พิมพ์หน้านี้ - ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน19 - P.3 up 06/06/63

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => ข้อความที่เริ่มโดย: PrayTime ที่ 10-08-2019 21:06:26

หัวข้อ: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน19 - P.3 up 06/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 10-08-2019 21:06:26
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้ ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้ มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย ทำได้ แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute ได้ ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
7.1 นิยาย 1 ตอน จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
- 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
(กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17

เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
หัวข้อ: Re: ☆โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน1 up 10/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 10-08-2019 21:08:13
"ใช่ข้ารักเขา" ข้าอยากมอบเรือนร่างนี้ของข้าให้เขา ให้เขามีความสุข แม้ว่าวันหนึ่งข้าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน ข้าอยากทำให้ทุกอย่างในวันนี้เป็นความทรงจำที่ข้าและเขาไม่มีวันลืม

     ข้าเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนปล่อยร่างของข้า ลอยลงมาจากผาสูงชัน สายลมวูบพัดผ่าน ข้าจึงได้ยิ้มออกมา มันคงเป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่ข้าจะยิ้มให้กับโลกใบนี้ หิมะขาวส่งประกายกลิ่นเหมยหอมอบอวล ลมพัดกิ่งไม้สั่นไหว ข้ามองดูและจะจดจำมันไว้ในใจ รอบตัวข้าล้วนมีแต่สิ่งที่ดีและคู่ควร มีเพียงแต่ข้าเท่านั้นที่มันคือส่วนเกิน ข้าหลับตาปล่อยให้ร่างร่วงหล่นลงไปโดยไม่อาวรณ์อะไรอีกแล้ว พลันสติข้าก็ดับวูบลง...


สารบัญ
ตอน1 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg3995710#msg3995710)* ตอน2 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg3995713#msg3995713)* ตอน3 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg3996019#msg3996019)* ตอน4 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg3997248#msg3997248)* ตอน5 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg3997419#msg3997419)* ตอน6 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg3997777#msg3997777)* ตอน7 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg3999160#msg3999160)* ตอน8 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg3999468#msg3999468)* ตอน9 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg3999549#msg3999549)* ตอน10 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg4003764#msg4003764)* ตอน11 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg4003872#msg4003872)* ตอน12 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg4004163#msg4004163)* ตอน13 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg4004265#msg4004265)* ตอน14 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg4005264#msg4005264)* ตอน15 (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70778.msg4005824#msg4005824)*
 
เรื่องย่อๆ

     บัณฑิตหนุ่มนามว่า หลี่เสี้ยวเซียน ชีวิตเขาไม่ได้โปรยด้วยกลีบกุหลาบกลับเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่เขาก็ยังยืนหยัดอดทนฝ่าฟันปัญหาต่างๆ มาอย่างภาคภูมิใจ มิเคยให้ใครต้องมาดูแคลน จนคราถึงคราวที่ดวงชะตาต้องพลิกผันกลับกลายจากชนชั้นสามัญถูกตราหน้าว่าเป็น"โสเภณี" ความเข้าใจผิด ความโกรธ การถูกรังเกียจ ทำให้เขาต้องนำพาชีวิตตนก้าวเดินออกมา โดยมิได้นึกโกรธหรือกล่าวโทษผู้ใด มันเป็นเพราะโชคชะตาอันอาภัพของตน ทำให้เขาได้ฝึกฝนและยืนหยัดต่อไป

"เมื่อฐานะยากจนหรือจะหวังเทียบชั้นคนร่ำรวย เรามันต่างชั้นกันมากเกินไป"

***
ตัวละครสถานที่ในนิยายล้วนเป็นสิ่งสมมุติ เนื้อหาในนิยายเป็นแนว BL (Boy Love's) Yaoi นะขอรับ 

สำนวนไม่สละสลวยข้าน้อยต้องขออภัย ความหมายจีนผิดเพี้ยนไปขอโทษด้วยน้า

ผู้เขียนไม่ได้มีความรู้ภาษาจีนเลย เพียงแต่ชอบบรรยากาศจีนแนวโบราณจึงได้บังอาจเขียนนิยายเรื่องนี้ขึ้นมา

ถ้าหากว่าขัดใจบางท่านไป กราบอภัยด้วยนะขอรับ

นิยายที่จบแล้ว ^^
**บันทึก[ลับ]รัก (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=70564.0)

- - - :n1: - - -
หัวข้อ: Re: ☆โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน1 up 10/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 10-08-2019 21:09:23
ตอนที่ 1.โสเภณีเช่นข้าฯ จำต้องเลือกระหว่างศักดิ์ศรีและชีวิตมารดา

     ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเรื่องราวของข้าจะจบลงอย่างไร ความเจ็บปวดในครั้งนี้คงจะฝังใจข้าไปจนไม่มีทางลืมได้แน่นอน ความเจ็บปวดนี้ช่างสาหัสนัก จากที่ข้าเคยทะนงตนลำบากตรากตรำแค่ไหนก็มิเคยปริปากบ่นทนได้เสมอ ทว่าศักดิ์ศรีที่ข้าเฝ้ารักษาไว้กลับหมดสิ้นไปนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ในวันนั้น

“ท่านหมอ อาการท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง?” ข้าหันไปถามซินแสกู้เมื่อมองใบหน้าของเขาข้าก็รู้สึกสั่นไหวจนใจหล่นวูบ “นางคือมารดาเจ้าอย่างนั้นหรือ?” หมอกู้มองมายังข้าแล้วถามออกมา

“ขอรับนางคือมารดาของข้า” แม้แววตาของท่านหมอจะมองมาที่ข้ากับท่านแม่ที่นอนอยู่บนเตียงด้วยสายตาแปลกๆ แต่หญิงนางนั้นก็คือมารดาของข้าด้วยความสัจจริง “ท่านแม่ของข้าอาการเป็นอย่างไรบ้างขอรับท่านหมอ” ข้าเห็นท่านแม่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงใจก็รู้สึกกระวนกระวายนัก ท่านหมอมิได้เอ่ยกล่าวคำพูดใดๆ นอกจากโคลงศีรษะเบาๆ



“เจ้าทำใจเสียเถอะ” ข้าได้ฟังประโยคของท่านหมอที่เอ่ยออกมาทำให้ใจของข้าหล่นวูบ แทบยืนทรงกายต่อไปไม่ไหว “ไม่มีทางรักษาแม่ข้าได้เลยหรือขอรับท่านหมอ” ข้าส่งสายตาวิงวอนกับท่านหมออีกครั้ง หมอกู้ส่งสายตามาที่ข้าแว่บหนึ่งก่อนกล่าวขึ้น “มันก็พอจะมีทางอยู่ นอกเสียจากจะได้โสมพันปีมาช่วยพยุงอาการของนางไว้ แต่มัน..อาจจะช่วยได้เพียงชั่วคราวเพียงเท่านั้น”

     เมื่อได้ฟังดังนั้นมันเหมือนมีน้ำเย็นลงมาชโลมใจข้า ท่านแม่มีโอกาสรอดแล้วแม้จะเพียงแค่ช่วยพยุงอาการมันก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย “แล้วโสมพันปีข้าจะไปหามันได้จากที่ไหนหรือขอรับ?” ลำบากแค่ไหนข้ามิเคยปริปากบ่นยิ่งเพื่อท่านแม่ด้วยแล้วนางคือผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่แม้บุกน้ำลุยไฟข้าก็ไม่เกี่ยง “เจ้าจะหาโสมพันปีมารักษานางจริงๆ นะหรือ?” ท่านหมอกล่าวพร้อมกับมองมาที่ข้า “ขอรับ ขอท่านหมอเชิญบอกแม้ข้าต้องบุกน้ำลุยไฟก็ไม่เกี่ยงของเพียงช่วยท่านแม่ของข้าได้ก็พอ”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องบุกน้ำลุยไฟหรอกเพียงแค่เจ้ามีเงินห้าร้อยตำลึงทองก็สามารถนำโสมพันปีมารักษานางได้ไม่ยาก” ข้าฟังท่านหมอกล่าวจบก็พลันทรุดกายลงกับพื้นทันที ห้าร้อยตำลึงทอง นี่สวรรค์กำลังกลั่นแกล้งข้าอยู่ใช่ไหม? บัณฑิตจนจนอย่างข้าจะมีปัญญาหานำเงินห้าร้อยตำลึงทองมาจากที่ใดกัน “ห่ะ-ห้าร้อยตำลึงทอง” ข้าบ่นกับตัวเองถึงเงินจำนวนนี้ ข้าจะหาเงินนี่ได้จากที่ใดกัน

     เมื่อมองไปที่ท่านแม่ข้าที่นอนอยู่บนเตียง ยังมีหมอกู้ที่ดูอาการนางอยู่ไม่ห่าง “ไม่มีทางอื่นที่จะรักษาแม่ข้าแล้วหรือขอรับท่านหมอ” ท่านหมอกู้ส่ายศีรษะ “ถ้าไม่มีโสมพันปี แม่เจ้าคงอยู่ได้ไม่เกินสามวัน” ข้าได้ฟังดังนั้นก็พลันเจ็บปวดหัวใจยิ่งนัก ทำไมกันสวรรค์ถึงกลั่นแกล้งคนตกทุกข์เช่นข้า ให้พบกับโชคชะตาที่แสนโหดร้าย “ตกลง ข้าจะรีบนำเงินห้าร้อยตำลึงทองมาให้ท่าน” ท่านหมอกู้หันมาเหมือนไม่เชื่อคำพูดของข้าที่กล่าวออกไป “นี่เจ้าจะหาเงินห้าร้อยตำลึงทองมาจริงๆ นะหรือ?”

“ใช่ขอรับ” ข้าสบสายตามองไปที่ใบหน้าของท่านหมออย่างหนักแน่น “เจ้าไม่ต้องนำเงินห้าร้อยตำลึงทองมาให้ข้าหรอก เพียงแค่เจ้านำเงินนั้นไปให้เถ้าแก่จางที่ร้านแลกเงินแล้วบอกกับเขาว่าเจ้าต้องการโสมพันปี เขาจะเป็นคนจัดการเอามาให้เจ้าเอง”

     ฟังจากท่านหมอกู้พูดมา ก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรนักถ้าข้าเป็นคนมีฐานะหรือคหบดีเศรษฐีใหญ่ แต่ข้าเป็นเพียงบัณฑิตจนจนคนหนึ่งเพียงเท่านั้น หลี่เสี้ยวเซียนเอ๋ยหลี่เสี้ยวเซียน เจ้าจะหาเงินจำนวนนี้มาจากที่ใดกัน

     หลังจากข้าส่งท่านหมอกลับไปแล้ว ข้าเดินครุ่นคิดอย่างเชื่องช้าเดินวนซ้ำไปซ้ำมาภายในบ้านหลังเล็กๆ ที่มีเพียงแค่ข้ากับท่านแม่อยู่อาศัย “พี่ห้าวฉาย” เมื่อเห็นภาพวาดชิ้นหนึ่งของเขาก็พลันทำให้ข้านึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาได้ในทันที นัยน์ตาใสกระจ่าง บุรุษร่างสูงใหญ่ ที่ทำให้ข้ารู้สึกหวั่นไหว คนผู้นี้น่าจะมีเงินห้าร้อยตำลึงทองมาให้ข้าอย่างแน่นอน ตระกูลถังที่มั่งคั่งร่ำรวย ถังห้าวฉายผู้นี้คือผู้ที่จะทำให้ท่านแม่ข้าสามารถอยู่กับข้าได้นานขึ้น

     ข้าไม่รีรอจัดการเขียนจดหมาย นำไปให้บ่าวไพร่ของตระกูลถัง นำส่งไปยังมือของพี่ห้าวฉายในทันที ความหยิ่งทะนงของข้าที่เคยมี บัดนี้มันช่วยเหลืออะไรข้าไม่ได้เลย ช่างเถอะ ในเมื่อตัดสินใจแล้วข้าจะมามัวเสียใจอีกทำไมกัน



     ไม่นานนัก เสียงรถม้าก็วิ่งมาถึงหน้าบ้านของข้า” เสี้ยวเซียน เจ้ามีอะไรหรือเปล่า? ทำไมกันจึงส่งจดหมายหาข้าให้ออกมาในเวลานี้” ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาที่มองมายิ่งทำให้ข้ารู้สึกอุ่นใจ “พี่ห้าวฉาย วันนี้ท่านพาข้าไปที่บ้านพักท่านที่ริมเขาจะได้ไหม?”

“ได้สิ เจ้าอยากไปที่ใด ข้าพร้อมจะพาเจ้าไปเสมอ ขอเพียงให้เจ้าบอกข้ามา...แต่ทำไมกันปรกติข้าชวนเจ้าสนทนาก็ไว้ตัว แสดงทีท่าไม่สนใจ เหตุใดเวลานี้เจ้าเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้” พี่ห้าวฉายสอบถามข้าระหว่างที่พาข้าขึ้นบนรถม้า ทว่าข้าเองนั้นมิรู้ว่าควรจะตอบเขาไปเช่นไรดี

“อาหนิวไปได้”

“ขอรับคุณชาย”

“เสี้ยวเซียน เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า? ดูสีหน้าไม่ดีไม่สบายใช่ไหม?” ท่านยังคงช่างสังเกต

“เปล่า ข้าไม่ได้เป็นอะไร อาจจะเป็นเพราะว่าอากาศหนาว”

“อากาศหนาวอย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นเอาเสื้อคลุมของข้าห่มไว้” เพียงครู่เขาก็ปลดเสื้อคลุมผืนหนายื่นส่งมาให้ข้าในทันที “แล้วท่านล่ะ?”

“หึ ข้าไม่เป็นไรหรอก ข้าคือผู้ฝึกยุทธ ไม่ใช่บัณทิตผอมบางเช่นเจ้า อากาศหนาวเช่นนี้ข้าไม่เป็นอะไรหรอก”



     พี่ห้าวฉายยังคงเป็นเช่นเดิม ฐานะของท่านกับข้าเทียบกันดั่งฟ้ากับเหว เหตุใดกันท่านจึงมาสนใจไยดีบัณฑิตตกยากเช่นข้ากันนะ ความเงียบงันตราบจนรถม้าวิ่งไปบนถนน เขายังคงไม่กล้าที่จะกล่าววาจาใดๆ คงเป็นเพราะเกรงใจข้า ดังเช่นที่เคยเป็นมาสินะ



     ที่เชิงเขาในคืนนี้หิมะปลิวโปรย ท่ามกลางอากาศเหน็บหนาวผู้คนทั่วไปตลอดเส้นทาง ต่างซ่อนตัวอยู่ในบ้านเรือนกันหมดสิ้น ด้านนอกไหนเลยจะมีคนสัญจรไปมา มันสงบเงียบไร้สุ้มเสียง ข้าเปิดหน้าต่างของรถม้ามองออกไปจนปะทะลมหนาวพัดมาให้รู้สึกเยือกเย็นเสียดกระดูก ประกายหิมะบนพื้นสว่างไสวยิ่งพลันทำให้ภายในใจยิ่งหนาวเหน็บ ที่แม้แต่เสื้อคลุมตัวหนาก็มิอาจช่วยบรรเทาลงได้
หัวข้อ: Re: ☆โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน2 up 10/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 10-08-2019 21:12:17
2.คนเลวเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ

     ข้าเดินอย่างเชื่องช้า เข้าไปในบ้านของพี่ห้าวฉาย แม้จะเป็นบ้านพักหลังไม่ใหญ่โตนักสำหรับตระกูลถังที่มั่งคั่ง แต่สำหรับข้าแล้วมันคือบ้านที่ใหญ่พอสมควร แม้บ้านหลังนี้จะไม่มีคนอาศัยอยู่ แต่ภายในกลับถูกตกแต่งสวยงามสะอาดสะอ้าน ภายในบ้านเงียบงันบรรยากาศเยือกเย็น ข้าเหลือบเห็นนัยน์ตาใสกระจ่าง ของบุรุษร่างสูงใหญ่ รอยยิ้มที่แสนจริงใจของเขาที่หันมองมา พลันทำให้ใจของข้าปวดหนึบ มือทั้งสองก็ประกบกันพลันบีบรัดอย่างสั่นไหวจนข้าแทบจะลืมสิ้นตัวตน

“อาหนิว เจ้าไปต้มน้ำร้อนยกสุรากับอาหารไปให้ข้าในห้องด้วย”

     เสียงพี่ห้าวฉายสั่งบ่าวรับใช้คนสนิทแว่วดังมาจากด้านนอก แต่ตัวข้ากลับเดินลึกเข้ามาถึงด้านในตัวบ้านหลังใหญ่ นี้สินะคือห้องนอนของพี่ห้าวฉาย มันดูช่างเหมาะสมกับฐานะคุณชายใหญ่แห่งสกุลถังอย่างเขาเสียจริง คนเช่นข้าฐานะไม่ต่างจากยาจกอย่าได้คิดไปเทียบชั้น ชาตินี้อย่าได้หวังหรือฝันไปเลยหลี่เสี้ยวเซียนเอ๋ย

“สุรากับอาหารพร้อมแล้วขอรับคุณชาย”

“อืม เจ้าจะไปทำอะไรก็ไปเถอะ ถ้ามีอะไรเดี๋ยวข้าเรียกเจ้าเอง”

“ขอรับ”

     อาหนิงยกสุราอาหารเลิศรสชั้นดีมาวางไว้ ข้าเหลือบมองดู อาหารเหล่านี้สำหรับข้าดูมันช่างห่างไกลกับคนเช่นข้าเสียเหลือเกิน ยิ่งกล่าวถึงบุรุษเจ้าของบ้านหลังนี้แล้วยิ่งไม่คู่ควรอย่างยิ่ง

“เสี้ยวเซียนเจ้าหิวหรือยัง กินอะไรก่อนสิ” ข้าน้อมกายขอบคุณ พี่ห้าวฉายยังคงใส่ใจข้าดังเช่นที่เคยเป็นมา แต่คนเช่นข้าไหนเลยคู่ควรกับการกระทำนี้ ความคิดและจิตใต้สำนึกมันสั่งงานข้าออกมาแบบนั้น

“มาๆ เจ้านั่งลงกินอะไรรองท้องก่อน”

“ขอบคุณท่านมาก”

     เมื่อข้านึกถึงภาพของท่านแม่ที่นอนอยู่บนเตียงก็ยิ่งให้กระวนกระวายใจ จึงพลันยืนเผชิญหน้ากับเขา บัดนี้ความละอายแลศักดิ์ศรีที่เคยมี ข้าได้กลืนกินและกลบฝังมันจนหมดสิ้นไป

“เสี้ยวเซียน เจ้ามีอะไรอย่างนั้นหรือ?”

“ข้ามีสิ่งหนึ่งต้องการจะขายให้กับท่าน”

“เจ้าจะขายอะไรหรือ?” ข้านิ่งงันอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวออกมา

“เรือนร่างของข้ายังไงล่ะ”

     บัดนี้ความละอายทั้งหมดที่มีมันไม่หลงเหลือให้ข้าต้องคิดให้มากความแล้ว ทว่าประโยคเมื่อครู่ของข้าพลันทำให้บุรุษตรงหน้า ที่กำลังมีรอยยิ้มของเขาแห้งหายไปในทันที

“เสี้ยวเซียน! เจ้าว่าอะไรนะ” เขาอุทานออกมา แต่ว่าบัดนี้หูทั้งสองของข้ามันอื้ออึงด้านชาไปเสียแล้ว “เจ้าพูดอะไรนะ พูดเล่นใช่ไหม?”

“ข้าไม่ได้พูดเล่น หากแต่เป็นความต้องการของข้าเอง”

     ข้าข่มกลั้นสะกดอารมณ์ เพื่อส่งต่อไปให้ใบหน้าของข้าดูเยือกเย็นสุขุมหยิ่งทะนงดังเช่นที่เคยเป็น มิให้อาการหวั่นหวาดปรากฏออกมาเด็ดขาด แววตาสีดำขลับจ้องมองมา คิ้วดกหนาย่นยู่เข้าหากัน สายตาของเขาที่ฉายออกมาข้ารับรู้ได้ว่าเขาคงผิดหวัง

“ห้าร้อย...ตำลึงทอง ถ่ะ-ถ้าพี่ห้าว ...อ่ะ-เอ่อคุณชายถังต้องการ” เขายังคงตะลึงกับคำพูดของข้าอยู่การแสดงออกทางสีหน้าเขาบ่งบอกได้ คงกำลังโกรธข้าเป็นแน่ เพราะทางสีหน้าของพี่ห้าวฉายแสดงออกมาชัดเจน จนเขาต้องเบือนหน้ามองไปทางอื่น

“หลี่เสี้ยวเซียน!”

     ข้าได้ยินคำพูดที่เน้นเสียงหนักแน่นของเขาอย่างชัดเจน จนดึงสติที่หลุดลอยของข้ากลับเข้าตัวมาอีกครั้ง ข้ายังคงยืนนิ่งหยิ่งทะนงหนักแน่นเพื่อยืนยัน

“ข้าต้องการขายเรือนร่างนี้จริงๆ ห่ะ-หากคุณชายถังไม่ ต่ะ..ต้องการ ข้าจะไปหาคุณชายเว่ย” ข้าไม่รีรออะไรให้มากความอีกต่อไป หากเขามิได้สนใจ ข้าก็พร้อมจะก้าวเท้าออกมาจากบ้านหลังนี้ในทันที

“ช้าก่อน”

“ที่..เจ้าพูดเมื่อครู่ มันคือเรื่องจริงอย่างนั้นหรือ?”

     เขาจ้องมองมาด้วยตาที่แดงก่ำ ข้าสบตาจนทำให้ปวดในอกอย่างบอกไม่ถูก จนข้ามิอาจตอบกลับเป็นคำพูดได้ นอกจากพยักหน้า บัดนี้ข้าทำได้เพียงยืนนิ่งขบริมฝีปากของตนจนลืมความเจ็บ กล้ำกลืนน้ำตาของตนเอาไว้มิให้มันไหลออกมาในเวลานี้

“เจ้าบอกข้าซิ ว่าที่เจ้าพูดเมื่อครู่.....” เขายังคงไม่เชื่อในคำพูดของข้าสินะ

“ใช่ มันคือเรื่องจริง” ข้ารีบตอบไปในทันที “ถ้าคุณชายถังไม่ต่ะ-ต้องการ...ข้าขอตัวกลับก่อน”

     ข้ามิอาจทนอยู่ดูใบหน้าที่ผิดหวังของเขาได้อีกต่อไป มันทรมานใจข้าเหลือเกิน เกินกว่าจะรับได้ ทว่าข้ายังมิทันก้าวเท้าออกมาถึงสามเก้า เขาก็พุ่งปราดมากระชากตัวข้าเหวี่ยงจนข้าถลาไปบนเตียง

“ย่ะ-อย่า” ข้าเขยิบกายถอยหนีเขาอย่างลืมตัว

“ข้าเสียใจ...เสียใจนัก...เสียใจจริงๆ” ดวงตาที่เกรี้ยวกราดฉายแววปรากฏ จ้องมองมาตอนนี้ข้าเหมือนกับถูกเปลวไฟแผดเผาจนเหมือนจะหลอมละลาย

“ข้าหลงคิดเสมอ...ว่าเจ้าเป็นคนหยิ่งทะนงซึ่งศักดิ์ศรี คิดเสมอว่าเจ้าเป็นคนดีที่น่าทะนุถนอม ..ผิดไป ข้ามองเจ้าผิดไปจริงๆ”

“ฮึก...” ข้าได้แต่ตัวสั่นเทามิอาจโต้ตอบเขากลับไปได้

“ที่แท้ที่ผ่านมา เจ้าก็ไม่ต่างจากนางโลมหอคณิกา ที่เสนอขายเรือนร่างอย่างหน้าไม่อาย ...เจ้าทำให้ข้าเกลียด...เกลียดเจ้านัก...ข้าเกลียดเจ้าเหลือเกินได้ยินไหม! หลี่เสี้ยวเซียน!! ”

     ประสาทรับรู้ของข้ามันแทบจะไร้ความรู้สึก ตัวที่แข็งทื่อมือข้าชุ่มชื้นไปด้วยเหงื่อที่ซึมไหลออกมา ข้าได้แต่พร่ำบอกกับตัวเองว่า ที่เขาด่ามานั้นถูกต้องแล้ว ข้าจะมามัวเสียใจอยู่ทำไม เราก็ไม่ต่างจากนางโลมหอคณิกาดังเขาว่าจริงๆ อย่าได้แสดงความอ่อนแอออกมาให้เขาเห็นเป็นอันขาด

[......รักเขา...ใช่...ข้ารักเขา]

     ข้าอยากมอบเรือนร่างนี้ของข้าให้เขา ให้เขามีความสุข แม้ว่าวันหนึ่งข้าจะเจ็บปวดสักแค่ไหน ข้าอยากทำให้ทุกอย่างในวันนี้เป็นความทรงจำที่ข้าและเขาไม่มีวันลืม

“เจ้า! ” เขายืดกายตั้งตรงแล้วมองมา นัยน์ตาบ่งบอกได้ถึงความเจ็บปวด

“ไอ้...โสเภณีแผนสูง!!”

“ฮึก...ฮึก” คำด่าประโยคนี้มันช่างทำให้ใจของข้าปวดหนึบ

“หึ เล่นตัวหลอกล่อข้าเสียตั้งนาน หลอกจนข้าไว้ใจเชื่อใจ แล้วปั่นหัวข้า...คนหน้าเงินใจสกปรกอย่างเจ้า ข้า..ข้าผิดเองโง่เองที่ยินยอมให้เจ้ามาเหยียบย่ำหัวใจเหมือนข้าเป็นคนบ้าอยู่ผู้เดียว..”

“อึก..ฮึก..ห่ะ-ห้าร้อยตำลึงทอง..มิเช่นนั้น...ข่-ข้า..จะออกไปเดี๋ยวนี้” เขาจ้องเขม็งมองมา

“หึ ห้าร้อยตำลึงทอง ไม่แพง ไม่แพงเลยสักนิด”

“ฮึก...อึก ใช่..ไม่แพง”

“สำหรับข้าถังห้าวฉาย...หยิบจ่ายเงินแค่ห้าร้อยตำลึงทอง สำหรับเชยชมเรือนร่างของบัณฑิตหนุ่มที่งดงามและยังไม่เคยแปดเปื้อนมือชายใดเช่นเจ้า...ไม่แพงเลยสักนิด” เขาถลันกายเข้ามาหาข้าอย่างช้าๆ เหมือนกับเสือร้ายกำลังไล่ต้อนลูกแกะให้จนมุม

“เจ้าเป็นไปได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ? หลี่เสี้ยวเซียน...ทำไม ทำไมเจ้าถึงได้ใช้ความรักและไว้ใจมาปั่นหัวข้า” ข้าได้เพียงแต่กดกลั้นความปวดหนึบในใจ ข่มเอาไว้แล้วเชิดหน้าตอบเขาไปโดยไม่แยแสไยดี สายตาที่จ้องมองมายังตัวข้า

“ฮึก...เงินทอง...ความสุขสบายยังไงล่ะ..สิ่งที่ข้าต้องการ เพียงห้าร้อยตำลึงทอง สำหรับคุณชายใหญ่แห่งสกุลถัง คงไม่มีปัญหาหรอกใช่ไหม?”

ผลัวะ!!

     ไม่เจ็บ... ข้าไม่เจ็บเลยสักนิด มืออันใหญ่หนาของเขา ฟาดกระทบบนใบหน้าของข้า ข้าไม่รู้สึกเจ็บเลย รสเค็มหวานจางๆ ในโพรงปากบอกได้ว่าเลือดสดๆ ได้ไหลออกมา ข้าได้แต่ข่มกลืนมันลงลำคอไป

“โอ๊ะ!! ”

     เขากระชากตัวข้าลุกขึ้นมา ใช้ริมฝีปากบดขยี้อย่างรุนแรงมือเขากระชากแหวกเสื้อของข้าเผยให้เห็นแผงอก...ข้าได้แต่พร่ำบอกกับตัวเอง [อย่าได้หลั่งน้ำตาออกมานะหลี่เสี้ยวเซียน!] เขากระทำกับเรือนร่างของข้าไม่ต่างจากสัตว์ร้ายที่หิวกระหาย

“โอ๊ย! ”

     เขากดปลายจมูกมาสัมผัสริมฝีปากเขากระชับกัดดูดดุนตรงเนินอก ข้าพยายามขัดขืนหนีการกระทำของเขาอย่างลืมตัว ทว่าข้ายังช้ากว่าเขา จึงโดนกระชากร่างกลับมาอีกครั้ง เขาสอดลำแขนโอบรัดร่างข้าไว้แนบแน่น จนข้าสัมผัสได้ถึงไออุ่น อย่างไม่เคยสัมผัสมาก่อน เขากระทำรุนแรงไม่มีความปรานี ถังห้าวฉายในเวลานี้ไม่ใช่ถังห้าวฉายที่ข้าเคยรู้จัก เขาเหมือนคนบ้าหื่นกระหายที่คงตักตวงความสุขสมจากเรือนร่างของข้า ให้คุ้มกับเงินห้าร้อยตำลึงทอง ความเถื่อนดิบที่เขากระทำ เน้นย้ำลงมาบนตัวข้า แทรกผ่านเข้ามา ล้วนทำให้ข้าปวดร้าวหัวใจ เจ็บเหลือเกิน ข้าปวดใจเหลือเกินท่านรู้หรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ☆โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน2 up 10/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-08-2019 12:16:04
บอกว่าแม่ป่วยจะเอาเงินไปรักษาแม่พูดไม่เป็นหรา ทำไมไม่บอกแบบนี้จะให้เข้าใจผิดทำไม แล้วอิตานั่นก็ไม่ถามอะไรทั้งสิ้นตัดสินว่าเค้าเป็นโสเภนีแผนสูงเลย นี่รักกันจริงป่าวนิ :serius2: รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ☆โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน2 up 10/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-08-2019 17:56:08
คือทำไมไม่บอกไปตรง ๆ เลยล่ะ ไหน ๆ คุณชายก็มีใจให้ พูดกันดี ๆ ดีไม่ดีอาจได้มาฟรี ๆ ก็ได้
หรือไม่คุณชายถังอาจยอมรับเงื่อนไขถ้าเราเสนอว่าก็กู้ยืมเงินมาช่วยแม่
ทำไมเป็นถึงบัณฑิตแต่กลับสิ้นคิดแบบนี้
หัวข้อ: Re: ☆โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน2 up 10/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 11-08-2019 18:38:58
ทำไมน้องเจียมตัวอย่างนี้ บอกไปสิว่าขอยืมเงินอ่ะ :katai1:
หัวข้อ: Re: ☆โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน3 up 11/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 11-08-2019 19:17:22
3.ชีวิตข้าหมดสิ้นแล้ว

     ข้าสลบไปนานเท่าใดกัน ความดิบเถื่อนที่เขาตักตวงจากเรือนร่างของข้าผ่านพ้นไปแล้วสินะ ข้ามองดูสภาพร่างกายของตัวเองในเวลานี้ ช่างไม่เหลือเค้าลางของบัณฑิตที่ทะนงตนอยู่แม้แต่น้อย เสื้อผ้าของข้าถูกปลดเปลื้องเหวี่ยงออกไปคนละทาง ตัวข้าที่เปลือยเปล่า พี่ห้าวฉายเขาก็นอนลืมตาอยู่ข้างตัวข้า เห็นข้าตื่นจึงมองมาเพียงครู่เขาก็เบือนหน้าไปทางอื่น



     ท่านเป็นแบบนี้ข้ารู้สึกไม่คุ้นเลย พลันน้ำตาก็ไหลฉาบใบหน้าข้าทันที ข้าไม่ได้เสียใจกับเรือนร่างที่มอบให้เขา แต่ข้าเจ็บปวดใจที่ข้ากับเขาเกิดมาอยู่คนละชนชั้นกัน  เขาหลบซ่อนนัยน์ตาสีแดงก่ำไม่ให้ข้าเห็น ช่างเถอะมันผ่านไปแล้ว ข้าจะมาครุ่นคิดเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นี้ทำไมกัน ชาตินี้ก็ได้แค่ฝันไปเท่านั้นเจ้าอย่าได้คิดฝันไปเลยหลี่เสี้ยวเซียน... เขายังไม่หยุดใช้วาจาเสียดสีทิ่มแทง



 “หึ ตื่นแล้วสินะ ลูกค้ารายแรกอาจจะทำให้เจ้าลำบากสักหน่อย...ไม่นาน...ไม่นานหรอกคนต่อไปเดี๋ยวเจ้าก็จะชิน...ชินกับอาชีพนี้ไปเอง” ฟังเขากล่าววาจาเสียดแทง ข้าได้แต่นิ่งข่มกลั้นเอาไว้ “ฮึก...ฮึก”



 “ข้าช่างโงงมนัก...จนลืมนึกไปเสียสนิทชนชั้นต่ำเช่นเจ้าจะมีความคิดสูงส่งได้อย่างไร ถ้ามิใช่หวั่งคบกับข้าเพื่อหวังปูทางให้ตัวเองด้วยวิธีชั้นต่ำที่เจ้าเรียนรู้มา...เป็นโสเภณีที่แผนสูงเสียจริงหึ!” ประโยคที่เสียดสีข้านี้ มันช่างทำให้ใจข้าปวดร้าวนัก เกินกว่าจะอดทนได้จึงคิดงื้อมือกำหมัดหมายสั่งสอนคนปากร้ายผู้นี้สักครั้ง แต่เขาคือผู้ฝึกยุทธเขาได้ใช้มือเขารับหมัดของข้าได้ง่ายดาย

“หยุด!...เจ้าหยุดนำมือสกปรกนี้มาเตะต้องตัวข้า..หึ...”เขายิ้มเยาะจ้องมองมาที่ข้า “เจ้ารู้สึกอย่างไรบ้างสำหรับลูกค้ารายแรก....ถึงใจเจ้าดีหรือไม่?”  เขาช่างสรรหาวาจาเชือดเฉือนใจข้านัก ประโยคต่างๆที่ได้ยินเหมือนกับตัวข้าโดนมีดนับพันสับหั่นร่างออกมาเป็นพันชิ้น มันช่างเจ็บปวดใจ

“เป็นยังไงบ้างละ? สมใจเจ้าหรือยัง?”

“ฮึก...ยัง!” ข้ารวบรวมความกล้าก่อนตอบไปเพื่อความสะใจของตนเองเพียงเท่านั้น แต่เขากลับถลันผลุดกายขึ้นมาค่อมตัวข้าไว้ในทันที “โอ๊ะ!”  มือใหญ่หนาของเขาขยับกดบีบที่ปลายคางของข้าเน้นหนักขึ้นเรื่อยๆ



“เจ้ามันโสโครก คนชั้นต่ำที่จมอยู่กับสิ่งสกปรก...ข้าเสียใจ ฮึก..เสียใจจริงๆ” ข้าฝืนทนกับคำพูดของคนผู้นี้ไม่ได้อีกต่อไป มันทิ่มแทงให้หัวใจของข้าทรมานเหลือเกิน จึงใช้กำลังที่มีผลักร่างของเขาออกไปอย่างสุดแรง

“..ฮึก... ข้าหวังว่าคุณชายถัง...จะไม่ลืมเงิน..ห่ะ-ห้าร้อยตำลึงทองของข้า”

“หึ...ไร้ยางอาย ได้สิข้าจะให้คนขน เอาไปให้เจ้าที่บ้าน”

“ไม่ต้อง! ท่านให้คนส่งเงินไปที่ร้านแลกเงินของเถ้าแก่จาง...แล้ว...แล้วบอกว่ามันคือเงินของข้า..ก็พอ”



     ข้าห่อร่างของตนด้วยผ้าห่มบนเตียงเพื่อหยิบเอาเสื้อผ้าของข้ามาสวมใส่ แต่เขายังคงจ้องมองมาที่ข้าด้วยแววตาที่เคียดแค้น เมื่อข้าสวมใส่อาภรปิดบังเรือนร่างเรียบร้อยก็ รีบนำร่างอันบอบช้ำเพื่อเตรียมออกจากบ้านหลังนี้

“ข้าขอตัว ขอบคุณ คุณชายถังมาก” ข้าน้อมตัวก่อนกล่าวคำลา มันอาจจะเป็นคำกล่าวครั้งสุดท้ายในชีวิตของข้าที่จะได้เจอหน้าเขา

“หยุดก่อน”

“คุณชายมีอะไรจะสั่งข้าอีกอย่างนั้นหรือ?”

     ข้าก้มหน้าตอบด้วยเสียงอันแหบพร่าของข้ากล่าวไปไม่ได้ดังมากนัก แล้วเหลือบมองใบหน้าของเขาอีกครั้ง ทว่าอยากมองให้นานเท่าที่จะนานได้ แต่ความละอายในใจก็พลันบังเกิด ข้าจึงได้รีบก้มหน้ามิกล้าสบตา ข้ามันไม่คู่ควร ไม่คู่ควรกับท่านจริงๆ

“เจ้านั่งรถม้ากลับไปกับข้า”

“ข้าคงไม่กล้ารบกวน...คุณชายถัง”

“หึ จะรบกวนอะไรกันเล่า..ก็ข้าตักตวงความสุขบนเรือนร่างเจ้าจนมีสภาพแบบนี้ ถ้าข้ายังใจดำปล่อยให้เจ้าเดินเท้าฝ่าหิมะออกไป ก็ดูจะใจดำเกินไป ไหนๆข้าก็ได้สิ่งที่ควรได้ตักตวงมาจนคุ้มค่าแล้ว เรื่องแค่นี้ข้ายังพอจะทำให้เจ้าได้” คำพูดแต่ละประโยคของเขายังคงเชือดเฉือนข้าไม่หยุด ข้านั้นอยากจะตายเพื่อจบชีวิตอันไร้เกียรตินี้เสียแต่ตอนนี้ ข้าพร่ำบอกกับตัวเองข้ายังจะตายไม่ได้ ท่านแม่ ท่านแม่ยังรอคอยข้ากลับไปอยู่ “ฮึก...ฮึก”

“ไปได้แล้ว!” เขากระชากมือข้าดึงตามเขามาสุดแรง

“อาหนิวไปเอารถม้ามา”

“ขอรับคุณชาย” อาหนิวบ่าวรับใช้มองข้ากับพี่ห้าวฉายด้วยความงุนงง เขาคงไม่รู้เรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น เมื่อฟังผู้เป็นนายสั่งมาด้วยน้ำเสียงเน้นหนักจึงรีบวิ่งออกไปในทันที

     ด้านนอกอากาศเย็นจัดทว่าภายในใจข้ากลับหนาวยิ่งกว่ามากนัก ข้ามองดูท้องฟ้ามันช่างน่ารันทดเสียจริงความเงียบงันวังเวงของวันนี้ เพียงครู่เดียวพอเดินไปด้านนอกก็มีรถม้าของ อาหนิวจอดรออยู่

     รถม้ายังคงวิ่งไปเรื่อยๆ ทว่าภายในรถม้ากลับมีแต่ความเงียบมิได้มีเสียงพูดคุยกันเหมือนดังเช่นตอนมา จนข้าเหลือบไปเห็นมือพี่ห้าวฉายกุมพัดเหล็กหนักแน่นเน้นหนักขบบิดไปมาเหมือนชิงชัง ใช่สินะเขากำลังเคียดแค้นข้าอยู่นี่นา

“คุณชายถัง” ข้าตัดสินใจทลายความเงียบนี้ลง เพื่อจะคุยกับเขาอีกครั้ง

“มีอะไร?” น้ำเสียงของพี่ห้าวฉายดูเย็นชา ไร้ซึ่งรอยยิ้ม นัยน์ตาไม่สดใสเลยสักนิด

“พัดในมือท่านนั้น ข่ะ-ข้าขอได้หรือไม่?”

“หึ ...อยากได้นักใช่ไหม เอาไป! เจ้าเอาไปเลย เอาไปให้หมด..เจ้าอยากจะได้อะไรในตัวข้าอีกมั้ย จะได้เอามันไปเสียแต่วันนี้เลย!!”

“ฮึก...”เขาโยนพัดเหล็กนั้นมาให้ข้า โดยเบือนหน้าไม่หันมองมาเลยสักนิด เมื่อรถม้าแล่นผ่านร้านแลกเงินของเถ้าแก่จางข้าจึงได้ตัดสินใจขอลง “ข้าขอลงตรงนี้”

“..ไร้ยางอาย...เจ้าไม่ต้องกลัวหรอกเรื่องเงิน.....ข้าจะรีบบอกให้คนนำเงินมาให้เจ้าเดี๋ยวนี้”

“ขอบคุณคุณชายถัง” ข้าน้อมกายในมือยังคงกำพัดเหล็กลวดลายสวยแปลกตานี้ไว้ พู่ที่ห้อยด้วยหยกขาวชิ้นเล็กนี้ดูงดงามนัก ข้าเฝ้ามองมันอย่างไม่เบื่อหน่าย จนบ่าวรับใช้ของสกุลถังนำเงินมาให้ข้าที่ร้านแลกเงินเถ้าแก่จาง

..

“ท่านหมอ ท่านหมอขอรับ ข้าได้โสมพันปีมาแล้ว”

     ข้ารีบร้อนไปหาซินแซกู้ในทันที ดูเหมือนหมอกู้จะแปลกใจมาก ว่าข้าใช้วิธีใดกัน ถึงได้นำโสมพันปีที่มีราคาแพงนี้มาได้ ท่านหมอใช้เวลารักษาแม่ข้าไม่นานก็กลับไป ข้าเฝ้าดูแลอาการของนางจนล่วงเลยมาห้าวันเต็ม  จนท่านแม่ของข้าก็ได้สติคืนมา

“เสี้ยวเซียน! แค่ก แค่ก”

“ท่านแม่...ท่านฟื้นแล้ว” ข้าเพ่งมองใบหน้าที่อิดโรยของท่านแม่อย่างเป็นห่วง เกาะกุมมือของนางมาแนบกับแก้มข้าอย่างแผ่วเบา ฝืนยิ้มให้มีรอยยิ้มสดใสเพื่อคลายความเบาใจของท่าน

“ท่านแม่ ท่านจะต้องหายดีอย่างแน่นอน”

“แค่ก แค่ก อย่ามาปลอบแม่เลย แม่รู้ตัวเองดีว่าคงอยู่ได้อีกไม่นาน”

“ท่านแม่อย่าพูดเช่นนั้น”

“แค่ก แค่ก แต่ก่อนแม่จะตายอยากจะบอกความจริงกับเจ้าอย่างนึง”

“ความจริงอะไรหรือขอรับ?” ข้างุนงงนัก ท่านแม่กับข้าไม่เคยมีความลับต่อกันแล้วมีความจริงใดที่ข้ายังไม่รู้

“แค่ก แค่ก แค่ก ถ้าเจ้ารู้ความจริงเจ้าอาจจะโกรธเกลียดแม่ก็ได้” เสียงแหบพร่าของนางกล่าวออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน

“ไม่หรอก ลูกไม่มีทางจะโกรธหรือเกลียดท่านแม่เด็ดขาด ท่านแม่ต้องหายดีท่านแม่ต้องเชื่อข้านะ” ข้าพยายามข่มกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ท่านแม่เห็น รอยยิ้มของข้าต้องยิ้มอย่างสดใสเพื่อเป็นกำลังให้นางอยู่กับข้าต่อไป

“โธ่เอ๋ย เด็กดี ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ ลูกแม่เจ้าช่วยหยิบกล่องใบนั้นมาให้แม่หน่อยได้ไหม” กล่องไม้สีดำลวดลายเก่ามันมีฝุ่นจับหนาดูไร้ราคายิ่งนัก ข้าจึงหยิบนำมันไปเช็ดก่อนนำส่งให้กับนาง

“นี่ขอรับ”

“อืม....”

     ท่านแม่หยิบเอาของในกล่องนั้นออกมา มันเป็นมีดสั้นลวดลายดูสวยงามสะดุดตาเสียจริง ข้านึกไม่ถึงเลยว่าท่านแม่จะเก็บมีดที่ดูมีค่าเล่มนี้ไว้ในบ้าน แม่ข้ามองมีดสั้นเล่มนี้ก็พลันมีน้ำตาไหลรินออกมาทำให้ข้าแปลกใจ

“เสี้ยวเซียน มีดสั้น...ล่ะ-เล่มนี้คือสมบัติแม่ของเจ้า”

“ของแม่ข้า? แม่ของข้าก็คือท่านยังไงล่ะ” ในใจข้ารู้สึกสับสนเมื่อได้ยินดังนั้น “ข้านั้นไม่ใช่แม่ที่ให้กำเหนิดเจ้ามาหรอกนะ แค่ก แค่ก...เจ้าของมีดเล่มนี้ต่างหากล่ะคือแม่เจ้า...” ข้าฟังคำพูดของนางกล่าวออกมายิ่งทำให้ข้ามึนงง อะไรกัน นี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่ “เจ้าจะโกรธข้าไหม?”

“ไม่เลยขอรับ ลูกไม่เคยคิดโกรธท่าน...อึก อึก..” ท่านแม่พยายามยกมือของนางขึ้นลูบหัวข้า ข้าจึงนำใบหน้าลงซบ ยกมือนางมาเกาะกุมเอาไว้

“ล่ะ-แล้วแม่ข้าคือใครกัน?” ในใจของข้าขณะนี้มีแต่ความสับสน ในหัวก็พลันมึนงงกับสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง

“เมื่อ18ปีก่อน ข้าเป็นแม่นมให้กับเจ้า แล้วเสียลูกชายไปจึงได้ลัก พ่ะ-พาตัวเจ้าออกมา....อึกก...อึก...”

“ท่านแม่ ท่านอย่าเพิ่งพูดเลย ท่านรีบทานยาก่อนเถอะ” ทำไมกันท่านแม่ข้าได้โสมพันปีมารักษาเหตุใดอาการท่านจึงไม่ดีขึ้น “ท่านแม่รอข้าก่อนนะ ข้าจะไปหาหมอกู้”

“เสี้ยวเซียน!....ป่ะ-ปานแดงรูป..ผ่ะ-ผีเสื้อที่...ล่ะ-ไหล่ซ้ายเจ้า” ท่านแม่ยังคงจะพูดกับข้าต่อ แต่ข้าเห็นอาการของนางดูยิ่งแย่เกินกว่าจะทำใจฟังต่อได้

“ท่านแม่...ท่านรอกอ่นนะ...ท่ะ-ท่านต้องไม่เป็นอะไร ข้าจะตามท่านหมอมา อึก..อึก...ข้าจะรีบไปรีบกลับท่านรอข้าก่อนนะ”

     เวลานี้ข้าไม่มีเวลาฟังคำกล่าวอะไรทั้งนั้น ใจของข้ากระวนกระวายอย่างยิ่ง เพราะนางคือโลกทั้งใบของข้าในเวลานี้ หากโลกนี้ไม่มีนาง ข้าก็ไม่อยากจะมีอยู่ชีวิตอยู่บนโลกนี้ต่อไป ข้าเป็นลูกของนางก็ดีไม่ใช่ก็ช่าง เวลานี้ชีวิตของนางสำคัญที่สุดสำหรับข้า

     ข้ารอท่านหมอกู้ไม่นานข้ากับเขาก็รีบกลับมา ทว่ากลับสายไปเสียแล้ว “ท่านแม่ ฮือฮือ....ทำไม อึก...อึก ทำไมท่านไม่รอข้าก่อน...อึก อึก แล้วข้าจะอยู่ต่อไปยังไงกันถ้าไม่มีท่านแล้ว...ฮือฮือ”

“เจ้าทำใจเสียเถอะ” ท่านหมอกู้ปลอบข้า ตอนนี้หัวใจข้าเหมือนถูกเกาทัณฑ์นับพันยิงทะลุผ่านหัวใจเหมือนร่างจะแหลกสลาย ข้าไม่หลงเหลือใครอีกแล้วทำไม สวรรค์ท่านช่างโหดร้ายนัก อึก อึก

   
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน3 up 11/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-08-2019 21:27:42
เข้มแข็งไว้เสี้ยวเซียน ชีวิตต้องเดินหน้าต่อไปเรื่องที่ผ่านมาแล้วปล่อยไป :กอด1:
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน3 up 11/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: Funnycoco ที่ 12-08-2019 02:03:10
 :pig4:
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน3 up 11/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-08-2019 09:02:52
มีของต่างหน้าแบบนี้คงสืบหาแม่ที่แท้จริงได้ไม่ยากหรอก
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน3 up 11/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 12-08-2019 11:55:17
สงสารแม่นม
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน3 up 11/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-08-2019 02:11:27
ก็บอกไปสิว่าต้องการเงินไปรักษาแม่
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน3 up 11/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 15-08-2019 23:21:58
หายไปนานจังเลย
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน4 up 16/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 16-08-2019 18:19:10
4. ข้าคือเจ้าของหอคณิกา

     ท่านแม่จากข้าไปในตอนนี้ชีวิตข้าไม่หลงเหลือสิ่งใดให้ยึดถืออีกแล้ว คนที่ข้ารักมากที่สุดได้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ  ส่วนคนที่ข้ารักอีกคน ก็มองข้าเป็นคนไร้เกียรติ หมดค่า สิ้นศักดิ์ศรี ข้าทำพิธีศพนำร่างของท่านแม่มาฝังให้ท่านแบบลวกๆ  เท่าที่กำลังของข้าจะพอทำได้

 

     หลังจากจัดการฝังศพท่านแม่แล้ว ชีวิตของข้าก็ไม่รู้จะดำเนินต่อไปเช่นไร ข้าก้าวเดินไปเรื่อย อย่างไร้จุดหมาย เปลือกตาข้าหนักอึ้งพยายามมองไปรอบๆตัวก็พบเพียงความว่างเปล่าอันเงียบเหงา บรรยากาศที่เย็นเยือกน่าสะพรึงกลัวนี้ ในใจข้ากลับไม่หลงเหลือความหวาดกลัวใดๆ เพราะเหมือนตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง หัวใจข้าบีบแน่นเจ็บปวด โลกที่กว้างใหญ่ใบนี้แต่กลับไม่มีที่ใดให้คนชั้นต่ำอย่างข้านึกอยากอยู่และสู้ต่อไปเลย

 

‘หลี่เสี้ยวเซียน ชีวิตอันไร้ราคาของเจ้าอยู่ต่อไปมันจะมีอะไรดีขึ้นมา ไร้ซึ่งเกียรติหมดซึ่งศักดิ์ศรี โลกใบนี้ไม่มีที่แห่งไหนต้อนรับคนเช่นเจ้าหรอก’ จิตใต้สำนึกข้าบอกเช่นนั้น

 

     ลมหนาวพัดปะทะกายข้าสุดหนาวเหน็บแต่ในใจข้ากลับเย็นสะท้านหลายพันเท่าราวน้ำแข็งเกาะกินอวัยวะภายใน

 

‘นี่เราคงเดินมาสุดทางแล้วสินะ ชีวิตของข้า ฮึก...ฮึก’...ข้าหยิบพัดเหล็กของเขาออกมาดูอีกครา แล้วนำมันเก็บเกาะกุมไว้แนบในอก

‘ข้าเหนื่อย ท้อเหลือเกิน มันเจ็บระบมไปหมดแล้ว..อ่ะ-อึก….ลาก่อน’

..

     ข้าเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนปล่อยร่างของข้า ลอยลงมาจากผาสูงชัน สายลมวูบพัดผ่าน ข้าจึงได้ยิ้มออกมา มันคงเป็นรอยยิ้มสุดท้ายที่ข้าจะยิ้มให้กับโลกใบนี้ หิมะขาวส่งประกายกลิ่นเหมยหอมอบอวล ลมพัดกิ่งไม้สั่นไหว ข้ามองดูและจะจดจำมันไว้ในใจ รอบตัวข้าล้วนมีแต่สิ่งที่ดีและคู่ควร มีเพียงแต่ข้าเท่านั้นที่มันคือส่วนเกิน ข้าหลับตาปล่อยให้ร่างร่วงหล่นลงไปโดยไม่อาวรณ์อะไรอีกแล้ว พลันสติข้าก็ดับวูบลง...

..



 

5 ปีต่อมา

     ข้ามองไปเบื้องหน้าจากริมผาสูงจุดเดิม “ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสินะ” ข้าบ่นกับตัวเองมันอาจจะใช่ 5ปีก่อนข้าเคยฆ่าตัวตายตรงจุดนี้ ตอนนั้นหิมะขาวทั้งหนาวเย็นแต่ตอนนี้เปลี่ยนไป ต้นไม้ใบหญ้าเขียวขจีเหมือนมีชีวิตใหม่ ที่พร้อมจะสู้และฝันฝ่าต่อไป นี่สินะที่เขาว่า ‘ทุกอย่างล้วนเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ’ ชีวิตข้าในตอนนี้ไม่ได้เหมือนในอดีตอีกแล้ว ข้านึกถึงภารกิจของตน จึงได้หันไปกล่าวกับคนติดตาม

“เรื่องที่ข้าสั่งพวกเจ้าทำเรียบร้อยดีหรือไม่?”

“ขอรับท่านเจ้าเรือน”

“อืม เช่นนั้นเราก็ไปกันเถอะ”

“ขอรับ”

     ก่อนก้าวขึ้นรถม้าที่จอดอยู่ข้ากลับรู้สึกหวั่นใจเล็กน้อย ก็ได้แต่พร่ำบอกกับตัวเอง ชีวิตข้าในตอนนี้ มิใช่หลี่เสี้ยวเซียนบัณฑิตยาจกคนเดิม ตอนนี้ข้าคือเจ้าของเหลาสุราและหอคณิกาเรือนน้ำค้างหยก จนรถม้าแล่นมาถึงหน้าหอคณิกา

 

“หยุนหนิง ทางนี้”  ข้าหันกายไปตามเสียงเรียก ข้าในบัดนี้ไร้ความตื่นกลัว ไม่หลงเหลือเค้าลางความอ่อนแอดังเช่นอดีต

“ทำไมเจ้ายังสวมหมวกปิดบังใบหน้าอยู่อีกล่ะ มันช่างเกะกะเสียจริง มานี่ถอดมันมาให้ข้า”

“ไม่ต้อง!”  ข้าปัดมือเซี่ยโป๋ซี ที่กำลังจะมาถอดหมวกข้าออกแล้วกล่าวขึ้นถาม“การค้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“อืม ก็ดีนะ ถ้ามีชายงามอันดับหนึ่งที่มากความสามารถเช่นเจ้ามา อืมข้าว่า..น่าจะดีกว่านี้แน่นอน! แฮะๆ”  โป๋ซียิ้มส่งมา ข้ามองดูรอบๆมีผู้คนอยู่มากมายจริงๆ ภาพเก่าความทรงจำเดิมเริ่มฉายชัดขึ้นในความคิดข้า

“เราไปหาที่เงียบๆคุยกันก่อนเถอะ”

“เช่นนั้นเจ้าตามข้ามา “ โป๋ซีกล่าวพร้อมกับเดินนำไป ข้าจึงหันไปสั่งคนติดตาม “พวกเจ้าสองคนไปที่พักของเจ้าเถอะ ถ้ามีอะไรข้าจะให้คนไปเรียก”

“ขอรับ”

     ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเมืองเฉิงตูในตอนนี้แม้มิได้เปลี่ยนแปลงไปแต่บรรยากาศเดิมๆที่ข้าคุ้นเคยกลับเปลี่ยนไปมากจริงๆ เมื่อพูดคุยธุระกับโป๋ซีเรียบร้อย ข้านึกถึงท่านแม่จึงได้คิดไปเยี่ยมเยียนเซ่นไหว้ พลันหยิบหมวกงอบใบเดิมอำพรางใบหน้าเดินออกไปเงียบๆไร้ผู้ติดตาม

..

“ท่านแม่ สุสานนี้ที่ลูกสั่งให้คนมาทำให้ท่าน ชอบหรือไม่ ฮะ-ฮึก...ข่ะ-ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน น่าเสียดายที่ข้าไม่ได้มีโอกาสตอบแทนคุณ เลี้ยงดูท่านให้สุขสบาย...” ข้ากล่าวกับนางด้วยความรู้สึกผิด หากท่านแม่อยู่ข้าคงจะมีความสุขมากกว่านี้ ข้าใช้เวลาอยู่กับท่านแม่พักใหญ่ก่อนเดินจากมา

 

     ข้ามิได้ต้องการกลับมายังเมืองนี้เลย หากมิใช่เพราะเป็นคำสั่งที่ขัดไม่ได้ ข้าเดินไปเรื่อยๆจนหยุดที่บ้านหลังเล็กที่เก่าทรุดโทรมเพื่อซึมซับภาพความหลัง จึงนั่งพิงต้นไม้ใหญ่มองดูใบไม้ที่ปลิดปลิวลอยละลิ่วพัดไปตามแต่สายลมจะชักนำ ถังห้าวฉาย...ความสัมพันธ์ของข้ากับท่านคงไม่มีวันกลับคืนมา ดุจเช่นใบไม้นี้สินะ

[ข้ามาที่นี่เพื่อทำภารกิจ เหตุใดมาคิดเรื่องไร้สาระพรรค์นี้]

     สายฝนเริ่มโปรยปรายพอทำให้ข้าได้สติ จึงได้เดินออกมาผ่านแนวเขาจนถึงทางเดินหลัก ทว่าจู่ๆก็พลันได้ยินเสียงอาวุธกระทบกันดังแว่วมา ‘เสียงคนต่อสู้กัน’ ข้ามิได้อยากสนใจจึงคิดเดินต่อไป

ฟิ้ว!

     กระแสลมบ่งบอกได้ว่ามีวัตถุพุ่งตัดอากาศผ่านใบหน้าข้าไปเพียงนิด ‘ใครกันช่างเหี้ยมโหดนัก’

     ข้าจึงลอบดูมองไปเห็นร่างบุรุษในชุดคลุมสีขาว กำลังรับมือกับยอดฝีมือสี่คน บุรุษผู้นี้ในมือกุมกระบี่ยาวสามเชี๊ยะ ตวัดกวัดแกว่งไปมา ยิ่งมองยิ่งคุ้นตานัก “พ่ะ-พี่ห้าวฉาย” ใช่เขาจริงๆ ข้าเห็นเขาใช้กระบี่เป็นครั้งแรก

     ข้ายืนดูเพลงกระบี่ที่ถูกใช้ออกไปอย่างรวดเร็วทั้งยังสอดแทรกเพลงฝ่ามือทั้งประสานกับเพลงเตะ ท่วงท่างดงามเสียจริง เม็ดฝนที่โปรยลงมาร่างของคนทั้งห้าคล้ายถูกละอองน้ำปกคลุมคุ้มกาย ยามเท้าเหยียบย่ำลงบนพื้นเหมือนบุปผาเบ่งบานรับไว้ใต้เท้า

“ถังห้าวฉาย วันตายของเจ้ามาถึงแล้ว” หนึ่งในจำนวนนั้นกล่าวขึ้น ... “เจ้าสี่คนคิดว่ามีฝีมือก็เข้ามา”

     พวกเขาวิวาทกันด้วยเรื่องใด? ชาวยุทธหากจะเข่นฆ่ากันก็ล้วนเป็นเรื่องบาดหมางในยุทธภพ อาจเป็นเรื่องบ่มเพาะความแค้นกันมาแต่ครั้งเก่า ข้าจึงได้ลอบดูต่อไป

     การสู้กันของพวกเขาทั้งห้า ล้วนหักล้างกระบวนท่ากันสูสี ยากจะคาดเดาผลล่วงหน้าได้ ฝ่ายตรงข้ามมีจำนวนถึงสี่คนซ้ำยังจัดเป็นยอดฝีมือ รุมล้อมถังห้าวฉายเพียงผู้เดียว ทว่าคนทั้งสี่ถอยร่นตั้งรับจู่โจมล้วนสอดประสานกันดียิ่ง ข้าสังเกตดูเพลงกระบี่ของพี่ห้าวฉายที่ใช้เป็นหลักหมุนวนหนุนเสริมป้องกัน ช่างดึงดูดน่าชม คนกลุ่มนั้นก็พลันผลัดกันตั้งรับคนด้านหลังกลับจู่โจมตามจังหวะสอดประสาน

เช้ง!

     ข้าสังเกตว่าหนึ่งในสี่คนมิได้มีใจคิดจู่โจมต่อสู้ กลับก้าวเท้าเชื่องช้ารอจังหวะ ข้ารีบนำผ้ามาปิดโพกใบหน้าทันที ทว่าที่ข้าคิดไว้ไม่ผิด!

“ระวัง!!” ข้ากล่าวพร้อมกับพุ่งกายออกไปในทันที

***
ขอโทษผู้อ่านด้วยนะครับ ไรท์ติดภาระกิจ
เลยไม่มีเวลามาอัพนิยาย
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน4 up 16/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 16-08-2019 22:42:18
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน4 up 16/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-08-2019 23:04:17
โดดหน้าผาแต่ทำไมถึงไม่ตายใครมาช่วยไว้? หรืออะไรยังไง :m28:
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน4 up 16/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-08-2019 23:09:22
รอจ้า
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน5 up 17/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 17-08-2019 12:53:03
5.โสเภณีเช่นข้าฯ อันธพาลเจ้าถิ่น

     ข้าขว้างหมวกงอบพร้อมกับพุ่งทะยานออกไป เมื่อเห็นว่าพวกมันคนหนึ่งคิดใช้อาวุธลับลอบทำร้าย หมวกงอบข้าสามารถตัดขวางอาวุธซัดนั้นไปทำให้พี่ห้าวฉายหลบอาวุธซัดนั้นได้อย่างเฉียดฉิว

“เจ้าคือใคร?” มันถามข้าทุกอย่างจึงหยุดลง เมื่อทุกสายตามองมาข้ายังคงนิ่งสงบ

“พวกของมันต้องอยู่แถวนี้แน่ ถือว่าเจ้ายังโชคดีถังห้าวฉาย” พวกมันหันมากล่าวกับเขาพร้อมกับจ้องมาที่ข้า

“พวกเราไป!”

     พริบตาเดียวพวกมันทั้งสี่ก็รีบหลีกหนีจากไปแล้ว เหลือเพียงแต่ข้ากับพี่ห้าวฉายเพียงเท่านั้น ข้าสบสายตากับเขาแว่บหนึ่ง เขาเห็นข้าดูน่ากลัวหรือไร? เหตุใดจึงจ้องมองข้าเช่นนั้น

“คุณชายไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” ข้าทำเสียงแหบพร่าเพื่ออำพรางตัวตน ข้ายกมือประสานกำลังจะจากลา ทว่าสีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไป

“ฮึก!” ไม่นานร่างที่สูงใหญ่ของเขาก็พลันโงนเงน “ท่านบาดเจ็บ!”

     ข้ารีบเข้าไปพยุงร่างเขาในทันที หนักมากเหมือนกับข้ากำลังแบกลูกวัวตัวใหญ่ไว้บนบ่าตัวหนึ่งเลยทีเดียว ข้าไม่มีเวลาให้คิดมากนัก เห็นบ้านร้างบริเวณนั้นพอดี ฝนยังคงตกไม่หยุด เวลานี้ใกล้พลบค่ำแล้ว

“ท่านทำแผลก่อนเถอะ”

“ข้าไม่เป็นไรข้าทำเองได้ ขอบคุณท่านมาก”

     เขาไม่ยินยอมให้ข้าทำแผลให้ เช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน เขาคงไม่เป็นอะไรมากจริงๆ เขาหยิบขวดยาในอกเสื้อแล้วโรยผงสีขาวที่ปากแผล หึ นั่นสิเขาเป็นถึงคนสกุลถังมีพร้อมทั้งเงินทอง ยาสมุนไพร และอาวุธล้วนครบครันเราคือใครกันริยื่นมือ ไปรักษาบาดแผลที่เล็กน้อยนี้ของเขา...เขาคงเห็นท่าทางของข้าเปลี่ยนไปจึงกล่าวขึ้นมา

“ข้าไม่เป็นอะไรมากแค่บาดแผลเล็กน้อย ขอบคุณผู้มีคุณอีกครั้ง”

“อย่าได้เกรงใจ ท่านไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” ทว่าคำพูดของข้าเมื่อครู่ทำให้สีหน้าเขาเปลี่ยนไปในทันที แววตาคู่นั้นจ้องมาไม่กระพริบเลยสักนิด จนตัวข้าตื่นตระหนก ‘เสียงของเรา ข้าพลาดไปเสียแล้ว’ ข้าจึงหลบตาเขา

“ค่ำแล้วอากาศเย็น ฝนยังไม่หยุดตก ข้าจะไปหากิ่งไม้มาก่อกองไฟไว้ให้ท่านก็แล้วกัน” ข้าเปลี่ยนเสียงเป็นแหบพร่าดังเดิม ข้าหันไปเห็นเขากำลังนำชายผ้าขาดมาพันบาดแผลไว้

     ครู่เดียวกองไฟก็ถูกข้าก่อขึ้น มันช่วยขจัดความเย็นจากอากาศรอบกายช่วยเพิ่มไออุ่นขึ้นมาได้บ้าง เขาทำแผลเสร็จเรียบร้อย “ขอบคุณท่านอีกครั้ง” เขายกมือประสานพร้อมกล่าวคำขอบคุณ “เรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ คุณชายอย่าได้ใส่ใจไปเลย”

     ข้าตรองดู ตอนนี้ข้าเพิ่งจะมาเมืองนี้ก็เจอเขาเสียแล้ว ต่อไปข้าจะต้องเจอเรื่องตลกอะไรกันอีกหนอ สวรรค์ท่านก็เมตตาข้าบ้างเถิด อย่าให้ข้าต้องทรมาณมากไปกว่านี้เลย ตอนนี้ข้าไม่ใช่หลี่เสี้ยวเซียนบัณทิตยากจนคนเดิมอีกแล้ว ต่อไปหวังเพียงว่าคงไม่มีเรื่องมาให้ข้าต้องวุ่นวายใจอีก การสอดมือเข้าไปวุ่นวายกับการวิวาทเมื่อครู่ มันคือเรื่องปรกติของชาวยุทธ เขาคงไม่ได้ใส่ใจเพราะเป็นเหตุการณ์ที่พบเห็นได้ทั่วไป

“คุณชายเป็นคนต่างถิ่นอย่างนั้นหรือ?” พี่ห้าวฉายกล่าวถาม ข้าพยักหน้าตอบไปด้วยถ้อยคำสั้นๆ “อืม” แล้วนำกิ่งไม้หักโยนเข้าเติมเชื้อในกองไฟต่อ ฝนยังคงตกอยู่เช่นเดิม

“ท่านเจ้าเรือน ท่านเจ้าเรือนขอรับ” เสียงร้องเรียกดังแว่วมา ข้าและเขานิ่งงัน จึงรีบกล่าวลาเขาในทันที

“ในเมื่อคุณชายไม่ได้เป็นอะไรมาก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” ข้าต้องรีบจากไปแล้ว เพราะคนติดตามที่เรือนหยกน้ำค้างคงเห็นว่าข้าหายไปจึงได้ออกมาตาม

“ผู้มีคุณโปรดหยุดก่อน”

“คุณชายมีอะไรเช่นนั้นหรือ?” เขานิ่งงันครู่หนึ่ง

“ท่านคล้ายกับคนที่ข้าเคยรู้จัก” ข้าฟังแล้วทำให้ตระหนกใจนัก จึงหันหลังให้เขาในทันที “คุณชายคงจำคนผิดแล้ว ข้าขอตัวก่อน” ทว่าเขายังกล่าวถามข้ามาอีก

“เช่นนั้นขอทราบนามท่านได้หรือไม่?”

“หยุนหนิง ข้าแซ่เซียวชื่อหยุนหนิง ข้าต้องขอตัวก่อนแล้ว” ข้ารีบก้าวเท้าออกมาในทันที

“ท่านเจ้าเรือน!” ข้าพบกับคนติดตามข้าคนหนึ่งพร้อมกับบ่าวในเรือนน้ำค้างหยกสองสามคน

“พวกเจ้ามีอะไรรึ?” ข้าเปิดผ้าคลุมหน้า ยังคงแสดงท่าทีนิ่งสงบเช่นเคย

“เปล่าขอรับ ข้าเห็นท่านไม่ได้อยู่ที่เรือน จึงได้ให้คนออกตามหาเกรงว่าท่านจะมีอันตราย”

“ข้าไม่เป็นอะไร? หมวกของท่านตกอยู่ นี่ขอรับ”

“อืมขอบใจพวกเจ้ามาก”

“พวกมันคือใคร? ทำไมจึงต้องมาทำร้ายท่าน” นี่แสดงว่าพวกเขาคงเห็นร่องรอยการต่อสู้แล้วและคงคิดว่าเป็นการลอบทำร้ายข้าสินะ “เปล่าข้าเพียงแค่เห็นคนวิวาทกันจึงได้ยื่นมือช่วยเพียงเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอก” ข้าหันไปมองยังบ้านร้างคราหนึ่ง ก่อนหันไปกล่าวกับคนติดตาม “กลับกันเถอะ!”

     พอข้ามาถึงโป๋ซีเห็นเข้าก็ทำหน้าตาดีใจยิ่งกว่าเด็กเห็นขนมหวานเสียอีก  “หยุนหนิงนี่เจ้าหายไปไหนมา หืม พวกเขาตามหาเจ้ากันให้ทั่ว” โป๋ซีวิ่งมาหาข้าใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดีใจจริงๆ ที่ยังมีคนห่วงข้าถึงขนาดนี้

“ข้าออกไปข้างนอกมา ข้าขอตัวกลับห้องก่อน”

“อืม ไปเถอะ เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป จ้าวตำหนักไม่ละเว้นพวกข้าแน่ ทีหลังเจ้าจะไปไหน ควรให้คนติดตามไปด้วยนะหยุนหนิง” นี่ข้าไปเป็นเด็กในปกครองของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เจอหน้าข้าก็พลันบ่นออกมาเป็นชุด แน่ล่ะหากว่าข้าเป็นอะไรไปจริงๆ พวกเขาคงไม่อาจรอดพ้นจากโทษหนักเป็นแน่

“อืม ข้ารู้แล้ว” ข้าไม่ได้พูดอะไรอีกจึงเดินกลับมายังห้องนอน

   

สามวันต่อมา

     แสงเทียนส่องสว่างจ้า ถูกจุดขึ้นมาขับไล่ความมืดมิด ยิ่งมองเปลวเทียนสีเหลืองทองยิ่งทำให้ข้าคิดหวนถึงอดีต กว่าข้าจะมาเป็นคุณชายผู้เลิศล้ำในเรือนน้ำค้างหยกแห่งนี้ ได้ผ่านเรื่องราวมามากมายจริงๆ

     เมื่อห้าปีก่อนจ้าวตำหนักร้อยบุปผาคือผู้ช่วยชีวิตข้าไว้ ครั้งนั้นตัวข้าหมดสิ้นทุกสิ่ง มีแต่ความมืดมน จึงได้คิดจบชีวิตอันแสนรนทดเสีย แต่จ้าวตำหนักร้อยบุปผานางผ่านมา หาไม่คงไม่มีข้าเช่นทุกวันนี้ ตลอดเวลาห้าปีที่ผ่านมาข้าฝึกฝนศาสตร์ต่างๆ ทั้งโคลงกลอนจารีต การดนตรี เต้นรำ ทั้งยังฝึกยุทธแม้จะไม่ได้มีฝีมือที่โดดเด่นเช่นเจ้าเรือนสาขาอื่นๆ แต่ก็สามารถเป็นหัวหน้าสาขาแห่งเรือนน้ำค้างหยกได้

     หากพูดถึงตำหนักร้อยบุปผานั้น ถูกสร้างขึ้นเพื่อบ่มเพาะฝึกฝนหญิงชายหน้าตาดี เพื่อเข้าสู่หอเริงรมย์ชั้นเลิศตามหัวเมืองอื่นๆมักมีชื่อเรียกเรือนต่างๆแตกต่างกันออกไป ตำหนักร้อยบุปผาเป็นดังต้นไม้ใหญ่ที่มีรากชอนไชไปทั่วทั้งแผ่นดิน มีการเลี้ยงนักฆ่าและสืบข่าว แบ่งหน้าที่การรับผิดชอบชัดเจนในการทำงาน  ระหว่างข้าบรรเลงพิณครุ่นคิดหวนถึงอดีตแต่ก็มีคนมาทำลายความเงียบสงบลงเสียได้

‘เสียงโวยวายอะไรกัน?’

“ที่นี่ดูหรูหรา ดีเหมือนกันนี่นา” เสียงบุรุษห้าวใหญ่โวยวายเสียงดัง ช่างน่ารำคาญนัก น้ำเสียงเน้นหนักเหมือนว่าไม่ได้มาดี ข้ายังคงดีดพิณบรรเลงขับกล่อมต่อไปมิได้คิดใส่ใจ แต่เสียงชั้นล่างยังคงดังมาไม่หยุด

“นายท่านมีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ” เสียงของโป๋ซีเข้าไปทักทายเขามักปฏิบัติต่อลูกค้าเป็นอย่างดี คงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนัก

“ใครเป็นเจ้าของที่นี่?”

“ข้าเองขอรับ นายท่านมีอะไรอย่างนั้นหรือ?”

“เจ้าหน่ะหรือ? ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้าเรือนที่นี่เป็นบุรุษรูปงามร่างกายผอมบางยิ่ง ดูเจ้าสิ..นี่ตัวอะไร” เสียงของพวกมันยังคงโวยวายเสียงดังไม่หยุด “ไปเรียกเจ้าเรือนของพวกเจ้ามาหาข้าเดียวนี้”

“นายท่านพูดอะไร? ข้าน้อยไม่เข้าใจ...”

“เจ้าไม่เข้าใจอย่างงั้นรึ?...ถ้าเจ้าเรือนของเจ้าไม่โผล่หัวมา ข้าจะเผาที่นี่ซะ” อะไรกันคนพวกนี้มันอันธพาลชัดๆข้าได้แต่นึกในใจโคลงศีรษะ

“โธ่ นายท่านพวกข้าน้อยเป็นเพียงคนทำมาข้าขาย ขอได้โปรดอย่าได้รังแกพวกข้าน้อยเลย” เสียงอ่อนโยนนอบน้อมของโป๋ซีดังเจื้อยแจ้วอ้อนวอนพวกมัน ข้าจึงได้สั่งให้คนติดตามเปิดม่านผ้าที่ปิดบังชำเลืองดู เพราะอยากรู้ว่าผู้มาเป็นใคร

“ยังไง... เจ้าเรือนของเจ้าอยู่ที่ไหน? ถ้ายังไม่ออกมาหอคณิกากับเหลาสุราเจ้าคงอยู่ไม่ถึงพรุ่งนี้เช้าแน่นอน หึหึ....ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม จะออกมาหรือไม่ออก....หนึ่ง.....สอง....ส่ะ-”

“มีอะไรหรือพี่ชาย” ข้าคงได้แต่จำใจออกมา โป๋ซีเห็นข้าก็วิ่งขึ้นมารับข้าลงไปทันที

“หึ ออกมาได้แล้วงั้นรึ?...จุ๊จุ๊จุ๊! ใบหน้าใสกระจ่าง ผิวพรรณหมดจด...ไม่เลว..ไม่เลวจริงๆ” สายตาของพวกมันจ้องมองมายังข้าแต่พวกมันไม่ได้อยู่ในสายตาข้าเลย

“ ...บอบบางอ้อนแอ้น งามสง่า ดูน่าค้นหายิ่งกว่าอวี้หลันที่หอเร้นราตรีของข้าหลายเท่านัก พวกเจ้าว่ายังไง”

“ใช่ จริงด้วยพี่ใหญ่ ” ข้ามิได้แยแสใส่ใจคำพูดของคนชั้นต่ำกักขฬะะพวกนี้ ได้แต่เพียงยิ้มบางๆออกไปเพียงเท่านั้น

“เจ้าคือเจ้าเรือนของที่นี่อย่างนั้นหรือ?” ข้าได้ยินมันพูดแต่ไม่ได้ใส่ใจ จึงหันไปถามโป๋ซี “คนพวกนี้เป็นใคร?” ข้าจึงรู้ว่าพวกมันคือันธพาลในเมืองนี้นั่นเอง

“พวกท่านต้องการอะไร?”

“จุ๊จุ๊จุ๊ ถ้าหากข้าบอกว่า คืนนี้ข้าต้องการตัวเจ้า...เจ้าจะว่าอย่างไรหืม” มันส่งสายตายั่วเย้ามายังข้า ทว่าในใจข้ากลับอยากอาเจียนใส่มันนัก “พวกเจ้า....มันจะเกินไปแล้ว...” เสียงของโป๋ซีพูดแทรกเน้นหนักแต่ข้าได้ยกมือห้ามโป๋ซีไว้

“กลับไปเสียเถอะ” ข้าไม่อยากพูดมากกับคนพวกนี้ แต่พวกมันกลับไม่สนใจฟังคำพูดที่ข้าบอกไปเลยสักนิด

“เจ้าว่าอะไรนะ...”

“กลับไปซะ!” ดูมันมีท่าทีแปลกใจที่โดนข้าไล่ เช่นนี้แสดงว่าคนพวกนี้คงใช้วิธีนี้ดื่มฟรีกินฟรีมาหลายที่แล้วกระมัง มันยังคงยืนอยู่แล้วกล่าวขึ้น

“น่ะ-นี่เจ้ากล้าไล่พวกข้าไปอย่างนั้นหรือ?” ข้าไม่ได้สนใจคำกล่าวของพวกมัน จึงได้หันหลังให้พวกมันแล้วเดินไปยังชั้นบนต่อ ข้ารู้สึกได้ถึงลมวูบหนึ่งเคลื่อนไหวด้านหลัง

“อ๊ากกกกก!!!”

“พี่ใหญ่ พี่ใหญ่ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”

"มือข้า ม่ะ-มือข้าาา!!" มือของหัวหน้าอันธพาลยังไม่ทันถูกโดนตัวข้าก็ถูกตะเกียบที่ข้าคว้าจับได้ แล้วซัดออกไปปักลงกลางมือจนมันเซถลาถอยไปแล้วส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด พวกลูกน้องมันเหมือนจะชักดาบกรูกันเข้ามา ข้าจึงคิดหันไปบอกเตือนแก่พวกมันอีกครั้ง

“ข้าขอเตือนพวกเจ้า! หากยังเคลื่อนไหวอีกละก็ แม้แต่แสงอาทิตย์ในวันพรุ่ง พวกเจ้าก็อาจจะคงไม่มีโอกาสได้เห็น...ไปซะ!” พวกมันตัวสั่นเทาหันมองไปโดยรอบ คนในเรือนข้าบัดนี้ เหลือเพียงแต่บ่าวไพร่ถืออาวุธครบมือรอยู่ เพราะลูกค้าได้พากันหนีหายกันไปหมดแล้ว

“ข่ะ-ข้าจะ ฝ่ะ-ฝากไว้ก่อน..ไป รีบไปเร็วเข้า” พวกมันลนลานตัวสั่นวิ่งออกไปดังเช่นสุนัขถูกเฆี่ยนทารุณ แต่ข้าไม่ได้สนใจมากนัก

"พวกเจ้าเก็บกวาดกันให้เรียบร้อย ปิดร้านๆ" เสียงของโป๋ซีสั่งคนอื่นๆในเรือน
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน5 up 17/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 18-08-2019 00:42:24
ดำดนินเรื่องกระดับ สนุกดีค่ะ เกาะขอบติดตาม
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน5 up 17/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 18-08-2019 01:16:27
สู้คนแล้วๆๆๆ  ชอบแบบนี้มากกว่าตอนแรกอีก
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน5 up 17/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: GAZESL ที่ 18-08-2019 10:32:07
ถังห้าวฉายจะจำได้มั้ย
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน5 up 17/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-08-2019 13:23:28
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน6 up 18/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 18-08-2019 13:51:04
ตอน6 โสเภณีเช่นข้าฯ ภารกิจแรก

     หลังจากเกิดเหตุการณ์วันก่อนที่อันธพาลมันมาสร้างความวุ่นวายในเรือนคณิกา พวกมันก็ดันไปปล่อยข่าวจนคนภายนอกลือกันว่าเรือนน้ำค้างหยกแห่งนี้อาจเป็นรังโจร ข้าจึงต้องวุ่นวายในการแก้ปัญหานี้อยู่หลายวันทีเดียวเพื่อให้ทุกอย่างเป็นปรกติ หากเจออันธพาลกลุ่มนี้ครั้งหน้าข้าจะตัดลิ้นพวกมันเสีย หากข้าจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ดี จ้าวตำหนักอาจกล่าวโทษลงมาได้

 

“หยุนหนิง จ้าวตำหนักมีสารลับส่งมา” โป๋ซีเข้ามารายงาน พอข้าได้ฟังในใจก็พลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที หรือว่าจ้าวตำหนักทราบข่าวคาดโทษลงมาแล้ว

 

     ไม่กี่วันมานี้ชีวิตของข้าล้วนเผชิญพบกับความยุ่งยากเสียจริง ทว่าหากคิดดีๆมิมีทางเทียบกับความทุกข์ยากที่ข้าแบกรับมาเช่นห้าปีก่อนนั้นได้ เพราะข้าได้ผ่านความเป็นความตายมาแล้วจึงไม่มีเหตุต้องวิตกกังวลให้เกิดเหตุไป

“หยุนหนิง!” เสียงเรียกของโป๋ซีดึงสติข้ากลับคืนมาอีกครั้ง “ห่ะ-หา”

“เจ้ายังไม่รีบอ่านสารลับจากจ้าวตำหนักอีก ดูซิว่าท่านสั่งการมาอย่างไร?”

“อืม” เมื่อข้าเปิดอ่านดูสารลับที่ส่งมา มันมิใช่เรื่องที่ข้าเป็นกังวลเลยสักนิด จ้าวตำหนักเพียงสั่งการให้ข้าหาของสิ่งหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่ก็มิใช่เรื่องง่ายนัก

“จ้าวตำหนักสั่งการอะไร?”

“ไม่มีอะไร เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า แค่เจ้าดูแลแขกกับลูกค้าในร้านให้ดีก็พอ เรื่องนี้ข้าจัดการเอง”

“งานนี้อันตรายหรือเปล่า?” โป๋ซีมองมาที่ข้าด้วยความห่วงใย อีกเหตุผลหนึ่งที่ข้าตัดสินใจยอมมาเป็นเจ้าเรือนน้ำค้างหยกแห่งนี้ก็เพราะโป๋ซี เพราะเขาคือเพื่อนที่ข้าสนิทที่สุดเห็นความห่วงใยที่โป๋ซีมีให้ ข้าจึงได้ตอบกลับไป

“ไม่มีอันตรายหรอก เจ้าอย่ากังวลเกินไปเลย จ้าวตำหนักเพียงแค่ให้ข้าหาของสิ่งหนึ่งเพียงเท่านั้นเอง”

“จ้าวตำหนักไม่ได้ให้เจ้าทำงานเสี่ยงอันตรายใช่ไหม?”

“อืม ไม่มีอะไร หากมีงานอันตรายข้าจะบอกเจ้าเป็นคนแรก”

“ได้ เช่นนั้นก็หมดห่วง หากเจ้ามีอะไรให้ช่วยก็บอกข้าก็แล้วกัน เช่นนั้น ไม่กวนเจ้าแล้ว”

“ขอบใจเจ้ามากนะ โป๋ซี”

“อืม..ไม่เป็นไร ทำไงได้ล่ะ...ข้าแค่ไม่อยากให้เจ้าโดนใครรังแก” โป๋ซีหันมายิ้มให้ข้าก่อนจากไป

 

     ข้าจะบอกให้เขารู้ไม่ได้ว่าสิ่งของที่จ้าวตำหนักสั่งให้หานั้นคืออะไร ถ้าโป๋ซีรู้เข้า ความห่วงใยของเขาอาจทำให้ข้าเสียเรื่องก็เป็นได้ ภายนอกโป๋ซีผู้นี้อาจจะไร้ซึ่งพิษภัยทว่าเขากลับเป็นผู้ช่ำชองในการวิวาทยิ่ง การเก็บซ่อนอารมณ์และฝีมือของเขานั้นในตำหนักร้อยบุปผามีเพียงข้าที่รู้เท่านั้น หากโป๋ซีรู้ว่างานที่ข้าทำเสี่ยงอันตรายเขาคงไม่ยอมให้ข้าไปอย่างแน่นอน ข้าเป็นถึงเจ้าเรือนแห่งนี้เมื่อรับหน้าที่หากมีคำสั่งลงมายังข้า ก็ต้องจัดการด้วยตัวเอง หากหน้าที่ของข้ายังให้โป๋ซียื่นมือช่วยเหลือเช่นอดีต ข้าจะพิสูจน์ความสามารถตัวเองได้อย่างไร

 

..

ดึกสงัด ณ คฤหาสน์สกุลเว่ย

“พวกเราพร้อมแล้วขอรับ”

“พวกเจ้ารอข้าอยู่ด้านนอก”

“แต่ว่า...”

“เจ้าคอยดูลาดเลาภายนอก หากมีอะไรผิดปรกติรีบส่งสัญญาณ หากภายในสองชั่วยามข้ายังไม่ออกมา เจ้ารีบไปแจ้งบอกกับโป๋ซี รู้หรือไม่”

“ขอรับ”

“ไปได้ ซ่อนตัวให้ดีอย่าให้มีพิรุจ”

“ขอรับ”

     ข้าซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด กลางดึกดูเงียบงัน เห็นเพียงแสงโคมไฟส่องอยู่ด้านหน้า คฤหาสน์สกุลเว่ย ที่ดูยิ่งใหญ่โออ่าตรงหน้า ความจริงนายท่านเว่ยคือคหบดีมีชื่อของเมืองนี้ไม่แพ้สกุลถังเลยสักนิด หากแต่ว่านายท่านเว่ยมิใช่ชาวยุทธเช่นตระกูลถัง กิจการร้านค้าที่มีก็เพียงเล็กน้อย ทว่าภายในเวลาไม่กี่ปีสกุลเว่ยกลับมีอำนาจมากมายจนเป็นที่สงสัย จ้าวตำหนักให้ข้าลอบเข้าไปยังด้านในเพื่อหาสมุดบัญชีลับเล่มหนึ่ง

 

     เมื่อค่ำมืดคฤหาสน์แห่งนี้กลับมีเวรยามเข้มงวดนัก จากคำนวณดูแล้วมิได้ต่างจากตำหนักในวังหลวงเลย ข้าจึงต้องใช้ความมืดอำพรางตัวเคลื่อนไหวไปยังพื้นที่ด้านในของตึก แล้วทะยานกายขึ้นบนหลังคาลัดเลาะ อาศัยวิชาตัวเบาและความไวในความมืดมิด เพื่อหลบจากสายตาทหารยามพวกนี้ ก่อนพลิกตัวห้อยทะยานกายเข้าไปใต้ชายคาแนบชิดตัวบนขื่อเพดานด้านหน้าห้องหนังสือ

 

     เมื่อสบโอกาสในช่วงเวลาอันสั้นที่พวกมันกำลังสับเปลี่ยนเวรกัน ข้าจึงพลิกตัวลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา เมื่อลอบดูไม่มีผู้ใดอยู่จึงแอบลอบเข้าไปได้สำเร็จ

‘บัญชีเล่มนั้นอยู่ที่ไหนกัน?’ ภายในห้องหนังสือที่เป็นห้องทำงานของนายท่านเว่ย ช่างดูหรูหราเสียจริงประดับตกแต่งอย่างดี ข้าหยิบหนังสือพลิกเปิดดูอย่างละเอียดหลายเล่ม รื้อค้นตามโต๊ะตั่งกลับมิพบร่องรอยของสมุดบัญชีเล่มนั้น ตามที่จ้าวตำหนักสั่งการให้หาเลย

     เพียงครู่ก็มีเงาคนเคลื่อนกายวูบไหวผ่านกระทบแสงไฟเข้ามายังด้านในแวบหนึ่ง ทำให้ข้าต้องเร่งรุดหาที่กำบังหลบซ่อน คนผู้นี้ว่องไวยิ่ง ใส่ชุดดำปิดบังใบหน้าเช่นเดียวกับข้า มันผู้นั้นทำการรื้อค้นอย่างชำนาญ นั่นแสดงว่าคนผู้นี้อาจมายังที่แห่งนี้บ่อยครั้ง ข้าผ่อนปรนลมหายใจให้แผ่วเบาเฝ้าติดตามดูคนผู้นี้ในระยะที่ห่างพอควร

“ใคร?” เพียงแค่ข้ากระทบถูกโต๊ะเพียงเบาๆ มันผู้นี้มีประสาทหูที่ไวนัก มันค่อยๆสืบเท้าเข้ามาใกล้ข้าทุกขณะ ข้าจึงตัดสินใจพุ่งกายจู่โจมมันไปในทันที ทว่ามีดสั้นที่ตวัดปลายจู่โจมออกไป กลับทำร้ายมันผู้นี้ไม่ได้

‘ฝีมือมันกล้าแข็งนัก’

     ข้าจึงผ่อนกายตามแรงปัด ก่อนวาดเท้าเตะออกก็ถูกมันสกัดกั้นจนข้าต้องสะท้อนดีดกายแรงปะทะให้ห่างออกจากตัวมัน ก่อนจะทะลวงผ่านประตูหน้าต่างออกไป จึงทำให้ทหารยามร้องตะโกน

“มีคนร้าย”

     มันผู้นั้นก็ตามข้าออกมาเช่นกัน พอสิ้นเสียงไม่นานพวกทหารก็กรูกันเข้ามา “มันอยู่ที่ไหน คนร้ายอยู่ที่ไหน?” โคมไฟถูกจุดขึ้นจนสว่างวาบราวกับกลางวัน

“พวกเจ้ารีบค้นหาพวกมันเร็วเข้า” เสียงหัวหน้าของมันสั่งการ งานนี้เป็นงานแรกที่ข้าปฏิบัติการด้วยตัวเองก็ดันทำพลาดเสียแล้ว  หากครั้งหน้าลงมืออีกคงไม่ง่ายและอาจจะไม่มีโอกาสอีก ข้าดีดกายทะยานออกจากคฤหาสน์โดยไว

“คุณชาย!”

“งานล้มเหลว แยกกันไปแล้วเจอกันที่เรือน”

“ขอรับ”

     ออกมาได้สักพักก็ทำให้ข้าต้องรู้สึกสะท้านกายจากด้านหลัง รังสีจากวิถีจู่โจมของคนผู้หนึ่งแหวกอากาศมาทำให้ข้าต้องม้วนตัวพลิกหลบ เป็นมันผู้นั้นเจ้าคนชุดดำนั่น มันพุ่งกายวาบเข้าหาข้าอีกครั้ง “เจ้าคือใคร?” มันเอ่ยถามมา

     ข้าจำต้องเตะสกัดเร่งรุดเพื่อหลบหนี พลันฝักกระบี่ก็พุ่งตัดขวางหน้าทำให้ข้าต้องชะงักกายพลิกตัวหันปลายมีดสั้นเข้าโจมตีสวนกลับมันอีกครั้ง ครั้นก็มีแสงวูบวาบประกายสีเงินของกระบี่ในมือมันก็ยกขึ้นสกัด แล้วพลิกวิถีกระบี่พุ่งตรงมา ทว่าเป้าหมายมันมิได้คิดเข่นฆ่าสังหาร แต่มันต้องการโจมตีที่ใบหน้า

‘คนผู้นี้มีฝีมือสูงทั้งยังว่องไว เราจะทำเช่นไรดี’

     เพียงแค่คิดคุกคามมันยังมิอาจทำได้โดยง่ายแล้วข้าจะสลัดหลบหนีมันผู้นี้ไปได้อย่างไรกัน แม้นคิดสู้ก็ยากแล้ว หาช่องหลบหนีกลับยากยิ่งกว่า ฝีมือมันช่างตึงมือนัก

“เรามิใช่ศัตรูกัน เหตุใดท่านจึงไม่ยอมปล่อยข้าไป”

“หากเจ้ายอมเผยโฉมหน้า ข้าจะปล่อยท่านไป” มันกล่าว

“เหลวไหล!” คนผู้นี้ช่างดื้อดึงเสียจริง ข้าจึงหันไปสู้อีกครา ทว่ามีดสั้นในมือข้าก็กระเด็นหลุดมือพุ่งปักที่ต้นไม้อีกด้านเสียแล้ว

 

     อาวุธในมือข้าตอนนี้ไม่มี คิดได้ก็เหลือแค่เพียงพัดเหล็ก จึงต้องหยิบใช้มันในตอนนี้แล้ว “เจ้าคือใคร!” เสียงมันตวาดเสียงเน้นหนัก ข้ามิได้ใส่ใจนักเหตุใดข้าต้องบอกที่มาของตัวข้าต่อผู้อื่นด้วย ข้าจึงคลี่พัดคิดใช้อาวุธซัดทว่ากลับยังช้ากว่ากระบี่ของมัน ปลายกระบี่ก็ตวัดผ้าปิดหน้าข้าหลุดออกไป ข้าจึงมองไปที่มันคราหนึ่ง ก่อนหงายหลังพลิกตัวตวัดพัดเหล็กซัดอาวุธลับออกไป ก่อนทะยานกายหนีหายหลบไปในความมืด

“เจ้าเรือนกลับมาแล้ว”

“หยุนหนิงเหตุใดเจ้าจึงมาช้านัก” เสียงของโป๋ซีรอข้าอยู่มีสีหน้าเคร่งเครียด

“มีคนติดตาม จึงทำให้ข้ามาช้า”

“เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว รีบกลับห้องไปพักเถอะ เรื่องที่เหลือข้าจัดการเอง”

“อืมขอบใจเจ้ามาก”

 

     พอดีไรท์ติดงานครับ ช่วงนี้มีงานต้องเคลียเยอะครับ เลยทำให้เขียนได้ไม่ต่อเนื่อง ขอโทษผู้อ่านด้วยนะครับพอว่างก็อยากนอนพักให้เต็มที่บางทีเลยทำให้อัพนิยายได้ช้า นิยายเรื่องนี้ผู้เขียนจะทยอยเขียนไปเรื่อยๆนะครับ เพราะคิดสดเขียนสดๆเขียนเสร็จก็ลงเลย มีเพียงพล็อตเหตุการณ์คร่าวๆกับตอนจบของนิยายเพียงเท่านั้น ถ้ารอนานไปขอโทษด้วยนะครับ

หยกน้ำแข็ง
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน6 up 18/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-08-2019 18:32:32
เกือบโดนเปิดเผยตัว ชายชุดดำอีกคนคือใคร?
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน6 up 18/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 18-08-2019 21:14:49
น่าติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน6 up 18/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: azure ที่ 18-08-2019 22:53:31
เกือบไปแล้ว ดีนะกลับออกมาอย่างปลอดภัย
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน6 up 18/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 19-08-2019 00:18:22
พระเอกแน่ๆเลย
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน7 up 24/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 24-08-2019 13:03:51
ตอน7 โสเภณีเช่นข้าฯ วันนี้ ทำไมมีแต่ความซวย

     ในวันรุ่งขึ้นข้าเตรียมออกจากเรือนเพื่อสืบหาข่าวจากภายนอกดูสักหน่อย ว่าทางสกุลเว่ยนั้นเคลื่อนไหวอะไรกันบ้าง จึงหยิบหมวกงอบมาสวมใส่ แล้วบอกกับคนรับใช้ให้ไปแจ้งแก่โป๋ซีที่เหลาสุรา พอออกมาถึงหน้าประตู ข้าดันเหลือบมองเห็นพี่ห้าวฉายกับอาหนิวเข้าพอดี

“คุณชาย..นี่ท่านจะเข้าไปในที่แห่งนี้จริงหรือขอรับ” อาหนิวกล่าว

“ทำไม อย่างข้าจะเข้ามาเที่ยวในสถานที่แห่งนี้บ้างไม่ได้หรือไง?”

     หากเป็นคุณชายบ้านอื่นเข้ามาก็คงไม่แปลกประหลาดนัก ทว่าคุณชายถังผู้นี้ ที่ข้าเคยคบหาเขามิใช่บุรุษที่ชมชอบเสพความสำราญกับสถานที่แบบนี้ อาจจะเป็นเพราะภายในเวลาห้าปี คงจะสามารถเปลี่ยนคนคนหนึ่งได้ถึงเพียงนี้ก็มิแปลก ข้ายังเปลี่ยนแปลงได้ หากเขาจะเปลี่ยนไปบ้างก็คงไม่แปลกสินะ

 

     เหตุใดข้าจึงต้องมาใส่ใจกับเรื่องส่วนตัวของเขาด้วย จึงได้เดินเลี่ยงหลีกเขาไป ทว่าพี่ห้าวฉายก็กางแขนขวางข้าไว้ ทำไมกัน? ..วันนี้ข้าจะต้องเจอกับเรื่องราวอะไรอีกอย่างนั้นหรือ?

“คุณชายท่านนี้จะรีบร้อนไปไหนหรือ?” เขาจ้องมองมายังข้าพร้อมกับเอ่ยถาม

“ข้ามีธุระต้องรีบไปทำ ขอคุณชายโปรดหลีกทางให้ข้าด้วย”

“ธุระของท่าน มันเกี่ยวกับมีดสั้นเล่มนี้หรือไม่?”

     เขาหยิบมีดนั้นที่ถือไว้ในแขนเสื้อออกมาให้ข้าดูก่อนเก็บมันไว้ในแขนเสื้อตามเดิม นี่เขาเอามีดสั้นเล่มนี้มาขู่ข้าอย่างนั้นหรือ มีดเล่มนี้อยู่กับเขา หรือว่าคนชุดดำผู้นั้น

“คุณชายท่านคงจำผิดคนแล้วกระมัง” ข้ารีบกล่าวตอบกลับไป พร้อมกับเดินเลี่ยงหนีไปอีกทางแต่เขากลับหันตัวก้าวเท้าขวางหน้าข้าไว้อีก

 

“ข้าว่า ข้าจำไม่ผิดหรอก คุณชายเซียว”

     พี่ห้าวฉายเอ่ยขึ้นจ้องมายังข้าพร้อมกับมองเข้าไปด้านใน คนที่นั่งอยู่ด้านในพยักหน้าส่งสายตาให้เขา หรือว่าเขาส่งคนมาจับตาดูข้าอย่างนั้นหรือ

“วันนี้ข้า คงต้องขอรบกวนคุณชายเซียวแล้ว”

“ต่ะ-แต่ว่า..”

“คุณชายเซียว..ท่านจะไม่ชวนข้าเข้าไปดื่มกินด้านในหน่อยหรือ?”

     นี่เขากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่ ข้าได้แต่อ้ำอึ้งหาทางบิดพลิ้ว “หืม” ทว่าเขายังคงจ้องเขม็งมองมาเลิกคิ้วพยักหน้าเชิงรอคำตอบ ข้าได้เพียงแต่จำใจ

“ช่ะ-เชิญคุณชาย”

 

“รบกวนแล้ว..รบกวนแล้ว”

     น้ำเสียงปนเย้ยยิ้มแบบนี้ ท่านมาที่นี่คงมิใช่มาราวีข้าใช่ไหม? ข้ายังคงตะลึงงันลังเล คิดหาทางรับมือ ทว่าสายตาอันคมกริบของเขาจ้องมา ยิ่งทำให้ข้าเย็นวาบดุจแช่ลงในบ่อน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ  เขาใช้มือข้างหนึ่งกำข้อมือข้ารั้งดึงเข้าไปด้านใน ตอนนี้จึงทำได้เพียงเดินตามเขาไปอย่างว่าง่ายโดยไร้การโต้ตอบ

“คุณชายเชิญด้านนี้ขอรับ...อ่ะ...อ้าว ท่านเจ้าเรือน!” คำกล่าวทักทายของบ่าวรับใช้เอ่ยมา “เจ้านำ..ค่ะ-คุณชายท่านนี้ ไปด้านบน” ข้าพยายามจะสบัดมือหลีกออกจากการควบคุมของเขา ทว่าเขายิ่งจับกุมข้อมือข้าไว้แน่นหนา

“หึ ท่านเจ้าเรือน! เช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนท่านเจ้าเรือนดูแลด้วย” ใบหน้านี้ของเขาที่มองมายิ่งทำให้ข้าเหมือนจมดิ่งสู่หุบเหวลึก รอยยิ้มแบบนี้เป็นสิ่งที่ข้าไม่เคยลืม

“อาหนิวเจ้าออกไปรอข้าข้างนอก”

“ขอรับ”

“เอาสุราที่ดีที่สุดมาป้านหนึ่ง เอาอาหารที่ดีที่สุดมาสามสี่อย่าง” เขาหันไปสั่งกับบ่าวรับใช้ที่ยืนรอคำสั่งอยู่

“ขอรับ”

“อืม รีบๆล่ะ ข้าจะดื่มคารวะท่านเจ้าเรือนสักหน่อย”

     ระหว่างที่เขาสั่งสุราอาหารยังคงจ้องมาที่ข้าแทบไม่กะพริบตา อะไรกันนี่มันเรื่องอะไรกัน มันทำให้ข้าทำตัวไม่ถูกเอาเสียเลย ดวงตาที่วาวโรจน์นี้ดูน่ากลัวนัก

“คุณชายเซียว...ท่านควรจะถอดหมวก แล้วคุยกับข้านานสักหน่อยได้หรือไม่?” เขาพูดพร้อมกับหยิบมีดสั้นวางดันส่งมาให้ข้าบนโต๊ะ

“ขอบคุณ!..ค่ะ-คุณชาย”

“คุณชาย...หลี่...ไม่สิ...คุณชายเซียว ท่านทำให้ข้าประหลาดใจนัก ท่านเป็นถึงเจ้าของเรือนน้ำค้างหยกแห่งนี้ ซ้ำยังมีฝีมือดีเยี่ยม”

     คำพูดประชดประชันเชือดเฉือนนี้ ข้าไม่พบเจอมาห้าปี บัดนี้ได้มาเจอมันอีกและรู้สึกเจ็บทุกทีเพราะมันไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่เป็นไรข้าอดทนได้ ทว่าดวงตาที่เย็นเยียบดุจอสนีบาตฟาดใส่คู่นั้นจ้องมายังข้าต่างหากที่ทำให้ใจข้าเต้นระทึก

“หมวกท่านช่างเกะกะเสียจริง”

     เขาไม่กล่าวเฉยๆ ทว่ากลับยกมือขึ้นมาด้วยความเร็ว ข้าเอียงตัวหลบ ยกมือขวาขึ้นปัดป่ายเบนวิถีแล้วฟาดมือซ้ายสกัดกระแทก แต่เขากลับพลิกตัวเอียงจนข้าเสียหลัก เขาหมุนรั้งผ่อนฝ่ามือข้าแล้วดึงตัวข้าถลาไปที่หน้าอก นี่ข้ากำลังเสียเปรียบจึงคิดวาดฝ่ามือขวายกยันกระแทก นำมือซ้ายเข้าจู่โจมเพื่อหลีกหนีการคุกคาม ทว่าเขาใช้มือซ้ายยกขึ้นดีดหมวกข้าลอยละลิ่ว ก่อนใช้มือขวายันกระแทกกายข้าถอยห่างออกมา แล้วเขาก็คว้าจับเอาหมวกงอบของข้าไปถือไว้ในมือ ข้าทำได้เพียงหันหลังให้เขาเพียงเท่านั้น

“สุรา กับอาหารมาแล้วขอรับ” เขาจึงหยิบหมวกงอบในมือวางไว้อีกด้านอย่างเบามือ

“อืม เสร็จแล้วก็ไปได้...ถ้าข้าไม่ได้สั่ง ไม่ต้องให้ใครเข้ามารู้หรือไม่” เขายังคงวางมาดคุณชายถังสกุลใหญ่แห่งเมืองนี้อยู่

“ท่ะ-ท่านเจ้าเรือน” บ่าวรับใช้มองมาที่ข้า ข้าได้แต่เพียงยกมือให้สัญญาณแล้วให้เขาจากไป บ่าวรับใช้ยกมือประสานคำนับก่อนจากไป

“ท่านเจ้าเรือนนั่งสิ ...ท่านจะหันหลังคุยกับข้าแบบนี้น่ะหรือ?”

     ข้าได้แต่พร่ำบ่นกร่นด่าในใจ ถึงโชคชะตาที่อาภัพของตนเอง เหตุใดต้องมาพบเจอกับเขาในเวลานี้ด้วย คงได้แต่จนใจยอมหันหน้านั่งลงเผชิญหน้ากับเขาโดยตรง แต่พี่ห้าวฉายกลับไม่มีทีท่าตื่นตระหนกเลยสักนิดเมื่อพบข้า

“หึ...นอกจาก วรยุทธจะดีเยี่ยม ยังมีบุรุษหนุ่มน้อยใหญ่รายล้อมรอบตัวที่เชื่อฟังอย่างดี...ดีจริงๆ หึ..ข้าว่าทั้งเรื่องบนเตียงและประสบการณ์ต่างๆ ของเจ้าเรือนนั้นคงฝึกปรือมาเป็นอย่างดีสินะ....ท่านทำให้ข้านี้ได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”

“ท่าน!!”

     ข้าได้แต่อดทนกับคำพูดคนถ่อยผู้นี้ต่อไป “คุณชายโปรดระวังคำพูดด้วย” ข้าไม่อยากนำเอาคำคนถ่อยผู้นี้มาใส่ใจอีก แต่คนผู้นี้กลับไม่หยุดใช้วาจาเสียดแทง

“หรือไม่จริง หึ!”

     ข้าทำได้เพียงนั่งนิ่งสูดลมหายใจลึกๆ แม้รู้สึกว่าเท้าจะเย็นวาบมือที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ แต่ข้าก็ข่มกลั้นอาการไม่ให้แสดงออกไปได้ถึงเจ็ดแปดส่วน ถ้าเป็นข้าครั้งอดีตคงมีสภาพตัวสั่นเทาไม่ต่างจากลูกนกตกน้ำ เขายังคงกล่าววาจาเสียดแทงข้าต่อไป

“ผิวพรรณใบหน้า เจ้ายังคงงามสง่าเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย ไม่มีร่องรอยการถูกใช้งานหนักมาเลยนี่นา”

     เขาลุกขึ้นแล้วเดินอ้อมมาหยุดด้านข้างตัวข้า พร้อมกับนำมือยกจับหน้าของข้าขึ้นมองสบตา มันทำให้ใบหน้าของข้าร้อนชาไปทั้งแถบ เพราะรู้ถึงความนัยแห่งคำพูดนั้นอย่างชัดเจน ข้าจึงสะบัดหน้าของข้าฝืนกลับมาตามเดิม

 

“อึก...ในที่สุดเราสองคนก็ได้พบกันอีก..ได้พบกันอีกจนได้”

     เขาเดินกลับไปหย่อนกายลงนั่งเช่นเดิม แต่สายตายังคงจ้องมาที่ข้าเช่นเคย ทว่าน้ำเสียงแหบสั่นของเขาเมื่อครู่ ข้ามิรู้ว่าเขากำลังขมขื่นอยู่หรือกำลังจะถากถางข้ากันแน่

“พบกันแล้วยังไง ที่ท่านกล่าวมานั้นคงเยินยอข้ามากเกินไปแล้ว” ข้าจึงเอ่ยตอบเขากลับไป

“หึ..เยินยอ... เยินยออย่างนั้นหรือ?”

     เขาจ้องมา จนข้ารับรู้ได้ว่าเขาคงรู้สึกขมขื่นอยู่ในใจเช่นกัน ข้าล่ะ ข้าไม่เจ็บเลยอย่างนั้นหรือ?...หรือว่าเจ้าเจ็บเป็นเพียงผู้เดียว ครู่เดียวเขาก็กลับมายิ้มเยาะใส่ข้าอีกครั้ง

“คุณชายหลี่..ไม่สิคุณชายเซียว ห้าปีก่อนนั้น...ทำไมไม่บอกข้าตามตรงล่ะ ว่าต้องการเป็นเจ้าของหอคณิกา บอกข้าเสียแต่ตอนนั้นก็สิ้นเรื่อง.... ข้าจะจัดการให้เจ้าทุกอย่างเอง ..จะได้ไม่ต้องเปลืองแรงเอาร่างกายเร่ขายให้ผู้ชายทั่วแผ่นดิน กินเวลารอนแรมถึงห้าปี....”

“นี่ท่าน!”

“จุ๊จุ๊จุ๊...เอ๋! ...ไม่สิ!.... หรือว่าท่านเจ้าเรือนต้องการเพิ่มพูนประสบการณ์เพราะลำพังแค่ข้าคนเดียวในวันนั้น มันคงไม่หนำใจพอสินะ” ความอดทนของข้าได้สิ้นสุดลงในทันที

“ถังห้าวฉาย!”

“หึ ทำไม โมโหข้างั้นสิ หรือว่าที่ข้ากล่าวไปนั้นมันไม่เป็นความจริง”

     คำสนทนาที่เผ็ดร้อนของคนผู้นี้ เหมือนกับเปลวไฟที่กำลังเผาไหม้ใจข้าอยู่จนความอดทนของข้าได้ขาดลงและไม่คิดจะทนต่อไปอีก

“หึ..ทำไมน่ะหรือ? ....ข้าคิดว่าเวลานี้คุณชายถังผู้สูงส่ง ยังคงสนใจข้าผู้มีประสบการณ์บนเตียงอันโชกโชนผู้นี้อยู่กระมัง....ท่านรู้ไหม? ห้าปีเลยนะ..ห้าปีมานี้ท่านรู้หรือไม่ ในทุกๆวันชายหนุ่มที่ผ่านเข้ามาได้ลิ้มลองรสสวาทจากกายข้า ล้วนแต่คนึงหาถึงข้าทุกคน....และยังคงเฝ้าแวะเวียนมาหาข้าเสมอ....ท่านก็คงเป็นหนึ่งในคนพวกนั้นใช่หรือไม่?” ข้ากล่าวพร้อมกับหันไปยิ้มใส่เขาก่อนกล่าวต่อไป

“...ท่านอยากดูหรือไม่ล่ะว่าร่างกายข้าไม่ได้สึกกร่อนลงเลยสักนิด ซ้ำมันยังกลับทำให้ตัวข้า ดูดีมากกว่าเดิมจนข้าเองยังนึกประหลาดใจ...หึหึ...ห้าปีมานี้มันช่างเป็นเวลาที่ข้ามีความสุขเสียจริงฮ่ะฮ่ะฮ่ะ”

 

     ข้าไม่เพียงกล่าวออกไปยังใช้มือเปลื้องปลดสายรัดเอวออกแล้วแหวกอกเสื้อของตนให้เขาดู โดยมิได้นึกสะท้านเกรงกลัว ในเมื่อสายตาและความคิดของเขาที่มองตัวข้าเหมือนดังขยะชิ้นหนึ่ง ข้าคงต้องทำให้เขา เข้าใจว่าข้าคือขยะที่เขาไม่สมควรมาเตะต้อง ...ไปซะ อย่าได้มาวุ่นวายกับข้าอีก

     สายตาเขากลับเหมือนมีเปลวไฟพวยพุ่งลุกโชนพลันทุบโต๊ะ ลุกขึ้นปราดมาคว้าตัวข้าไปรวบกอดรัดไว้ในอก “อึก...”  มืออีกข้างหนึ่งก็เน้นบีบแน่นที่ปลายคางข้าสุดแรง

“เจ้า!!”

     บัดนี้สายตาของข้ามิได้คิดสนใจมองไปยังใบหน้าเขา แต่ภายในใจกลับมีแรงต้านทานรุนแรงที่กำลังลุกโชนอยู่ มันเป็นความด้านชาของจิตใจของข้าเอง เขายังคงเค้นบีบหันใบหน้าข้าให้มองไปที่เขา

“ท่าน..จ่ะ-เจ้าเรือน ขะ-ขอรับ”

     บ่าวรับใช้ในเรือนก็พรวดพราดเข้ามาพอดี จนข้าและเขาต้องผละออกจากกัน “เจ้ามีอะไร?”

“ข่ะ ข้าน้อย ขออภัยขอรับ” เขาตะกุกตะกักคงคิดว่าข้ากำลังพลอดรักกับคนถ่อยผู้นี้อยู่สินะ สภาพของข้าตอนนี้ช่างไม่น่าดูเอาเสียเลย แพรพรรณหลุดลุ่ย จึงนำเสื้อมาปิดบังแบบลวกๆ

“มีอะไรว่ามา...”

“ค่ะ-คุณชายเว่ยมาขอรับ ข่ะ-เขาบอกว่าอยากพบท่านเจ้าเรือน” เหอะ...วันนี้คงเป็นวันซวยของข้าสินะ ข้าถึงได้พบพานศัตรูในทางแคบถึงสองครา

“เว่ยกวง คงเป็นลูกค้าประจำอีกคนของเจ้าสินะ” เขาขบกรามบดคำพูดในลำคอ

“เดี๋ยวข้าลงไป” ข้าหันไปบอกกับบ่าวรับใช้

“ไม่ต้องไป!”
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน7 up 24/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-08-2019 01:05:27
ค้างอีกแล้ววว
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน7 up 24/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 25-08-2019 09:09:17
สนุกค่ะ :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน7 up 24/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-08-2019 11:01:04
มีความวอแวหวงก้าง :hao3:
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน7 up 24/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: krouy ที่ 25-08-2019 15:46:29
ติดตามค่และรอตอนต่อไปค่า
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน8 up 25/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 25-08-2019 17:20:11
ตอน8 โสเภณีเช่นข้า สหายเก่า



“เจ้าไปบอกคุณชายเว่ย อีกครู่ข้าจะลงไป”

“ไม่ต้อง!.. เจ้าไปบอกคุณชายเว่ยว่าวันนี้เจ้าเรือนของเจ้าอยู่กับแขกคนสำคัญ ไม่ว่างพอต้อนรับเขา”

“อ่ะ-เอ่อ” บ่าวรับใช้ข้าได้แต่นิ่งงัน พลันหันมองมายังข้า เมื่อได้ฟังเสียงที่เน้นหนักของเขา

“ไปสิ!”

     บ่าวรับใช้ข้าลนลานหันมองข้าอีกคราหนึ่ง ข้าจึงพยักหน้า เช่นนี้ก็ดีเหมือนกันเพราะข้าเองก็ยังไม่อยากเจอหน้าคุณชายเว่ยในเวลานี้ เมื่อบ่าวรับใช้จากไป เขาก็มาฉุดข้าให้นั่งลง

“นี่ท่าน!” ข้ายังคงยืนขัดขืน

“หึ ทำไม?... ท่านเจ้าเรือนอย่าเพิ่งเสียใจไป เว่ยกวงนั้นคงมาที่นี่ประจำ วันนี้ท่านก็อยู่ปรนนิบัติข้าสักวันเถอะ”

     คนผู้นี้ข้าหลงคิดว่าเป็นบุรุษผู้ชาญฉลาด ทว่าพอขาดสติกลับมีกริยาโง่งมสิ้นดี แต่ก็ดีเหมือนกันหากเว่ยกวงพบข้าในตอนนี้ อาจยิ่งนำพาปัญหามาสู่ข้าอีกก็เป็นได้



“คุณชายท่านเข้าไปไม่ได้นะขอรับ” เสียงจากด้านนอกดังแว่วมา

“เจ้าหลีกไป ข้าจะขอเข้าไปดูเสียหน่อย”

“ไม่ได้ขอรับคุณชาย...คุณชาย!” จนในที่สุดเขาก็เข้ามาด้านในจนได้

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้านึกว่าแขกสำคัญที่ไหนกัน ที่แท้ก็เป็นพี่ห้าวฉายนี่เอง ขออภัย ขออภัย เพียงแต่ว่า..ข้านึกไม่ถึงว่าท่านก็ชื่นชอบสถานที่แบบนี้เช่นกัน...”

 

     ตัวปัญหาได้เข้ามาเพิ่มอีกแล้ว พักนี้ข้าคงดวงไม่ดีจริงๆ มักพบเจออะไรที่เป็นอุปสรรคและขวากหนามอยู่เสมอ คงต้องหายันต์กันภัยมาพกติดตัวไว้เสียแล้ว

     บรรยากาศตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก เขาทั้งสองยืนจ้องกันครู่หนึ่ง ข้าก็มิอยากหันไปเผชิญหน้ากับคุณชายเว่ยในตอนนี้เลย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าควรจะวางตัวเช่นไร มันชวนกระอักกระอ่วนใจนัก พลันร่างของเว่ยกวงก็มายืนตรงหน้าข้าเสียแล้ว เขากระพริบตาถี่มองข้าแล้วนิ่งงัน ลมหายใจเขาดูแผ่วเบายิ่ง

 

“น่ะ-นี่เจ้า...คือ?”

 

     ข้าคงต้องรีบเปลี่ยนบรรยากาศตรงนี้เสียแล้ว “ท่านพี่เว่ย เชิญ ... ข้าคงต้องขออภัยแล้วที่ไม่อาจลงไปต้อนรับท่าน”

     ข้าประคองร่างสูงของเขาหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ทว่าสายตาที่จ้องมองข้าของคนทั้งสองนั้นช่างต่างกันเสียจริง ‘อึดอัดจริงเชียว!’สายตาสองคู่นี้ทำให้ข้าวางกริยาลำบากนัก

“เจ้าคือ เจ้าของหอคณิกาที่นี่อย่างนั้นหรือ?”

     ข้ายกป้านสุรารินลงจอก พี่เว่ยกระซิบถามข้าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ข้าทำได้เพียงพยักหน้าตอบไป ทว่าถังห้าวฉายที่จ้องมองข้าทั้งสอง บนใบหน้ามีคิ้วที่ขมวดราวกับมีความไม่พอใจอยู่มากพอควร ข้าทำเพียงแต่เมินเขามิได้สนใจ จนคุณชายเว่ยสังเกตเห็นจึงเอ่ยขึ้น

“ข้ามารบกวนความสุขของพี่ห้าวฉายแล้ว ขออภัยด้วย ขออภัยจริงๆ”

     เขาไม่ได้เอ่ยตอบวาจาใด แต่กลับเดินมาแล้วหย่อนกายลงนั่ง ข้าได้แต่เตือนตนเองว่าอย่าได้ตื่นตระหนกไป เหตุการณ์แบบนี้ เกิดช้าเกิดเร็วอย่างไรเสียมันก็ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่ว่ามันเร็วไปหรือเปล่า...เร็วจนข้าตั้งตัวไม่ทัน เมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็อย่าไปวิตกให้มากนัก ถังห้าวฉายเขาจ้องมองมา ข้าจึงยกป้านสุรารินให้เขา

“เชิญท่านทั้งสองดื่มกินกันตามสบาย ในฐานะเจ้าเรือนแห่งนี้ สุราอาหารบนโต๊ะนี้ข้าขอเป็นเจ้ามือเอง”

     เมื่อข้าหันไปมองคุณชายถังเขายังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆ พลันคุณชายเว่ยก็มองมายังข้ากับพี่ห้าวฉายแล้วส่งยิ้มมายังข้า พลันมุมปากของถังห้าวฉายก็กระตุกขึ้นน้อยๆ ข้าเห็นจึงคิดเอ่ยเพื่อเข้าเรื่องการสนทนา

“โบราณว่าไว้ คนเราตายช้าย่อมเกิดช้า ตายเร็วก็ย่อมเกิดเร็ว หากเมื่อยังมีชีวิตอยู่เราควรมีช่วงเวลาที่สุขสำราญเร่งรีบใฝ่หาเสีย มิให้ต้องรู้สึกว่าเกิดมาเสียชาติเกิด ท่านพี่ทั้งสองว่าจริงหรือไม่?”

“นั่นสินะ อาเซียนเจ้าพูดถูก พี่ห้าวฉายท่านก็อย่าเคร่งเครียดนักเลย ดูสิอาเซียนเขาดูกังวลเป็นห่วงท่านอยู่นะ รู้หรือไม่” ข้าได้ฟังวาจาของเว่ยกวงเอ่ยออกมานี้ กลับยิ่งทำให้ข้าหนักใจแล้ว พลันเว่ยกวงก็เอ่ยขึ้นอีก

“เอาอย่างนี้ดีไหม? เรื่องอดีตของพวกเรามันก็ผ่านไปแล้ว พูดมากไปก็ไม่เกิดประโยชน์ มิสู้เราทั้งสามมาสนทนาเรื่องใหม่ๆ พร้อมกับหาความสุขสำราญกันไม่ดีกว่าหรือ จริงไหม? อาเซียน พี่ห้าวฉาย..มาดื่มให้กับมิตรภาพที่จะเกิดขึ้นใหม่ของพวกเรากันเถอะ เชิญ!” เว่ยกวงยกสุรากรอกเข้าปากพร้อมกับยิ้มกริ่ม

“อาเซียน เจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าที่ผ่านมา เจ้าไปอยู่ที่ใดมา หรือว่าเจ้าอยู่ในเรือนคณิกานี่ตลอดเลยงั้นรึ?” ข้าพลันส่ายศีรษะ

“เปล่าหรอกพี่ท่าน ข้าเพิ่งกลับมาเมืองนี้ได้ไม่นาน”

“มิน่าล่ะ ข้าสืบหาข่าวของเจ้าไปจนทั่วกลับไม่พบร่องรอยเลย” ข้าฟังจึงได้แต่ยิ้มแล้วเอ่ยสนทนากับเขา “พี่เว่ยท่านล้อข้าเล่นแล้ว ตัวข้ามิได้มีความสำคัญขนาดนั้นหรอก”

“ข้าจะล้อเจ้าเล่นทำไมกัน มันคือเรื่องจริง ว่าแต่ที่ผ่านมาเจ้าไปอยู่ที่ใดมาอย่างนั้นหรือ”

“หลังจากท่านแม่ข้าเสีย ข้าก็อยากท่องเที่ยวไปให้ทั่ว พอนึกถึงบ้านเกิดข้าจึงได้คิดกลับมา”

“เป็นอย่างนี้นี่เอง” ข้ายกสุรารินให้เว่ยกวงอีกคราพร้อมเอ่ยสนทนาต่อ

“วันนี้มีสหายเก่ามาเยี่ยมเยียน พวกท่านดื่มกินกันให้เต็มที่ อย่าได้เกรงใจ” ข้ายิ้มพร้อมยกสุราขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย

“พี่ห้าวฉาย ท่านจะไม่กล่าวอะไรกับพวกเราสักหน่อยหรือ?” เสียงของเว่ยกวงหันไปถาม ทว่าคุณชายถังผู้นี้กลับไม่ตอบ พลันลุกขึ้นแล้วลากข้าออกไป

“นี่ท่านจะทำอะไร?”

“พี่ห้าวฉาย...พวกท่านจะไปที่ไหนกัน?” เว่ยกวงเอ่ยขึ้น

“พี่เว่ย...ช่ะ-เชิญตามสบายเถอะนะ...โอ๊ะ!” ข้ายังไม่ทันกล่าวอะไรมากนัก ถังห้าวฉายก็ลากข้าลงมายังชั้นล่างเสียแล้ว

“ท่านจะพาข้าไปไหน?”

     ใบหน้าที่เรียบเฉยของเขาไม่กล่าวคำพูดใดๆ ทำเพียงฉุดรั้งร่างข้าให้เดินตามไปจนโป๋ซีวิ่งเข้ามาขวางทางไว้ “ท่านจะไปที่ใดกัน”

“หลีกไป!”  โป๋ซีมองข้าครู่หนึ่ง ข้าจึงพยักหน้าสั่งให้เขาหลีกทางจนโป๋ซียอมหลีกทางให้

“อาหนิว รถม้า”

“ขอรับคุณชาย”

      ครู่เดียวร่างของข้าก็ถูกเขาพาขึ้นมาบนรถม้า

“เราจะไปที่ไหนกันหรือขอรับคุณชาย”

“เรือนหลังเขา”

 
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน8 up 25/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 25-08-2019 19:17:49
เอาแล้ววววว
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน8 up 25/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 25-08-2019 21:17:47
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน8 up 25/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: puiiz ที่ 25-08-2019 22:08:20
 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน8 up 25/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 25-08-2019 22:50:04
โอ๊ะโอ
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน9 up 25/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 25-08-2019 23:25:00
ตอน9 โสเภณีเช่นข้า เรือนหลังเขา


 “ท่านจะพาข้าไปที่นั่นทำไม?”   

     นี่เขาจะพาข้าไปที่เรือนหลังเขานั่น เหตุใดจึงต้องมาคอยเหยียบย่ำข่มเหงข้าด้วย  เขากระตุกยิ้มเล็กน้อยมองมายังข้า

“ก็ไปหาความสุขสำราญกันในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ยังไงล่ะ”

     ‘พูดยอกย้อนเพื่อเสียดสีข้างั้นรึ’ …พอข้าได้ฟังประโยคเมื่อครู่แล้ว ก็รับรู้ได้ว่าตลอดระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา ความแค้นในใจเขาที่มีต่อข้าคงมิได้เบาบางลงเลย ในเมื่อเกลียดชังข้านัก แล้วมาวุ่นวายกับคนเช่นข้าทำไม เมื่อได้ครุ่นคิดอย่างละเอียดในที่สุดก็ข้าก็นึกออกว่า เหตุใดเขาจึงลากข้าออกมาจากเรือนน้ำค้างหยก

“คุณชายถัง ท่านสั่งให้อาหนิวหยุดรถเดี๋ยวนี้” แววตาสีหน้าของเขาดูอึมครึมนิ่งเฉยข้าจึงตะโกนบอกกับอาหนิวแทนที่จะคุยกับคนถ่อยเช่นเขา

“อาหนิวหยุดรถ ข้าจะกลับไปหาคุณชายเว่ย”

     พลันสีหน้าของเขากลับเปลี่ยนไป เส้นเลือดที่เต้นตุบๆบนหน้าผากแสดงออกเป็นนัยว่าเขากำลังข่มอารมณ์อย่างยิ่ง หึ!

“ไม่มีคำสั่งข้าห้ามหยุดรถม้า” คนผู้นี้เน้นเสียงหนักสั่งกับอาหนิวในทันที

“ขอรับคุณชาย”

“นี่ท่าน...ต้องการจะทำอะไรกันแน่?” ข้ากล่าวกับเขาด้วยความไม่พอใจ

“แล้วเจ้าล่ะ? คงอยากจะเสนอตัวให้กับเว่ยกวงสินะ?” เมื่อได้ฟังข้าจึงยิ้มแล้วหันไปกล่าวกับเขา

“คุณชายท่านกล่าวผิดแล้ว...ตัวของข้า ...ข้านั้นย่อมมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรก็ได้ ทำไมล่ะ? ในเมื่อท่านนั้นรังเกียจคนขายเรือนร่างอย่างข้า หากข้าจะนำกายนี้ปรนนิบัติบุรุษที่สนใจ ข้าคงมิได้ทำอะไรผิดไปหรอกกระมัง... เป็นคุณชายถังเองต่างหากล่ะ...ไยจึงลดตัวมาเกลือกกลั้วกับโสเภณีแผนสูงเช่นข้าเล่า....”

     พอกล่าวจบเขาเงยมองข้า ดวงตาเต็มเปี่ยมแฝงด้วยแววสังหาร ทำให้ข้ารู้สึกตื่นกลัวอยู่บ้าง ทว่าข้าก็เก็บซ่อนมันไว้ภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยแล้วกล่าวต่อ

“คนชั้นต่ำเช่นข้า มิคู่ควรจะสนทนากับคนสูงค่าเช่นท่าน...คุณชาย..ข้าขอตัวก่อน”

     ในเมื่ออาหนิวไม่หยุดรถม้า ลำพังฝีมือข้าหากจะลงรถที่กำลังวิ่งอยู่ตอนนี้ มันก็มิได้ยากเย็นนัก เมื่อคิดได้ข้าจะกระโดดลงจากรถม้าไปเสียเอง

“จะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” ทว่าเขากลับใช้มือขวางไว้ ข้าจึงพลิกฝ่ามือปัดแขนเขาออก แต่เขากลับใช้เท้ากั้นขวางข้าไว้อีก

“นี่ท่าน!”

     เขากระตุกยิ้มเล็กน้อย ข้าจึงวาดแขนสกัดปัดขาที่ขวางทางออก แต่เขายังคงไม่หยุดคุกคามใช้มือจับมายังไหล่ ข้าห่อไหล่พลิกตัวตามด้วยการฟาดด้วยพลังฝ่ามือกระทบโดนร่างเขากระเด็นกระแทกดังโครมไปด้านใน ข้ากำลังจะก้าวออกไปก็พลันมีมือมาจับข้อเท้าไว้ ข้าจำต้องหมุนตัวพลิกเท้าอีกข้างฟาดเตะใส่ไป จนปะทะกับท่อนแขนเขาที่กันไว้ จนร่างถังห้าวฉายเซกระแทกเสียงดังตึงอีกครั้ง การต่อสู้ของเขากับข้าทำให้รถม้าที่กำลังวิ่งอยู่โคลงเคลงไปมา

“คุณชาย เกิดอะไรขึ้นขอรับ?” เสียงของอาหนิวตะโกนถาม

“เจ้าบังคับรถม้าไป ไม่ต้องสนใจอะไรทั้งนั้น”

“ข่ะ-ขอรับ”

     ยังมิทันให้เขาได้ตั้งตัว ข้าก็สะบัดขาหลุดมาได้ แต่รองเท้าของข้าติดอยู่ในมือเขาเสียได้ ถังห้าวฉายหมายฉุดตัวข้าเข้าไปด้านใน ข้าจึงพลิกตัวหลีกตามลำดับ พลันตั้งรับการจู่โจม สายตาอันแหลมคมจ้องมามุมปากเขายกขึ้นยิ้มอย่างกระหยิ่มใจ

“ฝีมือดีเหมือนกันนี่..เมื่อครู่ข้ายังออกกำลังไปแค่สามส่วนเท่านั้น” พอข้าฟังจึงเน้นเสียงหนักตอบกลับไป

“ท่านคงอยากเห็นข้าเอาจริงสินะ”

     รอยยิ้มและสายตาที่ดูหมิ่นเช่นนี้ข้าเห็นแล้วทำให้ชังนัก แม้ข้าจะไม่ได้มีฝีมือเก่งกาจแต่พลังภายในของข้าคง ไม่ด้อยไปกว่าเขาเท่าใดนัก เพราะตอนข้าฝึกวิชาได้รับยาบุปผาสวรรค์เสริมพลังภายในจากจ้าวตำหนัก ทำให้การฝึกวิชาของข้ารุดหน้าเร็วไวกว่าคนทั่วไป

“รับมือ!” คลื่นพลังปราณไหลผ่านไปที่ฝ่ามือ ข้าได้ฟาดใส่เขาไป ถังห้าวฉายพลันเบี่ยงตัวหลบ จึงทำให้คลื่นพลังซัดหน้าต่างรถม้าหักกระเด็น

“ฝ่ามือบุปผาหยก!!” เขาดูท่าคงแปลกใจไม่น้อย ถ้าหากเกรงกลัวก็จงปล่อยข้าไปซะตอนนี้จะดีกว่า

“คุณชาย!?!... นั่นพวกท่านกำลังทำอะไรกัน?” เสียงของอาหนิวร้องตะโกนถามด้วยความตื่นตระหนก

“เจ้าบังคับรถม้าไป ไม่ต้องถาม”

“ขอรับ...”

     ยามนี้ฝ่ามือข้ามิต่างจากศิลาแกร่ง ข้าพลิกฝ่ามือจู่โจมใส่อีกครา เขากางแขนอ้าลอยตัวขึ้นไปด้านบนดังวิหคจ้องลงล่าเหยื่อ ข้าสะบัดซัดฝ่ามือไปด้านบนจนหลังคาเก๋งรถม้าหลุดกระเด็นปลิวออกไป ร่างของถังห้าวฉายทะยานขึ้นไปในกลางอากาศตามแรงปะทะ

“ท่านทั้งสองทำอะไรกันเนี่ย!! ลานฝึกยุทธก็มีเหตุใดจึงมาประลองฝีมือกันบนรถม้าเล่า” อาหนิวดูท่าตกใจไม่น้อย

“บังคับรถม้าต่อไป ไม่ต้องสนใจ”

     เขาโผกายด้วยวิชาตัวเบาโถมลงมาสู้กับข้าอีกครั้ง คนผู้นี้ช่างดื้อดึงเสียจริงเหตุใดจึงต้องเปลืองแรงสู้กับข้าด้วย ปล่อยข้าลงรถม้าไปก็หมดเรื่อง

     ครานี้คลื่นพลังปราณเขาเริ่มรุนแรง ข้าจำต้องรีดเร้นลมปราณป้องกันรับการจู่โจม ทว่ากลับมีกระแสลมกรรโชกกดทับใบหน้าข้าขณะที่แขนเสื้อเขาสะบัดมา ตัวของข้าก็รู้สึกมึนชาไปทั้งตัว

“ต่ำช้า! ” ข้าพลาดโดนพิษผนึกลมปราณเขาเสียแล้ว ทุกอย่างจึงสงบลง เขายิ้มเยาะใส่ข้าก่อนสกัดจุดแล้วรั้งร่างของข้านั่งลง “สงบได้เสียที นั่งลงสิ!”

“โอ้... ดีแล้ว ดีแล้วคุณชาย ขืนพวกท่านสู้กันต่อไป รถม้านี้คงได้เหลือแต่ซากกันพอดี” อาหนิว กล่าวกับเขาอย่างโล่งใจ

“ท่านกล้าใช้พิษกับข้า!” เขายิ้มให้เหมือนดูสะใจมากที่สามารถเอาชนะข้าได้ด้วยวิธีสกปรก “ไม่ได้ยินที่อาหนิวบ่นหรือไง หากเราสู้กันต่อไป รถม้านี้คงได้พังกันพอดี หึหึ”

“ต่ำช้าที่สุด!”

     เหตุใดจากทีท่าตอนแรกเหมือนไม่พอใจข้า แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ดูอารมณ์ดีนัก มันทำให้ข้าสับสน หรือเพราะว่าชนะข้าได้ด้วยวิธีสกปรกต่ำช้าอย่างนั้นรึ? ดูท่าสมองของถังห้าวฉายผู้นี้คงมีปัญหาเสียแล้ว

“ถึงแล้วขอรับคุณชาย” เพียงครู่ก็ถึงยังเรือนหลังเขา “อืมรู้แล้ว”

     พอเขากับข้าลงจากรถม้าก็ได้ยินอาหนิวบ่นโวยวายเมื่อเห็นสภาพรถม้า “พวกท่านทั้งสองคงเห็นข้าว่างมากแน่ๆ ถึงได้หางานให้ข้าทำ...พวกท่านช่างหาเรื่องมารังแกกันแท้ๆ”

“ยังบ่นอยู่อีก รีบไปเตรียมของกินมาเร็วเข้า”

“คุณชาย ท่านเพิ่งออกจากเรือนน้ำค้างหยก เหตุใดจึงได้หิวไวนักขอรับ”

“ไม่ต้องถาม ...เร็วๆ!”

“ขอรับ...ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

     ข้าขยับขาก้าวเดินทำให้รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าทันที เพราะการต่อสู้กับเขาทำให้ข้าบาดเจ็บ ซ้ำยังโดนพิษผนึกพลังภายในจึงทำให้ข้าเหมือนกับคนธรรมดา อาการบาดเจ็บของข้าจึงทำให้เดินลำบากเสียจริง

“เจ้าเดินไหวหรือไม่”

“ข้าไม่เป็นไร”

“ปากแข็ง! …มาขี่หลังเดี๋ยวข้าแบกเจ้าเข้าไปเอง”

“ไม่ต้องรบกวนท่านหรอก ข้าเดินเองได้”

     นี่ท่านเป็นคนแบบไหนกันแน่ พูดจาเสียดสีดูหมิ่นข้า แล้วจู่ๆก็มาพูดดีด้วย “หลีกไป! ทางแค่นี้ข้าเดินไหว..สบายมาก” พลันจู่ๆ เขาก็ยกร่างข้าลอยขึ้นพาเข้าไปด้านใน

“ปล่อยข้าลง.... ก็บอกแล้วไงว่า...ข้าเดินเองได้...ปล่อยข้าลงเดี๋ยวนี้!” เขายังคงอุ้มพาร่างข้าเข้าไปด้านในเรือน

“จะดิ้นทำไม....ใกล้จะถึงแล้ว...ไม่ได้เจอกันห้าปี เหมือนตัวเจ้าจะหนักขึ้นนะ...”

     สมองของท่านคงมีปัญหาใช่ไหม? ก่อนนี้คำพูดของท่านทำให้ข้าเจ็บใจ ข้าไม่มีวันให้อภัยท่านง่ายๆแน่นอน..
....TBC ♥: ...
      ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นต์นะครับ
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน9 up 25/08/62
เริ่มหัวข้อโดย: tn ที่ 25-08-2019 23:48:44
ทำไมมีแต่คนปากแข็งกันหึ
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน10 up 19/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 19-09-2019 19:58:57
ตอน10 โสเภณีเช่นข้า ... เหตุการณ์บนสะพานหิน

    ข้าในสายตาของเขาข้าอาจเป็นเพียงแค่โสเภณีที่ขายเรือนร่างผู้หนึ่งเพียงเท่านั้น จากเหตุการณ์ในวันนั้น เขาล้วนดูถูกเหยียดหยาม ข้าย่อมรู้ดีว่าตัวข้าต่ำต้อยจึงคิดเจียมตัวเสมอมา  แม้ว่าข้าในตอนนี้ได้ก้าวผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาได้ ข้าอาจจะใช้ชีวิตที่มิได้มีความสุขมากนัก แต่ก็พอจะทำให้ข้าครุ่นคิดถึงเรื่องบางอย่างได้

     การใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ หากเรายังคงยึดถือเกียรติศักดิ์ศรีเอาตัวเองเป็นที่ตั้งเช่นอดีต ไม่วันหนึ่งวันใดก็ย่อมต้องมีวันที่พลิกผันอาภัพอับโชคอยู่ดี หากข้าจะใช้ชีวิตให้รอดปลอดภัยบางคราอาจจะต้องใช้ชั้นเชิงและกลอุบายในการแก้ปัญหาบ้าง เพื่อนำพาตัวของเราผ่านออกจากเรื่องราวที่เป็นอุปสรรค

     ทุกวันคืนที่ผ่านมาล้วนทำให้ข้าตรึกตรอง เฝ้านึกถึงเรื่องราวในครั้งเก่าที่เคยเกิดขึ้น แม้จะมีความรู้สึกเสียใจอยู่บ้างในสิ่งที่ผิดพลาดไป แต่ก็ทำได้เพียงละทิ้งซ่อนงำเก็บไว้เพียงเท่านั้น แต่กับเขาผู้นี้ข้ากลับตัดใจไม่ได้

     เรื่องนี้อาจจะทำให้ตัวเขาและข้าตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากคับขัน หากเขายังพัวพันกับข้าอยู่ ข้าควรทำให้เขาตัดใจและข้าควรหยุดเพ้อฝันในเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นี้เสียที ข้าควรคิดถึงเรื่องภาระและหน้าที่ของตนเอง

     ท่านจ้าวตำหนักสั่งการลงมาว่า สกุลเว่ยอาจเกี่ยวข้องกับเรื่องผิดปรกติที่เกิดขึ้นในยุทธภพ ข้าจะทำเช่นไร เพื่อจะได้มีโอกาสสืบข่าวนี้ได้ ช่างมันเถอะหากข้าออกจากเรือนของถังห้าวฉายผู้นี้ได้ ค่อยคิดอ่านแผนการอีกที แต่ในตอนนี้ตัวข้าเหมือนกับคนธรรมดา แล้วจะหาหนทางหนีออกไปได้อย่างไร

     ในห้องโถงภายในบรรยากาศที่เงียบสงบ ข้าทำได้เพียงเดินสำรวจไปรอบๆ ‘เขาและอาหนิวหายไปไหนกันนะ’ เมื่อเวลาผ่านไปพักใหญ่ ยิ่งมองสำรวจห้องโถงนี้ความรู้สึกข้ายิ่งหดหู่เมื่อหวนนึกถึงอดีต

‘ภาพวาดนั่น’ มันคือภาพวาดที่เขาเป็นคนมอบให้กับข้า จนข้าจะเกือบลืมมันไปแล้ว เรื่องราวในอดีตในครั้งนั้น

**

     สำนักบัญฑิต ที่ตั้งอยู่ในหุบเขาจิ่วไจ้โกว สถานที่แห่งนี้มีทัศนียภาพสวยงาม ดุจสวรรค์บนดิน มีป่าไม้หลากหลายสีสัน อีกทั้งทะเลสาบสีฟ้าใสดุจกระจก ความงดงามที่ไม่สามารถพรรณนาออกมาได้หมด ละมุนจิตติดตามิรู้ลืม เมฆหมอกลอยล่องตัดผ่านทิวเขา เมื่อมองลงบนผืนน้ำเห็นภาพสะท้อนที่เกิดซ้อนขึ้นมา จนทำให้ผู้พบเห็นอาจคิดว่านี่คืออุทยานสวรรค์  ไอหมอกขาวปกคลุมไปทั่วบริเวณ

     ในตอนนั้นข้าได้มาศึกษาเล่าเรียนร่วมกับบรรดาลูกหลานตระกูลต่างๆ สถานศึกษาแห่งนี้สำหรับข้าแล้ว กลับคิดว่ามิคู่ควรกับตัวข้าเลย เพราะทุกคนที่มาล้วนแต่เป็นบุตรธิดาของผู้มีชื่อเสียงมีชาติตระกูลลูกเศรษฐีคหบดีผู้มั่งคั่ง แล้วข้าล่ะ ตัวข้าเป็นเพียงลูกของสตรีชาวนาที่ยากจนคนหนึ่ง ใครที่ไหนจะสนใจ ข้าจึงทำได้เพียงตั้งใจศึกษาและทำตัวเหมือนไร้ตัวตน เพื่อที่จะอยู่นอกสายตาของผู้อื่น แม้ข้าจะดูไร้ค่าแต่ว่าข้าก็ไม่ได้คิดสนใจ หากมิใช่เพราะเกิดเหตุการณ์นั้นที่นำพาความยุ่งยากมายังข้า

“เจ้าดูคุณหนูสกุลจูผู้นั้นสิ”

“ทำไมเหรอ?”

“หากเจ้าลองเทียบรูปร่างผิวพรรณของนางกับเจ้านั่นแล้วคิดว่าเป็นอย่างไร?”

     ข้าได้ยินเสียงพูดคุยกันของพวกเขาดังขึ้น เหตุใดกันการสนทนาของพวกเขาจึงได้นำตัวข้าไปเปรียบเทียบกับ จูอี้ซินคุณหนูสกุลจูผู้นั้นด้วย

“ข้าว่านะ หากดูดีๆ รูปร่างหน้าตาของเจ้านั่น ถ้าแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าชั้นดี ก็ดูไม่ออกหรอกว่ามันคือลูกของชาวนา”

“ใช่ไหมล่ะ? ยิ่งดูใบหน้าและผิวพรรณของเจ้านั่นก็มิต่างจากสตรีเลยสักนิด จุ๊ๆ น่าเสียดาย หากมันเป็นหญิงสาวละก็ พวกเจ้าว่ามันจะน่าดูขนาดไหน”

“นั่นสิ หากมันเป็นสตรี ถึงแม้จะเป็นลูกชาวนา ข้าก็จะหาทางเอามันมาเป็นภรรยาของข้าให้ได้ฮ่าๆ”

“ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ” เสียงของพวกมันกลุ่มนั้นสนทนากันเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

“ถ้าเจ้านั่นเป็นสตรี คุณหนูสกุลจูคงเจอดาวข่มแน่แล้ว”

     เมื่อได้ฟังเขาสนทนาครึกครื้นข้าจึงเดินหนีจากการพูดคุยของคนกลุ่มนี้เสีย ทว่าดันเดินมาพบกับจูอี้ซินกับสาวใช้ของนางเข้าพอดี ข้าหวังว่าบทสนทนาที่ระคายหูนั่น คุณหนูสกุลจูผู้นี้คงไม่ได้ยินน่าจะดีที่สุด ข้าเจอนางจึงทำได้แต่เพียงก้มหน้า หลบทางเดินให้นางเสียเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหา ข้าได้ยินจากพวกคุณหนูสกุลต่างๆพูดคุยกันว่า จูอี้ซินผู้นี้แม้ภายนอกจะดูนุ่มนวลนิ่งเฉย แต่นางลึกล้ำร้ายกาจนัก ยากแก่การแยกแยะให้ชัดเจนจากการพบเห็นภายนอก ข้าจึงรีบก้าวเท้าจากไป

     หากจูอี้ซินคิดกลั่นแกล้ง ข้าคงยากจะรับมือ เพราะข้าได้ยินมาว่านางให้ความสำคัญกับเกียรติศักดิ์ศรีเป็นที่สุด คนยากจนเช่นข้าถูกนำไปเปรียบเทียบกับนางแบบนี้ หากนางคิดเอาเรื่องข้าขึ้นมาไหนเลยข้าจะอยู่ได้อย่างสงบ

     นับแต่นั้นมา ยิ่งข้าพยายามหลบหน้าจูอี้ซินเท่าไหร่ ก็เหมือนกับว่าข้าต้องพบเจอนางอยู่ในทุกที่ เหมือนกับว่าข้าเป็นเหมือนเงานาง หรือว่านางเป็นเงาข้ากันแน่ มันช่างน่าอึดอัดเสียจริง

“ชุ่ยเหยา เจ้าว่าหยกชิ้นนี้สวยดีหรือไม่?” เสียงของจูอี้ซินคุยกับสาวใช้

“เจ้าค่ะคุณหนู หยกชิ้นนี้สวยงามเป็นที่สุด ยิ่งอยู่ในมือของคุณหนูยิ่งดูสวยงามเจ้าค่ะ”

     ข้าเดินผ่านนางทั้งสองโดยบังเอิญบนสะพานหิน ข้าเจอพวกนางยิ่งต้องเจียมตัวอยู่ให้ห่างไว้เพื่อป้องกันปัญหา จนนางทั้งสองเดินผ่านข้าไปได้ราวสามสี่ก้าว ข้าครุ่นคิดอีกเพียงไม่กี่ก้าวเราก็จะอยู่กันคนละฝั่งแล้ว ข้าพึงเข้าใจคำกล่าวที่ว่า ศัตรูบนทางแคบได้แจ่มชัดก็ครานี้นี่เอง อีกเพียงก้าวข้าก็จะผ่านพ้นสะพาน ข้าพร่ำบอกกับตนเอง

“คุณชายหลี่ โปรดหยุดก่อน” ข้ายังคงก้มหน้าทำเหมือนไม่ได้ยินคิดรีบเดินจากไป จนสาวใช้ของนางมายืนขวางข้าไว้

“เอ๊ะ! เจ้านี่ยังไงกัน คุณหนูข้าเรียกไม่ได้ยินหรือไง?”

“เรียกข้างั้นหรือ?”

“ก็ใช่นะสิ ที่นี่มีแต่เจ้า”

     ข้าเหลือบมองไปยังจูอี้ซิน ใบหน้าของนางตอนนี้เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูจู เรียกข้าอย่างงั้นหรือ?”

“ใช่แล้ว” นางยิ้มส่งมาให้ข้าด้วยความจริงใจ

“คุณหนูจู มีเรื่องอะไรกับข้าหรือ?......”

“เปล่าหรอก ข้าแค่อยากพูดคุยกับคุณชายหลี่ก็เท่านั้นเอง...ข้าเห็นเจ้าไปไหนมาไหนเพียงคนเดียว เลยคิดอยากทำความรู้จักและสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กับเจ้าบ้าง” คำพูดของนางทำให้ข้ารู้สึกคลายกังวลใจลงไปบ้างพอสมควร

“ข้าเป็นแค่คนธรรมดา ไหนเลยหาญกล้าคิดพูดคุยกับคุณหนูเช่นท่านได้” ข้าทำได้เพียงกล่าวตอบนางไปด้วยความสัจจริง

“นี่เจ้าจะยืนคุยกับคุณหนูของข้าแบบนี้หรือไง หรือจะให้นางเดินย้อนกลับมาคุยกับเจ้าตรงนี้” ข้าลืมไป ด้วยมารยาทก็ไม่ควรทำเช่นนั้น ข้าจึงเดินย้อนขึ้นไปบนสะพาน

     เมื่อเห็นรอยยิ้มของคุณหนูสกุลจู ที่ดูจริงใจของนางข้าคิดว่าหากข้าไม่ได้ทำอะไรผิด พวกนางคงไม่อาจทำอะไรข้าได้ เห็นรอยยิ้มแบบนี้ความกังวลของข้าก็เบาลงไปมาก การได้พูดคุยปรับความเข้าใจกันบางทีนางอาจจะมองข้าดีขึ้นมาก็ได้ ข้าจึงยิ้มตอบนางไปด้วยความจริงใจเช่นกัน

“โอ๊ะ!!”

โครม!!

     จู่ๆขาก็พลันสะดุดสิ่งหนึ่งจนเซถลาไปยังจูอี้ซินที่ยืนอยู่ จนพลั้งมือทำให้ร่างของนางตกลงไปกลางลำน้ำ

“เจ้าผลักคุณหนูข้าทำไม?...เจ้า!!”

“เปล่านะ ข่ะ-ข้า”

“คุณหนู คุณหนูเจ้าค่ะ ช่วยด้วย! ช่วยด้วยมีคนตกน้ำ”

     ข้าตกตะลึงยิ่งนักกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเร็วมากข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ มือเท้าของข้าสั่นเทาทำอะไรไม่ถูกเหตุการณ์เมื่อครู่ มันเกิดขึ้นไวมาก ความจริงใจของข้า ทำให้เขาเข้าใจผิดเสียแล้ว หากบอกใครต่อใครว่าข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ได้ตั้งใจก็คงไม่มีใครเชื่อ

“หลี่เสี้ยวเซียน เจ้าผลักคุณหนูของข้าทำไม?”

“ข่ะ-ข้า ..เปล่านะ ข้าไม่ได้ทำ”

“ช่วยด้วย! มีคนตกน้ำ” เสียงของชุ่ยเหยาสาวใช้ของจูอี้ซินตะโกนโหวกเหวกเสียงดัง

“เจ้ายังจะมาเถียงอีกเหรอว่าเจ้าไม่ได้ทำ เจ้าเป็นคนผลักคุณหนูข้าตกน้ำชัดๆ”

“เปล่า ข้าเปล่า!!”

“....นี่เจ้า!!...เจ้ายังจะยืนเซ่ออยู่อีกยังไม่ลงไปช่วยคุณหนูข้าอีก” ชุ่ยเหยานางท่าทีลนลานด้วยความเป็นห่วงนาย

“ข้า..อ่ะ-เอ่อ ..ว่ะ-ว่ายน้ำไม่เป็น”

“เจ้าว่ายน้ำไม่เป็น แล้วจะปล่อยให้คุณหนูข้าจมน้ำตายอย่างนั้นหรือ?” คำพูดของชุ่ยเหยากระตุ้นจิตใต้สำนึกของข้า จึงทำให้ข้าไม่อาจทนนิ่งดูดาย จึงได้ตัดสินใจกระโดดลงน้ำตามไป

     อยู่ในน้ำเหมือนตัวข้ามันหนักกว่าอยู่บนพื้นมากนัก  ข้าฮึดพยายามตะกุยตะกายโผล่ขึ้นผิวน้ำหาอากาศหายใจ แล้วจะคว้าตัวของจูอี้ซิน ทว่าข้ากลับถูกนางกดบ่าของข้าลงไปใต้น้ำอีกครั้ง เหตุการณ์นี้มันไวจนสติข้าตั้งรับไม่ทัน ข้าในตอนนี้ทำอะไรไม่ถูก นอกจากพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง

“อึก..ฮึก...อึก.” จนสำลักน้ำลงไปในคอมากมาย การตะเกียกตะกายของข้ามันไร้ผลเสียแล้ว เพราะบนบ่าของข้าถูกมือของจูอี้ซินจับกดไว้อยู่เพื่อพยุงร่างของนางไว้ แม้พยายามดิ้นรนเท่าไรก็ไร้ผลเหมือนกับถูกหนีบด้วยเหล็กแข็งจนขยับกายไม่ได้ จนน้ำเข้ามาทั้งปากและจมูก มันแสบขัดทรมาณเหลือเกิน ความพร่ามัวของสติ ไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืนดิ้นรน จนในหัวมันเบาโหวงจนสิ้นสติไป ทำไมกัน ทำไมความจริงใจของข้าจึงกลับย้อนมาทำร้ายตัวข้าแบบนี้

 

 

************

คุยกันตอนท้าย

.....มาแล้วนะครับ ขอโทษที่ทำให้คนอ่านรอ พอดีไรท์ติดธุระและมีงานเยอะครับ ไม่ค่อยมีเวลามาพิมพ์และอัพนิยายลงเว็บเลย ถ้ารอนานต้องขอโทษด้วยนะครับ เนื้อเรื่องต่อจากนี้จะเป็นเรื่องราวในอดีตที่ฝังใจ ทำให้อาเซียนไม่เคยลืมแม้ว่าช่วงนั้นจะมีวันเวลาที่สุขและทุกข์พร้อมๆกันแต่มันก็เป็นช่วงเวลาที่ทำให้เขารู้สึกดีและมีความสุข นายเอกของเราจะเป็นคนที่ค่อนข้างมีปมในใจ เพราะว่าฐานะยากจนคือข้อจำกัด จึงทำให้ค่อนข้างเจียมตัว ไม่ทะเยอทะยาน แต่ก็ถือว่าไม่ได้โชคร้าย เพราะข้างกายเขานั้นก็ยังมีคนที่คอยปกป้องและห่วงใยอยู่ไม่น้อย จึงทำให้นายเอกอย่างหลี่เสี้ยวเซียนไม่มีวันลืมช่วงเวลาเหล่านั้นเลย

 
หัวข้อ: Re: ☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ❤[จีนโบราณ] ตอน10 up 19/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-09-2019 00:24:52
น่าสงสารจริงๆ
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน11 up 20/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 20-09-2019 07:57:17
ตอน11 โสเภณีเช่นข้า ... เหตุการณ์บนสะพานหิน2

“คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ”

“แค่ก แค่ก แค่ก”

     ข้าได้ยินเสียงแว่วในเวลานั้น และเหมือนตัวของข้าถูกโอบอุ้มล่องลอยอยู่ ตอนนี้ข้าคงตายไปแล้วจริงๆสินะ ข้าถามตัวเอง

“ฮึก...” สติที่เหมือนจะพร่าเลือนภาพในหัวของข้ามีแต่สีขาวโพลน “อึก” ก่อนสัมผัสได้ถึงสายลมอุ่นพุ่งผ่านเข้ามาในร่างกาย แล้วพลันก็มีความจุกแน่นที่แผงอกทำให้รู้สึกอึดอัดเหมือนโดนของหนักกดทับเป็นจังหวะอย่างรุนแรง

“ฮึก..ฮึก..” ก่อนที่ข้าจะรู้สึกแสบขัดแล้ว โล่งสบาย การรับรู้ของข้าก็ขาดหายไปอีกครั้ง

**

     ข้าลืมตาขึ้นมาพบว่าตัวข้านอนอยู่บนเตียงหนานุ่ม ผ้าห่มเนื้อดีที่ห่อกายอยู่มันช่างไม่คุ้นตาข้าเลย ‘นี่คือที่ไหนกัน?’ มันคงไม่ใช่ปรโลกใช่ไหม ข้ากรอกตามองดูอีกครั้ง ตอนนี้ร่างกายข้าเจ็บปวดระบมโดยเฉพาะหน้าอกข้า เหมือนเพิ่งผ่านการถูกทุบตีอย่างรุนแรงมา ข้าพยายามพยุงกายขึ้นมาอย่างช้าๆ มองไปด้านข้างก็พบร่างของคนผู้หนึ่งนอนหลับสนิทอยู่บนโต๊ะ

“โอ๊ะ! อูย..”ข้าอุทานกับตัวเองเบาๆเพราะความเจ็บปวด  ร่างของคนผู้นั้นก็พลันตื่นพร้อมกับหันมองมายังข้าที่อยู่บนเตียง

“เจ้าตื่นแล้วหรือ?”

“ที่นี่คือที่ไหน?” ข้าถามเขาอย่างสงสัย

“บ้านข้าเอง เจ้าดื่มน้ำขิงก่อนสิ” เขายกน้ำขิงต้มที่อุ่นเตรียมไว้เทใส่ถ้วยยกมาให้ข้า

“ข้าไม่ได้อยู่ที่สำนักบัณฑิตหรอกหรือ?” ข้าถามเขายิ้มก่อนตอบกับข้า

“บ้านข้าอยู่ด้านหลังของหุบเขา เราอยู่ไม่ไกลจากสำนักบัณฑิตหรอก เจ้าจมน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ข้าเลยพาเจ้ามานอนพักที่บ้านข้า”

     ข้าพลันเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่บ้างจึงพยักหน้าตอบอย่างเข้าใจ “อ่ะ เจ้ารีบกินน้ำขิงนี่เสียก่อน มาเดี๋ยวข้าช่วย” เขาพยุงร่างของข้าลุกขึ้นมา

“ขอบคุณ” เขาใช้ช้อนตักน้ำขิงในถ้วยแล้วยื่นมา แต่ว่าตัวข้านั้นไม่ชินกับการถูกคนเอาใจใส่ดูแล

“ไม่เป็นไรคุณชาย ข้ากินเองได้” เขาจึงนำถ้วยน้ำขิงส่งมาให้ข้า พลันข้านึกได้ว่า นอกจากข้าที่จมน้ำแล้วยังมีจูอี้ซินอีกผู้หนึ่ง

“แล้วคุณหนูสกุลจูเป็นอย่างไรบ้าง?”

“นางไม่เป็นอะไร เจ้าห่วงตัวเองเถอะ”

     พอข้าได้รู้ข่าวก็พลันโล่งใจขึ้นมาทันที ดีแล้วที่นางไม่เป็นอะไรไป ข้าดื่มน้ำขิงจนเกือบหมดถ้วยแล้วจึงวางมันไว้ตรงโต๊ะข้างหัวเตียง

“หิวหรือไม่? ข้าสั่งให้คนต้มโจ๊กเตรียมไว้ให้แล้วจะได้ให้เขายกมา” ข้าสั่นศีรษะ

     ชายผู้นี้คือใครกันเหตุใดจึงต้องมาดูแลข้ามากมายเช่นนี้ ดูท่าแล้วเขาคงมิใช่ชาวบ้านชนชั้นธรรมดา เหมือนกับว่าข้าเคยพบหน้าเขาอยู่บ้างที่สำนักบัณฑิต คงเป็นคุณชายตระกูลใดตระกูลหนึ่งอย่างแน่นอน แล้วเหตุใดเขาจึงต้องมาคอยดูแลข้าด้วย ทันทีที่นึกได้ใบหน้าของท่านแม่ก็ลอยเข้ามาในความคิด

“คุณชายตอนนี้ยามไหนแล้ว”

“ยามโหย่ว”

“เช่นนั้นคงเย็นมากแล้ว ข้าคงต้องขอตัวก่อน” ข้ารีบพยุงร่างของตัวเองขึ้น แต่ก็ถูกเขาขวางไว้

“เจ้าจะไปไหน”

“ข้าจะกลับบ้าน ท่านแม่ข้าจะเป็นห่วง” เขายิ้มให้ข้าแล้วกล่าวขึ้น

“วันนี้ เจ้านอนพักผ่อนที่นี่สักคืน ข้าสั่งให้คนไปบอกกับนางแล้ว” ข้าฟังเขาพูดจบจึงได้แต่นิ่งเงียบ

     เมื่อได้พูดคุยกันข้าจึงรู้ว่าเขาคือทายาทสกุลถังที่ยิ่งใหญ่ นามว่า ถังห้าวฉาย สกุลถังเป็นตระกูลหนึ่งที่มีอิทธิพลในเมืองนี้ ‘ข้าติดหนี้ชีวิตคนผู้นี้เสียแล้ว’

..

     ในวันถัดมาที่สำนักบัณฑิต

“เจ้ายังกล้าโผล่หน้ามาที่นี่อีกอย่างนั้นหรือ?” เสียงของชุ่ยเหยาบ่าวรับใช้ของจูอี้ซินโวยวายเมื่อเห็นข้า ตัวข้าทำได้เพียงนิ่งเงียบไม่คิดอยากตอบโต้

“หึ เถียงไม่ออกสินะ เห็นท่าทางใสซื่อไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะใช้วิธีสกปรก ผลักคุณหนูข้าตกน้ำได้”

“ข่ะ-ข้าไม่ได้ตั้งใจ ฝ่ะ-ฝากเจ้าขอโทษคุณหนูของเจ้าด้วย”

“เหอะ! ยังกล้าพูดว่าไม่ได้ตั้งใจอีกรึ เจ้าคิดจะฆ่าคุณหนูข้า”

“ข้าเปล่านะ”

“ยังจะเถียงอีก”

     ทำไมนางจึงคิดปรักปรำข้านัก เรื่องในตอนนั้นข้าไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ข้าจึงคิดเอ่ยตอบนางกลับไป เพราะตอนนี้คนเริ่มให้ความสนใจการสนทนาของข้ากับนาง

“หากข้าคิดฆ่านางแล้วเหตุใดข้าต้องกระโดดลงน้ำไปช่วยนางด้วยล่ะ เจ้าก็รู้ว่าข้าว่ายน้ำไม่เป็น”

“หึ เห็นหน้าตาแบบนี้ เจ้านี่ก็..ตีฝีปากเก่งไม่เบา” นางต่อว่าพร้อมกับเดินวนรอบตัวข้าพร้อมกับด่าทอไม่หยุดจนผู้คนในสำนักบัณฑิตล้วนมามุงดู

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ ...ข่ะ-ข้า”

“หึ! ไม่ได้ตั้งใจ แต่ข้าเห็นกับตาว่าเจ้าผลักคุณหนูข้าตกน้ำ”

“ข่ะ-ข้า” ข้าอับจนหนทางที่จะตีฝีปากกับสตรีนางนี้เสียจริง จนจูอี้ซินเดินเข้ามา

“มีอะไรชุ่ยเหยา?”

“คุณหนูคะ ท่านดูเจ้าคนไร้ยางอายคนนี้สิ ยังจะมีหน้ามาที่นี่อีก มันคือคนผลักคุณหนูตกน้ำแท้ๆยังจะมาเถียงข้า ท่านจะไม่ให้ข้าโมโหมันได้ยังไง”

“เราไปกันเถอะชุ่ยเหยาคนมองเราใหญ่แล้ว เรื่องมันผ่านไปแล้วเจ้าไม่อายคนอื่นหรือไง?” คุณหนูสกุลจูผู้นี้ถือว่ายังมีดีอยู่บ้างที่คิดห้ามปรามสาวใช้ ข้าทำได้เพียงก้มหน้าไม่กล้าสบตานาง

“แต่เจ้านี่มันเถียงข้า ว่าตัวมันไม่ได้ทำ แล้วมันก็บอกว่าได้ลงไปช่วยท่านทั้งที่มันว่ายน้ำไม่เป็น กลับผิดเป็นถูกชัดๆ”

     ชุ่ยเหยาบ่าวรับใช้คนนี้นางยังคงไม่หยุดกล่าวหาแล้วด่าทอข้าต่อ จนคุณชายถังที่เดินมากับชายหนุ่มอีกผู้หนึ่ง นางจึงเริ่มเบาเสียงลง

“ข้ารู้นะ ว่าเจ้าอิจฉาคุณหนูข้า เพราะหยกชิ้นนั้น”

“นี่..เจ้าพูดเรื่องอะไร?...เมื่อวานข้าเดินสะดุดอะไรบางอย่าง แล้วบังเอิญโดนร่างคุณหนูจูจึงพลั้งมือทำนางตกน้ำ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”

“ยังจะเถียงข้างๆคูๆอีก คนกลับกลอกเช่นเจ้ามันเชื่อถือไม่ได้ เจ้ารู้หรือไม่ หากไม่เพราะเจ้าผลักคุณหนูข้าตกน้ำจนทำมันหายไป หยกชิ้นนั้นคุณหนูข้าตั้งใจจะมอบให้กับคุณชายถัง”

“ข่ะ-ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้จริงๆนะ” ข้าสั่นศีรษะเจอสายตาทุกคนที่มองมา เหมือนกับว่าทุกสายตาไม่ได้เชื่อในตัวของข้าเลย

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าไม่รู้..ข่ะ-ข้าขอโทษคุณหนูจูด้วย”

     ตัวข้าในตอนนี้สั่นเทา ทำได้แต่เพียงสั่นศีรษะก้มหน้า หากข้าจะผิดก็ผิดที่พลั้งมือทำนางตกน้ำ เรื่องหยกอะไรนั่น ข้าเองไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนเลย ทุกสายตาในตอนนี้คงไม่มีใครเชื่อ ข้ามิรู้ว่าจะตอบโต้แก้ต่างให้ตัวเองอย่างไร

“หึ! คำขอโทษของเจ้านั้น มันมีค่าพอเท่ากับหยกชิ้นนั้นหรือเปล่าล่ะ”



     ข้าตกตะลึงหากพูดถึงมูลค่าหยกนั่น ข้าเป็นเพียงคนยากจน หยกของคุณหนูสกุลจูตระกูลที่ค้าอัญมณี มันคงสูงค่าไม่น้อย แล้วตัวข้าจะมีปัญญาซื้อหาของที่มีมูลค่าเช่นนั้นได้อย่างไร ตัวข้าคงได้แต่ยอมเป็นวัวเป็นควายรับใช้นางแทนเสียแล้ว

"ชุยเหยาพอเถอะ!" จูอี้ซินเอ่ยปรามสาวใช้ พร้อมกับรั้งแขนของนางไว้

“ช้าก่อนคุณหนูจู มีเรื่องอะไรกัน?” จู่ๆ ก็มีเสียงของคนผู้หนึ่งแทรกขึ้นมาเขาคือคนที่เดินมาพร้อมกับคุณชายถังผู้นั้น จูอี้ซินนางนิ่งเงียบไม่พูดจาจนคุณชายผู้นี้เป็นคนเอ่ยขึ้น

“เจ้าว่าเขา เป็นคนผลักคุณหนูเจ้าตกน้ำอย่างนั้นรึ?”

“ใช่เจ้าค่ะ”

“เช่นนั้น เจ้าช่วยเล่าให้ข้าฟังอีกที เล่าให้ละเอียดเลยนะ”

     ข้าเงยหน้ามองดูเขาผู้นี้ สวมแพรพรรณชั้นดีคงมีฐานะไม่ด้อยไปกว่าคุณชายถังผู้นั้นเป็นแน่ แต่ว่ารอยยิ้ม ที่มองมายังข้า เป็นประกายนั่นคืออะไร แล้วเหตุใดเขาจึงต้องให้สาวใช้สกุลจูเล่าเหตุการณ์ให้เขาฟังใหม่ด้วย หรือว่ามีอะไรผิดปรกติ

“คืออย่างนี้เจ้าค่ะ เจ้านี่ ชื่อว่าหลี่เสี้ยวเซียน ข้ากับคุณหนูเดินอยู่บนสะพานแล้วมันก็เดินผ่านสวนทางข้ากับคุณหนูที่กำลังดูหยกชิ้นหนึ่งที่คิดว่าจะมอบให้กับคุณชายถัง” พอพูดถึงตรงนี้จูอี้ซินก็รั้งแขนสาวใช้ของนางด้วยความเขินอาย แต่ชุ่ยเหยานางยังคงเล่าต่อ

“เมื่อคุณหนู เห็นหลี่เสี้ยวเซียนที่มักไปไหนมาไหนคนเดียว ไม่ค่อยพูดจากับใคร จึงคิดอยากพูดคุยสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้กัน ไม่คิดว่าขณะที่มันเดินไปหาคุณหนูของข้า จู่ๆมันก็ผลักคุณหนูของข้าตกน้ำไป”

“ฮึก!..” ระหว่างนางเดินเล่าเรื่องไปมาก็เดินมาผลักตัวข้าจนเซถลาเกือบล้มลงกับพื้น ก่อนที่นางจะพูดต่อ

“หากไม่ใช่เพราะคุณชายถังเดินมาพอดี เจ้านี่มันคงไม่กระโดดน้ำลงไปช่วยคุณหนูข้าหรอก” นางกล่าวพร้อมกับหันไปมองหน้าคุณชายถังพร้อมกับคุณชายอีกคน “อ๋อ เรื่องมันช่างประจวบเหมาะเสียจริง”

“ใช่เจ้าค่ะ เรื่องมันก็มีเท่านี้”

“มะ-ไม่ใช่นะ” ข้าได้แต่ร่ำร้องในใจ นางปรักปรำ มันไม่ใช่ความจริงทั้งหมด ข้าไม่ได้ตั้งใจ ข้าคงอับจนหนทางเสียแล้ว

“ข้าต้องขอบคุณ คุณชายเว่ยกับคุณชายถัง มิเช่นนั้นคุณหนูของข้าคงตายไปแล้ว”

     นางกล่าวจบก็โผไปหาจูอี้ซิน ด้วยทีท่าเป็นห่วงนาย ‘หลี่เสี้ยวเซียนเอ๋ยหลี่เสี้ยวเซียน ชีวิตเจ้ามันช่างอาภัพนักเหตุการณ์ทุกอย่างที่นางเล่าดูไร้ช่องโหว่ ทุกอย่างมันช่างบังเอิญเสียจริง’ ข้าได้แต่ครุ่นคิดยอมแพ้อย่างไร้ข้อโต้แย้ง

“อืม!”

     คุณชายเว่ยเมื่อฟังสาวใช้สกุลจูผู้นี้กล่าวจบก็เดินวนไปมา “ข้าว่านะ...ที่เจ้าเล่ามานั้น เหมือนจะผิดไปข้อหนึ่ง” ข้าได้ฟังก็ประหลาดใจในทันที แต่เขาเดินคิดวนไปวนมาอีกครั้ง

“ไม่สิ ไม่สิ สองข้อ”

“คุณชายเว่ย ท่านพูดอะไรข้าไม่เข้าใจ” ชุ่ยเหยาสาวใช้นางกล่าวโพล่งวาจาถามออกมา

“ข้อหนึ่ง ที่เจ้าว่าเขาเป็นคนผลักคุณหนูเจ้าตกน้ำนั้นเป็นเรื่องจริง แต่เขาไม่ได้ตั้งใจ” ข้าและทุกคนที่ยืนมุงดูล้วนพาสงสัยกับคำพูดของคุณชายเว่ยผู้นี้ ว่ารู้ได้อย่างไร

“นั่นเป็นเพราะเจ้า!” พลันมือของคุณชายเว่ย ก็ชี้ไปที่ชุ่ยเหยาในทันที

“เพราะข้า?” ชุ่ยเหยาสาวใช้ของจูอี้ซิน นางทำหน้าตื่นตระหนก ข้าเองก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน

“ถูกต้อง เพราะเจ้า.... หากไม่ใช่เพราะเจ้าใช้เท้าเจ้าสกัดขาของเขาจนหกล้ม แล้วล้มไปผลักคุณหนูของเจ้าตกน้ำ เรื่องนี้ก็คงไม่เกิด...เจ้าคงสงสัยสินะข้ารู้ได้อย่างไร นั่นเพราะว่าข้านั่งมองพวกเจ้าอยู่ตรงนั้น”

     คุณชายเว่ยผู้นี้กล่าวพร้อมกับชี้มือไปที่พุ่มไม้หนึ่งที่อยู่อีกด้านริมแม่น้ำ “ตอนนั้นข้าก็เห็นพี่หาวฉายก็กำลังเดินมาพอดี... ข้อสอง...เจ้าเป็นสาวใช้คนสนิทของคุณหนูสกุลจูที่เป็นวรยุทธแล้วเหตุใดเจ้าจึงไม่ลงไปช่วยนาง หรือเจ้ารู้อยู่แล้วว่าคุณหนูของเจ้าว่ายน้ำเป็น จึงไม่คิดห่วงนาง”

“อ่ะ-เอ่อ”

     สาวใช้สกุลจูผู้นี้นางเริ่มกรอกสายตาไปมา พอข้ามองเห็นพลันรู้ได้ทันที หึ! ข้าโดนพวกนางทั้งสองกลั่นแกล้งสินะ

“ข้าอยากถามเจ้า ทำไมเจ้าต้องให้เขากระโดดลงไปช่วยคุณหนูเจ้า ทั้งที่เขาว่ายน้ำไม่เป็น!”

     ชุ่ยเหยานางเจอคำถามของคุณชายเว่ย นางเหมือนคนทรงกายไม่อยู่ จู่ๆจูอี้ซินก็ยกมือขึ้นปาดน้ำตาพลันสีหน้านางก็เปลี่ยนไป พร้อมกับพูดขึ้น

“คุณชายเว่ยท่านพอแค่นี้เถอะ ฮึก...เป็นข้าสั่งสอนบ่าวได้ไม่ดีเอง ฮึก... ในตอนที่ข้าตกน้ำ ตอนนั้นนึกตกใจจึงทำให้มือไม้ไร้เรี่ยวแรง หากไม่ได้ท่านกับพี่ห้าวฉายมาช่วย ข้ากับคุณชายหลี่คงจมน้ำกันทั้งคู่ ฮือ ฮือ.....”

     ข้ามองเห็นท่วงท่าของจูอี้ซินที่ดูบอบบางดั่งบุบผา หากใครเตะต้องคงร่วงโรยของนาง เป็นที่น่าสงสารแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก แต่ข้ากลับคิดว่าสตรีนางนี้ยากแก่การหยั่งถึง

“ข้าละอายใจนักที่สั่งสอนบ่าวไม่ดี ฮือ ฮือ”

“เป็นบ่าวเองที่ไม่ดีค่ะคุณหนู บ่าวผิดไปแล้ว”

     จูอี้ซินสะบัดมือออกจากชุ่ยเหยาสาวใช้พร้อมกับเดินมาตรงหน้าข้าพร้อมคำนับ “คุณชายหลี่ ข้าจูอี้ซินทำให้ท่านเดือดร้อนแล้ว สั่งสอนบ่าวไม่ดี...ขอโทษด้วย ฮึก..”

     ข้านิ่งงันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำได้เพียงพยักหน้ารับคำขอโทษจากนางแล้วรีบเดินหนีจากมาไม่อยากสืบสาวเรื่องราวอันใดอีก ข้าคิดเสมอว่าระวังตัวดีแล้ว แต่ก็ยังพลาด หากไม่ใช่เพราะคุณชายเว่ยผู้นั้น จุดจบข้าจะเป็นเช่นไร

 

 

 

   

 
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน11 up 20/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 20-09-2019 12:31:41
กลับมาแล้ว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน11 up 20/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: HanATarO ที่ 20-09-2019 20:34:38
คุณชายเว่ยกับคุณชายถัง นี่เขามีเรื่องกัยม่ก่อนหนือเปล่านะ ตอนนี้ถึงไม่ถูกกัน หรือว่าเราอ่านข้ามนะ 
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน11 up 20/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 20-09-2019 23:59:54
ทั้งคุณชายถัง และคุณชายเว่ยต่องก็ชอบคนเดียวกันหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน11 up 20/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-09-2019 00:07:11
ค้างงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน12 up 21/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 21-09-2019 19:05:56
ตอน12 โสเภณีเช่นข้า ... บาดเจ็บ

“เราจะทำอย่างไรดีเจ้าคะคุณหนู” ระหว่างที่ข้าเดินหลบผู้คนตรงเนินเขาข้าบังเอิญได้ยินเสียงของสตรีนางหนึ่ง จึงไม่อยากใส่ใจ จึงคิดเดินผ่านแล้วจากไป

“เพราะเจ้าคนเดียวแท้ๆ ทำให้แผนทุกอย่างที่วางไว้ต้องเสียเปล่า...ยังไงข้าก็ต้องกำจัดมันให้ได้”

     พอได้ฟังเสียงของสตรีที่คุ้นหูอีกนางเอ่ยขึ้นข้าก็จำได้ทันที น่าจะเป็นคุณหนูสกุลจูกับสาวใช้สนทนากัน พอรู้ข้าเองนั้นแม้จะไม่พอใจพวกนางอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดถือสาใส่ใจในเรื่องที่ผ่านมา เพราะตระหนักดีว่าตัวเองนั้นควรจะทำตัวอย่างไร

“บ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”

“เจ้าดูสิ ตอนนี้ใครๆล้วนมองว่าข้าคือตัวการ มันเลยดูน่าสงสาร...ส่วนข้าเลยกลายเป็นนางมารไปแล้ว”

“เป็นเพราะคุณชายเว่ยแท้ๆ บ่าวก็ไม่คิดว่าคุณชายเว่ยจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด”

“เป็นเพราะเจ้ายังไงล่ะ ทำอะไรทำไมไม่ดูให้ดี”

“ขอโทษเจ้าค่ะ คุณหนู บ่าวผิดไปแล้ว”

“หึ ถือว่ามันยังโชคดี ยังไงข้าก็ต้องหาโอกาสกำจัดมัน ให้ออกไปจากที่นี่ให้ได้ ข้าจะไม่ยอมให้มันเสนอหน้าอยู่ให้รกหูรกตาเด็ดขาด”

“ทำไม คุณหนูจึงเกลียดมันนักละเจ้าคะ จริงๆแล้วหลี่เสี้ยวเซียนก็ไม่ได้ทำอะไรให้คุณหนูเลยด้วยซ้ำ”

“นี่แนะ!”

“โอ้ย! คุณหนูตีบ่าวทำไม?”

“วันนั้นเจ้าไม่ได้ยินหรือไง มีคนเอาข้าไปเปรียบเทียบกับคนชั้นต่ำอย่างมัน ข้านึกถึงวันที่เจ้าพวกนั้น เอาข้าไปเปรียบกับคนอย่างมัน ยิ่งทำให้ข้าแค้นใจ ยิ่งเห็นมันก็ยิ่งทำให้รู้สึกรกหูรกตา”

     นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตข้าที่เหลือทนกับพฤติกรรมอันต่ำทรามของคน นางคิดว่าตัวเองอยู่สูงส่งเหนือผู้อื่น แต่นางกลับมีความคิดโสมมนัก มิได้มีความอ่อนโยนนุ่มนวล ละเมียดละไมอ่อนไหวเช่นอิสตรีทั่วไปเลย แม้ภายนอกนางจะเรียบร้อยงดงาม ทว่าเบื้องหลังพฤติกรรมกลับต่ำทรามล้ำลึก เพียงเพราะคำพูดของผู้อื่นนางกลับคิดกลั่นแกล้งข้า เช่นนี้เห็นทีควรระวังตัวและอยู่ให้ไกลจากพวกนางจะดีกว่า เมื่อฟังพวกนางสนทนากันยังไม่ทันจบ ข้าจึงเดินย้อนกลับไปทางเดิม

“หยุดเดี๋ยวนี้!”  ข้ายังไม่ทันเดินถึงห้าก้าว เสียงของสาวใช้จูอี้ซินก็ตวาดไล่หลังมา

“พวกท่านมีอะไร?”

“หึ ไม่มีท่าทีตื่นกลัว ซ้ำยังทำตีสีหน้าเรียบเฉยใสซื่อได้อีก” เสียงของจูอี้ซินเอ่ยขึ้นพร้อมกับก้าวเท้าตามสาวใช้ของนางออกมา

“เจ้าคงได้ยินที่ข้าคุยกันแล้วสินะ”

     ในตอนนี้แม้ข้าจะหวั่นวิตกอยู่บ้าง แต่ก็พยายามนิ่งเงียบ ไม่อยากคิดโต้แย้งกับนางทั้งสอง หากข้ากล่าวอะไรผิดไปจะกลายเป็นว่าหาเรื่องใส่ตัว

“ยังจะยืนบื้ออยู่อีก เจ้าไม่ได้ยินที่คุณหนูข้าถามหรือไง”

“ข่ะ-ข้า เพียงแค่ผ่านมา แล้วเห็นพวกท่านจึงคิดเดินกลับไป หากไม่มีธุระใด ข้าขอตัวก่อน”

“ข้าขอเตือนเจ้า หากเจ้ายังอยากอยู่ในเมืองนี้อย่างสงบ ก็ไม่ควรมาเรียนที่นี่อีก”จูอี้ซินเอ่ยกับข้าอย่างแผ่วเบา

“ท่านจะพูดกับข้าแค่นี้ใช่ไหม ขอตัว”

     ข้ารู้ว่าคำพูดของนางไม่ใช่พูดออกมาเพื่อขู่ให้ข้ากลัวเพียงเท่านั้น แต่หากนางคิดจะทำจริงๆ ข้าก็คงทำอะไรไม่ได้ หากไม่ได้มาเรียนที่นี่ แล้วข้าจะหาทางเชิดหน้าชูตาตามที่มารดาข้าคาดหวังได้อย่างไร

     ข้ารู้ดีว่าอิทธิพลของสกุลจูเป็นเช่นไร ในตอนนี้ทางที่ดีข้าควรหาทางหลีกหนีให้ไกลจากพวกนางในตอนนี้เสียก่อน จึงรีบก้าวเดินผ่านหน้าของจูอี้ซินไปโดยเร็ว

“เจ้าจะรีบไปไหน คุณหนูข้ายังไม่ได้สั่งให้เจ้าไปสักหน่อย” ทันทีที่ข้าเดินผ่านมือของจูอี้ซินก็รั้งกระชากไหล่เต็มแรงให้ข้าหันกลับไป

     ผัวะ!

ใบหน้าของข้าหมุนตามแรงฝ่ามือของจูอี้ซิน จนรู้สึกปวดร้าวใบหน้าไปทั้งแถบ จนต้องเอามือกุมไปที่แก้มอย่างลืมตัว ตอนนี้ข้าทั้งโกรธและไม่อยากทนกับการถูกพวกนางเหยียดหยาม จึงหันมองหน้าพวกนางทั้งสอง

“หึ ดูสายตามันสิเจ้าคะ..... ” ข้าชิงชังพวกนางเหลือเกิน กับเรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้ จูอี้ซินกลับคิดกลั่นแกล้ง ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา ไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกับนางเลย

“เจ้ามองคุณหนูข้าแบบนี้ คิดจะทำร้ายนางอย่างนั้นรึ?”

ปึก!

     ยังไม่ทันที่ข้าจะกล่าววาจาใด ก็โดนฝ่ามือของชุ่ยเหยาฟาดใส่ที่ไหล่เต็มกำลังจนถลาล้มลงห่างจากพวกนางวาเศษ

“ฮึก..” ครานี้ข้ารู้สึกจุกแน่นไปทั้งทรวงอกแล้วกระอักเลือดออกมาคำหนึ่ง สายตาที่ยิ้มเยาะจากพวกนางทั้งสองจ้องมองมา หึ.. พวกเจ้าคงเห็นข้าไม่ต่างจากสุนัขข้างถนนสินะ เพียงเพราะเห็นมันเกะกะขวางตา คิดไล่ทุบตีมันเช่นไรก็ได้ ทั้งๆที่มันไม่ได้มีความผิดอะไรเลย

     หากข้าคิดดึงดันถือสาเอาความกับพวกนาง ก็คงจะนำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเสียมากกว่า ข้ายกมือขึ้นเช็ดเลือดที่ไหลออกมาตรงมุมปาก แล้วพยายามพยุงตัวลุกขึ้น ‘เจ็บเหลือเกิน’

“ฮึก...”

     ข้าหลับตาลงครู่หนึ่ง เพราะรู้สึกว่าความเจ็บร้าวมันถูกแผ่ซ่านไปทั้งทรวงอก เหมือนกับไร้เรี่ยวแรงในการทรงกายลุกขึ้น หากแม้ลุกขึ้นทรงกายได้ แต่ก็คงไม่อาจทนต่อความเจ็บปวดได้นาน ‘ข้าต้องรีบออกไปจากที่นี่’ ยิ่งเห็นสายตาของพวกนางที่จ้องมองมาข้ายิ่งต้องพยายาม ความอึดอัดจนหายใจไม่สะดวก ทำให้ข้าตระหนักว่าคงบอบช้ำภายในเอาการอยู่

“เจ้าลงมือหนักไปแล้วชุ่ยเหยา หากใครพบเข้าจะทำเช่นไร”

     เสียงของจูอี้ซินเค้นเสียงลอดริมฝีปากออกมา ข้าทำได้เพียงแต่พยายามยืนหยัดทรงกาย เพื่อมิให้พวกนางเหยียดหยามไปมากกว่านี้ ทว่าแม้พยายามลุกขึ้นมา กลับต้องทรุดกายลงกับพื้นอีกครั้ง

“เช่นนั้นเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะเจ้าค่ะ”

“อืม!”

 

     หึ!  เจ้าทั้งสองช่างเหมาะสมเป็นนายบ่าวกันเสียจริง นางทั้งสองจากไปแล้วข้าจึงค่อยพยุงกายของตนลุกขึ้นอย่างช้าๆ พร่ำบอกกับตัวเองว่าให้จำความเจ็บปวดเหล่านี้เอาไว้ให้ดี เพราะโลกใบนี้ล้วนมีแต่ความอยุติธรรมอยู่มากมาย เพราะตัวเรามันต่ำต้อยเกินกว่าใครจะหันมามอง คนไร้ค่าอย่าได้พยายามเรียกร้องหาความยุติธรรม หากคิดสร้างความยุติธรรมก็จงสร้างด้วยมือของตัวเอง

“ฮึก...แค่ก แค่ก”

     ทว่าจูอี้ซินและสาวใช้ก็ย้อนกลับมาดูทีท่าร้อนรน เหตุใดกันพวกนางทั้งสองจึงมีสีหน้าตื่นตระหนกเช่นนั้น

“จะทำยังไงดีคะคุณหนู”

“เจ้ารีบหลบไปก่อน จำไว้อย่าให้ใครเห็นเด็ดขาด...ไปซิรีบไปเร็วเข้า”

“เจ้าค่ะๆ”

     พวกนางทั้งสองดูลนลานนัก เหมือนกับนางไปเจอภูตผีตนใดมา เมื่อสาวใช้จากไปเหลือเพียงจูอี้ซินผู้เดียว นางพลันหันมองมา ทำให้นึกหวั่นใจขึ้นมา เพราะนางค่อยๆเดินช้าๆเข้ามาหาข้าทีละก้าว จึงทำให้ข้าต้องถอยหนีเพื่อให้ห่างจากตัวนางอย่างลืมตัว

“ท่านจะทำอะไร?”

      สตรีนางนี้ทำให้ข้าตื่นกลัวกับการกระทำของนาง ในเวลานี้ยอมรับว่าข้ากลัวนางเหลือเกิน เพราะไม่เคยคิดว่าสตรีที่งดงาม บอบบางเช่นนาง แต่ฉากหลังกลับซ่อนความร้ายกาจยิ่งกว่าอสรพิษ

“เหตุการณ์เมื่อครู่หากเจ้าบอกกับผู้อื่นว่าเป็นฝีมือของข้า เจ้าคงรู้นะว่าจุดจบของเจ้าจะเป็นอย่างไร”

     เสียงอันแผ่วเบาที่เล็ดลอดออกมา จากริมฝีปากบางของนางกล่าวขึ้น แต่สิ่งที่ข้าเห็นและจดจำมันได้อย่างแม่นยำนั่นคือแววตาอำมหิตของนางคู่นี้ ข้าจึงพยักหน้ารับคำของนางอย่างลืมตัว จนนางยิ้มให้ข้าอย่างอ่อนโยน นางยังคงเดินเข้ามาหาข้าอย่างช้าๆ

“โอ๊ะ!”

     จนข้าสะดุดหินก้อนหนึ่งจนตัวเซ เปลี่ยนทิศทาง นางก็เอาตัวมารองรับกายข้าพร้อมกับล้มกลิ้งลงเนินไปด้านล่าง “ฮึก!”

“คุณชายหลี่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”  นางลุกขึ้นพร้อมกับพยุงร่างของข้า พฤติกรรมของนางในตอนนั้นทำให้ข้างุนงง เพียงครู่ก็ปรากฏร่างของคุณชายสกุลถังยืนอยู่ด้านบน

“คุณชายหลี่ นี่ท่านบาดเจ็บ!” การแสดงละครฉากนี้ของนางช่างสมบทบาทเสียจริง

“พวกเจ้าสองคนเป็นอะไรหรือไม่?”

“พี่ห้าวฉาย ฮึก... เป็นข้าที่ทำให้คุณชายหลี่บาดเจ็บ” จูอี้ซินนางเล่นละครฉากใหญ่ให้ข้าดูอีกแล้ว

“เป็นอะไรมากหรือเปล่า?” คุณชายถังหันไปถามนางที่ยืนสะอึกสะอื้นอยู่ นางสั่นศีรษะตอบ

“เจ้าล่ะ?” ข้าสั่นศีรษะ พยายามจะลุกขึ้น แต่ก็ทรุดกายลงไปอีก

“ฮึก..”

“นี่เจ้าบาดเจ็บ!” เขาเห็นข้าบาดเจ็บจึงได้อุ้มร่างของข้าออกมา

“คุณชายหลี่ บาดเจ็บเพราะข้า ฮึก...หากไม่ได้คุณชายหลี่นำร่างของเขากันร่างข้าไว้ คนที่บาดเจ็บคงเป็นข้า ฮึก...”

     จูอี้ซินแสดงสีหน้าเศร้าสลด ข้าเห็นสตรีมามาก แต่กลับยังไม่เคยพบเจอสตรีที่มีมารยา ตีสองหน้าได้เก่งเช่นนาง ยิ่งเห็นยิ่งสะอิดสะเอือนนัก

“คุณหนู เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ” ไม่นานเสียงของสาวใช้คนสนิทของนางก็โผล่มา ในโลกนี้สตรีที่ข้าเจอ หากกล่าวว่านายบ่าวคู่นี้ชั่วช้าที่สุดก็คงไม่ผิด เพียงครู่ร่างข้าก็ถูกคุณชายถังพยุงขึ้นมา

“พี่ห้าวฉายท่านจะพาคุณชายหลี่ไปที่ไหน?”

“ข้าจะพาเขาไปหาหมอ”

“นี่ก็เย็นมากแล้ว เจ้าควรกลับบ้าน”

“เช่นนั้นข้าขอไปกับท่านด้วย ข้าอยากตอบแทนคุณชายหลี่ที่ช่วยเหลือข้า”

“คุณหนูคะ”

“เจ้ารีบพาคุณหนูเจ้ากลับไปไปได้แล้ว”

“แต่...” ยังไม่ทันที่จูอี้ซินจะเอ่ย คุณชายถังก็นำร่างข้าจากมา

“ฮึก...ท่านจะพาข้าไปไหน?”

“เจ้าบาดเจ็บ ก็ต้องพบหมอน่ะสิ”

“ข้าไม่เป็นไร..พักสักครู่ก็คงหาย”

“อาการหนักขนาดนี้ คิดว่านั่งพักเพียงครู่ก็หายอย่างนั้นหรือ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเทพเซียนหรือไง” ร่างของข้าถูกเขาพาขึ้นมาบนรถม้า

“พี่ใหญ่ ผู้นี้คือ?”

“ซือซือ เขาบาดเจ็บเจ้าดูอาการทีว่าเป็นอย่างไรบ้าง” เพียงครู่แม่นางซือซือก็ตรวจอาการ

“เขาโดนใครทำร้ายมา”

“ตกเขา”

“ตกเขา?”

“อืม อาการเขาเป็นอย่างไรบ้าง”

“พี่ใหญ่ หากตกเขาเหตุใดเขาจึงมีอาการบอบช้ำภายในจากการโดนยอดฝีมือทำร้ายด้วยล่ะ?”คุณชายถังเหมือนไม่เชื่อที่แม่นางซือซือกล่าว “ใครทำร้ายเจ้าบาดเจ็บ” ข้าสั่นศีรษะ สติในตอนนี้ของข้าแม้พร่าเลือนแต่ก็พอมีสติอยู่บ้าง และข้ายังจำคำขู่ของคุณหนูสกุลจูได้ดี

“อาหนิวไปเรือนหลังเขา แล้วเจ้าพาคุณหนูกลับบ้านใหญ่ด้วย”

“ขอรับ”

“พี่ใหญ่ แผลภายนอกข้าดูแล้วไม่เป็นไรท่านพาเขาไปพักก่อน ส่วนอาการบาดเจ็บภายใน เมื่อข้าถึงบ้านแล้วจะให้อาหนิวนำยามาให้ท่าน”

“อืม”

     เหตุการณ์ในครั้งนี้ข้าก็ยังคงติดหนี้บุญคุณเขาผู้นี้เช่นเคย ร่างของข้าถูกเขาพยุงเข้ามายังเตียงนอนเดิมเมื่อวันก่อน “ต่อไปนี้หากเจ้ามีอะไร หรือโดนพวกนางรังแกก็บอกข้า”

“ฮึก..ท่านหมายถึงอะไร?”

“เจ้าคิดว่าหลอกข้าได้หรือไง หากเจ้าไม่โดนพวกนางทำร้ายแล้วเจ้าจะบาดเจ็บภายในได้อย่างไร?”

**

     ข้าทอดสายตามองไปนอกหน้าต่าง ก่อนนำมือของตัวเองแตะลากบนโต๊ะพลางสำรวจแล้วนึกถึงเรื่องราวในอดีต นี่ก็ผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว ข้าในตอนนี้คือเซียวหยุนหนิง มิใช่หลี่เสี้ยวเซียนผู้อ่อนแอคนนั้นอีกแล้ว

 
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน12 up 21/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 21-09-2019 23:03:29
ต้องเอาคืนให้สาสม
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน13 (ผีเสื้อราตรี) up 22/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 22-09-2019 06:53:24
ตอน13 โสเภณีเช่นข้า ... ผีเสื้อราตรี

    ข้ารอเขาอยู่ในห้องรับแขกครู่ใหญ่ เหตุใดจึงดูเงียบเชียบนัก เขาต้องการจะทำอะไรกันแน่ การกระทำของเขายิ่งทำให้ข้ารู้สึกสับสน ยิ่งคิดก็ยิ่งทำให้อึดอัดใจจึงได้เดินออกไป

“นั่นท่านจะไปไหน?” พลันเสียงของอาหนิวก็ดังไล่หลังตามมา

“อาหนิว”

“คุณชายหลี่ท่านกำลังจะไปไหนขอรับ” ข้าไม่ได้ตอบไปในทันที สายตาข้ากลับมองหาร่างของเขาว่าอยู่แถวนี้หรือไม่ แต่ก็ยังคงไร้วี่แวว

“ท่านจะไปหาคุณชายหรือขอรับ” ข้าพยักหน้าเบาๆ

“ตอนนี้คุณชายมีธุระด่วน ไม่อยู่ขอรับ เชิญท่านไปด้านในก่อน”

“ไม่อยู่แล้ว? เขาไปไหน” ข้างุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า ตอนนี้เขาไม่อยู่ แล้วเขาจะพาข้ามาที่นี่ทำไม? คิดจะทำอะไรกันแน่ เห็นข้าเป็นตัวตลกหรือไง พาตัวข้ามาแล้วปล่อยทิ้งข้าไว้แบบนี้ ไร้สาระสิ้นดี

“คุณชายไม่ได้สั่งอะไรข้าน้อยไว้ เพียงแต่ทิ้งสิ่งนี้ไว้ให้ท่าน” อาหนิวหยิบยาขวดเล็กส่งมาให้ข้า มันคงเป็นยาแก้พิษสินะ

“อืม ถ้าเช่นนั้นข้าไปล่ะ” อาหนิวพยักหน้า ข้าก้าวเท้าเดินออกมา

“ตอนนี้ท่านดูไม่เหมือนคุณชายหลี่ในอดีตที่ข้ารู้จักเลย” พอได้ยินคำพูดเมื่อครู่ ทำให้ข้าต้องหยุดฝีเท้า

“ท่านรู้หรือไม่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณชายตามหาท่านมาตลอด ในตอนที่เขารู้และเจอท่านอีกครั้ง ดูคุณชายท่านดีใจมาก”

“อย่างนั้นหรือ?” ข้าเอ่ยตอบอาหนิวไป เจอข้าแล้วเขาดีใจอย่างงั้นหรือ หึ! นี่ข้าควรจะดีใจใช่ไหมที่เขาคิดถึงข้า

“คุณชายหลี่ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าท่านคิดจะทำอะไร แต่หากท่านคิดจะปั่นหัวคุณชาย ข้าขอร้องท่าน หยุดเสียเถอะ ถือว่าท่านเห็นแก่ไมตรีครั้งเก่าที่เขาเคยดีกับท่าน จะได้หรือไม่”

 “อืม ได้สิ!”

     เจ้าคงเข้าใจอะไรผิดไปแล้วอาหนิว คนที่ใช้คำพูดเหยียดหยามข้าก็คือเขา บางทีก็จริงอย่างเจ้าว่า ตอนนั้นข้าก็คงตัดสินใจทำบางอย่างผิดพลาดไปจริงๆ แต่เจ้าจะมารู้อะไรไปมากกว่าตัวข้ากันล่ะ เขากับเจ้าเป็นนายเป็นบ่าว ก็ย่อมต้องเข้าใจกันดี แต่คงไม่มีใครเข้าใจตัวข้า ว่าตลอดเวลาข้าต้องเผชิญกับอะไร ในใจข้าคิดอะไร ในตอนนั้นข้าสามารถตัดสินใจทำอะไรได้บ้าง

“ข้าไปล่ะ..”

“ดูท่านไม่เหมือนคุณชายหลี่คนเดิมที่ข้าเคยรู้จัก ท่านเปลี่ยนไปมากจริงๆ”

“หึ! เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะจำคำที่เจ้าบอก และจะอยู่ให้ห่างจากเขา...”

     ข้ากล่าวทิ้งท้ายก่อนย่างกายออกจากเรือน อาหนิวเอ๋ยเจ้าจะไปรู้อะไร วันๆเจ้ารับใช้อยู่ข้างกายเขาย่อมเห็นว่าเขาดีก็ไม่ผิด คนเราทุกคนย่อมเผชิญปัญหาแตกต่างกัน เมื่อถึงวันหนึ่งก็ต้องเติบโตขึ้นเป็นธรรมดา เจ้าจะให้ข้าเป็นหลี่เสี้ยวเซียนคนเดิมได้อย่างไร เจ้าไม่ต้องห่วงข้ารู้ดี เรื่องคุณชายเจ้ากับข้า ยังไงมันก็คงเป็นไปไม่ได้ ข้าสัญญาว่าจะพยายามหลีกหนีและไม่มีวันทำร้ายเขาอย่างแน่นอน

   

     ระหว่างทางข้าครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆเมื่อครั้งแรกตอนที่รู้จักกัน แม้มันเป็นเวลาไม่กี่ปี แต่มันทำให้ข้ามีความสุขและสนุกมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน จนตัวข้าลืมมันไม่ลง อาหนิวหากเจ้าจะให้ข้ากลับไปเป็นคนอ่อนแอเช่นเดิม แล้วให้คุณชายของเจ้าคอยดูแลปกป้อง ข้าคงเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ใช้การไม่ได้น่ะสิ...ชีวิตคนเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลง หากข้าไม่เข้มแข็ง เอาแต่เฝ้ารอคอยความช่วยเหลือจากผู้อื่น ไม่พยายามยืนหยัดด้วยตัวเอง ข้าจะเผชิญอยู่บนโลกที่อยุติธรรมนี้ได้อย่างไร

..

“เร็วเข้า! ข้างหน้านี่แหละ”

     ข้าหยุดชะงักกับเสียงของคนชุดดำกลุ่มหนึ่ง ด้วยพลังฝีมือและฝีเท้าที่แผ่วเบา พวกมันดูเหมือนกำลังมุ่งหน้าไปที่เรือนหลังเขา คนกลุ่มนี้เคลื่อนไหวผิดสังเกต ข้าจึงลอบติดตามพวกมันไปอย่างเงียบๆ พวกมันทะยานกายเข้าไปในเรือน อย่างที่คิดไว้ไม่ผิด

‘พวกมันต้องการจะทำอะไร?’

     ทันใดก็เกิดเสียงการต่อสู้จากภายใน ข้าทะยานกายขึ้นไปบนหลังคาลอบดูเพื่อความแน่ใจ เห็นอาหนิวกำลังต่อสู้กับคนพวกนี้อย่างสุดกำลัง พลันร่างของเขาก็กระเด็นออกมาที่ลานกว้างด้านหน้า

“เจอคนหรือไม่?”

“ไม่เจอ!”

     เสียงพวกมันคุยกัน มันต้องการหาใครกันแน่ หากคนของโป๋ซีส่งมาตามหาข้า เขาคงไม่ใช้วิธีนี้เด็ดขาด

“ฆ่า!!”

     พลันแสงสีเงินจากคมดาบก็ฉายวาบขึ้นมา แย่แล้ว!พวกมันคิดสังหารอาหนิว ข้าจึงเตะแผ่นกระเบื้องพุ่งตรงไปยังคมดาบนั่น

เช้ง!

“คนที่พวกเจ้าตามหาอยู่นั้น ใช่ข้าผู้นี้หรือเปล่าล่ะ?” ข้าปรากฏกายอยู่บนหลังคา ทุกสายตาพวกมันจ้องมา ข้าจึงทะยานกายลงมาตรงหน้าอาหนิว

“เจ้าคือใคร?”

“หึ! ข้าคงทำให้พวกเจ้าผิดหวังสินะ...แย่จริงเชียว!...เช่นนั้นข้าคงไม่ใช่คนที่พวกเจ้ากำลังตามหาแล้ว..”

“อย่าไปพูดกับมันให้เสียเวลา ฆ่า!”

     เสียงหนึ่งในพวกมันเอ่ยขึ้น กลุ่มคนพวกนี้พุ่งตรงเข้ามาหมายจู่โจมข้าในทันที ข้ากวาดตามองพวกมันกลุ่มนี้ จัดเป็นพวกมือดีกลุ่มหนึ่ง มีการเคลื่อนไหวที่ว่องไวรวดเร็ว หากข้าเคลื่อนกายชักช้า เกรงว่าจะเอาชีวิตไม่รอด มันเข้าห้อมล้อมโจมตี ทำให้ข้านึกหวาดหวั่นอยู่บ้าง แม้พวกมันจะมีฝีมือไม่โดดเด่นแต่ก็มีจำนวนมากกว่า ดีที่ว่าข้าฝึกซ้อมวิชากับจ้าวตำหนักมาโดยตรง ทำให้มีประสบการณ์ต่อสู้ที่ช่ำชอง เพียงครู่ก็จัดการพวกมันได้ถึงสองคน

     มีดสั้นในมือข้าพุ่งตรงตั้งรับการจู่โจมของพวกมันด้วยความเร็ว สองสายตาข้าเพ่งมองสังเกตการเคลื่อนไหวพวกมันทุกคนอย่างละเอียด การเคลื่อนไหวข้าตอนนี้ปรับสภาวะไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป พวกมันฮือตวัดดาบเข้ามา ไม่มีเวลาให้ข้าได้หวาดกลัว จึงโถมเข้าหาพลิกวิถีดาบของมันผู้หนึ่ง จนหลุดร่วงออกจากมือ แล้วใช้เท้าเตะด้ามดาบพุ่งเข้าหาพวกมันที่จู่โจมตามเข้ามา พวกมันยิ่งต่อสู้ยิ่งดูร้อนรน เปลี่ยนทีท่าถอยร่นทันที

“พวกเจ้าจัดการมันผู้นี้ เจ้านั่นข้าจัดการเอง” มันคนหนึ่งเอ่ยขึ้นก่อนพุ่งตรงเข้าไปหมายสังหารอาหนิว ข้าจึงจำเป็นต้องซัดอาวุธที่ไม่อยากจะใช้นั้นออกไปในทันที

“ฮึก!”

“ผีเสื้อราตรี!”

“ตำหนักร้อยบุปผา”

“หึ!...นับว่าพวกเจ้าตาถึง”

     ในตอนนี้พวกมันดูลนลานตื่นตระหนก หากมันคิดหนีให้รอดพ้นจากเงื้อมมือข้าในตอนนี้คงสายไปเสียแล้ว ข้าคงไม่ปล่อยให้คนที่รู้จักข้า...มีชีวิตรอดไปเด็ดขาด! พวกมันคิดจะแยกย้ายกันหนี แต่ก็ช้าไปแล้ว เพราะระดับความเร็วของพวกมันยังช้ากว่าการล่าสังหาร จากอาวุธซัดที่ชื่อว่า ผีเสื้อราตรี

..

“อาหนิว เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ฮึก!..คุณชายหลี่ข้าไม่เป็นไร” อาหนิวพยุงกายของตนลุกขึ้นยืน

“คนพวกนี้เป็นใคร?”

     อาหนิวสั่นศีรษะ ข้าคิดว่าคนที่พวกมันตามหาคงจะเป็นถังห้าวฉาย นั่นคือเป้าหมายของพวกมัน เหตุใดคนสั่งการจึงสั่งแค่มือดีชั้นต่ำพวกนี้มาสังหารเขา ช่างประเมินถังห้าวฉายต่ำไปจริงๆ ...หรือว่าพวกมันต้องการ.... ถ่วงเวลา

“อาหนิว รู้หรือไม่คุณชายเจ้า ตอนนี้อยู่ที่ไหน?”

“สำนักสาขาทางทิศใต้ ข่ะ-ขอรับ  ฮึก!”

 

 
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน13 (ผีเสื้อราตรี) up 22/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-09-2019 12:16:07
 ยังไงอ่าาาาา
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน13 (ผีเสื้อราตรี) up 22/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 22-09-2019 14:27:34
ต่อๆๆๆ กำลังสนุก :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน13 (ผีเสื้อราตรี) up 22/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-09-2019 18:13:18
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน13 (ผีเสื้อราตรี) up 22/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 23-09-2019 09:57:45
ติดตามจ้า~
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน13 (ผีเสื้อราตรี) up 22/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 26-09-2019 05:57:20
รอๆ  :katai4:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน14 (แตกหัก) up 27/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 27-09-2019 18:12:19
ตอน14 โสเภณีเช่นข้า ... แตกหัก

     เมื่อครุ่นคิดข้ายิ่งร้อนใจ ผู้อยู่เบื้องหลังคือใครกันถึงได้กล้าลงมือกับคนสกุลถัง คนผู้นี้ย่อมไม่ธรรมดา ข้าสูดลมหายใจพร้อมกับทะยานกายด้วยวิชาตัวเบาออกไปจากเรือนด้วยความเร่งรีบ ไม่นานนักข้าพลันได้ยินเสียงเคลื่อนไหวของยอดฝีมือ ‘มันคือผู้ใด’ ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังสะกดรอยตามข้าอยู่ ยิ่งทำให้ข้าต้องระวังตัวมากขึ้น
     สายลมพัดไหวแหวกผ่านอากาศใกล้เข้ามา ข้าจึงตัดสินใจในช่วงเวลาเพียงเสี้ยวเพื่อชิงลงมือจู่โจมพวกมันเสียก่อน ข้ายืดกายม้วนตัวตลบหลังย้อนเปลี่ยนทิศทาง พร้อมกับซัดอาวุธลับแหวกผ่านอากาศไปในทันที
เคว้ง!
     พวกมันพลิกตัวตีลังกาถอยหลบวิถีอาวุธซัดของข้าในทันที “พวกเจ้าคือใคร?”
“คุณชาย”
“ท่านเฮย พี่ไป๋ ท่านมาที่นี่ได้ยังไง?”
“โป๋ซีให้คนมาแจ้งว่าคุณชายถูกจับตัวไป พวกข้าทั้งสองจึงได้รีบตามมา คุณชายท่านเป็นอะไรหรือไม่”
“ข้าไม่เป็นไร”
     เขาทั้งสองมีฉายาว่า อสรพิษขาวกับอสูรดำ จัดเป็นยอดฝีมือที่อยู่คู่กายของจ้าวตำหนัก โดยทั่วไปแล้วเขาทั้งสองมักจะไม่เปิดเผยตัวตนและมักจะทำงานให้กับจ้าวตำหนักเพียงเท่านั้น ข้านึกแปลกใจเหตุใดเขาทั้งสองจึงอยู่ที่นี่ได้ โป๋ซีส่งข่าวให้เขาทั้งสองได้อย่างไร พวกเขาอยู่ที่ไหนมักไม่มีผู้ใดล่วงรู้ เพราะแม้แต่ข้าที่เป็นเจ้าเรือนหัวหน้าสาขายังไม่รู้เลย หรือว่าจ้าวตำหนักไม่ไว้ใจข้าจึงได้ส่งพวกเขามา บางทีอาจจะเป็นเพราะฝีมือข้าอ่อนด้อย จึงได้ให้พวกเขามาคอยช่วยเหลือข้าอีกแรง
“แล้วคุณชายท่านเร่งรีบจะไปที่ใดกัน?”
“ใช่สิ ข้าไม่มีเวลาคุยกับพวกท่าน ขอตัวก่อน”
     ข้ายกมือคำนับกล่าวคำลาพวกเขาทั้งสองก่อนจะทะยานกายออกไป เขาทั้งสองคงเป็นห่วงความปลอดภัยของข้าจึงได้ติดตามข้ามาเช่นกัน
“คุณชายท่านดูนั่น!?!”
“ใครกันที่ลงมืออำมหิตเช่นนี้?”
“ดูเหมือนว่าจะเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับสกุลถังเสียแล้ว”
     ข้ากวาดสายตามองดูศพที่นอนอยู่กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งรอบบริเวณ “นี่มันเรื่องอะไรกัน?”
“คุณชาย เรื่องนี้มิได้เกี่ยวกับพรรคมารเรา น่าจะเป็นความบาดหมางกันเองของฝ่ายธรรมะข้าว่าพวกเราอย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า”
“แต่เรื่องนี้ข้าไม่สืบหาความจริงคงไม่ได้!”
“แต่...”
“หากจ้าวตำหนักลงโทษ ข้าจะขอรับโทษเอง”
“เช่นนั้น คุณชายท่านควรจะปิดบังอำพรางตัวตน”
“อืม”
     ข้านำผ้ามามาอำพรางใบหน้าพร้อมกับเดินสำรวจศพต่างๆอย่างละเอียด “คุณชายท่านดูนี่”
“อะไรหรือ?”
“ถังจงฮ่วน”
     ข้ามองไปที่ร่างของเขาที่โชกไปด้วยโลหิต บาดแผลบนร่างเหมือนถูกรุมโจมตีจากยอดฝีมือหลายคน สติข้าในตอนนี้มิกล้าคาดการณ์เหตุการณ์ตรงหน้าได้ เขาในตอนนี้จะเป็นเช่นไร
..

“พวกเจ้าคือใคร?”
     ทันทีก็มีเสียงตวาดตะโกนมาจากด้านหลัง เป็นเสียงของสตรีพร้อมกับคนจำนวนหนึ่ง ท่านเฮยกับพี่ไป๋จำต้องลงมือกับคนที่กรูกันเข้ามาจนเกิดการปะทะกันขึ้น เสียงของคมอาวุธปะทะกันข้านำร่างประมุขตระกูลถังวางลง ด้านหลังข้าก็ปรากฏดวงตาที่แข็งกร้าวคู่หนึ่งจ้องมา แล้วสตรีอีกสองคนก็ไล่หลังตามมา
“ท่านพ่อ!” เสียงของถังซือซือร้องขึ้น
“พี่ห้าวฉาย นั่นบิดาของท่าน!” จูอี้ซินเอ่ยพร้อมกับมองไปที่ถังห้าวฉายสายตาที่ปวดร้าวคู่นั้นจ้องมองมายังข้า
“พวกมันคือคนของพรรคมาร”
     เสียงของจูอี้ซินเอ่ยขึ้น ในเวลานี้ข้าตื่นตระหนก เพราะความคิดในหัวมึนงงไปหมด ความสับสนที่ก่อตัวขึ้นจนไม่รู้ว่าข้าควรทำสิ่งใดก่อนกันแน่ ข้าก้าวเท้าถอยห่างในขณะที่เขาค่อยๆย่างก้าวเข้ามาหาทีละก้าว สายตาที่เจ็บปวดนั่นจ้องมาโดยไม่กระพริบ ข้าสั่นศีรษะอย่างลืมตัว
“ไม่ใช่ข้า ไม่ใช่ฝีมือข้า”
“อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้”
     ทันทีปลายกระบี่ของจูอี้ซินก็พุ่งตรงมา ประกายจากแสงกระบี่รั้งสติของข้ากลับคืนมาอีกครั้ง จึงได้หลบหลีกการจู่โจมของนาง ในขณะที่ข้าตั้งรับกระบวนท่าสภาวะกระบี่ของจูอี้ซินที่ถาโถมมา แล้วพลันก็รับรู้ถึงเสียงอาวุธชิ้นเล็กกลุ่มหนึ่งพุ่งตัดอากาศตรงมาคือ เข็มพิษของถังซือซือ มันจวนตัวที่ข้าจะหลีกพลิกตัวหลบจึงได้รั้งมีดสั้นออกมาปัดเข็มพิษพวกนั้นออกไป
     พวกนางทั้งสองโจมตีต่อเนื่องดุจกระแสน้ำที่ไหลหลากถาโถมมายังตัวข้าไม่หยุดหย่อน ข้าทำได้เพียงตั้งรับการโจมตี เพียงคู่ก็ปรากฏเงาร่างหนึ่งพุ่งตรงเข้ามา ข้าจำต้องสกัดการโจมตีของถังซือซือพร้อมกับหลีกหนีวิถีกระบี่ของจูอี้ซิน พร้อมกับใช้เท้าถีบร่างนางจนถอยห่างออกไปหลายวา เพื่อเตรียมรับมือกับบุรุษร่างสูงใหญ่ตรงหน้า
เปรี้ยง!
     เสียงระเบิดเกิดขึ้นทั่วบริเวณเพราะกำลังภายในที่ขับเคลื่อนในร่างข้าปะทะกับเขาโดยตรง ทำให้ร่างของข้ากระเด็นออกมาหลายจั้ง คนผู้นี้ลงมือโดยไม่ลังเลเลยสักนิด ทั้งๆที่น่าจะรู้ว่าคนตรงหน้านั้นคือข้า หลี่เสี้ยวเซียน

“ฮึก...”
     พริบตาร่างของเขาก็พุ่งตรงเข้ามา หากคนผู้นี้กล้าลงมือเหตุใดข้าต้องออมมือ จึงยกมีดสั้นตวัดพุ่งตรงเข้าหามันผู้นี้ในทันที
“ฝ่ามือเมื่อครู่ ช่างไร้ความปราณีจริงๆ”
“เจ้าคือคนของพรรคมาร”
“ก็รู้อยู่แล้วนี่ ว่าวิชาข้าคือของพรรคมาร อึก....”
“หึ ข้าน่าจะรู้ต้องนานแล้วว่าปานรูปผีเสื้อที่ไหล่เจ้า”
“ข้าจะบอกอีกครั้งเรื่องนี้มันไม่ใช่ฝีมือข้า....”
“เฮอะ!”
“หากท่านไม่เชื่อ เช่นนั้นความผิดทั้งหมดในโลกนี้ก็จงโยนมา ข้าจะขอรับไว้เอง...ฮึก”
     ความเจ็บปวดจากการบอบช้ำภายในเมื่อครู่เริ่มออกอาการ ข้าจึงกลั้นใจใช้กำลังที่มีซัดฝ่ามือใส่คนตรงหน้าไปเต็มกำลัง
“แล้วเจ้ามาอยู่ที่นี่กับจ้าวปีศาจขาวดำได้ยังไง?”  ท่านยังคงลังเลไม่คิดจะเชื่อใจข้าเหมือนเช่นเคย
“หึหึ...จงลงมือฆ่าข้าเสียแต่ตอนนี้ เพราะหลังจากนี้คงจะไม่มีโอกาสได้ลงมือแบบนี้อีกแล้ว”
     เขาชะงักไปครู่หนึ่ง หึ!สายตาเจ้าก่อนหน้าไม่มีแม้แต่ความไว้ใจในเมื่อตอนนี้ทางหลบหนีข้าไม่มีอีกแล้ว หากสายตาที่เจ้ามองมา ข้าคือคนพรรคมารที่ต่ำช้าเกินอภัย หลังจากนี้ข้าก็จะต่ำช้าให้เจ้าดู
“ลงมือ!!”
     แม้ร่างของข้าจะบอบช้ำภายใน แต่ข้าก็จะไม่ยอมให้พวกมันลงมือได้ง่ายดายแน่นอน ยังไม่ทันที่ถังห้าวฉายจะขยับกายเข้ามาอสรพิษขาวกับอสูรดำก็จู่โจมเขาเสียก่อน ทันใดก็ปรากฏลำแสงกระบี่สองสายพุ่งตรงมาหาข้า นั่นคือ จูอี้ซินกับชุ่ยเหยาสาวใช้
“เป็นเจ้าสองคนเองรึ ดี!” 
‘ข้าจะขอคิดบัญชีพวกเจ้าคืนในวันนี้ก็แล้วกัน’
“เฮอะ วันนี้พรรคมารอย่างพวกเจ้าหนีไม่รอดหรอก”
“มันก็ต้องดู...ว่าฝีมือพวกเจ้าจะมีความสามารถพอรึเปล่า”
     จูอี้ซินขบริมฝีปากก่อนฟาดกระบี่ใส่มายังข้า นางทั้งสองใช้เพลงกระบี่สอดประสานถาโถมจู่โจมเข้ามา ทำให้ข้าต้องหลีกตั้งรับพร้อมกับหมุนกายยืนหยัดด้วยเท้าซ้ายหลบกระบี่ของสาวใช้สกุลจูก่อนถีบไปที่ด้านหลังของนางจนกระเด็นออกไปหลายวา ข้าเห็นกระบวนท่าของจูอี้ซินถาโถมเข้าหา ทำให้ข้าได้ขบคิดจึงยิ้มให้นางคราหนึ่ง
“คุณหนูระวัง!”
     เหตุการณ์คับขันหากนางจะชักกระบี่กลับคงไม่ทันการณ์ ข้าใช้ความเร็วพลิกหมุนตัวรอบกายนางก่อนหมายคิดใช้มีดสั้นปักลงที่คอ เพื่อสังหารสตรีโฉดชั่วนางนี้ทิ้งเสีย ทันทีก็ปรากฏเงาร่างที่รวดเร็วแทรกอากาศตรงมา
ปึก!
     ร่างของข้าถูกฝ่ามืออันใหญ่หนาฟาดใส่กลางหลังด้วยกำลังภายใน ทำให้ข้าต้องบาดเจ็บเป็นครั้งที่สอง จนผ้าปิดหน้าของข้ากระเด็นหลุดปลิวออกไป
“หลี่เสี้ยวเซียน!” เสียงของจูอี้ซินกับสาวใช้นางอุทานเมื่อได้เห็นใบหน้าของข้าอย่างชัดเจน
“หึ!...ถ่ะ-ถังห้าวฉายฝ่ามือไร้น้ำใจของเจ้านี้ มันทำให้ข้าได้ตาสว่าง.....ฮึก!! อยากจะฆ่าก็เข้ามาได้เลย!”
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน14 (แตกหัก) up 27/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 27-09-2019 18:54:58
 :pig4:
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน14 (แตกหัก) up 27/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 27-09-2019 22:39:11
เข้าใจผิดกันไปใหญ่
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน14 (แตกหัก) up 27/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 27-09-2019 23:14:49
 :เฮ้อ:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน14 (แตกหัก) up 27/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 28-09-2019 00:08:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน14 (แตกหัก) up 27/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 28-09-2019 10:00:21
ดรามา  อีกแล่ว  :katai5:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน14 (แตกหัก) up 27/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 28-09-2019 11:58:25
ยังไงต่อ?
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน14 (แตกหัก) up 27/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 29-09-2019 13:25:42
ดีๆตัดขาดไปเลย อย่าไปญาติดีด้วยพระเอกแบบนี้ หาใหม่เถอะ :fire:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน15 P.3 up 30/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 30-09-2019 18:28:59
ตอน15 โสเภณีเช่นข้า ... แตกหัก2

 

     ต่อจากนี้เจ้ากับข้าคงไม่มีโอกาสพูดคุยกันฉันมิตรดังเช่นอดีตอีกแล้ว ในเมื่อข้าต่ำช้าในสายตาของเจ้า เช่นนั้นเราทั้งสองก็อย่าคบหาเสวนากันอีกเลย ข้าถูกเขารั้งคอเสื้อยกขึ้นจนรู้สึกอึดอัดหายใจไม่สะดวก หากเทียบความเจ็บปวดบนร่างที่บาดเจ็บมันช่างน้อยนิดกับความรู้สึกปวดหนึบในใจข้าตอนนี้

“ฮึก...ที่ท่านเห็นมันเป็นฝีมือของข้าเอง!! รีบฆ่าข้าเลยสิ!!! หึหึ..ฮ่ะ..ฮ่าๆๆๆๆ” ข้าลืมตาโพลงแล้วหันไปมองพวกมันก่อนเงยหน้ามองฟ้าหัวร่อให้กับความโง่งมของตนเอง

พลั่ก!!

     ตัวข้าถูกโยนมากองอยู่กับพื้นอย่างหมดรูปยิ่งขบคิดข้ายิ่งไม่เข้าใจ ‘ความรักความเข้าใจมันเป็นแบบไหนกัน ความรักที่ให้คนอื่นจนหมดใจให้ไปจนหมดสิ้นอย่างนั้นหรือ? ความรักที่มีแต่การให้ ยอมเสียสละแม้ว่าตัวเองต้องทุกข์ทรมานอย่างนั้นสินะถึงจะเรียกว่าความรักที่ดี ความรักที่ถูกเหยียดหยามและมีแต่ความเข้าใจผิด มันทรมานเกินไป รักแบบนี้ข้าไม่ต้องการ!...ไม่ต้องการมันอีกแล้ว! เวลานี้เหมือนว่าเจ้ากับข้าอยู่กันคนละโลกไปแล้ว’  ข้าลูบทรวงอกตรงหัวใจตนเองเบาๆ ตัวของข้ามันช่างหน้าสงสารจริงๆ

“ถังห้าวฉายท่านมันโง่งมสิ้นดี...อึก...”

     หัวใจข้าตอนนี้มันบีบตัวแน่นอย่างเจ็บปวด พร้อมกับมองหน้าเขา สีหน้าที่วิตกกังวลของเจ้านั้น....ยังไม่กล้าลงมือกับข้าอย่างนั้นหรือ!...

“ดี! ไม่กล้าลงมืองั้นรึ? หึ!... เจ้าคงกลัวเลือดข้าจะแปดเปื้อนมือที่แสนสะอาดของเจ้าสินะ เช่นนั้นเข้าจะลงมือเอง!”

     ข้าคิดจะปลิดชีวิตของตนเองเพื่อให้เรื่องราวมันจบลงตรงนี้ ทันใดก็ปรากฏเงาดับวูบไหวสิบสายเคลื่อนกายว่องไวพุ่งตรงมายังข้า พร้อมกับเข้าจู่โจมถังห้าวฉายในเวลาเดียวกัน

“ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้าง?”

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ชิงถิง! โป๋ซี!”

“เฮอะ! มากันให้หมดเลยก็ดี จะได้ฆ่าให้หมดในทีเดียว”  ถังห้าวฉายขู่คำรามตรงหน้าพร้อมกับปะทะกับนักฆ่าชุดดำที่ข้าดูแลอยู่

“ท่านพี่เราคงอยู่ที่นี่นานไม่ได้ คนของพวกมันกำลังมา”

“พี่เซี่ย ท่านรีบพาพี่หยุนหนิงไปก่อนที่นี่ข้าจัดการเอง”

“อืม ระวังตัวด้วย!”

     ข้าเหลือบมองถังห้าวฉายที่มองมายังข้าเช่นกัน ตัวเขานั้นก็กำลังต่อสู้แตกหักกับคนของข้าอยู่โดยไม่สนความเป็นตาย เพียงครู่ระเบิดควันก็ถูกชิงถิงซัดออกไปในทันที

“พวกเราไป!”

 

...

“เจ้าตื่นแล้วหรือ?”

“อืม...แค่ก แค่ก แค่ก”

“กินยาก่อนสิ”

“แค่ก แค่ก..ขอบใจ”

“ที่นี่ที่ไหน?” ข้ากวาดสายตามองดูสภาพบ้านหลังนี้มันไม่ได้คุ้นตาข้าเลย “เป็นกระท่อมล้างที่ข้าสร้างไว้เอง เจ้าสบายใจได้ ในตอนนี้พวกมันไม่สามารถหาพวกเราเจอแน่นอน”

“ฮึก!”

“ดีที่เจ้าบาดเจ็บภายในไม่มาก อาหนิงบอกข้าได้หรือไม่เจ้าไปอยู่ที่นั่นได้อย่างไร?...เหตุใดคนสกุลถังกับสกุลจูต้องทำร้ายเจ้าด้วยบอกข้าได้หรือไม่”

     ข้าสั่นศีรษะเพราะตัวของข้าก็งุนงงกับเหตุการณ์ในตอนนั้นเช่นกัน สาเหตุที่แท้จริงคืออะไร เป็นแผนการของผู้ใดยิ่งขบคิดก็ยากยิ่งในการหาคำตอบ “มีคนมา!”

     ทันใดด้านนอกก็มีเสียงใบไม้สั่นไหวอย่างผิดปรกติ โป๋ซีเหลือบมองมา ข้าจึงได้พยักหน้าตอบไปเพื่อเตรียมความพร้อม

“ท่านเซี่ยขอรับ”

“มีอะไร?”

“ข้ามีเรื่องจะมารายงาน”

“ว่ามา”

“ตอนนี้คนสกุลจูกับสกุลถังจับคนในเรือนของเราไปขอรับ...ข้าเกรงว่าพวกเราจะกลับไปที่นั่นอีกไม่ได้” โป๋ซีมองหน้าข้าคราหนึ่งก่อนพูดกับสายลับส่งข่าว

“พวกเจ้าพาคนลอบสังเกตเหตุการณ์ลับๆไปก่อนแล้วรอฟังคำสั่งจากข้า... เรื่องของคนที่โดนจับไปข้าจะจัดการเอง...ไปได้”

“เดี๋ยวก่อน!” ข้ารีบเอ่ยถามสายลับของโป๋ซี

“อาหนิงเจ้ามีอะไร?”

“ข้าขอถาม จ้าวปีศาจขาวดำ กับคนของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ท่านเฮยถูกสังหารแล้วขอรับ ส่วนท่านไป๋กับหัวหน้าหอชิงถิงหลบหนีไปได้”

“ฮึก...แค่กแค่ก”

     หากมิใช่เพราะข้าพวกเขาคงไม่ต้องมาพบจุดจบเช่นนี้ ข้าผิดต่อพวกเขาจริงๆ ข้าไม่มีคำพูดใดจะกล่าวต่อปล่อยให้โป๋ซีจัดการเรื่องราวต่างๆภายในเรือนน้ำค้างหยกต่อไป

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“แล้วเจ้าจะช่วยคนของเราได้อย่างไร?” ข้าหันไปถามโป๋ซีด้วยความกังวล ความเดือดร้อนทั้งหมดล้วนเกิดขึ้นเพราะตัวข้าก่อขึ้นทั้งนั้น พวกเขาต้องมารับเคราะห์ให้กับเรื่องไร้สาระของตัวข้าเอง

“เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก เรือนน้ำค้างหยกข้าอยู่มานานกว่าเจ้าย่อมต้องจัดการได้ จริงๆแล้วเจ้าเป็นแค่หัวหน้าหอที่จ้าวตำหนักส่งมาอย่างลับๆ แต่ภายนอกใครๆล้วนรู้ว่าข้าคือเจ้าของเรือนตัวจริงข้าคงต้องไปที่สกุลถังสักคราแล้ว”

“มันอันตรายเกินไปสำหรับเจ้าหรือเปล่าโป๋ซี”

“เจ้าอย่ากังวลไปในยุทธภพไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตำหนักร้อยบุปผาของเรามีสาขาที่ไหน ทำอะไรบ้าง เรื่องต่างๆล้วนถูกปกปิดเป็นความลับมาโดยตลอด หากโดนจับได้ก็คงเป็นข้าที่ซวยเอง เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงไป”

“แต่...”

“เอาน่า...เจ้าพักผ่อนอย่าได้โทษตัวเองเลย มานั่งลงก่อน ตอนนี้เจ้าต้องรีบรักษาตัวเองให้หายดี ข้าจัดการเรื่องนี้เสร็จจะรีบส่งข่าวมาให้เจ้า”

“อืม”

     เมื่อโป๋ซีจากไป ยิ่งขบคิดข้าก็ยิ่งแปลกใจ ‘ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์สังหารถังจงฮ่วนคือใคร? ข้าต้องสืบเรื่องนี้ให้กระจ่าง’ ความบาดหมางต่างๆในยุทธภพข้าล้วนเข้าใจดีแต่เหตุการณ์ต่างๆล้วนประจวบเหมาะคล้ายบังเอิญ...มันบังเอิญเกินไป หรือว่าคนที่วางแผนการนี้รู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวของข้าและสกุลถังเป็นอย่างดี

 

     พอเงยหน้าก็พบว่าบรรยากาศโดยรอบใกล้เวลาพลบค่ำแล้ว ภายนอกเงียบสงัด ด้านนอกมีเพียงคนของโป๋ซีเฝ้าอยู่สองคน ยิ่งขบคิดก็ยิ่งอยากสืบหาความจริงข้าจะให้ใครรู้ความเคลื่อนไหวไม่ได้ ข้าอำพรางตัวแล้วเคลื่อนกายออกไปในความมืด ตอนนั้นที่เรือนหลังเขาข้าปะทะกับมือดีกลุ่มหนึ่ง ถึงได้รู้ว่าตระกูลถังมีอันตรายแล้วเหตุใดจึงเกิดความเข้าใจผิดได้ เป้าหมายของแผนการคือตัวข้าหรือตระกูลถัง

‘ตัวข้ารึ?หรือข้าคือหมากตัวหนึ่งในแผนการตอนนี้ถือว่าพวกมันทำสำเร็จ ก็ดีใจของข้าตอนนี้มีแต่ความด้านชา ขบคิดเพียงแต่เรื่องเข่นฆ่าล้างแค้นเท่านั้น’

 

     เมื่อความเงียบเข้าปกคลุม กลิ่นละอองเกสรดอกไม้หอมละมุน ภายในสวนของบ้านสกุลถังช่างงามจริงๆ แม้มองผ่านใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องยามมืดสลัวยังน่าชมเพียงนี้ แต่ความงามที่พบเห็นนี้มันไม่ได้ทำให้ใจที่ด้านชาของข้ารู้สึกอะไรขึ้นมาเลย ข้าเคลื่อนกายผ่านเหล่าศิษย์ที่รักษาเวรยาม มาถึงเรือนด้านใน เมื่อได้ยินฝีเท้า ข้าจึงทะยานกายขึ้นไปบนหลังคาด้วยความเงียบ ผู้อยู่ในหีบศพนั่นคงเป็นอดีตประมุขถังจงฮ่วน

..

“สกุลถังเราในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ฮึก...เมื่อเสร็จพิธีศพของพ่อเจ้าคงต้องหาแม่สื่อไปบ้านสกุลจูสักครา เพื่อคุยเรื่องพี่เจ้ากับคุณหนูจู” เสียงของถังฮูหยินกล่าวขึ้น

“แล้วท่านแม่คุยกับพี่ใหญ่หรือยังคะ”

“ทำไมต้องคุย ตอนนี้เขามีสิทธิ์ปฏิเสธอย่างนั้นรึ ในตอนนี้เขาจะมาบ่ายเบี่ยงต่อไปไม่ได้แล้ว..”

“แต่พี่ใหญ่เขาอาจจะ..”

“อาจจะอะไร?...เรื่องนี้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่ เขามีหน้าที่ทำตามเพียงเท่านั้น” เสียงของถังซือซือพูดคุยกับมารดาของนางในห้อง

“ตอนนี้สกุลถังเราตกต่ำถึงเพียงนี้ จำเป็นต้องอาศัยอำนาจของสกุลจู หากพี่เจ้าไม่ทำตามก็เท่ากับอกตัญญู ตอนนี้เรากำลังประสบปัญหาหากไม่รีบทำอะไร ทุกอย่างที่เคยเป็นของเราอาจตกอยู่ในมือของคนอื่น..การค้าทางตอนเหนือล้วนเป็นของสกุลเว่ยทางตอนใต้ก็เป็นของสกุลจู...เจ้าดูสกุลถังของเราในตอนนี้สิ”

“ข้าเกรงว่าพี่ใหญ่เขาจะไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้”

“หึ! พี่เจ้านั้นเขาจะคิดอะไรได้ล่ะ ความใจดีของพี่เจ้าจะนำภัยมาสู่ตัวเขาเอง..เจ้าไม่ต้องพูดอะไรแล้วซือซือ...ว่าแต่ ตอนนี้พี่เจ้าเขาอยู่ไหน?”

“พี่ใหญ่ตอนนี้อยู่ที่คุกค่ะท่านแม่”

“อืม ตอนนี้เจ้ารู้หรือยังว่าคนที่ลงมือเป็นใคร?” ข้าตั้งใจพวกนางพูดคุยกันจู่ๆก็อาหนิวก็เข้ามาพอดี”คำนับฮูหยิน”

 “อาหนิวคุณชายเจ้าล่ะ”

“คุณชายยังสอบสวนพวกที่จับมาอยู่ขอรับฮูหยิน”

“สืบได้อะไรมาบ้าง?”

“ยังเลยขอรับ คนในเรือนคณิการู้เพียงว่าคุณชายหลี่ เพิ่งเข้ามาในเรือนได้ไม่นานหลังจากนั้นก็ไม่มีใครรู้ประวัติของเขาเลย”

“หลี่เสี้ยวเซียน!”

“ใช่ขอรับคุณหนู ก่อนเกิดเรื่องคุณชายกับคุณชายหลี่ได้พากันไปยังเรือนหลังเขา ก็อย่างที่ข้าน้อยรายงานไปนั่นแหละขอรับว่าเรื่องนี้มันแปลกๆ”

“เฮอะ! ยังไงก็ต้องจับตัวเจ้าหลี่เสี้ยวเซียนคนนั้นมาให้ได้ ยุทธภพเงียบสงบมานาน พรรคมารก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวพวกมันจะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้ว” เสียงของถังฮูหยินใช้มือฟาดลงบนโต๊ะด้วยความโมโห

 ...
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน15 P.3 up 30/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 30-09-2019 22:51:32
ดักตีฮูหยินดีไหมนะ หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน15 P.3 up 30/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 01-10-2019 00:36:54
 :เฮ้อ:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน15 P.3 up 30/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 01-10-2019 08:23:35
ใครอยู่เบื้องหลัง?
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน15 P.3 up 30/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-10-2019 22:11:24
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน15 P.3 up 30/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: bun ที่ 01-10-2019 22:38:59
อย่าบอกว่าสกุลจูเป็นคนจัดฉาก
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน15 P.3 up 30/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: fullfinale ที่ 03-10-2019 00:04:41
ตามอ่านทันแล้วค่ะ


สงสัยว่าตายไปแล้วเกิดมายังไง5ปี นายเอกโตเท่าก่อนตายแล้วหรอ รึยังไมาตายกันแน่
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน15 P.3 up 30/09/62
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 03-10-2019 06:26:53
ตามอ่านทันแล้วค่ะ


สงสัยว่าตายไปแล้วเกิดมายังไง5ปี นายเอกโตเท่าก่อนตายแล้วหรอ รึยังไมาตายกันแน่
นายเอกโดดผาฆ่าตัวตายแต่ไม่ตายนะ โดนประมุชพรรคมารช่วยไว้แล้วกลับมาเป็นนางโลม
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน16 P.3 up 4/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 04-10-2019 20:39:43
ตอน16 โสเภณีเช่นข้า ...คุณชายใหญ่สกุลจู

     พอความเคลื่อนไหวของสกุลถังไม่มีอะไรให้น่าสงสัย ข้าจึงขยับกายรีบกลับออกมาโดยไม่คิดเหลียวหลังมองบ้านสกุลถังอีก ความรู้สึกในใจของข้าตอนนี้มันยากเกินกว่าจะอธิบายได้ แต่สิ่งที่ข้าจดจำได้แม่นยำนั่นคือ ความเจ็บช้ำที่คนบ้านนี้มอบให้ การเหยียดหยามและความเข้าใจผิด นับแต่นี้ผู้ใดมันจะมองข้าเลวทรามเช่นไร ข้าก็จะทำตามที่ใจตัวเองต้องการ

 

     เมื่อกลับเข้ามาภายในใจข้ายังคงว้าวุ่น ทำให้ลมปราณในร่างไหลแล่นปั่นป่วนไม่ปรกติ เนื่องจากอาการบาดเจ็บภายในที่รบกวน ข้าจึงข่มความฟุ้งซ่านที่เกิดขึ้นให้ความรู้สึกว้าวุ่นสงบลง กำหนดจิตให้นิ่งนั่งลงบนเตียงนอนเดินลมปราณช่วยปรับฟื้นฟูกำลังภายใน ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กับการเดินลมปราณในร่างจึงได้ทุเลาลง

 

‘เหตุใดภายนอกจึงเงียบนัก?’

 

     ภายนอกกลับเงียบเชียบผิดปรกติ สัญชาตญาณในการระวังภัยข้าเริ่มตื่นตัว “นั่นใคร?” พลันก็มีเงาวูบไหวเคลื่อนกายหนีออกไปอย่างรวดเร็ว ข้าจึงรีบรุดติดตามมันผู้นั้นไปในทันที พฤติกรรมมันผู้นี้น่าสงสัย ข้าเร่งกำลังปราณด้วยวิชาตัวเบาขั้นสูง ไม่นานก็ตามติดกระชั้นชิด พลังฝ่ามือที่เปี่ยมกำลังของข้าพุ่งตรงฟาดไป

ฟิ้ว! มันผู้นั้นกลับหันมาจู่โจมใส่จุดสำคัญของข้า ท่วงท่านี้ดูร้ายกาจและคุ้นเคย

“เฮอะ!”

     อาการบาดเจ็บตอนนี้ได้ฟื้นฟูเต็มกำลัง จึงไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องใด มันโจมตีมาข้าหลบหลีกถอยหลังพลิกตัว แล้วดีดปลายเท้าเข้าหามันพร้อมกระโดดถีบด้วยเพลงเตะชุดหนึ่งพร้อมพลิกกายลงสู่พื้น กวาดเท้าขวาเตะฟาดมันผู้นั้นจนถอยเซไป “โอ๊ะ!”

“หึ!”

     คนผู้นี้ยังคิดจะลองดี มันไม่ลดละรุกไล่หมายคุกคามจู่โจมมาด้วยฝ่ามือ ข้าก้าวถอยคล้ายตั้งรับ ก่อนพลิกกายหงายหมุนพร้อมคว้าจับข้อมือมันกระชากไปด้านหลัง ก่อนรั้งตัวมันมาพลิกหักแขนไขวัหลัง มืออีกข้างของข้าก็ส่งมีดสั้นออกจากแขนเสื้อ พุ่งปลายมีดสีเงินตรงไปยังลำคอมันผู้นั้นด้วยความเร็ว

“โอ้ย!!! ยอมแล้วๆ”

“หึ เจ้าว่างมากสินะถึงได้มีเวลามาล้อข้าเล่น”

“โอ้ยๆ ท่านพี่ปล่อยๆ นี่ท่านจะฆ่าน้องที่แสนน่ารักคนนี้จริงๆหรือ?”

“หึ ก็ไม่แน่ข้าอาจจะพลั้งมือฆ่าเจ้าจริงๆก็ได้” ข้าละมือก่อนผลักร่างนี้ถอยห่างไป

“โธ่ นับวันท่านยิ่งจะโหดร้ายขึ้นทุกทีแล้วนะ...หึ แม้แต่ข้าท่านก็ไม่ละเว้น” เด็กคนนี้ทำหน้าไม่พอใจข้า พร้อมกับหันมาต่อว่าทันที

“ใครใช้ให้เจ้ามาล้อเล่นกับข้าแบบนี้ล่ะ”

“ก็ข้าคิดถึงท่านนี่นา ...ถามพี่เซี่ยเขาก็ให้ข้ามาดูเอง... ข้าจึงอยากรู้ว่าอาการบาดเจ็บของท่านดีขึ้นหรือยัง”

“อยากจะลองดูอีกรึเปล่าล่ะ จะได้รู้ว่าข้าหายดีหรือยัง”

“ไม่เอาแล้วๆ ท่านเคลื่อนไหวลงมือว่องไวแบบนี้ ...ข้าไม่เอาชีวิตมาเสี่ยงดีกว่า”

     เด็กหนุ่มในวัย19 ความสูงพอๆกับข้า หน้าตาน่ารักมีชื่อว่าชิงถิง แม้จะซุกซนไปบ้างแต่เขาก็คือคนหนึ่งที่ข้ารู้สึกสนิทและไว้ใจเวลาที่อยู่ด้วยทำให้ข้าไม่รู้สึกเบื่อ ในเวลาที่โป๋ซีออกไปทำภาระกิจนอกตำหนัก

“แล้วนี่เจ้ามาที่นี่ทำไม?”

“หึ อาจารย์ให้ข้าอยู่ที่หอเร้นเมฆาเพียงผู้เดียว น่าเบื่อจะตาย”

“มันก็ดีไม่ใช่หรือไง..”

“เฮอะ! น่าเบื่อนะสิ...ไม่สนุกเลย วันๆมีแต่ข่าวจากที่ต่างๆส่งมาเต็มไปหมด เรื่องพวกนี้ท่านก็รู้ว่าข้าไม่ชอบ ข้าจะขออาจารย์ติดตามพี่ดีกว่า เผื่อข้าจะได้เจอหนุ่มหล่อหน้าตาดีๆแบบท่านพี่บ้าง”

“เจ้าเด็กคนนี้...ในหัวเจ้ามีแต่เรื่องพวกนี้รึไง”

“โธ่ท่านพี่..ก็ข้าเหงานี่นา ถ้าข้าขออาจารย์ติดตามท่านได้ไหม นะนะๆ”

“ติดตามข้า? ที่เพิ่งทำภารกิจล้มเหลวน่ะเหรอ สมองน้อยๆที่ไร้สติปัญญาของเจ้ามันคงจะมีปัญหาไปแล้ว...เจ้าติดตามข้าเท่ากับรนหาที่ชัดๆ...”

“ข้ารู้ว่าอาจารย์ไม่ลงโทษท่านพี่หรอก..ข้ารู้ว่าอาจารย์รักและเป็นห่วงท่าน พี่น่ะไม่รู้อะไร เคล็ดวิชาบุปผาสวรรค์กับพลังลมปราณหยกมายาอาจารย์ไม่เคยถ่ายทอดให้ผู้ใด แต่เขาถ่ายทอดวิชานี้ให้กับท่านพี่ เชื่อข้าสิจ้าวตำหนักคนต่อไปต้องเป็นท่านพี่แน่ๆ”

“ชิงถิง!เงียบเลย..นี่เจ้าพูดอะไรรู้ตัวไหม... ศิษย์พี่คนอื่นล้วนมีความสามารถมากกว่าข้าทั้งนั้น...หากพวกเขาได้ยินที่เจ้าพูดมันจะไม่ดี..อีกอย่างข้าไม่มีความคิดอยากจะขึ้นเป็นจ้าวตำหนักเลยสักนิด เป็นประมุขตำหนักร้อยบุปผาเจ้าว่าสนุกนักรึไง หือ..”

“ก็ท่านเป็นเสียแบบนี้ ดีเกินไป แล้วท่านจะต้องคอยรับคำสั่งจากผู้อื่นอย่างนั้นหรือ?”

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้...ถ้าขืนพูดอีกข้าจะไม่คุยกับเจ้าแล้ว”

 “เฮ้อ!ท่านนี่จริงๆเลย....ถ้าท่านไม่ได้เป็นจ้าวตำหนัก สิ่งที่ข้าวาดฝันไว้คงสูญสลายแน่แล้ว อนาคตที่สดใสของข้าก็คงได้แค่ฝัน เฮ้อ!”

“ฝันอะไรของเจ้า? แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยล่ะ..ชิงถิง”

“ ถ้าท่านขึ้นเป็นจ้าวตำหนัก สิ่งที่ข้าฝันไว้ก็คือ....ข้าจะเกณฑ์หนุ่มหน้าตาดีทั่วแผ่นดินมาคอยปรนเปรอข้ากับท่านทุกวันทุกคืนเลยยังไงล่ะ ท่านคิดดูสิมันจะมีความสุขมากขนาดไหน? ฮิฮิ มันดีมากเลยใช่ไหมล่ะ ฮิฮิ..”

“เจ้า!!..เจ้าเด็กแก่แดดคนนี้ สมองน้อยๆของเจ้ามีแต่เรื่องพวกนี้สินะ...ช่างเพ้อเจอนัก...บอกมา...ว่าเจ้ามาหาข้ามีเรื่องอื่นด้วยหรือเปล่า?”

“ใช่สิข้าเกือบลืม พี่เซี่ยให้ข้ามาบอกกับท่าน ว่าไม่ต้องเป็นห่วง หากท่านหายดีอาจารย์มีคำสั่งให้ท่านกลับไปวังร้อยบุปผา”

“อืม”

     ข้ารู้ชะตากรรมของตนเองดี ภารกิจที่รับมาข้ายังทำไม่สำเร็จ ซ้ำยังทำมันล้มเหลว ครั้งนี้อาจจะถูกลงโทษจองจำหรือไม่ก็อาจจะไม่ได้ออกจากวังร้อยบุปผาตลอดกาล ช่างเถอะแต่เป็นเช่นนั้นก็ดีเหมือนกันชีวิตข้าในตอนนี้มันก็ไม่มีอะไรให้รู้สึกอาลัยอาวรณ์อีกแล้ว การที่ได้อยู่ในตำหนักร้อยบุปผา บางทีอาจจะสงบสุขมากกว่าโลกภายนอกมากนัก

 

     เรื่องภายในเรือนน้ำค้างหยกแต่แรกโป๋ซีก็เป็นคนดูแลอยู่แล้ว ส่วนคนไร้ความสามารถเช่นข้าคงไม่เหมาะจะเป็นหัวหน้าหอหรือหัวหน้าสาขาใดได้

“แล้วท่านพี่จะกลับไปพบอาจารย์เลยหรือไม่?”

“อืม...ทำไมล่ะ?”

“ก่อนจะกลับวังร้อยบุปผา ท่านไปพักที่หอเร้นเมฆากับข้าเถอะนะ ข้าจะส่งข่าวกับอาจารย์ว่าท่านยังไม่หายดีพักรักษาตัวอยู่กับข้า แล้วข้าจะพาท่านกลับไปพร้อมกัน” ข้าเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของเด็กคนนี้ดูช่างไม่น่าไว้ใจ

“นี่เจ้าจะพาข้าไปเล่นซุกซนอะไรอีก”

“โธ่ นี่ท่านเห็นข้าเป็นคนยังไง?” ชิงถิงยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนมีแผนการคิดไว้ใจ “หยุดเลย! ข้าไม่ไปกับเจ้าแน่”

“โธ่ พี่หยุนหนิง ท่านหน้าตาดีขนาดนี้ท่านไม่คิดจะใช้หน้าตาของท่านแสวงหาความสุขให้กับตัวเองบ้างหรือไง”

“หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว ข้าไม่ใช่จิ้งจอกน้อยไร้สมองเช่นเจ้า แล้วเลิกคิดในสิ่งที่เจ้าจะทำซะ”

“เฮอะ! ท่านก็เป็นเสียแบบนี้ ไม่รู้จักหาความสำราญให้กับตัวเองบ้างเลย เราเป็นบุรุษไม่มีอะไรให้เสียหายสักหน่อย”

“ข้าไม่คุยกับเจ้าแล้ว ไปดีกว่า” ข้าไม่อยากฟังคำพูดเพ้อเจ้อของเด็กน้อยแก่แดด จึงคิดเดินหลีกไปอีกทาง “ก็ได้ๆ ข้าไม่พูดแล้ว ไม่พูดแล้ว”

“แล้วเจ้าออกมาเที่ยวเล่นแบบนี้ หอเร้นเมฆาล่ะ”

“พี่ไป๋ดูแลแทนข้า ยังไงล่ะ”

“พี่ไป๋!”

“อื้อ..”

     พอพูดถึงพี่ไป๋ ทำให้ข้านึกถึงท่านเฮยขึ้นมาทันทีหากไม่เป็นเพราะข้าเขาคงไม่ต้องมาตายเช่นนี้ ข้าผิดต่อเขาเรื่องทั้งหมดล้วนเป็นเพราะข้า ชิงถิงกับข้าจึงได้ไปคารวะหลุมศพของเขา พอเดินในเส้นทางหลักเพื่อจะไปยังหอเร้นเมฆาก็มีเสียงของคนร้องขอความช่วยเหลือ

“ช่วยด้วย! ..ฮือ คุณชายท่านปล่อยข้าไปเถิด..”

“อะไรกันแม่นางน้อย ข้าหน้าตาน่าเกลียดนักรึไงเหตุใดเจ้าถึงได้ทำหน้าตกใจกลัวเช่นนี้”

     เมื่อข้าลอบดูก็พบว่ามีบุรุษกลุ่มหนึ่งกำลังฉุดคร่าสตรีน้อยนางหนึ่งอยู่ “ท่านปล่อยข้าไปเถอะ...ย่ะ-อย่าเข้ามานะ..ฮือๆ”

“มามา ลุกขึ้นๆ ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอกน่า คืนนี้ข้าจะดูแลและทนุถนอมเจ้าเป็นอย่างดีแน่นอน..."

     คนผู้นี้กิริยาน่ารังเกียจซ้ำยังมีวาจาโสโครกนัก การกระทำกับสตรีที่อ่อนแอซ้ำยังคิดข่มเหงสตรีไร้ทางสู้ “น่ารังเกียจ โสโครกนัก”

“ไม่นะ..อย่าเข้ามา...ท่านปล่อยข้าไปเถอะคุณชาย ข้าขอร้องท่านล่ะปล่อยข้าไปเถิด ฮือฮือ...” สตรีน้อยนางนั้นคุกเข่าคำนับอ้อนวอนคนใจชั่วยังคงยิ้มกริ่มเหมือนกับหมาป่าที่กำลังไล่ต้อนลูกแกะ

“เฮอะ แม่นางน้อยเจ้ารู้หรือไม่ว่าคุณชายผู้นี้เป็นใคร?...เขาคือคุณชายใหญ่สกุลจู นามว่าจูอี้ฉง ...แม่นางน้อยหากเจ้าทำให้คุณชายของข้าพอใจละก็ รับรองได้ว่าชาตินี้เจ้าจะสบายไปทั้งชาติ ฮ่ะฮ่าๆ”

“นั่นสิแม่นางน้อย พี่ใหญ่ข้าพูดถูก หากคุณชายของข้าไม่ใยดีในตัวเจ้า พวกเราพี่น้องจะอาสาดูแลเจ้าเอง จริงไหม?พี่ใหญ่ฮ่ะฮ่าๆ”

     คนพวกนี้ช่างต่ำช้าไร้ยางอายนัก ยิ่งได้ฟังวาจาที่สกปรกนั่นยิ่งทำให้รู้สึกขยะแขยงพวกมันเกินจะทน เจ้าคนพวกนั้นยิ่งดูข้าก็ยิ่งรู้สึกคุ้นตา พวกมันคืออันธพาลที่เคยไปอาละวาดที่เรือนน้ำค้างหยก หากแต่บุรุษที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าเนื้อดี ที่ยืนอยู่คือคุณชายสกุลจูผู้นั้นข้าเพิ่งเห็นหน้ามันเป็นครั้งแรก

“แม่นางน้อย เจ้ามากับข้าเถอะน่า ข้ารับรองว่าจะเบามือทนุถนอมเจ้าอย่างแน่นอน”

 

     ข้ามองสบตากับชิงถิงคราหนึ่ง “ท่านพี่คนพวกนี้ช่างมีกิริยาน่ารังเกียจนัก จับพวกมันเจี๋ยนทิ้งเลยดีไหม มันจะได้ไม่ไปก่อกรรมทำเข็ญกับใครที่ไหนอีก”

“ดีสิ”เมื่อฟังคำพูดที่ชิงถิงเอ่ยมาข้ากลับรู้สึกว่าเห็นด้วย “น่ะ-นี่ท่าน!!...อย่าบอกนะว่าจะทำจริงๆ”

“ทำไม? เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้าทำรึไง”

“นั่นมันคุณชายใหญ่สกุลจูเชียวนะ...เมื่อครู่ข้าเพียงแค่พูดเล่นๆ...ท่านพี่ก็อย่าได้จริงจังกับคำพูดของข้าเลย”

“แต่ข้าจะเป็นคนทำให้คำพูดของเจ้าเป็นจริงเอง”

"พี่หยุนหนิง...ท่านน่ากลัวเกินไปแล้ว"

 

 

 
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน16 P.3 up 4/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 04-10-2019 21:33:23
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน16 P.3 up 4/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 04-10-2019 22:09:16
เฉือนเลยๆ :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน16 P.3 up 4/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-10-2019 23:03:14
 :m16:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน16 P.3 up 4/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-10-2019 02:53:50
ค้างอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน16 P.3 up 4/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: mystery Y ที่ 05-10-2019 09:13:11
รอตอนต่อไป
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน16 P.3 up 4/10/62
เริ่มหัวข้อโดย: unicorncolour ที่ 05-10-2019 17:33:46
รอ รอ รอ  :จุ๊บๆ:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน17 up 08/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 08-05-2020 20:59:01
ตอน17 โสเภณีเช่นข้า ...ตัดขาดความสัมพันธ์

สายตาข้าเหลือบมองเห็นท่อนไม้ขนาดกำลังเหมาะ จึงได้ใช้เท้าตวัดเตะท่อนไม้นั่นตรงไปยังจูอี้ฉงในทันที

พลั่ก!

“ใคร? ใครช่างบังอาจลอบทำร้ายข้า” จูอี้ฉงกวาดสายตามองด้วยท่าทีตื่นตระหนก

“ท่านพี่ นี่ท่านกำลังจะมีเรื่องกับสกุลจูนะ”

“งั้นรึ...อย่างไรเรื่องทุกเรื่องล้วนถาโถมมายังข้าอยู่แล้ว เพิ่มอีกสักเรื่องจะเป็นไร หากโดนลงโทษข้าก็ยินดีรับผลที่จะตามมาเอง ข้าไม่เคยคิดเสียใจ” ข้าพูดพลางมองไปยังพวกมันที่ยังคงกวาดสายตามองหาตัวข้าอยู่

“ชิงถิง เจ้ารออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน” ชิงถิงทำหน้าเหวอ เขาคงแปลกใจไม่น้อยที่เห็นว่าตัวของข้าชอบแส่ยุ่งเรื่องของชาวบ้านอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้

“ใครกัน ใครมันบังอาจรนหาที่ตาย” เสียงของพวกมันโวยวาย ข้าจึงก้าวเดินไปปรากฏกายเผชิญหน้ากับพวกมัน

“เป็นเจ้าสินะ ที่ลอบทำร้ายข้า”

พวกมันหันจับจ้องมา ข้ามองพวกมันผ่านหมวกงอบที่อำพรางใบหน้า รอฟังว่าพวกมันจะกล่าวอะไรต่อ โดยไม่คิดอยากเสวนาโต้ตอบกับคนสวะพวกนี้

“เจ้าเป็นใบ้หูหนวกรึไง คุณชายของข้ากำลังถามเจ้าอยู่”

“อย่าคุยกับพวกมันให้เสียเวลา พวกเจ้ารีบจัดการมันซะ”

ทันทีที่สิ้นคำสั่งของจูอี้ฉง พวกอันธพาลก็กรูกันเข้ามา แต่พวกมันมิใช่คู่มือของข้า เพียงพริบตา พวกมันก็ล้มกองนอนกับพื้นร้องโอดโอย จูอี้ฉงยังคงจับกุมข้อมือของหญิงสาวแน่นหนา ข้าจึงก้าวเท้าไปหามันอย่างช้าๆ

“ปล่อยข้า ปล่อยข้านะ”

เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้น จูอี้ฉงมีทีท่าลนลาน สตรีน้อยนางนั้นยิ่งสะบัดมือของตนแรงขึ้นจนจูอี้ฉงผลักร่างนางตรงมา ข้าโอบรับร่างของนางไว้

“ขอบคุณ คุณชาย”

“เจ้ารีบไปเถอะ”

“เจ้าค่ะ ขอบคุณท่านมาก ขอบคุณ” ข้าพยักหน้าให้นางคราหนึ่งก่อนร่างที่ผอมบางของนางจะรีบหอบร่างที่กระหืดกระหอบของนางหนีห่างไป

“เฮอะ หมูจะหามริเอาคานเข้ามาสอด เจ้านี่รนหาที่ชอบยุ่งเรื่องของผู้อื่นเหลือเกินนะ ก็ดีวันนี้เจ้าจะได้รู้ว่าคนที่ชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านจุดจบมันเป็นเช่นไร”

มันพูดจบก็พุ่งกายเข้ามาทันที กระบวนท่าโจมตีของมันนี้เหมือนกับรนหาที่ตายชัดๆ แต่ข้ามิได้ต้องการปลิดชีวิตอันแสนสกปรกนี้ แค่หวังทำให้มันเจ็บและทรมานหลาบจำไปจนวันตายเท่านั้นเอง

มันจู่โจมด้วยเพลงหมัดชุดหนึ่งตามด้วยเพลงเตะ ทว่าความรวดเร็วของจูอี้ฉงนับว่าอ่อนด้อยยิ่งกว่าจูอี้ซินผู้เป็นน้องสาวอยู่มากโข แสดงให้เห็นว่าบุตรชายคนโตของสกุลจูผู้นี้เสเพลเกียจคร้านไม่เอาไหน ข้าปัดป้องการจู่โจมจากเพลงหมัด มันยังคงตวัดเท้าถีบใส่มาอีก ข้าใช้พลังเพียงสองสามส่วนจึงเอี้ยวตัวส่งปลายมีดสั้น เฉือนตวัดเข้าสู่ข้อเท้าของมันในทันที

“โอ้ย!” จูอี้ฉงล้มลงแล้วพยายามพยุงร่างตนขึ้นถ่ายเทน้ำหนักกายไปที่เท้าซ้ายด้วยการเดินกะโผลกกะเผลก

“คุณชายท่าน เป็นอย่างไรบ้างขอรับ”

“เจ้าพวกโง่ ยังจะยืนบื้ออยู่อีกรีบจัดการมันเร็วสิ”

“ขอรับ”

พวกมันเข้ามาห้อมล้อมข้าอีกครั้ง ข้าใช้กำลังไม่มากนักก็จัดการพวกสมุนชั้นต่ำนอนกองอีกรอบ ก่อนเดินไปยังจูอี้ฉง ตอนนี้มันกำลังยืนหยัดทรงกายพยายามดิ้นรนหาหนทางหนี แววตาที่ดูลนลานหวาดกลัวแล้วล้มลงกับพื้นถัดกายถอยพยายามหนีห่างจากข้า ดูช่างน่าสมเพช

“หึ คุณชายจู เจ้านั้นคงรู้จักแต่การทำร้ายผู้อื่นสินะ แต่คงไม่เคยลิ้มรส การถูกผู้อื่นทำร้ายหึหึ ตอนนี้เจ้ารู้สึกเป็นเช่นไรยังสนุกอยู่รึเปล่า”

“ย่ะ-อย่าเข้ามา...เจ้าจะทำอะไร”

นอกจากเสียงร้องลนลานของจูอี้ฉง ยังมีสุ้มเสียงอื่นจากด้านหลังพุ่งตรงมา ข้าจึงพลิกตัวหลบประกายคมดาบอันขาวขวับ แล้วตวัดฝ่าเท้าเตะด้ามจับ ส่งปลายดาบพุ่งไปยังจุดสงวนของจูอี้ฉง

ฉึก!

“อ๊าก!”

ความเจ็บปวดนี้ทำให้มันถึงกับแผดเสียงร้องออกมาเกลือกกลิ้งร่างไปกับพื้นดิน มือทั้งสองกุมจุดสงวนที่เปียกโชกไปด้วยเลือดสีแดงฉาน บัดนี้จูอี้ฉงได้กลายเป็นชายพิการที่ไม่สามารถไปข่มเหงย่ำยีหญิงสาวใดได้อีก

หัวหน้าอันธพาลเห็นว่ามันพลาดท่าจึงคิดหนีข้าจึงซัดปลายดาบบนพื้นพุ่งตามเด็ดชีวิตชั่นต่ำของมันจนล้มตึงนอนแน่นิ่งไป ภาพตรงหน้ายิ่งสร้างความหวาดกลัวลนลานให้กับพวกมัน

“เจ้าคือ...ค่ะ-คือโสเภณีชายผู้นั้น!” เสียงของสมุนจูอี้ฉงผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

“โสเภณีงั้นรึ...หึ...” คำพูดนี้ช่างระคายหูข้าเสียจริง

“ลิ้นของพวกเจ้าข้าว่าอย่ามีเลยจะดีกว่า”

พอได้ฟังยิ่งทำให้ความรู้สึกข้างในคุกรุ่น “เจ้าจะทำอะไรข้า...อย่า...อย่าเข้ามา” จูอี้ฉงลนลานหวาดกลัว

“ทีนี้คุณชายจูคงรู้แล้วสินะ ว่าความหวาดกลัวมันเป็นเช่นไร” ข้าชะโงกหน้าก้มไปคุยกับมันอย่างแผ่วเบา

จูอี้ฉงมีดวงตาที่เหลือกโปนจนแทบจะถลนออกจากเบ้า ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง “ท่านพี่ระวัง!” ข้าหมุนตัวขว้างหมวกออกไปจนแส้นั้นฟาดหมวกงอบแหลกกระจาย

“ฮึก ท่านแม่! ช่วยลูกด้วย ฮึก...”

“ลูกแม่! เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” สตรีวัยกลางคนโผเข้าไปดูอาการจูอี้ฉงในทันที แววตาที่แดงก่ำของนางจ้องมายังข้ามือทั้งสองของนางสั่นระริก

“เจ้ากล้าทำร้ายลูกข้าอย่าอยู่เลย!”

สิ้นเสียงของนางปลายแส้อ่อนก็พุ่งตวัดเกรี้ยวกราดฟาดตรงมาเสียงดังสนั่น ดีที่ไหวตัวเอี้ยวหลบทันมิเช่นนั้นคงบาดเจ็บสาหัส

“พี่ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม ข้าได้ยินเสียงเหมือนมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังมา เรารีบไปกันเถอะ” ชิงถิงร้องเตือน

“อืม เช่นนั้น แยกย้ายแล้วเจอกันที่หอเร้นเมฆา”

“อื้อ” ชิงถิงพยักหน้ารับก่อนแยกย้ายกันเร้นกายหลบหนี

ระหว่างที่ข้าจะหลบหนีก็มีแส้อ่อนของจูฮูหยินมาสกัดไว้ จึงทำให้ต้องเข้าไปพัวพันรับมือการจู่โจมที่เกรี้ยวกราดและว่องไว แส้ของนางยังคงหมุนวนรอบทิศดุจอสรพิษร้ายที่พร้อมจู่โจมจนข้าหมดสิ้นทางหนี แล้วแส้อ่อนของจูฮูหยินก็พุ่งมา พลันมีฝักกระบี่มาสกัดไว้

“ห้าวฉาย...นี่เจ้ากำลังทำอะไร?”

“ท่านป้าคนผู้นี้ข้าจัดการเอง”

“อืมได้” จูฮูหยินพอฟังดังนั้นก็รีบเข้าไปดูลูกชายของนางในทันที

‘หึ ในที่สุดก็เจอกันจนได้สินะ’ ใบหน้าที่เรียบเฉยเย็นชาตรงหน้าเขาคือคนที่ข้าไม่อยากพบเจอ แต่ก็ยังมาเจอจนได้

“เสี้ยวเซียน...เจ้าหยุดเถอะ” แววตามองมาพร้อมกับริมฝีปากที่ขยับเอ่ยขึ้นบอกกับข้าด้วยเสียงแผ่วเบา

“เจ้าคิดว่าเจ้าคือใคร ถึงได้มาสั่งข้า...หรือเจ้าคิดว่าเป็นคุณชาย แล้วคิดมาสั่งโสเภณีตกยากเช่นข้าดั่งในอดีตละก็ เจ้าคิดผิดแล้ว...ลงมือ!”

ถังห้าวฉายถอยกายหนีอย่างเร่งร้อนในขณะที่ข้าพุ่งเข้าจู่โจมดั่งเงาตามตัว ผีเสื้อราตรีถูกซัดส่งไปเพื่อมุ่งสังหารอย่างไร้ไมตรี แต่ถังห้าวฉายมีประสาทสัมผัสและฝีเท้าที่ว่องไวมันบิดตัวหลบกับต้นไม้จึงรอดพ้นจากอาวุธซัดของข้าได้

ใบหน้านิ่งเฉยเย็นชานั่นยิ่งทำให้ข้าทวีความเกรี้ยวกราด ความเจ็บปวดใจกายถูกเปลี่ยนเป็นกระบวนท่าฟาดฟัน จู่โจมดั่งอสนีบาตฟาดทลาย กล้ามเนื้อทั่วร่างพลังปราณล้วนตื่นตัว เสียงจากการจู่โจมของข้าดั่งสนั่น แต่คนผู้นี้กลับสู้พลางถอยพลางแล้วร่นถอยหนีไม่ยอมโจมตีโต้กลับโดยตรง เพราะเหตุใด จวบจนถึงริมผาสูงไร้ซึ่งทางหนี บัดนี้มีเพียงแค่ข้ากับมันผู้นี้เท่านั้น

“ทำไมเจ้าไม่โต้ตอบ...ฮึ อยากจะจับข้าก็เข้ามาสิ”

ข้าแค่นเสียงถามทว่าใบหน้าที่เรียบเฉยนั้นยังคงมองจ้องมา ความเรียบเฉยเหมือนเหยียดหยันนี้มันทำให้ข้าไม่ชอบเอาเสียเลย

“หากไม่ลงมือ เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไร้ปราณี” ข้าพุ่งส่งปลายคมมีดใส่ในทันที “ตายซะ!” ถังห้าวฉายกับหลับตาลงจนปลายมีดสีเงินพุ่งตรงไปที่อกซ้าย

ฉึก!

‘ทำไมเขาไม่หลบ?’

“ข่ะ..ข้าขอโทษ! ฮึก!”

“? ข่ะ-ขอโทษ...เจ้าพูดอะไร?”

“ข่ะ-ข้าขอโทษที่เข้าใจเจ้าผิด” ริมฝีปากขยับด้วยเสียงที่แผ่วเบา มือของเขาจับกุมมือข้าไว้ไม่ให้ขยับ ขอโทษงั้นรึ มันง่ายไปหรือเปล่า

“คำขอโทษ..นี้ของเจ้ามันง่ายไปหรือเปล่า ข้าเป็นคนพรรคมาร เป็นคนฆ่าพ่อเจ้า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ล้วนเป็นเพราะข้า ข้าเป็นคนทำมันเอง...ทั้งหมดเจ้าได้ยินมั้ยถังห้าวฉาย!! ..”

“ข้ารู้ว่าเรื่องทั้งหมด เจ้าไม่ได้ทำ”

“ฮึก...”

ข้าข่มกลั้นความรู้สึกของตนนัยน์ตาตอนนี้พร่าเลือนเพราะน้ำตา ไม่รู้ว่ามันไหลออกมาเพราะความแค้นที่อัดแน่นหรือความดีใจที่ได้ยินคำขอโทษกันแน่ แต่สิ่งที่ลอยผ่านมาพร้อมกับคำขอโทษคำเดียว ความเจ็บปวดที่ข้าพบเจอเกินกว่าจะลืมมันไปได้ในตอนนี้

“เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม”

“หึ มันไม่มีที่ใดให้ข้าได้เริ่มต้นใหม่ทั้งนั้น หากเจ้าไม่ฆ่าข้าเสียแต่ตอนนี้ ก็จะมีคนอื่นมาตามสังหารข้าอยู่ดี” ข้าพยายามดึงมือเพื่อเอามีดที่ปักอยู่บนร่างนั้นออกแต่เขากลับรั้งมือกุมปลายดาบไว้แน่นหนัก

“ปล่อย!!”

“ข้าขอโทษ” สายตาของถังห้าวฉายเอ่อล้นไปด้วยประกายของความฉ่ำจากน้ำนัยน์ตา

“ไม่ได้ยินหรือไง ข้าบอกให้เจ้าปล่อย!”

เวลานี้ข้าไม่ต้องการฟังคำขอโทษใดๆ อีก จึงได้ใช้ฝ่ามือกระแทกไป แล้วดึงมีดสั้นที่ปักบนร่างนั้นกลับคืน ถังห้าวฉายกลับไม่ตอบโต้ปล่อยให้ร่างตนที่โดนฝ่ามือข้ากระแทกปล่อยร่างลอยละลิ่วลงจากผาสูง พอข้าเห็นดังนั้นร่างกายพลันขยับไปเองโดยสัญชาตญาณ ความคิดข้ามิได้สั่งการ ข้ากระโดดลงหน้าผาก่อนรั้งกระชากร่างถังห้าวฉายพร้อมพลิกตัว ใช้ฝ่ามือดันร่างคนผู้นี้ด้วยพลังที่มีแล้วปล่อยให้ตัวข้าตกลงไปแทน

“เสี้ยวเซียน!” เสียงที่ลอยมาตามลมอย่างเลือนรางเพราะภายในหูของข้ามีแต่เสียงลมอื้ออึงจึงได้ยินไม่ถนัดนัก

ทว่าข้าก็เห็นแววตากับริมฝีปากที่ขยับอยู่นั้น ความห่วงใยที่มีให้กันอย่างนั้นหรือพอกันที... ถังห้าวฉายเหมือนจะกระโดดตามลงมา ข้าจึงได้ตัดสินใจโยนของสิ่งนี้ให้เขา ข้าจึงหยิบพัดเหล็กกางออกแล้วขว้างซัดออกไปสกัดเขามิให้ตามลงมา เพราะว่าข้าไม่ต้องการความช่วยเหลือใดจากคนผู้นี้อีกแล้ว ‘พัดเหล็กนี่ เอาคืนไป ข้าไม่ต้องการมันแล้ว’ ข้าปล่อยให้ตัวเองลอยละลิ่วลงมาอย่างอ้างว้าง

‘ใจของข้าในตอนนี้มันขาดวิ่นไม่มีชิ้นดี เวลาที่มีของเรามันคงหมดลงไปแล้ว ส่วนที่เหลืออยู่มันคือความห่างไกลที่ไม่มีวันกลับคืนมา จากนี้ไปท่านและข้าคงไม่ได้เจอกันอีก นี่คือความทรงจำสุดท้ายระหว่างเรา’
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าได้ใส่ใจ ตอน17 - P.3 up 08/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 09-05-2020 02:34:21
เศร้าจัง
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน18 - P.3 up 11/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 11-05-2020 20:03:24
18.บึงมรกต

*ถังห้าวฉาย*

ข้าผิดต่อเจ้าบาดแผลบนตัวข้าที่ได้รับมิอาจสู้กับความเจ็บปวดจากสายตาเย็นชาคู่นั้น เป็นเพราะข้า เป็นข้าเองที่ทำให้เจ้าต้องถูกบีบจนไร้หนทาง ข้าผิดเองที่ไม่ยอมเชื่อใจเจ้า

“พี่ใหญ่!”

“ซือซือ”

“นี่ท่านบาดเจ็บรึ? ไหนข้าขอดูอาการหน่อย”

“ฮึก...ข้าไม่เป็นไร”

บาดแผลเพียงเท่านี้หากเทียบกับความเจ็บปวดภายในใจล้วนเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย บาดเจ็บแค่นี้มันแทบจะไม่ทำให้ข้ามิได้รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ

“แต่บาดแผลของท่านหากไม่รีบห้ามเลือดในตอนนี้เกรงว่าจะเกิดอันตรายได้นะ”

“ไม่เป็นไร...”

“คุณชายขอรับ บ่าวมาช้าไป”

ข้าเห็นอาหนิวในใจของข้าพลันยิ่งทวีความดีใจยิ่งนัก ข้ารีบพยุงกายที่แทบจะสิ้นเรี่ยวแรงโผเข้าหาในทันที เพราะในตอนนี้อาหนิวคือความหวังเดียวของข้าแล้ว

“เจ้ารีบหาคนที่ไว้ใจได้ ลงไปหาคนที่ใต้หุบเขาโดยด่วน” น้ำเสียงที่แผ่วเบาของข้านี้ แจ้งให้กับอาหนิวรีบจัดการ อาหนิวยังทำหน้างุนงง “รีบไปสิ”

“ข่ะ ขอรับ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้” ก่อนอาหนิวจะจากไปข้ารั้งกายเขามากำชับอีกเรื่อง “เจ้าอย่าให้ใครรู้เรื่องนี้เด็ดขาด เจอคนแล้วรีบมาบอกข้า”

“ขอรับ”

มินานนักร่างที่พยายามฝืนทนยืนหยัดของข้าก็ทรุดลง

“พี่ใหญ่! ท่านไม่เป็นไรใช่ไหม?”

ข้าลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าถูกห้อมล้อมไปด้วยบ่าวไพร่มากมาย เมื่อกวาดสายตามองไปอีกด้านก็เห็นท่านแม่กับซือซือ นั่งอยู่ที่โต๊ะน้ำชาด้วยทีท่าหวั่นวิตก ทว่าข้ายิ่งกวาดสายตามองหาอาหนิวกับไม่มีวี่แววแม้แต่เงา

“คุณชายฟื้นแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยิน คุณหนู”

“ไหนลูกแม่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“ลูกไม่เป็นไรขอรับ”

“ใครกันที่มันทำร้ายเจ้าบาดเจ็บขนาดนี้” เมื่อฟังท่านแม่พูดข้าได้แต่นิ่งเงียบมิอยากเอ่ยถึง

“พี่ใหญ่ ท่านยังเจ็บแผลอยู่หรือไม่” ข้าพยักหน้าตอบนาง นางจับชีพจรตรวจอาการของข้าอย่างร้อนรน

“ซือซือ พี่เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

“พี่ใหญ่บาดเจ็บภายนอกเพียงเท่านั้น พักฟื้นอีกไม่นานก็หายดีค่ะ ท่านแม่”

“อืม ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว.. แล้วเจ้ารู้หรือไม่ผู้ที่ทำร้ายเจ้าบาดเจ็บมันคือผู้ใด เกี่ยวข้องกับการตายของพ่อเจ้าหรือไม่” ข้าสั่นศีรษะก่อนตอบมารดาไป

“มันผู้นี้ปิดบังใบหน้าลอบจู่โจมข้า ทำให้ข้ามิอาจรู้ได้ขอรับท่านแม่”

“พวกมันต้องมีความเกี่ยวข้องกับการตายของพ่อเจ้าแน่ๆ ข้าจะสั่งให้คนของเราตามสืบและจับพวกมันมาให้ได้ ถึงต้องพลิกแผ่นดินหาข้าก็จะต้องทำ หึ” ท่านแม่มีท่าทางเกรี้ยวกราดก่อนจะหันหลังเดินกลับไป “ลูกแม่เจ้านอนพักเสียเถอะ แม่ไม่กวนเจ้าแล้ว” ข้าพยักหน้าตอบ

“พี่ใหญ่ ท่านกินยานี่แล้วนอนพัก อีกไม่กี่วันท่านก็หายดี”

“ขอบใจมาก”

“เช่นนั้นข้าไปล่ะ”

“อืม”

เสียงฝีเท้ากึ่งวิ่งกึ่งเดิน ตรงมายังหน้าห้องก่อนจะได้ยินเสียงเปิดประตู ข้าเหลือบสายตามอง อาหนิว! ข้าจึงรีบพยุงกายขึ้นในทันที อาหนิวก็รีบรุดตรงมาประครองข้าในทันที

“คุณชายท่านยังไม่หายดี นอนพักเถอะขอรับ”

“ข้าไม่เป็นไร เรื่องที่ข้าให้เจ้าไปทำ เป็นอย่างไรบ้าง” อาหนิวสั่นศีรษะ

“ข้าน้อยไปถึง ก็สั่งให้คนติดตามสำรวจดูจนทั่ว ไม่พบเจอผู้ใดเลยขอรับคุณชาย”

เมื่อฟังคำตอบของบ่าวคนสนิทยิ่งทำให้ในใจของข้าว้าวุ่นใจนัก ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหนกัน เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง หากเจ้ายังมีชีวิตแม้จะอยู่ที่แห่งใดข้าผู้นี้ก็จะออกตามหาเจ้าเอง





*หลี่เสี้ยวเซียน*

สายตาของข้าในตอนนี้พลันพร่ามัว ภายในหัวมึนงงไปหมดเมื่อสำรวจโดยรอบนี่คือที่ใดกัน แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับตัวข้ากันแน่ ทำไมในหัวข้าตอนนี้กลับมีแต่ความมึนงงว่างเปล่าเช่นนี้ เหตุใดจึงจำอะไรไม่ได้เลย ข้าพยายามเพ่งสายตามองไปโดยรอบอีกครั้ง สถานที่นี้มันไม่คุ้นชินเลยสักนิด ยิ่งพยายามครุ่นคิดกลับทำให้ข้าคิดไม่ออก ที่นี่คือที่ใด? ข้าพยายามใช้แขนทั้งสองที่ไร้เรี่ยวแรงพยุงกายขึ้นมาพร้อมกับก้าวเท้าลงจากเตียงแล้วพยุงกายลุกขึ้น ทว่าเรี่ยวแรงกลับหายไปสิ้นจนเกือบทำให้กายทรุดลงไปกองกับพื้น

“โอ๊ะ!” ที่ไหนกัน ที่นี่คือที่ไหน? ครู่หนึ่งก็มีเสียงฝีเท้าเดินใกล้เข้ามาจากด้านนอกห้อง

“คุณชาย”

“อืม”

พลันประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆ คนแปลกหน้านี้คือใครกัน “เจ้าตื่นแล้วหรือ” เสียงทุ้มนุ่มนวลเปื้อนรอยยิ้มบนหน้าเอ่ยถาม ข้าจึงพยักหน้าตอบ

“ที่นี่คือที่ไหน?” ข้าถามพร้อมกับสบตาบุรุษหนุ่มในชุดสีเขียวอ่อนอันมีใบหน้าคมคายหล่อเหลาตรงหน้า “ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน?” อีกฝ่ายยิ้มก่อนเดินเข้ามาพยุงกายข้าให้นั่งลงบนโต๊ะน้ำชา

“ที่นี่คือบ้านข้าเอง ข้าเห็นท่านนอนสลบอยู่ใต้หุบเขา จึงได้พาท่านมาที่นี่” อีกฝ่ายยิ้ม ก่อนใช้สายตาสำรวจตัวข้าอีกครั้ง

“เห็นตัวท่านผอมบางเช่นนี้ แต่ก็หนักใช่เล่นนะ”

คนผู้นี้พูดอะไร ก็ข้าคือบุรุษเพศจะให้ตัวเบานุ่มนิ่ม เช่นอิสตรีผอมบางอรชรได้เช่นไร สายตาเขายังคงจ้องมายังตัวข้าไม่หยุด นี่คงต้องการคำขอบคุณจากข้าสินะ

“ขอบคุณท่านมาก รบกวนแล้ว รบกวนแล้ว” บุรุษผู้นี้เขยิบกายเข้ามาใกล้ข้าอีกครั้งก่อนเอ่ยถาม

“แล้วนี่ใครทำร้ายท่านบาดเจ็บ แล้วท่านมาอยู่ใต้หุบเขานี้ได้อย่างไรกัน?”

ข้าพยายามนึก นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก อะไรกันเหตุใดข้าจึงจำอะไรไม่ได้เลย สายตาของบุรุษชุดเขียวจ้องมองอย่างคาดคั้นรอคำตอบ

“ข้าถามท่านอยู่ ได้ยินหรือเปล่า?”

“เอ่อ..ข้าจำอะไรไม่ได้เลย ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” บุรุษชุดเขียวยกมือของเขามาเตะบนใบหน้าของข้า

“นี่เจ้าความจำเสื่อมอย่างนั้นหรือ?” ข้าทำได้เพียงสั่นศีรษะ เพราะตอนนี้ข้าก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวของข้ากันแน่ “เช่นนั้นท่านก็พักที่บ้านได้ตามสบายเถอะ ไม่ต้องกังวลเรื่องใด”

“ขอบคุณท่านมาก” เขายกยิ้ม

“คุณชายยามาแล้วเจ้าค่ะ”

“อืม เจ้าออกไปได้”

“เจ้าค่ะ”

“ยาบำรุงนี้ท่านดื่มเสียก่อนเถอะ มันช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายในของท่านให้หายเร็วขึ้น” เขายกถ้วยกระเบื้องส่งมาให้ข้า ข้าพยักหน้าแล้วรับถ้วยยามาดื่ม



ข้าคือใคร บาดเจ็บได้อย่างไร เหตุใดข้าจึงโดนทำร้าย ในระหว่างที่ดื่มยา ข้าเองก็พยายามครุ่นคิด บุรุษตรงหน้าคงเห็นสีหน้าของข้ามิสู้ดีนัก

“ท่านยังไม่หายดี ท่านพักผ่อนเสียก่อนเถอะ”

“รบกวนคุณชายแล้ว”

“ไม่เป็นไร เชิญท่านพักเถอะ หากมีอะไรท่านก็บอกสาวใช้หน้าห้องได้”

ข้านอนรักษาตัวอุดอู้ อยู่ในห้องผ่านไปหนึ่งคืน วันต่อมาอาการของข้าก็ดูจะทุเลาลงไปพอควร ยิ่งมองโดยรอบยิ่งทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย จึงได้ตัดสินใจออกมาเดินเล่นเพื่อสูดอากาศบริสุทธิ์ด้านนอก “คุณชายท่านจะไปที่ไหนรึเจ้าค่ะ”

“พวกเจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ ข้าจะไปเดินเล่นสักหน่อย”

“เจ้าค่ะ”

“เอ่อ แม่นางน้อย ข้ารบกวนถามเจ้าหน่อย”

“เจ้าค่ะ”

“ที่นี่คือที่ใดกัน “

“สถานที่นี้คือ บึงมรกต เจ้าค่ะคุณชาย”

“อ้อ” ข้าพยักหน้าก่อนเดินจากมา พอเดินมาได้สักพักข้าก็ได้ยินเสียงฉินบรรเลงล่องลอยตามลมแว่วมาชวนให้รู้สึกผ่อนคลายนัก จึงได้เดินไปยังต้นเสียง บุรุษในชุดสีเขียวยกใบหน้าขึ้นพร้อมกับเปรยยิ้มทักทายอย่างเป็นมิตร ข้ายิ้มรับ ก่อนเขาจะหยุดบรรเลงฉิน

“ท่านหายดีแล้วหรือ”

“ท่านผู้มีคุณ”

“หืม อย่าเรียกข้าซะจนดูเหินห่างขนาดนั้นสิ ชื่อแซ่ข้าก็มีนะ จริงสินะข้าลืมบอก ท่านเรียกข้าว่าเสียนปิงเถอะ”

“อืม คุณชายเสียนปิง”

“ไม่ต้องเรียกข้าว่าคุณชายหรอก เรียกข้าว่าเสียนปิงก็พอ จริงสิตอนนี้ท่านจำอะไรได้บ้างหรือยัง” ข้าสั่นศีรษะ

“ไม่เป็นไร ไม่เป็น ท่านจำอะไรไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เอาอย่างนี้ดีไหม ข้าจะเรียกท่านว่าสุ่ยผิง”

“สุ่ยผิง”

“ดูท่านสงบนิ่งดุจน้ำใสในจานหยกขาว ชื่อนี้น่าจะเหมาะกับเจ้าไม่น้อย” ข้าพยักหน้า

“ข้าคือน้ำแข็ง ท่านคือน้ำล้วนเป็นชื่อที่เกี่ยวข้องกันและเป็นชื่อที่ดีสำหรับท่านกับข้า จริงไหม”

ดูบุรุษตรงหน้ายิ้มส่งมายังข้าด้วยความเป็นมิตรไมตรี “อืม” ก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยข้าก็ยังมีชื่อให้ผู้อื่นเรียกขาน และชื่อนี้ก็ดูดีไม่ได้เลวร้ายอะไร



วันเวลาที่ข้าได้อยู่ที่บึงมรกตแห่งนี้ ข้ากับเสียนปิงดูสนิทสนมและเข้ากันเป็นอย่างดี อาการบาดเจ็บของข้าในเวลานี้หายดีแล้ว แต่ข้ายังคงรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรที่ติดค้างอยู่ในใจไม่เคยลืมแต่พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เสียนปิงดูเป็นคุณชายเจ้าสำราญไม่น้อย ชีวิตของเขาดูเรียบง่ายสุขสงบ มีเพียงบางเวลาที่เขาดูเหมือนจะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แต่ข้าก็ไม่ได้อยากใส่ใจนัก เพราะมันมิใช่เรื่องของข้าที่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว คำถามนี้ล้วนวกกลับมายังตัวข้า แล้วตัวข้าล่ะควรจะทำอย่างไรต่อไปกับตัวเองดี ข้าจะอยู่ในบึงมรกตนี้ไปตลอดอย่างนั้นหรือ ข้าเดินลัดเลาะชมต้นไม้ใบหญ้าโดยรอบพลางครุ่นคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย

ข้าคือใครกัน? พอคิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้รู้สึกปวดหนึบอย่างรุนแรงสายตาพลันพร่ามัวเลือนรางแต่ในห้วงความคิดดันมีภาพหนึ่งที่แสนจะเลือนรางผุดขึ้นมาแทน มันคือภาพอะไรกันทำไมข้าพยายามจะนึกก็ยิ่งปวดทรมานนัก ราวกับว่าศีรษะจะระเบิดเป็นเสี่ยง ข้าคือใคร? ข้าคือใครกันแน่ ความรู้สึกปั่นป่วนเกินกว่าที่ร่างกายจะทนไหว ข้าสั่นศีรษะพร้อมกับเอามือทั้งสองกุมขมับทั้งสองข้างเพื่อบรรเทาอาการ ก่อนที่ร่างของข้าจะทรุดลงไปอยู่กับพื้น แต่ก็มีเสียงฝีเท้าที่แผ่วเบา ว่องไวมาประชิดตัวข้าพร้อมกับประครองกายข้าไว้

“ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“เสียนปิง”

“ข้าหาเจ้าไปทั่ว นึกว่าเจ้าจากไปโดยไม่ล่ำลาข้าเสียแล้ว มานั่งพักก่อน” รอยยิ้มที่แสนจริงใจของบุรุษตรงหน้าที่แสนอ่อนโยนยิ้มมา พอได้นั่งพักครู่ใหญ่อาการข้าจึงเบาลงไปมาก ก่อนเอ่ยถามเสียนปิง

“เจ้าหาข้ามีธุระอะไรหรือ?”

“ทำไมกัน ข้ามาหาเจ้าต้องมีธุระด้วยเล่า หากข้าไม่มีธุระก็มาหาเจ้าไม่ได้สินะ” บุรุษตรงหน้าข้าทำสีหน้าบุ้ยเหมือนเด็กน้อยอายุ 7-8 ขวบ ข้ากลับนึกขำในสิ่งที่เขาทำ

“เปล่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น ดูเจ้าทำหน้าสิ” อีกฝ่ายคลายสีหน้าลงก่อนเอ่ย

“ข้ากลัวว่าเจ้าอยู่ที่นี่จะเบื่อ เลยพยายามมาคุยและอยู่เป็นเพื่อนเจ้ายังไงล่ะ หากเจ้าอยู่กับข้า เชื่อไหมว่าเจ้าจะมีความสุขตลอดเวลาเลยนะ”

“ดูเจ้าสิ เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นเทพเซียนหรืออย่างไร ถึงได้มีความสุข ไร้ซึ่งทุกข์กังวล”

“จริงๆ น้า เจ้าเชื่อข้าสิ หากเจ้าไม่เชื่อเจ้าก็ลองอยู่กับข้าที่นี่ตลอดไปแล้วเจ้าก็จะรู้เอง” อีกฝ่ายยกยิ้ม “อะไรของเจ้าเสียนปิง ลอยยิ้มแบบนี้มันหมายความว่ายังไง”

“เปล่า...จริงสิ ข้าจะพาเจ้าไปที่ ที่หนึ่ง”

“ที่ใดกัน?”

ความอยากรู้ของข้าก็เกิดขึ้นโดยพลัน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ยกขึ้นพร้อมฉุดแขนจนร่างของข้าถลาไปตามแรง ความซุกซนรีบร้อนของเสียนปิง เขาจะพาข้าไปที่ใดกันแน่ ทำให้ข้างุนงงนัก

“นี่เจ้าจะพาข้าไปที่ไหน?”

เสียนปิงไม่ยอมตอบ ใบหน้าเจ้าเล่ห์แบบนั้นช่างทำให้ข้าไม่ไว้ใจเขาเอาเสียเลย หากคนผู้นี้คิดกลั่นแกล้งข้าเล่า ยิ่งคิดข้าก็ยิ่งต้องระวังตัว ยิ่งได้สนิทกันข้าก็ยิ่งรู้ว่าคุณชายเจ้าสำราญผู้นี้ช่างเจ้าเล่ห์และเจ้าแผนการยิ่งนัก หากปล่อยไปข้าอาจเป็นเพียงเบี้ยรองบ่อนให้เสียนปิงกลั่นแกล้งเป็นแน่ ข้าจึงคิดขัดขืน พวกบ่าวไพร่ที่เห็นการกระทำของข้าทั้งสอง พลางหัวเราะกันคิกคัก อะไรกัน พวกเจ้านายบ่าวคิดแกล้งข้าอย่างงั้นรึ เห็นข้าเป็นตัวตลกของพวกเจ้าอย่างนั้นรึ ข้าชี้หน้าใส่บรรดาบ่าวรับใช้และสาวใช้พวกนั้นอย่างเอาเรื่อง

“เสียนปิงเจ้ายังไม่ได้บอกข้าเลยว่าจะพาข้าไปไหน เจ้าคุยกับข้าให้รู้เรื่องก่อน”

ข้าหวังจะรั้งให้อีกฝ่ายหยุดแต่เจ้าบ้านี่ดันหยุดการเคลื่อนไหวเสียก่อน พร้อมกับหันหน้ามา ทำให้ข้าไม่ทันระวังผลุบเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของคนผู้นี้อย่างพอเหมาะ ‘เจ้าบ้านี่คิดจะทำอะไร’ ข้าตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ทว่าอีกฝ่ายกลับยกยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับเอ่ยถ้อยคำที่แสลงหูข้ายิ่งนัก

“เจ้านี่นะ...หากอยากให้ข้ากอดเจ้าก็บอกข้าดีๆ ก็ได้” เมื่อได้ฟังคำพูดเพ้อเจ้อนี้ทำให้ข้ายิ่งงุนงง

“หา! ข้าน่ะเหรออยากให้เจ้ากอด เหอะ!”

สายตาคู่นี้ที่ส่งมาทำข้ารู้สึกคันยุบยิบ คิดอยากจะจกดวงคู่นี้เอาไปบดทำโจ๊กเสียจริง คุณชายเจ้าสำราญดูภูมิฐานกลับมีนิสัยเจ้าเล่ห์ซ้ำยังหลงตัวเองมากโข นี่เจ้าคงจะบ้าคิดเพ้อเจ้อได้มากมายขนาดนี้ ข้าพยายามจะดันกายของตนให้ออกจากอ้อมกอด ทว่าเขากลับกระชับวงแขนไว้แน่นหนากว่าเดิม ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกกระอักกระอ่วนยิ่ง เจ้าบ้านี่คิดจะทำอะไรกันแน่

“เจ้าจะกอดข้าอีกนานไหม?”

“หากข้าบอกเจ้า ว่าอยากกอดแบบนี้นานๆ เจ้าจะให้ข้ากอดอย่างนั้นหรือ?”

เหอะ! อะไรกันเจ้าบ้าเสียนปิงคนนี้ นี่เจ้าท่าทางจะบ้า หรือไม่ก็คงสติไม่ดีสินะ ข้าพยายามขยับตัวดิ้นหนีให้หลุดจากวงแขนที่แน่นหนานี้แต่ก็ไร้ผล ข้าจึงกระทืบเท้าลงบนเท้าของเสียนปิงเต็มแรง แต่ว่าเจ้าบ้านี่กลับหลบได้อย่างว่องไว หึ..แสดงว่าเจ้าคงทำแบบนี้กับใครต่อใครมาบ่อยสินะถึงได้ช่ำชองนัก

“เสียนปิงเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ”

“ไม่ปล่อย!”

“เจ้าอยากให้ข้า ฆ่าเจ้าใช่ไหม” ข้าขบกรามอย่างเหลือทน

“นี่เจ้ากล้าฆ่าบุรุษรูปงามเช่นข้าได้ลงอย่างนั้นหรือ” เจ้านี่มันคือคุณชายที่หลงตัวเองขั้นสุดจริงๆ

“หากเจ้ายังไม่ปล่อย ข้าจะไม่เกรงใจเจ้าล่ะนะ”

“เอาสิ”

อีกฝ่ายยักคิ้วท้าทายเย้ยหยัน เจ้าบ้านี่อยากลองดีกับข้าสินะได้!! ระหว่างที่ข้าพัลวันอยู่กับการขัดขืนเพื่อออกจากอ้อมกอดเสียนปิง ก็ได้ยินเสียงตะกร้าไม้ไผ่สานตกลงสู่พื้น ทำให้ข้าและเสียนปิงต้องหันไปหาที่มาของเสียง

“ค่ะ-คุณชาย บ่ะ-บ่าวไม่เห็นอะไร ไม่เห็นอะไรเลยเจ้าค่ะ” บ่าวรับใช้นางถึงกับก้มหน้างุดงุดรีบเก็บดอกบัวใส่ตะกร้าอย่างเร่งรีบ ใบหน้าของนางดูเขินอายแดงกร่ำ

“โอ้ย!” ข้าใช้ศอกกระทุ้งใส่ท้องน้อยของเสียนปิงจนเขาอุทาน และรีบออกจากวงแขนนั้นอย่างเร็วไว

“ม่ะ-มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ” ข้ารีบเอ่ยบอกกับสาวใช้พร้อมกับก้มลงไปช่วยนางเก็บดอกบัวที่ตกอยู่กับพื้น นางยังคงก้มหน้าเขินอาย

“บ่าวไม่เห็น ไม่เห็นอะไรเลยเจ้าค่ะ”

“นี่เจ้า! เจ้าจะไม่พูดอะไรกับนางหน่อยเหรอ?” ข้าหันไปตะคอกใส่เสียนปิง อีกฝ่ายยักไหล่ไม่สนใจในคำพูดของข้าเลยสักนิด สาวใช้นางนี้พอเก็บดอกบัวใส่ตะกร้าเสร็จนางก็รีบวิ่งหนีหายไปอย่างรวดเร็ว ข้าจึงหันขวับหมายเอาเรื่องเจ้าบ้าตัวต้นเหตุที่ยืนยกยิ้มอย่างไม่ยี่หร่ะตรงหน้า

“เจ้า! เจ้านี่นะ” ยิ่งเห็นการกระทำก็ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกอับจนคำพูดไม่รู้ว่าข้าควรสรรหาคำด่าใดมาด่าทอคนผู้นี้ได้

“เร็ว เราไปกันได้แล้ว”

“เจ้าจะพาข้าไปไหนกันแน่ เสียนปิง!”

“เดี๋ยวเจ้าก็รู้เองแหละ เร็วเข้า”

เสียนปิงยิ้มพลันจับข้อมือข้าแล้วดีดตัวด้วยวิชาตัวเบาขึ้นไปบนอากาศ ปลายเท้าเขาแตะลงบนใบบัวใบแล้วใบเล่า ดุจวิหคเหินบนกิ่งไม้ เพียงครู่ก็ถึงกลางบึงที่กว้างใหญ่กลางบึงมีศาลาเก๋งหลังงามตระหง่านอยู่ เขาพาข้ามาที่นี่อย่างนั้นหรือ

“สวยจัง”

ช่างเป็นทิวทัศน์ที่งามนักน้ำในบึงสีเขียวมรกตดอกบัวบานสะพรั่งทั่วทั้งบึง กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกบัวลอยมาตามลม ข้าเผลอหลับตายกแขนสูดอากาศเข้าไปมันทำให้รู้สึกสดชื่นนัก เพียงครู่ก็ได้ยินเสียงฉินบรรเลงดังกังวาน ท่วงทำนอง สุกใส ทำให้สุนทรีย์นัก

เสียงของฉินที่ดีดบรรเลงหมดจดดั่งหยดน้ำหล่นกระทบลงบนจานหยกเนื้อบาง ยิ่งอยู่กลางบึงมรกตเช่นนี้ เปรียบดังเช่นมัจฉาแหวกว่ายกลางนทีที่ใสเย็น ข้าหันไปมองเสียนปิงที่ดีดฉินบรรเลงในตอนนี้ เขาเหมือนสลัดคราบของบุรุษร้อยเล่ห์มากรักไปหมดสิ้น เมื่อเขายกยิ้มส่งมายังข้า ยิ่งทำให้ภายในใจของข้าเต้นระรัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เมื่อข้ามองไปโดยรอบบึงก็เห็นเงาของบ่าวรับใช้ของเสียนปิงกำลังพายเรือตรงมา เหมือนกับว่ามีเรื่องด่วน รีบมาแจ้งให้ผู้เป็นนายได้ทราบ

.....******….



ปล. คนเขียนกลับมาแล้วจ้า พอดี ที่หายไปนานเพราะว่าติดงาน ติดธุระต้องจัดการหลายอย่างทำให้ไม่มีเวลามากนักต้องขอโทษด้วยนะครับ คนเขียนไม่ได้ทิ้งไปไหน เพียงแต่ว่าด้วยเวลาที่มีจำกัดทำให้ไม่ค่อยว่าง พอมีเวลาว่างก็ต้องพักผ่อนทำให้ไม่มีเวลาได้ลงมือเขียน ขอโทษผู้อ่านอีกครั้งนะครับ หยก...
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน18 - P.3 up 11/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: LoveAlone ที่ 12-05-2020 15:45:56
 :hao3: นายเอกกำลังโดนเต๊าะสินะ น้อน..เนื้อหอม อิอิ :o8:
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน18 - P.3 up 11/05/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 12-05-2020 21:53:29
เนื้อหอมตลอด~
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน19 - P.3 up 06/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 06-06-2020 10:00:14
ตอน19/1 โสเภณีเช่นข้า ....ข้าคือใคร?

“คุณชายเจ้าค่ะ”

เสียนปิงจำต้องหยุดบรรเลงฉินลง พร้อมกับเงยหน้ามองไปที่บ่าวรับใช้ “มีอะไร?”

“คุณชายถังมารอพบคุณชายเจ้าค่ะ”

“เขามาที่นี่ทำไมกัน?”

เสียงของเสียนปิงบ่นพึมพำ คุณชายถังเขาคือใครกัน เป็นคนแบบไหนกัน ข้ามองไปที่สีหน้าของเสียนปิงในตอนนี้ คิ้วของเขาดูขมวดเป็นปม นั่นยิ่งทำให้ข้าเองก็รู้สึกแปลกใจนัก

“เช่นนั้นเราก็กลับกันเถอะ”

เสียนปิงหันมาพูดกับข้า คนอย่างข้าจะทำอะไรได้ล่ะก็สถานที่นี้มันคือสถานที่ของผู้อื่น หากข้าแสดงตัวว่าอยากอยู่ที่นี่นานสักหน่อยก็ดูจะไร้มารยาท นอกเสียจากพยักหน้าตอบรับ แต่ดูเหมือนเสียนปิงจะรู้ใจข้าจริงๆ

“เจ้าชอบที่นี่อย่างนั้นหรือ?” ข้ายักคิ้วไหวไหล่ “อืม ก็ดี”

“หากเจ้าอยากจะมาที่นี่เมื่อไหร่ ก็บอกได้เลย ข้าจะพาเจ้ามาเอง”

เสียนปิงอมยิ้มในระหว่างที่จ้ำไม้พายลงบนผิวน้ำอย่างชำนาญ น้ำในบึงแห่งนี้ช่างดูใสนักเมื่อข้าลองนำมือลงไปสัมผัส ผืนน้ำนี้ให้ความรู้สึกสดชื่น เมื่อมองไปที่คนที่พายเรืออยู่ด้านหน้าส่งยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ซ้ำยังยักคิ้วไหวไหล่ดูช่างยียวนกวนประสาทข้าเสียเหลือเกิน ข้าเห็นว่าใกล้ถึงฝั่งแล้วจึงตัดสินใจ ใช้มือทั้งสองวักน้ำใส่เสียนปิง

“โอ๊ะ! นี่เจ้ากล้าแกล้งข้างั้นรึ” หึมันได้เวลาเอาคืนของข้าต่างหากล่ะ เจ้าเสียนปิงหยุดพายเรือมองมาที่ข้าเพื่อหาเรื่อง ข้าไหวไหล่ไม่แยแส ทันใดนั้นเรือลำนี้ก็โคลงเคลงไปมา

“เสียนปิงนี่เจ้าจะทำอะไร เดี๋ยวพวกเราก็ตกลงไปในน้ำหรอก” ดูท่าข้ายิ่งโวยวายเท่าใด เจ้าคนตรงหน้ากับไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

“เสียนปิงเจ้าจะหยุดหรือไม่หยุด”

“ข้าไม่หยุด..ก็เจ้าเป็นแกล้งข้าก่อน”

เสียนปิงทวีความรุนแรงในการโยกเรือให้โคลงเคลงหนักขึ้นกว่าเดิม ดูเหมือนว่าเจ้านี่จงใจจะคว่ำเรือลำนี้

“เจ้าต้องบ้าอยู่แน่ๆ ข้าบอกให้เจ้าหยุด”

“ข้าไม่หยุด!” ท่าทียียวนท้าทายเช่นนี้ช่างป่วนประสาทข้าดีจริงๆ “นี่เจ้า!”

คนตรงหน้าข้ายกยิ้มก่อนใช้ฝ่ามือตบลงบนกาบเรืออีกฝั่งอย่างแรงจนเรือโยกไหวหนักขึ้นทำให้ร่างของข้าเสียสมดุล เจ้าบ้านี่คงคิดจะแกล้งให้ข้ากลายเป็นลูกหมาตกน้ำอย่างนั้นหรือ? หนอย! มันจะมากไปแล้ว คิดกลั่นแกล้งคนเช่นข้ามันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก หึ ข้าจำต้องนำมือทั้งสองตบวางบนกาบเรือ แล้วถ่ายเทพลังลงไปเพื่อให้เรือลำนี้สงบนิ่งดังเดิม

ซ่า!

“โอ๊ะ!” คนตรงหน้าข้าก็มิได้มีที่ท่าว่าจะหยุดกลับใช้ไม้พายตวัดน้ำพุ่งเข้ามาที่ใบหน้าข้าเต็มๆ “นี่เจ้า!”

“ฮ่ะ..ฮ่ะฮ่ะ”

เสียงหัวเราะสะใจเย้ยหยันข้า แค้นนี้ข้าจะปล่อยให้มันผ่านไปไม่ได้ ข้าเห็นเจ้าบ้านี่คิดใช้ไม้พายตวัดน้ำอีกรอบ แต่คราวนี้ข้ามีบทเรียนแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองอีกเด็ดขาด จึงได้ใช้เท้าเตะสกัดไม้พายออกไป

“นี่เจ้าลงมือกับข้ารึ”

“ก็เจ้าคิดทำร้ายข้าก่อน”

“นี่แหน่ะ”

“โอ้ย!” มืออีกข้างของมันวักน้ำจากด้านข้างใส่มาที่ข้าอีกรอบ

“นี่เจ้ายังไม่หยุดใช่ไหม” ท่าทียียวนท้าทายเช่นนี้ ข้ารู้สึกเหลืออดจึงได้ยืนขึ้นในทันที

“เวลาเจ้าไม่พอใจนี่ ก็ดูน่ารักดีนะ”

“เจ้าพูดบ้าอะไร” ระหว่างที่ข้าเผลอเสียนปิงตบฝ่ามือลงบนกาบเรือจนโยกโคลง เพียงครู่มันผู้นี้ก็เคลื่อนกายมาประชิดตัวข้าแล้วฉุดดึงก่อนพาร่างข้าทะยานขึ้นบนอากาศ

“เราเล่นสนุกกันพอแล้ว รีบขึ้นฝั่งกันเถอะ”

เดี๋ยว! รอยยิ้มแบบนี้ เจ้าบ้านี่คิดจะเลิกง่ายๆ ก็เลิกได้อย่างนั้นหรือ มันง่ายไปหรือเปล่า ข้าคิดสะบัดมือแล้วกะฟาดฝ่ามือใส่ให้มันผู้นี้หล่นลงบึง เพื่อข้าจะเป็นฝ่ายชนะยืนมองดูเสียนปิงเป็นลูกหมาตกน้ำเสียหน่อย

“โอ๊ะ!”

ยังไม่ทันที่ข้าจะทำการตามแผนที่คิดไว้ เจ้าเสียนปิงเหมือนกับอ่านใจข้าออกจนทะลุปรุโปร่ง ข้าโดนฉุดรั้งกายเข้าหาก่อนมันนำมืออีกข้างโอบเอวข้าในทันที ก่อนดีดกายทะยานไปด้านหน้าด้วยวิชาตัวเบาที่ล้ำเลิศ แม้ข้าพยายามสลัดเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมกับโดนท่อนแขนนี้รัดแน่นจนต้องจำใจทะยานลงสู่ท่าน้ำด้านหน้า โดยมีคนผู้หนึ่งยืนมองอยู่

“พี่ห้าวฉาย!”

เสียนปิงเอ่ยทักทายบุรุษชุดขาวผู้นี้ ทว่าเขากลับนิ่งงันไม่ไหวติง ในตาที่จ้องมองมายังข้าทั้งสองแววตาที่ฉ่ำเยิ้มไปด้วยน้ำหล่อเลี้ยงคู่นั้น มันเป็นแววตาแสดงถึงอารมณ์แบบใดกันแน่โศกเศร้าหรือว่าปีติยินดี ข้ายิ่งดูยิ่งไม่เข้าใจ



หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน19 - P.3 up 06/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: PrayTime ที่ 06-06-2020 10:01:12
ตอน19/2 โสเภณีเช่นข้า ....ข้าคือใคร?

“พี่ห้าวฉายมาหาข้าท่านมีธุระอะไรหรือ?”

เสียงนอบน้อมของเสียนปิงที่มีต่อบุรุษชุดขาวผู้นี้ แต่เขากลับนิ่งงันไม่ไหวติงเหมือนกับว่าที่เสียนปิงเอ่ยขึ้นมิได้เข้าโสตประสาทของเขาเลย นั่นอาจเป็นเพราะมีข้าอยู่เขาจึงไม่สะดวกคุยธุระกันหรือเปล่า

“ข้าขอตัวก่อน” ข้าเอ่ยกับเขาทั้งสองแล้วจึงเดินผ่านบุรุษชุดขาวตรงหน้าไป

หมับ!

ข้าจำต้องหยุดชะงักเพราะความงุนงง เพราะแขนของข้าถูกคนผู้นี้รั้งไว้ จึงได้หันไปมองเขา “อะไรหรือคุณชาย?”

ข้าเอ่ยถามทว่าเขากลับมองมามิได้เอ่ยวาจาใด ช่างแปลกคนเสียจริง เมื่อเขาไม่ตอบข้าจึงแกะมือออก ทว่าเขากับกำข้อมือข้าแน่น ไม่ยอมปล่อยข้าจำต้องใช้กำลังบิดสะบัดเขาจึงยอมปล่อย

‘บ้าจริงคนอะไร มารยาทถึงได้ทรามนัก’

เสียนปิงเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าจึงเอ่ยถามคนผู้นี้อีกครั้ง “พี่ห้าวฉาย”

“หือ!”

“ท่านมีเรื่องใดกับข้าอย่างนั้นหรือ?”

ข้ามิได้ใส่ใจบทสนทนาของคนทั้งสอง เมื่อแยกตัวออกมาพร้อมกับคลำคลึงข้อมือที่รู้สึกขัดอยู่เล็กน้อย

...



ในยามมืดสงัด ผู้คนในเรือนมรกตล้วนแต่หลับใหล คงมีเพียงข้าผู้เดียวเท่านั้นที่ยังข่มตาหลับไม่ลง จึงได้คิดออกมาเดินเล่นสูดอากาศเสียหน่อย เมื่อเดินคิดอะไรไปสักพักบุรุษชุดขาวผู้นั้นก็แทรกเข้ามาในความคิดของข้า เหตุใดข้าจึงคุ้นหน้าคนผู้นี้ ไม่หรอกข้าอาจจะคิดไปเอง

“ยังไม่นอนอีกหรือคุณชาย”

นี่ข้าคิดถึงเขาจนเสียงและภาพเขามาปรากฏอยู่ตรงหน้าข้าเชียวหรือ ข้าตื่นตะลึงจนกระทั่ง บุรุษชุดขาวรวบพัดในมือเคาะมาที่ต้นแขน

“คุณชายท่านเป็นอะไรหรือเปล่า” นี่คือเขาจริงๆ สินะข้าไม่ได้คิดเพ้อเจ้อไปเอง

“เอ่อ!” เขาเลิกคิ้วชันมองข้าอย่างสงสัยพร้อมเอ่ย “ดึกแล้วท่านยังไม่นอนอีกรึ”

“ถ้าข้านอนเจ้าจะเห็นข้ายืนอยู่ที่นี่ได้งั้นรึ...ขอตัว”

“ช้าก่อน”

เขาไม่รอให้ข้าเดินผ่านไปมือที่ถือพัดไว้กางอ้าเพื่อขวางทาง ‘พัดเล่มนี้ช่างดูคุ้นตาข้าเสียจริง’ ข้ามองดูอยู่ครู่หนึ่งอย่างลืมตัว

“ข้ากับท่านไม่รู้จักกัน ข้าเองก็ไม่ได้มีเรื่องใดจะคุยกับท่าน เหตุใดจึงต้องขวางข้า..รบกวนหลีกทางด้วย”

“แต่ข้ามี” ข้าสบตามองบุรุษมารยาททรามผู้นี้

“เช่นนั้นท่านก็รีบกล่าวมา” คนผู้นี้ยังคงนิ่งเงียบ เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องยืนอยู่จึงตัดสินใจเดินเลี่ยงผ่านไป

“ได้ข่าวว่าท่านมีปัญหาเรื่องความทรงจำ?”

เจ้าบ้าเสียนปิงช่างปากสว่างนัก คอยดูเถอะข้าเจอเจ้าจะง้างปากตัดลิ้นของเจ้าเอามาสับทำไส้ซาลาเปาให้สุนัขกินเสีย

“อืม” ข้าตอบไปก่อนเดินต่ออีกสองสามก้าว

“แล้วท่านไม่อยากฟื้นความทรงจำหรือ?”

“ท่านต้องการอะไร?” สัญชาตญาณข้าตื่นตัวทันทีเมื่อคนผู้นี้เอ่ย เขามีเหตุผลใดกันแน่

“ถึงข้าจะความจำเสื่อมไปบ้างแต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหากับข้า หรือเกี่ยวข้องอะไรกับท่าน ขอตัว”

ในเมื่อไม่มีเรื่องใดจะคุยต่อข้าจึงเดินออกมา ทว่ากลับมีเสียงของคนผู้นั้นลอยตามลมมา

“ถ้าข้าบอกว่าข้ารู้ว่าท่านคือใครล่ะ”

เมื่อฟังแล้วข้าจึงจำใจหยุดฝีเท้าลง เขาเป็นใคร เขารู้จักข้าจริงๆ หรือ “หากคุณชายไม่อยากรู้เช่นนั้นข้าขอตัว”

คนผู้นี้คือใครกันเหตุใดเมื่อเจอกันทำไมไม่บอกความจริงหรือพูดกับข้าตรงๆ เขามาดักรอพูดกับข้าในยามค่ำมืดเช่นนี้ มีจุดประสงค์ใด หรือว่าเขาหวังผลอะไรจากการที่ข้าความจำเสื่อมกันแน่ หึข้าไม่ตกหลุมพรางของเจ้าหรอก

“ข้าไปละนะ” เจ้าจะไปไหนก็ไปสิ เหตุใดจึงพูดพร่ำเพรื่อตะโกนบอกทำไมกัน

“ข้าไปจริงๆ นะ”

‘เหอะ! เหตุใดข้าต้องสนใจเจ้าว่าจะไปหรือจะอยู่’

!?!

แล้วคนผู้นี้จะไปที่ใดกันแน่ เฮ้อ!! ข้านี่นะช่างนิสัยเสียจริงๆ ข้าพร่ำด่าตนเอง ความอยากรู้ดันผุดขึ้นมาเสียก่อน หากเราแอบติดตามดูพฤติกรรมของคนผู้นี้อย่างลับๆ อาจจะมีประโยชน์ ข้อหนึ่งข้าไม่มีทางเสียผลประโยชน์หากเขาคิดใช้สอยหลอกลวง ในขณะที่ข้าความจำเสื่อม ข้อสองถ้าหากคนผู้นี้รู้จักข้าจริงๆ ก็เท่ากับว่าข้าได้รู้ว่าตัวเองคือใคร มองเหตุผลไหนล้วนแต่มีประโยชน์ต่อข้าทั้งสิ้น

“ไปแล้วน้า!!” บุรุษผู้นี้เดินคลี่พัดเหล็กในมือโบกไปมาบ่นพึมพำลอยมาตามลม

“เขาคงจำเจ้าไม่ได้แล้ว ตอนนี้เจ้ามันไร้ความหมายเจ้ารู้ตัวหรือเปล่า”

‘คนผู้นี้บ่นอะไรข้าไม่เห็นจะเข้าใจ’

“พัดเหล็กเอ๋ยพัดเหล็ก เจ้าดูสิ แม้แต่นายของเจ้าเขาเห็นเจ้า ก็ยังจำเจ้าไม่ได้ เจ้าคิดว่ามันน่าเสียใจหรือเปล่าล่ะ เจ้ามันไร้ค่าในสายตาเขาไปแล้ว ข้าล่ะสงสารเจ้าจริงๆ เฮ้อ!”

นอกจากเจ้าบ้าเสียนปิง นี่ข้าต้องมาเจอคนประสาทที่เดินพูดคุยกับพัดเหล็กอย่างเจ้านี่อีกคนหรือนี่ เหอะ! วิกลจริตโดยแท้ แต่ว่าพัดนั่นก็ช่างดูคุ้นตาข้าเสียจริง หรือว่ามันอาจจะเกี่ยวข้องกับข้า ใช่สิ! ต้องใช่แน่ๆ ไม่ได้เราจะตกหลุมพรางคนผู้นี้ไม่ได้ จู่ๆ เจ้าคนวิกลจริตก็หยุดยืนทอดถอนใจอยู่ริมน้ำ

“เจ้าพัดเหล็กเอ๋ย ในเมื่อเจ้าของเจ้าเขาไม่ต้องการเจ้าแล้ว ข้าก็ไม่รู้จะเก็บเจ้าไว้ทำไม มิสู้โยนเจ้าทิ้งไปอยู่อย่างเงียบสงบในบึงไม่ดีกว่าหรือ” หรือว่าเจ้าคนนี้คิดจะโยนพัดนั่นทิ้งน้ำ

ฟิ้ว!

“ช่ะช้า...ก่......” ข้าจำต้องกระโดดทะยานไปกลางอากาศเพื่อหวังคว้าพัดเล่มนั้นมิให้ตกน้ำแต่ข้ากลับช้าไป เพราะเจ้าบ้านี่โยนพัดทิ้งไปจริงๆ ด้วย

จ๋อม!

ตู้ม!!

ไม่ทันเสียแล้ว บัดนี้พัดเหล็ก ข้าก็คว้าเอาไว้ไม่ทัน มิหนำซ้ำตัวข้ายังตกลงมาในบึงที่เย็นฉ่ำ

“เจ้าโยนพัดนั่นทิ้งทำไม”

ข้าโวยวายกับมันผู้นั้น ที่ทำสีหน้าตกตะลึงริมน้ำ “อ้าวคุณชายข้านึกว่าท่านกลับไปแล้ว”

“เจ้า!!” ข้าไม่รีรองมควานหาพัดเล่มนั้นอีกหน บางทีมันอาจจะเป็นเบาะแสเพียงชิ้นเดียวที่จะฟื้นความทรงจำของข้าก็ได้

บุรุษในชุดขาวยืนมองดูข้า งมควานหาพัดเล่มนั้นพร้อมกับยิ้มมองมายังข้า “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าพัดเล่มนั้นเป็นของข้า เหตุใดไม่เอามันมาให้ข้า” ข้าโวยวายทันทีมันผู้นี้ต้องการยั่วโทสะข้าสินะ

“คุณชายท่านเข้าใจผิดแล้ว!” เขายังคงยืนเอามือไขว้หลังยิ้มเยาะ

“เข้าใจผิดอะไร ก็ข้าเห็นว่าเจ้าโยนพัดเล่มนั้นลงน้ำเมื่อครู่”

บุรุษชุดขาวหัวเราะ แล้วคลี่พัดออกมาโบกอย่างอารมณ์ดี “นี่เจ้า!! หลอกข้า!!”



…TBC…
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน19 - P.3 up 06/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: AkuaPink ที่ 06-06-2020 16:54:44
 :pig4:
 o13
หัวข้อ: Re: ❤[จีนโบราณ]☆♥โสเภณีเช่นข้า...ท่านอย่าใส่ใจ ตอน19 - P.3 up 06/06/63
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 14-06-2020 07:36:59
คู่กัด555