พิมพ์หน้านี้ - แจ้งข่าว (Pre order) หนังสือทำมือน้องหมีกับพี่แทนค่ะ ตอนพิเศษเยอะมากๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Maywrite ที่ 01-09-2019 14:39:06

หัวข้อ: แจ้งข่าว (Pre order) หนังสือทำมือน้องหมีกับพี่แทนค่ะ ตอนพิเศษเยอะมากๆๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 01-09-2019 14:39:06
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม
_______
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [ น้ำผึ้งหยดแรก: Weeds are flowers too, once you get to know them]
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 01-09-2019 14:39:58
#หมีแทนที่รัก

เป็นเพราะคำขอร้องของพี่รหัสที่ทำให้เขาต้องมาเผชิญหน้ากับคนที่ไม่อยากจะยุ่งด้วยมากที่สุด แต่พออยู่ใกล้กันจริงๆทำไมหัวใจมันสั่นไหวแบบนี้ก็ไม่รู้
——

#หมีแทนที่รัก



‘Piglet, how do you spell love?’

พิกเก็ต นายสะกดคำว่ารักยังไง

‘Pooh, You dont spell it, you feel it’

พูห์ นายไม่สะกดมัน นายแค่รู้สึกมัน

.

.

.



“น้องหมีพูห์ครับ”

“ครับ!”

“พี่รักน้องนะ”

“ผมก็รักพี่แทน!!”

“มึงใจเย็นๆ ดิ ฟังกูก่อน”

“...”

พูรินที่อยู่ไม่สุขทำท่ารูดซิปปากให้อีกคนยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วอย่างเพลียใจ ก่อนจะยกยิ้มอบอุ่นที่พูรินชอบที่สุดออกมา

“น้องจะให้เกียรติเป็นแฟนกับพี่ได้ไหมครับ”

พูรินพยักหน้างึกงักรัวๆ ความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงที่ถูกเจ้าชายขอแต่งงาน

“เป็นๆๆๆ”

เขาร้องตะโกน พร้อมกระโจนเข้าไปหาจนพี่แทนเซล้มลงนั่งบนเตียงด้านหลัง ทำให้ตอนนี้กลายเป็นเขานั่งอยู่บนขาหนึ่งข้างของคนร่างหนา

พูรินไม่สนใจ สองแขนเรียวโอบรัดคอแกร่งไว้แน่น หลับตาพริ้ม ยื่นหน้าเข้าไปประชิดทันที

“...”

“อะไรของมึง”

“จุ๊บได้แล้ว”

“จุ๊บอะไร แก่แดดนะมึง”

แทนคุณว่าแล้วเอากำปั้นเขกกระโหลกอีกฝ่ายเบาๆ

“แก่แดดอะไร ฉากนี้มีในการ์ตูนทุกเรื่อง เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี”



**********

ขอฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ

น้องหมีพูห์ (พูริน)  x พี่แทน (แทนคุณ)

ถ้าใครเคยอ่านเรื่อง ‘รักมือสอง’ #รักมือสองอินดิน

หรือ ‘แฟนเดือนเดียว’ #ต้นคนรักไม่เป็น

ก็จะพอเห็นตัวละครสองตัวนี้มาบ้างแล้ว เรื่องนี้จะค่อนข้างแตกต่างกับสองเรื่องที่อ้างถึง จะออกแนวฟุ้งๆ ดิสนีย์ๆ หวานๆ งุ้งงิ้งๆ 555

ชอบไม่ชอบยังไง เขียนมาได้เต็มที่ แค่คอมเมนต์สั้นๆ ก็เป็นกำลังใจแสนมหาศาลของเราแล้วค่ะ

ฝากติดตามความน่ารักของน้องหมีพูห์ และความอบอุ่นของคุณพี่แทนคุณด้วยนะคะ





Full credit for all the English qoutes to A.A. Milne from Winnie the pooh.

ชื่อเรื่องภาษาอังกฤษทั้งหมดมาจากคำคมของ A.A. Milne จากเรื่อง Winnie the pooh นะคะ


หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [ น้ำผึ้งหยดแรก: Weeds are flowers too, once you get to know them]
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 01-09-2019 14:42:00
.:น้ำผึ้งหยดแรก:.

Weeds are flowers too, once you get to know them

.

.

ต้นหญ้าก็เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่ง เมื่อคุณลองเปิดใจให้มัน












“A whole new world! A new fantastic point of view... No one to tell us no ~ Or where to go...Or say we're only drea..”

ฟึบ!

“ไอ้พุทธ~ มึงจะทำอะไรกับมือถือกู~” พุทธโธแย่งมือถือของเพื่อนร่วมห้องมาปิดเพลง ก่อนที่จะตัดสินใจกดปิดโทรศัพท์ไปให้รู้แล้วรู้รอด ร่างสูงหงุดหงิดเป็นที่สุด วันนี้อุตส่าห์ไม่มีเรียนเช้าแท้ๆ คนอุตส่าห์อยากจะนอนตื่นสาย รูมเมทตัวดีมันดันมาแหกปากร้องเพลงอยู่นั่น

“ขอเถอะหมี กูรู้ว่ามึงอินมาก แต่นี่มันเจ็ดโมงเช้า”

“คนอย่างมึงไม่มีวันเข้าใจ มึงมันไร้หัวใจ มึงจะมายุ่งอะไรกับกู~ มึงอยากนอนมึงก็นอนไปสิ!!” พูรินว่าพยายามแย่งโทรศัพท์จากเพื่อน แต่เมื่อมันชูแขนสุดลำตัวแบบนั้น เขาที่ตัวเตี้ยลาดดินจะไปทำอะไรได้

“เชื่อกู กูพยายามแล้วหมี แต่มึงเปิดเพลงนี้รอบที่ร้อยจนกูจะกลายเป็นอะลาดินแล้วมึง”

“โธ่ ไอ้พุทธ หน้ายังมึงก็เป็นได้แค่อาบูเท่านั้นแหละ” คนโดนว่าเกาหัวก๊อกแก๊ก ก่อนจะหันซ้ายขวาหยิบหมอนมาเขวี้ยงใส่เขา

“สัด มึงด่ากูแน่ๆ แต่กูไม่เจ็บหรอกนะ กูไม่รู้จัก” พุทธโธว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนอีกที ไม่พอยังมีขู่ทิ้งท้าย

“ถ้ามึงเปิดอีก มึงอย่าหาว่ากูไม่เตือน” ว่าแล้วก็เอาผ้าห่มคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ไอ้เพื่อนชั่ว” พูรินตัดพ้อเสียงอ่อน กลัวมันตื่นขึ้นมาด่าอีก “แล้วกูก็บอกแล้วว่ากูชื่อหมีพูห์ แม่ง เรียกหมีอยู่ได้...” พึมพำต่อก่อนที่จะคลานไปหยิบโทรศัพท์ที่มันโยนทิ้งไว้บนเตียงนอนกลับมา กดเปิดเครื่องอีกครั้ง หันหลังไปหยิบกระเป๋าสะพายที่อยู่ปลายเตียง เลื่อนซิปกระเป๋าหน้าควานหาหูฟังสีขาวที่เคยยัดๆ ไว้ พอเจอก็เสียบหูฟังเข้ากับหูสองข้าง เลื่อนหาเพลงที่เปิดซ้ำไปซ้ำมาตั้งแต่เช้าอีกครั้ง ก็เมื่อคืนเกิดอยากดูการ์ตูนเรื่องนี้อีกรอบ จำไม่ได้หรอกนะว่าเป็นรอบที่เท่าไหร่ แต่พอได้ดูอีกก็อินอีกตามเคย พออินแล้วเพลงมันก็วนเวียนอยู่ในหัวจนต้องตื่นมานั่งร้องแบบนี้นี่แหละ

ช่วยไม่ได้เขาน่ะมันแฟนการ์ตูนดิสนี่ย์ตัวยง โดยเฉพาะเซ็ตเจ้าหญิงน่ะนะ รู้จักทุกเรื่อง แต่ละเรื่องดูเกินสิบรอบไปแล้ว จนวันก่อนไอ้พุทธมันบอกว่าจะส่งเขาไปออกแฟนพันธุ์แท้ให้ได้ ไอ้ลิงพุทธ! ว่าแล้วก็หันไปมองมันที่นอนกรนเสียงดังไปแล้ว หมั่นไส้มันแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เลยได้แต่กดโทรศัพท์เข้าไปเปลี่ยนชื่อมันเป็นอาบู

หึหึ ได้แก้แค้นแค่นี้ก็เอาว่ะ

แล้วไอ้เรื่องชื่อหมีพูห์ก็เหมือนกัน มันเป็นชื่อเล่นที่พ่อแม่เขาตั้งให้จริงๆ ไม่ได้มาเพิ่งตั้งเองเหมือนที่ไอ้รุ่นพี่เฮงซวยมันบอก พ่อกับแม่น่ะเป็นแฟนหนังการ์ตูนหนังอนิเมชั่นตัวจริง ดูหนักดูจริงจังยิ่งกว่าเขาเสียอีก และด้วยหน้าที่การงานที่ต้องบินไปต่างประเทศบ่อยๆ เลยทำให้ทั้งคู่มีโอกาสได้ไปเที่ยวสวนสนุกใหญ่ๆ จนทั่ว โดยเฉพาะดิสนีย์แลนด์กับยูนิเวแซลนะ ไปแทบจะทุกที่อยู่แล้ว คือจริงจังขนาดที่บ้านเขานี้มีห้องเก็บตุ๊กตาและของที่ระลึกโดยเฉพาะเลยด้วย!

ส่วนทำไมถึงหมีพูห์น่ะหรอ? แม่ชอบเล่าให้ฟังบ่อยๆ จนจำได้ขึ้นใจแล้ว คือตอนที่พ่อกับแม่กลับจากเที่ยวที่ดิสนีย์แลนด์ปารีส แม่ตรวจครรภ์พบว่าท้องเขา แล้วจากทริปนั้นพอดีพ่อซื้อตุ๊กตาหมีพูห์ให้แม่เป็นของที่ระลึกแทนใจ แม่ชอบมากถึงกับฝังใจว่าจะตั้งชื่อเขาว่าหมีพูห์ ขนาดวันที่ออกจากห้องคลอดแม่ให้เขาใส่เสื้อโชว์สะดือสีแดงเลยนะ คิดดูสิจริงจังเบอร์ไหน!

เฮ้อ กลับมาคิดถึงไอ้รุ่นพี่เฮงซวยแล้วคือหงุดหงิด! พี่มันเป็นเพื่อนสนิทกับพี่ดินพี่รหัสเขา คือกลุ่มพี่ดินจะมีสามคน มีพี่ดิน พี่ต้นแล้วก็ไอ้พี่แทนนี่แหละ ถ้าให้เทียบกันนะ สำหรับเขาพี่ดินนี่เปรียบเสมือนเจ้าชายในเรื่องสโนไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด เป็นคนที่หน้าตาดีแถมยังใจดีมาก ร้องเพลงก็เพราะเป็นที่สุด ส่วนพี่ต้นนี่ออกจะหล่อแบดบอยหน่อยๆ ต้องเป็นประมาณเจ้าชายเอริคจากเรื่องเงือกน้อยแอเรียล ส่วนไอ้พี่แทนนะน่ะ..หึ.. ตัวฉุดค่ามีนความหล่อของกลุ่มชัดๆ ถ้าจะให้เป็นก็คงเป็นได้แค่เจ้าชายอสูรนั่นแหละ

อ่ะ..ก็ได้ๆ

ที่จริงพี่มันก็ไม่ได้แย่มากหรอกนะ

ผิวคล้ำ จมูกโด่ง หน้าตาคมเข้ม กล้ามโตแบบหุ่นนักกีฬา สาวๆ นี่กรี๊ดกันเต็ม ถ้าพูดถึงแค่หน้าตาที่จริงพี่มันก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่ แต่ปากพี่มันต่างหากที่ทำให้พี่แกหมดหล่อไปเลย





ติ้ง! เสียงเตือนจากแอปสีเขียวดังขึ้น

P’ Din: หมีพูห์ตื่นยังครับ?

กำลังคิดถึงอยู่เลย คนหล่อตายยากของน้อง!

PoohBear: ตื่นแล้วพี่ อรุณสวัสดิ์ครับ

P’ Din: วันนี้ทำอะไรน่ะเรา ตอนเย็นมาหาพี่ที่ร้านได้ไหม

นั่นๆ ๆ คิดถึงน้องล่ะเซ่!!

ใครจะไปง่ายๆ ขอเล่นตัวนิดนึงล่ะกัน

P’ Din: เดี๋ยวพี่เลี้ยงข้าว

PoohBear: ไปพี่! ให้ชวนเป้กับน้องปีหนึ่งไปด้วยไหม? ตั้งแต่เปิดเทอมมายังไม่ได้เจอน้องเลย

แหะๆ จะเล่นตัวไปทำไม พี่ดินอุตส่าห์จะเลี้ยงทั้งที!

P’ Din: วันหลังแล้วกัน วันนี้พี่มีเรื่องจะคุยกับเราด้วย

P’ Din: พี่มีเรื่องให้ช่วยหน่อย

หืม?

PoohBear: ได้เลยพี่ดิน มีอะไรบอกผมมาได้เลย เพื่อพี่ดินหมีพูห์ทำได้ทุกอย่าง!!

P’ Din: พอๆ เรานี่เว่อร์เสมอต้นเสมอปลายจริงๆ

P’ Din: มาเร็วๆ ล่ะ พี่อินบอกจะฝากขนมไปให้ด้วยนะ

พี่อิน~ น่ารักกว่าพี่รหัสก็แฟนพี่รหัสนี่แหละ

PoohBear: ฝากขอบคุณพี่อินด้วยครับบบบ พี่อินของผมน่ารักที่สุดด

P’ Din: พอๆ ลามปามนะหมี

PoohBear: ครับๆ ๆ แตะไม่ได้เลยน้า 5555 เจอกันตอนเย็นนะคร้าบบ~

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

“กูบอกว่าไม่จำเป็นไง” แทนคุณนั่งกอดอกจ้องหน้าเพื่อนจอมเจ้ากี้เจ้าการ เอ่ยปากบอกเสียงดังฟังชัด

“แล้วตกลงคือมึงจะไม่ยอมรับข้อเสนอของอาจารย์หรอวะ” ตั้งต้นคีบกับแกล้มเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ พร้อมกับเอ่ยถาม “ทุนฟรีแบบนี้ใครปฎิเสธนี้คือต้องโครตโง่อ่ะ”

“เชี่ยต้น นี่มึงจะเอา?” เขาเริ่มโมโห ก็รู้ว่าเพื่อนมันหวังดีนั่นแหละ แต่วันนี้มันนั่งด่าเขามาตั้งแต่เช้า แบบนี้เขาก็เริ่มจะไม่ไหวแล้วเหมือนกันนะ คนยิ่งสับสนอยู่

“เออ กูจะเอา แต่กูรุกนะ” นั่น! มันยังเล่นไม่เลิก

“สัดกูจะฟ้องกีว่ามึงแอบกินหมูกะทะเมื่อวันก่อน”

“โห ถ้ามึงเล่นงี้ มึงลุกมาต่อยกับกูเลยดีกว่า” ตั้งต้นลุกขึ้นจากเก้าอี้ชี้หน้าเพื่อนสนิท จะด่าเรื่องไหนต้นไม่เคยขึ้น แต่อย่ามาแตะต้องคนบนหิ้งเข้าไจ๋!! เพื่อนก็เพื่อนเถอะ!

“ใจเย็นพวกมึง” บดินทร์เอ่ยเสียงเข้มพยายามห้ามทัพ ดึงแขนไอ้ต้นให้มันนั่งลงกับที่เหมือนเดิมก่อนจะหันไปหาเพื่อน

“แต่ไอ้แทน กูว่าไอ้ต้นมันพูดถูกนะมึง ทุนฟรีทุกอย่างแบบนี้ หาที่ไหนไม่ได้แล้วนะ อาจารย์เขาอยากช่วยมึง มึงจะปฎิเสธทำไมว่ะ”

“กูก็อยากไป แต่มึงก็รู้ว่ากูต้องดูแลแม่” บดินทร์มองหน้าเพื่อนอย่างเข้าอกเข้าใจ เขารู้ดีว่ามันห่วงแม่มันมากแค่ไหน บ้านมันมีกันแค่สองคน มีแค่แม่เพียงคนเดียวที่เป็นคนเลี้ยงดูมันมาตลอด มันถึงไม่อยากทิ้งแกไว้คนเดียว แล้วยังฐานะทางการเงินของมันอีก ในขณะที่บ้านไอ้ต้นมันรวยล้นฟ้า บ้านไอ้แทนมันก็เป็นแค่คนหาเช้ากินค่ำธรรมดา แม่มันเป็นช่างเย็บผ้า รับงานมาทำที่บ้าน เวลาหลังเลิกเรียน ถ้าไม่ได้รับงานดนตรีที่ไหนมันก็มักจะตรงกลับบ้านไปช่วยงานแม่มันทันที จะมีเหลวไหลบ้างเวลาพวกเขาชวนมันมาเที่ยวแบบนี้นี่แหละ แล้วถึงจะบอกว่าไอ้ต้นรวยล้นฟ้า แต่ไอ้แทนก็ไม่เคยคิดจะเอาเงินเพื่อน ไปไหนด้วยกันคือหารสามเท่ากันตลอด รวยแค่ไหนก็เลีี้ยงมันไม่ได้จริงๆ

“แหม๋ ใครฟังจะนึกว่าแม่มึงป่วย” ตั้งต้นยังวอนหาเรื่อง ถึงจะโดนมันมองตาเขียวปั๊ดแต่ยังคงพูดต่อไป “กูก็เห็นว่าน้ากุ้งสุขสบายดี เพื่อนบ้านก็ตั้งเยอะแยะ มึงยังจะห่วงอะไร”

“...”

“จริงมึง 3 ปีเองนะ ถ้าจบมาได้ มึงอนาคตไกลแน่ แม่มึงจะได้สบายจริงๆ เสียที”

“...”

“กูถึงเรียกหมีพูห์มาให้มันช่วยติวภาษาอังกฤษให้มึงไง มึงจะได้ไม่ต้องเสียตังค์เข้าคอร์สเตรียมตัว” เมื่อเห็นเพื่อนเริ่มลังเลบดินทร์เลยว่าต่อ

“กูบอกแล้วว่าไม่จำเป็น ถ้ากูจะไป กูอ่านเองได้”

“อ่านเองมันจะไปได้เรื่องอะไร มันต้องลองใช้ลองพูด หมีมันได้เอทุกตัวเลยนะ ให้น้องมันช่วยแหละดีแล้ว” ตั้งต้นกล่าวเสริม ขยิบตาให้บดินทร์อย่างมีเลศนัย

“อืม แต่มึงอย่าไปบังคับมันนะ ถ้ามันไม่อยากสอน กูหาครูใหม่เองก็ได้” แทนคุณพึมพำออกมา ให้เพื่อนสนิทอีกสองคนมองหน้าส่งยิ้มให้กัน

“เรื่องนี้ก็เหมือนกัน” เป็นบดินทร์ที่ว่าขึ้น “จะจบอยู่แล้วนะมึง เดี๋ยวก็ไม่ได้เจอกันแล้...”

“เสือก” แทนคุณเอ่ยขัด เพื่อนทั้งสองหัวเราะลั่นพร้อมปะมือกันอย่างสะใจ









“หมี! หมี! พี่อยู่นี่” ตั้งต้นตะโกนเสียงดังพร้อมโบกมือเรียกเมื่อเห็นรุ่นน้องที่พูดถึงเดินเข้ามาในร้าน มันพยายามหันซ้ายหันขวามองหาพวกเขา เมื่อได้ยินพี่เรียก พูรินจึงหน้าบูดเดินตรงเข้ามาหา เมื่อมีที่ว่างเหลืออยู่ที่เดียวก็จำใจนั่งลงข้างๆ แทนคุณอย่างช่วยไม่ได้

“สวัสดีครับพี่ดิน พี่ต้น.. พี่แทน” ประโยคหลังสุดพูดออกมาอยากจำใจ ก่อนจะมองหันขวับไปหาคนที่เรียกชื่อเขาดังลั่นร้าน

“พี่ต้น แล้วผมชื่อหมีพูห์ไหม เสียหายหมดเลย” คนตัวเล็กบ่นอุบอิบ เหนื่อยที่จะแก้ทุกครั้งที่เจอกันแล้ว ไม่ลืมหันไปมองค้อนคนที่ชอบแกล้งเขาประจำ บดินทร์รีบเข้ามาแก้สถานการณ์ บอกให้เขาสั่งอาหารมากินตามใจ เสร็จแล้วก็ชงเหล้าอ่อนๆ ให้เขา นั่งคุยนั่นคุยนี้ถามสารทุกข์สุขดิบกันไปเรื่อยจนอาหารหมดจาน

“น้องปีหนึ่งปีนี้เป็นผู้หญิงด้วยพี่ดิน ชื่อน้องก้อย นัดเลี้ยงสายกันเมื่อไหร่ดีพี่”

“อาทิตย์หน้าเลยดีไหม เดี๋ยวพี่ก็ไม่ค่อยได้เข้าคณะแล้ว ปีสี่งานเยอะมาก”

“ได้ครับผม พี่ดินบอกวันมา เดี๋ยวผมจัดการนัดให้”

“อือ บอกให้เป้มันเอาภัทรมาด้วยนะ พี่ไม่ได้เจอนานแล้ว” เอ่ยไปถึงแฟนหลานรหัส คราวก่อนที่เจอกันก็ผ่านมาหกเดือนได้แล้ว

“พี่ต้นไปด้วยเปล่า ถ้าไปผมไม่บอกหรอกนะ เดี๋ยวก็มีเรื่องกันอีก รอบที่แล้วเกือบเสียพี่เสียน้องกันไปเลยน่ะนั่น” พูรินยังจำได้ดี ปกติไอ้เป้เป็นคนเงียบๆ ใจเย็น แต่แค่พี่ต้นเอ่ยแซวว่าภัทรน่ารัก ไอ้เป้แม่งหึงจนจะวางมวยกันไปแล้ว

“กูจะไป แล้วมึงก็ไม่ต้องเอาไอ้พุทธมาล่ะ” ตั้งต้นเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นบ้าง

“ครับๆ ตามที่สั่งครับพี่” พูรินรับคำ นี่นอกจากมีหน้าที่เป็นน้อง ยังต้องมาคอยจัดตารางไม่ให้คนตีกันอีก

“อ่ะ อินฝากมัฟฟิ่นมาให้เราด้วย”

“อ่า ขอบคุณมากๆ เลยครับ เดี๋ยววันหลังผมเอาตุ๊กตาวู้ดดี้ที่พี่อินฝากแม่ผมซื้อมาให้นะครับ”

“อือๆ ขอบใจนะ พี่ก็เพิ่งรู้ว่าอินชอบทอยสตอรี่”

“เปล่า เห็นพี่อินบอกว่าวู้ดดี้หน้าเหมือนพี่ดิน” พูรินอดขำไม่ได้ คิดภาพพี่ดินใส่ชุดคาวบอยนั่งบนหลังม้าแล้วตลกจะตาย

“งั้นเราก็ซื้อตัวคาวบอยผู้หญิงมาให้พี่หน่อยสิจะได้เอามาตั้งคู่กันที่ห้อง เดี๋ยวพี่เอาตังค์ให้”

โธ่ คนหลงแฟน แต่ไม่ใช่แล้วม่ะ!!

“ใช่ที่ไหนเล่า วู้ดดี้ไม่ได้คู่กับเจสซี่สักหน่อย คู่กับโบพีพต่างหาก” เขากำลังจะอ้าปากเอ่ยแก้แต่คนที่นั่งเงียบมาตลอดพูดแทรกขึ้นมาก่อนจนคนทั้งโต๊ะหันไปมอง

“...”

“อะไร กูจะดูการ์ตูนบ้างไม่ได้หรือไง” ร่างหนาหันมามองเขาตาขวาง เหมือนจะเขินหรือเปล่านะ ดูไม่ออกจริงๆ สีผิวพี่แกแบบนี้ หน้าแดงก็มองไม่ออกหรอก

“ปะ..เปล่า..แล้วไหนพี่ดินบอกว่ามีเรื่องอยากให้ผมช่วย” พูรินรีบเปลี่ยนเรื่อง หันหน้าไปหาพี่รหัสทันที

เขามองตามรุ่นพี่ทั้งสามที่หันมองหน้ากันไปมา รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ยังไงไม่รู้

“พี่รู้ว่าเราเก่งภาษาอังกฤษ” บดินทร์ว่า “ถ้าจะขอให้เรามาสอน เราพอมีเวลาไหม”

“โธ่ พี่ดิน..เรื่องแค่นี้เอง ได้เลยครับ เมื่อไหร่ก็ได้ พี่ดินบอกผมมาเลย” พูรินพูดอย่างโล่งอก นึกว่าเรื่องอะไรซะอีก เรื่องแค่นี้ทำไมเขาจะช่วยรุ่นพี่สุดที่รักไม่ได้

“ไม่ใช่พี่หรอก” บดินทร์เอ่ยปฎิเสธ พร้อมชี้ไปหาเพื่อนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ “ไอ้แทนตั้งหาก” พูรินถึงกับอ้าปากนิ่งค้าง ไม่กล้าหันไปทางที่พี่รหัสชี้ ปกติหน้ายังไม่ค่อยจะมองกันเลย จะให้เค้าไปติวหนังสืออีกฝ่ายได้ไงว่ะ ยังไงก็ต้องปฎิเสธ

“ถึงว่าช่วยพี่สักครั้งเถอะ” คนเป็นพี่รหัสเอ่ยซ้ำ

เฮ้อ..

“ครับพี่ดิน” พูดซะขนาดนี้จะให้เขาปฎิเสธได้ไงว่ะ พี่ดินยิ้มให้ ตบไหล่ขอบใจอีกสองสามครั้งก็ขอตัวลาขึ้นไปบนเวทีกับพี่ต้น เหลือให้เขาต้องนั่งอยู่สองต่อสองกับว่าที่นักเรียน พูรินไม่รู้จะพูดหรือจะชวนคุยอะไร ได้แต่จิบเหล้าในมือแล้วลอบมองอีกฝ่ายไปมา

แค่เริ่มต้นก็อึดอัดฉิบหายเลย แบบนี้จะรอดหรอว่ะ





“ถ้าไม่เต็มใจก็ไม่เป็นไรนะ กูคุยกับไอ้ดินให้เอง” แทนคุณเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบในอากาศ พร้อมกับโน้มตัวขยับเข้าไปหาอีกคน

“มึงเป็นอะไร กูแค่จะหยิบโซดา” เอ่ยถามเมื่อเห็นน้องมันเอี้ยวตัวหนีจนตัวลีบติดกับพนักโซฟาไปแล้ว “กลัวกูขนาดนั่นเลย?”

“ปะ..เปล๊า..แค่หลีกทางให้พี่ไง”

“หึช่างเถอะ มึงอย่าคิดมาก กูจัดการเอง” แทนคุณหัวเราะในลำคอ เอ่ยออกมาอย่างสบายๆ หันหน้ามองไปทางเวทีที่เพื่อนสนิทร้องเพลงอยู่ พูรินแอบมองหน้ารุ่นพี่ เขารู้สึกละอายใจ เขาแสดงออกชัดเจนเกินไปจนเสียมารยาทไปหมดแล้ว

“ผมช่วยติวให้ได้นะพี่” เม้มปากแน่นตัดสินใจพูดออกไป

“ช่างเถอะ ถ้ามึงไม่เต็มใจ”

“ก็ไม่ได้เต็มใจหรอก แต่รับปากไปแล้ว ผมไม่ชอบคืนคำ” พูรินยังยืนยัน

“...”

“นะพี่นะ” คนอายุมากกว่าถอนหายใจ

“งั้นก็ช่วยไม่ได้ กูรบกวนหน่อยแล้วกันนะหมี” เขาได้แต่พยักหน้ารับ มองอีกฝ่ายที่ตอนนี้หันไปมองเวทีอีกแล้ว ที่จริงไอ้พี่แทนมันก็ไม่ได้โหดร้ายอะไร อาจจะพูดจาห้วนไปบ้างแต่ก็ดูใจดี ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ในเมื่อรับปากพี่ดินแล้วเขาก็จะตั้งใจสอนให้เต็มที่

“ก่อนอื่นมาวัดพื้นฐานกันก่อนไหมพี่ ผมขอดูหน่อยได้ไหมว่าพี่มีพื้นฐานแค่ไหน”

“ยังไง” อีกคนหันมาสบตา คิ้วขมวดแน่นเข้าหากัน

“นับหนึ่งถึงสิบให้ผมฟังหน่อย”

“มึงเห็นกูอยู่ปอสองหรอ”

“นี่ที่ไม่นับเพราะมันง่ายหรือว่านับไม่ได้”

“อยากตายหรอหมี”

“...” โมโหอีกล่ะ

“One two three four five six seven eight nine ten” พูรินยกยิ้มกับสำเนียงไทยแท้ของอีกคน

“ยิ้มหา..” อีกฝ่ายพึมพำในลำคอ

“ผลไม้สัก 5 อย่างได้ไหม”

“Apple banana mango orange potato”

“มั่วแล้วพี่ มันฝรั่งมันเป็นผัก”

“Tomato”

“นั่นก็ผัก”

“ผักบ้านมึงสิ”

“มะเขือเทศก็ผักดิพี่”

“มึงให้กูสอนวิชาเกษตรมึงไหม”

“แต่พี่ก็บอกว่ามันฝรั่งเป็นผลไม้เหมือนกัน”

“ตอนแรกกูคิดชื่อผลไม้อันที่ 5 ไม่ออกเฉยๆ”

“...”

“ไม่ได้โง่จริงๆ แบบมึง” ว่าแล้วก็หัวเราะออกมา พูรินเผลอมองรอยยิ้มที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยๆ เขาแอบคิดว่ามันดูเข้ากับอีกคนดีจัง

“อ่ะๆ แล้วพี่มีปัญหาตรงไหน จะให้ผมเน้นแกรมม่าไปไว้สอบ หรือว่าจะเน้นพูดเอาไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน”

“กูแค่อยากให้กูพอพูด พออ่านได้ ให้กูพอเอาตัวรอดเวลาไปอยู่ใหม่ๆ”

“ไปไหนอะพี่”

“ยุ่ง”

“...”

“กูได้ทุนไปต่ออเมริกาน่ะ”

“โห เก่งจัง ทุนไรอะ”

“เสือก”

“ทำไมชอบด่า”

“ทุนต่อโท เอกกีต้าร์”

จะตอบดีๆ โดยไม่ด่าไม่ได้เลยนะ~

“งั้นอาทิตย์หน้าเลยไหม ผมขอกลับไปเอาหนังสือที่บ้านก่อน”

“อือ” แทนคุณตอบสั้นๆ ลอบมองรุ่นน้องที่ไล่ชื่อหนังสือที่ตั้งใจจะเอามาให้ อดยิ้มให้กับอาการเด๋อด๋าของมันไม่ได้

“ว่าแต่มึงเถอะ” เอ่ยออกไปให้อีกคนหยุดนับแล้วหันมาสบตากัน

“แล้วทำไมมึงถึงชอบภาษาอังกฤษล่ะ ไปเมืองนอกบ่อยหรอ?”

“...”

“หืม?” เมื่ออีกคนไม่ตอบ นั่งกระสับกระส่ายไปมาเขาก็เลยเลิกคิ้วถามย้ำออกไป

“ไม่บอกหรอก”

“ความลับ?”

“อืม”

“โอเค”

“...”

“...”

“บอกไม่ได้เดี๋ยวโดนพี่ล้อ” จู่ๆ มันก็โวยวายออกมา

“แล้วทำไมถึงคิดว่ากูจะล้อ”

“ก็บอกใครก็โดนล้อมาตลอด”

“แต่กูไม่ล้อหรอก”

“โห พี่แทนยิ่งแล้วใหญ่ ขนาดชื่อผมพี่ยังเอาไปล้อจนทั้งคณะเรียกผมว่าหมีไปหมดแล้ว ไม่มีใครเรียกหมีพูห์สักคน” คนที่ผูกใจเจ็บเมื่อได้โอกาสก็พูดความในใจออกมาทั้งหมด

“...”

“...”

“กูล้อมึงครั้งเดียวเองนะ”

“ใช่ แล้วพี่ต้นแม่งก็เอาไปกระจายไง”

“กูขอโทษนะ” ไม่ทันจะได้ด่าต่อก็ต้องชะงักกับคำขอโทษที่มาแบบไม่ทันตั้งตัว สบตามองคนพูดอย่างไม่เชื่อสายตา

“ขอโทษนะหมีพูห์” อีกฝ่ายพูดซ้ำ จู่ๆ หน้าเขาก็ร้อนจนเหมือนกำลังจะเริ่มละลายได้จริงๆ

“เอ่อ.. ไม่เป็นไรครับ” ได้แต่พึมพำกลับไปแบบนั้น เสียงหัวใจเต้นดังจนกลบเสียงรอบข้างไปหมด

“งั้นกูเล่าเรื่องที่กูโดนล้อประจำให้ฟังไหม ถือว่าแลกกัน” แทนคุณว่า

“กูเย็บผ้าเก่ง”

“ห๊ะ” ตาเบิกโตอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“จะให้เนา ให้เย็บซ่อนด้าย หรือให้เย็บตะเข็บ ติดซิป คือกูได้หมด” พูรินหัวเราะลั่นแบบไม่อาจจะกลั้นไว้ได้ จริงจังป่ะเนี้ย

“พี่ชอบอะไรแบบนี้หรอ”

“เปล่าหรอก” แทนคุณตอบหน้าตาเฉย “แม่กูเป็นช่างเย็บผ้าน่ะ บางทีทำไม่ทันก็ให้กูเป็นลูกมือ” พูรินหยุดหัวเราะ ลอบมองดูหน้าด้านข้างของผู้ชายตัวหนาๆ ที่พูดถึงแม่ตัวเอง รู้สึกอบอุ่นในจิตใจ ต้องรักมากขนาดไหนกันนะถึงจะมีแววตาแบบนั้นเวลาพูดถึง

“ฮ่าๆ ๆ” แต่พออยู่ๆ จินตนาการไปถึงตอนที่อีกฝ่ายพยายามสอดด้ายเข้ารูเข็มก็หลุดหัวเราะออกมาอีก

“เอ้า ขำเหลือเกินนะ” แทนคุณทำเสียงเหนื่อยหน่าย แต่จริงๆ หัวใจพองฟูที่เห็นรอยยิ้มของคนข้างๆ ในที่สุดเวลาอยู่กับเขาอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำหน้าอมทุกข์อีกต่อไปแล้ว พูรินพยายามกลั้นขำแต่ยิ่งพยายามเท่าไหร่ภาพที่กล้ามแน่นขึ้นเกร็งเพราะกำลังติดซิปกางเกงก็แว๊บเข้ามาจนทำให้ขำพรืดออกมาอีกรอบ

“สัดหมี”

“โอ๋ๆ ไม่ล้อแล้วพี่”

“ล้ออีกกูต่อย”

“อ่ะๆ ๆ ขอโทษ...ฮ่าๆ ๆ ๆ”













พี่แทนแม่ง...

เห็นหน้าโหดๆ แบบนี้..

ที่จริงก็น่ารักเหมือนกันแฮะ....





*********

ฝากเรื่องใหม่ด้วยนะคะ (ก้มกราบแนบอก) กำลังเขียนเรื่องแฟนเดือนเดียวอยู่ แต่มันเครียดเกินจนหนีมาเปิดเรื่องนี้ก่อน (ก๊าก) เรื่องนี้จะไม่เกี่ยวกับอีกสองเรื่องสักเท่าไหร่ ใครไม่เคยอ่านรักมือสอง กับแฟนเดือนเดียวมาก่อนก็อ่านได้สบายมากค่ะ แต่ไปอ่านก็ดี สนุกอยู่น้า เม้นให้เค้าด้วยจะเริ่ดมากๆ ๆ 5555

แท๊ก #หมีแทนที่รัก ในทวิตเตอร์@Maywrite1
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [ น้ำผึ้งหยดแรก: Weeds are flowers too, once you get to know them]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-09-2019 20:41:28
ติวเรียน ติวรัก ฮิฮิ หมีพูน่ารัก
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [ น้ำผึ้งหยดแรก: Weeds are flowers too, once you get to know them]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 04-09-2019 21:51:55
 :ruready งานนี้เพื่อนอุ้มสมแล้วนะพี่แทน
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สอง: Nobody can be uncheered with a balloon]
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 05-09-2019 04:48:56
.:น้ำผึ้งหยดที่สอง:.

Nobody can be uncheered with a balloon

.

.

เมื่ออยู่กับลูกโป่ง ไม่มีใครที่ไม่ร่าเริง













พูรินหอบถุงกระดาษเต็มสองมือลงมาที่ใต้ถุนคณะอย่างรีบร้อน วันนี้ตอนบ่ายไม่มีเรียน เขาจึงมีนัดกับพี่แทนว่าจะเริ่มติวภาษาอังกฤษให้เป็นวันแรก เมื่อวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเขาก็เลยกลับไปบ้านขนหนังสือภาษาอังกฤษเก่าๆ มาเต็มไม้เต็มมือ

แต่ตอนนี้สายไปหลายนาที เขาต้องรีบแล้วเดี๋ยวจะโดนด่าอีก

“รอนานไหมพี่แทน ขอโทษนะครับเพิ่งเลิกคลาสเมื่อกี้เอง” ถามไปด้วยเสียงเหนื่อยหอบ ทั้งหิ้วหนังสือทั้งวิ่งแบบนี้ไม่สะดุดตกบันไดล้มลงมาก็ถือว่าดีแล้ว

“นาน”

ไอ้พี่แทน~

“ไปยังล่ะ กูรอนานแล้วนะ” ว่าแล้วคนร่างใหญ่ก็ลุกขึ้นจากม้านั่ง หยิบถุงหนังสือทั้งสองถุงจากมือเขาแล้วเดินนำไปยังลานจอดรถ

“ไปติวที่ไหนอะพี่”

“บ้านกู”

“เห้ย ไปบ้านพี่ทำไม ทำไมไม่ติวที่มออ่ะ”

“กูต้องรีบกลับไปเอาผ้าไปส่งลูกค้าก่อน”

“อ่อ..” เขานึกขึ้นได้ว่าพี่แกเคยบอกว่าแม่พี่แกเป็นช่างเย็บผ้า

“อยู่แถวนี้แหละ มึงนั่งมอไซค์ได้ไหม”

“ดะ..ได้..” ก็น่าจะได้แหละ ถึงจะไม่เคยนั่งมาก่อนก็เถอะ ก็คงเหมือนจักรยานนั่นแหละมั้ง

ฟึบ!

พอได้ยินแบบนั้นอีกฝ่ายก็พยักหน้ารับเปิดเบาะหยิบหมวกกันน๊อคออกมาสวมให้เขา เอี้ยวตัวก้มลงมาใกล้รัดสายใต้คางให้ ก่อนที่จะหยิบอีกอันที่แขวนไว้บนกระจกข้างมาสวมให้ตัวเอง

“พอดีเลย” ร่างสูงเอ่ยขึ้น เพราะใกล้กันแบบนี้เขาถึงได้กลิ่นเหงื่ออ่อนๆ ที่ผสมกับกลิ่นน้ำหอมของผู้ชาย อยู่ๆ ก็ใจสั่นอดหน้าแดงไม่ได้ หรือจริงๆ พี่แกอุตส่าห์ใจดีเตรียมหมวกมาไว้ให้เขาว่ะ

“หัวไซส์เดียวกับแม่กูเลยนะ”

ไม่ใช่ล่ะ กูเพ้อไปเอง~

หมับ!

พอขึ้นไปซ้อนท้ายพี่แกก็คว้าแขนเขาให้มาเกาะเอวตัวเอง เอามือตัวเองกุมไว้บนมือเขาอีกทีกระชับไว้มั่น

อีเชี่ย ใจกุสั่นอีกแล้วอ่ะ อย่างกับในหนัง

“จับดีๆ ล่ะ ตกไปกูไม่จอดรับนะ”

อีพี่~ มึง~









“แม่ แทนกลับมาแล้ว” ร่างสูงตะโกนเมื่อถอดรองเท้าเข้าไปในตัวบ้านไม้สองชั้น เท้าที่ก้าวบนพื้นไม้ก่อให้เกิดเสียงไม้ลั่นดังสนั่น พูรินพยายามยกขาก้าวให้เบาที่สุด แต่พอเขาเดินตามเจ้าของบ้านเข้าไปเขาก็เลิกกังวลทันที เพราะเสียงฝีเท้าที่เคยดังสนั่นหวั่นไหวโดนกลบด้วยเสียงดังของจักรเย็บผ้าที่กำลังทำงานอย่างต่อเนื่อง

“เอ้า มาแล้วหรอแทน” หญิงสาววัยกลางคนหยุดเท้าลงเมื่อเห็นลูกชายคนเดียวเดินเข้ามา เจ้าตัวเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงมีชีวิตชีวา ก่อนที่จะเหลือบมองมาที่เขา ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้จนเขาที่มัวแต่เผลอมองต้องรีบยกมือขึ้นไว้อย่างรวดเร็ว

“สวัสดีครับคุณป้า”

“แม่นี่น้องแทนที่คณะ มันจะมาช่วยสอนภาษาอังกฤษให้แทนน่ะ”

“ไหว้พระเถอะจ๊ะ ชื่ออะไรล่ะเรา”

“หมีพูห์ครับ”

“ตามสบายนะลูก บ้านป้าไม่ค่อยสะดวกสบายนักหรอก แต่มีอะไร อยากได้อะไรก็บอกพี่เขานะ”

“ขอบคุณครับคุณป้า”

“แม่ สองถุงนี้ใช่ไหมที่ให้เอาไปส่งที่โรงเรียนที่ตลาด” แทนคุณหันมาถามคนเป็นแม่เมื่อเห็นถุงพลาสติกสีชมพูใบใหญ่สองถุงวางอยู่ริมประตูห้อง จากตรงนี้พูรินสามารถมองเห็นด้านในได้รางๆ ว่าเป็นชุดที่มีกระโปรงฟูฟ่องที่พับไว้อย่างเป็นระเบียบ

“ใช่ แกเอาไปส่งตอนนี้เลยได้ไหม ครูจันทร์เขาโทรมาหลายรอบแล้ว วันนี้เขาต้องแจกชุดให้นักเรียนเอากลับบ้านด้วย” คนเป็นแม่ว่า “แล้วขากลับแกก็ซื้อกับข้าวเข้ามาด้วยนะ วันนี้แม่ไม่น่าจะได้เข้าครัว ตอนเย็นมีส่งงานอีกเจ้า”

“โอเคแม่ มึงรออยู่นี่แปปนึงนะ กูไปแปปเดียว” หันไปหารุ่นน้องที่มองของในถุงตาไม่กระพริบ “แล้วมึงอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” เมื่ออีกคนส่ายหน้าเขาก็เลยกล่าวลาแม่อีกรอบแล้วหอบถุงสองใบนั้นออกไป

เสียงสตาร์ทรถทำให้สติของพูรินกลับมา ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเก้ๆ กังๆ อีกครั้ง เพราะทันทีที่มาถึงก็ถูกปล่อยไว้กับเจ้าของบ้านที่ไม่รู้จัก เขาเห็นคุณป้าเดินไปที่โต๊ะไม้ขนาดใหญ่ที่ตอนนี้ไม่มีอะไรนอกจากไม้บรรทัดยาว, ตลับเทปและกรรไกรสีเงินขนาดใหญ่ ด้านข้างมีมวนผ้าอยู่หลายมวนวางกองทบกันไว้ เมื่อเห็นหญิงมีอายุเริ่มย่อตัวจะหยิบมวนผ้าเขาจึงรีบถลาตัวเข้าไป

“ผมช่วยครับป้า”

“หือ ไม่ป็นไร เราเป็นแขก ไอ้แทนนี่ก็จริงๆ เลย ไม่พาน้องเข้าไปนั่งดีๆ เสียก่อนก็ออกไปเลย ป่ะ ป้าพาเราไปนั่งดูทีวีรอ”

“ไม่เป็นไรครับป้า ผมอยากช่วย จริงๆ ผมสนใจอยากหัดเย็บชุดเหมือนกัน ขอผมอยู่ดูด้วยได้ไหมครับ”

“จริงหรอ เอาก็เอา ไม่น่าเชื่อหนุ่มๆ สมัยนี้จะสนใจเย็บผ้า เวลาป้าใช้ไอ้แทน มันบ่นอย่างกับหมีกินผึ้ง” คนพูดบ่นอุบอิบ แต่ดูก็รู้ว่าบ่นไปอย่างนั้นไม่ได้จริงจังกับสิ่งที่พูด เขาอมยิ้ม อดหัวเราะไม่ได้เมื่อนึกถึงภาพอีกคนที่โดนบังคับให้มานั่งเย็บผ้าอย่างเสียไม่ได้

“อย่างเมื่อกี้ผมเห็นในถุงชุดสีม่วงๆ ใช่ชุดเจ้าหญิงราพันเซลหรือเปล่าครับ” พูรินคิดว่าเขาจำไม่ผิด ให้มองจากหน้าปากซอยเขายังรู้เลย

“ป้าก็ไม่รู้หรอกที่โรงเรียนเขาเอาแบบมาให้” อีกฝ่ายตอบจริงใจกลับมา “นี่ก็ชุดเจ้าหญิงเหมือนกัน แต่เป็นสีฟ้านะอันนี้” ป้าหยิบเอารูปต้นแบบของชุดที่ลูกค้าอีกหลายนำมาให้ให้เขาดู

“ชุดเอลซ่า!!” พูรินตาโตร้องออกมาจนคนข้างๆ ตกใจ เขารีบขอโทษขอโพยอีกฝ่าย แต่เขาไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เคยฝันไว้จะอยู่ใกล้ตัวขนาดนี้ ป้ากุ้งทำชุดเจ้าหญิงเป็น!

“ป้าครับ ต่อไปถ้าไม่รบกวนคุณป้าเกินไป ผมขอมาช่วยคุณป้าเย็บผ้าได้ไหมครับ” อีกฝ่ายตาโตอย่างแปลกใจเมื่อเขายื่นข้อเสนอ “ผมจะไม่คิดค่าแรงสักบาทเลย แต่เวลาว่างๆ ป้ากุ้งช่วยสอนผมเย็บชุดเจ้าหญิงได้ไหมครับ”

“เอาก็เอา” ป้ากุ้งหัวเราะเบาๆ ตอบตกลง ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าคนตรงหน้าตื่นเต้นอะไรหนักหนากับกองผ้าที่กองสุมอยู่ แต่เขาก็รู้สึกเอ็นดูกับท่าทางกระตือรือร้นของอีกฝ่าย

“งั้นหยิบผ้ามวนนั้นมาให้ป้าที”

“ได้เลยครับ!”

.

.

.

.

.

.

.

.

“Let it go...let it go...Can't hold it back anymore~ Let it go, let it go..Turn away and slam the door..I don't care what they're going to say...Let the storm rage on...The cold never bothered me anyway...”

แทนคุณได้ยินเสียงเพลงการ์ตูนดังกระหึ่มเข้าหูทันทีที่ย่างเท้าเข้ามาในบ้าน แม่เขายังคงอยู่บนจักรเย็บผ้าตัวเก่งตัวเดิม พอจะเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องประสานดังออกมาจากมุมหนึ่งของห้อง หันไปก็เจอน้องรหัสเพื่อนกำลังร้องเพลงอย่างออกรส สองมือกำลังตัดผ้าอย่างคล่องแคล่ว ท่าทางที่มุ่งมั่นเกินเหตุทำให้ทั้งนึกขำทั้งอดเอ็นดูไม่ได้

“น้องมันมาขอช่วย” แม่เขาเป็นคนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเขายังมองคนที่ตัดผ้าไม่วางตา “ฝีมือดีมากเลยนะ งานแม่เร็วขึ้นเยอะเลย”

เขาไม่ได้ว่าอะไรแค่พยักหน้ารับรู้ก่อนที่จะเดินไปประชิดตัวคนที่กำลังเพลินอยู่ในโลกเจ้าหญิงของตัวเอง

“อ้าว พี่แทนมาแล้วหรอ” เมื่อหันมาเจอรุ่นพี่ พูรินก็เอ่ยทัก เขาวางผ้าชิ้นสุดท้ายที่ตัดเสร็จซ้อนไว้กับส่วนที่เหลืออย่างเป็นระเบียบ

“แป๊ปนึงนะพี่ เสร็จพอดี” ว่าแล้วก็ยกกองผ้าทั้งหมดไปไว้ข้างจักรเย็บผ้า

“เสร็จแล้วครับแม่กุ้ง”

แม่กุ้ง?

แทนคุณโคลงหัวเมื่อได้ยินคำเรียกที่เปลี่ยนไป หายไปครึ่งชั่วโมงนี่สนิทกันได้มากขนาดนี้เลยหรอ

“ขอบใจมากนะน้องหมีพู์ ช่วยแม่ได้เยอะเลย”

“ไม่เป็นไรเลยครับ แต่ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ พี่แทนมาแล้วจะได้เริ่มติวกัน”

“ตามสบายเลยนะลูก ชุดเสร็จเมื่อไหร่ เดี๋ยวแม่เรียกมาดูนะ” ผู้ใหญ่ใจดีว่าอย่างเป็นกันเอง

“แทนพาน้องไปบนห้องนอนเราสิ จะได้ไม่มีเสียงดังรบกวน” ร่างสูงยังคงไม่ว่าอะไร เพราะเขายังงงกับการสนิทกันเร็วแบบจรวดของสองคนตรงหน้าไม่หาย เจ้าตัวทำได้แต่พยักหน้ารับก่อนจะถือถุงหนังสือนำทางอีกคนขึ้นไปชั้นสอง



“หนังสือแกรมม่า กับหนังสือคำศัพท์กูยังพอเข้าใจ แต่หนังสือนิทานมึงนี่คืออะไร” แทนคุณเอ่ยถามอีกฝ่ายเมื่อเจ้าตัวเอาหนังสือทั้งหมดออกมาวางเรียงบนโต๊ะญี่ปุ่นให้ดู หนังสือแกรมม่าหลายเล่มพร้อมแบบทดสอบ หนังสือที่มีรูปภาพประกอบสำหรับไว้จำคำศัพท์และหนังสืออ่านเล่นอีกมากมาย

“พี่ใจเย็นดิ มันก็ต้องเริ่มกันแบบง่ายๆ ไปก่อน พอระดับแรกคล่องแล้วผมจะเอาแบบยากๆ มาให้”

“กูก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่กูแค่สงสัยว่านิทานมึงนี่มีแต่วินนี่ เดอะ พูห์หรอว่ะ” เขากวาดตามองกองหนังสือ นอกจากหนังสือแกรมม่ากับแบบฝึกหัดแล้วที่เหลือเป็นของเจ้าหมีเสื้อแดงทั้งหมด คนถูกถามได้แต่ยิ้มแป้นกลับมา

“มึงนี้ชอบชื่อตัวเองจริงๆ นะ”

“ไม่ใช่แค่ชอบพี่ บางทีผมคิดว่าผมเป็นหมีพูห์จริงๆ” เขาว่าต่อเมื่อเห็นอีกคนมองมาคิ้วขมวดอย่างงุนงง

“พี่จะขำก็ได้นะ”

“กูไม่ได้ว่าอะไร เล่าต่อสิกูอยากฟัง”

“ก็ตั้งแต่วันแรกที่ผมออกจากโรงพยาบาลแม่ให้ผมใส่เสื้อสีแดงแบบหมีพูห์ แล้วแม่บอกตอนเด็กๆ ผมยอมกินทุกอย่างที่ผสมน้ำผึ้งเลยนะพี่”

“ก็มันหวาน มึงก็เลยชอบนะสิ” พูรินหน้าบึ้งเมื่ออีกฝ่ายดูไม่เชื่อเรื่องที่เขาเล่า

“ผมก็อธิบายไม่ถูก ผมว่านิสัยหลายๆ อย่างของผมก็คล้ายหมีพูห์นะ คือน้องแบบคิดอะไรง่ายๆ ไม่ซับซ้อน ใช่ชีวิตง่ายๆ ตามสัญชาตญาณ ไม่รู้ดิ อธิบายไม่ถูก พี่ต้องลองอ่านดู” พูรินเล่ายาว เมื่อเห็นอีกคนไม่พูดอะไร ได้แต่มองจ้องมาก็รู้สึกหน้าร้อนวูบให้ต้องหลุบตาลง

“พี่มองทำไม จะว่าผมเพี้ยนอะดิ” เมื่อเขาว่าอย่างนั้น อีกคนก็ส่ายหน้าปฎิเสธ

“เปล่า กูชอบ” เขาตาโตเบิกกว้าง ใจกระตุกขึ้นมาทันที ไม่อยากจะเชื่อคำที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา

จู่ๆ ทำไม~

“กูชอบความคิดมึง แปลกดี”

อีพี่~ ใจกูกระตุกฟรีอีกแล้วนะมึง

“อ่ะๆ งั้นพี่เริ่มอ่านนิทานเล่มนี้ก่อน อ่านออกเสียงด้วยนะ คำไหนไม่รู้ก็ขีดเส้นใต้ไว้ พออ่านจบหน้าแล้วค่อยมาช่วยกันแปลนะพี่” ว่าแล้วก็ยื่นนิทานเด็ก ‘winnie the pooh and his friends’ ให้อีกคน เจ้าตัวเอื้อมรับไปแล้วเปิดไปที่หน้าแรก ค่อยๆ อ่านทีละบรรทัดอย่างใจเย็น

หนังสือเล่มแรกจบไปอย่างรวดเร็ว พอลองประเมินแล้วพี่แทนภาษาดีกว่าที่เขาคาดไว้ เพียงแต่ไม่ได้ใช้บ่อยนัก เวลาแต่งประโยคหรือในบทสนทนาจึงยังติดขัดอยู่บ้าง ตอนนี้เขาเลยให้พี่แกลองทำแบบทดสอบเพื่อดูว่าพี่แกมีพื้นฐานด้านแกรมม่ามากน้อยแค่ไหน

Rrrrrrrrrrrrrrrr

นั่งรออีกฝ่ายทำข้อสอบอยู่เพลินๆ โทรศัพท์ที่วางไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าใครโทรมาเขาก็ตื่นเต้นจนใจแทบตกไปยังตาตุ่ม รีบกดโทรศัพท์รับแทบจะทันที

“สะ...สวัสดีครับ พูรินพูดอยู่ครับ” เขาว่าพลางเดินออกไปคุยโทรศัพท์นอกห้องไม่อยากรบกวนใครอีกคนที่กำลังใช้สมาธิ





“มีอะไรหรือเปล่า” แทนคุณเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นรุ่นน้องเดินกลับเข้ามาหน้าเศร้า เจ้าตัวทิ้งตัวลงตรงฝั่งตรงข้ามเขา ซบหัวลงกับเข่าสองข้างที่ยันขึ้นมาของตัวเอง

“เปล่าพี่..” อีกคนตอบแบบนั้น ทั้งๆ ที่หน้าเบะเหมือนกำลังจะร้องไห้

“ถ้ามึงไม่เล่าแล้วกูเห็นน้ำตามึงไหลกูจะตี” เขาว่าให้อีกฝ่ายหันมามองอย่างแปลกใจ “กูเกลียดคนโกหก”

“โธ่ พี่แทน น้องกำลังเศร้า อย่าด่าได้ไหม” มันว่าแบบนั้นก่อนที่จะกลับไปซบเข่าตัวเองอีกครั้ง เขาเขยิบเข้ามาใกล้มันมากขึ้น ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่คิดว่านุ่มนวลที่สุด

“แล้วมึงเป็นอะไร ใครทำอะไรมึง”

“เปล่าพี่.. แค่...เฮ้อออ”

“อ่าๆ ถ้ามึงไม่อยากจะเล่าก็ไม่ต้องเล่า แต่ถ้ามึงไม่มีอารมณ์จะสอนก็บอกกู กูจะไปส่งที่หอ โอเค๊?” อีกฝ่ายว่าเตรียมจะลุกกลับไปนั่งที่ตัวเองแต่ถูกมือบางฉุดชายเสื้อไว้ก่อน

“พี่แทน~”

“อะไรของมึงอีก”

“ถามอีกนิดดิ อีกนิดก็จะเล่าแล้วนะ” ที่จริงเขาก็อยากเล่าให้ใครสักคนฟังอยู่เหมือนกัน แต่ก็ต้องมีลีลากันหน่อย ไม่งั้นมันจะดูไม่ใช่เรื่องสำคัญอะดิ อีพี่แม่งก็เลิกถามง่ายเหลือเกิน

“เอ่า ก็ถ้ามึงอยากเล่าก็เล่ามาดิ” อีกคนหันหน้ามาใกล้กันอีกครั้ง “กูอยากฟังนะ” ไม่พูดเปล่า เอามือขึ้นมาแปะหัวเขา ความอบอุ่นที่ได้รับจากการสัมผัสแผ่ซ่านเข้าไปทั่วร่างกาย เป็นอีกครั้งที่อดใจเต้นแรงกับคนตรงหน้าไม่ได้

“ลีลาฉิบหาย” มือที่สัมผัสบนหัวกดหัวเขาอย่างแรงหนึ่งทีก่อนที่จะผละไป เป็นอีกครั้งที่เขารู้สึกผิดที่หน้าแดงกับพี่มัน

“เฮ้อ.. เมื่อกี้โรงเรียนที่ผมสมัครงานไว้โทรมาพี่แทน” อีกคนนั่งฟังเงียบไม่คิดจะถามหรือแทรกอะไรขึ้นมา

“พี่อาจจะยังไม่รู้ ผมมีความฝันอยากเปิดโรงเรียนสอนร้องเพลงเด็กเล็ก แบบทั้งร้องปากเปล่ากับทั้งแบบเล่นละครเพลงไปด้วย”

“แต่เป็นเพราะผมยังไม่มีประสบการณ์ ผมต้องเก็บเกี่ยวความรู้ ผมถึงลองไปสมัครงานกับโรงเรียนต่างๆ ขอเป็นครูสอนร้องเพลงหรือไม่ก็สอนการแสดง แต่อย่างที่บอกผมไม่เคยทำงานมาก่อนก็เลยไม่มีใครรับ อย่างเมื่อกี้ก็โทรมาปฎิเสธอีกแล้ว”

“มึงก็อย่าคิดมากดิวะ ที่นี่ไม่รับ ที่ใหม่ก็มีไหมมึง” แทนคุณลองเอ่ยปลอบเท่าที่คิดได้

“ลองมาหลายที่แล้วพี่ ตั้งแต่ขี้นปีสองผมก็ลองมาตลอด แต่ไม่มีที่ไหนรับเลย” เขามองหน้ารุ่นน้องที่เล่าไปก็เหมือนจะบ่อน้ำตาแตกไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง เขามันพวกปลอบใจคนไม่เป็นซะด้วยสิ

“แล้วมึงจะเลิกไหมล่ะ” เมื่อคนฟังได้ยินก็หันหน้ามามองเขาก่อนที่จะส่ายหัวหัวหงึกๆ

“ไม่มีทางหรอกพี่”

“เออ งั้นมึงก็อย่าคิดมาก ถ้ามันเหนื่อยมาก อยากร้องไห้ก็ร้องซะให้พอ พรุ่งนี้ตื่นมาค่อยสู้ใหม่ เดี๋ยวกูจะช่วยมึงด้วย” พูรินมองคนที่ปกติไม่เคยอ่อนโยนแต่วันนี้กลับดูใจดีกว่าเดิม เขาเหมือนจะเริ่มชินกับหัวใจตัวเองที่มักเต้นผิดแผกเมื่ออยู่กีบคนตรงหน้าซะแล้ว

“...”

“อ่ะ กูทำเสร็จแล้วมึงจะตรวจได้ยัง” ว่าแล้วก็เอากระดาษข้อสอบตีหัวเขาเบาๆ พูรินรีบเช็ดน้ำตา รับกระดาษจากอีกฝ่ายมาตรวจคำตอบพลางถามเรื่องที่อยากได้คำตอบ

“ผมขอมาช่วยแม่พี่เย็บผ้าได้ไหม ผมอยากทำชุดเจ้าหญิงเองได้ เผื่อเอาไว้ใช้เวลาผมมีโรงเรียนขึ้นมาจริงๆ ผมจะได้ตัดชุดเองเป็น ผมบอกแม่พี่แล้ว แม่พี่ไม่ว่าอะไร”

“ก็แล้วแต่มึงสิ” อีกฝ่ายยกยิ้ม ถ้าให้เขาตีความเขาคิดว่ามันเป็นยิ้มเอ็นดู เป็นยิ้มที่เขาเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกจากอีกคน พูรินนั่งตรวจคำตอบในขณะที่แทนคุณหยิบหนังสือนิทานเล่มใหม่ขึ้นมาอ่าน พอตรวจเสร็จเรียบร้อย คนเป็นพี่ก็ชวนเขาลงมากินข้าวข้างล่าง ประจวบเหมาะกับที่แม่ของพี่แทนเย็บชุดเสร็จพอดี

“หมีพูห์ดูสิลูก ชอบไหม”

“สวยมากเลยครับแม่กุ้ง ฝีมือแม่นี่สุดยอดไปเลย” สาวใหญ่หัวเราะเสียงดัง ดูชอบอกชอบใจกับคำชมที่ได้รับ

“แม่สอนเราแปปเดียว เดี๋ยวเราก็ทำได้”

“จริงหรอครับ งั้นวันเสาร์อาทิตย์ผมมาได้ไหมครับ ถ้าแม่ว่าง”

“มาสิๆ ให้พี่แทนไปรับเลยนะ แม่สอนเราสักครึ่งวันเราก็น่าจะเริ่มเป็นแล้วล่ะ” ว่าก่อนจะหันไปหาลูกชาย

“แทน เราเอาชุดไปส่งที่บ้านน้าอิงหน่อยได้ไหม เดี๋ยวแม่กับน้องจะอุ่นกับข้าวไว้รอนะ” แทนคุณรับคำ รีบเอาชุดพับใส่ถุงเรียบร้อยก่อนจะเดินออกจากบ้านไป คนที่เหลือสองคนช่วยกันเก็บกวาดพื้นจนสะอาดก่อนที่จะเดินเข้าครัว อุ่นอาหารเย็นที่อีกคนซื้อมาไว้ พูรินตักข้าวใส่จานสามใบ วางอาหารที่อุ่นแล้วลงบนโต๊ะ พอรินน้ำครบสามแก้วก็พอดีกับที่อีกคนกลับมา ทั้งสามจึงนั่งลงกินข้าวพร้อมกัน

“เดี๋ยวผมล้างจานเอง” เมื่อกินเสร็จพูรินก็เสนอตัวเก็บจานที่ใช้แล้วมาวางซ้อนกันตั้งใจจะยกไปในครัว

“ไม่ มึงไปนั่ง วันนี้กูใช้งานมึงมาเยอะแล้ว”

พูรินอ้าปากจะเถียงแต่พอเจอสายตาดุที่มองมาก็หุบปากฉับ เดินไปนั่งตรงระเบียงหน้าบ้านรับลมเย็นตามคำสั่งของคนแก่กว่า เมื่อได้นั่งอยู่คนเดียวอีกครั้ง สมองก็พาลหวนกลับไปคิดถึงเรื่องของวันนี้

เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่โดนปฎิเสธ

ถึงจะบอกพี่แทนว่าไม่มีทางเลิก แต่ใจจริงเขาก็ท้อเหลือเกิน บางครั้งเขาก็สงสัยว่าสิ่งที่ฝันไว้ จริงๆ แล้วมันเป็นแค่ฝันลมๆ แรงๆ หรือเปล่า หรือที่จริงเขาควรจะเลิกล้มแล้วกลับไปตั้งใจเรียน หางานทำแบบคนอื่นๆ สักที

“ซึมอีกแล้วนะมึง” เงยหน้าขึ้นหันหลังไปมองเมื่อได้ยินเสียงรุ่นพี่เดินเข้ามาประชิดจากด้านหลัง

“มึงยังคิดมากเรื่องงานอีกหรอ”

“ก็นิดหน่อยน่ะพี่”

“กูเข้าใจ แต่ถ้ามันคือสิ่งที่มึงฝันไว้ ท้อได้แต่อย่าถอยนะมึง” ตากลมสบเข้ากับตาคมที่มองมาอย่างให้กำลังใจ เขายกยิ้มบางให้อีกฝ่าย

“ขอบคุณมากเลยนะพี่” ว่าแล้วก็เสมองต่ำไปทางอื่นอย่างช่วยไม่ได้ ก็พี่มันดันยิ้มกลับมา แถมเป็นยิ้มอบอุ่นแบบที่ทำให้ใจสั่นไหวเสียด้วย

“อ่ะ” เขาเงยหน้าขึ้น มองเห็นมืออีกฝ่ายที่ยื่นเข้ามาใกล้ มือหนากำเส้นด้ายบางๆ สีขาวอยู่ มองตามขึ้นไปก็เห็นลูกโป่งสีแดงลอยอยู่ในอากาศ

“ก็ในเมื่อมึงเป็นหมีพูห์ เวลามึงเห็นลูกโป่งสีแดงมึงก็ต้องมีความสุขดิ” เจ้าตัวเอ่ยออกมาโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันทำให้ใครอีกคนเกิดความรู้สึกแปลกๆ เกิดขึ้นในใจ มันล้นแน่นจนทำให้กระบอกตาร้อนผ่าว อุ่นซ่านในอกจนทำให้หายใจไม่สะดวก แต่มันก็หวานช่ำจนทำให้ร่างกายทุกส่วนเบาหวิวจนเหมือนจะลอยได้

“รับไปสักทีสิ กูหนัก”

ลูกโป่งบ้านพี่สิหนัก~

เขาเอื้อมมือออกไปรับลูกโป่งมาถือ สองตายังจ้องเจ้าของลูกโป่งที่ยิ้มหัวเราะอย่างสดใส

“เอ้า ยิ้มสักทีดิวะคุณหมีเสื้อแดง”





ตึกตัก ตึกตัก





มันต้องใช่แน่ๆ

ที่ตอนนี้เขารู้สึกเบาหวิวเหมือนลอยกลางอากาศ

ที่ตอนนี้รู้สึกดีเหมือนได้กินน้ำผึ้งรสหวาน

มันต้องใช่แน่ๆ

มันไม่ใช่เพราะอีกคน

แต่มันต้องเป็นเพราะลูกโป่งสีแดงตรงหน้าแน่ๆ ..





******************

น้องหมีกับพี่แทนนนนนน

ลงตอนนี้แล้วขออนุญาตหายไปสักพักนะคะ :)





#หมีแทนที่รัก


หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สอง: Nobody can be uncheered with a balloon]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 05-09-2019 22:05:21
วุ้ยยย ไม่ใช่แร่ะหมีพูห์ ใจเต้นแรงเพราะพี่แทนดิไม่ใช่เพราะลูกโป่ง หมีพูห์เป็นคนตลก :กอด1:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สอง: Nobody can be uncheered with a balloon]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 05-09-2019 23:41:44
 :mew1: พี่เเทนเนียนจีบน้องใช่เปล่า
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สอง: Nobody can be uncheered with a balloon]
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-09-2019 07:48:14
น้องหมีพูห์น่ารัก
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สอง: Nobody can be uncheered with a balloon]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 06-09-2019 21:54:10
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สอง: Nobody can be uncheered with a balloon]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 07-09-2019 01:51:57
น่ารักดี
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สอง: Nobody can be uncheered with a balloon]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 07-09-2019 15:20:00
น้องก็แอบมีใจให้พี่แทนอยู่นี่
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สอง: Nobody can be uncheered with a balloon]
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 07-09-2019 19:28:22
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สาม: คุณไม่สามารถจะหลบอยู่ในมุมมืดของป่ากว้าง...]
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 16-09-2019 23:45:16
ขอโทษนะคะ พยายามอัพแล้ว อัพไม่ได้ ไม่รู้เป็นอะไร :ling3:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สาม: คุณไม่สามารถจะหลบอยู่ในมุมมืดของป่ากว้าง...]
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 17-09-2019 00:01:28
.:น้ำผึ้งหยดที่สาม:.
You can’t stay in your corner of the forest waiting for other to come to you. You have to go to them sometimes
.
.
คุณไม่สามารถจะหลบอยู่ในมุมมืดของป่ากว้าง เพื่อรอให้ใครสักคนมาพบคุณได้ตลอด บางครั้งคุณต้องเป็นฝ่ายเดินออกไปหาเขาเอง


พูรินยกสมุดของอีกฝ่ายมาวางหน้าตัว หยิบดินสอไม้ที่เหลาจนแหลมขึ้นมาตรวจแบบฝึกหัดที่เขาให้อีกคนทำเมื่อชั่วโมงก่อน เขาให้พี่แทนแต่งประโยคpassive voice มันเป็นเรื่องที่ทำให้หลายคนสับสนเพราะไม่ค่อยได้ใช้กันในหมู่คนเริ่มหัดเรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งนั่นก็รวมถึงคนที่ทำแบบฝึกหัดในสมุดนี้ด้วย
“พี่แทน พี่ยังไม่เข้าใจสักนิดเลยนี่น่า” แทนคุณเกาหัวแก๊กๆ รับสมุดที่น้องยื่นกลับมาให้
“ผมบอกให้พี่เอาตัวที่โดนกระทำขึ้นมาเป็นประธาน แล้วใส่ verb to be ตามด้วยกริยาช่องสาม พี่ดูโครงสร้างมันดิ” เขายื่นกระดาษขนาดเอสี่ที่มีตารางโครงสร้างของประโยคให้อีกคนรับไป
“ดูว่ามัน tense ไหนด้วย” เขาว่าต่อ มองหน้าคนที่ยังจ้องกระดาษเอสี่แบบงงๆ ผ่านมาอาทิตย์กว่าเขาว่าเขาติว 12 tenses ให้พี่แกแน่นแล้วนะ วันนี้เลยลองเพิ่มความยากให้พี่แกดูหน่อย แต่ดูเหมือนพี่แกจะยังไม่พร้อมเท่าไหร่
“งั้นพอก่อนไหม อ่านนิทานกันดีกว่า” พูรินตัดใจ เขาอยากให้อีกคนพักสมองบ้าง เลยหยิบหนังสือจากกองนิทานที่เขาเอามาให้ขึ้นมาหนึ่งเล่ม ไม่พ้นจะเป็นนิทานจากการ์ตูนโปรดเรื่องเดิม
“วันนี้เรียนพอแค่นี้ไหม กูไม่อยากกินเวลาของมึงทั้งวันหรอก” แทนที่จะเปิดหนังสืออ่านพี่แกกลับว่ามาแบบนั้น
“พี่อย่ามาอ้าง เบื่อแล้วก็บอกมาเลย”
“มึงงูเห่าป่ะ กูอุตส่าห์หวังดี” พูรินหัวเราะ เขาเริ่มชินกับคำพูดห่ามๆของรุ่นพี่แล้ว ถึงพี่แกจะปากเสียแค่ไหน เขาก็เริ่มจะรู้ว่าจริงๆแล้วพี่แทนก็แอบใจดีอยู่เหมือนกัน
“เอางั้นหรอพี่ งั้นถ้าจะไม่ติวแล้ว วันนี้ผมขอลงไปช่วยแม่กุ้งเย็บผ้าได้ไหม” ตอนขึ้นมาบนห้อง เขาเห็นแม่กุ้งกำลังเย็บชุดเอลซ่าเพิ่มอีกแล้ว เจ้าหญิงน้ำแข็งนี่มันป๊อปสุดๆไปเลย ถ้ามีเวลาเขาจะขอให้แม่ช่วยสอนเขาเย็บซักหน่อย ช่วยแม่ตัดผ้าเตรียมของมาหลายวัน ยังใจไม่กล้าพอลองจับจักรจริงๆจังๆสักที
“อืม ก็แล้วแต่มึง ป่ะ ลงไปกินข้าวกัน” คนอายุมากกว่าตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนที่จะเดินนำลงไปชั้นล่าง พี่แทนบอกให้เขาไปอยู่กับแม่ตอนที่ตัวเองจะเตรียมกับข้าวแต่เขาปฎิเสธเพราะอยากเข้าไปช่วยในครัว เมื่อพูดไม่ฟังแทนคุณก็เลยตามใจอีกฝ่าย พากันเดินเข้ามาในครัวที่เป็นเพียงพื้นที่โล่งแจ้งหลังบ้าน มีตู้ใส่กับข้าวขนาดใหญ่ติดผนังด้านหนึ่ง ด้านในมีจานชามมากมายเรียงอยู่ ช้อนส้อมปิดสนิทอยู่ในกล่องสีฟ้าขุ่น ส่วนฝาผนังอีกด้านถูกดัดแปรงเป็นที่แขวนเครื่องครัว ทั้งกระทะทั้งหม้อถูกแขวนเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบบ่งบอกนิสัยรักสะอาดของเจ้าของได้ดีที่สุด
มองดูหม้อหุงข้าวก็เห็นข้าวสวยถูกหุงไว้ก่อนแล้ว แทนคุณหยิบกระทะใบนึงจากที่แขวน วางมันลงบนหัวเตาแก๊ส
“มึงทอดไข่เจียวเป็นไหม” เขาเอ่ยถามอีกคน ขาก็เดินไปที่ตู้เย็นที่อยู่ข้างประตู หยิบไข่ไก่ออกมาสี่ใบยื่นให้รุ่นน้อง
“โธ่พี่ ของง่ายๆแบบนี้ทำเป็นอยู่แล้ว” ว่าพร้อมกับรับไข่ทั้งหมดมาวางบนโต๊ะ มองซ้ายขวาอีกนิดก็หยิบชามใบใหญ่ที่อยู่ในชั้นออกมา เดินไปล้างไข่ไก่จนสะอาด
“รับรองแล้วพี่จะไม่สามารถกินไข่เจียวที่อื่นได้อีกเลย” เจ้าตัวโม้ขณะเริ่มต้นตอกไข่ใส่ชามทีละใบ
“ทำไม ลิ้นกูจะตายด้านเลยหรอ”
“ใช่ที่ไหนเล่า! อร่อยเหาะจนไม่อยากกินที่อื่นอีกเลยตั้งหาก”
แปะ!
“มึงรีบทำเถอะ โม้อยู่ได้ กูไม่ได้หวังอะไรมาก ขอแค่ไม่ไหม้ก็พอแล้ว” พูรินนิ่งค้างเมื่อมือหนามาสัมผัสที่กลุ่มผมเขาก่อนจะขยี้ไปมาเร็วๆ แล้วยันเบาๆ ไม่พอคนทำยังพูดกลั้วหัวเราะพร้อมส่งยิ้มเอ็นดูมาให้เขา
อีพี่บ้า~ ทำหน้าไม่เข้ากับอิมเมจอีกแล้วนะแก
ถึงจะชินกับคำพูกกระโชกโฮกฮากของไอ้พี่หมียักษ์ แต่ที่ไม่ชินเลยจริงๆคือการกระทำอ่อนโยนของพี่มัน พอพี่มันใจดีใส่ทีไร ใจกระตุกผิดจังหวะตลอด รู้สึกเหมือนหน้ามันจะร้อนๆ แล้วยังแบบไม่กล้าสบตาอีก ต้องคอยเสตาหลุบไปมาอย่างไม่รู้จะเอาไปวางไว้ตรงไหนเวลาพี่มันมองมา
เฮ้ย! ไม่ใช่นะ ไม่ใช่!
ขอยืนยันว่า เขาไม่ได้ชอบพี่มันหรอกนะ
จะบ้าหรออย่างเขากับอีพี่แทนน่ะนะ..แค่คิดก็..
เขาก็แค่สงสัยว่าพี่มันมันคิดอะไรเกินเลยกับเขาหรือเปล่า...
ไม่ได้หลงตัวเองนะ!!
ก็ท่าทางของพี่มันชวนให้คิดเองนี่น่า...

“ยืนเหม่อหาแฟนหรือไงไอ้หมี”
นั่นไง! พี่มันแอบพูดประชดหรือเปล่า พี่มันอาจจะน้อยใจนึกว่าเขามีแฟนอยู่แล้วก็ได้...
พูรินคิด แก้มขึ้นสีแดงเรื่อ
แทนคุณ~ เผยไต๋อีกแแล้วนะครับ
“บ้าหรอ ผมมีแฟนที่ไหน” บ่นอุบอิบออกไปเบาๆให้อีกฝ่ายพอได้ยิน เฮ้ย! เขาไม่ได้จะให้ความหวังพี่มันนะ
แค่พูดเฉยเฉ๊ย พูดเฉยๆจริงๆ!!
“มึงว่ากุสนไหม คือกูจะกินไข่เจียววันนี้ไง”
แทนคุณตอบกลับจนอีกคนหน้ามุ่ยบ่นอะไรออกมาก็ไม่รู้ เขารีบหันหลังให้น้องมัน กลัวว่ามันจะเห็นมุมปากที่กำลังยกยิ้มขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ของเขา
“แล้วพี่จะทำอะไรกินอ่ะ” พูรินถามขึ้นเมื่อเห็นพี่แทนหยิบเอาตะไคร้และหอมแดงมาหั่น
“ยำปลากระป๋อง” ว่าแล้วก็ละมือจากมีดยกกระป๋องทรงกลมที่มีรูปผู้หญิงสามคนยืนยิ้มอยู่ให้ดู
“เมนูโครตง่าย”
“มึงอย่าดูถูกยำปลากระป๋อง แล้วอย่ามาขอให้กูทำให้กินอีก”
แม่ง~ ขี้โม้พอกับกูเลย
เขากลับไปสนใจไข่ที่ตอกแล้วในชาม เหยาะน้ำปลาลงไปก่อนจะเจียวไข่ให้เข้ากัน ตั้งน้ำมันในกระทะจนร้อนแล้วเทไข่ลงไปทอดจนเหลืองกรอบ พอยกขึ้นก็พอดีกับที่ยำของพี่แทนเสร็จ
“มึงชิมดิ” ว่าแล้วก็ยื่นช้อนมาตรงปากรุ่นน้อง “ถ้ามึงชอบเผ็ดกว่านี้กูจะได้ใส่พริกเพิ่ม” พูรินอ้าปากรับยำเข้าไปเคี้ยวตุ้ยๆ
“โอโห พี่แทน โครตอร่อยเลย” รสชาติที่ทั้งเปรี้ยวทั้งแซ่บทั้งหวานแบบเข้ากันพอดีทำให้พูรินแทบน้ำตาไหล
“กูบอกมึงแล้ว”
“พี่แทนผมขอสูตรหน่อยดิ อยากเอากลับไปทำกินบ้างอ่ะ”
“ไม่ให้”
“งกว่ะ โธ่ แค่นี้ไปถามแม่กุ้งก็ได้”
“สูตรนี้มันตกทอดมาตั้งแต่ตาทวดกู ถึงเป็นมึงแม่กูก็ไม่ให้หรอก” แทนคุณพยายามกลั้นขำ ทำหน้าจริงจังตอนที่เอ่ยโม้คำโต
“โห จริงดิ ถึงว่าโครตอร่อยเหาะอะ ขอชิมอีกคำดิพี่”
มันเชื่อด้วยเว้ยเฮ้ย ~ ไอ้หมี..มึงมันคนซื่อ~
แทนคุณตักยำเข้าปากคนที่ยื่นหน้ามารอ แอบขำเมื่ออีกคนทำหน้าฟินหลับตาพริ้มแน่นแล้วเคี้ยวช้าๆอย่างไม่อยากให้มันหมด
“ละลายในปากอ่ะ”
“ปลากระป๋องหมีพูห์ ปลากระป๋อง”
มันยิ้มแฉ่งกลับมา มองยำปลากระป๋องตรงหน้าเหมือนอยากกินอีก
“พอเลยมึง ไปตั้งโต๊ะได้แล้ว”
“ง่ะ” ทำหน้าหงอยขึ้นมาทันที ความรู้สึกเหมือนตอนหมีพูห์น้ำผึ้งหมดไม่มีผิด
“ถ้าอยากกินเมื่อไหร่ก็บอก เดี๋ยวกูทำให้” เขาบอกไปเพราะเหนื่อยจะแกล้งต่อแล้ว เดี๋ยวแม่ไม่ได้กินข้าวกันพอดี
“จริงนะ! พี่สัญญาแล้วนะ” พอเขาว่าอย่างนั้นมันก็เปลี่ยนสีหน้ากลับมาบ้าบอเหมือนเดิมทันที ไอ้ท่าทางสลดเมื่อกี้มันคือการแสดงหรอหมี!
“...” เขาส่ายหน้าอย่างระอา เดินถือจานกับข้าวหนีเข้าไปในบ้าน มีหมีพูห์ที่ถือถ้วยน้ำพริกและผักต้มเดินตามไปติดๆ ถามซ้ำไปซ้ำมาพยายามให้เขายอมพูดคำว่าสัญญาออกมาให้ได้ เขาก็ทำได้แต่หลบเลี่ยงไปมา
ไม่ใช่อะไรหรอก กลัวมันจะเห็นเวลาเขากลั้นยิ้มไม่อยู่ มาคลอเคลียกันอยู่ได้
เมื่อวางจานกับข้าวลงกลางโต๊ะพร้อมตักข้าวสวยสามจานมาวางเรียบร้อย พูรินก็ทำหน้าที่ไปเรียกแม่พี่แทนมากินข้าว จากประตูเขาชะเง้อเข้าไปตั้งใจจะเรียกอีกคน แต่ก่อนจะได้เอ่ยปากออกไปเขาก็ชะงักมองหญิงวัยกลางคนที่ก้มหน้าก้มตาเย็บผ้าอย่างขยันขันแข็ง
เขาแอบปวดใจ
ผู้หญิงคนนี้ต้องทำงานหนักมาตลอดเพื่อเลี้ยงดูลูกชายเพียงลำพัง แล้วการที่ต้องเย็บผ้าเยอะแยะขนาดนี้คงจะปวดทั้งตา ทั้งหลัง เคยได้พักบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาเห็นใจอีกคนจับใจ แต่ลำพังตัวเองยังเอาไม่รอด เขาไม่รู้เหมือนกันว่าจะช่วยแม่กุ้งได้อย่างไร
“แม่กุ้งไปกินข้าวกัน” ในที่สุดเขาก็เดินเข้าไปหา เอ่ยเรียกอีกคนด้วยน้ำเสียงแจ่มใสที่สุดเท่าที่จะทำได้
“อ้าว เรียนกันเสร็จแล้วหรอลูก” เธอหยุดงานในมือทันที ถามไถ่อีกคนด้วยความรักใคร่ก่อนที่จะค่อยๆลุกมายืนข้างกัน หัวเราะชอบใจเมื่อเด็กชายยื่นมือมาควงแขนช่วยประคองตัวเอาไว้
“ครับ เดี๋ยวหลังกินข้าวเสร็จ ผมขอมาช่วยแม่นะครับ” เธอส่งยิ้มพร้อมลูบมือที่จับกันไปมา ทำไมถึงได้เป็นเด็กดีขนาดนี้นะ
เราสองคนเดินไปที่โต๊ะกินข้าว พี่แทนยกน้ำเย็นจากในตู้เย็นมาวางไว้บนโต๊ะพร้อมแก้วสามใบ เมื่อเรานั่งลงพร้อมหน้า ต่างคนก็เริ่มจับช้อนขึ้นมาจัดการอาหารตรงหน้า
“มึงว่างวันจันทร์บ่ายใช่ไหม” เมื่อกินเสร็จแทนคุณก็เอ่ยถามรุ่นน้องออกมา เทน้ำลงแก้วทั้งสามใบ
“ครับ ไปเจอกันที่ใต้คณะเหมือนเดิมหรือพี่จะให้ผมมาเองก็ได้นะ ผมจำทางได้แล้ว” เขาจำรถสองแถวที่ผ่านหน้าบ้านได้ มันผ่านหน้ามอเขาพอดี นั่งมาต่อเดียวก็ถึง สบายมาก
“ไม่ มึงไปเจอกูที่เดิม เอาเรซูเม่ไปด้วยนะ” พูรินคิ้วมุ่นเข้าหากัน
“จะให้เอามาทำไมอ่ะพี่”
“กูจะพามึงไปสมัครงาน”
“ห๊ะ”
“แถวมอมีโรงเรียนเตรียมอนุบาลเอกชนอยู่หลายที่เพื่อนกูบอกเขาเปิดรับครูสอนพิเศษพาร์ไทม์อยู่ ปกติจะมีสอนภาษาอังกฤษ สอนเต้น หรือไม่ก็สอนเล่นละคร” แทนคุณร่ายยาวต่อ
“กูว่ามึงจะมามัวนั่งส่งใบสมัครทางเน็ตอย่างเดียวไม่ได้ มึงต้องลองเข้าไปหาเขาดู ลองแสดงความสามารถหลายๆอย่าง ไม่แน่เขาอาจจะรับมึงก็ได้”
พูรินนิ่งฟังคนตรงหน้าจนลืมกลืนข้าว พี่แทนเก็บเรื่องเขาไปคิด แถมยังคิดจะหาวิธีช่วยเขาอีก เขารู้สึกตื้นตันใจ การที่มีคนอื่นเห็นความฝันของเขาไม่ใช่แค่เรื่องเพ้อเจ้อหรือแค่ฝันกลางวัน แถมยื่นมือเข้ามาช่วยแบบนี้ มันน่าปลื้มใจจนน้ำตาซึมจริงๆ
“แม่ก็จะลองถามที่โรงเรียนที่แม่ตัดชุดส่งให้นะ แม่สนิทอยู่กับครูหลายๆโรงเรียน”
“แม่กุ้ง~” ทั้งๆที่เพิ่งรู้จักกันแท้ๆ อีกฝ่ายยังยื่นมือมาช่วย เขารู้แล้วที่แท้พี่แทนได้ความใจดีมาจากแม่นี่เอง
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากๆเลย”
“พอๆ กินเร็วๆเลย อมข้าวอยู่ได้นะมึง”
“ก็มันซึ้งอยู่อ่ะ”
“มึงนี่มันปัญญาอ่อนจริงๆ”
“แม่ดูพี่แทนดิ ว่าผมตลอด” เขาหันไปออดอ้อนฟ้องผู้ใหญ่หนึ่งเดียว แทนคุณถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“แม่ใช้งานมันหนักๆเลยนะ พูดมากอยู่ได้”
“ผมช่วยแม่เต็มที่อยู่แล้ว คอยดูเหอะผมจะทำให้พี่ตกกระป๋อง” ว่าแล้วเขาก็เข้าไปสวมกอดหญิงใจดีอย่างแสนรัก ไม่ลืมจะแลบลิ้นเยาะเย้ยอีกคนที่กรอกตามองบนอย่างเหนื่อยหน่าย เอามือยกขึ้นนวดขมับ แต่เขาไม่สนสักนิด ไม่รู้ทำไมถึงแม้จะรู้จักกับแม่ได้ไม่นาน แต่เขาถึงรู้สึกรักและคุ้นเคยกับอีกฝ่ายได้มากขนาดนี้
“แทนที่จะช่วย มึงจะมากวนแม่กูมากกว่า เสียงานเสียการชิป”
อีพี่แทนบ้า ~ คอยดูนะ แม่กุ้งต้องเป็นของเขาคนเดียว!!
.
.
.
.
.
.
.
.

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” พูรินยกมือไหว้ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องของครูใหญ่ เขาถอนหายใจหนักอย่างเหนื่อยใจ ลากขาที่ไร้เรี่ยวแรงไปหารุ่นพี่ที่ยืนเล่นโทรศัพท์รออยู่ข้างมอเตอร์ไซค์ตัวเอง
“เป็นไง?” อีกฝ่ายทักเมื่อเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเขา
“เหมือนเดิม เขาบอกว่าจะติดต่อกลับมาอ่ะพี่” พูรินงึมงำพูดออกไปอย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่คิดว่าจะมีใครติดต่อเขามาจริงๆหรอก ส่งใบสมัครไปกี่ที่แล้ว ก็เห็นพูดกันแบบนี้ทุกราย
“เอาน่ามึง อย่าพึ่งคิดไปก่อน เขาอาจจะติดต่อมาจริงๆก็ได้” คนตัวโตเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกง หยิบหมวกกันน๊อคที่วางไว้บนเบาะนั่งให้อีกคน ก่อนที่จะหยิบของตัวเองขึ้นมาสวมอย่างรวดเร็ว
“ป่ะ”
“ไปไหนอ่ะพี่ ผมว่าวันนี้พอเหอะ ผมรบกวนเวลาพี่มาเยอะแล้ว”
“มึงพูดเชี่ยอะไร รบกวนที่ไหนกูอยากมาเองทั้งนั้น แต่ถ้าวันนี้มึงเหนื่อยแล้วไปอีกที่เดียวพอ ครูที่นั่นเป็นลูกค้าแม่กู แม่กูไปคุยไว้ให้แล้ว” เมืื่อได้ยินแบบนั้น คนตัวเล็กก็น้ำตาคลอเบ้าทันที เอามือสองข้างมาประกบกันกลางอกทำตาพริ้ม
“แม่กุ้ง~” ทำไมถึงได้น่ารักขนาดนี้นะ
“พอเลยนะมึง จะเสียเวลาก็ตอนรอมึงยืนซึ้งนี่แหละ”
เมื่อโดนคนตัวโตว่าอย่างนั้นคนที่กำลังซึ้งก็หน้างอสูดจมูกแรงๆกลั้นน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้นก็รีบสวมหมวกกันน๊อคเรียบร้อยแล้วกระโดดขึ้นนั่งบนมอเตอร์ไซค์อย่างรวดเร็ว กว่าพี่แทนจะขับรถลัดเลาะมาถึงโรงเรียนเตรียมอนุบาลที่ว่าก็พอดีกับที่โรงเรียนกำลังจะเลิก พอคุยกับครูจันทร์ที่แม่รู้จัก เธอก็บอกให้ไปนั่งรอที่ห้องรับรอง ส่วนพี่แทนก็เหมือนเดิม ขอตัวออกไปรอที่รถด้านนอก
พอเด็กๆเริ่มทยอยกลับกันหมดแล้วครูจันทร์ก็แนะนำให้เขารู้จักกับครูใหญ่ แล้วก็เหมือนทุกๆที่ ที่เขาจะเริ่มจากการเล่าประวัติและความถนัดที่มีให้อีกฝ่ายฟัง แถมยังเปิดโชว์วิดีโอให้อีกฝ่ายดูด้วย มีทั้งที่เขาเคยแสดงละครเวทีกับสถาปัตย์แล้วก็ที่ไปร้องเพลงตามร้านอาหาร
“แล้วเราอยากได้ค่าแรงเท่าไหร่” พูรินตาโต ที่นี่เป็นที่แรกที่ถามถึงเรื่องนี้ เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่ก็รีบตอบออกไปทันทีด้วยตัวเลขที่ค่อนข้างต่ำ อย่างที่บอกเขาแค่อยากลองทำงานจริงๆเท่านั้นเอง ให้ทำฟรีเขายังยอมทำเลย
“ปกติวิชาเสริมจะมีอาทิตย์ละครั้ง ถ้ามาก็อาจจะต้องเต็มวันหรือจะแบ่งเป็นช่วงบ่ายสองวัน มีปัญหาหรือเปล่า”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหาเลย” เขาตอบกลับอย่างกระตือรือร้น สมองพร่าเบลอเหมือนอยู่ในฝัน ไม่อยากจะเชื่อว่าเขากำลังจะได้งานนี้จริงๆ
“ตกลงว่าผมได้งานแล้วหรอครับ” ถามย้ำอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ ใจเต้นรัวอยากวิ่งออกไปบอกคนที่อยู่ข้างนอก
“ยังจ๊ะยัง เดี๋ยวครูขอปรึกษาครูประจำชั้นก่อน” รอยยิ้มกว้างชะงักเมื่ออีกคนว่ามาแบบนั้น
“เรายังเป็นแค่นักศึกษาแล้ว แถมไม่ได้เรียนครูมาด้วย ถึงครูจะพอใจในความสามารถเรา แต่ผู้ปกครองไม่รู้จะว่ายังไงน่ะสิ”
“...”
“แล้วยังไงครูจะติดต่อไปนะ”
อีกแล้วหรอ...เมื่อได้ยินคำพูดของครูใหญ่ พูรินก็รู้สึกหน้าชา วูบโหวงในใจ ความรู้สึกเหมือนมีอะไรขาดหายไปสักอย่าง ความฝันที่เหมือนจะคว้ามันไว้ได้ จู่ๆก็ลอยหลุดมือไป
มังคงจะเป็นความรู้สึกเดียวกับหมีเสื้อแดงตอนที่เผลอทำลูกโป่งสีแดงหลุดมือ ทำได้แค่มองมันล่องลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้างอย่างใจหาย
คุยกันอีกสักพักเขาก็กล่าวลาอีกคนก่อนที่จะเดินไปหาคนที่มายืนรอเขาเป็นชั่วโมง เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนส่งยิ้มมาให้ น้ำตาที่จู่ๆไม่รู้มาจากไหนนักหนาก็ผุดขึ้นมา พี่แทนที่อุตส่าห์เสียเวลามาช่วยเขา เป็นคนที่ถือฝันกลางวันของคนอย่างเขาเป็นจริงเป็นจัง เขาคงทำให้พี่แกผิดหวังไม่น้อย...
“พี่แทน..”
แทนคุณมองหน้าหงอยๆของรุ่นน้อง เห็นแค่นี้เขาก็รู้แล้วว่ามันคงได้รับข่าวไม่ดีมาแน่ โดยไม่ได้พูดอะไรกัน เขายกยิ้มให้กำลังใจมันก่อนที่จะเอามือไปหยิกแก้มคนที่ทำหน้าจะร้องไห้แรงๆ
“โอ้ย..เจ็บ” พูรินร้องออกมา ให้คนตัวโตยกมืออีกข้างขึ้นมาหยิกแก้มที่เหลือ
“เจ็บมากไหม หืม...”
“พี่แทน~” คนที่โดนหยิกแก้มเริ่มน้ำตาไหล เขาอยากจะคิดว่ามันเป็นเพราะเจ็บที่โดนหยิก แก้ม แต่รู้ดีว่าจริงๆแล้วมันเป็นเพราะความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจที่เกิดจากการวิ่งวุ่นมาทั้งวันกับความผิดหวังที่โดนปฎิเสธซ้ำแล้วซ้ำเล่า เมื่อแววตานุ่มอุ่นมองมา เขาก็ไม่อาจกลั้นความเสียใจได้อีกต่อไปแล้ว
“หยิกแก้มแค่นี้ถึงกับร้องเลยหรอ” คนโตกว่าว่ากลั้วหัวเราะ คลายมือออกเปลี่ยนมาเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุดของเขาแทน ก่อนที่จะฉุดเขาไปยืนหลังต้นไม้ใหญ่ หลบสายตาคนเดินผ่านที่หันมามองเมื่อเห็นเขาร้องไห้
“เปล่า...” เขาส่ายหน้าปฎิเสธ ความอดทนที่เคยสะสมไว้พังทลายทันทีที่คนตัวใหญ่กว่าดึงเขาเข้าไปในอก ถึงจะแอบตกใจกับความใกล้ชิดที่มากเกินควรที่เกิดขึ้น แต่ตอนนี้ความรู้สึกอื่นมันมีมากกว่าจนไม่อาจสนใจ เขาสะอื้นอย่างหนัก มือใหญ่ลูบหลังเขาไปมาอย่างปลอบโยน
“แล้วงอแงทำไม” ตอนนี้ไม่ว่าพี่แทนจะพูดอะไร เสียงทุ้มต่ำนุ่มๆที่ได้ยินข้างหูมันทำให้หัวใจเขายิ่งสั่นไหว มันอุ่นไปทั้งใจ ทั้งๆที่เป็นครั้งแรกที่ใกล้ชิดกันขนาดนี้ ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคย ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าในที่ตรงนี้ เขาสามารถแสดงความอ่อนแอทั้งหมดที่มีออกมาได้อย่างไม่ไม่ต้องกังวลอะไร
“ไม่รู้...รู้สึกเหมือนทำลูกโป่งหลุดมือ” คนฟังหัวเราะหึในคอ การเปรียบเทียบแบบนี้มีแต่หมีพูห์จริงๆที่ทำได้จริงๆ
“เดี๋ยวซื้อให้ใหม่” พูรินส่ายหน้าแรงๆก่อนจะตอบว่าไม่เอา
“แล้วจะเอาอะไร”
“ไม่อยากได้อะไรสักหน่อย”
“แล้วทำยังไงถึงจะหยุดร้องไห้” คนที่ปลอบคนไม่เก่งเลือกที่จะถามตรงๆ
“ไม่ต้องทำยังไง ถ้าร้องพอแล้วเดี๋ยวก็หยุดเอง” แทนคุณยกยิ้ม ถอนหายใจเหมือนช่วยไม่ได้ก่อนที่จะใช้สองแขนกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“งั้นก็ร้องให้พอ กูจะบังให้”
พูรินตาโตเบิกกว้าง จากที่กำลังเศร้าๆ ตอนนี้กลับมีความรู้สึกอื่นมาแทนที่ น้ำตาที่เคยมีมากมายหดหาย จากตรงนี้เขาสัมผัสได้ถึงใจที่เต้นแรงของอีกฝ่ายได้ชัดเจน มันเต้นแรงและรวดเร็วจนทำให้เขาเผลอกลั้นหายใจ เขาไม่กล้าขยับตัวออก เมื่อรู้สึกว่าขาดอากาศเขาก็ทำได้แค่สูดหายใจเข้าปอดแรงๆ กลิ่นน้ำหอมสะอาดสดชื่นเข้ามาเต็มปอดให้หน้าแดงเรื่อ เขารู้สึกร้อนผ่าว วูบวาบจากปลายเท้าจนถึงสมอง
ไม่ไหว...
มันอุ่นเกินไป..
อกพี่แทนแม่งอุ่นเกินไป..
.
.

.
.
.
.
.
“หมีพูห์.. หมีพูห์..ไอ้หมี..หมีมึง..ไอ้เชี่ยหมีควาย!!” พูรินหันมามองหน้าเพื่อนที่ตะโกนเรียกชื่อเขาออกมาเสียงดังจนแสบแก้วหู
“เสียงดังทำไมไอ้พุทธ อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง”
“ก็มันเรียกมึงไปร้อยรอบแล้วมึงไม่หันมาสักทีนี่หว่า” ธงชัยว่าขึ้นแทนอีกคน เอามือมาพาดคอเขาไว้หลวมๆ
“ว่าแต่มึงเป็นอะไร เหม่ออะไรขนาดนั้นว่ะ” เจ้าตัวเอ่ยถามเขา น้ำเสียงแสดงความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด เขาส่ายหัวไปมาก่อนจะเอ่ยตอบ
“เปล่า..ก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย มึงว่าอะไรนะไอ้พุทธ” เขาหันไปหาไอ้พุทธที่นั่งบ่นอุบอิบ
“กูถามมึงว่าวันนี้มึงจะไปร้านพี่มึงใช่ไหมเห็นมึงบอกว่าพี่อินจะไปด้วย ถ้ามึงจะไปกูอยากไปด้วย” ไอ้พุทธเอ่ยถาม เขาหรี่ตามองมันอย่างมีเลศนัย รู้ดีว่ามันไม่ได้อยากไปเจอพี่อินหรอก อยากไปหาเพื่อนพี่อินต่างหาก
“กูไหว้ล่ะ มึงเลิกยุ่งกับพี่กีได้ไหม เวลากูนัดรวมสายทีไร กูเหนื่อยเหลือเกิน” พูรินว่าพร้อมยกมือพนมขึ้นหัวให้เพื่อนอีกสองคนหัวเราะคิกคัก แต่เขาไม่ได้ล้อเล่นนะ พี่ต้นแฟนพี่กีเจอหน้าไอ้พุทธทีไร ลงกับใครไม่ได้พี่แกมาลงกับเขาทุกที
“แต่เสียใจด้วยว่ะ พี่ดินโทรมาบอกแล้ววันนี้ยกเลิก แล้วอีกอย่างกูก็มีติวให้พี่แทนด้วย” เขาว่าให้มันร้องว้าออกมาอย่างเสียดาย ก่อนที่จะเอ่ยเปลี่ยนเรื่อง
“เออ ว่าแต่มึงกับพี่แทนนี่เป็นไงบ้างว่ะ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมึงบ่นเหมือนเมื่อก่อนเลย”
พอไอ้พุทธมันถามเขาก็แอบชะงัก ก็เนี้ยแหละสาเหตุที่ทำให้เขาเหม่อลอยมาหลายวัน ก็ตั้งแต่วันที่กอดกันหน้าโรงเรียนก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้ว แต่พอคิดถึงอ้อมกอดอุ่นทีไรเขาก็หน้าแดงเรื่อเหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆทุกที จากที่เคยสงสัย ตอนนี้เขามั่นใจแล้วจริงๆว่าพี่แกต้องชอบเขา ก็ถ้าคิดแค่พี่น้องพี่แกจะทำขนาดนั้นจริงๆหรอว่ะ
คือแบบกอดกันเลยนะเว้ย~ แบบหน้าเขานี่ชนอกพี่แกอย่างจังอ่ะ
แล้วแบบกล้ามตรงหน้าอกนี่แข็งปึ้ก ก็แน่ล่ะพี่แกกล้ามใหญ่ขนาดนั้น อุ้มเขามือเดียวยังไหว
ไอ้หมีพูห์~
แล้วพี่เขาจะมาอุ้มมึงทำไม~
เขาอยากจะเอาสองมือขึ้นมาขยุ้มหัวเพราะความฟุ้งซ่าน แต่ที่ทำได้คือก้มหน้าเก็บอาการ ซ่อนหน้าที่เริ่มแดงซ่านของตัวเองเอาไว้
“หรือว่าดีกันแล้วหรอว่ะ” ไอ้เพื่อนจอมสอดรู้ยังก้มตัวช้อนหน้ามามองตามไม่หยุด
“ก็..ก็โอเคนะมึง ก็..”เขาอึกอัก
“แต่กูว่าแปลกๆนะ ไหนมึงบอกไปอาทิตย์ละสองวัน นี่อาทิตย์นี้กูเห็นมึงไปทุกวันเลยนะ” มันหรี่ตามองจ้องเขาอย่างสงสัยไม่เลิก
ไอ้เชี่ยพุทธ มึงทำไมเสือกแบบนี๊~
“ก็..ก็แม่กุ้ง! แม่กุ้งไง ใช่ๆๆ กูเล่าแล้วไงว่าแม่มาช่วยสอนกูเย็บชุด” มันร้องอ๋อยาวๆ พอดีกับที่อาจารย์เข้ามาในห้องพอดี มันถึงยอมละความสนใจจากเขา หยิบหนังสือเรียนขึ้นมาเปิดเลขหน้าตามที่อาจารย์บอก เขาลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
ใจก็แอบงงตัวเองว่าทำไมเขาต้องล่อกแล่กเบอร์นี้ด้วย
แล้ว...
ไม่นะ...
ในที่สุดก็ทนไม่ไหวยกสองมือขึ้นมาขยุ้มหัวตัวเองแรงๆหลายครั้ง เขาจะบ้าตายจริงๆแล้ว
ที่ใจเต้นแรงแบบนี้ ทีี่วันๆเอาแต่คิดถึงแบบนี้...
พูรินซบหน้าลงกับโต๊ะ เอาหน้าผากโขกซ้ำไปซ้ำมาจนเพื่อนที่นั่งข้างๆร้องเรียกอย่างตกใจ
ฮือ~
กูจะบ้าตาย~
เพราะอีพี่แทนแท้ๆ จู่ๆมาชอบกันทำไมเนี้ย!!!

********
หมีพูห์อ่ะ โอ้ยยย เขียนไปขำไป หมีมันบ้าอ่ะ 555 ว่าจะสต๊อกไว้หลายๆตอนแต่ทนไม่ไหว ตลกหมีอ่ะ
#หมีแทนที่รัก













หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สาม: คุณไม่สามารถจะหลบอยู่ในมุมมืดของป่ากว้าง...]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 17-09-2019 18:18:34
ความฝันต้องมีความพยายาม หมีพห์มีกำลังใจเพียบจากแม่กุ้งแล้วก็พี่แทน
มีท้อแต่ไม่มีถอยอยู่แล้วนะ
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สาม: คุณไม่สามารถจะหลบอยู่ในมุมมืดของป่ากว้าง...]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 17-09-2019 21:51:40
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สาม: คุณไม่สามารถจะหลบอยู่ในมุมมืดของป่ากว้าง...]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 18-09-2019 01:19:32
 :mew3: พี่แทนช่างอบอุ่น น้องหมีก็น่ารัก
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สาม: คุณไม่สามารถจะหลบอยู่ในมุมมืดของป่ากว้าง...]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 18-09-2019 03:17:56
โอ๊ยยยยยยย หมีพูห์ 5555555555555555555
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สาม: คุณไม่สามารถจะหลบอยู่ในมุมมืดของป่ากว้าง...]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-09-2019 04:34:00
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สาม: คุณไม่สามารถจะหลบอยู่ในมุมมืดของป่ากว้าง...]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-09-2019 06:05:08
หมีพูห์น่ารักเกินไปแล้ว :laugh: :กอด1:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สี่: คุณกล้าหาญกว่าที่คุณเชื่อ แข็งแกร่งกว่าที่คุณเห็น...]
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 21-09-2019 23:43:08
.:น้ำผึ้งหยดที่สี่:.

You are braver than you believe, stronger than you you seem, and smarter than you think

.

.

คุณกล้าหาญกว่าที่คุณเชื่อ แข็งแกร่งกว่าที่คุณเห็น และฉลาดกว่าที่คุณคิด
















สองอาทิตย์ผ่านไป ยังเป็นเหมือนเดิมที่ทุกๆ วันจันทร์พี่แทนจะพาเขาไปตะเวนตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อยื่นใบสมัคร ถึงแม้จะยังได้คำตอบเดิมๆ กลับมา แต่ตอนนี้เขาไม่คิดมากอีกต่อไปแล้ว พี่แทนพูดถูกที่สุด อย่างน้อยเขาก็ได้ลองลงมือทำ ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร อย่างน้อยเมื่อทำเต็มที่แล้วเขาก็จะได้ไม่มานั่งเสียใจภายหลัง





พูดถึงพี่แทน...





เขาอยากจะบ้า~





ที่เคยคิดว่าพี่มันมาแอบชอบ ตอนนี้เขาเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว เพราะตั้งแต่วันนั้นที่หน้าโรงเรียน พี่แกก็ยังทำตัวปกติ ไม่ได้แสดงท่าทางจีบหรือแสดงอาการอะไรที่จะทำให้เขาคิดไปทางอื่นได้เลย ซ้ำยังดูเหมือนว่าพี่แกพยายามจะทิ้งระยะห่างกันมากกว่าเดิมเสียอีก อย่างเมื่อก่อนมีลูบหัว มีหยิกแก้ม เดี๋ยวนี้แทบจะไม่แตะเนื้อต้องตัวอะไรกันเลย เขายังจำได้ มีครั้งนึงที่เผลอมือสัมผัสกันตอนที่เขายื่นหนังสือให้ พี่แกก็รีบชักมือออกพร้อมเอ่ยขอโทษอย่างรวดเร็ว





เหมือนพี่แทนกลัวจะทำให้เขาเข้าใจผิด..





อ๊าก..เอาอีกแล้วหมีพูห์!!





เป็นแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ...





แล้วมึงจะอยากให้พี่เขามาลูบหัวลูบหางมึงทำไมเนี้ย!!









พูรินยกมือขึ้นมาขยุ้มผมตัวเองจนยุ่ง ส่ายหน้าไปมาอย่างรับไม่ได้กับคำตอบที่ผุดขึ้นมาในสมอง

ไม่เอาหมีพูห์ ไม่เอา...





อีพี่แทนมันเข้ามาอยู่ในหัวเขาทุกวัน แถมวันละหลายๆ รอบ จนตอนนี้จากที่เคยกลัวพี่มันมาแอบชอบ เขาเริ่มกลัวใจตัวเองมากกว่าเสียอีก..





เขาดึงตัวเองกลับมาได้ในที่สุดเมื่อหันไปสบตาเข้ากับคนที่นั่งโต๊ะข้างๆ เมื่อโดนสายตาตำหนิส่งมาให้เขาถึงเพิ่งจำได้ว่าตัวเองนั่งอยู่ในห้องสมุดของมหา’ ลัย พูรินกระแอมสองทีรีบเก็บอาการกลับมานั่งตัวตรง พอตั้งสติได้เขาก็หันมาสนใจแลปทอปตรงหน้าที่เปิดค้างอยู่ เขาค่อยๆ เลือกรูปที่เขาเห็นว่าดีแยกใส่ไว้ในโฟลเดอร์ก่อนจะจัดการลบรูปที่เหลือออกจากคอมพิวเตอร์จนหมด

เมื่อหลายวันก่อนเขาให้แม่กุ้งทำชุดเจ้าหญิงให้เขาหลายแบบ เขาปริ้นรูปจากอินเตอร์เนตมีทั้งเอลซ่า ราพันเซล สโนไวท์ ซินเดอเรล่า มู่หลาน และอีกสารพัดเจ้าหญิงดิสนี่ย์ เขานึกขำ ในที่สุดเมื่อกรอกหูแม่ทุกวัน แม่ก็เริ่มรู้แล้วว่าเจ้าหญิงแต่ละคนชื่ออะไรบ้าง

พอแม่ทำตามที่เขาบอกได้ห้าชุด เขาก็ขนชุดทั้งหมดกลับไปที่บ้าน จัดการจับเด็กในบ้านมาเป็นนางแบบซะเลย ไม่ต้องเสียเวลาเท้าความอะไรทั้งนั้น น้องเปิ้ลที่เขาพาน้องมันดูการ์ตูนเจ้าหญิงมาตั้งแต่ตัวเล็กตัวน้อย หยิบชุดสวมใส่ทันที อินเนอร์มาเต็ม โพสเอง วิ่งหาพร๊อบเองไม่มีหยุด จนตอนนี้เขาต้องมานั่งเลือกรูปที่มีเยอะเกินความจำเป็นไปหลายเท่าตัวออก แค่เลือก 30 รูปจากรูปที่มีเป็นพันก็เสียเวลาไปแล้วครึ่งวัน

เรื่องของเรื่อง คือเขาอยากได้รูปสวยๆ เอาไว้ช่วยแม่กุ้งขายของ เขาตั้งใจว่าจะเอาชุดที่แม่ทำไปลงเว็บขายของแฮนด์เมดของต่างประเทศ อยู่บ้านเราเขาเห็นคนอื่นขายชุดในอินสตราแกรมหรือในเวบอย่างมากราคาก็สองถึงสามร้อยบาทต่อตัว แต่ถ้าเอาไปลงในเวบนี้ถ้าขายได้ถูกสุดก็พันนึงแล้ว เขาสัมผัสมาด้วยตาตัวเองว่าฝีมือแม่กุ้งเนี้ยบแค่ไหน ถ้าลองมีคนซื้อเขาว่าคนต้องบอกต่อและต้องมีลูกค้าเข้ามาเยอะแน่ๆ





Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr





ตอนที่กำลังจะเริ่มแต่งรูปที่เลือกแล้ว เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าก็แผดเสียงร้องขึ้นมา แน่นอนว่าไอ้โต๊ะข้างๆ หันขวับมามองเขาตาขวางทันที เขาทำหน้าลุแก่โทษก่อนจะตาลีตาเหลือกควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋าหยิบขึ้นมารับอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันมองว่าใครโทรมา





“สะ..สวัสดีครับ”

“สวัสดีจ้ะ พูรินใช่ไหมเอ่ย”

เขาผละออกมามองเบอร์ว่าเป็นของใคร แต่มันดันเป็นเบอร์ที่ไม่ได้เมมไว้ซะงั้น

“ครับ พูรินพูดครับ” คิ้วมุ่นขมวดเข้าหากัน เมื่อยังไม่แน่ใจว่าใครคือปลายสาย

“นี่ครูจันทร์เองนะ จากโรงเรียนอนุบาลลูกหว้า” พูรินตาโตขึ้นมาทันที รีบตอบครับๆ เสียงดังจนไอ้คนเดิมยกนิ้วชี้ขึ้นมาแนบปากเป็นสัญญาณให้เงียบเสียง เขายิ้มเจื่อนไปให้อีกฝ่าย ก็ช่วยไม่ได้คนมันตื่นเต้นนี่น่า





“รอสักครู่นะครับ” เมื่อทนต่อสายตาอาฆาตไม่ไหว เขาตัดสินใจปิดแลปทอปเก็บข้าวของลงกระเป๋าอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเดินออกมาจากห้องสมุด ตอนนี้ใจเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาอยู่แล้ว จะให้เก็บสงเก็บเสียงใครมันจะไปทำได้

“ครับครูจันทร์ว่าไงครับ”

.

.

.

.

.

.

.

.

“เอาครับคุณแทนคุณ” ตั้งต้นยื่นถุงหูหิ้วกระดาษสีน้ำตาลให้เพื่อนสนิท เมื่อได้ยินเสียงเรียก คนที่นั่งอ่านหนังสือนิยายภาษาอังกฤษรออาจารย์อยู่ก็เงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นถุงที่มีโลโก้ดิสนี่ย์แลนด์ฮ่องกงอยู่ก็ร้องอ๋อแล้วยื่นมือเข้ามาจะรับถุงจากมือเพื่อน

“ขอบใจว่..”

ขวับ!

ไม่ทันได้กล่าวขอบใจหรือแตะต้องถุงดังกล่าวแต่อย่างไรก็โดนมือที่สามตัดหน้าคว้าออกไปก่อน

“อะไรว่ะ” บดินทร์ที่เอาถุงไปครองว่าก่อนที่จะเปิดและหยิบตุ๊กตาสีเหลืองนุ่มๆ จากในถุงขึ้นมาดู

“อะไรว่ะเนี้ย”

“ไอ้เชี่ยดิน..เอาคืนมา” ไม่ตอบคำถาม แทนคุณพยายามแย่งถุงจากคนที่ใช้แขนยันตัวเขาไว้

“ไอ้แทนมันฝากกีซื้อ” อาทิตย์ที่ผ่านมาเขากับกีไปเที่ยวฮ่องกง แปลกใจอยู่เหมือนกันเพราะตอนบอกว่าจะไปดิสนี่ย์แลนด์ไอ้แทนก็ไม่เห็นจะว่าอะไร มารู้อีกทีก็ตอนที่กียื่นถุงให้ บอกว่าไอ้แทนฝากซื้อ

“ห๊ะ มึงเนี้ยนะ” บดินทร์กล่าวอย่างเหลือเชื่อ ร้อยวันพันปีมันเคยสนใจของพวกนี้ที่ไหน แล้วดูแล้วราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ที่ยอมควักตังค์ขนาดนี้ เขาว่า...

“อ่อออออ” บดินทร์ลากเสียงยาว ทำหน้าทะเล้นใส่อีกฝ่ายอย่างคนรู้ทัน

“เสือก”

“ของขวัญวันเกิดน้องรหัสกูหรอแทนคุณ” บดินทร์เอ่ยแซว เก็บตุ๊กตาเข้าไปในถุงก่อนจะใช้มุมหนึ่งของถุงทิ่มหยอกคนตัวโตที่ทำหน้ารำคาญเขาเต็มทน

“เห้ยยย จริงดิว่ะ กูก็เห็นว่าจะเอาไปฝากน้อง กูก็ว่าอยู่ว่าน้องไหน ที่แท้ก็น้องหมีนี่เอง เอาแล้วๆ คุณแทนคุณรุก”

“รุกก็เหี้ยแล้ว”

“เห้ย มึงจะบอกว่ามึงรับ”

“มึงจะเอาใช่ไหม” ตั้งต้นหัวเราะผายสองมือขึ้นข้างลำตัวเป็นการยอมแพ้

“ไอ้ต้น มึงก็เลิกแซวมันสักที” บดินทร์เอามือวางบนไหล่เพื่อนอีกคนเหมือนจะห้าม ก่อนจะว่าต่อ

“อย่าแกล้งคนกำลังมีความรัก” พูดเสร็จก็หัวเราะร่าประมือกับตั้งต้นที่กำลังสนุกกับการแกล้งเพื่อนตัวยักษ์

“ไอ้เชี่ยดิน มึง..ไอ้ตัวดี” ร่างใหญ่ลุกขึ้นทำท่าจะไล่เตะอีกคน ให้บดินทร์วิ่งหลบออกจากโต๊ะแทบไม่ทัน

“อ้าวหรอ กูหรอ” บดินทร์ยังทำหน้ามึนต่อปากต่อคำ จะปล่อยไปง่ายๆ ได้ยังไง นานๆ ทีคนอย่างมันจะมีเรื่องให้ล้อ เห็นมันบ่นอุบอิบไม่หยุด บอกว่าจะเอาคืนให้ได้แบบนี้ เป็นภาพที่เห็นไม่ได้ง่ายๆ จริงๆ

“กูก็แค่อยากตอบแทนที่น้องมันช่วยติวให้กู”

“ครับๆ คุณแทนคุณ อ้างไปเถอะครับ” ไม่ทันได้แซวอะไรต่ออาจารย์ก็เดินเข้าห้องมา ทุกคนจึงทยอยกันนั่งที่ตัวเอง แทนคุณดึงถุงกระดาษมาวางข้างตัว เจ้าตัวแอบเปิดดูผ่านๆ เพราะไม่อยากจะโดนล้อไปมากกว่านี้ สำหรับเขานี่มันเป็นการเลือกของขวัญที่ยากที่สุด เขารู้แค่ว่าน้องมันชอบหมีพูห์มาก แต่ถ้าจะให้ซื้อตุ๊กตาหมีพูห์ธรรมดาเขาก็กลัวว่ามันคงจะมีอยู่เต็มบ้านแล้ว พอดีกับที่ไอ้ต้นมันจะไปดิสนี่ย์แลนด์พอดีเขาเลยได้ไอเดียต้องขอบใจกีที่ตอนอยู่ในร้านกิ๊ฟช๊อปคอยถ่ายรูปและให้คำปรึกษาตลอดจนเขาเลือกได้ในที่สุด

แทนคุณยกยิ้มมองตุ๊กตาหมีพูห์ที่อยู่ในชุดผึ้งน้อย

ไม่รู้ว่ามันจะชอบหรือเปล่า..

เขาอยากรู้ว่ามันจะทำหน้ายังไงตอนที่เห็นของขวัญที่เขาให้

แชะ!

“เอ้า มียิ้มกับตุ๊กตาด้วยมึง”

“สัดดิน”

“ด่ากูกูกดส่งนะครับ”

แทนคุณชะงักเมื่อโดนอีกคนขู่ รู้ว่าคนอย่างมันคงไม่ทำจริงแต่ก็อดกลัวไม่ได้ ถอนหายใจหนักก่อนที่จะทำเป็นไม่สนใจ หันหน้าฟังอาจารย์บรรยาย พวกมันหัวเราะชอบใจที่แกล้งเขาสำเร็จ

“อาจารย์ครับ เพื่อนนักศึกษาคุยกันเสียงดัง ผมเรียนไม่รู้เรื่องเลย” ในที่สุดก็อดไม่ได้ ยกมือขึ้นฟ้องอาจารย์ ให้คนทั้งห้องหัวเราะ เพราะสนิทกันดีอาจารย์ก็เลยส่ายหน้าอย่างระอา

“อ่าๆ เงียบๆ สองคนนั้นมาหาอาจารย์หลังเลิกเรียนด้วย” ทั้งห้องหัวเราะกันอีกรอบ

“โธ่ จารย์อ่ะ” ตั้งต้นโอดครวญ

“หรือจะไปยืนขาเดียวหน้าห้องตอนนี้ดี”

แทนคุณที่หัวเราะดังกว่าใครโดนมองตาขวาง ทำหูทวนลมเมื่อไอ้ดินบอกจะเอาคืนให้เจ็บแสบก่อนที่จะหันไปตั้งใจจดโน๊ตตามสไลด์อย่างตั้งอกตั้งใจเป็นพิเศษ

.

.

.

.

.

.

.

“พี่ดินนนนนนน” เมื่อบดินทร์กับตั้งต้นเดินลงมาจากห้องพักของอาจารย์ก็ได้ยินเสียงคุ้นเคยเรียกมาแต่ไกล จะไม่คุ้นได้ไงก็มันเรียกมาแบบนี้สามปีแล้ว เขากลอกตามองบนก่อนที่จะหันไปมองคนที่วิ่งตาตื่นเข้ามาหา

“พี่แทนอยู่ไหน” คนที่ทำเป็นเบื่อชะงักเมื่อน้องมันมาหยุดตรงหน้า ถามหาคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน

“โธ่ พี่ดินตกกระป๋องเสียแล้ว” ตั้งต้นเอ่ยแซว เขารู้ว่าไอ้ดินปากก็ทำเป็นเบื่อไปงั้น ใจจริงทั้งรักทั้งภูมิใจในตัวน้องรหัสคนนี้จะตาย ไอ้ดินหันมามองตาขวางใส่ ก่อนจะหันไปหาน้องตัวเอง

“ไม่รู้มันออกมาก่อนพวกพี่ มีอะไรกับมันล่ะ วันนี้มีติวหรอ”

“เปล่า..แต่ผมมีเรื่องจะเล่าให้พี่แทนฟัง พี่แทนกลับบ้านไปแล้วหรอ เดี๋ยวผมตามไปที่บ้านก็ได้” อีกฝ่ายว่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นเตรียมกันหันหลังกลับ จนเขาต้องรั้งคอเสื้อมันเอาไว้

“เดี๋ยวๆ ใจเย็นๆ มันยังไม่กลับ พี่นัดกันว่าจะไปกินข้าว เราก็ไปกับพวกพี่สิ” พูรินพยักหน้ารับทันที ท่าทางอยู่ไม่สุข คอยกวาดตามองหาอีกคนไม่หยุดทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้

“มีอะไรกัน เล่าให้พี่ฟังก็ได้นะ”

“ก็..”

“ความลับ?”

“เปล่า..แต่ผม...อยากบอกพี่แทนคนแรก” เมื่อได้ยินคำตอบพร้อมท่าทางกระอึกกะอักของคนตรงหน้าเขาก็ชะงักไปหนึ่งจังหวะ ก่อนจะหันไปบอกเพื่อนตัวเอง

“น้องกูไปแล้วมึง” เมื่อพูรินได้ยินก็ตาโต หน้าแดงก่ำ รีบยกสองมือส่ายไปมาเป็นการปฎิเสธ เข้าใจว่าพี่ๆ หมายความว่ายังไง

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะพี่..คือพี่แทนคอยช่วยผมมาตลอดไง..คือ..ผม..คือ”

“อ่ะๆ ๆ พี่ไม่ล้อแล้ว พี่ยังไงก็ได้” ตบไหล่น้องเบาๆ ทำเป็นเหมือนจะไม่ล้อแต่ทั้งสิ่งที่พูดมา ทั้งสายตาหนักกว่าเดิมไปอีก

“พี่ดินอ่ะ~ มันไม่ใช่แบบนั้นนะพี่..” ทำได้แต่ว่าไปอย่างนั้น แต่สายตายังมองเลยข้ามไหล่พี่รหัสไปด้านหลัง พอดีกับที่คนที่มองหาเดินออกมาจากมุมตึกพอดี เขายกยิ้มอย่างดีใจ กำลังจะก้าวขาเตรียมวิ่งไปหาแต่ก็ต้องชะงักลงทันทีที่เห็นคนที่เขามองอยู่เอี้ยวตัวไปคุยกับอีกคนข้างหลัง หัวเราะเสียงดังจนแม้อยู่ไกลขนาดนี้เขายังได้ยิน

เมื่อเห็นอีกคนชัดๆ เขาก็จำได้ว่านั่นคือพี่นิ้งเป็นเพื่อนสาขาเดียวกันกับพวกพี่ดิน นึกรู้ว่าคงสนิทกันพอสมควรเพราะเขาเห็นหน้าพี่แกบ่อยๆ เวลาพวกพี่ดินไปเที่ยว

ไม่รู้ว่าจู่ๆ ก็เป็นอะไร..

รู้แค่ว่าไม่ค่อยพอใจอะไรสักอย่าง..

“นิ้ง! ไอ้แทน!” เป็นพี่รหัสเขาที่เอ่ยปากเรียกคนทั้งคู่ จนเขาต้องพยายามควบคุมสีหน้า ในจังหวะที่อีกฝ่ายหันมามองเพื่อน ตาคมก็เลื่อนมาสบตากับเขาเข้าอย่างจัง จนเขาต้องหลุบตามองพื้น พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นอีกคนกำลังยื่นถุงกระดาษสีน้ำตาลให้คนข้างๆ พร้อมกับโน้มตัวไปกระซิบอะไรไม่รู้ให้อีกฝ่ายหัวเราะคิกคัก เมื่อเห็นโลโก้บนถุงเขาก็นึกรู้ดีว่ามันต้องเป็นของขวัญอะไรสักอย่างให้อีกคนแน่ๆ





เขาอดคิดถึงตอนเด็กๆ ไม่ได้..

ใครๆ ก็บอกว่าเขาดูการ์ตูนเยอะเกินไป

เพราะอย่างนี้เขาถึงชอบคิดไปเอง ว่าเขาเป็นคนเพ้อเจ้อ

ทั้งๆ ที่เคยเถียงมาโดยมาตลอด...

แต่ตอนนี้เขาเข้าใจกับคำว่า ‘คิดไปเอง’ ที่คนอื่นเคยว่าไว้ได้ดีเลยทีเดียว..





จู่ๆ หัวใจวูบโหวง รู้สึกกระอักกระอ่วนจนท้องไส้ปั่นป่วน เขาไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร รู้เพียงเขาไม่อยากยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว เมื่อทั้งสองคนกำลังเดินเข้ามาเขาก็รีบสะกิดบอกพี่รหัส

“เอ่อ พี่ดิน ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมมีธุระ ผมไปก่อนนะ”

“อ้าว ไหนว่ามีเรื่องจะบอกไอ้แทน นี่ไงมันมาแล้ว”

“ไว้วันหลังแล้วกันพี่ พอดีผมมีธุระด่วน ผมไปแล้วนะ” รีบตอบกลับอย่างร้อนรน ก่อนที่จะสาวเท้าเดินออกมานอกคณะอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงท่ารถรางที่ตอนนี้ไม่มีใครสักคน เขาก็ทรุดลงนั่งพยายามควบคุมลมหายใจให้กลับเป็นปกติ





หมีพูห์... มึงเป็นหนักแล้วว่ะ





ที่ใจเต้นแรง ที่รู้สึกเจ็บหน้าอก..





ที่รู้สึกงุ่นง่านเหมือนโมโหหิวเวลาเห็นพี่เขาอยู่กับคนอื่น..





เฮ้อ...





จากประสบการณ์ที่ดูการ์ตูนเจ้าหญิงมาทั้งชีวิต





ถึงจะไม่อยากเชื่อ...





มึงชอบพี่เขาไปแหละไอ้หมีพูห์...













“แล้วตอนที่รู้ตัว มึงก็อกหักไปแล้วซะงั้น”

พูรินพึมพำพร้อมยิ้มเยาะกับตัวเอง ตอนนี้เขาเหนื่อยจนไม่มีแรงจะคิดอะไรอีกต่อไปแล้ว

ซวบ!

“นึกว่าจะไม่ทันซะแล้ว” พูรินหันขวับไปมองต้นเสียง เห็นคนที่ทรุดตัวลงมานั่งข้างเขาหอบหายใจหนักด้วยท่าทางเหนื่อยล้า

“พี่แทน...” เขาเผลอเรียกอีกฝ่าย ลอบมองคนที่เหงื่อออกเต็มตัว หายใจหนักเร็วแรง พี่แกคงวิ่งมาแน่ๆ

“มีอะไรหรอพี่” เขาพยายามถามออกไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยที่สุด เมื่อเจอหน้ากันอีกครั้ง จู่ๆ ความรู้สึกครุกรุ่นก็ก่อตัวขึ้นในใจ จนไม่อาจจะพูดดีๆ กับอีกคนได้อย่างปกติ

“ก็ไหนไอ้ดินบอกว่ามึงมีเรื่องจะบอกกู”

“ก็..ไม่ได้สำคัญอะไรหรอกพี่” ถึงจะรู้ว่าทำตัวงี่เง่าแต่เขาก็ไม่อาจห้ามปากตัวเองได้

“ถ้าไม่สำคัญแล้วทำไมถึงไม่ยอมเล่าให้ไอ้ดินฟัง แต่จะรอเล่าให้กูฟังก่อน”

อีพี่ดิน!

จะเล่าซะละเอียดขนาดนี้ทำไม!!

“แล้วตกลงเรื่องอะไร” เมื่อเขาไม่ยอมตอบ อีกคนก็เลยคาดคั้นไม่หยุด

“ก็..เมื่อกี้ครูจันทร์โทรมาบอกว่ารับผมเข้าทำงานแล้ว” พูรินว่าต่อด้วยน้ำเสียงปนความดีใจอย่างกลั้นไม่อยู่ ถึงจะยังอยากบึ้งตึงใส่อีกคนแต่เขาก็ตื่นเต้นกับเรื่องนี้เกินกว่าจะเล่าด้วยท่าทางปกติ

“อาทิตย์นึงมีสอนสองวัน อาจารย์ให้ผมไปลองงานวันจันทร์นี้เลย”

“เฮ้ยจริงดิ!! ทำไมเพิ่งมาบอกกูตอนนี้ ดีใจด้วยนะมึง” อีกคนที่ยิ้มกว้างเอามือมารวบหัวไหล่เขาเข้าไปหาตัว ก่อนจะใช้มือเดิมตบบ่าเขาแรงๆ สองสามที

“แล้วอย่างนี้มึงบอกว่าเรื่องไม่สำคัญได้ไง”

“ก็..มันสำคัญกับผม แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะสำคัญกับพี่สักหน่อยนี่น่า” เขาผลักตัวเองออกห่าง เพราะความน้อยใจเลยทำให้เขาพูดอะไรแบบนี้ออกไปให้อีกคนนิ่วหน้ามองมาหาเขา

“มึงหมายความว่ายังไง” คนที่กำลังอารมณ์ดีเพราะได้รับข่าวดีถามออกไป แปลกใจเล็กน้อยกับท่าทางของคนตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่เขามองสำรวจน้องมันดีๆ ตั้งแต่คุยกันมามันยังไม่ยิ้มให้เขาเลยสักนิด

“...”

“มึงเป็นอะไร”

“...”

“อารมณ์ไม่ดีหรอ”

“...”

“แล้วนี่มึงจะไปไหนเดี๋ยวกูไปส่ง”

“พี่ไม่ต้องสนใจผมหรอก พี่ไปกินข้าวกับเพื่อนพี่เถอะ อย่าปล่อยให้ ‘เขา’ รอนานเพราะผมเลย”

กล่าวออกไปด้วยเสียงกระแทกกระทั้น เมื่อว่าเสร็จก็หลุบหน้ามองตักตัวเอง อีกคนที่ยังงุนงงก็เหมือนจะไม่อยากทนกับบรรยากาศชวนอึดอัดในตอนนี้อีกต่อไปแล้ว ยกสองมือมาแนบแก้มบังคับให้หันหน้ามาหากัน

“หมีพูห์”

“...”

“บอกกูมาว่ามึงเป็นอะไร” อีกคนถามย้ำคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบ

“...”

“ทำไมพูดแบบนี้กับกู มึงก็รู้ว่าเรื่องนี้สำคัญกับกูเหมือนกัน”

“...”

“หรือว่างอนอะไรกู”

“ผม..ผมเปล่า..”

“...”

“...”

ในที่สุดคนตัวโตก็ยอมปล่อยมือออก ถอนหายใจหนักพร้อมหันหน้าตรงไปข้างหน้าไม่มองเขา พูรินแอบลอบหน้ามองเสี้ยวหน้าอีกฝ่ายอย่างกล้าๆ กลัวๆ ใจนึกรู้ว่าตัวเองทำตัวงี่เง่าแค่ไหน คิดเองเออเองแล้วยังมาทำให้พี่แทนเสียความรู้สึกอีก ทั้งๆ ที่ตลอดมาพี่แกเป็นคนคอยช่วยเขามาตลอด

“พี่แทนผมขอโทษ” ว่าพร้อมเอื้อมมือไปจับชายเสื้ออีกฝ่าย ออกแรงกระตุกเบาๆ

“อย่าโกรธผมเลยนะ ผมงี่เง่าเอง”

“...”

“...”

จู่ๆ มืออุ่นก็เลื่อนมากุมมือที่จับชายเสื้อไว้อีกที เขาเงยหน้าขึ้นมาก็สบตาเข้าพอดีกับเจ้าของมือที่มองอยู่ก่อนแล้ว

“กูไม่ได้โกรธ แล้วกูก็ไม่ได้อยากได้คำขอโทษ กูแค่อยากรู้ว่ามึงเป็นอะไร”

“ผม..คือ...ผม..”

“มึงเครียดหรอ กังวลเรื่องที่จะไปสอนหรือไง”

“หืม....เอ๊ะ...อ่าใช่..ผมเครียดๆ น่ะพี่” เมื่ออีกฝ่ายว่ามาแบบนั้น เขาก็เลยรีบตามน้ำ เหตุผลแบบนี้ก็พอฟังขึ้นเหมือนกันล่ะมั้ง

“มันก็เป็นเรื่องปกติ จะไปทำงานครั้งแรกมึงก็ต้องกังวลไปบ้าง”

“คะ...ครับ”

“แล้วทำไมมึงถึงอยากบอกกูเป็นคนแรกล่ะ”

“ก็...เอ่อ...”





อีพี่บ้า~ ถามอะไรว่ะ

แล้วจะให้บอกไปได้ยังไง..

เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

พอได้ข่าวมาก็มีหน้าพี่แกโผล่ขึ้นมาก่อนใคร





“อ่อ..กูรู้แล้ว”

“...” รู้อะไรว่ะ





“เห้ยไม่เป็นไรนะ มึงไม่ต้องเกรงใจกูหรอก ถ้ามึงมาสอนกูไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่าคิดมาก”

พอกันเลยอีพี่ คิดเองเก่ง~

“อ่า..ครับ ที่จริงผมก็ยังพอมาสอนได้แหละพี่ แค่วันจันทร์กับวันพุทธบ่าย ตอนเย็นผมว่าง”

“กูยังไงก็ได้ ถ้ามึงไม่ว่างก็บอกกู ไม่ต้องเกรงใจ โอเค๊” พูรินพยักหน้ารับ รู้สึกโล่งใจให้กับความคิดตื้นของอีกคน

“แล้วเสาร์อาทิตย์นี้มึงว่างหรือเปล่า”

“ครับ?”

“แม่กูชวนมาบ้าน” รุ่นพี่เอ่ย “ถ้ามึงว่างน่ะนะ”

ปกติเสาร์อาทิตย์เขาจะไม่ได้ไปติวให้พี่แทน จะมีก็แต่ไปหาแม่กุ้ง ให้แม่กุ้งสอนทำชุด แต่เพราะวันอาทิตย์นี้เป็นวันเกิดเขา เขามีนัดจะกินข้าวกับพ่อแม่

“ได้ครับ ผมว่างวันเสาร์”

“อืม งั้นเดี๋ยวกูบอกแม่ให้ ป่ะ ลุกได้แล้ว กูไปส่งเอง”

“ผมไปเอ..”

“มึงหยุด เลิกเถียงกูได้ไหม กูปวดหัว” อีกคนรีบแทรกก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังลานจอดรถ เขามองแผ่นหลังแกร่งของอีกคนที่เคลื่อนไหวไปมาแล้วอดหัวเราะไม่ได้

ที่เคยฝันมาตลอดว่าสักวันจะตกหลุมรักใครสักคน จะได้เจอเจ้าชายในฝัน

แต่ถึงจะให้ฝันอีกกี่ครั้งก็คงไม่เจอเจ้าชายที่เป็นแบบนี้

เจ้าชายที่ไม่มีในนิยายเล่มไหน

ทั้งปากเสีย ทั้งไม่โรแมนติก แล้วยังขี้แกล้ง

แต่ก็เป็นคนเดียวกับที่มาช่วยให้ฝันเขาเป็นจริง มาให้กำลังใจในวันที่เขาท้อแท้

“เร็วๆ ดิหมีพูห์ ก้นมึงโดนติดกาวไว้หรือไง”

“โธ่ อีพี่~”

และไม่ว่าพี่แกจะรู้สึกกับเขายังไง ไม่ว่าเขาจะอยู่ในฐานะไหน พี่แทนก็ยังเป็นเจ้าชายของเขาอยู่ดี





.

.

.

.









พอรถมาจอดหน้าตึกที่เขามาใช้ห้องสมุดประจำ เขาก็ลงจากรถมอเตอร์ไซค์ ถอดหมวกกันน๊อคยื่นให้อีกคน

“ขอบคุณนะครับพี่แทน”

“เห้ยเรื่องแค่นี้เอง มึงไม่ต้องคิดมาก”

“เปล่า..ผมไม่ได้หมายถึงเรื่องที่พี่มาส่ง ผมหมายถึงทุกเรื่องเลย..”

“...”

“ขอบคุณจริงๆ นะพี่แทน”

อีกคนนิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะยกยิ้มจนตาปิดใต้หมวกกันน๊อค เจ้าตัวปล่อยมือที่จับแฮนด์รถทั้งสองข้างมาดึงแก้มเขาจนมุมปากทั้งสองข้างโค้งขึ้น

“ยิ้มได้แล้ว มึงจะเป็นแบบนี้อีกนานไหม”

“...”

“หน้าตาน่าเกลียดอยู่แล้ว ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่”

“พี่แทนอ่ะ~”

“...”

“...”

“กูรู้ว่ามึงกังวล แต่มึงทำได้อยู่แล้ว..มึงอย่าลืมสิ มึงคือหมีพูห์” เสียงนุ่มทุ้มพร้อมคำพูดที่ทำให้ใจสั่นถูกเอ่ยออกมา

“You are braver than you believe, stronger than you you seem, and smarter than you think”





ตึกตัก ตึกตัก





“มึงทำได้อยู่แล้วหมีพูห์ของกู”





เชี่ยแล้ว...





ถ้าในการ์ตูน มันต้องเป็นฉากที่ทุกอย่างหยุดนิ่ง รอบข้างมืดสนิท มีเพียงสปอร์ตไลท์ที่ส่องมาจากด้านบนให้เห็นเจ้าหญิงที่กำลังมองหน้าเจ้าชายอยู่ ก่อนที่กล้องจะหมุนไปรอบๆ จนเห็นหน้าทั้งสองชัดเจน และในที่สุดก็ซูมเข้าไปในตากลมของเธอให้เห็นเงาสะท้อนที่มีแต่ชายคนที่เธอแสนรัก





เขาจะทำยังไงดี..





กับไอ้ความรู้สึกที่เกิดขึ้น..





เขาจะทำยังไงกับมันดี...





“ถ้ามึงทำไม่ได้ เขาก็ไล่มึงออกเอง มึงจะกังวลทำไม” แทนคุณว่าออกมากลั้วหัวเราะ ก่อนจะขยี้ผมของรุ่นน้องจนยุ่งไปหมด









อีพี่~ มึงจะปล่อยให้กูซึ้งบ้างได้ไหม~









*******

#หมีแทนที่รัก

น้องหมีดูน่ารำคาญไหมอ่ะ หมีพูห์มันจะเป็นคนเยอะ อยู่ในโลกแฟนตาซีของมัน 555 ถ้าตามมาจากเรื่องก่อนๆ ไม่รู้น้องมันจะทำให้เบื่อกันไหมเรื่องนี้มันจะเรื่อยๆ มาเนือยๆ หน่อยนะคะ ไม่มีปมอะไรเยอะแยะ ไม่รู้ว่าจะผิดหวังกันหรือเปล่าน้า

แต่แบบช่วงนี้อยากเขียนอะไรที่บวกมากๆ ให้กำลังใจตัวเองนิดนึง ชอบไม่ชอบยังไงแนะนำมาได้ตลอดเลยค่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนแล้วไม่มั่นใจที่สุด ดูบ้าๆ บอๆ ยังไงไม่รู้ ทำให้ตอนนึงใช้เวลาเยอะ จบไม่ค่อยลง แต่ก็ท้าทายตัวเองดีเหมือนกัน แฮะๆ

ขอบคุณทุกคนนะคะที่เข้ามาอ่าน :)










หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สี่: คุณกล้าหาญกว่าที่คุณเชื่อ แข็งแกร่งกว่าที่คุณเห็น...]
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-09-2019 01:41:45
 :pig4:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สี่: คุณกล้าหาญกว่าที่คุณเชื่อ แข็งแกร่งกว่าที่คุณเห็น...]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 22-09-2019 02:57:32
 :mew1: น้องหมีหวั่นไหว อาการหนักแล้ว
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สี่: คุณกล้าหาญกว่าที่คุณเชื่อ แข็งแกร่งกว่าที่คุณเห็น...]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-09-2019 14:23:13
อิพี่แทนหนิขอหมีพูห์ซึ้งนานๆหน่อยได้มั๊ยเนอะ ตัดอารมณ์ตลอด :laugh:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สี่: คุณกล้าหาญกว่าที่คุณเชื่อ แข็งแกร่งกว่าที่คุณเห็น...]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 22-09-2019 23:05:00
โถ่ น้องหมี
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่สี่: คุณกล้าหาญกว่าที่คุณเชื่อ แข็งแกร่งกว่าที่คุณเห็น...]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 23-09-2019 15:36:09
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่ห้า: ฉันเดินทางมายาวไกลเพื่อตามหาใครบางคน และทันใดนั้น..]
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 03-10-2019 00:26:48
.:น้ำผึ้งหยดที่ห้า:.


I was walking along looking for somebody and then suddenly I wasn’t anymore.
.
.
.
ฉันเดินทางมายาวไกลเพื่อตามหาใครบางคน และทันใดนั้นการตามหาก็สิ้นสุดลง




พูรินไม่มีพี่มีน้อง และด้วยความที่ทั้งพ่อและแม่ของเขาต่างก็เป็นลูกคนเดียว เขาเลยไม่มีแม้แต่ลูกพี่ลูกน้อง จะมีก็เพียงแค่ญาติห่างๆที่ไม่ได้ไปมาหาสู่กันมากนัก กับปู่ย่าตายายที่อยู่ต่างจังหวัด จะได้เจอกันก็เฉพาะวันหยุดยาวเป็นครั้งคราว
ดังนั้นตั้งแต่เด็ก ความรักที่ได้รับและรู้จักดีที่สุดก็คือความรักจากพ่อแม่ แต่นอกจากว่าเขาจะไม่ได้รู้สึกขาดเหลืออะไร เขากลับรู้สึกว่าความรักที่เขาได้รับมันช่างมากหมายเหลือล้น จนในชีวิตนี้เขาไม่คิดว่าตัวเองจะต้องการความรักในรูปแบบไหนเพิ่มเติมอีก
แต่พอโตขึ้นมาหน่อย
เขาก็ได้เรียนรู้ความรักในอีกหนึ่งรูปแบบ แน่นอนว่ามันก็ยังเป็นสิ่งที่ได้เรียนรู้จากสองคนที่เขารักมากที่สุดเหมือนเดิม

มันคือความรักที่พ่อมีให้แม่
และความรักที่แม่มีให้พ่อ
เขาเฝ้ามองสองไอดอลของเขาด้วยความอิ่มใจ  สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กันได้อย่างลึกซึ้ง มันเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดที่เขาเคยเจอ
สองคนที่ต่างใส่ใจความรู้สึก
สองคนที่ทำให้กันและกันหัวเราะได้เสมอ
สองคนที่เข้าใจในความเป็นตัวตนโดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงกัน
สองคนที่เห็นอีกฝ่ายสำคัญกว่าใคร

ไม่ว่าจะการ์ตูนดิสนีย์ เทพนิยาย นิทานอีสป หรือเรื่องเล่าขานเรื่องใด ก็ไม่มีคู่ไหนเลยจริงๆที่จะทำให้เขาประทับใจได้เท่ากับคู่ที่อยู่ใกล้ตัวเขาที่สุด
พ่อกับแม่คือเจ้าชายกับเจ้าหญิงในนิยายที่สมบูรณ์แบบที่สุด
นิยายที่เป็นเรื่องจริง...



พูรินจำได้ว่าตอนนั้นอายุประมาณ 15..
ตอนที่รู้ตัวว่าชอบผู้ชายครั้งแรก
เพียงเพราะได้เห็นรอยยิ้มของเจ้าชายแอริคที่ยื่นมือมาหาเจ้าหญิงแอเรียล
ตอนที่ได้เห็นสีหน้าจริงจังของเจ้าชายฟิลิปที่ต่อสู้กับเจ้ามังกรตัวยักษ์เพื่อเข้ามาช่วยเจ้าหญิงออโรร่า
และตอนที่ได้แต่จ้องสายตาของเจ้าชายที่มองสโนไวท์ที่ลืมตาฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง หลังได้รับการจุมพิตอ่อนนุ่ม
ในตอนนั้นเองที่เขารู้ว่าเขาชอบผู้ชาย..
ไม่ใช่สิ..
จะบอกว่าชอบ ‘ผู้ชาย’ ก็ไม่ถูกนัก
เพราะที่ชอบจริงๆคือ ‘เจ้าชาย’ ต่างหาก
เจ้าชายที่เขาเฝ้าตามหามาทั้งชีวิต
เจ้าชายที่เขาหวังว่าสักวัน จะเข้ามาทำให้โลกของเขามีสดใส มามอบความสุขอย่างที่พ่อกับแม่ของเขาได้รับ...




พูรินลงรถสองแถวตรงหน้าบ้านรุ่นพี่ที่มาหาพอดี พอมองดูเวลาในโทรศัพท์ก็พบว่ากว่าเขาจะมาถึงก็ปาไปเกือบสองทุ่มแล้ว
หึ
จะโทษใครได้ ก็พี่แทนน่ะสิ ดันโทรมาบอกเขาว่าแม่กุ้งอยากกินขนมจีบเจ้าที่เขาเคยเอามาฝาก ก็เล่นมาบอกซะตอนบ่ายแก่ๆแบบนี้ กว่าจะไปถึงร้านแล้วต่อแถวรอคิว แถมยังต้องฝ่ารถติดของวันเสาร์เย็นที่คนออกมาเที่ยวกันคึกคัก มาถึงนี้จริงๆ ก็เล่นเอาเหนื่อยอ่อนไปทั้งตัว
หิว!
ตอนนี้เขาแสบท้องไส้ไปหมดแล้ว ตอนอยู่บนรถ ขนมจีบที่อยู่ในกล่องก็ส่งกลิ่นโชยจนอยากจะเปิดออกมาชิมให้รู้แล้วรู้รอด เสียงท้องร้องโครกครากดังออกมาจนคนที่นั่งข้างกันทนไม่ไหวยื่นขนมปังให้เขากิน
แต่ก็เพราะพี่แทนอีกนี่แหละ กำชับนักกำชับหนาว่าไม่ให้กินอะไรมาก่อนเพราะวันนี้แม่กุ้งอุตส่าห์ลงมือทำกับข้าวรอไว้ เขาถึงได้ยอมปฎิเสธอีกฝ่ายไปอย่างสุภาพ ทั้งๆที่ไอ้ขนมปังหน้าหมูหยองที่ว่ามันล่ออกล่อใจจนต้องกลืนน้ำไหลลงคอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พอเข้ามาถึงหน้าบ้านก็ต้องแปลกใจ ที่แม้ตะวันจะลับขอบฟ้าไปนานแล้วแต่บ้านทั้งหลังยังมืดสนิท ไม่มีแสงของไฟนีออนเลยซักดวงอย่างที่เคยเป็นปกติ เขาลองกดออดเรียก แต่ไม่ว่าจะรอยังไงก็ไม่มีคนมาเปิดประตูสักที
พูรินเริ่มตะหนก ตอนที่ตัดสินใจจะหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋าขึ้นมาโทรหาลูกชายเจ้าของบ้าน ตาก็เผลอไปมองเห็นบานประตูที่เปิดแง้มอยู่เล็กน้อย
แม่กุ้ง!
เขาเสียวสันหลังวาบ อยู่ๆใจก็นึกกลัวขึ้นมา ในหัวเริ่มคิดแต่เรื่องไม่ดี
ทำไมประตูบ้านถึงล๊อคไม่สนิท
หรือจะมีโจรบุกขึ้นบ้านกันแน่นะ
เขาหันซ้ายหันขวาเจอพรั่วอันเล็กสีเขียวที่เขาเคยใช้พรวนต้นไม้ในสวนกับแม่ หยิบมันขึ้นมาก่อนที่จะย่องเบาเข้าไปใน ตัวบ้านมืดสนิท ทุกอย่างดูเงียบงันจนความกลัวครอบงำทั่วทั้งหัวใจ เขารู้สึกตื่นเต้นจนรู้สึกว่าอาจจะเป็นลมไปวินาทีใดวินาทีหนึ่งก็ได้
“พี่แทน..” พูรินเม้มปากแน่น ก่อนจะกลั้นหายใจเรียกคนที่เขามาหาเสียงสั่น
“แม่กุ้ง~ มีใครอยู่ไหม~ “
ตุ้บ!
ร่างบางสะดุ้ง รีบหันขวับเมื่อได้ยินเสียงเหมือนของหล่นดังมาจากห้องรับแขก เขารีบวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยใจที่ร้อนรน
“แม่กุ้ง!”

ทันทีที่เข้ามาในห้องรับแขกตากลมโตต้องเบิกกว้าง ก่อนที่จะหรี่ลงอย่างฉับพลันเมื่อกระทบเข้ากับแสงสีเหลืองนวลที่ปรากฎเป็นจุดประปรายในความมืดอย่างมึนงง
เหมือนจู่ๆเสียงรอบด้านโดนกดปิด เวลาดูเลื่อนไหลเชื่องช้ากว่าปกติ แสงไฟเล็กๆที่อยู่ในความมืดสะท้อนภาพของหญิงวัยกลางคน กำลังอ้าปากพึมพำบางอย่างด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม พูรินจับต้นชนปลายไม่ถูก จนเมื่อโสตประสาทกลับมาทำงานอีกครั้ง เขาถึงได้ยินเพลงสากลที่ทุกคนแสนคุ้นเคย
“แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู...”
“โธ่ แม่กุ้ง ผมตกใจหมดเลย~” ความรู้สึกเครียดเกร็งผ่อนตัวเมื่อรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เป็นไป
“แฮปปี้เบิ๊ร์ดเดย์ แฮปปี้เบิร์ดเดย์...”
สายตาคู่เดิมเลื่อนไปมองด้านข้างของอีกคน เป็นอีกครั้งที่แสงเทียนบนเค้กก้อนเล็กวาบไหว ก่อให้ใบหน้าของใครบางคนที่ถือเค้กปรากฎชัดแก่สายตาในที่สุด ตาคมที่มองกันช่างดูลึกล้ำเร่งอุณหภูมิบนใบหน้าให้สูงเกินปกติ มุมปากเรียวที่ขยับร้องเพลงยกขึ้นอย่างมีความหมายทำให้จิตใจของใครบางคนสั่นไหว
“แฮปปี้...เบิร์ดเดย์...ทูยู....”
ในโลกใบนี้
เขาไม่เคยเห็นใครที่ถือเค้กได้น่ารักแบบนี้เลย

พูรินสะดุ้งเมื่อแม่กุ้งสะกิดให้เขาอธิฐาน เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อเจ้าตัวเป่าเทียนเล่มสุดท้ายจนดับสนิท
“น้องหมีพูห์ สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านะครับลูก” หญิงใจดีผายมือรับเขาเข้าไปในอก ลูบผมนุ่มไปมาอย่างรักใคร่เอ็นดู
“แม่กุ้ง~ ขอบคุณมากเลยนะครับ ไม่น่าลำบากเลย”
“ไม่ต้องขอบคุณแม่หรอก โน้น คนต้นคิด” เขาหันไปมองทางที่แม่พยักเพยิดอย่างช้าๆ สบตาเข้ากับคนที่กลับมาทำหน้าเรียบเฉยจนอดใจแป้วไม่ได้เลยว่า ไอ้รอยยิ้มที่เห็นเมื่อกี้อาจจะเป็นแค่เงาสะท้อนของเทียนไขเล่มเล็กก็ได้
“ขอบคุณมากนะครับพี่แทน” พึมพำออกไปเบาๆให้อีกฝ่ายพอได้ยิน
“ไม่เป็นไร แต่มึงวางพรั่วในมือก่อนไหม” อีกคนทำทีเป็นกล่าวเสียงเข้ม เอ่ยแซวคนที่ยังกำพรั่วในมือแน่นไม่ยอมปล่อย ยกนิ้วเรียวยาวขึ้นมาเกาแก้มแก้เขิน
“อ่ะ ผมลืม~ ก็เมื่อกี้แอบกลัวจริงๆนี่น่า” พูรินว่าพร้อมหันไปค้อนอีกคน
“พี่แทนนี่ผมชินแล้ว แม่กุ้งร่วมมือแกล้งผมแบบนี้ได้ยังไง” ต่อพ้ออย่างไม่จริงจังพร้อมเข้าไปซุกอยู่ในอกอุ่นของแม่กุ้งอีกครั้ง คนเป็นแม่หัวเราะออกมา ใจนึกรักอีกฝ่ายเหมือนลูกแท้ๆอีกคน เพราะอยู่กับเจ้าแทนมาทั้งชีวิต ถึงมันจะเป็นคนกตัญญูคอยดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่มันก็ไม่เคยเข้ามาออดอ้อนคลอเคลียให้ชื่นใจแบบนี้เลยสักครั้ง
“ไป แม่ทำกับข้าวที่น้องหมีพูห์ชอบไว้เยอะแยะเลย” พูรินตาวาววับ เอ่ยขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีพร้อมทัั้งโน้มตัวไปจุ๊บหนึ่งทีให้เธอหัวเราะคิกคัก
“รางวัลสำหรับแม่ครัวคนเก่งของผม~”
“พี่แทนก็ทำยำปลากระป๋องให้เราด้วยนะ” เขาหยุดกึกเมื่อแม่ว่าออกมาอย่างอารมณ์ดี เจ้าจินตนาการตัวดีดันฉายภาพตอนที่เขาจุ๊บแก้มคนตัวโตเข้ามาในสมองจนหน้าแดงก่ำอย่างไร้เหตุผล เมื่อเผลอลอบมองอีกฝ่าย สายตาดันไปสบเข้ากันอย่างจังกับคนที่มองมาอยู่ก่อนแล้วจนต้องหลุบตาลงแทบจะทันที
“หิว!” จู่ๆก็ตะโกนออกมาจนตัวเองตกใจ
“ผมหิวแล้ว กินกันเลยไหมครับ” ว่าแล้วก็รีบดันหลังแม่กุ้งไปที่โต๊ะอาหาร กระวีกระวาดตักข้าวใส่จานทุกใบ จนเมื่อทุกคนนั่งลงพร้อมกันก็เริ่มต้นตักกับข้าวที่เรียงกันอยู่บนโต๊ะอย่างละลานตาโดยไม่ยอมสบตากับอีกคนที่ยังจ้องกันอยู่
“เห็นพี่เขาบอกว่าเราได้งานแล้วหรอ” แม่กุ้งว่าพร้อมกับตักกุ้งชุบแป้งทอดใส่จานเขา
“ครับ เป็นเพราะแม่แท้ๆเลย ผมถึงได้งานนี้ ขอบคุณมากเลยนะครับ ไม่รู้จะตอบแทนแม่ยังไงไหวแล้ว~” เขาเผยสิ่งที่คิดออกไป รู้จักกันไม่เท่าไหร่ แต่แม่กุ้งใจดีกับเขามากมายเหลือเกิน
“ไม่จำเป็นเลยลูก แม่ขอให้หนูตั้งใจทำงานก็พอ ได้โอกาสมาแล้วต้องทำให้เต็มที่นะรู้ไหม”
“ครับแม่! ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้แม่ผิดหวังเลย” เด็กหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น พร้อมยื่นจานข้าวให้คนพี่ที่ได้แต่นั่งฟังไม่ได้พูดอะไรเลยมาตั้งแต่เริ่มกินข้าวไปตักข้าวจานที่สามให้เขา
“อิ่มที่สุดเลยครับ~” พูรินลูบพุงแน่น บ่นออกมาเสียงดัง ให้ผู้ใหญ่อีกสองคนมองตากัน ก่อนจะขำให้กับคนทีี่กินข้าวหมดจานที่สี่
ถ้าไม่อิ่ม แม่คงต้องไปซื้อข้าวสารเพิ่ม..
“ผมมีข่าวดีมาบอกแม่กุ้งด้วย” พูรินพูดขึ้นตอนที่ตักบัวลอยไข่หวานเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
“ชุดที่ผมขอให้แม่ทำ ผมลองเอาไปลงขายในเวบเมื่อคืน พอตื่นเช้ามา แม่เชื่อไหมผมขายไปแล้วสองชุด”
เมื่อเห็นแม่กุ้งมีท่าทางตื่นเต้นไปด้วย คนเล่าก็ยิ่งได้ใจเล่ารายละเอียดไปเรื่อย จนทั้งโต๊ะอาหารมีแต่เสียงของเจ้าตัวดังเจื้อยแจ้ว
ไม่นานคนที่กลายเป็นหมาหัวเน่าเต็มตัวก็ลุกขึ้นเก็บจานบนโต๊ะ ทำตาดุเป็นการปฎิเสธคนที่พยายามจะลุกมาช่วย เขาถือถ้วยชามทั้งหมดเดินเข้าไปในครัว ล้างทำความสะอาดทั้งจานและห้องครัวจนเกลี้ยงเกลาอย่างรวดเร็วแบบคนที่ทำประจำ
เมื่อกลับเข้ามาอีกครั้งก็ต้องส่ายหัวอย่างจำยอมเมื่อเห็นสองคนลุกจากโต๊ะอาหาร ลงไปนั่งเล่นบนพื้นหน้าทีวี รอบตัวมีชุดเจ้าหญิงสีชมพูที่แม่เพิ่งทำเสร็จวันนี้ ดูท่าแล้วแม่คงกำลังสอนอีกคนเย็บกระดุมติดชุด
“ใช่แล้วลูก แทงลงตรงนั้นแหละ ระวังนิ้วด้วยนะ”
“ครับๆๆ โอ๊ย! ฮือ อีกแผลแล้ว..”
แทนคุณยกยิ้ม
สองคนเหมือนอยู่ในอาณาเขตที่มีป้ายห้ามเข้าแปะไว้
แต่ถึงจะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่ง
แต่ภาพที่ทั้งสองเข้ากันได้ดีมันทำให้เขาอุ่นใจ
“งั้นผมขึ้นห้องแล้วนะแม่” เมื่อจู่ๆทั้งสองหันมาสบตาเขาเลยเอ่ยออกไป พยายามห้ามตัวเองไม่ให้อมยิ้มเมื่อเหลือบมองร่างบางที่ส่งยิ้มมาให้เขาก่อนที่จะหันไปสนใจกิจกรรมตรงหน้าอีกครั้งอย่างขะมักขะเม้น




“เสร็จแล้วครับแม่ มีอะไรให้ผมช่วยอีกไหมครับ” พูรินยื่นชุดเจ้าหญิงชุดสุดท้ายที่เขาเย็บกระดุมเสร็จส่งให้แม่กุ้ง แอบอมยิ้มเมื่อเห็นแม่รับงานของเขาแล้วพยักหน้าพร้อมชมว่าสวยไม่หยุด จากที่ตอนแรกโดนแม่แก้บ้าง พอทำไปสักสี่ห้าชุดเขาก็เริ่มทำคล่องขึ้นแล้ว
“ไม่มีแล้วจ้ะ แม่ขอบใจเรามากเลยนะ ช่วยแม่ได้เยอะเลย”
“แม่อย่าพูดแบบนี้สิครับ ผมเต็มใจ ผมซะอีกที่มากวนใจแม่ตลอด ทั้งๆที่แม่ยุ่งยังต้องมาสอนนั่นสอนนี่ผมอีก” ว่าแล้วก็เข้าไปกอดออดอ้อน เอาคางแนบลงไหล่ผู้ใหญ่ที่เขาแสนรัก แต่พอตาเลื่อนไปดูนาฬิกาก็ต้องสะดุ้ง ลุกขึ้นยืนในทันที
“โอ้โห ดึกขนาดนี้เชียว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับแม่” เมื่อเห็นว่าอีกครึ่งชั่วโมงจะเที่ยงคืนแล้ว เขาเลยรีบลุกขึ้นเตรียมเก็บของเข้ากระเป๋า
“ไม่เอาน้องหมีพูห์ คืนนี้นอนนี่นะ มันดึกแล้ว แม่ไม่อยากให้กลับ มันอันตราย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมเรียกแท๊กซี่มารับได้ครับ สบายมาก”
“ไม่เอาๆ วันนี้แม่เป็นคนเรียกเรามา แม่รับผิดชอบไม่ไหวหรอกนะถ้าเราเป็นอะไรไป” อีกคนยังยืนยัน
“หรือว่ารังเกียจบ้านแม่”
“ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่ โธ่~ ผมจะคิดอย่างนั้นได้อย่างไงครับ แม่ก็~” พูรินตาโตรีบปฎิเสธทันควัน
“ไม่แปลกหรอก บ้านแม่มันคงไม่ค่อยสะดวกสบาย ถ้าเราไม่อยากอยู่จริงๆ งั้นก็ไปเรียกให้พี่แทนไปส่งนะ ยังไงแม่ก็ไม่ให้เรากลับเอง”  พูรินอึกอัก เขาเสียใจที่ทำให้ผู้ใหญ่เข้าใจผิด เขาก็แค่เกรงใจอีกฝ่ายเท่านั้น ความที่กลัวอีกฝ่ายน้อยใจบวกกับที่ถ้าพี่แทนต้องไปส่งเขา พี่แกก็ต้องย้อนไปย้อนมา น่าเป็นห่วงกว่าเดิมไปอีก
“โอเคครับแม่ งั้นผมขอรบกวนนอนนี่นะครับ”
“รบกงรบกวนอะไร ถ้าพูดแบบนี้อีกแม่จะโกรธแล้วนะ ไปๆ รีบขึ้นไปบอกพี่เขาซะ มันดึกแล้ว”
พูรินพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เดินขึ้นไปชั้นสองแต่โดยดี คนเป็นแม่มองตามหลังเด็กดีที่เขาแสนเอ็นจะดู แอบส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปไม่ได้
“เจ้าตัวดี ถ้าเลิกปากแข็ง แม่ก็คงไม่ต้องเหนื่อยแบบนี้หรอก”




พูรินเคาะประตูห้องนอนสองครั้ง เพราะมันปิดไม่สนิทดีเขาจึงถือวิสาสะค่อยๆดันแง้มมันออก เสียงสายกีต้าร์ที่ถูกดีดลอยออกมาตามสายลม เมื่อประตูเปิดกว้างจนสามารถเห็นด้านในได้ชัด สองตาก็สังเกตเห็นพี่แทนนั่งอยู่บนเตียง ขาข้างหนึ่งกึ่งขัดสมาธิอยู่บนฟูก ขาอีกข้างเหยียดออกยันพื้น บนตักมีกีต้าร์โปร่งตัวใหญ่ที่ดูเล็กลงทันทีที่อยู่ในอ้อมกอดของอีกคน
“พี่แทน..”
“จะกลับแล้วหรอ” แทนคุณเอ่ยทักพร้อมวางกีต้าร์ไว้ข้างตัว เมื่อเห็นท่าทางเก้ๆกังๆของร่างบาง เขาจึงตบฟูกเบาๆเป็นสัญญาณให้อีกคนมานั่งลงข้างๆ
พูรินนิ่งไปนิดก่อนจะตัดสินใจเดินตรงไปนั่งข้างๆอีกคน เมื่อก่อนเข้ามาอยู่ในห้องนี้ด้วยกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งไม่เห็นจะเป็นอะไร ตอนนี้คนมันใจไม่ซื่อ พอได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้มันถึงกับไปไม่เป็นเลยจริงๆ

“แป๊ปนะ” ไม่ทันได้พูดอะไร คนแก่กว่าก็เอี้ยวตัวไปหยิบถุงกระดาษที่ตั้งหลบอยู่ปลายเตียง
“อ่ะ” กล่าวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะยื่นมันมาตรงหน้า พูรินจำถุงกระดาษใบนี้ได้ดี มันน่าจะเป็นใบเดียวกับที่เขาเห็นอีกคนมอบให้เพื่อนสาว
“ไม่รู้ว่ามึงจะชอบไหม กูก็เลือกได้แค่นี้ล่ะนะ” เอ่ยออกมาทัั้งที่ตาไม่ยอมสบกัน
“จะเอาไม่เอา” หน้าเริ่มชาเมื่ออีกคนมัวแต่มองตาเขาปริบๆ ไม่ยอมรับของขวัญไปสักที เตรียมตัวจะดึงมือกลับมา แต่ไม่ทันพูรินที่ได้สติคว้ามันไปก่อน ตากลมโตทั้งสองเบิกกว้างขึ้นทันทีเมื่อเห็นเพื่อนสนิทที่แสนคุ้นเคยนอนรออยู่ในถุง
“อ่า~ น่ารักจังเลยยยย” พูรินยื่นมือไปจับหูกระเป๋ายกขึ้นมาดู ตัวกระเป๋าเป็นหมีพูห์ซูมซูมที่อยู่ในชุดผึ้งน้อย มีปีกสีฟ้ากลางหลัง มีหนวดผึ้งน่ารักๆสองอันชี้ตั้งขึ้นระหว่างหู เขาเคยเห็นมันมาก่อนจึงนึกรู้ว่าจะเจออะไรเมื่อเปิดกระเป๋าออกดู
“พี่แทน~” พูรินน้ำตาคลอ ด้านในกระเป๋ามีตุ๊กตาซูมซูมตัวเล็กนอนเบียดแน่นกันอยู่อีกสี่ตัว
“ขอบคุณนะครับ ผมชอบที่สุดเลย” เขาดึงมันขึ้นไปทาบกับแก้มกับคนให้ทีละตัวทันที
“หมีพูห์ พิกเลต ทิกเกอร์ อียอร์ พี่แทนเป็นตัวไหนดี”
“ลามปามนะมึงน่ะ”
“โธ่~ พี่แทนเล่นกับผมสักวันเถอะ วันเกิดผมนะ~”
“...”
“อ่ะๆ ให้เป็นเสือทิกเกอร์เลย อย่างเข้มอ่ะ”
“กูไม่ใช่เสือ”
“งั้น..” เขาหยิบอียอร์ขึ้นมา
“มึงว่ากูโง่หรอ” โธ่~ ลามันไม่ได้โง่สักหน่อย น่ารักจะตาย พูรินลังเลระหว่างพิกเกตกับหมีพูห์ ถ้าเขาให้ตุ๊กตาสีชมพูหวานแหววกับพี่แกตอนนี้ต้องโดนต่อยแน่ๆ งั้นคงต้องยอมสละ..
“ไม่เอา กูจะเป็นไอ้ตัวนั้น”
“ห๊ะ” เขาไม่อยากจะเชื่อ “พิกเลตเนี้ยนะ”
“ทำไม มีปัญหา?”
“เปล่าๆๆ”
“ก็มึงเป็นหมีพูห์” แทนคุณว่าพร้อมหยิบตุ๊กตาสีเหลืองมีหูขึ้นมา เอาหน้าจิ้มแก้มเขาเหมือนทำท่าหอมแก้ม จนคนโดนหน้าขึ้นสีแดงเรื่อ
“ไอ้เสือนี่ต้องไอ้ต้น”
“พี่แทนอย่าบีบคอมันดิ~”
“ไอ้ดินคือไอ้ลาโง่ตัวนี้”
“จะดึงหางมันทำไมอ่ะพี่~”
“ส่วนตัวนี้ของกู” พูดแล้วก็หยิบพิกเลตตัวจิ๋วไปตั้งบนไหล่ตัวเอง
“ทำไมพี่ถึงอยากเป็นพิตเกตจังเลยล่ะ” อีกคนถาม มองสลับไปมาระหว่างวัตถุสองสิ่งตรงหน้าที่ดูไม่เข้ากันสักนิด
“มึงไปคิดเอาเอง”
“เอ้า~ ทำไมอ่ะ~”
“บางทีมึงก็โง่นะ”
“ยังไงอ่ะพี่~ ผมไม่เข้าใจ”
อีกคนไม่ตอบคำถาม เอื้อมไปหยิบกีต้าร์ข้างตัวขึ้นมาอีกครั้ง เริ่มต้นดีดเปลี่ยนคอร์ดไปมาเหมือนเพียงต้องการฝึกนิ้วไปเรื่อยอย่างไร้แก่นสาร พูรินที่รู้ดีว่าอีกคนคงไม่ยอมบอกเลิกคิดจะเซ้าซี้ ใจนึกกลับไปถึงสาเหตุที่แท้จริงที่ขึ้นมาบนนี้
“เอ่อ พี่แทน..คือแม่กุ้งบอกให้ผมค้างที่นี่เพราะมันดึกแล้ว” เขาเอ่ยออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
“ถ้าพี่ไม่ว่าอะไร ผมอยู่ค้างที่นี่ได้ไหม ผมนอนที่ห้องรับแขกก็ได้นะ”
เหมือนเวลาที่มีกีต้าร์อยู่ในมืออีกคนจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ พี่แทนยังไม่ตอบอะไร ได้แต่บรรเลงทำนองเพลงช้าๆไปเรื่อย พูรินเองก็ไม่ได้เร่งจะเอาคำตอบ เจ้าตัวดื่มด่ำไปกับเสียงดนตรีที่ถูกสร้างขึ้นโดยคนตรงหน้า 
“มึงนี่ชอบดิสนีย์มากเลยนะ”
คนร่างใหญ่ว่าขึ้นให้เขาพยักหน้ารับ ไม่ช้าเสียงที่ได้ยินก็กลายเป็นท่วงทำนองแสนคุ้นหู จนเขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้าง หันไปหาคนที่มองกันมาอยู่ก่อนแล้ว
“เพลงนี้...”
“นี่ดิสนีย์ที่สุดในชีวิตกูแล้วนะ” แทนคุณเอ่ยออกไปให้อีกคนชะงัก นิ่งมองคนที่เขาเคยกังขาว่าเป็นคนเย็นชาไร้หัวใจ แต่วันนี้คนคนนั้นกลับทำให้ใจเขาหวั่นไหวกว่าที่เคยเป็น
พูรินคิดถึงความทรงจำในวัยเด็ก
สมองท่องคุณสมบัติของเจ้าชายที่เคยคิดว่าสมบูรณ์แบบที่สุด
- - คนที่ใส่ใจความรู้สึก - -

“ก็นายมีฉันเป็นเพื่อน
จะเป็นเสมือนคู่ใจ
แม้เส้นทางที่นายเดินไป
มันไม่สวยดังหวัง
ถ้าหมดกำลังใจ
ก็ขออย่าลืมที่บอกกับนายเอาไว้
ว่าฉันนั้นคือเพื่อนคู่ใจ
นายมีเพื่อนที่แท้คือฉัน”

- - คนที่ทำให้เขาหัวเราะได้เสมอ - -
“You've got a friend in me”
“โห พี่แทนร้องเพลงภาษาอังกฤษ” เขาเอ่ยแซวให้นักร้องเขม่นมองตาขวาง จนเขาอดขำก๊ากให้กับหน้าตาตลกๆของพี่แกไม่ได้
“You've got a friend in me
If you've got troubles, I've got 'em too
There isn't anything I wouldn't do for you
We stick together and can see it through
'Cause you've got a friend in me
Yeah, you've got a friend in me”
- - คนที่เข้าใจในความเป็นตัวตนโดยไม่คิดจะเปลี่ยนแปลงกัน - -
“ตามึงแล้ว” พูดขึ้นพร้อมยื่นคางพยักเพยิดให้เขาร้องท่อนต่อไป พงกหัวเล็กน้อยเพื่อช่วยหาจังหวะให้ พูรินไม่ลังเลที่จะร้องออกไป เพราะเนื้อเพลงมันฝังแน่นอยู่ในใจเขาอยู่แล้ว
“Some other folks might be
A little bit smarter than I am
Bigger and stronger too, maybe
But none of them will ever love you
The way I do, it's me and you, boy
And as the years go by
Our friendship will never die
You're gonna see it's our destiny”

“You've got a friend in me
You've got a friend in me
Yeah, you've got a friend in me”

เมื่อสายกีต้าร์เส้นสุดท้ายหยุดสั่นไหว แทนคุณเอี้ยวตัวโน้มแขนเข้ามาใกล้ วางมือลงบนกลุ่มผมนุ่ม ยกยิ้มอบอุ่นที่ใครอีกคนไม่ค่อยได้เห็นบ่อยครั้ง
- - คนที่เห็นอีกเขาสำคัญกว่าใคร..- -
“สุขสันต์วันเกิดนะหมีพูห์”

พูรินจ้องมองอีกฝ่ายตาไม่กระพริบ เขารู้สึกเบาเบลอ ตัวลอยเหมือนอยู่ในฝัน ไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมละสายตาจากคนตรงหน้า กลัวเหลือเกินว่าถ้าเผลอกระพริบตาสักครั้ง ภาพที่เห็นทั้งหมดอาจจะเลือนหายไป

เขาไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะใช่หรือเปล่า...
คนที่เขาตามหามาทั้งชีวิต...
แต่จู่ๆ...
เขาก็ไม่เห็นความจำเป็น...
ที่จะต้องตามหาใครคนนั้นอีกต่อไป...


*************************
ไม่ได้อู้น้าาาา มันไม่ได้จริงๆ ที่แก้ไปแก้มานี่รวมเป็นสามตอนได้แล้ว ตัดไปเยอะมากก น้องมันขี้เพ้ออ่ะ (><)
รูปตุ๊กตาที่พี่แทนให้อยู่ในทวิตเตอร์เด้อ อยากได้เอง อยากได้มาก อยากได้จนทนไม่ไหวต้องเอามาใส่ไว้ในเรื่อง 5555


และเพลงที่พี่แทนร้องในเรื่องก็คือ You’ve got friend in me เป็นเพลงประกอบ Toy story ลองไปฟังกันนะคะ แนะนำๆ คือเพลงเนื้อหาดี ดนตรีเพราะ ใครเคยดูจะอินมากๆบอกเลย ยิ่งตอนภาค 3 พอเพลงนี้ขึ้นทีไร ร้องไห้ทุกครั้งจริงๆ (แหะๆ อันนี้เราเว่อร์เอง)

#หมีแทนที่รัก
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่ห้า: ฉันเดินทางมายาวไกลเพื่อตามหาใครบางคน และทันใดนั้น..]
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-10-2019 02:13:18
น่ารักมากเลย ใส่ใจน้องขนาดนี้
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่ห้า: ฉันเดินทางมายาวไกลเพื่อตามหาใครบางคน และทันใดนั้น..]
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 03-10-2019 03:47:37
 :เฮ้อ: เหนื่อยแทนแม้กุ้ง มีลูกชายปากเเข็ง
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่ห้า: ฉันเดินทางมายาวไกลเพื่อตามหาใครบางคน และทันใดนั้น..]
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-10-2019 18:49:02
ทันใดนั้น .... บึมเลย
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่ห้า: ฉันเดินทางมายาวไกลเพื่อตามหาใครบางคน และทันใดนั้น..]
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-10-2019 10:16:41
 :L2: :pig4:

หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่ห้า: ฉันเดินทางมายาวไกลเพื่อตามหาใครบางคน และทันใดนั้น..]
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-10-2019 21:54:39
เพื่อลูกนะแม่นะ ดันๆหน่อย พี่แทนน่ารักเหมือนกันนะเนี้ยทำเพื่อหมีพูห์
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่ห้า: ฉันเดินทางมายาวไกลเพื่อตามหาใครบางคน และทันใดนั้น..]
เริ่มหัวข้อโดย: twinmonkey0311 ที่ 05-10-2019 20:03:12
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่หก: สิ่งที่สร้างให้ฉันแตกต่างจากสิ่งอื่น คือสิ่งที่สร้างฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 11-10-2019 00:03:23
.:น้ำผึ้งหยดที่หก:.

The things that make me different are the things that make me
.
.


สิ่งที่สร้างให้ฉันแตกต่างจากสิ่งอื่น คือสิ่งที่สร้างฉัน







“พ่อกับแม่ตกลงกันแล้วว่าจะหย่า”




พูรินพยายามนึก...

เขาจำได้ว่าไม่มีนิทานเรื่องไหนที่พระราชากับพระมเหสีจะไม่รักเจ้าหญิง
และมันก็ไม่มีเรื่องไหนที่ทั้งสองพระองค์จะไม่รักกัน
มันอาจจะมีบางเรื่องที่ความตายเข้ามาแยกทั้งสองให้พรากจาก
มีแม่เลี้ยงใจร้ายเข้ามาแทนที่ เข้ามาทำร้ายเจ้าหญิงตัวน้อย
และในงานเลี้ยงสังสรรค์เอง
ก็จะมีเพียงเวทมนต์ดำของแม่มดที่โหดร้ายเท่านั้นที่มาทำลายความสุข สร้างความทุกข์ให้แผ่กระจาย
คิด
คิด
คิด
และไม่ว่าจะลองคิดดูเท่าไหร่
มันก็ไม่มีเลยในสักเรื่องที่อ่าน
ที่ตอนจบมันกลายเป็นแบบนี้...




พูรินเม้มกัดปากล่างด้วยความเกร็ง สองตาจดจ่ออยู่กับเค้กชอคโกแลตก้อนโตตรงหน้า ใจเต้นตุ่มต่อมไม่เป็นจังหวะ พยายามบังคับมือที่สั่นไหวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และในที่สุดเมื่อเขาสามารถตัดมันเป็นหกส่วนเท่าๆกันได้ ปากเรียวนุ่มก็โค้งขึ้นยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“Perfect!”
เขาตะโกนร้องเสียงดัง ตบมือดังเปาะแปะให้กับตัวเองในฝีมือการตักแบ่งเค้ก รีบเปิดชั้นด้านบนหยิบจานพอร์ซิแลนออกมาสามใบ ค่อยๆละเลียดตักเค้กใส่จานอย่างเป็นระเบียบ
ยอดเยี่ยมที่สุด!
ช่วงนี้เขารู้สึกดีเป็นพิเศษ ดูเหมือนว่าไม่ว่าจะหยิบจับอะไรก็ดูจะได้ดั่งใจไปเสียหมด เริ่มจากได้งานสอนที่โรงเรียน แล้วพอเปิดร้านขายชุดเจ้าหญิงออนไลน์ก็มีลูกค้าเข้ามาทันทีทันใด
แล้วยังเหตุการณ์เมื่อวานนี้อีก...
“You've got a friend in me.... You've got a friend in me”
เหตุการณ์เมื่อวานที่บ้านพี่แทนยังคงวนเวียนอยู่ในหัวให้ใจเต้นตึกตัก ตั้งแต่เมื่อเช้าที่กลับมาบ้านเขาก็เปิดฟังเพลงนี้เป็นรอบที่ร้อยได้แล้ว แล้วยังเจ้าตุ๊กตาที่พี่แทนให้อีก ตอนนี้มันตั้งเรียงกันบนหมอนอีกใบข้างหัวเขาเรียบร้อย
มันรู้สึกอิ่ม..อิ่มแบบคนที่กินความสุขเข้าไปก้อนโตมโหฬาร
และยังจะวันนี้อีก..
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันสามคนพ่อแม่ลูกแบบนี้ พูรินไม่เคยคิดจะทำตัวเอาแต่ใจ เขาเข้าใจดีว่าท่านทั้งสองมีงานยุ่งมากแค่ไหน ทั้งหมดมันก็เพื่อความสุขสบายของเขาทั้งนั้น อย่างวันนี้เองก็เหมือนกัน เขารู้ดีว่าทั้งคู่ต้องเคลียร์ตารางงานกันเจ้าละวันกว่าจะมารวมตัวกันได้
“เอาล่ะ” เมื่อวางส้อมลงบนจานเรียบร้อย เขาก็หยิบทิชชู่ออกมาจากชั้น จัดทั้งหมดใส่ลงถาดอย่างระมัดระวัง ค่อยๆยกมันขึ้นก่อนที่จะเดินไปเสริ์ฟที่ห้องนั่งเล่น
“ไม่ใช่วันนี้!” เสียงแม่ที่ดังดุแว่วมาให้เขาชะงักเท้า เพราะประตูห้องนั่งเล่นเปิดกว้าง เขาถึงได้ยินมันค่อนข้างชัดเจน
“ก็ไหนคุณบอกให้น้องอายุ 20 เต็มก่อนถึงจะบอก” คราวนี้เป็นเสียงของพ่อเขาที่ตอบโต้ขึ้นมาบ้าง
“มันก็ใช่ แต่คุณไม่คิดว่ามันใจร้ายไปหน่อยหรอ วันนี้วันเกิดลูกนะ” เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวกับตัวเองพูรินยิ่งชะงักเกร็ง แนบแผ่นหลังติดกับผนัง พยายามเขยิบเข้าไปใกล้ประตูให้มากที่สุด
“มันก็ใช่ แต่คุณคิดว่าเราสองคนจะมาเจอกันได้อีกเมื่อไหร่ เมื่อมีโอกาสผมก็อยากจัดการให้มันเรียบร้อย”
“เหอะ” แม่ของเขาหลุดหัวเราะ แต่เขาสัมผัสได้ว่ามันเป็นเสียงหัวเราะที่ดูไร้ความสุขที่สุดที่เขาเคยได้ยินจากอีกคน
“ทำไม อยากจะหย่าจนทนไม่ไหวขนาดนี้เลย?”
เพล้ง!
แม้จะพอจับใจความได้จากบทสนทนาได้ แต่เมื่อได้ยินคำนั้นหลุดออกมาเต็มสองหู พูรินก็ไม่อาจห้ามความตกใจ เผลอทำถาดในมือหลุดร่วงลงพื้น
“น้องหมีพูห์..”
คนที่อยู่ด้านในรีบรุดมาดู ตาเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นลูกชายคนเดียวยืนตัวสั่นหน้าซืดอยู่หลังประตู
“พ่อ..แม่...” กลืนน้ำไหลเหนียวฝืดลงคออย่างยากเย็น
“นี่มันเรื่องอะไรกัน ยะ..หย่าหรอ”












“พี่แทนหวัดดีครับ” พุธโธที่กำลังสูดเส้นก๊วยเตี๋ยวเข้าปากรีบกลืนมันลงคออย่างรวดเร็วเมื่อเห็นรุ่นพี่ที่รู้จักเดินเข้ามาใกล้ อีกฝ่ายพยักหน้ารับก่อนจะนั่งลงตรงข้ามกัน ตบไหล่ธงชัยเบาๆหนึ่งครั้งเมื่อมันยกมือไหว้
“มาหาหมีมันหรอพี่ มันไปแล้วอ่ะ วันนี้มันมีสอนตอนบ่าย”
“อืม กูรู้แล้ว กูมาหามึงต่างหาก”
“ผมหรอ มีไรหรือเปล่าครับ” หนุ่มร่างสูงถามอย่างงงๆ ร้อยวันพันปีไม่เคยคุยกัน เจ้าตัวเอามือชี้หน้าตัวเองเลิ่กลั่ก
“ผมเปล่าไปยุ่งกับพี่กีเลยนะ” ธงชัยหลุดขำให้กับความร้อนตัวของเพื่อนสนิท อดที่จะด่าให้มันรู้จักฟังพี่เขาก่อนไม่ได้ ไม่รู้มึงจะตื่นตูมไปไหน
“หมีพูห์..มันเป็นอะไรหรือเปล่าว่ะ” คนมาใหม่ค่อยๆเอ่ยถามอย่างพยายามรักษามาดขึมไว้ ทำตาขวางใส่เมื่อเห็นไอ้รุ่นน้องสองคนหรี่ตามองกระยิ้มกระย่อง
“กูก็แค่เห็นมันเหม่อๆ ใจลอยไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว กลัวมันจะไปตกท่อตายที่ไหน”
เขาเอ่ยสิ่งที่คิดออกไป ก็ไอ้หมีพูห์มันเหม่อไม่ธรรมดาจริงๆ วันก่อนทั้งๆที่เขาตั้งใจเดินไปขวางให้เห็นกันโต้งๆตอนที่เจอกันหน้าห้องเรียน มันถึงกับเหม่อเดินมาชนเขา แถมเอ่ยขอโทษแล้วเดินเหม่อต่อไปซะงั้น เขาเห็นน้องมันเป็นแบบนี้มาสองอาทิตย์แล้ว ตั้งแต่วันที่เขาร้องเพลงให้ ใจนึงแอบกังวลว่าสาเหตุมันอาจจะเป็นเพราะเขาหรือเปล่า บางทีน้องมันอาจจะอึดอัดไปกับความรู้สึกที่มากเกินไปที่เขามอบให้ก็ได้
“ครับพี่ มันก็..มีปัญหานิดหน่อยน่ะครับ” รูมเมทของคนที่ถูกกล่าวถึงเป็นคนเอ่ยขึ้น
“เรื่ิองเรียนหรอ?”
“เปล่าครับ..”
“เรื่องที่ไปสอน?”
“เอ่อ..ก็ไม่ใช่อะครับ”
“แล้ว?” คนที่ไม่ได้คำตอบสักทีเริ่มตาขวาง จ้องคนที่ตัวสูงที่สุดแต่ตอนนี้น้องมันตัวลีบหดจนแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเสียแล้ว
“คือ...” หันไปมองตาเพื่อนอีกคน หวังจะให้มันช่วย แต่มันกลับนั่งเคี้ยวน้ำแข็งเล่นกรุบๆ หันไปด้านอื่นทำเป็นไม่ยอมสนใจใยดีเขา
แหม๋ ~ คุณชายธง ~
“ยังไงพี่ก็เจอมันแทบทุกวันอยู่แล้วนี่ ผมว่าพี่ไปถามมันเองดีกว่าครับ” พุทธโธตัดบทในที่สุด เขาพยายามจะตอบอ้อมๆเท่าที่จะทำได้เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเพื่อน
แทนคุณกระสับกระส่าย เขาอยากรู้มากกว่านี้ ก็ถ้าอีกคนยอมบอกเขาจะมาดักถามเพื่อนมันแบบนี้หรอ คิดแล้วก็ทนไม่ไหว ยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาคนที่ทำให้เขาวุ่นวายใจ ยังไงก็ต้องถามให้รู้เรื่อง
[ครับพี่แทน] ไม่ต้องรอนาน อีกคนรับสายแทบจะทันที
“เอ่อ คุยได้หรือเปล่า” เขาพยายามเอามือป้องปาก พูดให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะรู้สึกถึงสายตาอีกสองคู่ที่กำลังจับจ้องอยู่
[ก็ได้แป๊ปนึงครับ เดี๋ยวจะเริ่มคลาสใหม่แล้ว พี่มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ]
‘ต้องมีธุระด้วยหรอถึงจะโทรมาได้’ อยากจะลองพูดแบบพระเอกเวลาที่งอนนางเอกในนิยายดูบ้างแต่เขาก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เวลา
“เลิกกี่โมงวันนี้”
[ก็ตามปกติครับ ประมาณห้าโมงครึ่ง]
“งั้นเดี๋ยวกูไปรับ”
[เอ่อ วันนี้ไม่มีติวนี่พี่ พี่มีอะไรหรือเปล่า]
“เอ่อ..” สมองพยายามคิดหาเหตุผลแต่ตอนนี้แทบไม่มีสมาธิ เพราะไอ้สายตากรุ่มกริ่มของสองคนตรงหน้า
“แม่กูอยากเจอ ใช่ๆ แม่กูให้มึงไปหา”
[ผมนัดกับแม่กุ้งพรุ่งนี้นะพี่] เหมือนเขาจะเปิดเสียงโทรศัพท์ดังไปหน่อย เพราะทันทีที่ได้ยินคำตอบ ไอ้สองคนที่ฟังอยู่ก็หัวเราะคิกคักออกมา
“เออ ก็แกบอกอยากเจอวันนี้ ทำไม มึงไม่ว่างหรือไง ถ้าไม่ว่างก็ไม่เป็นไรนะ”
[เปล่า ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย โธ่~ งั้นพี่มาประมาณหกโมงนะครับ จะได้ไม่ต้องรอนาน]
ในที่สุดอีกคนก็ยกยิ้ม มันไม่ใช่อย่างที่เขาเคยกังวล น้องมันไม่ได้หลบหน้าเขา แถมยังอุตส่าห์เป็นห่วง ไม่อยากให้เขารอนานอีก
“เออ เจอกันตอนเย็นนะมึง”
[คร้าบ เจอกันตอนเย็นนะพี่แทน]
“มองหาพ่อ-มึงหรอ”
หลังจากวางโทรศัพท์ลง แทนคุณก็ทำตาขึงดุน้องมันออกไป กระแอ่มไอเล็กน้อยทำหน้าไร้ความรู้สึกที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่จะกระชับกระเป๋าสะพายแล้วลุกขึ้นยืนตรง
“กูไปล่ะ” น้องทั้งสองยกมือไหว้ พยายามกลั้นไม่เผลอยิ้มออกไป ไม่กล้าไปวัดด้วยหรอ ใครๆก็รู้ว่าพี่แทนน่ะหมัดหนักแค่ไหน กล้ามโตขนาดนี้ บอกตรงๆแค่เชคแฮนด์ยังไม่กล้าทำเลย
ทั้งสองหันมามองหน้ากันเมื่อรุ่นพี่ลุกออกไปจากโต๊ะแล้ว ค่อยๆยกมุมปากขึ้นยิ้มเจ้าเล่ห์
“เจอกันตอนเย็นนะพี่แทน” ธงชัยทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบเพื่อนตัวเล็ก
“กูว่าใส่ใจอ่ะ” พุทธโธเอ่ยขึ้นเสียงเย้าหยอก ตายังมองหลังรุ่นพี่ที่ไอ้หมีเคยกร่นด่าว่าไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึก
“มันคือความรักหรือเปล่ามึง”
“คิดเอาไว้ว่าใช่ ต้องใช่แน่ๆเลยวะ”
“มันเป็นอะไรที่พูดยาก ต้องให้หมีแก้อ่ะมึง”
ตุ้บ!
“โอ้ย”
“โอ้ย”
ไม่ทันได้ต่อเพลงจนจบก็มีลูกบอลจากไหนไม่รู้มากระแทกหัวพุทธโธอย่างจัง แถมยังกระเด้งต่อไปโดนแก้มธงชัยอีกที ทั้งคู่ลุกขึ้นกำลังจะร้องหาต้นเหตุแต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นไกลๆว่ามันคือรุ่นพี่ที่เขานึกว่าเดินไปแล้ว
“แน่จริงมึงร้องต่อสิไอ้พุทธ!”
~ เชี่ยกล้ามแน่น แล้วยังหูดีอีก











“สวัสดีครับครูพูริน”
“สวัสดีครับคุณณัติ รอแป๊ปนึงนะครับ”
เมื่อเปิดประตูออกมา พูรินก็ยิ้มทักทายผู้ปกครองนักเรียนก่อนที่จะเดินเข้าไปรับนักเรียนมาส่ง ที่จริงเขาเป็นแค่ครูสอนพิเศษ มีหน้าที่แค่สอนเต้นกับสอนภาษาอังกฤษพื้นฐาน พอหมดชั่วโมงเรียนก็สามารถกลับบ้านได้เลย ไม่ใช่ครูประจำที่มีเวรต้องมาอยู่จนเย็นย่ำแบบนี้ แต่เพราะความสมัครใจส่วนตัว เขาเลยอาสาตัวเองอยู่ช่วยในวันที่มาสอน ทั้งนักเรียนทั้งครูที่นี่น่ารักกับเขามาก พูรินอยากตอบแทนทุกคนให้เต็มที่
“น้องหมี คุณอามาแล้ว” เอ่ยเรียกก่อนจะช่วยจัดแจงและตรวจสอบข้าวของในกระเป๋าให้อีกรอบ คอยสังเกตการเวลาน้องสวมรองเท้า ก่อนที่จะจูงมือกันไปส่งถึงหน้าประตู
“อาณัตตตตตติ” เด็กชายวิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของคนเป็นอาที่ย่อตัวนั่งชันเข่ารออยู่แล้ว
“เป็นยังไงบ้างครับน้องหมี วันนี้เรียนสนุกไหม”
“สนุกมากเลยครับ คุณครูสอนเต้นสนุกมากเลย” เด็กชายเอ่ยเล่าอย่างตื่นเต้น เขาชอบวันพุทธกับวันศุกร์ที่สุด เพราะมันเป็นวันที่จะได้เจอกับครูพูรินที่แสนใจดีของเขา
“อาณัติ อารู้หรือเปล่าว่าผมกับคุณครูเป็นญาติกัน” เด็กชายทำท่าป้องปาก กระซิบบอกเหมือนมันเป็นความลับสุดยอด
“ยังไงล่ะครับ” คนเป็นอาแอบงง เลิกคิ้วขึ้นมองหน้าคุณครูที่หัวเราะคิกคักกับความไร้เดียงสาแสนน่ารักของเด็กน้อย
“ก็คุณครูบอกว่าคุณครูชื่อหมีพูห์ ผมก็ชื่อหมี เราเป็นหมีเหมือนกัน ก็ต้องเป็นญาติกันสิครับ” อาหนุ่มหัวเราะร่วนให้กับความน่ารักของหลาน ขยี้หัวเจ้าตัวอย่างเอ็นดูก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มเท้าอีกครั้ง
“คุณครูพูรินชื่อว่าหมีพูห์หรอครับ น่ารักดีจัง” คนได้รับคำชมพยักหน้ายิ้มตอบกลับมาให้ณัติดีใจ ชื่อหมีพูห็ก็น่ารักอยู่หรอก แต่ถึงจะไม่ได้ชื่อนี้ เขาก็คิดว่าคุณครูน่ารักมากอยู่แล้ว
“คุณครูกลับด้วยกันไหมครับ อาณัติบอกว่ารถเราผ่านหน้ามหา’ลัยคุณครูด้วย” พูรินก้มมองเด็กน้อยที่มาจับมือเขาแล้วเอ่ยถาม ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่ยืนยิ้มมองกันอยู่ก่อนแล้ว
“ไม่ต้องเกรงใจนะครับ ผมเป็นคนให้น้องหมีชวนเอง” ตัวณัติเองก็ไม่คิดจะปิดซ้อนความรู้สึก ในหนึ่งอาทิตย์เขาได้เจอคุณครูแค่สองวัน วันละไม่ถึงสิบนาที ถ้าไม่ลุยเต็มที่แบบนี้ เขาก็คิดว่าโอกาสของเขาก็แทบจะเป็นศูนย์
“ขอบคุณจริงๆครับ แต่ไม่เป็นไรจริงๆ ผมเกรงใจ” เอ่ยปฎิเสธออกไปอย่างสุภาพ สายตาพาดผ่านไปเห็นใครอีกคนที่ยืนพิงมอเตอร์ไซค์ กอดอกแน่นหันหน้ามามองกันอยู่
“แล้วอีกอย่างวันนี้คุณครูมีรถมารับแล้วครับ อาทิตย์หน้าค่อยเจอกันใหม่เนอะ” ย่อตัวลงไปคุยกับน้องหมีที่แอบหน้าบึ้งไปแล้วเพราะโดนครูปฎิเสธ แต่เจ้าตัวก็ยังเป็นเด็กดี ไม่ตื้อต่อให้เขาลำบากใจ ยกมือไหว้ก่อนจะเดินไปขึ้นคาร์ซีทบนรถอย่างเด็กว่านอนสอนง่าย
พูรินรอจนรถออกจึงรีบเดินกลับเข้าไปด้านในโรงเรียน ตอนนี้ไม่มีเด็กๆเหลือแล้ว เขาหยิบกระเป๋าตัวเองขึ้นมา กล่าวลาทุกคนก่อนจะรีบรุดไปหาคนที่ยืนรอกันอยู่

“รอนานไหมครับพี่แทน” พูรินกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหาคนหน้าบึ้งที่ยืนกอดอกรออยู่ ใจพองฟูที่อีกคนอุตส่าห์มารับถึงที่
“นาน” ตอบออกมาสั้นๆพร้อมขยับตัว หยิบหมวกกันน๊อคมายื่นให้เขา ก่อนที่จะสวมใส่ของตัวเอง เขารีบทำตามอีกฝ่ายทันที
“โธ่ ก็ผมบอกแล้วว่าให้มาหกโมง พี่มาเร็วเอง”
“พูดมาก” ว่าแล้วก็ลงนั่งประจำตำแหน่ง ให้เขารีบขึ้นซ้อนตาม ตอนนี้เขาชินกับคำพูดแบบนี้ของพี่แทนแล้ว ไม่ว่าพี่แกจะทำท่าเกรี้ยวกราดแค่ไหน แต่ภาพที่พี่แกเล่นกีต้าร์ร้องเพลงให้เขาฟังมันฝังแน่นจนไม่ว่ายังไงเขาคงไม่มีวันโกรธพี่แกลงอีกแล้ว
เพราะพี่แทนของเขาดีที่สุด!
“วันนี้จะกลับบ้านหรือเปล่า” คนขับเอ้ี้ยวตัวมาถามก่อนที่จะสตาร์ทรถให้คนที่กำลังยิ้มย่องชะงัก
“เอ่อ..ไม่ครับวันนี้ผมจะนอนหอ”
“โอเค เดี๋ยวกูไปส่ง” ว่าแล้วก็ขับรถออกมาจากหน้าโรงเรียนตรงกลับบ้าน พูรินรู้สึกขอบคุณและโล่งใจสุดๆที่อีกคนที่ไม่ซักไซร้อะไรต่อ หลายวันนี้ มีหลายครัั้งที่เขาอยากเล่าให้พี่แทนฟัง แต่ที่ยังลังเลก็เพราะไม่รู้ว่าพี่แทนจะมีความเห็นอย่างไรกลับสิ่งที่เขาทำลงไป
ตั้งแต่วันเกิด เขายังไม่กลับบ้านอีกเลย ไม่แม้กระทั่งคุยโทรศัพท์ มีเพียงส่งข้อความโต้ตอบไปบ้างไม่ให้อีกฝ่ายกังวลเกินไป เพราะถ้าหายไปเลยเดี๋ยวจะวุ่นวายตามหาเขากันไปทั่ว เขาก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าจะเป็นแบบนี้ไปนานแค่ไหน แต่รู้แค่ว่าตอนนี้ยังรู้สึกไม่พร้อมกับอะไรเลยสักอย่าง
ไม่พร้อมที่จะคุย
ไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้า
ไม่พร้อมที่จะเข้าใจอะไรทั้งนั้น

“อ้าว ทำไมบ้านมืดแบบนี้ล่ะพี่” เมื่อขยับลงจากรถเขาก็เอ่ยถาม เมื่อไม่เห็นไฟสักดวงเปิดอยู่เลย
“วันนี้แม่กูไม่อยู่”
“อ้าว ไหนบอกแม่กุ้งอยากเจอผม”
“กูอ้างไปงั้นแหละ กูมีเรื่องจะคุยกับมึง” อีกคนเอ่ยออกมาตรงๆให้เขาตาโตอย่างแปลกใจ
“เรื่องอะไรอ่ะพี่” เลิกคิ้วถามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวค่อยคุย กูหิว อยากกินยำปลากระป๋องไหม” เมื่ออีกคนยื่นข้อเสนอที่ไม่อาจปฎิเสธ พูรินก็ปรบมือดีใจ รีบเสนอตัวอยากช่วยพี่แทนทันที เรื่องอื่นค่อยว่ากัน เรื่องยำปลากระป๋องต้องมาก่อน!


“เหม่ออีกแล้ว” ใครอีกคนว่าแบมือส่ายไปส่ายมาตรงหน้าคนที่เหม่อตาลอย พูรินได้สติกลับมาอีกครั้ง หันไปมองดูจอทีวีที่ตอนนี้กำลังฉายเครดิตตอนจบของการ์ตูนเรื่องที่เปิดค้างไว้
“อ้าว จบแล้วหรอครับ” เอ่ยถามพร้อมมือที่ยื่นไปรับไอศครีมแท่งที่รุ่นพี่ส่งมาให้ พี่แทนหย่อนตัวลงนั่งข้างๆเขา สองตามองจ้องมาให้จนรู้สึกประหม่า เขาเลี่ยงหลบ ยกไอ้ติมในมือขึ้นมาเริ่มกัดกิน
“มึง..” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยขึ้น ให้หันไปมองจ้องกันอีกครั้ง “มีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่า”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะน้ำเสียงใจดี หรือแววตาที่แสดงออกถึงความห่วงใย เพียงแค่ได้ยินคำถาม จู่ๆพูรินก็รู้สึกหน้าชา กระบอกตาร้อนผ่าว
“ถ้ามึงอยากเล่า กูฟังได้นะ”
“คือ..” เขายังลังเล ไม่รู้จะทำอย่างไร ใจอยากเล่าแต่อีกใจก็ยังรู้สึกกลัว
“มึงไม่กลับบ้านมาสองอาทิตย์แล้ว มีปัญหาอะไรที่บ้านหรอ” เมื่อโดนจับจุดได้ ก็เหมือนความรู้สึกที่เก็บกดจะพังทลาย เขากลั้นน้ำตาต่อไปไม่ไหว ร้องไห้ออกมาแทนคำตอบว่าสิ่งที่อีกคนมันถูกต้อง
“มานี่” คนพี่ว่าแล้วกางแขนออก เรียกให้น้องมันพุ่งตัวเข้าไปหา กอดเขาปล่อยโฮออกมา
“พี่แทน..ผม...อึก”
“หืม..มึงเป็นอะไร”
“ผมมัน..อึก..เป็นเด็กไม่ดี..อึก” เล่าไปร้องไห้ไปให้อีกฝ่ายทำได้แต่ลูบหลังขึ้นลงเป็นการปลอบ เมื่อเห็นว่าน้องมันร้องจนพูดไม่รู้เรื่องแล้ว แทนคุณก็เลยไม่อยากถามอะไรต่อ ได้แต่กระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม ทำตัวเป็นหมอนรองน้ำตาให้ใครอีกคน

ทั้งสองย้ายออกมานั่งอยู่ตรงระเบียงห้อง อากาศยามค่ำคืนที่เริ่มหนาวเย็น ทำให้ใครบางคนที่หน้าร้อนตัวแดงเพราะร้องไห้หนักรู้สึกผ่อนคลายลงบ้าง ใครอีกคนที่ได้แต่เฝ้ามองอยู่ยังไม่พูดอะไร เขาไม่คิดจะเร่งรัด ให้เวลาคนร้องไห้ได้ปลดปล่อยอารมณ์ได้เต็มที่จนกว่าเจ้าตัวจะพอใจ
“พ่อกับแม่ผมจะหย่ากันพี่แทน” ในที่สุดเมื่อน้ำตาทำท่าเหมือนจะหยุดไหล พูรินก็เป็นฝ่ายเอ่ยออกมาอีกครั้ง ทำลายความเงียบที่แสนยาวนานให้จบลง
“...”
“ผม..วันนั้น..ผมบอกพ่อกับแม่ว่า ผมเกลียดเขา” น้ำตาที่ปริ่มล้นร่วงหล่นอีกครั้ง หันมองรุ่นพี่ที่มองมา สายตาที่ส่งมาไม่ได้แสดงความรู้สึก ไม่ว่าจะด้านดีหรือร้ายอีกคนแค่ยังรับฟัง
“...”
“ผม..” พยายามกล้ำกลืนน้ำลายที่มันเหนียวฝืดลงคอ “ผม..ผมรับไม่ได้”
“...”
“ไม่ว่าเหตุผลของทั้งสองคนจะดีแค่ไหน ผมจำเป็นต้องเข้าใจไหม” เอ่ยคำถามออกมา แต่แทนคุณรู้ดีว่าเจ้าตัวไม่ได้ถามเขา
“ผมจำเป็นต้องมารู้มันในวันเกิดผมไหม”
“...”
“ผมเคยคิดมาตลอดว่าความรักที่ผมได้เพียงพอ ถึงจะไม่มีพี่น้อง ถึงจะไม่มีญาติ หรือครอบครัวใหญ่เหมือนใครๆ ผมก็ยังมีเขาทั้งสองคน เป็นสองคนในโลกที่รักผม เป็นสองคนในโลกที่รักกัน”
“...”
“แล้วในวันนี้เขาทั้งสองก็มาทำลายทุกอย่าง แล้ววันนี้ผมจะเหลืออะไร มันไม่แฟร์กับผมเลยสักนิด”
เสียงสั่นเครือยังเอ่ยเล่าเรื่องราว หัวใจเด็กน้อยสั่นไหว เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมันเห็นแก่ตัว เพราะรู้ดีว่าเด็กดีควรจะเป็นฝ่ายที่เข้าใจ เขาจึงเลือกที่เก็บสิ่งที่ก้นบึงของหัวใจคิดไว้ให้มิดชิดที่สุด เขาไม่อยากโดนใครตัดสิน แต่วันนี้เขาเลือกที่จะเล่าเรื่องทั้งหมดให้คนคนนี้ฟัง
“...”
“พี่แทน..บอกผมสิ ผมคิดแบบนี้ ผมเป็นเด็กไม่ดีใช่ไหม” เมื่อพูดจบพูรินก็กระชับกอดเข่าตัวเองแน่น ซบหัวลงบนเข่า เขาสับสน เขารู้ตัวดีว่าพ่อกับแม่รักและห่วงใยเขามากแค่ไหน แต่เขาก็ยังอยากโกรธ อยากให้อีกคนรู้สึกเจ็บปวดบ้างเหมือนที่เขาเป็น

ฟุบ!
ความร้อนที่มากระทบผมนุ่มทำให้พูรินเผลอเอียงหน้ามอง แก้มนิ่มเปลี่ยนมาแนบสัมผัสกับเข่าที่ตั้งชัน สองตาสบเข้ากับตาคมที่มองมาอยู่ก่อน
“มึงเป็นเด็กดี” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยออกมาอย่างปลอบประโลม
“แต่ผมพูดจาไม่ดีกับพ่อแม่”
“มึงก็แค่ไม่ทันตั้งตัว”
“และผมก็ยังไม่อยากไปคุยกับพวกเขา”
“มึงก็แค่ต้องการเวลา”
“แต่..” นิ้วชี้ของใครอีกคนแนบลงบนริมฝีปากนุ่มจนคำพูดที่ต้องการเอ่ยลอยหลุดหาย
“พอ..เลิกว่าตัวเองได้แล้ว” แทนคุณว่าเสียงเข้มเบาๆ
“ที่มึงมานั่งรู้สึกผิดแบบนี้ มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่ามึงแคร์พ่อกับแม่มึงแค่ไหน”
“...” พูรินไม่ได้ว่าอะไร รู้ว่าอีกคนพยายามปลอบใจเขา แต่ใจที่สับสนมันก็ยังสับสนอยู่ดี

“พ่อกูทิ้งกูกับแม่ไปตั้งแต่กูอายุได้สองขวบ” พูรินตัวนิ่งแข็งเมื้อจู่ๆก็ได้ยินเรื่องราวที่ไม่คาดคิดจากปากอีกคน พี่แทนเอนตัวเท้าแขนสองข้างไปด้านหลัง หน้าเชิดขึ้นสูง ตาคมมองจ้องไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดสนิท ไร้ซึ่งดวงดาวและแสงจันทร์
“เพราะกูต้องลำบากมาตลอด อยากได้อะไรก็ไม่เคยได้ เห็นเพื่อนมีอะไรก็รู้สึกอิจฉา”
“...” พูรินนิ่งเงียบ ตอนนี้เป็นเขาที่กลายมาเป็นคนฟัง
“กูเลยเริ่มโกรธพ่อที่เห็นแก่ตัวทิ้งพวกกูไป แต่ไม่ว่ากูจะโกรธแค่ไหนเขาก็ไม่มารับรู้ กูก็เลยหันไปโทษแม่ เพราะใจแค่อยากด่าระบายอารมณ์ อยากให้ใครสักคนเจ็บปวดเหมือนที่กูเป็น”
“...”
“กูถามเขาว่าทำไมเราต้องจน ทำไมครอบครัวเราถึงไม่สมบูรณ์แบบ ทำไมมีแต่กูที่ต้องดิ้นรนกว่าใคร”
“...” พี่แทนหันหน้ามามองเขา ตาคมเรื่อน้ำใส เขาสัมผัสได้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังเล่า มันเป็นสิ่งที่ฝังใจอีกคนมาตลอด
“และวันนั้นก็เป็นครั้งแรกที่กูได้เห็นน้ำตาของแม่ กูทำให้เขาเสียใจ คนที่ทั้งรักและทุ่มเทให้กูมาโดยตลอด มึงรู้ไหมวันนั้นเป็นวันที่กูเสียใจที่สุดในชีวิต กูสัญญากับตัวเองว่ากูจะไม่มีวันทำให้แม่เสียน้ำตาอีก หลังจากนั้นไม่ว่าแม่ขออะไรกู กูไม่เคยคิดจะขัดเลยสักครั้ง”
พูรินมองเสี้ยวหน้าของคนที่เอ่ยความใน เขาจำไม่ได้ว่าเคยเห็นอีกคนพูดเยอะขนาดนี้เมื่อไหร่ รู้สึกอบอุ่นในใจที่พี่แทนยอมเอ่ยเล่าเรื่องสำคัญแบบนี้ให้เขาฟัง
“แต่ตอนนี้แม่กุ้งภูมิใจในตัวพี่แทนมากเลยนะ” พูรินเอ่ยออกไปบ้าง
“กูก็เหมือนกัน กูชอบตัวเองในตอนนี้มากเหมือนกัน”
“กูที่ทำให้แม่ยิ้มได้ กูที่ไม่เคยละทิ้งความฝัน กูที่รู้จักผิดชอบชั่วดี กูที่เป็นกู” แทนคุณยกยิ้มหัวหันหน้ามาสบตากัน
“และมึงรู้ไหม สิ่งที่ทำให้กูเป็นกูในวันนี้ มันก็คือทุกสิ่งทุกอย่างที่กูเคยเผชิญมานั่นแหละ ไม่ว่าจะเป็นกูที่โดนพ่อทิ้ง กูที่โดนเพื่อนล้อเพราะไม่มีตังค์ซื้อหุ่นยนต์ หรือกูที่เคยทำให้แม่เสียใจ”
เป็นอีกครั้งที่ความอุ่นร้อนกลับมาที่กลุ่มผมนุ่ม มือหนาลูบปลอบประโลมไปมา
“แล้วมึงล่ะ”
“มึงชอบตัวเองที่เป็นอยู่ตอนนี้ไหม”
“...”
“หมีพูห์..ไม่มีใครบนโลกนี้ที่สมบูรณ์แบบหรอกนะ ทุกคนก็ต่างมีปัญหาในรูปแบบที่แตกต่างกันไป สิ่งสำคัญคือมึงต้องไม่ปล่อยให้ปัญหาที่ผ่านเข้ามา เปลี่ยนแปลงตัวมึงไปเป็นอีกคนที่มึงไม่ชอบ”
“...”
“ถามตัวเองว่าตอนนี้มึงมีความสุขหรือเปล่า เป็นแบบนี้มันดีแล้วหรอ ถ้าคำตอบคือไม่ มึงก็ต้องถามตัวเองว่าจริงๆแล้วมึงอยากทำอะไรกันแน่”
“...”
“ทำในสิ่งที่คิดว่าดี เป็นในสิ่งที่คิดว่าจะไม่ทำให้ตัวเองเสียใจ”
“...”
“เพราะสำหรับกู หมีพูห์ที่รักตัวเอง หมีพูห์ที่ยิ้มได้ มันดีที่สุดแล้วจริงๆ”
“...”
ความเงียบกลับมาเยือนอีกครั้งเมื่อแทนคุณพูดจบ พูรินทำได้แค่เพียงนิ่งมองคนพี่ไม่วางตา เขากำลังคิดตามในทุกอย่างที่พี่พยายามสอน เป็นอีกครั้งที่พี่แทนช่วยเรียกสติเขากลับมา เป็นคนที่ชี้ทางสว่างให้กับเขาในวันที่กำลังเดินหลง เขาไม่รู้จะขอบคุณพี่แทนยังไงดี ตอนนี้ได้แต่ดีใจเหลือเกินที่มีคนคนนี้อยู่ตรงหน้า
“พี่แทน ขอกอดอีกทีได้ไหม” พูรินเอ่ยอ้อนเสียงเบา “ตอนนี้ผมกำลังอ่อนแอ”
แทนคุณหัวเราะในลำคอ อ้าแขนกว้างรับอีกคนที่น้ำตาปริ่มล้นขอบตาเข้ามาในอ้อมอก
“ทำไมมึงขี้แงแบบนี้นะ” พูรินได้แต่ยิ้ม เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ปกติเขาไม่เคยร้องไห้กับใครเยอะเท่านี้มาก่อน
“พี่ว่าพ่อกับแม่จะโกรธผมไหม”
อีกคนยกยิ้มเมื่อได้ยินคำถาม
“มึงคิดว่าไงล่ะ”
“...” พูรินไม่ได้ตอบ เขารู้ดีอยู่แล้ว ตั้งแต่เกิดมา ไม่ว่าเขาจะทำผิดอะไร พ่อกับแม่ก็ไม่เคยโกรธเขาเลยสักครั้ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกัน ตอนนี้พูรินรู้สึกสบายใจ ความหนักอึ้งในหัวที่มีมาตลอดสองสัปดาห์หายไปแล้ว ได้แต่กดหน้าลงไปบนอกอุ่นของใครอีกคน ปลายจมูกสัมผัสแผ่วเบาผ่านเนื้อผ้าสาก กลิ่นหอมของใครบางคนลอยมาแตะจมูก
“พี่แทน~”
“อะไรของมึงอีก”
“พี่ใช้น้ำหอมกลิ่นอะไรอ่ะ”
“หึ ทำไม มึงชอบหรือไง” แทนคุณไม่คิดว่ากลิ่นที่เขาใช้มันเหมาะกับอีกคนสักเท่าไหร่
“อืม..ชอบ” พูรินเอ่ยตอบเสียงเบา ขยับตัวหามุมสบายในอกกว้างที่เขาเริ่มจะคุ้นเคยเสียแล้ว
“กลิ่นมันอุ่นดีเนอะพี่”

กลิ่นหอมที่ทำให้ความกังวลหมดสิ้น กลิ่นที่เปลี่ยนทุกความเศร้าของเขาให้กลายเป็นความสุขใจ

*********************
#หมีแทนที่รัก

ยาววววววววววได้อีก 5555 เรื่องนี้บอกแล้วว่าปมมันจะเล็กๆน้อยๆ แก้ง่าย แก้เร็ว อยากให้มันเป็นธีมอุ่นใจมากกว่าดราม่าอะเนอะ อ่านง่ายๆสบายๆจ้า

สารภาพว่าช่วงนี้ท้อแล้ว ท้อมาก ~ อ่อนแอก็แพ้ไปอ่ะเนอะ พอจบเรื่องฝาแฝดก็อาจจะต้องหายไปหากำลังใจจริงๆแล้ว ฮือออ
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่หก: สิ่งที่สร้างให้ฉันแตกต่างจากสิ่งอื่น คือสิ่งที่สร้างฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 11-10-2019 01:11:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่หก: สิ่งที่สร้างให้ฉันแตกต่างจากสิ่งอื่น คือสิ่งที่สร้างฉัน
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-10-2019 02:44:47
ดีใจที่มีพี่คอยอยู่ข้างๆ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่เจ็ด: บางครั้ง สิ่งที่ดูไม่สำคัญ กลับมีความหมายมากมายที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 19-10-2019 16:01:36
.:น้ำผึ้งหยดที่เจ็ด:.

Sometimes the smallest things take up the most room in your hearts
.
.
บางครั้ง สิ่งที่ดูไม่สำคัญ กลับมีความหมายมากมายที่สุดในหัวใจ







“พี่แทน ตกลงวันสอบโทอิคนี่วันไหนนะ” พูรินชะโงกหน้าถามคนที่กำลังขับรถมอเตอร์ไซค์อยู่ วันนี้เขามีนัดติวให้พี่แทนที่บ้านเหมือนเคย ก่อนจะกลับพี่เลยชวนเขาแวะซื้อราดหน้าข้างมอที่เคยมากินด้วยกันกลับไปกินที่บ้าน
รถมอเตอร์ไซค์คันโตจอดลงเมื่อถึงที่หมาย เขาก้าวลงจากรถก่อนที่อีกฝ่ายจะจัดการจอดรถจนสนิทดี เมื่อถอดหมวกกันน๊อคออกเรียบร้อยก็เอ่ยตอบเขา
“จันทร์หน้าตอนบ่าย”
คือเรื่องของเรื่อง เขาขยั้นขะยอให้พี่แทนไปลองสมัครสอบข้อสอบโทอิคดู โทอิคคือการทดสอบวัดระดับความรู้ทางภาษาอังกฤษในระดับการสื่อสารทั่วๆไป มันจะง่ายกว่าข้อสอบที่ใช้ในการสอบยื่นขอเรียนต่อ เพราะข้อสอบจะมีแค่ข้อสอบการฟังและการอ่านเท่านั้น ไม่ต้องเขียนเรียงความยาวๆหรือการสนทนา และแถมผลสอบยังเอาไปใช้ประกอบเวลายื่นสมัครงานได้ด้วย ดังนั้นเขาจึงคิดว่ามันน่าจะมีประโยชน์กับอีกฝ่ายไม่มากก็น้อย
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนเปล่าพี่” พูรินถามอีกคนอย่างกระตือรือร้น ให้คนตัวโตเลิกคิ้วซ้ายขึ้นมองทำหน้างงงวย
“เพื่อ?”
“ก็เผื่อพี่ตื่นเต้นไง”
“มึงนึกว่ากูกี่ขวบกันว่ะ” ร่างใหญ่หัวเราะในลำคอก่อนที่จะโน้มหน้าเข้าไปหาแม่ค้าด้านในรถเข็น
“ราดหน้าทะเลเส้นใหญ่สามถุงครับ” ว่าแล้วก็หันหน้ามาหาเขา
“แล้วถ้ากูตื่นเต้นจริง มึงคิดว่ามึงจะทำอะไรได้”
“...” พูรินไม่รู้จะตอบอะไร ได้แต่ทำหน้างอด้วยความน้อยใจ เขาก็รู้หรอกว่าในจังหวะนั้นเขาคงช่วยอะไรไม่ได้ เขาก็แค่อยากไปให้กำลังใจนี่น่า
“เออๆ มึงอยากมาก็มา”
“เย้ งั้นผมรอพี่ใต้คณะนะ” พูรินปรบมือชอบใจ เขารู้อยู่แล้ว ถึงจะทำหน้าเบื่อหน่ายยังไง สุดท้ายพี่แทนของเขาก็ช่างตามใจเขาเหมือนเคย
“เออ...แล้วตกลงพรุ่งนี้มึงเอาไง”
“...” รอยยิ้มของคนที่กำลังลิงโลดหายไปทันที พูรินพูดอะไรไม่ออกได้แต่ยิ้มเจื่อนแทนคำตอบกลับไปให้รุ่นพี่
พรุ่งนี้แล้วสินะ
หลังจากที่เขาไม่ได้กลับบ้านมาสามอาทิตย์ ในที่สุดพูรินก็คิดว่ามันถึงเวลาที่เขาต้องเผชิญหน้ากับพ่อและแม่ตรงๆสักที มาถึงตอนนี้ เขาก็ได้คิดและทบทวนเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง จนความรู้สึกโกรธที่เคยมีในตอนแรก ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความเข้าใจทีละเล็กทีละน้อย แต่สิ่งที่ยังทำให้ลังเล ก็เพราะยังคงหวาดกลัวที่จะต้องเจอกับความจริงที่ไม่อยากยอมรับเท่านั้น
“ให้กูไปส่งไหมล่ะ”
“หืม?” คนที่กำลังคิดหนักว่าจะทำอย่างไร เงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่ยื่นข้อเสนอมาให้
“ถ้าไม่อยากไปคนเดียว กูไปเป็นเพื่อนได้นะ”
เจ้าตัวว่าแล้วก็ส่งยิ้มบางมาให้
ใช่ ก็ไอ้ยิ้มอบอุ่นที่ไม่ค่อยได้เห็นนั่นแหละ
ถึงพักหลังรู้สึกว่าจะเห็นมันบ่อยกว่าเดิมขึ้นเยอะก็เถอะ
แต่ไม่ว่าจะเป็นกี่ครั้งที่ได้เห็น
มันก็ทำให้หัวใจเขาเต้นรัวเร็วกว่าปกติอยู่ดี
พี่แทนแม่ง..
 ‘ไม่ไปเป็นเพื่อน แต่ไปในฐานะอื่นได้ไหมล่ะ’
ใจที่คิดเกินเลยอยากจะพูดออกไป แต่เพราะรู้ดีว่าผลจะเป็นอย่างไรถึงได้แต่นิ่งงัน
รู้ดีกว่าใครว่าเขามันเป็นได้แค่น้อง
แต่ก็เพราะอีกคนใจดีแบบนี้ ถึงเขาอยากจะถอนตัวก็ทำไม่ได้หรอกนะ
และนั่นละปัญหา เขาไม่ได้คิดอยากจะถอนตัวด้วยน่ะสิ
“โอ๊ย” พูรินร้องดัง เมื่อจู่ๆถูกความร้อนแผ่วมาทาบทับหน้า พอผละออกมามองดีๆ ก็เห็นว่ามันคือถุงพลาสติกที่ใส่ถุงราดหน้าที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆสามถุง
“พี่เล่นอะไรอะ มันร้อนนะ~”
“เหม่อเหลือเกินนะมึงน่ะ ป่ะ กลับกัน” พูรินที่ลูบหน้าปอยๆหน้ามุ่ยมองอีกคน นี่กะจะลวกกันเลยหรือไงนะ นี่ถ้าไม่รักไม่ชอบนี่ต่อยกลับแล้วนะครับบอกเลย
เห็นอย่างนี้ก็สู้คนนะเว้ย~
ห๊ะ! เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ
รักหรอ ชอบหรอ
ไอ้หมีพูห์~ มึงมัน~
~ มึงมันไม่หน้าไม่อาย
คิดอะไรของมึงเนี้ย~
แทนคุณกอดอกยืนมองคนที่เอาหัวโขกกับเสาไฟฟ้าไปมาอยู่ไกลๆ ไม่รู้ในหัวมันคิดหรือจินตนาการอะไรไปถึงไหน เขาล่ะอายแทนมันเหลือเกิน คนมองเยอะแยะไปหมดแล้ว อยากจะเข้าไปห้าม แต่ก็กลัวคนจะรู้ว่ารู้จักกัน ได้แต่ส่ายหัวกลั้นขำอยู่แบบนี้
หึ
สรุปว่ามันบ้าหรือมันเพี้ยนกันแน่วะเนี้ย









“แม่~..พ่อ~”
“น้องหมีพูห์~”
ทันทีที่ประตูบ้านเปิดออก ความรู้สึกสับสนปนหวาดกลัวที่เคยมีในหัวใจทั้งหมดก็ลบเลือนจางหายในทันทีทันใด
เพียงแค่มองตากัน พูรินก็วิ่งเข้าไปในอ้อมกอดของสองคนที่เขารักที่สุดในโลกอย่างไม่ลังเล น้ำตาที่เหมือนเตรียมตัวรออยู่แล้วไหลรินลงมาจนชุ่มหน้าเรียว
ความน้อยใจ ความโกรธ ความไม่เข้าใจ หรือไม่ว่าความรู้สึกแย่ๆที่เกิดขึ้นมันจะเรียกว่าอะไร ตอนนี้สิ่งเหล่านั้นมันสู้กับความคิดถึงที่เขามีไม่ได้เลย
เขาคิดถึงที่ตรงนี้เหลือเกิน ไม่มีที่ไหนในโลกที่จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยได้เท่าอ้อมกอดอันอบอุ่นของคนสองคนนี้
“ผมขอโทษ..ที่ผมบอกว่าเกลียดพ่อกับแม่ มันไม่จริงเลยสักนิด”
พูรินพูดสิ่งที่ติดค้างอยู่ในใจออกไปเป็นอย่างแรก คำพูดเลวร้ายที่เคยเอ่ยออกไปมันทิ่งแทงหัวใจเขาอยู่ทุกวี่ทุกวัน แต่ความรู้สึกผิดที่เกาะกินหัวใจก็เหมือนได้รับการปลดปล่อยในมันใดเมื่ออ้อมกอดที่โอบรอบกระชับแน่นขึ้น
“พ่อกับแม่รู้ครับ.. เราไม่เคยโกรธน้องหมีพูห์เลยนะ แต่พ่อขออย่างเดียว หมีพูห์อย่าหายไปแบบนี้อีกนะครับลูก”
“ครับพ่อ ผมขอโทษนะครับ”
“พ่อกับแม่เสียใจนะครับ ที่น้องต้องมารู้เรื่องแบบนี้ ขอโทษนะครับที่ทำให้เราต้องเสียใจ”
“แม่อย่าพูดแบบนี้สิครับ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็รักพ่อกับแม่มากที่สุด”
แทนคุณที่ค้างอยู่ตรงประตูทางเข้ายืนยิ้มให้กับภาพที่เห็นตรงหน้า เขาตั้งใจมาส่งน้องเพราะเห็นว่ามันยังลังเลและกังวลไม่หยุด เขาอยากมาให้เห็นกับตาว่ามันจะไม่ถอดใจหนีไปก่อนที่จะเข้าบ้าน หรือไม่ก็อย่างแย่ที่สุด ถ้ามันเกิดใจร้อนจนทะเลาะกับพ่อแม่และหนีออกมาอีกครั้ง เขาจะได้แน่ใจว่ามันจะไม่ต้องนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว
แต่ภาพของสามคนที่กอดกันตัวกลมตรงหน้า ก็แสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่า มันไม่มีอะไรสักนิดที่ต้องกังวล
เขาคิดว่าหน้าที่ของเขาหมดลงแล้ว
แทนคุณดึงประตูบ้านปิดลง เดินตรงไปที่มอเตอร์ไซค์ตัวเองที่จอดนิ่งอยู่หน้ารั้วบ้าน พอดีกันกับที่กำลังเปิดประตูรั้ว ประตูที่เขาเพิ่งปิดลงไปก็เปิดออกอีกครั้ง
“พี่แทน~” พูรินวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาเขา
“พี่แทนทำไมไม่เข้าบ้านล่ะ”
“กูจะเข้าไปทำไม มึงปรับความเข้าใจกับพ่อแม่แล้วนิ”
“มันก็ใช่..แต่...” พูรินลังเลว่าควรจะบอกว่าอะไรดีเพื่อรั้งให้อีกฝ่ายอยู่ต่อ
ที่จริง ใจลึกๆรู้ดีอยู่แล้วว่าไม่ช้าก็เร็ว ยังไงก็คงคืนดีกับที่บ้านแน่ๆ ดังนั้นนอกจากเรื่องที่ผิดใจกัน เขายังเตรียมเรื่องมาคุยมาเล่าให้พ่อแม่ฟังอีกหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของคนตรงหน้า
เขาอยากแนะนำพี่แทนให้พ่อกับแม่รู้จัก
ใช่ เขารู้ดีว่าสำหรับพี่แทนเขาเป็นเพียงรุ่นน้องคนหนึ่ง และที่พี่แกใจดีขนาดนี้ก็เพราะเราเริ่มสนิทกันมากขึ้นเท่านั้น
มันไม่ใช่ว่าเขาพิเศษกว่าใคร
พอได้มาสนิทกันจริงๆ จากที่เคยเห็นอีกคนเป็นเพียงคนเย็นชา ปากร้าย เอาแต่ว่าคนอื่น แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่าจริงๆแล้วพี่แทนใส่ใจคนรอบข้างมากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นแม่กุ้งมี่พี่แทนรักกว่าใคร หรือจะเป็นเพื่อนๆอย่างพี่ต้น พี่ดิน หรือแม้แต่แฟนเพื่อนอย่างพี่กีกับพี่อินก็ยังได้รับความใจดีนั้น
รุ่นน้องอย่างเขาก็เหมือนกัน
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถึงสิ่งที่เขาคิดกับพี่แทนมันออกจะเกินเลยกว่าคำว่าพี่น้องไปไกล ถึงสิ่งที่เขาหวังมันจะไม่มีวันเป็นจริง เขาก็ยังอยากแนะนำให้พ่อกับแม่รู้จักพี่แทนอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนพี่รหัส พี่ในคณะ เพื่อนสนิท คนติว หรือในฐานะใดก็ตาม
เพราะสำหรับเขา ยังไงพี่แทนก็คือคนสำคัญ
“งั้นกูกลับล่ะ เจอกันวันจันทร์นะ” เมื่อไม่รู้จะเอาอะไรมาอ้าง เขาก็เลยได้แต่พยักหน้าตกลงเมื่ออีกคนกล่าวลาอีกครั้ง
“อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิ” อีกเสียงที่ดังมาจากในบ้านเรียกให้ทั้งสองหันไปมอง เป็นธวัช พ่อของพูรินที่ยืนพิงกรอบประตู กอดอกส่งยิ้มมองมาที่เขาทั้งสองคน
“มาตั้งไกลแบบนี้ จะให้แม่ส่งแขกตั้งแต่หน้าประตูก็คงไม่เหมาะล่ะมั้ง” กานดา เอ่ยเสริมขึ้นมา พูรินหันไปสบตาเข้ากับแม่ที่ยิ้มกรุ่มกริ่มมองมา และทันใดนั้นก็ตาโตเป็นไข่ห่านเมื่อเห็นมือเรียวของแม่เกาะเกี่ยวอยู่กับแขนของพ่อ
หรือว่า...~
แทนคุณยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสอง เมื่อเห็นทั้งคู่ออกปากชวนเขาแบบนี้ ก็เลยได้แต่พยักหน้าให้น้อง ก่อนที่จะเดินตามมันเข้าไปในบ้าน พูรินและแม่ขอตัวแยกออกไปจัดเตรียมโต๊ะอาหาร ปล่อยให้เขาและคุณอาธวัชนั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่นกันตามลำพัง
“แม่~” เมื่ออยู่ในครัวกันสองคน พูรินก็โผเข้ากอดผู้เป็นแม่ทันทีทันใด ถึงจะอยากบอกว่ารักทั้งพ่อและแม่เท่ากัน แต่ในความเป็นจริงคนที่เขารักมากที่สุดก็คือผู้หญิงคนนี้ คนที่เป็นทั้งแม่และเพื่อนที่สนิทที่เขาไม่เคยคิดจะปิดบังเรื่องใดเลยสักเรื่องในชีวิต
“ผมคิดถึงแม่ที่สุดเลย” จมูกเรียวกดลงไปบนแก้มหอมของผู้เป็นแม่ย้ำๆหลายครั้งสลับกันไปทั้งซ้ายและขวา
“แม่ก็คิดถึงหมีพูห์ที่สุด รู้ไหมว่าแม่ใจหายใจคว่ำแค่ไหนที่เห็นเราวิ่งออกไปแบบนั้น แม่นึกว่าเราจะเกลียดแม่ไปจริงๆเสียแล้ว”
“โธ่~ ผมจะเกลียดแม่ได้ยังไง ผมขอโทษนะครับ ผมปากพล่อยเอง”
“ให้มันแล้วกันไปเนอะ มันก็เป็นความผิดของพ่อกับแม่เองที่ไม่ยอมบอกเราสักที”
“...”
กานดายกมือลูบผมนุ่มของลูกชายสุดที่รักอย่างเอ็นดู ความกังวลใจทั้งหมดเลือนหายเมื่อได้อีกคนเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง ไม่ว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหนเธอไม่เคยหวาดหวั่น ขอเพียงยังมีลูกน้อยของเธออยู่ตรงนี้ ให้เจอเรื่องใหญ่กว่านี้เธอก็สู้ไหว
“หมีพูห์ยังโกรธพ่อกับแม่อยู่หรือเปล่าครับ”
“...”
“พ่อกับแม่ทำให้เราผิดหวังมากเลยใช่ไหม”
“เปล่านะครับ!” พูรินรีบพูดแทรกขึ้นมาไม่อยากให้อีกคนเข้าใจผิด
“แต่ผมถามได้ไหม ว่ามันตั้งแต่เมื่อไหร่..” เขาเอ่ยถามเสียงอ่อย เขาอยากรู้จริงๆว่ามันเริ่มต้นยังไง มันตั้งแต่เมื่อไหร่..
ที่พ่อกับแม่ตัดสินใจที่จะไม่รักกัน
“ก็ตั้งแต่เราขึ้นมอปลายนั้นแหละครับ” หญิงวัยกลางคนผละออกจากอ้อมกอด หันไปจัดเตรียมจานและช้อนส้อมสำหรับสี่คน ก่อนจะบรรจงตักอาหารที่อยู่บนเตาใส่ถ้วยกลาง พร้อมตอบคำถามด้วยท่าทางสบายๆ
“จะว่ายังไงดีล่ะ พ่อกับแม่ต่างก็ยุ่งกับงานของตัวเอง จนไม่ค่อยมีเวลาให้กัน จนเมื่อเวลามันผ่านไป เราทั้งสองก็ค้นพบว่าความสำคัญของอีกฝ่ายมันลดระดับลงมาตอนไหนก็ไม่รู้ จากที่เคยคิดเรื่องของเขาเป็นที่หนึ่ง ตอนนี้กลับไม่มีเขาในหัวอีกเลยซักนิด”
“...”
“แม่ก็คิดว่าแม่เป็นอยู่ฝ่ายเดียว ตอนแรกก็รู้สึกผิดกับพ่อมากเหมือนกัน แต่พอเปิดใจกันก็ปรากฎว่าพ่อก็เห็นตรงกันซะงั้น” เธอว่ากลั้วหัวเราะ แต่มันเป็นเสียงหัวเราะที่เขาไม่เคยชอบเลย
“มันน่าเศร้านะ แต่เราก็ต้องยอมรับว่าความรักที่เคยมี ถ้าเราไม่รักษา ไม่ใส่ใจ วันนึงมันหายไปได้จริงๆ”
“...” กานดาละมือจากสิ่งที่ทำ หันหน้ามาสบตากับลูกชายคนเดียวที่ทั้งรักทั้งห่วงกว่าใคร
“แต่เราอย่ากังวลไปนะ ห้ามคิดอะไรฟุ้งซ่านเด็ดขาด สำหรับพ่อและแม่ สิ่งที่จะไม่มีวันเปลี่ยนไปคือความสำคัญของเรานะครับ หมีพูห์คือคนสำคัญที่สุด คือความรักที่จะได้รับการรักษา การใส่ใจไปทั้งชีวิต หมีพูห์เชื่อแม่นะครับ”
คนเป็นแม่กล่าวเสียงเข้ม เพราะรู้ดีว่าลูกชายเป็นจอมจินตนาการขนาดไหน กลัวเหลือเกินว่าจะคิดไปถึงไหนต่อไหนให้ตัวเองเสียใจเล่น พูรินซบลงบนไหล่มนของคนเป็นแม่อีกครัั้ง เอ่ยสิ่งที่ใจแอบวาดหวัง
“มันไม่มีทางเลยหรอครับ สักนิดก็ไม่มีเลยหรอที่พ่อกับแม่จะกลับมาคืนดีกัน”
เมื่อได้ฟังคำถาม คนเป็นแม่ก็ผละอีกฝ่ายให้มาสบตากัน แม้ปากเรียวจะยกยิ้มบางส่งมาให้ แต่เขาสังเกตเห็นในแววตาวาววับที่สบมา สิ่งที่เขาคิดมันไม่มีวันจะเกิดขึ้น
“หมีพูห์ครับ..”
“แต่ผมเห็น..ผมเห็นพ่อกับแม่จับมือกัน” พูรินรีบแทรก ยังอยากดื้อรั้นหาหนทางไปต่อ
“...”
“ผมว่าพ่อกับแม่ก็ยังรักกัน ไม่ได้เกลียดกันสักหน่อย” ยิ่งพูดน้ำเสียงก็ยิ่งดูร้อนรน จนคนเป็นแม่ใช้มือเรียวลูบไหล่ทั้งสองขึ้นลงพยายามปลอบประโลม
“หมีพูห์ครับ เราฟังแม่นะ”
“...”
“ใช่ครับ พ่อกับแม่ยังรักกัน”
“ถ้างั้น..”
“ฟังแม่ก่อนนะครับ”
“...”
“พ่อกับแม่เรายังรักกัน แต่มันแค่เปลี่ยนแปลงรูปแบบไปเท่านั้น แม่ยังมีความหวังดี ความรัก ยังอยากให้พ่อของหมีพูห์มีความสุขเสมอ และแม่คิดว่าพ่อเองก็คิดไม่ต่างกัน แต่เพียงแค่นอกจากความรู้สึกนั้น เราก็ยังอยากมีพื้นที่เป็นของตัวเอง ยังอยากใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ ซึ่งเมื่อเราตัดสินใจว่าสิ่งเหล่านั้นมันสำคัญกว่าความรักที่เคยมี เราก็เลยต้องให้เกียรติการตัดสินใจของแต่ละฝ่าย”
“...” พูรินเงียบ เขาอาจจะยังเด็ก เขายังไม่เข้าใจในหลายๆสิ่งที่แม่พยายามจะบอก และทั้งไม่สามารถจะตัดสินได้ว่าความคิดของพ่อกับแม่มันถูกหรือผิด แต่สิ่งนึงที่เขาเข้าใจและทำได้ คือเขาเองก็อยากให้เกียรติการตัดสินใจของคนที่เขารักเหมือนกัน
“ตลอดหลายปีมานี้ แม่ทำให้เรารู้สึกขาดอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เลยครับ ไม่เลย” เขารีบปฎิเสธอีกครั้ง
“แม่ดีใจนะครับที่ได้ยินแบบนี้ แม่ขอให้เราเชื่อนะครับ ว่าเมื่อก่อนเป็นเช่นไร หลังจากนี้ความรักที่พ่อกับแม่มีให้หมีพูห์มันจะยังเหมือนเดิม”
“...”
“ส่วนเรื่องของพ่อกับแม่ แม่รู้ว่ามันเข้าใจยาก แม่เองก็ยังไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก แต่แม่ขอกำลังใจจากเราได้ไหม” เธอว่ากลั้วหัวเราะ
“เดี๋ยวแม่เป็นโสดเต็มตัวเมื่อไหร่ พาแม่ไปเที่ยวส่องหนุ่มกันสองคนเนอะ”
“โธ่ แม่น่ะแม่” พูรินโผกอดผู้หญิงคนสำคัญของเขา เขารู้ว่าเธอเองก็คงเจ็บปวดไม่น้อย แต่ก็ยังพยายามทำเป็นเข้มแข็งต่อหน้าเขา
“แต่ก็ถ้าบางคนยังโสดอยู่น่ะนะ” เขาผละมามองหน้าแม่อีกครั้ง มองอย่างไม่แน่ใจว่าแม่หมายความว่ายังไง
“กับพี่แทนนี่ยังไง” เอ่ยถามพร้อมกับยิ้มอย่างรู้ทัน พูรินเข้าใจในทันที แม่รู้ว่าเขาชอบผู้ชายมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นอีกคนคงดูออกในทันทีกับความรู้สึกที่เขามีให้คนที่มาด้วย
“รุ่นพี่ครับ เพื่อนพี่ดินไงที่ผมเคยบอก”
“แต่แม่ว่าไม่ใช่ละมั้ง ดูเหมือนจะเป็นคนสำคัญยังไงไม่รู้” กานดาเอ่ยแซว
“ก็ใช่ครับ พี่แทนคือคนสำคัญ”
“งั้นแสดงว่า..” เขารีบส่ายหน้าปฎิเสธเมื่อแม่เริ่มคิดไปไกล
“เป็นแค่พี่น้องกันจริงๆครับ”
“...” พูรินที่แอบซึมไปนิดเมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ที่เป็นไปไม่ได้ยกยิ้มขึ้น
“แต่อย่างที่แม่บอก ไม่ว่าความรักแบบไหนก็ดีทั้งนั้น จะเป็นพี่น้องหรือเพื่อนอย่างที่เป็นอยู่ ผมก็มีความสุขแล้ว”
“...”
“แค่มีพี่แทนอยู่ด้วย ผมก็มีความสุขแล้วครับ” กานดายืนมองหน้าลูกชายอย่างพิจารณา เธอได้แต่ยิ้มให้กับคนที่ไม่ว่ายังไงก็ยังเป็นเด็กตัวเล็กๆในสายตาเธอเสมอ วันนี้ลูกชายของเขาเริ่มเรียนรู้ เจ้าตัวเริ่มที่จะเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ
“ไม่ว่ายังไงแม่ก็อยู่ตรงนี้นะครับ”
พูรินโผเข้ากอดอีกฝ่ายอีกครั้ง จนคนเป็นแม่ยกกำปั้นขึ้นเขกกระโหลกเบาๆ
“ไป พอๆ เดี๋ยวอาหารเย็นหมด ไปตามพ่อกับพี่เขามากินข้าวไป”
พูรินอดไม่ได้ แทรกตัวไปในอกอุ่นอีกครั้งก่อนจะผละไปทางห้องนั่งเล่นที่อีกสองคนนั่งอยู่
“ผมเป็นเพื่อนกับพี่รหัสของหมีพูห์น่ะครับ น้องเขามาช่วยติวภาษาอังกฤษให้” เมื่อถึงหน้าประตูพูรินได้ยินเสียงพี่แทนลอยมา ตอบคำถามเมื่ออีกคนถามว่ารู้จักกันกับลูกชายตัวได้ยังไง
“อ่อ อาจำได้แล้ว ใช่ที่แม่เราเป็นช่างเย็บผ้าหรือเปล่า”
“ใช่ครับ”
แทนคุณตอบไปด้วยน้ำเสียงมั่นคง เขาไม่คิดจะปิดบัง ตอนเด็กๆมีหลายครั้งที่เคยรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับอาชีพของแม่ มันดูไม่โก้หรูและยังเป็นสาเหตุที่ทำให้โดนเพื่อนล้อบ่อยๆ แต่เมื่อโตขึ้นเขาก็ไม่เคยคิดจะสนใจ เพื่อจะเลี้ยงดูเขาแม่ต้องลำบากทำงานทั้งเช้าค่ำ ดังนั้นในทุกครั้งที่ต้องตอบคำถามนี้ เขาถึงตอบออกไปด้วยความภูมิใจทุกครั้ง ใครอยากดูถูกดูแคลนเขาไม่เคยสน
“งั้นก็เป็นเรานี่เอง ที่น้องหมีพูห์ไปกวนอยู่บ่อยๆ” ธวัชว่ากลั้วหัวเราะ “มันออกจะขี้เพ้อหน่อยนะ พอดีเป็นกันทั้งบ้าน”
“ไม่เลยครับเป็นผมต่างหากที่ทำให้น้องเสียเวลา แถมน้องยังมาช่วยงานแม่ผมอีกด้วย”
พูรินเผลอยิ้มอย่างช่วยไม่ได้เมื่อได้ยินคำตอบ
“หืม ช่วยป่วนนะสิ น้องไม่ได้ไปรบกวนอะไรแม่เราใช่ไหม”
พ่อนะพ่อ นี่ลูกนะ เห็นเขาเป็นอะไรเนี่ย!
“เปล่าเลยครับ แม่ผมมีความสุขจะตายเวลาน้องมา บางครัั้งผมก็คิดจริงๆว่าแม่รักน้องมากกว่าผมแล้วละมั้ง”
พูรินยืนฉีกยิ้มกว้างอยู่หลังประตู
~แม่กุ้ง
เขาเองก็รักแม่กุ้งมากเหมือนกัน
“แล้วเราล่ะ”
“..ครับ?”
“อาถามว่าแล้วเราล่ะ”
ดะ..เดี๋ยว...พ่อ..พ่อ..ถามอะไรน่ะ (.////.)
“น้องไปกวนอะไรเราหรือเปล่า”
“อะ..อ่ออ ไม่เลยครับ ผมบอกแล้วผมเป็นฝ่ายกวนน้องมากกว่า”
พูรินอยากจะเอาหัวโขกกำแพง เขารู้นะว่าพ่อไม่ได้ตั้งใจจะถามคำถามนี้ จะกวนไม่กวน พ่อก็ถามไปแล้วรอบนึงนี่น่า!!
“เอ่อ พ่อ! พี่แทน! แม่เรียกให้ไปกินข้าวครับ” พูรินรีบเข้าไปขัดบทสนทนา เขาไม่อยากให้พ่อเขาซักไซ้พี่แทนไปมากกว่านี้
ทั้งสามพากันมานั่งที่โต๊ะอาหาร ทั้งๆที่เป็นมื้อแรกหลังจากที่ปรับความเข้าใจกัน แต่แทนที่ความสนใจจะมาอยู่ที่เขา ผู้ปกครองทั้งสองกลับพุ่งความสนใจทั้งหมดไปหาอีกคน
เขามั่นใจว่าพ่อกับแม่ต้องมองออกเรื่องที่เขาแอบชอบพี่แทน แต่เขาก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ กลัวเหลือเกินว่าทั้งสองจะทำให้พี่แทนอึดอัด แต่พี่แทนเองก็ดีแสนดี เรียกว่าสุภาพที่สุดตั้งแต่เคยเห็นกันมาเลยก็ว่าได้ ทั้งตอบคำถาม ทั้งชวนคุยไม่หยุด ได้เห็นพี่แทนลุคนี้รู้สึกเป็นบุญตาตัวเองเหลือเกิน
นั่งคุยกันหลังมื้ออาหารได้สักพัก พูรินก็เดินออกมาส่งอีกคนที่หน้าบ้าน วันนี้ความรู้สึกหนักอึ้งภายในหัวใจไม่มีหลงเหลือเลยสักนิด เหมือนเขากลายเป็นหมีพูห์ที่ได้กินน้ำผึ้งจนหมดกระปุกคนเดียว มันชุ่มช่ำ มันหวาน และมันก็แสนจะอุ่นที่ใจ และทั้งหมดเขาอยากจะยกความดีความชอบให้กับคนที่อยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอด
คนตรงหน้าเขา
“กูไปนะ” แทนคุณหันมากล่าวลา หยิบหมวกกันน๊อคขึ้นมาเตรียมจะสวม
“พี่แทน~ ผม..ผมขอบคุณมากเลยนะครับ”
“เรื่อง?” เขาย่อตัวนั่งพิงกับมอเตอร์ไซต์จนตอนนี้ระดับตาของทั้งสองเสมออยู่ในระดับเดียวกัน
“สำหรับทุกอย่างเลย” พูรินว่า “ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมผ่านช่วงเวลายากลำบากมาได้”
“กูไม่ได้ทำอะไรเลย เป็นใครเขาก็ต้องทำแบบกูทั้งนั้น” อีกคนว่าอย่างถ่อมตัว
“ผมก็ไม่รู้หรอกว่าใครๆเขาจะทำกันไหม” เมื่อพี่แทนว่าอย่างนั้น เขาก็เลยเอ่ยสิ่งที่เขาคิด “แต่ผมรู้แค่ว่าคนที่อยู่ข้างผมมาตลอดคือพี่”
“...”
“เพราะงั้นขอบคุณนะครับ”
แทนคุณยกยิ้ม เอื้อมมือมากดลงบนหัวอีกคนหนักๆ ก่อนจะขยี้ไปมาอย่างนึกเอ็นดู
“พี่แทนอ่ะ~”
“บ่นอะไรเยอะแยะ”
“...”
“...”
“คือผม...” พูรินรู้สึกอยากกอดอีกฝ่ายขึ้นมา อยากสัมผัสความอบอุ่นที่เขาคุ้นเคยจนเคยตัวอีกครั้ง แต่เหมือนวันนี้เขาไม่มีข้ออ้างที่ดีพอที่จะทำได้ตามที่ใจคิด
“มานี่มา..” แต่ก็เหมือนมีใครอีกคนที่รู้ใจเขาดีเสียยิ่งกว่า เจ้าตัวเอ่ยเรียกพร้อมอ้าแขนให้เขาเดินเข้าไปหา ท่อนแขนแกร่งโอบรับเขาเข้าไป พูรินหลับตาแน่นในนาทีที่ความอบอุ่นซึมผ่านหัวใจ
“ผม..เฮ้อ..~”
“หืม?”
“ผมมันเป็นคนโลภมาก”
“อะไรของมึงอีก”
ทั้งๆที่คิดว่าได้อยู่ในฐานะใดก็ไม่สำคัญเท่ายังได้อยู่ใกล้ๆกัน
“ผมมันไม่รู้จักพอน่ะพี่”
“มึงมันบ้า”
แต่ยิ่งได้ใกล้เข้าไปเท่าไหร่ ก็ยิ่งอยากเข้าไปใกล้กว่าเดิม
และยังแอบหวัง ทั้งที่ไม่ควรหวัง
ว่าสุดท้าย..จะได้กลายเป็นคนที่ใกล้ชิดที่สุด


*************
#หมีแทนที่รัก
หมีพูห์คนโลภภภภภ เรื่องสาเหตุที่พ่อกับแม่เลิกกันมันงงไหมค่ะ เรื่องจริงของเพื่อนเลยนะ มันมีจริงๆความสัมพันธ์แบบนี้ ถ้างงๆเดี๋ยวเรียบเรียงดีๆแล้วรีไรท์ให้เน้อ
เรื่องนี้ชอบโดนแทรกตลอด แต่ว่าหลังจากอาทิตย์นี้จะมาเขียนรัวๆแล้วนะคะ ขอเขียนเรื่อง 2 in 1 ให้ครบสี่ตอนก่อน พอครบสี่ตอนปั๊ป หมีพูห์จะมาพร้อมกับตั้งต้น สลับกันไปมา พอจบทั้งสองเรื่องก็จะต่อ 2 in 1 ให้จบ แล้วก็จะลาแล้วเด้อ!!!
เป้าหมายชัดเจน เหลือเพียงความขยัน 555
ใครยังไม่ได้อ่าน 2 in 1 ไปลองอ่านดูน้า เค้าว่านายเอกของเค้าน่ารักอยู่นะ เรื่องนั้นตั้งแต่เปิดมายังไม่ค่อยมีคนอ่านเลยอ่ะ เสียใจ T_T ยังไงฝากด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่เจ็ด: บางครั้ง สิ่งที่ดูไม่สำคัญ กลับมีความหมายมากมายที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 20-10-2019 14:38:03
 :pig4:
 :3123:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่เจ็ด: บางครั้ง สิ่งที่ดูไม่สำคัญ กลับมีความหมายมากมายที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 20-10-2019 22:50:39
เก่งมากคับหมีพูห์
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่เจ็ด: บางครั้ง สิ่งที่ดูไม่สำคัญ กลับมีความหมายมากมายที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 20-10-2019 22:56:09
 :katai1: ใจตรงกันแล้ว กล้าๆหน่อย
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่เจ็ด: บางครั้ง สิ่งที่ดูไม่สำคัญ กลับมีความหมายมากมายที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 21-10-2019 08:18:26
 :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่เจ็ด: บางครั้ง สิ่งที่ดูไม่สำคัญ กลับมีความหมายมากมายที่สุด
เริ่มหัวข้อโดย: Stiiiii ที่ 21-10-2019 08:58:38
น้องหมีนะรักกกก พี่แทนมีอะไรก็บอกน้องไปเลยยย  :กอด1:
เป็นกำลังใจให้ค่ะ :pig4:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่แปด: คนมากมายพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันทำเรื่องที่เป็นไปไ
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 27-10-2019 10:50:12
.:น้ำผึ้งหยดที่แปด:.

People say nothing is impossible, but I do nothing everyday
.
.
คนมากมายพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ทุกวัน




แทนคุณนั่งจ้องซองจดหมายในมืออย่างลังเล มันเป็นผลสอบโทอิคที่เขาไปสอบเมื่อสองอาทิตย์ก่อน ใจนึงอยากเปิดออกดูให้รู้แล้วรู้รอด แต่เพราะสัญญากับน้องมันไว้ว่าจะดูด้วยกัน เขาถึงยังนั่งลังเลอยู่แบบนี้
ไม่ใช่ว่าไม่อยากดูพร้อมกันหรอกนะ เขาแค่กลัวว่าถ้าคะแนนออกมาไม่ดี น้องมันจะผิดหวังในตัวเขามากกว่า สู้เปิดดูตอนนี้ ถ้าเกิดคะแนนมันแย่เกินเยียวยาจริงๆ เขาจะได้ทำเป็นเนียนลืมซองจดหมายไว้ที่ไหนสักแห่ง หรือกลบมันให้มิดลงดิน

“นั่งด้วยได้ไหมครับสุดหล่อ”
เฮ้อ..
แทนคุณทำหน้าเคร่งขรึมปนเบื่อหน่ายในตอนที่เงยหน้าขึ้นมองตามเสียงหวาน เขาตั้งใจจะเอ่ยปฎิเสธและบอกว่าเพื่อนเขาอีกสองคนที่ไปซื้อข้าวกำลังจะมา
ถึงแม้จะยังมีที่ว่างเหลือก็เถอะ แต่คนอย่างเขาไม่ใช่พวกชอบสร้างเพื่อนใหม่หรอกนะ โดยเฉพาะกับคนที่เข้ามาอย่างมีจุดประสงค์ชัดเจนแบบนี้
“...”
“กินจุดเลยสิ พี่แทนของหมีจะดุไปไหน” กีรติเอ่ยแซวคนที่ตอนแรกทำหน้าเหมือนจะกินคนเพราะคิดว่าโดนจีบ แต่เหรอหราในทันทีที่เห็นว่าเป็นเขากับอิน แทนคุณตกใจจริงๆ เขาไม่รู้มาก่อนว่าสองคนนี้จะมานั่งกินข้าวด้วย
“เล่นอะไรกันเนี้ย” เขาถามเสียงขุ่น โดนเพื่อนแกล้งไม่พอ แฟนเพื่อนก็ขี้แกล้งพอกัน
อินทัชวางถาดที่มีแก้วน้ำปั่นอยู่ห้าใบลงบนโต๊ะ ทิ้งตัวนั่งลงข้างกี เขาไม่แปลกใจหรอกที่อีกคนจะตกใจที่เห็นพวกเขา เพราะวันนี้อาจารย์งดคลาสกระทันหัน เขาเพิ่งจะโทรบอกดินเมื่อกี้ว่าจะมาหาที่นี่ ให้ดินซื้อข้าวเผื่อพวกเขาด้วย พอมาถึงเขาสองคนก็ไปซื้อน้ำปั่นแทนเจ้าตัว
“โดนจีบนี่ต้องเครียดขนาดนั้นเลย กลัวน้องหมีเข้าใจผิดหรอ”
“อิน..เราต้องไม่เป็นไปกับเขาสิ” อินทัชหัวเราะร่าเมื่อคนโดนแซวทำเป็นเสียงเข้มกลับมา
“อะไร เราพูดความจริงทั้งนั้น” ว่าแล้วก็แซวกันต่ออย่างไม่สนว่าคนตัวหนาจะนั่งหน้าบูดเป็นตูดลิงไปแล้ว
“แล้วตกลงกับน้องหมีนี่เป็นแฟนกันหรือยัง” กีรติยังซักไซ้
“ใช่ๆ เราอยากเห็นพี่แทนตอนหวานๆบ้างอ่ะ ดุจนเขากลัวกันทั้งคณะแล้วมั้ง” อินว่าบ้าง
“ติดเชื้อกวน-ีนของไอ้ต้นกันมาถ้วนหน้าเลยนะ ให้พาไปฉีดวัคซีนไหม” แทนคุณส่ายหน้าอย่างหน่ายๆ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอุตส่าห์รักษามารยาทไม่พูดคำหยาบใส่แฟนเพื่อน
“มึงนินทาอะไรกู”
เขากลอกตามองบน เพราะทันทีที่เอาชื่อใครอีกคนเข้าปาก มันก็มากระซิบข้างหูให้ชวนขนลุก
“ตายยากฉิบหาย” แน่นอนว่ากับเพื่อน เขาไม่คิดจะเกรงใจ ถ้าหาคำได้หยาบมากกว่านี้เขาคงทำไปแล้ว
ตั้งต้นกับบดินทร์ที่เดิมตามมาติดๆ วางถาดอาหารที่ถือมา จัดการแจกจ่ายให้กับคนในโต๊ะจนครบ ก่อนที่จะบดินทร์จะนั่งลงข้างแฟนตัวเอง ส่วนตั้งต้นทรุดตัวนั่งฝั่งตรงข้ามกี
“แล้วคุยอะไรกันอยู่เอ่ย” เสียงหวานๆชวนขนลุกของบดินทร์ถูกใช้ขึ้น เมื่อเจ้าตัวหันหน้าไปถามอินทัช อีกคนก็ยิ้มหวานทักทาย เบียดตัวเข้าไปในแขนแกร่งที่โอบรอบเอวบางอยู่ เพราะคบกันมานานพอสมควร ตอนนี้อินจึงทำมันอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่เก้ๆกังๆแบบเมื่อก่อนแล้ว
“ก็กำลังพยายามซักฟอกเพื่อนดินอยู่นั่นแหละ สรุปกับน้องหมีนี่ยังไง”
“เนี้ย ไม่รู้ว่ากับหมีก็ปากแข็งแบบนี้หรือเปล่า อย่างงี้เมื่อไหร่จะคืบหน้าก็็ไม่รู้” กีรติเอ่ยเสริม
“ดินก็บอกมันแล้ว แต่มันก็ไม่ทำอะไรสักที ส่องน้องมาจะสามปีแล้ว”
“จะเรียนจบแล้วนะมึง ชอบก็บอกเขาไปตรงๆ”
“เดี๋ยวๆ พวกคุณแน่ใจนะครับว่าคุยกับผมทำไมเหมือนมีแต่ผมที่คุยไม่รู้เรื่อง” เมื่อตั้งต้นพูดจบ แทนคุณที่ในที่สุดก็ทนไม่ไหวถามออกมา
“ผมว่าเรื่องของคุณ ในโลกนี้ก็มีแค่สองคนที่ไม่รู้แหละครับ” ต้นตบไหล่เพื่อนรักให้ช่วยรับมุข
“ก็คุณกับไอ้หมีไง” ว่าแล้วก็หัวเราะก๊าก แปะมือกันอย่างสนุกสนาน จนอินทัชที่เป็นคนเริ่มแซวแอบรู้สึกผิดในใจ
“พอแล้วไหม ก็เพราะเป็นกันอย่างนี้ เพื่อนถึงไม่อยากเล่าให้ฟังไง”
เมื่อโดนปรามบดินทร์ก็หุบยิ้มฉับ ทำเป็นตั้งหน้าตั้งตากินข้าวในจานให้ตั้งต้นหัวเราะร่ากับท่าทางกลัวเมียของเพื่อน ก่อนที่จะต้องยิ้มแห้งเมื่อสายตาไปสบเข้ากับตากลมที่มองเขม็งมาของใครอีกคน
“นายนั่นแหละตัวดี ยังจะมายิ้มอีก” กีว่าก่อนจะหยิบน้ำปั่นขึ้นมาดูด
“ก็เล่นด้วยกันหมด ทำไมเป็นต้นที่โดนด่าอยู่คนเดียว” ตั้งต้นทำเสียงเล็กเสียงน้อยใส่ หน้างุ้มงอทำเป็นงอนใส่แฟน น่ารักน่าชังจนแทนคุณแทบจะอยากเอาเท้ายันหน้า
“คือกูจะไม่แซวมึงอีกก็ได้ และนี่คือครั้งสุดท้ายที่กูจะเตือนมึงเรื่องนี้ คือนี่มันก็จะหมดเทอมแล้ว มึงมีเวลาอีกแค่เทอมเดียวที่จะได้ใช้เวลาด้วยกัน กล้าๆหน่อยมึง”
บดินทร์เอ่ยซ้ำอีกครั้ง เพราะอยากให้มันได้คิด ซักที เขาเห็นว่าความรักของมันสองคนไม่ได้มีอุปสรรคอะไรให้ต้องกังวลเลย มีแต่มันสองคนนี่ล่ะที่ทำให้เรื่องมันยากเกินเหตุ
“เออ...” ในที่สุดคนปากหนักก็พึมพำออกมา ให้คนทั้งโต๊ะหันไปมอง จดจ่อรอว่ามันจะว่ายังไงต่อ
“กูจะ..กูจะเก็บเอาไปคิด...ขอบใจนะมึง”
บดินทร์หันไปสบตากับตั้งต้น ทั้งคู่ยกยิ้มให้กันก่อนจะกลอกตามองบนพร้อมถอนหายใจหนักอย่างแสนจะโล่งใจ
กว่าจะเข้าหัว นี่พวกเขาพูดจนปากเปียกปากแฉะมาจะสามปีแล้ว!!



วันนี้วันพุทธ แทนคุณขับรถตรงไปที่โรงเรียนอนุบาลที่อีกคนมีสอน เขาตั้งใจจะไปเซอร์ไพร์เจ้าตัวด้วยการไปรับแล้วจะพาออกไปหาอะไรกินกัน จากนั้นตั้งใจว่าค่อยโชว์ผลสอบที่เขาได้รับมาวันนี้ให้มันดู
จากที่เคยลังเล เขาตัดสินใจที่จะดูคะแนนสอบพร้อมกับน้องมัน ถึงแม้ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ตามเขาคิดว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดมันไม่ใช่คะแนนสอบ แต่มันคือความรู้สึกที่ได้ลุ้น ได้ดีใจหรือเสียใจไปด้วยกันต่างหาก
นอกจากนั้นเขาตั้งใจจะตอบแทนน้องมันที่ช่วยติวให้เขา เขาจองตั๋วหนังดิสนีย์เรื่องใหม่ที่จะเข้าอาทิตย์หน้าไว้แล้ว และหลังจากดูหนังเขาก็ตั้งใจจะจองโต๊ะในร้านอาหารบนโรงแรมของบ้านไอ้ต้น มันเคยพาเขาไปที่นั่นหลายครั้ง เขายังจำบรรยากาศในตอนที่พระอาทิตย์ตกดินได้ดี แล้วไหนจะวิวของแม่น้ำเจ้าพระยายามค่ำคืนนั่นอีก เขาคิดว่ามันน่าจะเหมาะ...
ถ้าเขาจะสารภาพความรู้สึกของเขาที่นั่น
เขาคิดว่าไอ้ดินพูดถูก ความรู้สึกของเขามันแน่นอนมานานแล้ว สามปีที่คิดทบทวนซ้ำไปซ้ำมา เก็บกลั้นความรู้สึกที่มีเพราะคิดว่าไม่อยากทำให้น้องมันอึดอัด เขารู้แล้วว่าเขาชอบน้องมันมากจริงๆ
และในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ที่เขามีโอกาสได้ใกล้ชิดกันกับมัน ทั้งที่คอยบอกตัวเองให้ระวัง แต่มีหลายครั้งที่ไม่อาจห้ามใจตัวเองได้เลย ความรู้สึกที่เคยคิดว่ามากแล้ว มันเทียบอะไรไม่ได้เลยสักนิดกับความรู้สึกตอนนี้
และเขาก็คิดว่าเขาพร้อมแล้ว
เขาไม่อยากปล่อยให้มันค้างคาอยู่แบบนี้อีกต่อไป
ไอ้ต้นพูดถูก เขาไม่อยากมานั่งเสียดายทีหลัง ยังไงเขาก็อยากลองบอกมันออกไปสักครั้ง
ถ้าน้องมันจะอึดอัดจนไม่อยากมาสอน ไม่อยากเจอหน้ากันอีก เขาก็จะยอมรับแต่โดยดี ไม่ฝืน ไม่ตื้อให้มันลำบากใจ
อย่างน้อย...เขาจะได้เลิกฝันลมๆแล้งๆสักที
แต่ก่อนอื่นต้องหาวิธีจองโต๊ะโดยไม่ให้ไอ้ต้นรู้ก่อนเป็นอันดับแรก
แทนคุณจอดรถไว้บริเวณด้านข้างโรงเรียน เพราะตอนนี้ด้านหน้ามีรถรับส่งของโรงเรียนและรถของผู้ปกครองจอดกันอยู่แน่นขนัดเต็มพื้นที่ เขาแขวนหมวกกันน๊อคไว้กับกระจกรถ ตั้งใจจะเดินไปรอน้องมันที่หน้าโรงเรียนเหมือนที่เคยทำ
“แงงงงงงงงงง..” ตอนที่อยู่ตรงหัวมุมรั้ว เสียงร้องของเด็กชายคนหนึ่งดังขึ้นให้เขาหันไปมอง แอบยิ้มเมื่อเห็นคนที่เขามาหากำลังทรุดนั่งชันเข่าพยายามปลอบใจเด็กตัวน้อย แต่สองขาก็มาชะงักลงเมื่อสายตาดันเลื่อนไปเห็นชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ เขาจำได้ว่าคนคนนี้คือผู้ปกครองเด็กที่เคยอาสาไปส่งหมีพูห์
“โอ๋ๆๆ น้องหมีอย่างร้องนะครับ”
“แต่วันนี้...ฮีึก..คุณครูก็ไม่ยอมกลับ..ฮึก...กับผมอีกแล้ว” เด็กชายตัวน้อยสะอื้น น้ำตาร่วงเผาะให้คนเป็นครูทั้งสงสารทั้งเอ็นดู
“น้องหมีอย่าทำให้คุณครูลำบากใจสิครับ” คนเป็นอากล่าวเตือนเบาๆ เอามือลูบหัวหลานคนโปรดเมื่อเห็นว่าไม่ยอมหยุดร้องสักที
“แต่อาณัติก็อยากให้คุณครูกลับด้วยเหมือนกันไม่ใช่หรอครับ ทำไมไม่ช่วยน้องหมีพูดเลย”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นพูรินก็เงยหน้าไปมองคนที่โดนโบ๊ยใส่ อาณัติของน้องหมียิ้มเจื่อนมาให้ ก่อนจะเกาแก้มเป็นการแก้เขินเบาๆให้พูรินอดขำไม่ได้ เขาหันมามองหน้าน้องหมีที่พยายามเช็ดน้ำตาไปมา จนน้ำมูกเปื้อนแก้มนิ่มสองข้างเต็มไปหมด เขาอดจะใจอ่อนไม่ได้
“งั้น..” แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวคงไม่เป็นไร
“หมีพูห์”
“พี่แทน!” ตอนที่กำลังจะกล่าวตกลง เขาได้ยินเสียงหนึ่งเรียกชื่อจนต้องหันไปดู ร้องออกไปอย่างตกใจที่เห็นคนคุ้นเคยมายืนอยู่ตรงหน้า ใจจริงเขาอยากเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายในทันที แต่ก็ไม่สามารถจะทิ้งน้องหมีที่มองจ้องมาที่เขาด้วยแววตาเว้าวอนได้
“งั้นครั้งหน้าคุณครูสัญญาว่าจะกลับด้วยแน่นอนครับ”
เขายื่นนิ้วก้อยไปหาเด็กชาย ให้เด็กน้อยยิ้มกว้างออกมา รีบเอานิ้วก้อยป้อมๆมาเกี่ยวกัน พูรินใช้มืออีกข้างทำเป็นป้องปาก ก่อนจะเอ่ยกระซิบเสียงดัง
“แล้วถ้าอาณัติอนุญาต คุณครูจะพาน้องหมีไปกินไอติมร้านอร่อยด้วย เดี๋ยวคุณครูเลี้ยงเอง!”
น้องหมีพยักหน้ารับอย่างดีใจสุดขีด ก่อนจะยกมือไหว้เป็นการบอกลาแล้วเดินไปขึ้นรถนั่งประจำที่ของตัวเอง เมื่อรถออกไปแล้ว พูรินก็รีบไปหยิบกระเป๋าที่คล้องไว้หน้าประตู เดินเร็วๆมาหาคนที่ยืนรอเขาอยู่
“พี่แทนมาได้ไง ทำไมไม่เห็นโทรมาบอกเลยว่าจะมา” พูรินยิ้มร่า เขาดีใจเหลือเกินที่ได้เจอคนที่เขาคิดถึงโดยไม่คาดคิด
“กูผ่านมาแถวนี้ เลยแวะมารับ” อีกคนตอบเสียงเรียบ หันหลังเดินดุ่มๆกลับไปที่รถโดยไม่คิดจะรอกันจนพูรินต้องวิ่งตาม
“ขอบคุณนะพี่แทน วันนี้ไปกินราดหน้ากันไหม”
“...” แทนคุณไม่แม้แต่จะมองหน้า แค่ยื่นหมวกกันน๊อคจากใต้ท้องรถให้น้อง
“นะพี่นะ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง”
“มึงชอบเลี้ยงจังเลยนะ”
“หืม..? พี่ว่าอะไรนะ”
“เปล่า ไม่มีอะไร” พี่แทนตอบแค่นั้นก่อนจะสตาร์ทและออกรถเมื่อเขานั่งเรียบร้อยแล้ว วันนี้พี่แทนขับรถเร็วจนเขาต้องจับสองเอวหนาไว้แน่น เขาสังเกตเห็นความปกติบางอย่าง
“พี่แทน มีอะไรหรือเปล่า” พูรินยังพยายามชะเง้อคอไปถามอีกคนขณะที่รถติดไฟแดง
“...”
เขาขมวดคิ้วแน่นเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจเมื่อพี่แทนยังไม่ยอมพูดอะไรสักอย่าง เมื่อลองถามไปอีกสองสามครั้งแล้วเจ้าตัวยังเงียบ เขาก็เลยได้แต่นั่งเงียบๆไม่อยากให้อีกคนอารมณ์เสียไปมากกว่าเดิม

“เส้นใหญ่ทะเลสองครับ” เมื่อสั่งอาหารกับแม่ค้าเสร็จ แทนคุณก็เดินไปนั่งที่ประจำโดยไม่ยอมรอเขาที่เพิ่งจะถอดหมวกกันน๊อคเสร็จ พูรินถอนหายใจอย่างแสนเหนื่อย ถึงปกติพี่แทนจะไม่ใช่คนอ่อนหวาน ชอบพูดจาห้วนๆ แต่มันไม่เคยมีครั้งไหนที่พี่แทนทำท่าทางแบบนี้กับเขาเลย
นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ว่ะเนี่ย
ตึง..
พูรินวางแก้วน้ำเปล่าที่ไปตักมาบนโต๊ะเสียงดัง คนที่นั่งอยู่ก่อนมองตามมือเรียวขึ้นมา สบตากับเขาที่ตั้งใจมองอยู่ก่อนแล้วแปปนึง ก่อนจะหลุบวูบกลับไปมองโทรศัพท์ในมือต่อ
“พี่แทน~”
“...”
“พี่แทน~”
“...” พูรินเม้มปากแน่น เขาเริ่มทนไม่ไหวเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์อีกคนออกจากมือ
“มึงทำอะไร เอามานี่นะ”
“ไม่ให้..พี่บอกมาก่อนว่าพี่เป็นอะไร”
“หมีพูห์ กูบอกให้เอามา”
“...”
“...”
“พี่แม่งดื้อ” ในที่สุดพูรินก็ยื่นโทรศัพท์กลับไปคืนอีกคน เพราะเขาก็รู้ว่าเขาทำตัวเสียมารยาทจริงๆ แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะบ่นอุบอิบออกมา
“ลามปามนะมึง” พอรับโทรศัพท์จากมือเขาก็รีบปลดล๊อคหน้าจอ กลับไปไถมันอยู่นั่นแหละ อยากถามเหลือเกิน ไถเร็วซะขนาดนั้น อ่านทันบ้างหรือเปล่าเหอะ
“...”
“...”
เฮ้อ~
“แล้วจะมารับทำไม ถ้าจะเป็นแบบนี้”
“อ่อ นี่สรุปว่ากูผิด ที่กูไปรับ”
“เอ้า ไปกันใหญ่แล้ว”
“...”
“...”
เราทั้งสองนั่งเงียบไม่พูดไม่จากัน เขานั่งมองพี่แทนที่ยังนั่งจ้องจอมือถือในมือ ไม่คิดจะเงยหน้ามามองกันเลยสักนิด จนในที่สุดป้าร้านราดหน้าก็เดินมาเสิร์ฟราดหน้าทะเลของพวกเขา เพราะมากินด้วยกันหลายครั้ง พูรินถึงรู้ว่าพี่แทนชอบกินปลาหมึกที่สุด
“อ่ะ” เขาหยิบปลาหมึกในจานให้พี่แทนหนึ่งชิ้น เจ้าตัวมองหน้าเขาแต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไร
“อ่ะ” พอยื่นให้ชิ้นที่สองเขาก็สังเกตเห็นมุมปากของคนหน้าบึ้งบางคนเริ่มยกขึ้นให้ใจชื้น
“พอแล้ว” เมื่อกำลังจะตักชิ้นที่สามให้ อีกคนก็เอ่ยขัดเสียงเข้ม แต่เขาก็ยังดึงดันที่จะวางมันลงในจานอีกฝ่ายอย่างไม่ฟัง
“ก็ถ้าจะทำให้คนงอแงยิ้มได้ ผมยอมให้ปลาหมึกหมดจานเลย”
“ใครงอแง เดี๋ยวเถอะมึง” แทนคุณที่พยายามกลั้นยิ้มโวยวายกลับเสียงดังให้อีกคนใจเสีย
“แล้วพี่เป็นอะไร บอกผมไม่ได้เลยหรอ”
“...”
“เห็นพี่เป็นแบบนี้ ผมไม่สบายใจเลยนะ”
“...”
เมื่อคนปากหนักยังไม่ยอมเอ่ยอะไร เหมือนในที่สุดพูรินก็ยอมตัดใจ เขาถอนหายใจหนักก่อนจะเริ่มตักอาหารในจานเข้าปาก นั่งกินเงียบๆ โดยไม่ได้คิดจะหันมามองหน้าหรือพูดถามอะไรอีกฝ่ายให้โดนด่าอีก
อะไรก็ไม่รู้...จู่ๆก็มารับให้เขาดีใจเล่น แต่พอมาถึงก็ไม่ยอมพูดด้วยเลยสักคำ ทำหน้าบึ้งหน้างอเหมือนโกรธกันมาเป็นชาติ เขาทำอะไรให้ไม่พอใจก็ไม่ยอมบอก ง้อก็ไม่ยอมคืนดี เห็นเขาแบบนี้เขาก็น้อยใจเป็นนะ
“...”
“...”
“งั้นเดี๋ยวผมกลับเองดีกว่า ผมต้องไปซื้อของต่อน่ะพี่” เขาว่าพร้อมวางช้อนส้อมลงในจานราดหน้าที่ได้กินไปแค่นิดหน่อย ไม่กงไม่กินมันแล้ว
“ซื้ออะไร”
“เครื่องเขียนนิดหน่อย”
“เดี๋ยวกูไปด้วย แล้วกลับพร้อมกัน กินให้หมดก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ ที่จริงผมยังไม่ค่อยหิว ไม่อยากจะรบกวนพี่ไปมากกว่านี้ด้วย”
พูดจบเขารีบยกน้ำขึ้นมาดื่ม ที่จริงเขาใช้มันบังหน้าตัวเอง เพราะจู่ๆน้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมาล้นขอบตาอีกแล้ว ถ้าร้องตอนนี้ต้องโดนด่าอีกแน่ๆ
“งั้นผมไปนะครับ” ทันทีวางแก้วน้ำลง เขาก็ยกมือไหว้รุ่นพี่ เตรียมควักกระเป๋าตังค์จ่ายตังค์ค่าอาหาร
“เดี๋ยว” ทันทีที่ลุกขึ้นก็โดนมือสากคว้าข้อมือไว้ให้เขาชะงัก
“นั่งลง”
เจ้าตัวพูดเสียงเข้ม พูรินเม้มปากแน่นเบือนหน้าไปทางอื่น ถ้าเป็นปกติเขาคงทำตามที่อีกฝ่ายบอกทันที แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเชื่อฟังอะไรทั้งนั้น
“กูขอโทษ นั่งลงก่อนได้ไหม”
อีกคนที่จับแขนเขาอยู่เอ่ยเสียงอ่อนออกมาให้ใจกระตุก เขารีบเอามือเช็ดน้ำตาที่ร่วงหล่นลงมาลวกๆ
“ปล่อย..”
“หมีพูห์..”
เฮ้อ~
“ปล่อยพี่..ผมจะนั่ง”
เมื่อพูรินว่าอย่างนั้น คนตัวโตก็ยอมปล่อยมือแต่โดยดี เจ้าตัวนั่งกอดอกไม่ยอมมองกัน จนแทนคุณตัดสินใจลุกหยิบเก้าอี้ตัวเองขยับเข้าไปนั่งข้างใครอีกคน
“กูขอโทษ..”
“ผมไม่ได้อยากให้พี่ขอโทษ ผมอยากรู้ว่าพี่เป็นอะไร”
เจ้าตัวเอ่ยประโยคที่เขาเคยใช้ในอดีตขึ้นมา จนทำให้แทนคุณรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ใจอยากพูดบอกไปตรงๆ แต่เขาจะบอกมันได้ยังไง ว่าที่เป็นอยู่เพราะหึงมันกับผู้ปกครองคนนั้น
ก็เขาไม่มีสิทธิ์อะไรสักหน่อยนี่น่า
“อ่ะ”
พูรินก้มลงมองเมื่อพี่แทนยื่นซองสีขาวใส่มือ เขาขมวดคิ้วแน่นก่อนจะมองหน้าอีกฝ่ายเป็นเชิงถามว่ามันคืออะไร
“ผลสอบ”
“อ่า จริงดิ มาแล้วหรอ” พูรินเอ่ยออกมาพร้อมยิ้มอย่างตื่นเต้นจนลืมไปแล้วว่าเคยงอนใครอยู่
“นี่พี่เปิดดูหรือยัง ผลเป็นไงบ้าง”
“ยัง ก็สัญญากับมึงแล้วนี่ ว่าจะดูพร้อมกัน” พูรินยิ้มแป้นอย่างอิ่มอกอิ่มใจที่อีกคนจำสิ่งที่เขาเคยขอร้องได้ แต่จู่ๆก็นึกเอ๊ะใจอะไรขึ้นมาบางอย่าง
“ที่พี่หน้าบึ้งแบบนี้ อย่าบอกนะว่าเป็นเพราะผลสอบนะ”
“อืม กูกลัวได้น้อย แล้วจะทำให้มึงผิดหวัง” ก็ที่จริงมันก็เป็นสิ่งที่เขาก็กังวลอยู่เหมือนกันนี่น่า เอามาใช้เป็นข้ออ้างก็คงไม่เสียหาย
“โธ่..พี่แทน...พี่ไม่เห็นต้องคิดมากเลย” เมื่อในที่สุดก็ได้รับรู้เหตุผลที่คนตรงหน้าทำตัวผิดปกติแบบนี้ พูรินก็แสนจะโล่งใจ
“แต่ผมมั่นใจว่ามันจะไม่แย่อย่างที่พี่คิด เปิดดูกันเลยไหม” เมื่อพี่แทนพยักหน้าอนุญาตเขาก็ค่อยๆแกะซองอย่างระมัดระวัง ดึงผลข้อสอบออกมาไล่อ่าน
“พี่แทน! พี่ได้คะแนนรวม 630 อ่ะ!!” พูรินตะโกนบอกยิ้มหน้าบาน
“แล้วมันดีหรือเปล่า”
“ปกติเวลาไปสมัครงานเขาก็จะรับที่ 600อัพอ่ะพี่ สุดยอดไปเลย” เขาพูดพร้อมรวบมือหนามาเขย่าไปมาอย่างลืมตัว พี่แทนก้มลงมองผลสอบตัวเองอีกหลายครั้ง จนในที่สุดก็ยกยิ้มออกมา สายตาเต็มไปด้วยความพอใจ
“พี่แทนผมรู้อยู่แล้ว ว่าพี่ต้องทำได้ เห็นเปล่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้หรอก ผมบอกพี่แล้ว”
คนที่ดีใจจนเก็บอาการไม่อยู่คล้องสองแขนเรียวรอบแขนเขาอย่างไม่สนว่าใครจะมอง กลุ่มผมนุ่มทิ้งลงมาบนหัวไหล่เฝ้ามองผลสอบไปยิ้มไป
“ขอบใจมึงมากเลยนะ”
“...”
“ถ้าไม่มีมึง กูคงทำไม่ได้แบบนี้”
คนที่ลืมอายเพิ่งได้สติเมื่อโดนกล่าวชม รีบทำหลังตรงผละมือออกจากอีกคนทันทีทันใด พูรินอยากแทรกแผ่นดินหนี พอลืมตัวทีไรก็เผลอทำอะไรน่าไม่อายได้ทุกทีสินะ
“ไม่ใช่หรอกพี่.. ผมแค่ช่วยนิดๆหน่อยๆ ทั้งหมดมันก็เป็นเพราะความพยายามของพี่ต่างหาก” พึมพำออกไปแก้เขิน หลุบตาลงเมื่อเห็นอีกคนมองมาด้วยสายตาอบอุ่นในระยะประชิด
“พี่กลับไปกินให้หมดสิ เย็นหมดแล้ว” ว่าให้อีกคนหัวเราะในคอ มึงจะมาทำเขินอะไร เมื่อกี้ยังกอดแขนเขาแน่นอยู่เลย ถึงจะอยากแซวแต่แทนคุณก็ได้แต่คิดในใจ ยอมยกเก้าอี้กลับไปนั่งที่เดิม หยิบช้อนส้อมขึ้นมาตักอาหารเข้าปาก
“อาทิตย์หน้าถ้ามึงว่างกูอยากเลี้ยงขอบคุณมึง”
“เห้ย ไม่เป็นไรพี่ ผมไม่ไ..”
“ไปดูหนังกันนะ”
พูรินที่กำลังจะกล่าวปฎิเสธชะงักเมื่อได้ยินสิ่งที่ไม่คาดฝันออกจากปากอีกคน เขาอยากจะหยิกตัวเองดูสักครั้งให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้กำลังอยู่ในฝัน
“แล้วก็กูอยากเลี้ยงข้าวตอบแทนมึงด้วย”
“...”
“ก็ถ้ามึงอยากน่ะนะ หรือถ้ามึงอยากได้อย่างอื่น ก็บอ..”
“ไปพี่!” พูรินรีบตอบตกลงทันที เขาไม่ยอมลังเลให้ใครอีกคนเปลี่ยนใจหรอกนะ
“อะ..อืม...งั้นก็กินซะ แป้งเส้นใหญ่อืดหมดแล้วมึง” พูรินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตักราดหน้าเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ถึงวันนี้จะเริ่มต้นกันแย่ไปหน่อย เหมือนมันเป็นครั้งแรกที่ไม่เข้าใจกันเลยมั้ง แต่จะยังไงก็ช่างมันเถอะ ในเมื่อตอนจบก็ยังแฮปปี้เอนดิ้งนี่น่า
“แทน”
“อ้าว..มาไง นั่งก่อนดิ”
ที่บอกว่าจบดี เขาท่าจะด่วนตัดสินไปหน่อย
“พี่นิ้งหวัดดีครับ” พูรินยิ้งแห้งเอ่ยทักทาย คนมาใหม่ยกมือรับไหว้เขา ก่อนจะนั่งลงข้างพี่แทนอย่างคุ้นเคย
“จะไปกันยัง ขอนั่งรอข้าวด้วยนะ” พี่นิ้งเอ่ยขึ้นให้เขากับพี่แทนพยักหน้ารับ เจ้าตัวกำลังรอข้าวที่ซื้อใส่ถุงกลับไปกินหอ
“ไปไงมาไงถึงมาด้วยกันล่ะ วันนี้มีติวภาษาอังกฤษกันหรอ” เจ้าตัวชี้นิ้วมาที่เขากับพี่แทนสลับกัน ยกยิ้มนิดๆให้เขารู้สึกหน้าร้อนขึ้นมา
“เปล่า วันนี้เราเอาผลสอบมาให้น้องดู นิ้งดูคะแนนเราดิ”
พูรินมองคนตัวโตพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หยิบซองคะแนนสอบบนโต๊ะยื่นให้เพื่อนสาวดู อีกคนที่เปิดออกดูตาโต เอามือตีหลังคนตัวใหญ่เบาๆสองสามครั้ง กล่าวชมเปราะ
“คุณแทนคุณนี่สุดยอดไปเลย”
คนที่โดนสัมผัสเองก็ฉีกยิ้มกว้างจนแทบจะถึงหู ไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับสัมผัสของเธออย่างที่เขาเป็น พูรินไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะเอาตาไปวางไว้ตรงไหน รู้แค่ว่าไม่อยากทนเห็นภาพบาดตาตรงหน้าอีกต่อไปแล้ว เขาหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมาพิมพ์ข้อความหาเพื่อนสนิท
“ตั้งใจแบบนี้ งั้นอย่างนี้สรุปแทนก็จะไปอเมริกาอ่ะดิ” พูรินเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินคำถามของพี่นิ้ง เขาเองก็เกือบลืมไปแล้วว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงที่พี่แทนมาอยู่รอบตัวเขาแบบนี้มันคืออะไร
“ก็...กำลังตัดสินใจอยู่น่ะ” พี่แทนทำท่าเลิ่กลั่ก พูดไปมองหน้าเขาไป พูรินเผลอเม้มกัดริมฝีปากแน่นอย่างอดน้อยใจไม่ได้ เพราะมีเขาอยู่พี่แทนถึงดูไม่ค่อยอยากเล่าเรื่องสำคัญแบบนี้ออกมาสินะ
“แล้วนี่นิ้งมาไง”
“เพื่อนมาส่ง แต่เดี๋ยวนั่งรถสองแถวกลับ”
“มันอันตรายนะ วันหลังฝากเราซื้อก็ได้”
“ได้ไงอ่ะ แล้วใครจะรู้ได้ว่าแทนอยู่แถวนี้หรือเปล่า ปกติก็เห็นกลับบ้านเร็วตลอด” นิ้งว่ากลั้วหัวเราะ
“ไม่อยู่แถวนี้ก็มาซื้อให้ได้ ขอให้นิ้งบอกมาคำเดียว”
“โธ่ อยากนี้ก็รักเลยดิ”
พูรินนั่งหน้าชา เขารู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองกลายเป็นส่วนเกินไปแล้ว เขาอยากจะออกไปจากที่ตรงนี้เหลือเกิน
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“ว่าไงไอ้พุทธ” เมื่อในที่สุดสายที่รอก็โทรมาสักที เขาก็รีบกดรับทันที
[ว่าไงอะไรมึงบอกให้กูโทรมานี่]
“อ้าว มึงอยู่แถวนี้หรอ ร้านไหนนะ”
[ร้านอะไร มึงพูดอะไรเนี้ย]
“หนักมากเลยหรอมึง งั้นเดี๋ยวกูไปช่วยขน อือๆ กินเสร็จแล้ว ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
[มึงพูดเรื่องเหี้-]
ไม่ทันที่จะให้พุุทธโธพูดจบ พูรินก็กดปิดโทรศัพท์ ก่อนที่จะยืดตัวยืนขึ้น
“งั้นพี่แทนไปส่งพี่นิ้งเถอะครับ ผมต้องไปช่วยไอ้พุทธถือของ มันมาซื้อของแถวนี้พอดี” ว่ารัวๆก่อนจะยกมือไหว้ลารุ่นพี่ทั้งสองคนโดยไม่มองสบตา เขาเดินจ้ำไปจ่ายค่าราดหน้าสองจาน ก่อนที่จะเดินออกมาจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ก็รู้หรอกนะ ว่าเรื่องของเขามันเป็นไปไม่ได้
แต่ไม่ต้องมาย้ำกันได้ไหม
จะให้มานั่งดูเขาพรอดรักกันต่อหน้าแบบนี้ มันก็ดูจะแกร่งเกินยอดมนุษย์ไปหน่อยไหมล่ะ
เฮ้อ~
พูรินได้แต่เดินแหงนหน้ามองฟ้า
เพราะถึงแม้มันจะมืดไร้ดาว
แต่มันก็เป็นวิธีเดียว
ที่จะช่วยให้ตากลมกักขังน้ำตาที่เอ่อล้นได้นานขึ้นอีกนิดก็แล้วกัน


*********
#หมีแทนที่รัก









หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่แปด: คนมากมายพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันทำเรื่องที่เป็นไปไ
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 28-10-2019 02:13:21
กำ แล้วจะได้บอกตอนไหน  :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่แปด: คนมากมายพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันทำเรื่องที่เป็นไปไ
เริ่มหัวข้อโดย: Stiiiii ที่ 28-10-2019 08:57:13
พี่แทนเร็วๆๆๆๆๆหน่อย น้องหมีเข้าใจผิดเเล้ว
ไหนจะอาณัติที่ดูจะแิบๆมองน้องอีก
ช้าอดแน่ๆๆ
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่แปด: คนมากมายพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันทำเรื่องที่เป็นไปไ
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 28-10-2019 09:19:58
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey [น้ำผึ้งหยดที่แปด: คนมากมายพูดว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันทำเรื่องที่เป็นไปไ
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 28-10-2019 23:00:28
หงุดหงิดเฟ้ย
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey น้ำผึ้งหยดที่เก้า: คำขอบคุณ มันดียิ่งกว่าแสงอาทิตย์อบอุ่น และหวานเหมือนน้
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 01-11-2019 17:16:41
.:น้ำผึ้งหยดที่เก้า:.

A thank you is nicer than sunshining days and just as sweet as honey

.

.

คำขอบคุณ มันดียิ่งกว่าแสงอาทิตย์อบอุ่น และหวานเหมือนน้ำผึ้งเดือนห้า



พูรินยืนปาดเหงื่อพร้อมมองรายการสิ่งของที่ต้องซื้ออีกครั้ง เขาตรวจดูของในถุงให้แน่ใจก่อนที่จะบรรจงขีดฆ่าสิ่งที่ซื้อไปเรียบร้อยแล้วทีละข้อทีละข้อ ร่างเล็กยิ้มอย่างพอใจ ตลอดสองชั่วโมงที่ตั้งหน้าตั้งตาเดินลัดเลาะไปมาในย่านพาหุรัด ในที่สุดเขาก็สามารถจัดการกับรายการของผ้าที่ต้องซื้อจนครบ ที่เห็นจะมีเหลือก็แต่ของกระจุกกระจิกจำพวก ลูกปัด กระดุม ริบบิ้น ด้ายหลากหลายสีสันและของจำเป็นอื่นๆ สำหรับงานเย็บผ้าที่ตั้งใจจะเก็บไว้ไปดูที่ร้านแถวสำเพ็งอีกที

“อ่ะ กินน้ำก่อน”

พูรินหันไปมองตามเสียงทุ้มที่แสนคุ้นเคย คนพูดยื่นแก้วน้ำมะพร้าวปั่นในมือมาให้ เขายิ้มกว้างอย่างดีใจเป็นที่สุด กล่าวคำขอบคุณพร้อมทั้งรีบคว้ามันมาดูดรวดเดียวจนเกือบหมดแก้วดับกระหาย

“พี่แทน หาข้าวกินกันก่อนไหม ผมไม่ไหวแล้วจริงๆ”

เมื่อเห็นว่างานเดินหน้ามามากกว่าครึ่งทาง และรวมกับอากาศยามเที่ยงที่ร้อนแรงไม่เกรงใจใครของพาหุรัดในวันฟ้าใส แล้วไหนจะท้องไส้ที่ส่งเสียงร้องระงมอย่างกับกบหน้าฝนนั่นอีก พูรินคิดว่ามันถึงเวลาต้องพักกันแล้ว

“อือ แล้วตอนนี้เหลืออะไรบ้างล่ะ”

ว่าแล้วคนตัวโตก็เดินมายืนซ้อนหลัง ชะโงกหน้าข้ามหัวไหล่เขาก้มมองรายการที่เขาถืออยู่ในมืออย่างพินิจพิจารณา เขาเผลอกลั้นหายใจ เมื่อจู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่มาปะทะแก้มอย่างแผ่วเบา ร่างเล็กกัดเม้มริมฝีปากบางแน่น พยายามเก็บกั้นอาการเลิ่กลั่กที่เกิดขึ้นจากความใกล้ชิดกะทันหันให้มิดชิดที่สุดเท่าที่จะทำได้

เขากลัวเหลือเกินว่าอีกคนจะจับได้

เพราะตั้งแต่วันนั้นที่หนีกลับหอเอง เขาก็ได้ใช้เวลาคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างพี่แทนกับเขาอีกครั้ง

ถ้าให้พูดกันแบบไม่อาย

จะว่าเขาเข้าข้างตัวเองก็ได้

แต่เขาก็เข้าข้างตัวเองจริงๆ นั่นแหละ

ในหลายครั้ง เขาเองก็เคยคิดว่าพี่แทนก็รู้สึกกับเขาเหมือนที่เขารู้สึกกับอีกฝ่ายเหมือนกัน

ก็รู้แหละว่าตัวเองจินตนาการเก่ง แต่พฤติกรรมหลายอย่างของพี่มันก็ชวนให้คิดนี่น่า ไม่ว่าจะเป็นการที่พี่แทนที่มาร้องเพลงให้ในวันเกิด พี่แทนที่คอยเป็นเดือดเป็นร้อนแทนในเรื่องของเขา หรือแม้แต่พี่แทนที่โอบกอดเขาแน่นในวันที่เขาท้อแท้ที่สุด

กอดเลยนะกอด แบบตัวแนบตัวสนิท หน้าเหน่อนี่จะซุกเข้าไปในซอกคออยู่แล้ว เขาว่ามันก็ไม่ธรรมดาจริงๆ นะเว้ยเฮ้ย

ดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงแม้จะเคยท่องพุทธโธในใจ บอกตัวเองว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เขาก็รู้ดีว่าที่จริงในซอกหลืบหนึ่งของหัวใจ เขายังคิดและหวังอะไรที่มากกว่าความเป็นพี่น้องอยู่ดี

แต่ก็อย่างที่ใครๆ เขาพูดกันนั่นแหละ

ถ้าไม่ได้เจ็บ ไม่ได้เจอกับตัว ให้บอกให้เตือนแค่ไหน สุดท้ายคนเรามันก็ไม่รู้จักเข็ดหรอก

และก็เป็นวันนั้นที่ได้เจอพี่นิ้งเขาถึงได้รู้

ไอ้เรื่องถูกเนื้อต้องตัว ลูบหัว กอดคอ ที่เคยคิดว่ามันแสนพิเศษกว่าใคร เขาก็ได้เห็นแล้วว่ามันไม่ใช่แค่เขาที่ได้รับสิทธิพิเศษนั้น

แต่คำพูดต่างหากล่ะ ที่มันทำให้ทุกอย่างแตกต่าง

‘ไม่อยู่แถวนี้ก็มาซื้อให้ได้ ขอให้นิ้งบอกมาคำเดียว’

จีบบอกตรงๆ เลยครับ ให้ความสำคัญกันโจ่งๆ ไม่ต้องมานั่งคิดเองเดาเองให้เสียเวลา

บอกเลยว่าตอนนั้นอยากขอตัวแสดงแทนมาก ดีนะที่ยังพอหัวไวพิมพ์ไปหาไอ้พุทธได้ก่อน ไม่งั้นนอกจากจะเสียใจที่ได้เห็นภาพบาดตา คงต้องเผลอร้องไห้จนโดนด่าให้บาดใจเล่นไปอีก

แต่ก็นะ ถึงจะน้อยใจ เสียใจ เศร้าใจ ท้อแท้ใจแค่ไหน แต่เขาก็ยังพอเป็นคนมีเหตุผลนะ เขารู้แหละว่าพี่แทนไม่ได้ผิดอะไร ความรู้สึกที่เกิดขึ้นมันก็เป็นความรู้สึกเขาเองเมื่อมันเกิดขึ้น มันก็เป็นสิ่งที่เขาควรจัดการ จะให้พี่แทนมารับผิดชอบกับความไม่ได้ดั่งใจของเขา มันก็ดูจะไร้เหตุผลเกินไปสักหน่อย

ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีงอนให้ง้อ หรือทำตัวงี่เง่าไร้เหตุผล เขากับพี่แทนยังคุยกันเป็นปกติ มีเพียงแค่ตัวเขาที่มีหน้าที่ซ่อนเก็บทุกความรู้สึกเกินเลยที่เกิดขึ้นให้มิด บอกตัวเองว่ามันยังดีแค่ไหนที่วันนี้ยังมีพี่แทนอยู่เคียงข้าง ยังมีพี่แทนให้กอดในวันที่แสนทุกข์หรือสุขใจ

ถ้าบราเทอร์โซนคือพื้นที่ของเขา เขาก็จะขอเลือกยืนในมุมที่ได้ใกล้พี่แทนที่สุด

“ผ้าเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ของเล็กของน้อย” พี่แทนเอ่ยขึ้นเมื่อไล่อ่านลิสต์จนครบ

“งั้นเอาของไปเก็บที่รถกัน แล้วเดี๋ยวกูค่อยพามึงไปสำเพ็งหาข้าวกิน”

พี่แทนว่าต่อให้เขาพยักหน้ารับ เจ้าตัวยื่นแก้วน้ำมะพร้าวของตัวเองมาให้เขาถือ จัดการรวบถุงใส่ผ้าที่กองอยู่ที่พื้นกระจัดกระจายขึ้นมาไว้ในสองมือ เดินนำเขาไปที่ลานจอดรถ เพราะว่าวันนี้ตั้งใจมาซื้อของกันหลายอย่าง พี่แทนจึงยืมรถเก๋งของพี่ต้นมาใช้เฉพาะกิจ

วันหยุดนี้เขาตั้งใจจะไปค้างบ้านพี่แทนเพื่อช่วยงานแม่กุ้ง ช่วงนี้เขาเห็นว่าแม่ยุ่งจนหัวหมุน หนึ่งคือเพราะร้านออนไลน์ที่เขาเปิดขายชุดมันเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น ทำให้ตอนนี้มีออเดอร์เข้ามาแทบทุกวัน สองคืองานที่แม่รับมาจากโรงเรียนต่างๆ ซึ่งช่วงนี้จะเยอะเป็นพิเศษ เพราะใกล้จะปิดเทอมแรกแล้ว แต่ละโรงเรียนก็มักจะมีการจัดกิจกรรมก่อนปิดภาคเรียนกันทั้งนั้น

รวมถึงโรงเรียนที่เขาสอนด้วย

ในตอนที่กำลังตื่นเต้นว่าได้ออเดอร์มาใหม่มาให้แม่กุ้งจากโรงเรียน ปรากฏว่าสิ่งที่ได้มาเห็นกลับเป็นสภาพเหนื่อยล้าของแม่ เพราะงานมันมีเป็นช่วงๆ แม่ถึงไม่อยากปฏิเสธลูกค้าคนไหน ทำงานหามรุ่งหามค่ำทุกวัน เมื่อเห็นความตั้งใจของแม่แล้วเขาก็ไม่อยากห้าม เสาร์อาทิตย์นี้เขาเลยอยากมาช่วยแม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างแรกก็คือการมาเดินเลือกซื้อวัสดุอุปกรณ์จำเป็นที่แม่กุ้งจดรายการมาให้

“หรือถ้ามึงร้อนมาก ไปกินข้าวในห้างกันไหม”

แทนคุณเอ่ยถามเมื่อใส่ของไว้ท้ายรถเรียบร้อยแล้ว เขาเหลือบมองรุ่นน้องตัวเล็กที่วันนี้มีหมวกบักเกตสีเขียวทหารกันแดดอยู่บนหัว เสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งที่ใส่มาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แก้มขาวขึ้นสีแดงจัดเพราะความร้อนของแดดยามเที่ยง เมื่อเห็นแบบนี้เขาก็อดจะสงสารมันไม่ได้ พ่อแม่เขาจะว่ายังไงถ้ารู้ว่าพาลูกชายเขามาลำบากแบบนี้

“ไม่เป็นไร ผมกินอะไรก็ได้ครับพี่ ไม่อยากให้พี่ขับรถอ้อมไปอ้อมมาด้วย”

“...”

เขามองคนที่กระพือเสื้อตัวเองเรียกลม วันนี้ทั้งวันเขาได้แต่เดินตามมันเลือกผ้าอยู่หลายชั่วโมง เข้าร้านนั้นออกร้านนี้ไม่รู้จักหยุดหย่อน ต่อราคาแบบไม่คิดชีวิต นี่ถ้าไม่มีลูกอ้อนเขาว่ามันคงโดนแม่ค้าหลายร้านตบไปแล้ว

ทั้งที่ต้องมาลำบากลำบนแบบนี้

บ่นมันก็ไม่รู้จักบ่นสักคำ..



“แล้วอีกอย่าง ผมอยากซื้อของให้เสร็จเร็วๆ ผมอยากกลับไปช่วยแม่กุ้งแล้ว”



ทั้งๆ ที่เรื่องของตัวเองก็ไม่ใช่..ยังเป็นเดือดเป็นร้อนได้ขนาดนี้



“พี่แทน ซื้อของเสร็จ ก่อนกลับเราแวะซื้อเกาลัดให้แม่กุ้งกันเนอะ”



แถมยังมีหน้ามาห่วงแม่เขาออกหน้าออกตาเกินใครแบบนี้..



“งั้น มึงชอบกินข้าวหมูแดงหมูกรอบไหม กูมีร้านประจำอยู่”

“เย้ ข้าวหมูแดง~”



กับคนที่ดีใจเพราะข้าวหมูแดง

กับคนแบบนี้..



“งั้นก็จับมือกูไว้ คนเยอะฉิบหาย”

“...”

“...”

แค่พี่น้อง มันแม่งไม่พอจริงๆ












“มาแล้วหรอน้องหมีพูห์”

“มาแล้วครับแม่กุ้งงงงง”

พูรินวิ่งลงจากรถทันทีที่รถจอดสนิท สองมือถือของกินที่ตั้งใจจะซื้อมาฝากคนที่บ้าน เอ้ย ซื้อมากินกับคนที่บ้านพะรุงพะรัง จากตอนแรกที่จะซื้อแค่เกาลัด เดินไปเดินมากลับได้กระเพาะปลา ขนมจีบ ขนมปังนมเนย และอีกสารพัดของกินมาได้ยังไงก็ไม่รู้

“ผมซื้อของกินมาฝากแม่กุ้งเยอะแยะเลย ของที่แม่สั่งก็ได้ครบทุกอย่างเลยครับ” รีบรายงานความคืบหน้าพร้อมกับเดินเอาถุงกับข้าวไปวางไว้บนโต๊ะอาหาร

“งั้นกินข้าวกันก่อน แล้วเดี๋ยวแม่ค่อยทำงานต่อ”

“ใช่แม่กุ้ง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง!”

พูรินตื่นเต้นรีบวิ่งไปในครัวเพื่อหยิบจานชามมาใส่อาหาร พี่แทนหิ้วถุงผ้าและของที่ซื้อมาไปวางไว้ในห้องทำงานของแม่กุ้ง ก่อนจะมานั่งร่วมโต๊ะกินข้าวด้วยกัน

“แม่กุ้ง วันก่อนผมคุยกับครูจันทร์มา ผมมีข้อเสนอสุดเจ๋งมาเสนอแม่กุ้งด้วย” พูรินพูดไปพลางกัดขนมปังนมเนยเคี่ยวตุ้ยๆ ให้แม่กุ้งหลุดขำ เจ้าตัวเหมือนจะพูดเรื่องจริงจังแต่หน้าตาไม่ให้เอาซะเลย

“ครูจันทร์บอกว่าปกติคือการแสดงประจำปีในแต่ละชั้น นักเรียนคนนึงอาจจะต้องมีชุดในการแสดงสี่ถึงห้าชุด แต่คือเพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ ทางโรงเรียนจะให้ผู้ปกครองซื้อชุดแค่ชุดเดียวเพื่อเป็นที่ระลึก ที่เหลือก็ใช้จ่ายเพียงค่าเช่าชุด แม่เห็นไหม มันเจ๋งที่สุดไปเลยเนอะ”

แม่กุ้งโคลงหัวด้วยความงงงวย เจ้าตัวยังไม่เข้าใจว่าที่น้องหมีพูห์บอกว่าเจ๋งสุดมันคืออะไร

“ตอนที่ผมฝันว่าผมอยากมีโรงเรียนสอนการแสดง ตอนนั้นผมก็ยังฝันอีกว่าจะได้ตัดชุดน่ารักๆ ให้เด็กๆ ใส่ ตอนนี้ผมกำลังเก็บประสบการณ์การเป็นครูอยู่ ถึงผมจะยังไม่พร้อมแต่มันก็คงจะดีมากถ้าผมจะได้เริ่มทำอะไรสักอย่าง ผมลองปรึกษาพ่อผมดูแล้ว ถ้าแม่กุ้งเห็นด้วย เรามาเปิดร้านด้วยกันไหมครับ!”

“หืม..”

อีกสองคนบนโต๊ะอาหารครางออกมาเมื่อได้ยินข้อเสนอจากเขาแบบไม่ทันตั้งตัว พูรินเล่ารายละเอียดถึงสิ่งที่เขาคิดให้ทั้งคู่ฟัง มันอาจจะเป็นไอเดียที่เพิ่งเกิดขึ้นมาไม่นาน แต่ว่ามันก็ได้รับการกลั่นกรองและพิจารณาถึงความเป็นไปได้ทางธุรกิจจากพ่อและแม่ของเขาที่มีความรู้ด้านการลงทุนเป็นอย่างดี อีกทั้งทั้งคู่ก็ดูจะพอใจเป็นอย่างมากที่เห็นเขาเริ่มคิดที่จะลงมือทำในสิ่งที่เขาใฝ่ฝันมานาน

ก็อย่างที่บอกว่าบ้านเขามันแนวการ์ตูน แล้วตัวเอกในการ์ตูนที่ดีก็ควรที่จะต้องไล่ล่าตามความฝัน

และอีกเหตุผลที่เขาอยากเริ่มลงมือทำอะไรสักที ก็เพราะว่าเขาเห็นแม่กุ้งเหนื่อยมามากแล้ว จะให้มานั่งตัดชุดหลังคดหลังแข็งทั้งวันเพื่อแลกกับเงินไม่กี่บาทเขาก็อดจะห่วงไม่ได้

เขาไม่ได้จะดูถูกนะ เงินที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงน่ะ มันสุดยอดที่สุดอยู่แล้ว

แต่เขาก็แค่อยากให้แม่กุ้งสบายขึ้นบ้าง แม่ทำงานมาแล้วตลอดทั้งชีวิต เขาอยากให้แม่ได้ทำงานแบบไม่ต้องหามรุ่งหามค่ำแบบทุกวันนี้บ้าง เขาตั้งใจจะให้แม่กุ้งตัดชุดตามที่เขาบอกไว้ให้เช่าในร้าน แรกๆ อาจจะเป็นชุดสัตว์ ชุดเจ้าหญิง หรือชุดซุปเปอร์ฮีโร่ของเด็กๆ ที่ไว้ใส่ในงานวันเกิด วันฮัลโลวีนหรือวันแสดงของโรงเรียนแบบนี้ และถ้ามันไปได้ดีเขาก็คิดถึงขั้นอยากจะจ้างคนมาช่วยแม่กุ้ง แล้วให้แม่กุ้งตัดเย็บเสื้อผ้าแล้วสร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมาเลยด้วย

และเมื่อเขาพร้อม เขาก็อยากจะชวนเพื่อนๆ ที่สนใจมาเปิดสอนการแสดง การร้องเพลง หรือเล่นดนตรีในร้านด้วยกัน เริ่มจากศูนย์ เขาว่าถ้าเราค่อยๆ ลงมือทำ มันก็น่าจะมีทางที่ทำให้มันสำเร็จได้จริงๆ

“แม่กุ้งลองไปคิดดูน้า แล้วผมจะเข้าไปคุยกับพ่อผมเอง” แน่นอน สปอนเซอร์ของเขาก็มีพร้อมแล้วเหมือนกัน

“ขอบคุณนะน้องหมีพูห์ เดี๋ยวแม่ขอไปคิดกับพี่แทนก่อนนะ ถ้าทำจริงๆ แม่ก็อยากร่วมทุนด้วย”

“ไม่ๆๆ ผมแค่อย..”

“พอๆ แม่กูพูดแล้ว ยังไงพวกกูปรึกษากันก่อน วันนี้พอแค่นี้ มัวแต่พูดแล้วเมื่อไหร่จะได้ทำงานสักที”

พี่แทนเอ่ยเบรกให้เขาหน้ามุ่ย เจ้าตัวลุกขึ้นยืนเก็บจานชามบนโต๊ะให้เขารีบยันตัวขึ้นช่วย เมื่อล้างจานเสร็จ พูรินก็รีบวิ่งฉิวไปห้องทำงานของแม่ เสียงจักรตัวเดิมร้องคำรามไม่หยุด เขาเห็นแม่มีสมาธิกับงานก็ไม่อยากจะไปกวน เดินตรงไปยังโต๊ะที่ใช้ตัดผ้าแล้วเริ่มลงมือทำอย่างชำนิชำนาญ สักพักพี่แทนก็เดินตามเข้ามา เราสามคนนั่งทำงานกันอยู่คนละมุมไม่พูดไม่จากันจนดึก จนในที่สุดเมื่อเหลือแต่งานเย็บกระดุมและงานปักผ้า แม่กับเขาก็ย้ายไปนั่งช่วยกันเย็บที่พื้นหน้าทีวี แทนคุณมองสองคนที่มือเป็นระวิง แต่ปากก็ไม่หยุดคุยจ้ออย่างสนิทสนม เขาจำไม่ได้ว่ามันเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่เสียงหัวเราะของแม่กลับมาดังกังวานแบบนี้

อาจจะเป็นตั้งแต่ที่มีอีกคนเข้ามาในชีวิตของเรา

ในที่สุดเมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรให้ช่วย เขาจึงขอตัวขึ้นห้องมาก่อน แอบเคืองนิดๆ ที่แม้แต่ตอนบอกลาก็ไม่มีใครสนใจ แม่ยกปัดมือไล่ลวกๆ ก่อนจะหันไปคุยกับน้องต่อ ร่างหนารู้สึกหมั่นไส้ เหมือนในที่สุดแผนที่หมีพูห์ตั้งใจจะขโมยแม่เขามันคงใกล้จะสำเร็จแล้วจริงๆ



“แม่” แทนคุณที่นั่งเล่นกีตาร์อยู่ในห้องนอนยันหลังขึ้นตรงเมื่อเห็นแม่ของเขาเดินผ่านประตูเข้ามา หน้าตาอิดโรยที่เห็นมาแต่ไกลทำให้เขารีบลุกขึ้นไปประคองอีกคนในทันที

“เหลือเยอะไหมแม่ แม่ไปพักก่อนเถอะ”

“เสร็จหมดแล้ว แม่กำลังจะไปนอน” แม่เขาตีมือที่กุมกันไว้เบาๆ เอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้ม

“เราลงไปดูน้องให้แม่หน่อยเถอะ หลับคาโต๊ะไปแล้วรายนั้น”

เขาพยักหน้ารับ เดินไปส่งแม่ที่ห้องนอนก่อนจะเดินลงไปที่ชั้นล่างของบ้าน ทันทีที่เดินพ้นบันได ภาพที่เห็นก็ทำให้เขาใจสั่น หมีพูห์ที่นอนเอาแก้มซบลงกับโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ ข้างตัวมีผ้ากองโตที่ถูกพับอย่างเป็นระเบียบตั้งอยู่ เมื่อเข้าไปใกล้ เขารอบมองตากลมโตที่ปิดสนิทส่งให้เห็นแพขนตายาวได้อย่างชัดเจน ริมฝีปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อยกับเสียงหายใจเบาๆ ที่บอกให้รู้ว่าวันนี้เจ้าตัวเหนื่อยมากแค่ไหน

แทนคุณนั่งบนส้นเท้าเฝ้าพิจารณาคนตัวเล็กตรงหน้า อย่างไม่คิดหน้าคิดหลังเขาเอื้อมหลังมือไปลูบแก้มเนียนใสของอีกฝ่าย มันเนียนและใสจนในที่สุดก็ไม่อาจห้ามใจ เผลอก้มลงกดจมูกแนบชิดลงไป สูดเอากลิ่นดอกไม้หอมๆ เข้าจนเต็มปอด ก่อนจะยอมผละออกมาทันที เมื่ออีกคนยกมือขึ้นตบแก้ม ทำหน้าตารำคาญเหลือทนเพราะคงคิดว่าโดนยุงกัด เปลือกตาขยับเคลื่อนไหวเหมือนเจ้าตัวเริ่มมีสติอีกครั้ง

“พี่แทน...” คนที่สะลึมสะลือยันตัวเองตั้งตรง บิดขี้เกียจไปมาก่อนจะสะดุ้งอย่างตกใจเมื่อจำได้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน

“ผมเผลอหลับไปได้ไงเนี้ย” ท่าทางตื่นตูมของอีกคนทำให้คนฉวยโอกาสยิ้มขำ ตื่นมาก็โวยวายว่าตัวเองว่าแย่จริงๆ ที่ปล่อยให้แม่กุ้งทำงานคนเดียว อย่างนี้งานจะทันส่งได้ยังไง

“เสร็จหมดแล้วมึง แม่กูก็ขึ้นไปนอนแล้ว”

“โธ่~ ผมนี่มันไม่ได้เรื่องเลยอ่ะ”

พูดเองก็หน้างอเอง เขาไม่เห็นว่าจะมีใครด่ามันสักคำ แทนคุณส่ายหน้าคล้ายระอาเมื่อน้องมันบ่นไม่หยุด จนในที่สุดเขาก้เอื้อมยกมือไปวางบนกลุ่มผมนุ่มเบาๆ ก่อนจะลูบไปมาอย่างที่เคยทำ

“แค่นี้มึงก็ช่วยได้เยอะแล้ว”

“...”

“ขอบใจมึงมากเลยนะหมีพูห์”

“...”

พูรินที่อ้าปากโวยวายไม่หยุดชะงักในทันที เมื่อหันไปมองเจ้าของความอบอุ่นบนหัวจึงได้เห็นว่าอีกคนมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ถ้าให้เปรียบเทียบ เขาคิดว่ารอยยิ้มของพี่แทนในตอนนี้เหมือนแสงอาทิตย์ที่เจิดจ้า มันสาดส่องเข้ามาสร้างความอบอุ่นทั่วพื้นที่ในหัวใจ และยังจะแววตานั่นอีก มันดูหวานเสียจนใจเขาสั่น เป็นอีกครั้งที่เขาอยากคิดเข้าข้างตัวเองเหลือเกิน

แค่มุม VIP ของบราเทอร์โซน มันไม่พอจริงๆ

“มะ..ไม่เป็นไรเลยพี่ แค่นี้สบายมาก”

“พรุ่งนี้ไปดูหนังกันนะ” พูรินชะงักเมื่อจู่ๆ อีกคนก็พูดไปอีกเรื่อง

“เอ่อ..คือ..”

“ไม่ต้องโทรชวนไอ้พุทธ”

พี่แทนรีบพูดแทรกขึ้นมาทันที ให้เขายิ้มแหยส่งไปให้ ก็เพราะตอนนั้นยังทำใจไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ รอบที่แล้วที่พี่แทนชวนไปดูหนังเขาเลยลากไอ้พุทธไปด้วย วันนั้นยังจำได้ดีว่าพี่แทนโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ที่จะพาไปเลี้ยงข้าวก็ไม่ได้ไป เขาไม่รู้มาก่อนว่านอกจากพี่ต้นแล้ว พี่แทนก็ไม่ค่อยชอบไอ้พุทธเหมือนกัน

“ตกลงไหม”

“งั้น..ชวนแม่กุ้ง..”

“ไม่ต้องชวน ทำไม ไปกับกูสองคนไม่ได้หรือไง”

“...”

“ว่าไง”

“ก็ได้ครับ” ในที่สุดพูรินก็เอ่ยรับคำอย่างจนใจ

ก็ไม่ใช่ว่าจะเล่นตัวอะไรหรอกนะ เขาแค่นึกสงสารหัวใจที่มันต้องทำงานหนักอีกแล้วแค่นั้นเอง
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey น้ำผึ้งหยดที่เก้า: คำขอบคุณ มันดียิ่งกว่าแสงอาทิตย์อบอุ่น และหวานเหมือนน้
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 01-11-2019 17:17:51
(ต่อ)



วันนี้พูรินตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษ หลังอาหารเช้าที่นั่งกินกันสามคน แม่กุ้งกับพี่แทนก็กลับเข้าไปที่ห้องทำงาน กันอีกครั้ง ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ต้องเร่งส่งแล้ว เขาจึงขอแยกตัวออกมาจัดการแพคชุดที่เพิ่งทำเสร็จสดๆ ร้อนๆ เมื่อคืนตามออเดอร์ที่ได้รับ เขียนจ่าไปรษณีย์หน้าซองเรียบร้อยก็ใส่ถุงเตรียมเอาไปส่งในวันทำการพรุ่งนี้

“ถึงไหนแล้วมึง” ตอนที่กำลังนั่งเขียนที่อยู่ของออเดอร์สุดท้าย พี่แทนก็เดินเข้ามาพอดี

“ใกล้แล้วพี่แทน ซองนี้ซองสุดท้าย เดี๋ยวผมขอตรวจความเรียบร้อยอีกทีแล้วจะเข้าไปช่วยนะครับ”

“ไม่ต้อง วันนี้พอแค่นี้ ไม่มีอะไรเร่งส่งแล้ว กูอยากให้แม่พักบ้าง” ผมพยักหน้ารับ เด็กๆ อย่างเรานอนดึกแค่วันสองวันมันก็ยังพอทนได้ แต่กับแม่กุ้งที่เริ่มมีอายุมากแล้ว ยังไงสุขภาพก็สำคัญที่สุด

“กูบอกแม่แล้วว่าจะไปดูหนังกับมึง”

“...”

“ถ้ามึงเสร็จแล้ว ก็ออกไปกันเลย ดูรอบแรกคนจะได้ไม่เยอะ”

พูรินพยักหน้ารับ เขาว่าเขามันคนแปลก ในทุกครั้งที่พี่แทนบอกว่าจะพาไปดูหนัง ทั้งๆ ที่พี่มันพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดา แต่ทำไมเขาต้องคิดลึกตลอดเลยด้วยก็ไม่รู้

“หรือมึงไม่อยากไป” เมื่อเห็นว่าเขาก้มหน้างุด พี่แทนก็ถามเสียงฉุนออกมา ให้เขารีบส่ายหน้าปฏิเสธ

“ปะ..เปล่านะ คือ..”

Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

ไม่ทันจะได้ตอบดีก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงโทรศัพท์ของตัวเอง พูรินคว้ามันมาจากโต๊ะญี่ปุ่นข้างตัว เมื่อเห็นว่าเป็นคนที่เพิ่งเมมเบอร์ไว้ล่าสุดก็รีบกดรับ

“ครับ คุณณัติ” เขาเอ่ยรับสายคุณอาของน้องหมี ตั้งแต่วันที่ไปกินไอติมด้วยกัน คุณณัติก็ขอเบอร์เขาไว้ คุณณัติบอกเขาว่าแรกๆ น้องหมีไม่ค่อยชอบไปโรงเรียนเท่าไหร่ แต่พอมีวิชาเสริมของเขาขึ้นมา น้องหมีดูกระตือรือร้นอยากไปโรงเรียนมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังชอบร้องชอบเต้นเป็นพิเศษ เจ้าตัวจึงขอเบอร์ติดต่อเขาไว้ เผื่อว่าจะขอจ้างให้เขาไปสอนพิเศษวันเสาร์อาทิตย์ พูรินนิ่งคิดอยู่นานว่าควรจะให้เบอร์ดีไหม เขาเองก็รู้ว่าการมาสนิทกับเด็กคนใดคนหนึ่งมากเกินไปเป็นสิ่งไม่ดี เพราะมันจะกลายเป็นว่าเขาให้ความสำคัญกับเด็กในห้องไม่เท่ากัน เขาก็เลยคิดว่าเขาเองก็ควรรักษาระยะห่างเอาไว้ แต่ด้วยที่คุณณัติบอกจะโทรมาแค่เรื่องงานจริงๆ พอโดนคะยั้นคะยอหลายๆ ครั้งเข้า เลยตัดสินใจให้เบอร์ตัวเองไป

“ครับ อย่างที่บอก วันนี้ผมมาช่วยแม่กุ้งเย็บผ้าที่บ้านน่ะครับ”

แทนคุณที่นั่งอยู่ข้างคนคุยโทรศัพท์คิ้วกระตุก ตั้งแต่ได้ยินชื่อเขาก็รู้แล้วว่ามันเป็นใคร หมีพูห์เล่าเรื่องที่ไปกินไอติมกับนักเรียนให้ฟังแล้ว ตอนที่ได้ฟังก็หัวเสียแทบเป็นแทบตายเพราะรู้เจตนาไม่ซื่อของไอ้ผู้ปกครองคนนั้น แต่ก็พยายามเก็บกลั้นความรู้สึกเพราะรู้ว่าตัวเองยังไม่มีสิทธิ์จะไปพูดอะไร แล้ววันที่ตั้งใจจะสมัครขอใช้สิทธิ์ หมีพูห์มันก็ดันชวนไอ้พุทธมาเป็นก้างขวางคอซะงั้น

แล้ววันนี้ยังมาได้รู้ว่าไอ้บ้านั่นได้เบอร์น้องไป แถมยังสนิทกันถึงขั้นเล่าเรื่องของที่บ้านเขาให้มันฟัง ความรู้สึกหงุดหงิดมันจึงยากที่จะควบคุมเต็มทน

“ดูหนัง? วันนี้หรอครับ” พูรินพูดทวนในสิ่งที่ได้ยิน เขาหันไปมองข้างตัวเมื่อเห็นใครอีกคนสบถอะไรออกมาก็ไม่รู้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“วันนี้คงไม่ได้น่ะครับ ผมมีนัดแล้ว”

“...” แล้วก็แปลว่าวันอื่นได้หรือไงวะ

“ครับ ฝากขอบคุณน้องหมีด้วยนะครับที่ชวน”

แมนสุดแล้วมึงน่ะ ใช้หลานมาอ้างตลอด

พูรินกล่าวลาอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท กดวางแล้วทิ้งโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะเหมือนเดิม ก่อนจะหันไปทำงานที่ค้างไว้ต่อ

“ใกล้เสร็จแล้วนะพี่แทน”

“...”

“พี่แทน? ”

“ถ้ามึงไม่อยากไปดูหนังกับกู ก็ไม่เป็นไรนะ” พูรินชะงักไปเมื่อได้ยินคำจากอีกฝ่าย เหลือบตาไปมองคนที่ทำหน้าบึ้งหันไปมองทางอื่นไม่ยอมสบตากัน

“ไปดิพี่ ใกล้เสร็จแล้ว รอแป๊บเดียวนะครับ” คนที่ยังวุ่นอยู่กับงานตรงหน้า คิดว่าตัวเองทำให้อีกฝ่ายรอนานจนหงุดหงิด สองมือเร่งเก็บซองพัสดุใส่ถุงอย่างรวดเร็ว ปากก็พยายามชวนคุยไม่อยากให้อีกคนเบื่อ

“พี่แทนว่าร้านที่ผมบอกแม่กุ้งไปจะเวิร์คไหม ผมอยากให้แม่ตกลงทำกับผมจังเลย”

“ก็ดี”

“โธ่ แค่ก็ดีหรอ คนอุตส่าห์เล่าตั้งยืดยาวทั้งคืน ความเห็นมีแค่เนี้ย” เขาแกล้งทำเป็นบ่นน้อยใจ ที่จริงแค่คนพูดน้อยแบบพี่แทนบอกว่าก็ดีเขาก็ดีใจจะตายแล้ว

“ผมเล่าให้คุณณัติฟัง เขาช่วยแนะนำผมหลายอย่างเลย เขาเองก็มีร้านอาหารอยู่ พอจะรู้เรื่องการบริหารอยู่บ้าง เขายังบอกเลยว่าไอเดียผมดี อยากลงทุนร่วมกับผม”

“งั้นมึงก็ไปทำกับมันสิ” คนที่ความอดทนลดลงเหลือขีดแดงพลั้งปาก ทั้งๆ ที่พยายามเพิกเฉยเรื่องที่มันจะไปดูหนังกับไอ้บ้านั่นเมื่อกี้ มันยังจะมาพูดชื่ออีกคนให้อารมณ์ขึ้นอีก

“ไหงงั้นอ่ะ ผมจะทำกับแม่กุ้ง” พูรินว่ากลั้วหัวเราะ ยังคงไม่รับรู้ถึงอารมณ์ที่ไม่คงที่ของอีกคน

“ผมอยากให้แม่กุ้งสบายสักที แม่กุ้งเหนื่อยมาเยอะแล้ว” พูรินที่ตอนนี้เก็บของเสร็จเรียบร้อย เดินเอาถุงทั้งหมดไปเรียงริมกำแพง ส่งเสียงเจื้อยแจ้ว “เมื่อคืนผมสัญญากับแม่กุ้งไว้แล้ว ว่าเมื่อไหร่ที่พี่แทนจะไปอเมริกา ผมจะเป็นคนดูแลแม่เอง”

“ห๊ะ มึงว่าไงนะ มึงบอกแม่กูหรอว่ากูจะไป”

“อืม ผมบอกเมื่อคืนอ่ะ”

“ถ้ามึงจะพูดเรื่องของกู มึงก็ควรขออนุญาตกูก่อนไหม”

จู่ๆ น้ำเสียงที่เปลี่ยนเป็นเย็นชาของอีกคน ทำให้พูรินรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เขาหันไปมองหน้าคนที่ทำตาแข็งจ้องมองมา จู่ๆ เขาก็รู้สึกหน้าชายังไงไม่รู้

“เอ่อ..คือ.. พี่แทน...ผม..”

“กูเคยขอให้มึงบอกหรอ” เหมือนคนที่โกรธสะสมจะสามารถหาเหตุผลที่เหมาะสมให้ตัวเองในการโกรธคนตรงหน้าได้ในที่สุด ที่จริงเขาเองก็เคยคิดไว้เหมือนกัน ว่าถ้าเขาไปจริงๆ เขาจะขอให้มันช่วยมาเล่นกับแม่เขาบ้าง แค่เพียงตอนนี้ความโมโหที่มีมากกว่า มันพาให้เขานึกอยากพูดอะไรให้อีกคนช้ำใจเหมือนที่เขากำลังเป็นบ้าง

“พี่แทน ผมขอโทษ ผมไม่รู้ว่าแม่กุ้งยังไม่รู้นี่น่า ผมก็แค่อยากให้แม่กุ้งสบายใจเฉยๆ”

“...”

“อ๋อ ผมรู้แล้วว่าที่พี่ลังเล เพราะพี่กังวลที่จะปล่อยแม่กุ้งไว้ที่นี่คนเดียวใช่ไหม ผมช่วยดูแม่กุ้งให้ได้นะ พี่ไม่ต้องกังวลเลย เนี่ยพอทำร้านด้วยกัน แม่กุ้งก็จะได้ยุ่งๆ ไม่มีเวลาเหงา แปปเดียวพี่ก็กลับมาแล้ว”

“มันก็เรื่องของกูไหมหมีพูห์” คนที่พยายามพูดอธิบายชะงักเมื่อแทนคุณพูดเสียงดังขึ้นเหมือนตะคอก

“กูเคยขอให้มึงช่วยหรือไง”

“...”

“จะบอกหรือไม่บอก จะอยู่กันได้หรือไม่ได้ มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับมึงเลยสักนิด”

“...”

“แล้วถ้ามึงมีใครที่มึงอยากทำร้านด้วย มึงก็ไปทำกับเขา ไม่ต้องมาปฎิเสธเพราะสงสารพวกกู”

พูรินยืนนิ่งทบทวนสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เขาเพิ่งรู้ว่าคำพูดของใครบางคนมีอิทธิฤทธิ์ทำลายล้างได้มากมายเพียงนี้ ในชีวิตของพูริน เขามีคนสำคัญที่สุดเพียงไม่กี่คน เขาก็เพียงแค่อยากจะดูแลสิ่งที่เขารักให้ดีที่สุดแค่นั้น ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไรเลย แต่มันกลับกลายเป็นว่า สิ่งที่เขาพยายามทำเพราะคิดว่ามันดี กลับทำให้ใครอีกคนรู้สึกอึดอัดใจ

“ผม..ผมขอโทษ..ผมแค่คิดว่าแม่กุ้ง คิดว่าพี่แทน เป็นคนสำคัญของผม..ผมก็เลยอยากช่วย..ผมแค่หวังดี”

เหมือนพอได้ระเบิดอารมณ์ไป ใครอีกคนก็หัวเย็นลง เมื่อได้ยินเสียงสั่นไหวของรุ่นน้อง เจ้าตัวก็หันหน้าไปมองคนที่ตอนนี้ยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาปอยๆ

“หมีพูห์คือกู...”

“แต่พี่พูดถูก..ผมมันเสือกเอง ผมเข้ามายุ่งเอง ในทุกเรื่อง ผมขอโทษนะพี่แทน..ขอโทษจริงๆ ” พูรินรีบคว้ากระเป๋าสะพายของตัวเองมาถือไว้

“ผมจัดการพัสดุเสร็จแล้ว พรุ่งนี้ก็แค่ต้องรบกวนพี่ช่วยเอาไปส่ง ผมกลับล่ะ ผมขอโทษอีกครั้งนะครับ”

พูรินพูดรัวๆ แม้แต่ในเวลาแบบนี้เด็กดีก็ไม่ลืมที่จะยกมือไหว้อีกคนเป็นการกล่าวลา เขารีบหันหลังวิ่งออกมาทันทีแม้จะมีเสียงเรียกชื่อรั้งไว้

เรื่องทั้งหมดมันก็เป็นเพราะเขา เพราะการที่คนตรงหน้าเป็นคนสำคัญลำดับต้นๆ ในชีวิตของเขา มันก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะเป็นสิ่งเดียวกันในชีวิตของอีกฝ่าย พี่แทนพูดถูกทุกอย่าง ไม่มีใครเคยขอร้อง ขอความช่วยเหลือจากเขาเลยสักคน มีแต่เขาที่เข้ามายุ่งวุ่นวาย ยกคำว่าหวังดีมาเป็นข้ออ้างในการไปยุ่งกับเรื่องของคนอื่น

“ฮึก”

เรื่องที่จะไปอเมริกา พี่แทนเองก็ไม่เคยปริปากเล่าให้เขาฟังเลยสักครั้ง เขายังจำวันที่พี่นิ้งถามแล้วพี่แทนบ่ายเบี่ยง พี่แทนไม่ได้อยากให้เขารู้ พี่เขาแค่อยากเล่าให้คนสำคัญฟังเท่านั้น

พูรินขึ้นมานั่งบนแท็กซี่ พยายามปัดป่ายน้ำตาที่ร่วงไหลไม่หยุดไปมา เขาไม่อยากร้องไห้อีกต่อไปแล้ว

เพราะต่อจากนี้...

ในทุกครั้งที่ร้องไห้ มันจะไม่มีอ้อมกอดที่แสนคุ้นเคยมาคอยคุ้มกันเขาอีกต่อไป....



****************

#หมีแทนที่รัก

เคยบอกไปแล้วหลายครั้งว่าหมีพูห์มันเป็นคนเยอะ แถมมันยังเป็นคนซื่อ หนึ่งคือเห็นได้จากที่น้องมันไม่รู้จริงๆว่าโดนคุณณัติจีบ แล้วนอกจากนั้นคือมันทุ่มเทอะ รักมาก เสียใจมาก คิดเองเก่งมาก เพราะว่าดูแต่การ์ตูนมาตลอด โลกของน้องมันจะมีแค่สีขาวกับสีดำ คือคิดว่าดีก็ทำให้ โดยที่บางทีมันก็ลืมความพอดีไปบ้าง

ตั้งแต่เขียนนิยายมา หมีพูห์เป็นตัวละครที่มีนิสัยเหมือนเราตอนเด็กๆมากที่สุด คนที่พยายามจะเปลี่ยนแปลงทุกอย่างบนโลกให้เป็นไปในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าดี ปัญหาคือ เราเปลี่ยนโลกไม่ได้ และ สิ่งที่เราเคยคิดว่าดีว่าดีที่สุดสำหรับเรา ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคนอื่นเสมอไป ดังนั้นคนประเภทนี้ก็จะค่อนข้างพบกับความผิดหวังบ่อยๆ เพราะมีความคาดหวังกับทุกสิ่งทุกอย่างตลอดเวลา

แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ น้องจะโตขึ้น

เหมือนเราทุกคนที่เจ็บ ที่เรียนรู้ และในที่สุดก็เข้าใจ
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey น้ำผึ้งหยดที่เก้า: คำขอบคุณ มันดียิ่งกว่าแสงอาทิตย์อบอุ่น และหวานเหมือนน้
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-11-2019 00:18:20
 :z6: :z6: อีพี่แทนทำน้องหมีร้องซะแล้ว  :z6:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey น้ำผึ้งหยดที่เก้า: คำขอบคุณ มันดียิ่งกว่าแสงอาทิตย์อบอุ่น และหวานเหมือนน้
เริ่มหัวข้อโดย: Stiiiii ที่ 02-11-2019 00:50:25
พี่แท๊นนนนนนน กดโกรธๆๆๆๆๆๆ
น้องร้องแล้วนะ
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey น้ำผึ้งหยดที่เก้า: คำขอบคุณ มันดียิ่งกว่าแสงอาทิตย์อบอุ่น และหวานเหมือนน้
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 02-11-2019 02:12:56
โอ้โห โมโหอ่ะ ถ้ารู้ว่าอารมณ์ร้อนแล้วเป็นแบบนี้ก็เงียบเถอะ
น้องเด็กกว่ายังไม่งี่เง่าขนาดนายเลยอ่ะแทนคุณ
งงมาก ทำไมต้องพาลมาพูดทำร้ายจิตใจขนาดนี้
 :fire: :fire: :fire:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey น้ำผึ้งหยดที่เก้า: คำขอบคุณ มันดียิ่งกว่าแสงอาทิตย์อบอุ่น และหวานเหมือนน้
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 02-11-2019 10:47:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey น้ำผึ้งหยดที่เก้า: คำขอบคุณ มันดียิ่งกว่าแสงอาทิตย์อบอุ่น และหวานเหมือนน้
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 02-11-2019 11:33:43
ยังไม่บอกรักเขา ดันมาหึงมานอย ไม่เป็นผู้ใหญ่ซะเลยแทน
สงสารหมูพีเลย
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบ:. วันที่ได้อยู่กับคุณคือวันโปรดของฉัน ดังนั้นวันนี้มัน
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 03-11-2019 14:40:59
.:น้ำผึ้งหยดที่สิบ:.

A day spent with you is my favorite day. So today is my new favorite day.

.

.

วันที่ได้อยู่กับคุณคือวันโปรดของฉัน ดังนั้นวันนี้มันจึงเป็นวันที่ฉันโปรดปรานที่สุด

















“เฮ้ออออ”

พูรินพรูลมหายใจออกอย่างเหนื่อยอ่อน ซบแก้มลงบนแขนเรียวที่วางพาดยาวอยู่บนโต๊ะไม้ในห้องสมุดของมหา’ลัย ตากลมไล่มองหนังสือที่กองซ้อนกันอยู่ตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจยาวๆซ้ำอีกครั้ง เขาสงสัยเหลือเกินว่า ทำยังไงถึงจะสามารถยัดทุกอย่างเข้าไปในหัวให้ทันวันสอบที่จะมาถึงอาทิตย์หน้าได้

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ตั้งใจอ่านหนังสือนะ อาทิตย์นี้เขาอ่านมันทุกวัน แต่แค่มันไม่เข้าหัวเลยสักนิดต่างหาก

ตั้งแต่เปิดเทอมแรกของปีสามมา ชีวิตของพูรินแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีคำว่าวันว่างเลยด้วยซ้ำ เขาจำไม่ได้เลยจริงๆ ว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่มีเวลาย้อนกลับไปดูการ์ตูนเรื่องเก่าๆซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างที่เคยชอบทำเป็นประจำเมื่อก่อน

เพราะเวลาที่ว่างหลังเลิกเรียน ส่วนหนึ่งเขาใช้มันเพื่อทบทวนบทเรียนและเตรียมการเรียนการสอนที่โรงเรียนอนุบาล ส่วนเวลาที่เหลือถ้าเขาไม่ใช้มันสอนภาษาอังกฤษพี่แทน เขาก็จะไปขลุกอยู่กับแม่กุ้งให้แม่ช่วยสอนเขาเย็บผ้า ขนาดแม่กับพ่อที่ไม่ค่อยอยู่บ้านให้เขาบ่นคิดถึง ตอนนี้ทั้งสองกลับเป็นฝ่ายเอ่ยปากว่าหาตัวเขาไม่ค่อยเจอ

ตอนนี้พ่อกับแม่เขาหย่าขาดกันเรียบร้อยแล้ว แต่สำหรับชีวิตประจำวันของเขามันไม่มีผลกระทบอะไรเลยสักนิดแบบที่แม่เคยบอก ด้วยความที่ทั้งคู่ก็ต่างเดินทางอยู่ตลอดเวลา ทั้งสองเลยตกลงกันว่าจะยกบ้านหลังนี้เป็นชื่อเขา อาจจะแยกกันคนละห้อง แต่ทั้งพ่อและแม่ต่างก็มาได้ทุกเมื่อเมื่ออยากมาเจอเขา ถึงจะยากไปสักหน่อย แต่เขาว่าเขาก็เริ่มทำใจได้มากขึ้นแล้วจริงๆ

ถึงช่วงหนึ่งเทอมที่ผ่านมาจะวุ่นๆอยู่ตลอด แต่เขาก็รู้สึกว่ามันเป็นหนึ่งช่วงชีวิตที่เขาใช้เวลาในแต่ละวินาทีได้คุ้มค่าที่สุด ถึงแม้จะเหนื่อยไปบ้าง แต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยประสบการณ์ใหม่ๆ เป็นช่วงเวลาที่ได้เรียนรู้ทั้งความสุขและทุกข์ จนเขาคิดว่าเขาคงจะไม่สามารถลืมมันได้เลยตลอดทั้งชีวิต

แต่มันก็คงไม่มีอีกแล้ว..

ตั้งแต่วันที่พี่แทนโกรธ เขาก็มานั่งคิดพิจารณากับเรื่องที่ทำให้เราทะเลาะกัน เขายอมรับว่าวันนั้นทั้งกลัวทั้งตกใจ ถึงจะรู้ว่าพี่แทนปากร้าย แต่จริงๆ แล้วพี่แทนไม่เคยเลยสักครั้งที่จะพูดจาทำร้ายจิตใจกันแบบนั้น เขาคงทำให้พี่แทนโกรธและเกลียดเขาไปแล้วจริงๆ

แม่กุ้ง...

เขาคิดถึงแม่กุ้ง~

อย่างจำใจ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจปิดร้านออนไลน์ที่เปิดให้แม่กุ้งเป็นการชั่วคราว พอมาคิดดู จริงๆ ที่ช่วงหลังแม่กุ้งทำงานจนหามรุ่งหามค่ำส่วนหนึ่งมันก็เป็นเพราะเขา ถ้าเขาไม่รับงานมาให้แม่เพิ่ม แม่คงไม่ต้องมาลำบากลำบนอะไรแบบนี้ เขาโทรไปบอกแม่แล้วว่ามันเป็นช่วงใกล้สอบ เขาคงไม่มีเวลาได้ดูร้านให้ และคงไม่ได้ไปช่วยติวหนังสือให้พี่แทนอีกแล้ว แม่กุ้งไม่ว่าอะไรเลยสักคำ แถมยังบอกว่าถ้าเขาว่างๆ ให้ไปหาแม่บ้าง อย่าปล่อยให้แม่คิดถึงนาน

พูรินหยิบหูฟังขึ้นมาเสียบ กดเปิดแอปฟังเพลงในโทรศัพท์ เลือกธีมเพลงดิสนีย์ที่เขาเป็นคนจัดไว้ กดเล่นเพลงแบบแรนดอมก่อนที่จะปิดเปลือกตาที่แสนหนักอึ้งขอตัวเองลง เขาขอพักสักหน่อย ขอแค่สักครึ่งชั่วโมงก็พอ เขาอยากหลุดลอยเข้าไปในดินแดนมหัศจรรย์ที่เขาชื่นชอบที่สุดโดยไม่คิดเรื่องอื่น มันเป็นวิธีที่เขาใช้บ่อยๆ มันเคยได้ผลเสมอเวลาเขามีเรื่องทุกข์ใจ

‘You've got a friend in me...’

เมื่อท้วงทำนองที่คาดไม่ถึงลอดผ่านหูฟังออกมา เขาก็ได้แต่หัวเราะหึในลำคอ ปลายจมูกร้อนผ่าว น้ำใสชื้นเอ่อล้นตากลมที่ยังปิดสนิท

ในยามที่พยายามจะไม่คิดถึงใครบางคน ทำไมทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้กลับพยายามช่วยกันส่งสัญญาณความมีตัวตนของใครคนนั้นให้เด่นชัดขึ้นทุกครั้ง

พี่แทนไม่ได้ติดต่อเขามาอีกเลย และเขาก็ไม่คิดจะติดต่อพี่แทนไปอีกแล้ว ไม่อยากโดนรำคาญ ไม่อยากทำให้พี่เขาลำบากใจ เขาไม่อยากรับรู้เลยว่าถ้าเขาเผลอโผล่หน้าไปให้อีกฝ่ายเห็นอีก รอบนี้ไม่รู้ว่าเขาจะโดนคำพูดอะไรให้ช้ำใจมากกว่าเดิมอีกบ้าง

เขารู้หรอกนะว่าตัวเองก็มีส่วนผิด แต่ก็ยังขอยืนยัน ที่ทำไปทั้งหมดมันก็เพราะเขาหวังดีทั้งนั้น พี่แทนจะไม่เห็นเลยจริงๆหรอ ความดีของเขาน่ะ สักนิดก็ไม่เห็นเลยจริงๆหรอ

ตุ้บๆๆ ~

พูรินเอาหัวโขกกับพื้นโต๊ะซ้ำๆ อยากจะเคาะอีกคนให้หลุดออกไปจากหัวสมองให้มันรู้แล้วรู้รอด

เขาน่ะ

ไม่เข้าใจจริงๆ

ว่าตลอดเวลา 18 ปีก่อนหน้านี้ เขาใช้ชีวิตอยู่มาได้ยังไง

เพราะตอนนี้แค่หายใจยังรู้สึกว่ามันยากลำบากเหลือเกิน

ชีวิตที่ไม่มีพี่แทน...เขาเคยอยู่มาได้ยังไงกันนะ

แต่ละวันมันช่างผ่านไปอย่างว่างเปล่า เหมือนเวลา 24 ชั่วโมง มันเยอะเกินไปสำหรับหนึ่งวันยังไงไม่รู้

เขาอดคิดถึงวันพิเศษที่แสนธรรมดาของเขาไม่ได้

วันที่เขาชื่นชอบที่สุด วันที่มีพี่แทนอยู่ข้างๆ กัน

ป๊อก!

ม้วนกระดาษสีขาวกระทบลงบนกลุ่มผมนุ่มเบาๆ พูรินเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง เลื่อนปิดเพลงที่กำลังฟังในทันที ยันหลังขึ้นตรงส่งยิ้มอ้อนให้คนที่มาใหม่

“ไง”

“พี่ดิน คิดถึงจังเลย” ว่าแล้วก็โอบเอวสอบของพี่รหัสที่เดินมาประชิดแน่น เมื่อวานตอนที่กำลังสติแตกเพราะแม้จะพยายามอ่านหนังสือยังไงมันก็ไม่เข้าหัวเลยสักนิด จู่ๆ พี่รหัสสุดหล่อก็โทรมาหา พอเขาบอกว่าอ่านไม่ทัน พี่ดินก็อาสาจะมาติวให้ เขาบอกแล้วพี่ดินของเขาน่ะ เป็นพี่รหัสยอดเยี่ยมแห่งปีชัดๆ!

“ทำไมอยู่คนเดียว ไอ้พุทธกับไอ้ธงไปไหน”

คนมาใหม่เอ่ยถามพร้อมกับทรุดนั่งลงข้างกัน หยิบชีทที่เตรียมมาติวให้น้องจากกระเป๋าสะพายขึ้นมาวางบนโต๊ะ

“มันเล่นเกมส์กันอยู่ที่ห้องน่ะพี่ มันว่ามันอ่านกันจบแล้ว”

“แล้วรอบนี้เราทำไมอ่านไม่ทัน เป็นเพราะงานพิเศษหรือเปล่า”

เพราะหมีพูห์มันเป็นเด็กตั้งใจเรียนมาโดยตลอด บดินทร์จึงค่อนข้างแปลกใจที่น้องมันมาร้องว่าอ่านหนังสือไม่ทัน เขาเลยคิดเองเออเองว่าสาเหตุน่าจะมาจากที่มันไปเริ่มสอนที่โรงเรียนอนุบาลจนไม่มีเวลา

“หรือว่าเพราะไปติวให้ไอ้แทน ช่วงนี้บอกยกเลิกมันไปก่อนสิ ปิดเทอมค่อยติวกันต่อ”

“ก็..เปล่าพี่ ที่จริงก็มีเวลาแหละ แต่ผมไม่ค่อยมีสมาธิ มันเลยไม่ค่อยเข้าหัวน่ะครับ”

พูรินเอ่ยอธิบายเสียงเบา หลุบตาลงมองนิ้วมือที่พันกันมั่วของตัวเอง แค่ได้ยินชื่อพี่แทนในประโยค น้ำตาก็พลันจะร่วงลงมาอีกแล้ว แน่นอนว่าคนที่เป็นพี่รหัสเจ้าตัวมาสามปีสังเกตเห็นอาการของน้องรหัสคนสนิทได้ในทันที

“งั้นเราเป็นอะไร..” ก้มช้อนมองหน้าน้องรหัสที่วันนี้ดูจะเศร้าซึมผิดปกติ

“ยังเศร้าเรื่องพ่อกับแม่หรือไง”

ถึงจะไม่ค่อยได้แสดงออก แต่ใครๆก็รู้ว่าบดินทร์ทั้งรักทั้งห่วงน้องรหัสคนนี้เสมอ แล้วยิ่งพอเขาได้รู้เรื่องว่าพ่อกับแม่น้องหย่ากัน เขาก็ยิ่งห่วงน้องมันมากขึ้น พอเห็นว่าช่วงนี้มันเงียบหายไป เขาถึงได้ตัดสินใจโทรไปหามันเมื่อวาน และปรากฎว่ามันก็กำลังแย่อย่างที่เขาคิดจริงๆ

“ก็นิดหน่อยน่ะพี่ ผมยังไม่ค่อยชิน”

ที่จริงอย่างที่บอกเรื่องของพ่อกับแม่เขาปรับตัวได้เร็วกว่าที่คิด สาเหตุก็เพราะพี่แทนที่เข้ามาคอยอยู่เคียงข้างกัน แต่จะให้บอกพี่ดินได้ยังไง ว่าคนที่เคยทำให้เขาดีขึ้น เป็นสาเหตุของความซึมเศร้าของเขาในตอนนี้

“งั้นวันนี้ไปร้านไหม เดี๋ยวพี่ชวนพี่อินไปนั่งเป็นเพื่อนเรา ไปผ่อนคลายบ้าง แล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่มาติวให้อีก”

“ไม่เป็นไรครับพี่ คือผม...ผมไม่อยากรบกวน..”

พูรินรีบส่ายหน้าปฎิเสธ เขาแสนจะซึ้งใจในความหวังดีของพี่ดิน แต่เขาก็รู้ว่าการสอบและงานของปีสี่มันหนักยิ่งกว่าพวกเขามาก จะให้กวนกันบ่อยๆก็คงไม่ดี

“กวนอะไร น้องพี่ทั้งคน ถ้าพี่ไม่ดูแลจะให้ใครดูแลว่ะ”

พี่ดินยกมือขึ้นมาลูบหัวเข้าอีกครั้ง ความร้อนที่ส่งผ่านจากกลุ่มผมถูกส่งตรงถึงหัวใจ มันทำให้เขาเผลอคิดถึงไออุ่นของใครอีกคน

“พี่ดิน ถ้าไม่กลัวพี่อินเข้าใจผิด ผมขอกอดทีนึงได้ไหม”

บดินทร์หัวเราะร่า อดขำไม่ได้กับคำถามของมัน เขารวบตัวน้องรหัสตัวดีเข้ามาในอ้อมกอด มันที่เคยวิ่งร้อยเมตรกระโดดกอดเขาหน้าคณะ วันนี้ดันมาทำท่าเกรงอกเกรงใจเหมือนคนเพิ่งรู้จักกัน

ขวับๆ

“ส่ายหน้าทำไมอ่ะเรา”

พรึ่บพรั่บๆ

“เลิกกระดุกกระดิกสักทีดิ”

“มันไม่ใช่อะพี่”

“หืม”

“มันไม่เหมือนกันเลยอ่ะ พี่ดิน”

“อะไรไม่เหมือนวะ”

“ขอโทษนะพี่ดิน”

“อะไรของเราอ่ะหมี”

เฮ้อ~

ถึงจะเป็นอ้อมกอดของพี่ชายสุดที่รัก

ถึงแม้มันจะสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายได้เหมือนกัน

แต่สำหรับหัวใจของเด็กงี่เง่าคนนี้แล้ว

มันไม่มีอ้อมกอดไหนมาแทนที่อกอุ่นที่เขาแสนคุ้นเคยได้เลย





















“เมาเหมือนหมา”

“ไอ้สัดต้น”

“อือฮือ บางทีก็อยากลืมว่าเป็นเพื่อนกัน”

ตั้งต้นที่เพิ่งลงมาจากเวทีหัวเราะร่าเมื่อโดนเพื่อนด่าต้อนรับ วันนี้เขาอุตส่าห์ชวนไอ้แทนมากินเหล้าด้วยกันที่ร้าน เพราะมันเป็นวันสุดท้ายที่พวกเขาจะรับงานในเทอมนี้เพราะมันใกล้สอบแล้ว แต่คือที่ชวนมาก็ตั้งใจจะให้มันมานั่งสังสรรค์กันคลายเครียดไง แต่มองมาจากเวทีทีไรคือแม่งกระดกเอา กระดกเอา ไม่รู้ว่าไปตายอดตายยากมาจากไหน

“สัดดิน ดูเพื่อนมึงสิ” ตั้งต้นว่าเมื่อบดินทร์เดินมานั่งลงบนโซฟา เขาเหลือบมองคนที่ปกติก็หน้าดุอยู่แล้วแต่ตอนนี้น่ากลัวยิ่งกว่ามนุษย์หมาป่าวันพระจันทร์เต็มดวงซะอีก

“เป็นไรวะมึง”

“เปล่า..”

“คือหน้ามึงไม่เปล่าไงไอ้แทน”

“เออ ช่างกูเถอะ กูแค่อยากกินเหล้า”

เมื่อมันว่าอย่างนั้น เขาสองคนก็ได้แต่มองหน้ากัน ส่ายหน้าอย่างจำยอม คนปากหนักอย่างมันถ้าไม่อยากเล่า ให้ถามแทบตายแม่งก็เงียบใส่อยู่ดี

“ช่วงนี้แม่งเป็นไรกันหมดว่ะ”

บดินทร์ส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ หยิบแก้วใสกลางโต๊ะมาชงเหล้าให้ตัวเอง

“วันนี้กูไปเจอน้องกูมา มันแม่งก็หงอยเป็นหมาเหงา”

“ไอ้หมีอะนะ”

“อือ แล้วมึงได้เจอมันมั่งป่ะไอ้แทน เห็นว่ามันไม่ได้ไปสอนมึงแล้วนี่ ช่วงนี้มันอ่านหนังสือไม่ทัน”

“...”

“ไอ้แทน?”

เมื่อถามก็ไม่ตอบ เรียกก็ไม่หัน บดินทร์ก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย มองหน้าตั้งต้นสลับไปกับคนที่กระดกเหล้าหมดปุ๊บก็ตั้งหน้าตั้งตาชงแก้วใหม่ให้ตัวเองปั๊บ จนทำให้คนที่ตอนแรกรู้สึกเอะใจอยู่นิดๆ เริ่มมั่นใจขึ้นมาในทันที

“ไอ้ห่า คือมึงสองคนทะเลาะกัน?”

“สัดแทน พอๆๆ เชี่ยเดี๋ยวน๊อคหรอกมึง” ตั้งต้นรีบกระชากแก้วในมือมันออก คนที่โดนแย่งแก้วออกจากมือทำท่าทางฉุนเฉียว กระแทกแผ่นหลังลงบนโซฟานุ่มเสียงดัง เอาสองแขนพาดกอดอกแน่น

“กูก็ว่าแล้ว วันนี้เห็นมันจะฝากเงินค่าขายชุดให้แม่มึง แล้วพอกูบอกว่าเดี๋ยวฝากให้มึง มันก็อึกอัก บอกเดี๋ยวเอาไปให้แม่มึงเอง ถามกูอยู่นั่นว่าพรุ่งนี้พวกเรามีเรียนกันถึงกี่โมง อะไรยังไง”

“...”

“คือสรุปมันหลบหน้ามึงว่างั้น”

“...”

“เห้ย หรือมึงสารภาพไปแล้วว่ะ หรือว่าน้องมันไม่โอเคหรอมึง”

ตั้งต้นลองคาดเดาสถานการณ์ ถึงแม้เมื่อก่อนหมีพูห์มันอาจจะไม่ชอบหน้าเพื่อนเขาสักเท่าไหร่ แต่ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา เขาเห็นมันสองคนตัวติดกันอย่างกับอะไร เขาถึงรู้สึกแปลกใจมากถ้าหมีพูห์มันจะปฏิเสธเพื่อนเขา

“เปล่า...”

“อ้าว แล้วมึงมีปัญหาอะไรกันว่ะ น้องมันดูไม่โอเคเลยนะ ตอนแรกกูนึกว่าเป็นเพราะเรื่องที่บ้านมันซะอีก”

“....”

“ไอ้ห่าแทน..” บดินทร์ขยับตัวเข้าไปนั่งข้างคนที่ได้ตานั่งนิ่ง สองคิ้วขมวดเข้าหาเหมือนคนกำลังคิดหนัก

“น้องมัน..มันดูแย่มากเลยหรอว่ะ” คนที่ปากหนักแต่ก็ยังอดห่วงอีกคนไม่ได้พึมพำถามออกมา

“เออ กูว่าแม่งน้ำหนักลดไปห้าโลได้มั้ง ตาโหลเลย แล้วแม่งกูสอนอะไรก็ไม่เข้าหัว นั่งเหม่อตลอด ไม่รู้มันจะอ่านหนังสือทันไหม ถ้าไม่ผ่านตัวนี้ไอ้หมีสี่ปีไม่จบแน่”

บดินทร์หันไปขยิบตาให้ตั้งต้นที่พยายามกลั้นขำกับคำพูดเว่อร์ๆของเขา ไอ้แทนมันคนปากแข็ง คนอย่างมันต้องคอยไซโคหนักๆ ไม่งั้นไม่ยอมขยับทำอะไรสักอย่าง

“คือกู..คือ..” แทนคุณลังเล “กูแม่งเหี้ยใส่น้องว่ะมึง”

“ไอ้สัด มึงอย่าบอกว่ามึงปล้ำน้องกู”

“เฮ้ย เปล่ามึงฟังกูก่อนสิว่ะ” เขารีบยกมือขึ้นห้ามไอ้ดินที่ตอนนี้กระชากคอเสื้อเขาขึ้นมาอย่างโมโหสุดขีด

“ที่บอกว่าเหี้ย คือกูพูดจาเหี้ยๆ กับน้องมึงไอ้สัด กูก็ไม่ได้เลวขนาดนั้นไหม”

เขาว่าต่อ ก่อนจะเริ่มเอ่ยเล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนฟัง ตั้งแต่ที่เขาตั้งใจจะหาโอกาสสารภาพรักน้อง แต่วันที่ชวนน้องมันไปดูหนัง หมีพูห์มันดันเอาไอ้พุทธโธมาด้วย แล้วพอจะพยายามรอบสอง ก็ดันมีเรื่องของไอ้ผู้ปกครองนั่นเข้ามาอีก พอกำลังโมโหจนหัวร้อนก็มีเรื่องที่น้องไปบอกแม่เขาว่าจะไปอเมริกา รวมๆกันไปมาเขาก็เลยเผลอพูดทำร้ายจิตใจน้องมันไปแล้ว

“...”

ตั้งต้นกับบดินทร์นิ่งฟังคนพูดน้อยที่เอ่ยเล่ายืดยาว พอมันเล่าจบ ตั้งต้นตัดสินใจยื่นแก้วเหล้าที่ยึดมาคืนให้มันยกกระดกรวดเดียวจนหมด

“สรุปคือมึงประชดไอ้หมีมัน?” บดินทร์เลิกคิ้วถามคนที่นั่งหน้างองุ้ม สายตามองเหม่อไปข้างหน้า แววตาของมันเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“กูละเกลียดเหลือเกินไอ้พวกชอบประชดประชัน ไม่ยอมพูดยอมจากันตรงๆ”

“ไอ้ห่า คนทั้งโลกสามารถเตือนกูด้วยคำนี้ได้ แต่ต้องไม่ใช่มึง”

แทนคุณด่าให้ตั้งต้นหัวเราะร่า โดนคนเคยรักไม่เป็นอย่างมันมาสั่งสอนแบบนี้ เขาว่าเขาควรตายแล้วไปเกิดใหม่ดีกว่า

“แต่มึงหึงไงแทน หึงแบบไม่มีสิทธิ์ หึงแบบเขาไม่รู้ว่าหึง หึงแบบด่าไปอีกเรื่อง หึงแบบเหมือนเกลียดกัน หึงแบบทำให้เขานึกว่ามึงโกรธเพราะไปเสือกเรื่องของมึง” ตั้งต้นร่ายยาว เรื่องแบบนี้เขารู้ดีที่สุด ประสบการณ์ตรงทั้งนั้น

“...”

“แล้วคือทำไมมึงต้องฉุนเบอร์นั้นด้วยวะ แค่มันบอกแม่มึงเรื่องจะไปอเมริกา ดีซะอีก แม่มึงจะได้มีลูกสะใภ้ดูแล เวลามึงไม่อยู่ เออๆ กูไม่เล่นล่ะ ไอ้ห่า หมัดมึงหนัก กูไม่สู้” ตั้งต้นรีบพูดประโยคสุดท้ายอย่างรวดเร็วเมื่อโดนไอ้แทนมองมาตาเขียวปั๊ด

“...”

“เอาจริงๆนะ กี่ปีแล้วมึง มึงยังกังวลอะไรวะไอ้แทน บอกน้องมันไปตรงๆเลยไม่ได้หรือไง” บดินทร์เอ่ยถามบ้าง เขาแสนจะเหนื่อยใจกับพวกมันสองคน คนนึงก็เพื่อน คนนึงก็น้อง นิสัยไม่เหมือนกันสักนิดแต่ดันปากแข็งเหมือนกันเด๊ะ

“...”

“กูจน”

“ห๊ะ” บดินทร์ถามย้ำเมื่อได้ยินคำที่ไม่คาดคิดจากปากเพื่อน

“กูบอกว่ากูจนไง”

“แล้วมันเกี่ยวเหี้ยไรว่ะ”

“ไม่เกี่ยวได้ยังไง มึงไม่เห็นหรอ คือกูไม่มีเหี้ยอะไรเลยสักอย่าง แล้วมึงดูบ้านน้องมัน”

“โอ๊ยย ไอ้สัดแทน กูไม่เกท”

“เวลาเขามาอยู่กับกู กูต้องเห็นเขานั่งตากพัดลม นั่งมอเตอร์ไซค์ดมควันจนหัวเหม็น เห็นมันมานั่งช่วยแม่กูเย็บผ้า คือมึงเข้าใจไหม กูทำให้มันต้องลำบาก”

ถึงเขาจะพยายามไม่คิดเรื่องพวกนี้ แต่ในทุกครั้งที่อยู่ด้วยกัน เขาก็อดที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับน้องมันไม่ได้ หมีพูห์มันเกิดมาในครอบครัวที่มีพร้อมต่างกับเขาโดยสิ้นเชิง ถึงจะบอกว่ารักน้องมันยังไง แต่เขาก็รู้ว่าคนอย่างเขามันไม่เหมาะกับน้องเลยสักนิด แล้วยิ่งมาเห็นคู่แข่งที่ดีกว่าเขาหลายขุม มันเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากพาลเป็นหมาบ้าพูดจาทำร้ายจิตใจน้องมันแบบนั้น

“แล้วถ้าน้องมันไม่ได้แคร์ล่ะว่ะ เหมือนที่พวกกูก็ไม่ได้แคร์ ไม่ได้คบกับมึงเพราะมึงจนหรือรวย”

“มันไม่เหมือนกันไงไอ้ดิน”

“มันจะไม่เหมือนกันได้ยังไง”

“กูดูแลเขาไม่ได้ มึงเข้าใจไหมคนอย่างกู กูไม่มีอะไรเลย”

“ไอ้แทนกูว่ามึงคิดไปไกลเกินล่ะ”

“กูต้องคิดไกลไงมึง น้องมันพูดถึงเรื่องลงทุนทำร้านในขณะที่กูเป็นแค่นักศึกษากู้เงินเรียน มึงว่ากูจะเอาอะไรไปดูแลเขา”

“...”

“สัด กูงง จู่ๆนิยายรักวัยรุ่นของกูกลายเป็นนิยายดอกฟ้ากับหมาวัดได้ไงว่ะ”

“ไอ้ต้นมึงหยุดเล่นก่อน” บดินทร์กล่าวเตือน ทำตาขวางใส่เพื่อนสนิทที่ยังทำพูดเป็นเล่น

“ก็มันใช่เรื่องไหมว่ะ แล้วคือที่กูฟังมา คือมึงบอกว่ามึงไม่เหมาะกับมัน แล้วไงคือมึงจะยอมให้น้องไปคบกับคนอื่นที่เหมาะสมกว่าหรือไง”

“...”

“คือมึงก็ไม่ยอมไงแทน เพราะถ้ามึงยอมจริง มึงก็ต้องเงียบไปแล้ว ที่ไปด่าให้มันช้ำใจแบบนั้นก็เพราะอยากแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของไม่ใช่หรอ ไอ้ห่า จะไปทางไหนก็เอาให้สุดสักทางสิว่ะ มึงไม่สงสารน้องมันหรือไง”

“...”

“แล้วไอ้แทนคือมึงก็ไม่ได้จะไปเกาะเขากินไหม แล้วคือมึงก็ยังเด็ก ยังเรียนไม่จบ ถ้ามึงจะยังไม่มีอนาคตมันก็เรื่องปกติไหม”

“...”

“แล้วคือไอ้หมีมันก็รู้ไหมว่ามึงเป็นยังไง ถ้ามันจะชอบมึงมันก็ชอบที่มึงเป็นมึงไง ไม่ใช่ว่าบ้านมึงจนหรือรวย แล้วถ้ามึงจะบอกว่าคนอย่างมึงที่รวยล้นฟ้าจะมาเข้าใจคนจนอย่างกูได้ยังไงล่ะก็ กูขอบอกมึงไว้ตรงนี้เลยว่า ชีวิตกูมันเหี้ยกว่าที่พวกมึงคิดเยอะ คนรวยๆอย่างกู เวลาที่มีคนเข้ามาในชีวิตคือกูต้องคิดแล้วคิดอีกว่าแม่งมาหากูเพราะอะไร แล้วแม่งร้อยละเก้าสิบก็เพื่อเงินพ่อเงินแม่กูทั้งนั้น”

“...”

”แล้วมึงแม่งจะทำเรื่องง่ายๆให้ยุ่งยากเพื่อ?”

แทนคุณที่นั่งฟังเพื่อนเทศนานั่งนิ่งอึ้ง หนึ่งคือเขาอึ้งไปกับคำพูดของเพื่อนที่ตรงจนกระแทกใจเข้ามาเต็มๆทุกคำ

“ไอ้ดินคือกูอาย...” เขาว่าขึ้นเอาสองมือลูบหน้าให้บดินทร์ที่นั่งขำให้กับความจริงจังเกินนิสัยของไอ้ต้นตบไหล่ปลอบ

“รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”

สองคือเขาต้องเหี้ยเบอร์ไหนอ่ะ ถึงได้โดนคนอย่างมันมานั่งสั่งสอนแบบนี้!

















“แม่กุ้งงงง”

ทันทีที่ประตูไม้หน้าบ้านเปิดออก พูรินก็วิ่งเข้าไปสวมกอดคนที่เขาแสนคิดถึง วันนี้เขาตัดสินใจมาหาแม่กุ้ง เหตุผลหลักๆคือเพราะต้องเอาเงินค่าชุดที่ทางโรงเรียนสั่งตัดมาให้แม่ แล้วเหตุผลอีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือวันสุดท้ายที่มาที่นี่ เขาวิ่งออกจากบ้านไปโดยไม่ได้บอกลาแม่ดีๆ ครั้งนี้เขาจึงอยากมาร่ำลากันให้ถูกกิจจะลักษณะ เพราะไม่รู้จริงๆว่าจะมีโอกาสได้เจอหน้ากันอีกเมื่อไหร่

เมื่อวานเขาลอบถามพี่ดินแล้ว วันนี้พวกพี่ดินมีเรียนตอนบ่ายถึงเย็น และนอกจากนั้นยังมีประชุมโปรเจกต์จบเกือบสองทุ่มอีกด้วย เขายังพอมีเวลา

“ผมคิดถึงแม่กุ้งจังเลย แบบมากๆๆ มากๆ จริงๆ” หญิงวัยกลางคนหัวเราะร่วน เธอแสนจะคิดถึงท่าทางน่ารักๆ ของเด็กขี้อ้อนคนนี้เหลือเกิน

“ถ้าคิดถึงอย่างที่พูดจริง งั้นวันนี้น้องหมีพูห์ต้องอยู่กินข้าวกับแม่นะครับ เดี๋ยวแม่ทำยำปลากระป๋องที่เราชอบให้กิน”

“แฮะๆ ถึงแม่ไม่ชวนผมก็ตั้งใจจะอยู่กินด้วยอยู่แล้วครับ ผมซื้อกับข้าวมาหลายถุงเลย”

พูรินชูถุงกับข้าวในมือให้อีกฝ่ายดู เขาแวะซื้อมันตรงท่ารถสองแถวหน้ามหา’ลัย ตอนนี้เพิ่งจะสี่โมงเย็น พวกเขาสองคนนั่งกินข้าวเย็นที่เร็วกว่าเวลาปกติด้วยกันในห้องอาหาร วันนี้เขาตั้งใจจะมาช่วยงานแม่เล็กๆน้อยๆแล้วค่อยกลับบ้าน

งานของแม่กุ้งตอนนี้ไม่ได้เยอะเหมือนช่วงที่ผ่านมา ชุดที่โรงเรียนเขาสั่ง พี่แทนก็เป็นคนเอาไปส่งให้ครูจันทร์เรียบร้อยแล้ว พอได้คุยกันอีกครั้ง เขาถึงได้รู้ว่า ช่วงปิดเทอมแบบนี้งานของแม่ลดลงครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว เขาเลยสัญญากับแม่ว่า พอหมดช่วงสอบเมื่อไหร่ เขาจะเปิดร้านขายออนไลน์ให้แม่อีกครั้ง อย่างน้อยมันก็จะได้เป็นรายได้เสริมอีกทางของแม่

พูรินชอบการนั่งเย็บกระดุมที่สุด เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ได้ทำงานและพูดคุยกับแม่กุ้งไปด้วย แม่กุ้งเป็นคนคุยสนุก แม่มักจะยกเรื่องนั้นเรื่องนี้มาเล่าให้เขาฟังจนเพลินลืมเวลาเสมอ กับคนที่ชีวิตนี้เคยแต่สนใจแค่เรื่องการ์ตูนอย่างเขา ทุกเรื่องที่แสนธรรมดาที่แม่เล่ามันจึงดูมหัศจรรย์จนเขาอดตั้งใจฟังเกินเหตุทุกทีไม่ได้

“แล้ววันหลังแม่จะสอนเราทำกาวแป้งเปียก”

วันนี้แม่กุ้งเอ่ยเล่าให้ฟังถึงเมื่อสมัยก่อน ตอนที่ขัดสนมากๆ ใครจ้างให้ทำอะไรก็ทำไปเสียหมดทุกอย่าง แล้วก็มีน้าข้างบ้านที่เป็นแม่ค้าร้านขายกล้วยทอดมาจ้างให้พับถุงกระดาษแบบชั่งกิโลขาย ตอนนั้นด้วยความที่ตั้งใจจะลดต้นทุน แม่เลยตัดสินใจทำกาวขึ้นมาใช้เอง

“แม่กุ้งนี่สุดยอดไปเลย มีอะไรที่แม่ทำไม่ได้บ้างเนี้ย” พูรินเอ่ยชื่นชมจากใจ เขาอยากให้รางวัลหญิงแกร่งแห่งปีกับแม่กุ้งชะมัด

“แม่ก็ทำไม่เป็นหรอกตอนนั้น ไม่รู้ก็แค่ถามคนที่รู้ก็เท่านั้น จำไว้นะลูก คนเราต้องไม่อายทำกิน ขยันเข้าไว้ ยังไงเราก็ไม่อดตาย”

“ครับแม่กุ้ง ผมจะจำไว้”

“เออ ว่าแต่ แล้วตกลงเรื่องร้านเรายังคิดจะทำอยู่ใช่ไหม”

“เอ่อ.. คือ...ที่จริง..” พูรินได้แต่อึกอักเมื่อโดนถาม มันก็ใช่ที่เขายังอยากทำ แต่ว่าที่อยากมากกว่าคืออยากทำร่วมกับแม่กุ้งต่างหาก

“แม่คุยกับพี่เขาแล้วนะ ถ้าเราอยากทำกับแม่จริงๆ แม่ก็อยากลองสักตั้งเหมือนกัน”

“จริงหรอครับ!!” พูรินถามซ้ำอย่างตื่นเต้น

“แต่มีข้อแม้นะ” แม่กุ้งเอ่ยเสียงเข้ม

“แม่ขอออกครึ่งนึง”

“โธ่ แม่กุ้ง! แต่ผมไม่อยากรบกว..”

“แม่กูพูดถูกแล้ว”

ไม่ทันได้พูดจนจบประโยค ก็มีเสียงอีกเสียงนึงแทรกขึ้นมาจากฝั่งประตูห้อง พูรินตัวนิ่งชา เขาไม่ได้หันไปมองคนมาใหม่ จนกระทั่งอีกคนมานั่งอยู่ตรงข้ามประชันหน้ากัน เขาจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยกมือไหว้ กล่าวทักทาย

“พี่แทน สวัสดีครับ”

“ถ้าจะทำด้วยกัน ก็ต้องออกกันคนล่ะครึ่งถึงจะถูก”

อีกคนไม่ได้กล่าวรับไหว้ แต่พูดไปอีกเรื่องที่เขาคุยค้างไว้ พูรินไม่ได้ต่อปากต่อคำ ถึงจะอยากบอกแม่ว่าไม่เป็นไร แต่ต่อหน้าพี่แทน เขาไม่อยากพูดอะไรทั้งนั้น

“งั้นน้องหมีพูห์ลองไปคุยกับคุณพ่อดูนะครับ ถ้าตกลงกันได้ รอให้พวกเราปิดเทอมกันก่อนแล้วค่อยมาคุยกันอีกทีนะลูก”

พูรินพยักหน้ารับ เขาขอตัวกลับบ้านเพราะอ้างว่าต้องอ่านหนังสืออีกเยอะ แม่กุ้งไม่ได้ว่าอะไรแค่บอกว่าว่างๆให้มาหาแม่ใหม่

“มึงขึ้นไปบนห้องกับกูหน่อยได้ไหม”

ตอนที่กำลังจะเดินออกจากบ้าน เสียงทุ้มของคนที่เขาไม่อยากเผชิญหน้าที่สุดก็ดังขึ้นให้ต้องชะงักเท้า เขาหันไปมองหน้าอีกฝ่าย เลิกคิ้วเป็นการถามว่าจะให้เขาขึ้นไปทำไม

“หนังสือมึง..คือกูเก็บหนังสือมึงใส่ถุงไว้ให้แล้ว”

ทันทีที่ได้ยิน พูรินก็อดที่จะมองค้อนอีกฝ่ายไม่ได้ นี่พี่แกคือกะจะไม่ให้เขามาอีกเลยใช่ไหม ความน้อยใจปนโมโหพุ่งพล่านจนเขาตัวสั่น ได้แต่เม้มปากแน่นเดินนำขึ้นชั้นสองของบ้านไปโดยไม่พูดไม่จาสักคำ

ปัง!

เมื่อเขาก้าวเขามาในห้อง พี่แทนก็ปิดประตูตามหลังจนเขาต้องหันหน้าไปสบตาอย่างงงงวย

“ไหนล่ะครับหนังสือ” ในที่สุดก็เอ่ยปากออกมา เมื่อเห็นอีกคนไม่มีทีท่าจะหยิบหนังสือมาให้

“...”

“ผมไม่ได้ตั้งใจจะมากวนอะไร แค่เอาเงินค่าชุดมาให้แม่กุ้ง แล้วผมคิดว่าพี่จะกลับดึก” อยู่ๆเขาก็เอ่ยอธิบาย ไม่อยากให้อีกคนคิดว่าเขามายุ่งวุ่นวายอะไรอีก

“กูไม่ได้อยู่กลุ่มโปรเจ็กค์เดียวกับไอ้ดิน” คนที่โดนจับได้ว่าไปสืบเวลากลับบ้านของอีกคนเม้มปากแน่น หน้าชาขึ้นมาทันที

“อืม ผมเข้าใจแล้ว ผมขอโทษแล้วกันที่ไปถามพี่ดิน ผมแค่คิดว่าพี่คงไม่อยากเจอผม” พอยิ่งพูดน้ำตาเจ้ากรรมก็ทำท่าจะไหลออกมาอีกแล้ว

“ไหนหนังสือล่ะครับ” เขาเอ่ยถามซ้ำ

“...”

“งั้นพี่ค่อยฝากพี่ดินไปคืนผมวันหลังก็ได้ ผมขอตัวก่อนนะครับ” เมื่ออีกคนไม่ยอมว่าอะไรสักที เขาเลยเอ่ยออกไปรัวๆ ยกมือไหว้ ก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาเดินไปที่ประตูทางออกโดยไม่คิดจะมองหน้าคนร่างหนา

หมับ!

“เดี๋ยว”

แรงกระชากเบาๆที่ข้อมือไม่ทำให้เขาตกใจเท่าเสียงทุ้มหนา เมื่อเขาหันกลับไปก็ต้องเบิกตากว้างขึ้นกว่าเดิม เมื่อเห็นคนที่ยังทำหน้าเรียบเฉยแต่ดวงตาไหววูบ แฝงไว้ด้วยหลายความรู้สึกหลากหลาย

“พะ..พี่แทน..”

“ฟังกูก่อน...” พูรินกลืนก้อนน้ำลายฝืดลงคออย่างยากลำบาก เขารับรู้ได้ถึงความไม่มั่นใจในน้ำเสียงทุ้มนุ่มของใครอีกคน



“ช่วยฟังที่พี่พูดก่อนได้ไหม...”





******

#หมีแทนที่รัก

อ้ายยย ยาวอ่ะ 5555 จบไม่ลง อีพี่แท๊นนนน










หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบ:. วันที่ได้อยู่กับคุณคือวันโปรดของฉัน ดังนั้นวันนี้มัน
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 03-11-2019 15:10:29
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบ:. วันที่ได้อยู่กับคุณคือวันโปรดของฉัน ดังนั้นวันนี้มัน
เริ่มหัวข้อโดย: Stiiiii ที่ 03-11-2019 16:07:58
ฟังเเล้ว ช่วยพูดให้มันชัดๆเลยนะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ :katai5:
เป็นกำลังใจให้คุณคนเขียนจ้าา
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบ:. วันที่ได้อยู่กับคุณคือวันโปรดของฉัน ดังนั้นวันนี้มัน
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-11-2019 17:15:47
หมีพูห์แสนจะน่ารัก
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบ:. วันที่ได้อยู่กับคุณคือวันโปรดของฉัน ดังนั้นวันนี้มัน
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 03-11-2019 22:32:59
ถ้ายังไม่เคลียร์อีกนะพี่แทนเตรียมตัว  :ruready
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบ:. วันที่ได้อยู่กับคุณคือวันโปรดของฉัน ดังนั้นวันนี้มัน
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 03-11-2019 23:38:48
 :katai1: อีพี่แทนท่ามาก เยอะ
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบ:. วันที่ได้อยู่กับคุณคือวันโปรดของฉัน ดังนั้นวันนี้มัน
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 04-11-2019 12:24:56
 :L2: :pig4:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบเอ็ด:. บางคนที่ใส่ใจกันมากๆ ฉันคิดว่าเขากำลังมีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 06-11-2019 23:29:26

.:น้ำผึ้งหยดที่สิบเอ็ด:.

Some people care too much. I think its called love

.

.

บางคนที่ใส่ใจกันมากๆ ฉันคิดว่าเขากำลังมีความรัก





“พะ..พี่แทน..”
“ฟังกูก่อน...”
“...”
“หมีพูห์ช่วยฟังที่พี่พูดก่อนได้ไหม...”
พูรินรู้สึกหายใจหายคอไม่สะดวก มือหนาที่มาเกาะกุมข้อมือเขาไว้แน่น กับสรรพนามแทนตัวที่เปลี่ยนไปของใครบางคน ทำให้เขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
“พี่แทน..ปะ...ปล่อย..” แต่คนที่น้อยใจก็ยังเอ่ยออกไปเสียงเบา พยายามออกแรงดึงขืนข้อมือเรียวให้พ้นการเกาะกุม แต่ถึงแม้จะใช้แรงทั้งหมดที่มี เขาก็ไม่อาจสู้แรงมหาศาลของใครอีกคนที่อยากยื้อกันไว้ได้เลย
“พะ..พี่แทนจะทำอะไร..”
“พี่ขอโทษ...”
“...”
“ที่พูดไปวันนั้น พี่ไม่ได้หมายความอย่างที่พูดเลยสักนิด พี่ไม่เคยคิดว่าน้องมายุ่งวุ่นวายกับเรื่องของพี่เลยจริงๆนะ ตรงกันข้าม พี่รู้สึกขอบคุณน้องมาตลอดที่น้องมาคอยใส่ใจ มาคอยช่วยเหลือทั้งแม่พี่และพี่แบบนี้”
คำพูดคำจาแสนสุภาพที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากคนตรงหน้าทำให้ใจฟูพอง พูรินรู้สึกถึงความร้อนที่พลุ่งพล่านไปทั่วใบหน้า มันลามแผดเผาไปถึงหัวใจให้ร้อนระอุคล้ายจะระเบิดออกมาในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง ความประหม่าที่มีในตอนนี้มันทำให้สมองเขาพร่าเบลอ เขาไม่รู้ว่าจะควรจะวางตากลมโตที่เอ่อล้นไปด้วยหยดน้ำนี้ไว้ตรงไหน จึงทำได้เพียงมองจ้องตรงไปที่แผงอกกว้างของใครอีกคนตรงหน้า
“ยกโทษให้พี่ได้ไหม”
เสียงทุ้มนุ่มหูที่อีกคนไม่เคยใช้กับถ้อยคำแสนหวาน มันกำลังจะทำให้เขาหลอมละลาย ระเหิดระเหยหายไปจากโลกนี้ แค่พี่แทนรั้งเขาไว้อีกครั้งมันก็แสนจะเกินความฝัน แล้วนี่ยังมาเอ่ยง้องอนด้วยถ้อยคำเพราะหูแบบนี้
พี่แทนโหมดนี้เขารับไม่ไหวจริงๆ
“พะ..พี่แทนพูดเพราะทำไม”
“ทำไม มึงไม่ชอบหรือไง” คนร่างหนาที่พยายามพูดจาน่ารักตามคำแนะนำของเพื่อนซี้เอ่ยเสียงแข็งขึ้นมาทันที เขาก็คิดอยู่ว่าอะไรแบบนี้ มันคงไม่เหมาะกับคนอย่างเขา
ทั้งหมดเป็นเพราะมึงไอ้เหี้ยต้น!
“เปล่า..ไม่ใช่อย่างนั้นนะ มันแค่..ผมแค่รู้สึกแปลกๆ..”
“...” แทนคุณยิ่งใจเสียเมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย
“เวลาพี่พูดแบบนี้ หัวใจผมมันเต้นแรงเกิน เหมือนหัวใจจะวาย”
คนหน้าแดงก้มหน้าก้มตาตอบ ร่างหนาที่ใจแป่วยกยิ้มขึ้นอีกครั้งอย่างมีความหวัง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็คิดว่าการเป็นตัวของตัวเอง มันน่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์นี้
“แล้วตกลง...มึงยกโทษให้กูได้ไหม”
“ฮื่อ พี่ไม่ผิดอะไรสักหน่อย ผมก็ผิดเองจริงๆนั่นแหละที่ไปยุ่งกับเรื่องของพี่ มันก็ถูกแล้วนี่ที่พี่จะโกรธผม” พูรินเอ่ยแย้งกลับไป พยายามเก็บงำความน้อยใจที่มีให้ลึกที่สุด
“กูบอกแล้วว่ากูไม่เคยคิดว่ามึงยุ่งเรื่องของกู กูรู้ว่าที่มึงทำ เพราะมึงใส่ใจ เพราะมึงเห็นว่ากูสำคัญกับมึง..มึงคิดแบบนั้นใช่ไหม”
คำถามตรงๆของอีกคนทำให้พูรินเลิ่กลั่ก ะี่แทนทำให้เขาไปไม่เป็น เจ้าตัวเล่นเอาคำพูดที่เขาเคยใช้มาเล่นงานเขาแบบนี้
“เอ่อ...คือ..”
“กูก็เหมือนกัน มึงสำคัญกับกูมากเหมือนกัน”
เขาไม่ทันได้ตอบอะไร คนตั้งคำถามก็เอ่ยต่อให้ตากลมโตเบิกกว้าง ถึงจะรู้สึกดีใจอย่างสุดซึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แต่คนที่ต้องทนอยู่ในความคลุมเครือที่มีระหว่างกันมาตลอด ก็ไม่อยากจะหวังหรือคิดไปเองอีกต่อไปแล้ว
“พี่แทนทำแบบนี้ทำไม พี่รู้ไหมว่าพี่ชอบทำให้ผมเข้าใจผิด”
พูรินเอ่ยออกไปด้วยเสียงสั่นไหวเกินจะทน ความน้อยอกน้อยใจที่สะสมมันผลักดันให้เขาเอ่ยระบายในสิ่งที่ใจคิด
“...”
“เดี๋ยวก็เข้ามาดูแล เดี๋ยวก็โมโหใส่ เวลาโกรธถามอะไรก็ไม่ยอมตอบ พูดทีก็ทำให้ผมเจ็บจี๊ดไปหมด รู้ไหมคำพูดร้ายกาจของพี่มันทำให้ผมกินไม่ได้นอนไม่หลับมาหลายวันแล้ว อ่านหนังสือก็ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด จะสอบตกหรือเปล่าก็ไม่รู้ แล้วนี่มาบอกว่าผมสำคัญอีก อย่ามาพูดจาให้คนเข้าใจผิดได้ไหม เก็บไว้ไปบอกกับแฟนตัวเองเลยไป”
ว่าแล้วคนที่น้ำตาคลอก็พยายามสะบัดข้อมือตัวเองออก แต่นอกจากจะไม่สำเร็จแล้วเขายังถูกดึงเข้าไปกระแทกเข้ากับอ้อมอกแกร่งอย่างแรง ก่อนจะโดนสองแขนรั้งเขาไว้อย่างแน่นหนา
“ปล่อยผมเลยนะ ในเมื่อพี่ว่าผมไม่เกี่ยวของอะไรแล้วพี่จะมายุ่งกับผ...”
ไม่ทันได้พูดจนจบประโยค จู่ๆความนุ่มละมุ่นก็มากระทบกับริมฝีปากให้เขาชะงัก สองตากลมเบิกโตขึ้นกว่าที่เคย อย่างตาไม่กระพริบเขาจ้องตรงไปยังภาพพร่าเบลอตรงหน้าของใครอีกคนอย่างไร้สติ
พะ..พี่แทนจูบเขา...
“กูชอบมึง” เมื่อสัมผัสที่วูบหวามผละออกไป ใครอีกคนก็เอ่ยสิ่งที่อดรนทนเก็บไว้มานานออกมาในที่สุด
 “มึงได้ยินไหม กูชอบมึง”
“ชะ..ชอบผม..”
พูรินลองกัดลิ้นตัวเอง กระโดดโลดเต้นในหัวใจเมื่อมันรู้สึกเจ็บ นี่เขาไม่ได้ฝันไปจริงๆ..
“ตะ..แต่พี่ชอบผมแบบไหนอ่ะ” ถึงจะคิดว่ารอบนี้คงไม่เป็นการเข้าใจผิดอีกแล้ว แต่คนขี้กลัวก็ยังอยากถามให้มั่นใจอยู่ดี
“แบบไหนคือ?” แทนคุณโคลงศีรษะถามกลับคนในอ้อมอกที่ยืนมองกันตาแป๋ว
“ก็ชอบแบบไหน แบบเพื่อน แบบครูนักเรียน แบบบราเทอร์โซนมุม VIP หรือแบบ...”
“อะไรของมึงเนี้ย ถือว่ากูไม่ได้พูดแล้วกัน” แทนคุณปล่อยสองแขนที่รัดอีกฝ่ายไว้ออกทันที ก็จูบซะขนาดนี้ นี่มันกำลังล้อเล่นกับความรู้สึกเขาหรืออะไรเนี้ย
“เดี๋ยวๆๆ พี่แทนพูดให้เคลียร์ก่อน” แต่อีกคนที่อยากได้ยินชัดๆ ก็โอบรอบเอวสอบไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆ
“...”
“นะ..นะพี่แทนนะ~”
คนแก่กว่ามองนิ่งเข้าไปในแววตาออดอ้อน บางครั้งเขาก็สงสารตัวเองเหลือเกินที่มาตกหลุมรักคนแบบนี้ ถึงจะทำเป็นส่ายหน้าอย่างระเหี่ยใจ แต่ในวินาทีต่อมาก็เลื่อนมือมาจับไหล่ทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไว้แน่น สายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นคงจ้องตรงไปยังคนตรงหน้า
“มึงฟังดีๆนะหมีพูห์..”
“...”
“กูชอบมึง..ไม่ใช่สิ กูรักมึง รักแบบที่รู้สึกหึงเวลามีคนเข้ามาจีบมึง และวันนั้นที่กูโกรธ ก็เพราะกูหึงไอ้ผู้ปกครองคนนั้น หึงทั้งๆที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์อะไร โมโหที่มึงดูอยากไปดูหนังกับมัน ทั้งๆที่เวลากูอยากไปดูกับมึงสองต่อสอง มึงทำท่าไม่อยากไปด้วยกัน”
“ไม่ใช่แบบนั้นนะ...” พูรินพยายามแย้งกลับ
“แล้วกูก็รักมึง แบบที่คิดถึงมึงเวลาที่ไม่ได้เจอหน้า รักแบบที่กินไม่ได้นอนไม่หลับเวลาที่รู้ว่ามึงกำลังมีความทุกข์ รักแบบที่อยากเป็นคนที่มึงจะคิดถึงทั้งเวลาที่มึงไม่สบายใจหรือมีความสุข”
“...”
“แล้วมึง..” พูรินใจเต้นตึกตัก เมื่อมือสองข้างที่เกาะกุมไหล่เลื่อนไปรวบมือทั้งสองของเขาไว้ ใครอีกคนยกมันขึ้นแนบชิดอกกว้าง
“มึงคิดยังไงกับกู มึงรังเกียจกูไหม กูที่ไม่มีอะไรเลย กูที่ไม่ได้ดีพร้อมอย่างใครเขา กูที่มีแต่ตัวแบบนี้”
พูรินรู้สึกดีใจเหลือเกินที่เขาไม่ได้เป็นโรคหัวใจ เพราะไม่อย่างนั้น ประโยคที่เขาเพิ่งได้ฟังอาจทำให้เขาตายได้ ก่อนที่จะเกิดใหม่แล้วตายซ้ำอีกครั้ง
“ผม..ผมจะรังเกียจ รังเกิดอะไรเล่า” เขาไม่กล้าสบตา ได้แต่พึมพำออกไปเสียงแผ่วเบา
“งั้น...”
“อ่ะ..แล้วพี่นิ้งล่ะ” คนที่จู่ๆก็นึกขึ้นได้โพลงออกไปให้คนที่กำลังใช้ความกล้าทัั้งหมดกลอกตามองบนเมื่อโดนขัดอีกแล้ว
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนิ้ง”
“ก็ผมนึกว่าพี่กับพี่นิ้งคบกันอยู่ซะอีก ผมเห็นพวกพี่อยู่ด้วยกันตลอด แล้ววันนั้น..วันที่เจอกันที่ร้านราดหน้า ผมถึงรู้ว่าพี่ยอมเล่าเรื่องที่จะไปอเมริกาให้พี่เขาฟัง แต่พี่ไม่ยอมเล่าให้ผมฟังเลย”
“...”
“ผมก็นึกว่าพี่อยากเล่าให้คนสำคัญๆฟังเท่านั้น” พูรินเล่าตามที่รู้สึก แค่คิดถึงวันนั้นความหวั่นไหวก็ผุดขึ้นอีกครั้ง
“มึงน้อยใจกูหรอเนี้ย กูกับนิ้งเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ” คนที่เพิ่งรู้ว่าทำให้น้องมันคิดมากเอ่ยถาม นิ้งเป็นเพื่อนในภาคเขา อีกฝ่ายเป็นคนที่สนุกสนานและคุยด้วยง่ายพวกเขาจึงสนิทกันมาตั้งแต่ปีหนึ่ง แต่เขาสองคนก็เป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ อาจจะเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นผู้หญิง มันก็เลยไม่เหมือนเพื่อนผู้ชายที่พูดจาหยาบคายเวลาจะแซวกัน แต่จะเป็นการหยอกล้อแซวเล่นแนวเหมือนจะจีบ พวกเขารู้กันอยู่แล้วว่าไม่มีใครจริงจัง แต่กับน้องที่เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก มันเลยเข้าใจผิดอย่างที่เห็น
“แล้วทำไมมึงไม่ถามกู คิดเองเออเองเก่ง”
“โห พี่แทน พี่ยังกล้าพูดคำนี้อีกเนอะ ถ้าอย่างผมเรียกว่าคิดเองเออเอง พี่แทนก็โครตพ่อโครตแม่คิดเองเออเองแล้ว”
“เดี๋ยวเถอะมึง ปากดีนักนะ” แทนคุณว่าพร้อมยื่มือไปดึงสองแก้มยุ้ยของคนพูดเก่ง
“เจ็บอ่ะ พี่แทน~ ปล่อยนะ~”
เมื่อโดนโวยวายใส่ เขาก็ยอมหยุดมือที่หยิกแก้มนิ่ม เปลี่ยนมาใช้นิ้วโป้งเกลี่ยไปมาคลายความเจ็บให้เจ้าตัว ปากเอ่ยเล่าเรื่องราวที่เคยเก็บงำไว้เพื่อรอเวลาที่เหมาะสม
“ที่กูยังไม่ได้เล่าเรื่องที่จะอเมริกาให้มึงฟัง เพราะที่จริงกูยังไม่ได้ตัดสินใจแน่ชัด กูตั้งใจไว้ว่าจะถามมึงก่อน”
“หืม..ถามอะไรหรอพี่” คนตัวบางเงยหน้าสบตา ตั้งใจฟังสิ่งที่ใครอีกคนอยากถาม
“กูมาคิดดูแล้ว กูคิดว่ากูอยากไป กูอยากจะพัฒนาตัวเอง อยากเก็บเกี่ยวประสบการณ์ อยากทำให้แม่ภูมิใจ อยากทำให้แม่สบายสักที”
และนอกจากนี้เขาก็อยากจะเป็นคนที่คู่ควรกับน้อง เป็นคนที่น้องจะเดินเคียงคู่ได้อย่างไม่อายใคร
“...”
“มันอาจจะฟังเห็นแก่ตัว แต่กูก็ยังอยากถาม และยังหวังว่ามึงจะตอบตกลง กูก็แค่อยากรู้..ว่าถ้ากูขอเวลาสามปี แค่สามปีเท่านั้น คนอย่างกูจะมีค่าพอให้มึงรอกันไหม”
พูรินไม่อาจละสายตาจากคนตรงหน้า แววตาวาวไหวทำให้ใจไหวสั่น เขาสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวที่แฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นในดวงตาคม เขาเองก็รู้สึกหวั่นไหวไม่แพ้กัน สามปี...มันช่างดูเป็นระยะเวลาที่แสนนาน แค่เขาไม่ได้เจอพี่แทนหนึ่งอาทิตย์ เขาก็ได้รู้รสของความทรมานนั้นแล้วอย่างดี แต่คำตอบของเขาเองก็ชัดเจนอยู่แล้ว เขาเชื่อใจในตัวพี่แทนที่สุด แน่นอนว่าสำหรับเขา ไม่ใช่แค่สามปี แต่กับคนคนนี้ ทั้งชีวิตเขาก็พร้อมจะรอ
“มันก็แล้วแต่ว่า พี่จะให้ผมรอในฐานะอะไร”
แทนคุณกลอกตาให้กับคนเล่นลิ้น เขารู้ว่ากำลังโดนน้องมันแหย่เข้าแล้ว
“นี่กูพูดขนาดนี้แล้ว มึงยังไม่เข้าใจอีกหรอ”
“โอ๊ย พี่แทนอ่ะ~ ก็เข้าใจแล้ว แต่อยากฟังชัดๆนี่น่า ไม่ได้หรือไงเล่า~”
“กูคือกู..มึง...”
“ไม่เอากูมึงไม่ได้หรือไง เวลาพี่แทนแทนตัวว่าพี่ แล้วเรียกผมว่าน้อง คือใจผมเต้นแรงเป็นบ้าเลย”
“...”
“...”
แทนคุณถอนหายใจหนัก เขาอดอมยิ้มให้กับคนที่กุมสองมือไว้แนบอกเหมือนกำลังอธิฐานไม่ได้ สองตากลมขยับปริบๆเป็นการออดอ้อนเต็มที่ ยังไงเขาก็ต้องยอมมันทุกทีสินะ
“น้องหมีพูห์ครับ”
“ครับ!”
“พี่รักน้องนะ”
“ผมก็รักพี่แทน!!”
“มึงใจเย็นๆดิ ฟังกูก่อน”
“...” พูรินที่อยู่ไม่สุขทำท่ารูดซิปปากให้อีกคนยกมือขึ้นมานวดหว่างคิ้วอย่างเพลียใจ ก่อนจะยกยิ้มอบอุ่นที่พูรินชอบที่สุดออกมา
“น้องจะให้เกียรติเป็นแฟนกับพี่ได้ไหมครับ”
พูรินพยักหน้างึกงักรัวๆ ความรู้สึกเหมือนเป็นเจ้าหญิงที่ถูกเจ้าชายขอแต่งงาน
“เป็นๆๆๆ” เขาร้องตะโกน พร้อมกระโจนเข้าไปหาจนพี่แทนเซล้มลงนั่งบนเตียงด้านหลัง ทำให้ตอนนี้กลายเป็นเขานั่งอยู่บนขาหนึ่งข้างของคนร่างหนา พูรินไม่สนใจ สองแขนเรียวโอบรัดคอแกร่งไว้แน่น หลับตาพริ้ม ยื่นหน้าเข้าไปประชิดทันที
“...”
“อะไรของมึง”
“จุ๊บได้แล้ว”
“จุ๊บอะไร แก่แดดนะมึง” แทนคุณว่าแล้วเอากำปั้นเขกกระโหลกอีกฝ่ายเบาๆ
“แก่แดดอะไร ฉากนี้มีในการ์ตูนทุกเรื่อง เด็กดูได้ ผู้ใหญ่ดูดี”
“ถ้าไม่ยอมจุ๊บ ผมไม่ยอ..”
อย่างไม่ยอมให้คนชอบพล่ามพูดจนจบ แทนคุณยกมือหนึ่งข้างจับหลังคอขออีกคนไว้มั่น โน้มตัวกดจูบดุดันลงไปบนปากเรียวนุ่ม พูรินที่เพียงหวังสิ่งที่เหมือนจูบก่อนหน้านี้ตกใจกับความร้อนแรงที่คาดไม่ถึง ตอนที่จะอ้าปากห้ามปรามก็โดนลิ้นร้อนดุนแทรกเข้าไปในโพรงปาก กวาดเลียทุกซอกภายในให้ใจวูบไหว สลับพลัดมาทั้งดูดทั้งเม้มริมฝีปากจนก่อให้เกิดเสียงดังน่าอายก้องสะท้อนไปทั่วห้องนอนเล็ก
พูรินที่เริ่มไม่ไหวตีไหล่อีกฝ่ายซ้ำๆเป็นสัญญาณให้หยุด เมื่อในที่สุดเหมือนว่าเขาจะขาดใจจริงๆ คนที่อยากสอนให้คนชอบอ่อยหลาบจำ ก็ยอมผละออกในที่สุด ไม่ลืมลากเลียริมฝีปากหนาของตัวเองเป็นการยั่วเย้าแถมท้าย
“จุ๊บแล้วนะ”
“นี่ไม่เรียกว่าจุ๊บแล้ว!!”
“เออนะ แล้วตกลงเป็นแฟนกับกูแล้วนะ”
ถึงจะยังเมาจูบอยู่ แต่พูรินก็พยักหน้ารับรัวๆด้วยหน้าตายิ้มแย้ม
“อือ เป็นแฟนกันแล้วนะพี่แทน!”












“เป็นไงไอ้พุทธ ทำได้ไหมว่ะ” ธงชัยเงยหน้าขึ้นมาจากเกมส์ในมือถือ เอ่ยทักเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทอีกคนเดินมาที่โต๊ะ เขากับหมีพูห์ทำเสร็จก่อน เลยตัดสินใจมานั่งรอมันใต้คณะ ไอ้พุทธมันเป็นประเภททวนแล้วทวนอีก ถ้าเวลาไม่หมดมันไม่เคยออกจากห้องสอบหรอก นี่ขนาดเขาเล่นเกมส์ตายไปห้ารอบ มันถึงเพิ่งโผล่หน้ามาให้เห็น
“ก็ได้ทำว่ะ ไม่มั่นใจเลย” และแน่นอนว่าที่แม่งบอกว่าไม่มั่นใจ ผลออกมาทีไรแม่งได้เต็มทุกที
“แล้วพวกมึงอะเป็นไง ออกเร็วกันฉิบหาย ทำได้กันหมดล่ะสิ”
“โธ่ คุณพุทธ คือกูเป็นพวกรู้จักปลงไงมึง แบบเดินทางสายมีน กูไม่ได้หวังจะเป็นท๊อปแบบมึง กูขอแค่ผ่านให้พ่อแม่กูยิ้มได้บ้าง” ธงชัยพูดความจริง เขามันพวกสายชิวอยู่แล้ว
“แล้วมึงอ่ะหมี” พุทธโธหันมาถามเพื่อนตัวเล็กที่ไม่ยอมพูดอะไร ได้แต่นั่งยิ้มฟังพวกเขาสองคนคุยกัน
“ก็พอทำได้มึง”
“เออ ตัวนี้ที่มึงบอกมึงอ่านไม่ทันใช่ไหม พอโอเคใช่ป่ะ บอกให้ติวด้วยกันก็ไม่ยอม มึงนะมึง”
“แต่มันได้พี่มาติวให้ไม่ใช่หรอตัวนี้ สบายเลยดิ” ธงชัยที่นึกขึ้นได้เป็นฝ่ายถามขึ้นมา
“อ่อ พี่ดินใช่ไหมล่ะ มึงแม่งโครตโชคดี พี่รหัสโครตใจดีเลยว่ะ”
“อะ..อืม” พูรินรับคำ คือที่จริงพี่ดินก็มาติวให้เขาวันนึงจริงๆนั่นแหละ แต่พอเขากลับมาคืนดีกับพี่แทน พี่แทนต่างหากที่เป็นคนเสียเวลามาติวให้เขาตลอดจนเกือบไม่ได้อ่านของตัวเอง
“งั้นไปกันเหอะ กินข้าวกัน จะได้กลับไปอ่านหนังสือของตัวพรุ่งนี้” ธงชัยเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋า พยักหน้าชักชวนเพื่อนให้ไปกินข้าวเที่ยงที่โรงอาหารข้างคณะก่อนกลับห้อง
“เออ..คือ...พวกมึงไปกันเถอะ” เพื่อนทั่งสองที่ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วชะงัก หันหลังมามองคนพูด เลิกคิ้วเป็นเชิงถามอย่างสงสัย
“คะ..คือกูรอพี่..กูอยู่น่ะ”
“พี่ดิน? มึงจะรอพี่ดินทำไมว่ะ พี่แกจะติวให้หรอ”
“ปะ..เปล่า พี่แทน”
“สัดหมี มึงเป็นอะไรว่ะ ติดอ่างอะไรนักหนา” พุทธโธที่เห็นเพื่อนพูดติดๆขัดๆอยู่นั่นเริ่มทนไม่ไหว ทรุดนั่งตรงข้ามมันอีกครั้ง ตาคมเพ่งสำรวจคนที่ทำท่าทางมีพิรุจ
“เปล่าเว้ยเฮ้ย ติดอ่างอะไรเล่า”
“ไอ้หมี มึงแปลกจริงๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา พูดทีก็ตะกุกตะกัก กูว่าต้องมีอะไรแน่ๆ” ธงชัยว่าเสริม ทรุดนั่งลงข้างไอ้พุทธทันที
พูรินอยากจะกระโดดถีบขาคู่ใส่พวกมัน ทีงี้ทำมาเป็นรู้ดี เวลากูแกล้งทำเป็นไม่เศร้าล่ะเสือกเชื่อกันซะงั้น ไอ้พวกเวร! พูรินบ่นงึมงำในใจ ก่อนที่ในที่สุดตัดสินใจที่จะเอ่ยออกไป เขาไม่ได้คิดจะปิดบังอะไรพวกมันอยู่แล้ว แค่ยังไม่อยากโดนพวกแม่งแซวจนไม่มีสมาธิอ่านหนังสือสอบก็เท่านั้น
“คือมึง..คือที่จริง..กูกับพี่..”
“อ้าวนั่นไงพี่แทนมาแล้ว พี่ดิน พี่แทน ทางนี้ครับ!” เพราะความสูงที่มีมากเกินใคร พุทธโธเห็นรุ่นพี่เดินมาแต่ไกล เขาโบกมือเป็นสัญญาณหย่อยๆให้อีกฝ่าย เมื่อพี่ดินเห็นก็เดินนำกลุ่มเพื่อนเข้ามา
“ไอ้พี่ต้นแม่งก็มา” เขาไม่ลืมที่จะบ่นอุบอิบ ใครๆก็รู้ เขาเกลียดขี้หน้าแฟนพี่กีกว่าใคร เจอกันทีไรคอยแต่ทำตาขวางใส่เขา นี่ขนาดเขาไม่ได้ไปยุ่งอะไรกับพี่กีมาเป็นปีแล้วนะ
“ไง ไอ้หมี ไอ้ธง”
นั่นไง แม่งจงใจไม่ทักเขาแค่คนเดียว
“หวัดดีครับพี่พี่ดิน พี่ต้น พี่แทน”
“ว่าไง ทำกันได้หรือเปล่า” บดินทร์เอ่ยทักทายรุ่นน้องในโต๊ะบ้าง เอามือขยี้หัวน้องรหัสตัวเองอย่างเอ็นดูเมื่อมันนั่งยิ้มแป้นมาให้ ไม่ลืมลอบสังเกตอาการของเพื่อนสนิทที่ตั้งแต่มายังไม่ยอมพูดยอมจา เขาไม่รู้ว่ามันคืนดีกับน้องไปหรือยัง ตอนเช้าก็วุ่นๆกับเรื่องสอบเลยไม่ได้ถาม แล้วอย่างมันก็ไม่ใช่พวกที่จะเดินมาบอกเขาเองซะด้วย
“ก็ได้บ้างไม่ได้บ้างแหละพี่ พวกผมไม่มีพี่รหัสมาติวให้แบบไอ้หมีนี่น่า” ธงชัยเป็นคนตอบ ทำเสียงน้อยอกน้อยใจจนน่าจับทุ่มเป็นที่สุด
“พี่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเยอะแยะสักหน่อย จะช่วยติวให้มันอีกก็ไม่ยอม ไม่รู้จะมาทำเป็นเกรงอกเกรงใจอะไรนักหนา”
“เอ้า ก็มีดินมีทั้งงานโปรเจคทั้งสอบ ผมไม่อยากกวนพี่นี่น่า” คนเป็นน้องพึมพำแก้ตัว
“เออๆ ไม่ได้ว่าอะไร ไม่อยากกวนก็ไม่อยากกวน แล้วนี่มานั่งทำอะไรกัน มีสอบอีกหรือเปล่า ไปกินข้าวด้วยกันไหม เดี๋ยวพี่เลี้ยง”
“ไปดิพี่ พวกผมก็รอพวกพี่อยู่นั่นแหละ”
“อ้าว แล้วพวกมึงจะรอพวกกูทำไมว่ะ”
“อ้าว ก็ไอ้หมีมันบอกมันรอพี่แทนอยู่อ่ะ ผมก็นั่งรอเป็นเพื่อนมันอยู่เนี้ย”
ทันทีที่ได้ยินคำตอบ สายตาของรุ่นพี่ทั้งสองก็หันตรงไปยังคนที่ไม่ยอมพูดยอมจา ไอ้แทนยังทำมึนมองหน้าพวกเขานิ่ง ไม่สนใจรอยยิ้มกรุ่มกริ่มที่เขาตั้งใจทำให้เห็นกันชัดๆ
บดินทร์ละสายตาจากคนเฉยชาไปมองไอ้หมีพูห์แทน มันที่ทำตัวเลิกลั่กยิ่งดูลนลานกว่าเดิม ไอ้หมีมันไม่เหมือนกับอีกคน รายนี้คิดอะไรแม่งออกมาทางสีหน้าสีตาให้เห็นกันชัดๆ
“พวกมึงจะกินก็ลุกกันดิวะ กูหิวแล้ว” แทนคุณว่าเสียงเรียบก่อนจะออกเดินนำไปยังโรงอาหารโดยไม่ยอมรอใครสักคน พูรินรู้สึกใจแป่วขึ้นมาทันที เขาคิดว่าพี่แทนเองก็ยังไม่ได้บอกเพื่อนตัวเองเหมือนกัน แล้วสถานการณ์เมื่อกี้ก็พอจะทำให้เข้าใจได้ว่าพี่เขาคงยังไม่อยากให้ใครรู้ ความรู้สึกน้อยอกน้อยใจก่อขึ้นมาอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว
เพราะเหมือนวันนี้จะมีนักศึกษาจากนอกคณะมาสอบที่นี่กันเยอะ เมื่อพวกเขาเข้ามาในโรงอาหารจึงมีคนแน่นขนัดจนมองหาที่ว่างแทบไม่เจอ
“มึงไปหาที่นั่งรอนะ เดี๋ยวกูไปซื้อข้าวให้” พี่แทนหันมากระซิบข้างหูก่อนที่จะผละออกไป เขาเดินวนเวียนไปมาอยู่หลายรอบ แต่จนแล้วจนรอดก็หาที่ว่างไม่ได้เลยสักที
“น้องหมีพูห์” พูรินหันหลังไปมองเมื่อมีเสียงทักดังขึ้น เขาเห็นพี่นิ้งส่งยิ้มมาพร้อมกวักมือเรียกเขาอยู่ พูรินรู้สึกคันยุบยิบในใจ แต่ก็ไม่ยอมเสียมารยาทเดินเข้าไปหาอีกฝ่าย
“หาที่นั่งอยู่หรอ ตรงนี้มีที่ว่างนะ” พี่นิ้งชี้ให้ดูพื้นที่ว่างข้างตัว นอกจากพวกพี่เขาสามคนแล้วมันมีที่ให้นั่งอีกประมาณสามถึงสี่คน
“อ่อ ขอบคุณมากครับพี่นิ้ง แต่เดี๋ยวมีพวกพี่ดินมาด้วย ไม่น่าจะพอหรอกครับ”
“ไม่เป็นไร นั่งลงเถอะ กว่าจะมากันพวกพี่ก็คงกินเสร็จแล้วแหละ”
เมื่อพวกพี่เขาว่าอย่างนั้น แม้จะอยากทำแต่พูรินก็ไม่กล้าปฏิเสธซ้ำ หย่อนก้นตัวเองนั่งลงข้างพี่นิ้งทันที ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่เขาคิดว่าพี่นิ้งเป็นคนอัธยาศัยดีจริงๆ ชวนเขาคุยนั่นคุยนี่ไม่หยุด แล้วก็ยังนิสัยดีมากขนาดว่าพอกินเสร็จแล้วยังบอกเพื่อนตัวเองให้ไปก่อน เพราะไม่อยากปล่อยให้เขานั่งรอที่โต๊ะคนเดียว
“อ้าวนิ้งมาได้ไงว่ะ ซื้อข้าวยังอ่ะ” บดินทร์กับตั้งต้นที่เดินมาถึงโต๊ะเอ่ยทักทายเพื่อนร่วมภาค ก่อนที่รุ่นน้องอีกสองคนจะตามกันมาติดๆ
“กินแล้ว เนี้ยมาช่วยน้องหมีนั่งเฝ้าโต๊ะให้พวกนายนั่นแหละ แล้วสามทหารเสือวันนี้มากันแค่สองคนหรอ คุณแทนกลับบ้านไปแล้วหรือไง”
พูรินอดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ที่จู่ๆใครอีกคนถูกถามถึงขึ้นมา รู้แหละว่าทำตัวงี่เง่า แต่กินอิ่มแล้วก็ควรรลุกไปได้แล้วป่ะ?!
“มันต่อแถวซื้อราดหน้าอยู่ แถวโครตยาว ไม่รู้จะอยากกินอะไรหนักหนา” ตั้งต้นตอบคำถามเพื่อน
“อ้าวหมี แล้วข้าวมึงอ่ะ”
ไม่ทันจะได้เอ่ยตอบไอ้พุทธ จานราดหน้าทะเลก็ถูกเอามาวางตรงหน้า พูรินหันมองไปข้างหลัง เห็นพี่แทนยืนถือถาดอาหารค้ำหัวเขาอยู่
“เขยิบดิ กูจะนั่ง” เมื่อได้ยินเขาก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร ลังเลอยู่นิด ก่อนจะตัดสินใจเขยิบตัวออกห่างจากพี่นิ้งไปด้านที่ไอ้พุทธนั่ง เว้นที่ว่างเพียงพอที่จะให้คนตัวใหญ่เข้ามานั่งได้
“โอโห มีซื้อข้าวให้กันด้วย” แน่นอนว่าเป็นตั้งต้นคนดีคนเดิมที่เอ่ยแซว ให้รุ่นน้องอีกสองคนที่แสนจะคันปากแต่ยังเกรงใจหมัดหนักๆของพี่แทนอยู่ตบมือเบาๆเป็นการแซวตาม
“พี่แทนให้ผมหาที่นั่งไง ผมเลยฝากพี่เขาซื้อข้าว ไม่มีอะไรพิเศษสักหน่อย” พูรินได้แต่แก้ตัวไปอย่างนั้น เขาแอบเหลือบมองคนร่างหนาเป็นระยะ รู้สึกโมโหเป็นที่สุดเมื่อเห็นใครอีกคนมัวคุยสนุกกับพี่นิ้ง ไม่คิดจะช่วยเขาเลยสักนิด
“เออ ฝากซื้อก็ฝากซื้อ แล้ววันนี้น้องหมีรอเพื่อนพี่ทำไมครับ” ตั้งต้นยังจี้ต่อไม่หยุด
“เออ..ก็..”
“มึงเลิกยุ่งกับน้องมันได้ไหม ถามเซ้าซี้มันอยู่ได้”
ตอนที่กำลังคิดว่าจะทนไม่ไหวแล้วจริงๆ แขนแกร่งของคนข้างตัวก็พาดทิ้งน้ำหนักมาที่บ่าของเขา เขาหันไปมองเสี้ยวหน้าที่ยังเรียบเฉยของใครบางคนอย่างงงงัน
“พวกมึงปล่อยแฟนกูกินข้าวบ้างเถอะ” ว่าแล้วก็หันหน้ามาหาตากลมโตที่มองจ้องค้างเขาอยู่
“มึงก็กินข้าวได้แล้ว จะอ้ำๆอึ้งๆทำไมเนี่ย”
พูรินหุบปากฉับ เขารีบก้มหน้าก้มตาตักราดหน้าเข้าปากไม่สนใจเสียงโห่ฮาที่ได้ยินในโต๊ะ ได้สบตากันอีกครั้งตอนที่มือหนาของใครอีกคนเลื่อนมาเกาะกุมปลายนิ้วก้อยเขาไว้ มุมปากของคนยิ้มยากยกขึ้นสูง เขาเขินจนหลุบตาหลบอย่างไม่รู้จะมองไปตรงไหน
เขาบอกแล้วว่าพี่แทนน่ะ แม่งโครตขี้โกง
ไอ้เรื่องทำให้เขาใจแกว่ง ใจสั่น ไปไม่เป็น พี่มันนี่แหละ เก่งที่หนึ่งเลย!




******
บางทีน้องหมีอาจจะทำให้ต้องเปลี่ยนเรทนิยายจาก 13 เป็น 18+ (.////.)






หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบเอ็ด:. บางคนที่ใส่ใจกันมากๆ ฉันคิดว่าเขากำลังมีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 06-11-2019 23:41:32
เวลาเปิดเผย เอาซะเอิกเกริกไปเลย
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบเอ็ด:. บางคนที่ใส่ใจกันมากๆ ฉันคิดว่าเขากำลังมีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: Stiiiii ที่ 07-11-2019 00:05:26
น้องหมีน่ารักกกกก
พี่แทนทำดีมากกกก
ติดตามจ้า :mew1:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบเอ็ด:. บางคนที่ใส่ใจกันมากๆ ฉันคิดว่าเขากำลังมีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 07-11-2019 01:04:54
 :o8: ดีใจด้วยนะน้องหมี ได้เป็นแฟนกันแล้ว
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบเอ็ด:. บางคนที่ใส่ใจกันมากๆ ฉันคิดว่าเขากำลังมีความรัก
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 08-11-2019 00:43:46
มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะะะะะะะะ
แต่บอกเพื่อนทีก็รับรู้โดยทั่วกัน  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบสอง:. เราเพียงแค่สนุกสนานไปกับสิ่งหนึ่ง..
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 11-11-2019 02:22:38
.:น้ำผึ้งหยดที่สิบสอง:.

We didnt realise we were making memories, we just knew we were having fun

.

.

เราเพียงแค่สนุกสนานไปกับสิ่งหนึ่ง เราไม่เคยรู้เลยว่าวันนึงสิ่งนั้นจะกลายเป็นความทรงจำล้ำค่าที่ไม่อาจลืม



















หลังจากผ่านการสอบที่สุดแสนจะทรหด ช่วงเวลาที่พูรินตั้งหน้าตั้งตารอก็มาถึง สองอาทิตย์แรกของการปิดเทอมหนึ่ง พูรินใช้มันไปกับการเตรียมการแสดงประจำปีของเด็กๆ ที่โรงเรียนอนุบาล ในเวลาปกติเขามีสอนแค่สองวัน แต่ช่วงเตรียมการแสดงแบบนี้ นอกจากสอนร้องสอนเต้น เขายังไปช่วยพี่ๆคุณครูทำพร๊อพ ช่วยเตรียมชุดให้เด็กๆ และทำของที่ระลึกที่จะเอาไว้แจกผู้ปกครองในวันงานอีกด้วย

และเขาเพิ่งจะได้มารู้ว่า ช่วงที่เขาทะเลาะและไม่ได้คุยกับพี่แทน วันที่พี่แทนไปส่งชุด ครูจันทร์ได้ขอร้องให้พี่แทนมาช่วยเล่นกีต้าร์ให้เด็กๆ ร้องเพลงในวันงานด้วย ดังนั้นตลอดอาทิตย์นี้เราสองคนจึงวุ่นๆ กับงานนี้ไปด้วยกัน และอย่างน่าประหลาด ทั้งๆ ที่พี่แทนเคยไปเล่นตามร้านมาก็ตั้งเยอะแยะ แต่เหมือนการได้มาสอนเด็กๆ แบบนี้จะทำให้เจ้าตัวตื่นเต้นไม่น้อย และพูรินเองได้มีโอกาสเห็นคนที่ใครๆ ว่าเป็นเสือยิ้มยาก หัวเราะและยิ้มร่าได้ง่ายขึ้นกว่าทุกที

“พี่แทนครับ”

“ว่าไงครับน้องหมี”

“ผมอยากเล่นกีต้าร์จังเลยครับ”

“มาลองดูสิครับ” ว่าแล้วแทนคุณที่นั่งบนเก้าอี้ไม้ตัวจิ๋วของเด็กๆ ก็อ้าแขนออก ให้เด็กชายตัวน้อยขึ้นมานั่งบนตัก ก่อนจะโอบรอบเด็กชายด้วยกีต้าร์ตัวใหญ่

“มือขวากดคอร์ด มือซ้ายดีดลงแบบนี้นะครับ” น้องหมีลองทำตาม เมื่อได้ยินเสียงแต้งๆๆ ก็รู้สึกพอใจ ดีดขึ้นลงไม่เป็นจังหวะอย่างเมามัน

“ช้างๆๆ น้องเคยเห็นช้างเลยเปล่า...” อินเนอร์ของศิลปินตัวน้อยมาเต็ม น้อยหมีเน้น ชอช้าง ซะจนฟังเหมือนเพลงเพื่อชีวิต เพื่อนๆ ที่เห็นรีบเข้ามามุง เด็กๆช่วยกันร้องเพลงและต่อคิวกันเป็นแถวยาวเพราะอยากลองเล่นกีต้าร์บ้าง

พูรินได้แต่หัวเราะกับภาพที่เห็น เขาขึ้นมาที่ห้องเพราะตอนนี้ใกล้จะได้เวลาพักทานของว่างของเด็กๆ แล้ว แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็แสนจะล้ำค่าเกินกว่าจะเข้าไปขัด ได้แต่ยกโทรศัพท์มือถือในมือมาถ่ายทั้งรูปและวิดีโอเก็บไว้

“คุณครูแทนคะ คุณครูแทน”

“เรียกพี่แทนก็ได้นะคะน้องหนูดี”

พี่แทนพูดนะคะด้วยเว้ย หล่อได้อีกอะแฟนเขา

“พี่แทนคิดว่าระหว่างหนูดีกับกิ่งแก้ว ใครร้องเพลงเพราะกว่ากันค่ะ”

พูรินหลุดขำพรืดเมื่อเห็นคนร่างหนาไปไม่เป็น พี่แทนกระอึกกะอัก เจ้าตัวคงไม่อยากทำให้เด็กสาวตัวน้อยคนหนึ่งคนใดที่กำลังจ้องมาอย่างมีความหวังต้องเสียใจ

“พี่ว่าทั้งสองคนตอนร้องด้วยกันเพราะที่สุดเลยค่ะ”

พูรินแทบจะลุกขึ้นปรบมือ ไม่รู้ว่าควรดีใจไหมที่มีแฟนหัวไวขนาดนี้ นั่นมันคุณสมบัติที่ดีที่สุดของคนกระล่อนเลยน่ะนะ

“อ้าว แล้วอย่างนี้ระหว่างหนูกับหนูดี ใครจะได้เป็นเจ้าสาวของพี่ล่ะคะ” เมื่อไม่ได้คำตอบที่พึงหวังในคำถามแรก คำถามที่สองก็ตามมาให้แทนคุณมืดแปดด้าน เขาหันมาเห็นหมีพูห์ที่ได้แต่ยืนขำอยู่ตรงกรอบประตู เลยส่งสายตาออดอ้อนเป็นการขอความช่วยเหลือ

“เอ่อ...คือ...”

“แต่หนูดีไม่ได้อยากเป็นเจ้าสาวของพี่แทนสักหน่อย หนูดีอยากเป็นเจ้าสาวของคุณครูพูรินต่างหาก”

“ไม่ได้นะคะ” ทันทีที่เด็กน้อยโต้ขึ้น แทนคุณก็สวนกลับทันที หนูดีสะดุ้งนิดนึงที่พี่แทนเสียงดังใส่ ก่อนที่เจ้าตัวจะทำหน้าขึงขังใส่คนที่เอ่ยปากห้าม

“ทำไมล่ะคะ ก็คุณครูพูรินบอกว่าหนูดีน่ารักที่สุด หนูดีบอกคุณแม่แล้ว โตขึ้นหนูดีจะแต่งงานกับคุณครู”

“ก็พี่บอกแล้วไงคะว่าไม่ได้”

“ทำไมถึงไม่ได้ล่ะคะ”

“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ค่ะ”

พูรินไม่รู้จะขำหรือร้องไห้ดีเมื่อคนตัวใหญ่ยักษ์ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเถียงกับเด็กน้อยอย่างเป็นจริงเป็นจัง จนในที่สุดเมื่อเขาเห็นน้องหนูดีใกล้จะเบะออกมาแล้ว เขาเลยรีบเดินรุดเข้าไปห้ามทัพ

“เด็กๆ ครับ ได้เวลากินของว่างแล้วนะแล้วครับ”

พอได้ยินว่าถึงเวลากินขนม เด็กๆ ก็ร้องเฮเสียงดัง วิ่งมาต่อแถวเกาะไหล่เพื่อนข้างหน้าก่อนที่จะเดินลงไปห้องอาหารชั้นล่างกับพูริน ทิ้งให้เด็กยักษ์ที่ถือกีต้าร์นั่งหน้าบึ้งตึงอยู่บนเก้าอี้ตัวจิ๋วที่เล็กเกินตัวอีกฝ่ายไปเยอะอยู่คนเดียวในห้อง พูรินกลับขึ้นมาหาพี่แทนอีกครั้งเมื่อส่งเด็กๆ เสร็จ ตอนที่เด็กๆ อยู่ที่โรงอาหารแบบนี้ มันเป็นเวลาพักของพวกเขาสองคน

“ใช่เรื่องไหมพี่แทน” เขาหยิบเก้าอี้ตัวจิ๋วอีกตัวมานั่งลงข้างๆ อีกฝ่าย ยื่นขนมปังไส้หมูหยองกับขวดน้ำเปล่าให้ พร้อมเอ่ยถามกลั้วหัวเราะออกไปเมื่อยังเห็นใครอีกคนหน้าบึ้งไม่หยุด

“...”

“ได้ข่าวว่าน้องหนูดีสี่ขวบ”

“แล้วมึงไปตกลงจะแต่งงานกับน้องทำไม โกหกแบบนี้ เป็นครูได้หรอว่ะ”

อือฮือ เวลาหึงนี่ ปากเสียเก่งสุดๆ อ่ะคนนี้

“ตกลงอะไรเล่า ผมแค่ชมว่าน้องหนูดีน่ารักเฉยๆ เด็กๆ ก็แบบนี้แหละพี่ กำลังอยู่ในวัยจินตนาการ ผมก็เคยเป็น”

“มึงเคยเป็นอะไร มึงอยากแต่งกับใคร” แทนคุณถามเสียงขุ่นให้พูรินร้องว้าว พี่แทนแม่งบางทีก็งี่เง่าได้สุดโต่งดีเหมือนกัน

“ผมก็เคยอยากแต่งกับเจ้าชายไง”

“ดิสนีย์อีกแล้วนะมึง แล้วเจ้าชายเรื่องไหนล่ะ” คนที่ทำท่าเหมือนเอือมระอายังคงถามต่อ

“บอกไปพี่จะรู้จักไหม เรื่องที่เจ้าชายดุๆ อ่ะ”

แทนคุณนั่งนึก ถึงจะไม่ได้ดูเป็นจริงเป็นจังแบบน้องมัน แต่เขาก็เคยดูผ่านๆ มาบ้าง บางเรื่องก็เคยเจอในหนังสือนิทานตอนเด็กๆ จึงพอรู้จักเรื่องที่มันดังๆ อยู่หลายเรื่อง

“เจ้าชายอสูรป่ะ ที่มีกาน้ำเต้นได้”

“จะว่าอสูรก็อสูรอยู่นะ ชอบทำหน้าโหด แยกเขี้ยวใส่ตลอด พูดจาก็ไม่เพราะ เวลาโกรธก็เงียบใส่”

“...” แทนคุณเกาหัวกอกแก๊ก เขาว่ามันฟังคุ้นๆ แบบประหลาด

“แล้วยังหึงเก่งอีก หึงแม้กระทั่งเด็กสี่ขวบอะพี่คิดดู”

“แบบที่พระมเหสีแม่เจ้าชายรับจ้างตัดผ้างี้”

“อ้าวรู้ได้ไงเนี้ย ฉลาดจัง”

“ลามปามที่หนึ่งอะมึงอะ” พูรินหัวเราะเสียงดังเมื่อโดนแขนแกร่งรวบจับล๊อคคอ ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ว่างดึงแก้มเขาจนยืดไปหมด

“ปล่อยก่อนนน เจ็บบบบ”

“อ้อนวอนกูมาสิ”

“พี่แทนคนหล่อ ปล่อยผมนะครับนะ”

“...”

“นะพี่แทนนะ เจ็บไม่ไหวแล้ว”

“ใครหล่อกว่ากัน”

“ห๊ะ?”

“คนที่มึงเคยอยากแต่งงานด้วยตอนเด็กๆ กับกู ใครหล่อกว่ากัน”

“จริงจังไหมเนี้ย” พูรินเงยหน้าขึ้นไปมองตาอย่างเหลือเชื่อ อะไรคือหึงเจ้าชายในฝันเขาซะงั้น ตาสองตาประสานกันนิ่งอยู่นาน จนในที่สุดคนที่รู้ตัวว่าแอบงี่เง่าก็ถอนหายใจ ปล่อยมือออกจากแก้มเขา

“เฮ้อ..ช่างเถอะ”

“เท่ากันเลยพี่” พูรินไม่ปล่อยผ่าน รวบมือหนาของใครอีกคนมาไว้ในสองมือ พึมพำออกไปให้อีกคนหันมามอง ก่อนเจ้าตัวจะยกยิ้มอย่างพอใจในคำตอบ

“เออ..ก็ยังดี” เขาก็รู้แหละ ว่าตัวเองไม่ได้หล่ออย่างไอ้ดิน เท่อย่างไอ้ต้น ตัวก็ดำแถมยังหุ่นหนาเป็นหมีแบบนี้ จนก็จน มีดีที่ไหนล่ะ จะไปถามให้น้องมันแกล้งชมทำไม

“ก็เจ้าชายในฝันกับพี่ หน้าเหมือนกันเปี๊ยบ ก็ต้องหล่อเท่ากันดิ”

“...”

“งงอีก ก็จริงที่ผมแค่อยากแต่งงานกับเจ้าชาย แต่ก็ไม่ได้มีสเป็กว่าต้องหน้าตาแบบนี้แบบนั้น แล้วพอมาตกหลุมรักพี่แทนถึงได้รู้ไงว่าที่จริงเจ้าชายที่ตามหามาตลอดหน้าแบบนี้นี่เอง”

“...”

“ซึ้งยัง” ตากลมจ้องปริบๆ ถามเสียงใส ให้คนหน้าเข้มอยู่แล้วเข้มขึ้นกว่าเดิมไปอีกเมื่อมีสีแดงมาผสม

“คำพูดคำจามึงนี่มัน...” พูรินยิ้มกว้างเมื่อทำให้คนหน้านิ่งเขินได้ในที่สุด

“งั้นตกลงคือมึงจะแต่งงานกับกูว่างั้น” เขาตั้งใจพูดให้น้องมันเขิน แต่เขาว่าเขาคงคิดผิดไปเยอะ

“แต่งๆๆๆ แต่พี่แทนต้องขอดีๆ นะ เอาแบบในทุ่งทานตะวันงี้ แล้วพี่แทนก็ต้องย่อเข่าลงข้างนึง” คนเพ้อเจ้อทำท่าประกอบ เชิดหน้า ตามองลอยขึ้นเบื้องบนอย่างเพ้อฝัน

“น้องหมีพูห์ครับ พี่รักน้องหมีพูห์นะครับ พี่อยากให้น้องหมีพูห์มาเดินเคียงข้างกัน ทั้งในวันที่ทุกข์หรือสุขที่สุด พี่ก็อยากเดินจับมือกับน้องไปแบบนี้เรื่อยๆ แต่งงานกับพี่แทนนะครับน้องหมีพูห์”

“พอไหมมึง เดี๋ยวเด็กๆ จะคิดว่าคุณครูเป็นบ้า” แทนคุณรีบลากคนที่คุกเข่ากับพื้นขึ้นมานั่งที่เดิม เมื่อเขาได้ยินเสียงเด็กๆ เจี๊ยวจ๊าวมาแต่ไกล ส่ายหน้าอย่างระอาเมื่อมันยังร้องเพลง So this is love ไม่หยุด

“And I can fly...I'll touch every star in the sky....

So this is the miracle that I've been dreaming of....

Mmmmmm

Mmmmmm

So this is love...”

ก็เขาเคยบอกหลายครั้งแล้ว ว่าเขาน่ะรักคนบ้า!

























วันนี้พูรินตื่นตั้งแต่ตีห้า ที่จริงจะเรียกว่านอนไม่หลับทั้งคืนน่าจะถูกต้องกว่า เขาตื่นเต้นเหลือเกินเพราะในที่สุดวันแสดงก็มาถึง เมื่อคืนเขามานอนบ้านพี่แทน เพื่อว่าตอนเช้าจะได้ออกไปพร้อมกัน เวลาเขามานอนด้วยแบบนี้ พี่แทนจะสละห้องนอนให้เขา ส่วนตัวเองจะลงไปนอนที่ห้องรับแขกข้างล่าง ไม่ก็เอาฟูกไปปูข้างเตียงนอนแม่กุ้ง ไอ้เรื่องที่จะได้นอนกอดกันทั้งคืน ถึงเขาจะแอบคิดแต่ก็ไม่ได้พูดออกไปหรอก เดี๋ยวก็โดนด่าว่าแก่แดดอีก แม้แต่จูบที่เคยทำมาแล้วก็เถอะ หลังจากวันที่ตกลงคบกัน มันก็ไม่มีครั้งที่สองอีกเลย

โรงเรียนอนุบาลที่เขาสอนไม่มีเวทีใหญ่สำหรับจัดแสดง งานของโรงเรียนจึงไปจัดขึ้นที่หอประชุมของโรงเรียนมัธยมใกล้ๆ เมื่อวานเขาเข้าไปช่วยพี่ๆ ตกแต่งสถานที่เรียบร้อยแล้ว วันนี้จะเหลือแค่ต้องเข้าไปดูความเรียบร้อยเป็นครั้งสุดท้ายอีกครั้งเท่านั้น

เมื่อแวะกินโจ๊กหน้าปากซอยกันเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็ตรงไปที่โรงเรียนมัธยมดังกล่าวทันที ตอนที่ไปถึงคุณครูมากันครบหมดทุกคนแล้ว แถมยังมีนักเรียนและผู้ปกครองบางส่วนเริ่มทยอยกันมาจับจองที่นั่งแถวหน้า ครูใหญ่ให้พวกเขาสองคนช่วยเสิร์ฟน้ำและขนมปังให้กับคนที่ยังไม่ได้กินอาหารเช้ามา เมื่อจวนเวลาเข้ามาเต็มที ครูใหญ่จึงให้เขาไปเรียกเด็กๆ มารวมตัวกับคุณครูประจำชั้นด้านหลังเวที ส่วนพี่แทนก็แยกขึ้นไปเตรียมตัวสำหรับการแสดงเปิดงาน

“สวัสดีครับคุณครูพูริน” ตอนที่กำลังเดินเรียกเด็กๆ ตามแถวที่นั่ง คุณณัติคุณอาของน้องหมีก็เอ่ยทักขึ้นให้เขาส่งยิ้มและทักทายกลับ ตอนที่กำลังจะชวนคุยเขารู้สึกว่ามันร้อนวูบๆ ที่หลังยังไงไม่รู้ พูรินหันขึ้นไปมองบนเวที เขาสะดุ้งเมื่อเห็นตาคมวาวของใครอีกคนกำลังจ้องมองมาอย่างไม่วางตา ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตาคู่นั้นเป็นของใคร

เกร็งได้อีก พี่แม่งทำให้กูเกร็งได้อีก

“วันนี้ครูพูรินแต่งตัวน่ารักจังเลยครับ” อีกฝ่ายยื่นหน้ามากระซิบข้างหูให้ได้ยินกันแค่สองคน คนที่วันนี้แต่งตัวทางการกว่าปกติ เสื้อยืดสีขาวเรียบกับยีนต์สีฟ้าพอดีตัว มีแจ๊คเกตสีเหลืองอ่อนคลุมทับอีกทีได้แต่ยิ้มรับ เขาพูดคุยกับคุณณัติและคุณพ่อคุณแม่ของน้องหมีอีกนิดหน่อยพอเป็นพิธี ก่อนที่จะเอ่ยขอตัว เพราะเขายังต้องไปเรียกเด็กคนอื่นๆ ขึ้นเวทีอีก ไม่ได้กลัวสายตงสายตาของหมีบ้าที่ไหนเลยจริงๆ นะ!

เสียงเพลงชาติที่ดังกระหึ่มทั่วหอประชุมจบลง เป็นสัญญาณว่าในที่สุดการแสดงกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เมื่อผู้ปกครองนักเรียนนั่งลงประจำที่ตามเดิม ครูจันทร์ที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรของงานก็เดินออกไปกล่าวต้อนรับ เอ่ยทักทายอย่างเป็นกันเอง ก่อนที่จะกล่าวถึงจุดประสงค์ของงาน นอกจากนั้นครูจันทร์ยังเล่าให้ฟังถึงขั้นตอนการฝึกซ้อมและไม่ลืมที่จะเอ่ยชมกับความตั้งใจของเด็กๆ ที่เยอะเกินตัว เมื่อได้รับสัญญาณตอบรับจากด้านหลังเวที คุณครูก็อธิบายตารางเวลาของงานในวันนี้คร่าวๆ แล้วในที่สุดก็ขอให้ผู้ปกครองตบมือต้อนรับการแสดงแรกที่กำลังจะเริ่มขึ้น

เมื่อม่านสีแดงถูกเลื่อนออก เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องขึ้นอีกครั้ง เด็กๆ ทั้งสามสิบคนที่อยู่ในชุดสีขาวล้วนถูกจัดเรียงเป็นครึ่งวงกลมสองแถว เด็กที่อยู่ในแถวหลังยืนอยู่บนกล่องไม้เตี้ยเพื่อให้ไม่โดนแถวหน้าบัง พูรินเห็นเด็กๆ ตื่นเต้นกันใหญ่ ร้องเรียกเมื่อมองเห็นคุณแม่คุณพ่อของตัวเองอยู่ด้านล่างเวที เขาเหลือบมองพี่แทนที่อยู่ด้านข้างกลุ่มเด็กน้อย เจ้าตัวทำหน้ามุ่ยเหมือนกำลังรำคาญอะไรสักอย่าง แต่เขารู้ดีว่าตอนที่พี่แทนทำหน้าตาแบบนี้ มันเป็นเพราะเจ้าตัวกำลังเขินถึงขีดสุด

แชะ!

ตอนที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก สายตาคมก็หันมามองสบกันพอดี เขาโบกมือให้พี่แทนก่อนที่จะยกชูนิ้วโป้งให้กำลังใจอีกฝ่าย พี่แทนพยักหน้าให้เขาหนึ่งทีเป็นการรับรู้ ก่อนจะดีดกีต้าร์ขึ้นลงเรียกสติเด็กๆ ให้กลับมาอยู่บนเวทีอีกครั้ง

การแสดงแรกจะเป็นการแสดงรวมของเด็กๆ ทั้งสองห้องเพื่อต้อนรับผู้ปกครอง พวกน้องๆ จะร้องเพลงเด็กที่รู้จักกันทั่วไปพร้อมกับเต้นประกอบจังหวะ จะเป็นเพลงไทยสามเพลง ก่อนจะต่อด้วยเพลงภาษาอังกฤษอีกสองเพลง ซึ่งเมื่อถึงท่อนภาษาอังกฤษ พูรินจะคอยนั่งอยู่แถวหน้าสุดของเวทีกับคุณครูประจำชั้นของเด็กๆ เพื่อช่วยแสดงท่าทางประกอบเผื่อนักเรียนตื่นเต้นจนลืมเนื้อร้องและท่าเต้นกันไปหมด

แต่ละเพลงผ่านไปด้วยดี ถึงจะร้องถูกบ้างผิดบ้าง บางคนก็งอแงร้องไห้บนเวที ไม่ยอมเต้นตามเพื่อนบ้าง แต่ความน่ารักของเด็กๆ ก็ทำให้ผู้ปกครองทั้งยิ้มหัวเราะในความไร้เดียงสา ทั้งน้ำตาซึมเพราะความภาคภูมิใจในลูกตัวน้อยของตน

ตอนที่เด็กๆ กำลังโชว์การตีกลองเข้าจังหวะ พูรินที่ช่วยจัดชุดสำหรับการแสดงสุดท้ายของเด็กๆเรียบร้อยแล้วก็เดินออกมานั่งข้างพี่แทนที่บริเวณที่นั่งด้านหน้า ตั้งแต่จบการแสดงเปิดงานพี่แทนก็ว่างมาตลอด จึงมานั่งอยู่ตรงนี้คอยช่วยเขาถ่ายรูปเด็กๆ ตอนที่เขากำลังวุ่นอยู่หลังเวที

“ตื่นเต้นจังเลยพี่แทน” พูรินตื่นเต้นจนเก็บอารมณ์ไม่อยู่ เขาทุ่มเทกับการแสดงชุดนี้มากที่สุด เพราะมันเป็นการแสดงที่มาจากคลาสการแสดงละครของเขาเอง พูรินทั้งเขียนบท ทำพร๊อพ และยังให้แม่กุ้งช่วยตัดชุดให้ เขาไม่คิดเงินค่าชุดกับเด็กๆ สักบาท เพราะอยากให้เด็กๆ เก็บไว้แทนคำขอบคุณที่ช่วยมาเป็นส่วนหนึ่งกับก้าวแรกของความฝันของเขา

วันนี้เด็กๆ จะเล่นละครเรื่องวินนี่ย์เดอะพูห์ มันเป็นเรื่องราวตอนที่หมีพูห์เล่นเกมส์ Poohsticks กับเพื่อนๆ ในป่าร้อยเอเคอร์

ฉากแรกเริ่มต้นที่ตัวละครเดินมายืนคุยกันอยู่บนสะพานไม้กลางแม่น้ำที่ไหลเอื่อย ตัวละครในฉากนี้มีทั้งหมด 5 ชีวิต มีเจ้าหมีพูห์เสื้อแดง หมูน้อยพิกเล็ต เจ้ากระต่ายแร็พบิทหูยาว เจ้าเสือร่าเริงทิกเกอร์ และเจ้าจิ้งโจ้รูตัวน้อย

ทั้งหมดกำลังถกเถียงถึงกติกาและของรางวัลของผู้ชนะเกมส์นี้ ในมือของเด็กน้อยแต่ละคนถือกิ่งไม้ที่มีสีแตกต่างกันเพื่อให้รู้ว่าของใครเป็นของใคร เมื่อตกลงกันได้ หมีพูห์ก็เอ่ยอธิบายเกมส์คร่าวๆ อีกครั้ง เมื่อเล่าจบ เด็กๆ ก็ไปยืนเรียงกันชิดขอบสะพานด้านที่เป็นต้นน้ำ นับหนึ่งถึงสามก่อนที่จะทิ้งกิ่งไม้ลงไปพร้อมๆ กัน หลังจากนั้นจึงรีบวิ่งไปที่ขอบสะพานอีกฝั่ง ดูว่าถ้ากิ่งไม้ของใครโผล่ออกมาจากใต้สะพานก่อน คนนั้นก็จะเป็นฝ่ายชนะทันที

พูรินหัวเราะเสียงดังเมื่อเด็กๆ เริ่มส่งเสียงโวยวายตอนที่กิ่งไม้ไม่ยอมโผล่ออกมาสักที เขาทั้งขำทั้งซึ้งใจจนน้ำตาไหลที่เห็นเจ้าตัวแสบทั้งหลายอินกับบทบาทกันขนาดนี้

เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆ เงียบลงเมื่อมีบางสิ่งบางอย่างลอยโผล่ออกมาจากขอบสะพาน แต่แทนที่จะเป็นกิ่งไม้ มันกลับเป็นหางของเจ้าลาอียอร์ที่ลอยเคว้งอยู่บนน้ำ ถึงบทจะเป็นแบบนั้น แต่จริงๆ เจ้าอียอร์คือน้องหมีที่อยู่ในชุดลาสีม่วง น้องนอนแผ่อยู่บนแผ่นไม้ที่มีล้อเลื่อนดังเอี๊ยดๆ มีเชือกผูกอยู่กับแผ่นกระดานหนึ่งข้างให้คนหลังฉากอีกด้านค่อยๆ ดึงออกมา ให้ความรู้สึกเหมือนน้องลอยตามน้ำอยู่ ท่าทางตื่นๆ ของน้องหมีทำให้ผู้ปกครองทั้งขำทั้งเอ็นดูกันยกใหญ่

เหล่าเพื่อนในป่าร้อยเอเคอร์ถกเถียงกันว่าจะช่วยเจ้าลาได้ยังไง เพราะว่ามันไม่ยอมจมลงไป ได้แต่ลอยไปตามน้ำ หลังจากที่ตกลงกันอยู่นาน เรื่องก็จบลงตรงที่หมีพูห์เดินไปหยิบก้อนหินก้อนใหญ่มาถ่วงให้อียอร์จมลงน้ำ ทำให้เจ้าลาสามารถหมุนตัวว่ายน้ำและหาทางขึ้นมาบนบกได้อีกครั้ง

เสียงปรบมือดังกึกก้องหอประชุม พูรินน้ำตาไหลพราก ความรู้สึกตอนนี้ของเขา ก็คงไม่ต่างกับผู้ปกครองอีกหลายคน เขารู้ว่าน้องๆ ฝึกซ้อมกันมาหนักแค่ไหน เด็กน้อยตัวแค่นี้ มันอาจจะไม่ใช่การแสดงที่ดีที่สุด แต่การได้มาเห็นความสำเร็จก้าวเล็กๆ อีกก้าวของน้องๆ มันช่างเป็นความรู้สึกสุขอิ่มที่เกินบรรยายจริงๆ

ภาพตรงหน้ามันเป็นสิ่งที่พูรินเคยเฝ้าฝันมาตลอดชีวิต และเขาคิดว่าเขาเดินมาถูกทางแล้ว ความสุขจากสิ่งที่ได้เห็นมันไม่มีอะไรมาแทนที่ได้เลย และมันจะดีแค่ไหนกันนะ ถ้าเขาจะได้ทำมันซ้ำๆ ถ้าเขาจะได้เห็นมันแบบนี้ตลอดไป

“กูเข้าใจแล้ว ว่าทำไมมึงถึงอยากทำงานนี้หนักหนา”

ตอนที่กำลังป่ายมือเช็ดน้ำตาไปมา เสียงทุ้มจากคนข้างตัวก็ดังขึ้นให้เขาหันไปมอง แววตาของใครอีกคนวาวไหวในความมืด พูรินอดแปลกใจไม่ได้ที่เห็นเหมือนพี่แทนมีน้ำตาคลอเบ้า

“พี่แทน...”

“เรามาทำมันไปด้วยกันนะ..” มือหนาเอื้อมมากอบกุมหลังมือของเขาแน่น แทนคุณเองก็ประทับใจกับการแสดงวันนี้ไม่น้อย ตัวเขาเองได้ใช้เวลาร่วมกับเด็กๆ เพียงระยะสั้น แต่กับหมีพูห์ที่อยู่ด้วยกันมาตลอดทั้งเทอม เขานึกรู้ว่ามันคงสำคัญกับน้องมากเหลือเกิน

“ความฝันของมึง เรามาทำมันไปด้วยกันนะ”

น้ำตาของพูรินร่วงหล่นลงสองแก้ม เขาพยักหน้ารับรัวๆ แค่เพียงคิดว่าจะได้ทำตามฝันมันก็สุขใจมากพอแล้ว และนี่ยิ่งถ้าได้ทำมันกับคนที่รักมากที่สุด เขาคิดว่าในโลกนี้เขาคงไม่ต้องการสิ่งใดอีกแล้ว













หลังจากการแสดงทั้งหมดจบลง ก็ถึงเวลาที่นักเรียนและผู้ปกครองแต่ละชั้นเรียนจะถ่ายรูปร่วมกัน พูรินมีหน้าที่ช่วยแจกของที่ระลึก ส่วนแทนคุณก็วุ่นอยู่กับการช่วยผู้ปกครองถ่ายรูปคู่กับเด็กๆ

“ครูพูรินครับ” เป็นอีกครั้งที่อาของน้องหมีเดินมาทัก พูรินยื่นของที่ระลึกในมือให้เจ้าตัวก่อนจะเอ่ยทักอย่างมีมารยาท

“เป็นยังไงบ้างครับคุณณัติ วันนี้น้องหมีเต็มที่มากเลย”

“ผมกับพี่ๆ อึ้งมากเลยครับ ไม่คิดว่าน้องจะทั้งร้องทั้งเต้นได้ขนาดนั้น อยู่บ้านไม่เคยยอมบอกเลยว่าจะแสดงอะไร” เมื่อได้ยินพูรินก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“ผมเป็นคนบอกให้น้องหมีทำเซอร์ไพร์เองครับ นี่แสดงว่าน้องหมีเก็บความลับได้สุดยอดเลย”

“อย่างนี้ต้องพาเด็กดีไปเลี้ยงไอติมด้วยกันอีกนะครับ” ณัติไม่ยอมทิ้งโอกาส ไม่รู้ว่าปิดเทอมแล้วจะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหม เขาเลยรีบเอ่ยปากชวนอีกฝ่ายทันที

“รอบนี้ยังไม่สัญญานะครับ เพราะยังไม่แน่ใจว่าเทอมหน้าทางโรงเรียนจะต่อสัญญากับผมไหม”

“อ้าว แย่จังเลย แล้วเรื่องที่ร้านตกลงยังไงครับ”

“ก็หลังจากจบงานนี้ก็ว่าจะเริ่มแล้วครับ ก็จะเหมือนกับที่โรงเรียน คือมีสอนภาษาอังกฤษกับแสดงละคร อ๋อ แล้วก็คอร์สสอนร้องเพลงสำหรับเด็กเล็กด้วยครับ”

“ดีเลยครับ ถ้าเริ่มเมื่อไหร่บอกด้วยนะครับ ผมจะพาน้องหมีไปสมัครเป็นนักเรียนคนแรกเลย”

“ได้เลยครับ ได้นักเรียนน่ารักๆ แบบนี้ผมสอนเต็มพลังแน่นอน” พูรินยิ้มรับจนตาปิด ท่าทางน่ารักของคุณครูทำให้คนที่มองเผลอยิ้มตาม ณัติลังเลนิดหน่อย ก่อนที่จะทำใจสู้ยื่นถุงกระดาษในมือส่งให้

“ครูพูรินครับ..ช่วยรับไว้ได้ไหมครับ” พูรินเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เขารับถุงกระดาษมาเปิดดู เมื่อเห็นว่าเป็นตุ๊กตาหมีพูห์ตัวน้อยก็ยิ้มอย่างดีใจ

“โธ่~ น่ารักจังเลย อย่างนี้คงไม่ต้องรอเปิดเทอม ผมคงต้องเลี้ยงไอติมน้องหมีตอบแทนซะแล้ว”

“ไม่ใช่หรอกครับ อันนี้จากผมครับ”

“...”

“ถ้าครูพูรินไม่รังเกียจ ช่วยรับไว้ได้ไหมครับ”

พูรินทำตัวไม่ถูก พี่แทนชอบพูดบ่อยๆ ว่าคุณณัติคิดเกินเลยกับเขา เขาไม่เคยเชื่อเลย แต่พอเป็นแบบนี้ เขาก็เริ่มคิดแล้วว่ามันอาจจะจริง

“เอ่อ..ขอบคุณนะครับคุณณัติ แต่ผมคง..”

“นะครับ อย่าทำให้ผมเสียน้ำใจเลย ผมไม่ได้หวังอะไร แค่อยากขอบคุณที่ช่วยดูแลน้องหมีอย่างดีน่ะครับ”

“เอ่อ..งั้นก็ขอบคุณมากเลยนะครับ” ถึงจะยังลังเล แต่พูรินก็ไม่อยากเสียมารยาทปฏิเสธอีกครั้ง เขาจึงได้แต่ยอมรับมาแต่โดยดี

“งั้นก่อนกลับ ผมขอถ่ายรูปคู่กับคุณครูเป็นที่ระลึกนะครับ” ไม่ทันตั้งตัว คนร่างสูงกว่าก็แนบตัวเข้าประชิด ยกเหยียดมือที่ถือกล้องมือถือขึ้นสูง เตรียมตัวจะเอาหน้าแนบชิดคุณครูเพื่อถ่ายรูป

หมับ!

พูรินตาโตเมื่อเห็นพี่แทนคว้าเข้าที่ข้อมือคุณณัติ หน้าที่ยังเรียบเฉยของอีกคนทำให้เขารู้สึกกลัว ตรงนี้มีผู้ปกครองและเด็กๆ อยู่เยอะมาก ถ้ามีเรื่องกันตอนนี้คงไม่ดีแน่ๆ

“ผมถ่ายให้ครับ”

พี่แทนเอ่ยเสียงแข็ง ณัติที่ตกตะลึงอยู่พยักหน้ารับ หน้าตาหาเรื่องขนาดนั้นนึกว่าจะโดนต่อย ใครจะรู้ว่าแค่จะมาช่วยถ่ายรูป

“งั้นรบกวนถ่ายหลายๆ รูปด้วยนะครับ”

พูรินยิ้มเจื่อนเมื่อคุณณัติมายืนยิ้มให้อีกคนถ่ายรูป เมื่อเช็คภาพจนพอใจ คุณณัติก็กล่าวขอบคุณและหันมาลาเขาก่อนที่จะเดินออกไป ทิ้งให้ช่างถ่ายรูปยืนอยู่กับนายแบบจำเป็นเพียงสองคน

“เสน่ห์แรงเหลือเกินนะครูพูริน”

“ง่ะ ไม่แซวดิพี่แทน~”

“...”

“อ่ะๆ แซวก็ได้ แต่ห้ามโกรธ” เมื่อเห็นอีกคนเงียบไป เขาก็เขย่าแขนอีกฝ่ายแรงๆ ส่งเสียงงอนง้อ

“เฮ้อ..กูขี้หึงว่ะ กูพยายามแก้อยู่”

“ขอบคุณนะครับที่พยายาม เมื่อกี้ผมคิดว่าพี่แทนจะใส่คุณณัติซะแล้ว”

“กูไม่ทำอะไรที่ทำให้มึงเดือดร้อนทีหลังหรอกน้า”

“ก็เป็นแบบนี้ ผมถึงได้รักเยอะรักแยะ”

แทนคุณกลอกตามองบนอย่าอ่อนเพลีย หมีพูห์มันเริ่มอีกแล้ว

“พี่แทนอย่าเดินหนีดิ”

“ไปไกลๆ เลยมึงอ่ะ”

“รักขนาดนี้ ไล่ยังไงก็ไปไหนไม่รอด”

“หมีพูห์หยุด”

“ให้หยุดอะไรก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่หยุดรัก”

“มึงมันบ้า”

“ถึงจะบ้าก็บ้ารักเธอนะรู้ไหม”





แทนคุณอยากจะกรีดร้อง..

เขาไม่แน่ใจว่าชาติที่แล้วตักบาตรด้วยอะไร ทำไมถึงได้มาคู่กับคนติ๊งต๊องแบบนี้!!





**********

#หมีแทนที่รัก

มานั่งคิดดูแล้ว พระเอกของเราขี้หึงหมดเลยนะ สงสัยจะเพราะชอบผช. ประเภทนี้เป็นการส่วนตัว หุหุ แต่นายเอกของเราจะนิสัยไม่เหมือนกันสักคน และคนนี้ก็คือบ้าสุดอะไรสุด รักน้องหมีจริงๆอ่ะ มันน่ารักน่าฟัดจริงๆเลย แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า 13บวกจ้า

#ต้นคนรักไม่เป็น

ขอฝากตอนพิเศษตอนที่สองของแฟนเดือนเดียวด้วยนะคะ ลืมตั้งต้นคนแสนดีหรือยังเอ่ย ถ้ายังไม่ลืมกันก็ฝากไปอ่านด้วยน้า

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ

ทวิตเตอร์ @maywrite1




















































หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบสอง:. เราเพียงแค่สนุกสนานไปกับสิ่งหนึ่ง..
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 11-11-2019 07:52:44
 :hao3: น้องหมีขยันหยอดจัง
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบสอง:. เราเพียงแค่สนุกสนานไปกับสิ่งหนึ่ง..
เริ่มหัวข้อโดย: Stiiiii ที่ 11-11-2019 09:26:04
คุณครูพูรินน่ารักจังเลยค่าาาา
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที้สิบสอง:. เราเพียงแค่สนุกสนานไปกับสิ่งหนึ่ง..
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 11-11-2019 11:39:22
น่ารักกกกก
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที่สิบสาม:. สัญญาสิว่าคุณจะไม่ลืมฉัน เพราะถ้าฉันคิดว่าคุณจะลื
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 14-11-2019 13:27:32
.:น้ำผึ้งหยดที่สิบสาม:.

Promise me you will never forget me because if I thought you would, I’ d never leave.

.

.

สัญญาสิว่าคุณจะไม่ลืมฉัน เพราะถ้าฉันคิดว่าคุณจะลืม ฉันจะไม่มีทางจากคุณไป









เขาว่ากันว่า ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ชีวิตของพูรินในช่วงหกเดือนที่ผ่านมาก็คงเหมือนกัน

หลังจากที่จบงานแสดงละครของเด็กๆ เขาก็พาพ่อกับแม่มาหาแม่กุ้งที่บ้าน เพื่อที่จะพูดคุยกันเรื่องร้าน แม่กุ้งยังยืนยันที่จะขอออกค่าใช้จ่ายร่วมให้ได้ พ่อที่เป็นสปอนเซอร์ฝ่ายเขาเลยยื่นข้อเสนอ โดยการที่พ่อขอเป็นฝ่ายซื้ออาคารพานิชย์สามชั้นใกล้บ้านพี่แทนที่จะใช้เป็นร้านไว้เอง เพราะให้เหตุผลว่าเจ้าตัวอยากซื้อไว้เพื่อเกร็งกำไรในอนาคต

พ่อขอให้แม่กุ้งเป็นฝ่ายออกค่าวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แม่กุ้งก็มีอยู่แล้ว เช่น จักรเย็บผ้า ราวและหุ่นจำลองแขวนเสื้อผ้า และอุปกรณ์จำเป็นที่ใช้สำหรับงานเย็บปักถักร้อย พี่แทนกับแม่กุ้งนำเงินเก็บที่มีอยู่ก้อนนึงออกมา พวกเขาใช้มันซื้อโซฟารับแขก โต๊ะเรียนของเด็กๆ และหนังสืออีกจำนวนหนึ่งตามที่เราเห็นว่าจำเป็นต้องใช้ในเบื้องต้น

ส่วนแม่ของเขาเสนอตัวขอเป็นคนจัดการเรื่องการออกแบบตกแต่งร้าน แม่มีเพื่อนสนิทที่เป็นมัณฑนากรที่พร้อมจะมาช่วยเหลือโดยไม่คิดเงินสักบาท พวกเราใช้ชั้นหนึ่งเป็นหน้าร้านสำหรับเช่าและขายชุดแฟนซีสำหรับเด็กๆ มีห้องเล็กๆ ไว้สำหรับให้แม่กุ้งทำงาน ส่วนชั้นสองที่มีอยู่สามห้องจะเอาไว้เป็นห้องเรียนของเด็กๆ ซึ่งตอนนี้มีแค่เขากับพี่แทนสองคนรับหน้าที่ผู้สอน พี่แทนสอนเด็กๆ ร้องเพลงและเล่นดนตรีอย่าง กีต้าร์ อะคูเลเล่และเปียโน ส่วนของเขาก็มีร้องเพลง เล่นละครและภาษาอังกฤษสลับกันไป ส่วนชั้นสามของบ้านตอนนี้มีห้องหนึ่งใช้เป็นห้องพักผ่อน อีกสองห้องยังทิ้งว่างไว้ เผื่อว่าในอนาคตถ้ากิจการของโรงเรียนไปได้ดี ก็จะขยับขยายใช้อีกสองห้องที่เหลือเป็นห้องเรียนด้วย

หลังจากที่ทำร้านเสร็จในเวลาไม่ถึงเดือน ครูจันทร์ก็ช่วยโปรโมทร้านในกรุ๊ปของผู้ปกครองให้ มีนักเรียนของโรงเรียนหลายคนมาลงสมัครร้องเพลงและลงเรียนภาษาอังกฤษ ดังนั้นตลอดช่วงปิดเทอม เขาทั้งสองคนจึงใช้เวลาอยู่กับร้านซะเป็นส่วนใหญ่ จะมีกลับไปบ้านเขาบ้างเวลาที่ไม่มีสอนตอนเช้า

กิจการงานเย็บผ้าของแม่กุ้งก็ดีขึ้นมาเป็นลำดับ นอกจากจะมุ่งขายในเวบต่างประเทศแล้ว ตอนนี้พูรินยังก้าวไปอีกขั้นด้วยการไลฟ์สดขายชุดในเฟซบุ๊ค ถึงพี่แทนจะไม่ค่อยชอบไอเดียนี่เท่าไหร่ ชอบบอกว่าเพราะเป็นแบบนี้ถึงมีอินบ๊อคมาจีบไม่หยุด แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังขอดื้อต่อไป เพราะยอดไลท์ที่เพิ่มมากขึ้นในทุกวันทำให้ร้านของเรามีคนรู้จักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนเรื่องที่พี่แทนจะไปเรียนต่อ ในที่สุดเมื่อพี่แทนคุยกับแม่กุ้งจนเข้าใจกันดีแล้ว พี่แทนก็เดินเรื่องขอรับทุนและเริ่มเตรียมเอกสารที่จำเป็น ถึงจะยุ่งกันจนหัวหมุน ยังไงเขาก็ไม่ลืมแบ่งเวลาให้กับการติวภาษาอังกฤษให้กับพี่แทนอยู่ดี เวลาหลังจากปิดร้าน เราทั้งสองจะกลับไปที่บ้านพี่แทน ใช้เวลาหลังจากนั้นนั่งติวหรือไม่ก็ดูหนังดูการ์ตูนฝึกภาษากันจนดึกดื่น

เรียกได้ว่า เราสองคนแทบจะอยู่ด้วยกัน 24 ชม.ต่อวันเลยก็ว่าได้

มันเป็นแบบนี้จนกระทั่งขึ้นเทอมสอง ในเทอมนี้พี่แทนยุ่งมาก เจ้าตัวทั้งต้องทำโปรเจกท์จบทั้งต้องเตรียมเรื่องเรียนต่อ ส่วนเขาเองก็มีทั้งการบ้านที่ต้องทบทวน งานที่โรงเรียนอนุบาลที่เพิ่งได้ต่อสัญญาฉบับใหม่ นี่ยังไม่รวมถึงเวลาที่เอาไปช่วยแม่กุ้งเย็บผ้าอีก เราเลยตกลงกันว่าจนกว่าจะปิดเทอม พวกเขาจะรับนักเรียนเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ เขาขอให้ไอ้พุทธมาช่วยสอนวิชาที่พี่แทนเคยสอนไปก่อน เพราะถึงพี่แทนจะบอกว่าอยากทำต่อจนถึงที่สุด แต่เป็นเขาเองที่อยากได้เวลาที่เหลืออันน้อยนิดของพี่แทนไว้กับตัวเองบ้าง

“จะหลับแล้ว” เสียงทุ้มนุ่มที่ลอยผ่านหู มาพร้อมกับความรู้สึกอุ่นร้อนที่แทรกซึมผ่านกลุ่มผม มือหนาของใครบางคนขยี้ไปมาบนหัวของคนที่นั่งตาปรือ ก่อนที่คนที่จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่จะเอนหัวมาซบลงในอกกว้างของคนร่างหนา

แทนคุณหยิบเข็มเย็บผ้าออกจากมือของคนที่สติเริ่มไม่มั่นคง เมื่อวางมันลงบนโต๊ะญี่ปุ่นข้างตัวแล้ว เขาก็ใช้สองแขนแกร่งโอบรอบให้ไออุ่นกับคนที่ง่วงนอนจัด

“ขึ้นไปนอนไหม” กระซิบข้างหูคนที่ขยับหาที่สบายในอ้อมอกของเขา เจ้าตัวพยักหน้าหงึกหงักแต่ยังไม่ยอมลุกไปไหน

เป็นแบบนี้ทุกทีสินะ...

“พี่แทนอุ้ม”

นั่นไงล่ะ!

แทนคุณอดหัวเราะหึในลำคอไม่ได้ เขาจัดการช้อนคนในอ้อมกอดด้วยสองมือ เมื่อจับอีกฝ่ายมั่น เขาก็เดินขึ้นบันไดไปยังห้องนอนของเจ้าตัว วันนี้พวกเขามานอนบ้านน้อง เพราะตั้งใจจะมาลาพ่อกับแม่ของน้องที่จะกลับมาตอนรุ่งเช้าเป็นครั้งสุดท้าย

“พี่แทน...”

เมื่อวางอีกคนลงบนเตียงเรียบร้อย แทนคุณตั้งใจจะผละไปหยิบฟูกจากชั้นลงมาปูนอนข้างเตียงอย่างที่ทำเป็นประจำ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีบางสิ่งมาดึงรั้งชายเสื้อของเขาไว้

“นอนด้วยกันนะ..” พูรินเอ่ยออกมาทั้งทียังงัวเงีย

“...”

“ไม่ได้หรือไง”

แทนคุณไม่ได้ตอบกลับไปในทันที เขามองจ้องอีกคนที่ใช้ตากลมออดอ้อน ถอนหายใจหนักดังๆ หนึ่งครั้งก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนฟูกนุ่ม ทันทีที่เอาหลังพิงหัวเตียง ใครอีกคนที่นอนอยู่ก็เขยิบเข้ามาซบอก สองแขนเรียวรวบเอวสอบไว้แน่น ให้คนโดนรัดใช้สองแขนโอบทับอีกชั้น

“งอแงอีกแล้วนะมึง..” พึมพำบ่นออกไปอย่างไม่จริงจัง ใช้แขนข้างที่โอบหลังอีกฝ่ายลูบขึ้นลงเบาๆ คล้ายการกล่อมนอน

“เตียงที่บ้านผมใหญ่กว่าของพี่แทนตั้งเยอะ”

“...”

“พี่แทนทำไมต้องแยกไปนอนที่พื้นด้วย นอนด้วยกันบนเตียงไม่ได้หรอ ผมอยากนอนกอดพี่แบบนี้ทั้งคืนได้ไหม”

“เดี๋ยวกูก็อดใจไม่ไหวจริงๆ หรอก” คนที่พยายามหักห้ามใจตัวเองมาโดยตลอดพึมพำออกมาอย่างเสียไม่ได้ เขามันคนคิดไม่ซื่อ น้องมันไม่รู้หรอกว่าตั้งแต่วันที่ตกลงเป็นแฟนกัน เขาคิดจะทำมิดีมิร้าย คิดจะทำอะไรมันไปถึงไหนต่อไหน

“หืม พี่ว่าอะไรนะ”

“เปล่า กูบอกว่ากูกลัวมึงนอนไม่สบาย”

“สบายอยู่แล้วที่ตั้งเยอะแยะ แล้วอีกอย่างนอนหนุนอกพี่แทนแบบนี้ หลับฝันดีกว่าเดิมไปอีก”

“มึงนี่น้า..” เขาได้แต่ส่ายหน้าอย่างปลงตก กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด ก็เพราะหมีพูห์มันเป็นแบบนี้ น้องมันยังเหมือนเด็กน้อยที่เพ้อฝันถึงความรักแสนบริสุทธิ์ เพราะรู้ดีว่าจะอยู่ดูแลไม่ได้ เขาจึงยังอยากให้มันเป็นแบบนี้ต่อไปอีกนิด นึกรู้ว่าถ้าเขาไม่ยอมชั่งใจ เขาจะทำให้เรื่องมันยากขึ้นกว่าเดิมอีกร้อยเท่าพันเท่า

“พี่แทน...” จู่ๆ ในความเงียบ คนที่เขานึกว่าหลับไปแล้วก็เอ่ยเรียกชื่อเขาออกมา

“ยังไม่หลับอีกหรอหืม..”

“...”

“...”

“ถ้าพี่แทนไม่อยู่ พี่ว่าผมจะทำยังไง” คนที่หายง่วงพูดไปอีกเรื่องตามที่ใจคิด พูรินพยายามที่จะไม่คิดถึงวันที่ต้องไกลห่าง แต่มันก็เหมือนในทุกครั้งที่เมื่อยอมปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปตามใจ มันมักจะจินตนาการไปถึงวันที่ต้องบอกลาอ้อมกอดของคนที่รักที่สุดคนนี้ไป

“พี่คิดว่าผมจะอยู่ได้ไหม” ถามออกไปเพราะไม่รู้จริงๆ แค่คิดว่าวันนึงจะไม่มีพี่แทนอยู่เคียงข้าง กระบอกตาของใครบางคนก็เริ่มร้อนขึ้นมาทันใด

“พี่คิดว่าผมจะทำได้ยังไง จะให้ใช้ชีวิตแบบไม่มีพี่ได้ยังไง ทั้งๆ ที่ยังต้องไปในทุกๆ ที่ที่เคยมีพี่อยู่”

“...”

“บางที ผมก็คิดนะ ผมอยากงี่เง่า อยากบอกให้พี่ไม่ไป อยากให้อยู่ด้วยกันไปแบบนี้ตลอดเลย แต่พอยิ่งคิดก็ยิ่งรู้ว่าทำไม่ได้ ผมไม่อยากเป็นคนเห็นแก่ตัว ไม่อยากเป็นคนทำลายอนาคตของพี่”

เขาไม่แน่ใจว่าพี่แทนจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดมากแค่ไหน เพราะยิ่งพูดเขาก็ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น พูรินรู้ดีว่าตัวเองไม่ใช่คนเข้มแข็ง แต่คนที่ร้องไห้ให้กับ Toy Story ทั้งสี่ภาคอย่างเขาก็พยายามมาโดยตลอดที่จะไม่ทำให้พี่แทนลำบากใจ แต่เหมือนวันนี้เขาจะเผลอหล่นลงไปในช่องว่างของความอ่อนแอที่ปิดไม่สนิท ทั้งที่รู้ว่าไม่ควรทำให้ใครอีกคนกังวล แต่วันนี้เขาก็ได้แต่สะอึกสะอื้นอยู่ในความเงียบ มีเพียงอ้อมกอดของคนที่เขาไม่อยากให้ไปไหนกระชับแน่นขึ้น เหมือนอยากให้เขารู้ว่าเจ้าตัวยังอยู่ตรงนี้

“กูเคยคิดมาตลอดว่ากูเป็นคนไม่มีความฝัน..” ในที่สุดเมื่อร้องไห้จนพอใจเขาก็ปล่อยให้ความเงียบครอบงำห้องเล็กๆอีกครั้ง เราต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเอง จนในที่สุดคนที่เงียบมาตลอดก็เป็นฝ่ายเอ่ยออกมา

“เพราะต้องคอยอยู่กับความจริงตรงหน้า ต้องคอยดิ้นรนเอาตัวรอด กูถึงไม่มีเวลาที่จะฝัน ไม่เคยถามตัวเองเลยสักครั้ง ว่าจริงๆแล้วกูอยากเป็นอะไร อยากได้อะไรกับชีวิต แม้แต่ตอนมาเรียนที่คณะนี้กูยังลังเล เพราะถึงแม้กูชอบดนตรีแต่กูก็ไม่รู้ว่าอาชีพนี้มันจะพากูไปถึงไหน มันอาจจะทำให้กูอิ่มใจ แต่มันจะทำให้กูกับคนที่บ้านอิ่มท้องหรือเปล่า”

แทนคุณเผยสิ่งที่คิด เขาย้อนนึกไปถึงวันที่ตัดสินใจเลือกคณะเรียน ทั้งๆ ที่ใครต่างชมว่าเขามีพรสวรรค์ แต่ในตอนนั้นเขาที่คิดเพียงอยากจะเลือกเรียนอะไรก็ได้ที่จบไปแล้วได้งานที่เงินเยอะๆ เขารู้เพียงเขาอยากให้แม่สบาย แต่ก็เป็นแม่เองนั่นแหละที่เห็นความสุขของเขาเกินใคร สนับสนุนให้เขาเลือกเรียนในสิ่งที่ชอบ

“พี่แทน...”

“แต่มันเป็นวันนั้นที่ทำให้กูมั่นใจ วันที่กูได้เห็นมึงที่งานแสดงของน้องๆ กูถึงได้รู้ว่าการไล่ตามความฝัน มันให้ความสุขกับคนคนนึงได้มากแค่ไหน”

พูรินผละออกมาจากอ้อมอกของอีกฝ่าย ลุกขึ้นนั่งมองหน้าคนที่กำลังเล่าความในใจ คนร่างหนายื่นมือมาเกลี่ยใต้ตาที่บวมฉึ่งของเขาอย่างอ่อนโยน ก่อนที่จะเลื่อนเอาผมทัดหูให้อย่างแผ่วเบา

“แล้วมึงคงไม่รู้ว่าเรื่องทำร้านมันทำให้แม่กูมีความสุขมากแค่ไหน จากคนที่ทำงานเพื่อหาเงินกลายเป็นคนที่ทำแล้วรู้สึกสนุก มึงรู้ไหมมันต่างกันแค่ไหน ที่ต้องตื่นมาเพื่อทำในสิ่งที่ ‘จำเป็นต้องทำ’ กับ ‘สิ่งที่อยากทำ’ น่ะ”

“...”

“กูก็เลยถามตัวเองว่าอะไรกันแน่คือความฝันของกู มึงรู้ไหมว่าคำตอบของกูคืออะไร” พูรินส่ายหน้าแทนคำตอบ ตากลมจับจ้องอย่างใจจดใจจ่อไปที่อีกคน

“กูอยากมีชีวิตเพื่อทำให้ฝันของคนที่กูรักเป็นจริง”

“...”

“มึงก็เห็นว่าตอนนี้กูก็เป็นแค่นักศึกษาจนๆ กูไม่มีอะไรมาเป็นหลักประกันชีวิตให้มึงได้เลย กูอยากเป็นคนที่ดีกว่านี้ อยากเป็นคนที่สามารถสานฝันของคนช่างฝันแบบมึงได้มากกว่านี้”

“...”

“กูถึงคิดว่าการที่กูได้ไปเรียนต่อมันจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะช่วยเปลี่ยนกูเป็นคนละคน กูจะพยายามพัฒนาตัวเอง กูจะได้ทำในสิ่งที่กูชอบ และในขณะเดียวกันกูก็จะหางานที่ได้เงินเยอะๆ และเมื่อกูถึงจุดนั้นทั้งมึงและแม่ก็จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำได้เต็มที่ โดยไม่ต้องกังวลอะไร”

เป็นอีกครั้งที่คนพูดน้อยพูดเยอะกว่าที่เคย แทนคุณเป็นคนพูดไม่เก่งแต่ใช่ว่าเขาจะไม่ใช่คนคิดเยอะ ที่เขาลังเลมาตลอด ก็เพราะไม่อยากจะทิ้งทั้งแม่และน้องไปไหน แต่เมื่อมาคิดย้อนถึงความจริงที่ต้องเผชิญ เขาก็เห็นชัดว่า ในบางครั้งเราจำเป็นต้องอดทนและยอมปล่อยมือจากบางสิ่งบางอย่าง เพื่อที่จะเตรียมความพร้อมให้กับสิ่งที่สำคัญกว่าในอนาคต

“นี่คือทั้งหมดที่กูคิด กูอยากให้มึงเห็นด้วย แต่กูก็ยังอยากให้มึงรู้ไว้..แค่มึงพูดคำเดียวว่ามึงอยู่ไม่ได้ มึงไม่อยากให้กูไป กูก็จะไม่ไป เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความสุขของมึงคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับกู”

พูรินไม่อาจห้ามน้ำตาตัวเองได้ เขาไม่เคยรู้เลยว่าพี่แทนคิดถึงเขาได้มากมายขนาดนี้ บางครั้งยังเคยแอบน้อยใจด้วยซ้ำว่าพี่แทนเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรเลยที่ต้องห่างกัน แต่ในวันนี้ที่ได้รับรู้ทุกอย่าง หัวใจที่เคยอ่อนแอจนถึงที่สุดก็พร้อมที่จะลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง

“พี่พูดมาขนาดนี้ ผมจะยังห้ามพี่ได้ยังไง..”

พูรินพึมพำเบาๆ โผเข้าไปในอ้อมอกแกร่งที่เขาคุ้นเคยที่สุด น้ำหอมของพี่แทนยังคงเหมือนเดิม มันยังอบอุ่นที่สุดสำหรับเขาเสมอ

“พี่ไม่ต้องห่วงแม่กุ้งนะ ผมจะดูแลแม่กุ้งเอง”

“ไม่ใช่แค่แม่ มึงต้องดูแลตัวเองดีๆ ด้วยรู้ไหม ไม่มีกูแล้ว ไปไหนมาไหนก็ต้องระวัง คิดเยอะๆ กินข้าวให้ตรงเวลา แล้วก็อย่าไว้ใจใครง่ายๆ” พูรินพยักหน้าหงึกเป็นการตอบรับ

“พี่แทนต้องโทรหาผมทุกวันเลยนะ”

“อืม กูจะพยายาม”

“ปิดเทอมเมื่อไหร่ ผมจะรีบบินไปหา”

“อืม กูจะพามึงไปดิสนีย์เวิร์ลด้วยดีไหม”

“พี่แทนสัญญาแล้วนะ!” พูรินเด้งตัวขึ้นบนที่นอนอีกครั้ง ปรบมือชอบใจก่อนที่ในที่สุดจะเอานิ้วก้อยมาเกี่ยวทำสัญญาจนได้

“พี่แทนห้ามนอกใจผมด้วยนะ”

“อะไรของมึงเนี้ย” แทนคุณใช้มือหนาดันหัวคนที่เริ่มพูดเรื่องไม่เข้าเรื่อง

“นอกใจก็ไม่ได้ นอกกายก็ไม่ได้นะ พวกฝรั่งยิ่งฟรีๆ อยู่ด้วย ห้ามวันไนท์แสตนด์ด้วยนะ”

“บ๊องแล้ว รู้เยอะเกินไปแล้วเราน่ะ”

“พี่แทน! สัญญามาก่อนดิ ห้ามนอกใจจริงๆ นะ ต้องทำตัวเย็นชา ต้องพูดคำหยาบเยอะๆ ห้ามทำตัวน่ารักให้ใครหลงรักด้วย”

“มึงบอกตัวเองก่อนไหม ใครกันแน่ที่ชอบทำตัวน่ารักให้ใครหลงรัก” แทนคุณเคาะกระโหลกคนพูดมากไปครั้ง มันนั่นแหละที่ชอบทำตัวอัธยาศัยดีเกินคนปกติ

“อะไรเล่า ไม่ต้องทำมาเปลี่ยนเรื่อง พี่แทนรับปากมาก่อนดิ”

เมื่อไม่ยอมเกี่ยวก้อยสัญญาสักที พูรินก็ตั้งท่าที่จะบ่นต่อ แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรก็โดนปากของใครอีกคนมาประกบปิด พูรินหลับตาปี๋ ใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ ลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามาทำให้ใจสั่นไหว มันลากเลียผ่านทุกไรฟันก่อนที่จะไปหยอกล้อกับอวัยวะเดียวกัน เขาเหมือนจะหยุดหายใจเมื่อพี่แทนทั้งดูดทั้งเม้มริมฝีปากล่างของเขาจนรู้สึกชาไปหมด เล็บจิกลงไปบนท่อนแขนแกร่งของใครอีกคนเพื่อระบายความตื่นเต้น

“วันๆ พี่ก็คิดถึงแต่น้อง แล้วพี่จะไปมองใครที่ไหนได้”

เมื่อริมฝีปากอุ่นร้อนผละออกไป คนที่ขโมยจูบก็เอ่ยประโยคที่ทำให้ใจกระตุกกว่าเดิม

พี่แทนแม่งขี้โกง..

รู้ดีไปหมดว่าจะทำยังไงให้คนอย่างเขาไปไม่เป็น

“รับปากก่อนสิ เกี่ยวก้อยสัญญาด้วยได้ไหม” แต่คนขี้ตื้อก็ยังดึงดัน เขาอยากได้ยินคำมั่นสัญญาจากปากอีกฝ่าย

“มึงนี่มัน...” แทนคุณส่ายหัวอย่างแสนระอา

“เออ กูจะไม่มีวันนอกทั้งกายนอกทั้งใจมึง พอใจหรือยัง”

จุ๊บ!

พูรินเขย่านิ้วก้อยที่เกี่ยวกันแรงๆ พยักหน้ารับว่าพอใจกับคำตอบ ก่อนจะโน้มหน้ามาหอมแก้มเขาดังฟอดแล้วซบลงมาในอกเขาอีกครั้ง บางครั้งเขาก็อยากจะด่ามันว่าทำอะไรไม่รู้จักระวังตัว ถ้าไปทำแบบนี้กับคนอื่น มันคงไม่รอดปลอดภัยมาถึงทุกวันนี้หรอก



ไม่มีทาง!

แค่คิดก็โมโหจนควันออกหู

เขาไม่มีทางปล่อยให้มันไปทำอย่างนี้กับใคร



“รอกูนะ”

“อืม กลับมาเร็วๆ นะพี่แทน”

































พูรินยืนจ้องมองผ่านกระจกใสหน้าบันไดเลื่อน ทั้งๆ ที่ใครอีกคนเดินเข้าไปด้านในจนไม่สามารถมองเห็นได้แล้ว แต่ขาทั้งสองข้างก็เหมือนจะไม่ยอมขยับไปไหน

“กลับกันไหม” เสียงทุ้มของใครอีกคนกับท่อนแขนแกร่งที่มาโอบรอบบ่าทำให้คนที่ยังเหม่อลอยได้สติ พูรินหันหลังกลับมาหาพี่รหัส พยักหน้าหงึกหงักเป็นการตอบตกลงว่ากลับกันเถอะ

“กลับจากไปส่งแม่กุ้ง เราไปกินข้าวกับพี่ไหม”

“ไม่เป็นไรหรอกพี่ดิน ผมอยากอยู่เป็นเพื่อนแม่กุ้ง” พูรินเอ่ยตอบเสียงเศร้า 

“แต่มึงในสภาพนี้ จะทำให้แม่ยิ่งเศร้ากว่าเดิมรู้ไหม” เมื่อพี่ชายบอกอย่างนั้น พูรินยิ่งเม้มปากแน่นกว่าเดิม พยายามกลั้นน้ำตาที่ทำท่าจะไหลลงมา เขาร้องไห้จนปวดตาไปหมด ตาบวมฉึ่งจนแทบจะมองไม่เห็นอะไรอยู่แล้ว

“ให้พี่ถ่ายรูปเราไปให้ไอ้แทนดูไหม” เขารีบส่ายหน้า ต่อหน้าพี่แทนเขาพยายามฝืนยิ้มไว้ได้จนนาทีสุดท้าย เขาไม่อยากทำให้พี่แทนไม่สบายใจ

“งั้นก็ทำตามที่พี่บอก อดทนอีกนิด ไปส่งแม่กุ้งกันก่อน แล้วถ้าอยากจะร้องก็ร้องให้เต็มที่เลยวันนี้” บดินทร์ลูบหัวคนที่พงกหัวรับคำเขา

“ห้ามคิดเด็ดขาดว่าเราอยู่คนเดียว ไม่ต้องฝืนทำเป็นเข้มแข็ง รู้ใช่ไหมว่าเรายังมีพี่อยู่”

คนฟังทำได้แค่พงกหัวรับอีกครั้ง ก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำตาที่ไหลไม่หยุด เขาสองคนเดินไปหาแม่กุ้งที่นั่งรออยู่ที่ม้านั่งกับพี่ต้น เขารู้ว่าแม่กุ้งก็เป็นกังวล ถึงแม่จะไม่ได้ร้องห่มร้องไห้เหมือนเขา แต่แววตาเรื่อน้ำของแม่ก็ทำให้รู้ว่าทั้งห่วงทั้งอาวรณ์แค่ไหน

“กลับบ้านกันนะครับแม่กุ้ง” พูรินเอ่ยทักเมื่อเดินมาประชิดตัวอีกฝ่าย

“เดี๋ยวแม่ให้พี่ต้นไปส่งแม่ที่บ้าน ส่วนเราไปกินข้าวกับพี่ดินเถอะ ยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าใช่ไหม”

พูรินรู้สึกผิด แม้แต่ในเวลาแบบนี้ เขายังทำให้แม่กุ้งกังวลเพราะเขา

“ครับแม่ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวตอนเย็นผมจะรีบกลับไปหานะครับ”

“ค่อยมาพรุ่งนี้ก็ได้ลูก วันนี้เห็นคุณพ่อคุณแม่ของเราว่าจะกลับมาใช่ไหม ไปหาท่านก่อนเถอะ”

“แต่ผม...”

“น้องหมีพูห์..ทำตามที่แม่บอกนะครับ แม่รู้ว่าเราห่วงแม่มาก แต่แม่ไม่เป็นไรจริงๆ ถึงพี่แทนไม่อยู่ แม่ก็มีเราอยู่ด้วยทั้งคนนี่น่า น้องหมีพูห์เองก็รู้ว่ามีแม่อยู่ใช่ไหมครับ”

“แม่กุ้ง~”

“พี่แทนเขาอยู่ไกล เขาดูแลเราไม่ได้เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เราสองคนต้องดูแลกันและกันดีๆ อย่าให้พี่เขาต้องมาเป็นกังวล มารอพี่เขากลับมาด้วยกันนะครับ”

พูรินโผเข้ากอดแม่กุ้ง ให้อีกคนลูบหัวปลอบใจ อยู่อย่างนั้น ก่อนที่เราทั้งหมดจะเดินกลับไปที่ลานจอดรถ เป็นอีกครั้งที่พูรินคิดว่าตัวเองยังเด็กเหลือเกิน ทั้งที่สัญญากับพี่แทนว่าจะเป็นคนดูแลแม่กุ้ง แต่ตอนนี้เขาทำให้แม่กุ้งต้องมาเป็นฝ่ายดูแลเขาแทน

เมื่อเข้ามานั่งในรถ พูรินตกใจเมื่อพบว่าเขาเผลอบีบพิกเล็ตซูมซูมที่อยู่ในมือมากเกินไปจนมันยับย่น เขารีบเอามือลูบไปมาให้มันคืนสภาพเดิม ใจย้อนนึกถึงวันนั้นที่เขาและพี่แทนนอนกอดกันทั้งคืนที่บ้าน เขาหันไปเจอตุ๊กตาซูมซูมที่พี่แทนซื้อให้ในวันเกิด มันเรียงกันเป็นแถวอยู่บนหัวเตียง เมื่อตัดสินใจได้ มือก็เอื้อมไปหยิบหมีพูห์ตัวน้อยออกมา

‘พี่เอาติดตัวไปด้วยได้ไหม’ เขายื่นมันให้อีกคน

‘ทำไม ไม่ไว้ใจจนต้องให้มันไปเฝ้ากูเลยหรอไง’ ใครอีกคนเอ่ยเย้า

‘ใช่ที่ไหนเล่า ก็แค่เผื่อพี่คิดถึงผม พี่จะได้จุ๊บน้องหมีแทนไง’ ว่าแล้วก็เอาหน้าเจ้าหมีน้อยไปจุ๊บริมฝีปากเรียวหยักของใครอีกคน เขานึกว่าจะโดนพี่แทนว่าว่าติ๊งต๊องเหมือนทุกครั้ง แต่พี่แทนกลับเอื้อมไปหยิบพิกเก็ตซูมซูมมาถือ ทำในสิ่งที่เขาทำก่อนหน้ากับตัวเขา

‘แต่กูจะให้ไอ้นี้มันเฝ้ามึง ถ้ามึงเผลอน่ารัก เผลอใจดีกับใคร เวลามึงเจอหน้ามันมึงจะได้กลัว’

พูรินอดขำให้กับคนที่เอาเจ้าหมูน้อยมาจ่อปากเขาไม่ได้ ต้องคูลแค่ไหนถึงจะสามารถเอาพิกเล็ตมาขู่คนอื่นได้

‘ทำไมพี่แทนถึงชอบพิกเล็ตนักนะ ชมพู๊ชมพู ไม่นึกว่าพี่จะชอบอะไรแบบนี้’

‘ก็ไม่ได้ชอบอะไรขนาดนั้น..’

‘หืม..’

‘มึงคิดว่าอะไรคือสิ่งที่พิกเล็ตชอบทำที่สุด’

พูรินนิ่งคิดไปนิดเมื่อเจอคำถาม พยายามทบทวนในสิ่งที่เคยได้อ่านมาทั้งหมด





‘Piglet, what is your favorite thing to do?’

(พิกเล็ต, อะไรคือสิ่งที่นายชอบทำมากที่สุด?)

‘Adventure with Pooh is my favorite thing’

(การผจญภัยกับหมีพูห์คือสิ่งที่ฉันชอบที่สุด)





‘พี่แทนนี่หลงรักผมมากเลยเนอะ’ พูรินเอ่ยทะเล้นเมื่อนึกขึ้นได้ เขาเองก็เหมือนกัน การที่ได้มีพี่แทนอยู่ด้วยในทุกวัน มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต

แทนคุณไม่ได้ตอบกลับไปในทันที เขาเพียงส่งยิ้มอุ่นให้กับคนที่มีน้ำตาเรื่อ สองมือเกลี่ยเช็ดคราบน้ำใสเมื่อใครอีกคนไม่อาจกักกั้นมันได้อีกต่อไปแล้ว ก่อนที่ในที่สุด เขาจะเอ่ยประโยคที่เขาชอบที่สุดประโยคหนึ่งในหนังสือเล่มโปรดของน้อง

‘If there ever comes a day when we can’ t be together, keep me in your heart, I’ ll stay there forever...’





ถ้ามันมีสักวันที่สองเราต้องห่างไกล

ช่วยเก็บฉันไว้ในใจ

แล้วฉันจะอยู่ตรงนั้นกับเธอตลอดไป





***************

#หมีแทนที่รัก

อะไรคือเขียนเองร้องเอง อินมาก555 (>_<)

พี่แทนไปแล้ววววว








































หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที่สิบสาม:. สัญญาสิว่าคุณจะไม่ลืมฉัน เพราะถ้าฉันคิดว่าคุณจะลื
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 14-11-2019 14:41:02
 :mew6: รอพี่แทนหน่อยนะน้องหมี
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที่สิบสาม:. สัญญาสิว่าคุณจะไม่ลืมฉัน เพราะถ้าฉันคิดว่าคุณจะลื
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 14-11-2019 15:59:16
น่ารักมากกกกกกกก
มีตัวแทนกันทั้งคู่เลย
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที่สิบสาม:. สัญญาสิว่าคุณจะไม่ลืมฉัน เพราะถ้าฉันคิดว่าคุณจะลื
เริ่มหัวข้อโดย: Stiiiii ที่ 14-11-2019 20:01:02
น่ารักทั้งคู่เลยย
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที่สิบสาม:. สัญญาสิว่าคุณจะไม่ลืมฉัน เพราะถ้าฉันคิดว่าคุณจะลื
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 15-11-2019 00:49:31
เพื่ออนาคตเนาะ  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที่สิบสาม:. สัญญาสิว่าคุณจะไม่ลืมฉัน เพราะถ้าฉันคิดว่าคุณจะลื
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 15-11-2019 14:50:41
รออออออ
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที่สิบสี่:. ฉันคิดว่าที่เราฝัน เพื่อเราจะได้ไม่อยู่ไกลกันนานเ
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 19-11-2019 04:42:46
.:น้ำผึ้งหยดที่สิบสี่:.

I think we dream so we don’ t have to be apart for so long. If we’ re in each other’ s dreams, we can be together all the time.

.

.

ฉันคิดว่าที่เราฝัน เพื่อเราจะได้ไม่อยู่ไกลกันนานเกินไป และยิ่งถ้าเราอยู่ในฝันของกันและกัน เราก็จะได้อยู่ด้วยกันตลอดเวลา













กรุ๊ง~ กริ๊ง~

“ยินดีต้อนรับครับ..อ้าว น้องหมี มาแล้วหรอ” เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งที่ประตูหน้าร้านดังขึ้น อินทัชที่วิ่งวุ่นอยู่หลังร้านก็รีบเดินออกมาต้อนรับลูกค้าอย่างเป็นมิตร ก่อนจะยิ้มกว้างกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเป็นใครที่มาเยือน

“พี่อินสวัสดีครับ” พูรินที่ยิ้มรออยู่กล่าวทักทาย สองมือยกขึ้นไหว้รุ่นพี่คนสนิท

“น้องหมีนั่งก่อนนะ ขนมที่เราสั่งเพิ่งออกจากเตาอบเมื่อกี้นี้เอง เดี๋ยวพี่เอาใส่กล่องให้ วันนี้เรามีเวลาไหม นั่งกินข้าวเช้ากับพี่นะ”

“ไม่รีบครับพี่อิน ผมกะจะมาฝากท้องกับพี่อยู่แล้ว คิดถึงฝีมือพี่อินที่ซู้ดดด”

อินทัชยกยิ้มขำกับท่าทางคิดถึงฝีมือพี่อินอันแสนโอเว่อร์ของรุ่นน้อง ก่อนจะหันหลังเตรียมเดินกลับเข้าไปในครัวอีกครั้ง

“โอเค งั้นเรารอพี่แปบเดียวน้า”

พูรินผงกหัวรับคำ เดินไปนั่งที่โต๊ะใหญ่ริมหน้าต่างอย่างคนคุ้นเคยกับสถานที่ เขาก็คุ้นเคยกับร้านนี้ดีจริงๆนั่นแหละ ร้านนี้เป็นร้านเบอเกอรี่ของพี่อิน ด้วยความที่ร้านอยู่ใกล้คอนโดของพี่ดินที่ห่างจากบ้านพี่แทนและร้านของเขาไม่มากนัก เขาก็เลยมีโอกาสแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนอยู่บ่อยๆ จนเรียกได้ว่ากลายเป็นลูกค้าประจำคนหนึ่งเลยทีเดียว

พี่อินเปิดร้านนี้มาปีกว่าแล้ว ตั้งแต่สมัยเรียนใครๆก็บอกว่าขนมที่พี่อินทำอร่อย เจ้าตัวเองก็เปรยอยู่บ่อยๆว่าอยากเปิดร้านให้เป็นเรื่องเป็นราว พอเรียนจบมาพี่อินก็เริ่มต้นวางแผนอย่างจริงจัง ไปเรียนทำขนมอยู่เป็นปี และเมื่อต้นปีที่แล้วก็ได้ฤกษ์เปิดร้านนี้ขึ้นมา

ตอนแรกๆร้าน ‘ไอดิน’ ของพี่อิน ยังเป็นแค่ร้านเล็กๆ ที่มีเพียงหน้าร้านไว้สำหรับขายขนม ไม่มีเครื่องดื่มให้บริการและไม่มีที่นั่งให้ลูกค้า รายได้ส่วนใหญ่ของร้านมาจากขนมที่ทำตามออเดอร์ กับอีกเล็กน้อยจากขนมหน้าร้านที่ทำได้ไม่เยอะ ตามกำลังของตัวพี่อินเอง

จนในที่สุดเมื่อร้านเริ่มอยู่ตัว ทั้งมีลูกค้าประจำเพิ่มมากขึ้น แถมยังมีออเดอร์ใหญ่จากทางโรงแรมและรีสอร์ทของพี่ต้น ที่มักจะสั่งขนมของทางร้านไปเสิร์ฟให้ผู้ที่มาสัมนาหรือประชุมงานที่โรงแรมอยู่บ่อยๆ เมื่อประเมินความเป็นไปได้ในหลายๆทาง พี่อินกับหุ้นส่วนรายใหญ่ซึ่งก็คือพี่รหัสของเขา จึงตัดสินใจขยับขยายร้านครั้งใหญ่ จัดการตกแต่งร้านใหม่ เพิ่มเมนูขนมและเครื่องดื่มเข้าไป พร้อมจัดมุมนั่งพักผ่อนให้กับลูกค้า รวมไปถึงรับคนมาช่วยงานในครัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย เรียกได้ว่าในช่วงเวลาสั้นๆ ร้านพี่อินมาไกลเกินกว่าที่เจ้าตัวเคยหวังไว้มากจริงๆ

“พี่ดิน~” ทันทีที่เห็นเจ้าของร้านอีกคนเดินเข้ามา พูรินที่กำลังนั่งคิดเรื่องร้านเพลินๆ ก็ลุกขึ้นวิ่งเข้าไปกระโดดกอด เขาอดขำไม่ได้เมื่อพี่ชายที่แสนใจดีของเขาเลิ่กลั่กมองซ้ายขวา นึกรู้ว่าเจ้าตัวคงกลัวพี่อินมาเห็น เพราะเมื่อก่อนพี่อินเคยเข้าใจผิดเขากับพี่ดิน แม้ตอนนี้พี่อินจะไม่ว่าอะไรแล้ว แต่โรคเกรงใจเมียของพี่ดินมันยังคงแก้ไม่หายอยู่ดี

“หมี..ปล่อยพี่ก่อน”

“พี่ดินอ่ะ~ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ไม่คิดถึงน้องถึงนุ่งบ้างหรือไง”

เขาพูดเหมือนงอนแต่ปากยังยิ้มไม่หุบ ยอมปล่อยให้พี่ชายเป็นอิสระก่อนที่จะเดินกลับไปนั่งที่ตัวเองเหมือนเดิม พี่ดินขอตัวเดินไปหาพี่อินที่หลังร้าน หายไปสักพักก็เดินออกมาพร้อมอาหารเช้าสองชุด พี่ดินวางมันลงบนโต๊ะ ก่อนที่เจ้าตัวจะทรุดลงนั่งตรงข้ามกันกับเขา

“พี่อินบอกว่าเรามาเอาขนมไปเลี้ยงเด็กๆหรอ”

“ใช่ วันนี้วันเปิดคอร์สใหม่น่ะพี่ดิน เลยอยากเลี้ยงขนมน้องๆต้อนรับ”

“อ้าวนี้เปิดเทอมอีกแล้วหรอ พอเรียนจบมาแบบนี้ พี่ไม่ค่อยจะรู้วันรู้คืนกับเขาเลย”

“ก็พี่ดินของหมีเล่นอยู่แต่ในห้องอัด อย่าว่าแต่วันเปิดเทอมเลย วันสำคัญอะไรก็จำไม่ได้แล้ว” พี่อินที่เดินถือถุงขนมของเขาออกมาเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นผิดนิสัย ตากลมขวางใส่ให้พี่ดินได้แต่ยิ้มเจื่อนมองตาปริบ

“โธ่ อิน~”

“ไม่ต้องมาโธ่อิน~ เลยนะ ไม่อยากจะคุยด้วยแล้ว” อินทัชทำเสียงเลียนแบบคนที่เขานึกหมั่นไส้ ถึงจะไม่อยากงี่เง่าต่อหน้าน้อง แต่รอบนี้เขาอดไม่ได้จริงๆ

“พี่อินพูดถูกที่สุด พี่ดินทำแต่งาน วันเกิดผมรอบที่แล้วก็ไม่ได้มา พูดแล้วมันขึ้นเลยเนี้ย”

“หมี เราต้องหยุดเสี้ยม แค่นี้พี่ก็จะตายแล้ว และถึงพี่จะไม่ได้ไป แต่พี่ก็ไม่ได้ลืมสักหน่อย ยังฝากพี่อินเอาของขวัญไปให้เราอยู่เลย”

พูรินหัวเราะก๊าก เขาแกล้งพูดไปงั้นให้พี่ดินงานเข้า ที่จริงเขารู้ดียิ่งกว่าใคร พี่ชายคนนี้ไม่เคยลืมวันสำคัญของเขาหรอก ตั้งแต่พี่แทนไม่อยู่ เขาก็ได้พี่ดินนี่แหละที่คอยโทรหา คอยเรียกเขาออกมากินข้าวด้วยกันบ่อยๆ และยิ่งหลังจากที่พี่อินเปิดร้าน เวลาเหงาจนรู้สึกเหมือนจะไม่ไหวเมื่อไหร่ เขาก็จะรีบแจ้นมาหาพี่ทั้งสองทุกที

“อย่าไปยุ่งกับเขาเลย ปล่อยโปรดิวเซอร์หนุ่มไฟแรงเขาได้ใช้เวลากับพวกนักร้องน่ารักๆให้หน่ำใจเถอะ” พี่อินยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเง้างอนไม่หยุด คนที่เอาแต่ทำงานหนักจนลืมเวลารีบคว้าแขนเรียว ดึงให้พี่อินลงไปนั่งบนตัก

“อิน~ ไม่เอาแบบนี้” พี่ดินใช้หัวทุยถูไถกับหัวไหล่คนที่ตัวเล็กกว่าไปมาอย่างออดอ้อน คนบนตักยังทำหน้าบึ้งตึง แต่เขาเห็นว่าหน้าพี่อินเองก็เริ่มขึ้นสีแดงเรื่อนิดหน่อย

“อือฮือ ทำพี่อินงอนขนาดนี้ รอบนี้พี่ดินลืมวันสำคัญอะไรอีกล่ะ อย่าบอกว่านะว่าวันครบรอบน่ะ” พูรินลองคิดตามดู วันเกิดพี่อินคงไม่ใช่ เพราะจำได้ดีว่าเพิ่งฉลองกันไปเมื่อเดือนกุมภา

“ไม่ลืม แต่มาไม่ได้” คนตัวเล็กกอดอกตัวเองแน่น ท่าทางปันปึงที่ไม่ได้เห็นบ่อยๆถูกแสดงออกมาอย่างไม่คิดจะแอบซ่อน

“หืม..มาไหนไม่ได้อ่ะครับ”

“งานวันเกิดตัวเองยังไงล่ะ พี่ดินของหมีเขาติดงานน่ะ” พูรินร้องอ๋อ เขาจำได้ว่าศุกร์หน้าคือวันเกิดพี่ดิน

“เอ้า! งั้นตกลงยกเลิกหรอพี่” พอนึกขึ้นได้ พูรินก็ตาโต รู้ดีว่าพี่อินเตรียมงานไว้เยอะขนาดไหน ถ้าต้องยกเลิกจริงๆพี่อินคงเสียใจน่าดู

“เปล่า ไม่ได้จะยกเลิก แต่แค่พี่จะขอเลื่อนให้พี่อินจัดวันเสาร์แทน มันเป็นงานของที่ค่าย พี่เลื่อนไม่ได้จริงๆ”

“...” บดินทร์เหลือบมองคนที่ขยับออกจากตักเขาไปนั่งที่เก้าอี้ตัวถัดไป สองมือเอื้อมไปตักขนมปังปิ้งเติมใส่ในทุกจาน หน้าตาของคนพูดน้อยเรียบเฉยจนเขากลัวใจ อินไม่ค่อยโกรธหรืองอนเรื่องอะไรง่ายๆ แต่สำหรับเรื่องวันเกิดเขา เขารู้ดีว่าอินให้ความสำคัญกับมันมากกว่าวันเกิดของตัวเองเสียอีก

“อิน..”

“พอเถอะ วันเสาร์ก็วันเสาร์ ถึงจะโกรธไปก็รู้หรอกว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” บดินทร์รีบสอดสองมือเข้าไปในเอวคอด ระดมจุ๊บลงบนหัวไหล่ของคนรัก ก่อนจะเอาแก้มแนบซบหัวไหล่มนลงไป

ไม่ว่ายังไงอินของเขา ก็ใจอ่อนให้เขาเสมอ

“ดินขอโทษจริงๆ นะครับ”

“พอก่อนได้ไหม อายน้องบ้าง” อินทัชที่เริ่มหน้าแดงเอ่ยออกมาตะกุกตะกัก พอเขาเผลอสบตากับน้องหมีก็เห็นน้องมันนั่งใช้สองมือเท้าคางยิ้มกรุ่มกริ่มมาทางเขา

“จะอายทำไมพี่อิน คนกันเองทั้งนั้น” ด้านหนึ่งโดนน้องแซว อีกด้านโดนพี่มันจุ๊บไม่หยุด เขาขอเกลียดทั้งคู่เลยได้ไหม!

“ดินหยุด!” บดินทร์ไม่สน ลวนลามคนที่ขู่ฟ่อได้น่ารักน่าชังไม่หยุด หันไปส่งสายตาเป็นสัญญาณไล่น้องรหัสที่กลายเป็นส่วนเกินให้ออกไปโดยเร็ว

“เอ่อ..งั้นพี่ๆตามสบายนะครับ เดี๋ยวผมไปก่อน ตกลงวันเสาร์นะพี่ดิน” เมื่อโดนพี่ดินมองตาขวาง พูรินก็ยิ้มแหย ลุกขึ้นรวบถุงขนมก่อนจะยกมือไหว้พี่ทั้งสอง

สองขารีบก้าวออกจากร้านอย่างรวดเร็ว อดยิ้มไม่ได้เมื่อมองกลับเข้าไปเห็นพี่รหัสชี้นิ้วไปที่แก้มป่องของตัวเอง ก่อนจะยื่นหน้าไปหาอีกคนแล้วค้างอยู่อย่างนั้น พี่อินอึกอักอยู่นิดหน่อย แต่ในไม่กี่วินาทีต่อมาก็ยอมโน้มหน้าเข้ามาจุ๊บเบาๆให้พี่ดินชื่นใจ

พูรินหัวใจพองฟู

พี่ๆของเขา เป็นคู่ที่รักกันได้น่ารักที่สุด



พูรินขับรถสีแดงคันจิ๋วที่พ่อกับแม่ซื้อให้เป็นของขวัญที่เรียนจบไปที่ร้าน เขาเองหลังจากเรียนจบมาก็ทุ่มเทให้กับการดูแลร้านเต็มที่ พอเปิดรอบสอนเพิ่ม จำนวนนักเรียนก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย จากตอนแรกที่ใช้เพียงชั้นสองของร้าน ตอนนี้กลับจำเป็นต้องใช้ทั้งสองชั้นถึงจะพอ

ที่ร้านมีไอ้ธง ไอ้พุทธ เขาและน้องเป้ สี่คนสลับพลัดเวียนกันสอนน้องๆ จะมีในบางครั้งถ้ามีใครไม่ว่างจริงๆ เขาก็จะไปขอร้องให้พี่นนท์ลุงรหัสของเขาหรือพี่ดินมาช่วย นอกจากนี้ยังได้น้องภัทรแฟนของน้องเป้มาช่วยเรื่องลงทะเบียนเรียนและจัดการบัญชีของร้าน

เรียกได้ว่าถึงจะจบมาแล้ว เขาก็ยังได้เจอเพื่อนๆพี่ๆน้องๆเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน

ส่วนเรื่องร้านของแม่ เนื่องด้วยออเดอร์ที่เข้ามาล้นมือเป็นครั้งคราว ตอนนี้พวกเขาเลยตัดสินใจจ้างลูกจ้างรายวันในเวลาที่มีงานเข้ามาเยอะ ซึ่งคนที่แม่จ้างมาก็คือเพื่อนบ้านที่ไว้ใจได้ในละแวกนั้น ดังนั้นแม่จึงทำงานอยู่ที่บ้านซะเป็นส่วนใหญ่ จะมาที่ร้านบ้างเฉพาะในวันที่ว่างจากการเย็บผ้า ด้วยสาเหตุนี้มันจึงเป็นน้องภัทรอีกนั่นแหละ ที่มารับหน้าที่ดูแลหน้าร้านให้เขาไปด้วย

“มาแล้วคร้าบบ” เมื่อจอดรถไว้หน้าร้านเรียบร้อย พูรินก็หอบถุงขนมเข้ามาด้านใน เอ่ยทักทายรุ่นน้องสองคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะลงทะเบียนเรียนอย่างเป็นกันเอง

“สวัสดีครับพี่หมีพูห์” เป็นน้องภัทรที่เอ่ยทักเขากลับพร้อมยกมือไหว้ ส่วนเป้ยังคงมองอีกคนนิ่ง มือหนาของเจ้าตัวเอื้อมไปแตะข้อมือของภัทรอีกครั้ง ก่อนที่จะโดนสะบัดออกในทันที

“พี่ซื้ออะไรมาเนี่ย” ณภัทรรีบทำเนียนผละมาหารุ่นพี่ เจ้าตัวทำทีเพิกเฉยไม่ยอมสนใจสายตาของใครอีกคนที่มองจ้องไม่หยุด

“ขนมเลี้ยงน้องๆน่ะ พี่ไปซื้อมาจากร้านพี่อิน” พูรินว่าพร้อมยื่นถุงขนมให้น้องดู น้องภัทรรับไปเปิดแย้ม บอกว่าจะเอาไปใส่จานไว้รอแจกเด็กๆ ก่อนที่จะหมุนตัวเพื่อเดินไปทางห้องครัว

“ภัทร” ปณวัชเอ่ยเรียกคนที่เดินผ่านหน้า แต่คนที่ตั้งใจเดินเร็วๆก็ไม่คิดจะหยุดคุย เมื่อเป็นอย่างนั้น เขาไม่กล้าเดินตาม นึกรู้ดีว่าถ้าดึงดันตอนนี้ก็ยิ่งจะทำให้ภัทรหนีหน้าไปยิ่งกว่าที่เป็นอยู่ 

เมื่อน้องภัทรหายไปจากระยะสายตา พูรินก็เดินไปหาน้องรหัสที่นั่งหงอยเป็นหมาโดนทิ้งอยู่ที่โต๊ะ

“เป็นอะไรกัน ทะเลาะกับภัทรหรอไง” วางมือบนไหล่ของน้องชาย ก่อนจะโน้มตัวลงมองหน้าคนที่นั่งคอตก น้องเป้พยักหน้ารับ สายตายังจับจ้องทางเดินที่ใครอีกคนเพิ่งหายไป

“มีเพื่อนในภาคแอดเฟสบุ๊คผมมาน่ะพี่ เห็นว่าเป็นเพื่อนกันผมก็เลยรับ แล้วดูดิ ไปกับเพื่อนเป็นสิบ ลงรูปคู่กับผมอย่างกับไปสองคน”

ปณวัชรยื่นรูปเจ้าปัญหาให้พี่รหัสดู เขาไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว เขาบอกภัทรว่าเขาจะไปบอกให้เพื่อนลบรูปภัทรก็ไม่ยอม กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาทกับอีกฝ่าย แต่พอไม่ลบ รูปที่ว่าก็มีคนมาเม้นมาแซว จนคนของเขาคิดมาก ไม่ยอมพูดยอมจาอะไรกับเขาเลยสักคำ

ตอนที่ร้องโอดครวญว่าไม่รู้จะทำยังไงดี คนที่หายไปในครัวก็กลับมาอีกครั้ง หน้าตาบึ้งตึงเดินมาพร้อมกับจานขนม เมื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ พูรินจึงบอกให้เป้ออกไปซื้อนมและน้ำผลไม้มาเตรียมไว้ให้เด็กๆ เมื่อน้องเดินออกไปเขาก็เดินไปหาคนที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ที่โต๊ะ

“โกรธเป้มันขนาดนั้นเลยหรอ”

“...”

“พี่รู้จักน้องในรูปนะ พวกมันเป็นแค่เพื่อนกันจริงๆ”

“...”

“แล้วไอ้เป้มันเคยสนใครที่ไหน ภัทรคบกับมันมากี่ปีแล้ว ยังไม่รู้อีกหรอไง”

“ผมรู้ครับ แต่..” คนที่นั่งอมทุกข์อยู่นานพึมพำออกมาเสียงเบา

“หืม..”

“พี่หมีพูห์ได้อ่านคอมเม้นต์หรือเปล่า” เขาส่ายหัวปฏิเสธ พร้อมกับเปิดเข้าไปดูรูปเจ้าปัญหาอีกครั้ง ไล่อ่านข้อความที่ใครหลายคนแสดงความคิดเห็นอยู่ใต้ภาพ

“มีแต่คนบอกว่าเป้เหมาะสมกับเขา มีแต่คนอยากให้สองคนนั้นเป็นแฟนกัน..” พูรินถึงบางอ้อ เป้มันเคยเล่าให้ฟังว่าน้องภัทรเป็นคนคิดมาก แต่เขาไม่คิดเลยว่าน้องจะอ่อนไหวขนาดนี้

“แล้วยังไง ก็เลยคิดว่าเขาเหมาะสมกันมากกว่าเราหรือไง”

ณภัทรไม่ตอบ ได้แต่พยักหน้าลงช้าๆ เพราะมันเป็นแบบนี้มาตลอด เป้มักจะอยู่ในจุดที่มีคนสนใจ มีแต่คนเข้าหา มันอดจะคิดเลยไม่ได้ว่า บางทีคนอย่างเป้ควรจะได้เจอคนที่ดี ที่เหมาะสมมากกว่าเขาหรือเปล่า

“เป้นี่มันไม่ไหวเลยน้า..” พูรินเกริ่นให้อีกคนเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย “อย่างงี้มันต้องเรียกว่าไม่มีน้ำยาหรือเปล่า”

ณภัทรขมวดคิ้วเข้าหากัน เขาทำหน้าไม่เห็นด้วย เรื่องนี้มันไม่ใช่ความผิดของเป้สักหน่อย เป็นเขาต่างหากที่ไม่ดีพอสำหรับอีกฝ่าย

“คบกันมานานตั้งเท่าไหร่ ทำไมมันยังไม่มีปัญญาทำให้ภัทรมั่นใจได้อีก ว่านอกจากภัทรแล้วในโลกนี้ก็ไม่มีใครเหมาะสมกับมันอีกแล้ว”

“...”

“มันยังทำให้ภัทรรู้สึกไม่ได้อีกหรอ ว่ามันมองใครไม่ได้ ว่ามันไม่มีทางรักใคร และไม่มีใครดีไปกว่าภัทรแล้วสำหรับมัน”

“...”

“เพราะถ้ามันทำได้จริงๆ ภัทรก็คงไม่ต้องมานั่งเครียดเพราะคำพูดของคนอื่นแบบนี้จริงไหม”

ตากลมมองหน้าคนที่ส่งยิ้มใจดีมาให้เขา พี่หมีพูห์พูดถูก ไม่ว่าใครจะว่ายังไง มันก็ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าความรู้สึกของเขาสองคน และการที่เขาเคลือบแคลงต่อความสัมพันธ์ของเราแบบนี้ มันก็เหมือนเขาไม่ให้เกียรติความรักที่เป้มีให้เขา

“พี่หมีพูห์ ผมนี่มันงี่เง่าจริงๆ”

“ไม่หรอกน้า เรื่องแบบนี้ใครๆก็เป็นกัน” พูรินเอื้อมมือไปขยี้หัวน้องชายอีกคนของเขาอย่างนึกเอ็นดู เหลือบไปเห็นน้องรหัสของเขายืนซึมอยู่ที่กระจกด้านนอกร้าน เขาทำมือกวักเรียกให้น้องมันเข้ามา

“เดี๋ยวพี่ไปรอข้างบนนะ คุยกับเป้มันให้รู้เรื่องเถอะ สงสารมัน หางตกเป็นหมาโดนทิ้งแล้วนั่น” เมื่อพี่หมีพูห์บอกอย่างนั้น ณภัทรก็เหลือบไปมองที่ประตูหน้าร้าน พอเห็นว่าเป้เดินเข้ามาก็รีบตรงไปหา มือของสองคนจับกระชับ คนที่รู้สึกผิดกว่าใครเป็นคนพูดก่อน

“เป้ เค้าขอโทษ”

“เค้าต่างหากที่ต้องขอโทษ ทำให้ภัทรคิดมากอีกแล้ว”

“ฮือ เค้าต่างหากที่ทำตัวงี่เง่าตลอด อย่าเบื่อเค้านะ”

พูรินเดินขึ้นบันไดมาชั้นสอง พอหันไปมองก็เห็นน้องทั้งสองกอดกันตัวกลม เขาอมยิ้มเล็กๆกับภาพตรงหน้า มันก็เหมือนกับตอนจบของนิทานสักเรื่อง

ในที่สุดทั้งสองก็เข้าใจ และครองรักกันไปตลอดกาล







ปัง

เมื่อประตูห้องนอนปิดลงจนสนิท พูรินไม่ได้ขยับเดินเข้าไปด้านในในทันที เขาได้แต่ยืนนิ่งค้างอยู่ตรงกรอบประตู ถ่ายเทน้ำหนักทั้งหมดไปด้านหลังที่แนบชิดพิงกรอบไม้ ก่อนที่จะกวาดสายตามองไปรอบห้องกว้างด้วยความรู้สึกเหนื่อยอ่อน 

เขากลับมาที่แห่งนี้อีกครั้ง ที่ที่เป็นสถานที่เพียงแห่งเดียวที่เขาอนุญาตให้ตัวเองแสดงความอ่อนแอที่หลบซ่อนอยู่ภายในออกมา

“หมดไปอีกวันแล้วนะพี่แทน”

พูรินหลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ปากขยับพึมพำบอกใครอีกคนที่อยู่แสนไกล ในตลอดวันเขาพยายามไม่คิดถึงพี่แทน เมื่อใดที่อีกคนแว๊บเข้ามาในหัว เขามักจะพยายามทำตัววุ่นวายจนสมองเพิกเฉยคนที่แทรกเข้ามาในความคิด เขาพยายามเต็มที่ที่จะร่าเริงอย่างเคย พูรินไม่อยากทำตัวให้ใครต้องมาห่วง และนอกจากนั้นเขายังรู้สึกว่า

ยิ่งเขาคิดถึงอีกฝ่ายมากเท่าไหร่ มันก็เหมือนเบื้องบนจะคอยลงโทษให้เวลาของเขาเดินเชื่องช้าลง กว่าเดิมเท่านั้น

เขายืนนิ่งอยู่แบบนั้นสักพัก ก่อนที่ในที่สุดจะรวบรวมพลังขยับตัวอีกครั้ง พูรินถอดกระเป๋าสะพายไปวางบนเก้าอี้ว่างหน้าโต๊ะเขียนหนังสือ เหลือบมองปฏิทินที่อยู่บนฝาผนัง เอื้อมหยิบปากกาเมจิกสีแดงหนึ่งแท่งมาวาดดาวดวงใหญ่ลงบนวันที่วันนี้ ไม่ลืมที่จะพลิกปฏิทินไปอีกหน้า คิ้วขมวดคำนวณบวกลบในใจถึงวันที่ใครอีกคนจะถึงกำหนดกลับมา

“เหลืออีกแค่ 42 วันเองไอ้หมีพูห์” เขาเอ่ยปลอบใจตัวเอง นี่เขาไม่ได้เจอพี่แทนมา 1,152 วันแล้ว อีกแค่ 42 วันทำไมเขาถึงจะทนไม่ได้

ใช่ มันเกินสามปีแล้วที่เขากับพี่แทนไม่ได้เจอกัน จากที่ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะไปหาพี่แทนทันทีที่ปิดเทอมแรก แต่เพราะงานของเด็กปีสี่ที่ล้นมือบวกกับโปรเจคจบแสนโหด รวมไปถึงร้านที่เขาเพิ่งเปิดใหม่ได้ไม่นาน มันทำให้เขาปลีกตัวไปไหนไม่ได้เลย และยิ่งยากมากขึ้นหลังจากที่เขาเรียนจบและเริ่มทำร้านเต็มเวลา

และนั่นมันเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขาเข้าใจในสิ่งที่พี่แทนพยายามบอกเขามาตลอดเวลา

บางครั้งเราต้องยอมสละความต้องการส่วนตัว เพื่อรับผิดชอบสิ่งที่สำคัญกว่าในอนาคต

“อ่ะ จะสามทุ่มแล้ว” เมื่อหันไปมองนาฬิกาพูรินก็สะดุ้งโหยง ตอนนี้มันสองทุ่มครึ่งแล้ว เขาเลยรีบเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำใส่ชุดนอนเพื่อมารอโทรศัพท์จากใครอีกคน 

พี่แทนไปเรียนต่อสาขากีต้าร์คลาสสิค ที่มหาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งของลอสแองเจอลิส หลักสูตรที่พี่แทนลงที่จริงใช้เวลาในการเรียนเพียงสองปี แต่เพราะต้องใช้เวลาในการฝึกภาษาเกือบหนึ่งปีเต็ม ทำให้รวมๆ แล้วจะใช้เวลาประมาณสามถึงสามปีครึ่งถึงจะจบ

ด้วยความที่เวลาต่างกันถึง 15 ชั่วโมง พี่แทนจึงต้องตื่นแต่เช้าเพื่อโทรมาหาเขา ช่วงเวลาเพียงเล็กน้อยที่ได้คุยกันในแต่ละวัน มันเป็นช่วงเวลามหัศจรรย์ที่ทำให้เขายังคงมีแรงเดินต่อไปได้ และพี่แทนของเขาก็ช่างแสนดีเกินใคร จากวันแรกจนถึงวันนี้ไม่มีวันไหนเลยที่พี่แทนจะไม่โทรมาหาเขา



แต่นี่มันผ่านเวลานัดไปครึ่งชั่วโมงแล้ว



เมื่อพูรินทนไม่ไหวเขาจึงต่อวีดิโอคอลไปหาอีกคน รอบแรกพี่แทนไม่รับ แต่เมื่อสัญญาณรอสายของรอบสองดังขึ้น พี่แทนก็กดเปิดกล้องโทรศัพท์ให้เขาใจชื้น

“ครับ” น้ำเสียงงัวเงียของใครอีกคนดังขึ้นผ่านสายโทรศัพท์

“มอนิ่งครับพี่แทน” เขาเอ่ยทักทายคนที่ดูเหมือนยังอยู่บนที่นอน ภายในห้องยังมืดสนิท มีเพียงแสงที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาพอให้เห็นใครอีกคนได้ชัดขึ้น

“...”

คนที่เพิ่งรับโทรศัพท์นิ่งไป เขาเห็นตาสองข้างของพี่แทนยังปิดสนิท อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้เมื่อคิดว่าพี่แทนอาจจะหลับไปอีกครั้ง

“พี่แทน เมื่อคืนดึกมากเลยหรอ” ถามไปอย่างอดจะสงสารไม่ได้ หลังเลิกเรียนทุกวันพี่แทนต้องไปเล่นดนตรีที่ร้านอาหารไทย กว่าจะได้กลับห้องก็เกือบเที่ยงคืน แล้วไหนยังจะต้องตั้งเวลาปลุกแต่เช้าเพื่อมาคุยกับเขาอีก

“พี่แทน~ ถ้าง่วงมากผมวางก่อนได้นะ”

“ไม่เอา” ทันทีที่ว่าไปอย่างนั้น ใครอีกคนก็ลืมขึ้นมาเต็มตา ลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอาโทรศัพท์ไปตั้งไว้บนขาตั้งบนโต๊ะ

“เดี๋ยวกูมาแปปนึง” ภาพจากมุมนี้ ทำให้เขาเห็นห้องเกือบทั้งห้อง เขาเผลอกลืนน้ำลายเมื่อเห็นพี่แทนเปลือยท่อนบน ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงบ๊อคเซอร์ตัวเดียวเดินตรงไปยังห้องน้ำ

พูรินที่หายใจหายคอไม่สะดวก เอาหัวโขลกผนัง

เขามันแก่แดดแบบที่พี่แทนบอกไม่มีผิด

ก๊อก ก๊อก

จู่ๆเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ตามด้วยบานประตูห้องนอนของพี่แทนขยับเปิด เขาเห็นผู้ชายคนนึงเดินเข้ามา จำได้ว่าพี่คนนี้ชื่อพี่ไม้ เป็นเพื่อนคนไทยที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกันกับพี่แทน เจ้าตัวที่ใส่เพียงบ๊อคเซอร์ตัวเดียวเดินไปหาพี่แทนในห้องน้ำ พูดคุยกันเสียงดัง จนเขาได้ยินเสียงหัวเราะลอดออกมาชัดเจน ทั้งคู่อยู่ในนั้นสักพัก ก่อนที่ในที่สุดเจ้าตัวจะเดินออกไปพร้อมกับยาสระผมที่ตั้งใจมายืม

“...”

ไม่นานนัก พี่แทนก็เดินออกมาจากห้องน้ำ หยิบเสื้อและกางเกงขาสั้นจากในตู้มาใส่ เดินมาหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ ก่อนจะทรุดลงไปนั่งบนเตียงนอนนุ่มอีกครั้ง

“มึงรอนานไหม กูตื่นเต็มตาแล้วนะ” พี่แทนยื่นหน้ามาใกล้โทรศัพท์ก่อนจะยกยิ้มสดใสเหมือนเด็กๆมาให้ ถ้าเป็นทุกทีพูรินคงส่งยิ้มกว้างกลับคืนไป แต่มันไม่ใช่เวลานี้ ตอนที่เขากำลังโมโหอีกฝ่ายเอามากๆ

“...”

“วันนี้เปิดคอร์สวันแรกเป็นไงบ้าง”

“...”

“หมีพูห์?”

“...”

“ไม่ได้ยินหรอ เดี๋ยวกูต่อใหม่นะ”

“ได้ยิน..ได้ยินอยู่” เมื่อเห็นอีกคนทำท่าจะเอื้อมมาตัดสาย เขาก็เลยเอ่ยขัดออกไปก่อน

“อ้าว แล้วทำไมไม่ตอบ” ถามกลับอย่างคนที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ พูรินได้แต่กัดเม้มริมฝีปากล่างแน่น แก้มนวลป่องกลม คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างคนน้อยอกน้อยใจ

“ก็ไม่อยากตอบ” ในที่สุดเมื่อเขาว่าอย่างนั้น คนที่ไม่เข้าใจก็รับรู้ได้ถึงความผิดปกติ คิ้วคมขมวดแน่นเข้าหากัน

“มึงเป็นอะไร..”

“...”

“หมีพูห์...”

“...”

“หมีพูห์ครับ น้องเป็นอะไรบอกพี่มาสิ”

“อย่ามาขี้โกง” พี่แทนก็เป็นแบบนี้ พอเขางอนทีไรก็ชอบมาแทนตัวว่าพี่ ใช้น้ำเสียงทุ้มนุ่มให้เขาใจอ่อนทุกที

“แล้วมึงเป็นอะไร ทำไมไม่ยอมคุยกับกู”

“นี่ไม่รู้เลยนะ ว่าสนิทกับพี่ไม้ขนาดนี้” คนที่ชอบพูดตรงๆก็ไม่อาจห้ามความคิด เผลอประชดอีกฝ่ายออกไปในที่สุด

“ขนาดนี้คือ?”

“ขนาดที่เดินใส่บ๊อคเซอร์คุยกันในห้องน้ำสบายใจเฉิบแบบนั้น” แทนคุณหลุดยิ้มมุมปากเมื่อได้ยินใครอีกคนพูดโวยวาย

“วันนี้เป็นอะไรหรือเปล่า” แทนที่จะเอ่ยแก้ตัว แต่แทนคุณกลับถามไปอีกเรื่อง “กูไม่คิดว่ามึงจะหึงกูกับไอ้ไม้หรอกนะ มึงรู้ดีกว่าใครว่ามันไม่มีอะไร”

พูรินหน้าร้อนชา พี่แทนก็คือพี่แทนที่รู้จักเขาดีกว่าตัวเขาเองเสียอีก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าสองคนนั้นไม่ได้มีอะไรเกินกว่าคำว่าเพื่อนสนิท แต่เพราะวันนี้ทั้งวันอารมณ์ของเขาแปรปรวน ภาพของพี่อินที่งอนพี่ดิน กับน้องเป้ที่ตามง้อน้องภัทร มันทำให้คนที่ตอนนี้อยู่เดียวดายรู้สึกอิจฉา จนอดไม่ได้ที่จะมาระบายอารมณ์ลงกับคนที่ปล่อยให้เขาเหงาใจอยู่แบบนี้

“บอกกูได้ไหม งอแงเรื่องอะไร”

“ไม่ได้งอแงสักหน่อย” เขารีบตอบกลับทันทีทันใด

“แต่แค่วันนี้คิดถึงพี่แทนมากเลยต่างหาก”

“...”

“ยิ่งเห็นพี่ดินกับพี่อิน เห็นภัทรกับเป้ ก็ยิ่งอิจฉา อยากให้พี่แทนอยู่ด้วย อยากกอดให้หายคิดถึง อยากอ้อนให้พี่แทนง้อบ้าง”

“...”

“แต่ผมไม่ได้ร้องไห้เลยนะ วันนี้ได้ดาวด้วยเหอะ”

พูรินพูดอย่างกระตือรือร้น เขาโชว์ดาวในปฎิทินให้อีกคนดู เราเริ่มนับดาวตั้งแต่ช่วงแรกๆที่พี่แทนไป เมื่อก่อนในทุกครั้งที่คุยกัน ถึงจะพยายามกลั้นไว้แค่ไหน เขาก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาของตัวเองไว้ได้ พี่แทนเลยยื่นข้อเสนอให้เขา ถ้าวันไหนที่เขาไม่ร้องไห้เลยไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลังพี่แทน วันนั้นเขาจะได้หนึ่งดาว ถ้าครบห้าดาวพี่แทนจะซื้อตุ๊กตาซูมซูมให้เขาหนึ่งตัว ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ใช้มันเป็นเป้าหมายหนึ่งในการช่วยกลั้นน้ำตา 

แต่ถึงมันจะล่อใจมากแค่ไหน ดาวของเขาก็ยังมีไม่ถึงร้อยดวงอยู่ดี

“งั้นก็ดีแล้ว มึงก็รู้ว่าถ้ามึงร้องไห้ กูจะทรมานแค่ไหน”

“...”

“กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน คิดถึงใจจะขาด”

“...”

“คิดถึงจนเก็บไปฝัน และอาจจะเป็นเพราะฝันถึงมึงบ่อย กูถึงรู้สึกว่ามึงอยู่กับกูตลอดเวลา กูถึงยังทนอยู่ได้”

“พี่แทน~” พูรินหน้าร้อนฉ่า บางเวลาพี่แทนก็พูดจาลื่นหูจนชวนขนลุก มันหวานจนเลี่ยน แต่ก็เป็นรสชาตที่เขาชอบมากที่สุด

“รออีกนิดเดียวเองนะ แล้วกูจะกลับไปให้มึงอ้อน กลับไปง้อจนกว่ามึงจะหายงอน” พูรินได้แต่ผงกหัวหงงๆ หน้าขึ้นสีเหมือนคนเป็นผื่น

ก็เขาแพ้นี่น่า

คนแบบพี่แทนเขาแพ้จริงๆ

“อืม ก็ผมสัญญาแล้วนี่หน่าว่าจะรอ”





********

#หมีแทนที่รัก

คนเขียนอย่างเราก็ไม่ได้ต้องการอะไร แค่กดให้กำลังใจ คอมเม้นให้ชื่นใจ หรือจะแชร์ให้มีคนอ่านเพิ่มแค่นี้เอง! ถือว่าช่วยๆกันเนอะ!

อ่อ...

ตอนหน้าตอนจบแล้วนะคะ 

ปล. เรื่องของน้องภัทรกับน้องเป้คือ ‘เรื่องเล็กๆ’ และของพี่อินกับพี่ดินคือ ‘รักมือสอง’ นะคะ แอบขายของ 5555












หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที่สิบสี่:. ฉันคิดว่าที่เราฝัน เพื่อเราจะได้ไม่อยู่ไกลกันนานเ
เริ่มหัวข้อโดย: Stiiiii ที่ 19-11-2019 05:23:41
พี่แทนรีบกลับมาน้องคิดถึง
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที่สิบสี่:. ฉันคิดว่าที่เราฝัน เพื่อเราจะได้ไม่อยู่ไกลกันนานเ
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 19-11-2019 09:29:36
 :sad11: กลับมาไวไวนะพี่แทน
หัวข้อ: Re: หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดที่สิบสี่:. ฉันคิดว่าที่เราฝัน เพื่อเราจะได้ไม่อยู่ไกลกันนานเ
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 19-11-2019 09:44:11
อีกเดือนนิดๆเท่านั้นก็จะได้เจอกันแล้ว
หัวข้อ: Re: (END) หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดสุดท้าย:. คุณสะกดคำว่ารักอย่างไร? คุณไม่สะกดมัน คุณรู้
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 23-11-2019 19:06:33
.:น้ำผึ้งหยดสุดท้าย:.



How do you spell love?

You don’ t spell it, you feel it.

.

.

คุณสะกดคำว่ารักอย่างไร?

คุณไม่สะกดมัน คุณรู้สึกมัน









วันนี้ร้านไอดินคึกคักกว่าทุกวัน แม้ป้ายหน้าร้านจะเขียนไว้ชัดเจนว่าร้านปิดทำการ แต่คนที่เดินทางมาร่วมงานวันเกิดยังทยอยกันมาเรื่อยๆ จนร้านที่เพิ่งขยับขยายจนใหญ่โตดูแคบลงในทันที

“ยินดีด้วยกับร้านใหม่นะ” ในมุมหนึ่งของร้าน ทิวาเอ่ยยินดีกับเจ้าของร้านที่เคยเป็นคู่แข่งของหัวใจ แต่วันนี้เจ้าตัวกลายเป็นเพื่อนที่พูดคุยกันได้อย่างสนิทใจที่สุดคนนึงของเขา

“นี่ถ้าไม่ใช่วันเกิดดินก็คงไม่ยอมมาใช่ไหม” อินทัชเอ่ยเย้าให้อีกฝ่ายหน้ามุ่ย ก็ทิวเวลางอนแล้วชอบโวยวาย ทำท่าน่ารักจนอดที่จะแกล้งไม่ได้เลยทุกที

“อินอ่ะ ทำไมพูดแบบนี้ เราอยากมาจะตาย แต่อินก็รู้ว่างานเราเป็นแบบไหน วันนี้ยังเกือบมาไม่ได้เลย ดีนะที่ได้เจมันช่วยไว้”

อินทัชอดหัวเราะให้กับคนที่กล่าวแก้ตัวรัวๆเพราะกลัวเขาโกรธไม่ได้ เขาก็แค่พูดไปงั้น รู้ดีว่าคนตรงหน้าหาตัวจับยากแค่ไหน ทิวทำงานเป็นผู้ช่วยฝ่ายคอสตูมอยู่ที่ค่ายละครแห่งหนึ่ง ช่วงที่มีถ่ายละครซ้อนกันเยอะๆ ถ้าอยากเจอหน้า คือถึงกับต้องตามไปกองละครกันเลยทีเดียว

“ล้อเล่นน้า เราเข้าใจอยู่แล้ว วันไหนว่างๆก็พาเจมาด้วยสิ จะทำมัฟฟิ่นที่เจกับทิวชอบไว้ให้”

“อินน่ารักอีกแล้ว~ เสียดายอ่ะ ทำไมต้องมาตกหลุมคนอย่างดินด้วยก็ไม่รู้” ว่าแล้วทิวาก็เอื้อมสองแขนมาโอบรัดร่างเล็ก ซบแก้มนิ่มลงบนหัวไหล่ของคนที่เขาคิดว่าควรครองโสดเป็นตัวน่ารักของชาติสถานเดียว

“ไม่พอใจก็กลับบ้านไป”

อย่างไม่ต้องหันไปมอง อินทัชและทิวาหันหน้ามาหัวเราะใส่กัน เพราะเขาสองคนรู้ดีว่าเสียงไล่แขกที่ดังมาจากด้านหลังคือใคร มือหนาแทรกเข้ามาระหว่างเขาทั้งสอง ก่อนที่เจ้าของร้านจะโดนดึงไปซบในอกกว้าง สองแขนแกร่งของคนมาใหม่โอบทับอีกฝ่ายไว้แน่น

“ติดป้ายห้ามแตะเลยไหมดิน” ทิวาอดค่อนขอดคนขี้หวงไม่ได้ วันแรกหวงยังไง วันนี้เพิ่มอีกเป็นร้อยเท่า

“กำลังสั่งทำป้ายอยู่” บดินทร์พูดกลับอย่างภาคภูมิใจ ไม่สนใจเสียงเตือนจากคนที่จะโดนติดป้ายห้ามแตะเลยสักนิด ทิวาเบ้ปากใส่อีกคนอย่างหมั่นไส้ พอเป็นเรื่องอินทีไร โปรดิวเซอร์สุดโหดที่ใครๆต่างกลัว ก็ทำตัวได้สองขวบอย่างที่เพื่อนๆเคยว่าไว้จริงๆ

“งั้นตามสบายนะ ขอเราไปดูขนมหลังร้านก่อน” เมื่อแกะตัวเองออกจากมือปลาหมึกของเจ้าของวันเกิดได้ อินทัชก็เอ่ยขอตัวทันที เขาก็รู้ว่าทิวคงไม่ได้คิดอะไรแล้ว แต่จะให้มาทำหวานกันต่อหน้า เขาก็รู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายขึ้นมานิดๆเหมือนกัน

เมื่อได้อยู่กันสองคนทิวาเองก็ตัดสินใจยื่นของขวัญที่อยู่ในถุงกระดาษสีขาวให้อีกฝ่าย

“ดิน สุขสันต์วันเกิดนะ”

มันคงจะเป็นการโกหกถ้าจะบอกว่าเขาเลิกรักดินแล้ว เขารักของเขามาหลายปี จู่ๆจะให้เลิกรักมันก็คงจะไม่ง่าย แต่ความรักและหวังดีที่มีต่ออินก็เป็นเรื่องจริงเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงขอแค่อยู่ในพื้นที่ของเขา ไม่คิดจะเข้าไปเป็นใครที่จะทำให้ทั้งสองลำบากใจเลยสักนิด

เพราะเขารู้ดีว่าดินที่มีความสุขที่สุด คือดินที่มีอินอยู่เคียงข้าง

“ขอบคุณนะครับ” บดินทร์เอื้อมมือไปรับพร้อมเอ่ยขอบคุณจากใจให้เพื่อนสนิทคนนึงของเขา ถึงเขาจะไม่สามารถตอบรับความรู้สึกที่อีกฝ่ายมีให้ได้ แต่ทิวก็เป็นเพื่อนอีกคนที่เขาให้ความสำคัญเสมอ

“แล้วไหนดินบอกมีเรื่องอยากคุยกับทิว”

“อ่อ เรื่องน้องหมีน่ะ ทิวจำหมีพูห์น้องรหัสดินได้ไหม” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้ารับ เขาเลยว่าต่อ

“ตอนนี้น้องกำลังหาคนมาสอนการแสดงให้เด็กๆ ทิวพอจะรู้จักครูที่มีประสบการณ์หรือพอจะแนะนำอะไรน้องได้บ้างไหม”

“อืม ได้สิ ทิวรู้จักคนเยอะแยะ ยังไงดินให้เบอร์ทิวไว้แล้วกัน มีอะไรก็บอกให้น้องโทรมาได้ตลอดเลยนะ” 

“ที่จริงหมีมันก็มานะวันนี้ เดี๋ยวดินเรียกน้องมันมาคุยเลยดีกว่า”

ว่าแล้วบดินทร์ก็กวาดสายตาไปรอบงาน เพ่งหาอยู่สักพัก ตาคมก็ไปสะดุดลงที่ประตูหลังร้าน เขาเห็นหมีพูห์ยืนพิงผนังอยู่ด้านนอกคนเดียว แม้มันจะไกลและมืดพอสมควร แต่แสงไฟที่ประดับประดาอยู่รอบด้านกับแสงจากโทรศัพท์ที่เจ้าตัวกำลังมองเพ่ง มันเพียงพอให้เขาเห็นแววตาที่วาวไหว กับสีหน้าของใครบางคนที่ดูไม่ดีเอาเสียเลย

“เหมือนวันนี้จะไม่เหมาะแฮะ ยังไงดินจะบอกน้องให้โทรหานะ เดี๋ยวดินขอตัวก่อนนะทิว ขอบใจอีกครั้งนะครับสำหรับของขวัญ” เขาว่ารัวๆ พร้อมยกมือขึ้นไปวางบนกลุ่มผมนุ่มของเพื่อน กดลงเบาๆอย่างนึกเอ็นดูหนึ่งครั้ง เมื่ออีกฝ่ายรับคำเขาก็ผละออกมา เดินออกไปหาคนที่อยู่หลังร้าน

“มาทำอะไรตรงนี้” บดินทร์เอ่ยถามคนที่ลุกลี้ลุกลนเช็ดน้ำตาเมื่อเห็นเขาเดินตรงมา

“พี่ดิน~” พูรินสวมกอดพี่รหัส “สุขสันต์วันเกิดอีกครั้งนะครับ”

เพราะเมื่อวานเขาแวะเอาของขวัญฝากไปกับพี่อินที่ทำเค้กไปให้พี่ดินถึงที่ค่ายแล้ว วันนี้เขาเลยมาตัวเปล่า มีเพียงคำอวยพรจากใจที่จะให้พี่ชายที่รักที่สุด

“พี่เห็นของขวัญแล้ว ขอบใจมากเลยนะ” พูรินยิ้มกว้างบอกไม่เป็นไร ถ้าพี่ดินชอบเขาก็ดีใจสุดๆแล้ว ขอแค่ปีหน้า พี่ดินอย่าเบี้ยวงานวันเกิดเขาอีกก็พอ

“แล้วเป็นอะไร เรามายืนตรงนี้ทำไม” บดินทร์ถามซ้ำคำถามเดิมให้หมีพูห์ยิ้มแหย แววตาวาบไหวเรื่อไปด้วยหยดน้ำ

“พี่ดิน..พี่แทนติดต่อมาบ้างไหม”

“หืม..ก็ไม่นะ มีอะไรหรือเปล่า”

“ผมไม่ได้คุยกับพี่แทนมาหลายวันแล้ว ช่วงนี้ส่งแต่เมสเสจมาว่าซ้อมหนักเพราะใกล้จะสอบ แล้ววันนี้คือเงียบหายไปเลย”

“ก็คงงั้นนั่นแหละ มันใกล้จะกลับมาแล้วไม่ใช่หรอ คงกำลังเครียดกับการสอบ”

“อืม เดือนสุดท้ายแล้วพี่” พูรินจำมันได้ขึ้นใจ เหลืออีกแค่ 32 วันสุดท้ายแล้ว แต่ทั้งๆที่เหลืออีกนิดเดียว แต่เขากลับรู้สึกว่ามันนานกว่าเวลาสามปีที่ผ่านมาเสียอีก พี่แทนไม่โทรมาหาเหมือนเคย มีแต่เมสเสจที่ตอบช้ายิ่งกว่าโทรเลขแค่นั้น

บดินทร์เห็นคนที่ทำหน้าซึม ดูไม่ร่าเริงเหมือนเคยก็อดจะยกมือขึ้นไปขยี้หัวแรงๆไม่ได้ 

“อีกนิดเดียวเอง ทนมาได้ตั้งขนาดนี้”

“พี่ดิน~ผมเจ็บ”

“ก็ทำหน้าน่าหมั่นไส้ทำไมเล่า พี่อยู่ตรงนี้ทั้งคน มัวแต่คิดถึงหมีควายที่ไหนก็ไม่รู้”

“พี่ดินห้ามว่าหมูพิกเล็ตของผมนะ~” บดินทร์อยากจะขำกลิ้ง น้องมันชอบเรียกไอ้แทนว่าพิกเล็ต ใครไม่รู้จะนึกว่ามันตัวเล็กตัวน้อย น่ารักน่าเอ็นดูเกินใคร

“เดี๋ยวพี่แทนกลับมา ผมจะฟ้องให้หมดว่าพี่ดินแกล้งอะไรไว้บ้าง ผมจดไว้หมดแล้ว”

“ใช่ซี่ พอไอ้แทนกลับมา พี่มันก็หมาหัวเน่าดีๆนี่เอง”

“โอ๋ๆ อียอร์ไม่ร้องน้า เดี๋ยวแปะหางให้ใหม่น้า” พูรินเดินเขามากอดซบพี่รหัสเป็นการปลอบใจ บดินทร์กลอกตามองบนอย่างแสนหน่าย แล้วสรุปเขาต้องเป็นไอ้ลาโง่หน้างอให้น้องมันใช่ไหม

แกร๊ก

“ไอ้ดิน มาอยู่นี่เองนะมึง” คนมาใหม่เปิดประตูออกมาทักทาย เมื่อพยายามหาเจ้าของร้านภายในงานอยู่นานในที่สุดก็เจอมันสักที

“เอ้า ไอ้ภู วันนี้มาได้ด้วยนะมึง” บดินทร์ผละออกจากน้องรหัส เดินเขาไปปะทะไหล่กับคนที่ไม่คาดว่าจะมาได้ในวันนี้ 

“เออ เพื่อมึงกูต้องตรงมาจากพัทยาเลยนะ สุขสันต์วันเกิดนะมึง”

“ขอบใจว่ะ แล้วไงวันนี้มึงมาคนเดียวหรอ น้องชาไปไหนว่ะ” บดินทร์ถามหาคนที่เขารู้จักเพราะเป็นน้องคนสนิทของตั้งต้น และยังเป็นแฟนหมาดๆของคนตรงหน้าเสียด้วย

“รายนั้นจะยอมพลาดหรอ นั่งคุยอยู่กับกีข้างในน่ะ เออ แล้วคือไอ้ต้นมาแล้วนะ”

“อ้าวจริงดิ” บดินทร์ยกยิ้มอย่างมีเลศนัย

“งั้นเข้าไปข้างในกันมึง หมีพูห์พี่ไปก่อนนะ เราจะอยู่ตรงนี้หรอ” ว่าแล้วก็เอื้อมแขนไปพาดไหล่เพื่อนรุ่นพี่ ก่อนจะหันมาถามน้องรหัส

“พี่ดินเข้าไปก่อนเลย เดี๋ยวผมตามไปครับ”

เมื่อเขาว่าอย่างนั้นพี่ชายก็ผละเข้าไปด้านใน ทิ้งเขาไว้คนเดียวกับโทรศัพท์เครื่องเดิมที่ไม่ว่าจะใช้มันโทรหาใครอีกคนกี่ครั้งก็ไม่มีคนรับสาย

“พี่แทน~ ทำไมไม่รับโทรศัพท์ผมเลย~”

เขาอดบ่นไม่ได้ คือเขาไม่ได้น้อยใจ ตอนนี้เขาเป็นห่วงคนตัวโตมากกว่าว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า เขาบอกแล้วว่าตลอดสามปี ไม่มีวันไหนเลยที่พี่แทนจะไม่โทรหาเขา แต่นี่มันเกิน 24 ชม.แล้ว ที่ไม่มีทั้งโทรศัพท์ทั้งข้อความ จะโทรไปถามแม่กุ้งก็กลัวจะทำให้แม่ตื่นตูมไปอีกคน

“ทำแบบนี้ได้ยังไง ไม่รู้หรือไงว่าผมเป็นห่วงจะบ้า เดี๋ยวคอยดูนะ โทรมาเมื่อไหร่ผมจะบ่นให้หูชาไปเลย”

พรึ่บ!

ตอนที่ตั้งใจจะวิดีโอคอล์หาใครบางคนอีกครั้ง จู่ๆไฟทั้งร้านก็ดับลง

“อ่ะ กำลังจะเป่าเค้กแล้วแน่ๆเลย” เมื่อคิดได้ว่ามันคงถึงช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของงานแล้ว พูรินก็หมุนตัวกลับ ตั้งใจจะเดินเข้าไปร่วมด้วย

หมับ!

แต่ไม่ทันจะได้ก้าวเท้า เขาก็ต้องตกใจเมื่อมีสองแขนแกร่งของใครบางคนมาโอบรอบตัวเขาจากด้านหลัง ที่จริงเขาไม่ต้องหันไปมองก็รู้ได้ว่าคนคนนั้นเป็นใคร ก็เขาน่ะจำกลิ่นน้ำหอมของอีกคนได้ดีที่สุด น้ำหอมกลิ่นที่อบอุ่นที่สุดในโลก

“พี่แทน!!”

แต่เพราะไม่อยากจะเชื่อ พูรินจึงหันไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ยังไม่ทันได้มองให้ชัดว่าคนตรงหน้าเป็นใคร เขาก็โดนใครคนนั้นก้มลงมาแนบจูบร้อนลงอย่างไม่ทันตั้งตัว จูบที่แสนคุ้น ดุดันกว่าที่เคย ลิ้นร้อนที่แทรกตัวเข้ามาในโพรงปากทำให้เขาสั่นเทิ้ม ในตอนนี้ความตกใจมีมากพอๆกับความตื่นเต้น

ตากลมโตเบิกกว้าง แม้จะมืดสนิท แต่เมื่อสายตาชินกับความมืด เงาที่เห็นลางๆก็เพียงพอที่จะทำให้เขามั่นใจร้อยเปอเซ็นต์ พูรินจึงตอบโต้รสจูบของคนตรงหน้าอย่างโหยหา เขาหลับตาลง ตัดทุกคำถามทุกความสงสัยที่มีทั้งหมดทิ้งไป ดื่มด่ำไปกับรสชาติที่เขาแสนคิดถึง

“แฮปปี้เบิร์ด..เดย์ทูยู แฮปปี้เบิร์ด..เดย์ทูยู”

เสียงร้องประสานเสียงและเสียงปรบมือของคนในงานดังขึ้น ไม่นานไฟสลัวรอบงานก็สว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง ในที่สุดเมื่อริมฝีปากร้อนทั้งสองผละออกจากกัน มันก็เป็นตอนนั้นเองที่พูรินได้เห็นคนที่อยู่ตรงหน้าเขาอย่างชัดเจนสักที

พูรินมองอีกคนตาไม่กระพริบ เมื่อแน่ใจว่าภาพตรงหน้าไม่ใช่ความฝัน เขาจึงใช้สองมือคล้องคอคนที่ใช้สองแขนโอบรอบเอวคอดของเขาไว้ กระโดดขึ้นลงอย่างตื่นเต้นไม่หยุด

“พี่แทน!! พี่แทนจริงๆด้วย” พูรินตะโกนออกไปอย่างดีใจเป็นที่สุด

“ก็กูนะสิ ถ้าไม่ใช่กูแล้วมึงคิดว่าเมื่อกี้มึงจูบอยู่กับใคร” แทนคุณว่า พร้อมกับเขกกระโหลกคนบ๊องตรงหน้าไปหนึ่งทีอย่างหมั่นไส้

“แล้วพี่แทนมาได้ไงเนี้ย!!” พูรินที่ยังงงเป็นไก่ตาแตกถามออกไป ก็มันเหลือเชื่อสุดๆไปเลยนี่น่า จู่ๆคนที่เขานึกว่าอยู่ไกลแสนไกล คนที่เขาไม่ได้เห็นหน้ามากว่าสามปี ก็มายืนอยู่ตรงนี้

“ไอ้ต้นเพิ่งไปรับมาเมื่อกี้”

“ไม่ใช่แบบนั้นสิ ผมไม่ได้อยากรู้ว่ามาที่นี่ได้ไง ผมแค่ตกใจว่าพี่กลับมาได้ยังไง ไหนว่าอีกตั้งเดือนกว่าจะได้กลับ แล้วไม่เห็นจะบอกผมเลยสักคำว่าจะกลับมา ถึงว่าวันนี้ผมพยายามโทรหาพี่แทนตลอด ก็ไม่มีใครรับสายเลย เป็นห่วงแทบตาย นึกว่าเป็นอะไรไปแล้วซะอีก ยิ้มอะไรเล่า! นี่ผมจริงจังอยู่นะ”

เมื่อได้โอกาสคนที่เก็บกั้นความกลัวมาทั้งวันก็พูดออกมาไม่หยุด ให้คนที่แสนจะคิดถึงท่าทางเหล่านี้ได้แต่ยืนยิ้ม ไม่ได้สนใจท่าทางหัวร้อนของคนตรงหน้าเลยสักนิด

“ก็มีคนงอแง กูก็เลยพยายามจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย สอบตัวสุดท้ายเสร็จ กูก็รีบบินกลับมาเลยเนี่ย” ว่าไปก็เอามือลูบแก้มอีกคนไป

“...”

“ไหนใครอยากอ้อนกู กูอยู่นี่แล้ว ถ้าอยากงอนก็ทำได้เต็มที่ กูกลับมาง้อแล้วนะ”

“...” พูรินคนพูดเก่งพูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่จ้องหน้าคนที่ยืนกอดกันอยู่ในแสงสลัวตาไม่กระพริบ พี่แทนของเขามาอยู่ตรงนี้แล้ว อยู่ต่อหน้าเขา และมันไม่ใช่ความฝัน

“ดีใจไหมที่กูกลับมา” พูรินพยักหน้าลงหงึกหงักจนหัวแทบหลุด

“ดีใจยิ่งกว่าหมีพูห์ได้กินน้ำผึ้งซะอีก”

“ขนาดนั้นเลย”

“ยิ่งกว่านั้นเยอะเลย! ดีใจเหมือนหัวใจจะระเบิดออกมาเลยพี่แทน” พูรินทำท่ากุมอกให้อีกคนหัวเราะในลำคอ แทนคุณได้แต่ยิ้ม ตาคมจ้องมองท่าทางโอเว่อร์ที่เขาคิดถึง

“กูก็ดีใจ” เขาว่าพร้อมกับเอามือหนาอังแก้มใครอีกคนที่ยิ้มไม่หุบ “กูกลับมาแล้วนะ”

พูรินยิ้มรับ เอียงแก้มเข้าไปซบกับมือพี่แทน เขารู้สึกแน่นจุกที่อก ก่อนที่มันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นความอุ่นซ่านที่แผ่คลุมไปทั่วร่างกายเขา น้ำตาของคนที่ลืมคิดถึงดาวที่ต้องสะสมเอ่อล้นอกมา แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เพราะความเหงา มันไม่ใช่เพราะความโหยหา แต่มันเป็นน้ำตาของความดีใจที่เราได้มาอยู่ข้างกันอีกครั้ง

“ผมไม่ให้พี่แทนไปไหนอีกแล้วนะ” เอื้อนเอ่ยสิ่งที่เขาคิดจริงและตั้งใจจะทำจริงๆออกไป

“ถึงมึงจะไล่ ครั้งนี้กูก็ไม่ยอมไปไหนอีกแล้ว”

“พี่แทน~” พูรินซุกตัวลงในอ้อมกอดของคนตัวหนา แขนเรียวโอบล้อมเอวสอบอย่างแน่นหนา พี่แทนเองก็กอดเขาแน่นพอกัน ที่ตรงนี้มันดีที่สุด ในอ้อมอกแกร่งของคนๆนี้ มันไม่มีอะไรในโลกที่เขาจะยอมแลกได้เลย

“เข้าไปข้างในกันไหม” เมื่อได้ยินเสียงเจ้าของงานวันเกิดดังแว่วมา พร้อมกับเสียงท่วงทำนองเพลงรักมือสองดังขึ้น พูรินก็เอ่ยถามให้พี่แทนพยักหน้ารับ เราสองคนเดินจูงมือกันเข้าไปในงาน พี่แทนเอ่ยทักทายกับคนรู้จักไปตลอดทาง จนในที่สุดเราทั้งสองก็มายืนรวมกลุ่มกันกับกลุ่มพี่ต้น

เสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเพลงจบลง พูรินหันหน้าไปทางเวทีที่ตอนนี้มีทั้งพี่และน้องรหัสของเขานั่งอยู่ พี่แทนกอดเขาแน่นจากด้านหลัง คนตัวโตยกโบกมือทักทายคนบนเวทีที่ส่งยิ้มมาให้

“ขอต้อนรับแขกที่เพิ่งลงเครื่องมาหมาดๆ นี่จะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหม ว่าที่รีบขนาดนี้เพราะจะมาวันเกิดกู” คนเอ่ยแซวหัวเราะดังลั่น เมื่อแทนคุณยื่นนิ้วกลางให้แทนคำตอบ

“ไหนๆ ก็มาแล้ว ให้มันโชว์ฝีมือที่อุตส่าห์ไปร่ำเรียนมาสักหน่อยดีไหม ไหนใครอยากฟังบ้าง” เสียงเฮดังขึ้น พี่แทนเดินขึ้นไปตามเสียงเชียร์ของคนรอบข้าง เจ้าตัวรับกีต้าร์ที่น้องเป้เป็นคนยื่นมาให้ ก่อนจะนั่งลงข้างเจ้าของวันเกิดตัวป่วน พี่แทนยื่นหน้าไปกระซิบกระซาบบอะไรสักอย่างจนพี่ดินยกยิ้มกว้าง

“ไหนผมขอดูมือคนมีความรักหน่อยครับ” บดินทร์หันกลับมาคุยกับคนในงานอีกครั้ง ทุกคนต่างพร้อมใจยกมือขึ้นมากันถ้วนหน้า

“ผมเชื่อว่าเราทุกคนมีความรัก ไม่ว่าจะในรูปแบบเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ลูก หรือว่าคนรัก แต่ทุกคนก็คงเห็นด้วยกับผมใช่ไหมครับ ว่าไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหน มันก็เป็นสิ่งที่เติมเต็มชีวิต เป็นพลังงานที่ทำให้เรามีกำลังจะขับเคลื่อนไปข้างหน้าทั้งนั้น” บดินทร์ร่ายยาว

“คุณแทนคุณครับ” บดินทร์เอี้ยวหน้าไปซบตากับเพื่อนสนิทด้วยท่าทางกวนๆ

”ครับคุณบดินทร์”

“ไหนวันนี้โชว์ให้พวกผมเห็นหน่อยได้ไหมครับ ว่าความรักในแบบของคุณมันเป็นแบบไหน”

เสียงกรี๊ดดังขึ้นอีกครั้ง แทนคุณไม่ได้ตอบอะไร ได้แต่ยิ้มและมองตรงไปที่ใครบางคนอย่างไม่คิดจะปิดบัง พูรินที่โดนจ้องยืนยิ้มหน้าแดง และไม่ว่าจะกี่ครั้งที่หลุบตาหลบ ในทุกครั้งที่เงยหน้าขึ้นมา พี่แทนก็ยังคนจ้องเขาอยู่อย่างนั้นไม่หันไปไหน และยิ่งไปไม่เป็นเมื่อพี่ดินเริ่มเล่นอินโทรของเพลงที่เขาคุ้นที่สุดขึ้นมา 



“L is for the way you look at me

O is for the only one I see

V is very, very extraordinary

E is even more than anyone that you adore can”



พูรินย้อนนึกถึงวันนั้น

ผ่านหน้าจอมือถือ

เขาเห็นพี่แทนหยิบกีต้าร์ขึ้นมาบรรเลง

‘อ่ะ เพลง L-O-V-E’

พูรินจำได้ทันที

เพลงนี้มันเป็นเพลงโปรดที่พ่อเขาชอบร้องอยู่บ่อยๆ 

‘เพลงนี้กูฟังแล้วคิดถึงมึงทุกที มึงชอบไหม’

‘ชอบ..’

พูรินตอบแบบไม่คิด

‘ชอบที่พี่แทนบอกว่าคิดถึง’



“Love is all that I can give to you

Love is more than just a game for two

Two in love can make it

Take my heart and please don't break it

Love was made for me and you”



พี่แทนไม่เหมือนพี่ดินหรือพี่ต้น พี่ทั้งสองคนเป็นคนดังของคณะ และเจ้าตัวก็เปิดเผยกันจนไม่มีใครไม่รู้ว่าคนรักของทั้งคู่คือใคร แต่กับพี่แทนที่ชอบทำหน้าโหด ไม่ค่อยพูดจากับใคร การที่ทุกคนได้มาเห็นเจ้าตัวนั่งร้องเพลงรักสบตากับเขาแบบนี้ มันเป็นภาพที่ตื่นตาจนหลายคนทนไม่ไหวต้องยกโทรศัพท์ในมือขึ้นมาบันทึกภาพไว้ 

เขาเองก็อยากทำแบบนั้น พี่แทนในมาดนี้ ต้องเกิดแล้วตายอีกกี่ครั้งถึงจะได้เห็น แต่จะให้เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงตอนนี้ก็เขินเกินไป แถมความตื่นเต้นที่มี มันทำให้ไม่สามารถบังคับมือไม้ให้ได้ดั่งใจเลยสักนิด

เดี๋ยวค่อยไปขอมาจากพี่นิ้งที่กำลังถ่ายวิดีโออยู่ก็แล้วกัน



“L is for the way you look at me

O is for the only one I see

V is very, very extraordinary

E is even more than anyone that you adore can”





“ดีใจด้วยนะน้องหมี” พี่อินเดินมายืนข้างเขา พูรินหันไปยิ้มทั้งน้ำตาให้กับแฟนพี่ชายคนสนิท

“พี่อิน~ ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”

“อืม พี่แทนของหมีพูห์กลับมาแล้วนะ”

พูรินพยักหน้ารับ ไม่คิดจะห้ามน้ำตาที่มันร่วงหล่น เขาสอดมือเข้าไปรอบแขนเรียวก่อนจะซบลงตรงหัวไหล่ของคนน่ารักข้างตัว เราสองคนโยกเบาๆ ตามเสียงดนตรีไปด้วยกัน พูรินอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ความสุขที่มีมันเยอะจนไม่สามารถจะบรรยายได้เป็นคำพูดใดๆ ได้



“Love is all that I can give to you

Love is more than just a game for two

Two in love can make it

Take my heart and please don't break it

Love was made for me and you”



เสียงดนตรีอะคูสติกเพราะๆ ล่องลอยอยู่ในอากาศ คนที่เพิ่งจะบินกลับมาจากแดนไกลยังคงเหมือนอยู่ในฝัน ในที่สุดเขาก็กลับมาแล้ว ตลอดหลายปีที่หายไป ในที่สุดเขาก็กลับมายืนอยู่ตรงนี้อีกครั้ง กลับมาอยู่ตรงที่ที่คุ้นเคย กลับมาอยู่ในบรรยากาศที่เขาชอบ และที่สำคัญ เขากลับมาอยู่ตรงหน้าคนที่เขาแสนจะคิดถึงที่สุดสักที

“Love was made for me and you”



“ขอบคุณนะครับที่รอกันมาตลอด” 



“Love was made for me and you”



เสียงปรบมือดังกึกก้อง แทนคุณลุกขึ้นกระทบไหล่กับเพื่อนสนิทที่ช่วยกันร้องเพลงจนจบ เขาส่งสัญญาณให้ตั้งต้นที่ยืนอยู่ข้างเวที พอเจ้าตัวเห็นก็เดินไปหยิบช่อดอกไม้ขนาดใหญ่มายื่นให้เขา มันเป็นช่อดอกทานตะวันสีเหลืองสดใส ดอกไม้ทั้งสิบดอกถูกผูกเรียงกันอย่างสวยงาม แล้วห่อด้วยผ้ากระสอบสีน้ำตาลธรรมชาติ แทนคุณเดินลงไปหาใครอีกคนที่อยู่หน้าเวที

“น้องหมีพูห์ครับ พี่รักน้องหมีพูห์นะครับ”

แทนคุณสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะผ่อนลมออกมาเรียกความกล้า เมื่อทำใจได้แล้วเขาก็เอ่ยบอกรักใครบางคนให้เพื่อนๆส่งเสียงโห่ร้องกันลั่นห้อง

“...”

“พี่หาทุ่งทานตะวันมาให้เราไม่ได้ แต่ช่วยรับดอกไม้ช่อนี้ไว้ก่อนได้ไหม”



‘ทำไมถึงต้องทุ่งทานตะวัน’

‘ก็ความหมายมันดีนี่น่า’

‘...’

‘พี่แทนรู้ไหมว่ามันหมายถึงอะไร’

‘...’

‘มันหมายถึงความรักที่มั่นคง ดุจดั่งทานตะวัน ที่ไม่เคยหันมองผู้ใดนอกจากดวงอาทิตย์’



เมื่ออีกคนเอื้อมสองมือมารับช่อดอกไม้ช่อใหญ่ไปไว้ในอ้อมอก คนที่วันนี้รวบรวมความกล้าที่สะสมมาทั้งชีวิตจึงเอ่ยสิ่งที่อยากพูดออกไป

“พี่อยากให้น้องหมีพูห์มาเดินเคียงข้างกัน ทั้งในวันที่ทุกข์หรือสุขที่สุด พี่ก็อยากเดินจับมือกับน้องไปแบบนี้เรื่อยๆ”

พูรินตาโตเป็นไข่ห่าน อ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหู มันเหมือนเดจาวู เขาคิดว่าเขาเคยได้ยินประโยคนี้มาก่อน ก็มันเป็นประโยคที่เขาเป็นคนพูดมันออกมาเองนี่น่า และถ้าจำไม่ผิด ประโยคถัดมามันน่าจะเป็น...

“แต่งงานกับพี่แทนนะครับน้องหมีพูห์”

จู่ๆ พี่แทนก็ทรุดลงนั่งคุกเข่าข้างเดียวหน้าเขา มือหนาหยิบแหวนสีทองเนียนเรียบออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ยื่นส่งมาต่อหน้าเขา ทั้งๆที่คนในงานส่งเสียงกันดังสนั่น บ้างเสียงโห่แซว บ้างเสียงกรี๊ดตื่นเต้นไปกับภาพเหตุการณ์ตรงหน้า แต่ตอนนี้ไม่ว่าจะเสียงไหนพูรินก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย นอกจากเสียงของหัวใจที่มันเต้นแรงจนเหมือนจะหลุดออกมา

“ตกลง ตกลง ตกลง ตกลง” เสียงตะโกนของคนรอบด้านทำให้พูรินได้สติกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวอีกครั้ง เขาหลุบลงไปมองสบตากับคนที่ยังใช้เข่าหนึ่งข้างชันกับพื้นอยู่ ในที่สุดพูรินก็คุกเข่าลงข้างอีกฝ่าย ก่อนจะยื่นมือซ้ายออกไปตรงหน้า

“อืม แต่งงานกันนะพี่แทน..”

เขาเห็นพี่แทนที่นั่งเหงื่อแตกยิ้มกว้างกว่าทุกครั้ง เจ้าตัวผ่อนหายใจหนักๆออกมาก่อนที่จะยื่นมือมาสวมแหวนให้เขา พูรินอดใจไม่ไหว กระโดดตัวเข้าไปกอดรัดจนพี่แทนแทบจะหงายหลัง

“สัญญาแล้วนะพี่แทน”

“อืม มึงเป็นของกูคนเดียวแล้วนะ”

“พี่แทนก็เป็นของผมคนเดียวเหมือนกัน!”

“กูเป็นของมึงคนเดียวมาตั้งนานแล้วต่างหาก” อดยกนิ้วหยิกแก้มคนที่ทำหน้ามึนยิ้มแป้นไม่ได้

“ไปแต่งกันที่ดิสนี่ย์เวิร์ลเนอะพี่แทน” แทนคุณพยักหน้ารับ ถ้ามันเป็นความฝันของน้อง อะไรที่เขาทำได้เขาก็อยากจะทำให้มันทั้งหมด

“แล้วก็ให้ผมใส่ชุดหมีพูห์ แล้วพี่แทนก็ใส่ชุดพิกเก็ตแล้วกันเนอะ”

“ไม่เอา!”

แต่อะไรที่เขาทำไม่ได้ เขาก็จะไม่ทำหรอกนะ!

“ทำไมเล่าพี่แทน~ น่ารักจะตาย”

พูรินยังคงต่อรอง พี่แทนลุกขึ้นเดินไปนั่งที่โต๊ะว่างตัวหนึ่ง คนในร้านเลิกสนใจเขาทั้งสองคนแล้ว ทุกคนต่างหันกลับไปมองน้องเป้ที่ขึ้นไปบนเวทีอีกครั้ง

“งั้นเอาชุดมิกกี้กับมินนี่ก็ได้”

“ไม่เอา!”

“บัซกับเจสซี่?”

“...” พี่แทนไม่ปฏิเสธ เขาว่าเจ้าตัวเริ่มจะใจอ่อนให้เขาแล้ว

“โอเค งั้นบัซกับเจสซี่นะ!” เมื่อพี่แทนไม่ว่าอะไร พูรินก็เลยสรุปเองอะไรเอง นั่งเกาะแขนซบแก้มลงบนไหล่ของคนที่เพิ่งขอเขาแต่งงานไปหมาดๆ จ้องมองแหวนสีทองที่มาตอนนี้มาอยู่ในนิ้วนางข้างซ้ายของเขาแล้ว

ที่จริงมันก็ไม่สำคัญหรอกว่าเราสองคนจะแต่งงานกันที่ไหน หรือใส่ชุดอะไร



“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ยังติ๊งต๊องเหมือนเดิม”

“ทำเป็นมาว่า รู้หรอกว่าชอบน้องจะตาย”



เพราะว่าไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน และไม่ว่าจะเมื่อไหร่



“ไม่ได้ชอบเหอะ”

“...”

“ก็บอกไปตั้งกี่ทีว่ารักที่สุด ความจำเสื่อมหรือไง”

“พี่แทนอ่ะ~ ทำซึ้งอีกแล้ว”



พี่แทนก็คือเจ้าชายคนดี คนเดียวของเขาเสมอ..



-END-



#หมีแทนที่รัก

ในที่สุดก็มาถึงตอนจบกันอีกแล้วค่ะ (ฮือ) ตอนจบของหมีพูห์มันก็ต้องเว่อร์เบอร์นี้ หุหุ แบบคู่นี้ไม่มี NCก่อนแต่งแน่นวล เจ้าหญิงสุดไรสุด 555

แล้วคืองงมาก แต่งไปแต่งมาเหมือนกำลังนั่งแต่ง #รักมือสองอินดิน พอคิดได้ก็เลยตัดเอาส่วนนั้นไปเป็นตอนพิเศษของรักมืองสองแทน 5555 ยังไงเดี๋ยวเขียนเสร็จอล้วจะเอาไปลงนะคะ อย่างลืมแวะไปอ่านด้วยน้า พี่ดินคนนี้พระเอกเบอร์หนึ่งของช่องจริงๆ ลำเอียงสุดอะไรสุด มาทุกเรื่องจริงๆคนนี้ 

ท้ายสุด! อุตส่าห์เสียเวลาอ่านกันมาถึงตอนจบ เราก็ขอเวลาเพิ่มอีกแค่สองนาทีแสดงความเห็นกับเรื่องนี้ให้หน่อยน้า ชอบไม่ชอบติชมมาได้เหมือนเดิม จะพยายามปรับปรุงและพัฒนาในเรื่องต่อๆไปนะคะ หรือจะรีวิวให้กันในทวิตเตอร์ก็จะยิ่งร้องหนักกว่าเดิมไปอีก ทุกคอมเม้นเป็นกำลังให้เราเดินต่อได้จริงๆค่ะ :)

และขอขอบคุณ ขอบคุณ ขอบคุณ ทุกคนจริงๆนะคะ ที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ( บางคนตามมาจากแฟนเดือนเดียว บางคนมาจากรักมือสอง ก็หวังเพียงว่าจะไม่ได้ทำให้คุณผิดหวังนะคะ ) ยังไงเราขอฝาก ตอนพิเศษของเรื่องแฟนเดือนเดียว อีกสองตอนก็จะจบแบบสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ ใครรัก #ต้นคนรักไม่เป็น ก็อย่าลืมไปรอตอนจบกันน้า

ส่วนเรื่องใหม่ที่เพิ่งเปิดไปไม่กล้าฝาก เพราะกลัวเขียนไม่จบ อิอิ เอาเป็นว่ายังไงรอดูในทวิตเตอร์น้า ใครเล่นทวิตเตอร์ทักทายกันได้ตลอดเลยจ้า @maywrite1

ท้ายที่สุดของที่สุด ตอนพิเศษเรื่องนี้ยังไม่ได้คิดเลยค่ะ ยิ่งnc ยิ่งไม่รู้เลย เอาเป็นว่าได้สักร้อยเม้นจะรีบมาปั่นให้นะคะ  (อ้างสุดๆ ฮา)

รักสุดอะไรสุดจริงๆๆๆ

แล้วเจอกันใหม่ค่ะ






หัวข้อ: Re: (END) หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดสุดท้าย:. คุณสะกดคำว่ารักอย่างไร? คุณไม่สะกดมัน คุณรู้
เริ่มหัวข้อโดย: Seilong2 ที่ 23-11-2019 22:21:43
 o13 o13 o13

ขอบคุณสำหรับนิยายน่ารักๆ ค่ะ
หัวข้อ: Re: (END) หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดสุดท้าย:. คุณสะกดคำว่ารักอย่างไร? คุณไม่สะกดมัน คุณรู้
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 23-11-2019 22:31:37
หมีรอแทนอย่างนานเลย เก่งมากจริงๆ
หัวข้อ: Re: (END) หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดสุดท้าย:. คุณสะกดคำว่ารักอย่างไร? คุณไม่สะกดมัน คุณรู้
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 23-11-2019 22:54:35
 :pig4:
 :กอด1:
หัวข้อ: Re: (END) หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดสุดท้าย:. คุณสะกดคำว่ารักอย่างไร? คุณไม่สะกดมัน คุณรู้
เริ่มหัวข้อโดย: pmimp ที่ 02-12-2019 17:44:08
น่ารักจะเป็นลม :impress2:
หัวข้อ: Re: (END) หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดสุดท้าย:. คุณสะกดคำว่ารักอย่างไร? คุณไม่สะกดมัน คุณรู้
เริ่มหัวข้อโดย: sailom_orn ที่ 02-12-2019 21:28:43
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: (END) หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดสุดท้าย:. คุณสะกดคำว่ารักอย่างไร? คุณไม่สะกดมัน คุณรู้
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 07-12-2019 15:50:17
หมีพู น่ารักมากกลูก
หัวข้อ: Re: (END) หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดสุดท้าย:. คุณสะกดคำว่ารักอย่างไร? คุณไม่สะกดมัน คุณรู้
เริ่มหัวข้อโดย: miikii ที่ 14-12-2019 23:14:51
กลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: (END) หมูพีที่รัก / My Honey .:น้ำผึ้งหยดสุดท้าย:. คุณสะกดคำว่ารักอย่างไร? คุณไม่สะกดมัน คุณรู้
เริ่มหัวข้อโดย: nOn†ღ ที่ 16-04-2020 21:00:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: แจ้งข่าว (Pre order) หนังสือทำมือน้องหมีกับพี่แทนค่ะ ตอนพิเศษเยอะมากๆๆๆ
เริ่มหัวข้อโดย: Maywrite ที่ 22-05-2020 18:10:06

ในที่สุดก็คลอดออกมาแล้ว ฮือ ตื่นเต้นมากจริงๆ ค่ะ หนังสือเล่มแรกในชีวิตที่ลองผิดลองถูกทำกันเอง ได้ความช่วยเหลือจากน้องสาวสุดที่รักเยอะมาก ทั้งจัดเล่ม ทั้งวาดรูปที่คั่นหนังสือให้ ทั้งทำของแถมให้อีก เราก็คืออยากได้นั่นได้นี่แต่ทำอะไรไม่เป็นเลย ฮือ

ยังไงขอฝากไว้ด้วยนะคะ ทำน้อยมากเพราะกลัวจะขายไม่หมด แต่ใครที่รักน้องกับพี่แทนคืออยากให้มีเก็บไว้จริงๆ ค่ะ

ขอบคุณที่สนับสนุนกันมาตลอดนะคะ

 
(รูปภาพลงไม่เป็นเลยค่ะ รบกวนกดฟอร์มเข้าไปดูนะคะ)
 

รายละเอียดหนังสือ

ก่อนอื่นขอออกตัวว่าเพราะมันเป็นหนังสือทำมือ และทำกันครั้งแรกกับน้องสาว ตอนพิเศษก็เยอะและยาวมากจนทำให้ค่าใช้จ่ายมันแพงกว่าที่คิด บวกกับที่พิมพ์น้อยด้วย ราคามันถึงค่อนข้างสูง แต่ถ้าเทียบกับจำนวนหน้าแล้วคิดว่าคุ้มนะคะ (><)

*หนังสือขนาด A5

*จำนวน 445 หน้า

*เนื้อหาในเล่มมีทั้งหมด 23 ตอน

ลงในเวบ 15 ตอน + ตอนพิเศษ 2ตอน

ตอนพิเศษเฉพาะในเล่ม 6 ตอน

 

 

ราคา
หนังสือหนึ่งเล่ม ราคา 310 บาท

ค่าจัดส่งเล่มแรก 50 บาท เล่มต่อไปเพิ่ม 10 บาท

ในทุกเล่มจะได้ที่คั่นหนังสือ โปสการ์ด และพวงกุญแจน้องหมีเป็นของแถมค่ะ

 

สั่งซื้อที่นี่ค่ะ

Google Form

https://docs.google.com/forms/d/1_YT2M6nJPOy0RXd4jgPsHGLi9zmUSRdyd2W7GUIN7gw/edit (https://docs.google.com/forms/d/1_YT2M6nJPOy0RXd4jgPsHGLi9zmUSRdyd2W7GUIN7gw/edit)





 
ตอนพิเศษในเล่ม หกตอน

.:More Honey #3:.

A hug is always the right size

อ้อมกอดมันพอเหมาะพอเจาะเสมอ

ในที่สุด ก็ถึงเวลาหมีงุ่นง่านจะได้ลิ้มรสน้ำผึ้งแล้วค่ะ กรี๊ด หลังจากจำศีลมานานแสนนาน หมีแทนก็จะไม่ต้องรออีกต่อไป และในตอนนี้ยังได้ย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่ทำให้พี่แทนตกหลุมรักน้องหมีด้วยค่ะ

 

 

.:More Honey #4:.

A little consideration, a little thought for others, makes all the difference

เพียงใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ เพียงรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา แค่นี้มันก็ทำให้ทุกสิ่งแตกต่าง

อะฮือ เป็นตอนที่อยากทวงลูกคืนจากแทนคุณมากค่ะ ขี้หึงอีกแล้ว ขี้หึงไม่รู้เรื่อง ขี้หึงไม่ยอมฟัง ขึ้หึงจนอยากจับรีดความหึงออกจากตัวให้หมด แล้วน้องก็ยังน่ารักยอมตามไปง้ออีก แต่พอกำลังจะไปรับกลับบ้านก็มีเหตุการณ์ที่ทำให้น้องหมีคนดีปรี๊ดแตกจนได้ คราวนี้แหละพี่แทนที่ว่าโมโหเก่ง หงอเป็นหมีเหงาแน่นอนจ้า

 

 

.:More Honey #5:.

Love is taking a few steps backward maybe even more… to give way to the happiness of the person you love.

ความรักคือการยอมเดินถอยมาหนึ่งก้าวหรือมากกว่านั้นถ้านั่นจะทำให้คนที่เรารักมีความสุข

พี่แทนตามง้อน้อง ปรับความเข้าใจกัน ค่อยๆ ปรับตัวเข้าหากันได้ในที่สุด แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้พี่แทนปรับตัวยกใหญ่ หัดรู้จักเข้าใจน้องมากขึ้น ทำตัวน่ารักมากขึ้น ต้าวหมีก็เหมือนเดิม น่ารักตลอดเวลาให้แม่หลงไปวันๆ (><)

 

 

.:More Honey #6:.

Rivers know this: there is no hurry. We shall get there some day.

แม่น้ำรู้ว่า มันไม่จำเป็นต้องรีบร้อน แน่นอนว่าวันนึงเราจะไปถึงฝั่ง

แม่กุ้ง~ งานวันเกิดแม่กุ้ง คนที่ทั้งหมีพูห์และแทนรักเป็นที่สุด เป็นอีกครั้งที่ทั้งสองครอบครัวได้มีโอกาสมาเจอกัน เป็นตอนที่ความรักฟุ้งกระจาย ยิ้มๆ กับความสุขเล็กๆ ภายในครอบครัวของน้องค่ะ

 

 

.:More Honey #7:.

We can’ t all, and some of us don’ t. That’ s all there is to it.

มันก็แค่พวกเราทุกคนไม่เหมือนกัน และบางคนก็ไม่ได้ที่อยากจะเหมือน

ย้อนไปดูชีวิตของพี่แทนตอนที่ไปเรียนต่อที่แอลเอ ในแต่ละวันเป็นอย่างไร คิดถึงน้องหรือเปล่า มีนอกใจกันบ้างไหม เราว่าอ่านตอนนี้ความดีของพี่แทนพอจะลบล้างความผิดที่ใจร้ายกับน้องได้แน่เลยค่ะ

 

 

.:More Honey #8:.

Forever isn't long at all, when I'm with you.

ตลอดกาลมันไม่นานเลยนะ เมื่อฉันอยู่กับคุณ

พี่แทนและชาวแก๊งค์พาน้องหมีไปงานรับปริญญาที่อเมริกา ต่อด้วยงานแต่งงานสุดเซอร์ไพรส์ที่จะทำให้น้องหมียิ้มไม่หุบ ตามไปดูกันว่าความสุขตลอดกาลในรูปแบบของน้องหมีกับพี่แทนจะเป็นยังไงคะ