Chapter 11: In which they went grocery shopping.
“โรเวน นายไม่จำเป็นต้อง...อื้ม...” เดเมียนที่เอ่ยขึ้นหลังจากเปิดประตูห้องนอนของตัวเองเข้ามาหลับตาลงตามสัญชาตญาณเมื่อริมฝีปากของตนถูกประกบปิดด้วยริมฝีปากของเพื่อนสนิท ตอบรับลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาเชิญชวนให้เขารังแกถึงถิ่นอย่างเต็มใจ โรเวนประคองใบหน้าของร่างสูงไว้ด้วยมือหนึ่งข้าง มืออีกข้างโอบรอบคอเดเมียนเพื่อโน้มให้ใบหน้าคมเข้ามาใกล้ตนมากขึ้น
“นายติดค้างอะไรฉันไว้เมื่อวาน?” โรเวนกระซิบถามชิดริมฝีปากได้รูป นิ้วหัวแม่มือไล้ตามริมฝีปากล่างของร่างสูง ก้อนเนื้อในอกกระตุกผิดจังหวะเมื่อคนตรงหน้างับลงบนนิ้วของตนแล้วดูดเบาๆ ลิ้นร้อนหยอกเย้ากับนิ้วเรียวทั้งที่ดวงตาสีฟ้าซีดไม่ละไปจากดวงตาสีมรกต
“นายแน่ใจนะ?”
“ถ้านายยังถามย้ำอยู่แบบนี้ฉันจะเปลี่ยนใจขึ้นมาจริงๆแล้วนะ” คนความอดทนน้อยเตือนเสียงขุ่น เดเมียนหุบปากฉับพยักหน้ารับอย่างแข็งขัน รอยยิ้มเริงร่าราวกับลูกหมาได้กระดูกทำให้โรเวนอดรู้สึกหมั่นไส้จนอยากแกล้งเปลี่ยนใจไม่ได้ แต่ความรู้สึกอื่นที่มีมากกว่าทำให้เขาดึงให้คนที่ยังยิ้มร่าไม่ยอมขยับไปยังเตียงขนาดใหญ่ของอีกฝ่าย
ถามว่าเขากลัวมั้ย แน่นอนว่าโรเวนกลัว
เขายังไม่เคย..ไม่ว่าจะกับผู้หญิงหรือผู้ชาย ยิ่งกับผู้ชายด้วยกันที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองมีรสนิยมแบบนั้นจนกระทั่งได้มาเจอกับเดเมียนอีกครั้งด้วยแล้ว โรเวนยิ่งแตกตื่น
แต่หากครั้งแรกของเขาจะเป็นใครซักคน เขาอยากให้เดเมียนคือคนคนนั้น
และหลังจากการถูกขัดจังหวะไม่เว้นแต่ละวัน โรเวนในตอนนี้นั้นพร้อมเสียยิ่งกว่าพร้อม
“แต่…แต่ฉันไม่มีถุง…อื้อ!”เดเมียนครางเสียงต่ำเมื่อโรเวนงับลงบนไหล่กว้างอย่างขัดใจ สะโพกของร่างเล็กกว่าบดเบียดลงบนจุดกึ่งกลางของร่างสูงอย่างไร้ความปราณี “โรเวน!อึ่ก…ให้…ให้ตายเถอะฟังกันบ้างเซ่!”
“นี่ครั้งแรกของนายใช่มั้ย?” โรเวนกระซิบถาม พรมจูบลงบนลำคอแกร่งอย่างมัวเมา การขึ้นเสียงของคนที่มักจะลงให้เขาเสมอยิ่งปลุกเร้าอารมณ์ให้โหมกระพือ ทั้งรูปรสกลิ่นเสียงของเดเมียนกำลังจะทำให้เขาคลั่ง เดเมียนพยักหน้า สะโพกสอบกระตุกรับการเสียดสีผ่านเนื้อผ้าอย่างห้ามตัวเองไม่อยู่ ”ของฉันเหมือนกัน…ฉันจะอนุโลมให้แล้วกัน”
ต่อให้ไม่อยากอนุโลมโรเวนก็ไม่คิดว่าตัวเองจะมีสติมากพอจะลุกไปจากเตียงนี้แล้ว
เดเมียนสบถในลำคอ สะโพกสอบขยับสวนการเสียดสีหยอกเย้าอย่างเป็นธรรมชาติของคนที่เพิ่งบอกว่านี่เป็นครั้งแรกของเจ้าตัวอย่างควบคุมไม่อยู่
“โร…โรเวน...”
เจ้าของชื่อขยับลุกขึ้นจากตักแข็งก่อนที่เดเมียนจะทำให้กิจกรรมของพวกเขาจบลงก่อนจะได้เริ่ม เขางุ่นง่านใจมานานพอแล้วและจะไม่ยอมถูกตัดฉับเพียงเพราะเพื่อนสนิทของเขาไม่มีความอดทนมากพอ
“โรเวน!” คนที่กำลังเคลิบเคลิ้มกับการเสียดสีเมื่อครู่เบิกตาโพลงอย่างตกใจเมื่อจู่ๆอีกฝ่ายก็ทรุดตัวลงคุกเข่าบนพื้นแล้วดึงเข็มขัดของเขาออกอย่างเร่งรีบ “จะทำอะไรน่ะ...”
“หุบปากน่า” แค่นี้เขาก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว
โรเวนจัดการกับปราการทุกด่านของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะร่างกายของเขาก็เริ่มปวดหนึบจนทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน
สิ่งที่ปรากฎแก่สายตาทำเอาโรเวนเหยียบเบรกจนแทบหัวทิ่ม ไม่ใช่ว่าโรเวนไม่เคยสิ่งนั้นของผู้ชายคนอื่น ถึงอย่างไรเขาก็เคยใช้ห้องน้ำสาธารณะมาก่อน แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขานั้น โรเวนไม่มั่นใจว่ามันคือขนาดที่มนุษย์พึงมี
แต่ตอนนี้ เหตุและผลของเขาทั้งหมดถูกโยนออกไปนอกหน้าต่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อึ่ก…เรา…ใครจะทำ…”เดเมียนกัดริมฝีปากสะกดกลั้นอารมณ์ที่พุ่งสูงเพียงแค่มือเรียวนุ่มของโรเวนเริ่มขยับปลอบประโลมความเป็นชายที่กำลังเกรี้ยวกราดของตน โรเวนเลิกคิ้วสูงกับคำถามที่แม้จะน่าอายเพียงใดก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าเป็นสิ่งที่พวกเขาควรหารือกันก่อนเรื่องจะบานปลายเลยเถิดมาถึงจุดนี้
ดวงตาสองคู่สบกันทันทีที่คำถามนั้นหลุดออกมา จากแววตาแน่วแน่ของพวกเขาทั้งคู่ที่จ้องตอบกันอย่างไม่มีใครยอมใครแล้ว โรเวนคิดว่าถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาคงได้อดทนหน้าเขียวหน้าม่วงแบบนี้ไปจนจบคืน
“นายมีไอเดียมั้ย?” ร่างโปร่งถามทั้งที่มือเรียวยังไม่หยุดขยับ สะโพกสอบกระตุกตามจังหวะการหยอกเย้าอย่างห้ามไม่อยู่ เดเมียนมองค้อนคนที่เห็นได้ชัดว่ากำลังเบี่ยงเบนความสนใจของตนก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แหบพร่าด้วยแรงอารมณ์
“เป่ายิงฉุบ”
“…ฉันจะหมดอารมณ์ก็เพราะนายนี่แหล…เหวอ!”
เด็กหนุ่มผมแดงร้องลั่นเมื่อร่างของตนถูกแรงมหาศาลฉุดกลับขึ้นมาบนเตียง พลิกให้เขาลงไปนอนข้างใต้แล้วดึงกางเกงของโรเวนออกด้วยแรงที่ทำให้เขาคิดว่าได้ยินเสียงขาดของเนื้อผ้า
“ทะ…ทำอะไรน่ะ”
“ทำให้นายไม่หมดอารมณ์ไปก่อนไง” สิ้นสุดคำตอบนั้นริมฝีปากหยักดั่งคันศรที่สาวๆในโรงเรียนต่างพากันวาดฝันจะได้รับจุมพิตก็ครอบครองจุดกึ่งกลางลำตัวของร่างขาวเนียนอย่างไม่ให้เด็กหนุ่มได้เตรียมใจ
“เด…อ๊ะ…” โรเวนสบถในลำคอ ยกมือขึ้นปิดปากกั้นเสียงครางหวานด้วยกลัวคนที่กำลังปรนเปรอความสุขให้เขาด้วยลิ้นร้อนจะได้ใจ มือเรียวขยุ้มลงบนกลุ่มผมนุ่มสีบลอนด์สว่างอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยว ดวงตาสีฟ้าเหลือบขึ้นมองเขาทั้งที่ริมฝีปากยังคงทำงานของมันอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และนั่นยิ่งทำให้โรเวนนึกอยากบีบคอและกระชากคออีกฝ่ายขึ้นมาบดขยี้ริมฝีปากบาปหนานั้นในเวลาเดียวกัน
”เออ!ยะ…ยอมแล้ว!เป่า…อ่ะ…เป่ายิงฉุบก็ดะ…อ๊ะ…”
สะโพกมนขยับสวนริมฝีปากร้อนแรงอย่างห้ามไม่อยู่ โรเวนไม่คิดว่าจะใครบนโลกใบนี้ที่มีประสบการณ์น่าอายอย่างการเป่ายิงฉุบกับคนที่กำลังใช้ปากให้ตัวเองอย่างเขา
แถมยังเป่ายิงฉุบแพ้คนตรงหน้าอีกด้วย
“ส…สองในสาม” โรเวนต่อรองเสียงสั่น แม้ว่าร่างกายของตนในตอนนี้จะกรีดร้องบอกให้เขายอมๆเดเมียนไปก่อนที่จะทนไม่ไหวก็ตาม
ร่างสูงพึมพำตอบรับเขาเสียงอู้อี้ และแรงสั่นสะเทือนนั้นยิ่งทำให้หน้าท้องแบนราบเกร็งกระตุกด้วยความเสียว
มือเรียวที่สั่นระริกขยับเพื่อตัดสินอนาคตของตัวเองด้วยกาละเล่นปัญญาอ่อนนี้อีกครั้ง โรเวนคิดว่าในชีวิตนี้เขาคงไม่สามารถคิดถึงการเป่ายิงฉุบได้โดยไม่นึกถึงค่ำคืนนี้
เด็กหนุ่มออกกรรไกร นิ้วชี้และนิ้วกลางสั่นระริกตามร่างกายส่วนที่เหลือ กำปั้นของเดเมียนเคาะลงนิ้วของเขาเบาๆอย่างหยอกเย้า ก่อนที่ผู้ชนะจะค่อยๆถอนริมฝีปากออกช้าๆ สัมผัสที่ห่างหายไปทำให้โรเวนร้องประท้วงตามสัญชาตญาณ
“จะเอาสามในห้ามั้ย?” เดเมียนยืดตัวขึ้นถาม และโรเวนคิดว่าเขาอาจจะก่นด่าท้าทายบุพการีของอีกฝ่ายไปแล้วหากแสงไฟในห้องไม่กระทบกับร่างกำยำเน้นสัดส่วนที่จู่ๆก็ทำให้เขาน้ำลายสอขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ให้ตายเถอะ เจ้าหมอนี่จะทำให้เขาเรียนรู้ด้านมืดของร่างกายตัวเองอีกกี่ครั้งถึงจะพอใจ
“โรเวน? เฮ้!” ร่างสูงสะดุ้งเมื่อคนบนเตียงขยับเปลี่ยนมาคลานเข่าไปตามเตียงนุ่งตรงมาหาตัวเอง โรเวนเอื้อมมือไปสานต่อสิ่งที่ตนค้างคาไว้เมื่อครู่อย่างเนิบช้า ลิ้นเรียวเล็กแลบออกมาเล็กน้อยอย่างกล้าๆกลัวๆ และสัมผัสแรกจากลิ้นสีแดงน่ารักนั้นทำให้เดเมียนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
ไม่ต้องบอกว่าโรเวนรู้สึกเหนือกว่าแค่ไหนที่ทำให้อีกฝ่ายโอนอ่อนตามสัมผัสของเขาได้ ความมั่นใจนั้นเองทำให้เขากล้าพอที่จะมองข้ามขนาดเหนือมนุษย์ตรงหน้าไปแล้วค่อยๆครอบครองส่วนที่ยังคงชี้หน้าเขาอย่างเสียมารยาทเข้าไปทีละนิด
“โร…โรเวน…” มือใหญ่วางลงบนศีรษะของเขาเป็นเชิงปราม “พะ…พอแล้ว นายเอาเข้าไปไม่หมดหรอก…”
เกิดเป็นชายชาตรี โรเวนย่อมไม่ยอมถูกตบหน้าด้วยวาจา ริมฝีปากนิ่มอ้ากว้างเอาความใหญ่โตนั้นเข้าไปอย่างไม่นึกรังเกียจ กระหยิ่มยิ้มย่องในใจเมื่อได้ยินเสียงลมหายใจติดขัดของเพื่อนสนิท…
…ก่อนจะรีบผละออกมาไอโขลกจนเดเมียนต้องรีบเข้ามาลูบหลังให้อีกฝ่ายหายใจสะดวก
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าฝืน” ร่างสูงเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่มารดาใช้กับเด็กน้อยจอมซน โรเวนปัดมือเพื่อนสนิทออก ใบหน้าแดงก่ำน้ำตาเล็กจากการไออย่างต่อเนื่อง
“แค่ก…หุบปาก.แค่กๆ...น่า...”
เดเมียนถอนหายใจกับความดื้อรั้นของเพื่อนสนิท โอบแขนรอบร่างของโรเวนเงียบๆด้วยรู้ว่านี่เป็นอีกครั้งที่ชั่วโมงต้องมนต์ของพวกเขาจบลงก่อนเวลาอันควร คนที่ยังคงไอโขลกจนหน้าดำหน้าแดงเอนพิงไหล่หนาของคนข้างกาย อารมณ์อ่อนไหวใดๆก็ตามที่ถูกปลุกเร้าเมื่อครู่ค่อยๆแทนที่ด้วยความอบอุ่นของอุณหภูมิร่างของเดเมียนและความรู้สึกอยากจะขดตัวเป็นก้อน
กลมให้อีกฝ่ายโอบกอดจนหลับไป
“ไว้วันหลังเนอะ” ริมฝีปากได้รูปประทับจุมพิตลงบนขมับของโรเวนอย่างรักใคร่ แม้จะรู้สึกผิด แต่โรเวนก็พยักหน้าให้อีกฝ่ายเป็นเชิงขอบคุณสำหรับความเข้าใจ
“วันนี้...นายค้างที่นี่ได้รึเปล่า?” ร่างสูงถามด้วยน้ำเสียงประหม่า กลัวว่าจะเป็นคำถามที่ล้ำเส้นจนเกินไป แต่โรเวนเพียงแแค่พยักหน้า
“เดี๋ยวฉันโทรบอกแม่”
แน่นอนว่าคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา แต่โรเวนยังคงหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขบนเตียงกว้าง ดื่มด่ำกับสัมผัสของริมฝีปากร้อนผ่าวที่ไล่จุมพิตวนบนหัวไหล่มนและแผ่นหลังเปลือยเปล่าอย่างเอาอกเอาใจ
และจากรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของคนที่กอดเขาไว้แน่นทั้งที่ยังหลับสนิทในเช้าวันต่อมา โรเวนก็คิดว่าเดเมียนไม่ได้รู้สึกเลวร้ายอะไรกับสิ่งที่เกิดและไม่เกิดขึ้นเมื่อวานเช่นกัน
“โรเวน ออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อให้แม่หน่อยสิ แม่ต้องพาพ่อเขาไปตรวจตามนัดที่โรงพยาบาล”
ซาราห์ยื่นกระดาษใบยาวที่จดรายการของใช้จำเป็นไว้อย่างละเอียดพร้อมกับธนบัตรหลายใบ แต่คนที่เอื้อมมือไปรับด้วยสีหน้ากระตือรือร้นและรอยยิ้มกว้างคือเพื่อนสนิทที่นั่งเล่นเกมอยู่ข้างๆเขาบนโซฟา
“ได้เลยครับน้าซาราห์ เดี๋ยวผมพาโรเวนไปเอง”
“เธอนี่พึ่งได้เสมอเลยนะเดเมียน” ซาราห์ยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วกลับไปประคองสามีที่อาการดีขึ้นจนแทบมองไม่ออกว่าเคยผ่านประสบการณ์เฉียดตายมาไปที่รถที่จอดอยู่หน้าบ้าน
โรเวนเหลือบมองเพื่อนสนิทผมบลอนด์ที่เก็บรายการสินค้าและเงินที่มารดาของตนให้ใส่กระเป๋าเงินของตัวเองอย่างระมัดระวัง แม้จะรู้สึกหมั่นไส้ความกระดี๊กระด๊าออกนอกหน้าของเดเมียนแต่ก็สบายใจที่ตนไม่จำเป็นต้องเดินแบกข้าวของกลับมาจากร้านสะดวกซื้อตัวคนเดียว
“ไปกันเถอะ” เดเมียนหันมายิ้มให้เขา
“อารมณ์ดีจังนะ” โรเวนเหน็บ
“แน่นอน ก็วันนี้นายว่างอยู่กับฉันทั้งวันเลยนี่นา”
เด็กหนุ่มผมแดงเหนื่อยจะชี้ให้อีกฝ่ายเห็นว่าในเวลาปกติพวกเขาก็แทบจะไม่แยกจากกันสักวินาทีอยู่แล้ว ต่อให้เป็นก่อนหรือหลังการก้าวข้ามเส้นบางๆของคำว่าเพื่อนสนิทมาเป็นคนคบหาดูใจ โรเวนก็ยังคงรู้สึกว่าความเหนียวหนึบเป็นตังเมของคนข้างกายนั้นเต็มร้อยอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด
“รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวเย็นนี้ไม่มีอะไรกิน”
หลังจากความพยายามที่ล้มเหลวในการเสียความบริสุทธิ์ครั้งล่าสุดของโรเวน พวกเขายังคงไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองอย่างจริงจัง อยู่ใกล้กันแต่สัมผัสไม่ได้ โรเวนยิ่งหงุดหงิดงุ่นง่านใจเป็นพิเศษ
พวกเขามาถึงร้านสะดวกซื้อที่ในวันนี้แทบไม่มีรถจอดอยู่ด้านหน้า อีกทั้งไฟรอบลานจอดรถที่กระพริบติดๆดับๆในบรรยากาศตะวันใกล้ตกดินเช่นนี้ยังทำให้เขารู้สึกวังเวงเข้าไปใหญ่
“โรแมนติกดีเนอะ” คนข้างๆหันมาพูดกับเขาพร้อมรอยยิ้ม บางครั้งโรเวนก็นึกอยากจะแงะกระโหลกของอีกฝ่ายเอาสมองมาวิเคราะห์ดูเหมือนกันว่าทำไมหมอนี้ถึงได้คิดอะไรไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาแบบนี้
“ไปเอารถเข็นมา เอารายการมาให้ฉัน”
เดเมียนหยิบกระดาษที่ตนเก็บไว้ส่งให้โรเวนแล้วเดินไปเอารถเข็นอย่างว่าง่าย ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือไม่ แต่โรเวนรู้สึกว่าแม้แต่ภายในร้าน ผู้คนที่มาจับจ่ายใช้สอยก็ดูจะบางตากว่าปกติ
“ซอสมะเขือเทศหมดแล้ว” เดเมียนหยิบขวดวอสมะเขือเทศวางใส่รถเข็น
“หมดเพราะนายนั่นแหละ ทั้งบ้านฉันมีใครกินซอสมะเขือเทศที่ไหนกัน”
โรเวนเหน็บเจ้าคนที่มักจะมาขอข้าวบ้านเขากินราวกับบ้านตัวเองไม่มีครัว เดเมียนยิ้มอย่างไม่สำนึกผิด แล้วชะโงกหน้าข้ามไหล่ของเพื่อนผมแดงมาดูว่ามีรายการสินค้าอะไรที่ต้องซื้อบ้าง
“ซีเรียลรสน้ำผึ้ง บ้านนายกินของแบบนี้ด้วยหรือ?”
“แม่ซื้อมาให้นายนั่นแหละ” โรเวนผลักศีรษะเพื่อนเบาๆอย่างหมั่นไส้ “ไม่รู้รึไงว่าตัวเองเป็นลูกรักกว่าลูกแท้ๆแล้วน่ะ”
เดเมียนยิ้มกว้าง หยิบคว้าข้าวของในรายการด้วยความเร็วที่ทำให้โรเวนเวียนหัว แต่ยังคงยิ้มตามคนที่ดูร่าเริงขึ้นมาเพียงแค่ได้รับการยืนยันว่าตนเป็นที่รักของใครสักคน
บางครั้ง…เขาก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเอาเปรียบความโหยหาในความรักของเดเมียนอยู่
“อันนี้ของโปรดของโรซี่ อันนี้ไรลีย์ชอบ…”
“นี่ แม่ให้เงินมาพอดีนะ อย่าหยิบของตามใจชอบสิ” โรเวนเตือนคนที่หยิบทุกสิ่งทุกอย่างที่คนในบ้านเขาชอบโดยไม่คำนึงถึงรายการในมือของเขา
“ได้เป็นไร ฉันจ่ายเอง” คนมีเงินหันมาตอบโดยไม่ต้องคิด โรเวนที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์จะเปลี่ยนใจคนข้างกายจึงรับหน้าที่จัดการกับรายการของที่มารดาของตนต้องการจริงๆ
เด็กหนุ่มเข็นรถมาถึงชั้นวางหลังสุดของร้านเมื่อเขาได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนขึ้นจากหน้าร้าน
“อย่าขยับ!ส่งเงินมาให้หมด!”
ต้นแขนของโรเวนถูกคว้าโดยเดเมียนที่เขาคิดว่ายังเอื้อระเหยลอยชายอยู่ในชั้นซีเรียลให้ตามไปยังประตูห้องพักพนักงานด้านหลัง ร่างสูงผลักเขาเข้าไปในห้องแล้วหันไปล็อกประตูอย่างรวดเร็ว พยักเพยิดให้เด็กหนุ่มผมแดงคลานเข้าไปใต้โต๊ะทำงานในห้องนั้นเพื่อหาที่กำบังแล้วย่อตัวลงคลานเข้ามาซ่อนตัวข้างในเช่นเดียวกับเขา แม้จะมีพื้นที่ไม่มากแต่โตีะไม้ตัวนี้ก็สามารถซุกซ่อนร่างของเขากับเดเมียนได้อย่างพอดิบพอดี
“เกิดอะไรขึ้น?” โรเวนกระซิบถาม เดเมียนหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมากดหมายเลขที่นับวันโรเวนยิ่งรู้สึกว่าพวกเขาชักจะโทรบ่อยขึ้นทุกที กระซิบตอบข้างหูเด็กหนุ่มผมแดงเบาๆ
“โจรปล้นร้าน”
อีกแล้วหรือ? นี่เขาจะต้องเป็นพยานในคดีอาชญากรรมอีกกี่ครั้ง?
เดเมียนตัดสายจากเจ้าพนักงานด้วยสีน้ายุ่งยากใจ มือใหญ่เอื้อมมากุมมือของเขาไว้แน่นอย่างปลอบประโลม ถึงแม้โรเวนจะ
เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีภูมิต้านทานกับเริ่มแบบนี้มากขึ้นทุกวัน ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาตามฝ่ามือใหญ่กลับทำให้หัวใจที่กำลังเต้นรัวอย่างหวาดหวั่นค่อยๆสงบลง
“ตำรวจกำลังมา พวกเราแค่ต้องซ่อนอยู่ในนี้จนกว่า...”
ปึ้งๆๆๆๆ!!!
เสียงประตูถูกกระแทกอย่างแรงทำให้เดเมียนหุบปากฉับ มือใหญ่ปิดปากโรเวนไว้ก่อนที่เด็กหนุ่มผมแดงจะได้ร้องออกมา
โรเวนได้ยินเสียงคนคุยกันข้างนอกห้องแม้จะจับใจความไม่รู้เรื่อง ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นสามนัดติดต่อกัน จากเสียงโรเวนคิดว่าคนร้ายคงยิงกลอนประตูของพวกเขาจนหลุด มือที่ปิดปากของเขากดแน่นเพื่อไม่ให้เสียงร้องอย่างตกใจของโรเวนหลุลอดออกไป ดวงตาสีมรกตเหลือบมองเดเมียนอย่างหวาดหวั่น ร่างโปร่งสั่นเทิ่มไปทั้งร่างอย่างควบคุมไม่อยู่
“รอฉันตรงนี้นะ...” เดเมียนยิ้มให้เขาด้วยสีหน้ามั่นอกมั่นใจที่อีกฝ่ายไม่ควรมีในสถานการณ์แบบนี้ “ฉันสัญญา นายจะไม่เป็นอะไร”
ประตูห้องถูกกระแทกเปิดออกอย่างแรง ในชั่วพริบตา ร่างสูงตรงหน้าของเขาก็พุ่งตัวออกไปจากโต๊ะที่พวกเขาซ่อนอยู่ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนโรเวนรู้สึกเหมือนตนถูกแช่แข็งอยู่กับที่ เขาได้ยินเสียงคนร้อง เสียงของแข็งกระทบกับ
ร่างกายของมนุษย์ เสียงข้าวของตกหล่นโครมครามดังลั่น
และสุดท้าย เสียงปืนที่ดังก้องไปทั่วห้องเล็กๆแห่งนี้
“เดเมียน!”
เด็กหนุ่มลืมความหวาดกลัวที่เกาะกุมจิตใจ พุ่งตัวออกไปจากใต้โต๊ะอย่างร้อนรน ไม่มีความคิดในหัวด้วยซ้ำว่าเขาจะช่วยอีกฝ่ายอย่างไร
แต่เขาไม่จะเป็นต้องคิด ร่างของโจรสองคนนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น ดูจากอกที่ยังคงสะท้อนขึ้นลงน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ส่วนคนที่เขาเป็นห่วงนั่งหอบหายใจพิงตู้เอกสาร ใบหน้าคมบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด มือกดที่ท้องของตัวเองซึ่งมีของเหลวสีแดงสดซึมออกมาเป็นวงกว้าง
“เดเมียน...”
“เฮ้ย เกิดอะ...”
เสียงของโจรที่อยู่หน้าร้านถูกกลบด้วยเสียงไซเรนของรถตำรวจที่แผดก้องไปทั่วบริเวณ โรเวนได้ยินเสียยงตะโกนไม่ได้ศัพท์ข้างนอกร้าน แต่ความสนใจเดียวของเขาในตอนนี้คือการกดมือลงบนบาดแผลของเพื่อนสนิทเพื่อห้ามเลือดไว้ พยายามเงี่ยหูฟังว่าเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้หรือยัง
“โรเวน...เฮ้ อย่าทำหน้าแบบนั้นสิ” คนเจ็บฝืนยิ้มให้เขาอย่างเหนื่อยอ่อน มือข้างที่วางอยู่ข้างลำตัวยกขึ้นมาแตะบนใบหน้า
ซีดเผือดของเพื่อนสนิทเบาๆอย่างปลอบประโลม “ฉันไม่เป็นไรน่า แค่ถากๆ”
“ถากบ้านนายสิเลือดออกขนาดนี้” โรเวนแหว แม้จะรู้สึกว่าเสียงที่ออกมาจากลำคอนั้นสั่นเครือจนแทบจะกลายเป็นเสียงสะอื้น และนั่นทำให้เขาเริ่มสังเกตว่ามือของตัวเองสั่นระริกอย่างควบคุมไม่อยู่ “นายห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด ได้ยินมั้ย”
เขาเพิ่งเกือบจะเสียพ่อไปก่อนหน้านี้ เขาจะไม่ยอมเสียเดเมียนไปเด็ดขาด
“รับทราบ” คนเจ็บแสร้งยกมือขึ้นวันทยาหัตถ์รับคำสั่ง เรียกสายตาค้อนเคืองจากโรเวนได้เป็นอย่างดี
“เคลียร์” เข้าได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ตะโกนขึ้นจากด้านนอก เด็กหนุ่มไม่รอช้ารีบร้องขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยครับ! มีคนบาดเจ็บอยู่ตรงนี้!”
ไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ตำรวจในชุดเกราะกันกระสุนและเจ้าหน้าที่กู้ภัยก็มาถึง ทั้งสองรีบเข้ามาเพื่อช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้น โดยที่คนเจ็บเอาแต่เอ่ยปัดป้องว่ากระสุนแค่ถากต้นไปเท่านั้น
“ถากได้ยังไง ยิงระยะประชิด...”
เสียงของเจ้าหน้าที่กลืนหายไปในลำคอเมื่อเห็นรอยแผลถากยาวที่เป็นต้นตอของเลือดที่ซึมออกมา ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แต่ก็ช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้เดเมียน โรเวนมองบาดแผลที่แม้จะไม่ได้เล็กนักของอีกฝ่าย แต่ก็ห่างไกลจากแผลถูกยิงระยะประชิดมากอย่างสับสน ในห้องแคบๆแถมสู้ตัวต่อตัวขนาดนั้น คนร้ายจะต้องอ่อนหัดแค่ไหนถึงได้ยิงพลาด
หลังจากทำแผลและให้ปากคำกับตำรวจเสร็จ โรเวนก็รับหน้าที่สารถีจำเป็นขับรถกลับ แม้เดเมียนจะยืนยันเสียงแข็งว่าตนขับรถไหวก็ตาม ทันทีที่พวกเขาเปิดประตูบ้าน มารดาของเด็กหนุ่มผมแดงก็แทบจะกระโจนใส่พวกเขาทั้งสอง สีหน้าของหญิงสาวดูราวกับผ่านการร้องไห้มาสักพักใหญ่
“ที่สถานีโทรมาบอกพ่อเรื่องร้านสะดวกซื้อถูกปล้น โอ ขอบคุณพระเจ้าที่พวกลูกปลอดภัย” ซาราห์กอดเด็กหนุ่มทั้งสองแน่นก่อนจะผละออกมา หญิงสาวมองเดเมียนด้วยสายตาตื้นตัน “เดเมียน ขอบใจมากนะจ๊ะที่ช่วยโรเวนไว้ เธอเป็นฮีโร่ของพวกเราจริงๆ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ” เดเมียนยกมือขึ้นเกาหลังคออย่างเขินอายกับคำชม และนั่นทำให้ซาราห์เหลือบไปเห็นเลือดบนเสื้อของเด็กหนุ่ม
“ตายจริง!”
“ไม่มีอะไรครับน้าซาราห์ แค่แผลถากๆ ทำแผลมาแล้ว” เดเมียนรีบพูดก่อนที่หญิงสาวจะได้ปล่อยโฮอีกรอบ โรเวนรีบพยักหน้าสนับสนุนคำพูดของเพื่อนสนิท
“ถึงยังไงก็ถือว่าบาดเจ็บอยู่ดี” ซาราห์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ช่วงนี้ที่บ้านไม่มีใครอยู่นี่ ถ้าอย่างนั้นก็ค้างที่นี่สักสองสามวันให้แผลดีขึ้นก่อน มีโรเวนอยู่ จะได้ช่วยดูแลด้วย”
แน่นอน คนอย่างเดเมียนไม่มีคำว่าเล่นตัวเมื่อได้ยินคำเชิญชวนนั้น เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างกระตือรือร้นจนน่าหมั่นไส้ แต่โรเวนรู้ดีว่าหลังจากสิ่งที่อีกฝ่ายทำในวันนี้ เขาคงโกรธคงข้างๆไม่ลงไปอีกนาน
---------
ห่างหายจากเรื่องนี้ไปนาน ขอโทาด้วยนะคะ