยซ้ำว่าพี่แทนเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรเลยที่ต้องห่างกัน แต่ในวันนี้ที่ได้รับรู้ทุกอย่าง หัวใจที่เคยอ่อนแอจนถึงที่สุดก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง

“พี่พูดมาขนาดนี้ ผมจะยังห้ามพี่ได้ยังไง..”

พูรินพึมพำเบาๆ โผเข้าไปในอ้อมอกแกร่งที่เขาคุ้นเคยที่สุด น้ำหอมของพี่แทนยังคงเหมือนเดิม มันยังอบอุ่นที่สุดสำหรับเขาเสมอ

“พี่ไม่ต้องห่วงแม่กุ้งนะ ผมจะดูแลแม่กุ้งเอง”

“ไม่ใช่แค่แม่ มึงต้องดูแลตัวเองดีๆ ด้วยรู้ไหม ไม่มีกูแล้ว ไปไหนมาไหนก็ต้องระวัง คิดเยอะๆ กินข้าวให้ตรงเวลา แล้วก็อย่าไว้ใจใครง่ายๆ” พูรินพยักหน้าหงึกเป็นการตอบรับ

“พี่แทนต้องโทรหาผมทุกวันเลยนะ”

“อืม กูจะพยายาม”

“ปิดเทอมเมื่อไหร่ ผมจะรีบบินไปหา”

“อืม กูจะพามึงไปดิสนีย์เวิร์ลด้วยดีไหม”

“พี่แทนสัญญาแล้วนะ!” พูรินเด้งตัวขึ้นบนที่นอนอีกครั้ง ปรบมือชอบใจก่อนที่ในที่สุดจะเอานิ้วก้อยมาเกี่ยวทำสัญญาจนได้

“พี่แทนห้ามนอกใจผมด้วยนะ”

“อะไรของมึงเนี้ย” แทนคุณใช้มือหนาดันหัวคนที่เริ่มพูดเรื่องไม่เข้าเรื่อง

“นอกใจก็ไม่ได้ นอกกายก็ไม่ได้นะ พวกฝรั่งยิ่งฟรีๆ อยู่ด้วย ห้ามวันไนท์แสตนด์ด้วยนะ”

“บ๊องแล้ว รู้เยอะเกินไปแล้วเราน่ะ”

“พี่แทน! สัญญามาก่อนดิ ห้ามนอกใจจริงๆ นะ ต้องทำตัวเย็นชา ต้องพูดคำหยาบเยอะๆ ห้ามทำตัวน่ารักให้ใครหลงรักด้วย”

“มึงบอกตัวเองก่อนไหม ใครกันแน่ที่ชอบทำตัวน่ารักให้ใครหลงรัก” แทนคุณเคาะกระโหลกคนพูดมากไปครั้ง มันนั่นแหละที่ชอบทำตัวอัธยาศัยดีเกินคนปกติ

“อะไรเล่า ไม่ต้องทำมาเปลี่ยนเรื่อง พี่แทนรับปากมาก่อนดิ”

เมื่อไม่ยอมเกี่ยวก้อยสัญญาสักที พูรินก็ตั้งท่าที่จะบ่นต่อ แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรก็โดนปากของใครอีกคนมาประกบปิด พูรินหลับตาปี๋ ใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ ลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามาทำให้ใจสั่นไหว มันลากเลียผ่านทุกไรฟันก่อนที่จะไปหยอกล้อกับอวัยวะเดียวกัน เขาเหมือนจะหยุดหายใจเมื่อพี่แทนทั้งดูดทั้งเม้มริมฝีปากล่างของเขาจนรู้สึกชาไปหมด เล็บจิกลงไปบนท่อนแขนแกร่งของใครอีกคนเพื่อระบายความตื่นเต้น

“วันๆ พี่ก็คิดถึงแต่น้อง แล้วพี่จะไปมองใครที่ไหนได้”

เมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนผละออกไป คนที่ขโมยจูบก็เอ่ยประโยคที่ทำให้ใจกระตุกกว่าเดิม

พี่แทนแม่งขี้โกง..

รู้ดีไปหมดว่าจะทำยังไงให้คนอย่างเขาไปไม่เป็น

“รับปากก่อนสิ เกี่ยวก้อยสัญญาด้วยได้ไหม” แต่คนขี้ตื้อก็ยังดึงดัน เขาอยากได้ยินคำมั่นสัญญาจากปากอีกฝ่าย

“มึงนี่มัน...” แทนคุณส่ายหัวอย่างแสนระอา

“เออ กูจะไม่มีวันนอกทั้งกายนอกทั้งใจมึง พอใจหรือยัง”

จุ๊บ!

พูรินเขย่านิ้วก้อยที่เกี่ยวกันแรงๆ พยักหน้ารับว่าพอใจกับคำตอบ ก่อนจะโน้มหน้ามาหอมแก้มเขาดังฟอดแล้วซบลงมาในอกเขาอีกครั้ง บางครั้งเขาก็อยากจะด่ามันว่าทำอะไรไม่รู้จักระวังตัว ถ้าไปทำแบบนี้กับคนอื่น มันคงไม่รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้หรอก



ไม่มีทาง!

แค่คิดก็โมโหจนควันออกหู

เขาไม่มีทางปล่อยให้มันไปทำอย่างนี้กับใคร



“รอกูนะ”

“อืม กลับมาเร็วๆ นะพี่แทน”

































พูรินยืนจ้องมองผ่านกระจกใสหน้าบันไดเลื่อน ทั้งๆ ที่ใครอีกคนเดินเข้าไปด้านในจนไม่สามารถมองเห็นได้แล้ว แต่ขาทั้งสองข้างก็เหมือนจะไม่ยอมขยับไปไหน

“กลับกันไหม” เสียงทุ้มของใครอีกคนกับท่อนแขนแกร่งที่มาโอบรอบบ่าทำให้คนที่ยังเหม่อลอยได้สติ พูรินหันหลังกลับมาหาพี่รหัส พยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบตกลงว่ากลับกันเถอะ

“กลับจากไปส่งแม่กุ้ง เราไปกินข้าวกับพี่ไหม”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ดิน ผมอยากอยู่เป็นเพื่อนแม่กุ้ง” พูรินเอ่ยตอบเสียงเศร้า 

“แต่มึงในสภาพนี้ จะทำให้แม่ยิ่งเศร้ากว่าเดิมรู้ไหม” เมื่อพี่ชายบอกอย่างนั้น พูรินยิ่งเม้มปากแน่นกว่าเดิม พยายามกลั้นน้ำตาที่ทำท่าจะไหลลงมา เขาร้องไห้จนปวดตาไปหมด ตาบวมฉึ่งจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว

“ให้พี่ถ่ายรูปเราไปให้ไอ้แทนดูไหม” เขารีบส่ายหน้า ต่อหน้าพี่แทนเขาพยายามฝืนยิ้มไว้ได้จนนาทีสุดท้าย เขาไม่อยากทำให้พี่แทนไม่สบายใจ

“งั้นก็ทำตามที่พี่บอก อดทนอีกนิด ไปส่งแม่กุ้งกันก่อน แล้วถ้าอยากจะร้องก็ร้องให้เต็มที่เลยวันนี้” บดินทร์ลูบหัวคนที่พงกหัวรับคำเขา

“ห้ามคิดเด็ดขาดว่าเราอยู่คนเดียว ไม่ต้องฝืนทำเป็นเข้มแข็ง รู้ใช่ไหมว่าเรายังมีพี่อยู่”

คนฟังทำได้แค่พงกหัวรับอีกครั้ง ก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด เขาสองคนเดินไปหาแม่กุ้งที่นั่งรออยู่ที่ม้านั่งกับพี่ต้น เขารู้ว่าแม่กุ้งก็เป็นกังวล ถึงแม่จะไม่ได้ร้องห่มร้องไห้เหมือนเขา แต่แววตาเรื่อน้ำของแม่ก็ทำให้รู้ว่าทั้งห่วงทั้งอาวรณ์แค่ไหน

“กลับบ้านกันนะครับแม่กุ้ง” พูรินเอ่ยทักเมื่อเดินมาประชิดตัวอีกฝ่าย

“เดี๋ยวแม่ให้พี่ต้นไปส่งแม่ที่บ้าน ส่วนเราไปกินข้าวกับพี่ดินเถอะ ยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าใช่ไหม”

พูรินรู้สึกผิด แม้แต่ในเวลาแบบนี้ เขายังทำให้แม่กุ้งกังวลเพราะเขา

“ครับแม่ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวตอนเย็นผมจะรีบกลับไปหานะครับ”

“ค่อยมาพรุ่งนี้ก็ได้ลูก วันนี้เห็นคุณพ่อคุณแม่ของเราว่าจะกลับมาใช่ไหม ไปหาท่านก่อนเถอะ”

“แต่ผม...”

“น้องหมีพูห์..ทำตามที่แม่บอกนะครับ แม่รู้ว่าเราห่วงแม่มาก แต่แม่ไม่เป็นไรจริงๆ ถึงพี่แทนไม่อยู่ แม่ก็มีเราอยู่ด้วยทั้งคนนี่น่า น้องหมีพูห์เองก็รู้ว่ามีแม่อยู่ใช่ไหมครับ”

“แม่กุ้ง~”

“พี่แทนเขาอยู่ไกล เขาดูแลเราไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เราสองคนต้องดูแลกันและกันดีๆ อย่าให้พี่เขาต้องมาเป็นกังวล มารอพี่เขากลับมาด้วยกันนะครับ”

พูรินโผเข้ากอดแม่กุ้ง ให้อีกคนลูบหัวปลอบใจ อยู่อย่างนั้น ก่อนที่เราทั้งหมดจะเดินกลับไปที่ลานจอดรถ เป็นอีกครั้งที่พูรินคิดว่าตัวเองยังเด็กเหลือเกิน ทั้งที่สัญญากับพี่แทนว่าจะเป็นคนดูแลแม่กุ้ง แต่ตอนนี้เขาทำให้แม่กุ้งต้องมาเป็นฝ่ายดูแลเขาแทน

เมื่อเข้ามานั่งในรถ พูรินตกใจเมื่อพบว่าเขาเผลอบีบพิกเล็ตซูมซูมที่อยู่ในมือมากเกินไปจนมันยับย่น เขารีบเอามือลูบไปมาให้มันคืนสภาพเดิม ใจย้อนนึกถึงวันนั้นที่เขาและพี่แทนนอนกอดกันทั้งคืนที่บ้าน เขาหันไปเจอตุ๊กตาซูมซูมที่พี่แทนซื้อให้ในวันเกิด มันเรียงกันเป็นแถวอยู่บนหัวเตียง เมื่อตัดสินใจได้ มือก็เอื้อมไปหยิบหมีพูห์ตัวน้อยออกมา

‘พี่เอาติดตัวไปด้วยได้ไหม’ เขายื่นมันให้อีกคน

‘ทำไม ไม่ไว้ใจจนต้องให้มันไปเฝ้ากูเลยหรอไง’ ใครอีกคนเอ่ยเย้า

‘ใช่ที่ไหนเล่า ก็แค่เผื่อพี่คิดถึงผม พี่จะได้จุ๊บน้องหมีแทนไง’ ว่าแล้วก็เอาหน้าเจ้าหมีน้อยไปจุ๊บริมฝีปากเรียวหยักของใครอีกคน เขานึกว่าจะโดนพี่แทนว่าว่าติ๊งต๊องเหมือนทุกครั้ง แต่พี่แทนกลับเอื้อมไปหยิบพิกเก็ตซูมซูมมาถือ ทำในสิ่งที่เขาทำก่อนหน้ากับตัวเขา

‘แต่กูจะให้ไอ้นี้มันเฝ้ามึง ถ้ามึงเผลอน่ารัก เผลอใจดีกับใคร เวลามึงเจอหน้ามันมึงจะได้กลัว’

พูรินอดขำให้กับคนที่เอาเจ้าหมูน้อยมาจ่อปากเขาไม่ได้ ต้องคูลแค่ไหนถึงจะสามารถเอาพิกเล็ตมาขู่คนอื่นได้

‘ทำไมพี่แทนถึงชอบพิกเล็ตนักนะ ชมพู๊ชมพู ไม่นึกว่าพี่จะชอบอะไรแบบนี้’

‘ก็ไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้น..’

‘หืม..’

‘มึงคิดว่าอะไรคือสิ่งที่พิกเล็ตชอบทำที่สุด’

พูรินนิ่งคิดไปนิดเมื่อเจอคำถาม พยายามทบทวนในสิ่งที่เคยได้อ่านมาทั้งหมด





‘Piglet, what is your favorite thing to do?’

(พิกเล็ต, อะไรคือสิ่งที่นายชอบทำมากที่สุด?)

‘Adventure with Pooh is my favorite thing’

(การผจญภัยกับหมีพูห์คือสิ่งที่ฉันชอบที่สุด)





‘พี่แทนนี่หลงรักผมมากเลยเนอะ’ พูรินเอ่ยทะเล้นเมื่อนึกขึ้นได้ เขาเองก็เหมือนกัน การที่ได้มีพี่แทนอยู่ด้วยในทุกวัน มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต

แทนคุณไม่ได้ตอบกลับไปในทันที เขาเพียงส่งยิ้มอุ่นให้กับคนที่มีน้ำตาเรื่อ สองมือเกลี่ยเช็ดคราบน้ำใสเมื่อใครอีกคนไม่อาจกักกั้นมันได้อีกต่อไปแล้ว ก่อนที่ในที่สุด เขาจะเอ่ยประโยคที่เขาชอบที่สุดประโยคหนึ่งในหนังสือเล่มโปรดของน้อง

‘If there ever comes a day when we can’ t be together, keep me in your heart, I’ ll stay there forever...’





ถ้ามันมีสักวันที่สองเราต้องห่างไกล

ช่วยเก็บฉันไว้ในใจ

แล้วฉันจะอยู่ตรงนั้นกับเธอตลอดไป





***************

#หมีแทนที่รัก

อะไรคือเขียนเองร้องเอง อินมาก555 (>_<)

พี่แทนไปแล้ววววว









































ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:น้ำผึ้งหยดที่สิบสี่:.

I think we dream so we don’ t have to be apart for so long. If we’ re in each other’ s dreams, we can be together all the time.

.

.

ฉันคิดว่าที่เราฝัน เพื่อเราจะได้ไม่อยู่ไกลกันนานเกินไป และยิ่งถ้าเราอยู่ในฝันของกันและกัน เราก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา













กรุ๊ง~ กริ๊ง~

“ยินดีต้อนรับครับ..อ้าว น้องหมี มาแล้วหรอ” เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งที่ประตูหน้าร้านดังขึ้น อินทัชที่วิ่งวุ่นอยู่หลังร้านก็รีบเดินออกมาต้อนรับลูกค้าอย่างเป็นมิตร ก่อนจะยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่มาเยือน

“พี่อินสวัสดีครับ” พูรินที่ยิ้มรออยู่กล่าวทักทาย สองมือยกขึ้นไหว้รุ่นพี่คนสนิท

“น้องหมีนั่งก่อนนะ ขนมที่เราสั่งเพิ่งออกจากเตาอบเมื่อกี้นี้เอง เดี๋ยวพี่เอาใส่กล่องให้ วันนี้เรามีเวลาไหม นั่งกินข้าวเช้ากับพี่นะ”

“ไม่รีบครับพี่อิน ผมกะจะมาฝากท้องกับพี่อยู่แล้ว คิดถึงฝีมือพี่อินที่ซู้ดดด”

อินทัชยกยิ้มขำกับท่าทางคิดถึงฝีมือพี่อินอันแสนโอเว่อร์ของรุ่นน้อง ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง

“โอเค งั้นเรารอพี่แปบเดียวน้า”

พูรินผงกหัวรับคำ เดินไปนั่งที่โต๊ะใหญ่ริมหน้าต่างอย่างคนคุ้นเคยกับสถานที่ เขาก็คุ้นเคยกับร้านนี้ดีจริงๆนั่นแหละ ร้านนี้เป็นร้านเบอเกอรี่ของพี่อิน ด้วยความที่ร้านอยู่ใกล้คอนโดของพี่ดินที่ห่างจากบ้านพี่แทนและร้านของเขาไม่มากนัก เขาก็เลยมีโอกาสแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยๆ จนเรียกได้ว่ากลายเป็นลูกค้าประจำคนหนึ่งเลยทีเดียว

พี่อินเปิดร้านนี้มาปีกว่าแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนใครๆก็บอกว่าขนมที่พี่อินทำอร่อย เจ้าตัวเองก็เปรยอยู่บ่อยๆว่าอยากเปิดร้านให้เป็นเรื่องเป็นราว พอเรียนจบมาพี่อินก็เริ่มต้นวางแผนอย่างจริงจัง ไปเรียนทำขนมอยู่เป็นปี และเมื่อต้นปีที่แล้วก็ได้ฤกษ์เปิดร้านนี้ขึ้นมา

ตอนแรกๆร้าน ‘ไอดิน’ ของพี่อิน ยังเป็นแค่ร้านเล็กๆ ที่มีเพียงหน้าร้านไว้สำหรับขายขนม ไม่มีเครื่องดื่มให้บริการและไม่มีที่นั่งให้ลูกค้า รายได้ส่วนใหญ่ของร้านมาจากขนมที่ทำตามออเดอร์ กับอีกเล็กน้อยจากขนมหน้าร้านที่ทำได้ไม่เยอะ ตามกำลังของตัวพี่อินเอง

จนในที่สุดเมื่อร้านเริ่มอยู่ตัว ทั้งมีลูกค้าประจำเพิ่มมากขึ้น แถมยังมีออเดอร์ใหญ่จากทางโรงแรมและรีสอร์ทของพี่ต้น ที่มักจะสั่งขนมของทางร้านไปเสิร์ฟให้ผู้ที่มาสัมนาหรือประชุมงานที่โรงแรมอยู่บ่อยๆ เมื่อประเมินความเป็นไปได้ในหลายๆทาง พี่อินกับหุ้นส่วนรายใหญ่ซึ่งก็คือพี่รหัสของเขา จึงตัดสินใจขยับขยายร้านครั้งใหญ่ จัดการตกแต่งร้านใหม่ เพิ่มเมนูขนมและเครื่องดื่มเข้าไป พร้อมจัดมุมนั่งพักผ่อนให้กับลูกค้า รวมไปถึงรับคนมาช่วยงานในครัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าในช่วงเวลาสั้นๆ ร้านพี่อินมาไกลเกินกว่าที่เจ้าตัวเคยหวังไว้มากจริงๆ

“พี่ดิน~” ทันทีที่เห็นเจ้าของร้านอีกคนเดินเข้ามา พูรินที่กำลังนั่งคิดเรื่องร้านเพลินๆ ก็ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปกระโดดกอด เขาอดขำไม่ได้เมื่อพี่ชายที่แสนใจดีของเขาเลิ่กลั่กมองซ้ายขวา นึกรู้ว่าเจ้าตัวคงกลัวพี่อินมาเห็น เพราะเมื่อก่อนพี่อินเคยเข้าใจผิดเขากับพี่ดิน แม้ตอนนี้พี่อินจะไม่ว่าอะไรแล้ว แต่โรคเกรงใจเมียของพี่ดินมันยังคงแก้ไม่หายอยู่ดี

“หมี..ปล่อยพี่ก่อน”

“พี่ดินอ่ะ~ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไม่คิดถึงน้องถึงนุ่งบ้างหรือไง”

เขาพูดเหมือนงอนแต่ปากยังยิ้มไม่หุบ ยอมปล่อยให้พี่ชายเป็นอิสระก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งที่ตัวเองเหมือนเดิม พี่ดินขอตัวเดินไปหาพี่อินที่หลังร้าน หายไปสักพักก็เดินออกมาพร้อมอาหารเช้าสองชุด พี่ดินวางมันลงบนโต๊ะ ก่อนที่เจ้าตัวจะทรุดลงนั่งตรงข้ามกันกับเขา

“พี่อินบอกว่าเรามาเอาขนมไปเลี้ยงเด็กๆหรอ”

“ใช่ วันนี้วันเปิดคอร์สใหม่น่ะพี่ดิน เลยอยากเลี้ยงขนมน้องๆต้อนรับ”

“อ้าวนี้เปิดเทอมอีกแล้วหรอ พอเรียนจบมาแบบนี้ พี่ไม่ค่อยจะรู้วันรู้คืนกับเขาเลย”

“ก็พี่ดินของหมีเล่นอยู่แต่ในห้องอัด อย่าว่าแต่วันเปิดเทอมเลย วันสำคัญอะไรก็จำไม่ได้แล้ว” พี่อินที่เดินถือถุงขนมของเขาออกมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นผิดนิสัย ตากลมขวางใส่ให้พี่ดินได้แต่ยิ้มเจื่อนมองตาปริบ

“โธ่ อิน~”

“ไม่ต้องมาโธ่อิน~ เลยนะ ไม่อยากจะคุยด้วยแล้ว” อินทัชทำเสียงเลียนแบบคนที่เขานึกหมั่นไส้ ถึงจะไม่อยากงี่เง่าต่อหน้าน้อง แต่รอบนี้เขาอดไม่ได้จริงๆ

“พี่อินพูดถูกที่สุด พี่ดินทำแต่งาน วันเกิดผมรอบที่แล้วก็ไม่ได้มา พูดแล้วมันขึ้นเลยเนี้ย”

“หมี เราต้องหยุดเสี้ยม แค่นี้พี่ก็จะตายแล้ว และถึงพี่จะไม่ได้ไป แต่พี่ก็ไม่ได้ลืมสักหน่อย ยังฝากพี่อินเอาของขวัญไปให้เราอยู่เลย”

พูรินหัวเราะก๊าก เขาแกล้งพูดไปงั้นให้พี่ดินงานเข้า ที่จริงเขารู้ดียิ่งกว่าใคร พี่ชายคนนี้ไม่เคยลืมวันสำคัญของเขาหรอก ตั้งแต่พี่แทนไม่อยู่ เขาก็ได้พี่ดินนี่แหละที่คอยโทรหา คอยเรียกเขาออกมากินข้าวด้วยกันบ่อยๆ และยิ่งหลังจากที่พี่อินเปิดร้าน เวลาเหงาจนรู้สึกเหมือนจะไม่ไหวเมื่อไหร่ เขาก็จะรีบแจ้นมาหาพี่ทั้งสองทุกที

“อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ปล่อยโปรดิวเซอร์หนุ่มไฟแรงเขาได้ใช้เวลากับพวกนักร้องน่ารักๆให้หน่ำใจเถอะ” พี่อินยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเง้างอนไม่หยุด คนที่เอาแต่ทำงานหนักจนลืมเวลารีบคว้าแขนเรียว ดึงให้พี่อินลงไปนั่งบนตัก

“อิน~ ไม่เอาแบบนี้” พี่ดินใช้หัวทุยถูไถกับหัวไหล่คนที่ตัวเล็กกว่าไปมาอย่างออดอ้อน คนบนตักยังทำหน้าบึ้งตึง แต่เขาเห็นว่าหน้าพี่อินเองก็เริ่มขึ้นสีแดงเรื่อนิดหน่อย

“อือฮือ ทำพี่อินงอนขนาดนี้ รอบนี้พี่ดินลืมวันสำคัญอะไรอีกล่ะ อย่าบอกว่านะว่าวันครบรอบน่ะ” พูรินลองคิดตามดู วันเกิดพี่อินคงไม่ใช่ เพราะจำได้ดีว่าเพิ่งฉลองกันไปเมื่อเดือนกุมภา

“ไม่ลืม แต่มาไม่ได้” คนตัวเล็กกอดอกตัวเองแน่น ท่าทางปันปึงที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆถูกแสดงออกมาอย่างไม่คิดจะแอบซ่อน

“หืม..มาไหนไม่ได้อ่ะครับ”

“งานวันเกิดตัวเองยังไงล่ะ พี่ดินของหมีเขาติดงานน่ะ” พูรินร้องอ๋อ เขาจำได้ว่าศุกร์หน้าคือวันเกิดพี่ดิน

“เอ้า! งั้นตกลงยกเลิกหรอพี่” พอนึกขึ้นได้ พูรินก็ตาโต รู้ดีว่าพี่อินเตรียมงานไว้เยอะขนาดไหน ถ้าต้องยกเลิกจริงๆพี่อินคงเสียใจน่าดู

“เปล่า ไม่ได้จะยกเลิก แต่แค่พี่จะขอเลื่อนให้พี่อินจัดวันเสาร์แทน มันเป็นงานของที่ค่าย พี่เลื่อนไม่ได้จริงๆ”

“...” บดินทร์เหลือบมองคนที่ขยับออกจากตักเขาไปนั่งที่เก้าอี้ตัวถัดไป สองมือเอื้อมไปตักขนมปังปิ้งเติมใส่ในทุกจาน หน้าตาของคนพูดน้อยเรียบเฉยจนเขากลัวใจ อินไม่ค่อยโกรธหรืองอนเรื่องอะไรง่ายๆ แต่สำหรับเรื่องวันเกิดเขา เขารู้ดีว่าอินให้ความสำคัญกับมันมากกว่าวันเกิดของตัวเองเสียอีก

“อิน..”

“พอเถอะ วันเสาร์ก็วันเสาร์ ถึงจะโกรธไปก็รู้หรอกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” บดินทร์รีบสอดสองมือเข้าไปในเอวคอด ระดมจุ๊บลงบนหัวไหล่ของคนรัก ก่อนจะเอาแก้มแนบซบหัวไหล่มนลงไป

ไม่ว่ายังไงอินของเขา ก็ใจอ่อนให้เขาเสมอ

“ดินขอโทษจริงๆ นะครับ”

“พอก่อนได้ไหม อายน้องบ้าง” อินทัชที่เริ่มหน้าแดงเอ่ยออกมาตะกุกตะกัก พอเขาเผลอสบตากับน้องหมีก็เห็นน้องมันนั่งใช้สองมือเท้าคางยิ้มกรุ่มกริ่มมาทางเขา

“จะอายทำไมพี่อิน คนกันเองทั้งนั้น” ด้านหนึ่งโดนน้องแซว อีกด้านโดนพี่มันจุ๊บไม่หยุด เขาขอเกลียดทั้งคู่เลยได้ไหม!

“ดินหยุด!” บดินทร์ไม่สน ลวนลามคนที่ขู่ฟ่อได้น่ารักน่าชังไม่หยุด หันไปส่งสายตาเป็นสัญญาณไล่น้องรหัสที่กลายเป็นส่วนเกินให้ออกไปโดยเร็ว

“เอ่อ..งั้นพี่ๆตามสบายนะครับ เดี๋ยวผมไปก่อน ตกลงวันเสาร์นะพี่ดิน” เมื่อโดนพี่ดินมองตาขวาง พูรินก็ยิ้มแหย ลุกขึ้นรวบถุงขนมก่อนจะยกมือไหว้พี่ทั้งสอง

สองขารีบก้าวออกจากร้านอย่างรวดเร็ว อดยิ้มไม่ได้เมื่อมองกลับเข้าไปเห็นพี่รหัสชี้นิ้วไปที่แก้มป่องของตัวเอง ก่อนจะยื่นหน้าไปหาอีกคนแล้วค้างอยู่อย่างนั้น พี่อินอึกอักอยู่นิดหน่อย แต่ในไม่กี่วินาทีต่อมาก็ยอมโน้มหน้าเข้ามาจุ๊บเบาๆให้พี่ดินชื่นใจ

พูรินหัวใจพองฟู

พี่ๆของเขา เป็นคู่ที่รักกันได้น่ารักที่สุด



พูรินขับรถสีแดงคันจิ๋วที่พ่อกับแม่ซื้อให้เป็นของขวัญที่เรียนจบไปที่ร้าน เขาเองหลังจากเรียนจบมาก็ทุ่มเทให้กับการดูแลร้านเต็มที่ พอเปิดรอบสอนเพิ่ม จำนวนนักเรียนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย จากตอนแรกที่ใช้เพียงชั้นสองของร้าน ตอนนี้กลับจำเป็นต้องใช้ทั้งสองชั้นถึงจะพอ

ที่ร้านมีไอ้ธง ไอ้พุทธ เขาและน้องเป้ สี่คนสลับพลัดเวียนกันสอนน้องๆ จะมีในบางครั้งถ้ามีใครไม่ว่างจริงๆ เขาก็จะไปขอร้องให้พี่นนท์ลุงรหัสของเขาหรือพี่ดินมาช่วย นอกจากนี้ยังได้น้องภัทรแฟนของน้องเป้มาช่วยเรื่องลงทะเบียนเรียนและจัดการบัญชีของร้าน

เรียกได้ว่าถึงจะจบมาแล้ว เขาก็ยังได้เจอเพื่อนๆพี่ๆน้องๆเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

ส่วนเรื่องร้านของแม่ เนื่องด้วยออเดอร์ที่เข้ามาล้นมือเป็นครั้งคราว ตอนนี้พวกเขาเลยตัดสินใจจ้างลูกจ้างรายวันในเวลาที่มีงานเข้ามาเยอะ ซึ่งคนที่แม่จ้างมาก็คือเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ในละแวกนั้น ดังนั้นแม่จึงทำงานอยู่ที่บ้านซะเป็นส่วนใหญ่ จะมาที่ร้านบ้างเฉพาะในวันที่ว่างจากการเย็บผ้า ด้วยสาเหตุนี้มันจึงเป็นน้องภัทรอีกนั่นแหละ ที่มารับหน้าที่ดูแลหน้าร้านให้เขาไปด้วย

“มาแล้วคร้าบบ” เมื่อจอดรถไว้หน้าร้านเรียบร้อย พูรินก็หอบถุงขนมเข้ามาด้านใน เอ่ยทักทายรุ่นน้องสองคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะลงทะเบียนเรียนอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีครับพี่หมีพูห์” เป็นน้องภัทรที่เอ่ยทักเขากลับพร้อมยกมือไหว้ ส่วนเป้ยังคงมองอีกคนนิ่ง มือหนาของเจ้าตัวเอื้อมไปแตะข้อมือของภัทรอีกครั้ง ก่อนที่จะโดนสะบัดออกในทันที

“พี่ซื้ออะไรมาเนี่ย” ณภัทรรีบทำเนียนผละมาหารุ่นพี่ เจ้าตัวทำทีเพิกเฉยไม่ยอมสนใจสายตาของใครอีกคนที่มองจ้องไม่หยุด

“ขนมเลี้ยงน้องๆน่ะ พี่ไปซื้อมาจากร้านพี่อิน” พูรินว่าพร้อมยื่นถุงขนมให้น้องดู น้องภัทรรับไปเปิดแย้ม บอกว่าจะเอาไปใส่จานไว้รอแจกเด็กๆ ก่อนที่จะหมุนตัวเพื่อเดินไปทางห้องครัว

“ภัทร” ปณวัชเอ่ยเรียกคนที่เดินผ่านหน้า แต่คนที่ตั้งใจเดินเร็วๆก็ไม่คิดจะหยุดคุย เมื่อเป็นอย่างนั้น เขาไม่กล้าเดินตาม นึกรู้ดีว่าถ้าดึงดันตอนนี้ก็ยิ่งจะทำให้ภัทรหนีหน้าไปยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ 

เมื่อน้องภัทรหายไปจากระยะสายตา พูรินก็เดินไปหาน้องรหัสที่นั่งหงอยเป็นหมาโดนทิ้งอยู่ที่โต๊ะ

“เป็นอะไรกัน ทะเลาะกับภัทรหรอไง” วางมือบนไหล่ของน้องชาย ก่อนจะโน้มตัวลงมองหน้าคนที่นั่งคอตก น้องเป้พยักหน้ารับ สายตายังจับจ้องทางเดินที่ใครอีกคนเพิ่งหายไป

“มีเพื่อนในภาคแอดเฟสบุ๊คผมมาน่ะพี่ เห็นว่าเป็นเพื่อนกันผมก็เลยรับ แล้วดูดิ ไปกับเพื่อนเป็นสิบ ลงรูปคู่กับผมอย่างกับไปสองคน”

ปณวัชรยื่นรูปเจ้าปัญหาให้พี่รหัสดู เขาไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว เขาบอกภัทรว่าเขาจะไปบอกให้เพื่อนลบรูปภัทรก็ไม่ยอม กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาทกับอีกฝ่าย แต่พอไม่ลบ รูปที่ว่าก็มีคนมาเม้นมาแซว จนคนของเขาคิดมาก ไม่ยอมพูดยอมจาอะไรกับเขาเลยสักคำ

ตอนที่ร้องโอดครวญว่าไม่รู้จะทำยังไงดี คนที่หายไปในครัวก็กลับมาอีกครั้ง หน้าตาบึ้งตึงเดินมาพร้อมกับจานขนม เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ พูรินจึงบอกให้เป้ออกไปซื้อนมและน้ำผลไม้มาเตรียมไว้ให้เด็กๆ เมื่อน้องเดินออกไปเขาก็เดินไปหาคนที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ที่โต๊ะ

“โกรธเป้มันขนาดนั้นเลยหรอ”

“...”

“พี่รู้จักน้องในรูปนะ พวกมันเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ”

“...”

“แล้วไอ้เป้มันเคยสนใครที่ไหน ภัทรคบกับมันมากี่ปีแล้ว ยังไม่รู้อีกหรอไง”

“ผมรู้ครับ แต่..” คนที่นั่งอมทุกข์อยู่นานพึมพำออกมาเสียงเบา

“หืม..”

“พี่หมีพูห์ได้อ่านคอมเม้นต์หรือเปล่า” เขาส่ายหัวปฏิเสธ พร้อมกับเปิดเข้าไปดูรูปเจ้าปัญหาอีกครั้ง ไล่อ่านข้อความที่ใครหลายคนแสดงความคิดเห็นอยู่ใต้ภาพ

“มีแต่คนบอกว่าเป้เหมาะสมกับเขา มีแต่คนอยากให้สองคนนั้นเป็นแฟนกัน..” พูรินถึงบางอ้อ เป้มันเคยเล่าให้ฟังว่าน้องภัทรเป็นคนคิดมาก แต่เขาไม่คิดเลยว่าน้องจะอ่อนไหวขนาดนี้

“แล้วยังไง ก็เลยคิดว่าเขาเหมาะสมกันมากกว่าเราหรือไง”

ณภัทรไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้าลงช้าๆ เพราะมันเป็นแบบนี้มาตลอด เป้มักจะอยู่ในจุดที่มีคนสนใจ มีแต่คนเข้าหา มันอดจะคิดเลยไม่ได้ว่า บางทีคนอย่างเป้ควรจะได้เจอคนที่ดี ที่เหมาะสมมากกว่าเขาหรือเปล่า

“เป้นี่มันไม่ไหวเลยน้า..” พูรินเกริ่นให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย “อย่างงี้มันต้องเรียกว่าไม่มีน้ำยาหรือเปล่า”

ณภัทรขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาทำหน้าไม่เห็นด้วย เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของเป้สักหน่อย เป็นเขาต่างหากที่ไม่ดีพอสำหรับอีกฝ่าย

“คบกันมานานตั้งเท่าไหร่ ทำไมมันยังไม่มีปัญญาทำให้ภัทรมั่นใจได้อีก ว่านอกจากภัทรแล้วในโลกนี้ก็ไม่มีใครเหมาะสมกับมันอีกแล้ว”

“...”

“มันยังทำให้ภัทรรู้สึกไม่ได้อีกหรอ ว่ามันมองใครไม่ได้ ว่ามันไม่มีทางรักใคร และไม่มีใครดีไปกว่าภัทรแล้วสำหรับมัน”

“...”

“เพราะถ้ามันทำได้จริงๆ ภัทรก็คงไม่ต้องมานั่งเครียดเพราะคำพูดของคนอื่นแบบนี้จริงไหม”

ตากลมมองหน้าคนที่ส่งยิ้มใจดีมาให้เขา พี่หมีพูห์พูดถูก ไม่ว่าใครจะว่ายังไง มันก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความรู้สึกของเขาสองคน และการที่เขาเคลือบแคลงต่อความสัมพันธ์ของเราแบบนี้ มันก็เหมือนเขาไม่ให้เกียรติความรักที่เป้มีให้เขา

“พี่หมีพูห์ ผมนี่มันงี่เง่าจริงๆ”

“ไม่หรอกน้า เรื่องแบบนี้ใครๆก็เป็นกัน” พูรินเอื้อมมือไปขยี้หัวน้องชายอีกคนของเขาอย่างนึกเอ็นดู เหลือบไปเห็นน้องรหัสของเขายืนซึมอยู่ที่กระจกด้านนอกร้าน เขาทำมือกวักเรียกให้น้องมันเข้ามา

“เดี๋ยวพี่ไปรอข้างบนนะ คุยกับเป้มันให้รู้เรื่องเถอะ สงสารมัน หางตกเป็นหมาโดนทิ้งแล้วนั่น” เมื่อพี่หมีพูห์บอกอย่างนั้น ณภัทรก็เหลือบไปมองที่ประตูหน้าร้าน พอเห็นว่าเป้เดินเข้ามาก็รีบตรงไปหา มือของสองคนจับกระชับ คนที่รู้สึกผิดกว่าใครเป็นคนพูดก่อน

“เป้ เค้าขอโทษ”

“เค้าต่างหากที่ต้องขอโทษ ทำให้ภัทรคิดมากอีกแล้ว”

“ฮือ เค้าต่างหากที่ทำตัวงี่เง่าตลอด อย่าเบื่อเค้านะ”

พูรินเดินขึ้นบันไดมาชั้นสอง พอหันไปมองก็เห็นน้องทั้งสองกอดกันตัวกลม เขาอมยิ้มเล็กๆกับภาพตรงหน้า มันก็เหมือนกับตอนจบของนิทานสักเรื่อง

ในที่สุดทั้งสองก็เข้าใจ และครองรักกันไปตลอดกาล







ปัง

เมื่อประตูห้องนอนปิดลงจนสนิท พูรินไม่ได้ขยับเดินเข้าไปด้านในในทันที เขาได้แต่ยืนนิ่งค้างอยู่ตรงกรอบประตู ถ่ายเทน้ำหนักทั้งหมดไปด้านหลังที่แนบชิดพิงกรอบไม้ ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบห้องกว้างด้วยความรู้สึกเหนื่อยอ่อน 

เขากลับมาที่แห่งนี้อีกครั้ง ที่ที่เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่เขาอนุญาตให้ตัวเองแสดงความอ่อนแอที่หลบซ่อนอยู่ภายในออกมา

“หมดไปอีกวันแล้วนะพี่แทน”

พูรินหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ปากขยับพึมพำบอกใครอีกคนที่อยู่แสนไกล ในตลอดวันเขาพยายามไม่คิดถึงพี่แทน เมื่อใดที่อีกคนแว๊บเข้ามาในหัว เขามักจะพยายามทำตัววุ่นวายจนสมองเพิกเฉยคนที่แทรกเข้ามาในความคิด เขาพยายามเต็มที่ที่จะร่าเริงอย่างเคย พูรินไม่อยากทำตัวให้ใครต้องมาห่วง และนอกจากนั้นเขายังรู้สึกว่า

ยิ่งเขาคิดถึงอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ มันก็เหมือนเบื้องบนจะคอยลงโทษให้เวลาของเขาเดินเชื่องช้าลง กว่าเดิมเท่านั้น

เขายืนนิ่งอยู่แบบนั้นสักพัก ก่อนที่ในที่สุดจะรวบรวมพลังขยับตัวอีกครั้ง พูรินถอดกระเป๋าสะพายไปวางบนเก้าอี้ว่างหน้าโต๊ะเขียนหนังสือ เหลือบมองปฏิทินที่อยู่บนฝาผนัง เอื้อมหยิบปากกาเมจิกสีแดงหนึ่งแท่งมาวาดดาวดวงใหญ่ลงบนวันที่วันนี้ ไม่ลืมที่จะพลิกปฏิทินไปอีกหน้า คิ้วขมวดคำนวณบวกลบในใจถึงวันที่ใครอีกคนจะถึงกำหนดกลับมา

“เหลืออีกแค่ 42 วันเองไอ้หมีพูห์” เขาเอ่ยปลอบใจตัวเอง นี่เขาไม่ได้เจอพี่แทนมา 1,152 วันแล้ว อีกแค่ 42 วันทำไมเขาถึงจะทนไม่ได้

ใช่ มันเกินสามปีแล้วที่เขากับพี่แทนไม่ได้เจอกัน จากที่ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะไปหาพี่แทนทันทีที่ปิดเทอมแรก แต่เพราะงานของเด็กปีสี่ที่ล้นมือบวกกับโปรเจคจบแสนโหด รวมไปถึงร้านที่เขาเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน มันทำให้เขาปลีกตัวไปไหนไม่ได้เลย และยิ่งยากมากขึ้นหลังจากที่เขาเรียนจบและเริ่มทำร้านเต็มเวลา

และนั่นมันเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขาเข้าใจในสิ่งที่พี่แทนพยายามบอกเขามาตลอดเวลา

บางครั้งเราต้องยอมสละความต้องการส่วนตัว เพื่อรับผิดชอบสิ่งที่สำคัญกว่าในอนาคต

“อ่ะ จะสามทุ่มแล้ว” เมื่อหันไปมองนาฬิกาพูรินก็สะดุ้งโหยง ตอนนี้มันสองทุ่มครึ่งแล้ว เขาเลยรีบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำใส่ชุดนอนเพื่อมารอโทรศัพท์จากใครอีกคน 

พี่แทนไปเรียนต่อสาขากีต้าร์คลาสสิค ที่มหาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งของลอสแองเจอลิส หลักสูตรที่พี่แทนลงที่จริงใช้เวลาในการเรียนเพียงสองปี แต่เพราะต้องใช้เวลาในการฝึกภาษาเกือบหนึ่งปีเต็ม ทำให้รวมๆ แล้วจะใช้เวลาประมาณสามถึงสามปีครึ่งถึงจะจบ

ด้วยความที่เวลาต่างกันถึง 15 ชั่วโมง พี่แทนจึงต้องตื่นแต่เช้าเพื่อโทรมาหาเขา ช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยที่ได้คุยกันในแต่ละวัน มันเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ที่ทำให้เขายังคงมีแรงเดินต่อไปได้ และพี่แทนของเขาก็ช่างแสนดีเกินใคร จากวันแรกจนถึงวันนี้ไม่มีวันไหนเลยที่พี่แทนจะไม่โทรมาหาเขา



แต่นี่มันผ่านเวลานัดไปครึ่งชั่วโมงแล้ว



เมื่อพูรินทนไม่ไหวเขาจึงต่อวีดิโอคอลไปหาอีกคน รอบแรกพี่แทนไม่รับ แต่เมื่อสัญญาณรอสายของรอบสองดังขึ้น พี่แทนก็กดเปิดกล้องโทรศัพท์ให้เขาใจชื้น

“ครับ” น้ำเสียงงัวเงียของใครอีกคนดังขึ้นผ่านสายโทรศัพท์

“มอนิ่งครับพี่แทน” เขาเอ่ยทักทายคนที่ดูเหมือนยังอยู่บนที่นอน ภายในห้องยังมืดสนิท มีเพียงแสงที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาพอให้เห็นใครอีกคนได้ชัดขึ้น

“...”

คนที่เพิ่งรับโทรศัพท์นิ่งไป เขาเห็นตาสองข้างของพี่แทนยังปิดสนิท อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้เมื่อคิดว่าพี่แทนอาจจะหลับไปอีกครั้ง

“พี่แทน เมื่อคืนดึกมากเลยหรอ” ถามไปอย่างอดจะสงสารไม่ได้ หลังเลิกเรียนทุกวันพี่แทนต้องไปเล่นดนตรีที่ร้านอาหารไทย กว่าจะได้กลับห้องก็เกือบเที่ยงคืน แล้วไหนยังจะต้องตั้งเวลาปลุกแต่เช้าเพื่อมาคุยกับเขาอีก

“พี่แทน~ ถ้าง่วงมากผมวางก่อนได้นะ”

“ไม่เอา” ทันทีที่ว่าไปอย่างนั้น ใครอีกคนก็ลืมขึ้นมาเต็มตา ลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอาโทรศัพท์ไปตั้งไว้บนขาตั้งบนโต๊ะ

“เดี๋ยวกูมาแปปนึง” ภาพจากมุมนี้ ทำให้เขาเห็นห้องเกือบทั้งห้อง เขาเผลอกลืนน้ำลายเมื่อเห็นพี่แทนเปลือยท่อนบน ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงบ๊อคเซอร์ตัวเดียวเดินตรงไปยังห้องน้ำ

พูรินที่หายใจหายคอไม่สะดวก เอาหัวโขลกผนัง

เขามันแก่แดดแบบที่พี่แทนบอกไม่มีผิด

ก๊อก ก๊อก

จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามด้วยบานประตูห้องนอนของพี่แทนขยับเปิด เขาเห็นผู้ชายคนนึงเดินเข้ามา จำได้ว่าพี่คนนี้ชื่อพี่ไม้ เป็นเพื่อนคนไทยที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกันกับพี่แทน เจ้าตัวที่ใส่เพียงบ๊อคเซอร์ตัวเดียวเดินไปหาพี่แทนในห้องน้ำ พูดคุยกันเสียงดัง จนเขาได้ยินเสียงหัวเราะลอดออกมาชัดเจน ทั้งคู่อยู่ในนั้นสักพัก ก่อนที่ในที่สุดเจ้าตัวจะเดินออกไปพร้อมกับยาสระผมที่ตั้งใจมายืม

“...”

ไม่นานนัก พี่แทนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบเสื้อและกางเกงขาสั้นจากในตู้มาใส่ เดินมาหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ ก่อนจะทรุดลงไปนั่งบนเตียงนอนนุ่มอีกครั้ง

“มึงรอนานไหม กูตื่นเต็มตาแล้วนะ” พี่แทนยื่นหน้ามาใกล้โทรศัพท์ก่อนจะยกยิ้มสดใสเหมือนเด็กๆมาให้ ถ้าเป็นทุกทีพูรินคงส่งยิ้มกว้างกลับคืนไป แต่มันไม่ใช่เวลานี้ ตอนที่เขากำลังโมโหอีกฝ่ายเอามากๆ

“...”

“วันนี้เปิดคอร์สวันแรกเป็นไงบ้าง”

“...”

“หมีพูห์?”

“...”

“ไม่ได้ยินหรอ เดี๋ยวกูต่อใหม่นะ”

“ได้ยิน..ได้ยินอยู่” เมื่อเห็นอีกคนทำท่าจะเอื้อมมาตัดสาย เขาก็เลยเอ่ยขัดออกไปก่อน

“อ้าว แล้วทำไมไม่ตอบ” ถามกลับอย่างคนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ พูรินได้แต่กัดเม้มริมฝีปากล่างแน่น แก้มนวลป่องกลม คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างคนน้อยอกน้อยใจ

“ก็ไม่อยากตอบ” ในที่สุดเมื่อเขาว่าอย่างนั้น คนที่ไม่เข้าใจก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ คิ้วคมขมวดแน่นเข้าหากัน

“มึงเป็นอะไร..”

“...”

“หมีพูห์...”

“...”

“หมีพูห์ครับ น้องเป็นอะไรบอกพี่มาสิ”

“อย่ามาขี้โกง” พี่แทนก็เป็นแบบนี้ พอเขางอนทีไรก็ชอบมาแทนตัวว่าพี่ ใช้น้ำเสียงทุ้มนุ่มให้เขาใจอ่อนทุกที

“แล้วมึงเป็นอะไร ทำไมไม่ยอมคุยกับกู”

“นี่ไม่รู้เลยนะ ว่าสนิทกับพี่ไม้ขนาดนี้” คนที่ชอบพูดตรงๆก็ไม่อาจห้ามความคิด เผลอประชดอีกฝ่ายออกไปในที่สุด

“ขนาดนี้คือ?”

“ขนาดที่เดินใส่บ๊อคเซอร์คุยกันในห้องน้ำสบายใจเฉิบแบบนั้น” แทนคุณหลุดยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินใครอีกคนพูดโวยวาย

“วันนี้เป็นอะไรหรือเปล่า” แทนที่จะเอ่ยแก้ตัว แต่แทนคุณกลับถามไปอีกเรื่อง “กูไม่คิดว่ามึงจะหึงกูกับไอ้ไม้หรอกนะ มึงรู้ดีกว่าใครว่ามันไม่มีอะไร”

พูรินหน้าร้อนชา พี่แทนก็คือพี่แทนที่รู้จักเขาดีกว่าตัวเขาเองเสียอีก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสองคนนั้นไม่ได้มีอะไรเกินกว่าคำว่าเพื่อนสนิท แต่เพราะวันนี้ทั้งวันอารมณ์ของเขาแปรปรวน ภาพของพี่อินที่งอนพี่ดิน กับน้องเป้ที่ตามง้อน้องภัทร มันทำให้คนที่ตอนนี้อยู่เดียวดายรู้สึกอิจฉา จนอดไม่ได้ที่จะมาระบายอารมณ์ลงกับคนที่ปล่อยให้เขาเหงาใจอยู่แบบนี้

“บอกกูได้ไหม งอแงเรื่องอะไร”

“ไม่ได้งอแงสักหน่อย” เขารีบตอบกลับทันทีทันใด

“แต่แค่วันนี้คิดถึงพี่แทนมากเลยต่างหาก”

“...”

“ยิ่งเห็นพี่ดินกับพี่อิน เห็นภัทรกับเป้ ก็ยิ่งอิจฉา อยากให้พี่แทนอยู่ด้วย อยากกอดให้หายคิดถึง อยากอ้อนให้พี่แทนง้อบ้าง”

“...”

“แต่ผมไม่ได้ร้องไห้เลยนะ วันนี้ได้ดาวด้วยเหอะ”

พูรินพูดอย่างกระตือรือร้น เขาโชว์ดาวในปฎิทินให้อีกคนดู เราเริ่มนับดาวตั้งแต่ช่วงแรกๆที่พี่แทนไป เมื่อก่อนในทุกครั้งที่คุยกัน ถึงจะพยายามกลั้นไว้แค่ไหน เขาก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาของตัวเองไว้ได้ พี่แทนเลยยื่นข้อเสนอให้เขา ถ้าวันไหนที่เขาไม่ร้องไห้เลยไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังพี่แทน วันนั้นเขาจะได้หนึ่งดาว ถ้าครบห้าดาวพี่แทนจะซื้อตุ๊กตาซูมซูมให้เขาหนึ่งตัว ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ใช้มันเป็นเป้าหมายหนึ่งในการช่วยกลั้นน้ำตา 

แต่ถึงมันจะล่อใจมากแค่ไหน ดาวของเขาก็ยังมีไม่ถึงร้อยดวงอยู่ดี

“งั้นก็ดีแล้ว มึงก็รู้ว่าถ้ามึงร้องไห้ กูจะทรมานแค่ไหน”

“...”

“กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน คิดถึงใจจะขาด”

“...”

“คิดถึงจนเก็บไปฝัน และอาจจะเป็นเพราะฝันถึงมึงบ่อย กูถึงรู้สึกว่ามึงอยู่กับกูตลอดเวลา กูถึงยังทนอยู่ได้”

“พี่แทน~” พูรินหน้าร้อนฉ่า บางเวลาพี่แทนก็พูดจาลื่นหูจนชวนขนลุก มันหวานจนเลี่ยน แต่ก็เป็นรสชาตที่เขาชอบมากที่สุด

“รออีกนิดเดียวเองนะ แล้วกูจะกลับไปให้มึงอ้อน กลับไปง้อจนกว่ามึงจะหายงอน” พูรินได้แต่ผงกหัวหงงๆ หน้าขึ้นสีเหมือนคนเป็นผื่น

ก็เขาแพ้นี่น่า

คนแบบพี่แทนเขาแพ้จริงๆ

“อืม ก็ผมสัญญาแล้วนี่หน่าว่าจะรอ”





********

#หมีแทนที่รัก

คนเขียนอย่างเราก็ไม่ได้ต้องการอะไร แค่กดให้กำลังใจ คอมเม้นให้ชื่นใจ หรือจะแชร์ให้มีคนอ่านเพิ่มแค่นี้เอง! ถือว่าช่วยๆกันเนอะ!

อ่อ...

ตอนหน้าตอนจบแล้วนะคะ 

ปล. เรื่องของน้องภัทรกับน้องเป้คือ ‘เรื่องเล็กๆ’ และของพี่อินกับพี่ดินคือ ‘รักมือสอง’ นะคะ แอบขายของ 5555













ออฟไลน์ Stiiiii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 41
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ Maywrite

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 124
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
.:น้ำผึ้งหยดสุดท้าย:.



How do you spell love?

You don’ t spell it, you feel it.

.

.

คุณสะกดคำว่ารักอย่างไร?

คุณไม่สะกดมัน คุณรู้สึกมัน









วันนี้ร้านไอดินคึกคักกว่าทุกวัน แม้ป้ายหน้าร้านจะเขียนไว้ชัดเจนว่าร้านปิดทำการ แต่คนที่เดินทางมาร่วมงานวันเกิดยังทยอยกันมาเรื่อยๆ จนร้านที่เพิ่งขยับขยายจนใหญ่โตดูแคบลงในทันที

“ยินดีด้วยกับร้านใหม่นะ” ในมุมหนึ่งของร้าน ทิวาเอ่ยยินดีกับเจ้าของร้านที่เคยเป็นคู่แข่งของหัวใจ แต่วันนี้เจ้าตัวกลายเป็นเพื่อนที่พูดคุยกันได้อย่างสนิทใจที่สุดคนนึงของเขา

“นี่ถ้าไม่ใช่วันเกิดดินก็คงไม่ยอมมาใช่ไหม” อินทัชเอ่ยเย้าให้อีกฝ่ายหน้ามุ่ย ก็ทิวเวลางอนแล้วชอบโวยวาย ทำท่าน่ารักจนอดที่จะแกล้งไม่ได้เลยทุกที

“อินอ่ะ ทำไมพูดแบบนี้ เราอยากมาจะตาย แต่อินก็รู้ว่างานเราเป็นแบบไหน วันนี้ยังเกือบมาไม่ได้เลย ดีนะที่ได้เจมันช่วยไว้”

อินทัชอดหัวเราะให้กับคนที่กล่าวแก้ตัวรัวๆเพราะกลัวเขาโกรธไม่ได้ เขาก็แค่พูดไปงั้น รู้ดีว่าคนตรงหน้าหาตัวจับยากแค่ไหน ทิวทำงานเป็นผู้ช่วยฝ่ายคอสตูมอยู่ที่ค่ายละครแห่งหนึ่ง ช่วงที่มีถ่ายละครซ้อนกันเยอะๆ ถ้าอยากเจอหน้า คือถึงกับต้องตามไปกองละครกันเลยทีเดียว

“ล้อเล่นน้า เราเข้าใจอยู่แล้ว วันไหนว่างๆก็พาเจมาด้วยสิ จะทำมัฟฟิ่นที่เจกับทิวชอบไว้ให้”

“อินน่ารักอีกแล้ว~ เสียดายอ่ะ ทำไมต้องมาตกหลุมคนอย่างดินด้วยก็ไม่รู้” ว่าแล้วทิวาก็เอื้อมสองแขนมาโอบรัดร่างเล็ก ซบแก้มนิ่มลงบนหัวไหล่ของคนที่เขาคิดว่าควรครองโสดเป็นตัวน่ารักของชาติสถานเดียว

“ไม่พอใจก็กลับบ้านไป”

อย่างไม่ต้องหันไปมอง อินทัชและทิวาหันหน้ามาหัวเราะใส่กัน เพราะเขาสองคนรู้ดีว่าเสียงไล่แขกที่ดังมาจากด้านหลังคือใคร มือหนาแทรกเข้ามาระหว่างเขาทั้งสอง ก่อนที่เจ้าของร้านจะโดนดึงไปซบในอกกว้าง สองแขนแกร่งของคนมาใหม่โอบทับอีกฝ่ายไว้แน่น

“ติดป้ายห้ามแตะเลยไหมดิน” ทิวาอดค่อนขอดคนขี้หวงไม่ได้ วันแรกหวงยังไง วันนี้เพิ่มอีกเป็นร้อยเท่า

“กำลังสั่งทำป้ายอยู่” บดินทร์พูดกลับอย่างภาคภูมิใจ ไม่สนใจเสียงเตือนจากคนที่จะโดนติดป้ายห้ามแตะเลยสักนิด ทิวาเบ้ปากใส่อีกคนอย่างหมั่นไส้ พอเป็นเรื่องอินทีไร โปรดิวเซอร์สุดโหดที่ใครๆต่างกลัว ก็ทำตัวได้สองขวบอย่างที่เพื่อนๆเคยว่าไว้จริงๆ

“งั้นตามสบายนะ ขอเราไปดูขนมหลังร้านก่อน” เมื่อแกะตัวเองออกจากมือปลาหมึกของเจ้าของวันเกิดได้ อินทัชก็เอ่ยขอตัวทันที เขาก็รู้ว่าทิวคงไม่ได้คิดอะไรแล้ว แต่จะให้มาทำหวานกันต่อหน้า เขาก็รู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายขึ้นมานิดๆเหมือนกัน

เมื่อได้อยู่กันสองคนทิวาเองก็ตัดสินใจยื่นของขวัญที่อยู่ในถุงกระดาษสีขาวให้อีกฝ่าย

“ดิน สุขสันต์วันเกิดนะ”

มันคงจะเป็นการโกหกถ้าจะบอกว่าเขาเลิกรักดินแล้ว เขารักของเขามาหลายปี จู่ๆจะให้เลิกรักมันก็คงจะไม่ง่าย แต่ความรักและหวังดีที่มีต่ออินก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงขอแค่อยู่ในพื้นที่ของเขา ไม่คิดจะเข้าไปเป็นใครที่จะทำให้ทั้งสองลำบากใจเลยสักนิด

เพราะเขารู้ดีว่าดินที่มีความสุขที่สุด คือดินที่มีอินอยู่เคียงข้าง

“ขอบคุณนะครับ” บดินทร์เอื้อมมือไปรับพร้อมเอ่ยขอบคุณจากใจให้เพื่อนสนิทคนนึงของเขา ถึงเขาจะไม่สามารถตอบรับความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้ได้ แต่ทิวก็เป็นเพื่อนอีกคนที่เขาให้ความสำคัญเสมอ

“แล้วไหนดินบอกมีเรื่องอยากคุยกับทิว”

“อ่อ เรื่องน้องหมีน่ะ ทิวจำหมีพูห์น้องรหัสดินได้ไหม” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับ เขาเลยว่าต่อ

“ตอนนี้น้องกำลังหาคนมาสอนการแสดงให้เด็กๆ ทิวพอจะรู้จักครูที่มีประสบการณ์หรือพอจะแนะนำอะไรน้องได้บ้างไหม”

“อืม ได้สิ ทิวรู้จักคนเยอะแยะ ยังไงดินให้เบอร์ทิวไว้แล้วกัน มีอะไรก็บอกให้น้องโทรมาได้ตลอดเลยนะ” 

“ที่จริงหมีมันก็มานะวันนี้ เดี๋ยวดินเรียกน้องมันมาคุยเลยดีกว่า”

ว่าแล้วบดินทร์ก็กวาดสายตาไปรอบงาน เพ่งหาอยู่สักพัก ตาคมก็ไปสะดุดลงที่ประตูหลังร้าน เขาเห็นหมีพูห์ยืนพิงผนังอยู่ด้านนอกคนเดียว แม้มันจะไกลและมืดพอสมควร แต่แสงไฟที่ประดับประดาอยู่รอบด้านกับแสงจากโทรศัพท์ที่เจ้าตัวกำลังมองเพ่ง มันเพียงพอให้เขาเห็นแววตาที่วาวไหว กับสีหน้าของใครบางคนที่ดูไม่ดีเอาเสียเลย

“เหมือนวันนี้จะไม่เหมาะแฮะ ยังไงดินจะบอกน้องให้โทรหานะ เดี๋ยวดินขอตัวก่อนนะทิว ขอบใจอีกครั้งนะครับสำหรับของขวัญ” เขาว่ารัวๆ พร้อมยกมือขึ้นไปวางบนกลุ่มผมนุ่มของเพื่อน กดลงเบาๆอย่างนึกเอ็นดูหนึ่งครั้ง เมื่ออีกฝ่ายรับคำเขาก็ผละออกมา เดินออกไปหาคนที่อยู่หลังร้าน

“มาทำอะไรตรงนี้” บดินทร์เอ่ยถามคนที่ลุกลี้ลุกลนเช็ดน้ำตาเมื่อเห็นเขาเดินตรงมา

“พี่ดิน~” พูรินสวมกอดพี่รหัส “สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะครับ”

เพราะเมื่อวานเขาแวะเอาของขวัญฝากไปกับพี่อินที่ทำเค้กไปให้พี่ดินถึงที่ค่ายแล้ว วันนี้เขาเลยมาตัวเปล่า มีเพียงคำอวยพรจากใจที่จะให้พี่ชายที่รักที่สุด

“พี่เห็นของขวัญแล้ว ขอบใจมากเลยนะ” พูรินยิ้มกว้างบอกไม่เป็นไร ถ้าพี่ดินชอบเขาก็ดีใจสุดๆแล้ว ขอแค่ปีหน้า พี่ดินอย่าเบี้ยวงานวันเกิดเขาอีกก็พอ

“แล้วเป็นอะไร เรามายืนตรงนี้ทำไม” บดินทร์ถามซ้ำคำถามเดิมให้หมีพูห์ยิ้มแหย แววตาวาบไหวเรื่อไปด้วยหยดน้ำ

“พี่ดิน..พี่แทนติดต่อมาบ้างไหม”

“หืม..ก็ไม่นะ มีอะไรหรือเปล่า”

“ผมไม่ได้คุยกับพี่แทนมาหลายวันแล้ว ช่วงนี้ส่งแต่เมสเสจมาว่าซ้อมหนักเพราะใกล้จะสอบ แล้ววันนี้คือเงียบหายไปเลย”

“ก็คงงั้นนั่นแหละ มันใกล้จะกลับมาแล้วไม่ใช่หรอ คงกำลังเครียดกับการสอบ”

“อืม เดือนสุดท้ายแล้วพี่” พูรินจำมันได้ขึ้นใจ เหลืออีกแค่ 32 วันสุดท้ายแล้ว แต่ทั้งๆที่เหลืออีกนิดเดียว แต่เขากลับรู้สึกว่ามันนานกว่าเวลาสามปีที่ผ่านมาเสียอีก พี่แทนไม่โทรมาหาเหมือนเคย มีแต่เมสเสจที่ตอบช้ายิ่งกว่าโทรเลขแค่นั้น

บดินทร์เห็นคนที่ทำหน้าซึม ดูไม่ร่าเริงเหมือนเคยก็อดจะยกมือขึ้นไปขยี้หัวแรงๆไม่ได้ 

“อีกนิดเดียวเอง ทนมาได้ตั้งขนาดนี้”

“พี่ดิน~ผมเจ็บ”

“ก็ทำหน้าน่าหมั่นไส้ทำไมเล่า พี่อยู่ตรงนี้ทั้งคน มัวแต่คิดถึงหมีควายที่ไหนก็ไม่รู้”

“พี่ดินห้ามว่าหมูพิกเล็ตของผมนะ~” บดินทร์อยากจะขำกลิ้ง น้องมันชอบเรียกไอ้แทนว่าพิกเล็ต ใครไม่รู้จะนึกว่ามันตัวเล็กตัวน้อย น่ารักน่าเอ็นดูเกินใคร

“เดี๋ยวพี่แทนกลับมา ผมจะฟ้องให้หมดว่าพี่ดินแกล้งอะไรไว้บ้าง ผมจดไว้หมดแล้ว”

“ใช่ซี่ พอไอ้แทนกลับมา พี่มันก็หมาหัวเน่าดีๆนี่เอง”

“โอ๋ๆ อียอร์ไม่ร้องน้า เดี๋ยวแปะหางให้ใหม่น้า” พูรินเดินเขามากอดซบพี่รหัสเป็นการปลอบใจ บดินทร์กลอกตามองบนอย่างแสนหน่าย แล้วสรุปเขาต้องเป็นไอ้ลาโง่หน้างอให้น้องมันใช่ไหม

แกร๊ก

“ไอ้ดิน มาอยู่นี่เองนะมึง” คนมาใหม่เปิดประตูออกมาทักทาย เมื่อพยายามหาเจ้าของร้านภายในงานอยู่นานในที่สุดก็เจอมันสักที

“เอ้า ไอ้ภู วันนี้มาได้ด้วยนะมึง” บดินทร์ผละออกจากน้องรหัส เดินเขาไปปะทะไหล่กับคนที่ไม่คาดว่าจะมาได้ในวันนี้ 

“เออ เพื่อมึงกูต้องตรงมาจากพัทยาเลยนะ สุขสันต์วันเกิดนะมึง”

“ขอบใจว่ะ แล้วไงวันนี้มึงมาคนเดียวหรอ น้องชาไปไหนว่ะ” บดินทร์ถามหาคนที่เขารู้จักเพราะเป็นน้องคนสนิทของตั้งต้น และยังเป็นแฟนหมาดๆของคนตรงหน้าเสียด้วย

“รายนั้นจะยอมพลาดหรอ นั่งคุยอยู่กับกีข้างในน่ะ เออ แล้วคือไอ้ต้นมาแล้วนะ”

“อ้าวจริงดิ” บดินทร์ยกยิ้มอย่างมีเลศนัย

“งั้นเข้าไปข้างในกันมึง หมีพูห์พี่ไปก่อนนะ เราจะอยู่ตรงนี้หรอ” ว่าแล้วก็เอื้อมแขนไปพาดไหล่เพื่อนรุ่นพี่ ก่อนจะหันมาถามน้องรหัส

“พี่ดินเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไปครับ”

เมื่อเขาว่าอย่างนั้นพี่ชายก็ผละเข้าไปด้านใน ทิ้งเขาไว้คนเดียวกับโทรศัพท์เครื่องเดิมที่ไม่ว่าจะใช้มันโทรหาใครอีกคนกี่ครั้งก็ไม่มีคนรับสาย

“พี่แทน~ ทำไมไม่รับโทรศัพท์ผมเลย~”

เขาอดบ่นไม่ได้ คือเขาไม่ได้น้อยใจ ตอนนี้เขาเป็นห่วงคนตัวโตมากกว่าว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า เขาบอกแล้วว่าตลอดสามปี ไม่มีวันไหนเลยที่พี่แทนจะไม่โทรหาเขา แต่นี่มันเกิน 24 ชม.แล้ว ที่ไม่มีทั้งโทรศัพท์ทั้งข้อความ จะโทรไปถามแม่กุ้งก็กลัวจะทำให้แม่ตื่นตูมไปอีกคน

“ทำแบบนี้ได้ยังไง ไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นห่วงจะบ้า เดี๋ยวคอยดูนะ โทรมาเมื่อไหร่ผมจะบ่นให้หูชาไปเลย”

พรึ่บ!

ตอนที่ตั้งใจจะวิดีโอคอล์หาใครบางคนอีกครั้ง จู่ๆไฟทั้งร้านก็ดับลง

“อ่ะ กำลังจะเป่าเค้กแล้วแน่ๆเลย” เมื่อคิดได้ว่ามันคงถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของงานแล้ว พูรินก็หมุนตัวกลับ ตั้งใจจะเดินเข้าไปร่วมด้วย

หมับ!

แต่ไม่ทันจะได้ก้าวเท้า เขาก็ต้องตกใจเมื่อมีสองแขนแกร่งของใครบางคนมาโอบรอบตัวเขาจากด้านหลัง ที่จริงเขาไม่ต้องหันไปมองก็รู้ได้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร ก็เขาน่ะจำกลิ่นน้ำหอมของอีกคนได้ดีที่สุด น้ำหอมกลิ่นที่อบอุ่นที่สุดในโลก

“พี่แทน!!”

แต่เพราะไม่อยากจะเชื่อ พูรินจึงหันไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้มองให้ชัดว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เขาก็โดนใครคนนั้นก้มลงมาแนบจูบร้อนลงอย่างไม่ทันตั้งตัว จูบที่แสนคุ้น ดุดันกว่าที่เคย ลิ้นร้อนที่แทรกตัวเข้ามาในโพรงปากทำให้เขาสั่นเทิ้ม ในตอนนี้ความตกใจมีมากพอๆกับความตื่นเต้น

ตากลมโตเบิกกว้าง แม้จะมืดสนิท แต่เมื่อสายตาชินกับความมืด เงาที่เห็นลางๆก็เพียงพอที่จะทำให้เขามั่นใจร้อยเปอเซ็นต์ พูรินจึงตอบโต้รสจูบของคนตรงหน้าอย่างโหยหา เขาหลับตาลง ตัดทุกคำถามทุกความสงสัยที่มีทั้งหมดทิ้งไป ดื่มด่ำไปกับรสชาติที่เขาแสนคิดถึง

“แฮปปี้เบิร์ด..เดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ด..เดย์ทูยู”

เสียงร้องประสานเสียงและเสียงปรบมือของคนในงานดังขึ้น ไม่นานไฟสลัวรอบงานก็สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง ในที่สุดเมื่อริมฝีปากร้อนทั้งสองผละออกจากกัน มันก็เป็นตอนนั้นเองที่พูรินได้เห็นคนที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจนสักที

พูรินมองอีกคนตาไม่กระพริบ เมื่อแน่ใจว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่ความฝัน เขาจึงใช้สองมือคล้องคอคนที่ใช้สองแขนโอบรอบเอวคอดของเขาไว้ กระโดดขึ้นลงอย่างตื่นเต้นไม่หยุด

“พี่แทน!! พี่แทนจริงๆด้วย” พูรินตะโกนออกไปอย่างดีใจเป็นที่สุด

“ก็กูนะสิ ถ้าไม่ใช่กูแล้วมึงคิดว่าเมื่อกี้มึงจูบอยู่กับใคร” แทนคุณว่า พร้อมกับเขกกระโหลกคนบ๊องตรงหน้าไปหนึ่งทีอย่างหมั่นไส้

“แล้วพี่แทนมาได้ไงเนี้ย!!” พูรินที่ยังงงเป็นไก่ตาแตกถามออกไป ก็มันเหลือเชื่อสุดๆไปเลยนี่น่า จู่ๆคนที่เขานึกว่าอยู่ไกลแสนไกล คนที่เขาไม่ได้เห็นหน้ามากว่าสามปี ก็มายืนอยู่ตรงนี้

“ไอ้ต้นเพิ่งไปรับมาเมื่อกี้”

“ไม่ใช่แบบนั้นสิ ผมไม่ได้อยากรู้ว่ามาที่นี่ได้ไง ผมแค่ตกใจว่าพี่กลับมาได้ยังไง ไหนว่าอีกตั้งเดือนกว่าจะได้กลับ แล้วไม่เห็นจะบอกผมเลยสักคำว่าจะกลับมา ถึงว่าวันนี้ผมพยายามโทรหาพี่แทนตลอด ก็ไม่มีใครรับสายเลย เป็นห่วงแทบตาย นึกว่าเป็นอะไรไปแล้วซะอีก ยิ้มอะไรเล่า! นี่ผมจริงจังอยู่นะ”

เมื่อได้โอกาสคนที่เก็บกั้นความกลัวมาทั้งวันก็พูดออกมาไม่หยุด ให้คนที่แสนจะคิดถึงท่าทางเหล่านี้ได้แต่ยืนยิ้ม ไม่ได้สนใจท่าทางหัวร้อนของคนตรงหน้าเลยสักนิด

“ก็มีคนงอแง กูก็เลยพยายามจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย สอบตัวสุดท้ายเสร็จ กูก็รีบบินกลับมาเลยเนี่ย” ว่าไปก็เอามือลูบแก้มอีกคนไป

“...”

“ไหนใครอยากอ้อนกู กูอยู่นี่แล้ว ถ้าอยากงอนก็ทำได้เต็มที่ กูกลับมาง้อแล้วนะ”

“...” พูรินคนพูดเก่งพูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่จ้องหน้าคนที่ยืนกอดกันอยู่ในแสงสลัวตาไม่กระพริบ พี่แทนของเขามาอยู่ตรงนี้แล้ว อยู่ต่อหน้าเขา และมันไม่ใช่ความฝัน

“ดีใจไหมที่กูกลับมา” พูรินพยักหน้าลงหงึกหงักจนหัวแทบหลุด

“ดีใจยิ่งกว่าหมีพูห์ได้กินน้ำผึ้งซะอีก”

“ขนาดนั้นเลย”

“ยิ่งกว่านั้นเยอะเลย! ดีใจเหมือนหัวใจจะระเบิดออกมาเลยพี่แทน” พูรินทำท่ากุมอกให้อีกคนหัวเราะในลำคอ แทนคุณได้แต่ยิ้ม ตาคมจ้องมองท่าทางโอเว่อร์ที่เขาคิดถึง

“กูก็ดีใจ” เขาว่าพร้อมกับเอามือหนาอังแก้มใครอีกคนที่ยิ้มไม่หุบ “กูกลับมาแล้วนะ”

พูรินยิ้มรับ เอียงแก้มเข้าไปซบกับมือพี่แทน เขารู้สึกแน่นจุกที่อก ก่อนที่มันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นความอุ่นซ่านที่แผ่คลุมไปทั่วร่างกายเขา น้ำตาของคนที่ลืมคิดถึงดาวที่ต้องสะสมเอ่อล้นอกมา แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เพราะความเหงา มันไม่ใช่เพราะความโหยหา แต่มันเป็นน้ำตาของความดีใจที่เราได้มาอยู่ข้างกันอีกครั้ง

“ผมไม่ให้พี่แทนไปไหนอีกแล้วนะ” เอื้อนเอ่ยสิ่งที่เขาคิดจริงและตั้งใจจะทำจริงๆออกไป

“ถึงมึงจะไล่ ครั้งนี้กูก็ไม่ยอมไปไหนอีกแล้ว”

“พี่แทน~” พูรินซุกตัวลงในอ้อมกอดของคนตัวหนา แขนเรียวโอบล้อมเอวสอบอย่างแน่นหนา พี่แทนเองก็กอดเขาแน่นพอกัน ที่ตรงนี้มันดีที่สุด ในอ้อมอกแกร่งของคนๆนี้ มันไม่มีอะไรในโลกที่เขาจะยอมแลกได้เลย

“เข้าไปข้างในกันไหม” เมื่อได้ยินเสียงเจ้าของงานวันเกิดดังแว่วมา พร้อมกับเสียงท่วงทำนองเพลงรักมือสองดังขึ้น พูรินก็เอ่ยถามให้พี่แทนพยักหน้ารับ เราสองคนเดินจูงมือกันเข้าไปในงาน พี่แทนเอ่ยทักทายกับคนรู้จักไปตลอดทาง จนในที่สุดเราทั้งสองก็มายืนรวมกลุ่มกันกับกลุ่มพี่ต้น

เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเพลงจบลง พูรินหันหน้าไปทางเวทีที่ตอนนี้มีทั้งพี่และน้องรหัสของเขานั่งอยู่ พี่แทนกอดเขาแน่นจากด้านหลัง คนตัวโตยกโบกมือทักทายคนบนเวทีที่ส่งยิ้มมาให้

“ขอต้อนรับแขกที่เพิ่งลงเครื่องมาหมาดๆ นี่จะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม ว่าที่รีบขนาดนี้เพราะจะมาวันเกิดกู” คนเอ่ยแซวหัวเราะดังลั่น เมื่อแทนคุณยื่นนิ้วกลางให้แทนคำตอบ

“ไหนๆ ก็มาแล้ว ให้มันโชว์ฝีมือที่อุตส่าห์ไปร่ำเรียนมาสักหน่อยดีไหม ไหนใครอยากฟังบ้าง” เสียงเฮดังขึ้น พี่แทนเดินขึ้นไปตามเสียงเชียร์ของคนรอบข้าง เจ้าตัวรับกีต้าร์ที่น้องเป้เป็นคนยื่นมาให้ ก่อนจะนั่งลงข้างเจ้าของวันเกิดตัวป่วน พี่แทนยื่นหน้าไปกระซิบกระซาบบอะไรสักอย่างจนพี่ดินยกยิ้มกว้าง

“ไหนผมขอดูมือคนมีความรักหน่อยครับ” บดินทร์หันกลับมาคุยกับคนในงานอีกครั้ง ทุกคนต่างพร้อมใจยกมือขึ้นมากันถ้วนหน้า

“ผมเชื่อว่าเราทุกคนมีความรัก ไม่ว่าจะในรูปแบบเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ลูก หรือว่าคนรัก แต่ทุกคนก็คงเห็นด้วยกับผมใช่ไหมครับ ว่าไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหน มันก็เป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิต เป็นพลังงานที่ทำให้เรามีกำลังจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าทั้งนั้น” บดินทร์ร่ายยาว

“คุณแทนคุณครับ” บดินทร์เอี้ยวหน้าไปซบตากับเพื่อนสนิทด้วยท่าทางกวนๆ

”ครับคุณบดินทร์”

“ไหนวันนี้โชว์ให้พวกผมเห็นหน่อยได้ไหมครับ ว่าความรักในแบบของคุณมันเป็นแบบไหน”

เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกครั้ง แทนคุณไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มและมองตรงไปที่ใครบางคนอย่างไม่คิดจะปิดบัง พูรินที่โดนจ้องยืนยิ้มหน้าแดง และไม่ว่าจะกี่ครั้งที่หลุบตาหลบ ในทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นมา พี่แทนก็ยังคนจ้องเขาอยู่อย่างนั้นไม่หันไปไหน และยิ่งไปไม่เป็นเมื่อพี่ดินเริ่มเล่นอินโทรของเพลงที่เขาคุ้นที่สุดขึ้นมา 



“L is for the way you look at me

O is for the only one I see

V is very, very extraordinary

E is even more than anyone that you adore can”



พูรินย้อนนึกถึงวันนั้น

ผ่านหน้าจอมือถือ

เขาเห็นพี่แทนหยิบกีต้าร์ขึ้นมาบรรเลง

‘อ่ะ เพลง L-O-V-E’

พูรินจำได้ทันที

เพลงนี้มันเป็นเพลงโปรดที่พ่อเขาชอบร้องอยู่บ่อยๆ 

‘เพลงนี้กูฟังแล้วคิดถึงมึงทุกที มึงชอบไหม’

‘ชอบ..’

พูรินตอบแบบไม่คิด

‘ชอบที่พี่แทนบอกว่าคิดถึง’



“Love is all that I can give to you

Love is more than just a game for two

Two in love can make it

Take my heart and please don't break it

Love was made for me and you”



พี่แทนไม่เหมือนพี่ดินหรือพี่ต้น พี่ทั้งสองคนเป็นคนดังของคณะ และเจ้าตัวก็เปิดเผยกันจนไม่มีใครไม่รู้ว่าคนรักของทั้งคู่คือใคร แต่กับพี่แทนที่ชอบทำหน้าโหด ไม่ค่อยพูดจากับใคร การที่ทุกคนได้มาเห็นเจ้าตัวนั่งร้องเพลงรักสบตากับเขาแบบนี้ มันเป็นภาพที่ตื่นตาจนหลายคนทนไม่ไหวต้องยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาบันทึกภาพไว้ 

เขาเองก็อยากทำแบบนั้น พี่แทนในมาดนี้ ต้องเกิดแล้วตายอีกกี่ครั้งถึงจะได้เห็น แต่จะให้เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงตอนนี้ก็เขินเกินไป แถมความตื่นเต้นที่มี มันทำให้ไม่สามารถบังคับมือไม้ให้ได้ดั่งใจเลยสักนิด

เดี๋ยวค่อยไปขอมาจากพี่นิ้งที่กำลังถ่ายวิดีโออยู่ก็แล้วกัน



“L is for the way you look at me

O is for the only one I see

V is very, very extraordinary

E is even more than anyone that you adore can”





“ดีใจด้วยนะน้องหมี” พี่อินเดินมายืนข้างเขา พูรินหันไปยิ้มทั้งน้ำตาให้กับแฟนพี่ชายคนสนิท

“พี่อิน~ ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”

“อืม พี่แทนของหมีพูห์กลับมาแล้วนะ”

พูรินพยักหน้ารับ ไม่คิดจะห้ามน้ำตาที่มันร่วงหล่น เขาสอดมือเข้าไปรอบแขนเรียวก่อนจะซบลงตรงหัวไหล่ของคนน่ารักข้างตัว เราสองคนโยกเบาๆ ตามเสียงดนตรีไปด้วยกัน พูรินอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ความสุขที่มีมันเยอะจนไม่สามารถจะบรรยายได้เป็นคำพูดใดๆ ได้



“Love is all that I can give to you

Love is more than just a game for two

Two in love can make it

Take my heart and please don't break it

Love was made for me and you”



เสียงดนตรีอะคูสติกเพราะๆ ล่องลอยอยู่ในอากาศ คนที่เพิ่งจะบินกลับมาจากแดนไกลยังคงเหมือนอยู่ในฝัน ในที่สุดเขาก็กลับมาแล้ว ตลอดหลายปีที่หายไป ในที่สุดเขาก็กลับมายืนอยู่ตรงนี้อีกครั้ง กลับมาอยู่ตรงที่ที่คุ้นเคย กลับมาอยู่ในบรรยากาศที่เขาชอบ และที่สำคัญ เขากลับมาอยู่ตรงหน้าคนที่เขาแสนจะคิดถึงที่สุดสักที

“Love was made for me and you”



“ขอบคุณนะครับที่รอกันมาตลอด” 



“Love was made for me and you”



เสียงปรบมือดังกึกก้อง แทนคุณลุกขึ้นกระทบไหล่กับเพื่อนสนิทที่ช่วยกันร้องเพลงจนจบ เขาส่งสัญญาณให้ตั้งต้นที่ยืนอยู่ข้างเวที พอเจ้าตัวเห็นก็เดินไปหยิบช่อดอกไม้ขนาดใหญ่มายื่นให้เขา มันเป็นช่อดอกทานตะวันสีเหลืองสดใส ดอกไม้ทั้งสิบดอกถูกผูกเรียงกันอย่างสวยงาม แล้วห่อด้วยผ้ากระสอบสีน้ำตาลธรรมชาติ แทนคุณเดินลงไปหาใครอีกคนที่อยู่หน้าเวที

“น้องหมีพูห์ครับ พี่รักน้องหมีพูห์นะครับ”

แทนคุณสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะผ่อนลมออกมาเรียกความกล้า เมื่อทำใจได้แล้วเขาก็เอ่ยบอกรักใครบางคนให้เพื่อนๆส่งเสียงโห่ร้องกันลั่นห้อง

“...”

“พี่หาทุ่งทานตะวันมาให้เราไม่ได้ แต่ช่วยรับดอกไม้ช่อนี้ไว้ก่อนได้ไหม”



‘ทำไมถึงต้องทุ่งทานตะวัน’

‘ก็ความหมายมันดีนี่น่า’

‘...’

‘พี่แทนรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร’

‘...’

‘มันหมายถึงความรักที่มั่นคง ดุจดั่งทานตะวัน ที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์’



เมื่ออีกคนเอื้อมสองมือมารับช่อดอกไม้ช่อใหญ่ไปไว้ในอ้อมอก คนที่วันนี้รวบรวมความกล้าที่สะสมมาทั้งชีวิตจึงเอ่ยสิ่งที่อยากพูดออกไป

“พี่อยากให้น้องหมีพูห์มาเดินเคียงข้างกัน ทั้งในวันที่ทุกข์หรือสุขที่สุด พี่ก็อยากเดินจับมือกับน้องไปแบบนี้เรื่อยๆ”

พูรินตาโตเป็นไข่ห่าน อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหู มันเหมือนเดจาวู เขาคิดว่าเขาเคยได้ยินประโยคนี้มาก่อน ก็มันเป็นประโยคที่เขาเป็นคนพูดมันออกมาเองนี่น่า และถ้าจำไม่ผิด ประโยคถัดมามันน่าจะเป็น...

“แต่งงานกับพี่แทนนะครับน้องหมีพูห์”

จู่ๆ พี่แทนก็ทรุดลงนั่งคุกเข่าข้างเดียวหน้าเขา มือหนาหยิบแหวนสีทองเนียนเรียบออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นส่งมาต่อหน้าเขา ทั้งๆที่คนในงานส่งเสียงกันดังสนั่น บ้างเสียงโห่แซว บ้างเสียงกรี๊ดตื่นเต้นไปกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเสียงไหนพูรินก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงของหัวใจที่มันเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา

“ตกลง ตกลง ตกลง ตกลง” เสียงตะโกนของคนรอบด้านทำให้พูรินได้สติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง เขาหลุบลงไปมองสบตากับคนที่ยังใช้เข่าหนึ่งข้างชันกับพื้นอยู่ ในที่สุดพูรินก็คุกเข่าลงข้างอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นมือซ้ายออกไปตรงหน้า

“อืม แต่งงานกันนะพี่แทน..”

เขาเห็นพี่แทนที่นั่งเหงื่อแตกยิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง เจ้าตัวผ่อนหายใจหนักๆออกมาก่อนที่จะยื่นมือมาสวมแหวนให้เขา พูรินอดใจไม่ไหว กระโดดตัวเข้าไปกอดรัดจนพี่แทนแทบจะหงายหลัง

“สัญญาแล้วนะพี่แทน”

“อืม มึงเป็นของกูคนเดียวแล้วนะ”

“พี่แทนก็เป็นของผมคนเดียวเหมือนกัน!”

“กูเป็นของมึงคนเดียวมาตั้งนานแล้วต่างหาก” อดยกนิ้วหยิกแก้มคนที่ทำหน้ามึนยิ้มแป้นไม่ได้

“ไปแต่งกันที่ดิสนี่ย์เวิร์ลเนอะพี่แทน” แทนคุณพยักหน้ารับ ถ้ามันเป็นความฝันของน้อง อะไรที่เขาทำได้เขาก็อยากจะทำให้มันทั้งหมด

“แล้วก็ให้ผมใส่ชุดหมีพูห์ แล้วพี่แทนก็ใส่ชุดพิกเก็ตแล้วกันเนอะ”

“ไม่เอา!”

แต่อะไรที่เขาทำไม่ได้ เขาก็จะไม่ทำหรอกนะ!

“ทำไมเล่าพี่แทน~ น่ารักจะตาย”

พูรินยังคงต่อรอง พี่แทนลุกขึ้นเดินไปนั่งที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง คนในร้านเลิกสนใจเขาทั้งสองคนแล้ว ทุกคนต่างหันกลับไปมองน้องเป้ที่ขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง

“งั้นเอาชุดมิกกี้กับมินนี่ก็ได้”

“ไม่เอา!”

“บัซกับเจสซี่?”

“...” พี่แทนไม่ปฏิเสธ เขาว่าเจ้าตัวเริ่มจะใจอ่อนให้เขาแล้ว

“โอเค งั้นบัซกับเจสซี่นะ!” เมื่อพี่แทนไม่ว่าอะไร พูรินก็เลยสรุปเองอะไรเอง นั่งเกาะแขนซบแก้มลงบนไหล่ของคนที่เพิ่งขอเขาแต่งงานไปหมาดๆ จ้องมองแหวนสีทองที่มาตอนนี้มาอยู่ในนิ้วนางข้างซ้ายของเขาแล้ว

ที่จริงมันก็ไม่สำคัญหรอกว่าเราสองคนจะแต่งงานกันที่ไหน หรือใส่ชุดอะไร



“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ยังติ๊งต๊องเหมือนเดิม”

“ทำเป็นมาว่า รู้หรอกว่าชอบน้องจะตาย”



เพราะว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และไม่ว่าจะเมื่อไหร่



“ไม่ได้ชอบเหอะ”

“...”

“ก็บอกไปตั้งกี่ทีว่ารักที่สุด ความจำเสื่อมหรือไง”

“พี่แทนอ่ะ~ ทำซึ้งอีกแล้ว”



พี่แทนก็คือเจ้าชายคนดี คนเดียวของเขาเสมอ..



-END-



#หมีแทนที่รัก

ในที่สุดก็มาถึงตอนจบกันอีกแล้วค่ะ (ฮือ) ตอนจบของหมีพูห์มันก็ต้องเว่อร์เบอร์นี้ หุหุ แบบคู่นี้ไม่มี NCก่อนแต่งแน่นวล เจ้าหญิงสุดไรสุด 555

แล้วคืองงมาก แต่งไปแต่งมาเหมือนกำลังนั่งแต่ง #รักมือสองอินดิน พอคิดได้ก็เลยตัดเอาส่วนนั้นไปเป็นตอนพิเศษของรักมืองสองแทน 5555 ยังไงเดี๋ยวเขียนเสร็จอล้วจะเอาไปลงนะคะ อย่างลืมแวะไปอ่านด้วยน้า พี่ดินคนนี้พระเอกเบอร์หนึ่งของช่องจริงๆ ลำเอียงสุดอะไรสุด มาทุกเรื่องจริงๆคนนี้ 

ท้ายสุด! อุตส่าห์เสียเวลาอ่านกันมาถึงตอนจบ เราก็ขอเวลาเพิ่มอีกแค่สองนาทีแสดงความเห็นกับเรื่องนี้ให้หน่อยน้า ชอบไม่ชอบติชมมาได้เหมือนเดิม จะพยายามปรับปรุงและพัฒนาในเรื่องต่อๆไปนะคะ หรือจะรีวิวให้กันในทวิตเตอร์ก็จะยิ่งร้องหนักกว่าเดิมไปอีก ทุกคอมเม้นเป็นกำลังให้เราเดินต่อได้จริงๆค่ะ :)

และขอขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ทุกคนจริงๆนะคะ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ( บางคนตามมาจากแฟนเดือนเดียว บางคนมาจากรักมือสอง ก็หวังเพียงว่าจะไม่ได้ทำให้คุณผิดหวังนะคะ ) ยังไงเราขอฝาก ตอนพิเศษของเรื่องแฟนเดือนเดียว อีกสองตอนก็จะจบแบบสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ ใครรัก #ต้นคนรักไม่เป็น ก็อย่าลืมไปรอตอนจบกันน้า

ส่วนเรื่องใหม่ที่เพิ่งเปิดไปไม่กล้าฝาก เพราะกลัวเขียนไม่จบ อิอิ เอาเป็นว่ายังไงรอดูในทวิตเตอร์น้า ใครเล่นทวิตเตอร์ทักทายกันได้ตลอดเลยจ้า @maywrite1

ท้ายที่สุดของที่สุด ตอนพิเศษเรื่องนี้ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ ยิ่งnc ยิ่งไม่รู้เลย เอาเป็นว่าได้สักร้อยเม้นจะรีบมาปั่นให้นะคะ  (อ้างสุดๆ ฮา)

รักสุดอะไรสุดจริงๆๆๆ

แล้วเจอกันใหม่ค่ะ







ออฟไลน์ Seilong2

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ pmimp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1

ออฟไลน์ tangtey59

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 112
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด