แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓  (อ่าน 26677 ครั้ง)

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
เราเข้าใจสนนะ
รักมากให้โอกาสแล้ว
สุดท้านทำเราเจ็บที่สุด

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
สมควรแล้วแหล่ะคุณใหญ่
อย่าตายเลยสบายเกินไป
ร่างกายพิการแต่สมองยังรับรู้ทุกอย่างน่ะแหล่ะ
เหมาะสมกับความเลวที่มีมาตลอด
อยากรู้นักเมียแหม่มหรือเมียน้อยคนไหนจะมาดูแล

กนูยิ่งกับหนูหยกคุณเล็กกับหนูแสนจะดูเอง

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ตายไปเลยเนาะ แม่ผัวก็เลว ปวดใจสงสารคุณสนที่ต้องเจออะไรแบบนี้

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

ตอนที่ ๑๒

๕๐%



            อาการของคุณใหญ่สาหัสมากคุณเล็กส่งตัวคุณใหญ่มารักษาที่ราชแพทยาลัยเป็นการด่วนด้วยเครื่องไม้เครื่องมือและบุคลากรทางการแพทย์ดีกว่าโรงหมออื่นๆมากนัก เมื่อหมอพาคุณใหญ่ไปแล้วคุณเล็กจึงได้ทิ้งกายลงนั่งกับเก้าอี้ไม้ตัวยาวอย่างหมดแรง

            “คุณเล็กหิวน้ำหรือของกินอะไรไหมขอรับ ถ้าหิวประเดี๋ยวกระผมจะออกไปดูแถววังหลังแล้วซื้อหาเข้ามาให้”

            “ก็ดีเหมือนกัน นายพันเอาสตางค์ไปแล้วจะซื้ออะไรก็ซื้อมาเถอะ หาเสื้อมาซักตัวที่ใส่อยู่เปื้อนเลือดพี่ใหญ่จนดูไม่ได้แล้ว”นายพันรับเงินที่คุณเล็กพอจะมีติดตัวมาบ้างนิดหน่อยแล้วจึงแยกไป คุณเล็กนั่งรออย่างไร้จุดหมายว่าจะต้องรอถึงเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าคุณใหญ่จะตายหรือจะรอด ทุกอย่างเคว้งคว้างไปหมด

ลิขิตนึกโทษตัวเองว่าถ้าเขาใจแข็งซักนิดไม่ยอมให้แอนนาและลูกตามมาคุณใหญ่ก็จะไม่พบกับชะตากรรมแบบนี้

คุณเล็กจำเป็นต้องกลับบ้านก่อนเพราะนางพยาบาลออกมาบอกว่าให้ญาติกลับไปพัก การผ่าตัดของอนลนั้นค่อนข้างยากเพราะคมกระสุนเจาะเข้ากระดูกสันหลังจนกระดูกแตกยับเยินอีกทั้งยังตัดเส้นประสาทโอกาสรอดน้อยมาก หรือแม้จะรอดก็อาจจะพิการตลอดชีวิต เมื่อกลับมาถึงบ้านคุณหญิงผกาถูกพาไปพักในห้องแล้ว แอนนาเดินกระสับกระส่ายรอคอยอยู่นอกชาน ท่านเจ้าคุณสรอรรถนั่งรออยู่ที่โต๊ะกลางเรือนเมื่อเห็นคุณเล็กกลับขึ้นมาบนเรือนแอนนาก็รีบเข้าไปถามอาการอย่างร้อนใจ

            “ขอฉันเรียนคุณพ่อซักประเดี๋ยวเธอรอก่อนได้หรือไม่แอนนา”คุณเล็กร้องขออย่างสุภาพ แอนนาจึงยอมปล่อยต้นแขนของคุณเล็ก ชายหนุ่มเดินตรงไปหยุดแล้วนั่งลงตรงหน้าผู้เป็นบิดา เจ้าคุณสรอรรถในยามนี้มีสีหน้าอมทุกข์ ด้วยอนลเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ท่านเจ้าคุณรักมากที่สุด เป็นลูกชายคนโตที่สร้างแต่ความภาคภูมิใจให้กับท่านเจ้าคุณมาโดยตลอดและเป็นลูกชายที่เจริญรอยตามท่านเจ้าคุณทางด้านการทหาร เรียกได้ว่าได้ดั่งใจในทุกด้าน

มาวันนี้ วันที่ท่านตั้งใจจะให้ลูกเมียแก้ปัญหาด้วยตัวเองเพราะเห็นว่าคุณใหญ่ก็ออกเรือนเป็นผู้ใหญ่มีลูกมีเต้าก็สามคนแล้วน่าจะจัดการปัญหาภายในบ้านตัวเองได้ แต่เหตุกลับไม่เป็นดังที่คิดลูกชายคนโปรดจะเป็นหรือจะตายก็ยังไม่รู้ เหตุเพิ่งเกิดไม่กี่ชั่วโมงหากแต่ความทุกข์โทรมนัสกับกัดกร่อนพลังชีวิตของท่านเจ้าคุณไปมากโข สองพ่อลูกนิ่งอยู่ครู่ท่านเจ้าคุณถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างยอมจำนนกับสิ่งที่กำลังจะได้ฟัง

            “จะอยู่หรือจะตาย? เห็นแม่เขาว่าแม่สนยิงเข้ากลางหลังพ่อใหญ่เลย”

            “หมอยังไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรขอรับเจ้าคุณพ่อ อาการพี่ใหญ่ค่อนข้างสาหัส บอกแต่เพียงว่าอาจจะตายหรือถ้ารอดก็คงพิการเพราะเส้นประสาทและกระดูกสันหลังเสียหายมาก แล้วทางนั้นเป็นอย่างไรบ้างขอรับเจ้าคุณพ่อ ลูกเห็นเธอนิ่งไป”

            “แม่พะยอมเขามาเอาลูกกลับไปดูแลที่เรือนเขา เห็นว่าสติจะวิปลาสไปเสียแล้วล่ะไม่รับรู้ไม่หือไม่อือกับใครเอาแต่นั่งตาลอย เวรกรรมจริงๆ”ท่านเจ้าคุณตอบอย่างปลงๆ หากถามว่าท่านโกรธคุณสนมั้ย แน่นอนใจคนเป็นพ่อย่อมโกรธเป็นธรรมดา เพราะผ่านโลกมามากและเป็นคนที่มีเหตุผลมากพอเมื่อสืบสาวราวเรื่องก็ได้รู้ว่าเหตุที่เกิดเป็นเพราะความตลบตะแลงพลิกลิ้นของลูกชายท่านเองจากความโกรธก็กลายเป็นความเวทนา ด้วยก็เห็นคุณสนมาตั้งแต่เกิดเห็นถึงการเลี้ยงดูที่ถูกปล่อยปละ เห็นถึงความเอาแต่ใจของคุณสน รับรู้แม้กระทั่งชื่อเสียงที่เลื่องลือด้านการทำงานและความมั่นใจในตัวเองของคุณสน อดนึกนิยมชมชอบอยู่ไม่น้อยที่เป็นเพียงลูกเจ๊กลูกจีนแต่ทำตัวมีศักดิ์ไว้ศรีแห่งลูกหลานเจ้าพระยาพิพิธ หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มาทาบทามสู่ขอก็ไม่เคยชายตาแลผู้ใด หากเป็นคนหัวเก่าก็คงมองว่าคุณสนนั้นแข็งเกินกว่าจะเอามาทำลูกทำเมียแต่ด้วยคุณใหญ่นั้นเป็นชายหนุ่มหัวใหม่ วันที่เข้ามาบอกว่าตกลงจะหมั้นหมายตบแต่งกับคุณสนท่านเจ้าคุณและคุณหญิงได้ทักท้วงแล้วหากแต่คุณใหญ่ดื้อรั้นดึงดันอยากได้คุณสนมาเป็นภรรยา ความว่าปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ผูกอู่ต้องตามใจผู้นอนแม้คุณหญิงผกาจะไม่เห็นด้วยนักแต่ก็ยอมตามใจลูกผัวด้วยเป็นช้างเท้าหลัง

วิบากกรมในวันนี้ต้นเหตุก็มาจากคุณใหญ่ที่ไปรับปากด้วยความอยากเอาใจคุณสน คิดว่าผู้หญิงเมื่อตกเป็นเมียแล้วในอนาคตก็จะโอนอ่อนผ่อนตามเหมือนที่คุณหญิงผกายอมให้ท่านมีบ้านเล็กบ้านน้อยไม่เคยปริปากพูดแม้จริงๆแล้วจะเจ็บช้ำน้ำใจสักเพียงไหน

            “คุณแม่เป็นอย่างไรบ้างครับ ก่อนลูกพาพี่ใหญ่ขึ้นรถเห็นเหมือนจะล้มลงไปอีกหน”

            “ก็ทุกข์ใจหนักอยู่ เอาเถอะเรื่องอาการเดี๋ยวพ่อจะบอกแม่เอง เล็กไปคุยกับแหม่มเถอะ อยากรู้แย่แล้วตั้งแต่กลับมาเห็นเดินไปเดินมาไม่หยุด พ่อเข้าห้องล่ะเหนื่อยเต็มที”ท่านเจ้าคุณสรอรรถลุกขึ้นเพื่อกลับเข้าไปในห้อง ท่านรู้ว่าคุณหญิงผกานั้นยังไม่นอนและคงกำลังรอที่จะฟังข่าวลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอยู่ส่วนลิขิตเองก็เดินไปหาแอนนาบอกอาการของคุณใหญ่ตามตรง หญิงสาวร้องไห้ออกมาอย่างตกใจยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงร้องหากแต่ทั้งคู่กลับได้ยินเสียงกรีดร้องโวยวายราวกับคนที่กำลังใจสลายออกมาจากห้องนอนของคุณหญิงผกา เสียงหรีดหริ่งเรไรที่ส่งเสียงร้องเงียบลงไปทันทีเหลือเพียงความมืดที่โอบล้อม เรือนเจ้าคุณสรอรรถไม่เคยต้องเผชิญกับบรรยากาศแบบนี้มาก่อน

นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่คุณเล็กลืมตาเกิดมาเลยทีเดียว

 

            “เฟื้อง พี่สนกินข้าวหรือยัง?”หนูแสนที่อาบน้ำอาบท่าให้หนูหยกพาหลานสาวตัวน้อยเข้านอนเรียบร้อยก็ย่องออกมาหาคุณสนที่ห้อง คุณสนนอนนิ่งอยู่บนเตียงไม่ไหวติงโดยมีเฟื้องปรนนิบัติพัดวีเจ้านายสาวไม่ห่าง สีหน้าของเฟื้องนั้นทุกข์ตรม

            “คุณพะยอมเธอมาป้อน รับได้แค่สองคำก็เมินไม่ยอมกินต่อค่ะ เธอบอกว่าเธอจะรอคุณใหญ่ วันนี้คุณใหญ่คงกลับดึกอีก คุณแสนเจ้าขา บ่าวสงสารคุณสน เธออยู่ของเธอดีๆแท้ๆทำไมเป็นอย่างนี้ไปได้ สติก็ก็พลอยหายไปด้วยไม่รู้ว่าทะเลาะอะไรกันถึงต้องทำกันแบบนี้ ท่าจะเรื่องผู้หญิงอีกตามเคย”นังเฟื้องพูดไปก็กลั้นเสียงสะอื้นของตัวเองไม่ได้ด้วยสะเทือนใจกับชะตาชีวิตของเจ้านาย

            “ร้องไห้ทำไมล่ะเฟื้อง สงบจิตสงบใจเสียก่อนเถิด บุญเท่าไหร่แล้วที่เราวิ่งไปทันไม่อย่างนั้นป่านนี้อาจจะได้นั่งรับแขกอยู่วัดนะ อีกอย่างเราเองก็ยังไม่รู้แน่ว่าเรื่องเป็นยังไงก็ไม่ควรเดาสุ่มไปเรื่อยนะรู้มั้ย”หนูแสนเอ็ดนังเฟื้อง ส่ายหน้าอย่างระอาใจ

            “เฟื้องไปพักเถอะ เช็ดน้ำหูน้ำตาเสีย เดี๋ยวฉันดูพี่สนเอง”

            “ให้บ่าวอยู่เถอะเจ้าค่ะ บ่าวอยู่ได้ เผื่อเธอปวดหนักเบาบ่าวจะได้ดูแล คุณแสนอย่างไรเสียก็เป็นผู้ชาย ไม่สะดวกหรอกเจ้าค่ะ”

            “จริงด้วยสิ ฉันก็ลืมข้อนี้เสียสนิทเอาแต่เป็นห่วงพี่สนไม่ได้นึกว่าตัวเองเป็นผู้ชาย ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันนั่งเป็นเพื่อนพี่สนซักพักว่าแต่เฟื้องจะไหวหรือ ให้บ่าวคนอื่นมาอยู่ด้วยมั้ยจะได้ช่วยๆกันดู”หนูแสนเอ่ยถามด้วยเป็นห่วงนังเฟื้องที่ต้องอยู่ดูแลรับใช้คุณสนเพียงคนเดียวตลอดเวลา แต่นังเฟื้องกลับจับเท้าของคุณสนที่นอนนิ่งอย่างภักดี

            “ไม่เหนื่อยเจ้าค่ะ บ่าวก็ดูแลเธอมาตั้งแต่ยังเล็ก หากเอาคนอื่นมาบ่าวกลัวว่าจะไม่รู้ใจกัน เดี๋ยวถ้าคุณสนหลับบ่าวปูผ้านอนหน้าเตียงก็ได้เจ้าค่ะ”

            “อย่างนั้นก็ได้ แต่ตอนนี้เฟื้องไปอาบน้ำอาบท่ากินข้าวกินปลาให้อิ่มก่อนเถอะแล้วค่อยขึ้นมาดูแลพี่สน ฉันจะดูให้ก่อน”หนูแสนหันกลับมาหาคุณสนที่ตอนนี้หลับไปแล้วนังเฟื้องเมื่อเห็นดังนั้นก็ยอมถอยออกจากห้องทำตามที่หนูแสนบอกอย่างไม่ดื้อดึง หนูแสนขยับผ้าแพรห่มให้พี่สาว ในดวงตาที่จ้องร่างซูบซีดของคุณสนนั้นมีทั้งความหนักใจและเศร้าสร้อยเจืออยู่

ทั้งๆที่วันนี้ควรเป็นวันที่น่ายินดีเนื่องจากคุณเล็กเพิ่งเดินทางกลับมาแล้วแท้ๆกลับมามีเรื่องมีราวร้ายๆ ไหนจะยังความรู้สึกซึมและเศร้าในใจเรื่องที่ว่าคุณเล็กพาเมียแหม่มกลับมาอีก ใจของหนูแสนเจ็บเหมือนจะขาดรอนๆ เกิดคำถามมากมายว่าเหตุใดคุณเล็กไม่เคยบอกว่ามีลูกเมียอยู่ที่นั่นแล้ว เห็นว่าลูกชายของคุณเล็กนั้นโตกว่าหนูยิ่งเสียอีก

ถ้าอย่างนั้นเมื่อครั้งไปถึงแรกๆคุณเล็กอาจจะตื่นตาตื่นใจกับแหม่มสาวๆสวยๆตามประสาวัยหนุ่มคะนองสินะ

คุณเล็กนะคุณเล็ก ในจดหมายบอกว่ารักนักรักหนา คิดถึงอย่างนั้นอย่างนี้ โกหกพกลมทั้งเพ หลอกให้หนูแสนรอบอกย้ำเสมอว่าอย่าไปมีใครแต่ตัวเองกลับไปซุกซนจนได้เมียได้ลูก นิสัยเจ้าชู้นี่เป็นกรรมพันธุ์หรืออย่างไร

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด หนูแสนส่ายหน้ายกมือขึ้นตบแก้มตัวเองอย่างเรียกสติให้ตัวเองกลับมาสนใจคุณสนเช่นเดิม

ตอนนี้สิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือพี่สาวของตนที่นอนอยู่ตรงนี้

เรื่องของคนอื่น จะลูกใครเมียใครก็คงต้องปล่อยเขา คนนอกอย่างหนูแสนคงไปทำอะไรไม่ได้นอกจากตัดใจ

 

            ตอนเช้าหลังจากเจ้าสัวเช็งและคุณเสนกินข้าวกินปลาพูดคุยกันถึงเรื่องเมื่อวานเล็กน้อยและออกไปทำงานแล้วคุณอุ่นเรือนก็อาสาดูแลหนูหยกให้คุณพะยอมกับหนูแสนจึงเดินไปที่เรือนของเจ้าคุณสรอรรถ คุณเล็กพาแอนนาและอเล็กซ์ที่รบเร้าขอตามไปด้วยออกไปโรงพยาบาลก่อนที่หนูแสนจะมาถึงเพียงไม่นานทำให้คลาดกันบนเรือนจึงมีเพียงคุณหญิงผกาและเมียรองทั้งสองคนของท่านเจ้าคุณสรอรรถนั่งอยู่ นังแม้นคอยปรนนิบัติพัดวีคุณหญิงผกาไม่ได้ห่าง เมื่อเห็นว่าใครก้าวขึ้นมาบนเรือนความเจ็บช้ำน้ำใจความเจ็บแค้นแทนลูกชายก็ส่งผลให้คุณหญิงผกาทำท่าปั้นปึ่งหมางเมิน

            “แม่ผกา...”คุณพะยอมเอ่ยเรียกคุณหญิงผกาด้วยคำเรียกเหมือนสมัยยังเป็นนางข้าหลวงด้วยกัน

            “หล่อนมาทำไมรึแม่พะยอม มาดูหรือว่าลูกชายของฉันตายแล้วหรือยัง ถ้าจะมาด้วยเหตุนั้นฉันก็ต้องบอกว่ายังไม่ตายหรอก กลับไปเถอะ”

            “โธ่ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นซักนิด ที่มาก็อยากจะมาขอโทษแม่ผกาที่ลูกสาวของฉันทำเรื่องรุนแรงกับคุณใหญ่ ฉันเสียใจจริงๆนะ ถ้ารู้ว่าแม่สนจะทำแบบนี้ฉันจะไปนั่งเฝ้าลูกไว้เลย แต่เมื่อเรื่องมันเกิดไปแล้ว แม่สนเองก็เสียใจจนสิ้นสติกลายเป็นคนไม่รับรู้อื่นใดแล้ว ฉันก็อยากจะขอให้แม่ผกายกโทษให้ลูกฉันด้วย เห็นแก่หัวอกคนเป็นแม่เหมือนกัน อีกอย่างแม่สนเองก็มีลูกกับคุณใหญ่ถึงสองคนอย่างไรเสียพ่อยิ่งกับแม่หยกก็เป็นหลานของเราหากมาตึงใส่กันแบบนี้ฉันเกรงว่าหลานจะทำตัวไม่ถูก”

            “เห็นแก่ความเป็นแม่หรือ หล่อนเองยังทุกข์ใจที่ลูกหล่อนเสียสติ แล้วฉันเล่าแม่พะยอม ลองชายของฉันตั้งแต่เกิดมาคำน้อยก็ไม่เคยว่าให้ระคายใจ ตีซักแปะยังไม่กล้า แต่แม่ลูกสาวคนดีของหล่อนเอาปืนมายิงลูกฉันเป็นตายเท่ากันใครจะมาเห็นถึงหัวใจฉันบ้างว่าทุกข์ตรมเพียงไหน ลูกสาวของหล่อน หล่อนก็เอากลับไปเลี้ยงไปดูแลเถอะ นับจากวันนี้ขอให้ขาดกัน ผีไม่เผาเงาไม่เหยียบไม่เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป ส่วนลูกของตาใหญ่ฉันจะรับเลี้ยงเองทั้งสองคน”คุณหญิงผกาประกาศกร้าวด้วยความโกรธ เป็นเพื่อนกันตั้งแต่ยังไม่โกนจุกถนอมน้ำใจกันมาตลอดช่วยเหลือเกื้อหนุนอารีอารอบให้กันมาหลายสิบปีมาบัดนี้เพราะความแค้นอกแค้นใจที่คุณสนมาทำให้คุณใหญ่เจ็บปางตายคุณหญิงผกาก็เอาอารมณ์ตนขึ้นมาอยู่เหนือเหตุผลประกาศตัดความสัมพันธ์กับคุณพะยอม

            “โธ่...แม่ผกา ทำไมเป็นเช่นนั้นเล่า แล้วเรื่องหลานๆเธอจะพรากแม่พรากลูกเขาได้อย่างไร”

            “พรากได้ไม่ได้ฉันก็จะพราก ตายิ่งฉันก็เลี้ยงของฉันมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก หากหล่อนกลัวว่าฉันจะพรากแม่พรากลูกของแม่ลูกสาวคนดีของหล่อนอย่างนั้นฉันก็ยกแม่หยกเป็นสิทธิ์ขาดของหล่อนเลยแล้วกัน”คุณผกาหันหน้าหนีบอกเป็นนัยว่าตนไม่ประสงค์จะเสวนากับคุณพะยอมอีกต่อไป คุณพะยอมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจหนูแสนได้แต่กุมมือแม่ไว้อย่างปลอบโยน เมื่อเห็นทีว่าคงพูดกันไม่รู้เรื่องจึงยอมลงจากเรือนมายังไม่ทันจะเหยียบถึงบันไดขั้นสุดท้ายก็ได้ยินเสียงคุณหญิงผกาดังมาอย่างจงใจจะให้ได้ยิน

            “ไอ้มิ่ง ไอ้อีคนไหนอยู่แถวนี้บ้าง ส่งคุณเรือนนู้นเสร็จก็ให้บ่าวเอาไม้ไปปิดประตูเล็ก ปิดตายไปเลยห้ามใครเข้าออกไปมาหาสู่กันอีก หากใครไม่ฟังคำข้าก็อย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน





.....................................

ครึ่งหน้าคุณเล็กกับหนูแสนจะได้เจอกันแล้วนะเจ้าคะ คราวนี้เจอกันจริงๆ เจอแบบถึงเนื้อถึงตัว

#แสนคำนึง

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
เนื้อเรื่องเข้มข้นมากจริงๆเอาไปสร้างละครได้เลย
รอตอนต่อไปน้าาา

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


แม่ผกานี่ไม่น่าคบเลย..

ทีกับเหล่าอนุของสามี..

ยังใจกว้าง...

เปิดใจรับได้เลย

คนเห็นแก่ตัว

ลูกชายตัวเอง.

ก็ใช่จะดีเลิศประเสริฐศรี

ผิดศีลเป็นอาจิณกรรม

ลูกๆกำลังเติบโต

แทนที่จะเป็นตัวอย่างให้เด็ก

พอกันครอบครัวนี้พ่อแม่ลูก

ยกเว้นคุณเล็ก




ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ไม่เผาผีกัน
นี่ซินะอุปสรรคของคุณเล็กกับหนูแสน

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
   ((ต่อ))

         “หล่อนทำแบบนี้มันก็เกินไปนะคุณหญิง อย่างไรเสียก็เพื่อนใกล้ชิดมิตรใกล้บ้าน ตอนนี้พ่อใหญ่ก็รอดแล้วแต่ลูกเขาเป็นบ้าเป็นบอไปหล่อนไม่คิดบ้างรึว่าเขาก็เจอมาหนักเหมือนกัน” ท่านเจ้าคุณเอ่ยตำหนิคุณหญิงทันทีที่กลับถึงเรือนเมื่อเห็นบ่าวไพร่พากันเก็บเครื่องไม้เครื่องมือหลังจากเอาไม้กระดานไปปิดประตูเล็ก คุณหญิงผกาเชิดคอแข็งขึ้นมาทันที

            “ต่อให้พ่อใหญ่รอดแล้วจะกลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้แม่สนทำแบบนี้มันหนักเกินไปอิฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ ชาตินี้ขออย่าให้ต้องเกี่ยวดองกันอีกเลย”

            “คุณหญิงนี่นะ บทจะไร้เหตุผลก็หัวแข็งเหลือกำลัง ลองคิดกลับกันดูบ้างลูกสาวเขาต่อให้ไม่ป่วยกายแต่ก็ป่วยใจ ตอนลูกไปเรียนเมืองฝาหรั่งก็ได้เขาลงแรงทำกับข้าวกับปลาทั้งคาวทั้งหวานส่งให้ยิ่งกว่าเราที่เป็นพ่อแม่ ตั้งแต่ดองกันมาก็ไม่เคยทำอะไรให้เดือดเนื้อร้อนใจเลยซักครั้ง ฉันเชื่อว่าการที่เขายอมมาขอโทษในสิ่งที่แม่สนทำเป็นเพราะเขาเห็นใจเราและสำนึกผิดจริงจากก้นบึ้งของหัวใจ หลานสองคนก็ต้องการทั้งปู่ย่าและตายาย เขาไม่ได้ตายจากหรือหนีหายไปมีชู้ถึงจะพรากลูกพรากแม่จากกัน ฉันขอเถอะนะให้มันจบแค่เพียงเท่านี้อย่าต่อความยาวสาวความยืดอย่าผูกเวรผูกกรรมกันอีก เรื่องที่เกิดขึ้นหล่อนก็รู้ดีว่ามันเกิดเพราะความโกหกปลิ้นปล้อนของลูกเรา พรุ่งนี้ฉันจะให้ตาเล็กไปหาเขาไปขอโทษที่หล่อนทำแบบนี้ แก่จนหัวหงอกทั้งหัวแล้วทำอะไรก็คิดให้มันเยอะๆ”เจ้าคุณสรอรรถยื่นคำขาดให้กับคุณหญิงผกา

            “คุณพี่!”แม้จะส่งเสียงกเรียกซักเท่าไหร่ท่านเจ้าคุณสรอรรถก็ทำหูทวนลมเดินเข้าห้องพระแล้วหับประตูห้องไม่สนใจอีกปล่อยให้ผู้เป็นภรรยาฟึดฟัดอยู่เพียงคนเดียว

ทางด้านบ้านเจ้าสัวเช็ง คุณพะยอมที่ปกติจะนอนแล้วแต่ตอนนี้กลับยังนั่งคิดเรื่องของคุณสนอยู่ไม่อาจข่มตาให้นอนได้ เจ้าสัวเช็งกลับเข้ามาในห้องเห็นภรรยายังไม่หลับก็รู้ว่าคุณพะยอมนั้นยังคิดมากเรื่องที่คุณหญิงผกาตัดความสัมพันธ์อย่างไม่ใยดี เจ้าสัวเช็งนั่งลงข้างภรรยาแล้วจึงคว้ามือที่ถึงแม้บัดนี้จะเรี่ยวเหี่ยวย่นตาวัยและเพราะทำงานไม่ได้หยุดขึ้นมาลูบและตบลงเบาๆบนหลังมือ คุณพะยอมมองหน้าสามีแล้วจึงปล่อยน้ำตาให้ไหล

            “ฉันสงสารลูกค่ะ”ยามอยู่ต่อหน้าลูกๆคุณพะยอมนั้นนิ่งสงบและไม่ร้องไห้ไม่โวยวายไม่พูดโทษหรือโกรธใคร แต่ทว่าครั้งใดที่มีเรื่องทุกข์ใจยามอยู่กันเพียงลำพังกับท่านเจ้าสัวคุณพะยอมก็เป็นเพียงเมียที่รักและเทิดทูนสามีแม่ที่รักและอยากจะปกป้องดูแลลูกๆ หล่อนไม่ใช่ผู้หญิงเข้มแข็งอะไรเลยซักนิด ยามเมื่อนึกถึงชะตาชีวิตที่ลูกสาวคนเดียวได้เจอหัวใจของคุณพะยอมก็เจ็บราวถูกเหยียบ

            “แม่สนไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้ ฉันเชื่อว่าลูกไม่ใช่คนเริ่ม ฉันเชื่อว่าคุณใหญ่ต้องทำอะไรให้แม่สนเหลืออดถึงได้ทำอะไรแบบนั้นไป แม่สนถึงจะเอาแต่ใจเจ้าอารมณ์แต่เขาไม่เคยคิดเอาชีวิตใคร บ่าวในบ้านแม่สนก็ไม่เคยตบตีใครนอกจากนังเฟื้อง ถึงลูกจะปากร้ายแต่ลูกไม่ได้มีจิตใจอำมหิตถึงขนาดจะตั้งใจฆ่าใครได้ แต่ทำไมไม่มีใครเห็นใจลูกสาวฉันเลย ต้องให้ลูกฉันเป็นคนเจ็บแบบคุณใหญ่หรือแม่สนถึงจะได้รับความเห็นใจ”คุณพะยอมสะอื้นให้อย่างเจ็บปวด เจ้าสัวเช็งดึงร่างภรรยาเข้ามากอดอย่างเข้าใจในความรู้สึก

            “อย่าไปโกรธคุณหญิงเธอเลย ลูกเธอเจ็บเธอเลยเสียใจ ในเมื่อเขาตัดญาติตัดมิตรกับเราแล้ว เราก็เลี้ยงลูกเลี้ยงหลานของเราไป เรื่องครั้งนี้ส่วนหนึ่งเราเองก็ผิด เราเลี้ยงแม่สนอย่างปล่อยปละ ฉันก็ผิดที่ไม่เคยให้ความรักความเอาใจใส่ลูกเอาแต่คิดว่าแม่สนเป็นเด็กดื้อเด็กหัวรั้น ซ้ำยังเป็นเด็กผู้หญิง เมื่อเติบใหญ่ก็เห็นว่ากล้าเก่งเกินหญิงแก้ปัญหาอะไรได้ด้วยตัวเองจึงไม่คิดจะใส่ใจ ต่อไปฉันสัญญาว่าจะเอาใจใส่แม่สนให้มากกว่านี้ อาจจะดูว่ามันสายไปแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำ แม่พะยอมทำใจให้สงบเถอะนะ อย่าไปน้อยเนื้อต่ำใจอะไรเลย ในเมื่อตอนนี้ลูกกลับมาอยู่กับเราก็รักษากันไป ฉันสัญญาว่าจะหาหมอดีที่สุดไม่ว่าจะแผนไทยแผนจีนหรือแผนฝาหรั่งจะเอามารักษาแม่สนให้หายให้ได้ แม่พะยอมเองก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีๆอยู่กับฉันไปนานๆนะรู้มั้ย ฉันรักแม่พะยอมมากแม่พะยอมรู้ใช่มั้ย อย่าให้เหตุทุกข์ใจครั้งนี้ทำให้แม่พะยอมคิดมากจนอาการป่วยไม่ดีขึ้นอีกนะ”เจ้าสัวเช็งกอดภรรยาแน่นขึ้นไปอีก สองสามีภรรยาใช้ไออุ่นจากอ้อมกอดปลอบใจซึ่งกันและกันภายนอกแม้จะเศร้าแต่ในใจก็หาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างใช้สติ

 

            “เสียงอะไรปึงปังตั้งแต่เช้าน่ะยายแช่ม”คุณพะยอมถามยายแช่มที่ยืนชะเง้อชะแง้มองไปยังประตูเล็กที่มีเสียงตึงตังมาได้ซักพักแล้ว

            “ไม่ทราบสิเจ้าคะ หรือว่าคุณหญิงผกาสั่งบ่าวให้มาตรึงประตูให้แน่นขึ้นนะเจ้าคะ”

            “เมื่อวานยังแน่นไม่พออีกรึ ฉันละยอมใจคุณหญิงเธอจริง หัวรั้นหัวแข็งตั้งแต่เด็กยันแก่ แล้วนี่หนูแสนออกไปเก็บรากบัวเม็ดบัวที่คลองแล้วรึ”

            “เจ้าค่ะ ออกไปเมื่อครู่เห็นบอกว่าจะต้มรากบัวกับกระดูกหมูไว้ให้คุณๆบำรุงกำลัง กับจะเก็บเม็ดบัวมาต้มขนมหวานให้คุณเล็กๆกินเจ้าค่ะ ส่วนดอกบัวเห็นว่าจะเอามาตากทำชาไว้ให้คุณเสนกับท่านเจ้าสัวดื่ม”

            “ขยันจริงลูกคนนี้ อ้าว...”คุณพะยอมร้องอย่างแปลกใจเมื่อประตูที่ถูกปิดตายถูกเปิดออก ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ผิวขาวดูมีสง่าก้าวเข้ามาในตัวบ้าน คุณพะยอมหรี่ตามองก็รู้สึกคลับคล้ายคับคลาคุ้นหน้าเสียเหลือเกิน

            “ไหว้คุณน้าพะยอมครับ”คุณเล็กยกมือไหว้คุณพะยอมอย่างนอบน้อม พอนึกขึ้นได้ว่าใครคุณพะยอมก็ยิ้มอย่างดีใจเกิดความปลื้มปิติในใจลึกๆว่าคุณเล็กมารื้อประตูเชื่อมระหว่างสองบ้านเพื่อมาหา

            “ตายจริง คุณเล็ก โตเป็นหนุ่มเต็มตัวสูงใหญ่อะไรขนาดนี้กันคะ”ลูบหลังลูบไหล่อย่างรักใคร่เอ็นดูไม่ต่างจากเมื่อครั้งยังเยาว์วัยเลยซักนิด

            “อยู่ที่นู่นกินนมกินเนยแบบฝรั่งครับเลยสูงขึ้นตัวหนาขึ้น คุณน้าพะยอมสบายดีมั้ยครับ อันที่จริงตั้งใจจะมาไหว้ตั้งแต่วันแรกที่กลับมาแต่ก็เกิดเรื่องเสียก่อน”คุณพะยอมหน้าเสียไปนิดเมื่อคุณเล็กท้าวความถึงวันที่คุณสนก่อเหตุ

            “เมื่อวานมีโปลิสมาที่บ้านจะมาสอบปากคำเรื่องของพี่ใหญ่ แต่คุณน้าไม่ต้องกลัวนะครับเจ้าคุณพ่อบอกไปว่าเป็นอุบัติเหตุปืนลั่น ส่วนจะมีนอกมีในอะไรมั้ยอันนี้เล็กก็ไม่ทราบ แต่คุณพี่สนจะไม่ถูกรบกวนแน่นอน ที่เล็กมาในวันนี้ก็เพราะเจ้าคุณพ่อฝากความมาขอโทษทางคุณน้าที่พี่ใหญ่ทำเรื่องเจ็บช้ำน้ำใจให้พี่สน หวังว่าคุณน้าจะให้อภัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นนะครับ”คุณเล็กนำความที่เจ้าคุณสรอรรถฝากมาบอกอย่างครบถ้วน คุณพะยอมนั้นไม่ได้นึกโกรธขึ้งอะไรทางบ้านคุณใหญ่เลยจึงให้อภัยโดยง่าย คุณเล็กนำของฝากที่ซื้อมามอบให้คุณพะยอมรวมทั้งไวน์ชั้นดีอีกสองขวดฝากให้ท่านเจ้าสัวกับคุณเสน ผ้าลูกไม้ที่ตั้งใจจะเอามาฝากคุณสนถูกมอบให้กับคุณพะยอมเช่นกัน สายตาก็สอดส่ายมองหาเจ้าน้องน้อยที่คิดถึงหากแต่โรงครัวกลับว่างเปล่า ตรงลานด้านหน้าก็มีเพียงบ่าวไพร่ที่กำลังปรุงน้ำอบน้ำปรุงและแป้งกระแจะจันทน์

            “แล้ว...หนูแสนไปไหนเสียเล่าครับ?”

            “อยู่ที่คลองน่ะ ไปเก็บบัว อีกนานแหละกว่าจะกลับรายนั้นไปเก็บบัวทีไรเพลินลืมเวลาทุกที คุณเล็กจะไปหาน้องก็ไปเถอะค่ะไม่เจอกันนานหลายปีคงมีอะไรเล่าให้หนูแสนฟังเยอะเลยใช่มั้ยคะ”

            “งั้นเล็กขอไปหาหนูแสนก่อนนะครับ มีของมาฝากเหมือนกัน”คุณเล็กไหว้ลาคุณพะยอมแล้วจึงตรงไปที่ท่าน้ำหน้าบ้านตรงส่วนที่อยู่ด้านขวาที่ไม่ติดกับเรือนของคุณเล็กจะมีกอบัวกอใหญ่บานสะพรั่งเต็มคลองมันเป็นคลองที่แยกออกมาเป็นเวิ้งกว้างๆตรงโค้งน้ำ มีทั้งบัวสายและบัวหลวงตรงตีตลิ่งนั้นมีน้ำสูงประมาณหนึ่งเมตรกว่าๆแต่ว่าใบบัวและดอกบัวหลวงนั้นสูงพ้นน้ำ เมื่อลองเพ่งมองก็เห็นใบบัวสะท้านไหวอยู่ตรงมุมหนึ่งก็นึกรู้ว่าหนูแสนอยู่ตรงไหน คุณเล็กค่อยๆย่องไปที่ตลิ่งอย่างเงียบเชียบ ตรงพื้นดินนั้นมีรองเท้าของหนูแสนถอดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ คุณเล็กจัดการถอดเสื้อของตัวเองวางไว้ใกล้ๆกันแล้วค่อยย่องลงไปในน้ำเดินเบาๆราวกับแมวย่องในที่สุดก็เห็นน้องน้อยตัวขาวในเสื้อป่านคอกลมกำลังเพลิดเพลินกับการเก็บดอกบัวหลวงสีสวยไว้ในอ้อมแขน หนูแสนนั้นไม่ได้รู้เลยซักนิดว่ามีใครบางคนค่อยย่องมาจากด้านหลัง กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่แผ่นหลังปะทะกับแผงอกของคุณเล็กเสียแล้วหนูแสนสะดุ้งด้วยความตกใจหันกลับมามองอย่างตื่นตระหนกก็พบกับผู้ชายที่คุ้นตา เพราะหันมาเร็วเกินและที่ยืนอยู่ข้างใต้ก็เป็นเลนโคลนทำให้หนูแสนเสียหลังล้มลงไปในน้ำจนคุณเล็กต้องรีบดึงเจ้าน้องน้อยขึ้นมาประคองไว้ในอ้อมแขน คนที่ดวงใจไม่เคยลืมเลือนเลยซักครั้ง คนที่เห็นผ่านเพียงรูปถ่ายสองใบที่ส่งมาให้ในระยะเวลาแปดปี ความคิดถึงคะนึงหานั้นพอกพูนเพิ่มขึ้นทุกวัน ยิ่งพอได้มาเห็นหน้าใกล้ๆความคิดถึงก็ไม่ได้จางลงไปเลย หนูแสนนั้นดีใจจนแทบจะโผเข้ากอดคุณเล็ก ดอกบัวนับสิบดอกที่เพิ่งเก็บร่วงจากมือหล่นลงน้ำ มันทั้งอุ่นวาบในหัวอกหากแต่ความเย็นเยียบก็ตามมาอย่างทันท่วงที

คิดถึงแค่ไหน

อยากกอดมากแค่ไหน

สุดท้ายก็ต้องตัดใจ

หนูแสนผละตัวออกจากคุณเล็ก ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับกริยาหมางเมินนั้น

            “ไม่ทักทายคุณเล็กหน่อยหรือคะ?”ในที่สุดเมื่อเห็นว่าเจ้าน้องน้อยปิดปากเงียบเป็นพระเตมีย์ใบ้ คุณเล็กจึงเป็นฝ่ายออกปากชวนน้องคุยเสียเอง

            “คุณเล็กมาทำไมคะ ประตูไม้ถูกปิดไปแล้วนี่คะ”

            “ปิดแล้วก็เปิดใหม่ได้ คุณเล็กมาก็เพราะคิดถึง...”คุณเล็กยังพูดไม่ทันจบหนูแสนก็ชิงหันหลังหนีราวกับไม่อยากฟังต่อ

            “คุณเล็กอย่าพูดอย่างนั้นเลยค่ะ ประเดี๋ยวใครมาได้ยินจะไม่ดี ยิ่งถ้ามีคนเอาไปบอกเมียแหม่มของคุณเล็กจะเป็นปัญหากันเปล่าๆ”

            “ห๊ะ??...หนูแสนว่าอะไรนะคะ?”คุณเล็กเอ่ยถามอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่เมื่อทบทวนคำพูดของหนูแสนแล้วก็ได้แต่ยกมือตบหน้าผากตัวเองดังฉาด

พุทธโธ่เอ๋ย...ที่ไม่ยอมหันมาพูดจากันดีๆก็เพราะเข้าใจอะไรๆผิดไปนี่เอง

เจอเล่ห์ฤษีแปลงสารเข้าให้แล้วไหมล่ะ

            “หนูแสนคะ หันมาฟังคุณเล็กอธิบายก่อนได้มั้ยคะ”ลองแตะต้นแขนน้องเบาๆหากแต่หนูแสนกลับเบี่ยงตัวหลบราวกับต้องของร้อน หากแต่คุณเล็กก็ดึงให้น้องหันกลับมาหาตนจนได้ ด้วยขนาดตัวที่ต่างกันมากคุณเล็กนั้นสูงใหญ่ส่วนหนูแสนนั้นตัวเล็กดูบอบบางน่าทะนุถนอมเสียเหลือเกิน แม้จะหันกลับมาเผชิญหน้ากันแล้วหนูแสนก็เอาแต่ก้มหน้าไม่ก็หันไปทางอื่นหลบไม่ยอมจ้องตากับคุณเล็กจนคุณเล็กค่อยๆใช้มือขวาประคองใบหน้าของน้องแล้วใช้มืออีกข้างเชยคางมนให้น้องเงยหน้าขึ้นมาสบตา เมื่อคุณเล็กก้มลงมาจนหนูแสนรู้สึกว่าเราอยู่ใกล้กันเกินควรก็จับต้นแขนของคุณเล็กดันไว้เบาๆ

            “หนูแสนคนดีฟังคุณเล็กนะคะ”คุณเล็กลูบแก้มหนูแสนเบาๆอย่างแสนรัก รอยยิ้มถูกส่งให้น้องน้อยไม่ต่างจากวันวาร กาลเวลาที่ผันผ่านไม่เคยพรากรอยยิ้มนี้ไปจากคุณเล็กได้เลยซักนิด ยิ่งสบตาคมที่จ้องมาไม่มีลอกแลกยิ่งเหมือนถูกสะกดให้นิ่งฟัง

เมื่อเห็นว่าคนน้องไม่มีท่าทีต่อต้านและยอมนิ่งฟังแล้วคุณเล็กก็เอ่ยประโยคที่ทำให้ใจหนูแสนอ่อนยวบในทันที

            “แหม่มแอนนาและเด็กคนนั้นไม่ใช่เมียคุณเล็ก แต่เป็นเมียและลูกของคุณใหญ่ค่ะ ได้ยินมั้ยคะ?”เจ้าตัวน้อยนั้นทำหน้าไม่ถูก จะยิ้มก็ไม่กล้า จะดีใจก็ไม่สุด หากแต่ในอกเกิดความโล่งใจที่คุณเล็กบอกว่าแหม่มคนนั้นหาใช่เมียของตัวเองไม่

            “จริงหรือคะ? แล้วทำไมเขามากับคุณเล็กได้ล่ะคะในเมื่อเป็นเมียคุณใหญ่ทำไมไม่กลับมาพร้อมคุณใหญ่”

            “ก็ตอนที่พี่ใหญ่อยู่ที่นู่นพี่ใหญ่ก็มีสัมพันธ์กับผู้หญิงหลายคน แอนนาคือหนึ่งในนั้นตอนพี่ใหญ่กลับสยามแอนนาเพิ่งจะตั้งท้องพี่ใหญ่บอกกับหล่อนว่าจะกลับมาขออนุญาตเจ้าคุณพ่อที่จะแต่งงานพาแอนนามาอยู่ด้วยแต่สุดท้ายก็มาแต่งงานกับพี่สน”

            ถ้าอย่างนั้นคุณเล็กก็ทราบอยู่แล้วสิคะว่าคุณใหญ่มีลูกเมียอยู่ที่นู่นแล้วทำไมไม่เคยบอกหนูแสน หนูแสนจะได้เตือนพี่สนได้ทันก่อนจะออกเรือนกับคุณใหญ่ อย่างนี้ถ้าจะให้เดาที่พี่สนยิงคุณใหญ่ก็เพราะเรื่องเมียแหม่มหอบลูกมาด้วยใช่มั้ยคะ?”

            “เรื่องแอนนากับอเล็กซ์คุณเล็กสาบานด้วยความสัตย์จริงว่าคุณเล็กไม่รู้มาก่อนว่าพี่ใหญ่แอบมีเมียและลูกอยู่ทางนู้น แอนนาเพิ่งติดต่อคุณเล็กมาก่อนกลับสยามเพียงสองเดือน เธอถือจดหมายที่พี่ใหญ่เขียนตอบมาตลอดระยะเวลา 7 ปี มาให้คุณเล็กดูเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ใจ คุณเล็กก็ทำอะไรไม่ถูกเพราะอย่างไรเสียอเล็กซ์ก็มีเลือดของสรอรรถโยธาอยู่ครึ่งหนึ่ง จะเขียนจดหมายบอกก็ไม่น่าจะทันสุดท้ายจึงต้องปล่อยเลยตามเลย หนูแสนอย่าโกรธคุณเล็กเลยนะคะ คุณเล็กก็ไม่คิดว่าเหตุการณ์จะเลยเถิดถึงเพียงนี้”หนูแสนหลบสายตาตัดพ้อที่คุณเล็กส่งมาให้

            “ดูหรือคุณเล็กอุตส่าห์มาหา หวังจะได้เห็นรอยยิ้มหวานๆให้หายคิดถึง แต่กลับไม่มีเลยซักนิด น่าน้อยใจนัก แทนที่ได้กลับมาพบกันจะได้พูดเรื่องของเรากลับต้องมายืนแช่น้ำอธิบายเรื่องของคนอื่น หนูแสนโตขึ้นแล้วยังใจร้ายขึ้นด้วยหรือคะ คุณเล็กไม่ยักรู้”

            “หนูแสนเปล่าเสียหน่อย...หนูแสนขอโทษคุณเล็กที่เข้าใจผิด ก็เฟื้องบอกว่าคุณเล็กพาเมียแหม่มกลับมาหนูแสนก็เลยเข้าใจผิด คุณเล็กให้อภัยหนูแสนได้มั้ยคะ?”ปลายประโยคนั้นทอดเบาคล้ายจะอ้อน ยิ่งริมฝีปากอิ่มระเรื่อที่พูดตรงหน้ายิ่งสะกดให้คุณเล็กเผลอมองอย่างลืมตัว

            “หนูแสนโตขึ้นมากนะคะ หากเจอกันข้างนอกคุณเล็กอาจจะจำไม่ได้ รู้มั้ยคะว่าคุณเล็กคิดถึงหนูแสนทุกวัน เอาแต่คอยนับวันเวลาที่จะได้กลับมาเจอกันทุกคืน ยิ่งตอนที่เรือแล่นเข้าน่านน้ำของสยามใจของคุณเล็กก็แทบจะทนรอไม่ไหว ขอคุณเล็กกอดให้สมกับความคิดถึง ขอให้หนูแสนบอกคุณเล็กซักนิดให้คุณเล็กชื่นใจว่าหนูแสนนั้นก็...”คุณเล็กกลืนคำพูดที่กำลังจะเปล่งออกมาเมื่ออยู่ๆหนูแสนก็โถมกายเข้ากอดคุณเล็กไว้ทั้งตัว แก้มกลมของเจ้าน้องน้อยก็แนบอยู่กับไหล่คุณเล็ก ถ้อยคำที่วาดหวังจะได้ฟังกับหูของตัวเองมาตลอดแปดปีก็ถูกเอื้อนเอ่ยด้วยปากของหนูแสนเอง

            “คิดถึงค่ะ หนูแสนคิดถึงคุณเล็กที่สุดเลย”คุณเล็กกอดร่างเจ้าแน่งน้อยไว้แนบกายหลับตาลิ้มรสกับความหวานหู

หวานกว่าที่เคยจิตนาการ เสียงของหนูแสนที่บอกว่าคิดถึงนั้นหวานยิ่งกว่าน้ำผึ้งเดือนห้าเสียอีก

            “ชื่นใจเหลือเกินค่ะ หนูแสนของคุณเล็ก”

            “กลับมาแล้ว อย่าไปไหนไกลอีกนะคะ หนูแสนคร้านจะรอแล้ว”

            ไม่ไปไหนแล้วค่ะ คุณเล็กไปไหนไม่รอดแล้ว จะอยู่ข้างหนูแสนแบบนี้จนกว่าหนูแสนจะเบื่อเลยดีมั้ยคะ”หนูแสนผละกายออกจากคุณเล็ก ดวงตากลมเป็นประกายแสดงออกว่าเจ้าตัวมีความสุขมากขนาดไหน

            “หนูแสนไม่มีวันเบื่อคุณเล็กหรอกค่ะ ไม่มีวันเบื่อแน่นอน”เจ้าตัวน้อยให้คำมั่นหนักแน่นก่อนจะถูกรวบไปกอดอีกครั้ง นับเป็นความสุขใจครั้งแรกหลังจากเกิดเรื่องร้ายๆ หนูแสนไม่รู้หรอกว่าหลังจากนี้จะต้องพบเจอกับอะไรหนูแสนรู้เพียงว่าในตอนนี้หนูแสนกำลังเป็นคนที่มีความสุข

มีความสุขที่สุดในโลกเลยเพราะตอนนี้หนูแสนได้อยู่ในอ้อมกอดชองคนที่หนูแสนรู้ตัวแล้วว่าหนูแสนนั้นรักคุณเล็กเสียเหลือเกิน

 


ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
นึกว่าจะเหมือนขมิ้นกับปูนซะแล้ว ยังดีที่ท่านเจ้าคุณเป็นคนมีเหตุมีผล

อุปสรรคเดียวของหนูแสนน่าจะจากคุณหญิงคนเดียวแล้วล่ะ

ส่วนคุณสนคงต้องใช้เวลาในการเยียวยา

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้อ สงสารคุณสน ส่วนเรื่องหนูแสนก้อแลดูจะยากขึ้น ทั้งยุคสมัยและความบาดหมางอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ได้กอดกันสักทีนะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ลุ้นคู่นี้ต่อออ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
ได้กลับมาเจอกันสักที​ รอมานาน

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


แสนคำนึง
ตอนที่ ๑๓

๕๐%



            หลังจากการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออกและพักอยู่ที่โรงพยาบาลห้าวันอาการของคุณใหญ่ก็พ้นขีดอันตราย นับเป็นปาฏิหาริย์ที่คุณหญิงผกาแทบจะกราบลมกราบฟ้า แอนนาดีใจจนออกนอกหน้าหล่อนวาดฝันเอาไว้ว่าถ้าคุณใหญ่หายดีและกลับไปพักฟื้นที่บ้าน ทำกายภาพบำบัดซักระยะคุณใหญ่ก็จะเดินเกินและกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ หล่อนวาดฝันว่าคุณใหญ่จะตบแต่งยกย่องหล่อนให้เป็นเมียเอกแทนคุณสนที่ถูกตัดสัมพันธ์จากคุณหญิงผกาแล้ว หลายวันมานี้หล่อนพยายามบอกให้ลูกชายที่มีศักดิ์เป็นลูกชายคนโตได้อยู่ใกล้ชิดกับคุณหญิงผกาเพื่อเป็นการเอาใจและหวังว่าคุณหญิงผกาจะรักและเอ็นดูลูกชายของหล่อนมากกว่าหนูยิ่ง

วิมานของหล่อนนั้นสวยหรู หล่อนสู้อุตส่าห์อดทนเลี้ยงลูกมาเพียงลำพัง จากผู้หญิงที่บ้านทำร้านขายขนมพื้นเมืองจนๆจับพลัดจับพลูได้มาเป็นสะใภ้พระยาสรอรรถโยธินขุนนางผู้ร่ไรวยแห่งสยาม ชีวิตของหล่อนหลังจากนี้จะสุขสบายไม่ต้องนวดแป้งอบขนมจนดึกจนดื่นเหมือนที่ผ่านๆมาอีกแล้ว

หากแต่หลังจากอนลฟื้นคืนสติความจริงที่ไม่มีใครรู้ก็ปรากฏเมื่ออนลถ่ายหนักเบาโดยที่ไม่รู้ตัวเลยซักนิดทำให้แอนนาที่มาอยู่เฝ้าต้องเป็นคนเช็ดล้างทำความสะอาดแค่เพียงคนเดียว เมื่ออนลเล่าอาการให้หลวงแพทย์ฟัง หลวงแพทย์จึงทำการตรวจอย่างละเอียด สีหน้าของหลวงแพทย์นั้นไม่สู้ดีจนอนลสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง

            “คุณอาหมอครับ กระผมเป็นอะไรหรือครับทำไมกระผมไม่รู้สึกอะไรเลย”

            “พ่อใหญ่ตั้งสติแล้วฟังอานะ เนื่องจากกระสุนไปทำลายกระดูกสันหลังและเส้นประสาทเสียหายทำให้ครึ่งล่างของพ่อใหญ่เป็นอัมพาต พ่อใหญ่จะไร้ความรู้สึกและขยับร่างกายส่วนนั้นไม่ได้”อนลมองหน้าหลวงแพทย์ด้วยสายตาตระหนกหลังจากได้ยินชั่วครู่ก็เปลี่ยนเป็นโกรธแค้นคุณสนที่ทำให้ตายต้องกลายเป็นชายพิการหากแต่ทิฐิและความทระนงตนทำให้ต้องอดทนรักษากริยาไม่โวยวายไม่นานก็กลายเป็นความสิ้นหวัง หลักจากหลวงแพทย์ไปแล้วอนลที่นอนกำมือแน่นระงับความโกรธ ความท้อแท้ ความเสียใจก็ระเบิดออกมาด้วยการร้องไห้

นับเป็นการร้องไห้ครั้งแรกในชีวิตลูกผู้ชายของอนล

เขารู้ว่าความพิการนี้จะทำให้เขาต้องออกจากราชการ

เขารู้ว่าความพิการนี้จะทำให้เขาต้องเป็นผู้ป่วยติดเตียง

เขารู้ว่าความพิการนี้จะทำให้คนรอบข้างค่อยๆทิ้งเขาไปทีละคน

สุดท้ายนี้อนลจะไม่เหลือใคร

ตายทั้งเป็น...

 

หลังจากกลับมาสยามได้หนึ่งเดือนคุณเล็กก็ไปรายงานตัวที่กระทรวงยุติธรรมเพื่อเข้ารับราชการตามที่เจ้าคุณสรอรรถได้แนะนำและฝากฝังไว้ คุณเล็กจึงต้องออกจากบ้านในตอนเช้าเพื่อไปทำงานที่กระทรวงกว่าจะกลับก็เย็นย่ำเวลาที่จะไปพบหนูแสนก็ไม่ค่อยมีพอขยับตัวลงจากเรือนนิดเดียวคุณหญิงผกาก็เอ่ยเรียกไว้ไม่ยอมให้ลูกชายห่างกาย ที่สุดเมื่อทนความอึดอัดไม่ไหวจึงได้ขอให้เจ้าคุณสรอรรถซ่อมแซมเรือนแพที่ตนชอบไปนั่งเล่นตอนเด็กๆให้กลายเป็นเรือนส่วนตัวโดยบอกกับคุณหญิงว่าบนเรือนใหญ่นั้นหนูยิ่งและอเล็กซ์เล่นกันเสียงดังคุณเล็กไม่มีสมาธิจะทำงานอีกทั้งเขาชอบที่จะอยู่เรือนแพมากกว่า คุณหญิงผกาแม้จะไม่เห็นด้วยแต่ก็ขัดท่านเจ้าคุณไม่ได้ ดังนั้นภายในเวลาไม่นานเรือนแพที่เก่าตามกาลเวลาก็ถูกรื้อและสร้างขึ้นมาใหม่ห่างจากเรือนใหญ่และเรือนเมียรองของท่านเจ้าคุณสรอรรถจนเกือบจะชิดรั้วบ้านของหนูแสนเยื้องไปตรงกันข้ามคือเรือนของคุณใหญ่ที่อยู่กับคุณสน บัดนี้ถูกปิดนับตั้งแต่คุณพะยอมมาเอาคุณสนกลับไปดูแล คุณหญิงผกาที่ตามมาดูบ่าวผู้ชายขนของเข้าไปไว้ในเรือนแพตามที่คุณเล็กสั่งก็อดบ่นว่าไม่ได้

            “ตาเล็กนี่ทำอะไรขวางจริง บ้านช่องห้องหับก็มีอยากจะย้ายไปอยู่เรือนแพให้วุ่นวาย”

            “ลูกมันโตแล้วก็ปล่อยมันบ้างเถอะ”

            “ยังไม่ออกเรือนมีเมียมีลูกเสียหน่อยนี่คะคุณพี่”

            “หล่อนนี่ก็ขวางไม่ต่างจากลูก พ่อเล็กมันโตแล้วมันจะทำอะไรก็ให้มันทำเถอะ ถ้าหล่อนฟุ้งซ่านนักก็เอาเวลาไปดูตาใหญ่เถอะหรือไม่งั้นก็ไปฟังเทศน์ฟังธรรมกับฉันที่วัดยังจะดีกว่ามาคอยจับผิดลูกเต้ามัน”เจ้าคุณสรอรรถหันหลังเตรียมกลับไปที่เรือนใหญ่ เมื่อเห็นคุณหญิงผกาไม่ยอมตามมาก็ส่งเสียงเรียก

            แม่ผกา มาได้แล้ว เลิกไปวุ่นวายกับลูกมันเสียทีไปยืนให้เกะกะบ่าวไพร่มันขนของ เร็ว”

 

            “หนูแสน ไปไหนลูก?”คุณพะยอมเอ่ยถามยามเห็นลูกชายคนเล็กหิ้วปิ่นโตออกจากโรงครัว หนูแสนรีบเข้าไปประคองผู้เป็นแม่ให้มานั่งที่โต๊ะตัวยาว

            “วันนี้ทำขาหมูต้มพะโล้กับแกงป่าเนื้อหนูแสนเลยตักแบ่งไปให้คุณเล็กค่ะ วันนี้เธอขนของมาไว้ที่เรือนแพ”

            “อย่างนั้นก็ไปเถอะ แต่อย่ากลับให้มันค่ำมืดมากนัก แม่หยกติดหนูแสนไม่เห็นคุณน้าปะเดี๋ยวจะร้องไห้งอแงไม่ยอมนอน”คุณพะยอมเอ่ยปากอนุญาต หนูแสนจึงได้หิ้วปิ่นโตมาที่เรือนแพของคุณเล็ก บรรดาบ่าวไพร่กลับไปแล้วบนเรือนแพมีเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้น ส่วนมากเป็นพื้นที่โล่งมีโต๊ะและเก้าอี้ไม้ตั้งชิดมุมเรือนแพ ติดกันเป็นเก้าอี้โยกตัวยาวที่คุณเล็กนั่งหลับอยู่บนอกมีหนังสือเล่มหนาคว่ำไว้เป็นประมวลกฎหมายที่หอบหิ้วมาจากฝรั่งเศส หนูแสนเมื่อเห็นคุณเล็กหลับก็ไม่กล้าที่จะเอ่ยเรียกด้วยเพราะรู้ว่าเวลาร่วมเดือนที่ผ่านมาคุณเล็กนั้นต้องวิ่งรอกระหว่างบ้าน โรงพยาบาล และกระทรวงมากมายขนาดไหน คนที่เคยดูแลร่างกายตัวเองจนเกลี้ยงเกลาบัดนี้ใบหน้าที่เคยไร้หนวดเคราก็ขึ้นตอหนวดจนเขียวครึ้ม มองแล้วก็ให้นึกสงสาร หนูแสนวางปิ่นโตลงบนโต๊ะแล้วค่อยๆยกเก้าอี้มานั่งข้างๆ หยิบพัดที่แขวนไว้ตรงฝาบ้านมาพัดให้คุณเล็กเบาๆ อีกทั้งยังคอยปัดยุงที่เริ่มจะบินมาเมื่อตะวันใกล้ค่ำ

ลิขิตรู้สึกตัวตื่นเมื่อมีใครบางคนมาประคองใบหน้าของตนเมื่อลืมตาก็เห็นหนูแสนทำหน้าตาเหรอหรา เจ้าตัวน้อยทำท่าจะหดมือกลับแต่ชายหนุ่มกลับไวกว่า มือแกร่งรั้งมือเจ้าน้องน้อยไว้ก่อนจะฉวยโอกาสกดจูบลงบนหลังมือขาวนั้นจนหนูแสนสะดุ้งรีบหันรีหันขวางด้วยเกรงจะมีใครมาเห็นเข้า

            “คุณเล็ก ทำอะไรคะ ไม่งามเลย”

            “คุณเล็กจับโจรเตรียมจะขโมยจูบคุณเล็กน่ะสิคะ”ชายหนุ่มแกล้งเย้าด้วยหวังเห็นผิวแก้มแดงเรื่อด้วยความอาย ซึ่งหนูแสนก็ไม่ทำให้ผิดหวัง

            “หนูแสนไปขโมยจูบคุณเล็กตอนไหนคะ คุณเล็กขี้ตู่เสียจริง”หนูแสนย่นจมูกใส่คนที่มาใส่ร้ายตนหน้าตาซื่อ

            “อ้าว ก็เห็นหนูแสนประคองหน้าคุณเล็กคล้ายกำลังจะทำมิดีมิร้ายอยู่รอมร่อแล้วนี่คะ”

            “หนูแสนจะจัดท่านอนให้หรอกค่ะ เห็นหลับคอพับคออ่อนเป็นไก่ไหว้เจ้า ดูรึอุตส่าห์นั่งพัดนั่งปัดยุงให้ตั้งนานยังมาโดนกล่าวหาว่าเป็นโจรขโมยจูบเสียได้ ทำคุณคนไม่ขึ้นจริงๆ”เจ้าตัวแสร้งตัดพ้อไม่จริงไม่จังนักหากแต่คนฟังกลับทำสีหน้าตื้นตันจนเห็นได้ชัด

            “นี่หนูแสนนั่งพัดให้คุณเล็กนานเท่าไหร่คะ?”

            “ก็น่าจะช่วงสี่โมงเย็น ตื่นแล้วก็ดีค่ะจริงๆไม่อยากให้คุณเล็กนอนนานนักตะวันจะทับตาเอาปะเดี๋ยวจะปวดหัว คุณเล็กลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาดีกว่าไหมคะหนูแสนเอากับข้าวมาให้เสร็จแล้วจะได้มาทาน เสียดายไม่ร้อนแล้วที่เรือนคุณเล็กมีอุปกรณ์ทำครัวหรือเปล่าคะ?”

            “ไม่มีเลยค่ะ คุณเล็กไม่ได้นึกว่าจะต้องมี แต่พรุ่งนี้จะให้บ่าวมันจัดหามาให้ หนูแสนจะได้มาทำกับข้าวให้คุณเล็กกินทุกวันเลยดีมั้ยคะ?”เอ่ยถามด้วยแฝงความนัยแต่เจ้าน้องน้อยกลับหัวเราะเบาๆ

            “บ่าวไพร่เรือนคุณเล็กก็มีตั้งมาก ยายอ่อนก็เป็นแม่ครัวใหญ่กับข้าวกับปลาสมบูรณ์ดีแล้วเทำไมหนูแสนต้องมาทำกับข้าวให้คุณเล็กทานทุกวันด้วยล่ะคะ”

            “ก็มันไม่เหมือนกันนี่คะ”คนเอาแต่ใจเถียง

            “ไม่เหมือนยังไงคะ คุณเล็กอย่ามายวนหนูแสนสิคะ”

            “กับข้าวยายอ่อนก็เป็นแค่กับข้าวของบ่าว แต่กับข้าวของหนูแสนเป็นกับข้าวของคนที่คุณเล็กรัก ย่อมใส่ใจและอร่อยกว่ากับข้าวของใครทั้งหมดนี่คะ ไม่เห็นจะยากเลย”คุณเล็กแสร้งเงยหน้าส่งตาหวานให้หนูแสนที่แทบจะซักหน้าลงไปใต้โต๊ะด้วยเกรงว่าคุณเล็กจะเห็นว่าตนเองนั้นกลั้นยิ้มจนแก้มแทบจะแตกด้วยความเขินอายแค่ไหน

ที่ฝรั่งเศสเขาสอนอะไรคุณเล็กมานะ ทำไมพูดประโยคหวานเลี่ยนได้อย่างหน้าไม่อายเช่นนี้

หนูแสนฟังแล้วหน้าจะไหม้อยู่แล้ว

            “ไปล้างหน้าเสียทีเถอะค่ะ พูดมากจริง”หนูแสนผลักหน้าคุณเล็กที่ทำล้อเลียนออกไปเบาๆ คุณเล็กไม่ได้เซ้าซี้ที่จะแกล้งให้คนน้องอายไปมากกว่านี้จึงยอมลุกไปแต่โดยดี หนูแสนเอากับข้าวและข้าวเปล่าออกจากเถา ลองเดินไปตรงส่วนที่คิดว่าน่าจะเป็นครัว โชคยังดีที่มีจานชามและช้อนติดอยู่บ้าง ส่วนเครื่องครัวอื่นๆนั้นไม่มีเลย หยิบชามมาสองใบจานและช้อนส้มสองคู่จัดแจงถ่ายกับข้าวและข้าวเปล่าใส่จาน รินน้ำเปล่าจากเหยือกที่วางบนโต๊ะใส่แก้วรอ ไม่นานคุณเล็กก็กลับมาด้วยสีหน้าที่แช่มชื่นขึ้นไม่หลงเหลืออาการงัวเงียอย่างคนตื่นนอนเหมือนเมื่อครู่

            “อะไรคะ?กวาดตามองกับข้าวในชามก็ส่งยิ้มให้หนูแสน

            “ขาหมูต้มพะโล้ค่ะ เมื่อวานเจ๊กฮงแกพายเรือมาขายหนูแสนซื้อไว้ต้มพะโล้ให้เด็กๆกิน เลยแบ่งมาให้คุณเล็กด้วย หนูแสนไม่ได้ทำหวานมากนักคุณเล็กคงทานได้ ส่วนนี่แกงป่าเนื้อค่ะใส่มะเขือเหลืองเยอะๆแบบที่คุณเล็กชอบ”

            “หนูแสนรู้ใจคุณเล็กที่สุดเลยรู้มั้ยคะ ขนาดยายอ่อนทำกับข้าวให้คุณเล็กกินตั้งแต่เด็กแกยังไม่รู้เลยว่าคุณเล็กชอบกินอะไรไม่ชอบอะไร ส่วนมากก็ทำรสที่พี่ใหญ่กับเจ้าคุณพ่อชอบ”คุณเล็กตักข้าวเข้าปากโดยมีหนูแสนตักขาหมูที่หั่นเอาแต่เนื้อใส่จานให้อย่างเอาใจ

            “หนูแสนคะ...”เอ่ยเรียกเจ้าน้องน้อยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม

            “ที่คุณเล็กพูดว่าอยากให้หนูแสนมาทำกับข้าวให้คุณเล็กกินทุกวัน คุณเล็กไม่ได้เย้าหนูแสนเล่นนะคะ คุณเล็กพูดจริง”

 

 

 

            .....................................



คนหรือทองหยอดเจ้าคะ หยอดเก่งจริง


ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


คุณเล็กสู้ๆๆนะคะ


คนอ่านเป็นกลจ.ให้ค่ะ

 :mew1:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
แหมๆๆๆๆ พอรู้ว่าน้องเข้าใจความรัก
ก็แพรวพราวเลยนะคะคุณเล็ก

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
หยอดเก่งงงงง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ naumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1088
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +91/-2
เป็นนี่ก็ยิง ผัวเฮงซวยเอ้ยยย ทำไมปืนไม่ลั่นโดนแม่ผัวด้วยวะ ฮึ่ย ขัดใจ :ling1:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
คุณสนน่าสงสาร


แอนนาก็ไม่ผิด


คนผิดคืออิคุณใหญ่


พิการเลยสมน้ำหน้า

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


   
   สามเดือนหลังจากคุณใหญ่ที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน คุณหญิงผกาจัดห้องให้ลูกชายบนเรือนใหญ่เสียใหม่เพื่อสะดวกต่อการดูแล แอนนาได้รับมอบหมายให้เป็นพยาบาลคอยดูแลอนลอย่างเต็มตัวโดยที่อเล็กซ์ก็เริ่มพูดภาษาไทยได้นิดหน่อย ยามคุณหญิงผกาซักถามพูดคุยอะไรเด็กลูกครึ่งก็พอจะจับใจความได้ทำให้การพูดคุยดีกว่าเมื่อช่วงแรกมาก หนูหยกไม่มีโอกาสได้ขึ้นมาดูคุณพ่อที่เรือนใหญ่ด้วยคุณหญิงผกาสั่งห้ามเด็ดขาด ดังนั้นหนูยิ่งจึงจะมีโอกาสได้เล่นกับน้องสาวก็ต่อเมื่อคุณเล็กพาไปเล่นด้วยที่เรือนแพ

   “น้ำ หิวน้ำโว้ย!! พวกไอ้อีขี้ข้าไปมุดหัวอยู่ไหนกันหมด กูหิวน้ำ ได้ยินมั้ย”คุณใหญ่ตะโกนโหวกเหวกอาละวาดจนแอนนาที่เพิ่งได้พักกินข้าวกลางวันได้ครู่เดียวต้องรีบวางจานข้าวแล้ววิ่งกลับเข้าไปหาอนล เมื่อเห็นเมียแหม่มเข้ามาในห้องอนลก็ฉวยเอาแก้วที่วางไว้บนโต๊ะเล็กข้างเตียงแล้วปาใส่แอนนาทันทีด้วยความโมโห แอนนากรีดร้องด้วยความเจ็บ เลือดหยดจากหางคิ้วไหลลงข้างแก้มแดงฉาน

   “อนล ทำไมเธอทำแบบนี้ เธอมาทำร้ายฉันทำไม?”หล่อนเอ่ยถามผู้ได้ชื่อว่าเป็นสามีด้วยดวงตาผิดหวังในตัวอนล
   “ไหนเธอบอกว่าจะดูแลฉันอย่างดีไงล่ะแอนนา เธอไปไหนทำไมทิ้งฉันไว้คนเดียว ใช่สิฉันมันพิการง่อยเปลี้ยเสียขาแล้วนี่เธอก็เลยทิ้งๆขว้างๆฉันไม่ใยดี ฉันมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอหวังแล้วใช่มั้ยล่ะ”

   “เธอนี่มันจริงๆเลยนะอนล โทษทุกอย่างยกเว้นตัวเอง ฉันดูแลเธอตั้งแต่เช้าจนดึกเวลาส่วนตัวแทบจะไม่มีในขณะที่เธอเอาแต่นอนแล้วใช้ปากร้องขอเรียกร้องนั่นนี่จากคนอื่นตลอดเวลา เธอหลอกฉันทิ้งฉันไว้ปารีสให้ฉันเลี้ยงลูกคนเดียวแล้วมามีเมียใหม่ออกหน้าออกตาที่นี่ พอถึงวันที่เธอลำบากถึงจะมาเห็นค่าแทนที่เธอจะสำนึกบุญคุณกับเธอกลับมาทำร้ายฉันแบบนี้นะเหรออนล เธอนี่มันเนรคุณจริงๆ”แอนนาหมุนกายออกจากห้องของอนลไปทันที อนลตะโกนโวยวายจนบ่าวที่หลบอยู่แถวนั้นต้องเข้ามารับใช้แทน คุณหญิงผกาได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจกับความเอาแต่ใจของลูกชายคนโต

   “พ่อใหญ่เอาแต่ใจ เกรี้ยวกราดขึ้นทุกวัน ขืนเป็นแบบนี้บ้านได้ร้อนเป็นไฟแน่ๆ”


   เสียงโขลกพริกแกงดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอออกมาจากโรงครัว คุณพะยอมนั่งป้อนขนมให้หนูหยกเอ่ยถามยายแช่มที่นั่งคุมคนง่ายกรอกน้ำปรุงอยู่ไม่ไกล

   “วันนี้หนูแสนทำอะไรกินหรือยายแช่ม”

   “เห็นว่าได้แตงร้านมาหลายลูกคุณแสนเธอเลยบอกว่าจะทำแกงบุ่มไบ่เจ้าค่ะ”

   “ดีจริง ฉันไม่ได้กินมานานแล้วแกงบุ่มไบ่นี่ แค่เตรียมเครื่องก็ยุ่งยากเต็มทน”

   “ตอนแรกเธอว่าจะทำยำทวายเจ้าค่ะแต่เครื่องไม่พร้อม”

   “ถ้าเป็นลูกสาวก็คงดี”

   “เป็นลูกชายก็ดีเจ้าค่ะ เป็นลูกสาวดีตรงไหน ดูคุณสนสิเจ้าคะสติเลื่อนลอยขวัญหายยังหาไม่เจอเลย”

   “ถ้าหนูแสนเป็นลูกสาวฉันเชื่อว่าแกจะมีชีวิตที่มีความสุขมากกว่านี้ ยายแช่มรู้มั้ยท่านเจ้าสัวบ่นเสียดายที่ลูกเอางานบ้านงานครัวไม่ยอมไปช่วยงานที่ห้างแต่กลับมาช่วยฉันทำน้ำอบน้ำปรุง ท่านว่ามันจะได้ซักกี่สตางค์ อีกหน่อยจะเลี้ยงตัวได้หรือ พ่อเสนก็รับภาระไปคนเดียว”

   “ก็แกรักแกชอบที่จะทำตรงนี้นี่เจ้าค่ะ อีกอย่างรายได้จากตรงนี้ก็ไม่ใช่น้อย น้ำอบน้ำปรุงของคุณชื่อเสียงเลื่องลือ คราวๆหนึ่งได้เงินเป็นฟ่อน ท่านเจ้าสัวน่ะอคติ จะเงินมากเงินน้อยหากรู้จักเก็บจักออมก็รวยได้ เท่าที่มีอยู่ทุกวันนี้ก็ไม่รู้จะเอาไปฝังดินเก็บที่ไหนแล้วเจ้าค่ะ คุณน่ะโชคดียังมีลูกคอยปรนนิบัติใกล้ชิด บ้านนี้ถ้าไม่มีคุณแสนเธอซักคนก็คงจะเหนื่อยกันเสียมาก ไหนจะคุณสนที่ป่วย คุณหนูหยกก็ยังเล็ก ไอ้ครั้นจะฝากผีฝากไข้กับคุณอุ่นเรือนเธอก็แค่สะใภ้จะมาดูแลเราดีเหมือนลูกแท้ๆคงไม่ได้”

   “ก็จริงของยายแช่ม แต่ฉันห่วงว่าต่อไปหนูแสนจะลำบาก อายุเข้าวัยที่ควรออกเรือนแล้วแต่ยังวิ่งเล่นเป็นเด็กติดคุณเรือนนู้นแจเสียอย่างนี้”

   “เธอรักใคร่สนิทสนมกันตั้งแต่เกิดนี่เจ้าค่ะ ถึงวันหนึ่งถ้ายังไม่รักใครชอบใครเดี๋ยวเจ้าสัวท่านก็หาผู้หญิงดีๆที่ฐานะสมน้ำสมเนื้อกันมาแต่งเองแหละเจ้าค่ะ ฐานะอย่างท่านเจ้าสัวน่ะถึงไม่ใช่พระยานาหมื่นแต่ก็เงินถุงเงินถังไปขอลูกสาวบ้านไหนขี้คร้านจะเอาใส่พานถวายนะเจ้าคะ”ยายแช่มหัวเราะคิกยกชายผ้าแถบขึ้นมาซับน้ำหมากที่ขอบปาก คุณพะยอมได้แต่ทอดถอนใจอย่างหนักอก

ไปขอสาวบ้านไหนเขาก็ยกใส่พานถวายนั่นน่ะไม่ไกลคำพูดยายแช่มเลยซักนิด ห่วงอย่างเดียวก็คือลูกชายของหล่อนนั้นจะไม่เอาใครน่ะสิ


หนูแสนที่ตำเครื่องแกงจนละเอียดเข้ากันดีแล้วก็เอากระทะตั้งไฟแล้วเทหัวกะทิลงไปตั้งจนแตกมันจึงใส่เนื้อที่หมักขมิ้นกับหัวกะทิตามลงไป แตงร้านที่ได้มาก็หั่นเป็นชิ้นใหญ่เอาเมล็ดออกเตรียมไว้เมื่อเนื้อสุกก็ใส่แตงร้าน หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศสีดา สัปปะรด พริกหยวก และมันฝรั่งลงไปเคี่ยวปรุงรสด้วยน้ำมะขามเปียกกับมะนาวน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บเคี่ยวจนเนื้อเปื่อยนุ่มหอมฟุ้งไปทั้งครัว เด็กหนุ่มใช้หลังมือเช็ดเหงื่อที่ไหลจากขมับอย่างไม่ใส่ใจนัก หนูแสนมีความสุขที่ได้ทำอาหารให้คนที่บ้านกินโดยไม่ลืมที่จะแบ่งใส่หม้ออวยใบเล็กไว้ให้คนที่เรือนแพที่มักจะหิวโซกลับมาแทบจะทุกวัน

ตั้งแต่คุณเล็กไปทำงานกลับมาตอนเย็นมักจะบ่นทุกวันว่ากับข้าวที่แม่ค้าหาบมาขายแถวที่ทำงานนั้นไม่อร่อย

   “รสชาติทำเหมือนขอไปที คุณเล็กกลืนไม่ลงจริงๆค่ะ”

   “ถ้าอย่างนั้นไม่ให้แม่ครัวที่บ้านทำใส่ปิ่นโตไปให้ล่ะคะ คุณเล็กจะได้ไม่ต้องทนหิวหิ้วท้องกลับมากินที่บ้าน”หนูแสนเคยเสนอ คุณเล็กส่ายหน้าปฏิเสธแทบจะทันที

   “ไม่เอาดีกว่าค่ะ ตอนนี้บนเรือนใหญ่ก็วุ่นวายกันเต็มที พี่ใหญ่ออกฤทธิ์ไม่เว้นแต่ละวัน อาละวาดเสียงดังไปสามบ้านแปดบ้านหนูแสนก็คงทราบ คุณเล็กไม่อยากต้องไปเป็นภาระเขาอีกคน อีกอย่างหิ้วท้องกลับมารอกินข้าวฝีมือหนูแสนดีกว่า อิ่มทั้งท้องอิ่มทั้งใจ”

หนูแสนทำหมูหวานไว้สำหรับเด็กๆรวมทั้งต้มจืดอีกอย่างไว้ให้ได้ซดน้ำเป็นอันเสร็จ เด็กหนุ่มทิ้งงานอื่นให้บ่าวทำต่อแล้วจึงเดินไปเก็บกระด้งที่ตากกลีบดอกบัว ดอกมะลิ ใบเตย เก๊กฮวย กุหลาบที่หั่นตากแดดไว้สำหรับชงดื่มเป็นชาฝัดเอาเศษฝุ่นที่อาจจะมาเกาะออกแล้วแบ่งใส่โหลไว้ ไม่ลืมที่จะแบ่งไว้ให้คุณเล็กด้วยโหลหนึ่ง คุณเล็กชอบดื่มชาเวลาอ่านสำนวนคดีที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ คุณพะยอมเข้ามานั่งมองลูกชายที่ทำงานง่วนอยู่คนเดียว หนูแสนเงยหน้าขึ้นมาส่งยิ้มให้ผู้เป็นแม่มือก็หยิบจับทุกสิ่งอย่างด้วยความคล่องแคล่ว

   “แบ่งไปให้คุณเล็กเหรอลูก”

   “ค่ะ คุณเล็กเธอชอบคราวก่อนเอาหอมหมื่นลี้ อัญชัญกับดาวเรืองไปให้ใกล้จะหมดแล้ว”

   “เย็นนี้ก็อย่าไปนานนะลูก คุณเตี่ยบ่นหลายครั้งแล้วว่าหนูแสนไม่กลับมากินข้าวที่บ้าน วันนี้ก็รีบกลับนะลูก มะรืนคุณเตี่ยก็จะลงเรือไปจีนแล้วเดี๋ยวแกจะน้อยใจเอา”หนูแสนหัวเราะขำกับคำพูดของผู้เป็นแม่

   “วันก่อนก็บ่นค่ะว่าหนูแสนเอาแต่ดูแลหลานจนเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยได้เข้าไปหาที่ห้องทำงาน จะให้ไปได้อย่างไรล่ะคะ ทั้งพี่สน ทั้งหนูหยก กว่าจะดูแลทั่วถึงก็หมดวัน อีกอย่างเข้าไปก็ถูกใช้ให้คิดบัญชี หนูแสนดีดลูกคิดจนนิ้วพันกันไปหมด ขอถือโอกาสนี้อู้งานเสียเลยก็แล้วกันค่ะ”

   “ลูกหนอลูกไม่ชอบเอาเสียจริงงานของพ่อ”คุณพะยอมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ หนูแสนไม่ได้ต่อปากต่อคำอะไรต่อ พอตกเย็นถึงเวลาคุณเล็กกลับจากทำงาน หนูแสนทิ้งระยะให้คุณเล็กได้ขึ้นไปกราบคุณหญิงผกาที่เรือนใหญ่ซักพักจึงหิ้วหม้ออวยที่ใส่แกงบุ่มไบ่เดินเข้าประตูเล็กตรงไปที่เรือนแพ คุณเล็กยิ้มอย่างดีใจที่หนูแสนมาหา

   “วันนี้มาช้าจังเลยค่ะ คุณเล็กกลับมาถึงรอหนูแสนนานแล้ว”

   “ทำไมวันนี้กลับจากเรือนใหญ่เร็วล่ะคะ หนูแสนคิดว่าจะอยู่คุยกับคุณหญิงป้าเสียอีก”

   “ขี้เกียจฟังคุณแม่บ่นค่ะ”คุณเล็กลุกจากเก้าอี้โยกเดินมายืนมองหนูแสนที่สาละวนกับการตั้งกระทะเพื่อเจียวไข่

   “วันนี้ทำอะไรมาคะ หิวไส้จะขาดอยู่รอมร่อ”คุณเล็กเปิดฝาหม้อดู

   “แกงมัสมั่น? ไม่ใช่สิมีแตงกวาอยู่ด้วย”

   “แกงบุ่มไบ่ค่ะ หน้าตาคล้ายๆกันแต่ไม่เหมือนกัน วันนี้หนูแสนเอากับข้าวมาให้ได้แต่อยู่นั่งเล่นเป็นเพื่อนด้วยไม่ได้นะคะ ประเดี๋ยวก็ต้องรีบกลับเรือนแล้ว”หนูแสนจัดแจงก่อเตาใส่ถ่านเพียงเล็กน้อยเพื่อทำไข่เจียวให้คุณเล็กพอไฟติดก็เอากระทะตั้งเทน้ำมันหมูที่เจียวไว้ให้ลงไปตั้งไฟจนร้อนเทไข่ที่ตีจนเข้าเนื้อลงบนกระทะ ตอบคุณเล็กไปมือก็จับตะหลิวแซะดูว่าไข่เหลืองกรอบได้ที่แล้วหรือยัง

   “มีอะไรหรือเปล่าคะทำไมรีบกลับ”

   “คุณเตี่ยบ่นถึงค่ะว่าพักนี้ไม่กลับไปรับมื้อเย็นด้วย คุณเล็กไปนั่งรอที่โต๊ะเถอะค่ะเดี๋ยวหนูแสนยกไปให้”หนูแสนตักไข่ใส่จานคุณเล็กก็ไม่ได้รอให้คนน้องปรนนิบัติตัวเองฝ่ายเดียวชายหนุ่มเดินไปหยิบจานและแก้วน้ำไปวางรอ ตอนนี้เรือนแพของคุณเล็กมีอุปกรณ์ทำครัวครบครันเพราะยามว่างในวันหยุดบางครั้งหนูแสนก็พาหนูหยกมานั่งเล่นแล้วทำอาหารกินกัน

   “คุณพี่สนเป็นอย่างไรบ้างคะ ดีขึ้นมั้ย”

   “ช่วงนี้ก็ดีขึ้นค่ะ ถามอะไรไปบางครั้งก็ตอบกลับมาบ้างสั้นๆ เจ้าคุณตากับคุณยายก็มาหาบ่อยครั้งก่อนก็บอกกับแม่ว่าอยากพาพี่สนไปอยู่ด้วยท่านเป็นห่วงแต่แม่ก็บอกว่าอยู่ทางนี้ถึงหมอมากกว่า แล้วคุณใหญ่ล่ะคะเป็นอย่างไรบ้าง”

   “ร้อนราวกับไฟ อาละวาดได้ไม่เว้นวัน คุณแม่ปวดหัวจะแย่ ทำตัวราวเด็กเอาแต่ใจ วันนี้ก็เพิ่งเอาแก้วเขวี้ยงหัวแอนนา”
   “ตายจริง แหม่มเป็นอย่างไรบ้างคะ”หนูแสนเอ่ยถามอย่างเห็นใจ

   “คิ้วแตกค่ะ โกรธจนไม่ยอมเข้าไปดูแลพี่ใหญ่ ลูกๆก็เข้าหน้าไม่ติดพี่ใหญ่เล่นตะเพิดเสียวงแตกไปหมด”หนูแสนหน้าหมองลงไปถนัดตา คุณเล็กกุมมือของหนูแสนไว้อย่างเป็นห่วง เขารู้ดีว่าคนอ่อนโยนแบบหนูแสนนั้นเป็นห่วงหลานแต่ไปปกป้องไม่ได้
   “หนูยิ่งไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ คุณแม่รักกว่าใครท่านไม่ปล่อยให้ใครมาทำอะไรหลานได้หรอก”

   “หนูแสนก็ห่วงเด็กๆทั้งสองคนนั่นแหละค่ะเจอคุณพ่อดุใส่ก็คงจะกลัว”

   “ตอนนี้ก็คงต้องช่วยกันประคับประคองกันไปจนกว่าจะดีขึ้นหนูแสนเองก็เหมือนกัน พักบ้างนะคะ เห็นหนูแสนทำงานสารพัดคุณเล็กก็เป็นห่วง”คุณเล็กบีบมือของหนูแสนเบาๆ

มือคู่เดิมเหมือนเมื่อครั้งวัยเยาว์ที่เคยพาจูงวิ่งเล่น

เมื่อก่อนไม่ต้องแบกภาระอะไรมากมายหากวันนี้กลับเปลี่ยนไป หนูแสนเติบใหญ่และมีภาระที่ต้องทำมากขึ้น ทั้งดูแลพ่อแม่ที่เริ่มชราภาพลงตามวัย ทั้งกิจการที่สานต่อจากผู้เป็นแม่อีกทั้งต้องดูแลคนป่วยทางจิตอย่างคุณสน ฟูมฟักหลานเล็กอย่างหนูหยก

   “เหนื่อยมั้ยคะ ที่ทำอยู่หนูแสนเหนื่อยมากหรือเปล่า?”

   “เหนื่อยค่ะ”หนูแสนพยักหน้ารับหากแต่ในคำว่าเหนื่อยที่เอ่ยออกมา ใบหน้ากลับเผยยิ้มละมุนให้กับคนตรงหน้า

   “แต่หนูแสนมีความสุขที่ได้ดูแลคนที่หนูแสนรัก”

   “ในจำนวนนั้นมีคุณเล็กรวมอยู่ด้วยมั้ยคะ?”คุณเล็กเอ่ยถามด้วยสีหน้าจริงจังจ้องตาเพื่อรอคำตอบอย่างจดจ่อ

   “มีค่ะ คุณเล็กก็รวมอยู่ในนั้นด้วย”





.........................

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หนูแสนมาแล้ว แสนดีจิงๆ

ออฟไลน์ goosongta

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1521
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +94/-6
คุณเล็กถามแบบนั้นความหมายนี่รักแบบไหนจ๊ะพ่อ

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


ดีจัง..หนูแสนมาแล้ว

คิดถึงทุกวันเลยค่ะ

อย่าหายไปนานนะคะ

คนอ่านคิดถึ้งคิดถึงค่ะ

อิอิ..

 :mew1:

ออฟไลน์ kawisara

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1586
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-7
หนูแสนลูก



อภิชาติบุตรจริงๆลูก



คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไมไหม้



ภัยอันตรายผีร้ายไม่อาจเข้าใกล้



นะลูกนะ



ส่วนคุณเล็ก ก็ขอให้ดีจริง



อย่าทะลึ่งดีแตกเหมือนอิคุณใหญ่ล่ะ

.

ตอแหลหลอกลวง ร่างกายกลายเป็นง่อย



จิตใจกลายเป็นปีศาจ สาสมกับความเลว

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
มาแล้ววววว​ หายไปนานคิดถึง

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ ๑๔

๕๐%

   เสียงไก่ขันเซ็งแซ่รับแสงของรุ่งอรุณ ลมเย็นพัดโชยเอากลิ่นดอกสายหยุดให้ชื่นใจ หนูแสนจัดสำรับตักข้าวใส่ขันทองเหลืองเตรียมออกไปตักบาตรที่ท่าน้ำ อีกไม่นานพระจะพายเรือมาบิณฑบาต กับข้าวสามอย่างมีปลาทอดหั่นเป็นท่อนๆใส่ในปิ่นโตได้พอดี ต้มจืดและไก่ผัดขิงเมื่อจัดเตรียมครบทุกอย่างก็เดินไปเก็บช่อมะลิซ้อนมัดรวมเป็นกำเพื่อถวายพระ ยายแช่มมองเจ้านายที่เติบใหญ่แต่กิจวัตรประจำวันยังคงเป็นคุณหนูตัวน้อยที่เอาแต่วิ่งตามและทำตามอย่างคุณแม่ต้อยๆไม่มีผิดเพี้ยน
หนูแสนถือถาดสำหรับใส่อาหารตักบาตรมานั่งรอพระที่ศาลาริมน้ำ เสียงจั๊กจั่นที่ร้องเซ็งแซ่หยุดเสียงลงราวกับนัดกันพร้อมๆกับร่างผึ่งผายของเจ้าของเรือนแพใกล้บ้านปรากฏกายขึ้น หนูแสนส่งยิ้มให้กับคุณเล็ก
   “พระมาหรือยังคะ?”คุณเล็กก้าวเข้ามานั่งเคียงคู่ลูกชายคนเล็กของเจ้าสัวเช็ง หนูแสนส่ายหน้าตอบ
   “ยังค่ะ อีกซักประเดี๋ยวก็คงจะมา”
   “ถ้าอย่างนั้นคุณเล็กขอตักบาตรด้วยคนได้ไหมคะ”ลิขิตเอ่ยขออนุญาต หนูแสนแสร้งถอนหายใจใส่คนแก่กว่า
   “ใครจะไปห้ามคนจะทำบุญได้ล่ะคะ บาปกรรม”
   “จริงๆถ้าคุณเล็กจะตักบาตรก็ไปตักพร้อมกับคุณแม่ก็ได้ แต่คุณเล็กเลือกจะมาตักบาตรพร้อมหนูแสน รู้มั้ยคะว่าทำไม?”ลิขิตเอ่ยถามคล้ายจะโยนหินถามทาง
   ก็คงขี้เกียจเดินไปที่เรือนใหญ่มั้งคะ เทียบกันแล้วตรงนี้ใกล้กว่า”หนูแสนตอบตามซื่อ คุณเล็กส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
   “ใช่เสียที่ไหนเล่าคะ คุณเล็กมาตักบาตรพร้อมหนูแสนเผื่อผลบุญจะพาให้เราไปเกิดคู่กันในชาติหน้าต่างหากล่ะค่ะ ทำบุญร่วมชาติตักบาตรร่วมขัน เหลือแค่เด็ดดอกไม้ร่วมต้นก็จะได้ครองคู่กันตลอดไป”เมื่อได้ฟังคำเฉลยหนูแสนก็หลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
   “ตายจริง นี่คำพูดคำจาของคนที่ไปเล่าเรียนถึงเมืองฝรั่งจริงหรือคะเนี่ย ยังจะเชื่อเรื่องโบราณคร่ำครึอยู่อีก”
   “หนูแสนจะด่าว่าคุณเล็กแก่ก็พูดออกมาตรงๆเถอะค่ะ คุณเล็กรับได้”
   “แก่ค่ะ คุณเล็กมีความคิดแก่มาก”หนูแสนแกล้งย้ำคำว่าแก่หนักๆให้กับคุณเล็ก ทั้งคู่จ้องหน้ากันต่างฝ่ายต่างเงียบกันไปครู่แล้วจึงหัวเราะออกมาเบาๆ นั่งคุยกันอีกไม่นานพระก็พายเรือมาเทียบท่า หนูแสนเป็นฝ่ายตักข้าวใส่บาตรส่วนคุณเล็กคอยช่วยหยิบจับอยู่ข้างๆเมื่อถวายปิ่นโตให้พระเด็กวัดก็เอาปิ่นโตเถาเมื่อวานยื่นคืนหนูแสนวางช่อมะลิซ้อนลงบนฝาบาตรแล้วทั้งคู่ก็พนมมือไหว้พระ เมื่อพระพายเรือจากไปแล้วคุณเล็กก็ฉวยโอกาสตอนที่หนูแสนง่วนอยู่กับการเก็บของใส่ถาดกระซิบใกล้ๆ
   “คิดถึงนะคะ มาเพราะคิดถึง อยากเห็นหน้าเป็นคนแรกในตอนเช้าทุกวันเลย”ทันทีที่ได้ยินคำหวานหนูสองแก้มก็แดงปลั่ง หนูแสนอมยิ้มจนแก้มตุ่ย น่าเอ็นดูจนคุณเล็กอยากจะจับมาฟัดแก้มให้ช้ำ หากแต่สิ่งที่ทำได้คือต้องห้ามใจ หนูแสนควบคุมจิตใจตัวเองจนสงบแล้วจึงช้อนตาขึ้นสบกับคุณเล็ก ริมฝีปากสวยกล่าวคำเอื้อนเอ่ยประโยคที่ทำให้คุณเล็กเป็นฝ่ายใจเต้นแรงไม่แพ้กัน
   “คิดถึงเหมือนกันค่ะ อยากเห็นหน้าคุณเล็กเป็นคนแรกในตอนเช้าทุกวัน อยากเห็นหน้าคุณเล็กเป็นคนสุดท้ายทุกคืน...”


   เช้าวันนี้หลังจากกินข้าวกินปลากันเรียบร้อยแล้วคุณพะยอมก็รับหน้าที่ดูแลหนูหยกเพราะหนูแสนต้องไปนับน้ำอบห้าร้อยขวดที่ลูกค้าสั่งไว้ตั้งแต่เดือนก่อน เพราะอากาศช่วงเช้ากำลังดีไม่ร้อนจนเกินไปเฟื้องจึงพาคุณสนออกมานั่งเล่นตรงสนามหญ้าหน้าบ้าน
   “คุณสนนั่งรอบ่าวอยู่ตรงนี้ก่อนนะเจ้าคะ เดี๋ยวอีเฟื้องจะเข้าไปเอาน้ำกับขนมมาให้คุณทานเล่นนะเจ้าคะ”เฟื้องบอกกับนายสาวผู้ยังมีแววตาเลื่อนลอย คุณสนนั่งนิ่งไม่ไหวติงหากแต่นกขมิ้นสีเหลืองตัวน้อยกลับบินมาเกาะกิ่งไว้อยู่แถวริมน้ำ คุณสนลุกขึ้นเดินไปหานกตัวน้อยหวังจะไปชมเชยใกล้ๆ แต่พอเข้าไปใกล้นกก็บินไปเกาะกิ่งประดู่ที่ทอดยอดลงไปริมตลิ่ง คุณสนไม่สนใจเสียงเครื่องยนต์ของเรือที่แล่นเข้ามาเทียบท่าจิตใจของหญิงสาวมุ่งแต่จะมองหาเจ้านกตัวน้อย ลืมมองพื้นที่เหยียบว่ามันลื่นและเทลงไปในน้ำ กว่าจะรู้ตัวก็ก้าวพลาดเสียหลักจนร้องวี้ดออกมาอย่างตกใจ ร่างบางกำลังจะไถลลงไปในน้ำหากแต่ใครบางคนที่เห็นท่าทางไม่ปกติของหญิงสาวรีบขึ้นจากเรือยนต์แล้ววิ่งเข้ามาคว้าแขนและเอวของคุณสนไว้ได้ทัน
   “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?”คุณสนมีสีหน้าตื่นตกใจยืนตัวแข็งทื่อมองผู้ชายแปลกหน้าที่ประคองตนเองอยู่ด้วยสายตาแปลกใจ
   “ใคร?”คุณสนเอ่ยถามด้วยสายตางุนงง พลางเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนของคนแปลกหน้า
   “สวัสดีครับ กระผมชื่อกล้า เป็นพ่อค้ามาจากปากน้ำโพ วันนี้กระผมจะมารับน้ำอบที่สั่งไว้ ไม่ทราบว่าคุณเป็นเจ้าของบ้านใช่หรือไม่”กล้าตอบคำถามของคุณสนด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มดูใจดี คุณสนไม่ได้ตอบคำถามของชายหนุ่ม มีเพียงนังเฟื้องที่เห็นเจ้านายสาวยืนคุยกับคนแปลกหน้า มันรีบวิ่งมาคว้าแขนคุณสนให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง มันมองสำรวจท่าทางและเครื่องแต่งกายของกล้า เมื่อประเมินดูแล้วท่วงท่าดูดีมีฐานะอีกทั้งเครื่องแต่งกายก็สะอาดสะอ้านเรียบร้อยด็เอ่ยถาม
   “คุณเป็นใครเจ้าคะ มีธุระอะไร?”แต่ยังไม่ทันที่กล้าจะเอ่ยตอบเสียงคุณสนก็พูดแทรกขึ้นมาเบาๆ
   “ชื่อกล้ามาซื้อน้ำอบ”นังเฟื้องหันไปมองคุณสนพลางส่งยิ้มให้เจ้านาย
   “คุณสนถามแล้วหรือเจ้าคะ เก่งจังเลยเจ้าค่ะ”มันเอ่ยชมราวกับว่าคุณสนเป็นเด็กเล็กที่ทำความดีแล้วจะได้รางวัล
   “บ่าวเอาน้ำกับขนมมาให้คุณสนแล้วนะเจ้าคะ คุณสนไปนั่งทางนั้นดีกว่าเดี๋ยวตกน้ำตกท่าไปมันอันตราย”มันพาคุณสนกลับไปนั่งที่โต๊ะตามเดิม
   “ส่วนคุณ เดินตามทางไปด้านหลังนะเจ้าคะ จะมีคุณพะยอมกับคุณแสนเตรียมของรออยู่”เฟื้องชี้มือไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐมอญไปทางข้างตัวตึก กล้าพยักหน้ารับก่อนจะหันไปพูดกับคุณสน
   “ยินดีที่ได้รู้จักนะครับคุณสน ไว้มีโอกาสคงได้เจอกันใหม่”กล้าค้อมศีรษะให้กับคุณสนน้อยๆแล้วเดินไปตามทางที่เฟื้องบอก คุรสนมองตามชายหนุ่มผมคร้ามแดด หน้าตาไม่ได้หล่อเหลาติดจะธรรมดาแต่กริยาวาจาสุภาพ น้ำเสียงที่เอ่ยออกมานุ่มทุ้มน่าฟัง สายตาของคนๆนั้นบ่งบอกว่าเป็นคนใจดี หากแต่ความรู้สึกนั้นคล้ายผิวน้ำที่นิ่งสงบแล้วมีหินก้อนเล็กถูกเขวี้ยงลงมาจนผิวน้ำเกิดระลอกคลื่นเป็นวงเล็กน้อยแล้วค่อยกลับมาสงบตามเดิม ในที่สุดคุณสนก็ลืมเลือนไปไม่ได้ให้ความสนใจอะไรอีก


   “ร้อน ร้อนจะตายอยู่แล้วโว้ย ไอ้อีคนไหนอยู่แถวนี้เข้ามาเช็ดตัวให้กูหน่อย”เสียงเอะอะโวยวายดังออกมาจากห้องของคุณใหญ่ทำเอาคุณหญิงผกาที่กำลังนั่งปักผ้าสะดุ้งจนเข็มตำมือ คนเป็นแม่ส่ายหน้าอย่างระอาใจที่ลูกชายคนโตทำฤทธิ์ได้ทุกวัน เสียงกระเบื้องตกกระทบพื้นแล้วแตกดังลั่น
   “เขวี้ยงแก้วชาอีกแล้วกระมัง แม่แอนนา หล่อนมัวพิรี้พิไรทำอะไรอยู่ผัวร้องเรียกทำไมยังไม่มา”คุณหญิงผกาส่งเสียงเรียกลูกสะใภ้แหม่ม หากแต่ไร้เงาของแอนนา
   แม่คนนี้นับวันยิ่งเหลวไหล ตอนแรกก็ดูแลดีอยู่หรอก พอนานวันเข้าก็เริ่มไปทางนู้นทีทางนี้ที นี่ไปไหนอีกแล้ว”คุณหญิงผกาบ่นแต่ก็ต้องเงียบเสียงแล้วเป็นฝ่ายลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องของคุณใหญ่ ทันทีที่ก้าวขาเข้าไปก็อดทำหน้าผะอืดผะอมไม่ได้เมื่อมีกลิ่นเหม็นโชยมาจากตัวของคุณใหญ่
   “ตายจริงพ่อใหญ่ ถ่ายหนักหรือลูก”
   “ไอ้อีขี้ข้ามันไปไหนหมดคุณแม่ มันปล่อยให้ลูกนอนแช่ขี้แช่เยี่ยวอยู่อย่างนี้ได้ยังไง”คุณใหญ่ตะโกนโวยวายใส่ผู้เป็นแม่ คุณหญิงผกาออกไปร้องเรียกบ่าวที่อยู่ด้านนอกซึ่งทุกคนแทบจะหลบไปให้พ้น ไม่มีใครอยากจะมาดูแลคนป่วยติดเตียงแถมถ่ายหนักถ่ายเบาเรี่ยราดแบบนี้ ตั้งแต่คุณใหญ่กลับมารักษาตัวตอนนี้ก็เกือบครึ่งปีมีบ่าวขอลาออกไปหลายคนแล้ว ที่มาใหม่ก็ทนงานสกปรกแบบนี้ได้ไม่นานจนตอนนี้เหลือเพียงคนเก่าๆที่แก่ชรากันเสียส่วนมาก ที่เป็นกำลังหลักจริงๆก็คือแอนนาที่อยู่ดูแลคุณใหญ่แม้ว่าจะทะเลาะมีปากเสียงกันอยู่บ่อยๆก็ตามที
   “มาช่วยกันล้างตัวคุณใหญ่หน่อยเถอะ ข้าคนเดียวเปลี่ยนผ้าไม่ไหวหรอก”บ่าวที่เข้ามาสองคนกลั้นหายใจก่อนจะช่วยกันยกตัวยกขาดึงผ้าเปรอะเปื้อนออก คุณหญิงผกาเป็นคนเช็ดตัวให้ลูกชาย ใช้เวลานานร่วมชั่วโมงกว่าจะแล้วเสร็จเล่นเอาพยาบาลจำเป็นทั้งสามเหงื่อซึมเหนื่อยหอบไปตามๆกัน
   “พวกเอ็งออกไปได้แล้ว”คุณหญิงผกาเอ่ยปากไล่บ่าวอีกสองคนให้ออกไป เมื่อประตูห้องถูกหับเรียบร้อยแล้วนางก็เดินมานั่งข้างเตียงของลูกชาย
   “พ่อใหญ่ เป็นอย่างไรบ้างลูก สบายตัวขึ้นมั้ย อยากได้อะไรอีกหรือเปล่าเดี๋ยวแม่จะให้บ่าวเอามาให้”
   ลูกอยากได้ขา อยากเดินอยากกลับไปเป็นปกติ คุณแม่หามาให้กระผมได้หรือไม่เล่าขอรับ?”คุณใหญ่ที่อารมณ์ไม่ดีเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงห้วน คุณหญิงผกาหน้าเสียเมื่อได้ฟังความต้องการของลูก
   “โธ่...พ่อใหญ่ ขออะไรที่แม่หาให้ได้สิลูก”
   “ถ้าอย่างนั้นคุณแม่ก็ไม่ต้องมาถามเซ้าซี้ให้กระผมรำคาญใจ ทำไมลูกต้องมานอนเป็นผักเป็นปลาแบบนี้ด้วย ตายก็ไม่ตาย”ปากเอ่ยตัดพ้อโชคชะตามือก็ทุบลงบนขาที่ไร้ความรู้สึกของตัวเองจนเกิดเสียงดัง คุณหญิงผการีบผวาไปคว้าแขนของลูกไว้ไม่ให้ทำร้ายตัวเอง น้ำตาไหลด้วยความสงสารเวทนาผู้เป็นบุตรชาย
   “พ่อใหญ่ อย่าทำแบบนี้สิลูก ไม่เอาอย่าทำร้ายตัวเอง หากแลกแขนขนแลกชีวิตกันได้แม่ก็จะยกชีวิตของแม่ให้กับลูก แต่นี่แม่ก็จนใจ แม่ช่วยอะไรลูกไม่ได้จริงๆ แบ่งเบาความเจ็บปวดของลูกก็ไม่ได้ แม่ขอโทษนะลูกนะ”คุณหญิงผกากอดลูกชายไว้ด้วยความรักสุดหัวใจ อนลนอนปล่อยน้ำตาให้ไหลลงข้างแก้มนิ่งเลิกโวยวายแต่ก็ไม่ยอมรับชะตาชีวิตที่ตนเองกำลังเผชิญ

กระท่อมท้ายสวนที่มีไว้ให้กับบ่าวผู้ชายพักปรากฏร่างของเด็กชายอเล็กซ์และหนูยิ่งกำลังแอบมองอะไรบางอย่างภายใน เด็กทั้งสองป้องปากหัวเราะคิกคักก่อนจะพากันวิ่งแอบพากันกลับเรือน ทิ้งกระท่อมไว้เบื้องหลังแต่ภาพที่เห็นถูกจดจำไว้ในสมองของเด็กที่อยู่ในวัยกำลังเรียนรู้
   “หนูยิ่งลูก ยกมะปรางริ้วเข้าไปให้คุณพ่อไป”คุณหญิงผกาเลื่อนจานมะปรางริ้วให้กับหนูยิ่งยกไปให้ผู้เป็นพ่อ หนูยิ่งวัย 6 ขวบทำตามคำสั่งผู้เป็นย่าอย่างว่าง่าย แต่ยังไม่ทันจะได้เข้าไปเสียงเอะอะโวยวายก็ดังออกมาให้ได้ยินเหมือนเช่นทุกวัน
   “อนล เธอทำร้ายฉันอีกแล้วนะ”แอนนาตะเบ็งเสียงใส่อนลที่ทึ้งผมของหล่อนด้วยความโมโหที่แอนนาตัดเล็บให้แต่พลาดทำเอาเข้าเนื้อ
   “แกมันโง่ ตัดเล็บง่ายๆยังทำไม่ได้ นั่นมือหรือตีน แกทำฉันเจ็บเห็นมั้ย”
   “ถ้าเก่งนักทำไมเธอไม่ทำเองล่ะ พิการง่อยเปลี้ยแล้วไม่สำเหนียกตัว เอะอะเอาแต่ใจ ฉันจะทนเธอไม่ไหวแล้วนะ”
   “ทนไม่ไหวแล้วเธอจะมีปัญญาทำอะไรได้ ผู้หญิงหิวเงินที่ปล่อยให้ตัวเองท้องเพื่อจับผู้ชายอย่างเธอ ถ้าไม่มีเงินจะมีปัญญาไปไหนได้ไกล สมใจเธอหรือยังล่ะ ที่ชีวิตฉันพังแบบนี้ก็เพราะเธอ ถ้าเธออยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวรอรับเงินรายเดือนอยู่ฝรั่งเศสฉันก็ไม่ต้องมานอนแบบนี้”
   “นี่เธอโทษฉันหรืออนล เธอควรโทษตัวเองมากกว่ามั้ย ถ้าเธอไม่ตอแหลปลิ้นปล้อน ไม่มักมากในกามเธอก็ไม่ต้องมานอนเป็นผักเน่าๆแบบนี้หรอก ถ้าฉันรู้ว่าการมาหาเธอแล้วฉันต้องมาลำบากต้องมาตกนรกแบบนี้ จ้างให้ฉันก็ไม่มา ทุเรศ เกิดเป็นชายเสียเปล่าแต่ให้ความสุขใครก็ไม่ได้แล้วซ้ำยังมาเป็นภาระให้คนอื่นดูแล เธอมันกระจอก อนล รู้ไว้ด้วย ฉันจะบอกเธอให้นะ ตอนนี้ฉันน่ะเจอคนที่ให้ความสุขฉันได้มากกว่าเธอ หนุ่มกว่าเธอแข็งแรงกว่าเธอ ลีลาก็ดีกว่าเธอ พอกันที ฉันจะไม่ทนกับคนทุเรศไร้ประโยชน์อย่างเธออีกต่อไปแล้ว ต่อไปนี้ก็ช่วยเหลือตัวเองก็แล้วกัน ฉันไม่ทนแล้ว”แอนนาปาผ้าเช็ดมือใส่หน้าอนลแล้วผลุนผลันออกจากห้องไป อนลร้องเรียกเท่าไหร่เธอก็ไม่หันกลับมา ไม่นานหญิงสาวก็หิ้วตะกร้าใส่ข้าวของส่วนตัวก่อนจะมายืนต่อหน้าคุณหญิงผกาที่ทำหน้าตาเหรอหราด้วยไม่รู้ว่าทั้งคู่ทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร มีเพียงอเล็กซ์ที่ฟังออกหมดทุกคำรีบวิ่งเข้ามากอดผู้เป็นมารดาไว้ แอนนาเอ่ยกับคุณหญิงเป็นภาษาไทยแปร่งหู
   “ฉันขอลา”
   “ลา? ลาอะไร หล่อนจะไปไหน?”คุณหญิงผกาเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ มองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ที่แอนนกยกออกมาพลันก็รู้สึกใจหาย
   “ทะเลาะอะไรกันเล่า? ร้ายแรงถึงขั้นต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีกันเชียวหรือ?”
   “ฉันอยู่ไม่ได้แล้ว อนลร้ายกาจเจ้าอารมณ์มาก”
   “หล่อนไปแบบนี้พ่อเล็กเล่า อดทนอีกหน่อยเถอะนะ ถือว่าเห็นแก่ลูก”
   “ฉันไม่เข้าใจผู้หญิงสยามเลยซักนิด ทำไมเราต้องอดทนถ้าชีวิตคู่มันไปด้วยกันไม่ได้ การแยกทางกันอาจจะเป็นผลดีกับเด็กมากกว่า ฉันไม่อยากให้ลูกต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่พ่อแม่ตะโกนใส่กันทุกวันหรอกค่ะ”
   “แล้วหล่อนจะไปอยู่ที่ไหน กลับเมืองฝาหรั่งรึ? แล้วพ่อเล็กเล่าจะเอาไปด้วยหรือไร?”คุณหญิงผกาถามอย่างใจหาย เวลาหลายเดือนหล่อนก็รู้สึกรักและเอ็นดูเจ้าหลานลูกครึ่งพอๆกับที่รักหนูยิ่ง ในใจคุณหญิงผกานั้นกลัวว่าแอนนาจะเอาลูกไปด้วย แอนนาก้มลงมองลูกชายที่กอดหล่อนไว้แน่น หล่อนพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสบอกกับลูกชายให้รู้เพียงสองคน
   “ลูกแม่ ลูกต้องอยู่ที่นี่ ลูกเป็นหลานชายคนโตของคุณปู่ ที่แม่ไม่เอาลูกไปก็เพราะแม่รักลูกมาก แม่อยากให้ลูกมีชีวิตที่สุขสบายไม่ต้องลำบากเหมือนแม่ จำไว้นะลูกรัก เมื่อลูกเติบใหญ่ อย่าทำตัวเหมือนพ่อ อย่าหลอกให้ใครรักจงเป็นชายที่รักเดียวใจเดียว แม่จะหมั่นมาเยี่ยมหาลูกบ่อยๆ”หล่อนนั่งลงแล้วกดจูบลงบนหน้าผากของลูกชาย หันไปยกมือไหว้ลาคุณหญิงผกาแล้วหมุนตัวเตรียมลงจากเรือน อเล็กซ์รีบวิ่งไปสวมกอดผู้เป็นแม่
   “แม่อย่าไป พลีส”แอนดาสะอื้นไห้กับคำร้องขอนั้นของลูก ที่ตีนบันไดปรากฏร่างของไอ้อิน บ่าวที่เพิ่งเข้ามาทำงานที่สวนได้ไม่นานยืนรออยู่หล่อนตัดในดึงลูกออกและผลักให้ห่างตัวก่อนจะวิ่งลงบันได้แล้วคว้าข้อมือของอินพากันวิ่งหนีออกมาจากเรือนใหญ่ คุณหญิงผการีบวิ่งมากอดรั้งร่างของอเล็กซ์ที่ร้องตามถลาจะวิ่งตามแม่ไปไว้กับอก มองภาพสะใภ้แหม่มวิ่งหนีไปพร้อมบ่าวคนใหม่แล้วอยากจะเป็นลม
ไม่นานข่าวสะใภ้แหม่มของเจ้าคุณสรอรรถหนีตามผู้ชายก็กระจายไปทั่ว ผลกระทบจากคำนินทาอื้ออึงนั้นย่อมถึงเจ้าคุณสรอรรถและคุณเล็ก หลายคนที่ทำงานด้วยกันต่างพากันมาถาม บ้างก็ซุบซิบนินทาให้เห็นซึ่งๆหน้าก็มี หากแต่สองพ่อลูกทำวางเฉยเสียไม่ได้พูดจาต่อความยาวสาวความยืดกับใครในที่สุดคนเหล่านั้นก็เลิกสนใจหันไปสนใจเรื่องของคนอื่นที่มีกระแสมาให้ซุบซิบแทน

   อนลนอนเหม่อมองหนูยิ่งที่นั่งเล่นอยู่บนพื้นเพียงลำพัง อเล็กซ์ออกไปข้างนอกเพื่อไปเอาของเล่นที่ห้องเมื่อครู่ ชายหนุ่มมองลูกชายวัยหกขวบที่เขาไม่ค่อยได้สนใจลูกซักเท่าไหร่
   “ยิ่ง...”คุณใหญ่เอ่ยเรียกลูกชาย หนูยิ่งเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อเมื่อเห็นพ่อกวักมือเรียกก็เดินเข้าไปหาอย่างเชื่อฟัง
   “ที่ผ่านมาพ่อไม่เคยได้ดูแลลูกให้สมกับการเป็นพ่อที่ดี พ่อขอโทษนะ ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นขอให้พ่อยิ่งจำไว้ว่าพ่อรักลูกนะ”
   “หนูยิ่งก็รักคุณพ่อครับ”เด็กน้อยตอบผู้เป็นพ่อตามประสาซื่อ คุณใหญ่ส่งยิ้มให้ลูก มือหนาวางลงบนกลุ่มผมของลูก ลูบเบาๆอย่างหมายจะซึมซับความรู้สึกนี้ให้นานที่สุด
   “ช่วยอะไรพ่อซักอย่างได้มั้ย?”
   “คุณพ่อจะให้หนูยิ่งทำอะไรครับ?”
   “หยิบของในลิ้นชักข้างล่างให้พ่อที”หนูยิ่งมองตามนิ้วของคุณใหญ่ที่ชี้ไปที่ลิ้นชักโต๊ะทำงานชั้นล่างสุด หนูยิ่งเดินไปเปิดลิ้นชักตามที่พ่อบอก มือน้อยหยิบห่อผ้าที่ห่อวัตถุบางอย่างที่ค่อนข้างมีน้ำหนัก
   “นั่นแหละ เอามาให้พ่อ”คุณใหญ่สั่งลูกชายที่ทำท่าจะเปิดห่อผ้าออกดู หนูยิ่งละความสนใจกับห่อผ้าเดินเอามามอบใส่มือผู้เป็นพ่อ
   “พ่อคอแห้ง อยากกินชาร้อน ยิ่งไปบอกบ่าวในครัวให้พ่อทีได้มั้ยว่าพ่อขอชาร้อนซักกา”
   “ได้ครับ เดี๋ยวหนูยิ่งไปบอกในครัวให้นะครับ”หนูยิ่งฉวยเอากาที่วางบนโต๊ะซึ่งบัดนี้เหลือเพียงกากชาวิ่งปร๋อออกไปจากห้อง เด็กน้อยรู้สึกลิงโลดใจที่วันนี้ผู้เป็นพ่อพูดกับตัวเองมากกว่าทุกวัน แต่พอลงมาจนถึงบันไดขั้นล่างสุดเด็กน้อยก็สะดุ้งสุดตัว กาน้ำชาในมือหล่นแตกเมื่อมีเสียงเปรี้ยงดังราวฟ้าผ่าดังอกมาจากห้องนอนของคุณใหญ่ คุณหญิงผกาที่นอนพักอยู่ในห้องรีบเปิดประตูออกมาหาต้นตอของเสียงด้วยใบหน้าตื่นตระหนก
   “เสียงอะไร เสียงปืน ใครยิงปืน!!”
   “เสียงมาจากห้องคุณใหญ่เจ้าค่ะคุณหญิง”นางผินตอบผู้เป็นนายสีหน้าแตกตื่นไม่แพ้กัน คุณหญิงผกาพอได้ยืนคำบอกว่ามาจากห้องคุณใหญ่ก็รีบวิ่งไปทันที วินาทีที่เปิดบานประตูไม้ ภาพที่คุณหญิงเห็นคือคุณใหญ่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง หมอนสีขาวรวมทั้งผ้าปูที่นอนเปรอะเปื้อนด้วยโลหิตและมันสมอง ที่ขมับปรากฏแผลจากคมกระสุนทะลุมาที่กกหูอีกด้าน วินาทีนั้นคุณหญิงผการ้องเรียกลูกชายเสียงหลงแล้วเป็นลมล้มพับหัวฟาดกับธรณีประตูแน่นิ่งไปทันทีโดยที่นางผินก็รับร่างผู้เป็นนายไม่ทัน



............

บันทัดมันชิดกันไปมั้ยคะ

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์นะคะ เราอ่านทุกอันค่ะ

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ทำไมเป็นแบบนี้ๆๆๆ
สงสารหนูยิ่ง
ตะรู้สึกผิดขนาดไหน

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด