You've got the love I Need | เมธัส X อชิร
-2-
แสงสีหลากเส้นสะท้อนกระจกบานหนาเข้ามาภายในห้องคอนโด เมธัสมองคนที่หลับเป็นตายอยู่บนเตียงกว้างขนาดหกฟุต คอนโดขนาดกว้าง ตกแต่งอย่างดี หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องนอน สองห้องน้ำ ห้องครัวของคอนโดถูกจัดเป็นสัดเป็นส่วนอย่างดี คอนโดที่จัดว่าหรูพอสมควร ทำเลก็ติดกับรถไฟฟ้า คอนโดที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของคนตรงหน้าเมธัส คอนโดที่ถูกคาดหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตรวมกับใครคนหนึ่งไปตลอดชีวิต
แต่เรื่องแบบนั้นก็ไม่เกิดขึ้นอย่างน่าเสียดาย
รุ่นพี่ที่ออฟฟิศวัยใกล้สามสิบนอนหลับตานิ่ง คว่ำหน้าแนบกับหมอนผ้าคอตตอนนุ่มหลับไม่รู้เรื่อง ขณะที่เมธัสได้แต่นั่งริมขอบเตียง ดวดเบียร์กระป๋องแล้วกระป๋องเล่า มองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เหมือนรอแสงแรกของวันให้สาดทอขึ้น
เมธัสเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม ณ ตอนนี้ถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้
ห้องคอนโดตกแต่งด้วยไม้สีอ่อน ปูพื้นไม้แท้ กรุผนังด้วยวอลเปเปอร์และอิฐก้อน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ก็ถูกออกแบบให้มีชิ้นเดียวในโลกด้วยไม้ราคาแพงขัดเงา นอกระเบียงฝั่งติดกับครัวมีส่วนต้นแคคตัสเล็กๆ กับไม้ระย้าห้อยลงมาปกปิดแสงแดดจัดจ้าในตอนเช้าของทุกวันได้เป็นอย่างดี ผ้าปูสีนอนสีครีมไข่ไก่ ทุกๆอย่างออกแบบด้วยความอบอุ่น ตัวตนของ
’อชิร’ ที่มีอยู่จริง ในห้องนี้ อะไรที่ช่างตรงข้ามกับเขาอย่างไร้ที่ติ
คนบนเตียงขยับตัวเล็กน้อยก่อนครางอือเมื่อรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา ก่อนค่อยๆ ปรือตาขึ้น อชิรสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ชายหนุ่มกระพริบตาพยายามเพ่งมองไปข้างหน้า สายตาที่ไม่ได้สวมแว่นทำให้เขามองเห็นไม่ชัด ส่วนคอนแท็กเลนส์กระเด็นไปไหนแล้วไม่แน่ใจ
“เมธ?” เขาเอ่ยเสียงเรียก เมธัสค่อยๆหันกลับมามอง ถอนหายใจ
“กินไปเท่าไหร่เนี่ย”
คนอาวุโสกว่าไม่ตอบ กดขมับแน่นแล้วนวดเบาๆ “กี่โมงแล้ว”
“จะตีสี่แล้ว” พูดจบเสียงเมสเสจไลน์จากมือถือเมธัสก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มเอื้อมมือหยิบมาดูก่อนพบว่ามันเป็นไลน์จากเพื่อนรักพระพาย ที่ทักมาถามว่าอยู่ไหนแล้ว
“อืม” อชิรถอนหายใจ เขาเบี่ยงตัวหนุนหน้าไปอีกทาง
“คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย” เมธัสถามด้วยปลายเสียงติดหงุดหงิด
“เปล่า เครียดๆน่ะ มีหลายเรื่องเข้ามา งาน แล้วก็หลายเรื่อง” เขาตอบเป็นคำตอบปลายเปิด ไม่บอกอะไรชัดเจน แต่เมธัสก็พอจะเดาได้ ภรรยาเก่าของเขาน่าจะกลับเข้ามาในชีวิตอีกเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ เมธัสปวดหนึบในใจอยู่หน่อยๆ ก่อนเลื่อนตัวไปนั่งข้างๆคนที่นอนหลับตาอยู่ เขายกมือลูบหัวคนข้างกายเบาๆ นวดคลึงมันช้าๆอย่างเบามือ
เมธัสไม่ใช่คนพูดอะไรเยอะหรอก เขาทำให้เห็นมากกว่า เขารู้สึกยังไงก็ไม่เคยโกหก ไม่ใช่โกหกไม่เก่ง บทจะไม่ให้รู้เขาจะไม่แสดงออกแม้กระทั่งแววตา แต่กับอชิร มันเป็นอะไรที่ประหลาด เมธัสไม่พูดเยอะ แสดงออกมาก แต่ไม่ตรงไปตรงมา และไม่เป็นตัวของตัวเอง เป็นกึ่งกลางของอะไรบางอย่างที่เขาอยากจะรู้และเข้าใจมันเหมือนกัน
เขาเลื่อนตัวลงนอนข้างๆคนที่หันหน้าหนี เลื่อนแขนให้อีกฝ่ายหนุนนอนสบาย อชิรถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างผ่อนคลาย เขาเป็นผู้ชายอายุยี่สิบเก้าย่างสามสิบที่ยังดูอ่อนกว่าวัยนัก ดูเด็ก น่ารัก และเปราะบางในโมงยามนี้ แม้ว่าในเวลาทำงานเขาอาจจะเป็นอีกคนที่คล่องแคล่ว ฉลาด และหล่อเหลา อชิรผ่านการแต่งงานมาหนึ่งครั้ง และจากนั้นก็เลิกรากันไปทั้งที่ชีวิตข้าวใหม่ปลามันยังไม่ครบขวบปี
เมธัสมองคนในอ้อมแขนอย่างบอกไม่ถูก ผู้ชายที่สอนงานเขาในสามเดือนแรก ก่อนที่จะให้ผลักเขา กระโจนออกไปรู้งานด้วยตัวเองกับทีมอื่น ผู้ชายที่ใจดีแต่เหมือนมีอะไรในใจที่คุณไม่มีทางจะรู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ ผู้ชายที่ปากอย่างใจอย่าง ผู้ชายที่ร้องไห้ได้น่ารักที่สุด
เด็กหนุ่มยกใบหน้าขึ้น ก่อนแตะริมฝีปากลงบนแก้มขาวเบาๆ เขาซุกจมูกลงบนซอกคอเรียวขาว กัดมัน ประทับมันไว้ด้วยริมฝีปาก ฝ่ามือร้อนเลื่อนแตะหน้าท้องอีกฝ่าย ปลดกระดุมอย่างรวดเร็ว อชิรครางอือ ส่ายหัว
“เมธ เราปวดหัว”
“เอาออกสักรอบเดี๋ยวก็หาย” เมธัสไม่ฟัง
“นี่” เสียงเล็กๆเหมือนเสียงของมดตะนอยฟังยังไงก็ไม่เหมือนคนที่ปฏิเสธจริงจัง เมธัสจับคนข้างกายนอนหงาย ก่อนเลื่อนตัวขึ้นนั่งคร่อม เด็กหนุ่มถอดเข็มขัดปลดกระดุมอย่างรวดเร็ว
“ทำให้หน่อยสิ”
“เมธ เราบอกว่า---” เมธัสเอาแต่ใครแค่ไหนใครๆก็รู้ แม้กระทั่งคนที่เขารักเขาก็ยิ่งเอาแต่ใจ นิสัยติดตัวแย่ๆที่อชิรไม่ชอบเอาเสียเลย เมธัสหวงอะไรเขาก็จะทำให้สิ่งนั้นสนใจแต่เขาอย่างเดียว
ท่อนเนื้อร้อนถูกสอดเข้าไปในโพรงปากอุ่น ปิดปากอชิรให้ไม่ต้องบริภาษอะไรใดๆอีกต่อไป เมธัสมองคนตรงหน้าที่นอนหอบหายใจหน้าแดง มีของๆเขาอยู่ในปากแล้วนึกคึกกว่าเดิม เขายกมือลูบเรือนผมนุ่มอย่างทะนุถนอม ขัดกับสะโพกหนาที่ขยับรัวเร็ว อชิรมองใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้า
“อชิ” เสียงแตกพร่าเรียกชื่อคนที่นอนอยู่ด้วยหลากหลายความรู้สึก เมธัสเลื่อนตัวออก เขาจูบไล่ทั้งใบหน้าของคนใต้ร่าง ประกบปากจูบอย่างแนบชิดและโหยหา อชิรค่อยๆยกท่อนแขนขึ้นคล้องไหล่เมธัส ก่อนแผ่กายลงตรงหน้าอย่างสมยอมแล้วทุกๆอย่าง
-----
เซ็กซ์ที่ดีที่สุดเกิดขึ้นกับอชิร เมธัสไม่ปฏิเสธว่าอชิรคือผู้ชายคนแรกของเขา ส่วนเขาจะเป็นคนที่เท่าไหร่ของอชิรเขาไม่ใคร่รู้สักนิด เมธัสผินหน้ามองฟ้าหลากสี ตะวันของวันใหม่ เกิดขึ้นตรงหน้าสมใจอยาก บุหรี่มวนที่สองถูกจุดขึ้น ก่อนประตูระเบียงจะเปิดออกจากอีกฝั่งของห้องคอนโด อชิรสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ถือบัวรดน้ำออกมาด้วยจากประตูฝั่งห้องครัว ระเบียงห้องนอนและห้องครัวเชื่อมกัน แต่สวนเล็กๆของอชิรกินพื้นที่แค่บริเวณครัวเท่านั้น
“เบบี้กรีนคอสกินได้แล้วนี่ ตื่นมากินสลัดกันไหม”
“ได้หมด” เมธัสว่า เขาขยี้บุหรี่ทิ้ง อชิรไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ถึงไม่บอกตรงๆ เมธัสก็รู้ ซึ่งเมธัสก็ใส่ใจบ้างไม่ใส่ใจบ้างกับเรื่องนี้
มองเสี้ยวหน้าที่เอียงคอรดน้ำต้นไม่ของตัวเองอย่างรักใคร่ เมธัสเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“ผมเอาเสื้อผ้าลงไปทิ้งร้านซักรีดนะ จะได้นอนยาวๆ”
“เปิดแล้วเหรอ”
“ยัง แต่เดี๋ยวเขียนโน้ตไว้ก็ได้แหละ ไม่หายหรอก”
“อืม” อชิรพยักหน้าเบาๆ ไม่ตอบ
เมธัสเอาถุงเสื้อผ้าของทั้งเขาและอชิรไปทิ้งไว้หน้าร้านซักรีด ตลกชะมัดชีวิตช่วงนี้แทบไม่ได้กลับบ้าน ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าพระพายเกิดอยากมานั่งเล่นเกมขึ้นมาจะบอกเพื่อนว่าอย่างไร แม้จะชอบปากดีชวนเพื่อนมานั่งเล่นบ้านตัวเองยิกๆ ก็เถอะ ระหว่างเขากับอชิรเกิดขึ้นมาได้เกือบสองเดือนแล้ว เป็นสองเดือนที่เขาไม่ได้เล่าให้พระพายฟัง ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ไม่รู้ตัวเองรู้สึกยังไง ที่สำคัญไม่รู้อชิรรู้สึกยังไงหรือคิดอะไรอยู่ ไม่ปฏิเสธแต่ไม่เอ่ยปากต้อนรับ ไม่ขัดขืนแต่ไม่สมยอมเสียทุกครั้ง ให้เขาเข้าออกคอนโดนี้ได้แต่ก็ไม่พูดว่าเป็นอะไรกัน และบางครั้งอชิรยังแอบร้องไห้แล้วรีบปาดน้ำตา
หรือว่าอชิรเห็นว่าเขาเป็นลูกพ่อ พ่อซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับคุณริค เจ้าของบริษัท พ่อด้วยซ้ำที่ให้เขามาเริ่มงานที่บริษัทนี้ ก่อนที่จะกลับไปสานต่อบริษัทของพ่อ พ่ออยากให้เขาปีกกล้าขาแข็งพอที่จะเถียงพ่อ คิดเห็นขัดแย้ง และไม่อยู่ในเงาพ่ออีกต่อไป
เพราะแบบนั้นอชิระเลยไม่กล้าหือกับเขา ใครๆก็รู้ว่าเขาเป็นเด็กเส้น เส้นใหญ่แค่ไหนเขาก็รู้กันหมด ซึ่งเมธัสก็ไม่แคร์หรอกเพราะฝีมือของเขาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นอยู่แล้วตั้งแต่สองสามเดือนแรก
นี่ก็จะครบปีแล้วที่เขาทำงานที่นี่ พอครบปีก็อาจจะถึงเวลาที่เขาควรกลับไปยังที่ๆ เขามาเสียที
กลับขึ้นไปบนห้องนอนพบว่าแสงแดดอ่อนๆสาดส่องเข้ามาอย่างน่ามอง อชิระสวมชุดคลุมอาบน้ำเอนตัวอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ เมธัสเข้าไปในห้อง ปิดประตูอย่างเบามือ เสียงสวบสาบของสลิปเปอร์ต่างหากที่ทำให้อชิรเงยหน้าขึ้นมาจากสิ่งที่จดจ่อ เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหา ถอดเสื้อยืดวางไว้ที่โซฟาเบดปลายเตียง เดินไปปิดม่านให้สนิท
“นอนเถอะ” เมธัสว่า ดึงแว่นลงจากดั้งจมูกของอีกคน ผิวหน้าของอชิรเนียนละเอียดไม่แพ้พระพาย อชิรแค่ไม่ขาวเท่า และใบหน้าคมคายกว่าก็เท่านั้นเอง
เมธัสจูบเบาๆลงบนกระหม่อม เขาดึงตัวอชิรลงนอน กดรีโมทปิดไฟในห้อง เด็กหนุ่มดึงเชือกเสื้อคลุมออก ค่อยๆคลายเนื้อผ้า
“หนาว” เสียงคนแก่กว่าท้วง เมธัสไม่หยุดมือ เขาดึงจนเนื้อผ้าหลุดจากร่างขาว อชิระตัวสูงโปร่ง รูปร่างดี แม้จะเตี้ยกว่าเขานิดหน่อยก็ตาม
“เดี๋ยวก็อุ่น” เมธัสไม่ได้บอกไปว่าชอบแนบเนื้อขาวๆนี่มากกว่า
สอดแขนรองใต้คอให้อชิระหนุนนอน เมธัสกดจมูกลงบนเรือนผมหอม เด็กหนุ่มรั้งกายขาวแนบตัว ก่อนหลับจมสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน
-----
ถ้าบอกว่าอชิระควรได้รับรางวัลตุ๊กตาทองคำก็คงต้องเชื่อ เพราะเมื่อก้าวสู่ที่ทำงานแล้ว อชิรเป็นอีกคน ไม่ใช่คนเดิมที่เมธัสรู้จักในคอนโดห้องนั้น
อชิรซึ่งทำงานเก่ง เคร่งครัด เข้มงวดกับตัวเอง และเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ แม่ว่าเขาจะเป็นพ่อม่ายก็เถอะ
บางครั้งเมธัสก็แอบจะรำคาญ
แต่ตอนนี้เขาถูกย้ายมาทำงานภายใต้พี่อีกคนหนึ่ง ก็ทำอะไรไม่ได้ แม้แต่อาหารกลางวันจะไปกินด้วยกันก็ยังยากเลยถ้าไม่สบโอกาสดีจริงๆ เมธัสรู้ดีว่าถ้าดื้อด้าน เอาแต่ใจกับอชิร ทุกอย่างต้องจบลงอย่างรวดเร็วแน่นอน
ทั้งที่มันแทบไม่เริ่มต้นด้วยซ้ำ
“ขอบคุณครับเมธ” เมื่อเขาหยิบเอกสารที่อชิรขอดูส่งให้ อีกฝ่ายเงยหน้าจากโต๊ะและยิ้มจางๆ ดูดีเสมอในเสื้อเชิ้ตคอจีนสีขาว แขนสั้น กับกางเกงผ้าลินินสีครีม และรองเท้าแตะหนังสวมใส่สบาย เมธัสพยายามมองให้อีกฝ่ายสบตา แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมอง
ช่วงมื้อกลางวัน แฟนหัวหน้าฝ่ายต้มแกงหม้อใหญ่มา คนอื่นเลยออกไปซื้อขนมจีนตะกร้าใหญ่ ต้มไข่ และซื้อไก่ทอดมาเสริม มื้อกลางวันวันนี้จึงไม่ต้องตากแดดปั่นจักรยานไปหาอะไรกิน เช่นกันกับไม่ต้องเสียเวลาทำงานมากนัก
เมธัสนั่งข้างน้ำตาลบนโต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ของชั้นรับประทานอาหารซึ่งอยู่บนสุด เหนือชั้นประชุมขึ้นไป ออกแบบให้เปิดประตูออกไปสู่ระเบียงกว้างกลายเป็นลานสังสรรค์ได้ นักออกแบบทั้งหลายนั่งกิน ยืนกินอาหารมื้อกลางวันกันด้วยความผ่อนคลาย แม้จะเป็นชั่วโมงเดียวที่ได้ละจากหน้าจอคอม
“ทำงานแบบนี้เสียสุขภาพชะมัด” น้ำตาลบ่น กวาดเส้นขนมจีนเข้าปากเซ็งๆ ช่วงหลังๆ หญิงสาวเริ่มบ่นว่าปวดไหล่ เนื่องจากนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ส่วนเมธัสเองก็เริ่มนิดหน่อย แต่อาศัยลุกเดินเอา ช่วงหลังเขาห่างหายจากฟิตเนสไปมาก ตัวเริ่มย้วยยาน เพราะเอาแต่นอนจนเกือบเลยเวลาตื่นทุกที
เวลามาทำงานก็แปลก ทั้งๆ ที่เมธัสก็ค้างคืนที่คอนโด แต่อชิรไม่ยอมมาด้วยกัน มีแค่นานๆครั้ง เขาเลือกที่จะขึ้นรถไฟฟ้าและต่อรถมอเตอร์ไซค์ และบังคับให้เมธัสขับรถมา
มันเป็นกฏของอชิ ถ้าเมธัสอยากจะอยู่กับคนๆนี้ต่อไป เขาก็ต้องยอมรับว่ามันต้องเป็นแบบนี้ไปจนกว่าทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น
“เออ อชิ” เสียงหัวหน้า พี่นพทักขึ้น อชิรที่นั่งกินข้าวเงียบๆอยู่ตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมา “เดี๋ยวจะไปดูไซต์งานเลยปะ”
“เนี่ย ว่าจะออกแล้วครับพี่”
“ไปไง ไปด้วยกันดิ พี่ว่าจะไปดูด้วยพอดี”
“ได้สิพี่”
เมธัสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าโปรแกรมไลน์ ก่อนพิมพ์ไปหาคนที่นั่งจับช้อนส้อมแทบจะทันที
‘จะไปแถวไหน’อชิรเหลือบมองหน้าเด็กหนุ่มทันทีที่โทรศัพท์สั่น สายตาดุขึ้นมานิดหนึ่งทั้งที่ปกติจะดูใจดี เมธัสจ้องตอบ จนอีกฝ่ายเบือนหน้าหนีไปเอง
เมธัสมองแผ่นหลังบางที่เดินหายออกไปกับหัวหน้าใหญ่ เขากินข้าวต่ออย่างเซ็งๆ สักพักโทรศัพท์ก็เสียงดังขึ้น เป็นข้อความจากอีกคนที่เพิ่งเดินออกไปได้สักห้านาที ส่งกลับมา
‘วันนี้ไม่ต้องมาหรอก กลับบ้านไปเถอะ กว่าจะกลับก็คงดึก’
เมธัสชักจะหงุดหงิด นับหนึ่งถึงสิบในใจแล้วเก็บโทรศัพท์ลง อชิรคงคิดว่าเขาจะยอมง่ายๆ แต่ก็คงฝันไปนั่นแหละ
tbc.
สวัสดีค่ะ ลี่กลับมาต่อซีรีย์เรื่องสั้นนี้แล้วนะคะ
แต่เนื่องจากหายไปนาน ตอนของคู่ที่ 1 พระพายเลยถูกลบไป
คู่ของเมธัส เป็นคู่ที่ 2 ในซีรีย์แล้วค่ะ
สามารถไปตามอ่านคู่ของพระพายและพี่กวิน ได้ในแฟนเพจของไคลี่นะคะ ลิงก์อยู่ด้านบนก่อนตอนที่ 1 เลยค่ะ
เร็วๆ นี้ลี่จะเปิดพรีเล่มซีรีย์เรื่องสั้นนี้ ซึ่งจะมีทั้งหมด 4 คู่นะคะ
และปีนี้ ลี่จะออก 'รักชาชารีเทิร์น' รวมเรื่องสั้นของเพื่อนน้ำชา-โฟล์ค ให้อ่านกันราวเดือนมิถุนายนเป็นต้นไปนะคะ
ฝากติดตามกันด้วยค่ะ เข้ามาทักทายในแฟนเพจกันได้นะคะ ^^