บทที่ 36 ผมป่าวน้า เค้ามาเอง 2
“ก็อย่างที่ผมเล่าให้ฟังนั่นแหละครับ ไม่มีอะไรจริงๆน้าาาาาาาาา” ผมพยายามปั้นหน้ายืมไปสู้กับคนตรงหน้าที่ปั้นหน้ายักษ์อยู่
“ถ้าไม่มีอะไรคุณอิศจะมาหาเธอถึงที่โรงเรียนทำไม” อ่าววว ถามน่าคิด นั่นสินะ จะมาหาผมทำไม มาเพื่อเลี้ยงไอติมเหรอ
“ผม...ไม่รู้” ก็ผมไม่รู้จริงๆอะ เคยเจอกันแค่ครั้งเดียวเอง เจอพร้อมพี่ภูมิด้วยนั่นแหละ
“....” ร่างสูงยังคงนั่งหน้าเครียดต่อไป ผมได้แต่หัวเราะแหะๆ เดาอารมณ์คนตรงหน้าไม่ออก
“เอาน่า ผมสัญญา ไม่มีครั้งต่อไปแล้ว ถ้าบังเอิญเจอกัน ผมจะเดินหนีเลยเอ้า!” ว่าแล้วผมก็ยกมือขวาขึ้นมาชูสามนิ้วแบบลูกเสือสามัญ
“.......” แต่อีกฝ่ายก็ยังเงียบ
“โอ๊ยยยย พี่ภูมิอะ อย่าเงียบ อย่างอนแบบนี้สิครับ หายโกธรผมเถอะผมขอโทษ” ถูกผิดไม่รู้ ขอโทษไว้ก่อน ว่าแล้วก็เขย่าแขนเบาๆ ช้อนสายตาขึ้นมองตามสเต็ป
“...........” แต่อีกฝ่ายก็เลือกที่จะเงียบต่อไป
“น่า น้าาาาาาาา นะ” ใช้ไม้ตาย พร้อมส่งจุ๊ฟเบาๆไปที่แก้มซ้ายทีขวาที
“..............หึ” ร่างสูงมีการพัฒนาครับ อย่างน้อยก็มีส่งเสียงหึ ตอบรับ
“หิวมั๊ยครับ เย็นนี้กินอะไรดี” เมื่อสังเกตุว่าอีกฝ่ายมีท่าทีอ่อนลง ผมยิ่งต้องเร่งทำคะแนน
“......มาม่า” เสียงเข้มบอกเบาๆ ช่วงๆนี้ทำไมกินมาม่าบ่อยจังเลย งอนผมครั้งก่อนก็กินมาม่า งอนรอบนี้ก็มาม่าอีกแล้ว
“...เอ่อ...งั้นผมไปต้มมาม่าให้ รอแปปนึงนะครับ” ว่าแล้วก็รีบลุกไปเข้าครัวทันทีเลยครับ
มื้อนี้ต้องเอาใจเป็นพิเศษสักหน่อย เอามาม่าต้มยำหม้อไฟทะเลรวมเลยแล้วกัน หลังจากที่ส่องหาวัตถุดิบในตู้เย็นพบทั้งกุ้ง ปลาหมึก เนื้อสดแช่แข็งอีกหลายชนิด ตั้งแต่ที่ผมเริ่มต้มมาม่าที่นี้ พี่ภูมิก็ขยันซื้อวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารมายัดใส่ตู้เย็นทิ้งไว้ ถึงจะเป็นพวกแช่แข็งก็เถอะ แต่ก็ยังดีกว่าไส้กรอกกับไข่ไก่ก็แล้วกัน ฮาาาาา
ระหว่างที่กำลังตั้งใจล้างต้นหอมญี่ปุ่นอยู่นั่นเอง ก๊มีมือเลื้อยมาโอบรอบเอวผม ยิ่งหันหลังกลับไปมองสาเหตุก็ยิ่งต้องสะดุ้ง เมื่อใบหน้าหล่อเหลาแสนคุ้นเคยอยู่ใกล้เพียงไม่กี่เซนติเมตร ก่อนที่ริมฝีปากจะประกบลงมาอย่างรวดเร็ว
“อ๊ะ…..” ยังไม่ทันได้ส่งเสียงตกใจใดๆ เรียวปากบางก็จ้วงลิ้นร้อนๆเข้ามาทันทีครับ ผมก็พยายามบิดหนี นี้กำลังล้างผักอยู่นะครับ มาม่าก็ต้มร้อนๆอยู่บนเตา เหลือแค่หั่นผักใส่หม้อก็เป็นอันพร้อมเสริฟ โอ๊ยยยยยย บรรยากาศมันไม่ได้อะ
“พะ...พี่ภูมิ...เดี๋ยวก่อน” สองมือแกร่งประคองใบหน้าผมเอาไว้ไม่ให้บิดหนี ผมจำใจต้องวางมีดในมือลงก่อน กลัวเผลอเอาไปบาดคนข้างๆเข้า เปลี่ยนจากมือที่ถือมีดมาใช้โอบคอคนตัวสูงกว่าแทน
“...อืม...อ๊ะ...อื้อออออ” หลังจากที่เแลกเปลี่ยนลิ้นกันอย่างคุ้นชิน ร่างเล็กกว่าก็ต้องสะดุ้งตกใจ เมื่อมือเย็นค่อยๆซุกเข้าไปใต้เสื้อนักเรียนที่บัดน้ำถูดปลดกระดุมออกไปแล้วหลายเม็ด ตั้งแต่เมื่อไหร่!
“อ๊ะ…….เดี๋ยว” แล้วยิ่งต้องสะดุ้งอีกครั้งเมื่อปลายยอดของหน้าอกด้านนึงถูกสัมผัสด้วยปลายนิ้วที่บดเบียดเข้าหากัน ริมฝีปากที่เคยประกบกันอยู่ก็ผละออกไป โดยมีจุดมุ่งหมายยังซอกคอที่มีปกเสื้อนักเรียนสีขาวปกปิดไว้บางส่วน
“หึ” ร่างสูงส่งเสียงอย่างขัดใจที่จุดมุ่งหมายโดนขัดขวางไว้ด้วยเนื้อผ้าบางๆนั้น ก่อนที่มือแกร่งจะทำหน้าที่ปลดกระดุมที่เหลือออก พร้อมถอดเสื้อสีขาวตัวนั้นให้พ้นไปจากร่างบาง
“อ๊ะ…….” ยอดอกสีคล้ำที่เคยนอนสงบนิ่ง ชูชันขึ้นมาท้าปลายนิ้วที่สัมผัสมันอยู่ ไรขนบริเวณแขนก็ลุกชันขึ้นอย่างมีสาเหตุ สะดุ้งเลยสิครับ แอร์เย็นขนาดนี้ ลองอยู่ๆโดนถอดเสื้อออกแบบไม่ทันตั้งตัว ใครมันจะไม่หนาวจนขนลุกแบบนี้บ้างหละ
“อืม…” ร่างสูงครางออกมาด้วยความพอใจ ยังคงตั้งสมาธิกับซอกคอชื้นเหงื่อและไม่ได้สนใจกับปฏิกริยาของคนในวงแขนที่มีอาการหยุดชะงักไปเล็กน้อย
“อ๊ะ...อื้อ...พี่ภูมิ...มะ….มาม่า” แต่ดูเหมือนร่างเล็กกว่าที่ปากเป็นอิสระจะพยายามพูดบางอย่าง จนร่างสูงเกิดอยากปิดปากบางนั้นอีกครั้ง ริมฝีปากที่เคยซุกไซ้ที่ซอกคอย้ายกลับมาประกบกับปากบางอีกครั้ง หากแต่มีแกร่งยังคงทำหน้าที่บริเวณยอดอกทั้งสองข้างต่อไป
“อื้ออออออ” เมื่อริมฝีปากถูกประกบอีกครั้ง คำพูดที่ต้องการจะเอ่ยก็ถูกกลืนลงคอไปทันที
โอ๊ยยยยยยยยยย มาม่าจะสุกแล้ว น้ำเดือดจนล้นหม้อแล้วนั่น ปิดแก๊สก่อน ปิดแก๊สสสสสสสสสสสส
“อ๊ะ……..อื้อ.อ๊ะ...ฟู่...เฮ้ย!” เสียงเล็กกว่าดังขึ้นอย่างตกใจ เมื่อมือแกร่งผละออกจากยอดอกเพื่อย้ายลงไปต่ำกว่าขอบเข็มขัด นิ้วแกร่งจัดการถอดเข็มขัดนักเรียนสีดำขลับออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แถวยังปลดกระดุมกางเกงออกอย่างชำนาญอีก เฮ้ย! จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงหละครับ ก็ไอ้หม้อที่ต้มมาม่าอยู่นั้นน้ำด้านในเดือดจนล้นขอบหม้ออกมาแล้ว
ร่างสูงชะงักไปตามเสียงอุทาน แล้วมองไปยังต้นเสียง ‘ฟู่’ ที่ยังไม่หยุด จนสุดท้ายต้องผละจากกิจกรรมเข้าจังหวะไปปิดแก๊สก่อนเพื่อความปลอดภัย
ผมได้แต่ยืนหอบหายใจพิงเคาน์เตอร์ อารมณ์ที่เคยกระเจิดกระเจิงโดนเบรกไว้ด้วยไอน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากหม้อต้ม ฮาาาาาา ร่างสูงกว่าเดินกลับมาโอบกอดผมไว้ในอ้อมแขนอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้เต็มไปด้วยความอ่อนโยนแบบผู้ใหญ่ปลอบขวัญเด็ก ผมคิดว่าอารมณ์ของอีกฝ่ายน่าจะสงบลงแล้วเช่นเดียวกัน
“ตกใจเหรอ” หลังจากที่กอดปลอบอยู่สักพัก ร่างสูงกว่ากล่าวขึ้นมาก่อน
“หึ...ตกใจสิครับ เกิดไฟไหม้ขึ้นมาจะทำยังไง” ด้วยอารมณ์โมโหปนน้อยใจ ผมถึงกล่าวออกไปแบบนั้น
“.............งั้น...ต่อเลยนะ” หลังจากที่ได้ฟังคำตอบผมอีกฝ่ายก็นิ่งเงียบไปแบบงงๆ ก่อนตัดสินใจสานต่อ ว่าแล้วก็ลงมือ เอ้ย ลงปากไปไซร้ซอกคอต่อ เฮ้ยยยยยย!
“อีก 2 เดือนเอง อดทนหน่อยสิครับ” ผมเบี่ยงตัวหลบ ตอนนี้สติผมกลับมาครบแล้วครับ ต้องเล่นตัวไว้ก่อนคุณแม่สอนไว้
“...หึ” ร่างสูงคล้ายไมค่อยพอใจที่ถูกปฏิเสธโดยอ้างสัญญาที่เคยให้ไว้ แต่ก็ยอมผละออกไปแต่โดยดี เดินหนีเข้าห้องน้ำไปเป็นที่เรียบร้อย
‘ชริ นึกว่าจะใจอ่อน’ นายภูมิพัฒน์ไม่ได้กล่าวไว้ ฮาาาาาา
ผมจึงกลับไปให้ความสนใจกับต้นหอมญี่ปุ่นในอ่างล้างผักต่อ จัดการหั่นผักชีแล้วโปรยลงไปในหม้อ แค่นี้มาม่าของผมก็พร้อมทาน แม้ว่าเส้นมันจะอืดไปหน่อยก็เถอะ
“มาครับพี่ภูมิ กินมาม่ากัน” ผมจัดแจงเสริฟมาม่าทั้งหม้อลงบนโต๊ะอาหาร แล้วนั่งรออีกฝ่ายที่เดินกลับมาหาผมหลังจากที่หายไปร่วม 10 นาที ฝ่ายนั้นนั่งลงกินมาม่าเงียบๆ ไม่พูดไม่จา สงสัยจะหิวมาก แปลว่าที่ผ่านมานี้โมโหหิวจริงๆ หวังว่ากินอิ่มแล้วจะอารมณ์ดีขึ้นนะเออ
“หลังจากนี้เป็นต้นไปชั้นจะเป็นคนไปรับไปส่งเธอเอง” หลังจากสิ้นสุดมื้ออาหารเย็นร่างสูงก็เป็นฝ่ายเปิดประเด็นขึ้นมาใหม่
“โอ๊ยยยยย ผมไปกับอากิดีกว่าครับ ประหยัดน้ำมันรถดีออก” อยู่ดีๆจะไปรับไปส่งทำไม เสียเวลาทำงานทำการหมด
“เธอกังวลเรื่องประหยัดน้ำมันรถเนี่ยนะ” ร่างสูงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน อ่าวววววว ผมมันคนประหยัดนิครับ ไปทางเดียวกันนั่งรถไปด้วยกัน ประหยัด รักษ์โลก ลดมลพิษ
“เอ่อ...ผมเกรงใจพี่ภูมินิครับ...ช่วงนี้งานยิ่งยุ่งๆอยู่” นับตั้งแต่ไอ้แก่ลูกรักของผมลงโลงไปแล้ว ผมก็ได้แต่ติดรถอากิไปเรียนเกือบทุกวัน ยังไงๆก็พักที่เดียวกันอยู่แล้วอะนะ
“หึ ชั้นจะไปส่งเธอเอง...จะได้ไม่ไปขึ้นรถคนอื่นไปเรื่อยอีก” ว่าแล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นแล้วเดินสะบัดก้นกลับเข้าห้องตัวเองไปทันที เป็นอันจบบทสนทนา ไม่ให้โอกาสโต้แย้งแต่อย่างใด
สรุปที่จะไปรับไปส่งคือกลัวผมไปนั่งรถคนอื่นไปเรื่อย โถ พ่อคุณทูลหัว! คนอื่นที่ไหนชื่อก็รู้จักกันทั้งนั้น ฮาาาาาา
เอาเป็นว่ายอมๆไปเถอะครับ ก็ไอ้คำว่า ‘หึง’ ตัวเท่าบ้านแปะอยู่กลางหน้าซะขนาดนั้น
ผมตัดสินใจเดินไปชงกาแฟร้อนใส่นม อันที่จริงขอเรียกว่านมร้อนใส่สีกาแฟดีกว่า กินกาแฟตอนกลางคืนผมว่าไม่ค่อยดีนะครับเดี๋ยวจะนอนไม่หลับเอา แต่เห็นว่าช่วงนี้พี่ภูมินอนดึกอนุญาติให้ดมกลิ่นกาแฟสักนิดนึงก็ได้ ว่าแล้วก็เดินไปเคาะห้องของอีกฝ่ายที่ปิดประตูสนิทอยู่ แต่ก็เงียบไร้การตอบรับ รอไปอีกสักพักก็ยังเงียบ สงสัยยังงอนไม่หาย สุดท้ายเลยพูดกับประตูไปดังๆแทน
“ผมวางกาแฟไว้ที่โต๊ะนะครับ...อย่านอนดึกมากนักหละ พรุ่งนี้เช้าเจอกันครับ ฝันดีจุ๊ฟๆ” ว่าแล้วก็หันหลังเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป
แต่
ผมไม่ได้กลับเข้าห้องเฉยๆครับ ตอนนี้กำลังเอาหูแนบประตูแอบฟังการเคลื่อนไหวด้านนอกอยู่
‘แอ๊ดดดดดด...ปัง’ นั่นไง! เดินออกมาเอากาแฟแล้ว โธ่...นึกว่าจะแน่ ฮาาาาา
หวังว่าพรุ่งนี้ ไอ้คำว่า ‘หึง’ ตัวจะหดเล็กลงเหลือตัวเท่าลูกแมวแทนนะครับ
*********************************************************************************************************
แล้วพี่ภูมิก็ได้ทำอย่างที่ลั่นวาจาเอาไว้ คือจะเป็นคนไปรับไปส่งผมด้วยตัวเอง แต่โชคดีที่ผมไหว้ตัวทันครับ ตอนเช้าผมจะตื่นมาชงกาแฟกับปิ้งขนมปังไว้รอ ส่วนก่อนลงรถก็จะหันจุ๊ฟแก้มทั้งสองข้างอย่างเอาอกเอาใจ ไอ้คำว่า ’หึง’ ตัวเท่าบ้านเลยค่อยๆหดเล็กลงเรื่อยๆ ส่วนเย็นนี้ผมจะทำเซอร์ไพรส์เอาให้ไอ้คำว่า ‘หึง’ หดตัวลงเล็กกว่าระดับเซลล์อะตอมไปเลย ฮาาาาาาาา
หลังจากที่ใช้เวลาครึ่งค่อนวันปรึกษากับไอมาร์คว่าจะง้อพี่ภูมิยังไง สุดท้ายเลยต้องหันไปพึ่งฝีมือของหมอนวดอันดับหนึ่งประจำห้องซึ่งก็คือไอ้โอ๊ตครับ ผมเลยได้เรียนหลักสูตรนวดผ่อนคลายระยะสั้น รับใบประกาศลงชื่อครูโอ๊ต สำหรับใครที่สนใจ ผมแนะนำให้ไปเรียนนวดเป็นเรื่องเป็นราวนะครับ อย่านวดมั่วๆแบบผมเลย ยิ่งพวกนวดกดเส้น นิยิ่งอันตรายเกิดผิดพลาดขึ้นมา มีปัญหาตามมาทีหลังเป็นขบวนจะยิ่งยุ่งเอา แต่ครอสที่ผมเรียนมานี้เป็นนวดคลายเครียด แบบนวดไปชิวๆ หลักๆคือนวดเอาใจล้วนๆ ไม่ได้ส่งผมต่อกล้ามเนื้อแต่อย่างใด
ตามแผนที่วางไว้ หลังจากที่กลับห้องไป ก็ชวนพี่ภูมิให้ไปอาบน้ำ แล้วผมจะแอบตามเข้าไปนวดให้ในห้องน้ำ อิอิ
แค่คิดก็ …….
ในที่สุด เวลาโรงเรียนเลิกก็มาถึง อ๊ะ! นั่นไง รถสีดำคันเก่าคันเดิม
“สวัสดีคร้าบบบบบพี่ภูมิ คิดถึงจังเลย” หลังจากขึ้นรถแล้วสิ่งแรกที่ต้องทำก็คือห้อมแก้มเอาใจก่อนเลยครับ ร่างที่ถูกหอมส่งเสียง ‘หึ’ เบาๆ แหมมมม ทำมาเป็นงอน ผมรู้หรอกว่าชอบหนะ
“จะกินอะไร” เสียงเข้มๆถามมา เอาอีกแล้วปัญหาโลกแตก
“มาม่าครับ” แต่วันนี้ผมเตรียมคำตอบไว้แล้วครับ ต้องรีบกลับคอนโดให้เร็วที่สุดเพื่อทำตามแผน
“........” อีกฝ่ายนิ่งเงียบไป เอาน่าาาาา ช่วงนี้อาจจะกินมาม่ากันบ่อยไปสักหน่อย เอาเป็นว่านี้มื้อสุดท้ายแล้วกัน ครั้งต่อไปผมจะจับฉลากเหมือนเดิม
“นะครับ ผมอยากกลับคอนโดอะ ร้อนอยากอาบน้ำ” ใช่ครับร้อน เรียนห้องแอร์ ขึ้นรถมาเจอแอร์เย็นฉ่ำอีก เดี๋ยวกลับดอนโดไปก็แอร์อีกนั่นแหละครับ ร้อนจริงๆ
“.........” สุดท้ายร่างสูงก็ยอมจำนนในเหตุผล แบบงงๆ แล้วรถก็เริ่มเคลื่อนที่ไปยังจุดหมายปลายทาง
พี่ยามเปิดประตูให้เราสองคนเข้าไปยังฟอร์นที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ใช่ครับ รีบๆเดินหน่อยอากาศมันร้อน ต้องรีบไปอาบน้ำ อิอิ
“คุณกรคะ พัศดุค่ะ” ระหว่างเดินผ่านไปยังลิฟต์นั่นเอง พี่สาวที่หน้าฟอร์นก็กล่าวทักเลือกให้หยุดรับของ เอ๊ะ แปลกๆนะครับ ปกติมีพัศดุส่งมาหาพี่ภูมิบ่อยๆ แต่ของผมไม่มีนาถ้ามีก็น่าจะส่งไปที่ศูนย์ฯสิ
ผมได้แต่เดินงงๆไปรับพัศดุที่จ่าหน้าถึงผม นายปกรณ์ กิจการุณ ทั้งๆที่ที่อยู่เป็นคอนโดของพี่ภูมิ ไอ้คนส่งเค้าจ่าหน้าชื่อผิดรึป่าวหว่า
“อะไร” เสียงเข้มถาม พลางก้มลงมองกล่องโฟมขนาดกลางที่ผมอุ้มเอาไว้ หนักไม่ใช่เล่นเลยนะครับเนี่ย ใครส่งอะไรมาหว่า
“สตอเบอร์รี่?” เสียงเข้มยังคงกล่าวต่อไป ให้คำตอบกับคำถามที่ผมคิดในใจพอดี อ๋อออออ ด้านข้างกล่องโฟมมีสติ๊กเกอร์แปะไว้ชัดเจน ‘สตอเบอร์รี่ดอยคำ’
คุณพระ! สตอเบอร์มาจากไหน ใครส่งมาวะ
“ใครส่งมา” เสียงเข้มถามต่อไปอีก พลางแย่งกล่องโฟมในมือของผมไปถือเอาไว้เพื่อจะดูชื่อผู้ส่งใกล้ๆ
ปรากฏชื่อ ‘นายอดิศร อัศวกุล’ อยู่ในชื่อผู้ส่งอย่างชัดเจน เอออออ นามสกุลไม่คุ้น แต่ชื่อชักคุ้นๆแฮะ เอ๊ะ! ความทรงจำบางอย่างแวบเข้ามาในหัวครับ
‘สตอเบอร์รี่ เชอร์รี่ ราสเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ แบล็คเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่’
‘ครับๆ ชอบหมดแหละครับ ผลไม้ไทยก็ชอบนะครับ มะเฟือง มะไฟ โอยหากินยากมาก พูดแล้วน้ำลายสอ’
‘มะเฟือง มะไฟ มะกรูด มะนาว มะหร้าว ส้มโอ?’
‘คุณอิศ!’
“หึ” เสียง ‘หึ’ สั้นๆ ดังมาจากคนใกล้ตัว เสียงเหมือนจะข่มอารมณ์บางอย่างไว้ เอาซะผมไม่กล้ามองดูสีหน้าเจ้าของเสียงเลบครับ
ไม่ทันไรร่างสูงก็เดินอุ้มกล่องโฟมเจ้าปัญหาไปหาพี่ยามพร้อมบอกสั้นๆสามพยางค์ว่า ‘เอาไปทิ้ง’ กล่าวจบก็เดินนำไปขึ้นลิฟต์ ทิ้งให้ผมยืนงงในดงพี่ยาม สุดท้ายวิ่งตามเข้าลิฟต์ไปเกือบไม่ทัน
โอ๊ยยยยย สตอเบอร์รี่ ทิ้งไปทำไม เสียดายอะ
“หึ” หากแต่เสียง ‘หึ’ ที่ส่งมาเป็นระยะๆทำให้ความอยากผลไม้เปรี้ยวๆของผมลดลง
เดี๋ยวนะ! บรรยากาศแบบนี้เซอร์ไพรส์ที่ผมเตรียมไว้สำหรับลดขนาดคำว่า ‘หึง’ ตัวเท่าบ้านให้มีขนาดเล็กแค่เซลล์อะตอม ดูท่าว่าจะเอาไม่อยู่ เพราะตอนนี้ไอ้คำว่า ‘หึง’ มันใหญ่กว่าดาวโลกไปแล้วครับ
“หึ”
“หึ”
“หึ”
“หึ”
มารัวๆ
********************************************************************************************