Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 12 (5/12/2562)P.2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Designer’s Love วุ่นนัก...รักดีไซน์เนอร์ / ตอนที่ 12 (5/12/2562)P.2  (อ่าน 9312 ครั้ง)

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
โอ้ยยย อิงกันน้อยน่ารักกกก แสบๆซนๆน่าเอ็นดูวว
ไม่ทันไรก็อ้อนให้ท่านพี่กุบกับกอดโอ๋น้องแล้ววว  :impress3:

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ติดตามจ้า   :L2:

ออฟไลน์ seaz

  • รักอยู่ไหน...ใจเรียกหา
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +381/-9
รอลุ้นตอนต่อไปเลยครับ ^^

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1

ตอนที่ 9

“อยู่นิ่งๆซิ” พสุธาดุคนตัวเล็กที่พยายามสะบัดมือเขา

“นายแหละ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ จะมาจับทำไม” วรภัทรพยายามแงะมือที่จับต้นแขนเขาทำอย่างไรก็เอาไม่ออก มืออะไรแข็งราวกับคีมอย่างนี้

“เอ๊ะอย่าดิ้น เลือดหยุดไหลหรือยัง เดี๋ยวไปทำแผลก่อน” พสุธาดึงวรภัทรให้เดินตามชินกรขึ้นไปห้องพัก โดยไม่สนใจคนตัวเล็กที่พยายามดิ้นรนให้พ้นจากเขา

“โอ๊ยเลือดหยุดไหลแล้ว เดี่ยวให้ไอ้รันทำแผลให้ก็ได้ ไอ้รันโว๊ย ช่วยกูด้วย” เมื่อเห็นว่าพสุธาไม่ฟังทำเลย วรภัทรจึงหันไปตะโกนเรียกเพื่อนที่วิ่งตามมา

“พี่ครับ ปล่อยไอ้ภัทรก่อน ไอ้ภัทรใจเย็นๆอย่าเพิ่งโวยวาย” ศรัณที่วิ่งตามเข้าลิฟท์ได้แบบฉิวเฉียดพูดกับพสุธาก่อนหันมาปรามเพื่อนตัวเอง

“คุณก็ดูเพื่อนคุณซิ ดื้อขนาดไหน เจ็บแบบนี้ยังไม่ยอมไปทำแผลอีก” พสุธาฟ้องศรัณแต่ไม่ยอมปล่อยคนตัวเล็กแต่อย่างใด

“เออ...” ศรัณไม่รู้จะพูดยังไงในสถานการณ์แบบนี้

“เดี๋ยวกลับไปบ้านให้ไอ้รันทำให้ก็ได้” วรภัทรรีบบอกเมื่อเห็นว่าพสุธาจะพาเขาไปให้ได้

“กว่าจะถึงบ้านอีกนาน  ทำแผลที่นี่ก่อนเผื่อต้องไปหาหมอ” พสุธาดันวรภัทรออกจากลิฟท์เดินตามชินกรไปเมื่อถึงชั้นที่พัก

“บอกว่าไม่ต้องไง นี่  ไอ้รันมันเป็นหมอเดี๋ยวให้มันทำให้” วรภัทรหันมาจับมือศรัณยึดเอาไว้แน่น

“ครับ ผมเรียนหมอ” ศรัณรีบเอ่ยออกไปเมื่อเห็นพสุธามองมาที่เขา

“ใช่มันเรียนหมอ แถมเป็นลูกชายเจ้าของโรงพยาบาลมันคงไม่ปล่อยให้เป็นอะไรไปหรอก ใช่ไหมมึง” วรภัทรกระตุกมือเพื่อนให้ยืนยัน

“ใช่แล้วพี่” ศรัณพยักหงึกหงัก ชายหนุ่มเริ่มงงกับสถานการณ์ตรงหน้า ท่าทีของพสุธาไม่รู้ว่าชายหนุ่มต้องการอะไรถึงไม่ยอมปล่อยเพื่อนเขาสักที

“เออ ผมว่าพวกคุณเข้าไปในห้องทำแผลกันก่อนเถอะ ถึงผมไม่ใช่หมอแต่พอรู้ว่าคุณภัทรควรจะประคบเย็นก่อนที่หน้าจะบวมไปมากกว่านี้” ชินกรเอ่ยขึ้นเมื่อเปิดห้องพักเรียบร้อยแล้ว อีกสักครู่ทางฟอร์นคงให้พนักงานเอาอุปกรณ์ขึ้นมาแล้ว

เมื่อได้ยินดังนั้นศรัณหันไปมองหน้าวรภัทรพบว่าแก้มเริ่มบวมช้ำกว่าเดิมจริงๆ จึงพยักหน้าพร้อมดันให้เพื่อนเข้าห้องไปก่อน วรภัทรได้แต่ขึงตามองหน้าเพื่อนที่ไม่คิดจะช่วยเขาเลย

รอไม่นานพนักงานของโรงแรมก็นำเจลเย็นพร้อมทั้งอุปกรณ์ทำแผลมาให้ที่ห้อง ศรัณรีบส่งให้เพื่อนประคบหน้าทันที

“ประคบไว้ 30 นาทีก่อน วันนี้กับพรุ่งนี้ประคบเย็นวันละ 2-3 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที” ศรัณบอก

“อ้าว ไหนบอก 30 นาที” วรภัทรยกเจลออกก่อนแย้งออกมา

“ครั้งแรกประคบไว้ก่อน 20-30 นาทีให้เส้นเลือดหดตัวเพื่อลดอาการบวม” ศรัณอธิบายพร้อมกดเจลลงบนหน้าชายหนุ่มอีกรอบ

“15 นาทีก็พอมั้ง” วรภัทรทักท้วง เขาไม่อยากอยู่ที่นานแม้จะยังเจ็บอยู่

“เพื่อนเราบอก 30 นาทีก็ 30 นาทีนั่นแหละจะอะไรนักหนา” พสุธาที่นั่งอยู่ไม่ไกลพูดขัดขึ้นมา

“เอ๊ะ..”

“ไอ้ภัทร” ศรัณรีบปรามเพื่อนเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวเริ่มจะออกฤทธิ์ขึ้นมาอีก

“นั่นซิ พูดมากแบบนั้นไม่เจ็บปากแล้วมั้ง” พสุธาเน้นเสียงอย่างยียวน

“รัน กูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว กลับบ้านกันเถอะ” วรภัทรได้แต่ฮึดฮัดทำอะไรไม่ได้ จึงหันไปส่งสายตาอ้อนวอนให้เพื่อนแทน

“อืม กลับก็กลับ แต่มึงต้องกินยาแก้ปวดแก้ไข้ดักไว้ก่อน” ศรัณยื่นยาพาราให้เพื่อนก่อนจะยื่นแก้วน้ำตาม

“ขอบคุณพวกพี่มากนะครับ ผมคงต้องพาไอ้ภัทรกลับบ้าน เดี๋ยวพ่อแม่มันจะเป็นห่วงเอา” ศรัณหันมาพูดกับพสุธาเมื่อเห็นว่าวรภัทรทานยาเรียบร้อยแล้ว และการที่อ้างถึงพ่อแม่ของวรภัทรคงทำให้ชายหนุ่มยอมปล่อยพวกเขาออกจากที่นี่

“ในเมื่อไม่เป็นอะไรแล้ว ก็ดี จะกลับก็เชิญ” พสุธาบอกด้วยน้ำเสียงหยิ่งๆ

“งั้นพวกผมไปนะครับ สวัสดี” ศรัณยกมือไหว้ชายหนุ่มก่อนหันไปพยักหน้าให้เพื่อนตามมา

“เฮ้อ ไหนบอสไม่ชอบหน้าเขาไงครับ แล้วทำไมถึงช่วย” ชินกรเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าทั้งคู่เดินออกไปจากห้องแล้ว

“ก็ไม่มีอะไร ถ้าไม่ช่วยเดี๋ยวไอ้ภาคมันจะมาต่อว่าเอาเรื่องได้น่ะซิ”

“ผมว่าคุณภาคเขาคงไม่ว่าบอสหรอกครับ เพราะคุณภัทรเป็นแค่เพื่อนแฟนของคุณภาค แถมยังรู้ด้วยว่าบอสกับคุณภัทรไม่ถูกกัน” ชินกรพูดออกมาดังที่ใจคิด ภาสวรคงไม่ถือสาหาความกับเพื่อนสนิทด้วยเรื่องแค่นี้เป็นแน่

“ชินกร ท่าทางนายจะว่างมากนักนะ ถึงได้มาจ้องจับผิดฉันแบบนี้ ในเมื่อว่างจัดก็กลับไปทำงานที่วางบนโต๊ะฉันให้หมด พรุ่งนี้สายๆจะเข้าไปดู” พสุธาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นๆ

“อะไรนะครับบอสนี่มันดึกแล้ว ผม..”

“ก็เพราะมันดึกไง นายควรรีบไปนะเดี๋ยวจะเสร็จไม่ทัน” พสุธาพูดแทรกก่อนที่ชินกรจะพูดจบ

“ครับบอส” ชินกรรับคำด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ก่อนเดินคอตกออกจากห้องไป

--- Designer’s Love ---

รสิกามองช่อดอกไม้หลากหลายช่อพร้อมข้าวของอย่างอื่นตรงหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวนำมาวางไว้ให้ที่ห้องหลังจากที่ทำงานเสร็จแล้วในแต่ละวัน ส่วนใหญ่จะเป็นช่อดอกกุหลาบต่างสีสันกันไป มีเพียงช่อเดียวที่เป็นลิลลี่สีขาว หญิงสาวหยิบขึ้นมาควานหาการ์ดที่แนบมา เป็นอย่างที่คาดไว้ ลิลลี่ช่อใหญ่จากผู้ให้คนเดิม ไม่มีข้อความอะไรนอกจากชื่อผู้ส่ง’ พสุธา แสงศศินา’ เธอละความสนใจจากช่อลิลลี่มาจัดวางช่อดอกไม้รวมถึงของต่างๆที่ได้รับมาพร้อมถ่ายรูปลงอินตาแกรมเพื่อขอบคุณเจ้าของดอกไม้รวมถึงของฝากอื่นๆไม่ว่าจะเป็นขนม อาหาร ผลไม้หรือตุ๊กตาน่ารักต่างๆกันไป

รสิการวบรวมโพสต์อิทที่แปะมากับของต่างๆรวมถึงนามบัตรและการ์ดเพื่อเก็บเอาไว้เป็นกำลังใจอย่างน้อยเธอก็มีแฟนคลับที่ชื่นชอบและติดตามเธอเสมอมา อาหาร ขนมที่ได้รับมากมายในแต่ละวันโดยเฉพาะของสดที่ไม่สามารถเก็บได้ รสิกาจะแบ่งให้ผู้จัดการ พนักงานออฟฟิตแม่บ้านยามที่โมเดลลิ่งหรือคอนโดอยู่เสมอ ส่วนตุ๊กตาเธอจะแพคเก็บไว้อย่างดี พอใกล้ๆวันเด็ก หญิงสาวจะขออนุญาตบรรดาแฟนคลับนำพวกตุ๊กตาเหล่านั้นไปมอบให้บ้านเด็กกำพร้าเด็กด้อยโอกาสทุกปีตั้งแต่ทำงานมา เมื่อจัดข้าวของเสร็จหญิงสาวก็ปิดไฟนอนเพราะพรุ่งนี้เธอมีนัดกับพลอยลดาและวรภัทรที่บ้านเพื่อดูผ้าไหมที่ใช้ออกแบบ

รุ่งเช้ารสิกาขับรถมาที่บ้านหามารดาก่อนเพราะเมื่อคืนงานเลี้ยงเลิกดึกเธอจึงค้างที่คอนโดไม่ได้กลับบ้าน หญิงสาวหอบผลไม้ที่แวะซื้อที่ตลาดกับรังนกที่ทางสปอนเซอร์รวมถึงเอเจนซี่มอบให้นำมาฝากที่บ้านด้วย

“สวัสดีค่ะแม่ น้าพรรณ” หญิงสาวเอ่ยทักมารดาที่กำลังจัดข้าวของอยู่

“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ ของเก่ายังไม่หมดเลย” อรณีมองรังนกในมือลูกสาวก่อนบ่นออกมา

“ไม่ได้ซื้อค่ะ พอดีลูกค้าให้มาโรสเลยเอามาให้แม่”

“หนูเก็บไว้ทานเองบ้างซิ ทำงานเลิกดึกดื่น แถมตื่นเช้าเดี๋ยวจะไม่ไหวเอา”

“โรสแบ่งไว้แล้วค่ะ นี่สำหรับแม่และน้าพรรณ เขาให้มาเยอะแยะโรสทานคนเดียวไม่หมดหรอกค่ะ” หญิงสาวบอกก่อนนำข้าวของไปเก็บเข้าที่

“งั้นก็แบ่งไปให้ภัทรซิ วันนี้จะไปบ้านภัทรไม่ใช่เหรอ”

“สำหรับภัทรน่าจะเป็นขาหมูกับต้มจับช่ายของแม่มากกว่า” รสิกาหันมายิ้มให้มารดา เธอรู้ดีว่าเพื่อนชื่นชอบอาหารที่แม่ของเธอทำมากแค่ไหน

“แม่เตรียมเอาไว้ให้แล้ว” พอรู้ว่าลูกสาวจะแวะไปบ้านเพื่อนสนิทวันนี้ เธอก็ทำเมนูโปรดเตรียมไว้ให้วรภัทรแต่เช้า

“นี่โรสเริ่มอิจฉาภัทรแล้วนะคะ วันนี้วันหยุดแม่กลับลุกขึ้นมาตุ๋นขาหมูให้ภัทร”

“ที่แม่ทำก็เพราะเรานั่นแหละ จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อของไปฝากที่บ้านภัทร ของซื้อไหนจะสู้ที่เราทำเอง” อรณีสอนลูกเสมอเวลาจะไปบ้านใครเขาควรจะมีของติดไม้ติดมือไปฝากเจ้าของบ้านด้วย อย่าไปมือเปล่าเด็ดขาด

“ค่ะแม่ ป่านนี้ไอ้ภัทรคงชะเง้อรอขาหมูแล้วมั้ง” รสิกาโอบกอดมารดาก่อนหอมแก้มท่านเบาๆ

“ไปได้แล้ว ป่านนี้น้าพรรณเตรียมของเสร็จแล้ว” อรณีหันไปดูนาฬิกาพบว่าสิบโมงกว่าแล้ว กลัวว่าลูกสาวจะเอากับข้าวไปไม่ทันมื้อกลางวัน ถึงวันนี้จะเป็นวันหยุดแต่การจราจรก็คับคั่งไม่ต่างจากวันธรรมดา

“ค่ะแม่”

“แล้ววันนี้จะกลับมานอนที่นี่หรือไปนอนที่คอนโดล่ะ” อรณีเดินตามมาส่งลูกสาวที่รถเอ่ยถามขึ้น

“นอนบ้านค่ะแม่ พรุ่งนี้มีงานอีเว้นท์ตอนเย็นค้างที่นี่ดีกว่า”

“จ้า ขับรถดีๆนะลูก” อรณีพยักหน้ารับคำก่อนเตือนบุตรสาวที่ไม่ค่อยได้ขับรถให้ระมัดระวังในการขับขี่ด้วยความเป็นห่วง

“ค่ะแม่โรสจะระวัง เย็นนี้แม่ไม่ต้องทำกับข้าวนะคะเดี๋ยวโรสจะซื้อเข้ามาเอง สวัสดีค่ะ” รสิกาบอกผู้เป็นมารดาพร้อมเอ่ยลาก่อนที่จะขับรถออกไป

--- Designer’s Love ---

“เฮ้ยไอ้ภัทรหน้าไปโดนอะไรมา” รสิกาถามเสียงหลงเมื่อเห็นใบหน้าเพื่อนสนิท

“จะอะไรล่ะ ก็เข้าไปเสือกเรื่องชาวบ้านจนเจ็บตัวไง” นาวินที่รู้เรื่องตั้งแต่เมื่อคืนรีบมาบ้านวรภัทรแต่เช้าพร้อมปัญญวัฒน์และศรัณที่กลัวว่าเพื่อนจะไข้ขึ้นเพราะการอักเสบระบม

“ไอ้วิน ...” วรภัทรหันมาถลึงตาใส่พร้อมชี้หน้าเพื่อนสนิทอย่างเอาเรื่อง

“อ้าววินกลับมาเมื่อไหร่” รสิกาเอ่ยทักเมื่อเห็นสมาชิกร่วมแก๊งของวรภัทร

“กลับมาเมื่อคืนตอนดึกๆน่ะ ถึงก็ได้ข่าวไอ้ภัทรเลย โรสล่ะเดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วนะ” นาวินตอบหญิงสาวพร้อมเอ่ยแซว แม้ว่ารสิกาจะเป็นนางแบบแต่ก็มีงานโฆษณาหลายตัวจนเป็นที่คุ้นหน้าคุ้นตาคนทั่วไป

“โรสเข้าบ้านก่อน” ปัญญวัฒน์ออกมาเรียกหญิงสาวเมื่อเห็นว่ายืนคุยกันอยู่ด้านนอกนานแล้ว

“เออ นั่นซิ มาเข้าบ้านก่อน แล้วเอาอะไรมาเยอะแยะ” วรภัทรเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเห็นแม่บ้านถือถุงใส่ข้าวของเข้าไปในบ้านก่อนหน้านี้หลายใบ

“แม่ฝากขาหมูกับต้มจับฉ่ายมาให้”

“จริงเหรองั้นเดี๋ยวไปกินกันเลย” วรภัทรเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ

“ลาภปากแท้ๆ” นาวินพูดขึ้นด้วยความถูกใจ เขาเองเคยไปทานที่ร้านบ้านหญิงสาวหลายครั้งติดใจรสชาติของขาหมูที่นั่นอยู่มากเหมือนกัน

“ไม่มีของมึง โรสเอามาฝากกูไม่ใช่มึง” วรภัทรยังเคืองนาวินไม่หายที่ว่าเขา

“โห ไอ้ภัทรโคตรขี้งกเลย โรสเอามาตั้งเยอะแยะมึงกินหมดคนเดียวเหรอ” นาวินเดินนำลิ่วเข้าไปในครัวทันทีหลังพูดจบ ชายหนุ่มรู้ดีว่าวรภัทรพูดไปอย่างงั้นไม่คิดอะไรจริงจังสุดท้ายเขาก็ได้กินอยู่ดี

“สวัสดีโรส” ศรัณที่กำลังนอนดูทีวีเอ่ยทักหญิงสาวที่เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น

“โห เดอะแก๊งอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันเลยนะไม่ซิขาดไปคนหนึ่ง” รสิกาเอ่ยแซวเมื่อเห็นสี่หนุ่มอยู่กันครบขาดแต่หญิงสาวฝาแฝดของนาวินที่ไปเรียนต่อต่างประเทศเท่านั้น

“ก็มาดูภัทรนั่นแหละ เมื่อคืนนัดกันเสียดิบดีว่าไปเยาวราชด้วยกัน สุดท้ายเราไปเก้อคนเดียว” ปัญญวัฒน์บ่นออกมา เพราะเขาเดินไปกินไปรอเพื่อนมาสมทบจนอิ่มแล้วอิ่มอีก

“ใครบอกไปคนเดียว มีแฟนตามติดไปด้วยทั้งคนล่ะไม่ว่า” วรภัทรแขวะปัญญวัฒน์อย่างหมันไส้ เพราะเกิดเรื่องเมื่อคืนทำให้เขาพลาดของอร่อยไปตั้งเยอะ

“เอ่อ สรุปว่าเราจะรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมภัทรถึงเป็นแบบนี้ รันอีกคน” รสิกาเอ่ยถามขึ้นอย่างใคร่รู้ แม้ศรัณไม่มีรอยฟกช้ำให้เห็นแต่เธอก็เห็นว่าข้อมือชายหนุ่มรัดผ้ายืดเอาไว้

“เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า...” วรภัทรเล่าเรื่องอย่างไม่เต็มใจโดยมีศรัณคอยเสริมเมื่อเพื่อนทำทีจะเล่าข้ามวีรกรรมหัวร้อนของตัวเองกับพสุธา

“โชคดีแล้วที่คุณพสุธามาช่วย ไม่งั้นภัทรอาจจะเจ็บตัวมากกว่านี้” รสิกามองเพื่อนแล้วรู้สึกโล่งใจที่เจ้าตัวไม่เป็นอะไรมากมาย

“เดี๋ยวๆ โรสชมนายนั่นทำไม ไม่เห็นจะช่วยอะไรเลยเหอะ พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง ออ อย่าคิดว่าเขาไม่รู้นะ ช่อลิลลี่สีขาวในอินตาแกรมเมื่อคืนของนายนั่นใช่ไหม” วรภัทรเอ่ยอย่างหมันไส้ปนพาลใส่รสิกาที่ชื่นชมพสุธาไม่ต่างอะไรกับนาวินและปัญญวัฒน์ แถมปัญญวัฒน์ยังบอกให้เขาไปขอบคุณหมอนั่นหลังจากที่หายดีแล้วอีก ใครจะไปกัน

“หือ” ศรัณ ปัญญวัฒน์รวมถึงนาวินที่เพิ่งเดินเข้ามาในห้องมองหญิงสาวอย่างแปลกใจ นี่เป็นข่าวใหม่สำหรับพวกเขาเลยทีเดียว

“ใช่ของคุณพสุธาจริงๆ แต่ไม่ได้เขียนอะไรได้แต่ลงชื่ออย่างเดียว” รสิกาบอกอย่างไม่สนใจเพราะชายหนุ่มอาจส่งมาแสดงความยินดีเหมือนแฟนคลับคนอื่นๆ

“พี่ดินจีบโรสเหรอ” ปัญญวัฒน์หันมาถามหญิงสาว

“ไม่นะ เราไม่เคยเจอตัวเขา เห็นแค่ช่อดอกไม้ตกอาทิตย์ละครั้งได้” รสิกาอธิบาย

“แปลกนะ” นาวินอดที่จะสงสัยไม่ได้

“ไม่เห็นแปลกเลย นายนั่นหน้าหม้อเจ้าชู้จะตาย เมื่อคืนเราเห็นยัยพีชเน่าเกาะแข้งเกาะขากันอยู่เลยที่เปิดห้องคงกะต่อกับยัยนั่นถึงเช้าล่ะมั้ง” วรภัทรแบะปากหมันไส้ไม่หาย

“ถ้าพี่ดินไปกับลูกพีชจริง เขาจะมาช่วยมึงกับกูไหม แล้วที่เขาเปิดห้องก็เพราะเขาเห็นว่ามึงหน้าบวมช้ำแถมเลือดกำเดาออกไหม” ศรัณพยายามพูดอย่างเป็นกลางไม่อยากให้วรภัทรใส่ร้ายพสุธามากเกินไปเพราะอคติกับชายหนุ่มล้วนๆ

“จริง กูเห็นด้วยกับไอ้รัน” นาวินเห็นด้วยกับประเด็นนี้ของศรัณ

“โอ๊ย กูจะบ้า พวกมึงเป็นเพื่อนกูนะ เข้าข้างคนอื่นอยู่ได้” วรภัทรปากยื่นหน้าง้ำที่เพื่อนๆไม่เข้าข้างแถมเอาใจออกห่างยกย่องชื่นชมหมอนั่นอีก

“เพราะว่ากูเป็นเพื่อนมึงไง ถึงมานั่งกันอยู่นี่ แถมช่วยดึงสติ อธิบายเพื่อแงะอะไรที่มันไม่ดีอยู่ในหัวมึงนี่ออกไปเสียบ้าง สมองมึงนี่บรรจุอะไรไว้บ้างวะถึงคิดไม่เหมือนคนอื่น ตาหัดมองอะไรกว้างๆบ้างไม่ใช่มองอยู่แต่ด้านเดียว มึงหัดโตได้แล้วนะไอ้ภัทร” ศรัณพูดขึ้นอย่างเหลืออด เมื่อเห็นว่าวรภัทรตั้งป้อมรังเกียจพสุธาจนมองไม่เห็นความหวังดีของชายหนุ่มเอาเสียเลย

“จริง” เสียงสนับสนุนคำพูดของศรัณจากทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งรสิกา ทำให้วรภัทรคอย่นฮึดฮัดกับคำพูดของเพื่อนพร้อมคาดโทษชายหนุ่มต้นเรื่องเอาไว้ในใจโทษฐานทำให้เพื่อนๆของเขาเอาใจออกห่างไปเข้าข้าง


****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3333
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 10

“นั่นรถของใคร” พงศกรที่เพิ่งกลับมาจากสนามกอล์ฟเอ่ยถามคนงานในบ้านถึงรถไม่คุ้นตาที่จอดอยู่ไม่ไกล

“เพื่อนคุณภัทรมาหาค่ะ”

“อืม อย่าลืมเอาถุงกอล์ฟไปเก็บด้วยนะ” พงศกรส่งกุญแจรถให้คนงานก่อนเดินเข้าบ้าน

เสียงเจี๊ยวจ้าวดังมาจากด้านในทำให้พงศกรชะงักจากที่จะเดินขึ้นไปข้างบนกลับหันไปทางด้านห้องนั่งเล่นแทน ก็เห็นน้องชายและเพื่อนสนิทนั่งอยู่ในนั้น นาวินกับศรัณกำลังนั่งเล่นเกมเพลย์โดยมีปัญญวัฒน์นั่งเชียร์อยู่ข้างๆ ส่วนน้องชายของเขานั่งสเก็ตภาพกับรสิกาโดยมีกองผ้าไหมตั้งอยู่บนโต๊ะตัวเล็กขั้นกลางระหว่างสองคน

“พี่พงศ์ สวัสดีครับ” ปัญญวัฒน์หันมาเห็นพี่ชายเพื่อนจึงได้ยกมือไหว้ ส่วนคนอื่นพอได้ยินเสียงชายหนุ่มจึงหันมายกมือไหว้ตาม

“มากันนานหรือยัง” พงศกรถามออกไปก่อนเดินมานั่งข้างปัญญวัฒน์

“มาตั้งแต่สายๆครับพี่ มาดูภัทรมัน” ปัญญวัฒน์ตอบ

“แล้วจะอยู่ถึงเย็นกันไหม พี่จะได้ให้เขาเตรียมของทานตอนเย็น” พงศกรเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“เอาๆครับพี่พงศ์ ปิ้งย่างหมูกระทะได้ไหมครับ” นาวินรีบผละจากเกมเข้ามานั่งใกล้ๆชายหนุ่ม

“ก็ได้เอาซิ จะกินอะไรสั่งกันเลยเดี๋ยวพี่จ่ายเอง”

“รวมน้ำเปลี่ยนนิสัยด้วยไหมครับ” นาวินถามต่อ เขารู้สึกเปรี้ยวปากขึ้นมาทันที

“พรุ่งนี้วันหยุดก็จัดไปเต็มที่ ถ้ากลับบ้านไม่ไหวจะนอนที่นี่ก็ได้ข้างบนมีห้องว่างอยู่” พงศกรเอ่ยอย่างใจป้ำนานๆทีถือว่าเลี้ยงปลอบขวัญน้องชายก็แล้วกัน

“เยี่ยม” นาวินชูนิ้วโป้งให้พี่ชายเพื่อนก่อนวิ่งไปขอกระดาษกับปากกาเพื่อจดรายการ

“พี่พงศ์วันนี้มาแปลกนะ เกิดอะไรขึ้น” วรภัทรวางมือจากงานหันมามองพี่ชายอย่างจริงจัง

“ไม่มีอะไรเห็นอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเลยอยากหาอะไรทำกินแค่นั้น”

“หือ มาแปลกจริงๆด้วย ทุกทีเห็นออกไปปาร์ตี้กับเพื่อน” วรภัทรหลี่ตามองเหมือนจะจับผิด เพราะพี่ชายเขาชอบออกไปสังสรรค์กับเพื่อนกลับดึกๆทุกวันจนแม่บ่นให้ได้ยินบ่อยๆ

“ก็อยากพักบ้างไม่ได้เหรอ”

“อืม จะพยายามเชื่อนะ” วรภัทรพูดอย่างไม่ใส่ใจก่อนหันกลับไปวาดแบบต่อ

“ว่าแต่ทำอะไรกัน เพื่อนมาทั้งทีไม่ไปสนุกกับเพื่อนเหรอ” พงศ์กรเอ่ยถามด้วยความข้องใจที่น้องชายเอาแต่วาดรูปไม่สนใจเพื่อนสนิทที่เล่นเกมส์เฮฮาอยู่ไม่ไกล

“วันนี้นัดโรสมาดูผ้าไหม ทำงานกัน ไอเดียกำลังแล่นไม่อยากวางมือ” วรภัทรบอกพี่ชาย เขาสามารถทำงานได้แม้จะเสียงดังถ้ามีไอเดียแล้วไม่อยากให้อะไรทำให้ความคิดสะดุด

“ขอพี่ดูบ้างได้ไหม” พงศ์กรขยับไปนั่งใกล้ๆน้องชาย อยากรู้ว่าน้องชายออกแบบสินค้าล็อตใหม่นี้ยังไง วรภัทรส่งกระดาษที่ออกแบบในแฟ้มให้พี่ชายดูก่อนก้มหน้าใส่รายละเอียดลงสีในแบบที่วาดไว้ให้เสร็จ

“เฮ้ย เดี๋ยวนะนี่มันแบบเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ” พงศ์กรถามขึ้นอย่างงงๆ เมื่อเห็นแบบวาดของน้องชาย

“ก็ใช่ไง” วรภัทรตอบโดยพลางก้มหน้าก้มตาลงสีให้เสร็จ

“มันเกี่ยวกับสินค้าของบริษัทตรงไหน” พงศ์กรถามขึ้นอย่างงงๆแม้ว่าชุดที่น้องชายออกแบบจะใช้ผ้าไหมตัวอย่างของบริษัทแต่ก็ไม่ใช่พวกกระเป๋ารองเท้าที่ทางบริษัทผลิตและจำหน่าย

“ถ้าพี่พงศ์จะดูแบบสินค้าของบริษัทไปขอโรสดูเลยเพราะรายนั้นออกแบบอยู่” วรภัทรเงยหน้าพยักพเยิดไปยังรสิกาที่นั่งก้มหน้าก้มตาวาดชิ้นงานอยู่ตรงข้าม

“นี่ค่ะ” รสิกาเงยหน้าเมื่อได้ยินชื่อของตัวเองแล้วส่งแบบที่ทำเสร็จแล้วให้ชายหนุ่มดูก่อนหันไปทำงานต่อ

“ครับ” พงศกรตอบรับอย่างสุภาพ แม้ว่าจะเคยเจอหญิงสาวมาบ้าง แต่ไม่เคยคุยกันหรือสนิทกันเหมือนกับเพื่อนคนอื่นๆของน้องชาย อาจเพราะหญิงสาวไม่ได้บ้านอยู่ใกล้กันหรือเป็นเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เด็กเหมือนพวกนาวิน แถมเขาและเธอสวนกันไปมาตลอด ตอนที่รสิกามาทำงานที่บ้านเขาก็ไม่อยู่ เจอกันตอนที่เธอยกมือไหว้ลาพ่อแม่เขาเพื่อกลับบ้านตัวเองเลยเผื่อแผ่มาลาเขาด้วย

ภาพสินค้าที่รสิกาออกแบบทำให้พงศกรรู้สึกทึ่งทั้งการดีไซน์รูปลักษณ์สามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัย แถมบางแบบหญิงสาวจงใจให้เข้ากับชุดเสื้อผ้าที่น้องชายออกแบบอีกด้วย ฝีมือของเธอสมกับรางวัลนักออกแบบจริงๆ สมแล้วที่พี่สาวของเขาชื่นชมและอยากดึงตัวมาร่วมงาน พงศกรยกยิ้มในความเจ้าเล่ห์ของน้องชายตัวเองถ้าแบบของรสิกาผ่านการพิจารณาของบริษัท การเปิดแบรนด์เสื้อผ้าของน้องชายก็อยู่ไม่ไกลเผลอๆจะได้บริษัทสนับสนุนอีกด้วย นับว่าพี่น้องของเขานั้นล้วนแต่มองการณ์ไกลจริงๆ

“ผมชอบแบบของคุณ แต่ไม่รู้ว่าคณะกรรมการบริษัทจะเห็นด้วยไหม” พงศกรเอ่ยขึ้นขณะที่ส่งแบบคืนหญิงสาว

“ถ้าพี่พงศ์ชอบก็เท่ากับว่ามีเสียงสนับสนุนแล้วหนึ่งเสียง” วรภัทรตอบกลับพี่ชาย แม้ว่าพี่สาวของตัวเองจะวางตัวเป็นกลาง แต่ชายหนุ่มก็เชื่อว่าคนของพลอยลดาจะสนับสนุนเพื่อนของเขา

“ภัทรคงไม่ลืมนะ แม้ว่าบริษัทพวกเราจะถือหุ้นมากกว่า แต่อำนาจการตัดสินใจยังเป็นของคณะกรรมการบริษัท มติเสียงส่วนใหญ่คือเอกฉันท์” พงศกรชี้ให้น้องชายเห็นว่าเส้นทางที่จะเดินนั้นเจ้าตัวต้องสู้กับอะไรถึงจะไปถึงจุดหมายที่ต้องการ

“ภัทรเข้าใจ ความจริงภัทรเองอยากเปิดแบรนด์ของตัวเองไม่เกี่ยวกับบริษัท แต่เพราะอยากให้พ่อเห็นว่าการที่ภัทรจะทำห้องเสื้อนั้นสนับสนุนสินค้าบริษัทอย่างไร” วรภัทรบอกจุดยืนของตัวเอง ถึงแม้พ่อและบริษัทไม่สนับสนุนเขาก็ยังคงหลักการเดิมเพียงแต่หาเงินทุนมาเปิดร้านของตัวเองแค่นั้น

“งั้นพี่ขอให้เราโชคดีแล้วกัน” พงศกรอวยพรให้น้องชาย ตอนที่วรภัทรบอกครอบครัวว่าจะเปิดร้านนั้นเขาเองกะว่าจะสนับสนุนน้องชายโดยช่วยเหลือเรื่องเงินทุนในการเปิดร้าน แต่บิดาของเขาเบรกเจ้าตัวให้มาช่วยงานที่บริษัทเสียก่อน

“อืม” วรภัทรยิ้มให้พี่ชายตัวเอง

รสิกาฟังพี่น้องคุยกันแล้วรู้สึกดี แม้ว่าเธอจะไม่มีพี่น้องพ่อแม่เดียวกันแต่ก็มีพศุตม์ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นลูกของอรพรรณ น้าสาวของเธอเอง เธอกับพศุตม์อายุห่างกันเกือบห้าปีเลยไม่มีโมเมนต์พี่น้องที่ใกล้ชิตกันแบบนี้ทั้งๆที่อยู่บ้านเดียวกัน พอเห็นแบบนี้ความรู้เดิมๆเริ่มกลับมา หญิงสาวใจเต้นแรงจนต้องขอตัวออกมา

“เออ ภัทรเดี๋ยวเรากลับก่อนนะนัดกับแม่เอาไว้”

“ไม่อยู่ทานมื้อเย็นกันก่อนเหรอ” พงศกรหันมาถามหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงข้ามทันที

“นั่นซิ เราคิดว่าจะทำงานถึงเย็นเสียอีก” วรภัทรเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ

“เรานัดทานข้าวกับแม่ไว้ วันนี้ว่าจะมาดูผ้าเฉยๆน่ะ เดี๋ยวเราเอาแบบไปให้พี่พลอยแล้วกลับเลยนะ” รสิการีบพูดขึ้นพร้อมเก็บข้าวของก่อนหันไปยกมือไหว้ลาพงศกรและโบกมือลาวรภัทรกับเพื่อนๆ

“พรุ่งนี้ได้หยุดอีกวันแท้ๆ ไม่รู้รีบไปไหน” วรภัทรบ่นตามหลังรสิกาไป

“ก็เพราะเป็นวันหยุดไงเลยต้องไปทำงาน โรสเขาเป็นนางแบบนะ งานอีเว้นต์ส่วนใหญ่จะมีช่วงวันหยุด” ปัญญวัฒน์หันมาบอกวรภัทร ความจริงแล้วเขาถามรสิกาตอนที่ทานข้าวกัน เพราะงานเมื่อคืนเลิกดึกวันนี้หญิงสาวเลยได้พัก จะมีงานอีกทีช่วงสายๆพรุ่งนี้

“ใช่พรุ่งนี้เห็นว่ามีเดินแบบด้วย” ศรัณพูดขึ้น เขาเองก็ได้ยินที่ปัญญวัฒน์คุยกับหญิงสาว

“หือ มึงรู้ได้ไงวะ” นาวินหันไปถามศรัณ

“ก็กูได้ยินไอ้ปันคุยกับโรส ว่าพรุ่งนี้มีงานเดินแบบตอนค่ำแต่ต้องไปซ้อมตั้งแต่สายๆใช่ไหมไอ้ปัน” ศรัณหันไปพยักพเยิดกับปัญญวัฒน์

“ใช่” ปัญญวัฒน์พยักหน้ารับ

“ทำไมต้องซ้อมด้วย โรสเขาเป็นนางแบบอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” นาวินถามอย่างสงสัย

“ก็งานแต่ละงานไม่เหมือนกันไง บางงานต้องซ้อมก่อนล่วงหน้าสามสี่วันด้วยซ้ำ” วรภัทรตอบเพราะเขารู้ดีที่สุด เพราะช่วงที่รสิกาเป็นนางแบบใหม่ๆเขาเคยไปด้วยบางงานซ้อมกันทีเป็นอาทิตย์ แถมตอนเรียนที่ฝรั่งเศสต้องออกแบบเสื้อผ้าคัดเลือกนางแบบที่จะใส่เสื้อผ้า เขาก็คัดเอง คุมซ้อมเดินแบบเองด้วยซ้ำ เวทีแต่ละที่ไม่เหมือนกัน นางแบบต้องหาจุดแสดงเพื่ออวดโฉมเสื้อผ้าที่สวมใส่

“โห เป็นนางแบบนี่ไม่ง่ายเลยนะ”

“ใช่ไม่ง่าย แถมการอยู่วงการนี้ก็ยากพอสมควร นายเองก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าโรสเจออะไรบ้าง” วรภัทรหันมาพูดกับนาวิน

“อืม” นาวินพยักหน้าตอบ เขาเองโดนวรภัทรมาปรึกษาเรื่องที่รสิกาเจอจนต้องเข้าไปหาพ่อให้ช่วยเหลือ

“ภัทร ตกลงมึงไม่คิดจะออกแบบสินค้าให้พี่พลอยเหรอวะ” ศรัณถามขึ้นเมื่อเห็นงานออกแบบของเพื่อนสนิท

“ให้โรสทำไป กูไม่มีไอเดียตอนนี้ เพราะในหัวมีแต่แบบเสื้อ” วรภัทรสารภาพออกมา

“โชคดีที่โรสมีฝีมือ ไม่งั้นมึงโดนพี่พลอยจวกเละ” ศรัณจิ้มหน้าผากวรภัทรเบาๆ ในขณะที่ปัญญวัฒน์พยักหน้าเห็นด้วย

“ได้ทีเอาใหญ่เลยนะพวกมึง เดี๋ยวก็ไล่กลับบ้านเสียเลยไม่ต้องกินมันแล้ว” วรภัทรทำหน้างอ วันนี้เขาโดนเพื่อนๆจวกหลายหนตั้งแต่เช้า

“เฮ้ยๆ ได้ไงกูสั่งของเรียบร้อยแล้ว แถมพี่ๆก็ออกไปซื้อป่านนี้คงใกล้กลับมาแล้วมั้ง ถึงมึงไล่กูก็ไม่ไปเพราะกูมีพี่พงศ์” นาวินโวยวายขึ้นมาก่อนหันไปยิ้มประจบประแจงเจ้าของบ้านอีกคน

พงศกรหัวเราะเมื่อเห็นๆพวกเพื่อนๆเย้าแหย่น้องชายของเขา แต่พอเห็นหน้าตางอง้ำของวรภัทร พงศกรจึงลูบหัวทุยๆของน้องชายเพื่อปลอบใจ

--- Designer’s Love ---

รสิกาขับรถออกจากบ้านวรภัทรด้วยความโล่งใจ ทั้งๆที่คิดว่าตัดใจจากเขาได้แล้วแต่เมื่อพบหน้าได้พูดคุยอย่างใกล้ชิดกลับกลายเป็นว่าความรู้สึกเดิมๆได้หวนกลับคืนมาอีก รสิกาได้เจอพงศกรครั้งแรกตอนที่เธออยู่มัธยมศึกษาปีที่หก หญิงสาวมาเรียนกวดวิชาเข้ามหาวิทยาลัยเหมือนเด็กทั่วไป ระหว่างที่เดินคุยกับเพื่อนอยู่บนทางเท้ามอเตอร์ไซด์วิ่งมาด้านหลังเร็วมาก รสิกาโดนชายหนุ่มในชุดนักศึกษาคว้าแขนเพื่อหลบมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งมาท่ามกลางเสียงกรีดร้องของวัยรุ่นที่เดินอยู่แถวนั้น

รสิกาจำได้ว่าเธอจ้องมองหน้าเขาด้วยความตกใจ ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยถามเธอว่าเป็นอะไรไหม แต่หญิงสาวไม่ทันได้ตอบคำถาม เพราะชายหนุ่มคนนั้นโดนผู้หญิงที่มาด้วยกันลากไปเสียก่อน แถมก่อนที่จะเดินจากไป ผู้หญิงคนนั้นยังหันมามองเธอด้วยความไม่พอใจอีกด้วย เธอคิดว่าคงไม่ได้เจอเขาอีก แต่ใบหน้าและแววตาคู่นั้นของเขาติดอยู่ในใจเธอเสียแล้ว

พอรสิกาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เธอได้รู้จักวรภัทรเพราะต้องจับคู่ทำงานด้วยกันทำให้สนิทกันไปโดยปริยาย เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเพื่อนสนิทเป็นน้องชายของเขาคนนั้น เมื่อวรภัทรชักจูงเธอให้เข้าประกวดนักออกแบบหน้าใหม่ที่บริษัทพ่อของชายหนุ่มจัดขึ้น รสิกาส่งผลงานด้วยความนึกสนุกไม่คิดหรอกว่าผลงานของเธอได้รับการพิจารณาจนได้รับรางวัลแถมได้เข้ามาฝึกงานร่วมกับวรภัทรตอนปิดเทอมอีก หลังจากที่ฝึกงานเสร็จพวกพี่ๆที่แผนกพาไปเลี้ยงส่ง เธอก็ได้พบเขาอีกครั้ง พงศกรเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้มารับน้องชายที่ร้านอาหารตอนนั้นเธอรู้สึกดีใจที่เจอเขาอีกครั้งแต่เขาคงจำเธอไม่ได้

หลายครั้งหลายหนวรภัทรได้บ่นถึงคู่ควงของพี่ชายแต่ละคนดีกรีไม่ธรรมดาไม่ว่าจะเป็นดารานางแบบทุกรายล้วนผ่านงานบันเทิงมาแทบทั้งนั้น รสิกาได้แต่รับรู้ข่าวคราวของเขาผ่านทางวรภัทรบ้างผ่านข่าวซุบซิบบ้างละ หญิงสาวได้แต่เฝ้ามองดูอยู่ห่างๆจนในที่สุดเธอได้รับการติดต่อให้ถ่ายแบบ ตอนนั้นที่ตัดสินใจทำก็เพราะอยากให้เขาหันมามองเธอสักนิดก็ยังดี แต่เขาก็มองผ่านเธอไปอยู่ดี

ตอนที่เธอเรียนจบหญิงสาวได้ตั้งใจไว้ว่าจะตัดใจจากเขาเสียทีไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหนเธอก็ไม่คู่ควรกับเขาและสิ่งสำคัญเขาไม่เคยมองเธอเลย รสิกาได้ฝังกลบความรู้สึกดีๆแอบชอบเขาเอาไว้ เธอคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อพงศกรนั้นคงไม่ต่างกับการแอบปลื้มแอบกรี๊ดดารานักร้อง ได้แต่เฝ้ามองไม่อาจเข้าไปยืนเคียงข้างเขาได้ ความรู้สึกเหล่านั้นคงหายไปเมื่อมีคนใหม่เข้ามาให้เธอปลื้มตามดูผลงานใหม่ๆ แต่เหตุการณ์ในวันนี้ได้บอกเธอว่าเธอคิดผิด ความรู้สึกที่มีต่อพงศกรไม่เคยหายไป เธอควรจะทำอย่างไรดี รสิกาได้แต่ถอนหายใจเพื่อให้สิ่งที่อยู่ข้างในใจนั้นสงบลงก่อนจะตั้งใจขับรถเพื่อกลับบ้านไปหาคนที่เธอรักและรักเธอ


****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)   

ออฟไลน์ fada

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 11

“ไง มาด้วยเหรอ” เสียงทักของคนที่มานั่งข้างๆทำให้วรภัทรละสายตาจากบาร์เทนเดอร์ที่กำลังชงค็อกเทลสีสวยหันมามอง ตอนนี้เขาอยู่ในงานปาร์ตี้ที่เหล่าเซเลบและคนบันเทิงมาร่วมงานมากมาย ซึ่งจัดขึ้นโดยนิตยสารดัง

“ก็เห็นๆอยู่นั่งอยู่เนี่ยคงไม่มามั้ง”

“นี่เราจะพูดจากันดีๆไม่ได้เลยเหรอ” พสุธาเอ่ยถามวรภัทรเมื่อเห็นชายหนุ่มยียวนกวนประสาทเขา

“...” วรภัทรไม่ตอบคำถามนั่น ชายหนุ่มเหลียวหลังกวาดสายตามองหาพี่ชายที่บังคับให้เขามางานนี้ด้วย พอถึงงานพงศกรก็ถูกใครต่อใครลากตัวไปทิ้งให้เขานั่งแกร่วอยู่แถวๆเคาน์เตอร์บาร์นี่จนโดนไอ้หมอนี่เดินเข้ามาทัก

“ไหนๆเราสองคนก็เป็นคนกันเอง มาจับมือเป็นมิตรกันเถอะ เพื่อนนายจะได้สบายใจ” พสุธาพูดไปมองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามไป

“...” วรภัทรยังนิ่งเงียบพยายามหาคนที่รู้จักเพื่อปลีกตัวไป

“นายไม่ตอบ ฉันถือว่านายตกลงแล้วกันนะ” พสุธาพูดเสร็จก็คว้ามือวรภัทรจับในท่าเชคแฮนด์

“เฮ้อ อะไรเนี่ย” วรภัทรดึงมือออกอย่างรวดเร็วพร้อมมองหน้าพสุธาอย่างเอาเรื่อง

“ก็ตกลงทำสัญญาเป็นมิตรกันไง ตอนนี้นายกับฉันถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วนะ” พสุธามองคนตัวเล็กแล้วอดขำตัวเองไม่ได้ที่มาอะไรเด็กๆแบบนี้ เพียงแต่เขาชอบมองหน้าตาที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตามอารมณ์ของเด็กนี่

วรภัทรข่มใจเดินออกมาจากเคาน์เตอร์บาร์ชายหนุ่มไม่อยากอารมณ์เสียจนเหวี่ยงวีนพสุธาในงานนี่ ความจริงเขาชื่นชอบงานเลี้ยงนะ แต่ถ้ามองไปทางไหนแล้วไม่รู้จักใครก็น่าเบื่อนิดหน่อย พสุธาอมยิ้มกับท่าทีหมางเมินของชายหนุ่มก่อนที่จะเดินตามวรภัทรไปเงียบๆ

ชายหนุ่มเดินไปมองหาพี่ชายไปจนมาหยุดที่ซุ้มอาหารซึ่งเน้นไปทางอาหารว่างจัดเป็นชิ้นเล็กๆ สำหรับทานง่ายๆเหมาะสำหรับงานเลี้ยงแบบนี้ วรภัทรเลือกหยิบซูซิจากถาดอาหารญี่ปุ่นใส่จาน แฮมและไส้กรอกอีกเล็กน้อยก่อนหลบมุมเพื่อลองชิม แม้ว่าจะทานอะไรรองท้องมาแล้วแต่เขาก็หิวอยู่ดี

“แฮมนั่นอร่อยไหม” พสุธาถือจานมายืนข้างๆชายหนุ่มก่อนเอ่ยถามขึ้น

“อืม” วรภัทรถอนหายใจทันทีที่เห็นว่าใครมายืนข้างๆ

“งั้นเหรอ” พสุธาถือวิสาสะหยิบแฮมที่พันรอบขนมปังขาไก่ที่อยู่บนจากชายหนุ่มเข้าปาก

“เฮ้ย จะกินก็ไปหยิบเองดิ” วรภัทรมองอย่างเคืองๆที่โดนแย่งไป เขาหยิบมาแค่สามชิ้นเอง แฮมพันเมล่อนสองชิ้นทานไปแล้วชื้นหนึ่ง พันขาไก่แค่ชิ้นเดียวแถมเขายังไม่ได้ชิมอีกด้วย

“อร่อยสมแล้วที่นำเข้าจากเยอรมัน” พสุธาบอกก่อนเอาเข้าปากอีกคำโดยไม่สนใจสายตาที่จ้องมาอย่างเคืองๆ

“รับน้ำอะไรดีครับ” เสียงบริกรแทรกเข้ามาดึงความสนใจของวรภัทรให้หันไปมอง ชายหนุ่มคว้าแก้วค็อกเทลสีสวยยกขึ้นดื่มดับอารมณ์ตัวเอง ในขณะที่พสุธาหยิบแก้วน้ำอัดลมมาวางข้างตัว

เมื่ออาหารในจานหมด วรภัทรก็เดินไปหยิบอาหารและขนมเพิ่มเติม เวลานี้ชายหนุ่มพยายามไม่สนใจใครหน้าไหนจะเดินตามเพื่อกวนโมโหเขา เขามุ่งความสนใจไปที่อาหารตรงหน้ากินเพื่อดับอารมณ์โกรธที่ถูกยั่วโมโหให้หมดไป

พสุธาอมยิ้มกับภาพตรงหน้าวรภัทรจริงจังกับการกินเอามากๆ ไม่ว่าเขาจะเดินดักหน้าดักหลังชายหนุ่มก็ไม่สนใจได้แต่มองเมินทานอาหารที่เดินหยิบมาแค่นั้น

“โรส พี่ฝ้ายทางนี้” วรภัทรโบกไม้โบกมือเรียกเพื่อนสนิททันทีที่เห็น

“น้องภัทรคุณดินสวัสดีค่ะ” สุภาพรเอ่ยทักคนทั้งคู่ โดยมีรสิกายกมือไหว้พสุธาอยู่ด้านหลังเธอ พสุธารับไหว้ทั้งคู่

“ไม่คิดว่าภัทรจะมางานนี้ด้วย” รสิกาเข้ามายืนตรงหน้าเพื่อนสนิท

“โดนพี่พงศ์ลากมาน่ะซิ พอมาถึงก็ทิ้งเราเฉยเลย” วรภัทรได้โอกาสฟ้องเสียเลย คืนนี้เขาได้เพื่อนแล้ว แถมจะได้สลัดคนหน้าด้านที่เดินตามมาตลอดออกไปได้

“งั้นเหรอ แล้วภัทรมานานหรือยัง” รสิกาถามเพื่อกลบเกลื่อนความรู้สึกตัวเองเมื่อได้ยินว่าใครคนนั้นมาร่วมงานด้วย

“สักพัก กินจนอิ่มแล้ว โรสทานอะไรหรือยัง อร่อยทุกอย่าง” วรภัทรอมยิ้มยักคิ้วให้เพื่อนที่มองมาพร้อมการันตีเพราะเขาชิมมันหมดทุกอย่างแล้ว

“เราเชื่อ”

“พี่ล่ะอิจฉาน้องภัทรจริงๆกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน” สุภาพรมองชายหนุ่มตั้งแต่รู้จักกันมาตัวเท่าเดิมไม่อ้วนขึ้นเลยสักนิดทั้งๆที่กินเก่งขนาดนี้

พสุธามองวรภัทรกับรสิกาที่ยืนอยู่ข้างกัน พอเห็นแบบนี้เขาคิดว่าชายหนุ่มตัวเล็กแล้วแต่ไม่คิดว่าจะตัวเท่าๆกับรสิกา แถมตอนนี้หญิงสาวใส่ส้นสูงสามนิ้วทำให้วรภัทรดูเตี้ยไปถนัดตา

“คุณดิน สวัสดีค่า” เสียงแมนสรวงดังขึ้นมาก่อนตัว

“คุณดิน ไม่คิดว่าคุณจะมางานนี้ด้วย” นิชาดาเอ่ยทักพร้อมปลี่เข้ามายืนเบียดชายหนุ่มที่ยืนข้างวรภัทรทำให้เขาต้องเขยิบไปใกล้วรภัทรเข้าไปอีก

“สวัสดีครับคุณแมน เอ้ยคุณเมนี่ ลูกพีช” พสุธาทักทายผู้จัดการดาราและนิชาดา

“คุณดิน มายืนทำอะไรแถวนี้คะ ไปทางโน้นดีกว่าค่ะ” นิชาดาเอ่ยชวนพร้อมทั้งชี้ไปยังกลุ่มคนที่มีเจ้าของนิตยสารยืนอยู่ด้วย

“ใช่ค่ะไปกันเถอะ” แมนสรวงสนับสนุนนิชาดา ไม่อยากให้ชายหนุ่มยืนอยู่ใกล้รสิกา ไม่อยากให้หญิงสาวเป็นที่สนใจไปกว่าเด็กในสังกัดตัวเอง

“คุณเมนี่พาลูกพีชไปเถอะครับ ผมไปทักทายคุณวราลีมาแล้ว” พสุธาบอกคนทั้งคู่ก่อนหันมาหาวรภัทรอย่างนึกขึ้นได้ “จริงซิภัทรยังไม่ได้ไปทักทายเจ้าของงานเลยใช่ไหม ไปผมพาไป” พูดจบก็ฉุดชายหนุ่มเดินไปยังกลุ่มนั้นทันที

วรภัทรที่กำลังยกยิ้มขำนิชาดาและผู้จัดการที่หน้าแตกหมอไม่รับเย็บถึงกับเหวอที่โดนชายหนุ่มลากออกไป ทำให้เขาไปรีบคว้าแขนรสิกาที่ยืนอยู่ข้างๆให้เดินไปกับเขาด้วย

“สวัสดีค่ะคุณวราลี” รสิกากับสุภาพรยกมือไหว้เจ้าของงานที่หันมามองกลุ่มของพวกเขา

“สวัสดีค่ะน้องโรสคุณฝ้าย เอ่อ” เจ้าของนิตยสารดังยืนนิ่งไปสักพัก ปกติแล้วเธอจำหน้าคนได้แม่นแต่คนที่ยืนข้างพสุธาทายาทตระกูลดังนี่เธอกลับไม่คุ้นหน้า

“ภัทรนี่คุณวราลีเจ้าของงาน ส่วนนี่ วรภัทร วัชรเมธีสกุล บุตรชายคนเล็กของคุณวสันต์และคุณแพรชมพู” พสุธาแนะนำวรภัทรให้รู้จักเจ้าของงาน

“น้องชายคุณพงศกรใช่ไหม เมื่อกี้พี่เห็นคุยอยู่กับกลุ่มผู้ส่งออกตรงโน้น”

“ครับ ผมมากับพี่พงศ์...” วรภัทรยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็มีเสียงแทรกเข้ามาก่อน

“สวัสดีค่ะคุณวราลี” นิชาดาและแมนสรวงเข้ามาสวัสดีเจ้าของงาน

“สวัสดีค่ะ ตามสบายนะคะคุณเมนี่น้องลูกพีช น้องภัทรน้องโรส คุณฝ้ายก็ตามสบายนะคะ” วราลีบอกทุกคนที่อยู่ตรงหน้า

“งั้นพวกผมขอตัวก่อนนะครับ ภัทรไปทางนั้นกัน” พสุธาค้อมศีรษะให้เจ้าของงานก่อนลากชายหนุ่มให้มากับเขา รสิกามองคนทั้งคู่อย่างงงๆก่อนรีบเดินตามไปเมื่อเห็นวรภัทรหันพยักพเยิดให้เธอตามไป

“อ้าว ขอตัวก่อนนะคะ คุณดิน” นิชาดาตกใจท่าทีของพสุธาก่อนหันมายิ้มให้เจ้าของงานแล้วเดินตามพสุธาไป

วราลีมองท่าทีประหลาดของกลุ่มพสุธาด้วยความงงๆ แล้วหันไปทางเลขาตัวเองราวกับจะถามถึงที่มาที่ไป ส่วนเลขาก็จนใจที่จะตอบคำถามเพราะเธอไม่รู้ต้นสายปลายเหตุที่ผู้จัดการและดารานางแบบสองค่ายดังที่เคยมีข่าวเขม่นกันไฉนถึงได้เดินเกาะกลุ่มราวกับไม่เคยเกิดเรื่องระหองระแหงกันมาก่อน

“นี่คุณปล่อยฉันเสียที” วรภัทรสะบัดแขนไปมาก่อนพูดเบาๆพอที่จะได้ยินกันแค่สองคน

“ทำไมล่ะ นี่เดี๋ยวผมพาคุณไปรู้จักคนดังๆในงานไง เพื่ออนาคตจะได้ร่วมงานกัน” พสุธาพูดเสนอตัว

“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันรอพี่พงศ์พาไปก็ได้” วรภัทรบอกขณะที่พยายามแงะมือชายหนุ่มที่จับข้อมือเขาไว้

“พี่คุณ ไหนคุณบอกโดนทิ้งไง นี่ผมอุตส่าห์หวังดีแท้ๆ”

วรภัทรอยากฟาดคนหวังดีนี่หลายๆผัวะ ไอ้ที่บอกว่าหวังดีนี่หวังดีจริงใช่ไหม ไม่ใช่เอาเขาเป็นไม้กันหมาอยู่เหรอ คิดว่าเขามองไม่ออกจริงๆใช่ไหม ไอ้ที่ลากเดินเร็วจี๋ขาแทบขวิดทำเอายัยพีชเน่าเดินตามไม่ทัน แถมเพื่อนสนิทของเขาก็ดันเจอเจ้าของแบรนด์ที่เคยร่วมงานเข้ามาคุย ทำให้ตามเขามาไม่ได้เลยคาดกันผิดแผนที่วางไว้ไปโดยปริยาย

“ฉันว่านายเก็บความหวังดีไปใช้กับยัยลูกพีชนั่นดีกว่า ท่าทางยัยนั่นอยากไปกับนายจนตัวสั่นไปหมดแล้ว” วรภัทรแขวะเบาๆ

“ทำไมผมต้องพาเขาไป ผมว่าเขาน่าจะรู้จักคนเหล่านั้นอยู่แล้วไม่เหมือนคุณที่ไม่รู้จักใครน่ะ” พสุธาคลี่ยิ้มยักคิ้วกวนๆส่งให้ชายหนุ่ม

วรภัทรได้แต่ฮึดฮัดทำอะไรไม่ได้ เขาทำได้แต่เพียงจำใจเดินตามพสุธาที่จับข้อมือเขาลากไปเท่านั้น งานในค่ำคืนนี้ทำให้เขารู้จักนักธุรกิจหลากหลายประเภทโดยเฉพาะสาวๆที่แวะเวียนมาทักทายพสุธาไม่ได้ขาด

“น้าเกศยัยกัน สวัสดีครับ” พสุธายกมือไหว้เกศินีผู้มีศักดิ์เป็นน้าสะใภ้ของเขา

“พี่ดิน สวัสดีค่ะ นั่นใครเหรอคะ” กัญญ์วราเอ่ยถามลูกพี่ลูกน้องถึงชายหนุ่มที่ยืนหลบด้านหลังเขา

“ภัทร นี่น้าเกศินี น้าสะใภ้ของผม ส่วนนี่ยัยกัน น้องสาวผม” วรภัทรยกมือไหว้หญิงสาวทั้งคู่ เพราะดูแล้วกัญญ์วราน่าจะอายุมากกว่าเขา

“ส่วนนี่ก็ ภัทร วรภัทร วัชรเมธีสกุล” พสุธาแนะนำชายหนุ่มให้ญาติของตน

“ลูกชายคนเล็กของคุณแพรชมพูใช่ไหม เห็นว่าเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศส” เกศินีเอ่ยถามอย่างสนิทสนม เพราะแพรชมพูนั้นเป็นลูกค้าประจำของเธอ

“ใช่ครับ” วรภัทรตอบกลับอย่างนอบน้อม

“ภัทร ไปทำอะไรที่นั่นเหรอ” กัญญ์วราถามอย่างใคร่รู้

“ไปเรียนออกแบบเพิ่มเติมครับ”

“ใช่ๆ น้าได้ยินมาว่าภัทรจะเปิดห้องเสื้อใช่ไหม จะเปิดเมื่อไหร่ล่ะ น้าจะได้ไปอุดหนุน” เกศินีเองชอบตัดชุดเสื้อผ้าอยู่แล้ว ลองอุดหนุนคนรู้จักบ้างจะเป็นไรไป

“คิดว่าอีกไม่นานครับ เพราะช่วงนี้ต้องช่วยพี่พลอยดูแบบงานบริษัทที่ออกปลายปีนี้ก่อน” วรภัทรแบ่งรับแบ่งสู้เพราะไม่รู้ว่าพ่อจะไฟเขียวให้เงินมาลงทุนเปิดร้านเมื่อไหร่ แต่เขาคิดว่าน่าจะเร็วๆนี้ เนื่องจากแบบเสื้อผ้าของเขานั้นเข้าคอนเซ็ปงานของบริษัททำให้พ่อกับแม่ยอมควักเงินลงทุนให้

“ดีๆ ไว้น้าจะไปอุดหนุนนะ” เกศินีอดที่จะชื่นชมเด็กหนุ่มไม่ได้ ลูกบ้านนี้ช่วยพ่อแม่ทำงานตั้งแต่ยังไม่จบปริญญาตรี แบบกระเป๋าที่วรภัทรออกแบบให้บริษัทตอนที่ฝึกงานขายดีมาก ลูกสาวคนเล็กของเธอยังชอบใจรบเร้าให้เธอซื้อให้

“สวัสดีครับน้าเกศ กัน” เสียงทักทายดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้วรภัทรใจชื้น ตัวช่วยที่จะทำให้เขาสลัดพสุธาออกไปได้โผล่มาแล้ว

“ตาพงศ์ น้ากำลังคุยกับน้องชายเธออยู่เลย” เกศินีเอ่ยทักพงศกรที่ยกมือไหว้เธอ

“เพิ่งเคยเจอน้องภัทร ดูแล้วไม่เห็นเหมือนนายเลย” กัญญ์วราเอ่ยแซวเพื่อนสมัยเรียน ตอนที่เรียนปริญญาตรีเธอเรียนที่เดียวคณะเดียวกันกับชายหนุ่ม แม้ไม่ได้อยู่ก้วนเดียวกันแต่ค่อนข้างจะสนิทเพราะพงศกรเป็นเพื่อนสนิทแฟนของเธอ

“ยัยกันทำไมพูดแบบนั้น” เกศินีปรามลูกสาวเบาๆ

“เป็นแบบนี้ดีแล้วครับ ขืนกันเรียบร้อยคงตามนายกฤตไม่ทัน” พงศกรเอ่ยแซวหญิงสาวโดยพลาดพิงถึงธนกฤต เพื่อนสนิทของเขาคู่หมั้นของเธอ

“เอาเถอะจะพูดจะจากันยังไงน้าไม่ห้ามแล้ว คุยกันไปก่อนนะน้าขอตัวไปคุยกับคุณวราลีหน่อย” เกศินีส่ายหัวไปมาก่อนเดินออกไปทิ้งให้หนุ่มสาวคุยกันต่อ

“พี่พงศ์หายไปไหนมา” วรภัทรหันมาเฉ่งพี่ชายทันทีเมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใหญ่ยืนอยู่ด้วย

“อยู่ในงานนี่แหละ ว่าแต่เราทำไมอยู่ตรงนี้ พี่คิดว่าเราอยู่กับเพื่อนเสียอีก” พงศกรถามออกไป เขามองเห็นรสิกาในงานทำให้พูดคุยกับเพื่อนฝูงนักธุรกิจอย่างสบายใจ เพราะคิดว่าวรภัทรจะอยู่กับเพื่อนสนิท

“พอดีเพื่อนของภัทรคุยติดพันกับลูกค้า ผมเลยพาภัทรมาทำความรู้จักคนอื่นๆในงาน” พสุธาพูดแทรกขึ้นมา ทำให้วรภัทรหันควับไปมองทันควัน ว่าชายหนุ่มจะมีลูกเล่นอะไรอีก

“จริงเหรอภัทร” พงศกรหันมาถามน้องชาย ทำให้วรภัทรพยักหน้าอย่างเสียไม่ได้ “ผมต้องขอบคุณคุณพสุธาที่คอยดูแลภัทรให้”

“ไม่เป็นไรครับ เรียกผมว่าดินก็ได้” พสุธาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี

“พี่พงศ์ ภัทรอยากกลับบ้านแล้ว” วรภัทรมองนาฬิกาก่อนเอ่ยออกมา เขาไม่รู้ว่างานเลี้ยงจะเลิกเมื่อไหร่ แต่เขาไม่อยากอยู่แล้ว

“ก็ได้ กลับก็กลับ” พงศกรพยักหน้าให้น้องชายเมื่อเห็นสีหน้าหงุดหงิดของวรภัทร ก่อนเอ่ยลากับพสุธาและกัญญ์วรา
วรภัทรได้แต่เดินตามพี่ชายไปลาเจ้าของงานด้วยความโล่งใจ ในที่สุดเขาก็สลัดพสุธาหลุดได้แล้ว โชคดีที่พงศกรมาทันก่อนที่เขาจะหมดความอดทนที่จะหันไปเอาเรื่องพสุธา วรภัทรไม่รู้ว่าตัวเองนับหนึ่งถึงร้อยกี่รอบกว่าพี่ชายจะมาพาเขาออกไป พรุ่งนี้เขาตั้งใจว่าจะตื่นแต่เช้าใส่บาตรทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พสุธาจะได้เลิกจองเวรจองกรรมเขาเสียที


****************
สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)   

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ sira_nann

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
ตอนที่ 12

เหล่าคนงานเร่งตกแต่งออฟฟิตอย่างขะมักเขม้น เนื่องจากอาคารสำนักงานแห่งนี้เข้ามาทำงานช่างได้ช่วงหลังห้าโมงเย็นจนถึงสองทุ่มในวันธรรมดาและแปดโมงเช้าถึงห้าโมงเย็นในวันหยุดเสาร์อาทิตย์เท่านั้น เพราะการทำงานของพวกเขาจะส่งเสียงรบกวนการทำงานในส่วนออฟฟิตอื่นๆที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง

วรภัทรมองดูห้องที่ตกแต่งคืบหน้าไปมากในช่วงเดือนกว่าๆที่ผ่านมา หลังจากที่บิดาอนุมัติให้เขาทำห้องเสื้อแบรนของตัวเองได้ เพราะแบบชุดของเขาสนับสนุนคอลเลคชั่นใหม่ของบริษัทที่กำลังจะเปิดตัวอีกสี่เดือนข้างหน้านี้ พอทางบิดาอนุมัติ มารดาของเขาก็บอกว่าทางตึกสำนักงานที่มารดาเป็นเจ้าของมีห้องว่างพอดี เพราะบริษัทที่เช่าทำออฟฟิตไม่ต่อสัญญาในการเช่าต่อ ชายหนุ่มจึงเข้ามาดูพร้อมทีมอินทรีเรียดีไซน์บริษัทของคุณลุงกองทัพบิดาของนาวินและนาราเป็นเจ้าของ กว่าจะออกแบบกันเสร็จกว่าจะเข้ามาทำได้ก็ผ่านมาเดือนกว่า แถมกว่าจะเสร็จตามสัญญาก็กินเวลาไปเกือบสามเดือนเพราะกฎการเข้าทำงานของอาคารสำนักงาน

ตึกสำนักงานแห่งนี้สูง 15 ชั้นทำเลใจกลางเมือง ด้านข้างติด วิลล่า มาร์เก็ท ดิ อเวนิว ฝั้งตรงข้ามเป็นคอนโดหรูขนาดใหญ่ ถ้าเดินข้ามสะพานลอยมาที่วิลล่าต้องเดินผ่านตึกออฟฟิตก่อน แถมพื้นที่ที่เขาได้นั้นอยู่ชั้นหนึ่ง ห้องกระจกติดกับร้านดอกไม้ตรงทางเข้าสำนักงาน ห้องนี้เขาจะทำเพื่อโชว์สินค้าและจัดจำหน่ายเพื่อคนเดินผ่านจะได้เห็นได้ชัด ส่วนทางด้านบนชั้นสองนั้นขนาดใหญ่กว่าห้องด้านล่างสามเท่า เขาจะทำเป็นห้องทำงานและรับรองแขก

“ห้องนี้กว้างจัง ใกล้จะเสร็จแล้วนี่” รสิกาเอ่ยขึ้นเมื่อเดินไปรอบๆ ชั้นสองที่คนงานกำลังทาสีเพื่อเก็บงาน หญิงสาวถูกเพื่อนสนิทชักชวนให้เข้ามาดูความก้าวหน้าของห้องเสื้อด้วยกันหลังจากที่ประชุมงานคอลเลคชั่นใหม่ที่บริษัทเสร็จแล้ว

“ใช่ๆ เราบอกให้พี่ทัพทำห้องนี้ก่อน จะได้เริ่มทำงานได้” วรภัทรตอบพลางเดินเข้าไปในห้องที่กั้นไว้เพื่อเก็บสต็อคผ้า

“ห้องน้ำดูกว้างขวางดี” เพราะห้องนี้กินพื้นที่เกือบหนึ่งส่วนสี่ของชั้นทำให้มีห้องน้ำในตัว ห้องน้ำมีสองห้องใหญ่ ภายในห้องใหญ่มีห้องเล็กอีกสองห้อง รสิกามองอย่างพอใจ

ถัดจากห้องน้ำก็เป็นห้องครัวมองออกไปนอกหน้าต่างก็เห็นลานจอดรถของวิลล่า มาร์เก็ทฯ รสิกาเดินสำรวจเปิดประตูห้องที่ทำขึ้นมาใหม่ทุกห้อง จนมาถึงห้องเล็กที่ติดกับห้องทำงานของเพื่อนสนิท

“ห้องนี้ห้องอะไร” หญิงสาวชะโงกถามวรภัทรที่กำลังพูดคุยกับหัวหน้าช่างอยู่

“ห้องเซิร์ฟเวอร์ พี่ทัพแนะนำให้ทำ เพื่อความปลอดภัย” เขาเองก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้เท่าไหร่ พอโทรทางไกลไปถามเพื่อนสนิทอย่างนาราที่เรียนทางนี้โดยตรง เธอก็แนะนำว่าต้องทำ เพื่อความปลอดภัยหลายๆอย่าง แถมยังบอกอีกว่าไม่ต้องห่วงเธอจะบอกให้พี่ชายทำให้เขาดีๆ

“ห้องนี้จะเสร็จเมื่อไหร่” หญิงสาวถามต่อ เพราะวรภัทรได้ชักชวนให้เธอไปดูเฟอร์นิเจอร์เพื่อนำมาใช้ที่นี่

“ต้นเดือนหน้าก็ขนของเข้ามาได้แล้ว” ชายหนุ่มบอกตามที่ทัพฟ้าได้บอกมา อีกสองอาทิตย์พื้นที่ในห้องนี้ก็พร้อมที่จะใช้งานได้แล้ว

“เร็วกว่าที่คิด” หญิงสาวอดที่จะทึ่งในศักยภาพของบริษัทลุงกองทัพไม่ได้ งานเสร็จเร็วกว่าที่กะไว้เป็นเดือน

“ใช่แล้ว เอาเวลาที่เหลือไปทำแบบดูงานเปิดตัวดีกว่า ว่าแต่ตอนนี้หิวแล้วอ่ะ ไปหาอะไรกินที่มาร์เก็ทฯข้างๆนี่กัน” วรภัทรเอ่ยชักชวนเพื่อนเพราะเวลานี้ก็เกือบทุ่มนึงแล้ว

“เอาซิ ว่าแต่มีร้านอะไรบ้างล่ะ”

“ไม่รู้ ยังไม่เคยเข้ามากินเลย เดี๋ยวเดินไปร้านไหนน่าสนใจก็เข้าร้านนั้นแหละ” ชายหนุ่มตอบ เพราะปกติเขาจะแวะเข้ามาดูความคืบหน้าช่วงบ่ายๆพอดูเสร็จก็กลับบ้านเลยไม่ได้แวะทานอะไรแถวนี้

ร้านอาหารที่วรภัทรเลือกใช้บริการเป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ห้องอาหารที่ใหญ่พอสมควร มองจากหน้าร้านด้านหน้าประดับด้วยต้นไผ่ทุกหนแห่งราวอยู่ท่ามกลางป่าไผ่อันอุดมสมบูรณ์ แต่พอเดินมาข้างในกลับประดับประดาด้วยต้นซากุระ ดอกซากุระสีชมพูดูสว่างและโปร่งโล่งไปทั่วร้านแถมแต่ละโต๊ะมีฉากกั้นรูปดอกซากุระไว้เป็นสัดส่วน ได้อารมณ์บรรยากาศเหมือนไปชมดอกไม้ที่ญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อย ผู้คนไม่พลุกพล่านมากเหมือนร้านอาหารบางแห่งในมาร์เก็ทแห่งนี้

“ไม่น่าเชื่อที่นี่จะมีร้านอาหารดีๆเยอะมาก” วรภัทรเอ่ยขึ้นเมื่อพนักงานส่งเมนูให้พร้อมทั้งบอกว่าจะมารับรายการอาหารในอีกสักครู่

“โชคดีนะที่ร้านนี้คิวว่าง ไม่งั้นคงยืนรอคิวอีกนาน” รสิกาพูดอย่างพอใจ ตอนที่เธอเดินผ่านร้านอาหารที่มีคนรอคิวอยู่นั้น ดันมีคนจำเธอได้จึงเข้ามาทักและขอถ่ายรูปด้วยอยู่นาน จนวรภัทรหน้าหงิกเกือบฟิวส์ขาดเพราะความหิว

“แค่รอคิวไม่เท่าไหร่หรอก ไอ้ที่ซุบซิบหันมามอง เข้ามาขอถ่ายรูปนี่ซินานมาก เผลอๆถ้ารอคิว เราอาจจะพลาดคิวได้เลยนะ นั่นไงพูดไม่ทันขาดคำ” วรภัทรบ่นออกมาเมื่อคนที่เดินผ่านล็อคที่พวกเขานั่งหันมามองอีกครั้งเมื่อเห็นรสิกา เขาลืมไปได้ไงว่าเพื่อนเป็นนางแบบชื่อดังคนรู้จักมากมาย

“ย้ายไปห้องวีไอพีไหม” หญิงสาวรู้สึกเกรงใจเพื่อนสนิทที่ไม่คุ้นชินเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกับเธอ

“ไม่เป็นไร ถ้าแค่มองไม่รุกล้ำความเป็นส่วนตัวจนหน้าเกลียด เราพอรับได้ คิดว่าเป็นหมีแพนด้าแล้วกันที่ใครๆก็อยากมองดู”

“บ้า คิดได้ไงเปรียบเทียบซะ คิดว่าเราสวยหล่อดีกว่าไหมคนถึงอยากมอง” รสิกาส่ายหน้ากับความคิดพิเรนของเพื่อนสนิท ก่อนจะสั่งอาหารเมื่อพนักงานเข้ามารับออเดอร์

หลังจากสั่งอาหารไปพวกเขาคุยกันไม่นานอาหารก็ยกมาเสิร์ฟพอดี วรภัทรที่กำลังสนใจอาหารที่พนักงานยกมาวางตรงหน้าจึงไม่ทันเห็นว่ามีคนมานั่งข้างตัวเองพร้อมทั้งส่งกระดาษที่รับมาจากหน้าร้านให้กับพนักงานพร้อมทั้งสั่งเครื่องดื่มอย่างคล่องแคล่วท่ามกลางความแปลกใจของหญิงสาวเพียงคนเดียวในโต๊ะ

“สวัสดีค่ะ คุณพสุธา” รสิกาเอ่ยทักคนมาใหม่อย่างงงๆ พร้อมทั้งหันไปมองเพื่อนสนิทที่ก้มหน้าก้มตาสำรวจอาหารโดยไม่สนใจรอบข้าง

“สวัสดีครับคุณโรส ภัทร ไม่เจอกันนานเลยนะ” พสุธาอมยิ้มมองคนที่สนใจอาหารเข้าโลกของตัวเองไปแล้ว

“ภัทร ไอ้ภัทร” รสิกาเคาะโต๊ะเรียกเพื่อนสนิทเมื่อเห็นว่าเพื่อนไม่สนใจเอาแต่ก้มหน้าก้มตากิน

“หือ ว่าไง อ้าวทำไมไม่กินรออะไรอยู่เหรอ” วรภัทรเงยหน้าถามหญิงสาวด้วยความแปลกใจ แต่เมื่อเห็นสายตาของรสิกาที่บุ้ยใบ้ไปที่ข้างตัวเขาจึงหันไปมอง

“เฮ้ย นาย มาได้ไงเนี้ย”

“นี่คุณ ผมมานั่งตั้งนานแล้ว คุณน่ะจะรีบกินไปไหนกลัวใครแย่งกินเหรอ” พสุธาแหย่ชายหนุ่มกลับไป

“ก็นายไง มานั่งได้ไงใครเชิญ” คนไม่เชิญมานั่งได้ไงเนี่ย

“เอาน่าผมมาคนเดียวขอนั่งด้วยคนนะ นะครับคุณโรส” พสุธาหันมาพูดกับหญิงสาวเมื่อเห็นสายตาเอาเรื่องของวรภัทร

“ได้ค่ะ” รสิกาตอบพลางหันไปส่งสายตาปรามเพื่อนสนิทที่กำลังออกอาการเหวี่ยงวีน

“โรส ที่นั่งมีตั้งเยอะ” วรภัทรเรียกเพื่อนอย่างไม่เห็นด้วย

“โธ่คุณ เราคนกันเองนั่งกินข้าวด้วยกันไม่เห็นเป็นไร”

ยังไม่ทันที่วรภัทรจะสวนคนหน้าด้านที่อัญเชิญตัวเองมาร่วมโต๊ะกลับไป อาหารที่พสุธาสั่งก็ยกมาเสิร์ฟพอดี ทำให้เขาต้องนั่งเงียบเพราะไม่อยากทำให้คนในร้านสนใจโต๊ะพวกเขามากไปกว่านี้

“ชาเขียวร้อนครับ แล้วนี่แซลมอนข้อสอบ ข้าวผสมน้ำปรุงข้าว แซลมอน 400 กรัม...” พนักงานพูดไปด้วย ลงมือชั่งน้ำหนักไปด้วย พอชั่งเสร็จก็เทปลาแซลมอนวางบนข้าว ทำเอาวรภัทรกับรสิกามองวิธีการทำนั้นด้วยความสนใจ

“อิคุระ 100 กรัม” พนักงานพูดไปชั่งน้ำหนักไปก่อนเทไข่ปลาแซลมอนลงบนถ้วยข้าวอีกทีแล้ววางไข่ดองขั้นตอนสุดท้ายก่อนเสริร์ฟให้พสุธาพร้อมเครื่องเคียงและวาซาบิ

“ภัทร สนใจลองชิมไหม” พสุธาหันมาถามคนข้างๆที่มองชามอาหารของเขาตาวาว

“ไม่ โรส กินได้แล้ว รีบกินจะได้รีบไป” วรภัทรเร่งเพื่อนตัวเองก่อนก้มหน้าทานอาหารของตัวเองพร้อมทั้งตั้งใจว่าคราวหน้าเขาจะสั่งแบบนี้มากินบ้าง

“หึหึ” วรภัทรเหล่ตามองเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ

รสิกาอมยิ้มในความท่ามากของเพื่อน เธอรู้ว่าวรภัทรอยากลองชิมมากแต่ไว้ท่า อาจเพราะไม่สนิทกับพสุธา ถ้าแซลมอนถ้วยนั้นเป็นของเธอ ชายหนุ่มคงจกกินโดยไม่ต้องรอให้เธอพูดซ้ำสองหรอก แต่สายตาของพสุธาที่มองเพื่อนของเธอนี่สิ มันแปลกๆแม้ว่าพสุธาจะคอยยั่วโมโหให้วรภัทรจิกกัด กระแหนะกระแหนเขาตอบ แต่เขากลับไม่โกรธหรือโมโหวรภัทรเลย แววตาที่ทอดมองด้วยความเอ็นดูนั่นอีก นี่เธอตกข่าวอะไรไปไหม

“อ้าว โรสไม่กินล่ะ อ๋อกินไม่ลงใช่ป่ะ คงเพราะแขกไม่ได้รับเชิญทำให้หมดอร่อยใช่ไหม” วรภัทรเอ่ยขึ้นโดยไม่วายจิกกัดคนข้างๆอีก

“เปล่าๆ เราคิดอะไรเพลินๆน่ะ” รสิกาบอกก่อนก้มหน้าก้มตาทานของตัวเองก่อนวรภัทรจะหงุดหงิดและพาลเธอเป็นคนต่อไป

 พอทานอาหารเสร็จหญิงสาวคนเดียวแอบโล่งใจที่เพื่อนของเธอไม่ก่อเรื่องโวยวายอะไรขึ้นมาอีก เพราะต่างฝ่ายก็ทานของตัวเองไป แต่แล้วรสิกาก็ต้องมาปวดหัวอีกรอบตอนที่เช็คบิลเพราะทั้งพสุธาและวรภัทรต่างแยกกันจ่ายค่าอาหารด้วยบัตรเครดิตของตัวเอง

“เพื่อนฉัน ฉันเลี้ยงได้ ส่วนคนอื่นคิดว่าทำบุญทำทานไปแล้วกัน” วรภัทรบอกพลางยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน

“ในฐานะที่ผมอายุมากสุด ผมจ่ายเอง” พสุธาปัดมือที่ถือบัตรของวรภัทรออกก่อนยื่นบัตรของตัวเองให้

“อ๋อจะบอกว่า แก่ใช่ไหม” วรภัทรลากเสียงยาวอย่างยียวน

“นี่คะค่าอาหาร ไม่ต้องทอนนะคะ ขอบคุณมากค่ะ” ก่อนที่สองคนจะต่อปากต่อคำไปมากกว่านี้ รสิกายื่นเงินสดโดยเผื่อค่าทิปให้พนักงานไปเล็กน้อยพร้อมส่งยิ้มกดดันให้พนักงานรับเงินของตัวเอง น้องพนักงานเองก็เข้าใจรับเงินก่อนเดินหายไปที่เคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว

“อ๊ะ ยังไม่ต้องพูดอะไรค่ะ” รสิกายกนิ้วชี้ส่ายไปมาให้คนทั้งคู่ เมื่อเห็นพวกเขากำลังอ้าปากประท้วงที่เธอทำ “มื้อนี้โรสเลี้ยงเองค่ะ ถ้าภัทรกับคุณพสุธาไม่พอใจ ก็คิดว่าติดหนี้โรสหนึ่งมื้อแล้วกันนะคะ ไว้คราวหน้าทั้งคู่ค่อยมาเลี้ยงคืนแล้วกัน” รสิกายกยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ดูเหมือนไม่มีใครสังเกตุเห็นหรือไม่ก็แปลเจตนาเธอผิดไป

“ก็ได้ครับ พบกันคราวหน้าผมขอเป็นเจ้ามือเลี้ยงคุณโรสนะครับ แต่จะให้ดีเรียกผมว่าดินดีกว่า นี่นามบัตรผมเผื่อคุณต้อง..” การติดต่อ คำพูดของพสุธาหายไปในทันทีเมื่อวรภัทรคว้านามบัตรของเขาไป “อ้าวภัทรอยากได้ก็ไม่บอก”

“ใครอยากได้ของนายกัน จ่ายเงินแล้วก็กลับกันดีกว่าเดี๋ยวจะถึงบ้านดึก” วรภัทรลุกขึ้นทันทีที่พูดจบ พร้อมเบียดชายหนุ่มออกไปอย่างรวดเร็ว จนพสุธาไม่ทันตั้งตัว

“ลาแล้วนะคะ” รสิกาก้มหัวให้ชายหนุ่มเล็กน้อยก่อนเดินตามเพื่อนสนิทออกไปจากร้าน   

“โรสทำไมไปพูดแบบนั้น เดี๋ยวนายนั่นก็เอาข้ออ้างนี้ชวนกินข้าวหรอก” วรภัทรเล่นงานเพื่อนสนิททันทีที่ออกมานอกร้านแล้ว

“ก็ดีนะ เราจะได้ชวนนายไปด้วยไง”

“ชวนทำไมเราไม่ไปกับนายนั่นหรอก”

“อ้าว ภัทรจะให้เราไปกับคุณดินสองคนเหรอ” รสิกาเอ่ยถามพลางหันไปมองหน้าเพื่อนสนิท

“ขืน โรสไปทานข้าวกับนายนั่นสองคน ยัยพีชเน่าคงแล่นมาฉีกอกทันทีหรอก เขาว่าช่วงนี้ยัยนั่นเกาะหมอนี่ไม่ปล่อย”

“แปลกๆนะ ทำไมภัทรถึงรู้ได้ล่ะ” รสิกาหรี่ตามองเพื่อนสนิทอย่างสงสัย เพราะปกติแล้ววรภัทรไม่ใช่คนที่สนใจพวกข่าวกอสซิปอะไรพวกนี้

“ก็ได้ยินพวกพนักงานบริษัทเม้าส์กัน แถมข่าวออกให้คึก แหมโรสจะถามอะไรมากล่ะไปๆกลับบ้านได้แล้ว” วรภัทรพูดก่อนเดินไปเปิดประตูรถให้เพื่อนสนิท เมื่อเห็นรสิกากดปุ่มเปิดล็อคแล้ว “ขับรถดีๆนะ ถึงบ้านแล้วไลน์มาบอกด้วย” ชายหนุ่มบอกก่อนโบกมือให้หญิงสาว

“จ้า ภัทรก็กลับบ้านดีๆนะ” รสิกาหันมายิ้มให้เพื่อนก่อนขับรถออกไป วรภัทรเองก็เดินไปที่รถตัวเองซึ่งจอดไม่ไกลกันนัก

พสุธาฮัมเพลงเดินข้ามถนนอย่างอารมณ์ดีกลับมาที่คอนโด คอนโดแห่งนี้บริษัทน้าชายของเขาเป็นเจ้าของโครงการ พสุธาจึงซื้อห้องเพนท์เฮ้าส์เก็บไว้ พอตกแต่งเสร็จเขารู้สึกชอบใจจึงมาพักที่นี่เป็นครั้งคราวสลับกับที่บ้านและโรงแรม ไม่คิดว่าครั้งนี้จะเจอไอ้ตัวแสบที่หายหน้าหายตาไปหลายเดือน ยังปากเก่งอยู่เหมือนเดิม ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมา



****************

สวัสดีค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ ฝากติดตามนิยายด้วยค่ะ
ไม่ขออะไรมาก คอมเม้นท์ แนะนำ ให้กำลังใจกันหน่อยนะคะ
สามารถพูดคุย ทักทาย แนะนำ ติชม หรือ ทวงนิยาย กันได้ที่
Facebook : Sira_nann / ศิราศุภรัตน์
Twitter : @Sira_nann (#ดีไซน์เนอร์ที่รัก)   


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ kong6336

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 416
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
เอาแล้วๆๆ จะได้มาอยู่ใกล้ๆ กันแย้ววววว55555

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ O-RA DUNGPRANG

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1783
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-5

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด