แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓  (อ่าน 26653 ครั้ง)

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
หมดเวรหมดกรรมสักที จากนี้ไปมีแต่เรื่องดีๆบ้างนะ

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ลูกชายตาย



แม่หัวฟาด



กลายเป็นอัมพฤกแทน


หรือตายคู่ล่ะทีนี้


โอ๊ย มีแต่เรื่อง

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

อ้าว...หนูยิ่งเพิ่งจะดีใจ

แล้วหนูอเล็กซ์ล่ะ

แม่ทิ้ง..พ่อตาย.ย่าอีก

แม่ผกา..จะรอดมั้ยนั่น

 :mew1:

ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
กรรมใดใครก่อ​ กรรมนั้นคือสนอง

ออฟไลน์ evanescence_69

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-3
สงสารหนูยิ่ง มันจะเป็นตราบาป ในใจน้อง ว่าตัวเองเป็นคนทำให้พ่อตายรึป่าว

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ ๑๔
๑๐๐%


   ควันสีเทาลอยเอื่อยบนอากาศ ท่านเจ้าคุณสรอรรถยืนส่งลูกชายเป็นครั้งสุดท้าย
ตอลดชีวิตที่ผ่านมาผ่านความเสียใจและความยากลำบากมาหลายหน สิ่งที่ทำให้ท่านภูมิใจที่สุดก็คือการมีลูกๆที่ได้ดั่งใจทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคุณใหญ่ คุณกลาง คุณเล็ก คุณรองและคุณน้อย ในบรรดาลูกห้าคนคุณใหญ่นั้นดูจะฝากผีฝากไข้ฝากความหวังในชีวิตราชการได้ดีที่สุด แต่สุดท้ายลุกชายคนโตก็เลือกที่จะจบชีวิตของตัวเองลงด้วยวัยยังไม่ถึงสี่สิบด้วยซ้ำ
   “หักอกหักใจบ้างเถิดท่านเจ้าคุณ”ท่านเจ้าพระยาพิพิธที่บัดนี้ชราวัยลงไปมากวางมือลงบนไหล่คนอ่อนกว่า
   “เกิดแก่เจ็บตายมันเป็นสัจธรรมไม่มีใครหนีพ้นหรอก”
   “กระผมทราบดีขอรับคุณอา แต่ลูกมาตายจากแบบนี้บอกตามตรงกระผมเสียใจกว่าการที่เขาจะเจ็บป่วยตายเสียอีก”
   “ทุกคนย่อมมีกรรมของตัวเอง ตอนนี้คนที่ตายเขาไม่รับรู้แล้วเหลือแต่คนที่อยู่นั่นแหละที่ต้องดูแล แม่ผกาคงเสียใจมาก”
   “ขอรับ ล้มป่วยตั้งแต่วันนั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับเอาแต่ร้องไห้ ซ้ำยังมาเป็นอัมพฤก กระผมทุกข์ใจเหลือเกินขอรับ”
   “ป่วยก็ต้องรักษากันต่อไป แม่ผกาป่วยทั้งกายป่วยทั้งใจ ลูกชายตายต่อหน้าเป็นแม่คนไหนก็ทำใจไม่ได้หรอก”
   “อย่าว่าแต่แม่เขาทำใจไม่ได้เลยขอรับคุณอา กระผมเองตั้งแต่ตาใหญ่ตายไปข่มตาหลับไม่ลงเลยซักคืน ยังดีที่ได้ตาเล็กคอยวิ่งเต้นจัดการงานศพให้ บ้านเจ้าสัวเช็งก็ดีแสนดีงานครัวกับข้าวกับปลาเลี้ยงพระเลี้ยงแขกก็มาช่วยจัดการไม่ได้ขาดตกบกพร่องจนกระผมรู้สึกละอายใจที่ลูกชายของกระผมไปทำแม่สนเจ็บช้ำน้ำใจจนสติหลุด ไหนๆก็ได้คุยกันแล้วกระผมก็อยากจะกราบขอโทษคุณอานะขอรับ กระผมทราบดีว่าคุณอานั้นรักแม่สนที่สุดในบรรดาหลานๆแต่กระผมก็ไม่ได้ให้ความเอาใจใส่ดูแลจนเกิดเรื่อง”เจ้าคุรสรอรรถยกมือไหว้ผู้อาวุโสกว่าซึ่งเจ้าคุณพิพิธเองก็ได้แต่ลูบหลังลูบไหล่ปลอบ
   “เอาเถอะๆ เรื่องมันแล้วไปแล้วเธอเองก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีนะพ่อโต”ชื่อเล่นที่เคยเรียกขานมาตั้งแต่เด็กถูกนำมาเอ่ยอีกครั้ง คนสองวัยปรับความเข้าใจกันทามกลางความเศร้าโศก คุณเล็กพาเณรยิ่งและเณรอเล็กซ์ไปลาสิขาหลังงานศพของคุณใหญ่เสร็จสิ้น  ส่วนในครัวหนูแสนและคุณพะยอมยุ่งอยู่กับการช่วยกันเก็บของเมื่อเสร็จเรียบร้อยและของที่ยืมวัดออกมาใช้ถูกนับจำนวนจนครบถ้วนก็เตรียมตัวกลับบ้าน
   “หนูแสน คุณน้า อย่าเพิ่งกลับครับ”คุณเล็กพาหลานทั้งสองที่ลาสิขาเสร็จกลับมาร้องเรียกไว้
   “ประเดี๋ยวกลับด้วยกันเถอะครับ”คุณเล็กเข้าไปฉวยเอาของในมือของหนูแสนมาถือไว้เสียเอง คุณพะยอมเห็นว่ายังไงก็บ้านใกล้กันจึงตกลงกลับกับคุณเล็ก
   “แม่เราเขาเป้นอย่างไรบ้างล่ะคุณเล็ก”เพราะอย่างไรเสียก็เป็นเพื่อนกันมานานคุณพะยอมก็อดเป็นห่วงคุณหญิงผกาไม่ได้
   “แย่ครับ ไม่กินไม่นอนเอาแต่ร้องไห้”
   “หัวอกคนเป็นแม่นั่นแหละ ยิ่งพ่อใหญ่เป็นลูกชายคนแรกทั้งรักทั้งหวงก็ย่อมเสียใจมากเป็นธรรมดา ช่วงนี้พ่อเล็กก็คอยดูแลเอาอกเอาใจเธอหน่อยประเดี๋ยวเวลาผ่านไปก็คงจะดีขึ้น”
   “กระผมก็เข้าไปหาแม่ทุกวันนะครับคุณอา แต่แม่ไม่พูดกับใครเลยเอาแต่นอนร้องไห้ ยังดีที่คุณพี่กลางมาอยู่เป็นเพื่อน แต่ก็ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที”คุณเล็กบอกเล่าความเป็นไปของคนที่บ้าน
   “อาอยากไปเยี่ยม แต่แม่เราเขาโกรธถึงขั้นไม่เผาผีก็เลยไม่กล้า กลัวไปให้เห็นหน้าจะทรุดมากกว่าเดิม”
   “ลองไปมั้ยล่ะครับ ช่วงนี้คุณแม่อ่อนแอ คุณอาเองก็เป็นเพื่อนรักกระผมว่าแม่ก็คงจะยอมฟังบ้าง”
   “ไม่กล้าหรอกจ้าพ่อเล็ก อากลัวเห็นหน้าจะพาลทรุดลงกว่าเดิม แม่ผกาเขาเจ้าทิฐิมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”
   “แต่หนูแสนอยากไปเยี่ยมคุณป้านะคะ ให้หนูแสนลองไปก่อนมั้ยคะ”หนูแสนที่นั่งข้างคุณเล็กหันไปพูดกับผู้เป็นแม่ด้วยดวงตากระตือรือร้น
   “จะดีหรือลูก”
   “ลองดูก็ได้ครับ เดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนหนูแสนเอง”
   “ถ้าอย่างนั้นก็ตามใจ”คุณพะยอมออกปากอนุญาต
   “ดีเลย ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้เช้าหนูแสนจะไปเยาวราช ไปซื้อพวกเครื่องยาจีน หนูแสนจะทำไก่ดำตุ๋นยาจีนให้คุณป้าทาน”
   “ดีเหมือนกัน บ้านเราไม่ได้ทำไก่ดำมานาน สรรพคุณก็ช่วยบำรุงร่างกายบำรุงเลือด ยังไงหนูแสนซื้อไก่ดำมาซักสองตัวนะลูกจะได้พอแบ่งกันบ้านละตัว”
   “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้คุณเล็กไปรับหนูแสนตอนเช้านะคะ คุณเล็กลาหลายวัน”ลิขิตรีบเสนอตัวรับอาสาพาหนูแสนไปเยาวราช คนเด็กกว่าไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธทำเพียงอมยิ้มน้อยๆ จะพูดจาโต้ตอบอะไรก็ไม่ถนัดด้วยคุณพะยอมก็นั่งอยู่ด้วย
เมื่อส่งคุณพะยอมและหนูแสนถึงบ้านแล้วคุณเล็กก็ขับรถกลับบ้านตัวเอง เรือนใหญ่เงียบเหงามีเพียงหนูยิ่งและอเล็กซ์ที่กลับมาพร้อมเจ้าคุณสรอรรถนั่งเล่นอยู่ที่ชานเรือนโดยมีบ่าวคอยดูแลหนึ่งคน
   “เจ้าคุณพ่อล่ะชด?”
   “เข้าไปดูคุณหญิงในห้องแล้วขอรับ ท่านฝากบอกว่าไม่รับมื้อเย็นนะขอรับ”
   “อ้าว ตาเล็กมาแล้วหรือ?”คุณกลางผู้เป็นพี่สาวเอ่ยทักน้องชาย คุณเล็กรีบเดินไปประคองพี่สาวที่ท้องแก่เต็มทีให้มานั่งที่โต๊ะอาหาร
   “บ้านเราตอนนี้เงียบเหงาเสียเหลือเกินนะตาเล็กนะ ไม่เหมือนตอนเรายังเด็กๆ เราสี่คนพี่น้องวิ่งเล่นกับให้เจียวจาว บ้านไม่เคยเงียบเสียง แล้วดูตอนนี้สิคุณรองลาราชการได้ไม่กี่วันก็ต้องรีบกลับยังไม่ทันได้เผาผีคุณใหญ่เลยซักนิด พี่ก็ท้องแก่ต้องดูแลคุณแม่งานเผาก็ไม่ได้ไป พี่ใหญ่หนอพี่ใหญ่ ไม่น่าคิดสั้นอย่างนี้เลย”
   “อย่าคิดมากเลยค่ะพี่กลาง เดี๋ยวจะกระเทือนถึงหลาน คิดเสียว่าพี่ใหญ่เธอหมดเวรหมดกรรมแล้วในชาตินี้ไม่ต้องทุกข์ทรมานอีกต่อไป”
   “ห่วงก็แต่คุณแม่ท่าน พี่ใกล้คลอดเต็มทีอีกวันสองวันก็ต้องกลับบ้านแล้วใครจะดูแล”
   “เล็กว่าจะหาพยาบาลพิเศษมาคอยดูแลท่าน”
   “จะไว้ใจได้หรือเปล่า?”ก็ยังอดห่วงไม่ได้
   “แต่ก็ดีกว่าให้บ่าวรับใช้อย่างน้อยพยาบาลเขาก็รู้ว่าต้องดูแลคนป่วยยังไงพี่กลางไม่ต้องห่วงนะคะ ดูแลตัวเองดีๆหลานออกมาจะได้สมบูรณ์แข็งแรง”
   “อย่างนั้นพี่ก็ฝากเล็กด้วยนะ ตอนนี้คุณแม่ก็เหลือแค่เรา พี่ออกเรือนไปแล้วจะไปๆมาๆบ่อยๆก็ลำบาก”คุณกลางออกปากฝากผีฝากไข้ผู้เป็นแม่กับน้องชายคนเล็ก ซึ่งคุณเล็กเองก็ยินดีจะรับภาระนี้

   “ต้องใช้อะไรบ้างคะ?”คุณเล็กเอ่ยถามหนูแสนที่นั่งหน้าคู่กันมา
   “จริงๆไปบอกร้านว่าเอาเครื่องยาจีนห่อหนึ่งเขาก็จะจัดให้ครบค่ะ แต่ถ้าอยากทราบละเอียดว่ามียาจีนตัวไหนบ้างก็มีรากโสม พุทราแห้ง เก๋ากี้ ฮ่วยซัว ตังเซียม บัคกี้ เง็กเต็ก แล้วก็ขิงค่ะ ใช้อย่างละเท่าๆกัน เครื่องปรุงก็ใส่เกลืออย่างเดียว หนูแสนจะให้คุณป้าทานน้ำซุปมันช่วยบำรุงร่างกายบำรุงกำลังดี”หนูแสนอธิบายเมนูอาหารที่จะทำไปเยี่ยมคุณหญิงผกาในวันนี้ คุณเล็กมองริมฝีปากอิ่มที่พูดอธิบายแล้วอดยิ้มไม่ได้
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ จากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ หนูแสนก็ยังเป็นคนที่ทำให้คุณเล็กสบายใจได้มากที่สุด
ต่อให้ใครทำให้ร้อนใจแค่ไหนแต่เมื่ออยู่กับหนูแสนก็คล้ายมีน้ำทิพย์มาชโลมใจให้ชุ่มฉ่ำอยู่เสมอ ลิขิตค่อยๆเคลื่อนมือของตัวเองมากุมมือของหนูแสนไว้สอดประสานเรียวนิ้วเข้าด้วยกัน หนูแสนเม้มปากกลั้นยิ้มไม่ได้ขัดขืนไม่ได้ดึงออกแต่กลับกระชับมือของตัวเองจับมือคุณเล็กให้แน่นขึ้น
   “เหนื่อยมั้ยคะ?”หนูแสนเอ่ยถามด้วยความห่วงใย หนูแสนรู้ดีว่าหลังจากนี้ภาระและความคาดหวังทั้งหมดที่คุณใหญ่เคยได้รับจะต้องมาตกอยู่ที่คุณเล็ก ชายหนุ่มหันมายิ้มให้กับคนรัก
   “เหนื่อยค่ะ”และเช่นเดิม กับหนูแสนคุณเล็กไม่จำเป็นต้องปิดบังความรู้สึกของตนเองเลยซักครั้ง รู้สึกอย่างไรก็แสดงออกอย่างนั้น
   “หนูแสนอยู่ข้างคุณเล็กนะคะ ถ้าคุณเล็กเหนื่อย หงุดหงิด หรือไม่สบายใจคุณเล็กบอกหนูแสนได้ทุกเรื่องนะคะ หนูแสนอาจจะช่วยออกความคิดเห็นอะไรไม่ได้เพราะหนูแสนเห็นโลกมาน้อยกว่าคุณเล็กแต่หนูแสนจะเป็นความสบายใจให้คุณเล็กเองค่ะ”และเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน เหมือนในวัยเยาว์อย่างไรอย่างนั้น หนูแสนแสดงความปรารถนาดีที่มีให้กับคุณเล็กเช่นเคย
   “แค่มีหนูแสนอยู่ข้างๆคุณเล็กก็หายเหนื่อยแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่พยายามเข้าไปหาคุณแม่ อย่างน้อยความสัมพันธ์จะได้ไม่ขาดกัน คุณแม่เองก็เอ็นดูหนูแสนไม่น้อยเมื่อก่อนพูดถึงอยู่เสมอ หากทำลายทิฐิในใจท่านได้เราสองบ้านก็คงกลับมาปรองดองกันเหมือนเดิม ห่วงก็แต่เรื่องของเรา”คุณเล็กเงียบไป ก่อนจะเลี้ยวรถเข้าข้างทาง
   “หนูแสนคะ”
   “คะ”
   “หลังจากอะไรเข้าที่เข้าทาง คุณเล็กจะเรียนเจ้าคุณพ่อเรื่องของเราหนูแสนจะว่าอะไรมั้ยคะ?”คุณเล็กหันมาถามหนูแสนด้วยสายตาจริงจังในขณะที่หนูแสนกลับมีท่าทางที่ลังเล
   มันจะดีหรือคะ?”
   “ทำไมถึงคิดว่ามันจะไม่ดีล่ะคะ?”
   “เราเป็นผู้ชาย...”
   “แล้ว?”
   “ตัวหนูแสนน่ะไม่เท่าไหร่ แต่คุณเล็กทำราชการมันจะเป็นผลเสียกับคุณเล็กเองนะคะ”
   “อย่างมากก็แค่ออกจากราชการแล้วมาของานที่ห้างท่านเจ้าสัวทำ”
   “อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนตั้งไกล”
   “อันนั้นคุณเล็กไปเพราะต้องเชื่อฟังพ่อแม่นี่คะ”
   “คุณเล็กทราบดีใช่มั้ยคะว่าความรักของเรามันขัดต่อจารีตของสังคม ผลที่จะตามมาจะเป็นยังไงเราก็ไม่รู้ แต่ที่รู้ถ้าเราบอกใครไปชาวบ้านก็จะว่ามาถึงพ่อแม่เรา มันไม่ใช่ว่าเรารักกันสองคนก็จบนะคะ”หนูแสนแสดงออกถึงความกังวลใจอย่างเห็นได้ชัดจนลิขิตต้องเชยคางของน้องให้เงยขึ้นมาสบตากัน
   “แค่เรารักกัน แค่พ่อแม่รับรู้ แค่นั้นก็พอค่ะ ช่างขี้ปากชาวบ้านประไรเราไม่ได้ขอข้าวเขากินนี่คะ”
   “แล้วถ้าพ่อแม่เราไม่เห็นงามด้วยจะทำอย่างไรเล่าคะ”
   “คุณเล็กก็จะพาหนูแสนหนี หากไม่ได้ครองรักกับหนูแสนคุณเล็กก็ไม่ขอออกเรือนไปกับใคร ถ้าถูกจับพรากคุณเล็กขอตายเสียดีกว่า”หนูแสนรีบเอามือปิดปากคุณเล็กสีหน้าตื่นตระหนก
   ไม่เอาค่ะ ไม่พูดเรื่องตายสิคะ”ดวงตากลมคลอไปด้วยม่านน้ำตา หนูแสนไม่ชอบเลยซักนิดที่คุณเล็กพูดถึงเรื่องตาย ในชีวิตหนูแสนไม่ปรารถนาจะเห็นบุคคลอันเป็นที่รักต้องล้มหายตายจากเลยซักนิดไม่ว่าจะเป็นคนไหน คุณเล็กจุมพิตที่มือนุ่มนั้นอย่างแสนรัก
   “จนกว่าจะถึงวันนั้น เชื่อมั่นในตัวคุณเล็กได้มั้ยคะ? คุณเล็กสัญญาว่าจะจัดการเรื่องของเราให้เรียบร้อย ความรักของเราจะต้องเป็นที่ยอมรับของทุกคนในครอบครัว รอพี่ได้มั้ยคะคนดี”ปลายประโยคเอ่ยคำวอนเว้า ดวงตาจับจ้องหน้าเจ้าน้องน้อยไม่ได้ละไปไหน หนูแสนมองเห็นทะลุถึงความจริงจังจริงใจนั้น ดวงใจพลันอุ่นวาบด้วยรู้ว่าเมื่อคุณเล็กพูดออกมาแล้วเขาจะทำตามที่พูด
คุณเล็กเป็นคนรักษาสัญญาข้อนี้หนูแสนรู้ดี เจ้าน้องน้อยค่อยๆพยักหน้ารับ รอยยิ้มหวานที่มองกี่ครั้งก็ไม่รู้เบื่อปรากฏชัดบนใบหน้า ริมฝีปากอิ่มสีเรื่อโดยธรรมชาติเอื้อนเอ่ยคำที่ต้องการ
   “ได้ค่ะ หนูแสนจะรอ จะรอแค่คุณเล็กคนเดียว ผิดจากนี้ไม่เอาใคร”




.................................................

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


จะสมหวังมั้ยน้ออ

ลุ้น...

เอาใจช่วยทั้งคู่

กลัวใจคนเขียนซะจริง..

เดาทางไม่ถูก...

คงต้องรอออออออ...

 :mew1:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
ต่างอยู่แบบนี้แหละ


อย่าปะโคมข่าวเลย


เจ้าสัวรับไม่ได้หรอก


แล้วยังมีญาติผู้ใหญ่อีก


อยู่กันแบบเงียบๆไปก่อน


ดูๆกันไปก่อน สองเรือนมีแต่เรื่องร้อน



อย่าเพิ่งรีบเพิ่มเรื่องร้อนอีกเลย

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
โอม​ จงสมหวัง​ จงสมหวัง

ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
 มาแล้วจ้าแม่ๆๆๆๆๆๆ​ เดาทางนักเขียนไม่ถูกเลยค่ะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ ๑๕

๕๐%


หนูแสนประคองถ้วยซุปที่เคี่ยวหลายชั่วโมงด้วยความระมัดระวัง แม้ใจอยากจะเข้าไปในห้องของคุณหญิงผกาแต่เมื่อมาถึงหน้าห้องแล้วขากลับแข็งจนก้าวไม่ออก คุณเล็กมองท่าทางลังเลของคนน้องแล้วนึกเอ็นดู
   “เข้าไปเถอะค่ะ อย่างมากก็แค่ถูกตะเพิดออกมา”คุณเล็กแกล้งขู่จนหนูแสนทำหน้ามุ่ยหันมางอแงเบาๆ
   “พุทธโธ่เอ้ยคุณเล็กนี่ ทราบอยู่แล้วว่าหนูแสนกลัวยังจะมาเย้ากันเล่น”หนูแสนส่งค้อนให้คุณเล็กวงใหญ่
   “เข้าไปเถอะค่ะไม่ต้องกลัว คุณเล็กจะอยู่ข้างๆ”คุณเล็กจับต้นแขนของน้องน้อยกระชับให้น้องอุ่นในก่อนจะดันบานประตูออกพาหนูแสนเข้ามาในห้องของคุณหญิงผกา
   “ออกไปกันก่อนเถอะเดี๋ยวฉันจะดูแลคุณแม่เอง”คุณเล็กไล่บ่าวสองคนที่คอยดูแลคุณหญิงผกาให้ออกไป คุณหญิงผกาที่นั่งพิงหัวเตียงอยู่ในคราวแรกดีใจที่คุณเล็กมาหาแต่พอเห็นว่ามีหนูแสนมาด้วยก็สะบัดหน้าเมินไปทางอื่นยิ่งทำให้หนูแสนใจแป้วคุณเล็กตบแขนหนูแสนเบาๆอย่างให้กำลังใจ
   “คุณแม่คะ เล็กพาหนูแสนมาเยี่ยมคุณแม่ค่ะ”หนูแสนวางถาดไก่ดำตุ๋นยาจีนแล้วนั่งลงกับพื้นยกมือไหว้คุณหญิงผกาอย่างนอบน้อม   “หนูแสนกราบคุณหญิงป้าค่ะ เห็นคุณป้าไม่สบายหนูแสนเลยทำไก่ดำตุ๋นยาจีนมาให้คุณป้าทาน”
   “ลูกหนอลูก รู้ว่าแม่เกลียดคนเรือนนู้นเข้าไส้ก็ยังจะพามาให้เห็นหน้า”คุณหญิงผกาเมินไม่ทองหนูแสนแต่กลับหันไปตัดพ้อคุณเล็กแทนจนคุณเล็กต้องมานั่งประคองผู้เป็นแม่อย่างปลอบประโลม
   “ที่พ่อใหญ่ต้องพิการต้องตรอมใจจนฆ่าตัวตายก็ฝีมือพี่สาวเขาทั้งนั้นแล้วนี่ยังจะหน้าด้านหน้าทนมาหาในใจไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยรึฉันถามเธอหน่อยเถอะถ้าเป็นลูกเธอๆจะรู้สึกอย่างไร?”คุณหญิงผกาจ้องหน้าหนูแสนเอ่ยคำถามที่ทำให้หนูแสนต้องก้มหน้าหลบตา
   “ลูกทราบว่าคุณแม่ชังน้ำหน้าคุณพี่สน แต่นี่หนูแสนไงคะ น้องไม่ได้ทำอะไรให้เราเลย”
   “ไม่ได้ทำแต่ก็เป็นคนเรือนนู้น เป็นพี่เป็นน้องกันมีหรือเชื้อจะทิ้งแถว ในขณะที่แม่สนอยู่สุขสบายไม่ต้องรับรู้อะไรแล้ว แต่พ่อใหญ่...”คุณหญิงผกากลั้นสะอื้นยามเอ่ยถึงลูกชายคนโปรด ในใจของคนเป็นแม่นั้นทุกข์ตรมเจียนจะตายตามลูกไป คุณหญิงผกาสะอื้นไห้จนตัวโยน
   “พ่อใหญ่ของแม่”คุณหญิงผการ้องไห้สะอึกสะอื้นยามคิดถึงลูกชายที่เพิ่งจากไป ความทุกข์ตรมของคนเป็นแม่ทำให้คุณเล็กต้องรีบไปประคองกอดไว้อย่างปลอบประโลม หนูแสนมองภาพที่น่าหดหู่นั้นด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง วางถาดซุปบนโต๊ะก่อนจะค่อยๆคลานเข่าเข้าไปใกล้คุณหญิงผกา
   “คุณป้าคะ”หนูแสนเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว ดวงตากลมที่เคยสดใสบัดนี้พราวไปด้วยหยาดน้ำตา
   “หนูแสนทราบดีว่าคุณป้าโกรธเกลียดพี่สนที่ทำให้คุณใหญ่ต้องพิการและพี่สนเองก็ได้รับผลที่เธอทำไว้แล้ว หนูแสนกราบขอโทษคุณป้าแทนพี่สนอีกครั้งนะคะ”หนูแสนค่อยๆก้มลงกราบคุณหญิงผกาแต่คนสูงวัยกลับขยับตัวหนี ความเสียใจที่พยายามเก็บกักไว้ทลายกลายเป็นหยาดน้ำตา หนทางความรักของหนูแสนกับคุณเล็กที่พากันเดินมาในทางไม่ปกติทางสังคมว่ายากแล้วกลับยิ่งยากมากขึ้นเมื่ออุปสรรคชิ้นใหญ่คือคนในครอบครัวที่อาจจะไม่ยอมรับอยู่ก่อนแล้วยังมาโกรธเกลียดกัน หนูแสนไม่เห็นแสงสว่างที่ทางใดจะช่วยให้ความรักของหนูแสนและคุณเล็กราบรื่นเลยซักนิด
   “ไปไป๊ ไม่ต้องมากราบมาไหว้อะไรฉันหรอก”คุณหญิงผกาเอ่ยปากไล่ในขณะคุณเล็กเองก็มองแม่อย่างปรามๆ หนูแสนเงยหน้าขึ้นมองคุณหญิงผกา ดวงตาที่เคยสดใสบัดนี้มีทั้งความเสียใจและความเศร้าสร้อยฉายชัด
   “คุณป้าขา หนูแสนทำอะไรให้คุณป้าโกรธเกลียดเหรอคะ หนูแสนทำอะไรผิดคุณป้าบอกหนูแสนได้มั้ยคะ? หนูแสนจะได้ทำให้คุณป้ากลับมาเมตตาเอ็นดูหนูแสนเหมือนเมื่อก่อน”หนูแสนเอื้อมมือไปจับขาของคุณหญิงผกาไว้ร้องไห้จนตัวโยน คุณเล็กรีบเข้ามาประคองหนูแสนไว้ คุณหญิงผกามองหนูแสน วูบหนึ่งในใจนึกเวทนาสงสารเพราะลึกๆแล้วก็ไม่ได้โกรธเกลียดอะไรหนูแสน โกรธเพียงแต่คุณสนเท่านั้น หากเพราะทิฐินั้นเกาะกินใจหนามานานเกินพอคุณหญิงผกาจึงปัดความเมตตาเอ็นหนูที่มีต่อหนูแสนนั้นทิ้งไป
รู้อยู่เต็มอกว่าคนอื่นๆในเรือนเจ้าสัวเช็งนั้นไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในความผิดที่คุณสนทำเลยซักนิดแต่ก็ยังจะพาล
และเช่นกัน คุณหญิงผกา รู้อยู่เต็มอกว่าที่คุณใหญ่ต้องประสบชะตากรรมเช่นนั้นก็เป็นเพราะนิสัยเจ้าชู้และโกหกปลิ้นปล้อนของลูกตัวเอง แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วหล่อนก็โทษ
โทษว่าคุณสนนั้นไม่มีน้ำอดน้ำทนไม่รู้จักเปิดใจให้กว้าง การมีเมียหลายคนนั้นเป็นเรื่องปกติของผู้ชาย มันแสดงถึงความมีอำนาจมีบารมี
หล่อนโทษทุกอย่างโทษทุกคนหากแต่ไม่โทษลูกชายคนโปรดเลยซักนิด หล่อนทำใจให้มืดบอดเพื่อที่จะกลบความผิดของลูกชาย
   “กลับไปเสียเถอะ ฉันเหนื่อยแล้วอยากนอนพัก”เป็นอีกครั้งที่คุณหญิงผกาเอ่ยปากไล่ หนูแสนก้มหน้ากลั้นน้ำตาไว้ เมื่อเห็นว่าทำอะไรไม่ได้แล้วจึงกราบลาแล้วยอมถอยออกมาโดยมีคุณเล็กวิ่งตามออกมาด้วย ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันมีเพียงคุณเล็กที่ฉวยเอามือน้องมากุมไว้แล้วพาลงจากเรือนมา บ่าวสองคนกลับเข้าไปรับใช้คุณหญิงผกาอีกครั้ง คุณหญิงผกาไม่ได้เอ่ยพูดอะไรกับใครอีกปล่อยเวลาให้ไหลไปราวกับสายน้ำ ในหัวมีเรื่องให้ต้องคิดอีกมากมาย
ทุกอย่างที่คิดนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องของลูกหลาน

ทางด้านคุณเล็กที่กุมมือน้องน้อยลงมาจากเรือนก็พาหนูแสนมาที่เรือนแพ
   “เข้ามาในนี้ก่อนนะคะ”คุณเล็กพาหนูแสนเข้ามาในห้องนอนดันน้องให้นั่งลงแล้วเช็ดน้ำตาให้น้องเบาๆ หนูแสนปล่อยให้น้ำตาไหลเงียบๆไม่ฟูมฟายไม่ตัดพ้อไม่พูดอะไรออกมาซักคำจนกระทั่งปล่อยให้เวลาล่วงไปซักพักหนูแสนจึงเงยหน้าขึ้นมองคุณเล็ก
   “คุณเล็กคะ หนูแสนว่าเราพอเพียงเท่านี้ดีมั้ยคะ? คุณเล็กควรไปมีชีวิตดีๆแล้วแต่งงานกับผู้หญิงดีๆซักคนอย่ามารักกับหนูแสนเลย”คุณเล็กใจหล่นวูบเมื่อหนูแสนเอื้อนเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นออกมารีบรวบร่างของน้องไว้ในอ้อมอกราวกับว่าหากปล่อยไปแม้เพียงนิดหนูแสนจะมลายหายไป
   “ไม่เอานะคะ ไม่พูดแบบนั้นสิคะคนดี...”
   “มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยคุณเล็ก หนูแสนดูแล้วเส้นทางของเรามันตันเสียแล้วค่ะ หนูแสนสู้ไม่ไหวหรอก”
   “หนูแสนฟังคุณเล็กนะคะ หนูแสนเป็นกำลังใจเพียงสิ่งเดียวที่คุณเล็กมีอยู่หากหนูแสนทิ้งคุณเล็กเสียแล้วที่คุณเล็กทำมาก็สูญเปล่า คุณเล็กทราบดีว่ามันยาก แต่คุณเล็กสัญญาว่าจะทำให้เจ้าคุณพ่อกับคุณแม่ยอมรับในความรักของเรา  ขอแค่หนูแสนมั่นใจในตัวคุณเล็ก เรารอกันมานานเกือบสิบปีเพื่อที่จะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน อย่างนี้แล้วหนูแสนจะทิ้งคุณเล็กไว้กลางทางเหรอคะ ไม่รักไม่เวทนาคุณเล็กบ้างเลยหรือ?”
   “เพราะรักไงคะ รักจนไม่อยากให้คุณเล็กต้องมาเจอกับปัญหาอะไรแล้ว ดูก็รู้ว่าคุณป้าท่านสิ้นเอ็นดูหนูแสนเสียแล้วหากฝืนคบกันต่อไปไม่แยกวันนี้วันหน้าก็ต้องถูกจับแยกอยู่ดี หนูแสนสู้รบปรบมือกับใครไม่ไหวหรอกนะคะคุณเล็ก”หนูแสนปล่อยให้น้ำตาไหลลงข้างแก้มสายตาที่มองคุณเล็กนั้นทั้งรักทั้งบูชา
   “คบกันไปหนูแสนก็จะเป็นคนถ่วงความเจริญของคุณเล็กเปล่าๆ”
   “ไม่ใช่ค่ะ...”คุณเล็กประคองสองข้างแก้มของน้องด้วยความเบามือ สายตาที่เคยอ่อนโยนฉายชัดถึงความหนักแน่น
   “หนูแสนไม่ใช่คนที่จะมาถ่วงความเจริญของคุณเล็ก เพราะมีหนูแสนเป็นกำลังใจเป็นแรงผลักดันคุณเล็กถึงอดทนเรียนที่ฝรั่งเศสได้ตั้งนานหลายปี หนูแสนเป็นแรงผลักดันของคุณเล็ก หนูแสนเคยเชื่อมั่นในตัวของคุณเล็กมาโดยตลอดเพราะฉะนั้นคุณเล็กขอนะคะ ขออีกครั้งเดียว แค่ครั้งเดียวที่หนูแสนจะเชื่อใจให้คุณเล็กจัดการเรื่องของเรา ความรักของเราจะต้องไปด้วยกันได้อย่างราบรื่น อย่าทิ้งคุณเล็กนะคะถ้าหนูแสนตัดรอนสะบั้นความสัมพันธ์กับคุณเล็กแล้วคุณเล็กคงมีลมหายใจอยู่ต่อไปไม่ได้ หากต้องแยกกับหนูแสนแล้วคุณเล็กมิสู้โดดน้ำตายให้มันรู้แล้วรู้รอดเสียยังจะดีกว่า”ไม่พูดเปล่าคุณเล็กยังลุกขึ้นถลันจะออกไปด้านนอกเพื่อจะกระโดดน้ำให้หนูแสนดูจนเจ้าน้องน้อยใจหายวูบต้องผวามากอดรวบร่างของคุณเล็กไว้ ปากก็ร้องห้ามปานจะขาดใจ
   “ไม่เอานะคะ คุณเล็กอย่าทำแบบนี้ หนูแสนไม่เลิกแล้ว ฮึก...อยู่กับหนูแสนนะคะ อย่าไปไหน หนูแสนจะเชื่อใจคุณเล็ก จะเชื่อคุณเล็กแค่คนเดียว ห้ามตายนะห้ามทิ้งหนูแสนนะคะ”หนูแสนกอดร่างของคุณเล็กไว้แน่นอย่างหวงแหน หนูแสนกลัวการสูญเสีย ยิ่งจากตายนั้นหมายถึงจะเจอเขาได้แค่ในห้วงความคิดถึงจะไม่ได้พูดคุยกันในเรื่องใหม่ๆ จะไม่ได้เห็นหน้าและอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าดวงใจก็เจ็บไปหมด คุณเล็กรีบหันกลับมากอดปลอบน้องด้วยหนูแสนร้องไห้จนตัวสั่น
   “”หนูแสน  หนูแสนคะ ไม่ร้องแล้วนะคะคนดี คุณเล็กไม่ไปไหนแล้ว หนูแสนก็อย่าไปจากคุณเล็ก อย่าบอกเลิกกันอีกนะคะ”คุณเล็กร้องขอคำสัญญากับน้องในอ้อมแขน หนูแสนกระชับอ้อมกอดของตนเองพยักหน้ารับพร้อมให้คำมั่น
   “ได้ค่ะ หนูแสนจะไม่บอกเลิกคุณเล็กอีก ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย”
   “แค่นี้ก็ชื่นใจคุณเล็กแล้วล่ะค่ะ หลังจากนี้ขอให้หนูแสนทำตามที่คุณเล็กบอกนะคะ อาจจะเหนื่อยหน่อยแต่คุณเล็กขอให้หนูแสนอดทน หนูแสนจะทำได้ไหมคะ”
   “ได้ค่ะ คุณเล็กจะให้หนูแสนทำอะไรคุณเล็กก็บอกหนูแสนมาได้เลย หนูแสนจะทำตามที่คุณเล็กบอกทุกอย่าง เหนื่อยแค่ไหนหนูแสนก็ทนได้ ถ้านั่นมันจะทำให้เราได้อยู่ด้วยกัน”หนูแสนรับปากสิ่งที่คุณเล็กบอก คุณเล็กยิ้มให้กับคำตอบนั้น
อย่างน้อยตอนนี้เขาจะลองให้หนูแสนทำตามแผนที่เขาคิด เขาเชื่อว่าหัวใจคนนั้นเป็นเพียงก้อนเนื้ออ่อนๆ จะมาแข็งแกร่งเกินความดีความมีมานะพยายามไปไม่ได้ และเขาเองก็มั่นใจว่าหนูแสนจะใจเย็นและอดทนพอที่จะทำตามแผนนี้และหนูแสนจะทำมันด้วยความเต็มใจ เขาจะค่อยๆทำให้ทุกคนในบ้านยอมรับหนูแสนด้วยความดีของหนูแสนเอง




......................................


หลังจากนี้จะเป็นการฝ่าฟันอุปสรรคของทั้งคู่แล้วนะคะ

ไม่มีความรักของคู่ไหนไม่มีปัญหาอยู่ที่ว่าจะจับมือไปด้วยกันหรือทิ้งกันไปกลางทาง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-03-2020 18:17:47 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


แม่ผกานี่พาลชัดๆ

 :z6:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ให้กำลังใจคุณเล็กแชะหนูแสน

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ piakunaa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 106
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-0
อยากเอาหนังสะติ๊ก​ยิงแม่ผกา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
แสนคำนึง ตอนที่ ๑๕

๑๐๐%


   คุณพะยอมนั่งดูหนูแสนที่กำลังมูนข้าวเหนียวอย่างขะมักขะเม่นก็ได้แต่ทำหน้ายุ่ง เพราะลูกโตแล้วไม่ใช่เด็กเล็กเหมือนวารวันจึงทำให้คุณพะยอมไม่กล้าออกปากเตือนหรือห้ามปรามตรงๆ ยิ่งเห็นลูกมีสีหน้าที่มีความสุขคุณพะยอมก็เหมือนน้ำท่วมปากพูดอะไรไม่ออกสักเท่าไหร่นัก ยิ่งลูกชายกระตือรือร้นทำอาหารไปฮัมเพลงในลำคอเบาๆคุณพะยอมยิ่งพูดไม่ออก หนูแสนนั่งกวนข้าวเหนียวมูนเสร็จก็หันมาเตรียมปลาช่อนแห้งปิ้งจนสุกลอกหนังและก้างออกลงโขลกจนละเอียดแล้วจึงนำลงผัดกับน้ำตาลทรายและหอมแดงเจียวผัดจนเข้ากันแล้วจึงจัดใส่จานเป็นสำรับๆ แตงโมผลโตที่เพิ่งซื้อมาเมื่อวานถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
   “แม่จ๊ะ แม่จะรับเลยหรือเปล่าจ๊ะ”หนูแสนเงยหน้าขึ้นมาถามคุณพะยอม

   “ร้อนๆแบบนี้กินแตงโมให้ชื่นใจดีกว่านะจ๊ะ เดี๋ยวเสร็จแล้วจะแบ่งไปเรือนนู้นคุณป้าท่านน่าจะทานได้”หนูแสนจัดของใส่จานให้ผู้เป็นแม่ คุณพะยอมรับจานปลาแห้งแตงโมที่ลูกยื่นให้แล้วจึงตัดสินใจพูด

   “หนูแสน แม่ขอพูดอะไรด้วยหน่อยได้มั้ยลูก”

   “อะไรหรือคะ?”

   “พวกเอ็งออกไปช่วยข้างนอกเขาทำน้ำปรุงเถอะ ในครัวไม่มีอะไรแล้ว”คุณพะยอมออกปากไล่บ่าว 2-3 คนที่คอยอยู่รับใช้ให้ออกไปด้วยเรื่องที่อยากคุยกับลูกชายคนเล็กนั้นไม่สมควรมีใครได้ยิน

   “ยายแช่มคอยดูไว้ให้ฉันทีเถอะ อย่าให้มีใครเข้ามาป้วนเปี้ยนวุ่นวายได้”ยายแช่มรับคำแล้วจึงถอยกลับไปนั่งที่แคร่ด้านหน้าสายตาคอยสอดส่องและสั่งงานพวกที่กำลังทำน้ำอบน้ำปรุงเพื่อกั้นพื้นที่ส่วนตัวให้กับผู้เป็นเจ้านายทั้งสอง ส่วนหนูแสนเองเมื่อเห็นแม่มีท่าทางเช่นนั้นก็รู้ว่าเรื่องที่แม่กำลังจะพูดนั้นสำคัญในระดับหนึ่ง มือเรียวจึงวางจากงานที่กำลังทำอยู่แล้วหันมาสนใจผู้เป็นแม่อย่างเต็มตัว

   “แม่มีอะไรจะพูดกับหนูแสนหรือคะ?”

   “ไหนๆก็ไหนๆแล้วแม่ก็ขอพูดตรงๆกับแสนนะลูก อันที่จริงแม่ไม่เห็นด้วยนักที่ลูกจะไปดูแลคุณที่เรือนนู้นเขา แค่เราขอโทษและหยิบยื่นน้ำใจให้เป็นครั้งคราวแม่ว่ามันก็เพียงพอแล้ว แต่นี่ลูกขอไปดูแลแม่ผกาเขาเต็มตัวแบบนี้แม่ว่าไม่เหมาะ”

   “แม่คะ คุณป้าเธอไม่มีใครแล้วนะคะ”หนูแสนเอ่ยแย้งด้วยเสียงอันเบา

   “บ่าวไพร่ที่เรือนเขาออกจะมาก คุณเล็กเองก็ยังอยู่”

   “แต่คุณเล็กต้องทำงานนี่คะกว่าจะกลับมาก็เย็น”

   “มันไม่ใช่หน้าที่ของเราเลยลูกเอ้ย ไม่ใช่ว่าแม่ไม่เห็นใจแม่ผกานะ แม่ผกาเป็นเพื่อนรักของแม่ แต่แม่พูดถึงความเหมาะสม หนูแสนรู้มั้ยว่าหนูแสนเหมือนคนรักของคุณเล็กเข้าไปทุกวัน”คำพูดของผู้เป็นแม่ทำเอาเลือดในกายของหนูแสนเย็นจนตัวชาไปทั้งร่าง หนูแสนหลุบตาลงต่ำหลบสายตาที่จับจ้องของผู้เป็นแม่

   “หนูแสน...”คุณพะยอมเอื้อมมือไปจับมือของลูกไว้ บีบเบาๆก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่ค้างคาติดอยู่ในใจมานาน

   “คะแม่?”

   “หนูแสนกับคุณเล็ก รักกันใช่มั้ยลูก?”หนูแสนลืมตัวเงยหน้าขึ้นสบตาแม่ ดวงตากลมเบิ่งกว้างขึ้นก่อนจะหลบตามเดิม
   “แม่เอาอะไรมาพูดคะ? หนูแสนกับคุณเล็กก็เหมือนพี่น้องกัน”

   “อย่าปดแม่เลยลูก แม่เลี้ยงแสนมาและแม่เองก็เคยมีความรักแบบนี้กับคุณเตี่ยมาก่อน หนูแสนกับคุณเล็กรักกันแบบคู่รักใช่มั้ยลูก?”หนูแสนไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร ด้วยรู้ว่าความรักของตนเองกับคุณเล็กนั้นไม่ใช่ความรักที่ปกติ

   “หนูแสนฟังแม่นะ มันไม่ผิดทีมีความรู้สึกพิเศษกับใคร เพียงแต่ถ้าหนูแสนกับคุณเล็กรักกันฉันท์ชู้สาวมันก็ผิดธรรมชาติ ผู้ชายย่อมคู่กับผู้หญิงสิลูก ผู้ชายกับผู้ชายหนูแสนก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้”คุณพะยอมจ้องหน้าลูกนิ่งไม่หันเหสายตาไปไหน
   “แต่แม่คะ ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนไม่ใช่หรือคะ?”

   “ใช่ลูก ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนที่แวดล้อมไปด้วยพ่อแม่พี่น้องและสังคม ลูกจะทนได้หรือหากมีใครรู้ว่าลูกกับคุณเล็กแอบคบหากันเป็นคู่รัก ลูกจะทนคำนินทาไหวหรือ อย่าลืมนะหนูแสนบ้านเราไม่ใช่ตาสีตาสาเจ้าคุณตาเองก็เป็นถึงเจ้าพระยามีคนนับหน้าถือตามากมายฝั่งนู้นเองก็ไม่ต่างกันลูกคิดถึงผลที่จะตามมาบ้างหรือไม่?”

   “เราอยู่กันอย่างเงียบๆก็ได้นี่จ๊ะแม่”หนูแสนพยายามหาทางต่อรอง

   “เราเงียบแต่หากบ่าวไพร่มันเอาไปพูดต่อๆกันหนูแสนคิดว่าเรื่องมันจะรู้แค่พวกเราหรือ แม่รู้ว่าหนูแสนโตแล้วคงจะหาทางจัดการเรื่องพวกนี้ได้ แต่แม่ผกากับท่านเจ้าคุณจะรับได้หรือเปล่า?”คุณพะยอมถอนหายใจเมื่อเห็นลูกชายมีสีหน้าเศร้าลงในทันที

   “หนูแสนเป็นลูกแม่ อะไรที่ลูกทำแล้วมีความสุขแม่ก็จะไม่ขัด แต่แม่กลัวว่าความรักของหนูแสนจะมีปัญหา ลูกกับคุณเล็กเป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่หากวันใดวันหนึ่งคุณเล็กเกิดอยากจะมีทายาทไว้สืบสกุลหนูแสนไม่คิดรึว่าแม่ผกาก็ต้องหาเมียมาตกมาแต่งให้กับคุณเล็กอยู่ดี เมื่อถึงวันนั้นหนูแสนจะไปอยู่ตรงไหน ถ้ายังอยู่กับคุณเล็กจะอยู่ใน,ฐานะอะไร  แต่ถ้าหากลูกตกลงว่าจะรักกันก็ให้คุณเล็กไปตกลงกับครอบครัวของเขาเสียก่อนถ้าทางนู้นเขารับได้และพร้อมจะรับลูกของแม่ไปเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว จะไม่รังแกไม่รังคัดรังแคเหมือนที่เคยทำกับแม่สนก็ให้คุณเล็กเอาผู้หลักผู้ใหญ่มาคุยกับแม่กับคุณเตี่ยให้เป็นกิจจะลักษณะแม่ไม่ยอมให้ลูกของแม่ไปเป็นเมียลับๆของใครเด็ดขาด หนูแสนเข้าใจแม่ใช่มั้ยลูก ลูกของแม่ๆเลี้ยงมาทะนุถนอมไม่เคยต้องทำให้เสียใจเพราะฉะนั้นหากใครจะเอาลูกแม่ไปก็จะต้องไม่ซ้ำรอยเดิมเหมือนที่แม่สนเคยเจอ”

   “หนูแสนทราบจ้าแม่ หนูแสนจะจำคำแม่สอนนะจ๊ะ”หนูแสนกลั้นน้ำตาที่รื้นมาปริ่มขอบตาไว้ก่อนจะโผเข้ากอดผู้เป็นแม่ คุณพะยอมลูบผมของลูกรักอย่างแสนรัก หล่อนหาได้อยากทำให้ลูกต้องเสียใจแต่หนูแสนไม่ใช่เด็กเล็กที่ต้องคอยปลอบคอยพูดให้สบายใจแต่อย่างเดียวอีกต่อไป หากแต่ตอนนี้หนูแสนจักว่าโตเป็นหนุ่มเต็มตัวอายุย่าง ๒๑ แล้ว เพราะฉะนั้นหนูแสนจะต้องอยู่กับโลกของความเป็นจริงว่ามันไม่ได้สวยงามเหมือนนิยายประโลมโลกที่มีให้อ่านเกลื่อนเมือง ชีวิตของคนเรานั้นมันมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมายที่ต้องเรียนรู้หากหนูแสนใช้ชีวิตอย่างประมาทเกิดพลาดพลั้งขึ้นมาคนที่จะต้องเจ็บช้ำก็คือหนูแสนเอง



   ความไม่สบายใจที่หนูแสนได้รับมาจากการคุยกับผู้เป็นแม่ยังคงตามติดในใจแม้กระทั่งตอนก้าวขึ้นมาบนเรือนใหญ่ของเจ้าคุณสรอรรถ หนูยิ่งพอเห็นคุณน้าเดินขึ้นเรือนมาพร้อมกับนายมีที่ถือถาดใส่ปลาแห้งแตงโมก็รีบวิ่งเข้ามากอดทันที
   “วันนี้คุณน้ามาช้าหนูยิ่งกับพี่อเล็กซ์คิดว่าคุณน้าจะไม่มาแล้ว”หนูแสนย่อกายนั่งให้เสมอกับหลานชายอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มของหลานเบาๆอย่างมันเขี้ยว

   “มาสิคะ น้าแสนจะไม่มีหาหนูยิ่งกับอเล็กซ์ได้ยังไง วันนี้น้าแสนทำปลาแห้งแตงโมมาให้ทานกันนะคะ หนูยิ่งกับอเล็กซ์ไปนั่งทานกันนะคะเดี๋ยวน้าแสนเข้าไปดูคุณย่าก่อน”หนูแสนให้นายมีเอาปลาแห้งแตงโมที่หั่นมาพอดีคำจัดใส่จานมาเรียบร้อยเอาไปให้เด็กๆส่วนตัวเองก็เอาอีกจานที่เตรียมไว้เข้าไปให้คุณหญิงผกาในห้อง ทันทีที่หนูแสนก้าวเข้าไปคุณหญิงผกาที่นั่งพิงหัวเตียงก็สะบัดหน้าหนีทันที

   “มาทำไมนักก็ไม่รู้ คนเขารำคาญจะแย่ก็ยังจะมาอยู่นั่นแหละ”แสร้งพูดเสียงดังอย่างไม่รักษาน้ำใจ หนูแสนทำเอาหูทวนลม บ่าวที่ดูแลคุณหญิงอยู่ถอยออกไปอย่างรู้งานเพราะคุณเล็กเคยสั่งไว้ว่าหนูแสนจะมาคอยดูแลคุณหญิงผกาทุกวัน

   “คุณป้าทานข้าวหรือยังคะ วันนี้หนูแสนทำปลาแห้งแตงโมมาให้ อากาศร้อนทานแล้วจะได้ชื่นใจ”

   “ฉันไม่ได้อยากกินเสียหน่อย”คุณหญิงผกาตัดรอนน้ำใจเหมือนที่ผ่านมาในหลายๆวัน

   “พ่อเล็กนี่ก็พิลึกจะให้มาดูแลทำไมบ่าวไพร่ก็เต็มเรือน น่ารำคาญ”หนูแสนยิ้มให้กับคำบ่นนั้นราวกับไม่รู้สึกรู้สา หยิบหนังสือท้าวแสนปมที่อ่านค้างไว้ขึ้นมาเปิดจากนั้นก็อ่านให้คุณหญิงผกาฟัง แม้จะไม่ชอบที่หนูแสนเข้ามาวุ่นวายแต่คุณหญิงผกาเป็นคนชอบเรื่องรื่นรมย์อีกทั้งชื่นชอบการฟังนิทานนิยายต่างๆ บ่าวไพร่ก็หารู้หนังสือก็นิ่งฟังหนูแสนไม่ได้พูดอะไร หนูแสนอ่านหนังสือด้วยจังหวะสม่ำเสมอและน้ำเสียงที่น่าฟัง จากนั้นก็แสร้งปิดหนังสือเมื่ออ่านไปได้สองบท คุณหญิงผกาที่กำลังเพลินถึงกับค้อนตาตาแทบคว่ำเพราะหนูแสนหยุดอ่านตอนที่เนื้อเรื่องกำลังสนุก

   “คุณป้าน่าจะอยากนอนแล้วหนูแสนประคองนะคะ”หนูแสนวางหนังสือลงบนโต๊ะแล้วเข้าประคองให้คุณหญิงผกาได้นอนได้สบายจากนั้นจึงผสมกระแจะจันทร์กับน้ามาลูบตามแขนของคุณหญิงผกาให้ได้รู้สึกเย็นกาย หยิบพัดมาพัดเบาๆจนคุณหญิงผกาหลับโดยไม่มีท่าทางเบื่อหน่าย ทุกครั้งที่ตื่นขึ้นมาคุณหญิงผกาก็ยังเห็นหนูแสนนั่งพัดให้ตัวเองไม่ได้กลับไปแต่อย่างใดแล้วจึงกลับออกไปเมื่อใกล้เวลาที่คุณเล็กจะกลับจากทำงาน เป็นอย่างนี้ทุกวัน

หลังจากลงจากเรือนใหญ่ของเจ้าคุณสรอรรถหนูแสนก็ตรงกลับเรือนของตนเองเพื่อเตรียมอาหารเย็นให้กับคนในบ้าน ก่อนจะแวะเข้าโรงครัวหนูแสนเห็นคุณกล้าลูกค้าน้ำอบน้ำปรุงจากปากน้ำโพธิ์นั่งคุยกับคุณสนด้วยท่าทางสนุกสนาน คุณสนที่เคยซึมเศร้าไร้ความรู้สึกเริ่มมีรอยยิ้มมากขึ้นทุกครั้งที่ได้เจอคุณกล้าที่หลังๆไม่ได้มาที่เรือนเฉพาะตอนมารับสินค้า บางทีถ้าคุณกล้าเข้าพระนครเพื่อซื้อขายสินค้าอย่างอื่นก็มักจะแวะมาหาคุณสนอยู่เป็นประจำ และคุณสนเองก็เริ่มมีปฏิกิริยาต่อคนรอบข้างดีขึ้น ที่สำคัญหากคุณกล้าไม่มาหาเป็นระยะเวลาที่นานกว่าปกติคุณสนก็จะไปชะเง้อคอยอยู่ที่ท่าน้ำ

   “คุณสนเธอพูดคุยมากขึ้นนะเจ้าคะเวลาที่คุณกล้ามา”เมื่อเข้ามาในครัวก็ได้ยินยายแช่มคุยกับคุณพะยอมเกี่ยวกับเรื่องบุตรีคนเดียวของบ้าน

   “เห็นแม่สนพูดจาหัวเราะหัวใคร่ได้แบบนี้ฉันก็ดีใจ”

   “อิฉันว่าคุณกล้าเธอชอบคุณสนนะเจ้านะ”ยายแช่มทำเป็นกระซิบกระซาบราวกับจะไม่อยากให้บ่าวคนอื่นๆได้ยิน หากแต่ทุกคนในครัวกลั้นขำกันทุกคน


   “พูดไปยายแช่ม คนเสียหายก็คือแม่สน”

   “ก็มีแค่พวกเราแค่นั้นเองเจ้าค่ะคุณเจ้าขา แต่อิฉันว่าคุณกล้าเธอก็ดูดีนะเจ้าคะไม่ได้สวยได้งามเท่าคุณใหญ่แต่ดูดีแถมมีอันจะกิน อีกอย่างรู้ทั้งรู้ว่าคุณสนเธอเจออะไรมาก็ไม่คิดรังเกียจ

   “เขาอาจจะไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นก็ได้ยายแช่ม”

   “เชื่อหัวอีแช่มเถอะเจ้าค่ะ ยังไงก็ชอบคุณสนแน่นอน”

   “หนูแสนก็คิดเหมือนยายแช่มนะจ๊ะแม่”หนูแสนที่หยิบผักมาช่วยหั่นออกความเห็น

   “แต่แม่กลัวว่าคุณกล้าเธอจะไม่ได้จริงจัง อาจจะเวทนาแม่สน ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่ากินผัวน่ะก็ถูกด่าไปจนวันตายนั่นแหละ”

   “เขาไม่ใช่คู่แท้กันมันเลยจบลงแบบนั้นมากกว่าจ้าแม่ หากพี่สนได้คู่ครองที่รักและให้เกียตริเป็นคู่แท้คู่จริงหนูแสนว่าจะไม่มีใครตายจากกันก่อนวัยอันควรหรอกจ้าแม่”

   “แม่ก็หวังว่าสนจะเจอคนดีๆคนที่เป็นคู่แท้จริงๆเหมือนกัน”

   “แล้วถ้าคุณกล้าเธอขอคุณสนไปเป็นแม่บ้านแม่เรือนจริงๆคุณจะว่ายังไงล่ะเจ้าคะ”

   “ฉันก็คงแล้วแต่แม่สนนั่นแหละ แต่ก็ต้องถามเจ้าคุณพ่อท่านด้วย ท่านรักของท่าน”คุณพะยอมมองไปที่คุณสนที่นั่งคุยกับคุณกดล้าโดยมีนางเฟื้องนั่งเล่นกับหนูหยกอยู่ไม่ห่าง



   หลังจากเตรียมอาหารเสร็จหนูแสนก็แบ่งกับข้าวใส่สำรับเพื่อยกมาให้คุณเล็ก เพราะเจ้าสัวเช็งล่องเรือไปซื้อขายสินค้าที่เมืองจีนหนูแสนจึงขอคุณพะยอมไปรับสำรับเย็นที่เรือนแพของคุณเล็ก คุณพะยอมสำทับลูกว่าไม่ให้กลับมืดค่ำเกินไป ทันทีที่มาถึงเรือนแพหนูแสนก็เห็นคุณเล็กนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะริมระเบียงที่เป็นมุมโปรด คุณเล็กวางปากกาลงทันทีที่เห็นหนูแสน ชายหนุ่มยิ้มรับอย่างดีใจ

   “กลับมานานแล้วหรือคะ อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้ว”

   “อาบแล้วค่ะ ก่อนกลับมาแวะไปดูคุณแม่มา เห็นบ่าวบอกว่าวันนี้หนูแสนทำปลาแห้งแตงโมไปให้คุณแม่กับหลานๆ
   “ใช่ค่ะ เห็นว่าอากาศร้อนเลยทำไปให้แต่ว่าคุณป้าไม่รับค่ะ”หนูแสนวางจานกับข้าวลงบนโต๊ะทีละอย่าง
   “ใครบอกล่ะคะ บ่าวบอกว่าหลังจากหนูแสนกลับคุณแม่ทานไปหลายชิ้นอยู่ เห็นบ่าวบอกคุณแม่บ่นว่าไม่กินก็เสียดายของ”หนูแสนยิ้มกับคำบอกเล่าของคุณเล็ก ในใจรู้สึกปิติยินดีกับสิ่งที่ได้ยิน

   “ดีใจจังเลยค่ะ”

   "น้ำหยดลงหินทุกวันหินมันยังกร่อน คุณแม่เดิมทีก็เอ็นดูหนูแสนอยู่แล้ว ท่านใจแข็งได้ไม่นานหรอกค่ะ เห็นบ่าวบอกคุณแม่บ่นว่าหนูแสนวางยาใส่คุณแม่นี่คะ”

   “หนูแสนไม่ได้ทำอะไรซักหน่อย”

   “ท้าวแสนปมที่โต๊ะหัวเตียงนั่นทำคุณแม่กระวนกระวายน่าดู หลังจากวันนี้แกล้งไปไปดูแลคุณแม่ซัก 2-3 วันสิคะ ขี้คร้านจะมีคนแก่ชะเง้อมองคอยืดคอยาว”

   “ไปแกล้งท่าน นิสัยไม่ดีเลยนะคะ”หนูแสนตีแขนคุณเล็กเบาๆ ทั้งคู่นั่งกินข้าวด้วยกันพูดคุยเรื่องที่พบเจอระหว่างวันอย่างไม่รู้สึกเบื่อ หลังจากนั่งพักจนข้าวเรียงเม็ดคุณเล็กก็เอาหนังสือนิยายของฝรั่งเศสที่ซื้อไว้ก่อนกลับสยามมานั่งอ่านและแปลให้หนูแสนฟัง

   “หนูแสนคะ”อยู่ๆคุณเล็กก็หยุดอ่านและเอ่ยเรียกหนูแสนเบาๆ

   “คะ?”

   “ขอคุณเล็กนอนหนุนตักได้มั้ยคะ นั่งนานชักจะตึงหลัง”คุณเล็กเอ่ยขอเสียงอ้อน หนูแสนกลั้นยิ้มก่อนจะพยักหน้าเบาๆ ฝ่ายคุณเล็กเมื่อได้รับอนุญาตก็ยิ้มกริ่มเอนตัวลงนอนเอาหัวหนุนตักเจ้าน้องน้อยอย่างสมใจ หนูแสนมองคุณเล็กที่อ่านหนังสือให้ฟังด้วยดวงตาที่แสดงความรักอย่างไม่ปิดบังเมื่อลืมตัวก็ใช้มือลูบผมของคุณเล็กเล่นจนคุณเล็กรู้ตัว

   “แอบมองคุณเล็กแบบนี้อ่านไม่ออกเลยค่ะ”

   “หนูแสนป่าวแอบมองซักหน่อย หนูแสนมองตรงๆ”

   “เถียงเก่งจังเลยค่ะเดี๋ยวนี้”แสร้งว่าน้องก่อนจะลุกขึ้นนั่งอีกหน

   “เถียงเก่งแล้วรักไหมล่ะคะ ถ้าไม่รักจะได้กลับ”

   “รักสิคะ รักมาตลอด”เอ่ยตอบโดยไม่ต้องหยุดคิด หนูแสนที่ได้ฟังคำรักก็ก้มหน้างุดด้วยไม่อาจสู้สายตาหวานเชื่อมที่คุณเล็กส่งมาให้ได้

   “หนูแสนคะ”คุณเล็กเชยคางหนูแสนขึ้นมาให้สบตาตนเองอีกหน

   “คะ?”ขานรับเสียงแผ่ว สองแก้มขึ้นริ้วเรื่อน่าเอ็นดู

   “คุณเล็กขออนุญาตหอมแก้มหนูแสนซักครั้งได้มั้ยค?”เป็นอีกครั้งที่เจ้าน้องน้อยพยักหน้า คุณเล็กจิตใจพองฟูก่อนจะค่อยๆจรดปลายจมูกที่แก้มของน้องสูดลมหายใจล้ำลึก

แก้มน้องหอมจรุงด้วยกลิ่นน้ำปรุงที่คลุกคลีอยู่ทุกวัน

กลิ่นที่ได้รับนั้นทั้งเย็นจิตและเย็นใจเมื่อสูดลมหายใจเอากลิ่นแก้มน้องจนชุ่มปอดก็ผละหน้าออก

   “ชื่นใจเหลือเกินค่ะ ทูนหัวของคุณเล็ก"



................................................

ฉึ่นจ๊ะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
คิดถึงงงงง
รีบมตาออีกน้าาา

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

แม่ผกานี่ฤทธิ์เยอะจัง

 :mew1:

ออฟไลน์ Gimlongdeep

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
แง้ๆๆๆๆๆ อ่านจบละชื่นใจจังค่ะ อยากเอาไปแนบแก้มหนูแสนบ้างจัง55555 น้ำหนดลงหินทุกวันไม่แคล้วจะได้สมหวัง คุณกล้าาา คือความหวังใหม่ รออ่านอยู่ครับผมมม :katai1:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

แสนคำนึง
ตอนที่ ๑๖
๕๐%

   เพราะหนูแสนมาปรนนิบัติรับใช้อยู่นานวันในที่สุดก็กลายเป็นความเคยชิน จนวันหนึ่งหนูแสนหายหน้าหายตาไปไม่มาคอยดูแลรับใช้ไม่มาอ่านหนังสือให้ฟังเหมือนเช่นวันก่อน ๆ ก็ทำให้คุณหญิงผการู้สึกผิดหวัง ริมฝีปากบิดเบี้ยวยกขึ้นอย่างไม่พอใจนัก
ก็ไม่ผิดจากที่คิดไว้ จะทนได้ซักกี่น้ำกัน พอหล่อนไม่ญาติดีด้วยหน่อยก็ถอดใจ คุณหญิงนอนกระฟัดกระเฟียดจนบ่าวคนสนิทต้องแอบส่ายหน้าอย่างระอาใจ เมื่อก่อนก็ยังไม่เอาแต่ใจตัวถึงเพียงนี้ เวลาแค่ปีเดี๋ยวคุณหญิงผกาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจนท่านเจ้าคุณปวดหัว ต่อให้เอาธรรมะเข้าสู้คุณหญิงก็จะตะบึงตะบอนเกรี้ยวกราดทุกครั้งไปจนท่านเจ้าคุณต้องหนีรำคาญไปนอนเรือนเมียรองคนอื่น ๆ นั่นยิ่งทำให้จิตใจของคุณหญิงผกามัวหมองเข้าไปกันใหญ่ หลายคืนที่นอนร้องไห้ หล่อเองก็ทุกข์ระทมกับความมากชู้หลายเมียของท่านเจ้าคุณ หล่อนสู้ทนเก็บความเจ็บช้ำไว้ในอกแสร้งทำหน้าชื่นตาบานยอมให้ท่านเจ้าคุณรับเมียใหม่เข้าบ้านเพียงเพราะต้องการรักษาสถานะของตัวเองให้มั่นคง หล่อนได้ความมั่นคงนั้นโดยมีตำแหน่งคุณหญิงเป็นของรางวัลในความอดทน หากแต่ในยามนี้ ยามที่หล่อนล้มป่วยยามที่หล่อนต้องการกำลังใจจากผู้เป็นสามีมากที่สุด แต่เขากลับไม่อยู่เคียงข้างคอยปลอบใจหล่อนอย่างที่ควรจะเป็น หลังจากอนลตายคุณหญิงผกาเองก็มาล้มป่วย อำนาจบารมีที่เคยมีก็ลดน้อยถอยลงไปมาก ซ้ำชีวิตในแต่ละวันก็แสนน่าเบื่อ อเล็กซ์ที่เจ้าคุณสรอรรถเปลี่ยนชื่อให้ใหม่เพราะไปพ้องกับชื่อของคุณเล็กเป็นอโณทัยและหนูยิ่งก็โตพอที่จะไม่อยากขลุกอยู่กับผู้เป็นย่า พี่น้องคนละแม่พากันไปเล่นซุกซนกับบ่าวผู้ชายแทบจะไม่เข้ามาหาย่าเลยถ้าไม่เรียกหา ลิขิตเองก็มีงานราชการให้สะสางกลับมาตอนเย็นมาอยู่พูดคุยป้อนข้าวป้อนน้ำบีบนวดผู้เป็นมารดาเสร็จก็กลับเรือนแพไปทำงานจนดึกดื่นค่อนคืนกว่าจะได้นอน

ทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ในหัวใจของคุณหญิงผกานั้นว้าเหว่

หากอนลยังอยู่หล่อนคงไม่เหงาถึงเพียงนี้ ลูกชายคนโตของหล่อนเป็นคนช่างพูดช่างคุยเอาอกเอาใจหล่อนมากกว่าลูกชายคนเล็ก แม้นจะกล่าวว่าหล่อนรักลูกเท่ากันแต่คุณหญิงผกานั้นรู้ดีว่าหล่อนรักและเอ็นดูอนลมากกว่าลูกคนไหน
คิดถึงพ่อใหญ่ของแม่เหลือเกิน

นางโฉมค่อยๆคลานออกนอกห้องก่อนจะหับบานประตูให้ผู้เป็นนายอย่างเงียบเชียบ บ่าวคนอื่นๆที่กำลังทำงานอยู่มองหน้าอย่างรู้กัน

   “สงสารคุณหญิงท่าน ร้องไห้คิดถึงคุณใหญ่อีกแล้ว”

   เรือนเจ้าคุณพิพิธบิดาของคุณพะยอมบัดนี้ดูเงียบเหงา คุณพะยอมจับมือผู้เป็นบิดาไว้แน่นมีคุณหญิงพิกุลนั่งเช็ดน้ำตาอยู่อยู่ข้าง

   “ห่วงแม่สน”เสียงแหบแห้งพร่ำพูดถึงหลานสาวคนโปรด คุณสนที่นั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆขยับมาหาเจ้าคุณตา ความรักความผูกพันลึกซึ้งตั้งแต่วัยเยาว์ทำให้แม้จะสิ้นสติเลือนความทรงจำที่เคยมี แต่ความทรงจำใหม่นานนับปีของคุณสนก็บรรจุคำว่ารักเจ้าคุณตาไว้อยู่เต็มหัวใจ

   เจ้าคุณพ่อไม่ต้องห่วงแม่สนแล้วนะเจ้าคะ ลูกจะดูแลแม่สนอย่างดี”คุณพะยอมเอ่ยบอกกับบิดาที่หายใจรวยริน

   “อย่าให้ใครมารังแกหลานพ่อ แม่สนอาภัพมามากแล้ว”

   “ไม่มีใครทำร้ายแม่สนได้แล้วเจ้าค่ะ ลูกสัญญา”คุณพะยอมส่งเสียงสะอื้น เจ้าสัวเช็งบีบไหล่ภรรยาไว้อย่างปลอบโยน หนูแสนร้องไห้เงียบๆส่วนคุณเสนนั้นจับปลายเท้าของผู้เป็นตาไว้แล้วบีบเบาๆ

   “อย่าว่าตาลำเอียงนะเสน แสน แต่แม่สนอาภัพมาตั้งแต่เล็กๆ”ท่านเจ้าคุณพิพิธหยุดกลืนน้ำลายเมื่อรู้สึกคอแห้งผาก

   “เรือนหลังนี้พร้อมที่ดินยกให้พ่อเสน แต่ขอให้ยายเขาอยู่จนกว่าจะสิ้นบุญ พ่อเสนรับปากตาได้หรือไม่ว่าจะช่วยดูแลแม่พิกุลแทนตา”คุณเสนก้มลงกราบแทบเท้าผู้เป็นตา

   “หลานกราบขอบพระคุณเจ้าคุณตา หลานสัญญาขอรับเจ้าคุณตาว่าจะดูแลยายให้ดี เจ้าคุณตาไม่ต้องห่วงนะขอรับเจ้าคุณพิพิธพยักหน้าเบาๆ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอย่างพึงใจด้วยรู้นิสัยของคุณเสนดีว่าเป็นคนรักษาคำพูดมากเพียงใด

   “หนูแสน”ท่านเจ้าคุณเรียกหลานคนสุดท้อง หนูแสนค่อยๆคลายเข้ามาหาผู้เป็นตา

   “ขอรับเจ้าคุณตา”

   “ที่ผ่านมาตาไม่ค่อยได้เอาใจใส่เจ้า เจ้าโกรธตาหรือไม่ ? “ท่านเจ้าคุณมองหน้าหลานชายคนเล็ก ดวงตาฝ้าฟางนั้นมีหยาดน้ำตาคลออยู่เต็มหน่วยตา หนูแสนกุมมือผู้เป็นตาไว้ก่อนจะส่ายหน้าช้า ๆ

   “ไม่เลยขอรับ แสนไม่เคยคิดโกรธหรือน้อยใจเจ้าคุณตาเลยซักครั้ง แสนเชื่อว่าเจ้าคุณตารักหลานทุกคน แต่เจ้าคุณตาห่วงพี่สนมากที่สุดเพราะพี่สนได้รับความดูแลเอาใจใส่น้อยกว่าใคร”เจ้าคุณพิพิธยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบของหลานชาย

   “ได้ยินอย่างนี้ตาก็สบายใจ ตาคิดมาตลอดว่าแสนจะน้อยใจที่ตาไม่ค่อยได้เลี้ยงดูหรือเอาใจใส่กับแสนนัก เพราะตาเห็นว่ารอบตัวของเจ้ามีแต่คนคอยล้อมหน้าล้อมหลังประคบประหงมมาตั้งแต่เกิด ส่วนแม่สนนั้นเพราะเป็นตัวล่องจุ๊นในความคิดของใครหลายๆคนถึงได้ถูกปล่อยปละมาตลอดตาทั้งรักทั้งเวทนา แต่ตาก็ไม่ได้รักแสนน้อยไปกว่าใคร ที่ดินตรงสาทร 12 ไร่ ตายกให้แสนนะลูกนะ เก็บไว้ทำทุนในภายภาคหน้า”หนูแสนก้มลงกราบผู้เป็นตาก่อนจะถอยให้คุณสนได้เข้ามาแทนที่เมื่อท่านเจ้าคุณกวักมือเรียก คุณสนมองชายชราที่อ่อนแรงบนเตียงน้ำตาไหลรินอาบแก้ม แม้ความทรงจำในครั้งเก่าก่อนหายไปแต่เมื่อหล่อนสูญเสียมันไปคนที่แสดงความรักและห่วงใยเมตตาปราณีต่อหล่อนก็ยังคงเป็นชายชราคนนี้ ไม่ว่าจะเป็นความทรงจำเก่าหรือใหม่ท่านเจ้าคุณพิพิธก็คือความทรงจำดีๆความรักความเทิดทูนที่คุณสนมอบให้อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ

   “ต่อไปนี้ไม่มีตาอยู่ด้วยสนต้องมีชีวิตที่ดีนะลูก”ท่านเจ้าคุณวางมือลงบนศีรษะหลานสาวคนโปรด คุณสนพยักหน้ารับ ร้องไห้สะอึกสะอื้น

   “ตารักสน อยากให้สนมีความสุข”

   “สนจะมีความสุขก็ต่อเมื่อเจ้าคุณตาอยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรให้สนนะเจ้าคะ”

   “ตาแก่มากแล้วสน คงอยู่ดูแลสนไม่ได้อีกแล้ว สนจะต้องเข้มแข็งมีชีวิตที่มีความสุข ตาหวังแค่ให้สนมีความสุข ไม่ต้องทุกข์ตรมไม่ว่าจากเรื่องใด ๆ อีก มีความสุขเพื่อตาได้มั้ย?”เจ้าคุณพิพิธจ้องหน้าหลานสาวที่ท่านรักมากกว่าหลานคนไหนๆ คุณสนส่งยิ้มให้กับผู้เป็นตาแม้น้ำตาจะไหลเปรอะเต็มหน้า

   “สนจะมีความสุขเจ้าค่ะ”

   “ดีแล้ว ตาอยากให้สนปล่อยวาง ไม่ว่าภายภาคหน้าจะพบเจอเรื่องอะไรก็ขอให้ปล่อยวางอย่าใช้อารมณ์ในการตัดสินใจไม่ว่าเรื่องอะไร ให้คิดให้ถี่ถ้วน และอยากให้สนจำไว้ว่าไม่มีใครไม่รักสน ทุกคนรักสน ตายกที่ดินที่นครชัยศรีให้สน”เจ้าคุณพิพิธมองหลานชายทั้งสองคน ท่านอยากได้ยินกับหูของท่านเองว่าหลานทั้งสองจะยินยอมเพราะที่ดินริมแม่น้ำนครชัยศรีนั้นมีจำนวนนับร้อยไร่ หากมีใครคนใดคนหนึ่งกินแหนงแคลงใจคิดว่าท่านลำเอียงก็จะได้พูดกันให้จบเสียในวันนี้

   “แสนกับเสนขัดข้องมั้ย?”

   “ไม่มีขอรับ”ทั้งคุณเสนและหนูแสนตอบรับพร้อมกัน

   “หลานทั้งสองไม่คัดค้านความประสงค์ของเจ้าคุณตาเลยขอรับ น้องควรได้รับที่ดินในส่วนนี้ เรือนหลังนี้อีกทั้งที่ดินแปลงนี้ก็มีค่ามาก ของหนูแสนเองอีกหน่อยมูลค่าก็คงพุ่งขึ้นสูง หลานเชื่อว่าเจ้าคุณตาคิดถี่ถ้วนดีแล้วที่แบ่งที่ให้พวกหลานแบบนี้”
   “แสนก็ไม่ขัดข้องขอรับเจ้าคุณตา ที่ดินมากมายแสนคงไม่ได้ทำประโยชน์ให้มันเพิ่มพูนออกดอกออกผล ใจรักแต่จะค้าขายเล็กๆน้อยๆช่วยแม่เท่านั้นเองขอรับ เดิมทีคุณพี่สนมีหัวคิดก้าวหน้าวันใดที่พี่สนคนเดิมกลับมาหลานเชื่อว่าที่ดินตรงนั้นจะทำรายได้ให้พี่สนพอเลี้ยงตัวได้อย่างไม่ลำบากเลย”

   “อย่างนั้นก็ดีแล้ว แม่พิกุลหยิบถึงเงินแจกให้หลานๆเถอะ”เจ้าคุณพิพิธหันไปบอกกับคุณหญิงพิกุลที่นั่งซับน้ำตาเงียบๆ หญิงชราหยิบถุงเงินที่โต๊ะไม้สักมายื่นให้หลานๆคนละถุง สามพี่น้องก้มลงกราบขอบคุณความรักความเมตตาที่ผู้เป็นตามอบให้ด้วยความซาบซึ้ง

หากแต่ใจจริงแล้วไม่มีใครยินดีกับเงินถุงนี้เลย

หากซื้อชีวิตให้กับผู้เป็นตาได้ทั้งเงินและที่ดินที่ได้รับก็อยากจะแลกเป็นอายุที่ยืนยาวมากขึ้น

หากแต่สังขารไม่เที่ยง คนเราทุกคนเกิดมาต้องตาย เจ้าคุณพิพิธก็หนีสัจธรรมข้อนี้ไม่พ้นเช่นเดียวกัน

   “ตาแบ่งเงินให้พวกเจ้าคนละ ๕๐ ชั่ง เอาไว้เป็นทุน หลังจากนี้ตาคงไม่มีโอกาสให้อะไรพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว อย่าฟุ่มเฟือย อย่าสุรุ่ยสุร่ายเราไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ยามเดือดร้อนขัดสนค่อยเอาออกมาใช้ เอาล่ะ พวกเจ้าออกไปได้ ตามีเรื่องจะคุยกับพ่อแม่ของพวกเจ้า”ท่านเจ้าคุณโบกมือไล่เบาๆ คุณเสน คุณสนและหนูแสนจึงค่อยๆถอยออกไปด้านนอกโดยที่หนูแสนรั้งท้ายเมื่อออกไปนอกประตูแล้วก็ปิดประตูให้กับผู้เป็นตา

   “เจ้าสัว แม่พะยอม”ท่านเจ้าคุณเรียกลูกสาวและลูกเขยด้วยน้ำเสียงแหบพร่า สภาพร่างกายนั้นอ่อนล้าเต็มที่หากแต่ท่านก็ยังอยากจะสั่งเสียเป็นครั้งสุดท้าย คุณพะยอมและเจ้าสัวเช็งขยับเข้ามานั่งใกล้ๆคุณพะยอมที่นั่งรออยู่ก่อนแล้ว

   “เจ้าคุณพ่อมีอะไรจะบอกลูกหรือเจ้าคะ”

   “ที่ผ่านมาเจ้าสองคนเป็นพ่อแม่ที่ดี พ่อดีใจที่เจ้าไม่บังคับใจลูก อาจจะเพราะเกรงใจพ่อกับแม่ หลังพ่อตายแล้วก็ยังอยากให้เป็นเช่นนี้อยู่ หลานๆทั้งสามคนเป็นคนดีอีกหน่อยเขาจะมีชีวิตของตัวเอง สิ่งใดที่ลูกเป็นก็ปล่อยให้เป็นไป สิ่งใดที่ลูกอยากทำเราต้องไม่ห้ามถ้าสิ่งนั้นเป็นเรื่องที่ดีแต่จงส่งเสริมและให้คำปรึกษาลูก เรื่องชีวิตคู่ของแม่สนกับเจ้าแสนก็เหมือนกัน เขาจะรักใครจะออกเรือนกับใครถ้าคนๆนั้นเป็นคนดีก็อย่าบังคับอย่าห้าม เราเป็นพ่อแม่เป็นคนให้ชีวิตแต่ไม่ใช่เจ้าชีวิตของเขา เข้าใจมั้ย?”ทั้งเจ้าสัวเช็งกับคุณพะยอมรับปากท่านเจ้าคุณ เจ้าสัวเช็งนั้นด้วยเพราะท่านเจ้าคุณเองตอนที่เขามารักมาชอบกับคุณพะยอมแม้ท่านจะเป็นข้าราชการระดับสูงมียศฐาบรรดาศักดิ์เป็นที่นับหน้าถือตาแต่ท่านก็ไม่เคยกีดกันห้ามปรามที่คุณพะยอมธิดาเพียงคนเดียวของท่านจะมาคบหากับพ่อค้าชาวจีนแถมยังเป็นพ่อหม้ายเมียตาย ดังนั้นยามที่คุณเสนและคุณสนออกเรือนในเมื่อลูกๆรักชอบคู่ของตนเองท่านจึงไม่ขัดแม้ว่าคู่ของคุณสนนั้นจะดีแตกตอนท้ายแต่นั่นถือว่าเป็นบุญเป็นกรรมที่เขาทั้งคู่ได้ทำร่วมกันมา ท่านเจ้าคุณสั่งเสียเรื่องทรัพย์สมบัติที่เหลือที่ยกให้กับคุณหญิงพิกุลและคุณพะยอมก็หลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

แม้สมบัติที่ได้จะมากมายหากแต่ไม่มีใครยินดีกับสิ่งที่ได้มาเลยสักนิด เจ้าสัวเช็งและคุณเสนจำต้องกลับบ้านคลองบางหลวงเพราะต้องไปดูแลกิจการส่วนคุณพะยอมและคุณสนกับหนูแสนอยู่ปรนนิบัติท่านเจ้าคุณและคุณหญิงพิกุล คุณสนนั้นเฝ้าอยู่ข้างๆคอยรับใช้ไม่ได้ห่างหลังจากทรงๆทรุดๆมาได้สี่วันกลางดึกคืนวันที่สี่ท่านเจ้าคุณก็เกิดอาการแน่นหน้าอก คุณหญิงพิกุลนั้นร้อนใจจะออกไปเรียกหนูแสนให้ไปตามหมอหากแต่ท่านเจ้าคุณก็ห้ามไว้

   ไม่ต้องไปหรอกคุณหญิง มาอยู่กับฉันเถอะนะ”คุณหญิงพิกุลกลับมานั่งบนเตียงตามเดิม มือที่เหี่ยวย่นตามวัยถูกกุมไว้โดยผู้เป็นสามี

   “คงต้องลากันแล้วนะ...”ท่านส่งยิ้มให้กับภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปี

   “ไม่อยากจากกันเลย”ท่านลูบมือของคุณหญิงอย่างรักใคร่”

   “อิฉันก็ไม่อยากให้คุณพี่ไปเหมือนกันเจ้าค่ะ”คุณหญิงพิกุลร้องไห้สะอึกสะอื้นดึงมือของผู้เป็นสามีขึ้นมาแนบแก้ม

   “คุณพี่ล่วงหน้าไปรออิฉันก่อนนะเจ้าคะ พอถึงเวลาอิฉันจะตามไป ไม่ต้องห่วงอะไรทางนี้แล้ว”ท่านเจ้าคุณพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะค่อยๆสิ้นลมไปในที่สุด คุณหญิงพิกุลร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความอาลัยรัก ก้มลงกราบแทบเท้าผู้เป็นสามีหัวใจแทบจะแตกสลาย คุณพะยอม คุณสน และหนูแสนที่ได้ยินเสียงร้องไห้รีบมาที่ห้องของท่านเจ้าคุณ เมื่อเห็นภาพข้างในต่างก็เข้ามากราบศพของท่านเจ้าคุณด้วยความเศร้าโศก คุณสนนั้นร้องไห้ราวเด็กเล็กที่ขาดร่มโพธิ์ร่มไทร ก้มลงจูบเท้าของผู้เป็นตาแล้วซบหน้าร่ำไห้

   “สนรักเจ้าคุณตานะเจ้าคะ รักมากๆ”



   หลังเจ้าเจ้าคุณพิพิธถึงแก้อนิจกรรมข่าวก็แพร่ไปทั่ววงข้าราชการ งานศพคืนแรกจึงมีแขกที่เป็นข้าราชการระดับสูงมาร่วมงานจนล้นศาลาวัด รวมทั้งเจ้านายหลายพระองค์ก็ส่งตัวแทนมาแสดงความเสียใจจนครอบครัวของคุณพะยอมแทบไม่มีเวลานั่งพัก หนูแสนรับหน้าที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำอาหารเลี้ยงแขก คุณเล็กที่เลิกงานกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายให้เหมาะสมกับงานศพก็มาพร้อมกับเจ้าคุณสรอรรถผู้เป็นพ่อโดยมีคุณรองที่ลาราชการจากเมืองกาญจนบุรีเพื่อมาร่วมงานด้วยก็มาถึงในช่วงพลบค่ำทันฟังพระสวด

   “เจ้าคุณพ่อขอรับ”คุณเล็กกระซิบเรียกผู้เป็นบิดาที่นั่งเก้าอี้แถวหน้าในฐานะแขกผู้ใหญ่

   “หืม?”

   “เล็กขอไปนั่งกับหนูแสนนะขอรับ”คุณเล็กมองไปทางหนูแสนที่ออกมานั่งแอบตรงเสาต้นใหญ่ฟังพระเงียบๆคนเดียว

   ไปเถอะ”เจ้าคุณสรอรรถอนุญาตลูกชาย คุณเล็กจึงค่อยๆค้อมตัวเดินผ่านบรรดาแขกผู้ใหญ่ที่นั่งฟังพระเพื่อตรงไปหาหนูแสน หนูแสนมองคุณเล็กที่ลงนั่งเคียงข้าง ดวงตากลมโตที่เคยสดใสบัดนี้มีแววเศร้าเจืออยู่ เขารู้ว่าหนูแสนเองก็รักท่านเจ้าคุณพิพิธไม่น้อยไปกว่าคนอื่นๆเลย

   “หนูแสนทานข้าวหรือยังคะ?”คุณเล็กกระซิบถามเบาๆ หนูแสนส่ายหน้าน้อยๆ น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยตอบเบาแทบไม่ได้ยิน

   “กินไม่ลงค่ะ”

   “กินไม่ลงก็ต้องกินไม่งั้นงานเจ็ดวันหนูแสนจะเอาแรงที่ไหนมาทำกับข้าวเลี้ยงแขกคะ?”คุณเล็กส่งเสียงขรึมใส่หนูแสนซึ่งเจ้าน้องน้อยก็ไม่ได้เอ่ยตอบโต้ทำเพียงหลุบตาลงพื้นคล้ายเด็กที่ถูกผู้ใหญ่ดุ คุณเล็กถอนหายใจเบา ๆ เมื่อเห็นท่าทางของหนูแสนที่ดูเศร้าจนน่าใจหาย

   “หนูแสนคะ”เอ่ยเรียกอีกครั้งให้เจ้าน้องน้อยเงยหนขึ้นมาสบตา

   “คะ”

   “รู้ใช่มั้ยคะว่าคุณเล็กเป็นห่วงไม่ได้ดุ”

   “ทราบค่ะ”

   “หลบไปกินข้าวด้วยกันในครัวดีมั้ยคะ คุณเล็กหิ๊วหิว เลิกงานก็ตรงมาที่วัดเลยยังไม่ได้กินข้าวเลย เมื่อเที่ยงก็ทำงานจนลืมกินข้าวตอนนี้คุณเล็กปวดท้องนิดๆแล้วด้วยค่ะ”คุณเล็กเปลี่ยนน้ำเสียงกลายเป็นอ้อนคนน้องกลายๆ หนูแสนทำตาโตเมื่อได้ยิน

   “ตายจริง ทำไมปล่อยให้ตัวเองอดข้าวคะ”หนูแสนทำคิวขมวดใส่คนพี่ก่อนจะยกมือจรดกราบลาพระแล้วถอยออกมานำคุณเล็กเข้ามาในครัวที่มีบ่าวกำลังเตรียมอาหารเลี้ยงแขกก่อนกลับ หนูแสนจัดสำรับเล็กๆมานั่งกินด้วยกันกับคุณเล็ก ต่างคนต่างไม่ได้พูดอะไรกันอีกทำเพียงกินข้าวเงียบๆ ผลัดกันตักกับข้าวใส่จานให้กันและกัน หนูแสนรู้ดีว่าจริงๆคุณเล็กคงมีคำพูดมากมายที่จะพูดปลอบใจหากแต่ถ้าพูดออกมาตอนนี้หนูแสนอาจจะร้องไห้ออกมาได้จึงทำเพียงคอยอยู่เคียงข้างในที่ของตนเองเงียบๆไม่เข้าไปก้าวก่ายหรือวุ่นวายทำตัวเป็นแขกที่ดี หลังจากสวดศพเสร็จแขกเหรื่อที่มาร่วมงานทยอยกลับเจ้าคุณสรอรรถจึงได้กล่าวลาคุณพะยอมและเจ้าสัวเช็ง

   “ฉันกลับก่อนนะเจ้าสัว แม่พะยอม พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่”เจ้าคุณสรอรรถกล่าวลาเพื่อนบ้านก่อนจะขึ้นรถที่คุณเล็กเปิดประตูรอ คุณรองเป็นคนขับสตาร์ทรถรออยู่ก่อนแล้ว คุณพะยอมและท่านเจ้าสัวรวมทั้งลูกๆทั้งสามคน คุณอุ่นเรือนและลูกๆยกมือไหว้ลา
   “คุณเล็กกลับก่อนนะคะ พรุ่งนี้จะมาใหม่”เอ่ยลาคนรักก่อนจะก้าวขึ้นรถไป หนูแสนมองตามท้ายรถที่ค่อย ๆ เคลื่อนออกไปด้วยหัวใจที่ดีขึ้น เป็นความอุ่นใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่คุณเล็กมาเติมให้ในวันที่อ่อนล้า ความอ่อนปแอที่เกาะกินใจมาตั้งแต่เมื่อคืนวานค่อยๆดีขึ้นจนเจ้าตัวมีแรงที่จะทำงานในอีกหกวันที่เหลือให้ดีที่สุด



......................

รักนะเจ้าคะ

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
1ติดตามมมม

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5

ทยอยล้มหายตายจากไปทีละคนๆๆๆ



 :mew1:

ขอบคุณที่มาต่อให้ค่ะ

...หายไปนาน..


ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รีบมาต่ออีกนะเจ้าคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด