รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)  (อ่าน 12681 ครั้ง)

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 16 ผมกลับมาเยือนอีกครั้ง

สามเดือนผ่านไป ไวเหมือนโกหก ชีวิตมันจะวนๆอยู่ช่วงปิดเทอมเนี่ยแหละครับ ปิดเทอมรอบนี้ผมไม่ต้องทำงานพิเศษ ไม่ต้องทำงานใช้ทุน ไม่ต้องทำงานหาเงิน เพราะผมมีนี้ ‘ผ่างงงงงงงงงงง’ เสียงเอฟเฟ็กประกอบ พร้อมฝายมือไปด้านหลัง เห็นผู้ชายที่ยืนหล่อๆอยู่ข้างรถคันสีดำมั๊ยครับ คนที่กำลังดูดกาแฟจ๊วบๆนั่นแหละ ‘กระเป๋าเงินเคลื่อน’ ของผมเอง

หลังจากที่เราตกลงคบกันเป็นแฟนเมื่อหลายเดือนก่อน ผมก็ได้พ่อ ได้เพื่อน ได้พี่ พ่วงแฟนในคนเดียวกันมาติดสอยห้อยตามเป็นเงาตามตัวเลยครับ ประมาณว่าเป็นทุกอย่างให้เธอแล้วววววว แม้ว่าเธอไม่เคยเป็นอะไรกับชั้นเลยยยยยย ดูแลเอาใจใส่ประนึงลูกในอุทร ฮาาาาาาา เหมือนจะรักผม ตามใจผมแต่ป่าวเล๊ยยยยยย พี่ภูมิเป็นคนดุครับ แถมเผด็จการอีกต่างหาก อย่างเรื่องที่ผมจะทำงานพิเศษก็ถูกยกเลิกไปหมดเหลือแต่สอนพิเศษที่คุณเพ็ญที่เดียว พี่แกอ้างว่าเดี๋ยวต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยแล้วครับ ให้หาเวลาว่างมาเตรียมสอบดีกว่า เรื่องค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไม่ต้องเป็นห่วงพี่แกจัดการให้หมด แต่ผมไม่รับเงินจากพี่ภูมินะ ผมถึงยืนยันว่าจะสอนพิเศษต่อ อย่างน้อยจะได้มีเงินไว้ซื้อของเล็กๆน้อยๆอะ

ทุกเดือนผมจะเจียดเงินที่ทำงานพิเศษได้ไปซื้อกองทุนครับ ‘สลากกินไม่แบ่งรัฐบาลนั่นแหละ’ เผื่อจะถูกหวยได้เงินก้อนใหญ่อีก ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า แต่การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงครับ โปรดปรึกษาผู้มีประสบการณ์ก่อนลงทุน ฮาาาาาา

ผมพอจะมีเงินเก็บอยู่บ้างแต่เงินเก็บย่อมเป็นเงินเก็บครับ คือไม่ได้ใช้ไง ฮาาาาา ทุกวันนี้ผมแทบไม่ได้ควักเงินตัวเองใช้เลย ข้าวก็ฟรี ที่พักก็ฟรี แถมยังเที่ยวฟรีอีก อย่างวันนี้ พวกเรากำลังจะเดินทางไปหัวหินที่เดิม กะไปซ้ำประสบการณ์หลงป่าอีกรอบ 55555 จะไปหาไอ้กาแฟมันด้วยครับ พูดแล้วก็คิดถึง

พี่ภูมิเลี้ยงกาแฟไว้ที่หัวหินครับ ประมาณให้ช่วยเฝ้าบ้านไรงี้ พอมีเวลาว่างก็จะหาเวลาไปอยู่กับหมา โธ่ พ่อคนรักสัตว์ ปิดเทอมนี้พวกเราเลยตัดสินใจไปเที่ยวทะเลหัวหินกันครับ

“ยิ้มน้อนยิ้มใหญ่อะไร” เสียงทุ่มๆดังมาจากด้านหลัง พร้อมกวักมือเรียกผมกลับขึ้นรถ พร้อมเดินทางต่อ

“พี่ภูมิหายเหนื่อยแล้วเหรอครับ” ผมถามแบบประจบเอาใจ

“อยากได้อะไรหละ” อีกฝ่ายพอได้ยินผมเรียกชื่อก็ส่งยิ้มอ่อนๆมาให้ ผมเริ่มจับทางได้แล้วครับถ้าผมเรียกว่า ‘พี่ภูมิ’ ไอ้พี่ภูมิก็จะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ขออะไรก็ให้ 555

“ถ้าพี่ภูมิยังเหนื่อยอยู่ รถขับรถแทนได้น้า” เข้าวัตถุประสงค์เลยครับ ช่วงนี้ผมเห่อขับรถมาก หลังจากที่เดือนก่อนอ้อนขอให้พี่ภูมิสอนขับรถได้ มุกครั้งที่มีโอกาสผมมักจะขอเป็นคนขับรถเสมอ แต่อีกฝ่ายไม่ค่อยยอมหรอกครับ แกบอกว่าถ้าผมแย่งขับรถคนขับรถอาจตกงานได้ ไอ้ผมก็เลยได้แต่ทำใจ แต่! วันนี้โอกาสมาถึงแล้ว เอามากันแค่ 2 คน ไม่มี กขค มาแย่งผมขับรถนี่นา

“นะ….น้า” ชอบ’นะ’ใส่ผมบ่อยๆ นะนั้นย่อมคืนสนอง

“ไม่เหนื่อย แต่ถ้าเธออยากขับก็ได้ ชั้นให้ขับช่วงก่อนเข้าเมือง แต่ต้องขับเลนซ้าย ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตกลงมั๊ย” อนุญาติพร้อมข้อแม้มากมาย แต่มีเหรอผมจะไม่ตกลง แหะๆ ว่าแล้วก็พยักหน้า ยื่นมีไปคว้ากุญแจรถ แล้วเดินไปฝั่งคนขับทันทีครับ

ออ ตอนนี้ผมสามารถเรียก ‘พี่ภูมิ’ ได้เต็มปากเต็มคำ ไม่เขินอายเหมือนช่วงแรกๆแล้วครับ ทำไมนะเหรอ เหอ! นึกถึงแล้วพาลอารมณ์เสีย

เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงที่ผมฝีกว่ายน้ำอยู่ผ่านไปหลายสัปดาห์ผมก็ยังลอยตัวในน้ำไม่ได้ ทั้งผมทั้งคนสอนจนปัญญา ผมก็บอกแล้วว่าไม่ต้องเรียนหรอก ไอ้คนสอนก็ไม่ยอมจะสอนท่าเดียว สุดท้ายเลยตัดสินใจคิดยุทธวิธีการสอนใหม่ ไอ้พี่ภูมิ มันจับผมโยนลงน้ำครับโยนแบบไม่ทันได้ตั้งตัวด้วย โยนเสร็จก็มองดูผมตะกายเป็นลูกหมาตกน้ำอยู่บนฝั่ง โธ่! อารามคนตกใจ ก็ตะโกนขอให้พี่แกลงมาช่วย

‘คะ คุณภูมิ ชะ ช่วยด้วย ชะ ช่วยด้วย แอ๊ก...แค๊ก แค๊ก’ โอ๊ยเรียกยังไงก็ไม่ยอมมาช่วย เห็นมั๊ยเนี่ยสำลักน้ำจะตาย-ห่าอยู่แล้วววววว

“แค๊ก แค๊ก...คะ คุณภูมิ…... ชะ ช่วย ด้วย พะ พี่ ภูมิ’ เท่านั้นแหละครับ พี่แกก็กระโดดลงน้ำมาช่วยผมทันที หลังจากช่วยผมขึ้นจากน้ำแล้วก็ประคบประหงมดูแลอย่างดี โธ่! ตีไม่ถูกจุดนี้เอง พอผมจับจุดได้ทุกครั้งที่ผมเรียก ‘พี่ภูมิ’ คำพูดผมจะมีแดมเมจเพิ่มขึ้นทันที +20

สุดท้ายคลาสเรียนว่ายน้ำระหว่างผมกับพี่ภูมิเป็นอันยกเลิกไปครับ เนื่องจากผมพิจารณาดูแล้วว่าไม่น่าจะรอด เลยเสนอทางออกโดยการไปลงเรียนว่ายน้ำกับทางสนามกีฬาให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ไม่โทษว่าคนสอนสอนไม่ดีครับ แต่พอเปลี่ยนไปเรียนกับมืออาชีพตอนนี้ผมว่ายน้ำเป็นแล้ว ถึงจะยังไม่แข็งมาก แต่อย่างน้อยก็ลอยตัวได้ ว่ายน้ำได้ไม่จมก็แล้วกัน! ที่ว่ายได้นี้ความสามารถล้วนๆ ไม่เกี่ยวกับคนสอนแม้แต่น้อย ฮาาาาาาาาาาา

โม้เพลินครับ ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศของอากิ ตะ แต่ พี่ภูมิขับเลยครับ จุดหมายปลายทางมุ่งหน้าไปยังบ้านพักทรงไทยบนเขานู้นนนนน มือผมคว้าคอเสื้อตัวเองทันที ชิบ- แล้วครับ ไม่ได้ใส่พระมา ผมหันหน้าไปมองคนขับแกนๆ เหงื่อเริ่มออก ทั้งที่ในรถแอร์เย็นเฉียบ แต่ไอ้คนขับไม่สนใจใดๆครับ ตั้งใจขับรถขั้นสุด นิก็ใกล้จะมืดแล้วครับตกวันกำลังลับขอบฟ้าอยู่ไกลๆนู้น

“พี่ภูมิ ทำไมเราไม่พักกันที่บ้านหลังโน้นครับ” เมื่อรถยนต์จอดสนิท ผมจึงชี้ไม้ชี้มือไปยังบ้านที่เราขับรถผ่านมาพร้อมเอ่ยถาม

“หลังนู้นบ้านพี่ชาย หลังนี้บ้านชั้น พักที่นี่ก็ถูกแล้ว” อ่อยยยยยย เลือกที่พักไม่ถามความสมัครใจผมเลย ให้ตายสิ

ผม ไอ้กร คนสู้ชีวิต ไม่กลัวเกรงสิ่งใด ยกเว้น ‘ผี’ ครับ ยอมรับแมนๆตรงนี้เลยว่ากลัวผี เคยมาบ้านหลังนี้ตอนกลางวันผมว่าหลอนแล้ว นี้จะให้นอนค้าง บรึยยยยยยยยย

“เป็นอะไร ทำไมไม่ลงหละ” ผมนั่งนิ่งไม่ยอมลงรถจนอีกฝ่ายต้องเดินอ้อมมาเปิดประตูรถให้ พร้อมค่อมตัวลงมาพูดด้วย

“คือ...ผะ ผมกลัวผี ครับ” แมนๆคุยกันครับ แมนแต่กลัวผีไม่ผิดครับ

หลังจากที่ชายร่างสูงได้ยินคำตอบของผมก็เบิกตากว้าง ก่อนปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น แบบไม่คิดจะปิดบัง

“โธ่ พี่ภูมิ อย่าหัวเราะสิครับ ผมกลัวผีจริงๆ” ผมจริงจัง ผมไม่ตลก!

“อยู่กับชั้นจะกลัวทำไม” ใช่สิ คนอย่างพี่ภูมิขนาดผียังกลัว 55555

ชายร่างสูงดีงตัวผมออกมาจากรถ แล้วก้มลงไปหาของบางอย่างจากเก๊ะหน้ารถ เลือกหยิบขึ้นมาอันนึงแล้วยื่นมาให้ผม
 
“อะ พกอันนี้ไว้ก่อน” เป็นเครื่องรางแบบญี่ปุ่นครับ สีสันสวยงามมีตัวอักษรภาษาญี่ปุ่นกำกับอยู่ ซึ่งไอ้ผมก็อ่านไม่ออกอะนะ ผมเหลือบมองเครื่องรางอีกหลายอันในมือพี่ภูมิ ทำไมไม่ให้ผมทั้งหมดเลยหละ พกหลายๆอันเผื่อประสิทธิภาพจะได้สูงขึ้น กะเก็บไว้ใช้เองอะดิคนขี้งก

“ผมชอบอันนั้นด้วยอะ อันสีชมพู” อดไม่ได้ครับ อยากได้อีกอันนึง

“อันนี้เป็นยาคุโยเคะมาโมริหนะ เครื่องรางกันภัยใช้ไล่ปีศาจ ส่วนอันนั้นมันเครื่องรางความรัก เธอจะพกทำไมอีกมีชั้นแล้วยังไม่พอใจอีกรึ” เย้ยยยยยย ใครจะไปคิดว่าเป็นเครื่องรางความรักหละ เอาอันเดียวก็ได้ ที่พึ่งสุดท้ายแล้วนี่

ผมเดินตามพี่ภูมิที่กึ่งดึงกึ่งลากผมเข้าบ้านในมือก็กำเครื่องรางไว้แน่น ว่าแต่เครื่องรางญี่ปุ่นจะไล่ผีไทยไปรึป่าวหว่า เค้าจะสื่อารกันรู้เรื่องมั๊ยอะ

ตอนนี้พระอาทิตย์ตกดินเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ท้องฟ้ามืดมิดจนหลอดไฟรอบๆตัวบ้านเริ่มทำงานจนสว่างไสวไปทั่วบริเวณ เอ่อ สว่าง มาก! ไม่บอกว่าบ้านพักตากอากาศผมนึกว่าอยู่สนามฟุตบอล อย่างกับเอาสปอตไลท์มาส่อง

“เข้ามาสิ กลัวอะไร ไฟออกจะสว่าง” เสียงทุ่มกล่าวเรียกผมเข้าบ้าน ผมมองเข้าไปในตัวบ้าน เอ่อ สว่างจริง!

บ้านหลังนี้ในความทรงจำของผม คือแบบเก่าๆ โทรมๆ เดินแล้วมีเสียงดัง ออดๆแอดๆ ดูๆแล้วไม่น่าจะมีไฟฟ้าใช้ แต่นี้ไม่ใช่เลยครับ บ้านหลังนี้ผ่านการรีโนเวทใหม่ ใช้โครงสร้างเดิน คงวัสดุบางส่วนไว้เหมือนเดิมในส่วนที่ยังใช้ได้อะนะ แต่ส่วนที่ดูจะพังแหล่ไม่พังแหล่กลับถูกเปลี่ยนใหม่ แทนที่ด้วยวัสดุทดแทนผมคิดว่าน่าจะเป็นพวกไม้เทียม ทาสีใหม่ กั้นห้องใหม่ ที่แน่ๆมีไฟฟ้าสว่างไสวทั่วทุกห้อง โอ๊ย สบายใจ เห็นแบบนี้ค่อยกล้าเดินเข้าบ้านหน่อย

“แหะ แหะ” ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ อายครับ ทำไมไม่บอกกันก่อนว่ารีโนเวทแล้ว โว๊ยยยยยยยยยยยยย

“แฮก...แฮก...โฮ่ง” เสียงมาก่อนตัวเลยครับ ไอ้กาแฟเพื่อนยาก วิ่งหูตั้งหางกระดิกมาหาผม แล้วกระโดดกอดเอวผม ตัวก็ไม่ใช่เล็กๆนะครับ แรงกระโจนของไอ้กาแฟทำเอาผมเซจนเกือบล้ม ดีที่มีชายร่างใหญ่ยืนคุมอยู่ด้านหลังคอยประคองไว้

“นั่ง” เสียงดุๆสั่งปรามเจ้าสัตว์หน้าขน มันร้องหงึงอย่างสำนึกผิดเบาๆ ก่อนหย่อนก้นนั่งลงอย่างสงบเสงื่ยมเรียบร้อย เป็นผมเองที่โผล่เข้าไปกอดคอมัน ซึ่งมันก็ยอมอยู่นิ่งๆให้ผมกอดแต่โดยดี หากแต่อ้าปากส่งลิ้นเปียกๆมาเลียหน้าผมแทนครับ 555 น้ำมนต์ครับ ถือว่าไอ้กาแฟมันพรมน้ำมนต์อย่าคิดมาก

อาการกลัวผีขึ้นสมองของผมเริ่มคลายลงหลังจากได้รับน้ำมนต์ของไอ้กาแฟ ค่อยมีแรงเดินสะพายกระเป๋าเสื้อผ้าเข้าไปเก็บไว้ในห้องนอนหน่อย พี่ภูมิสั่งให้แม่บ้านเค้าจัดห้องนอนแยกกันครับ อ้างว่าไม่อยากนอนกับผมเดี๋ยวอดใจไม่ไหว โอ๊ยยยยยย แยกห้องนอนไม่ถามความสมัครใจผมอีกแล้ว ถามว่าที่บ้านหลังนี้ผมกล้านอนคนเดียวมั๊ย ตอบเลยว่าไม่ครับตอนนี้ยังสว่างไสวไปทั่วบ้าน แต่ตอนนอนหลับมันต้องปิดไฟนอนนิครับ บรรยากาศมันต่างจากตอนนี้ลิบลับ ความกลัวมันขึ้นสมองไปแล้วครับฝังรากลึกลงซีรีบรัมไปแล้ว ผมตัดสินใจเดินเลี้ยวเข้าไปในห้องนอนอีกห้องนึง นอนโซฟาก็ได้ครับไม่มีปัญหา คิดซะว่ามาเข้าค่าย

“ผมหิวจังเลย มีอะไรกินบ้างครับ” เมื่อคลายความกังวลท้องก็เริ่มร้องประท้วงครับ ผมเดินตรงไปยังห้องครัวเห็ยชายร่างสูงกำลังล้างอาหารทะเลอยู่

“มีพวกอาหารทะเลกับพลาสต้า เดี๋ยวชั้นทำพลาสต้าหอยลายแล้วกัน เธอไปอาบน้ำก่อนเถอะ” ผมส่ายหน้าก่อนเข้าไปจุ๊ฟที่ข้างแก้มเบาๆ ให้กำลังใจกันหน่อยครับ เผื่อจานของผมจะมีหอยลายเพิ่มขึ้นอีก 20%

“ผมอยู่เป็นเพื่อนดีกว่า” ว่าแล้วก็นั่งแหมะลงที่เคาน์เตอร์ แค่นั่งเป็นเพื่อนครับ คือผมไม่ได้กลัวผีนะครับ ไม่กลัวเล๊ยยยยยยยย

*********************************************************************************************************

อาหารมื้อเย็นจบไป เราสองคนเดินเล่นเพื่อย่อยอาหารกันบริเวณสวนรอบๆบ้านครับ มีไอ้กาแฟวิ่งวนไปวนมารอบๆ สงสัยมันคงคิดว่าเราจะพามันไปเดินเล่น ใคร๊ ใครจะพาแกเดินเล่นเวลานี้ พี่ภูมิหลุดขำกับท่าทางของเจ้าสัตว์หน้าขนทีนึง ก่อนจะเดินจูงมือผมเดินดูสวนต่อ มือก็ชี้ให้มองดูดวงดาวบนฟ้า คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เสี้ยวครับเลยมองเห็นดาวชัดกว่าปกติ เห็นแล้วรู้สึกเคลิ้มอยากร้องเพลงครับ

ค่ำคืนนี้ยังมีดวงดาวเจิดจ้า
คราบท้องฟ้ายังดูสดใส
สุดส่วนของขอบฟ้ากว้างไกล
ไม่มีวันใดมืดมิดสนิทนาน......

บัวลอยยยยยยยยยย

ไม่ใช่! บรรยากาศไม่ได้ เปลี่ยนเพลงครับ ยังไม่ทันได้เลือกเพลงใหม่ ก็มีเสียงร้องเพลงดังมาจากคนข้างๆ

“จันทร์คืนแรมวับแวมอยู่บนปลายฟ้า
คงล้าอ่อนแรงทอแสงแหว่งเว้าครึ่งดวง
คืนเหงามันเศร้ามันซึมในทรวง
จันทร์เพียงครึ่งดวงคล้ายจันทร์เจ้ารอใคร

จันทร์คืนแรมวับแวมมีเพียงครึ่งใบ
คงดังกับใจฉันที่มีเพียงครึ่งดวง
คอยรักที่จะเติมเต็มในทรวง
โอ้ใจครึ่งดวง เฝ้ารอมาเนิ่นนาน”

โอ๊ยยยยย หล่อ รวย แล้วยังเสียงดีอีก อิจฉาครับ

“พี่ภูมิร้องเพลงจีบผมเหรอครับ” ผมถามอายๆ

“แล้วจีบติดมั๊ยหละ” โธ่ ติดตั้งนานแล้ววววววว

ร่างสูงก้มลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่ ส่วนผมก็เขย่งไปหอมร่างสูงแต่หอมได้แค่คางนะครับ หอมมาก็หอมกลับครับไม่โกง จึงจะหอมคางก็เถอะ

“บ้าวววววว...ฮุ้...บ้าววววววววว” ตัวขัดบรรยากาศ แกจะหอนทำไม

“บ้าววววววววววววววววว...บ้าวววววววววววววววววว” โอ้โห หอนต่อกันเป็นทอดๆเลยครับ

“เอ่อ ผมว่าเรากลับเข้าบ้านกันดีกว่าครับ” อยู่ดีๆก็รู้สึกว่าอากาศจะเย็นตัวลง รีบเข้าบ้านดีกว่าครับ ผมกลัวเป็นหวัด


********************************************************************************************

 :katai4: :katai5: :katai5: :katai4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2019 08:52:39 โดย nethang »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 17 ผมไม่ชอบเสียงหมาหอน

“บ้าวววววววววววว...บ้าววววววววว” โอ๊ยยยยยย ไอ้หมาบ้าจะหอนอะไรนักหนา

ผมนอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียงกว้าง ถึงไฟในห้องนอนจะดับสนิทแล้ว มีเพียงแสงจันทร์แสงดาวเบาๆสาดส่องเข้ามา แต่ผมก็นอนไม่หลับครับ ใครมันจะหลับลงถ้าจะมีเสียงหมาหอนเป็นแบ็คกราวน์ขนาดนี้

ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อน

“เธอเข้ามาในห้องนี้ทำไม ห้องของเธออยู่ทางนู้น” ว่าพลางชี้มือไปยังห้องฝั่งตรงข้าม แต่ผมโนสนโนแคร์ครับ เดินแทรกตัวเข้าประตูไปยังกระเป๋าเสื้อผ้าที่แอบเอามาวางทิ้งไว้

“ผมจะนอนห้องนี้ด้วย” พูดพลางค้นชุดนอนออกมาชุดนึง

“แต่ชั้นว่าแยกกันนอนดีกว่า” เสียงทุ่มยังคงยืนยันอย่างหนักแน่น

“พี่ภูมิอะ พี่ก็รู้ว่าผมกลัว ขอผมนอนด้วยนะครับ นะ...น้าาาาาา” ขั้นกว่าของ ‘นะ’ คือ ‘น้าาาาาาา’ และแล้วชายร่างสูงก็ต้องพ่ายแพ้ 5555555

“เดี๋ยวผมขออาบน้ำก่อน” พูดจบก็คว้าผ้าเช็ดตัววิ่งเข้าห้องน้ำไปก่อน

“บ้าววววว...ฮู้….บ้าววววววว” มาอีกแล้วครับไอ้เสียงหมาบ้าพวกนี้ดังมาแต่ไกลเชียว

“ผมขอเปิดประตูทิ้งไว้นะครับ อ๊ะ อย่าแอบดูหละ” ผมตัดสินใจเดินมาเปิดประตูห้องน้ำ แล้วชะโงกหน้ามาบอกคนตัวสูงกว่าที่ยังยืนงงอยู่ที่เดิม แล้วฮัมเพลงลั้นล้าอย่างอารมณ์ดีอยู่ในห้องน้ำ

กว่าผมจะอาบน้ำเสร็จก็กินเวลาไปเป็นสิบนาที แต่พอออกห้องน้ำมากลับไม่พบคนที่ควรจะอยู่ในห้อง หันซ้ายหันขวาหากลับไม่เจอ สุดท้ายจึงเอ่ยเรียกชื่อ เบาๆ

“พี่ภูมิ พี่ภูมิครับ” เบามากครับ คือผมกระซิบไง ใครจะได้ยินแกเรียกว่าไอ้กร

“พี่ภูมิ อยู่ไหนครับ” ผมกระซิบต่อ พลางเริ่มเดินออกไปหาด้านนอกห้อง

“ชั้นอยู่นี่” เสียงเข้มเอ่ยตอบมาพร้อมอ้อมแขนแกร่งที่รวบกอดผมมาจากด้านหลัง ฮ่วย! ตกใจครับ โมเมนต์นี้ไม่โรแมนติกครับ

“พี่ภูมิอะ” ผมทุบอกแล้วสะดีดสะดิ้งบิดตัวออกจากอ้อมกอดพอเป็นพิธี ไม่เผลอด่าเหี้ยก็ดีแค่ไหนแล้วครับ

ไอ้พี่ภูมิครับเดินกลับเข้าห้องนอนด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แอบไปอาบน้ำข้างนอกมาใช่ไหม แปลว่าที่ผ่านมาปล่อยผมไว้ในห้องนอนคนเดียว บรึยยยยย

“เช็คผมให้แห้งด้วยสิ” ร่างสูงบ่นพร้อมกับจูงมือผมเดินกลับเข้าไปในห้อง จัดแจงเอาผ้าเช็ดตัวเช็ดหัวผมจนแห้งสนิท จึงผละไปทำธุระตัวเองต่อ

พี่ภูมิก็แค่อยากอ่อยผมหนะครับ อ่อยด้วยซิกแพคกล้ามหน้าท้องแน่นๆ กับผ้าเช็ดตัวผืนเดียววับๆแวมๆ

“ คืนนี้เธอนอนบนเตียงนะชั้นจะไปนอนที่โซฟา” ผมพยักหน้าตกลง เถียงไปก็เปล่าประโยชน์ครับสุดท้ายผมก็เถียงแพ้อยู่ดี ดีซะอีกได้นอนบนเตียงนุ่นๆ

“ราตรีสวัสดิ์นะ ฝันดี” ร่างสูงเดินมาหอมหน้าผากผมทีนึงแล้วดันผมไปทางเตียงนอน ส่วนตัวเองเดินไปทางโซฟา แล้วปิดไฟล้มตัวลงนอน

เป็นอีกครั้งที่ปิดไฟนอนโดยไม่ถามความสมัครใจผมสักคน

ตัดกลับมาที่ปัจจุบัน ผมยังคงพยายามข่มตาหลับอยู่บนเตียงนอนกว้าง ไอ้หลับตาหนะทำได้ครับ แต่สมองมันยังทำงานอยู่ ในหัวคิดแต่ฉากสยองขวัญในหนังที่เคยดูๆมา นี่ขนาดผมพยายามจะไม่ดูหนังผีแล้วนะครับ แต่เห็นผ่านๆยังติดตาเลย

“บ้าวววว...ฮู้...บ้าวววววว” ไอ้หมาก็ยังคงหอนครับ นานๆทีไอ้กาแฟก็ร่วมวงหอนไปกับพักพวกด้วย แล้วแบบนี้ใครมันจะนอนนหลับลง

“พี่ภูมิครับ พี่ภูมิ” ผมกระซิบเรียกอีกคนในห้องเบาๆ หยังเชิงดูก่อนครับว่าหลับหรือยัง

ไม่มีเสียงตอบรับจากหมายเลขที่ท่านเรียก Sorry There is no acknowledgement from your requested number…….

สงสัยจะหลับไปแล้วแฮะ คนอะไรหลับง่ายจริง! อันที่จริงไม่ง่ายครับแค่ผมนอนพลิกตัวไปๆมาๆมาก็กินเวลาร่วมสิบนาทีแล้ว แหะๆ แต่ไอ้ผมเนี่ยแหละที่นอนไม่หลับ

หลังจากที่นอนลืมตาคิดนู้นคิดนี่ ขอสรุปเลยแล้วกันครับ ถ้าคืนนี้ผมนอนไม่หลับ ไอ้คุณภูมิก็อย่าหวังจะได้หลับได้นอน 55555

ร่างเล็กตัดสินใจลุกออกมาจากเตียงใหญ่ แล้วมุดตัวเข้าไปนอนเบียดกับร่างสูงบนโซฟาปลายเตียง แม้จะเบียดจะซุกยังไงร่างสูงใหญ่ก็ไม่มีทีม่าว่าจะตื่น สงสัยขับรถเหนื่อยครับ ร่างเล็กเริ่มรู้สึกผิดที่ตัดสินใจมาก่อกวนคนนอน จะบาปมั๊ยนะ อันที่จริงพี่ภูมิควรจะได้พักผ่อนให้เพียงพอ พรุ่งนี้จะได้มีแรงพาผมไปเที่ยว ร่างเล็กกว่าเริ่มนิ่งคิด จากที่เคยดิ้นหยุกหยิกๆข้างกายร่างสูง ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นซุกใบหน้าเข้าสู่อ้อมอกกว้าง ไออุ่นจากตัวพี่ภูมิทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นเยอะ นอนๆไปชักเริ่มรู้สึกสบาย ไม่สบายตัวนะครับแต่สบายอกสบายใจ หอนไปเถอะไอ้หมา ตราบใดที่ผมซุกตัวอยู่ในนี้ผีที่ไหนก็ทำอะไรผมไม่ได้ เวลาผ่านไปหนังตาเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็เข้าสู่นิทราอย่างสงบ

ซะที่ไหนหละครับ!

ผมกำลังวิ่งหนี วิ่งหนีเข้าไปในดงกล้วย ที่นี่ที่ไหนวะ เหมือนเมื่อกี๊จะนอนอยู่ในบ้านแล้วทำไมโผล่มาวิ่งเล่นในดงกล้วยได้วะ งงในงง

ว่าแต่ผมวิ่งหนีอะไร วิ่งทำไม หยุดวิ่งได้มั๊ยผมว่าผมเหนื่อยแล้วนะ แล้วผมก็หยุดวิ่งครับ ผมยืนนิ่งอยู่ระหว่างทางสามแยก ด้านหลังเป็นภูเขามืดมิด ข้างหน้าทั้งสองด้านเป็นป่ากล้วย ระหว่างที่ผมกำลังยืนงงในดงกล้วยอยู่นั่นแหละ มีอะไรบางอย่างกำลังขยับอยู่ในดงกล้วยลักษณะจะเคลื่อนที่มาทางผมด้วยความเร็วสูง ผมตัดสินใจก้มลงหยิบท่อนไม้ขนาดพอดีมือขึ้นมาจากพื้น ตั้งท่าเตรียมพร้อมรับมือ อย่างนี้หากมีอาวุธ แถมมีที่ตั้งที่มั่นคง น่าจะพอรับมือกับอะไรก็ตามที่จะโผล่ออกมาได้ครับ

ระหว่างที่ผมเพ่งสมาธิอย่างจดจ่อไปยังบางสิ่งที่ขยับเข้ามาใกล้ผมนั่นเอง

“แฮ่…” เป็นวัตถุทรงกลมครับ ลักษณะเหมือนมีเส้นสายอะไรบ้างอย่างปกคลุมโดยรอบ หมุนไปหมุนมาไม่นิ่ง แถมยังส่งเสียง แฮ่ แฮ่ แปลกๆอีก ยิ่งพอเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ผมถึงกลับผงะ มันเป็นศีรษะของผู้หญิงครับ ผมเผ้ายุ่งเหยิง ดวงตาแดงก่ำกำลังจ้องมองมายังผม สีหน้าบิดเบี้ยว แลบลิ้นปลิ้นตา แล้วแสยะยิ้มแปลกมาอีก

“เฮ้ยยยยยย ผลัวะ” อารามตกใจครับ กล้ามเนื้อแขนกระตุกท่อนไม้ในมือเกิดลั่น ผมสะบัดหวดไปเต็มแรง วัยรุ่นมุ่งเรียนครับแถมยังเรียนดี กีฬาเด่น ฟริ้ววววววว ลอยไปนู้นแล้วครับ โฮมรัน

เฮ้ออออ สบายใจ

“เฮ้ยยยยยย” ร่างสูงใหญ่สะดุ้งตื่นเฮือก หลังจากถูกของแข็งกระทบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง หันมองซ้ายมองขวายิ่งตกใจตื่น ในอ้อมอกมีคนตัวเล็กกำลังนอนซบอยู่ มือไม้อยู่ไม่สุกยกชี้นู้นชี้นี่

“โฮมรันนนนนนน” เสียงละเมอจากร่างเล็กพร้อมดับเหยียดแขนขึ้นฟ้าสุดแขน

“ก้อนแป้ง ทำไม” นั่นสิทำไมมานอนตรงนี้ได้ ก่อนนอนยังอยู่บนเตียงดีๆ แล้วจะมานอนเบียดกันบนโซฟาทำไม

ร่างสูงตัดสินใจอุ้มคนตัวเล็กขึ้นไปส่งบนเตียงนอนตามเดิม ส่วนตัวเองหันหลังเดินกลับไปยังโซฟาแต่กลับถูกมือเล็กรั้งสายเสื้อเอาไว้

“ผะ ผี นอน สบายใจ แจบๆ” ไม่เป็นประโยคและคาดเดาความหมายไม่ได้ เอาเป็นว่าน่ารักน่าเอ็นดูแล้วกัน

ร่างสูงตัดสินใจล้มตัวลงบนเตียงนอน แล้วดึงคนตัวเล็กกว่าเข้าสู่อ้อมกอด ไอ้ที่กังวลว่าจะทนไม่ไหว คืนนี้คงไม่เป็นไร ในเมื่อง่วงนอนขนาดนี้

คิดได้ดังนั่นก็สวมกอดคนในอ้อมแขนแน่นขึ้น ในใจท่องพุทโธ ธัมโม พุทโธ ธัมโม หากใจเราสงบ กายเรายอมสงบ ใจเป็นนายกายเป็นบ่าว

หากแต่ความคิดช่างสวนทางกับร่างกาย เพราะไอ้ที่ตุงๆตรงเป้ากางเกงมันควบคุมไม่ค่อยจะได้ สุดท้ายต้องลุกไปจัดการในห้องน้ำก่อนจึงจะกลับมานอนกอดคนตัวเล็กต่อได้ ถ้าได้นอนกอดแบบนี้ทุกวันคงจะดีไม่น้อย เฮ้ออออออ


 :call: :call:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2019 08:53:14 โดย nethang »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เอาอดีตตอนก้อนแป้งเด็ก ๆ แล้วพี่ภูมิไปเจอที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ามาบอกเลยนะ

อยากรู้ว่าพี่ภูมิแกหลงอะไรนักหนาจนกระทั่งปัจจุบันนี้  อิอิ

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
 :hao6:จากใจนักเขียนค่ะ

ตอนผู้แต่งคิดพล๊อตเรื่องไว้ คือดึงดราม่ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกก  กอไก่ล้านด้วย แต่คิดว่าดราม่าไปมันไม่ใช่แนวเลยแต่งให้นายเอกกวนๆส้นหน่อย แต่ไหงแต่งไปแต่งมานางดันออกแนวปัญหาอ่อนซะงั้น สุดท้ายเลยหลงในวังวนนายเอก จมอยู่กับความโก๊ะของนางจนโงหัวไม่ขึ้น 555 ยิ่งแต่งนางยิ่งฮาาาาาาาาาาาา ออกทะเลออกอ่าวไปเรื่อยๆ

ช่วงเริ่มเรื่องกะพยายามปูให้พระนายรักกันไปก่อนค่ะ ยังเด็กๆอยู่ แต่เดี๋ยวพอเริ่มโตหน่อยจะดึงกลับเข้าไลน์หลักของเรื่อง แล้วก็เฉลยปมต่างๆนะคะ รอไม่นานดอก แต่ละตอนสั้นนิดเดียวเองงงงงงงงงงงงง

เอิ๊กๆ  :z13:  ค่อยๆกระดิ๊บๆไป   :z10:

ปล. "เพราะชีวิตมันเครียด ควรเสพแต่งนิยายติ๊งต๊อง"  :hao7:




********************************************************************************************


บทที่ 18 ผมมาเที่ยวทะเลเดย์วัน

แพลนเที่ยวหัวหินครั้งนี้ไม่มีอะไรมากครับ สามคืนสามวันเที่ยวแบบโนแพลนครับ แล้วแต่ใจตามสไลด์ผมเลย สำหรับวันแรกยามเช้าอันสดใสแบบนี้ผมตัดสินใจชวนพี่ภูมิมาวัดครับ นึกย้อนกลับไม่เมื่อคืนจำได้รางๆฝันอะไรสักอย่างเกี่ยวกับผีผู้หญิงแต่จำรายละเอียดไม่ได้ นึกแล้วยังขนแขนตั้งชันอยู่เลย ส่วนตอนตื่นขึ้นมายังงงๆอยู่ว่าไปนอนอยู่ในอ้อมกอดของพี่ภูมิได้ไง ตอนนอนยังแยกกันนอนคนละทีอยู่เลย ถามพี่ภูมิก็บอกแต่จำไม่ได้ ไม่รู้ไม่เห็น หรือพวกเราจะโดนผีอำ เอาเป็นว่าไปวัดก่อนเป็นดีที่สุดครับ

“หลวงพ่อครับ เมื่อคืนผมฝันร้ายครับ” หลังจากถวายสังฆทานแล้วผมจึงเริ่มพูดคุยกับหลวงพ่อซึ่งเป็นเจ้าอาวาสประจำวัดแห่งนี้

วัดแห่งนี้เป็นวัดเล็กๆประจำหมู่บ้าน ที่อยู่ใกล้ที่พักเราที่สุดครับ จากสภาพตัวโบสถ์และวิหารบ่งบอกว่าเป็นโบราณสถานอายุเกินร้อยปีแน่นอน

“ฝันเห็นผีผู้หญิงเหรอโยม” หลวงพ่อทัก ผมพยักหน้าหงึกๆ

“เค้าแค่หึงหวง โยมไปแย่งของรักเค้านี่” หลวงพ่อเหมือนจะรู้เรื่องบางอย่าง

“เฮ้ยยยย ผมไม่ได้แย่งอะไรใครมานะ” ผมนิคนดีทั้งตัวและหัวใจไม่เคยผิดใจกับใครเลยนะเออ

หลวงพ่อเหลือบตาไปมองชายร่างสูงที่นั่งเยื้องไปด้านหลังผม

“เค้าหวงพ่อหนุ่มคนนั้น...คงถูกใจตั้งแต่ที่เจอกันเมื่อหลายเดือนก่อน” โอโห หลวงพ่อรู้ได้ไง

“เฮ้ยยย คนนี้ของผม ผมสิต้องหวงอะ” ผมโวยวายครับ ส่วนพี่ภูมิก็อมยิ้มตอนที่ผมบอกว่าคนนี้ของผม หึหึ อย่าคิดว่าผมมองไม่เห็นนะ ไม่รู้รึว่าผมตั้งใจโวยวายหนะ หึหึ

“โยมไปวิ่งแถวๆป่ากล้วยใช่มั๊ย” พี่ภูมิพยักหน้ารับ แถวๆบ้านพักเรามีป่ากล้วยด้วย จริงดิ!

“เวลาพักที่นี่ฝันดีตลอดเลยสินะ” หลวงพ่อยังคงทักต่อไป พี่ภูมิยังคงพยักหน้ารับเบาๆ อะไร ทำไมพี่ภูมิฝันดีแล้วผมฝันร้ายหละ

“ที่บ้านโยมไม่มีศาลพระภูมิ ไม่มีเจ้าที่ เค้าเลยมาช่วยดูแล” โอ้จอร์จ ผมลืมสังเกต ไม่มีศาลพระภูมิจริงๆด้วยครับ

“อ่าววว มาดูแลแล้วทำไมต้องมาหรอกผมหละครับ” ผมบ่นกระปอดกระแปด

“เค้าก็แค่หรอกโยมเล่นแหละ โยมเป็นคนจิตแข็งเค้าไม่ทำอะไรโยมหรอก” เอ่อ ผมเนี่ยนะจิตแข็ง จิตใจแข็งกระด้างสิไม่ว่า

“เอ่อ แล้วพวกผมต้องทำยังไงต่อไปครับ” ผมถามออกไป คือผมอยากนอนหลับสงบๆ จะให้มาแหย่ผมเล่นทุกคืนก็ไม่ไหวนะครับ เหล่มองคนด้านหลัง อิจฉาคนนอนฝันดีวุ้ย!

“อุทิศส่วนกุศล กรวดน้ำไปให้เค้า ตั้งจิตอโหสิกรรม แล้วก็ตัดเวรกันเสีย จากนั้นก็ไปอัญเชิญศาลพระภูมิมาตั้งไว้เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านก็เป็นอันใช้ได้แล้ว” ผมพยักหน้าหงึกๆ จดรัวๆ แล้วรีบลงมือปฏิบัติตามที่หลวงพ่อแนะนำ

“หลวงพ่อมีของขลังหรือเครื่องรางให้ผมบูชามั๊ยครับ” ก่อนที่จะเดินทางต่อ พวกผมกล่าวลาหลวงพ่ออีกครั้ง

“พระอยู่ที่ใจ แต่ถ้าโยมต้องการอาตมาจะผูกสายสิญญ์ให้ ส่วนเครื่องรางของขลังอยู่ทางนู้น โยมบูชาได้ตามสะดวก” ผมมองตามไปทางโน้นนนนน ที่หลวงพ่อกล่าวถึง เป็นศาลาขนาดกลางที่ตั้งโต๊ะขายดอกไม้ ธูป เทียน และเครื่องรางของขลังต่างๆ สำหรับคนทึ่ต้องการบูชา เสร็จผมหละครับ ผมพบสิ่งที่ต้องการแล้ว

“แล้วหลวงพ่อพอจะมีเลขเด็ดงวดนี้มั๊ยครับ” เมื่อสบายใจ สมองก็เริ่มแล่นครับ ลองถามดูเผื่อฟลุก

“อาตมาว่าโยมลองถามผีสาวดูสิ นางน่าจะบอกโยมได้” หลวงพ่อกล่าวยิ้มๆ แต่ผมไม่ยิ้มด้วยครับ โอ๊ยยยใครมันจะกล้า!

ผมตัดสินใจบูชาพระรอดองค์เล็กๆมา 2 องค์ สำหรับผมและพี่ภูมิ แม้ว่าอีกคนจะไม่ค่อยอยากได้เท่าไหร่ แต่ผมมัดมือชกครับ บอกไปว่าใส่พระคู่ เหมือนใส่เสื้อคู่ไรงี้ แล้วพี่แกก็ยอม ฮาาาาา

เราเดินทางไปต่อกันยังร้านที่รับจัดการเรื่องศาลพระภูมิตามที่หลวงพ่อแนะนำมา โชคดีจริงๆที่วันนี้เป็นวันฤกษ์ดีเหมาะแก่การทำพิธีบูชาศาลพระภูมิ คืนนี้ผมจะได้หลับสนิทเต็มตาสักที หลังจากที่เลือกแบบและนัดแนะเรื่องการติดตั้งศาลพระภูมิแล้วเสร็จ เหลือเวลาอีกร่วม สองชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัด พวกผมจึงแวะหาอะไรทานที่ร้านอาหารริมทะเลก่อนกันครับ

“กุ้งเผา 3 โล ปูนึ่ง 1 โล ปลากระพงทอดน้ำปลา พล่าเนื้อ ลาบควายคั่ว แล้วก็แกงแคครับป้า” ผมสั่งอาหารโดยไม่ต้องดูเมนูเลยครับ หิว

“พล่า ลาบ แกงแค ไม่มีนะจ๊ะ มีแต่อาหารทะเลจ่ะ” ออ แหะๆ ผิดร้านๆ

“ไข่เจียวปู กับต้มยำทะเลแล้วกันครับ” หลังจากที่ป้าแกนับออเดอร์ไปก็เข้าสู่ช่วงแถลงข่อสงสัยครับ

ผมสงสัยตั้งแต่อยู่ที่วัดแล้ว ไอ้ที่ว่าพี่ภูมิฝันดีอะ ยังไงถึงเรียกว่าฝันดี

“พี่ภูมิฝันว่ายังไงครับ” ผมถามออกไปโต้งๆเลย

“ก็ฝันดี จำไม่ค่อยได้หรอก” ฝ่ายร่างสูงตอบแบบปัดๆ

“ก็ผมอยากรู้ดีเทลอะ อย่างของผมฝันเห็นผีคือฝันร้าย แล้วยังไงถึงเรียกว่าฝันดี” ผมพยายามคาดคั้น

“ก็ฝันว่าได้ทำเรื่องที่อยากทำ” อีกฝ่ายยังกล่าวอ้อม

“ปัดโธ่ แล้วไอ้ที่อยากทำมันอะไรอะ บอกผมเถอะ เผื่อผมอยากทำเหมือนกัน ผมจะได้เก็บไปฝันด้วยยยยยย…นะ...นะคร้าบบบบบบ” ความอยากรู้เอาชนะทุกอย่าง!

“เธออยากรู้จริงๆเหรอ จะเอาไปฝันด้วยสินะ” ชายร่างสูงขยับมานั่งใกล้ๆผม แล้วกระซิบถาม ผมพยักหน้าหงึกๆ

“หอมแก้มก่อนสิแล้วจะบอก” แหนะ มีต่อรอง ผมนิรีบหอมแก้มพี่ภูมิอย่างไวว่องเลยครับ

ฟ้อดดดดดดดดดด หอมยาวๆนานๆไปเลยครับ

ร่างสูงยิ้มถูกใจ แล้วจึงโน้นลงมากระซิบข้างหูผม

“ก็ไอ้เรื่องที่อยากจะทำตอนเธออายุครบ 18 ไง แถมเธอยังจัดการเองซะหมด ไม่เรียกว่าฝันดีได้ยังไง” เฮ้ยยยยย WTF แบบนี้เค้าไม่เรียกว่าฝันดี เค้าเรียกว่าฝันเปียกครับ

///////////////////

“คืนนี้จะฝันด้วยกันรึป่าว” แล้วคนร่างสูงก็ชิงหอมแก้มผมไปทีนึง

“บะ บ้า…” ผมก็เขินเป็นนะครับ เรื่องแบบนี้ใครเค้าคุยกันในที่สาธารณะ โธ่


คืนนี้เราตัดสินใจนอนห้องเดียวกันครับ พี่ภูมินอนโซฟาส่วนผมนอนเตียงเหมือนเดิม ต่างจากคืนก่อนตรงที่คืนนี้ไม่มีเสียงหมาหอนต่อกันเป็นทอด บรรยากาศน่านอนกว่าเมื่อวานเยอะ คืนนี้ผมเลยหลับสบายไร้กังวล

*********************************************************************************************************

พอตกกลางดึกก็มีพ่อบ้านมาปลุกผมบอกว่ามีแขกมาหารออยู่หน้าบ้าน

เป็นสาวน้อยวันแรกแย้ม น่าจะอายุสักสิบสามสิบสี่ปีนั่งร้องไห้อยู่นอกรั้ว ลำบากผมต้องเดินออกไปหาอีก ทำไมไม่มานั่งรอในบ้านฟระ! ชวนให้เข้ามานั่งในบ้านก็ไม่ยอมเข้าเอาแต่บ่นว่าคุณลุงดุ น้องร้องไห้กระซิกๆบอกว่าถูกผู้ชายที่ชอบปฏิเสธ แถมยังพาแฟนมาเยาะเย้ยอีก ประเด็นคือแล้วทำไมผมต้องมานั่งฟังน้องแกปรับทุกข์ด้วยวะ แล้วน้องแกเป็นใคร?

“น้องชื่อนีจ่ะ เป็นชาวบ้านดง บ้านอยู่แถวๆนี้แหละ” น้องแกอธิบาย คุยกันมาตั้งนานเพิ่งนึกได้ว่าควรแนะนำตัวครับ

“ออ พี่ชื่อกรนะ ว่าแต่น้องมาหาพี่ทำไมดึกๆดื่นๆ” ไม่ดึกนะจ่ะพี่ นี้ก็ใกล้รุ่งสางแล้ว เดี๋ยวน้องต้องกลับบ้านแล้วเหมือนกัน

จริงดิจะเช้าแล้วเหรอ ทำไมเวลามันผ่านไปเร็วจังหว่า

“ไว้น้องจะแวะมาหาใหม่นะจ่ะ” ว่าแล้วน้องแกก็ทำท่าจะเดินจากไป ผมเริ่มเอะใจบางอย่าง

“น้องนี เราเคยเจอกันมาก่อนรึป่าวครับ ทำไมพี่คุ้นหน้าน้องจัง” คาใจครับ ถามแบบแมนๆนะครับ ไม่ได้จะจีบน้องแกแต่อย่างใด คือผมว่าเราคุยกันถูกคอดีนะครับ แรกๆน้องก็ร้องไห้ปรับทุกข์ให้ผมฟัง แต่พอผมปลอบใจไปสักพักก็หยุดร้อง แถมยังเส้นตื้น ขำไปกับมุขตลกกากๆของผมอีก ดูไร้เดียงสา น่ารักดีครับ โอ๊ยยยยย ผมมีแฟนแล้ว แถมรักแฟนมาก คนนี้พี่น้องกันครับ พี่น้อง แหะๆ

“เราเจอกันเมื่อคืนไงจ่ะ” เอ๊ะ เมื่อคืนไหน เมื่อคืนผมก็นอนอยู่บ้าน ไม่ได้เจอใครเลยนะนอกจากพี่แม่บ้านอะ

“พี่จำน้องไม่ด้ายยยยย หรออออออ จ้าาาาาาา” ว่าแล้วน้องเค้าก็หันหน้ากลับมาพร้อมบิดคอควงสว่าน 360 องศา แลบลิ้นห้อยยาวลงมาถึงปลายคาง

“เชียร์…….” ผมแทบตาถลนออกมาจากเบ้า ปากอ้าค้าง พูดไม่ออกครับ ยังดีที่น้องเค้าค่อยๆถอยห่างผมออกไปเรื่อยๆ ไม่พุ่งเข้าหาผมด้วยความเร็วเหมือนเมื่อคืน

น้องตานี ณ บ้านดงกล้วยนิเอง คุณพระ!

“ดะ เดี๋ยววววว น้องนี อย่าเพิ่งไป” ผมรวบรวมความกล้าเอ่ยเรียกออกไป แต่เหมือนจะไม่ทันการณ์ครับ น้องเค้าหายวับไปจากแนวสายตาผมซะแล้ว

โธ่ ว่าจะถามหาเลขเด็ดสักหน่อย หลวงตาก็บอกให้ถามจากน้องแก

“เฮ้อออ...เสียดาย” ผมถอนหายใจรำพึงรำพันกับตัวเอง

“อะไรจ่ะพี่” อยู่ๆน้องนีก็โผล่พลวดมายืนอยู่ด้านหน้าผมครับ ตกใจหมด ดีที่น้องแกโผล่มาแบบหน้าปกติน่ารักน่าเอ็นดูอะนะ

“พี่ว่าจะขอเลขเด็ด” โอกาสมาต้องรีบคว้าครับ รวบรวมความกล้าแล้วถามออกไปโลด

“.......ตอนเช้าพี่ทำบุญให้นี แล้วไปขูดเลขที่บ้านนีดูแล้วกัน ถ้าของถึงเลขก็มา นีอยากทานไก่ต้มน้ำปลา ปลากระพงลวกจิ้ม น้ำแดงแฟนต้า แล้วก็ขนมสอดไส้กับข้าวเกรียบปากหม้อ อ่อข้าวไม่ต้อง ช่วงนี้นีไดเอด” น้องเงียบไปอย่างใช้ความคิดแล้วก็ร่ายยาวววววววว ก่อนหายวับไป

อ่อ ได้ครับน้องเดี๋ยวพี่จัดให้ ว่าแต่บ้านน้องต้นไหนครับจะได้ขูดถูกต้น


********************************************************************************************


 :mc4: :call: :call: :call: :mc4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2019 08:53:41 โดย nethang »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 19 ผมมาเที่ยวทะเลเดย์ทู

“พี่ภูมิครับ ไปวัดกันเถอะ” ผมเอ่ยชวนระหว่างที่เรากำลังกินอาหารเช้า วันนี้เป็นข้าวต้มทะเลครับ ฝีมือพี่แม่บ้าน

“.......วัดอีกแล้วเหรอ” คนฟังเหวอไปเล็กน้อย ทำไมอะไปวัดดีจะตาย จิตใจสงบ ผ่องใส ไร้มลทิน หุหุหุ

“เมื่อคืนน้องนีมาเข้าฝันผม ผมจะทำบุญไปให้น้องเค้า” ผมบอกพร้อมยื่นรายการอาหารที่น้องแกรีเควสมาให้พี่ภูมิ

“ขนมสอดไส้กับข้าวเกรียบปากหม้อ...น้ำแดงแฟนต้า” ชายร่างสูงอ่านทวนรายการอาหารในมือ สีหน้าดูงงๆ ผมจดมาอย่างละเอียด กลัวลืมครับ

“ก่อนอื่นเราไปตลาดกันก่อน ไปหาซื้อของทำบุญ นะครับ น้าาาาา” ผมเริ่มงอแงเป็นเด็กๆ เมื่อร่างสูงยังคงนิ่งเงียบอยู่

ปกติผมเป็นคนเงียบๆนะครับ เงียบเป็นเป่าปี่เลยดีเดียว แหะๆ แต่ในเมื่อผมมีแฟนหล่อ รวย แถมยังใจดีขนาดนี้ก็ต้องอ้อนให้ถึงที่สุด คนเราสามารถแสดงตัวตนที่แท้จริงได้กับคนสักกี่คนครับ ในเมื่อผมพบคนๆนั้นแล้ว ใยจึ่งต้องกั๊กไว้หละครับจัดเต็มไปเลย

“เธอ...ฝันถึงผู้หญิงชื่อนีเหมือนกันเหรอ” เอี๊ยดดดดด เอาแล้วเฮ้ยยยยย หรือว่าน้องนีไปเข้าฝันพี่ภูมิด้วย

“ใช่ครับ อายุสักสิบสามสิบสี่ปี” ผมพยายามอธิบายลักษณะของน้องนี เผื่อเป็นคนเดียวกัน

“ที่มายืนร้องไห้อยู่ตรงรั้วบ้านใช่มั๊ย” แน๊ะ คนเดียวกันแน่ๆเลย

“ใช่ครับ มาบ่นให้ฟังว่าถูกพี่ภูมิปฏิเสธแบบไร้เยื่อใย” จะว่าไปก็น่าสงสารน้องแกเหมือนกันนะครับดันมาหลงชอบผู้ชายคนนี้ แต่เสียใจด้วยคนนี้ของผม

“..........จะไปทำบุญใช่มั๊ย รีบๆกินซะสิ” หลังจากที่นิ่งเงียบไป สุดท้ายร่างสูงกลับกลายเป็นฝ่ายเร่งผมซะเอง

 *********************************************************************************************************

ผมกับพี่ภูมิกำลังเดินตามคุณตาแก่ๆคนนึง เราขอให้แกนำทางไปที่บ้านของน้องนี หลังจากที่ผมทำบุญถวายสังฆทานแล้วเสร็จ จึงถือโอกาสเล่าความฝันเมื่อคืนให้หลวงพ่อฟัง พร้อมกับถามหาบ้านน้องนีเลยครับจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหา หลวงพ่อบอกให้มาที่ท้ายหมู่บ้านแล้วถามทางจากชาวบ้านแถวๆนี้ เค้ารู้จักกันทุกคนแหละ สุดท้ายผมเลยเดินตามคุณตาต้อยๆอยู่นี้ไง

เราเดินเข้ามาในป่ากล้วยขนาดใหญ่ ทางเดินคดเคี้ยวแต่มีเส้นทางที่ชัดเจน เดินเข้ามาร่วมห้านาทีจึงเห็นต้นกล้วยตานีด้วยนึง ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางดงกล้วยชนิดอื่น ต้นกล้วยถูกประดับด้วยผ้าแพรเจ็ดสีสวยงาม ด้านข้างมีศาลเพียงตาประดิษสถานอยู่ แถมยังมีข้าวของบูชามากมาย โหหหห ของกินเพียบ ไหนบอกไดเอด!

ผมนำอาหารที่เตรียมมาไปถวายไว้ใกล้ๆศาล จุดธูปแล้วอธิษฐาน ‘นีเอ้ยยย พี่มาแล้วเด้อ ให้ขูดตรงไหน’ ว่าแล้วผมก็เหลมองไปยังโคนของต้นกล้วยที่แลดูเงางาม มันระเลื่อม ล่อตาล่อใจ เอาวะขูดมันตรงนี้แหละ ผมใช้หัวแม่มือขัดๆถูๆ สักพักต้นกล้วยที่เคยมันระเลื่อมก็ปรากฏรอยช้ำเป็นวงๆ คล้ายรูปโดนัท 2 วง

“พี่ภูมิ ช่วยผมดูหน่อยว่าเลขอะไร” ผมตัดสินใจกวักมือเรียกคนตัวสูงกว่ามาช่วย 4 ตาย่อมดีกว่า 2 ตาครับ เพื่อความชัวร์

“.........00” คนตัวใหญ่พิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนตอบผม โอเคร เลขตรงกัน ดิว!

ว่าแต่ 00 จริงดิ จากสถิติความน่าจะเป็น 00 นิออกยากมากเลยนะ ‘เอาเลขนี้จริงเหรอครับน้องนี -*-’

“เรากลับไปที่วัดกันดีกว่าครับ” หลังจากที่บรรลุวัตถุประสงค์ ผมกล่าวชวนพี่ภูมิกลับ

“วัดอีกแล้วเหรอ” ชายร่างสูงกล่าวอย่างแปลกใจ งงใจ ทำไมเอะอะเข้าวัดอย่างเดียวเลย

“โธ่ ผมจะกลับไปซื้อหวย เห็นมีแผงหวยอยู่ที่วัดอะ บ่ายนี้หวยก็ออกแล้วต้องรีบซื้อ เดี๋ยวป้าเค้าเก็บแผงซะก่อน ไปครับ ไปเร็ว” แล้วผมก็จูงมือลากคนที่ยืนนิ่งให้ขับรถไปส่ง

*********************************************************************************************************

“รางวัลเลขท้ายสองตัว เลขที่ออก ศูนย์...หก ประกาศอีกครั้ง รางวัลเลขท้ายสองตัว เลขที่ออก ศูนย์...หก” เสียงใสๆกล่าวอย่างเนิบช้า สองตาที่จ้องมองโทรทัศน์ของผมแทบถลนออกจากเบ้า โธ่! หวยแดรกกกกกกก อีกแล้ว ไอ้ผมรึอุตส่าโทรไปซื้อหวยใต้ดินกับป้าแม่โรงประจำโรงเรียนเป็นการเร่งด่วน 100 บาทเลยนะเออ ดันไม่ถูกซะนี่ วื้ดไปตัวนึง

“บ๊ะ! ไม่ถูกซะนี่” ผมตบเข่าฉาดอย่างเสียดาย

หลังจากทานข้าวมือเที่ยงแล้ว ผมก็กลับมานั่งลุ้นหวยผ่านทางหน้าจอทีวีที่บ้านพักครับ ดูทีวีนี่แหละเรียวดี มีอารมณ์ร่วมได้ลุ้นไปพร้อมๆกัน

“เสียดายอะพี่ภูมิ ไม่ถูกอะ” ผมหันไปบ่นกับคนที่นั่งๆนอนๆอยู่ด้านข้าง แต่กลับกลายเป็นว่าพูดคนเดียวครับ ตอนนี้พี่ภูมิเอนตัวนอนลงไปกับโซฟายาว ลักษณะจะแอบหลับไปนานแล้วหลับลึกเชียว ขนาดผมหอมแก้มไปสองฟ้อดใหญ่ยังไม่มีทีท่าจะตื่นเลย

ด้วยความผิดหวังที่หวยแดก แถมแฟนยังไม่สนใจ ไม่มีใครคุยด้วย สุดท้ายจึงตัดสินใจไปคุยกับหมาแทนครับ

“ไอ้กาแฟ แกดูเจ้านายแกดิ หลับทิ้งกันเฉยเลย” ผมบ่นใส่เจ้าสัตว์หน้าขนที่นอนหมอบอยู่บนพื้นเบื้องล่าง มันครางหงิงตอบผมเบาๆ แบบให้ค่อยเต็มใจ แล้วขยับขดตัวหันหลังให้แทน

เฮ้ย! ชีวิตไอ้กรทำไมมันบัดซบอย่างนี้ ซื้อหวยก็ถูกแดก ขนาดหมายังเมินอะ ระหว่างกำลังถ่ายมิวสิกศาลาคนเศร้าอยู่นั่นเอง

“รางวัลที่หนึ่ง เลขที่ออก ศูนย์...เจ็ด...สี่...แปด...ศูนย์...หนึ่ง ประกาศอีกครั้ง ศูนย์...เจ็ด...สี่...แปด...ศูนย์...หนึ่ง” เฮ้ย หวยในมือผมสั่นเลยครับ ผมก้มลงมองสลากกินแบ่งรัฐบาลในมือที่ปรากฏตัวเลข 074800 อยู่ เฮ้อออออออ ตกใจ นึกว่าจะถูกรางวัลที่หนึ่งซะอีก ชวดเลยเงิน 6 ล้านบาท

TT_TT

แต่ เอ๊ะ เหมือนมันมีรางวัลข้างเคียงอะไรสักอย่าง ไม่แน่ใจครับ ผมมันสายหวยใต้ดิน พอเป็นหวยบนดินแบบถูกกฏหมายผมไม่ค่อยสันทัด เหอะๆ

ผมคว้าโทรศัพท์ เข้าเวปไซต์ตรวจสอบล๊อตตารี่ทันที่ หลังจากที่กรอกตัวเลขลงไป ‘โปะเชะ’

‘ยินดีด้วย คุณถูกรางวัลข้างเคียงรางวัลที่ 1’ ยะฮู้! หนึ่งแสนบาทครับพี่น้อง อยู่ดีๆก็มีเงินแสนตกลงมาทับหัว ขอยกความดีความชอบทั้งหมดให้กับน้องนี น้องอยากกินอะไรบอกพี่เดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จัดให้

“พี่ภูมิ พี่ภูมิครับ ผมถูกหวยแหละ” ผมเขย่าแขนคนตัวใหญ่ที่นอนหลับอยู่โดยแรง มีเมื่อความสุขเราต้องแชร์ครับ ช่วงแบ่งปันรอยยิ้ม ไอ้ผมก็ยิ้มหน้าบานไปสิ ส่วนคนที่ถูกปลุกอาจยังงงๆอยู่ แต่พอตื่นขึ้นมาเห็นผมแจกรอยยิ้มสดใสก็เริ่มตาสว่าง ผมกอดคอพี่ภูมิแล้วจุ๊ฟที่ริมฝีปากหนาไปแรงๆ 2 ที

ร่างสูงที่เพิ่งโดนปลุกอาจยังงงๆอยู่ แต่เมื่อโดนคนร่างเล็กกว่าโน้มคอลงไปจุ๊ฟปากแรง 2 ที ก็ตาสว่างทันที สองแขนแกร่งโอบรอบเอวเล็กให้ขยับเข้ามาใกล้ชิดลำตัว ริมฝีปากกลับส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหวานจากปากคนตรงข้าม ร่างเล็กสะดุ้งตกใจเล็กน้อยจากที่เป็นคนจุมพิตกลายเป็นโดนสวนกลับมาอย่างร้อนแรงกว่าเดิม นานๆครั้งที่พี่ภูมิจะจูบผมแบบนี้ จูบทีไรชอบเลยเถิดหยุดยั้งตัวเองไม่ค่อยได้ พี่แกเลยพยายามจะอยู่ห่างๆผมไว้ แต่ผมสารภาพเลยผมชอบรสจูบแบบนี้มันชวนเคลิบเคลิ้ม หลงไหล อยากจะจูบไม่รู้จบ คิดได้ดังนั้นผมก็จูบตอบ เราสองคนแรกลิ้น เกี่ยวกวัดกันอยู่พักใหญ่จนท้ายที่สุดคนร่างสูงก็ดันตัวผมให้ออกห่าง

“เฮ้อ…..” เสียงทุ้มถอนหายใจยาวๆทีนึง สงสัยได้สติแล้ว แหะ แหะ ส่วนผมนอนอ่อนแรงซบลงบนอกแกร่ง ฟังเสียงหัวใจของเราทั้งสองที่ยังเต้นเป็นจังหวัดรัวกลอง ก่อนจะค่อยๆผ่อนคลายลง ช้าลงแต่หนักแน่นขึ้น

พี่ภูมิวางร่างผมลงบนโซฟา ก่อนที่ตัวเองจะลุกไปเข้าห้องน้ำเงียบๆ

ห้องน้ำ! ห้องน้ำอีกแล้ว เอะอะเข้าห้องน้ำตลอด

ผมนั่งๆนอนๆรอ ระหว่างนั้นก็หยิบล๊อตตารี่ขึ้นมาส่องไฟดูว่าของจริงรึป่าว กลัวเอาไปขึ้นเงินไม่ได้ครับ เหอะๆ ไม่นานพี่ภูมิก็ออกมาจากห้องน้ำพร้อมเสื้อผ้าชุดใหม่ โธ่ ที่แท้หนีไปอาบน้ำมานี่เอง

“ไหน เธอว่าถูกล๊อตตารี่รึ” โซฟาที่ผมนอนอยู่ยุบโฮบ เมื่อร่างสูงนั่งลงข้างๆ มือใหญ่ลูบหัวอย่างเอ็นดู

“ใช่ครับ รางวัลข้างเคียง ได้ตั้งแสนนึง ไว้ค่อยกลับไปขึ้นเงิน” ผมกล่าวแบบดีใจ ชูล๊อตตารี่ในมือโบกไปมา

“อย่างนี้ต้องฉลอง แปะ วันนี้ผมเลี้ยงข้าว” แล้วผมก็ทะลึ่งตัวลุกขึ้นมาลากคนตัวใหญ่กว่าออกจากบ้าน

เราเดินทางมาที่ตลาดกันครับ ผมจะจัดปาร์ตี้ทะเลเผา แขกรับเชิญทั้งหมด 2 คน ถ้วน

“กุ้งโลเท่าไหร่ครับพี่สาวสุดสวย…..แล้วปูหละครับ” ผมยิ้มหวาน ปากหวาน เห็นพ่อค้าแม่ค้าเป็นพี่ชายพี่สาวไปหมด

“แหม...พูดเพราะเชียว พี่ลดราคาให้ กุ้งโลละ 300 บาทพอ ส่วนปูตัวเล็กโล 450 บาท ตัวโตโล 550 บาทจ้า” ผมลังเลครู่หนึ่ง เจ้าก่อนหน้าที่ซอยข้างขายปูที่ราคา 500 บาทถ้วน นอกนั้นแต่ละร้านดูจะราคาพอๆกันหมด งั้นการตัดสินใจครั้งนี้ขึ้นอยู่กับของแถมแล้วกัน

“ผมขอซื้อกุ้ง 4 กิโล แล้วก็ปูตัวเล็ก 1 กิโล ปลาหมึกกล้วยอีก 1 โล แล้วพี่สาวแถมหอยหวานให้ผมโลนึงได้มั๊ยครับ” ผมส่งสายตาปริบๆให้แม่ค้าคนสวย

“แหม...ต่อเก่งจริงๆ พี่แถมให้ไม่ได้หรอก เอางี้ ลดค่าหอยให้ครึ่งราคาแล้วแถมน้ำจิ้มเจ้าดังให้อีกขวดนึงเลยอ้าว” แม่ค้าต่อรองกลับบ้างครับ

“โอ๊ยยยย ถ้าพี่สาวลดค่าหอยให้ครึ่งราคา ผมขอหอย 2 โลเลยครับ” งานนี้ดิวครับ ครึ่งราคาไม่ใช่น้อยๆนะครับ หอยหวานโลละ 300 บาท เสร็จผมหละทีนี้

“จ้าๆ...เอ้าทั้งหมด 2,100 บาท พี่ลดให้อีก เอา 2,000 บาทถ้วยเลย” แม่ค้าใจปล้ำมากครับ

“โห...พี่สาวสวยแล้วยังใจดีอีกครับ ขอบคุณมาก” หวีดสิครับงานนี้ ประหยัดงบไปเยอะเลย

หลังจากนั้นพวกเราก็ตรงกลับบ้านพัก ผมล้างทำความสะอาดอาหารทะเล ต้องตัดคาวด้วยน้ำเกลือครับ ระหว่างนั้นพี่ภูมิก็ไปก่อไฟเตาย่าง มื้อนี้ง่ายๆเลยครับ ย่างพอสุก จิ้มน้ำจิ้ม แล้วส่งเข้าปากยาวๆ 55555

“อะนี้ครับ ผมแกะกุ้งให้” ผมส่งกุ้งที่แกะเปลือกเรียบร้อยลงในจานพี่ภูมิ ชายร่างสูงมองหน้าผมงงๆ ปกติผมไม่เคยได้เอาอกเอาใจพี่ภูมิแบบนี้หรอก เพราะส่วนมากพี่แกจะชิงเอาใจผมก่อน แต่วันนี้อารมณ์ดี สลับบทกันนิดนึงครับ

“ขอบใจ” หากแต่ร่างสูงเมื่อรับเอากุ้งไปจิ้มน้ำจิ้มแล้ว จับยัดเข้าปากผมแทน

“อ๊ะ…” ตกใจแต่ก็เคี้ยวแล้วกลืนลงไปครับ มีความเค็มปะแล่มๆ อ่อ สงสัยเค็มมือผมเนี่ยแหละ ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยก็มีแก้วน้ำป่าวส่งมาให้ เหมือนนกรู้นะ!

“เค็มใช่มั๊ย เธอยังไม่ได้ล้างมือ” ร่างสูงหัวเราะชอบใจ สรุปที่ป้อนให้ผมคือรู้ว่ากุ้งจะเค็มใช่ป่าวเนี่ย ผมสะบัดหน้าหนี แกล้งผมนิหว่าาาาาา

“ไปล้างมือซะ” ผมลุกขึ้นเดินไปล้างมือแต่โดยดีตามคำสั่ง แต่เมื่อกลับมากลับพบว่าในจานตัวเองมีกุ้งที่สุกแล้วนอนรอผมไปจัดการอยู่ 5 ตัว แถมแต่ละตัวก็นอนตัวเปลือยป่าวโชว์เนื้อสีขาวล่้อนจ้อน แหะๆ

“ขอบคุณครับ” ผมก้มลงไปหอมแก้มแทนคำขอบคุณ ให้รางวัลคนที่นั่งแกะกุ้งให้ และก็มั่นใจว่าคืนนี้ผมจะไม่ต้องลงมือแกะกุ้ง แกะหอย แกะปูอีกเลย ฮาาาาาาาา

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2019 08:54:22 โดย nethang »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 20 ผมมาเที่ยวทะเลเดย์ทรี

“วันนี้เธออยากไปไหน จะไปวัดอีกรึป่าว” เสียงเข้มๆถามขึ้นมาหลังจากที่พวกเรารับประทานอาหารเข้าแล้วเสร็จ ตอนนี้ผมกำลังนอนอืด ยืดเหยียดขาอย่างเกียจคร้านที่ห้องรับแขก

เมื่อคืนนอนหลับสบายมากเลยครับ หลับสนิทไม่มีอะไรมากวนใจ ไม่ห่อตัวไม่ซึมเปื้อน เช้าวันนี้เลยง่วงติดพัน อารมณ์อยากจะนอนมาเต็ม

“ผมขี้เกียจอะ นอนอยู่บ้านได้มั๊ยครับ” นานๆทีจะเห็นผมขี้เกียจนะเออ

“............แต่นี้วันสุดท้ายแล้วนะ เย็นนี้ต้องกลับแล้ว” น้ำเสียงเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่าง

เอ๊ะ! เรามาทะเลครบสามวันแล้วเหรอเนี่ย ว่าแต่เรามาทะเลจริงดิ คุ้นๆว่าเท้าผมยังไม่ได้เหยียบน้ำทะเลเลยนิหว่า ผมเด้งตัวลุกขึ้นทันที หันไปมองหน้าคนตัวสูงที่ยืนจังกาอยู่ เอ่อ ใช่ ต้องเที่ยวทะเลสิ

“แหะ แหะ...ผมอยากเล่นบานาน่าโบท อยากลองขี่เจ็ทสกี แล้วก็ส่องสาวใส่บิกินี่ครับ” ในเมื่อว่ายน้ำเป็นเราก็ไม่ต้องกลัวการทำกิจกรรมทางทะเลอีกต่อไป แถมนี้อาจเป็นการทดสอบสกิลการว่ายน้ำขั้นเทพของผมอีกด้วย

“ส่องสาวใส่บิกินี่?” เสียงเข้มกล่าวดุๆ ชะอุ๊ย ลืมตัว ไอ้ผมก็ผู้ชายทั้งแท่งนะครับ ย่อมต้องชอบดูของสวยๆงามๆอยู่แล้ว ก็แค่ดูเฉยๆ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน

“ผะ ผมหมายถึงนอนอาบแดดที่ชายหาดครับ” โธ่ ใครมันจะอาบแดดกัน แดดประเทศไทยร้อนจนต้องร้องขอชีวิตเลยนะ

*********************************************************************************************************

“ยะฮู้...ว๊าวววววว...พี่ภูมิ” ผมโบกไม้โบกมือให้ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนดูอยู่ที่ริมชายหาด ตอนนี้ผมกำลังนั่งบังคับบานาน่าโบ๊ทอยู่ด้านหน้าสุด ส่วนด้านหลังของผมเป็นเด็กชายอายุ 14 คนนึงชื่อน้องพีครับเป็นพี่ชายของเด็กแฝดชายหญิงอายุ 12 ที่นั่งถัดไป ปิดท้ายด้วยคุณพ่อวัยหนุ่มแน่นของทั้งสาม ที่มาคอยดูแลลูกๆ

เนื่องด้วยไอ้ผมมันตัวคนเดียว จะเล่นคนเดียวก็ไม่ได้ คนที่มาด้วยก็ไม่ยอมเล่น ผมเลยต้องมาขอแจมกับครอบครัวนี้ ถือว่าได้ทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าครับ

“เฮ้ยยยยย….” พี่คนขับเริ่มตีโค้งแล้วครับมันเป็นสัญญาณเตือนว่าพี่แกกำลังจะบังคับให้เรือกล้วยของเราล้มอีกครั้ง น้องพีที่อยู่ด้านหลังกระชับเอวผมไว้แน่นเลยครับ สงสัยกลัวตก แต่พี่อยากจะบอกว่าพี่ช่วยอะไรน้องไม่ได้หรอก ถ้าคนขับเค้าเหวี่ยงให้เรื้อคว่ำ ยังไงเราก็ตกทะเลอยู่ดีครับ กฏฟิสิกส์ง่ายๆเลยครับองศาโค้งแคบ แถมความเร็วยังเกินอีก ถ้าเป็นรถก็หลุดโค้งครับ แต่นี้เรือกล้วยก็เรือคว่ำสิครับ รอไร

หลังจากที่เรือคว่ำมาไม่ต่ำกว่า 3 รอบ ผมก็ยืนยันได้ว่า การเล่นบานาน่าโบ๊ทให้สนุก คือต้องคว่ำเรือเท่านั้นครับ เพราะจะสนุกมากตอนตกน้ำและตอนปีนกลับขึ้นเรือเนี่ยแหละ

หลังจากที่คว่ำไปเป็นรอบที่ 4 พี่คนขับก็พาเรากลับเข้าฝั่ง คาดว่าคงหมดเวลาที่เช่าไว้แล้วแหละครับ ผมเดินจูงมือน้องพีไปยังเปลชายหาดที่พี่ภูมินอนรอผมอยู่ โดยมีคุณพ่อวัยหนุ่มจูงมือลูกแฝดทั้งสองคนตามมาด้วย

“กลับมาแล้วครับพี่ภูมิ” ผมเอ่ยเรียกหลังจากที่เดินเข้าไปใกล้ คนถูกเรียกลุกขึ้นยืนแล้วชายตามายังมือที่ผมจับกับน้องพีอยู่ ส่งสายตาคมกริบประหนึงมืดโกนหนวด เอ่อ ใจเย็นๆครับนั่นเด็กครับ

“เอ้า เด็กๆ ขอบคุณคุณภูมิซะสิลูก” คุณพ่อบอกให้ลูกขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี ก่อนขอตัวกลับ

“ไหนหันหลังมาซิ” ชายหนุ่มร่างใหญ่กดตัวผมลงนั่งที่เตียงผ้าใบ ใช้น้ำสะอาดล้างตัวให้ จับหมุนซ้ายหมุนขวา ก่อนจะละเลงครีมกันแดดให้ทั่วแผ่นหลัง หน้าอก ลำคอยาวไปจนถึงแขนทั้งสองข้าง ก่อนยื่นเสื้อแขนกุดมาให้สวมทับ

“ไหม้แดดหมดแล้ว กลับไปต้องทาอาฟเตอร์ซันด้วยนะ” โอ๊ยยยย บ่นเป็นคนแก่เลยครับ มาทะเลไม่ดำก็ไม่ถึงทะเลสิครับ อย่าบอกนะว่าที่ไม่ไปเล่นเรือกล้วยกับผมนิคือกลัวดำหนะ

“ครับ คร้าบบบบบบบบ” ผมตอบแบบขอไปที แล้วดูดน้ำมะพร้าวจ๊วบๆ ใช้พลังงานที่มีไปเกือบหมดเลยครับ ต้องเติมพลังงานก่อน

“ผมทากันแดดให้พี่ภูมิมั้ง” ผมเดินอ้อมไปด้านหลังของพี่ภูมิ บีบครีมลงบนฝ่ามือ แล้วเริ่มลูบไล้ไปตามแผ่นหลังกว้าง ผิวที่เคยขาวผ่องแลดูคล้ำลงเนื่องด้วยแดดประเทศไทยเนี่ยแหละครับ ขนาดไม่ได้นอนแอบแดดตรงๆนะ ผมบีบครีมเพิ่มเข้าไปอีก โปะเข้าไป ลูบไล้เนื้อครีมบริเวณลำคอเรื่อยไปตามกล้ามเนื้อหลังส่วนบน ลูบลงมาตามแนวกล้ามเนื้อปีกด้านข้างจนจึงกล้ามเนื้อหลังส่วนล่าง จนถึงเอวสอบได้ลูบ เอี้ยมมือไปด้านหน้าพบกล้ามเนื้อหน้าท้อง 1 2 3 4 5 6 ก้อน คุณพระ!

“หึหึหึ พอแล้วมั้งก้อนแป้ง” เฮ้ยยย ผมเผลอลูบเพลินไปหน่อย เช็ดน้ำลายแปปนึงครับ

“แหะ แหะ...พี่ภูมิสอนผมขี่เจ็ทสกีหน่อยครับ” ต้องเปลี่ยนเรื่องแก้เขินครับ ว่าแล้วก็ดึงคนตัวสูงไปยังร้านเช่าเจ็ทสกี

พี่ภูมิสวมชูชีพให้ผม ก่อนสวมให้กับตัวเอง เราเลือกเจ็ทสกีแบบนั่ง ผมปืนขึ้นไปนั่งอยู่ก่อนแล้วคนร่างสูงก็ขึ้นนั่งซ้อนด้านหลัง พร้อมกับอธิบายวิธีการขับเจ็ทสกี

“ถ้าเธอขี่มอเตอร์ไซต์ได้ ก็น่าจะขี่เจ็ทสกีได้ เริ่มจากสตาร์ทเครื่อง แล้วบิดคันเร่งเพื่อออกตัว” ร่างสูงเอื้อมมือมาสาธิตให้ดู เจ็ทสกีค่อยๆขยับออกทะเล สายลมปะทะหน้าผมเบาๆ

“เจ็ทสกีไม่มีเบรก ดังนั้นต้องค่อยๆผ่อนความเร็วแทน...เข้าใจมั๊ย” ร่างสูงอธิบายต่อแล้วเปลี่ยนให้ผมเป็นคนบังคับแทน

“ครับ ครับ” ผมเริ่มบิดคันเร่ง เจ็ทสกีทะยานออกไปข้างหน้าด้วยความเร็ว เกิดแรงกระชากจนคนตัวสูงต้องสวมกอดผมเอาไว้

“ฮาาาาา สนุกจริงๆ” ผมหัวเราะชอบใจ ชอบความรู้สึกที่สายลมปะทะกับใบหน้า

“เข้าโค้งกว้างๆหน่อย เดี๋ยวคว่ำ” เสียงต่ำๆกระซิบอยู่ข้างหูครับ ลมหายใจรดต้นคอเลยทีเดียว ผมตัดสินใจผ่อนความเร็วลงเพื่อเพิ่มเวลาให้เราได้อยู่ใกล้กันมากขึ้น ขี่แบบชิวๆไปครับ สิริความเร็วเฉลี่ยน่าจะ 10 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เร็วกว่าเดินนิดนึง เหอๆ

สังเกตเห็นพนักงานยืนโบกมือไหวๆที่ชายหาด อ่อ หมดเวลาแล้วครับ แหะๆ การชะลอความเร็วไม่ได้ช่วยเพิ่มระยะเวลาแต่อย่างใด เพราะพวกผมเช่าไว้ชั่วโมงนึง 55555

เรากลับมานั่งนอนๆ ดูสาวๆสวมบิกินี่ที่เตียงผ้าใบที่เดิมครับ ขี่เจ็ทสกีไม่เหนื่อยเท่ากับเล่นบานาน่าโบ๊ท แต่ด้วยความที่ผมรู้สึกเหนื่อยสะสม ของีบหลับเอาแรงแปปนึงครับ ชักง่วงๆ หนังตาค่อยๆหลักลงสุดท้ายผมก็เข้าสู่นิทรา

*********************************************************************************************************

เสียงจอกแจกจอแจรอบๆด้านขัดจังหวะการนอนของผม ลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบสาวสวยสามคนกำลังยืนล้อมรอบพวกผมอยู่

วิ๊วววว วิวดีมากมาย สาวๆสวมบิกินี่ตัวจิ๊ว ผิวขาว ผมยาว หน้าอกหน้าใจก็ใหญ่บะเริ่ม เลือกไม่ถูกเลยทีเดียว สาวๆทั้งสามคนกำลังล้อมหน้าล้อมหลังชายหนุ่มร่างสูงที่มีท่าทีรำคาญอยู่หน่อยๆ ส่วนผมเป็นหัวหลักหัวครับ ไม่มีใครสนใจ

“อุ๊ย...น้องชายตื่นแล้วค่ะ” นางสาวเอ นามสมมติครับ สังเกตเห็นผมก่อนเป็นคนแรก ผมโปรยยิ้มให้ คิดว่าน่าจะเพิ่มความประทับใจได้อีก 20%++ แต่คิดผิดครับ เมื่อชายหนุ่มร่างใหญ่เห็นผมตื่นนอน กลับยิ้มให้ผมสว่างไสวแบบสร้างความประทับใจเพิ่มอีก 80%++

เฮ้ยยยยย อย่ายิ้ม แบบนี้สาวๆก็เมินผมหมดสิ

“เย็นนี้ไปไหนกันต่อคะ ไปเที่ยวกับพวกเราต่อมั๊ยคะ” นางสาวบี นามสมมติ คนที่ยืนอยู่ใกล้พี่ภูมิที่สุดเอ่ยปากชวนครับ ผมพยักหน้ารัวๆ ไปครับไป แต่ประเด็นคือเค้าไม่ไดชวนผม เค้าชวนพี่ภูมินู้นนนนนน

“เดี๋ยวพวกผมก็จะกลับแล้ว” ร่างสูงตอบพลางทำท่าจะลุกขึ้นยืน ส่วนผมก็คอตก จ๋อยเลยสิครับ อุตส่ามีสาวๆสวยๆมาชวนเที่ยวแต่ต้องกลับแล้วซะงั้น

“โธ่ น้องชายยังอยากเที่ยวต่ออยู่เลย อย่าเพิ่งรีบกลับสิคะ” ดีมากครับ หว่านล้อมเข้าไป อ้อนเยอะๆเดี๋ยวพี่ภูมิก็ใจอ่อน

ร่างสูงใหญ่เดินตรงเข้ามาหาผมที่กำลังยิ้มแหยงๆอยู่ ไอ้อยากเที่ยวต่อหนะไม่ค่อยอยากหรอกครับ แค่อยากไปต่อกับสาวๆ เสียดายสวยๆทั้งนั้น แต่พอเห็นสายตาไม่พอใจที่ฝ่ายชายร่างสูงจ้องมองมา ไอ้ผมนี่ขนลุกเลยครับ ปวดฉี่!

“ไม่ดีกว่า เราต้องการความเป็นส่วนตัว” ว่าแล้วร่างสูงก็เดินเข้ามาโอบเอวผม ดันให้ก้าวเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้ทันที

โธ่! อย่าโอบบบบบบ เดี๋ยวคะแนนนิยมตก

*********************************************************************************************************

กว่าเราจะออกเดินทางกลับฟ้าก็มืดแล้วครับ เพราะผมมัวแต่ร่ำลาไอ้กาแฟมัน ไม่รู้จะมีโอกาสมาเยี่ยมมันอีกเมื่อไหร่ ขากลับเราแวะกินข้าวกับซื้อของฝากที่เพลินวานครับ ผมรับปากไอ้มาร์คไว้ครับ ถ้าไม่มีของฝากให้มันคงบ่นไปอีกเป็นเดือนๆแน่

“อ้ามมมมมมม….” ผมพยายามป้อนลูกชิ้นทอดให้ชายร่างสูงที่ขับรถอยู่ครับ ถึงเราจะกินข้าวเย็นแล้วแต่ไม่อิ่มครับ เฮ้ยย ไม่ใช่ กินไปขับรถไปจะได้ไม่ง่วงครับ เอ๊ะ! มันใช่เหรอ

หลังจากที่ป้อนไปซักพัก ร่างสูงก็ส่ายหน้าปฏิเสธ ไอ้ผมรึก็เป็นพวกเสียดายของ เลยต้องจับยัดเข้าปากตัวเองแทน ทานไปทานมาหนังตาเริ่มหนักครับ ไม่ได้! คืนนี้ผมตั้งใจจะอยู่เป็นเพื่อนพี่ภูมิ ขับรถคนเดียวตอนกลางคืนมันอันตราย ไม่ได้ ต้องไม่นอน ไม่นอน นอน นอนนนนนนนนนนนน

ร่างสูงเหลือบมองไปยังด้านข้างคนขับ เมื่อเสียงเจื้อยแจ้วเริ่มเงียบหายไป ศีรษะของร่างเล็กเริ่มเอียงตกลง สักพักก็สัปหงก สักพักเจ้าตัวก็สะดุ้งตกใจ แล้วก็กลับไปสัปหงกอีก เห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ จึงตัดสินใจชะลอความเร็วรถลงเพื่อจอดเทียบข้างทาง จัดแจงปรับเบาะที่นั่งให้เอียงเหมาะแก่การนอนหลับ

“อ๊ะ...ผมไม่นอน” คนตัวเล็กสะดุ้งตกใจ พยายามจะลุกตื้นขึ้นมา แต่หากถูกคนตัวใหญ่กดไหล่เอาไว้   

“นอนหลับไปเถอะ...ไม่ต้องเป็นห่วง” ว่าแล้วก็โน้นตัวมาหอมหัวเหม่งๆไปทีนึง โอเคครับ นอนก็ได้ ฝันดีราตรีสวีสดิ์

แล้วรถยนต์ก็เคลื่อนที่ต่อ ส่วนผมหนะเหรอหลับไม่รู้เรื่อง ลืมตาอีกทีคงถึงบ้านแล้วแหละครับ แหะ แหะ





********************************************************************************************

ในที่สุดพี่ภูมิก็ได้เที่ยวทะเลสักที เฮอะๆ  :katai5:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 21 ผมนี้ MVP เลยครับ

เสียงตบมือดังขึ้นพร้อมกันเป็นจังหวะ 1 1 2 1 2 3 4 1 2 1 2 1 2 1 v v vio l l let violet violet สู้ๆ

“เฮ้...ชนะแล้วโว๊ยยยยยยย” เสียงเฮดังลั่นจากกองเชียร์ เสียงยินดีจากขอบสนาม สร้างรอยยิ้มให้กับนักกีฬาที่อยู่ในสนามทั้ง 11 คน

“วู้ววววว ทางนี้ๆ” ไอ้มาร์คโบกไม้โบกมือเชียร์ผมอยู่ข้างขอบสนามครับ ผมเป็นตัวแทนสีม่วงลงแข็งขันฟุตบอลระดับมัธยมปลาย วันนี้เป็นรอบก่อนชิงชนะเลิศ เราชนะรอบนี้ก็เข้ารอบไปแข็งรอบชิงกับสีเหลืองที่เข้ารอบไปรอก่อนแล้ว

ฮั่นแน่ งงหละสิ ขอตอนรับสู่ช่วงงานกีฬาสีกีฬาสัมพันธ์ครับ ในปีการศึกษาที่ 2 ทางโรงเรียนจัดกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ด้วยกีฬาสีภายในครับ โดยในงานกีฬาสี นักเรียนชั้นมอ 5 ถือเป็นพี่ใหญ่สุด เนื่องจากพี่ๆมอ 6 กำลังวุ่นวายเรื่องสอบเข้ามหาลัยครับ เลยไม่เข้าร่วมกิจกรรม ปีนี้กิจกรรมผมเลยหนักหน่อย ไหนจะต้องคุมน้อง ดูแลสแตนด์ ซ้อมกีฬาให้น้องๆ แถมยังเป็นนักกีฬาเองอีก บอกได้คำเดียวครับ เหนื่อย!

แต่ก็สนุกตามประสาวัยรุ่นมุ่งเรียนแหละครับ

“เฮ้ย...เดี๋ยวต้องไปที่สนามบาสต่อนะเว้ย” เสียงไอ้มาร์คตะโกนมา ผมรีบลาอาจารย์ที่เป็นผู้ตัดสินก่อนวิ่งตรงไปหาเพื่อนที่รอข้างสนาม

“นี้ครับ ผ้าเช็ดหน้า ส่วนนี้น้ำเกลือแร่” อากิยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ผม อย่าเรียกผ้าเช็ดหน้าเลยครับเรียกว่าเช็ดตัวเถอะ ถ้าจะผืนใหญ่ขนาดนี้ แล้วผมก็รับขวดแก้วบรรจุน้ำสีเหลืองมากระดกเอื้อกๆ

“เฮ้ยย อย่าดื่มเยอะเดี๋ยวจุก” ไอ้มาร์คเตือน มันไม่ได้เป็นห่วงอะไรผมหรอกครับ มันกลัวผมไปเป็นตัวถ่วงมัน

เราสามคนรีบเคลื่อนย้ายจากสนามฟุตบอลตรงไปที่โรงยิมซึ่งมีสนามบาสอยู่ด้านในทันที

“เดี๋ยวแข่งบาสเสร็จ กรมีแข่งเปตองต่อนะครับ”  อากิซึ่งทำหน้าที่ผู้จัดการส่วนตัวจำเป็นเอ่ยเตือนผม

เฮ้อออ อย่างที่บอกครับ เหนื่อย! ด้วยความที่ผมเป็นคนเรียนดีกีฬาเด่น เวลามีกิจกรรมแบบนี้ผมเลยต้องเดินสายแข่งกีฬาเยอะกว่าไตรกีฬาแน่นอนครับ นับๆที่เหลือเข้ารอบลึกๆ น่าจะสัก 6 อย่างได้ คนอะไรเกิดมาเก่งไปซะทุกอย่างจริงๆ

“เอาไว้ก่อน ตั้งใจแข่งบาสก่อนเว๊ย” ไอ้มาร์คโวยวายครับ ผมอยู่ทีมบาสกับมัน นิก็ดันเข้ารอบชิงชนะเลิศซะด้วย แถมสีที่ชิงกับเราดันเป็นสีแดงเจ้าของแชมป์ปีแล้ว ไอ้มาร์คมันจริงจังกับการแข่งนี้มากเลยครับ ถึงกับลากผมที่บังเอิญเล่นบาสเข้าขากับมันลงแข่งด้วย นั่นแหละครับ ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ แค่มองตาเราก็เข้าใจกัน กิ้ววววววว



“ปี๊ดดดด…สีแดงได้ลูกไปก่อนครับ จะทำคะแนนได้เลยรึป่าวต้องลุ้นกันต่อไป...โอ้ พลาดซะแล้วครับ ถูกตัดลูกไปโดยผู้เล่นสีม่วงเบอร์ 10 นั่นเอง...แล้วก็เย้ ชูตเข้าไปแล้วครับ ตอนนี้สีม่วงนำสีแดง 2-0” เสียงโฆษกบรรยายทำให้ผมที่ก้มหน้าก้มตาเหนื่อยอยู่พอจะรู้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามอยู่บ้าง

“ว้าววววว...มาร์คเก่งจังเลย” เสียงเล็กๆที่นั่งข้างๆผมเอ่ยชม อากิมาช่วยเป็นผู้จัดการให้ทีมบาสครับ คอยเสริฟน้ำเสริฟอาหาร จัดตารางซ้อม ดูแลนักกีฬา จะว่าไปแล้วก็เหมาะกับอากิดี

“เอ่อ เก่ง” ไอ้ผู้เล่นเบอร์ 10 นั่นคือไอ้มาร์ค แถมมันยังเป็นกัปตันทีมอีก ชมมันหน่อยก็ได้

“กรหายเหนื่อยรึยังครับ” อากิหันมาถามพร้อมยื่นยาดมมาให้ผมที่นั่งก้มหน้าดู

โธ่ เหนื่อยสิครับ ผมเพิ่งแข่งบอลเสร็จหมาดๆเลยนะ

การแข่งขันควอเตอร์แรกเริ่มขึ้นแล้ว แต่ผมขอนั่งพักก่อนสักสิบนาที ยังดีที่ไอ้เพื่อนเวรมันเห็นใจ ผมเลยได้มีเวลามานั่งเม้ากับอากิข้างสนาม

“วันนี้กรจะกลับบ้านพร้อมผมมั๊ยครับ” สัปดาห์นี้พี่ภูมิบินไปทำงานทึ่ญี่ปุ่นครับ วันไหนที่ผมไปนอนคอนโดเลยมักจะติดรถอากิกลับ

“ไม่อะ กูจะกลับไปนอนศูนย์” ตั้งแต่คบกับพี่ภูมิผมเริ่มนอนข้างนอกจนคุณแม่เริ่มบ่นแล้วครับ พวกน้องๆคงคิดถึงผมแย่ ช่วงนี้กลับไปนอนศูนย์ดีกว่า

“เฮ้ย… คุยกันอยู่นั่นแหละ เปลี่ยนตัวได้แล้วเฟ้ยยยยยย” เสียงไอ้มาร์คตะโกนอย่างหัวเสียมาจากในสนาม เอาว่ะ เล่นก็เล่น ยังไม่หายเหนื่อยเลย แมร่งงงงงงงงง




“ปี๊ดดดดดด...จบควอเตอร์ที่ 3 ไปแล้วครับ ตอนนี้คะแนนทั้งสองสียังทิ้งห่างกันไม่มาก สีแดงนำอยู่ 63-59 ยังลุ้นกันได้อยู่ครับ” โฆษกประกาสเสียงดังด้วยความตื่นเต้นครับ ด้วยความที่เป็นการแข่งรอบชิงเลยมีกองเชียร์เยอะเป็นพิเศษแถมยังมีคนดูจากสีอื่นที่ตกรอบไปแล้วมาร่วมเชียร์ด้วย บรรยากาศเลยยิ่งคึกคักครับ

“กูว่าควอเตอร์สุดท้ายเปลี่ยนแผนดีกว่าหวะ ไอ้กรแม่ง...เมิงไปเป็นพอยต์การ์ดเลย กูส่งลูกให้ตั้งหลายรอบเสือกชูตไม่ลง ไอ้โอ๊ตเมิงเล่นชูตติ้งการ์ดแทนไอ้กรมัน” ไอ้มาร์คหัวเสียใส่ผมครับ ผมได้แต่หัวเราะ แหะ แหะ โหสิเพื่อนกูก็เหนื่อยเป็นมั๊ย เมิงต้องไม่ลืมว่ากูเพิ่งแข่งฟุตบอลเสร็จเมื่อค่อนชั่วโมงก่อน

“ไอ้มืดเมิงตามประสบไอ้เบอร์ 3 ไว้เลยนะ แม่งวิ่งโคตรไว ถ้าเอาไม่ไหวจริงๆเมิงก็ยกเต่าให้มันดมแม่ง!” โหหห โหดสัด ผมว่าไอ้มาร์คมันต้องของขึ้นจริงๆไม่งั้นคงไม่สั่งให้เล่นนอกกติกาขนาดนี้!

“เอาเว๊ย ตามไม่กี่แต้มเอง สู้โว๊ย” กัปตันมาร์คให้กำลังกันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่กรรมการจะเรียกพวกเราลงสนามครับ

เหมือนว่าแผนของไอ้มาร์คมันจะได้ผลครับ เวลาผ่านไปสิบนาที ในที่สุดทีมเราก็ตามคะแนนฝั่งนู้นทัน แถมยังขึ้นนำอีกต่างหาก แม้ว่าจะนำแค่ 2 แต้มก็เถอะ แต่ประเด็นคือ ไอ้เบอร์ 3 เนี่ยแหละครับ เมิงจะมาประกบกูทำไม กูเป็นพอยด์การ์ดมั๊ย จ่ายบอลห่างๆอย่างห่วงๆเนี่ย เกาะติดกูเป็นเงาตามตัวเลย แม่ง...แรงกูก็จะหมดละกูไม่วิ่งหนีเมิงไปไหนหรอก สงสัยไอ้เบอร์ 3 จะแพ้ทางไอ้มืดจริงๆ ถึงขั้นย้ายตำแหน่งหนีเนี่ย ฮาาาาาาา แต่มันเก่งจริงครับผมนับถือ เป็นผมถ้าเจอฤทธิ์เดชกลิ่นเต่าไอ้มืดไปขนาดนั้น ไม่มีปัญญายืนอยู่ในสนามแล้วครับ ไอ้นี่มันยังทนยืนอยู่ได้ ข้าน้อยนับถือ สงสารก็แต่เพื่อนมันที่ต้องไปประกบไอ้มืดแทน ดูนั่นหน้าม่วงไปหมดแล้วครับ 555

“แม่ง จ่ายลูกสักทีสิวะ ดึงเกมส์อยู่ได้” ไอ้เบอร์ 3 ตะโกนบอกผม ไม่ได้ดึงเกมส์เฟ้ย กูแค่คิดอะไรเพลินๆ พอมันตะโกนจบก็วิ่งเข้ามาแย่งลุกกับผม แบร่ กุไม่ให้เมิงหรอก ถึงผมจะชูตไม่แม่นแต่ผมเลี้ยงลูกเก่งนะเออ ประสบการณ์ตรงจากการช่วยคุณแม่เลี้ยงน้องๆ ไม่ใช่ละ คนละเรื่องแล้ว -”-

ผมเลี้ยงลูกบอลหลบหลีกมัน ทั้งเลี้ยงต่ำ สลับมือเล่น ลอดหว่างขา มีท่ายากท่าไหนงัดออกมาใช้หมด สุดท้ายก็โดนมันแย่งบอลไปได้ครับ ห่วย!

“เอาแล้วไงครับ ทีมสีแดงทำคะแนนขึ้นนำได้ด้วยลูกชูต 3 แต้มจากพี่บิ๊กเบอร์ 3 นั่นเอง สีม่วงจะทำยังไงต่อไป ตอนนี้เวลาเหลืออีกแค่ 2 นาทีก็จะจบเกมส์แล้ว” โฆษกยังคงบรรยายอย่างเมามันแม้ว่าพวกผมจะไม่มันด้วยก็ตาม ยิ่งเหลือบไปเห็นไอ้มาร์คลากนิ้วโป้งปาดคอแล้วชี้มาที่ผม เฮือกกกกก กุกลัวแล้ว เอาเป็นว่า 2 นาทีที่เหลือผมจะตั้งใจเล่นครับ

“เฮ้ยยยย ถอยเว๊ย ถอย” เสียงไอ้มาร์คตะโกนไล่ลูกทีมให้รีบถอยกลับมาตั้งรับ พอดีตั้งใจบุกมากไปหน่อยครับกะรีบทำคะแนนกัน แต่ไม่ใช่แค่ชูตไม่ได้ยังโดนอีกฝ่ายแย่งลูกไป ตอนนี้กำลังบุกกลับ ไอ้พวกที่วิ่งขึ้นไปก็ถอยไม่ทันสิครับ

ชิบ- แล้วครับไอ้เบอร์ 3 เลี้ยงลูกมาทางนี้แล้วครับ ส่วนไอ้เพื่อนเวรวิ่งกลับลงมากันไม่ทัน หันซ้ายหันขวาทั้งแดนมีผมตั้งรับอยู่คนเดียว พ่องเมิงตาย ถ้าผมสู้มันผมคงตายดูขนาดตัวมันสิครับแถมวิ่งเข้าชาร์ตมาอย่างแรงอีก แต่ถ้าผมไม่สู้มันผมก็ตาย ไอ้มาร์คเอาผมตายแน่ เอาวะ

เก็บคองอเข่าเตรียมตั้งรับครับ แล้วก็เป็นอย่างที่ผมเดา ไอ้เบอร์ 3 กระแทกผมอย่างแรงจนผมล้มเลยครับดีที่เอามือยันพื้นทัน ไม่งั้นก้นกบกระแทกแน่นอน

“ปี๊ดดดดด” กรรมการเป่าฟาลว์ทันที อ่าฮะ สมน้ำหน้า ฝ่ายนั้นฟาลว์ครบ 5 ครั้งพอดี ทีมผมได้ชูตลูกโทษ 2 ลูก เสร็จโจร งานนี้ผมชูตเองขอแก้มือหน่อย

“ปี๊ดดดดด...ผุบ” ทันทีที่กรรมการเป่านกหวีดลูกบาสในมือผมก็ลอยเข้าห่วงอย่างสวยงาม กองเชียร์เฮลั่นสนาม ไม่เฮได้ไง ก็ตอนนี้คะแนนตีเสมอเท่ากันแล้ว แถมเหลือเวลาเล่นอีกไม่ถึงนาที

“สู้ๆครับกร” อากิตะโกนเชียร์มาจากข้างสนาม หน้าแดงด้วยความตื่นเต้น ถ้าผมชูตลูกที่ 2 ลงคะแนนเราจะขึ้นนำทันทีครับ

“ถ้าเมิงทำเสียแต้มนี้ เมิงเจอดีแน่” ส่วนไอ้มาร์คก็ตะโกนขู่ผมข้างๆ จ่ะไอ้เพื่อนบังเกิดเกล้า

“ปี๊ดดดดด...แคร้งงงง...ผุบ” โหสิครับ ลูกบาสกระทบแป้นก่อนหมุนวนรอบๆห่วงหลายรอบ ลุ้นจนต้องลอบกลืนน้ำลาย แหะ แหะ ผมชูตเบี้ยวไปหน่อยมันแปรบๆที่ข้อมืออะ แต่ขอแสดงความเสียใจกับสีแดงด้วยนะครับ แม้ว่าจะหมุนอยู่หลายรอบแต่สุดท้ายก็ลวห่วงอยู่ดีครับ

โปรดเรียกผมว่าเทพกร!

เสียงเฮฝั่งสีม่วงดังลั่นขึ้นมา ก็แน่สิครับคะแนนเราขึ้นนำแล้วนี่

แต่เวลาการแบ่งขันยังไม่หมดครับ แค่เกือบๆเท่านั้น อีกฝ่ายจึงรีบจ่ายลูกหวังบุกทำคะแนนตีตื้น แล้วเทพกรก็โชว์เหนือตัดลูกมาได้ ผมค่อยๆเลี้ยงลูกหลบไปหลบมา ทำแบบที่ไอ้เบอร์ 3 มันกล่าวหาผมก่อนหน้านี้แหละครับ ‘ถ่วงเวลา’ กร๊ากกกกกก ยิ่งเหลือบไปมองตัวเลขนับถอยหลังบนกระดานเหลืออีก 10 วิ เอาวะ! ไม่มีอะไรจะเสีย ชูต 3 แต้มแม่ง

“ผุบ...ปี๊ดดดดดดดดดดดดดด” เสียงนกหวีดเป่าหมดเวลา อุ๊ต๊ะ! เสือกลง

“เฮ้………” กองเชียร์ข้างสนามส่งเสียงยินดี ในที่สุดเราก็ล้มแชมป์เก่าลงได้แล้วครับ

“โหหหหหห ลุ้นกันจนปวดตับเลยครับ 3 แต้มสุดท้ายจากหมายเลข 8 ไอ้พี่กรนั่นเอง ผมว่าโคตรฟลุ๊กเลยครับ ครึ่งเกมส์แรกเห็นชูตพลาดตลอด ไม่รู้พี่แกไปโดปอะไรมาควอเตอร์สุดท้ายชูตลงห่วงอย่างกับจับยัด” ไอ้โฆษก จะด่าหรือจะชมเลือกเอาสักอย่างครับ แล้วให้เกียรติผมด้วยผมรุ่นพี่คุณนะเออ ผมหันไปยกนิ้วให้ไอ้น้องสองคนที่นั่งพากย์อยู่ข้างสนาม ยกนิ้วก้อยนะครับ เหอ เหอ

“เป็นอันว่าเราได้ผู้ชนะเลิศแล้วนะครับ ยืนดีกับสีม่วงด้วยครับ ชนะสีแดงไปด้วยคะแนน 67-63 เป็นไงครับนัดชิงสูสีคู่คี่ แข่งกันดุเดือดจริงๆ แต่อย่างไรก็ตามเล่นกีฬาเพื่อความสามัคคีนะครับ รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัย เอ้า!จับมือกันได้เย้” โหหหห น้องมันกล่าวอย่างกับเป็นประธานในพิธี

อากิวิ่งมากอดแสดงความยินดีกับไอ้มาร์คถึงกลางสนาม อีกฝ่ายกอดตอบไม่พอยังแถมหอมแก้มอากิไปอีกฟ้อดใหญ่ แหมมมมม เก็บอาการกันหน่อยก็ได้ครับ ต้องดีใจกันเบอร์นี้มั๊ยเนี่ย

“เฮ้ยยยยย ไอ้กร ไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว ไปแข่งเปตองต่อ” ไอ้เป็ดตะโกนเรียกผมมาจากข้างสนาม โหสิเพื่อน กูเพิ่งแข่งขาสเสร็จยังไม่ได้นั่งเลย

“ให้กูพักหายใจก่อนไม่ได้หรือไงวะ” ผมบ่นขณะที่เดินไปถึงไอ้เป็ด

“เดี๋ยวก็ได้พักเมิงโยนเปตองก็เหมือนได้พักนั่นแหละ แต่เมิงต้องไปลงทะเบียนก่อน เดี๋ยวจารย์ติดสิทธิ์” ไอ้เป็ดลากผมเดินออกไปจากสนามบาสทันที

เฮ้ยยยยยย ไอ้สองคนที่กอดกันนั่น สนใจกูหน่อย มาแสดงความยินดีกะกูนิดนึง เกมส์นี้กูเป็น MVP เลยนะเฟ้ย เฮ้ยยยยยยยยยยยย

เฮ้ยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :3123: :L2: :L1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 22 ผมเจ็บจังเลยยยยย 

เฮ้ออออออออออออ

ผมนั่งถอนหายใจยาวอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่ในห้องรับยา

“ แล้วเย็นนี้เอายังไงครับกร กลับไปนอนกับผมดีกว่า” อากิที่นั่งข้างๆถามขึ้น

” คงต้องอย่างนั้นแหละ กลับศูนย์ไปก็ลำบากคุณแม่เปล่าๆ” เฮ้ออออ ผมหละเซ็ง ทำตัวเองแท้ๆ

“เอ่อ...แต่ว่ากรไม่ต้องมานอนห้องผมหรอกนะครับ” อากิพยายามบอกอะไรสักอย่าง

“เฮ้ยได้ไง แล้วใครจะช่วยกูอาบน้ำ เปลียนชุดหละ” คือผมหวังพึ่งเพื่อนๆเต็มที่เลยนะครับ ตัวเหม็นขนาดนี้ยังไงคืนนี้ก็ต้องอาบน้ำ!

“ก็คุณอาไงครับ” เฮ้ย อาคนไหน ถ้าคนที่เป็นแฟนผม ไปทำงานที่ญี่ปุ่นไม่ใช่รึ

“คือ ผมโทรไปบอกคุณอาว่ากรบาดเจ็บครับ คุณอากำลังเดินทางกลับ” อากิสารภาพ

“เฮ้ย! บอกทามมายยยยยยยยยยยยย” ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อยแค่กระดูกร้าวอะ ทำเป็นเรื่องใหญ่ไปได้

“แหะ แหะ ยังไงกรก็กลับไปรอที่ห้องก่อนเถอะครับ” อากิดันหลังผมเดินไปขึ้นรถที่รอรับอยู่

เป็นเรื่องแล้วไง!

*********************************************************************************************************

ย้อนไปเมื่อชั่วโมงก่อน

“อ่าว! นักเรียนส่งเสียงเชียร์เพื่อนหน่อย อย่านั่งเงียบแบบนั้น” เสียงอาจารย์ปี๊ดกล่าวเนิบๆ โหอาจารย์ จะให้เชียร์อะไร เปตองมันเป็นกีฬาที่ใช้สมาธิป่าว ไม่ใช่ตีมวยนะเออ แถมอากาศยังร้อนขนาดนี้ใครมันจะมีกระจิตกระใจเชียร์ ขนาดเสียงอาจารย์ยังง่วงเลย

“ไอ้กร ถึงตาเมิงแล้วเว๊ย” ไอ้เป็ดส่งเสียงปลุกผมที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่ข้างสนาม ผมกำลังพักผ่อนแบบที่มันเคยพูดก่อนหน้านี้ไง 55555

เราแข่งเป็นทีม 3 คนครับ คนละ 2 ลูก เล่น 13 แต้ม แข่งแปบๆก็จบเกมส์แล้ว แล้วผมก็จะเป็นไท ผมจะหลับยาวๆให้หายเหนื่อยเลย

“เอ่อๆ” ผมกล่าวตัดรำคาญ แล้วออกไปโยนลูกเหล็กเมื่อถึงเทรินของตัวเอง

‘แป๊ก’ เสียงลูกเหล็กสองลูกกระทบกัน ผมโยนลูกเปตองไปดีดลูกเหล็กเดิมที่อยู่ใกล้ลูกเป้า แม่นจริงๆ

“เชียร์กร” เสียงสบดดังมาจากด้านหลังครับ

อ่อ ไอ้ลูกที่โดนดีดไปเป็นลูกของทีมผมนี่เอง ฮาาาา

ออกตัวไว้ก่อนครับที่ผมมาแข่งเปตองนี่ไม่ใช่เพราะผมเก่งอะไรหรอก แต่ไม่มีใครเล่นเป็นเลยไง ผมก็มาช่วยๆเล่นให้มันครบคน ส่วนไอ้เกมที่แข่งอยู่นี้ก็แข่งชิงที่ 3 ดังนั้นก็เล่นชิวๆไปครับ

“เอ่อน่า...ยังเหลืออีกลูกนึง” ผมแก้ตัวเบา แล้วยกลูกเหล็กขึ้นเตรียมโยนอีกครั้ง ‘แป๊บบบบบ’ เสียวว๊าบขึ้นมาถึงข้อมือเลยครับ โอ๊ยเจ็บ ไม่รู้ว่าโยนผิดท่าหรือว่าลูกเปตองมันหนักเกินไป ทุกครั้งที่ยกข้อมือขึ้นมาผมจะปวดแป๊บๆที่ข้อมือ แรกๆยังไม่ปวดมากแต่พอผ่านมาครึ่งเกมส์ โอ๊ยยยยยย ปวดแสรดดดด เปลี่ยนไปเล่นมือซ้ายดีมั๊ยวะ

“ปึก” เสียงลูกเหล็กตกกระทบพื้นดิน แล้วก็นอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้นเลย ไม่ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ก็ไอ้ลูกเหล็กมันถูกโยนออกไปห่างแค่เพียง 1 เมตรเท่านั้น

“เชียร์” เสียงไอ้เป็ดตะโกนเชียร์ เอ้ย ตะโกนด่ามาจากด้านหลัง ชิบ-แล้วครับ แรงหมดยกมือไม่ขึ้น

“โทษหวะเพื่อน กูปวดข้อมือเนี่ย ไม่มีแรงเลย” ว่าแล้วก็ใช้มืออีกข้างชี้ที่ข้อมือขวาซึ่งห้อยอยู่ข้างลำตัว ไม่อยากขยับเลยครับมันปวด

“เชียร์กร ข้อมือเมิงบวมเป่งเลย” เสียงไอ้เป็ดร้องตกใจเมื่อมองมาที่ข้อมือผม หือ อะไรบวม

ผมก้มมองดูข้อมือตัวเอง สัดทั้งบวมทั้งแดง แถมจิ้มโดนก็เจ็บ คุณพระ! ลูกเปตองมันหนักไปจริงๆด้วย

“กูว่าละว่าท่าโบนเมิงแปลกๆ เจ็บมือทำไมไม่รีบบอกวะ” ไอ้เป็ดบ่น แล้วลากผมไปที่ซุ้มพยาบาลทันที

“เฮ้ย เดี๋ยวเมิงจะพากุไปไหนยังแข่งไม่จบนะเฟ้ย” ผมยื้อมันไว้ก่อนหันไปมองสมาชิกคนสุดท้ายในทีมที่ยังโยนลูกเปตองต่อ

“แปปเดียวให้พี่พยาบาลดูข้อมือเมิงก่อน ถึงตาฝ่ายนู้นโยนพอดีแหละ” ไอ้เป็ดบอกเมื่อลากผมมาถึงซุ้มพยาบาลพอดี

พี่พยาบาลจับข้อมือผมขึ้นมา แล้วจิ้มๆไปตรงที่ปูดบวม

“โอ๊ย เจ็บครับอย่าจิ้ม” ผมชักมือกลับ แล้วปล่อยมันห้อยข้างตัวเหมือนเดิม

“พี่ไม่แน่ใจว่าแค่ข้อซ้น หรือกระดูกร้าวนะน้อง พี่ว่าไปโรงพยาบาลดีกว่า” พี่พยาบาลโทรเรียกรถพยาบาลมารับผม เฮ้ย! ต้องเล่นใหญ่เบอร์นั้นเลยเหรอ เจ็บที่ข้อมือครับส่วนขายังใช้งานได้ดี

“เอางี้ เดี๋ยวกูโทรเรียกพวกอากิให้ไปเป็นเพื่อนเมิง กูจะกลับไปจัดการเรื่องเปตองต่อ” ไอ้เป็ดผลักผมเข้าไปในรถพยายาลจัดแจ้งให้เสร็จสับ เฮ้ย กูคนเจ็บนะเฟ้ย เมิงจะทำรุนแรงกับกูไม่ได้

“เอ่อๆ เมิงไปแข่งต่อให้จบๆ” ผมรับคำส่งๆ ถือโอกาสที่อยู่บนรถเนี่ยแหละ ในที่สุดผมก็จะได้นอนสักที

*********************************************************************************************************

แล้วก็อย่างที่เห็นแหละครับ ผมต้องเข้าเฝือก 4 สัปดาห์ ต้นเหตุน่าจะมาจากที่ผมล้มกระแทกตอนไอ้เบอร์ 3 วิ่งมาขาร์จผมชัวร์ แถมยังไม่เจียมสังขาร เสือกไปโยนเปตองต่ออีก -”-

ผมกำลังนอนสะลึมสะลือ เอนหลังพิงโซฟาอยู่ครับ โดนฤทธิ์ยาแก้อักเสปกับยาแก้ปวดเข้าไป ตอนนี้หนังตาหนักมาก อากิมาส่งผมที่ห้องพี่ภูมิ หาข้าวหาน้ำให้กินก่อนส่งยาให้ อยู่เป็นเพื่อนสักพักพอไอ้มาร์คตามมาสมทบทั้งสองคนก็จากไป เดี๋ยว! พวกเมิงเป็นเพื่อนกูนะ เมิงจะทิ้งกูไว้อย่างนี้จริงดิ

ผมนายปกรณ์ผู้ถูกทิ้ง ได้นอนอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายบนโซฟาหรู ท่ามกลางห้องอันกว้างใหญ่ มองไปรอบๆไม่พบเจอถูกใด โลกใบนี้ช่างโหดร้าย เริ่มเข้าใจความรู้สึกพวกลูกคนรวยที่พ่อแม่ไม่มีเวลาให้แล้ว หรือผมโบกรถกลับศูนย์ดีกว่ามั๊ย กลับไปซบอกคุณแม่ ให้คุณแม่ปลอบใจ ฮาาาาาา

แต่ผมของีบก่อน ตอนนี้ง่วงไม่ไหวละ คร๊อกกกกกก ฟี้


“แป้ง...ก้อนแป้ง…” ใบหน้าของผมสัมผัสได้ถึงการลูบไล้เบาๆ เสียงเรียกที่กระซิบอยู่ใกล้ๆ ทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้นมา แม้จะยังเบลอเนื่องจากฤทธิ์ยาแก้อักเสบก็เถอะ เลยได้ยินพี่ภูมิเรียกก้อนแป้งอีกแล้ว เรียกใครวะ หรือมีกิ๊ก ได้ข่าวว่าแฟนพี่ชื่อกรนะครับ ปกรณ์ กิจการุณ ครับ

“พะ พี่ภูมิ” เมื่อผมลืมตาขึ้นมาก็เห็นพี่ภูมิที่คุ้นหน้าแม้ไม่ค่อยคุ้นตาก็ตาม สภาพพี่ภูมิที่สวมเสื้อเชิร์ตยับย่น ถลกแขนเสื้อพับขึ้นมาถึงข้อศอก เนคไทถูกดึงจนหย่อนแต่ยังคงห้อยอยู่บนคอ ทำไมไม่ถอดออกไปเลยหว่า ผมก็ยุ่งเหยิงชี้เป็นหางเป็ด ไม่ใช่สภาพพี่ภูมิยามปกติแน่นอนครับ

“พี่ภูมิไปสนามรบมาเหรอครับ...อุ้ยยย” นิก็เวอร์ไป แค่นั่งเครื่องกลับมาหาผม 5 ชั่วโมงแค่นี้ สภาพขนาดนี้เลยรึ ผมหัวเราะติดตลกเผลอยกมือขึ้นมาปิดปากแล้วก็คิดได้ว่าเข้าเฝือกอยู่เมื่อมีความเจ็บจี๊ดมาเยือน แถมไม่ใช่ยกมือปิดปากกลายเป็นยกเฝือกฟ้าดปากตัวเองแทนอีก

“เจ็บมั๊ย” เมื่ออีกฝ่ายเห็นสีหน้าเหยเกของผมก็รีบประคองผมขึ้นนั่ง ถามเสียงดัง

เจ็บสิครับ ถ้าไม่เจ็บจะร้องทำไม ถามมาได้! เจ็บแล้วพาลครับ ทำไมก่อนจะงีบหลับยังไม่เห็นเจ็บตรงไหนเลย แค่ตึงๆ ไหนพอหลับไปแปปเดียวตื่นมาดันรู้สึกเจ็บซะงั้น สงสัยเป็นโรคสำออยครับขั้นรุนแรงซะด้วย

“โอ๊ยยยยยยย จะ เจ็บครับ” ร้องลั่นเลยครับ ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บขนาดนี้มาก่อนเลย

“ไหน เจ็บตรงไหน” ฝ่ายร่างสูงยิ่งได้ยินคนตัวเล็กกว่าร้องเจ็บลั่นยิ่งหน้าเสีย หรือจะเจ็บหนักกว่าเดิมตอนที่พยุงขึ้นนั่ง มือไม้สั่นไปหมดไม่กล้าแตะกลัวอีกฝ่ายเจ็บ

“ข้างหลัง ด้านขวาครับ” ร่างเล็กใช้มือข้างที่ไม่เจ็บชี้ข้ามไหล่ด้านขวาไปข้างหลัง ร่างสูงใหญ่รีบชะโงกตัวตามไปหาจุดที่อีกคนชี้ให้ดู

“อากิบอกเจ็บข้อมือแล้วทำไมมาเจ็บหลังได้ เกี่ยวกับเส้นประสาทรึป่าว” ร่างใหญ่บ่นพลางลูบๆคลำๆหาส่วนที่เจ็บ ส่วนร่างเล็กก็ดิ้นไปดิ้นมา โธ่ มันจั๊กกะจี้ครับ

“เจ็บตรงไหนกันแน่เนี่ย” ร่างสูงยังหาจุดที่เจ็บต่อไป จะจับแรงก็ไม่กล้ากลัวคนตัวเล็กกว่าเจ็บ

“จ๊วฟฟฟฟ ตรงนี้ไงครับ” แล้วก็โดนคนตัวเล็กฉวยโอกาสหอมแก้มไปฟ้อดใหญ่ตามระเบียบ

การกระทำทั้งหมดหยุดชะงักลง แล้วหันหน้ามาเผชิญหน้าคนตัวเล็กทันที ดวงตาเบิกกว้างกลายเป็นเกมจ้องตากันไปซะงั้น สุดท้ายคนก่อเรื่องอดทนไม่ไหวได้แต่หัวเราะแหะๆ แล้วชี้ไปที่ข้อมือด้านขวาที่เข้าเฝือกอยู่ให้ดูพร้อมอธิบาย

“กระดูกข้อมือขวาร้าวเฉยๆครับ...จุ๊ฟ” กล่าวจบก็รีบจุ๊ฟปากคนตัวใหญ่ที่ยังนั่งนิ่งอยู่ไปเร็วๆแรงๆทีนึง

หลังจากต้องเผชิญความเงียบจากร่างสูงแล้ว สุดท้ายเลยได้แต่หลบตาไม่กล้าพูดอะไรต่อ โธ่! สงสัยจะโกรธจริงไม่น่าล้อเล่นเลย

“อ๊ะ พะ…….อื้อ” แล้วใบหน้าที่ก้มสำนึกผิดอยู่ของผมก็ถูกร่างสูงกว่ากระชากเข้าหา พร้อมกับบดเบียดริมฝีปากเข้ากระทบกัน ส่งลิ้นแกร่งเข้าไปควานหาความหอมหวานอย่างรุกราน จนคนที่ดิ้นอยู่ในอ้อมกอดเริ่มอ่อนแรงลง ผมพยายามจะตอบรับแต่ก็ไม่มีแรง สุดท้ายจึงปล่อยให้คนตัวใหญ่กว่าเป็นผู้นำพา สองมือเล็กที่ตกอยู่ข้างตัวยกขึ้นมาเพื่อโอบรัดฉุดรั้งร่างสูงกว่าเอาไว้

“อื้อ...โอ๊ย” แล้วความเจ็บปวดก็ผาโถมเมื่อเผลอพลิกข้อมือข้างขวาผิดท่าไป

การกระทำของทั้งสองคนหยุดชะงัก คนตัวเล็กน้ำตาเล็ดออกจากหางตาทั้งสองข้าง ใช้มือซ้ายช่วยพยุงแขนด้านขวาที่เข้าเฝือกเอาไว้กลับเข้าที่ แล้วนั่งแหมะลงบนโซฟา

“เจ็บจริง?” แต่ไม่วายที่ร่างสูงกว่ายังทำหน้างงๆ หลังจากที่โดนหยอกไปเมื่อครู่ก็ทำใจเชื่อคนเจ้าเล่ห์ตรงหน้าไม่ค่อยได้

“เจ็บจริงสิครับ กระดูกร้าวนะพี่ภูมิ ไม่ใช่เล็บขบ” ผมโวยวายสิครับ นั่งเบือนหน้าหนีพร้อมทำแก้มป่องโดยไม่สนใจสารูปตัวเองว่าเหมาะกับการกระทำนี้บ้างรึป่าว

ส่วนไอ้พี่ภูมิเมื่อเห็นผมงอนแก้มป่องกลับหัวเราะ

“ดี สมน้ำหน้า” ไม่ว่าป่าวยังเอานิ้วมาจิ้มๆตรงที่เข้าเฝือกอยู่ โอ๊ยยยยยยย มันไม่เจ็บหรอกครับจิ้มไม่โดนข้อมือผมโดยตรง แต่มันกระเทือนแขนไง ปั๊ด!

“ทำอะไรหนะ ผมคนเจ็บนะ อย่าแกล้งกันสิ” ผมโวยวายสีหน้าจริงจัง มองตาขวางเลย

“นั่นงอนอยู่เหรอ เฮ้ออออ มาดูข้อมือหน่อย” เมื่อคนตัวโตนั่งลงข้างๆผมพร้อมจับมือข้างที่เจ็บไปดูใกล้ๆ  จงใจเป่าลมหายใจรดปลายนิ้วที่โผล่พ้นเฝือกเบาๆ

เฮ้ออออ หายงอนก็ได้

“ไปทำอิท่าไหนหละ” ร่างสูงถามขณะลูบท้องแขนผมเบาๆจนผมเคลิ้ม สบายดีครับรู้สึกเสียวๆเย็นๆ

“ก็ท่านั่งอะครับ” ร่างสูงขมวดคิ้วกับคำตอบของผม แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ ท่านั่งจริงๆจะงงทำไม นั่งกระแทกก้นเจ้าเบ้าด้วยอ๊ะ ผมจ้องมองตาอีกฝ่ายตาแป๋ว มองลึกเข้าไปในดวงตาที่จริงจัง เงียบจนอีกฝ่ายถอนหายใจ แล้วทำม่าจะอุ้มผนขึ้น

“เฮ้ย...จะพาไปไหนครับ” ผมตกใจรีบถาม

“ดึกแล้วไปนอนได้แล้ว” ร่างสูงตัดบท เฮ้ยยยยย แต่ผมเพิ่งตื่นนะ ยังไม่อยากนอน

“เดี๋ยววววว ยังไม่นอนได้มั๊ยครับ ผมอยากอาบน้ำ แหะๆ” ผมพยายามต่อรอง แต่ร่างสูงกลับไม่สนใจฟัง เมื่อถึงห้องก็วางผมลงบนเตียง

“นอนรอนิ่งๆ เดี๋ยวชั้นจะเช็ดตัวให้” ว๊ายยยย มีเช็ดตงเช็ดตัว /////////////////////

“เอ่อ...อาบน้ำปกติก็ได้มั้งครับ ตัวผมเหม็นมากเลยอะ” ผมพยายามต่อรอง นิเหงื่อผมออกมาทั้งวันเลยนะ เห็นผมดูซกมกแต่ผมเป็นเด็กอนามัยนะเออ

“ไม่ได้คืนนี้แผลน่าจะอักเสบ กันไว้ก่อนดีกว่า…” ร่างสูงยังยืนยันที่จะเช็ดตัวให้ตามเดิม

โอ๊ยยยยยยย ทำอะไรไม่ถามความสมัครใจผมเล๊ยยยยยยยย //////////////////////////////

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
 :katai5: :katai5: :katai5:

********************************************************************************************

บทที่ 23 ผมก็ฝันแบบนี้บ่อยๆนา

“แฮกกกก  แฮก แฮก….ระ ร้อนนนนนน” ผมนอนกระสับกระส่าย พลิกตัวไปมา แขนขาปัดป่าย แม่ว่าแขนข้างนึงจะวางไว้แน่นิ่งเพราะรู้สึกเจ็บ แต่แขนอีก 1 ข้าง กับ 2 ขาที่เหลือ ปัดไปรอบทิศ

“ชะ...ช่วยด้วย ช่วยด้วย” ปากยังคงเพ้อออกมา เหงื่อไหลท่วมตัว จนสุดท้ายชายหนุ่มที่นอนด้่านข้างสะดุ้งตื่นขึ้น

“ก้อนแป้ง...ตัวร้อนมากเลย สงสัยไข้ขึ้น” ชายหนุ่มใช้ฝ่ามือวัดไข้ ก่อนขมวดคิ้วแน่น คืนนี้เป็นคืนแรกหลังจากที่เจ้าตัวเล็กข้อมือร้าว เค้าก็เดาเอาไว้แล้วว่าน่าจะมีไข้ นี้ขนาดให้กินยาแก้ไข้ดักไม่ก่อนแล้วนะ ยังเอาไม่อยู่

สองมือแกร่งบิดผ้าขนหนูหมาดๆ แล้วบรรจงเช็ดตัวให้อีกรอบ แล้วพยายามปลุกคนตัวเล็กให้ตื่นขึ้นมาทานยา

“ก้อนแป้ง...ตื่น กินยาสักหน่อย” เสียงทุ้มกระซิบพร้อมเขย่าตัวเบาๆ แต่ร่างเล็กกลับไม่ยอมตื่น แถมยังปัดป่ายไปมาอีก

“ชะ ช่วยด้วย ช่วยผมด้วย….คุณพ่อ...คุณแม่...พะ...พี่ภูมิ” เสียงละเมอยังคงดังมาเป็นรอบๆ ยิ่งทำให้ร่างสูงตระหนก ทำไมไข้ถึงขึ้นสูงขนาดนี้นะ แล้วยังละเมอแปลกๆอีก

“ก้อนแป้ง ตื่น...กร กร...ตื่น…….ชริ” หลังจากที่ร่างสูงพยายามปลุกแต่ไม่เป็นผลสุดท้ายจึงตัดสินใจป้อนยาให้ร่างบางรูปแบบใหม่ แบบเม้าทูเม้าใช้ปากประกบแล้วบังคับให้กลืนยาลงไป ร่างเล็กเริ่มหยุดดิ้น สุดท้ายเริ่มเคลิ้มแถมยังมีการจูบตอบอีก

“เฮือกกก….” แล้วก็สะดุ้งตื่น เอ่อ...ชอบให้ปลุกแบบนี้นี่เอง

“พะ...พี่ภูมิ” ร่างเล็กที่เพิ่งสะดุ้งตื่น โผเข้ากอดร่างสูงที่ประคองตัวเองอยู่แล้วกล่าวอย่างหวาดผวา

“ผะ...ผม ฝันร้ายอะ…...แบบร้อนมากเลย มองไปทางไหนก็มีแต่ควัน” ร่างเล็กยังคงตัวสั่น จดจำความรู้สึกหวาดกลัวได้อย่างไม่มีวันลืม

นั่นสิ ไม่น่าจะลืม แต่เหมือนว่าจะลืมอะไรบางอย่างไป

“ควันเหรอ” ร่างสูงใหญ่ได้ฟังก็ยิ่งรู้สึกสงสัย

“ใช่ ควัน เหมือนควันไฟ ผมอยู่ในห้อง มันมืดมาก เหม็น ผมหายใจไม่ออก…” แล้วร่างเล็กกว่าก็เกร็งไปทั้งตัว คล้ายกับว่ากำลังหายใจไม่ออกจริงๆ

ร่างสูงใหญ่ตกใจ รีบเขย่าร่างในอ้อมกอดทันที

“ฝัน...มันเป็นแค่ความฝันนะกร...หายใจลึกๆ...นั่นแหละ หายใจเข้า หายใจออก...เข้า...ออก...” หากหายใจแทนได้เค้าคงช่วยหายใจแทนไปแล้ว แต่นี้ทำได้เพียงปลอบประโลม คนตัวเล็กที่สติกำลังกระเจิดกระเจิง จนกระทั่งผมหายใจของคนในอ้อมกอดเริ่มสม่ำเสมอ

“พะ...พี่ภูมิ” เมื่อสติมา ปัญหาเริ่มเกิด ร่างเล็กๆเริ่มดิ้นขยุกขยิกในอ้อมกอดแกร่ง พยายามใช้แขนข้างที่ไม่ได้เข้าเฝือกผลักอ้อมออกออกห่าง ร้อนไงครับ ไม่มีอะไรมากหรอก เหงื่อโชกขนาดนี้

“ดีขึ้นแล้วเหรอ” ชายหนุ่มถามมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง

“ครับ…ไม่เป็นอะไรแล้ว” ร่างเล็กกว่าที่รวบรวมสติได้กล่าวขึ้นมาตอบก่อนจ้องเข้าไปในดวงตาอีกฝ่าย ความจริงเรื่องฝันร้ายแบบนี้ผมฝันเห็นบ่อยๆ ตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่ไม่เคยบอกใคร ส่วนมากพอตื่นก็จะจำได้แค่รางๆ นี้อาจเป็นครั้งแรกที่ยังจำรายละเอียดของความฝันได้มากมายขนาดนี้ สงสัยพอมีไข้แล้วเกิดญาณพิเศษ ต่อไปนี้เรียกผมว่า ไอ้กรจิตสัมผัส!

“กินน้ำสักหน่อยสิ” มือหนายื่นแก้วน้ำส่งตรงมายังคนตัวเล็กที่รับไปดื่มเอื้อกๆอย่างรวดเร็วจนหมดแก้ว

“อ่าาาา….” สดชื้น เรียกสติได้มากขึ้นโข ใช้หลังมือเช็ดน้ำที่เปื้อนบริเวณมุมปาก แล้วส่งแก้วน้ำกลับไปยังคนตัวโตกว่า พร้อมกับขอเพิ่มอีกแก้ว โถถถถถถถ ผมเสียเหงื่อไปเยอะครับต้องกินน้ำเข้าไปทดแทน

ร่างสูงกว่ามองดูคนตัวเล็กซดน้ำเข้าไปอีกแก้วนิ่งๆ แต่ไม่ได้ถูกอะไร ทั้งสองคนนิ่งเงียบกันไปสักพัก ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

ปกติเวลานอนน้อยครั้งที่จะเห็นเจ้าตัวเล็กฝันร้ายแบบนี้ อย่างมากก็ละเมอหาของกิน เรียกเพื่อนตีป้อม หรือด่าไอ้มาร์ค นี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นท่าทางทรมานแบบนี้ หรือมันจะเป็นความฝันถึงอดีตที่ลืมไปแล้วนั่น

เอ๊ะ! หรือจะใช่

“พี่ภูมิ...ผมอยากอาบน้ำอะ” เสียงเล็กๆกล่าวผมเรียก จนชายหนุ่มตื่นจากภวัง

“แต่เธอยังมีไข้” ร่างสูงกล่าวปฏิเสธ เค้าไม่อยากให้ไข้ขึ้นสูงไปกว่านี้

“นะ...วิ่งผ่านน้ำก็ได้ ไม่เกิน 2 นาที...เนี่ย ตัวผมเหงื่อชุ่มไปหมดแล้ว...น้าาาาาาา” ว่าพลางดึงคอเสื้อเปิดเผยแผ่นอกชื้นเหงื่อ แถมเสื้อก็เปียกโชกไปหมด มันใช่เหงื่ออย่างเดียวซะที่ไหน น้ำที่กินไปเมื่อตะกี๊หกรดเกือบครึ่งแก้ว แหะๆ

“แต่เธอยังเจ็บข้อมืออยู่ จะอาบยังไง” เมื่อปฏิเสธคำว่า ‘น้าาาาาาา’ ไม่ได้ แต่ร่างสูงยังคงหาเหตุผลมาปฏิเสธ

“แหะๆ งั้นให้พี่ภูมิอาบให้” ผมยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นร่างสูงกว่าลอบกลืนน้ำลาย ติดกับแล้วครับ ยังไงคืนนี้ผมต้องได้อาบน้ำ ว่าพลางลุกขึ้นยืนแล้วเดินนำเข้าไปในห้องอาบน้ำทันที



*********************************************************************************************************


“ดีขึ้นแล้วใช่มั๊ย...ฝันร้ายหนะ” เสียงทุ่มกล่าวช้าๆ ในขณะที่มือกำลังถือใยขัดตัว ทำหน้าที่เด็กถูหลังให้ผมอยู่ มือข้างที่เข้าเฝือกของผมถูกห่อไว้ด้วยถุงพลาสติกขนาดใหญ่ป้องกันน้ำเข้า แถมยังยกแขนขึ้นสูงอีก ต้องรีบๆอาบแล้วหละครับเดี๋ยวเลือดไม่เดิน

“ครับ...ความจริงฝันเหมือนๆเดิมแหละ แต่ครั้งนี้จำรายละเอียดได้เยอะไปหน่อย สงสัยเป็นไข้ทับระดูพอดี แหะ แหะ” ผมพยายามยิงมุกคลายเครียด โธ่ ไข้ทับระดู คิดได้เนาะ

“เหมือนเดิม?” ร่างสูงขมวดคิ้วเข้าหากัน เอ๊ะ! นอกจากจะไม่ตบมุกผมแล้ว ไหงดูเครียดกว่าเดิมหว่า

“เอ่อ...อย่าบอกใครนะครับ แต่ผมฝันแบบนี้บ่อยๆ” ผมพยายามอธิบาย ผมฝันแบบนี้บ่อยมากช่วงประถมฝันแบบเดิมซ้ำๆจนชิน พอโตขึ้นมาหน่อยก็ไม่ค่อยฝันถึงอีก มีวันนี้แหละที่กลับมาฝันแบบเดิมอีกครั้้ง สงสัยเป็นไข้ทับระดูจริงๆ ระดูที่แตกต่างอะนะ ไม่ใช่! ฤดูที่แตกต่างสิ ผ่างงงงงงง

“ตั้งแต่เมื่อไหร่” เสียงเครียดเอ๋ยถาม ทำลายความคิดฟุ้งซ่ายของผม

“เอ่อ...ถ้าถามว่าตั้งแต่เมื่อไหร่...ก็ตั้งแต่จำความได้เลยอะ” หลังจากได้ยินคำตอบของผม ร่างสูงก็นิ่งเงียบไป คือผมไม่ได้กวนตรีนอะไรทั้งนั้นนะครับ ไม่ได้การแล้วต้องรีบอธิบาย ขอเรียบเรียงคำพูดแปป

“คือ...ผมจำเรื่องสมัยเด็กไม่ได้อะครับ…จำได้รางๆ ก็ตอนย้ายเข้ามาอยู่ที่ศูนย์ฯแล้ว แล้วผมก็เริ่มฝันมาตังแต่ตอนนั้น” แย่แล้ว ยิ่งอธิบายยิ่งเงียบ ให้ตายสิ ผมไม่ชอบเรื่องดราม่าเอาซะเลย

“....จำไม่ได้เลยเหรอ” หลังจากที่เงียบหายไปนาน ในที่สุดร่างสูงก็ถามขึ้นมาอีกครั้ง

“จำไม่ได้ครับ แต่ก็พอจะเดาได้” ผมตอบความตามจริง สมัยเด็กผมอาจจะยังไม่รู้อะไร แต่พอโตมาก็พอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ เหตุการณ์ในความฝันของผมน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องมาอาศัยอยู่ที่ศูนย์ฯ เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเสียความทรงจำ ทำให้ผมเหลือตัวคนเดียว และทำให้ผมกลายเป็นเด็กกำพร้า

“เธอรู้…” ร่างสูงถามต่อไปเสียงเครียด โธ่ พี่ภูมิรู้สิครับ ผมอายุจะ 18 ปี แล้วนะไม่รู้ก็บ้าแล้ว!

แหม! ฉลาดระดับผม เรื่องที่ว่าอพาร์ทเม้นท์ใจกลางเมืองไฟไหม้เมืองสิบปีก่อน ผู้อยู่อาศัยเสียชีวิตกันเกินครึ่ง เรื่องแค่นี้เซิร์ทหาข่าวในอินเตอร์เนตก็เจอ ผมรู้ว่าตัวเองเป็นใคร คุณพ่อคุณแม่คือใคร ทำไมผมถึงกลายเป็นเด็กกำพร้า ผมแค่ไม่ได้ออนดีเทลเท่านั้นแหละ เหมือนผมเป็นคนผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่ง เหมือนมันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวผม ทั้งๆที่มันเป็นเรื่องของผมเนี่ยแหละ โอ๊ยยยยย งง เว๊ย

“รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นครับ แต่ไม่รู้รายละเอียด ก็ผมจำไม่ได้หนิ” ผมตอบหน้าตาย พร้อมถอนหายใจ บอกแล้วว่าผมไม่ชอบเรื่องดราม่า อย่างน้อยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ผมได้พบกับครอบครัวใหม่ ได้พบกับคุณแม่ พบกับน้องๆที่ศูนย์ฯ แถมทุกวันนี้ยังมีพี่ภูมิอยู่เคียงข้างอีกแค่นี้ก็ดีแล้วครับ

เป็นไงหละ มองโลกในแง่ดี โค ต ร

โธ่….ชีวิตคนเรามันเครียดครับ ถ้ายังมัวแต่เครียดอยู่กับเรื่องที่ผ่านไปแล้ว เราจะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้ยังไง สู้โว๊ยยยย ทาเคชิ!

“จำไม่ได้ก็ดี...งั้นก็ไม่ต้องไปพยายามนึกถึงมันหรอก” ร่างสูงดึงผมเข้าสู่อ้อมกอดอีกครั้งก่อนจะหายใจรดต้นคอจนผมขนลุกซู่ ไม่ได้เสียวครับ ผมหนาว!

“เอ่อ...ผมว่าเรารีบๆอาบน้ำให้เสร็จดีกว่าครับ ผมหนาวววววววว” ว่าแล้วก็เบียดซุกไซร้เข้าไปในอ้อมกอดเพื่อหาความอบอุ่น แล้วไม่นานก็ไม่ยินเสียงหัวเราะชอบใจดังออกมาจากร่างสูง

“แว๊กกกกกกกกก…” ผมสะดุ้งตกใจสิครับ อยู่ๆร่างถูกราดน้ำใส่ ถึงจะเป็นน้ำอุ่นก็เถอะ

“มาๆ เช็ดตัวให้แห้งจะได้ไปนอนต่อ” ร่างสูงลากร่างผมออกจากห้องน้ำ แล้วใช้ผ้าขนหนูขยี้ผมของผมเบาๆ

“แหะๆ แหะๆ” ผมได้แต่หัวเราะ แหะๆ แลดูโง่ๆ แล้วใช้สองมือโอบกอดคนตัวสูงไว้ เอาหัวทุยดันไปที่บริเวณหน้าท้องกล้ามแน่น ไถไปไถมา เข้าตำรา มือไม่พายเอาเท้าราน้ำ ไม่ให้ความร่วมมือขั้นสุด

ก็ผมชอบบรรยากาศแบบนี้อะ ต้องยืดเวลาออกไปอีกหน่อย ผมยังไม่อยากนอน

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-08-2019 16:05:02 โดย nethang »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

อิพี่ภูมิ  น่าจะรู้จักกับครอบครัวของก้อนแป้ง

แต่ว่านะ...เหตุการณ์ในวันนั้น  มันต้องมีเงี่ยนงำอะไรแน่ ๆ เลย

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ในที่สุด ก็ได้เวลาเปิดตัวคุณแม่ของน้องกรแล้วคร่าาาาา  o18

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่านางติดนิสัยบ้าๆมาจากไหน  :laugh:




********************************************************************************************

บทที่ 24 ผมและคุณแม่ที่เคารพ


“ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ ขณะนี้สายการบิน เจแปนแอร์ไลน์ เที่ยวบิน JL708  ออกเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ไปยัง ท่าอากาศยายนาริตะ ขอให้ผู้โดยสารที่ถือบัตรโดยสารดังกล่าวขึ้นเครื่องได้แล้วค่ะ ท่านผู้โดยสารโปรดทราบ………………” เสียงหวานๆเย็นๆดังออกมาจากลำโพงที่ติดตั้งไว้ทั่วสนามบิน เสียงที่ฟังดูไร้ความรู้สึกนั้นยิ่งทำให้ผมสงสัยว่า นั่นใช่เสียงคนพูดรึป่าว ทำไมเสียงฟังคล้ายๆน้องนีหว่าาาา

พี่ภูมิต้องบินกลับไปจัดการเรื่องงานที่ญี่ปุ่นต่อ ก็ใครใช้ให้แอบหนีงานกลับมาแบบนั้นหละ เอิ๊กๆ

“อาทิตย์หน้าชั้นก็กลับมาแล้ว...เธออยู่ได้ใช่รึป่าว” ร่างสูงถามอย่างเป็นห่วง ชายหนุ่มอยู่ดูแลคนตัวเล็กได้แค่ 2 วัน ก็ต้องบินกลับไปสะสางเรื่องงานต่อ แถมเป็น 2 วันที่ข้อมืออักเสปจนไข้ขึ้นอีก ผิดที่เค้าเองที่ใจอ่อนยอมให้อาบน้ำนั่นแหละ! พรุ่งนี้เจ้าตัวเล็กต้องกลับไปเรียนหนังสือแล้วด้วยจะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง

“โอ๊ยยยยย ไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมอยู่ได้สบาย ตั้งใจทำงานนะครับ” เป็นห่วงตัวเองก่อนเถอะครับ ถ้าจำไม่ผิดช่วงสองวันที่ผ่านมาพี่ภูมิแทบไม่ได้นอนเลยครับ ยุ่งแต่ดูแลผมนี้แหละ หุหุหุ

ผมโบกมือลาคนตัวสูงที่เดินหายลับตาเข้าไปในเกต ส่วนตัวเองเดินกลับไปยังทิศทางตรงข้าม มุ่งหน้ากลับไปหาคุณแม่ครับ ในที่สุดพี่ภูมิก็กลับไปสักที วันนี้ผมจะกลับไปนอนที่ศูนย์ฯ คิดถึงคุณแม่กลับพวกน้องๆใจจะขาดแล้วววววว

*********************************************************************************************************

“โหหหห พี่กรไปทำไรมานั่น ไม่เจอกันหลายวันถึงขั้นเข้าเฝือก” ไอ้เล้ง เอ่ย น้องเล้ง น้องชายคนสนิทของผมเอ่ยทัก เมื่อมันเจอหน้าผมที่ศูนย์ฯ

“ยุ่งจริงเว๊ย” ผมเอ่ยปัดรำคาญ

“กรี๊สสสส พี่กร แขนไปโดนอะไรมาคะ” หนูเล็กก็ถามบ้าง

“เฮ้ย ไอ้กร เมิงไปตีกับใครมา” ต่อด้วยพี่โอ

“กร…”

“ไอ้กร…”

“พี่กร…”

และคนอื่นๆอีกมากมาย นิผมฮอตขนาดนี้เลยรึ มีแต่คนตามติดชีวิตผม สงสัยต้องจัดแถลงข่าว

“เจ้ากร...ไปทำอะไรมา ห๊ะ” อุ๊ต๊ะ! เสียงสวรรค์ ตวาดดังลั่นมาแต่ไกล คุณแม่นั่นเองครับ ได้เวลาแถลงข่าวพอดี รบกวนจัดเวทีกับไมโครโฟนให้ผมด้วย

“หายหัวไปหลายวัน บอกแค่ไปนอนค้างกับคุณภูมิ นิยังไง ได้ฤกษ์กลับบ้านแล้วรึ” สตรีร่างเล็กวัยสี่สิบต้นๆ สวมเสื้อแขนกุดรัดรูปกับกางเกงขาสั้น ยังดีที่มีผ้ากันเปื้อนตัวยาวปิดเรียวขาขาวๆคู่นั้นเอาไว้ เดินมาทางผม ในมือถือเสียมด้ามยาวติดมือมาด้วย เอิ่มมมมมม แม่ทำไรอยู่ครับเนี่ย???

เธอคือคุณแม่ ‘จุ๋ม’ ครับ แต่อย่าเผลอเรียกชื่อคุณแม่นะครับเดี๋ยวองค์ลง คุณแม่ชอบให้เรียกว่าคุณแม่เฉยๆ สาวแก่ เอ๋ย สาวแกร่งวัยต้นๆสี่สิบ สวย รวย และโสดเป็นคนดูแลศูนย์ฯแห่งนี้ครับ เท่าที่ผมแอบไปสืบข่าวมา แม่จุ๋มเป็นลูกเศรษฐีที่ชีวิตพลิกพลัน ไม่รู้คิดยังไงเอาเงินส่วนตัวมาเปิดศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าซะงั้น สงสัยเงินจะเหลือใช้จริงๆ แต่ไม่ลงทุนแค่เงินนะครับ แม่จุ๋มยังลงแรงด้วย คือคุณแม่ถึงขั้นมากิน มานอน และมาดูแลพวกเราทุกคนที่นี่ นั่นยิ่งทำให้พวกเรารักคุณแม่มาก ใช้ให้ทำอะไรทำหมด ตั้งแต่ซักผ้า ถูบ้าน ทำกับข้าว ปลูกผัก ทำสวน ขุดดิน นวดผ่าเท้า ยาวไปถึงถอนขนรักแร้ ผมทำมาหมดแล้วแต่คุณแม่จะสั่งแหละครับ ใครมันจะกล้าขัด เห็นเสียมในมือแม่มั๊ยหละนั่น โดนแทงทีนึงไม่ถึงตายแต่น่าจะเป็นบาดทะยักเลยนะนั่น

“เอ่อ...ผมกลับมาแล้ว...ครับ” ผมได้แต่เกาหัวแกรกๆ แล้วเดินหูตกหางลู่เข้าไปใกล้ๆ

“แล้วนั่น ไปทำอิท่าไหน” คุณแม่ถามพลางเหลือบตามองมาที่ข้อมือทึ่เข้าเฝือกของผม

“ท่านั่งครับ…..เอ่อ...ผมแข่งบาสแล้วล้มอะ” ผมตอบเหมือนที่ตอบพี่ภูมิแหละ แต่เมื่อหันไปเจอตาเขียวปั๊ดจองมองมาเลยต้องรีบอธิบาย

“อ่อ...อุบัติเหตุจากการทำงาน แล้วประธานสีเค้าให้ค่าชดเชยแกมั๊ย” เดี๋ยวแม่ เดี๋ยวก่อน ทำไมหายใจเข้าเป็นเงิน หายใจออกเป็นทองขนาดนั้น

“โห แม่...ไอ้ที่ผมแอบรับจ๊อบแข่งกีฬาหลายๆชนิดอะ มันผิดกฏนะ จะไปได้เงินชดเชยไรกัน”  ไม่ใช่ทำงานแบบมีประกันนะครับถึงจะขอเคลมได้ อย่างน้อยทางโรงเรียนก็ทำประกันอุบัติเหตุให้นักเรียนทุกคนอยู่แล้ว นิก็รักษาฟรี โรงพยาบาลเอกชนด้วยนะเออ

“เฮ้ยยย การค้าขาดทุนนิหว่า...คราวหน้าคราวหลังไม่ต้องรับงานแบบนี้แล้วนะ เจ็บตัวฟรีเลย” อะไรจะงกเบอร์นั้นครับแม่ ผมได้แต่ส่ายหน้าแล้วลากแม่มานั่งที่ม้านั่ง ตะโกนบอกไอ้เล้งให้ไปเอาน้ำเย็นๆมาให้คุณแม่ทานแก้หงุดหงิด

“ไหน...แล้วเป็นไงบ้าง...ยังเจ็บอยู่มั๊ย” แม่บ่นไป ถามไป ก็จับแขนผมพลิกดูไปๆมาๆ โธ่...มันเจ็บตอนที่แม่จับเนี่ยแหละ

“ไม่เจ็บจนแม่จับนั่นแหละครับ...นิก็ดีขึ้นแล้วเข้าเผือกเดือนเดียวก็ช่วยแม่ขุดดินได้เหมือนเดิมแล้ว แหะๆ” ผมรีบกลบเกลือนเอาใจ

“ว่าแต่ วันนี้แม่ปลูกอะไร” ผมเสมองไปยังเสียมในมือที่แม่ไม่ยอมปล่อย คุณแม่จุ๋มมีงานอดิเรกคือปลุกต้นไม้ ปลูกผัก ปลูกหญ้า ค้างทำไร่กับไถนาเนี่ยแหละ

“นิๆ มาดูเลย แม่เพิ่งได้พันธ์ุต้นเมเปิ้ลบอนไซมา กำลังลงดินเลย” ว่าแล้วคุณแม่ก็ลากผมมาดูกระถางดินที่ภายในบรรจุดินที่ผ่านการรดน้ำจนชุ่ม นั่นแหละครับ ข้างในคงมีเมล็ดบอนไซอยู่ อีกหลายวันแหละกว่าจะงอก

ช่วงนี้คุณแม่กำลังบ้าปลูกต้นบอนไซ หลังจากที่ส่งประกวดในงานไม้ดอกเมื่อหลายปีก่อนแล้วได้รับรางวัลชนะเลิศ แล้วมีมหาเศรษฐีมาประมูลซื้อไป สร้างรายได้มหาศาลให้กับศูนย์ฯแห่งนี้ หลังจากนั้นคุณแม่ก็เพาะพันธ์ุต้นบอนไซไว้อีกหลายต้นหลายพันธุ์ไปเรื่อยๆ จนผมคิดว่าน่าจะเปลี่ยนจากศูนย์รับเลี้ยงเด็กกำพร้าเป็นร้านขายบอนไซและไม้ประดับไปซะเลย ฮาาาาา

“ครับๆ ไว้มันโตแล้ว เดี๋ยวผมเอาโพสขายให้” ยังไงเราก็ต้องช่วยกันทำมาหากินครับเพื่อปากเพื่อท้อง

“ดี...ช่วงนี้แกจะนอนที่นี่รึป่าว หรือจะไปนอนกับคุณภูมิ” คุณแม่ถามด้วยความเป็นห่วง…ซะที่ไหนหละ ช่วงที่พี่ภูมิมารับมาส่งผมที่ศูนย์ฯใหม่ๆ แรกๆคุณแม่ออกหน้ามาตั้งแง่กลับพี่ภูมิสารพัด แก่ไปบ้างหละ รวยไปบ้างหละกลัวไม่จริงใจ สุดท้ายจบที่เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่อีก กีดกันทุกสิ่งอย่างแบบที่ผู้หญิงคนนึงจะทำได้ ผมเข้าใจและทราบซึ่งใจในความปรารถนาดีของคุณแม่มาก หากแต่การกระทำเหล่านั้นช่างอยู่ได้ไม่นาน ผ่านไปไม่ถึงสัปดาห์คุณแม่ก็ยกน้ำมาเสริฟให้พี่ภูมิด้วยตัวเอง พร้อมเรียกคุณภูมิอย่างเคารพ เอ่อ….ไหงงั้น

อ๋อ...ช่วงนั้นศูนย์ฯได้รับบริจาคอุปกรณ์กีฬา เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ภายในบ้านใหม่ยกชุด พร้อมกับเงินทุนการศึกษาอีกก้อนโต จากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม…..

ก็นั่นแหละเหตุการณ์เลยพลิกจากผ่าเท้าเป็นหลังมือนุ่มๆไปซะงั้น แบบนี้มันเข้าตำรา ‘ขายลูกกิน’ รึป่าวหว่า ไม่ต้องบอกก็รู้เลย ผมได้เชื้องกมาจากใคร เฮ้อออออ แต่ไม่เป็นไรถ้าเป็นคนนี้ผมเต็มใจถูกขาย เอิ๊กๆ

ไอ้พี่ภูมินิก็นะ แกปัญหาเก่ง ใช้เงินแก้ปัญหามันซะทุกเรื่องเลย!

“นอนนี้แหละครับแม่ ช่วงนี้พี่ภูมิไปทำงานญี่ปุ่น” ผมรีบตอบ เดี๋ยวคุณแม่ไม่ทำอาหารเย็นเผื่อผม แหะๆ

“อ่อ...งั้นแกอย่าลืมส่งข้อความไปกู้ดไนท์คุณภูมิด้วยหละ เดี๋ยวเค้าหิ้วหยุ่นสาวกลับมา อย่าหาว่าแม่ไม่เตือน” อ่อ...จ่ะ นิก็สอนดี อ่อยเก่งขนาดนี้ทำไมยังโสดวะ ผมงง


*********************************************************************************************************


OPPA’KORN : เลิกงานรึยังครับ

OPPA’KORN : อย่าลืมกินข้าวน้าาาา

OPPA’KORN : ฝันดีนะครับ อย่างลืมฝันถึงผม

ผมเป็นเด็กดีทำตามคำแนะนำคุณแม่ แหะๆ คืนนี้ผมจะเข้านอนเร็ว เพราะงั้นก็ส่งข้อความไปทิ้งไว้รัวๆครับ

PHUMMA : ทำไมวันนี้นอนเร็ว

OPPA’KORN : พรุ่งนี้ผมต้องตื่นไปโรงเรียนแต่เช้าอะ ผมกลับมานอนที่ศูนย์

PHUMMA : -”-

OPPA’KORN : นอนศูนย์สบายจะตาย อีกอย่างผมคิดถึงคุณแม่กับพวกน้องๆด้วย

PHUMMA : .........................

PHUMMA : อย่าฝืนใช้ข้อมือหละ

PHUMMA : เป็นห่วง

OPPA’KORN : /////////////////  คร้าบบบบบ งั้นราตรีสวัสดิ์น้าาาาาาาา

PHUMMA : อืม...ฝันดี

OPPA’KORN : ❤️❤️

เพราะชีวิตขาดหวานไม่ได้ ต้องหมั่นเติมความรักครับ พี่ภูมิจะได้หิ้วสาวหยุ่นกลับมาฝากผม ฮิ้วววววว



CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 25 ผมซวยเองใช่มั๊ย


“โห...ไม่เจอกันไม่กี่วัน เมิงแปลงร่างเป็นเอ็ดเวิร์ดเลยเหรอเมิง” เสียงไอ้เป็ดผู้ร่วมเหตุการณ์แขนเดาะของผมเอ่ยทักทาย หลังจากไม่เจอหน้ากันหลายวันแบบที่มันพูดจริงๆนั่นแหละ

ผมหยุดเรียนไป 3 วัน รวมวันที่ไปโรงพยาบาลด้วยนั่นแหละครับ งานกีฬาสีวีก็แข่งจบแล้ว ปรากฏว่าสีม่วงของเราถ้วยรวมได้ที่ 3 เอาว่ะก็ยังดี อย่างน้อยก็ติดหนึ่งใน 3 สำหรับฟุตบอลรอบชิงได้มาแค่เหรียญเงิน เมื่อไม่มีตัวเทพอย่างผมร่วมทีมก็แพ้ไปตามระเบียบแหละ เอิ๊กๆ ส่วนสีที่ชนะเลิศหนะเหรอ ก็สีแดงหนะสิครับปีนี้สีแดงรวมนักกีฬาโรงเรียนไว้เยอะมาก หยวนๆยอมให้เค้าไปเถอะ เมื่อผ่านพ้นช่วงกีฬาสี ต่อไปก็เข้าสู่ช่วงสอบไล่หละครับ ความสุขมักจะผ่านพวกเราไปไวเสมอ แต่สำหรับผมฤดูการสอบเนี่ยแหละสวรรค์ ช่วงเวลาแห่งการหาเงิน!

“เอ็ดเวิร์ดไรของเมิงวะ” ผมถามกลับไอ้เป็ดไป

“บ่ะ ก็พระเอกแขนกลคนแปลธาตุไงเมิง แขนเมิงเนี่ย” ออ...แขนผม ลืมไป เมื่อคืนไอ้เล้งมันลงมือละเลงเฝือกผมด้วยฝีมือศิลปะอันดีเยี่ยมของน้องมัน เอ่อ ช่วงนี้มันติดการ์ตูนอะไรสักเรื่องเนี่ยแหละ อย่างกับผมมีเวลาดูการ์ตูน -*-

“เอ่อ...ยังดีที่เป็นพระเอกวะ...ว่าแต่ตารางสอบออกยังวะเมิง” ผมวกเข้าเรื่องเครียดทันที เรื่องปากเรื่องท้องครับ

“โอ๊ยยยยยย เมิงจะรีบถามหาวันสอบทำไม อีกตั้งเดือนนึง” ไอ้มาร์คโวยวาย มันจะโวยวายทำไมวะ ไม่เห็นมันจะเครียดเรื่องสอบเลยสักครั้ง เดี๋ยวมันก็มาให้ผมติวให้อยู่ดีเนี่ย

“กุจะได้เตรียมเกล็งข้อสอบไว้ให้พวกเมิงแต่เนิ่นๆไง” ผมยักคิ้วหลิ่วตาให้มัน

“เอ่อ...งั้นเมิงรีบไปตีซี้อาจารย์เลยนะ เนี่ยเมิงยกการบ้านไปให้จารย์ปี๊ดที่ห้องพักครูเลย” แล้วไอ้เป็ดมันก็โยนงานมันมาให้ผมทันที

เฮ้ย...จารย์เค้าใช้เมิง มันจะมาใช้กูต่อเพื่อ

“เมิงไม่เห็นเหรอ กูเป็นง่อยอยู่เนี่ย” แล้วผมก็ชี้แขนข้างที่ใส่เฝือกอยู่

“เมิงเป็นง่อยที่ไหน เมิงมันพระเอกแขนกลคนแปรธาตุเลยนะเว๊ย เมิงเสกโกเลมมาช่วยเมิงเอาก็ได้” ไอ้เป็ดมาแถครับ ปั๊ดเมิงดูการ์ตูนมากไปหน่อยป่าวรึวะ กูขอแบบความเป็นจริงนิดนึง

“เอาน่า...กระดาษสิบกว่าแผ่นเองมันหนักตรงไหน ยังไงเมิงก็ต้องไปส่งใบลาที่ห้องพักครูอยู่ดี เมิงแหละ รีบๆไป” ว่าแล้วไอ้มาร์คก็ยัดกระดาษปึกหนึ่งใส่มือผม โอ๊ยนิมันมัดมือชกชัดๆ

สุดท้ายผมเลยต้องจำใจเดินสะบัดตูดไปห้องพักครูอย่างช่วยไม่ได้

*********************************************************************************************************

ห้องพักครู เป็นสถานที่ที่เด็กนักเรียนปกติไม่คิดอยากย่างเท้าเข้ามา แต่ผมมันไม่ปกติครับ ด้วยความที่เป็นเด็กทุน ผมเลยมาห้องพักครูบ่อยชนิดที่ว่าเป็นบ้านหลังที่ 3 4 5 6 เลยก็ว่าได้

“จาร์ยปี๊ดครับ การบ้านห้อง 1 ครับ” ผมส่งปึกกระดาษที่ได้รับฝากมาจากเพื่อนให้อาจาร์ย แล้วกล่าวลา ก่อนเลี้ยวขวาไปหาอาจาร์ยป้าอีกคน

“จาร์ยโอ๋ครับ ผมมาส่งใบลาครับ” จาร์ยโอ๋เป็นอาจาร์ยประจำชั้นห้องผมครับ จาร์ยแกนับว่าเป็นอาจาร์ยอาวุโฒที่ทุกคนต่างเกรงใจ ผมว่าเอาอายุพวกผมบวกกันยังไม่เท่าอายุแกเลย ฮาาาาาาา พวกเราจึงพร้อมใจกันเรียกแกลับหลังว่า ‘อาจาร์ยป้า’

“ใบรับรองแพทย์หละ” ภายนอกแกดูดุครับ แต่ข้างในแกดุกว่าที่เห็น

“แนบมาแล้วครับ” ผมชี้มือไปที่สมุดลาประจำตัว ที่แกไม่แม้แต่จะเปิดดูเลยสักนิด จาร์ยแกพยักหน้าหงึกๆเชิงรับทราบ ผมจึงรีบพนมมือไหว้แล้วรีบจ้ำอ้าวออกจากห้องให้เร็วที่สุด

แต่….

“เดี๋ยวก่อนนายปกรณ์” เสียงเข้มๆกล่าวดักทางผมไว้ เนี่ยแหละถึงไม่มีใครอยากมาห้องพักครู มาทีไรโดนเรียกใช้ไม่มีวันจบสิ้น

“เย็นนี้ว่างมั๊ย…” เป็นจาร์ยปี๊ดครับ ถามทำไมครับจาร์ย

“เอ่อ...ก็ว่างครับ จาร์ยมีไรให้ผมช่วยเหรอครับ” ตอบไม่ว่างได้ด้วยรึ ในเมื่อผมว่างอะ

“งั้นเย็นนี้มาช่วยครูค้นเอกสารหน่อย” งุ้ยยยย งานเอกสารอีกละ

“เอ่อ...เอกสารไรครับจาร์ย” ขออยากรู้นิดนึง

“บ๊ะ...พวกชีทกับข้อสอบเก่าๆโว๊ยยยย ถามมากจริง จะช่วยไม่ช่วย” จาร์ยปี๊ดขันมาเหวี่ยงใส่ผม แหม อยากรู้นิดๆหน่อยก็ไม่ได้

“ช่วยครับ ช่วย เดี๋ยวตอนเย็นผมมาหาครับ” รีบตกลงแล้วรีบเผ่นสิครับ ต่ออยู่ทำไม เดี๋ยวมีงานงอกอีก

*********************************************************************************************************

โหสิ กว่าจะช่วยจาร์ยแกค้นเอกสารเจอใช้เวลาชั่วโมงกว่าๆ ยังดีที่ได้นั่งทำงานหน้าคอมไม่ต้องทนร้อนอยู่ในห้องเก็บของ สมัยนี้เค้าพัฒนาแล้วครับข้อมูลเอกสารเกือบทั้งหมดของโรงเรียนจะเก็บในรูปไฟล์งาน หาง่ายเพียงแค่คลิ๊ก ประเด็นคือ คุณคลิ๊กถูกรึป่าวนี้แหละ สำหรับวัยรุ่นอย่างเราเทคโนโลยีพวกนี้ถือเป็นเรื่องใกล้ตัวมาก แต่สำหรับเหล่าคณาจาร์ยทั้งหลายแล้ว อาจจะลำบากสักหน่อย เหอๆ

นั่นแหละครับ ช่วยกันได้ก็ช่วยกันไป ประเด็นคือ เอกสารที่ให้ผมช่วยหาเป็นชีทกับข้อสอบเก่าๆเนี่ยแหละ ผมถึงรีบตกลง ใครมันจะไปนึกว่าเก่านี้คือเก่าจริงๆ ร่วมสิบปีได้ โอ๊ยยยยย จาร์ยจะหามาทำไม ข้อมูล 10 ปีก่อน มันไม่อัพเดต เราต้องตามสถานการณ์ปัจจุบันป่าว ไม่อินเทรนเลย ให้ตายสิ

ผมเดินห่อเหี่ยวออกมาจากห้องพักครู กะอาศัยทางลัดแต่ผิดหวังก็งี้แหละครับ แต่ไม่เป็นไร ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อ่านหนังสือเอา อึ๊บๆ

เวลาเกือบหกโมงเย็นนักเรียนส่วนใหญ่กลับบ้านไปกันหมดแล้วครับ เหลือพวกชมรมกีฬาบางชมรมที่ยังคงซ้อมกีฬากันอยู่ ผมไม่เข้าใจเลยว่าจะขยันอะไรกันนักหนา อากาศประเทศไทย หกโมงก็ยังฆ่าคนได้อยู่นะเออ

‘ตะแว๊ง’ ระหว่างที่ผมกำลังเดินไปยังไอ้เฒ่าที่จอดทิ้งไว้ ไลน์ก็เด้งขึ้นมาครับ

PHUMMA : กลับถึงศูนย์รึยัง

OPPA’KORN : กำลังจะกลับครับ วันนี้ผมอยู่ช่วยงานอาจาร์ย

PHUMMA : ช่วยงาน? เทอมนี้ไม่ต้องใช้ทุนไม่ใช่เหรอ ทำไมยังต้องช่วยงานอีก

เห็นแล้วจี๊ดครับ นั่นสิเพราะผมไม่ต้องใช้ทุนแล้วทำให้รายได้พิเศษผมหายไปอีกโข แต่ก็ได้เวลาว่างเพิ่มขึ้นมาทดแทน แต่เอ๊ะ ทำไมผมต้องมาช่วยงานอาจาร์ยอีกหละ

น้ำใจครับน้ำใจ ผมมันคนมีน้ำใจ

เฮ้อ...ความเคยชินมันน่ากลัวจจริงๆ ทำไมตอนนั้นไม่ปฏิเสธไปซะก็สิ้นเรื่อง!

ไม่ใช่ละ ตอนนั้นกะทำดีหวังผล แม้ผลที่ได้จะไม่ตรงความหวังก็เถอะ คิดแล้วยังแค้นตัวเองไม่หาย

OPPA’KORN : จาร์ยแกขอให้ช่วย ก็ช่วยๆแกไปเถอะครับ นิดๆหน่อยๆ

PHUMMA : อย่าทำอะไรเกินตัวแล้วกัน

OPPA’KORN : คร้าบบบบบบบบบ

PHUMMA : อืม งั้นขี่รถดีๆ ถึงศูนย์แล้วบอกด้วย

OPPA’KORN : ครับ คร้าบบบบบบบบบ


“เฮ้ย ไอ้กร…” ระหว่างที่กำลังคุยไลน์เพลินๆ ก็มีเสียงดังแทรกเข้ามายังโสตประสาทของผม

“ไรวะ” ผมเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอโทรศัพท์ก็พบกลุ่มคนกำลังยืนรออยู่ที่ไอ้เฒ่า

“เชียร์...” ผมอุทาน  เด็กหนุ่มหน้าโหด แต่ดูกวนตีนกลุ่มนึงยืนล้อมหน้าล้อมหลังรถมอไซต์ของผมเอาไว้

ไอ้บิ๊ก และ พรรคพวก

ผมหันซ้ายหันขวา พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน บนถนนที่ร้างไร้ผู้คน เพลงมาเลยครับ

‘กลับดึก อยู่ก็ลึกในซอยเปลี่ยว
โดดเดี่ยว ดึกอย่างนี้ไม่มีผู้คน
เดินเข้าไป หัวใจจะหล่น
ถ้าคอยกังวลอยู่อย่างนี้ ทุกทีคงแย่’

ไอ้กรนะไอ้กร ทำไมต้องเอารถมาจอดไว้ในซอยด้วยวะ ทุกทีจอดแม่งหน้าโรงเรียน วันนี้เสือกเอามาจอดซะไกล แมร่งงงงงงงง

ชิบ- พี่ยามอยู่ไหนวะ!!!

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ GBlk

  • ขอให้สรรพสัตว์จงมีความสุข
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1431
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-43

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อย่าเพิ่งงงกันน้าาาาาา เนื้อเรื่องยังวนๆอยู่ในโรงเรียนน้องกรแหละค่ะ บวกกับช่วงนี้พี่ภูมิงานยุ่งเหลือเกิน พี่แกกำลังเดินหน้าโปรเจ็คใหม่อยู่ บินไปๆกลับๆญี่ปุ่นเป็นว่าเล่น เลยแทบไม่มีเวลาให้น้อง

น้องกรเพิ่งกระดูกร้าวเข้าเฝือกอ่อนไป แต่ด้วยความกวนส้นของน้องน่าจะมีก๊อกสองค่ะ 555 สมน้ำหน้า ฮาาาาาาาา
แต่เดี๋ยวพี่ภูมิก็กลับมาดูแลน้องกรเองแหละ เน้อๆ

ปล.ช่วงนี้พี่ภูมิค่าตัวแพงมาก บางตอนนี้ไม่มีแม้แต่จะกล่าวถึง เหอๆ  :hao5: :hao5: :hao5:

********************************************************************************************


บทที่ 26 ผมขอเรียกมันว่าซวยซ้ำซวยซ้อน

“ไอ้บิ๊ก...มีไรป่าววะ” ถามกลางๆไว้ก่อนครับ อย่าคิดเรื่องทึ่ไม่ดี

“วันนี้พวกกูจะมาสั่งสอนเมิง” สอนไรวะ ไม่ต้องสอนก็ได้กูเรียนเก่งอยู่แล้ว

“เหี๊ยไร กูไปทำอะไรให้” นิมันหาเรื่องกันชัดๆ

“ไอ้กร เมิงหักหน้ากู เมิงทำให้ทีมกูแพ้” ไอ้บิ๊กเดินย่างสามขุมเข้ามาหาผม

“หักหน้าไรเมิง กูได้ลูกโทษเพราะเมิงวิ่งมาชาร์ตกูเอง” ผมพยายามอธิบาย ถึงผมจะกวนตรีนมันตอนท้ายๆก็เถอะ

“แล้วไมเมิงไม่หลบ แถมยังสำออยล้มลงไปอีก” ว๊อททททท กูต้องหลบเมิงเหรอ หลบเมิงกูก็โดนไอ้มาร์คฆ่าดิ

“สำออยเหี๊ยไร เมิงเห็นแขนกูมั๊ย เข้าเฝือกอยู่เนี่ย” ผมบุ้ยปากไปยังแขนที่เข้าเฝือกอยู่

“แต่ท้ายเกมเมิงยังกวนตรีน แกล้งถ่วงเวลาอยู่เลย” ชะอุ๊ย! มันรู้ทัน

“โห นิเมิงผูกใจเจ็บเรื่องแค่นี้อะนะ แข่งกีฬามันเพื่อความสามัคคี รู้แพ้ รู้ชนะ รู้อภัยนะเฟ้ย ที่เมิงทำแบบนี้มันผิดวัตถุประสงค์ ผอ. เค้า” ผมอธิบายต่อเอา ผอ. มาอ้างแม่งเผื่ออะไรมันจะง่ายขึ้น

“สัด...เมิงมันกวนตรีน ไอ้เด็กเหลือขอ ไอ้กำพร้าเอ๊ย” เชียร์ กูอธิบายด้วยเหตุผลแล้ว ยังเสือกมาด่ากูกำพร้าอีก

เรื่องที่ผมเป็นเด็กกำพร้า อาศัยอยู่ศูนย์ฯ ปมไม่ได้ปิดบังครับ ใครๆก็รู้ แต่ด้วยความที่ผมเลือกคบแต่เพื่อนดีๆครับ ไม่มีใครเอาเรื่องพวกนี้มาล้อเล่นหรอก ส่วนไอ้เหี๊ยนี้มันไม่ใช่เพื่อนผมครับ แล้วมันก็ไม่ได้ล้อเล่น มันด่าจริง

“แล้วเมิงจะเอายังไง” ฝ่ายผมเองก็เริ่มขึ้นครับ แต่ต้องใจสงบใจไม่ไว้ คุณแม่สอนไว้ว่าถ้าจะมีเรื่องอย่าเปิดก่อน

“เอาไงงั้นเร้อ...นี้ไง โครมมมมมมม” ว่าแล้วไอ้บิ๊กก็ยกเท้าขึ้นถีบไอ้เฒ่าลูกรักผมครับ เมิงจะด่าจะว่ากู กูยอมได้ แต่เมิงจะทำแบบนี้กับลูกกูไม่ด้ายยยยยย กว่าคุณแม่จะอนุญาติให้ผมซื้อต้องเปลืองน้ำลายเกลี้ยกล่อมตั้งนาน

“เมิง ไอ้บิ๊ก” ผมทนไม่ไหวแล้วครับ ในเมื่อมันเปิดครึ่งๆกลางๆแบบนี้ เพื่อความชัวร์ ผมวิ่งพุ่งเข้าใส่ไอ้บิ๊กด้วยความโมโห วิ่งเข้ามามันตรงๆเนี่ยแหละ แถมวิ่งเอาหน้าไปรับหมัดมันด้วยเองเอ้า!

“โอ๊ยยยยยย สัด เมิงต่อยกู” ผมล้มลงไปกองกับพื้นใช้มือกุมแก้มซ้ายเอาไว้

“ก็เมิงวิ่งมาให้กูต่อย” เอ่อ จริงของมัน

“สัด...พรวก โอ๊ย” ว่าแล้วผมก็รีบลุกขึ้นไปต่อยมัน เรื่องแบบนี้ผมไม่กลัวหรอกครับ ปากกัดตีนถีบแบบผมมีเรื่องมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว แค่ตั้งแต่ย้ายมาเรียนที่นี้ยังไม่เคยมีเรื่องกับใครเท่านั้นแหละ แต่ก็นั่นแหละเรื่องต่อยตีเป็นเรื่องในอดีต ปัจจุบัตผมเป็นเด็กเรียนดีกีฬาเด่นครับ ด้วยความลืมตัว ผมใช้มือข้างที่ถนัดต่อยมันไปเต็มแรง ส่งผลให้ไอ้บิ๊กเซล้มไปกองกับพื้น ส่วนผมหนะเหรอ สะบัดข้อมือเล้าๆอยู่นี้ไง

โอ๊ยยยยย เจ็บสัด ลืมไปว่ากระดูกร้าวอยู่

“เชียร์...เมิง” ว่าแล้วไอ้เพื่อนเอของมันก็วิ่งเข้ามาหาผม ก็จะปล่อยหมัดชกมาที่ใบหน้าผม ตั้งการ์ดสิครับรอไร ผมยกแขนข้างที่ใส่เฝือกเนี่ยแหละขึ้นบัง ไอ้เพื่อนเอมันเลยชกเข้าเฝือกผมเต็มๆ สมน้ำหน้าเจ็บมั๊ยหละเมิง ส่วนผมก็เจ็บสิครับสะเทือนทั้งแขนเลย

“เมิงงงงงงงงง” มัวแต่เจ็บอยู่ครับ หันหลังไปไม่ทัน ไอ้เพื่อนบียกเท้าถีบผมกลางหลังเลย เอาซะผมกระเด็นไปชนกองขยะเลยทีเดียว

ค่อผมสงสัยมาก ทำไมเวลามันจะมีเรื่องมันต้องเรียกผมก่อนวะ อย่างเมื่อกี๊ทำไมมันไม่ถีบผมไปเลย จะมาเรียกเมิงให้ผมรู้ตัวก่อนทำไม แล้วก็ฉากในนิยายทำไมต้องมามีเรื่องกันใกล้ๆกองขยะ แล้วทำไมคนที่นอนจมกองขยะต้องเป็นผมวะ แบบนี้ยอมไม่ได้ ผมใช้แรงที่มียกถังขยะขึ้นแล้วควบลงไปบนหัวของไอ้บิ๊กที่ยังนอนยู่ใกล้ๆ สงสัยยังมึนหมัดผมไม่หาย เนี่ยหละครับ ทำไอ้เพื่อนบีไม่ได้ อย่างน้อยก็ตัดกำลังออกไปสักคน เอาคนที่อ่อนสุดเนี่ยแหละ ก็พวกมันเล่นหมาหมู่ผมนิหว่า ว่าแล้วก็เตะอัดไอ้บิ๊กไปอีกรอบสองรอบ

“เฮ้ยยยย ผั๊วะ” แล้วก็เป็นไอ้เพื่อนบีอีกเช่นเดิม มันกระชากตัวผมออกจากไอ้บิ๊ก แล้วต่อยผมซะกระเด็นเลย ผมว่าในสามคนนี้ไอ้เพื่อนบีน่าจะเก่งสุดละ ส่วนไอ้เพื่อนเอเมื่อมือป่าวสู้ผมไม่ได้ สุดท้ายมันก็ใช้อาวุธครับ

ระหว่างที่ผมตะเกียดตะกายยืนขึ้นอยู่นั่น ไอ้เพื่อนเอซึ่งไม่รู้ไปหาไม้หน้าสามมาจากไหน เงื้อแขนฟาดลงมาที่หัวผมเต็มแรง

โอ๊ยยยยยยยยย เจ็บสิครับ ไอ้แขนข้างที่ใส่เฝือกเนี่ยแหละ เจ็บชะมัด ผมยกแขนขึ้นมากันส่วนหัวเอาไว้ตามสันชาตญาน ก็ลืมไปอีกนั้นแหละว่ากระดูกร้าวอยู่ ไม่รู้ว่าตอนนี้มันข้ามไปขั้นกว่าของกระดูกร้าวรึยัง

ยังไม่ทันได้เดินชีพจรสำรวจร่างกายของตัวเองดี ผมก็โดนถีบเข้าเต็มรักกลางหน้าท้องเลยครับ คราวนี้ไม่รับรู้อะไรแล้วครับเก็บคองอเข่าโลด ก็พวกมันเล่นรุมกระทืบผมขนาดนี้ ผมจะเอาอะไรไปสู้มันวะ

ขอนับตรีนแปป 1 2 3 เชียร์ครบ 3 คู่เลย นิไอ้บิ๊กมันลุกขึ้นมาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

พวกเมิงจำเอาไว้เลย กูจำหน้าพวกเมิงได้หมด ถ้ากูตายไปกูจะตามไปหรอกหลอนพวกเมิง ถึงเมิงจะขอหวย กูก็จะไม่ให้!

ในระหว่างที่สติผมกำลังเลือนลางอยู่นั้น

‘ปี๊ดดดด ปี๊ดดดด พวกเธอ ทำอะไรกันเฮ้ยยยยย’ เสียงเป่านกหวีดดังมาแต่ไกล พร้อมกับพี่ยาม แล้วก็นักเรียนอีกคนมั้งกำลังวิ่งมุ่งหน้ามาทางผม ส่วนไอพวกที่ยำตรีนผมอยู่นั้นหยุดการกระทำตั้งแต่ปี๊ดแรกแล้วครับ ตอนนี้พวกมันวิ่งหางจุกตูดไปถึงีกฟ้ากของซอยแล้ว

โธ่! กว่าจะมาได้นะครับพี่ยาม เอาซะผมน่วมเลย เสียงพวกมันตะโกนเรียกผมดังขนาดนั้นไม่ได้ยินได้ไงฟระ

“เชียร์...ไอ้กร” นักเรียนคนนั้นเป็นไอ้มืดนิเองครับ มันวิ่งเข้ามาประคองผม ในมือถือโทรศัพท์โทรเรียกรถพยาบาล

“เป็นไรมากมั๊ยวะเมิง” เสียงไอ้มืดถูกอยู่ข้างๆหัวผม

“มะ มืด ไอ้มืด” ผมพยายามเอ่ยเรียกชื่อมัน

“เอ่อ ยังมีสติอยู่ก็ดี มาลุกขึ้นได้มั๊ยเดึ๋ยวกูประคองเมิงไปนั่งตรงนู้น ตรงนี้แม่งเหม็นชิบ” มันบ่นไปพลางเข้ามาพยุงผมลึกขึ้น

“พี่ยามมมมม” ผมเหลือบสายตาไปยังพี่ยามอย่างขอความช่วยเหลือ พยายามกวักมือเรียกแต่ความรู้สึกตั้งแต่ข้อศอกด้านขวาของผมมันหายไป

“เชียร์ ไอ้กรเมิงเลือดไหล” ครับเพื่อนกูเห็นแล้ว ใจเย็นๆแล้ววางกูลงก่อน เมิงตรวจกูดูดีๆก่อนว่ามีตรงไหนของกูบุบสลายอีกมั๊ย

“ไอ้เหี๊ยบิ๊ก...แมร่งงงง” ไอ้มืดสบถอย่างหัวเสีย มันรู้ได้ไงว่าเป็นไอ้บิ๊กวะ พวกมันวิ่งหนีไปแล้วนี้

“กูก็ว่ามันแปลกๆ ซ้อมบาสกันอยู่ดีๆ พวกไอ้บิ๊กแมร่งหายหัวกันไปเฉยๆ กูเลยเดินออกมาดู เลยเห็นพวกมันรุมเมิงอยู่เนี่ย” ออ สรุปต้องยกความดีความชอบให้ไอ้มืดมันไป ที่พี่ยามวิ่งมาช่วยผมนิไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงคนตีกัน แต่เพราะไอ้มืดวิ่งไปตามว่างั้น สรุปพี่แอบอู้งานใช่มั๊ย ตอบ!

“ไอ้มืด ขอบคุณเมิงมากนะ แต่เมิงอย่า” ผมพยายามใช้เรี่ยวแรงดันไอ้มืดออกไปห่างๆ
 
“เมิงยังไม่ต้องพูดมาก เก็บแรงไว้หายใจก่อน…มานี้เมิงเขยิบมาทางนี้ ตรงนี้กลิ่นขยะโคตรแรง” มันพยายามช่วยจัดแจงท่าให้ผมครับ ผมซึ้งในน้ำใจมันมากนะ แต่ขอเถอะเพื่อน เมิงอย่าเพิ่งเข้ามาใกล้กู กลิ่นขยะผสมกับกลิ่นเต่าเมิงกำลังทำลายประสาทสัมผัสกู

ผมเหลือบตาขึ้นไปขอความช่วยเหลือจากพี่ยาม แต่พี่แกยืนห่างๆอย่างห่วงๆ ทิ้งรัศมีห่างพวกผมไปเมตรกว่าๆ สรุปนิพี่อู้งานจริงๆใช่มั๊ย ห๊ะ!

ไม่วายไอ้มืดพยายามขยับตัวผมให้นั่งพิงลังกระดาษเอาไว้

โอ๊ยยยยย ไม่ไหวแล้วโว๊ยยยยยยย

“มืด มะ เมิง อะ อย่า…..” อย่าเข้าใกล้กู ไม่ไหวละผมเป็นลมดีกว่า


 :katai1: :katai1: :katai1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

แทนที่จะมาม่า ไหงตอนท้ายกลายเป็นตลกไปได้หว่า  555

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 27 ผมบอกเองน่าาาาาาา

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับเพดานสีขาว และกลิ่นที่คุ้นเคย กลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ ผมรู้สึกชอบกลิ่นเหล่านี้ขึ้นมาทันที ถ้าเทียบกับกลิ่นเต่าของไอ้มืดที่ยังเหม็นติดจมูกของผมอยู่เนี่ย

“กร...ไอ้กร กรมันตื่นแล้วครับแม่” เสียงที่คุ้นเคย เป็นเสียงของพี่โอครับ หันไปคุยกับผู้หญิงอีกคน คุณแม่นั่นเอง

“ว่าไงเจ้าตัวดี คราวนี้บาดเจ็บในหน้าที่อีกรึป่าว” เสียงใสๆ กว่าขณะเดินเข้ามาใกล้ผม

“คะ...คุณแม่ ใช่ที่ไหนหละครับ…ผมโดนรุมตรีนมาต่างหาก” ผมตอบกระท่อนกระแท่นนิดหน่อย ปากมันตึงๆอะครับ หลังจากได้ฟังคำตอบจากผมคุณแม่ก็ตาโตขึ้นมานิดหน่อย

“แล้วเราเปิดก่อนรึป่าว” คุณแม่ถามเสียงเครียด

“ป่าวครับ นี้เลย” ผมว่าพลางชี้ไปที่รอยช้ำที่แก้มซ้าย

“ดีมาก” คุณแม่ยิ้มอย่างพอใจ

“แม่ว่าก็ดูไม่เป็นอะไรมากนะ ทำไมถึงสลบไปเป็นชั่วโมงเลยหละ” คุณแม่ถามอย่างสงสัย

เอ่อออ จะให้อธิบายยังไงดี มันก็พูดถึงสาเหตุลำบากอยู่เหมือนกันนะครับ

“แล้วเพื่อนผมหละครับ ที่ตัวดำๆหน่อย” นี้เป็นการอธิบายรูปพรรณของไอ้มืดที่แสนง่ายดาย

“คนไหนหละ ดำๆเนี่ย เพื่อนแกแต่ละคนดำๆทั้งนั้น” ออ สงสัยจะกว้างไป

“คนที่เต่าบินอะแม่” เป็นไงครับอธิบายแบบนี้ตรงตัวสุดๆแล้ว

“ออออออออออ แม่ให้รออยู่ข้างนอก...เจ้าโอ ไปตามน้องมาสิ” เดี๋ยวๆอย่าเพิ่งขอผมสูดหายใจให้เต็มปอดแปป

“เป็นไงบ้างวะเมิง สลบไปเป็นชั่วโมงกูโทรหาไอ้มาร์คไม่ติดเลยให้อาจาร์ยติดต่อแม่เมิงแทนเนี่ย” มันเดินเข้ามาปุ๊บก็พูดให้ฟังเป็นฉากๆ พอดีเลยครับมันบอกมาพอดีผมจะได้ไม่ต้องถาม

“ไม่เป็นไรมากหรอกเมิง ขอบคุณนะที่ช่วย” ผมรีบขอบคุณมันไว้ก่อน

“ไม่เป็นเหี๊ยไรหละ แขนหักเลยนะเมิง” ไอ้มืดมันโวยวาย โธ่เมิงจะโวยวายทำไม ที่นี้โรงพยาบาลนะเฟ้ยเค้าต้องการความสงบ

“เอ่อหนะ กูไม่เป็นไรหรอกแค่นี้จิ๊บๆ… เมิงยังติดต่อไอ้มาร์คไม่ได้ใช่มั๊ย...งั้นเมิงยังไม่ต้องบอกมันนะเดี๋ยวกูคุยกับพวกมันเอง” มันพยักหน้าตอบรับแบบงงๆ เอ่อ อย่างน้อยมันก็ตกลงแล้วหละวะ

“ว่าแต่ไอ้เฒ่าของกูเป็นยังไงบ้าง” ผมถามมันเสียงอ่อน โธ่ไอ้เฒ่าลูกพ่อ ถูกถีบซะกระเด็นขนาดนั้น

“กูให้พี่ยามเข็นไปเก็บไว้ที่โรงเรียนก่อน แต่จากสภาพแล้วกูว่าเมิงหาสุสานไว้ให้มันเถอะหวะ รอดยาก...ส่วนนี้โทรศัพท์เมิง แม่งงง อึดชิบหาย” มันกล่าวพร้อมส่งมือถือทัชสกรีนให้ผม

โธ่ ไอ้เหลี่ยมลูกพ่อ หน้าจอร้าวเลยทีเดียว เอาวะอย่างน้อยก็ยังใช้งานได้อยู่ ต้องยกความดีความชอบให้บัมเปอร์เคสสุดทนอันนี้ หุหุ เอาไว้ผมจะไปอุดหนุนเค้าอีก ของเค้าดีจริง

“เอ่อ...ขอบคุณมากนะเมิง เมิงกลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ” ผมพยักหน้าขอบคุณไอ้มืดมันไปอีกรอบ

“เห้ ยังไม่สามทุ่มเลยนะเมิงนิก็รีบไล่กูกลับจัง หมดธุระแล้วเฉดหัวส่งเลยทีเดียว” ไอ้มืดโวยวายอีกครั้ง เมิงจะอยู่ต่อเพื่อ ไม่มีบ้านให้กลับรึไงวะ กูก็อุตส่าเกรงใจ

“สัด กูเกรงใจเมิง คุณแม่กูก็มาแล้วเมิงกลับไปเถอะ” ผมอธิบายด้วยเหตุผล เมิงอย่ามาของขึ้นใส่กูนะ วันนี้มันวันซวยพยายามจะอธิบายอะไรคนอื่นเข้าใจผิดตลอด

“เอ่อๆ อย่าลืมโทรบอกไอ้มาร์คกับอากิหละ” เอ่อ ขอบคุณที่เตือนนะเพื่อน

*********************************************************************************************************

“ตู๊ดดดดดดดดดดดดด ตู๊ดดดดดดดดดดดดด ตู๊ดดดดดดดดดดดดด……..ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด” เสียงสัญญาณโทรศัพท์ที่ไม่ถูกรับสายจนกระทั่งสัญญาณถูกตัด

ผมพยายามโทรหาไอ้มาร์คมันมา 4 รอบแล้ว แต่ละรอบก็เหมือนเดิมครับ ไม่มีคนรับ ไม่เป็นไรวะ เอาใหม่

“ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด ตี๊ด” เห้ รอบนี้มันตัดสายผมทิ้งเลยทีเดียว อะไรของมันวะ โทรหาอากิก็ได้

“ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความของ……” โอ๊ยยยยย นิก็มาเป็นเพลงหญิงลีเลย โทรหาไอ้มาร์คอีกรอบก็ได้วะ

“ท่านกำลังเข้าสู่บริการรับฝากข้อความของ……” เชียร์ พวกมันปิดโทรศัพท์ใส่ผมทั้งคู่เลย ไอ้เพื่อนเวรเอ้ยยยยยยยย

หลังจากที่ผมไล่ เอ้ย เชิญคุณแม่กลับศูนย์ไปก่อน คืนนี้ผมนอนคนเดียวได้ครับ ยังไงก็พักที่ห้องพักผู้ป่วยรวมอยู่แล้ว เพื่อนๆเพียบ แถมมีแต่พี่พยาบาลสาวๆเดินตรวจกันตลอดทั้งคืนอีก คุณแม่ถึงวางใจยอมกลับไปพร้อมไอ้พี่โอ เมื่อพยายามโทรหาไอ้เพื่อนเวรทั้งสองคนแต่ไม่สำเร็จ ผมก็เริ่มเคลิ้มครับ ตามประสาคนป่วย คิดว่าคืนนี้น่าจะไข้ขึ้นไปตามระเบียบ นี้ผมโดนยำตรีนมานะครับ ช้ำไปทั้งตัว ยังดีที่หน้าหล่อๆของผมมีรอยปรากฏแค่ 2 หมัดซ้ายขวาเท่านั้น แต่ไอ้ที่ดูหนักสุดน่าจะเป็นแขนขวาที่แต่เดิมเข้าเฝือกข้อมือร้าวเอาไว้ ตอนนี้กลายเป็นแขนหักแทน ช่างมีการพัฒนาเสียจริงๆ พับพ่าสิ!

บ่นๆไปก็ชักง่วง แต่เหมือนลืมอะไรไปบางอย่าง แต่ก็ง่วงจนไม่อยากจะคิดอะไรอีก ช่างมันเถอะ คนป่วยก็ควรพักผ่อนครับ ไอ้เพื่อนสองคนนั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้คงโทรกลับมาเองแหละ ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ครับ

*********************************************************************************************************

“ ตะแว๊ง ตะแว๊ง ตะแว๊ง แว๊ง แว๊ง แว๊งงงงงงงงงงงงงง” เหมือนจะได้ยินเสียงอันคุ้นเคยมาจากแดนไกล แต่ผมง่วงไงขี้เกียจจะสนใจมันอะ แต่กลับมีมือเหี่ยวๆมาเขย่าปลุกผม จากเบาๆจนแรงขึ้น

“ไอ้หนู ตื่น...ตื่นโว๊ย” โถ่ เขย่าขนาดนี้ ไม่ผลักตกเตียงไม่เลยหละ เป็นคุณลุงเตียงข้างๆนั่นเองครับ จากการสอบถามลุงแกเป็นพ่อค้าหมูพะโล้ เมื่อวานเกิดลื้นล้มจนข้อเท้าพลิก กระดูกกระเดี้ยวแกไม่ได้หักอะไรหรอกแค่เอ็นอักเสปเท่านั้นแหละ แต่ด้วยความที่แกน้ำหนักค่อนข้างมาก หมอเลยสั่งตรวจโรคแกเพิ่มอีกนิดหน่อย ก็อยู่ยาวๆไปครับ

“ครับๆลุง ตื่นละครับ” โอ๊ยยยย พูดแล้วเจ็บปากครับ สงสัยจะปากแตกด้วย เมื่อผมทนแรงปลุกมหาศาลไม่ไหว สุดท้ายก็ยอมแพ้ลืมตาขึ้น พยายามทรงตัวลุกขึ้นนั่ง อ่าว เช้ามืดแล้วนิหว่า พี่พยาบาลเดินกันให้วุ่น  ไอ้ผมก็หลับซะสนิทเชียว

“เอ็งดูมือถือเอ็งหน่อยเถอะ ดังมาตั้งนานแล้ว แถมดังติดๆกันขนาดนั้นอีกเค้าอาจมีเรื่องด่วนก็ได้” ลุงแกชี้ไปที่มือถือบนหัวเตียงของผม ผมกล่าวขอบคุณเบาๆก่อนคว้ามันดู

“แทน แทน แทน แทนนนนนนน แถ่น แท้น แทนนนนนนน แถ่น แท้น แทนนนนนนนนนนนนนน” ยังไม่ทันได้เปิดแอปขึ้นมาอ่านเลยครับ เสียงเรียกโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาซะก่อน

“ไอ้กร ทำไมไม่อ่านข้อความวะ” เสียงไอ้มาร์คด่ามาจากปลายสาย

“สัด กูเพิ่งตื่นเนี่ย” ทีเมื่อคืนเมิงปิดเครื่องหนีกูยังไม่ว่าอะไรเลย

“เอ่อ...ตื่นแล้วก็อ่านข้อความด้วย เจอกัน บาย” เฮ้อ เดี๋ยวสิเพื่อน นี้เมิงโทรมาบอกให้กูอ่านข้อความ แค่เนี้ย

ข้อความอะไรนักหนาวะ ถึงขั้นต้องโทรมาบอกให้อ่าน ผมเข้าแอพไลน์ทันที ข้อความล่าสุดเป็นของไอ้มาร์คมันครับ ไอ้ที่ตะแว๊งๆเมื่อกี๊นั่นแหละ

-----------------------------------------------------

มาร์ค สักกะบาท : เชี่ยกร โทรมีไร

มาร์ค สักกะบาท : สัดดด โทรกลับไม่รับนะเมิง

มาร์ค สักกะบาท : ซวยแน่เมิง

มาร์ค สักกะบาท : พ่อเมิงตามหาเนี่ย

มาร์ค สักกะบาท : สัด เช้าแล้วเมิงตื่นแล้วโทรกลับด้วย

มาร์ค สักกะบาท : เมิงอ่านข้อความพ่อเมิงด่วน!!!

-----------------------------------------------------

พ่อคนไหนของมันวะ ทุกวันนี้กูก็มีแต่คุณแม่เนี่ย คือเมิงโทรมาหาเพื่อให้กูอ่านแค่เนี้ย

-----------------------------------------------------

AKIRA : แบตหมดครับกร กรมีอะไรรึป่าว

จ่ะ พวกเมิงพร้อมใจกันแบตหมดมากกกกกก

AKIRA : กรครับ อ่านไลน์คุณอาด้วยครับ

-----------------------------------------------------

ทำไมทุกคนพร้อมใจให้ผมอ่านไลน์ขนาดนั้น สรุปให้อ่านไลน์พ่อหรืออ่านไลน์อากันแน่วะ

พ่อของผมกับอาของอากิ……….

อ่อ พ่อคุณทูลหัว อะนะ

-----------------------------------------------------

PHUMMA : ถึงศูนย์รึยัง?

PHUMMA : ทำไมเธอเงียบไป

PHUMMA : ทำอะไรอยู่?

PHUMMA : หลับไปแล้วเหรอ

PHUMMA : กร

PHUMMA : กร เธอหลับแล้วเหรอ

PHUMMA : ……..

PHUMMA : เกิดอะไรขึ้น

PHUMMA : กร

PHUMMA : ……………………………….

-----------------------------------------------------

ชิบหายแล้วครับ นึกออกแล้วว่าลืมอะไร ลืมรายงานตัวกับพ่อนิเอง

โธ่ ก็เมื่อคืนเรื่องมันวุ่นๆ แถมยังง่วงมากอีก เลยลืมซะสนิทเลยอะ

OPPA’KORN :  แหะ แหะ ขอโทษครับ ตื่นแล้วครับ

OPPA’KORN : ❤️❤️

ผมรีบส่งข้อความรับไปทันที แถมหัวใจให้อีก 2 ดวงเลยอะ เผื่ออีกฝ่ายจะอารมณ์เย็นขึ้น

“ตะแว๊ง” รอไม่นานอีกฝ่ายก็ตอบกลับมาครับ

PHUMMA : ทำไมเมื่อคืนไม่อ่านข้อความเลย

PHUMMA : รู้มั๊ยว่าเป็นห่วง ยิ่งไม่สบายอยู่

โอ๊ยยยยย ไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ ตอนนี้ไม่สบายหนักกว่าเดิมอีก

OPPA’KORN : ขอโทษครับ เมื่อวานผมเพลียๆเลยนอนไวอะ

PHUMMA : นอนไว? กี่โมง

OPPA’KORN : โอ๊ยยยย สักสองทุ่มผมก็นอนแล้ว

PHUMMA : แล้วโทรหาอากิตอนเกือบเที่ยงคืน?

เฮ้ยยยย รู้ได้ไง ข่าวเร็วไปป่าว

OPPA’KORN : ไอ้เล้งมันขอยืมโทรศัพท์ไปเล่นเกมครับ สงสัยเด็กมันคงโทรเล่น

PHUMMA : …………………..

OPPA’KORN : ผมผิดเอง ผมขอโทษครับ เดี๋ยวคืนนี้จะไม่ลืมบอกฝันดีเด็ดขาดเลย

 OPPA’KORN : น้าาาาาาาาา ❤️❤️

PHUMMA : …………………..

OPPA’KORN : เดี๋ยวผมไปช่วยงานคุณแม่ก่อน ตั้งใจทำงานนะครับ สู้ๆ

เฮ้อออออ ต้องรีบหาจังหวะชิ่งครับ เดี๋ยวยาว

หลังจากที่ชิ่งหนีจากคุณพ่อ ‘พ่อคุณทูลหัว’ มาได้ ผมรีบต่อสายกลับหาไอ้มาร์คทันที

“เมิงคุยกับพ่อเมิงยัง” ทันทีที่มันรับโทรศัพท์ผมมันก็ถามหา พ่อผมเลยครับ

“เอ่อ...คุยแล้ว พวกเมิงแม่งไม่รับโทรศัพท์กู” ผมบ่นกลับ

“เอาน่า กูก็โทรกลับแล้ว เมิงไม่รับเอง” มันตอบกลับแบบไม่แคร์ สัดเมิงคงโทรกลับตอนกูหลับไข้ขึ้นอยู่มั้ง

“แล้วเมิงโทรกลับหาไอ้มืดรึยัง” ผมรีบถาม ลักษณะพวกมันคงยังไม่รู้เรื่องผมหรอกนะ

“ยัง มันมีเรื่องสำคัญป่าววะ…….มาร์คคคค กินข้าวครับบบ...แปปนะเมิง จ้าาาาา เดี๋ยวออกไป…...เอ่อ กูกะไปคุยกับมันที่โรงเรียนเนี่ย” นิเมิงจะไม่สนใจเพื่อนคนอื่นนอกจากอากิเลยหรือไง

“เอ่อ เรื่องกูเนี่ยแหละ…..เดี๋ยวพวกเมิงมาหากูก่อน แล้วอย่าเพิ่งบอกใครหละ โดยเฉพาะพี่ภูมิหนะ” ผมพยายามเกริ่นไว้ก่อน

“หาที่ไหนวะ เมิงจะโดดเรียนรึ” สงสัยไอ้มาร์คจะไม่รู้เรื่องจริงๆ ดีแล้วครับ แบบนี้ค่อยเคลียร์ง่ายหน่อย

“กูอยู่โรงพยาบาล” ผมกรอกเสียงลงไปเซ็งๆ

“ห๊ะ!...ไปทำห่าไรอีก ช่วงนี้เมิงมีทัวร์เดินสวนสนามเข้าโรงพยาบาลรึไงวะ” มันบ่นๆปนตกใจ

“เอ่อน่า มาก่อนเดี๋ยวเล่าให้ฟัง แล้วห้ามบอกพี่ภูมินะว่ากูเข้าโรงพยาบาลเนี่ย” ผมกำชับมันก่อนจะวางสาย

เฮ้อออออออออออออ



********************************************************************************************

 :katai5: :katai5: :katai5:



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 28 ผมจะบอกเองจริงๆ

“สัดบิ๊ก!” สองพยางค์สั้นๆ แต่บ่งบอกอารมณ์คนพูดได้มากมายเลยครับ

หลังจากที่เรียกเพื่อนรักทั้งสองคนมาที่โรงพยาบาลและเล่าเรื่องราวให้ฟังจนละเอียดแล้ว ก็ต้องลำบากคนป่วยอย่างผมต้องห้ามทัพไอ้มาร์คมัน ของมันขึ้นครับจะไปเอาเรื่องไอ้บิ๊กให้ได้ ส่วนอากิเอาแต่นั่งเงียบครับ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่

“อากิ ห้ามบอกพี่ภูมินะเฟ้ย” ผมรีบดักทางไว้ก่อน

“ตะ...แต่...มันจะดีเหรอครับ เรื่องใหญ่ขนาดนี้” อีกฝ่ายหน้าเครียด เรื่องใหญ่ตรงไหน สมัยก่อนผมก็มีเรื่องประจำถึงจะไม่ขนาดแขนหักก็เถอะ

ความจริงที่ผมน่วมขนาดนี้ก็ต้องโทษที่ข้อมือผมร้าวนั่นแหละ ถ้าสภาพผมเต็มร้อยหละก็ไม่เจ็บขนาดนี้หรอก อย่างน้อยก็ใส่เกียร์หมาวิ่งหนีทัน ฮาาาาาาาา

“เดี๋ยวกูบอกเองน่า” ผมต่อรอง บอกหนะบอกแนาครับ แต่บอกตอนไหนนิอีกเรื่องนึง

“งั้นกรโทรหาตอนนี้เลยมั๊ยครับ” อากิเสนอพร้อมยื่นโทรศัพท์มาให้

เฮ้ยยยยยย ไม่เอา โทรข้ามประเทศมันแพง!!!

“เดี๋ยวบอก แต่ยังไม่บอกเฟ้ย พี่ภูมิเพิ่งไปทำงานได้แค่ 2 วัน ถ้ารู้เรื่องเข้าไม่เป็นอันทำงานพอดี เผลอๆหนีกลับมาอีก” ผมบ่นกระปอดกระแปด ที่ยังไม่บอกนิก็หวังดีกับพี่ภูมิล้วนๆเลยนะครับ ผมอยากให้พี่ภูมิตั้งใจทำงาน ขนาดครั้งก่อนแค่กระดูกร้าวจากการเล่นกีฬา พี่แกยังจับเครื่องบินกลับมากระทันหันขนาดนั้น แล้วนี้ถ้ารู้ว่าผมโดนยำตรีนเข้าไป โอ๊ยยยย ไม่อยากจะคิดเลยครับ

“กรต้องรีบบอกนะครับ ถ้าคุณอามารู้เองทีหลัง พวกผมจะซวยไปด้วย” อ่าววววววว ไอ้เราก็นึกว่าเป็นห่วงเรา ที่แท้เป็นห่วงตนเองซะงั้น

“จริงๆนะครับ ถ้าคุณอาโกรธแล้วจะน่ากลัวมาก...ผมว่ากรโทรบอกตอนนี้เลยเถอะ” อากิขนหัวลุกแล้ว ทำท่าจะต่อสายให้ผมอีกครั้ง

“เฮ้ยยยยยย เดี๋ยวบอกเองน่าาาา” ผมรีบแย่งมือถือจากมีอากิ ดีนะยังไม่ได้โทรออก

“เอาเป็นว่าช่วงนี้ ถ้าพี่ภูมิถามหา ก็บอกไปว่า กูลาป่วยต่อทั้งสัปดาห์ไปเลย บอกว่าไม่เจอจะได้ไม่ต้องถามละเอียด ตามนั้น” ผมสรุปรวบยอดมัดมือชก อากิพยักหน้าลงอย่างจำยอม ส่วนไอ้มาร์คไม่สนใจใดๆทั้งสิ้น ได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ด่าไอ้บิ๊กอยู่กรอดๆ

“แล้วเรื่องไอ้บิ๊กจะเอาไง” ไอ้มาร์คถามต่อ

“นั่นดิเอาไงดีวะ จับตัวก็ไม่ได้ ไม่รู้แถวนั้นมีกล้องวงจรปิดรึป่าว” มันเล่นรุมตรีนผมในซอยหลังโรงเรียนอีก หลักฐานก็ไม่มี

“กุเช็คแล้วไม่มี แต่ไอ้มืดมันเป็นพยานให้เมิงได้นะ” ไม่รู้ไอ้มาร์คมันไปสืบรายละเอียดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เรื่องแบบนี้เร็วเชียวนะ

“เฮ้ยยยยย จริงดิ แต่กุก็เกรงใจมันนะ เดี๋ยวมันจะพลอยเดือดร้อนไปด้วย” อารมณ์ดีใจมันก็ดีใจแหละครับ แต่ไม่อยากให้เพื่อนมายุ่งยากกับเรื่องของผม

“เอ่อ แล้วจาร์ยปี๊ดก็รู้เรื่องแล้วด้วย กำลังเรียกพบผู้ปกครองฝ่ายนู้นอยู่ นิแม่เมิงก็อยู่ที่โรงเรียนเนี่ย” ไอ้มาร์คแถลงการณ์ต่อ โหหหห นิเรื่องมันยาวไปจนถึงเรียกพบผู้ปกครองแล้วเหรอ

“เฮ้ยยย เร็ววุ้ย งั้นให้คุณแม่จัดการไปแล้วกัน เรื่องแบบนี้แม่ถนัดนักหละ” ถ้าถึงมือคุณแม่ผมก็สบายใจแล้วครับ ออกโรงพยาบาลไปผมคงได้กินอาหารมื้อใหญ่เลยหละทีนี้

“เมิงจะไม่เอาคืนมันเลยเหรอ” ไอ้มาร์คยังถามต่ออีก มันจะแค้นไรนักหนา เคยได้ยินมั๊ย เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

“โอ๊ยยยย ไม่ต้องทำไรหรอกเมิง ยิ่งเราเอาคืนมัน เดี๋ยวมันก็เอาคืนเรา สู้เป็นผู้เสียหายนอนหยอดน้ำข้าวต้มอยู่ที่โรงพยาบาลเนี่ยแหละ สบายจะตาย” ผมอธิบายไปยาวๆ

“แล้วเมิงก็ไม่ต้องไปยุ่งกับพวกมันอีกหละ เดี๋ยวเรื่องมันจะลามมาถึงเมิง ให้มันจบที่กูเนี่ยแหละ” เป็นไงครับ ดูพระเอกมั๊ยหละครับ

“ก็แล้วแต่เมิงเถอะ ถ้าจะเอาอะไรก็บอกพวกกูแล้วกัน” ไอ้มาร์คมันยักไหล่แบบปลงๆที่ยุผมไม่ขึ้น

“เอ่อ...งั้นกูขอ ข้าวผัดกุ้งกล่องนึง กับต้มจืดสาหร่าย แล้วก็ลอดช่องสิงคโปรแล้วกัน” บอกตามตรงครับอาหารโรงพยาบาลไม่ถูกปากขั้นรุนแรง ผมอยากกินอาหารคนธรรมดาอะ

“เมิงร่ายรายการอาหารเอาไว้ให้กูไม่เยี่ยมในตารางรึไง แต่ละเมนู” ไอ่มาร์คบ่น

“สัด!” ผมทำแก้มป่อง งอนใส่มัน ลืมตัวครับนึกว่าตัวเองน่ารัก แต่พอหันไปเห็นสายตาดุๆของอากิ ผมก็สะดุ้งหุบแก้มเกือบไม่ทัน แล้วเราทั้งสามคนก็หลุดหัวเราะกันเบาๆครับ แหะ แหะ แหะ

********************************************************************************************************

“กรครับ ย้ายไปห้องพิเศษเถอะนะครับ” เสียงอากิที่คะยั้นคะยอให้ผมย้ายห้อง ผมว่าผมพักอยู่ห้องรวมก็ดีอยู่แล้วนะ จะย้ายทำไม อีก 2 วันก็ออกจากโรงพยาบาลแล้วเนี่ยอากิพยายามจะย้ายผมไปห้องพิเศษให้ได้ ช่างไม่เข้าใจซะจริงๆว่าห้องรวมมันวิวดีกว่าเยอะ ดูพี่ๆพยาบาลสาวสวยพวกนั้นสิ ใครมันจะอยากไปนอนห้องพิเศษที่เห็นแต่จอทีวีกับเพดานห้องหละครับ

ใช่แล้วครับ ตั้งแต่ผมโดนยำตรีนนี่ก็ผ่านมา 3 วันแล้วครับ อาการก็ดีขึ้นตามลำดับ เอาจริงๆคือผมไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกเหลือแค่รอยช้ำกับไอ้แขนข้างที่หักเนี่ยแหละนอกนั้นก็ชิวๆ หมอเลยให้อยู่ดูอาการอีก 2 วันก็จะปล่อยให้กลับบ้านได้

ส่วนเรื่องไอ้บิ๊กและผองเพื่อนก็โดนพักการเรียนไปตามระเบียบครับ คุณแม่ตัดสินใจไม่เอาเรื่องจนถึงตำรวจเพราะสงสารอนาคตพวกมัน แต่ผมว่าจริงๆแล้วน่าจะเพราะพ่อไอ้บิ๊กมันเป็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทแห่งหนึ่งที่ใจดีบริจาคเงินให้กับทางศูนย์หลักแสนเลยทีเดียว ผมว่าถ้าผมออกจากโรงพยาบาลไปคุณแม่ต้องจัดโต๊ะจีนชุดใหญ่ให้แน่นอน ผมว่าเรื่องมันจบแบบนี้ก็ดีครับดีกับทุกฝ่ายโดยเฉพาะกับทางศูนย์ฯ ความจริงคุณแม่น่าจะเรียกไปเยอะๆหน่อย เอาให้คุ้มกับที่ผมต้องนอนโรงพยาบาลยาวเป็นอาทิตย์แบบนี้

เข้าตำรา ‘ขายลูกกิน’ หน้าที่ 5 ข้อที่ 3 ‘ถ้าจะมีเรื่องต้องยั่วให้อีกฝ่ายเปิดก่อนหลังจากนั้นค่อยตาม’ และข้อที่ 5 ‘สืบเนื่องจากข้อที่ 3 ถ้าจะโดนยำทั้งทีต้องเอาให้ถึงขั้นเข้าโรงพยาบาล ต้องมีใบรับรองแพทย์’ และข้ออื่นๆอีกมากมายซึ่งไม่ค่อยเข้ากับสถานการณ์นี้

เอาเป็นว่าโดนยำตรีนครั้งนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าแล้วกันครับ ฮาาาาาาาาาาาาา

ตอนนี้ก็เหลือเรื่องเครียดแค่เรื่องเดียว

‘พี่ภูมิ’

หลังจากที่เตี๊ยมกับพวกอากิไปว่าผมลาหยุดยาวอยู่ที่บ้านไปนั้น ทั้งไลน์ทั้งโทรศัพท์ผมก็เด้งตลอด ยังดีที่โทรศัพท์ผมกล้องมันเสียเลยไม่ต้องวีดีโอคอล ไม่งั้นความแตกแน่ๆ

ผมว่าผมเนียนแล้วนะ ทักเร็วตอบเร็ว แถมบอกฝันดีทุกวันอีก รับรองพี่ภูมิจับไม่ได้ชัวร์ แต่ประเด็นมาอยู่ที่ว่า สุดสัปดาห์นี้พี่ภูมิก็จะกลับไทยมาแล้วนิสิ แล้วถ้าผมไม่ไปรับหละก็เรื่องใหญ่แน่นอน

แล้วเรื่องก็จะใหญ่ขึ้นไปอีกถ้าผมไปรับด้วยสภาพแบบนี้ น่าจะเชื่อคำอากิตั้งแต่แรก พับผ่าสิ

“กรครับ บอกคุณอารึยังครับ...กร ฟังอยู่รึป่าวครับ” เสียงแจ้วๆดังมา ครับ ไม่ได้ฟังครับกำลังตกอยู่ในพวังก็คนมันเครียดดดดดดดดดด

“ยังเลยหวะ...ทำไงดีวะ” ผมทำหน้าเครียดตอบกลับไป

“เหลืออีก 3 วัน คุณอาก็จะกลับมาแล้ว ผมว่ากรรีบบอกเถอะ” อากิที่เครียดไม่แพ้กันกล่าวเตือน

“ก็กะจะบอกเนี่ย แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไงดี” ว่าแล้วก็ปรึกษาซะเลย ช่วยๆกันดีหลายๆหัว ดีกว่าหัวเดียว

“เริ่มยังไงก็ได้ครับ แต่อย่าโกหกเด็ดขาด ผมว่าแค่บอกไปตรงๆตามความจริงแหละครับ” อากิแนะนำ ง่ายดีนะครับ บอกตรงๆ ตามความจริง ‘พี่ภูมิครับ ผมโดนตฃยำตรีน ตอนนี้แขนหักนอนอยู่ที่โรงพยาบาลครับ’ งั้นเหรอ

โอ๊ยยยยยยย เครียดดดดดดดดด

“พอๆ ไม่คิดละ เดี๋ยวค่อยบอกคืนก่อนกลับ...ใช่แล้ว บอกคืนก่อนกลับนั่นแหละเหมาะสุด” ผมกล่าวเชิงบอกอากิปนๆบอกตัวเอง


*********************************************************************************************************

ในที่สุดผมก็ได้ออกโรงพยาบาลแล้วครับ กลับสู้สถานวิมานของเรา

“เย้...พี่กรกลับมาแล้ว” น้องกิ๊ฟกระโดดโลดเต้นมาตอนรับผม

“แต้งเว๊ยไอ้กร” คราวนี้เป็นไอ้หมู เดินมาแสดงความขอบคุณ

“ใจนะพี่” จบที่ไอ้เล้ง

งงหละสิว่าดีใจอะไรกันหนักหนา ก็อย่างที่บอกแหละครับว่าถ้าผมออกโรงพยาบาลไปแล้วคุณแม่คงจัดโต๊ะจีนชุดใหญ่ให้ ถึงจะไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละครับ คืนนี้ที่ศูนย์ฯมีจัดปาร์ตี้หมูกระทะ แต่ไม่ใช่หมูกระทะทำธรรมดานะครับ เป็นหมูกระทะทะเลเผา เอ๋า เอ๋า เอ๋า เอ๋า เอ๋า แบบมีแอ๊กโค่ด้วย

เป็นไงหละจากน้ำพักน้ำแรงผลงานจากการเจ็บตัวของผม สร้างรอยยิ้มให้น้องๆที่ศูนย์ฯได้มากมายขนาดนี้ คุ้มยิ่งกว่าคุ้มครับ เอิ๊กๆ
 
“เอานี้เจ้ากร กินหมูเยอะๆ จะได้หายเร็ว” คุณแม่คีบหมูใส่จานให้ผม ถึงผมจะใช้ได้แค่มีซ้ายข้างเดียว แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับการกินครับ เรื่องกินเรื่องใหญ่ยังไงก็ต้องยัดให้อิ่มครับ

ผมใช้มือข้างที่เหลือสวาปามหมูกระทะ กุ้งเผา ผักลวก หรืออะไรก็ตามที่คนอื่นประเคนให้ จนในที่สุดพุงน้อยๆก็รับไว้ไม่ได้ต้องส่งเสียงเรอออกมาประท้วงให้หยุดกิน

“โหหหหหห ถ้าจะเรอขนาดนี้” เสียงไอ้เล้งครับ แสดงสีหน้ารังเกียจพร้อม แหะๆ เรอเสียงดังเป็นมารยาทที่ไม่ดีเด็กๆอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ

“อิ่มแล้ว แกก็ขึ้นไปนอนเถอะ ไม่ต้องอยู่ช่วยเก็บหรอก” คุณแม่ไล่ผมไปนอน ช่วงนี้ทุกคนต่างเอาใจผมครับ ไม่ใช่เพราะผมเป็นคนป่วยหรอกนะครับ เพราะหมูกระทะมื้อนี้ต่างหาก -*-

“ไอ้เล้ง ขึ้นไปช่วยพี่แกอาบน้ำด้วยไป๊” แถมไล่ไอ้เล้งมาเป็นผู้ช่วยผมอีก พอดีเลยผมอยากได้คนขัดหลังพอดี

*********************************************************************************************************

PHUMMA : กินข้าวรึยัง

OPPA’KORN : เรียบร้อยแล้วครับพร้อมเข้านอน

PHUMMA : นอน? ทุ่มนึงเนี่ยนะ

ทำไมครับ นอนเร็วผิดตรงไหน ผมมันเป็นวัยรุ่นรักสุขภาพ

OPPA’KORN : นอนเร็วๆจะได้รีบฝันถึงพี่ภูมิไงครับ

PHUMMA : ……………………..

PHUMMA : ช่วงนี้เธอดูแปลกๆนะ ทำอะไรผิดไว้รึป่าว

ชะอุ๊ย ทำไมรู้อะ พี่ภูมิรู้ พี่ภูมิเห็น หรือพี่แกจะมีญาณทิพ

OPPA’KORN : ป๊าวววววววววววว

PHUMMA : สูงเชียวววววววว

OPPA’KORN : แหะๆ

OPPA’KORN : ผมมีอะไรจะบอกแหละ

PHUMMA : …………สารภาพมา!

OPPA’KORN : …………………………..

OPPA’KORN : พี่ภูมิต้องสัญญาก่อนว่าจะไม่โกรธ….มาก

PHUMMA : ……………………..

PHUMMA : ชั้นไม่สัญญา

OPPA’KORN : งั้นผมไม่บอก

PHUMMA : ปกรณ์!

OPPA’KORN : โอ๊ยยยยย อย่าดุผมเลย

OPPA’KORN : เอางี้ ยังไงพรุ่งนี้ก็เจอกันแล้ว ผมรวบยอดบอกพรุ่งนี้เลยละกัน ถือว่าเป็นเซอร์ไพส์
PHUMMA : นายปกรณ์ กิจการุณ !!!

OPPA’KORN : ถ้าดุผมไม่ไปรับที่สนามบินนะเออ

ต้องขู่กลับบ้างครับ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น เหรอ?

PHUMMA : ……………………….

OPPA’KORN : เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เจอกันนะครับ แล้วอย่าลืมสัญญานะครับ

OPPA’KORN : อย่าโกรธมาก ผมเป็นห่วง เดี๋ยวความดันขึ้น!

OPPA’KORN : ฝันดีครับ ❤️❤️

PHUMMA : ……………………….

ต้องหนีโดยด่วนครับ เปิดโหมดกลางคืน แล้วหลับหนีแม่งงงงงงงงงงงง ปล่อยให้เป็นเรื่องของพรุ่งนี้ไปครับ แหะๆ




*******************************************************************************************

ยัง! น้องกรยังไม่หยุด แล้วเธอจะต้องเสียใจ!  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด