แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: แสนคำนึง (Period) ตอนที่ ๒๐ ((๑๐๐%)) ๑๔ ส.ค พ.ศ.๒๕๖๓  (อ่าน 26654 ครั้ง)

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฎ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฎทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฎข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฎข้อ 17



เว็บไซต์แห่งนี้เป็นเว็บไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฎหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเว็บไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเว็บไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเว็บไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

********************************************
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-08-2020 05:03:58 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
Re: แสนคำนึง (Period)
«ตอบ #1 เมื่อ17-05-2019 19:23:51 »








แสนคำนึง


"คุณเล็กไม่ไปได้ไหมครับ"
"คุณเล็กไปเรียนเดี๋ยวเดียวก็กลับ แสนอยู่ทางนี้เป็นเด็กดีได้ไหมครับ?"
"แสนจะเป็นเด็กดี จะรอคุณเล็กกลับมาครับ...ว่าแต่เมืองฝรั่งไกลมากไหมครับแสนพายเรือไปหาคุณเล็กได้หรือเปล่า?"




......................................................................................


แวะมาเปิดเรื่องใหม่หลังจากพี่เล้งกับอีตัวดีจบแล้ว

หวังว่าคุณเล็กกับหนูแสนจะเข้าไปอยู่ในหัวใจของแม่ๆได้นะเจ้าคะ

เรื่องนี้เราเริ่มเรื่องตั้งแต่ยุคต้นรัชกาลที่ 6 เราจะพยายามทำการบ้านให้ดีที่สุดหากมีตรงจุดใดที่หละหลวมหรือติดขัดต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

สัญญาว่าจะทำการบ้านให้ดีๆ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
Re: แสนคำนึง (Period)
«ตอบ #2 เมื่อ17-05-2019 19:26:05 »


"ต้นกำเนิดของหนูแสน"







     ๒๘ มกราคม พุทธศักราช ๒๔๓๘


     
ริมคลองบางหลวง...

     "เอ้าพวกเอ็งเร็วเข้า น้ำร้อนเตรียมให้พร้อม อีจวงไปต้มน้ำเพิ่ม หมอตำแยมาหรือยัง นังพวกนี้ทำอะไรชักช้าจริง"หญิงชราร่างท้วมยืนสั่งการบรรดาบ่าวไพร่ที่วิ่งวุ่นตั้งแต่รุ่งสาง ภายในห้องปรากฏร่างของสตรีท้องแก่จวนคลอดกำลังจับผ้าที่โยงลงมาจากขื่อ ตามไรผมมีหยาดเหงื่อผุดซึมจนไหลเรี่ยลงมาตามลำคอระหง หัวคิ้วขมวดมุ่น กัดริมฝีปากข่มความเจ็บที่กำลังจะมีสิ่งมีชีวิตเล็กๆถือกำเนิด

     "ยายแช่มคุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง" เด็กชายอายุ 13 ปีเริ่มแตกหนุ่มเดินนำเด็กหญิงวัย 10 ปีเข้ามาถามอย่างร้อนใจ เด็กหนุ่มหน้าตาผิวพรรณหมดจรดเป็นบุตรชายคนโตของเจ้าสัวเช็งพ่อค้าใหญ่จากเมืองจีนที่มาตั้งรกรากทำมาค้าขายกับสยามตั้งแต่รุ่นปู่มีนามชื่อว่าคุณเสนเอ่ยถามยายแช่มที่วิ่งวุ่นไม่ได้หยุดตั้งแต่นายหญิงของบ้านน้ำคร่ำเดิน

     "โอ้ย  คุณเสนเจ้าขาพาคุณสนหลบไปก่อนนะเจ้าคะ บ่าวไพร่วิ่งวุ่นประเดี๋ยวมันไม่ระวังชนคุณๆทั้งสองจะเจ็บเนื้อเจ็บตัวเสียเปล่า บ่าวให้นังเยื้อนเตรียมสำรับให้ที่ห้องอาหารแล้วพาคุณสนไปทานข้าวก่อนเถอะเจ้าค่ะ"

     "นั่นสิพี่เสนไม่เห็นว่าจะต้องมารอเลยคุณแม่แค่คลอดลูก"เด็กหญิงผู้มีเค้าหน้าและผิวพรรณไม่ต่างจากพี่ชายนักพูดต่อบ่าวคนสนิทของผู้เป็นมารดาอย่างไม่เห็นสำคัญนัก ยายแช่มมองเด็กหญิงที่เดินกระทืบเท้าปึงปังออกไปอย่างระอาใจ

ด้วยตั้งแต่น้อยจนเติบใหญ่ก็เป็นลูกชังมาตลอดเพราะตั้งแต่คุณสนเกิดกิจการของครอบครัวก็ซบเซาจนคุณพยอมผู้เป็นมารดาต้องขนเอาเครื่องเพชรเครื่องทองที่เก็บหอมรอบริบมาตั้งแต่แต่งเข้าสกุลเช็งออกขายบรรดาเจ้านายฝ่ายในที่สะสมของล้ำค่าไปเสียเยอะจนแทบหมดกำปั่นคงเหลือไว้เพียงชิ้นสำคัญที่หักใจขายไม่ได้ ยามไปงานบุญหรืองานที่ได้รับเชิญกับเรือนใดคุณพยอมอับอายนักที่ต้องใส่เครื่องประดับชิ้นเก่าให้บรรดาคุณหญิงและนางข้าหลวงฝ่ายในที่เคยคุ้นกันแอบเอาไปนินทาว่าแต่งตัวไม่สมกับเคยเป็นนางกำนัลในวังมาก่อน ดังนั้นเด็กหญิงสนจึงถูกพูดว่าเป็นตัวล่องจุ๊นเกิดมาทำความล่มจมให้กับบ้าน อาก๋งอาม่าต่างไม่รักเจ้าสัวเช็งเองก็ไม่เล่นกับลูกสาวเหมือนที่เลี้ยงดูอุ้มชูคุณเสนลูกชายคนโต เจ้าสัวเช็งพยายามประคับประคองกิจการห้างฝรั่งที่ตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปลายรัชกาลก่อนให้ยังคงเลี้ยงตัวเองได้นานนับสิบปีจนกระทั่งคุณพยอมท้องลูกคนที่สามซึ่งเป็นลูกหลงห่างจากพี่ๆนับสิบปี

เจ้าสัวเช็งและอาก๋งอาม่ารักลูกคนเล็กนี้นักเพราะพอคุณพยอมตั้งท้องกิจการที่เคยซบเซากลับค่อยๆฟื้นตัวจนกระทั่งตอนนี้กิจการดีวันดีคืนด้วยเจ้าสัวเช็งรับของจากเมืองจีนและต่างประเทศมาขายที่ห้าง สยามเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์พลอยทำให้ฐานะของบ้านดีขึ้นตามลำดับ แม้แต่วันคลอดของลูกชายคนเล็กเจ้าสัวเช็งก็ยังไม่กลับจากเมืองจีน

ตกสายเสียงคุณพยอมก็ร้องดังขึ้นจนลั่นเรือนพร้อมเสียงโหวกเหวกของยายแช่มที่ดังแข่งกับหมอตำแย

     "คลอดแล้ว เด็กผู้ชายน่าเกลียดน่าชังดีแท้ๆเลยเจ้าค่ะ"

     "คุณจะให้คุณหนูชื่ออะไรดีเจ้าคะ ตัวขาวน่าชังดีแท้ๆเลยเจ้าค่ะ"

     "แสน...ท่านเจ้าสัวบอกว่าถ้าเป็นลูกชายให้ชื่อแสน แสนรักของพ่อและแม่"




........................................................

ติดแท็กในทวิตเตอร์ได้นะคะ จะรออ่าน  #แสนคำนึง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-01-2020 20:24:09 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
น้องแสน~
แค่ชื่อก็น่าเอ็นดูแล้ว
 :pig4:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2
ตอนที่ ๑





          บ้านของเจ้าสัวเช็งเป็นบ้านครึ่งปูนครึ่งไม้หลังใหญ่ตั้งอยู่ริมคลองบางหลวงมีพื้นที่รอบตัวบ้านนับสิบไร่ ตึกแบ่งออกเป็นสามชั้น ชั้นล่างเป็นปูนตกแต่งด้วยเครื่องเรือนไม้ฝังมุกตามความชอบของคนจีนที่มีฐานะร่ำรวยสมัยนั้น ด้านล่างมีห้องนอนใหญ่สองห้องที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เนื่องจากเตี่ยกับม้าของเจ้าสัวเซ็งมีอายุมากแล้วไม่สามารถขึ้นลงบันไดได้อีก สวนชั้นสองถูกจัดให้เป็นพิ้นที่ส่วนตัวของเจ้าสัวและคุณพยอมภรรยา ชั้นสามถูกจัดเป็นห้องนอนของลูกๆ เจ้าสัวเช็งในวัยห้าสิบปีรักภรรยามากเนื่องจากถือว่าตนเองก็แค่พ่อค้าที่มักถูกมองว่าเป็นเจ๊กต่ำต้อยแต่กลับได้คุณพยอมที่เป็นลูกสาวขุนนางของสยามเป็นภรรยา ซ้ำยังเคยเป็นนางข้าหลวงในวังมาก่อน กริยาวาจาหมดจรดเรียบร้อย นุ่มนวลและสุภาพ ไม่เคยวางตัวเจ้ายศเจ้าอย่างเหมือนชาววังหลายๆคน เจ้าสัวเช็งเจอกับคุณพยอมตอนที่นำตลับหมากที่แกะสลักจากงาช้างไปมอบให้เนื่องจากเสด็จพระองค์หญิงเจ้านายของคุณพยอมทรงโปรดปรานดังนั้นคุณพยอมจึงเป็นธุระจัดหาให้ แม้จะอายุค่อนข้างมากแล้วในตอนนั้นแถมเป็นพ่อหม้ายเมียตายมาก่อนแต่เจ้าสัวเช็งก็ยังดูดีดูหนุ่มกว่าความเป็นจริงนิสัยใจคอสุขุมนุ่มนวลไม่ต่างกัน ได้พูดคุยกันไม่กี่ครั้งก็เกิดความรู้สึกชอบพอกันนานปีจนในที่สุดเจ้าสัวเช็งจึงพาเถ้าแก่ไปสู่ขอคุณพยอมที่เรือน

 

แน่นอน เมื่อแรกท่านเจ้าคุณบิดาของคุณพยอมไม่ชอบใจในตัวเจ้าสัวเช็งนักด้วยทั้งเป็นลูกเจ๊กแถมยังเป็นเพียงพ่อค้าซึ่งในตอนนั้นยังทำเพียงแค่ขนสินค้าจากเมืองจีนเช่นอาหารแก้ง สมุนไพรจีน ผ้าแพรสวยๆรวมทั้งผลไม้เมืองหนาวเข้ามาขาย ฐานะถึงยังไม่รวยแต่ก็ไม่ขี้ริ้ว พอไปเมืองจีนก็ขนสินค้าจากสยามกลับไปขายทางนู้น เจ้าสัวเช็งใช้การเทียวไปเทียวมานำของจากเมืองจีนมาฝากล้วนแล้วแต่เป็นของดีๆที่บำรุงสุขภาพ บางครั้งก็นำเหล้าฝรั่งรสเลิศมาฝากท่านเจ้าคุณ หยกเนื้องามมาฝากคุณหญิง ผ้าสวยๆหอบมาฝากทุกครั้งที่กลับจากเมืองจีน จนในที่สุดท่านเจ้าคุณพิพิธก็ใจอ่อนไปทูลขอกับเสด็จพระองค์หญิงให้คุณพยอมลาออกมาออกเรือน แรกนั้นเสด็จทรงกริ้วอยู่มิใช่น้อยด้วยหวังให้คุณพยอมนั้นได้ออกเรือนกับขุนนางดีๆซักคน แต่พอสืบท้าวถามความก็ได้รู้ว่าฝ่ายคุณพยอมนั้นก็มีใจรักมั่นกับเจ้าสัวเช็งหาน้อยไม่แม้อายุจะเลยวัยออกเรือนมาหลายปีก็มิชายตาแลผู้ใด ดังนั้นพิธีแต่งงานจึงถูกจัดขึ้นในปีนั้นเอง เสด็จทรงประทานเงินและทองเป็นขวัญถุงให้เก็บไว้ทำทุนเป็นจำนวนมากพอสมควร

 

เพราะคิดมาเสมอว่าตนเองมีวาสนาได้ดอกฟ้าเคียงเคียงคู่เจ้าสัวเช็งจึงรักคุณพยอมมาก อยู่แบบผัวเดียวเมียเดียวไม่ยอมมีเมียรองตามที่เตี่ยกับม้าบอก และคุณพยอมเองก็เป็นลูกสะใภ้ที่ดี งานบ้านงานเรือนเรียบร้อยไม่มีที่ติ ให้ความรักและเคารพพ่อผัวแม่ผัวประดุจพ่อแม่ของตน ปกครองบ่าวไพร่ในเรือนด้วยความยุติธรรม ยามต้องใช้พระเดชก็เด็ดขาดด้วยติดมาจากการได้ถวายรับใช้เสด็จพระองค์หญิงมานานปี จนกระทั่งปีต่อมาจึงให้กำเนิดคุณเสนลูกชายคนโต เจ้าสัวเช็งใช้เงินที่เก็บหอมรอมริบมานานเปิดห้างแถวบางลำพู กิจการดีมากหลังจากนั้นสามปีก็ให้กำเนิดคุณสน  หลังคุณสนเกิดไม่นานพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ก่อนก็สวรรคต  ซ้ำอยู่ๆก็เกิดวิกฤติข้าวยากหมากแพง บรรดาเจ้านายหลายพระองค์ถูกตัดเบี้ยหวัด เสด็จพระองค์หญิงเองก็ทรงได้รับผลกระทบนี้เช่นกัน บางพระองค์ต้องเอาวิชาการเรือนที่มีติดตัวมาทำกับข้าวขาย

 

 

ความซบเซานี้ส่งผลมาถึงห้างของเจ้าสัวเช็งด้วย ในคราวนั้นอะไรที่เป็นของฟุ่มเฟือยคุณพยอมจำต้องตัดทิ้ง บ่าวไพร่ที่มีมากก็จำใจต้องให้ออกเพราะไม่มีปัญญาจ้างเยอะเหลือไว้เพียง 5-6 คนที่เป็นคนสนิทเอาไว้ดูแลเตี่ยกับม่าของเจ้าสัว งานครัวคุณพยอมลงครัวเองมีบ่าวคอยช่วยอีกสองคน อาหารที่เคยกินมื้อละหลายอย่างก็ลดเหลือมื้อละ 2-3 อย่างผลัดเปลี่ยนกันไม่ให้ซ้ำมื้อ บรรดาญาติๆต่างพูดกันว่าคุณสนดวงขัดลาภกับพ่อแม่เกิดมาทำให้ครอบครัวล่มจม ไม่มีใครสนใจหัวใจเด็กหญิงตัวเล็กๆเลยซักนิด ใครไปใครมาต่างก็พูดใส่เด็กแบบนั้น คุณสนจึงเติบโตมาพร้อมจิตใจที่เกลียดชังญาติๆ เด็กหญิงเป็นคนหยาบกระด้างและใจดำไม่มีเมตตาต่อข้าทาสบริวาร มีเพียงคุณเสนที่คุณสนให้ความเกรงใจด้วยพี่ชายดีกับคุณสนมาก คุณพยอมเองก็สงสารลูกสาวแต่จะห้ามปากคนก็คงยาก

 

            “แม่รักสนนะลูก อย่าไปฟังคำพูดร้ายๆ สนไม่ใช่ตัวซวย สนคือนางฟ้าตัวน้อยๆของแม่นะลูก”

 

            “คุณแม่ไม่ต้องมาโกหกสนหรอกค่ะ คุณแม่ก็คิดเหมือนคนพวกนั้น”เด็กหญิงสนผลักผู้เป็นแม่ออกแล้วเดินลงส้นตึงตังออกจากห้องไป ความอารมณ์ร้ายของคุณสนสร้างความหนักใจให้กับทุกคนในบ้าน บ่าวไพร่เองก็ไม่ค่อยอยากเข้าหน้านัก จนกระทั่งคุณสนอายุใกล้จะเต็มสิบขวบคุณพยอมก็ตั้งท้องอีกหน คราวนี้เป็นลูกหลงเพราะไม่คิดว่าจะท้องลูกอีกด้วยอายุที่เยอะแล้ว และเป็นเรื่องน่าแปลก การค้าที่ซบเซาของเจ้าสัวเช็งอยู่ๆก็ดีวันดีคืน เริ่มจากห้างขายผ้าที่มีลูกค้าเข้ามาเยอะแทบทุกวันเนื่องจากประชาชนเริ่มซื้อผ้าไปตัดชุดตามพระราชนิยมของล้นเกล้ารัชการที่ ๖ บรรดาคนหนุ่มคนสาวเริ่มเปลี่ยนแปลงการแต่งตัวจากนุ่งโจงห่มสไบก็เปลี่ยนมานุ่งซิ่นเริ่มมีลูกเล่นในการตัดเย็บชุด บรรดาผู้มีอันจะกินก็แข่งกันอวดกันเป็นที่สนุกสนาน เมื่อตัดเย็บชุดแล้วก็ต้องเลือกเครื่องประดับให้เข้ากับชุดพลอยทำให้ร้านขายเครื่องประดับขายดีไปด้วย

 

            “ลูกคนนี้เกิดมาเกื้อหนุนครอบครัวโดยแท้ ลูกเทวดามาเกิดจริงๆ”เจ้าสัวเช็งลูบท้องคุณพยอมด้วยความรักโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าคุณสนจ้องมองด้วยความน้อยใจ

 

หลังจากหนูแสนเกิดได้สองวันเจ้าสัวเช็งก็กลับถึงพระนครชายวัยกลางคนรีบตรงกลับบ้านมาหาเมียรัก ของบำรุงจากเมืองจีนถูกสั่งต้มให้คุณพยอมกิน ยิ่งเห็นเจ้าตัวน้อยในเปลยิ่งตื้นตันจนแทบจะร้องไห้ ใครจะไปคิดว่าอายุตั้ง 50 แล้วจะยังมีลูกได้ เรื่องนี้ถูกเอ่ยสัพยอกไปเสียหลายหน หนูแสนตัวน้อยผิวกายแดงระเรื่อนอนหลับในเปลไม่ร้องไห้โยเยและเลี้ยงง่าย คุณพยอมอยู่ไฟมองดูพ่อเล่นกับลูกโดยการใช้ปลายนิ้วเขี่ยแก้มยุ้ยๆนั้นได้แต่ยิ้มอย่างเอ็นดู พอวันที่สามบ่าวไพร่ก้มาเตรียมบายศรีปากชาม 1 สำรับอีกทั้งเครื่องกระยาบวชอีกหรึ่งสำรับเพื่อเตรียมสำหรับทำขวัญวันในวันรุ่งขึ้น ด้วยความเชื่อที่ว่าหากคลอดพ้นสามวันแล้วเด็กจะปลอดภัยจึงต้องทำการแบ่งลูกผีลูกคนเพราะเชื่อกันว่าเด็กทุกคนมีแม่ซื้อคอยดูแลเมื่อมาเกิดเป็นคนแม่ซื้ออาจจะมาหยอกมากวนทำให้เด็กป่วยกระเสาะกระแสะบางความเชื่อก็ถึงขั้นว่าแม่ซื้อจะมาเอาเด็กกลับไป ช่วงสายของวันที่สี่บรรดาญาติๆจึงมาที่เรือนของเจ้าสัวเช็งรวมทั้งเพื่อนบ้านทีมีเรือนติดกันอย่างเจ้าคุณสรอรรถและคุณหญิงผกาที่พาคุณเล็กลูกชายวัยห้าขวบมาด้วย เจ้าคุณพิพิธและคุณหญิงพิกุลก็มาตั้งแต่เช้า เมื่อถึงพิธีทุกคนต่างนั่งล้อมหนูแสนไว้เป็นวงกลมท่านเจ้าคุณเป็นคนจุดธูปเทียนบูชาอัญเชิญเทวดาให้มาคุ้มครองเด็กจากนั้นจึงใช้สายสิญจน์มาลูบปัดที่แขนและข้อมือของหนูแสนเพื่อปัดเป่าโรคภัยไข้เจ็บทุกข์โศกแล้วจึงผกกับข้อมือน้อยๆนั้น ท่านเจ้าคุณใช้แป้งกระแจะเจิมหน้าผากให้หนูแสนจากนั้นก็ตักน้ำอุ่นที่เตรียมไว้ป้อนหนูแสนห้าช้อนเล็กๆ

 

            “ตาขอให้หนูแสนอายุมั่นขวัญยืนเป็นเด็กที่มีความสุขมีแต่คนรักนะลูกนะ”หลังจากที่ท่านเจ้าคุณให้พรเสร็จคุณหญิงพิกุลก็ยกกระด้งที่หนูแสนนอนอยู่ร่อนแล้วพูดเสียงดัง

 

            “สามวันลูกผัสี่วันลูกคนลูกของใครมารับเอาไปเน้อ”

 

            “ลูกฉันเองจ้า”ทั้งคุณพยอมและเจ้าสัวเช็งต่างร้องรับแล้วอุ้มหนูแสนมาไว้กับอกเป็นการบอกแม่ซื้อว่าตอนนี้หนูแสนเป็นลูกคนโดยสมบูรณ์แล้วขอให้แม่ซื้อไม่มากวนหนูแสน หลังจากนั้นญาติๆที่เหลือจึงเข้ามาผูกข้อมือให้หนูแสนจนครบไม่เว้นแม้แต่คุณเสนพี่ชายคนโดตที่มองน้องน้อยด้วยสายตาแสดงความรักเต็มเปี่ยม เจ้าคุณสรอรรถและคุณหญิงผกาพาคุณเล็กมาผูกข้อมือให้หนูแสนโดยสร้อยข้อมือทองเส้นเล็กๆน่ารัก



     "น้องน่ารักจังเลยค่ะคุณแม่"เด็กชายหันไปพูดกับคุณหญิงผกาผู้เป็นแม่



     "คุณเล็กต้องพูดว่าน้องน่าเกลียดน่าชังนะคะ ถ้าบอกว่าน้องน่ารักเดี๋ยวผีมาลักตัวน้องไป"คุณหญิงผกาบอกกับลูกชายด้วยน้ำเสียงเอ็นดู



     "งั้นน้องน่าเกลียดจังค่ะคุณแม่ เล็กอยากอุ้มน้อง"



     "ยังอุ้มไม่ได้ค่ะกระดูกน้องยังอ่อนต้องรอให้น้องโตกว่านี้นะลูก"



     "งั้นถ้าหนูแสนโตเล็กจะเลี้ยงหนูแสนเองค่ะ"



     "โถ...พ่อคุณ น่าเอ็นดูจังค่ะ"คุณพยอมเอ่ยชมเด็กชายที่เขี่ยแก้มหนูแสนด้วยความเบามือ คุณเสนมองน้องที่อยู่ท่ามกลางผู้คนแล้วอดยิ้มไม่ได้

 

น้องน้อยของพี่น่าเอ็นดูนัก ตัวหรือก็แด๊งแดง ตาหูจมูกปากจิ้มลิ้มพริ้มเพรา คุณพยอมมองหาคุณสนที่ไม่อยู่ในห้องนี้จึงได้เห็นว่าเด็กหญิงยืนแอบดูทุกคนอยู่ที่หน้าประตู ผู้เป็นแม่จึงยิ้มให้แล้วร้องเรียกลูกสาว

 

            “สน ลูก เข้ามารับขวัญน้องสิลูก”หากแต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือคุณสนวิ่งปรู๊ดหนีหายไปเลย

 

            “จริงๆเชียวนังลูกคนนี้นี่”ท่านเจ้าสัวเอ่ยอย่างหงุดหงิด

 

            “คงอิจฉาน้องล่ะสิใครๆก็มารุมรัก”ญาติคนหนึ่งส่ายหน้าอย่างระอา

 

            “แม่สนยังเด็กก็ค่อยๆสอนกันไปฉันเชื่อว่ายังไงพี่น้องก็รักกัน ถ้ามันดื้อนักก็ส่งเข้าวังไปให้เสด็จท่านอบรมก็แล้วกัน”เจ้าคุณพิพิธพูดออกมาอย่างไม่ชอบใจนัก อันที่จริงท่านก็เอ็นดูหลานสาวคนนี้อยู่ไม่น้อยเพราะใครๆต่างก็ทักว่าคุณสนหน้าคล้ายท่านเจ้าคุณ พอมีใครมาว่าให้ได้ยินก็อดเคืองหูไม่ได้

 

            “ลูกกลัวว่าเสด็จท่านจะไม่ทรงโปรด แม่สนดื้อมากเจ้าค่ะคุณพ่อ”

 

            “ยังเล็กนัก ยังพอจะสอนได้ ไม้อ่อนดัดง่าย หล่อนก็อย่าปล่อยจนมันแก่เกินดัดก็แล้วกัน”





 

 

“ให้เย็นเหมือนฟัก
หนักเหมือนแฟง
ให้อยู่เหมือนก้อนเส้า
เฝ้าเรือนเหมือนแววคราว”

 

            ตั้งแต่หนูแสนเกิดมาบ้านที่เคยเงียบเหงาซึมเซาจากพิษเศรษฐกิจก็กลับมามีชีวิตชีวาคึกคักอีกครั้ง หลังจากหนูแสนอายุครบเดือนคุณพยอมก็จัดพิธีโกนผมไฟมีแขกเหรื่อญาติผู้ใหญ่คนที่รู้จักมากหน้าหลายตามางานบุญครั้งนี้อย่างคับคั่งรวมถึงท่านเจ้าคุณสรอรรถที่วันนี้ยกกันมาทั้งเรือนมีคุณหญิงผกา คุณชื่นเมียรอง คุณมณีเมียคนที่สามพร้อมลูกๆทั้งสี่คนเว้นเสียแต่คุณน้อยที่ยังเล็กพอกัน บรรดาเด็กๆวิ่งเล่นกันเจียวจาว ขนมนมเนยถูกสรรหามาให้มิได้ขาด คุณใหญ่บุตรชายคนโตของท่านเจ้าคุณสรอรรถกับคุณหญิงผกาเป็นเพื่อนกับคุณเสน คุณรองอายุน้อยกว่าหนึ่งปีเป็นบุตรของคุณชื่นเมียคนที่สอง ส่วนคุณกลางและคุณเล็กก็เป็นลูกของคุณหญิงผกาเช่นกัน คุณกลางอายุไล่เลี่ยกับคุณสนจึงได้เป็นเพื่อนเล่นกัน ส่วนลูกเล็กคนสุดท้องชื่อคุณน้อยเป็นลูกที่เกิดจากคุณมณีเมียคนที่สาม หลังจากวันงานผ่านพ้นไปเจ้าสัวเช็งก็เริ่มยุ่งกับงานเช่นเดิมโดยมีคุณเสนไปช่วยงานในวันหยุดที่ไม่ต้องไปโรงเรียน ทุกชีวิตดำเนินไปตามครรลองจนกระทั่งหนูแสนอายุได้หกขวบปี คุณสนที่ตอนแรกคุณพยอมจะเอาไปถวายเสด็จในวังก็ไม่ได้ไปเพราะหล่อนดื้อดึงไม่ไปท่าเดียวจนคุณพยอมอ่อนใจที่จะพูด ปีนี้คุณสนเป็นสาวสะพรั่งหน้าตาสะสวยหากแต่อุปนิสัยกลับโมโหร้ายยิ่งกว่าตอนเด็กๆ

 

            “อีเฟื้อง กูบอกกี่ครั้งแล้วว่ากูไม่ชอบซิ่นผืนนี้”เสียงโครมครามดังออกมาจากห้องนอนของคุณสนพร้อมกระจาดใส่ผ้าซิ่นที่บ่าวคนสนิทนำเข้าไปให้ถูกเขวี้ยงออกมาจากในห้อง อีเฟื้องกระเด็นตามออกมาด้วยถูกคุณสนถีบ คุณพยอมที่กำลังจะลงไปข้างล่างกับหนูแสนถึงกับชะงัก

 

            “แสนลูกลงไปรอแม่ที่ครัวก่อนนะ”คุณพยอมย่อตัวลงพูดกับลูกชายคนเล็ก หนูแสนในวัยหกขวบพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย ยายแช่มเป็นคนมาจูงมือหนูแสนตรงไปที่ครัวแทนคุณพยอมที่เดินไปที่ห้องของคุณสน

 

            “อะไรกันเล่าแม่สน เอะอะมะเทิ่งดังไปสามบ้านแปดบ้าน”คุณพยอมก้มลงเก็บผ้าซิ่นที่อยู่บนพื้นขึ้นมาดู

 

            “ซิ่นผืนนี้ก็สวยดีคุณเตี่ยอุตส่าห์เอามาฝากทำไมถึงไม่ชอบล่ะลูก?”

 

            “ไม่มีเหตุผลค่ะ ไม่ชอบก็คือไม่ชอบทำไมสนต้องหาเหตุผลมาอธิบายด้วยล่ะคะแม่”คุณสนถอนหายใจใส่ผู้เป็นมารดา คุณพยามแอบส่ายหน้าอย่างระอา แม้บางครั้งคุณสนจะออกฤทธิ์ออกเดชจนนึกอยากจะตีซักทีแต่หล่อนก็ไม่กล้า ด้วยความรู้สึกติดในใจว่าลูกคนนี้อาภัพนัก

 

            “เอาเถอะๆ ไม่ชอบก็ไม่ชอบ ถ้าอย่างนั้นแม่จะเก็บไว้นุ่งเองก็แล้วกัน ตอนนี้สนไปช่วยแม่ทำกับข้าวเถอะ คุณเตี่ยกับพี่เสนใกล้จะกลับมาแล้วกับข้าวจะได้เสร็จพอดีกิน”

 

            “บ่าวไพร่ก็มีตั้งหลายคนทำไมต้องให้สนไปช่วยด้วยก็ไม่รู้ทำไม่อร่อยขึ้นมาก็บ่นสนอีก”คุณพยอมถอนหายใจให้กับลูกสาวที่นั่งหันหลังให้ หล่อนเข้ามาจับไหล่ลูกให้หันมาคุยกัน

 

            “เกิดเป็นลูกผู้หญิงนะลูก งานบ้านงานเรือนอย่าให้ขาดตกบกพร่อง อีกหน่อยออกเรือนมีลูกมีผัวจะได้ทำให้ลูกให้ผัวกิน กับข้าวรสมือใครก็ไม่อร่อยเท่ารสมือแม่รสมือเมียหรอกลูกเอ้ย สนเองก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกแม่ที่เคยเป็นชาววังมาก่อน อย่าให้ใครเขาเอาไปนินทาว่าจับจดไม่เอาไหน ไปเถอะลูกไปช่วยแม่ในครัวนะลูกนะ”คุณสนมองผู้เป็นแม่ที่ส่งยิ้มอย่างใจดีมาให้ก็จำต้องลุกตามลงไปที่โรงครัว หนูแสนวัยหกขวบกำลังช่วยยายแช่มเด็กผักอย่างขยันขันแข็ง ตอนนี้หนูแสนทำอาหารง่ายๆเป็นหลายอย่างแล้วด้วยตามคุณแม่ลงครัวทุกวัน

 

            “หนูแสน เมื่อเช้าคุณเตี่ยบ่นๆว่าอยากกินหมูหวานหนูแสนทำให้คุณเตี่ยทานได้มั้ยจ๊ะ”คุณพยอมลูบผมนุ่มๆของลูกชายคนเล็กบอกวัตถุประสงค์ที่ต้องการให้หนูแสนฟัง เด็กน้อยตัวขาวจ้ำม่ำพยักหน้ารับอย่างกระตือรือร้น หนูแสนชอบทำกับข้าวเพราะเวลาคุณเตี่ยทานคุณเตี่ยมักจะชมไม่ขาดปาก หนูแสนชอบที่จะเห็นคนที่หนูแสนรักไม่ว่าจะเป็นคุณก๋ง อาม่า คุณเตี่ย คุณแม่คุณพี่เสนยิ้มอย่างมีความสุขเวลาทานของที่หนูแสนทำ ยกเว้นเสียแต่คุณพี่สนที่มักติรสมือของหนูแสนได้เสียทุกครั้ง

 

            “เดี๋ยวยายแช่มเตรียมหมูให้นะคะคุณแสนจะได้ทำได้ง่ายๆ”ยายแช่มรับอาสาหั่นหมูสามชั้นให้กับหนูแสน เด็กน้อยเอาน้ำตาลปี๊บลงเคี่ยวไฟอ่อนจนพอเหนียวเติมน้ำปลาปรุงรสให้กลมกล่อมจากนั้นจึงใส่หมูสามชั้นลงไปเคี่ยวไฟอ่อนจนกลายเป็นสีนวลตา คุณพยอมบอกว่าหมูหวานเป็นอาหารคาวที่ขาดไม่ได้บนโต๊ะเสวย เพราะว่าอาหารชาววังนั้นจะต้องไม่มีรสใดรสหนึ่งโดดจนเกินไปเช่นต้องไม่เปรี้ยวไป ไม่เค็มไป ไม่หวานไปดังนั้นในหนึ่งสำรับก็จะมีอาหารที่ทานด้วยกันแล้วรสกลมกล่อมนุ่มลิ้น หวาน เค็ม เปรี้ยวอย่างพอดีๆ

 

            “สนเอาฟักมาแกะสลักเป็นดอกรักเร่นะลูก แม่จะต้มจืด ส่วนนังเฟื้องเอ็งไปขูดมะพร้าวเมื่อเช้าผลมันตัดบอนมาข้าจะทำแกงบอน”

 

            “หั่นเป็นชิ้นๆลงหม้อก็สิ้นเรื่องทำไมจะต้องมานั่งพิรี้พิไรแกะสลักให้วุ่นวายด้วยคะคุณแม่”คุณสนถามผู้เป็นแม่ด้วยความไม่เข้าใจ หล่อนหันฟักเป็นท่อนใหญ่คุณพยอมมองลูกสาวที่ใช้มีดบางเกลาชิ้นฟักให้เป็นทรงกลมอย่างไม่เต็มใจนัก

 

            “อาหารมันก็บ่งบอกถึงอุปนิสัยคนทำนั่นแหละลูก ยิ่งเราละเอียดพิถีพิถันก็แปลว่าเรานั้นเป็นคนละเอียดลออ อาหารของบ้านเราแต่ละมื้อนั้นได้ทั้งรูปได้ทั้งรส รูปต้องงามรสต้องกลมกล่อม”คุณพยอมเริ่มทำการแกะสลักดอกรักเร่ด้วยความคล่องแคล่วต่างจากคุณสนที่กว่าจะแกะได้แต่ละดอกใช้เวลาเสียโขจนคุณแสนทำหมูหวานเสร็จจึงได้ตักมาให้คุณแม่เป็นคนชิม

 

            “หืม...อร่อยแล้วลูก เก่งจริง แม่สอนแค่สองหนก็ทำได้รสมือดีเทียบชาววัง”หนูแสนยิ้มรับคำชมของผู้เป็นแม่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากขอบคุณคุณสนก็พูดแทรกขึ้นมาอย่างหมั่นไส้เต็มทน

 

            “ยอกันเข้าไปเถอะค่ะเด็กแค่ 5-6 ขวบจะมาทำรสอร่อยเท่ากับคนโตได้ยังไงสนไม่เห็นด้วย”

 

            “สนก็พูดเกินไป น้องทำดีก็ควรชม อย่างหนูแสนน่ะถ้าหัดบ่อยๆรสมือดีไม่มีใครเทียบเชียวล่ะ”

 

เคร้ง!! คุณสนกระแทกฟักในมือลงบนพานผุดลุกขึ้นอย่างหมั่นไส้เต็มกลืน

 

            “ว่าไม่ได้เลยนะคะพ่อลูกชายคนดีเนี่ย สนก็พูดไปตามจริง ถ้าเด็กอายุแค่นี้รสมือดีคุณแม่ก็ให้ตาแสนทำไปแล้วกันค่ะ สนไม่ทำ น่ารำคาญ”คุณสนทำท่าจะกระทืบเท้าออกจากครัวไปหากแต่คุณพยอมใช้มือตบลงบนตั่งเสียงดังจนหนูแสนสะดุ้ง ยายแช่มดึงตัวเด็กน้อยไปกอดแนบอกเอาทืออุดหูไว้ด้วยเกรงว่าหนูแสนจะตกใจไปมากกว่านี้

 

            “หยุดเดี๋ยวนี้นะแม่สน ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ เห็นว่าแม่ไม่ว่าอะไรจะพูดจะจาอะไรไม่ต้องเห็นหัวคนอื่นเลยรึยังไง แม่คนนี้นี้ ทำกริยาแบบนี้ลูกชายบ้านไหนเขาจะอยากมาขอไปเป็นแม่ศรีเรือน นั่งลงแล้วทำงานของตัวเองไป อย่าให้แม่ต้องโมโหจนตีหล่อนต่อหน้าบ่าวไพร่เลย”คุณสนกำหมัดเม้มปากอย่างโกรธเกรี้ยวหากแต่หล่อนยังมีความเกรงกลัวคุณแม่อยู่บ้างจึงจำต้องนั่งลงแกะสลักฟักตามเดิม คุณพยอมส่งสายตาดุจ้องลูกสาวก่อนจะหันไปทางหนูแสน

 

            “แสนลูก เดี๋ยวแม่จะทำแกงบอนแสนช่วยไม่ได้หรอกนะคะเดี๋ยวจะคัน ออกไปเล่นเถอะคุณพ่อใกล้กลับค่อยมาอาบน้ำอาบท่านะลูกนะ”

 

            “แต่แสนอยากช่วยแม่นี่จ๊ะ”

 

            “เอาไว้พรุ่งนี้แม่จะสอนแสนตำน้ำพริกดีมั้ยลูก วันนี้เชื่อแม่ก่อน บอนมันคันนักเดี๋ยวกัดผิวอ่อนๆของเจ้าต้องเดือดร้อนหาหยูกยามาทากันจ้าละหวั่น”

 

            “งั้นหนูแสนขอไปหาคุณเล็กได้มั้ยจ๊ะแม่”เจ้าตัวน้อยเอ่ยขอด้วยดวงตาเป็นประกาย

 

            “ถ้างั้นให้ไอ้มีไปเป็นเพื่อน แช่มไปเรียกไอ้มีมาหาข้า”คุณพยอมหันไปสั่งยายแช่มที่ช่วยเตรียมวัตถุดิบสำหรับทำกับข้าวกับปลา ยายแช่มหายไปเพียงพักเดียวก็กลับมาพร้อมไอ้มีบ่าวชายวัยหนุ่มใหญ่

 

            “คุณพยอมมีอะไรให้กระผมรับใช้เหรอครับ”

 

            “คุณแสนจะไปเล่นที่เรือนคุณเล็ก เอ็งช่วยพาไปทีเถอะ แล้วระวังคอยดูอย่าให้ตกน้ำตกท่าไปเสียล่ะ”

 

            “ครับ”ไอ้มีจูงมือหนูแสนตรงไปยังรั้วไม้ที่กั้นพื้นที่ระหว่างเรือนเจ้าคุณสรอรรถกับเรือนของเจ้าสัวเช็ง เสียงซอแว่วหวานดังลอยมาจกศาลาริมน้ำ หนูแสนรีบสะบัดมือออกจากไอ้มีวิ่งดุ๊กๆไปตามเสียงทันที

 

            “คุณแสนครับ อย่าวิ่งครับพลาดล้มไปไอ้มีหลังขาดแน่ๆ”

 

            “นั่นตัวอะไรวิ่งตัวกลมมาเชียว”คุณเล็กร้องทักเมื่อเห็นเจ้าตัวขาววิ่งตรงมาหา หนูแสนส่งยิ้มแต้ประจบคนแก่กว่า

 

            “หนูแสนอยากเจอคุณเล็กไวๆนี่คะ”เจ้าตัวน้อยพูดจาประจบจนคนแก่กว่าอดยิ้มด้วยความเอ็นดูไม่ได้ คุณเล็กหรือลิขิตในวัย 11 ปี ดูเป็นหนุ่มกว่าอายุ ด้วยแขนขายาวได้พ่อผิวขาวได้แม่ทำให้เป็นเค้าความหล่อเหลาตั้งแต่ยังไม่เข้ารุ่นหนุ่ม

 

            คุณเล็กเล่นเพลงอะไรคะ เพราะจัง”

 

            “ลาวดวงเดือนค่ะ ครูเพิ่งต่อเพลงให้เมื่อวันก่อน อยากฟังอีกหรือไม่คุณเล็กจะเล่นให้หนูแสนฟังอีกรอบ”คุณเล็กถามอย่างเอาใจ หนูแสนพยักหน้าเร็วอย่างชอบใจ

 

            “เอาค่ะ เดี๋ยวหนูแสนตีฉิ่งให้”เจ้าตัวน้อยว่าอย่างกระตือรือร้นจนคุณเล็กส่ายหน้าอย่างระอา

 

หาเรื่องซนเสียมากกว่า หากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรไป มือเรียวสวยแตะลงบนสายซอก่อนจะชักคันชักเล่นเพลงลาวดวงเดือนอีกครั้งโดยมีหนูแสนตีฉิ่งแบบไม่ตรงจังหวะแต่ตรงใจคนตีเสียมากกว่า

 
“โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่มาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ว่าดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นห่วงรักเจ้าดวงเดือนเอย
โอ้ละหนอดวงเดือนเอย พี่มาเว้ารักเจ้าสาวคำดวง
โอ้ว่าดึกแล้วหนอพี่ขอลาล่วง อกพี่เป็นห่วงรัก เจ้าดวงเดือนเอย
ขอลาแล้วเจ้าแก้วโกสุม เฮ้อเออเออเออเอยเฮ้อเออเออเออเอย
เฮ้อเออเออเออเอยเฮ้อเออเออเออเอย พี่นี้รักเจ้าหนาขวัญตาเรียม
จะหาไหนมาเทียม โอ้เจ้าดวงเดือนเอย จะหาไหนมาเทียมโอ้เจ้าดวงเดือนเอย
หอมกลิ่นเกษร เกสรดอก ไม้ หอมกลิ่นคล้ายคล้ายเจ้าสูเรียมเอย
หอมกลิ่นกรุ่นครันหอมนั้นยังบ่เลย เนื้อหอมทรามเชยเอ๋ยเราละหนอ
หอมกลิ่นเกสรเกสรดอกไม้ หอมกลิ่นคล้ายคล้ายเจ้าสู ของ รียมเอย
หอมกลิ่นกรุ่นครัน หอมนั้นยังบ่เลย เนื้อหอมทรามเชยเอ๋ยเราละหนอ”



จ๋อม...

 

            “พุธโธ่เอ๋ย หนูแสน”คุณเล็กร้องอย่างอ่อนใจมองผิวน้ำที่กระเพื่อมเป็นวงสลับกับหน้าของหนูแสนที่ยิ้มแหยทันตา

 

            “เอาฉิ่งของคุณเล็กจำเริญน้ำไปเสียแล้ว”

 

 

            “

.................................





หนูแสน แสนน่ารักเป็นหนักหนา เจ้าขวัญตาโตไวไวให้ชื่นใจ ชะเอิงเอย





เราเชื่อว่าแต่ละบ้านย่อมมีทั้งลูกคนที่พ่อแม่รักมากกับลูกคนที่พ่อแม่ไม่รักซักเท่าไหร่ การที่คุณสนถูกเลี้ยงอย่างปล่อยปละไม่ได้รับการปกป้องจากคำพูดร้ายๆและผู้ใหญ่ที่พูดอะไรไม่คิดถึงใจเด็กจะทำให้เด็กคนหนึ่งนิสัยเสีย



ถ้ามีลูกมีหลาน อย่าทำกับเด็กแบบนั้น



หนูแสนได้ 4 วันแล้วนะจ๊ะ กว่าจะโต รากงอกแน่ๆ



พระเอกค่าตัวแพงค่ะออกแค่นี้พอ

ปล.แก้ไขชื่อแล้วนะคะ เราเบลอเองค่ะ ต้องขอโทษด้วยนะคะ แห่ะๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2019 19:24:10 โดย thanatcha »

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
หนูแสนน่าเอ็นดู ตีฉิ่งยังไง ฉิ่งถึงได้ตกน้ำไปคะ
สงสารน้องสน ทำนิสัยไม่ดีแต่จะว่าก็ว่าไม่ลง พวกญาติปากเปราะนี่จริงๆเลย คงเป็นเพราะคนในครอบครัวไม่ได้ปกป้องด้วย  :เฮ้อ:
ท่านเจ้าคุณพิพิธที่วันนี้ยกกันมาทั้งเรือนมีคุณหญิงพิกุล คุณชื่นเมียรอง คุณมณีเมียคนที่สามพร้อมลูกๆทั้งสี่คนเว้นเสียแต่คุณน้อยที่ยังเล็กพอกัน บรรดาเด็กๆวิ่งเล่นกันเจียวจาว ขนมนมเนยถูกสรรหามาให้มิได้ขาด คุณใหญ่บุตรชายคนโตของท่านเจ้าคุณพิพิธกับคุณหญิงมณีเป็นเพื่อนกับคุณเสน คุณรองอายุน้อยกว่าหนึ่งปีเป็นบุตรของคุณชื่นเมียคนที่สอง ส่วนคุณกลางและคุณเล็กก็เป็นลูกของคุณหญิงพิกุลเช่นกัน คุณกลางอายุไล่เลี่ยกับคุณสนจึงได้เป็นเพื่อนเล่นกัน ส่วนลูกเล็กคนสุดท้องชื่อคุณน้อยเป็นลูกที่เกิดจากคุณมณีเมียคนที่สาม




สงสัยตรงนี้ค่ะ คุณพิพิธกับคุณพิกุลคือคนเดียวกันกับตายายของหนูแสนไหมคะ
 :pig4:

ออฟไลน์ unicorncolour

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1006
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
น่าสงสารสนเหมือนกันยิ่งในความเป็นจริงเกิดเป็นผู้หญิงในครอบครัวคนจีนก็ว่าแย่แล้ว

พอเกิดมาทางบ้านดันค้าขายได้แย่อีกก็ยิ่งแล้วใหญ่...ไม่แปลกถ้าสนจะน้อยใจจนเกรี้ยวกราด

เจ้าแสนน้อยก็น่ารัก  o13

ออฟไลน์ may27

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 298
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :mew6:  มากรีดร้องด้วยความดีใจก่อน  เดี๋ยวค่อยไปอ่าน  ... แต่คงต้องย้อนกลับไปอ่านตอนเก่าไปก่อน  กลัวอารมณ์ไม่ต่อเนื่อง5555

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2

ตอนที่ ๒





          ศาลาริมน้ำเรือนของเจ้าพระยาสรอรรถปรากฏร่างเล็กของเด็กชายแสนวัยสิบขวบ เรือนกายขาวผ่องด้วยได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีเสื้อผ้าที่ใส่สะอาดสะอ้านผ่านการซักรีดอบร่ำจนหอมฟุ้ง ยามลมแม่น้ำโชยพลิ้วต้องผิวกายเรือนผมสีดำสนิทลู่ไปตามลม ภายในน้ำปรากฏร่างของเด็กชายวัย 15 ปี บุตรชายคนที่ 4 ของเจ้าคุณสรอรรถกำลังดำผุดดำว่ายหายลงไปในน้ำพาลให้เจ้าตัวน้อยชะเง้อตามจนคอแทบยืด ไอ้มีบ่าวคนสนิทคอยประกบติดเจ้านายตัวน้อยไม่ให้คลาดสายตา เพราะหากเผอเรอทำลูกของท่านเจ้าสัวพลัดตกน้ำตกท่าไปไอ้มีคงไร้เงาหัวเป็นแน่

 

          “คุณเล็กคะขึ้นมาเถอะค่ะ”เสียงเล็กร้องเรียกคนที่ยังคงดำผุดดำว่ายไม่ยอมฟังกันเสียที หนูแสนกดหน้าลงเรื่อยๆเป็นอาการที่บ่งบอกว่าตนเองนั้นเริ่มจะมีน้ำโหและงอนหน่อยๆแล้ว แต่ตอนนี้คุณเล็กกำลังสนุกสนานกับการงมกุ้งแม่น้ำอยู่

 

            “ถ้าพูดไม่รู้ความหนูแสนจะกลับบ้านแล้วนะคะ”และนั่นเหมือนจะเป็นคำประกาศิต คุณเล็กทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำ ไอ้พันบ่าวคนสนิทรีบเข้าไปรับกุ้งแม่น้ำตัวโตในมือเจ้านายที่เริ่มเข้าสู่วัยหนุ่ม คุณเล็กส่งตัวเองขึ้นมานั่งบนแพได้ก็หัวเราะเบาๆชอบใจกับกริยาแสนงอนนั้น

 

            “เอ...ชื่อหนูแสนนี่ย่อมาจากแสนงอนหรือเปล่าคะ ดูสิ คางชิดอกจนเป็นสองชั้นแล้ว”หากแต่คราวนี้ไม่ใช่แค่อาการปากคว่ำพอคุณเล็กพูดจบหนูแสนก็ทำตาคว่ำใส่อีกต่างหาก

 

            “โอ๋ๆ คุณเล็กไม่แกล้งแล้วค่ะ หนูแสนช่วยเอาผ้ามาห่มให้คุณเล็กหน่อยได้ไหมคะ ดูสิคุณเล็กหนาวจนตัวสั่นแล้ว”แสร้งยกมือยกแขนขึ้นมากอดอกทำตัวสั่นงันงกอย่างน่าสงสาร หนูแสนนั้นแม้จะงอนเพียงใดแต่พอเห็นคุณเล็กตัวสั่นก็เดินไปหยิบผ้ามาห่มกายให้คุณเล็กอยู่ดี คุณเล็กถือโอกาสนั้นดึงมือหนูแสนไม่ให้หนีไปไหน

 

            “ห่วงคุณเล็กเหรอคะ”เอ่ยถามเสียงหวาน ด้วยเพราะกลัวน้องน้อยจะโกรธไปมากกว่านี้จึงต้องรีบง้อ หากปล่อยให้งอนนานคุณเล็กคงอึดอัดใจเป็นแน่ ด้วยตั้งแต่น้อยจนเติบใหญ่ เจ้าน้องน้อยก็เหมือนเป็นเงาของคุณเล็กคอยติดตามหยอกเย้ามิได้ห่าง หากคุณเล็กไม่เดินไปเล่นด้วยที่เรือนเจ้าตัวน้อยก็จะมาหาเอง หนูแสนติดคุณเล็กยิ่งกว่าติดคุณเสนและคุณสนพี่สาวเสียอีก ด้วยคุณแสนอายุเข้ารุ่นหนุ่มก็เริ่มเรียนรู้ที่จะดูแลกิจการของครอบครัว เช้าก็ออกไปพร้อมเจ้าสัวเช็งกว่าจะกลับก็มืดค่ำ ส่วนคุณสนรายนั้นหารักน้องไม่ เอาแต่เกรี้ยวกราดพูดจาด้วยคำร้ายๆใส่น้องจนคุณแสนเข้าหน้าไม่ติด หลายครั้งต้นแขนขาวๆเล็กๆนี้ก็มีรอยจ้ำให้คุณเล็กขุ่นเคืองใจด้วยเพราะถูกคุณสนหยิกจนเนื้อเขียว คุณเล็กจึงทั้งรักและสงสารเด็กตัวขาวที่เอาแต่ตามติดเขาต้อยๆไม่เหมือนคุณน้อยน้องสาวที่ชอบเล่นกับบ่าวไพร่มากกว่ามาเล่นกับพี่ชาย เพราะฉะนั้นหากจะต้องไม่พูดกันชีวิตคงเหมือนขาดอะไรไป ยามพูดจากันเพราะคุณเล็กติดพูดคะค่ะกับคุณหญิงผกาและคุณกลางพี่สาวคุณน้อยน้องคนเล็กคำหวานหูจึงเผื่อแผ่มาถึงหนูแสนพลอยทำให้เจ้าตัวน้อยติดพูดคะขาตามไปด้วยซึ่งคุณเล็กเองก็คิดว่ายามคำหวานอ่อนช้อยนั้นออกจากปากหนูแสนมันช่างน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน

 

หนูแสนนั้นน่ารักนักช่างพูดช่างเจรจาอ่อนหวานไม่ต่างอะไรกับคุณน้อยน้องสาวคนสุดท้ายเลยซักนิด

 

            “ห่วงสิคะ อากาศเย็นคุณเล็กลงน้ำนานปะเดี๋ยวจะได้ไข้”เจ้าตัวน้อยตอบตามซื่อ

 

            “คุณเล็กรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสิคะเดี๋ยวหนูแสนจะกลับเรือนแล้ว”

 

            “ยังอยากอยู่เล่นกับหนูแสนอยู่เลยค่ะ”

 

            “อยากทานสะเดาน้ำปลาหวานไม่ใช่เหรอคะ เดี๋ยวหนูแสนให้คนเอามาให้ ถ้าไม่กลับตอนนี้จะไม่ทันคุณลุงรับมื้อเย็นนะคะ”หนูแสนให้เหตุผลที่จำต้องกลับเรือนก่อนทั้งๆที่เพิ่งจะบ่ายสอง

 

            “งั้นนายพัน แบ่งกุ้งไปบ้านหนูแสนเดี๋ยวฉันจะขึ้นเรือนไปอาบน้ำผลัดผ้าล่ะ”คุณเล็กเอ่ยสั่งบ่าว ก่อนหันกลับมาหาหนูแสนอีกครั้ง

 

            “คุณเล็กจะรอนะคะ”คุณเล็กยอมปล่อยน้องให้กลับเรือนพร้อมกับถังใส่กุ้งแม่น้ำเกือบสิบตัวที่งมมาได้ ดวงตาคมมองไล่หลังหนูแสนที่เดินตามไอ้มีไปอย่างเงียบๆ

 

            “หนูแสนไปเอากุ้งที่ไหนมาเยอะแยะลูก ดูสิตัวโตเชียว”คุณพะยอมเอ่ยทักยามลูกชายคนเล็กเดินเข้ามาในโรงครัว กุ้งแม่น้ำตัวโตเบียดเสียดกันอยู่ที่ก้นกระป๋อง

 

            “คุณเล็กเธอลงไปงมมาจ้าแม่ บ่นว่าอยากทานสะเดาน้ำปลาหวานพอแสนบอกจะทำให้ทาน เธอก็ถอดเสื้อลงน้ำไปงมมาเลย”

 

            “ตายจริง อากาศเย็นขนาดนี้ ดีตะคริวไม่กินตาย”คุณพะยอมเอามือทาบอก ด้วยเพราะตอนนี้ปลายเดือนธันวาคม อากาศหนาวจนแสบผิวแต่คุณเล็กเรือนนู้นยังกล้าลงน้ำไปงมกุ้งให้ลูกชายของหล่อนเอามาทำ

 

            “แสนบอกเธอให้ขึ้นตั้งนานเธอไม่ยอมขึ้นจ้าแม่ คุณเล็กดื้อ”เด็กชายวัยสิบขวบทำหน้าอ่อนใจจนคนเป็นแม่นึกขำ

 

            “เฟือง เอ็งเอากุ้งไปล้างแล้วผ่าครึ่งนะ เดี๋ยวข้าจะย่าง ยายแช่มช่วยเบาไฟในเตาให้หน่อยเถอะจ้า นายมีช่วยไปเก็บสะเดาหลังบ้านมาให้ฉันหน่อยเถอะ ต้นริมสุดที่ช่อใหญ่ๆเป็นสะเดามัน ส่วนหนูแสนมานั่งใกล้แม่ แม่จะสอนทำน้ำปลาหวาน”หนูแสนทำตามแม่ว่าทันที คุณพะยอมเอาหอมแดงมาปอกและซอยจึงได้นำกระทะมาตั้งไฟอ่อน

 

            “จำไว้นะลูก ว่าต้องใช้ไฟอ่อนค่อยๆเจียวจนหอมเป็นสีเหลือง”หล่อนปล่อยตะหลิวเพื่อให้หนูแสนได้เป็นคนทำ

 

            “คอยคนอย่าให้ไหม้นะลูกไม่อย่างนั้นมันจะขมไม่อร่อย”

 

            “จ้าแม่”เจ้าตัวน้อยพลิกกลับหอมซอยในกระทะไปมาอย่างตั้งใจจนกระทั่งหอมกลายเป็นสีทองคุณพะยอมจึงให้หนูแสนใส่น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา และน้ำมะขามตามลงไป คุณพะยอมปล่อยให้หนูแสนดูแลเคี่ยวน้ำปลาหวานให้เหนียว ส่วนตนเองเดินไปย่างกุ้งแม่น้ำตัวโตที่ล้างเรียบร้อยแล้ว ไม่นานกลิ่นหอมของมันกุ้งก็ลอยยั่วน้ำลายพร้อมๆกับที่หนูแสนเอาพริกใส่ลงไปเป็นอันเสร็จ หนูแสนตักแบ่งใส่ถ้วยเบญจรงค์ใบสวยโรยหน้าด้วยหอมเจียวที่แยกไว้ต่างหาก สะเดาถูกลวกวางคู่กับผักชีเอาไว้กินแนมกัน กุ้งแม่น้้ำตัวโตถูกเรียงใส่จานมันกุ้งตรงหัวสีเหลืองอร่ามดั่งทองส่งกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย

 

            “เสียดายพี่สนไปบ้านคุณตา เลยอดกินกุ้งเผาของโปรดเลย”คุณพะยอมยิ้มให้กับเจ้าตัวน้อยที่ยังมีแก่จิตแก่ใจคิดถึงพี่สาวที่คุณตามารับไปอยู่ด้วยได้สองวันแล้ว

 

            “คิดถึงพี่เขาเหรอลูก วันพรุ่งก็กลับมาแล้วกุ้งสดยังมีเหลือค่อยทำให้เธอทานวันพรุ่งนี้ก็ได้ หนูแสนจะอยู่ช่วยแม่ทำกับข้าวต่อหรือจะไปอาบน้ำลูกแม่ให้เฟื้องมันรองน้ำตากแดดไว้จะได้ไม่ต้องอาบน้ำต้มน้ำร้อนให้ผิวแห้ง รีบอาบเสียตอนนี้จะได้ไม่หนาว”

 

          “แต่หนูแสนอยากช่วยแม่ทำกับข้าวต่อนี่จ๊ะ”เจ้าตัวน้อยเกาะแขนพลางซบหัวทุยๆลงบนต้นแขนของผู้เป็นแม่

 

            “วันนี้ไม่มีอะไรแล้ว แม่ต้มจับฉ่ายไว้ตั้งแต่เพล ทอดปลาอีกซักอย่างทำน้ำจิ้มก็เสร็จแล้วลูก คุณเตี่ยกลับมาจะได้กินข้าว แสนเองก็ไปตะลอนๆกับคุณเล็กทั้งวันไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวแล้วอ่านหนังสือเถอะ พรุ่งนี้แม่จะทำขนมไปช่วยงานบ้านเจ้าคุณยุทธนาแสนค่อยมาช่วยแม่นะลูก”

 

            “ก็ได้จ้า งั้นหนูแสนไปอาบน้ำก่อนนะจ๊ะแม่”เจ้าตัวน้อยยืดตัวขึ้นไปจุมพิตแก้มของแม่แล้วเดินออกจากครัวไป ทิ้งให้คนเป็นแม่และบ่าวคนสนิทมองตามหลังด้วยความเอ็นดูรักใคร่

 

            “คุณแสนเธอน่ารักนะคะ ทั้งน่ารัก ทั้งใจดีใครๆก็รัก”

 

            “ลูกของฉันคนนี้น่ะเหมือนเกิดมาเป็นน้ำคอยดับไฟจากแม่สนเลยล่ะยายแช่ม  ฉันล่ะสะท้อนใจเหลือเกิน งานบ้านงานครัวที่ได้รับสั่งสอนมากจากในวังฉันก็หวังจะถ่ายทอดให้แม่สน แต่รายนั้นน่ะสนใจซักนิดก็ไม่มี ที่ยอมลงครัวทุกครั้งก็เพราะฉันต้องดุต้องขู่ตลอด แต่หนูแสนไม่ต้องเรียกก็มา ถ้าเกิดมาเป็นลูกสาวฉันจะชื่นใจไม่น้อย”

 

            “ไหนๆคุณแสนเธอก็ชอบงานบ้านงานเรือนแล้วคุณก็ค่อยๆถ่ายทอดให้เธอเถอะค่ะ อย่างน้อยวิชาก็ไม่ตายตามตัวไป คุณสนเธอไม่รักไม่ชอบทางนี้ไปข่มเขาโคขืนให้กินหญ้าก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ”ยายแช่มแนะให้กับคุณพะยอมที่กลุ้มใจเรื่องลูกสาวไม่เอางานครัวที่เป็นงานขึ้นชื่อของผู้เป็นแม่เลย ทั้งๆตอนที่เกิดวิกฤติคราวก่อนคุณพะยอมยังเคยรับทำขนมงานบุญหาเงินมาช่วยเจ้าสัวโดยไม่สนคำครหาเลยซักนิด

 

            “หม่อมแดงท่านยังขายห่อหมกได้ ทำไมฉันจะขายขนมสูตรชาววังไม่ได้”ยายแช่มจำคำได้ขึ้นใจ

 

            “ฉันก็หวังว่าหนูแสนจะรักจะชอบงานครัวไปตลอด ไม่ใช่พอแตกหนุ่มก็ทิ้งไปทำการค้ากับเตี่ยเขาน่ะสิ ดูอย่างพ่อเสนซิ ทุกวันนี้ตามติดคุณเตี่ยต้อยๆ ท่าทางคำพูดคำจาชักจะเป็นนายห้างใหญ่เข้าไปทุกที”คุณพะยอมเอ่ยถึงบุตรชายคนโตด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

 

            “ระวังจะได้ลูกสะใภ้เร็วๆนี้นะเจ้าคะ เป็นหนุ่มสวยยังกะพระเอกยี่เกขนาดนั้นต้องมีสาวๆมาชายตาแน่ๆ”

 

            “เอาเถอะ พ่อเสนก็ยี่สิบกว่าแล้วจะออกเรือนมีลูกเมียฉันก็จะไม่ขัดหรอกขอแค่ผู้หญิงขยันขันแข็งและรักลูกฉันจริงก็พอใจแล้ว ฉันเชื่อว่าลูกชายของฉันจะไม่ไปคว้าพวกจับจดหรือช็อกการีที่ไหนมาให้แปดเปื้อนวงศ์ตระกูล คนที่ฉันห่วงคือแม่สน รายนั้นนิสัยร้ายกาจใครจะอยากได้ทำเมียล่ะยายแช่มเอ้ย”คุณพะยอมถอนใจอย่างเหนื่อยอ่อนกับนิสัยลูกสาว

 

 

          เช้านี้เรือนของเจ้าสัวเช็งวุ่นวายตั้งแต่ยังไม่ย่ำรุ่ง ควันไฟลอยเอื่อยออกจากเตา คุณพะยอมคุมบ่าวไพร่ที่กะเกณฑ์กันมาช่วยทำขนมมงคลสำหรับเอาไปช่วยงานแต่งของบุตรีเจ้าคุณยุทธนา

 

ไข่เป็ดไข่ไก่แป้งน้ำตาลเกลือถั่วเขียวซีกรวมทั้งใบเตยใบตองถูกนำมาเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน หนูแสนที่ตื่นหลังคุณพะยอมเดินเข้ามาในครัวสีหน้าไร้ความงัวเงีย ยายแช่มขยับหลบยามคุณคนเล็กของบ้านมานั่งใกล้

 

            “อ้าว หนูแสน ตื่นนานหรือยังจ๊ะ”คุณพะยอมที่กำลังคุมบ่าวให้ทำทองหยิบหันมาถามลูกเล็ก หนูแสนยิ้มหวานให้คนเป็นแม่ ตัวสั่นเล็กน้อยด้วยลมแม่น้ำพัดความเย็นเยือกของเดือนธันวาคมมาให้ตึงผิว

 

            “น่าจะนอนอีกซักหน่อย อากาศเย็นนักแม่กลัวลูกจะได้ไข้”

 

            “หนูแสนนอนไม่หลับแล้วจ้าแม่ อยากจะลงมาช่วยทำขนม หนูแสนยังไม่เคยทำทองเอกกับสเน่ห์จันทน์เลย”เจ้าตัวน้อยตอบอย่างเด็กใฝ่รู้ พวกทองหยิบทองหยอดฝอยทองเม็ดขนุนรวมทั้งขนมชั้นน่ะนะหนูแสนทำเป็นหมดแล้วเพราะแม่ทำบ่อยแม้ว่าทองหยิบหนูแสนจะยังทำไม่สวยนักก็ตามเถอะแต่หนูแสนค่อยซ้อมมือวันหลัง ส่วนจ่ามงกุฏกับขนมถ้วยฟูหนูแสนทำเป็นแล้ว วันนี้หนูแสนอยากทำเสน่ห์จันทน์กับทองเอกมากกว่า คุณพะยอมส่งยิ้มอ่อนอกอ่อนใจให้ลูก

 

            “ลูกคนนี้นี่ ใฝ่รู้นัก หากแม่ไม่สอนเจ้าวันนี้คงรบเร้าไม่เลิกสินะ อย่างนั้นก็มานี่มา แม่จะทำอยู่พอดี”หนูแสนรีบขยับมานั่งใกล้ผู้เป็นแม่ทันที คุณพะยอมเลื่อนถาดใส่ไข่มาไว้หน้าลูกมีไข่แดงในอ่างถูกแยกไว้ปริมาณเยอะพอสมควรแล้ว หนูแสนแยกไข่เป็นแล้วแต่ก็ยอมนั่งแยกไข่ตั้งแต่ต้น

 

            “เสน่ห์จันทน์ใช้แป้งสองชนิดนะลูก แสนรู้มั้ยว่าใช้แป้งอะไรบ้าง?”

 

            “แป้งข้าวเจ้ากับแป้งข้าวเหนียวจ้า”

 

            “เก่งมากลูก ถ้าลูกใช้แป้งข้าวเจ้าไปเท่าไหร่ลูกก็ผสมแป้งข้าวเหนียวครึ่งหนึ่งของแป้งข้าวเจ้านะลูก”คุณพะยอมให้หนูแสนผสมแป้งด้วยตัวเอง

 

            “อันนี้แม่ให้แสนทำไว้ทานเองแสนอยากทำเท่าไหร่ก็ผสมเท่านั้น เดี๋ยวขนมอย่างอื่นแม่จะแบ่งใส่ถาดไว้ให้”

 

            “ถ้าอย่างนั้นหนูแสนแบ่งไปให้คุณเล็กทานด้วยได้มั้ยจ๊ะ”เจ้าตัวน้อยถามด้วยน้ำเสียงใสแจ๋ว ดวงตามีประกายระยิบราวกับดาวกำลังกระพริบแสง

 

            “ได้สิลูก มาเถอะทำต่อแม่จะสอน ลูกต้องผสมหัวกะทิกับน้ำตาลทรายเข้าด้วยกัน ถ้าลูกใช้หัวกะทิสามถ้วยน้ำตาลทรายก็ใช้แค่ 2 ถ้วยแต่ถ้าอยากได้หวานน้อยกว่านี้ก็ลดน้ำตาลลงนิดหน่อย คนให้น้ำตาลละลายเข้ากันแล้วก็กรองอย่างนี้”คุณพะยอมผสมหัวกะทิกับน้ำตาลตั้งไฟแล้วคนจนน้ำตาลละลายจึงนำผ้าขาวบางมากรอง

 

            “พอกรองเสร็จก็เอามาผสมกับแป้งกับผงจันทน์ป่น เห็นมั้ยลูก สีเหลืองๆนี้พอใส่ลงไปจะมีกลิ่นหอมเหมือนลูกจันทน์แล้วตั้งไฟกวน แสนต้องใช้ไฟอ่อนนะลูก กวนจนกว่าจะจับเป็นก้อน”คุณพะยอมส่งพายไม้อันเล็กให้ลูกหลังจากเอาแป้งผสมใส่กระทะทองเหลืองขึ้นตั้งไฟให้ลูกแล้ว หนูแสนนั่งกวนแป้งของตัวเองในขณะที่คุณพะยอมเองก็ไม่ได้ว่างนั่งปั้นลูกจันทน์พลางมองลูกไปพลางจนแป้งที่หนูแสนกวนแป้งเข้ากันส่งกลิ่นหอมฟุ้ง

 

            “เอาไข่ใส่ลงไปทีละฟองแล้วกวนให้เข้ากันลูกกวนเร็วๆ”หล่อนร้องบอกกับลูกหนูแสนเทไข่ในชามลงไปรีบคนจนแป้งกับไข่เข้ากันจนแป้งเป็นสีเหลืองนวลจับตัวเป็นก้อนยายแช่มมาช่วยยกลง หนูแสนรอให้แป้งเย็นพอปั้นได้ระหว่างนั้นก็ช่วยแม่ปั้นแป้งส่วนของคุณพะยอม

 

            “ปั้นให้เป็นลูกกลมๆนะลูก อย่าให้ใหญ่เกินอย่าให้เล็กเกิน”หนูแสนทำตามที่แม่บอกอย่างตั้งใจ เมื่อแรกยังกะขนาดไม่ได้ผลจันทน์ที่ได้จึงลูกใหญ่นักต้องปั้นใหม่อยู่ 2-3 ครั้ง พอแป้งของหนูแสนเย็นหนูแสนจึงหันไปปั้นของตัวเองได้มาเกือบสามสิบลูก พอปั้นเสร็จคุณพะยอมก็ให้หนูแสนเอาน้ำตาลปี๊บที่เคี่ยวจนเหนียวทำเป็นขั้ววงกลมแปะติดตรงกลางลูกจันทน์ที่ปั้นเตรียมไว้แล้วกดลงไปจนผลกลมๆกลายเป็นลูกจันทน์ผลแป้นแสนน่ารักสีน้ำตาลเข้มเงาวับตัดกับสีเหลืองสวยจากผลจันทน์สร้างรอยยิ้มให้หนูแสนไม่น้อย คุณพะยอมช่วยลูกเอาขนมเรียงใส่โหลจุดเทียบอบแล้วปัดจนเทียบดับเกิดควันแล้วปิดฝาทันที

 

            “ถ้าใช้ไข่ไก่สีจะอ่อนแต่ถ้าใช้ไข่เป็ดสีจะสวยกว่าแต่กลิ่นก็จะคาวกว่า”คุณพะยอมบอกเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆให้ลูก หนูแสนช่วยบ่าวหยิบจับทำนู่นนิดนี่หน่อยก็ได้เวลาทานข้าวเช้า คุณพะยอมแยกไปตระเตรียมสำรับขึ้นตึกใหญ่เพื่อให้คุณก๋งกับอาม่าที่ชราภาพมากแล้วก่อนจากนั้นบรรดาบ่าวจึงทยอยกันนำอาหารเช้าขึ้นโต๊ะ เกือบแปดโมงเจ้าสัวเช็งกับคุณเสนจึงลงมา

 

            “ว่าอย่างไรเจ้าตัวดีเข้าไปป่วยแม่เขาที่ครัวอีกแล้วรึ”เจ้าสัวเช็งในวัยหกสิบปีเอ่ยถามลูกชายตัวน้อยที่วิ่งเข้ามากอดอุ้มลูกที่เริ่มตัวโตขึ้นทุกวันมานั่งอก หนูแสนยกมือคล้องแขนพ่อไว้พลางเอียงหน้าซบลงบนไหล่ของผู้เป็นบิดา

 

            “หนูแสนเปล่าซนนะคะ หนูแสนทำขนมมาให้คุณเตี่ยกับคุณพี่เสนทานก่อนไปทำงานด้วย”เจ้าตัวดีรับจานขนมที่ถูกจัดอย่างละนิดอย่างละหน่อยมาไว้ตรงหน้าพ่อ

 

            “น่ากินจังลูก แต่หนูแสนเมื่อไหร่จะเลิกพูดคะขาซักทีล่ะลูก เจ้าเป็นผู้ชายมาพูดคะพูดขาเตี่ยว่ามันเข้าท่า”

 

            “แต่คุณเล็กเรือนนู้นก็พูดนี่คะ”หนูแสนเอ่ยแย้ง เจ้าสัวเช็งส่ายหน้า

 

            “เป็นผู้ชายก็ต้องพูดครับสิคุณเล็กเธอจะพูดอะไรก็เป็นเรื่องของคุณเล็ก หนูแสนสิบขวบแล้วอีกไม่กี่ปีก็เป็นหนุ่ม”

 

            “หนูแสนไม่อยากเป็นหนุ่มนี่คะ...เอ่อครับ”เด็กน้อยรีบเปลี่ยนคำท้ายเมื่อเห็นแววตาดุๆของผู้เป็นบิดา

 

            “ไม่มีใครไม่โตหรอกลูกเอ๋ย ถ้าไม่โตหนูแสนจะต้องไปโรงเรียนทำไมจริงมั้ยลูก พอหนูแสนโตก็จะได้ไปช่วยเตี่ยกับพี่เสนทำงานที่ห้างไม่ดีหรอกหรือ”

 

            “โธ่ คุณพี่คะลูกยังเล็กอย่าเอาเรื่องหนักสมองมาใส่ลูกเลยค่ะ มาเถอะเช้านี้ฉันทำข้าวต้มเครื่อง เห็นบ่นอยากกินมาหลายวัน”คุณพะยอมดึงลูกให้กลับไปนั่งที่ เพราะเจ้าสัวเช็งเป็นคนหัวสมัยใหม่ในบ้านจึงมีห้องอาหารที่นั่งโต๊ะแบบฝรั่ง

 

            “แล้วนี่แม่สนจะกลับมากี่โมงกี่ยาม”

 

            “น่าจะบ่ายๆค่ะ”

 

            “ลูกคนนี้ก็แปลกคนชอบอยู่กับตากับยายมากกว่าอยู่กับพ่อกับแม่”

 

            “คุณพ่อท่านรักของท่านก็เว้นไว้ซักคนเถอะค่ะ รีบทานข้าวเถอะกำลังร้อนๆ”คุณพะยอมตัดบทเมื่อเห็นว่าเจ้าสัวเช็งทำท่าจะบ่นลูกสาวคนเดียวให้ยืดยาวอีก

 

หลังจากส่งเจ้าสัวเช็งกับคุณเสนเรียบร้อยแล้วคุณพะยอมก็จัดแจงนำขนมมงคลทั้ง 9 อย่างที่จัดใส่พานสวยงาม 9 พาน ลงเรือเพื่อเดินทางไปบ้านเจ้าคุณยุทธนา

 

            “ไม่ไปกับแม่จริงๆเหรอหนูแสน”

 

            แม่ไปเถอะจ้า งานมีแต่ผู้ใหญ่หนูแสนไม่รู้จะเล่นกับใคร ฟังก็ไม่รู้เรื่องหนูแสนง๊วงง่วงจ้า”เจ้าตัวน้อยทำปากยู่อย่างน่ารักจนคุณพะยอมอดหัวเราะออกมาไม่ได้

 

            "ดูลูกคนนี้เถอะทะเล้นนัก ไม่ไปก็ไม่ไป หนูแสนอยูเรือนอย่าไปเล่นซุกซนที่ไหนนักล่ะ จะไปไหนให้เรียกนายมีให้ไปด้วยทุกครั้งนะรู้มั้ย ส่วนกับข้าวเย็นแม่จะให้ยายแช่มเตรียมไว้ให้”

 

            “เข้าใจแล้วจ้าแม่”หนูแสนรับคำของแม่ส่งแม่ลงเรือพอลับตาเจ้าตัวน้อยก็วิ่งปรู้ดเข้าครัวร้องเรียกนายมีไปด้วย

 

            “นายมี นายมีจ๋าอยู่ไหนจ๊ะหนูแสนจะไปเรือนคุณเล็กยกถาดขนมให้หนูแสนทีจ้า”

 

 

“เมื่อวานคุณเล็กคิดว่าหนูแสนจะมาทานข้าวเย็นด้วย ทำไมส่งมาแค่อาหารล่ะคะ”ทันทีที่เห็นเจ้าตัวขาวเดินเข้ามาในศาลาริมน้ำคุณเล็กก็เอ่ยถามเสียงตึงจนเจ้าตัวน้อยต้องรีบส่งยิ้มหวานประจบ

 

            “คุณเล็กโกรธหนูแสนเหรอ ขอโทษได้มั้ยคะพอดีคุณเตี่ยกลับเร็วมะรืนจะไปจีนอีกแล้วหนูแสนเลยต้องอยู่ทานข้าวพร้อมคุณเตี่ยค่ะ นี่คุณเล็กอ่านหนังสืออยู่เหรอคะ หยุดอ่านก่อนเถอะค่ะหนูแสนเอาขนมมาให้ลองชิม”หนูแสนดึงหนังสือเล่มหนาในมือของคุณเล็กออก ยู่ปากเมื่อตัวอักษรที่เห็นเป็นภาษาที่ตนเองอ่านไม่ออก

 

            “อ่านหนังสือฝรั่ง ไม่ยากเหรอคะ”คุณเล็กยอมวางหนังสือลงในขณะที่นายมีเอาถาดขนมใบเล็กมาวางลงบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้า ขนมในถาดเก้าชนิดดูน่าทาน

 

            “คุณน้าพะยอมจัดขนมไปช่วยงานอีกแล้ว คราวนี้หนูแสนทำอะไรคะ”คุณเล็กถามอย่างรู้ทันเพราะทุกครั้งที่บ้านหนูแสนทำขนมไปช่วยงานหนูแสนก็จะนำมาฝากตลอดแต่เจ้าตัวจะบอกว่าวันนี้ทำขนมชนิดไหน

 

            “วันนี้หนูแสนทำเสน่ห์จันทน์ค่ะ”เจ้าตัวน้อยเลื่อนเสน่ห์จันทน์ลูกสวยให้คุณเล็ก

 

           " น้ำข้าวตูค่ะคุณแม่ทำไว้เมื่อเช้าหอมชื่นใจดี”คุณเล็กรับแก้วน้ำที่นายพันนำมาให้ยื่นให้หนูแสน ในแก้วมีน้ำแข็งก้อนลอยอยู่ หนูแสนยิ้มอย่างชอบใจ

 

            “เรือจากสิงคโปร์มาแล้วเหรอคะ ดีจริง”เพราะสมัยนั้นการจะมีน้ำแข็งกินต้องสั่งจากสิงคโปร์กว่าจะมาถึงสยามจากก้อนใหญ่ๆก็เหลือเพียงก้อนเท่าชามข้าว จะมีก็เฉพาะบ้านผู้มีอันจะกินเท่านั้นถึงจะมีโอกาสได้กินน้ำใส่น้ำแข็งชื่นใจซึ่งหนูแสนชอบนัก

 

            “มาแล้วค่ะ คราวนี้ได้ขนมฝรั่งมาหลายอย่าง เดี๋ยวหนูแสนขึ้นไปเล่นบนเรือนสิคะคุณเล็กจะเอาให้ แล้วก็ถ้าทานข้าวคนเดียวแล้วเหงามาทานข้าวกับคุณเล็กมั้ยคะ เจ้าคุณพ่อกับคุณแม่ก็ไปงานบ้านเจ้าคุณยุทธนาเช่นกัน”

 

            “แต่ยายแช่ม...”หนูแสนทำหน้าครุ่นคิดเพราะวันนี้ยายแช่มจะเป็นคนทำกับข้าวให้กินถ้าไม่อยู่กินแกก็จะงอนเอาได้ แม้จะเป็นบ่าวแต่หนูแสนก็รักและเคารพเสมอเหมือนญาติสนิทคนหนึ่ง

 

            “ถ้าอย่างนั้นคุณเล็กรบกวนขอฝากท้องที่เรือนหนูแสนซักมื้อได้หรือไม่คะ”หนูแสนยิ้มรับทันที คุณเล็กเห็นรอยยิ้มนั้นก็พอใจตักขนมเสน่ห์จันทน์เข้าปาก รสหวานละมุนลิ้นกับความหอมของเทียนอบและผงจันทน์ป่นเข้ากันได้ดีกับความมันของกะทิทั้งหมดผสมผสานกันในคำเดียวความหวานที่ไม่หวานจัดอย่างขนมไทยทั่วไปทำให้คุณเล็กตักอีกลูกเข้าปาก

 

            “อร่อยมั้ยคะ? หนูแสนปรับใส่น้ำตาลให้น้อยลงเพราะคุณเล็กไม่ชอบหวานมาก”

 

            “อร่อยค่ะ หวานกำลังดีให้คุณเล็กทานหมดนี่ยังได้”

 

            “กินหมดนี่ก็จุกจนกินข้าวไม่ลงน่ะสิคะ..เอ้อ..ครับ”อยู่ๆหนูแสนก็เปลี่ยนคำลงท้ายสีหน้าอึดอัดเกิดขึ้นอย่างปิดไม่มิด คุณเล็กขมวดคิ้วทันที

 

            “ทำไมพูดครับล่ะหนูแสน มีอะไรหรือเปล่าคะ?”

 

            “คุณเตี่ยบอกว่าหนูแสนเป็นเด็กผู้ชายไม่ควรพูดคะขา”

 

            “ก็เลยจะไม่พูดกับคุณเล็กด้วย?”หนูแสนพยักหน้ารับ คุณเล็กส่งเสียงหัวเราะบางๆก่อนจะใช้ฝ่ามือโคลงหัวเจ้าตัวเล็กเล่นอย่างเบามือ

 

            “หนูแสนก็ไม่ต้องไปพูดคะขากับใครสิคะ มาพูดกับคุณเล็กคนเดียวก็พอ”

 

 

 

 

.....................................................

 

 

 

ใส่ปุ๋ยเร่งโตจะได้โตไวๆ

 

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ทุกกำลังใจเลยนะคะ ทุกครั้งที่เราเริ่มเรื่องใหม่มีความกลัวซ่อนอยู่ว่าจะไม่มีคนอ่านไม่มีคนชอบ แต่เห็นแม่ๆมาเอ็นดูหนูแสนเราก็ใจชื้นค่ะ

 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-05-2019 09:44:02 โดย thanatcha »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ tasteurr

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 573
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-0
โถ คุณเล็ก แค่น้องแสนบอกจะกลับบ้านก็รีบขึ้นจากน้ำ น้องไม่มากินข้าวก็งอน หลงน้องมากใช่ไหมคะ
 :pig4:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 611
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
หนูแสนน่ารักเหลือเกินลูกก
คุณเล็กแง่งอนได้น่าเอ็นดูวว  :o8:

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ได้กลิ่นขนมหวานๆของหนูแสนลอยมาถึงนี่เลยค่ะ

น่ารักจังเลย ต่อไปพอโตแล้ว คุณเตี่ยอย่าบังคับหนูแสนมากนะ คนอ่านหวง 55

คุณเล็กก็ดีค่ะ เห็นแววคุณชายหล่อๆ ทะเล้นๆ ซนๆ

ชอบที่เค้าพูดคะขากัน เป็นผู้ดีสมัยก่อนจริงๆ แต่ติดเวลาหนูแสนพูดจ้ากับแม่
ถ้าสลับไปใช้เสียงสั้นแบบ จ้ะ น่าจะอ่านได้ลื่นกว่านี้ค่ะ  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2



ตอนที่ ๓




                หนูแสนมองคุณสนที่ออกฤทธิ์กับบ่าวในบ้านด้วยสีหน้าเรียบตึง เด็กน้อยเรียนรู้ที่จะไม่แสดงอารมณ์ใดใดออกมาต่อหน้าผู้เป็นพี่สาว หลังจากคุณเตี่ยและคุณพะยอมออกจากบ้านเพื่อไปดูร้านผ้าแถวพาหุรัดคุณสนก็เริ่มออกฤทธิ์ เมื่อเห็นว่าอาหารที่ถูกตั้งขึ้นโต๊ะส่วนใหญ่เป็นของโปรดของหนูแสน ความอิจฉาริษยาที่มีต่อคนเป็นน้องตั้งแต่น้องเกิดมักจะถูกระเบิดขึ้นยามที่บุพการีทั้งสองและคุณเสนพี่ชายคนโตไม่อยู่บ้าน ความอิจฉาที่กัดกินหัวใจของคุณสนมาตั้งแต่เล็กจนโตทวีมากขึ้นทุกวัน เมื่อหนูแสนเหมือนจะรับแต่สิ่งดีๆมาจากผู้เป็นมารดา ทั้งหน้าตา ผิวพรรณ กริยามารยาทที่ใครๆต่างก็พากันเอ่ยปากชื่นชมทั้งๆที่หล่อนก็พยายามแล้วที่จะทำตัวให้โดดเด่นให้ทุกคนเห็นว่าหล่อนเองก็มีตัวตนอยู่ตรงนี้ แต่ทุกคนก็มองข้ามหล่อนไป



คนที่ไม่เป็นที่รัก พยายามให้ตายก็ไม่เป็นที่รักอยู่วันยันค่ำ



หล่อนเอาความผิดหวังความโกรธเกรี้ยวมาลงกับน้องคนเล็กที่พยายามเข้าหาพยายามทำดีกับหล่อน



ถ้าไม่มีหนูแสนซักคนหล่อนก็ไม่ต้องถูกเปรียบเทียบ



หนูแสนเกิดมาเพื่อเหยียบหัวหล่อนขึ้นไปเป็นที่รักของทุกคนโดยที่หล่อนไม่มีใครรักเลย แม้แต่บ่าวไหร่ก็ไม่อยากจะเข้าหาหล่อน จะเรียกใช้แต่ละทีต้องรอให้ทุกคนมาเอาอกเอาใจหนูแสนให้เสร็จก่อนอยู่บ่อยครั้ง



คุณสนเกลียด



แม้ไม่อยากเกลียดเพราะหนูแสนเองก็เป็นน้อง แต่ความรู้สึกมันห้ามกันไม่ได้ จะให้แสร้งทำเป็นรัก หล่อนก็ไม่อยากจะฝืนใจตัวเอง



                “พวกมึงลืมไปแล้วรึไงว่าเรือนนี้มีกูอยู่ด้วยอีกคน ของที่กูชอบไม่เคยมีขึ้นโต๊ะ อะไรๆก็ของโปรดหนูแสน”คนเป็นพี่ตวัดตามองน้องเล็กด้วยแรงริษยาที่สะสมมานานปี คุณสนมักจะวางอำนาจกับน้องยามที่พ่อแม่ไม่อยู่ ครั้งนี้ก็เช่นกัน



                “มองอะไร เธอไม่พอใจอะไรพี่รึหนูแสน?”หล่อนเลิกคิ้วสูงกดเสียงต่ำจ้องหน้ากดดันคนเป็นน้อง



                “เปล่าครับ”หนูแสนหลบตาผู้เป็นพี่สาวเขี่ยข้าวในจานที่ยังไม่พร่องลงไปซักเม็ด



                “เหมือนกันหมด ทั้งนายทั้งขี้ข้า สุมหัวกันเอาอกเอาใจกันตั้งแต่เกิดจนโตเป็นควายแล้วก็ยังจะพะเน้าพะนอ อย่าลืมบ้านหลังนี้ยังมีกูเป็นนายอีกคน”คนสนหยิบชามแกงจืดลูกรอกขึ้นมาแล้วเขวี้ยงไปทางยายแช่มที่ยืนก้มหน้าหลบตาอยู่แตกกระจัดกระจายจนหญิงชราร้องวี้ด



                “ตายแล้วคุณสน ทำไมทำอย่างนี้ล่ะเจ้าคะ”



                “ทำไม? ทำไมจะทำไม่ได้ ก็กับข้าวนี่ฉันไม่ชอบ ยายแช่มก็ไปทำมาใหม่จนกว่าฉันจะชอบ รู้หรือเปล่าว่าฉันชอบกินอะไรไม่ชอบกินอะไร ฉันเบื่อเต็มกลืนที่ต้องฝืนกินกับข้าวที่หนูแสนชอบ”



                “โธ่ คุณเจ้าขา กับข้าวกับปลาก็ทำๆเวียนกันมาทุกวันนี่เจ้าคะ”ยายแช่มช้อนตามองคุณสนตอบเสียงอ่อย



                “ไม่รู้แหละ ยังไงฉันก็ไม่กินกับข้าวชุดนี้ ไปทำมาใหม่ เสร็จแล้วยกขึ้นไปให้ฉันที่ห้องฉันคร้านจะร่วมโต๊ะกับหนูแสนเกลียดขี้หน้าเต็มทน”คุณสนปาผ้าเช็ดมือลงบนโต๊ะแล้วเดินสะบัดหน้าขึ้นห้องโดยไม่สนใจน้องเล็กที่นั่งน้ำตาปริ่มเลยซักนิด ยายแช่มรีบเข้ามากอดปลอบคุณหนูคนเล็กอย่างแสนห่วง



หนูแสนก็เพิ่งจะ ๑๒ ขวบ แถมเป็นลูกหลงไม่แปลกเลยที่ใครๆจะพะเน้าพะนอ อีกทั้งกริยามารยาทคำพูดคำจาจ๊ะจ๋าแสนจะน่ารัก ไม่ว่าใครก็ต้องทั้งรักทั้งหลงด้วยกันทั้งนั้น



                “ไม่เป็นไรนะคุณเจ้าขา เดี๋ยวยายแช่มไปทำกับข้าวให้คุณพี่ หนูแสนทานข้าวไปนะคะ”



                “หนูแสนขอไปเรือนคุณเล็กได้มั้ยจ๊ะยายแช่ม เย็นๆหนูแสนจะกลับมาให้ทันคุณเตี่ยกับแม่กลับมาแน่ๆจ้า”เด็กน้อยช้อนตาขึ้นอ้อนร้องบอกความต้องการของตนเอง



                “รับข้าวให้อิ่มก่อนไม่ดีกว่าหรอกรึเจ้าคะ”



                “หนูแสนทานไม่ลงแล้วค่ะ ให้หนูแสนไปนะคะแล้วจะรีบกลับมา”เจ้าตัวน้อยกอดเอวหนาของยายแช่มแน่นเอ่ยคำพูดคำจาออดอ้อนจนหญิงชราใจอ่อน ใครล่ะจะไปขัดใจคุณเขาได้ลงคอ ลองได้จ๊ะจ๋า คะขาใส่แบบนี้ใจอ่อนทุกคน



                “ถ้างั้นก็ไปเถอะเจ้าค่ะทางนี้ยายแช่มจัดการเอง เดินระวังนะเจ้าคะปะเดี๋ยวเศษชามจะบาดเท้าเอาได้ อีเฟืองเก็บกวาดให้เรียบร้อยเดี๋ยวข้าจะไปทำกับข้าวให้คุณบนเรือนเธอใหม่”ยายแช่มคลายกอดจากเจ้าตัวน้อยหันไปสั่งงานบ่าวไพร่คนอื่น หญิงชราร่างท้วมเดินออกจากห้องอาหารส่งเสียงร้องเรียกนายมีพี่เลี้ยงของหนูแสนเสียงดังลั่นไปทั่วคุ้งน้ำ ไม่นานนายมีก็เข้ามารับหนูแสนไปเรือนคุณเล็ก



                “นายพัน คุณเล็กอยู่ที่ไหนจ๊ะ”หนูแสนเอ่ยถามยามไม่เห็นคุณเล็กนั่งอ่านหนังสือหรือซ้อมดนตรีที่ศาลาริมน้ำเหมือนเช่นที่เห็นทุกวัน



                “คุณเล็กอยู่บนเรือนใหญ่ขอรับ คุณหนูจะนั่งรอหรือขึ้นไปหาที่เรือนดี”



                คุณเล็กอยู่เรือนใหญ่มีอะไรหรือเปล่านายพัน”หนูแสนเอ่ยถามอย่างสงสัย ปกติถ้าเป็นเวลาว่างไม่ต้องไปเรียนคุณเล็กจะชอบนั่งทำกิจวัตรประจำวันอยู่ที่นี่นอกจากเจ้าคุณสรอรรถผู้เป็นพ่อเรียกไปคุยด้วยธุระสำคัญ



                “หนูแสนรอที่นี่ดีกว่า นายพันมีอะไรก็ไปทำเถอะ”หนูแสนนั่งลงบนพื้นไม้หยิบหนังสือที่คุณเล็กอ่านอยู่เป็นประจำขึ้นมาอ่านรอ เป็นนิทานภาพจากเมืองอังกฤษที่คุณเล็กได้เป็นของขวัญจากคุณใหญ่ส่งมาให้หลังเดินทางไปเรียนการทหารที่นั่น คุณเล็กมักอ่านให้หนูแสนฟังอยู่บ่อยๆ  หนูแสนนั่งสะกดภาษาอังกฤษในหนังสือทีละคำพลางดูรูปภาพประกอบอย่างไม่รู้เบื่อ พอนานเข้าก็ชักง่วงด้วยอากาศเย็นจากลมรำเพยในที่สุดเด็กชายตัวบางก็ค่อยๆเอนซบกับโต๊ะไม้ตัวเตี้ยและปิดเปลือกตาลงในที่สุด



                “พัน คุณแสนมานานหรือยัง”ร่างสูงก้าวขึ้นมานั่งเคียงข้างเจ้าตัวน้อยที่นั่งหลับทับแขนตัวเอง หนังสือกางวางกองอยู่บนโต๊ะ นายพันทิ้งงานในมือรีบเข้ามารายงานเจ้านายน้อยที่บัดนี้เป็นหนุ่มอายุ ๑๗ ปี โครงหน้าแบบเด็กชายในวันก่อนแปรเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มรูปงาม ดวงตาเรียวรี คิ้วโค้งรับกับจมูกโด่งสวย ริมฝีปากที่แดงโดยธรรมชาติมักเอื้อนเอ่ยคำหวานกับเจ้าตัวน้อยนั่นแย้มยิ้มด้วยความเอ็นดู อดไม่ได้ที่จะลูบผมนุ่มมองแพขนตาหนาที่ปิดสนิทด้วยความเอ็นดู



                “มาได้ครูใหญ่แล้วขอรับ ตอนมาดูเธอตาแดงๆด้วยขอรับ”



                “ท่าจะโดนคุณพี่ดุมาอีกแล้วล่ะสิ พันจะไปไหนก็ไปเถอะ”คุณเล็กเอ่ยปากไล่คนสนิทก่อนจะดึงร่างน้อยของน้องให้มานอนหนุนตัก หนูแสนเมื่อเจอความอบอุ่นก็เบียดตัวเข้าหาขยับตัวหาท่าทางที่สบายที่สุดแล้วจึงนิ่งไป คุณเล็กหัวเราะเบาๆยามเห็นเจ้าตัวน้อยแก้มยู่ไปกับตัก หยิบเอาตำราเรียนขึ้นมาอ่าน หัวคิ้วสวยขมวดมุ่นหลุบตามองหนูแสนอีกครั้ง



                “หากต้องไปอยู่ไกลคุณเล็กต้องคิดถึงหนูแสนมากแน่ๆเลยค่ะ”







 

 

            หนูแสนขยับตัวก่อนจะเปิดเปลือกตาขึ้นเมื่อท้องร้องจนเจ้าของตักที่นอนหนุนหัวเราะออกมาเบาๆ เด็กน้อยรีบลุกขึ้นนั่งยกหลังมือเช็ดมุมปากเผื่อมีคราบน้ำลายเปรอะให้ได้อาย



            “สะอาดดีค่ะน้ำลายไม่ยืด”



            “คุณเล็กไปนาน”หนูแสนร้องออดหาข้ออ้างถึงเหตุผลที่ตัวเองต้องมาหลับอยู่ตรงนี้



            “พอดีเจ้าคุณพ่อเรียกไปคุยค่ะเลยนาน”คุณเล็กเลื่อนแก้วน้ำมะตูมที่บ่าวทยอยนำของว่างมาให้เจ้านายทั้งสองก่อนจะตักช่อม่วงลงจานเล็กให้หนูแสน



            “ชิมช่อม่วงดูสิคะ คุณแม่ลงครัวเองตั้งแต่บ่าย”



            “แหม กลีบดอกงามจริงค่ะ หนูแสนทำไม่ยักสวยแบบนี้”หนูแสนตักช่อม่วงเข้าปากรสกลมกล่อมที่อวลในปากทำเอาเจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มยิ้มออกมาได้ คุณเล็กเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้นก็พลอยยิ้มตามอย่างอดไม่ได้



            “แล้วนี่หนูแสนมาทำไมคะ วันนี้แปลกไม่ยักมีขนมติดมือมา”



            “หนูแสนลี้ภัยค่ะ คุณพี่สน...”หนูแสนเงียบเสียงไปถอนหายใจเฮือกใหญ่



            “เธอหงุดหงิดใส่อีกแล้วสิท่า”



            “ค่ะ หนูแสนหิ๊วหิว ข้าวยังไม่ทันได้ทานเลยค่ะต้องรีบหลบออกมาก่อน”



            “งั้นก็ทานของว่างไปก่อนค่ะ หมูโสร่งกับล่าเตียงนี่ก็อร่อย วันนี้อยู่เรือนทั้งสองท่านเลยได้เครื่องว่างมาทานรองท้อง”คุณเล็กเลื่อนจานใส่หมูโสร่ง ล่าเตียง รวมทั้งกระทงทองและเมี่ยงกลีบบัวไปไว้ตรงหน้าหนูแสน



            “ว่าแต่คุณเล็กขึ้นเรือนไปคุยกับคุณลุงเรื่องอะไรคะ หนูแสนดูรูปในสมุดภาพรอจนหลับ”คุณเล็กชะงักไปกับคำถามนั้น



            “หนูแสนทานให้อิ่มก่อนค่ะเดี๋ยวคุณเล็กจะบอก”เด็กหนุ่มยื่นข้อต่อรองให้เจ้าน้องน้อยซึ่งหนูแสนก็ทำตามแต่โดยดี



สำหรับคุณเล็กแล้วหนูแสนเป็นเด็กหัวอ่อน ว่านอนสอนง่ายผิดกับคุณน้อยน้องสาวคนเล็กลูกคนละแม่ รายนั้นติดจะเอาแต่ใจอีกทั้งยังเป็นเด็กผู้หญิงจึงไม่ค่อยสนิทใจกันนักที่จะเล่นหัวกับน้องสาวเช่นที่เล่นกับหนูแสน ใช้เวลาไม่นานก็อิ่ม เพราะถึงแม้จะเป็นของว่างกินรองท้องแต่หนูแสนยังเด็กจึงทานได้น้อย คุณเล็กเรียกให้นายพันมายกสำรับออกไปรอจนหนูแสนดื่มน้ำเช็ดปากเรียบร้อยแล้วจึงได้เอ่ยปากพูดออกมา



            “หนูแสนอีกสามเดือนคุณเล็กจะไม่อยู่แล้วนะคะ”หนูเสนเงยหน้ามองคุณเล็กทันที ดวงตากลมโตจับจ้องใบหน้าของคุณเล็กมิได้ละไปไหน



ใจดวงน้อยเต้นแรงจนอึดอัดไปทั้งทรวง หนูแสนไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไรแต่หนูแสนเดาว่ามันคือความรู้สึก “ใจหาย”



            “เจ้าคุณพ่อท่านเรียกไปคุย ท่านบอกว่าคุณเล็กเอ้อระเหยมานานปีสมควรแก่เวลาที่จะไปเรียนต่อเหมือนพี่ใหญ่กับพี่รองได้แล้ว”



            “ต้องไปที่ไหนคะ? ลอนดอนหรือรัสเซีย?”หนูแสนนั้นทราบดีว่าคุณพี่ทั้งสองของคุณเล็กไปเรียนด้านการทหารเพื่อกลับมารับราชการรับใช้แผ่นดิน คุณเล็กส่ายหน้าน้อยๆ



            “คุณเล็กจะไปฝรั่งเศสค่ะ จะไปเรียนด้านกฎหมาย คุณเล็กเบื่อการทหารเต็มที บ้านนี้มีทหารเยอะแล้วค่ะ”



            “จะไปนานมั้ยคะ...”ที่สุดหนูแสนก็เอ่ยถามสิ่งที่อยู่ในใจ



หากคุณเล็กไปแล้วหนูแสนคงจะเหงาน่าดู เพราะนอกจากคุณเล็กที่หนูแสนสนิทด้วยแล้วลูกบ่าวไพร่คนอื่นๆเขาก็จับกลุ่มเล่นกันเองไม่มีใครกล้าเล่นกับหนูแสนนัก



ตั้งแต่จำความได้หนูแสนก็มีคุณเล็กเป็นทั้งพี่ เป็นทั้งเพื่อน เป็นที่หลบภัยที่พักใจมาตลอดสิบสองขวบปี ไม่ว่าจะเดินมาหาคราวใดไม่เคยที่จะไม่เจอคุณเล็ก หิวก็หาข้าวหาปลาให้กิน ครั้นเริ่มเรียนอ่านเขียนก็ใจเย็นยิ่งกว่าน้ำคอยสอนไม่เคยตวาดตะคอกให้ต้องขวัญเสียเหมือนคุณสน ยามเล่นแม้จะอายุเยอะกว่าก็ไม่เคยถือตัวยอมนั่งเล่นกับหนูแสนได้ครั้งละนานๆ ยามลี้ภัยจากอารมณ์ผู้เป็นพี่สาวก็ได้คุณเล็กคอยปลอบให้คลายเศร้าหายกลัว



บัดนี้ที่พึ่งทางใจของหนูแสนกำลังจะเดินทางไปยังที่ไกลแสนไกล ไกลจนหนูแสนวิ่งมาหาเช่นทุกวันนี้ไม่ได้แล้ว



            “อย่าทำหน้าเศร้าแบบนี้สิคะ หนูแสนทำให้คุณเล็กไม่อยากไป”



            “สามเดือนสั้นแป๊บเดียวเองค่ะ ถ้าคุณเล็กไปหนูแสนคงคิดถึงแย่”คนเด็กกว่าทำหน้าหงอยจนคุณเล็กอกหัวเราอย่างเอ็นดูไม่ได้



            “อย่ามาขำหนูแสนสิคะ สามเดือนแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวคุณเล็กก็ไปแล้ว”เจ้าตัวน้อยทำตาละห้อย คุณเล็กยกมือขึ้นลูบเรือนผมนุ่มนิ่มนั้นอย่างเอ็นดู



            “คุณเล็กจะรีบไปรีบกลับ”ลิขิตพูดเสียงนุ่มหากทว่าคำพูดของเด็กหนุ่มนั้นมีแววหนักแน่นอยู่ในที



            “ไปอยู่ที่นู่นคุณเล็กคงคิดถึงหนูแสนทุกวันเหมือนกัน”เอ่ยบอกความนัยหากแต่เจ้าตัวน้อยกลับเข้าใจไปในแบบของเด็กๆ



            “ไปอยู่นู่นคงไม่มีเพื่อนเล่นแบบหนูแสนล่ะสิคะ”



            “ใช่เสียที่ไหนเล่า เด็กน้อย”คุณเล็กเคาะหัวหนูแสนไปเสียทีหนึ่ง



            “ซื่อบื้อ”แถมปรามาสไปอีกคำ



            “อ๊าว คุณเล็กมาว่าหนูแสนทำไมคะเนี่ย แถมมาเขกมะเหงกใส่หนูแสนอีก ขวางเสียจริง”เจ้าตัวเล็กทำเสียงฮึในลำคอแล้วแสร้งตีหน้างอใส่ เพียงเท่านั้นคุณเล็กก็รีบลูบหัวลูบหลังง้องอนคนที่กำลังกระฟัดกระเฟียด



            “โอ๋ๆ คุณเล็กหยอกเล่นค่ะ ไหนดูซิ หนูแสนอ่านนิทานไปถึงไหนแล้ว”พอเห็นว่าน้องน้อยจะงอนจริงๆก็ต้องรีบหาเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจ และแน่นอนเด็กกับนิทานย่อมเป็นของคู่กัน หนูแสนตั้งใจฟังคุณเล็กอ่านเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงฉะฉานแล้วแปลเป็นภาษาไทยให้หนูแสนฟัง ทั้งสองอยู่เล่นอยู่คุยกันจนเกือบเย็นคุณเล็กจึงได้เดินพาหนูแสนมาส่งที่รั้วบ้าน



            “อาบน้ำอาบท่าแล้วกินข้าวให้อร่อยนะคะ”คุณเล็กโบกมือลาหนูแสนที่มีนายมีคอยดูแลยืนรอจนร่างน้อยกลับเข้าไปในเรือนจึงได้หมุนตัวกลับ



อดใจหายมิได้เลยสักนิด อีกหน่อยจะไม่ได้เดินมาส่งหนูแสนแบบนี้อีกหลายปี



ช่วงเวลาที่ต้องแยกจากกันหนูแสนจะเติบโตอย่างเข้มแข็งพอที่จะต่อกรกับพี่สาวอารมณ์ร้ายได้หรือเปล่าก็ไม่รู้



หนูแสนอ่อนโยนเกินไป หัวอ่อนและยอมคนง่าย หากโตไปแล้วยังเป็นอย่างนี้อยู่หนูแสนจะถูกรังแกและเขาเองก็อยู่ไกลเกินกว่าจะมาปกป้องหรือปลอบโยนได้อีก



คุณเล็กเกลียดความห่างไกลแต่ไม่ไปก็ไม่ได้



เด็กหนุ่มไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นห่วงหนูแสนนักหนาอาจจะเป็นเพราะความผูกพันที่มีให้กันมาตั้งแต่ยังเยาว์



เด็กดีอย่างหนูแสนน่ะควรค่าแก่การได้รับความรักจากทุกคนอยู่แล้ว คุณเล็กเองก็หวังว่าวันหนึ่งคุณสนจะมองเห็นความดีของน้องคนเล็กลดความเกรี้ยวกราดลงบ้างซักนิดก็ยังดี



บางทีหากวันหนึ่งได้เจอผู้ชายที่คู่ควรแล้วออกเรือนไปนั่นก็จะยิ่งดีต่อตัวหนูแสนเอง

 

          “กลับมาได้แล้วรึพ่อตัวดีหายหัวไปตั้งแต่เที่ยงยันเย็นไม่รอให้ตะวันตกดินก่อนลุถึงค่อยกลับ คราวหลังไม่หอบผ้าหอบผ่อนไปนอนที่เรือนนู้นเสียเลยล่ะ”หนูแสนที่กำลังย่องเข้ามาในเรือนถึงขั้นสะดุ้งโหยง เมื่อมองไปยังต้นเสียงก็เห็นคนสนนั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้ของเจ้าสัวเช็งหล่อนตบพัดเก็บก่อนจะวางปึงจนเกิดเสียง



            “คุณเตี่ยกับแม่ยังไม่กลับหรือคะ?”เสถามไปถึงพ่อแม่แต่คุณสนกับทำเพียงปรายตามอง



            “ทำไม เธอหาตัวช่วยเหรอ พี่ไม่ใช่ยักษ์ไม่ใช่มารไม่ต้องทำท่ากลัวขนาดนั้นก็ได้ คุณเตี่ยกับคุณแม่ให้คนมาบอกว่าจะนอนค้างบ้านที่บางลำพู”



            “อ่อค่ะ”หนูแสนรับคำ เกิดความเงียบขึ้นระหว่างพี่น้องจนคุณสนถอนหายใจใส่



            “จะไปไหนก็ไปไป๊ รกหนูรกตาจริง”หล่อนเอ่ยปากไล่แล้วหันไปสนใจกับกล่องเครื่องประดับที่เอาออกมาเลือกเพื่อใส่ให้เข้ากับชุด หนูแสนลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ลองคุณพี่ไม่ทำเสียงเกรี้ยวกราดใส่ก็แปลว่ากำลังอารมณ์ดีหนูแสนก็ไม่ต้องโดนดุโดนตีให้เจ็บตัว เจ้าตัวน้อยค้อมกายเดินผ่านผู้เป็นพี่สาวขึ้นบันได อดที่จะเหลียวกลับไปมองไม่ได้



คุณพี่สนสวย นั่นคือความรู้สึกของหนูแสน เธอเป็นคนแต่งตัวได้ดูดีทุกกระเบียดนิ้วยามหยิบเสื้อผ้าชุดใดขึ้นมาสวมใส่มักจะเลือกเครื่องประดับมาสวมจนโดดเด่นขึ้นมาเป็นที่เลื่องลือทั่วพระนครว่าธิดาเพียงคนเดียวของเจ้าสัวเช็งนั้นมีหัวทางด้านแฟชั่น ผิดกับหนูแสนซึ่งถ้าไม่ได้ออกไปข้างนอกก็ใส่เพียงกางเกงแพรและเสื้อป่านคอกลมอยู่กับบ้านไม่ได้ใส่เชิ้ตนุ่งกางเกงติดสายเอี๊ยมแบบลูกฝรั่งอย่างกับคนรวยๆคนอื่นเขาแต่งตัวกัน คุณสนนั้นเคยค่อนขอดหนูแสนหลายครั้ง



            “ถึงไม่ใช่ลูกพระยานาหมื่นแต่เธอก็ควรแต่งตัวให้มันดีๆหน่อยนะหนูแสน แต่งเหมือนนุ่งผ้าขี้ริ้วไม่สมกับเป็นลูกเศรษฐี”



จะต้องแต่งตัวสวยๆไปทำไม หนูแสนชอบอยู่ในครัวถ้าแต่งสวยเกิดทำเลอะขึ้นมาก็สงสารคนซัก




อีกอย่างนอกจากเรือนของคุณเล็กแล้วหนูแสนก็ไม่เห็นอยากจะไปไหนซักหน่อย





...............................



โตกันทีละปีสองปีแล้วนะเจ้าคะ

ออฟไลน์ blanchard

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 376
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-3
  :m3:    ชอบเรื่องนี้มากกกกก…


ยิ่งพระ-นาย พูดคะ ๆ ขา ๆ เนี่ย…    :m1:

เคืองคุณเตี่ยอะ! คุณแสนเธอเป็นลูกผู้ดี แม่ก็เป็นชาววัง ก็ต้องพูดคะขากับบุพการีและคนที่เธอรักสิ    o12



แอบตะหงิดตรงคำว่า “ทาน” อะ! 

ไม่ทราบเราใช้เป็น “กิน” หรือ “รับประทาน” ดีกว่าไหมหนอ?



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-06-2020 09:08:35 โดย blanchard »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
อ่านเพลินๆ หมดตอนซะแล้ว

ออฟไลน์ nofsnof

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
คุณเล็กเธอจะไปแล้วหรืออ

เอ็นดูหนูแสน คุณเล็กไปแล้วหนูแสนจะไปอยู่กับใคร

ส่วนคุณสน เห็นว่าเธอไม่ใช่คนเลวร้ายนะ แค่เธอน้อยใจก็เท่านั้น

อย่างคุณเล็กว่า ถ้าคุณสนเธอออกเรือนไปหนูแสนน่าจะดีกว่านี้

ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
น่าสงสารหนูแสน คงจะเหงาแย่เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
สนุกค่ะตัวร้ายมีมิติด้วย ชีวิตนางน่าสงสารนะ มีที่มาที่ไป

ออฟไลน์ gumrai3

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1966
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-4
มาต่อนะคะ รออ่านอยู่ค่ะ :mew3:

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
นานแล้วน๊าาาา รอตอนที่ 4 นะคะ

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2



ตอนที่ ๔


   ควันสีเทาจากโรงครัวลอยเอื่อยท่ามกลางแสงจันทร์ที่ยังไม่ลับขอบฟ้า เสียงไก่ขันเสนาะหูหรีดหริ่งเรไรร้องรับกันระงมไปทั่วคุ้งน้ำ บนยอดหญ้ามีหยดน้ำค้างเกาะพราว เท้าเล็กของหนูแสนก้าวเข้ามาในโรงครัวไม่มีท่าทีงัวเงียเลยซักนิด คุณพะยอมยิ้มรับลูกชายที่เริ่มสูงตามอายุ เด็กน้อยทิ้งกายนั่งลงใกล้ผู้เป็นแม่ สูดลมหายใจเอาอากาศที่มีกลิ่นดอกมะลิอวลวนเข้าไปจนเต็มปอด

   “ห๊อมหอมค่ะแม่”

   “กลิ่นน้ำลอยดอกมะลิยายแช่มแกไปเก็บมาตั้งแต่เย็นวานมีเหลืออยู่ในพานหอมจริงอย่างลูกว่า”

   “หนูแสนชอบกลิ่นมะลิจ้ามันหอมเย็น ได้กลิ่นแล้วรู้สึกสงบ”หนูแสนหยิบดอกมะลิในพานขึ้นมาดมเบาๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มหวานให้กับดอกไม้สีสะอาดในมือ คุณพะยอมลูบผมลูกคนเล็กก่อนจะตบที่ว่างข้างๆให้ลูกขยับไปนั่งใกล้

   “มานี่มา แม่จะสอนทำบุหลันดั้นเมฆ”คุณพะยอมเลื่อนถ้วยใส่น้ำดอกมะลิไปไว้ด้านหน้าลูกชาย น้ำเสียงเยือกเย็นเอ่ยอธิบายกับลูกด้วยความใจเย็น

   “หนูแสนรู้มั้ยลูก ขนมนี้ใช้เป็นขนมเสี่ยงทายได้ด้วยนะลูก”หนูแสนเงยหน้ามองผู้เป็นแม่อย่างอยากรู้ ดวงตาใสแจ๋วจดจ้องอย่างจดจ่อแม้ไม่เอ่ยปากพูดแต่ก็ดูออกว่าอยากรู้มากขนาดไหน

   “มีความเชื่อว่าถ้าหากหยอดบุหลันแล้วขึ้นสวยสิ่งที่คิดไว้จะสมหวัง จะโชคดีหน้าที่การงานจะเจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าหยอดแล้วบุหลันไม่ขึ้นออกมาไม่สวยสิ่งที่หวังไว้จะไม่สมหวัง”

   “แต่หนูแสนเพิ่งทำครั้งแรกบุหลันจะขึ้นเหรอจ๊ะแม่”หนูแสนเอ่ยถามอย่างกังวล ในใจของหนูแสนนั้นอธิฐานให้คุณเล็กหากหนูแสนหนอดแล้วบุหลันไม่ขึ้นคุณเล็กไม่โชคร้ายรึ? คุณพะยอมมองท่าทางของลูกชายด้วยความเอ็นดู หล่อนยิ้มน้อยๆที่มุมปาก

   “หนูแสนลูก อย่าคิดมากสิจ๊ะ มันเป็นแค่ความเชื่อ ลูกทำครั้งแรกแม่ไม่ได้หวังให้ลูกทำออกมาแล้วสวยเหมือนคนที่ทำมานับครั้งไม่ถ้วนหรอก คนที่ทำมาเป็นร้อยเป็นพันครั้งก็ใช่ว่าจะทำขึ้นทุกครั้งไปนี่ลูก”

   “แล้วเขาโชคร้ายมั้ยจ๊ะแม่”หนูแสนผู้อ่อนต่อโลกยังมิคลายกังวลจนคุณพะยอมร้องพุทโธ่พรางหัวเราะอย่างเอ็นดูพลอยทำให้บ่าวคนอื่นๆอดยิ้มขำนายทั้งสองไม่ได้ ยายแช่มแยกออกไปทำสำรับเช้าเพื่อตั้งโต๊ะให้เจ้าสัวและคุณๆบนเรือนทุกคน ยกเว้นคุณก๋งและอาม่าที่ต้องต้มข้าวต้มเละๆกินกับอาหารที่ทั้งสองท่านจะเคี้ยวและกลืนได้ง่ายด้วยเพราะชรามากแล้ว

คุณพะยอมเริ่มทำขนมด้วยการนำน้ำดอกมะลิลงต้มจนเดือด ส่วนหนูแสนได้รับหน้าที่จัดการกับดอกอัญชัน เด็กชายเอาน้ำร้อนเทใส่ชามที่เด็กดอกอัญชันล้างน้ำเรียบร้อยลงไปใช้ตะเกียบคนเบาๆจากน้ำร้อนสีใสก็กลายเป็นสีม่วงสวยคุณพะยอมสอนวิธีตวงแป้งข้าวเจ้าและแป้งถั่ว บ่าวที่เป็นลูกมือตั้งซึ้งบนเตาไฟจนเดือดจัดควันโขมงไปทั่วโรงครัว ด้วยหนูแสนยังเล็กนักงานหยอดแป้งลงถ้วยตะไลที่นึ่งจนร้อนจัดจึงเป็นหน้าที่ของคุณพะยอมและบ่าว หนูแสนมองความรวดเร็วที่แม่และบ่าวหยอดแป้งด้วยความทึ่งเมื่อเต็มแล้วก็ปิดฝาเพียงครู่ก็เปิดแล้วหยิบถ้วยออกมาเทแป้งออกปรากฏเป็นแป้งที่สุกแล้วมีรูโหว่ตรงกลาง

   “มานี่สิลูก หยอดไข่ลงไปแบบนี้นะ”คุณพะยอมหยอดส่วนของบุหลันที่ทำจากไข่แดงผสมน้ำตาลลงไปให้ลูกดูเป็นตัวอย่าง หนูแสนจ้องอย่างไม่วางตา

กลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะหยอดเลอะเทอะทำให้ขนมไม่สวยแล้วจะโชคร้าย

   “เอาเลยลูก”คุณพะยอมยื่นชามใส่ไข่แดงผสมให้ลูก หนูแสนรับมาพลางกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก ใจดวงน้อยตั้งจิตอธิฐานถึงพี่ชายข้างบ้านที่ใกล้จะเดินทางไกล

ขอให้คุณเล็กเดินทางปลอดภัยไม่เจ็บไม่ไข้และกลับมาหาหนูแสนเร็วๆ หนูแสนหยอดตัวบุหลันลงไปในรูว่างๆตามที่แม่สอนหลังจากนั้นก็รอจนนึ่งเสร็จตอนที่คุณพะยอมจะเปิดฝาซึ้งเด็กน้อยอดจิกเล็บกับพื้นกระดานไม่ได้

กลัวจะทำไม่ขึ้นแล้วคุณเล็กต้องมาโชคร้ายเหลือเกิน

   “ดีจริง”เสียงคุณพะยอมเอ่ยออกมาอย่างพอใจ

   “หนูแสนมาดูสิลูก”คุณพะยอมเรียกลูกน้อยให้ยื่นหน้ามาดูขนมที่เรียงใส่มาในถาดเรียบร้อยแล้ว บุหลันดั้นเมฆผิวเรียบสวยเสมอกันทุกถ้วยราวกับดวงจันทร์กระจ่างที่ลอยเด่นอยู่กลางท้องนภายามค่ำคื่น สีเหลืองนวลตาตัดกับสีม่วงอมน้ำเงินสวยเสียเหลือเกิน หนูแสนคลี่ยิ้มอย่างดีใจที่ขนมขึ้นสวยกันถ้วนทั่วทุกถ้วย คุณพะยอมจัดขนมใส่กระทงวางรวมกับถาดที่เตรียมไว้ใส่บาตรพระ อาหารเช้าของยายแช่มเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าวสวยร้อนๆหอมๆถูกตักใส่ขันทองเหลืองฉลุลายวิจิตงดงามมีแกงส้มใส่กุ้งตัวใหญ่และปลาเค็มทอดไว้กินแนมกัน

   “วันนี้ทำไมมีแกงส้มมื้อเช้าล่ะจ๊ะแม่?”หนูแสนถามอย่างสงสัยเพราะปกติตอนเช้าจะกินอาหารรสอ่อนๆกันเสียมากกว่า

   “คุณเตี่ยกับพี่สนอยากกินน่ะลูก เห็นบ่นถึงมาหลายวัน กลางวันแม่ว่าจะทำยำปลากุเลา ให้นายพันไปหามะดันสดมาตั้งแต่เมื่อวาน ทำให้คุณพี่เธอทานเสียหน่อยจะได้ไม่บ่นว่าแม่ทำแต่ของโปรดหนูแสน”

   “จะเรียกว่าของโปรดก็ไม่ถูกหรอกเจ้าค่ะก็คุณหนูเธอทานทุกอย่างไม่เคยบ่นว่าไม่ชอบอะไรเลยคุณสนน่ะเธอขวางไปเอง”ยายแช่มพูดแทรกพลางทำตาประหลักปะเหลือกใส่ลมใส่แล้งเมื่อนึกถึงคุณคนกลางของบ้าน

   “ยายแช่มนี่ก็ไม้เบื่อไม้เมากับหนูสนเธอจริงๆ”

   “คุณไม่เคยเจอตอนคุณสนเธอเขวี้ยงชามแกงใส่แบบอิฉันนี่คะ”ยายแช่มทำเสียงสะบัดพลางบ้วนน้ำหมากใส่กระโถน

   “ฉันก็ต้องขอโทษยายแทนลูกด้วยนะจ๊ะ”คุณพะยอมเอ่ยปากขอโทษผู้เป็นบ่าวเก่าแก่ที่ดูแลกันมาตั้งแต่คุณพะยอมเกิด ยายแช่มถอนหายใจอย่างอ่อนใจ

แบบนี้ใครจะไปโกรธลงกันเล่า

หลังจากส่งคุณเตี่ยและคุณเสนไปทำงานเสร็จหนูแสนก็ว่างเด็กน้อยหยิบหนังสือมาอ่านทบทวนบทเรียนที่เรียนมาตอนสายก็ลงไปช่วยคุณพะยอมทำยำปลากุเลา คุณสนอารมณ์ดีเป็นพิเศษเมื่อแม่ทำอาหารที่เธออยากทานจนใจดีตักแบ่งให้น้องกินเป็นภาพที่หายากเสียเหลือเกินตอนสายคุณสนลงมานั่งข้างล่างมาจับๆวัดๆหุ่นที่สั่งจากเมืองฝรั่งส่งมาจากสิงคโปร์เธอนำผ้ามาเทียบที่ตัวหุ่นแล้วเริ่มขีดๆเขียนๆง่วนอยู่คนเดียวโดนมีหนูแสนนั่งมองอยู่ห่างๆ

   “คุณหนูขอรับคุณเล็กมาหาขอรับ”นายพันเข้ามาบอกหนูแสนเบาๆโดยพยายามไม่รบกวนคุณสน พอได้ยินว่าใครมาหาหนูแสนก็ลุกขึ้นยืนทันทีอย่างดีใจก็พอดีกับที่คุณสนหันมามองพอดี

   “จะไปไหนอีกล่ะพ่อตัวดี”หล่อนเอ่ยถามด้วยเสียงตึง

   “ไปหาคุณเล็กค่ะ”

   “วันๆเอาแต่ละลอนเที่ยวเล่น จะให้ช่วยหยิบจับอะไรซักนิดล่ะไม่มี จะไปไหนก็ไปไป๊ รกหูรกตาเสียเหลือเกิน”คุณสนส่งค้อนให้น้องหนูแสนพอได้รับคำอนุญาตก็วิ่งปรู้ดออกจากบ้านไปทันที พอออกมาด้านนอกเดินเลาะริมบ้านไปทางรั้วก็พบคุณเล็กยืนรออยู่พร้อมม้าสีน้ำตาลตัวใหญ่ที่คุณเล็กจูงอยู่ หนูแสนตาโตด้วยความตื่นเต้นทันที

   “คุณเล็ก เอาม้ามาจากไหนคะ?”

   “เจ้าคุณพ่อสั่งมาหลายเดือนแล้วเอาไปฝึกจนเชื่องเพิ่งมาถึงเรือนเมื่อวานซืน”

   “สวยจังเลยค่ะ คุณเล็กขี่ไปเที่ยวมาเหรอคะ แต่งตัวเสียเต็มยศเชียว”หนูแสนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าวันนี้คุณเล็กแต่งตัวต่างจากที่เคย โดยปกติคุณเล็กจะใส่เสื้อคอกลม เสื้อป่านและกางเกงแพร หากวันที่ไปเรียนก็ใส่เครื่องแบบแต่วันนี้คุณเล็กแต่งกายด้วยชุดขี่ม้าแบบฝรั่งที่หนูแสนเคยเห็นในหนังสือ

   กำลังจะไปขี่ม้าเล่นค่ะ เลยจะเอาเด็กแถวนี้ไปด้วย”คุณเล็กตอบด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่ากำลังอารมณ์ดี ส่วนหนูแสนพอได้ยินดังนั้นก็ยิ้มกว้างจนตาหยีราวพระจันทร์ยิ้ม

ช่างน่าเอ็นดูยิ่งนัก...

   “จริงเหรอคะ ดีจริงหนูแสนอยากลองขี่ม้ามานานแล้วแต่คุณเตี่ยไม่ให้กลัวหนูแสนตกม้า”

   “ไปกับคุณเล็กไม่ต้องกลัวค่ะ ต่อให้ตกม้าคุณเล็กก็จะเป็นคนรับหนูแสนไว้เอง”คุณเล็กลูบผิวแก้มหนูแสนเบาๆยามพูดบอกด้วยน้ำเสียงนุ่มละมุนทำให้เด็กน้อยมั่นใจว่าตนเองจะไม่เป็นอันตราย หนูแสนมองชุดที่ตัวเองใส่แล้วหัวเราะ

   “หนูแสนต้องไปเปลี่ยนชุดมั้ยคะ?”เด็กน้อยหัวเราะเบาๆยามเห็นคุณเล็กหลุดหัวเราะกับคำถามนั้น

   “ไม่ต้องหรอกค่ะ คุณเล็กก็แต่งแบบนี้ไปอย่างนั้นแหละอีกหน่อยคงต้องใส่บ่อยๆ”

   “จริงด้วยค่ะ”หนูแสนหุบยิ้มพลางก้มหน้าทันทีเมื่อคิดถึงวันที่ไม่มีคุณเล็กคอยมาเล่นหัวด้วยเหมือนเช่นทุกวัน คุณเล็กรู้ตัวว่าตนเองพูดให้เสียบรรยากาศก็รีบเปลี่ยนเรื่อง

   “ไปกันเถอะค่ะ เดี๋ยวแดดจะแรง”หนูแสนเดินเข้ามาใกล้ม้าตัวใหญ่ก่อนจะเงยหน้ามองคุณเล็ก

   “หนูแสนขึ้นม้าไม่เป็นค่ะ...”เด็กน้อยทำหน้าอายๆยามที่บอกความแก่คุณเล็ก คนแก่กว่าไม่ได้พูดเย้าให้น้องได้อายทำเพียงย่อตัวลงแล้วช้อนอุ้มน้องน้อยให้ขึ้นไปนั่งบนม้า เด็กน้อยที่ลอยหวือได้แต่เกาะคอม้าไว้แน่นโดยที่คุณเล็กปีนขึ้นมาขี่ม้าโอบรอบตัวหนูแสนไว้จนแทบจะจมอก หนูแสนเพิ่งรู้วันนี้เองว่าคุณเล็กโตมากกว่าหนูแสนไปมากโข นอกจากตัวจะสูงกว่าหนูแสนแล้วอกและไหล่ของคุณเล็กก็กว้าง ต้นแขนแน่นแข็งแรงอีกกี่ปีหนูแสนจะตัวใหญ่เหมือนคุณเล็กนะ แล้วเขาว่าเมืองฝรั่งกินแต่นมเนยผู้ชายก็ตัวสูงใหญ่ราวยักษ์วัดแจ้งหากคุณเล็กไปอยู่ที่นั่นตัวจะใหญ่มากกว่านี้ขนาดไหนนะ

   “คิดอะไรอยู่คะ นั่งเงียบเชียว”คุณเล็กก้มหน้ามาถามเมื่อเห็นหนูแสนที่ช่างพูดช่างเจรจาเงียบไปจนผิดสังเกต

   “คิดถึงคุณเล็กค่ะ...”


   หลังจากคำพูดน่าเอ็นดูนั้นคุณเล็กก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเมื่อเจ้าตัวน้อยเอาแต่ก้มหน้างุด คุณเล็กจึงค่อยๆบังคับม้าให้เดินไปตามทางตัดท้ายคลองเล็กๆที่สองข้างทางเต็มไปด้วยพืชไร่พืชสวนที่ชาวบ้านปลูกเต็มสองข้างทาง ยอดมะพร้าวไหวลู่จนเกิดเสียงยามสายลมพัดแรง ฝุ่นสีมัวปลิวจนหนูแสนต้องหลับตาหนี คุณเล็กเองก็รีบยกมือขึ้นป้องตาน้องอย่างเคยชิน

   “ฝุ่นเข้าตาไหมคะ?”เอ่ยถามด้วยความห่วงใยอดไม่ได้ที่จะเชยคางน้องน้อยให้หันมาทางตน หนูแสนส่ายหน้า

   “ไม่เข้าค่ะ หนูแสนหลบทัน”เจ้าตัวน้อยว่าก่อนหันกลับมามองทางอีกครั้ง เกิดความเงียบขึ้นมาชั่วขณะจนหนูแสนต้องหาเรื่องขึ้นมาคุย ก็ไม่พ้นเรื่องของกินที่อยากจะทำให้คุณเล็กได้ทานก่อนจะเดินทางในไม่ช้า

   “พรุ่งนี้คุณแม่บอกว่าจะทำแกงรัญจวน คุณเล็กอยากทานมั้ยคะ ถ้าอยากหนูแสนจะเอาไปให้”

   “อยากค่ะ แต่อยากทานฝีมือหนูแสนมากกว่า หนูแสนทำให้คุณเล็กทานได้มั้ยคะ”แสร้งถามอย่างลองใจทั้งๆที่รู้คำตอบอยู่แล้ว

อย่างหนูแสนน่ะ ไม่เคยไม่ได้ ไม่ว่าคุณเล็กอยากทานหวานทานคาวแม้กับข้าวหรือขนมนั้นจะไม่เคยลงมือทำก็ไปออกอ้อนคุณพะยอมให้สอนจนได้

   “ได้สิคะ ตอนนี้ไม่ว่าคุณเล็กอยากรับประทานอะไรหนูแสนก็ทำให้ได้ทุกอย่างเลยค่ะ”เจ้าตัวน้อยเอ่ยบอกอย่างเอาใน คุณเล็ดอดไม่ได้ที่จะวางมือลงบนศีรษะกลมนั้นอย่างเอ็นดู

จากกันคราวนี้อีกกี่ปีหนอถึงจะได้พบ

   “ถ้าคุณเล็กไปนานหนูแสนจะรอคุณเล็กกลับมามั้ยคะ เราจะยังสนิทกัน คุยเล่นแบบนี้ได้อยู่อีกหรือเปล่า?”

   “รอสิคะ มีเหตุผลอะไรที่หนูแสนจะไม่รอคุณเล็กล่ะ”คุณเล็กรู้สึกหัวใจพองฟูยามได้ยินคำตอบจากความจริงใจของเด็กตรงหน้า

   “ได้ยินแบบนี้คุณเล็กก็ดีใจ”

หนูแสนเพลิดเพลินกับการขี่ม้าเล่นกับคุณเล็กนัก ยามลัดลำคลองมาก็จะขึ้นถนนใหญ่เมื่อไปอีกไม่ไกลก็เป็นตลอดเล็กๆที่ชาวบ้านขนเอาข้าวของมาขาย ในคลองมีเรือพายบรรทุกพืชผลการเกษตรข้าวปลาอาหารแห้งพายผ่านเป็นระยะ หลายคนเอ่ยทักทายคุณเล็กด้วยคุ้นหน้า คุณเล็กเอาม้าไปผูกไว้แล้วจูงจูงมือเจ้าน้องน้อยให้เดินเข้าไปด้านใน ขนมฝีมือชาวบ้านที่ไม่ได้ประดิบประดอยเหมือนที่คุณพะยอมทำยามที่ได้มายืนเลือกซื้อหน้าร้านก็น่าอร่อยไปเสียหมด รสชาติแม้ไม่กลมกล่อมละมุนหอมหวานเหมือนที่แม่ทำด้วยวัตถุดิบและความพิถีพิถันไม่สู้ของชาวรั้วชาววังหากแต่พอได้แบ่งกันกินกับคุณเล็กก็พลันอร่อยลิ้นไปเสียหมด คุณเล็กพาน้องน้อยเดินเที่ยวเล่นซื้อตุ๊กตาตั๊กแตนสานให้น้องเสียหนึ่งตัวเมื่อเห็นหนูแสนทำตาโตตื่นเต้น ชาวบ้านหลายคนที่รู้จักเอ่ยปากทักเป็นระยะ สุดท้ายก็ตัดสินใจกลับเมื่อชาวบ้านพ่อค้าแม่ขายหลายคนเริ่มเอานู่นเอานี่มาเป็นของกำนัลด้วยเคยพึ่งใบบุญเจ้าคุณพ่อของคุณเล็ก

   “อยู่นานกว่านี้ปะเดี๋ยวเราสองคนคงได้เดินกลับเพราะเอาของขึ้นบรรทุกหลังม้าจนหลังแอ่น”คุณเล็กแอบกระซิบน้องน้อยตอนพี่เอาหนูแสนขึ้นม้าเรียบร้อยแล้ว หนูแสนหัวเราะคิกด้วยว่าเห็นจริงตามนั้น

   “กลับกันเถอะค่ะ เย็นแล้วปะเดี๋ยวหนูแสนจะโดนคุณคนกลางเอ็ดเอา”คุณเล็กว่าก่อนจะบังคับม้าให้กลับไปทางเดิม ม้าตัวใหญ่ค่อยๆเหยาะย่างอย่างเชื่องช้าด้วยผู้เป็นเจ้าของมิได้เร่งรีบนัก น้ำเสียงเล็กเอ่ยคุยจ้อเล่านู่นเล่านี่เกี่ยวกับโรงเรียนและเพื่อนๆที่ได้พบเจอมาตลอดสัปดาห์ ขนมในมือที่ซื้อมาหมดไปแล้วรสหวานบาดคอยังไม่จางไปจากปาก

   “สังขยาอร่อยดีค่ะ แต่แหม หวานจริงเชียว”เจ้าตัวน้อยแหงนหน้าขึ้นไปพูดกับคุณเล็ก เด็กหนุ่มมองใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นด้วยสายตามีประกายไหววูบกลีบปากอิ่มแดงระเรื่อของน้องน้อยลอยอยู่ไม่ไกลหน้าพาเอาใจคนรุ่นหนุ่มกระตุก คุณเล็กใช้ปลายนิ้วเกลี่ยกลีบปากสีเรื่อนั้นด้วยความเบามือ

   “ข้าวเหนียวติดปากค่ะ”ว่าด้วยน้ำเสียงกลัวขำแต่เจ้าน้องน้อยหาได้มีความอายกลับคลี่ยิ้มราวดอกไม้เบ่งบานจนตาหยี

   “พูดซะหนูแสนเป็นเด็กตะกละเชียว”หนูแสนละความสนใจจากคุณเล็กมองไปยังกิ่งไม้ที่ไหวสะท้านตามแรงกระโดดของกระแตตัวน้อย นกกระจอกเริ่มส่งเสียงร้องลั่นพุ่มไม้ แสงอาทิตย์เริ่มทอแสงอ่อนลงทุกที รั้วเรือนปรากฏอยู่ไม่ไกล

หนูสอนกัดปากยามที่นึกชั่งใจว่าตนเองควรพูดประโยคนี้ดีหรือไม่ แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจหันไปหาคุณเล็กอีกครั้ง

"คุณเล็กไม่ไปได้ไหมคะ”เจ้าน้องน้อยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย ลิขิตรับรู้ได้ถึงความเหงาในน้ำเสียงที่เอ่ยออกมา ไม่แปลกซักนิดที่หนูแสนจะอาลัยอาวรณ์ก็เพราะตั้งแต่เกิดมาเพื่อนที่สนิทที่สุดของหนูแสนก็คือคุณเล็ก คุณเล็กวางฝ่ามือลงบนเรือนผมนุ่มเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้มน่าฟัง

 "คุณเล็กไปเรียนเดี๋ยวเดียวก็กลับ แสนอยู่ทางนี้เป็นเด็กดีได้ไหมคะ”ปลายน้ำเสียงทอดหวานคล้ายจะออดอ้อนหลอกล่อให้คนฟังคล้อยตามได้ไม่ยาก และมันก็ได้ผลเมื่อเจ้าตัวน้อยพยักหน้ารับแม้น้ำเสียงที่ตอบรับจะแสนอ่อน

 "แสนจะเป็นเด็กดี จะรอคุณเล็กกลับมาค่ะ...ว่าแต่เมืองฝรั่งไกลมากไหมครับแสนพายเรือไปหาคุณเล็กได้หรือเปล่า?”คำถามแสนซื่อแทบจะทำให้คนฟังวิ่งโร่ไปขอเจ้าคุณพ่อยกเลิกไม่ไปฝรั่งเศสแล้ว หากแต่คุณเล็กถือว่าตนโตแล้วจะมาทำตัวเหลาะแหละเป็นเด็กเอาแต่ใจคงไม่ได้

“ไกลมากค่ะ ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปไกลกว่าตอนคุณเตี่ยหนูแสนไปจีน กว่าหนูแสนจะพายเรือไปหาคุณเล็ก คุณเล็กก็คงเรียนจบพอดี อยู่รอคุณเล็กที่นี่นะคะคนดี คุณเล็กสัญญาจะรีบกลับมาหาหนูแสนเร็วๆ”

“ถ้าคุณเล็กไปแล้วหนูแสนคงจะเหงาน่าดูเลยค่ะ เรือนกว้างใหญ่แต่ไม่มีใครเล่นกับหนูแสนเลย”

“เดี๋ยวหนูแสนก็โตขึ้นมีอะไรใหม่ๆให้ทำอีกมากมาย พอโตแล้วทำนู่นทำนี่หนูแสนอาจจะไม่มีเวลาจะเหงาเผลอๆอาจจะลืมคุณเล็กไปเลยก็ได้”คุณเล็กแกล้งทำน้ำเสียงตัดพ้อหากแต่เจ้าตัวน้อยหันมายู่ปากใส่อย่างน่าเอ็นดู

“ไม่มีทางค่ะ หนูแสนจะคิดถึงคุณเล็กทุกวัน คิดถึงจนกว่าจะกลับมาเลย”

และก็เป็นอีกครั้งที่เด็กชายอายุสิบสองปีทำให้หัวใจของเด็กหนุ่มอายุสิบเจ็ดเต้นผิดจังหวะเป็นครั้งที่สองของวัน


“กลับมาเสียเย็นเชียวนะพ่อตัวดี”หนูแสนชะงักเท้าที่ก้าวเข้าบ้านเมื่อคุณสนส่งเสียงดุมาให้ เด็กน้อยทำเป็นยิ้มกระลิ้มกะเหลี่ยใส่ผู้เป็นพี่สาว คุณสนขยับสร้อยไข่มุกที่พันเป็นสายยาวจากคดหุ่นจนถึงเอวแบบสมัยนิยม ชุดเดรสที่เห็นพี่สาวขีดๆเขียนๆเป็นรูปใส่กระดาษเริ่มเป็นรูปเป็นร่างโดยมีเข็มหมุดติดแทนตะเข็บ

“แหม...งามจริงค่ะชุดของคุณพี่สน”

“ประจบเก่ง ไปอาบน้ำอาบท่าเสียเถอะแล้วลงมาช่วยพี่เก็บของปะเดี๋ยวคุณเตี่ยกับแม่กลับมาจะได้กินข้าวกินปลา เห็นแก่ความปากหวานของเธอพี่จะไม่บอกคุณเตี่ยกับแม่ว่าเธอออกไปเที่ยวเล่นเสียเพลินจนกลับเรือนเกือบค่ำ”หนูแสนอมยิ้มกับความใจดีของคุณสน เด็กน้อยหัวใจฟูกระโจนเข้าไปสวดกอดพี่สาวจากทางด้านหลัง

“คุณพี่สนคนงามใจก็ดี๊ดีค่ะ เดี๋ยวหนูแสนรีบลงมาช่วยนะคะ”เด็กน้อยว่าอย่างเอาใจ

“ไปไป๊ เหม็นเหงื่อ”อีกครั้งที่ผู้เป็นพี่สาวออกปากไล่ หล่อนส่งค้อนยามน้องชายวิ่งจนเกิดเสียงตึง

“ปะเดี๋ยวเถอะฉันจะเคาะตาตุ่มเธอ”คุณสนร้องเอ็ดเสียงเขียวจนหนูแสนชะงักเท้าแล้วค่อยๆก้าวขึ้นบันไดอย่างแผ่วเบา มิวายจะหันมาส่งยิ้มแห้งให้พี่สาว

บรรยากาศอาหารมื้อเย็นนั้นอร่อยจนหนูแสนกินข้าวได้ตั้งสองจาน

ถ้าคุณสนอารมณ์ดีได้อย่างนี้ทุกวันหนูแสนต้องอ้วนจนคุณเล็กอุ้มขึ้นม้าอีกไม่ได้แน่ๆ


ออฟไลน์ BBChin JungBB

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 549
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-1
ความสัมพันธ์ของสองพี่น้องเริ่มดีแล้ว
หวังว่าจะดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีใครมาทำอะไรให้กลับมาแย่อีกนะ

ส่วนคุณเล็กกับน้อง ขอให้มั่นคงแบบนี้ไปตลอดนะ
หวั่นใจว่าเวลาผ่านไปนานๆ จะมีตัวแปรโผล่มารึเปล่า

ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
คุณสนคนนี้น่ารักนะ หนูแสนจะได้มีความสุขและไม่เหงา ตอนที่คุณเล็กไปเรียนที่ฝรั่งเศษ

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ thanatcha

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +151/-2


แสนคำนึง

ตอนที่ ๕


          คุณพะยอมเดินเข้ามาในโรงครัวก็ได้ยินเสียงตำอะไรซักอย่างดังมาจากลานนั่งกลางครัว บ่าวไพร่คอยช่วยเหลือหยิบจับข้าวของให้คุณหนูตัวน้อยที่กำลังตำน้ำพริกอย่างขมักเขม่น

            “หอมจริง”อดชมกลิ่นหอมจากการเอากะปิห่อใบตองย่างไฟแล้วนำมาตำเป็นน้ำพริกของลูกชายไม่ได้

            “น้ำพริกกะปิจ้าแม่”เจ้าตัวน้อยเงยขึ้นมาตอบคำถามผู้เป็นมารดาแล้วหันไปปรุงรสน้ำพริกอีกครั้งอย่างตั้งใจ คุณพะยอมมองข้าวของที่ลูกชายตระเตรียมไว้ก็พอจะเดาได้ว่าหนูแสนจะทำอะไรเป็นกับข้าวมื้อกลางวัน

            “ดีจริง วันนี้แม่สนคงเจริญอาหาร มีแกงรัญจวนขึ้นตั้งโต๊ะ ดีจริงมีหนูแสนทำของคาวแล้วแม่จะได้ทำของว่างไว้กินเล่น ยายแช่มไปเอากระเจี๊ยบแห้งมาต้มคั้นน้ำให้ฉันทีเถอะฉันจะทำขนมลิ้นจี่”คุณพะยอมเริ่มเตรียมของเพื่อจะทำขนมลิ้นจี่ หนูแสนเองก็เดินไปดูหม้อที่ตุ๋นเนื้อไว้เมื่อชั่วโมงก่อน พอเห็นว่าเนื้อที่ต้มไว้ได้ที่ก็ตั้งหม้อน้ำใหม่เมื่อเดือดก็ใส่น้ำที่ตุ๋นไว้ตามด้วยน้ำพริกกะปิที่เพิ่งตำเสร็จ ตามด้วยตะไคร้ซอยและพริกขี้หนูสวนบุบลงไป ปรุงรสด้วยน้ำมะนาวตบท้ายด้วยใบโหระพาหอมฟุ้งไปทั้งครัว หนูแสนจัดการกับแกงของตัวเองเสร็จก็ไปนั่งช่วยคุณพะยอมปั้นถั่วเขียวเลาะเปลือกที่เอาไปนึ่งพอสุกก็เอามาคลุกกับมะพร้าวขูดแล้วเอาไปตำจนผสมเข้ากันจากนั้นจึงนำมาปั้นให้เป็นลูกกลมๆเล็กๆ ยายแช่มเอาสาคูแช่น้ำกะทิเติมน้ำกระเจี๊ยบสีแดงสวยลงไปผสมทิ้งไว้จนสาคูบานได้ที่ก็นามาแผ่บนมือเอาถั่วที่ปั้นเสร็จมาห่อด้วยสาคู

ที่แผ่ไว้จนเป็นทรงกลม

            “อย่าให้สาคูหนาเกินไปนะลูก”คุณพะยอมบอกกับลูกชายที่กำลังบรรจงห่อสาคูอย่างตั้งใจ ยายแช่มเอาลังถึงที่รองใบตองทาน้ำมันจนทั่วมาวางไว้ให้ผู้เป็นเจ้านายอย่างรู้งาน

            “ขอบใจจ้ายายแช่ม ถ้าไม่ได้ยายคอยช่วยหยิบจับฉันคงเหนื่อยกว่านี้เป็นแน่”ยายแช่มส่งยิ้มหวานจนเห็นฟันสีดำเพราะกินหมากให้กับคุณพะยอม เมื่อเรียงเม็ดสาคูลงในลังถึงจนเต็มก็ยกเอาไปนึ่งจนสุก หนูแสนทำตาโตเมื่อเห็นเม็ดสาคูหุ้มถั่วที่ปั้นออกมาพอสุกแล้วกลับเป็นสีแดงสดคล้ายผลลิ้นจี่จริงๆ คุณพะยอมเอากิ่งไม้แห้งที่นังเฟื้องเก็บมาล้างและตากแดดตั้งแต่วันก่อนเสียบทำเป็นขั้วลิ้นจี่มีใบไม้ประดับแทนใบลิ้นจี่สวยงาม

            “แสนเอามาทำบ้างสิลูก เสร็จแล้วก็ให้นายมียกไปแบ่งให้คุณๆเรือนนู้น”

            “จ้าแม่”หนูแสนรับกิ่งไม้จากเฟื้องมานั่งบรรจงเสียบลงบนผลลิ้นจี่ทีละลูกอย่างตั้งใจ

            “แล้วนี่คุณเล็กเธอจะออกเดินทางตอนไหนหนูแสนรู้มั้ย?”หนูแสนชะงักมือที่กำลังทำอดที่จะใจหายไม่ได้ แม้จะแสร้งทำเป็นลืมๆมันไปว่าลิขิตจะต้องออกเดินทางในเร็ววันแต่สุดท้ายก็หนีความจริงไม่ได้อยู่ดี

            “ต้นเดือนหน้าจ้าแม่”เจ้าตัวน้อยถอนหายใจเฮือก คุณพะยอมเห็นแล้วก็ให้สงสาร ขาดคุณเล็กไปซักคนลูกของหล่อนคงเหงาแย่ เป็นเพื่อนเล่นคอยพะเน้อพะนอดูแลกันมาตั้งแต่น้อยจนเติบใหญ่ คุณเล็กบุตรชายบ้านนู้นก็เป็นเหมือนพี่และเพื่อนที่หนูแสนรักและสนิทที่สุด

            “ไปอยู่ทางนู้นจะมีใครทำกับข้าวกับปลาขนมนมเนยให้เธอทานบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้นะเจ้าคะ”ยายแช่มทำหน้าตาสงสารคุณเล็กที่นางรักเหมือนเจ้านายคนหนึ่ง ก็คุณเล็กน่ะทั้งอ่อนโยนทั้งใจดีไม่เคยถือตัวกับใครทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเจ้านายหรือบ่าวไพร่

            “เธอไปคงคิดถึงแย่”

            “ไม่รู้ว่าคุณผกาจะเตรียมอะไรไปให้ลูกชายกินบ้าง ทางนั้นไม่ถนัดเรื่องสำรับคับค้อนเสียด้วย ไปแรกๆอาหารของพวกฝรั่งจะถูกปากมั้ยก็ไม่รู้”

            “อย่างนี้เราทำพวกของแห้งที่เก็บไว้กินได้นานๆให้คุณเล็กติดตัวไปด้วยได้มั้ยจ๊ะแม่”หนูแสนเอ่ยถาม

            “เราต้องไปถามทางเรือนนู้นเขาก่อนลูกว่าเขาจะทำกันเองมั้ย ถ้าเราทำไปก่อนมันจะข้ามหน้าข้ามตาแม่เขามันไม่ดีลูก”คุณพะยอมบอกลูกชายอย่างใจเย็น หล่อนรู้ว่าหนูแสนนั้นห่วงใยคุณเล็ก ยามเมื่อคนพี่ต้องไปไกลใจเจ้าตัวน้อยย่อมห่วงใยเป็นธรรมดา แต่การจะถือวิสาสะทำอะไรตามใจชอบของตนนั้นหล่อนก็ไม่เห็นเป็นเรื่องดีนัก หากคุณเรือนนู้นไม่เข้าใจเจตนาก็จะกล่าวหาว่าลูกชายของหล่อนข้ามหน้าข้ามตากันไปได้

            “ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวหนูแสนเอาแกงรัญจวนกับขนมลิ้นจี่ไปให้เรือนนู้นหนูแสนจะลองถามคุณป้าผกาดูนะจ๊ะแม่”

            “เอาอย่างนั้นแหละลูก”

 

 

            “มาแล้วหรือคะหนูแสน มาช้าจริงคุณเล็กรอจะจะเงกอยู่แล้วเชียว”ลิขิตเอ่ยทักเจ้าตัวน้อยที่เดินยิ้มแป้นขึ้นมาบนเรือน คุณหญิงผกายกมือรับไหว้หนูแสนที่แทบจะกลายเป็นคนในครอบครัวของหล่อนอยู่แล้ว

            “ว่าอย่างไรเล่าหนูแสน วันนี้ทำอะไรมาให้ป้ากับคุณเล็กกินจ๊ะ”คุณหญิงผกามองแกงรัญจวนที่ถูกอุ่นจนร้อนควันลอยฟุ้งส่งกลิ่นหอมฉุยและถาดขนมลิ้นจี่ที่ตกแต่งจนเหมือนจริงด้วยสีหน้าแย้มยิ้ม

            “ดีจริง แกงรัญจวนป้าไม่ได้กินนานแล้ว อันนี้หนูแสนทำเองหรือแม่พะยอมทำจ๊ะ”

            “หนูแสนทำเองค่ะ แต่ว่าแม่สอน สูตรของแม่ค่ะ”

            “อืม...เก่ง แม่พะยอมยังโชคดี ถึงลูกสาวจะไม่เอางานครัวก็ยังมีลูกชายที่สานต่อ แม่กลางของป้าพอออกเรือนไปก็ไม่ได้เอาวิชาไปด้วยเลย”คุณหญิงผกาเอ่ยถึงบุตรีคนที่สองที่เพิ่งออกเรือนไปได้ไม่นานอย่างเอ็นดู

            “ว่าแต่หนูสนเถอะ ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วนะ ป้าจำได้ว่ารุ่นราวคราวเดียวกับแม่กลางของป้า มีคนรักแล้วหรือยัง ตั้งแต่เป็นสาวก็ไม่ค่อยได้เห็นเลย”

            “คุณแม่ เล็กหิวแล้วค่ะ เรากินข้าวกันเถอะ”คุณเล็กเห็นว่าคำถามของผู้เป็นมารดานั้นก้าวล่วงความเป็นส่วนตัวของบุคคลที่สามจึงกล่าวเบี่ยงประเด็น คุณหญิงผกาเองก็ได้สติรีบเปลี่ยนเรื่องโดยสั่งให้บ่าวไพร่ไปยกสำรับมาตั้ง เรือนของคุณเล็กก็นั่งโต๊ะเหมือนแบบฝรั่งคล้ายบ้านของหนูแสนด้วยความเป็นคนหัวสมัยของเจ้าคุณสรอรรถ จานชามถูกวางให้ผู้เป็นนายรวมทั้งหนูแสนทั้งสามพูดคุยกันด้วยเรื่องสัพเพเหระ คุณเล็กนั้นเจริญอาหารมากกว่าปกติตักแกงรัญจวนใส่จานข้าวตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า จนคนทำอดปลื้มใจไม่ได้ คุณผกาเองก็เอ่ยปากชมไม่ได้ขาด จนกระทั่งของคาวจบลงจึงล้างปากด้วยขนมที่หนูแสนเอามาให้ เจ้าตัวน้อยที่รอเวลาจึงเอ่ยปากถามถึงเรื่องของกินที่จะให้คุณเล็กเอาติดตัวไปกินที่เมืองฝรั่งเศส

            “ป้าก็คิดอยากจะทำอยู่แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มซักที ตอนพ่อใหญ่ไปก็ไม่ได้มีเวลาเตรียมตัวมากจดหมายมาบ่นอุบเชียวว่าเหม็นนมเหม็นเนย”

            คือ...หนูแสนกับแม่อยากจะช่วยทำพวกขนมหรือของกินแห้งๆที่เก็บไว้ได้นานให้คุณเล็กเอาไว้ทานเล่น คุณป้าจะอนุญาตมั้ยคะ?”

            “โอ้ย...ถ้าได้อย่างนั้นก็ดีเลย แม่พะยอมเขารู้ว่าป้าไม่ถนัดงานครัวเท่าไหร่ ถ้ามีหนูแสนกับแม่พะยอมมาช่วยป้าจะได้เบาใจ

            “ถ้าอย่างนั้นก่อนคุณเล็กเดินทางซักสองวันหนูแสนจะทำมาให้นะคะ คุณเล็กอยากทานอะไรเป็นพิเศษมั้ยหนูแสนจะได้ทำให้เยอะๆหน่อย”เจ้าตัวน้อยหันไปหาคนเป็นพี่ด้วยดวงตาคาดหวังกับคำตอบ ลิขิตส่งยิ้มอ่อนโยนทอดเสียงนุ่มทุ้มบอกอย่างเอาใจคนฟัง

            “อะไรก็ได้ค่ะ ถ้าหนูแสนทำให้คุณเล็กก็ชอบทั้งหมด”หนูแสนรู้สึกใจกระตุกกับน้ำเสียงและสายตาที่คุณเล็กมองมา หนูแสนไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไรยามที่คุณเล็กยื่นมือมาลูบเรือนผมหัวใจก็สั่นเหมือนเรือที่โยกโคลงเคลงยามมีคลื่นจากเรือยนต์ซัดผ่าน

หนูแสนรู้เพียงว่าทุกคำพูดทุกการกระทำที่คุณเล็กมอบให้นั้นมันช่างอบอุ่นใจเสียเหลือเกิน

หนูแสนอยากเป็นคนละโมบ อยากเก็บความใจดีเอื้ออารีย์ของคุณเล็กไว้กับตัวแค่คนเดียวไม่อยากแบ่งความใจดีที่คุณเล็กมีให้ใครเลยซักนิด

 

            ช่วงบ่ายหลังจากนั่งเล่นกับคุณเล็กซักพักหนูแสนก็ขอตัวกลับ เมื่อเข้ามาในเรือนก็เห็นภาพชินตาคือคนสนนั่งเย็บปักถักร้อยเสื้อผ้าที่เธอออกแบบเองตัดเย็บและใส่เอง

ด้วยเรือนการสูงระหงยามใส่ชุดลูกไม้ปล่อยชายยาวกับผ้าซิ่นราคาแพงยิ่งส่งให้คุณสนดูสวยผุดผาด

            “คุณพี่สนคนงาม ใส่อะไรก็ง๊ามงามค่ะ”หนูแสนส่งเสียงชมผู้เป็นพี่สาวที่หมุนตัวไปมาหน้ากระจก คุณสนมองน้องชายที่พักหลังๆชักจะประจบเก่งผ่านกระจกเงาแล้วส่งค้อนให้

          “เธอไม่ต้องมาทำปากหวานใส่พี่หรอกหนูแสน คำชมของเธอมันจะเชื่อได้ซักเท่าไรเชียว”คุณสนหยิบสร้อยไข่มุกเส้นยาวมาทาบบนเสื้อ

            “หนูแสนชมจริงๆนะคะ คุณพี่สนแต่งตัวแบบนี้งามมากเลยค่ะ ถ้าใส่ออกไปข้างนอกคนทั่วพระนครก็ต้องชมเหมือนที่หนูแสนชมนั่นแหละ จริงมั้ยเฟื้อง”หันไปถามนังเฟื้องบ่าวต้นห้องของคุณสนที่คอยหยิบจับรับใช้อยู่ไม่ไกล นังเฟื้องรีบพยักหน้ารับทันทีด้วยเห็นว่ายามนี้เจ้านายสาวที่มักจะเกรี้ยวกราดกำลังอารมณ์ดี

            “จริงเจ้าค่ะ คุณสนน่ะงามที่สุดในคลองบางหลวงแล้วค่ะ ใครก็เทียบไม่ได้”คุณสนกลั้นยิ้มทำเชิดหน้าราวไม่สนใจกับคำชมนั้น หล่อนเยื้องย่างไปนั่งที่เก้าอี้ยาวบุนวมปักดิ้นทองที่เจ้าสัวเช็งสั่งนำเข้ามาจากเมืองฝรั่ง

            “จะเชื่อก็ได้นะว่าที่เธอพูดมาน่ะมันจริง ว่าแต่ไปตะลอนๆเรือนนู้นมาอีกแล้วล่ะสิ เดี๋ยวพอคุณเล็กไปเรียนต่อระวังเธอจะหงอยเป็นดอกไม้เฉา หัดอยู่ให้มันติดบ้านบ้างถ้าไม่รู้จะทำอะไรก็มาช่วยพี่หยิบจับข้าวของก็ยังดี”

            “ก็หนูแสนไม่ได้เก่งเรื่องเย็บปักอย่างคุณพี่นี่คะ”เป็นอีกครั้งที่คุณสนมีรอยยิ้มที่มุมปาก คนที่คิดว่าตัวเองเป็นรองน้องชายมาตลอดรู้สึกดียามที่หนูแสนก็มีเรื่องที่ไม่ถนัดไม่เก่งเหมือนที่หล่อนไม่เก่งเรื่องงานบ้านงานครัว

            “เธอก็หัดสิ ไม่เก่งเอาแค่พอทำได้เวลาพี่เรียกใช้เธอจะได้ไม่เงอะงะ ถ้าเธอเอาแต่ไปเที่ยวเล่นเรือนนู้นชาตินี้ก็ทำอะไรไม่เป็นอยู่อย่างนั้น”คุณสนหยิบผ้าเช็ดหน้าที่ปักลวดลายสวยงามขึ้นมาซับเหงื่อที่ไรผม หนูแสนมองอย่างสนใจ ตรงมุมปักด้วยด้ายหลากสีเป็นดอกไม้ที่มีเถาพันเลื้อยเล่นกับมุมหนึ่งของผ้าเช็ดหน้า มีนกตกเล็กๆสีสวยบินอยู่เหนือดอกไม้สีชมพูอ่อนหวาน รอบขอบเป็นลูกไม้ที่ใช้วิธีถักด้วยเข็มโครเชต์สวยงาม

            “ผ้าเช็ดหน้าของคุณพี่สวยจังค่ะ”คุณสนหยุดซับเหงื่อแล้วยื่นผ้าเช็ดหน้าของตัวเองให้น้องชายดู

            “นี่น่ะหรือ ฉันปักเอง สวยมั้ย คุณยายสอนตอนไปที่เรือนนู้น”

            “สวยจริงๆค่ะ สวยมาก คุณพี่สนสอนหนูแสนทำแบบนี้บ้างได้มั้ยคะ”หนูแสนร้องขออย่างกระตือรือร้น ปลายนิ้วน้อยๆลูบไล้ลวดลายวิจิตบนเนื้อผ้าอย่างหลงใหล

            “สอนให้เธอทำเอาไปประจบคุณเตี่ยกับแม่น่ะเหรอ ฉันไม่สอนเธอหรอก”คนสนสะบัดหน้าใส่ด้วยคิดว่าหนูแสนตั้งใจจะเรียนเพื่อที่จะเอาไปใช้ประจบผู้เป็นพ่อและแม่ พอคิดได้เช่นนั้นอารมณ์ที่กำลังดีๆก็กลับขุ่นมัวอย่างนึกเคือง

            “ไม่ใช่นะคะ พี่สนอย่าเข้าใจน้องผิด หนูแสนแค่อยากปักคำง่ายๆ หนูแสนอยากทำให้คุณเล็กค่ะ หนูแสนสัญญาว่าจะไม่ทำให้คุณเตี่ยกับแม่แน่ๆค่ะ”เจ้าตัวน้อยรีบแก้ตัวกับคนเป็นพี่ด้วยเห็นว่าคุณสนเข้าใจผิดและทำท่าจะเกรี้ยวกราดใส่ เมื่อได้ยินดังนั้นลำคือที่แข็งเชิดก็อ่อนลงคุณสนผินหน้ามามองน้องด้วยปรายตา

            “จริงรึ?”

            “จริงสิคะ หนูแสนไม่ปดคุณพี่สนหรอกค่ะ”

            “ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป ถ้าอยากเรียนจริงก็จะสอนให้ แต่เธอรับปากพี่นะ ห้ามทำให้คุณเตี่ยกับแม่เพราะพี่ปักไว้ให้ท่านทั้งสองคนแล้ว”

            “สัญญาค่ะ หนูแสนจะไม่ทำ ถึงทำไปก็ไม่เก่งเท่าพี่สนหรอกค่ะ พี่สนคนดี๊คนดีไม่โกรธหนูแสนแล้วนะคะ หนูแสนสัญญาว่าจะตั้งใจเรียน”เจ้าตัวน้อยเกาะแขนของผู้เป็นพี่สาวทำน้ำเสียงออดอ้อน

            “ไปนั่งให้มันดีๆไม่ต้องมาเกาะพี่ น่ารำคาญจริงเชียว นังเฟื้อง”คุณสนปัดแขนน้องออกราวกับรำคาญเสียเต็มประดาก่อนจะร้องเรียกนังเฟื้องที่นั่งเย็บมุกใส่ผ้าลูกไม้อยู่ไม่ไกล

            “เจ้าคะ”

            “เอ็งขึ้นไปเอาสะดึงอันเล็กในห้องของข้ามาให้คุณแสน”

            “เจ้าค่ะ”

            “ส่วนเธอ มานี่ พี่จะให้เธอวัดและตัดผ้าทำเป็นผ้าเช็ดหน้าให้” หนูแสนเดินตามผู้เป็นพี่ไปที่โต๊ะวางผ้าที่ซ้อนกันเป็นชั้นๆอย่างเชื่อฟัง เจ้าตัวน้อยฟังคำอธิบายของพี่สาวอย่างตั้งใจ ลงมือทำตามอย่างเชื่อฟัง โดนตีมือเสียก็หลายหนยามปักไม่ตรงลายที่ร่างไว้ คุณพะยอมที่ตื่นจากการนอนกลางวันลงบันไดมาเห็นภาพสองพี่น้องที่ทำกิจกรรมร่วมกันโดยที่คุณสนไม่เกรี้ยวกราดใส่น้องก็ให้นึกยินดี หากคุณสนเมตตาน้องอย่างนี้ตลอดไปคุณพะยอมก็คิดว่าหากตนเองตายก็คงตายตาหลับ แต่คุณพะยอมก็รู้ดีว่าคุณสนน่ะเหมือนลม เอาแน่เอานอนไม่ได้ หล่อนจึงหวังแค่ให้คุณสนเมตตาน้องแบบนี้ไปให้ได้นานที่สุดก็พอ





..........................



จะเอาแน่เอานอนอะไรกับใจคนล่ะเจ้าคะ



ใจคุณสนก็เช่นกัน

 


ออฟไลน์ snowboxs

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-7
ในวันหน้าจะมีเรื่องใหญ่อะไร
ที่คุณสนจะร้ายใส่น้องอีกหรือเปล่าน๊าาา
ขออย่างเดียว อย่าใช่เรื่องคุณเล็กแล้วกัน

ออฟไลน์ sang som

  • เจ็บจิต!!
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-6
ขอแค่อย่าให้พี่น้องต้องแตกหักกันเล๊ย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด