❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน19 - P.3 up 06/06/63
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน19 - P.3 up 06/06/63  (อ่าน 13266 ครั้ง)

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 06-06-2020 09:59:05 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
"ใช่ข้ารักเขา" ข้าอยากมอบเรือนร่างนี้ของข้าให้เขา ให้เขามีความสุข แม้ว่าวันหนึ่งข้าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน ข้าอยากทำให้ทุกอย่างในวันนี้เป็นความทรงจำที่ข้าและเขาไม่มีวันลืม

     ข้าเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนปล่อยร่างของข้า ลอยลงมาจากผาสูงชัน สายลมวูบพัดผ่าน ข้าจึงได้ยิ้มออกมา มันคงเป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่ข้าจะยิ้มให้กับโลกใบนี้ หิมะขาวส่งประกายกลิ่นเหมยหอมอบอวล ลมพัดกิ่งไม้สั่นไหว ข้ามองดูและจะจดจำมันไว้ในใจ รอบตัวข้าล้วนมีแต่สิ่งที่ดีและคู่ควร มีเพียงแต่ข้าเท่านั้นที่มันคือส่วนเกิน ข้าหลับตาปล่อยให้ร่างร่วงหล่นลงไปโดยไม่อาวรณ์อะไรอีกแล้ว พลันสติข้าก็ดับวูบลง...


สารบัญ
ตอน1* ตอน2* ตอน3* ตอน4* ตอน5* ตอน6* ตอน7* ตอน8* ตอน9* ตอน10* ตอน11* ตอน12* ตอน13* ตอน14* ตอน15*
 
เรื่องย่อๆ

     บัณฑิตหนุ่มนามว่า หลี่เสี้ยวเซียน ชีวิตเขาไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบกลับเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่เขาก็ยังยืนหยัดอดทนฝ่าฟันปัญหาต่างๆ มาอย่างภาคภูมิใจ มิเคยให้ใครต้องมาดูแคลน จนคราถึงคราวที่ดวงชะตาต้องพลิกผันกลับกลายจากชนชั้นสามัญถูกตราหน้าว่าเป็น"โสเภณี" ความเข้าใจผิด ความโกรธ การถูกรังเกียจ ทำให้เขาต้องนำพาชีวิตตนก้าวเดินออกมา โดยมิได้นึกโกรธหรือกล่าวโทษผู้ใด มันเป็นเพราะโชคชะตาอันอาภัพของตน ทำให้เขาได้ฝึกฝนและยืนหยัดต่อไป

"เมื่อฐานะยากจนหรือจะหวังเทียบชั้นคนร่ำรวย เรามันต่างชั้นกันมากเกินไป"

***
ตัวละครสถานที่ในนิยายล้วนเป็นสิ่งสมมุติ เนื้อหาในนิยายเป็นแนว BL (Boy Love's) Yaoi นะขอรับ 

สำนวนไม่สละสลวยข้าน้อยต้องขออภัย ความหมายจีนผิดเพี้ยนไปขอโทษด้วยน้า

ผู้เขียนไม่ได้มีความรู้ภาษาจีนเลย เพียงแต่ชอบบรรยากาศจีนแนวโบราณจึงได้บังอาจเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา

ถ้าหากว่าขัดใจบางท่านไป กราบอภัยด้วยนะขอรับ

นิยายที่จบแล้ว ^^
**บันทึก[ลับ]รัก

- - - :n1: - - -
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2019 18:32:42 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตอนที่ 1.โสเภณีเช่นข้าฯ จำต้องเลือกระหว่างศักดิ์ศรีและชีวิตมารดา

     ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องราวของข้าจะจบลงอย่างไร ความเจ็บปวดในครั้งนี้คงจะฝังใจข้าไปจนไม่มีทางลืมได้แน่นอน ความเจ็บปวดนี้ช่างสาหัสนัก จากที่ข้าเคยทะนงตนลำบากตรากตรำแค่ไหนก็มิเคยปริปากบ่นทนได้เสมอ ทว่าศักดิ์ศรีที่ข้าเฝ้ารักษาไว้กลับหมดสิ้นไปนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้น

“ท่านหมอ อาการท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง?” ข้าหันไปถามซินแสกู้เมื่อมองใบหน้าของเขาข้าก็รู้สึกสั่นไหวจนใจหล่นวูบ “นางคือมารดาเจ้าอย่างนั้นหรือ?” หมอกู้มองมายังข้าแล้วถามออกมา

“ขอรับนางคือมารดาของข้า” แม้แววตาของท่านหมอจะมองมาที่ข้ากับท่านแม่ที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาแปลกๆ แต่หญิงนางนั้นก็คือมารดาของข้าด้วยความสัจจริง “ท่านแม่ของข้าอาการเป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านหมอ” ข้าเห็นท่านแม่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงใจก็รู้สึกกระวนกระวายนัก ท่านหมอมิได้เอ่ยกล่าวคำพูดใดๆ นอกจากโคลงศีรษะเบาๆ



“เจ้าทำใจเสียเถอะ” ข้าได้ฟังประโยคของท่านหมอที่เอ่ยออกมาทำให้ใจของข้าหล่นวูบ แทบยืนทรงกายต่อไปไม่ไหว “ไม่มีทางรักษาแม่ข้าได้เลยหรือขอรับท่านหมอ” ข้าส่งสายตาวิงวอนกับท่านหมออีกครั้ง หมอกู้ส่งสายตามาที่ข้าแว่บหนึ่งก่อนกล่าวขึ้น “มันก็พอจะมีทางอยู่ นอกเสียจากจะได้โสมพันปีมาช่วยพยุงอาการของนางไว้ แต่มัน..อาจจะช่วยได้เพียงชั่วคราวเพียงเท่านั้น”

     เมื่อได้ฟังดังนั้นมันเหมือนมีน้ำเย็นลงมาชโลมใจข้า ท่านแม่มีโอกาสรอดแล้วแม้จะเพียงแค่ช่วยพยุงอาการมันก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย “แล้วโสมพันปีข้าจะไปหามันได้จากที่ไหนหรือขอรับ?” ลำบากแค่ไหนข้ามิเคยปริปากบ่นยิ่งเพื่อท่านแม่ด้วยแล้วนางคือผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่แม้บุกน้ำลุยไฟข้าก็ไม่เกี่ยง “เจ้าจะหาโสมพันปีมารักษานางจริงๆ นะหรือ?” ท่านหมอกล่าวพร้อมกับมองมาที่ข้า “ขอรับ ขอท่านหมอเชิญบอกแม้ข้าต้องบุกน้ำลุยไฟก็ไม่เกี่ยงของเพียงช่วยท่านแม่ของข้าได้ก็พอ”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องบุกน้ำลุยไฟหรอกเพียงแค่เจ้ามีเงินห้าร้อยตำลึงทองก็สามารถนำโสมพันปีมารักษานางได้ไม่ยาก” ข้าฟังท่านหมอกล่าวจบก็พลันทรุดกายลงกับพื้นทันที ห้าร้อยตำลึงทอง นี่สวรรค์กำลังกลั่นแกล้งข้าอยู่ใช่ไหม? บัณฑิตจนจนอย่างข้าจะมีปัญญาหานำเงินห้าร้อยตำลึงทองมาจากที่ใดกัน “ห่ะ-ห้าร้อยตำลึงทอง” ข้าบ่นกับตัวเองถึงเงินจำนวนนี้ ข้าจะหาเงินนี่ได้จากที่ใดกัน

     เมื่อมองไปที่ท่านแม่ข้าที่นอนอยู่บนเตียง ยังมีหมอกู้ที่ดูอาการนางอยู่ไม่ห่าง “ไม่มีทางอื่นที่จะรักษาแม่ข้าแล้วหรือขอรับท่านหมอ” ท่านหมอกู้ส่ายศีรษะ “ถ้าไม่มีโสมพันปี แม่เจ้าคงอยู่ได้ไม่เกินสามวัน” ข้าได้ฟังดังนั้นก็พลันเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก ทำไมกันสวรรค์ถึงกลั่นแกล้งคนตกทุกข์เช่นข้า ให้พบกับโชคชะตาที่แสนโหดร้าย “ตกลง ข้าจะรีบนำเงินห้าร้อยตำลึงทองมาให้ท่าน” ท่านหมอกู้หันมาเหมือนไม่เชื่อคำพูดของข้าที่กล่าวออกไป “นี่เจ้าจะหาเงินห้าร้อยตำลึงทองมาจริงๆ นะหรือ?”

“ใช่ขอรับ” ข้าสบสายตามองไปที่ใบหน้าของท่านหมออย่างหนักแน่น “เจ้าไม่ต้องนำเงินห้าร้อยตำลึงทองมาให้ข้าหรอก เพียงแค่เจ้านำเงินนั้นไปให้เถ้าแก่จางที่ร้านแลกเงินแล้วบอกกับเขาว่าเจ้าต้องการโสมพันปี เขาจะเป็นคนจัดการเอามาให้เจ้าเอง”

     ฟังจากท่านหมอกู้พูดมา ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนักถ้าข้าเป็นคนมีฐานะหรือคหบดีเศรษฐีใหญ่ แต่ข้าเป็นเพียงบัณฑิตจนจนคนหนึ่งเพียงเท่านั้น หลี่เสี้ยวเซียนเอ๋ยหลี่เสี้ยวเซียน เจ้าจะหาเงินจำนวนนี้มาจากที่ใดกัน

     หลังจากข้าส่งท่านหมอกลับไปแล้ว ข้าเดินครุ่นคิดอย่างเชื่องช้าเดินวนซ้ำไปซ้ำมาภายในบ้านหลังเล็กๆ ที่มีเพียงแค่ข้ากับท่านแม่อยู่อาศัย “พี่ห้าวฉาย” เมื่อเห็นภาพวาดชิ้นหนึ่งของเขาก็พลันทำให้ข้านึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้ในทันที นัยน์ตาใสกระจ่าง บุรุษร่างสูงใหญ่ ที่ทำให้ข้ารู้สึกหวั่นไหว คนผู้นี้น่าจะมีเงินห้าร้อยตำลึงทองมาให้ข้าอย่างแน่นอน ตระกูลถังที่มั่งคั่งร่ำรวย ถังห้าวฉายผู้นี้คือผู้ที่จะทำให้ท่านแม่ข้าสามารถอยู่กับข้าได้นานขึ้น

     ข้าไม่รีรอจัดการเขียนจดหมาย นำไปให้บ่าวไพร่ของตระกูลถัง นำส่งไปยังมือของพี่ห้าวฉายในทันที ความหยิ่งทะนงของข้าที่เคยมี บัดนี้มันช่วยเหลืออะไรข้าไม่ได้เลย ช่างเถอะ ในเมื่อตัดสินใจแล้วข้าจะมามัวเสียใจอีกทำไมกัน



     ไม่นานนัก เสียงรถม้าก็วิ่งมาถึงหน้าบ้านของข้า” เสี้ยวเซียน เจ้ามีอะไรหรือเปล่า? ทำไมกันจึงส่งจดหมายหาข้าให้ออกมาในเวลานี้” ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาที่มองมายิ่งทำให้ข้ารู้สึกอุ่นใจ “พี่ห้าวฉาย วันนี้ท่านพาข้าไปที่บ้านพักท่านที่ริมเขาจะได้ไหม?”

“ได้สิ เจ้าอยากไปที่ใด ข้าพร้อมจะพาเจ้าไปเสมอ ขอเพียงให้เจ้าบอกข้ามา...แต่ทำไมกันปรกติข้าชวนเจ้าสนทนาก็ไว้ตัว แสดงทีท่าไม่สนใจ เหตุใดเวลานี้เจ้าเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้” พี่ห้าวฉายสอบถามข้าระหว่างที่พาข้าขึ้นบนรถม้า ทว่าข้าเองนั้นมิรู้ว่าควรจะตอบเขาไปเช่นไรดี

“อาหนิวไปได้”

“ขอรับคุณชาย”

“เสี้ยวเซียน เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า? ดูสีหน้าไม่ดีไม่สบายใช่ไหม?” ท่านยังคงช่างสังเกต

“เปล่า ข้าไม่ได้เป็นอะไร อาจจะเป็นเพราะว่าอากาศหนาว”

“อากาศหนาวอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นเอาเสื้อคลุมของข้าห่มไว้” เพียงครู่เขาก็ปลดเสื้อคลุมผืนหนายื่นส่งมาให้ข้าในทันที “แล้วท่านล่ะ?”

“หึ ข้าไม่เป็นไรหรอก ข้าคือผู้ฝึกยุทธ ไม่ใช่บัณทิตผอมบางเช่นเจ้า อากาศหนาวเช่นนี้ข้าไม่เป็นอะไรหรอก”



     พี่ห้าวฉายยังคงเป็นเช่นเดิม ฐานะของท่านกับข้าเทียบกันดั่งฟ้ากับเหว เหตุใดกันท่านจึงมาสนใจไยดีบัณฑิตตกยากเช่นข้ากันนะ ความเงียบงันตราบจนรถม้าวิ่งไปบนถนน เขายังคงไม่กล้าที่จะกล่าววาจาใดๆ คงเป็นเพราะเกรงใจข้า ดังเช่นที่เคยเป็นมาสินะ



     ที่เชิงเขาในคืนนี้หิมะปลิวโปรย ท่ามกลางอากาศเหน็บหนาวผู้คนทั่วไปตลอดเส้นทาง ต่างซ่อนตัวอยู่ในบ้านเรือนกันหมดสิ้น ด้านนอกไหนเลยจะมีคนสัญจรไปมา มันสงบเงียบไร้สุ้มเสียง ข้าเปิดหน้าต่างของรถม้ามองออกไปจนปะทะลมหนาวพัดมาให้รู้สึกเยือกเย็นเสียดกระดูก ประกายหิมะบนพื้นสว่างไสวยิ่งพลันทำให้ภายในใจยิ่งหนาวเหน็บ ที่แม้แต่เสื้อคลุมตัวหนาก็มิอาจช่วยบรรเทาลงได้

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
2.คนเลวเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ

     ข้าเดินอย่างเชื่องช้า เข้าไปในบ้านของพี่ห้าวฉาย แม้จะเป็นบ้านพักหลังไม่ใหญ่โตนักสำหรับตระกูลถังที่มั่งคั่ง แต่สำหรับข้าแล้วมันคือบ้านที่ใหญ่พอสมควร แม้บ้านหลังนี้จะไม่มีคนอาศัยอยู่ แต่ภายในกลับถูกตกแต่งสวยงามสะอาดสะอ้าน ภายในบ้านเงียบงันบรรยากาศเยือกเย็น ข้าเหลือบเห็นนัยน์ตาใสกระจ่าง ของบุรุษร่างสูงใหญ่ รอยยิ้มที่แสนจริงใจของเขาที่หันมองมา พลันทำให้ใจของข้าปวดหนึบ มือทั้งสองก็ประกบกันพลันบีบรัดอย่างสั่นไหวจนข้าแทบจะลืมสิ้นตัวตน

“อาหนิว เจ้าไปต้มน้ำร้อนยกสุรากับอาหารไปให้ข้าในห้องด้วย”

     เสียงพี่ห้าวฉายสั่งบ่าวรับใช้คนสนิทแว่วดังมาจากด้านนอก แต่ตัวข้ากลับเดินลึกเข้ามาถึงด้านในตัวบ้านหลังใหญ่ นี้สินะคือห้องนอนของพี่ห้าวฉาย มันดูช่างเหมาะสมกับฐานะคุณชายใหญ่แห่งสกุลถังอย่างเขาเสียจริง คนเช่นข้าฐานะไม่ต่างจากยาจกอย่าได้คิดไปเทียบชั้น ชาตินี้อย่าได้หวังหรือฝันไปเลยหลี่เสี้ยวเซียนเอ๋ย

“สุรากับอาหารพร้อมแล้วขอรับคุณชาย”

“อืม เจ้าจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวข้าเรียกเจ้าเอง”

“ขอรับ”

     อาหนิงยกสุราอาหารเลิศรสชั้นดีมาวางไว้ ข้าเหลือบมองดู อาหารเหล่านี้สำหรับข้าดูมันช่างห่างไกลกับคนเช่นข้าเสียเหลือเกิน ยิ่งกล่าวถึงบุรุษเจ้าของบ้านหลังนี้แล้วยิ่งไม่คู่ควรอย่างยิ่ง

“เสี้ยวเซียนเจ้าหิวหรือยัง กินอะไรก่อนสิ” ข้าน้อมกายขอบคุณ พี่ห้าวฉายยังคงใส่ใจข้าดังเช่นที่เคยเป็นมา แต่คนเช่นข้าไหนเลยคู่ควรกับการกระทำนี้ ความคิดและจิตใต้สำนึกมันสั่งงานข้าออกมาแบบนั้น

“มาๆ เจ้านั่งลงกินอะไรรองท้องก่อน”

“ขอบคุณท่านมาก”

     เมื่อข้านึกถึงภาพของท่านแม่ที่นอนอยู่บนเตียงก็ยิ่งให้กระวนกระวายใจ จึงพลันยืนเผชิญหน้ากับเขา บัดนี้ความละอายแลศักดิ์ศรีที่เคยมี ข้าได้กลืนกินและกลบฝังมันจนหมดสิ้นไป

“เสี้ยวเซียน เจ้ามีอะไรอย่างนั้นหรือ?”

“ข้ามีสิ่งหนึ่งต้องการจะขายให้กับท่าน”

“เจ้าจะขายอะไรหรือ?” ข้านิ่งงันอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวออกมา

“เรือนร่างของข้ายังไงล่ะ”

     บัดนี้ความละอายทั้งหมดที่มีมันไม่หลงเหลือให้ข้าต้องคิดให้มากความแล้ว ทว่าประโยคเมื่อครู่ของข้าพลันทำให้บุรุษตรงหน้า ที่กำลังมีรอยยิ้มของเขาแห้งหายไปในทันที

“เสี้ยวเซียน! เจ้าว่าอะไรนะ” เขาอุทานออกมา แต่ว่าบัดนี้หูทั้งสองของข้ามันอื้ออึงด้านชาไปเสียแล้ว “เจ้าพูดอะไรนะ พูดเล่นใช่ไหม?”

“ข้าไม่ได้พูดเล่น หากแต่เป็นความต้องการของข้าเอง”

     ข้าข่มกลั้นสะกดอารมณ์ เพื่อส่งต่อไปให้ใบหน้าของข้าดูเยือกเย็นสุขุมหยิ่งทะนงดังเช่นที่เคยเป็น มิให้อาการหวั่นหวาดปรากฏออกมาเด็ดขาด แววตาสีดำขลับจ้องมองมา คิ้วดกหนาย่นยู่เข้าหากัน สายตาของเขาที่ฉายออกมาข้ารับรู้ได้ว่าเขาคงผิดหวัง

“ห้าร้อย...ตำลึงทอง ถ่ะ-ถ้าพี่ห้าว ...อ่ะ-เอ่อคุณชายถังต้องการ” เขายังคงตะลึงกับคำพูดของข้าอยู่การแสดงออกทางสีหน้าเขาบ่งบอกได้ คงกำลังโกรธข้าเป็นแน่ เพราะทางสีหน้าของพี่ห้าวฉายแสดงออกมาชัดเจน จนเขาต้องเบือนหน้ามองไปทางอื่น

“หลี่เสี้ยวเซียน!”

     ข้าได้ยินคำพูดที่เน้นเสียงหนักแน่นของเขาอย่างชัดเจน จนดึงสติที่หลุดลอยของข้ากลับเข้าตัวมาอีกครั้ง ข้ายังคงยืนนิ่งหยิ่งทะนงหนักแน่นเพื่อยืนยัน

“ข้าต้องการขายเรือนร่างนี้จริงๆ ห่ะ-หากคุณชายถังไม่ ต่ะ..ต้องการ ข้าจะไปหาคุณชายเว่ย” ข้าไม่รีรออะไรให้มากความอีกต่อไป หากเขามิได้สนใจ ข้าก็พร้อมจะก้าวเท้าออกมาจากบ้านหลังนี้ในทันที

“ช้าก่อน”

“ที่..เจ้าพูดเมื่อครู่ มันคือเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?”

     เขาจ้องมองมาด้วยตาที่แดงก่ำ ข้าสบตาจนทำให้ปวดในอกอย่างบอกไม่ถูก จนข้ามิอาจตอบกลับเป็นคำพูดได้ นอกจากพยักหน้า บัดนี้ข้าทำได้เพียงยืนนิ่งขบริมฝีปากของตนจนลืมความเจ็บ กล้ำกลืนน้ำตาของตนเอาไว้มิให้มันไหลออกมาในเวลานี้

“เจ้าบอกข้าซิ ว่าที่เจ้าพูดเมื่อครู่.....” เขายังคงไม่เชื่อในคำพูดของข้าสินะ

“ใช่ มันคือเรื่องจริง” ข้ารีบตอบไปในทันที “ถ้าคุณชายถังไม่ต่ะ-ต้องการ...ข้าขอตัวกลับก่อน”

     ข้ามิอาจทนอยู่ดูใบหน้าที่ผิดหวังของเขาได้อีกต่อไป มันทรมานใจข้าเหลือเกิน เกินกว่าจะรับได้ ทว่าข้ายังมิทันก้าวเท้าออกมาถึงสามเก้า เขาก็พุ่งปราดมากระชากตัวข้าเหวี่ยงจนข้าถลาไปบนเตียง

“ย่ะ-อย่า” ข้าเขยิบกายถอยหนีเขาอย่างลืมตัว

“ข้าเสียใจ...เสียใจนัก...เสียใจจริงๆ” ดวงตาที่เกรี้ยวกราดฉายแววปรากฏ จ้องมองมาตอนนี้ข้าเหมือนกับถูกเปลวไฟแผดเผาจนเหมือนจะหลอมละลาย

“ข้าหลงคิดเสมอ...ว่าเจ้าเป็นคนหยิ่งทะนงซึ่งศักดิ์ศรี คิดเสมอว่าเจ้าเป็นคนดีที่น่าทะนุถนอม ..ผิดไป ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ”

“ฮึก...” ข้าได้แต่ตัวสั่นเทามิอาจโต้ตอบเขากลับไปได้

“ที่แท้ที่ผ่านมา เจ้าก็ไม่ต่างจากนางโลมหอคณิกา ที่เสนอขายเรือนร่างอย่างหน้าไม่อาย ...เจ้าทำให้ข้าเกลียด...เกลียดเจ้านัก...ข้าเกลียดเจ้าเหลือเกินได้ยินไหม! หลี่เสี้ยวเซียน!! ”

     ประสาทรับรู้ของข้ามันแทบจะไร้ความรู้สึก ตัวที่แข็งทื่อมือข้าชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อที่ซึมไหลออกมา ข้าได้แต่พร่ำบอกกับตัวเองว่า ที่เขาด่ามานั้นถูกต้องแล้ว ข้าจะมามัวเสียใจอยู่ทำไม เราก็ไม่ต่างจากนางโลมหอคณิกาดังเขาว่าจริงๆ อย่าได้แสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็นเป็นอันขาด

[......รักเขา...ใช่...ข้ารักเขา]

     ข้าอยากมอบเรือนร่างนี้ของข้าให้เขา ให้เขามีความสุข แม้ว่าวันหนึ่งข้าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน ข้าอยากทำให้ทุกอย่างในวันนี้เป็นความทรงจำที่ข้าและเขาไม่มีวันลืม

“เจ้า! ” เขายืดกายตั้งตรงแล้วมองมา นัยน์ตาบ่งบอกได้ถึงความเจ็บปวด

“ไอ้...โสเภณีแผนสูง!!”

“ฮึก...ฮึก” คำด่าประโยคนี้มันช่างทำให้ใจของข้าปวดหนึบ

“หึ เล่นตัวหลอกล่อข้าเสียตั้งนาน หลอกจนข้าไว้ใจเชื่อใจ แล้วปั่นหัวข้า...คนหน้าเงินใจสกปรกอย่างเจ้า ข้า..ข้าผิดเองโง่เองที่ยินยอมให้เจ้ามาเหยียบย่ำหัวใจเหมือนข้าเป็นคนบ้าอยู่ผู้เดียว..”

“อึก..ฮึก..ห่ะ-ห้าร้อยตำลึงทอง..มิเช่นนั้น...ข่-ข้า..จะออกไปเดี๋ยวนี้” เขาจ้องเขม็งมองมา

“หึ ห้าร้อยตำลึงทอง ไม่แพง ไม่แพงเลยสักนิด”

“ฮึก...อึก ใช่..ไม่แพง”

“สำหรับข้าถังห้าวฉาย...หยิบจ่ายเงินแค่ห้าร้อยตำลึงทอง สำหรับเชยชมเรือนร่างของบัณฑิตหนุ่มที่งดงามและยังไม่เคยแปดเปื้อนมือชายใดเช่นเจ้า...ไม่แพงเลยสักนิด” เขาถลันกายเข้ามาหาข้าอย่างช้าๆ เหมือนกับเสือร้ายกำลังไล่ต้อนลูกแกะให้จนมุม

“เจ้าเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หลี่เสี้ยวเซียน...ทำไม ทำไมเจ้าถึงได้ใช้ความรักและไว้ใจมาปั่นหัวข้า” ข้าได้เพียงแต่กดกลั้นความปวดหนึบในใจ ข่มเอาไว้แล้วเชิดหน้าตอบเขาไปโดยไม่แยแสไยดี สายตาที่จ้องมองมายังตัวข้า

“ฮึก...เงินทอง...ความสุขสบายยังไงล่ะ..สิ่งที่ข้าต้องการ เพียงห้าร้อยตำลึงทอง สำหรับคุณชายใหญ่แห่งสกุลถัง คงไม่มีปัญหาหรอกใช่ไหม?”

ผลัวะ!!

     ไม่เจ็บ... ข้าไม่เจ็บเลยสักนิด มืออันใหญ่หนาของเขา ฟาดกระทบบนใบหน้าของข้า ข้าไม่รู้สึกเจ็บเลย รสเค็มหวานจางๆ ในโพรงปากบอกได้ว่าเลือดสดๆ ได้ไหลออกมา ข้าได้แต่ข่มกลืนมันลงลำคอไป

“โอ๊ะ!! ”

     เขากระชากตัวข้าลุกขึ้นมา ใช้ริมฝีปากบดขยี้อย่างรุนแรงมือเขากระชากแหวกเสื้อของข้าเผยให้เห็นแผงอก...ข้าได้แต่พร่ำบอกกับตัวเอง [อย่าได้หลั่งน้ำตาออกมานะหลี่เสี้ยวเซียน!] เขากระทำกับเรือนร่างของข้าไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย

“โอ๊ย! ”

     เขากดปลายจมูกมาสัมผัสริมฝีปากเขากระชับกัดดูดดุนตรงเนินอก ข้าพยายามขัดขืนหนีการกระทำของเขาอย่างลืมตัว ทว่าข้ายังช้ากว่าเขา จึงโดนกระชากร่างกลับมาอีกครั้ง เขาสอดลำแขนโอบรัดร่างข้าไว้แนบแน่น จนข้าสัมผัสได้ถึงไออุ่น อย่างไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขากระทำรุนแรงไม่มีความปรานี ถังห้าวฉายในเวลานี้ไม่ใช่ถังห้าวฉายที่ข้าเคยรู้จัก เขาเหมือนคนบ้าหื่นกระหายที่คงตักตวงความสุขสมจากเรือนร่างของข้า ให้คุ้มกับเงินห้าร้อยตำลึงทอง ความเถื่อนดิบที่เขากระทำ เน้นย้ำลงมาบนตัวข้า แทรกผ่านเข้ามา ล้วนทำให้ข้าปวดร้าวหัวใจ เจ็บเหลือเกิน ข้าปวดใจเหลือเกินท่านรู้หรือเปล่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2019 20:06:43 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
บอกว่าแม่ป่วยจะเอาเงินไปรักษาแม่พูดไม่เป็นหรา ทำไมไม่บอกแบบนี้จะให้เข้าใจผิดทำไม แล้วอิตานั่นก็ไม่ถามอะไรทั้งสิ้นตัดสินว่าเค้าเป็นโสเภนีแผนสูงเลย นี่รักกันจริงป่าวนิ :serius2: รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
คือทำไมไม่บอกไปตรง ๆ เลยล่ะ ไหน ๆ คุณชายก็มีใจให้ พูดกันดี ๆ ดีไม่ดีอาจได้มาฟรี ๆ ก็ได้
หรือไม่คุณชายถังอาจยอมรับเงื่อนไขถ้าเราเสนอว่าก็กู้ยืมเงินมาช่วยแม่
ทำไมเป็นถึงบัณฑิตแต่กลับสิ้นคิดแบบนี้

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ทำไมน้องเจียมตัวอย่างนี้ บอกไปสิว่าขอยืมเงินอ่ะ :katai1:

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
3.ชีวิตข้าหมดสิ้นแล้ว

     ข้าสลบไปนานเท่าใดกัน ความดิบเถื่อนที่เขาตักตวงจากเรือนร่างของข้าผ่านพ้นไปแล้วสินะ ข้ามองดูสภาพร่างกายของตัวเองในเวลานี้ ช่างไม่เหลือเค้าลางของบัณฑิตที่ทะนงตนอยู่แม้แต่น้อย เสื้อผ้าของข้าถูกปลดเปลื้องเหวี่ยงออกไปคนละทาง ตัวข้าที่เปลือยเปล่า พี่ห้าวฉายเขาก็นอนลืมตาอยู่ข้างตัวข้า เห็นข้าตื่นจึงมองมาเพียงครู่เขาก็เบือนหน้าไปทางอื่น



     ท่านเป็นแบบนี้ข้ารู้สึกไม่คุ้นเลย พลันน้ำตาก็ไหลฉาบใบหน้าข้าทันที ข้าไม่ได้เสียใจกับเรือนร่างที่มอบให้เขา แต่ข้าเจ็บปวดใจที่ข้ากับเขาเกิดมาอยู่คนละชนชั้นกัน  เขาหลบซ่อนนัยน์ตาสีแดงก่ำไม่ให้ข้าเห็น ช่างเถอะมันผ่านไปแล้ว ข้าจะมาครุ่นคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นี้ทำไมกัน ชาตินี้ก็ได้แค่ฝันไปเท่านั้นเจ้าอย่าได้คิดฝันไปเลยหลี่เสี้ยวเซียน... เขายังไม่หยุดใช้วาจาเสียดสีทิ่มแทง



 “หึ ตื่นแล้วสินะ ลูกค้ารายแรกอาจจะทำให้เจ้าลำบากสักหน่อย...ไม่นาน...ไม่นานหรอกคนต่อไปเดี๋ยวเจ้าก็จะชิน...ชินกับอาชีพนี้ไปเอง” ฟังเขากล่าววาจาเสียดแทง ข้าได้แต่นิ่งข่มกลั้นเอาไว้ “ฮึก...ฮึก”



 “ข้าช่างโงงมนัก...จนลืมนึกไปเสียสนิทชนชั้นต่ำเช่นเจ้าจะมีความคิดสูงส่งได้อย่างไร ถ้ามิใช่หวั่งคบกับข้าเพื่อหวังปูทางให้ตัวเองด้วยวิธีชั้นต่ำที่เจ้าเรียนรู้มา...เป็นโสเภณีที่แผนสูงเสียจริงหึ!” ประโยคที่เสียดสีข้านี้ มันช่างทำให้ใจข้าปวดร้าวนัก เกินกว่าจะอดทนได้จึงคิดงื้อมือกำหมัดหมายสั่งสอนคนปากร้ายผู้นี้สักครั้ง แต่เขาคือผู้ฝึกยุทธเขาได้ใช้มือเขารับหมัดของข้าได้ง่ายดาย

“หยุด!...เจ้าหยุดนำมือสกปรกนี้มาเตะต้องตัวข้า..หึ...”เขายิ้มเยาะจ้องมองมาที่ข้า “เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างสำหรับลูกค้ารายแรก....ถึงใจเจ้าดีหรือไม่?”  เขาช่างสรรหาวาจาเชือดเฉือนใจข้านัก ประโยคต่างๆที่ได้ยินเหมือนกับตัวข้าโดนมีดนับพันสับหั่นร่างออกมาเป็นพันชิ้น มันช่างเจ็บปวดใจ

“เป็นยังไงบ้างละ? สมใจเจ้าหรือยัง?”

“ฮึก...ยัง!” ข้ารวบรวมความกล้าก่อนตอบไปเพื่อความสะใจของตนเองเพียงเท่านั้น แต่เขากลับถลันผลุดกายขึ้นมาค่อมตัวข้าไว้ในทันที “โอ๊ะ!”  มือใหญ่หนาของเขาขยับกดบีบที่ปลายคางของข้าเน้นหนักขึ้นเรื่อยๆ



“เจ้ามันโสโครก คนชั้นต่ำที่จมอยู่กับสิ่งสกปรก...ข้าเสียใจ ฮึก..เสียใจจริงๆ” ข้าฝืนทนกับคำพูดของคนผู้นี้ไม่ได้อีกต่อไป มันทิ่มแทงให้หัวใจของข้าทรมานเหลือเกิน จึงใช้กำลังที่มีผลักร่างของเขาออกไปอย่างสุดแรง

“..ฮึก... ข้าหวังว่าคุณชายถัง...จะไม่ลืมเงิน..ห่ะ-ห้าร้อยตำลึงทองของข้า”

“หึ...ไร้ยางอาย ได้สิข้าจะให้คนขน เอาไปให้เจ้าที่บ้าน”

“ไม่ต้อง! ท่านให้คนส่งเงินไปที่ร้านแลกเงินของเถ้าแก่จาง...แล้ว...แล้วบอกว่ามันคือเงินของข้า..ก็พอ”



     ข้าห่อร่างของตนด้วยผ้าห่มบนเตียงเพื่อหยิบเอาเสื้อผ้าของข้ามาสวมใส่ แต่เขายังคงจ้องมองมาที่ข้าด้วยแววตาที่เคียดแค้น เมื่อข้าสวมใส่อาภรปิดบังเรือนร่างเรียบร้อยก็ รีบนำร่างอันบอบช้ำเพื่อเตรียมออกจากบ้านหลังนี้

“ข้าขอตัว ขอบคุณ คุณชายถังมาก” ข้าน้อมตัวก่อนกล่าวคำลา มันอาจจะเป็นคำกล่าวครั้งสุดท้ายในชีวิตของข้าที่จะได้เจอหน้าเขา

“หยุดก่อน”

“คุณชายมีอะไรจะสั่งข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”

     ข้าก้มหน้าตอบด้วยเสียงอันแหบพร่าของข้ากล่าวไปไม่ได้ดังมากนัก แล้วเหลือบมองใบหน้าของเขาอีกครั้ง ทว่าอยากมองให้นานเท่าที่จะนานได้ แต่ความละอายในใจก็พลันบังเกิด ข้าจึงได้รีบก้มหน้ามิกล้าสบตา ข้ามันไม่คู่ควร ไม่คู่ควรกับท่านจริงๆ

“เจ้านั่งรถม้ากลับไปกับข้า”

“ข้าคงไม่กล้ารบกวน...คุณชายถัง”

“หึ จะรบกวนอะไรกันเล่า..ก็ข้าตักตวงความสุขบนเรือนร่างเจ้าจนมีสภาพแบบนี้ ถ้าข้ายังใจดำปล่อยให้เจ้าเดินเท้าฝ่าหิมะออกไป ก็ดูจะใจดำเกินไป ไหนๆข้าก็ได้สิ่งที่ควรได้ตักตวงมาจนคุ้มค่าแล้ว เรื่องแค่นี้ข้ายังพอจะทำให้เจ้าได้” คำพูดแต่ละประโยคของเขายังคงเชือดเฉือนข้าไม่หยุด ข้านั้นอยากจะตายเพื่อจบชีวิตอันไร้เกียรตินี้เสียแต่ตอนนี้ ข้าพร่ำบอกกับตัวเองข้ายังจะตายไม่ได้ ท่านแม่ ท่านแม่ยังรอคอยข้ากลับไปอยู่ “ฮึก...ฮึก”

“ไปได้แล้ว!” เขากระชากมือข้าดึงตามเขามาสุดแรง

“อาหนิวไปเอารถม้ามา”

“ขอรับคุณชาย” อาหนิวบ่าวรับใช้มองข้ากับพี่ห้าวฉายด้วยความงุนงง เขาคงไม่รู้เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น เมื่อฟังผู้เป็นนายสั่งมาด้วยน้ำเสียงเน้นหนักจึงรีบวิ่งออกไปในทันที

     ด้านนอกอากาศเย็นจัดทว่าภายในใจข้ากลับหนาวยิ่งกว่ามากนัก ข้ามองดูท้องฟ้ามันช่างน่ารันทดเสียจริงความเงียบงันวังเวงของวันนี้ เพียงครู่เดียวพอเดินไปด้านนอกก็มีรถม้าของ อาหนิวจอดรออยู่

     รถม้ายังคงวิ่งไปเรื่อยๆ ทว่าภายในรถม้ากลับมีแต่ความเงียบมิได้มีเสียงพูดคุยกันเหมือนดังเช่นตอนมา จนข้าเหลือบไปเห็นมือพี่ห้าวฉายกุมพัดเหล็กหนักแน่นเน้นหนักขบบิดไปมาเหมือนชิงชัง ใช่สินะเขากำลังเคียดแค้นข้าอยู่นี่นา

“คุณชายถัง” ข้าตัดสินใจทลายความเงียบนี้ลง เพื่อจะคุยกับเขาอีกครั้ง

“มีอะไร?” น้ำเสียงของพี่ห้าวฉายดูเย็นชา ไร้ซึ่งรอยยิ้ม นัยน์ตาไม่สดใสเลยสักนิด

“พัดในมือท่านนั้น ข่ะ-ข้าขอได้หรือไม่?”

“หึ ...อยากได้นักใช่ไหม เอาไป! เจ้าเอาไปเลย เอาไปให้หมด..เจ้าอยากจะได้อะไรในตัวข้าอีกมั้ย จะได้เอามันไปเสียแต่วันนี้เลย!!”

“ฮึก...”เขาโยนพัดเหล็กนั้นมาให้ข้า โดยเบือนหน้าไม่หันมองมาเลยสักนิด เมื่อรถม้าแล่นผ่านร้านแลกเงินของเถ้าแก่จางข้าจึงได้ตัดสินใจขอลง “ข้าขอลงตรงนี้”

“..ไร้ยางอาย...เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกเรื่องเงิน.....ข้าจะรีบบอกให้คนนำเงินมาให้เจ้าเดี๋ยวนี้”

“ขอบคุณคุณชายถัง” ข้าน้อมกายในมือยังคงกำพัดเหล็กลวดลายสวยแปลกตานี้ไว้ พู่ที่ห้อยด้วยหยกขาวชิ้นเล็กนี้ดูงดงามนัก ข้าเฝ้ามองมันอย่างไม่เบื่อหน่าย จนบ่าวรับใช้ของสกุลถังนำเงินมาให้ข้าที่ร้านแลกเงินเถ้าแก่จาง

..

“ท่านหมอ ท่านหมอขอรับ ข้าได้โสมพันปีมาแล้ว”

     ข้ารีบร้อนไปหาซินแซกู้ในทันที ดูเหมือนหมอกู้จะแปลกใจมาก ว่าข้าใช้วิธีใดกัน ถึงได้นำโสมพันปีที่มีราคาแพงนี้มาได้ ท่านหมอใช้เวลารักษาแม่ข้าไม่นานก็กลับไป ข้าเฝ้าดูแลอาการของนางจนล่วงเลยมาห้าวันเต็ม  จนท่านแม่ของข้าก็ได้สติคืนมา

“เสี้ยวเซียน! แค่ก แค่ก”

“ท่านแม่...ท่านฟื้นแล้ว” ข้าเพ่งมองใบหน้าที่อิดโรยของท่านแม่อย่างเป็นห่วง เกาะกุมมือของนางมาแนบกับแก้มข้าอย่างแผ่วเบา ฝืนยิ้มให้มีรอยยิ้มสดใสเพื่อคลายความเบาใจของท่าน

“ท่านแม่ ท่านจะต้องหายดีอย่างแน่นอน”

“แค่ก แค่ก อย่ามาปลอบแม่เลย แม่รู้ตัวเองดีว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน”

“ท่านแม่อย่าพูดเช่นนั้น”

“แค่ก แค่ก แต่ก่อนแม่จะตายอยากจะบอกความจริงกับเจ้าอย่างนึง”

“ความจริงอะไรหรือขอรับ?” ข้างุนงงนัก ท่านแม่กับข้าไม่เคยมีความลับต่อกันแล้วมีความจริงใดที่ข้ายังไม่รู้

“แค่ก แค่ก แค่ก ถ้าเจ้ารู้ความจริงเจ้าอาจจะโกรธเกลียดแม่ก็ได้” เสียงแหบพร่าของนางกล่าวออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

“ไม่หรอก ลูกไม่มีทางจะโกรธหรือเกลียดท่านแม่เด็ดขาด ท่านแม่ต้องหายดีท่านแม่ต้องเชื่อข้านะ” ข้าพยายามข่มกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ท่านแม่เห็น รอยยิ้มของข้าต้องยิ้มอย่างสดใสเพื่อเป็นกำลังให้นางอยู่กับข้าต่อไป

“โธ่เอ๋ย เด็กดี ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ ลูกแม่เจ้าช่วยหยิบกล่องใบนั้นมาให้แม่หน่อยได้ไหม” กล่องไม้สีดำลวดลายเก่ามันมีฝุ่นจับหนาดูไร้ราคายิ่งนัก ข้าจึงหยิบนำมันไปเช็ดก่อนนำส่งให้กับนาง

“นี่ขอรับ”

“อืม....”

     ท่านแม่หยิบเอาของในกล่องนั้นออกมา มันเป็นมีดสั้นลวดลายดูสวยงามสะดุดตาเสียจริง ข้านึกไม่ถึงเลยว่าท่านแม่จะเก็บมีดที่ดูมีค่าเล่มนี้ไว้ในบ้าน แม่ข้ามองมีดสั้นเล่มนี้ก็พลันมีน้ำตาไหลรินออกมาทำให้ข้าแปลกใจ

“เสี้ยวเซียน มีดสั้น...ล่ะ-เล่มนี้คือสมบัติแม่ของเจ้า”

“ของแม่ข้า? แม่ของข้าก็คือท่านยังไงล่ะ” ในใจข้ารู้สึกสับสนเมื่อได้ยินดังนั้น “ข้านั้นไม่ใช่แม่ที่ให้กำเหนิดเจ้ามาหรอกนะ แค่ก แค่ก...เจ้าของมีดเล่มนี้ต่างหากล่ะคือแม่เจ้า...” ข้าฟังคำพูดของนางกล่าวออกมายิ่งทำให้ข้ามึนงง อะไรกัน นี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่ “เจ้าจะโกรธข้าไหม?”

“ไม่เลยขอรับ ลูกไม่เคยคิดโกรธท่าน...อึก อึก..” ท่านแม่พยายามยกมือของนางขึ้นลูบหัวข้า ข้าจึงนำใบหน้าลงซบ ยกมือนางมาเกาะกุมเอาไว้

“ล่ะ-แล้วแม่ข้าคือใครกัน?” ในใจของข้าขณะนี้มีแต่ความสับสน ในหัวก็พลันมึนงงกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง

“เมื่อ18ปีก่อน ข้าเป็นแม่นมให้กับเจ้า แล้วเสียลูกชายไปจึงได้ลัก พ่ะ-พาตัวเจ้าออกมา....อึกก...อึก...”

“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย ท่านรีบทานยาก่อนเถอะ” ทำไมกันท่านแม่ข้าได้โสมพันปีมารักษาเหตุใดอาการท่านจึงไม่ดีขึ้น “ท่านแม่รอข้าก่อนนะ ข้าจะไปหาหมอกู้”

“เสี้ยวเซียน!....ป่ะ-ปานแดงรูป..ผ่ะ-ผีเสื้อที่...ล่ะ-ไหล่ซ้ายเจ้า” ท่านแม่ยังคงจะพูดกับข้าต่อ แต่ข้าเห็นอาการของนางดูยิ่งแย่เกินกว่าจะทำใจฟังต่อได้

“ท่านแม่...ท่านรอกอ่นนะ...ท่ะ-ท่านต้องไม่เป็นอะไร ข้าจะตามท่านหมอมา อึก..อึก...ข้าจะรีบไปรีบกลับท่านรอข้าก่อนนะ”

     เวลานี้ข้าไม่มีเวลาฟังคำกล่าวอะไรทั้งนั้น ใจของข้ากระวนกระวายอย่างยิ่ง เพราะนางคือโลกทั้งใบของข้าในเวลานี้ หากโลกนี้ไม่มีนาง ข้าก็ไม่อยากจะมีอยู่ชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไป ข้าเป็นลูกของนางก็ดีไม่ใช่ก็ช่าง เวลานี้ชีวิตของนางสำคัญที่สุดสำหรับข้า

     ข้ารอท่านหมอกู้ไม่นานข้ากับเขาก็รีบกลับมา ทว่ากลับสายไปเสียแล้ว “ท่านแม่ ฮือฮือ....ทำไม อึก...อึก ทำไมท่านไม่รอข้าก่อน...อึก อึก แล้วข้าจะอยู่ต่อไปยังไงกันถ้าไม่มีท่านแล้ว...ฮือฮือ”

“เจ้าทำใจเสียเถอะ” ท่านหมอกู้ปลอบข้า ตอนนี้หัวใจข้าเหมือนถูกเกาทัณฑ์นับพันยิงทะลุผ่านหัวใจเหมือนร่างจะแหลกสลาย ข้าไม่หลงเหลือใครอีกแล้วทำไม สวรรค์ท่านช่างโหดร้ายนัก อึก อึก

   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2019 20:10:27 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เข้มแข็งไว้เสี้ยวเซียน ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปเรื่องที่ผ่านมาแล้วปล่อยไป :กอด1:

ออฟไลน์ Funnycoco

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
มีของต่างหน้าแบบนี้คงสืบหาแม่ที่แท้จริงได้ไม่ยากหรอก

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ก็บอกไปสิว่าต้องการเงินไปรักษาแม่

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
4. ข้าคือเจ้าของหอคณิกา

     ท่านแม่จากข้าไปในตอนนี้ชีวิตข้าไม่หลงเหลือสิ่งใดให้ยึดถืออีกแล้ว คนที่ข้ารักมากที่สุดได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ  ส่วนคนที่ข้ารักอีกคน ก็มองข้าเป็นคนไร้เกียรติ หมดค่า สิ้นศักดิ์ศรี ข้าทำพิธีศพนำร่างของท่านแม่มาฝังให้ท่านแบบลวกๆ  เท่าที่กำลังของข้าจะพอทำได้

 

     หลังจากจัดการฝังศพท่านแม่แล้ว ชีวิตของข้าก็ไม่รู้จะดำเนินต่อไปเช่นไร ข้าก้าวเดินไปเรื่อย อย่างไร้จุดหมาย เปลือกตาข้าหนักอึ้งพยายามมองไปรอบๆตัวก็พบเพียงความว่างเปล่าอันเงียบเหงา บรรยากาศที่เย็นเยือกน่าสะพรึงกลัวนี้ ในใจข้ากลับไม่หลงเหลือความหวาดกลัวใดๆ เพราะเหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง หัวใจข้าบีบแน่นเจ็บปวด โลกที่กว้างใหญ่ใบนี้แต่กลับไม่มีที่ใดให้คนชั้นต่ำอย่างข้านึกอยากอยู่และสู้ต่อไปเลย

 

‘หลี่เสี้ยวเซียน ชีวิตอันไร้ราคาของเจ้าอยู่ต่อไปมันจะมีอะไรดีขึ้นมา ไร้ซึ่งเกียรติหมดซึ่งศักดิ์ศรี โลกใบนี้ไม่มีที่แห่งไหนต้อนรับคนเช่นเจ้าหรอก’ จิตใต้สำนึกข้าบอกเช่นนั้น

 

     ลมหนาวพัดปะทะกายข้าสุดหนาวเหน็บแต่ในใจข้ากลับเย็นสะท้านหลายพันเท่าราวน้ำแข็งเกาะกินอวัยวะภายใน

 

‘นี่เราคงเดินมาสุดทางแล้วสินะ ชีวิตของข้า ฮึก...ฮึก’...ข้าหยิบพัดเหล็กของเขาออกมาดูอีกครา แล้วนำมันเก็บเกาะกุมไว้แนบในอก

‘ข้าเหนื่อย ท้อเหลือเกิน มันเจ็บระบมไปหมดแล้ว..อ่ะ-อึก….ลาก่อน’

..

     ข้าเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนปล่อยร่างของข้า ลอยลงมาจากผาสูงชัน สายลมวูบพัดผ่าน ข้าจึงได้ยิ้มออกมา มันคงเป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่ข้าจะยิ้มให้กับโลกใบนี้ หิมะขาวส่งประกายกลิ่นเหมยหอมอบอวล ลมพัดกิ่งไม้สั่นไหว ข้ามองดูและจะจดจำมันไว้ในใจ รอบตัวข้าล้วนมีแต่สิ่งที่ดีและคู่ควร มีเพียงแต่ข้าเท่านั้นที่มันคือส่วนเกิน ข้าหลับตาปล่อยให้ร่างร่วงหล่นลงไปโดยไม่อาวรณ์อะไรอีกแล้ว พลันสติข้าก็ดับวูบลง...

..



 

5 ปีต่อมา

     ข้ามองไปเบื้องหน้าจากริมผาสูงจุดเดิม “ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสินะ” ข้าบ่นกับตัวเองมันอาจจะใช่ 5ปีก่อนข้าเคยฆ่าตัวตายตรงจุดนี้ ตอนนั้นหิมะขาวทั้งหนาวเย็นแต่ตอนนี้เปลี่ยนไป ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีเหมือนมีชีวิตใหม่ ที่พร้อมจะสู้และฝันฝ่าต่อไป นี่สินะที่เขาว่า ‘ทุกอย่างล้วนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ’ ชีวิตข้าในตอนนี้ไม่ได้เหมือนในอดีตอีกแล้ว ข้านึกถึงภารกิจของตน จึงได้หันไปกล่าวกับคนติดตาม

“เรื่องที่ข้าสั่งพวกเจ้าทำเรียบร้อยดีหรือไม่?”

“ขอรับท่านเจ้าเรือน”

“อืม เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ”

“ขอรับ”

     ก่อนก้าวขึ้นรถม้าที่จอดอยู่ข้ากลับรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย ก็ได้แต่พร่ำบอกกับตัวเอง ชีวิตข้าในตอนนี้ มิใช่หลี่เสี้ยวเซียนบัณฑิตยาจกคนเดิม ตอนนี้ข้าคือเจ้าของเหลาสุราและหอคณิกาเรือนน้ำค้างหยก จนรถม้าแล่นมาถึงหน้าหอคณิกา

 

“หยุนหนิง ทางนี้”  ข้าหันกายไปตามเสียงเรียก ข้าในบัดนี้ไร้ความตื่นกลัว ไม่หลงเหลือเค้าลางความอ่อนแอดังเช่นอดีต

“ทำไมเจ้ายังสวมหมวกปิดบังใบหน้าอยู่อีกล่ะ มันช่างเกะกะเสียจริง มานี่ถอดมันมาให้ข้า”

“ไม่ต้อง!”  ข้าปัดมือเซี่ยโป๋ซี ที่กำลังจะมาถอดหมวกข้าออกแล้วกล่าวขึ้นถาม“การค้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“อืม ก็ดีนะ ถ้ามีชายงามอันดับหนึ่งที่มากความสามารถเช่นเจ้ามา อืมข้าว่า..น่าจะดีกว่านี้แน่นอน! แฮะๆ”  โป๋ซียิ้มส่งมา ข้ามองดูรอบๆมีผู้คนอยู่มากมายจริงๆ ภาพเก่าความทรงจำเดิมเริ่มฉายชัดขึ้นในความคิดข้า

“เราไปหาที่เงียบๆคุยกันก่อนเถอะ”

“เช่นนั้นเจ้าตามข้ามา “ โป๋ซีกล่าวพร้อมกับเดินนำไป ข้าจึงหันไปสั่งคนติดตาม “พวกเจ้าสองคนไปที่พักของเจ้าเถอะ ถ้ามีอะไรข้าจะให้คนไปเรียก”

“ขอรับ”

     ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเมืองเฉิงตูในตอนนี้แม้มิได้เปลี่ยนแปลงไปแต่บรรยากาศเดิมๆที่ข้าคุ้นเคยกลับเปลี่ยนไปมากจริงๆ เมื่อพูดคุยธุระกับโป๋ซีเรียบร้อย ข้านึกถึงท่านแม่จึงได้คิดไปเยี่ยมเยียนเซ่นไหว้ พลันหยิบหมวกงอบใบเดิมอำพรางใบหน้าเดินออกไปเงียบๆไร้ผู้ติดตาม

..

“ท่านแม่ สุสานนี้ที่ลูกสั่งให้คนมาทำให้ท่าน ชอบหรือไม่ ฮะ-ฮึก...ข่ะ-ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้มีโอกาสตอบแทนคุณ เลี้ยงดูท่านให้สุขสบาย...” ข้ากล่าวกับนางด้วยความรู้สึกผิด หากท่านแม่อยู่ข้าคงจะมีความสุขมากกว่านี้ ข้าใช้เวลาอยู่กับท่านแม่พักใหญ่ก่อนเดินจากมา

 

     ข้ามิได้ต้องการกลับมายังเมืองนี้เลย หากมิใช่เพราะเป็นคำสั่งที่ขัดไม่ได้ ข้าเดินไปเรื่อยๆจนหยุดที่บ้านหลังเล็กที่เก่าทรุดโทรมเพื่อซึมซับภาพความหลัง จึงนั่งพิงต้นไม้ใหญ่มองดูใบไม้ที่ปลิดปลิวลอยละลิ่วพัดไปตามแต่สายลมจะชักนำ ถังห้าวฉาย...ความสัมพันธ์ของข้ากับท่านคงไม่มีวันกลับคืนมา ดุจเช่นใบไม้นี้สินะ

[ข้ามาที่นี่เพื่อทำภารกิจ เหตุใดมาคิดเรื่องไร้สาระพรรค์นี้]

     สายฝนเริ่มโปรยปรายพอทำให้ข้าได้สติ จึงได้เดินออกมาผ่านแนวเขาจนถึงทางเดินหลัก ทว่าจู่ๆก็พลันได้ยินเสียงอาวุธกระทบกันดังแว่วมา ‘เสียงคนต่อสู้กัน’ ข้ามิได้อยากสนใจจึงคิดเดินต่อไป

ฟิ้ว!

     กระแสลมบ่งบอกได้ว่ามีวัตถุพุ่งตัดอากาศผ่านใบหน้าข้าไปเพียงนิด ‘ใครกันช่างเหี้ยมโหดนัก’

     ข้าจึงลอบดูมองไปเห็นร่างบุรุษในชุดคลุมสีขาว กำลังรับมือกับยอดฝีมือสี่คน บุรุษผู้นี้ในมือกุมกระบี่ยาวสามเชี๊ยะ ตวัดกวัดแกว่งไปมา ยิ่งมองยิ่งคุ้นตานัก “พ่ะ-พี่ห้าวฉาย” ใช่เขาจริงๆ ข้าเห็นเขาใช้กระบี่เป็นครั้งแรก

     ข้ายืนดูเพลงกระบี่ที่ถูกใช้ออกไปอย่างรวดเร็วทั้งยังสอดแทรกเพลงฝ่ามือทั้งประสานกับเพลงเตะ ท่วงท่างดงามเสียจริง เม็ดฝนที่โปรยลงมาร่างของคนทั้งห้าคล้ายถูกละอองน้ำปกคลุมคุ้มกาย ยามเท้าเหยียบย่ำลงบนพื้นเหมือนบุปผาเบ่งบานรับไว้ใต้เท้า

“ถังห้าวฉาย วันตายของเจ้ามาถึงแล้ว” หนึ่งในจำนวนนั้นกล่าวขึ้น ... “เจ้าสี่คนคิดว่ามีฝีมือก็เข้ามา”

     พวกเขาวิวาทกันด้วยเรื่องใด? ชาวยุทธหากจะเข่นฆ่ากันก็ล้วนเป็นเรื่องบาดหมางในยุทธภพ อาจเป็นเรื่องบ่มเพาะความแค้นกันมาแต่ครั้งเก่า ข้าจึงได้ลอบดูต่อไป

     การสู้กันของพวกเขาทั้งห้า ล้วนหักล้างกระบวนท่ากันสูสี ยากจะคาดเดาผลล่วงหน้าได้ ฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนถึงสี่คนซ้ำยังจัดเป็นยอดฝีมือ รุมล้อมถังห้าวฉายเพียงผู้เดียว ทว่าคนทั้งสี่ถอยร่นตั้งรับจู่โจมล้วนสอดประสานกันดียิ่ง ข้าสังเกตดูเพลงกระบี่ของพี่ห้าวฉายที่ใช้เป็นหลักหมุนวนหนุนเสริมป้องกัน ช่างดึงดูดน่าชม คนกลุ่มนั้นก็พลันผลัดกันตั้งรับคนด้านหลังกลับจู่โจมตามจังหวะสอดประสาน

เช้ง!

     ข้าสังเกตว่าหนึ่งในสี่คนมิได้มีใจคิดจู่โจมต่อสู้ กลับก้าวเท้าเชื่องช้ารอจังหวะ ข้ารีบนำผ้ามาปิดโพกใบหน้าทันที ทว่าที่ข้าคิดไว้ไม่ผิด!

“ระวัง!!” ข้ากล่าวพร้อมกับพุ่งกายออกไปในทันที

***
ขอโทษผู้อ่านด้วยนะครับ ไรท์ติดภาระกิจ
เลยไม่มีเวลามาอัพนิยาย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2019 20:12:37 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
โดดหน้าผาแต่ทำไมถึงไม่ตายใครมาช่วยไว้? หรืออะไรยังไง :m28:

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
5.โสเภณีเช่นข้าฯ อันธพาลเจ้าถิ่น

     ข้าขว้างหมวกงอบพร้อมกับพุ่งทะยานออกไป เมื่อเห็นว่าพวกมันคนหนึ่งคิดใช้อาวุธลับลอบทำร้าย หมวกงอบข้าสามารถตัดขวางอาวุธซัดนั้นไปทำให้พี่ห้าวฉายหลบอาวุธซัดนั้นได้อย่างเฉียดฉิว

“เจ้าคือใคร?” มันถามข้าทุกอย่างจึงหยุดลง เมื่อทุกสายตามองมาข้ายังคงนิ่งสงบ

“พวกของมันต้องอยู่แถวนี้แน่ ถือว่าเจ้ายังโชคดีถังห้าวฉาย” พวกมันหันมากล่าวกับเขาพร้อมกับจ้องมาที่ข้า

“พวกเราไป!”

     พริบตาเดียวพวกมันทั้งสี่ก็รีบหลีกหนีจากไปแล้ว เหลือเพียงแต่ข้ากับพี่ห้าวฉายเพียงเท่านั้น ข้าสบสายตากับเขาแว่บหนึ่ง เขาเห็นข้าดูน่ากลัวหรือไร? เหตุใดจึงจ้องมองข้าเช่นนั้น

“คุณชายไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” ข้าทำเสียงแหบพร่าเพื่ออำพรางตัวตน ข้ายกมือประสานกำลังจะจากลา ทว่าสีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไป

“ฮึก!” ไม่นานร่างที่สูงใหญ่ของเขาก็พลันโงนเงน “ท่านบาดเจ็บ!”

     ข้ารีบเข้าไปพยุงร่างเขาในทันที หนักมากเหมือนกับข้ากำลังแบกลูกวัวตัวใหญ่ไว้บนบ่าตัวหนึ่งเลยทีเดียว ข้าไม่มีเวลาให้คิดมากนัก เห็นบ้านร้างบริเวณนั้นพอดี ฝนยังคงตกไม่หยุด เวลานี้ใกล้พลบค่ำแล้ว

“ท่านทำแผลก่อนเถอะ”

“ข้าไม่เป็นไรข้าทำเองได้ ขอบคุณท่านมาก”

     เขาไม่ยินยอมให้ข้าทำแผลให้ เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาคงไม่เป็นอะไรมากจริงๆ เขาหยิบขวดยาในอกเสื้อแล้วโรยผงสีขาวที่ปากแผล หึ นั่นสิเขาเป็นถึงคนสกุลถังมีพร้อมทั้งเงินทอง ยาสมุนไพร และอาวุธล้วนครบครันเราคือใครกันริยื่นมือ ไปรักษาบาดแผลที่เล็กน้อยนี้ของเขา...เขาคงเห็นท่าทางของข้าเปลี่ยนไปจึงกล่าวขึ้นมา

“ข้าไม่เป็นอะไรมากแค่บาดแผลเล็กน้อย ขอบคุณผู้มีคุณอีกครั้ง”

“อย่าได้เกรงใจ ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” ทว่าคำพูดของข้าเมื่อครู่ทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันที แววตาคู่นั้นจ้องมาไม่กระพริบเลยสักนิด จนตัวข้าตื่นตระหนก ‘เสียงของเรา ข้าพลาดไปเสียแล้ว’ ข้าจึงหลบตาเขา

“ค่ำแล้วอากาศเย็น ฝนยังไม่หยุดตก ข้าจะไปหากิ่งไม้มาก่อกองไฟไว้ให้ท่านก็แล้วกัน” ข้าเปลี่ยนเสียงเป็นแหบพร่าดังเดิม ข้าหันไปเห็นเขากำลังนำชายผ้าขาดมาพันบาดแผลไว้

     ครู่เดียวกองไฟก็ถูกข้าก่อขึ้น มันช่วยขจัดความเย็นจากอากาศรอบกายช่วยเพิ่มไออุ่นขึ้นมาได้บ้าง เขาทำแผลเสร็จเรียบร้อย “ขอบคุณท่านอีกครั้ง” เขายกมือประสานพร้อมกล่าวคำขอบคุณ “เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ คุณชายอย่าได้ใส่ใจไปเลย”

     ข้าตรองดู ตอนนี้ข้าเพิ่งจะมาเมืองนี้ก็เจอเขาเสียแล้ว ต่อไปข้าจะต้องเจอเรื่องตลกอะไรกันอีกหนอ สวรรค์ท่านก็เมตตาข้าบ้างเถิด อย่าให้ข้าต้องทรมาณมากไปกว่านี้เลย ตอนนี้ข้าไม่ใช่หลี่เสี้ยวเซียนบัณทิตยากจนคนเดิมอีกแล้ว ต่อไปหวังเพียงว่าคงไม่มีเรื่องมาให้ข้าต้องวุ่นวายใจอีก การสอดมือเข้าไปวุ่นวายกับการวิวาทเมื่อครู่ มันคือเรื่องปรกติของชาวยุทธ เขาคงไม่ได้ใส่ใจเพราะเป็นเหตุการณ์ที่พบเห็นได้ทั่วไป

“คุณชายเป็นคนต่างถิ่นอย่างนั้นหรือ?” พี่ห้าวฉายกล่าวถาม ข้าพยักหน้าตอบไปด้วยถ้อยคำสั้นๆ “อืม” แล้วนำกิ่งไม้หักโยนเข้าเติมเชื้อในกองไฟต่อ ฝนยังคงตกอยู่เช่นเดิม

“ท่านเจ้าเรือน ท่านเจ้าเรือนขอรับ” เสียงร้องเรียกดังแว่วมา ข้าและเขานิ่งงัน จึงรีบกล่าวลาเขาในทันที

“ในเมื่อคุณชายไม่ได้เป็นอะไรมาก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” ข้าต้องรีบจากไปแล้ว เพราะคนติดตามที่เรือนหยกน้ำค้างคงเห็นว่าข้าหายไปจึงได้ออกมาตาม

“ผู้มีคุณโปรดหยุดก่อน”

“คุณชายมีอะไรเช่นนั้นหรือ?” เขานิ่งงันครู่หนึ่ง

“ท่านคล้ายกับคนที่ข้าเคยรู้จัก” ข้าฟังแล้วทำให้ตระหนกใจนัก จึงหันหลังให้เขาในทันที “คุณชายคงจำคนผิดแล้ว ข้าขอตัวก่อน” ทว่าเขายังกล่าวถามข้ามาอีก

“เช่นนั้นขอทราบนามท่านได้หรือไม่?”

“หยุนหนิง ข้าแซ่เซียวชื่อหยุนหนิง ข้าต้องขอตัวก่อนแล้ว” ข้ารีบก้าวเท้าออกมาในทันที

“ท่านเจ้าเรือน!” ข้าพบกับคนติดตามข้าคนหนึ่งพร้อมกับบ่าวในเรือนน้ำค้างหยกสองสามคน

“พวกเจ้ามีอะไรรึ?” ข้าเปิดผ้าคลุมหน้า ยังคงแสดงท่าทีนิ่งสงบเช่นเคย

“เปล่าขอรับ ข้าเห็นท่านไม่ได้อยู่ที่เรือน จึงได้ให้คนออกตามหาเกรงว่าท่านจะมีอันตราย”

“ข้าไม่เป็นอะไร? หมวกของท่านตกอยู่ นี่ขอรับ”

“อืมขอบใจพวกเจ้ามาก”

“พวกมันคือใคร? ทำไมจึงต้องมาทำร้ายท่าน” นี่แสดงว่าพวกเขาคงเห็นร่องรอยการต่อสู้แล้วและคงคิดว่าเป็นการลอบทำร้ายข้าสินะ “เปล่าข้าเพียงแค่เห็นคนวิวาทกันจึงได้ยื่นมือช่วยเพียงเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก” ข้าหันไปมองยังบ้านร้างคราหนึ่ง ก่อนหันไปกล่าวกับคนติดตาม “กลับกันเถอะ!”

     พอข้ามาถึงโป๋ซีเห็นเข้าก็ทำหน้าตาดีใจยิ่งกว่าเด็กเห็นขนมหวานเสียอีก  “หยุนหนิงนี่เจ้าหายไปไหนมา หืม พวกเขาตามหาเจ้ากันให้ทั่ว” โป๋ซีวิ่งมาหาข้าใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดีใจจริงๆ ที่ยังมีคนห่วงข้าถึงขนาดนี้

“ข้าออกไปข้างนอกมา ข้าขอตัวกลับห้องก่อน”

“อืม ไปเถอะ เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป จ้าวตำหนักไม่ละเว้นพวกข้าแน่ ทีหลังเจ้าจะไปไหน ควรให้คนติดตามไปด้วยนะหยุนหนิง” นี่ข้าไปเป็นเด็กในปกครองของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เจอหน้าข้าก็พลันบ่นออกมาเป็นชุด แน่ล่ะหากว่าข้าเป็นอะไรไปจริงๆ พวกเขาคงไม่อาจรอดพ้นจากโทษหนักเป็นแน่

“อืม ข้ารู้แล้ว” ข้าไม่ได้พูดอะไรอีกจึงเดินกลับมายังห้องนอน

   

สามวันต่อมา

     แสงเทียนส่องสว่างจ้า ถูกจุดขึ้นมาขับไล่ความมืดมิด ยิ่งมองเปลวเทียนสีเหลืองทองยิ่งทำให้ข้าคิดหวนถึงอดีต กว่าข้าจะมาเป็นคุณชายผู้เลิศล้ำในเรือนน้ำค้างหยกแห่งนี้ ได้ผ่านเรื่องราวมามากมายจริงๆ

     เมื่อห้าปีก่อนจ้าวตำหนักร้อยบุปผาคือผู้ช่วยชีวิตข้าไว้ ครั้งนั้นตัวข้าหมดสิ้นทุกสิ่ง มีแต่ความมืดมน จึงได้คิดจบชีวิตอันแสนรนทดเสีย แต่จ้าวตำหนักร้อยบุปผานางผ่านมา หาไม่คงไม่มีข้าเช่นทุกวันนี้ ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมาข้าฝึกฝนศาสตร์ต่างๆ ทั้งโคลงกลอนจารีต การดนตรี เต้นรำ ทั้งยังฝึกยุทธแม้จะไม่ได้มีฝีมือที่โดดเด่นเช่นเจ้าเรือนสาขาอื่นๆ แต่ก็สามารถเป็นหัวหน้าสาขาแห่งเรือนน้ำค้างหยกได้

     หากพูดถึงตำหนักร้อยบุปผานั้น ถูกสร้างขึ้นเพื่อบ่มเพาะฝึกฝนหญิงชายหน้าตาดี เพื่อเข้าสู่หอเริงรมย์ชั้นเลิศตามหัวเมืองอื่นๆมักมีชื่อเรียกเรือนต่างๆแตกต่างกันออกไป ตำหนักร้อยบุปผาเป็นดังต้นไม้ใหญ่ที่มีรากชอนไชไปทั่วทั้งแผ่นดิน มีการเลี้ยงนักฆ่าและสืบข่าว แบ่งหน้าที่การรับผิดชอบชัดเจนในการทำงาน  ระหว่างข้าบรรเลงพิณครุ่นคิดหวนถึงอดีตแต่ก็มีคนมาทำลายความเงียบสงบลงเสียได้

‘เสียงโวยวายอะไรกัน?’

“ที่นี่ดูหรูหรา ดีเหมือนกันนี่นา” เสียงบุรุษห้าวใหญ่โวยวายเสียงดัง ช่างน่ารำคาญนัก น้ำเสียงเน้นหนักเหมือนว่าไม่ได้มาดี ข้ายังคงดีดพิณบรรเลงขับกล่อมต่อไปมิได้คิดใส่ใจ แต่เสียงชั้นล่างยังคงดังมาไม่หยุด

“นายท่านมีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ” เสียงของโป๋ซีเข้าไปทักทายเขามักปฏิบัติต่อลูกค้าเป็นอย่างดี คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนัก

“ใครเป็นเจ้าของที่นี่?”

“ข้าเองขอรับ นายท่านมีอะไรอย่างนั้นหรือ?”

“เจ้าหน่ะหรือ? ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้าเรือนที่นี่เป็นบุรุษรูปงามร่างกายผอมบางยิ่ง ดูเจ้าสิ..นี่ตัวอะไร” เสียงของพวกมันยังคงโวยวายเสียงดังไม่หยุด “ไปเรียกเจ้าเรือนของพวกเจ้ามาหาข้าเดียวนี้”

“นายท่านพูดอะไร? ข้าน้อยไม่เข้าใจ...”

“เจ้าไม่เข้าใจอย่างงั้นรึ?...ถ้าเจ้าเรือนของเจ้าไม่โผล่หัวมา ข้าจะเผาที่นี่ซะ” อะไรกันคนพวกนี้มันอันธพาลชัดๆข้าได้แต่นึกในใจโคลงศีรษะ

“โธ่ นายท่านพวกข้าน้อยเป็นเพียงคนทำมาข้าขาย ขอได้โปรดอย่าได้รังแกพวกข้าน้อยเลย” เสียงอ่อนโยนนอบน้อมของโป๋ซีดังเจื้อยแจ้วอ้อนวอนพวกมัน ข้าจึงได้สั่งให้คนติดตามเปิดม่านผ้าที่ปิดบังชำเลืองดู เพราะอยากรู้ว่าผู้มาเป็นใคร

“ยังไง... เจ้าเรือนของเจ้าอยู่ที่ไหน? ถ้ายังไม่ออกมาหอคณิกากับเหลาสุราเจ้าคงอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้เช้าแน่นอน หึหึ....ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม จะออกมาหรือไม่ออก....หนึ่ง.....สอง....ส่ะ-”

“มีอะไรหรือพี่ชาย” ข้าคงได้แต่จำใจออกมา โป๋ซีเห็นข้าก็วิ่งขึ้นมารับข้าลงไปทันที

“หึ ออกมาได้แล้วงั้นรึ?...จุ๊จุ๊จุ๊! ใบหน้าใสกระจ่าง ผิวพรรณหมดจด...ไม่เลว..ไม่เลวจริงๆ” สายตาของพวกมันจ้องมองมายังข้าแต่พวกมันไม่ได้อยู่ในสายตาข้าเลย

“ ...บอบบางอ้อนแอ้น งามสง่า ดูน่าค้นหายิ่งกว่าอวี้หลันที่หอเร้นราตรีของข้าหลายเท่านัก พวกเจ้าว่ายังไง”

“ใช่ จริงด้วยพี่ใหญ่ ” ข้ามิได้แยแสใส่ใจคำพูดของคนชั้นต่ำกักขฬะะพวกนี้ ได้แต่เพียงยิ้มบางๆออกไปเพียงเท่านั้น

“เจ้าคือเจ้าเรือนของที่นี่อย่างนั้นหรือ?” ข้าได้ยินมันพูดแต่ไม่ได้ใส่ใจ จึงหันไปถามโป๋ซี “คนพวกนี้เป็นใคร?” ข้าจึงรู้ว่าพวกมันคือันธพาลในเมืองนี้นั่นเอง

“พวกท่านต้องการอะไร?”

“จุ๊จุ๊จุ๊ ถ้าหากข้าบอกว่า คืนนี้ข้าต้องการตัวเจ้า...เจ้าจะว่าอย่างไรหืม” มันส่งสายตายั่วเย้ามายังข้า ทว่าในใจข้ากลับอยากอาเจียนใส่มันนัก “พวกเจ้า....มันจะเกินไปแล้ว...” เสียงของโป๋ซีพูดแทรกเน้นหนักแต่ข้าได้ยกมือห้ามโป๋ซีไว้

“กลับไปเสียเถอะ” ข้าไม่อยากพูดมากกับคนพวกนี้ แต่พวกมันกลับไม่สนใจฟังคำพูดที่ข้าบอกไปเลยสักนิด

“เจ้าว่าอะไรนะ...”

“กลับไปซะ!” ดูมันมีท่าทีแปลกใจที่โดนข้าไล่ เช่นนี้แสดงว่าคนพวกนี้คงใช้วิธีนี้ดื่มฟรีกินฟรีมาหลายที่แล้วกระมัง มันยังคงยืนอยู่แล้วกล่าวขึ้น

“น่ะ-นี่เจ้ากล้าไล่พวกข้าไปอย่างนั้นหรือ?” ข้าไม่ได้สนใจคำกล่าวของพวกมัน จึงได้หันหลังให้พวกมันแล้วเดินไปยังชั้นบนต่อ ข้ารู้สึกได้ถึงลมวูบหนึ่งเคลื่อนไหวด้านหลัง

“อ๊ากกกกก!!!”

“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

"มือข้า ม่ะ-มือข้าาา!!" มือของหัวหน้าอันธพาลยังไม่ทันถูกโดนตัวข้าก็ถูกตะเกียบที่ข้าคว้าจับได้ แล้วซัดออกไปปักลงกลางมือจนมันเซถลาถอยไปแล้วส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด พวกลูกน้องมันเหมือนจะชักดาบกรูกันเข้ามา ข้าจึงคิดหันไปบอกเตือนแก่พวกมันอีกครั้ง

“ข้าขอเตือนพวกเจ้า! หากยังเคลื่อนไหวอีกละก็ แม้แต่แสงอาทิตย์ในวันพรุ่ง พวกเจ้าก็อาจจะคงไม่มีโอกาสได้เห็น...ไปซะ!” พวกมันตัวสั่นเทาหันมองไปโดยรอบ คนในเรือนข้าบัดนี้ เหลือเพียงแต่บ่าวไพร่ถืออาวุธครบมือรอยู่ เพราะลูกค้าได้พากันหนีหายกันไปหมดแล้ว

“ข่ะ-ข้าจะ ฝ่ะ-ฝากไว้ก่อน..ไป รีบไปเร็วเข้า” พวกมันลนลานตัวสั่นวิ่งออกไปดังเช่นสุนัขถูกเฆี่ยนทารุณ แต่ข้าไม่ได้สนใจมากนัก

"พวกเจ้าเก็บกวาดกันให้เรียบร้อย ปิดร้านๆ" เสียงของโป๋ซีสั่งคนอื่นๆในเรือน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-09-2019 20:13:49 โดย PrayTime »

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
ดำดนินเรื่องกระดับ สนุกดีค่ะ เกาะขอบติดตาม

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
สู้คนแล้วๆๆๆ  ชอบแบบนี้มากกว่าตอนแรกอีก

ออฟไลน์ GAZESL

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +65/-1
ถังห้าวฉายจะจำได้มั้ย

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตอน6 โสเภณีเช่นข้าฯ ภารกิจแรก

     หลังจากเกิดเหตุการณ์วันก่อนที่อันธพาลมันมาสร้างความวุ่นวายในเรือนคณิกา พวกมันก็ดันไปปล่อยข่าวจนคนภายนอกลือกันว่าเรือนน้ำค้างหยกแห่งนี้อาจเป็นรังโจร ข้าจึงต้องวุ่นวายในการแก้ปัญหานี้อยู่หลายวันทีเดียวเพื่อให้ทุกอย่างเป็นปรกติ หากเจออันธพาลกลุ่มนี้ครั้งหน้าข้าจะตัดลิ้นพวกมันเสีย หากข้าจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี จ้าวตำหนักอาจกล่าวโทษลงมาได้

 

“หยุนหนิง จ้าวตำหนักมีสารลับส่งมา” โป๋ซีเข้ามารายงาน พอข้าได้ฟังในใจก็พลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที หรือว่าจ้าวตำหนักทราบข่าวคาดโทษลงมาแล้ว

 

     ไม่กี่วันมานี้ชีวิตของข้าล้วนเผชิญพบกับความยุ่งยากเสียจริง ทว่าหากคิดดีๆมิมีทางเทียบกับความทุกข์ยากที่ข้าแบกรับมาเช่นห้าปีก่อนนั้นได้ เพราะข้าได้ผ่านความเป็นความตายมาแล้วจึงไม่มีเหตุต้องวิตกกังวลให้เกิดเหตุไป

“หยุนหนิง!” เสียงเรียกของโป๋ซีดึงสติข้ากลับคืนมาอีกครั้ง “ห่ะ-หา”

“เจ้ายังไม่รีบอ่านสารลับจากจ้าวตำหนักอีก ดูซิว่าท่านสั่งการมาอย่างไร?”

“อืม” เมื่อข้าเปิดอ่านดูสารลับที่ส่งมา มันมิใช่เรื่องที่ข้าเป็นกังวลเลยสักนิด จ้าวตำหนักเพียงสั่งการให้ข้าหาของสิ่งหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายนัก

“จ้าวตำหนักสั่งการอะไร?”

“ไม่มีอะไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า แค่เจ้าดูแลแขกกับลูกค้าในร้านให้ดีก็พอ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”

“งานนี้อันตรายหรือเปล่า?” โป๋ซีมองมาที่ข้าด้วยความห่วงใย อีกเหตุผลหนึ่งที่ข้าตัดสินใจยอมมาเป็นเจ้าเรือนน้ำค้างหยกแห่งนี้ก็เพราะโป๋ซี เพราะเขาคือเพื่อนที่ข้าสนิทที่สุดเห็นความห่วงใยที่โป๋ซีมีให้ ข้าจึงได้ตอบกลับไป

“ไม่มีอันตรายหรอก เจ้าอย่ากังวลเกินไปเลย จ้าวตำหนักเพียงแค่ให้ข้าหาของสิ่งหนึ่งเพียงเท่านั้นเอง”

“จ้าวตำหนักไม่ได้ให้เจ้าทำงานเสี่ยงอันตรายใช่ไหม?”

“อืม ไม่มีอะไร หากมีงานอันตรายข้าจะบอกเจ้าเป็นคนแรก”

“ได้ เช่นนั้นก็หมดห่วง หากเจ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกข้าก็แล้วกัน เช่นนั้น ไม่กวนเจ้าแล้ว”

“ขอบใจเจ้ามากนะ โป๋ซี”

“อืม..ไม่เป็นไร ทำไงได้ล่ะ...ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าโดนใครรังแก” โป๋ซีหันมายิ้มให้ข้าก่อนจากไป

 

     ข้าจะบอกให้เขารู้ไม่ได้ว่าสิ่งของที่จ้าวตำหนักสั่งให้หานั้นคืออะไร ถ้าโป๋ซีรู้เข้า ความห่วงใยของเขาอาจทำให้ข้าเสียเรื่องก็เป็นได้ ภายนอกโป๋ซีผู้นี้อาจจะไร้ซึ่งพิษภัยทว่าเขากลับเป็นผู้ช่ำชองในการวิวาทยิ่ง การเก็บซ่อนอารมณ์และฝีมือของเขานั้นในตำหนักร้อยบุปผามีเพียงข้าที่รู้เท่านั้น หากโป๋ซีรู้ว่างานที่ข้าทำเสี่ยงอันตรายเขาคงไม่ยอมให้ข้าไปอย่างแน่นอน ข้าเป็นถึงเจ้าเรือนแห่งนี้เมื่อรับหน้าที่หากมีคำสั่งลงมายังข้า ก็ต้องจัดการด้วยตัวเอง หากหน้าที่ของข้ายังให้โป๋ซียื่นมือช่วยเหลือเช่นอดีต ข้าจะพิสูจน์ความสามารถตัวเองได้อย่างไร

 

..

ดึกสงัด ณ คฤหาสน์สกุลเว่ย

“พวกเราพร้อมแล้วขอรับ”

“พวกเจ้ารอข้าอยู่ด้านนอก”

“แต่ว่า...”

“เจ้าคอยดูลาดเลาภายนอก หากมีอะไรผิดปรกติรีบส่งสัญญาณ หากภายในสองชั่วยามข้ายังไม่ออกมา เจ้ารีบไปแจ้งบอกกับโป๋ซี รู้หรือไม่”

“ขอรับ”

“ไปได้ ซ่อนตัวให้ดีอย่าให้มีพิรุจ”

“ขอรับ”

     ข้าซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด กลางดึกดูเงียบงัน เห็นเพียงแสงโคมไฟส่องอยู่ด้านหน้า คฤหาสน์สกุลเว่ย ที่ดูยิ่งใหญ่โออ่าตรงหน้า ความจริงนายท่านเว่ยคือคหบดีมีชื่อของเมืองนี้ไม่แพ้สกุลถังเลยสักนิด หากแต่ว่านายท่านเว่ยมิใช่ชาวยุทธเช่นตระกูลถัง กิจการร้านค้าที่มีก็เพียงเล็กน้อย ทว่าภายในเวลาไม่กี่ปีสกุลเว่ยกลับมีอำนาจมากมายจนเป็นที่สงสัย จ้าวตำหนักให้ข้าลอบเข้าไปยังด้านในเพื่อหาสมุดบัญชีลับเล่มหนึ่ง

 

     เมื่อค่ำมืดคฤหาสน์แห่งนี้กลับมีเวรยามเข้มงวดนัก จากคำนวณดูแล้วมิได้ต่างจากตำหนักในวังหลวงเลย ข้าจึงต้องใช้ความมืดอำพรางตัวเคลื่อนไหวไปยังพื้นที่ด้านในของตึก แล้วทะยานกายขึ้นบนหลังคาลัดเลาะ อาศัยวิชาตัวเบาและความไวในความมืดมิด เพื่อหลบจากสายตาทหารยามพวกนี้ ก่อนพลิกตัวห้อยทะยานกายเข้าไปใต้ชายคาแนบชิดตัวบนขื่อเพดานด้านหน้าห้องหนังสือ

 

     เมื่อสบโอกาสในช่วงเวลาอันสั้นที่พวกมันกำลังสับเปลี่ยนเวรกัน ข้าจึงพลิกตัวลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา เมื่อลอบดูไม่มีผู้ใดอยู่จึงแอบลอบเข้าไปได้สำเร็จ

‘บัญชีเล่มนั้นอยู่ที่ไหนกัน?’ ภายในห้องหนังสือที่เป็นห้องทำงานของนายท่านเว่ย ช่างดูหรูหราเสียจริงประดับตกแต่งอย่างดี ข้าหยิบหนังสือพลิกเปิดดูอย่างละเอียดหลายเล่ม รื้อค้นตามโต๊ะตั่งกลับมิพบร่องรอยของสมุดบัญชีเล่มนั้น ตามที่จ้าวตำหนักสั่งการให้หาเลย

     เพียงครู่ก็มีเงาคนเคลื่อนกายวูบไหวผ่านกระทบแสงไฟเข้ามายังด้านในแวบหนึ่ง ทำให้ข้าต้องเร่งรุดหาที่กำบังหลบซ่อน คนผู้นี้ว่องไวยิ่ง ใส่ชุดดำปิดบังใบหน้าเช่นเดียวกับข้า มันผู้นั้นทำการรื้อค้นอย่างชำนาญ นั่นแสดงว่าคนผู้นี้อาจมายังที่แห่งนี้บ่อยครั้ง ข้าผ่อนปรนลมหายใจให้แผ่วเบาเฝ้าติดตามดูคนผู้นี้ในระยะที่ห่างพอควร

“ใคร?” เพียงแค่ข้ากระทบถูกโต๊ะเพียงเบาๆ มันผู้นี้มีประสาทหูที่ไวนัก มันค่อยๆสืบเท้าเข้ามาใกล้ข้าทุกขณะ ข้าจึงตัดสินใจพุ่งกายจู่โจมมันไปในทันที ทว่ามีดสั้นที่ตวัดปลายจู่โจมออกไป กลับทำร้ายมันผู้นี้ไม่ได้

‘ฝีมือมันกล้าแข็งนัก’

     ข้าจึงผ่อนกายตามแรงปัด ก่อนวาดเท้าเตะออกก็ถูกมันสกัดกั้นจนข้าต้องสะท้อนดีดกายแรงปะทะให้ห่างออกจากตัวมัน ก่อนจะทะลวงผ่านประตูหน้าต่างออกไป จึงทำให้ทหารยามร้องตะโกน

“มีคนร้าย”

     มันผู้นั้นก็ตามข้าออกมาเช่นกัน พอสิ้นเสียงไม่นานพวกทหารก็กรูกันเข้ามา “มันอยู่ที่ไหน คนร้ายอยู่ที่ไหน?” โคมไฟถูกจุดขึ้นจนสว่างวาบราวกับกลางวัน

“พวกเจ้ารีบค้นหาพวกมันเร็วเข้า” เสียงหัวหน้าของมันสั่งการ งานนี้เป็นงานแรกที่ข้าปฏิบัติการด้วยตัวเองก็ดันทำพลาดเสียแล้ว  หากครั้งหน้าลงมืออีกคงไม่ง่ายและอาจจะไม่มีโอกาสอีก ข้าดีดกายทะยานออกจากคฤหาสน์โดยไว

“คุณชาย!”

“งานล้มเหลว แยกกันไปแล้วเจอกันที่เรือน”

“ขอรับ”

     ออกมาได้สักพักก็ทำให้ข้าต้องรู้สึกสะท้านกายจากด้านหลัง รังสีจากวิถีจู่โจมของคนผู้หนึ่งแหวกอากาศมาทำให้ข้าต้องม้วนตัวพลิกหลบ เป็นมันผู้นั้นเจ้าคนชุดดำนั่น มันพุ่งกายวาบเข้าหาข้าอีกครั้ง “เจ้าคือใคร?” มันเอ่ยถามมา

     ข้าจำต้องเตะสกัดเร่งรุดเพื่อหลบหนี พลันฝักกระบี่ก็พุ่งตัดขวางหน้าทำให้ข้าต้องชะงักกายพลิกตัวหันปลายมีดสั้นเข้าโจมตีสวนกลับมันอีกครั้ง ครั้นก็มีแสงวูบวาบประกายสีเงินของกระบี่ในมือมันก็ยกขึ้นสกัด แล้วพลิกวิถีกระบี่พุ่งตรงมา ทว่าเป้าหมายมันมิได้คิดเข่นฆ่าสังหาร แต่มันต้องการโจมตีที่ใบหน้า

‘คนผู้นี้มีฝีมือสูงทั้งยังว่องไว เราจะทำเช่นไรดี’

     เพียงแค่คิดคุกคามมันยังมิอาจทำได้โดยง่ายแล้วข้าจะสลัดหลบหนีมันผู้นี้ไปได้อย่างไรกัน แม้นคิดสู้ก็ยากแล้ว หาช่องหลบหนีกลับยากยิ่งกว่า ฝีมือมันช่างตึงมือนัก

“เรามิใช่ศัตรูกัน เหตุใดท่านจึงไม่ยอมปล่อยข้าไป”

“หากเจ้ายอมเผยโฉมหน้า ข้าจะปล่อยท่านไป” มันกล่าว

“เหลวไหล!” คนผู้นี้ช่างดื้อดึงเสียจริง ข้าจึงหันไปสู้อีกครา ทว่ามีดสั้นในมือข้าก็กระเด็นหลุดมือพุ่งปักที่ต้นไม้อีกด้านเสียแล้ว

 

     อาวุธในมือข้าตอนนี้ไม่มี คิดได้ก็เหลือแค่เพียงพัดเหล็ก จึงต้องหยิบใช้มันในตอนนี้แล้ว “เจ้าคือใคร!” เสียงมันตวาดเสียงเน้นหนัก ข้ามิได้ใส่ใจนักเหตุใดข้าต้องบอกที่มาของตัวข้าต่อผู้อื่นด้วย ข้าจึงคลี่พัดคิดใช้อาวุธซัดทว่ากลับยังช้ากว่ากระบี่ของมัน ปลายกระบี่ก็ตวัดผ้าปิดหน้าข้าหลุดออกไป ข้าจึงมองไปที่มันคราหนึ่ง ก่อนหงายหลังพลิกตัวตวัดพัดเหล็กซัดอาวุธลับออกไป ก่อนทะยานกายหนีหายหลบไปในความมืด

“เจ้าเรือนกลับมาแล้ว”

“หยุนหนิงเหตุใดเจ้าจึงมาช้านัก” เสียงของโป๋ซีรอข้าอยู่มีสีหน้าเคร่งเครียด

“มีคนติดตาม จึงทำให้ข้ามาช้า”

“เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว รีบกลับห้องไปพักเถอะ เรื่องที่เหลือข้าจัดการเอง”

“อืมขอบใจเจ้ามาก”

 

     พอดีไรท์ติดงานครับ ช่วงนี้มีงานต้องเคลียเยอะครับ เลยทำให้เขียนได้ไม่ต่อเนื่อง ขอโทษผู้อ่านด้วยนะครับพอว่างก็อยากนอนพักให้เต็มที่บางทีเลยทำให้อัพนิยายได้ช้า นิยายเรื่องนี้ผู้เขียนจะทยอยเขียนไปเรื่อยๆนะครับ เพราะคิดสดเขียนสดๆเขียนเสร็จก็ลงเลย มีเพียงพล็อตเหตุการณ์คร่าวๆกับตอนจบของนิยายเพียงเท่านั้น ถ้ารอนานไปขอโทษด้วยนะครับ

หยกน้ำแข็ง

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
เกือบโดนเปิดเผยตัว ชายชุดดำอีกคนคือใคร?
 :pig4:

ออฟไลน์ HanATarO

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2141
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +132/-2

ออฟไลน์ azure

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 772
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
เกือบไปแล้ว ดีนะกลับออกมาอย่างปลอดภัย

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

ออฟไลน์ PrayTime

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
ตอน7 โสเภณีเช่นข้าฯ วันนี้ ทำไมมีแต่ความซวย

     ในวันรุ่งขึ้นข้าเตรียมออกจากเรือนเพื่อสืบหาข่าวจากภายนอกดูสักหน่อย ว่าทางสกุลเว่ยนั้นเคลื่อนไหวอะไรกันบ้าง จึงหยิบหมวกงอบมาสวมใส่ แล้วบอกกับคนรับใช้ให้ไปแจ้งแก่โป๋ซีที่เหลาสุรา พอออกมาถึงหน้าประตู ข้าดันเหลือบมองเห็นพี่ห้าวฉายกับอาหนิวเข้าพอดี

“คุณชาย..นี่ท่านจะเข้าไปในที่แห่งนี้จริงหรือขอรับ” อาหนิวกล่าว

“ทำไม อย่างข้าจะเข้ามาเที่ยวในสถานที่แห่งนี้บ้างไม่ได้หรือไง?”

     หากเป็นคุณชายบ้านอื่นเข้ามาก็คงไม่แปลกประหลาดนัก ทว่าคุณชายถังผู้นี้ ที่ข้าเคยคบหาเขามิใช่บุรุษที่ชมชอบเสพความสำราญกับสถานที่แบบนี้ อาจจะเป็นเพราะภายในเวลาห้าปี คงจะสามารถเปลี่ยนคนคนหนึ่งได้ถึงเพียงนี้ก็มิแปลก ข้ายังเปลี่ยนแปลงได้ หากเขาจะเปลี่ยนไปบ้างก็คงไม่แปลกสินะ

 

     เหตุใดข้าจึงต้องมาใส่ใจกับเรื่องส่วนตัวของเขาด้วย จึงได้เดินเลี่ยงหลีกเขาไป ทว่าพี่ห้าวฉายก็กางแขนขวางข้าไว้ ทำไมกัน? ..วันนี้ข้าจะต้องเจอกับเรื่องราวอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?

“คุณชายท่านนี้จะรีบร้อนไปไหนหรือ?” เขาจ้องมองมายังข้าพร้อมกับเอ่ยถาม

“ข้ามีธุระต้องรีบไปทำ ขอคุณชายโปรดหลีกทางให้ข้าด้วย”

“ธุระของท่าน มันเกี่ยวกับมีดสั้นเล่มนี้หรือไม่?”

     เขาหยิบมีดนั้นที่ถือไว้ในแขนเสื้อออกมาให้ข้าดูก่อนเก็บมันไว้ในแขนเสื้อตามเดิม นี่เขาเอามีดสั้นเล่มนี้มาขู่ข้าอย่างนั้นหรือ มีดเล่มนี้อยู่กับเขา หรือว่าคนชุดดำผู้นั้น

“คุณชายท่านคงจำผิดคนแล้วกระมัง” ข้ารีบกล่าวตอบกลับไป พร้อมกับเดินเลี่ยงหนีไปอีกทางแต่เขากลับหันตัวก้าวเท้าขวางหน้าข้าไว้อีก

 

“ข้าว่า ข้าจำไม่ผิดหรอก คุณชายเซียว”

     พี่ห้าวฉายเอ่ยขึ้นจ้องมายังข้าพร้อมกับมองเข้าไปด้านใน คนที่นั่งอยู่ด้านในพยักหน้าส่งสายตาให้เขา หรือว่าเขาส่งคนมาจับตาดูข้าอย่างนั้นหรือ

“วันนี้ข้า คงต้องขอรบกวนคุณชายเซียวแล้ว”

“ต่ะ-แต่ว่า..”

“คุณชายเซียว..ท่านจะไม่ชวนข้าเข้าไปดื่มกินด้านในหน่อยหรือ?”

     นี่เขากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ ข้าได้แต่อ้ำอึ้งหาทางบิดพลิ้ว “หืม” ทว่าเขายังคงจ้องเขม็งมองมาเลิกคิ้วพยักหน้าเชิงรอคำตอบ ข้าได้เพียงแต่จำใจ

“ช่ะ-เชิญคุณชาย”

 

“รบกวนแล้ว..รบกวนแล้ว”

     น้ำเสียงปนเย้ยยิ้มแบบนี้ ท่านมาที่นี่คงมิใช่มาราวีข้าใช่ไหม? ข้ายังคงตะลึงงันลังเล คิดหาทางรับมือ ทว่าสายตาอันคมกริบของเขาจ้องมา ยิ่งทำให้ข้าเย็นวาบดุจแช่ลงในบ่อน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ  เขาใช้มือข้างหนึ่งกำข้อมือข้ารั้งดึงเข้าไปด้านใน ตอนนี้จึงทำได้เพียงเดินตามเขาไปอย่างว่าง่ายโดยไร้การโต้ตอบ

“คุณชายเชิญด้านนี้ขอรับ...อ่ะ...อ้าว ท่านเจ้าเรือน!” คำกล่าวทักทายของบ่าวรับใช้เอ่ยมา “เจ้านำ..ค่ะ-คุณชายท่านนี้ ไปด้านบน” ข้าพยายามจะสบัดมือหลีกออกจากการควบคุมของเขา ทว่าเขายิ่งจับกุมข้อมือข้าไว้แน่นหนา

“หึ ท่านเจ้าเรือน! เช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนท่านเจ้าเรือนดูแลด้วย” ใบหน้านี้ของเขาที่มองมายิ่งทำให้ข้าเหมือนจมดิ่งสู่หุบเหวลึก รอยยิ้มแบบนี้เป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยลืม

“อาหนิวเจ้าออกไปรอข้าข้างนอก”

“ขอรับ”

“เอาสุราที่ดีที่สุดมาป้านหนึ่ง เอาอาหารที่ดีที่สุดมาสามสี่อย่าง” เขาหันไปสั่งกับบ่าวรับใช้ที่ยืนรอคำสั่งอยู่

“ขอรับ”

“อืม รีบๆล่ะ ข้าจะดื่มคารวะท่านเจ้าเรือนสักหน่อย”

     ระหว่างที่เขาสั่งสุราอาหารยังคงจ้องมาที่ข้าแทบไม่กะพริบตา อะไรกันนี่มันเรื่องอะไรกัน มันทำให้ข้าทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย ดวงตาที่วาวโรจน์นี้ดูน่ากลัวนัก

“คุณชายเซียว...ท่านควรจะถอดหมวก แล้วคุยกับข้านานสักหน่อยได้หรือไม่?” เขาพูดพร้อมกับหยิบมีดสั้นวางดันส่งมาให้ข้าบนโต๊ะ

“ขอบคุณ!..ค่ะ-คุณชาย”

“คุณชาย...หลี่...ไม่สิ...คุณชายเซียว ท่านทำให้ข้าประหลาดใจนัก ท่านเป็นถึงเจ้าของเรือนน้ำค้างหยกแห่งนี้ ซ้ำยังมีฝีมือดีเยี่ยม”

     คำพูดประชดประชันเชือดเฉือนนี้ ข้าไม่พบเจอมาห้าปี บัดนี้ได้มาเจอมันอีกและรู้สึกเจ็บทุกทีเพราะมันไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่เป็นไรข้าอดทนได้ ทว่าดวงตาที่เย็นเยียบดุจอสนีบาตฟาดใส่คู่นั้นจ้องมายังข้าต่างหากที่ทำให้ใจข้าเต้นระทึก

“หมวกท่านช่างเกะกะเสียจริง”

     เขาไม่กล่าวเฉยๆ ทว่ากลับยกมือขึ้นมาด้วยความเร็ว ข้าเอียงตัวหลบ ยกมือขวาขึ้นปัดป่ายเบนวิถีแล้วฟาดมือซ้ายสกัดกระแทก แต่เขากลับพลิกตัวเอียงจนข้าเสียหลัก เขาหมุนรั้งผ่อนฝ่ามือข้าแล้วดึงตัวข้าถลาไปที่หน้าอก นี่ข้ากำลังเสียเปรียบจึงคิดวาดฝ่ามือขวายกยันกระแทก นำมือซ้ายเข้าจู่โจมเพื่อหลีกหนีการคุกคาม ทว่าเขาใช้มือซ้ายยกขึ้นดีดหมวกข้าลอยละลิ่ว ก่อนใช้มือขวายันกระแทกกายข้าถอยห่างออกมา แล้วเขาก็คว้าจับเอาหมวกงอบของข้าไปถือไว้ในมือ ข้าทำได้เพียงหันหลังให้เขาเพียงเท่านั้น

“สุรา กับอาหารมาแล้วขอรับ” เขาจึงหยิบหมวกงอบในมือวางไว้อีกด้านอย่างเบามือ

“อืม เสร็จแล้วก็ไปได้...ถ้าข้าไม่ได้สั่ง ไม่ต้องให้ใครเข้ามารู้หรือไม่” เขายังคงวางมาดคุณชายถังสกุลใหญ่แห่งเมืองนี้อยู่

“ท่ะ-ท่านเจ้าเรือน” บ่าวรับใช้มองมาที่ข้า ข้าได้แต่เพียงยกมือให้สัญญาณแล้วให้เขาจากไป บ่าวรับใช้ยกมือประสานคำนับก่อนจากไป

“ท่านเจ้าเรือนนั่งสิ ...ท่านจะหันหลังคุยกับข้าแบบนี้น่ะหรือ?”

     ข้าได้แต่พร่ำบ่นกร่นด่าในใจ ถึงโชคชะตาที่อาภัพของตนเอง เหตุใดต้องมาพบเจอกับเขาในเวลานี้ด้วย คงได้แต่จนใจยอมหันหน้านั่งลงเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง แต่พี่ห้าวฉายกลับไม่มีทีท่าตื่นตระหนกเลยสักนิดเมื่อพบข้า

“หึ...นอกจาก วรยุทธจะดีเยี่ยม ยังมีบุรุษหนุ่มน้อยใหญ่รายล้อมรอบตัวที่เชื่อฟังอย่างดี...ดีจริงๆ หึ..ข้าว่าทั้งเรื่องบนเตียงและประสบการณ์ต่างๆ ของเจ้าเรือนนั้นคงฝึกปรือมาเป็นอย่างดีสินะ....ท่านทำให้ข้านี้ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”

“ท่าน!!”

     ข้าได้แต่อดทนกับคำพูดคนถ่อยผู้นี้ต่อไป “คุณชายโปรดระวังคำพูดด้วย” ข้าไม่อยากนำเอาคำคนถ่อยผู้นี้มาใส่ใจอีก แต่คนผู้นี้กลับไม่หยุดใช้วาจาเสียดแทง

“หรือไม่จริง หึ!”

     ข้าทำได้เพียงนั่งนิ่งสูดลมหายใจลึกๆ แม้รู้สึกว่าเท้าจะเย็นวาบมือที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่ข้าก็ข่มกลั้นอาการไม่ให้แสดงออกไปได้ถึงเจ็ดแปดส่วน ถ้าเป็นข้าครั้งอดีตคงมีสภาพตัวสั่นเทาไม่ต่างจากลูกนกตกน้ำ เขายังคงกล่าววาจาเสียดแทงข้าต่อไป

“ผิวพรรณใบหน้า เจ้ายังคงงามสง่าเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่มีร่องรอยการถูกใช้งานหนักมาเลยนี่นา”

     เขาลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมมาหยุดด้านข้างตัวข้า พร้อมกับนำมือยกจับหน้าของข้าขึ้นมองสบตา มันทำให้ใบหน้าของข้าร้อนชาไปทั้งแถบ เพราะรู้ถึงความนัยแห่งคำพูดนั้นอย่างชัดเจน ข้าจึงสะบัดหน้าของข้าฝืนกลับมาตามเดิม

 

“อึก...ในที่สุดเราสองคนก็ได้พบกันอีก..ได้พบกันอีกจนได้”

     เขาเดินกลับไปหย่อนกายลงนั่งเช่นเดิม แต่สายตายังคงจ้องมาที่ข้าเช่นเคย ทว่าน้ำเสียงแหบสั่นของเขาเมื่อครู่ ข้ามิรู้ว่าเขากำลังขมขื่นอยู่หรือกำลังจะถากถางข้ากันแน่

“พบกันแล้วยังไง ที่ท่านกล่าวมานั้นคงเยินยอข้ามากเกินไปแล้ว” ข้าจึงเอ่ยตอบเขากลับไป

“หึ..เยินยอ... เยินยออย่างนั้นหรือ?”

     เขาจ้องมา จนข้ารับรู้ได้ว่าเขาคงรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจเช่นกัน ข้าล่ะ ข้าไม่เจ็บเลยอย่างนั้นหรือ?...หรือว่าเจ้าเจ็บเป็นเพียงผู้เดียว ครู่เดียวเขาก็กลับมายิ้มเยาะใส่ข้าอีกครั้ง

“คุณชายหลี่..ไม่สิคุณชายเซียว ห้าปีก่อนนั้น...ทำไมไม่บอกข้าตามตรงล่ะ ว่าต้องการเป็นเจ้าของหอคณิกา บอกข้าเสียแต่ตอนนั้นก็สิ้นเรื่อง.... ข้าจะจัดการให้เจ้าทุกอย่างเอง ..จะได้ไม่ต้องเปลืองแรงเอาร่างกายเร่ขายให้ผู้ชายทั่วแผ่นดิน กินเวลารอนแรมถึงห้าปี....”

“นี่ท่าน!”

“จุ๊จุ๊จุ๊...เอ๋! ...ไม่สิ!.... หรือว่าท่านเจ้าเรือนต้องการเพิ่มพูนประสบการณ์เพราะลำพังแค่ข้าคนเดียวในวันนั้น มันคงไม่หนำใจพอสินะ” ความอดทนของข้าได้สิ้นสุดลงในทันที

“ถังห้าวฉาย!”

“หึ ทำไม โมโหข้างั้นสิ หรือว่าที่ข้ากล่าวไปนั้นมันไม่เป็นความจริง”

     คำสนทนาที่เผ็ดร้อนของคนผู้นี้ เหมือนกับเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้ใจข้าอยู่จนความอดทนของข้าได้ขาดลงและไม่คิดจะทนต่อไปอีก

“หึ..ทำไมน่ะหรือ? ....ข้าคิดว่าเวลานี้คุณชายถังผู้สูงส่ง ยังคงสนใจข้าผู้มีประสบการณ์บนเตียงอันโชกโชนผู้นี้อยู่กระมัง....ท่านรู้ไหม? ห้าปีเลยนะ..ห้าปีมานี้ท่านรู้หรือไม่ ในทุกๆวันชายหนุ่มที่ผ่านเข้ามาได้ลิ้มลองรสสวาทจากกายข้า ล้วนแต่คนึงหาถึงข้าทุกคน....และยังคงเฝ้าแวะเวียนมาหาข้าเสมอ....ท่านก็คงเป็นหนึ่งในคนพวกนั้นใช่หรือไม่?” ข้ากล่าวพร้อมกับหันไปยิ้มใส่เขาก่อนกล่าวต่อไป

“...ท่านอยากดูหรือไม่ล่ะว่าร่างกายข้าไม่ได้สึกกร่อนลงเลยสักนิด ซ้ำมันยังกลับทำให้ตัวข้า ดูดีมากกว่าเดิมจนข้าเองยังนึกประหลาดใจ...หึหึ...ห้าปีมานี้มันช่างเป็นเวลาที่ข้ามีความสุขเสียจริงฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”

 

     ข้าไม่เพียงกล่าวออกไปยังใช้มือเปลื้องปลดสายรัดเอวออกแล้วแหวกอกเสื้อของตนให้เขาดู โดยมิได้นึกสะท้านเกรงกลัว ในเมื่อสายตาและความคิดของเขาที่มองตัวข้าเหมือนดังขยะชิ้นหนึ่ง ข้าคงต้องทำให้เขา เข้าใจว่าข้าคือขยะที่เขาไม่สมควรมาเตะต้อง ...ไปซะ อย่าได้มาวุ่นวายกับข้าอีก

     สายตาเขากลับเหมือนมีเปลวไฟพวยพุ่งลุกโชนพลันทุบโต๊ะ ลุกขึ้นปราดมาคว้าตัวข้าไปรวบกอดรัดไว้ในอก “อึก...”  มืออีกข้างหนึ่งก็เน้นบีบแน่นที่ปลายคางข้าสุดแรง

“เจ้า!!”

     บัดนี้สายตาของข้ามิได้คิดสนใจมองไปยังใบหน้าเขา แต่ภายในใจกลับมีแรงต้านทานรุนแรงที่กำลังลุกโชนอยู่ มันเป็นความด้านชาของจิตใจของข้าเอง เขายังคงเค้นบีบหันใบหน้าข้าให้มองไปที่เขา

“ท่าน..จ่ะ-เจ้าเรือน ขะ-ขอรับ”

     บ่าวรับใช้ในเรือนก็พรวดพราดเข้ามาพอดี จนข้าและเขาต้องผละออกจากกัน “เจ้ามีอะไร?”

“ข่ะ ข้าน้อย ขออภัยขอรับ” เขาตะกุกตะกักคงคิดว่าข้ากำลังพลอดรักกับคนถ่อยผู้นี้อยู่สินะ สภาพของข้าตอนนี้ช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย แพรพรรณหลุดลุ่ย จึงนำเสื้อมาปิดบังแบบลวกๆ

“มีอะไรว่ามา...”

“ค่ะ-คุณชายเว่ยมาขอรับ ข่ะ-เขาบอกว่าอยากพบท่านเจ้าเรือน” เหอะ...วันนี้คงเป็นวันซวยของข้าสินะ ข้าถึงได้พบพานศัตรูในทางแคบถึงสองครา

“เว่ยกวง คงเป็นลูกค้าประจำอีกคนของเจ้าสินะ” เขาขบกรามบดคำพูดในลำคอ

“เดี๋ยวข้าลงไป” ข้าหันไปบอกกับบ่าวรับใช้

“ไม่ต้องไป!”

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด