❤ ขวัญเอ๋ยขวัญมา ❤ Spin-off #เด็กทะเล [บทนำ-CH2] [12.5.2019]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❤ ขวัญเอ๋ยขวัญมา ❤ Spin-off #เด็กทะเล [บทนำ-CH2] [12.5.2019]  (อ่าน 9227 ครั้ง)

ออฟไลน์ วันเวย์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-2
    • https://www.facebook.com/onewayy17/
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.เมื่อนิยายจบแล้วให้แก้ไขหัวกระทู้ต่อท้ายว่าจบแล้ว


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

 :katai3:
Share This Topic To FaceBook

ออฟไลน์ วันเวย์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-2
    • https://www.facebook.com/onewayy17/
ขวัญเอ๋ยขวัญมา

(Spin-off เด็กทะเล)


 

 

บทนำ

 

 

ลมทะเลวันนี้พัดแรง...มาก...

 

ความเร็วลมส่งผลให้ผ้าทุกผืนโบกสะบัดอย่างเกรี้ยวกราด เค้าลางของพายุลูกใหม่คล้ายจะถล่มชายหาดเร็วๆ นี้

...

...

 

เกิดเป็นลูกทะเลมาทั้งชีวิต มั่นหน้าเสียด้วยซ้ำว่า ความแข็งแกร่งยามเผชิญอุปสรรคกับความยากลำบาก ตัวเขาไม่เคยเป็นสองรองใคร หากในยามนี้ไอ้คนที่มั่นอกมั่นใจตัวเองนักหนา ราวกับกลายร่างเป็นแค่หมาตัวหนึ่ง นั่งหางตกหูลีบอยู่ท่ามกลางลงล้อมของ ‘เจ้าที่’ 

 

คนพวกนี้...เดิมทีก็เป็นคนคุ้นหน้า...

 

แต่ในสภาวะคลื่นลมไม่สงบ พายุกำลังจะเข้าอย่างนี้ แม้แต่โต๊ะหินเจ้าประจำ เห็นมันตั้งอยู่ทุกวันจนชินตา วันนี้ก็กลายเป็นของแปลกหน้า ทุกสิ่งรอบตัวราวกับตัดขาดมิตรภาพกับเขาชั่วคราว กลายเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบของจริง

 

ใบหน้าคล้ำแดดหันซ้ายหันขวาเลิกลั่ก เม็ดเหงื่อไหลอาบลงข้างขมับ ลูกตาดำๆ กวาดตามองไปรอบข้าง

 

คนนั่งปักหลักครองตำแหน่งหัวโต๊ะ ชาวบ้านเรียกขานกันติดปากว่า ‘นายหัวชาญ’ เจ้าของท่าเรือผู้กว้างขวาง แผ่บารมีปกคลุมทุกบ้าน ทั่วทั้งเกาะไม่มีใครไม่รู้จัก ด้านซ้ายของเขาคือ ‘นายช่างใหญ่’ บุคคลซึ่งใครต่อใครเคารพเกรงใจ ด้วยเป็นเสาหลักอีกต้นของกิจการ

 

ถัดมาคือ ‘ไอ้ชาติ’ สมุนตัวเอ้ สายเสือกประจำชาญทะเล พร้อมกับคู่หูตัวติดสนิทกันประหนึ่งผัวเมีย (?) ชื่อ ‘หิน’ คนเงียบๆ พูดน้อย (แต่เหมือนจะต่อยหนัก) ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดูเป็นปริศนาธรรม ไม่รู้ว่าคนนิสัยต่างกันราวฟ้ากับเหวปานฉะนี้ โคจรมากินข้าวหม้อเดียวกันโดยไม่ต่อยตีหัวร้างข้างแตกได้อย่างไร

 

เห็นไหมเล่า!

 

คน (ตัว) ใหญ่ คน (ตีน) โต ทั้งหลายนั่งล้อมวงกินโต๊ะเขาหน้าสลอน เหตุการณ์อย่างนี้จะไม่ให้ต่อมเครียดทำงานได้อย่างไร คนถูกสอบสวนลอบถอนหายใจหนัก ทำใจกล้ากวาดมองไปรอบวง ก่อนหยุดสายตาไว้ที่ใครบางคนอย่างมีนัยยะ

 

หัวหน้าคนงานอย่าง ‘ดำ’ ขอลั่นวาจาไว้เลยตรงนี้

 

ในบรรดาคนทั้งหมด...คนตกเป็นจำเลยสังคมไม่ได้รู้สึกกังวลกับใครมากไปกว่าไอ้มนุษย์ออร่าที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา

 

เจ้าของใบหน้าขาวผ่อง อันที่จริงมันขาวไปหมดทั้งตัวด้วยเป็นคนต่างถิ่น จนกระทั่งความจริงแตกโพละออกมาว่า ไอ้คนนี้ไง! ลูกชายคนเดียวของนายหัวชาญ จากคนกรุงถูกกีดกันเป็นคนนอก ก็ย้ายสำมะโนครัวมาเป็นคนวงใน ด้วยบารมีพ่อบวกกับวีรกรรมของตัวเอง ไม่นานคนทั้งเกาะก็มอบให้ไมตรีให้ ยามนี้ไม่ว่าทยากรเดินเหินไปไหน คำว่า ‘นายหัวน้อย’ ก็ลอยตามตัวไปด้วยทุกที่

 

ก๊อก...

...ก๊อก...

 

เสียงเคาะนิ้วกับโต๊ะเบาๆ ท่ามกลางเสียงคลื่นลมชวนให้ใจสั่น ร่ำๆ จะเกิดภาพหลอนประหนึ่งว่า ดวงตาเขาเห็นรังสีอาฆาตแผ่ทะมึนออกมาจากร่างขาวๆ นั้น ลูกชายนายหัวชาญเหมือนเพชฌฆาตถือดาบรอฟันหัว ไอ้ตัวคนทำก็ดูจงใจปั่นประสาท ยิ่งเห็นเขาออกอาการอยู่ไม่เป็นสุข มันก็ยิ่งเคาะรัวๆ

 

หัวหน้าคนงานปรารถนาจะแปลงร่างเป็นอะไรก็ได้ที่มีขนาดเท่าเม็ดถั่ว เอาให้เล็กจนคนพวกนี้มองไม่เห็นไปเลยยิ่งดี เขาจะได้หนีสถานะเหมือนนักโทษนั่งรอการประหารไปให้พ้นๆ หากสิ่งที่ทำได้เพียงอย่างเดียวในตอนนี้ คือเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะมีใครเปิดปากทำลายความอึดอัดเสียที

 

ก่อนที่กูจะเป็นบ้าตาย!

 

“รู้ใช่ไหมว่าน้องยังเด็ก...”

 

“...”

 

มาแล้วดอกที่หนึ่ง...

 

ไม่ต้องพูดพร่ำอารัมภบทใดๆ ให้เสียเวลา คำว่า ‘เด็ก’ ที่ออกมาจากปากอีกฝ่าคล้ายมีดคมๆ ด้ามแรกพุ่งเสียบหัวกบาล ชายหนุ่มราวกับมโนภาพตัวเองเลือดอาบ เจ็บจี๊ดๆ แต่ยังไม่ตาย และ...ฉิบหาย! เขาไม่รู้ว่าตัวเองวิตกจริตจนเป็นบ้าไปแล้วหรือไร ท่ามกลางเม็ดเหงื่อที่ไหลรินเป็นสาย ในใจยังแอบคิดว่า

 

กูหนอกู...

 

ไอ้ดำจิตสัมผัส เรื่องอย่างนี้นี่ทายถูกตามคาด...

 

คนเปิดฉากฟาดก่อนใครก็คือไอ้เพชฌฆาตตัวลูก

 

“น้องยังเรียนอยู่มัธยม...”

 

“...”

 

“อายุก็ไม่ถึงสิบแปด!”

 

ยิ่งมันพูด น้ำเสียงยิ่งโหดเหี้ยมขึ้นทุกขณะ

 

คนกรุงเทพฯ นั่งเท้าคางเคาะนิ้ว ชิลเหลือเกินด้วยอยู่ในสถานะของคนมีแบ็กอัพ ขณะที่คนเป็นรองทุกทางปาดเหงื่อแล้วปาดเหงื่อเล่า เช็ดแรงเสียจนขนคิ้วแทบหลุดออกจากหน้า ดำอยากอ้าปากพูดอะไรก็ได้ แก้ต่างให้ตัวเองสักประโยค แต่เวรกรรมของการละเมิดศีลธรรม ทำให้เขาเป็นอัมพาตทางความคิด

 

หัวหน้าคนงานตัวแข็ง ลิ้นก็ยังเสือกจะแข็ง ทั้งที่อยากสวดมนต์หาพ่อแก้วแม่แก้ว แต่คนบาปอย่างเขาดันลืมไปว่าตัวเองท่องบทสวดไม่ได้

 

“ยังไงก็ไม่ได้”

 

ใช่...ยังไงก็ไม่ดะ...

 

แต่เดี๋ยวก่อน!

 

“อะไรไม่ได้?”

 

คนกำลังคล้อยตามทำหน้าเหมือนควายงง เกือบจะหลงกลคนตรงหน้าไปแล้ว ดีที่ยังเลี้ยวกลับมาทัน

 

“จะไปยุ่งกับน้องขวัญไม่ได้!”

 

“...”

 

เป็นข้อห้ามที่ทำเอาคนฟังตกตะลึงถึงขั้นช็อก ตอนแรกก็แค่ลิ้นแข็งเบาๆ หากตอนนี้เขาใบ้แดกไปแล้วเรียบร้อย

 

“อย่าให้เห็นว่าเอาน้องไปทำ...เอ่อ...ทำเรื่องไม่สมควรอีก” คนพูดชี้หน้า หน้าตาดูกระดากกับอะไรบางอย่างที่เห็นมาคาตา ขณะที่คนฟังราวกับถูกฟ้าผ่า ใบหน้าที่ปกติก็มืดมนอยู่แล้ว คราวนี้มืดสนิทแถมขึ้นเป็นขีดดำ ใกล้จะกลายเป็นถ่านหุงต้มอยู่รอมร่อ

 

คำสั่ง ‘ไม่ให้ยุ่ง’ ทั้งที่เคย ‘ยุ่ง’ กันอยู่ทุกวี่ทุกวัน มันจะทรมานกันมากไปแล้ว...

 

หัวหน้าคนงานถึงคราวกุมขมับ มองหน้าเจ้านายสุดที่รัก หวังให้นายเป็นหลักพึ่งพิง ห้ามปรามคนในครอบครัวตัวเองบ้างอะไรบ้าง แต่จากท่าทางของนายหัวชาญที่กำลังมองฟ้ามองฝน ทำเป็นไม่สนใจ แถมยังไม่หือไม่อือกับการใช้อำนาจในทางมิชอบ (?) ของลูกชาย ดำก็รู้ว่าตัวเองสิ้นหวังแล้วชีวิตนี้

 

ไม่ควรเลย...

 

หากรู้ว่าจะเป็นอย่างนี้ เขาไม่ควรตามใจไอ้เด็กเวรนั่นเลย

 

ไม่ควรทำในที่แจ้งจนถูกจับได้คาหนังคาเขาแบบนี้เลย...ไอ้เหี้ยดำ!

 

 

--------

 

ออฟไลน์ วันเวย์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-2
    • https://www.facebook.com/onewayy17/
บทที่ 1

คนชั่ว

 


 

‘ดิเรก’ แปลว่า รุ่งเรือง

 

ชื่อสั้นๆ ความหมายดีที่พระผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเมตตาตั้งให้

 

หากวันนี้ไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นบัตรประชาชนที่ใส่ถุงพลาสติกมัดหนังยางเอาไว้ ชายหนุ่มก็คงลืมไปแล้วว่านี่คือชื่อจริงของตน คงเพราะไม่เคยมีใครสักคนเรียกเขาด้วยชื่อนี้ นับตั้งแต่ครูบาอาจารย์ฉุดกระชากลากถู นำเด็กเกเรอย่างเขาเข้าสู่ชีวิตของการเข้าแถวเคารพธงชาติ เรียนบ้างหลับบ้างท่ามกลางเด็กชนบทรุ่นราวคราวเดียวกัน

 

ห้องเรียนโรงเรียนวัดเล็กๆ บนเกาะ กลายเป็นสถานที่ที่เขาเอาชีวิตไปวนเวียนอยู่เป็นหลายปี หากช่วงเวลาดังกล่าวก็คล้ายเสียเปล่าโดยสิ้นเชิง วิชาความรู้ใดๆ ไม่เคยเข้าสู่เนื้อสมอง

 

เขาเข้าไม่ถึงจิตวิญญาณของวิชาศิลปะ พอๆ กับที่ไม่เคยเข้าใจหลักการคำนวณทางคณิตศาสตร์

 

ไม่มีวิชาใดที่เด็กชายดิเรกทำได้ดีมากกว่าไปวิชาพละ เขาสอบไปซ่อมไป คะแนนมากที่สุดของเขา เมื่อเอาไปเทียบกับเพื่อนก็คือเศษคะแนน แถมงานหรือการบ้านก็ไม่ค่อยสนใจทำส่ง เวลาครูสอนคือเวลานอนหลับ พฤติกรรมหัวโจกหลังห้องขนานแท้จนครูทุกคนอิดหนาระอาใจ ยังดีที่หลับหูหลับตาปล่อยให้เขาเรียบจบป.หก ทั้งที่ขาดเรียนบ่อยที่สุด ใครก็ล้มล้างสถิติไม่ได้

 

หลังจากนั้น...ไอ้ดิเรกคนนั้นก็เอาตัวเองออกจากชนชั้นคนมีการศึกษา

 

พอไม่ไปโรงเรียน ชื่อไพเราะเพราะพริ้ง สมบัติติดตัวชิ้นเดียวที่เขาภูมิใจ ก็คล้ายจะถูกใครต่อใครลืมไปเสียหมด

 

นามแทนตัวใหม่ ‘ไอ้ดำ’ กลายเป็นชื่อที่คุ้นเคยเสียมากกว่า ที่มาของชื่อนี้ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะเป็นเด็กต่างจังหวัด แถมบรรพบุรุษรุ่นปู่รุ่นย่าก็ไม่มีใครขาวผุดผ่องเป็นยองใย เด็กทะเลขนานแท้ ใช้ชีวิตสมบุกสมบัน ผิวหนังสัมผัสแดดแรกของวันยันแสงตะวันสุดท้าย

 

เด็กชายตัวดำเป็นก้อนถ่าน...

 

อันที่จริงนับตั้งแต่จำความได้ ก็ไม่เคยเห็นตัวเองมีผิวสีอื่นเลย แต่เขาก็ไม่เคยจะสนใจ อยู่เมืองใต้ การมีผิวสีนี้ไม่เห็นจะแปลก เด็กรุ่นๆ วัยกำลังคะนอง ใครจะไปสนละว่าต้องทาครีมเอสพีเอสห้าสิบหกสิบ สำออยขนาดนั้นให้ผู้หญิงเขาทำกันจะดีกว่า

 

ผิวยิ่งไหม้ ยิ่งเกรียม เหมือนยิ่งเยอะประสบการณ์

 

สโลแกนแอบจำมาจากโฆษณาผงซักฟอก แต่ดำชอบ...เลยเอามาเป็นคติประจำใจ

 

“ไอ้เด็กเวร! มึงไปไหนมา!”

 

เสียงตะคอกอันคุ้นเคยต้อนรับเขาทันทีที่มุดลอดสังกะสีรั้วบ้าน

 

เพิงโกโรโกโส สภาพผุพัง ดูไม่น่าเป็นที่อยู่ของมนุษย์หน้าไหน แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าดำจะพึ่งพาไอ้เพิงหมาแหงนนี้มาได้เป็นสิบๆ ปี เรียกได้ว่าอยู่มาตั้งแต่เกิด และก็คงต้องอยู่ต่อไปอีกนาน ระหว่างบ้านพังกับคนอาศัยตาย...บอกไม่ได้หรอกว่าเหตุการณ์ไหนจะเกิดขึ้นก่อนกัน

 

บ้านหลังนี้มีเขากับชายแก่ซ่อมซอหน้าตาเหมือนโจร สองตา-หลานอยู่กันมาสองคน ก่อนหน้านี้มีเมียตาอีกคน แต่ก็หมดอายุขัย ตายไปเสียนานแล้ว

 

ดำไม่ได้เกิดจากกระบอกไม้ไผ่ เขาไม่ได้กำพร้า มีพ่อแม่ครบถ้วนเหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา เพียงแต่ชีวิตนี้เจอหน้าคนพวกนั้นประมาณสามสี่ครั้งเห็นจะได้ พ่อแม่ของเด็กหนุ่มก็เหมือนวัยรุ่นใจแตกทั่วไป ได้เสียกันตั้งแต่แตกเนื้อหนุ่มสาว ท้องโย้จนต้องออกจากโรงเรียน จากนั้นก็ค้นพบว่าอยู่กันฉันผัวเมียแล้วไม่รอด เจอเมียใหม่ ผัวใหม่ไฉไลกว่า สุดท้ายก็แยกย้ายกันไป

 

ค่านิยมของคนรุ่นพ่อแม่เขาคือ ถ้าอยากลืมตาอ้าปากก็ให้เข้าเมืองใหญ่ไปหางานทำ

 

ดำจำที่ตาพร่ำเพ้อให้ฟังเมื่อตอนเมาได้ดี พ่อเขาหนีตำรวจจากการส่งยา หัวซุกหัวซุนไปถึงไหนไม่มีใครรู้ ความเป็นไปได้ที่อาจจะตายแล้วดูจะมากกว่ายังมีชีวิตอยู่ ส่วนแม่ก็ทนความยากจนขัดสนบนเกาะไม่ไหว ไปหางานทำที่เมืองกรุง และถึงจะไม่มีใครพูดใครบอก ดำก็พอจะเดาได้ว่า แม่อาจจะมีลูกมีผัว มีครอบครัวใหม่ อาจจะลืมไปแล้วว่าเคยหย่อนไข่ใบหนึ่งทิ้งเอาไว้

 

ครั้งสุดท้ายที่แม่มาเยี่ยมเขากับตาคือตอนเรียนอยู่ป.สี่ หลังจากนั้น...ดำก็ไม่เคยเจอหน้าผู้หญิงคนนั้นอีกเลย จนถึงตอนนี้แม้แต่หน้าตา ก็ยังจดจำไม่ค่อยจะได้

 

“เอ้าๆ กูถามนี่มีหูไหม มึงหายหัวไปไหนมาทั้งคืน บ้านช่องไม่กลับ จะไปตายที่ไหนก็ไม่รู้จักบอก จะให้กูถ่างตารอทั้งคืนหรือยังไง”

 

“โอ๊ย! จะบ่นทำไมนักหนาวะ ก็กลับมาแล้วนี่ไง” คนฟัง ฟังแล้วของขึ้นจนได้

 

ก่อนกลับมาก็ทำใจแล้วว่าต้องเจออย่างนี้ แต่พอมาเจอเข้ากับของจริง ไอ้ที่คิดว่าจะทำเป็นนิ่งหูทวนลม ทุกสิ่งล้วนล้มละลาย สงสัยความอดทนเขาจะต่ำเกินไป

 

เหอะ!

 

คนอย่างตาแก่นี่น่ะหรือ จะถ่างตารอใคร...ไม่มีทาง!

 

ไม่ปิดไฟเข้ามุ้งนอนแต่หัววัน ก็เมาหัวราน้ำ หลับคาขวดเหล้าไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะมีใครเข้าออกในบ้านตอนไหน โจรถือมีดเข้ามาปาดคอตาย ก็คงยังไม่รู้ตัวอยู่นั่นเอง

 

ก็บ้านมันเป็นเสียแบบนี้ มีอะไรให้น่าอยู่กันเล่า...

 

ดวงตาดุดันจ้องมองคนตรงหน้า ความรู้สึกห่วงใยและเกลียดชังผสมปนเปกัน แยกไม่ถูกว่าเอนเอียงไปทางไหน เป็นครอบครัวเดียวกันประสาห่าเหวอะไรไม่รู้ แค่เห็นหน้ากันก็พาลหงุดหงิด ครั้นเปิดปากพูดจากันก็ยิ่งหัวร้อนไปกันใหญ่

 

“ลูกหลานบ้านอื่นเค้าตั้งอกตั้งใจเรียนกัน เรียนให้มันสูงๆ จะได้หาเงินมาให้ใช้ ไอ้เหี้ยเอ๊ย! ไม่รู้เวรกรรมอะไรของกู มีลูก...ลูกก็แรดไปมีผัวตั้งแต่เด็ก อาศัยอะไรไม่ได้ แถมยังเอาภาระมาโยนให้กูนี่!”

 

“...”

 

“ส่วนมึง...ไอ้หลานเหี้ย! มึงนี่มันก็ไม่รักดี ยิ่งโตก็ยิ่งเหี้ย เหมือนพ่อมึงไม่มีผิด ”

 

สารพัดคำพ่นด่าเหยียดยาว เห็นได้ชัดว่ายังเมาค้าง

 

คนเป็นตาพูดวนมาเรื่องเก่า ราวกับด่าทอได้ไม่รู้เบื่อ แต่ไอ้คนโดนบ่นนี่สิเกินคำว่าเบื่อไปไกลลิบ อยากจะอาละวาดเต็มทน

 

“เอ้า! เอาไป จะได้หุบปากเสียที”

 

ตัดปัญหาโดยวิธียอดฮิตในละครไทย...ใช้เงินปิดปากแม่ง!

 

ธนบัตรเขียวๆ แดงๆ ถูกควักออกจากกระเป๋าเสื้อ กึ่งส่งกึ่งโยนไปให้ พอเงินถึงมืออีกฝ่าย คำด่าก็ดูจะเบาลงโดยอัตโนมัติ ชายแก่นับแบงก์ยับๆ ในมือ เมื่อพลิกซ้ายพลิกขวา นับสองรอบแล้วยังลงความเห็นว่าจำนวนไม่เป็นที่น่าพอใจ คนเอาแต่เมาทำมาหากินเองไม่ได้ก็นิ่วหน้า

 

“กะอีแต่เงินขี้ปะติ้ว มันจะไปพอยาไส้อะไร ซื้อเหล้ากูขวดเดียวก็หมดแล้ว!” ค่อนแคะว่าขี้ปะติ้ว แต่เจ้าตัวก็เก็บเงินทั้งหมดยัดลงกระเป๋าเสื้อว่องไว “แทนที่จะไปโรงร่ำโรงเรียนเหมือนลูกชาวบ้านเค้า เรียนสูงๆ หาเงินมาให้กูเยอะๆ ก็เสือกเกกมะเหรกเกเร คบแต่เพื่อนชั่วๆ แต่ละตัวชาวบ้านเค้าสาปส่งกันทั้งนั้น ระวังเถอะ...มึงจะสันดานชั่วตามพวกมัน”

 

“พอได้แล้วโว้ย! กูจะบ้าตายอยู่แล้ว!”

 

“นี่มึงขึ้นมึงกูกับกูเลยเหรอ! ไอ้เด็กเนรคุณ!”

 

“เออ กูรำคาญ! ทนฟังมานานแล้ว ด่ากูไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอก เลี้ยงกูมาแบบเหี้ยๆ โตมามันก็ต้องเหี้ยอย่างนี้แหละ”

 

“ไอ้ดำ! มึงนี่มัน...แล้วนั่น จะไปไหนอีกหา ไอ้เด็กเหี้ย...@#$%”

 

คำพูดหลังจากนั้นดำไม่ได้อยู่ฟังต่อ...

 

ร่างสูงเดินดุ่มๆ ออกมา อยากตะโกนใส่หน้าตาแก่นั่นเหลือเกินว่า หากเขายังไปโรงเรียน เงินที่ยัดใส่มือให้เมื่อกี้จะมีปัญญาหามาจากไหน คนเป็นหลาน แม้อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยังเป็นวัยเยาว์ เขาจึงทำได้เพียงรับจ็อบเล็กๆ รับจ้างแบกนั่นแบกนี่ไปเรื่อย ใครใจดีหน่อยก็ตบรางวัลกันไป รายได้เท่าหยิบมือ แต่ค่ากินค่าอยู่ โดยเฉพาะค่าเหล้า ติดหนี้เจ้าของร้านยาดองเป็นประจำ ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป คงอดตายเข้าสักวัน

 

ใครจะรู้ว่าไม่ถึงเดือนหลังจากตีกันบ้านแตกวันนั้น ไอ้แก่ขี้บ่นที่ดำชอบด่าลับหลังก็ตายจากไป

 

เมาแล้วล้ม...

 

หัวกระแทกหิน สมองกระทบกระเทือน เลือดคลั่งตาย

 

ครอบครัวคนสุดท้ายหายไปจากเขาแล้ว...

 

ต่อให้เมื่อตอนมีชีวิตทั้งเบื่อทั้งหน่าย เกลียดขี้หน้า แถมรำคาญขนาดไหน แต่เมื่อกลับมาบ้านแล้วพบเจอความอ้างว้าง ไม่เหลือใคร คนหัวใจหยาบกระด้างอย่างเขาก็ได้รู้จักกับความวูบไหว มันเหมือนตัวเองกลายเป็นเรือลำหนึ่ง ลอยคว้างกลางทะเล มองไปทางไหนก็มืดมิด ไม่เห็นเงาของมนุษย์คนใด

 

ทว่าความเศร้าแบบนั้น คนอย่างไอ้ดำแกร่งเกินกว่าจะมานั่งหมดอาลัยตายอยาก เขาเรียนรู้การอยู่บนลำแข้งของตัวเองมาตั้งแต่เด็ก ไม่นานต้นไม้ต้นหนึ่งก็พยุงตัวเองรอดพ้นจากพายุที่โหมกระหน่ำ หยั่งรากลึกอยู่บนโลกต่อไปได้

 

ข้อดีที่ดำค้นพบจากการอยู่คนเดียวนั่นคือ ไม่ต้องฟังตาบ่น ชีวิตเป็นของตนเต็มที่ เขาจะสำมะเลเทเมา ไม่กลับบ้านกลับช่อง ร่อนไปร่อนมาแห่งหนตำบลใด คราวนี้ไม่มีใครห้ามได้แล้ว เขาเที่ยวเตร่ไปกับกลุ่มเพื่อนที่มีชีวิตคล้ายๆ กัน ไอ้พวกเด็กมีปัญหา กร้านโลก ปากกัดตีนถีบ มีด้านมืดมากกว่าด้านสว่าง

 

สุภาษิตไทยกล่าวว่า ‘คบคนพาล พาลพาไปหาผิด’

 

คบคนแบบใด นิสัยสันดานก็จะพาลไปเหมือนคนกลุ่มนั้น ดำเคยคิดเสมอว่าเขามีปัญญาควบคุมตัวเองได้ ทว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่โอนเอน อ่อนไหวกับสิ่งเร้า นานวันเข้าเขากลับกลายเป็นใครอีกคน โดยที่ตัวเองไม่ได้ตั้งใจ เพื่อนที่รายล้อมรอบข้างมีอิทธิพลมากกว่าที่คิด ดำซึมซับความเลวร้ายเข้าสู่สันดาน

 

เขากลายเป็นอันธพาล ต่อยตีกับคนถ้วนหน้า เห็นเลือดคนไหลรินแทบทุกวัน ยิ่งมีพวกพ้องคอยส่งเสริม ผสมกับความคึกคะนอง ต้องการความยิ่งใหญ่ ในที่สุดความถูกผิดและเหตุผลความดีงามใดๆ ก็พ่ายแพ้ให้กับความสะใจไปวันๆ

 

ไอ้เลว

 

โคตรเหี้ย

 

คนชั่ว!

 

คำว่า ชั่ว...ชั่ว และชั่ว...กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำตัวของไอ้หนุ่มอันธพาลไปโดยปริยาย

 

แค่ดำเอาหน้าตาเหมือนมหาโจรไปโผล่ที่ไหน คนละแวกนั้นจะทำทีไม่คบค้า ชาวบ้านร้านตลาดล้วนถอยห่าง พ่อแม่เตือนลูกเล็กของตน อย่าเอาเขาเป็นเยี่ยงอย่าง

 

เข้าตำรา รูปชั่ว...ตัวดำ...สันดานเลว...

 

หึ!

 

ชั่วช้าสารเลวสิ้นดี...

 

ออฟไลน์ วันเวย์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-2
    • https://www.facebook.com/onewayy17/
ทว่า...

 

แม้ถูกตราหน้าว่าเลวร้ายถึงเพียงไหน แต่คนชั่วๆ อย่างเขาคนนี้ กลับมีฟางเส้นเล็กๆ เส้นหนึ่ง โยงใยชีวิตเอาไว้

 

ในสังคมโลกมืดของดำมีแสงสว่างบางๆ พร่างพรายอยู่ท่ามกลางแสงสลัว เป็นเหมือนหิ่งห้อยตัวน้อยในคืนที่ไร้แสงจันทร์ ผูกมัดการมีตัวตนของดำเอาไว้ ให้เขายังหลงเหลือสิ่งดีๆ ในก้นบึ้งของจิตใจ แม้จะอยู่ลึกไปสักหน่อยก็ตาม

 

“เฮ้ย! วันนี้เย็นๆ หลังวัดนะโว้ย”

 

คนพูดปล่อยควันโขมง ด้วยกำลังคาบยาสูบไว้ในปาก

 

แก๊งวัยรุ่นรวมหัวกันสี่ห้าชีวิต สารรูปแต่ละคนดูยังไงก็ไม่น่าเข้าใกล้ ชาวบ้านร้านตลาดมองผ่านๆ ก็ชวนให้คิดแล้วว่าเป็นไอ้พวกขี้ยา ไม่ก็พวกเด็กเหลือขอที่พ่อแม่มันตัดหางปล่อยวัด

 

“ไปทำเหี้ยอะไรหลังวัด ที่อื่นไม่มีหรือไง” ดำเอ่ยแย้ง นิ่วหน้าเมื่อพรรคพวกเออออกัน ทำเหมือนข้อเสนอนั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติ

 

“เอาน่า ในวัดมันปลอดภัย พ่อมึงจะได้ไม่ตามมาลากคอเข้าตะราง”

 

‘พ่อ’ ในที่นี้ไม่ใช่พ่อบังเกิดเกล้า แต่เป็นสรรพนามเรียกแทนตัวเจ้าหน้าที่ใส่ชุดสีกากีที่พวกมันเกลียดขี้หน้า

 

สุมหัวกับไอ้เวรพวกนี้ ก็รู้อยู่แล้วว่าไม่เคยทำเรื่องดี หากปกติแล้วไม่ว่าจะกินเหล้า ดูดบุหรี่ หรือดูดอะไรก็จะพากันไปในที่รกร้างปลอดคนเท่านั้น แต่ครั้งนี้มันดันอุตริจะพากันไปมั่วในวัด เข้าวัดเข้าวาแต่ไม่ได้ไปทำบุญ กลับไปเพื่อทำบาป

 

นรกจะกินกบาล!

 

เด็กหนุ่มวัยคะนองที่บัดนี้กลายเป็นหัวโจกไปแล้วไม่พูดอะไรอีก รู้ว่าถึงพูดไปก็ไม่มีใครฟัง สองเท้าเหยียบย่ำบนทางสีดำ ใครมันจะสนใจกับสิ่งนามธรรมที่ตามองไม่เห็น บุญเป็นแบบไหน บาปหน้าตาเป็นยังไง มีใครเคยเห็นบ้าง

 

เมื่ออยู่ในวัยอยากรู้อยากลอง ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ถึงรู้ว่าผิดก็ยังไม่คิดจะดึงกันไปในที่ถูกที่ควร

 

เขากับไอ้พวกนี้ก็เป็นอย่างนั้น...

 

“วันนี้มี ‘ของ’ ด้วยนะโว้ย มึงเอาด้วยไหม”

 

“ของ? อะไรวะ” ดำถาม “ใบกระท่อมอีกหรือไง”

 

คนเสนอของหัวเราะเอิ๊กอ๊าก

 

“ไอ้นั่นมันของเด็กเล่น มันจะไปตื่นเต้นอะไรวะ กูหมายถึงอย่างอื่น...” อีกฝ่ายทำหน้าเหมือนหมาป่า มีลับลมคมในเสียจนน่าถีบโครมเข้าที่กลางกบาล “นี่ถ้าไม่ใช่มึงนะไอ้ดำ ก็ไม่เอามาให้ลองหรอก...ของมันต้องซื้อต้องหา คนปล่อยแม่งก็ท่ามาก กว่าจะให้มา...”

 

คนถูกชักชวนนิ่วหน้า เขาไม่ได้โง่เง่าไร้เดียงสา พอจะเดาได้อยู่ลางๆ ว่าอะไรเป็นอะไร

 

เหล้า บุหรี่ กะหรี่ ยาดอง...ก็ลองมาแล้วทุกอย่าง

 

เมื่อมีครั้งที่หนึ่งก็มีครั้งที่สองและสาม ความอยากรู้อยากลองชนะศีลธรรมขาดลอย ชนิดไม่เห็นฝุ่น ในใจของเด็กหนุ่มเต้นตุบตับ เลือดลมสูบฉีดอะดรีนาลีนหลั่ง อยากรู้เหมือนกันว่าหากได้ลองของใหม่พวกนั้น ตัวเองจะมีสารรูปยังไง

 

จะเมาเป็นหมาเหมือนตอนแดกม้ากระทืบโรงเกินพิกัด

 

หรือจะหัวเราะเฮอา ดีดไปทั้งวี่ทั้งวันเหมือนตอนลองกัญชา

 

ข้อสงสัยในใจยังไม่มีใครให้คำตอบ เขาและไอ้พวกอนาคตมืดมนก็มาสุมหัวกันอยู่ที่จุดนัดหมายเป็นที่เรียบร้อย

 

สายลมยามเย็นพัดเบาๆ  รอบกายเงียบสงบปลอดคนสมกับเป็นหลังวัด คนทั้งหมดนั่งล้อมวง เหมือนกำลังเริ่มต้นพิธีกรรมไสยศาสตร์ ควันจากกองไฟเล็กๆ ลอยสูง สูดหายใจครั้งใด หมายถึงการรับเอาควันบุหรี่เข้าปอด ดำนั่งเอนตัวพิงต้นไม้แถวนั้น อากาศเย็นสบายเสียจนลืมตัวไปชั่วขณะ ลืมไปว่าสถานที่มานั่งมั่วสุมกัน มันอยู่ใกล้อาณาเขตของใคร

 

ไอ้ชั่วอย่างเขาถึงคราวหยุดชะงัก เมื่อใครบางคนดันมาปรากฏตัวตรงหน้า

 

ดวงตาใสแจ๋วที่มองมา ร่างเล็กในผ้าเหลืองห่มคลุมทั้งร่าง แสดงสถานะบุคคลในร่มกาสาวพัสตร์ คนมาใหม่ยืนนิ่งเหมือนกำลังช็อก จ้องมองพวกเขาทั้งกลัวทั้งตกใจ ในมือมีไม้กวาดด้ามยาวกว่าตัวมันถือเอาไว้ เดาได้ไม่ยากเลยว่าคงกวาดใบไม้จนบังเอิญซวยมาเจอแหล่งอบายมุข

 

“เฮ้ย! มองไรวะเณร”

 

หนึ่งในกลุ่มเขาหันไปมองเห็นมันเข้าแล้ว ไอ้คนพูดกำลังจะเล่น ‘ของ’ ที่มันหามา เมื่อมีคนมาขัดจังหวะจึงอารมณ์เสียได้ที่

 

“ไปไหนก็ไป อย่าปากโป้งนะมึง ไม่งั้นมึงตายแน่”

 

แม้แต่สามเณรเด็กน้อยอย่างนี้ พวกแม่งก็ไม่สน

 

ไอ้คนพูดชี้หน้าข่มขู่ ส่วนไอ้คนถูกขู่ไม่ต้องพูดถึง...กอดไม้กวาดของตัวเองแน่น ขนาดตัวที่เล็กอยู่แล้วราวกับจะหดลงได้อีกยังไงยังงั้น

 

“...”

 

“เอ้า! ยังยืนอยู่อีก ไอ้เณรนี่แม่งยุ่งจริงโว้ย กลับไปหาหลวงตาของมึงไป๊”

 

“ละ...หลวง...หลวงตาไม่อยู่”

 

ไอ้โง่!

 

ดำแอบสบถในใจลั่น

 

ถ้าไม่ติดว่าอยู่ในผ้าเหลือง พ่อจะลุกไปตบให้กะโหลกสั่น...

 

ใครสั่งใครสอนให้ชี้โพรงให้กระรอกแบบนั้น ไปบอกพวกมันว่าคนคุ้มกะลาหัวตัวเองไม่อยู่ เดี๋ยวแม่งก็ยิ่งได้ใจ คราวนี้เกิดโดนลากไปฆ่าหมกป่า ...มึงจะทำยังไงหา!

 

หัวหน้าแก๊งอบายมุขขยี้หัวกลัดกลุ้มหนัก ฟากหนึ่งก็เพื่อนพ้อง ส่วนอีกฝ่ายก็...

 

ก็...น้อง

 

เออ! ยังไงก็นับเป็นน้องเป็นนุ่งได้ล่ะวะ ในเมื่อเขาเห็นมันมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย จนตอนนี้ตีนมันเดินคล่องปร๋อไปแล้ว แต่ไอ้เรื่องซื่อเกินเบอร์จนกลายเป็นเซ่อซ่า ‘ไอ้ขวัญ’ ก็ยังครองตำแหน่งนั้นเสมอต้นเสมอปลาย

 

ดำมองหัวเกลี้ยงเกลา ไม่มีแม้เส้นผมสักเส้นแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่ได้แปลกใจสักนิดที่เห็นไอ้เด็กนี่กลายเป็นสามเณรอีกครั้ง ทุกปิดเทอมไอ้ขวัญจะโกนหัวเล่าเรียนธรรมะกับหลวงตาของมัน เป็นความโง่เง่าของเขาเองที่ลืมไปว่า หลังวัดมันติดกับที่ซุกหัวนอนของไอ้เด็กตัวเท่าหมัด

 

“ฮ่าๆๆๆ ที่แท้ก็ไม่มีคนอยู่โว้ย ดีๆ ทางสะดวกพวกกูล่ะทีนี้”

 

“เฮ้ย! มึงไปลากตัวมันมาไว้ก่อนสิ เผื่อมันวิ่งไปตามคนมา เดี๋ยวจะซวยกันหมด”

 

เอาแล้วไง...

 

ไอ้เหี้ยตัวไหนสักตัวดันเสนอความคิดนรกแบบนี้ขึ้นมา ท่าทีคุกคามกับคนตัวใหญ่เท่าควายที่เดินเข้าหา ลูกตาดำๆ ของเด็กตัวเล็กวูบไหวทันที แม่งทำหน้าจะร้องไห้แล้ว

 

คนกำลังจะดำดิ่งในอเวจีถอนหายใจเครียดจัด ความคิดที่ว่าจะไม่สนใจ ปล่อยให้โดนเสียบ้าง โทษฐานเสือกดีนัก คนเลวๆ เขาจะพากันเล่นของเล่นยา ใครสั่งใครสอนให้มันผ่าเข้ามากลางวงอย่างนี้ รู้จักหนีเอาตัวรอดไม่เป็นหรือยังไง

 

ในใจของไอ้คนชั่วด่ากราดไปแบบนั้น ทว่าการกระทำดันตรงกันข้าม

 

“พวกมึงหยุดเลยไอ้สัตว์!” ดำลุกขึ้นยืน ขยับตัวเข้าหา

 

เณรน้อยนุ่งห่มผ้าเหลืองหยุดชะงัก มองเขา...ทั้งกลัว ทั้งฝากความหวัง

 

“อะไรของมึงวะไอ้ดำ หรือมึงรำคาญไอ้เณรนี่ มาๆ...เดี๋ยวกูจัดการให้”

 

“...”

 

หัวโจกของกลุ่มไม่หือไม่อือกับความหวังดีของใคร

 

เขาสบตากับไอ้เด็กเจ็ดขวบนั่นอีกครั้ง...

 

“ไป...”

 

“เออ ไล่ๆ ไอ้เณรนี่ไปซะ”

 

“พวกมึงนั่นแหละไป!”

 

“...!”

 

ณ จุดนี้ เงิบหงายกันไปทั้งคณะ

 

ดำทำหน้าโหด ปล่อยรังสีโฉดชั่วจนทุกคนผงะ

 

“ออกจากวัดกันไปเลย แล้วห้ามเสนอหน้ามามั่วกันในนี้อีกนะมึง ไอ้ควาย...ที่เก่าก็ดีอยู่แล้ว เสือกชวนกันมาในวัด ก่อนจะกลัวพ่อมึงมาลากเข้าตะราง กลัวนรกกินกบาลก่อนเถอะไอ้สัตว์! ออกไปเดี๋ยวนี้...ตรงนี้มันเป็นที่วิ่งเล่นของน้องกู มันมาทวงที่มันแล้ว พวกมึงไสหัวไป...”

 

แล้ววงอบายมุขในวันนั้นก็แตกกระจาย พร้อมๆ กับปฏิบัติการลอง ‘ของใหม่’ ที่กลายเป็นหมัน

 

 

 

 

 

 

ดิเรก แปลว่า รุ่งเรือง

 

แม้ชีวิตจะเกิดมาไม่ได้สัมผัสกับความพรั่งพร้อมสักเท่าไหร่ แต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกว่า ตัวเองก็มีความสุขดี และบางครั้งก็ ‘ดี’ กว่าที่คิดไว้

 

“มึงจะไปไหนอีกวะเนี่ย”

 

ภาพเด็กวัยรุ่นตัวโตๆ ผิวคล้ำๆ กำลังเดินตามหลังเด็กป.สองต้อยๆ เป็นอะไรที่ขัดแย้งกัน จนชาวบ้านคงนึกว่าตัวเองเห็นภาพหลอน โดยเฉพาะไอ้คนเดินตามทำหน้าเหมือนฆาตกรโรคจิต พร้อมกระโดดกัดทุกคนที่ขวางหน้า ทว่าก็ยังคอยติดตามเด็กคนนั้นไม่ห่าง

 

เป็นความซวยของเขาเองที่ดันมาเจอมันกลางทาง พอเจอแล้วก็ดันจากไปเฉยๆ ไปได้เสียด้วย

 

“...”

 

“ไอ้ขวัญ! กูถามว่าจะไปไหน”

 

คนถามแล้วไม่ได้คำตอบชักหัวร้อน เมื่อพูดถึง ‘หัว’ สายตาก็ดันไปมองผมสั้นกุดของไอ้เด็กเพิ่งละผ้าเหลือง เนื่องจากเปิดเทอมต้องไปโรงเรียน

 

สองมือของไอ้ขวัญถือกิ่งไม้ สองขาของมันกึ่งเดินกึ่งวิ่งมายังชายหาดไม่ไกลจากวัด บนร่างเล็กๆ ของเด็กประถมต้นยังสวมเครื่องแบบนักเรียนรัฐบาล สภาพเสื้อเก่าบ้าง ขาดจนต้องปะชุนบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ยังใช้การได้

 

“วาดรูป...”

 

ไอ้เด็กพูดน้อย แถมพูดมาแต่ละคำก็เบาหวิว เหมือนคนถ่านอ่อนกำลัง แม้แต่แรงพูดก็จะไม่มี

 

ความชอบวาดรูปของไอ้เด็กนี่ฉายแววมาตั้งแต่ยังละอ่อน เริ่มตั้งแต่ยังไม่ทันรู้ความ แค่คลานต้วมเตี้ยมได้ เด็กชายก็ชอบคว้าเอาปากกามาขีดเขียน สารพัดทั้งสีไม้สีเทียน เมื่ออยู่ในมือไอ้ขวัญก็ทำให้ฝาผนังกุฏิหลวงตาเละไปทั้งแถบ

 

พอโตขึ้นมาหน่อย คราวนี้เดินได้คล่อง สองขาพาตัวเองท่องไปในโลกนอกกุฏิพระได้แล้ว เด็กชายจึงได้ค้นพบการละเล่นใหม่ กิจกรรมที่มันโปรดปรานคือการคว้าเอากิ่งไม้ที่หล่นเกลื่อนหน้าลานวัด เอามาขีดเขียนลงกับผืนทราย

 

ไอ้ขวัญชอบวาดต้นไม้

 

มันชอบวาดรูปปลา

 

บางทีก็วาดดวงดาว

 

แต่วันนี้มันกำลังวาดฝูงเต่า...

 

ดำนั่งเฝ้าไอ้จิตรกรรมชื่อก้องโลก (หน้า) นี่มาเป็นชั่วโมงๆ แล้ว ถึงจะทั้งเบื่อทั้งหน่าย ถอนหายใจจนปอดประท้วงว่าเหนื่อยจะตายห่าแล้ว แต่เขาก็ไม่กล้าทิ้งไอ้ขวัญไว้คนเดียวอยู่ดี เด็กเล็กๆ มาเล่นแถวชายหาด ถึงตอนนี้มันจะยังหมกมุ่นอยู่กับกองทราย แต่ใครจะรับประกันได้ว่าในอนาคตอันใกล้มันจะไม่เดินลงไปในน้ำ

 

เกิดสะดุดหิน เหยียบเปลือกหอย เจอคลื่นซัด...

 

ไหนจะแมงกะพรุนอีกล่ะ!

 

ในทีวีเขาก็มีข่าวว่าฉลามมาเกยตื้นหน้าหาด โอย...ตายห่า! ยิ่งคิดยิ่งมีแต่เรื่องเสี่ยงตาย

 

เด็กยังไม่โตนี่แม่งดูแลโคตรยาก โดยเฉพาะเด็กสมองช้า ตอบสนองทุกสิ่งเชื่องช้าไปหมดอย่างไอ้ขวัญ พี่เลี้ยงจำเป็นคิดแล้วก็หวั่นใจกับอนาคตของมัน น่าเป็นห่วงว่าจะเอาชีวิตรอดไปได้ถึงอายุเท่าไหร่

 

แต่เฮ้ย! ใครห่วง?

 

ไอ้หนุ่มอันธพาลตกใจกับความคิดตัวเอง ณ ตอนนั้น

 

ไม่โว้ย! ไม่มีเสียหรอก ห่วงห่าเหวอะไรกัน...กูแค่กลัวมันตาย!

 

หาข้ออ้างให้ตัวเองได้ก็สบายใจ...

 

ดำนั่งมองฟ้ามองฝน สลับกับมองคนที่กำลังตั้งอกตั้งใจขีดเขียนผืนทราย แดดร่มลมเย็น อากาศบริสุทธิ์ แถมบรรยากาศรอบข้างก็เหมือนในโปสการ์ดสวยๆ ที่เขาชอบถ่ายรูปเอาไปขายนักท่องเที่ยว ทุกอย่างดีงามไปหมด สมควรจะหมดวันนี้ไปด้วยความสมบูรณ์แบบ แต่แล้วปัญหาก็มาเกิดให้ได้ปวดสมองจนได้

 

ใครใช้ให้ไอ้เด็กเวรนั่นไปวาดรูปตรงนั้นวะ!

 

ถึงตอนที่มันเริ่มวาด ชายหาดตรงนั้นจะแห้งสนิท ไม่ได้มีวี่แววว่าน้ำจะขึ้นมาถึงเลยก็ตาม ทว่าท้องทะเลเป็นอะไรที่ไว้ใจไม่เคยได้ พอตกเย็นเข้าหน่อย เสียงคลื่นก็เริ่มแรง น้ำทะเลเอ่อล้นกินพื้นที่เข้ามาเรื่อยๆ จากนั้นไม่ถึงสิบนาที กลายเป็นว่าคลื่นใหญ่ซัดมาโครมเดียว กวาดเรียบทั้งกระดาน

 

เต่าทะเลทั้งฝูงของไอ้ขวัญลงน้ำไปพร้อมกัน หายวับไปกับตา

 

คนตั้งอกตั้งใจสร้างจิตรกรรมบนผืนทราย มองกิ่งไม้ในมืออย่างงุนงง คงเพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นเร็วมาก ไอ้เด็กหัวช้าเลยยังตั้งตัวไม่ทัน จนเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก สมองน้อยๆ เริ่มหมุนตามทันโลกได้แล้ว ดวงตาใสแจ๋วถึงได้เอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำ ปากเล็กๆ ค่อยเหยียดแย้มออกจากกัน เหมือนเรือที่กำลังกางใบ

 

แต่เดี๋ยวก่อน!

 

ไอ้ดำจิตสัมผัส ไอ้ดำผู้ล่วงรู้อนาคต...

 

ลางสังหรณ์มันกระตุก เปลือกตามันคันๆ เพราะรู้ว่าที่เรือบนหน้าไอ้ขวัญมันกำลังจะคว่ำ เจ้าตัวเตรียมแหกปากลั่น มันจะร้องแล้วโว้ย!

 

“...”

 

“อย่าร้องนะมึง ร้องไปกูก็ช่วยอะไรไม่ได้”

 

พี่ชายที่น่ารักรีบออกตัวเพื่อความปลอดภัย แต่ไหนแต่ไรมา เวลาเด็กชายจับกิ่งไม้หรือดินสอวาดภาพแล้วมีใครมารังแก มาแกล้งลบทำลายรูปวาดของน้องขวัญ ไม่เคยมีสักครั้งที่พี่ดำจะไม่จัดการให้ แต่ครั้งนี้พี่ดำยืนนิ่ง แถมทำท่าจะไม่ช่วย ปล่อยให้คนขโมยเต่าลอยนวลไป

 

“ฮึก...”

 

เจ้าตัวน้อยไม่อาจเข้าใจ...

 

ทำไมพี่ดำใจร้าย ทำไมไม่เหมือนทุกที

 

“ฮือ...”

 

“เหี้ยเอ๊ย! กูบอกว่าอย่าร้อง”

 

“ฮือออ...”

 

ใช้ไม้แข็งแล้วไม่ได้ผล ไอ้เด็กไม่เชื่อฟัง แถมยังน้ำตาร่วงเป็นเผาเต่า พี่เลี้ยงเถื่อนหัวใจโหดเหี้ยมเลยต้องงัดไม้ตะพด เอ๊ย! ไม้นวมขึ้นมาแทน เปลี่ยนแผนให้ไว

 

“อะ...เออๆ ก็ได้ๆ กูยอมแล้ว มึงเงียบเดี๋ยวนี้”

 

“ฮึก...พี่ดำ...”

 

“ว่าไง ทำยังไงมึงถึงจะเลิกร้อง มึงบอกกูมา”

 

“ไปตี...”

 

ตี!

 

ตีกับคลื่น ตีกับลม ตีกับน้ำทะเลเนี่ยนะ

 

คนถูกสั่งถึงขั้นผงะ มองไอ้เด็กสมองช้าแล้วทำหน้าเลิกลั่ก ไม่ได้! ต้องคิดในแง่ดีไว้ก่อน...บางทีมันอาจจะไม่ได้หมายความอย่างที่เขาเข้าใจ เออสิวะ! ถึงเป็นเด็กเอ๋อแดกก็คงไม่สั่งให้ใครไปตีกับน้ำทะเลหรอกมั้ง แต่เพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้ฟุ้งซ่านไปเอง ต้องถามจากปากมัน

 

“มึงจะให้กูไปตีอะไร”

 

“...”

 

เด็กน้อยไม่ตอบ แต่มือที่ชี้ไปทางน้ำทะเล ทำเอาพี่เลี้ยงขาโหดจะเป็นบ้า

 

ดำมองหน้าตามอมแมม น้ำตาหยด น้ำมูกย้อยแล้วอยากหัวเราะ เพราะสารรูปคนตรงหน้าเหมือนลูกหมามากกว่าลูกคนไปแล้ว ทว่านาทีนี้ ภารกิจที่ได้รับเสือกทำให้ต่อมขำล้มตาย

 

ไอ้เรื่องต่อยตีนี่ของถนัด แต่คู่ต่อสู้ต้องเป็นคนเหมือนกันสิโว้ย!

 

ไม่ใช่ให้ไปตีกับสิ่งที่หาแพ้ชนะกันไม่ได้ ต่อให้ตีกันถึงสิบยกเหมือนนักมวยสากล กรรมการเขาจะลงคะแนนให้กูชนะได้ยังไง ในเมื่ออีกฝ่าย...คือของเหลวใส...แปลงร่างเป็นกำปั้นมาตะบันหน้ากูคืนไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

“ฮึก...”

 

มาอีกแล้ว...หน้าเบี้ยวปากเบะ มือเล็กๆ เริ่มเข้าสู่กระบวนการขยี้หูขยี้ตา สภาวะเขื่อนแตกภาคสองใกล้เข้ามาแล้ว จะยอมให้น้ำป่าไหลหลากบนหน้ามันอีกไม่ได้!

 

“ก็ได้! สัตว์! แม่งเอ๊ย...”

 

เสียงสบถแบบไม่เต็มใจ ตัดภาพไปที่ร่างสูงตัวดำย่างสามขุมลงชายหาด

 

เย็นวันนั้น...หากมีใครผ่านไปผ่านมาบริเวณชายหาดท้ายเกาะ ก็จะเห็นมนุษย์เสียจริตคนหนึ่งเต้นแร้งเต้นกา กระทืบบาทาใส่น้ำทะเลอย่างบ้าคลั่ง...

 

...

 

“มึงบังอาจทำน้องกูใช่ไหม...”

 

“ได้...มึง...ได้...”

 

“ตายซะเถอะมึง...ไอ้เหี้ย! ไอ้เหี้ย! ไอ้เหี้ย!”

 

...

 

‘เหี้ย’ หนึ่งครั้ง ตามหลังด้วยเสียงน้ำกระจายหนึ่งที

 

ดำกลอกตา ด่าเทวดา ด่านรกสวรรค์ไปทั่ว เพราะไม่รู้ว่าบุญหรือกรรมที่ทำให้เขาต้องมาเป็นสนามอารมณ์ของไอ้เด็กหัวโล้น  แต่เมื่อหันไปมองบนฝั่ง ใบหน้าบิดเบี้ยวอันตรธานหาย ตากลมๆ เป็นประกาย เสียงร้องไห้กลายเป็นเสียงหัวเราะคิกคัก...เท่านั้นก็เป็นเหตุผลคุ้มค่ากับความบ้าที่ทำลงไป

 

เสื้อผ้าของไอ้หนุ่มอันธพาลเปียกโชก สองตีนเหยียบย่ำผืนน้ำไม่หยุด ปากก็ตะโกนปล่อยสัตว์เลื้อยคลานออกมาไม่ยั้ง

 

ทว่า...

 

ในถ้อยคำแสนหยาบกับการกระทำเถื่อนทราม มีอะไรบางอย่างแฝงตัวอยู่ในนั้น

 

ความใจดีของคนใจดำ...

 

หากอีกฝ่ายไม่ใช่ไอ้ขวัญ...ความใจดีนั้นจะถูกซุกซ่อนไว้ ใครก็หาไม่เจอ...

 



*****

ออฟไลน์ วันเวย์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-2
    • https://www.facebook.com/onewayy17/
บทที่ 2
เด็กวัด


 

เสียงระฆังดังแล้ว...

 

เหมือนสัญญาณชีวิตของวันใหม่เริ่มต้นอีกวัน

 

กุฏิเดี่ยว[1]ด้านหลังวัด แวดล้อมด้วยต้นไม้ประจำจังหวัดอย่างต้นกระซิก[2] จึงมีร่มเงาให้พักพิงได้ตลอดแม้เป็นยามที่แดดร้อนจัด กุฏิประเภทนี้มักใช้เป็นแบบกุฏิของภิกษุที่เคร่งครัดปฏิบัติธรรม ปรารถนาจะมีสมาธิ หลีกหนีจากความวุ่นวาย จึงได้ปลูกกุฏิแยกห่าง ที่นี่เป็นที่พำนักของพระผู้ใหญ่อย่าง ‘หลวงตาบุญ’ ภิกษุวัยชราผู้ครองผ้าเหลืองมากว่าครึ่งชีวิต

 

มุมเล็กๆ ภายในกุฏิเป็นที่ซุกหัวนอนของ ‘เด็กวัด’ ตัวกระจ้อย หลานชายตัวน้อย เลือดเนื้อเชื้อไขเพียงคนเดียวของหลวงตา

 

เด็กคนหนึ่งต้องมาพึ่งพาใบบุญวัด ความหมายของมันก็คือ...ไม่มีบ้าน...

 

เด็กชายไม่มีที่พึ่งอื่นใดอีกแล้ว เนื่องจากมารดาผู้ให้กำเนิดสิ้นบุญไป ลูกสาวคนเดียวของหลวงตา หอบผ้าหนีตามผู้ชายไปเสียนาน กระทั่งผ่านพ้นไปหลายปี ผู้หญิงคนนั้นจึงระหกระเหินหวนกลับมา พร้อมกับห่อผ้าของเด็กเกิดใหม่ และไม่ว่าใครจะเฝ้าพยายามถามหาพ่อของเด็กเพียงใด คำตอบที่ได้ก็คือความว่างเปล่า

 

ขวัญเป็นเด็กวัดขนานแท้ เติบโตมาท่ามกลางเสียงสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็น ผ้าที่ใช้ห่อหุ้มตัวตอนยังแบเบาะ ก็ยังเป็นผ้าเหลืองของพระสงฆ์องค์เจ้าเสียด้วยซ้ำ เมื่อครั้งเริ่มจำความได้ ก็พบว่าตัวเองเกาะชายผ้าเหลืองหลวงตาไว้แน่นทั้งสองมือแล้ว หนูน้อยจำหน้าแม่ตัวเองไม่ได้ ไม่มีความทรงจำของแม่ให้ระลึกถึง  เพราะอีกฝ่ายตายจากเร็วเกินไป

 

 

ส่วนพ่อ...ชาตินี้ก็คงได้แต่เป็นคนในโลกคู่ขนานเท่านั้น

 

ไม่ยุ่งเกี่ยว...ไม่รู้จัก...ไม่ผูกพัน...

 

หากทั้งหมดนั่น...ไม่ได้เป็นเหตุผลที่จะทำให้ขวัญน้อยอกน้อยใจ

 

ขอแค่มีหลวงตาคอยบอกคอยสอน มีข้าวปลาครบสามมื้อ มีพื้นที่เล็กๆ ให้หลับนอน...แค่นั้นเด็กชายก็พอใจ

 

ชายมุ้งถูกตลบขึ้นอย่างเร่งรีบ หมอนใบเดียวกับผ้าห่มเก่าๆ ผ่านการใช้งานมานานวัน ถูกเก็บซ้อนทับกันตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสว่างดี

 

ร่างเล็กๆ ยกมือขยี้ตา นั่งงัวเงียได้เพียงครู่ แต่แล้วก็รู้ตัวว่ามีอย่างอื่นให้ทำต่อ มือบางคว้าเอาฟูกนอนแบนๆ แทบไม่เหลือความนุ่มฟูใดๆ ดันไปไว้มุมห้อง เปิดพื้นที่โล่งๆ เอาไว้ ทำให้ห้องเล็กๆ นี้มีพื้นที่เดินได้สะดวก ไม่เกะกะหลวงตา

 

“หลวงตาจ๋า...จะไปบิณฑบาตหรือ” เด็กชายรีบถลามาช่วยหลวงตาอุ้มบาตรพระ “วันนี้อย่าไปเลย...”

 

“กิจของสงฆ์ เอ็งจะไม่ให้ไปได้หรือ”

 

พระผู้ใหญ่ใจดีตอบกลับมาอย่างนั้น มือเหี่ยวย่นลูบหัวขวัญ เอ็นดูเด็กตัวเล็กที่ต้องตื่นเช้าทุกวัน ในขณะที่เด็กคนอื่นในวัยเดียวกันคงยังซุกอยู่บนที่นอน

 

“แต่...ไม่สบายอยู่...”

 

เสียงเล็กๆ ดังแผ่ว ก้มหน้าก้มตาเหมือนกำลังปรึกษากับตัวเอง

 

หลวงตาอาพาธเรื้อรังมานาน ด้วยอายุสังขารล่วงเลยไปกว่าเจ็ดสิบปี โรคภัยกล้ำกลายอยู่หลายโรค หากทุกครั้งที่ขวัญคะยั้นคะยอจะพาหลวงตาไปหาหมอ เป็นต้องได้ยินประโยคคลาสสิกสั่งสอนกลับมาทุกครั้ง

 

...

 

‘คนเราเกิดมาก็ต้องตาย

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นเรื่องธรรมดา...’

 

...

 

ขวัญท่องจำใส่สมองได้ขึ้นใจแล้ว ด้วยฟังมาเป็นร้อยๆ ครั้ง มีบางครั้งหลวงตาป่วยหนัก กระทั่งจะลุกขึ้นนั่ง ท่านยังลุกไม่ไหว ขวัญก็ได้แต่วิ่งเร็วจี๋ (เทียบกับคนอื่นก็ยังช้าอยู่ดี) ไปยังสถานีอนามัย ร้องขอให้หมอสักคนไปรักษาหลวงตา คนที่นั่นพอเห็นเด็กวัดตัวเล็กสะอึกสะอื้นตัวสั่น แถมยังปล่อยโฮจนน่าสงสาร ใครบ้างจะใจจืดใจดำทำเป็นมองผ่านไป

 

พระผู้ใหญ่ไล่สายตาติดตามหลานชายอยู่พักหนึ่ง มองอาการงกๆ เงิ่นๆ ควานหาย่ามสีซีดที่เจ้าตัวใช้เดินตามบิณฑบาตอยู่ทุกวัน

 

ขวัญเป็นเด็กหัวช้า ท่าทางกิริยาไม่คล่องแคล่วว่องไวอย่างที่เด็กวัยนี้มักเป็นกัน ตั้งแต่ยังแบเบาะ เจ้าตัวเล็กไม่ค่อยส่งเสียงใดๆ แม้แต่เสียงร้องไห้เวลาหิวหรือไม่สบายก็ยังเกิดขึ้นนานๆ ครั้ง ในตอนนั้นใครต่อใครต่างเข้าใจว่าจะเป็นใบ้ไปเสียแล้ว แต่แล้วในวัยเกือบสองขวบ เด็กชายก็พูดออกมาเป็นคำๆ ท่ามกลางความโล่งใจของหลวงตา

 

แม้ว่าชะตาชีวิตของเจ้าขวัญจะอาภัพ แต่เด็กคนนี้มีรูปเป็นทรัพย์ เกิดมาหน้าตาน่ารัก ใครเห็นก็เอ็นดู เคยมีเศรษฐีต่างถิ่นมาเที่ยวที่เกาะ และแวะมาทำบุญที่วัด บังเอิญมาเห็นเจ้าเด็กหัวกลมในวัยสี่ขวบกว่านั่งพับเพียบก้มกราบพระอยู่ในโบสถ์

 

เด็กตัวเล็กๆ ผิวสีน้ำผึ้ง ปากแดง ดวงตากลมโตใสแจ๋วล้อมกรอบด้วยขนตายาว...ราวกับตุ๊กตาก็ไม่ปาน

 

เศรษฐีคนนั้นแค่เห็นเจ้าขวัญครู่เดียวก็ถูกชะตา ยิ่งรู้ว่าเป็นเด็กกำพร้าก็ยิ่งสงสาร ถึงขั้นออกปากขอไปเลี้ยงดูต่อหน้า แต่ด้วยความเป็น ‘ตา’ แม้รู้ว่าการปล่อยให้คนมีเงินรับส่งเสียไป หลานชายคงมีอนาคตที่ดีกว่า ทว่าก็ตัดใจยกให้เขาไม่ลง

 

อย่างไรก็คนในครอบครัวเดียวกัน...

 

เห็นหน้าเจ้าขวัญ...ราวกับเห็นลูกสาวที่อายุสั้นจากไปก่อนวัยอันควร เมื่อครั้งแม่มันยังมีชีวิต ท่านทำหน้าที่พ่อได้ไม่ดีนัก ทะเลาะผิดใจกัน กระทั่งเกิดเรื่องราวมากมาย จนวันนี้แม้บวชเป็นพระ แต่อีกนัยยะยังมีสถานะเป็น ‘ตา’

 

เคร้ง!

 

เสียงอะไรสักอย่างหล่นโครม คงไม่พ้นเจ้าตัวเล็กทำของหลุดมืออีกเป็นแน่

 

หลานมันก็เป็นเสียแบบนี้...

 

ทั้งซื่อ ทั้งซุ่มซ่าม ไม่เคยทันคน...ยกให้คนอื่นไป เกิดวันหนึ่งเขาเบื่อหน่าย ทำร้าย หรือทำให้เสียใจ ถึงตอนนั้นคนเป็นตาคงใจสลาย สุดท้ายแทนที่จะได้เป็นคุณหนูคุณชายในบ้านเศรษฐีใหญ่ เจ้าขวัญจึงกลายมาเป็นเด็กวัดจนๆ อย่างนี้แทน

 

“ขวัญเอ๊ย...” หลวงตาเรียกหา “ไปกันเถอะลูก สายแล้ว...ประเดี๋ยวเอ็งกลับมาแต่งตัวไปโรงเรียนไม่ทัน”

 

“...”

 

ขวัญพยักหน้า สองเท้าเดินตามหลังหลวงตาเงียบเชียบ ไม่มีคำพูดต่อจากนั้น

 

 หลวงตาเองก็ชินเสียแล้วกับคำพูดน้อยนิดของเจ้าหลานคนนี้ อันที่จริงการสงบปากสงบคำของเจ้าขวัญก็ถือเป็นเรื่องดี อยู่ในวัดมาทั้งชีวิตจะไม่สำรวมเป็นนิจได้อย่างไร

 

สองตาหลานมุ่งหน้าออกจากวัด เดินไปในทิศทางที่คุ้นชินอยู่ทุกวัน

 

บังเอิญวันนี้ตรงกับวันพระ...

 

คนบนเกาะส่วนใหญ่ใจบุญ เข้าวัดหาพระหาเจ้ากันเป็นประจำอยู่แล้ว ยิ่งวันนี้เป็นวันพระ คนรอใส่บาตรจึงมากกว่าทุกวัน ขวัญเดินตามหลวงตาไม่ห่าง เด็กน้อยสะพายย่าม ความสูงของเด็กเก้าขวบ บวกกับน้ำหนักข้าวของด้านใน ทำให้ถุงย่ามเกือบลากถึงพื้น

 

เด็กวัดตัวเล็กหอบหิ้วกระเตงข้าวของไปเรื่อย ยิ่งเดินไกลน้ำหนักในย่ามก็ยิ่งเพิ่ม อากาศยามเช้าหนาวเย็นนิดๆ แต่ขวัญเหงื่อซึม ด้วยต้องออกกำลัง เสียแรงกายแบกของหนัก

 

...

 

อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ

(อายุ วรรณโณ สุขัง พลัง)

 

...

 

เสียงแหบพร่าของหลวงตาให้พรทุกครั้ง ไม่ว่าใครมาใส่บาตรก็ไม่เคยลืมเลย ตอนเป็นสามเณรใหม่ๆ หลวงตาก็สอนให้ขวัญท่องจำบทบาลีนี้ จะได้ให้ศีลให้พรทุกคนได้ เณรน้อยตัวกระจ้อย เพราะเจ้าตัวขาดแคลนไปเสียทุกอย่าง จึงตัวเล็กกว่าเด็กวัยเดียวกัน ถึงอย่างนั้นก็ยังมีแววตาสดใส หลวงตาไปไหนก็คอยเดินตาม เป็นภาพคุ้นตาของชาวบ้านทั่วไป

 

เด็กชายเติบโตมาจากน้ำใจของพี่ป้าน้าอาทุกคน ญาติโยมทั้งหลาย แขกไปใครมาที่วัดก็มักจะพกพาเอาของใช้ของสอยเล็กๆ น้อยๆ ติดมือมาให้ อย่างเช่น สมุด ดินสอ อุปกรณ์การเรียน บ้านไหนมีลูกเรียนอยู่เหมือนกัน ของบางอย่างเหลือใช้จากลูกหลานพวกนั้น ก็จะมีน้ำใจเอื้อเฟื้อมาถึงขวัญเสมอ

 

เพราะเป็นเด็กดี...ใครๆ เลยเอ็นดู...

 

เห็นหลวงตาบุญมาบิณฑบาตเมื่อไหร่ เป็นต้องได้เห็นเจ้าเด็กวัดคนนี้ เหมือนเป็นเงาตามตัวกัน วันไหนเห็นหลวงตาแต่ไม่เห็นขวัญ วันนั้นฝนฟ้าคงตกใหญ่

 

ไม่เคยมีใครเห็นขวัญออกนอกลู่นอกทาง เปิดเทอมไปโรงเรียน พอปิดเทอมอยู่ว่างก็บวชเณรเสียเลย กิจกรรมโลดโผนอย่างอื่นนอกจากนี้ ขวัญไม่เคยทำ ยิ่งพวกอบายมุข เหล้ายา วงพนัน...ขวัญไม่เคยเข้าไปเฉียดกราย เด็กกำพร้าไม่มีพ่อแม่คอยสั่งคอยจี้ แต่ยังรักดีได้ขนาดนี้...คนเขาเห็นก็ชื่นชมรักใคร่

 

“วันนี้เป็นเด็กวัด แล้วเมื่อไหร่จะเป็นเณรอีกล่ะขวัญเอ๊ย”

 

‘น้าพิม’ คนงานในท่าเรือชาญทะเลร้องทัก

 

“อีก...อีกเดือน...มะ...ไม่ใช่...สองเดือนจ้ะ...” เจ้าตัวดูงุนงง นับนิ้วก็แล้ว...แต่ก็ยัง...งงอยู่

 

คนถามหัวเราะกับคำตอบของเด็ก ไม่มีเสียล่ะที่จะถือสา

 

“ดีๆ น้าจะรอใส่บาตรเอ็ง”

 

ขวัญพยักหน้า ยิ้มให้คุณน้าใจดี มือเล็กๆ รับเอาของที่หญิงวัยกลางคนใส่บาตร แบ่งมาใส่ย่ามตัวเองเพราะไม่อยากให้หลวงตาถือของหนัก คนเป็นเด็กวัดมัวห่วงแต่หลวงตา จนลืมไปว่าตัวเองก็จะแย่แล้ว

 

“ไหวไหมเจ้าขวัญ” หลวงตาหันมาถาม เห็นหลานชายยุ่งวุ่นวายอยู่กับการจัดสรรพื้นที่ในย่าม แบกของจนหน้าดำหน้าแดง

 

“ไหว...ไหว...”

 

เจ้าตัวเล็กยืนกราน สองมือพยายามหอบหิ้วเต็มกำลัง แต่วันนี้ข้าวของมากมายกว่าทุกวัน มากเสียจนล้นย่ามออกมา

 

“ระวังหน่อยเจ้าขวัญ”

 

“...!” คนไม่ทันระวังสะดุ้ง

 

ถุงแกงเกือบหล่นแตกแล้ว อีกนิดเดียวก็จะตกกระแทกพื้น

 

ช่วงเวลาที่เด็กน้อยทำอะไรไม่ถนัด มือใหญ่ของใครบางคนก็คว้าหมับ จับถุงแกงที่คนเขาใส่บาตร ยัดใส่คืนกลับไปในย่ามให้

 

“ซุ่มซ่ามไม่เลิกนะมึง”

 

เสียงดุด่าลอยมา คุ้นเคยจนขวัญต้องเงยหน้า จ้องมองคนมาใหม่

 

“พี่ดำ...”


ออฟไลน์ วันเวย์

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 26
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +179/-2
    • https://www.facebook.com/onewayy17/
ไม่รู้เจ้าของชื่อนั้นมาตอนไหน รู้ตัวอีกทีก็มาโผล่ตรงหน้า

 

ขวัญมองผู้ชายสวมเสื้อสีขาวตัดกับสีผิวตัวเองอย่างรุนแรง มันเป็นชุดเดียวกับที่เด็กน้อยเห็นพี่ดำใส่เมื่อวาน เส้นผมของคนมาใหม่ยุ่งเหยิง เหมือนคนเพิ่งตื่นแล้วละเมอเดินออกมา น้ำท่ายังไม่ได้อาบ ดีที่ตอนนี้ฟ้าสว่างแล้ว ไม่งั้นขวัญจะไม่รู้เลยว่าเป็นใคร ดวงตากลมๆ คงมองเห็นเพียงเสื้อลอยได้ แบบนั้นน่ากลัวจะตาย...ไม่รู้ต้องแผ่เมตตาสักกี่รอบ

 

พระผู้ใหญ่มองตามสายตาเด็กในความดูแล คราแรกมองเห็นแต่เพียงแผ่นหลัง หากความสูงใหญ่เข้าใกล้วัยฉกรรจ์อย่างนั้น ใช้เวลาพิจารณาสั้นๆ ก็รู้ว่าไม่ใช่คนอื่นไกล

 

“ไปไงมาไงล่ะเอ็ง ไอ้ดำ...”

 

“บังเอิญผ่านมาน่ะหลวงตา”

 

เหรอวะ...

 

บังเอิญมากไหมล่ะ!

 

บังเอิญนึกขึ้นได้ว่าวันนี้วันพระ ของบิณฑบาตต้องเยอะแน่ๆ บังเอิญอีกครั้งที่ดันนึกภาพออกเป็นฉากๆ ว่าไอ้เด็กแคระต้องถือไม่ไหว จากนั้นก็บังเอิญนอนไม่หลับกระสับกระส่าย บังเอิญแหกตาลุกขึ้นมาทั้งที่ไปสำมะเลเทเมามาครึ่งค่อนคืน สุดท้ายก็บังเอิญเดินมาดักอยู่ตรงนี้จนได้

 

พ่อมึงตาย!

 

บังเอิญมากมายทีเดียว...

 

ดำถอนหายใจยาว ระบายความหงุดหงิดที่บอกใครไม่ได้ เขายกมือไหว้พระผู้ใหญ่ไปหนึ่งหน (ท่าไหว้แอบเหมือนคนเมาไปเสียหน่อย) อันที่จริงก็เกือบลืมแล้วว่าต้องไหว้ ก็ใครใช้ให้คนไม่ได้หลับได้นอนมาเดินท่อมๆ แถมใช้แรงงานกันเล่า มันก็ต้องเบลอต้องเอ๋อกันบ้าง

 

“แล้วเด็กวัดคนอื่นมันหายหัวไปไหนล่ะหลวงตา” ดำนิ่วหน้าสอดส่ายสายตา แต่มองจนลูกตาแทบหลุดก็ยังไม่เห็นหมาสักตัว “มันก็รู้กันนี่ว่าวันพระต้องมาช่วย ปล่อยให้หลวงตามากับไอ้เด็กแคระนี่สองคน จะถือไหวได้ยังไง”

 

พูดแล้วก็โมโห...

 

ไอ้พวกโตมากับข้าวก้นบาตรมีเป็นโขยง ชาวบ้านตาดำๆ บ้านไหนมีลูกเยอะเลี้ยงไม่ทัน หาข้าวปลามายัดปากลูกไม่อิ่ม เด็กมันก็มาหาเอาที่วัดทั้งนั้น มาแย่งกันกินแย่งกันใช้ อาศัยใบบุญพระ แต่พอวันแบบนี้กลับเงียบหายตายห่ากันหมด มันน่าเตะก้านคอเรียงตัว

 

“มีงานมีการทำกันแล้วล่ะมั้ง ช่วงนี้หลวงตาไม่เห็นหน้าสักคน”

 

“หึ! ติดงานหรือติดสัตว์...” คนหัวร้อนเผลอขึ้นเสียงดังเข้าให้ “วันก่อนเห็นกบดานอยู่แถวซ่องกันเป็นฝูง น้ำหน้าอย่างพวกมันน่ะเหรอจะทำงานทำการ ขี้เกียจตัวเป็นขนกันขนาดนั้น”

 

ขี้เกียจขนาดไหนก็ดูเอาแล้วกัน...กะอีแค่ตื่นเช้ามาเดินตามบิณฑบาตแค่นี้ ยังไม่มีใครมา

 

คนมาใหม่บ่นพึมพำยาวเหยียด หากพอพูดโพล่งออกไปสักพัก ดำถึงเพิ่งมานึกขึ้นได้...

 

ท่าทางเถื่อนๆ หยาบๆ มะนาวไม่มีน้ำ แถมวาจาหมาไม่แดกไม่พอ ดันพูดถึงซ่องถึงสัตว์ต่อหน้าพระหน้าหน้าเจ้า ปัดโธ่เว้ย...ไอ้ดำ!

 

บาปกรรมกูนี่พอกพูนไปถึงขุมไหนแล้วหนอ

 

“ช่างมันเถอะดำเอ๊ย ใครจะไปใครจะมาก็ช่างเขา พอโตๆ กันแล้วก็คงเบื่อเดินตามพระกันแล้วละมั้ง ยังดีที่มีเจ้าขวัญ...”

 

ก็เหลือแค่มันนั่นแหละที่ยังไม่โต...

 

คนโดนหลวงตาเทศนาหันมามองเด็กที่สูงเลยเอวเขามาไม่เท่าไหร่ เมื่อสายฮาร์ดคอเจอน้ำแข็งสาดใส่ก็ทำอะไรไม่ได้ จะไปหัวร้อนใส่หลวงตาก็ใช่ที่

 

“ไม่ต้องมามอง! มึงก็เหมือนกัน...”

 

ดำแก้หน้าด้วยการหันมาด่าไอ้เด็กที่ไม่มีวันเถียงเขาทัน “กูบอกแล้วว่าให้รีบๆ โต ตัวแค่นี้จะช่วยหลวงตาถือของได้ไง”

 

เถียงหลวงตาไม่ได้ เลยต้องมาลงกับไอ้ขวัญ แต่ไอ้เด็กปูนิ่มนั่น ถูกด่าก็ยังมีหน้ามายิ้มให้

 

“...”

 

“ด่าแล้วไม่สำนึก เสือกมายิ้ม”

 

อย่างนี้มันต้องโดนสักป้าบ

 

“เจ็บ...พี่ดำ...” มือน้อยคลำหัวป้อยๆ

 

ผมก็ไม่ค่อยมีรับแรงมือใคร แถมคนใจร้ายก็ยังตีมาเสียแรง

 

“เออ! เจ็บสิดี”

 

ดำหัวเราะ มองใบหน้าเหยเกของไอ้เด็กหัวเกรียนแล้วอารมณ์ดีขึ้นตั้งเยอะ สนามอารมณ์เมื่อครู่ อยู่ๆ ก็ถูกทำให้กลายเป็นสนามเด็กเล่น ความจริงเขาตั้งใจจะตีมันเล่นๆ ไม่จริงจัง แต่วัยรุ่นแรงดีมือหนัก ไอ้ขวัญเลยทำท่าจะเจ็บจริง ชนิดไม่มีแสตนอินมาเจ็บแทน

 

“ส่งย่ามมา”

 

คนพลั้งมือกับเด็กเลยต้องทำดีไถ่โทษ มือใหญ่เอื้อมมือไปรอถือของ แต่จนแล้วจนรอด ไอ้เด็กก็ไม่ยอมส่งให้ “กูบอกให้ส่งย่ามมา หูแตกหรือไง”

 

ก็รู้ว่ามันเชื่องช้า จะขยับตัวทำอะไรที คนรอบข้างลุ้นจนเกร็ง จนจะเป็นอัมพาต แต่ไอ้ท่าทางเกรงอกเกรงใจ ทำเป็นตัวเองถือได้ ทำเป็นเก่ง...ดำเห็นแล้วรำคาญลูกตา

 

“ส่งมาหมดนั่นแหละโว้ย! มึงน่ะเดินตัวเปล่ากลับวัดไปเลย”

 

ว่าแล้วก็กระชากย่ามหนักๆ ทั้งใบมาแบกไว้ มืออีกข้างเอื้อมไปฉกฉวยดอกบัว ดอกกล้วยไม้ และสารพัดดอกที่ชาวบ้านเขาเอามาถวาย ถือของทั้งหมดเองไม่ต้องเผื่อแผ่น้ำหนักของให้ใคร...ให้ไอ้เด็กตัวเท่าปลาซิวเดินตัวปลิวกลับวัดตามที่ลั่นวาจาไว้

 

นึกว่ากูไม่เห็นหรือไง...

 

ไอ้อาการมือแดง แขนช้ำ แถมยังหน้าเปียกเหงื่อนั่นน่ะ...เห็นแล้วขัดใจฉิบหาย!

 

 

 

 

 

กลับวัดมาปัญหาก็ยังไม่จบ...

 

อาหารและข้าวของมากมายที่ได้มาจากบิณฑบาต พอเทออกจากย่ามก็กองสุมกันอยู่บริเวณชานกุฏิหลวงตา พระรูปเดียวจะฉันท์ทั้งหมดยังไงไหว ธารบุญทั้งหลายก็เลยกลายมาเป็น ‘ทาน’ ตกถึงบรรดาเด็กวัดและคนทั่วไป

 

หลวงตาบุญ...ใจบุญสมชื่อ ไม่เคยหวง ไม่เคยละโมบอยากมีอยากได้ แต่ละมื้ออาหารก็เพียงแค่ฉันท์เพื่ออยู่เท่านั้น ชีวิตภายใต้เส้นทางธรรมของท่านสงบและเรียบง่าย ใครผ่านไปผ่านมา เพียงแวะมากุฏินี้ก็จะมีของติดไม้ติดมือกลับไป

 

ดำเป็นคนหนึ่งที่ได้รับอานิสงค์ผลบุญจากความใจดีนั้น ตอนยังเด็กกว่านี้...เขาแทบจะมาฝากท้องไว้ที่นี่ด้วยซ้ำ เพราะที่บ้านก็มีแต่ชายชราขี้บ่น เช้าก็เมา เย็นก็เมา จะเอาเวลาที่ไหนมาหาข้าวให้หลานอย่างเขากิน ยิ่งตาแก่นั่นตายไป ไม่มีคนดูแล ดำยิ่งมาที่นี่บ่อยครั้ง

 

กุฏิหลังวัดกลายเป็นโรงทานเล็กๆ เจือจุนเด็กที่ท้องหิวมากหน้าหลายตา หากสิ่งหนึ่งที่อันธพาลเจ้าถิ่นไม่เคยนึกชอบใจเลยสักครั้งก็เห็นจะเป็น...

 

“หลวงตา...ขอแบ่งของกินหน่อยได้ไหม”

 

“...”

 

ในเมื่อหลวงตาท่านมีบุญ มันก็จะต้องมีสัมภเวสีมาขอส่วนบุญอยู่ร่ำไป...

 

ไอ้เศษเดนบางตัวโผล่หัวมาในเวลาที่ทุกอย่างพร้อมสรรพ หมายถึงพร้อมสำหรับการเข้ามากอบโกยของมัน

 

ตอนเขาบิณฑบาตกันแต่เช้า ตัวเองหายหัว แม้แต่เงาก็ไม่เห็น แต่พอเวลาอย่างนี้กลับวิ่งโร่เข้ามา มันจะไม่น่าโมโหได้อย่างไร

 

“เอาไปเถอะ อยากได้อะไรก็เลือกเอาไป”

 

เมื่อหลวงตาเอ่ยปาก คำอนุญาตก็เหมือนใบเบิกทางให้อีกฝ่ายย่ามใจได้เต็มที่

 

ดำจ้องมองคนมาใหม่ตั้งแต่เส้นขนบนหัวจรดปลายนิ้วตีน ร่างสูงเก้งก้างของเด็กรุ่นๆ เดิมดุ่มๆ เข้ามา วางท่าทางกร่างเสียเต็มที่ ไอ้คนนี้ดำเห็นหน้ามันมานาน ท่าทางเกเร นิสัยทรามๆ ทำเป็นยิ่งใหญ่ เป็นลูกพี่ของเด็กวัดทั้งหลาย และไอ้เด็กวัดรุ่นหลังๆ ก็ดูจะกลัวมัน ด้วยเหตุเพราะมันโตกว่า

 

ผีย่อมเห็นผีเช่นไร คนเลวๆ ก็ย่อมมองกันออกเช่นนั้น...

 

ใครจะไม่รู้จักสันดานคนประเภทนี้ก็ช่าง แต่ต้องไม่ใช่ไอ้ดำ...ผู้ซึ่งเจอไอ้พวกเหลือขอมาแล้วทุกรูปแบบ หากตอนนี้อยู่ในวัด มิหนำซ้ำยังอยู่ต่อหน้าหลวงตา ดำจึงพยายามเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ อะไรขัดหูขัดใจก็พยายามมองเมินมันเสีย แต่ทว่า...

 

“ถอยไปสิมึง เกะกะ!”

 

“...”

 

มาเอาของของเขาแล้วยังไม่สำนึก!

 

ไอ้เวรนั่นผลักไอ้ขวัญเสียกระเด็น เพียงเพราะมันดันนั่งอยู่ตรงกองข้าวของพอดี ก็มันตัวเล็กกว่าเขาตั้งเยอะ เรี่ยวแรงอะไรก็ไม่ค่อยมี มันกำลังทำหน้าที่คัดแยกของที่กองสุมๆ กันออกเป็นประเภท กับข้าวกับปลาให้หลวงตาฉันท์ไว้ทางหนึ่ง อาหารแห้งและขนมก็ไปไว้อีกทาง แต่ไอ้คนมาใหม่ไม่รู้สี่รู้แปด ผลักไอ้เด็กปูนิ่มหัวคะมำ ต่อหน้าต่อตาคนที่นั่งมองมันมาตั้งนาน

 

“ไอ้เหี้ยนี่ มึงทำไรวะ!”

 

จากที่คิดว่าออกจากวัดแล้วค่อยไปสั่งสอนมัน ตอนนี้สมองของดำเหมือนมีระเบิดลง ไม่อดไม่ทนแม่งแล้ว...มึงตาย!

 

“พี่ดำ...”

 

ขวัญเห็นท่าไม่ดีแล้ว...

 

พี่ดำทำตัวเหมือนกาน้ำร้อน โมโหแล้วควันพุ่ง เดือดปุดๆ เลย

 

“เดี๋ยว...เดี๋ยวหลวงตาได้ยิน...”

 

“...”

 

คนถูกรังแกจับชายเสื้อพี่ไว้แน่น มองหน้าพี่ดำสลับกับมองเข้าไปในกุฏิ หลวงตากำลังนั่งพักอยู่ข้างใน ขวัญรู้ว่าหลวงตาเหนื่อยมาก ยิ่งตอนนี้ไม่ค่อยสบาย เดินบิณฑบาตไกลๆ ทำให้หลวงตาเพลียหนัก ถ้ามีคนทะเลาะกันต่อหน้า...หลวงตาก็จะยิ่งไม่สบายใจ

 

หัวโจกแก๊งอันธพาลมองมือเล็กๆ ที่กำเสื้อเขาไม่ยอมปล่อย เข้าใจดีว่ามันไม่อยากให้เขาอาละวาดเพราะอะไร ในเมื่อเด็กมันขอมา คนถูกขอก็มีแต่จะต้องยุบหนอพองหนอ สงบจิตสงบใจ อารมณ์ที่พุ่งขึ้นประหนึ่งลาวาปะทุถูกกดให้กลับคืนลงไป...

 

ไอ้คนมาขอส่วนบุญยักไหล่ไม่ยี่หระ เดินกร่างเข้าไปคุ้ยข้าวของ เหมือนหมาข้างถนนคุ้นกองถังขยะ ยิ่งเห็นอีกฝ่ายไม่กล้าเอาเรื่องเหมือนยิ่งได้ใจ

 

ขวัญมองเด็กวัดรุ่นพี่หยิบฉวยข้าวของใส่ถุง เวลาเพียงไม่นาน ของที่บิณฑบาตมาได้หายไปแล้วเกินครึ่ง เด็กชายมองมือดำๆ กำถุงขนมอบกรอบที่ตัวเองชอบ ขนมแบบนี้...นานๆ ทีถึงจะมีมาถึงขวัญสักครั้ง

 

เจ้าตัวเล็กกลืนน้ำลายดังเอื้อก มองของชอบตาเป็นมัน ถึงกระนั้นก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากอยู่ดี

 

“จะขนไปหาสวรรค์วิมานอะไรนักหนาวะ มึงอดอยากมากนักหรือไง”

 

เป็นพี่ดำอีกแล้วที่เป็นเดือดเป็นร้อนแทนขวัญ

 

คนตัวสูงลุกขึ้นมายืนกอดอก ดวงตาแข็งกราวราวกับว่าคราวนี้พี่ดำโกรธจริงจัง ขวัญมองหน้าตาขึงขัง รู้ว่าครั้งนี้ถึงขวัญจะห้ามอีก พี่ดำก็คงไม่ฟัง ต้องตีกันกุฏิพังแน่ๆ เลย

 

“มึงว่าใครไอ้ดำ พูดให้มันดีๆ นะโว้ย”

 

“กูด่าหมาล่ะมั้ง ใครมันตะกละตะกลาม หยิบเอาๆ กูก็ด่าคนนั้น”

 

“กูจะเอาของเยอะหน่อยแล้วมันหนักส่วนไหนของมึงวะ กูจะเอาไปฝากพ่อ”

 

“ฝากพ่อ?...” พี่ดำหัวเราะลั่น

 

แต่เสียงหัวเราะของพี่ดำน่ากลัวขึ้นทุกที... “พ่อมึงเป็นชูชกหรือไงไอ้สัตว์ แดกเยอะขนาดนี้ มีสี่กระเพาะเหรอ”

 

“แล้วมึงเสือกอะไรด้วยวะไอ้ดำ หลวงตาให้แล้ว กูจะเอาอะไรก็เรื่องของกู”

 

“เออ! กูจะเสือกมีไรไหม หลวงตาให้ แต่กูไม่ให้โว้ย!”

 

เอาแล้ว...

 

กาน้ำร้อนสองใบ ปล่อยควันสู้กันใหญ่โต

 

เด็กตัวกะเปี๊ยกยืนกลาง กลายเป็นกรรมการห้ามมวยแบบตกกระไดพลอยโจร นักมวยมุมแดงทำหน้าเหมือนจะเชือดไก่ ส่วนมุมน้ำเงินก็กำหมัดแน่น หัวร้อนพอกัน ต่างฝ่ายเหมือนอยากบีบคอกันให้ตาย ขวัญเพิ่งเก้าขวบ ยังอยากอยู่ดูโลกอีกเยอะๆ ยังไม่อยากถูกลูกหลงตายตอนนี้...เด็กน้อยเห็นคนตีกันแล้วอยากร้องไห้

 

“ตอนเขาบิณฑบาตกันมึงหายหัว แต่พอเขามีข้าวของค่อยเสนอหน้า แบกเอาหน้าด้านๆ เข้ามาหา คนพวกนี้แม่งเหมือนอะไรมึงรู้ไหม”

 

“...”

 

“เหมือนเห็บหมัดที่มันเกาะอยู่บนตัวหมา คอยดูดเลือดดูดเนื้อชาวบ้าน เสียชาติเกิดฉิบหาย”

 

“มึง!”

 

แตกแล้วหลวงตาจ๋า...แตกเป็นแตกแล้วตอนนี้

 

เกิดเหตุชุลมุนหน้ากฏิหลวงตา ขวัญละล้าละลัง ทางหนึ่งคอยมองคนตีกัน อีกทางก็คอยเป็นหวงหลวงตา ดวงตาใสแจ๋วชะเง้อมองเข้าไปด้านใน เห็นหลวงตาเอนหลัง หันหน้าเข้าฝาพนัง ชะรอยว่าคงเหนื่อยและเผลอหลับไปแล้ว

 

ดีแล้ว... ขวัญคิด

 

ทางหลวงตาน่ะดี...แต่อีกทางนี่สิ...ไม่ดี...ไม่ดีแน่ๆ

 

ผลัวะ!

 

เสียงใครโดนอะไรไม่รู้ ขวัญไม่กล้ามอง เสียงชุลมุนของมวยคู่เอกอยู่ๆ ก็เงียบไป เด็กวัดตัวน้อยจึงค่อยๆ ลืมตาสังเกตการณ์ แต่พอเปลือกตาขยับปุ๊บ ภาพเลือดไหลย้อยจากจมูกก็ปรากฏตรงหน้าปั๊บ...ขวัญหลับตาปี๋อีกรอบ

 

“ไงล่ะมึง จะซ่าอีกไหม” คนชนะเย้ยหยัน ลำพองใจ “เล่นกับใครไม่เล่น กล้ามาลองดีกับกู...”

 

“...”

 

คนโดนหมัดน็อกเงียบสนิท ไม่รู้ว่าที่พูดอะไรไม่ออก เป็นเพราะเจ็บหรือเพราะกลัวพี่ดำ

 

“แล้วยืนหาสวรรค์วิมานอะไร ไสหัวไปสิวะ เห็นแล้วเกะกะลูกตา ไป!”

 

คนเจ็บสะดุ้งเพราะเสียงข่มขวัญ ร่างสูงเก้งก้างกุมหน้าตัวเอง โซซัดโซเซเพราะยังมึนไม่หาย ถึงกระนั้นก็ยังไม่วายโลภมาก มือหยาบกร้านคว้าถุงพลาสติกที่ตัวเองยัดข้าวของไว้เต็มถุง เตรียมตัวจะพุ่งออกจากกุฏิ แต่แล้วเสียงเพชฌฆาตก็ยังตามมาหลอกหลอน

 

“เดี๋ยว...”

 

คนชนะหรี่ตามองของในถุง ยังมีบางอย่างค้างคาใจ

 

“...”

 

“ไอ้ขนมนั่น กูจะเอา...”

 

พี่ดำแค่เงื้อมือเท่านั้น อีกฝ่ายก็ตัวสั่น ขยับตัวหลบแทบไม่ทัน ท้ายที่สุดก็เหมือนกลัวจนสติแตก ไม่สนใจแล้วว่า ‘ขนมนั่น’ ที่พี่ดำพูดถึงคืออะไร เด็กวัดรุ่นพี่เหวี่ยงทิ้งทั้งถุงทั้งข้าวของ วิ่งหนีเอาชีวิตรอดไปตัวเปล่า

 

“เออดี...ให้ข้าวคนอย่างมันแดก กูว่าเทให้หมายังน่าเสียดายน้อยกว่า” เสียงด่าไล่ตามหลังดังไม่หยุด “ไอ้เหี้ยพวกนี้มันน่านัก คิดว่ากูเชื่อเหรอว่ามึงเอาไปฝากพ่อฝากแม่ ถุย! ถ้าจริงตามที่แม่งว่ากูยอมเอาหน้าคลุกขี้หมาเลย ไอ้สัตว์...เอาไปแล้วก็กินทิ้งๆ ขว้างๆ ดีไม่ดีแม่งเอาไปขายหาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองต่อ เวรจริงๆ ไอ้พวกเห็นแก่ตัว...”

 

บ่นยาวเหยียดเหมือนคนวัยทอง

 

ด่าคล่องปาก ไม่มีติดขัด...

 

พี่ดำสะบัดมือสองสามครั้ง เหมือนคลายกล้ามเนื้อที่ออกแรงต่อยชาวบ้านจนจมูกบี้ ขวัญมองตามร่างสูงใหญ่เดินไปหิ้วถุงเจ้าปัญหานั่นขึ้นมา มองมือหนาล้วงลงไปควานหาอะไรบางอย่างอยู่สักพัก จากนั้นดวงตาสองข้างจึงมองเห็นขนมห่อนั้น...

 

“เอ้า! อยากแดกไอ้นี่ไม่ใช่หรือ”

 

เป็นขนมห่อเดียวกับที่ทำให้ขวัญกลืนน้ำลายลงคอ จากที่ทำใจแล้วว่าคงไม่ได้กิน ตอนนี้กลายเป็นว่า มีฮีโรสวมชุดมอซอเอากลับคืนมาให้

 

ขวัญมองการกระทำของคนตรงหน้าอย่างซาบซึ้ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

 

“...”

 

เกิดมาเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่เห็นดีเลย...

 

“มึงก็เหมือนกัน ทีหลังอยากกินอะไรมึงก็เก็บของมึงไว้ก่อนเลยเข้าใจไหม แม่ง...โดนชาวบ้านเขาแย่งแดกแบบนี้ไง ถึงได้ตัวเท่ามดอยู่แบบนี้”

 

พี่ดำด่าขวัญ

 

ด่าเป็นชุดใหญ่ๆ...

 

“แล้วขนมห่าเหวนี่มันมีดีอะไร มึงกินแต่ของพวกนี้น่ะสิ ถึงได้ตัวแคระแกร็นอยู่อย่างนี้ ขนมขยะพวกนี้เค้าว่ามีแต่ผงชูรส ไอ้เหี้ย! เดี๋ยวก็ผมร่วงหมดหัว อ่อ...กูลืมไป มึงก็ไม่ค่อยจะมีผมอยู่แล้วนี่นะ”

 

“...”

 

พี่ดำยิ้มเมื่อมองเห็นผมสั้นกุดบนหัวของขวัญ จากนั้นไม่กี่วินาทีก็เปลี่ยนเป็นหน้ายักษ์ ราวกับกลัวว่าถ้ายิ้มแล้วความน่ากลัวของพี่ดำจะลดลง

 

ถึงปากจะพูดปาวๆ ว่ามันเป็นขนมขยะ แต่มือหนาก็แกะถุงขนมออกให้ ยื่นส่งมาถึงมือขวัญ เด็กตัวเล็กรับขนมไว้อย่างยินดี หยิบเข้าปากหนึ่งชิ้น ยิ้มจนตาหยี มีความสุขเหลือเกิน

 

“ได้แดกขนมแค่นี้ทำเป็นหน้าระรื่น ไอ้เด็กแคระเอ๊ย! เมื่อไหร่แม่งจะโตซะทีวะ”

 

แล้วพี่ดำก็วนมาบ่นขวัญเรื่องเดิมได้ไม่รู้เบื่อ

 

คนโดนเทศนาอยากบอกเหลือเกินว่า ตนไม่ใช่ต้นไม้ จะได้รดน้ำใส่ปุ๋ยเร่งโต แล้วจะแตกกิ่งก้านสูงใหญ่ได้ภายในสามวันเจ็ดวัน ทำอย่างไรขวัญก็โตไม่ทันใจพี่ดำ ถึงได้โดนด่าเรื่องนี้ทุกทีไป

 

เด็กน้อยมองหน้าคนขี้บ่น ยิ้มรับเสียงดุๆ ที่เอาแต่ด่ากัน

 

โดนด่า

 

ทว่า...

 

ในสายตาของเด็กเก้าขวบรู้สึกเพียง เสียงของพี่ดำตอนด่าเขาไม่น่ากลัวเท่าตอนด่าคนอื่น ท่ามกลางการกระทำดุร้ายของพี่ชายคนนี้ มักจะมีความนัยบางอย่างส่งตรงมาอยู่เสมอ

 

ความอบอุ่นของพี่ดำ

 

ในชีวิตของเด็กชายขวัญ...ไม่เคยมีใครใจดีกับเขาเท่านี้มาก่อนเลย...




*****

tbc.

ออฟไลน์ JUST_M

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 495
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
้เห้ยๆ พี่ดำ นิเองงงงง

ออฟไลน์ PharS

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
น้องขวัญลูกกกกกกกก

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
เกือบข้ามเรื่องนี้ไปละ จะดราม่ามากมั้ย

ดำที่ถูกความรักและความอ่อนโยนขัดเกลา

ออฟไลน์ Rateesiri

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
ตามเด็กวัดมา ลงที่นี่อ่านง่ายกว่าเยอะเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ diltosscap

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 520
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-1
น้องขวัญ น่าสงสารนะ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2400
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
สวัสดี พี่ดำ น้องขวัญ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ Soha

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบๆ ตามมาให้กำลังใจ  กำลังจะสั่งซื้อหนังสือเด็กทะเล

ชอบสไตล์การเขียนของคุณ 

ชอบความแตกต่างแต่ดูลงตัวของดำกับขวัญ 

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
ติดตามค่ะ
 :katai2-1:

ออฟไลน์ Ac118

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 609
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +106/-0
น้องขวัญตัวเร้กๆของพรี่~
อิดำเบากับน้องหน่อย น้องเถียงแกไม่ทันเว้ยย 5555555

ออฟไลน์ kaokorn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 903
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-2
เย้ ได้อ่านอีกแล้ว คิดถึงทุกคนในเรื่องนี้เลย
ชอบมากกกกกกกกก
ขอบคุณนะฮะ ติดตามแน่นอน และรอตอนต่อปายยยยยยย
 o13
 :pig4:

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
น้องขวัญของพี่ดำน่ารักจังเลย รอค่ะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
โอ้โห​ ไอ้ดำได้เป็นพระเอกกับเขาด้วย​

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ วายซ่า

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +205/-6
เป็นเรื่องไอ้ดำกะน้องขวัญนี่เอง  น่าจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เถื่อนๆ แบบไอ้พี่ดำต้องมาคอยดูแลน้องขวัญได้

น้องเลออกมาจิ๊ดเดียวเอง  จะมีบทในเรื่องนี้มั๊ยเนี่ย คิดถึงๆๆ.  :กอด1:

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5358
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

ออฟไลน์ TheSpaceOfM

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 84
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องขวัญญญญ  :ling1: หนูสมัครใจไปโดนพี่ดำกระทำหรือหนูโดนล่อลวงไปเองลูก ฮืออ ตอนเด็กทะเลยังเป็นน้องน้อยใสๆอยู่เลย อยากจะเชื่อว่าหนูโดนล่อลวงไปนะ แต่มันหลายครั้งและเจ้าพี่ดำมันบอกว่าไม่น่าทำตามที่หนูขอ... แงแอ ยังไงรอติดตามตอนต่อไปและความจริงที่แท้จริงนะคะ

ออฟไลน์ BBnuna

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 299
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
มากรี๊ดเฉยๆ​ เดี๋ยวมาตามอ่าน
พี่ดำน้องขวัญ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ติดตามนะคะ รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ WilpeR

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
ต้องติดตามแล้วเรื่องของดำกับเด็กขวัญจะจบยังไง

ออฟไลน์ kanika_Pun

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 6
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
 :a5:
ไอ้ดำเป็นพระเอก!!!

ยังไงก้อติดตามจ้าาาา เราเชื่อว่าลึกๆในหัวใจคนตัวดำมันไม่ได้อยากเป็นคนไม่ดี
เป็นกำลังใจให้คนเขียนนะคะ...มาต่อเรื่อยๆนะคะ

 :L2:

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
พี่ดำกับน้องขวัญมาแล้ว   :katai2-1:

ไม่แปลกใจที่พี่ดำจะรักน้องขวัญ  แล้วน้องจะรักพี่  แต่ไปทำยังไงถึงได้มานั่งให้นายหัวตัดสินได้นี่  :hao4:

ออฟไลน์ MaidenQueen

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
น้องขวัญญญ ติดตามๆ

ออฟไลน์ Ginny Jinny

  • ความเป็นจริงมันวุ่นวาย ก็ขอให้ใจมันสบายๆในความฝัน
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2099
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
แปะไว้ก่อนเดี๋ยวกลับมาอ่าน  :katai4: :katai4:

กอดนายหัวชาญแน่นๆ  :กอด1: :กอด1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด