Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 12 (5/12/2562)P.2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 12 (5/12/2562)P.2  (อ่าน 9323 ครั้ง)

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

*****************************************************************************************
Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์

สารบัญ

ตอนที่ 1   ตอนที่ 2   ตอนที่ 3
ตอนที่ 4   ตอนที่ 5   ตอนที่ 6
ตอนที่ 7   ตอนที่ 8   ตอนที่ 9
ตอนที่ 10   ตอนที่ 11   ตอนที่ 12


ผลงานที่ผ่านมาของ Sira_nann
This love has a little cupid ความรักนี้มีกามเทพ


สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-12-2019 13:38:17 โดย sira_nann »

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 1

เสียงกุกกักดังจากห้องน้ำด้านใน ทำให้วรภัทรชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะเดินไปยังโถปัสสาวะหลังจากที่ทำธุระเสร็จแล้วชายหนุ่มกำลังเดินไปล้างมือ ก็ได้ยินเสียงสบถดังขึ้นจากห้องน้ำด้านใน

วรภัทรค่อยๆเดินเข้าไปตอนแรกที่เดินเข้ามาในห้องน้ำของโรงแรมหรูเขาคิดว่าภายในห้องมีเขาแค่คนเดียวแต่เสียงที่ดังขึ้นทำให้ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลายอดที่จะหวาดระแวงไม่ได้

โรงแรมนี้มีผีเหรอ แต่กลางวันแสกๆแบบนี้ผีคงไม่ออกมาหรอกนะ

ชายหนุ่มค่อยๆเดินผ่านห้องน้ำแต่ละห้องไปพบว่าประตูเปิดกว้างไม่มีใครจนมาถึงห้องสุดท้ายที่ประตูเปิดแง้มอยู่ วรภัทรค่อยๆเอื้อมมือไปที่บานประตูอย่างชั่งใจว่าจะผลักเข้าไปดีไหม แต่มือยังไม่ทันได้สัมผัสกับประตูก็ได้ยินเสียงพูดเสียก่อน เขาจึงเงี่ยหูฟังว่าคนในห้องน้ำพูดอะไรกันแน่

“โอ๊ยเห็นไหมมันติด”

“ค่อยๆครับ เดี๋ยวผมช่วยจับ”

“พอเหอะ ฉันทนไม่ไหวแล้ว”

เสียงสนทนาภายในห้องน้ำทำให้เขาชะงัก ก่อนถอยออกมา ผู้ชายสองคนอยู่ในห้องน้ำเดียวกัน เมื่อพยายามมองเข้าไปเห็นเงาสะท้อนอะลูมิเนียม เห็นผู้ชายใส่แว่นนั่งอยู่บนชักโครกก้มทำอะไรที่เป้ากางเกงคนที่ยืนอยู่ พอเห็นดั่งนั้นวรภัทรรู้สึกอึ้งทำอะไรไม่ถูก เขาเคยได้ยินเพื่อนๆมาพูดให้ฟังเกี่ยวกับพวกชอบความตื่นเต้นมีเซ็กซ์ตามห้องน้ำ แต่นั่นมันตามผับตามบาร์ประเภทสบตากันปุ๊บไม่รู้จะไปที่ไหนก็ลากเข้าห้องน้ำ พอเสร็จกิจก็แยกย้าย  แต่นี่มันโรงแรมหรูเชียวนะถ้าแขกคนอื่นในงานแต่งงานผ่านมาเจอแบบที่เขาเจอล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหที่คนในห้องน้ำไม่มีจิตสำนึกในการใช้ห้องน้ำสาธารณะเอาเสียเลย

ชายหนุ่มตัดสินใจตบประตูห้องน้ำเสียงดังพร้อมตะโกนออกมาหวังว่าคนทั้งคู่จะละอายใจบ้างโดนไม่สนใจว่าประตูจะกระแทกแผ่นหลังของคนที่ยืนอยู่

“นี่คุณถ้าอยากมากขนาดนั้น ไปเปิดห้องกันเลยเหอะ”

เมื่อพูดจบวรภัทรก็ถอยห่างเพื่อจะเดินออกไปให้พ้นจากที่นี่เขาไม่อยากรู้แล้วว่าทั้งคู่จะหยุดหรือทำอะไรต่อ เดี๋ยวพอออกไปจะหาป้ายมาติดว่าห้องน้ำเสีย จะได้ไม่มีคนหลงมาเจอแบบที่เขาเจอ ชายหนุ่มคิดหาทางออกอยู่ภายในใจ แต่เสียงดังเหมือนถังขยะถูกเตะล้ม ทำให้เขาชะงักแล้วหันไปมอง วรภัทรเห็นผู้ชายสวมแว่นตามองเขาหน้าตาตื่นก่อนพูดว่า

“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ คุณกำลังเข้าใจผิด”

“นี่นายจะแก้ตัวทำไม ช่างมันเถอะ” เสียงชายคนที่สองดังขึ้นก่อนเดินออกมายังที่เขายืนอยู่ วรภัทรมองผู้ชายสองคนตรงหน้า แม้ว่าคนที่มาใหม่จะดูดีร่างกายดูสูงใหญ่กว่าเขาและผู้ชายสวมแว่นมากนัก แต่แววตาที่มองเขานั้นมีแววตำหนิ สงสัยจะโกรธที่เข้าไปขัดจังหวะล่ะมั้ง

“โถ่ บอส คุณคนนี้กำลังเข้าใจผิดเราอยู่นะครับ” ชายสวมแว่นหันไปพูดกับผู้ชายคนนั้น

“แล้วไง ใครจะคิดยังไงก็ช่าง ถ้าคนมันคิดอกุศลอธิบายไปก็คิดอยู่ดี” ชายคนนั้นพูดพร้อมมองมาทางวรภัทรด้วยสายตาวาวโรจน์

“ผมคงคิดดียาก เพราะจากที่มองเห็น พวกคุณทำให้คิดแบบนั้น” วรภัทรไล่มองคนทั้งคู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า สายตาตาเบิกกว้างเมื่อเห็นบางสิ่งบางอย่าง ก่อนเหยียดยิ้มเยาะให้ชายที่ตัวโตกว่าแล้วหันหลังเพื่อเดินออกไปจากห้องน้ำนี่ ไม่มีอะไรต้องพูดกับคนไม่มียางอายพวกนี้แล้ว

“นี่คุณ” ชายตัวโตเดินเข้ามากระชากไหล่ของวรภัทรให้หันมาเผชิญหน้ากัน

“เอ๊ะ ปล่อยนะ เราไม่มีอะไรจะต้องพูดกัน” วรภัทรปัดมือของคนตัวโตก่อนเงยหน้าสบตาคมนั่น

“แต่ผมมี คุณอยากจะพูดอะไรก็พูดมาเลยไม่ต้องมองเหยียดแบะปากแบบนั้นก็ได้มั้ง” ดวงตาคมวาวโรจน์จนวรภัทรรู้สึกว่าตัวเองเล็กลงกว่าปกติ แถมท่าทางที่จะมาขย้ำฉีกเนื้อเขาอีกล่ะ

“บอสครับใจเย็นๆ” ผู้ชายใส่แว่นเข้ามาดึงคนตัวโตเอาไว้

“ชินปล่อยเดี๋ยวนี้ นายไม่เห็นเหรอว่าไอ้เด็กนี่มันมองฉันยังไง” คนตัวโตหันไปเล่นงานผู้ชายใส่แว่น วรภัทร กำลังจะถอยหลังผละออกมาแต่คนตัวโตก็รู้ทันจับต้นแขนเขาทันที

“ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่มีอะไรจะพูดกับนาย” วรภัทรตะโกนใส่หน้าคนตัวโตที่บีบแขนเขาจนเจ็บไปหมด

“ไม่ปล่อยจนกว่านายจะขอโทษที่เสียมารยาทกับฉันก่อน”

“ไม่ปล่อยใช่ไหม ได้ ไม่ปล่อยแน่นะ” วรภัทรมองคนตัวโตอย่างโมโห เมื่อเห็นว่าตานั่นไม่ปล่อยเขาแน่ๆ วรภัทรจึงตัดสินใจยกเข่ากระแทกกล่องดวงใจคนตัวโตทันที

“นี่แหน่ ไอ้โรคจิต” ทันทีที่กระแทกไปสุดกำลังจนคนที่โตกว่าทรุดฮวบลง วรภัทรก็ตะโกนใส่หน้าพร้อมผลักคนที่ทำเขาก่อนให้ล้มลง แล้ววิ่งออกไปนอกห้องน้ำทันที

“บอส เป็นยังไงบ้างครับ” ชินกรร้องเรียกอย่างตกใจพร้อมเข้าไปประคองเจ้านายของตัวเองให้ลุกขึ้นมา

“เจ็บไงล่ะ ถามมาได้อย่าให้เจอนะไอ้ตัวแสบ” พสุธามองประตูที่ปิดลงอย่างอาฆาตคนที่ทำเขาเจ็บจุกจนพูดไม่ออก

“ผมว่าเรารีบไปจากที่นี่กันก่อนเถอะครับ บอสพอเดินไหวไหม” ชินกรพูดขึ้นหลังจากพยุงให้เจ้านายพิงเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าดีๆ ก่อนวิ่งไปหยิบข้าวของไม้แขวนเสื้อที่อยู่ในห้องน้ำออกมา แล้วส่งสูทมายื่นให้เจ้านาย ส่วนตัวเองเอาไม้แขวนที่มีกางเกงแขวนอยู่ถือไว้เอง ชายหนุ่มอยากพาเจ้านายให้ออกไปให้พ้นจากห้องน้ำโดยเร็วก่อนที่ใครจะเข้ามาเจอเข้าอีก

“นายจะเอาสูทมาให้ฉันทำไม สภาพแบบนี้คงจะไปร่วมงานไม่ได้แล้ว” พสุธาส่งเสื้อสูทคืนลูกน้อง เกิดเรื่องแบบนี้เขาคงไปร่วมงานแต่งงานได้หรอก เอาเถอะยังมีงานช่วงเย็นอีกรอบค่อยไปตอนนั้นก็ได้

“บอสลืมไปแล้วเหรอครับ คือซิบกางเกงบอสแตกอยู่แถมถอดกางเกงเปลี่ยนไม่ได้อีก ผมว่าเอาเสื้อสูทปิดไว้ตอนเดินออกไปน่าจะดีกว่านะครับ” ชินกรแนะนำเจ้านาย เขาไม่โทษชายหนุ่มคนนั้นที่มากล่าวหาว่าเจ้านายของเขาเป็นพวกโรคจิต เพราะถ้าเจ้านายของเขาเดินออกไปแบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากที่เด็กหนุ่มว่าสักเท่าไหร่ เพราะซิปกางเกงเปิดอ้าโชคดีที่มีชายเสื้อโผ่ลออกมาปกปิดไว้บางส่วนไม่งั้นคงเห็นกางเกงชั้นใน

“เออ ลืมไปเลย” พสุธาก้มมองกางเกงตัวเองอย่างนึกได้ ก่อนดึงเสื้อเชิ้ตออกมาด้านนอกกางเกง ยกเสื้อสูทมาถือด้านหน้าเพื่อปิดบังซิบกางเกงเอาไว้ ก่อนเดินตามลูกน้องกลับไปห้องทำงานตัวเองด้านบนอย่างหัวเสีย

เมื่อถึงห้องทำงาน พสุธาคว้ากรรไกรบนโต๊ะของเลขาแล้วเดินเข้าไปที่ห้องพักด้านในเพื่อเปลี่ยนกางเกงใหม่ แต่ยังไม่ทันที่จะเสร็จดีเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น ชายหนุ่มจึงกดรับสายเพื่อนสนิทพร้อมทั้งแต่งตัวไปด้วย

 “ว่าไง มีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณภาค”

(มี คือมีคนเจอไอ้โรคจิตในห้องน้ำโรงแรมมึงว่ะ)

“มึงว่าอะไรนะ” พสุธาตะโกนเสียงดัง

(เออ มึงได้ยินไม่ผิดหรอก เพื่อนของปันบอกว่าเจอโรคจิตในห้องน้ำโรงแรมมึงน่ะ แต่กูเดินไปดูแล้วไม่เห็นมีใครอยู่เลยนะ)

“เพื่อนปันเหรอ”

(เออดิ มึงไม่เชื่อเหรอ)

“เปล่าๆ เดี๋ยวกูบอกให้คนไปดูแลแล้วกัน” พสุธาบอกกับภาสวรก่อนที่จะกดวางสายลงไป


วันนี้เรียกว่าเป็นวันซวยของพสุธาก็ว่าได้ เริ่มตั้งแต่ตื่นสายในวันที่โรงแรมเขาจัดงานใหญ่ด้วยความรีบจึงหยิบเสื้อผ้าที่แขวนเอาไว้ในตู้มาใส่โดยไม่ทันดูให้ดี พอมาถึงโรงแรมงานแห่ขันหมากได้เริ่มไปแล้วโชคดีที่ไม่มีปัญหาอะไร งานแต่งงานไฮโซทายาทโรงพยาบาลชื่อดัง แม้แต่ครอบครัวของเขายังมาร่วมงานนี้ด้วย

เมื่อเห็นว่าคนดูแลจัดงานไม่มีปัญหาอะไร เขาจึงเดินไปห้องจัดเลี้ยงเพื่อดูความเรียบร้อยให้แน่ใจว่าไม่มีอะไรผิดพลาด โดยโทรนัดแนะเลขาให้นำเสื้อสูทลงมาให้เขาใส่เข้างานไปให้เจ้าภาพกับพ่อแม่ของเขาเห็นหน้าสักหน่อย

“คุณพสุธาครับ” ผู้จัดการห้องจัดเลี้ยงเดินเข้ามารับหน้าเจ้านายหนุ่มก่อนกระซิบเบาๆ

“คือ ซิปกางเกงคุณรูดลงมาครับ” พสุธาพยายามจับดูเพื่อเลื่อนซิปขึ้นพบว่าซิปได้ปริแตกไม่ได้เลื่อนลงเหมือนที่ผู้จัดการบอก ชายหนุ่มจึงได้ขอตัวกับผู้จัดการห้องจัดเลี้ยงแว๊บเข้าไปในห้องน้ำใกล้ๆเพื่อจัดการกับกางเกงตัวเอง

“ชิน ตอนนี้นายอยู่ไหน เอากางเกงลงมาให้ฉันด้วย รออยู่ที่ห้องน้ำใกล้ห้องจัดเลี้ยงนะ” ชายหนุ่มได้โทรหาเลขาเพื่อให้นำกางเกงมาเปลี่ยนให้เขา

ใช้เวลาไม่นานเลขาหนุ่มก็นำเสื้อสูทพร้อมกางเกงมาให้ พสุธารีบเข้าไปเปลี่ยนในห้องนำอย่างรีบเร่ง แต่ซิบที่แตกนั้นทำให้ไม่สามารถถอดกางเกงได้

“ชิน นายมีกรรไกรหรือคัตเตอร์ไหม” พสุธาตะโกนถามชินกรที่อยู่ด้านนอก

“ไม่มีครับ บอสจะเอาไปทำอะไร”

“เอามาตัดกางเกงไง ซิปมันติดถอดกางเกงไม่ได้” พสุธาพูดขึ้นอย่างขัดใจ

“เออ ขอผมดูหน่อยได้ไหมครับ เผื่อจะช่วยอะไรได้บ้าง” ชินกรเอ่ยอย่างเกรงใจ

“ได้ งั้นก็เข้ามา” พสุธาเปิดกลอนให้เลขาเข้ามา เพราะเขาเองหมดปัญญาจะแก้ไขกางเกงตัวนี้แล้ว ไม่ว่าจะดึงหรือกระชากซิปบ้านี่ก็ไม่หลุดออกมาได้เลย เขาพลาดเองที่หยิบกางเกงตัวเก่าออกมาใส่โดยไม่ดูให้ดีเสียก่อน

“โอ๊ยเห็นไหมมันติด” พสุธาบอกกับเลขาที่มองอยู่ว่าซิปมันปริแตกทำให้เลื่อนลงมาไม่ได้

“ค่อยๆครับ เดี๋ยวผมช่วยจับ” ชินกรบอกเจ้านายพร้อมทั้งดึงกางเกงให้ซิปสองฝั่งใกล้ชิดกันมากที่สุดเพื่อที่เจ้านายของเขาจะดึงลงมาได้

“พอเหอะ ฉันทนไม่ไหวแล้ว” พสุธาหัวเสียและเสียเวลากับกางเกงตัวนี้มามากพอแล้ว เขาเปลี่ยนใจอยากให้เลขาไปเอากรรไกรมาตัดมันให้สิ้นเรื่องสิ้นราวไปเสีย แต่ไม่ทันที่จะบอกออกไป ประตูห้องน้ำที่ปิดไม่สนิทก็มากระแทกที่หลังเขาอย่างแรงพร้อมเสียงตบประตู

“นี่คุณถ้าอยากมากขนาดนั้น ไปเปิดห้องกันเลยเหอะ” เสียงตะโกนลอดเข้ามาในห้องทำให้พสุธาโมโหเข้าไปใหญ่ เขาหันหลังเพื่อจะออกไปจัดการคนที่ทำประตูกระแทกเขา

“บอสครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” ชินกรคว้าแขนเจ้านายเอาไว้พร้อมกับเบียดตัวแทรกออกไปจากห้องน้ำก่อนพสุธา ทำให้พสุธาเสียหลักถอยไปเตะถังขยะล้มลง

“มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ คุณกำลังเข้าใจผิด” ชินกรพยายามอธิบายก่อนที่พสุธาจะตามออกไป

ไม่ว่าชินกรจะพูดอย่างไรผู้ชายปากดีนั่นก็ไม่ฟังแถมทำท่าทางกวนประสาทเขาอีก พสุธาที่กำลังหัวเสียก็โมโหมากขึ้นเรื่อย เขาปะทะคารมกับนายคนนั้นด้วยความโมโหจนชินกรต้องเข้ามาห้ามปรามเพื่อไม่ให้เรื่องราวลุกลามไปใหญ่โต แต่ไอ้หมอนั่นก็ทำร้ายเขาจนทรุดลงไปกองกับพื้น กว่าจะตั้งหลักกลับมาที่ห้องพักได้แทบแย่ แถมภาสวรยังโทรมาบอกเรื่องแย่ๆน่าอายนี่อีก แม้ว่าเพื่อนของเขาจะไม่รู้ว่าเป็นใครแต่พสุธาก็หน้าชา ชายหนุ่มไม่รู้ว่าเขาโกรธหรืออายมากกว่ากันที่เด็กคนนั้นไปป่าวประกาศบอกว่าเขาเป็นไอ้โรคจิตให้คนอื่นรับรู้

ไอ้เด็กนั่นเป็นเพื่อนของปัญญวัฒน์นี่เอง อย่าได้เจอกันอีกนะ...ไอ้ตัวแสบ



*************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ

สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่

Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เริ่มเรื่องก้อสนุกแล้ว.. ติดตามค่า   o13 o13 o13

ออฟไลน์ angelhani

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
 มาต่อไวไวนะคะ

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 2

“อ้าว ภัทร” เสียงเปิดประตูห้องพร้อมคำทักทายดังขึ้นทำให้คนที่กำลังแอบดูโน๊ตบุ๊คสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ

“อ๊ะ”

โครม!!! เสียงแก้วที่ใส่ปากกาหล่นลงบนพื้นจนข้าวของกระจัดกระจาย เพราะคนที่นั่งอยู่เผลอไปปัดตอนที่ลุกขึ้นยืน

“เอ้า ไอ้ภัทร ซุ่มซ่ามอีกแล้วนะ ดูซิข้าวของฉันพังพินาศหมด”

“โห พี่พงศ์มันเป็นอุบัติเหตุอ่ะ ก็พี่มาเงียบๆจนภัทรตกใจ” คนที่ถูกกล่าวหาว่าซุ่มซ่ามบ่นอุบอิบ

“ไอ้ภัทร นี่ห้องทำงานของฉัน การที่ฉันจะเข้าห้องทำงานตัวเองต้องเคาะประตูบอกด้วยเหรอ ว่าแต่แกกำลังทำอะไรอยู่ถึงได้ตกใจน่ะ” เมื่อพูดจบพงศกรก็ไปดูโน๊ตบุ๊คตัวเองเพื่อสำรวจดูว่าน้องชายตัวเองเล่นซนอะไรกับข้าวของของเขาบ้าง

“ภัทรไม่ได้ทำอะไรเลยนะ แค่ดูภาพที่ค้างที่หน้าจอนิดหน่อยเอง” วรภัทรรีบปฎิเสธพี่ชายเขาแค่สนใจลายผ้าสวยๆพวกนั้น

“เออๆ ว่าแต่เรามีอะไรกับพี่หรือเปล่าถึงได้มาซนที่ห้องนี้” พงศกรถามขึ้นอีก เพราะน้องชายของเขาคงไม่ได้มานั่งรอเล่นๆที่ห้องเขาแน่ๆ

“ก็พ่อบอกให้ภัทรมาคุยกับพี่พงศ์เรื่องแบบคอลเล็คชั่นใหม่ที่พี่ดูแลแทนพี่พลอย” วรภัทรย่นจมูกเมื่อคิดถึงเรื่องที่เขาอ้อนขอเปิดร้านตัดเสื้อของตัวเอง แต่พ่อกับแม่ขอร้องให้เขามาช่วยที่บริษัทช่วงที่พี่สาวลาคลอดเสียก่อน ไว้พลอยลดากลับมาทำงานเมื่อไหร่ค่อยมาคุยกันใหม่

“ก็ที่แกดูเมื่อกี้ไง คอลเลคชั่นใหม่คราวนี้จะใช้ผ้าไทยมาประกอบด้วย”

“หือ ผ้าไทยใช้ทำอะไร กระเป๋า รองเท้า” วรภัทรครุ่นคิดแบบต่างๆที่ผ่านมา

“นั่นคือโจทย์ไง ส่วนจะเป็นแบบไหน เดี๋ยวพี่พาไปคุยกับหัวหน้าทีมฝ่ายดีไซน์” พงศกรลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูพร้อมบอกเลขาหน้าห้องก่อนพยักหน้าให้วรภัทรเดินตามไป

“สวัสดีครับพี่กุ๊ก” วรภัทรยกมือไหว้ทักทายหัวหน้าทีมฝ่ายดีไซน์อย่างสนิทสนม เขาเคยมาฝึกงานช่วงปิดเทอมที่นี่ ก็ได้เธอคอยสอนงานช่วยเหลือหลายอย่าง

“สวัสดีค่ะน้องภัทร กลับมาแล้วเหรอคะ ตกลงจะมาทำงานที่นี่แล้วใช่ไหมคะ” กฤติกาเอ่ยทักชายหนุ่มที่ไปเรียนออกแบบเพิ่มเติมหลายเดือนที่ฝรั่งเศส

“เพิ่งกลับมาได้ไม่ถึงอาทิตย์ครับ”

“เลยให้มาช่วยพี่กุ๊ก ช่วงที่พี่พลอยลาคลอดน่ะครับ ดูโปรเจคผ้าไหม” พงศกรอธิบายแทนน้องชายเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวยังไม่ตอบคำถาม

“ดีค่ะ เผื่อได้ไอเดียใหม่ๆเพิ่มขึ้น” หญิงสาวเชื่อในฝีมือของวรภัทร จากที่ได้ร่วมงานกันมา ชายหนุ่มมีแนวคิดและมุมมองดีๆที่นำไปใช้ประโยชน์ได้มากมาย

วรภัทรเป็นลูกชายคนเล็กของเจ้าของบริษัทแบรนดังจำหน่ายกระเป๋าและรองเท้าที่วางขายทั้งในไทยและต่างประเทศ เพราะมีสายเลือดนักออกแบบเจ้าตัวจึงเลือกเรียนทางด้านแฟชั่นดีไซน์ซึ่งตอนนี้ชายหนุ่มสนใจทางด้านออกแบบเสื้อผ้าถึงขั้นไปเรียนเพิ่มเติมและมีความมุ่งมั่นจะเปิดร้านเสื้อผ้าของตัวเอง

“น้องภัทรลองศึกษาดูนะคะ” กฤติกายื่นแฟ้มรายละเอียดให้ชายหนุ่ม

“ถ้ามีอะไรสงสัยก็เข้ามาคุยกับพี่เค้า” พงศกรบอกน้องชาย ใจจริงเขาอยากให้เจ้าตัวมานั่งทำงานที่บริษัทเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย แต่ด้วยนิสัยดื้อรั้นของน้องชายคงไม่อยากให้อะไรหรือใครมาเปลี่ยนความตั้งใจของตัวเอง

“ขอบคุณมากครับ งั้นภัทรลาพี่กุ๊กเลยแล้วกัน สวัสดีครับ” วรภัทรรับแฟ้มเอกสารก่อนยกมือไหว้ลาหญิงสาว

“สวัสดีค่ะ” กฤติกาลุกขึ้นเพื่อยืนส่งคนทั้งคู่

เพล้ง!!! ยังไม่ทันที่พงศกรจะเดินออกไปจากโต๊ะ วรภัทรก็ปัดเอากระถางเล็กๆของต้นพลูด่างตกลงมาแตกเสียแล้ว

“ไอ้ภัทร เอาอีกแล้วนะ” พงศกรอุทานขึ้นด้วยความอ่อนใจ ก่อนหันไปขอโทษเจ้าของต้นไม้ที่น้องชายเขาทำแตก

“ขอโทษครับพี่กุ๊ก เดี๋ยวภัทรเก็บให้” เจ้าตัวรีบวางแฟ้มที่เป็นสาเหตุทำให้กระถางแตกลงบนเก้าอี้ก่อนลงไปนั่งเก็บเศษกระถาง

“ไม่เป็นไรค่ะน้องภัทร เดี๋ยวพี่เรียกแม่บ้านมาจัดการค่ะ” กฤติการีบบอกชายหนุ่มก่อนที่จะเกิดอะไรขึ้นอีก

“งั้นเดี๋ยวภัทรซื้อกระถางมาให้พี่กุ๊กใหม่นะครับ ขอโทษจริงๆ” วรภัทรยกมือไหว้ขอโทษด้วยความสำนึกผิด

“ภัทรพี่ว่าเรารีบเดินออกมาดีกว่านะ ก่อนที่ข้าวของพี่กุ๊กจะเสียหายขึ้นมาอีก” พงศกรพูดขัดขึ้นมา

“พี่พงศ์” วรภัทรหันมาทำหน้าหงิกใส่พี่ชายที่ชอบว่าเขาอยู่เรื่อย

“เฮ้อ น้องภัทร ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปีก็ยังซุ่มซ่ามไม่หายเลยนะ” กฤติกาส่ายหัวอย่างอ่อนใจ เมื่อสองพี่น้องเดินออกจากห้องทำงานของเธอไปแล้ว


กว่าจะออกจากบริษัทได้ก็บ่ายกว่าๆ วรภัทรขับรถมาหาปัญญวัฒน์ที่บริษัท วันนี้เพื่อนของเขาเข้ามาจัดการส่งต่องานให้พนักงานใหม่ดูแลก่อนที่จะไปเรียนต่อ พอจอดรถเรียบร้อยแล้ววรภัทรเดินเข้าไปรอเพื่อนสนิทที่ร้านกาแฟตรงชั้นหนึ่งของตึกออฟฟิต กลิ่นหอมๆของกาแฟแถมขนมเค้กที่จัดเรียงในตู้ดูยั่วน้ำลายไม่เบา ท้องของเขาเริ่มประท้วงเพราะมัวแต่คุยกับคนโน้นคนนี้จนลืมเวลา รู้สึกตัวอีกทีก็เลยเวลาพักกลางวันแล้วอีกทั้งกลัวว่าเพื่อนจะคอยนาน จนไม่ได้หาอะไรทาน

‘กว่าปันจะลงมาคงอีกนาน ไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า’ เร็วเท่าความคิดวรภัทรเดินไปสั่งเค้กกับโกโก้เย็น ใจจริงเขาก็อยากลองชิมกาแฟที่นี่ดูเหมือนกัน แต่กลัวว่าทานตอนนี้จะนอนไม่หลับ เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว เขาเดินไปรอของที่สั่งตรงช่องถัดจากเคาน์เตอร์แคชเชียร์

หลังจากที่ได้ของเรียบร้อยแล้ว วรภัทรยกถาดเค้กและเครื่องดื่มกลับหลังหันถาดที่ถือไปชนใครคนหนึ่งอย่างจัง โกโก้เพิ่มวิปครีมหกใส่แขนเสื้อชายคนนั้น แถมเค้กก็ลื่นตกจะจานมานอนแอ้งแม้งบนถาดหมิ่นเหม่จะพลัดตกลงบนพื้นเต็มที

“เฮ้ย คุณเดินระวังหน่อยซิ กาแฟคุณหกใส่ผมเปื้อนหมดแล้ว”

“คุณ นั่นแหละเดินไม่ระวัง ผมยืนหันหลังอยู่จะเห็นได้ยังไง ผมไม่มีตาหลังนะ ออ แล้วที่หกรดคุณนั่นโกโก้ไม่ใช่กาแฟ” วรภัทรโวยวายกลับทันควัน พลางมองวิปครีมที่เปรอะเปื้อนบนแขนชายหนุ่มด้วยความเสียดายเพราะในแก้วโกโก้แทบไม่เหลือวิปครีมให้เขากินเลย โชคยังดีที่ตัวเค้กมีพลาสติกพันไว้อีกชั้นจึงสามารถทานได้อยู่แม้ว่าครีมที่ตกแต่งหน้าเค้กจะดูเละๆไปหน่อย

“อะไรเนี่ย ทำผิดแล้วขอโทษสักคำก็ไม่มี”

“คุณต่างหากที่ผิด ที่ต้องขอโทษ” วรภัทรเริ่มโมโหก่อนเงยหน้ามองคนที่ตัวสูงกว่า

“คุณนั่นแหละที่ต้องขอโทษผม เห็นไหมเสื้อผมเปื้อนไปหมดแล้ว”

“ไม่ เอ๊ะคุณนี่หน้าคุ้นๆนะ เราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม” วรภัทรพยายามนึกว่าเจอผู้ชายคนนี้ที่ไหน

“อะไร ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย คุณจะเอายังไงก็ว่ามา”

วรภัทรวางถาดลงบนโต๊ะใกล้ๆก่อนพิศใบหน้าผู้ชายคนนั้นอยู่นาน ก่อนโพล่งออกไปอย่างนึกได้ว่าเขาเคยเจอนายคนนี้ที่ไหน

“นึกออกแล้ว ปากแบบนี้ นายนี่เองไอ้โรคจิต อุ๊บ อื้อๆ....”

พสุธาเบิกตามองผู้ชายตรงหน้า ก่อนตรงเข้าไปเอามือปิดปากชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งหันไปมองรอบๆด้วยความตกใจ

“อ่อยนะ ไอ้อ้า” เสียงที่เล็ดลอดออกมาพร้อมแขนขาที่พยายามประทุษร้าย พสุธาเบี่ยงตัวหลบเข่าที่ยกมากระแทกตรงกลางลำตัวเขาได้อย่างเฉียดฉิว พร้อมทั้งหันมาล็อคคอปิดปากวรภัทรทางด้านหลัง

“ไม่ได้แอ้มหรอก มุกเดิมๆใช้ไม่ได้ผลแล้ว”

วรภัทรพยายามดิ้นรนให้หลุดจากอ้อมแขนของพสุธาแต่พยายามยังไงก็ไม่สามารถหลุดออกจากอ้อมแขนเขาได้ วรภัทรกระทืบใส่เท้าข้างหนึ่งของพสุธาเมื่อเขาเผลอ

“โอ๊ย ฤทธิ์มากนักนะ ไอ้ตัวแสบ”

“อ่อยอันอ๊ะ”

“เงียบก่อน ถ้าไม่หยุดโวยวายก็ไม่ปล่อย” พสุธากระซิบขู่ที่ข้างหู แล้วหันไปบอกพนักงานว่าไม่มีอะไร พร้อมขอโทษขอโพย ก่อนพยายามลากชายหนุ่มออกมาจากร้านโดยไม่สนใจสายตาที่มองมาอย่างใคร่รู้จากคนในร้าน พนักงานอยากจะยื่นมือมาช่วยคนตัวเล็กที่ถูกจับอยู่หรอก แต่เกรงบารมีเพื่อนของภาสวรเจ้าของบริษัทพ่วงเจ้าของตึกที่เขาทำงานอยู่

“อื้อๆ” วรภัทรพยายามฝืนกายไว้ไม่ยอมให้พสุธาลากเขาออกไปจากร้าน ระหว่างที่กำลังดิ้นรนอยู่นั้นประตูร้านได้ถูกผลักพร้อมกับปัญญวัฒน์ที่เดินเข้ามาด้านในร้าน

“คุณดิน ภัทร เกิดอะไรขึ้นครับเนี่ย” ปัญญวัฒน์มองสองคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ

“อื้อๆ อันอ่วยอ้วย” วรภัทรพยายามส่งเสียงบอกเพื่อนสนิท

“คุณดินครับปล่อยเพื่อนผมก่อน” ปัญญวัฒน์พูดกับพสุธาเมื่อเห็นวรภัทรหน้าแดงกล่ำน้ำตาคลออย่างหน้าสงสาร

“เฮ้ย ไอ้ดิน นี่มันอะไรกัน” ภาสวรที่ตามปัญญวัฒน์เข้ามาเอ่ยถามด้วยความตกใจ ก่อนเข้ามาช่วยดึงวรภัทรให้ออกมาจากพสุธา

“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ปันแจ้งตำรวจเลยไอ้บ้านี่มันทำร้ายเรา” พอหลุดจากพสุธาได้วรภัทรก็ชี้หน้ากล่าวโทษอย่างไม่ไว้หน้า

“ภัทรใจเย็นก่อน” ปัญญวัฒน์ปลอบเพื่อนสนิทของตัวเอง

“ไม่ยงไม่เย็นมันแล้ว มึงก็เห็นว่ามันทำอะไรก- เรา” วรภัทรรีบเปลี่ยนสรรพนามทันทีที่เห็นสายตาดุๆของเพื่อนสนิท

“มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันนะ เดี๋ยวไปคุยกันที่ห้องพี่แล้วกัน” ภาสวรค่อยๆตะล่อมวรภัทร เขาเคยได้ยินปัญญวัฒน์พูดถึงเพื่อนคนนี้ว่านิสัยเอาแต่ใจ ขี้วีนไม่ต่างจากลูกชายเขาสักเท่าไหร่ เพราะเคยรับมือเพื่อนสนิทมาตลอดตั้งแต่เด็กเลยสามารถรับมือน้องเรนได้อย่างสบายๆ

“แต่...”

สายตาที่มองเค้กในถาดตาละห้อย ทำให้ ภาสวรหันไปเรียกผู้จัดการร้านที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ไม่ไกลให้เข้ามาหา

“คุณอุ๊ ผมขอกาแฟที่คุณพสุธาสั่ง แล้วก็ของภัทรเค้กกับโกโก้ใช่ไหม” ภาสวรหันมาถามชายหนุ่มที่ทำหน้าง้ำไม่พอใจอยู่ข้างปัญญวัฒน์

“ใช่ครับโกโก้เพิ่มวิปครีมด้วย แต่เค้กชิ้นนี้ยังทานได้นะครับ” วรภัทรหันมาตอบภาสวรอย่างรวดเร็ว ตอนแรกที่ภาสวรพูดกับผู้จัดการร้านเรื่องกาแฟของไอ้หมอนั่น เขาคิดว่าชายหนุ่มสนใจแต่เพื่อนของตัวเองไม่สนใจเขาสักนิด ‘เดี๋ยวจะยุให้ปันเลิกกับพี่เลยไม่สนับสนุนพี่ภาคแล้ว’ แต่เมื่อภาสวรหันมาถามเขาด้วย คะแนนที่ติดลบของภาสวรก็ค่อยเพิ่มพูนขึ้นมาเหมือนเก่า ‘ขอโทษนะครับที่ผมว่าพี่เมื่อกี้’ วรภัทรได้แต่ขอโทษชายหนุ่มอยู่ในใจ

“ครับเอาชิ้นนี้กับชิ้นใหม่ด้วยแล้วกัน...”

“เอาเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อนนะครับ” วรภัทรเอ่ยขัดขึ้นเพราะตอนแรกลังเลที่จะเลือกระหว่างเค้กช็อคโกแลตกับเค้กใบเตยมะพร้าวอ่อนในเมื่อภาสวรใจดีเขาอยากกินทั้งสองชิ้นเลย ทำเอาปัญญวัฒน์อยากจะหยิกเพื่อนตัวดีที่ฉีกยิ้มอารมณ์ดีดี้ด้าผิดจากที่เขามาเจอตอนที่เข้ามาลิบลับ

“ครับคุณอุ๊ ตามนั้น ขอกาแฟกับโกโก้ให้ผมกับปันด้วยนะ เอาไปให้บนห้องทำงานผม นี่ครับ” ภาสวรยื่นเงินให้ผู้จัดการร้าน ก่อนหันมาพยักหน้าให้คู่กรณีทั้งสองให้เดินตามเขามา

พสุธาเดินรั้งท้ายมองวรภัทรด้วยความหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก ทำไมวันนี้เขาได้ซวยแบบนี้ คิดว่าคงไม่เจอกันแล้ว เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันนานจนเขาลืมไปแล้วด้วยซ้ำ ไม่คิดว่าจะโดนสะกิดรื้อฟื้นขึ้นมาอีก

“ไอ้ดิน เดินเร็วๆซิวะ เดี๋ยวมึงไปเปลี่ยนเสื้อที่ห้องกูก่อนเลอะเทอะไปหมดแล้ว” ภาสวรชะลอฝีเท้าเพื่อจะมาคุยกับเพื่อนสนิท

“เออ เพราะไอ้ตัวแสบนั่นเลยทีเดียว” พสุธากระแทกเสียงใส่เพื่อนก่อนพึมพำด้วยความหงุดหงิด ทำเอาภาสวรได้แต่มองคู่กรณีทั้งสองด้วยความสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคนทั้งคู่กันแน่



****************
สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
อยากจะขอคอมเม้นท์เพื่อขัดเกลา ปรับปรุงในการแต่งนิยายต่อไป และเป็นกำลังใจในการเขียนกันหน่อยค่ะ

สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2019 18:38:25 โดย sira_nann »

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
น้องภัทรดูจะแสบ พี่ดินคงเหนื่อยปราบหน่อย รอจ้า  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
พระเอกมีลูกแล้ว? :hao4:

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 3

“ห๊ะ ภัทรเขาเข้าใจว่ามึงคือไอ้โรคจิตนั่น” ภาสวรอุทานหลังจากที่ฟังพสุธาเล่าเรื่องที่เจอกันก่อนหน้านี้ให้ฟัง

“เออดิ กูคิดว่าไม่ได้เจอกันแล้วแท้ๆ ซวยจริงๆ เพี้ยง! ขอให้เค้กติดคอตาย” พสุธาบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิดเมื่อเห็นคู่กรณีกินเค้กไปพูดคุยยิ้มแย้มอยู่ในห้องข้างๆกับปัญญวัฒน์โดยไม่รู้สึกผิดเลยด้วยซ้ำ

“หึ มึงนี่ทำอะไรเป็นเด็กไปได้ ไปออกไปข้างนอกกัน” ภาสวรรู้สึกขำท่าทางของพสุธาที่พยายามแอบมองสาปแช่งคู่กรณี

ส่วนอีกด้านหนึ่งปัญญวัฒน์พยายามตะล่อมถามเรื่องราวกับวรภัทรเมื่อเห็นเพื่อนอารมณ์ดีใจเย็นขึ้นแล้ว

“ภัทรตกลงเกิดอะไรขึ้นในร้านกาแฟเหรอ”

“ก็อย่างที่มึงเห็นไอ้โรคจิตมันทำร้ายกู นี่คงกะจะพากูไปซ้อมข้างนอกแน่ๆ”

“เฮ้ย ไม่น่าใช่ แล้วทำไมมึงเรียกเขาว่าโรคจิต” ปัญญวัฒน์ขมวดคิ้วอย่างไม่แน่ใจ เพราะจากที่รู้จักหรือพูดคุยกันมาพสุธาไม่มีลักษณะทีท่าซ้อมคนเป็นว่าเล่นหรือเป็นโรคจิตอย่างที่เพื่อนกล่าวหาเลย

“โอ๊ยเรื่องมันยาว ไว้ว่างๆกูจะเล่าให้ฟัง ขอกูกินนี่ก่อนนะ” วรภัทรเอ่ยขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เค้กที่อยู่ตรงหน้าเขาน่าสนใจกว่าคุยเรื่องหมอนั่นตั้งเยอะ

“อืม มึงกินไปฟังกูไปแล้วกันนะ ถือว่ากูขอร้อง” ปัญญวัฒน์พูดไปมองท่าทีของเพื่อนไปด้วย เมื่อเห็นวรภัทรพยักหน้าหงึกหงักเชิงรับคำเขาจึงพูดต่อ

“มึงจำเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลตอนที่ไปรอรันเมื่อคราวก่อนได้ไหม ที่เราไปรอที่ร้านน้ำปั่นน่ะ” ปัญญวัฒน์เท้าความถึงตอนที่พวกเขาไปหาศรัณเพื่อนสนิทในกลุ่มที่กำลังเรียนแพทย์ปี5ขึ้นปี6

“จำได้ทำไมเหรอ” วรภัทรตอบพลางพยักหน้าหงึกหงักไปด้วย

“วันนั้นมีคุณหมอกำลังรอกาแฟอยู่ก่อนหน้าพวกเราแต่มีประกาศเรียกตัวที่ห้องฉุกเฉินทำให้ต้องรีบไป โดยบอกพนักงานที่รู้จักกันให้นำไปให้เขาใช่ไหม”

“ใช่ๆ ดูรีบมากจนแทบจะชนกูที่อยู่ด้านหลังเลยอ่ะ” วรภัทรพูดขึ้นอย่างนึกได้

“แล้วถ้าวันนั้นกาแฟคุณหมอเสร็จพอดี แล้วหันมาชนมึงจนกาแฟหกรดมึง มึงจะโกรธเขาไหม”

“โกรธดิ เฮ้ยมันไม่เหมือนกัน นั่นเขารีบไงมีความเป็นความตายของคนไข้นะโว๊ย ส่วนนี่ไม่ใช่ แล้ววันนั้นกูไม่ได้เลอะด้วย” วรภัทรเริ่มเข้าใจว่าเพื่อนต้องการจะสื่อความหมายอะไร เขาจึงแก้ตัวพัลวัน

“ใช่มันไม่เหมือน แต่ก็กรณีมึงกับคุณดิน ถ้ามึงเป็นคนเลอะมึงก็โกรธใช่ไหม แถมคนทำยังไม่รู้สึกผิดอีก กูว่าถ้าเป็นมึงคงจะกระโดดต่อยปากเขาไปแล้ว” ปัญญวัฒน์พูดขัดขึ้นเพราะเขารู้จักเพื่อนสนิทดี สมัยอยู่มหาวิทยาลัยมีเรื่องมีราวตลอดเพราะท่าทียียวนไม่สนน่าอินทร์หน้าพรหมชวนให้ใครต่อใครหมันไส้จนนาวินเพื่อนสนิทในกลุ่มอีกคนต้องออกโรงคอยไกล่เกลี่ยเคลียร์เรื่องให้บ่อยๆ

“...”

“ถือว่ากูขอร้อง ขอโทษคุณดินซะ เพราะยังไงมึงก็ทำให้เขาเลอะเดือดร้อนจนต้องเปลี่ยนเสื้อผ้า”

“เออๆ เลิกพูดเหอะ มึงทำเค้กกูกร่อยหมด” วรภัทรรับคำอย่างขอไปที เขารู้ดีว่าถ้าไปพูดออกไปเพื่อของเขาคงจะกดดันไม่เลิก ชายหนุ่มหันไปทานเค้กที่เหลือต่อโดยไม่สนใจปัญญวัฒน์ที่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายในความดื้อดึงของเขามากแค่ไหน
หลังจากใช้เวลาไม่นานปัญญวัฒน์สะกิดวรภัทรที่กำลังเพลิดเพลินกับขนมเค้กให้สนใจคนที่กำลังเดินเข้ามาในห้องรับรองแขกวรภัทรหันไปยิ้มให้ภาสวรก่อนทำหน้าบึ้งเมื่อเห็นคนที่เดินตามหลังเข้ามา

“คุณดินเป็นอย่างไรบ้าง ต้องขอโทษแทนภัทรด้วยนะครับ” ปัญญวัฒน์รีบขอโทษพสุธาแทนเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ไม่สนใจใครเอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน

“ปันไม่ต้องขอโทษหรอก คนที่ควรขอโทษยังไม่สำนึกสักนิดเลย” พสุธาจ้องวรภัทรอย่างเอาเรื่อง

“ไอ้ดิน กูขอ” ภาสวรตบไหล่เพื่อนเพื่อห้ามปราม

“ก่อนที่มึงจะขออะไรกู มึงควรดูนู่นก่อนนะ” พสุธาพยักพเยิดไปทางวรภัทรไม่สนใจอะไร พอทานเสร็จก็ก้มหน้าก้มตาเล่นโทรศัพท์เจตนากวนตีนเขาชัดๆ

“เอาน่า มึงใจเย็นๆก่อนนะ ปันเห็นว่านัดกับเพื่อนไว้ไม่ใช่เหรอรีบไปเถอะเดี๋ยวจะสาย” ภาสวรหันไปพูดกับพสุธาก่อนหันมาคุยกับปัญญวัฒน์เพื่อจะแยกทั้งคู่ให้ออกจากกันโดยเร็วที่สุด เพราะพสุธาเริ่มหัวเสียขึ้นมาอีกแล้ว ขืนยังอยู่ใกล้กันต่อไปจะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้

“นั่นซิ ภัทรไปกันเถอะเดี๋ยวรถติด” ปัญญวัฒน์ยกมือไหว้ลาพสุธาพร้อมทั้งรีบดึงเพื่อนสนิทออกมาจากห้องเมื่อเห็นสายตาดุๆของชายหนุ่มที่มองมา

“ขอโทษที่ทำเสื้อนายเลอะ และขอบคุณพี่ภาคด้วยเค้กอร่อยมากครับ” วรภัทรโพร่งขึ้นมาเสียงสะบัดหน่อยๆเมื่อเดินผ่านคู่กรณีก่อนเดินออกจากห้องไป พร้อมเอ่ยขอบคุณภาสวรด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลจนคนที่อยู่ในห้องรับรู้ได้ว่าเจ้าตัวจงใจ

“ไอ้ภาคมึงดู ไอ้ตัวแสบมันกวนตีนกูชัดๆ” พสุธาเอ่ยขึ้นอย่างเหลืออด

“เออๆกูเห็นแล้ว เขาไปแล้วมึงก็ใจเย็นได้แล้ว ถ้าใครมาเห็นจะเสียชื่อผู้บริหารดีเด่นหมด” ภาสวรพยายามพูดให้เพื่อนหายจากอาการฮึดฮัด   


--- Designer’s Love ---


“ภัทรไม่น่าไปทำแบบนั้นเลย” ปัญญวัฒน์บ่นพึมพำหลังจากที่วรภัทรขับรถออกมาจากบริษัทแล้ว

“แบบนั้นน่ะแบบไหน”

“ก็ที่ภัทรไปยั่วโมโหคุณดินแทนที่จะขอโทษเขาดีๆ งานนี้มึงผิดเต็มๆเลย”

“ปัน กูไม่ผิดนะกูขอโทษ ไอ้โรคจิตนั่นตามที่มึงบอกแล้ว”

   “เฮ้อ กูไม่พูดกับมึงแล้ว ขับรถดีๆล่ะ” ปัญญวัฒน์ค้านที่จะต่อปากต่อคำกับชายหนุ่ม

   หลังจากที่ผ่ามรสุมรถติดพวกเขาก็มาถึงที่หมาย ร้านหมูกระทะที่อยู่ไม่ไกลจากที่พักของศรัณนักศึกษาแพทย์ปีสุดท้าย วันนี้กลุ่มเพื่อนสนิทที่คบกันมาตั้งแต่เด็กนัดเจอกัน ทั้งๆที่ปกติก็เจอกันบ่อยๆแต่เพราะว่าที่คุณหมอช่วงนี้ยุ่งมากจนไม่มีเวลาเจอเพื่อนฝูงพวกเขาจึงนัดกันในที่ๆศรัณสะดวกมาเจอกันแม้จะชั่วโมงหรือสองชั่วโมงก็ยังดี 

   “รันรอนานไหม” ปัญญวัฒน์เอ่ยทักเมื่อเห็นเพื่อนสนิทยืนรออยู่หน้าร้าน

   “เพิ่งมาเหมือนกัน รอแป๊บนึงนะเขากำลังเคลียร์โต๊ะให้อยู่” ศรัณปิดปากหาวออกมา เมื่อคืนเขาอยู่เวรดึกที่อีอาร์พอออกเวรก็ต้องเดินราวน์ตามอาจารย์ตรวจคนไข้ช่วงเช้าทุกวันเป็นปกติ แถมตอนบ่ายเขายังต้องสรุปเคสเขียนรายงานกว่าจะเสร็จแทบหมดแรง โชคดีที่ปัญญวัฒน์โทรมาเตือนว่าวันนี้พวกเขามีนัดกันไม่งั้นเขาคงกลับไปหลับยาวที่หอแล้ว

   “ไอ้วินยังไม่มาเหรอ” วรภัทรมองหาเพื่อนสนิทอีกคน

   “ยังไม่มา เห็นบอกว่ารถติด” ศรัณตอบก่อนเดินตามพนักงานไปที่โต๊ะ

   “จะสั่งอะไรบ้าง” ปัญญวัฒน์ถือปากกาเตรียมจดออเดอร์หันมาถามวรภัทรที่นั่งอยู่ข้างเขา

   “เอาจิ้มจุ่มด้วยอยากกิน” วรภัทรหันไปมองโต๊ะข้างๆที่มีหม้อจิ้มจุ่มดินเผาวางคู่กับกระทะร้อน

   “เอาหมูไลด์ เบคอน ไก่ กุ้ง ปลาหมึกมาอย่างละสองก่อนแล้วกัน เดี๋ยวไอ้วินมาค่อยสั่งเพิ่ม แล้วก็กิมจิด้วยนะ” ศรัณกะคร่าวๆสิบถาดน่าจะหมด

   “ครับตามนั้น โค๊กขวดลิตรแล้วน้ำแข็ง1ถังเปล่า” ปัญญวัฒน์หันมายื่นออเดอร์ให้พนักงาน

   “อีกที่จะมาเมื่อไหร่ครับ” พนักงานเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าลูกค้าบอกว่ามากันสี่ที่

   “ใกล้จะถึงแล้ว” ศรัณตอบแทน เพราะเพื่อนของเขาส่งข้อความมาบอกว่ารถติดอยู่ห่างจากนี่ไม่ถึงสองร้อยเมตร

   “ครับงั้นรอสักครู่เดี๋ยวพนักงานยกเตาเข้ามาวางให้ครับ” หลังจากที่พูดจบ บริกรก็โค้งอย่างสุภาพก่อนเดินออกไป

   “ร้านนี้นักศึกษาเยอะอ่ะ” วรภัทรพูดขึ้นหลังจากที่มองไปทั่วร้าน

   “ก็มหาวิทยาลัยอยู่ใกล้ๆ แถมย่านนี้หอพัก คอนโดเพียบขนาดนี้ แล้วมึงคิดว่าลูกค้าร้านนี้จะเป็นใครไปได้วะ” ศรัณส่ายหัวเบาๆกับความคิดของเพื่อนตัวเอง

   “ก็ตอนที่กูเรียนไม่เคยมาอ่ะ” วรภัทรย่นจมูก

   “ร้านนี้เพิ่งเปิดมาปีกว่าๆได้มั้ง” ศรัณตอบเพราะร้านนี้มาเปิดแทนที่ร้านเหล้าที่ปิดตัวไป เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจแล้วก็คู่แข่งมากมายที่เปิดร้านกันอยู่ไม่ไกล

   หลังจากที่เครื่องดื่มถูกนำมาเสิร์ฟไม่นาน อาหารก็นำออกมาเสิร์ฟพร้อมกับนาวินที่เดินมาที่โต๊ะพอดี

   “เอาอะไรเพิ่มไหม” ปัญญวัฒน์ยื่นกระดาษที่เขียนออเดอร์ให้เพื่อนที่เพิ่งมา

   “ทำไมนัดกันที่นี่วะ ทำกินเองที่บ้านน่าจะสนุกกว่า” นาวินเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ส่งออเดอร์ให้พนักงานเรียบร้อยแล้ว

   “ถ้านัดกันที่บ้านก็ไม่เจอไอ้รันดิ ช่วงนี้มันอยู่เฝ้าโรงพยาบาลจนหน้าตาใกล้เคียงซอมบี้เข้าไปทุกทีแล้ว” วรภัทรตอบแทนเพราะบ้านพวกเขาอยู่ใกล้กัน เรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก แถมนาวินเป็นพวกคลั่งปาร์ตี้ชอบนัดเพื่อนๆมาทำอะไรกินที่บ้านบ่อยๆ

   “กูหมายถึงทำไมนัดร้านนี้ทำไมไม่นัดร้านเหล้าอะไรพวกนั้น” นาวินรีบอธิบายเมื่อเห็นเพื่อนตีความที่เขาพูดผิดไป

   “ไอ้รันเป็นคนเลือก” วรภัทรโป๊ยทันทีที่เข้าใจ

   “กูเห็นพวกมึงชอบกินหมูกระทะกันเลยเลือกร้านนี้ ถ้ามึงจะดื่มเบียร์ก็สั่งเลยแต่กูขอบายว่ะกลัวน็อคไปเสียก่อนง่วงมากเลย” ศรัณปิดปากหาวมาอีกรอบ

   “เสียดายนะหนูนายังไม่กลับ ไม่งั้นคงจะเจอกันครบ” ปัญญวัฒน์นึกถึงสาวสวยคนเดียวของกลุ่ม นาราเป็นน้องสาวฝาแฝดของนาวินที่ตอนนี้กำลังเรียนปริญญาโทอยู่ที่อเมริกา

   “เห็นบอกว่าจบแล้วจะขอทำงานที่โน่นต่ออีกปี แถมโปเฟสเซอร์รับรองกรีนการ์ดให้อีกตังหาก” นาวินบอกเพื่อนๆหลังจากที่ทราบว่าน้องสาวจะอยู่ที่นั่นต่อ

   “น่าไปหาอ่ะ จะได้ไปเที่ยวด้วย เอ้าไอ้รันกินๆอย่าเพิ่งหลับนะโว๊ย” วรภัทรพูดขึ้นเมื่อเห็นศรัณเงียบไปจนน่ากลัวว่าเพื่อนจะหลับคาโต๊ะไปเสียก่อน

   “ฟังอยู่ ไม่หลับหรอก พวกมึงเล่นคุยกันเสียงดังขนาดนี้” ศรัณพลิกหมูไปมาก่อนไปวางในจานปัญญวัฒน์ที่กำลังเฝ้าหม้อจิ้มจุ่มว่าเดือดหรือยังจะได้ใส่พวกผักลงไป

“พวกมึงกูมีเรื่องจะฟ้อง...” ปัญญวัฒน์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ร้านกาแฟให้ศรัณกับนาวินฟังระหว่างที่รอผักและหมูในหม้อจิ้มจุ่มสุก

“พี่ดินที่เป็นพี่ชายของพี่ลมใช่ไหม” นาวินถามขึ้นอย่างนึกได้ เพราะลม ไอรา นักร้องชื่อดังคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่คณะของเขาและเป็นพี่รหัสของนารา ฝาแฝดของเขาอีกด้วย

“ใช่แล้วและภัทรทำตัวไม่น่ารักเอาเสียเลย” ปัญญวัฒน์พยักหน้าตอบ

“หึๆ ปัน มึงท่าจะเลี้ยงหลานมากไปแล้วนะ” นาวินขำคำพูดของเพื่อนสนิท อาจเพราะต้องช่วยเลี้ยงหลานสองคนพ่วงกับลูกชายเจ้านาย คนรักของตัวเองทำให้เพื่อนติดคำพูดที่ใช้ดุเด็กๆเอามาใช้กับพวกเขา

“พวกมึงน่ะ ไม่รู้อะไร ไอ้บ้านั่นเป็นโรคจิต” วรภัทรค้านขึ้นมาทันควันเมื่อถูกเพื่อนๆรุม

“ทำไมมึงไปว่าพี่เขาแบบนั้น” ศรัณถามอย่างสงสัย

“ก็...” วรภัทรจึงเล่าเหตุการณ์ที่เขาเจอพสุธาครั้งแรกที่ในห้องน้ำของโรงแรมที่จัดงานแต่งงานของศรุตและปาลิดา

“หือ กูว่าไม่ใช่และ พี่ดินไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น” นาวินขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เขาไม่รู้รสนิยมพสุธาแต่เพราะผู้บริหารโรงแรมถ้าจะทำเรื่องอย่างว่าไปเปิดห้องเป็นเรื่องเป็นราวดีกว่าไหม เรื่องอะไรจะเอาชื่อเสียงโรงแรมมาเสี่ยงแบบนี้ แต่เพื่อนเขาก็ไม่น่าจะโกหกใครจะรู้ว่าผู้บริหารหนุ่มไฟแรงเนื้อหอมอาจมีรสนิยมแบบนั้นก็เป็นได้

“ใช่ กูเห็นด้วยพี่ดินไม่น่าจะทำแบบนั้น มึงเข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า” ศรัณเห็นด้วยกับนาวิน เพราะจากที่พบกันไม่น่าจะเป็นแบบที่เพื่อนเขาเข้าใจ

“แต่กูเห็นเต็มๆ ตอนออกมานะกางเกงยังไม่รูดซิปเลย พวกมึงไม่เชื่อกูเหรอ หาว่ากูโกหกปรักปรำเขาใช่ไหม” วรภัทรเถียงขึ้นเสียงดัง เขากำลังอารมณ์ดีๆอยู่แท้ๆเรื่องไอ้หมอนั่นทำเขาอารมณ์เสียขึ้นมาอีก

“ภัทรใจเย็นๆ พวกกูไม่คิดว่ามึงโกหก แต่สิ่งที่เห็นกับความจริงอาจจะคนละอย่างก็เป็นได้” ปัญญวัฒน์รีบปลอบเพื่อนสนิทก่อนเจ้าตัวจะอารมณ์เสียวีนแตก

“เอาเถอะ เรื่องจะเป็นยังไงก็ชั่ง ท่าทางในหม้อจะเดือดแล้ว กินกันเถอะ” นาวินตัดบทหันเหความสนใจไปก่อนที่งานจะกร่อยขึ้นมา

“ภัทรเอาหมูสไลด์เพิ่มไหม หรือเอาอะไรเพิ่มเดี๋ยวจะสั่งมาให้” ศรัณรีบรับลูกเอาใจวรภัทรขึ้นมาทันที เขาไม่อยากเสี่ยงให้เพื่อนล้มโต๊ะก่อนที่จะกินกันอิ่ม

“เอาเบคอนและกุ้งเพิ่มด้วย”

“ได้ๆ อ่ะสเต็กจิ้มแจ่วมาเสิร์ฟพอดี พวกมึงลองชิมดู” 

“อร่อย เอาเพิ่มด้วย” วรภัทรหันมาบอกเพื่อนเพิ่มออเดอร์ ศรัณจดเพิ่มไปก่อนยื่นให้พนักงาน

พอได้กินของอร่อยที่ต้องการแล้ว วรภัทรก็เริ่มกลับมาอารมณ์ดี คุยเล่นหัวเราะเรื่องราวตลกๆที่นาวินเล่าให้ฟัง ทำให้ปัญญวัฒน์ที่ลอบสบตากับศรัณที่นั่งฝั่งตรงข้ามรู้สึกโล่งใจ แต่พวกเขาก็ยังคาใจว่าทำไมเพื่อนตัวเล็กถึงได้โมโหขนาดนั้น ทั้งๆที่ปกติไม่ว่าพวกเขาจะด่าว่า ตำหนิอะไรก็ตาม วรภัทรจะพยายามฟังและทำความเข้าใจโดยดีแม้จะหงุดหงิดแต่ไม่วีนแตกขนาดนี้

วรภัทรเป็นคนที่โกรธง่ายหายเร็ว ถ้ามีเหตุผลมากพอเจ้าตัวจะรับฟัง ไม่เคยโกรธใครนาน ยิ่งกับพวกเขาแล้ว ชายหนุ่มไม่เคยโกรธได้ข้ามวันสักที อาจเพราะพวกเขารู้ดีว่าจะง้ออย่างไรให้เพื่อนหายโกรธ สรุปแล้วเรื่องระหว่างวรภัทรและพสุธามันคืออะไร ตกลงพสุธาเป็นพวกโรคจิตจริงตามที่วรภัทรกล่าวหาหรือเปล่านั้น พวกเขาคงไม่เข้าไปยุ่งหาคำตอบ พวกเขาได้แต่หวังว่าวรภัทรคงหายโกรธพสุธาโดยเร็ว เพราะลางสังหรณ์ได้บอกว่าในอนาคตคู่นี้อาจจะพบเจอกันอีก


****************

สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
อยากจะขอคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจกันหน่อยค่ะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
คู่กัดชัดๆ  :hao6:

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 4

วรภัทรมองซ้ายมองขวาอย่างเบื่อหน่าย วันนี้เขามางานแฟชั่นโชว์ที่เพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัยเป็นนางแบบ แต่เมื่อเข้ามาในงานชายหนุ่มมองไปทางไหนก็ไม่รู้จักใครเลย ครั้นจะไปทางด้านหลังเวทีก็ไม่ได้เพราะเขาเป็นแค่คนภายนอก ได้แต่ส่งข้อความบอกเพื่อนว่าตัวเองมาถึงแล้ว

“น้องภัทร สวัสดีค่ะน้องโรสบอกพี่ว่าน้องภัทรมา มาค่ะพี่จะพาเข้าไปหาน้องโรสด้านใน” สุภาพรผู้จัดการส่วนตัวรสิกาเดินเข้ามาทักชายหนุ่ม ก่อนจะชักชวนให้ไปด้วยกัน

“สวัสดีครับพี่ฝ้าย สบายดีนะครับ” วรภัทรยกมือไหว้หญิงสาวที่อายุมากกว่าหลายปี

“สบายดีค่ะ น้องโรสบ่นคิดถึงน้องภัทรตลอด” สุภาพรรู้จักและคุ้นเคยกับชายหนุ่มดีเพราะตอนที่เธอรับหน้าที่มาดูแลรสิกา ตอนนั้นหญิงสาวยังเรียนอยู่จึงได้พบวรภัทรบ่อยๆที่มหาวิทยาลัย

“บ่นถึงผมหรือบ่นถึงขอฝากครับ” วรภัทรแซวเพื่อนตัวเองกลับ เพราะก่อนเขากลับมาเพื่อนสนิทได้ฝากซื้อของหลายอย่างแถมโอนเงินมาให้ก่อนเหมือนบังคับกลายๆว่าเขาต้องซื้อกลับมาให้ด้วย

“แหม น้องภัทรก็รู้ๆกันอยู่” ผู้จัดการสาวอมยิ้ม เพราะเธอเป็นคนไปรับของฝากมาให้เด็กในสังกัดของตัวเองเพราะเจ้าตัวติดงานที่ต่างจังหวัดกะทันหัน

เสียงดังโหวกเหวก ผู้คนดูชุลมุนวุ่นวายด้านหลังเวทีถือเป็นเรื่องปกติสำหรับช่วงเวลาสามสิบนาทีก่อนที่แฟชันโชว์จะเริ่มขึ้น นางแบบนับสิบชีวิต สไตลิสท์ ช่างทำผม และเมคอัพอาร์ทิสต์ ต่างจดจ่อกับหน้าที่ของตนเองจนแทบไม่มีใครสนใจใคร รสิกานั่งอยู่หน้ากระจกให้ช่างแต่งหน้าสาวประเภทสองจัดการกับใบหน้าเธอ

“ว๊ายพี่ฝ้าย พาใครมาเหรอคะ” กิ๊บซี่เมคอัพอาร์ทิสต์เอ่ยทักผู้จัดการหญิงสาวอย่างคุ้นเคย

“น้องภัทร เพื่อนสนิทโรสเขาน่ะ และนี่พี่กิ๊บซี่เมคอัพอาร์ทิสต์ชื่อดัง” สุภาพรแนะนำตัวทั้งคู่ให้รู้จักกัน วรภัทรยกมือไหว้ทักทายพร้อมมองเพื่อนสาวผ่านกระจกอย่างถูกใจ

“พี่ฝ้ายก็พูดเกินไป หนูยังไม่ดังขนาดนั้น” กิ๊บซี่สนิทสนมคุ้ยเคยกับทั้งคู่อยู่แล้วเพราะงานของเธอต้องร่วมงานกับรสิกาและผู้จัดการบ่อยๆ

“พี่แต่งหน้าสวยจังเลยครับ” วรภัทรเอ่ยชมเมคอัพอาร์ทิสต์คนเก่ง

“อ๊าย ปากหวานจัง น้องโรสเขาสวยอยู่แล้วล่ะค่ะ”

“ไม่หรอกค่ะ พี่แต่งเก่งจริงๆ ขอบคุณมากค่ะและขอบคุณพี่ฝ้ายด้วยนะคะที่ไปรับภัทรให้” รสิกาพูดขึ้นพร้อมทั้งยกมือไหว้ขอบคุณเป็นสิ่งที่เธอทำประจำเมื่อใครทำอะไรให้เธอ

ในวงการที่เต็มไปด้วยแสงสี มายา ทุกคนล้วนแต่ใส่หน้ากากเข้าหากัน ล้วนแต่หาความจริงใจได้ยาก เพราะแต่ละคนที่เข้ามาวงการนี้ล้วนต้องแข่งขันกันเองคำว่ามืออาชีพคือสิ่งเดียวที่สามารถพิสูจน์ตัวตนและจุดยืนในวงการได้ หน้าใหม่ผลัดเปลี่ยนเข้ามาคนแล้วคนเล่าหน้าเก่าก็ค่อยหายไปเรื่อยๆนั่นคือวัฏจักรของวงการนี้

กิ๊บซี่มองรสิกาอย่างเอ็นดู ตั้งแต่ที่หญิงสาวเข้ามาวงการนี้สองปีกว่าความอ่อนน้อมถ่อมตน ความเคารพที่มีกับผู้อื่นยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่นางแบบบางคนเข้ามาใหม่ๆก็ดีอยู่พอเริ่มดังก็ไม่เห็นหัวคนอื่นโดยเฉพาะช่างแต่งหน้าทำผมที่มักจะโดนเหวี่ยงวีนเวลาที่พวกคุณเธอไม่พอใจเสมอ

“พี่กิ๊บซี่อยู่นี่เอง คุณลูกพีชมาแล้วค่ะ รีบไปแต่งหน้าเถอะค่ะ” ทีมงานวิ่งมาหาเมคอัพอาร์ทิสต์ก่อนพูดอย่างรีบเร่ง

“ต๊าย เพิ่งมาเหรอ อีกไม่ถึงยี่สิบนาทีนี่นะ”

“ค่ะๆ รีบไปเถอะพี่ เธอกำลังอารมณ์ไม่ดี” ทีมงานรีบช่วยกิ๊บซี่ถือข้าวของก่อนนำไปโซนพิเศษที่ดาราสาวนั่งรออยู่

“ลูกพีชนี่ใช่คนที่พี่พงศ์ควงด้วยพักนึงใช่ไหม” วรภัทรหันมาถามเพื่อนสนิท รสิกาสบตาผู้จัดการก่อนพยักหน้า

“เอาน่าน้องภัทร เขาเลิกกันไปแล้วนี่คะ ตอนนี้ลูกพีชเองก็มีข่าวกับหลานชายของเจ้าสัวพิพัฒน์” สุภาพรปลอบใจชายหนุ่ม เธอรู้ดีว่าการที่ดาราสาวกระเด็นออกไปจากพงศกรก็เพราะผู้เป็นน้องชายที่ไปสร้างวีรกรรมเหวี่ยงวีนจนคนแถวนี้เม้ามอยกันสนุกปาก นี่ยังดีนะที่พวกนั้นไม่เคยเจอไม่รู้จักน้องชายพงศกรว่าเป็นใคร ถ้ารู้คงสนุกครื้นเครงจนไม่เป็นอันทำงานกันล่ะ

“เจ้าสัวพิพัฒน์ เจ้าของโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์อีกหลายแห่งนั้นเหรอครับ” วรภัทรรู้สึกตกใจที่ทายาทเศรษฐีชื่อดังมาตกหลุมนางเอกจอมปลอมคนนี้

“นั่นแหละค่ะ น้องโรสไปแต่งตัวกันดีกว่า” สุภาพรหันมาตอบชายหนุ่ม ก่อนหันไปบอกรสิกาเมื่อเห็นว่าห้องแต่งตัวว่างแถมสไตลิสท์ยืนรออยู่หน้าห้องแล้ว

เมื่อเห็นว่าเพื่อนต้องเตรียมตัวขึ้นโชว์ วรภัทรจึงเดินออกมาข้างนอกเพื่อชมโชว์ในค่ำคืนนี้ เพราะถ้ายืนอยู่ในนั้นเขาคงรู้สึกแย่ขนาดเพื่อนสนิทตั้งแต่เด็กอย่างนาราฝาแฝดของนาวินความสูงยังเท่าเขา ส่วนรสิกานั้นไม่ต้องพูดถึงความสูงมากกว่าเขาสองเซ็นติเมตรนี่ขนาดไม่ใส่ส้นสูงนะ ถ้าใส่เขาคงเตี้ยแมะแคะ ทั้งๆที่เขาไม่เตี้ยขนาดนั้น

‘170 เซ็น นี่ไม่เตี้ยนะมาตรฐานคนไทย พวกนางแบบสูงนั่นแหละสูงเกินกว่ามาตรฐาน’ วรภัทรคิดอย่างเซ็งๆก่อนเดินออกมา ชายหนุ่มมองหาที่นั่งซึ่งอยู่บริเวณฟร้อนท์โรลล์โซนวีไอพี เขารู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่เพื่อนหาที่นั่งดีๆนี้ให้ได้

“ภัทร มาด้วยเหรอ” เสียงทักดังขึ้นข้างหลังทำให้เขาหันไปมอง

“หือ พี่พงศ์มาได้ไง”

“ฉันต้องถามแกมากกว่าว่ามาได้ไง” พงศกรเอ่ยถามน้องชาย

“โรสชวนมา แล้วพี่ล่ะ” วรภัทรตอบออกไปพร้อมถามพี่ชายกลับด้วยความหวาดระแวงกลัวว่าพี่ชายตัวดีจะนัดใครไว้

“ปกติฉันก็รับเชิญมางานแฟชั่นโชว์ตลอดแหละ แถมวันนี้มีกระเป๋าที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อต้นปีที่เขาขอมาโชว์ในงานอีก เดี๋ยว อย่าบอกนะว่าคิดอะไรไม่ดีอยู่” พงศกรหลี่ตามองน้องชายด้วยความสงสัยเมื่อเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม

“เปล่า โอ๊ย” วรภัทรปฏิเสธเสียงสูงก่อน ร้องอุทานออกมาเพราะโดนพี่ชายดีดหน้าผาก

“แต่สายตาแก มันเชื่อไม่ได้ หวังว่าแกคงไม่ก่อเรื่องขึ้นมานะไอ้ภัทร” พงศกรชี้หน้าคาดโทษน้องชายตัวด้วยความไม่ไว้ใจ
“ถ้าเรื่องมันมาเดินเข้าชนเองก็ไม่แน่” วรภัทรย่นจมูกอย่างขัดใจ

“อย่าแม้แต่จะคิด ไม่งั้นฉันฟ้องพ่อกับแม่แน่ๆ” พงศกรขู่น้องชาย เขาล่ะกลัวใจน้องชายตัวดีนี่จริงๆ

วรภัทรมองผ่านนางแบบที่เดินโชว์บนเวทีคนแล้วคนเล่า หน้าตาท่าทางทุกคนล้วนแต่มืออาชีพ การที่จะไต่ขึ้นในระดับมืออาชีพเรื่อยๆนั้นต้องอาศัยความอดทน พรแสวงและพรสวรรค์ของตัวเองซึ่งรสิกาก็เป็นหนึ่งในนั้น เพื่อนของเขา ยังยืนหยัดอยู่ในวงการนี้ที่เต็มไปด้วยเสือ สิงห์ กระทิง แรด แม้จะมีคลื่นลูกใหม่หลายลูกพัดเข้ามา และสิ่งที่เขาภูมิใจเป็นที่สุดคือเพื่อนคนนี้รักศักดิ์ศรีรักตัวเอง ไม่ใช้ร่างกายเป็นบันไดลัดสู่ความสำเร็จของอาชีพเหมือนคนบางคนที่ใช้วิธีนี้ ชายหนุ่มกวาดสายตาไปรอบๆแล้วอดที่จะถอนหายใจออกมาไม่ได้ แฟชั่นโชว์เสื้อผ้า เครื่องแต่งกายสตรี ทำไมคนที่มาดูมีผู้ชายประมาณเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ ขณะที่กำลังประเมินกลุ่มผู้มาร่วมงานสายตาของวรภัทรสะดุดเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากพี่ชายของเขา

‘มากับเขาด้วยเหรอไอ้โรคจิต’

เสียงปรบมือและแสงแฟรชเรียกสติของวรภัทรให้มองไปข้างหน้าอีกครั้ง รสิกาและนิชาดายืนประกบเจ้าของแบรนด์ในค่ำคืนนี้ แม้ว่าเขาจะขัดใจที่เห็นคู่ปรับเก่าแต่เอาเถอะเพราะเท่าที่เขาเห็นนั้นรสิกาดูโดดเด่นกว่าจนเห็นได้ชัด ไม่งั้นจะโดนให้มายืนประกบเจ้าของงานเหรอ เพราะปกติแล้วคนที่เดินชุดสุดท้ายฟินนาเล่อย่างนิชาดาต้องยืนคู่เพื่อมอบด้วยดอกไม้ให้แก่เจ้าของแบรนด์ แต่งานนี้เจ้าของงานควงทั้งคู่ออกมาโดยนิชาดายังเป็นคนมอบดอกไม้แต่มีรสิกายืนปรบมืออยู่ข้างๆ

“เฮ้อเสียดายอ่ะ ทำไมผู้ชายหล่อๆรวยๆ ถึงเสร็จยัยนี่ตลอด”

“ยัยลูกพีชมันทำบุญมาดี จับคุณดินเสียอยู่หมัด”

“ตอนแรกคิดว่าจะควงกันเล่นๆไม่นาน แต่นี่จะสามเดือนแล้วท่าทางคุณดินจะหลงมันจริง”

“ก็นะยัยนี่กำลังขึ้นหม้อ ได้เป็นนางเอกช่องดังเพราะเต้าไต่เขาเม้ากันให้แซดว่ากิ๊กกั๊กกับผู้จัดละครหน้าใหม่ที่เป็นลูกผู้จัดละครดังของช่อง จึงได้เล่นน่ะการแสดงก็งั้นๆเรตติ้งละครยังสู้ช่องคู่แข่งไม่ได้เลย ฉันว่าเจ้าตัวเล่นบทนางเอกเรียบร้อยอ่อนหวานไม่รุ่งหรอก”

“ใช่ๆ เพราะละครจบก็ควงคนอื่นปั๊บ เห็นว่าก่อนมาควงคุณดินก็เปลี่ยนคู่ควงมาหลายคนแล้ว แต่ละคนระดับไฮโซเชียวนะ”

เสียงสนทนาของทีมงานเม้ามอยนางเอกละครดังมาเข้าหูวรภัทร ทำให้ชายหนุ่มหันไปมองผู้ตกเป็นประเด็นในการนินทาครั้งนี้ ภาพที่เห็นทำให้วรภัทรแบะปากเดินออกไปโดยไม่ใส่ใจ

‘นึกว่าใครที่แท้ก็ยัยพีชเน่ากับไอ้โรคจิตนี่เอง ก็สมกันจริงๆเหมือน ผีเน่ากับโลงผุ’

“อ๊ะ ขอโทษครับ” เสียงคุ้นหูทำให้พสุธาหันไปมอง เขาเห็นคนตัวเล็กก้มหน้ากล่าวขอโทษแขกในงานที่เผลอสะดุดจนไปชนเข้า

“หือ ไอ้ตัวแสบ”

“อะไรเหรอคะ” นิชาดาเอ่ยถามเพราะได้ยินไม่ชัด

“ไม่มีอะไรครับ”

“คือนักข่าวขอถ่ายรูปด้วย คุณดินไปกับลูกพีชนะคะ”

“อย่าเลยครับ ผมไม่ใช่ดารา ลูกพีชไปถ่ายรูปเถอะครับเดี๋ยวผมรออยู่แถวนี้” พสุธารีบปฏิเสธ เขาไม่อยากเป็นที่สนใจมากไปกว่านี้

“งั้นเดี่ยวลูกพีชมานะคะ” นิชาดายิ้มอย่างอ่อนหวานให้ชายหนุ่มก่อนเดินไปยังกลุ่มนักข่าวที่สัมภาษณ์นางแบบคนอื่นอยู่

พสุธามองหาวรภัทรไปรอบๆ ก่อนจะเห็นชายหนุ่มยืนคุยกับรสิกานางแบบชื่อดัง ลักษณะท่าทางการจับไม้จับมือบ่งบอกว่าทั้งคู่สนิทสนมกันแค่ไหน

“ชินกร” พสุธากวักมือเรียกเลขาที่ยืนอยู่ไม่ไกลให้เดินเข้ามาหา

“ครับบอส”

“นายดูนั่น พอจะจำได้ไหม”

“คุณโรส รสิกา ยืนกับ...” ชินกรพยายามพิศหน้าชายหนุ่มที่ยืนคุยกับนางแบบอยู่ ดูไปดูมาจะว่าคุ้นก็คุ้นแต่นึกไม่ออกว่าเป็นใคร จึงหันมามองหน้าเจ้านายแทน

“ก็ ไอ้เด็กบ้า ไอ้ตัวแสบที่เล่นงานฉันไง” พสุธารู้สึกขัดใจที่เลขาคนสนิทจำไอ้เด็กแสบไม่ได้

“เล่นงาน” ชินกรยังงงๆอยู่

“ก็ไอ้ตัวแสบที่ว่าฉันเป็นไอ้โรคจิตแถมทำร้าย...ที่ห้องน้ำโรงแรมไง” พสุธาถึงกับอึกอักไม่อยากพูดในเรื่องที่เสียหน้า

“อ๋อ” ชินกรพยักหน้า เขาคิดออกแล้วแต่ก็ยังไม่เข้าใจว่าเจ้านายจะทำอะไร

“รู้แล้วก็ไปสืบมาว่าคู่นั้นเป็นอะไรกัน”

“บอสจะทำอะไรครับ”

“อย่าถามมากบอกให้ทำอะไรก็ทำไป”

“ได้ครับบอส” ชินกรรับคำก่อนรีบไปทำตามคำสั่ง

“นั่นคุณชินไปไหนคะ” นิชาดาที่เพิ่งเดินกลับเข้ามาหาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหลังเลขาคนสนิทของพสุธาไวๆ

“ผมบอกให้กลับไปก่อนน่ะ เพราะเดี๋ยวผมจะขับรถไปส่งคุณเอง” พสุธาบอกพร้อมส่งสายตากรุ้มกริ่มไปให้

“แหม คุณดินก็” นิชาดาส่งยิ้มเอียงอายให้ชายหนุ่ม คืนนี้เธอก็ตั้งใจว่าจะขอให้เขาอยู่กับเธอทั้งคืน พอเขาเสนอมาก่อนดีเสียอีกแสดงว่าเสน่ห์ของเธอยังมัดใจได้อยู่

“แล้วคุณเสร็จธุระหรือยังครับ”

“เสร็จแล้วค่ะ เราออกไปได้เลย” นิชาดาควงแขนชายหนุ่มพร้อมเดินออกไปจากงานท่ามกลางสายตาที่มองมา



****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
อยากจะขอคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจกันหน่อยค่ะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)   

ออฟไลน์ angelhani

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ถึงกับสืบเรื่องของเขานะคะคุณดิน

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
จะแกล้งอะไรน้อง   :hao4:

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 5

“บอสครับ นี่ข้อมูลที่บอสอยากได้” ชินกรวางเอกสารที่เจ้านายต้องเซ็นต์บนโต๊ะก่อนยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลไปให้

พสุธาหยิบเอกสารขึ้นมาดูก่อนอ่านข้อมูลที่ได้รับมาสิบกว่าแผ่นคร่าวๆ

“ส่งดอกไม้ไปให้โรส รสิกา”

“ครับ ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม” ชินกรเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ

“ว่ามา”

“บอสสนใจคุณโรสเหรอครับ”

“ก็สวยน่ารักดี”

“ครับงั้นผมจะสั่งเป็นดอกกุหลาบแดง” ชินกรตัดสินใจเมื่อได้ยินคำพูดของเจ้านาย

“ไม่เอาสีแดง” พสุธารีบปฏิเสธออกมาเมื่อได้ยินก่อนที่จะนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยออกมา “เอาดอกไม้อย่างอื่นที่ไม่ใช่กุหลาบดีกว่า”

“อ้าว แล้วบอสจะเอาดอกอะไร คุณโรสชื่อบ่งบอกแปลว่าดอกกุหลาบ” ชินกรเอ่ยออกมา เขาทำงานกับพสุธามานานจึงสามารถท้วงติงได้

“ก็เพราะชื่อแปลว่าดอกกุหลาบเขาก็คงได้ดอกกุหลาบเยอะแล้ว นายจะเลือกดอกอะไรก็ได้ที่บอกว่าฉันสนใจเขา แต่ไม่ได้จีบแบบโต้งๆเข้าใจไหม”

“เอ่อ เข้าใจครับแต่มันคือดอกอะไร”

“จะไปรู้เหรอ เป็นหน้าที่นายต้องไปหามา” พสุธาตะเพิดเลขาคนสนิทพร้อมโบกมือให้ออกไปจากห้อง

“ครับๆ” ชินกรก้มหัวลงก่อนเดินออกจากห้องไป


--- Designer’s Love ---


“ภัทรมาได้ไง สวัสดีค่าสาวน้อย” รสิกาเดินเข้ามาทักทายเพื่อนหลังจากที่ทำงานเสร็จด้านข้างเวที

“พาน้องฟ้ามาหาอะไรกิน” วรภัทรตอบเพื่อน ชายหนุ่มแวะพาหลานสาวมาเที่ยวห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองซึ่งอยู่ห่างจากบ้านพอสมควร บังเอิญมาเจอรสิกาที่มาทำงานในห้างนี้ด้วย วรภัทรจึงเข้ามาทักทายผู้จัดการของหญิงสาวก่อนรอพบเธอข้างเวทีหลังจากที่รสิกาทำงานเสร็จแล้ว

“สวัสดีค่ะน้าโรส น้าโรสสวยจัง” เด็กหญิงอิงฟ้ายกมือไหว้หญิงสาวพร้อมมองอย่างชื่นชม   

“ขอบคุณค่ะ สาวน้อยของน้าโรสก็สวยค่ะ” รสิกายิ้มให้หลานสาวเพื่อนสนิท ที่เธอคุ้นเคยกับเด็กน้อยพอสมควรเพราะช่วงใกล้เรียนจบเธอต้องไปทำงานที่บ้านวรภัทรทำให้เจอเด็กหญิงบ่อยๆ

“แล้วนี่มีงานต่อไหม” วรภัทรเอ่ยถาม

“ไม่มีแล้ว” รสิกาส่ายหัว งานเดินแบบเปิดตัวคอลเลคชั่นชุดกีฬาเป็นงานสุดท้ายในวันนี้จะมีอีกทีพรุ่งนี้บ่ายๆ

“สนใจไปกินไอศกรีมกับเราไหม” ชายหนุ่มชวนเพื่อนสนิท โดยมีเด็กหญิงลุ้นคำตอบของหญิงสาวอยู่ข้างๆ

“ได้ๆ แต่ขอไปเก็บของก่อนนะ” รสิกาตอบรับคำชวนก่อนบอกเพื่อน เพราะพี่ฝ้ายมาบอกว่าเจอวรภัทรเธอจึงมาทักทายชายหนุ่ม

“อืมไปเถอะบอกพี่ฝ้ายด้วยนะว่าเดี๋ยวเราไปส่งโรสเอง” วรภัทรบอกชายหนุ่มรู้ว่าทางโมเดลลิ่งให้ผู้จัดการส่วนตัวคอยรับส่งหญิงสาวเวลาที่ทำงานอยู่แล้ว

“วันนี้เรากลับบ้านนะไม่ได้นอนที่คอนโด” รสิกาท้วงเพื่อนเพราะไม่อยากให้วรภัทรไปส่งเธอในย่านรถติด

“ก็ดีซิเราอยากกินขาหมูของแม่โรสอยู่พอดี”

“นี่มันบ่ายแล้วนะ แม่เราคงขายหมดแล้วล่ะ เอาไว้วันจันทร์แล้วกันเดี๋ยวให้คนไปส่งที่บ้าน” บ้านของรสิกาเปิดร้านขายข้าวขาหมูซึ่งขายดีมาก วันธรรมดาไม่เกินบ่ายสองก็หมดแล้ว เพราะพนักงานออฟฟิตแถวนั้นชอบมาทานกัน

“ว้าแย่จัง ว่าจะไปหลายหนแล้วแต่ไม่ผ่านไปแถวนั้นเลย” วรภัทรรู้สึกเศร้าที่อดกินขาหมูแสนอร่อยฝีมือแม่ของรสิกา

“เอาน่ารอหน่อย วันจันทร์สัญญาว่าจะส่งไปให้กินแน่ๆ” รสิกาปลอบใจเพื่อนกันขอแยกตัวออกไปเก็บของ

รสิกาหายไปไม่ถึงสิบห้านาทีก็กลับมาในชุดใหม่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ร้องเท้าผ้าใบยี่ห้อดังสะพายกระเป๋าหอบดอกไม้ช่อโตเดินมาหาเพื่อนที่ยืนรออยู่กับหลานสาว

“น้าโรสดอกไม้สวยจัง” เด็กหญิงอิงฟ้ามองช่อดอกไม้ตาลุกวาว

“ชอบเหรอคะ งั้นน้าโรสให้ค่ะ” รสิกายื่นช่อดอกลิลลี่ขาวช่อใหญ่ให้เด็กหญิง

“เฮ้ยจะดีเหรอ คนให้มาจะเสียใจนะ” วรภัทรรีบจับมือเพื่อนไว้ก่อนที่จะถึงมือหลานสาว

“ไม่เป็นไร น้องฟ้าชอบเดี๋ยวน้าโรสให้ค่ะ แต่ขอน้าโรสเอาเกสรออกก่อนนะคะ” รสิกาบอกเพื่อนก่อนหันมาพูดกับเด็กหญิง

“เอาออกทำไมคะ” เด็กหญิงเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ

“เกสรดอกลิลลี่เป็นพิษค่ะ เดี๋ยวน้องฟ้าจะแพ้ไม่สบายเอาได้” หญิงสาวพูดพลางหยิบกระดาษทิชชู่เปียกมาเช็ดเกสรออกมา โดยมีวรภัทรคอยช่วยด้วย

“ตกลงว่าใครให้มาลูกค้าเหรอ” วรภัทรซักต่อ รสิกาไม่ตอบแต่ยื่นนามบัตรที่แนบกับดอกไม้ให้ชายหนุ่มดู

“พสุธา แสงศศินา ชื่อคุ้นๆใครอ่ะ” วรภัทรพยายามนึกว่าเคยได้ยินชื่อนี้ที่ไหน

“หลานเจ้าสัวพิพัฒน์” รสิกาบอกเมื่อเห็นเพื่อนยังนิ่วหน้าคิ้วขมวด เธอก็พูดต่อว่า “ก็กิ๊กยัยลูกพีชไง”

“อ๋อ นึกว่าใคร ว่าไงนะ” วรภัทรอุทานเสียงดังเมื่อรู้ว่าเจ้าของดอกไม้เป็นใคร

“...” รสิกามองหน้าเพื่อนอย่างงงๆ เพราะจู่ๆแววตาของเพื่อนก็แข็งกร้าวขึ้นมา

“นายนี่คิดจะจีบโรสเหรอ โอ๊ยเอาไปทิ้งเลย ทีหลังอย่าไปรับของๆมันมานะ ตานี่ประสงค์ร้ายกับโรสอยู่หรือเปล่า ถ้ายัยพีชเน่านั่นรู้ไม่มาดักตบโรสเหรอ” วรภัทรพูดด้วยอารมณ์คุกรุ่น ความจริงเขาไม่กลัวว่านิชาดาจะมาเล่นงานหญิงสาว เขาเชื่อว่าเพื่อนเอาตัวรอดได้ แต่ที่ชายหนุ่มกลัว กลัวว่ารสิกาจะสนใจหมอนั่นมากกว่า

“ใจเย็นๆ ทำไมต้องเกรี้ยวกราดด้วย ดูซิน้องฟ้ากลัวหมดแล้ว” รสิการีบเบรคเพื่อนเมื่อเห็นวรภัทรอารมณ์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

“น้าภัทรขอโทษนะครับน้องฟ้า ดอกไม้นี่เอาทิ้งไปดีกว่านะ เดี๋ยวน้าภัทรซื้อให้ใหม่”

“ทำไมล่ะคะ อันนี้ก็ได้ อาปาบอกว่าให้ใช้ของที่มี ต้องช่วยกันประหยัดค่ะ” เด็กหญิงอิงฟ้านึกถึงคำสองของปาลิดาผู้เป็นอา ให้รู้จักประหยัดรู้จักออมเงินไม่งั้นโตขึ้นไปจะไม่มีเงินใช้จ่าย ซื้อของที่อยากได้

“หึหึ” รสิกาอมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าของวรภัทร ก่อนจะยื่นดอกไม้ไปให้เด็กหญิง “นี่ค่ะเช็ดหมดแล้ว น้าโรสให้น้องฟ้าค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ” เด็กหญิงยิ้มกว้างยกมือไหว้ก่อนเอื้อมไปรับช่อดอกไม้

“น้าแค่กลัวพิษของเกสรจะไปโดนน้องเหนือมากกว่า น้องยังเล็กเดี๋ยวจะไม่สบายได้ค่ะ” วรภัทรอธิบายให้หลานสาวฟัง

“แถจนสีข้างถลอกหมดแล้ว” รสิกาเอ่ยแซวทำเอาวรภัทรหันมาค้อนควักให้ทันที

“ไม่มีอะไรแล้ว ไปทานไอศกรีมกันดีกว่า” ชายหนุ่มได้แต่จูงมือหลานสาวไปร้านไอศกรีมชื่อดังแทนที่จะยืนเถียงกับเพื่อนให้เสียหน้าอีก ‘น้องฟ้านะน้องฟ้าไม่ช่วยน้าเลย’

“เขาส่งดอกไม้มาให้ คนรับก็พี่ฝ้ายนั่นแหละไม่ใช่เรา ภัทรก็รู้เราระวังตัวเรื่องพวกนี้แค่ไหน ถ้าไม่ใช่จากพวกแฟนคลับเราก็ไม่อยากรับ” จู่ๆรสิกาก็พูดขึ้นมาระหว่างที่รอไอศกรีมมาเสิร์ฟ

“อืม เราเข้าใจ แต่มันอดโมโหไม่ได้ โรสก็รู้ว่าเรามีเรื่องกับไอ้โรคจิตนั่น” วรภัทรพยายามพูดอย่างใจเย็น เขารู้ดีว่าเพื่อนเป็นอย่างไร แถมเขาก็เล่าที่มีเรื่องกับพสุธาให้เพื่อนฟังแล้วด้วย

“ต้องดูต่อไปว่าจะมาแบบไหน ถ้าเป็นแฟนคลับชื่นชมก็พอไหว แต่ถ้ามากกว่านั้นคงไม่เอา เราไม่อยากมีเรื่องกับยัยลูกพีช ตอนนี้นางกำลังขึ้นละครกำลังโปรโมทใหญ่เชียว” รสิกาไม่อยากมีเรื่องมีราวกับใครโดยเฉพาะผู้ร่วมอาชีพ หญิงสาวไม่อยากเป็นข่าวให้คนใส่สีตีไข่พูดกันสนุกปากโดยไม่คิดจะถามความจริงกันสักคำ

“อ้าว ไหนบอกว่ามีแต่คนเอือมไงล่ะ” วรภัทรสงสัยเพราะวันนั่นเขาก็ได้ยินคนนินทานิชาดากันอย่างสนุกปาก

“พอดีละครใหม่กำลังออนแอร์ ทางช่องกลัวเรตติ้งจะทิ้งดิ่งน่ะ เลยต้องสร้างกระแสโปรโมท ไม่งั้นไม่มีคนดู”

“งั้นเหรอ เฮ้อวงการมายานี่ก็มายาจริงๆ วันนี้ทะเลาะกันแทบตายประเภทไม่เผาผีกันแล้ว วันรุ่งขึ้นจูบปากกันเสียอย่างงั้น” วรภัทรเบ้หน้าส่ายหัวไปมา นึกชมเพื่อนอยู่ในใจที่เอาตัวรอดมาได้จนถึงวันนี้โดยไม่มีข่าวเสียๆหายๆอะไร


--- Designer’s Love ---

อาคารพาณิชย์หลายคูหาย่านปิ่นเกล้าเริ่มทยอยปิดร้านกันหมดแล้ว เหลือแต่ร้านมินิทมาร์ทที่เปิดยี่สิบสี่โมงยังเปิดอยู่ วรภัทรขับรถมาจอดในซอยข้างอาคารที่อยู่ริมสุด รสิกาก้าวลงจากรถก่อนล้วงกุญแจไขประตูด้านข้างที่อยู่ด้านหลังของอาคารพาณิชย์แห่งนี้ พอประตูเปิดหญิงวัยกลางคนสองคนก็เดินออกมา

“สวัสดีครับแม่ สวัสดีครับน้าพรรณ” วรภัทรยกมือไหว้อรณีกับอรพรรณ แม่และน้าของรสิกา โดยมีหลานสาวยกมือไหว้ตาม

“สวัสดีจ้าภัทร สบายดีนะลูก เอ๊ะนั่นใครกัน” อรณีทักทายเพื่อนสนิทลูกสาวอย่างคุ้นเคยก่อนจะก้มมองเด็กหญิงพร้อมเอ่ยถาม

“น้องฟ้าหลานสาวภัทรเองครับ” ชายหนุ่มแนะนำเด็กหญิงให้ทุกคนรู้จัก

“น่ารักจัง จะแวะเข้าบ้านก่อนไหม” อรณีชมเด็กหญิงก่อนถามชายหนุ่มว่าจะเข้ามาในบ้านหรือเปล่า

“ไม่ดีกว่า เอาไว้คราวหน้าดีกว่า เห็นโรสบอกว่าวันนี้แม่เพิ่งเก็บร้านเสร็จ พักผ่อนเถอะครับภัทรไม่อยากกวน อีกอย่างต้องรีบพาน้องฟ้าไปคืนพ่อแม่เขาป่านนี้ชะเง้อหาแล้ว” วรภัทรอธิบายพร้อมกับอ้างถึงพี่สาวและพี่เขยของเขา

“ไม่เข้าก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวเอานี่ไปทานกันนะ เห็นโรสบอกว่าภัทรอยากทาน” อรณีรับถุงขาหมูถุงใหญ่จากน้องสาวส่งให้ชายหนุ่ม

“ขอบคุณมากครับ” วรภัทรรับถุงของฝากด้วยความยินดี

“นี่พอโรสโทรมาถามว่าของเหลือไหมภัทรอยากกิน ขนาดของขายหมดแล้วนะพี่นียังทำให้ใหม่เลย มีทั้งขาหมู คากิ แถมไข่กับไส้อีกตังหาก” อรพรรณรีบนินทาพี่สาวเมื่อมีโอกาส

“โหแม่เยอะขนาดนี้คิดเงินเถอะครับ ของซื้อของขาย” วรภัทรเริ่มรู้สึกเกรงใจเพราะเขาอยากกินมากจนเพื่อนต้องโทรมาหามารดาเพื่อทำให้เขา ทั้งๆที่ควรจะได้พักหลังจากขายของเสร็จแล้วแท้ๆ

“เอาน่านานๆที ถือว่าแลกกับน้ำหอมของฝากมากมายที่เราฝากโรสมาให้ตอนที่กลับมา” อรณีบอกปัดเพื่อนสนิทลูกสาว ถ้าจะให้คิดเงินกันจริงๆของฝากที่วรภัทรฝากมาให้บ้านเธอนั้นมีราคาค่างวดมากกว่าขาหมูหลายสิบถุงเสียอีก กะแค่ขาหมูถุงเดี๋ยวถือว่าเล็กน้อยมาก

“ขอบคุณมากครับแม่ น้องฟ้าขอบคุณคุณยายเร็ว เย็นนี้เรามีของอร่อยไปกินกับแม่แล้ว” วรภัทรสะกิดหลานสาว

“ขอบคุณค่ะคุณยาย อาภัทรบอกคุณยายทำขาหมูอร่อยมาก”

“แหม ปากหวานจังเลยมาให้ยายกอดที” อรณีอดไม่ได้ที่จะคว้าเด็กหญิงเข้าไปกอด

“งั้นผมกลับก่อนนะครับสวัสดีครับแม่ สวัสดีครับน้าพรรณ ไปแล้วนะโรส” วรภัทรถือโอกาสลาคนทั้งคู่

“สวัสดีค่ะคุณยาย สวัสดีค่ะน้าโรส” เด็กหญิงอิงฟ้ายกมือไหว้ลาคุณยายทั้งสองและน้าโรสคนสวย

“ขับรถดีๆนะภัทร ถึงแล้วไลน์บอกด้วย บ๊ายๆจ้าสาวน้อยของน้า” รสิกาโบกมือให้เด็กหญิงอิงฟ้า

“ว่างๆก็มาหายายใหม่นะคะ” อรณีโบกมือลาเด็กหญิงตัวน้อยกับเพื่อนลูกสาวก่อนตะโกนบอกเมื่อเห็นเด็กหญิงโบกมือลาเธอเช่นกัน

พอกลับมาถึงบ้านวรภัทรก็พบว่าพงศกรนั่งอยู่ที่บ้านคนเดียว บิดามารดาของเขามีงานเลี้ยงสังสรรค์ออกไปด้วยกันตั้งแต่เย็น

“เอาไงดี งั้นเรากลับบ้านโน้นกันดีกว่านะน้องฟ้า” วรภัทรหันมาถามหลานสาวที่กำลังเอาดอกไม้ไปอวดพี่ชายเขาอยู่หันมารับคำพยักหน้าหงึกหงัก

“จะเอาไปให้ใครคะน้องฟ้า” พงศกรเอ่ยถามหลานสาวถึงดอกไม้สุดหวงในมือของเธอ

“น้าโรสให้น้องฟ้ามาค่ะ สวยไหมน้าพงศ์”

“สวยค่ะ แล้วทำไมน้าโรสถึงให้น้องฟ้ามาคะ ภัทรไปเจอโรสมาเหรอ” พงศกรตอบหลานสาวก่อนหันไปถามน้องชายเขารู้ว่าวรภัทรพาหลานไปเที่ยวห้าง แต่ไม่คิดว่าจะนัดกับเพื่อนด้วย

“พี่พงศ์ไปบ้านโน้นด้วยกันไหม แม่โรสให้ขาหมูมาตั้งเยอะไปทานด้วยกันที่โน่นเหอะ” วรภัทรไม่ตอบเรื่องเพื่อนหรือดอกไม้แต่เอ่ยชวนพี่ชายให้ไปบ้านพี่สาวพี่เขยแทน

“เอาซิ พี่ไม่อยากทานข้าวคนเดียวเหมือนกัน” ความจริงเขานัดกับเพื่อนๆไว้ช่วงค่ำๆเพื่อสังสรรค์ตามปกติของหนุ่มโสด แต่เย็นนี้แวะทานอาหารกับพี่น้องก่อนก็ได้ยังพอมีเวลา


****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ
อยากจะขอคอมเม้นท์เพื่อเป็นกำลังใจกันหน่อยค่ะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 6

ทันทีที่เข้ามาในบ้านทุกคนต่างสนใจช่อดอกไม้มือของเด็กหญิงกันทั้งนั้น แถมเด็กหญิงยังหวงดอกไม้ช่อนั้นเอามากๆ จนวรภัทรหงุดหงิด เขาอยากเอาช่อดอกไม้ไปทิ้งเสียแต่ไม่อาจหักหาญน้ำใจหลานสาวของตัวเองได้ ไม่ใช่ดอกไม้ไม่สวยไม้ดี เพราะรู้ที่มาของมันทำให้ดอกไม้ช่อนั้นทำให้ทำใจชื่นชมได้ยาก

“พวกพี่หิวกันหรือยัง แม่ของโรสให้ขาหมูกับเครื่องเคียงมาเยอะแยะเลย” วรภัทรถามพี่สาวและพี่เขย

“เดี๋ยวรอป้านุชไปอุ่นก่อน ดีนะที่เราโทรมาบอกก่อนหน้านี้ไม่งั้นกับข้าวเต็มโต๊ะแน่ๆ” พลอยลดาบอกน้องชาย เพราะก่อนจะขับรถกลับมาบ้านวรภัทรได้โทรบอกแล้วว่ามีขาหมูขาใหญ่จะแบ่งมาให้ที่บ้าน แต่ไปๆมาๆกลับหอบขาหมูถุงใหญ่มาทานที่นี่แทน

“แล้วนี่ปันไม่อยู่เหรอ” วรภัทรชะเง้อมองบ้านข้างๆที่อยู่อีกฟากของสระว่ายน้ำ บ้านของปัญญวัฒน์ที่อยู่ในรั้วเดียวกับพี่ชาย

“คุณภาครับไปทานข้าวที่บ้านเขา เห็นว่าพ่อแม่มาจากเชียงใหม่น่ะ” พลอยลดาหันมาบอกเบาๆเพราะสามีของเธอนั่งหน้าตึงไม่พอใจภาสวรอยู่

“พี่เปรมยอมให้ทั้งคู่คบกันแล้วนี่ครับ แล้วทำไมยังไม่พอใจอยู่” วรภัทรกระซิบถาม

“จะอะไรกันก็หวงน้องชายนั่นแหละ พี่ว่าทางที่ดีภัทรอย่าเอ่ยถึงปันดีกว่างานจะกร่อยเสียเปล่าๆ” พลอยลดากระซิบตอบน้องชาย ซึ่งวรภัทรเหลือบตามองหน้าพี่เขยซึ่งเปรียบเหมือนพี่ชายอีกคนก่อนพยักหน้ารับแต่โดยดี

พอป้านุชพี่แก้วพี่ส้มจัดเตรียมกับข้ามที่โต๊ะอาหารเสร็จก็มาตามทุกคนไปที่โต๊ะ กับข้าวห้าหกอย่างวางเรียงรายเต็มโต๊ะทำเอาวรภัทรตาโต

“พี่พลอย ไหนบอกป้านุชแล้วไงว่าภัทรเอาขาหมูมา ไหงกับข้าวถึงได้เยอะอย่างนี้ล่ะ” วรภัทรถามพี่สาวเสียงหลง

“ป้าทำเพิ่มแค่ปลานึ่งมะนาวเห็นคุณเปรมบ่นอยากทาน ส่วนไส้อั่ว น้ำพริกอ่อง คุณภาคเอามาให้ค่ะ ยังมีน้ำพริกหนุ่มกับแคปหมูด้วยนะคะ คุณภัทรจะรับด้วยไหมคะเดี๋ยวป้าไปหยิบให้” ป้านุชเป็นคนบอกแทนหญิงสาว พร้อมกับถามขึ้นมาเผื่อมีใครอยากทานเพิ่มด้วย

“พอดีกว่าครับ แค่นี้ก็เยอะแล้ว” วรภัทรรีบปฏิเสธ

“เอ่อ คุณภัทรคะ ป้าแบ่งคากิไว้ขาหนึ่งและจับฉ่ายอีกถุงไว้เผื่อคุณภัทรจะเอากลับไปที่บ้านนะคะ” ป้านุชรีบบอก เธอรู้ดีว่าชายหนุ่มชอบทานเผื่อจะไปอุ่นทานที่บ้านมื้อต่อไป

“แม่ของโรสให้มาเยอะเลยนะเนี่ย จับฉ่ายนี่ก็ด้วยเหรอ” พลอยลดาเงยหน้าถามน้องชาย

“ไม่รู้” วรภัทรส่ายหน้าเขาเปิดถุงดูมีขาหมูกับเครื่องเคียงเท่านั้น

“อ้าว ยังไงกัน” คราวนี้พลอยลดาหันไปสบตาคล้ายจะเอ่ยถามป้านุชแทน

“ใช่ค่ะ มันอยู่รวมกันในถุงน่ะค่ะมีขาหมูขาใหญ่หนึ่งถุง คากิสองขาพร้อมไส้หนึ่งถุงใหญ่ ผักกาดดองคะน้าพร้อมไข่อีกถุงใหญ่ จับฉ่าย 2 ถุงเล็กค่ะ” ป้านุชแจกแจงตามที่เธอได้รับมา

“โห ตายแล้วไอ้ภัทร ของซื้อของขายไปเอาของเขามาได้ไง” พลอยลดาเมื่อได้ยินก็ตาลุกวาวหันมาเฉ่งน้องชาย

“ภัทรก็ไม่คิดว่าแม่ของโรสจะให้มาเยอะขนาดนี้” ชายหนุ่มพูดเสียงอ่อยๆ ตอนแรกเขาคิดว่าขาหมูกับคากิขาเล็กๆพร้อมเครื่องเคียงนิดหน่อยเท่านั้น ที่ถุงมันใหญ่เพราะอรณีใส่น้ำมาให้เยอะแยะเพราะเขาชอบขอน้ำขาหมูเพิ่มตอนที่ไปกินที่ร้าน

“วันหลังจะไปเยี่ยมแม่ของโรสที่บ้าน ซื้อขนมไปฝากเยอะๆแล้วกัน" พลอยลดาตัดบทหันมาดูลูกสาวทานข้าวขาหมูกับไข่อย่างเอร็ดอร่อยแทน

“จับฉ่ายอร่อยรสชาตกลมกล่อม ผักกับเนื้อหมูก็เปื่อยแทบละลายในปาก” พงศกรเอ่ยชม

“ใช่แล้ว ไม่งั้นคนไม่ชอบกินผักอย่างภัทรจะกินเรอะ พงศ์ไม่เคยกินเหรอโรสเอามาให้ออกบ่อย” พลอยลดาหันมาแขวะน้องชายคนเล็กก่อนถามน้องชายคนกลางอย่างสงสัย ตอนที่วรภัทรเรียนปีสุดท้าย รสิกามาทำงานที่บ้านด้วยกันแทบอาทิตย์เว้นอาทิตย์ หญิงสาวได้เอาขาหมูกับจับฉ่ายมาให้ที่บ้านประจำ เพราะน้องชายเธอไปประจบบ้านของหญิงสาวไว้เยอะว่าชอบกินมาก

“ขาหมูเคยทานนะ แต่จับฉ่ายไม่เคยเลยอ่ะ” พงศกรตอบพี่สาว ตอนที่เขากลับมาบ้านก็เห็นขาหมูอยู่หรอกแต่จับฉ่ายนี่ซิไม่เคยได้กินสักที

“ก็พี่พงศ์กลับช้า หมดก่อนทุกที” ความจริงเป็นเขาเองที่ทานหมดคนเดียว ยิ่งวันไหนเป็นกระดูกอ่อนเคี้ยวกรุบๆด้วยแล้วไม่มีเหลือเผื่อคนอื่นเลย ว่าแล้ววรภัทรก็ความหากระดูกอ่อนในชามจับฉ่าย

“โรสไม่คิดจะทำงานออกแบบแล้วเหรอ พี่เสียดายฝีมือกับไอเดียของเขา” พลอยลดาเอ่ยถามเรื่องที่ติดอยู่ในใจ

“ตอนนี้คงยัง เพราะโรสอยากเก็บเงินช่วยที่บ้านและส่งน้องชายเรียนหมอ” วรภัทรตอบพี่สาว

“เสียดายอ่ะ โรสเขามีไอเดียดีมาก ว่างๆให้มาคุยกับพี่หน่อยซิ” พลอยลดาเสียดายพรสวรรค์ของรสิกาจริงๆ หญิงสาวเคยคว้ารางวัลนักออกแบบหน้าใหม่ตอนที่เรียนจบชั้นปีสอง เพราะได้รับรางวัลในรายการนั้น รุปร่าง หน้าตาของรสิกาจึงได้ไปแตะตากับแมวมองชื่อดังและเข้าสังกัดโมเดลิ่งแห่งนั้น

“อืม แล้วจะบอกให้นะ พี่ก็เผื่อใจไว้บ้าง ช่วงนี้โรสฮอตมาก” วรภัทรรับคำพร้อมเอ่ยเตือนพี่สาวไว้จะได้ไม่ผิดหวังที่หลัง

“ฮอต อย่าบอกนะมีแบบนั้นมาอีกแล้ว” พลอยลดาเอ่ยอย่างตกใจ เพราะตอนที่รสิกาทำงานใหม่ๆ ได้มีพวกคนดังไฮโซติดต่อให้ไปทานข้าวสังสรรค์อยู่เหมือนกัน แต่หญิงสาวได้ปฏิเสธไป คนเหล่านั้นก็ไม่ย่อท้อให้เอเย่นต์มาติดต่อและติดตามจนรสิกากลัว พอวรภัทรกับเพื่อนรู้เรื่องนี้จึงได้ไปปรึกษาลุงกองทัพ ผู้เป็นพ่อของนาวิน ลุงกองทัพเรียกรสิกาไปคุยจึงได้รู้ว่าหญิงสาวเป็นลูกสาวอดีตลูกน้องคนสนิทสมัยที่ท่านรับราชการทหาร พ่อของรสิกาได้เสียชีวิตในเหตุการณ์คาร์บอมที่ชายแดนใต้ตอนที่หญิงสาวอายุสิบสามปี ลุงกองทัพจึงจัดการปัญหาคนที่เข้ามายุ่งกับหญิงสาวให้ แถมยังให้ลูกน้องเก่าคอยดูแลเจ้าตัวอีก

“ไม่ใช่แบบนั้น พี่รู้จักนายพสุธาหลานเจ้าสัวพิพัฒน์ไหม” วรภัทรรีบปฏิเสธก่อนที่จะเข้าใจผิดกันใหญ่

“พี่รู้จัก ทำไมเหรอภัทร” เปรมณัชหันมาตอบแทนหลังจากที่ฟังอยู่นาน เพราะเขาเคยร่วมงานกับพสุธา

“ก็ดอกไม้ที่น้องฟ้าถือมาอวดพี่น่ะ นายพสุธาให้โรสมา ดีนะไม่แนบสร้อยเพชรติดปลายช่อมาด้วย”

“หาอะไรนะ” พลอยลดาอุทาน

“คุณดินจะจีบโรสเหรอ” เปรมณัชสบตาวรภัทรอย่างไม่แน่ใจ

“คงงั้นมั้งครับ ทั้งๆที่มียัยพีชเน่าเป็นคู่ควงอยู่แล้วแท้ๆ” ประโยคแรกวรภัทรสบตาพี่เขย ส่วนประโยคหลังชายหนุ่มหันมาจิกตามองพี่ชายตัวเอง ที่เคยกิ๊กกั๊กกับนิชาดามาแล้ว

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งเปลี่ยนเรื่อง พี่อยากรู้เรื่องสร้อยเพชร” พลอยลดารีบเบรกน้องชายคนเล็ก กลัวว่าจะชวนตีกับน้องชายคนรองเสียก่อน อีกอย่างเธออยากรู้ด้วยว่าพสุธาให้สร้อยเพชรรสิกาจริงๆหรือเปล่า

“พวกเสี่ยกระเป๋าหนักใช้วิธีจีบดารานางแบบโดยการให้ช่อดอกไม้บางทีก็มีริบบิ้นเป็นสร้อยเพชร หรือมาเป็นกล่องเลยก็มี บางคนถึงกับประมูลสร้อยเพชรที่นางแบบใส่โชว์ให้กับนางแบบเลย พี่พลอยก็น่าจะรู้นะ” วรภัทรอธิบายพร้อมถามกลับอย่างสงสัย เพราะวิธีพวกนี้พี่สาวของเขาน่าจะทราบเหมือนกัน

“ย่ะ เรื่องพวกนั้นฉันรู้ ที่ฉันอยากรู้คุณพสุธาทำแบบนั้นหรือเปล่า ใช้สร้อยเพชรจีบสาวน่ะ” พลอยลดากระแทกเสียงใส่น้องชาย

“ยังไม่เห็น แต่พี่พลอยน่าจะรู้ โรสมันไม่รับหรอก มันเคยได้และปฏิเสธไปทั้งดอกไม้และสร้อยเพชร” รสิกาเคยเล่าให้ฟังบางรายเสนอคอนโดหรู หรือไม่ก็บ้านพร้อมรถด้วยซ้ำ แต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธไป แถมประกาศลั่นว่า ‘มีปัญญาหาเองได้’

“มีศักดิ์ศรีว่างั้น” พงศกรหลุดปากออกมา

“พี่พงศ์กำลังดูถูกเพื่อนภัทรเหรอ”

“เปล่า” พงศกรรีบปฏิเสธเสียงสูง

“จะว่าไปภัทรก็ว่าพี่พงศ์ไม่ได้หรอก พี่คงไม่เคยเจอคนดีๆไม่เห็นแก่เงินมาก่อน คงเจอพวก เงินมาผ้าหลุดมามากเลยแปลกใจที่โรสมันไม่ได้เป็นแบบนั้นใช่ไหม เพื่อนภัทรแตกต่างจากพวกนั้นเยอะ” วรภัทรแบะปากใส่พี่ชายหลังจากที่แขวะเขาเสร็จ

“พี่จะคอยดู เราอย่าการันตีเพื่อนให้มากนักเดี๋ยวจะเสียหมาเอาได้” พงศกรสวนน้องชายกลับ

วรภัทรจับหน้าพี่ชายให้หันมาสบตากับเขาก่อนพูดออกมาว่า “พี่พงศ์ดูปากภัทรนะ ไม่มีทาง โรสไม่ใช่คนแบบนั้น” ยังไงชายหนุ่มก็เชื่อว่าเพื่อนของเขาดีกว่าคู่ควงทั้งหลายของพี่ชายมากนัก

“ใช่ค่ะ น้าโรสใจดีและน่ารัก” เด็กหญิงอิงฟ้าที่นั่งเงียบตลอดที่ทานอาหารพูดขึ้นมา ทำเอาบรรดาน้าๆสะดุ้งโหยงเพราะสีหน้าพี่สาวที่มองมานั้นน่ากลัวมาก ดีนะที่เข้าไม่พูดคำหยาบหรือคำต้องห้ามออกมาไม่งั้นพี่สาวของเขาจะลุกขึ้นอาละวาดมากกว่านั่งตาเขียวปัดแบบนี้

“น้องฟ้าทานอิ่มใช่ไหมคะ ไปบ้วนปากกับพ่อดีกว่า” เปรมณัชเห็นบรรยากาศเริ่มกร่อยเลยชวนบุตรสาวออกไปจากโต๊ะอาหาร ปล่อยให้พี่น้องเคลียร์กันเองดีที่สุด

“ค่ะ” เด็กหญิงอิงฟ้าลุกจากเก้าอี้เดินจูงมือบิดาไปชั้นสองของบ้าน

“คุณพ่อขาเงินมาผ้าหลุดคืออะไรคะ” เสียงแจ๋วๆของหลานสาวที่เอ่ยถามบิดาแว่วเข้ามาทำเอาวรภัทรหน้าซีดเผือดเหลือบมองพลอยลดาแบบหวั่นๆ ‘งานนี้เขาจะรอดกลับบ้านไหมเนี่ย’

--- Designer’s Love ---

พสุธาเอนหลังจิบเครื่องดื่มนั่งมองแสงไฟกรุงเทพในยามราตรีในผับชั้นบนสุดของโรงแรม ผับแห่งนี้เป็นความภูมิใจของเขาก็ว่าได้ เพราะเขาเป็นคนที่ริเริ่มทำผับแห่งนี้ขึ้นมา แบ่งเป็นแนวอินดอร์และเล้าจ์ ส่วนอินดอร์ที่เป็นโซนหลักสำหรับสายแด๊นซ์ และเล้าจ์ด้านนอกระเบียงดาดฟ้าสำหรับสายชิล โซนหลักถูกประดับเด่นหรูด้วยแชงเดอเลียขนาดใหญ่ เปิดเพลงสไตล์ Hip Hop และเพลงแด๊นซ์ชื่อดังทั้งหลาย มีชั้นลอยสำหรับ VIP ที่ต้องการความส่วนตัว เล้าจ์ด้านนอกโซนระเบียงดาดฟ้ากึ่งกลางแจ้งที่สามารถมองเห็นสวนสาธารณะตอนกลางวันได้อย่างเต็มตา และแสงไฟของกรุงเทพในยามราตรี เหมาะสำหรับการเอนหลังจิบเครื่องดื่มพูดคุยและฟังเพลงสไตล์เฮ้าส์ (House) แบบไหลๆลื่นๆ พร้อมด้วยพื้นที่ที่สามารถเล่นพูล และ ฟุตบอลโต๊ะได้อย่างสนุกสนาน สำหรับเมนูอาหารและเครื่องดื่มนั้นมีความสร้างสรรค์และหลากหลายให้เลือก โดยวันนี้พสุธาเลือกที่จะนั่งชมวิวยามค่ำคืนด้านนอกมากกว่าด้านใน

“สวัสดีพี่ชาย ทำไมมานั่งเงียบๆคนเดียว” ไอราเอ่ยทักพี่ชาย ก่อนถือวิสาสะนั่งลงตรงเก้าอี้ตรงข้าม

“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่เราเหอะ จะขึ้นเวทีอยู่แล้วไม่เตรียมตัวเหรอ” พสุธาถามน้องชาย ผู้ที่เป็นนักร้องดังอยู่ตอนนี้

“ยังพอมีเวลา ลมคิดว่าพี่มาดูลมเสียอีก” ไอรามาร้องเพลงที่นี่เดือนละครั้ง เพราะเป็นข้อตกลงระหว่างเขากับครอบครัว เมื่อเขาไม่เข้าทำงานในกิจการของครอบครัวหลังเรียนจบ เพราะอยากทำตามความฝัน พสุธาเองก็ไม่ห้ามเพียงแต่เสนอให้มาร้องเพลงที่นี่บ้างเพื่อดึงดูดลูกค้า ซึ่งเขาเองก็ยอมรับเงื่อนไขนั้นเพราะไม่อยากให้มารดาบ่นไปมากกว่านี้

“อยากอยู่ แต่คนเยอะขี้เกียจไปเบียดกับเขา” คืนไหนที่ไอรามาร้องเพลงส่วนอินดอร์จะแน่นเป็นพิเศษไม่ว่าจะโต๊ะนั่งหรือที่ยืน เพราะบางคนจองด้านในไม่ทันไม่มีที่จะเลือกจองด้านนอกแทน เพราะสามารถเข้าไปฟังชายหนุ่มร้องเพลงได้เหมือนกัน

“ลมว่าพี่ดินแปลกๆนะเนี่ย จะว่าอกหักก็ไม่น่าใช่” ไอราพิจารณาพี่ชายก่อนเอ่ยออกมา

“ไม่มีอะไร คิดมาก”

“ไม่มีอะไรก็แล้วไป พี่คิดดีๆแล้วกันจะทำอะไรก็นะ...” ไอราเว้นวรรคเพราะรู้ว่าพี่ชายรู้ที่เขาจะพูดต่อ “ยัยลูกพีชลมได้ข่าวว่าร้ายไม่ใช่เล่น จะทำอะไรก็ระวังหน่อยแล้วกัน”

“พี่ตกลงกับเขาไว้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก”

“ลมไม่ได้ห่วงพี่ ลมห่วงคนใหม่ที่พี่ไปจีบมากกว่า โอ๊ะ ผู้จัดการมาตามแล้ว ไปก่อนนะพี่ชาย” ไอรารีบเดินเข้าไปด้านในทันทีหลังจากที่พูดจบ

พสุธามองตามหลังน้องชายก่อนยิ้มออกมา ‘ร้ายงั้นเหรอก็ดีซิ ดูซิว่าจะทำอย่างไรต่อไป ยิงนกทั้งทีต้องยิงทีเดียวได้ถึงสองตัวไม่ใช่เหรอ’


****************
สวัสดีค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)   

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
พี่ชายน้องภัทร มีความหลังอะไรกับโรสหรือเปล่าหนอ???  :hao4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 7

“แม่ สวัสดีครับ น้าพรรณ สวัสดีครับ” วรภัทรเดินเข้ามาทักทายอรณีกับอรพรรณที่กำลังขายของอยู่

“อ้าวภัทร มายังไง นั่งก่อนๆ” อรณีเงยหน้ามองทันทีพอเห็นว่าเป็นใครก็บอกชี้ชวนให้ชายหนุ่มให้นั่งเก้าอี้ภายในร้าน

“ภัทรมากับพี่สาวครับ” พลอยลดายกมือไหว้มารดาของรสิกากับน้าสาว ก่อนวางถุงขนมของฝากบนโต๊ะที่น้องชายลากเก้าอี้ออกมา

“พลอยมาหาโรสค่ะคุณน้า มีเรื่องคุยกับโรสนิดหน่อยค่ะ” พลอยลดาเอ่ยกับอรณี

“อ้าว โรสไปไหนแล้ว” อรณีหันมาถามน้องสาว

“ เมื่อกี้ยังช่วยเก็บจานอยู่เลย หนูนาเห็นโรสไหม” อรพรรณหันมาตอบพี่สาวก่อนที่ตะโกนถามลูกจ้างที่เช็ดโต๊ะอยู่ไม่ไกล

“คุณโรสเอาจานไปเก็บด้านหลังค่ะ” หนูนาตอบอรพรรณ

“งั้นไปตามโรส บอกว่าเพื่อนมาหา” อรณีเอ่ยกับหนูนาที่กำลังมองวรภัทรและพลอยลดาอย่างใคร่รู้

“ได้ค่ะ” หนูนารับคำก่อนเดินเข้าไปหลังร้าน ใช้เวลาไม่นานรสิกาก็เดินออกมา

“สวัสดีค่ะพี่พลอย ภัทร” หญิงสาวยกมือไหว้พลอยลดาก่อนหันมาพยักหน้าทักทายเพื่อน

“พี่แวะมาขอบคุณเรากับครอบครัวที่ฝากของกินไปกับภัทรตั้งเยอะแยะ นี่จ้าขนมพี่เอามาฝาก ที่มาวันนี้พี่จะมาคุยกับเราด้วย” พลอยลดายื่นถุงของฝากให้หญิงสาวที่เลิกคิ้วแปลกใจในคำพูดของเธอ

“พี่พลอยจะคุยอะไรกับโรสเหรอคะ” รสิกาเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“คือ...”

“โรสพาเพื่อนไปคุยด้านบนเถอะ นั่งตรงนี้กลิ่นอาหารติดตัวเปล่าๆ” อรณีพูดขัดขึ้นมา เพราะช่วงนี้ลูกค้าทยอยเข้าร้านถ้าขืนพูดคุยกันตรงนี้จะไม่สะดวกเอา

“ได้ค่ะ พี่พลอย ภัทร ไปข้างบนดีกว่า” รสิการับคำมารดา ก่อนเอ่ยชวนสองพี่น้องเดินเข้าไปด้านในร้าน
หญิงสาวพาทั้งคู่ขึ้นมาชั้นลอยของอาคารพาณิชย์ที่ถูกดัดแปลงเป็นห้องพักผ่อนของครอบครัว

“โรส ความจริงแต่งแบบนี้ก็ดูดีนะ ไม่เห็นนานแล้ว” วรภัทรเอ่ยแซวเพื่อน รสิกาไม่ได้แต่ตัวน่าเกลียดอะไร เพียงแต่เขาไม่ค่อยได้เห็นตอนที่เพื่อนไม่แต่งหน้า ใส่เสื้อยืดตัวใหญ่กางเกงเข้ารูปสี่ส่วนแถมสวมทับด้วยผ้ากันเปื้อนที่แถมมาจากซอสปรุงรสยี่ห้อดังติดอยู่

“เราออกจะแต่งบ่อยออก”

“ภัทรคงติดภาพโรสตอนเป็นนางแบบไปแล้วมั้ง ความจริงเราตอนไม่แต่งหน้าดูเด็กมากเลย” พลอยลดาเอ่ยชมทำเอารสิกายิ้มแก้มปริ

“โห แค่พี่พลอยแกล้งชมก็ยิ้มหน้าบานเลยนะ” วรภัทรอดที่จะแขวะเพื่อนด้วยความหมันไส้

“พี่ชมโรสเขาจริงๆ ไม่ใช่แกล้งชม เดี๋ยวเหอะ” พูดจบพลอยลดาก็ตีไปที่แขนน้องชายที่พูดไม่คิด

“ตีมาขนาดนี้ไม่เดี๋ยวแล้วเหอะ” ชายหนุ่มหน้ามุ่ยเมื่อเห็นพี่สาวตีเขาจริงๆไม่ใช่พูดเล่น

“โรสอย่าไปสนใจเด็กไม่รู้จักโตเลย เรามาคุยธุระกันดีกว่า” พลอยลดาหันมาพูดจริงจังกับหญิงสาวโดยไม่สนใจน้องชายที่บ่นพึมพำอยู่ไม่ไกล

“รอแป๊บนึงนะคะ” รสิกาเดินไปเปิดตู้เย็นนำน้ำผลไม้ออกมาใส่แก้วก่อนนำมาเสิร์ฟให้ทั้งคู่ วรภัทรคว้ามาดื่มด้วยความกระหายทันที

“พี่อยากจะมาถามโรสว่ายังสนใจงานออกแบบอยู่ไหม พอดีโปรเจคใหม่พี่อยากได้ไอเดียใหม่ๆบ้าง”

“โรสเองก็อยากทำนะคะ แต่ไม่ค่อยมีเวลา กลัวว่าจะทำให้งานของพี่เสีย”

“ลองออกแบบก่อนไหม แล้วค่อยนำมาเสนอ ถ้าแบบไหนทางที่ประชุมอนุมัติพี่จะแบ่งเปอร์เซ็นยอดขายให้ดีไหม เราจะได้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย” พลอยลดาพยายามเกลี่ยกล่อมหญิงสาวให้รับงานนี้

“พี่พลอยใจป้ำอ่ะ ทีของภัทรให้ค่าแบบเฉยๆไม่ให้เปอร์เซ็นด้วยซ้ำ” วรภัทรเริ่มบ่นพี่สาวที่ให้ผลประโยชน์รสิกามากกว่าใครๆ

“ฉันให้ค่าแบบแกก็บุญแค่ไหนแล้ว พนักงานบริษัทไม่ได้ค่าแบบเลยด้วยซ้ำ”

“พนักงานก็มีเงินเดือนอยู่แล้วนี่” ชายหนุ่มทำหน้าง้ำที่ไม่ได้แบบเพื่อน

“เอางานของแกมาให้ดูก่อนไหม ถ้าผ่านฉันอาจพิจารณาให้ก็ได้” พลอยลดารู้สึกปวดหัวตุ๊บๆ ไม่รู้คิดถูกคิดผิดที่พาน้องชายมาเจรจางานกับหญิงสาวในครั้งนี้

“มีคอนเซ็ปไหมคะ” รสิการีบพูดขัดขึ้นมาก่อนวรภัทรจะกวนอารมณ์พี่สาวไปมากกว่านี้ ความจริงเธอก็คิดถึงงานออกแบบอยู่เหมือนกัน ทุกวันนี้ได้แต่คิดออกแบบเครื่องประดับที่ตัวเองสนใจไปเรื่อยเปื่อย

“ภัทรเอาคอนเซ็ปพร้อมตัวอย่างให้เพื่อนดูหน่อยซิ” พลอยลดาสะกิดน้องชายให้เอาเอกสารพร้อมตัวอย่างลายผ้าไหมให้เพื่อนดู

“หือ ผ้าไหมลายสวยจัง” รสิกามองผ้าไหมสีเขียวอมน้ำเงินอย่างสะดุดใจ

“ใช่ไหม เราก็ว่าสวย พอเห็นผ้านี่เราได้แบบเจ๋งๆมาเพียบเลย นี่ไงๆ โรสว่าไอเดียเราเจ๋งไหม” พอเห็นเพื่อนชื่นชมผ้าไหมตัวอย่าง วรภัทรจึงหยิบกระดาษที่เขาร่างแบบส่งไปให้เพื่อนดู

“แบบเก๋ดี เราชอบ” รสิกาพลิกแบบสามสี่แผ่นไปมา หญิงสาวรู้สึกถูกใจไอเดียวรภัทรดีจริงๆ

“ไหนๆขอพี่ดูบ้าง” พลอยลดายื่นมือไปรับแบบร่างของน้องชายมาดูอย่างสนใจเพราะวรภัทรอุบเงียบไม่เคยบอกหรือให้เธอดูเลย

“เฮ้ยไอ้ภัทร นี่แบบเสื้อผ้านี่” พลอยลดามองหน้าน้องชายอย่างงงๆ

“ครับ ก็ใช่ไง”

“ไอ้ภัทร พงศ์ไม่ได้บอกเหรอว่าผ้าไหมนี่จะทำคอลเลคชั่นใหม่ของบริษัท” พลอยลดาพยายามพูดกับน้องชายอย่างใจเย็น

“บอกครับ” วรภัทรพยักหน้าหงึกหงักกับพี่สาว

“แล้วแกรู้ไหมว่าบริษัทเราออกแบบและผลิตสินค้าอะไร” พลอยลดาพยายามพูดอีกครั้ง

“กระเป๋าและรองเท้าไง”

“แล้วที่แกออกแบบมันคืออะไร มันเกี่ยวกับที่บริษัททำไหม”

“แหะๆ พี่พลอยดื่มน้ำให้ใจเย็นก่อน” วรภัทรยื่นแก้วน้ำให้พี่สาวก่อนพูดอย่างประจบว่า “พี่พลอยก็รู้ภัทรเพิ่งเรียนจบด้านออกแบบเสื้อผ้ามา ไอเดียกำลังโลดแล่น พอเห็นผ้าสวยๆภัทรเลยปิ้งทันทีน่ะ”

“โรสว่าภัทรออกแบบเข้าทีดีนะพี่พลอย ภัทรขอกระดาษกับดินสอสีหน่อยซิ” รสิกาชอบผลงานของเพื่อน พอเห็นผลงานนี้ทำให้เธอคิดอะไรออกมาจนต้องขอกระดาษเพื่อวาดมันลงไป

หญิงสาวใช้เวลาครู่ใหญ่ในการใส่รายละเอียดให้เข้ากับแบบที่เพื่อนวาดไว้ หลังจากที่ปรับไอเดียได้ตามที่ต้องการแล้ว รสิกาจึงส่งผลงานให้พลอยลดาดู

“จากชุดที่ภัทรออกแบบ โรสนึกถึงแอคเซสเซอรี่ต่างๆขึ้นมา ภาพแรก สร้อยคอกับต่างหู กำไรข้อมือที่เข้าชุดกัน” วรภัทรหลุดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าเหวอๆของพี่สาวที่ฟังเพื่อนของเขาอธิบาย

“ภาพที่สอง เป็นกระเป๋าถือค่ะ แบบที่โรสวาดจะดูวัยรุ่นถึงวัยทำงาน ไม่ดูแก่มาก” พลอยลดาดูจะพอใจแบบที่รสิกาวาด หญิงสาวใส่รายละเอียดลายของผ้าไหมดูโดดเด่นสะดุดตาไม่เหมือนใคร

“ภาพสุดท้ายเป็นรองเท้าค่ะ เป็นแบบสานจะดูวัยรุ่นหน่อยแต่ก็เข้ากับชุดที่ภัทรออกแบบได้” พลอยลดามองผลงานอย่างพอใจ นับว่าหญิงสาวมีฝีมือพอตัวเลยทีเดียวแค่เห็นแบบ ก็สามารถคิดงานได้โดยใช้เวลาไม่นาน ทำให้เธอเสียดายพรสวรรค์ที่ซุกซ่อนไว้ของหญิงสาว

“เริศอ่ะ เราชอบโรสสนใจมาทำร้านกับเราไหม เราออกแบบเสื้อผ้าโรสออกแบบเครื่องประดับเราว่ามันต้องไปรอดแน่ๆ” วรภัทรเองก็ถูกใจผลงานของเพื่อน ถ้าเขาเปิดร้านเสื้อผ้าแบรนของตัวเองแล้วมีแอคเซสเซอรี่มาประกอบรับรองขายได้เห็นๆ

“เดี๋ยวก่อน เรื่องเปิดร้านเปิดแบรนของภัทรคุณพ่อยังไม่อนุมัติไม่ใช่เหรอ พี่ว่าเราทำคอนเซ็ปนี่ให้ผ่านก่อนเหอะ อย่าเพิ่งฝันไปไกล” พลอยลดามองแบบของทั้งคู่ เธอคิดว่าการที่น้องชายจะทำแบรนของตัวเองคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม เพราะถ้าแบบของรสิกาชุดนี้ผ่านการพิจารณาในที่ประชุม บิดาของเธอคงอนุมัติให้วรภัทรทำชุดที่ออกแบบนำมาเปิดตัวพร้อมกันแน่ๆ ก็เล่นเข้าชุดกันจนไม่อยากปล่อยให้หลุดไปเลย

วรภัทรหน้าหงิกเล็กน้อย ก่อนหันไปชื่นชมภาพเครื่องประดับที่เพื่อนออกแบบมา ส่วนรสิกาเปิดดูภาพถ่ายผ้าไหม สีสันลวดลายต่างๆในไอแพคของเพื่อนอย่างสนใจจนอยากเห็นของจริงว่าจะเหมือนผ้าไหมสีเขียวน้ำทะเลนี้ไหม หรือสีจะเพี้ยนจากรูป

“ภัทรผ้าไหมสีฟ้านี่ภัทรมีตัวอย่างไหม เราอยากเห็นของจริง”

“ไหนๆ เราไม่ได้เอามา อยู่ที่ออฟฟิตน่ะ โรสสนใจเหรอ”

“อืม อยากเห็นของจริงว่าสีจะเป็นแบบไหน” รสิกาอยากรู้ว่าผ้าผืนนี้จะสีสวยเหมือนในรูปไหม หรือจะเพี้ยนต่างออกไปจากเดิมแค่ไหน

“ไปดูที่ออฟฟิตได้ โรสว่างเมื่อไหร่เข้าไปได้เลย”

--- Designer’s Love ---

วรภัทรเดินตามพี่สาวไปที่ส่วนออฟฟิตภายในห้างสรรพสินค้าชื่อดังเพื่อเช็คยอดขายสินค้าของบริษัท พลอยลดาให้เหตุผลว่าไหนๆก็ออกมาแล้วทำงานไปด้วยเลย ทันทีที่เดินผ่านประชาสัมพันธ์เข้ามาฝ่ายจัดซื้อเคาน์เตอร์แบรนด์ออกมาต้อนรับพวกเขาอย่างรวดเร็ว

“สวัสดีค่ะคุณพลอย ไม่คิดว่าคุณพลอยจะมาเองแบบนี้” ฝ่ายจัดซื้อที่รับผิดชอบดูแลสินค้าของบริษัทเอ่ยทัก ก่อนพาพวกเขาไปที่ห้องรับรองแขกพร้อมพนักงานที่ถือแฟ้มเอกสารเข้ามาวางไว้ให้

“พอดีพลอยมาช๊อปปิ้งค่ะไหนๆมาแล้วเลยมาทักทายคุณสาลินีด้วย” พลอยลดาบอกก่อนยื่นถุงขนมของฝากส่งไปให้หญิงสาวที่อายุมากกว่า

“ขอบคุณมาค่ะเกรงใจคุณพลอยจัง” ทุกครั้งที่พลอยลดาแวะเข้ามาจะมีขนมของฝากมาให้อยู่เสมอ

“ขนมเจ้านี้อร่อยมาก รายนี้การันตีได้ค่ะ” พลอยลดาชี้ไปทางน้องชาย เพราะวรภัทรแกะทานที่ซื้อไปฝากที่บ้านไปกว่าครึ่งแล้ว

“ใช่ครับ อร่อยจริงๆ” วรภัทรที่หาจังหวะอยู่เอ่ยขึ้นมา

“ภัทร นี่คุณสาลินี ฝ่ายจัดซื้อที่ดูแลสินค้าของบริษัทเรา ส่วนนี่ก็วรภัทร น้องชายคนเล็กของพลอย เพิ่งเรียนจบเลยพามาช่วยงานค่ะ” พลอยลดาแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกันไว้

“สวัสดีค่ะ” หญิงสาวเอ่ยทักทายในขณะที่วรภัทรค้อมหัวทักทาย เพราะก่อนหน้านี้เขายกมือไหว้หญิงสาวพร้อมพี่สาวไปแล้ว

แกร็ก!

“อ๊ะ ขอโทษด้วยไม่คิดว่ามีคนอยู่” เสียงเปิดประตูทำให้คนในห้องหันไปมองผู้มาใหม่ที่ยกมือข้างหนึ่งขอโทษขอโพยที่จู่ๆก็เปิดประตูเข้ามา

“คุณพสุธาจะใช้ห้องเหรอค่ะ” สาลินีเอ่ยถามเจ้านายอย่างกล้าๆกลัวๆ เธอเห็นห้องรับรองว่างจึงพาลูกค้าเข้ามาที่ห้องนี้โดยไม่รู้มาก่อนว่าจะมีคนใช้

“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปใช้ห้องประชุมเองตามสบายนะครับ ไปชินไปห้องประชุม” พสุธาพูดกับสาลินีก่อนหันไปบอกเลขาของตัวเองที่หอบเอกสารตามมา

“ครับ บอส”

“คุณสาลินีครับคนที่ใส่แว่นนั่นใครเหรอครับ” วรภัทรเอ่ยถามอย่างใคร่รู้เมื่อคนทั้งคู่เดินออกไปแล้ว

“คุณชินกรเลขาของคุณพสุธาค่ะ”

“หือ เหรอครับ” วรภัทรพยักหน้ารับ ถ้าเขาจำไม่ผิดผู้ชายที่อยู่กับไอ้โรคจิตวันนั้นคือนายแว่นคนนี้แน่ๆ

“ภัทรมีอะไรหรือเปล่า” พลอยลดาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดของน้องชาย

“อ๋อ ไม่มีอะไร ผมแค่แปลกใจที่เห็นนาย เอ๊ย คุณพสุธากับเลขาที่นี่” วรภัทรรีบเปลี่ยนสรรพนามเรียกชื่อชายหนุ่มทันทีที่เห็นสายตาของพี่สาว

“ไม่เห็นแปลก ก็ห้างนี้กับโรงแรมที่ติดกัน ครอบครัวแสงศศินาเป็นเจ้าของ และคุณพสุธาก็ดูแลอยู่” พลอยลดาบอกน้องชายก่อนหันไปสนใจเอกสารที่ฝ่ายจัดซื้อส่งมาให้ดูโดยไม่สนใจน้องชายอีก

“ห๊ะ” ใครจะคิดว่าห้างสรรพสินค้าชื่อดังที่สินค้าของบริษัทเขามียอดขายมากที่สุดที่นี่ ไอ้โรคจิตนั่นดูแลอยู่ ทำไมมันเป็นอย่างนี้ไปได้ วรภัทรได้แต่คร่ำครวญอยู่ในใจทำไมรอบตัวของเขาถึงได้วนเวียนอยู่กับไอ้บ้านั่นนะ เมื่อไหร่จะสลัดหลุดไปพ้นๆเสียที พอเผลอๆก็ผ่านมาให้เห็นสร้างความรำคาญประหนึ่งเป็นแมลงสาบจอมอึดกำจัดยังไงก็ไม่หมดสักที

****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)   


ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ยังไม่เห็นแววจะญาติดีกันได้เลย  :laugh:

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 8

“บอสครับ คืนนี้มีงานกาล่าดินเนอร์การกุศล คุณหญิงมณีกาญจน์เป็นคนจัดขึ้นเพื่อช่วยหาทุนให้กับมูลนิธิเด็ก และคุณหญิงมณีกัลยาโทรมาย้ำว่าต้องเจอบอสในงานด้วยครับ” ชินกรเดินเข้ามารายงานเรื่องที่มารดาเจ้านายโทรมาหาย้ำเตือน

“งั้นนายไปกับฉันด้วยแล้วกัน” พสุธาเอ่ยขึ้นอย่างเบื่อหน่าย

“ครับ ออ ผมทราบมาว่า คุณลูกพีชไปร่วมงานด้วยครับบอส”

“งั้นเหรอ ยังส่งดอกไม้ไปให้โรสอยู่ใช่ไหม” พสุธาคลี่ยิ้มตรงมุมปาก เขาสั่งให้เลขาส่งดอกไม้ให้รสิกาทุกอาทิตย์ในวันที่หญิงสาวทำงาน

“ครับยังส่งอยู่อาทิตย์ละครั้ง วันนี้จะให้ส่งดอกไม้ไปให้คุณลูกพีชด้วยไหมครับ” ชินกรตอบก่อนจะถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าต้องเจอนิชาดาในงานที่จะไปด้วย

“ไม่ต้อง” พสุธาปฎิเสธออกไปยังไงคืนนี้ก็เจอกันไม่จำเป็นต้องส่งไปให้


งานการกุศลที่เหล่าคนดัง นักการเมือง คนมีชื่อเสียงในวงการบันเทิง กับพวกนักธุรกิจมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง วรภัทรถอนหายใจเมื่อเห็นผู้ร่วมโต๊ะของตัวเอง ที่นั่งมีเยอะแยะทำไมถึงมานั่งโต๊ะเดียวกันได้

วันนี้โดนมารดาลากมาร่วมงานอุตส่าห์คิดว่าโชคดีที่มีเพื่อนอย่างปัญญวัฒน์และศรัณมาร่วมโต๊ะ แต่วรภัทรก็คาดไม่ถึงว่าภาสวรจะลากพสุธาและเลขามานั่งด้วยกัน ครั้นอยากจะไล่ให้ไปนั่งที่อื่นก็เกรงใจภาสวร

“ภัทรไม่กินเหรอ ไหนบอกว่าหิวไง” ศรัณเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างแปลกใจ

“กินซิ” วรภัทรกลับมาจดจ่ออาหารนาๆชนิดที่วางเรียงรายอยู่ตรงหน้าหลังจากที่คิดอะไรเพลินๆ

“ภัทรทานนี่ซิอร่อยนะ” ปัญญวัฒน์ตักกระเพาะปลาผัดแห้งวางบนจานของเพื่อนสนิทที่ดูเงียบๆไปเฮฮาเหมือนเดิม

“อืม ขอบใจ” ชายหนุ่มตักอาหารทานอย่างเนือยๆไม่กระตือรือร้นอย่างตอนแรกที่ก้าวมาในงานจนศรัณและปัญญวัฒน์หันมาสบตากันอย่างเป็นห่วงเพื่อนตัวเล็กที่แปลกไป

“ทนๆเอาหน่อยนะ เดี๋ยวพาไปหาของอร่อยกินที่เยาวราชไปไหม” ศรัณกระซิบปลอบวรภัทรพร้อมเอ่ยชักชวนชายหนุ่ม ไหนๆพรุ่งนี้ก็ได้พักหนึ่งวันแล้วคืนนี้ไปเที่ยวผ่อนคลายบ้างก็ดีไม่ใช่น้อย

“ไปๆ งั้นไปกันเลยเหอะ” วรภัทรวางช้อนลงแล้วหันมาเขย่าแขนเพื่อนสนิทอย่างยินดี

“ยังไปไม่ได้ ขืนออกไปตอนนี้บรรดาแม่ๆเอาตายแน่ รออีกสักพักเหอะ” ศรัณรีบบอกเพื่อนสนิททันทีเพราะกลัวว่าเจ้าตัวจะลากเขาออกไปจากงานตอนนี้จริงๆ

“โห อีกนานไหม” วรภัทรถามขึ้นอย่างเซ็งๆ จากที่ดีใจข้างในใจพองฟูก็เหี่ยวแฟบลงกลับมาที่เก่าอีกรอบ

พสุธาลอบสังเกตวรภัทรที่นั่งอยู่ตรงข้าม ชายหนุ่มรู้สึกอารมณ์ดีที่ยั่วโมโหคนตัวเล็กได้สำเร็จ ทันทีที่เห็นเขามานั่งร่วมโต๊ะด้วย วรภัทรก็ชักสีหน้าไม่พอใจแต่ไม่สามารถโวยวายอะไรได้ เพราะเขามีเกราะป้องกันอย่างภาสวรแถมการ์ดที่คอยประกบซ้ายขวาวรภัทรคอยระวังไม่ให้เจ้าตัวอาละวาดก็เป็นเพื่อนสนิทของวรภัทรนั่นเอง ทำให้ไอ้ตัวแสบแผลงฤทธิ์ทำอะไรเขาไม่ได้

ใบหน้าที่เปลี่ยนไปตามอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายทำให้พสุธามองเพลิน เข้าไม่รู้ว่าวรภัทรคุยอะไรกับเพื่อน แต่สีหน้าที่เปลี่ยนไปบ่งบอกได้ว่าชายหนุ่มรู้สึกอย่างไร

“ไอ้ดินเดี๋ยวพวกกูต้องขอตัวกลับก่อนนะ” ภาสวรสะกิดบอกเพื่อน

“ทำไมรีบกลับล่ะ ไหนว่าอยู่ดึกได้” พสุธาถามอย่างแปลกใจ ตอนแรกที่คุยกันภาสวรบอกว่ากลับดึกได้เพราะลูกชายค้างคืนที่บ้านปัญญวัฒน์โดยนอนกับหลานสาวของชายหนุ่ม

“จะพาปันไปเดินเที่ยวเยาวราชกับเพื่อนๆน่ะ”

“หือ ไปเยาวราช” พสุธาเอ่ยอย่างแปลกใจ

“อืม ตามนั่นแหละ” ภาสวรบอกกับเพื่อนก่อนหันไปยิ้มกับปัญญวัฒน์

“กูกะจะชวนมึงกับปันขึ้นไปที่เลานจ์ด้านบนสักหน่อย” เขาอยากสำรวจว่าผับของโรงแรมในเครือฯจะเป็นอย่างไรบ้าง

“ไว้วันหลังแล้วกัน ตอนแรกว่าจะชวนมึงไปด้วยแต่กูว่ามึงคงไม่ว่างไปกับกูแล้วมั้ง” ภาสวรคลี่ยิ้มมองพสุธาอย่างรู้ทัน เพราะเขาเห็นนิชาดาที่นั่งอยู่ไม่ไกลส่งสายตามาหาเพื่อนเขาตลอด พสุธาคงไม่ได้ไปเลานจ์คนเดียวอย่างแน่นอน

--- Designer’s Love ---

เมื่อเห็นคนเริ่มทยอยกลับ วรภัทรหันมานัดแนะกับปัญญวัฒน์และภาสวรก่อนจะแยกตัวไปที่จอดรถกับศรัณ เนื่องจากตอนขามาวรภัทรไปรับเพื่อนสนิทที่คอนโด ขากลับจึงไปด้วยกันต่อ พอมาถึงรถวรภัทรได้แต่ขมวดคิ้วมองรถที่จอดขวางรถของเขาไว้ แม้จะพยายามเข็นให้พ้นทางอย่างไรก็ไม่สามารถขยับรถคันนั้นได้

“บ้าชิบ ดันใส่เบรกมือ” ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหงุดหงิด

“ภัทรใจเย็นๆ เดี๋ยวกูไปขอความช่วยเหลือจากพี่ร.ป.ภให้” ศรัณปลอบเพื่อนก่อนเดินไปหา ร.ป.ภ ที่ยืนอยู่แถวๆประตูทางออก

“ไปทำไมยังไงมันก็เข็นไม่ได้อยู่ดี” วรภัทรคิดว่าเพื่อนจะไปตามพนักงาน ร.ป.ภ มาช่วยกันขยับรถ

“ไปขอให้เขาช่วยหาเจ้าของรถมาเลื่อนรถไงล่ะ” ศรัณส่ายหัวให้ความมึนของเพื่อนสนิท

“อ้าวเหรอ งั้นมึงรีบไปเลย”

ศรัณหายไปสักพักกลับมาพร้อมร.ป.ภ คนหนึ่งมาสำรวจรถที่จอดขวางรถของวรภัทรก่อนจะวิทยุรายงานเพื่อหาเจ้าของรถคันดังกล่าว

“เฮ้ย พี่ร.ป.ภ.ไปหาเจ้าของรถถึงไหนวะ นานมาก ป่านนี้ไอ้ปันกินอิ่มกลับบ้านนอนแล้วมั้ง” วรภัทรบ่นอย่างหงุดหงิด วันนี้สงสัยไม่ใช่วันของเขาหรือไม่ก็ซวยเพราะเจอไอ้โรคจิต ทำให้ทุกอย่างรวนไปหมด

“เออ ใจเย็นๆอีกสักพักพี่เขาก็กลับมาให้เวลาเขาทำงานหน่อย ถ้าปันมันกลับไปแล้วก็เหลือกูไงมึงไม่ต้องกลัว กูไปเป็นเพื่อนมึงแน่ๆ” ศรัณพูดปลอบเพื่อนพลางกดโทรศัพท์ดูฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ

“มึง ถ้าสมมติเจ้าของรถไม่อยู่ที่นี่ล่ะจะทำยังไง” วรภัทรเริ่มคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่สุด ใครจะรู้บางทีเจ้าของรถอาจมีธุระต้องรีบไป จึงจอดรถไว้ที่โรงแรมนี้ก่อนแล้วไปรถไฟฟ้าก็ได้ใครจะรู้

“มึงอย่าเพิ่งคิดอะไรไปไกลเลย เอาน่าถ้าหาเจ้าของรถไม่เจอทางพวกพี่ ร.ป.ภคงมีวิธีแก้ปัญหาล่ะมั้ง” ศรัณตอบอย่างไม่มั่นใจ ตอนนี้ที่เขาทำได้คือพยายามปลอบเพื่อนไม่ให้ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้

ขณะพวกเขารอกันอยู่นั้นเองเจ้าของรถที่จอดข้างพวกเขาก็มาที่รถ ซึ่งจอดติดกับรถของวรภัทรก็ออกไม่ได้เหมือนกัน เพราะรถคู่กรณีดันจอดขวางรถสองคัน

“พวกคุณรอนานหรือยังคะ” สาวสวยเจ้าของรถข้างๆเอ่ยถามศรัณเมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

“สี่สิบนาทีแล้วครับ”

“ตายจริง ตั้งนานแล้วยังหาเจ้าของรถคันนี้ไม่เจออีกเหรอ” สาวสวยอีกคนที่มาด้วยกันโวยวายขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบดูท่าเธอคนนี้จะดื่มมากเยอะพอสมควร เพราะเพื่อนของเธอที่เป็นเจ้าของรถได้แต่ส่งยิ้มแหยๆเชิงขอโทษมาให้พวกเขา

ศรัณไม่ตอบอะไรเขาได้แต่ส่งยิ้มตอบไปให้สาวสวยสองคนที่ร่วมชะตากรรมเดียวกับพวกเขา ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจลำพังรับมือกับเพื่อนสนิทตัวเล็กนั้นก็ว่าเหนื่อยแล้ว แต่นี่ผู้หญิงที่กำลังเมาและอารมณ์เสียเหวี่ยงวีน

 ‘เฮ้อ ชวนไอ้ภัทรนอนที่นี่เสียเลย พรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านดีกว่าไหมวะ’

ระหว่างที่กำลังนึกอะไรเพลินๆ ก็มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินมาตรงที่พวกเขายืนอยู่ ท่าทางกรึ่มๆกันทั้งคู่ วรภัทรที่กำลังอารมณ์คุกกรุ่นหันมาสบตากับเพื่อนสนิทราวจะถามว่าชายหญิงคู่นี้จะเป็นเจ้าของรถเจ้าปัญหานี้หรือเปล่า ยังไม่ทันที่จะพูดอะไร พวกเขาก็ได้คำตอบเมื่อฝ่ายชายยื่นมือกดรีโมทเพื่อเปิดรถประตู

ศรัณหันมายิ้มให้กับวรภัทรอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าเจ้าของรถมาเลื่อนรถแล้ว เขากับวรภัทรจึงเปิดประตูเพื่อขึ้นรถตัวเองบ้าง แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น

“นี่คุณทำไมจอดรถหมาๆแบบนี้” ผู้หญิงเมาที่มาในตอนแรกเดินเข้าไปต่อว่าชายหญิงคู่นั้นโดยมีเพื่อนพยายามปรามอยู่ข้างๆ

“ก็ไม่มีที่จอดไง เลยจอดมันตรงนี้เลย” ชายหนุ่มที่กำลังขึ้นรถหันมาต่อปากต่อคำด้วย

“เฮ้ย เอาแล้วไง” ศรัณรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที

“นี่คุณอย่าเพิ่งเถียงกันได้ไหม ช่วยเลื่อนรถก่อน” วรภัทรเปิดประตูก่อนตะโกนออกไป

“ทำไม มึงมีปัญหาอีกคนเหรอ ถ้ามีปัญหานักก็มา” ชายคนนั้นหันมาเอาเรื่องวรภัทรทันที

“นี่นายอย่าเพิ่ง หันมาคุยให้รู้เรื่องก่อน ไอ้คนไม่มีมารยาท ส่วนคุณรอคิวไปก่อน เพราะฉันเอาเรื่องหมอนี่ก่อนคุณต้องต่อคิว” ผู้หญิงที่กำลังเล่นงานเจ้าของรถเจ้าปัญหาโวยวายขึ้นพร้อมชี้หน้าวรภัทรพร้อมบอกว่าให้ต่อคิวจากเธอ

“เอ๊ะยัยป้า แก่แล้วไม่เจียมนะ จะอะไรนักหนา” ผู้หญิงที่มากับผู้ชายคนนั้นเข้ามาร่วมวงด้วย

“โอ๊ย กูอยากจะบ้า” ศรัณฉุดเพื่อนให้เข้ามาในรถพร้อมกดเบอร์ของโรงแรมตามนามบัตรที่ได้มา

“พี่ร.ป.ภ.ของมึงไปไหนกันหมดวะ เฮ้ยผู้หญิงตบกันแล้ว อ้าว ไอ้หน้าตัวเมีย” พูดจบวรภัทรก็ลงจากรถไปช่วยผู้หญิงสองคนถูกชายหญิงคู่นั้นรุมสกรัม

“อ้าวเฮ้ยไอ้ภัทร” ศรัณเปิดประตูลงไปสมทบกับเพื่อนสนิทที่พยายามห้ามชายหญิงคู่นั้นทำร้ายผู้หญิงสองคนนั่น แต่กลับโดนชายคนนั้นทำร้ายแทน

เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายอยู่ครู่ใหญ่ร.ป.ภ.ก็เข้ามาห้ามพร้อมชายหนุ่มอีกสองคน กว่าเหตุการณ์จะสงบได้วรภัทรแทบทรุดไปกองกับพื้นด้วยความมึนจากการโดนต่อยเข้าไปอย่างจังทีนึงส่วนอีกหลายทีได้แต่โดนเฉียดๆ เมื่อเห็นมีคนมาช่วยชายหญิงคู่นั้นพากันจากไปด้วยความโกรธ

“ไอ้ภัทรเป็นอะไรหรือเปล่า” ศรัณที่กำลังประคองผู้หญิงคนหนึ่งไว้หันมาถามเพื่อนสนิทที่ถูกผู้ชายที่เข้ามาช่วยประคองไว้เช่นกัน

“มึนๆนิดหน่อย ขอบคุณมาก ผมไม่เป็นอะไร อ๊ะ” วรภัทรตอบเพื่อนก่อนหันไปขอบคุณคนที่ช่วยเหลือ แต่เมื่อเห็นหน้าคนที่พยุงเขาอยู่เจ้าตัวก็หุบปากลงฉับพลันแล้วเบิกตามองด้วยความตกใจ

“จะไม่เป็นได้ยังไง ปากแตกแก้มช้ำขนาดนี้” พสุธาดุคนตัวเล็กกว่า

“อ้าวพี่ดิน ขอบคุณครับที่มาช่วย ถ้าไม่ได้พวกพี่ป่านนี้พวกผมคงแย่” ศรัณยกมือไหว้ขอบคุณ

“เรื่องมันเป็นมายังไง พวกคุณเป็นอะไรไหม” พสุธาหันไปถามชายหนุ่มและหญิงสาวสองคน

“ก็...พอหันมาอีกทีก็เห็นชายหญิงคู่นั้นทำร้ายผู้หญิงสองคนนี้แล้ว ส่วนไอ้ภัทรก็เข้าไปห้ามเลยโดนลูกหลงกันหมดเนี่ย” ศรัณเล่าเรื่องทั้งหมดให้พสุธาและเลขาฟัง

“พวกคุณจะเอาเรื่องไหม เดี๋ยวนายไปขอดูกล้องวงจรปิดเผื่อคุณผู้หญิงสองคนนี่จะแจ้งตำรวจ” พสุธาเอ่ยถามหญิงสาวทั้งสองก่อนหันไปสั่งเลขาของตัวเอง

“ไม่เป็นไรค่ะ ยังไงพวกเราขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณมาค่ะ” หญิงสาวฉุดเพื่อนขึ้นรถพร้อมขับออกไปทันที

“อ้าว แล้วยังจะเอาภาพวงจรปิดอยู่ไหม” ชินกรเอ่ยถามขึ้นอย่างงงๆที่หญิงสาวทั้งคู่รีบร้อนออกไปอย่างรวดเร็ว

“เอาซิ ออ แล้วเปิดห้องขออุปกรณ์ทำแผลด้วย ไปคุณดูซิเลือดกำเดาไหลใหญ่แล้วนั่น” พสุธาสั่งเลขาเสร็จก็หันมาดูวรภัทรพร้อมทั้งล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าซับเลือดให้ชายหนุ่มก่อนจะฉุดให้เดินตามเขากลับเข้าไปในโรงแรม

ศรัณมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าที่เกิดขึ้นเร็วจนเขาตามไม่ทัน รู้ตัวอีกทีก็เห็นหลังเพื่อนไวๆหายเข้าไปในโรงแรมกับพสุธา ชายหนุ่มจึงรีบล็อครถแล้ววิ่งตามวรภัทรที่ถูกลากไปในทันที


****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)


ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
กรรม..แทนที่จะได้กินของอร่อย   :ruready

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

สรุปว่า  อ้ายดินจะแกล้งภัทรหรือสนใจจะจีบภัทรกันแน่?

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ sailom_orn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-1
 :hao4: กัดกันหนักขนาดนี้ จะไปชอบกันตอนไหนเนี่ยะ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด