Scream Bloody Murderข่าวซุบซิบในหน้าหนังสือพิมพ์พูดถึงไฮโซตระกูลดัง ว่ากันว่า...พี่น้องในสายเลือดมีสัมพันธ์ลึกซึ้งแบบผิดมนุษยธรรม…
“เขาต้องรู้เรื่องเราแน่เลยพี่ภาคย์ ฮึก ผม...” ผมซบหน้าลงกับอกพี่ชาย โป้ปดมดเท็จ ออดอ้อนและบีบน้ำตา
พี่ชายคนเก่งกำหมัดแน่น ในขณะที่ใจผมกำลังรอลุ้นว่าเหยื่อรายต่อไปจะเป็นคุณป้าแม่บ้านที่บังเอิญมาเห็น หรือเป็นแม่ของผมที่ยืนหลบดูพวกเราในห้องทำงานวันก่อนกันแน่
“ตัวเล็กไม่ได้บอกใครใช่ไหม” เขาบีบมือผมแน่น ดวงตาคมวาวโรจน์
ผมลังเล ถ้าผมยอมบอกเขาว่าผมเป็นคนปล่อยข่าว อาจจะไม่ใช่คนอื่นที่ตาย แต่เป็นผมแทน อา...กลัวจนเกือบจะหลุดยิ้ม
“พี่ภาคย์ไม่เชื่อภาพ! ” ผมผลักเขาออก ตะโกนใส่หน้าเสมือนคลุ้มคลั่ง
“ตัวเล็ก พี่เปล่า...” เขายกมือขึ้น ดูหวาดกลัวกับอากัปกิริยาของผม
“พี่ไม่เชื่อผม”
“พี่ไม่เชื่อผม!”
“พี่ไม่เชื่อผม!”
“พี่ไม่เชื่อผม!”
“พี่ไม่เชื่อผม!” ผมทึ้งหัวตัวเอง วิ่งถลาออกมานอกห้องนอนที่เราร่วมรักกันทุกคืน
“ไปไหน ตัวเล็กไปไหน อย่าหนีพี่! ” หมาป่าตัวโตวิ่งออกมาเพื่อจะจับตัวผม หน้าตาเขาดูหวาดกลัวแบบที่ผมเคยหวาดกลัว สะใจจังเลย...โดนปั่นประสาทบ้าง เป็นยังไงล่ะ
ในวินาทีที่เขาจะถึงตัวผม แม่บ้านคนเก่งก็วิ่งเข้ามาบอกพร้อมด้วยน้ำตา
“คุณภาคย์คะ คุณผู้ชายอาละวาดใหญ่แล้วค่ะ! ”
เขาหัวเสีย เลยเป็นผมที่หนีออกมาได้
ผมยิ้มเยาะ มองบ้านหลังใหญ่ที่อยากจุดไฟเผาให้มอด ถ้านรกมีจริง...บ้านหลังนี้คงเป็นสถานที่ที่ไม่ต่างกัน
.
.
.
“คุณภาพ ไปไหนครับ” สนที่ไม่ได้เจอกันสักพักหลังจากที่พี่ภาคย์ทำตัวติดกับผม เขามารับผมตรงบริเวณแถวบ้าน
“ขับไปเรื่อยๆ เดี๋ยวบอก” ผมเอนหลังลงกับเบาะ หลับตาและสูดหายใจเพื่อยืนยันกับตัวเองว่าผมนั้นยังไม่ตาย
“จอดทำไม” ผมถามคนที่อยู่ๆ ก็จอดรถตรงถนนเปลี่ยว นี่พลบค่ำแล้วเดี๋ยวไม่ถึงครึ่งชั่วโมงคงจะมืดสนิท ผมกลัวอยู่อย่างเดียวกลัวว่าเดี๋ยวคนของหมาป่าตัวนั้นจะตามทัน
“ผมคิดถึงคุณ” คนที่โดนพี่ภาคย์สั่งห้ามเข้าใกล้ผมหันมาบอกด้วยสายตาสื่อความหมาย อาจจะเพราะพี่ชายคนดีเห็นสายตาไม่ซื่อหรือไม่ก็ได้กลิ่นไม่ดีอะไรสักอย่างจากสน พวกเราเลยโดนสั่งห้ามให้เจอกัน และนั่นทำให้ผมแทบจะไม่ได้ออกนอกบ้านเลย
“คิดถึงอะไรกันแน่” ผมเหยียดยิ้ม
“ผมรักคุณ” เขาเอื้อมมือมาจับกันไว้ ทอดสายตาหวานเชื่อม
เด็กหนอ ช่างไม่รู้อะไรเลย
“ขับรถไป แล้วจะให้รัก” ผมบอกเขา ก่อนจะมองออกไปยังถนนเบื้องหน้า
.
.
.
ผมแวะมาหาคิมในตอนเกือบทุ่ม ที่นี่เป็นแหล่งกบดานใหม่ของเขาที่ความปลอดภัยค่อนข้างรัดกุม ผมเชื่อว่าคนของพี่ชายจะหาเราไม่เจอ และตอนนี้เขาคงวุ่นวายอยู่กับคุณพ่อที่รักมากกว่ามาสนใจเรื่องของผม
“สาบานมาสิว่าจะไม่เอาไปขายหรือลงออนไลน์” ผมถามคิมเมื่อมองเห็นกล้องบริเวณหัวเตียงและปลายเตียง พร้อมด้วยกล้องในมือของคิมอีกอัน
“ไม่สาบาน” คิมบอกพร้อมกับยิ้ม เขาก้าวเท้ามาหยุดที่ผมก่อนจะหันไปมองแขกที่ไม่ได้รับเชิญ
“ใคร”
“ข้อ 11 ชอบไม่ใช่เหรอ” ผมยิ้มให้คิม รู้ว่ารสนิยมของเขาคือคอะไร
“รู้ใจจริง”
“คุณภาพครับ นี่อะไร? ” สนที่ยังไม่รู้เรื่องอยู่ดีๆ ก็ได้เข้ามาอยู่ในเกมของพวกเรา
“คุณ มานั่งนี่สิ” คิมกวักมือชวนก่อนจะพึมพำว่าเวลาโดนมองก็รู้สึกดีไม่แพ้เวลาได้มอง ผมเกือบจะกลอกตาให้กับรสนิยมเขา แต่สัญญา...มันก็ต้องเป็นสัญญา
...ข้อ 11 ผมจะให้เขาได้ทำตามใจ…
ผมตามคิมขึ้นไปบนเตียง ก่อนจะนั่งคร่อมบนตักของเขาอย่างว่าง่าย บดก้นเข้ากับสิ่งที่นูนออกจากกางเกงวอร์มเนื้อหนาจนเจ้าตัวครางต่ำ
“คุณครับ ทำไม...” สนผู้ทำตัวไม่ถูกเอ่ยทักท้วงเมื่อพวกเราเริ่มจูบกัน ผมสกินเฮดของคิมทำให้ต่างจากเวลาที่ขยุ้มผมของพี่ชาย
“ถ้าไม่อยากดูก็ออกไป” คิมออกปากไล่คนที่นั่งดูเราอยู่ ก่อนจะยื่นข้อเสนอ
“แต่ถ้าอยากทำต่อก็ตั้งใจดู"
สนส่ายหน้าเป็นพัลวัน แต่ทันทีที่คิมถอดเสื้อของผมออก อีกคนก็ยืนนิ่งราวกับรูปปั้นปูน มือเขากำแน่น ไหล่เขาสั่นเทา และใบหน้าเขาบูดบึ้งราวกับกำลังโกรธโลกใบนี้อยู่
...ขอโทษนะสน…
ผมลุกจากตักคิมเดินมาข้างเตียง มองไปยังเครื่องพ่นไอน้ำที่คิมกำลังหยอดบางอย่างที่ไร้กลิ่นไร้สีลงไป
“ไม่เป็นไร สูดหายใจเข้าลึกๆ ” ผมวางมือลงบนอกหนา
“มันไม่ถูกต้อง” สนจ้องหน้าผมนิ่ง แววตาเขาสับสน
ซึ่งคำว่า ‘ถูกต้อง’ เป็นคำต้องห้ามของผมเชียวล่ะ
“ไม่อยากเหรอ จะทำที่ไหน ทำยังไง ก็เหมือนกันนี่” คิมถอดเสื้อผ้าออกพร้อมกับนอนลงบนเตียง พร้อมกับปรับมุมกล้องจากมือถือ
“จะต่อให้ก่อนก็ได้ แต่ถ้าไม่อยากก็ออกไป" เขายื่นคำขาด
ผมโคลงหัวไปมา ใช้มือลูบแผ่นอกหนาของเด็กที่เพิ่งจะเรียนจบ ก่อนจะปลดกระดุมกางเกงเนื้อหน้าให้เขา แล้วโน้มคอเขาลงมาจูบ
“คุณภาพ…” สนเรียกผมเสียงสั่น ความอยากและความผิดชอบชั่วดีคงตีรวนอยู่ในหัวเขา
แต่ตรงนั้น กลับแข็งขึ้นมาแล้ว
.
.
.
“อ๊ะ อ๊ะ” ผมหลับตาเชิดหน้าขึ้น เมื่อสิ่งที่กำลังมุดเข้าออกจากกายทั้งร้อนและลื่น
“เด็กๆ นี่แรงดีจังวะ” คิมชมพลางขำ เขายกขาคร่อมตรงหน้าผม จับจ่อตรงนั้นเข้าตรงปากผม
“ดีกว่าพี่มึงไหม”
ผมยิ้มก่อนจะฮุบสิ่งนั้นเข้าปากโดยไม่ตอบอะไร ในโลกที่บิดเบี้ยวของผม ผมเคยปรารถนาว่ามันจะหายไปเมื่อผมตายลง แต่ตอนนี้กำลังลากบางอย่างที่บริสุทธิ์ลงมาแปดเปื้อนเป็นวังวน ผมมันน่ารังเกียจจริงๆ
...ขอโทษนะสน…
“คุณของสน” เสียงเรียกพร้อมกับเสียงครางต่ำดังขึ้นเมื่อเขาใกล้สุขสม คิมถอนตัวออกจากปากผม พร้อมกับมองพวกเราอย่างสนุก
ผมโน้มคอสนลงมาจูบ กระซิบข้างแก้มเขาเบาๆ
“ดีจังเลยสน” บอกเพียงแค่นั้นร่างกายด้านล่างเขาก็ปลดปล่อย
“ข้างในเลย กูชอบแบบฉ่ำๆ ” คิมลุกขึ้นมองอย่างใจเย็น จนเมื่อเด็กคนนั้นฟุบหน้าลงที่อกผม เจ้าของห้องถึงได้ออกปาก
“ทีนี้ออกไปได้แล้ว”
“คุณภาพของสน” เขาเรียกแผ่ว
“กูบอกให้ออกไป! ” คิมดึงอีกคนออกจากตัวผม ก่อนจะชี้หน้าสั่ง เวลาเขาเมา...เขามักจะเป็นแบบนี้
“มีสองทางเลือกให้มึง คือออกไป กับนั่งดูนิ่งๆ มึงอาจจะได้ต่ออีกรอบ”
ผมลุกขึ้นก่อนจะผลักคิมลงเพื่อไม่ให้เสียเวลา
“ดีกว่าที่กูคิดอีก” เขาสูดปากเมื่อส่วนนั้นค่อยๆ เข้ามาในตัวผม
ผมปล่อยให้หัวว่างเปล่า ปล่อยให้ร่างกายเสียวซ่านกำกับจังหวะของมันเอง คิมตัวใหญ่กว่าสนแต่ก็ไม่ได้ ใหญ่ เท่าพี่ชาย
“ดีเท่าพี่มึงไหม? ” เขาถามยิ้มๆ ในตอนที่ผมกำลังบดสะโพกเข้ากับหน้าขาเขา เสียงเฉอะแฉะดังไปทั่วบริเวณ
“ของพี่ดีกว่า” ผมตอบตามจริง ก่อนจะโดนพลิกลงบนเตียงแล้วโดนโถมกายเข้ามาแทน
“เก่งนักเรื่องยั่วกูเนี่ย” คิมบ่น แต่สะโพกขยับไม่หยุดหย่อน
.
.
.
ผมลูบแก้มชื้นของผู้ชายตัวโตเบาๆ เหลือบมองไปข้างเตียง เด็กที่บอกว่ารักชอบกันนักหนาหายไปเสียแล้ว
“คิม”
“ว่าไง? ” เขาถามด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน แต่มือใหญ่กลับกอดผมไว้ไม่ไปไหน
“เปล่า” ผมซุกหน้าลงกับแผ่นอกหนา
“ข้อต่อไปล่ะ จะทำอะไร”
ผมคิดอยู่แค่ครู่เดียว
“ขอให้มีพรุ่งนี้” แปลกดีที่คนอยากตายอย่างผมกำลังพูดถึงวันพรุ่งนี้
“ภาพ รู้ไหมว่าข่าวที่มึงให้กูปล่อยไม่ใช่ข่าวใหม่”
“ไม่เข้าใจ” ผมบอกเขาตามตรง ผมบอกให้เขาปล่อยข่าวผมกับพี่ชายให้ แต่เขากลับบอกว่ามันไม่ใช่ข่าวใหม่
“พี่นักข่าวที่กูไปคุย เขาบอกกูว่าบ้านมึงเคยมีเรื่องแบบนั้นเมื่อสามสิบกว่าปีก่อน”
ผมไม่เข้าใจ…
คิมจูบผมมูมมาม ก่อนจะอ้อยอิ่งและลุกจากเตียงเพื่อไปหยิบมือถือ แต่ก่อนจะให้ดู เขากลับยื่นข้อเสนออีกครา
“ข้อ 18-19 ก็ต้องเป็นของกู”
ผมที่ไม่มีอะไรจะเสียดึงเขาลงมาบนเตียงแล้วจูบอีกครั้ง
“เอาสิ แต่ขอดูหน่อย”
คิมเหยียดยิ้ม ก่อนจะส่งมือถือให้ผมดู เป็นหน้าอีเมลของพี่นักข่าวที่เขาบอก ในอีเมลฉบับนั้นมีภาพที่ถ่ายจากหน้าหนังสือนิตยสารเก่า ซึ่งน่าจะเป็นหนังสือหัวเกี่ยวกับดาราและวงการไฮโซ ในเนื้อความบอกว่า ‘พ่อของผมกับน้องสาวของเขาได้เสียกัน เป็นที่ครหาของสังคม’
ผมมองหน้าคิม ก่อนจะถาม
“อรุณรัตน์คือใคร”
คิมถอนหายใจยาว เขาก้มกัดซอกคอผม แต่ที่สุดก็ยอมตอบ
“อรุณรัตน์คือชื่อเก่าของแม่มึง”
‘ลูกชายเจ้าสัวและลูกสาวคนเล็กลอบได้เสีย ขณะนั้นอรุณรัตน์มีอายุได้เพียง 15 และเธอท้อง’
ผมอาบน้ำในตอนเช้าของอีกวัน สมองและสติเริ่มขาดหายเพราะเมื่อคืนเอาแต่คิดบางเรื่องซ้ำไปซ้ำมาจนไม่ได้นอน รู้ตัวอีกทีเดินอยู่ข้างถนนแล้ว ผมผินมองบรรยากาศตอนเที่ยง ผู้คนกำลังทานข้าวกัน แม่ค้าขายของระเกะระกะ เสียงรถ เสียงจอแจ ...เสียงของชีวิต… ตอนนี้อยากเป็นเด็กคนนั้นที่กำลังจูงมือคุณแม่เพื่อข้ามถนน เสียงสดใสของเด็กชายดังอยู่ในหัวของผมวนไปมา
.
.
.
“ไปไหนมา”
“พี่ถามว่าไปไหนมา! ”
ผมกลับมาได้สติตอนที่เดินเข้ามาในบ้าน ผมมองพี่ชายที่ลากผมเข้ามาในห้องทำงานที่เก็บเสียงและล็อกแน่นหนา
“ทำไมต้องหนี! หนีพี่ไปทำไม อยากตายรึไง! ”
ผมมองหน้าเขา ก่อนจะนึกได้ว่าบางทีพี่ชายคนนี้...อาจจะไม่ใช่พี่ชายในไส้จริงๆ
“ผมอยากตาย ฆ่าผมที” ผมบอกเขาด้วยเสียงสั่นเทา ก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือใหญ่ที่ทั้งรักทั้งเกลียดไว้ จับมันมาวางบนคอผม
“บอกให้ฆ่าไงวะ! ”
“มึงนั่นแหละที่ทำให้ชีวิตกูเป็นแบบนี้ เพราะมึง! ”
ผมจ้องหน้าที่ดูตระหนกของเขา จ้องลงไปในดวงตาสีสวยของลูกครึ่งต่างชาติ น้ำตาที่ไม่ได้ไหลเลยตั้งแต่เด็ก ไหลลงมาเหมืออนทำนบแตก ตั้งแต่ที่ผมโดนเขาทำร้ายในวัยเด็ก พ่อก็บอกเสมอว่า
‘ถ้าโวยวาย คนที่จะตายไม่ใช่แค่แม่ใหญ่ของมึง’
เรื่องใหญ่แบบนี้ทำไมผมเพิ่งนึกออกนะ
“ตัวเล็ก”
“ตัวเล็ก”
หมาป่าตัวใหญ่กอดผมแน่น ในขณะที่ผมสะอื้นตัวโยน
“เป็นอะไร ตัวเล็กของพี่เป็นอะไร ใครทำอะไรตัวเล็ก” เขาดูกังวล ดูหมดหนทางกับน้ำตาของผม ในที่สุดผมก็เอื้อมมือไปกอดแผ่นหลังกว้างไว้แล้วถามเขาด้วยคำถามที่สงสัยมาสักพักแล้ว
“พี่ภาคย์ฆ่าแม่ใหญ่ทำไม? ”
TBC.
______________________________________
คิมผู้ไม่รู้จักพอ สนที่รักแบบหลง หมาป่าที่อาจจะฆ่าแม่ตัวเอง พ่อและแม่ที่เป็นพี่น้องกัน มาลุ้นไปด้วยกันนะคะ

#20เหตุผลก่อนตาย