รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)  (อ่าน 12700 ครั้ง)

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
สวัสดีช่วงสงกรานต์ค่ะ

ยินดีที่ได้รู้จัก เราเป็นนักเขียนหน้าใหม่ของเล้าแห่งนี้ เคยแต่ตามอ่านนิยาย ช่วงนี้อะไรดลใจไม่รู้เลยลุกขึ้นมาแต่งนิยายเหมือนคนอื่นเค้าบ้าง หลังจากผันตัวไปเป็นนักอ่านอยู่ร่วมสิบปี พอกลับมาลองเขียนอีกครั้งรู้ตัวเลยว่ากลับไปเป็นนักอ่านน่าจะรุ่งกว่า 555 :hao5:



********************************************************************************************



ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฎเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฎจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิ์ส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรูปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ
หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสต์กระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทู้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพสต์ หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเว็บแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล์ บอกเมล์ แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสต์นิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insert quote ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เว็บ http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม้อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเว็บ แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสต์จนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสต์ในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรื่องบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสต์นิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสต์ให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเว็บบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เว็บไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสต์ชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเว็บไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสต์อ้างอิงชื่อผู้โพสต์หรือเว็บไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเว็บไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสต์และเว็บไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสต์ค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเว็บไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสต์ได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพสต์
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฎการซื้อขายของเล้าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสต์เรื่องสั้นให้มาโพสต์ที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสต์แรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ


********************************************************************************************

เรื่องนี้นายเอกพระเป็นตัวเล่าเรื่องหลักนะคะ อาจมีตอนที่พระเอกเล่าแทรกบ้างแต่จะออกแนวตอนพิเศษซะมากกว่า

พล๊อตเรื่องจะซ้ำๆพอเดาทางได้ อาศัยอ่านเพื่อความบันเทิงตามแบบฉบับสาววายลัทธิสุขนิยมแล้วกันนะคะ  :o8:

ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยน้าาาาาาา




********************************************************************************************



บทที่ 1 ผมไม่ชอบรถสีดำ

บรรยากาศเงียบสงบยามเช้า กำลังถูกรบกวนด้วยเสียงเครื่องยนต์ 4 จังหวะ ฮอนด้าดรีม 100 หรือจะเรียก ดรีมท้ายเป็ด ดรีมท้ายมน ดรีมคุรุสภา แล้วแต่สะดวกเรียกเลยครับ ขี่เป๋ซ้ายทีขวาที ก่อนจะชนเข้ากับฟุตบาทอย่างจัง ยังดีที่คนขี่ขายาวใช้ขาทั้งสองข้างช่วยพยุง ไม่งั้นคงได้จูบฟุตบาทไปแล้ว

“เอี๊ยดดดดด…..เฮ้ย ไม่นะไอ้แก่ลูกพ่อ” ผมสบถลั่น หลังจากที่มอเตอร์ไซต์ลูกรักจอดนิ่งสนิทอยู่ริมถนน

“ไรหว่า ไหนพี่ทิดว่าซ่อมแล้วไง...แล้วงี้จะไปโรงเรียนทันป่าววะ” เอาแล้วไงครับวันนี้ยิ่งรีบๆอยู่ด้วย

วันนี้ผมต้องรีบไปโรงเรียนเพราะมีนัดกระจายสินค้า ถ้าไปไม่ทันนอกจากจะ อดได้เงินยังอาจโดนด่าตามหลังอีกด้วย

สวัสดีครับ ผมชื่อนายปกรณ์ กิจการุณ ปีนี้อายุ 16 ปี กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 4 โรงเรียนเอกชนชื่อดังย่านชานเมืองแห่งหนึ่ง มันใช่เวลาแนะนำตัวไหม! เอาจริงๆตอนนี้ผมรีบมาก วันนี้มีสอบครับต้องรีบเอาสินค้าไปปล่อย แหะ แหะ

ก่อนอื่นรองสตาร์ทรถใหม่อีกครั้งนึง“แถก แถก แถก” ไม่ติดครับ เอาไงดีหว่าครับ ซ่อมสไลด์ไทยแลนด์ เตะครับ เตะเข้าไปตรงเครื่องยนต์มันเนี่ยแหละ “แถก แถก ชึ่งงงง บรึ้นนนนนน” ติดเลยคร้าบบบบบบ ฮาาาาา ก่อนอื่นผมขอแว้นไปโรงเรียนก่อนนะครับ

หน้าโรงเรียนเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่งย่านชานเมือง ธงชาติกำลังถูกชักขึ้นสู่ยอดเสา เด็กมาสายโดนเกณฑ์ไปรวมกันหน้าประตูทางเข้า

“ชิบ- ซวยแล้ววันนี้เวรจารย์ปี๊ด” ผมมองไกลๆเข้าไป เห็นอาจารย์ ฝ่ายปกครองที่ยืนคุมนักเรียนที่มาสายอยู่ แม่งงงงงงงง จารย์ปี๊ดกับผมไม่ถูกกันขั้นรุนแรง ผมตัดสินใจดับเครื่องรถมอเตอร์ไซต์แล้วเข้าไปแอบอยู่หลังรถสีดำคันหนึ่ง รถบ้าอะไรไม่รู้คันใหญ่ชะมัดแถมติดฟิล์มดำอีก แต่อย่างน้อยมันก็บังผมกับมอเตอร์ไซต์ผมจนมิดแล้วกัน เมื่อสบจังหวะ อาจารย์กำลังทำโทษนักเรียนคนอื่นอยู่นั้น ผมก็โกยอ้าวใส่เกียร์หมา แอบวิ่งเลียบรั้วโรงเรียนเข้าไปในอาคาร แต่ทว่า!

“ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดด นายปกรณ์ กลับมานี่” เสียงนกหวีดดังลากยาวตามมาด้วยเสียงตะเบ็งของอาจารย์ฝ่ายปกครอง ชะอุ้ย! โดนจับได้ ผมจำใจเดินย้อนกลับมารวมกับเหล่านักเรียนที่มาสาย ก้มหน้าก้มตาแล้วหัวเราะ แหะ แหะ

“ อย่าคิดว่าเรียนเก่งแล้วจะมีสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นจนมาสายได้นะ” โอ๊ยยยยยย สิทธิพิเศษอะไรกั๊นนนนนนนน ผมก็โดนทำโทษตลอดอะ

“โธ่ อาจารย์ครับสิทธิพิเศษมีที่ไหน ผมว่าอาจารย์รีบๆทำโทษผมดีกว่าผมมีสอบคาบแรกอะครับ” สงสารเด็กๆตาดำดำเถอะครับ เด็กหลายคนเลย

“ท้าทายรึ ด้ายยยย งั้นวิ่งรอบสนามฟุตบอล 5 รอบ วิ่งเสร็จชั้นจะปล่อยเข้าห้องเรียน” เฮ้ยยยยย 5 รอบนิ 2 กิโลเลยนะ วิ่งเสร็จไม่หอบแดกเลยเหรอ

“จารย์อะ กว่าจะวิ่งเสร็จเค้าก็สอบเสร็จกันพอดี” ผมต่อรอง

“งั้นนายเลือกเอาว่าจะวิ่ง 5 รอบ หรือจะให้ชั้นกักตัวนายตลอดช่วงเช้าคัดลายมือที่ห้องปกครอง!” ฟิ้ววววววววว ไส้เกียร์หมาวิ่งรอบสนามฟุตบอลด่วนครับ

กว่าผมจะวิ่งเสร็จก็กินเวลาไปเกือบ 10 นาที ไหนจะวิ่งขึ้นห้องเรียนอีก เปิดประตูเข้าไปทุกคนเริ่มทำข้อสอบแล้วครับ ครูแพรวพรรณหันมามองผมตาเขียว แต่สายตาเพื่อนๆร่วมชั้นเรียนกลับมองผมตาลุกเป็นไฟ แหะ แหะ ขอโทษนะเพื่อนๆ

“นายปกรณ์ไปนั่งที่แล้วเริ่มทำข้อสอบสักที มาสายเกือบครึ่งชั่วโมงครูไม่ทดเวลาให้นะ” คร้าบบบบบ ผมเข้าประจำที่แล้วเริ่มทำข้อสอบทันที ไม่นานก็เสร็จครับคนมันเก่ง พอเสร็จแล้วไม่มีอะไรทำ นั่งเฉยๆก็เริ่มง่วง นอนสิครับรออะไร

เรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ สัปดาห์นี้เป็นฤดูกาลสอบปลายภาคของภาคเรียนที่ 2 ชีวิตผมก็จะยุ่งๆหน่อย ไหนจะต้องอ่านหนังสือจนดึก เตรียมสินค้ามาปล่อย เช้ามายังต้องช่วยคุณแม่ดูแลน้องๆที่ศูนย์อีก อย่างเช้าวันนี้ผมก็ไม่ได้กินข้าวเช้ามา แถมศูนย์ของเรายังอยู่ห่างจากโรงเรียน 10 กว่ากิโล รถมอเตอร์ไซต์เสียอีก ผมก็เลยมาสายอย่างที่เห็นละครับ

“โครกกกกกก...เฮ้ย!” สะดุ้งตื่นสิครับ เสียงอะไรดังชิบ-

“นายปกรณ์ ครูเรียกตั้งนานไม่ตื่นแต่สะดุ้งตื่นเสียงท้องตัวเองร้องเนี่ยนะ” ครูแพรวพรรณตวาดผมเสียงแหวว เพื่อนทั้งห้องก็พร้อมใจกันหัวเราะเสียงดัง อ่าว! หมดคาบพอดี แหะ แหะ หิวข้าวไงครับ ไม่ได้กินข้าวเช้ามา

หมดเวลาทำข้อสอบ พัก 2 ชั่วโมง สอบวิชาต่อไปช่วงบ่ายครับ ผมขอตัวไปกินข้าวก่อนครับไม่ไหวแล้ว

“ เดี๋ยวเว๊ยไอ้กร” ผมหันไปตามเสียงเรียก เป็นไอ้มาร์คครับที่เรียกผมไว้

“ มีไรวะกูหิว กูจะไปกินข้าว” หิวจริงๆนะเออ ไม่ได้ยินเสียงท้องร้องเมื่อกี๋เหรอ

“ มึงจะไปกินข้าวไม่มีใครห้ามมึงหรอก แต่มึงเอาแนวข้อสอบวิชาต่อไปมาก่อน” เอ่อ ผมลืมไปสนิทเลย ว่าแล้วผมก็เปิดกระเป๋าคว้าเอากระดาษปึกใหญ่ส่งให้เพื่อน

“เอ่อ ขอบใจ วิชาแรกพวกกูไม่จ่ายนะเว๊ย เมิงมาไม่ทันเอง” บ่ะ ไอ้ลูกคนรวยพวกนี้ งกใช้ได้

“เออ เออ ฝากเมิงเอาไปกระจายแล้วเก็บตังมาให้กูด้วยแล้วกัน” จะโทษใครได้ล่ะครับผมมาสายเอง แค่เพื่อนมันไม่ด่าผมก็บุญขนาดไหนแล้ว ถือว่าหยวนๆแล้วกันครับ

อย่างที่ผมบอกไปผมมีนัดกระจายสินค้า ก็ไอ้แนวข้อสอบนั่นแหละ เพื่อนทั้งห้องมันรอสรุปแนวข้อสอบจากผมอยู่ ไหนๆผมก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบอยู่แล้ว หาเงินใช้เล็กๆน้อยๆจะเป็นไรไป ผมไม่ใช่เด็กเก่งเทพอะไรหรอครับ แต่ผมเป็นเด็กทุนคือต้องรักษาอันดับตัวเองให้ติดหนึ่งใน 10 ของระดับชั้น ไม่งั้นชวดทุนสิครับ เพื่อนๆมันรู้ว่า พึ่งพาผมได้ก็ตอนที่ผลสอบเทอมหนึ่งออก ผมได้ที่ 3 ไง หลังจากนั้นผมก็เลยมีหนทางหารายได้พิเศษ จนเก็บเงินซื้อไอ้แก่มาได้นั่นแหละครับถึงจะมือสองก็เถอะ

หลังสอบช่วงบ่ายเสร็จ ผมรีบตรงไปที่ไอ้แก่ดรีม 100 ของผมครับ ก็เล่นไปจอดทิ้งไว้นอกโรงเรียนแบบนั้นไม่รู้ป่านนี้จะยังอยู่ที่เดิมหรือเปล่า

“เดี๋ยวก่อนครับกร ไปกินข้าวด้วยกันป่าว รวดไปติวหนังสือด้วยกัน” เด็กผู้ชายผิวขาวที่เดินมาพร้อมผู้ชายร่างสูงโปร่งเอ่ยเรียนผมไว้

สองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทผมครับ ไอ้คนสูงโปร่งชื่อมาร์ค คนที่มาทวงแนวข้อสอบเมื่อเช้านั่นแหละ ส่วนคนผิวขาวชื่ออากิเป็นชาวญี่ปุ่นที่พูดภาษาไทยคล่องมากกกกกก ผมเจอเพื่อนทั้งสองคนวันปฐมนิเทศน์มีเรื่องกันนิดหน่อย แต่ก็ทำให้เป็นเพื่อนสนิทกันมาจนถึงทุกวันนี้

มาร์คเป็นผู้ชายร่างสูงโปร่ง เป็นนักกีฬาบาสประจำโรงเรียนครับ รูปหล่อพ่อรวยเลยเนื้อหอมมาก เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ กรี๊ดกันกระจาย จนถึงขั้นที่แก๊งค์นางฟ้าต้องตั้งแฟนคลับจัดระเบียบหนุ่มๆ เพื่อความเป็นส่วนตัวของไอ้มาร์คมัน ประมาณว่าให้มันหล่อๆ รวยๆ อยู่บนหิ้งบูชาเป็นเทพไปครับ

ส่วนเพื่อนอีกคนที่ผมเรียกว่าเด็กผู้ชาย คืออากิตัวเล็กมากครับ เทียบกับผมที่ไม่ได้ตัวสูงอะไรอากิก็ยังตัวเล็กกว่าอยู่ดี น่าจะซัก 155 เซนได้มั้ง ด้วยความที่อากิเป็นคนญี่ปุ่นผิวก็เลยขาว เนียนละเอียด แตกต่างจากคนไทยเรามากครับ รุ่นพี่ต่างมองอากิตาเป็นมันแต่ยังดีที่มีไอ้มาร์คมันคอยกันท่าไว้ให้ตลอด ก็เล่นยืนเป็นยักษ์ปักหลักอยู่ข้างหลังใครมันจะกล้าเข้าใกล้ 555

“ขอผ่านวันนี้กูมีงานพิเศษ” ผมตอบอากิไป อากิขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร

“งานพิเศษอีกแล้วเหรอวะพรุ่งนี้ยังมีสอบอยู่นะเว๊ย…อะนี่ แล้วอย่าลืมของวันพรุ่งนี้หละ” เป็นมาร์คครับที่บ่นแทน แล้วยื่นเงินมาให้ผม ทำงานดีมากเพื่อน

“เอ่อๆ แล้วเจอกันพรุ่งนี้” ผมรีบไงครับ กลัวรถหาย

“แล้วเมิงอย่ามาสายอีกหละ” ไอ้มาร์คตะโกนไล่หลังมา

-”-

เย้! ไอ้แก่ของผมยังจอดอยู่ที่เดิม แอบอยู่ด้านหลังรถสีดำคันเดิม เอ๊ะ! รถคันเมื่อเช้านี่หว่าจอดตายไว้หรือไง

“ชึ้งงงง” ผมสตาร์ทรถมอเตอร์ไซต์ครั้งเดียวก็ติด แตกต่างจากตอนเช้าลิบลับสงสัยลูกเตะจะได้ผล ดีเหมือนกันจะได้ไม่ต้องเสียงเงินค่าซ่อมรถ เอาเป็นว่าผมรีบไปทำงานพิเศษก่อนดีกว่า



วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย แถมวันนี้ผมไม่ต้องทำงานพิเศษด้วย ได้เวลาปลดปล่อยแล้วครับ

“อากิ เย็นนี้ไปไหนดี เกมเซ็นเตอร์ดีมั๊ย” ผมหันไปถามเพื่อนตัวเล็ก

“อืม…..ได้สะ” อากิยังตอบไม่เสร็จดีไอ้มาร์คมันก็แทรกขึ้นมา

“ไปทำไมเกมเซ็นเตอร์ อากิเล่นเกมเป็นที่ไหน ไปร้องคาราโอเกะดีกว่า” โหหหห ไม่เอาครับผมไม่อยากทนฟังเสียงไอ้มาร์คร้องเพลง

“เฮ้ย ไม่เอา มึงร้องเพลงเสียงเหมือนหมูโดนเชือด เสียสุขภาพจิต” ผมเถียงสู้ยิบตาครับ

“งั้นมึงจะไปไหน แต่ไม่ไปเกมเซ็นเตอร์นะเว้ย” เอ่อหวะ คิดไม่ออกแล้วครับ ไปไหนดี

ระหว่างเดินเถียงกันว่าจะไปที่ไหนดี แป๊บๆก็ออกมาถึงหน้าโรงเรียนแล้วครับ ผมเดินไปที่ไอ้แก่ของผม มองซ้ายมองขวาดูว่าไอ้มาร์คจอดรถไว้แถวไหน ก็หันไปเจอเข้ากับรถคันสีดำคุ้นตา รถคันนี้อีกแล้วทำไมช่วงนี้เจอบ่อยจังวะ นี่ก็เจอมาสี่วันติดแล้ว ผมไม่ชอบรถสีดำเลยว่ะ หยองๆพิกล

“สรุปไปไหนดีวะ” ระหว่างคิดอะไรเพลินๆไอ้มาร์คก็ถามขึ้นอีกครั้ง

“นั่นดิ เกมเซ็นเตอร์ก็ไม่ไป คาราโอเกะก็ไม่เอา” เครียดครับเครียดพอๆกับคำถามที่ว่าเย็นนี้กินอะไรนั่นแหละ

“เอ่อ…ถ้าไม่รู้จะไปไหน ไปกินข้าวที่บ้านผมมั๊ยครับ” อากิเอ่ยชวน

“ไป” ผมกับมาร์คตอบพร้อมกัน แหมๆตอบเร็วไปมั๊ยเพื่อน ไอ้ผมหนะของฟรีไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว ส่วนไอ้มาร์คนิผมไม่รู้นะคร้าบบบบบบบบบ

-------------------

ปล.ยังไม่ไดตรวจสอบคำผิดนะคะ เนื้อเรื่องมันวนอยู่ในหัวเต็มไปหมด ขอระบายออกมาก่อนที่จะลืมดีกว่าค่ะ แล้วจะกลับมาแก้คำผิดให้น้าาาาาาา   :katai5:
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-11-2019 08:43:58 โดย nethang »

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: รักนี้คุณพี่จัดให้!!!
«ตอบ #1 เมื่อ27-04-2019 11:17:14 »

ขอมาต่อตอนที่ 2 นะคะ นานๆโผล่มาที แต่จะมาเรื่อยๆค่ะ :o8:



********************************************************************************************



บทที่ 2 ผมเริ่มชอบรถสีดำแล้ว

บ้านของอากิเป็นคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ถึงแม้จะไม่ใช่ชั้นบนสุดแต่ก็เกือบๆหละครับ ทั้งชั้นมีห้องชุดแค่ 2 ห้องเท่านั้นไม่อยากนึกถึงราคามันเลย

ผมก็พอรู้มาบ้างว่าโรงเรียนของผมนักเรียนส่วนมากเป็นลูกหลานคนมีฐานะ อย่างไอ้มาร์คที่บ้านทำธุรกิจรถซุปเปอร์คาร์ ส่วนอากินี้ผมไม่เคยรู้เรื่องที่บ้านมันครับ แต่คิดว่าน่าจะเป็นตระกูลเก่าแก่ อบรมลูกหลานมาดีเหลือเกิน ส่วนผมนะเหรอ นักเรียนทุนไงครับเป็นส่วนน้อยมากๆของโรงเรียน เอ๊ะ! ส่วนน้อยรึป่าววะ โรงเรียนนี้มีนักเรียนทุนคนอื่นรึป่าว

เอาเป็นว่าพวกเราคบกันด้วยใจแล้วกันครับ เงินทองมันของนอกกาย แหะ แหะ

“เข้ามาสิครับกร ข้างในแอร์เย็นนะครับ แหะแหะ” อากิเรียกผมที่ยืนอึ้งหน้าประตูห้อง ครับๆ แอร์เย็นดีครับ

“นายอยู่กับใคร” ไอ้มาร์คมันถามหลังจากเดินสำรวจห้องชุดแล้วพบว่ามีห้องนอนถึง 2 ห้อง

“ผมอยู่คนเดียวครับ แต่ถ้าคุณพ่อมาไทยก็จะมาค้างกับผมที่นี่ ออ! ลืมไป ห้องตรงข้ามเป็นห้องของคุณอาครับ คุณอาเป็นผู้ปกครองให้ผมที่ประเทศไทย” แล้วก็ชี้มือไปยังนอกห้อง ห้องชุดอีกห้องที่อยู่ชั้นเดียวกัน

ไอ้มาร์คบ่นพรึมพรำว่าอยู่คนเดียวๆ แล้วก็เงียบไป

ผมเหลือบไปเห็นกรอบรูปวางอยู่บนโต๊ะรับแขก เอากิถ่ายรูปกับผู้ชาย 2 คน คนหนึ่งเป็นคนญี่ปุ่นอายุราวสี่สิบต้นๆ หน้าตาเหมือนอากิเป๊ะเพียงแต่สูงกว่ามาก ไม่บอกก็รู้ว่านั่นพ่อของอากิ ส่วนอีกคนน่าจะอายุยี่สิบกว่าๆเป็นคนไทยที่ค่อนข้างสูงและผิวขาวมาก เทียบตามมาตรฐานชายไทย ถือว่าหน้าตาค่อนข้างดีเลยแหละ ใช่ซะที่ไหน หน้าตาดีมากต่างหาก!

“เอ่อ คนนี้พ่อผมครับ ส่วนอีกคนคือคุณอา” โหหหหห คนนี้เหรอคุณอา หน้าตาแบบนี้เรียกคุณพี่เถอะ

ไอ้มาร์คครับคว้ารูปได้ดูอย่างเร็ว จ้องเขม็งไปที่คุณอาแล้วพูดเสียงดัง

“ไอ้คุณอานิญาติฝั่งไหนเนี่ย หน้าตาไม่เหมือนกันสักนิด นี้มันคนไทยชัดๆ” เอ่อ เพื่อนใจเย็นๆ จะไปยุ่งเรื่องครอบครัวเค้าทำไมครับ -”-

“คุณอาเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคุณพ่อครับ แกเป็นลูกครึ่ง เอ่อ คือ เรื่องมันยาวอะคะ” อากิค่อนข้างลำบากใจที่จะเล่าเรื่องครอบครัวของตัวเอง

“เอาน่าเพื่อน อาก็อาสิ หาไรกินกันดีกว่า” ผมตบบ่าไอ้มาร์คเบาๆ

มื้อเย็นมีอาหารที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ 3 อย่าง แต่เหมือนจะไม่พอเราเลยสั่งพิซซ่าและไก่ทอดมาเพิ่ม อากิชวนเราดูหนัง เล่นเกม แล้วปิดท้ายด้วยการจั่วไพ่ครับ 555 ถือว่าฝึกคณิตศาสตร์กันไปครับ ลักษณะคืนนี้จะอีกยาวไกลผมกำลังมือขึ้นครับ

“เอ่อ ถ่ายรูปกันมั๊ยครับ ที่ระลึกที่มาเที่ยวบ้านผม” อากิควักมือถือขึ้นมาเตรียมพร้อมถ่ายเซลฟี่ ไอ้มาร์คครับมันดันหน้าผมออกห่างประหนึ่งว่ามันจะถ่ายกันสองคน

“เฮ้ย ไม่ได้ให้ถ่ายรูปคู่เฟ้ย!” ผมโวยวาย ส่วนอากิหัวเราะชอบใจ

พวกเราเอะอะเสียงดังโวยวายดังลั่นห้องไม่เกรงใจใคร จะต้องเกรงใจใครหละทั้งชั้นมีแต่พวกเรา 3 คน เอ๊ะ! รู้สึกเหมือนลืมอะไรไป

“โครม” เสียงกระแทกประตูดังมาจากห้องตรงข้ามครับ

“สงสัยคุณอากลับมาแล้ว อ่า...นี้ก็ดึกมากแล้วนะครับ จะค้างที่นี้กันมั๊ยครับ” อากิเอ่ยถาม

ไอ้มาร์คครับหูตั้งหางกระดิก ไม่ใช่ละ!

“ค้าง/ไม่ค้าง” ตอบพร้อมกันครับ แต่ผมเสียงดังกว่า

ไม่กลับไม่ได้ครับเดี๋ยวคุณแม่จะเป็นห่วง เด็กๆที่ศูนย์ก็รอ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก

“พวกกูกลับกันก่อนดีกว่า...ไปเลยไอ้มาร์คกลับบ้านไป เดี๋ยวพ่อมึงก็ตัดออกจากกองมรดกหรอก” ว่าพร้อมดันหลังเพื่อนให้เก็บของกลับบ้าน มันงอแงเล็กน้อยครับแต่ผมปรามมันไว้ให้อดทนอดกลั้นบ้าง 555

“แล้วเจอกันตอนเปิดซัมเมอร์นะ มีไรทักไลน์มา” ผมโบกมือลาอากิก่อนจะเดินออกมานอกห้อง พร้อมไอ้มาร์ค เหลือบตาไปมองห้องฝั่งตรงข้าม รู้สึกหยองๆพิกล ไอ้มาร์คมองไปที่เดียวกับผมร้องชริพร้อมพ่นลมหายใจแล้วเดินไปกดลิฟต์

ผมเดินไปยังไอ้แก่ของผม เหลือบมองรถหรูแต่ละคันที่จอดอยู่ คอนโดนี้คงมีแต่คนรวยจริงๆนั่นแหละ ว่าแล้วก็เหลือบไปเห็นรถสีดำคุ้นๆตา เชี่ย! รถสีดำคันนั้นอีกแล้ว ขยับได้ด้วยเหรอวะ นึกว่าจอดตายอยู่หน้าโรงเรียนซะแล้ว คันเดียวกันป่าววะ อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น ว่าแล้วก็ควักมือถือขึ้นมาถ่ายรูปป้ายทะเบียนรถเอาไว้ เอาวะ! ถ้าดวงมันจะสมพงกันขนาดนั้น งวดนี้แทงหวยสามตัวท้ายแล้วกัน ถ้าถูกขึ้นมาจะซื้อพวงมาลัยไปไหว้เลย สาธุ



โรงเรียนของเราน่าอยู่ คุณครูใจดีทุกคน เด็กๆก็ไม่ซุกซน พวกเราทุกคนชอบมาโรงเรียน ชอบมาชอบมาโรงเรียน แอนแอ๊นด์ ปิดเทอมใหญ่หัวใจไม่ว้าวุ่นครับ ปิดเทอมแล้ว ซัมเมอร์ก็ยังไม่เปิดแต่ผมต้องมาโรงเรียนทุกวันครับ มันเป็นหน้าที่ของเด็กทุน ผมจะต้องมาทำงานที่ห้องธุรการตลอดช่วงปิดเทอม ช่วยงานอาจารย์เล็กๆน้อยๆ ยังดีครับที่ได้ค่าแรง อารมณ์เหมือนทำงานพิเศษนั่นแหละ อาจจะดีด้วยซ้ำไม่ต้องไปเสียเวลาหางานพิเศษที่ไหนทำ

นิก็เป็นเวลาครบสัปดาห์แล้วครับตั้งแต่ปิดเทอมมา และผมก็เริ่มมาทำงานพิเศษที่โรงเรียน ทุกๆเช้าเย็นเวลาผมผ่านหน้าประตูโรงเรียนก็จะพบรถสีดำคันนั้นคันเดิมป้ายทะเบียนเดียวกันกับที่ผมถ่ายรูปเก็บไว้

แถ่นแถ๊นนนนนนนน และก็นี้ผมลงทุนซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้วครับ เอาแบบสามตัวท้ายเน้นๆ จัดเป็นชุดเลย ยังไม่พอซื้อใต้ดินบล็อคไว้อีกทางนึง 100x100 หากดวงเราสมพงกันจริงขอให้ลูกช้างถูกหวยด้วยเถิด เพี๊ยง! ว่าแล้วผมก็เดินไปสวดมนต์ พร้อมเป่าน้ำมนต์ (น้ำลายผมเนี่ยแหละ) พรหมรถคันนั้นไปเลยจะได้ขลังๆ 55555

รอสี่โมงเย็นวันพรุ่งนี้เราจะได้เห็นดีกัน!


วันนี้เป็นเช้าวันที่ 1 ครับ ผมมาทำงานพิเศษที่โรงเรียนตามเคย แต่วันนี้บรรยากาศแปลกๆไป รถคันสีดำคันเดิมคันนั้นไม่ได้จอดอยู่ที่หน้าโรงเรียนเหมือนเคย ผมใจหายวาบเลยครับ หรือวาสนาของเราจะจบลงแค่นี้ แล้วที่ผมลงทุนซื้อหวยไปจะถูกรึป่าว หรือจะถูกแดก!!!

วันนี้ทั้งวันผมไม่เป็นอันทำงาน ไม่มีสมาธิ ใจเฝ้ารอแต่เวลาสี่โมงเย็น ช่วงบ่ายถึงขั้นหายตัวครับ ไปลุ้นหวยอยู่กับป้าแม่บ้าน

“ประกาศผลเลขท้ายสามตัว หมุนครั้งที่หนึ่ง 4 0 3 ประกาศอีกครั้ง ผลเลขท้ายสามตัว หมุนครั้งที่หนึ่ง 4 0 3” เชี่ยยยยย ไม่ถูกครับใจเริ่มฝ่อรู้สึกห่อเหี่ยว แต่ป้าแม่บ้านก็ปลอบผมว่า ใจเย็นๆ ยังมีอีกรางวัลนึง

“ประกาศผลเลขท้ายสามตัว หมุนครั้งที่สอง 9 7 5 ประกาศอีกครั้ง ผลเลขท้ายสามตัว หมุนครั้งที่สอง 9 7 5” เชี่ยยยยย ผมถูกหวยแดก ทั้งสลากกินไม่แบ่งรัฐบาล ทั้งหวยใต้ดินเจ้เล๊ง เงินที่ลงทุนไปโค ต รเสียดายอะครับ ป้าแม่บ้านตบไหล่ผมเบาๆ ทุกแยกย้ายกันไปทำงาน

ผมคอตกกลับมาทำงานที่ห้องอาจารย์ จารย์ปี๊ดก็แซวว่าถูกหวยแดกหละสิ แหมมมมม ทับถมกันจริง

“เอาน่าไม่ต้องเครียดหรอกปกรณ์ เค้าถึงเตือนกันว่าอย่าหวังรวยทางลัด ตั้งใจเรียนหนังสือไป เก่งๆอย่างนายจบไปอนาคตไกลแน่นอน” จารย์ปี๊ดตบไหล่ผมเบาๆ แล้วต่างคนต่างแยกย้ายกันกลับ

“เอ่อใช่! นายปกรณ์ ลองตรวจรางวัลอื่นด้วยสิเผื่อถูก” จารย์ปี๊ดตะโกนทิ้งท้ายก่อนจากไป

ผมเป็นเด็กที่เชื่อฟังอาจารย์ครับ ระหว่างเดินกลับไปที่มอเตอร์ไซด์มือก็ปัดมือถือตรวจสลากกินแบ่งรัฐบาลในเวปไซต์

‘หมายเลขของท่านถูกรางวัลที่ 4’ ห๊ะ! รางวัลที่ 4 จริงดิ หวยชุดนี้มี 5 ใบ รวมเป็นเงิน 200,000 บาท โอ๊ยยยย บุญหล่นทับไอ้กรแล้วเว๊ยยยยย ก่อนอื่นต้องไปขึ้นเงินเสร็จแล้วเอาเงินเข้าแบงค์ ตามนั้น!

ผมพนมมือไหว้ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พลางเหลือบไปเห็นรถคันสีดำคันนั้นคันเดิมได้กลับมาจอดอยู่ที่เดิมแล้ว คุณพระ นิสิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของจริง ถ้าไม่ได้รถคันนี้ ทะเบียนนี้ ผมก็คงไม่ถูกหวยแบบนี้หรอก

ว่าแล้วก็เดินเข้าไปใกล้รถพนมมือและสวดมนต์ เตรียมพรมน้ำมนต์อีกรอบ ในขณะที่อัดลมเข้าปากพร้อมที่จะพ่นน้ำมนต์อยู่นั้น กระจกรถติดฟิล์มดำมืดก็ลดระดับลง

“หยุดนะ อย่าพ่นมันออกมา” เสียงทุ่มต่ำกว่าอย่างหนักแน่น แต่ทว่าไม่ทันแล้ว ด้วยความตกใจผมได้ปล่อยพลังลมที่อัดอยู่ในปากออกไปแล้ว ปล่อยออกไปทั้งลมทั้งน้ำแหละครับ และเป้าหมายการพรมน้ำมนต์มันไม่ใช่ที่ตัวรถแล้ว แต่กลายมาเป็นที่ใบหน้าของเจ้าของเสียงทรงพลังนั้น

“เฮ้ยยยยย” ก็คนมันตกใจนิครับ มันควบคุมตัวเองไม่ได้!!!!!



********************************************************************************************


คือคนเขียนชอบนิสัยนายเอกเป็นการส่วนตัว นางฮาดี 555  :katai3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-10-2019 15:09:26 โดย nethang »

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ให้ตายสิไอ้กรรรรรรรรรร :z3: o22

********************************************************************************************



บทที่ 3 ผมแค่อยากขอบคุณ

“เฮ้ยยยยยยย…..พรวด” ไม่ทันแล้วครับ น้ำมนต์ที่ผมปล่อยออกไปด้วยความตกใจไม่ได้มีลักษณะเป็นละอองสวยงาม แต่กลับพุ่งเป็นลำไปกระเทกเข้ากับใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังเลื่อนกระจกลงมา

บรรกาศถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบสงัด ผมไม่กล้าแม้จะหายใจดัง ผมช็อคครับ แต่คนในรถน่าจะช็อคยิ่งกว่า เราทั้งสองได้ดต่สบตากันนิ่ง จนกระทั่งพี่คนขับรถเอ่ยทำลายบรรยากาศเกมจ้องตาของเรา

“คุณภูมิครับ ผ้าเช็ดหน้าครับ” พี่เค้าลงมาเปิดประตูให้เจ้าของรถพร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าให้

เจ้าของชื่อลงมาจากรถพร้อมกับรับผ้าเช็ดหน้าจากพี่คนขับ เมื่อยืนเต็มความสูงปรากฏว่าไอ้คุณภูมิเนี่ย สูงกว่าผมไปเกือบ 2 คืบได้ คนอะไรสูงชะมัด

นอกจากจะสูงแล้วยังผิวขาว แถมยังหน้าตาดีอีกต่างหาก คนหน้าคมชัด จมูกเป็นสัน ดวงตาเรียวเล็ก คิ้วหนาได้รูป ริมฝีปากบางที่เหยียดยิ้มมาให้ผม จัดว่าเป็นคนไทยหน้าตาดีเกินมาตรฐาน ผิวขาวเกินมาตรฐาน แถมสูงเกินมาตรฐาน เอาเป็นว่าอยู่เหนทอมาตรฐานชายไทยอย่างผมหลายขุม

“เธอ…” หลังจากที่ชายคนนั้นรับผ้าเช็ดหน้ามาแล้วก็ลงมือทำความสะอาดตัวเอง ผมที่มองเพลินๆอยู่สะดุ้งเล็กน้อย

ลืมไปครับผมเป็นคนมีมารยาท ทำผิดต้องรีบขอโทษ ถึงจะไม่มีพ่อแม่คอยสั่งสอน แต่คุผณแม่ที่ศูนย์ก็สอนผมมาดีครับ

“เอ่อ…ผมขอโทษครับคุณ...เอ่อ” เอ่อ จะเรียกว่าคุณอะไรดี ก็รู้ว่าน่าจะชื่อคุณภูมิ แต่จะให้เรียกชื่อตรงไก็แปลกๆแฮะ เอาเป็นว่าขอโทษไปอีกรอบละกัน

“เอาเป็นว่าผมขอโทษนะครับคุณเจ้าของรถ ผมไม่ได้ตั้งใจ แหะ แหะ”

คุณภูมิเจ้าของรถจ้องผมเขม็งก่อนจะเอ่ยถาม

“เธอรู้มั๊ยว่าชั้นเป็นใคร” บ่ะ! คำถามแบบนี้ นี่มันประโยคที่ตัวร้ายในละครน้ำเน่านิยมใช้กันนี่หว่า ผมจ้องหน้าคนที่ถามกลับมา เริ่มไม่สบอารมณ์

ครั้นจะตอบคำถามว่าเป็นใคร ก็รู้แค่ว่าชื่อภูมิ ตามที่พี่คนขับรถเรียกนั่นแหละ แถมพอจ้องมองหน้าไปนานๆชักคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่นึกไม่ออกอ่ะ

“เอ่อ...ไม่ทราบครับ” ผมตอบไปอย่างสุภาพ เราทำผิดครับ ไม่ชอบใจขนาดไหนก็ต้องอดทนไว้

“ชั้นชื่อ ภูมิพัฒน์ สิริวัฒนากร คุ้นๆบ้างมั๊ย” บ่ะ! มีการเอานามสกุลยาวๆมาขู่ สงสัยนามสกุลคนดังยาวกว่าปกติเยอะ แต่ก็ยังไม่รู้สึกคุ้นอยู่ดี รู้สึกอย่างเดียวคือเริ่มไม่ชอบหน้าตะหงิดตะหงิด อดทนไว้ ขันติ ขันติ

“เอ่อ ไม่ครับ ผมไม่ค่อยได้ดูข่าว” ผมตอบไปตามตรงที่ศูนย์มีทีวีรวมอยู่เครื่องนึง ส่วนมากพวกเด็กๆจะแย่งกันดูละครไม่ก็การ์ตูน ผมก็ไม่อยากไปแย่งกับน้องๆ อีกทั้งผมไม่ค่อยมีเวลาว่างพอจะดูทีวีด้วยแหละ

คนตรงหน้าขมวดคิ้วขัดใจเล็กน้อย ก่อนถอนหายใจยาว

“เมื่อตะกี๋เธอจะทำอะไร” เสียงทุ้มถามผม สีหน้าเอาเรื่อง

“เอ่อ คือผสมสวดมนต์ขอบคุณครับ แล้วกำลังจะพรหมน้ำมนต์ใส่รถของคุณ” ผมตอบเสียงอ่อยๆ

“น้ำมนต์…?” คนตรงหน้าทำหน้าแปลกใจ สงสัยหละสิน้ำมนต์อะไร น้ำมนต์จากไหน ผมเลยเฉลยให้โดยการชี้นิ้วมาที่ปากของตนเอง

ฝ่ายนั้นนิ่งสนิท ความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกครั้ง ต่างคนต่างใช้ความคิด

“แล้วทำไมต้องสวดมนต์ขอบคุณ พรหมน้ำมนต์ใส่รถชั้น” เสียงเข้มถามต่อ คิ้วขมวดเข้ามากันแน่นขึ้น

“เอ่อ ผมเอาเลขทะเบียนรถคุณไปซื้อหวยครับ แล้วปรากฎว่าถูกรางวัล ผมเลยพรหมน่ำมนต์ขอบคุณ” ผมพยายามอธิบายถึงการแสดงความขอบคุณของผม

“เนี่ยนะ! การขอบคุณของเธอ” เสียงแข็งดังขึ้น ผมได้แต่พยักหน้าหลายๆครั้ง ช้อนตามองอีกฝ่ายปริบๆ

ไอ้คุณภูมิตาเบิกกว้างจ้องหน้าผม นิ่งอึ้งไปอีกพักใหญ่ ความเงียบเข้ามาปกคลุมอีกระลอก ไอ้ผมไม่กล้าพูดอะไรหรอกครับ เงียบไว้เป็นดีที่สุด สุดท้ายเค้าถอนหายใจออกมายาวๆอีกครั้ง

“เธอต้องรับผิดชอบ” ว่าแล้วก็ชี้มือไปที่ใบหน้าของตนเอง ไล่ลงมาถึงเสื้อเชิร์ตที่มีรอยด่างจากน้ำมนต์ของผม

โหหหห ข้อเรียกร้องเยอะชะมัด ขอโทษแล้วก็น่าจะจบๆกันไป ไม่เป็นผู้ใหญ่เอาซะเลย

“ให้ผมรับผิดชอบยังไงครับ” ผมถามกลับ เริ่มไม่สบอารมณ์จริงๆแล้วนะเนี่ย

“ก็แล้วแต่เธอสิ คิดแล้วนำเสนอมา” เฮ้ยยยยย ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณนะที่ต้องคิดแผนงานนำเสนอเนี่ย เป็นคนเรียกร้องให้รับผิดชอบ แต่ไม่ยอมบอกว่าต้องการอะไร นี่ตั้งใจกวนตรีนกันรึป่าวเนี่ย

ผมนิ่งเงียบไปบ้าง สมองกำลังใช้ความคิดส่วนในใจกำลังกร่นด่าอยู่ แต่สีหน้าท่าทางต้องสงบครับ อย่างที่บอก ผมเป็นฝ่ายผิด ถ้าหากแสดงท่าทีไม่พอใจออกไปเรื่องมันอาจจะบานปลายมากกว่านี้ ซึ่งปมไม่สะดวกครับ ให้มันจบที่ผมเลยดีกว่า

“เอาอย่างนี้มั๊ยครับ...ให้ผมเลี้ยงข้าวขอโทษบวกกับขอบคุณที่เลขทะเบียนรถคุณทำให้ผมถูกหวยแล้วกัน” ผมเสนอ อีกฝ่ายเงียบไปอย่างใช้ความคิด ก่อนตอบกลับมาว่า

“ได้แต่ชั้นจะเป็นคนเลือกร้านอาหาร” บ่ะ มีเล่นตัวซะด้วย ไหนๆก็ถูกหวยเพราะฝ่ายนั้น ยอมๆไปก่อนแล้วกันครับ หวังว่าคงไม่แพงเกินไปหรอกนะ ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวพรุ่งนี้ไปสลากกินแบ่งไปขึ้นเงิน พรุ่งนี้ผมก็รวยแล้วววว

“ได้ครับ เรานัดกันวันไหนดีครับ” ผมยิ้มออกมา ในที่สุดจะได้จบๆเรื่องสักที

“ไม่ กินข้าวกันวันนี้เลย” อีกฝ่ายยืนยันเสียงแข็ง

เฮ้ย ไปวันนี้ไม่ไหวมั้งโดนน้ำมนต์ไปขนาดนั้นกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดเถอะ ผมไม่ชักดาบหรอกน่า

“วันนี้ไม่สะดวกมั้งครับ เสื้อคุณเปื้อนไปแล้วนิครับ” ผมกล่าวถามอย่างใจเย็น

“ไม่เป็นไรชั้นมีชุดเปลี่ยน ไปกันเลยแล้วกัน” อ่าวววว
เฮ้ย มีชุดเปลี่ยนด้วย ถ้าจะเตรียมพร้อมขนาดนั้น ยังจะเรียกร้องให้รับผิดชอบอะไรอีก -”-

ผู้ชายตัวสูงกลับเข้าไปนั่งในรถแล้ว ประตูยังคงเปิดอยู่ ปมมองงงๆ

“ขึ้นมาสิไปพร้อมกันเลย” อีกฝ่ายเร่ง

“เอ่อ แต่ผมเอามอไซต์มา คุณบอกที่อยู่ร้านมาดีกว่าครับเกี๋ยวผมขี่รถไปเอง” ผมพยายามปฏิเสธ ต่างคนต่างไปดีกว่า

“รู้ทางหรือไง ขึ้นมา เดี๋ยวกลับมาส่ง” อีกฝ่ายยังไม่ยอม จ้องตาผมเขม็ง สายตาๆดุๆนี้ช่างดูคุ้นเคยเหลือเกิน แต่นึกยังไงก็นึกไม่ออก รู้แต่ว่าไม่กล้าจ้องนานครับ ขนลุก

คิดสักพักก็ตัดสินใจขึ้นรถไปพร้อมคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอกันวันนี้ ทำไมผมใจง่ายอย่างนี้ ถ้าเค้าจับไปเรียกค่าไถ่ผมจะทำยังไง หรือจับไปตัดแขน ตัดขาปล่อยให้เป็นขอทาน บึ๋ยยยยยย  กลัวอะครับ หนี้ลงรถตอนนี้ทันมั๊ย

“ไปร้านไซเคียว” ไม่ทันแล้วครับ รถเคลื่อนที่ไปยังจุดมุ่งหมายที่ได้รับคำสั่งแล้ว

ผมได้แต่หลับตาปี๋ ใจภาวนาถึงพ่อแก้วแม่แก้ว ช่วยลูกช้างด้วยยยยยยยยยยย










********************************************************************************************

พระเอกเราจะมาไม้ไหนกันน้าาาาาา  :hao5:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ต่อๆ ตอนที่ 4 จ้าาาาา  :hao7: :ling1: :katai5:



********************************************************************************************




บทที่ 4 ผมไม่มีพี่โว๊ยยยยย

พระอาทิตย์กำลังตกดินสองข้างทางถนนเริ่มทยอยเปิดไฟ รถยนต์สีดำแบรนด์ยุโรปคันหนึ่ง กำลังแล่นเอื่อยๆมุ่งหน้าเข้าตัวเมือง จุดมุ่งหมายเป็นร้านอาหารชื่อไซเคียว ในรถแอร์เย็นฉ่ำบรรยากาศเงียบกริบ จนได้ยินเสียงหายใจของคนในรถ

“เธอชื่ออะไร” ฝ่ายเจ้าของรถเอ่ยถามทำลายความเงียบ

“ปกรณ์ครับ ปกรณ์ กิจการุณ” ทันทีที่ผมตอบเหมือนจะเห็นมุมปากบางนั้นยกขึ้นนิดหน่อย กระตุกเหรอครับเป็นสันนิบาตหรือไง

“ชื่อเล่นหละ” อีกฝ่ายถามขึ้นอีก

“เพื่อนๆเรียกผมว่ากร” และทันทีที่ผมตอบเหมือนจะเห็นหัวคิ้วเข้มย่นเข้าหากัน

“ก้อนแป้ง” ห๊าาาาาา พูดอะไร ต้องการสื่ออะไร ก้อนแป้ง? แป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวสาลี อยากกินขนมปังเหรอ

“เอ่อ….” ผมพูดอะไรไม่ออก อีกฝ่ายก็เงียบ สุดท้ายก็เงียบกันไปจนสุดทางนั่นแหละ


ร้านไซเคียว เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์ดั้งเดิม แบ่งเป็นห้องเล็กๆที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ตกแต่งด้วยสวนหินแบบญี่ปุ่น บรรยากาศรื่นรมเหมาะแกการพักผ่อนหย่อนใจ ผมมองไปรอบๆแล้วแอบปาดเหงื่อ ไม่ใช่ว่าอากาศร้อนหรอกนะครับ แต่ที่ผมเหงื่อตกนี้ก็เพราะลักษณะจะแพง เอาวะ!รับคำไปแล้วว่าจะเลี้ยง ลูกผู้ชายต้องไม่คืนคำ

พนักงานในชุดกิโมโนเดินนำผู้ชายร่างสูงใหญ่เข้าไปยังห้องส่วนตัวด้านในสุด ผมได้แต่เดินตามต้อยๆ กว่าจะรู้ตัวก็มาถึงหน้าห้องแล้ว ไอ้คุณภูมิถอดรองเท้าเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าเรียบร้อยรออยู่ที่โต๊ะไม้กลางห้อง ผมได้แต่ทำตามงกๆเงินๆ จนในที่สุดก็นั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม อีกฝ่ายขมวดคิ้ว เล็กน้อยเมื่อเห็นผมนั่งคุกเข่าลงอย่างทุลักทุเล

“จัดครอสมาเหมือนเดิม 2 ชุด แล้วเพิ่มเทมปุระกุ้งกับไดฟุกุอีกอย่างละที่” ไอ้คุณภูมิสั่งอาหารอย่างชำนาญครับ สงสัยจะมาบ่อย

ไม่นานอาหารก็มาเสริฟ โหหหห จัดชุดมาอย่างสวยงาม แค่เห็นก็รู้สึกอิ่มแล้วครับ ผมมองอาหารแต่ละอย่างตาละห้อย สงสารเงินในกระเป๋าตัวเองเหลือเกิน เงินกำลังจะหมุนไป กำลังจะหมุนไป รู้อย่างนี้แล้วต้องกินให้คุ้มครับ ไหนๆก็ต้องเสียเงินแล้ว กินมันให้หมดทุกอย่าง

ผมตั้งหน้าตั้งตากินอย่างจริงจัง สายตาจดจ่อแต่กับชุดอาหารดัานหน้า ไม่กล้าเงยหน้าไปสบตาคนตรงข้ามอ่ะครับ จากความรู้สึกของผมมันมีพลังงานบางอย่างทำให้ผมทราบว่าคนตรงกันข้ามกำลังจ้องผมอยู่ โอ๊ยยยยยย กินข้าวไปสิครับจะจ้องผมทำไม รีบกินรีบกลับ แยกย้าย!

“ทำไมนายไม่กินเทมปุระ ชอบไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มเอ่ยทำลายบรรยากาศ พร้อมกับคีบเทมปะรุกุ้งมาใส่ชุดอาหารของผม เอ๊ะ! ผมชอบกินเทมปุระกุ้งเหรอ ไม่เคยรู้มาก่อน อันที่จริงผมไม่ค่อยมีโอกาสได้กินของดีๆแบบนี้หรอกครับ ไม่ใช่ว่าอดอยากนะครับ ผมกินอิ่มนอนอุ่นทุกวัน แค่อะไรที่มันไม่จำเป็นผมก็ไม่ต้องการเท่าไหร่ครับ

ผมกัดกุ้งชุปทอดแป้งกรอบตัวนั้นไปคำนึง เคี้ยวๆ แล้วกลืน แม่งงงง อร่อยชะมัด สงสัยผมจะชอบกินจริงๆ

ผมเงยหน้าขึ้นมองคนตรงข้ามตาเป็นประกาย เอ่ยขอบคุณเบาๆที่ส่งของอร่อยมาให้ผมกิน ไม่นายผมก็จัดการกุ้งทอดเหล่านั้นจนหมด โดยไม่ได้สนใจสายตาดุๆที่จ้องมองผมไม่วางตา

“ขนมนี้เธอก็ชอบ” ว่าแล้วก็เลื่อนขนมลูกกลมๆสีขาวๆมาตรงหน้าผม รู้ได้ไงหว่าว่าผมชอบ ว่าแต่ไอ้ขนมนี้คืออะไร หน้าตาคล้ายกับขนมโมจิแต่แป้งมันดูนุ่มๆเหนี่ยว ไม่แข็งเหมือนโมจิของฝาก 3 กล่องร้อยที่ผมกินบ่อยๆสักเท่าไหร่ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผมตักขนมตรงหน้าเข้ามา โอ้วววววว อ่อนนุ่ม ละลายในปากแต่ไม่ละลายในมือ ข้างในมีไส้ถั่วแดงกับสตอเบอรี่ อร่อยที่สุดในสามโลก ผมชอบไอ้ขนมนี้จริงๆด้วย ว่าแต่ไอ้คุณภูมิมันรู้ได้ไงว่าผมชอบกินของพวกนี้ ผมยังไม่รู้ตัวเองเลย

“คุณเป็นหมอดูเหรอครับ” ผมถามออกไปอย่างสงสัย แต่ท่าทางอีกฝ่ายก็คงสงสัยในคำถามของผมเช่นกัน

“คุณรู้ได้ไงว่าผมชอบกินอะไร ทั้งๆที่ตัวผมเองยังไม่รู้เลย แปลว่าคุณต้องเป็นหมอดูที่แม่นมาก” ผมหมายมั่นปั้นมือว่าคุณภูมิเป็นหมอดูแน่นอน ไม่งั้นทายไม่ถูกขนาดนี้หรอก

….. อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป ยิ่งให้คำตอบชัดเจน การเงียบคือคำตอบว่า ใช่

หลังจากทานอาหารแล้วเสร็จก็ถึงช่วงเวลาที่ผมกลัวที่สุดแล้วครับ นั่นคือการจ่ายเงิน พนักงานนำใบแจ้งค่าใช้จ่ายมาส่งให้ ผมหยิบมาดูแล้วน้ำตาจะไหล รวมค่าอาหาร ค่าบริการ ค่าภาษี รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 4,350 บาท คุณพระ! อาหารเซ็ต 2 ชุด กุ้งชุปแป้งทอด กับขนมโมจินุ่มอีกชิ้นนึง ทำไมมันแพงได้ขนาดนี้ หรือกุ้งนี้จะจับมาจากขั้วโลกเหนือเดินทางมาไกลต้นทุนเลยสูง

ผมเหงื่อตกท่ามกลางห้องแอร์เย็นสบาย เปิดดูเงินในกระเป๋าตัง 350 บาทถ้วน

แย่แล้วครับ เป็นคนเอ่ยปากเองว่าจะเลี้ยง แต่เงินมีเท่านี้ส่วนที่เหลือล้างจานแทนได้รึป่าวหว่า ก็ไอ้ตอนที่บอกจะเลี้ยงหนะ ผมตั้งใจว่าจะไปชึ้นเงินสลากกินแบ่งก่อนค่อยเลี้ยง ใครมันจะคิดว่าต้องมาเสียเร็วเป็นพันๆปุปปัปแบบนี้หละ

ผมช้อนสายตาไปมองคนตรงหน้า มองสบตาแล้วกระพริบตาปริบๆ 2 ครั้งถ้วน ยกกระเป๋าเงินให้อีกฝ่ายดูว่าด้านในมีเงิน 350 ยาทถ้วน แล้วหัวเราะแหะๆ

ไอ้คุณภูมิยกยิ้มขึ้นที่มุมปาก หนอยยยยย ยิ้มเยาะกันรึ! พร้อมยื่นบัตรเครดิตสีดำวาวส่งให้พนักงานไปดำเนินการ ก่อนกล่าวต่อมา

“มื้อนี้เธอต้องเป็นคนเลี้ยง เพราะฉะนั้นชั้นจะออกให้ก่อน ถือว่าเธอติดหนี้ชั้นแล้วกัน” ว่าแล้วชายร่างสูงก็ลุกขึ้น เดินออกจากร้านไปยังรถยนต์สีดำที่จอดรอรับอยู่ด้านหน้า ทิ้งผมที่งงแดรกไว้ในห้องที่เดิม อยู่ดีๆเป็นหนี้ครับ ภายในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงได้หนี้สินติดตัวมา 4,350 บาท ระหว่างที่งงๆอยู่นั้น เสียงแตรเรียกก็ดังขึ้นปลุกผมจากภวังแล้วรีบวิ่งโกยอ้าวตามขึ้นรถไป

รถยุโรปสีดำคันเก่าคันเดิมกำลังแล่นออกไปยังชานเมือง บรรยากาศขากลับคล้ายๆขามา คือเงียบ แต่ความเงียบในครั้งนี้แฝงไว้ด้วยความง่วงครับ คือกินอิ่มก็ต้องอยากนอนเป็นธรรมดา ว่าแล้วเปลือกตามันทำไมมันหลักจัง หนักมากเลย ย ย

ผมสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกเหมือนมีแมลงมาไต่ที่ใบหน้าครับ พอลืมตาขึ้นมาก็พบ ดวงตาสีน้ำตาลทรงพลังจ้องเขม็งห่างกันสัก 2 ฟุต ตอนนี้รถจอดนิ่งสนิทอยู่หน้าโรงเรียนผมครับ จอดอยู่ใกล้ๆไอ้แก่ที่ผมจอดทิ้งไว้ตั้งแต่เช้า ด้วยความที่เพิ่งตื่นนอนครับ ขอเวลาสะลืมสะลือแปปนึง

ผมใช้เวลาประมาณ 1 นาทีในการจัดการตัวเอง ตบแก้มเบาๆให้ร่างกายสดชื่น จัดแต่งทรงผมให้เข้าที่ สะพายกระเป๋า แล้วเอ่ยคำลาเจ้าของรถที่อาศัยมาด้วย ลาก่อนครับ หวังว่าคงไม่เจอกันอีก ฮาาาาาา

ระหว่างที่จะก้าวออกจากรถนั่นเอง ข้อมือแข็งแกร่งก็คว้าผมเอาไว้

“เดี๋ยวก่อน เธอยังเป็นหนี้ชั้นอยู่ เอาโทรศัพท์ของเธอมา” เอ๊ะ ลูกหนี้หมาดๆลืมตัวครับ ยื่นโทรศัพท์ไปให้อย่างจำใจ พร้อมกับกล่าวว่า

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมโอนเงินคืนให้นะครับ ขอเลขบัญชีด้วยครับ” พรุ่งนี้ผมจะรวยแล้วครับ ขอปลดสถานะลูกหนี้โดยด่วน

“พรุ่งนี้ชั้นไม่ว่าง เอาเป็นว่าชั้นว่างเมื่อไหร่ค่อยคืนเงิน แล้วจะติดต่อไป” กล่าวจบร่างสูงก็คืนโทรศัพท์ให้ ออกแรงดันหลังผมเบาๆให้ลงจากรถ

ผมยืนงงมองโทรศัพท์ในมือ ส่วนรถคันสีดำหนะเคลื่อนตัวออกไปตั้งนานแล้ว

แค่โอนเงินคืนต้องรอว่างด้วยเหรอวะ? คือไม่เก็ตจริงๆ

นึกๆไปพลางก้มลงมองโทรศัพท์ในมือที่เปิดหน้าค้างไว้ที่บันทึกการโทรออก สายล่าสุด ‘พี่ภูมิ’ ใครวะ?

ผมเดินไปที่ไอ้แก่ขึ้นคร่อมแล้วสาร์ตรถเตรียมขี่กลับศูนย์ พลางกดย้อนสายโทรออกล่าสุด ไม่นานปลายสายก็รับ

“เอ่อ สวัสดัครับพี่ภูมิรึป่าวครับ ผมกรนะครับ ไม่ทราบว่า พี่ภูมิ ไหน? เหรอครับ” คือผมสงสัยจริงๆ ผมมีคนรู้จักชื่อภูมิด้วยเหรอวะครับ

ปลายสายเงียบไปอึดใจก่อนตอบกลับมาเสียงนุ่มน่าฟัง

“ชั้นเอง ภูมิพัฒน์ เรียกว่าพี่ภูมิก็ได้” เฮ้ย ชื่อคุ้นๆ แต่เสียงคุ้นกว่า ภูมิ ภูมิพัฒน์

“เอาเป็นว่าช่วงนี้ชั้นงานยุ่ง พรุ่งนี้ก็ต้องไปต่างประเทศ ถ้ากลับมาแล้วจะติดต่อไปหาละกัน” ในขณะที่ผมใช้ความคิดอยู่นั้น ปลายสายก็กล่าวต่อไป เมื่อกล่าวจบก็ตัดสายทิ้ง ไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ตอบรับใดๆทั้งสิ้น

เสียงคุ้นๆ เหมือนเพิ่งไปนั่งแดกข้าวด้วยกันมา ภูมิพัฒน์ เชี่ยยยยย ไอ้คุณภูมิ!

ก้มลงมองหน้าจอโทรศัพท์ ปรากฏคำว่าพี่ภูมิ เพิ่ง พี่ อะไร กูไม่ได้เป็นน้องใคร กูไม่มีพี่โว๊ยยยยยยยยยยยยย
 


********************************************************************************************

น้องกรพูดไม่เพราะเลยค่ะ 555

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เฮลโลวววววววววววววววววววววววว :katai5:

ต่อตอน 5 เลยนะคะ


********************************************************************************************

บทที่ 5 ผมไม่เอารองเท้านะครับ

วันนี้อากาศสดใสแม้ว่าแดดจะร้อนมากก็ตาม อาจเป็นเพราะว่าช่วงนี้ผมอารมณ์ดี วันนี้เป็นวันเปิดเทอมภาคฤดูร้อนวันแรก ผมจะเริ่มชีวิตนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 แล้วนะครับ วันนี้ผมมาถึงโรงเรียนแต่เช้าครับ ไม่สายเหมือนเคย ระหว่างนั่งรอเพื่อนก็คิดๆอะไรไปเรื่อยเปื่อย

หลังจากวันที่ผมถูกสลากกินแบ่งรัฐบาลวันรุ่งขึ้นผมก็รีบไปขึ้นเงินแล้วเปิดบัญชีเงินฝากประจำแยกเอาไว้ ผมปิดเรื่องนี้ไว้เป็นความลับไม่บอกกับใคร แม้แต่คุณแม่ที่ศูนย์ จะว่าผมเห็นแก่ตัวก็ได้อะ แต่ผมอยากเก็บเงินก้อนนี้ไว้เป็นเงินก้นถุง เก็บไว้ใช้ในยามจำเป็น

ชีวิตผมไม่ได้ลำบากเรื่องเงินอะไร เรียนหนังสือก็ฟรีเพราะเป็นนักเรียนทุน มีค่าใช้จ่ายรายเดือนให้อีกต่างหาก อาหารกลางวันก็ฟรี เช้า-เย็นก็ฝากชีวิตไว้ที่ศูนย์ กินง่าย อยู่ง่าย ชีวิตออกจะสบายครับ แถมผมยังทำงานพิเศษกับรับจ๊อบติวหนังสือให้เพื่อนได้เงินดีอีกต่างหาก เลยมีเงินใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน แม้ไม่มีเงินเก็บแต่หากไม่ฟุ่มเฟือยก็อยู่ได้สบายๆ ยิ่งตอนนี้มีเงินก้อนเก็บอยู่ก้นถุงยิ่งอุ่นใจครับ

“เฮ้ยยย ไอ้มาร์ค ทางนี้” เพื่อนมาร์คครับกำลังเดินหน้าง่วงมาแต่ไกล

“อากิยังไม่กลับมาอีกเหรอ” แหมมม มาถึงก็ถามหาไอ้ตัวเล็กเลยนะเมิง

“มาก็เห็นแล้วมั๊ย” ผมตอบตามความจริงครับ ไม่ได้กวนแต่อย่างใด

“กุคิดว่าอากิน่าจะกลับมาอาทิตย์หน้า เห็นว่ายังอยู่ที่ญี่ปุ่น” สัปดาห์ก่อนอากิไลน์มาบอกว่าจะกลับไปเยี่ยมบ้านที่ญี่ปุ่นครับ ผมเลยตอบไปว่าขอของฝากเป็นถั่ววาซาบิ

“แม่ง รู้งี้น่าจะตามไปด้วย” ไอ้มาร์คบ่นอู้อี้ เค้ากลับไปเยี่ยมบ้านเค้า เมิงจะตามไปทำไม เมิงเป็นญาติฝ่ายไหนกับเค้า ห๊าาาาาาา คิดในใจครับ

“อดทนเพื่อน อดทน” ผมได้แต่ตบไหล่เพื่อนเบาๆ 2 ที

“เอ่อ กูถามหน่อย แต่เมิงห้ามหัวเราะนะ” ผมเปลี่ยนอารมณ์ทันทีครับ เข้าสู่โหมดเครียด กึ่งลากกึ่งจูงไอ้มาร์คออกไปยังสถานที่ไร้ผู้คน เพื่อนมันก็ทำหน้าเครียดตามไปกับเรื่องสำคัญของผม

“เมิงว่ากูตรีนเหม็นมั๊ยวะ” ผมถามหน้าเครียดครับ

“เมิงถามอะไรของเมิง” ไอ้มาร์คเกาหัวแกรกๆ

“เอ่อ ตรงตามคำถามเลย กูตรีนเหม็นมั๊ย กูไม่เคยดมตรีนตัวเอง เลยต้องมาถามเมิงเนี่ย” ผมเริ่มขึ้นเสียง คือถามจริงจังครับ ผมเครียด

“บ่ะ แล้วกูเคยดมตรีนเมิงมั๊ย?...เอาจริงๆนะ เวลาเมิงใส่รองเท้าอยู่ตรีนเมิงไม่เหม็นหรอก แต่เวลาเมิงถอดรองเท้า เอ่อ! ตรีนเมิงเหม็น พอใจยัง” ไอ้เพื่อนเวรตอบมายาวเหยียดครับ ผมเริ่มหน้าถอดสี สูญเสียความมั่นใจ

“จริงดิ กูไม่เคยรู้มาก่อน เสียเซลหวะ” ผมบ่นเบาๆ

“เมิงจะกังวลทำไม วัยรุ่นเราก็ตรีนเหม็นทั้งนั้น กุก็ตรีนเหม็น เมิงก็ตรีนเหม็น ใครสนกัน” เมิงไม่สน แต่กุสนไง

เรื่องมันมีอยู่ว่า หลังจากที่ผมจัดการเรื่องสลากกินแบ่งรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว ผมก็มาทำงานพิเศษที่โรงเรียนตามปกติ แล้วก็พบรถยุโรปสีดำจอดที่หน้าโรงเรียนเป็นปกติ ไหนว่าช่วงนี้ยุ่งไง โผล่มาได้ไงเนี่ย

พี่คนขับรถเดินลงมาพร้อมกับถุงกระดาษใบใหญ่ ยื่นให้ผมพร้อมกับกล่าวว่า

“คุณภูมิไปต่างประเทศ แต่ฝากของคุณไว้ให้คุณกรครับ” โอ๊ยยยย อย่าเรียกคุณกรเลยครับ แสลงหู เดี๋ยวนะของขวัญอะไร ขนแขนผมเริ่มตั้งชันแบบมีรางสังหรแปลกๆ

ผมกล่าวขอบคุณพี่คนขับรถแล้วเปิดดูของข้างในถุง เป็นกล่องรองเท้าที่มีตราสัญลักษณ์เช็คถูก กับสเปย์กระป๋องอันนึง รองเท้ายี่ห้อนี้ผมรู้จักครับ รู้จักแต่ยี่ห้อนะครับอย่าถามชื่อรุ่นไม่รู้แน่นอน แต่ที่รู้แน่ๆคือรู้ว่าราคามันสูงเอาการอยู่ ไอ้คุณภูมิมันจะเอารองเท้ามาให้ผมทำให้ ระหว่างที่สงสัยอยู่นั้นก็เหลือบไปเห็นการ์ดใบเล็กๆ สอดอยู่ในถุง ระบุข้อความไว้ว่า

‘ทิ้งรองเท้าคู่เก่าไปซะ แล้วใช้สเปย์ทุกวัน เธอทำจมูกชั้นพังเธอต้องรับผิดชอบ ค่าของทั้งหมดจะรวมเข้ากับหนี้ก้อนเดิมของเธอ’

อะไร ยังไง งง?

ผมหยิบกระป๋องสเปรย์ขึ้นมาอ่าน ‘สเปย์ระงับกลิ่นเท้า’ เอ๊ะ! จมูกพัง สเปย์ กลิ่นเท้า นินายนั่นหาว่าผมตรีนเหม็นเหรอ!!!


เปิดเทอมฤดูร้อนมาได้สัปดาห์นึงแล้ว อากิยังไม่กลับมาเช่นเดียวกันกับไอ้คุณภูมิก็ยังไม่ติดต่อมาเช่นกัน ตอนนี้กินเท้าของผมดีขึ้นตามลำดับ ก็ผมใช้สเปย์ทุกวันตามคำบอกอะนะ แต่ผมยังไม่ทิ้งรองเท้าคู่เก่าของผมนะครับ ผมใช้วิธีเอาไปซักทำความสะอาดและต้มฆ่าเชื้อโรค ส่วนรองเท้าคู่ใหม่นะเหรอ ผมไม่ใช้หรอกผมจะเอาไปหักเงินคืนจากหนี้สิน

สัปดาห์ต่อมา อากิกลับมาเรียนแล้วพร้อมกับของฝากที่ผมบอกไว้คือถั่ววาซาบิถุงใหญ่ แต่ไม่ได้ฝากให้ผมนะครับ อากิฝากไปให้น้องๆที่ศูนย์ แหมมม ช่างเป็นเพื่อนที่รู้ใจจริงๆ

การกลับมาของอากิมาพร้อมกลับโทรศัพท์สายไหม้สายหนึ่งที่กระหนำโทรหาผม เช้า สาย บ่าย เย็น แต่ผมไม่อยากรับสายไง

‘เจ้าหนี้ขี้งก’ ใช่แล้วไอ้คุณภูมินั่นเอง ผมเปลี่ยนชื่อที่เมมเอาไว้ในโทรศัพท์ให้เหมาะสมกว่าเดิม อย่างที่บอกไป ผมไม่มีพี่ชายครับ แถมจะให้เรียกคนที่เพิ่งรู้จักกันจากสถานการณ์แปลกๆว่าพี่ ผมรู้สึกจั๊กเดียมพิกล

หลังเลิกเรียนผมและเพื่อนๆต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน เมื่อเดินมาถึงบ้านประตูโรงเรียนก็พบรถคันสีดำคันเดิมคันนั้น จอดอยู่ข้างๆไอ้แก่ของผม ทำให้ต้องเดินเข้าไปใกล้อย่างเสียไม่ได้

“ทำไมไม่รับโทรศัพท์” เสียงทุ้มดังบอกมาจากในรถ พร้อมกับกระจกที่ลดระดับลง

ผมไม่ตอบ ไม่อยากจะคุยด้วยครับ

“เธอจะหนีหนี้เหรอ” เอ๊ะ! ขึ้นครับ ผมขึ้นถามมาได้ ตอนผมจะใช้หนี้บอกไม่ว่าง ทีตอนนี้แค่ไม่รับโทรศัพท์จะมาหาว่าผมหนีหนี้เฉยเลย

“ผมป่าว ผมจะใช้หนี้คุณ” ผมตอบเสียงเข้มๆ แบบเก๊กให้เข้มที่สุดในชีวิตเลยครับ

“แล้วทำไมไม่ใส่รองเท้าใหม่” ชายร่างสูงก้มลงมองที่เท้าของผมซึ่งยังสวมรองเท้าคู่เดิมอยู่

“ผมเก็บเอาไว้คืนคุณ ผมไม่ใช้ขอหักคืนหนี้ได้รึป่าว” ผมอธิบาย ไอ้คุณภูมิขมวดคิ้วน้อยๆอย่างคนไม่พอใจ

“แล้วเธอได้ใช้สเปย์รึป่าว” ผมพยักหน้า ยังไงก็ต้องขอบคุณความหวังดีประสงค์ร้ายของเขา อย่างน้อยก็ช่วยตักเตือนข้อบกพร่องของผม แถมยังช่วยหาทางแก้ไขให้อีก แม้ว่าดูเป็นการทำดีหวังผลก็เถอะ ผลกำไรอะนะ

“ตอนนี้ยอดหนี้ของผมเท่าไหร่หละ ถ้าหักคืนค่ารองเท้าแล้ว” ผมถามถ้าเพิ่มมาไม่มากผมจะได้รีบคืนๆให้จบๆไป

ช่วงที่ผ่านมาผมพอจะเก็บเงินได้ประมาณ 3,000 บาท แล้ว ขาดอีกนิดหน่อยเดี๋ยวหาเพิ่มเอาทีหลัง ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการเจรจา

“เดิมค่าข้าว 4,350 รองเท้านั่นมือสองราคา 600 ส่วนสเปย์ดับกลิ่นเป็นของประเทศญี่ปุ่นไม่มีขายในไทย ถ้าตีเป็นเงินไทยน่าจะประมาณ 2,500 บาท หักค่ารองเท้าออก ยอดจะอยู่ที่ 6,850 บาท” ชายหนุ่มบวกลบให้เสร็จสับ

“ห๊าาาาา สเปย์บ้าอะไรราคาตั้ง 2,500 บาท” ผมตกใจสิครับ ไหนยอดหนี้มันเพิ่มขึ้นสูงขนาดนั้น เพราะไอ้สเปย์บ้าตัวนี้เลย ไม่น่าหลงกลใช้เลยพับพ่าสิ

“ก็นะ ของมันต้องมี ใช้ดีมั๊ยหละ” เถียงไม่ออกครับ ของเค้าดีจริง แล้วไอ้หมอนี้ ทำไมขายเก่งแบบนี้ หรือความจริงไม่ได้เป็นหมอดู แต่เป็นเซลขายของ

“ผมทยอยใช้หนี้ให้คุณได้มั๊ย วันนี้ผมจ่ายให้ก่อน 3,000 บาท แล้วก่อนเปิดเทอมผมจะจ่ายที่เหลือให้” ผมกล่าวพร้อมยื่นแบงค์พันให้ไป 3 ใบ

“ได้งั้นเธอติดหนี้ชั้นอยู่ 3,850 บาทนะ” เมื่อทั้งสองคนตกลงกันได้ ต่างคนก็ต่างแยกย้าย

“เดี๋ยว! ชั้นมีของฝากมาให้ถือว่าซื้อ 1 แถม 1 ละกัน” ว่าแล้วไอ้คุณภูมิก็ยื่นถุงกระดาษให้ผมแล้วรถก็เคลื่อนตัวออกไป

ก้มลงมองก็พบข้อความคุ้นๆ ‘สเปย์ระงับกลิ่นเท้า’

“ไอ้;&@.)5/£~%\¥” อยากด่าอยากเขวี้ยงกระป๋องสเปย์ใส่มากครับ แต่ไม่ทันรถสีดำคันนั้นอยู่ไกลสุดสายตาแล้ว




พวกเราใช้เวลาเรียนภาคฤดูร้อนประมาณหนึ่งเดือนครึ่ง ก่อนจะได้หยุดอีกครั้งนาน 2 สัปดาห์แล้วถึงจะเปิดภาคเรียนที่ 1 ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 5 ช่วงหยุดยาว 2 สัปดาห์นั้น ผมไม่ต้องมาทำงานพิเศษที่โรงเรียน ผมเลยวางแผนไว้ว่าจะหางานพิเศษอื่นทำ ต้องเข้าใจหัวอกคนเป็นลูกหนี้หน่อยครับ คือผมเอาเงินที่ถูกหวยไปฝากประจำไว้ไงครับ ครั้นจะถอนออกเพราะต้องการเงินไม่กี่พัน ผมก็เสียดายออกเบี้ย สู้ผมทำงานเก็บเงินใช้หนี้ดีกว่า อีกสัก 1 เดือนก็น่าจะใช้หนี้หมดแล้ว

“กรครับ ช่วงปิดเทอม 2 สัปดาห์ กรมีเวลาว่างมั๊ยครับ” อยู่ๆอากิก็ถามคำถามชี้เฉพาะเจาะจงมาที่ผมครับ

“ตอนนี้ก็ยังว่างนะ แต่กูว่ากูจะหางานพิเศษทำอะ” ผมตอบไปตามตรง

“คืองี้ครับ คุณอาของผมอยากหาคนไปทำความสะอาดบ้านพักตากอากาศให้นะครับ เงินดีนะครับ” ฟังข้อเสนอของอากิแล้วตาลุกวาวเลยครับ ไอ้ตรงเงินดีเนี่ยแหละ ถึงผมจะเป็นผู้ชายแต่เรื่องงานบ้านผมถนัดครับ ก็ทำมาตั้งแต่เด็กแล้ว

“ขอรายละเอียด” ผมตอบรับทันที

“เอ่อ เป็นบ้านพักขนาดประมาณ 200 ตร.ม. คุณอาแกซื้อต่อมาอีกที เลยอยากทำความสะอาดครั้งใหญ่ครับ เหมาทำความสะอาดทั้งหลัง 5,000 บาท พอไหวมั๊ยครับ ทำเรื่อยๆสัก 3 วันน่าจะเสร็จ” อากิอธิบายรายละเอียดไปเรื่อยๆ สมองผมเริ่มคำนวณตัวเลข 3 วัน 5,000 บาท ตกวันละ 1,500++ ได้เยอะกว่าค่าแรงขั้นต่ำตั้ง 3 เท่า

“ทำ” ตอบตกลงเร็วมาก ความงกล้วนๆครับ

“อ๊ะ ดีเลยครับ กรตกลงแล้วนะครับ ห้ามเปลี่ยนใจนะ” อ่าว ทำไมมีประโยคห้อยท้ายแบบนี้หละเพื่อน

“คือผมจะชวนอยู่เที่ยวต่อหนะครับ ระหว่างที่กรไปทำงานผมก็จะไปอยู่เป็นเพื่อน ดีมั๊ยครับ” อากิเสนอพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ

ระหว่างที่ผมกำลังคิด วิเคราะห์ แยกแยะ คือเงินก็อยากได้ครับ แต่ก็เกรงใจเพื่อนไอ้เรื่องเที่ยวต่อเนี่ยแหละ ช่วงนี้ผมเก็บเงินอยู่ไม่อยากใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ถ้าเที่ยวกับอากิยังไงก็ฟรีทั้งทริป ก็แอบอยากไป 555 แต่ถ้าให้พวกเพื่อนๆเลี้ยงผมบ่อยๆผมก็เกรงใจเป็นนะครับ ถึงเพื่อนๆจะไม่สนใจแต่ผมก็เกรงใจอยู่ดี

“ไปด้วย” เอ่อ ไอ้มาร์คครับ เงียบฟังมานานเอ่ยขอไปด้วยหน้าด้านๆ เอ่อ...ขนาดไอ้มาร์คยังหน้าด้านไปด้วยเลย แล้วผมจะกังวลอะไร

“งั้นสัปดาห์หน้าเรานัดเจอกันที่โรงเรียนนะครับเดี๋ยวผมเอารถตู้มารับ” อากิสรุปเบ็ดเสร็จ

“เดี๋ยวนะ ขอถามหน่อยเถอะ เราจะไปที่ไหนกัน” ผมถามขึ้นด้วยความสงสัย คือนัดพบกันเสร็จสับ แต่ไม่รู้จุดหมายปลายทางที่จะไป

“หัวหินครับ” อ๋ออออ ทะเลนั่นเอง


********************************************************************************************


เราว่าน้องกรเป็นเด็กปัญญาอ่อน เฮ้ยยย หัวอ่อนนะคะ แถมออกแนวหัวช้าอีกต่างหาก ยังงงๆอยู่ว่าทำไมเรียนเก่งซะงั้น 555 นางแค่ดื้อๆ ซนๆ ตามประสาวัยรุ่นชายวัยขบเผาะ  :laugh:

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
ติดตามค่ะ
 :katai2-1:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ต่อค่ะต่อ ไม่ได้ตรวจคำผิดเช่นเดิม 555  :mew5:

****************************************************************************************************

บทที่ 6 ผมพร้อมใช้หนี้แล้ว

โอ้ทะเลแสนงาม แสนง๊าม แสนงามมมม ฟ้าสีครามสดใส สดใส๊ สดใส มองเห็นเรือใบ เรือใบ๊ เรือใบ แล่นอยู่ในทะเล ทะเล๊ ทะเล

เบื้องหน้าผมเป็นหาดทรายสีขาวยาวสุดลูกตา น้ำทะเลอาจไม่ใสมากแต่ร้อนๆอย่างใครจะสนหละครับ อย่างน้อยก็ใสสะอาดกว่าน้ำคลองแถวๆบ้าน ผมสารภาพเลยว่านี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้มีเยือนทะเลเลยครับ อย่างที่รู้ๆกัน ชีวิตผมค่อนข้างเรียบง่าย ว่างก็ทำงานพิเศษไม่ค่อยมีเวลาเที่ยวเล่นหรอกครับ เงินก็เช่นกัน 555

“วันนี้กรพักผ่อนเถอะครับ ค่อยเริ่มงานพรุ่งนี้” ผมพะยักหน้ารับ หันไปมองตัวบ้านพักที่เราใช้พักคืนนี้แล้วขมวดคิ้ว มันต้องทำความสะอาดใหญ่ตรงไหน ก็เห็นสะอาดดีแถมมีแม่บ้านดูแลอยู่แล้วอีกต่างหาก

“แล้วพรุ่งนี้ให้เริ่มจากตรงไหนก่อน ดูๆแล้วก็สะอาดดีนี้หว่า” ผมเอ่ยถามอย่างสงสัย พลางมองไปรอบๆบ้านพัก

“อ๋อ ไม่ใช่หลังนี้หรอกครับ หลังนู้นต่างหาก” ผมมองตามปลายนิ้วมือของอากิที่ชี้ไปบนเนินเขาไกลลิบๆ

เชี่ยยยยยย! บนเนินเขามีบ้านอยู่หลังนึงครับ เป็นบ้านไม้ทรงไทย ลักษณะจะๆไม่คนเหยียบย่างเข้าไปหลายปีแล้ว ผมลอบกลืนน้ำลายเบาๆ

“เชี่ย! เมิงสวมพระมารึป่าววะ” ไอ้มาร์คมันหันมาถามผม ผมส่ายหน้ามองตามันปริบๆ มันกลืนน้ำลาย ผมกลืนน้ำลาย เราสามคนกลืนน้ำลายพร้อมกัน

“เอาอย่างนี้แล้วกันครับ...กรนิมนต์พระพุทธรูปองค์นี้ไปด้วยแล้วกันครับ” อากิว่าพลางผายมือไปยังหิ่งพระพุทธรูปที่อยู่สูงขึ้นไป ส่วนผมพะยักหน้ารัวๆครับ


ยามเช้าบรรยากาศสดใส ผมแบกอุปกรณ์ทำความสะอาดเดินขึ้นเนินไปยังบ้านหลังนั้น ไอ้เพื่อนเวรมันยังไม่ตื่นกันครับ อย่าลืมว่าสองคนนั้นเค้ามาเที่ยว แต่ผมมาทำงานครับ

บ้านไม้ทรงไทยสูง 2 ชั้น สร้างจากไม้สักทั้งหลัง อายุน่าจะไม่ต่ำกว่า 40 ปี ที่ผ่านมาคงจะได้รับการดูแลรักษาอย่างดี สังเกตได้จากไม่มีส่วนใดของตัวบ้านเสียหาย มีเพียงฝุ่นจับเล็กน้อย สบายผมสิครับ ผมเริ่มลงมือปัดกวาดทำความสะอาดทันที เริ่มจากที่ห้องโถงเนี่ยแหละครับ

หมดวันแรกผมเช็ด ปัด กวาด ทำความสะอาดบ้านบริเวณชั้นแรกได้หมด ทั้งห้องโถง ห้องครัว ห้องน้ำ และระเบียงหน้าบ้าน เหนื่อยสายตัวแทบขาดครับ แต่ก็ถือว่าเร็วกว่าที่วางแผนเอาไว้ ผมยืนมองผลงานตัวเองอย่างภาพถูมิใจ นิผมทำความสะอาดด้วยใจ ทำประหนึ่งเป็นบ้านตัวเอง ไม่ได้ทำแบบรวบๆนะคร้าบบบบ

ผมอยู่ทำความสะอาดที่บ้านทั้งวันเลยครับ ช่วงเที่ยงไอ้มาร์คกับอากิแวะมาเยี่ยมผมพร้อมอาหารกลางวัน อยู่วุ่นวายสักพักก็จากไปครับ พวกม้นทนร้อนไม่ไหว ก็ที่บ้านหลังนี้มันไม่มีแอร์ครับ แถมกำลังทำความสะอาดอยู่ฝุ่นเลยฟรุ้งกระจายไปทั่ว บรรยากาศในบ้านจะมืดสลัวๆหน่อยแต่ยังดีหน่อยที่ผมนิมนต์พระพุทธรูปมาประทับอยู่เป็นเพื่อนไม่งั้นคงไม่เป็นอันทำงานแล้วครับ

ผมตัดสินใจหยุดทำงานในส่วนของวันนี้เพียงเท่านี้ ยังเหลือเวลาอีกตั้ง 2 วัน ค่อยทำในส่วนที่เหลือต่อแล้วกัน เก็บข้าวของแล้วเดินลงจากเนินไปยังบ้านพักของอากิ

“กลับมาแล้วเหรอครับ เย็นนี้เรามีปาร์ตี้บาบีคิวครับ” อากิยิ้มต้อนรับ ในมือถือไม่เสียบสับปะรด หมู พริกหยวกและมะเขือเทศ มีไอ้มาร์คเป็นลูกมืออยู่ข้างๆ

“มาๆ กูช่วย” ผมอยากมีส่วนร่วมครับ อยากเป็นส่วนเกินระหว่างพวกมันสองคน

“เมิงสกปรก ตรีนก็เหม็น ไปอาบน้ำก่อนไป๊” ไอ้มาร์คเอ่ยกันท่าผมครับ แหมทำไมต้องจี้ใจดำด้วยวะ ตรีนผมหายเหม็นมาตั้งนานแล้ว สเปย์เค้าดีจริง!

“เอ่อๆ” ผมยอมตกลง หลบไปอาบน้ำ ปล่อยมันสองคนไว้ด้วยกัน หวังว่าบาบีคิวพวกนั้นจะกินได้นะ


วันนี้เป็นวันที่ 2 ผมเริ่มลงน้ำล้างห้องน้ำชั้นบนก่อน ชั้นบนมีห้องนอน 3 ห้องแต่ละห้องมีห้องน้ำในตัว ผมล้างห้องน้ำจนเสร็จหลังจากนั้นก็ลงมือเก็บกวาดห้องนอนทีละห้อง เครื่องเรือนของบ้านหลังนี้จะถูกคลุมด้วยผ้าไว้ทั้งหมดทำให้ไม่เปื้อนฝุ่นมากนักง่ายต่อการทำความสะอาด

ผ่านไปอีกวันนึงผมทำความสะอาดภายในบ้านทั้งหลังเสร็จแล้ว เหลือแต่เก็บกวาดด้านนอกบ้านกับรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ถือว่างานพิเศษครั้งนี้ปล้วเสร็จตามเป้าเลยครับ

เอาเป็นว่าวันนี้พอแค่นี้ก่อน ค่อยมาต่อวันพรุ่งนี้แล้วกัน!

ผมกลับมายังบ้านพักตากอากาศของอากิไม่เจอใครสักคน แม่บ้านบอกว่า ไอ้มาร์คกับอากิขี่เจ็ตสกีไปเที่ยวเกาะกันครับ อ่าวววว เพื่อนเวร ทิ้งกันเฉย แล้วผมจะทำอะไรดี อยู่คนเดียวด้วย

“ติ๊ง” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

เป็นเสียงเตือนข้อความไลน์จากมือถือถมเองครับ

PHUMMA : ‘เธอทำอะไรอยู่’

ผมเริ่มสนทนากับไอ้นาย PHUMMA เมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ก็ตั้งแต่ผมค้างชำระหนี้สินจำนวน 3,850 บาทนั่นแหละ ไอ้เจ้าหนี้ขี้งกก็จะค่อยตามจิกตามกัด เพื่อไม่ให้ผมลืมว่าเป็นหนี้อยู่ตลอด ทำอะไรอยู่บ้างหละ อยู่ไหนบ้างหละ ที่ถามนี้กลัวผมจะหนี้หนีหรือไง ยังดีที่ไม่ได้ทักมาทุกวัน 2-3 วันทักมาทีพอให้ไม่ลืมกัน

OPPA’KORN : ‘กำลังหาเงินใช้หนี้คุณไง’

PHUMMA : ‘ครบแล้วเหรอ จะคืนเมื่อไหร่หละ’

OPPA’KORN : ‘กำลังแปลว่ายังกระทำอยู่ ทำอยู่ก็แปลว่ายังไม่ครบไงครับ’

OPPA’KORN : ‘จะรีบไปไหน ผมคืนหมดก่อนเปิดเทอมน่า’

PHUMMA : ‘ชั้นจะรอ’

แล้วก็เงียบหายไปเลยครับ คือทักมาเพื่อทวงเงินว่างั้น



เข้าสู่เช้าวันที่ 3 วันนี้ไอ้มาร์คกับอากิมาช่วยผมทำความสะอาด จะเรียกว่าช่วยได้รึป่าวนะ ในเมื่อผมทำความสะอาดบ้านเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่งานกวาดลานหน้าบ้าน กับแต่งสวนนิดๆหน่อยๆ เดี๋ยวผมแถมทาสีนั้วให้ด้วยเลยอะ

สองคนนั้นช่วยกันกวาดใบไม้กระหนุงกระหนิง อะไรนะ กระหนุงกระหนิง บรรยากาศระหว่าง 2 คนนั้นมันแปลกๆแฮะ หมดพลาดอะไรบ้างอย่างไปรึป่าว

“เอ่อ พวกเมิงกุจะไปตัดหญ้านะ เอ่ออออ สนใจกุหน่อย” ครับเสมือนไม่มีตัวตน เพื่อนๆไม่สนใจผมเลยครับ เหมือนโลกนี้มีเพียงสองคน

ผมตัดหญ้าตามแนวรั้วบ้าน สำรวจไปรอบๆ จนถึงด้านหลังบ้านซึ่งเป็นแนวสันเขาครับ ผมตัดสินใจปีนขึ้นได้ดูด้านบน ด้านบนเป็นหน้าผา ชโงกหน้าลงไปมองเห็นทะเลและท้องฟ้าสีคราม อืม น่ากลัวแฮะ

คืออย่างที่บอก ผมไม่เคยมาทะเล ดังนั้นผมจึงว่ายน้ำไม่เป็น แหะ แหะ รีบกลับลงไปดีกว่า ยิ่งอยู่นานยิ่งเสียวสันหลังวาบๆ

พอผมกลับลงมาพวกไอ้มาร์คก็กวาดลานบ้านเสร็จแล้วครับ ถือว่างานทำความสะอาดบ้านทั้งหมดแล้วเสร็จแล้ว ผมถามความเห็นจากอากิตัวแทนเจ้าของบ้านว่าโอเครึยัง
อากิบอกว่าจะถ่ายรูปบ้านที่ทำความสะอาดแล้วเสร็จให้คุณอาดูว่าผ่านมั๊ย โดยให้ผมเข้าไปยืนเป็นนายแบบในรูปด้วยครับ คือ ผมว่ามันไม่จำเป็นต้องให้ผมไปยืนในรูปรึป่าว ถ่ายแค่ตัวบ้านไม่ได้เหรอ

“คุณอาจะได้ทราบไงครับว่าใครเป็นคนทำความสะอาด” อ๋อถ้างานมันไม่ดีจะได้เฉ่งถูกคนนี้เอง

ครับๆ ถ่ายก็ถ่ายครับ หวังว่ารูปที่ถ่ายออกมาจะไม่มีอย่างอื่นติดมาในภาพด้วย นอกจากผมกับตัวบ้านนะครับ

พวกเรากลับมายังบ้านพักตากอากาศของอากิ เพื่อประชุมกันว่าวันหยุดที่เหลือเราจะเที่ยวต่อกันยังไงดี สามวันที่ผ่านมาผมมัวแต่ทำงานครับ ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลย ถึงเวลาเที่ยวอย่างจริงจังแล้วครับ

ไอ้มาร์คเสนอให้พาผมไปปล่อยเกาะที่มันกับอากิไปกันวันก่อน คือให้ไปฝึกใช้ชีวิตรอดในเกาะร้าง เดี๋ยวนะ นั่นไม่ฝเรียกว่าเที่ยวแล้วมั้ง

ผมปัดตกความคิดมันไปอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเสนออย่างอื่นแทน

“กุอยากเล่นบานานาโบ๊ตหวะ” ผมเห็นคนอื่นเล่นกันเลยอยากลองเล่นบ้าง น่าจะสนุกแล้วก็หวาดเสียวดี ใครที่เป็นห่วงเรื่องที่ผมว่ายน้ำไม่เป็นนะครับ ไม่ต้องกลัวเพราะผมจะสวมชูชีพ 555

อากิพยักหน้าเห็นด้วยส่วนไอ้มาร์คออกความเห็นเพิ่มเติม

“งั้นสายๆไปเล่นบานานาโบ๊ต ส่วนตอนเย็นไปขึ้นเกาะกัน ไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่นั่น โค ต ร สวย” ออ เมิงรู้ว่าสวยเพราะไปดูมาแล้ว ยังดีที่มีน้ำใจอยากให้กูได้ดูอะไรสวยๆบ้าง

ผมโอเค อากิโอเค เพราะงั้นพรุ่งนี้เราไปเล่นบานานาโบ๊ตกันครัย

“กรครับ คุณอาจะโอนเงินให้ครับ ขอเลขบัญชีด้วย” อากิถามเลขบัญชีจากผมไป ไม่นานนักโทรศัพท์ก็แจ้งเตือนยิดเงินเข้า 5,000 บาทครับ เย้ๆ มีเงินใช้หนี้แล้ว แถมไม่ตอบเสียเวลาทำงานทั้งเดือนด้วย ถือว่าเป็น 3 วันท่ีคุ้มค่าจริงๆ


วันรุ่งขึ้นพวกเราสามคนตื่นแต่เช้าไปเล่นบานานาโบ๊ทครับ คือที่ต้องตื่นเช้าเพราะกลัวแดดจะแรงไปมากกว่านี้ อย่างที่รู้ๆกัน ที่นี่ประเทศไทย มีแต่ฤดูร้อน ฤดูร้อนมาก และฤดูร้อนชิบ- โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นฤดูร้อนชิบ- ซะด้วย พวกผมไม่อยากเสี่ยงกับโรคมะเร็งผิวหนังครับ

สนุกสุดเหวี่ยงจริงๆ ผมโดนเหวี่ยงตกน้ำไปหลายรอบต้องขอบคุณเสื้อชูชีพที่ใส่อยู่จริงๆ ที่ช่วยพยุงตัวไม่ให้ผมจมน้ำ เอาจริงๆผมชักติดใจการเที่ยวทะเลแล้วสิแต่ก่อนอื่นต้องหัดว่ายน้ำให้เป็นก่อน เพื่อเพิ่มอรรถรส

หลังจากเวลาผ่านไปร่วมชั่วโมงเราสามคนก็หมดสภาพครับ ก็สมควรแหละถ้าจะถูกเหวี่ยงตกน้ำถี่ๆขนาดนั้น พวกเราตัดสินใจกลับที่พักไปหาอะไรทานและพักผ่อนครับ เก็บแรงไว้ไปติดเกาะกันตอนเย็น เมื่อกลับถึงที่พักหลังจากหาอะไนกินกันแล้ว ต่างคนต่างแยกย้ายเข้าห้องพักของตน ผมขอตัวหลับกลางวันเอาแรงสักครู่ แต่ก่อนจะงีบหลับ ขอจัดการเรื่องหนี้สินให้แล้วเสร็จก่อนครับ ไหนๆก็มีเงินครบแล้วนี่

OPPA’KORN : ผมมีเงินคืนคุณครบแล้ว ขอเลขบัญชีด้วยครับ’

ไม่นานหลังจากผมส่งข้อความไปก็ได้รับการตอบกลับอย่างรวดเร็ว

PHUMMA : ชั้นต้องการเป็งเงินสด

OPPA’KORN : โอ๊ยยยย ผมไม่สะดวกเอาเงินสดไปให้ โอนให้ง่ายกว่าครับ”

ผมหละไม่เข้าใจทำไมต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วย

PHUMMA : ไม่เป็นไรถ้าเธอไม่สะดวกชั้นไปเอาเงินที่เธอได้



PHUMMA : เธออยู่ที่ไหนหละ เดี๋ยวชั้นไปหา

คงจะมาได้หรอกไม่ใช่ใกล้ๆ

OPPA’KORN : ผมอยู่หัวหิน เอาไว้ผมกลับไปค่อยเอาเงินไปให้คุณก็ได้

PHUMMA : ไม่เป็นไรชั้นสะดวก

เอ่อ…แล้วก็เงียบหายไปเลยครับ เอิ่มแล้วเค้ารู้เหรอว่าผมอยู่ส่วนไหนของหัวหินอะ


****************************************************************************************************

เอ่อ นักเขียนก็อยากไปทะเลเหมือนกันค่ะ ไปหานางกร 55555  :katai5:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
 :pig4:
 :katai2-1:
ตามๆต่อค่ะ

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ต่อค่ะต่อไปยาวๆ ตอนที่ 7  :เฮ้อ:

********************************************************************************************


บทที่ 7 ผมไม่เป็นอะไร ไม่ได้อิจฉ๊าาาาาาาา

เย็นวันนี่เรามาเที่ยวที่เกาะกันครับ เป็นเกาะส่วนตัวของครอบครัวอากิ เราขนของกินกันมาเพียบ กะว่าคืนนี้จะย่างเนื้อ นั่งเล่นรอบกองไฟ รวดตั้งแคมป์พักมันซะที่นี่เลย เพราะที่เกาะบรรยากาศดีกว่าแผ่นดินใหญ่เป็นไหนๆ อากาศก็ดีกว่า น้ำทะเลใส ท้องฟ้าของสวย

สวยแบบครึ้มๆอะนะครับ แต่ก็ยังสวยอยู่ดีแหละ

กางเต้นท์เสร็จแล้ว ก่อกองไฟก็เสร็จแล้ว ถึงเวลาย่างเนื้อสิครับ let’s party

“อะอากิ กินชิ้นนี้สิ” ไอ้มาร์คยื่นเนื้อย่างที่หั่นแล้ว แถมยังจิ้มน้ำจิ้มเสร็จสับไปจ่อที่ปากของอากิ ส่วนอีกคนก็อ้าปากรับไปกินง่ายๆ

บรรยากาศชักแปลกๆอีกแล้ว

“นี้ครับมาร์ค” แล้วอากิก็ทำแบบเดียวกันกับที่ไอ้มาร์คมันทำ อีกฝ่ายก็งับเนื้อเข้าปากก่อนจะยิ้มให้ แถมยังหันไปจุ๊ปแก้มอากิเบาๆอีก

ห๊ะ! ตาผมไม่ฝาดใช้มั๊ย พวกมันหอมแก้มกันอะ

เฮ้ย! อากิจุ๊ปตอบอีกต่างหาก O_O

“นะ นี่มัน กะ เกิดอะไรขึ้น” ผมถามทั้ง 2 คนเสียงสั่น

“พะ พวกนาย จุ๊ปกันทำไม” ถามต่อครับ

ทั้งสองคนเงยหน้ามามองผม ออกจากโลกส่วนตัวครู่หนึ่ง อากิยิ้มอายๆเล็กน้อย ส่วนไอ้มาร์คยิ้มอย่างมีความสุข ก่อนคว้าคออากิมาใกล้ แล้วฝังปากลงที่แก้มอากิแรงๆไปทีนึง

“พวกเราคบกันแล้ว” มันแถลงการณ์พร้อมคว้าอากิมาหอมโชว์ครับ

อะไร! ที่ไหน! เมื่อไหร่! ยังไง!

“อะไรก็คบกันไง ที่ไหนก็เมื่อสองวันก่อน ที่ไหนก็ที่เกาะนี้แหละ ส่วนยังไงนิไม่ขอบอกว่า มันเป็นเรื่องส่วนตัว” มันบอกพร้อมยิ้มร้ายๆมาทางผม หันไปยักคิ้วให้อากิทีนึง อีกฝ่ายหน้าแดง แล้วหันหน้าสบไปทันที

เฮ้ยยยย ผมทำงานพิเศษแค่ 3 วัน เหมือนพลาดเรื่องยิ่งใหญ่ไป

“เชี่ยยยย” พูดอะไรไม่ออกครับ ได้แต่สบถเบาๆ

“เมิงอย่าเข้าใกล้อากิเกิน 3 ก้าวนะ จะหาว่าไม่เตือน” อะไรจะขนาดนั้น เป็นหมาหวงกระดูกรึไง

ว่าจบมันก็หันไปย่างเนื้อต่อ ไม่สนใจผมอีกต่อไป

ผมก็ว่ามันแปลกๆ ทำไมมันต้ังเต้นท์แค่ 2 หลัง ทั้งๆที่มากัน 3 คน เรื่องมันเป็นแบบนี้นี่เอง

นั่งๆกินเนื้อย่างไปสักพักก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน คือพวกมันอยู่ในโลกส่วนตัว เห็นผมเป็นอากาศธาตุ ไอ้ผมก็ไม่มีไรทำครับได้แต่หายใจทิ้ง

เฮ้อออ ผมว่าผมออกไปเดินสำรวจรอบๆดีกว่า ไม่อยากเป็นกวางขวางคอพวกมัน

“เฮ้ เพื่อน กูไปเดอนเล่นนะ” บอกไปงั้นแหละครับ แต่พวกมันไม่สนใจผมแม้แต่น้อย

ผมตัดสินใจหยิบขวดน้ำกับไฟฉายติดมือไปด้วย คือมันเริ่มมืดแล้วแหละครับ ใจจริงอยากได้คบเพลิงไม้ไปด้วยแต่กลัวข้อหาเผาป่า งั้นเอาเป็นไฟฉายเนี่ยแหละ ปลอดภัยที่สุด

เดินออกห่างมาจากแคมป์มาได้สักครึ่งกิโล พอเห็นกองไฟอยู่ริบๆ บรรยากาศเริ่มเงียบสงบครับทจากวิวริมทะเล กลายมาเป็นวิวป่าร้อนชื้น ผมได้ยินเสียงน้ำไหล ขอเดาว่าข้างหน้านี้มีลำธารแน่นอน เดินเข้าไปอีกสักหน่อยดีกว่า

ผมเดินตามเสียงน้ำไหลเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อยๆ สันหลังกลับไปอีกทีก็มองไม่เห็นกองไฟแล้วครับ อ่าวซวยแล้วเหมือนจะหลง แต่ไม่ต้องหาวงครับระหว่างทางขามาผมได้หักกิ่งไม้ไว้ตลอดทางเพื่อจะได้ทราบว่าผ่านมาทางไหนบ้าง ผมจึงเดินตามเสียงน้ำเข้าไปเรื่อยๆ อืมในที่สุดก็เจอสักที

ผมพบน้ำตกขนาดกลางมีชั้นน้ำตกสูงขึ้นไปสัก 3-4 เมตร ด้านล่างที่ผมยืนอยู่เป็นแอ่งน้ำ พื้นด้านล่างเป็นทรายละเอียดเหมือนทรายที่ชายหาดเลยครับ มีโขดหินใหญ่ๆอยู่ 2 ก้อน ให้สามารถไปนั่งเล่นได้

ผมนั่งเล่นอยู่บนโขดหิน เอาเท้าแช่น้ำเล่น อย่างที่ได้บอกไปครับ ผมวาายน้ำไม่เป็น และตอนนี้ก็ไม่มีเสื้อชูชีพด้วยครับ เพราะงั้นปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า แค่นั่งแช่เท้าก็ให้อารมณ์เหมือนเล่นน้ำแล้วครับ 555

ระหว่างนั่งเล่นไปสักพัก บรรยากาศเริ่มมืดครึ้มลงเรื่อยๆ ลมเริ่มกระโชกแรง แรงจนพัดเอาใบไม้ร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้ปลิ้วว่อนเต็มไปหมด รางสังหรบอกผมว่าฝนกำลังจะตก อาจไม่ใช่แค่ในตกแต่น่าจะเรียกว่าพายุเข้าเลยหละครับ

ผลรีบลุกขึ้นเพื่อจะตรงกลับไปยังแคมป์พัก  มองไปยังทิศทางที่หมายเอาไว้ นั้นต้นไม้ต้นนั้นที่ผมทำเครื่องหมายหักกิ่งไม้เอาไว้ ถ้ามองออกไปอีก 10 เมตร จะเห็นต้นไม้อีกต้นนึงที่ผมหักกิ่งไม้ไว้เช่นกัน ผมหักกิ่งไม้ไว้ทุกๆ 10 เมตรแหละ ขากลับจะได้กลับถูกทางไง

ระหว่างเดินทางกลับไปได้สักร้อยเมตร ชิบ-แล้วครับ ต้นไม้ต้นต่อไปมันต้นไหนหว่า คือตอนนี้ลมแรงมากครับแรงจนพัดกิ่งไม้หักได้ แล้วถ้ากิ่งไม้มันหักระเนระนาดขนาดนี้ อันไหนมันรอยหักกิ่งไม้ที่ผมทำไว้หว่า

ผมหันซ้ายหันขวาและใช้ความคิดสักครู่ ก่อนตัดสินใจหยุดเดินดีกว่า ยิ่งเดินต่อไปอาจหลงทางได้ อีกทั้งลมก็แรงมากหากเดินมั่วๆ กิ่งไม้หักตกมาใส่หัวเดี๋ยวจะกลายเป็นผีเฝ้าป่าไปป่าวๆ  คิดได้แล้วก็ตัดสินใจเดินกลับไปยังน้ำตกที่ยังมองเห็นอยู่ใกล้ๆ บริเวณน้ำตกมีต้นไม้ใหญ่ที่น่าจะปลอดภัยจากการหักโค้นได้ ผมว่าอาศัยอยู่ที่นั่นก่อนน่าจะดีที่สุด

ผมหลบลมพายุอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ เวลาผ่านไปนานนับสิบนาทีลมพายุยังไม่ทีท่าทางจะเบาลง เพื่อนๆมันจะสนใจบ้างมั๊ยว่าผมหายตัวมา หรือมันยังอยู่ในโลกแห่งสองเราอยู่

ไม่ได้อิจฉานะครับบอกเลย ไม่ได้อิจฉาจริงจริ๊งงงง

บ่นๆอยู่ในใจสักพักเม็ดฝนก็เริ่มทะยอยตกลงมาครับ ยังดีหน่อยที่พอฝนตกพายุก็เริ่มสงบลง ฝนตกไม่แรงมากครับแต่ลักษณะแบบนี้น่าจะตกยาวๆทั้งคืน

“เฮ้ออออ” ผมถอยหายใจ สงสัยคืนนี้ต้องนอนตากฝนอยู่ที่นี้แล้วสินะ รอพรุ่งนี้ค่อยหาทางกลับครับ รอแสงสว่างๆเปื่อจะมองเห็นอะไรๆชัดขึ้น

จะโทษใครก็ไม่ได้ ผมพาตัวเองซวยมาถึงจุดนี้เอง แต่ไหนๆแล้วขอโทษไอ้ 2 คนนั้นได้มั๊ยที่มันไม่สนใจผมหนะ ชริ




“โฮ่ง โฮ่ง…” ผมสะดุ้งเพราะได้ยินเสียงคล้ายเสียงหมาเห่า แต่ที่นี่มันบนเกาะนะจะมีหมาโผล่มาได้ไง ผมคิดว่าผมเผลอหลับไปหนะครับ ตอนนี้ฝนหยุดตกแล้ว แต่ตัวผมยังเปียกโชกอยู่ ก็นะผมนอนตากฝนนี่นา ว่าแต่มันนานขนาดไหนแล้วเนี่ย

ท้องฟ้ายังมืดอยู่ครับ แปลว่าฝนหยุดตกเร็วกว่าที่คิด ผมนึกว่าจะตกทั้งคืนซะอีก ผมพยายามลืมตาขึ้นแต่เปลือกตาผมหนักมากครับ รู้สึกปวดหัวหน่วงๆ เหมือนมีอะไรมีบีบรัดศีรษะเอาไว้

“กะ กร ก้อนแป้ง ก้อนแป้ง” มีเสียงผู้ชายกำลังเรียกผมอยู่ครับ เอ๊ะ! เรียกผมรึป่าว เหมือนจะเรียกชื่อผม แต่ก็เรียกชื่อคนอื่น ใครวะ ก้อนแป้งเนี่ย

“โฮ่ง หงิง หงิง” เสียงหมาอีกแล้วครับ เหมือนอยู่ใกล้มากๆเลย

“ไม่ อย่าเลียหน้า” เสียงทุ่มๆเอ่ยห้ามดุๆ ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรหยาบๆ เปียกๆมาสัมผัสใบหน้า แหม เรียกสติได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะกลิ่นเหม็นๆชื้นๆที่ได้แถมมากับน้ำเหนียวๆนี้แหละ

ผมพยายามลืมตาขึ้นมามองเห็นเจ้าของน้ำลายเหนียวๆ เป็นสุนัขพันธ์เยอรมัน เชฟเฟิร์ด ตัวสูงเกือบถึงสะโพกของชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ชายคนนั้นย่อเห่าลงมาแล้วใช้สองตัวเขย่าตัวผม

“ก้อนแป้ง ก้อนแป้ง” ใครวะก้อนแป้ง

ผมเบี่ยงสายตาไปมองหน้าชายที่เขย่าตัวผมอยู่ น่าคุ้นๆเว้ย

“คะ คุณ ภะ ภูมิ” หน้าคุ้นๆเหมือนเพิ่งคุยไลน์กันเมื่อตอนกลางวัน มาโผล่แถวนี้ได้ยังไง หรือผมตาฝาด หรือผมคิดมากเรื่องคืนเงินเลยเก็บมาฝัน

“ชั้นเอง เธอเป็นยังไงบ้าง ลุกไหวมั๊ย” เสียงทุ่มๆกล่าวถามพร้อมพยายามพยุงผมให้ลุกขึ้น

“ผมกรครับ ไม่ใช่ก้อนแป้ง” อยากจะบ่นเหลือเกินว่าจำกันไม่ได้รึไง เห็นผมเป็นคนอื่นได้ไงเนี่ย

“...ช่างมันเถอะ ตัวเธอร้อนมากเลย ต้องรีบกลับบ้านก่อน” ว่าแล้วชายหนุ่มก็อบกผมขึ้นพาดบ่าครับ โอ๊ยๆ ใจเย็นครับ เบาๆหน่อย ผมไม่สบายอยู่นะ อุ้มแบบเจ้าหญิงไม่ได้หรือไงวะ


********************************************************************************************

เหมือนจะมีอะไรอยู่ในก่อไผ่! ผ่างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
มาต่อแล้วคร่าาาาา หลังจากหายไปนาน แอบหนีไปเที่ยวทะเลมา อิอิ  :really2:
ไปตามรอยนางกร 55555


********************************************************************************************


บทที่ 8 ผมขอลูบหัวหน่อยได้มั๊ย

ผมลืมตาตื่นขึ้นมาพบเพดาลสีขาวๆ ลมเย็นๆพัดเข้ามาทางหน้าต่าง มองออกไปเห็นทะเลสีครามและชายหาดสีขาว บรรยากาศร่มรืนเพราะมีต้นไม้ใหญ่ขนาบด้านข้าง เช้าวันนี้อากาศสดใสเหมาะแก่การไปเล่นน้ำทะเลจริงๆครับ

ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง

ผมพยายามย้อนความทรงจำเมื่อวาน หลังจากที่ผมไปเที่ยวเกาะกับไอ้มาร์คและอากิ กลางคืนฝนตกพายุเข้า แล้วผมก็เผลอหลับไปแถวๆน้ำตก อ๊ะ ใช่ๆ แล้วเหมือนจะถูกหมาเลียหน้า แล้วก็เจอไอ้คุณภูมิ

ถูกหมาเลียหน้านี้ใช่แน่นอนครับผมยังจำกลิ่นน้ำลายเหนียวๆได้อยู่ ว่าแล้วก็ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองยังเปียกอยู่รึป่าววะ แต่ไอ้คุณภูมินิผมว่าไม่ใช่ละ จะมาโผล่แถวนี้ได้ไง

ผมคิดไว้แล้วว่าไอ้เพื่อนสองคนมันต้องพึ่งพาได้ ไม่งั้นผมคงไม่ได้มานอนเล่นกินลมชมวิวอยู่ที่นี่หรอก คงกลายเป็นผีเฝ้าป่าไปแล้วจริง ว่าแล้วก็หัวเราะ เหอ เหอ กับตัวเอง

ผมมองซ้ายมองขวา มองไปทางปลายเตียงสังเกตเห็นโซฟาตัวนึงมีผู้ชายร่างสูงนั่งสัปงกอยู่ตรงนั้น

“เชี่ยยยย” ผมอุธานออกมาเสียงดัง นั้นมันไอ้คุณภูมิครับ งั้นที่ผมเห็นเมื่อคืนผมก็ไม่ได้คิดไปเองอะดิ แล้วมาโผล่ที่นี่ได้ไงวะ ว่าแต่ที่นี่ที่ไหน?

“บ้านชั้นเอง” เสียงทุ่มตอบกลับมา เอ๊ะผมว่าผมยังไม่ได้ถามออกไปนะ หรือผมคิดดังไป

“เอ่อ...คุณมาที่นี่ได้ยังไง” ผมถามแบบงงๆ

“ก็ที่นี่บ้านชั้น ทำไมจะมาไม่ได้” อีกฝ่ายตอบ นิตั้งใจกวนตรีนรึป่าวเนี่ย

“งั้นผมมาอยู่ที่นี่ได้ไง” ในเมื่อถามไม่ตรงคำตอบ ก็ขอใช้สิทธิ์เปลี่ยนตำถามครับ

“เธอตากฝน ไม่สบาย ชั้นเลยพามาพักที่บ้าน” ออ อธิบายต่อหลังจากที่ผมไปติดในที่น้ำตกนิเอง แต่ประเด็นคือแล้วเค้ามาเกี่ยวอะไรด้วย ทำไมคนที่มาช่วยผมไม่ใช่พวกเพื่อนๆหละ

“แล้วเพื่อนผมหละครับ” ผมถามอย่างสงสัย

“สองคนนั้นกลับเข้าฝั่งไปแล้ว” อีกฝ่ายอธิบาย

“เฮ้ย ไหนว่าเมื่อคืนจะพักกันที่เกาะไง ไหงพวกนั้นทิ้งผมกันหมดหละ” ผมโว๊ยวาย ทิ้งเพื่อนไว้กับคนแปลกหน้าได้ไง

“เธอเป็นไข้นอนซมมา 2 วันแล้ว ชั้นเลยให้พวกนั้นกลับไปก่อน” โอ้โห นอนมาสองวันเลยเหรอ ผมนึกว่าผ่านมาแค่คืนเดียว แล้วพวกมันก็ทิ้งเพื่อนไปแบบนี้สินะ ใช่สิลืมไปว่าพวกนั้นคิดว่าในโลกนี้มีกันแค่ 2 คน ผมมันแค่อากาศธาตุ

“เอ่อ แล้วคุณมาทำอะไรแถวเกาะนี้ครับ” ผมถามออกไปอีกครั้งเมื่อใจเย็นลง

“ก็มารับเงินที่เธอติดค้างชั้นไวไง” ชายร่างสูงตอบยิ้มๆ

WTF นิทวงเงินกันกลางเกาะเลยเหรอ คือถ้าไม่จ่ายเงินให้จะฆ่าหมกเกาะเลยรึป่าว

“ชั้นบอกไปแล้วไงว่าจะมาหา” อีกฝ่ายกล่าวเสียงนุ่มขึ้น

“เอ่อ...แต่ตอนนี้ผมไม่มีเงิน รอขึ้นฝั่งก่อนได้มั๊ยครับ” คือเงินสดผมไม่มีครับ มีแต่เงินในบัญชี ถ้าจะให้โอนเงินเร็วสุดก็ต้องใช้มือถือ ซึ่งมือถือผมทิ้งไว้ที่แคมป์

“ไม่เป็นชั้นรอได้” ฝ่ายชายหันมายิ้มพร้อมลูปหัวผม เฮ้ย อยู่ดีๆมาลูปหัวกันได้ไง

“ถ้าเธออาการดีขึ้นแล้วเรากลับเข้สฝั่งเลยแล้วกัน” อีกฝ่ายสรุปพร้อมลุกขึ้นเปิดประตูออกไปนอกห้อง

เพียงแค่ประตูแง้มออกเบาๆ มีก็สิ่งมีชีวิตตัวโตสีน้ำตาลปนดำแทรกตัวเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว แล้ววิ่งสี่เท้าเหยาะมาหาผมที่เตียงทันที

“อ๊ะ” สัตว์หน้าขนกระโดดขึ้นมาบนเตียงครับ พยายามจะเข้ามาเลียหน้าผม

“กาแฟ อย่า” เสียงทุ้มเอ่ยห้ามแต่ไม่ทัน หน้าผมเปียกน้ำลายเหนียวๆเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ

“...” ไอ้กาแฟหน้าขน มองหน้าผม ทำหูตั้ง สายหางกระดิกๆ เลิกคิ้วขึ้นสูง ลิ้นห้อยๆทำท่าทางอยากให้ชม ‘ชมผมสิ ชมผมสิ’ หน้าตาเอ็งมันบอกแบบนั้น

ผมมองตามัน มันมองตาผม สายตามันมองมาเป็นประกาย วิ๊งๆ เราสองสบตากัน แล้วมันก็ขดตัวลงนอนบนตักผมแบบไม่ถามไถ่ความสมัครใจของผมสักคำ เอ็งคิดว่าตนเองเป็นลูกหมารึไง ตัวไม่ใช่เบาๆนะเว๊ยยย

ผมมองหน้าเจ้านายของมัน อีกฝ่ายก็มองมาด้วยสายตาปลงตก อย่างไม่รู้จะห้ามมันยังไง

หมาอะไร นิสัยไม่เข้ากับหน้าตาเลยวุ๊ย อะไรจะเข้ากับคฃ่ายขนาดนั้น!

“เอ่อ...คุณภูมิครับ” ผมเอ่ยเรียก พร้อมช้อนตาขึ้นไปมองเจ้าของชื่อ เวลาจะอ้อนต้องพูดเพราะหน่อยครับ

อีกฝ่ายนึงเงียบไปอย่รอคอยประโยคถัดไป

“ผมขอลูบหัวเจ้านี่หน่อยได้มั๊ยครับ” เมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า ผมค่อยๆเอื้อมมือไปลูบหัวมันเบาๆ เจ้าด้วยแสบหลับตาพริ้มมมมมม แหมรู้สึกถูกชะตาด้วยเสียนี่กระไร

“ถ้าเธอชอบเอาไปเลี้ยงเลยมั๊ย” ชายหนุ่มถามเสียงนุ่ม ผมสะดุ้งตกใจ อยากเลี้ยงครับ สารภาพเลยผมอยากเลี้ยงหมาตัวใหญ่มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว แต่ที่ศูนย์เค้าไม่อนุญาติให้เลี้ยงสัตว์หรอกครับ เราควรเลี้ยงตัวเองให้รอดก่อน

ผมตาเป็นประกายทันทีที่ได้ยิน แต่แล้วก็หม่นลงทันทีเช่นกัน

“ไม่ได้หรอกครับผมไม่สะดวก” ตอบเสียงเบาๆ มือก็กอดเจ้าหมาบนเตียงเอาไว้ เสียดายอะ

“งั้นถ้าเธออยากเล่นกับมันก็มาเล่นได้ทุกเมื่อ” เอ๊ะ! อะไรจะใจดีปานนั้น

ผมก็พยักหน้ารัวๆเลยสิครับ


********************************************************************************************

มีการเอาน้องหมามาหรอกล่อ  o18 :z2:


ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
9 ค่ะ 9

**********************************************************************************************

บทที่ 9 ผมสบายดี๊

ผมเดินทางกลับมาถึงแผ่นดินใหญ่ สถานที่แรกที่ผมได้ไปไม่ใช่บ้านพักตากอากาศของอากิครับแต่เป็นคลีนิคเอกชนแห่งหนึ่ง ไอ้คุณภูมิยืนยัน นั่งยัน นอนยันว่าให้หมไปตรวจกับคุณหมอ เช็คให้ดีว่าไข้หายสนิทแล้วรึยัง ไอ้ผมไม่อยากไปครับไม่อยากเสียตังโดยใช่เหตุ กลัวเหลือเกินว่ายอดหนี้สินจะเพิ่มขึ้น

“ยังมีไข้นิดหน่อยครับ พักผ่อนอีกวันนึงก็หายแล้วครับ” คุณหมอเจ้าของคลีนิคกล่าว โหหหหห ยังต้องพักผ่อนอยู่อีกรึปิดเทอมผมควรได้ทำอะไรที่มากกว่าพักผ่อนนะ

ผมบ่นกระปอดกระแปด แต่บ่นดังมากไม่ไดมีคนค่อยทำตาดุๆมองอยู่ข้างหลัง

เราเดินทางกลับไปยังบ้านพักตาดอากาศของอากิ เพื่อนทั้งสองคนของผมรออยู่ที่นั้น รอแบบนั่งกระหนุงกระหนิงกันอยู่ริ่มชายหาดอะนะ นี้จะสนใจเพื่อนหน่อยได้มั๊ย

“มือถือกุอยู่ไหนวะ” เมื่อผมไปถึงก็ถามหามือถือก่อนเลยครับ

ไอ้มาร์คโยนโทรศัพท์มือถือเก่าๆเครื่องนึงมาให้ผม จะโยนทำซากอะไรวะเกิดผมรับไม่ได้ขึ้นมาของก็เสียหายหมด ผมเปิดมือถือในมือ หน้าจอสีดำสนิท รออยู่หลายนาทีเครื่องก็ไม่ยอมบูทขึ้นมา ชิบ-

“โดนน้ำหวะ เก็บให้ไม่ทัน” ไอ้มาร์คบอกพร้อมยักไหล่

ซวยแล้วครับยังซ่อมได้อยู่รึป่าว โทรศัพท์มือถือเครื่องนึงไม่ใช่ถูกๆนะครับ กว่าผมจะเก็บเงินซื้อเครื่องนี้ได้ก็ตั้งหลายเดือน ผมไว้อาลัยให้มือถือตัวเองเงียบๆ จนลืมไปว่าไอ้คนที่มาส่งผมยืนรออยู่ด้านหลัง

“เอ่อ คุณภูมิครับ..รอกลับไปผมค่อยคืนเงินให้ได้มั๊ยครับ พอดีมือถือผมเสีย เดี๋ยวผมไปถอนเงินที่แบงค์ให้ครับ” ผมถามชายหนุ่มไปเบาๆ ก็เจ้าหนี้ผมเล่นคอยตามรับตามส่งเพราะกลัวผมหนีหนี้นินา

ไม่ต้องงงครับผมไม่มีบัตรเอทีเอ็มหรอกครับ ผมใช้วิธีถอนเงินผ่านแอพพิเคชั่นส์ในโทรศัพท์เอาไม่เสียค่าธรรมเนียมรายปี ไม่เสียค่ากด แสนสบายยยยย เงินสดติดตัวผมมีไม่ถึงพันหรอกครับ ทริปนี้มันกินฟรีอยู่ฟรีจะพกเงินเยอะทำไม

“ไม่ต้องรีบหรอก เรายังมีเวลาอีกเยอะ” เสียงทุ่มตอบกลับมาเบาๆพร้อมกับหัวเราะในรำคอ

“เอ่อ แล้วค่าคลีนิคเมื่อตะกี๊” ผมถามแบบกลัวๆ

“ชั้นบวกเข้าไปในยอดหนี้ของเธอแล้ว” หึหึหึ แม่นเหมือนจับวาง ตรงกับที่คิดไว้เป๊ะ

“ทะ เท่าไหร่ครับ” ถามเสียงสั่นเลยครับ ค่าใช้จ่ายไม่พึงมีทั้งนั้น

อีกฝ่ายชูฝ่ามือขึ้นมาชูนิ้ว 5 นิ้ว ผมสะดุ้งโหย่ง คลีนิคบ้าอะไรคิดค่าตรวจตั้ง 5,000 บาท ตรวจไม่ถึง 5 นาที ให้ยาพารามาอีก 2 แผง ค่ากำไรเกินควรจริงๆ

“500 บาท” เสียงทุ้มอธิบายมา อ่าวววว หลักร้อยเองรึ แหะ แหะ ผมขอโทษครับคุณหมอ

“งั้นถ้าผมพร้อมจะคืนเงินให้คุณเมื่อไหร่ผมจะติดต่อไปนะครับ คุณกลับไปก่อนเถอะ ผมเกรงใจเพื่อน” คือตอนนี้เราอยู่ที่บ้านพักของอากิไง มาคุยเรื่องส่วนตัวแถวนี้ก็เกรงใจคนอื่นเค้า ค่อยว่ากันอีกทีตอนกลับบ้านแล้วกัน

ไอ้คุณภูมิพยักหน้าแล้วเดินออกไปเงียบๆ ใช่ครับออกไปเงียบมาก เงียบแบบไม่ได้ยินเสียงรถสตาร์ททั้งๆที่ถ้าจำไม่ผิดเสียงเครื่องยนต์รถคันนั้นไม่ใช่เบาๆเลยนะครับ

ผมเดินตามออกมาดูด้วยความสงสัย เฮ้ย รถสีดำคันเดิมคันนั้นยังจอดนิ่งอยู่ที่เดิม เพิ่มเติมคือไม่มีคนขับ แล้วไอ้เจ้าของรถมันอยู่ที่ไหนละ

OPPA’KORN : คุณหายไปไหนหนะ

ผมถามด้วยความเป็นห่วงครับ เดินหายไปเรื่อยไม่ได้นะเออ แถวนี้มันที่ส่วนตัวเดี๋ยวอากิแจ้งตำรวจจับทำไง

PHUMMA : เธอไล่ชั้นกลับไปพักผ่อนไง

OPPA’KORN : แต่คุณลืมรถยนต์เอาไว้

ของที่ลืมไว้ไม่ใช่อันเล็กๆนะเออ ลืมได้ไง

PHUMMA : จอดไว้ตรงนั่นแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปเอา

ตอบข้อความเสร็จก็เงียบหายไปเหมือนเคยครับ

ผมถามอากิว่าฝากจอดรถยนต์ไว้ที่บ้านได้มั๊ย อากิยักไหล่เหมือนไม่ค่อยสนใจ เอาเป็นว่าถ้าเจ้าบ้านเค้าไม่ว่าอะไร ผมจะไปมีสิทธิ์ว่าอะไรหละครับ

คืนนี้ขอนอนหลับเป็นตายอีกสักคืน นี้ก็เริ่มรู้สึกตัวร้อนรุมๆอีกแล้ว รีบกินยาแล้วนอนดีกว่า




เช้าวันนี้อากาศแจ่มใสครับแต่ตัวผมยังรู้สึกรุมๆอยู่ ไอ้มา์คกับอากิมีแพลนจะไปเที่ยวสวนน้ำกัน แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้ผไม่มีพลาด โอกาสแบบนี้ไม่ใช่จะหายได้ง่ายๆนะครับ กินเที่ยวแบบฟรีทั้งทริปเนี่ย

วันนี้ผมใส่กางเกงขาสามส่วนลายดอกชบา ส่วนข้างในใส่กางเกงว่ายน้ำขาสั้นที่อากิหามาให้ ด้านบนสวมเสื้อแขนสั้นคลุมเอาไว้ ส่วนไอ้มาร์คใส่คล้ายๆผมผิดกันตรงที่ด้านบนมันสวมเสื้อแขนกุดตัวใหญ่ ปิดท้ายที่อากิใส่แขนยาวขายาวครับ เอ่อ จะไปเล่นน้ำไม่ใช่เหรอ แล้วนั่นไม่ร้อนเหรอ

ระหว่างที่เรากำลังเตรียมตัวออกเดินทางกันครับ อยู่ๆก็มีแขกไม่ได้รับเชิญเดินเข้ามาหาถึงในตัวบ้าน

“จะไปไหนกัน” มาถึงไม่พูดพร่ำฮำเพลง สายตาดุๆมองกวาดมาที่เราทั้งสามคน หยุดมองที่ผมเป็นคนสุดท้าย แล้วหันไปเอ่ยถามจากอากิ

“เอ่อ...จะไปสวนน้ำกันครับ” อากิก็ไปตอบเค้าอีก ตอบไปทำไม๊

“เพื่อนเรายังไม่หายดี หมอให้พักอีกหนึ่งวัน” เสียงดุๆกล่าวต่อพร้อมหันมามองทางผม

เฮ้ยยยยย เป็นใครมาจากไหนเนี่ย มาถึงก็ดุเอาๆ อากิอย่าไปยอมสู้เค้า!

อากิเงียบครับ ก้มหน้าหนีด้วย โธ่ ยุไม่ขึ้นครับ

“คุณมายุ่งอะไรด้วยเนี่ย พวกผมจะไปเล่นน้ำกัน” ผมออกหน้าแทนอย่างน้อยเค้าก็เป็นคนรู้จักของผม

เอ่อ...เรียกว่ารู้จักได้ป่าวหว่า

คนตัวใหญ่กว่าเดินย่างสามขุมเข้ามาหาผม ยกมือหยาบขึ้นทาบกับหน้าฝากของผม เฮ้ยยยยย ทำอะไร

“ตัวยังร้อนอยู่...คนอื่นไปได้แต่เธอห้ามไป” หันมาสั่งผมพร้อมดันตัวผมเดินกลับเข้าบ้าน

อากิกับไอ้มาร์คมองหน้ากันนิดนึง ก่อนออกเดินไปขึ้นรถ

เดี๋ยวเพื่อน! สนใจกุนิดนึง พวกเมิงจะยอมให้คนนอกมายุ่งวุ่นวายเรื่องของพวกเราไม่ได้นะเว๊ยยยยยยย พวกเมิงจะทิ้งกูไว้แบบนี้ไม่ด้ายยยยยยย กลับม้าาาาาาาาาา

“งั้นผมฝากดูแลกรด้วยนะครับ คุณอา” ก่อนอากิไปยังอุตส่าหันมาฝากฝังผมไว้กับคนข้างๆ

คุณอา...อ่อที่แท้เป็นคุณอานิเอง

ห๊ะ!!!!!!!!!!


********************************************************************************************


ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
มาแล้วคร่าาาาาา มาต่อๆ   :katai2-1:
********************************************************************************************

บทที่ 10 ผมนึกออกแล้ว

อากิจากไปแล้วเหลือไว้เพียงผมกับไอ้ ‘คุณอา’ อยู่ในบ้านกันสองคน ใครเป็นญาติใครแล้วเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่

ผมยืนนิ่งอย่างมึนงงครับ หัวสมองยังรับเรื่องราวไม่ทัน ไอ้คุณภูมิเป็นคุณอาของอากิงั้นเหรอ ใช่คุณอาคนเดียวกันกับที่จ้างผมมาทำความสะอาดบ้านรึป่าวหว่าาาาา

ตอนนี้เราย้ายกลับเข้ามาในห้องรับแขกแล้วครับ ไอ้คุณภูมิบอกว่าข้างนอกอากาศร้อนเดี๋ยวผมไข้กลับ ให้เข้าข้างในบ้านดีกว่าแล้วก็เดินหายเข้าไปในครัวปล่อยผมนั่งคิดอะไรคนเดียวอยู่ที่ห้องรับแขกคนเดียว

ไม่นานผมได้กลิ่นหอมๆโชยออกมา แอบเดินตามกลิ่นไป เห็นผู้ชายตัวโตสวมผ้ากันเปื้อนกำลังต้มข้าวต้มอยู่ แค่ได้กลิ่นน้ำย่อยในท้องก็เริ่มทำงานครับ พวกพยาธิที่เลี้ยงเิาไว้เริ่มส่งเสียงร้องจ๊อกๆ ในใจผมก็ภาวนาให้เค้าทำข้าวต้มทะเลใส่กุ้งเยอะๆ มาทะเลทั้งทีขอหนีจากข้าวต้มหมูทีเถอ เพี๊ยง!

แอบดูอยู่สักพักชักเริ่มทนไม่ไหวครับ เสียงท้องร้องดังมาก เดี๋ยวโดนจับได้ เดินคอตกกลับไปนั่งรอที่ห้องรับแขกดีกว่า ในใจหมายมั่นว่าเดี๋ยวได้กินแน่นอน ฮาาา

ไม่นานเกินรอชายหนุ่มร่างสูงก็เรียกผมเข้าไปที่ห้องอาหาร บนโต๊ะมีข้าวต้มกุ้งสองชุดวางรออยู่ ผมรอบกลิ่นน้ำลาย น่ากินชะมัด

“กินข้าวซะ จะได้กินยา” ว่าแล้วก็ดันผมให้นั่งลง ผมเริ่มลงมือกินข้าวต้มถ้วยนั้นทันที นี้ผมโดนบังคับกินนะครับ ไม่ได้กินด้วยความเต็มใจสักนิด

เราสองคนตั้งหน้าตั้งตากินข้าวต้มเงียบๆ ต่างคนต่างกินไม่ได้พูดอะไรกัน จนผมกินอิ่มแล้ว ไอ้คุณภูมิเช็คข้าวต้มที่เหลืออยู่เล็กน้อยก่อนพยักหน้าแล้วยื่นยามาให้ผม ผมก็รับยามากินอย่างจำใจครับ ผมว่าผมหายไข้แล้วนา

หลังจัดการเก็บกวาดโต๊ะอาหารเสร็จเราก็ย้ายกลับมาที่ห้องรับแขก แล้วเนิ่มพูดคุยกันจริงๆจังๆ

“คุณเป็นคุณอาของอากิเหรอครับ” ผมถามออกไปเสียงเบา

“ใช่” อีกฝ่ายตอบเสียงเข้ม



“ตะ แต่อากิเป็นคนญี่ปุ่นนะ แล้วหน้าตาไม่ได้คล้ายคุณสักนิด” ผมยังไม่ยอมแพ้

“ชั้นเป็นลูกเสี้ยว เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพ่อของอากิ” อีกฝ่ายอธิบาย

“ละ แล้วคุณมาที่นี่ทำไม” ผมถามไปแบบงงๆ จับต้นชนปลายไม่ถูกครับ

“ที่ประเทศไทยชั้นเป็นผู้ปกครองของอากิ จะมาหาหลานมันแปลกตรงไหน” เอ่อ ใช่มันไม่แปลก แต่มาหาหลานก็ไปอยู่กับหลายสิ มาวุ่นวายกับผมทำไม

“แล้วก็มาตรวจดูผลงานของเธอด้วย” ร่างสูงกล่าวยิ้มๆอย่างชอบใจ พลางเหลือบมองไปยังบ้านผีสิงหลังนั้น

“บะ บ้านหลังนั้นของคุณเหรอ” อีกฝ่านพยักหน้า งั้นเค้าก็เป็นคนจ้างงานผมหนะสิ นิมันขออัตยายซื้อขนมให้ยายชัดๆ

“ผีมือทำความสะอาดเธอดีมากเลยนะ มาทำให้บ่อยๆสิ” เอาแล้วครับชวนทำงานประจำเฉยเลย

ขอผมโกรธแปปนึงได้มั๊ย เหมือนเค้าจงใจแกล้งผมอะ

“คะ คุณ…” ผมกัดฟัน พูดไม่ออก ถ้ามีกระจกส่องดูสีหน้าผมตอนนี้คงออกสีดำๆแดงๆ แบบความดันโลหิตสูงเลือดสูบฉีดขึ้นหน้าอะครับ

ชายร่างสูงมองดูทีท่าของผมแล้วถอนหายใจ

“ชั้นตั้งใจหนะ” เสียงทุ่มพยายามอธิบาย

“ชั้นตามดูเธอสักพักแล้ว แล้วก็พยายามเข้ามาใกล้ชิดกับเธอหนะ” อีกฝ่ายสารภาพ สายตาดุๆเจือแววอ่อนโยนสบตาผมนิ่ง

อย่ามองแบบนั้นครับ เดี๋ยวเคลิ้ม นี่ผมกำลังโกรธอยู่นะ

“คุณทำแบบนั้นทำไม” ผมถามเสียงแข็งแม้จะใจอ่อนลงไปมากแล้วก็ตาม

จะไม่ใจอ่อนได้ไงครับ ลองเป็นคุณดูนะถ้านั่งอยู่แล้วมีผู้ชาย ขาว หล่อเหลา หน้าตาดีเกินสาตรฐานนั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆโซฟา ดวงตามองสบตาผมนิ่งด้วยแววตาอ่อนโยน

“ชั้นอยากถามเธอว่า เธอจำชั้นไม่ได้เหรอ ก้อนแป้ง” เสียงทุ้มเอ่ยถาม มือหนาก็ย้ายไปเกาะกุมมือของผมแน่น

โอ๊ยยยย หลบไม่ทันครับ ดึงมือก็ไม่ออกฝ่ายนั่นแรงเยอะกว่า

เดี๋ยว! ใครวะไอ้ก้อนแป้งเนี่ย ได้ยินมาหลายรอบแล้ว

“ผมไม่ใช่ก้อนแป้งครับ ผมชื่อกร” ลืมถามไป ก้อนแป้งนี่ชื่อคนรึป่าว หรืออาจเป้นคำนาม คำวิเศษณ์ขยายนาม คำวิเศษณ์ขยายกริยา ค้างคาวุ๊ย!

“เอาเป็นว่า เธอจำชั้นไม่ได้จริงเหรอ” อีกฝ่ายถอนหายใจ แต่ยังสบตาผมนิ่ง

ผมพยายามนึกย้อน จำได้ป่าวหว่า ผมก็รู้สึกคุ้นๆหน้านะแต่นึกไม่ออกว่าไปเจอที่ไหน ตั้งแต่เด็กก็โตมากับพี่ๆน้องในศูนย์ ไม่ค่อยได้เจอคนแปลกหน้า หรือจะเคยเดินสวนกันตามตลสดนัด แต่แค่เดินสวนกันต้องถึงขั้นจำหน้ากันได้เลยหรือไง หรือผมไปเหยียบเท้าคุณเค้าเข้า

“เอ่อ…..” คิดครับ คิดต่อ

“อ๋อ...ผมนึกออกแล้ว” ตบเข่าดังป๊าบเลยครับ คิดออกแล้วว่าเคยเห็นที่ไหน

“ผมเคยเห็นคุณในรูปถ่ายที่ห้องอากิ” เป็นไงหละความจำดีมั๊ยก็ว่าคุ้นๆหน้าจริงๆ ที่แท้รูปถ่ายใบนั้นนั่นเอง ยังชมว่าหน้าเด็กอยู่เลย ทำไมตอนเห็นครั้งแรกถึงนึกไม่ออกนะ

“เธอ….เฮ้อ” พอได้ยินคำตอบผม อีกฝ่ายถอนใจยาวเลยครับ

“ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าที่ชั้นเข้าใกล้เธอเพราะชั้นอยากดูแลเธอหนะ” ชายร่างสูงยืนขึ้นเต็มความสูง แล้วก้มลงมองสบตาผมแทน สงสัยเมื่อยขา

“เอ่อ ดูแล ทำไมครับ ดูแลเหมือนลูกเหมือนหลานอะเหรอ” ดีสิครับผมชอบให้ผู้ใหญ่เอ็นดู ผมทำตัวดีจะตาย

“ป่าว...ชั้นชอบเธอหนะ” เสียงนุ่มๆกล่าวพร้อมโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูผม มือแกร่งทั้งสองข้างจับไว้ที่พนักวางแขน กักตัวผมไว้ภายใน

อ๋อ เค้าชอบผมนิเอง

ห๊าาาาา ชอบผม!

********************************************************************************************

อุ๊ต๊ะ! เค้าสารภาพรักกันแล้ว  :hao6:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
 มาๆค่ะ มาต่อตอน 11

:katai1: :hao6: :katai4: :katai5:


********************************************************************************************

บทที่ 11 ผมแค่ให้โอกาสเท่านั้นนะ

“ชะ ชอบ ผะ ผม” ขอเวลานอกครับ ไอ้ชอบที่ว่านิชอบยังไง ชอบแบบลูกหลาน ชอบแบบพี่น้อง หรือชอบแบบคนรัก

“ใช่ ชั้นชอบเธอ” อีกฝ่ายตอบเสียงหนักแน่น

“ชะ ชอบ ยังไง” ขอรายละเอียดหน่อนครับ

“ชอบ อยากดูแล อยากอยู่ด้วย อยากทำให้มีความสุข ชอบแบบคนรักหนะ” รายละเอียดมาเต็ม โอ๊ยยยยยยย มาแบบไม่ทันตั้งตัว คือผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรไอ้คุณภูมิเค้าหรอกนะ เคยคิดว่าเป็นคนหน้าตาดี หล่อ สูง เกินมาตรฐาน แต่ไอ้ความรู้สึกชอบนิมันไม่เคยมีมาก่อนนะ

“คือ คุณ ภะ ภูมิ ครับ คุณอาจจะเข้าใจผิดก็ได้มั้ง คุณอาจจะแค่เอ็นดูผม ชอบแบบลูกแบบหลาน อยากดูแลไรงี้อะ” ผมพยายามชี้ทางสว่างให้อีกฝ่าย

“ไม่ชั้นชอบเธอ ชอบมานานแล้วด้วย” โอ๊ยยยย มันจะนานสักแค่ไหนกันเชียว เพิ่งรู้จักกันมาไม่กี่เดือนเอง เจอกันก็นับครั้งได้

“คุณเอาอะไรมามั่นใจว่าชอบผม เอ่อ แบบคนรักหนะ” ถามประโยคแรกจะเสียงดังหน่อย ส่วนประโยคหลังกระซิบเบาๆก็พอ

“ชั้นมั่นใจสิ ก็ชั้นอยากพาเธอขึ้นเตียงหนิ” คุณพระ! หน้านิ่งมากครับคุณผู้ชม นิ่งแบบสวนทางกับประโยคที่พูดออกมามาก

“ตะ แต่ผมไม่ได้ชอบคุณ” ///////////

“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเธอก็ชอบชั้นไปเอง” โอ๊ยยยยคุณภูมิไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหน ดูความมั่นหน้านี้สิ ผมควรทำยังไงดี

“จากนี้ไป ชั้นจะจีบเธออย่างจริงจังหละนะ เตรียมใจไว้เลย” น้ำเสียงหนักแน่นมากครับ ส่วนกระผมคือพูดไม่ออก บอกไม่ถูก

“เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจแรก...หนี้ที่เธอค้างชั้นอยู่ชั้นยกหนี้ให้ไปเลยแล้วกัน” โหหหหห นิจะจีบกันแน่เหรอหรือตั้งใจกวนตรีนวะ ไอ้ที่พูดออกมานี้สร้างความประทับใจได้มั๊ยนั่น

“..........” พูดไม่ออกครับ เดินหนีเข้าห้องแม่งงงงงงงงง

“พักผ่อนให้สบายหละ ตอนเย็นเจอกัน” ยังดีที่ไม่ตามเข้ามา เฮ้อออออ

ผมปิดประตูลงกร แล้วนั่งครุ่นคิดอยู่บนเตียงเงียบๆ ผมควรทำยังไงต่อไป มีคนมาจีบแถมหล่อและรวยขนาดนี้ น่าจะเป็นเรื่องน่ายินดีนะแต่มันตั้งตัวไม่ทันอะ คือมันแปลกๆอะ เค้าโปรไฟล์ดีขนาดนั้นจะมาสนใจอะไรคนอย่างผม ผมเป็นแค่คนธรรมดาๆ หน้าตาบ้านๆ แถมจนอีกต่างหาก ข้อดีเดียวที่มีคนฉลาดนิดหน่อยๆ แล้วก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้คิดกับเค้าในเชิงนี้มาก่อน มันจะไปกันได้จริงๆเหรอ

โอ๊ยยยยย ยิ่งคิดยิงปวดหัว นอนดีกว่าวุ๊ย!


“แกร๊กๆ แฮก แกร๊กๆ หงิงงงง” เสียงดังก๊อกแก๊กๆที่ประตูทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้น ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว พระอาทิตย์ใกล้ตกลับขอบฟ้าเต็มที ผมลืมตาตื่นขึ้นมาคราวนี้ถือว่าสดใสกว่าตอนเช้าเป็นไหนๆ ไอ้อาการมึนหัวกับเสียงสิ้งๆก็หายไปแล้ว พอสูดอากาศได้กลิ่นไอทะเลแล้วก็สดชื่น รู้สึกอยากออกกำลังกายสุดๆ

“เอ๋ง แกร๊กๆ หงิงงงง” เสียงจากหน้าประตูดังขึ้นอีกครั้ง ผมเลยต้องเดินไปสำรวจดูอยากช่วยไม่ได้ แอบส่องดูจากช่องประตูเนี่ยแหละครับ

เป็นไอ้กาแฟครับ กำลังพยายามใช้อุ้งเท้าหน้าเขี่ยประตูห้องผมอยู่ ใช้จมูกดันประตูให้เปิด แล้วก็ใช้สีข้างถูไถประตู ไม่กลัวประตูสีถลอกหรือไง เห็นแล้วก็น่าสงสารครับ ผมเลยตัดสินใจเปิดประตูให้มันเข้ามาในห้อง

เจ้าสัตว์หน้าขนแทรกตัวเข้ามาทันทีที่ผมแง้มประตูออก แล้ววิ่งไปยังเตียงนอนก่อนกระโดดขึ้นไปนั่งตีหางบนเตียงผับๆ สักพักก็ปรากฎร่างของเจ้านายมันเดินตามเข้าห้องมา ในมือถือถาดน้ำสมคั้นมาด้วย ผมรอบกลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง เอ่อ กำลังคอแห้งอยู่พอดีเลยครับ

ร่างสูงนำน้ำไปวางไว้บนโต๊ะแล้วเดินย้อนกลับมาหาผม เอาหลังมือหนาๆมาอังที่หน้าฝาก

“อืมมม ไข้ลดลงแล้วหนิ กินน้ำซะสิ” ว่ากล่าวเสร็จสับพร้อมกับยื่นแก้วน้ำส้มให้ ผมก็รับมาดื่มแบบงงๆ เมื่อดื่มหมดแก้วร่างสูงก็กล่าวต่อไปอีก

“ไปเดินเล่นกัน” เสียงทุ้มเอ่ยชักชวน แต่ผมต้องเล่นตัวหน่อย
 
“คะ ใครจะไปกับคุณ” ผมส่ายหน้าปฏิเสธแล้วกล่าวตอบ

“เรียกชื่อชั้นสิ ภูมิ” สายตาดุมองสบตาผม จนผมต้องเบือนหน้าหนี แม่มปากแน่นสนิท ให้ตายก็ไม่เรียกเว๊ย อีกฝ่ายก็ไม่ยอมแพ้ เขยิบร่างที่สูงกว่าเข้ามาใกล้ กดดันให้ผมต้องเดินถอยหลัง ถอยไปจนติดกำแพงแล้วครับ

“เรียกชื่อสิ ‘พี่ภูมิ’ หนะ” ร่างสูงใช้แขนทั้งสองข้างดันกำแพงแล้วพูดเบาๆข้างหูผม สะดุ้งสิครัทำไมชอบกระซิบจัง ผมยิ่งจั๊กเดียมง่ายๆอยู่

“เอ่อ...ใครจะไปเดินเล่นกับคุณ คะ คุณภูมิ” ผมหลับตาปี๋ตอบออกไป พอลืมตาขึ้นร่างสูงตรงหน้าก็หายไปแล้ว เหลือไว้แต่ไอ้กาแฟที่นั่งรอผมอย่างสงบอยู่ตรงหน้า

“ไปเดินเล่นกับเจ้านี้ต่างหาก” เสียงทุ่มกล่าวพร้อมยื่นสายจูงสุนัขมาให้

โอ๊ยยยยยย ตีถูกจุดด้วย ดันรู้อีกว่าผมเป็นคนรักสัตว์

ผมตัดสินใจพาเจ้ากาแฟมาเดินเล่นเลียบชายหาดพร้อมดูพระอาทิตย์ตกดิน โดยมีเจ้าของมันตามมาด้วย ก็ผมมาเดินเล่นกับกาแฟไง ไม่ได้มากับคุณ เอ่ออ ภะ ภูมิสักหน่อย เค้าตามมาเอ๊งงงง

“โฮ่ง โฮ่ง” ไอ้กาแฟก็คึกคักเหลือเกินครับ ไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน กลายเป็นผมที่เป็นคนโดนลากโดนจูงไปทางนู้นที ทางนั้นที สักพักผมก็เหนื่อยจนหมดแรงไปต่อ ยอมแพ้แล้วยื่นสายจูงไปให้เจ้านายตัวจริงของมัน เท่านั้นแหละ ไอ้หมาเรี่ยวแรงมหาศาลตัวเมื่อกี๋หยุดนิ่งอยู่กับที่ แล้วนั่งลงอย่างสง่าผ่าเผยบนพื้นทราย เฮ้ยยยยยย เมิงแกล้งกูรึป่าวเนี่ย เห็นแบบนี้ยิ่งหมดแรงครับ ผมตัดสินใจนั่งลงกับพื้นทรายบ้าง แล้วเอานิ้วเขี่ยๆเล่นกองทรายแถวๆนั้นไป

ไม่นานร่างสูงก็นั่งลงข้างๆผม แล้วสะกิดเรียกผมเบาๆ ให้เลิกสนใจพื้นทรายตรงหน้า ให้เงยหน้าขึ้นมองไปตรงสุดขอบฟ้า พระอาทิตย์กำลังจะจมหายลงไปในท้องทะเล มันเป็นภาพที่สวยงามจนสะกดผมให้นิ่งอึ่งไปได้ นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้มีโอกาสเห็นพระอาทิตย์ตกดินที่ริมทะเลแบบนี้หรอกนะครับ ผมมาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวันมีโอกาสเห็นมาหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไปอาจเพราะบรรยากาศอบอุ่นที่แผ่ออกมาจากคนที่นั่งข้างๆก็ได้ ทำให้การดูพระอาทิตย์ตกดินครั้งนี้รู้สึกโรแมนติกพิกล งุ้ยยยย ขนลุก

“คบกับชั้นนะ” ร่างสูงเอ่ยเสียงทุ่มแล้วจ้องมองตาผมนิ่ง

ผมยังนิ่งเงียบไม่พูดตอบอะไรออกไป อีกฝ่ายก็เงียบอย่างรอคอยคำตอบ โอียยยยยย บรรยากาศแม่งก็โรแมนติกเกินไป นิจัดฉากมารึป่าว

“ผะ ผมว่ามันยังเร็วเกินปะ ไป” ผมพูดจริงๆครับ เราเพิ่งพบกัน นิสัยใจคอของแต่ละคนก็ยังไม่รู้ จู่ๆจะให้มาตัดสินใจคบมันกันก็เร็วเกินไปจริงๆ

อีกฝ่ายนิ่งเงียบไปหลังจากได้ยินคำตอบของผม มันก็ไม่ใช่คำตอบเชิงปฏิเสธซะทีเดียว ผมไม่ใช่คนปิดกั้นตัวเออยู่แล้วครับ แต่เราควรค่อยๆเป็นค่อยๆไปมากกว่า

“งั้นขอโอกาสให้ชั้นจีบเธอนะ” คราวนี้อีกฝ่ายเปลี่ยนคำถามแต่สีหน้าท่าทางยังคงจริงจังอยู่เหมือนเดิม

ผมมองเข้าไปในดวงตาคู่นั่น มองสบตานิ่ง มองเข้าไปอย่างค้นหาอะไรบางอย่าง พบเพียงแต่ความอบอุ่น จริงจัง และจริงใจ สุดท้ายผมเลยตัดสินใจพยักหน้ารับเบาๆ โดยไม่รู้อะไรออกมา

เมื่อเห็นผมพยักหน้าฝ่ายนั้นก็คลี่ยิ้มเบาๆ อาจเป็นยิ้มครั้งแรกที่ผมได้เห็นจากคนๆนี้เลนครับ ไอ้ยกมุมปากกับแสยะยิ้มนั้นไม่นับครับ แล้วใบหน้ายิ้มๆนั้นก็เคลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ จนรู้สึกถึงลมหายใจของอีกฝ่ายที่โดนหน้าของผม ผมสะดุ้งลุกขึ้นยืนสุดตัว

“เฮ้ยยย ยังไม่ได้คบกัน แค่ให้โอกาสโว๊ยยยยยย” ตวาดแหววออกไปแล้วรีบเดินหนีกลับบ้านพักครับ

ระหว่างกึ่งเดินกึ่งวิ่งกลับผมได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างคนที่สมใจอยากอะไรสักอย่าง

โอ๊ยยยย หมั่นไส้!

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 12 ผมเปลี่ยนชื่อให้ก็ได้  :ling1:

เปิดภาคเรียนใหม่ ตอนนี้ผมเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปีที่ 5 แล้วครับ ปีนี้พวกผมจะได้เป็นรุ่นพี่มีรุ่นน้องให้คอยข่มเหงรังแกได้สักที เฮ้ย ไม่ใช่ครับ เป็นรุ่นพี่ที่ดีคอยให้คำปรึกษาแก่รุ่นน้องครับ ชีวิตในรั้วโรงเรียนยังเหมือนเดิม ผมยังคงเป็นนักเรียนทุนที่ต้องขยันอ่านหนังสือ แล้วก็แอบหาเงินเล็กๆน้อยๆจากการติวเพื่อนๆ เลิกเรียนแล้วต้องรีบไปทำงานพิเศษ กลับศูนย์ก็ช่วยคุณแม่ดูแลน้องๆ ยังคงขี่ไอ้แก่มาโรงเรียนทุกวันเหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมมาคือไอ้เพื่อนๆของผมเนี่ยแหละครับ

พอเปิดเทอมมาวันแรก ไอ้มาร์คก็ประกาศความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของอากิโดยทันที ออกประกาศห้ามใครเข้าใกล้ห้ามให้มายุ่งกับอากิ ขืนใครลองดีได้มีเรื่องกับมันแน่ๆ ขนาดผมที่เป็นเพื่อนสนิทยังถูกมันแง่งๆใส่ตลอด เมิงเป็นหมารึไงฟระ! เป็นผมนิอึดอัดตายไปแล้วครับไม่รู้อากิทนได้ไงเห็นยังเฉยๆเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แค่ตัวสองคนนั้นจะติดกันมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน แล้วก็ปล่อยผมเป็นอากาศธาตุบ่อยๆนั่น
แหละ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับผมพอจะรับได้ เพราะผมมีนี้ ‘ผ่างงงง’ คิดซะว่าเป็นเสียงเอฟเฟ็กแล้วกันนะครับ ว่าพลางโชว์มือถือขึ้นมา มันไม่ใช่มือถือเครื่องใหม่อะไรหรอกครับ เครื่องเดิมที่เสียไปนั่นแหละแค่มีคนอาสาเอาไปซ่อมให้ อิอิ สักพักมือถือผมก็สั่นเบาๆเตือนข้อความเข้า อยู่โรงเรียนต้องเปิดสั่นครับ เดี๋ยวอาจารย์จะว่าเอา

PHUMMA :เธอทำอะไรอยู่

OPPA’KORN : เรียนหนังสือสิครับ

ถามมาได้นะครับเวลานี้ผมก็ต้องเรียนหนังสืออยู่สิ จะให้เดินตลาดนัดอยู่หรือไง

PHUMMA : อยากเจอ คิดถึง

“เอี๊ยดดดด” ผมตกใจเกือบตกเก้าอี้ ทั้งห้องหันหน้ามามองผมโดยพร้อมเพียง โดยเฉพาะสายตาดุๆของอาจารย์บั๊ดมองเขม่นผมไปหนึ่งดอก ผมเลยก้มหัวขอโทษไปเบาๆ

ตกใจมั๊ยหละครับ ไอ้คนท่าทางดุๆนั้น หลังจากที่เอ่ยว่าจะจีบผมก็ผ่านมาเดือนเศษแล้ว แม้จะไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน แต่ทุกๆวันจะส่งข้อความชวนจั๊กจี้หัวใจมาแบบนี้ ใจผมก็เริ่มบางลงทุกทีๆ ไม่คิดมาก่อนว่าคนท่าทางแบบนั้นจะมีมุมหวานๆแบบนี่ แต่ตรงๆแบบนี้ก็ดีครับคุยง่ายดี ไม่มีหมกเม็ด 555

OPPA’KORN : อดทนแล้วทำงานไปครับ

อีกฝ่ายงานค่อนข้างยุ่งครับ เห็นว่าช่วงนี้กำลังจะเปิดสาขาใหม่บนห้าง เลยต้องคุยงานหลายๆฝ่าย ทั้งจากบริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นแล้วก็ประสานงานกับทางห้างที่ไทยอีก เลยต้องบินไปๆมาๆที่ญี่ปุ่นหลายรอบ

PHUMMA : บ่ายนี้ชั้นประชุมเสร็จเร็วเดี๋ยวไปรอหน้าโรงเรียนนะ

เย็นนี้เหรอ ไม่มีงานพิเศษพอดีเลย แต่เอ๊ เหมือนมีธุระอะไรสักอย่าง นึกไม่ออก

PHUMMA : อาจจะได้ออกไปเร็วหน่อย

PHUMMA : เจอกันที่เดิมนะ

PHUMMA : ชั้นจะรอ

เฮ้ย นึกออกแล้ว วันนี้มีติวให้น้อง มอ 4 คืออย่างที่บอกว่าผมมีรับจ๊อบเล็กๆน้อยๆ นิก็ใกล้สอบแล้วเลยมีติวให้เด็ก มอ 4 หาเงินกินขนมครับ

OPPA’KORN : เย็นนี้ไม่ได้

PHUMMA : ทำไม

OPPA’KORN : ผมมีตะ

“เฮ้ย” ยังพิมพ์ไม่เสร็จครับ มือถือล่องหนหายไปต่อหน้าต่อตา

“นายปกรณ์” นั่นไงครับมือถือผม อยู่ในมืออาจารย์บั๊ด หลักฐานคาตาเลยครับ

แหะ แหะ

“อย่าคิดว่าเรียนดีแล้วจะมีอภิสิทธิ์พิเศษนะ ถ้าไลน์จะเด้งถี่ๆแบบนี้กลับไปคุยที่บ้านเลยมั๊ย” โอ๊ยยยจารย์ผมอุตส่าตั้งสั่นแล้วนะ รู้ได้ไงอะว่าแอบคุยไลน์อยู่

“เอ่อ จาร์ยครับ ผม เอ่อ” ผมพยายามจะอธิบาย แต่ไม่รู้จะอธิบายอะไรนี้สิ ผิดเต็มประตูขนาดนี้

“ไม่ต้องแก้ตัว วันนี้ไม่ต้องใช้แล้วไอ้มือถือเนี่ย ค่อยไปเอาคืนหลังเลิกเรียน” โถ่ จาร์ยยยยยยยย



ในที่สุดก็เลิกเรียนสักทีครับ ผมเหลือบมองออกไปด้านนอกหน้าต่างคอยดูว่ามีรถยุโรปสีดำคันเก่าคันเดิมมาจอดที่เดิมรึยัง ปรากฏว่าไม่เห็นรถเลยครับ เห็นแต่ตึกข้างๆบังมิด 555 คืออาคารที่ผมเรียนอยู่ด้านหลังครับ ไม่ใช่ด้านหน้าโรงเรียน ผมรีบใส่เกียร์หมาโกยไปหน้าโรงเรียนทันที นั่นไงรถสีดำคันเดิมคันนั้นจอดรออยู่ที่เดิม

ผมเดินเข้าไปใกล้ๆ ยังไม่ทันได้ยกมือขึ้นเคาะเรียกประตูก็เปิดออก

“ขึ้นมาสิ” เสียงทุ้มๆที่ช่วงนี้ได้ยินบ่อยๆเอ่ยขึ้น

ผมชะโงกหน้าเข้าไปในรถแต่ไม่ยอมขึ้นไปนั่งตามคำบอก อีกฝ่ายขมวดคิ้วกับท่าทีของผม

“คือ เย็นนี้ผมไม่ว่างครับ ผมมีติวน้องมอ 4” ผมบอกไปตามตรงนิก็กินเวลาติวมาแล้ว ผมแวปมาบอกก่อนกลัวมีคนรอ

ชายร่างสูงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม จ้องหน้าผมเขม็ง

“ทำไมต้องติววันนี้ นายไม่ได้อ่านข้อความชั้นรึไง” เสียงทุ้มบ่นอุบ ก่อนหันมากล่าวถามกับผม

“แหะ แหะ ผมโอนยึดมือถือ นิยังไม่ได้ไปเอาเลย” สารภาพไปครับเผื่อความผิดจะลดลง

“แล้วจะติวเสร็จกี่โมง” ชายหนุ่มถอนหายใจแล้วเปลี่ยนคำถาม

“ทุ่มนึงครับ คุณกลับไปก่อนก็ได้นะ” ผมไม่อยากให้รอ ความจริงเราก็ไม่ได้นัดกันไว้จริงๆจังๆสักหน่อย

ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปสักพัก ก่อนหันไปสั่งพี่คนขับรถให้ยกเลิกอะไรสักอย่าง ได้ยินไม่ชัดครับ

“หนึ่งทุ่มใช่มั๊ย ชั้นรอได้” เฮ้อออ รอผมทำไม ไม่มีงานไม่มีการทำรึไง

“รอที่นี่ร้อนตายเลยครับ กลับไปรอที่บ้านก็ได้ เดี๋ยวผมติวเสร็จผมไลน์บอก” ผมพยายามต่อรอง

“ใครบอกว่าชั้นจะรอที่นี่” แล้วคนตัวสูงก็ลุกออกมาจากรถ เดินโอบไหล่ผมเดินกลับเข้าไปในโรงเรียน

เฮ้ย! จะไปไหน

“ติวที่ไหนหละ รีบไปสิ” ร่างสูงกว่าก้มลงมองผมให้เดินนำทาง

“คุณจะไปไหนครับ” ผมถามเสียงสั่น คงไม่ใช่อย่างที่คิดนะ

“ไปรอเธอไง นำไปสิ” หมดคำพูดครับ ตรงตามที่คิดจริงๆด้วย



ผมกำลังตั้งใจติวหนังสือให้น้องมอ 4 ครับ เป็นกลุ่มเด็ก 3 คน ที่ไม่มีใครสนใจผมเลยแม้แต่น้อย ทุกคนคอยหันไปมองหลังห้องที่มีชายร่างสูงนั่งไหว่ห้างจ้องเขม็งมามี่กลุ่มเรา ผมถอนหายใจ คือถึงจะติวต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์มั้งครับ ลักษณะความรู้จะไม่เข้าหัวน้องมันเลย สนใจพี่นี้ พวกแกอยากสอบตกเหรออออออ

“น้องปาล์ม มองชีทครับ”

“น้องอา์ทสนใจพี่หน่อยครับ”

“ยังจะติวกันอยู่มั๊ยเนี่ย”

ผมตวาดบ่นเสียงดัง นัดกันมาติวครับไม่ได้มาดูผู้ชาย วันๆก็เจอแต่ผู้ชายยังไม่เบื่อกันอีกรึไง ไอ้คนหลังห้องมันมีเขี้ยวมีปีกงอกหรือไงถึงต้องสนใจขนาดนั้น

“ใครอะครับพี่กร” ไอ้น้องปาล์มถามครับ ใจผมอยากตอบว่า ‘คนครับ’ แต่เดี๋ยวยาวครับ ตอบๆไปให้จบๆ

“อาเพื่อน” คุณภูมิเป็นอาเพื่อนจริงๆครับ อาของอากิไง

“แล้วเค้ามาทำอะไรที่นี่ครับ หล่อจัง” น้องอาร์ทถามเพ้อๆ

“มารอพี่ เดี๋ยวมีธุระต้องไปต่อ” ผมชักมีน้ำโห อย่าเคลิ้มๆผู้ชายคนนั้นของผม เฮ้ย! ไม่ใช่ ไม่ใช่ของผม เค้าแค่มาจีบผมยังไม่ใช่ของผมสักหน่อย

“อ้าววว พี่มีธุระเหรอ งั้นเลิกคลาสเลย” น้องอีกคนกล่าวอย่างตื่นเต้น เอ้ น้องชื่อไรวะ อ๋อ น้องตั้ม

“ไม่ดีมั้งนี้ก็ใกล้สอบแล้ว เดี๋ยวพวกนายทำข้อสอบไม่ได้นะ” ผมในฐานะติวเตอร์เป็นห่วงอนาคตพวกน้องๆมันจริงๆ

“โอ๊ยยยยยยยย ไม่ต้องห่วงครับ แค่ได้ชีทที่พี่กรเกร็งข้อสอบไว้ให้ก็ผ่านสบายๆแล้ว” น้องตั้มกล่าวมาอีก พลางลุกขึ้นต้อนไอ้เพื่อน 2 คนที่ยังมองไปหลังห้องแบบเพ้อๆอยู่ให้ออกจากห้องไป

หลังจากที่ทั้งห้องเหลือแค่ผมกับคนตัวสูงกว่า ผมจึงเดินไปหาเค้าแล้วกล่าวคุยด้วย

“วันนี้ผมเลิกคลาสเร็ว คุณมีธุระอะไร ที่ไหน ว่ามาเลย” ผมเดินไปคุยด้วยยิ้มๆ อีกฝ่ายไม่พูดอะไร ยกโทรศัพท์ขึ้นโทรออก ไม่นานโทรศัพท์ของผมที่อยู่ในมือเค้าก็ดังขึ้น

‘เจ้าหนี้ขี้งก’ หน้าจอโทรศัพท์ปรากฏสายโทรเข้า

“หมายความว่ายังไง” ถามเสียงแข็งเลยครับ

ชิบ- แล้ว! ลืมไปครับหลังจากที่รับโทรศัพท์ที่ถูกจาร์ยบั๊ดยึดไป ผมก็ถูกยึดโทรศัพท์อีกรอบ โดยให้เหตุผลว่าเดี๋ยวไม่มีสมาธิสอนหนังสือ แล้วเค้ารู้รหัสโทรศัพท์ผมได้ยังไง หรือแอบทำอาชีพหมอดูเป็นรายได้เสริมจริงๆ

“เอ่อ ผมลืมเปลี่ยนเดี๋ยวผมเปลี่ยนตอนนี้เลย” แล้วผมก็ดึงโทรศัพท์มา กดๆไปไม่อีกกี่คำพร้อมยกชูให้คนตัวสูงดู หน้าจอปรากฏคำว่า ‘คุณภูมิ’ แต่อีกฝ่ายยังขมวดคิ้วแน่นอยู่

“เปลี่ยนกลับไปเหมือนเดิม” อะไรคือเหมือนเดิมวะ ผมทำหน้างง อีกฝ่ายยิ่งไม่พอใจ คว้าโทรศัพท์ในมือผมไปจัดเองซะเอง

ปรากฏชื่อบนหน้าจอว่า ‘พี่ภูมิ❤️❤️’ อ๋อ นึกออกแล้ว เหมือนเดิมคือพี่ภูมิ แต่เพิ่มเติมมาหน่อยคือหัวใจ 2 ดวง โอ๊ยยยยย ขนลุก

ผมหน้าแดงแป๊ดดดเลยครับ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะถูกใจปฏิกริยาของผมเลยยิ้มออกมาแล้วลุกขึ้น โอบไหล่ผมแล้วพาเดินกลับไปที่รถ

ผมหันซ้ายหันขวามองรอบๆ นักเรียนกลับบ้านกันไปหมดแล้วครับ อันที่จริงไม่ต้องโอบไม่ต้องพยุงก็ได้ครับ ผมเดินเองได้ ก็ตั้งแต่เอ่ยปากว่าจะจีบเวลาเจอหน้ากันฝ่ายนั้นเป็นขอให้ได้จับให้ได้สัมผัสตัวผมสักนิดสักหน่อย แรกๆผมก็สะบัดหนี แต่ยิ่งหนียิ่งรัดแน่นขึ้นครับ มีทั้งจับมือ โอบไหล่เรื่อยไปจนถึงโอบเอว โอ๊ยยยยยย ผมยอมให้โอบไหล่เนี่ยแหละครับเบสิคสุดละ ย้ำ ยังไม่ได้คบกันนะครับ แค่ให้โอกาสจีบเฉยๆ

รถยนต์สีดำเริ่มเคลื่อนตัวเข้าสู่ตัวเมือง ด้านนอกพระอาทิตย์ตกไปแล้วครับ ความมืดเริ่มเข้ามาครอบคลุม

“วันนี้เราจะไปไหนครับ” ผมถามหยั่งเชิง ถ้าขึ้นต้นด้วยคำว่าวันนี้ แปลว่ามีวันอื่นๆครับตั้งแต่เปิดเทอมมาคุณภูมิจะมารับผมตอนเย็นไปกินข้าวด้วยกันเป็นบางครั้ง ถึงจะไม่ใช่ทุกวัน แต่อย่างน้อยก็อาทิตย์ละครั้งแหละนะ

“ชั้นยกเลิกร้านอาหารไปแล้ว งั้นไปบ้านชั้นแทน” ตอบคำถามผมแล้วก็สั่งพี่คนขับรถ

“ห๊ะ! บ้าน คะ คุณ” ผมช๊อกค้างไปอีกรอบ จะพาไปที่บ้านเลยเหรอ เร็วไปรึป่าว!

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 13 ผมยอมแล้ววววว


คอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมือง ตึกสูงกว่าสิบชั้นโดยเฉพาะชั้นสูงสุดเป็นเพนท์เฮ้าส์ที่มีความเป็นส่วนตัวสูงจำนวน 2 ห้อง ซึ่งหนึ่งในนั้นผมเคยมาเยือนแล้ว ก็ห้องของอากิไง ส่วนอีกห้องที่อยู่ตรงข้ามกันนั้นไม่ต้องเดาก็รู้ว่าห้องใคร ไอ้คนที่ยืนหล่ออยู่ข้างๆผมเนี่ยแหละ

ผมยืนสงบนิ่งอยู่ในลิฟต์ ก้มหน้าด้วยครับขออนุญาติมองตรงไปที่ปลายพุงตัวเอง เอิ๊กๆ คนที่ยืนอยู่ข้างๆส่งไอเย็นแปลกๆ แค่แอร์ในลิฟต์ตัวนี้ก็เย็นพอแล้วนะ บรึ๊ยยยยย ขนลุก

“ติ๊ง” ชิบ- ถึงแล้วครับ ขอเดินตรงออกไปแล้วเลี้ยวขวาได้มั๊ย ขอไปนอนเล่นที่ห้องอากิแปปนึง

มือแกร่งผลักเอวผมให้เดินนำออกจากลิฟต์ไป ทิศทางที่มุ่งไปนั้นแน่นอนว่าไม่ใช่ห้องทางฝั่งขวาแน่นอน เดินๆดันๆแบบตัวลอยครับ รู้สึกตัวอีกทีผมก็นั่งแหมะอยู่บนโซฟาหนังสีดำตัวเขื่อง ผมขอตั้งชื่อว่า โซฟาดูดวิญญาณ ส่วนไอ้เจ้าของห้องหายไปไหนแล้วหว่าาาาาาาาาาา

ห้องๆนี้ตกแต่งโทนสีเทาๆดำๆ มืดๆนัวๆ เห็นแล้วปวดตาครับ แบบต้องใช้สายตาเพ่งมองมากกว่าปกติ ทีวีดำ โต๊ะดำ ตู้ดำ โซฟาดำ อ่อ พรหมเช็ดเท้าสีเทา กับหลอดไฟสีขาว ฮาาาาาาาา ถ้าให้เทียบกันระหว่างห้องนี้กับห้องอากิ ผมว่าห้องอากิน่าอยู่กว่าเยอะ ตกแต่งสบายๆ โปร่งๆ รู้สึกผ่อนคลายดี แต่งห้องมืดๆแบบนี้ผมว่ามันรู้สึกหนักไป ยิ่งคิดยิ่งขมวดคิ้ว ใช้สายตาหนักมากขอบอก

“ทำไมทำหน้าแบบนั้น” เสียงเรียบๆกล่าวมาจากทางด้านหลัง ตกใจสิครับ หายไปไหนมาไม่รู้โผล่มาทีตกใจหมดเลย ร่างสูงยื่นแก้วน้ำมาให้ผม ด้านในบรรจุของเหลวสีเหลืองอำพัน จับแล้วรู้สึกเย็นเฉียบ ลักษณะน่าจะเย็นชื่นใจ

“เอ่อ ห้องมันมืดๆครับ” ผมตอบเบาๆ พร้อมรับน้ำสีเหลืองอำพันมาจิบกิน อ่าาาาาาาาาา เย็นชื่นใจจริงๆ รสชาติแบบนี้ เย็นเย็นน้ำเก๊กฮวยผสมน้ำผึ้งชัวร์ ว่าแล้วก็ดื่มเอื๊อกๆ ตอนนี้ร่างกายกำลังขาดหวานต้องเติมกลูโคสซักหน่อย

“ไม่ชอบเหรอ” ชายหนุ่มขมวดคิ้วกับคำตอบของผมครับ แล้วถามคำถามต่อ

“เอ่อ... ผมว่าโปร่งๆแบบห้องอากิดูสบายตากว่า” ถามตรงตอบตรงครับ แมนๆคุยกัน หลังจากอีกฝ่ายได้รับคำตอบก็นิ่งเงียบไป ความเงียบเข้ามาปกคลุมระหว่างเราทั้งสองคน ‘ไม่ได้นะจอร์จ เราจะเงียบแบบนี้ไม่ได้ ใช่แล้วซาร่า ชวนคุยด่วน’

“เอ่อ...แล้วเรามาทำอะไรกันที่ห้องคุณภูมิอะครับ” ผมชวนคุยจนอีกฝ่ายตื่นจากภวังความคิดของตัวเอง ไอ้คุณภูมิทำหน้าลำบากใจที่จะตอบคำถามผมเล็กน้อย ก่อนถอดหายใจแล้วอธิบายมายาวเหยียด

“ชั้นกะชวนเธอมาทำอะไรกินกันที่ห้อง แต่ลืมไปว่าที่ห้องนี้มันไม่มีอะไรให้กิน นอกจากไอ้นั่น” นิ้วเรียวยาวแต่แข็งแกร่งชี้ไปที่โซนครัว ไอ้ผมก็มองตามไป บนโต๊ะพบขวดเย็นเย็นสีเหลืองวางตั้งทิ้งไว้ ตะกร้าด้านข้างมีอาหารแห้งหน้าตาคุ้นเคยวางไว้หลายถุง มันคือมาม่าครับ อาหารประทังชีวิตยาจก ผมหันกลับไปสบตาเจ้าของห้อง ฝ่ายนั้นแสดงสีหน้าลำบากใจแบบที่ผมไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไหร่ ปกติจะเห็นแต่สีหน้าที่แสดงความเอือมระอาซะมากกว่า ฮาาาาาาาาา

ผมตัดสินใจเดินไปดูที่โซนห้องครัว เปิดๆค้นๆดู เจอมาม่า 3 ห่อ ไส้กรอก 1 แพ๊ค แล้วก็ไข่เป็ดค้างปีอีก 2 ฟอง แถมผักกาดขาวห่อพลาสติกอย่างดีนอนนิ่งอย่างสงบอยู่ใต้ตู้เย็น โอ๊ยยยยยย เหลือเฟือ!

“ชั้นว่าเราออกไปหาอะไรกินข้างนอกดีกว่า” อีกฝ่ายเสนอความคิดใหม่ พร้อมทำทีเดินไปหยิบเสื้อนอกและกุญแจรถ

“โอ๊ยยยย กินนี้แหละครับ ผมหิวแล้วด้วย วัตถุดิบเยอะขนาดนี้ กินสองคนสบายๆ เดี๋ยวผมต้มให้กิน” ว่าแล้วผมก็ถลกแขนเสื้อเตรียมจะล้างผักก่อนเป็นอันดับแรก

ชายร่างสูงถอนหายใจอีกครั้ง เดินเอากุญแจและเสื้อนอกไปเก็บ แล้วเดินมาแย่งผักในมือผม

“ชั้นทำเองดีกว่า นายเป็นแขก”

“ผมทำเอง”

“ชั้นทำ”

เราสองคนยื้อยุดฉุดกระชากผักกันไปมา จนสุดท้ายผมยอมปล่อยผักในมือให้คนตัวใหญ่กว่า

“งั้นผมหั่นไส้กรอก ช่วยกันสองคนเนี่ยแหละเร็วดี” อีกฝ่ายนิ่งไปพักนิ่ง ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้าตกลง

เราสองคนช่วยกันหั่นๆ ต้มๆ ใส่เครื่องปรุง คนๆ สุดท้ายก็ได้หม้อไฟมาม่า 1 หม้อใหญ่ หน้าตาน่าทาน เหมือนคนทำครับ อิอิ เห็นแล้วท้องผมก็ร้องประท้วง หิวอะ

เราย้ายที่อยู่จากโซนห้องครัวมานั่งกินมาม่ากันที่ห้องรับแขกครับ กินไปดูทีวีไปด้วยชิวๆ ทีวีกำลังฉายซีรี่ย์สัญชาติเกาหลียอดฮิตเมื่อหลายปีก่อน ฮิตขนาดที่ผมไม่ค่อยสนใจยังรู้จักเลย เห็นน้องๆที่ศูนย์รุมดูกัน ร้องกรี๊ดกร้าดดดดดด กัปตันยูกับหมอคัง! เป็นเรื่องระหว่างทหารหนุ่มกับคุณหมอสาว ก็นะนางเอกสวย พระเอกก็หล่อของคู่กันเลยครับ

ซีรี่ย์กำลังฉายถึงฉากที่พระเอกประคองนางเอกซึ่งเมามากกลับมายังห้องพัก เอ๊ะ!

‘โอ้... ชั้นจำที่นี่ได้ จำที่นี่ได้ ชั้นจำได้ว่าเคยมาที่นี่’ คุณหมอสาวสวยที่เมามากอุทานขึ้นเมื่อแฟนหนุ่มพยุงมายังโซฟา

‘ครับๆ ผมรู้ คุณถอดรองเท้าก่อน’ แฟนหนุ่มพยายามถอดรองเท้าให้แฟนสาวเพื่อให้รู้สึกสบายตัวยิ่งขึ้น

‘ไม่ๆ ชั้นไม่ถอดรองเท้าในบ้านคนอื่น’ หญิงสาวชักเท้ากลับทันที ก้มหน้าหนีอย่างเขินอาย

‘เข้าใจแล้วครับ ถอดรองเท้าแล้วไปนอนเถอะ’ ชายหนุ่มถอนหายใจ พยายามถอดรองเท้าให้แฟนสาวที่โวยวายอยู่

‘ว๊ายยย นิคิดจะเคลมชั้นเหรอ ชั้นไม่แวะบ้านคนอื่นแล้วกินมาม่าหรอกนะ’ คุณหมอสาวสวยโวยวายต่อไป

‘เอ๊ะ!’ นายทหารหนุ่มตกใจครับ

“เอ๊ะ” ผมก็ตกใจเหมือนกัน! ไอ้บทสนทนานิมันแปลกๆนะ อะไรเคลม อะไรมาม่า ผมใช้สมองอันชาญฉลาดพิจารณาสถานการณ์ของตัวเองทันที มาบ้านคนอื่น รองเท้าก็ถอดไปแล้ว แถมกำลังกินมาม่าอยู่อีกต่างหาก หลักฐานคาปากขนาดนี้ ชิบ- แล้วครับ ผมเงยหน้าสบตาชายหนุ่มอีกคนในห้อง พบรอยแสยะยิ้มที่มุมปาก สายตาเหมือนราชสีย์ที่รอขย้ำเหยื่อที่ตกหลุมพราง หรือว่า...เค้าวางแผนมาไว้ตั้งแต่ต้น!

“หึหึหึ ไหนๆเธอก็ตอบรับคำชวนกินมาม่าของชั้นแล้ว...เราย้ายที่ไปที่ห้องนั้นดีมั๊ย” นิ้วมือเรียวชี้ไปยังห้องด้านในซึ่งปิดประตูสนิทอยู่ ไม่อยากเดาครับว่าห้องอะไร //////////////////////////// ผมแอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ ก่อนตัดสินใจลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว

“เอ่อ ผมอิ่มแล้ว...ผมว่าผมกลับก่อนดีกว่า” ว่าแล้วหมุนตัวไปยังทิศทางของประตูทางออกทันที แต่ไม่ทันครับ

ข้อมือเรียวบางถูกคว้าไว้ด้วยข้อมือที่หนากว่า ออกแรงดึงเบาๆร่างของผมก็ลอยไปล้มลงที่โซฟาอย่างพอเหมาะ ก่อนที่ร่างสูงจะตามลงมาทาบทับ ใช้น้ำหนักตัวกดไว้ไม่ให้ร่างเล็กกว่าหลบหนีไปได้ ผมหลับตาแน่นไม่กล้ามองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สัมผัสได้แต่เพียงความอบอุ่น ไอความร้อนจากลมหายใจของอีกฝ่ายที่ให้ความรู้สึกว่าจะใกล้กันมากๆ ใกล้ๆกับปากผมเนี่ยแหละ ‘ไม่นะ ปากผมมีแต่กลิ่นมาม่า อย่าเอาจมูกเข้ามาใกล้’ กาลเวลาเหมือนหยุดนิ่งต่างคนต่างไม่พูดอะไร ผมได้ยินแต่เสียงหัวใจเต้นเป็นจังหวะหนัก สุดท้ายผมจึงตัดสินใจหลี่ตาขึ้นมาดูเหตุการณ์ตรงหน้า ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกำลังจ้องสบกับดวงตาของผม แววตาจริงจัง หนักแน่น ใบหน้าคมคายนั้นแสดงสีหน้าอ่อนโยนปนระอาแบบที่ผมมองเห็นอยู่บ่อยๆในช่วงนี้ ผมรู้สึกร้อนไปทั่วทั้งใบหน้าลามไปถึงใบหูทั้งสองข้าง พยายามเบือนหน้าหนีริมฝีปากหยักที่เคลื่อนที่เข้ามาใกล้ริมฝีปากผม

“จ๊วบบบ” ละ ลิ้น! ริมฝีปากหยักประกบเข้ากับริมฝีปากบางไม่รีรอให้อีกฝ่ายตั้งตัว ก็ส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวาน หอมบ้าอะไร! มีแต่กลิ่นมาม่า มาม่าต้มยำกุ้งน้ำข้นด้วย

ลิ้นแกร่งตวัดไปทั่วโพรงปาก จากที่เคยเคลื่อนไหวช้าๆก็เริ่มรุนแรงขึ้น มือแกร่งข้างหนึ่งประคองศรีษะคนตัวเล็กไว้ไม่ให้หันหนี ส่วนมืออีกข้างหนึ่งเริ่มเลื้อยลงต่ำ เดี๋ยว! ผมเบิกตาโพรง จากที่เริ่มเคลิ้มๆก็สร่างสิครับ ซิบกางเกงผมถูกรูดลงไปแล้ว มือสองข้างที่เคยอ่อนแรงบัดนี้คว้าหมับเข้าที่มือแกร่ง บ่งบอกว่าให้หยุดการกระทำดังกล่าว

ร่างสูงใหญ่หยุดชะงัก สูดหายใจหนักๆ แล้วเปลี่ยนมาใช้มือทั้งสองข้างโอบกอดคนตัวเล็กไว้แนบอก ผมนอนเฉยๆให้คุณภูมิกอดนิ่งๆไม่กล้าขยับตัว รอจนอีกฝ่ายสงบลง

“คบกับชั้นนะ” เสียงทุ่มกล่าวทำลายความเงียบ มาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเลยครับ โอ๊ยยยยยย จูบจนปากผมบวมขนาดนี้ โอบขนาดนี้ แถมมือยังร้วงลงต่ำแบบนั้น ถ้าไม่ขอคบนี้โกรธนะครับจะบอกให้

“เอ่อ คุณชอบผมจริงๆเหรอ” ไม่ได้ครับต้องเล่นตัวนิดนึง เดี๋ยวดูง่ายไป

“ผมไม่มีอะไรดีเลยนะ เด็กกะโปโลจนๆเลย ไม่มีอะไรคู่ควรกับคุณเลย” ต้องชิงว่าตัวเองก่อนครับจะได้ไม่เจ็บมาก

“เธอจะเป็นยังไงก็ได้ ชั้นชอบที่ความเป็นตัวเองของเธอ” โอ๊ยยยยยย อย่าพูดให้เขินได้มั๊ยยยยยยยยยยย

“...เอ่อ…” ต้องพยายามเล่นตัวอีกหน่อย

“ชั้นชอบเธอ...ไม่สิ ชั้นรักเธอ คบกับชั้นเถอะนะ” ร่างสูงใหญ่จองตาผมนิ่ง แต่ผมก็ยังไม่กล้าตอบตกลง

“..................” เงียบไว้ก่อนครับ ดูสถานการณ์ก่อน ตอบเร็วเดี๋ยวเสียเปรียบ

ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้ง ฝ่ายหนึ่งก็นิ่งเงียบอย่างรอคำตอบ อีกฝ่ายก็อมพะนำไม่ยอมตอบสักที เกิดเป็นเกมส์จ้องตาหวานซึ้ง สุดท้ายร่างสูงกว่าอดทนไม่ได้ ถอนหายใจแล้วกล่าวคำพูดประกาสิทธิ์

“เธอจะยอมคบชั้นดีๆ หรือจะไปกินมาม่ากันต่อในห้องนั้น” แล้วมือแกร่งก็ชี้ไปยังห้องด้านในห้องเดิม

“เฮ้ยยยยย ยอมแล้วครับ” ตกใจสิครับวันนี้เล่นตัวแค่นี้ก่อน มาม่งมาม่าอะไร ยังไม่อยากกิน

“ยอมอะไร” ขออะไรก็ยอมอันนั้นแหละ

“คบครับ คบกัน” อายครับอย่าถามเยอะ

“คบใคร” โอ๊ยยยมีย้ำอีก เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเหรอครับ

“คบกับคุณภูมิครับ” /////////////////

เมื่ออีกฝ่ายได้ยินคำตอบก็เผยยิ้มกว้างแบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วส่งริมฝีปากหนามาจุ๊บข้างแก้มผมแรงๆครั้งนึง สองมือแกร่งผลักร่างผมออกจากอ้อมกอด จัดแจ้งเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วลุกขึ้นเดินนำไปยังประตู

“งั้นวันนี้ก็กลับไปได้ เดี๋ยวชั้นไปส่ง” เอ๊ะ! ง่ายๆอย่างนี้เลยเหรอ ยอมคบปุ๊บ ไล่กลับปุ๊บเนี่ยนะ !!!!!!

“.......................” ผมนิ่งงงกับสถานการณ์ตรงหน้ามากครับ มองสบตากับคนที่สูงกว่าอย่างสงสัย มาม่าก็ยังไม่หมด ผมยังไม่อิ่มเลยนะเออ

“ถ้าไม่กลับตอนนี้ ก็ไปกินมาม่าต่อในห้องนอน” เฉียบมากครับคุณครับ ผมรีบคว้ากระเป๋าตัวเองหมับแล้วเดินนำไปที่ประตูห้องทันที

“ผมลงไปรอที่รถนะครับ” เผ่นก่อนครับ วันนี้ควรพอแค่นี้จริงๆ


********************************************************************************************

ไอ้พี่ภูมิก็รุกหนักไปนะ

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 14 ผมแพ้แฟนหล่อ

เวลาผ่านไปไวยิ่งกว่าโกหก หลังจากที่ผมตกกระไดพลอยโจน โดนมัดมือชกต้องคบกับคุณภูมิ ก็ผ่านมาหนึ่งคืนเต็ม ฮาาาาาา เมื่อคืนหลังจากที่คุณภูมิมายังผมที่ศูนย์ ผมช่วยคุณแม่ทำความสะอาดศูนย์อีกนิดหน่อยก็ขอตัวเข้านอน อ้างว่าพรุ่งนี้มีสอบครับ ต้องอ่านหนังสือ คือมีสอบๆจริงๆ สอบย่อยเก็บคะแนนอะ ตั้งใจจะอ่านหนังสือทบทวนความรู้ แต่ไม่มีสมาธิเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายตัดสินใจนอนหลับ นับแกะวนไปถึงตัวที่สามพันหกสิบห้าก็ยังนอนไม่หลับ สุดท้ายสภาพผมก็อย่างที่เห็นนี้แหละครับ เดอะวอกกิ้งเดต!

“ยินดีด้วยนะครับ กร” อากิส่งเสียงใสทักมา เมื่อผมเดินทางถึงโต๊ะที่สองคนนั่งรออยู่ เช้านี้เรานัดติวกันก่อนสอบครับ ประเด็นคือ สมองผมโล่งมาก ไม่มีอะไรมาติวเลยเนี่ยแหละ

เอ๊ะ!

“ยินดีเรื่องอะไรวะ” ผมถามงงๆ ช่วงนี้มีอะไรให้ยินดีลิเวอร์ฟลูได้แชมป์เหรอ?

“ก็ในที่สุดเมิงก็สละโสดสักทีไง” ไอ้มาร์คตอบแทนครับ

“โห...ดูสภาพสิ สงสัยเมื่อคืนจะหนัก” ไอ้มาร์คแซวต่อ ไม่รอแล้วนะ ส่วนอากิหัวเราะแหะๆ หน้าแดงไปครับ จะหน้าแดงทำไมเพื่อน มันไม่มีอะไรในก่อไผ่ทั้งนั้นนนนนนนน

“เฮ้ยยยย รู้ได้ไงวะ” ผมถามอย่างตกใจ ทำไมพวกมันข่าวไวขนาดนี้ ติด 4G รึไง

“แอบฟัง” คำตอบของไอ้มาร์คชัดเจนมากครับ เคลียร์ทุกคนถามไม่ต้องสืบหาต้นต่อให้มากความ โธ่ อุตส่าเป็นถึงเพ้นท์เฮ้าส์ไม่เก็บเสียงเลย ให้ตายสิ!


“อืม...ก็ตกลงคบกันแล้ว” ในเมื่อเพื่อนๆมันรู้กันแล้ว งั้นเปิดตัวเลยแล้วกันครับ รับไปตรงๆมันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแซว

“ในที่สุดคุณอาก็ทำสำเร็จ...ไม่ต้องห่วงจะครับ คุณอารักกรจริงๆ” ถ้าเชียร์ขนาดนี้ลักษณะจะรู้เห็นเป็นใจครับ

“นะ นาย เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดใช่มั๊ย” ผมหันไปค้าดคั้นกับอากิ มือเขย่าไหล่เพื่อนตัวดีเบาๆ แต่ถูกมือหนากว่าปัดออก

“มือๆ อย่าแตะ” โอ๊ยยยยย ไอ้นี่ก็หวงจริงๆ จับนิดๆหน่อยๆ ไม่สึกหรอหรอก

“แล้วจะเอาไงต่อ” ไอ้มาร์คถามเสียงเครียด

“อะไรต่อ?” ผลถามกลับงงๆ ไม่เข้าใจคำถามครับ

“ก็เมิงวางแผนอนาคตกับคุณภูมิยังไงต่อ จะเปิดซิงเมื่อไหร่” ไอ้เชี่ยร์……………

“ซง ซิงไรเมิง เรามันวัยรุ่น มุ่งเรื่องเรียนเฟ้ย...จะติวมั๊ยที่จะสอบเนี่ย” ผมโวยวายกลบเกลื่อนกระแทกชีทลงโต๊ะ หันมองตาเพื่อนๆทีละคน เอ๊ะ! อากิ หลบตาทำไม ทำไมต้องน่าแดงงงงงง เพื่อน! วัยรุ่นต้องมุ่งเรียนสิฟระ
ตะแว๊ง… เสียงไลน์เด้งครับ

PHUMMA : เย็นนี้เจอกันที่เดิมนะ ❤️❤️

หันซ้าย หันขวา เพื่อนกำลังตั้งใจอ่านชีทกันอยู่ ผมแอบเขินคนเดียวเบาๆ /////////////////////

OPPA’KORN : ครับ

โอ๊ยยยยยยยยย จั๊กจี้



เย็นนี้ผมมีทำงานพิเศษตอนสองทุ่ม ผมรับจ๊อบเป็นติวเตอร์ให้เด็กประถมครับ ในเมื่อหัวดีก็ต้องใช้ให้เป็นประโยชน์ อิอิ เดี๋ยวนี้การแข่งขันมันสูง พ่อแม่บางคนเลยส่งลูกๆเข้าสู่กองหนังสือตั้งแต่เด็ก บางทีก็สงสารน้องๆ อยู่ในวัยกำลังซนแท้ๆ กลับต้องมาจดจ่อเรียนหนังสือดึกๆดื่นๆ แต่ก็นั้นแหละครับว่าอะไรไม่ได้แหล่งรายได้ผมทั้งนั้น! บนเพลินก็เดินมาถึงหน้าประตูโรงเรียน นั่นไงครับรถสีดำคันเดิม จอดที่เดิมเป๊ะ เพิ่มเติมคือไทยมุงมากมาย ยืนอออยู่หน้าโรงเรียน เกิดอะไรขึ้น มีถ่ายหนังหรือไง?

คุณพระ…นั่นนายแบบหรือไงที่ยืนพิงรถอยู่หนะ ว่าแต่ดูคุ้นๆแฮะ อ่อ คุณภูมิ

วันนี้คุณภูมิมาในลุคมิกซ์แอนด์แมท สวมกางเกงผ้าชิโนสีกรม เข้ากับคู่ยืดสีขาวหน้าคอลึก ทับด้วยเสื้อเบลเซอร์สีเข้าคู่กับกางเกง สวมรองเท้าผ้าใบสีขาวสะอาด จอร์จ นั่นเดินออกมาจากนิตยสารรึไง แถมยังใส่แว่นกันแดดอีก คนอื่นๆคงคิดว่าเป็นดารา นายแบบมาถ่ายโฆษณาแหละมั้งถึงได้มุงดูกันแบบนั้น ปกติคุณภูมิไม่ค่อยแต่งตัวแบบนี้ ผมคุ้นเคยกับการเห็นคุณภูมิใส่สูท ใส่เสื้อเชิร์ตทำงานมากกว่า โดยรวมแล้วผิดวิสัยขั้นสุดครับ

และที่ผิดปกติที่สุดเห็นจะเป็นการยืนพิงรถเนี่ยแหละครับ นั่งรออยู่ในรถแอร์เย็นๆไม่ชอบ จะมารอนอกรถทำไม แดดเมืองไทยร้อนจนต้องร้องขอชีวิตเลยนะเออ

“นายแบบที่ไหนวะ หล่อชะมัด”

“มาถ่ายหนังเหรอ หรือมารอใคร”

“เดินเข้าไปทักเค้าสิ”

รอบๆข้างส่งเสียงจอแจวุ่นวายไปหมดเท้าผมหยุดชะงักเลยครับ ขืนเดินเข้าไปหาตอนนี้ต้องเป็นเป้าสนใจแน่นอน โอ๊ยยยยยยย จะออกมายืนรอนอกรถทำม้ายยยยยยย

ผมตัดสินใจยืนหลบอยู่หลังเสาไฟฟ้าใกล้ๆครับ ใจก็ภาวนาว่าอย่าให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นเลย รอคนซาๆลงก่อน เดี๋ยวค่อยออกไป

“อ๊ะ...คุณอา” เสียงใสๆข้างๆผมทำแผนแตกครับ จะทักทำไม โธ่

อากิสาวเท้าวิ่งเข้าไปหาคุณอาโดยมีไอ้มาร์คเดินตามไปใกล้ๆ ชายหนุ่มที่ยืนพิงรถอยู่ถอดแว่นตาดำออกแล้วลูบหัวหลานรักไปทีอย่างเอ็นดู ส่วนไอ้มาร์คนึ่งครับ โด่วววว ทีอย่างนี้ไม่ออกอาการหวงก้างนะ จอกหวะ! ลักษณะมันจะเกรงใจคุณภูมิอยู่ไม่น้อย หึหึ

ผมยังคงหลบอยู่หลังเสาไฟเหมือนเดิม สักพักชายหนุ่มร่างสูงก็มองมายังที่ผมยืนอยู่ตามการชี้นำของเพื่อนตัวดี โธ่! ไปบอกเค้าอีก ขอเวลาร่ายคาถาซ่อนร่างแปปนึงครับ เฮ้ยยย ไม่ทันแล้ว ร่างสูงเดินมาคว้าเอวผมแล้วดึงเข้าไปใกล้ตัวทันที

“เฮ้ยยยย..” ตกใจครับ

“จุ๊ฟฟฟฟ” และตกใจกว่าเมื่อคนร่างสูงโน้มใบหน้าลงมาใกล้หน้าผมแล้วประทับริมฝีปากเข้าที่แก้มชื้นเหงื่อข้างหนึ่ง

เฮ้ยยยยยย แค่นี้ยังเด่นไม่พออีกเร้อ จำเป็นต้องทำขนาดนี้เลยเหรอ!

“คะ คุณ ทำอะไรหนะ” หลังจากที่พยายามผลักๆดันๆคนตัวใหญ่กว่าแต่ไม่เป็นผล แถมยังถูกลากมารวมกลุ่มกับพวกอากิ สุดท้ายเลยได้แต่ยืนนิ่งในอ้อมแขนของชายหนุ่มร่างสูง

“ก็มารับเธอไง” ครับ ตอบแบบกำปั้นทุบดินมากครับ

“ผมหมายถึง ทำไมต้องกอด ต้องหอมด้วย ///////” พูดไปก็เขิน หายสิครับ ถึงไอ้มาร์คจะไม่แซวอะไร แต่ก็ส่งสายตาล้อเรียนตลอดเวลา โอ๊ยยยย มันทิ่มแทง

“อ่าว เป็นแฟนกัน จะกอดจะหอมมันผิดตรงไหน” นิก็หัวนอกมากครับ แต่ไอ้ผมมันคนไทยร้อยเปอร์เซ้นต์ เรื่องแบบนี้ทำในที่ลับตาคนหน่อยก็ได้

“////////////////” พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธ แฮ่!

“คบกันแล้ว ต้องเปิดตัวสักหน่อย จะได้ไม่มีใครมายุ่งกับเธอ” อ่อ นี้ไงจุดประสงค์หลัก ที่แต่งหล่อมานี้ เพื่อการนี้เลยสินะ ผมเหลือบตามองร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งแล้วต้องถอนหายใจ ไม่มีใครมายุ่งกับผมหรอก แต่กลัวว่าจะมีคนมายุ่งกับชายคนนี้แทนนะสิ ก็ดูสายตาหวานเจี๊ยบที่ส่งมาจากรอบๆนิสิ

“คุณอาไม่ต้องกลัวมีใครมายุ่งกับมันหรอกครับ แถวนี้ไม่ค่อยมีคนชอบของแปลก” เอ่อดี ไอ้มาร์ค ไอ้เพื่อนประเสริฐหรอกด่ากูอีก แต่ฟังๆเหมือนด่าไอ้คุณภูมิด้วย ชอบของแปลก ฮาาาาาา

“กันไว้ก่อนดีกว่า” แต่อีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านครับ ตอบรับหน้าตาเฉย

“ผมว่าเราไปที่อื่นกันดีมั๊ย อยู่ตรงนี้เด่นเกินไป” ผมเห็นสมควรให้ไปจากที่นี่โดยไวครับ อายคนอื่นๆ ทั้งอาจารย์ นักเรียน ผู้ปกครอง และพี่ยามซึ่งเป็นไทยมุงกันอยู่เนี่ย แล้วพรุ่งนี้ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเนี่ย

“เธอยังไม่ได้หอมแก้มชั้นเลย” ว่าแล้วก็ยื่นแก้มมาให้ผม มันจำเป็นต้องหอมแก้มด้วยเหรอวะ คือถึงจะเป็นแฟน แต่เพิ่งคบกันได้แค่วันเดียวนะเฟ้ย นับจริงๆยังไม่ครบ 24 ชั่วโมงเลย จะไม่ให้เวลาปรับตัวหน่อยเร้อ!

“วิ้วววววว...มีหอมแก้มโชว์เว้ย” บ๊ะ ปากไอ้มาร์คนิเลี้ยงหมาเอาไว้กี่ด้วย เมิงจะอยู่เงียบๆไม่ได้เลยรึไง

“อย่าไปแซวเค้าสิครับมาร์ค” ดีมากอากิ ดุมันเลย

“คือ...เข้าไปหอมในรถได้มั๊ยครับ ผมอาย” บอกไปตรงๆแมนๆครับ ทันใดนั้นคนตัวสูงกว่าก็ลากผมขึ้นรถไปเลย ไม่ถามความเห็นไทยมุงโดยรอบสักคำ

“วันนี้คุณจะพาผมไปไหน ผมมีสอนตอนสองทุ่มนะครับ” หลังจากแอบหอมแก้มคนตัวสูงหลังไมค์เรียบร้อย ผมก็เข้าเรื่องทันที

“ไปบ้านชั้น” ห๊าาาาา ไปบ้านอีกแล้ว ทำไมช่วงนี้ไปที่บ้านบ่อย

“ผมไม่กินมาม่านะ ////////////” ออกตัวก่อนครับ เน้นอีกครั้ง วัยรุ่ยมุ่งเรียนครับ

“ไม่เป็นไร ชั้นรอได้” ชายหนุ่มตอบรับเรียบๆ แล้วหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆ

เฮ้อ… ตอดเล็กตอดน้อยตลอด แน่ใจนะว่ารอได้!

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2019 08:51:28 โดย nethang »

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 15 ผมยอมแพ้...นิครั้งแรกนะครับ

ห้องเพ้นท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดในความทรงจำของผมที่เคยมืดๆทึมๆ ตอนนี้กลับดูปลอดโปร่ง โล่งสบาย สว่างสบายตา แตกต่างจากเมื่อคืนลิบลับ

“นี้...เอ่อ…” เกิดอะไรขึ้นที่นี้ น้ำท่วมเหรอหรือโดนขโมยยกเค้า เลยต้องเปลี่ยนเฟอนิเจอร์ใหม่หมด 

ชายร่างสูงจูงมือคนตัวเล็กกว่าไปยังห้องด้านในห้องหนึ่ง เปิดเข้าไปพบเตียงนอนขนาด 4 ฟุต โต๊ะสำหรับอ่านหนังสือ และชั้นหนังสือที่มีหนังสือเรียนสำหรับเด็กมัทธยมปลายอัดแน่นอยู่เต็ม แถมด้วยหนังสือเตรียมสอบเข้ามหาวิทยาลัยอีกหลายเล่ม เอ่อ…….

“นิห้องของเธอ” เสียงทุ่มกล่าวพร้อมจ้องมองเข้ามาในตาผม

“ห้องผม” ทำไมต้องมีห้องของผมด้วยอะ

“ใช่ ชั้นจัดไว้ให้ เผื่อวันไหนเธอมานอนค้างที่นี่” เฮ้ยยยยย ใครบอกว่าผมจะนอนที่นี้ ผมกลับไปนอนที่ศูนย์ก็ได้ ค้างที่นี่ทำไม

“มะ ไม่ ผมไม่นอนที่นี่หรอกครับ” ผมกล่าวปฏิเสธ นอนที่นี่ความเสี่ยงสูง

“ไม่นอนที่นี่ แล้วจะนอนห้องชั้นรึ” น้ำเสียงจริงจังมากครับ แต่หน้ายิ้มๆ กับมือไม้ที่เริ่มอยู่ไม่สุกทำให้ผมเริ่มคิดว่าที่พูดนี้แซวเล่นหรือเอาจริงครับเนี่ย

“ไม่ ผมหมายถึง ไม่นอนที่คอนโดนี้ ผมกลับไปนอนที่ศูนย์ดีกว่า” ผมพยายามอธิบาย แต่ร่างสูงกลับดันตัวผมเข้าใกล้กำแพงด้านหลังมากขึ้น

“ชั้นแค่เผื่อเอาไว้ เผื่อวันไหนเธอกลับไม่ไหว จะได้ค้างที่นี่ไง” เอ๊ะ! อะไรกลับไม่ไหวได้ยังไง กลับได้ ผมมันเทพพพพพพพพพพพ เดี๋ยวหายตัวกลับเอา

“นะ…” คุณพระ! คำนี้ขอซื้อได้มั๊ย ฟังเหมือนคำถาม คำบอกเล่า แต่ฟังแล้วปฏิเสธไม่ลง มันคือคำสั่งใช่มั๊ย

“ครับ…” และแล้วก็เผลตอบรับไปซะแล้ว

“เอ่อ...แล้วห้องรับแขก ทำไม…” จะว่ายังไงดีหละ ทำไมมันเปลี่ยนสไตล์ขนาดนั้นหละ

“ชั้นจัดห้องใหม่ เธอจะได้อยู่อย่างสบายใจขึ้น” เดี๋ยวหลับ นั่นไม่เรียกว่าจัดห้องใหม่ จัดใหม่มันต้องใช้ของเดิม แบบนี้เค้าเรียกแต่งใหม่ไม่เหลือเค้าเดิมต่างหาก

“คุณ...เอ่อ ไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้” ผมอัดอั้นใจจนพูดไม่ออก คือเสียดายเงินครับ ไม่ใช่เงินน้อยๆเลยนะนั่น

“ชั้นไม่ได้ทำเพื่อเธอ แต่ชั้นทำเพื่อเรา” โอ้ววววววววววว ปากว่ามือขยับครับ เอวผมถูกโอบตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถมตัวยังลอยมานั่งแหมะอยู่บนเตียงนอนได้ยังไงหว่า หลังเกือบแตะพื้นแล้วนะเออ

“เอ่อ... ผมแค่เสียดายโซฟาสีดำนั่นหนะ” ก่อนอื่นต้องออกจากห้องนี้ก่อนครับ เดินไปที่ห้องรับแขกดีกว่า ในนี้ไม่ค่อยปลอดภัย

“อ๋อ ชอบโซฟาตัวนั้นเหรอ ถ้าเธออยากนั่งเมื่อไหร่ก็นั่งไปทุกเมื่อ ชั้นไม่ได้ย้ายมันไปไหน” ว่าแล้วร่างสูงก็จูงมีผมเดินเข้าไปในห้องอีกห้องนึง เป็นห้องที่ผมไม่เคยย่างเท้าเข้ามาก่อน ห้องที่เจ้าของห้องชวนผมเข้ามาหลายครั้งแล้วแต่ผมปฏิเวธที่จะเข้าไป ไหงวันนี้โดนลากเข้าห้องแบบเนียบๆได้วะ

โซฟาสีดำตัวเขื่องวางแน่นิ่งอยู่ปลายเตียงขนาด 6 ฟุต ไอ้โซฟาดูดวิญญาณตัวนั้นถูกย้ายมาไว้ที่ห้องนี้เอง ผมขอตั้งชื่อมันว่าห้องดูดวิญญาณ! ห้องนี้ถูกตกแต่งด้วยโทนสี เทา-ดำ ถูกออกแบบให้ใช้สำหรับการนอนหลับพักผ่อนโดยเฉพาะ เนื่องจากแสงแดดจากภายนอกถูกสกัดไว้ด้วยผ้าม่านสีดำผืนใหญ่ ภายในสว่างไสวด้วยแสงจากหลอดไฟวอร์มไวท์ดูนวดตา เตียงขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางห้อง ผู้ปูเตียงเรียบลื่นเหมาะสำหรับการนอนหลับเป็นที่สุด เหมาะสมกับชื่อห้องดูดวิญญาณด้วยประการทั้งปวง

“หรือว่าเธออยากอยู่ที่ห้องนี้” เสียงทุ่มเอ่ยแทรกขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของผม

เอ๊ะ ผมมานั่งอยู่บนโซฟาได้ยังไง ทำไมไม่รู้ตัวเลย หรือว่าผมถูกดูดวิญญาณไปแล้ว!

ร่างสูงใหญ่ฉวยโอกาสที่คนตัวเล็กกว่ากำลังใจลอยอุ้มร่างผอมเก้งก้างนั้นไปยังเตียงหนานุ่น

“ลองนอนดูสิ เผื่อเธอติดใจ” ร่างสูงโค้งตัวลงนอนข้างๆ พลางโอบกวดคนตัวเล็กไว้ในอ้อมแขนหลวมๆ

เฮ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

มานอนบนเตียงได้ยังไงวะ!

ในทันทีที่ได้สติ ร่างเล็กทะลึงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว พยายามตะกากจะลุกออกจากเตียงกว้าง แต่ยังไม่ทันทีถึงขอบเตียงร่างบางก็ลอยหวือเข้าสู่อ้อมกอดของชายร่างใหญ่ที่นั่งซ้อนอยู่ด้านล่าง

“อ๊ะ...คุณภูมิ” พยายามดิ้นขยุกขยิกแต่ไม่เป็นผล ในเมื่อสู้แรงคนตัวใหญ่กว่าไม่ได้สุดท้ายก็นั่งนิ่งๆอยู่ในอ้อมกอดแกร่ง

“ชั้นคิดถึงเธอ” ร่างสูงใหญ่ที่โอบกอดคนตัวเล็กกว่ามาจากด้านหลัง ใช้คางเกยบนไหล่ลาดเบาๆ หายใจลดต้นคอพร้อมกับกระซิบเบาๆ

โอ้ววววววววว ขนแขนสแตนอัพ

คิดถึงอะไรกัน เพิ่งแยกจากกันเมื่อคืน นิยังไม่ครบ 24 ชั่วโมงเลย

“คิดถึงมาตลอด ในที่สุดก็ได้โอบกอดเธอสักที” เสียงทุ่มกล่าวคล้ายรำพึงรำพันกับตัวเอง

 “คือ...คุณบอกว่าจะรอ” ผมก้มหน้าก้มตาพูดเสียงเบาๆ ใจมันบางครับ ไม่กล้าสบตา เดี๋ยวเตลิด

“ชั้นรอได้ แต่ให้รอตลอดไปไม่ได้หรอกนะ” กล่าวจบริมฝีปากก็เริ่มซุกไซร้ซอกคอ มือแกร่งก็เริ่มเลื้อยลงต่ำ ผมเอี้ยวตัวหลบ สองมือรีบตะปบมือแกร่งไว้ก่อนจะมุดเข้าไปใต้ร่มผ้าได้

“เฮ้ยยยยยย พรากผู้เยาว์นะครับ” ปากรีบตะโกนออกไปทันที

“หึ” ร่างสูงใหญ่ระบายผมออกมาทางจมูก ก่อนถอนหายใจยาวๆ รวบรวมสติแล้วยกคนตัวเล็กกว่าให้นั่งลงกับเตียงกว้าง ส่วนตัวเองลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

“ได้ ชั้นจะรอจนกว่าเธอจะครบ 18 ถึงเวลานั้นก็เตรียมตัวเตรียมใจเอาไวเแล้วกัน” ผมเงยหน้าขึ้นไปสบตาร่างสูง แล้วก้มลงมองที่ระดับสายตาพบเพียงเป้าตุงๆที่นูนขึ้นมาอย่างเด่นชัด ก่อนพยักหน้าหงึกๆ เป็นอันรับทราบ ร่างสูงใหญ่จึงก้มลงจรดริมฝีปากเข้ากับหน้าผากเหม่งของผมแรงๆทีนึง แล้วหันกลายเดินไปยังห้องน้ำ

เฮ้อออออ ส่วนผมรึ เผ่นออกจากห้องนั้นทันที

ห้องดูดวิญญาณ อันตรายเกินไป!



ผมนั่งๆนอนๆรออยู่ที่ห้องรับแขก เวลาล่วงเลยไปหลายสิบนาที นิก็ใกล้จะถึงเวลาที่ผมต้องไปสอนพิเศษแล้ว ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน นิสรุปคุณภูมิพามาทีบ้านทำไมเนี่ย มาอวดห้องแค่นั้นเลยเหรอ

ไม่ได้การแล้ว ผมว่าผมไปสอนพิเศษสายชัวร์ ผมตัดสินใจโทรไปหาคุณแม่ของน้องก่อนดีกว่า แจ้งว่าไปสายสักหน่อย จะได้ไม่เสียเครดิต

“สวัสดีครับคุณเพ็ญ ผมกรนะครับ” เก็กเสียงสองครับ เสียงหล่อ

“อ่าวววว น้องกร มีอะไรค่ะ” คุณเพ็ญ คุณแม่ยังสาวครับ เป็นคุณแม่ของน้องที่ผมรับสอนพิเศษอยู่ตอนนี้

“คือผมจะแจ้งว่าวันนี้ผมอาจไปสอนช้าหน่อยครับ พอดีผมติดธุระ” ต้องทำเสียงจริงจังครับ จะได้ดูหน้าเชื่อถือ

“อ่าวววว วันนี้น้องกรส่งเพื่อนมาสอนแทนแล้วนิคะ กำลังสอนอยู่เลย” เหหหหหหหหห เพื่อนไหน!

“เพื่อนผมเหรอครับ” เพื่อนคนไหน ทำไมผมไม่รู้หว่า

“ใช่ค่ะ น้องที่ตัวสูงๆ หล่อๆ น้องมาร์คหนะค่ะ” อ๋อ ไอ้มาร์ค แล้วมันไม่สอนแทนผมได้ยังไง ระดับไอ้มาร์คสอนหนังสือใครได้ด้วยเหรอวะ ช่างมัน พรุ่งนี้ค่อยถามอีกทีละกันปล่อยมันสอนไป ฮาาาา มีจิตสำนึกความเป็นครูมากครับ

“อ๋อ  งั้นผมฝากเพื่อนผมด้วยนะครับ” ในเมื่อมีคนทำงานแทนแล้วก็แล้วไป สบายผมเลยสิ

ระหว่างที่กำลังคุยโทรศัพท์อยู่นั้นก็เหลียบไปเห็นร่างสูงกำลังเดินออกมาจากห้องนอน ในสภาพกางเกงขาสั้นเหนือเข่าหัว แถมยังลัดรูปจนมองเห็นกล้ามเนื้อแน่นๆเป็นมัดๆที่เรียงตัวอยู่ด้านใต้เนื้อผ้าเรียบลื่น ผมลอบกลืนน้ำลายเฮือก ก่อนรีบกล่าวลาคุณเพ็ญ แล้วหันไปจ้องร่างสูงที่เดินทางหยุดข้างๆ พร้อมเช็ดน้ำลายที่เกือบไหลอยู่รอมร่อ

“เอ่อ...ทำไมคุณแต่งตัวแบบนี้” คงไม่ได้จะใส่ชุดนี้ไปกินข้าวหรอกนะ

“ชั้นจะพาเธอไปว่ายน้ำ” เสียงทุ่มกล่าวพร้อมยื่นชุดว่ายน้ำแขนยาวขายาวมาให้ผมชุดนึง

“เฮ้ย...แต่ผมต้องไปสอนพิเศษ” ผมรีบปฏิเสธ โกหกไปก่อนครับถ้าชวนไปกินข้าวจะไปอยู่หรอก แต่นี้ชวนไปว่ายน้ำ ผมว่ายเป็นซะที่ไหน

“อากิกับมาร์คไปแทนเธอแล้วนิ” อ่าววว นิไงตัวการ แอบจัดการกันลับหลังผมขนาดนี้เลยเหรอ

“คุณนี้เอง” ผมบ่นเบาๆ สงสัยพรุ่งนี้คงต้องไปเคลียร์กับเพื่อนๆสักหน่อยแล้ว ถูกจ้างกันเท่าไหร่เนี่ยสมรู้ร่วมคิดกันขนาดนี้

“ไปเปลี่ยนชุดสิ” ว่าพรางดันหลังผมไปทางห้องน้ำ

“แต่ผมหิวข้าวอะ กินข้าวก่อนไม่ได้เหรอครับ” ผมพยายามต่อรองครับ เวลาหิวแล้วมันไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรทั้งนั้น

“ในห้องมีแต่มาม่า จะกินหรือป่าว” เฮ้ยยย มาม่าอีกแล้ว

“งั้นไปว่ายน้ำกันเถอะครับ” ไม่ต้องรอให้พูดซ้ำครับ ผมเดินเข้าห้องน้ำทันที




“ตีขาสิ อย่าหยุดตีขา ถ้าเธอหยุดตีขา ตัวเธอจะจม” โอ๊ยยยยย ผมก็ตีขาอยู่เนี่ย ตีจนจะหมดแรงแล้ว แต่ทำไมตีขาแล้วมันไม่ไปข้างหน้าฟระ ทำไมมันอยู่กับที่

“ที่เธอทำไม่เรียกว่าตีขา เธอกำลังปั่นจักรยานใต้น้ำหรือไง” โอ๊ยยยยยย ทำไมดุอย่างนี้ ที่ผมทำอยู่คือท่ามาตรฐานครับ ท่าลูกหมาตกน้ำ

“ว่ายมาทางนี้ ไม่ใช่ นั่นผิดทางแล้ว” เสียงทุ่มกล่าวต่อไปครับ เสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ยังดีที่สระว่ายน้ำเป็นสระส่วนตัว ผมเลยไม่ต้องอายใคร ว่ายมั่วๆอยู่สักพักเริ่มรู้สึกว่าตัวเองลอยอยู่เหนือน้ำครับ

“เฮ้ยยย” ผมร้องสุดเสียงเมื่อร่างสูงใหญ่ที่เมื่อสักครู่ยังยืนอยู่ทางด้านซ้ายมือ ยกร่างผมขึ้นเหนือน้ำ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าผมถูกอุ้มอยู่ในวงแขนของคุณภูมิ //////////////// มันไม่โรแมนติกครับ มันไม่ใช่ท่าอุ้มเจ้าหญิง แต่มันเป็นท่าอุ้มซุปเปอร์แมน คุณลองนึกภาพตาม คือผมว่ายน้ำคว่ำหน้าอยู่ แล้วถูกช้อนขึ้นมาจากน้ำ แขนข้างที่ควรจะรองรับที่ข้อพับขา ฃตอนนี้พาดรองใต้หว่างขา ส่วนแขนอีกข้างหนึ่งอยู่ใต้อก นิถ้ามือผมวางไคว้หลังอยู่ มันท่าบูชายัญชัดๆ -*-

“ชั้นว่ามันต้องมีอะไรสักอย่างผิดพลาด” ร่างสูงบ่นในขณะที่ยังอุ้มผมอยู่

ใช่! ผิดพลาดที่คุณอุ้มผมเนี่ยแหละ

“เอ่อ...ก่อนอื่นวางผมลงเถอะครับ” ผมเตือนสติร่างสูงเบาๆ คือสภาพมันน่าอนาทมากครับ วางลงเป็นดีที่สุด เมื่อร่างสูงก้มมองดูสภาพผมเหมือนเพิ่งคิดได้ กระแอมเบาๆ แล้วพาผมไปยังขอบสระ

“ทำไมตัวเธอถึงจมนะ ปกติถึงไม่ตีขาก็ไม่น่าจะจมนินา” เสียงทุ่มบ่นต่อ แลดูจริงจังกับการสอนผมว่ายน้ำมาก

“ผมอาจไม่เหมาะกับการเอาดีด้านว่ายน้ำ” ผมบ่นเบาๆบ้าง

“ไม่ถึงขั้นต้องว่ายเก่ง อย่างน้อยไม่จมน้ำก็พอ” ร่างสูงบ่นต่อ บ่นกันไปบ่นกันมา ท้องผมก็ร้องตัดบท

โครกกกกกกกกกก เสียงท้องร้องครับ ไม่ใช่เสียงกดชักโครก ฮาาาาา

“พักกินข้าวก่อนได้มั๊ย ผมหิวแล้ว” ไม่มีอะไรต้องอายแล้วครับ ก็บอกไปตั้งแต่แรกแล้วว่าหิวข้าว แถมออกแรงซะเยอะขนาดนั้น ท้องร้องแค่นี้ จิ๊บๆ

“ไปอาบน้ำเถอะ แล้วไปหาอะไรกินกัน” ร่างสูงหัวเราะแข่งไปกับเสียงท้องร้องของผม ก่อนจูงมือผมกลับเข้าห้องพัก

********************************************************************************************************

“ชั้นตัดสินใจแล้ว ชั้นจะสอนเธอว่ายน้ำทุกอาทิตย์จนกว่าเธอจะว่ายน้ำได้” จู่ๆร่างสูงก็กล่าวขึ้นมาระหว่างที่เรากำลังกินอาหารอยู่ที่ร้านอาหารใต้คอนโด

“ไม่ต้องก็ได้มั้งครับ ผมคงไม่ได้ไปว่ายน้ำที่ไหนหรอก” ผมไม่เหมาะกับการว่ายน้ำจริงๆแหละ ว่ายไม่เป็นก็ไม่ต้องว่ายซะ จบเรื่อง

“แค่ชั้นเป็นห่วงเธอ อย่างน้อยว่ายพอไม่ให้จมน้ำก็ยังดี...นะ” นั่นแน่ นะ อีกแล้ว นะทีไรปฏิเสธไม่ลงทุกที

“แต่อาทิตย์หน้าผมมีสอบนะครับ” พยายามต่อรองนิดนึง สัปดหา์หน้าเป็นช่วงสอบกลางภาคครับ ผมอยากทุ่มเทเวลาอันน้อยนิดให้กับการอ่านหนังสือมากกว่า

“งั้นเริ่มอาทิตย์ถัดไป” เฮ้ยยยยยยยย เผด็จการเบอร์นั้น






 :ling2: :ling2: :ling2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-07-2019 08:51:58 โดย nethang »

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ AkuaPink

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2033
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด