Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2 อัพต่อ2020ค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Soulmate from hell ll ด้วยรักจากนรก CH.10 100% [18-08-19] คห.52 P.2 อัพต่อ2020ค่ะ  (อ่าน 21889 ครั้ง)

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
น่าสงสัยจริงๆ

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 7: In which daddy is home



“แม่จะให้ผมทำอะไรนะครับ?”



โรเวนเคยเป็นพยานรู้เห็นผลจากไอเดียพิลึกพิลั่นของมารดาตั้งมากมายตลอดเกือบสิบเจ็ดปีที่ลืมตาดูโลก ทั้งที่เคยจับเขาแต่งตัวในชุดกระโรงฟูฟ่องสมัยยังแบเบาะเพราะอยากได้ลูกสาว หรือตอนที่หญิงสาวตัดสินใจทำงานศิลปะตัดแปะกระดาษลวดลายลงบนตะกร้าผ้าทุกใบเพื่อ’เพิ่มมูลค่าให้สินค้า’ หรือตอนที่พวกเขาถูกห้ามไม่ให้ดื่มน้ำเย็นเพราะหญิงสาวได้ยินมาว่าน้ำเย็นทำให้พวกเขาป่วยง่ายขึ้น แต่นี่ต้องเป็นความคิดที่ประหลาดที่สุดที่ซาราห์ วู้ดส์ เคยมีมาเป็นแน่



“แม่บอกว่า ทำไมลูกไม่ลองชวนเดเมียนกับพี่สาวเขาไปโบถส์วันอาทิตย์กับเราล่ะ” ซาราห์เอ่ยทวน สายยตายังคงไม่ละจากหน้ากระจกขณะที่พยามปัดมาสคาร่าให้ขนตา “พวกเขายังใหม่กับเมืองนี้ อาจจะไม่กล้าไปโบถส์ของพวกเราด้วยตัวเองก็ได้”



“ไอ้เรื่องไม่กล้านี่ผมว่าน่าจะใช่ แต่ผมไม่คิดว่าเป็นเพราะพวกเขามาใหม่หรอกนะครับ” โรเวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน


“ถ้าผมเป็นเดเมียน ผมก็ไม่อยากที่จะเข้าไปนั่งรวมกับคนพวกนั้นตั้งหลายชั่วโมงเหมือนกัน”



“โรเวน! มีสัมมาคารวะหน่อยสิ” ซาราห์ติง แม้น้ำเสียงจะไม่ได้ไม่สบอารมณ์มากนัก



“คนพวกนั้นเอาปืนลูกซองมาขู่ไม่ให้เด็กอายุไม่ถึงสิบขวบเดินผ่านหน้าบ้าน สัมมาคารวะไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคู่ควรนักหรอกครับ” โรเวนเอ่ยอย่างไม่ยอมแพ้ มารดาของเขาถอนหายใจ ถึงแม้จะไม่โต้เถียงอะไรคำพูดของลูกชายก็ตาม



“เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งนานแล้ว ขนาดแม่เองยังจำเดเมียนไม่ได้ นับประสาอะไรกับคนพวกนั้น” หญิงสาวเก็บมาสคาร่าของตัวเองใส่กระเป๋าถือแล้วหันมาหาลูกชาย “อีกอย่าง ใครๆก็รู้ว่าเรื่องทั้งหมดไม่ใช่ความผิดของเดเมียน”



“คนที่มีความคิดเขารู้กันทั้งนั้นแหละครับ” โรเวนถอนหายใจ “น่าเสียดายที่คนในเมืองนี้ไม่ได้ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนั้นสักเท่าไหร่”



แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น เมื่อแม่ของเขาตั้งใจจะทำอะไรแล้ว หญิงสาวจะต้องทำให้ถึงที่สุด นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ครอบครัวของเขาในชุดสุภาพมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของเดเมียนซึ่งเป็นทางผ่านที่จะไปโบถส์ในวันอาทิตย์ ซาราห์ส่งสายตากดดันให้ลูกชายคนโตเดินไปกดกริ่งเรียกคนในบ้าน ซึ่งดูจากรถยนต์ราคาเท่าบ้านของเขาหรือมากกว่าที่จอดอยู่ในโรงรถสามคัน ไม่น่าจะมีแค่เดเมียนเพียงคนเดียว



“โรเวน? มีอะไรรึเปล่า?”



เดเมียนเปิดประตูบ้านออกมาด้วยสีหน้าประหลาดใจ โดยเฉพาะเมื่อเห็นครอบครัววู้ดส์อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันหน้าบ้านของเขา



“อ่า…แม่ฉันให้มาชวนนายกับเซเลสต์ไปโบถส์เช้าด้วยกันน่ะ” โรเวนอธิบายด้วยสีหน้าลำบากใจ เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเพื่อนสนิทจะรับรู้ว่าเขาไม่ได้มีส่วนรู้เห็นใดๆเกี่ยวกับความคิดนี้



เดเมียนเลิกคิ้วราวกับจะถามเขาว่านี่มันเรื่องตลกอะไรกัน แต่เมื่อดวงตาสีฟ้าซีดมองเลยไปยังมารดาของเขาที่มีสีหน้าจริงจังตามนั้นทุกคำพูด ร่างสูงจึงทำได้พียงยืนอึกอักด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเกรงใจ



“ขอบใจนะที่ชวน...แต่ปกติวันอาทิตย์ฉันจะมีนัดกับพ่อน่ะ เขาว่างแค่วันนี้วันเดียว”



“ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ” โรเวนรีบพูดด้วยกลัวว่ามารดาจะยังดื้อแพ่งตื๊อให้เดเมียนไปกับพวกตน แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้ร่ำลา
แล้วแยกย้ายกันไปทำธุระของตน คนอีกสองคนที่อยู่ในบ้านก็โผล่หน้าออกมาจากด้านหลังของเด็กหนุ่มผมบลอนด์เสียก่อน



“ใครมาเหรอเดเมียน?”




คนแรกเป็นหญิงสาวที่โรเวนรู้จักดี เซเลสต์ในวันนี้ก็ยังคงอยู่ในชุดแพนท์สูททะมัดทะแมงที่เน้นส่วนโค้งเว้าแต่พองามทำให้ชายหนุ่มเหลียวหลังมองตามในขณะเดียวกันก็สามารถทำงานได้อย่างคล่องตัว ส่วนอีกคนเป็นชายวัยกลางคนที่เด็กหนุ่มไม่รู้จัก ร่างสูงเจ้าของเส้นผมสีดำสนิทเช่นเดียวกับดวงตามีหนวดที่ตัดเล็มอย่างเรียบร้อยที่ปลายคางซึ่งทำให้เขานึกถึงพวกตัวร้ายในการ์ตูนสำหรับเด็ก แต่แววตาขี้เล่นและรอยยิ้มเป็นมิตรของอีกฝ่ายกลับทำให้คนมองรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด




“อ้าวโรเวน มาทำอะไรกันเหรอจ๊ะ อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเชียว” เซเลสต์เอ่ยทัก




“เขามาชวนเราไปโบสถ์” เดเมียนพึมพำ แทบจะกระซิบคำว่าโบสถ์ราวกับกลัวว่าจะมีใครได้ยิน เซเลสต์มีสีหน้าปุเลี่ยน ส่วนชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านหลังนั้นมีสีหน้าเหมือนจะหลุดขำพรืดออกมา



“อยากไปก็ไปสิเดเมียน เปลี่ยนบรรยากาศ”



“พ่อครับ!” เดเมียนหันไปมองคนข้างหลังตาขวาง คำเรียกนั้นทำให้โรเวนเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ เขาไม่เห็นความคล้ายคลึงของคนทั้งสองเท่าไหร่นอกจากส่วนสูงและโครงหน้าหล่อเหลาคมคาย



“หึๆ ขอโทษแทนเจ้าเด็กนี่ด้วยนะครับ” พ่อของเดเมียนขยี้ผมลูกชายที่ยืนหน้ามุ่ยอย่างเอ็นดู “พอดีความเชื่อของทางบ้านเรา...ไม่ค่อยจะเหมือนคนในเมื่องนี้เท่าไหร่”



“โอพระเจ้า ขอโทษจริงๆนะคะ ฉันไม่เคยคิดจะถามเดเมียนด้วยซ้ำ” ซาราห์เอ่ยด้วยสีหน้าตกใจ “ขอโทษนะจ๊ะเดเมียนที่น้าสรุปไปเองแบบนี้”



“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เดเมียนยิ้มเฝื่อน “ขอให้สนุกนะครับ”



“ผมนี่เสียมารยาทจัง” พ่อของเดเมียนเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “ผมลู...”



“พ่อ!” เดเมียนขัดขึ้นเสียงเขียว ชายหนุ่มเหลือบมองลูกชายด้วยแววตาขบขัน ก่อนจะแนะนำตัวต่อ “ลูคัส คอลลินส์ ยินดีที่ได้รู้จักครับ”



“ซาราห์ วู้ดส์ค่ะ นี่สามีของฉัน เนธาน แล้วก็ลูกๆ โรเวน โรส ไรลีย์” ซาราห์แนะนำทุกคนด้วยรอยยิ้มเป็นมิตร “ดีใจจริงๆที่ได้เจอคุณพ่อของเดเมียนซักที”



“ผมก็ได้ยินเรื่องของคุณจากลูกชายมามาก” ลูคัสยิ้ม “ขอบคุณนะครับที่ช่วยดูแลเดเมียนในตอนไม่มีใคร”



“ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ ฉันเชื่อว่าเป็นใครก็ต้องทำแบบนั้น” ซาราห์ตอบ “เพื่อนมนุษย์ก็ต้องช่วยเหลือกัน จริงมั้ยคะ?”



“นั่นสินะครับ” โรเวนขมวดคิ้วเมื่อเห็นแววตาขบขันของชายหนุ่ม “คนดีๆอย่างคุณ ผมเชื่อว่าซักวันจะต้องได้รับอะไรดีๆ
ตอบแทนแน่ครับ”


“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวก้มมองนาฬิกาข้อมือก่อนจะร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ “ตายจริง สายป่านนี้แล้ว ถ้าอย่างนั้นพวกเราคงต้องขอตัวก่อน ขอโทษนะคะที่มารบกวน”



“ไม่รบกวนเลยครับ” บิดาของเพื่อนสนิทยิ้ม โอบไหล่ลูกชายที่ยังคงมีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกไว้ “ยินดีเสมอ”



ระหว่างทางเดินจากบ้านของเดเมียนไปยังโบสถ์นั้น โรเวนยังคงรู้สึกติดใจกับท่าทีของเดเมียนไม่หาย ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าสิ่งที่เขารู้สึกว่าไม่ปกตินั้นคืออะไรก็ตาม พวกเขามาถึงก่อนเวลาเริ่มอย่างเฉียดฉิว ถึงแม้ว่าในทุกครั้งที่มา โรเวนจะไม่ได้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำมากนักอยู่แล้ว แต่ในครั้งในเขารู้สึกได้ว่าตัวเองใจลอยจนไม่รับรู้เลยว่าสภาพแวดล้อมรอบกายเกิดอะไรขึ้นบ้าง



จนกระทั่งเขาได้ยินเสียงบิดาที่นั่งอยู่ข้างหลังลุกขึ้นแล้วขยับผ่านผู้คนออกไป โรเวนหันไปหามารดาที่มีสีหน้าไม่สบายใจอยู่ด้านหลังเป็นเชิงถาม ซาราห์โน้มตัวมากระซิบใส่หูลูกชายคนโต



“มีเหตุจับตัวประกันอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ตำรวจกับคนร้ายกำลังยิงปะทะกันอยู่ แม่ว่าเรารีบกลับบ้านกันก่อนดีกว่า”




จากท่าทีของผู้คนรอบข้างเขาที่กำลังระส่ำระส่าย ดูเหมือนข่าวสารจะไปไวพอสมควร โรเวนพยักหน้าแล้วรีบพาน้องฝาแฝดทั้งสองลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วพาออกไปจากโบสถ์เงียบๆ








พ่อของเขายังคงไม่ติดต่อกลับมาเมื่อโรเวนได้ยินเสียงกริ่งที่ประตูหน้าบ้าน เด็กหนุ่มผละจากมารดาที่ยังคงนั่งเฝ้าโทรศัพท์ไม่ห่างไปยังประตูหน้า ถึงแม้การเอาชีวิตของตัวเองไปเสี่ยงอันตรายเพื่อช่วยคนอื่นจะเป็นสิ่งที่เนธานและเพื่อนร่วมงานทำอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน แต่นั่นไม่ได้ทำให้ภรรยาของชายหนุ่มมีความกังวลลดน้อยลงแต่อย่างใด เขาได้แต่หวังว่าบิดาจะติดต่อกลับมาก่อนที่แม่ของเขาจะเริ่มเครียดจนรื้อข้าวของออกมาจัดบ้านใหม่อีกครั้ง



“อ้าว เดเมียน เอาอะไรมาด้วยน่ะ?” เด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิงถามอย่างฉงนเมื่อเห็นลังไม้ขนาดไม่เล็กนักในมือของร่างสูง




“พ่อฉันให้เอามาฝากน่ะ เห็นว่าขนมาจากบ้าน” เดเมียนว่าพร้อมกับเปิดผ้าที่คลุมลังออก เผยให้เห็นแอปเปิ้ลสีแดงลูกโตแลดูหวานฉ่ำหลายลูกในนั้น




“ขอบใจนะ เข้ามาก่อนสิ ตอนนี้ในบ้านกำลังเครียดๆกันอยู่ มีนายมาแม่จะได้มีอะไรเบี่ยงเบนความสนใจบ้าง” โรเวนเปิดประตูให้เพื่อนสนิท เดเมียนที่มีสีหน้าสับสนเมื่อเห็นบรรยากาศตึงเครียดภายในบ้านวางลังแอปเปิ้ลของตนลงที่เคาท์เตอร์ครัว




ทันใดนั้นเอง เสียงร้องของมารดาจากข้างบนบ้านทำให้เด็กหนุ่มทั้งสองรีบวิ่งขึ้นไปจ้างบนโดยมีน้องฝาแฝดของโรเวนวิ่งตามขึ้นมาติดๆ



“แม่ครับ! เกิดอะไรขึ้น?!”



“โรเวน...” ซาราห์หันกลับมาหาพวกเขาพร้อมน้ำตานองหน้า โรเวนที่ไม่เคยเห็นมารดาร้องไห้มาก่อนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก “พ่อถูกยิงบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล”



โรเวนรู้ว่าในช่วงเวลาที่แม่ของเขากำลังตกอยู่ในภาวะช็อกแบบนี้ เขาควรจะเป็นคนที่ก้าวขึ้นมาควบคุมสถานการณ์และบอกทุกคนว่าควรจะทำอะไร แต่ตัวเขวในตอนนี้กลับทำได้แค่ยืนตัวแข็ง ในขณะที่ครอบครัวของเขาทุกคนทรุดตัวบนพื้นและปล่อยโฮออกมาอย่างเสียขวัญ



“ใจเย็นๆก่อนนะครับทุกคน” เขาได้ยินเสียงของเดเมียนเอ่ยขึ้นอย่างหนักแน่น “ตอนนี้พวกเราต้องตั้งสตินะครับ น้าซาราห์ครับ เก็บเสื้อผ้าแล้วเอาเอกสารส่วนตัวกับเอกสารประกันที่ต้องใช้ติดตัวไปด้วยนะครับ เด็กๆรีบไปเก็บเสื้อผ้า เผื่อว่าคืนนี้จะต้องค้างที่โรงพยาบาล โรเวน นายช่วยฉันพาทุกคนไปที่รถ ฉันจะขับรถพาพวกนายไปส่งเอง”



ทุกคนขยับตามคำสั่งของเดเมียนราวกับถูกมนต์สะกด ไม่นานนัก ครอบครัววู้ดส์ทุกคนก็ถูกลำเลียงเข้ามาในรถโดยมีเดเมียนเป็นสารถีจำเป็น มุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่หัวหน้าครอบครัวของพวกเขากำลังต่อสู้เพื่อยื้อชีวิตของตัวเองไว้อย่างสุดความสามารถ








เขาไม่รู้จริงๆว่าถ้าหากเดเมียนไม่อยู่ตรงนั้นในตอนที่ซาราห์ทราบข่าวร้ายจากโรงพยาบาล พวกเขาจะทำอย่างไร



เด็กหนุ่มเหลือบมองมารดาที่กอดน้องชายและน้องสาวฝาแฝดของเขาแน่น พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา แต่ถึงอย่างนั้นหญิงสาวก็ยังคงไม่สามารถห้ามน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมาได้ ดวงตาของทั้งสองแฝดแดงก่ำจากการร้องไห้ เด็กทั้งสองกอดตอบมารดาไว้ราวกับเด็กน้อยที่กำลังหลงทาง
ส่วนโรเวนนั้น เขาวิ่งวุ่นกรอกเอกสารทั้งหมดแทนมารดาที่ยังคงเสียขวัญด้วยความช่วยเหลือจากเดเมียน กว่าจะได้พักหายใจ ประตูห้องผ่าตัดก็เปิดออกพร้อมกับพยาบาลห้องผ่าตัดที่ก้าวออกมาพร้อมเอกสารอีกฉบับ



“อาการของสามีฉันเป็นยังไงบ้างคะ?” ซาราห์ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ



“ตอนนี้ยังบอกอะไรไม่ได้มากค่ะ แต่อาการของผู้ป่วยอยู่ในขั้นวิกฤติ อยากให้ทางญาติเตรียมใจไว้สำหรับเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุด....”



“เดเมียน ไปซื้อน้ำเป็นเพื่อนฉันหน่อย” โรเวนเอ่ยขึ้นแทบจะในทันที เดเมียนหันมามองเพื่อนสนิทอย่างไม่เข้าใจแต่ก็พยักหน้าแล้วลุกตามโรเวนไป ทว่าแทนที่เด็กหนุ่มผมแดงจะเดินไปยังตู้กดน้ำที่อยู่ทางซ้ายของระเบียงทางเดิน โรเวนกลับเดินเลี้ยวไปอีกทางที่ไม่มีอะไรนอกจากซอกหลืบและทางตัน



“โรเวน ตู้กดน้ำอยู่ทางนั้...” เจ้าของชื่อโถมกายใส่เพื่อนสนิทก่อนที่เดเมียนจะได้พูดจบประโยค ร่างสูงตัวแข็งทื่ออย่างตกใจ ก่อนจะรีบยกมือขึ้นกอดตอบแขนเรียวที่เกาะเขาไว้แน่นราวกับเขาเป็นที่พึ่งสุดท้ายของคนที่กำลังจะจมน้ำ




“ฮึก…”




โรเวนสะอื้น เขาไม่เคยร้องไห้ต่อหน้าเดเมียน ตั้งแต่รู้จักกันมาโรเวนมองอีกฝ่ายเป็นเหมือนเด็กน้อยที่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องมาโดยตลอด เขามักจะเป็นฝ่ายปลอบโยนเดเมียนที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอดของเขา ให้สัญญากับเพื่อนสนิทตัวน้อยว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแม้จะรู้ดีแก่ใจว่าเป็นเพียงคำพูดลมๆแล้งๆ



แต่ในวันนี้ ร่างสูงใหญ่นั้นเป็นฝ่ายโอบกอดเขาไว้แน่นจนโรเวนรู้สึกราวกับว่าตนจะจมหายไปในตัวตนของอีกฝ่าย เสียงทุ้มพร่ำเอ่ยคำสัญญา บอกเขาว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านพ้นไปด้วยดี



และสิ่งที่น่าแปลกใจยิ่งไปกว่านั้นคือ โรเวนเชื่อคำพูดของอีกฝ่ายทุกคำ แม้จะรู้ดีว่าเรื่องทั้งหมดอยู่เหนือการควบคุมของเด็กหนุ่มผมบลอนด์



เมื่ิอพวกเขากลับมา สมาชิกใหม่ที่โรเวนไม่คิดว่าจะมาเจอนั่งอยู่ข้างมารดาของเขาพร้อมกับกล่องทิชชู่ในมือ น้องชายและน้องสาวของเขากำลังแทะเล็มแซนด์วิชที่หญิงสาวเอามาให้ด้วยสีหน้าอมทุกข์



“เซเลสต์ พี่มาทำอะไรที่นี่?” เดเมียนถามด้วยสีหน้าตกใจ



“พี่ได้ยินข่าวเลยเป็นห่วง” หญิงสาวตอบด้วยสีหน้าเป็นกังวล โรเวนพยักหน้าพร้อมกล่าวขอบคุณ แม้ว่าเสียงที่ออกมาจากลำคอจะแหบพร่าเสียจนแม้แต่ตัวเขายังไม่ได้ยินก็ตาม



“มาทางนี้ ผมมีเรื่องจะคุยกับพี่” ร่างสูงแทบจะกระชากตัวพี่สาวออกมาจากมารดาของโรเวน ท่าทีประหลาดของเพื่อนสนิททำให้แม้ในช่วงเวลาแบบนี้ โรเวนยังคงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมา




หรืออาจเป็นเพราะเขาต้องการสิ่งเบี่ยงเบนความสนใจในสถานการณ์แบบนี้ ที่ทำให้โรเวนตัดสินใจแอบตามสองพี่น้องไปเงียบๆไม่ให้ทั้งสองคนรู้ตัว



“พี่จะบ้าเหรอ?”



“กฏก็คือกฏเดเมียน ต่อให้ไม่ใช่พี่ ข้างบนก็ต้องส่งคนอื่นมารับอยู่ดี” โรเวนขมวดคิ้ว ไม่ค่อยมั่นใจว่าหญิงสาวพูดถึงเรื่องอะไร “พี่รู้ว่านายกำลังเสียใจ แต่นายก็น่าจะรู้จักพ่อของเราดี...”



“บอกพ่อว่าผมยอมแล้ว” เสียงทุ้มเอ่ยตัดบทพี่สาว โรเวนไม่กล้าชะเง้อหน้าออกไปดู แต่จากน้ำเสียงของเพื่อนสนิท เขาเดาได้ว่าเดเมียนในตอนนี้กำลังเจ็บปวด “ผมยอมทุกอย่าง ได้โปรด อย่าแตะต้องพวกเขา”



ใคร? เดเมียนกำลังพูดถึงใคร?



“…พี่จะลองพูดให้แล้วกัน แต่พี่ไม่รับปากนะ” เซเลสต์ถอนหายใจ



เสียงฝีเท้าสองคู่ที่เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆทำให้โรเวนรีบกลับไปที่หน้าห้องผ่าตัด เด็กหนุ่มแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเมื่อเพื่อนสนิททรุดตัวลงข้างๆด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก เซเลสต์ไม่ได้กลับมาพร้อมน้องชาย แต่โรเวนไม่อยากเผยพิรุธด้วยการถามออกไป
ไม่นานนัก พี่สาวของเดเมียนก็กลับมาสมทบกับพวกเขา พร้อมกับที่ไฟห้องผ่าตัดดับลง และนายแพทย์หนุ่มในชุดสีเขียวก้าวออกมาจากห้องด้วยสีหน้างุนงง



“คุณหมอคะ! สามีดิฉันเป็นยังไงบ้าง?!” ซาราห์แทบจะกระโจนใส่ชายหนุ่ม โรเวนรั้งตัวมารดาไว้ แม้ว่าตัวเองจะหันไปหาคุณหมอตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบเช่นกัน



“คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ แต่ผมไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน” นายแพทย์หนุ่มสารภาพด้วยสีหน้าลำบากใจ “คนไข้หัวใจหยุดเต้น ไม่มีชีพจร รูม่านตาไม่ขยาย แต่จู่ๆเขาก็ฟื้นกลับมา ตำแหน่งเส้นเลือดใหญ่ที่วิถีกระสุนตัดผ่านก็แทบไม่ได้รับบาดเจ็บ จะให้เรียกว่าปาฏิหาริย์ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”



“โอ ขอบคุณพระเจ้า” แม่ของเขาทรุดตัวลงไปกับพื้นตั้งแต่ได้ยินคำว่าปลอดภัย พึมพำขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์พร้อมรอยยิ้มและน้ำตานองหน้า



ที่หางตาของเขา โรเวนเห็นเซเลสต์ขยับยิ้มด้วยสีหน้าขบขัน ก่อนจะโดนน้องชายเอาศอกถองเข้าที่สีข้างด้วยแรงไม่เบานัก




แปลก...



แปลกจริงๆนั่นแหละ

-----------


ครอบครัวเดเมียนมีแต่คนแปลกๆ :laugh: :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ตอนโรเวนโผกอดเดเมียนมันบีบหัวใจมากจริงๆ เดเมียนคงรู้สึกเจ็บปวดไปด้วยมากแน่ๆ ถึงขั้นยอม.. เดเมียนยอมอะไรคุณพ่อนะ ยังไงคุณพ่ออย่าใจร้ายพรากเดเมียนไปจากโรเวนเลยนะ  :ruready

 :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
สงสัยหนักมาก!

ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2
เดเมียน ยอมอะไรลูกกกก

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
ต่างคนก็ต่างมีเวลาที่อ่อนแอกันทั้งนั้นแหละหนูจ๋า สลับกันปลอบก็ไม่เสียหายอะไร เดเมียนนายยอมอะไร มันต้องเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆเลย

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
สงสัยด้วยคนเดเมียน ยอมอะไร
 :pig4:
 :L2:

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 8: In which he kisses a boy.



หลังออกจากโรงพยาบาล เนธานได้รับอนุญาตให้ลาพักฟื้นอยู่ที่บ้าน ซึ่งทำให้แม่ของโรเวนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะได้สามีกลับมาอยู่ที่บ้านแม้จะเป็นเพียงเวลาอันสั้น ในส่วนของโรเวนนั้น แม้เด็กหนุ่มจะรู้สึกดีใจไม่ต่างจากมารดา แต่เขาหวังว่าจะไม่ต้องประสบพบเจอกับเรื่องแบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองในชีวิต



“พ่อคะ พ่อเจ็บมากมั้ยคะ”



โรซี่นั้นกลายร่างเป็นสาวน้อยติดพ่อคนเดิมเหมือนสมัยที่ยังเป็นเด็กหญิงมัดผมแกละในชุดกระโปรงฟูฟ่อง ส่วนไรลีย์ก็ย้ายถิ่นฐานที่อ่านหนังสือมาปักหลักอยู่ที่หน้าโซฟาที่บิดาของพวกเขาพักผ่อนอยู่ มีเพียงโรเวนเท่านั้นที่ยังคงมีภาระหน้าที่ต้องออกมาทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟใกล้บ้านซึ่งเมื่อเปิดเทอมแล้วเวลาที่เขาสามารถทำงานได้จึงมีจำกัด



อีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนไปนอกจากตารางการทำงานของเขาคือเจ้าตัวเรียกลูกค้าที่เจ้าของร้านจัดโต๊ะไว้ให้ริมกระจกใสหน้าร้านราวกับจะให้เป็นมาสคอตตัวใหม่



“นี่นายจะนั่งจนปิดร้านเลยรึไง” โรเวนกระซิบถามเพื่อนสนิทด้วยกลัวว่าลูกค้าท่านอื่นจะได้ยิน เขาไม่ได้มีนิสัยชอบไล่ลูกค้าที่นั่งแช่ในร้าน แต่ด้วยเหตุผลบางประการหนุ่มหล่อที่คนเดินผ่านหน้าร้านต่างเหลียวมองกลับแลดูรกหูรกตาเขาเสียเหลือเกิน



“เปล่าซะหน่อย ฉันจะอยู่จนนายเลิกกะต่างหาก” เดเมียนตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “เดี๋ยวนี้แถวนี้ตอนกลางคืนไม่ปลอดภัย พ่อนายฝากให้ฉันดูแลนาย”



“ไปฝากฝังกันตอนไหนเนี่ย” โรเวนถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย แต่ถูกเพื่อนร่วมงานเรียกกลับไปประจำหลังเคาท์เตอร์เมื่อลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่เข้ามาใหม่หลังจากเดินผ่านร้านแล้วรีบเลี้ยวกลับมา คงไม่ต้องบอกว่าแมวกวักตัวไหนที่ทำให้กิจการรุ่งเรืองขนาดนี้



“ฉันช่วยนะ”




คนอยู่ดีไม่ว่าดีเริ่มเบื่อการนั่งรอคอยเวลาเลิกงานของเขาเฉยๆมายืนเกาะขอบเคาท์เตอร์ด้วยสายตาออดอ้อน โรเวนกำลังจะส่ายหน้าปฏิเสธเมื่อผู้จัดการร้านแทบจะโยนผ้ากันเปื้อนใส่หน้าเดเมียนแล้วเปิดคอกกันเคาท์เตอร์เพื่ออันเชิญอีกฝ่ายเข้ามาข้างใน



ทายดูซิว่าวันนั้นพวกเขาขายกาแฟไปได้เท่าไหร่









“แล้วนี่ฉันต้องตัวติดกับนายอีกแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหนเนี่ย” โรเวนบ่นอุบแล้วเลียไอศรีมรสสตรอเบอร์รี่ที่เดเมียนลากเขาไปซื้อจากร้านขายไอกรีมที่ตั้งอยู่ไม่ไกล ร่างสูงเจ้าของหุ่นสะเทือนขวัญสั่นความมั่นใจชายกอดถ้วยไอศรีมที่ใหญ่ที่สุดที่จะสามารถสั่งกลับบ้านได้ตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย



“ก็จนกว่าคนไม่ดีจะหมดไปจากโลกล่ะมั้ง” เดเมียนไหวไหล่ เปิดประตูรถฝั่งข้างที่นั่งคนขับให้เพื่อนสนิทแล้วเดินอ้อมไปที่ฝั่งของตัวเอง โรเวนกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย หากเป็นแบบนั้นจริงเขาคงจะไม่ต้องแยกห่างจากเดเมียนไปตลอดชีวิต



“ช่วยด้วย!!!”




เสียงของหญิงสาวที่ดังขึ้นจากทิศทางที่พวกเขาจากมาทำให้โรเวนหันกลับไปมอง เด็กวัยรุ่นในชุดเสื้อแขนยาวมีฮู้ดสีเข้มวิ่งผ่านพวกเขาไปพวกกับกระเป๋าถือสีชมพูหวานที่ดูอย่างไรก็รู้ว่าถูกขโมยมา เด็กหนุ่มผมแดงออกตัววิ่งตามหัวขโมยไปตามสัญชาตญาณ ก่อนจะถูกคว้าตัวไว้โดยคนที่ยืนอยู่ข้างๆ



“นายจะบ้ารึไง?! ไม่รู้รึไงว่ามันอันตรายน่ะ?!” เดเมียนตะคอก โรเวนอึ้งไปเล็กน้อยกับสีหน้าดุดันของร่างสูงที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เดเมียนดูจะตกใจกับท่าทีของตัวเองเช่นกัน ร่างสูงรีบปล่อยมือจากเอวของเขาแล้วพึมพำคำขอโทษ



“โทษที ฉันแค่ตกใจ...”



“กรี๊ดดดดด”



เสียงกรีดร้องครั้งที่สองที่ดังมาจากร้านไอศกรีมที่พวกเขาเพิ่งเดินจากมาทำให้คนทั้งคู่หันไปมอง ภายในร้าน โรเวนมองเห็นกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ยังเดินเข้ามาสั่งไอศกรีมด้วยกันต่อจากพวกเขาด้วยกันกำลังทะเลาะกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ ลูกค้าในร้านและพนักงานรีบหนีออกมาจากร้านด้วยกลัวจะโดนลูกหลง



“แจ้งตำรวจแล้วไปจากที่นี่กันเถอะ”



เดเมียนดึงให้เพื่อนสนิทเข้ามาในรถ โรเวนกดต่อสายหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ หันไปมองภายในร้านที่ยังคงโกลาหลวุ่นวาย และหญิงสาวที่ถูกขโมยกระเป๋าไปยังคงยืนหน้าซีดโดยมีคนข้างๆช่วยปลอบใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป



“911 โปรดแจ้งเหตุฉุกเฉิน”



โรเวนตัดสินใจแจ้งเรื่องการทะเลาะวิวาทในร้านไอศกรีมเป็นอันดับแรก ก่อนจะต่อด้วยเรื่องโจรวิ่งราวก่อนหน้านั้น และในระหว่างที่เขากำลังบรรยายรูปพรรณสันฐานของคนร้ายให้ปลายสายฟังอยู่นั้น รถคันข้างหน้าของเขาก็ถูกรถกระบะที่ผ่าไฟแดงมาชนอัดที่ข้างตัวรถจนกระเด็นออกจากถนนไปด้วยกัน



โรเวนสบถออกมาอย่างตกใจ มือของคนขับยื่นมากันเขาไว้เพื่อพร้อมกระแทกเบรกเต็มแรง



“คุณคะ? เกิดอะไรขึ้นคะ?” พนักงานตอบรับจากปลายสายถามขึ้นเมื่อได้ยินเสียง โรเวนที่ยังคงได้ยินเสียงชีพจรของตัวเองเต้นในหัวยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหูด้วยมืออันสั่นเทา



“มีรถฝ่าไฟแดงมาชนรถข้างหน้าผมที่สี่แยกหน้าโรงพยาบาลนอร์ธฮิิล รถไถลออกไปนอกถนนแล้วครับ”



เด็กหนุ่มรีบวางสายก่อนที่จะได้มีเหตุฉุกเฉินที่สี่ให้เขารายงาน มือเรียวยกขึ้นกุมอกของตัวเองที่รู้สึกเหมือนจะสามารถคลำเจอหัวใจที่กระแทกซี่โครงของเขาอย่างบ้าคลั่งได้ง่ายๆ ก่อนจะหันไปหาเดเมียนที่นอกจากคิ้วที่ขมวดมุ่นอย่างเป็นกังวลแล้ว ไม่มีท่าทีตกใจอะไรกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น



“นายโอเคใช่มั้ย?”



“โอเคใช่มั้ยเหรอ? ไม่ ฉันไม่โอเค ที่ฉันอยากรู้คือทำไมนายถึงดูโอเคได้ขนาดนี้?” โรเวนถามอย่างไม่เข้าใจ “นี่นายไม่ตกใจอะไรเลยรึไง?”



“ตกใจสิ”เดเมียนตอบ ตาจดจ้องอยู่กับหนทางด้านหน้าตลอดเวลา “แต่หลังจากฉันเห็นนายวิ่งตามคนร้ายตัวใหญ่กว่านายเกือบเท่าไปแบบนั้น ถ้าฉันมัวแต่ตกใจ ใครจะเป็นคนปกป้องนายจากการอยากเป็นฮีโร่แบบนั้นล่ะ?”



“ฉันไม่ได้…ช่างเถอะ” โรเวนถอนหายใจ “อย่าบอกแม่ฉันแล้วกัน ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ได้ออกจากบ้านจนเรียนจบแน่”



“ก็ดีสิ นายจะได้ไม่ต้องเอาตัวเองมาเสี่ยงอันตรายข้างนอกแบบนี้อีก” เดเมียนตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง



โรเวนเริ่มเค้นสมองคิดหาวิธีไม่ให้แม่ของเขากับเดเมียนได้อยู่ด้วยกันมากนัก ไม่อย่างนั้นถ้าเขาเผลอ ทั้งสองคนคงช่วยกันสร้างหอคอยสูงเสียดฟ้าแล้วจับโรเวนขังไว้ในนั้นแน่ๆ



“จริงสิ ครั้งที่แล้วฉันลืมหนังสือชีววิทยาไว้ที่ห้องนายรึเปล่า?” โรเวนเปลี่ยนเรื่อง เขากะจะถามตั้งแต่ออกมาจากร้านไอศกรีมแล้ว แต่เกิดเรื่องวุ่นวายทั้งหมดเสียก่อน



“อ๋อ ใช่ ฉันลืมไปเลย งั้นเดี๋ยวไปบ้านฉันก่อนแล้วกัน” เดเมียนว่า



พวกเขามาถึงบ้านของเดเมียนไม่กี่นาทีหลังจากนั้น ทันทีที่เดเมียนก้าวลงจากรส เจ้าสุนัขขนยาวตัวใหญ่ก็โถมเข้าใส่เจ้านายของตนจนคนตัวใหญ่เซล้มลงไปนั่งกับพื้น เดเมียนหัวเราะ พยายามหลบหลีกน้ำลายยืดๆของเซบาสเตียนที่เลียเจ้านายพร้อมกระดิกหางอย่างกระตือรือร้น



“สาบานได้นะว่าพี่เพิ่งพาไปวิ่งเล่นที่สวนสาธารณะมา ให้ตายเถอะ” เซเลสต์ที่ก้าวตามเซบาสเตียนออกมายิ้มขำ “แต่ก็นะ ที่บ้านเราก็มีที่ให้หมอนี่วิ่งเล่นมากกว่าจริงๆนั่นแหละ”



“ผมถึงบอกพ่อไงครับว่าไม่ต้องให้เซบาสเตียนตามมา” เดเมียนที่พยายามชันตัวขึ้นนั่งทั้งที่ยังโดนก้อนเนื้อขนาดยักษ์ทับอยู่บนตัวเอ่ยกับพี่สาว เกาศีรษะให้สุนัขของตนอย่างเอ็นดู “อยู่แบบนี้คงอึดอัดแย่”



“ไม่เอาน่า นายก็รู้ว่าเซบรักนายจะตาย” เซเลสต์ก้าวผ่านน้องชายไปยังรถเปิดประทุนของตัวเองที่จอดอยู่ข้างกัน “พี่มีนัด คงไม่กลับมาจนเช้า แต่จะทำอะไรก็เกรงใจเซบเขาหน่อยแล้วกัน”



“เซเลสต์!”




ใบหน้าของเดเมียนขึ้นสีแดงก่ำด้วยความอับอาย คนเป็นพี่สาวหัวเราะชอบใจก่อนจะเปิดประตูก้าวขึ้นรถไป โรเวนช่วยดึงเพื่อนสนิทให้ลุกขึ้นยืนแม้ว่าเซบาสเตียนจะยังคงแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่อยากให้เจ้านายไป ตัดสินใจว่าจะทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เซเลสต์พูดก่อนหน้า



“ตกลงหนังสือฉันอยู่ที่ไหน”



“หัวเตียงน่ะ” เดเมียนไม่ยอมปล่อยมือของเพื่อนสนิทที่เป็นฝ่ายยื่นให้เขาก่อนหน้านี้ ดึงให้โรเวนเดินตามเข้าไปในตัวบ้านโดยมีสุนัขตัวโตเดินตามมาไม่ห่าง



ห้องของเดเมียนยังคงเหมือนกับครั้งล่าสุดที่โรเวนเห็น สิ่งที่ต่างออกไปมีเพียงเสื้อผ้าของเมื่อวานที่กองระเกะระกะอยู่บนพื้น เด็กหนุ่มใช้เท้าเขี่ยกางเกงขาสั้นของอีกฝ่ายให้พ้นทาง เงยหน้าขึ้นก่อนจะร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเจ้าของห้องกำลังโยนเสื้อตัวที่ตนใส่อยู่เมื่อครู่ลงไปกองรวมกับเสื้อผ้าตัวอื่นบนพื้น



“ทำอะไรของนายน่ะ?!”



“เปลี่ยนชุดไง” เดเมียนตอบแล้วหันไปหยิบหนังสือที่โรเวนลืมไว้ส่งคืนให้กับเจ้าของ แต่กล้ามเนื้อที่มีแต่จะแน่นขึ้นทุกวันจากการฝึกซ้อมหลังเลิกเรียนของคนตรงหน้าทำให้จุดโฟกัสของร่างโปร่งเสียไปชั่วคราว และนั่นทำให้ตำราเล่มหนาถูกปล่อยตกลงบนพื้น



“โทษที” เด็กหนุ่มผมแดงย่อตัวลงเก็บตำราเรียนของตัวเอง สะบัดหัวไหล่ความมึนเบลอใดๆก็ตามที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ยังคงใจไม่แข็งพอที่จะเงยหน้าขึ้นในตอนนี้



“จริงสิ เล่นเกมกระดานกันมั้ย เซเลสต์ไม่ยอมเล่นกับฉันซักที”



โรเวนเผลอเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก พบว่าร่างสูงยังคงไม่คิดจะใส่เสื้อกลับเข้าไปและถือกล่องเกมCLUEที่เขาไม่ได้เล่นมานาน เกมนี่เคยเป็นเกมโปรดของไรลีย์ เป็นเกมที่ต้องใช้ทั้งการคิดวิเคราะห์ ไหวพริบและดวงในการเล่นเพื่อหาตัวฆาตกร สถานที่ฆาตกรรม และอาวุธสังหารจากตัวละครที่กำหนดให้ น้องชายของเขามักจะชวนเขากับโรซี่เล่นเสมอก่อนที่เพื่อนที่โรงเรียนจะสร้างชมรมเกมกระดานขึ้นมา



“เล่นกันสองคนเนี่ยนะ” แม้เกมนี้จะเป็นเกมที่เล่นกันสองคนได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วทุกคนมักเลือกที่จะเล่นเป็นกลุ่มเกินสามคนมากกว่า



“ก็ดีกว่าเล่นคนเดียวล่ะนะ” เดเมียนไหวไหล่ แต่ความหมายที่ซ่อนอยู่ภายใต้คำพูดนั้นทำให้ดวงตาสีมรกตอ่อนลง



“…ตาเดียวนะ”



เดเมียนรีบพยักหน้าอย่างตื่นเต้น กระโดขึ้นไปบนเตียงแล้วเปิดกล่องเกมกระดานของตัวเองออก ยังคงไม่คิดจะหาเสื้อใหม่มาใส่ แม้ว่านั่นจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรสำหรับเด็กหนุ่มวัยเดียวกับเขา แต่โรเวนยังคงรู้สึกว่านั่นไม่ใช่การแต่งกายที่เหมาะสมสำหรับอีกฝ่ายในตอนที่เขากำลังสับสนกับความรู้สึกของตัวเองยู่อย่างตอนนี้



“นายอยากเล่นเป็นตัวไหน"



“สการ์เล็ต” โรเวนนั่งลงบนเตียง หญิงสาวในชุดแดงมักจะเป็นตัวละครนำโชคของเขาเสมอ



“งั้นฉันเป็นออร์คิด” เดเมียนหยิบตัวหมากสีฟ้าขึ้นมา



พวกเขาผลัดตากันเล่นเกมไปเรื่อยๆ โรเวนจดจ่ออยู่กับการตามหาตัวฆาตกรในเกมมากเสียจนร่างกึ่งเปลือยที่นั่งอยู่ข้างๆไม่ได้ทำให้เขารู้สึกบิดมวนในช่องท้องอย่างก่อนหน้านี้แล้ว  เด็กหนุ่มผมแดงโน้มตัวเข้าไปหาร่างสูง ก้มลงมองกระดานเพื่อวิเคราะห์การเล่นในตาต่อไปของตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง...


...ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพบว่าใบหน้าของคนข้างๆอยู่ห่างจากตนเพียงลมหายใจคั่น




เดเมียนยังคงไม่ทันได้สังเกต ดวงตาสีฟ้าซีดยังคงไล่มองไปตามตำแหน่งที่เหล่าผู้ต้องสงสัยถูกวางไว้ในห้องต่างๆ แต่โรเวนกลับไม่สามารถบังคับตัวเองให้ละสายตาไปจากเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายได้ทันเวลาที่เด็กหนุ่มผมบลอนด์หันกลับมา
เดเมียนชะงักเมื่อรู้สึกถึงความใกล้ชิดของพวกเขา ดวงตาของร่างสูงไล่ลงมาหยุดที่ริมฝีปากของโรเวน ก่อนจะกลืนน้ำลายอย่างอยากลำบาก



และนั่นเป็นตอนที่โรเวนโน้มตัวเข้าหาอีกฝ่ายเพื่อปิดช่วงว่างระหว่างพวกเขาด้วยริมฝีปากของตัวเอง



สิ่งแรกที่โรเวนรับรู้เมื่อริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกันคือความร้อนจากอุณหภูมิของร่างสูง เดเมียนเป็นคนที่ตัวร้อนกว่าคนปกติมาตั้งแต่แรก ถ้าหากไม่ได้สัมผัสตัวอีกฝ่ายบ่อยๆอย่างโรเวนก็อาจจะเข้าใจผิดไปได้ว่าเด็กหนุ่มกำลังมีไข้



สิ่งที่สองที่เขารับรู้คือรสชาติของไอศกรีมสตรอเบอร์รี่ที่อีกฝ่ายเพิ่งทานมาก่อนหน้านี้ที่ยังหลงเหลืออยู่บนริมฝีปากได้รูป ก่อนที่ริมฝีปากนั้นจะเผยอขึ้นพร้อมกับลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาในโพรงปากของโรเวน ดวงตาสีมรกตเบิกกว้าง ทว่ามือใหญ่ที่ยกขึ้นมาประคองท้ายทอยของเอาไว้อย่างมั่นคงทำให้การผละออกมาแทบเป็นไปไม่ได้ และลิ้นร้อนที่เกี่ยวกระหวัดส่งเสียงน่าอายมาในห้องเงียบสงัดนี้กำลังเริ่มทำให้เด็กหนุ่มผมแดงเริ่มจะเคลิ้มตามอย่างไม่ยากนัก ดวงตาสีมรกตค่อยๆปรือปรอยลง สมองหยุดทำงานลงอย่างกระทันหันจนกระทั่งเขารู้สึกถึงมืออุ่นที่สอดเข้ามาใต้เสื้อของตัวเอง




“อื้อ!” ร่างโปร่งสะดุ้งโหยง ผลักเพื่อนสนิทออกจากตัวเองเต็มแรง เดเมียนที่ไม่ทันตั้งตัวแทบจะหงายหลังตกเตียง แม้โรเวนจะรู้ว่าแรงของตัวเองไม่มีทางมากพอจะทำให้ร่างสูงใหญ่ตรงหน้าได้รับบาดเจ็บจริงจัง แต่แววตาเจ็บปวดของคนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเพิ่งทำร้ายอีกฝ่ายไปในระดับที่ร่างกายไม่สามารถทำได้



“โรเวน...”



“ฉัน…ฉันต้องรีบกลับบ้าน...” โรเวนลนลานผุดลุกขึ้นจากเตียง แต่มือใหญ่รีบคว้าข้อมือเขาไว้ก่อนที่ร่างโปร่งจะได้ลุกหนีไปจากสถานการณ์น่าอับอายนี้



“อย่าไป...อย่าไปได้มั้ย” แววตาของคนที่ไม่เหลือใครที่โรเวนเคยเห็นมานับครั้งไม่ถ้วนในเด็กชายตัวเล็กเมื่อครั้งเยาว์วัยทำให้เด็กหนุ่มตัดสินใจนั่งกลับลงไปบนเตียงของเพื่อนตามคำขอ สีหน้าของเดเมียนดูมีความหวังขึ้นมา และนั่นยิ่งทำให้โรเวนนึกเกลียดตัวเองที่มีอิทธิพลกับคนตรงหน้าได้มากขนาดนี้



พวกเขานั่งอยู่ในความเงียบ บนเตียงนุ่มที่มีเพียงกระดาษแข็ง ตัวหมากและลูกเต๋าคั่นกลางระหว่างพวกเขา แม้โณเวนจะไม่ใช่คนช่างพูด แต่ความเงียบระหว่างพวเขากำลังทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นเรื่อยๆ



โชคดีที่เดเมียนเป็นฝ่ายเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมาเสียก่อน



แม้ว่าสิ่งที่ออกมาจากปากของอีกฝ่ายนั้นจะเป็นสิ่งที่โรเวนนึกไม่ถึงก็ตาม



“ขอจูบ...อีกทีได้มั้ย?”




โรเวนหันกลับไปหาเพื่อนสนิทอย่างตกใจ แต่แววตาของเดเมียนไม่มีวี่แววของการล้อเล่น



“….”เด็กหนุ่มผมแดงชั่งใจอยู่ครู่่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า



ริมฝีปากได้รูปที่เป็นฝ่ายทาบทับลงมาในคราวนี้ทำให้โรเวนรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ ลิ้นร้อนดุนดันริมฝีปากนิ่มเป็นเชิงขออนุญาต ซึ่งเด็กหนุ่มก็ยอมเผยอปากให้อีกฝ่ายสอดลิ้นเข้ามาสำรวจแต่โดยดี



จูบของพวกเขาไม่ได้เร่งเร้า ไม่ได้ร้อนแรง แต่กลับหวาละมุนและเนิบช้าจนโรเวนรู้สึกว่าทุกประสาทสัมผัสในร่างกายของตนหยุดทำงานเพื่อให้จูบที่คนตรงหน้ามอบให้เป็นสิ่งเดียวที่เขารู้สึก



ให้ตายเถอะ หมอนี่จูบเก่งชะมัด



โรเวนไม่รู้ว่าควรจะหงุดหงิดหรือส่งกระเช้าผลไม้ไปแสดงความขอบคุณใครก็ตามที่สั่งสอนเทคนิคพวกนี้ให้เดเมียน ในที่สุด การขาดอากาศหายใจอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานก็ทำให้ร่างโปร่งต้องตบไหล่เพื่อนสนิทเบาๆให้ปล่อยตัวเองไป



เขาไม่อยากจะเป็นมนุษย์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ขาดอากาศหายใจตายเพราะโดนจูบหรอกนะ



“ฉันต้องกลับแล้วจริงๆนะ” คราวนี้โรเวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดที่เขาจะสามารถเอื้อนเอ่ยออกมาได้ขณะที่ยังพยาายามเอาอากาศเข้าปอด ยังคงไม่ผละจากร่างสูงด้วยกลัวว่านั่นจะทำให้เดเมียนรู้สึกเหมือนจะถูกทิ้งขึ้นมาอีกครั้ง “ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”



“โรเวน นายไม่รังเกียจฉันใช่มั้ย” น้ำเสียงของเดเมียนทำให้เขานึกถึงลูกสุนัขที่ครางหงิงขดตัวอยู่ที่มุมห้องหลังจากรู้ตัวว่าทำอะไรให้เจ้าของไม่พอใจ และนั่นทำให้เขายกมือขึ้นรูปศีรษะของเพื่อนสนิทเบาๆอย่างปลอบประโลม



“นายก็น่าจะรู้ว่าฉันไม่ได้รังเกียจ” รอยยิ้มที่กลับคืนสู่ใบหน้าของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ทำให้โรเวนรู้สึกจั๊กจี้ในอกอย่างบอกไม่ถูก “ค่ำมากแล้ว ฉันต้องรีบกลับบ้านแล้ว นายเข้าใจใช่มั้ย”



“อื้อ”



เดเมียนพยักหน้าหงึกหงัก ไม่คิดจะกดดันเขาให้อธิบายความหมายของสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ซึ่งโรเวนรู้สึกขอบคุณอยู่ลึกๆ เพราะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อกี้นี้เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่




เด็กหนุ่มกลับออกมาจากบ้านของเพื่อนสนิทพร้อมหนังสือเรียนในมือ ท้องฟ้ารอบกายเปลี่ยนเจากสีส้มสลัวเป็นความมืดมิด มีเพียงแสงจากเสาไฟและตัวบ้านที่เรียงรายตามสองข้างทางที่ทำให้โรเวนมองเห็นสภาพแวดล้อมรอบกาย



เขาจูบเดมียน...



เขาจูบเดเมียน และเดเมียนก็จูบเขาตอบ มิหนำซ้ำยังขอจูบเขาอีกครั้งหลังจากนั้นอีกด้วย



ภาพเหตุการณ์ที่ย้อนกลับเข้ามาในหัวทำให้โรเวนรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมาในอก เด็กหนุ่มเริ่มเข้าใจความรู้สึกของสาวน้อยใน
ภาพยนตร์ที่ก้าวกระโดดไปตามทางเดินอย่างมีความสุขหลังจากจูบแรกขึ้นมา



โรเวนเดินฮัมเพลงกอดหนังสือเรียนของตัวเองไปตามทางเดินอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่อารมณ์ดีๆนั้นจะถูกเบรกด้วยเงาร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ที่รั้วบ้านของเขา



“คุณวู้ดส์ กลับบ้านค่ำจังนะครับ” อาจารย์วิชาประวัติศาสตร์ที่ควบตำแหน่งอาจารย์สอนพิเศษของไรลีย์เอ่ยทักพร้อมรอยยิ้ม เฮเดนอยู่ในชุดลำลองเสื้อยืดกางเกงขายาวธรรมดาๆ แต่โรเวนยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างในตัวคนตรงหน้าที่ทำให้ชายหนุ่มโดดเด่นออกมาจากสภาพแวดล้อมไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด



หากจะว่าไปแล้ว ก็คงจะคล้ายๆกับเดเมียน




“ไปข้างนอกมาน่ะครับ” โรเวนตอบกว้างๆ



เฮเดนเข้าออกบ้านของเขาสัปดาห์ละสองวันเพื่อติวหนังสือให้กับไรลีย์มาระยะหนึ่งแล้ว และนั่นทำให้ชายหนุ่มเริ่มสนิทสนมกับคนในบ้านในระดับที่ซาราห์มักจะชวนอีกฝ่ายอยู่ทานอาหารเย็นด้วยเสมอ ขนาดพ่อของเขาที่ยังพักฟื้นอยู่ที่บ้านยังมักจะชวนอาจารย์หนุ่มอยู่ดูฟุตบอลด้วยกันก่อนกลับทุกครั้งที่มีการแข่ง โรสนั้นดูจะชื่นชอบภาพลักษณ์สุขุมนุ่มลึกของอาจารย์หนุ่มจนทำให้เดเมียนตกกระป๋องไปชั่วคราว ส่วนไรลีย์นั้นแทบไม่ต้องพูดถึง น้องชายของเขารักใครก็ตามที่สามารถเรียกตัวอักษรเอกลับคืนมาในสมุดพกของเขาได้




จะเหลือก็แต่โรเวนที่ยังคงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากลเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ โดยเฉพาะท่าทีที่อีกฝ่ายและเดเมียนมีต่อกันที่ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก



“ช่วงนี้อย่าไปไหนมาไหนคนเดียวในเวลาแบบนี้จะดีกว่านะครับ” เฮเดนเตือน รอยยิ้มจางยังคงติดอยู่ที่ริมฝีปาก “ข้างนอกมันอันตราย”



“ผมดูแลตัวเองได้ครับ” โรเวนตอบ เสียงเรียบเจือไปด้วยความหงุดหงิด ทำไมใครๆถึงได้คิดว่าเขาปกป้องตัวเองไม่เป็นกันนะ  “แต่ก็ขอบคุณที่เป็นห่วง”



“ราตรีสวัสดิ์ครับ คุณวู้ดส์” อาจารย์หนุ่มไม่ถือสาคำพูดของเขา เอ่ยลาเด็กหนุ่มเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินจากไป “เจอกันที่โรงเรียนนะครับ”



“เช่นกันครับ” โรเวนตอบตามมารยาท มองตามแผ่นหลังของอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์ของตัวเองไปด้วยความสงสัยอย่างไม่ปิดบัง




แปลก...

----------------

แหม่ โรเวนจ๋า จุ๊บเขาก่อนเฉยเลยนะ น่าตีจริงๆ :hao3: :hao3: :hao3:

ออฟไลน์ ★KVH™★

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 516
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3
ฮรุกกก
เขาจูบกันแล้วค่ะ
น้องโรเวนมีแต่เครื่องหมายคำถาม
แปะเต็มหน้าผากไปหมดแล้ว

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
นรกทั้งนั้นเลยที่โผล่มา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 9: In which his history teacher is a creep.



“เฮ้!เฮ้!เราเป็นใคร!เราเป็นใคร!เรามาเอาชัย!


N.O.R.T.H.H.I.L.L NORTH-HILL!



ไปเลย หมาป่า!!!”




เสียงเชียร์ของนักเรียนสาวในชุดเครื่องแบบเชียร์หลีดเดอร์สีเลือดหมูที่ต่อตัวเป็นพีระมิดโยนร่างของมนุษย์ตัวโตเต็มวัยขึ้นลงท้าทายกฏของแรงโน้มถ่วงตั้งแต่ก้าวเข้ามาในอาณาเขตโรเรียนทำให้โรเวนรู้ว่าถึงเวลานั้นของปีอีกแล้ว



เวลาที่การเรียนการสอนดูจะเป็นสิ่งสุดท้ายในความคิดของนักเรียนและบุคคลากรทางการศึกษา หากจะมีอะไรที่สามารถนำความภาคภูมิใจและเงินทุนสนับสนุนมาสู่โรงเรียนได้ สิ่งนั้นคงจะเป็นถ้วยรางวัลการแข่งขันอเมริกันฟุตบอล ไกลที่สุดที่พวกเขาได้ไปถึงคือถ้วยรางวัลชนะเลิศระดับรัฐ แต่ปีนี้โค้ชทีมประกาศอย่างภาคภูมิใจว่า ด้วยแผนการเล่นใหม่ของตน ทีมโรงเรียนของพวกเขาจะต้องก้าวไปสู่ระดับประเทศในฤดูกาลนี้แน่



ซึ่งแผนการเล่นใหม่ที่ว่า ก็คงไม่พ้นเด็กหนุ่มผมบลอนด์ในเสื้อเบอร์หกสีเลือดหมูคาดแถบขาวที่มีลายหมาป่า มาสคอตของโรงเรียนแปะอยู่บนอก ซึ่งถูกจัดให้นั่งตรงกลางแถวหน้าสุดบนเวทีของหอประชุม



“แฟนนายนี่ยิ่งส่องสปอตไลท์ใส่ยิ่งหล่อนะว่ามั้ย” วิเวียนแซว



“เมื่อไหร่เธอจะเลิกเรียกหมอนั่นว่าแฟนฉันซักที” โรเวนบ่นอีกครั้ง



“ก็จนกว่านายจะยอมรับว่านายกับพ่อหนุ่มผมบลอนด์แอบเล่นม้าโยกกันสองต่อสองในที่เปลี่ยวไงล่ะ” เด็กสาวหัวเราะ



“ฮะ? ม้าโยกอะไรของเธอ?” โรเวนขมวดคิ้ว นับวันเขายิ่งตามความคิดของเพื่อนสาวข้างๆไม่ทัน


“ก็แบบที่ต้องควบ…แล้วก็ต้องโยกไง” วิเวียนขยิบตาให้เพื่อนด้วยสีหน้ารู้ทัน โรเวนรู้ว่าใบหน้าที่ขึ้นสีแดงก่ำของตัวเองในตอนนี้ส่อพิรุธอย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าพวกจะไม่เคยทำอะไรกันไปมากกว่าจูบในวันนั้นก็ตาม



“หุบปากน่า”



“อ๊ะๆๆ ไม่แก้ตัวด้วย” เด็กสาวได้ทีล้ออีกฝ่ายต่ออย่างสนุกสนาน โรเวนกอดอกเอนพิงพนักเก้าอี้ เมินคนข้างๆด้วยรู้ว่าโต้ตอบไปก็มีแต่จะเข้าตัวเอง



หลังจากสุนทรพจน์ปลุกใจของอาจารย์ใหญ่และโค้ชที่เชิญชวนให้นักเรียนไปเชียร์ทีมฟุตบอลในการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในคืนวันศุกร์ที่จะถึง โรเวนลุกขึ้นสะพายเป้ของตัวเองเดินออกไปจากหอประชุม ก่อนจะรู้สึกถึงแรงสะกิดที่หัวไหล่ของควอเตอร์แบ็คหนุ่มผมบลอนด์ที่ยิ้มกว้างให้เขา



“มีอะไรรึเปล่าเดเมียน?”



โรเวนถามด้วยน้ำเสียงที่เขาคิดว่าเป็นปกติที่สุด หลังจากวันนั้น พวกเขาไม่เคยคุยกับเรื่องจูบที่เกิดขึ้น แม้โรเวนจะมั่นใจว่าความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเดเมียนไม่เกี่ยวอะไรกับการให้ความเคารพอัลฟ่าบ้าบออะไรของวิเวียน แต่เขายังคงไม่พร้อมที่จะพูดคุยเรื่องความรู้สึกนั้นทั้งที่ในเวลาเกือบสิบเจ็ดปีที่ผ่านมา เด็กหนุ่มไม่เคยสนใจเพศเดียวกันในแง่นี้มาก่อน



เขายอมรับว่าเขากำลังกลัว ไม่ใช่แค่กลัวความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อเดเมียน เขากลัวว่าครอบครัวที่สวดมนต์ก่อนทานอาหารทุกวัน สวดมนต์ก่อนเข้านอนทุกคืน และไปโบสถ์ทุกเช้าวันอาทิตย์ของเขาจะไม่ยอมรับอะไรก็ตามที่โรเวนเป็น



แม้เสียงในหัวจะบอกว่าเขากำลังคิดมากไปและหวาดกลัวไปเอง แต่ลึกๆแล้ว โรเวนไม่คิดว่ามารดาของเขาจะวาดภาพอนาคตของเขาเป็นอย่างอื่นนอกเหนือไปจากแต่งงานมีภรรยาและมีหลานตัวน้อยๆวิ่งเล่นไปมาในสวนหลังบ้านของเธอทุกวันหยุดฤดูร้อน



ถึงอย่างนั้น โรเวนยังคงไม่อาจห้ามหัวใจของตัวเองไม่ให้เต้นเร็วขึ้นทุกครั้งที่เห็นเพื่อนสนิทได้ โดยเฉพาะเมื่อทุกครั้งที่สบตา แววตาของเดเมียนมักจะเปล่งประกายไปด้วยความหวังและรอยยิ้มสดใสราวกับหากโรเวนแค่เพียงพยักหน้า เด็กหนุ่มร่างสูงก็พร้อมจะป่าวประกาศในทุกคนในเมืองรู้ว่าพวกเขาคิดอย่างไรต่อกันให้คนทั้งเมืองรับรู้แบบนี้



และเขารู้ว่าเดเมียนเข้าใจ ร่างสูงไม่เคยเร่งเร้าให้เขาพูดอะไรออกมา ในรถของอีกฝ่ายที่ตอนนี้โรเวนอาศัยติดไปและกลับจากโรงเรียน มีเพียงมือของพวกเขาที่เกาะกุมกันเป็นสิ่งเดียวที่เหมือนจะช่วยยืนยันว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นในห้องนอนของเดเมียนในวันนั้น



“คือ…ฉันแค่สงสัย…” เดเมียนดูประหม่า ซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้เป็นอะไรที่เขาไม่เคยเห็น แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่พบเห็นได้บ่อยตามระเบียงทางเดินเช่นกัน



“หืม?” โรเวนยืนรอให้อีกฝ่ายพูดให้จบอย่างใจเย็น เดเมียนอึกอักอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยสีหน้าเจื่อนๆราวกับกลัวว่าสิ่งที่ตนกำลังจะถามจะทำให้โรเวนไม่สบอารมณ์



 “ศุกร์นี้...นายมีธุระอะไรรึเปล่า?”


“นอกจากไปดูนายแข่งก็ไม่นะ” ร่างโปร่งตอบตามความจริง แต่นั้นกลับทำให้เดเมียนดูเหมือนถูกสาปให้เป็นหินไปชั่วขณะ



“นาย…นายจะไปดูเหรอ?”


“แน่นอนสิ” โรเวนขมวดคิ้ว อะไรทำให้เดเมียนคิดว่าเขาจะไม่ไปเชียร์อีกฝ่ายในเกมแรกของฤดูกาล? “ฉันอาจจะไม่ใช่แฟนฟุตบอล แต่ยังไงฉันกูต้องไปดูนายแข่งอยู่แล้ว พ่อกับแม่ฉันคงไม่ไปเพราะอาการของพ่อ แต่ไรลีย์กับโรสคงอยากไปเหมือนกัน”



เดเมียนมองเขาตาโต ก่อนที่รอยยิ้มที่กว้างที่สุดที่โรเวนเคยเห็นจะปรากฏบนใบหน้าอีกฝ่าย



“ขอบใจนะ! ฉันจะไม่ทำให้นายผิดหวังเลย!”



“เฮ้ คอลลินส์ โค้ชเรียกประชุม เลิกจีบเพื่อนนายแล้วตามมาได้แล้ว!” เพื่อนร่วมทีมของเดเมียนตะโกนเรียก ร่างสูงจึงยิ้มให้เขาเจื่อนๆอย่างขอโทษขอโพยแล้ววิ่งกลับไปสมทบกับเพื่อนร่วมทีมของตน โรเวนมองตามแผ่นหลังกว้างในเสื้อเบอร์หกด้วยสีหน้าที่อ่อนลง รอยยิ้มบางแต่งแต้มมุมปากก่อนจะถูกแทนที่ด้วยเสียงร้องอย่างตกใจเมื่อมือเรียวเล็กตบลงบนไหล่อย่างไม่ให้สุ้มให้เสียง



“แหม ทำมาเป็นเฉไฉ เขาตามต้อยๆเป็นลูกหมาเดินตามเจ้าของขนาดนั้นยังจะปฏิเสธอีกเหรอ?” วิเวียนถามเสียงหยอกเย้า โรเวนเบือนหน้าหนี แต่ไม่ได้ปฏิเสธอะไรข้อกล่าวหาของเด็กสาว “ผิดหวังจริง ฉันคิดว่าพวกนายจะทำตัวเหมือนในหนังมากกว่านะซะอีกนะเนี่ย”



“หนัง?” เด็กหนุ่มผมแดงหันกลับไปมองเพื่อนสาวอย่างงุนงง วิเวียนไหวไหล่



“ก็แบบ...ควอเตอร์แบ็คหนุ่มดาวรุ่งของโรงเรียนที่สาวๆต่างพากันคลั่งไคล้ก็ต้องเเป็นพวกเจ้าชู้ประตูดิน ส่วนนายก็หลงเขาหัวปักหัวปำ ยอมเขาไปเสียทุกอย่าง อะไรแบบนั้นไง”



“เหอะ ฝันไปเถอะ”


ถ้าเขาจับได้ว่าเดเมียนมีใคร รับรองได้ว่าทั้งหมอนั่นและคนของหมอนั่นจะต้องชดใช้อย่างสาสม



เดี๋ยว...พวกเขายังไม่ใช่แฟนกันซักหน่อย!!!




“ยอมรับมาเถอะน่า นี่ฉันเป็นเพื่อนนายนะวู้ดส์” วิเวียนเขย่งกอดคอโรเวนพร้อมรอยยิ้มกว้าง “แค่นี้บอกเพื่อนไม่ได้เหรอ?”



“เราจูบกัน พอใจรึยัง?” โรเวนกลอกตาอย่างเหลืออดเมื่อได้ยินเสียงหวีดร้องอย่างตื่นเต้นของเพื่อนสาว “แต่ฉันยังไม่ได้คุยกับหมอนั่นว่ามันหมายความว่ายังไง"



ถึงแม้เขาจะค่อนข้างมั่นใจในความรู้สึกของพวกเขาทั้งคู่นั้นน่าจะตรงกันก็ตาม



“นี่ขนาดยังไม่คุยกันนะ หมอนั่นยังหลงนายขนาดนี้ ถ้านายไม่คิดว่าตัวเองพร้อมสำหรับอะไรที่จริงจังกว่านี้กับผู้ชายด้วยกัน
ฉันแนะนำว่าอย่าให้ความหวังเดเมียนไปมากกว่านี้เลย” วิเวียนขมวดคิ้ว เตือนด้วยสีหน้าจริงจังอย่างคนเคยมีประสบการณ์มาก่อน “ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องน่ากลัว การรู้สึกดีกับใครซักคนที่สังคมไม่คิดว่าเราควรจะรัก คนที่นายถูกสอนว่าเป็นความผิดที่จะรัก แต่คนที่จะตัดสินนายได้ มีแค่ตัวนายเท่านั้น แต่ถ้าเดเมียนทำให้นายมีความสุข ฉันว่านั่นก็น่าจะมากพอให้นายต่อสู้กับ
อะไรก็ตามที่รออยู่ข้างหน้า จริงมั้ย?”



“ฉัน…” โรเวนยกมือขึ้นนวดคลึงหว่างคิ้วของตัวเองเพื่อบรรเทาอาการปวดตุบของศีรษะ “ฉันไม่รู้...”



“นี่ ฉันถามหน่อยสิ” วิเวียนเอียงคอมองเขาด้วยสีหน้าสนใจ โรเวนพยักหน้า“จูบนั่น นายรู้สึกดีใช่มั้ย?”


คนถูกถามนิ่งไป ก่อนจะพยักหน้าอีกครั้ง



เขาไม่ได้แค่รู้สึกดี เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุนตอนที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายทาบทับลงมา



“ถ้าจะเคลิ้มตาลอยขนาดนี้ นายยังสงสัยอีกเหรอ?” วิเวียนยิ้มขำ โรเวนรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
“รีบไปเรียนเถอะ กริ่งดังแล้ว”



วิเวียนเหลือบมองเขาด้วยสายตารู้ทัน แต่ก็ยอมปล่อยให้เพื่อผมแดงได้ใช้ความคิดอยู่กับเรื่องนี้ด้วยตัวของตัวเองแต่โดยดี









“ไปเลย หมาป่า!!!! วู้วววววว”



“นายไม่ต้องไปรอที่ห้องเปลี่ยนชุดเหรอ?”



 โรเวนถามเมื่อได้ยินเสียงเพลงเชียร์รอบก่อนสุดท้ายของเหล่าเชียร์หลีดเดอร์และเสียงของกองเชียร์จากในสนาม เดเมียนส่งข้อความเรียกเขามาพบใต้อัฒจรรย์ก่อนการแข่งขันจะเริ่ม เมื่อโรเวนมาถึง เด็กหนุ่มร่างสูงในชุดกีฬาพร้อมอุปกรณ์ป้องกันการกระแทกเต็มยศยืนยิ้มโบกมือให้เขาจากในมุมมืด มืออีกข้างถือหมวกกันน็อคของตัวเองไว้ ใบหน้าหล่อเหลามีแถบสีดำพาดผ่านใบหน้าเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีม



“ใกล้แล้วล่ะ” เดเมียนตอบตามความจริง “แต่ฉันอยากเจอนายก่อน”



“ฉัน? ทำไมเหรอ?”โรเวนถามด้วยสีหน้างุนงง เขาจะช่วยอะไรอีกฝ่ายได้ในการแข่งขัน?



“มาร์คัสบอกว่า มันเป็นประเพณีของทีมที่จะให้แฟนใส่หมวกให้ก่อนการแข่งครั้งแรกของฤดูกาล” เดเมียนเกาหลังคอของตัวเองพร้อมรอยยิ้มเจื่อน ก่อนจะรีบแก้ตัวอย่างลุกลี้ลุกลนเมื่อนึกได้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดฟังดูเป็นอย่างไร “ฉันรู้ว่าเราไม่ได้...แล้วฉันก็ไม่คิดจะกดดันนายให้ยอมรับสถานะอะไรที่นายไม่ต้องการนะ! คือฉัน...ฉันแค่...”



โรเวนตัดบทคนที่เริ่มลิ้นพันกันด้วยความประหม่าด้วยการดึงหมวกกันน็อคของอีกฝ่ายออกมาถือไว้ เดเมียนจ้องหมวกในมือของเพื่อนสนิทตาแป๋ว รอให้เด็กหนุ่มผมแดงสวมมันลงบนศีรษะของเขาด้วยสีหน้ามีความหวัง



แต่โรเวนเลือกที่จะเอื้อมมือไปรั้งคออีกฝ่ายลงมาหา เงยหน้าขึ้นประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของร่างสูง เขารู้สึกได้ว่าร่างกายของอีกฝ่ายผ่อนคลายลงกับสัมผัสของเขาแทบจะในทันที ก่อนที่ร่างโปร่งจะสวมหมวกกันน็อคให้เพื่อนสนิทแล้วแตะหน้าผากของตัวเองเข้ากับหมวกกันน็อคนั้นเบาๆ



“หลังจบเกมส์แล้วเราค่อยคุยกัน ตกลงมั้ย?”



“ฉันจะชนะเกมส์นี้ให้นาย คอยดูฉันนะ” เดเมียนเอ่ยเสียงหนักแน่น โรเวนรู้ว่าแก้มของตัวเองร้อนผ่าวจากคำพูดนั้น แต่เด็กหนุ่มปฏิเสธจะทำตัวเขินอายมากกว่าที่ตัวเองกำลังรู้สึกอยู่ข้างใน



“รีบไปได้แล้ว เดี่ยวก็โดนโค้ชดุหรอก”


เดเมียนยิ้มรับแล้วผละจากเขากลับไปทางห้องแต่งตัว ส่วนโรเวนก็เดินกลับไปยังที่นั่งของตัวเองบนอัฒจรรย์



“พี่โรเวน ทางนี้ครับ” ไรลีย์โบกมือให้เขา ข้างๆเด็กชายมีอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์ที่เป็นคนอาสาขับรถพาพวกเขามาส่งนั่งอยู่ด้วยกัน เฮเดนยิ้มให้เขา ตบที่เก้าอี้ว่างข้างกายเบาๆ หลังจากชายหนุ่มสอนพิเศษให้น้องชายเขาเสร็จ เมื่อได้ยินว่าโรเวนจะมาดูการแข่งขันจึงให้เขาติดรถมาด้วย ไรลีย์ที่ร้อยวันพันปีไม่เคยสนใจกีฬา พอได้ยินว่าอาจารย์คนโปรดจะมา และในการแข่งขันมีเพื่อนสนิทของพี่ที่เขารักเหมือนพี่ชายแท้ๆลงแข่งด้วยก็ขอตามมาอย่างที่โรเวนคิด แต่คนที่ยังคงขวัญเสีย
ไม่หายจากการเกือบสูญเสียบิดาไปอย่างโรซี่ยังคงไม่ยอมห่างจากพ่อกับแม่



“ครูเฮเดนซื้อขนมมาให้เพียบเลย” เด็กชายติดครูเล่าให้พี่ชายฟังเสียงใส โยนป็อบคอร์นเข้าปากอย่างมีความสุข “พี่โรเวนเอามั้ย”



โรเวนส่ายหน้า เหลือบมองอาจารย์คนที่ว่าซึ่งหยิบป็อบคอร์นจากกล่องบนตักของน้องชายตัวเองใส่ปาก ดวงตาภายใต้กรอบแว่นจดจ่ออยู่กับทีมฟุตบอลทั้งสองทีมที่กำลังเดินออกมาที่สนาม



ไม่ว่าจะยังไง เขาก็ยังคงไม่รู้สึกสนิทใจกับคนคนนี้สักทีสิน่า


การแข่งขันเริ่มขึ้นไม่กี่นาทีหลังจากนั้น หากจะให้บอกตามตรง โรเวนไม่เข้าใจสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้นในสนาม เขาอาศัยกระดานคะแนนที่บอกว่าทีมของพวกเขากำลังขึ้นนำและเสียงของนักพากย์ที่ชื่นชมฟอร์มการเล่นของวอเตอร์แบ็คเบอรืหกของทีมนอร์ธฮิล



“ทัชดาวน์!!!”



โรเวนผุดลุกขึ้นร้องตะโกนอย่างดีใจร่วมไปกับกองเชียร์ฝั่งโรงเรียนตัวเองเมื่อเดเมียนทำทัชดาวน์ลูกแรกให้ทีมโรงเรียน ร่างสูงที่วิ่งอยู่ในสนามหันมาทางอัฒจรรย์ที่เต็มไปด้วยคนดู ราวกับกำลังพยายามมองหาอะไรบางอย่างในทะเลของผู้คนที่ใส่เสื้อผ้าสีเดียวกัน เดเมียนโบกมือให้โรเวนอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นโรเวน ก่อนที่แขนนั้นจะค้างเติ่งอยู่กลางอากาศ เช่นเดียวกับร่างที่แข็งทื่อไปจนเป็นช่องโหว่ให้ผู้เล่นฝั่งตรงข้ามโถมตัวใส่จนล้มลงไปกับพื้น



“เบอร์หกเป็นอะไรไป? ทำหน้าอย่างกับเห็นผี คุณว่ามั้ยคุณวู้ดส์?”



อาจารย์หนุ่มนั่งอยู่ข้างเขาเปรยขึ้น โรเวนเหลือบมองคนข้างกายที่หันไปงับฮอทด็อกในมือของไรลีย์อย่างสบายใจ พอจะเดาได้ไม่อยากว่าใครคือต้นเหตุของท่าทีประหลาดของเดเมียน



แล้วก็นะ…ไอ้ท่าทีสนิทสนมเกินเรื่องกับน้องชายเขานี่มันเริ่มจะขัดหูขัดตาเขาแล้วนะ



“ไรลีย์ เลอะแล้วนะ”



ราวกับจะซ้ำเติมข้อสันนิษฐานของคนเป็นพี่ เฮเดนเอื้อมมือไปเช็ดคราบซอสที่เลอะมุมปากของเด็กชายออกด้วยนิ้วหัวแม่มือ ก่อนจะเลียคราบซอสออกจากนิ้วของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับนั่นเป็นสิ่งที่เขาทำประจำ



และดูจากสีหน้าคุ้นชินของน้องชายเขา โรเวนค่อนข้างมั่นใจว่านี่ไม่ใช่พฤติกรรมไม่เหมาะสมแรกของอีกฝ่าย



“เลอะหมดแล้วลูก ดูสิ”


แต่ก่อนที่เขาจะได้โวยวายให้ใครแตกตื่น หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างหน้าเขาก็พูดขึ้นพร้อมกับเช็ดคราบซอสจากมุมปากของลูกชายและส่งนิ้วเข้าปากตัวเองด้วยท่วงท่าเดียวกับคนข้างเขาเมื่อครู่ไม่ผิดเพี้ยน เด็กหนุ่มกัดริมฝีปาก แม้สัญญาณเตือนในหัวจะดังลั่นกับสิ่งที่เห็น แต่โรเวนบอกตัวเองว่าเฮเดนอาจจะเห็นไรลีย์เหมือนน้องชาย หรือลูกชายคนหนึ่งอย่างหญิงสาว
ข้างหน้าเขาก็เป็นได้


แต่จังหวะที่เขาเห็นน้องชายที่ปกติเป็นเด็กขี้อายและไม่สนิทสนมกับใครง่ายๆนอกจากคนในครอบครัวโน้มตัวไปดูดน้ำอัดลมในมือของอาจารย์หนุ่มทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากสนามทำให้โรเวนสะกิดให้เฮเดนสลับที่กับตัวเองโดยไม่ให้เหตุผลใดๆกับอีกฝ่าย



โชคดีที่ร่างสูงข้างๆยอมทำตามโดยไม่มีคำถามใดๆ



ทีมของพวกเขาชนะไปอย่างขาดลอยภายใต้การนำทีมของมาร์คัสและการฟอร์มเล่นของเดเมียน ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมยังคงดื่มด่ำกับชัยชนะและเสียงเชียร์ในสนาม ผู้เล่นดาวเด่นของทีมกลับพุ่งตรงมาทางที่โรเวนนั่งด้วยสีหน้าอยากฆ่าคน ซึ่งร่างโปร่งค่อนข้างมั่นใจว่าคนที่ร่างสูงอยากจะฆ่าเป็นใคร



“เดเมียน...” โรเวนลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว ใช้ร่างกายตัวเองเข้าขวางระหว่างอาจารย์หนุ่มกับเดเมียน “เดเมียน กลับกันเถอะ”



เดเมียนยังคงมองหน้าเฮเดนด้วยสีหน้าไม่พอใจ อาจารย์หนุ่มจ้องตอบนิ่ง ก่อนจะขยับยิ้มมุมปากที่ทำให้แม้แต่โรเวนยังรู้สึกคันไม้คันมืออยากทำร้ายคนขึ้นมา



“ยินดีด้วยนะครับสำหรับชัยชนะในครั้งนี้” เฮเดนกล่าวแสดงความยินดี ลุกขึ้นยืดตัวตรงแล้วยื่นมือให้เด็กหนุ่ม แต่เดเมียนไม่ยอมเอิ้อมมือไปจับ



“ครับ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยสีหน้าแข็งกระด้าง “ผมคงยังชนะอีกหลายครั้ง อย่าเพิ่งเบื่อไปซะก่อนล่ะครับ ครูมิลเลอร์”


“ความมั่นใจในตัวเองมากเกินไปทำให้คนประมาท รู้มั้ยครับ?” เฮเดนตอบยิ้มๆ



“กลับกันได้แล้ว นี่ดึกมากแล้ว ไรลีย์ ลุกขึ้น เราจะกลับกับเดเมียน” โรเวนหันไปบอกน้องชาย แม้เขาจะไม่เข้าใจสิ่งที่คนทั้งสองกำลังคุยกัน แต่เด็กหนุ่มผมแดงสามารถเดาจากบรรยากาศได้ว่าหากอยู่นานกว่านี้ การปะทะกันของคนทั้งคู่อาจจะไม่ใช่
ด้วยคำพูดอีกต่อไป










“เดเมียน นายโอเคมั้ย”



หลังจากพวกเขาทั้งสามเข้ามานั่งในรถ โรเวนสังเกตว่าร่างสูงตัวสั่นไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาไม่อยากทำให้น้องชายที่นั่งอยู่ข้างหลังกังวลใจ ร่างโปร่งจึงโน้มตัวไปกระซิบถามเพื่อนสนิทด้วยความเป็นห่วง เดเมียนกัดริมฝีปาก ใบหน้าคมขึ้นสีเลือดฝาดซึ่งโรเวนไม่มั่นใจว่ามาจากความเหนื่อยหรือความอับอาย



แต่สิ่งที่เด็กหนุ่มรู้ คือกลิ่นเหงื่อของร่างสูงที่ผสมเข้ากับโคโลญจ์อะไรก็ตามที่เดเมียนเคยบอกว่าเซเลสต์ให้เป็นของขวัญเริ่มทำให้เขารู้สึกมึนเวียนศีรษะขึ้นมาอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าส่วนผสมในน้ำหอมนั่นคืออะไร แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่าสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกงุ่นง่านใจขนาดนี้แค่ได้กลิ่นคงไม่ใช่สิ่งของถูกกฏหมาย



“ฉัน…หิว” เสียงท้องของร่างสูงที่ร้องโครกครากดังลั่นสนับสนุนคำตอบนั้นเป็นอย่างดี โรเวนหลุดยิ้มขำออกมากับคำตอบนั้น
พวกเขาตัดสินใจแวะสั่งอาหารที่ช่องสั่งทางรถของร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง ระหว่างทางเขาต้องช่วยแกะห่อเบอร์เกอร์และยัดมันฝรั่งทอดเข้าปากคนขับที่ไม่สามารถรอได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว อาหารชุดที่สั่งมาสองถุงใหญ่เหลือเพียงกระดาษห่อก่อนที่จะถึงหน้าบ้านของโรเวนเสียอีก เด็กหนุ่มผมแดงรู้สึกโล่งใจขึ้นเมื่อเห็นคนที่อิ่มท้องแล้วดูผ่อนคลายลงมาก



แต่การแวะซื้อของกินเมื่อครู่หมายความว่าโรเวนต้องอยู่กับกลิ่นที่ทำให้เขาเริ่มอยู่ไม่สุขนานขึ้นกว่าที่จำเป็น



“ไรลีย์ ลงไปก่อน พี่ลืมของไว้ที่บ้านเดเมียน” โรเวนหันไปบอกน้องชายที่นั่งอยู่ด้านหลัง เดเมียนหันมาหาเขาด้วยสีหน้างุนงง ผิดกับน้องชายของเขาที่ยักคิ้วให้โรเวนอย่างรู้ทันก่อนจะเปิดประตูออกไป เดเมียนออกรถต่อไปทั้งที่ยังมีสีหน้าสับสน แต่ยังคงไม่กล้าถามอะไรคนข้างๆจนกระทั่งถึงบ้านของตัวเอง



“ตกลงว่านายลืมอะ...อืม...” คำพูดของร่างสูงถูกตัดบทด้วยริมฝีปากของโรเวนที่ประกบปิดอย่างกระหาย ริมฝีปากได้รูปที่เผยออย่างงุนงงเปิดช่องว่างให้ลิ้นเรียวเล็กเข้าไปสำรวจและเชิญชวนให้อีกฝ่ายตอบสนอง ซึ่งเดเมียนก็ไม่นึกขัดศรัทธา
โรเวนรู้สึกถึงมือใหญ่ที่สอดเข้ามาใต้เสื้อ แต่ครั้งนี้ เขาปล่อยให้มืออุ่นลูบไล้ไปตามหน้าท้องแบนราบโดยไม่นึกขัดขืน กลิ่นของอีกฝ่ายโอบล้อมรอบร่างของพวกเขาจนโรเวนรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งร่าง แต่เขารู้ว่าตัวเองมาที่นี่เพราะอะไรในคืนนี้




“เดเมียน...” โรเวนเรียกเมื่อริมฝีปากของพวกเขาผละออกจากกัน เดเมียนเคลื่อนใบหน้าลงมาคลอเคลียที่ซอกคอของเขาอย่างมัวเมาไม่ต่างจากที่โรเวนกำลังรู้สึกในตอนนี้ “ฉันพร้อมแล้ว...”



“หืม?” คนที่ยังคงไล่บดจูบตามลำคอขาวเนียนอย่างหลงใหลเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจ โรเวนถอนหายใจอย่างหงุดหงิด เขาไม่ใช่คนที่ชอบพูดอะไรแบบนี้ออกมา แต่เขาก็รู้เช่นกัน ว่าเดเมียนต้องการที่จะได้ยินมันออกมาจากปากของเขา



“ฉันพร้อมให้นายถามแล้ว”



ดวงตาสีฟ้าอ่อนซีดเป็นประกายวาววับเมื่อได้ยินดังนั้น เดเมียนรีบผละออกจากโรเวนแล้วจัดเสื้อผ้าและทรงผมของตัวเองให้เข้าที่ ก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือของเขาไว้ มือใหญ่สั่นเทาด้วยความตื่นเต้นและหวาดกลัวในสิ่งที่ตนกำลังจะเอ่ยถาม



“โรเวน...คบกับฉันนะ”



โรเวนเม้มปากแน่น นี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่เขาจะหันหลังกลับไป โอกาสสุดท้ายที่เขาจะแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วกลับไปใช้ชีวิตเรียบง่ายของตัวเองอีกครั้ง...



เขาพยักหน้า ก่อนจะร้องออกมาเมื่อร่างทั้งร่างถูกเดเมียนอุ้มหมุนไปมาพร้อมเสียงหัวเราะสดใสที่ทำให้เซบาสเตียนวิ่งออกมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น แขนเรียวโอบรอบคอของเพื่อนสนิทที่เพิ่งเลื่อนสถานะของตัวเองไว้ โรเวนยิ้มตอบรอยยิ้มกว้างของเดเมียนอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่




ในตอนนั้น เขาไม่ได้รู้เลยว่า ชีวิตของเขากำลังจะยุ่งยากขึ้นอย่างที่ไม่มีใครคาดเดาได้ในอีกไม่ช้า






-------------


 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
โรเวน เดมอน คู่เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อคบกันแล้ว!!!!  :mc4: :m4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
คบกันแล้วๆ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ Panza

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
อีตาคุณครูมันยังงัยมาดีหรือมาร้ายกันแน่ ฮึ่ม!!ดูมีซัมติงกับเด็กน้อยด้วยสิ


Sent from my iPhone using Tapatalk

ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
แว้กก จะเกิดไรขึ้นน

ออฟไลน์ BitterCucumber

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 136
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
สนุกมากจ้า ติดตามๆๆ

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5

Chapter 10: In which they keep getting interrupted.




หลังจากวันนั้น โรเวนรู้สึกว่าพวกเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเกลือกกลิ้งบนเตียงของเดเมียนโดยที่ลิ้นของอีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยให้โพรงปากอุ่นได้ว่างเว้นสักนาที มือใหญ่ที่โรมรันไปทั่วผิวกายขาวเนียนใต้ร่มผ้านั้นยิ่งแล้วใหญ่ หากโรเวนไม่คว้ามือคนที่ซุกซนไม่เป็นเรื่องไว้เวลาที่อีกฝ่ายถลำลึกเกินความสบายใจ ร่างกายเขาคงสึกหรอจากการลูบคลำไปหมดทั้งตัวแล้ว




“นายนี่...ชอบ..อึก...ตรงนั้นจังนะ” โรเวนเบือนหน้าหนีริมฝีปากได้รูปที่ยังคงโฉบเข้ามาหา ทำให้เดเมียนเปลี่ยนเป้าหมายจากริมฝีปากบวมเจ่อเป็นลำคอเรียวระหงส์ ร่างสูงฮัมในลำคอเป็นเชิงตอบรับ ดูดดุนผิวกายบางจนทำให้คนใต้ร่างกระตุกเฮือกกับความรู้สึกวาบหวามที่ได้รับ



ร่างโปร่งสั่นเทิ้มราวกับลุกนกตากฝนเมื่อมืออุ่นที่ลูบไล้ไปตามหน้าท้องแบนราบไล่ขึ้นมาถึงเม็ดติ่งสีชมพูที่ชูชันขึ้นรับสัมผัสอย่างรู้หน้าที่ นั่นเป็นหนึ่งในหลายๆส่วนบนร่างกายที่โรเวนไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะเป็นจุดอ่อนไหวของตัวเอง ลิ้นร้อนลากขึ้นมาถึงติ่งหูเย็น ตวัดลิ้นเลียตามใบหูของร่างโปร่งอย่างอ้อยอิ่งขณะที่นิ้วเรียวยาวสะกิดเขี่ยตุ่มไตสีขมพูเข้มอย่างหยอกเย้้า



“ฉันชอบ...เพราะมันทำให้นายรู้สึกดีต่างหาก”




โรเวนยกมือขึ้นตะครุบปิดปากของตัวเองเพื่อสะกดกลั้นเสียงน่าอายเมื่อริมฝีปากอุ่นเข้าครอบครองยอดอกสีหวานแทนที่นิ้วเรียวยาวผ่านเนื้อผ้า เดเมียนฮัมในลำคออย่างอารมณ์ดี ความรู้สึกชื้นแฉะและแรงสั่นสะเทือนจากเสีียงของร่างสูงทำให้โรเวนบิดเร่าอย่างห้ามไม่อยู่ เขาซุกหน้าลงกับฝ่ามือทั้งสอง รู้ว่าสีหน้าของตัวเองในตอนนี้ต้องบิดเบี้ยวเหยเกด้วยแรงอารมณ์อย่างไม่น่ามองเป็นที่สุด




“ไม่เอาสิโรเวน” เดเมียนท้วงด้วยน้ำเสียงเสียดาย จับข้อมือทั้งสองข้างของอีกฝ่ายให้ขยับออกจากใบหน้าที่แดงก่ำสูสีกับเส้นผมนุ่มที่แผ่สยายตัดกับหมอนสีน้ำเงินเข้มราวกับดวงอาทิตย์ขนาดย่อม“นายจะปิดวิวดีๆแบบนี้จากฉันไม่ได้นะ”




“อะ…ไอ้โรคจิต” โรเวนด่ากลบเกลื่อนความอาย ได้รับคำตอบรับเป็นเสียงหัวเราะในลำคอของร่างสูงอย่างพึงพอใจ




“นายรู้ใช่มั้ย ว่าสภาพของนายในตอนนี้ ถ้าฉันเป็นพวกโรคจิตอย่างที่นายว่าจริงๆ โอกาสที่นายจะได้เดินตรงๆนี่แทบจะเป็นศูนย์เลยนะ”



“….นายมันโรคจิตจริงๆสินะ”



สภาพของเขาในตอนนี้เรียกได้ว่ายิ่งกว่าน่าอาย เสื้อยืดสีเทาตัวโปรดของเขาถูกเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องและแผงอกขาวเนียนที่มีจ้ำสีแดงเรื่อกระจายตัวจับจองพื้นที่ เม็ดทับทิมสีหวานที่ถูกปลุกเร้าผ่านเนื้อผ้าชูชันสัมผัสกับอากาศเย็นเยียบในห้อง ริมฝีปากเรียวสีสดที่ถูกเคลือบด้วยของเหลวสีใสเผยอเอาอากาศเข้าปอดเพื่อทดแทนเวลาที่ไม่ได้หายใจเมื่อครู่ แต่ดวงตาสีฟ้าซีดที่เข้มขึ้นด้วยอารมณ์ของเดเมียนกลับไล่มองเรือนร่างขาวราวกับเขาเป็นดาราดาวยั่วในคลิปวีดีโอที่เด็กหนุ่มวัยเดียวกับพวกเขากำลังหมกมุ่น




“ฉันจะให้คำแนะนำดีๆสำหรับอนาคตนะโรเวน” ร่างสูงเลียริมฝีปาก ไม่คิดปิดบังความกระหายในแววตาของตัวเอง “ถ้านายเรียกใครว่าโรคจิตในสภาพนี้ ต่อให้เขาไม่ได้เป็นโรคจิตจริงๆเขาก็จะกลายเป็นแบบนั้นเพราะนายนี่แหละ”



โรเวนที่ยังคงหอบหายใจอยู่บนเตียงขยับยิ้ม ใช้ข้อศอกยันร่างของตัวเองให้ขยับขึ้นไปใกล้อีกฝ่าย ริมฝีปากเรียวปัดผ่านริมฝีปากล่างของเดเมียนเบาๆขณะที่เอ่ยออกมาอย่างช้าๆ ความท้าทายแฝงอยู่ในทุกพยางค์



“ไอ้-โรค-จิต”



เขาแทบจะได้ยินเสียงสติของเพื่อนสนิทขาดผึงพร้อมกับความยับยั้งชั่งใจทั้งหมด เดเมียนคำรามเสียงต่ำราวกับสัตว์ร้ายที่บาดเจ็บแล้วผลักเขากลับลงไปบนเตียงด้วยแรงไม่เบานัก ริมฝีปากร้อนบดขยี้ลงมาทำให้โรเวนยกแขนขึ้นโอบรอบคอของเพื่อนสนิทเพื่อหาที่ยึดเกาะ แม้หัวสมองจะมึนเบลอจากการกระตุ้นรู้สึกถึงกางเกงยีนส์ของตัวเองที่แทบจะถูกฉีกออกโดยคนที่เริ่มหมดความอดทน



วันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะทำ’ทุกอย่าง’จนสุดทาง



หลายวันที่ผ่านมา ร่างสูงมักจะให้เกียรติโรเวนด้วยการหยุดทุกครั้งที่เห็นอีกฝ่ายเริ่มไม่สบายใจกับสิ่งที่ทำ แต่ครั้งนี้โรเวนพร้อมที่จะปล่อยให้เพื่อนสนิทที่เพิ่งเลื่อนสถานะเป็นคนรักได้ทำในสิ่งที่อยากทำ แม้เขาจะได้พูดออกมาตรงๆ แต่เขาเชื่อว่าเดเมียนรับรู้ความตั้งใจของเขา เดาได้จากมือใหญ่ที่ไล้สำรวจไปทั่วเรือนร่างขาวที่มีเพียงกางเกงชั้นในขาสั้นติดกาย ริม
ฝีปากได้รูปที่ฝากรอยรักไว้ทุกพื้นที่ที่ลากผ่าน และความเปียกชื้นที่หลังมือจากจมูกเปียกๆที่ดุนดันเรียกร้องความสนใจ…




เดี๋ยวนะ…



“เฮ้ย!”




โรเวนผุดลุกขึ้นจากเตียง ถอยกรูดไปชิดกับหัวเตียงอย่างตกใจกับสัมผัสแปลกปลอมเมื่อครู่ เจ้าตัวก่อเรื่องนั่งจ้องพวกเขาอยู่ข้างเตียงตาใสอย่างสนอกสนใจ กระดิกหางไปมารอให้เจ้านายของตนและแขกของบ้านลุกมาเล่นด้วยกัน



“เซบ ออกไปรอข้างนอก” เดเมียนดุสัตว์เลี้ยงของตนด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์



“โฮ่ง!” เจ้าหมาตัวยักษ์เห่า โรเวนหันไปหาเดเมียนที่นิ่งไปเล็กน้อย ดวงตาสีฟ้าจ้องมองเซบาสเตียนอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาหาโรเวนด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก



“โรเวน ฉันเพิ่งจำได้ว่าวันนี้พ่อจะมากินข้าวเย็นด้วย”



“เดี๋ยวนะ กี่โมง?”



เด็กหนุ่มผมแดงถามอย่างตกใจ




“ขอโทษนะ วันนี้นายกลับไปก่อนได้มั้ย?” เดเมียนถามด้วยสีหน้าขอโทษขอโพย โรเวนนึกอยากจะเขกกระโหลกลงโทษ
ความสะเพร่าของคนรัก แต่เดเมียนอดทนเพื่อเขามาหลายวันแล้ว หากเขาจะอดทนเพื่ออีกฝ่ายบ้างสักวันก็คงไม่แปลกอะไร




“ช่วยไม่ได้นี่นะ” เด็กหนุ่มผมแดงถอนหายใจ ก้มลงเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาสวมทีละชิ้น หันไปหาคนที่นั่งทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมอยู่บนเตียง “อย่าลืมนัดที่นายสัญญาไว้กับโรซี่พรุ่งนี้แล้วกัน ฉันไม่อยากโดนน้องบ่นจนหูชาอีกหรอกนะ”




“อื้ม ไม่ลืมหรอก” เดเมียนพยักหน้า



หลังจากที่โรเวนบ่ายเบี่ยงไม่ยอมช่วยมาหลายครั้ง โรซี่ตัดสินใจที่จะไม่พึ่งพาพี่ชายแล้วไปขอเดเมียนสัมภาษณ์ลงหนังสือพิมพ์โรงเรียนด้วยตัวเอง แม้จะมีสีหน้างุนงงกับคำขอ แต่เดเมียนก็รับปากเด็กหญิงโดยง่าย เดเมียนรักครอบครัวของเขาเหมือนครอบครัวของตัวเอง การปฏิเสธโรซี่นั้นสำหรับร่างสูงแล้วทำได้ยากพอๆกับการปฏิเสธโรเวนเอง




โรเวนกลับมาถึงบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดินเพียงไม่นาน เด็กหนุ่มขมวดคิ้วเมื่อสังเกตว่าโต๊ะในห้องครัวที่ไรลีย์มักจะใช้เป็นสถานที่เรียนพิเศษกลับไร้วี่แววของน้องชายของเขาและร่างสูงที่เขายังคงไม่ถูกชะตาด้วยจนถึงตอนนี้



“แม่ครับ ไรลีย์ไปไหนหรือครับ?”



“อ๋อ ขึ้นไปเรียนบนห้องกับครูมิลเลอร์สน่ะจ้า พอดีแม่ต้องใช้ครัวทำขนมให้โรซี่งานโรงเรียนพรุ่งนี้”




หญิงสาวที่กำลังวุ่นวายกับเตาอบในครัวชะเง้อบอกเขาผ่านกองภูเขาคัพเค้กบนโต๊ะอาหาร โรเวนรู้สึกว่าใจของตนตกลงไปที่ตาตุ่ม ร่างโปร่งวิ่งขึ้นบันไดบ้านด้วยความเร็วที่เขาไม่รู้ว่าตัวเองมี




เด็กหนุ่มเปิดประตูพรวดเข้าไปในห้องของน้องชาย ไม่สนใจจะเคาะประตูเตือนคนข้างใน



ภาพที่เห็นคือน้องชายของเขานอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่บนเตียง ข้างกันนั้นมีชายหนุ่มร่างสูงที่แค่ตัวตนของอีกฝ่ายก็แทบจะคับเต็มเตียงเล็กๆนั้นนอนตะแคงเท้าคางชี้ในเด็กชายอ่านบทความบนหน้ากระดาษ




“ทำอะไรกันน่ะ!!!”



“พี่โรเวน? จะเข้ามาทำไมไม่เคาะประตูล่ะครับ?” ไรลีย์เงยหน้าขึ้นจากหนังสือพร้อมขมวดคิ้วมุ่น ไม่ได้สำเหนียกตัวเองเลยว่าสถานการณ์ของตนนั้นดูล่อแหลมเพียงใด




“จะทำอะไรทำไมไม่เปิดประตูทิ้งไว้? มันไม่เหมาะสม เข้าใจมั้ย” โรเวนเตือนน้องชายด้วยน้ำเสียงคุกรุ่น แม้ว่าดวงตาสีมรกต
จะจับจ้องอยู่ที่คนอีกคนที่เขาต้องการให้ข้อความนี้ส่งไปถึง เฮเดนไม่มีท่าทีสำนึกผิด แต่ก็ยอมลุกขึ้นจากเตียงแต่โดยดี



“ไม่เหมาะสม? ผมแค่ติวหนังสือนะครับ” ไรลีย์เถียงอย่างไม่เข้าใจ “แล้วแม่ก็เป็นคนบอกให้ผมขึ้นมาด้วย”



“แต่ก็ไม่ควรขึ้นไปเรียนบนเตียงแล้วปิดประตูแบบนั้น” โรเวนดุ “มันไม่เหมาะสม”




“โรเวน! พี่กำลังทำให้ผมอายอยู่นะ!”ไรลีย์หน้าขึ้นสีกับสิ่งที่พี่ชายกำลังสื่อ แต่อาจารย์พิเศษของเขากลับเอ่ยกับลูกศิษย์ด้วยน้ำเสียงเข้าอกเข้าใจ



“ก็จริงอย่างที่พี่ชายของเธอว่า ครูว่าเราไปเรียนที่โต๊ะหนังสือกันดีกว่านะ”



“แต่ว่า...อาการปวดหลังของครู...”



“ครูทนได้” เฮเดนยิ้มให้เด็กชาย และหากแสงในห้องไม่ได้เล่นตลกกับเขา โรเวนสังเกตเห็นว่าแก้มของไรลีย์มีสีเลือดฝาดระเรื่อมากขึ้นกว่าเดิมกับแววตาอบอุ่นของอีกฝ่าย “ ไปกันเถอะ”



“เปิดประตูไว้ด้วย” โรเวนทิ้งท้าย แม้จะรู้ว่าศึกในครั้งนี้ตนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิงกับแววตาของน้องชายที่ตวัดมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ และไรลีย์ไม่เคยดื้อกับเขาแบบนี้มาก่อน



เขาสังหรณ์ใจว่านี่จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของหนึ่งในหลายๆศึก ที่เขาจะพ่ายแพ้ให้กับอาจารย์ประวัติศาสตร์คนนี้









“ขออนุญาตอัดเสียงนะคะพี่เดเมียน”



โรซี่ขอด้วยสีหน้าระรื่นแล้วกดัดเสียงทันทีโดยไม่สนใจคำตอบรับของเด็กหนุ่ม เดเมียนยิ้มเจื่อน แต่ไม่ได้ถือสาอะไรพฤติกรรมของเด็กหญิง แม้ว่าร่างสูงจะดูเกร็งขึ้นเล็กน้อยก็ตาม




ไรลีย์ยังคงปฎิเสธที่จะพูดกับพี่ชายโทษฐานที่ทำให้ตนอับอายต่อหน้าอาจารย์คนโปรด แต่เด็กหนุ่มที่อ่านหนังสืออยู่ในครัวยังคงเหลือบตาขึ้นมองดูบทสัมภาษณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องนั่งเล่นอย่างอยากรู้อยากเห็นเป็นระยะ โรเวนนั่งอยู่ข้างเพื่อนสนิท เนื่องจากเดเมียนยืนกรานที่จะให้เขาอยู่ด้วยตลอดการสัมภาษณ์ ราวกับว่าโรเวนจะสามารถช่วยปกป้องอีกฝ่ายจากปีศาจตัวจิ๋วตรงหน้าได้อย่างไรอย่างนั้น



“คำถามแรกนะคะ พี่เดเมียนมีชื่อเต็มๆว่าอะไรคะ”



“เดเมียน ลูคัส คอลลินส์” เดเมียนตอบ โรเวนเลิกคิ้ว เขาไม่ยักรู้ว่าอีกฝ่ายมีชื่อกลางด้วย



ดูท่าการนั่งฟังบทสัมภาษณ์นี้คงจะไม่ใช่เรื่องเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์อย่างที่โรเวนคิดเสียแล้ว



“สีที่ชอบ”



“สีแดง” ดวงตาคมเหลือบมองคนรักเจ้าของเส้นผมสีแดงเพลิง โรเวนกลอกตา เบือนหน้าหนีกลบเกลื่อนความเขินอาย



“อาหารที่ชอบ”



“พายแอปเปิ้ลของน้าซาราห์”



โรซี่ยิ้ม ดวงตากลมโตสีมรกตเช่นเดียวกับพี่น้องของตนฉายแววเอ็นดูเด็กหนุ่มอายุมากกว่าอย่างไม่ปิดบัง



“เพื่อนสนิทล่ะคะ?”



“โรเวน” เดเมียนตอบอย่างไม่ต้องคิดก่อนที่คำถามของเด็กหญิงจะสิ้นสุดเสียอีก คนถามไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจ และใครที่รู้จักพวกเขาแม้เพียงผิวเผินก็คงจะไม่ประหลาดใจกับคำตอบของเด็กหนุ่มเช่น



“พอจะเล่าเรื่องของพี่เดเมียนกับพี่โรเวนให้ฟังได้มั้ยคะ? อะไรทำให้พี่กลายเป็นเพื่อนสนิทกัน หรือความทรงจำดีๆของพี่เกี่ยวกับพี่โรเวน”



วูบหนึ่งโรเวนคิดว่าอีกฝ่ายขุดเอาเรื่องราวในอดีตที่ไม่เหมาะสมกับหนังสือพิมพ์โรงเรียนมัธยมต้นออกมาตีแผ่ให้น้องสาวของเขาฟัง โรซี่อายุเพียงแปดปีในตอนที่เดเมียนถูกพรากไปจากพวกเขา และโรเวนไม่คิดว่าเด็กหญิงจะสามารถจดจำสิ่งที่เดเมียนต้องเผชิญก่อนหน้านั้นได้มากนัก



“มีอยู่ครั้งนึงตอนอนุบาล พี่ลืมอาหารกลางวันไปโรงเรียน....” เดเมียนเกริ่น ทำให้ก้อนหนักๆที่โรเวนไม่รู้ว่าถ่วงอยู่ในอกของตนถูกยกขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว “โรเวนแบ่งแซนด์วิชของตัวเองให้พี่ แต่พี่ไม่กล้ารับไว้ พอถูฏรบเร้ามากๆเข้า พี่เลยยอมรับแซนด์วิชนั่นมา แต่โรเวนไม่ยอมไปไหน เขากลัวว่าพี่จะไม่ยอมกิน เลยนั่งเฝ้าจนพี่กินจนหมด หลังจากนั้น โรเวนก็นั่งกินข้าวกับพี่ทุกมื้อกลางวัน ทำให้เราเริ่มสนิทกันมากขึ้น”



หากจะให้พูดให้ถูก แม่ของเดเมียนไม่คิดจะทำอาหารให้ลูกชาย และปฏิเสธจะจ่ายค่าอาหารของโรงเรียนไม่ว่าจะได้รับจดหมายเตือนกี่ครั้ง โรเวนยังคงนึกแปลกใจอยู่ถึงตอนนี้ว่าทำไมครูและผู้ใหญ่ที่รับรู้ถึงไม่มีใครยอมยื่นมือเข้ามาช่วยเด็กน้อยผอมแกร็นที่เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกในช่วงวัยที่เด็กทุกคนควรจะมีแก้มกลมยุ้ยน่ากัดและรอยยิ้มกว้างประดับบนใบหน้า แต่กลับเอาเรื่องนั้นไปนินทาพูดคุยสนุกปากโดยไม่คิดจะแก้ไขให้ถูกต้อง




มารดาของเขาเป็นหนึ่งในคนที่ไม่กล้าแจ้งความเอาเรื่องมารดาของเดเมียน หญิงสาวไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปในสถานการณ์ภายในครอบครัวที่ตนไม่รู้จัก แต่ซาราห์มักจะแพ็คอาหารมาเพิ่มอีกสามชุดให้เด็กชายเสมอ และกำชับให้โรเวนเอาแซนด์วิชมื้อเย็นให้เดเมียนบนรถโรงเรียนระหว่างทางไปและกลับของทุกวัน เพื่อที่อย่างน้อยเด็กชายจะได้มีอะไรตกถึงท้องครบสามมื้อ



ไม่นานนัก เดเมียนก็กลับมาดูมีเนื้อมีหนังขึ้นมาบ้าง แม้ว่าจะยังเป็นเด็กตัวเล็กหากเทียบกับเพื่อนร่วมชั้นของตน โรเวนยังจำได้ว่าร่างทั้งร่างของเพื่อนสนิทเคยสามารถหลบอยู่หลังเขาได้โดยที่ไม่มีใครมองเห็น



“แล้ว...พี่เดเมียนมีคนพิเศษรึยังคะ?” โรซี่ถาม เก็บความตื่นเต้นในน้ำเสียงไว้ไม่อยู่ เดเมียนยิ้ม



“มีแล้วครับ” ประโยคนั้นเด็กหนุ่มเหลือบมองมาที่โรเวนอย่างไม่คิดจะปิดบังความรู้สึก ได้รับคำตอบเป็นดวงตาสีมรกตที่ถลึงจ้องเขาอย่างโกรธๆ



“ว้า…แบบนี้สาวๆคงอกหักกันเป็นแถวเลยนะคะ” โรซี่เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ “แล้วพอจะบอกได้มั้ยคะ ว่าคนที่มัดใจคนสมบูรณ์แบบอย่างพี่เดเมียนได้เป็นคนแบบไหน”



“พี่ไม่ได้สมบูรณ์แบบหรอก” เดเมียนตอบยิ้มๆ “แล้วเขาก็รู้ดีว่าพี่มีด้านที่...ไม่ได้สวยงามเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคอยอยู่ข้างๆพี่ เชื่อในตัวพี่ว่าพี่สามารถเป็นตัวพี่ในแบบที่ดีที่สุดได้ ถ้าไม่มีเขา พี่อาจจะไม่ได้มาอยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ”
โรเวนรู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว แต่เด็กหนุ่มยังคงเลือกที่จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ว่าคำพูดของคนข้างกายนั้นสื่อถึงใคร โรซี่บิดไปมาอย่างเขินอายแทนบุคคลปริศนาคนดังกล่าว ก่อนจะถามคำถามต่อไป



“แบบนี้...แสดงว่าพี่เดเมียนจริงจังมากใช่มั้ยคะ?”



“ครับ” เดเมียนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น และโรเวนไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถทนฟังต่อได้โดยไม่มีปฏิกิริยาอะไรอีก “พี่ไม่คิดว่าพี่จะสามารถรู้สึกกับใครอย่างที่พี่รู้สึกกับเขาได้อีก”



โรเวนนึกสงสัยว่าคนเราจะสามารถตายด้วยความเขินอายได้หรือไม่ แต่เด็กหนุ่มคาดว่าตัวเองคงไม่ต้องรอนานนักกว่าจะได้พิูจน์คำถามนั้น



“ขอบคุณมากนะคะพี่เดเมียนที่ให้หนังสือพิมพ์ของเราสัมภาษณ์...”



“เสร็จแล้วใช่มั้ย? เดเมียน นายบอกว่าจะให้ฉันไปช่วยย้ายโต๊ะที่บ้านไม่ใช่หรือ? รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวก็มืดค่ำกันพอดี”




โรเวนฉุดข้อมือเพื่อนตัวสูงให้ลุกขึ้นก่อนที่เดเมียนจะได้มีโอกาสถามว่าเขากำลังพูดเรื่องอะไร เด็กหนุ่มผมแดงไม่สนใจด้วยซ้ำว่าน้องสาวและน้องชายของเขาจะส่ายหัวอย่างพร้อมเพรียงกันกับข้ออ้างปัญญาอ่อนนั้น แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา โรเวนแทบจะยัดอีกฝ่ายเข้าไปในรถแล้วเข้าไปนั่งที่ประจำของตนข้างที่นั่งคนขับ เดเมียนที่ยังคงตามไม่ทันหันมาหาเขาอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่ดวงตาสีฟ้าซีดจะเบิกกว้างเมื่อถูกคนตัวเล็กกว่ากระชากคอเสื้อเข้ามาบดขยี้ริมฝีปากลงบนริมฝีปากที่คนทั้งโลกต่างพากันอิจฉาและอยากครอบครองในเวลาเดียวกันอย่างรุนแรง




“ขับไป...เร็ว...” โรเวนผละออกมาจากอีกฝ่ายเพียงเล็กน้อยเพื่อออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าไปด้วยแรงอารมณ์ เดเมียนก
ลืนน้ำลาฝืดคอกับภาพตรงหน้า ก่อนจะเหยียบคันเร่งจนรถสปอร์ตคันหรูของของตนคำรามลั่นไปทั่วถนนกว้างที่เงียบสงัด


----------

 :katai4: :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ลูกเขยบ้านวู้ดส์ไม่ธรรมดากันซักคน
เฮเดนปวดหลังจริงๆเหรอ  :hao3:
ส่วนโรเวนหนูไวไฟมากลูก!!

 :pig4:

ออฟไลน์ zuu_zaa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
สนุกค่ะ ชอบแนวนี้มากๆเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ mkianit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
โรเวนรู้กกกค้อนแรงจริม

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1405
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2

ออฟไลน์ littlepig

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +413/-5
Chapter 11: In which they went grocery shopping.




“โรเวน นายไม่จำเป็นต้อง...อื้ม...” เดเมียนที่เอ่ยขึ้นหลังจากเปิดประตูห้องนอนของตัวเองเข้ามาหลับตาลงตามสัญชาตญาณเมื่อริมฝีปากของตนถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากของเพื่อนสนิท ตอบรับลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาเชิญชวนให้เขารังแกถึงถิ่นอย่างเต็มใจ โรเวนประคองใบหน้าของร่างสูงไว้ด้วยมือหนึ่งข้าง มืออีกข้างโอบรอบคอเดเมียนเพื่อโน้มให้ใบหน้าคมเข้ามาใกล้ตนมากขึ้น



“นายติดค้างอะไรฉันไว้เมื่อวาน?” โรเวนกระซิบถามชิดริมฝีปากได้รูป นิ้วหัวแม่มือไล้ตามริมฝีปากล่างของร่างสูง ก้อนเนื้อในอกกระตุกผิดจังหวะเมื่อคนตรงหน้างับลงบนนิ้วของตนแล้วดูดเบาๆ ลิ้นร้อนหยอกเย้ากับนิ้วเรียวทั้งที่ดวงตาสีฟ้าซีดไม่ละไปจากดวงตาสีมรกต



“นายแน่ใจนะ?”



“ถ้านายยังถามย้ำอยู่แบบนี้ฉันจะเปลี่ยนใจขึ้นมาจริงๆแล้วนะ” คนความอดทนน้อยเตือนเสียงขุ่น เดเมียนหุบปากฉับพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน รอยยิ้มเริงร่าราวกับลูกหมาได้กระดูกทำให้โรเวนอดรู้สึกหมั่นไส้จนอยากแกล้งเปลี่ยนใจไม่ได้ แต่ความรู้สึกอื่นที่มีมากกว่าทำให้เขาดึงให้คนที่ยังยิ้มร่าไม่ยอมขยับไปยังเตียงขนาดใหญ่ของอีกฝ่าย



ถามว่าเขากลัวมั้ย แน่นอนว่าโรเวนกลัว



เขายังไม่เคย..ไม่ว่าจะกับผู้หญิงหรือผู้ชาย ยิ่งกับผู้ชายด้วยกันที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีรสนิยมแบบนั้นจนกระทั่งได้มาเจอกับเดเมียนอีกครั้งด้วยแล้ว โรเวนยิ่งแตกตื่น



แต่หากครั้งแรกของเขาจะเป็นใครซักคน เขาอยากให้เดเมียนคือคนคนนั้น



และหลังจากการถูกขัดจังหวะไม่เว้นแต่ละวัน โรเวนในตอนนี้นั้นพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม



“แต่…แต่ฉันไม่มีถุง…อื้อ!”เดเมียนครางเสียงต่ำเมื่อโรเวนงับลงบนไหล่กว้างอย่างขัดใจ สะโพกของร่างเล็กกว่าบดเบียดลงบนจุดกึ่งกลางของร่างสูงอย่างไร้ความปราณี “โรเวน!อึ่ก…ให้…ให้ตายเถอะฟังกันบ้างเซ่!”


“นี่ครั้งแรกของนายใช่มั้ย?” โรเวนกระซิบถาม พรมจูบลงบนลำคอแกร่งอย่างมัวเมา การขึ้นเสียงของคนที่มักจะลงให้เขาเสมอยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ให้โหมกระพือ ทั้งรูปรสกลิ่นเสียงของเดเมียนกำลังจะทำให้เขาคลั่ง เดเมียนพยักหน้า สะโพกสอบกระตุกรับการเสียดสีผ่านเนื้อผ้าอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ ”ของฉันเหมือนกัน…ฉันจะอนุโลมให้แล้วกัน”



ต่อให้ไม่อยากอนุโลมโรเวนก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีสติมากพอจะลุกไปจากเตียงนี้แล้ว



เดเมียนสบถในลำคอ สะโพกสอบขยับสวนการเสียดสีหยอกเย้าอย่างเป็นธรรมชาติของคนที่เพิ่งบอกว่านี่เป็นครั้งแรกของเจ้าตัวอย่างควบคุมไม่อยู่



“โร…โรเวน...”



เจ้าของชื่อขยับลุกขึ้นจากตักแข็งก่อนที่เดเมียนจะทำให้กิจกรรมของพวกเขาจบลงก่อนจะได้เริ่ม เขางุ่นง่านใจมานานพอแล้วและจะไม่ยอมถูกตัดฉับเพียงเพราะเพื่อนสนิทของเขาไม่มีความอดทนมากพอ



“โรเวน!” คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับการเสียดสีเมื่อครู่เบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้นแล้วดึงเข็มขัดของเขาออกอย่างเร่งรีบ “จะทำอะไรน่ะ...”



“หุบปากน่า” แค่นี้เขาก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว



โรเวนจัดการกับปราการทุกด่านของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะร่างกายของเขาก็เริ่มปวดหนึบจนทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน



สิ่งที่ปรากฎแก่สายตาทำเอาโรเวนเหยียบเบรกจนแทบหัวทิ่ม ไม่ใช่ว่าโรเวนไม่เคยสิ่งนั้นของผู้ชายคนอื่น ถึงอย่างไรเขาก็เคยใช้ห้องน้ำสาธารณะมาก่อน แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้น โรเวนไม่มั่นใจว่ามันคือขนาดที่มนุษย์พึงมี



แต่ตอนนี้ เหตุและผลของเขาทั้งหมดถูกโยนออกไปนอกหน้าต่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



“อึ่ก…เรา…ใครจะทำ…”เดเมียนกัดริมฝีปากสะกดกลั้นอารมณ์ที่พุ่งสูงเพียงแค่มือเรียวนุ่มของโรเวนเริ่มขยับปลอบประโลมความเป็นชายที่กำลังเกรี้ยวกราดของตน โรเวนเลิกคิ้วสูงกับคำถามที่แม้จะน่าอายเพียงใดก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาควรหารือกันก่อนเรื่องจะบานปลายเลยเถิดมาถึงจุดนี้


ดวงตาสองคู่สบกันทันทีที่คำถามนั้นหลุดออกมา จากแววตาแน่วแน่ของพวกเขาทั้งคู่ที่จ้องตอบกันอย่างไม่มีใครยอมใครแล้ว โรเวนคิดว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาคงได้อดทนหน้าเขียวหน้าม่วงแบบนี้ไปจนจบคืน



“นายมีไอเดียมั้ย?” ร่างโปร่งถามทั้งที่มือเรียวยังไม่หยุดขยับ สะโพกสอบกระตุกตามจังหวะการหยอกเย้าอย่างห้ามไม่อยู่ เดเมียนมองค้อนคนที่เห็นได้ชัดว่ากำลังเบี่ยงเบนความสนใจของตนก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แหบพร่าด้วยแรงอารมณ์



“เป่ายิงฉุบ”


“…ฉันจะหมดอารมณ์ก็เพราะนายนี่แหล…เหวอ!”



เด็กหนุ่มผมแดงร้องลั่นเมื่อร่างของตนถูกแรงมหาศาลฉุดกลับขึ้นมาบนเตียง พลิกให้เขาลงไปนอนข้างใต้แล้วดึงกางเกงของโรเวนออกด้วยแรงที่ทำให้เขาคิดว่าได้ยินเสียงขาดของเนื้อผ้า



“ทะ…ทำอะไรน่ะ”



“ทำให้นายไม่หมดอารมณ์ไปก่อนไง” สิ้นสุดคำตอบนั้นริมฝีปากหยักดั่งคันศรที่สาวๆในโรงเรียนต่างพากันวาดฝันจะได้รับจุมพิตก็ครอบครองจุดกึ่งกลางลำตัวของร่างขาวเนียนอย่างไม่ให้เด็กหนุ่มได้เตรียมใจ



“เด…อ๊ะ…” โรเวนสบถในลำคอ ยกมือขึ้นปิดปากกั้นเสียงครางหวานด้วยกลัวคนที่กำลังปรนเปรอความสุขให้เขาด้วยลิ้นร้อนจะได้ใจ มือเรียวขยุ้มลงบนกลุ่มผมนุ่มสีบลอนด์สว่างอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยว ดวงตาสีฟ้าเหลือบขึ้นมองเขาทั้งที่ริมฝีปากยังคงทำงานของมันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และนั่นยิ่งทำให้โรเวนนึกอยากบีบคอและกระชากคออีกฝ่ายขึ้นมาบดขยี้ริมฝีปากบาปหนานั้นในเวลาเดียวกัน



”เออ!ยะ…ยอมแล้ว!เป่า…อ่ะ…เป่ายิงฉุบก็ดะ…อ๊ะ…”



สะโพกมนขยับสวนริมฝีปากร้อนแรงอย่างห้ามไม่อยู่ โรเวนไม่คิดว่าจะใครบนโลกใบนี้ที่มีประสบการณ์น่าอายอย่างการเป่ายิงฉุบกับคนที่กำลังใช้ปากให้ตัวเองอย่างเขา



แถมยังเป่ายิงฉุบแพ้คนตรงหน้าอีกด้วย




“ส…สองในสาม” โรเวนต่อรองเสียงสั่น แม้ว่าร่างกายของตนในตอนนี้จะกรีดร้องบอกให้เขายอมๆเดเมียนไปก่อนที่จะทนไม่ไหวก็ตาม



ร่างสูงพึมพำตอบรับเขาเสียงอู้อี้ และแรงสั่นสะเทือนนั้นยิ่งทำให้หน้าท้องแบนราบเกร็งกระตุกด้วยความเสียว



มือเรียวที่สั่นระริกขยับเพื่อตัดสินอนาคตของตัวเองด้วยกาละเล่นปัญญาอ่อนนี้อีกครั้ง โรเวนคิดว่าในชีวิตนี้เขาคงไม่สามารถคิดถึงการเป่ายิงฉุบได้โดยไม่นึกถึงค่ำคืนนี้




เด็กหนุ่มออกกรรไกร นิ้วชี้และนิ้วกลางสั่นระริกตามร่างกายส่วนที่เหลือ กำปั้นของเดเมียนเคาะลงนิ้วของเขาเบาๆอย่างหยอกเย้า ก่อนที่ผู้ชนะจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกช้าๆ สัมผัสที่ห่างหายไปทำให้โรเวนร้องประท้วงตามสัญชาตญาณ



“จะเอาสามในห้ามั้ย?” เดเมียนยืดตัวขึ้นถาม และโรเวนคิดว่าเขาอาจจะก่นด่าท้าทายบุพการีของอีกฝ่ายไปแล้วหากแสงไฟในห้องไม่กระทบกับร่างกำยำเน้นสัดส่วนที่จู่ๆก็ทำให้เขาน้ำลายสอขึ้นมาเสียอย่างนั้น



ให้ตายเถอะ เจ้าหมอนี่จะทำให้เขาเรียนรู้ด้านมืดของร่างกายตัวเองอีกกี่ครั้งถึงจะพอใจ



“โรเวน? เฮ้!” ร่างสูงสะดุ้งเมื่อคนบนเตียงขยับเปลี่ยนมาคลานเข่าไปตามเตียงนุ่งตรงมาหาตัวเอง โรเวนเอื้อมมือไปสานต่อสิ่งที่ตนค้างคาไว้เมื่อครู่อย่างเนิบช้า ลิ้นเรียวเล็กแลบออกมาเล็กน้อยอย่างกล้าๆกลัวๆ และสัมผัสแรกจากลิ้นสีแดงน่ารักนั้นทำให้เดเมียนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง



ไม่ต้องบอกว่าโรเวนรู้สึกเหนือกว่าแค่ไหนที่ทำให้อีกฝ่ายโอนอ่อนตามสัมผัสของเขาได้ ความมั่นใจนั้นเองทำให้เขากล้าพอที่จะมองข้ามขนาดเหนือมนุษย์ตรงหน้าไปแล้วค่อยๆครอบครองส่วนที่ยังคงชี้หน้าเขาอย่างเสียมารยาทเข้าไปทีละนิด



“โร…โรเวน…” มือใหญ่วางลงบนศีรษะของเขาเป็นเชิงปราม “พะ…พอแล้ว นายเอาเข้าไปไม่หมดหรอก…”



เกิดเป็นชายชาตรี โรเวนย่อมไม่ยอมถูกตบหน้าด้วยวาจา ริมฝีปากนิ่มอ้ากว้างเอาความใหญ่โตนั้นเข้าไปอย่างไม่นึกรังเกียจ กระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจติดขัดของเพื่อนสนิท…



…ก่อนจะรีบผละออกมาไอโขลกจนเดเมียนต้องรีบเข้ามาลูบหลังให้อีกฝ่ายหายใจสะดวก



“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าฝืน” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มารดาใช้กับเด็กน้อยจอมซน โรเวนปัดมือเพื่อนสนิทออก ใบหน้าแดงก่ำน้ำตาเล็กจากการไออย่างต่อเนื่อง



“แค่ก…หุบปาก.แค่กๆ...น่า...”



เดเมียนถอนหายใจกับความดื้อรั้นของเพื่อนสนิท โอบแขนรอบร่างของโรเวนเงียบๆด้วยรู้ว่านี่เป็นอีกครั้งที่ชั่วโมงต้องมนต์ของพวกเขาจบลงก่อนเวลาอันควร คนที่ยังคงไอโขลกจนหน้าดำหน้าแดงเอนพิงไหล่หนาของคนข้างกาย อารมณ์อ่อนไหวใดๆก็ตามที่ถูกปลุกเร้าเมื่อครู่ค่อยๆแทนที่ด้วยความอบอุ่นของอุณหภูมิร่างของเดเมียนและความรู้สึกอยากจะขดตัวเป็นก้อน
กลมให้อีกฝ่ายโอบกอดจนหลับไป



“ไว้วันหลังเนอะ” ริมฝีปากได้รูปประทับจุมพิตลงบนขมับของโรเวนอย่างรักใคร่ แม้จะรู้สึกผิด แต่โรเวนก็พยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นเชิงขอบคุณสำหรับความเข้าใจ



“วันนี้...นายค้างที่นี่ได้รึเปล่า?” ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงประหม่า กลัวว่าจะเป็นคำถามที่ล้ำเส้นจนเกินไป แต่โรเวนเพียงแแค่พยักหน้า



“เดี๋ยวฉันโทรบอกแม่”



แน่นอนว่าคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา แต่โรเวนยังคงหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขบนเตียงกว้าง ดื่มด่ำกับสัมผัสของริมฝีปากร้อนผ่าวที่ไล่จุมพิตวนบนหัวไหล่มนและแผ่นหลังเปลือยเปล่าอย่างเอาอกเอาใจ



และจากรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของคนที่กอดเขาไว้แน่นทั้งที่ยังหลับสนิทในเช้าวันต่อมา โรเวนก็คิดว่าเดเมียนไม่ได้รู้สึกเลวร้ายอะไรกับสิ่งที่เกิดและไม่เกิดขึ้นเมื่อวานเช่นกัน










“โรเวน ออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อให้แม่หน่อยสิ แม่ต้องพาพ่อเขาไปตรวจตามนัดที่โรงพยาบาล”



ซาราห์ยื่นกระดาษใบยาวที่จดรายการของใช้จำเป็นไว้อย่างละเอียดพร้อมกับธนบัตรหลายใบ แต่คนที่เอื้อมมือไปรับด้วยสีหน้ากระตือรือร้นและรอยยิ้มกว้างคือเพื่อนสนิทที่นั่งเล่นเกมอยู่ข้างๆเขาบนโซฟา



“ได้เลยครับน้าซาราห์ เดี๋ยวผมพาโรเวนไปเอง”



“เธอนี่พึ่งได้เสมอเลยนะเดเมียน” ซาราห์ยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วกลับไปประคองสามีที่อาการดีขึ้นจนแทบมองไม่ออกว่าเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาไปที่รถที่จอดอยู่หน้าบ้าน



โรเวนเหลือบมองเพื่อนสนิทผมบลอนด์ที่เก็บรายการสินค้าและเงินที่มารดาของตนให้ใส่กระเป๋าเงินของตัวเองอย่างระมัดระวัง แม้จะรู้สึกหมั่นไส้ความกระดี๊กระด๊าออกนอกหน้าของเดเมียนแต่ก็สบายใจที่ตนไม่จำเป็นต้องเดินแบกข้าวของกลับมาจากร้านสะดวกซื้อตัวคนเดียว



“ไปกันเถอะ” เดเมียนหันมายิ้มให้เขา



“อารมณ์ดีจังนะ” โรเวนเหน็บ



“แน่นอน ก็วันนี้นายว่างอยู่กับฉันทั้งวันเลยนี่นา”



เด็กหนุ่มผมแดงเหนื่อยจะชี้ให้อีกฝ่ายเห็นว่าในเวลาปกติพวกเขาก็แทบจะไม่แยกจากกันสักวินาทีอยู่แล้ว ต่อให้เป็นก่อนหรือหลังการก้าวข้ามเส้นบางๆของคำว่าเพื่อนสนิทมาเป็นคนคบหาดูใจ โรเวนก็ยังคงรู้สึกว่าความเหนียวหนึบเป็นตังเมของคนข้างกายนั้นเต็มร้อยอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด



“รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวเย็นนี้ไม่มีอะไรกิน”



หลังจากความพยายามที่ล้มเหลวในการเสียความบริสุทธิ์ครั้งล่าสุดของโรเวน พวกเขายังคงไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองอย่างจริงจัง อยู่ใกล้กันแต่สัมผัสไม่ได้ โรเวนยิ่งหงุดหงิดงุ่นง่านใจเป็นพิเศษ



พวกเขามาถึงร้านสะดวกซื้อที่ในวันนี้แทบไม่มีรถจอดอยู่ด้านหน้า อีกทั้งไฟรอบลานจอดรถที่กระพริบติดๆดับๆในบรรยากาศตะวันใกล้ตกดินเช่นนี้ยังทำให้เขารู้สึกวังเวงเข้าไปใหญ่



“โรแมนติกดีเนอะ” คนข้างๆหันมาพูดกับเขาพร้อมรอยยิ้ม บางครั้งโรเวนก็นึกอยากจะแงะกระโหลกของอีกฝ่ายเอาสมองมาวิเคราะห์ดูเหมือนกันว่าทำไมหมอนี้ถึงได้คิดอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาแบบนี้



“ไปเอารถเข็นมา เอารายการมาให้ฉัน”



เดเมียนหยิบกระดาษที่ตนเก็บไว้ส่งให้โรเวนแล้วเดินไปเอารถเข็นอย่างว่าง่าย ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ แต่โรเวนรู้สึกว่าแม้แต่ภายในร้าน ผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยก็ดูจะบางตากว่าปกติ



“ซอสมะเขือเทศหมดแล้ว” เดเมียนหยิบขวดวอสมะเขือเทศวางใส่รถเข็น



“หมดเพราะนายนั่นแหละ ทั้งบ้านฉันมีใครกินซอสมะเขือเทศที่ไหนกัน”



โรเวนเหน็บเจ้าคนที่มักจะมาขอข้าวบ้านเขากินราวกับบ้านตัวเองไม่มีครัว เดเมียนยิ้มอย่างไม่สำนึกผิด แล้วชะโงกหน้าข้ามไหล่ของเพื่อนผมแดงมาดูว่ามีรายการสินค้าอะไรที่ต้องซื้อบ้าง



“ซีเรียลรสน้ำผึ้ง บ้านนายกินของแบบนี้ด้วยหรือ?”


“แม่ซื้อมาให้นายนั่นแหละ” โรเวนผลักศีรษะเพื่อนเบาๆอย่างหมั่นไส้ “ไม่รู้รึไงว่าตัวเองเป็นลูกรักกว่าลูกแท้ๆแล้วน่ะ”
เดเมียนยิ้มกว้าง หยิบคว้าข้าวของในรายการด้วยความเร็วที่ทำให้โรเวนเวียนหัว แต่ยังคงยิ้มตามคนที่ดูร่าเริงขึ้นมาเพียงแค่ได้รับการยืนยันว่าตนเป็นที่รักของใครสักคน



บางครั้ง…เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเอาเปรียบความโหยหาในความรักของเดเมียนอยู่



“อันนี้ของโปรดของโรซี่ อันนี้ไรลีย์ชอบ…”


“นี่ แม่ให้เงินมาพอดีนะ อย่าหยิบของตามใจชอบสิ” โรเวนเตือนคนที่หยิบทุกสิ่งทุกอย่างที่คนในบ้านเขาชอบโดยไม่คำนึงถึงรายการในมือของเขา



“ได้เป็นไร ฉันจ่ายเอง” คนมีเงินหันมาตอบโดยไม่ต้องคิด โรเวนที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์จะเปลี่ยนใจคนข้างกายจึงรับหน้าที่จัดการกับรายการของที่มารดาของตนต้องการจริงๆ



เด็กหนุ่มเข็นรถมาถึงชั้นวางหลังสุดของร้านเมื่อเขาได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนขึ้นจากหน้าร้าน



“อย่าขยับ!ส่งเงินมาให้หมด!”



ต้นแขนของโรเวนถูกคว้าโดยเดเมียนที่เขาคิดว่ายังเอื้อระเหยลอยชายอยู่ในชั้นซีเรียลให้ตามไปยังประตูห้องพักพนักงานด้านหลัง ร่างสูงผลักเขาเข้าไปในห้องแล้วหันไปล็อกประตูอย่างรวดเร็ว พยักเพยิดให้เด็กหนุ่มผมแดงคลานเข้าไปใต้โต๊ะทำงานในห้องนั้นเพื่อหาที่กำบังแล้วย่อตัวลงคลานเข้ามาซ่อนตัวข้างในเช่นเดียวกับเขา แม้จะมีพื้นที่ไม่มากแต่โตีะไม้ตัวนี้ก็สามารถซุกซ่อนร่างของเขากับเดเมียนได้อย่างพอดิบพอดี



“เกิดอะไรขึ้น?” โรเวนกระซิบถาม เดเมียนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมากดหมายเลขที่นับวันโรเวนยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาชักจะโทรบ่อยขึ้นทุกที กระซิบตอบข้างหูเด็กหนุ่มผมแดงเบาๆ



“โจรปล้นร้าน”



อีกแล้วหรือ? นี่เขาจะต้องเป็นพยานในคดีอาชญากรรมอีกกี่ครั้ง?



เดเมียนตัดสายจากเจ้าพนักงานด้วยสีน้ายุ่งยากใจ มือใหญ่เอื้อมมากุมมือของเขาไว้แน่นอย่างปลอบประโลม ถึงแม้โรเวนจะ
เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีภูมิต้านทานกับเริ่มแบบนี้มากขึ้นทุกวัน ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาตามฝ่ามือใหญ่กลับทำให้หัวใจที่กำลังเต้นรัวอย่างหวาดหวั่นค่อยๆสงบลง



“ตำรวจกำลังมา พวกเราแค่ต้องซ่อนอยู่ในนี้จนกว่า...”



ปึ้งๆๆๆๆ!!!



เสียงประตูถูกกระแทกอย่างแรงทำให้เดเมียนหุบปากฉับ มือใหญ่ปิดปากโรเวนไว้ก่อนที่เด็กหนุ่มผมแดงจะได้ร้องออกมา
โรเวนได้ยินเสียงคนคุยกันข้างนอกห้องแม้จะจับใจความไม่รู้เรื่อง ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นสามนัดติดต่อกัน จากเสียงโรเวนคิดว่าคนร้ายคงยิงกลอนประตูของพวกเขาจนหลุด มือที่ปิดปากของเขากดแน่นเพื่อไม่ให้เสียงร้องอย่างตกใจของโรเวนหลุลอดออกไป ดวงตาสีมรกตเหลือบมองเดเมียนอย่างหวาดหวั่น ร่างโปร่งสั่นเทิ่มไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่อยู่



“รอฉันตรงนี้นะ...” เดเมียนยิ้มให้เขาด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจที่อีกฝ่ายไม่ควรมีในสถานการณ์แบบนี้ “ฉันสัญญา นายจะไม่เป็นอะไร”


ประตูห้องถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง ในชั่วพริบตา ร่างสูงตรงหน้าของเขาก็พุ่งตัวออกไปจากโต๊ะที่พวกเขาซ่อนอยู่ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนโรเวนรู้สึกเหมือนตนถูกแช่แข็งอยู่กับที่ เขาได้ยินเสียงคนร้อง เสียงของแข็งกระทบกับ
ร่างกายของมนุษย์ เสียงข้าวของตกหล่นโครมครามดังลั่น


และสุดท้าย เสียงปืนที่ดังก้องไปทั่วห้องเล็กๆแห่งนี้



“เดเมียน!”


เด็กหนุ่มลืมความหวาดกลัวที่เกาะกุมจิตใจ พุ่งตัวออกไปจากใต้โต๊ะอย่างร้อนรน ไม่มีความคิดในหัวด้วยซ้ำว่าเขาจะช่วยอีกฝ่ายอย่างไร



แต่เขาไม่จะเป็นต้องคิด ร่างของโจรสองคนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ดูจากอกที่ยังคงสะท้อนขึ้นลงน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ส่วนคนที่เขาเป็นห่วงนั่งหอบหายใจพิงตู้เอกสาร ใบหน้าคมบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด มือกดที่ท้องของตัวเองซึ่งมีของเหลวสีแดงสดซึมออกมาเป็นวงกว้าง



“เดเมียน...”


“เฮ้ย เกิดอะ...”



 เสียงของโจรที่อยู่หน้าร้านถูกกลบด้วยเสียงไซเรนของรถตำรวจที่แผดก้องไปทั่วบริเวณ โรเวนได้ยินเสียยงตะโกนไม่ได้ศัพท์ข้างนอกร้าน แต่ความสนใจเดียวของเขาในตอนนี้คือการกดมือลงบนบาดแผลของเพื่อนสนิทเพื่อห้ามเลือดไว้ พยายามเงี่ยหูฟังว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้หรือยัง



“โรเวน...เฮ้ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” คนเจ็บฝืนยิ้มให้เขาอย่างเหนื่อยอ่อน มือข้างที่วางอยู่ข้างลำตัวยกขึ้นมาแตะบนใบหน้า
ซีดเผือดของเพื่อนสนิทเบาๆอย่างปลอบประโลม “ฉันไม่เป็นไรน่า แค่ถากๆ”



“ถากบ้านนายสิเลือดออกขนาดนี้” โรเวนแหว แม้จะรู้สึกว่าเสียงที่ออกมาจากลำคอนั้นสั่นเครือจนแทบจะกลายเป็นเสียงสะอื้น และนั่นทำให้เขาเริ่มสังเกตว่ามือของตัวเองสั่นระริกอย่างควบคุมไม่อยู่ “นายห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด ได้ยินมั้ย”



เขาเพิ่งเกือบจะเสียพ่อไปก่อนหน้านี้ เขาจะไม่ยอมเสียเดเมียนไปเด็ดขาด



“รับทราบ” คนเจ็บแสร้งยกมือขึ้นวันทยาหัตถ์รับคำสั่ง เรียกสายตาค้อนเคืองจากโรเวนได้เป็นอย่างดี



“เคลียร์” เข้าได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ตะโกนขึ้นจากด้านนอก เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบร้องขอความช่วยเหลือ



“ช่วยด้วยครับ! มีคนบาดเจ็บอยู่ตรงนี้!”



ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดเกราะกันกระสุนและเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มาถึง ทั้งสองรีบเข้ามาเพื่อช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยที่คนเจ็บเอาแต่เอ่ยปัดป้องว่ากระสุนแค่ถากต้นไปเท่านั้น



“ถากได้ยังไง ยิงระยะประชิด...”


เสียงของเจ้าหน้าที่กลืนหายไปในลำคอเมื่อเห็นรอยแผลถากยาวที่เป็นต้นตอของเลือดที่ซึมออกมา ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แต่ก็ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เดเมียน โรเวนมองบาดแผลที่แม้จะไม่ได้เล็กนักของอีกฝ่าย แต่ก็ห่างไกลจากแผลถูกยิงระยะประชิดมากอย่างสับสน ในห้องแคบๆแถมสู้ตัวต่อตัวขนาดนั้น คนร้ายจะต้องอ่อนหัดแค่ไหนถึงได้ยิงพลาด



หลังจากทำแผลและให้ปากคำกับตำรวจเสร็จ โรเวนก็รับหน้าที่สารถีจำเป็นขับรถกลับ แม้เดเมียนจะยืนยันเสียงแข็งว่าตนขับรถไหวก็ตาม ทันทีที่พวกเขาเปิดประตูบ้าน มารดาของเด็กหนุ่มผมแดงก็แทบจะกระโจนใส่พวกเขาทั้งสอง สีหน้าของหญิงสาวดูราวกับผ่านการร้องไห้มาสักพักใหญ่


“ที่สถานีโทรมาบอกพ่อเรื่องร้านสะดวกซื้อถูกปล้น โอ ขอบคุณพระเจ้าที่พวกลูกปลอดภัย” ซาราห์กอดเด็กหนุ่มทั้งสองแน่นก่อนจะผละออกมา หญิงสาวมองเดเมียนด้วยสายตาตื้นตัน “เดเมียน ขอบใจมากนะจ๊ะที่ช่วยโรเวนไว้ เธอเป็นฮีโร่ของพวกเราจริงๆ”



“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” เดเมียนยกมือขึ้นเกาหลังคออย่างเขินอายกับคำชม และนั่นทำให้ซาราห์เหลือบไปเห็นเลือดบนเสื้อของเด็กหนุ่ม



“ตายจริง!”



“ไม่มีอะไรครับน้าซาราห์ แค่แผลถากๆ ทำแผลมาแล้ว” เดเมียนรีบพูดก่อนที่หญิงสาวจะได้ปล่อยโฮอีกรอบ โรเวนรีบพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของเพื่อนสนิท



“ถึงยังไงก็ถือว่าบาดเจ็บอยู่ดี” ซาราห์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ช่วงนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่นี่ ถ้าอย่างนั้นก็ค้างที่นี่สักสองสามวันให้แผลดีขึ้นก่อน มีโรเวนอยู่ จะได้ช่วยดูแลด้วย”



แน่นอน คนอย่างเดเมียนไม่มีคำว่าเล่นตัวเมื่อได้ยินคำเชิญชวนนั้น เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นจนน่าหมั่นไส้ แต่โรเวนรู้ดีว่าหลังจากสิ่งที่อีกฝ่ายทำในวันนี้ เขาคงโกรธคงข้างๆไม่ลงไปอีกนาน



---------

ห่างหายจากเรื่องนี้ไปนาน ขอโทาด้วยนะคะ :mew2: :mew2: :mew2:

ออฟไลน์ bigbeeboom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 382
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-0
เดเมียนเท่ห์มากจริง นุ่มนวลที่สุด...โรเวน..ยังคิดรุก..55555
รอตอนหน้าจ้ะ เป็นกำลังใจให้คนเขียน สู้ๆ :)

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
ในเรื่องร้ายๆยังมีเรื่องดีอยู่ เดเมียนคงคิด เจ็บตัวแค่นี้ถือว่าคุ้ม ฮา

 :pig4:

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
สนุกดีค่ะ

ออฟไลน์ Psycho

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 388
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
จงใจแน่ๆ

ออฟไลน์ nizxx

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชีวิตมัธยมนี่มันหอมหวานจังค่ะ อ่านแล้วเหมือนเป็นภารโรงในซีรี่วัยรุ่นเมกันสักเรื่องเลย อยากรู้แล้วอะ ว่าจริงๆเดเมียนเป็นใครกันแน่ เป็นแค่เด็กโชคร้ายแตะต้องอะไรก็พังก็เสียชีวิตแค่นั้นจริงๆหรอ ตอนที่พ่อของเดเมียนแนะนำตัวทำไมต้องโวยวายอะ ไม่ใช่ลูคัสแต่เป็นลูซิเฟอร์หรอยังไง ขำที่ยัยโรเวนเองก็สงสัย แต่ตามน้ำไปก่อน เหมือนให้เราสังเกตไปพร้อมๆกับยัยโรเวนเลย ชอบวิเวียนมากกกก ความมิตรแท้ต่างเพศแล้วยังไงอะ วิเวียนรู้ทันไปหมดเลย เป็นเพื่อนที่น่ารักมาก555555 ขำที่พอยัยโรเวนเจอคนหล่อๆไปเยอะมากๆแล้วมานึกสงสัยว่าคิดมาตลอดว่าชอบผู้หญิงได้ยังไง ปริศนาครอบครัวของเดเมียนก็ยังคลางแคลงใจอยู่เลย ทำไปทำมาบ้านโรเวนจะได้ลูกเขยกันหมดรึเปล่า ขำตอนโรเวนหวงน้องมาก555555555 มันเป็นน่ารักน่าเอ็นดูกลัวน้องโดนล่อลวงอะ เรื่องนี้สนุกมากเลยค่ะ รอติดตามนะคะ

ออฟไลน์ Quatree

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด