รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: รักนี้คุณพี่จัดให้!!! Side story 5 จบแล้วววววววว (25-11-62)  (อ่าน 12724 ครั้ง)

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 29 ผมจะทำยังไงดี!

‘กา กา กาาาาาาา’ บรรยากาศเงียบบบบบบบบบ
 สงบ สยบทุกการเคลื่อนไหว เงียบจนได้ยินเสียงอีกาที่บินอยู่ด้านนอกเลยครับ

ในที่สุดวันที่ผมไม่อยากให้มาถึงก็มาถึง วันที่พี่ภูมิกลับมา

เช้านี้ผมตื่นด้วยความสดใส ยามเช้าเริ่มด้วยโอวันตินหนึ่แก้วพร้อมรับวันใหม่ สู้ๆ อึบๆ

อากิกับมาร์คมารับผมที่ศูนย์เพื่อไปรอรับพี่ภูมิที่แอร์พอร์ตด้วยกัน บรรยากาศมันเงียบตั้งแต่บนรถขาเดินทางมาสนามบินแล้วครับ ถามคำตอบคำ ไม่ชวนคุย ไม่กวนตรีนกันเหมือนเดิม พอมาถึงสนามบินก็นั่งรอกันแบบเงียบๆอีก โอ๊ยยยยยยย ไอ้กรอึดอัด!

บรรยากาศชักแปลกๆ จนกระทั่งถึงเวลาที่แลนด์ดิ้ง ผมชะเง้อมองไปยังเกต นั่นไง ผู้ชายตัวสูงๆ หน้าไทยแต่ผิวดันข๊าวขาว หล่อแบบครึ่งไทยครึ่งญี่ปุ่น หล่อหายากเลยนะนั่น เดินเด่นมาท่ามกลางฝูงชนเลยครับ

“พี่ภูมิ” ผมตะโกนเรียกพร้อมโบกมือทักทาย เอ่อมือข้างที่เหลืออะนะครับ

แต่…………

อีกฝ่ายเลือกที่จะนิ่งครับ เดินมาทางพวกผมนิ่งๆ เงียบๆ มาถึงก็กล่าวทักทายอากิไม่กี่คำ อีกฝ่ายก็ก้มหน้านิ่งไม่ยอมสบตาใครๆทั้งสิ้น จากนั้นก็สั่งให้คนรถเอากระเป๋าและสัมภาระไปเก็บ เหลือบตามองผมครู่นึง ผมแอบเห็นพี่ภูมิแกจ้องมองแขนที่เข้าเฝือกของผมอยู่ครู่ใหญ่แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร สุดท้ายทั้งขบวนก็ยกโขยงกลับคอนโดกันครับ

แต่……………

ประเด็นคือก่อนกลับคอนโดกลับแวะมาส่งผมที่ศูนย์ เฮ้ยยยยยยยย

เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน นิไม่ใช่สถานการณ์ที่ผมคาดการณ์ไว้

เอาจริงๆนะที่ผมวางแผนไว้ก็คือ พี่ภูมิเดินออกมา เห็นผมแขนหัก พี่แกต้องตกใจแล้วก็เป็นห่วงสิ แล้วผมก็จะเล่าให้แกฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ตอกไข่ใส่สีนิดหน่อยจะได้ดูไม่รุนแรง เสร็จแล้วอ้อนพี่ภูมิอีกนิดนึง หลังจากนั้นพี่ภูมิก็จะดูแลผมทั้งวัน ทั้งคืน ทั้งวัน ทั้งคืนนนนนนนนนน มันต้องแบบนี้สิ!

ไม่ใช่ไม่พูดด้วยสักคำแบบนี้ ผมไม่ใช่อากาศนะเออ

“อ่าววววว เจ้ากร แกกลับมาทำไม ไม่นอนคอนโดกับคุณภูมิรึ” เสียงใสๆจากคุณแม่เมื่อเจอผมเดินคอตกกลับศูนย์

“ผมก็ไม่รู้อะ เค้าเอาผมมาปล่อยที่นี่” ผมนี้หูตกหางลู่เลยครับ

“ไหนๆดูสิ เค้าตัดหางด้วยรึป่าว” ว่าแล้วก็เดินอ้อมไปด้านหลังผม

“โธ่ คุณแม่ที่นี่ไม่ใช่วัดสักหน่อย” ผมแหววใส่ ไม่น่าเริ่มก่อนเลย พับผ่าสิ

“เอาน่า แกไปทำอะไรให้ทางนู้นโกรธรึป่าว โทรไปง้อสิ”. คุณแม่ชี้ทางสว่างครับ




ตู๊ดดดดดดด ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด ตึ๊ด อ่าวเฮ้ย! ตัดสาย

OPPA’KORN : พี่ภูมิ

OPPA’KORN : พี่ภูมิคร้าบบบบบบบบบบบบบบ

OPPA’KORN : พี่ภูมิ….

OPPA’KORN : โกรธผมเหรอ?

…………………………………………………………

ชิบหายอ่านแต่ไม่ตอบครับ โอ๊ยยยยยยยยยย ผมพลาด พลาดอย่างมหัน ผมควรเชื่อคำเตือนของอากิ ทำไงดีวะ!

OPPA’KORN : ผมขอโทษที่ไม่ได้บอกพี่ภูมินะครับ

OPPA’KORN : ก็ผมเป็นห่วง พี่ภูมิไปทำงานอะ ผมไม่อยากให้พี่ภูมิคิดมากเรื่องผมอีก

OPPA’KORN : นิผมก็ตั้งใจจะบอกตอนเจอกันอะ

OPPA’KORN : พี่ภูมิจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงผมไง

OPPA’KORN : อ่านแล้วตอบหน่อยสิ

OPPA’KORN : น้าาาาาาาาาาา

OPPA’KORN : พี่ภูมิอะ

OPPA’KORN : ผมขอโทษ

OPPA’KORN : หายโกรธน้าาาาาาาา

OPPA’KORN : น้าาาาาาาาาาาาาาาา

OPPA’KORN : ……………………………………

ทำไงดีครับฝ่ายนั้นเค้าอ่านแต่ไม่ยอมตอบ โทรศัพท์ก็ตัดสาย แถมโทรซ้ำไปอีกถึงขั้นฝากข้อความ นิคงไม่ใช่ว่าบล็อคเบอร์ผมแล้วนะเออ

เฮ้ออออออออออออออออ

สงสัยแบบนี้ต้องเคลียร์กันแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน คือผมหมายถึงต้องพูดคุยกันตรงๆครับ โซเชียวมีเดียมันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ติดต่อกันง่ายดีแต่มันไม่รู้อารมณ์ของอีกฝ่ายเนี่ยสิ เอาเป็นว่ารอให้อารมณ์เย็นลงหน่อยพรุ่งนี้ค่อยไปหาที่คอนโดแล้วกัน


*********************************************************************************************************

สามวัน! นี้ก็เข้าวันที่สามแล้วครับที่ผมติดต่อพี่ภูมิไม่ได้ ไปหาก็โดนหลบหน้าไม่ยอมเจอ ทำไมโกรธแล้วทำตัวงอนเป็นเด็กๆอย่างนี้นะ

“อากิ พี่ภูมิหลบหน้ากูใช่มั๊ย” ในเมื่อทำอะไรคนเป็นอาไม่ได้ ก็มาลงคนหลานเนี่ยแหละ

“ไม่ใช่หรอกครับ กรคิดมาก” อีกฝ่ายกลับตอบมาหน้าตาย

“ไม่คิดมากได้ไง กูไปดักรอที่คอนโดเลยนะเฟ้ย แต่ไม่อยู่ตลอด” นั่นแหละครับ ผมไปบุกคอนโดมาสองคืนติด แต่ไม่อยู่แล้วพี่ภูมิไปนอนที่ไหน???

“ช่วงนี้คุณอามีธุระครับ ำม่ค่อยว่าง” โอ๊ยยยยยยย ข้ออ้างทั้งนั้น ฟังไม่ขึ้น ผมไม่โอเค

“บอกมาเถอะน่า พี่ภูมิอยู่ไหน” ผมคะยั้นคะยอจากอากิต่อ มือก็จับไหล่ทั้งสองข้างพลางเข่าแรงขึ้น

“เฮ้ยยยยย ไอ้กร อย่าจับอากิ เดี๋ยวช้ำ” เป็นไอ้มาร์คครับที่มาจับผมแยก

“แม่ง ขะติดเชื้อบ้ามารึป่าววะเนี่ย” แถมยังบ่นกระปอดกระแปด ถ้าจะขนาดนั้น แกไม่เอาอากิไปเก็บไว้ในห้องปลอดเชื้อเลยหละ

“ก็แกเมิงรู้อะไรแล้วอุบเงียบไว้ใช่มั๊ย” ผมเลยหันไปซักกับเพื่อนอีกคนแทน

“......เอ่อน่า เดี๋ยวพี่ภูมิว่าง ก็ติดต่อได้เองแหละ” ไอ้มาร์คมันตัดบทครับ ตัดบทเสร็จเดินหนีทันที

เฮ้ย! เมิงจะเดินหนีกูแบบนี้ไม่ได้ เมิงไม่รู้เหรอผลของการหนีความจริงคือกูตอนนี้ไง โดนโกรธอยู่เนี่ย เด็กๆไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างนะครับ

*********************************************************************

“โอ๊ยยยยยยย อากิโว๊ยยยยยย โทรบอกพี่ภูมิให้หน่อย ฝากบอกว่าคิดถึง” ผมซึ่งไม่มีหนทางอื่น ทำได้แต่ฝากความคิดถึงไปกับคนหลานเนี่ยแหละครับ ทำไงได้ก็ไอ้คนไอหลบหน้าไม่ยอมติดต่อกลับเลยเนี่ย

ผมทั้งโทรหา ไลน์หา ไปหา แต่ก็เหมือนพูดคนเดียวไม่ได้รับการตอบรับใดๆทั้งสิ้น จนตอนนี้ผมชักเริ่มแลงแล้วครับ

คนอะไรขี้งอนชะมัด แถมงอนทีนึงยังงอนยาวๆซะด้วย

งอนแบบนี้ง้อยากมากกกกกกก ขอบอก ก็อีกฝ่ายเล่นไม่เปิดโอกาสให้ง้อเลยนี้สิ -”-

“ได้ครับ เดี๋ยวผมบอกให้”. นั่นไง อีกฝ่ายยอมรับกลายๆแล้วว่าติดต่อพี่ภูมิได้ ชริ ไอ้พวกนี้มันทำกันเป็นกระบวนการ!

“โว๊ยยยยยย ฝากถามด้วยว่าเมื่อไหร่จะหายงอน จะให้ง้อยังไงก็บอกมา” ผมฟาดงวงฟาดงา หมดปัญหาง้อแล้วจริงๆครับ

“ครับ คร้าบบบบบ” อากิรับคำปนหัวเราะ ส่วนไอ้มาร์คก็หัวเราะหึหึปนสมน้ำน่า

เอ่อ พวกเมิงเห็นเป็นเรื่องตลกกันหรือไง นิกูเครียดมากนะเนี่ยไม่เจอกับตัวเองไม่รู้สึกหรอก

“ผมก็เตือนกรแล้วว่าให้รีบบอกคุณอา เป็นไงหละ” ได้ทีอากิทับถมใหญ่เลย ชริ

“เอ่อน่า คนมันพลาดไปแล้ว ช่วยคิดวิธีง้อหน่อยสิ” หลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียวครับ

หากแต่เพื่อนๆยังไม่ทันได้ช่วยออกความเห็นใดๆ ก็ถูกขัดจังหวะซะก่อน

“นายปกรณ์ ไปห้องปกครองด่วน” อาจารย์ปี๊ดเดินมาเรียกผมถึงห้องเรียนเลยครับ

เฮ้ยยยยย มีอะไรอีกหละ ผมก็ไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครอีกนี้หว่า ผมนิมีดวงสมพงศ์กับห้องปกครองจริงๆเลย

ผมได้แต่มองหน้าไอ้มาร์คกับอากิงงๆก่อนเดินตามอาจารย์แกไป

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 30 ผมนี้เซอร์ไพรส์เลยมั๊ยหละ

ท่ามกลางบรรยากาศอันหนาวเย็นของห้องปกครอง จะไม่ให้หนาวได้ยังไงครับในเมื่อเปิดแอร์ซะ 22 องศา แถมไม่หนาวแค่กายนะครับ ยังหนาวใจอีกต่างหากก็จาร์ยปกครอง จาร์ยเจริญกำลังเก๊กหน้าเข้มนั่งอยู่หัวโต๊ะ ทำอย่างกับแกจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงอาหารอย่างนั้นแหละ

สองฝั่งที่เหลือเป็นคุณลุงวัยกลางคนคนหนึ่งกับ ออ ไอ้บิ๊กและผ่องเพื่อนครับ เพื่อนเอกับเพื่อนบีของมัน อีกด้านที่หันหลังให้ผมเป็นผู้ชายนั่งอยู่คนเดียว แต่เอ้ ผมว่าข้างหลังแบบนี้มันดูคุ้นๆตา เห็นแล้วอยากเข้าไปลูบเพื่อพิสูจน์ว่าคุ้นขนาดไหน

ก๊อก ก๊อก แอ๊ดดดดดดดดดด ผมเลือกที่จะเคาะประตูก่อนแล้วค่อยๆแง้มเข้าไป แล้วก็พบกับ บึ้ม! กลายเป็นโกโก้ครั้นสิครับ

ไอ้คนที่ผมพยายามติดต่อ พยายามไปดักเจอ คนที่ผมไม่เจอหน้ามาหลายวัน ไม่ยอมรับโทรศัพท์ ไม่ยอมตอบข้อความกำลังปั้นหน้ายักษ์นั่งนิ่งเป็นลิงถือลูกท้ออยู่คนเดียว เมื่อผมเดินแต่เข้าไปหายตาทุกคู่หันมาจับจ้องผม

อาจารย์เจริญที่มองมาด้วยความเหนื่อยหน่ายแกมลำบากใจ คุณลุงที่มองมาอย่างรู้สึกผิด ไอ้บิ๊กมองมาแบบหงอยๆ ส่วนไอ้เพื่อนเอกับไอ้เพื่อนบีมองมาแบบเหมือนไม่ใช่เรื่องของพวกมัน อ่าว! พวกเมิงนิตัวละครหลักเลยนะเฟ้ย งอนที่ไม่ได้ค่าตัวหรือไง!

ส่วนดวงตาที่จ้องมองมายาวนานที่สุด คือดวงตาเข้มสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้น เราสองคนจ้องตากันจนกลายเป็นแข่งขันจ้องตา ท้ายที่สุดผมยอมให้อีกฝ่ายชนะแล้วเดินเข้าไปนั่งเก้าอี้ว่างข้างๆคนตัวสูงกว่า

ใจจริงอยากกระโดดเข้าไปกอดให้หายคิดถึงเลยครับ เราเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่พี่ภูมิเดินทางกัลบมาประเทศไทย แต่เป็นการเจอกันแบบบรรยากาศไม่ดีสุดๆ ไม่มองหน้า ไม่พูดไม่จา แถมยังจากกันแบบบรรยกาศเสียสุดๆ คือเอาผมไปปล่อยวัด เอ้ยยยยไม่ใช่ ปล่อยผมกลับศูนย์แบบงงๆ วันนี้ได้เจอหน้ากันอีกครั้งไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายจะหายงอนอะไรหรอก หน้ายังหงึกเหมือนเดิม ปากก็ยังปิดสนิทเหมือนเดิม ยังดีหน่อยที่ดวงตาเจือแววอ่อนโยนที่มองมาไม่เบือนหนีเหมือนเมื่อหลายวันก่อน

ผมยกมือไหว้พี่ภูมิ คุณลุงฝั่งตรงข้าม แล้วก็จาร์ยเจริญผู้เป็นประธาน ก่อนนั่งเงียบฟังปราศัยของแก แต่ไม่ลืมที่จะแอบสัมผัสมือแกร่งที่กำแน่นอยู่ใต้โต๊ะ เพื่อเรียกคะแนนเห็นใจ และก็เป็นโชคดีครับที่อีกฝ่ายไปชักมือหลบ ยอมให้ผมกุมมืออยู่นิ่งๆ แค่นี้ผมก็เริ่มใจชื้นขึ้นมาหน่อยแล้ว เรายังมีหวังเฟ้ย!

“นายปกรณ์ ทางผู้ปกครองของนายคมฤกษ์ ต้องการที่จะมากล่าวขอโทษเธออีกครั้งด้วยตัวเองหนะ ยังไงก็รับคำขอโทษจากเพื่อนๆเค้าด้วยแล้วกันนะ” จาร์ยเจริญกล่าวเปิดพอเป็นพิธี นั่งกันครบองค์แบบนี้คงไม่ต้องสืบสาวราวเรื่องกันยาวหรอกครับ แค่เห็นผมก็พอเดาได้ แต่ที่ผมงงคือเรื่องมันจบไปตั้งแต่สัปดาห์ก่อนแล้ว ที่ผมให้คุณแม่จุ๋มเป็นธุระจัดการให้ แล้วทางผมก็ไม่ได้ติดใจอะไร แล้วไหงวันนี้พวกไอ้บิ๊กกลับมาขอโทษผมอีกรอบ เพื่ออะไร?

แล้วที่เป็นประเด็นกว่านั้นคือ คนที่นั่งข้างๆผมเนี่ยแหละครับ มาจากไหน มาเกี่ยวอะไรด้วยยยยยยยยยยยยย

“เอ่อ… กร ลูก พ่อขอโทษแทนไอ้บิ๊กกับเพื่อนๆมันด้วยนะ เรื่องเด็กทะเลาะกันเล็กๆน้อยๆ กรอย่าถือสาเลยนะลูก” คุณลุงวัยกลางคนกล่าวอย่างนอบน้อม พูดไปก็ชำเลียงมองพี่ภูมิไปเป็นพักๆ เอ่อ มองผมสิครับคุยกับผมไม่ใช่เร้อ แล้วใครลูกคู๊ณณณณณณ พ่อแม่ผมเสียแล้ว ส่วนตอนนี้มีแค่คุณแม่คนเดียว ไม่มีพ่อเฟ้ย อีกอย่างเด็กทะเลาะกันเล็กน้อยตรงไหน นี้แขนหักเลยนะครับ แขนหัก!

เหมือนจะมีคนไม่ค่อยพอใจในคำกล่าวที่ได้ยินเช่นเดียวกับผม เพราะได้ยินเสียงครางฮึ่มๆมาจากคนข้างๆ แถมยังแผ่รังสีเย็นยะเยือกออกมาอีก นิคิดว่าแอร์ที่เปิดอยู่นี้ยังเย็นไม่พออีกหรือไง

“เฮ้ยยย...ไอ้บิ๊กรีบขอโทษเพื่อนเค้าสิ” ว่าแล้วคุณลุงก็ผลักหัวลูกชายประหลกๆ

“เอ่อ...ขอโทษนะเมิง...เอ่อ...มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ” ไอ้บิ๊กกล่าวขอโทษ มันก็คงชั่ววูบจริงๆแหละครับ ชั่ววูบแบบมีการวางแผนดักรอสักชั่วโมงนึงประมาณนั้น

ผมเลือกที่จะเงียบครับ จนไอ้บิ๊กสะกิดให้เพื่อนๆมันกล่าวขอโทษผมด้วยกัน เอ่อ ในที่สุดไอ้เพื่อนเอกับไอ้เพื่อนบีก็เข้ามาเป็นตัวละครหลักสักที เห็นพวกมันเนียนไม่รู้ไม่ชีมานานละ หมั่นไส้

“เอ่อ...ขอโทษอีกครั้งนะครับ คุณภูมิ” ปิดท้ายด้วยคุณลุงพ่อของไอ้บิ๊กที่หันไปคุยกับพี่ภูมิอีกครั้ง

“ว่าไง เธอจะเอาเรื่องมั๊ย” ในที่สุดเสียงทุ้มก็หันมาพูดกับผม โหหหหหหหหห หลังจากที่ไม่ยอมพูดคุยด้วยมาหลายวันในที่สุดก็ยอมพูดด้วยสักที

“เอ่อ พี่ภูมิครับ ไม่เอาเรื่องหรอกครับ คุณแม่รับเงินทำขวัญมาแล้ว” ผมแอบกระซิบคุยกันสองคน บอกไว้ก่อนซิครับ เดี๋ยวหน้าแหกหมอไม่รับเย็บยุ่งเลย

“คืนไปแล้ว” คำตอบสั้นๆ จากอีกฝ่ายทำอารมณ์ผมพลุ่งพล่าน คืนได้ไง ไม่คืนนะเฟ้ย ไม่มีจะคืนด้วย ผมเอาไปเลี้ยงหมูกระทะแล้ว

“ผมไม่มีเงินคืนหรอกครับ เอาไปใช้จ่ายในศูนย์แล้ว” ผมตอบเบาๆ

“ชั้นจัดการให้แล้ว สรุปเธอจะเอาเรื่องอยู่รึป่าว” อีกฝ่ายกล่าวตัดบท แล้วกล่าวถามอีกครั้ง

“ช่างมันเถอะครับ เรื่องมันผ่านไปแล้ว แล้วทางนู้นเค้าก็มาขอโทษแล้วด้วย” ผมตอบแบบยักไหล่ คนเราต้องรู้จักให้อภัยครับ ไม่งั้นก็จะจองเวรกันไม่สิ้น ผมขอชิงตัดเวรซะก่อน ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเจอะเจอพวกมันอีก

“ตามใจเธอ...แต่ชั้นก็มีวิธีจัดการของชั้นเหมือนกัน” ร่างสูงกว่ากล่าวเงียบๆ พร้อมกับลุกขึ้นยืนกล่าวลาทุกคนแล้วเดินออกจากห้องไป

ผมบอกอีกฝ่ายว่าไม่เป็นไร รีบกล่าวขอบคุณอาจารย์ แล้วรีบวิ่งตามพี่ภูมิออกไป

โอ๊ยยยยยย วิ่งแล้วสะเทือนแขนแฮะ แต่ไม่ได้โอกาสมาแล้วต้องรีบคว้าเอาไว้

“พี่ภูมิ เดี๋ยวก่อนครับ” ในที่สุดผมก็วิ่งตามร่างสูงทัน จะเลือกว่าตามทันดีรึป่าว เพราะอีกฝ่ายกำลังยืนพิ่งรถอยู่คล้ายกำลังรออะไรอยู่

“ผมขอโทษครับ” ผมรีบกล่าวออกไป ต้องรีบพูดก่อนที่อีกฝ่ายจะปิดโอกาส

“เรื่อง?” ชายหนุ่มเสียงแข็งใส่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้

“เรื่องที่ผมไม่ยอมบอกว่ามีเรื่อง เรื่องที่ผมเจ็บตัว...อีกแล้ว” ผมก้มหน้าก้มตาสำนึกผิด แต่อีกฝ่ายดันเงียบแทนคำตอบ

“ก็ผมไม่อยากให้พี่ภูมิเป็นห่วง พี่ภูมิยกโทษให้ผมนะ น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา” ผมงัดไม้ตาย ‘น้าาาาาาาาา’ ออกมาใช้ ก่อนเหลือบตามองร่างสูงที่บัดนี้หายวับ อ่าว! เข้าไปนั่งในรถตั้งแต่เมื่อไหร่หว่า

“เข้ามาคุยกันข้างใน” เสียงเข้มสั่งเบาๆ พร้อมกับประตูรถด้านหนึ่งที่เปิดทิ้งเอาไว้

แหะ แหะ โอกาสมาถึงมือผมแล้ว



“พี่ภูมิยกโทษให้ผมแล้วใช่มั๊ยครับ” ผมกล่าวถามพร้อมส่งสายตาปิ๊งๆไปให้ แต่อีกฝ่ายเลือกที่จะเงียบแทนคำตอบ ผมเลยตัดสินใจโน้มด้วยไปหอมแก้มอีกฝ่ายดัง ‘จ๊วบ’ ใหญ่ๆ จนร่างสูงได้แต่ตาโตแข็งค้างไป แต่จังหวะไม่ค่อยเป็นไรครับ รถที่กำลังดันตกหล่มจนตัวผมเซไปกระแทกกับพนักพิงด้านหลัง

โอ๊ยยยยยย เจ็บสิครับทับแขนตัวเองพอดี!

“ก้อนแป้ง!...เจ็บเหรอ” ตกใจเลยครับ ตกใจสีหน้าของคนข้างๆ ที่ลืมเก็กมาดเข้ม ผมมองเข้าไปในดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย หัวคิ้วที่ขมวดติดกัน ท่าทางอยากจะรองรับความเจ็บปวดไปแทนผม หึหึ เสร็จผมหละทีนี้

“โอ๊ยยยยย...เจ็บครับ” แล้วผมก็ผู้สึกเจ็บจี๊ดหนักกว่าเดิมจนต้องผวาเข้าไปซบอกแกร่งเบาๆ เอาหน้าถูไถไปกับเสื้อเชิร์ตเรียบๆ จะถูกให้ยับไปเลย!

 ร่างสูงตัวแข็งทื่อไปอีกพักหนึ่ง ก่อนจะผ่อนลมหายใจออก แล้วยกมันแกร่งมาลูบหัวทุยๆที่ซบกับแผ่นอกเบาๆ สุดท้ายอดทนไม่ไหวจึงปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

“ผมเจ็บจริงๆนะ ไม่ใช่เรื่องตลกสักหน่อย” ผมแหววกลับ หัวเราะออกมาได้เสียบรรยากาศหมด ผมตัดสินใจบิดตัวจากซบอกเปลี่ยนมาเป็นนอนหนุนตักซะเลย สบายกว่ากันเยอะ

“เจ็บมากเหรอ” อีกฝ่ายใช้นิ้วมือม้วนเส้นผมสั้นๆของผมเล่นพร้อมกล่าวถาม

“ไม่ค่อยเจ็บแล้วครับ แค่ทำอะไรไม่ค่อยสะดวก” ผมบ่นกระปอดประแปด ร่างสูงนิ่งเงียบไป

“โอ๊ยยยยยย ไม่เจ็บเลย ใส่เฝือกห้อยแขนไว้ ทำอะไรสะด๊วกสะดวก” ผมเลือกที่จะแก้ไขคำพูดตัวเองเพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงกลับกลายเป็นว่าร่างสูงพ่นหัวเราะออกมาทีนึง แล้วเข็กหัวทุยๆของผมให้อีกทีนึง

“ทำเป็นเล่นไป” โดนดุอีกจนได้ ผมใช้มืออีกข้างลูบหัวเหน่งปอยๆ

“เอ่อ...แล้วเรื่องค่าทำขวัญนั่นหนะครับ ผมไม่มีคืนจริงๆนะ รับไว้ไม่ได้เหรอ” ความจริงในใจเลยครับ เสียดายเงิน

“เธอไม่ต้องคืน ชั้นจัดการให้แล้ว เธอไม่ต้องไปรับเงินของทางนั้นหรอก” อีกฝ่ายต้องนิ่งๆ

“แต่เงินเป็นแสนเลยนะครับ” ด้วยอุปนิสัยงกที่ได้รับสืบทอดมาจากคุณแม่ ถึงเงินแสนมันจะไม่เยอะสำหรับพี่ภูมิ แต่เยอะสำหรับผมนี่นา

“หึหึ บวกรวบยอดไว้ทีเดียวเลยแล้วกัน” ร่างสูงกล่าวเสียงทุ่ม หัวเราะหึหึอย่างมีเลศนัย

เดี๋ยวววววววววว รวบรวมยอดอะไร?

“รวบยอดอะไร” หน้าผมนิเครื่องหมายคำถามปรากฏเลยครับ

“ก็รวมไปกับทำโทษเธอไง” นั่นเป็นถ้อยคำสุดท้ายก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมไปตลอดการเดินทาง

ทำโทษ! มีทำโทษด้วยเหรอ ไอ้เราก็นึกว่ายกโทษให้แล้ว!!!



ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
พี่ภูมิมันร้ายยยยยยย

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 31 ผมเต็มใจน้อมรับบทลงโทษ

“นับจากวันนี้ไปจนกระทั่งเธอถอดเฝือก ต้องค้างที่นี่ ห้ามคลาดสายตาเด็ดขาด” คำประกาศิตจากชายร่างสูงผู้เป็นเจ้าของห้องประกาศวิธีทำโทษเด็กดื้ออย่างผม

ทำโทษแบบนี่ผมก็ชอบสิครับ ให้อยู่ด้วยตลอดเวลาผมก็ฟินตายเลย ดีกว่าตอนที่งอนไม่ยอมพูดยอมจา หลบหน้าไม่ยอมเจอเป็นไหนๆ

“ต้องทานข้าวเช้ากับข้าวเย็นด้วยทุกวัน” โหหหห ข้าวฟรีผมชอบ

“ห้ามลืมบอกฝันดีกับราตรีสวัสดิ์” แฮะๆ ช่วงหลังลืมบ่อย

“อยู่ที่โรงเรียนต้องอยู่กับพวกอากิตลอดเวลา แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ” เอ่อ ปกติผมก็อยู่กับพวกอากิตลอดอะนะ ถึงจะไม่ขนาดเข้าห้องน้ำด้วยกันก็เถอะ

“ห้ามทำงานพิเศษ” แขนหักแบบนี้จะไปทำงานพิเศษอะไรได้

“ต้องรับโทรศัพท์ทุกสาย หรือไม่ก็ต้องโทรกลับภายในสิบนาที” ยังดีมีหยวนให้ตั้งสิบนาทีวุ๊ย

“ต้องอ่านและตอบข้อความภายในสิบนาที” เอ๊ะ ทำไมชอบเลขสิบจัง หรืองวดนี้แทงหนึ่งศูนย์ดี

“กลับมาต้องเขียนรายงานส่งว่าทำอะไรบ้าง” เอิ่มมมม เอาขนาดนั้นเลยเหรอครับ ไม่ติดกล้องวงจรปิดไปเลยอะ

“สุดท้ายถ้าจะไปมีเรื่องกับใครให้บอกชั้นด้วย” อันนี้มาแปลก จะไปช่วยผมตีกับคนอื่นหรือไง

“ง่ายๆจิ๊บๆครับ ผมแถมจุ๊ฟแก้มก่อนนอนกับก่อนไปทำงานด้วยเลยเอ้า” ว่าแล้วผมก็จุ๊ฟแก้มสาธิตไปทีนึงจนร่างสูงยิ้มชอบใจ

“งั้นชั้นเพิ่มต้องให้นอนกอดทุกคืนด้วยเลยแล้วกัน” ผมขออนุญาติหน้าแดงแปปนึงครับ ไอ้จุ๊ฟแก้มเนี่ยมันจุ๊ฟๆแปปเดียวก็เสร็จแต่นอนกอดตอนกลางคืนเนี่ย โอ๊ยยยยยยยย มันโรแมนติกเกินไป ไม่ดีต่อหัวใจ!

///////////////

“เอาเป็นว่าวันนี้เริ่มด้วยมื้อเย็นก่อนแล้วกัน” ว่าแล้วชายร่างสูงก็เดินเข้าครัวไปทำอาหารให้ผมทานครับ มื้อนี้เป็นสปาเก็ตตี้หอยลายฝีมือเชฟภูมิ ปกติอาหารพวกเส้นๆผมอยเสมอถึงไม่ปกติก็ชอบครับ แค่ว่าแขนหักแบบนี้มันจะกินลำบากนิดนึง

“อ๊ะ...กินสิ” ว่าแล้วก็มีเส้นสปาเก็ตตี้ที่ขมวดเป็นก้อนบนปลายส้อมยื่นมาจอที่ปากผม ผมก็งับเข้าไปเต็มปากเต็มคำ เคี้ยวๆและกลืนลงไปอย่างรวดเร็ว

“เอาหอยลายด้วย” ผมชี้นิ้วไปที่หอยลายตัวเป้งที่นอนตายอาบด้วยพริกและเกลืออยู่ในจาน แล้วเจ้าหอยลายตัวนั้นก็ย้ายที่มานอนเล่นในท้องผมตามติดๆมาด้วยเพื่อนมันอีกหลายตัว

โอ๊ยยยยยยยยยยยย แบบนี้อย่าเรียกว่าทำโทษเลยครับ เรียกว่า ‘ทำให้รักยิ่งๆขึ้นไปอีก’ แล้วกัน

เขินนนนนนนนนนนนนนนน

*********************************************************************************************************

ตอนนี้ผมกำลังนั่งถ่างลูกตาทั้งสองข้างที่รู้สึกว่าหนังตามันจะหนักมาก เปลือกตาค่อยๆปิดลง ปิดลง

เฮ้ยยยย จะนอนไม่ได้นะไอ้กร ตื่นก่อน!

นี่ก็เกือบเที่ยงคืนแล้วครับ ปกติผมเป็นคนนอนแต่หัวค่ำทตามประสาคนไม่ค่อยมีอะไรทำ ถ้าไม่ต้องอ่านหนังสือหรือทำงานพิเศษไม่เกินสี่ทุ่มนี้เห็นผมนอนหมดสภาพไปแล้ว

แต่วันนี้ไม่ปกติครับ เพราะผมต้องตั้งสติเตือนไม่ให้ตัวเองหลับเพื่อรอใครบางคน

ไม่ได้แล้วจะอยู่เตียงนี้ไม่ได้ ตอนนี้ผมนั่งบนเตียงหลังใหญ่ปูด้วยผ้าปูเตียงสีเทา เตียงทึ่ทำจากไม้เนื้อดีแต่ขึ้นรูปให้ดูทันสมัยซึ่งจัดวางอยู่ใจกลางห้องนอนสีเข้ม โอ๊ยยยย ยิ่งมองยิ่งง่วงมืดไปอึกเห็นแล้วปวดตา

ผมว่าผมต้องรีบออกจากเตียงให้เร็วที่สุดก่อนจะเผลอหลับ

หันซ้ายหันขวาก็เจอไอ้โซฟาดูดวิญญานตัวนั้น ตั้งอยู้ใกล้ๆเตียง เหมือนมันจะมีเสียงกระซิบเรียกผม ‘มาสิ มานั่งชั้นสิ มาสิ’โอ๊ยยยยยยยยย ผมว่าถ้าไปนั่งโซฟาตัวนั้นชะตากรรมคงไม่ต่างจากรอบนเตียง

นี้เลยดีกว่าพรหมผืนใหญ่ปลายเตียง ยิ่งสัมผัสยิ่งนุ่มมือ เอาวะ นั่งรอมันบนพรหมเนี่ยแหละ แต่แอบเอาหลังพิ่งเตียงนิดนึงกลัวเมื่อย

รออีกแปปนึง เดี๋ยวพี่ภูมิก็มา ก็มา มา มาาาาาาา

ครอก ฟี๊ ครอกกกกกกก ฟี๊

“แป้ง...ก้อนแป้ง มานั่งทำไมตรงนี้ ทำไมไม่ไปรอที่ห้อง” เสียงทุ้มๆที่เรียกปลุกผมพร้อมกับปลายนิ้วมือที่ไร้ไปตามเรียวหน้า สะกิดให้ผมตื่นจากอาการงีบหลับ แค่งีบหลับครับยังไม่ได้หลับสักหน่อย

“อ๊ะ ผมมารอพี่ภูมิหนะสิ” เมื่อตาสว่างแล้วก็รีบเจรจาทันที ผมไม่ควรรอโดยเสียป่าวนะเออ

“รอชั้น รอทำไม นี้ก็ดึกแล้วทำไมไม่ไปนอน” กล่าวพรางก้มลงไปดึงคนตัวเล็กให้ลุกขึ้น

“จ๊วฟฟ” เสียงหอมแก้มจ๊วฟใหญ่เมื่อร่างสูงก้มลงไปใกล้ ไอ้ตัวแสบก็ขโมยหอมแก้มทันที

“ก็พี่ภูมิทำโทษผมอยู่ วันนี้ยังไม่ได้หอมแก้มก่อนนอนเลย” ร่างสูงนิ่งไปอย่างใช้ความคิด ใช่แล้วเจ้าตัวเล็กบอกว่าจะแถมให้ทำโทษโดยการหอมแก้มก่อนนอนกับก่อนไปทำงาน

“แล้วก็ขาดอีกอย่างนึงน้าาาาาาา” ว่าแล้วก็เอาแขนเกี่ยวคอแกร่งไว้ ปากบอกให้อุ้มขึ้น ร่างสูงใหญ่จึงได้แต่ทำตาม

“ต้องนอนกอดทุกคืนด้วยไงครับ” แล้วเสียงเล็กๆก็กล่าวเฉยวิธีการทำโทษข้อสุดท้ายที่คนตัวใหญ่บอกเพิ่มขึ้นมาทีหลัง

นั่นสินะ ร่างสูงพ่นลมหายใจออกมา เขาลืมไปเลย ลืมไปว่ามีสองข้อนี้อยู่ด้วย ลืมไปจนต้องทำให้ไอ้ตัวเล็กมานั่งๆนอนๆรออยู่กับพื้นแบบนี้ เขาพลาดเอง

ว่าแล้วก็อุ้มเจ้าตัวเล็กมาวางลงบนเตียง จัดแจงปิดไฟ แล้วก็สวมกอดร่างเล็กกว่าไว้ในอ้อมแขน

ไอ้ตัวเล็กยิ่งชอบใจเอาหัวทุยซุกเข้าหาอ้อมอกอุ่น ปากร้องแหะ แหะ อย่างมีความสุขแล้วนอนมันทั้งแบบนั้น

ไม่นานลมหายใจก็เริ่มสม่ำเสมอแสดงว่านอนหลับไปแล้ว แต่ร่างสูงนี้สิกลับยังไม่หลับ

เขาชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่านี้มันใช่วิธีการทำโทษเจ้าตัวเล็กรึป่าว จากการกระทำแล้วเขาว่าเหมือนเป็นการทำโทษตัวเองซะมากกว่า

ร่างสูงถอนหายใจครั้งใหญ่ไปทีนึง

เฮ้ออออ งานก็ยังไม่เสร็จ เอาไว้ค่อยทำต่อพรุ่งนี้ก็ได้ คืนนี้ควต้องพยายามข่มใจแล้วนอนไปทั้งแบบนี้นี่แหละ!

*********************************************************************************************************

“เป็นไงไอ้กร เมื่อวานหายไปทั้งบ่ายเลยนะ” ไอ้มาร์คกล่าวทักทายเมื่อเจอหน้าผม

“เอ่อ...โดนคุณอาลงโทษรึป่าวครับ” อากิถามต่อด้วยความเป็นห่วง

ผมพยักหน้าน้อยๆ ทำโทษอะไรก็ไม่รู้ มันฟิน!

“ฮาฮาฮา สมน้ำหน้า” ไอ้มาร์คดีใจใหญ่ที่ผมโดนทำโทษ เมิงไม่ต้องดีใจ เมิงควรอิจฉากู

“ก็สั่งห้ามแยกจากพวกนายเด็ดขาด แม้แต่ตอนเข้าห้องน้ำ” ผมหันไปหาอากิ คือเกรงใจครับถ้าเพื่อนๆจะต้องมาด้วยติดกับผมขนาดนี้

“แล้วก็ต้องเขียนรายงานให้ทุกเย็นด้วยใช่มั๊ยครับ” อากิถามต่อ แล้วก้มหน้าลง

“เฮ้ยยย นายรู้ได้ไง” ผมตกใจถามเสียงดัง

“ผมก็โดนคุณอาลงโทษเหมือนกัน ข้อหาที่ช่วยกรปกปิดนั่นแหละ” อากิบ่นเบาๆ เหมือนอยากกล่าวโทษว่าเป็นความผิดผมแต่ไม่กล้า

“เอาน่า เดี๋ยวนายมาลอกรายงานชั้นก็ได้ จะได้เหมือนๆกัน” ไอเดียบรรเจิดมั๊ยละ ถ้ารายงานของสองคนออกมาตรงกันพี่ภูมิจะได้ไม่ต้องถามนู้นถามนี้ให้ยุ่งยาก ดี ดีมาก เป็นความคิดที่ยอดเยี่ยม เดี๋ยวผมร่างรายงานไว้ตั้งแต่เช้านี้เลย อากิจะได้มีเวลาลอก

“นายโดนลงโทษแค่นี้ใช่มั๊ย” ผมถามต่ออย่างสงสัย หวังว่าอากิจะไม่โดนบังคับให้กินข้าวด้วยหรือนอนด้วยแบบผมนะ เรื้องแบบนี้ห้ามพี่ภูมิเอาไปใช้ลงโทษใครเด็ดขาด ผมไม่ยอมจริงๆด้วย

“ไม่มีแล้วครับแค่บอกว่าห้ามปิดบังอีก สงสัยเพราะคุณอารู้ความจริงจากผมเลยลงโทษแค่นี้” อากิอธิบาย โดนแค่นี้หนะดีแล้วครับ ถ้าต้องมาโดนงอนไม่ยอมติดต่อ ไม่ยอมเจอหน้ากันตั้งหลายวัน โอ๊ย ทรมาน!

เท่าที่อากิเล่าคือคืนก่อนที่พี่ภูมิจะบินกลับไทย หลังจากที่ผมไปหย่อนระเบิดเอาไว้แล้วหนีหลับ เป็นผลให้คนอีกสามคนไม่เป็นอันหลับนอน เพราะพี่ภูมิโทรไปซักไซร้เรื่องราวจากอากิกับไอ้มาร์ค แค่นั้นแหละ เรื่องมันเลยโป๊ะแตกตั้งแต่คืนนั้นแล้ว ส่งผลให้พี่ภูมิโกรธผมยาวๆแบบที่ผ่านมานั่นแหละ

เฮ้อออออ เรื่องมันผ่านไปแล้วยังไงตอนนี้ก็หายโกรธแลืว อย่าไปรื้อฟื้นมันอีกเลยครับ แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

“เฮยยยยยยย ไอ้กร รู้เรื่องไอ้บิ๊กรึยังวะ” ระหว่างที่คุยกันเพลินๆ ไอ้มืดผู้ซึ่งกำลังเดินเข้าห้องมากล่าวมาแต่ไกล

“เรื่องไรวะ มันถูกพักการเรียนไม่ใช่เหรอ” ผมเจอมันเมื่อวานก็จริง แต่มันถูกพักการเรียนเดือนนึงนิหว่า

“ใช่แค่นั้นที่ไหน ไอ้บิ๊กมันจะย้ายโรงเรียน” ไอ้มืดเฉลยครับ ผมตกใจร้องเสียงดังลั่นต่างจากเพื่อนๆอีกสองคนที่เหมือนจะพอรู้อะไรมาบ้าง เงียบเชียว พวกเมิงอมอะไรเอาไว้อีกหละ

“เหมือนมันจะย้ายไปเรียนต่างประเทศย้ายไปตามพ่อมันหนะ” อ่าวย้ายไปเรียนเมืองนอกก็ดีนิหว่า เล่นซะตกใจ

“ได้ข่าวว่าพ่อมันต้องไปผู้จัดการคุมโรงงานที่กัมพูชา ไปตั้งแต่คุมก่อสร้างเลยนะเฟ้ย” วะ! ไอ้มืด ทำไมทันรู้ละเอียด รู้เยอะ รู้จริง อย่างกับไปนั่งฟังเค้าคุยกันมางั้นแหละ

“แล้วเมิงรู้ได้ไง” ผมถามอย่างสงสัย ข่าวลวงป่าวเมิง

“ก็พ่อไอ้ไมค์มันทำงานที่เดียวกับพ่อไอ้บิ๊ก เค้าลือกันให้แซดว่า พ่อไอ้บิ๊กดันไปทับเส้นใครเข้าเลยโดนย้ายไปบุกเบิกสาขาบ้านนอกแบบนั้น” โหหหห มีลือกันให้แซดด้วย

“เชื่อได้ป่าวเถอะไอ้ข่าวลือเนี่ย” ผมส่ายหน้าอย่างไม่ค่อยเชื่อถือ ข่าวสมัยนี้ต้องฟังหูไว้หูครับ

“เชื่อได้ไม่ได้ก็ถามคนนู้น เพราะคนที่พ่อไอ้บิ๊กไปทับเส้นเข้า ก็คือคุณภูมิคุณอาของอากิ คนที่มารับแกเมื่อวานไง” ว่าพลางพยักเพยิดไปทางอากิที่นั่งเงียบอยู่ อารมณ์โยนเผือกร้อนไปทางนั่น จนคนตัวเล็กที่นั่งเงียบๆต้องสะดุ้ง

ไอ้มาร์คมองตาเขียวปัดใส่ไอ้มืดไปทีนึง จนไอ้มืดได้แต่หัวเราะแหะแหะ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นชนะทุกอย่าง ไอ้มืดมันเลยใจดีสู้เสือมาร์คยืนหน้าด้านรอฟังอากิอธิบาย

“เอ่อ…ก็บริษัทมีนโยบายขยายฐานการผลิตไปที่กัมพูชาพอดี ละ แล้ว...คุณพ่อของบิ๊กเค้าก็เก่งทางด้านนี้ คุณอาเลยส่งไปคุมงานแหละครับ” อากิก็พยายามอธิบายครับ นานๆทีอากิจะพูดยาวๆแบบนี้

“แค่นั้นจริงดิ แล้วพ่อไอ้บิ๊กไปเหยียบส้นอะไรใครเข้าถึงถูกเด้งไปหนะ” ความเสือกไอ้มืดยังไม่ลดลง ยังหน้าด้านถามต่อ เมิงไม่กลัวตายเหรอวะ เมิงดูตาไอ้มาร์คมันสิ จะแดกหัวเมิงอยู่แล้ว

“เอ่อ...เอ่อ” อากิติดอ่างไปแล้วครับ

“ใช่เรื่องไอ้กรป่าว” คราวนี้นักสืบมืดเริ่มเดาต่อเองเลยครับ แต่เดี๋ยว! มันเกี่ยวอะไรกับกู ห๊าาาา

“เอ่อ คือ…” ทางฝ่ายพยานได้แต่อ้ำๆอึ้งๆ ไม่กล้าเล่าความจริง

“ใช่มั๊ยเพราะเรื่องไอ้บิ๊กกับไอ้กรใช่ป่าว” โหชัดเจนเลยครับ เอาผมเข้าไปเอี่ยวด้วยจนได้

“อะ...เอ่อ” ฝ่ายพยานอากิยังรวบรวมความกล้าไม่ได้

“เอ่อ เพราะไอ้กรมันนั้นแหละ เมิงก็อย่าไปมีเรื่องกับมันแล้วกัน” สุดท้ายทนายมาร์คทนไม่ไหวตอบแทนเลยครับ

“บ๊ะ! กูว่าแล้ว สัดกูเดาถูกจริงด้วย ไอ้กรแบ๊คใหญ่ชิบหาย” ไอ้มืดตบเข่าดีใจ นิเมิงแค่เสือกเรื่องของกูถูกเมิงยังดีใจอย่างกับถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง

“เอ่อๆ ขี้เสือกจริงๆเลยเมิงอะ รู้แล้วก็เหยียบไว้หละไม่ต้องเอาไปบอกต่อ” ไอ้มาร์คพยายามเคลียร์ให้ครับ ก็ผมมันเด็กทุนนะครับ แบ๊คใหญ่มีที่ไหน นั่นแฟนครับ พัดลมหนะ ไม่ได้ข้างหลัง

“เฮ้ยได้ไง ของแบบนี้ต้องโพทนา” ว่าแล้วไอ้มืดมันก็วิ่งหนีพ้นปลายมือของผมไปอย่างหวุดหวิด

“เชียร์ มืดดด” ผมที่คว้าไว้ได้แค่อากาศจึงได้แต่กร่นด่า

“จริงเหรออากิ” ในเมื่อทำอะไรไอ้มืดไม่ทันแล้ว จึงได้แต่หันไปถามหาเอาความจริงจากอากิ

อีกฝ่ายพยักหน้าลงช้าๆสองครั้งเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ผมคิดนั้นถูกต้อง

เชียร์! พี่ภูมินะพี่ภูมิ ทำอะไรเป็นเด็กๆ ใช้อำนาจในทางมิชอบ เดี๋ยวแจ้ง คสช. (คณะกรรมการสิทธิเชิงชาย) ให้เข้าตรวจสอบแม่มมมมมมมม

แต่ก็นะ

‘น่ารักที่สุดเลย’

มีแฟนดีแบบนี้ ยิ่งกว่าถูกหวยรางวัลที่หนึ่งซะอีก

“แหะ แหะ” ผมเผลอหัวเราะแปลกๆออกมาทีนึง จนไอ้มาร์คที่อยู่ข้างๆขนลุกซู่

“เชียร์ หัวเราะไรเมิง เป็นบ้าเหรอ” ว่าแล้วมันก็ดึงตัวอากิให้ออกห่างจากตัวผม

“สัด กูแพร่เชื้อไม่ได้” ผมตอบกลับมันไปทีนึงก่อนกลับเข้าสู่ห้วงความคิดตัวเองอีกครั้ง

สงสัยที่ไอ้มืดบอกว่าแบ๊คผมใหญ่นิท่าจะใหญ่จริงๆ ต่อไปนี้ผมไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้ว ถ้าขึ้นรถเมล์แล้วเจอเด็กจะแย่งขนม เจอคนชราก็แย่งที่นั่ง เจอคนท้องจะไม่ลุกให้ ไปซื้อขนมจะชักดาป ใครเหยียบเท้าก็ท้าตีแม่งเลย กร๊ากกกกกกกกกก

สงสัยผมจะบ้าจริงๆครับ ก็คนมันดีใจ มันมีความสุข มีแฟนสปอยก็แบบนี้แหละครับ อิจฉาหละสิ

ว่าแล้วต้องชมสักหน่อย หมั่นเติมความหวาน อิอิ

OPPA’KORN : พี่ภูมิ รักนะครับ ❤️❤️



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 32 ผมนี้น้ำตาลเรียกพี่


มันวนกลับมาอีกครั้งแล้วครับสำหรับบรรยากาศการสอบที่ผมใฝ่หา ช่วงเทศกาลสอบไล่ที่ผมรอคอย ในที่สุดผมก็จะได้ฟันกำไรเป็นกอบเป็นกำจากการขายแนวข้อสอบให้เพื่อนๆอีกครั้ง

ก็ตั้งแต่ที่ผมโดนสั่งห้ามทำงานพิเศษช่วงที่แขนหัก หลังจากนั้นผมก็ยังไม่มีโอกาสได้กลับไปทำงานพิเศษอีกเลย สรุปคือพักยาว ยาวๆ ที่นี้ไอ้คนที่เคยทำนู้นทำนี่ตลอดเวลาเกิดไม่มีอะไรทำขึ้นมา ผมก็เลยมีเวลาอ่านหนังสือ เก็งข้อสอบ ผมว่าผมทำเก็งข้อสอบเข้ามหาลัยรอไว้สำหรับเทอมหน้าไว้ด้วยเลยดีกว่า

อะแฮ่ม! เทอมนี้ก็เทอมสุดท้ายของชีวิตนักเรียนมอห้าแล้วครับ ถ้าสอบไฟนอลเสร็จก็จะได้หยุดยาว 2 สัปดาห์

ใช่ครับ สุดยาว 2 สัปดาห์ หยุดเพื่อ อย่าเรียกหยุดยาวเลย ให้ตายสิ

พอขึ้นมอหกจะเปิดซัมเมอร์เร็วกว่าปกติครับ เนื่องจากนักเรียนมอหกทุกคนต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในเทอมที่ 2 ซึ่งแทบจะไม่มีการเรียนการสอนแล้ว เลยต้องอาศัยช่วงเวลาปิดเทอมมาเรียนเนื้อหาของเทอมแรกแทน

โธ่! ผมขอไว้อาลัยให้กับเวลาช่วงปิดเทอมที่กำลังจะหายไป

“ไอ้กร แนวข้อสอบเมิงโค ต ร แม่นเลยหวะ รู้ได้ไงวะว่าจาร์ยปี๊ดจะออกข้อสอบแบบนี้” เป็นเสียงไอ้เป็ดครับ 1 ในลูกค้าประจำของผม

วันนี้ก็วันสอบวันสุดท้ายแล้ว เหลือสอบอีกแค่วิชาเดียว พวกเราก็จะเป็นไท เป็นไทไป 2 สัปดาห์นะครับ หลังจากนั้นก็กลับมาเป็นทาสกันต่อ

“กูตั้งใจเรียนมั๊ย” ผมตอบไปตามความจริง ถึงผมจะเรียนเก่ง หัวไวแต่สิ่งที่ขาดไม่ได้คือความตั้งใจครับ เทอมไหนถ้าผมไม่ตั้งใจเรียนเกรดก็ตกเหมือนกันนะเออ

“เอ่อ...พวกกูก็ตั้งใจนะ ตั้งใจจะลอกเมิงเนี่ยแหละ” เสียงไอ้เป็ดหัวเราะติดตลกมา เอ่อ ลอกกันให้หมดเดี๋ยวผลสอบออกมาคะแนนเท่ากันทั้งห้อง โดนจาร์ยเรียกไปสอบสวนอีก ดีนะผมทำแนวข้อสอบไว้ 3 แบบ คะแนนมันจะได้กระจายๆกันหน่อย ฮาาาาาาา

“แล้วเดี๋ยวเย็นนี้เมิงไปคาราโอเกะกับพวกกูรึป่าว” ไอ้เป็ดถามต่ออีก ด้วยความย่ามใจมันคิดไปไกลถึงตอนเย็นแล้วครับ เพื่อนเมิงอย่าลืมว่าเมิงยังเหลือสอบอีกวิชานึง เอาให้รอดก่อนมั๊ย กูเป็นห่วงพวกเมิงนะเนี่ย

“ไอ้มาร์คเมิงไปป่าววะ” ผมหันไปถามเพื่อนที่นั่งขมักเขม้นอ่านหนังสือวิชาที่จะสอบตอนบ่ายอยู่ ถ้าไอ้มาร์คไปผมก็ไปแหละครับ ช่วงนี้ยังไม่พ้นช่วงเคอฟิวตัวต้องติดอยู่กับพวกอากิ เพราะงั้นถ้าไอ้มาร์คไป อากิก็ต้องไป ผมก็ได้ไป

“ไม่หวะ...กูอยากนอน” ไอ้มาร์คตอบทันที อ่าวววว ผิดคาดซะงั้น

“แต่ผมอยากไปครับ” แต่ไม่ถึงอึดใจก็มีเสียงเล็กๆดังแทรกขึ้นมา

เงียบกริบครับ

กร๊ากกกกกกกกกกก  สรุปเย็นนี้ผมได้ไปร้องคาราโอเกะแน่นอน


*********************************************************************************************************

“When I see your face
There’s not a thing that I would change
‘Cause you’re amazing
Just the way you are
And when you smile
The whole world stops and stares for a while
‘Cause you’re amazing
Just the way you are”

เสียงเล็กๆของอากิกำลังร้องเพลงดังของป๋า Bruno Mars สายตาหวานซึ้งส่งไปหาไอ้เพื่อนร่างสูงที่นั่งชูป้ายไฟอยู่หลังห้อง

หลังสอบเสร็จพวกเราก็มาคลายเครียดกันที่ห้องคาราโอเกะ มีผม ไอ้มาร์ค อากิ ไอ้เป็ด แล้วก็เพื่อนๆอีก 4 คน แห่กันมาเยอะขนาดนี้ก็จองห้องใหญ่ไปเลยสิครับ แต่ถึงห้องจะใหญ่ขนาดไหน ประเด็นคือมันมีไมค์แค่ 2 ตัวเท่านั้น!

มาถึงไอ้มาร์คมันก็ใช้วิชามารแย่งไมค์มาให้อากิร้องเพลงจนได้ พวกที่เหลือก็ได้แต่เป็นกองเชียร์ไม่มีใครกล้าแย่งไมค์อากิหรอก ดูสายตาไอ้มาร์คมันสิ

“The way you are
The way you are
Girl you’re amazing
Just the way you are……..“

จบลงไปแล้วครับสำหรับเพลงเปิดจากอากิที่เมื่อจบเพลง ไอ้ลิง ค่าง บ่าง แรดที่นั่งสงบเงียบกันมาตลอดก็ออกอาการแย่งไมค์ทันที แต่ก็ไม่ช่วยอะไรครับ เพราะอากิส่งต่อไมค์มาให้ไอ้มาร์คที่ยิ้มหวานรอรับ ก่อนรีบไปคีย์เพลงต่อไป

“ใคร อาจจะไม่เข้าใจ
ว่าความสัมพันธ์ของเรา นั้นมันเป็นเช่นไร
และใคร อาจจะเข้าใจผิด
และคงคิดไป และคงเข้าใจตามที่เห็น
คง มีเพียงเราสองคน
ท่ามกลางหมู่ดาวมากมาย
ที่รู้กันในใจ
มันจำเป็นด้วยหรือ ที่ต้องอยู่ในกฏเกณฑ์
ที่ใครบางคนกำหนด ว่ารักเป็นอย่างไร
ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันกันแบบไหน
ไม่อาจหาคำคำไหนมาเพื่ออธิบาย
ไม่ต้องรักเหมือนคนรัก ก็สุขหัว ใจ
เพียงแค่เราเข้าใจ
ก็เหนือคำอื่นใดในโลกนี้”
จบไปอีกเพลงแล้วครับ เพลงหวานๆจากพี่ดาที่ไอ้มาร์คมันเอามาร้องซะเสียหาย ก็เสียงมันอย่างกับควายออกลูก เสือกดันมาร้องเพลงผู้หญิงอีก แม่งไม่สงสารคนฟังเลย

‘แปะ แปะ แปะ’ เสียงตบมือดังลั่นมาจากมือเรียวสีขาวอมชมพูของอากิ ปากก็พร่ำชมว่าไอ้มาร์คมันร้องเพลงเพราะ

ประทานโทษเถอะเพื่อน ใช้หูฟังแน่รึครับ

โหหหหหหหหห ลืมไปครับ ช่วงนี้สองคนนั้นอาจจะเข้าสู่ภาวะหูหนวก ตาบอดสี เพราะเห็นอะไรก็เป็นสีชมพูไปหมด ผมว่าพวกมันควรมาร้องเพลงจีบกันเองนอกรอบนะครับ ไม่ควรทำให้ไอ้พวกไม่มีคู่รู้สึกอิจฉา

เห็นมั๊ยหละครับ หลังจากที่ไอ้มาร์คสละไมค์ไปอยู่ในมือของไอ้เป็ดได้ แนวเพลงก็เปลี่ยนไปทันที จังหวะเริ่มครึกครื้นขึ้น เริ่มตั้งแต่เพลงอัลบัมยอดฮิตของพี่เสกโลโซ ต่อมาด้วยยกอัลบัมของบอดี้แสลม ว่าแต่ใครร้องเป็นศิริพรวะเสียงจี๋ชิบหาย ล่าสุดกำลังขึ้นเพลงของน้าหงา คาราวาน

“กรไม่ไปร้องเพลงเหรอครับ” อากิที่ผันตัวมาเป็นผู้ฟัง กำลังแย่งยำรวมมิตรทะเลผมกินอยู่

“ใจเย็นๆ เชื่อกูเดี๋ยวผ่านไปสักชั่วโมงนึง พวกมันก็หมดแรงกันแล้ว” ค่อยร้องทีหลังก็ได้ครับให้ไอ้พวกไฟแรงแต่แผ่วปลายมันแย่งกันร้องไปก่อน

“เป็นชั่วโมงเลย แต่เดี๋ยวพวกเราต้องกลับแล้วนะครับ” อากิยักคิ้วแปลกใจ ใช่ครับ ปกติต้องรีบกลับเพราะพี่ภูมิรอกินข้าวอยู่ แต่วันนี้ไม่ปกติครับ

“ เอาน่า กูโทรไปบอกพี่ภูมิแล้ว” โทรไปบอกแล้วจริงๆครับ พี่ภูมิอนุญาติให้อยู่เที่ยวกับเพื่อนๆได้เย็นนี้ แต่ก็มีข้อแม้้นิดหน่อยแหละ

“แปลกๆนะ ปกติคุณอาไม่น่าจะยอม” อากิไหวไหล่แปลกใจ

“เมิงทำยังไงให้คุณภูมิยอมวะ” สุดท้ายเป็นไอ้มาร์คที่ทนไม่ไหวชิงถามขึ้นมา

ว่าแล้วผมก็ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโชว์ให้เพื่อนๆดู หน้าจอปรากฏรูปเคลื่อนไหวของชายหนุ่มคนนึงกำลังนั่งทำงานอย่างขมักเขม้นอยู่ แม้ว่าตัวชายหนุ่มจะไม่ได้มองมายังกล้อง แต่จากมุมกล้องที่ตั้งไว้ก็รู้ได้เลยว่าเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาจากกองเอกสารจะต้องมองเห็นบรรยากาศจากคู่สายได้ในทันที

“กูวีดีโอคอลอยู่ไง” ผมตอบไปพร้อมๆกับส่งเสียงเรียกพี่ภูมิที่อยู่ปลายสายเบาๆ อีกฝ่ายก็รีบเงยหน้ามาคุยด้วยทันที

“สัด เมิงคอลกันตั้งแต่เมื่อไหร่” ไอ้มาร์คโวยวาย เมิงจะเดือดร้อนทำไม กูคอลกับพี่ภูมิสองคน ไม่ได้ไลฟ์สดลงโซเชียวสักหน่อย

แล้วผมก็ชี้นิ้วไปที่ตัวเลขบนหน้าจอโทรศัพท์ที่กำลังเปลี่ยนเป็น 28.35 นาที

“เกือบครึ่งชั่วโมง” เป็นเสียงของอากิที่กล่าวมาอย่างตกใจ

“แบบนี้...แบบนี้...คุณอา ก็ ดะ...ได้….ยิน....ได้ยิน….” ติดอ่างไปเลยครับ

“เอ่อ! ได้ยินที่พวกเมิงร้องเพลงจีบกันนั่นแหละ” ผมต่อประโยคให้

“เชียร์” ไอ้มาร์คสบถอย่างหัวเสีย เมิงจะอายทำไมวะ คนเค้าก็รู้ๆกันอยู่ว่าพวกเมิงหนะมีซัมติง

“//////////////////////////////////” ส่วนอากิก็ได้แต่หน้าแดง แล้วนั่งกดตัวเองจมลงไปในโซฟานุ่มที่พิงอยู่

ส่วนผมหนะเหรอ ก็หัวเราะชอบใจ นานๆจะได้แกล้งทั้งสองคนพร้อมๆกันแบบนี้ สนุกพิลึก


*********************************************************************************************************

และแล้วในที่สุดเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึง รอไม่นานหรอกครับ เมื่อไอ้พวกเพื่อนนั่งหมดแรงดูน้ำกันจ๊วฟๆ ก็ใครใช้ให้พวกเมิงตะเบงเสียงแข็งกันร้องเพลงแบบนั้นหละ ระหว่างที่พวกเมิงแย่งกันร้องเพลงหนะ กูกินอาหารรองท้องรอจนหมดไปเป็นจานๆแล้วเนี่ย

แล้วไมค์ที่ผ่านศึกแย่งชิงกันเมื่อชั่วโมงก่อนก็ถูกวางทิ้งไว้บนโต๊ะ เพล์ลิสในคาราโอเกะก็ว่างป่าว

เมื่อใจพร้อม กายพร้อม เราทำได้! ผมเดินหล่อๆ เข้าไปหยิบไมค์ที่ถูกวางทิ้งไว้อย่างไม่มีใครสนใจ แล้วคีย์เพลงที่ให้สัญญากับอีกฝ่ายไว้ว่าจะร้องให้ฟัง

‘เธอรู้ไหมที่ฉันพูดแต่คำหวานๆ บอกซ้ำๆ ว่ารักเธอมากมาย
หากเธอคิดจะเปรียบเท่าแผ่นฟ้าผืนใหญ่คงไม่พอ
เล่นเพลงรักที่เธอเองชอบฟังซ้ำๆ เพื่อบอกย้ำให้รู้ไปสุด...หัวใจ
อยากเป็นคนบรรเลงบทเพลงในหัวใจอยู่อย่างนี้ไป...ก็เพราะเธอ
แค่ให้รู้ว่าเราจะยังรักกัน ไม่ว่าวันเวลาเนินนานแค่ไหน
ความรักจะยังอยู่อยู่และมั่นคงเสมอไป จะไม่มีอะไรสิ่งไหนมาแยกเรา
แค่เธอกับฉันนะ แค่เราเท่านั้นนะ
จะเติมความหวานให้ความรักเรามีความหมาย
อัดเต็มในหัวใจที่เปี่ยมด้วยรักเรา
จะทำให้โลกใบนี้นั้นอิจฉา
แค่เราเท่านั้นนะ แค่เธอกับฉันนะ
จะเติมความหวานให้กับโลกนี้...ได้ทั้งใบ
ก็ไม่รู้จะบอกว่ารักเธอเท่าไร
โลกใบนี้คงเล็กไป...ถ้าเทียบรักเรา
แค่ให้รู้ว่าเราจะยังมีกัน ไม่ว่าวันเวลาเนินนานแค่ไหน
ความรักจะยังอยู่และมั่นคงเสมอไป จะไม่มีอะไรสิ่งไหนมาแยกเรา
แค่เธอกับฉันนะ แค่เราเท่านั้นนะ
จะเติมความหวานให้ความรักเรามีความหมาย
อัดเต็มในหัวใจที่เปี่ยมด้วยรักเรา
จะทำให้โลกใบนี้นั้นอิจฉา
แค่เราเท่านั้นนะ เค่เธอกับฉันนะ
จะเติมความหวานให้กับโลกนี้...ได้ทั้งใบ
ก็ไม่รู้จะบอกว่ารักเธอเท่าไร
โลกใบนี้คงเล็กไป...ถ้าเทียบรักเรา’

Cr. รักหวานๆ : Writing Machine

“รักนะครับพี่ภูมิ ขอบคุณที่รักกันนะครับ” พูดออกไมค์แม่ง ไอ้พวกลิง ค่าง บ่าง แรด ที่กำลังจดจ่อกับอาหารตรงหน้า อ้วกแทบพุ่งกันเลยครับ ฮาาาาาา

ต้องหมั่นเติมความหวานครับ



********************************************************************************************

ช่วงนี้น้องกรจะอ้อยพี่ภูมิ หวานเป็นพิเศษ แต่อารมณ์นางขึ้นๆลงๆค่ะ ฮาาาาาา

ขึ้นๆลงๆเหมือนนักเขียนเนี่ยแหละ :hao5:

ตอนนี้อยากเขียนตอนพิเศษของน้องมาร์คกับอากิซังมาก กอไก่ล้านตัวเลย 555 o18

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 33 ผมหิวข้าวนะเออ

“โอ๊ยยยยยยยยย เหนื่อยโว๊ยยยย” เสียงโอดครวญโวยวายมาจากเพื่อนสนิทของผม ไอ้มาร์คนั้นเองครับ

พวกเราเพิ่งใช้ชีวิตรอดจากหนึ่งวันแห่งการเรียนอันยาวนานนนนนนนนนน

นานจนไอ้มาร์คมันต้องร้องขอชีวิต

เนื่องด้วยพอเปิดเทอมจะเริ่มมีการสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว พวกยื่นทุนเรียนดี สอบตรง สอบโควต้า เยอะแยะมากมาย ตอนนี้พวกเราเลยต้องมาเรียนเนื้อหาของมอหกเทอมหนึ่งพ่วงกับสอบมันช่วงซัมเมอร์นี้แหละ

แล้วก็อย่างที่รู้ๆกันอยู่ว่ามันต้องเรียนอัดจนแบนเป็นปลากระป๋องกันแน่นอน

สอบเก็บคะแนนกันเกือบทุกวัน อย่างสัปดาห์หน้าก็จะสอบกลางภาคแล้วครับ เร็วโคตร ผมรู้สึกเหมือนเพิ่งสอบปลายภาคของมอห้าไปเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง


“อย่าเพิ่งเหนื่อยครับมาร์ค พรุ่งนี้มีควิซตั้งแต่คาบเช้าเลย” อากิส่งเสียงเตือน พร้อมส่งแนวข้อสอบผลงานของผมไปให้ไอ้มาร์คมัน

“สอบ สอบ สอบ สอบอะไรกันนักกันหนาวะ” ปากบ่นแต่มือมันก็คว้าชีทไปครับ ผมคาดว่ามันคงเอาไปต้มเพื่อย่อยเป็นน้ำแกงแล้วกิน

“ไอ้กร คืนวันศุกร์เมิงมาค้างห้องอากิเลย ไม่ต้องนอนห้องคุณภูมิแล้ว เมิงมาติวหนังสือให้พวกกูด่วน” ไอ้มาร์คโว๊ยวาย

เอ่อ เพือน! ถึงกูจะนอนห้องคุณภูมิก็ติวหนังสือให้เมิงได้มั๊ย ห่างกันยังไม่ถึงร้อยก้าว

“เอ่อ สรุปเมิงจะเริ่มติววันศุกร์ใช่มั๊ย กูก็นึกว่าเมิงจะจัดตั้งแต่คืนนี้เลย” ผมแซวมันเล่น

เห็นมันฟุ๊บหมดสภาพอยู่บนโต๊ะแล้วรู้สึกสะใจ อยากติวให้มันจนอ้วกออกมาเป็นดิฟเฟอเรนเชี่ยวไปเลย กร๊ากกกกก

“ไม่กูขอเวลาหายใจทิ้งอีกคืนนึง” ไอ้มาร์คยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิมของมัน

เมิงจะอ่านแค่แนวข้อสอบของกูตอน 10 นาทีก่อนสอบไม่ได้นะเฟ้ย อย่างน้อยเมิงก็ต้องอ่านก่อนสักคืนนึง ไม่งั้นมันจะไปซึมเข้าสมองเมิงได้ไงวะ ยังมีหน้ามาหายใจทิ้งอีก!

“เอ่อๆ แล้วแต่เมิงเถอะ งั้นวันนี้กูกลับก่อนละ เย็นวันศุกร์ค่อยว่ากัน” ผมเดินหนีทันที นู้นนนนนครับสุดสายตาริบๆนู้น มีรถสีดำคันเก่าคันเดิมจอดรออยู่ ยังไงเย็นนี้ผมก็มีนัดกับคุณภูมิอยู่ก่อนแล้ว ช่างหัวไอ้มาร์คมัน

ไหนๆเย็นนี้ก็ว่างแล้ว ชวนคุณภูมิไปดูหนังแก้เครียดดีกว่า เนื้อหาที่จะสอบสัปดาห์หน้าผมโน๊ตไว้หมดแล้ว รวดติวให้ไอ้มาร์คก็เหมือนอ่านอีกรอบนั่นแหละ

“หวัดดีครับ ผมหิวจังเลยยยยย” เปิดประตูรถปุ๊บสิ่งแรกที่กล่าวก็คือเรื่องกินครับ เรื่องปากเรื่องท้องเป็นเรื่องใหญ่นะเออ

“เธออยากกินอะไรหละ” คู่สนทนาถามกลับทันที

นั่นสิ เรื่องเมนูที่จะกินก็เรื่องใหญ่เช่นกัน แต่ผมสามารถทำเรื่องใหญ่ๆให้กลายเป็นเรื่องเล็กได้ด้วยนี้!

ว่าแล้วก็หยิบกล่องกระดาษทรงสี่เหลี่ยมขึ้นมา ด้านในบรรจุม้วนกระดาษเล็กๆเอาไว้มากมาย ผมใช้นิ้วมือล้วงเข้าไปสุ่มหยิบม้วนกระดาษขึ้นมาหนึ่งอัน คลีออกอ่านเนื้อความด้านใน

“แถ่น แถ๊นนนนนน….หมูชาบู” ปากก็กล่าวพร้อมซาวน์ประกอบครับ

“งั้นไปห้างละกัน จะกินร้านไหนค่อยเลือกอีกที” ร่างสูงพยักหน้ารับพร้อมออกรถ

ไม่นานเราก็เดินทางมาถึงห้างสรรพสินค้าครับ ห้างนี้เปิดให้บริการมาหลายปีแล้ว ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบริเวณที่สถานที่เอื้ออำนวยมากที่สุด คือใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ที่อยู่อาศัย แถมใกล้สถานที่ราชการอีก รถโค ต ร ติด ฮาาาาาาา

ช่วงนี้พี่ภูมิมาที่ห้างนี้บ่อยๆครับ เพราะต้องมาตรวจสอบความคืบหน้าของงานที่นี่ เอ๊ะ ผมได้เล่ารึยังว่าบริษัทของคุณภูมิเค้ากำลังขยายสาขาขึ้นห้างสรรพสินค้าหลายๆแห่ง เลยต้องตรวจดูสถานที่ก่อสร้างหน้าร้านแต่ละที่ หนึ่งในนั้นก็ที่นี่แหละ พักหลังๆเลยมาจบลงที่ห้างนี้ตลอด ผมว่าพี่ภูมิมาบ่อยจนหลับตาเดินได้ทั่วห้างแล้วมั้ง!

“เดี๋ยวเธอไปนั่งรอที่ร้านอาหารก่อนนะ ชั้นแวะเข้าไปดูที่ร้านแปปนึง” นั่นไง! ว่าแล้วว่าต้องแอบมาทำงานร่วมด้วย นิสัยไม่ดีจริงๆ นี้มันเวลาพักผ่อนนะ!

“ผมไปด้วยได้มั๊ย ผมยังไม่ค่อยหิว” พยายามต่อรองครับ ไม่อยากนั่งกินคนเดียวอะ

“แต่ว่าที่ร้านกำลังก่อสร้างอยู่ มีแต่ฝุ่น” พี่ภูมิก็พยายามปฏิเสธ ผมเข้าใจแหละว่าพี่ภูมิไม่อยากให้ผมลากสังขารไปไหนมาไหน ก็ไอ้เฝือกที่ใส่อยู่มันเกะกะมากนี้สินะ

“นะ...น้าาาาาาาาา” แต่ผมมีไม้ตายครับ ก่อนอื่นต้องจับนิ้วมือแกร่งไว้เบาๆ ก่อนออกแรงบีบให้แน่นขึ้น ช้อนสายตาขึ้นมองร่างที่สูงกว่า แกว่งไปๆมาๆ แล้วออกเสียง น้าาาาา ยาวๆ ปล.ระหว่างนั้นห้ามหลบตานะครับ เล่นเกมจ้องตาไปเลย

“เอ่อ...ได้แต่รอที่ข้างนอกร้านนะ แปปเดียว” ในที่สุดร่างสูงกว่าก็ต้องตามใจผม ผมชนะ แหะ แหะ

*********************************************************************************************************

ไหนว่าแปปเดียว!

ผลพลาดแล้ว ผมมันพลาดเอง ไม่น่าดื้อตามมาด้วยเลย พับผ่าสิ

ใครมันจะไปคิดว่า พอพวกเรามาถึงหน้าร้านดันเกิดเรื่องซะได้ คนงานที่ปีนนั่งร้านอยู่เกิดพลาดท่าตกลงมา โหหหหห สูงเกือบ 4 เมตรเลยนะนั่น

“เป็นไงบ้าง หิวรึป่าว ไปรอที่ร้านอาหารก่อนมั๊ย” เสียงทุ่มๆดังมาแต่ไกล ผมกำลังนั่งสังเกตการณ์อยู้ที่มุมนึงของร้านอยู่ครับ พี่ภูมิรีบสั่งให้หัวหน้าช่างพาคนงานไปโรงพยาบาล ไม่นานพี่ผู้จัดการห้างก็มาเคลียร์หน้าร้านให้ ตอนนี้เหตุการณ์เริ่มเข้าสู่ความสงบแล้วครับ ไทยมุ่งทั้งหลายก็สลายตัวไปแล้วด้วย

“ไม่เป็นไรครับ อีกแปปเดียวก็เสร็จแล้วนิครับ ใช่มั๊ย?” ผมว่าน่าจะใกล้เสร็จแล้วนาาาาา แต่พอมองหน้าของพี่ภูมิแล้วชักไม่แน่ใจ หรือว่าผมเข้าใจผิดหว่า

“คือเดี๋ยวต้องประชุมด่วนหนะ” ร่างสูงตอบอ้อมแอ้ม

หาาาาาาาาาา

ประชุมด่วนมาจากไหน!

“งั้นผมกลับคอนโดก่อนดีกว่า” จ๋อยสิครับ อยู่ดีๆมีประชุมด่วนได้ไง กลับไปนอนเลยละกัน ไม่กงไม่กินมันแล้ว

“แต่เธอยังไม่ได้กินข้าว”  พี่ภูมิจะเกลี่ยกล่อมให้ผมไปร้านอาหารให้ได้เลยใช่มั๊ย
“ตะ...แต่…” ผมขอแย้งหน่อยครับ ไม่มีอารมณ์กินข้าวแล้วอะ

“อ่าวววววว คุณภูมิ อยู่นี้นิเอง” เสียงทุ่มต่ำดังมาแต่ไกล ผมและพี่ภูมิหันไปทางต้นทางของเสียงครับ

เจ้าของเสียงทุ้มๆเป็นชายหนุ่มวัยกลางคน แบบกลางเก่ากลางใหม่อะนะ ให้ผมเดาน่าจะอายุสามสิบปลายๆ ให้ผมเดาเอาแบบชัวร์ ผมว่าน่าจะอายุ 37 ปี กับอีก 6 เดือน นี้ถ้าผมเดาถูกผมเอาอายุลุงแกไปตีหวยเลยเอ้า!

“สวัสดีครับคุณอิศ” พี่ภูมอกล่าวทักทายเมื่อทราบว่าผู้มาใหม่คือใคร ส่วนผมเองก็ยกมือไหว้ไปอย่างเด็กมีสัมมาคารวะครับ

“แย่หน่อยนะครับ ดันมาเกิดอุบัติเหตุช่วงใกล้ๆกับเปิดร้านแบบนี้” ฝ่ายนั้นกล่าวอย่างเข้าอกเข้าใจ พลางมองไปยังไทยมุงที่เริ่มสลายตัวกันไปแล้ว

“ต้องขอบคุณพนักงานของคุณอิศมากครับที่ช่วยจัดการให้อย่างรวดเร็ว” พี่ภูมิตอบกลับยิ้มๆ ผมเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยครับ พี่ผู้จัดการคนนั้นคือรับมือกับเหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ดีมาก เก่ง โค ต ร

“ยังไงทางห้างของเราต้องขออภัยในความไม่สะดวกด้วยนะครับ” คุณลุงผู้มาใหม่กล่าวตอบ

“นี้คุณอดิศร เป็น CEO ของห้างนี้” พี่ภูมิหันมาแนะนำคุณลุงแกให้ผมรู้จัก อ๋อ ที่แท้ลุงแกเป็นเจ้าของห้างนิเองครับ ผมยกมือขึ้นไหว้ผู้ใหญ่อีกครั้ง

“โอ้! หนุ่มน้อยหน้าตาดี น้องชายคุณภูมิรึ” เสียงทุ้มๆกล่าวถามพลางมองมาที่ผม สายตาคมๆจ้องผมซะจนพรุนแล้วครับ ถ้าจะจ้องกันขนาดนี้ เอากล้องจุลทัศน์มาส่องเม็ดเลือดแดงเลยมั๊ยครับ แล้วก็นะคิดได้ไงครับว่าผมเป็นน้องชายพี่ภูมิอะ เบ้าหน้าไม่มีความคล้ายกันแม้แต่น้อย

“ปกรณ์เป็นเพื่อนหลานชายผมครับ เป็นเด็กที่ผมดูแลอยู่” ฝ่ายร่างสูงรีบตอบกลับไป เมื่อสังเกตุเห็นสายตาวิเคราะห์ของอีกฝ่ายที่พิจารณาผมอยู่ ว่าแล้วดึงตัวผมให้ถอยไปด้านหลังเล็กน้อย โอ๊ยยยยยย มันดีย์อะ ตอบกลับได้ถูกใจผมเป็นที่สุด จะแต่ดีกว่านี้ถ้าบอกว่าผมเป็นแฟนนะเออ แหะ แหะ

หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ยืนคุยเรื่องธุระกิจกันต่อไป คุยกันตรงหน้าร้านเนี่ยแหละครับ ถึงพวกไทยมุงจะสลายโต๋ไปแล้วก็เถอะ แต่ที่นี่มันใช่ที่คุยมั๊ยเนี่ย ไอ้ผมที่ยืนอยู่ใกล้ๆอยากบอกเหลือเกินว่า ย้ายที่คุยเถอะคร้าบบบบบบบบบบ แต่ไม่กล้าไง แต่ได้ดึงชายเสื้อร่างสูงหยิกๆ ผมเมื่อยขาอะ หาที่นั่งคุยกันได้มั๊ย!

“พะ...พี่ภูมิครับ ถ้าพี่ภูมิมีประชุมต่อ งั้นผมขอกลับก่อนนะครับ” ผมกระซิบบอกพี่ภูมิเบาๆ ในที่สุดก็สนใจผมซักทีนะ

“ออ...นั่นสินะ งั้นเธอกลับก่อนละกัน” พี่ภูมิพยักหน้าตกลง

“คะ….ครับ...โครกกกกกกกกกก” ผมที่กำลังจะยกมีไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสอง ก็ไม่วายถูกขัดจังหวะด้วยท้องเจ้ากรรมดันร้องไม่รู้จักเวลา

หลังจากเสียงท้องผมร้องประชดก็เกิดความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างพวกเราทั้งสองคนครับ ผมก้มหน้าก้มตา เลือกที่จะเงียบ หวังว่าทั้งสองคนคงไม่รู้นะว่าเสียงมันดังมาจากท้องผม ฮาาาาา

อายสิครับ ///////////////////////////

“ฮาาาาา หิวแล้วหละสิ...งั้นเราไปประชุมกันที่ร้านอาหารแทนแล้วกัน” เป็นคุณลุงอิศครับที่คนทำลายความเงียบ สายตาคมๆจ้องมองมายังที่ท้องของผม อ่าว! โดนจับได้ซะแล้ว แหะๆ

ว่าแล้วคุณลุงแกก็ออกเดินนำไปเลยครับ ไม่ถามหาความสมัครใจของผมกับพี่ภูมิเลย

ร่างสูงใหญ่ที่ยืนข้างๆผม จ้องมองท้องเจ้ากรรมของผมพักนึงแล้วเผยยิ้มขำออกมา ก่อนดันหลังผมให้ออกเดินตามคุณลุงที่เดินนำ


ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

กรพูดไม่เพราะเลยอะ  คนอายุ  37-38 เรียกลุงได้ไง 
ถ้าเป็นลุงแสดงว่าพ่อของกรอายุต้องไม่เกิน 37 สินะ 
อืมมม  ก็ไปไปได้ที่พ่อของกรจะมีกรตอนก่อนอายุ  20
ก็มีความเป็นได้อยู่นะ

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
คุยกันแปปนึง

ว่าด้วยเรื่องน้องกรคร่าาาาาาาา

เอาจริงๆตอนวางคาแรกเตอร์น้องไว้ ภาพที่คิดไว้ในหัวคือนางเป็นเด็กแวนซ์ค่ะ 55555
แบบแวนซ์บอยสก๊อยเกิร์ล อะไรประมาณนั้น
เพราะฉะนั้น น้องพูดไม่เพราะค่ะ แต่น้องรู้จักกาละเทศะนะคะ น้องมาแนวพูดลับหลังมากกว่าค่ะ 555
ยกเว้นน้องจงใจซึ่งๆหน้าเลยก็มี เอ๊ะ ทำไมคาแรกเตอร์ไม่สมเป็นนายเอกเลย ฮาาาาาา  :katai3:

จากคาแรกเตอร์ที่วางไว้ ต้องบอกเลยว่าน้องหลุดมาไกลมาก ตอนแรกกะให้กวนส้นกว่านี้ แบบเด็กวัยรุ่นร้ายๆ แต่แต่งไปแต่งมาทำไมนางดูติ๊งต๊องพิกล 555

เอาเป็นว่าฝากน้องกรไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ


********************************************************************************************


บทที่ 34 ผมต้มมาม่าให้น้าาาาาา


ว๊าวววววววววววววว ชาบูหม้อไฟในตำนาน ชาบูที่ผมไม่ได้อยากกินแต่เพราะโชคชะตากำหนดให้จับฉลากได้เป็นอาหารมื้อนี้ ด้วยความหิวผมก็โช๊ยเอาๆ รอให้ท้องผมอิ่มก่อนครับเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง

แปลกใจมั๊ยครับ แทนที่เราจะไปหาร้านอาหารบรรยากาศสงบๆนั่งคุยธุระกัน เรากลับมานั่งกันอยู่ในร้านชาบูที่บรรยากาศสุดแสนจะวุ่นวาย ก็คุณลุงอิศแกดันถามขุ้นมาว่าอยากกินอะไร ไอ้ผมมันคนปากไวเลยตอบชาบูไป มันก็ไม่ได้อยากกินอะไรมากหรอกแค่คำตอบมันฝังอยู่ในหัวสมองหนะครับ

ร้านชาบูบุฟเฟ่ที่คนลุกเดินไปเดินมาแล้วพี่ภูมิกับคุณอิศจะไม่คุยงานกันมั๊ยเนี่ย!

คำตอบคือ คุยงานที่ไหนกัน คุยเรื่องไร้สาระล้วนๆ

“ว่าแต่เราเถอะ อายุเท่าไหร่แล้ว” คุณลุงเจ้าของเสียงทุ้มกล่าวถามพลาง ตักลูกชิ้นปลาสวรรค์ในหม้อชาบูมาใส่จานผม โอ๊ยยยย ของโปรดเลยนะนั้น ขอบคุณครับ

“คุณอิศทายดูสิครับ” ผมพยักหน้าขอบคุณพร้อมกล่าวทีเล่นทีจริง

“ถ้าดูจากชุดนักเรียนมอปลาย น่าจะอายุ 18 ปีแล้วมั้ง” คนแก่กว่ากล่าวทาย

“เกือบถูกแล้วครับ แต่ผมยังไม่ครบ 18 ดีนะครับ ต้องรออีก 2 เดือนนู้นนนนนน” ผมตอบรับทันที ลุงแกก็เดาแม่นใช้ได้เลยนะนั่น

“งั้นผมทายอายุคุณอิศบ้างได้มั๊ยครับ” ผมรีบถามกลับอย่างมีจุดมุ่งหมาย

“ลองเดาดูสิ” ส่วนคู่สนทนาก็เห็นดีเห็นงามด้วย

“ผมเดาเลยนะครับ 37 ปี กับ อีก 5 เดือน” ถูกมั๊ย ถูกมั๊ย ถ้าถูกผมจะเอาเลขไปแทงหวยจริงๆนะเออ

“โหหหห เก่งนะเรา ทายถูกด้วย อะรางวัล” อีกฝ่ายเจ้าของคำตอบเบิกตาอย่างตกใจที่ผมทายถูก แล้วพลางตักหมูห่อสาหร่ายที่กำลังพองตัวพร้อมทานจากในหม้อใส่จานของผม นิสรุปผมทายถูกจริงๆเหรอ

ว่าแล้วเราทั้งสองคนก็หัวเราะไปกับความอัฉริยะในการเดาอายุของกันและกันประหนึ่งในโลกนี้มีเพียงเราสอง ฮาาาาาาาาาา

เหมือนลืมอะไรไปบางอย่าง!

ใช่! ลืมคนที่นั่งข้างๆเนี่ยแหละครับ กำลังส่งเสียงฮื้มๆในลำคอ อะไรติดคอครับพี่ภูมิ

ลืมตัวคุยเพลินไปหน่อยครับ ลืมไปว่าเรามากันสามคน แถมแทนที่จะได้คุยงานกันดันมากินชาบูตามคำขอผมจนเสียการเสียงานไปหมด แหะๆ พี่ภูมิจะโกรธก็ไม่แปลกหรอก

ไม่ได้แล้ว ต้องรีบแก้สถานการณ์ ต้องเอาใจซะหน่อย ผมรีบส่งแก้วน้ำไปให้คนตัวสูงที่นั่งอยู่ข้างๆ แถมด้วยคีบหมูห่อสาหร่ายในจานตัวเองที่เพิ่งได้มาสดๆร้อนๆ เป่าฟู่ๆ ไปสองที แล้วส่งไปวางไว้ในจานคนข้างๆแทน โดยไม่สนใจสายตาประท้วงจากคุณลุงฝั่งตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย ไม่ต้องมองแรงครับคุณลุง ในหม้อยังมีอีกเยอะเดี๋ยวผมตักใหม่ก็ได้

“เธออิ่มแล้วเหรอ” ร่างสูงถามพลางคีบหมูห่อสาหร่ายชิ้นนั้นเข้าปากหน้าตาเฉย ปากกลัวผมไม่อิ่มแต่ยังจะกินของผมอีกนะนั่น

“ก็เริ่มอิ่มแล้วครับ” แต่อันที่จริงผมก็เริ่มอิ่มแล้วจริงๆ ก็ตั้งแต่นั่งทานกันมา ผมก็กินเอาๆ ใครใช้ให้ผู้ชายสองคนนี้ผลัดกันตักโน้นตักนี้มาใส่จานผมกันหละ ไอ้เราเลยได้แต่ก้มหน้าก้มตากินหนะสิ

“อืมมมม...คุณอิศครับนี้ก็ดึกมากแล้ว เราค่อยนัดประชุมกันใหม่วันหลังมั๊ยครับ” ชายร่างสูงหันไปคุยกับชายร่างสูงอีกคนที่นั่งอีกฝั่ง

“นั่นสินะ เด็กๆต้องรีบพักผ่อน...งั้นเดี๋ยวผมให้เลขานัดใหม่แล้วกัน” ฝ่ายนั้นกล่าวพลางเหล่ตามามองผม ตอนเน้นคำว่าเด็กๆ ใช่ซิ ผมเป็นเด็ก เพราะพวกลุงแก่แล้วไง

เมื่ออีกฝ่ายกล่าวจบพี่ภูมิก็ลุกขึ้นทันที พร้อมกับฉุดดึงแขนผมให้ลุกตาม เดี๋ยวก่อนสิครับผมแค่เริ่มอิ่มนะ ผมยังไม่อิ่มสักหน่อย ยังกินได้อีกเยอะ แหะๆ

“งั้น สวัสดีครับ ผมกลับก่อนนะครับ” ผมกล่าวลาผู้ใหญ่ตามมารยาทครับ แม้ใจยังอยากทานต่อก็ตาม แต่เมื่อพี่ภูมิจะกลับผมกลับไปต้มมาม่ากินต่อที่คอนโดก็ได้

“อืมมมม...สวัสดี แล้วเจอกันใหม่นะ” ร่างสูงตอบรับพร้อมลุกขึ้นยืนส่ง หือ! เจอกันใหม่เหรอ เรายังจะได้เจอกันอีกเหรอ เจอทำไมอะ

ผมเดินจากมางงๆแบบเงียบๆ โดยมีคนข้างๆที่คอยส่งเสียงครางในลำคอฮื้มๆไม่ห่าง

ขากลับคอนโดพี่ภูมินั่งเงียบสุดทางเลยครับ จนเรากลับมาถึงคอนโด ผมจึงเดินตรงเข้าห้องครัวไปต้มมาม่า ออกตัวไว้ก่อนว่าไม่ได้ต้นกินเองนะครับ ผมจะต้มให้พี่ภูมิกิน ก็ในร้านชาบูพี่ภูมิแทบไม่ได้กินอะไรเลย มัวแต่นั่งเก็กครางฮึ้มๆแฮ่ๆอยู่นั่นแหละ ที่เงียบๆไปนิโมโหหิวแน่เลย ต้องต้มมามาให้กินด่วน

หลังจากที่ผมใส่เครื่องปรุงลงในชาม มาม่าก็พร้อมกิน ส่งกลิ่นหอมมมมมมมมมมเต๊ะจมูก ผมจัดแจงยกชามมาม่าไปหาคนร่างสูงที่นั่งหน้าหงิกเป็นยักษ์ปักหลักอยู่ในห้องรับแขก

“พี่ภูมิครับ...กินสักหน่อยน้าาาาา จะได้หายหิว” เอาชามไปจ่อที่ปลายจมูกเลยครับ พร้อมเป่าลมให้พัดพากลิ่นส่งเข้าจมูกโด่งโดยตรง

ร่างสูงขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่รู้ว่าได้กลิ่นหอมๆของมาม่าหรือได้กลิ่นปากผมกันแน่

“เธอชวนชั้นกินมาม่าเหรอ” เสียงเข้มๆกล่าวถามมาพร้อมยักคิ้วสงสัย

เอ๊ะ! คุ้นๆ เหมือนเรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน เดจาวูชัดๆ

“ก็พี่ภูมิโมโหหิวไม่ใช่เหรอ รีบๆกินตอนร้อนสิครับ...อ้ามมมมมม” ว่าแล้วก็รีบคีบเส้นมาม่านุ่มๆ ป่าวเบาๆสองที แล้วส่งไปจ่อที่ริมฝีปากโดยไว

“อ้ามมมมมมมมม….” ร่างสูงยังคงนิ่งเลยต้องกระตุ้นอีกครั้งครับ

“หึ” แม้จะส่งเสียงแสดงความไม่พอใจมาเบาๆ แต่ในที่สุดร่างสูงก็ยอมกินมาม่าชามนั้นเข้าไป ป้อนไปป้อนมาผมชักเริ่มหิวบ้าง ขอแย่งกินสักหน่อยแล้วกัน กลายเป็นว่าผมป้อนพี่ภูมิคำ ป้อนให้ตัวเองคำ สุดท้ายเลยต้องไปต้มมาม่าเพิ่มอีกชามนึง แต่ท้ายสุดดันกินไอ้ชามที่สองไม่หมดครับ หลังจากเกี่ยงกันไปๆมาๆสักพัก สุดท้ายอาหารมื้อนี้เลยจบลงที่เสียงหัวเราะประปราย

หลังจากหนังท้องเริ่มตึง หนังตาก็เริ่มหย่อนครับ ผมว่าได้เวลาแยกย้ายแล้ว คืนนี้ผมยังต้องอ่านหนังสือต่ออีกเพราะพรุ่งนี้มีควิซ อย่างน้อยต้องรีบไปอาบน้ำจะได้สดชื้นขึ้นมาหน่อย

“งั้นผมขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับ” ผมกล่าวลาพร้อมจุ๊ปแก้มสากเบาๆ แล้วหมุนตัวเดินจากไปทางห้องนอนของตัวเอง

“เดี๋ยว” ว่าแล้วฝามือแกร่งก็เอื้อมมาคว้าแขนผมไว้ ก่อนออกแรงกระตุกเบาๆ ผมก็เซถลาลงนั่งตักกว้างพอดิบพอดี

“จะรีบไปไหน ไม่ใช่ว่าเธอชวนชั้นกินมาม่าหรอกเหรอ” ว่าแล้วอ้อมกอดแกร่งก็เริ่มรัดเอวผมแน่นขึ้น ริมฝีปากก็กระซิบอยู่ใกล้ๆซอกหู โอ๊ยยยยย จั๊กจี้

“อะ...เอ่อ ก็กินเสร็จแล้วไงครับ” ผมรีบบอดปัด บิดตัวหนี้นิดนึง โธ่ ก็ตัวผมเหม็นเหงื่ออะ ยังไม่ได้อาบน้ำ

“ชั้นหมายถึงมาม่าแบบอื่นหนะ” กล่าวจบมือที่แต่เดิมกอดไว้รอบเอวก็เริ่มซุกซน ขยับเข้าไปตามแนวตะเข็บเสื้อ เอ๊ะ! เดี๋ยว เสื้อผ้าผมหลุดรุยขนาดนี้ได้ยังไงเนี่ย มันเกิดอะไรขึ้น

“เอ๊ะ...เดี๋ยว...เดี๋ยวก่อนครับ...อ๊ะ” ผมพยายามหยุดมือที่ซุกซนทั้งสองข้างเอาไว้ แต่พอหยุดมือได้ ริมฝีปากด้านบนกลับขยับเขยื้อนเข้ามาปิดปากผมแทน

“อืมมมมม” ลิ้นแกร่งกวัดกวาดไปทั่วทั้งโพล่งปากผม เรียกร้องให้ลิ้นร้อนๆของผมต่อสู้กลับไปบ้าง จนเวลาผ่านไปไม่นาน เสียงจ๊วบ จ๊าบ ก็เริ่มสงบลง

ร่างสูงถอนริมฝีปากออกจากการประกบปากผม ให้ผมได้มีโอกาสหายใจเอาอากาศเข้าเต็มปอดสักพัก ก่อนจะโฉบเข้ามาใกล้อีกรอบ

“ดะ...เดี๋ยวก่อนครับ...ไหนพี่ภูมิบอกว่าจะรอไง” หลังจากที่ผมกล่าวประโยคเด็ดไป ร่างสูงจึงหยุดชะงักการกระทำทันที ผมสบตามองร่างสูงที่กำลังขมวดคิ้วแน่น ก่อนถอนหายใจเมื่อหักห้ามอารมณ์ได้ แล้วคลายอ้อมกอดที่รัดไว้อย่างแน่นหนาออก

“อะ...เอ่อ...งั้นผมไป...อะ อาบน้ำก่อนนะครับ” ผมรีบลุกขึ้นเดินเบี่ยงไปทางห้องนอนตัวเองโดยทันที

“เดี๋ยวก่อน” แต่เสียงเย็นๆดังลั่นมาจากด้านหลัง เรียกให้ผมหยุดชะงักอีกครั้ง ผมค่อยๆหันหลังกลับไปยังต้นเสียง

“วันหลังไม่ต้องไปที่ห้างนั้นอีกนะ” เสียงเข้มๆกล่าวออกมาเบาๆ

เอ๊ะ! ห้าง?

“ครับ?....” ผมตอบรับแบบงงๆ ทำไมไม่ให้ไปห้าง ไม่ให้เดินห้างแล้วจะให้เดินตลาดนัดแทนเหรอ

“แล้วก็อย่าไปเจอคุณอิศอีก” เดี๋ยวนะทำไมไม่ให้ไปเจอตาลุงอิศอีก อย่าบอกนะว่าที่โกรธอยู่เนี่ย ‘โมโหหึง’

กร๊ากกกกกกกกกก

พี่ภูมิก็มีโมเมนต์แบบนี้กับเค้าด้วย น่ารักอะ คิดได้ดังนั้น ผมตัดสินใจเดินกลับมาหาร่างสูงแล้วก้มลงหอมแก้มแรงๆทั้งสองข้าง

“คร้าบบบบบบบบ ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ พอใจรึยัง” ว่าจบก็แถมจุ๊ฟปากไปอีกรอบ

“ดี!” ว่าจบร่างสูงก็ผลักตัวผมออกห่างแล้วเดินจากไปยังห้องน้ำทันที

บ๊ะ! เอะอะหนีเข้าห้องน้ำตลอด

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 35 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 1

“ปกรณ์!!!” เสียงเข้มกล่าวดุๆ โอ้โหต้องเรียกซะเต็มยศเลยมั๊ยนั่น

นานๆทีพี่ภูมิจะเอ่ยเรียกชื่อผมเต็มยศขนาดนั้น แค่น้ำเสียงผมก็เดาอารมณ์พี่แกออกเลย ไม่ใช่อารมดีแน่นอน

‘แหะ แหะ’ ผมขออนุญาติเกาหัวตัวเองแก๊กๆครับ อุตส่าแอบย่องเข้าห้องแล้วเชียว ดันจับได้อีกนะเนี่ย เอาจริงๆผมก็ไม่ได้กลับดึกอะไร ออกจะกลับเร็วด้วยซ้ำ แค่ไม่ได้กลับมากับอากิเท่านั้นเอง ทำไมต้องปั้นหน้ายักษ์รอต้อนรับกันอย่างนี้ด้วยหละ

“ไปไหนมา” ร่างใหญ่ย่างสามขุมเข้ามาใกล้ผมที่ตัวหดเล็กลงเหลือสามนิ้ว

“เอ่อออ ไปกินไอติมครับ” ผมไปกินแค่ไอติมจริงๆนะเออ ผมเก็บมื้อเย็นไว้กินพร้อมพี่ภูมิ เลยกินแค่ไอติมรองท้องมาเท่านั้น

“ไปกับใคร…” เสียงเข้ามถามดุมาอีก

“...เอ่อ...ไปกับ….เอ่อ…” ผมอ้อมแอ้มๆ จะถามทำไมว่าไปกับใคร ที่พี่ภูมิดุใส่ผมก็เพราะรู้ว่าผมไปกับใครไม่ใช่เหรอ เอ๊ะ! หรือยังไม่รู้

“ไปกินไอติมกับใคร?” อีกฝ่ายถามย้ำจะเอาคำตอบให้ได้

“เอ่อ...ไปกับเพื่อนๆครับ” ผมตอบเบาๆ ก็ผมไปกับเพื่อนจริงๆนิครับ ขาไปอะนะ ถึงขากลับจะกลับกับคนอื่นก็เถอะ

“แค่เพื่อนเหรอ?” แต่อีกฝ่ายดันถามย้ำ โถ ถ้าถามขนาดนี้คงรู้แล้วหละว่าไปกับใคร อากิคงเอามารายงานแล้วแหละ

“เอ่อ...แล้วก็คุณอิศครับ” ผมตอบชื่อไปเบาๆ ให้ตายสิ ผมสาบานเลยนะมันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ

“หึ...ไหนเธอสัญญาว่าจะไม่ไปเจอคุณอิศแล้วไง” ร่างสูงทวงสัญญาที่ผมตกปากรับคำไว้เมื่อไม่กี่วันก่อน โถ่ ผมก็ไม่ได้อยากจะผิดสัญญาหรอกนะครับ

วันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย พอพวกผมสอบเสร็จเลยตัดสินใจไปฉลองบุฟเฟ่ไอติมที่ร้านไอศครีมใกล้ๆโรงเรียน คือใกล้มากจริงๆอะครับ ร้านมันตั้งเยื้องหน้าโรงเรียนไปไม่ถึงยี่สิบเมตร กะว่ากินไอติมเรียกความสดชื้นกันสักหน่อยแล้วรีบๆกลับไปพักผ่อน เพราะสัปดาห์หน้าก็จะเปิดเทอมแล้ว

‘บุฟเฟ่ไอติมหัวละ 89 บาท ฟรีท๊อปปิ้ง กินได้ไม่อั้นภายในเวลา 45 นาที’ ช่างเป็นโปรโมชั่นส์ที่เกิดมาเพื่อเด็กวัยกำลังเจริญเติบโตอย่างพวกผมซะจริงๆ ระหว่างที่พวกผมกำลังเอนจอยอีตติ้งกันอยู่นั้น ประตูร้านก็เปิดออกรับลูกค้าคนนึงที่สภาพไม่เข้ากับบรรยากาศร้านซะเหลือเกิน ก็ร้านนี้ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนลูกค้าส่วนใหญ่ก็พวกเด็กนักเรียนนี้แหละครับ ดังนั้นลูกค้าคนใหม่ที่เดินเข้ามาเลยดูเด่นสุดๆ ลุงแกเล่ยใส่สูท ผูกไทด์ กางเกงสแลก รองเท้าหนังมันป๊าบบบบบบ เอ...ว่าแต่หน้าดูคุ้นๆ เหมือนเพิ่งเจอเมื่อไม่กี่วันก่อน

ออ...คุณอิศครับ อิศ อะไรวะ จำชื่อจริงไม่ได้ ฮาาาา

ระหว่างกำลังคิดเพลินร่างผู้มาใหม่ก็เดินตรงมายังโต๊ะที่พวกผมนั่งแหกปากโวยวายกันอยู่ครับ แต่เมื่อร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ บรรยากาศก็พลันสงบลง ไอ้มาร์คที่กำลังป้อนไอติมให้อากิยกมือค้างอยู่อย่างนั้น ส่วนไอ้มืดที่กำลังแย่งไอติมรสกล้วยหอมจากไอ้เป็ดเป็นอันต้องชะงักลง

“สอบเสร็จแล้วเหรอน้องกร” ร่างสูงกล่าวทักทายโดยชี้เฉพาะเจาะจงมาทางผม เฮ้ยยยยยยยยย ใคร๊! ใครน้องคู๊ณณณณณเนี่ย ผมนี้รุ่นลูกรุ่นหลายเลยนะ

“เอ่อ...สวัสดีครับคุณอิศ...เอ่อ สอบเสร็จแล้วครับ” ผมตอบคำถามงงๆ พร้อมยกมือขึ้นไหว้ ว่าแต่คุณอิศแกรู้ได้ไงว่าพวกผมมีสอบกัน ลุงเป็นเด็กมอปลายรึไง

ผมหันซ้ายหันขวามองเพื่อนๆที่สงบปากสงบคำมองมายังผมและคุณอิศตาแป๋ว

“เอ่อ...คุณอิศครับนี้เพื่อนๆผม...ส่วนนี้คุณอิศ เป็นคู่ค้ากับพี่ภูมิหนะ” ผมจำใจแวะนำตามมารยาทครับ ฝ่ายนั้นมองหน้าเพื่อนๆก่อนยิ้มให้น้อยๆ

“มาฉลองสอบเสร็จกันหละสิ ถ้าไม่รังเกียจให้ชั้นเป็นเจ้ามือสักมื้อมั๊ย” ตามประสาผู้ใหญ่ที่เอ็นดูเด็กๆครับ คุณอิศเสนอตัวเป็นเจ้าภาพทันที

“ไม่รังเกียจครับ” แล้วไอ้มืดเพื่อนเลิฟก็ตอบรับทันทีเช่นกัน บ๊ะ ไอ้พวกนี้เห็นของฟรีหน่อยเป็นไม่ได้

“งั้นชั้นขอร่วมวงด้วยเลยละกัน” ว่าแล้วคุณอิศก็ลากเก้าอี้มานั่งร่วมโต๊ะกับพวกเราไปโดยปริยาย บรรยากาศในโต๊ะก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง ก็คุณอิศแกเป็นคนคุยสนุกสนาน มีรับส่งมุกกับไอ้มืด ไอ้เป็ดตลอดเวลา ขนาดไอ้มาร์คที่ดูฮึ้มๆในตอนแรกยังผ่อนลมหายใจลดการ์ดลงเลย

เดี๋ยวๆ ผมว่าคุณอิศแกจะตีเนียบเกินไปแล้วนะเนี่ย ว่าแต่แกมาเนียนนั่งกินไอติมกับพวกผมทำไมเนี่ย

แล้วเวลา 45 นาทีก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วครับ ผมว่าวันนี้ร้านไอติมคงเกือบล้มละลายเพราะพวกผมแน่เลย

“ขอบคุณที่เลี้ยงคร๊าบบบบบบ” เป็นเสียงของไอ้มืดเจ้าเดิมที่กล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ใจดี ดูเหมือนวันไหนมันได้กินฟรีมันจะดีดเป็นพิเศษ เหอะๆ

“เอ่อ...ขอบคุณนะครับ” ผมเป็นตัวแทนเพื่อนๆกล่าวขอบคุณอีกครั้งนึง แล้วขอตัวแยกย้ายกันกลับ

“เดี๋ยวก่อนสิ กรกลับยังไง” ร่างสูงเอ่ยทันก่อนที่ผมจะเดินจากไป

“ผมกลับกับเพื่อนครับ” ว่าแล้วชี้มือไปทางอากิและไอ้มาร์คที่ยืนรออยู่

“ไม่ต้องรบกวนเพื่อนหรอก เดี๋ยวชั้นไปส่งเอง” ร่างสูงรีบเสนอตัวทันที

“เอ่อ...แต่ผมพักคอนโดเดียวกับเพื่อผม ไม่รบกวนพวกนั้นหรอกครับ” เคยได้ยินโฆษณามั๊ยครับ ไปทางเดียวกัน นั่งรถคันเดียวกันประหยัดน้ำมันดี แต่นี้พักที่เดียวกันต้องเรียกว่ายิ่งกว่าประหยัดอีกครับ

“...” คุณอิศซึ่งจนด้วยเหตุผมได้แต่เงียบ ผมเลยรีบชิงโอกาสยกมือไหว้แล้วหมุนตัวจะเดินจากไปทันที แต่โดนเบรกด้วยเสียงเบาๆที่ดังมาจากด้านหลัง

“แต่ชั้นอยากไปส่งเธอนิ” โอ้โห น้ำเสียงแบบน่าสงสารสุดๆ ดูเหมือนคนจะโดนทิ้งอะ

“เอ่อ…” ชะงักและไปต่อไม่เป็นเลยครับ

“ถือว่าตอบแทนที่ชั้นเลี้ยงไอติม นั่งรถไปเป็นเพื่อนชั้นหน่อยแล้วกันนะ” ฝ่ายนั้นใช้เทคนิคทวงบุญคุณครับ ผมนี้ได้แต่เอ๋อแดกเลย ถ้าผมปฏิเสธอีก นิจะกลายเป็นพวกชักดาบเลยรึป่าว

เฮ้อออออ จะไม่ไปก็ไม่ได้ นั่นคู่ค้าพี่ภูมิเลยนะ ถ้าเกิดกระทบเรื่องงานเพราะผมก็ซวยอีก -*-

“เอ่อ...งั้นรอแปปนึงนะครับ” ผมตัดสินใจวิ่งไปบอกอากิว่าจะกลับพร้อมกับคุณอิศ พวกนั้นเลยบอกว่าจะขับรถตามหลังจนกว่าจะถึงคอนโด

ดีจังวุ๊ย มีเพื่อนๆที่รักและเป็นห่วงผมขนาดนี้ ถึงขั้นจะขับรถตาม แต่ผมว่าไม่ใช่พวกนั้นห่วงผมหรอกครับ น่าจะห่วงสวัสดิภาพตัวเองมากกว่า กลัวโดนพี่ภูมิเฉ่งเอาหนะสิ หึ

*********************************************************************************************************

“เธอชอบกินไอติมรสสตอเบอรี่เหรอ” ระหว่างนั่งรถ ‘เป็นเพื่อน’ คุณอิศเอ่ยถามทำลายความเงียบ

“ก็ไม่เชิงครับผมชอบอะไรเปรี้ยวๆ” อันที่จริงผมชอบกินขนมหวานครับ แต่ด้วยความที่ขนมหวานมักจะหวานตามชื่อ ผมเลยมักจะเลือกกินพวกที่มีรสชาดเปรี้ยวมาตัดความหวาน เพราะชีวิตจริงหวานดีอยู่แล้ว ไม่อยากให้ระดับน้ำตาลสูงเกินกว่านี้ อิอิ

“สตอเบอร์รี่ เชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่” ฝ่ายนั้นพอผมบอกชอบกินเปรี้ยวเท่านั้นแหละ ก็ร่ายยาวผลไม้ตะกูลเบอร์รี่แสนเปรี้ยวขึ้นมาทันที

“ครับๆ ชอบหมดแหละครับ ผลไม้ไทยก็ชอบนะครับ มะเฟือง มะไฟ โอยหากินยากมาก พูดแล้วน้ำลายสอ” พูดถึงแล้วยากกินจริงๆ ที่ศูนย์มีต้นมะเฟืองต้นนึงครับเลยมีโอกาสได้กินบ่อยๆ

“มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะหร้าว ส้มโอ?” ดีนะไม่ต่อมะแฟง แตงโม ไชโยโห่ฮิ้ว ไปด้วย คิดแล้วก็ขำครับ จนหลุดหัวเราะออกมา ส่วนอีกฝ่ายก็ขำพรึดเช่นกัน ผมบอกแล้วว่าคุณอิศแกรับส่งมุกเก่งจริงๆ

“เธอพักที่นี่เหรอ” หลังจากที่คุยเรื่องไร้สาระ อย่างระหว่างมะเฟือง กับมะไฟ อะไรเปรี้ยวกว่ากันไปได้สักพัก เราก็เดินทางมาถึงคอนโดโดยสวัสดิภาพครับ

“ครับ ขอบคุณมากนะครับ” ผมตอบพร้อมกับยกมือไหว้ขอบคุณที่มาส่ง ทำท่าจะลงจากรถอีกฝ่ายก็กล่าวเบาๆเป็นการต่อท้าย

“อืมมมม แล้วพบกันใหม่นะ” ว่าจบรถก็แล่นจากไป ปล่อยผมยืนงงในดงคอนโด ห๊า! ยังจะได้เจอกันอยู่เหรอ แค่นี้ผมก็ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ภูมิแล้วนะ ขืนเจอกันมากกว่านี้พี่ภูมิไม่หึงผมจนตายเลยรึ

ระหว่างที่ยืนงงๆอยู่นั่นเองก็มีผ่ามือเย็นๆมากระทบด้านหลัง

“ใครวะ” เป็นไอ้มาร์คเพื่อนยาก แมร่งงงง ตีซะแรงเลย เจ็บนะเฟ้ย!

“คุณอิศไง” ไอ้นี้ความจำสั้น ผมก็แนะนำไปแล้วแท้ๆ

“คุณอดิศรที่เป็นเจ้าของห้างที่คุณอาจะเปิดช็อปใช่มั๊ยครับ” อากิผู้มาโปรดได้เฉลยชื่อจริงของคุณอิศให้ฟัง ออ ในที่สุดก็นึกออก ฮาาาาาา

“ใช่ๆ คนนั้นแหละ”

“แล้วเมิงไปรู้จักเค้าได้ไงวะ” ไอ้มาร์คยังซักไซ้ต่อ

“เจอกันครั้งนึงที่ห้าง” ผมตอบส่งๆพร้อมเดินไปที่ลิฟต์

“ครั้งเดียวจริงดิ ทำไมถึงได้ติดเมิงขนาดนี้ ป้ายยาไว้หรือไง” อ่าวๆ ไอ้เพื่อนเวร ป้ายย พ่ อ ง

“คิดมาก” ผมบิกปัดๆไป คิดไรมาก ก็แค่ผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก ผมออกจะเด็กดี ใครเห็นใครก็รัก

“เอ่อ… กรครับ ค่อยๆคุยกันนะครับ” อากิกล่าวบอกขณะที่ลิฟต์เดินทางมาถึงชั้นที่ต้องการ

“คุย? คุยอะไร กับใคร” งงสิครับพวกเราก็ไม่ได้คุยกันเสียงดังสักหน่อย

“คุณอาหนะครับ” ว่าจบเพื่อนตัวดีทั้งสองก็เดินหนีเข้าห้องตัวเองไปเลย

ชิบ-

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
โดนบีบคอตายแน่หนูกร

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

 :z13: :z3:

บทที่ 36 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 2

“ก็อย่างที่ผมเล่าให้ฟังนั่นแหละครับ ไม่มีอะไรจริงๆน้าาาาาาาาา” ผมพยายามปั้นหน้ายืมไปสู้กับคนตรงหน้าที่ปั้นหน้ายักษ์อยู่

“ถ้าไม่มีอะไรคุณอิศจะมาหาเธอถึงที่โรงเรียนทำไม” อ่าววว ถามน่าคิด นั่นสินะ จะมาหาผมทำไม มาเพื่อเลี้ยงไอติมเหรอ

“ผม...ไม่รู้” ก็ผมไม่รู้จริงๆอะ เคยเจอกันแค่ครั้งเดียวเอง เจอพร้อมพี่ภูมิด้วยนั่นแหละ

“....” ร่างสูงยังคงนั่งหน้าเครียดต่อไป ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ เดาอารมณ์คนตรงหน้าไม่ออก

“เอาน่า ผมสัญญา ไม่มีครั้งต่อไปแล้ว ถ้าบังเอิญเจอกัน ผมจะเดินหนีเลยเอ้า!” ว่าแล้วผมก็ยกมือขวาขึ้นมาชูสามนิ้วแบบลูกเสือสามัญ
“.......” แต่อีกฝ่ายก็ยังเงียบ

“โอ๊ยยยย พี่ภูมิอะ อย่าเงียบ อย่างอนแบบนี้สิครับ หายโกธรผมเถอะผมขอโทษ” ถูกผิดไม่รู้ ขอโทษไว้ก่อน ว่าแล้วก็เขย่าแขนเบาๆ ช้อนสายตาขึ้นมองตามสเต็ป

“...........” แต่อีกฝ่ายก็เลือกที่จะเงียบต่อไป

“น่า น้าาาาาาาา นะ” ใช้ไม้ตาย พร้อมส่งจุ๊ฟเบาๆไปที่แก้มซ้ายทีขวาที

“..............หึ” ร่างสูงมีการพัฒนาครับ อย่างน้อยก็มีส่งเสียงหึ ตอบรับ

“หิวมั๊ยครับ เย็นนี้กินอะไรดี” เมื่อสังเกตุว่าอีกฝ่ายมีท่าทีอ่อนลง ผมยิ่งต้องเร่งทำคะแนน

“......มาม่า” เสียงเข้มบอกเบาๆ ช่วงๆนี้ทำไมกินมาม่าบ่อยจังเลย งอนผมครั้งก่อนก็กินมาม่า งอนรอบนี้ก็มาม่าอีกแล้ว

“...เอ่อ...งั้นผมไปต้มมาม่าให้ รอแปปนึงนะครับ” ว่าแล้วก็รีบลุกไปเข้าครัวทันทีเลยครับ

มื้อนี้ต้องเอาใจเป็นพิเศษสักหน่อย เอามาม่าต้มยำหม้อไฟทะเลรวมเลยแล้วกัน หลังจากที่ส่องหาวัตถุดิบในตู้เย็นพบทั้งกุ้ง ปลาหมึก เนื้อสดแช่แข็งอีกหลายชนิด ตั้งแต่ที่ผมเริ่มต้มมาม่าที่นี้ พี่ภูมิก็ขยันซื้อวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารมายัดใส่ตู้เย็นทิ้งไว้ ถึงจะเป็นพวกแช่แข็งก็เถอะ แต่ก็ยังดีกว่าไส้กรอกกับไข่ไก่ก็แล้วกัน ฮาาาาา

ระหว่างที่กำลังตั้งใจล้างต้นหอมญี่ปุ่นอยู่นั่นเอง ก๊มีมือเลื้อยมาโอบรอบเอวผม ยิ่งหันหลังกลับไปมองสาเหตุก็ยิ่งต้องสะดุ้ง เมื่อใบหน้าหล่อเหลาแสนคุ้นเคยอยู่ใกล้เพียงไม่กี่เซนติเมตร ก่อนที่ริมฝีปากจะประกบลงมาอย่างรวดเร็ว

“อ๊ะ…..” ยังไม่ทันได้ส่งเสียงตกใจใดๆ เรียวปากบางก็จ้วงลิ้นร้อนๆเข้ามาทันทีครับ ผมก็พยายามบิดหนี นี้กำลังล้างผักอยู่นะครับ มาม่าก็ต้มร้อนๆอยู่บนเตา เหลือแค่หั่นผักใส่หม้อก็เป็นอันพร้อมเสริฟ โอ๊ยยยยยย บรรยากาศมันไม่ได้อะ

“พะ...พี่ภูมิ...เดี๋ยวก่อน” สองมือแกร่งประคองใบหน้าผมเอาไว้ไม่ให้บิดหนี ผมจำใจต้องวางมีดในมือลงก่อน กลัวเผลอเอาไปบาดคนข้างๆเข้า เปลี่ยนจากมือที่ถือมีดมาใช้โอบคอคนตัวสูงกว่าแทน

“...อืม...อ๊ะ...อื้อออออ”  หลังจากที่เแลกเปลี่ยนลิ้นกันอย่างคุ้นชิน ร่างเล็กกว่าก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อมือเย็นค่อยๆซุกเข้าไปใต้เสื้อนักเรียนที่บัดน้ำถูดปลดกระดุมออกไปแล้วหลายเม็ด ตั้งแต่เมื่อไหร่!

“อ๊ะ…….เดี๋ยว” แล้วยิ่งต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อปลายยอดของหน้าอกด้านนึงถูกสัมผัสด้วยปลายนิ้วที่บดเบียดเข้าหากัน ริมฝีปากที่เคยประกบกันอยู่ก็ผละออกไป โดยมีจุดมุ่งหมายยังซอกคอที่มีปกเสื้อนักเรียนสีขาวปกปิดไว้บางส่วน

“หึ” ร่างสูงส่งเสียงอย่างขัดใจที่จุดมุ่งหมายโดนขัดขวางไว้ด้วยเนื้อผ้าบางๆนั้น ก่อนที่มือแกร่งจะทำหน้าที่ปลดกระดุมที่เหลือออก พร้อมถอดเสื้อสีขาวตัวนั้นให้พ้นไปจากร่างบาง

“อ๊ะ…….” ยอดอกสีคล้ำที่เคยนอนสงบนิ่ง ชูชันขึ้นมาท้าปลายนิ้วที่สัมผัสมันอยู่ ไรขนบริเวณแขนก็ลุกชันขึ้นอย่างมีสาเหตุ สะดุ้งเลยสิครับ แอร์เย็นขนาดนี้ ลองอยู่ๆโดนถอดเสื้อออกแบบไม่ทันตั้งตัว ใครมันจะไม่หนาวจนขนลุกแบบนี้บ้างหละ
“อืม…” ร่างสูงครางออกมาด้วยความพอใจ ยังคงตั้งสมาธิกับซอกคอชื้นเหงื่อและไม่ได้สนใจกับปฏิกริยาของคนในวงแขนที่มีอาการหยุดชะงักไปเล็กน้อย

“อ๊ะ...อื้อ...พี่ภูมิ...มะ….มาม่า” แต่ดูเหมือนร่างเล็กกว่าที่ปากเป็นอิสระจะพยายามพูดบางอย่าง จนร่างสูงเกิดอยากปิดปากบางนั้นอีกครั้ง ริมฝีปากที่เคยซุกไซ้ที่ซอกคอย้ายกลับมาประกบกับปากบางอีกครั้ง หากแต่มีแกร่งยังคงทำหน้าที่บริเวณยอดอกทั้งสองข้างต่อไป

“อื้ออออออ” เมื่อริมฝีปากถูกประกบอีกครั้ง คำพูดที่ต้องการจะเอ่ยก็ถูกกลืนลงคอไปทันที

โอ๊ยยยยยยยยยย มาม่าจะสุกแล้ว น้ำเดือดจนล้นหม้อแล้วนั่น ปิดแก๊สก่อน ปิดแก๊สสสสสสสสสสสส

“อ๊ะ……..อื้อ.อ๊ะ...ฟู่...เฮ้ย!” เสียงเล็กกว่าดังขึ้นอย่างตกใจ เมื่อมือแกร่งผละออกจากยอดอกเพื่อย้ายลงไปต่ำกว่าขอบเข็มขัด นิ้วแกร่งจัดการถอดเข็มขัดนักเรียนสีดำขลับออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถวยังปลดกระดุมกางเกงออกอย่างชำนาญอีก เฮ้ย! จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงหละครับ ก็ไอ้หม้อที่ต้มมาม่าอยู่นั้นน้ำด้านในเดือดจนล้นขอบหม้ออกมาแล้ว

ร่างสูงชะงักไปตามเสียงอุทาน แล้วมองไปยังต้นเสียง ‘ฟู่’ ที่ยังไม่หยุด จนสุดท้ายต้องผละจากกิจกรรมเข้าจังหวะไปปิดแก๊สก่อนเพื่อความปลอดภัย

ผมได้แต่ยืนหอบหายใจพิงเคาน์เตอร์ อารมณ์ที่เคยกระเจิดกระเจิงโดนเบรกไว้ด้วยไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากหม้อต้ม ฮาาาาาา ร่างสูงกว่าเดินกลับมาโอบกอดผมไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนแบบผู้ใหญ่ปลอบขวัญเด็ก ผมคิดว่าอารมณ์ของอีกฝ่ายน่าจะสงบลงแล้วเช่นเดียวกัน

“ตกใจเหรอ” หลังจากที่กอดปลอบอยู่สักพัก ร่างสูงกว่ากล่าวขึ้นมาก่อน

“หึ...ตกใจสิครับ เกิดไฟไหม้ขึ้นมาจะทำยังไง” ด้วยอารมณ์โมโหปนน้อยใจ ผมถึงกล่าวออกไปแบบนั้น

“.............งั้น...ต่อเลยนะ” หลังจากที่ได้ฟังคำตอบผมอีกฝ่ายก็นิ่งเงียบไปแบบงงๆ ก่อนตัดสินใจสานต่อ ว่าแล้วก็ลงมือ เอ้ย ลงปากไปไซร้ซอกคอต่อ เฮ้ยยยยยย!

“อีก 2 เดือนเอง อดทนหน่อยสิครับ” ผมเบี่ยงตัวหลบ ตอนนี้สติผมกลับมาครบแล้วครับ ต้องเล่นตัวไว้ก่อนคุณแม่สอนไว้

“...หึ” ร่างสูงคล้ายไมค่อยพอใจที่ถูกปฏิเสธโดยอ้างสัญญาที่เคยให้ไว้ แต่ก็ยอมผละออกไปแต่โดยดี เดินหนีเข้าห้องน้ำไปเป็นที่เรียบร้อย

‘ชริ นึกว่าจะใจอ่อน’ นายภูมิพัฒน์ไม่ได้กล่าวไว้ ฮาาาาาา

ผมจึงกลับไปให้ความสนใจกับต้นหอมญี่ปุ่นในอ่างล้างผักต่อ จัดการหั่นผักชีแล้วโปรยลงไปในหม้อ แค่นี้มาม่าของผมก็พร้อมทาน แม้ว่าเส้นมันจะอืดไปหน่อยก็เถอะ

“มาครับพี่ภูมิ กินมาม่ากัน” ผมจัดแจงเสริฟมาม่าทั้งหม้อลงบนโต๊ะอาหาร แล้วนั่งรออีกฝ่ายที่เดินกลับมาหาผมหลังจากที่หายไปร่วม 10 นาที ฝ่ายนั้นนั่งลงกินมาม่าเงียบๆ ไม่พูดไม่จา สงสัยจะหิวมาก แปลว่าที่ผ่านมานี้โมโหหิวจริงๆ หวังว่ากินอิ่มแล้วจะอารมณ์ดีขึ้นนะเออ

“หลังจากนี้เป็นต้นไปชั้นจะเป็นคนไปรับไปส่งเธอเอง” หลังจากสิ้นสุดมื้ออาหารเย็นร่างสูงก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาใหม่

“โอ๊ยยยยย ผมไปกับอากิดีกว่าครับ ประหยัดน้ำมันรถดีออก” อยู่ดีๆจะไปรับไปส่งทำไม เสียเวลาทำงานทำการหมด

“เธอกังวลเรื่องประหยัดน้ำมันรถเนี่ยนะ” ร่างสูงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน อ่าวววววว ผมมันคนประหยัดนิครับ ไปทางเดียวกันนั่งรถไปด้วยกัน ประหยัด รักษ์โลก ลดมลพิษ

“เอ่อ...ผมเกรงใจพี่ภูมินิครับ...ช่วงนี้งานยิ่งยุ่งๆอยู่” นับตั้งแต่ไอ้แก่ลูกรักของผมลงโลงไปแล้ว ผมก็ได้แต่ติดรถอากิไปเรียนเกือบทุกวัน ยังไงๆก็พักที่เดียวกันอยู่แล้วอะนะ

“หึ ชั้นจะไปส่งเธอเอง...จะได้ไม่ไปขึ้นรถคนอื่นไปเรื่อยอีก” ว่าแล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินสะบัดก้นกลับเข้าห้องตัวเองไปทันที เป็นอันจบบทสนทนา ไม่ให้โอกาสโต้แย้งแต่อย่างใด

สรุปที่จะไปรับไปส่งคือกลัวผมไปนั่งรถคนอื่นไปเรื่อย โถ พ่อคุณทูลหัว! คนอื่นที่ไหนชื่อก็รู้จักกันทั้งนั้น ฮาาาาาา

เอาเป็นว่ายอมๆไปเถอะครับ ก็ไอ้คำว่า ‘หึง’ ตัวเท่าบ้านแปะอยู่กลางหน้าซะขนาดนั้น

ผมตัดสินใจเดินไปชงกาแฟร้อนใส่นม อันที่จริงขอเรียกว่านมร้อนใส่สีกาแฟดีกว่า กินกาแฟตอนกลางคืนผมว่าไม่ค่อยดีนะครับเดี๋ยวจะนอนไม่หลับเอา แต่เห็นว่าช่วงนี้พี่ภูมินอนดึกอนุญาติให้ดมกลิ่นกาแฟสักนิดนึงก็ได้ ว่าแล้วก็เดินไปเคาะห้องของอีกฝ่ายที่ปิดประตูสนิทอยู่ แต่ก็เงียบไร้การตอบรับ รอไปอีกสักพักก็ยังเงียบ สงสัยยังงอนไม่หาย สุดท้ายเลยพูดกับประตูไปดังๆแทน

“ผมวางกาแฟไว้ที่โต๊ะนะครับ...อย่านอนดึกมากนักหละ พรุ่งนี้เช้าเจอกันครับ ฝันดีจุ๊ฟๆ” ว่าแล้วก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป

แต่

ผมไม่ได้กลับเข้าห้องเฉยๆครับ ตอนนี้กำลังเอาหูแนบประตูแอบฟังการเคลื่อนไหวด้านนอกอยู่

‘แอ๊ดดดดดด...ปัง’ นั่นไง! เดินออกมาเอากาแฟแล้ว โธ่...นึกว่าจะแน่ ฮาาาาา

หวังว่าพรุ่งนี้ ไอ้คำว่า ‘หึง’ ตัวจะหดเล็กลงเหลือตัวเท่าลูกแมวแทนนะครับ

*********************************************************************************************************

แล้วพี่ภูมิก็ได้ทำอย่างที่ลั่นวาจาเอาไว้ คือจะเป็นคนไปรับไปส่งผมด้วยตัวเอง แต่โชคดีที่ผมไหว้ตัวทันครับ ตอนเช้าผมจะตื่นมาชงกาแฟกับปิ้งขนมปังไว้รอ ส่วนก่อนลงรถก็จะหันจุ๊ฟแก้มทั้งสองข้างอย่างเอาอกเอาใจ ไอ้คำว่า ’หึง’ ตัวเท่าบ้านเลยค่อยๆหดเล็กลงเรื่อยๆ ส่วนเย็นนี้ผมจะทำเซอร์ไพรส์เอาให้ไอ้คำว่า ‘หึง’ หดตัวลงเล็กกว่าระดับเซลล์อะตอมไปเลย ฮาาาาาาาา

หลังจากที่ใช้เวลาครึ่งค่อนวันปรึกษากับไอมาร์คว่าจะง้อพี่ภูมิยังไง สุดท้ายเลยต้องหันไปพึ่งฝีมือของหมอนวดอันดับหนึ่งประจำห้องซึ่งก็คือไอ้โอ๊ตครับ ผมเลยได้เรียนหลักสูตรนวดผ่อนคลายระยะสั้น รับใบประกาศลงชื่อครูโอ๊ต สำหรับใครที่สนใจ ผมแนะนำให้ไปเรียนนวดเป็นเรื่องเป็นราวนะครับ อย่านวดมั่วๆแบบผมเลย ยิ่งพวกนวดกดเส้น นิยิ่งอันตรายเกิดผิดพลาดขึ้นมา มีปัญหาตามมาทีหลังเป็นขบวนจะยิ่งยุ่งเอา แต่ครอสที่ผมเรียนมานี้เป็นนวดคลายเครียด แบบนวดไปชิวๆ หลักๆคือนวดเอาใจล้วนๆ ไม่ได้ส่งผมต่อกล้ามเนื้อแต่อย่างใด

ตามแผนที่วางไว้ หลังจากที่กลับห้องไป ก็ชวนพี่ภูมิให้ไปอาบน้ำ แล้วผมจะแอบตามเข้าไปนวดให้ในห้องน้ำ อิอิ

แค่คิดก็ …….





ในที่สุด เวลาโรงเรียนเลิกก็มาถึง อ๊ะ! นั่นไง รถสีดำคันเก่าคันเดิม

“สวัสดีคร้าบบบบบพี่ภูมิ คิดถึงจังเลย” หลังจากขึ้นรถแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือห้อมแก้มเอาใจก่อนเลยครับ ร่างที่ถูกหอมส่งเสียง ‘หึ’ เบาๆ แหมมมม ทำมาเป็นงอน ผมรู้หรอกว่าชอบหนะ

“จะกินอะไร” เสียงเข้มๆถามมา เอาอีกแล้วปัญหาโลกแตก

“มาม่าครับ” แต่วันนี้ผมเตรียมคำตอบไว้แล้วครับ ต้องรีบกลับคอนโดให้เร็วที่สุดเพื่อทำตามแผน

“........” อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป เอาน่าาาาา ช่วงนี้อาจจะกินมาม่ากันบ่อยไปสักหน่อย เอาเป็นว่านี้มื้อสุดท้ายแล้วกัน ครั้งต่อไปผมจะจับฉลากเหมือนเดิม

“นะครับ ผมอยากกลับคอนโดอะ ร้อนอยากอาบน้ำ” ใช่ครับร้อน เรียนห้องแอร์ ขึ้นรถมาเจอแอร์เย็นฉ่ำอีก เดี๋ยวกลับดอนโดไปก็แอร์อีกนั่นแหละครับ ร้อนจริงๆ

“.........” สุดท้ายร่างสูงก็ยอมจำนนในเหตุผล แบบงงๆ แล้วรถก็เริ่มเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายปลายทาง




พี่ยามเปิดประตูให้เราสองคนเข้าไปยังฟอร์นที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ใช่ครับ รีบๆเดินหน่อยอากาศมันร้อน ต้องรีบไปอาบน้ำ อิอิ

“คุณกรคะ พัศดุค่ะ” ระหว่างเดินผ่านไปยังลิฟต์นั่นเอง พี่สาวที่หน้าฟอร์นก็กล่าวทักเลือกให้หยุดรับของ เอ๊ะ แปลกๆนะครับ ปกติมีพัศดุส่งมาหาพี่ภูมิบ่อยๆ แต่ของผมไม่มีนาถ้ามีก็น่าจะส่งไปที่ศูนย์ฯสิ

ผมได้แต่เดินงงๆไปรับพัศดุที่จ่าหน้าถึงผม นายปกรณ์ กิจการุณ ทั้งๆที่ที่อยู่เป็นคอนโดของพี่ภูมิ ไอ้คนส่งเค้าจ่าหน้าชื่อผิดรึป่าวหว่า

“อะไร” เสียงเข้มถาม พลางก้มลงมองกล่องโฟมขนาดกลางที่ผมอุ้มเอาไว้ หนักไม่ใช่เล่นเลยนะครับเนี่ย ใครส่งอะไรมาหว่า

“สตอเบอร์รี่?” เสียงเข้มยังคงกล่าวต่อไป ให้คำตอบกับคำถามที่ผมคิดในใจพอดี อ๋อออออ ด้านข้างกล่องโฟมมีสติ๊กเกอร์แปะไว้ชัดเจน ‘สตอเบอร์รี่ดอยคำ’

 คุณพระ! สตอเบอร์มาจากไหน ใครส่งมาวะ

“ใครส่งมา” เสียงเข้มถามต่อไปอีก พลางแย่งกล่องโฟมในมือของผมไปถือเอาไว้เพื่อจะดูชื่อผู้ส่งใกล้ๆ

ปรากฏชื่อ ‘นายอดิศร อัศวกุล’ อยู่ในชื่อผู้ส่งอย่างชัดเจน เอออออ นามสกุลไม่คุ้น แต่ชื่อชักคุ้นๆแฮะ เอ๊ะ! ความทรงจำบางอย่างแวบเข้ามาในหัวครับ


‘สตอเบอร์รี่ เชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่’
‘ครับๆ ชอบหมดแหละครับ ผลไม้ไทยก็ชอบนะครับ มะเฟือง มะไฟ โอยหากินยากมาก พูดแล้วน้ำลายสอ’
‘มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะหร้าว ส้มโอ?’

‘คุณอิศ!’

“หึ” เสียง ‘หึ’ สั้นๆ ดังมาจากคนใกล้ตัว เสียงเหมือนจะข่มอารมณ์บางอย่างไว้ เอาซะผมไม่กล้ามองดูสีหน้าเจ้าของเสียงเลบครับ

ไม่ทันไรร่างสูงก็เดินอุ้มกล่องโฟมเจ้าปัญหาไปหาพี่ยามพร้อมบอกสั้นๆสามพยางค์ว่า ‘เอาไปทิ้ง’ กล่าวจบก็เดินนำไปขึ้นลิฟต์ ทิ้งให้ผมยืนงงในดงพี่ยาม สุดท้ายวิ่งตามเข้าลิฟต์ไปเกือบไม่ทัน

โอ๊ยยยยย สตอเบอร์รี่ ทิ้งไปทำไม เสียดายอะ

“หึ” หากแต่เสียง ‘หึ’ ที่ส่งมาเป็นระยะๆทำให้ความอยากผลไม้เปรี้ยวๆของผมลดลง

เดี๋ยวนะ! บรรยากาศแบบนี้เซอร์ไพรส์ที่ผมเตรียมไว้สำหรับลดขนาดคำว่า ‘หึง’ ตัวเท่าบ้านให้มีขนาดเล็กแค่เซลล์อะตอม ดูท่าว่าจะเอาไม่อยู่ เพราะตอนนี้ไอ้คำว่า ‘หึง’ มันใหญ่กว่าดาวโลกไปแล้วครับ

“หึ”

“หึ”

“หึ”

“หึ”

มารัวๆ


********************************************************************************************

 :katai5: :katai4: :katai3: :katai1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2

ออฟไลน์ OoniceoO

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 969
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ฟาดพี่ภูมิซักที หึอยู่นั้น

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 37 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 3  :impress2:

ผมคิดว่าช่วงนี้ฐานดวงผมน่าจะไม่ค่อยดี พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก เผลอๆโดนราหูอมเข้าไปอีก ทำอะไรก็ดูจะติดขัดตลอด ขนาดนั่งเฉยๆยังมีเรื่องปวดหัววิ่งเข้ามาไม่หวาดไม่ไหว

เรียนก็หนัก แถมเรื่องความรักยังมีมือที่สามเข้ามาแทรกซะอีก เล่นซะผมไม่รู้จะรับมือยังไงเลยครับ

หลังจากได้รับพัศดุเจ้าปัญหาเป็นสตอเบอร์รี่สดๆ จากคนที่คุณก็รู้ว่าใครมาเมื่อวันก่อน จากนั้นมาไอ้พัศดุเจ้าปัญหาก็มาเรื่อยๆเลยครับ เรียงคิวกันมาตั้งแต่ สตอเบอร์รี่ เชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะหร้าว ส้มโอ มาทั้งสดๆ ทั้งแปรรูป โอ๊ยยยยยย จะบ้าตาย

จะส่งมาทำไมเยอะแยะเนี่ยผมไม่เคยจะได้กิน ก็พี่ภูมิเล่นสั่งให้พี่พนักงานเอาไปทิ้งให้หมด โอ๊ยยยยย เสียดายของ

ฝ่ายนึงขยันส่ง อีกฝ่ายก็ขยันทิ้ง ยิ่งฝ่ายหลังดันขยันงอนอีก ไอ้เซอร์ไพรส์ที่ผมเตรียมไว้เลยต้องเป็นอันพับเก็บ เพราะแดมเมจมีไม่พอ ในเมื่องอนทะลุเป้าไปขนาดนั้น

“โธ่ พี่ภูมิ ผมไม่ได้บอกให้คุณอิศส่งมาซะหน่อย” ผมพยายามอธิบายด้วยเหตุผลเดิมๆ ที่พูดซ้ำเหมือนรีเพล์มาหลายล้านรอบ ให้คนตัวใหญ่ฟัง หากแต่ฝ่ายนั้นก็ตอบรับมาเพียงเสียง ฮึ่มๆ แฮ่ๆ หึๆ โอ๊ยยยยยยย งอนเก๊งเก่งงงงงงง อายุก็ไม่ใช่น้อยๆแล้วนะครับ ทำไมขี้งอนจัง

“ผมก็ไม่ได้กินนี่นา ทิ้งตลอดเลย” ปากบอกไปอย่างนั้น ถึงในใจจะอยากกินมากก็เถอะครับ นิถ้าส่งไปที่ศูนย์ฯคงเป็นลาภปากให้พวกน้องๆไปแล้ว เสียดายของอะ

หลังจากวันนั้นผมเหมือนถูกคุมความประพฤติ ต้องอยู่ในสายตาพี่ภูมิเกือบตลอด 24 ชั่วโมง ยกเว้นตอนไปเรียนหนังสือนั่นแหละ

โอ๊ยยยย อยากถามเหลือเกินว่าผมทำผิดอะไร

หลังจากที่พยายามง้องอนมาหลายวิธี ไอ้ไม้ตาย ‘น่า นะ’ ก็ไปไม่รอด ต้องทำยังไงให้พี่ภูมิหายงอนเนี่ย

ผมว่าจับเข่าคุยกับพี่ภูมิตรงๆเลยดีกว่า ว่าแล้วก็เอื้อมมือไปคว้าหัวเข่าของคนที่นั่งอยู่ด้านข้าง

“พี่ภูมิก็รู้นี้นาว่าผมรักพี่ภูมิอะ” จั่วหัวบอกรักไปก่อนเลยครับ

“..........”

“ผมไม่ได้คิดอะไรกับคุณอิศสักหน่อย ถึงเค้าจะซื้อสวนสตอเบอร์รี่ส่งมาให้ผมก็ไม่สนใจหรอก” คุณอิศไม่ใช่สเปคผมครับ ผมไม่สนใจหรอก

อันที่จริงสเปคของผมต้องขาวๆ หมวยๆ หน้าอกตู้มๆ อย่างพี่ภูมินี้ก็ผิดสเปคผมอยู่มากโข ไม่รู้อะไรดลใจ ให้ผมรักพี่ภูมิได้นะ

“...........”

“ผมรักพี่ภูมิคนเดียว เพราะงั้นเชื่อใจผมนะครับ” ว่าพลางมองสบตาซึ้งๆ

“...งั้นเหรอ” เสียงเข้มเอ่ยเบาๆ ฮั่นแน่! เริ่มอ่อนลงแล้ว.

“รักนะครับ” ผมกล่าวย้ำพร้อมกับโผเข้าไปกอด ก่อนประกบริมฝีปากจุมพิตอีกฝ่าย ย้ำเลยนะครับ ครั้งนี้ผมเป็นคนจูบก่อนเลย ปกติมันจะแค่จุ๊บแก้มซ้ายขวา แต่ยังไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มจูบก่อนเลยสักครั้ง เพราะต้องสงวนท่าทีตามคำสั่งสอนของคุณแม่นั่นแหละ แต่วันนี้เมื่อเราเจอทางตัน อะไรที่มีมันก็ต้องงัดมาใช้ให้หมด

ฝ่ายร่างสูงเมื่อโดนจูบแบบไม่ได้ได้ตั้งตัว ก็สะดุ้งตกใจนิดนึงก่อนที่จะตั้งหลักได้แล้วเปลี่ยนกลับมาเป็นฝ่ายไล่ล่าจูบจากผมแทน

ออ ลืมไปว่าคนนั้นเค้าชอบเป็นฝ่ายรุก

ลิ้นร้อนๆสอดเข้าตอบรับซึ่งกันและกัน หลักจากที่แลกลิ้นไปสักพักอารมณ์ก็เริ่มกระเจิด มือหนาจึงเริ่มลูบคลำไปทั่ว ไม่นานเสื้อที่สวมใส่อยู่ก็หลุดออกไปจากร่างกาย

เฮ้ยยยยยยยยย! เสื้อหลุดได้ไง

“อ๊ะ...พี่ภูมิ...อื่อออออ” ถึงผมจะเป็นคนเริ่มจูบก่อน แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะเลยเถิดถึงขั้นเสื้อหลุดนะครับ ผมแค่จูบง้อเอ๊งงงงงงงงง

ใจก็อยากจะเอ่ยห้าม แต่ร่างกายไม่ยอมฟังเลยครับ ในเมื่อนิ้วมือแกร่งกำลังไล่บี้ยอดตุ่มไตทั้งสองบนยอดอกของผม แถมไอ้ยอดอกบ้านี้เด็นแข็งสู้อีก

เฮ้ยยยยยย แข็ง!

มีอะไรบางอย่างแข็งๆกดทับที่ต้นขาของผมอยู่

“ฮึมมม...เป็นของชั้นเถอะนะ” เสียงแหบๆ เอ่ยเบาๆ ก่อนย้ายฝ่ามือลงต่ำ เข็มขัดถูกปลดออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ ตอนนี้ร่างกายของผมถูกปกปิดไว้ด้วยกางกางขาสั้นที่หมิ่นเหม่จะหลุดแหล่ไม่หลุดแหล่

“อ๊ะ…... “ ฝ่ามือแกร่งตะปบเข้าไปที่กลุ่มก้อนนุ่มๆที่ตอนนี้เริ่มแข็งตัวต่อสู้กับฝ่ามือนั้นแล้ว

“เดี๋ยววว...พี่ภูมิ ระ...รอก่อน”  ผมพยายามใช้มือที่อ่อนแรง ผลักดันคนตัวใหญ่กว่าที่กดทับผมไว้ แม้เหมือนจะไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่ แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลยครับ

“ไม่รอแล้ว” มือแกร่งย้ายมาหยุดมือของผมที่ปัดป่ายอยู่ คล้ายจะลำคาญ แถวยังจัดหาที่วางมือให้ผมพร้อม

ฝ่ามือเล็กถูกจับย้ายไปตะปบลงบนของแข็งที่นอนกบดานอยู่ด้านใต้กางเกง มันแข็งตุงพร้อมที่จะกระโจนออกมาภายนอกทุกเมื่อ

เฮ้ยยยยย!

“ไม่รอแล้ว” เสียงเข้มเน้นย้ำอีกครั้งหลังจากที่ฝ่ามือเล็กตะปบลงบนจุดกลางลำตัว

ชิบบบบ- หน้ามืดแล้วครับ

“เอ่อ...ผม...ผมยังไม่พร้อมอะครับ” ผมบอกไปตามตรง ก็ผมยังไม่ได้เตรียมใจอะ ถึงจะคยคุยว่าจะรอจนผมครบ 18 ปีก็เถอะ แต่นั้นก็อีกตั้ง 2 เดือนนะครับ

ย้ำว่า 2 เดือน ไม่ใช่วันนี้สักหน่อย !!!

เอาจริงๆ อย่างน้อยนัดล่วงหน้าสัก 3 วันก็ยังดี ผมจะได้เตรียมใจไว้ก่อน

“หึ…” ร่างสูงตอบรับคล้ายไม่พอใจ แต่ก็หยุดการกระทำที่ดุดันลง หากแต่มือแกร่งยังคงอ้อยอิ่งอยู่กับเจ้าหนอนน้อยของผมที่กำลังชูคอขึ้นสู้มือ

“อ๊ะ….พี่ภูมิ หยุดเลยนะ” ผมสะดุ้งเมื่อมือแกร่งเริ่มขยับอีกครั้ง แถมครั้งนี้ปราการผ้าฝ้ายบางๆ กำลังจะหลุดออกไป สุดท้ายเลยได้แต่ตัดสินใจใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างตะปบมือแกร่งเอาไว้ให้หยุดการกระทำ มือเดียวสู้ไม่ได้ก็ต้องใช้ทั้งสองมือสิครับ เรียกว่ามือหมู่รุมเลยครับ

“หึ” ร่างสูงที่ถูกขัดขว้างส่งเสียงไม่พอใจอีกครั้งหนึ่ง โถถถถถ พูดไม่เป็นเหรอครับ หึ หึ หึ อย่างเดียวเลย  อะไรจะขี้งอนปานนั้น

“ผะ...ผม ผมทำให้แล้วกันครับ” ผมตัดสินใจโผล่งออกไป เอาวะ! จะง้อทั้งทีต้องลงทุน ทำให้คนอื่นคงคล้ายๆกับทำให้ตัวเองนั้นแหละ จับๆรูดๆ เดี๋ยวก็เสร็จ

เมื่อร่างสูงกว่าได้ยินประโยคเด็ดที่ผมกล่าวออกไปก็เผยรอยยิ้มที่มุมปาก คล้ายชอบใจในความหมาย แล้วพลางย้ายฝ่ามือเล็กทั้งสองข้างไปยังกึ่งกลางลำตัวของตัวเอง ขยับท่าทางให้ผ่อนคลาย พร้อมรอรับเหตุการณ์ที่จะดำเนินต่อไป

โหหหหหห หายงอนง่ายไปมั๊ย

เอาวะ! ใจพร้อม มือพร้อม เราทำได้

ผมสูดหายใจเข้าลึกๆให้กำลังใจตัวเองระงับความตื่นเต้น ก่อนยื่นสองมีไปปลดกระดุมกางเกง รูดซิบลงเบาๆ เพียงแค่ครึ่งทางเท้านั้น ไอ้ที่นอนรออยู่ด้านในก็ดันเนื้อผ้าฝ้ายสีขาวให้นู้นเด่นขึ้นมาท้าทายสายตาผม

ขอกลืนน้ำลายแปปนึงครับ เฮือกกกก

ผมลอบเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของสิ่งแข็งๆที่อยู่ตรงหน้า โอ๊ยยยยยยยยย ใบหน้าหล่อๆนั่นกำลังยิ้มครับ ยิ้มแบบโง่ๆที่รอคอยอย่างมีความหวัง ปั๊ดโถ่ จะมาตั้งความหวังอะไรกับผมเล่า

เอาวะ! ผมใช้สองมือจัดการปลดปล่อยสิ่งๆนั้นออกมาสู่โลกภายนอกอย่างรวดเร็ว รีบทำให้จบๆเลยดีกว่า แล้วมังกรที่นอนขดตัวอยู่ภายใต้ปราการผ้าบางๆ ก็ชูตะหง่านท้าแดดท้าฝน

คุณพระ! ไอ้มันมันใหญ่กว่าหนอนช้าเขียวของผมเป็นไหนๆ แถวยังเป็นหนอนอ้วนโตเต็มวัยอีกต่างหาก ใหญ่ขนาดที่มือเดียวกำได้ไม่รอบ สงสัยต้องใช้ยุทธวิธีมือหมู่อีกครั้ง แต่เอ๊ะ! ผมก้มมองแขนด้านนึงที่ใส่เฝือกรัดไว้ตั้งแต่ฝ่ามือไปจนถึงโคนข้อศอก อย่าลืมสิครับว่าผมแขนหักอยู่ ฮาาาาาาา ถึงเฝือกที่ใส่อยู่นี้จะเป็นรุ่นใหม่ไม่ค่อยเกะกะในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ผมว่าเอาแขนหักๆมาชักว่าวไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่

ด้วยความจนใจจึงเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าอีกครั้ง สบตามองกันก็เห็นเพียงแต่แวดตาที่เต็มไปด้วยความค้าดหวัง ป๊าดดดดดดดดดดด ‘อย่ามองตาได้มั๊ยถ้าเธอไม่แคร์’ เพลงพี่บัวชมพูลอยมาเลยครับ อย่าจ้องผมแบบน้านนนนนนนน ผมก็เขินเป็นนะเออ

ในเมื่อมือข้างนึงไม่สะดวกจึงเหลือมือให้ใช้ได้มือเดียว งั้นใช้ปากช่วยละกัน เอาวะ!

‘เฮือกกกกกกกก’

‘ญะ… ใหญ่’

“อูี...อื้อ…” ผมพยายามส่งเสียงขณะที่กำลังใช้มือและปากช่วยบรรเทาความคับแน่นของไอ้หนอนยักษ์ตรงหน้า ก็ไม่เข้าใจว่าจะพยายามส่งเสียงทำไมเหมือนกัน แต่ขอประท้วงสักหน่อยเถอะ ก็ไอ้คนที่เคยนั่งนิ่งๆบัดนี้เริ่มขยับร่างกาย สะโพกแกร่งเริ่มขยับเสือกแทงเข้ามาในปากของผม โอ๊ยยยยยยย จะอยู่นิ่งๆไม่ได้หรือไง ว่าแล้วก็ส่งสายตาอาฆาตขึ้นมองร่างสูง แต่ฝ่ายนั้นกลับไม่รับรู้เนื่องจากหลับยาพริ้ม สบายตัวไม่รับรู้เรื่องราวในยุทธภพแล้ว ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด กัดซะเลยดีมั๊ยเนี่ย!

“อืม….” เสียงเข้มส่งออกมาจากริมฝีปากที่ปิดอยู่ โอ๊ยยยย ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด อะไรจะฟินปานนั้น กัดซะเลยดีมั๊ยเนี่ย!

“อ๊ะ...กะ...ก้อนแป้ง” สุดท้ายได้แต่จนใจจัดการรูดๆ ดูดๆ เลียๆ จนเจ้าหนอนอ้วนตรงหน้าปลดปล่อยความอัดแน่นออกมา กลายร่างเป็นหนอนอวบแทน เฮ้อออออออ เมื่อยกรามชะมัด

เอ๊ะ!

“พี่ภูมิ” หลังจากที่ปากของผมได้รับอิสระจึงรีบส่งเสียงทักทันที ถึงเสียงมันจะแข็งๆไปสักหน่อยก็เถอะ

“หือ...ว่าไง” ร่างสูงที่กำลังทอดอารมณ์อยู่ เกือบสะดุ้งเพราะเสียงดุๆของผม บรรยากาศมันควรจะอ้อยอิ่งหวานชื่นสิ ทำไมรู้สึกร้อนๆพิกล

“ใครคือก้อนแป้ง” ผมรีบถามข้อข้องใจออกไปทันที สงสัยมานานละ ถ้าปกติเผลอเรียกหายังไม่เท่าไหร่นะ แต่นี้ สถานการณ์ที่ผมลงทุนเมื่อยกรามขนาดนี้ เรียกหาก้อนแป้งได้ไง มันเป็นใครวะ ผมส่งแววตาอาฆาตไปยังร่างสูงที่เริ่มปรับเปลี่ยนอากัปกริยามานั่งหลังตรงหลังจากที่ปล่อยตัวไปตามอารมณ์มานานสองนาน

“ห๊ะ!....ออ...เธอหึงเหรอ” ไอ้พี่ภูมิเผลอหัวเราะกับท่าทางทะมึนของผม นี้ไม่ใช่เรื่องตลกนะ ผมเครียด ผมจริงจัง ผมไม่ยอมเมื่อยกรามฟรีหรอกนะ

“ก้อนแป้ง...ก็….นี้ไงหละ” ว่าแล้วร่างสูงก็ชี้มือมายังร่างเล็กตรงหน้า ผมหันตามปลายนิ้วมือที่จิ้มลงบนหน้าอกผม

“ผมชื่อกรนะครับ” ผมชี้มือมาที่ตัวเอง พร้อมแนะนำตัวอีกครั้ง นี้พี่ภูมิแกหลงลืม สลับชื่อผมรึป่าวเนี่ย

“เธอนั่นแหละก้อนแป้ง” อีกฝ่ายเถียงกลับ พลางดึงผมเข้าไปกอดไปหอม แหมมมมม พอสบายตัวแล้วรู้สึกจะอารมณ์ดีจังเลยนะ

‘ห๊ะ’

“ผมชื่อกรนะครับ จะไปเป็นก้อนแป้งได้ยังไง” งงครับงง งองูล้านตัวเลย

“ชั้นตั้งชื่อให้เธอเองแหละ...ก้อนแป้ง” ว่าแล้วร่างสูงก็ขโมยหอมแก้มร่างเล็กในอ้อมกอดที่ยังคงนั่งงงๆอยู่

‘ห๊ะ’

“ผม ไม่เห็นรู้เลย...ตะ ตั้งแต่เมื่อไหร่” ถามไปแบบงงๆ ทำไมผมไม่รู้เรื่อง!

“อืมมมม...เมื่อนานมาแล้ว นานจนเธอลืมแล้วหละมั้ง” ว่าแล้วพลางซุกไซ้ริมฝีปากเข้ากับซอกคอชื้นเหงื่อในอ้อมแขน

เดี๋ยววววววววววว จะทำอะร๊ายยยยยยยยยยย

“อ๊ะ...พี่ภูมิ ผม...ผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” ว่าแล้วรีบลุกขึ้นเดินหนีเข้าห้องน้ำทันทีครับ ใช้ยุทธวิธีเอะอะหนีเข้าห้องน้ำบ้าง ฮาาาาาาาาา



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

เมื่อไรจะเฉลยที่มาของคำว่า "ก้อนแป้ง" อ่ะ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 38 ผมไม่ย้ายยยยยยยยยยยย
 
ถอดแล้วโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ในที่สุดก็ได้ถอดแล้วโว๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
‘ไอ้เฝือกบ้าเนี่ย’
 
หลังจากที่ทนมานานหลายเดือนในที่สุดผมก็เป็นไท คืนนี้แหละผมจะกลับไปนอนที่ศูนย์ฯ จบสิ้นกันทีกับการกักบริเวณ ต้องรีบไปลำเลียงผลิตภัณฑ์ผลไม้แปลรูปที่ผมแอบติดสินบนพี่ยามให้เก็บไว้ให้ เอาไปให้น้องๆที่ศูนย์ฯเก็บไว้กินได้นานเป็นปีๆเลยนะนั้น แหะๆ
 
“คืนนี้เธอจะไปนอนที่ศูนย์เหรอ” เสียงเข้มๆเอ่ยถาม ขัดจังหวะการฝันกลางวันของผม
 
“ครับ ผมคิดถึงคุณแม่” ตอบไปพลางยิ้มแหะๆ พี่ภูมิหยุดงานเพื่อพาผมไปเอาเฝือกออกด้วยตัวเอง ในที่สุดก็รู้สึกเหมือนได้แขนตัวเองกลับมา ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ผมไม่มีแขนนะครับ ไอ้เฝือกที่เคยใส่ก็ไม่ได้เกะกะการใช้ชีวิตประจำวันมากมาย แต่มันคันครับ ย้ำว่า ‘คัน’ ยิ่งตอนที่ถอดเฝือกออกให้ผิวหนังได้รับสายลมที่พัดผ่าน คุณพระคุณเจ้า นี้มันสรวงสวรรค์ชัดๆ
 
เวอร์ไป!
 
ผมก้มมองแขนของตัวเอง ทูโทน! ฮาาาา
 
เดิมทีก็ไม่ใช่คนขาวอยู่แล้ว แถมช่วงที่ใส่เฝือกก็แอบย่องไปอาบแดดชิวๆที่ริมระเบียง ตอนนี้สีผิวเลยแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เก๋ๆไปอีก
 
“กลับไปเก็บของก่อนมั๊ย” เสียงเข้มๆหันมาถาม เอาใจใส่ดีขนาดนี้ แฟนใครหว่าาาาา
 
“ไม่ต้องก็ได้ครับ ผมกลับไปนอนคืนเดียวเอง” ผมตอบยิ้มๆ ข้าวของเครื่องใช้ที่ศูนย์ฯก็มี จะเก็บของให้เสียเวลาทำไม
 
“หึ...แล้วพวกผลไม้ที่เธอแอบเก็บไว้หละ ไม่เอาไปให้น้องๆเหรอ” เอ๊ะ! ความรู้สึกเย็นวาบส่งผ่านจากปลายนิ้วเข้าสู่ไขสันหลัง
 
“.............” อะไร๊ ผลไม้อะไร๊
 
**************************************************************************************************
 
แล้วเวลาก็ผ่านพ้นไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวครับ ผมมาได้สติอีกครั้งก็ตอนนั่งอยู่ท่ามกล่งวงล้อมของน้องๆในศูนย์ฯที่กำลังแก่งแย่งขนมและผลไม้แปรรูปที่ผมนำมาฝาก
 
“โห...พี่กร ไอ้นี้ผมเคยเห็นโฆษณาในทีวี แพงนะเนี่ย เอาเงินจากไหนไปซื้อ” ไอ้เล้งถามตาโต ออ นั่นแพงเหรอ ดีนะไหวตัวทันเก็บกลับมาด้วย
 
“พี่กร...อันนี้โคตรอร่อยเลย ซื้อจากไหนเนี่ย” น้องกิ๊ฟถามขณะเคี้ยวขนมสอดไส้แยมสัประรด ออ นั่นอร่อยเหรอ ไม่รู้สินะไม่มีโอกาสได้ชิม
 
“ไอ้กร...ขนมนี้หมดแล้วอะ ซื้อมาอีกได้ป่าว” พี่โอ ถามพลางเทเศษขนมที่เหลืออยู่ก้นถุงให้ดู ออ นั่นหมดแล้วรึ จะให้ไปซื้อจากไหน ไม่ได้ซื้อเองโว๊ยยยยยยยยยยยย
 
“กินๆ ไปเหอพี่” ผมรีบบอกปัดรำคาญก่อนจะมีใครถามอะไรไปมากกว่านี้ รีบหนีกลับเข้าห้องดีกว่า มีเวลาแค่คืนเดียว ต้องตักตวงความสุขให้มากที่สุด ความสุขของการนอนคนเดียว ไม่มีใครกอด ไม่มีใครกวน คืนนี้จะนอนกางแขนกางขาให้เต็มที่เลย คอยดู
 
ก็หลังจากที่ปรับความเข้าใจกันได้ ทุกคืนพี่ภูมิจะมานอนกอดนอนหอมผมทั้งคืน เอาเป็นว่าย้ายมาสิงสถิตย์อยู่ที่ห้องผมถาวร หลับไม่สนิทเลยให้ตายสิ เหมือนโดนผีอำอะ เรี่ยวแรงถูกดูดออก ตื่นพบวันใหม่แบบเบลอ สมาธิจะเรียนหนังสือก็ไม่ค่อยมี โชคยังดีหน่อยที่ผ่านช่วงสอบไปหมดแล้ว เสียอย่างเดียวคือไม่มีเวลาทำเก็งข้อสอบขายเนียแหละ เสียโอกาสหมด ชริ
 
“อ่าววววววว ไอ้กร โผล่มาให้เห็นหน้าแล้วรึ” เสียงสวรรค์ดังมาพร้อมประตูห้องที่เปิดออก โธ่ ขัดจังหวะจริงๆ คนกำลังคิดอะไรเพลินๆ
 
“หวัดดีครับคุณแม่” ผมรีบยกมือไหว้ เกาหัวแกร๊กๆ ก็ไม่ได้เจอกันเป็นเดือนแล้วจริงๆนั่นแหละ
 
“นึกว่าได้ดีจนลืมแม่ๆน้องๆไปแล้ว” คุณแม่จุ๋มกล่าวแซว พลางเดินมาสำรวจแขนของผมที่ถอดเฝือกออกแล้ว
 
“ใช่ที่ไหนละครับแม่ แม่ก็รู้ว่าผมถูกกักบริเวณ” เนี่ยเห็นมั๊ยพอได้ถอดเฝือกผมก็รีบกลับมานอนศูนย์เลยนะเออ
 
“เอ่อ นั้นแหละที่คุณภูมิเค้าห่วงแกมาก ก็แปลว่าเค้ารักแกมากไง” ขออนุญาติเขินหนักมากครับ แต่ผมว่าพี่ภูมิไม่ได้ห่วงเท่าไหร่หรอก แต่หวงมากกว่า ฮาาาาาาา
 
“แล้วจะกลับมานอนสักกี่วัน” คุณแม่ถามอีกครั้งหลังจากสำรวจแขนของผมจนพอใจ ผมจึงชูนิ้วชี้ขึ้นเบาๆ พร้อมส่งเสียงแหะๆ
 
“วันเดียว?...กลับมาเพื่อ” คุณแม่กล่าวอย่างตัดพ้อครับ แหมมมมมม คิดถึงผมขนาดนั้นเลยรึ
 
“ก็คิดถึงไงครับ แต่ช่วงนี้ผมมีเตรียมสอบเข้ามหาลัยอะ อ่านหนังสือที่คอนโดสะดวกกว่า” ผมอธิบายไปตามความจริง ที่คอนโดพี่ภูมิสะดวกสบายกว่าจริงๆครับ เงียบกว่า สงบกว่า เหมาะแก่การตั้งสมาธิ ยกเว้นตอนนอนนะเออ
 
“โหหหห...ถ้าจะติดที่นู้นขนาดนั้น ย้ายออกไปเลยมั๊ย”  เฮ้ยยยยยย คุณแม่ พูดงี้ได้ไง
 
“โอ๊ยยยยยยยย อย่าเพิ่งไล่ผมสิครับ ผมจะอยู่ให้เต็มสิทธิ์ ผมยังไม่จบมอปลาย ผมอยู่ต่อได้” เราคนไทยต้องรักษาสิทธิของเราอย่างเต็มที่ครับ
 
“แหม ไอ้เด็กหัวหมอ มีการเรียกร้องสิทธิ แล้วแกทำหน้าที่ของตัวเองดีแล้วรึยัง ห๊ะ! ไปถูพื้น เสร็จแล้วไปล้างห้องน้ำ แล้วก็รดน้ำต้นไม้ด้วย” ว่าพลางชี้มือออกไปยังสวนกล้วยไม้ด้านนอก โอ๊ยยยยยยยยย ผมเพิ่งถอดเฝือก นี้กะใช้งานผมหนักขนาดนี้เลยเหรอ จิตใจทำด้วยอะไร๊
 
**************************************************************************************************
 
“ไอ้กร...แกจะย้ายออกแล้วเหรอ” พี่โอถามหลังจากผมเพิ่งรดน้ำต้นไม้เสร็จ ยังไม่ทันได้เอนหลังเลย พับผ่า ลืมบอกไป พี่โอแกเป็นเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯครับ เดิมแกก็เป็นเด็กกำพร้าที่ทางศูนย์ดูแลเนี่ยแหละครับ ส่งเสียจนเรียนจบมัธยมปลาย แกก็ส่งตัวเองเรียนจนจบมหาลัย สุดท้ายไปไหนไม่รอด กลับมาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เอ้ยยยย ผู้ช่วยดูแลเด็กๆที่ศูนย์ฯ ฮาาาาาา
 
ไม่ใช่ละ ต้องบอกว่าพี่โอแกผูกพันกับศูนย์ฯแห่งนี้จนอยากกลับมาดูแลน้องๆมากกว่า
 
เอาจริงๆ ตอนนี้ในศูนย์ฯ เด็กที่อายุเยอะที่สุดก็ผมเนี่ยแหละครับ แถมใกล้จะหมดทุนแล้วด้วย ที่นี้เค้ารับดูแลจนอายุครบ 18 ปี ครับ หยวนๆหน่อยก็จนจบมอปลาย ไอ้เราก็จะ 18 เดือนหน้าแล้วด้วยสิ ใกล้จะต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าแล้วจริงๆ
 
“เฮ้ย ยังพี่ ไปเอามาจากไหน” ผมโวยวาย ผมยังไม่ไป ผมยังอยู่ได้อีกเป็นเดือนๆ จะให้รีบย้ายไปไหนา
 
“อ่าว...คุณแม่บอกว่าแกจะหนีตามคุณภูมิ” หนีตามบ้าอะไร หายไปด้วยเป็นเดือนๆนี้ไม่หนีแล้วมั้ง เปิดตัวขนาดนี้
 
“ยังก่อนพี่ เข้ามหาลัยได้ค่อยว่ากัน” ผมกล่าวปราม พับผ่าสิ ห้องก็เหลือตั้งเยอะแยะ จะรีบไล่ไปไหนกัน
 
“เอ่อ...แล้วแต่แก ว่าแต่แกจะเรียนต่ออะไร” พี่โอถามเข้าประเด็นมาก ผมยังตัดสินใจไม่ได้เลยว่าจะยื่นเรียนต่ออะไรดี ช่วงนี้เป็นช่วงยื่นโครงการพอดี ผมหละหนักใจจริงๆ เกรดมันถึงไปซะทุกคณะ จนไม่รู้จะเลือกอะไรดี เหอๆ
 
“ผมยังเลือกไม่ได้ว่าจะเรียนบัญชี หรือ เศรษฐศาสตร์ดี” ได้ทีปรึกษาซะเลยครับ นิผมตัดตัวเลือกลงมาแค่ 2 คณะแล้วนะ เลือกมันจากนิสัยส่วนตัวเนี่ยแหละ เรื่องเงินๆทองๆ ผมหละชอบนัก เคยสนใจวิทยาศาสตร์สถิติด้วย เผื่อเรียนแล้วจะได้ถูกหวยบ่อยๆ แต่พอคิดถึงหลักความเป็นจริงแล้ว ไอ้ที่หวังจะถูกหวงนิดวงล้วนๆเลย ฮาาาาาาาาาาาา
 
“ฮาาาาา ว่าแล้ว งกๆแบบแกต้องเรียนเกี่ยวกับเงินๆทองๆ” ไอ้พี่โอหัวเราะชอบใจ ที่ปรึกษานิให้ช่วยกันคิด ไม่ใช่เรื่องตลกนะครับ
 
“เอ่อ งกๆแบบผมเนี่ยแหละ หรือเรียนหมอไปเลย ยังไงก็เกรดถึง” ประชดครับ ประชด ไอ้ที่ว่าเกรดถึงอะจริง แต่ผมไม่ถูกโฉลกกับโรงพยาบาลครับ ไม่ชอบ เพราะงั้นสายวิทยาศาสตร์สุขภาพผมขอบาย
 
“เรียนบริหารสิ จะได้ช่วยคุณภูมิดูแลบริษัท” เป็นเสียงเล็กๆของคุณแม่จุ๋ม ดังมาจากทางประตู
 
นิแอบฟังรึไง มาได้จังหวะจริงเชียว
 
“เอ่อ ก็ดีนะไอ้กร เรียนบริหาร สายงานกว้างกว่า” พี่โอออกความเห็น ตามประสาพนักงานกินเงินเดือนครับ ตลาดแรงงานสายบริหารก็กว้างกว่าจริงๆ
 
“เรียนบริหารไปก่อน จบแล้วก็อาสาไปช่วยงานคุณภูมิที่บริษัท หลังจากนั้นแกก็ค่อยๆโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินของคุณภูมิมา” คุณแม่จุ๋มกำลังฝันกลางวันอยู่ครับ
 
มันใช่เหรอ!
 
“เอาจริงดิคุณแม่” ผมหละกลัวใจคุณแม่แกจริงๆ
 
“ชั้นพูดเล่นมั๊ย” เฮ้อออออออ ยังดีที่คุณแม่พูดเล่น ฮาาาาาา
 
“ปรึกษาคุณภูมิรึยังหละ” เป็นพี่โอที่ดึงกลับเข้าสาระอีกครั้งครับ
 
“ก็เคยคุยแล้วนะ พี่ภูมิบอกตามใจผม” ช่วยได้มากกกกกกกกกกกก
 
“งั้นก็ตามใจแกสิ” อ่าวววว คุณแม่ นิก็ช่วยได้มากอีกคน
 
“เลือกไม่ได้ งั้นก็เรียนมันทั้ง 2 ตัวเลยสิ” พี่โอเสนอแนวทาง ห๊ะ! เรียน 2 ตัวพร้อมกันก็ได้เหรอ ผมทำหน้างงๆ หันไปมองเจ้าของความคิด
 
“อ่าว…งง แกก็เลือกเรียนตัวนึงในเวลาปกติ ส่วนอีกตัวแกก็ลงพวกมหาลัยเปิด เรียนพร้อมๆกันไปเลย จบมาได้ปริญญา 2 ใบ เก๋ๆ ระดับแกสบายๆ” พี่โอเฉลย เอ่อจริงของพี่แก ในเมื่อเลือกไม่ได้ ก็เรียนมันทั้ง 2 ตัวนั้นแหละ
 
“เอ่อ...ดี สรุปเอาอย่างนั้นแหละ” หลังจากที่คุณแม่เงียบฟัง ก็สรุปให้เสร็จสรรพ ถือว่าเรื่องนี้เป็นอันเคลียร์ งั้นผมยื่นโครงการเป็นการบัญชีแล้วกัน ส่วนเศรษฐาศาสตร์เรียนเพิ่มอีกใบเอาก็ได้ ชิวๆ
 
“ในเมื่อเรื่องเรียนต่อจบไปแล้ว งั้นกลับมาเข้าเรื่องเดิม” คุณแม่จุ๋มยังกล่าวต่อไป เรื่องเดิมไรหว่า มีเดิมกว่านี้เหรอ
 
“ไอ้กร...สรุปแกจะย้ายออกเมื่อไหร่” เฮ้ยยยยย ไม่...ผมไม่ย้ายยยยยยยยยยยย



ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

โถๆๆๆๆ หน่องกร   ใคร ๆ ก็ไม่รัก  มีแต่จะไล่ให้ย้ายออกจากศูนย์  อิอิ

ออฟไลน์ nethang

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
บทที่ 39 ผมไม่รู้ ผมเมา
 
“ยินดีด้วยนะคร้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ” ผมถือช่อดอกไม้ช่อใหญ่ ใหญ่ขนาดที่บังหน้าผมมิดเลยแหละครับ กล่าวพร้อมยื่นออกไปให้ผู้ชายตัวสูงที่เพิ่งตัดริบบิ้นเปิดงานอย่างเป็นทางการ
 
วันนี้เป็นวันเปิดร้านของพี่ภูมิอย่างเป็นทางการณ์ครับ หลังจากที่ลงทุน ลงแรงมาหลายเดือนในที่สุดก็ทันกำหนดเปิดร้าน ทีนี้บริษัทของพี่ภูมิก็มีหน้าร้านเป็นของตัวเองสักที ไม่ต้องสั่งซื้อทางเนตแล้วนะเออ มาเลือกซื้อเลือกลองของจริงได้แล้ว ว่าแล้วก็ขอโฆษณานิดนึง
 
แถมวันนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยลโฉมคุณพ่อของอากิตัวเป็นๆจากที่เคยเห็นแต่ในรูปถ่าย พอได้พบตัวจริงแล้วปรากฏว่าหล่อมากกกกกกกกก หล่อกว่าในรูปถ่ายอีก บ่งบอกได้เลยว่าพ่ออากิกับพี่ภูมิเป็นญาติกันแน่นอน เพราะได้ดีเอ็นเอหล่อลากดินมาเหมือนกัน ฮาาาาาา
 
วันนี้ผม อากิ แล้วก็ไอ้มาร์คเลยโผล่มาเซอร์ไพรส์ แสดงความยินดีกับพี่ภูมิถึงร้าน ทั้งๆที่อีกฝ่ายห้ามนักหนาว่าไม่ให้มา
 
ร่างสูงตาเบิกกว้างอย่างแปลกใจ ไม่คิดว่าคนตัวเล็กที่รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะไม่มางาน แต่อยู่ดีๆดันโผล่มาพร้อมผองเพื่อน แม้จะเอาดอกไม้ช่อโตบังหน้าเอาไว้แต่จากรูปร่างเค้าก็จำได้แล้วว่าใคร ไม่มาป่าวยังเอาดอกไม้มาเซอร์ไพรส์กลางงานอีก เด่นเลยทีเดียว
 
หันซ้ายหันขวาไม่พบคนที่เป็นกังวลอยู่ร่วมงานแล้วก็โล่งใจ
 
เฮ้อออออ ดีนะที่คุณอิศกลับไปแล้ว อุตส่าพยายามกันท่าไม่ให้สองคนนั้นได้เจอกันอีก ถึงขนาดที่ฝ่ายเอ่ยปากถามหาเค้ายังอุตส่าห์บอกปัดไปตรงๆแบบไม่กลัวกระทบเรื่องงานขนาดนั้น ถ้าดันโผล่มาเจอหน้ากันตอนนี้ ไอ้ที่พยายามมาทั้งหมดไม่เสียแรงป่าวเร้อ
 
ร่างสูงถอนหายใจอีกครั้ง แล้วแปรเปลี่ยนสีหน้าเป็นรอยยิ้มมุมปากอย่างคนปลงตก
 
“ขอบใจนะ...ของกินอยู่ทางโน้น” หลังจากรับดอกไม้ช่อใหญ่มา แล้วส่งต่อให้เลขานำไปเก็บ ก็ชี้มือไปยังซุ้มอาหารค๊อกเทล อย่างรู้ใจคนตัวเล็ก ใส่ชุดนักเรียนมากันขนาดนี้ตรงมาจากโรงเรียนแน่นอน คงหิวมากเลยแหละ
 
“แหะๆ พี่ภูมิอะ รู้ใจจริงๆ งั้นผมไปหาอะไรกินรอนะครับ” คนตัวเล็กกว่าที่มองตามปลายนิ้วไปเจอของกินยิ่งดีใจ หิวไส้จะขาดแล้วมัวแต่ตื่นเต้นมาเซอร์ไพรส์พี่ภูมิจนลืมหิว แต่พอเห็นของกินเท่านั้นแหละ น้องพยาธิในท้องก็ทำงานทันที
 
ท้ายสุดเมื่อคนตัวเล็กเดินผละออกไปร่างสูงกว่าได้แต่มองส่ง ใจจริงไม่อยากให้ออกห่างตัวไปแบบนั้นแต่ติดที่ต้องทำงานอยู่ ไม่งั้นจะลากกลับห้อง ขังไว้ไม่ให้ออกมาสร้างความเดือดร้อนแก่ชาวโลกเลย
 
**************************************************************************************************
 
“เฮ้ออออออ” ผมถอนหายใจ เบื่อ เซ็ง อิ่ม 
 
ผมยืนจิบน้ำผลไม้รอพี่ภูมิอยู่ที่มุมหนึ่งของงานเลี้ยง น้ำอะไรหว่าหวานๆหอมๆ เหมือนจะเป็นผลไม้รวม อร่อยกำลังดีเลย เหมาะแก่การตบท้ายอาหารมื้อใหญ่
 
เฮ้ออออออออออออ
 
เบื่อ….รอมาร่วมชั่วโมงแล้วพี่ภูมิก็ยังไม่ว่างมาคุยกับผมสักที
 
เซ็ง... เพื่อนๆดันมาทิ้งกันไปซะดื้อๆ ก็อยู่ดีๆอากิเกิดปวดท้องหลังจากที่เริ่มกินอาหารกันได้สักพัก กลายเป็นคุณพ่อของอากิต้องฝากงานทางนี้ให้พี่ภูมิดูแลคนเดียว ส่วนตัวเองพาลูกชายสุดที่รักไปโรงพยาบาล โดยมีไอ้มาร์คห้อยติดไปด้วย ทิ้งผมไว้คนเดียวเนี่ยยยยยยยยย
 
อิ่ม...ผมที่ไม่มีอะไรทำก็ได้แต่กิน กิน กิน จนตอนนี้อิ่มมาก พออิ่มแล้วก็เริ่มง่วงไง หนังท้องตึงหนังตาหย่อนว่างั้น
 
เฮ้อ...รู้งี้ไม่มาเซอร์ไพรส์ นอนรออยู่ที่คอนโดดีกว่า
 
“อ่าว...ไม่เจอกันนานเลยนะน้องกร” เสียงคุ้นๆที่ไม่ค่อยอยากได้ยิน ส่งเสียงมาจากที่ใกล้ๆ
 
ใกล้มากจริงๆครับ ข้างๆผมเนี่ยแหละ ไอ้ความง่วงเหงาหาวนอนหายวับไปทันทีผมเบิกตาโตเท่าไข่ห่านเลยครับ ‘คุณอิศ’ โผล่มาจากไหนวะเนี่ย
 
ลืมไปเลยว่าหลบหน้าลุงแกอยู่ ลืมไปได้ไงว่าถ้ามาที่ห้างนี้อาจซวยเจอแกได้
 
โลกไม่ได้กลม หรือนี่คือพรหมลิขิต เฮ้ยยยย ไม่ใช่ละ
 
“แหะๆ สวัสดีครับคุณอิศ” ผมยกมือขึ้นไหว้ตามประสาเด็กดีมีมารยาท
 
“ไม่ได้เจอกันเลยนะ เหมือนโดนหลบหน้ายังไงก็ไม่รู้” ฝ่ายผู้ใหญ่กว่าเอ่ยปาก แหมมมม รู้ด้วยว่าโดนหลบหน้า
 
ตั้งแต่วันที่ร้านไอติมนั้นผมก็หลบหน้าจริงๆแหละครับ มีอีกหลายครั้งที่คุณอิศไปดักรอผมที่หน้าโรงเรียน ผมก็แอบกลับทางประตูหลังซะ วันดีคืนดีแกก็โผล่ไปรอถึงใต้คอนโดผมก็กลับไปนอนศูนย์ฯแทน ฮาาาาา
 
ไม่อยากงานเข้าอีกครับผมกลัวใจพี่ภูมิอะ ยิ่งใกล้ถึงวันเกิดผมเข้าไปทุกทีคิดแล้วยังขนลุกไม่หาย โอ๊ยยยยยย เสียว!
 
“อ่า...ครับ” ผมตอบรับเบาๆ ไม่ได้ปฏิเสธ
 
“เอ่อ...น้องกรมาร่วมแสดงความยินดีกับคุณภูมิเหรอ” คุณอิศเปิดประเด็นชวนคุย มันก็ดีนะครับที่มีคนมาคุยด้วย คือยืนคนเดียวมันก็เหงาแต่ผมไม่อยากคุยกับลุงแกเนี่ยสิ บอกแล้วว่ากลัวงานเข้า!
 
“ครับ รอกลับด้วยกัน” ผมตอบแบบเป็นนัยๆ เรื่องของผมกับพี่ภูมิแม้ไม่ได้ป่าวประกาศให้ใครรู้ แต่ผมว่าน่าจะดูออกนะครับ เราไม่เคยปิดบังสถานะอยู่แล้ว
 
“ออ...คืนนี้พวกเธอคงอยู่ฉลองกันต่อสินะ” เสียงคุณอิศแกฟังดูเศร้าๆนะครับ แต่ก็นั่นแหละเราพบกันเมื่อสายไปครับ หลังจากที่ผ่านพ้นมรสุมลมหึงของพี่ภูมิผมก็พอจะรู้รางๆแล้วว่าลุงแกจีบผม แต่ผมไม่ได้คิดอะไรกับลุงแกนิครับ ผมรักพี่ภูมิอะ รักเดียวใจเดียวซะด้วย
 
“อ่า...ครับ” ผมตอบรับไปอีกเบาๆ ไม่ต่อบทสนาทนาด้วยแต่เอ๊ะ! ฉลองต่ออะไร๊ กลับห้อง กินข้าว แยกย้าย น๊อนนนนนนนนน
 
“ชั้นคงหมดสิทธิ์แล้วสินะ” อีกฝ่ายถามต่อเศร้าๆ
 
“อ่า...ครับ” เพราะงั้นเลิกยุ่งกับผมเถอะ ผมมีแฟนแล้ววววววววว
 
ถามคำตอบคำไปสักพักชักง่วงครับ ลักษณะคำตอบมันวนลูปมากแบบไม่ได้ใช้ความคิด ว่าแล้วจิบน้ำอีกสักอึกเผื่อจะตื่น
 
อึก อร่อยยยยย
 
อึก อึก อร่อยจริงๆนะเนี่ย
 
“กร...น้องกร” เสียงทุ้มเรียกใกล้ๆ เหมือนจะคุยอะไรค้างไว้รึป่าวหว่า
 
“น้องกร” น้ำเสียงกระแทกพร้อมผ่ามือที่เขย่าตัวผม
 
เฮ้ยยยย อะไร อย่าจับครับเดี๋ยวงานเข้า ผมพยายามปัดผ่ามือที่เขย่าตัวผมออก แต่สิ่งที่คิดกับการกระทำมันต่างกันครับ
 
“อ่า...ครับ” ได้แต่ตอบไปแบบมึนเบลอๆ ไม่มีแรงยกมือขึ้นมาปัดอย่างที่ใจคิด
 
“น้องกรดื่มไปเยอะขนาดไหนเนี่ย” ว่าพลางคนร่างสูงข้างๆก็แย่งเครื่องดื่มในมือผมไป เฮ้ยยยยย จะเอาไปไหน รู้ว่าอร่อยแต่จะมาแย่งผมทำไม ทำไมไม่ไปตักเอง
 
ผมพยายามยื้อแย่งแก้วน้ำหวานที่ถูกยึดไป เอาคืนมานะลุง เดี๋ยวผมโกรธนะโว๊ยยยยยยยยยยยยย
 
“ชั้นว่าเธอควรกลับได้แล้ว” อีกฝ่ายกล่าวดุๆ พลางดันตัวผมให้ออกจากงาน
 
ไม่ไป ผมจะอยู่รอพี่ภูมิ พี่ภูมิอยู่ไหนเนี่ย คิดพลางมองซ้ายมองขวาตามหาร่างสูงอันคุ้นตา แต่หาไม่เจอครับ แป๊ปๆรู้ตัวอีกทีก็ถูกดันมายืนอยู่ด้านนอกร้านแล้ว
 
ทำไมรู้สึกเหมือนเดจาวูหว่า เหมือนเหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือผมว๊าปได้!
 
“ผะ...ผม จะไปหาพี่ภูมิ...ครับ” ผมพยายามรวบรวมคำพูดต่อให้ได้เต็มประโยค แถมมีหางเสียงด้วยตามประสาเด็กดีมีมารยาท
 
“แต่ชั้นว่าน้องกรเมาแล้ว เดี๋ยวชั้นไปส่งที่คอนโดดีกว่า” อีกฝ่ายกึ่งพยุงกึ่งผลักดัน โอ๊ยยยยย ไม่ต้องหวังดีขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมเดินเองได้ เดี๋ยวงานเข้า
 
“มะ...ไม่เป็นไรครับ ผะ ผมรอพี่ภูมิดีกว่า” ผมพยายามเหนี่ยวรั้งตัวเองไว้ แต่ด้วยขนาดร่างกายที่ต่างกัน ผมเลยสู้แรงอีกฝ่ายไม่ได้ คือผมยังอยู่ในวัยเจริญเติบโตไงครับ ยังโตไม่เต็มที่ ยังโตได้อีก ไม่ใช่ว่าผมตัวเล็กนะเออ
 
“ชั้นไปส่งเธอดีกว่า” หากแต่อีกฝ่ายพูดพลางดันผมออกห่างจากหน้าร้านพี่ภูมิไปพลาง เฮ้ยยยยยย จะลับสายตาแล้วนะนั่น
 
ในเมื่อสู้ไม่ได้ทั้งแรง ทั้งสติ สิ่งเดียวที่เหลืออยู่คือปัญญาครับ ผมตัดสินใจใช้ไม้ตาย ‘ทิ้งดิ่ง’
 
ใช่ครับ ทิ้งดิ่งลงนั่งกับพื้นนั่นเลย ทำเหมือนเด็กอนุบาลเวลาอ้อนขอคุณแม่ซื้อของแล้วไม่ได้นั่นแหละ เหลือแต่ร้องไห้งอแงเป็นใช้ได้แล้ว
 
คุณอิศมองมาที่ผมอย่างอึ้งๆ ก็สมควรอึ้งแหละครับ เพราะตอนนี้เราทั้งสองตกเป็นเป้าสายตาทันที คนทั่วไปคงมองว่า มีไอ้เด็กไม่รู้จักกาละเทศะนั่งลงกลางห้าง เอาก้นเช็ดพื้นให้ หลายสายตาที่มองผ่านมาแล้วผ่านไปเสมือนไม่ใช่เรื่องของตนเอง แต่ก็มีอีกหลายสายตาที่ยังคงจับตามองรอดูเรื่องสนุก
 
“น้องกร ลุกเถอะ อายคนเขา” เสียงทุ้มๆเอ่ยอย่างจนปัญญา
 
แหมมมม คุณอิศอายหละสิ แต่ผมไม่อาย เพราะผมเมา แฮ่!
 
ผมพิจารณาจากสติรับรู้ของตนเองในเวลานี้ โดยรวมลักษณะอาการที่ผมเป็นอยู่นี้น่าจะเป็นอาการเมาสุรา คือมันจะมึนๆ เบลอๆ สมองสั่งการแต่ร่างกายไม่ยอมทำตาม ฮาาาาาา
 
นั่นแหละ เมาเหล้าชัวร์ แต่ผมไม่ได้กินเหล้าเลยนะ อย่างมากก็กินน้ำผลไม้แสนอร่อย
 
โธ่! ไอ้กร น้ำผลไม้แสนอร่อยที่ผสมแอลกอฮอร์หละสิเนี่ย ก็ว่าทำไมรสชาติมันหวานปะแล่มๆ อร่อยแปลกๆ แต่โดยรวมแล้วคืออร่อยไง กินง่าย เมาโง่เลยทีเดียว
 
“ผะ...ผมจะกลับกับพี่ภูมิอะ” ว่าพลางเบนสายตาไปทางร้านที่อยู่ไกลลิบๆ
 
“แต่คุณภูมิยังทำงานอยู่” อีกฝ่ายพยายามชักจูงผม แต่ผมไม่หลงกลหรอก
 
ว่าแล้วร่างสูงกว่าก็ฉุดคนตัวเล็กที่นั่งแหมะอยู่กับพื้นให้ลุกขึ้น ส่วนไอ้คนตัวเล็กก็ดิ้นเต็มที่ แม้จะสู้แรงไม่ค่อยได้ก็เถอะ
 
“พ...พี่ภูมิ” ผมจะหมดแรงแล้วนะเออ พี่ภูมิอยู่ไหนเนี่ย
 
………………………………
 
“ทำอะไรกันหนะ” นั่นไง เสียงสวรรค์ดังมาแต่ไกล พร้อมกับเงาร่างสูงใหญ่ที่ฉายเข้ามาในครรลองสายตา
 
“พะ...พี่ภูมิ” ผมรวบรวมแรงที่เหลืออยู่ลุกขึ้นแล้ววิ่งไปหาร่างสูงทันที
 
เห็นมั๊ยครับบอกแล้วว่าเดินเองได้ นิวิ่งเลยด้วยซ้ำ!!!
 
“คุณจะทำอะไรครับ คุณอิศ” เมื่อผมโผเข้าสู่อ้อมกอดแกร่งได้ เสียงเข้มก็กล่าวเสียงดังโดยไม่สนใจบรรยากาศรอบตัวๆ
 
เอาเลย ชกกันเลยครับ เดี๋ยวผมเชียร์อยู่ข้างสนาม

 :katai2-1: :katai5: :katai5: :katai2-1:

ออฟไลน์ DrSlump

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3360
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +104/-2
 :pig4: :pig4: :pig4:

หน่องกรเก่งจัง  ถึงจะเมาแต่ก็ยังครองสติได้อยู่นะเนี่ย  สุดยอด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด