[เรื่องสั้น : END] หนังสือเก่า (Omegaverse) : ตอนที่ 2 l 19-07-62 l
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น : END] หนังสือเก่า (Omegaverse) : ตอนที่ 2 l 19-07-62 l  (อ่าน 10233 ครั้ง)

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม




หนังสือเก่า (Omegaverse)
Loammy
♥ - ♥ - ♥ - ♥

ผลงานเรื่องอื่น
เรื่องสั้น ...เป็นบ้า... (Omegaverse) -- จบแล้ว
เรื่องสั้น : เสร็จโจร -- จบแล้ว
เรื่องสั้น : "ก็แค่เจลหล่อลื่นธรรมดา ๆ" -- จบแล้ว
เรื่องยาว : How to bake me สูตรอบรัก(YAOI) --จบแล้ว
เรื่องยาว : Love you,bae รักนะ จุ๊บๆ (YAOI) --จบแล้ว
เรื่องยาว : Twins Love รักของฝาแฝด(YAOI)
♥ - ♥ - ♥ - ♥

ติดแท็ก  #โอเมก้าน่ารัก นะคะ

ช่องทางการติดตาม
Twitter : @LoammyLoammie
Fackbook : LoammyLoammie

▼▼▼▼▼▼▼
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-07-2019 20:06:48 โดย Loammy »

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
หนังสือเก่า


ผมเบื่อดวงอาทิตย์ บางครั้งมันร้อนเกินไป มันสว่างเกินไป เบื่อที่มันทำอะไรเหมือนเดิมทุกวัน เบื่อมากๆ



ผมกับเคยครองคู่กับใครคนหนึ่งมานานหลายปี แต่เมื่อถึงจุดๆ หนึ่งมันก็อิ่มตัว ทุกสิ่งอย่างมันก็ดูน่าเบื่อ ไม่มีอะไรตื่นเต้น ผมเจอเขาตอนที่อายุยังน้อย หลงไหลและมัวเมากับเสน่ห์ของเขาจนคิดว่าพลาดอะไรสนุกๆ ในช่วงชีวิตวัยรุ่นไป ผมเบื่อเขาและเขาเองก็คงจะเบื่อผม ผมเริ่มทำสิ่งที่ไม่ดี พูดไม่ดี ไล่เขา ไม่ให้กลับมาอีก เขาเลยจากผมไป ช่วงแรกผมสนุกกับชีวิตที่เกือบโสด

ผมมีอะไรกับคนใหม่ไม่ได้เพราะพันธะที่ผมฝากไว้ที่เขา แต่ผมก็โอเคกับการมองคนอื่นไปเรื่อยโดยที่ไม่มีอะไรลึกซึ้งกัน เพราะเขาคนเก่าทำให้ผมเบื่อความสัมพันธ์ในเชิงนั้น

...

อาทิตย์แรกที่ผมแฮปปี้มาก สนุก ทุกอย่างแปลกใหม่ น่าดึงดูด มันเหมือนว่าหัวใจผมกลับมาเต้นอีกครั้ง

...

เดือนแรกที่เขาจากไป ผมยังคงมีความสุข เหงาบ้างเป็นบางครั้ง แต่ก็ออกไปเที่ยวหาเพื่อนได้ทุกเวลา ไม่มีใครมาคอยบ่น



เดือนที่สองที่ไม่มีเขาผมเริ่มเหนื่อย เหนื่อยงาน เหนื่อยใจ ไม่อยากเที่ยว และเริ่มรู้จักคำว่าเหงาอย่างถ่องแท้

ผมไม่เคยรู้สึกเหงาแบบนี้เลย เพราะเจอเขาตั้งแต่ 18 พอเรียนจบก็ทำงาน ตั้งตัวและอยู่กินกันมา เกือบสิบปี เราไม่ได้มีลูกด้วยกัน หลังผูกพันธะเราร่วมรักกันโดยไม่ได้ป้องกันเลยแต่เขาก็ไม่ท้อง เราไม่ได้รีบเร่งมีลูกกันอยู่แล้วจึงไม่ได้ไปหาหมอตรวจหาความปกติอะไรทั้งนั้น เพราะฉะนั้นการแยกย้ายกันในครั้งนี้จึงง่ายดาย เพราะไม่มีอะไรมาเป็นโซ่ที่รั้งใจพวกเราไว้ ตอนที่เขาจากไป ผมคิดว่าดีแล้วที่ไม่มีลูกไม่งั้นคงจะลำบากใจน่าดู

แต่มาวันนี้ผมกลับเสียดาย...เราน่าจะมีลูกด้วยกัน จะได้แยกกันยากๆ หน่อย



เขาชื่อรวี…

รวี ที่แปลว่า ดวงอาทิตย์

ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ที่ส่องแสงสวยงาม อบอุ่น เป็นกำลังใจให้กันในทุกเช้าๆ ผมชอบแสงอาทิตย์

และวันนี้อยากได้ดวงอาทิคย์ของผมคืนมา ผมเริ่มรับรู้ว่าชีวิตของผมมืดมนเกินไปเมื่อไม่มีเขา

ผมคิดถึงรวี ดวงอาทิตย์ของผม...



“วี...สบายดีมั้ย”

ผมทักเมื่อได้พบใครคนหนึ่งที่ไม่ได้เจอกันเลยมาตลอดสี่เดือน ผมดีใจมากแต่กลับไม่มีถ้อยคำตอบรับจากคนตรงหน้า เขาเหลือบตามองผมและก้มหน้าลงจัดหนังสือต่อ

รวีชอบหนังสือ ตอนเราอยู่ด้วยกัน ห้องของเราจะรกไปด้วยหนังสือของเขา ผมมักบอกว่าเล่มไหนที่ไม่ได้อ่านให้ขายทิ้งไปบ้าง เขาบอกว่าเขาอ่านทุกเล่ม....ซึ่งผมไม่เชื่อ หนังสือเป็นร้อยจะอ่านหมดได้ยังไง

ผมไม่ชอบหนังสือ เพราะมันทำให้รก ฝุ่นชอบเข้ามาเกาะ แถมเก็บไว้นานๆ กลิ่นก็อับ...แต่พอไม่มีหนังสือเหล่านั้นในห้อง ผมกลับรู้สึกว่า...มันโล่งเกินไป ห้องที่เคยมีกลิ่นหนังสือในห้องเริ่มจางหายไป

ผมคิดถึงจึงมาที่ร้านหนังสือใกล้ที่พัก สถานที่ที่ผมไม่เคยคิดจะเข้ามาเลยหากไม่จำเป็น และผมก็เจอเขา...รวี ดวงอาทิตย์ของผม



เพราะรวีทำงานที่นี่ ผมมาจึงทุกวันหลังเลิกงาน ผมเห็นหน้าเขาไม่เยอะและไม่ได้คุยกันเลย รวีไม่ยอมคุย...เมื่อผมเดินไปหาเขามักจะเข้าไปด้านหลังร้าน เขาดูไม่สบายที่เจอผม ผมจึงไม่ได้ตื้อเข้าไปคุยให้เขาลำบากใจ ผมยืนมองเขาทำงานอย่างเงียบๆ ผมยืนดูเขาจัดหนังสือ คิดเงิน หรือคุยกับลูกค้าคนอื่นๆ และยิ้มอย่างสุขใจเมื่อเห็นว่าเขาดูมีความสุข ผมคิดถึงเขาอย่างที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน…

ผู้หญิงดูมีภูมิฐานคนหนึ่งเข้าไปคุยอะไรบางอย่างรวี เขามีสีหน้าลำบากใจและเดินเข้ามาหาผม

“หากคุณลูกค้าไม่ได้ซื้ออะไร โปรดออกจากร้านได้มั้ยครับ มันรบกวนและขวางทางลูกค้าคนอื่น” เขาบอกผมแบบนั้น คำพูดสุภาพ น้ำเสียงห่างเหิน และเขาไม่สบสายตาผมเลยซักนิด ผมยิ้ม ผมได้กลิ่นหอมๆ เมื่อเรายืนอยู่ใกล้กัน ผมคิดถึงกลิ่นของเขา กลิ่นที่ผมเคยดมอยู่ทุกวัน

ผมมองเขาอยู่อย่างนั้นจนเขาพูดย้ำอักครั้ง ผมจึงหยิบหนังสือแถวนั้นมาเล่มนึงและซื้อมันกลับไป

วันต่อมาผมก็หยิบมาอีกเล่ม ยืนมองเขาทำงานและซื้อเล่มนั้นกลับบ้าน

ผมทำแบบนั้นเกือบเดือน ได้หนังสือที่ผมไม่เคยเปิดอ่านเลยมายี่สิบแปดเล่ม บางเล่มยังคงอยู่ในถุงกระดาษ ผมไม่เคยมองหน้าปกมันเลยซักครั้ง

“ผมเห็นคุณซื้อทุกวัน ได้เปิดอ่านซักตัวอักษรนึงบ้างรึยัง”

“....” ผมมองเขาที่ก้มหน้าจัดหนังสือเข้าชั้น ผมมองรอบตัวเองเล็กน้อยว่าพูดกับใคร แต่แถวนี้มีแค่เราสองคน รวีพูดกับผมและยังคงไม่ยอมสบตากัน 

“....”

“ผม...อ่านแล้วไม่เข้าใจ ก็เลยมาซื้อเล่มใหม่” แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ รวีถอนหายใจและลุกขึ้นมองหน้าผม ครั้งแรกเลยที่เขามองมา

“ปกติคุณชอบหนังสือแนวไหน”

ผมดีใจที่เขาถามก่อนแต่ก็คิดหนัก ผมไม่ค่อยอ่านหนังสือเท่าไร อ่านบ่อยสุดก็พวกหนังสือพิมพ์ ไม่ได้อ่านเพราะชอบ แต่ต้องอ่านเพราะจำเป็น

อืม...แต่ก็มีอยู่บ้างบางครั้งที่อ่านหนังสือของเขา เมื่อก่อนที่ผมยังไม่รู้สึกเบื่อ รวีมักจะนอนอ่านหนังสือบนตักผม ผมก็ได้อ่านไปด้วย ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะมองหน้าเขามากกว่า

“...แนวที่คุณชอบอ่าน”

รวีนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่อผมตอบ เขามองหน้าผมแล้วเม้มปากเล็กๆ จากนั้นก็หันหลังบอกให้ผมเดินตามไป เขาพาผมไปที่โซนด้านในสุด เลือกหาไม่นานก็หยิบเล่มหนึ่งออกมาให้ผม

“เล่มนี้เก่ามากแล้ว แต่อ่านง่ายและสนุกมากครับคุณลูกค้า ลองอ่านคำโปรยดู เผื่อคุณชอบ”

เขายังคงพูดและเรียกผมอย่างห่างเหิน ผมเข้าใจดีจึงได้แต่ยิ้มและหยิบเล่มนั้นมา ปลายนิ้วเราสัมผัสกัน เขารีบชักมือกลับและเดินจากไปทันที ผมได้กลิ่นหอมที่เข้มขึ้นแต่ยังไม่ทันดมให้เต็มจมูกกลิ่นก็หายไปแล้ว

ผมพลิกด้านหลังอ่านคำโปรยและเปิดอ่านหน้าแรกเล็กน้อย สำนวนในหนังสือนั้นคุ้นเคยเหมือนผมเคยอ่าน ไม่สิ...เคยฟังตังหาก ผมพลิกดูหน้าแรกอีกครั้ง ความทรงจำสีขาวเริ่มชัดขึ้นมาทีละนิด เดทแรกของเรารึเปล่านะ...ผมพาเขาไปกินข้าวและนั่งเล่นที่สวน วีหยิบหนังสือติดมือไปด้วย เรานอนอยู่ข้างๆ กันท่ามกลางสนามหญ้าสีเขียว แสงแดดยามบ่ายส่องทะลุต้นไม้ใหญ่ลงมาเป็นหย่อมๆ และเสียงเจื้อยแจ้วของเขาที่อ่านหนังสือเล่มนี้ให้ผมฟัง



‘คุณน่าจะอ่านเองมากกว่านะ จะได้ซึ้งมากกว่านี้’

‘ไม่เป็นไร ที่ผมให้คุณอ่านเพราะผมชอบเสียงคุณ’




ผมคิดถึงเสียงของเขาตอนที่อ่านหนังสือให้ผมฟัง...

“ผมจะซื้อเล่มนี้ครับ”

“...”

“ขอบคุณครับ พรุ่งนี้ผมจะมาใหม่นะ

“อ่านให้จบก่อนนะ แล้วค่อยมาซื้อเล่มใหม่”

เขาบอกเสียงเบาพลางใส่หนังสือลงถุงกระดาษให้ ผมยิ้มเดินกลับกลับที่พัก ในหัวก็นึกโอกาสที่จะทำให้ได้คุยกับเขาทุกวัน คืนนั้นผมกลับมาถึงห้อง วางหนังสือเล่มบนกองหนังสืออื่นๆ อาบน้ำและเข้านอน



วันต่อมาหลังเลิกงานผมก็รีบตรงไปที่ยังร้านหนังสือนั้น ขอให้เขาแนะนำหนังสือให้ทั้งๆ ที่ผมไม่ได้สนใจเท่าไร แต่ถามเพราะอยากจะพูดคุยกับเขาเท่านั้น

“ช่วยแนะนำหนังสือดีๆ ให้ผมซักเล่มได้มั้ยครับ”

รวีมองหน้าและขมวดคิ้ว เขาทำสีหน้าคล้ายไม่พอใจผมเล็กน้อย

“เล่มเมื่อวานคุณอ่านจบแล้วเหรอครับคุณลูกค้า”

“...” ยังเลย ยังอยู่ในถุงด้วยซ้ำ

“ผมบอกว่าให้คุณอ่านให้จบก่อนแล้วค่อยมาซื้อเล่มใหม่...เอ่อ ขอโทษที่ก้าวก่ายครับคุณลูกค้า ลองหนังสือเล่มนี้นะครับ เพิ่งวางขายวันนี้แต่ก็ได้เป็น Best-seller ของร้านแล้ว”

เขาชี้ไปที่กองหนังสือที่จัดเรียงอย่างสวยงาม หนังสือออกใหม่และเป็น Best-seller  เขาแนะนำแต่ผมกลับไม่อยากหยิบมา สุดท้ายผมจึงออกจากร้านมามือเปล่าและกลับไปอ่านหนังสือเก่าเนื้อเรื่องคุ้นหูที่เขาแนะผมมาเมื่อวาน

แรกๆ ผมอ่านเพราะความจำใจ แต่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นผมก็อ่านเพราะมันสนุกจนวางไม่ลง ผมเร่งจบการประชุม สั่งเลขาไม่ให้รบกวนหากไม่มีเรื่องด่วนเพื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ หนังสือสามร้อยหน้าจบลงหลังจากนั้นสามวัน ผมมองหนังสือเล่มหนาด้วยความภูมิใจ เรื่องราวสวยงามยังคงตราตรึงอยู่ในอก ผมยกให้นี่เป็นหนังสือเล่มโปรดเล่มแรกของผม

 เย็นวันนั้นหลังจากอ่านหนังสือจบ ผมไปร้านหนังสืออีกครั้ง ขอให้เขาแนะนำเล่มใหม่ให้

รวีมองหน้าผม เขาไม่พูดอะไรแต่เดินนำไปยังโซนเดิม เขายืนเลือกอยู่ครู่หนึ่งและหยิบหนังสือมาสองเล่ม อธิบายเรื่องราวคร่าวๆ และให้ผมเลือกเองอีกที

ผมมองหนังสือเล่มขวามือของเขา ผมรู้จักหน้าปกนี้ คลับคล้ายคลับคลาว่ารวีเคยฝากให้ผมซื้อเล่มนี้ให้เขาเมื่อนานมาแล้ว



‘เกรทได้หนังสือมาให้รึเปล่า ที่ผมฝากซื้อน่ะ’

‘ได้มาสิ รู้มั้ยผมต้องต่อคิวนานแค่ไหน คนซื้อเยอะมาก’

‘นักเขียนคนนี้เขียนสนุกมาก ผมชอบ ขอบคุณนะ




บนสนทนาและใบหน้าดีใจ และจูบนุ่มๆ ที่เขามอบให้เป็นการขอบแวบเข้ามาในหัว เขายิ้มสวย และเขาเคยยิ้มให้ผมเสมอ แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้...วรียืนหน้านิ่งมองผม คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยราวกับว่ากำลังรำคาญที่ผมไม่ยอมเลือกเสียที

“ผมเลือกเล่มนี้” ผมหยิบเล่มทางขวามือ รวีจึงนำเล่มที่เหลือไปเก็บแล้วเดินนำไปเพื่อชำระเงิน แพ็คใส่ถุงกระดาษแล้วยื่นให้ผม

เล่มนี้บางกว่าเล่มที่แล้วนิดหน่อย แต่เนื้อเรื่องซับซ้อนกว่าบวกกับหน้าที่การงานที่ค่อนข้างยุ่งทำให้ผมใช้เวลาอ่านนานกว่าเล่มก่อนหน้านี้

เวลาเกือบเที่ยงคืน ผมปิดหนังสือลงเมื่ออ่านจบ เล่มนี้มีเนื้อหาค่อนข้างหนักหน่วง แต่ตอนจบกลับมีความสุขสมหวังจนชวนให้ผมโล่งใจและยินดีไปกับตัวเอกของเรื่อง



วันต่อมาเป็นวันหยุดที่ผมว่างทั้งวัน ไม่ต้องออกไปทำกิจกรรมกระชับมิตรทางธุรกิจกับคนอื่นๆ เหมือนที่ผมต้องทำประจำทุกอาทิตย์...เป็นหยุดแรกในรอบหลายเดือน

ผมตื่นมาทำอาหารเช้าง่ายๆ เป็นหนึ่งเมนูที่ผมสามารถทำเองได้ รวีเคยสอนผมเมื่อตอนที่เรายังอยู่ด้วยกัน เขาสอนผมตอกไข่ ทอดยังไงให้ไข่แดงสุกกำลังดีในแบบที่ผมชอบ หรือควรปิ้งขนมปังยังไงไม่ให้ไหม้เกรียมเป็นสีดำ 



‘ยากอ่ะ’

‘ไม่ยากหรอก ลองทำดูสิ’

‘วีทำอร่อยกว่า วีก็ทำสิ ทำไมต้องให้ผมทำเองด้วย’

‘ก็ฝึกทำเอาไว้ เผื่อวันไหนวีไม่อยู่ เกรทจะได้ไม่อดตายไง’

‘คุณจะไปไหน ผมไม่ยอมให้ไปหรอก วีเป็นของผมแล้วจะทิ้งกันไปไม่ได้นะ’

‘ไม่ได้จะไหน วีแค่อยากทานอาหารฝีมือเกรท นะ...ทำด้วยกันนะ’




ท่าทางและแววตาออดอ้อนของรวีวนเวียนอยู่ในหัวผม ความสุขแบบนั้นผมอยากสัมผัสมันอีก ผมรีบทานอาหารเช้า แต่งตัวและเดินเรื่อยๆ ไปที่ร้านหนังสือ   

รวีเช็ดกระจกอยู่ ผมหยุดยืนหน้าร้านมองเขาที่กระโดดเหยงๆ ไปมาเพื่อเช็ดกระจกด้านบน ผมหัวเราะเพราะเขาน่าเอ็นดู รวีคงรู้ตัวว่าโดนหัวเราะ เขาหยุดกระโดดและมองมา ผมจึงโบกมือทักทาย รวียืนนิ่งๆ ไม่ได้ตอบกลับอะไร

“ผมอ่านเล่มเก่าจบแล้ว รบกวนแนะนำเล่มใหม่ให้ทีนะครับ”

“สนใจเป็นแนวไหนครับคุณลูกค้า”

“แนวที่ชอบคุณ...เอ้ย แนวที่คุณชอบครับ”

ผมจ้องไปในดวงตาเขา จงใจส่งยิ้มกรุ้มกริ่ม รวีหลุบตาลงแก้มเขายังคงเป็นสีเดิมไม่มีอาการเขินอายใดใดทั้งสิ้น แต่ผมรู้สึกว่ากลิ่นจากตัวเขามันหอมกว่าเดิมเล็กน้อย ผมไม่แน่ใจว่าคิดไปเองรึเปล่า…

เขาเดินนำผมไปที่โซนเดิม ผมเพิ่งสังเกตุว่าเป็นโซนหนังสือเก่ามือสอง คนไม่ค่อยเดินเข้ามาแถวโซนนี้มากนัก ช่วงเช้าที่ร้านหนังสือเพิ่งเปิดแบบนี้ทำให้คนยังไม่เยอะ ไม่มีเสียงใครพูดคุยกัน จะมีก็แค่เพียงเสียงเพลงสบายๆ ที่เปิดคลอเบาๆ   

ผมมองคนตรงหน้าที่ยืดตัวไร้ปลายนิ้วเล็กไปมาตามชั้นหนังสือด้านบน ผมมองใบหน้าของเขา มองเรียวแขน ไล่ลงมาที่หัวไหล่และเอวคอด ผมอยากดึงเอวนั้นมากอดแล้วซบหน้าลงกับหัวไหล่เล็ก ดอมดมกลิ่นของเขาให้เต็มปอด ผมคิดถึงเขา…

“เล่มนี้มั้ยครับคุณลูกค้า อ่านยากกว่าเล่มก่อนเล็กน้อย แต่สนุกไม่แพ้กันเลย”

ผมมองหนังสือเล่มหนาในมือเขา ลวดลายบนปกนนั้นดูโดดเด่นสะดุด และเพราะความสะดุดตาของมันทำให้ผมจำได้ว่าหนังสือเล่มนี้เคยอยู่บนชั้นหนังสือที่ห้องเมื่อครั้งที่ผมและเขายังอยู่ด้วยกัน

แต่เล่มนี้หนามาก คนสมาธิสั้นอย่างผมคงต้องใช้เวลาอ่านเป็นอาทิตย์กว่าจะอ่านจบ แต่วันนี้ผมตั้งใจว่าอยากจะได้เล่มบางกว่านี้

“ขอโทษนะครับ มีเล่มที่สามารถอ่านให้จบได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงบ้างมั้ยครับ เล่มที่บางกว่านี้หน่อย”

รวีมีสีหน้าไม่เข้าใจแต่ก็วางหนังสือเล่มนั้นลงที่เดิม ใช้เวลาไม่นานเขาก็หยิบหนังสือเล่มเล็กขนาดพกพามาให้ผมเลือก

“เป็นหนังสือเรื่องสั้นครับ เล่มเล็ก”

ใช่ เพราะมันเล่มเล็ก รวีจึงพกไปไหนมาไหนด้วย ผมมักเห็นเขาหยิบขึ้นมาอ่านเวลาที่เราไปเที่ยวต่างเมือง ผมรับหนังสือนั้นมา เมื่อมองหน้าปกดีๆ และอ่านเรื่องย่อก็จำได้ว่าผมเคยอ่านแล้ว ถ้าจะให้ถูกต้องบอกว่ารวีอ่านให้ฟังตอนที่เราแช่น้ำอยู่ด้วยกัน...



‘เล่มนี้จบดีจัง ผมชอบ เกรทชอบมั้ย?’

‘หยุดอ่านก่อนคุณ ไม่กลัวหนังสือเปียกรึยังไง’

‘เพราะกลัวเลยต้องนั่งนิ่งๆ ไง แหน่ะๆ คุณนั่นแหละจะทำให้หนังสือผมเปียก’

‘ฮ่าฮ่าฮ่า เราหยุดอ่านหนังสือก่อนดีกว่านะ’

‘คุณจะทำอะไร เอามือออกไปจากก้นผมเดี๋ยวนี้เลย’

‘หื้ม แต่มือคุณก็วางอยู่บนน้องชายของผมนะ’




ผมยิ้มและหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อนึกถึงความสุขครั้งนั้น รวีมองหน้าผมเขาเม้มปากเล็กน้อย และผมสังเกตุเห็นว่าพวงแก้มเขาขึ้นสีระเรื่อจางๆ กลิ่นหอมเข้มข้นขึ้น ผมชะงักและสบตากับอีกฝ่ายแต่รวีก็รีบหันหลังและเดินหนีไป

เขากำลังเขิน… เขาเขินหรืออายอะไร ผมยังไม่ได้ทำอะไร ผมเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ เดินตามไปชำระเงินโดยขอไม่ให้เขาใส่ถุงกระดาษให้ เพราะผมตั้งใจจะอ่านเลย

“วี...ที่ร้านนี้มีที่ให้นั่งอ่านมั้ย หรือผมสามารถนั่งอ่านหนังสือเล่มนี้ได้ที่ไหนบ้าง” ผมจงใจเรียกชื่อเขา รวีไม่เงยหน้ามองเลยแม้แต่น้อย แต่กลับผายมือไปด้านหน้าร้านหนังสือ ซึ่งมีร้านกาแฟตั้งอยู่อีกฝากของถนน

“ที่ร้านไม่ได้จัดที่นั่งไว้ให้ แต่มีร้านกาแฟอยู่หน้าร้านครับคุณลูกค้า”

ผมยิ้มรับแล้วเดินข้ามถนนไปร้านนั้น สั่งกาแฟรสโปรด มองหาที่เหมาะๆ ในการอ่านหนังสือและนั่งมองเขา ระหว่างที่ผมดื่มด่ำไปกับกาแฟกลิ่นหอมและเนื้อเรื่องเบาสมองก็เงยหน้ามองรวีบ้างเป็นระยะๆ ผมใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มเล็กนี้ประมาณสี่ชั่วโมง หนังสือเล่มไม่ใหญ่และเนื้อเรื่องก็อ่านง่าย คนทั่วไปอาจจะใช้เวลาอ่านน้อยกว่านี้ แต่สายตาของผมดันจับจ้องอยู่ที่รวีเสียเป็นส่วนใหญ่จึงทำให้อ่านได้ช้า 

ผมกำลังเดินข้ามถนนกลับไปที่ร้านหนังสือ แต่ก็เห็นว่ารวีเดินออกมาพร้อมหนังสือเล่มหนึ่ง เขาไม่ได้ใส่ผ้ากันเปื้อนสีครีมแล้ว เดาว่าคงอยู่ในช่วงพักเที่ยงของเขา ผมเดินตามเขาไปเงียบๆ และกินข้าวร้านเดียวกับเขา แอบมองเขายิ้มและกำลังมีความสุขกับการอ่านหนังสือไปพลาง กินอาหารกลางวันไปพลาง

นั่นทำให้ผมรู้สึกสุขใจและปวดใจไปพร้อมๆ กัน

สุขใจที่เห็นว่าเขามีความสุขดี แต่ก็ปวดใจที่เห็นว่าเขามีความสุขได้โดยไม่จำเป็นต้องมีผมแล้ว

หลังมื้อเที่ยงเขากลับมาทำงานต่อ ผมก็เดินเข้าร้านหนังสือไปอีกครั้ง รวีมองมาด้วยแววตาสงสัย ผมขอให้เขาแนะนำหนังสือเล่มบางสำหรับการอ่านในช่วงบ่ายให้ผมอีกเล่ม

นี่แหละสาเหตุที่ผมอยากได้หนังสือบางๆ ที่จะอ่านจบได้ภายในไม่กี่ชั่วโมง เพราะวันนี้ผมจะได้ขอให้เขาแนะนำหนังสือให้ผมได้อีก หยุดทั้งทีก็ขอให้ได้คุยกับเขาหลายๆ ครั้งหน่อยเถอะ

ผมเห็นว่าเขาแอบยิ้ม แต่ไม่กี่วินาทีรอยยิ้มน่ารักนั้นหายไปราวกับว่าผมตาฝาดไปเอง รวีเดินนำผมไปที่โซนเดิมแล้วหยิบออกมาให้ผมเลือก จากนั้นผมก็ทำแบบเดิมเหมือนช่วงเช้า ดื่มกาแฟ อ่านหนังสือและมองดูเขา...วันนี้เป็นวันหยุดที่ดีมากสำหรับผม

ผมอ่านเล่มนี้จบในช่วงเย็น ผมเดินเข้าไปในร้านอีกครั้งแต่รวีติดคุยอยู่กับลูกค้าคนอื่น มีพนักงานในร้านเดินเข้ามาแต่ผมก็บอกว่าขอเดินดูเองเพราะอยากจะรอรวีคนเดียว

ผมเดินวนไปมาอยู่นานจนรวีว่าง ผมถึงเดินเข้าไปช่วยให้เขาแนะนำหนังสือสนุกๆ ให้อีกครั้ง เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออกและยังคงพาผมเดินไปที่โซนเดิม หยิบหนังสือหนาเล่มเมื่อเช้ามาให้ ผมเองก็อยากอ่านเล่มนั้นอยู่เหมือนกันจึงรับมา

“อ้าววี เลยเวลาเลิกงานแล้วนี่”

“อื้ม เดี๋ยวจะกลับแล้วล่ะ”

เขาบอกร่วมงานและเดินนำไปที่เคาน์เตอร์คิดเงิน หลังจากนั้นรวีก็หายไปที่ด้านหลังของร้านส่วนผมนั้นยังคงยืนอยู่หน้าร้าน...ก็รวีกำลังเลิกงาน เป็นโอกาสที่ดีที่เดียวที่ผมจะเดินไปส่งเขา

“ไม่เป็นไรครับ ผมเดินกลับเองดีกว่า”

“...” เขาปฏิเสธคำขอของผมอย่างชัดเจน ด้วยคำพูดคำจาที่ยังคงดูห่างเหินไม่เปลี่ยนแปลง ผมส่งยิ้มให้ ไม่ได้เซ้าซี้เพราะมีแผนการอื่น แต่รวีที่หลังเดินไปแล้วก็หันกลับมาอีกครั้งมองผมด้วยรอยยิ้มที่ดูเหนือกว่า

“และอย่าทำตัวเป็นสต๊อกเกอร์ตามผมมานะครับ ไม่อย่างงั้นผมจะแจ้งตำรวจ”

เขารู้ทัน แต่ผมก็จะทำ ผมเดินตามไปห่างๆ ทิ้งระยะไว้เยอะๆ แต่ก็จับจ้องแผ่นหลังของเขาไม่วางตา ไม่นานเขาก็เดินเข้าไปในตึกๆ หนึ่งด้านล่างเป็นร้านขายขนมปังซึ่งมีป้ายแปะไว้ว่าคนนอกห้ามเข้า

ผมมองดูตึกนั้นและสังเกตุเห็นว่ามีห้องๆ หนึ่งเพิ่งเปิดไฟ ผมเห็นว่าม่านเพิ่งถูกเปิดออกและรวีก็เดินออกมายืนตรงระเบียง เขากวาดตามองไปทั่วจนผมหลบแทบไม่ทัน...ผมยืนมองอย่างนั้นจนเขาเดินกลับไปเข้า ห้องพักของเขาไม่ไกลจากร้านหนังสือมากนัก แต่เป็นคนละทางกับที่พักของผมเลย

ผมยืนมองห้องนั้นอยู่ครู่หนึ่งก็เดินกลับที่พักตัวเอง ทำธุระส่วนตัว อาบน้ำและมานอนอ่านหนังสือ เป็นเรื่องที่สนุกและเศร้าไปพร้อมๆ กัน เนื้อเรื่องหน่วงใจชวนให้ผมแอบน้ำตาซึมได้หลายครั้ง

ผมเงยหน้าเพดานที่ว่างเปล่า หัวใจกำลังถูกบีบตามเนื้อเรื่องที่เพิ่งอ่าน ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะอินกับเนื้อเรื่องได้ขนาดนี้ เมื่อก่อนผมไม่ค่อยเข้าใจเวลาที่รวีอ่านหนังสือแล้วร้องไห้



‘วีร้องไห้ทำไม ใครทำอะไรคุณ’

‘ฮึก เขาทำผมร้องไห้’

‘ใคร! เขาไหน?’

‘ตัวเอกในนิยาย...’

‘โธ่...วี’

‘คุณไม่ได้อ่าน คุณไม่เข้าใจหรอก’




...แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว



ผมใช้เวลาอ่านหนังสือเล่มนั้นเป็นอาทิตย์ พอได้อ่านอักษรสุดท้ายของเล่ม ความสงสารที่มีต่อตัวเอกในเรื่องทำให้น้ำตาผมก็ไหลออกมาไม่หยุด พอพลิกอ่านดีๆ ถึงได้รู้ว่ามีเล่มต่อไปให้ติดตามได้ ใจผมมีความหวังขึ้นมา...หวังว่าตัวเอกในเรื่องจะได้พบเจอเรื่องดีๆ ในเล่มต่อไป

เย็นวันนั้นผมหอบหนังสือเล่มหนาไปที่ร้านหนังสือ ตั้งใจจะขอให้ช่วยหาเล่มต่อให้หน่อย แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพนักงานคนอื่นบอกว่ารวีลาหยุดหนึ่งอาทิตย์

“เขาลามากี่วันแล้วเหรอครับ”

“ประมาณห้าวันค่ะ คุณลูกค้าอยากได้แนวไหนเป็นพิเศษเหรอคะ ทางเราสามารถแนะนำให้ได้เหมือนกัน”

เธอตอบ แนะนำและยิ้มอย่างสุภาพ ผมส่ายหน้า บอกขอบคุณและเดินออกมาจากร้านนั้น

รวีหยุดงานไปห้าวันแล้วงั้นเหรอ ทำไมถึงหยุดนานขนาดนี้ หรือเขาอาจจะไม่สบาย

ทันทีที่คิดได้แบบนั้นผมก็ก้าวขาเดินไปทางตรงกันข้ามกับที่พักของผม ผมเดินมาเรื่อยจนที่ห้องพักของเขา ระเบียง หน้าต่างและผ้าม่านถูกปิดสนิท ผมคงคิดว่ารวีคงไม่อยู่ห้องหากไม่เห็นว่ามันเปิดไฟอยู่ ผมยืนมองระเบียงห้องเขาอย่างเป็นห่วง ใจคิดไปต่างๆ นาๆ ว่าเขาไม่สบายตรงไหน จนนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้ของเดือนคือรอบฮีทของเขา…

ผมร้อนใจเมื่อคิดว่ารวีกำลังทรมาน ตอนนี้เขาจะทำยังไง ช่วงฮีทตอนที่เรายังอยู่ด้วยกัน รวีแทบไม่ได้กินยาระงับเลยเพราะเขามีผม แต่ตอนนี้เขาไม่มี...หรือเขาจะหาอัลฟ่าคนอื่นมาช่วย ไม่ได้สิ...เขาทำแบบนั้นไม่ได้ หากเขาทำกับคนอื่น พันธะที่เรามีต่อกันจะทำให้เขาทรมานยิ่งขึ้น

ผมเดินวนไปมาอยู่หน้าตึกจนดึกดื่น ใจผมเป็นห่วงเขา ผมไม่รู้ว่าผมคิดไปเองรึเปล่าเพราะผมได้กลิ่นหอมของเขาแทบตลอดเวลาที่อยู่ตรงนั้น แต่มันจะเป็นไปได้ไงในเมื่อเขาปิดห้องอย่างมิดชิดขนาดนั้น

ใจผมร้อนรน และร้อนกว่าเดิมในช่วงดึก ผมยังคงยืนอยู่ที่เดิม สังเกตุเห็นว่าเขาแง้มหน้าต่างออกเล็กน้อยในช่วงที่คนบนท้องถนนน้อยลง

“รวี…”

ผมเรียกชื่อเขาเสียงแหบ เมื่อเห็นข้อมือเล็กผ่านกระจกหน้าต่าง กลิ่นหอมจางๆ ชวนให้ใจหวิวพัดมาตามสายลม ผมกลืนน้ำลายช้าๆ ลงคอที่แห้งผากและรีบหันหลังกลับที่พักตัวเองก่อนที่ผมจะควบคุมตัวเองไม่ได้



สามวันหลังจากนั้นรวีก็กลับมาทำงานตามปกติ ผมยืนมองอยู่หน้าร้านครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไป เราสบตากันเล็กน้อยและผมส่งยิ้มกับเขา รวีรีบก้มหน้าลงหันกลับไปคุยกับลูกค้าคนเดิม ผมจึงยืนรอเงียบๆ ทำทีเป็นหยิบหนังสือขึ้นมาดู แต่เผลอครู่เดียวเขาก็ไม่ได้ยืนอยู่ตรงที่เดิมแล้ว ผมมองไปรอบๆ เพื่อหาเขา แล้วผมก็ได้กลิ่นหอมที่คุ้นเคย มันฟุ้งกระจายไปทั่วร้านหนังสือนี้

จิตใจผมเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัว รีบก้าวขาเดินตามกลิ่นไป จนมาโซนหนังสือเก่าที่เขาชอบแนะนำหนังสือดีๆ ให้ รวีกำลังนั่งซบหน้าลงกับเข่าตัวเอง เนื้อตัวเขาสั่นเทา ผมเรียกชื่อเขา รวีไม่เงยหน้ามองผมแต่กลับกอดตัวเองแน่นขึ้น พร้อมกับปล่อยกลิ่นหอมที่รุนแรงกว่าเดิม

“คุณกำลังฮีทอยู่?”

“ไม่...มันหมดไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานก่อน ต...แต่ทำไม?”

เขาส่ายหน้าไปมากับตัวเองก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองผม ใบหน้าหวานแดงระเรื่อ เรามองหน้ากันและกลิ่นเขาก็ดูเหมือนว่าจะเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม นั่นทำให้ผมมึนหัวตามไปด้วย

“รวี คุณไม่ควรอยู่ที่นี่”

เขาส่ายหน้านั่งคุดคู้อยู่ที่เดิม ผมดึงแขนเขาให้ลุกขึ้นยืน รีบพาตัวเขากลับที่พัก รวีขัดขืนเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมตามมา ผมเลือกเดินไปที่ห้องเขา เพราะใกล้กับร้านหนังสือมากกว่าที่พักที่เราเคยอยู่ด้วยกัน

“ค...คุณรู้ที่อยู่ผม”

“เปิดห้องเร็วๆ”

“คุณมัน ส...สต๊อกเกอร์”

เขามือสั่นผมจึงถือวิสาสะดึงกุญแจในมือเขามาเปิดห้องเอง ผมดันตัวเขาเข้าไปในห้อง และผมก็ถือวิสาสะอีกครั้งตามเข้าไป...ผมรู้ว่าไม่ควรทำแบบนั้น อีกใจนึงบอกให้ผมรีบกลับที่พักตัวเอง แต่อีกใจกลับคิดอีกแบบ

“วี…” ผมเท้าแขนลงกับโต๊ะ บางทีผมอาจคิดผิดที่เข้ามาในห้องของเขา ในนี้มีกลิ่นของเขาอยู่เต็มไปหมด มันเข้มข้น หอมหวานและชวนใจสั่นเกินที่จะควบคุมได้ ผมกัดฟันและรับรู้ได้ถึงอาการบางอย่างของตัวเอง ผมกำลังรัท...

“คุณ อะ...ออกไป กลิ่นคุณ ฮือ”

วีพูดไม่เป็นคำและผ้านวมผืนหน้าถูกดึงมาคลุมตัว เขาทิ้งตัวซบหน้าลงกับโซฟาและกลิ่นของเขามัน...ทำให้ผมเป็นบ้า

ผมไม่สามารถออกไปในสภาพแบบนี้ได้ ผมทรมานแทบขาดใจ กลางกายเจ็บปวดจนอยากจะถอดกางเกงออก ผมเดินเข้าไปหาเขาและดึงผ้านวมออก รวียกมือกุมจมูกตัวเองและส่ายหน้าไปมาอย่างทรมาน กลิ่นหอมของเขาตีเข้าหน้ามัวเมาให้ผมแทบคลั่ง

ดวงตากลมโตฉ่ำหวานมองมาที่ผม เขาไม่พูดอะไรออกมาตอนที่ผมโน้มตัวลงไป วีทำท่าจะหันหน้าหนีแต่สุดท้ายเขาก็นอนเฉยๆ ให้ผมประทับริมฝีปากลงบนแก้มนุ่ม คลอเคลียไปมาตามที่ใจต้องการ และผมได้ยินเสียงครางอย่างแผ่วเบาอย่างพึงพอใจจากเขา

“ผมอยากช่วยคุณ” และต้องการให้คุณช่วยผมด้วย…

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
วีเม้มปากแล้วพยักหน้าช้าๆ พอได้รับคำอนุญาตจากเขาผมก็ไม่รีรอที่ประคองใบหน้าเขาขึ้นมาและลิ้มรสริมฝีปากอวบอิ่มที่คิดถึง

“ผมคิดถึงคุณ”

ผมกระซิบบอกพลางดึงผ้านวมออกไปให้พ้นทาง แล้วลูบไล้ไปทั่วลำตัวโอบกอดและดอมดมกลิ่นหวานทำสิ่งที่ผมอยากทำมาตลอดสี่เดือนที่ไม่มีเขาอยู่ข้างกาย

“อ๊ะ อือ อื้อ” วีครางเสียงหวาน หยัดสะโพกขึ้นเมื่อผมถอดกางเกงออก ตามด้วยเสื้อเชิตสีขาว ผิวพรรณขาวเนียน กระจ่างอยู่ตรงหน้า อาการรัทของผมเริ่มรุนแรงขึ้นเกินที่จะควบคุมได้ วีครางเสียงหวานเมื่อผมขบเม้มยอดอกสีระเรื่อในขณะที่ปลายนิ้วก็ลากลงไปหยอกเย้าที่ช่องทางด้านหลังที่เปียกลื่นของเขา

“ผมคิดถึงคุณ” ผมย้ำคำเดิม กดจูบและดมกลิ่นรัญจวนใจจากเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ผมรีบถอดกางเกงตัวเองออก แก่นกายของผมนั้นแข็งและบวมเป่งสร้างความเจ็บปวดให้กับผมเป็นอย่างมาก

“คุณ...เจ็บมั้ย?” เขาถามเสียงแผ่ว ปลายนิ้วเรียวสัมผัสลงบนส่วนปลายอย่างแผ่วเบา ผมหลับตาแล้วกัดกรามตัวเอง เพียงแค่เขาลากนิ้ววนไปมาผมก็แทบจะบ้าตาย

“เจ็บจนเหมือนจะขาดใจ” มองหน้าอีกฝ่ายกดจูบที่ริมฝีปากอย่างหลงไหล ผมขยับสะโพก จับแก่นกายตัวเองถูไถไปกับช่องทางฉ่ำเยิ้ม รวีเองก็หยัดสะโพกขึ้นรับเหมือนกับว่าเองต้องการให้เข้าไปให้เร็ว แต่ในขณะที่ผมกำลังกดตัวลงไปเขาก็สะดุ้งพยายามดันตัวผมออกและตีแผ่นอกผมอย่างแรง

“ถุงยาง!”

“ผมไม่มี” เพราะไม่เคยต้องใช้ ผมจึงไม่เห็นว่าจำเป็นต้องพกติดตัวเอาไว้ ผมจูบเขาอีกครั้งค่อยๆ ดุนดันส่วนปลายอยู่ตรงปากทาง ใช้ความอดทนเป็นอย่างมากที่จะไม่ดันเข้าไปหากเขาไม่อนุญาต

“ด...เดี๋ยวท้อง”

เขาพูดเสียงเบาหวิว แก้มนวลขึ้นสีแดงน่ารัก ผมกดจูบลงไปดมกลิ่นฟีโรโมนหอมๆ ที่เขาปล่อยออกมาไปหยุดหย่อน

“ไม่ท้องหรอก ทำมาตลอดสิบปีก็ไม่เคยท้อง...น้ำยาผมอาจไม่ดี” ผมพูดกลั้วหัวเราะ รวียิ้มนิดๆ ดูเขาจะถูกใจที่เห็นต่อว่าตัวเองแบบนั้น ผมส่งยิ้มให้ฝ่ามือวนเวียนลูบและบีบเคล้นสะโพกอวบแน่นเต็มมือ ลมหายใจของผมถี่กระชั้นขึ้นเมื่อคนตรงหน้าที่นิ่งไปนานเป็นฝ่ายหยัดสะโพกขึ้นหาเอง ทำให้ส่วนปลายอันปวดร้าวของผมลื่นไถลเข้าไปในโพรงอุ่นอย่างง่ายดาย

“อื้อ อา…”

รวีหลับตา เขาอ้าขาออกกว้างเมื่อผมเป็นฝ่ายสานต่อดันตัวเข้าไปจนสุด สองมือของเขาเกาะเกี่ยวแผ่นหลังของผมเอาไว้ ผมขยับตัวช้าๆ ก่อนจะแรงขึ้นมาเมื่อภายในของเขาตอดรัดอย่างหนักหน่วง

“อือ รวี ผมคิดถึงคุณ” ผมครางเสียงทุ้มในลำคอ ความนุ่มและอุ่นของเขาโอบกระชับตัวตนอันปวดร้าวของผมไว้ ผมกอดเขาเอาไว้แน่นกัดย้ำที่หลังคอ รอยแผลเป็นขึ้นสีชมพูเข้มขึ้น ผมขบเม้มไปรอบๆ สัญลักษณ์ของพันธะของเรา

“ผม...ผม อื้อ เร็ว...อีกนิด”

หลังจากคำพูดนั้นเราก็ไม่ได้พูดอะไรกันมาก เสียงครางที่ดังขึ้นยิ่งเร่งเร้าให้ผมโหมสาวสะโพกใส่เขา รวีปลดปล่อยออกมาครั้งแรก แต่ก็ยังไม่สงบลงเขาโอบกอดและร้องขออย่างน่ารัก เป็นท่าทางที่ผมคิดถึงมาก 

ผมอุ้มเขาไปบนเตียง ประคองเอวเล็กที่โยกย้ายพริ้วไหวอยู่บนตัวผม เราสนองความต้องการของกันและกัน แต่ในขณะเดียวกันนั้นผมก็พยายามถ่ายทอดว่าผมนั้นคิดถึงเขามากแค่ไหน

“วี อืม ที่รัก…”

ผมครางอย่างถูกใจเมื่อรวีเกร็งตัวและปลดปล่อยออกมา เขาหยุดขยับผมจึงยกสะโพกเข้าขึ้นเล็กน้อยแล้วเป็นฝ่ายเด้งสะโพกขึ้นไปหาเอง

 เขาครวญครางใบหน้าบิดเหยเก กลิ่นหอมของเขาคละคลุ้งอยู่รอบตัวผม ผมเร่งจังหวะบีบเคล้นเนื้อแน่นอย่างเมามัน เขาปลดปล่อยออกมาอีกครั้ง ผมขยับอีกไม่นานก่อนที่ผมจะกดสะโพกเขาค้างไว้ไม่ให้ขยับหลุดออดไป

“อื้อ คุณ อื้อ!” รวีกระตุก หอบหายใจและทิ้งตัวนอนซบบนแผ่นอกของผม ผมกัดฟันค่อยๆ ลูบไล้แผ่นหลังเนียน บอกเสียงนุ่มขอให้เขานอนอยู่นิ่งๆ ในขณะที่ผมปล่อยน้ำขาวขุ่นจำนวนมากเข้าสู่ร่างกายของเขา

“เจ็บมั้ย? ทนอีกนิดนะ” ผมบอกคนตรงหน้า อาการน๊อตของอัลฟ่ามักทำให้โอเมก้าเจ็บ ผมจึงพยายามขยับตัวให้น้อยที่สุด

“อือ ทำไมมันนาน?”

รวีถามอย่างอ่อนแรง เขาขยับตัวไปมาอย่างอึดอัด ผมมองหน้าและลูบแก้มเขาอย่างรักใคร่ก่อนจะส่งยิ้มให้

เป็นธรรมดาที่อัลฟ่าจะใช้เวลานานในการปลดปล่อย แต่ครั้งนี้ผมเองก็คิดว่ามันนานกว่าที่ผ่านมา นี่มันเกือบยี่สิบนาทีแล้วแต่ผมยังคงปลดปล่อยไม่หยุด อาจเพราะเราห่างกันสี่เดือนรึเปล่า...

“รวี…” หลังจากผ่านไปสามสิบนาทีผมเรียกคนที่นอนอยู่บนตัวผม เขาหลับตาพริ้ม ลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ เขาหลับไปแล้ว… แต่ก็ส่งเสียงครางแผ่วเบาตอนที่ผมดึงตัวออกช้าๆ  น้ำขาวข้นจำนวนหนึ่งไหลย้อนออกมา ผมจึงลุกขึ้นหาผ้าผืนเล็กมาเช็ดตัวให้เขา

เมื่อเสร็จแล้วจึงนอนลงข้างๆ เขา ดึงตัวหอมๆ นั้นมากกกอดเอาไว้ในอก จูบและหอมอยู่แบบนั้นจนรวีส่งเสียงท้วงเบาๆ คล้ายคนละเมอ ผมยิ้มหอมแก้มเขาอีกครั้งก่อนจะหลับตาและซึมซับความรู้สึกดีๆ นี้ไว้ 

ผมตื่นขึ้นมาอีกทีในช่วงเย็นคนในอ้อมกอดนั้นหายไปแล้ว ผมรีบลุกขึ้นก็พบว่าเขานั่งอยู่ที่โซฟา ผมส่งยิ้มให้เขาแต่รวีกลับหันหนีไปอีกทาง

“คุณควรออกไปได้แล้ว”

“...ผมขอโทษกับเรื่องที่ผมไม่ดีไว้ รวีผมรักคุณและผมคิดถึงคุณมากๆ ” ผมบอกออกไป

“...” รวีมองหน้าผมอยู่ครู่หนึ่งเขาจ้องมองเหมือนกับว่าต้องการอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจก้มหน้าลงและนั่งนิ่งๆ ผมหันมองรอบห้อง มันมีขนาดเล็กมาก โล่ง และเป็นระเบียบ มีหนังสือกองเล็กวางอยู่ที่หัวเตียง แต่น่าแปลกใจที่ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนก็ไม่เจอหนังสือเล่มอื่นๆ ของเขาเลย  หากจะเดาว่าเขาเอาไปขายคงเป็นไปไม่ได้ เขาไม่มีทางยอมขายหนังสือของตัวเองแน่ๆ

“หนังสือคุณหายไปไหนหมด”

รวียังคงไม่ตอบอะไร ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ขอให้ผมออกไป ผมลุกขึ้นแต่งตัวและยอมออกมาแต่โดยดี

ผมเพิ่งรู้ตัวว่าลืมเสื้อนอกไว้ก็ตอนที่ผมกลับถึงห้องเรียบร้อยแล้ว แต่นั้นถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะเจอกันครั้งต่อไป ผมจะได้หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาชวนเขาคุย สองวันต่อมาผมเจอเขาและถามไถ่ถึงเสื้อ รวีกลับบอกแค่ว่าทิ้งไปแล้ว…

ผมไม่ได้คาดคั้น ไม่ได้แสดงท่าทีไม่พอใจอะไร และยังคงวนเวียนไปที่ร้านหนังสือทุกครั้งที่อ่านเล่มเก่าจบ ทำแบบนั้นอยู่ราวๆ สามเดือน ผมอ่านหนังสือได้เร็วขึ้น มีสมาธิดีขึ้น บางเรื่องผมสามารถอ่านจบได้ภายในคืนเดียว เล่มหนาแค่ไหนก็ไม่หวั่น อ่านเรื่องที่หนักหน่วงซับซ้อนได้สนุกขึ้น และได้กลายเป็นหนอนหนังสือไปแล้ว

ผมมีหนังสือเล่มโปรดเพิ่มมากขึ้นนับไม่ถ้วน และในห้องของผมเริ่มกลับมามีกลิ่นหอมของกระดาษ ชั้นที่ว่างเปล่าในห้องเริ่มเต็มไปด้วยหนังสืออีกครั้ง และหนังสือแต่ละเล่มที่ผมเลือกมักเป็นหนังสือที่ผมเคยเห็นว่ารวีอ่านมาแล้วทั้งสิ้น...ผมยังคงคิดถึงและรักเขา ดวงอาทิตย์ของผม

“ครั้งนี้ผมอยากได้หนังสือประมาณ 4-5 เล่มครับ”

ผมบอกเมื่อเห็นหน้าเขา รวีมองผมอย่างสงสัยและเดินนำไปที่โซนเดิม ระหว่างที่เลือกหนังสือเขาก็เหลือบตามองเป็นระยะๆ เขามีเรื่องที่สงสัยและผมก็มีเรื่องที่สงสัยเช่นกัน เกี่ยวกับอาการฮีทของเขา…

กลิ่นของรวีเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ผมบอกไม่ถูกว่าเปลี่ยนอย่างไร ผมเดาว่าเขามีอาการฮีทเพราะเขายังคงหยุดงานเดือนละเจ็ดวัน แต่ที่ผมสงสัยคืออะไรที่ทำให้เขาสงบลงได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งผม หรือเขาไม่อยากข้องเกี่ยวกับผมจนถึงขึ้นใช้วิธีฉีดยาระงับ…

เพียงแค่คิดแบบนี้ผมก็ปวดใจ...แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมจะยอมแพ้

“ผมแนะนำเก้าเล่มนี้ คุณอยากได้เล่มไหนก็เลือกเอาเองอีกทีนะครับ”

ผมส่งหนังสือหนึ่งตั้งให้เลือก ผมเปิดดูทีละเล่มโดยที่มีเขาคอยถือหนังสือและพูดแนะนำเรื่องคร่าวๆ ให้

“ผมต้องการห้าเล่มนี้ครับ” ผมส่งหนังสือที่เหลือคืนให้เขา รวีมองหนังสือในมือผมและเม้มปาก

“ทำไมคุณเลือกหนังสือห้าเล่มนั้น ถ้าจะให้ผมแนะนำจริงๆ เรื่องนี้น่าจะสนุกกว่านะครับ ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ด้วย” ผมมองหนังสือที่เขายื่นมาให้ มันเป็นหนังสือใหม่ เนื้อเรื่องน่าสนใจแต่หน้าปกกลับไม่คุ้นเคย และสาเหตุผมไม่เลือกก็เพราะ…

“คุณไม่เคยอ่านเล่มนั้น ผมเลือกห้าเล่มนี้เพราะว่าเคยเห็นคุณอ่าน เคยเห็นว่ามันวางอยู่บนชั้นหนังสือที่ห้องของเรา”

เขาสบตากับผมและดวงตากลมโตของเขาก็สั่นไหวไปมา ผมรู้สึกได้ว่าเขามีอะไรบางอย่างในใจ ซึ่งผมไม่รู้ว่าเป็นเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี กลิ่นที่เขาปล่อยออกมายังคงหอมแต่ไม่ได้หวานอย่างที่ควรจะเป็น ผมคาดเดาอารมณ์เขาไม่ได้เลย

เขาเดินนำผมไปชำระเงิน ผมมองดูเขาแพ็คหนังสือใส่ถุงกระดาษและยื่นให้ผม

“เรียบร้อยแล้วนะครับ”

“วี คุณไม่สงสัยบ้างเหรอว่าทำไมรอบนี้ผมซื้อหนังไปทีเดียวห้าเล่ม”

“...”

“ผมต้องเดินทางไปทำงานต่างประเทศ 1 เดือน”

“...ครับ” ผมสังเกตุว่าเขาชะงักไป แต่ก็เพียงเล็กน้อย ผมยื่นไปมือไปรับหนังสือและก่อนที่เขาจะชักมือกลับผมก็รีบจับมือของเขาเอาไว้

“เอ่อ วี ถ...ถ้าหากผมกลับมาแล้ว คุณมาทานข้าวกับผมได้มั้ย?” ผมยอมรับว่าค่อนข้างประหม่า หากลองคิดๆ ดู มันก็หลายปีมาแล้วที่ผมเอ่ยชวนเขาทานข้าวแบบนี้ หากเป็นเมื่อก่อนวีคงดีใจมากและจะตอบรับทันที แต่วันนี้ความมั่นใจเหล่านั้นกลับหายไป เพราะสิ่งที่ผมเคยทำกับเขา

วีนิ่งเงียบและก้มหน้าลง ค่อยๆ ดึงมือตัวเองกลับไป ผมพยักหน้ายอมรับผลการตัดสินใจของเขา

ไม่เป็นไร ครั้งหน้าผมจะลองขอใหม่...ผมให้กำลังใจตัวเองแบบนั้น ส่งยิ้มและโบกมือลาก่อนจะเดินออกมา



ตลอดหนึ่งเดือนที่ผมมาทำงานจิตใจผมไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไร มันว้าวุ่นเอาแต่คิดถึงรวี อยากจะกลับไปกอดเขา อยากจะเห็นรอยยิ้ม อยากได้ยินเสียงของเขา

และที่น่าแปลกคือทุกๆ เช้าที่ตื่นมา ผมมักจะมีอาการคลื่นไส้ เหม็นเหียนอาหารที่เคยชอบและอยากทานอะไรแปลกๆ เสมอ บางครั้งก็อาเจียนจนหมดแรง แต่อาการเหล่านั้นจะหายไปอย่างง่ายดายเมื่อผมเปิดอ่านหนังสือที่เขาเคยอ่าน

หนึ่งเดือนที่ค่อนข้างลำบากกำลังผ่านไป ผมนั่งอยู่บนเครื่องบินในมือก็ถือหนังสือเล่มสุดท้ายเอาไว้ ผมเปิดอ่านหน้าสุดท้าย ไล่สายตาอ่านจนจบและเป็นเวลาเดียวกับที่เครื่องบินแลนดิ้งพอดี

ผมฝากให้เลขานำกระเป๋าเดินทางไปเก็บให้ที่ห้องพัก ส่วนตัวผมนั้นรีบเดินทางไปที่ร้านหนังสือทันที ผมยิ้มอย่างดีใจเมื่อเห็นว่าคนที่ผมอยากเจอหน้ามากที่สุดกำลังนั่งจัดหนังสืออยู่

“รวี”

ผมเรียกเขาเบาๆ ไม่ให้รบกวนลูกค้าคนอื่น แต่ก็ดังพอที่จะให้ใครบางคนเงยหน้าขึ้นมอง ผมส่งยิ้มให้เขาและเดินเข้าไปหา รวีดูมีน้ำมีนวลและเจ้าเนื้อขึ้นมาก เขาใส่เสื้อตัวหนาและใหญ่ยิ่งทำให้เขาดูอวบขึ้น แต่ไม่ได้ดูน่าเกลียดเลยแม้แต่น้อย กลับดูน่ากอดมากกว่าเก่าเสียด้วยซ้ำ

“คุณ...กลับมาแล้ว”

น้ำเสียงเขาดูดีใจก่อนจะกระแอมแล้วหันกลับไปจัดเสียงหนังสือตามเดิม ผมยิ้มขยับลงไปนั่งข้างๆ เขา ดมกลิ่นหอมที่คิดถึง อืม..กลิ่นเขาเปลี่ยนไปจริงๆ ไม่ได้หอมหวานชวนใจหวิวแต่เป็นความหอมที่ดมแล้วชวนให้อบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก ผมขยับเข้าไปใกล้เพื่อที่จะดมกลิ่น แต่รวีก็รีบถอยหนีไปทันที

“ผมอ่านหนังสือจบหมดแล้ว วันนี้อยากได้เล่มใหม่ไปอ่าน”

“รอสักครู่นะครับ”

ผมพยักหน้า ช่วยเขาจัดหนังสือเล็กน้อยแล้วเดินไปที่โซนเดิม รวียืนบนบันไดเพื่อหยิบหนังสือบนชั้นสูงๆ ระหว่างนั้นสายตาผมก็ทอดมองเขาอย่างสุขใจ...ผมคิดถึงเขา

“วี เย็นนี้คุณไปทานข้าวกับผมได้มั้ย?”

เขาไม่ตอบอะไรซึ่งผมก็ตีความไปว่าเขาคงปฏิเสธ ผมยังคงยิ้มแม้ว่าจะเสียใจเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ผมโทรจองร้านอาหารไปแล้ว เป็นร้านที่ผมได้เจอกับเขาครั้งแรก ผมตั้งใจจองร้านนั้นเพื่อเขา แต่ไม่เป็นไร...ผมไปกินคนเดียวก็ได้

 รวีลงบันไดมาพร้อมกับหนังสือสามเล่ม เขาเล่าเรื่องคร่าวๆให้ผมฟังทีละเล่มและแน่นอนมีเล่มหนึ่งที่สะดุดตาผม ไม่ใช่เพราะเนื้อเรื่องที่เขาเล่า แต่เป็นหน้าปกของมัน เรื่องบังเอิญมีอยู่จริงรึเปล่า ผมชักไม่แน่ใจ...หนังสือเล่มนี้ รวีกำลังอ่านมันอยู่ตอนที่เราเจอกันครั้งแรก...ที่ร้านอาหารนั้น กลิ่นหอมจากเขาในวันนั้นทำให้ผมตัดสินใจเดินเข้าไปทำความรู้จักทันที



‘สวัสดีครับ ขอผมนั่งด้วยได้มั้ย?’

‘โต๊ะอื่นที่ว่างก็มีนะครับ’

‘แต่ผมอยากนั่งกับคุณ’

‘งั้นก็...เชิญครับ’

‘...’

‘ผมนึกว่าคนที่เข้ามาจีบต้องเป็นฝ่ายชวนคุยก่อนเสียอีก’

‘ผมก็ตั้งใจจะชวนคุย แต่คุณตอนที่กำลังอ่านหนังสือกลับมีเสน่ห์และงดงามจนผมไม่อยากรบกวน’

‘หึหึ หลงเสน่ห์ผมเร็วขนาดนั้นเชียว เพิ่งจะเจอกันแค่สิบนาทีเองครับ’

‘คุณคงตกใจน่าดู แต่ต้องขอบอกว่าจริงๆ แล้วผมหลงรักคุณตั้งแต่สิบนาทีก่อนแล้วครับ’




อ่า...ใช่ ผมจีบเขาแบบนั้น เสี่ยวใช้ได้เลยล่ะ แต่สุดท้ายมุกเสี่ยวๆ พวกนั้นก็ทำให้ผมได้คู่กับรวี ผมยิ้มและเลือกหนังสือเล่มนั้นมา  รวีนิ่งไปนานจนผมต้องเขย่าไหล่เขา

“วี ผมจะซื้อเล่มนี้”

เขาพยักหน้าและเดินนำไปด้านหน้าร้าน เขาคิดเงิน แพ็คหนังสือแต่ไม่ยอมส่งให้ผมเสียที ผมเรียกเขาหนึ่งครั้งแต่วีก็ยังยืนนิ่งๆ ผมเลยสบตากับเขาและส่งยิ้มให้

“ผม...ผมจะไปทานข้าวกับคุณ”

รวีเม้มปากแก้มกลมขึ้นสีระเรื่อ หัวใจผมเต้นแรง ทั้งดีใจและประหลาดใจ ผมยืนรอเขาอยู่ที่หน้าร้านประมาณชั่วโมงกว่าๆ รวีก็เดินออกมา ผมมองหน้าเขาแล้วพาเดินไปยังร้านที่จองเอาไว้ มันคือร้านอาหารที่เราเจอกันครั้งแรกนั่นแหละ

ผมนั่งยิ้มมองเขาอ่านหนังสือของเขา ท่าทางคล้ายๆ วันแรกที่เราเจอกันเลย เพียงแต่แสงแดดยามเช้าในวันนั้นถูกเปลี่ยนแสงดาวในค่ำคืนนี้แทน

รวีไม่ได้พูดอะไรมาก เขาแค่ยิ้มบ้างเป็นบางครั้งเวลาที่ผมพูดอะไรตลกๆ ผมจะถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่ดี

“อุ แหวะ…” ผมยกมือขึ้นปิดจมูก รีบดันจานอาหารตรงหน้าหนีไปอีกทาง นี่คือเรื่องแปลกที่ผมเจอเป็นประจำในช่วงนี้ ผมเหม็นอาหาร...เนื้อสเต๊กชุ่มฉ่ำตรงหน้าเคยเป็นจานโปรดของผม แต่ตอนนี้ผมกลับไม่อยากกินมันเลย

“คุณไม่กินเหรอ งั้นผมกินนะ” รวีพูดขอ แต่ส้อมกลับจิ้มลงบนชิ้นเนื้อเรียบร้อยแล้ว ผมพยักหน้าแล้วเขาก็ยกเนื้อชิ้นนั้นไปที่จานของตัวเอง กินมันอย่างเอร็ดอร่อยในขณะที่ผมจิบได้แค่น้ำมะนาวเปรี้ยวๆ เพียงเท่านั้น

เสต๊กชิ้นใหญ่สองจาน ขนมหวาน และเค้กที่สั่งเพิ่มมาอีกหนึ่งชิ้น รวีกินทั้งหมดนั้นคนเดียว เขากินเยอะมาก...นี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาดูเจ้าเนื้อขึ้น

ผมเดินไปส่งเขาที่ห้องพักแล้วเดินยิ้มกลับห้องตัวเอง ความสัมพันธ์ของเราเริ่มกลับมาดีอีกครั้ง…


ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
ซึ่งมันดีขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ผมอ่านหนังสือจบเล่มและไปซื้อเล่มที่เขาแนะนำกลับมา ผ่านไปราวๆ สี่เดือน ห้องของผมก็เต็มไปด้วยหนังสือมากมายเหมือนตอนที่รวีอยู่ บางเล่มผมอ่านแล้วไม่ค่อยถูกใจก็จะเก็บไว้ชั้นบนๆ ไม่ได้หยิบมาอ่านบ่อยแต่ก็ไม่มีความคิดที่จะขายทิ้ง  ผมสบายใจที่เห็นชั้นที่เคยโล่งเต็มไปด้วยหนังสือแบบนี้

...ผมเข้าใจความคิดของรวีแล้ว

หนังสือทุกเล่มมันเหมือนที่เวทมนตร์ที่ทำให้ผมจำเหตุการณ์ต่างๆ ของผมและรวีได้เกือบทุกตอน เล่มนั้นผมเห็นเขานั่งอ่านไปร้องไห้ไปที่ตรงนั้น เล่นนี้ผมเห็นว่าเขาอ่านจนไม่ยอมนอนผมเลยต้องแกล้งปิดไฟ หรือเล่มโน้นผมจำได้ว่าเขาอ่านให้ฟังตอนที่ผมไม่สบาย

หนังสือมีเรื่องราวของตัวมันเอง แต่ก็เพิ่งรู้ว่าสามารถกักเก็บเรื่องราวและความทรงจำขณะที่อ่านไว้ได้ด้วยเช่นกัน

ส่วนรวีตอนนี้อวบอั๋นน่ากอด จะเรียกว่าอ้วนก็ไม่เต็มปากเพราะเขาใหญ่เป็นบางส่วนเท่านั้น ผมสงสัยเรื่องรูปร่างที่ใหญ่เฉพาะส่วนหน้าท้อง มันไม่ได้ใหญ่มากอะไรแต่ผมมองดูทีไรก็รู้สึกแปลกอย่างบอกไม่ถูกทุกที เคยถามอย่างจริงจังแล้วแต่รวีก็บอกเพียงแค่ว่าเขากินเยอะขึ้นเลยทำให้มีรูปร่างลงพุงแบบนี้

และผมยังคงคิดไม่ตกกับรอบการฮีทของเขา ผมพยายามถามบ่อยๆ แต่รวีก็บอกแค่ว่ามันไม่มีอะไรผิดปกติ พอพูดบ่อยเข้าเขาก็มีสีหน้าเรียบเฉยและไม่ค่อยพอใจทุกครั้งที่พูดเอ่ยปากถาม ผมจึงไม่กล้าเซ้าซี้ถามต่อมาก เพราะกลัวว่ามันจะทำให้ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นมากแย่ลงไปอีก แต่ก็คอยจับตาดูอยู่ห่างๆ

“อืม....คุณอ่านหนังสือเร็วมาก เบื่อหนังสือเก่ารึยัง ลองพักเบรกอ่านที่เพิ่งออกใหม่บ้างมั้ยครับ เล่มนี้เป็นไง...เพื่อนร่วมงานผมอ่านกันก็บอกว่าสนุกนะ”

“คุณเคยอ่านมั้ย?”

รวีเงียบไปครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า ผมจึงวางเล่มนั้นไว้ที่เดิม ผมเดินตามหลังเขามองหนังสือเล่มนู้นเล่มนี้ ก่อนที่เขาจะหยุดชะงักมองไปที่หนังสือเล่มหนึ่ง ปลายนิ้วเขาดึงสันหนังสือออกมาแต่แล้วก็เปลี่ยนใจดันไปไว้ที่เดิม

หนังสือเล่มสีเทาที่สันย่น และมีรอยยับเล่มนั้น... มันเหมือนเล่มที่ผมเผลอขว้างทิ้งไปเลยไม่ใช่เหรอ?



‘ไหนข้าวเย็นของผม’

‘ไม่ได้ทำไว้ คุณบอกว่าจะทานมาจากข้างนอก’

‘เวลาที่พูดกับผม คุณช่วยหยุดอ่านหนังสือซักนิดได้มั้ย?’

‘...’

‘โธ่เว้ย! หนังสือห่านี่มันมีอะไรวะ ถึงได้อ่านไม่หยุด!’

‘คุณ! หนังสือผมนะ แล้วโยนออกไปแบบนั้นถ้ามันโดนหัวคนอื่นขึ้นมาจะทำยังไง’

‘นั่นคุณจะไปไหน’

‘...ไปเก็บหนังสือ’

‘เหรอ...งั้นก็ช่วยกลับมาเก็บหนังสือพวกนี้ของคุณออกไปจากห้องผมด้วยนะ’




ผมหยิบหนังสือมาดู มันยับ สันย่นและมีรอยเปื้อนเหมือนว่าเล่มนี้คือเล่มที่ผมโยนทิ้งจริงๆ ผมมองหน้ารวีแล้วทรุดตัวนั่งลง วันนั้นผมเลวมาก นิสัยแย่จนแปลกใจถ้าหากรวีจะให้อภัยผมในวันนี้

“คุณ...เป็นอะไรรึเปล่า”

“เรื่องเลวร้ายที่ผมเคยทำกับคุณ ผมขอโทษ...ขอโทษจริงๆ”

“...” รวีเงียบไปพักใหญ่ เขามองตาผมริมฝีปากขบเม้มกันไปมา โอเค...ผมเข้าใจหากจะยังไม่ให้อภัยผม

“ไม่เป็นไร ผมรอได้….อืม ผมอยากได้เล่มนี้ครับ”

“แน่ใจนะ...ว่าอยากได้แค่นี้ มีอะไรที่อยากจะขออีกมั้ย” รวีพูดอะไรบางอย่างซึ่งผมไม่เข้าใจ เขาถอนหายใจและส่งยิ้มบางๆ ให้เพราะนึกว่าเขาหมายถึงหนังสือ

“หนังสือเล่มนี้...มันไม่สนุกเหรอ”

รวีเงียบไป เขามองหน้าผมแล้วส่ายหน้าไปมาช้าๆ มือก็ลูบไปตามปกหนังสือที่ค่อนข้างยับ

“มันสนุกมาก...สนุกจนหยุดอ่านไม่ได้ สนุกจนวางไม่ลงเลยล่ะ”

“งั้นผมจะซื้อเล่มนี้”

ผมได้หนังสือเล่มนั้นกลับมาสมใจ ผมอ่านมันตลอดทั้งคืน มาทำงานก็นั่งอ่านจนเลขาไม่กล้ากวน

มันสนุก สนุกจนละสายตาหยุดอ่านไม่ได้และวางไม่ลงอย่างที่รวีว่าไว้จริงๆ เพราะแบบนี้สินะเขาถึงไม่มองหน้าผมในตอนนั้น หนังสือหกร้อยกว่าหน้าผมใช้เวลาอ่านทั้งสิ้นประมาณสิบสี่ชั่วโมง ไม่รวมเวลาอาบน้ำและเข้าประชุม เย็นนั้นผมบอกกับเลขาว่าวันหยุดนี้ห้ามกวนเป็นอันขาด เธอรับปากว่าจะดูแลให้อย่างดี

พอตอนเย็นหลังเลิกงานผมก็ไปที่ร้านหนังสือนั้นเหมือนเดิมเพื่อซื้อหนังสือเล่มใหม่ เย็นนั้นเราไปทานข้าวเย็นด้วยกันและผมขอชวนรวีไปเดทกันอีกครั้งในวันหยุดของผม

รวีตกลงและเป็นคนขอเลือกว่าจะไปที่ไหน เช้าวันต่อมาเขาพาผมไปที่สวนแห่งหนึ่ง เราปิคนิคกันที่นั่น จากนั้นก็นอนเล่น รวีนอนหลับไปท่ามกลางสนามหญ้าสีเขียวและสายลมที่พัดมาอ่อนๆ ผมมีความสุขมากจนไม่อยากหลับตาเท่าไร อยากจะมองหน้าเขาไปนานๆ แต่เพราะอากาศดีๆ หลังอาหารว่างช่วงสายทำให้ผมง่วงเกินจะทน

“ผมรักคุณ”

ผมบอกรักเสียงหวาน ทั้งที่รู้ว่าเขาคงไม่ได้ยิน แต่ก็มีความสุขที่ได้บอกไป ผมดึงตัวนุ่มนิ่มเขาเข้ามากอด นี่คือครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผมได้กอดเขา ที่ผ่านมาถึงแม้ว่าเราจะคุยกันแล้วแต่รวีก็ยังแบ่งเส้นไม่ยอมให้ผมสนิทกับเขาจนเกินไป รวีไม่ให้ผมกอด ไม่ให้จับตัว มากสุดที่สามารถทำได้ก็แค่จับมือเพียงเท่านั้น

เพราะฉะนั้นการที่เขาหลับในวันนี้จึงเป็นโอกาสที่ดี ผมขยับให้เขาหนุนหัวบนแขนแล้วผมก็กอดเข้าที่หน้าท้องกลมๆ ของรวี ดมกลิ่นหอมชวนอบอุ่นใจแล้วหลับตาลง แต่ในจังหวะที่กำลังจะเคลิ้มหลับผมก็รู้สึกได้อะไรบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้ฝ่ามือ

อะไรบางอย่างที่ว่าหายไปเมื่อผมลืมตาขึ้น ผมนิ่งอยู่สักพักก็คิดว่าคงรู้สึกไปเอง แต่ในวินาทีที่กำลังหลับตาลงบางสิ่งบางอย่างในท้องของรวีก็ถีบฝ่ามือผมอีกครั้ง

ผมลุกขึ้นนั่งนิ่ง ความรู้สึกงุนงนปนตกใจยังอยู่ในอก ผมมองหน้าท้องกลมๆ ของเขาและสัมผัสลงไปอีกครั้ง มันไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนคนอ้วนตัวไปเท่าไร พอลองสัมผัสดูดีๆ แล้วถึงได้รู้ว่ามันกลมนูนและตึง อีกทั้งความรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างตามถีบมือผมเวลาที่ลูบหน้าท้องของรวีไปมา

คำบางคำผุดขึ้นมาในหัว เป็นการคาดเดาที่ทำให้ตัวเองตกใจเป็นอย่างมาก แต่หากคิดแบบนั้นจริงๆ มันก็ช่วยไขข้อข้องใจเรื่องรูปร่างและรอบฮีทของรวีได้ อีกทั้งพอลองคำนวณเวลาแล้ว มันก็ประจวบเหมาะอย่างพอดิบพอดี

รวียังคงนอนหลับในขณะที่ผมค่อยๆ เลิกชายเสื้อเข้าขึ้น ใจผมแทบเด้งออกมาจากอก เมื่อท้องขาวกลมปรากฏอยู่ตรงหน้า รอยแตกสีแดงจางๆ ขึ้นริ้วอยู่สองสามเส้นและเมื่อลองทาบฝ่ามือลงบนหน้าท้อง อะไรบางอย่างก็นูนขึ้นมาเป็นคลื่นๆ ให้ผมยิ่งมั่นใจ

ผมยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง น้ำตารื้นมาจากไหนไม่รู้ ผมลูบไปทั่วหน้าท้องของเขา เจ้าตัวเล็กข้างในนั้นก็ตามถีบมือผมไม่หยุด จนรวีรู้สึกตัว เขาลืมตาขึ้น รีบลุกขึ้นนั่งและดึงเสื้อคลุมหน้าท้องตัวเองเอาไว้

“รวี...คุณท้อง” ผมพูดเสียงสั่น ขยับตัวเข้าไปหาเขาเพื่อที่จะสัมผัสท้องกลมนั้นอีกครั้ง

“...” รวีขยับหนีเพียงเล็กน้อย ผมหยุดมือมองเขาทั้งน้ำตา รวีเม้มปากและนั่งนิ่งๆ ยอมให้ผมทาบฝ่ามือลงไป 

“ล...ลูกของเรา” เจ้าตัวเล็กข้างในนั้นถีบมือผมอีกครั้ง

“คุณร้องไห้ทำไม เสียใจเหรอ?” รวีถาม เขาก้มหน้ามองหน้าท้องตัวเอง

“ดีใจ...รวี ผมกำลังดีใจ” ผมส่ายหน้าตอบออกไปและค่อยก้มลงจูบอย่างแผ่วเบาที่หน้าท้องนั้น จากนั้นก็ขยับเข้าไปกอดเขาเอาไว้ ดมกลิ่นหอมชวนอบอุ่นหัวใจจากเขา นี่เองสาเหตุที่เขามีกลิ่นที่เปลี่ยนไป…

“ทำไมคุณถึงไม่บอกผม…คุณลำบากมากมั้ย?”

“...”

“ผมขอโทษสำหรับสิ่งที่ผมทำ รวีคุณให้โอกาสผมอีกครั้งได้มั้ย? ผมคิดถึงคุณ ผมรักคุณ”

“...” รวีมองตาผม เขาเม้มปากแล้วจ้องมองอยู่แบบนั้น จ้องคล้ายคนกำลังรอคอยอะไรซักอย่าง ผมจึงบอกรักและขอโทษเขาอีกครั้ง รวีก็ถอนหายใจและนั่งนิ่งๆ ให้ผมกอด เขาจับมือผมลูบให้ลูบไปมาตามหน้าท้องของตัวเอง

“ลูกดิ้นใหญ่เลย แข็งแรงจังเลยเจ้าตัวเล็ก”

“อืม...วันนี้ดิ้นเยอะเป็นพิเศษ เขาคงรู้ว่ามือนี้เป็นของคุณ” วีอมยิ้มเล็กๆ ผมจับเขาขึ้นนั่งตักให้เขาพิงอกผมเอาไว้ สองมือผมสอดเข้าไปใต้เสื้อ สัมผัสกับหน้าตึงแน่นนั้นโดยตรงแล้วลูบไปมาเบาๆ

พอได้มามองและลองสัมผัสแบบนี้แล้ว ท้องเขาไม่เล็กเลย อีกทั้งดูท่าจะมีน้ำหนักไม่น้อย นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้วีเดินได้ช้า และนั่งนานๆ ไม่ได้ ผมซบหน้าลงกับไหล่ของเขา ในหัวก็คิดถึงตอนที่เขาใช้ชีวิตคนเดียวโดยที่อุ้มท้องโตแบบนี้ คงลำบากมากเลยใช่มั้ย?

“วี…”

“หืม”

“คุณจะยอมมั้ย หากผมขอให้กลับมาอยู่ด้วยกัน”

ผมถามและรอคำตอบด้วยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ผมขอมากไปรึเปล่า เร่งรัดเขามากไปรึเปล่า รวียังไม่ทันให้อภัยผมเต็มร้อยก็ชวนกลับมาอยู่ด้วยกันเสียแล้ว

“...”

“ผมรู้ว่าคุณยังไม่อยากให้อภัย แต่ผมไม่อยากให้คุณอยู่คนเดียว”

“...”

“ผมสัญญาผมจะดูแลคุณให้ดี ผมรักคุณมากจริงๆ และได้รับรู้ว่าขาดคุณไม่ได้

“...”

“ รวี...กลับมาอยู่กับผมนะ ได้โปรด”

ผมขอร้องอย่างถึงที่สุด แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ จากคนในอ้อมกอด มีเพียงไหล่เล็กที่เริ่มสั่นแรงขึ้น ผมเงยหน้ามองหันตัวเขากลับมาดูก็พบว่าอีกฝ่ายร้องไห้ และเริ่มสะอึกสะอื้นจนผมตั้งตัวไม่ถูก

“คุณ...ฮึก คุณรู้มั้ยว่าผม...รอคำนี้มานานแค่ไหน” รวีซบหน้าลงกับฝ่ามือ น้ำตาหยดน้อยไหลออกมาจนผมเช็ดให้ไม่ทัน

“วี”

“ผมอยากให้คุณพูดคำนี้มาตั้งแต่ต้น อยากกลับไป แต่คุณกลับไม่เคยพูดเลยสักนิด ฮึก หากคุณไม่พูดชวนก่อนแบบนี้ ใครจะกล้ากลับไปให้โดนด่าอีก ฮือ”

ผมกอดเขาเอาไว้และคิดตามที่รวีพูด จริงด้วยสิ...ผมเอาแต่พูดว่าคำว่าคิดถึง พูดขอโทษ พูดว่ารัก แต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งเดียวที่ผมจะพูดขอให้เขากลับไปอยู่ด้วยกัน ไม่เคยนึกจะถามก่อนเลย

ผมมันคนโง่ พลาดมาตั้งแต่ต้นจริงๆ

เรากอดกันแน่นขึ้น ผมปลอบเขาจนหยุดร้องและช่วงบ่ายในวันนั้นผมก็รีบไปขนของจากห้องพักของเขาไปที่ห้องของเราทันที

“คุณดันเตียง เข้ามุมหน่อยให้หน่อยได้มั้ย ตรงนี้มันสว่างไป”

ผมดันเตียงให้ตามที่เขาต้องการ จัดการจัดหมอนนับสิบใบให้เรียงกันบนเตียงและปูผ้านวมทับกันหลายชั้นจนดูนุ่มฟูไปหมด ผมเข้าใจว่านี่คือรังของเขา

“นี่มันเสื้อผมนี่…ไหนคุณบอกว่าทิ้งไปแล้ว แล้วทำไมมันขาดแบบนี้” ผมชูเสื้อตัวเองขึ้น ขายเสื้อคลุมแหว่งไปเป็นชิ้นๆ ไม่เหลือเค้าเสื้อราคราแพงเลยซักนิด

“ตอนท้องใหม่ๆ ผมต้องตัดชายเสื้อคุณมาพกติดตัวเอาไว้ถึงจะรู้สึกสบายใจ” รวีหยิบเศษผ้าที่เขาตัดออกมาส่งให้ดูจากนั้นก็ยิ้มเขิน น่ารักเสียจนก้มลงหอมแก้มเขาทั้งสองข้าง

รวีเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าของผม หยิบเสื้อของผมมาอีกหลายตัว โยนเสื้อเหล่านั้นลงบนรัง แล้วเขาก็ค่อยๆ ขยับขึ้นไปซุกตัวลงบนกองเสื้อผ้าเหล่านั้น

“หมอนเต็มเตียงไปหมด แล้วคืนนี้ผมจะนอนไหนล่ะครับ”

ผมพูดแซว รวีโผล่ใบหน้าออกมายิ้มแล้วขยับตัวให้ผมลงไปนอนข้างๆ กัน เรานอนเล่นกันไปซักพัก ผมก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ขนหนังสือเขากลับมาด้วย ที่ห้องเขาก็เห็นอยู่แค่ไม่กี่เล่ม

“รวี แล้วหนังสือของคุณล่ะ ทำไมไม่ขนกลับมาด้วย คุณเอาไปไว้ที่ไหน”

เขาลุกออกมาจากกองผ้า เดินไปที่ชั้นหนังสือแล้วเดินดูไปรอบๆ อยู่ครู่หนึ่ง

“อืม...ผมคิดว่าส่วนใหญ่อยู่นี่หมดแล้ว”

“...หะ?”

“คุณรู้มั้ยว่าผมดีใจมากแค่ไหนที่คุณจำหนังสือของผมได้เกือบทุกเล่มแบบนี้” เขายิ้มเดินเข้ามากอดคอผม ดึงลงไปแล้วจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากในขณะที่ผมยังคงงุนงง

“อะไรนะ? ผมไม่เข้าใจ”

“ทั้งหมดนี่ คือหนังสือที่เคยเป็นของผม”

“...”

“ห้องใหม่มันเล็กมากผมจำเป็นต้องขายให้กับร้านที่ผมไปทำงาน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันคุณก็มาขอให้ผมแนะนำหนังสือดีๆ ให้...”

“คุณก็เลยหลอกขายหนังสือของคุณให้ผม?”

“หลอกอะไร คุณเลือกของคุณเองทั้งนั้น” เขาหัวเราะเสียงใส ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้น่าบีบแก้มนัก

แต่ก็...ใช่ ผมเป็นคนเลือกเองจริงๆ เขามักจะแนะนำมาสองสามเล่ม แต่สุดท้ายผมจะเป็นคนตัดสินใจเลือกเอง...เลือกเล่มที่เคยเห็นเขาอ่าน

“อ้อ...แต่สิ่งที่ผมต้องทำก็คือ เลือกและเตรียมหนังสือที่ช่วยทำให้คุณคิดถึงเรื่องของผม ได้ผลดีเหมือนกันเนอะ”

“ร้ายกาจไม่เบา”



เดี๋ยวอาจจะแวบมาแต่งอีกซักตอนนึงนะคะ อยากแต่งเจ้าตัวเล็กเล่นกับคุณพ่อ > <

 #โอเมก้าน่ารัก
loammyloammie
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-07-2019 19:37:47 โดย Loammy »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
มาต่ออีกนะ...น่ารักมากเลย   :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
งื้อ รวีน่ารักมากๆเลย  :-[

 :pig4:

ออฟไลน์ BooBeePan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ดีงามสุดๆ ชอบมากๆ เป็นกำลังใจให้นักเขียนนะคะ

ออฟไลน์ กวังกีเมย์บี

  • วาย ว๊าย วาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
โอยยยยยย น่าร๊ากกกกกกกกกกกก จริงๆอยากเห็นซีกพระเอกหึงมาก แบบหึงแต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะเขายังไม่ให้อภัย งื้อๆๆๆๆ น่ารักๆๆๆ ไม่ไหว จะบ้าแล้ว

ออฟไลน์ ืืnanana21

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 :-[  :-[  :-[
น่ารักกกก งื้อออออ
รอคุณลูกกะคุณพ่อนะคะ

ออฟไลน์ Loammy

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-1
หนังสือเก่า (end)


   หลังจากที่รวีกลับมาอยู่กับผมได้ไม่ถึงเดือน เขาก็คลอดเจ้าตัวเล็กออกมา ถึงแม้ว่าจะเป็นการคลอดก่อนกำหนดและตัวเล็กกว่ามาตรฐานแต่ลูกของเราก็แข็งแรงดี เป็นเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักน่าชังแถมยังร้องเก่งอีกตังหาก

   เราตั้งชื่อเขาว่า อคิณ ซึ่งแปลว่าดวงอาทิตย์ ความหมายเดียวกันกับชื่อของรวี

 ตอนนี้ผมมีพระอาทิตย์ที่สวยงามสองดวงเป็นของตัวเอง

รวีเลี้ยงลูกเก่งกว่าที่ผมคิดไว้ ช่วงที่เขาคลอดใหม่ๆ ผมคิดว่าจะจ้างพี่เลี้ยงมาช่วย แต่รวีก็ยืนยันว่าเขาทำได้ซึ่งเขาก็ทำได้ดีจริงๆ รวีบอกว่าเป็นสัญชาติญาณ จะมีก็แต่ผมนี่แหละเก้ๆ กังๆ แถมเข้ากับลูกไม่ค่อยได้...

เขาตัวเล็กมาสำหรับผม อีกทั้งผิวเด็กทารกก็บาง ทุกอย่างของลูกดูเปราะบางไปหมดและผมกลัวจะทำลูกเจ็บ เวลาจะกอดลูกทีต้องนั่งอยู่กับที่นอน กว่าจะกล้าอุ้มลูกขึ้นบ่าได้ก็เดือนที่สามเข้าไปแล้ว

แต่ดูเหมือนว่าลูกจะไม่ค่อยชอบให้ผมอุ้มเท่าไรเลย...

“หนูจะเอาอะไรอ่ะลูก พอไม่อุ้มก็ร้อง แต่พอพ่อจะอุ้มหนูก็ถีบมือพ่ออ่ะ มันเป็นยังไงครับ ไหนบอกพ่อซิ”

ผมพูดอย่างจนใจกับเด็กชายตรงหน้าที่เหมือนกับว่าพยายามถีบมือผมออก เวลาผมอุ้มเขาขึ้นมาไม่ถึงนาทีเขาก็จะร้องไห้จนผมโดนรวีดุอยู่บ่อยๆ เพราะนึกว่าผมแกล้งลูก แต่พอผมจะผละออกเจ้าตัวเล็กก็ส่งเสียงร้องเรียกจนผมเอาใจไม่ถูกเลยทีเดียว

“เอาแต่ใจจังเลย...หนูดื้อกับพ่อแบบนี้ได้ แต่ห้ามดื้อกับคุณแม่นะครับ แม่เขาเหนื่อยนะ”

ใช่...ผมรับรู้ได้ว่ารวีเหนื่อยมาก เขาต้องตื่นขึ้นกลางดึกหลายรอบเพื่อให้นมเจ้าตัวเล็ก ผมพยายามที่จะตื่นขึ้นมาทำแทนบ้างเป็นบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่แล้วรวีจะเป็นคนถึงตัวลูกก่อนอยู่เสมอเลย

“แอ้ แอ้…” เด็กชายตัวเล็กตรงหน้ามองผมตาแป๋ว มือเล็กกำรอบนิ้วผมเอาไว้พลางส่งเสียงอ้อแอ้เหมือนกับว่าเขากำลังพูดตอบผมอยู่ หากนอนเล่นแบบนี้เขาจะไม่งอแงเลย แต่ผมก็อยากจะกอดอยากจะอุ้มเจ้าตัวเล็กบ้างอยู่ดี

ผมยิ้มเมื่อเขาหาวจนปากกว้าง ก้มลงไปตั้งใจจะหอมแก้มลูกให้ชื่นใจ แต่เจ้าตัวเล็กก็ยกสองเท้าเล็กๆ ขึ้นมาแปะไว้ที่ปาก ผมก็เลยผละออกแล้วก้มลงไปใหม่ แต่ลูกก็ยังทำแบบเดิม ส่งเสียงอ้อแอ้และยกฝ่าเท้าเล็กดันปากผมเอาไว้เหมือนกับว่าไม่ยอมให้ผมก้มลงไปหอมแก้มได้

“ถีบอีกแล้ว ขาแข็งแรงจริงๆ”

“เขาชอบถีบคุณมาตั้งแต่ตอนที่อยู่ในท้องแล้วนะ”  รวีเดินออกมาจากห้องครัว ส่งแก้วน้ำเย็นมาให้ผมดื่ม ผมยกน้ำขึ้นจิบเล็กน้อยแล้วหันกลับไปมองหน้าเจ้าตัวเล็ก

จริงอย่างที่รวีพูด ก่อนที่รวีจะคลอดเวลาที่ผมลูบท้องหรือแนบหูไปกับท้องรวีทีไร ก็จะได้ฝ่าเท้าของลูกมาทักทายอยู่ทุกครั้ง ถึงแม้จะคลอดออกมาแล้วผมก็ยังโดนฝ่าเท้าน้อยๆ นี่ทักทายอยู่บ่อยๆ

“ทำไมถึงชอบถีบพ่อครับ ไม่อยากให้พ่อหอมเหรอตัวเล็ก”

ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดเสียงเล็กเสียงน้อย อคิณส่งเสียงอืออาขยับมือไม้ไปมา แถมยังยิ้มจนเหงือกบานเมื่อผมดันปลายจมูกสู้กับฝ่าเท้านุ่มนิ่มของลูกชาย

“ไม่ให้หอมแก้ม พ่อก็หอมเท้าลูกได้ น่ามันเขี้ยวจริงๆ เลย”

“คุณตัวเหม็นรึเปล่า ลูกเลยไม่ยอมให้จุ๊บ”

“จุ๊บแก้มลูกไม่ได้ งั้นจุ๊บแก้มแม่แทนแล้วกัน” ผมผละออกจากลูกแล้วดึงตัวคุณแม่ยิ้มสวยมากอดเอาไว้ กดปลายจมูกลงบนแก้มนวลทั้งสองข้างสลับกันไปมา

“พอแล้วคุณ เดี๋ยวลูกร้อง”

“แอะ...แอ้!” พูดยังไม่ทันขาดคำ เจ้าลูกชายตัวดีก็เบะปากส่งเสียงร้อง ทำให้รวีดันตัวผมออกแล้วยกตัวลูกชายขึ้นอุ้มลูบหลังพลางโยกตัวไปมาเบาๆ เพียงเท่านั้นอคิณก็หยุดร้องไห้อย่างง่ายดาย

“ทำไมพ่อกอดแม่ทีไรหนูต้องร้องทุกทีเลยอ่ะลูก หวงแม่เหรอ ฮึ?” ผมเดินอ้อมไปด้านหลังรวี พูดกับเจ้าตัวเล็กที่ทำตาแป๋วแว๋วมองมา ปาดน้ำตาเม็ดเล็กออกจากแก้มกลมแล้วส่งยิ้มให้เขา

“คุณเล่นไปก่อนนะ ห้ามทำลูกร้องด้วย ผมจะไปเตรียมกะละมังอาบน้ำให้ลูก”

รวีวางเจ้าตัวเล็กลงบนเตียงนุ่มแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ เจ้าตัวเล็กทำท่าจะร้องตามแม่ แต่ผมก็คว้าเอาของเล่นกรุ๊งกริ๊งมาสั่นให้เกิดเสียงเรียกร้องความสนใจจากเจ้าตัวเล็กได้เป็นอย่างดี ผมยิ้มและมองดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มของลูกชายที่เริ่มมองตามของเล่นได้บ้างแล้ว มือเล็กๆ ก็ชูขึ้นจะหยิบของเล่นจากมือผมให้ได้

“เสร็จพ่อล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า” ผมใช้จังหวะที่เขาเผลอก็ก้มลงหอมแก้มใช้ปลายจมูกฟัดหน้าท้องนุ่มนิ่มมีกลิ่นน้ำนมจากตัวลูกอย่างชื่นใจ อคิณส่งเสียงอ้อแอ้สองมือเล็กของเขาดึงเส้นผมของผม สองขาก็ปัดป่ายไปมาแต่สักพักเขาก็นิ่งไป ใบหน้าของลูกแดงขึ้นเล็กน้อยเหมือนเขากำลังเบ่งอะไรบางอย่างก่อนจะตามมาด้วยกลิ่นไม่พึงประสงค์ในผ้าอ้อม

ผมเงยหน้าขึ้นและก้มหน้าลงดมอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ และมองหน้าเจ้าตัวเล็กที่กำลังส่งยิ้มโชว์เหงือกมาให้

“แอ้…”

ปู้ด~

“โอโห ลูกอึ!”

ผมรีบอุ้มลูกเข้าไปหาวีเพื่อล้างก้น แต่วีกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมน้ำจึงเป็นผมที่ล้างก้นให้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมเห็นลูกอึ แต่เป็นครั้งแรกที่ล้างเองกับมือ...เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่ดี

“อ๊ะ ผมลืมหยิบผ้าอ้อมเข้ามา” รวีพูดจบเขาก็เดินออกไปด้านนอก ผมหันกลับมาหาลูกชายที่นอนดีดขาอย่างร่าเริง อคิณเป็นเด็กที่ชอบเล่นน้ำ หลังจากอาสบน้ำเสร็จแบบนี้เขาจะร่าเริ่งและคึกเป็นพิเศษ

“เป็นยังไง สบายตัวแล้วใช่มั้ยครับ” ผมอุ้มลูกมาให้อยู่ในระดับเดียวกับใบหน้า  อคิณที่ไม่ชอบให้ผมอุ้มเริ่มเบะปากทำท่าจะร้อง แต่พอผมส่งยิ้มพูดเล่นกับเขาแล้วยกแขนขึ้นเขาก็ดูจะชอบใจเพราะยิ้มกว้างจนเห็นเหงือกอีกทั้งส่งเสียงไม่หยุด สองขาเล็กๆ ก็ตีอากาศไปมาอย่างร่าเริง

“แอ้ แอ้”

“ยอมให้พ่ออุ้มแล้วเหรอ ชอบเหรอครับ สนุกใช่…”

จ๊อก~

น้ำอุ่นสีใส พุ่งออกจากจุ๊ดจู๋น้อยเข้าที่ใบหน้าเต็มๆ ถึงจะตกใจแต่ก็ปล่อยลูกไม่ได้ สุดท้ายจึงได้แต่ยืนหลับตานิ่งๆ ให้ลูกฉี่ใส่จนหมดก็อก พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นลูกชายตัวแสบที่ยังคงยิ้มและขยับขาไปมาอย่างอารมณ์ดี

“คุ๊ณ!” รวีเดินเข้ามาพอดี เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนพิงประตูแล้วหลุดหัวเราะออกมาเสียงดัง ขำจนพอใจก็มารับลูกไปทำความสะอาดและแต่งตัวให้ เจ้าตัวแสบก็เป็นเด็กดีเมื่ออยู่กับแม่ นอนยิ้มนิ่งๆ ให้รวีใส่เสื้อผ้าให้ แถมยังเสียงอ้อแอ้คุยรวีอยู่ตลอดอีกตังหาก

“ตัวแสบ ทั้งอึทั้งฉี่เลยนะ นี่พ่อนะไม่ใช่กระโถน”

“หึหึ เข้าปากบ้างมั้ย?” วีอุ้มลูกไว้ด้วยมือข้างเดียว ส่วนอีกข้างก็ใช้ผ้าขนหนูซับไปตามใบหน้าของผม ก่อนจะหัวเราะออกมายกใหญ่เมื่อผมตอบออกไป

“...จะเหลือเหรอคุณ เผลอกลืนลงคอไปอีกตังหาก”

นอกจากล้างก้นลูกแล้ว การกินฉี่ลูก...นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับผมเช่นกัน



“ทำงานเสร็จแล้วเหรอ” ผมพยักหน้าแล้วค่อยๆ ทิ้งตัวนอนบนเตียงข้างๆ เขา ตอนนี้ดึกมากแล้วแต่เพราะมีงานกะทันหัน ผมจึงต้องคุยงานกับเลขาอยู่นาน

“รวี...ง่วงรึยัง”

ผมขยับตัวกอดอีกฝ่าย ซุกใบหน้าลงที่ลำคอของเขา รวีพลิกตัวขยับเข้าหาผมแล้วส่งยิ้มให้ ฝ่ามืออบอุ่นลูบแก้มและขยับเข้ามาจูบอย่างแผ่วเบา ในขณะที่มือของผมก็สอดเข้าใต้เสื้อลูบไล้ผิวเนียนอย่างคิดถึง รวีหัวเราะคิกคักเมื่อเจ้าหนูของผมมันตื่นตัวขึ้นดันกับหน้าท้องของเขา

“ทำไมตื่นง่ายจัง?”

“ก็ผมคิดถึงคุณ คิดถึงมากๆ...”

ผมพูดเสียงแผ่ว ไล้ปลายนิ้วไปตามกลีบปากอวบอิ่มอย่างหลงไหล คิดถึงรสชาติหอมหวาน กลิ่นกายหอมหวญคิดถึงร่างกายของเขา…

 รวียิ้มหวานแล้วขยับตัวขึ้นนั่งบนตักผม สองมือของเขาลูบส่วนนั้นผ่านกางเกงจนมันตื่นตัวเต็มที่ก่อนที่เขาจะละมือขึ้นที่ขอบกางเกง

“ผมถอดกางเกงคุณออกได้มั้ย?”

“ถอดมันออกเลยที่รัก” สิ้นคำของผมรวีก็ค่อยดึงกางเกงผมลงอย่างช้าๆ  ผมมองรวีอย่างไม่วางตา แววตาเขากรุ้มกริ่มน่ารักอีกทั้งยังกัดปากน้อยๆ ผมรู้ว่าเขากำลังยั่วผม ซึ่งเขาทำได้ดี…

“แอ้! แง~”

ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรไปมากกว่านั้น เสียงร้องของอคิณก็ดังขึ้น รวีสะดุ้ง เขามองผมตาตื่นแล้วรีบวิ่งไปหาลูกทันที ผมนอนกระพริบตาปริบๆ ผงกหัวมองตรงส่วนนั้นของตัวเองที่ยังคงตื่นตัวก่อนจะเงยหน้ามองเพดานแล้วถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัด คืนนี้ก็คงต้องโลกสวยด้วยมือตัวเองอีกแล้วสินะ...

ตั้งแต่รวีท้องจนมาถึงตอนนี้ ราวๆ หนึ่งปีได้ที่ผมกับรวีไม่ได้มีอะไรกันเลย พอมีจังหวะแบบนี้ทีไร อคิณก็จะแหกปากร้องขึ้นมาทุกที

เจ้าลูกชายตัวแสบ…



“อย่านะคุณ เดี๋ยวลูกร้องอีก ผมขี้เกียจปลอบแล้ว”

ผมชะงักเมื่อเปิดประตูเข้าห้องมาก็หวังว่าจะกอดเมียหอมลูกให้หายเหนื่อยเสียหน่อย แต่ก็เจอรวียกมือขึ้นดันอกไม่ยอมให้สวมกอดเพราะเขากลัวว่าลูกจะงอแง

ผมถอนหายใจยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเอง มองรวีที่ก้มหน้าเล่นกับลูกอย่างน่ารัก ระยะหลังมานี้เราไม่ค่อยได้กอดกันเท่าไรเพราะอคิณงอแงหนักมาก ผมพยายามจะช่วยเขาเลี้ยงแล้ว แต่หากมีรวีอยู่ใกล้ๆ ลูกจะไม่ยอมให้ผมอุ้มเลย…

 และในวันหยุดที่ไม่ต้องไปทำงานแบบนี้สิ่งที่ผมพอจะช่วยรวีได้ก็คือการซักผ้าอ้อม และเตรียมของต่างๆ ไว้ให้เขาหยิบจับได้สะดวก

“ผมเตรียมผ้าอ้อมไว้ให้แล้วนะ...”

ผมชะโงกหน้าออกมาจากห้องน้ำหลังจากเตรียมเสื้อผ้าและผ้าอ้อมให้ลูกเสร็จ แต่ก็เห็นว่าอคิณกำลังส่งเสียงหัวเราะอย่างน่ารักเมื่อรวีก้มหน้าลงกดปลายจมูกไปมาที่แก้มกลมของลูก ผมมองภาพนั้นอย่างมีความสุขและเดินเข้าไปหา ตั้งใจว่าจะไปร่วมวงเล่นด้วยเสียหน่อย

“เล่นอะไรกัน ขอพ่อเล่นด้วยคนได้มั้ยครับ?”

“แอ้!” แต่เพียงแค่ผมวางมือลงบนไหล่ของรวี เจ้าอคิณตัวแสบก็เบะปากร้องออกมา ทำให้รวีปัดมือผมมออกทันที

“โอ๋ๆ พ่อจะไม่เข้าใกล้แม่แล้วครับ ไม่ร้องนะคนเก่ง...คุณช่วยขยับออกไปก่อนนะ วันนี้ลูกดูอารมณ์ไม่ดีเลย” รวีพูดกับผมด้วยน้ำเสียงแบบช่วยไม่ได้ในขณะที่มือก็ลูบหลังเล็กๆ แล้วโยกตัวไปมา ผมมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมลูกถึงไม่ชอบผม แถมตอนนี้ก็โดนรวีบอกให้อยู่ห่างๆ อีก ผมรู้สึกเหมือนเป็นหมาหัวเน่าขึ้นมาทันทีเลย…

ปกติแล้วเราสามารถงอนเมีย งอนลูกได้มั้ย...ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเป็นแบบนั้น

“ลูกก็ไม่ค่อยยอมให้อุ้ม เมียก็ไม่ยอมให้กอดอีก”

“คุณ…”

“อย่าใส่ใจเลย...ไม่มีอะไรหรอก ผมก็แค่บ่นเฉยๆ”

รวีคงรับรู้ได้ว่าผมกำลังน้อยใจ เพราะได้ยินว่าเขาพยายามพูดถึงผมให้ลูกฟัง แต่ผมก็ไม่อยากให้ลูกงอแงไปมากกว่านี้จึงออกมานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียง ตาก็ชะเง้อมองเข้าไปในห้องตลอด มองดูรวีที่กำลังให้นมและพยายามกล่อมลูกให้นอนระหว่างวัน

เราสบตากันและรวีก็ส่งยิ้มให้ผมผ่านประตูกระจกกั้นระเบียง ผมเองก็ยิ้มตอบมองใบหน้าที่อิดโรยเล็กน้อยเนื่องจากนอนไม่เพียงพอ...ผมรู้ว่าเขาเหนื่อย การเลี้ยงเด็กนั้นเหนื่อยจริงๆ แถมผมเองก็ช่วยเขาไม่ได้เยอะ

เมื่อครู่นี้ผมทำตัวงี่เง่าไปและตอนนี้ก็เริ่มรู้สึกผิด เลยคิดว่าจะพูดคุยเป็นปกติตอนที่รวีถาม และก็จะพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการกอดหรือสัมผัสตัวเขาเวลาอยู่ต่อหน้าลูกด้วย

“คุณ...ลูกหลับแล้ว ช่วยไปนั่งเป็นเพื่อนลูกหน่อยได้มั้ย ผมว่าจะโทรคุยกับคุณหมอเสียหน่อย”

“หมอ? ลูกเป็นอะไร หรือคุณเป็นอะไร” ผมรีบวางหนังสือลงแล้วลุกขึ้นไปหารวี แนบฝ่ามือไปกับแก้มของเขาเผื่อว่าเขาจะไม่สบาย การพักผ่อนน้อยของรวีทำให้เป็นห่วงกลัวว่าเขาจะป่วยขึ้นมา

รวียิ้มบางๆ ดึงมือของผมลงไปจูบ มองผมด้วยสายตารักใคร่ เพียงเท่านั้นความน้อยใจในก่อนหน้านี้ก็สลายไปทันทีเลย

“ลูกกับผมสบายดี แค่มีเรื่องอยากปรึกษาคุณหมอเฉยๆ”

“ปรึกษาเรื่องอะไร” ผมถามและรวีไม่ยอมตอบ แขาแค่ส่งยิ้มและดันผมให้เข้าไปในห้อง

“ไปนอนอ่านหนังสือใกล้ๆ ลูกนะแต่ต้องระวังอย่าทำลูกตื่น”

 ผมมองหน้าเขาอีกครั้งและกดจูบลงที่หน้าผากของรวี เดินเข้าไปหาอคิณ ทิ้งตัวนั่งลงใกล้ๆ เปลนอนและมองใบหน้าจิ้มลิ้มของลูกที่หลับตาพริ้ม...ถึงแม้รวีจะบอกว่าระวังอย่าทำลูกตื่น แต่นี่ก็เป็นโอกาสเดียวที่ผมจะหอมแก้มลูกได้

“ขอพ่อหอมหนูหน่อยนะลูก” ผมบอกเสียงแผ่วไล้ปลายนิ้วไปตามสันจมูกเล็กๆ ของลูกชาย ขยับตัวอย่างเชื่องช้า และค่อยๆ ก้มใบหน้าลงกดปลายจมูกลงบนแก้มของลูก พยายามจะทำอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้

ผมผละตัวออกห่างเมื่ออคิณส่งเสียงพร้อมทั้งขยับแขนเล็กนั่น และถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเปลือกตาสีอ่อนของลูกยังคงปิดสนิทอยู่เช่นเดิม ผมขยับตัวออกมานั่งห่างจากเปลนอนเล็กน้อย มองดูเด็กชายที่ผมเพิ่งจะรู้จักได้ไม่กี่เดือน

ใบหน้าน่ารักของอคิณเหมือนรวีมากกว่าผม ซึ่งนั่นถือว่าเป็นเรื่องดี เวลาไปไหนมาจะได้มีแต่คนเอ็นดูเขา

ผมหันมองรวีที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่ตรงระเบียง ในช่วงแรกผมเห็นว่าเขามีสีหน้าเคร่งเครียดเล็กน้อยแต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ดูผ่อนคลายขึ้น เมื่อคุยเสร็จเขาเดินเข้ามาหา จัดการเตรียมของและผักผ่อนในระหว่างที่ลูกหลับ

ตามปกติแล้วผมนึกว่ารวีจะให้ลูกนอนสองครั้งในระหว่างวัน คือรอบเช้า พอลูกตื่นก็พากินนมและเล่นกับลูกซักเล็กน้อย จากนั้นก็พาเข้านอนในรอบบ่ายประมาณสองถึงสามชั่วโมง แต่นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่ถึงสองชั่วโมง รวีก็เดินเข้ามาปลุกเจ้าตัวเล็กเสียแล้ว

เพราะหลับไม่เต็มอิ่ม ทำให้อคิณมีอาการงอแงอย่างหนักในช่วงแรกแต่พอรวีชวนเล่นของเล่นก็กลับมาร่าเริงปกติ ผมเองก็นั่งมองอยู่ไม่ไกล ลูกหันมาสนใจเมื่อในมือผมมีของเล่นแต่ยังคงถีบมือและไม่ยอมให้อุ้มเท่าไร พอสบโอกาสจะจับอุ้มตอนที่เผลอ อคิณก็เบะปากเตรียมร้องจนผมวางลงแทบไม่ทัน

“คุณอยากกล่อมลูกนอนมั้ย?”

ผมเลิกคิ้วขึ้น มองเด็กน้อยที่กำลังร้องให้โยเยเพราะง่วงนอนในอ้อมกอดของรวี ตอนนี้เป็นช่วงหัวค่ำแล้ว เลยเวลานอนของอคิณมาเล็กน้อย แต่ก็ทำให้เจ้าลูกชายที่หลับไม่เต็มอิ่มมาตั้งแต่ช่วงบ่ายงอแงไม่หยุด แล้วรวีจะให้ผมไปกล่อมลูกนอน...คงเป็นความคิดที่ไม่ดีเท่าไร

“จะดีเหรอ เดี๋ยวก็ร้องห้องแตกกันพอดี”

“มาลองดูสิ...”

ผมเดินเข้าหารวี เตรียมจะรับลูกมาอุ้ม แต่เขาก็วางลูกลงบนฟูกแล้วหันไปหยิบกระป๋องแป้งของลูกมาเทใส่มือแทน ผมมองอย่างไม่เข้าใจเมื่อรวีถูฝ่ามือไปมาแล้วเอาแป้งตามใบหน้าและลำคอของผม

“ตัวผมเหม็นจริงๆ เหรอ”

ผมถามอย่างไม่มั่นใจ เรื่องกลิ่นเป็นเรื่องคิดหนักและคิดมาก เพราะมันอาจเป็นสาเหตุที่ลูกไม่ยอมให้ผมอุ้ม แต่ผมก็พยายามอาบน้ำและใส่เสื้อผ้าใ้สะอาดที่สุดแล้วก็ดูจะไม่ได้ผลเลย

“เปล่าหรอก แต่เพราะว่าคุณไม่ได้อยู่กับลูกทั้งวันเหมือนผม เลยทำให้เขาไม่คุ้นกับกลิ่นของคุณ และนั่นอาจเป็นสาเหตุที่อคิณไม่ยอมให้คุณอุ้ม”

“คุณรู้ได้ยังไง?”

“ที่ผมคุยกับคุณหมอเมื่อตอนเที่ยงนั่นไง...พร้อมนะ” รวีพูดพลางจับให้ผมนั่งลงดีๆ จากนั้นก็นำผ้าอ้อมสำหรับเช็ดปากลูกมาพาดไว้ที่หน้าอกของผม แล้วเขาก็หันไปอุ้มลูกขึ้นมา

“อืม…”

ผมพยักหน้าค่อยขยับตัวรับอคิณเข้าสู่อ้อมกอด ลูกชายยกเท้าขึ้นดันมือผมและเริ่มเบะปากร้องอีกครั้ง

“อย่าเกร็งสิคุณ...ทำมือแบบนี้ประคองก้นของเขาเอาไว้ ยกข้อศอกขึ้นแล้วก็ควรระวังไม่ให้ลูกนอนทับกระดูกข้อมือแข็งๆ ของคุณด้วย...เห็นมั้ย แค่นี้เขาก็ยอมอยู่นิ่งๆ แล้ว”

ผมยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าเจ้าลูกชายเริ่มหยุดร้อง รวีหัวเราะกับท่าทางของผมแล้วหยอบขวดนมขึ้นให้ผมป้อนลูก พลางอธิบายนี่อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุ ผมอุ้มเขาผิดวิธีทำให้เขานอนไม่สบายในอ้อมกอดของผมอีกทั้งกลิ่นที่เขาไม่คุ้นเคยอีก

“พ่อขอโทษนะครับ ก่อนหน้านี่พ่อทำหนูเจ็บใช่มั้ย?” ผมถามเสียงเบามองหน้าลูกชายที่ดูดนมอย่าเอาเป็นเอาตาย ดวงตากลมโตก้ปรือปรอยใกล้จะปิดเต็มที

“ลองโยกตัวดูสิ ลูกชอบ” รวีแนะนำ ผมก็โยกตัวไปมาช้าเหมือนที่เคยเห็นรวีทำตอนกล่อมลูก ตาที่ปรือปรอยนั้นก็ปิดสนิทลง...

พอเขาหลับผมก็หยุดโยกตัว นั่งฟังเสียงลมหายใจของเขาที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ จู่ๆ ผมก็รู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหล ผมไม่เคยกล่อมลูกนอนแบบนี้เลยซักครั้งเพราะไม่สามารถทำได้

ลูกตัวเล็กมากจริงๆ เล็กกว่าท่อนแขนของผมเสียอีก หัวกลมกระจิ๋วหลิวที่แนบตรงหน้าของผม ดูปากเล็กที่ดูดนมนี่สิ ฝ่ามือเล็กๆ ของเขาที่ทาบทับอยู่บนนิ้วชี้นิ้วเดียวของผมนี่ด้วย เจ้าตัวเล็กของพ่อ...

“ลูกหลับแล้วก็วางเขาลงในเปลนะ”

“ขอผมอุ้มเขาต่ออีกซักหน่อยสิ อยากจะอุ้มเขาไว้ทั้งคืนเลย”

ผมพูดทั้งที่ยังไม่ละสายตาไปจากใบหน้าเขาอคิณ รวีขยับเข้ามาใกล้และจูบแก้มจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมองเขา

“ปกติลูกจะตื่นมาทุกๆ สามชั่วโมงเพราะหิวนม แต่เพราะตอนบ่ายผมปลุกเขาก่อนเวลาทำให้รอบนี้อาจจะนอนยาวสี่ชั่วโมง”

“...” ผมเลิกคิ้วมองอีกฝ่าย รวียิ้มกรุ้มกริ่มและเงยหน้าขึ้นจูบริมฝีปาก

“แต่ยังไงก็...เรามีเวลา ทำ กันไม่มากหรอกนะ”

อา…ผมเข้าใจแล้วว่าเขาตั้งใจจะ ทำ อะไรกับผมในคืนนี้…

.

.

.

“วี...ขยับเร็วขึ้นอีกหน่อย”

“ให้อีกรอบเดียวนะ...อือ เดี๋ยวลูกจะตื่นแล้ว” 

เขาเหลือบตามองนาฬิกาเล็กน้อยรวีพูดเสียงหอบในขณะที่ขยับขายกสะโพกขึ้นลงเร็วขึ้นตามที่ผมบอกหลังจากเสร็จสมไปสามครั้ง…

ก็อดอยากปากแห้งมาเกือบปี มีโอกาสทั้งทีผมก็ต้องขอตักตวงไว้หน่อย

น้ำรักของผมที่คั่งค้างอยู่ในช้องทางอุ่นก็พากันไหลย้อยออกมาตามจังหวะการขยับตัว ก่อให้เกิดเสียงเฉอะแฉะน่าอาย...แต่ก็เร้าอารมณ์ของเราไม่น้อยเลยทีเดียว

ผมบีบเคล้นสะโพกที่อวบอัดขึ้นเนื่องจากการมีลูกของรวี มองดูคนรักที่หลับตาพริ้มและกัดริมฝีปากอย่างเซ็กซี่ กลิ่นหอมอันเย้ายวนตลบอบอวลไปทั่วห้องนอน ผมคิดถึงกลิ่นนี้...คิดถึงเสียงครางของเขา

“คุณขยับบ้างสิ...อื้อ อ๊ะๆ” ไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ผมก็จัดให้ตามที่เขาขอ ผมยกสะโพกเขาขึ้นแล้วเป็นฝ่ายขยับตัวขึ้นหา รวีเกร็งตัวและยกมือขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงครางไม่ให้ดังจนเกินไป

ยิ่งเห็นว่าเขาทำพยายามกลั้นเสียงแบบนั้น ผมก็ยิ่งอยากทำให้เขาครางดังกว่าเดิม

ผมเปลี่ยนท่าพลิกตัวเขาให้นอนราบกับที่นอน รวีแยกขาออกกว้างโอบรอบสะโพกผมเอาไว้อย่างรู้งาน รวีปรือตามองผมแล้วส่งยิ้มยั่วยวน เรียวแขนยกขึ้นอย่างช้าโอบรอบคอแล้วดึงผมให้โน้มกายลงไปรับจูบที่แสนหวาน

“อืม...วี” ผมครางในลำคอ เมื่อช่องทางด้านหลังของบีบกระชับแก่นกายของผมอย่างหนักหน่วง วีกอดรัดผมแน่นกว่าเดิมและหยัดกายรับจังหวะจากผมอย่างร้อนแรง ผมรู้ว่ารวีเซ็กซี่ แต่น่าทึ่งที่เขายั่วเย้ากว่าเดิมทุกครั้งที่เราร่วมรักกัน

ผมกอดเขาเอาไว้อย่างหวงแหน พรมจูบไปทั่วใบหน้าใขขณะที่สะโพกของก็เคลื่อนไหว้เข้าหากันไม่มีหยุด จนในที่สุดรวีก็เกร็งตัว จิกเล็บลงกับแผ่นหลังของผม แล้วน้ำสีขุ่นข้นหนืดก็ถูกปลดปล่อยออกมา ด้านในตัวเขาบีบกระชับเป็นจังหวะหนักๆ และนั่นหมายความว่าใกล้จะถึงจุดอีกครั้ง

ผมเร่งจังหวะการขยับสะโพก ขยับฝ่ามือช่วยชัดรูดแก่นกายขนาดพอดีมือของรวี ไม่นานเขาก็เกร็งตัวและกระตุกอย่างรุนแรง

“อือ รวี...ที่รัก”

ผมกัดฟันและมองใบหน้าของภรรยาที่รัก ก้มหน้าลงจุมพิตแก้มนวลและริมฝีปากอวบอิ่มของรวีซ้ำแล้วซ้ำเล่าในขณะที่กระแทกสะโพกเข้าหาเขาเป้ฯจังหวะหนักอยู่ไม่กี่ครั้ง ก่อนที่เราจะปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ กัน

รวีนอนแผ่บนเตียง เงยหน้ารับจูบจากผม บ้างก็หันหนีเพราะเขาเหนื่อย แต่ผมก็จับปลายคางให้เขาหันกลับมารับความรักจากผมจนได้

“พอแล้วคุณ เหนื่อย...”

“อยากอาบน้ำมั้ย เดี๋ยวผมอาบให้”

รวีส่ายหน้าไปมาอย่างเหนื่อยอ่อน ผมยิ้มขำกับท่าท่างของเขาแล้วคว้าเอาเสื้อผ้าที่เราถอดท้องเอาไว้มาเช็ดทำความสะอาดให้ จากนั้นก็เอาชุดใหม่มาใส่ให้

“เป็นไงบ้าง เต็มอิ่มเลยมั้ย”

“อืม ขอบคุณนะ” ผมยิ้มมองใบหน้าของเขาด้วยหัวใจที่อบอุ่น รวีซุกตัวเข้าหาช้อนตามองสบตากับผมและวางมือไว้บนแผ่นอก ลูบไปมาเบาๆ ให้ความรู้สึกเหมือนว่าเขากำลังกล่อมผมนอนเลย

“คุณอย่าน้อยใจเลย...ตอนนี้ลูกยังเด็กมาก เขาต้องได้รับการดูแลเป็นพิเศษ อาจมีบางครั้งที่ผมละเลยคุณไป แต่ถึงยังไงผมก็รักคุณมากๆ นะ”

พูดจบเขาก็ยืดตัวขึ้นจูบผมอีกครั้ง รวีส่งยิ้มน่ารักและกอดผมเอาไว้แน่น เขาขยับตัวยุกยิกไปมาอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็นิ่งไป ลมหายใจเขาสงบและเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบางบอกว่ารวีของผมหลับไปแล้ว

มีแต่ผมที่ยังลืมตานอนมองเพดาน ดมกลิ่นหอมอบอุ่นจากตัวจากของเขาอย่างสบายใจ สิ่งที่เขาพูดทำให้ผมรู้ว่ารวีทำอะไรเพื่อผมมากมายเลยทีเดียว

ภรรยาดีๆ แบบนี้ผมจะไปหาจากไหนได้อีก

รวี..ดวงอาทิตย์ของผม



โดยส่วนตัว เราชอบนิยายที่มีเด็กๆ มากเลยค่ะ ดูน่ารัก ดูอบอุ่น ดูซุกซน

แต่พอมาแต่งเองก็แบบว่า...ยากเหมือนกันนะเนี่ย 55555



ตอนหน้าพบกับเรื่องใหม่แล้วนะคะ ติดตามกันน๊าา




loammyloammie

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1135
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ครอบครัวน่ารัก

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เรื่องนี้น่ารักมากเลย  :mew1:

ออฟไลน์ WEAK

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เจ้าพระอาทิตย์น้อยตัวแสบ

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
ดีมากๆๆๆๆๆๆเลยยย แบบ ฮื้อออออออแ  :-[
ตอนแรกนึกว่าจะไม่กลับมาคืนดีกันแล้ว ตอนง้อสำเร็จ แล้วรู้เรื่องหนังสือนะ แบบ โอ้ย ใจชั้นนนน อะไรมันจะดีขนาดนี้ กัดหมอนนนนน  :heaven
พอมีเจ้าตัวเล็กแล้วลูกไม่ให้อุ้นนะ แอบสงสารคุณพ่อเค้านะคะ 555555555555
รวีคือแบบ เป็นแม่ที่ดี และเมียที่ดีม้ากกกกก ซีนที่แอบปลุกลูกก่อนเวลาเพื่อจะได้มีเวลาชดเชยให้สามีก็คือ ฟหกกดเ้้่าสวงงง ดาเมจมาก ยั่วๆเลยจ้า  :m25:

ออฟไลน์ NormalVee

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
หนังสือเล่มเก่าที่เอามาตีความใหม่ มีความสุขจังเลยยย

ออฟไลน์ Mengjie_JJ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 221
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-2
สงสารรวีตอนโดนทิ้ง

แต่พอหวานกันก็น่ารักมากเลย

 :-[

ออฟไลน์ nizxx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องนี้น่ารักมากกกกกกกกกเลยค่ะ เราชอบมากกกกกกกกๆมากๆๆๆเลย จริงเราชอบเวิร์สโอเมก้าอยู่แล้ว เปิดเรื่องมาคืนตอนเลิกรากันไปพอดี จะวิ่งหยิบทิชชู่มารอแล้วยิ่งอ่านไปๆยิ่งเข้าใจความรักมากขึ้น ไม่ได้ผิดที่ใครสักคน ภาษาดีมากกกก เรื่องนี้ฮีลใจคนที่ไม่กล้ามีความรักแบบเราได้ดีมากๆเลยค่ะ เราชอบที่อีตาเกรทอยากให้มีลูกจะได้มีอะไรมาดึงยัยหนูรวีไว้กับตัวมากๆ 555555 เป็นฟีลแบบจากกันง่ายเกินไปมั้ง ไม่มีอะไรฉุดรั้งเธอได้นอกจากการมีโซ่ทองคล้องใจไว้แล้วอะ ตอนอ่านจบพาร์ทแรกน้ำตาเราซึมเลยกว่าจะได้รักกันไม่ง่าย กว่าจะประคองให้รักกันไปตลอดนี่ยากกว่า ตอนที่น้องอคิณแอนตี้คุณพ่อคือชอบใจมาก แต่กลัวใจตาพ่อจะแบบ น้อยใจลูกงอนเมีย ละไปหาเอานอกบ้านงี้ ชอบที่เล่นแค่ประเด็นความรักของคนสองคนนะคะ ดีใจที่ไม่ผูกประเด็นไปมือที่สาม ฮือ เรื่องนี้ดีมากๆจริงๆค่ะ เราชอบทุกส่วนของเรื่องนี้เลย ปูประเด็นมาครบหมดเลย ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวดีๆมาให้อ่านนะคะ 

ออฟไลน์ theindiez

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-1
วีน่ารักมาก ๆเลยย

ออฟไลน์ Petit.K

  • Petit parapluie
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 840
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
อบอุ่นมากเลยง่าาา น่ารักดันทั้งบ้าน :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ AeAng11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 528
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
รวีคงรักมากรอมาตลอดส่วนพ่อเจ้าอคิณเกือบจะสายไปแล้วช่วยกันเลี้ยงลูกน่ารักมากขอบคุณนะคะ

ออฟไลน์ ืืnanana21

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 116
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
โอ๋ๆนะคุณพ่อ

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

ออฟไลน์ ReiSei

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1379
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-5
ดีมากๆเลยเรื่องนี้ ;___; ขอบคุณค่ะ ชอบ omegaverse มาก และเรื่องนี้ก็อบอุ่นมากๆเขียนออกมาดีมาก ถูกใจจ

ออฟไลน์ Ilovemalong

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 37
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
พล็อตแนวนี้ถูกจริตเรามาก พวกผู้ชายที่ชอบเห็นคุณค่าของความรักเมื่อเสียมันไปก็ต้องได้รับบทเรียน มากๆ แอบโมโหแทนรวีเลยค่ะตอนแรกๆ แต่ในเมื่อเค้าพิสูจน์ตัวเองแล้วก็ยอมรับได้ ชอบการที่เจ้าตัวน้อยทำท่ารำคาญคุณพ่อ ตอนแรกนึกว่าแก้แค้นแทนคุณแม่ค่ะ เอ็นดูน้อง

ออฟไลน์ rawi62442

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เรื่องนี้น่ารักมากๆเลยค่ะ ยกให้เป็นหนึ่งในเรื่องสั้นในใจเรา
ชอบบรรยากาศในทั้ง โดยเฉพาะฉากที่พระเอกอ่านหนังสือ
เราประทับใจมากๆ ด้วยความที่เราชอยอ่านหนัฃสิออะไรแบบนี้อยู่แล้ว
พอมาอ่านเรื่องนี้เลยอินมาก ตอนมีลูก อ่านแล้วรู้สึกเลยว่าเกรทรักรวีมาก
อ๋อ อีกอย่างค่ะ เราชอบชื่อตัวละครมากๆ โดยเฉพาะชื่อนายเอก
เราชอบความหมายมากๆ

ออฟไลน์ dekfad

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 21
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
สนุกมากค่ะ น่ารัก อบอุ่น ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง
เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ Parapoyfaii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 60
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดไม่ผิดที่คลิกมาอ่าน
ดีมากเลยแงงงง ฮื่อ ดีไปหมด
ใจฟูมากตอนคืนดีกัน
ยิ่งตอนรู้ว่ามีน้องก็คือน้ำตาไหลไปเลยแม่
ขอบคุณคนแต่งนะคะ
 :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ Fonjae333

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
มันอบอุ่นมากๆเลย

ออฟไลน์ Ti0590

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
อคิณ แสบจริงๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด