แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓  (อ่าน 26644 ครั้ง)

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
ขยันทำจิงพ่อ น่ารักจิงๆ

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
คุณสนเธอน่ารักนะคะ
คิดว่าในภายภาคหน้า
คุณสนคงเป็นกำลังใจ
ให้กับหนูแสนกับคุณเล็กแน่ๆ
เพราะคุณสนเธอหัวสมัยใหม่

ออฟไลน์ Pithchayoot

  • พิชญ์ชยุตม์
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +13/-2
น่ารักค่ะ หนูแสน

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
เขียนได้น่าอ่านมาก
มีเรื่องไหนอีกบ้างคะ
อยากตามไปอ่าน

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

   “หนูแสนลูก มานี่มามานั่งใกล้ๆแม่”คุณพะยอมตบพื้นข้างๆตัวให้หนูแสนขยับมานั่งข้างๆ

   “แม่จะสอนหนูแสนทำน้ำปรุง อีกหน่อยถ้าแม่ตายไปหนูแสนจะได้สานต่อกิจการของแม่ ทั้งสูตรอาหาร สูตรน้ำปรุงน้ำอบ สูตรแป้งแม่เขียนใส่สมุดไว้แล้ว”

   “แม่ไม่ตายหรอกจ้า”หนูแสนรู้สึกใจหายเมื่อคุณพะยอมพูดเรื่องเป็นเรื่องตาย

   “แม่ยังไม่แกซักหน่อย ยังอยู่กับหนูแสนได้อีกนานเลยจ้า”คุณพะยอมยิ้มรับคำพูดลูก หากแต่หล่อนนั้นเป็นคนมองโลดด้วยสัจธรรม ไม่มีใครอยู่ยืนค้ำฟ้า ซักวันหนึ่งตนและท่านเจ้าสัวก็จะล้มหายตายจากจึงไม่อยากให้วิชาความรู้ที่มีติดตัวต้องสูญหายตามตัวไป จะหวังฝากฝังไว้ที่คุณสนก็รู้ว่าคงไม่ได้แล้วด้วยคุณสนเธอไม่มีความรักความชอบในงานด้านนี้เลยซักนิด คุณเสนเองก็ต้องรับช่วงกิจการต่อจากท่านเจ้าสัวด้วยเป็นลูกชายคนโตของตระกูลก็มีแค่หนูแสนเพียงคนเดียวที่รักงานบ้านงานครัวพอจะฝากฝังวิชาความรู้ที่ได้มาจากในวังต่อจากคุณพะยอมได้

   “คนเราไม่มีใครไม่ตายหรอกลูก มีแค่ตายช้าหรือตายเร็ว ก่อนแม่ตายก็อยากจะให้ลูกซักคนสืบทอดความรู้ที่แม่ได้มาจากในวังไม่อยากให้มันตายตามตัวแม่ไปเข้าใจมั้ยลูก?”

   “เข้าใจจ้า”

   “แม่จะสอนทำน้ำอบน้ำปรุง สูตรนี้เสด็จทรงสอนนางข้างหลวงในตำหนักทุกคนเป็นสูตรของพระองค์เจ้าพวงสร้อยสอางค์หอมติดทนนานราวกับน้ำหอมฝรั่ง”

   “ทำไมต้องมีทั้งน้ำอบและน้ำปรุงล่ะจ๊ะแม่”

   “น้ำอบกลิ่นจะจางกว่าน้ำปรุงไงลูก น้ำอบเหมือนโคโลญจน์ของฝรั่งกลิ่นจะหอมบางๆหอมไม่นานส่วนน้ำปรุงติดทนทานหอมกว่าเหมือนน้ำหอมที่ฝรั่งใช้”คุณพะยอมใช้ทัพพีไม้คนน้ำที่ตั้งใส่หม้ออวยไว้ หยิบดอกไม้ที่เตรียมไว้แต่ละชนิดขึ้นมาใส่ลงไปในหม้อ ประกอบด้วย ดอกมะลิ กุหลาบมอญ ดอกพิกุล ดอกชมนาด และดอกจำปาอย่างละหนึ่งกำมือ

   “น้ำที่ต้มแม่ใส่ใบเตย เปลือกชะลูดใส่ต้มลงไปตั้งแต่แรกแล้ว ขั้นต่อไปคือใส่ผิวมะกรูดแล้วก็พวกดอกไม้หอมชนิดต่างๆลงไปต้มไปเรื่อยๆจนกว่าสีของดอกไม้จะซีด”

   “แบบนี้ถ้าหนูแสนอยากได้กลิ่นอื่นก็ใส่ดอกไม้อื่นๆลงไปได้ใช่มั้ยจ๊ะ”

   “ได้ลูกขอแค่มีกลิ่นหอมดอกไม้แต่ละชนิดกลิ่นไม่เหมือนกันส่วนมากก็จะใช้พวกนี้ที่มีกลิ่นหอมแรง ปริมาณดอกไม้ที่ใช้มากน้อยก็อยู่กับน้ำและภาชนะที่ใช้ อย่างนางพวกข้างนอกนั่นให้หม้อใบใหญ่จำนวนดอกไม้ที่ใส่ก็ต้องมากขึ้น อันนี้แม่ใช้สอนหนูแสนก็ใส่แค่นี้พอ”คุณพะยอมอธิบายกับลูกอย่างใจเย็น หนูแสนเรียนรู้ขั้นตอนการทำน้ำอบอย่างตั้งใจ ได้ลงมือทำตั้งแต่ต้มดอกไม้ กรองกากออก รวมถึงได้ทำแป้งที่ใช้ผสมในน้ำอบ

   “ใช้ของเยอะมากเลยนะจ๊ะ”หนูแสนนั่งตำส่วนผสมพวกดอกไม้แห้งชนิดเดียวกับที่ต้มในน้ำผิวมะกรูดตากแห้ง พิมเสน เปลือกชะลูดตากแห้ง น้ำตาลอ้อย ใบเตยตากแห้งทีละชนิด

   “แป้งหินนี้แม่อบควันเทียนมาแล้วสิบเอ็ดครั้ง”

   “ทำไมต้องสิบเอ็ดครั้งด้วยล่ะจ๊ะ”

   “ยิ่งอบบ่อยยิ่งหอมนาน คนโบราณเขาถือก็จะอบเป็นจำนวนเลขคี่เป็น สาม ห้าเจ็ด เก้า และสิบเอ็ด ส่วนสะตุชะมดเช็ดให้ใส่ในใบเตยหรือใบพลูแล้วลนไฟเพื่อฆ่าเชื้อและดึงกลิ่นมาใส่ในน้ำอบกลิ่นจะได้หอมนาน”คุณพะยอมผสมแต่ละอย่างเข้าด้วยกัน หนูแสนจดจำทุกอย่างที่แม่สอนด้วยความใส่ใจ จริงๆการผสมส่วนผสมต่างๆไม่ได้ยากเลยแต่ที่ต้องใช้เวลานานก็คือการอบควันเทียนและอบกำยานในขั้นตอนสุดท้าย แค่นี้ก็กินเวลาไปทั้งวันแล้ว

   “หนูแสนไม่แปลกใจแล้วจ้าว่าทำไมคนถึงสั่งซื้อมากกว่าทำใช้เอง”เจ้าตัวน้อยบอกในขณะที่กรอกน้ำอบใส่ขวด เมื่อต้องมาลงมือทำด้วยตัวเองจึงได้รู้ว่ากว่าของแต่ละอย่างจะเสร็จต้องใช้ทั้งฝีมือและเวลา ต้องใช้ความใส่ใจและความอดทนมากขนาดไหน ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ผู้คนที่พอจะมีเงินใช้เงินจับจ่ายซื้อความสะดวกสบายมากกว่าต้องมานั่งหลังขดหลังแข็งทำเองทั้งของกินของใช้



   คุณใหญ่ขับรถพาคุณสนมาถึงหัวหินในตอนสาย ชายหนุ่มเดินอ้อมจากฝั่งคนขับมาเปิดประตูรถให้คุณสนแล้วยื่นมือไปให้คุณสนจับเพื่อประคองตัวให้ลุกออกจากรถ ลมทะเลพัดเอาความชื้นมาปะทะหน้าเสียงคลื่นที่สาดกระทบฝั่งและบรรยากาศที่ไม่ร้อนมากนักทำให้คุณสนพอใจ

   “เดี๋ยวเราปูเสื่อนั่งทานข้าวกันตรงใต้ต้นไม้นะคะ สายแล้วน้องสนคงหิว”คุณใหญ่หยิบเอาอุปกรณ์ปิคนิคมาถือไว้แล้วจึงฉวยมือของคุณสนเพื่อจะจูงไปนั่ง หากแต่คุณสนก็ดึงออกอย่างสุภาพ อนลยิ้มให้กับหญิงสาวเขาไม่ดึงดันที่จะจับเนื้อต้องตัวคุณสนทำเพียงผายมือเชิญให้คุณสนเดินไปที่ใต้ต้นสนใหญ่ริมหาด คุณใหญ่ปูเสื่อและรองด้วยผ้าผืนใหญ่อีกชั้น จัดแจงเอาอาหารที่ให้บ่าวเตรียมไว้ให้ออกมาวาง เป็นอาหารทานเล่นง่ายๆพวกแซนวิช น้ำส้ม และของว่างอีกสองอย่าง มีผลไม้ไว้ล้างปาก เมื่ออิ่มแล้วคุณใหญ่ก็ชวนคุณสนออกไปเดินเล่มริมชายหาด

   “น้องสนถอดรองเท้าแล้วเดินเท้าเปล่าสิคะ เดี๋ยวพี่ถือรองเท้าให้”คุณใหญ่เอ่ยแนะนำเมื่อคุณสนเอาแต่เดินวิ่งหนีฟองคลื่นที่กระทบฝั่งไปมาเพราะกลัวรองเท้าสานจะเปียก คุณใหญ่คุกเข่าลงแล้วจับข้อเท้าของคุณสนยกขึ้นเพื่อถอดรองเท้าหากแต่คุณสนก็ดึงดันไว้

   “ไม่เป็นไรค่ะ สนเดินเล่นแบบนี้ก็ได้ค่ะ”

   “ถอดเถอะครับ เชื่อพี่ ลองเดินด้วยเท้าเปล่าดูแล้วจะรู้ว่ามันรู้สึกดีกว่าใส่รองเท้าเดินเยอะเลยค่ะ”คุณใหญ่มองหน้าคุณสนทำให้หญิงสาวจำต้องยอมให้คุณใหญ่ถอดรองเท้าออกมาถือไว้ให้ก่อนจะพากันเดินเคียงคู่ปล่อยให้เกลียวคลื่นสาดกระทบจนท่วมเท้า

   “พี่ดีใจนะคะที่น้องสนยอมมาเที่ยวกับพี่”

   “จะดีใจทำไมคะ ก็เจอกันเกือบทุกวัน”

   “มันไม่เหมือนกันนี่คะ พบเจอกันทุกวันก็อยู่ในสายตาคนอื่น ได้พูดคุยกันก็นิดเดียว แต่การมาเที่ยวเราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนานๆ ได้พูดคุยในเรื่องของเราสองต่อสอง ความรู้สึกมันต่างกันตั้งเยอะค่ะ”

   “เหรอคะ สนไม่ยักรู้ว่าคุณใหญ่อยากอยู่อยากคุยกับสนขนาดนั้นเลย”

   “โธ่ ถ้าไม่อยากอยู่ไม่อยากคุยด้วยพี่จะไปหาคุณสนแทบทุกวันทำไมล่ะคะ ที่ไปหาก็เพราะรักเพราะคิดถึง อยากเห็นหน้า จริงๆอยากเห็นหน้าน้องสนทั้งตื่นนอนและก่อนอนเลยด้วยซ้ำ”คุณใหญ่ทำเสียงคล้ายจะอ้อนจนคุณสนที่นิ่งฟังอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

เป็นธรรมดาของสตรีได้ฟังคำหวานจากชายที่ตนเองมีใจให้ก็ย่อมจะอ่อนไหวเป็นปกติ ใจคุณสนนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรซักเท่าไหร่ สองปรางแก้มขึ้นสีเรื่ออย่างน่าดูยามที่คุณใหญ่ขยับมายืนตรงหน้าแล้วคุกเข่าลงไปอีกหนจับมือเล็กๆของคุณสนมากุมไว้โดยที่คุณสนไม่ได้ดึงออกเพราะความตื่นเต้น หัวใจเต้นจนเป็นส่ำยามสายตาคมช้อนขึ้นมอง

ไม่ลดละ

ไม่หลีกหนี

มั่นคง

และหนักแน่นยามเอื้อนเอ่ย

   “เราก็คบหาดูใจกันมาระยะหนึ่งแล้ว พี่เชื่อว่าน้องสนคงจะเห็นถึงความจริงใจที่พี่มีให้มาตลอด น้องสนจะขัดข้องมั้ยคะถ้าพี่อยากจะขอให้น้องสนมาเป็นคู่ชีวิตร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่จนแก่เฒ่า แต่งงานกับพี่มั้ยคะ มาเป็นแม่ศรีเรือนให้กับพี่”

   “ ตายจริง คุณใหญ่ลุกขึ้นเถอะค่ะ สนไม่เก่งงานบ้านงานเรือนนะคะ จะไปเป็นแม่ศรีเรือนให้กับคุณใหญ่ได้ยังไงกัน”คุณสนดึงให้คุณใหญ่ลุกขึ้นยืน พูดความกังวลใจของตนเองออกไป หากแต่คุณใหญ่กลับส่ายหน้าเพราะไม่เห็นความสำคัญในเรื่องที่คุณสนกังวลซักนิด

   “ไม่เป็นไรค่ะ บ่าวไพร่มีมากมาย พี่แค่อยากให้น้องสนมาช่วยดูแลควบคุมเรื่องในบ้านมาดูแลพี่เป็นศรีภรรยาของพี่ นะคะ พี่รักน้องสนจริงๆนะคะ”

   “สนก็รักคุณใหญ่ค่ะ แต่...”คุณสนหยุดเพื่อคิดว่าตนควรจะพูดเรื่องที่อยู่ในใจดีหรือไม่

   “แต่อะไรคะ น้องสนมีอะไรน้องสนบอกพี่ได้เลยนะคะ พี่สัญญาว่าพี่จะทำให้น้องสนทุกอย่าง”

   “สนขอแค่เรื่องเดียวค่ะ ถ้าคุณใหญ่ทำให้สนได้ ก็ส่งผู้ใหญ่มาสู่ขอสนกับคุณเตี่ยกับแม่ได้เลย”คุณสนจ้องตาคุณใหญ่ด้วยสายตาที่จริงจังแน่วแน่

   “อะไรคะ น้องสนบอกพี่มาได้เลย พี่ทำได้แน่นอน ยกเว้นขอดาวขอเดือนอันนั้นก็สุดปัญญาพี่”

   “สนไม่หวังของที่ไม่มีทางเอามาให้ได้หรอกค่ะ สนขอแค่คุณใหญ่จะเป็นเหมือนคุณเตี่ยจะรักและมีแค่สนเพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่มีเมียเล็กเมียน้อย ไม่มีผู้หญิงคนอื่นให้สนต้องเจ็บช้ำน้ำใจคุณใหญ่ให้สนได้มั้ยคะ?”



   ถึงคุณเล็ก
กว่าจดหมายฉบับนี้จะมาถึงเราก็คงเกี่ยวดองเป็นญาติมิตรกันเรียบร้อยแล้วแน่ๆค่ะ คุณใหญ่ส่งผู้ใหญ่ในกระทรวงมาสู่ขอคุณพี่สนกับคุณเตี่ยและแม่ ข่าวการแต่งงานของคุณใหญ่และพี่สนโด่งดังถูกพูดถึงไปเกรียวกราวด้วยว่าครอบครัวขุนนางใหญ่กับนายห้างฝรั่ง คุณเตี่ยกับแม่แม้จะอยากให้คุณพี่ได้ออกเรือนกับลูกชายเพื่อนมากกว่าแต่เมื่อคุณพี่สนตั้งมั่นออกปากว่าหากไม่ใช่คุณใหญ่ก็จะไม่ขอออกเรือนกับใครและเจ้าคุณตาก็เห็นว่าฐานะและยศศักดิ์ของคุณใหญ่ก็ไม่น้อยหน้าใครสุดท้ายฤกษ์แต่งงานก็จะมีในช่วงเดือนห้าที่จะถึงนี้ คุณพี่สนเธอออกแบบชุดสำหรับยกน้ำชากับชุดสำหรับตักบาตรรวมทั้งชุดรดน้ำสังข์ของเธอเอง สั่งผ้าลูกไม้จากอิตาลีมาหลายม้วน แถมยังมาจัดแจงจะตัดชุดให้หนูแสนด้วย โดนไม่บัดทัดฟาดขาไปเสียสองทีเพราะหนูแสนไม่ได้อยากแต่งตัวให้วิลิศมาหราอะไรนัก อยากแต่งแค่สูทเรียบๆเท่านั้นแต่พี่สนบอกว่าจะเพิ่มลูกไม้ตรงปกและแขนเสื้อลงไปด้วย คงเหมือนนายละครร้องของฝรั่งน่าดู ตอนนี้น้ำอบน้ำปรุงของแม่ขายดิบขายดีจนแทบจะทำส่งไม่ทัน ยิ่งใกล้สงกรานต์ยิ่งต้องเร่งทำกันมือเป็นระวิง หนูแสนส่งน้ำอบ น้ำปรุง และแป้งกระแจะจันทน์มาให้คุณเล็ก เอาไว้ประตัวหลังอาบน้ำตัวจะได้หอมๆนะคะ หรือว่าเดี๋ยวนี้ไม่ใช้แล้วเพราะว่าน้ำหอมของเมืองฝรั่งเศสมันหอมกว่าก็เททิ้งไปก็ได้นะคะ ที่ส่งไปให้หนูแสนทำเองกับมืออาจจะราคาไม่กี่สตางค์แต่ใส่ความคิดถึงลงไปจนล้นปรี่ คุณเตี่ยเริ่มพูดถึงการเรียนต่อ ม.ศ.๘ ของหนูแสนแล้ว ความตั้งใจของคุณเตี่ยนั้นอยากให้หนูแสนไปเรียนต่อที่เมืองจีน แต่หนูแสนไม่ได้อยากจากบ้านไปไกลจึงขอเรียนที่อาซมซาน กอเล็ศ ต่อไปซึ่งแม่ก็เห็นด้วย หนูแสนจึงตกลงใจว่าจะเรียนต่อในสยามคงไม่เดินทางไปไกลบ้านนัก คุณเตี่ยกลัวนักว่าหนูแสนจะไปเข้ารีตด้วยว่าเป็นโรงเรียนคริสต์ แต่หนูแสนก็บอกท่านไปว่าเราจะนับถือศาสนาใดมันไม่เกี่ยวกับโรงเรียน หากเรานับถือพุทธ เป็นพุทธศาสนิกชนต่อให้ไปเรียนไกลถึงยุโรปก็ไม่มีใครเอาศาสนาออกไปจากใจเราได้กล่อมกันเสียหลายวันนั่นแหละถึงได้ยอมลงให้กับหนูแสน
หน้าร้อนใกล้จะมาถึงทุกที คิดถึงคุณเล็กเหลือกำลัง แม่บอกสงกรานต์ปีนี้จะทำข้าวแช่ไปถวายพระทำบุญกระดูกคุณทวดและบรรพบุรุษ คุณเล็กคิดถึงหมูหวานและลูกกะปิไหมคะ ยังไงหนูแสนจะกินแทนคุณเล็กเองนะคะ อยู่ทางนู้นรักษาเนื้อรักษาตัวให้มาก อย่าลืมว่ามีคนทางนี้คิดถึงและเป็นห่วงคุณเล็กหลายคน หนึ่งในนั้นก็มีหนูแสนรวมอยู่ด้วย จดหมายฉบับนี้คงต้องจบเพียงเท่านี้ หวังว่าคุณเล็กจะไม่เจ็บไม่ไข้และกลับมาหาหนูแสนไวๆนะคะ

คิดถึงเสมอ
หนูแสน

   คุณเล็กพับจดหมายเก็บใส่ซองเหมือนเดิมหยิบเอาขวดน้ำอบและขวดน้ำปรุงที่หนูแสนส่งมาให้พร้อมกับจดหมายขึ้นมาสูดดมเอากลิ่นหอมเสียเต็มปอด เปิดขวดน้ำปรุงที่มีกลิ่นหอมของดอกไม้หลากชนิด หอมกลิ่นเจือเปลือกไม้จางๆไม่หวานจนเกินไปแต่ก็ไม่ฉุนกลิ่นออกเย็นๆละมุนเหมือนคนทำไม่ผิดเพี้ยน ใช้ปลายนิ้วแตะเอามาประตัวเพียงน้อยกลิ่นหอมก็ติดกาย

กลิ่นกายหนูแสนจะหอมเหมือนกันหรือไม่นะ

อยากกลับไปพิสูจน์ด้วยตัวเองเสียเหลือเกิน...
   



............................................

แต่งค่ะ!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2020 21:06:37 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
คุณเล็กรีบกลับมาด้ายล้าววว

ออฟไลน์ black_Aphrodite

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงด้วยคน

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ดีใจที่หนูแสนคิดอย่างไรก็ยอกคุณเล็กอย่างนั้น

คุณใหญ่อย่าทำคุณสนเสียใจนะ
คุณสนเธอไม่ควรเสียใจเพราะความรักที่มีให้คุณใหญ่

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


แหม....

หวานเจี๊ยบเชียวนะคะตอนท้าย

 :mew1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ davil01

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 10
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ติดตามครับ   เป็นกำลังใจให้

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

ตอนที่ ๑๐

๕๐%


เสียงซออู้แว่วหวานผ่านหน้าต่างห้องนั่งเล่นในดินแดนแห่งเมืองศิวิไลซ์ เรียวนิ้วแตะสัมผัสสายเอ็นสองเส้นสลับไปมาจนเกิดท่วงทำนองแว่วหวานจับจิต คุณเล็กในยามนี้เรือนกายสูงใหญ่ ใบหน้าที่เคยดูหวานก็คมเข้มขึ้น เรียวคิ้วดำสนิทเหมือนสีผมดวงตาที่เคยมองสิ่งต่างๆอย่างสุขุมนุ่มลึกบัดนี้มีแววไหวระริกตามแสงไฟที่ทอแสงนวล นิ้วเรียวแตะลงบนสายซอเป็นท่วงทำนองคล้ายจะส่งผ่านไปหาใครบางคนที่อยู่อีกซีกโลกให้เข้าสูนิทราฝันดี เหม่อมองดูดวงจันทร์ที่ทอแสงนวลกลางนภามืดก็ให้คิดถึงคนที่อยู่ไกลสุดซีกโลก หวังให้เสียงซอแว่วหวานส่งสัญญาณของความคิดถึงคะนึงหาไปให้เจ้าตัวได้รับรู้ ว่าคนทางนี้คิดถึงสุดหัวใจ นับวันคอยที่จะได้กลับไปพบหน้า วันเวลาผันไปนานนับปีแต่ก็เหมือนจะช้ากว่าใจของคุณเล็กยิ่งนัก


การเรียนที่ว่ายากดูจะทรมานหากแต่ความคิดถึงเจ้ายอดดวงใจตัวน้อยนั้นกลับมีมากกว่า หนูแสนเขียนจดหมายหาเขาน้อยฉบับลง เช่นเดียวกับที่คุณเล็กเองก็แทบไม่มีเวลา จากที่ได้พูดคุยผ่านตัวอักษรปีละ 3-4 ฉบับ มาปีนี้พวกเขาต่างได้รับจดหมายของอีกฝ่ายแค่เพียงฉบับเดียว รู้เพียงว่ากิจการน้ำอบน้ำปรุงของคุณพะยอมนั้นขยายใหญ่ขึ้นด้วยพวกพ่อค้าแม่ค้าเร่ที่ได้ลองซื้อจากคนกลางไปใช้ต่างก็ติดใจในกลิ่นหอมไม่เหมือนใครทำให้หนูแสนต้องเข้ามาช่วยแม่อย่างเต็มแรง อีกทั้งเริ่มเข้าเรียนระดับมหาวิทยาลัยที่โรงเรียนข้าราชการพลเรือนของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทำให้เวลาว่างนั้นหายากยิ่ง ความคิดถึงมันอัดแน่นในอกจนต้องหยิบซอขึ้นมาเล่นกลั่นเอาความคิดถึงนั้นออกมาเป็นท่วงทำนองแสนเสนาะ

พระแย้มยิ้มพริ้มเพราเย้าหยอก สัพยอกยียวนสรวลสม
พักตร์เจ้าเศร้าสลดอดบรรทม พี่จะกล่อมเอวกลมให้นิทรา
สายสมรนอนเถิดพี่จะกล่อม เจ้างามจริงพริ้งพร้อมดังเลขา
นวลละอองผ่องพักตร์โสภา ดังจันทราทรงกลดหมดมลทิน
งามเนตรดังเนตรมฤคมาศ งามขนงวงวาดดังคันศิลป์
อรชรอ้อนแอ้นดังกินริน หวังถวิลไม่เว้นวายเอย

   
[/i]

คุณเล็กแย้มยิ้มยามนึกถึงดวงหน้าเจ้าน้องน้อยที่เคยวิ่งตามเขาต้อยๆราวกับลูกไก่ตัวเหลืองๆวิ่งตามแม่ของมันคุ้ยเขี่ยหากิน ป่านนี้คงโตเป็นหนุ่มเต็มตัวคงไม่นุ่มนิ่มน่ากอด ร่างกายอาจจะเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแบบที่ชายพึงมี ในหัวใจมีแต่ความคะนึงหา ป่านนี้จะรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไรก็ไม่อาจจะรู้ได้ ทุกคืนก่อนนอนได้แต่หยิบผ้าเช็ดหน้าที่หนูแสนปักให้มาสูดดม กลิ่นร่ำที่อบจางหายไปหลายปีแล้ว เขาสู้อุตส่าห์ทะนุถนอมไม่เคยเอาออกมาใช้เลยซักครั้ง ทำเพียงพกติดกระเป๋าไว้ข้างตัว ยามว่างก็นั่งลูบไล้รอยปัก ทุกสิ่งทุกอย่างที่หนูแสนฝากมากับเรือในแต่ละครั้งหากเป็นของกินรสมือหนูแสนแล้วลิขิตทำตัวราวกับหัวขโมยที่คอยแอบซ่อนขวดโหลให้ไกลตาเพื่อนร่วมบ้าน เขาไม่ใช่คนตระหนี่ถี่เหนียวอะไร หากเป็นของจากทางบ้านส่งมาหรือของที่หนูแสนไม่ได้เขียนกำกับมาว่าทำเองเขาก็จะให้พ่อบ้านจัดใส่จานถวายเจ้านายพระองค์อื่น เอาไปฝากเพื่อนที่อยู่ห้องอื่นบ้านให้ทุกคนพอได้คลายความคิดถึงอาหารไทย แต่หากเป็นของที่หนูแสนทำส่งมาให้เขาจะเก็บงำไว้ในห้องนอนไม่ยอมแบ่งใครแม้เพียงเศษขนมร่วงๆ จนโดยท่านชายอาทิตย์เย้าไปหลายหน

“เธอนี่ช่างหวงของเสียจริง อยากรู้นักว่าใครทำส่งมาให้ ทำราวกับทองคำ”

“คนสำคัญกระหม่อม”

“น่าจะสำคัญจริง ลูกสาวบ้านไหนรึ กลับไปจะให้เสด็จพ่อไปขอให้”

“หามิได้กระหม่อม หม่อมฉันยังไม่เคยคิดเรื่องสู่ขอ”

“คิดเมื่อไหร่ก็บอกฉันแล้วกัน เธอก็เปรียบเหมือนเพื่อนรักของฉันร่วมสุขร่วมทุกข์กันมาหลายปีไม่ต้องเกรงใจกัน”

หากท่านชายอาทิตย์ทรงทราบว่าคนที่อยู่ในใจของคุณเล็กเป็นใครก็คงจะตบอกผาง เผลอๆจะเป็นลมเป็นแล้งไปเสียเปล่าๆปล่อยให้เข้าใจผิดว่าเป็นลูกสาวไปก็แล้วกันไม่ถือว่าหลอกลวงแต่ประการใด





   “คุณสนเจ้าขา ทานข้าวเถอะเจ้าค่ะ”นังเฟื้องคุกเข่าข้างเจ้านายที่ครรภ์ใหญ่ใกล้คลอดเต็มที หากแต่คุณสนกลับไม่ได้สนใจคำพูดของนังเฟื้องเลย กลับเดินประคองท้องตัวเองชะเง้อมองไปทางหน้าเรือนอยู่บ่อยครั้ง

   “ข้ายังไม่หิว จะรอกินพร้อมคุณใหญ่ เอ็งเก็บไปก่อนเถอะ”

   “แต่นี่มันมืดแล้วนะเจ้าคะ ไม่ห่วงตัวเองก็ห่วงลูกในท้องบ้างเถอะเจ้าค่ะ ป่านนี้คุณหนูหิวแย่แล้ว”

   “เฟื้อง พักนี้คุณพี่กลับบ้านช้ามากเลยนะ”คุณสนยอมกลับมานั่งที่โต๊ะกินข้าว อาหารสองสามอย่างถูกอุ่นมาตั้งให้จนร้อนน่ากินหากแต่คุณสนนั้นไม่ได้มีกะจิตกะใจจะแตะต้องอาหารเหล่านั้นซักเท่าไหร่นัก ชีวิตหลังการแต่งงานนั้นไม่เหมือนกับตอนที่คบหาดูใจกันเลยซักนิด

จากหญิงสาวที่มั่นใจในความคิดของตัวเอง เอาอารมณ์และความต้องการของตัวเองเป็นที่ตั้งก็เริ่มปรับตั้งแต่ย้ายมาอยู่เรือนหอคุณสนต้องเริ่มตั้งแต่เรียนรู้งานบ้านงานครัว จริงอยู่แม้จะมีบ่าวไพร่ทำให้แต่บ่อยครั้งที่คุณหญิงผกาคอยพร่ำบอกเรื่องหน้าที่ของแม่ศรีเรือนที่ดี

   “เป็นผู้หญิงก็ต้องทำให้เป็นตอนนี้ก็หัดทำเพื่อดูแลผัวอีกหน่อยมีลูกก็ต้องทำให้ทั้งลูกทั้งผัวกิน แม่สนจะไว้ใจให้คนอื่นมาทำให้คนที่เรารักกินโดยไม่ดูแลไม่ใส่ใจไม่ได้”

   “สนจะพยายามค่ะคุณแม่”

ในช่วงปีแรกนั้นชีวิตหลังการแต่งงานหอมหวานตามแบบของข้าวใหม่ปลามัน คุณสนยอมปิดห้องเสื้อเพราะคุณใหญ่ขอให้มาอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนด้วยให้เหตุผลที่จำต้องฟังว่า

   “สนเป็นเมียพี่ หากยังออกไปทำงานนอกบ้านหาเงินเอง คนอื่นจะเอาไปนินทาได้ว่าร้อยโทอนลปล่อยให้เมียไปเร่ขายเสื้อขายผ้า ไม่มีปัญญาเลี้ยงเมียให้สุขสบาย”

   “แต่ร้านของสนกำลังขึ้นนะคะ ขายดีขนาดนั้นเงินเข้ามือไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ เลิกไปสนเสียดาย”

   “เชื่อพี่เถอะคนดี อีกหน่อยสนได้เป็นคุณหญิงอย่างไรก็ต้องปิดอยู่ดี”

   “ถ้าอย่างนั้นสนขอเปิดไว้แต่ให้รำภาดูแลแทนแล้วกันค่ะ สนอยู่บ้านเฉยๆก็เบื่อขอสนได้ออกแบบเสื้อผ้าอยู่กับบ้านก็ได้ค่ะ”

   “ดื้อจริง เอาเถอะ ถ้าสนสบายใจแบบนั้นพี่ก็จะยอมให้ตอนนี้พี่อยากให้สนจำไว้ว่าสนเป็นเมียพี่แล้วต้องรักษาเกียรติของตระกูลสรอรรถโยธาไว้ให้มาก พี่รู้ว่าบางอย่างอาจไม่ถูกใจสนนักแต่ขอให้ค่อยๆปรับกันไปสนทำให้พี่ได้ไหมคะ?”


   “ได้ค่ะ สนจะทำทุกอย่างให้คุณพี่มีความสุข”

คุณสนตักข้าวเข้าปาก รสชาติอาหารฝีมือแม่ยังคงกลมกล่อมเหมือนเดิมหากแต่คุณสนกลับไม่รับรู้รสชาตินั้นเลย  หลายเดือนมานี้คุณใหญ่เริ่มกลับบ้านผิดเวลา แรกๆก็อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง วันหยุดที่เคยอยู่บ้านเคยออกไปไหนมาไหนด้วยกันมาตอนนี้ตั้งแต่คุณสนตั้งครรภ์คุณใหญ่ก็ห่างบ้านมากขึ้น พอเอ่ยปากถามคุณใหญ่ก็มักจะลงเอยด้วยประโยคเดิมๆทุกครั้งว่า

   “พี่ใกล้ได้เลื่อนยศก็ต้องติดตามเจ้านายไปนู่นไปนี่ สนอย่าคิดมากสิ เดี๋ยวกระทบลูกในท้องนะจ๊ะ”

คุณสนรวบช้อนแล้วหยิบน้ำขึ้นดื่ม

   “อิ่มแล้วหรือเจ้าคะ นังเฟื้องมองอาหารที่แทบไม่พร่องลงไปเลยด้วยความหนักใจ คนสนในยามนี้ไม่ผุดผ่องอิ่มเอิบเหมือนก่อนออกเรือนเลยซักนิด แม้ท้องจะใหญ่หากแต่ตัวไม่ได้มีน้ำมีนวลแบบที่คนท้องควรจะเป็น ไม่เหมือนตอนท้องคุณหนูยิ่งคุณสนนั้นอวบอิ่มเปล่งปลั่งไม่เหมือนที่โบราณว่าเอาไว้ซักนิดว่าหากได้ลูกชายคนเป็นแม่จะโทรม ตอนนี้คุณหนูยิ่งวัยสามขวบกว่ากำลังน่ารัก ตกกลางคืนหากคุณหญิงผกาคิดถึงก็จะให้บ่าวมาพาไปนอนด้วย คุณสนแทบจะไม่ได้เลี้ยงลูกเองเลย  ตอนคุณหนูยิ่งคลอดนั้นทั้งฝ่ายย่าฝ่ายยายวิ่งกันให้หัวหมุนเพราะคุณสนเจ็บท้องมาก คุณใหญ่รีบกลับจากกรมมาเฝ้าอยู่หน้าห้อง ทั้งร้อนรน ตื่นเต้น และดีใจ เมื่อลูกคลอดออกมาเป็นชาย สมใจทั้งย่าและพ่อคุณหนูยิ่งก็ถูกประคบประหงมราวไข่ในหิน คุณสนมีหน้าที่ให้นมเพียงอย่างเดียว

ผิดกันกับครั้งนี้ ด้วยเป็นท้องที่สองความตื่นเต้นก็คลายลงไปมาก มีเพียงคุณพะยอมที่มาหาแทบจะทุกวัน เอาข้าวปลาอาหารมาให้แต่อยู่คุยเป็นเพื่อนได้ไม่นานก็ต้องรีบกลับไปคุมบ่าวทำน้ำอบน้ำปรุง หากมียอดสั่งซื้อมากๆคุณพะยอมก็จะให้บ่าวเอากับข้าวมาให้ไม่ได้มาด้วยตัวเอง มีเพียงหนูแสนที่จะวิ่งมาเล่นกับหลานโดยอุ้มเอาคุณอ้นกับคุณอิ่มลูกชายลูกสาวของคุณเสนมาหาช่วงวันหยุดเรียนเท่านั้น

คุณสนมีปัญหาหนักอยู่ในอกหากแต่ก็ไม่ยอมปริปากบอกใครแม้แต่คุณพะยอมผู้เป็นแม่

   “ข้ากินไม่ลงแล้วล่ะเฟื้อง เก็บไปเถอะ”คุณสนลุกขึ้นยืน ยังไม่วายจะเดินไปชะเง้อมองหน้าบ้านว่าจะมีแสงไฟจากรถยนต์ของคุณใหญ่เข้ามาหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีเลยซักนิด ลมเย็นพัดมาต้องผิวให้รู้สึกไหวยะเยือกในจิตใจ เรือนใหญ่และเรือนของเมียรองของเจ้าคุณสรอรรถเงียบสงบไร้เสียงพูดคุย มองไปทางตึกที่เคยอยู่ตั้งแต่อ้อนแต่ออกยังคงเห็นแสงไฟสว่าง

แต่กลับไปไม่ได้แล้ว...

เหงาจับใจ

เหงาเสียจนอยากจะร้องไห้

   “คุณสนเจ้าขา เข้ามาเถอะเจ้าค่ะ โดนลมมากๆเดี๋ยวจะป่วยนะเจ้าคะ”นังเฟื้องแตะต้นแขนของผู้เป็นนายเบาๆด้วยความห่วงใย

   “เฟื้อง ข้าคิดถึงแม่”

   “พุทธโธ่เอ๋ย คุณแม่ก็มาหาทุกวันเอากับข้าวกับปลามาให้ไม่ได้ขาดนี่เจ้าคะไม่ได้อยู่ต่างบ้านต่างเมือง ห่างกันแค่รั้วกั้นแค่นั้นเอง คิดถึงก็แค่เดินไปหาคุณแม่เธอไม่ว่าอะไรหรอกเจ้าค่ะ”

   “มันไม่เหมือนกันหรอก ข้าออกเรือนมาแล้วจะทำตัวเป็นลูกแหง่ติดแม่ เอะอะมีอะไรก็วิ่งโร่ไปหาแม่แบบเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว อีกอย่างข้าก็ถือดีเกินกว่าจะแบกหน้าไปเล่าเรื่องในครอบครัวให้แม่ฟัง ผัวคนนี้ข้าก็เลือกเองกลับไปก็อายเขา”

   “คุณน่ะคิดเยอะเกินไปเจ้าค่ะ ออกเรือนแล้วอย่างไรเสียก็ยังเป็นแม่ลูกกัน”

   “ข้าทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ข้าไม่อยากให้แม่ต้องมาวิตกทุกข์ร้อนไปกับเรื่องของข้า หากปริปากพูดไป บ่าวคนอื่นๆมันมาได้ยินข้าจะเอาหน้าไปไว้ไหน ข้าก็ได้แต่หวังว่าคุณพี่คงจะยุ่งเรื่องงานจริงๆไม่ได้แอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยที่ไหนนะ ถ้าเป็นอย่างนั้นข้าคงอกแตกตายเป็นแน่”คุณสนถอนหายใจอย่างหนักอึ้งที่ในอก เมื่อรอจนดึกคุณใหญ่ยังไม่กลับก็ยอมเข้าไปนอน แต่แม้จะข่มตาให้หลับซักเท่าไหร่ก็ไม่อาจหลับได้ ยังคงคิดฟุ้งซ่านวนเวียนจนเกือบค่อนรุ่งจึงได้เผลอหลับไปโดยไร้เงาของคุณใหญ่จนรุ่งเช้า




 “ยายแช่ม แม่เป็นอย่างไรบ้าง บ่าวที่ครัวบอกว่าวันนี้คุณแม่เป็นลมล้มลงไปอีกแล้วรึ?”หนูแสนเอ่ยถามบ่าวคนสนิทอย่างร้อนใจ เด็กหนุ่มบัดนี้เติบใหญ่อายุเข้า 19 ปี สาวเท้าก้าวเข้ามายังห้องโถงที่ยายแช่มยืนรอด้วยท่าทีร้อนรนกระวนกระวาย

   “ฟื้นแล้วเจ้าค่ะแต่บอกว่าเวียนหัว หน้าเธอซี้ดซีดเจ้าค่ะ”ยายแช่มรับกระเป๋าหนังสือให้กับนายมีแล้วรีบวิ่งขึ้นไปยังชั้นสองก้าวเข้าไปในห้องนอนของแม่ด้วยความเป็นห่วง คุณพะยอมนอนอยู่บนเตียงด้วยท่าทางซูบโรย หนูแสนทิ้งตัวนั่งที่ข้างเตียงคว้ามือซูบของแม่มากุมไว้ ด้วยทั้งรักและทั้งห่วงใย คุณพะยอมมองหน้าลูกเล็กแล้วน้ำตาพาลจะไหลด้วยร่างการที่อ่อนแอพาลพาให้จิตใจหม่นหมองตามไปด้วย

   “แม่จ๋า แม่เป็นอย่างไรบ้างคะ ไม่สบายตรงไหนบอกหนูแสนได้มั้ยคะ?”

   “แม่ไม่มีแรงเลยหนูแสน ใจแม่มันหวิวๆ หนาวๆเหมือนเป็นตะพ้าน”

   “แม่ไปโรงหมอกันดีกว่ามั้ยจ๊ะ หนูแสนเป็นห่วง”

   “ไม่เอา ไม่เอา แม่ไม่ได้เป็นอะไรมาก อายุมากแล้วเลือดลมเดินไม่สะดวกเหมือนตอนสาวๆ พักซักหน่อยพรุ่งนี้แม่ก็เดินปร๋อแล้ว หนูแสนกลับมาเหนื่อยๆไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมกินข้าวเถอะลูก”คุณพะยอมรีบปฏิเสธทันทีเมื่อหนูแสนชวนไปโรงหมอ หล่อนคุ้นชินกับแพทย์แผนไทยมากกว่าจะเอาชีวิตไปฝากกับหมอฝรั่ง

   “ดื้อจังค่ะ งั้นแม่รออยู่นี่นะคะเดี๋ยวหนูแสนลงไปทำข้าวต้มมาให้นะจ๊ะ”

   “อย่างนั้นก็ได้ลูก”คุณพะยอมนอนลงตามเดิม มองหนูแสนที่เดินกลับห้องตัวเองด้วยสายตาทั้งรักทั้งห่วง คนเราไม่ว่าจะหัวหงอกหัวดำก็ต้องตายทุกคน คุณพะยอมรู้ดีว่านี่คือสัจธรรมของมนุษย์ คุณเสนเองก็มีครอบครัวมีลูกเมียสมบูรณ์พูนสุข อย่างไรเสียสมบัติของเจ้าสัวเช็งก็ต้องตกเป็นของคุณเสนเสียส่วนมากด้วยเป็นลูกชายคนโต คุณสนเองก็ออกเรือนไปกับคุณใหญ่ที่กำลังรุ่งเรืองทางราชการ อนาคตอาจจะได้ตำแหน่งคุณหญิงมีทั้งยศและเงินทองไม่ต้องกังวลสิ่งใด อีกทั้งยังมีลูกชายไว้สืบสกุลคุณหญิงผกาทั้งรักทั้งหลง ชีวิตของคุณสนจึงไม่น่าห่วง มีเพียงหนูแสนเท่านั้นที่ดูไม่มีอะไรอย่างพี่ๆเขาเลย ลูกชายคนเล็กของหล่อนมีเพียงฝีมือทำอาหารและความจิตใจดีเท่านั้น หากพ่อแม่ตายไปก็ไม่รู้ว่าชีวิตจะเดินไปทางไหน คุณเสนเองก็จะเมตตาน้องๆเหมือนตอนที่พ่อแม่ยังอยู่หรือไม่ น่าเป็นห่วงเสียเหลือเกิน หากเติบใหญ่เป็นชายเต็มตัวได้ตบแต่งกับลูกสาวคหบดีมีฐานะมั่นคงเสียตั้งแต่พ่อแม่ยังอยู่ก็คงจะดีไม่น้อย แต่คุณพะยอมเลี้ยงลูกมาเหตุใดเล่าจะไม่รู้ว่าหนูแสนหาได้มีใจปฏิพัทธ์แก่หญิงใด ตั้งแต่เล็กคุ้มใหญ่ทุกครั้งที่เอ่ยถึงคนสำคัญในชีวิต หนึ่งในนั้นต้องมีคุณเล็กรวมอยู่ด้วยเสมอ

หากสัญชาติญาณความเป็นแม่ของหล่อนไม่ผิดนัก

ลูกชายคนเล็กของหล่อนนั้นมอบใจรักให้กับลูกชายคนเล็กของคุณหญิงผกาไปทั้งดวงแล้วแน่นอน



   หนูแสนอาบน้ำแต่งตัวเป็นชุดลำลองเสร็จก็เข้ามาในครัว บ่าวกำลังเตรียมทำกับข้าวมื้อเย็นให้ท่านเจ้าสัว ส่วนคุณอุ่นเรือนพี่สะใภ้เข้ามาช่วยด้วย ถึงแม้ว่าคุณเสนจะแยกเรือนไปแล้วหากแต่ก็อยู่ใกล้ในรั้วเดียวกัน เจ้าสัวเช็งชอบความเป็นครอบครัวใหญ่จึงบอกให้บุตรชายคนโตนั้นกลับมากินข้าวร่วมสำรับกัน หนูอ้นกับหนูอิ่มก็เล่นกับลูกบ่าวอยู่นอกครัวโดยมีคนสนิทนั่งเฝ้าไม่ให้คลาดสายตา

   “วันนี้น้องแสนกลับบ้านเร็ว”เอ่ยทักน้องสามีที่เดินเข้ามา หนูแสนยกมือไหว้ตามความเคยชิน

   “เลิกเรียนไวน่ะค่ะ เป็นห่วงอยากกลับมาหาแม่ นายมีบอกว่าแม่เป็นลมใจก็จะแล่นกลับมาเสียให้ได้”

   “แล้วนี่จะทำอะไรคะ ทำสำรับให้คุณแม่เหรอ?”

   “ค่ะ แม่ไม่สบาย หนูแสนว่าจะต้มข้าวต้มกุ๊ยแล้วยำปลาทูใส่มะดันสดให้แม่ทาน ยายแช่มจ๊ะ ช่วยต้มข้าวต้มให้หนูแสนทีนะจ๊ะ ใส่ใบเตยลงไปด้วยจะได้หอมๆ”

   “เจ้าค่ะ”ยายแช่มลุกไปต้มข้าวต้มตามคำสั่ง หนูแสนหยิบปลาทูนึ่งที่เจ้าสัวเช็งได้มาจากแม่กลองเมื่อวานนี้มาจัดการทอดแล้วเลาะก้างเป็นชิ้นๆ สับมะดันสดหยาบๆหั่นหอมแดงและพริกขี้หนูสวนเตรียมไว้ เมื่อได้ส่วนผสมทั้งหมดก็ผสมน้ำปลา น้ำตาลทราย มะนาวและพริกขี้หนูสวนคนจนเข้ากันจึงน้ำปลาทูทอด มะดันสับหอมแดงใส่ลงไป คุณอุ่นเรือนมองน้องสามีที่ลงครัวอย่างคล่องแคล่วแล้วได้แต่นึกชม หากเป็นลูกสาวขี้คร้านหนูแสนจะได้ออกเรือนก่อนคุณสนน้องสาวคนกลางเป็นแน่ หนูแสนตักยำปลาทูทอดลงจานแบ่งเป็นสองจานแล้วโรยใบสะระแหน่ด้านบนเป็นอันเสร็จ

   “เดี๋ยวผัดไชโป้วใส่ไข่อีกอย่างหนูแสนจะยกไปให้แม่เลย ฝากบอกคุณเตี่ยว่าให้รับมื้อเย็นไปได้เลยไม่ต้องรอนะคะหนูแสนจะอยู่เป็นเพื่อนแม่ก่อน”หันกลับมาบอกพี่สะใภ้แล้วจึงง่วนกับการทำกับข้าวอีกหน เย็นนั้นคุณพะยอมรับข้าวได้เยอะกว่าทุกวันด้วยรสชาติยำปลาทูทอดนั้นกลมกล่อมถูกใจ หนูแสนนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนแม่ก็พลอยใจชื้นขึ้นบ้าง ได้แต่หวังว่าอาการป่วยของแม่จะดีวันดีคืนไม่แย่ไปกว่านี้อีก


หนูแสนหวังแค่ว่าแม่จะแข็งแรงและอยู่กับหนูแสนไปนานๆเท่านั้นเอง























...............................

#แสนคำนึง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-01-2020 19:25:40 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


อ่านตอนนี้แล้วบอกไม่ถูก

มันหน่วงๆไงไม่รู้

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
เจอตอนนี้ไป จิตใจห่อเหี่ยวเลย
กลัวใจคุณใหญ่จัง กลัวจะไปมีบ้านเล็กบ้านน้อย
ถ้ามีจริง คุณสนคงไม่ทนเป็นแน่ จากที่ว่าอนาคต
คุณสนจะเข้าในเรื่องคุณเล็กกับหนูแสน
ก็จะกลายเป็นอุปสรรคในความสัมพันธ์เป็นแน่แท้

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้อออ!! ไม่เอาดราม่าน้า สงสาร

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
กลัวคุณใหญ่จะมีบ้านเล็กจัง สงสารคุณสนไม่อยากให้เจอปมชีวิตซ้ำเติมอีก

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


((ต่อ))




   “เฟื้อง เอ็งเอาคุณหนูไปนอนแล้วไปตามนายพันมาพบข้า”คุณสนส่งลูกสาวคนเล็กวัยสามเดือนให้นังเฟื้องเอาไปนอนหลังจากเข้าเต้าเรียบร้อยแล้ว เฟื้องหายไปเพียงไม่นานก็กลับมาพร้อมบ่าวคนสนิทของคุณเล็กที่บัดนี้กลายมาเป็นคนขับรถให้คุณสนยามที่ต้องการจะไปธุระข้างนอก นายพันเข้ามายืมกุมมือสงบเสงี่ยมต่อหน้าเจ้านายสาว

   “คุณสนมีอะไรให้กระผมรับใช้หรือขอรับ?”

   “ที่ข้าให้เอ็งแอบตามคุณใหญ่ได้ความว่ายังไง?”คุณสนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ นายพันรีบหลุบตามองต่ำ ท่าทีอ้ำอึ้งจนคุณสนถอนหายใจออกมาช้าๆ

   “ที่ไหน?”น้ำเสียงแสนเรียบคล้ายน้ำเย็นจัดที่รินรดหัว หากแต่เมื่อสัมผัสกลับทำให้ร้อนจนถึงสมอง นายพันเอ่ออ่าคล้ายคนติดอ่างจนคุณสนที่พยายามใจเย็นตบโต๊ะดังเปรี้ยง

   “ฉันถามว่าคุณใหญ่ไปที่ไหน!!”

   “ห...ห้องเสื้อของคุณสนขอรับ”นายพันละล่ำละลักบอกด้วยน้ำเสียงกระท่อนกระแท่น คุณสนเมื่อได้ยินคำตอบก็กัดฟันกำมือแน่นในอกคล้ายถูกมือที่มองไม่เห็นเอาถ่านร้อนสุมมาใส่จนปวดแสบปวดร้อนไปหมด น้ำตาไหลออกจากสองข้างตา ริมฝีปากเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ร่างกายสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ไร้เสียงกรีดร้อง ไร้เสียงสะอื้นคร่ำครวญอย่างที่นายพันเคยคิดไว้ มีเพียงเสียงลอดไรฟันที่ทำให้คนฟังขนลุกไปทั้งตัว

   “อีรัมภา!!”

   “วันนี้คุณพี่จะกลับกี่โมงคะ ให้สนเตรียมกับข้าวไว้รอหรือเปล่า”คุณสนเอ่ยถามในขณะที่กลัดกระดุมตรงปกชุดทหารให้สามี ดวงตาคมช้อนขึ้นสบตาอนลอย่างรอคำตอบ
   “เย็นนี้พี่คงกลับดึก ต้องตามนายไปราชการตั้งแต่บ่ายกว่าจะเสร็จก็คงดึกๆเหมือนเดิม สนกินข้าวไปเลยไม่ต้องรอพี่นะจ๊ะ”อนลขยับคอเสื้อให้เข้าที่ตอบกลับคุณสนด้วยน้ำเสียงรื่นหูเหมือนที่ผ่านมา คุณสนส่งยิ้มเย็นให้สามี

ทุกอย่างยังคงเดิมคล้ายกับไม่มีอะไร คุณสนยังคงปรนนิบัติคุณใหญ่เหมือนเช่นทุกวัน ก่อนออกไปทำงานก็พาหนูยิ่งกับหนูหยกมาลาคุณพ่อ พอคุณใหญ่ออกไปจากบ้านก็เอาผ้ามานั่งปักไม่พูดจากับใครแม้แต่นังเฟื้องบ่าวคนสนิท พอสายๆคุณหญิงผกาก็ให้บ่าวมาพาหนูยิ่งไปเลี้ยง

คงเดิมเช่นทุกวัน ที่ไม่เหมือนทุกวันคือพอตกเย็นคุณสนก็เรียกนายพันให้มาหาแล้วนั่งรถออกไปจากเรือนโดยสั่งให้นังเฟื้องดูแลหนูหยก ไม่ลืมกำชับให้พาไปให้คุณพะยอมกับหนูแสนช่วยเลี้ยงระหว่างที่ตนเองออกไปจากบ้าน
   “จอดอยู่ตรงนี้แหละ”คุณสนสั่งให้นายพันจอดรถในตรอกแคบๆตรอกหนึ่ง หน้ารถมองออกไปก็จะเป็นหน้าร้านของตนเอง นายพันเหงื่อตกเพราะรู้ว่าคุณสนกำลังจะจับให้ได้คาหนังคาเขาว่าคุณใหญ่แอบมามีบ้านเล็ก ที่สำคัญบ้านเล็กที่ว่าคือลูกจ้างที่คุณสนไว้ใจ ถือว่าเป็นมือขวาของคุณสนเลยก็ว่าได้เพราะทำห้องเสื้อด้วยกันมานานหลายปีจนกระทั่งคุณสนออกเรือนถูกขอไม่ให้มาทำงานที่ร้านจึงให้รัมภาเป็นผู้ดูแลร้านแทนตน

ก็ไม่เคยคิดว่าดูแลร้านไม่พอยังจะมาดูแลผัวแทนคุณสนอีกด้วย

ตั้งแต่เกิดมาในชีวิตคุณสนก็ไม่คิดว่าตนเองจะมีความอดทนรออะไรได้นานขนาดนี้จนกระทั่งเกือบหกโมงเย็น รถยนต์คุ้นตาก็เคลื่อนเข้ามาจอดริมฟุตบาทหน้าร้านที่ลูกจ้างกลับกันไปหมดแล้ว เหลือแต่รัมภาที่อาศัยนอนอยู่ด้านบนของร้าน เลือดในกายของคุณสนเย็นเฉียบเมื่อผู้เป็นสามีเดินหายเข้าไปในร้าน

คุณใหญ่ทำการหยามใจเธอนัก ทั้งๆที่ร้านก็อยู่ใกล้ร้านขายผ้าของท่านเจ้าสัว ลูกน้องก็มากมายแต่กลับไม่กลัวเกรงเลยซักนิด คุณสนปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกพักใหญ่แล้วจึงลงจากรถค่อยๆสาวเท้าก้าวเข้าไปเรื่อยๆ ประตูร้านนั้นปิดไปนานแล้วตั้งแต่คุณใหญ่หายเข้าไปลองขยับบานประตูด้านหน้าพบว่าถูกลงกลอนไว้เรียบร้อยแล้วดังนั้นคุณสนจึงเดินไปที่ข้างร้านเพื่ออ้อมไปทางด้านหลัง เพราะอยู่ตรงนี้มานานปี หล่อนรู้ดีว่ากลอนประตูด้านหลังไม่ค่อยดีนักมันหลวมเพราะว่าช่างเจาะรูกลอนตื้นเกินไปออกแรงเขย่าไม่กี่ทีกลอนประตูก็คลายออก คุณสนก้าวเข้าไปในร้านไร้เสียงคนพูดคุยด้านล่าง ข้างล่างว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ หญิงสาวสูดลมหายใจค่อยๆเดินขึ้นไปชั้นบนทุกย่างก้าวมันหนักราวกับมีหินมาถ่วงหากแต่กลับเงียบกริบราวกับฝีเท้าแมว เสียงพูดคุยดีงออกมาจากในห้องนอนใหญ่ไม่ใช่ห้องนอนเล็กที่จัดให้รัมภาอยู่ ห้องนอนที่เป็นของคุณสนเคยใช้พักระหว่างที่ทำงานที่ร้านนี้

อีขี้ครอก...ความโกรธสุมรุมอยู่ในอก มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋าหยิบปืนออกมาถือไว้ ประตูห้องแง้มไว้เล็กน้อยเมื่อค่อยๆเปิดออกก็พบภาพบาดตากรีดลึกเข้าไปในอกด้วยผัวรักที่เคยสัญญาว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อเธอคนเดียวกำลังขยับร่างอยู่ด้านบนโดยมีลูกจ้างคนสนิทส่งเสียงครางยั่วยวนอยู่ด้านล่าง ใบหน้าสุขสมราวกับกำลังจะแตะขอบสวรรค์ทำให้คุณสนหมดความอดทน

   “มีความสุขกันมากมั้ย ถ้ามีมากก็ไปมีต่อในนรกแล้วกันอีชั่ว”คุณสนเหนี่ยวไกปืนใส่คนบนเตียงแต่แรงดีดของปืนเพราะว่าคุณสนยังยิงไม่เป็นทำให้พลาดเป้ากระสุนฝังกับหัวเตียงรัมภากรีดร้องอย่างตกใจ คุณใหญ่ผละออกจากชู้รักด้วยสีหน้าแตกตื่นคุณสนไม่พูดพร่ำทำเพลงปรี่เข้ามาหาสามีแล้วใช้ด้ามปืนตบลงบนหน้าของคุณใหญ่เต็มแรง อนลหน้าหันไปกับแรงตบนั้นยังไม่ทันได้อธิบายคุณสนก็กระโจนใส่รัมภา ฝ่ามือฟาดลงสองข้างแก้ม ทั้งตบทั้งขยุ้มผมของหญิงสาวคนสนิทอย่างไม่ออกแรง เสียงด่าด้วยความโกรธดังลั่นด้วยแรงอารมณ์รัมภาพยายามปัดป้องจากการทำร้ายของคุณสน เมื่ออนลตั้งสติได้ก็เข้ามาแยกทั้งสองคนออกแต่ตอนนี้คุณสนสติแตกไปแล้ว หล่อนเอาความอดทนอดกลั้นที่มีทั้งหมดมาระบายภายในวันนี้

   “อีร่าน กูไว้ใจให้มึงดูแลร้านให้กูมึงยังมาเป็นเมียน้อยผัวกู กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา วันนี้ถ้ากูไม่ฆ่ากูให้ตายอย่ามาเรียกกูว่าอีสน”คุณสนสะบัดตัวจนหลุดจากคุณใหญ่แล้วกระโจนเข้าใส่รัมภาอีกรอบหญิงสาวกรีดร้องด้วยกลัวตาย เห็นตัวเล็กๆแต่ว่าพอโกรธแล้วหล่อนก็ไม่รู้ว่าคุณสนไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน หญิงสาวจับหัวของรัมภากระแทกกับขอบเตียงจนหัวแตก อนลกระโจนเข้ามาจับเมียอีกครั้งเปิดโอกาสให้รัมภาหนีไป หญิงสาวด้วยความรักตัวกลัวตายก็รีบวิ่งออกจากห้องทั้งที่ยังมีสภาพเปลือยเปล่า คุณสนใช้เล็บข่วนหน้าคุณใหญ่จนคุณใหญ่เผลอปล่อยมือจากตัวของคุณสน หญิงสาวก้มลงคว้าปืนที่หล่นขึ้นมาถือแล้ววิ่งไล้รัมภาไปในขณะที่กำลังจะคว้าผ้ามาคลุมตัว รัมภาพอเห็นคุณสนวิ่งถือปืนตามมาก็กรีดร้องและรีบเปิดประตูวิ่งหนีออกไปนอกร้านทันทีท่ามกลางสายตาของคนที่สัญจรไปมา คุณใหญ่ที่ใช้ผ้าพันท่อนล่างมาแล้วรีบวิ่งมาแย่งปืนออกจากมือคุณสนแล้วรวบร่างของคุณสนลากกลับเข้าไปในบ้าน คุณสนที่ทั้งเหนื่อยทั้งโกรธเมื่อทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็กรีดร้องด้วยความแค้นใจอย่างสุดเสียง
เป้นกริยาที่คุณใหญ่ไม่เคยเห็นมาก่อน คุณสนในมุมนี้น่ากลัวเหลือเกิน

   “หล่อนทำกริยาแบบนั้นไปได้อย่างไรแม่สน พ่อใหญ่เสียชื่อเสียงจากการที่หล่อนไปไล่ตบไล่ตีเมียน้อยเหมือนคนไม่มีสกุลรุนชาติแบบนั้นได้ยังไง”คุณหญิงผกาเอ่ยตำหนิคุณสนทันทีเมื่อทราบเรื่องที่ผู้คนในแวดวงราชการของคุณใหญ่เอาไปพูดกันสนุกปากว่าคุณใหญ่คุมเมียไม่อยู่ปล่อยให้ไปอาละวาดตบตีกับเมียน้อยที่ข้างถนน คุณสนตวัดสายตามองคุณหญิงผกาด้วยสายตาแข็งกร้าวแบบที่ไม่เคยทำ

   “แทนที่คุณแม่จะมากล่าวหาสนว่าทำให้คุณใหญ่เสื่อมเสียชื่อเสียง ทำไมคุณแม่ไม่ว่าคุณใหญ่เรื่องที่นอกใจสนไปมีเมียน้อยล่ะคะ”

   ไหล่อนจะโวยวายไปทำไม ใครๆเขาก็มีทั้งนั้นไม่ใช่ตาใหญ่คนแรกซักหน่อย”คุณหญิงผกาเอ่ยอย่างไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญ ในความคิดของหล่อนการที่ผัวมีเมียมากนั้นไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเพราะผู้ชายนั้นก็มีเมียมากกันมาตั้งแต่โบราณแล้ว
   “คุณแม่อาจเห็นเป็นสำคัญแต่สำหรับสนไม่คิดอย่างนั้นค่ะ ก่อนแต่งงานกันคุณใหญ่สัญญากันสนเป็นมั่นเหมาะว่าจะมีสนแค่คนเดียว มาวันนี้คุณใหญ่ตระบัดสัตย์สนทนไม่ได้”

   “หล่อนก็เลยไปไล่ยิงไล่ฆ่าลูกชายฉันกับผู้หญิงคนนั้นเหรอแม่สน ถ้าวันนั้นหล่อนยิงโดนตาใหญ่ขึ้นมาจะทำอย่างไร ทำใจซะเถอะแม่สน ยังไงซะทำงานแบบนี้ถ้าออกหัวเมืองก็ไม่พ้นจะได้ผู้หญิงกลับมา หัดทำใจนิ่งๆใจกว้างใจเย็นดุจแม่น้ำเสียบ้างเถอะ สงบปากสงบคำทำตัวสูงๆให้สมกับเป็นเมียตบเมียแต่ง เมียน้อยมันก็แค่เมียน้อยตราบใดที่ผัวยังวางหล่อนไว้สูงที่สุดในบรรดาเมียก็ไม่เห็นต้องกลัวอะไรเลย มันเป็นเรื่องปกติของผู้ชายหล่อนอย่าทำตัวใจแคบนักเลย ดูอย่างฉันสิท่านเจ้าคุณก็มีนางเล็กๆตั้งหลายคนแต่สุดท้ายคนที่เป็นคุณหญิงก็มีแค่ฉันคนเดียว”

   “คุณแม่อยากจะทนก็ทนไปเถอะค่ะ คุณแม่ก็ถามใจตัวเองดูว่าทุกวันนี้มีความสุขดีหรือคะต้องแบ่งผัวให้คนอื่น สนไม่ทนหรอกค่ะ คุณใหญ่สัญญากับสนด้วยปากของคุณใหญ่เองเพราะฉะนั้นสนจะถือแค่คำสัญญาของคุณใหญ่เพียงคนเดียว ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปแล้วก็ควรเลิกซักทีกับความเชื่อเรื่องมีเมียมากแล้วจะแสดงอำนาจยิ่งใหญ่ สนเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ ครั้งนี้สนจะยอมจบแต่ถ้ามีครั้งหน้าสนไม่รับปากนะคะว่าจะยิงพลาดแบบวันนี้อีกมั้ย สนลาล่ะค่ะเหนื่อยเต็มที”คุณสนยกมือไหว้ลาผู้เป็นแม่ผัวแล้วออกจากเรือนใหญ่ทันทีอย่างไม่ยี่หระกับท่าทางของคุณหญิงผกา ตอนนี้หล่อนไม่สนใจใครทั้งนั้นเพราะคุณใหญ่ทำตัวไม่สมกับความทุ่มเทความรักและการยอมเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของหล่อนเลย ต่อไปนี้หล่อนจะกลับไปเป็นคุณสนคนเดิม ในเมื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองแล้วผลที่ได้คือการทรยศหล่อนก็ไม่จำเป็นต้องทุ่มเทอะไรให้กับผู้ชายคนนี้อีกต่อไป



   ถึงหนูแสนที่คิดถึง
คุณเล็กดีใจที่จดหมายฉบับนี้จะเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายของเราสองคน หลังจากจดหมายฉบับนี้ถึงหนูแสน ไม่นานคุณเล็กก็จะกลับไปถึงสยาม ตอนนี้เหลือแค่สอบก็จะสิ้นสุดการศึกษาที่นี่อย่างสมบูรณ์

ส่วนเรื่องพี่ใหญ่และคุณสนที่ระหองระแหงกันมาหลายปีนั้นคุณเล็กไม่อยากให้หนูแสนเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย มันเป็นเรื่องในครอบครัวที่เขาต้องแก้กันเอง ในภายหน้าอาจจะมีปัญหาใหญ่ตามมานั่นก็เป็นเพราะพี่ใหญ่สร้างมันขึ้นมาดังนั้นพี่ใหญ่จึงต้องแก้ไขปัญหานี้ด้วยตัวเอง หากหนูแสนเจ้าไปยุ่งเกี่ยวนอกจากจะดูไม่ดีแล้วยังจะโดนคุณสนเกรี้ยวกราดใส่ สิ่งเดียวที่หนูแสนทำได้ก็คือช่วยดูแลหลานๆของเรา อย่าให้แกต้องรับอารมณ์ร้ายๆหรืออย่าให้แกเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยนัก ตายิ่งนั้นโตพอจะรู้แล้วว่าพ่อแม่มีปัญหากันส่วนหนูหยกก็กำลังเป็นวัยที่กำลังเรียนรู้และเลียนแบบหากเห็นพ่อแม่ทะเลาะเกรี้ยวกราดใส่กันมากๆเกรงว่าจะซึมซับว่าความก้าวร้าวและการใช้อารมณ์นั้นเป็นเรื่องปกติ คุณเล็กอยากให้หลานของเรามีนิสัยอ่อนโยนน่ารักแบบหนูแสนนะคะ หนูแสนเหมือนน้ำในแม่น้ำ นิ่งสงบและเย็นฉ่ำต่างกับคุณสนที่เหมือนทะเลมีแต่คลื่นแรงบ้างเบาบ้างไม่คงที่ คุณเล็กยินดีกับหนูแสนด้วยที่สำเร็จการศึกษาแล้ว โตเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ส่วนเรื่องงานที่ห้างร้านนั้นเมื่อมันเป็นกิจการในครอบครัวก็เลี่ยงไม่ได้ หนูแสนเองก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วในสายตาของเจ้าสัวเช็งเมื่อเรียนจบก็ต้องไปช่วยงานของครอบครัวเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ถ้าหากอยากอยู่ดูแลคุณน้าก็ควรให้คุณน้าช่วยพูดให้น่าจะดีกว่า หรือไม่ก็เอากิจการทำน้ำอบน้ำปรุงมาเป็นข้ออ้างว่าต้องช่วยดูแลแทนคุณน้าที่เจ็บป่วยเรื้อรัง อันที่จริงอาการป่วยของคุณน้าพะยอมนั้นอยากให้พาท่านไปหาหมอที่โรงหมอมากกว่ากินยาหม้อรักษาไปเรื่อยๆแบบนี้
การเติบโตเป็นผู้ใหญ่มันอาจจะเหนื่อยเพราะภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมีมากโขแต่คุณเล็กเชื่อว่าหนูแสนนั้นจะผ่านมันมาได้เพราะหนูแสนของคุณเล็กเป็นคนเก่งทั้งยังมีวิริยะอุตสาหะเป็นอย่างยิ่ง เมื่อรับใบปริญญาเรียบร้อยแล้วคุณเล็กก็จะลงเรือหลังจากนั้นภายในหนึ่งเดือน หวังว่าเมื่อกลับไปหนูแสนจะมารอคุณเล็กนะคะ อยากเห็นหน้าใจจะขาด คุณเล็กจินตนาการหน้าตาของหนูแสนไม่ออกเลย ทุกวันนี้ยามอ่านจดหมายที่หนูแสนเขียนมาก็ได้แต่จินตนาการรูปหน้าของหนูแสนเป็นหนูแสนในวัยสิบสองขวบอยู่ร่ำไป ความตื่นเต้นนี้ล้นอยู่ในอกจนแทบจะว่ายน้ำกลับสยามอยู่แล้ว

คิดถึงสุดหัวใจ
ลิขิต สรอรรถโยธา


................................
#แสนคำนึง

จบตอนนี้อาจจะหายยาวนะคะเจอกันเมื่อจ่ายค่าเน็ตแล้ว5555555555555

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5


เขาจะได้เจอกันแล้ว..

 :mew1:

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
อืออออออรีบมาต่อน้าา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
จจนได้นะคุณใหญ่ สงสารคุณสนมาก

รอคุณเล็กมายโฉมหนูแสน

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7579
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
เห้ออออ สงสารคุณอะ ไม่น่าเจอแต่เรื่องแย่ๆเลย

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
โธ่ คุณสน นี่แหละนะผู้ชายเจ้าชู้ ตอนอยากได้เค้าก็พูดได้ทำได้ทุกอย่าง
พอหางโผล่ล่ะ เฮ้อออ ยิ่งเป็นคนใกล้ตัวอีก เจ็บมาก

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


แสนคำนึง
ตอนที่ ๑๑

๕๐%

   “แม่สนเป็นอย่างไรบ้างเฟื้อง”คุณพะยอมที่กำลังเล่นกับหนูหยอกวัยสองขวบเอ่ยถามถึงลูกสาวคนกลางด้วยความเป็นห่วง
   “แย่เจ้าค่ะ นับวันจะยิ่งเกรี้ยวกราดโมโหร้าย ทะเลาะกับคุณใหญ่เธอได้ทุกครั้งที่กลับบ้านผิดเวลา”นังเฟื้องตอบอย่างเหนื่อยใจเมื่อเอ่ยถึงนายสาวที่บัดนี้ความใจร้อนโมโหร้ายกลับมาอีกครั้ง หลังจากปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อผู้ชายที่ตนเองเลือกมาเป็นสามี

   “วันก่อนข้าได้ยินเสียงทะเลาะโวยวายดังมาตอนเกือบสองยาม สงสารหลานๆ ต้องมาเห็นพ่อแม่ตีกันแทบทุกวัน”

   “คุณยิ่งยังไม่เท่าไหร่ค่ะ คุณหญิงผกาเธอให้เอาไปนอนด้วย รายนั้นเป็นหลานรักคุณย่าค่ะ สงสารแต่คุณหนูหยก สะดุ้งตื่นมาร้องทุกครั้ง บ่าวก็จนปัญญาจะปลอบ”

   “ข้าก็สามวันดีสี่วันไข้ จะเอาแม่หยกมาเลี้ยงก็เกรงจะเป็นลมเป็นแล้งอุ้มกันตกน้ำตกท่าไป สงสารเหลือเกินเพิ่งจะได้สองขวบ หากเห็นพ่อแม่สาดอารมณ์ใส่กันคงมิแคล้วจะเป็นแม่สนคนที่สองเอาน่ะสิ”

   “ให้หนูหยกมานอนกับแสนก็ได้จ้าแม่”หนูแสนนั่งช่วยบ่าวกรอกน้ำอบใส่ขวดขันอาสา อันที่จริงแล้วก็เวทนาหลานสาวอยู่ไม่น้อย หนูแสนในวัยยี่สิบปีเติบโตเต็มวัยหากแต่กลับไม่ได้สูงเหมือนยักษ์ปักหลั่นหรือตัวใหญ่เหมือนคุณเสนพี่ชายคนโตแต่กลับกันรูปร่างของหนูแสนนั้นสูงกว่าคุณสนเพียงนิดเดียว เอวบางร่างน้อยราวนางเอกงิ้วผิวกายขาวราวน้ำนมดูอิ่มเอิบผุดผ่องด้วยการอยู่การกินสมบูรณ์พร้อมพรั่ง ดวงตากลมโตผิดจากลูกคนจีนด้วยได้ตาสองชั้นแบบคนสยามจากแม่ ริมฝีปากบนบางรับกับริมฝีปากล่างอิ่มเต็มสีแดงเรื่อเพราะไม่เคยเสพยาเมาหรือสูบบุหรี่หรือยาเส้นแบบที่ผู้ชายนิยมชมชอบ เรือนกายมีกลิ่นหอมติดอยู่ตลอดเพราะคลุกคลีอยู่กับน้ำอบน้ำปรุง เดินไปทางใดบ่าวไพร่ก็รู้ว่าบุตรชายคนเล็กของท่านเจ้าสัวมาแล้ว คุณน้าคนเล็กเดินไปล้างมือล้างไม้ที่โอ่งน้ำนอกชายคาแล้วจึงเดินกลับมาหาหลานสาว อุ้มหนูหยกมานั่งตักแล้วบิขนมสาลี่เป็นคำเล็กๆป้อนให้หลาน

   “คุณหญิงผกาก็แปลกนะเจ้าคะ “เฟื้องเปิดประเด็นถึงคนเรือนนู้น

   “เธอเอาแต่คุณหนูยิ่ง กับคุณหนูหยกเล่นด้วยแป๊บๆก็ไม่เอาแล้ว”

   “เอ็งก็พูดไป หนูยิ่งคุณหญิงเธอก็ช่วยเลี้ยงมาตั้งแต่แรก ส่วนหนูหยกแม่สนเขาเลี้ยงเองบ้างเอามาให้ฉันเลี้ยงบ้างเธอจะเอาตอนไหนมาเล่นกับหลานล่ะ ยิ่งเกิดเรื่องคราวนั้นแม่สนยิ่งไม่เอาลูกไปให้แม่ผัวเล่นด้วยอีก”

   “คุณล่ะก็มองโลกในแง่ดีเกินไปนะเจ้าคะ รู้อยู่แก่ใจ”นังเฟื้องอดจะค่อยคุณพะยอมไม่ได้แต่พอเห็นหนูแสนมองหน้าอย่างตำหนิก็รีบตบปากตัวเอง

   “บ่าวขอประทานโทษเจ้าค่ะ บ่าวก็แค่ห่วงคุณหนูหยก”

   “เอาเถอะแล้วก็ให้แล้วไป แต่ข้าขอเตือนว่าอย่าไปพูดแบบนี้ให้ใครฟังอีก คนเห็นด้วยก็อาจจะมี คนที่ไม่เห็นด้วยเขาจะไปเพ็ดทูลอะไรก็ได้ สุดท้ายคนที่จะได้รับผลกระทบนี้ก็คือแม่สน”

   “เจ้าค่ะ บ่าวจะจำไว้”



   คุณสนนั่งปักผ้าอยู่ที่ห้องรับแขก ดวงตาคมตวัดมองคุณใหญ่ที่แต่งตัวเสียหล่อฉีดน้ำหอมจนกลิ่นฟุ้งเตรียมตัวจะออกจากบ้านทั้งๆที่เป็นวันหยุด

   “จะออกไปไหนคะคุณพี่” น้ำเสียงที่เอ่ยถามไร้ความอ่อนหวาน กลับกันมันมีแววประชดประชันจับผิดอยู่เต็มเปี่ยม
แม้จะบอกว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นหล่อนจะให้มันแล้วกันไป แต่แผลที่เกิดในใจนั้นมันหาได้สมานกันไม่ ความรักนั้นยังมีเต็มล้นหากแต่ความไว้เนื้อเชื่อใจมันไม่เหลืออยู่ คุณใหญ่ถอนหายใจก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

   “ไปสโมสร”

   “ไปกับใครคะ?”

   “นัดกินน้ำชากับพวกท่านเจ้าคุณราชปาลี สนจะสนใจไปทำไมพี่ไปสังสรรค์บ้างไม่ได้หรือ”

   “ถ้าไปสังสรรค์กันในหมู่ผู้ชายสนก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ กลัวแต่ว่าเอางานมาอ้างแล้วไปแอบกกกับใครอีก สนขอเตือนนะคะ ตอนนี้สนยิงปืนแม่นแล้ว หากมีอีกครั้งคราวนี้สนไม่พลาดแน่”คุณสนพูดจบก็หันไปสนใจกับผ้าที่ปักตามเดิม คุณใหญ่เองเมื่อได้ยินดังนั้นก็หุนหันออกไปด้วยความรำคาญ

   “นับวันยิ่งทำตัวน่าเบื่อ คิดว่าฉันกลัวนักรึไง ที่ทนทุกวันนี้ก็เพื่อลูกหรอก”เสียงรถแล่นออกไปแล้วคุณสนช้อนตามองตามท้ายรถด้วยสายตาที่วาวขึ้นด้วยความกรุ่นในใจ เลือดไหลซึมปลายปลายนิ้วที่ถูกเข็มตำลงบนผ้าผืนขาวที่มีลายปักนกเงือกสองตัวเกาะบนกิ่งไม้คู่กัน

ไม่มีใครรู้ว่าในใจของคุณสนนั้นคิดอะไรอยู่ มันเรียบนิ่งและสงบคล้ายทะเลที่สงบไร้คลื่นลม ไม่มีใครรู้ว่าภายใต้ความสงบนั้นมีคลื่นใต้น้ำค่อยๆก่อตัวขึ้นทีละน้อย รอวันถล่มเข้าชายฝั่งในวันใดวันหนึ่ง



   ปารีส ฝรั่งเศส

เพราะใกล้จะได้กลับสยามแล้วสายของวันนี้ท่านชายอาทิตย์จึงได้ชวนบรรดานักเรียนไทยทุกคนมาหาซื้อของฝากของที่ระลึกกลับไปฝากคนทางบ้าน คุณเล็กจึงได้มีโอกาสตามเสด็จท่านชายมาที่ตลาด Marché Bastille ซึ่งเป็นตลาดที่ขายของหลากหลายชนิด มีทั้งอาหารพื้นเมือง ต้นไม้รวมทั้งของฝากของขวัญ มีผู้คนแวะเวียนมาจับจ่ายใช้สอยหนาตาโดยเฉพาะวันนี้ที่เป็นวันหยุด บรรยากาศคุกคัก กลิ่นหอมของขนมชนิดต่างๆโชยมาให้อยากลิ้มรส เมื่อมาถึงด้านหน้าท่านชายอาทิตย์จึงบอกให้บรรดาหนุ่มๆแยกย้ายกันไปซื้อของฝาก

   “ซักบ่ายสามกลับมาเจอกันตรงนี้”เมื่อนัดแนะกันเรียบร้อยคุณเล็กจึงแยกออกไปเดินดูของเพียงคนเดียว เขาแวะไปนั่งจบกาแฟกับของว่างเป็นการรองท้องแล้วคิดว่าตนควรซื้ออะไรฝากใครบ้าง เพราะท่านผ่านมาคุณเล็กไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือยดังนั้นเงินเก็บจึงมีมากพอที่จะซื้อของไปฝากทุกคนหากแต่ที่สำคัญๆมีเพียงคุณหญิงผกา คุณกลางพี่สาว และหนูแสนเท่านั้น ส่วนคุณใหญ่ คุณรองนั้นเป็นผู้ชาย ไม่ได้สนใจเรื่องของฝากนัก ส่วนคุณน้อยที่อายุเท่าหนูแสนนั้นเป็นสาวแล้วเขาอาจจะซื้อหวีเสียบผมที่เป็นรูปดอกไม้เล็กๆให้หล่อนซักอัน คุณเล็กยังคิดเผื่อไปถึงคุณสนและลูกๆรวมทั้งคุณพะยอมและเจ้าสัวเช็งอีกด้วย เมื่อกินกาแฟเสร็จคุณเล็กจึงเริ่มเดินเข้าไปในตรอกพ่อค้าแม่ค้าเมื่อเห็นนักท่องเที่ยวก็ส่งเสียงร้องเรียก ลิขิตเดินเข้าไปที่ร้านขายเครื่องประดับสตรีเพื่อซื้อของให้คุณกลางกับคุณน้อย คุณกลางนั้นคุณเล็กซื้อเป็นกำไลข้อมือให้ส่วนคุณน้อยเป็นหวีประดับด้วยดอกไว้และมีผีเสื้อตัวเล็กๆดูเหมาะกับผู้หญิงที่อายุยังไม่มาก คุณเล็กไปเจอท่านชายอาทิตย์ในร้านขายไวน์ต่างคนต่างหาซื้อไว้ไปคนละสองสามขวดเพื่อเป็นของฝากเมื่อเห็นขวดที่คุณเล็กเลือกเป็นไวน์ราคาค่อนสูงคุณภาพดีก็อดชมถึงรสนิยมของคุณเล็กไม่ได้ท่านชายให้คุณเล็กฝากไวน์ไว้กับท่านจะได้เดินไปซื้อของอย่างอื่นได้สะดวกด้วยว่าท่านมีคนรับใช้มาคอยถือของด้วย เมื่อแยกกันคุณเล็กจึงเดินต่อเพื่อซื้อของฝากหนูแสนและหลานๆ หนูหยกนั้นเพิ่งจะสองขวบดังนั้นคุณเล็กจึงซื้อตุ๊กตาเด็กผู้หญิงที่เย็บจากผ้านิ่มๆส่วนหนูยิ่งนั้นหกขวบแล้วคุณเล็กซื้อดาบไม้อันไม่ใหญ่มากกับโล่อันเล็กๆพอดีกับตัวเด็กให้หลาน ส่วนของหนูแสนนั้นคุณเล็กเลือกเป็นกล่องดนตรีที่ด้านบนเป็นม้าหมุนทำจากไม้รูปร่างน่ารัก เมื่อเดินซื้อของฝากให้คุณพะยอมเป็นพัดลูกไม้ที่ด้ามฉลุเป็นลวดลายสวยงามหนึ่งอันและผ้าลูกไม้เนื้อดีให้คุณสนเอาไว้ตัดชุดเป็นพับเล็กๆประมาณสามเมตรเสร็จคุณเล็กก็หอบถุงของพะรุงพะรังกลับมารอตรงจุดรวมที่ท่านชายนัดไว้ ของถูกคนรับใช้มารับไปลำเลียงที่รถ ระหว่างทางกลับคุณเล็กมองบรรยากาศสองข้างทางด้วยต้องการจะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ เวลาเกือบแปดปีจะว่ายาวก็ยาว จะว่าสั้นก็สั้น หากแม้คุณเล็กไม่มีใครรอคอยและไม่มีใครอยากกลับไปหา การใช้ชีวิตที่นี่ก็สุขสบายดี ทั้งบรรยากาศและความเจริญของบ้านเมือง ความหัวก้าวหน้าของผู้คน คุณเล็กชอบบรรยากาศที่ผู้คนออกมานั่งพูดคุยวิจารณ์การทำงานของชนชั้นปกครองได้อย่างเสรี

หลังจากนี้คงไม่มีอีกแล้ว ด้วยรู้ดีว่าสยามนั้นยังล้าหลังกว่าประเทศแถบยุโรปมากนัก

สามวันหลังจากนั้นคณะนักเรียนไทยในปารีสก็เก็บของออกจากบ้านพักเดินทางมาที่เรือเดินสมุทรลำใหญ่ที่จะพานักเรียนไทยกลับสู่ประเทศ ในขณะที่คุณเล็กกำลังจะขึ้นเรือก็มีสตรีต่างชาตินางหญิงจูงลูกชายวัยเจ็ดขวบวิ่งมาร้องเรียกอยู่ด้านล่าง หล่อนหอบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ติดตัวมาด้วย

   “เล็ก เธอจะทิ้งฉันไปแบบนี้ไม่ได้ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเราตกลงกันไปอย่างไร เธอจะทำกับฉันและลูกอย่างนี้ไม่ได้!!”หญิงสาวชาวฝรั่งเศสนางนั้นจ้องหน้าของลิขิตอย่างไม่กลัวเกรง

   “ฉันคิดอยู่แล้วเชียวว่าเธอจะทิ้งฉันกับอเล็กซ์ไว้ที่นี่ฉันจึงซื้อตั๋วเรือไว้แล้ว ยังไงเธอก็ต้องพาฉันกลับสยามไปด้วย ลูกของฉันต้องมีพ่อเธอต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย”



   
   วันนี้หนูแสนลงมาที่ครัวตั้งแต่เช้ามืด เมื่อสามวันก่อนหนูแสนให้นายมีขับรถไปที่กรมท่าเพื่อดูว่าเรือจากปารีสจะเทียบท่าวันไหน ในหัวของหนูแสนมีเมนูอาหารหลายอย่างที่อยากจะทำให้คุณเล็กได้ทาน เรือจะเทียบท่าตอนเก้าโมงเช้า กว่าคุณเล็กจะกลับมาถึงบ้านก็น่าจะเที่ยงๆ หนูแสนทำกับข้าวสำหรับขึ้นสำรับตอนเช้าให้คนในบ้านโดยไม่ลืมแบ่งใส่หม้ออวยเล็กๆให้บ่าวเอาไปให้คุณสนและหนูหยกที่เรือนนู้น เมื่อทำทุกอย่างเสร็จแล้วหนูแสนจึงต้มเนื้อกับใบมะกรูด ข่า ตะไคร้สำหรับทำแกงรัญจวน ตำน้ำพริกกะปิเตรียมไว้

   “ยายแช่มจ๋า หนูแสนฝากดูเนื้อในหม้อด้วยนะจ๊ะ หนูแสนจะเคี่ยวเอาไว้ทำแกงรัญจวนให้คุณเล็ก”

   “ได้เจ้าค่ะ เดี๋ยวยายแช่มคอยดูให้นะเจ้าคะ”

   “งั้นหนูแสนไปช่วยบ่าวทำน้ำปรุงก่อนนะคะ วันนี้คุณกล้าจะมารับของเธอจะกลับแปดริ้วแล้วครั้งนี้สั่งมากต้องไปตรวจนับให้ดีๆกลัวจะขาด”

   “เจ้าค่ะ”
   
   “คุณพี่เจ้าคะ ช่วยน้องดูหน่อยสิคะว่าตาเล็กออกมาแล้วหรือยัง”คุณหญิงผกาหันไปตีอกเจ้าคุณสรอรรถที่เอาแต่พูดคุยกับคุณพระวรนาทที่มารอรับลูกชายเหมือนกัน บรรดาผู้โดยสารหลากหลายเชื้อชาติต่างพากันทยอยลงเรือน้ำเสียงจอแจราวนกกระจอกแตกรังยามเมื่อพบคนที่มารับ บรรดานักเรียนไทยต่างทยอยลงมาจากเรือแยกย้ายกันกลับบ้านจนกระทั่งคณะของท่านชายอาทิตย์คุณหญิงผกามองหาลูกชายคนเล็กก็พบว่าคุณเล็กนั้นเดินรั้งท้ายขบวนรูปร่างสูงใหญ่ท่วงท่าสง่างามผิดจากเด็กหนุ่มเมื่อ 8 ปีก่อน หากแต่คุณหญิงผกานั้นจำลูกชายได้อย่างแม่นยำด้วยผิวกายขาวสะอาดสะอ้านใบหน้าหล่อเหลาหมดจรดไม่ได้ทิ้งเค้าเดิมซักเท่าไหร่ คุณเล็กเมื่อมองมาเห็นครอบครัวก็รีบเดินเข้ามาหาวางกระเป๋าเดินทางและข้าวของที่คนเรือเอาออกมาวางไว้ให้แล้วไหว้ท่านเจ้าคุณสรอรรถผู้เป็นบิดาเป็นคนแรก

   “กระผมกราบคุณพ่อขอรับ”เจ้าคุณสรอรรถคว้าร่างลูกชายมากอด ตบหลังลูกเบาๆ

   “กลับมาซักทีนะตาเล็ก พ่อดีใจ”ท่านเจ้าคุณคลายกอดจากลูกชายเพื่อให้คุณเล็กได้ทักทายคุณหญิงผกาให้สมกับที่คิดถึงมาหลายปี

   “กราบคุณแม่ค่ะ”คุณเล็กไหว้ผู้เป็นแม่ คุณหญิงผกายิ้มอย่างปลื้มปริ่มในอกยิ่งได้ยินคำคะขาจากปากลูกความคิดถึงก็ถูกกลั่นเป็นน้ำตาโผเข้ากอดซบลูกชายที่อ้าแขนรับอย่างแสนรัก

   “โถลูก แม่คิดถึงเหลือเกิน กลับมาคราวนี้ไม่ไปไหนแล้วนะลูก”

   “ไม่ไปแล้วค่ะ เล็กกลับมาอยู่กับคุณแม่แล้วค่ะ”คุณหญิงผการัดร่างลูกชายแน่นๆไปหนึ่งครั้งให้สมกับที่คิดถึงก่อนจะผละออกหากแต่สายตากลับมองเห็นผู้หญิงฝรั่งผมบลอนด์กับเด็กชายอายุโตกว่าหนูยิ่งหน้าฝรั่งผมดำเดินมาหยุดอยู่ด้านหลังของคุณเล็ก พูดจาด้วยภาษาที่เธอฟังไม่รู้เรื่องแล้วก็ให้สงสัย

   อะไรกันตาเล็ก ฝรั่งนี่ใครกัน”

   “คุณแม่คะ นี่แอนนากับอเล็กซ์ค่ะเป็นเมียของ...”คุณหญิงผกาไม่ทันได้ฟังคำแนะนำของคุณเล็กให้จบก้ชิงเป็นลมไปก่อนเจ้าคุณสรอรรถกับคุณเล็กต้องรีบรับร่างของคุณหญิงไว้ก่อนที่จะร่วงลงไปกองกับพื้น


ทางด้านหนูแสนหลังจากรอเวลาจนกระทั่งเที่ยงก็กลับเข้ามาในครัวเพื่อปรุงแกงรัญจวนไว้ให้คุณเล็ก กลิ่นน้ำพริกกะปิที่เอาลงในหม้อหอมฟุ้งไปทั่วครัว หนูแสนปรุงรสแล้วตักแกงใส่ชามเบญจรงค์ใบใหญ่ นังเฟื้องวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในครัวนั่งลงด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ

   “วิ่งทำไมล่ะเฟื้อง แก่แล้วนะทำตัวเป็นเด็กสาวรุ่นๆไปได้”

   “มาแล้วค่ะ คุณเล็กมาแล้วค่ะ ง๊ามงามเจ้าค่ะ โตขึ้นมากเลยทีเดียว”เพียงได้ยินชื่อของคุณเล็กหัวใจของหนูแสนก็เต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้นดีใจ หากแต่ประโยคต่อมาหัวใจที่พองฟูเหมือนลูกโป่งอัดลมก็พลันแตกสลายเมื่อนังเฟื้องพูดว่า

   “แต่คุณเล็กเธอพาเมียแหม่มมาด้วย มีลูกชายโตกว่าคุณยิ่งมาอีกหนึ่งคนเจ้าค่ะ”


...........................

#แสนคำนึง

พ๊าม ผ่าม พ้ามมมมมมมมมมมมมม

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
หัวใจสลายเลยหนูแสน
 คนอ่านน้ำตาคลอ สงสารหนูแสน

มาต่อเร็วๆนะคะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


ต่อ)


   “นังแม้นเอายาลมมาให้ข้า ข้าจะเป็นลม”คุณหญิงผกาที่นั่งพิงอกคุณเล็กเรียกหายาดม หนูยิ่งที่นั่งอยู่ไม่ห่างด้วยติดคุณย่านักก็บีบนวดแขนขาให้อย่างเอาใจ คุณหญิงผกามองหน้าแหม่มคนสวยและอเล็กซ์ลูกชายแล้วลมจะจบอีกรอบ
ลูกหนอลูก แม่ส่งไปเล่าเรียนถึงเมืองนอก แทนที่จะสนใจแต่เรื่องเรียนดันไปซุกซนจนปล่อยให้ฝาหรั่งมังค่ามันตามกลับมาถึงสยาม
   “รอสักประเดี๋ยวเถอะได้บ้านแตก”ท่านเจ้าคุณสรอรรถที่ยืนเอามือไขว้หลังมองออกไปนอกระเบียงอย่างรอคอย
   “ตาเล็ก ถามเขาให้แม่หน่อยว่าหิวมั้ย สงสารเด็ก ยังไงก็หลาน ให้เขามากินข้าวกินปลาเถอะจะบ่ายแล้ว”ที่สุดคุณหญิงผกาก็อดสงสารเจ้าเด็กตาน้ำข้าวนั่นไม่ได้ คุณเล็กหันไปส่งภาษาพูดคุยกันแอนนาและเด็กชายทั้งสองจึงได้ลุกขึ้นเดินตามคุณหญิงผกาไปนั่งที่โต๊ะอาหาร
   “ดีนะบ้านเรานั่งโต๊ะกินข้าวกันมาหลายปีตามแบบพระเจ้าอยู่หัว ลองให้มานั่งเปิบข้าวด้วยมือคงไม่ต้องกินกัน”คุณหญิงผกาจัดแจงตักข้าวให้ท่านเจ้าคุณ ก็พอดีกับที่นังเฟื้องประคองชามใส่แกงรัญจวนขึ้นมาบนเรือน
   “เอาอะไรมาล่ะนังเฟื้อง”
   “คุณแสนให้เอาแกงรัญจวนมาให้เจ้าค่ะ”คุณเล็กที่นั่งอยู่ถึงกับหูผึ่งเมื่อได้ยินชื่อของหนูแสน ใจที่เดยสงบนิ่งกลับเต้นโครมครามราวกับหนุ่มรุ่นได้ยินชื่อสาวคนรัก หากแต่จำตั้งสงบใจสำรวมกริยาไว้ไม่ให้เป็นพิรุธ
   “ดีจริง ของโปรดตาเล็ก หนูแสนช่างรู้ใจ แล้วทำไมหนูแสนไม่มากินข้าวด้วยกันที่เรือนนี้ล่ะ”
   “คุณแสนให้เรียนว่าไม่สบายค่ะ เลยขอตัว”
   ตายจริง เป็นอะไรไปเป็นไข้หัวลมหรือเปล่า เมื่อวานยังเห็นวิ่งรอกส่งน้ำปรุงอยู่ หยูกยาหาให้กินหรือยัง?”
   เธอบอกทานข้าวแล้วจะนอนพักซักหน่อย ประเดี๋ยวก็หายเจ้าค่ะ”
   “ฝากบอก ว่าข้าขอบใจ อันที่จริงหนูแสนพักบ้างก็ดี ตัวก็เล็กแค่นั้นทำงานหามรุ่งหามค่ำเกินตัว เอ็งกลับไปดูแลนายของเอ็งเถอะ หายมานานเดี๋ยวเขาจะมาถอนหงอกข้าเอาได้”นังเฟื้องลากลับไปแล้วหากแต่ชื่อของหนูแสนยังคงก้องอยู่ในอก
ความคิดถึงยิ่งรุมเร้าจนอยากจะตามไปดูให้รู้แน่ว่าเจ้าน้องน้อยในกาลก่อนป่วยไข้ไม่สบายตรงไหน หากแต่จำต้องนั่งกินข้าวและคอยดูแลสองแม่ลูกที่ยังไม่ค่อยคุ้นกับอาหารไทยนัก
   “กินได้หรือไม่ล่ะนั่น เห็นตาใหญ่บอกว่าพวกฝาหรั่งไม่คุ้นลิ้นคุ้นกลิ่นกับพวกกะปิน้ำปลา ถ้ายังไงให้พวกบ่าวมันทอดไข่ให้เอามั้ย หรือจะให้กุ๊กเจ๊กทำอาหารจีนให้กิน?”คุณเล็กหันกลับไปพูดกับแอนนาและลูก หญิงสาวยกมือไหว้ด้วยท่าทางเก้งกัง
   “หล่อนบอกว่าไม่เป็นไรค่ะแม่ แอนนากับลูกกินได้”
   “แบบนั้นก็ดี บอกเขา ถ้าจะอยู่ที่นี่ก็ต้องหัด”เจ้าคุณสรอรรถเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา มื้ออาหารมื้อนั้นจึงเริ่มและจบอย่างเรียบง่าย คุณเล็กเจริญอาหารกว่าตอนอยู่ฝรั่งเศสมากนัก ที่ตักบ่อยจนแทบจะเก็บไว้กินคนเดียวก็คือแกงรัญจวนของหนูแสน คุณหญิงผกาเห็นลูกชายกินข้าวได้มากก็ปลื้มใจ
   “ท่าจะคิดถึงอาหารบ้านเรามากสินะ กินได้มากเชียว”
   “ค่ะ คิดถึง คิดถึงมากๆ”คุณเล็กตอบกลับด้วยสีหน้ายิ้มๆ ไม่มีใครรู้ว่าคำว่าคิดถึงที่คุณเล็กพูดนั้นไม่ได้หมายถึงอาหาร แต่เป็นคนที่ทำอาหารชามนั้นต่างหาก

   “คุณหญิงเจ้าขา คุณใหญ่มาแล้วเจ้าค่ะ”นังแม้นที่ถูกคุณหญิงผกาสั่งให้ไปนั่งคอยดูว่าบุตรชายคนโตจะกลับมาเมื่อไหร่รีบวิ่งกลับมารายงาน คุณหญิงผกาพยักหน้าแล้วจึงสั่งให้นังแม้นไปเชิญคุณเรือนนู้นมา ซึ่งก็หมายถึงคุณใหญ่และคุณสน ไม่นานทั้งคุณใหญ่และคุณสนก็มาถึงเรือน ทั้งคู่ยกมือไหว้คุณหญิงผกา
   “คุณแม่เรียกลูกกับแม่สนมามีอะไรหรือครับ?”
   “แม่มีเรื่องจะคุยด้วย ก็เลยต้องเรียกมาทั้งสองคน”
   “เกี่ยวกับสนด้วยหรือคะ?”คุณสนถามอย่างแปลกใจ ด้วยตั้งแต่เกิดเหตุคราวก่อนความสัมพันธ์ของคุณหญิงผกากับคุณสนก็ทบจะขาดออกจากกัน คุณหญิงผกาไม่ไปหาหลานๆที่เรือน ไม่เรียกคุณสนเข้าพบ ไม่คุยกันมานานปี มาวันนี้กลับให้บ่าวไปตามมาพบ
มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
   “เกี่ยวกับหล่อนโดยตรง ก็อยากจะพูดกันต่อหน้า”คุณหญิงตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งๆไร้การประชดประชัน ด้วยเรื่องที่กำลังพูดนั้นใหญ่มาก หากพูดอะไรผิดพลาดไปแม้แต่นิดอาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ได้ อดนึกค่อนสามีไม่ได้ที่ทิ้งให้คุณหญิงผกาแก้ไขปัญหานี้เพียงลำพัง เจ้าตัวหนีไปนั่งคุยกับพระมหาที่วัดปากน้ำเอาเสียดื้อๆ
   “แม่สน แม่ก็เห็นแม่สนมาตั้งแต่เกิด แม่กับแม่พะยอมก็เป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเป็นนางข้าหลวงในวัง สิ่งที่แม่จะพูดต่อไปนี้ แม่อยากให้แม่สนค่อยๆคิดตริตรองและทำใจให้นิ่งสงบเอาไว้”
   “คุณแม่มีอะไรจะบอกสนคะ สนไม่เข้าใจสิ่งที่คุณแม่จะสื่อ บอกกันตรงๆมาเลยเถอะค่ะไม่ต้องอ้อมค้อม ถ้าเป็นสิ่งที่สนยอมรับได้ สนก็จะรับฟัง”
   “ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ฉันก็ไม่อยากอ้อมค้อมแต่อยากถนอมน้ำใจหล่อนจึงต้องเกริ่นนำ นังแม้น ไปเชิญคุณเขามา”คุณหญิงผกาหันไปบอกบ่าวที่คอยรับใช้อยู่ใกล้ แม้นเดินไปทางห้องที่เคยเป็นห้องนอนเก่าของคุณใหญ่ ไม่นานแอนนาที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายเหมือนที่ชาวสยามแต่งกันและเด็กชายอเล็กซ์ที่เปลี่ยนมาสวมเสื้อป่านและกางเกงจีนก็เดินตามบ่าวออกมา คุณใหญ่เมื่อหันไปเห็นก็สะดุ้ง ร่างทั้งร่างชาวาบหันมามองคุณสนที่ต้องแอนนาและเด็กชายไม่วางตาด้วยความตกใจ ครั้นพอแอนนาเห็นคุณใหญ่ที่นั่งอยู่ก็ดีใจกรีดร้องส่งเสียงเรียกดังลั่นเรือนรีบลากลูกชายมาหาแล้วสวมกอดคุณใหญ่ไว้ทันทีด้วยความคิดถึง
   “อนล ฉันคิดถึงเธอเหลือเกิน”หล่อนประคองหน้าของอนลแล้วประกบจูบด้วยความเคยชิน คุณหญิงผกายกมือขึ้นทาบอกด้วยความตกใจ พาลจะเป็นลมไปอีกรอบ ส่วนคนสนลุกขึ้นยืนปรี่เข้าไปแยกคนทั้งคู่ออกจากกันด้วยแรงโทสะ
   นี่มันอะไรกันคะคุณพี่!!”คุณสนหายใจแรงด้วยระงับความโกรธเกรี้ยวในใจไม่ได้
“สนอย่าเพิ่งโวยวายฟังพี่ก่อน”
“ฟังอะไรคะ คุณพี่อธิบายมาก่อนสนจะตบอีนั่นที่มันบังอาจมาจูบคุณพี่ต่อหน้าสน”
“แอนนา เธอมาได้ยังไง?”คุณใหญ่หันไปหาแหม่มแอนนาที่กำลังกอดลูกชายไว้ด้วยว่าเด็กชายตกใจกับเหตุการณ์ด้านหน้า
“เธอไม่ติดต่อฉัน ฉันกับลูกต้องการเธอนะอนล ไหนเธอสัญญากับฉันว่าจะไปรับฉันกับลูกมาอยู่ด้วยยังไงล่ะ ฉันรอเธอตั้งหลายปีเธอก็ไม่ไปซักทีพอฉันรู้ว่าเล็กจะกลับสยามฉันจึงซื้อตั๋วเรือเที่ยวเดียวกันตามกลับมาด้วย แล้วผู้หญิงคนนี้ใครกัน? ทำไมเขาทำตัวเป็นเจ้าของเธอ หรือว่า หล่อนเป็นเมียเธอที่นี่? เธอนอกใจฉันหรืออนล?”
“ใช่ คนนี้คือเมียฉันเอง เธอใจเย็นก่อนเดี๋ยวฉันขอจัดการกับสนก่อน”อนลขอให้แอนนาใจเย็นเพราะคนที่เขาต้องจัดการก่อนก็คือคุณสนที่ตอนนี้คล้ายภูเขาไฟที่ปะทุลาวาร้อนออกมาเตรียมเผาผลาญทุกคน
“สน ฟังพี่ นี่คือแอนนา...”
“สนไม่ได้อยากรู้จักชื่อของมัน สนอยากรู้แค่ว่ามันเป็นใคร เป็นอะไรกับคุณพี่!!”คุณสนตวาดสวนทันทีที่คุณใหญ่เอ่ยชื่อของแอนนา
“เป็นเมียพี่ที่ฝรั่งเศส” คุณใหญ่เอ่ยตอบอย่างรำคาญที่คุณสนไม่สนใจจะฟังคำอธิบาย คุณสนมองหน้าทั้งสองคนแล้วจึงปรี่เข้าไปหาแอนนาหวังจะตบให้ตายคามือหากแต่อนลรีบเข้าไปปกป้องแอนนาที่คุณสนหันไปเตรียมจะเล่นงานจนคุณสนร้องกรี๊ดดังลั่นอย่างขัดใจ
“ตายแล้ว พอทีแม่สน เลิกร้องกรี๊ดๆเป็นผีเปรตซักทีเถอะแม่คุณ อายบ่าวอายไพร่มันเสียบ้าง”คุณหญิงผกาเต้นผางเมื่อเห็นฤทธิ์ของคุณสน ยิ่งได้ยินคุณหญิงผกาเอ่ยตำหนิคุณสนก็ยิ่งกรี๊ดหนักกว่าเดิม จนลิขิตที่ไม่คิดจะเข้ามายุ่งต้องออกมาจากห้อง ร่างกายของคุณสนเกร็งจนแทบจะล้มลงไปชักแต่คุณใหญ่ก็เอาแต่กอดปกป้องเมียแหม่มไว้ ยิ่งเห็นดังนั้นไฟในใจก็ยิ่งเผาผลาญให้คุณสนเกิดโทสะมากขึ้น หญิงสาวกระโจนจะเข้าไปกระชากสามีออกแต่คุณเล็กก็เข้าไปสวมกอดรั้งร่างพี่สะใภ้ได้ทัน
“คุณพี่ใจเย็นก่อนครับ คุณแม่คะเล็กว่าพูดกันวันนี้ก็ไม่รู้เรื่อง รอให้พี่สนสงบลงก่อนค่อยพูดกันเถอะค่ะ”
“ปล่อย คุณเล็กปล่อยพี่ พี่จะฆ่ามัน คุณใหญ่ตลบตะแลงตอแหลมาหลอกให้พี่รัก บอกว่าจะมีพี่คนเดียวแล้วอีฝรั่งนี่คือใคร ไหนบอกกับสนว่าไม่มีใครและจะไม่มีใครเพิ่มแล้วอีนี่กับไอ้เด็กนั่นคือใครคุณใหญ่ตอแหล”
“หล่อนหยุดโวยวายได้แล้วแม่สน ถ้าให้นับตามจริงแอนนาเขามาก่อน ลูกเขาก็โตกว่าตายิ่งลูกของหล่อน ใครกันแน่ที่มาทีหลัง”คุณหญิงผกาเข้าข้างลูกชาย คุณเล็กถึงขั้นถอนหายใจที่เรื่องมันจะยิ่งบานปลายเพราะไม่มีใครเข้าข้างคุณสนเลยซักนิด ยิ่งมาพูดเพิ่มเชื้อไฟคุณสนก็ยิ่งดิ้นยิ่งอาลาวาด ลิขิตจึงรวบร่างของพี่สะใภ้อุ้มแล้วพากลับเรือนไปโดยมีเสียงก่นด่าของคุณสนดังไปตลอดทาง
ทางด้านคุณพะยอมที่นอนป่วยอยู่ได้ยินเสียงกรีดร้องของลูกสาวก็พยุงตัวลุกขึ้น
   “ได้ยินเสียงแม่สนมั้ยยายแช่ม ดังแว่วๆมาอีกแล้ว”
   “ทะเลาะกันอีกแล้วมั้งคะ คุณนอนพักเถอะค่ะ เดี๋ยวมีอะไรนังเฟื้องคงมารายงานเอง”
   “ฉันใจไม่ดีเลยยายแช่ม ตั้งแต่เกิดเรื่องคราวก่อนแม่สนก็โมโหร้ายเหลือเกิน”
   “เธอออกเรือนไปแล้ว คุณก็เข้าไปยุ่งอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ ให้เธอจัดการเรื่องในเรือนของเธอไปหากเราไปยุ่งคุณเรือนนู้นเขาจะว่าเอาได้นะเจ้าคะ นอนพักเถอะค่ะถ้ามีอะไรเดี๋ยวคุณแสนเธอคงไปช่วยคุณพี่เอง”

   “หยุดบ้าเสียทีแม่สน”คุณใหญ่ที่ตามคุณเล็กมาติดๆตวาดเอ็ดคุณสนที่แผลงฤทธิ์ไม่เลิก คุณเล็กวางร่างพี่สะใภ้ลงที่ห้องนอนแล้วก็ถูกคุณใหญ่โบกมือไล่ให้กลับไปก่อนดังนั้นลิขิตจึงผละออกไปปล่อยให้คุณใหญ่กับคุณสนคุยกันเอง
   “หล่อนจะมาทำกริยาเอาแต่ใจตนเหมือนตอนอยู่บ้านหล่อนแบบนี้ไม่ได้ คิดว่าทำฤทธิ์แล้วจะได้ทุกอย่างที่ต้องการหรือ หล่อนแก่เกินจะทำอย่างนั้นแล้ว ไม่อายลูกอายเต้าหรือแก่จนหัวจะหงอกแล้วยังมาทำร้องแร่แห่กระเชิงราวสาวรุ่น”คุณใหญ่เอ่ยด่าอย่างเหลืออด ด้วยเห็นว่าเพราะคุณสนเคยออกฤทธิ์กับคนที่เรือนท่านเจ้าสัวแล้วได้ทุกอย่างที่ต้องการจึงทำจนเป็นนิสัย หากแต่สมัยรักกันใหม่ๆคุณใหญ่อาจจะยอมได้ แต่มาวันนี้ความรักมันจืดจางจนแทบจะไม่เหลือ ที่ยังทนทุกวันนี้ก็เพราะเห็นแก่ความสัมพันธ์รุ่นพ่อแม่
   “สนจะทำ คุณใหญ่จะทำไม คุณใหญ่ยังมีหน้ามาด่าสนอีกหรือคะ สนทำอะไรผิด สนอยู่ของสนดีๆคุณใหญ่มาเกี้ยวพา มาขอสนแต่งงานทำไม ในเมื่อสนเป็นเมียคุณใหญ่ ทำไมสนจะห้ามไม่ให้เอาอีเมียน้อยเข้าบ้านไม่ได้ คุณใหญ่สัญญากับสนเองว่าจะมีสนคนเดียวจำไม่ได้เหรอคะ”
   “ฉันก็สัญญาไปอย่างนั้น เห็นว่าเป็นคนสวยคนเก่ง ใครมาเกี้ยวพามาสู่ขอก็ไม่ยอมก็อยากจะรู้ว่าจะใจแข็งได้ซักเท่าไหร่ ฉันทำอุบายให้คนเข้าไปปล้นร้านแล้วเข้าไปช่วยนิดเดียวหล่อนก็ใจอ่อนแล้ว หากรู้ว่าจะเป็นคนหยาบคายแบบนี้ฉันไม่เอามาทำเมียให้เสียเวลาหรอก”
   “อะไรนะคะ?...คุณใหญ่หมายถึงอะไร? คนที่มาทำร้ายสนวันนั้นคุณใหญ่ส่งมาเองหรือคะ?”คุณสนเอ่ยถามอย่างตกใจ เหตุการณ์ในวันนั้นยังคงฝังอยู่ในหัว บ่อยครั้งยามเห็นผู้ชายตัวใหญ่ๆน่ากลัวๆคุณสนยังอดผวาไม่ได้ คุณใหญ่ยืดอกอย่างถือดีตอบรับอย่างไร้ซึ่งละอาย
   “ใช่ ฉันส่งพวกมันไปป่วนหล่อนเอง นึกว่าจะฉลาดกว่าหญิงอื่นในพระนคร ที่แท้ก็โง่เง่าไม่ต่างกัน อีกอย่างถ้าจะนับตามจริงแอนนาเขาเป็นเมียฉันตั้งแต่อยู่ฝรั่งเศสหล่อนก็คิดเอาเถอะว่าใครกันแน่ที่เป็นเมียหลวงใครกันแน่ที่เป็นเมียน้อย ฉันไม่ได้จะให้หล่อนเป็นเมียน้อยเพราะก็ตบแต่งออกหน้า ฉันแค่จะขอว่าให้แอนนามาเป็นเมียของฉันอีกคน หล่อนก็ไม่น่าจะมีปัญหา”
   “สารเลว”คุณสนแค่นคำพูดออกมาอย่างแค้นใจ
นึกโกรธตัวเองที่โง่เง่ามอบใจมอบกายให้ผู้ชายร้อยเล่ห์ เสียใจที่หลงเชื่อคารมผู้ชายสับปลับ คุณใหญ่จ้องหน้าคุณสนอย่างไม่สะท้าน หากจะต้องแตกหักก็ต้องยอมเพราะเขาก็เบื่อคุณสนเต็มที
   “หล่อนก็คิดเอาเถิดว่าจะเป็นเมียหลวงหรือเมียน้อย ฉันให้เวลาหล่อนคิด คืนนี้จะไปนอนเรือนนู้น เบื่อเต็มทน”คุณใหญ่หันหลังจะกลับไปหาแอนนาที่เรือนนู้น
ความโกรธความแค้นที่ถูกหลอกแถมยังมาหยามใจกันทำให้คุณสนตัดสินใจล้วงมือเข้าไปใต้หมอนของคุณใหญ่ หยิบเอาปืนขึ้นมาถือเล็งไปที่ผัวรักที่กลายมาเป็นคนที่ทำให้แค้นใจมากที่สุด
   “สนบอกคุณพี่แล้วใช่มั้ยคะ ว่าสนจะยอมให้คุณพี่แค่ครั้งเดียวถ้ามีครั้งต่อไป สนเอาตาย”คุณใหญ่ชะงักกับคำพูดของคุณสน หันหลังกลับมามองด้วยความสังหรณ์ใจก็พบว่าคุณสนเล็งปืนมาที่ตน สายตาที่มองคุณใหญ่อย่างผิดหวังเมื่อครู่วาววับเต็มไปด้วยความคั่งแค้นรีบยกมือขึ้นปัดป้องปากก็เอ่ยห้ามเมื่อเห็นปลายนิ้วของคุณสนค่อยๆกดลงบนไกปืนคุณใหญ่ก็หันหลังเตรียมวิ่งหนี
หากแต่ทุกอย่างสายเกินไป
ปัง
เกิดเสียงดังลั่น กระสุนพุ่งออกจากปลายกระบอกปืน จากที่เล้งหน้าอกของคุณใหญ่เมื่อเจ้าตัวหันหลังมันจึงเจาะเข้ากลางหลังอย่างพอดิบพอดี คุณสนไม่สนใจอะไรแล้ว
หล่อนโกรธ
โกรธจนหน้ามืดตามัว
ในเมื่อหยามน้ำใจหล่อน
ไม่ซื่อสัตย์
หมดรัก
ก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อ
คุณสนเหนี่ยวไกสะเปะสะปะไปอีกหลายนัดปล่อยน้ำตาให้ไหลยามเห็นคุณใหญ่ล้มลงกับพื้น เลือดแดงฉานไหลออกจากเสื้อ
ทุกคนบนเรือนใหญ่รวมทั้งเรือนเจ้าสัวเช็งสะดุ้งกับเสียงปืนนั้น หนูแสนที่กำลังคนดอกไม้ในหม้อสะดุ้งอย่างตกใจจนทัพพีหลุดมือ
   “อุ้ยพระ...”นังเฟืองได้สติก่อนใคร เมื่อจับได้ว่าเสียงปืนมาจากทางไหนก็ร้องเรียกคุณสนแล้ววิ่งกลับไปที่เรือนของคุณสนทันที หนูแสนเห็นดังนั้นก็รีบวิ่งตามไป ส่วนคุณเล็กที่ยังเดินไม่ทันจะถึงเรือนใหญ่ดีก็รีบวิ่งกลับไปทางเรือนเล็กอีกครั้ง เสียงกรีดร้องของนังเฟื้องยิ่งทำให้คุณเล็กสับเท้าเร็วขึ้น ภาพที่เห็นคือคุณสนนั่งร้องไห้จนหมดสภาพในอ้อมกอดของผู้ชายตัวเล็กผิวขาวคนหนึ่ง ส่วนคุณใหญ่นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น คุณเล็กกับหนูแสนสบตากันในใจนั้นความคิดถึงกำลังเรียกร้องหากแต่เห็นการณ์ตรงหน้าทำให้คุณเล็กต้องสนใจกับคนเจ็บที่หายใจรวยรินก่อน
   “พัน เอารถออกฉันจะพาคุณใหญ่ไปโรงหมอ เร็วๆ”คุณเล็กสั่งนายพันที่วิ่งตามมาโดยมีคุณหญิงผกาและแอนนาตามมาด้วย พอเห็นคุณเล็กอุ้มร่างโชคเลือดของคุณใหญ่ออกมาคุณหญิงผกาก็กรีดร้องอย่างตกใจ
   ตาใหญ่ลูกแม่!!”
   “คุณแม่ คุณแม่กลับเรือนไปก่อนนะคะ ถ้ามาดึงไว้อย่างนี้ปะเดี๋ยวพี่ใหญ่จะตายได้”คุณเล็กบอกกับคุณหญิงแล้วสั่งให้บ่าวพาคุณหญิงกลับเรือนส่วนตนเองกับนายพันก็พาคุณใหญ่ไปโรงพยาบาล
ทางด้สนคุณสนที่ตอนนี้นั่งนิ่งไม่ไหวติงดวงตาคู่สวยที่เคยคมดุบัดนี้เลื่อนลอยไร้จุดหมายหญิงสาวยกมือตนเองที่เพิ่งลั่นไกสาดกระสุนใส่ผัวรักขึ้นมาดูแล้วจึงหัวเราะออกมาเบาๆ
   “คุณใหญ่ต้องมีสนคนเดียว รักสนคนเดียว”หล่อนพร่ำพูดประโยคนี้ซ้ำๆวนๆ
ตอนนี้ในสมองของหญิงสาวถูกปิดกั้นด้วยโลกแห่งจินตนาการของตนเอง
โลกที่มีเพียงคุณใหญ่และคุณสนครองคู่กันอย่างมีความสุข
มีความสุขชั่วนิรันดร์ ความสุขที่คุณสนสร้างขึ้นมาและจะไม่มีใครเข้ามาพรากคุณใหญ่ออกไปได้...ตลอดกาล



.........

ลาก่อย

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2598
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ greenapple

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1115
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-5
       

คุณใหญ่ช่างเลวไม่มีที่ติจริงๆ

ตายไปได้เสียก็ดี

หมดอรรถรสหวานๆ..

ของคุณเล็กกับหนูแสนไปเลย

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
กะแล้วเชียว ว่าเหตุการณ์วันนั้นอีคุณใหญ่ต้องมีส่วน

สงสารคุณสน เฮ้อออ ส่วนอิคุณใหญ่ไม่อยากให้ตายนะ พิการดีกว่า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด