.:น้ำผึ้งหยดสุดท้าย:.
How do you spell love?
You don’ t spell it, you feel it.
.
.
คุณสะกดคำว่ารักอย่างไร?
คุณไม่สะกดมัน คุณรู้สึกมัน
วันนี้ร้านไอดินคึกคักกว่าทุกวัน แม้ป้ายหน้าร้านจะเขียนไว้ชัดเจนว่าร้านปิดทำการ แต่คนที่เดินทางมาร่วมงานวันเกิดยังทยอยกันมาเรื่อยๆ จนร้านที่เพิ่งขยับขยายจนใหญ่โตดูแคบลงในทันที
“ยินดีด้วยกับร้านใหม่นะ” ในมุมหนึ่งของร้าน ทิวาเอ่ยยินดีกับเจ้าของร้านที่เคยเป็นคู่แข่งของหัวใจ แต่วันนี้เจ้าตัวกลายเป็นเพื่อนที่พูดคุยกันได้อย่างสนิทใจที่สุดคนนึงของเขา
“นี่ถ้าไม่ใช่วันเกิดดินก็คงไม่ยอมมาใช่ไหม” อินทัชเอ่ยเย้าให้อีกฝ่ายหน้ามุ่ย ก็ทิวเวลางอนแล้วชอบโวยวาย ทำท่าน่ารักจนอดที่จะแกล้งไม่ได้เลยทุกที
“อินอ่ะ ทำไมพูดแบบนี้ เราอยากมาจะตาย แต่อินก็รู้ว่างานเราเป็นแบบไหน วันนี้ยังเกือบมาไม่ได้เลย ดีนะที่ได้เจมันช่วยไว้”
อินทัชอดหัวเราะให้กับคนที่กล่าวแก้ตัวรัวๆเพราะกลัวเขาโกรธไม่ได้ เขาก็แค่พูดไปงั้น รู้ดีว่าคนตรงหน้าหาตัวจับยากแค่ไหน ทิวทำงานเป็นผู้ช่วยฝ่ายคอสตูมอยู่ที่ค่ายละครแห่งหนึ่ง ช่วงที่มีถ่ายละครซ้อนกันเยอะๆ ถ้าอยากเจอหน้า คือถึงกับต้องตามไปกองละครกันเลยทีเดียว
“ล้อเล่นน้า เราเข้าใจอยู่แล้ว วันไหนว่างๆก็พาเจมาด้วยสิ จะทำมัฟฟิ่นที่เจกับทิวชอบไว้ให้”
“อินน่ารักอีกแล้ว~ เสียดายอ่ะ ทำไมต้องมาตกหลุมคนอย่างดินด้วยก็ไม่รู้” ว่าแล้วทิวาก็เอื้อมสองแขนมาโอบรัดร่างเล็ก ซบแก้มนิ่มลงบนหัวไหล่ของคนที่เขาคิดว่าควรครองโสดเป็นตัวน่ารักของชาติสถานเดียว
“ไม่พอใจก็กลับบ้านไป”
อย่างไม่ต้องหันไปมอง อินทัชและทิวาหันหน้ามาหัวเราะใส่กัน เพราะเขาสองคนรู้ดีว่าเสียงไล่แขกที่ดังมาจากด้านหลังคือใคร มือหนาแทรกเข้ามาระหว่างเขาทั้งสอง ก่อนที่เจ้าของร้านจะโดนดึงไปซบในอกกว้าง สองแขนแกร่งของคนมาใหม่โอบทับอีกฝ่ายไว้แน่น
“ติดป้ายห้ามแตะเลยไหมดิน” ทิวาอดค่อนขอดคนขี้หวงไม่ได้ วันแรกหวงยังไง วันนี้เพิ่มอีกเป็นร้อยเท่า
“กำลังสั่งทำป้ายอยู่” บดินทร์พูดกลับอย่างภาคภูมิใจ ไม่สนใจเสียงเตือนจากคนที่จะโดนติดป้ายห้ามแตะเลยสักนิด ทิวาเบ้ปากใส่อีกคนอย่างหมั่นไส้ พอเป็นเรื่องอินทีไร โปรดิวเซอร์สุดโหดที่ใครๆต่างกลัว ก็ทำตัวได้สองขวบอย่างที่เพื่อนๆเคยว่าไว้จริงๆ
“งั้นตามสบายนะ ขอเราไปดูขนมหลังร้านก่อน” เมื่อแกะตัวเองออกจากมือปลาหมึกของเจ้าของวันเกิดได้ อินทัชก็เอ่ยขอตัวทันที เขาก็รู้ว่าทิวคงไม่ได้คิดอะไรแล้ว แต่จะให้มาทำหวานกันต่อหน้า เขาก็รู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายขึ้นมานิดๆเหมือนกัน
เมื่อได้อยู่กันสองคนทิวาเองก็ตัดสินใจยื่นของขวัญที่อยู่ในถุงกระดาษสีขาวให้อีกฝ่าย
“ดิน สุขสันต์วันเกิดนะ”
มันคงจะเป็นการโกหกถ้าจะบอกว่าเขาเลิกรักดินแล้ว เขารักของเขามาหลายปี จู่ๆจะให้เลิกรักมันก็คงจะไม่ง่าย แต่ความรักและหวังดีที่มีต่ออินก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงขอแค่อยู่ในพื้นที่ของเขา ไม่คิดจะเข้าไปเป็นใครที่จะทำให้ทั้งสองลำบากใจเลยสักนิด
เพราะเขารู้ดีว่าดินที่มีความสุขที่สุด คือดินที่มีอินอยู่เคียงข้าง
“ขอบคุณนะครับ” บดินทร์เอื้อมมือไปรับพร้อมเอ่ยขอบคุณจากใจให้เพื่อนสนิทคนนึงของเขา ถึงเขาจะไม่สามารถตอบรับความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้ได้ แต่ทิวก็เป็นเพื่อนอีกคนที่เขาให้ความสำคัญเสมอ
“แล้วไหนดินบอกมีเรื่องอยากคุยกับทิว”
“อ่อ เรื่องน้องหมีน่ะ ทิวจำหมีพูห์น้องรหัสดินได้ไหม” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับ เขาเลยว่าต่อ
“ตอนนี้น้องกำลังหาคนมาสอนการแสดงให้เด็กๆ ทิวพอจะรู้จักครูที่มีประสบการณ์หรือพอจะแนะนำอะไรน้องได้บ้างไหม”
“อืม ได้สิ ทิวรู้จักคนเยอะแยะ ยังไงดินให้เบอร์ทิวไว้แล้วกัน มีอะไรก็บอกให้น้องโทรมาได้ตลอดเลยนะ”
“ที่จริงหมีมันก็มานะวันนี้ เดี๋ยวดินเรียกน้องมันมาคุยเลยดีกว่า”
ว่าแล้วบดินทร์ก็กวาดสายตาไปรอบงาน เพ่งหาอยู่สักพัก ตาคมก็ไปสะดุดลงที่ประตูหลังร้าน เขาเห็นหมีพูห์ยืนพิงผนังอยู่ด้านนอกคนเดียว แม้มันจะไกลและมืดพอสมควร แต่แสงไฟที่ประดับประดาอยู่รอบด้านกับแสงจากโทรศัพท์ที่เจ้าตัวกำลังมองเพ่ง มันเพียงพอให้เขาเห็นแววตาที่วาวไหว กับสีหน้าของใครบางคนที่ดูไม่ดีเอาเสียเลย
“เหมือนวันนี้จะไม่เหมาะแฮะ ยังไงดินจะบอกน้องให้โทรหานะ เดี๋ยวดินขอตัวก่อนนะทิว ขอบใจอีกครั้งนะครับสำหรับของขวัญ” เขาว่ารัวๆ พร้อมยกมือขึ้นไปวางบนกลุ่มผมนุ่มของเพื่อน กดลงเบาๆอย่างนึกเอ็นดูหนึ่งครั้ง เมื่ออีกฝ่ายรับคำเขาก็ผละออกมา เดินออกไปหาคนที่อยู่หลังร้าน
“มาทำอะไรตรงนี้” บดินทร์เอ่ยถามคนที่ลุกลี้ลุกลนเช็ดน้ำตาเมื่อเห็นเขาเดินตรงมา
“พี่ดิน~” พูรินสวมกอดพี่รหัส “สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะครับ”
เพราะเมื่อวานเขาแวะเอาของขวัญฝากไปกับพี่อินที่ทำเค้กไปให้พี่ดินถึงที่ค่ายแล้ว วันนี้เขาเลยมาตัวเปล่า มีเพียงคำอวยพรจากใจที่จะให้พี่ชายที่รักที่สุด
“พี่เห็นของขวัญแล้ว ขอบใจมากเลยนะ” พูรินยิ้มกว้างบอกไม่เป็นไร ถ้าพี่ดินชอบเขาก็ดีใจสุดๆแล้ว ขอแค่ปีหน้า พี่ดินอย่าเบี้ยวงานวันเกิดเขาอีกก็พอ
“แล้วเป็นอะไร เรามายืนตรงนี้ทำไม” บดินทร์ถามซ้ำคำถามเดิมให้หมีพูห์ยิ้มแหย แววตาวาบไหวเรื่อไปด้วยหยดน้ำ
“พี่ดิน..พี่แทนติดต่อมาบ้างไหม”
“หืม..ก็ไม่นะ มีอะไรหรือเปล่า”
“ผมไม่ได้คุยกับพี่แทนมาหลายวันแล้ว ช่วงนี้ส่งแต่เมสเสจมาว่าซ้อมหนักเพราะใกล้จะสอบ แล้ววันนี้คือเงียบหายไปเลย”
“ก็คงงั้นนั่นแหละ มันใกล้จะกลับมาแล้วไม่ใช่หรอ คงกำลังเครียดกับการสอบ”
“อืม เดือนสุดท้ายแล้วพี่” พูรินจำมันได้ขึ้นใจ เหลืออีกแค่ 32 วันสุดท้ายแล้ว แต่ทั้งๆที่เหลืออีกนิดเดียว แต่เขากลับรู้สึกว่ามันนานกว่าเวลาสามปีที่ผ่านมาเสียอีก พี่แทนไม่โทรมาหาเหมือนเคย มีแต่เมสเสจที่ตอบช้ายิ่งกว่าโทรเลขแค่นั้น
บดินทร์เห็นคนที่ทำหน้าซึม ดูไม่ร่าเริงเหมือนเคยก็อดจะยกมือขึ้นไปขยี้หัวแรงๆไม่ได้
“อีกนิดเดียวเอง ทนมาได้ตั้งขนาดนี้”
“พี่ดิน~ผมเจ็บ”
“ก็ทำหน้าน่าหมั่นไส้ทำไมเล่า พี่อยู่ตรงนี้ทั้งคน มัวแต่คิดถึงหมีควายที่ไหนก็ไม่รู้”
“พี่ดินห้ามว่าหมูพิกเล็ตของผมนะ~” บดินทร์อยากจะขำกลิ้ง น้องมันชอบเรียกไอ้แทนว่าพิกเล็ต ใครไม่รู้จะนึกว่ามันตัวเล็กตัวน้อย น่ารักน่าเอ็นดูเกินใคร
“เดี๋ยวพี่แทนกลับมา ผมจะฟ้องให้หมดว่าพี่ดินแกล้งอะไรไว้บ้าง ผมจดไว้หมดแล้ว”
“ใช่ซี่ พอไอ้แทนกลับมา พี่มันก็หมาหัวเน่าดีๆนี่เอง”
“โอ๋ๆ อียอร์ไม่ร้องน้า เดี๋ยวแปะหางให้ใหม่น้า” พูรินเดินเขามากอดซบพี่รหัสเป็นการปลอบใจ บดินทร์กลอกตามองบนอย่างแสนหน่าย แล้วสรุปเขาต้องเป็นไอ้ลาโง่หน้างอให้น้องมันใช่ไหม
แกร๊ก
“ไอ้ดิน มาอยู่นี่เองนะมึง” คนมาใหม่เปิดประตูออกมาทักทาย เมื่อพยายามหาเจ้าของร้านภายในงานอยู่นานในที่สุดก็เจอมันสักที
“เอ้า ไอ้ภู วันนี้มาได้ด้วยนะมึง” บดินทร์ผละออกจากน้องรหัส เดินเขาไปปะทะไหล่กับคนที่ไม่คาดว่าจะมาได้ในวันนี้
“เออ เพื่อมึงกูต้องตรงมาจากพัทยาเลยนะ สุขสันต์วันเกิดนะมึง”
“ขอบใจว่ะ แล้วไงวันนี้มึงมาคนเดียวหรอ น้องชาไปไหนว่ะ” บดินทร์ถามหาคนที่เขารู้จักเพราะเป็นน้องคนสนิทของตั้งต้น และยังเป็นแฟนหมาดๆของคนตรงหน้าเสียด้วย
“รายนั้นจะยอมพลาดหรอ นั่งคุยอยู่กับกีข้างในน่ะ เออ แล้วคือไอ้ต้นมาแล้วนะ”
“อ้าวจริงดิ” บดินทร์ยกยิ้มอย่างมีเลศนัย
“งั้นเข้าไปข้างในกันมึง หมีพูห์พี่ไปก่อนนะ เราจะอยู่ตรงนี้หรอ” ว่าแล้วก็เอื้อมแขนไปพาดไหล่เพื่อนรุ่นพี่ ก่อนจะหันมาถามน้องรหัส
“พี่ดินเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไปครับ”
เมื่อเขาว่าอย่างนั้นพี่ชายก็ผละเข้าไปด้านใน ทิ้งเขาไว้คนเดียวกับโทรศัพท์เครื่องเดิมที่ไม่ว่าจะใช้มันโทรหาใครอีกคนกี่ครั้งก็ไม่มีคนรับสาย
“พี่แทน~ ทำไมไม่รับโทรศัพท์ผมเลย~”
เขาอดบ่นไม่ได้ คือเขาไม่ได้น้อยใจ ตอนนี้เขาเป็นห่วงคนตัวโตมากกว่าว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า เขาบอกแล้วว่าตลอดสามปี ไม่มีวันไหนเลยที่พี่แทนจะไม่โทรหาเขา แต่นี่มันเกิน 24 ชม.แล้ว ที่ไม่มีทั้งโทรศัพท์ทั้งข้อความ จะโทรไปถามแม่กุ้งก็กลัวจะทำให้แม่ตื่นตูมไปอีกคน
“ทำแบบนี้ได้ยังไง ไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นห่วงจะบ้า เดี๋ยวคอยดูนะ โทรมาเมื่อไหร่ผมจะบ่นให้หูชาไปเลย”
พรึ่บ!
ตอนที่ตั้งใจจะวิดีโอคอล์หาใครบางคนอีกครั้ง จู่ๆไฟทั้งร้านก็ดับลง
“อ่ะ กำลังจะเป่าเค้กแล้วแน่ๆเลย” เมื่อคิดได้ว่ามันคงถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของงานแล้ว พูรินก็หมุนตัวกลับ ตั้งใจจะเดินเข้าไปร่วมด้วย
หมับ!
แต่ไม่ทันจะได้ก้าวเท้า เขาก็ต้องตกใจเมื่อมีสองแขนแกร่งของใครบางคนมาโอบรอบตัวเขาจากด้านหลัง ที่จริงเขาไม่ต้องหันไปมองก็รู้ได้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร ก็เขาน่ะจำกลิ่นน้ำหอมของอีกคนได้ดีที่สุด น้ำหอมกลิ่นที่อบอุ่นที่สุดในโลก
“พี่แทน!!”
แต่เพราะไม่อยากจะเชื่อ พูรินจึงหันไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้มองให้ชัดว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เขาก็โดนใครคนนั้นก้มลงมาแนบจูบร้อนลงอย่างไม่ทันตั้งตัว จูบที่แสนคุ้น ดุดันกว่าที่เคย ลิ้นร้อนที่แทรกตัวเข้ามาในโพรงปากทำให้เขาสั่นเทิ้ม ในตอนนี้ความตกใจมีมากพอๆกับความตื่นเต้น
ตากลมโตเบิกกว้าง แม้จะมืดสนิท แต่เมื่อสายตาชินกับความมืด เงาที่เห็นลางๆก็เพียงพอที่จะทำให้เขามั่นใจร้อยเปอเซ็นต์ พูรินจึงตอบโต้รสจูบของคนตรงหน้าอย่างโหยหา เขาหลับตาลง ตัดทุกคำถามทุกความสงสัยที่มีทั้งหมดทิ้งไป ดื่มด่ำไปกับรสชาติที่เขาแสนคิดถึง
“แฮปปี้เบิร์ด..เดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ด..เดย์ทูยู”
เสียงร้องประสานเสียงและเสียงปรบมือของคนในงานดังขึ้น ไม่นานไฟสลัวรอบงานก็สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง ในที่สุดเมื่อริมฝีปากร้อนทั้งสองผละออกจากกัน มันก็เป็นตอนนั้นเองที่พูรินได้เห็นคนที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจนสักที
พูรินมองอีกคนตาไม่กระพริบ เมื่อแน่ใจว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่ความฝัน เขาจึงใช้สองมือคล้องคอคนที่ใช้สองแขนโอบรอบเอวคอดของเขาไว้ กระโดดขึ้นลงอย่างตื่นเต้นไม่หยุด
“พี่แทน!! พี่แทนจริงๆด้วย” พูรินตะโกนออกไปอย่างดีใจเป็นที่สุด
“ก็กูนะสิ ถ้าไม่ใช่กูแล้วมึงคิดว่าเมื่อกี้มึงจูบอยู่กับใคร” แทนคุณว่า พร้อมกับเขกกระโหลกคนบ๊องตรงหน้าไปหนึ่งทีอย่างหมั่นไส้
“แล้วพี่แทนมาได้ไงเนี้ย!!” พูรินที่ยังงงเป็นไก่ตาแตกถามออกไป ก็มันเหลือเชื่อสุดๆไปเลยนี่น่า จู่ๆคนที่เขานึกว่าอยู่ไกลแสนไกล คนที่เขาไม่ได้เห็นหน้ามากว่าสามปี ก็มายืนอยู่ตรงนี้
“ไอ้ต้นเพิ่งไปรับมาเมื่อกี้”
“ไม่ใช่แบบนั้นสิ ผมไม่ได้อยากรู้ว่ามาที่นี่ได้ไง ผมแค่ตกใจว่าพี่กลับมาได้ยังไง ไหนว่าอีกตั้งเดือนกว่าจะได้กลับ แล้วไม่เห็นจะบอกผมเลยสักคำว่าจะกลับมา ถึงว่าวันนี้ผมพยายามโทรหาพี่แทนตลอด ก็ไม่มีใครรับสายเลย เป็นห่วงแทบตาย นึกว่าเป็นอะไรไปแล้วซะอีก ยิ้มอะไรเล่า! นี่ผมจริงจังอยู่นะ”
เมื่อได้โอกาสคนที่เก็บกั้นความกลัวมาทั้งวันก็พูดออกมาไม่หยุด ให้คนที่แสนจะคิดถึงท่าทางเหล่านี้ได้แต่ยืนยิ้ม ไม่ได้สนใจท่าทางหัวร้อนของคนตรงหน้าเลยสักนิด
“ก็มีคนงอแง กูก็เลยพยายามจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย สอบตัวสุดท้ายเสร็จ กูก็รีบบินกลับมาเลยเนี่ย” ว่าไปก็เอามือลูบแก้มอีกคนไป
“...”
“ไหนใครอยากอ้อนกู กูอยู่นี่แล้ว ถ้าอยากงอนก็ทำได้เต็มที่ กูกลับมาง้อแล้วนะ”
“...” พูรินคนพูดเก่งพูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่จ้องหน้าคนที่ยืนกอดกันอยู่ในแสงสลัวตาไม่กระพริบ พี่แทนของเขามาอยู่ตรงนี้แล้ว อยู่ต่อหน้าเขา และมันไม่ใช่ความฝัน
“ดีใจไหมที่กูกลับมา” พูรินพยักหน้าลงหงึกหงักจนหัวแทบหลุด
“ดีใจยิ่งกว่าหมีพูห์ได้กินน้ำผึ้งซะอีก”
“ขนาดนั้นเลย”
“ยิ่งกว่านั้นเยอะเลย! ดีใจเหมือนหัวใจจะระเบิดออกมาเลยพี่แทน” พูรินทำท่ากุมอกให้อีกคนหัวเราะในลำคอ แทนคุณได้แต่ยิ้ม ตาคมจ้องมองท่าทางโอเว่อร์ที่เขาคิดถึง
“กูก็ดีใจ” เขาว่าพร้อมกับเอามือหนาอังแก้มใครอีกคนที่ยิ้มไม่หุบ “กูกลับมาแล้วนะ”
พูรินยิ้มรับ เอียงแก้มเข้าไปซบกับมือพี่แทน เขารู้สึกแน่นจุกที่อก ก่อนที่มันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นความอุ่นซ่านที่แผ่คลุมไปทั่วร่างกายเขา น้ำตาของคนที่ลืมคิดถึงดาวที่ต้องสะสมเอ่อล้นอกมา แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เพราะความเหงา มันไม่ใช่เพราะความโหยหา แต่มันเป็นน้ำตาของความดีใจที่เราได้มาอยู่ข้างกันอีกครั้ง
“ผมไม่ให้พี่แทนไปไหนอีกแล้วนะ” เอื้อนเอ่ยสิ่งที่เขาคิดจริงและตั้งใจจะทำจริงๆออกไป
“ถึงมึงจะไล่ ครั้งนี้กูก็ไม่ยอมไปไหนอีกแล้ว”
“พี่แทน~” พูรินซุกตัวลงในอ้อมกอดของคนตัวหนา แขนเรียวโอบล้อมเอวสอบอย่างแน่นหนา พี่แทนเองก็กอดเขาแน่นพอกัน ที่ตรงนี้มันดีที่สุด ในอ้อมอกแกร่งของคนๆนี้ มันไม่มีอะไรในโลกที่เขาจะยอมแลกได้เลย
“เข้าไปข้างในกันไหม” เมื่อได้ยินเสียงเจ้าของงานวันเกิดดังแว่วมา พร้อมกับเสียงท่วงทำนองเพลงรักมือสองดังขึ้น พูรินก็เอ่ยถามให้พี่แทนพยักหน้ารับ เราสองคนเดินจูงมือกันเข้าไปในงาน พี่แทนเอ่ยทักทายกับคนรู้จักไปตลอดทาง จนในที่สุดเราทั้งสองก็มายืนรวมกลุ่มกันกับกลุ่มพี่ต้น
เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเพลงจบลง พูรินหันหน้าไปทางเวทีที่ตอนนี้มีทั้งพี่และน้องรหัสของเขานั่งอยู่ พี่แทนกอดเขาแน่นจากด้านหลัง คนตัวโตยกโบกมือทักทายคนบนเวทีที่ส่งยิ้มมาให้
“ขอต้อนรับแขกที่เพิ่งลงเครื่องมาหมาดๆ นี่จะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม ว่าที่รีบขนาดนี้เพราะจะมาวันเกิดกู” คนเอ่ยแซวหัวเราะดังลั่น เมื่อแทนคุณยื่นนิ้วกลางให้แทนคำตอบ
“ไหนๆ ก็มาแล้ว ให้มันโชว์ฝีมือที่อุตส่าห์ไปร่ำเรียนมาสักหน่อยดีไหม ไหนใครอยากฟังบ้าง” เสียงเฮดังขึ้น พี่แทนเดินขึ้นไปตามเสียงเชียร์ของคนรอบข้าง เจ้าตัวรับกีต้าร์ที่น้องเป้เป็นคนยื่นมาให้ ก่อนจะนั่งลงข้างเจ้าของวันเกิดตัวป่วน พี่แทนยื่นหน้าไปกระซิบกระซาบบอะไรสักอย่างจนพี่ดินยกยิ้มกว้าง
“ไหนผมขอดูมือคนมีความรักหน่อยครับ” บดินทร์หันกลับมาคุยกับคนในงานอีกครั้ง ทุกคนต่างพร้อมใจยกมือขึ้นมากันถ้วนหน้า
“ผมเชื่อว่าเราทุกคนมีความรัก ไม่ว่าจะในรูปแบบเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ลูก หรือว่าคนรัก แต่ทุกคนก็คงเห็นด้วยกับผมใช่ไหมครับ ว่าไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหน มันก็เป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิต เป็นพลังงานที่ทำให้เรามีกำลังจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าทั้งนั้น” บดินทร์ร่ายยาว
“คุณแทนคุณครับ” บดินทร์เอี้ยวหน้าไปซบตากับเพื่อนสนิทด้วยท่าทางกวนๆ
”ครับคุณบดินทร์”
“ไหนวันนี้โชว์ให้พวกผมเห็นหน่อยได้ไหมครับ ว่าความรักในแบบของคุณมันเป็นแบบไหน”
เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกครั้ง แทนคุณไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มและมองตรงไปที่ใครบางคนอย่างไม่คิดจะปิดบัง พูรินที่โดนจ้องยืนยิ้มหน้าแดง และไม่ว่าจะกี่ครั้งที่หลุบตาหลบ ในทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นมา พี่แทนก็ยังคนจ้องเขาอยู่อย่างนั้นไม่หันไปไหน และยิ่งไปไม่เป็นเมื่อพี่ดินเริ่มเล่นอินโทรของเพลงที่เขาคุ้นที่สุดขึ้นมา
“L is for the way you look at me
O is for the only one I see
V is very, very extraordinary
E is even more than anyone that you adore can”
พูรินย้อนนึกถึงวันนั้น
ผ่านหน้าจอมือถือ
เขาเห็นพี่แทนหยิบกีต้าร์ขึ้นมาบรรเลง
‘อ่ะ เพลง L-O-V-E’
พูรินจำได้ทันที
เพลงนี้มันเป็นเพลงโปรดที่พ่อเขาชอบร้องอยู่บ่อยๆ
‘เพลงนี้กูฟังแล้วคิดถึงมึงทุกที มึงชอบไหม’
‘ชอบ..’
พูรินตอบแบบไม่คิด
‘ชอบที่พี่แทนบอกว่าคิดถึง’
“Love is all that I can give to you
Love is more than just a game for two
Two in love can make it
Take my heart and please don't break it
Love was made for me and you”
พี่แทนไม่เหมือนพี่ดินหรือพี่ต้น พี่ทั้งสองคนเป็นคนดังของคณะ และเจ้าตัวก็เปิดเผยกันจนไม่มีใครไม่รู้ว่าคนรักของทั้งคู่คือใคร แต่กับพี่แทนที่ชอบทำหน้าโหด ไม่ค่อยพูดจากับใคร การที่ทุกคนได้มาเห็นเจ้าตัวนั่งร้องเพลงรักสบตากับเขาแบบนี้ มันเป็นภาพที่ตื่นตาจนหลายคนทนไม่ไหวต้องยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาบันทึกภาพไว้
เขาเองก็อยากทำแบบนั้น พี่แทนในมาดนี้ ต้องเกิดแล้วตายอีกกี่ครั้งถึงจะได้เห็น แต่จะให้เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงตอนนี้ก็เขินเกินไป แถมความตื่นเต้นที่มี มันทำให้ไม่สามารถบังคับมือไม้ให้ได้ดั่งใจเลยสักนิด
เดี๋ยวค่อยไปขอมาจากพี่นิ้งที่กำลังถ่ายวิดีโออยู่ก็แล้วกัน
“L is for the way you look at me
O is for the only one I see
V is very, very extraordinary
E is even more than anyone that you adore can”
“ดีใจด้วยนะน้องหมี” พี่อินเดินมายืนข้างเขา พูรินหันไปยิ้มทั้งน้ำตาให้กับแฟนพี่ชายคนสนิท
“พี่อิน~ ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”
“อืม พี่แทนของหมีพูห์กลับมาแล้วนะ”
พูรินพยักหน้ารับ ไม่คิดจะห้ามน้ำตาที่มันร่วงหล่น เขาสอดมือเข้าไปรอบแขนเรียวก่อนจะซบลงตรงหัวไหล่ของคนน่ารักข้างตัว เราสองคนโยกเบาๆ ตามเสียงดนตรีไปด้วยกัน พูรินอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ความสุขที่มีมันเยอะจนไม่สามารถจะบรรยายได้เป็นคำพูดใดๆ ได้
“Love is all that I can give to you
Love is more than just a game for two
Two in love can make it
Take my heart and please don't break it
Love was made for me and you”
เสียงดนตรีอะคูสติกเพราะๆ ล่องลอยอยู่ในอากาศ คนที่เพิ่งจะบินกลับมาจากแดนไกลยังคงเหมือนอยู่ในฝัน ในที่สุดเขาก็กลับมาแล้ว ตลอดหลายปีที่หายไป ในที่สุดเขาก็กลับมายืนอยู่ตรงนี้อีกครั้ง กลับมาอยู่ตรงที่ที่คุ้นเคย กลับมาอยู่ในบรรยากาศที่เขาชอบ และที่สำคัญ เขากลับมาอยู่ตรงหน้าคนที่เขาแสนจะคิดถึงที่สุดสักที
“Love was made for me and you”
“ขอบคุณนะครับที่รอกันมาตลอด”
“Love was made for me and you”
เสียงปรบมือดังกึกก้อง แทนคุณลุกขึ้นกระทบไหล่กับเพื่อนสนิทที่ช่วยกันร้องเพลงจนจบ เขาส่งสัญญาณให้ตั้งต้นที่ยืนอยู่ข้างเวที พอเจ้าตัวเห็นก็เดินไปหยิบช่อดอกไม้ขนาดใหญ่มายื่นให้เขา มันเป็นช่อดอกทานตะวันสีเหลืองสดใส ดอกไม้ทั้งสิบดอกถูกผูกเรียงกันอย่างสวยงาม แล้วห่อด้วยผ้ากระสอบสีน้ำตาลธรรมชาติ แทนคุณเดินลงไปหาใครอีกคนที่อยู่หน้าเวที
“น้องหมีพูห์ครับ พี่รักน้องหมีพูห์นะครับ”
แทนคุณสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะผ่อนลมออกมาเรียกความกล้า เมื่อทำใจได้แล้วเขาก็เอ่ยบอกรักใครบางคนให้เพื่อนๆส่งเสียงโห่ร้องกันลั่นห้อง
“...”
“พี่หาทุ่งทานตะวันมาให้เราไม่ได้ แต่ช่วยรับดอกไม้ช่อนี้ไว้ก่อนได้ไหม”
‘ทำไมถึงต้องทุ่งทานตะวัน’
‘ก็ความหมายมันดีนี่น่า’
‘...’
‘พี่แทนรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร’
‘...’
‘มันหมายถึงความรักที่มั่นคง ดุจดั่งทานตะวัน ที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์’
เมื่ออีกคนเอื้อมสองมือมารับช่อดอกไม้ช่อใหญ่ไปไว้ในอ้อมอก คนที่วันนี้รวบรวมความกล้าที่สะสมมาทั้งชีวิตจึงเอ่ยสิ่งที่อยากพูดออกไป
“พี่อยากให้น้องหมีพูห์มาเดินเคียงข้างกัน ทั้งในวันที่ทุกข์หรือสุขที่สุด พี่ก็อยากเดินจับมือกับน้องไปแบบนี้เรื่อยๆ”
พูรินตาโตเป็นไข่ห่าน อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหู มันเหมือนเดจาวู เขาคิดว่าเขาเคยได้ยินประโยคนี้มาก่อน ก็มันเป็นประโยคที่เขาเป็นคนพูดมันออกมาเองนี่น่า และถ้าจำไม่ผิด ประโยคถัดมามันน่าจะเป็น...
“แต่งงานกับพี่แทนนะครับน้องหมีพูห์”
จู่ๆ พี่แทนก็ทรุดลงนั่งคุกเข่าข้างเดียวหน้าเขา มือหนาหยิบแหวนสีทองเนียนเรียบออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นส่งมาต่อหน้าเขา ทั้งๆที่คนในงานส่งเสียงกันดังสนั่น บ้างเสียงโห่แซว บ้างเสียงกรี๊ดตื่นเต้นไปกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเสียงไหนพูรินก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงของหัวใจที่มันเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา
“ตกลง ตกลง ตกลง ตกลง” เสียงตะโกนของคนรอบด้านทำให้พูรินได้สติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง เขาหลุบลงไปมองสบตากับคนที่ยังใช้เข่าหนึ่งข้างชันกับพื้นอยู่ ในที่สุดพูรินก็คุกเข่าลงข้างอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นมือซ้ายออกไปตรงหน้า
“อืม แต่งงานกันนะพี่แทน..”
เขาเห็นพี่แทนที่นั่งเหงื่อแตกยิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง เจ้าตัวผ่อนหายใจหนักๆออกมาก่อนที่จะยื่นมือมาสวมแหวนให้เขา พูรินอดใจไม่ไหว กระโดดตัวเข้าไปกอดรัดจนพี่แทนแทบจะหงายหลัง
“สัญญาแล้วนะพี่แทน”
“อืม มึงเป็นของกูคนเดียวแล้วนะ”
“พี่แทนก็เป็นของผมคนเดียวเหมือนกัน!”
“กูเป็นของมึงคนเดียวมาตั้งนานแล้วต่างหาก” อดยกนิ้วหยิกแก้มคนที่ทำหน้ามึนยิ้มแป้นไม่ได้
“ไปแต่งกันที่ดิสนี่ย์เวิร์ลเนอะพี่แทน” แทนคุณพยักหน้ารับ ถ้ามันเป็นความฝันของน้อง อะไรที่เขาทำได้เขาก็อยากจะทำให้มันทั้งหมด
“แล้วก็ให้ผมใส่ชุดหมีพูห์ แล้วพี่แทนก็ใส่ชุดพิกเก็ตแล้วกันเนอะ”
“ไม่เอา!”
แต่อะไรที่เขาทำไม่ได้ เขาก็จะไม่ทำหรอกนะ!
“ทำไมเล่าพี่แทน~ น่ารักจะตาย”
พูรินยังคงต่อรอง พี่แทนลุกขึ้นเดินไปนั่งที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง คนในร้านเลิกสนใจเขาทั้งสองคนแล้ว ทุกคนต่างหันกลับไปมองน้องเป้ที่ขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง
“งั้นเอาชุดมิกกี้กับมินนี่ก็ได้”
“ไม่เอา!”
“บัซกับเจสซี่?”
“...” พี่แทนไม่ปฏิเสธ เขาว่าเจ้าตัวเริ่มจะใจอ่อนให้เขาแล้ว
“โอเค งั้นบัซกับเจสซี่นะ!” เมื่อพี่แทนไม่ว่าอะไร พูรินก็เลยสรุปเองอะไรเอง นั่งเกาะแขนซบแก้มลงบนไหล่ของคนที่เพิ่งขอเขาแต่งงานไปหมาดๆ จ้องมองแหวนสีทองที่มาตอนนี้มาอยู่ในนิ้วนางข้างซ้ายของเขาแล้ว
ที่จริงมันก็ไม่สำคัญหรอกว่าเราสองคนจะแต่งงานกันที่ไหน หรือใส่ชุดอะไร
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ยังติ๊งต๊องเหมือนเดิม”
“ทำเป็นมาว่า รู้หรอกว่าชอบน้องจะตาย”
เพราะว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และไม่ว่าจะเมื่อไหร่
“ไม่ได้ชอบเหอะ”
“...”
“ก็บอกไปตั้งกี่ทีว่ารักที่สุด ความจำเสื่อมหรือไง”
“พี่แทนอ่ะ~ ทำซึ้งอีกแล้ว”
พี่แทนก็คือเจ้าชายคนดี คนเดียวของเขาเสมอ..
-END-
#หมีแทนที่รัก
ในที่สุดก็มาถึงตอนจบกันอีกแล้วค่ะ (ฮือ) ตอนจบของหมีพูห์มันก็ต้องเว่อร์เบอร์นี้ หุหุ แบบคู่นี้ไม่มี NCก่อนแต่งแน่นวล เจ้าหญิงสุดไรสุด 555
แล้วคืองงมาก แต่งไปแต่งมาเหมือนกำลังนั่งแต่ง #รักมือสองอินดิน พอคิดได้ก็เลยตัดเอาส่วนนั้นไปเป็นตอนพิเศษของรักมืองสองแทน 5555 ยังไงเดี๋ยวเขียนเสร็จอล้วจะเอาไปลงนะคะ อย่างลืมแวะไปอ่านด้วยน้า พี่ดินคนนี้พระเอกเบอร์หนึ่งของช่องจริงๆ ลำเอียงสุดอะไรสุด มาทุกเรื่องจริงๆคนนี้
ท้ายสุด! อุตส่าห์เสียเวลาอ่านกันมาถึงตอนจบ เราก็ขอเวลาเพิ่มอีกแค่สองนาทีแสดงความเห็นกับเรื่องนี้ให้หน่อยน้า ชอบไม่ชอบติชมมาได้เหมือนเดิม จะพยายามปรับปรุงและพัฒนาในเรื่องต่อๆไปนะคะ หรือจะรีวิวให้กันในทวิตเตอร์ก็จะยิ่งร้องหนักกว่าเดิมไปอีก ทุกคอมเม้นเป็นกำลังให้เราเดินต่อได้จริงๆค่ะ
และขอขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ทุกคนจริงๆนะคะ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ( บางคนตามมาจากแฟนเดือนเดียว บางคนมาจากรักมือสอง ก็หวังเพียงว่าจะไม่ได้ทำให้คุณผิดหวังนะคะ ) ยังไงเราขอฝาก ตอนพิเศษของเรื่องแฟนเดือนเดียว อีกสองตอนก็จะจบแบบสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ ใครรัก #ต้นคนรักไม่เป็น ก็อย่าลืมไปรอตอนจบกันน้า
ส่วนเรื่องใหม่ที่เพิ่งเปิดไปไม่กล้าฝาก เพราะกลัวเขียนไม่จบ อิอิ เอาเป็นว่ายังไงรอดูในทวิตเตอร์น้า ใครเล่นทวิตเตอร์ทักทายกันได้ตลอดเลยจ้า @maywrite1
ท้ายที่สุดของที่สุด ตอนพิเศษเรื่องนี้ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ ยิ่งnc ยิ่งไม่รู้เลย เอาเป็นว่าได้สักร้อยเม้นจะรีบมาปั่นให้นะคะ (อ้างสุดๆ ฮา)
รักสุดอะไรสุดจริงๆๆๆ
แล้วเจอกันใหม่ค่ะ