'YOU คุณของผม' SERIE
ซีรีย์เรื่องสั้นของ 4 คู่รักวัยทำงาน ทั้งขมและหวาน ทั้งเรียนรู้และจดจำ
อ่านเรื่องของ กวิน X พระพาย : Simply Butterfly I (https://www.facebook.com/notes/kyliewonderland01/simply-butterfly-i-%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%99-x-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A2/1206754886168311/)
อ่านเรื่องของ กวิน X พระพาย : Simply Butterfly II
(https://www.facebook.com/notes/kyliewonderland01/simply-butterfly-ii-%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%99-x-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%88%E0%B8%9A/1206757546168045/)
You've got the love I Need | เมธัส X อชิร
-1-
ซีดานสีแดงบึ่งขึ้นทางด่วน เมธัสรอให้เครื่องยนต์สับรอบอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนที่รถทรงสปอร์ตคันคุ้นมือจะคิกออฟและพุ่งทะยานออกไปเร็วขึ้น แรงขึ้น ไม่ต่างจากใจเขาในตอนนี้
ปลายทางอยู่ที่ออฟฟิศย่านอโศก ออฟฟิศเมธัสไกลพอสมควรจากบ้าน แต่ถ้านับจากที่ทำงานของเพื่อนรักก็ไม่เรียกว่าไกลนัก แต่กระนั้นยามดึกดื่นมืดค่ำ รถก็ยังคงติดอยู่ เนื่องจากในคืนสิ้นเดือนแบบนี้ คนต่างสัญจรมาย่านท่องราตรีทั้งทางถนนและทางยกระดับ
เมธัสติดแหง็กอยู่ทางลงกลางเมืองสักพัก ใจกระเด็นไปถึงออฟฟิศแล้ว พอหลุดมาได้เขาเหยียบต่อ และซิ่งลงทางด่วนหน้าปากซอยออฟฟิศแบบไม่สนใจอะไร
ยางหนึบเบรกเอี๊ยดหน้าโฮมออฟฟิศออกแบบโมเดิร์นสี่ชั้น เมธัสลงจากรถรีบร้อน ไม่เอารถเข้าซองด้วยซ้ำ ไม่จำเป็น - สำหรับเมธัสที่เป็นลูกชายเพื่อนเจ้าของบริษัท ไม่มีใครกล้าอะไรเขาหรอก ก็เขาเข้า-ออก มาที่นี่กับพ่อตั้งแต่ยังเด็ก
เมธัสชอบพิสูจน์ตัวเองด้วยฝีมือและส่วนใหญ่มันก็ประสบความสำเร็จ เขาไม่ชอบเบ่ง โอ้อวด ใช้อำนาจในทางผิด แต่สำหรับตอนนี้ มีให้ใช้ก็ใช้ บทจะไม่แคร์ เขาก็ไม่แคร์ ในชีวิตเอาเข้าจริงมีอยู่ไม่กี่คนที่เขายอมลงให้ พ่อ แม่ ปู่ ย่า พี่สาว ป้าแม่นม พระพาย และคนๆนั้น
วิ่งไปที่ลิฟท์ กดขึ้นไปยังชั้นบนสุด เสียงเฮฮาในงานปาร์ตี้ในห้องประชุมใหญ่ดังมายังหน้าประตูลิฟท์ รุ่นพี่ที่ออฟฟิศคนหนึ่งกำลังจะกลับ แต่ดูทรงแล้วน่าจะไปต่ออาบอบนวดมากกว่า เดินสวนมาพอดี
“อ้าว เพิ่งมาเหรอ” รุ่นพี่ร่างสูง หน้าตาดูดี นามว่าพี่ทศทัก ใบหน้าแดงก่ำด้วยฤทธิ์เหล้า เขาเป็นผู้ชายวัยกลางคนทรงเสน่ห์ แต่ก็รู้กันดีว่าเจ้าชู้ประตูดินสุดๆ
“ครับ พอดีแวะไปหาเพื่อนมา”
“เพื่อนหรือว่าใคร” พี่ทศแซวเสียงยานคาง เมธัสยิ้มๆ ไม่ตอบ ซึ่งทศเองก็ไม่แคร์อะไร “นี่พี่จะไปฟาโรห์ต่อกับไอ้พวกแม็ค ไปด้วยกันเปล่า” เอ่ยชื่ออาบอบนวดทีเห็นถึงลิ้นไก่ พี่ทศทำหน้าเจ้าเล่ห์
“โห ไม่ไหวหรอกพี่ เมื่อคืนไม่ได้นอนด้วยเดี๋ยวไม่คุ้ม” เมธัสหาเรื่องปฏิเสธ พี่ทศทำหน้าเซ็ง
“อะไรวะเมธ ไร้สาระน่า”
“โหพี่ วันนี้ไม่ไหวจริงว่ะ วันหลังๆ” เมธัสโบกมือ
“เออๆ ก็ได้ รีบเข้าไปไป เบียร์จะหมดลังแล้ว เดี๋ยวก็ไม่ได้กินอะไรหรอก”
“ครับพี่ เจอกันวันจันทร์”
เมธัสก้มหัวลาก่อนก้าวฉับเข้าไปในงาน เสียเวลาคุยไปเกือบห้านาที ให้ตายเถอะ พวกสถาปนิกก็แบบนี้ ยิ่งบริษัทดังออกแบบโปรเจ็กต์ที่เป็นร้อยล้าน ส่วนแบ่งได้มาก็ใช้กันแบบหัวราน้ำ ไม่ใช่เมธัสไม่เป็น เขาก็เป็น แต่ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปเพราะอะไรบางอย่าง
เมธัสเปิดประตูห้องประชุมเข้าไป โชคดีที่ด้านในดับไฟสลัว สาดสปอร์ตไลท์และเปิดเพลงปาร์ตี้สนั่น ไม่มีใครสนใจเขาเท่าไหร่นัก หรือไม่ก็เมาเกินกว่าจะทักทายแล้ว บริษัทเพิ่งปิดโปรเจ็กต์ตึกสูงกลางมหานครไปได้ ปาร์ตี้เล็กๆ กันเองนี่จึงเป็นนโยบายของผู้บริหารที่ตั้งใจจะสร้างกำลังใจให้กับลูกน้อง
เมธัสกวาดสายตาหาหญิงสาวคนหนึ่ง ท่ามกลางคนนับสิบ ก่อนสายตาจะเพ่งเห็นเธอยืนกอดอกอยู่มุมห้อง เมธัสรีบเดินเข้าไปทันทีพร้อมเรียกชื่อ “น้ำตาล!”
สาวสวยผมดำขลับยาวถึงกลางหลัง กับหน้ามาตรงเป็นระเบียดเหนือคิ้วอ้าปากขึ้นเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง น้ำตาลสาวเท่ในเสื้อเชิ้ตกับยีน และร้องเท้าส้นสูงรีบคว้าแขนเมธัสไว้ทันที
“มาช้าชะมัด นี่คนอื่นเขาจะพาไปส่งแล้วเนี่ย”
“แล้วมึงบอกไปว่าไง” เมธัสถาม มองคนที่นั่งบนเก้าอี้ พิงกำแพงหลับไปนิ่งๆ เมธัสมองแก้มแดงเรื่อ ตัดผิวขาวจัด จมูกโด่งสัน ผมรองทรงสูงสีดำขลับปรกใบหน้า ราวกับเส้นไหมราคาแพงพริ้วไหว
“บอกว่ามึงกำลังจะมา บ้านใกล้กัน เดี๋ยวมึงไปส่ง”
“เหรอ ก็ดี”
“ใจคอไม่คิดจะขอบคุณหน่อยหรือไงยะ” น้ำตาลถอนหายใจ
“ขอบคุณครับ” เมธัสว่า น้ำตาลเหล่มองอย่างเสียมิได้
“มีอะไรก็ ค่อยๆพูดค่อยจาแล้วกัน อย่าเป็นหมาบ้า” น้ำตาลว่า ก่อนอาสาจะไปหยิบเครื่องดื่มให้
“อืม” เมธัสรับปากส่งๆ เขาทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ข้างๆผู้ชายคนนั้น มองนิ่งๆ หลากความรู้สึกปะปนกันไป
You've got the love I Need | เมธัส X อชิร
-2-
แสงสีหลากเส้นสะท้อนกระจกบานหนาเข้ามาภายในห้องคอนโด เมธัสมองคนที่หลับเป็นตายอยู่บนเตียงกว้างขนาดหกฟุต คอนโดขนาดกว้าง ตกแต่งอย่างดี หนึ่งห้องนั่งเล่น หนึ่งห้องนอน สองห้องน้ำ ห้องครัวของคอนโดถูกจัดเป็นสัดเป็นส่วนอย่างดี คอนโดที่จัดว่าหรูพอสมควร ทำเลก็ติดกับรถไฟฟ้า คอนโดที่มาจากน้ำพักน้ำแรงของคนตรงหน้าเมธัส คอนโดที่ถูกคาดหวังว่าจะได้ใช้ชีวิตรวมกับใครคนหนึ่งไปตลอดชีวิต
แต่เรื่องแบบนั้นก็ไม่เกิดขึ้นอย่างน่าเสียดาย
รุ่นพี่ที่ออฟฟิศวัยใกล้สามสิบนอนหลับตานิ่ง คว่ำหน้าแนบกับหมอนผ้าคอตตอนนุ่มหลับไม่รู้เรื่อง ขณะที่เมธัสได้แต่นั่งริมขอบเตียง ดวดเบียร์กระป๋องแล้วกระป๋องเล่า มองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่ เหมือนรอแสงแรกของวันให้สาดทอขึ้น
เมธัสเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไม ณ ตอนนี้ถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้
ห้องคอนโดตกแต่งด้วยไม้สีอ่อน ปูพื้นไม้แท้ กรุผนังด้วยวอลเปเปอร์และอิฐก้อน เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่ก็ถูกออกแบบให้มีชิ้นเดียวในโลกด้วยไม้ราคาแพงขัดเงา นอกระเบียงฝั่งติดกับครัวมีส่วนต้นแคคตัสเล็กๆ กับไม้ระย้าห้อยลงมาปกปิดแสงแดดจัดจ้าในตอนเช้าของทุกวันได้เป็นอย่างดี ผ้าปูสีนอนสีครีมไข่ไก่ ทุกๆอย่างออกแบบด้วยความอบอุ่น ตัวตนของ ’อชิร’ ที่มีอยู่จริง ในห้องนี้ อะไรที่ช่างตรงข้ามกับเขาอย่างไร้ที่ติ
คนบนเตียงขยับตัวเล็กน้อยก่อนครางอือเมื่อรู้สึกปวดศีรษะขึ้นมา ก่อนค่อยๆ ปรือตาขึ้น อชิรสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อรู้สึกตัวขึ้นมาว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ชายหนุ่มกระพริบตาพยายามเพ่งมองไปข้างหน้า สายตาที่ไม่ได้สวมแว่นทำให้เขามองเห็นไม่ชัด ส่วนคอนแท็กเลนส์กระเด็นไปไหนแล้วไม่แน่ใจ
“เมธ?” เขาเอ่ยเสียงเรียก เมธัสค่อยๆหันกลับมามอง ถอนหายใจ
“กินไปเท่าไหร่เนี่ย”
คนอาวุโสกว่าไม่ตอบ กดขมับแน่นแล้วนวดเบาๆ “กี่โมงแล้ว”
“จะตีสี่แล้ว” พูดจบเสียงเมสเสจไลน์จากมือถือเมธัสก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มเอื้อมมือหยิบมาดูก่อนพบว่ามันเป็นไลน์จากเพื่อนรักพระพาย ที่ทักมาถามว่าอยู่ไหนแล้ว
“อืม” อชิรถอนหายใจ เขาเบี่ยงตัวหนุนหน้าไปอีกทาง
“คุณเป็นบ้าอะไรเนี่ย” เมธัสถามด้วยปลายเสียงติดหงุดหงิด
“เปล่า เครียดๆน่ะ มีหลายเรื่องเข้ามา งาน แล้วก็หลายเรื่อง” เขาตอบเป็นคำตอบปลายเปิด ไม่บอกอะไรชัดเจน แต่เมธัสก็พอจะเดาได้ ภรรยาเก่าของเขาน่าจะกลับเข้ามาในชีวิตอีกเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ เมธัสปวดหนึบในใจอยู่หน่อยๆ ก่อนเลื่อนตัวไปนั่งข้างๆคนที่นอนหลับตาอยู่ เขายกมือลูบหัวคนข้างกายเบาๆ นวดคลึงมันช้าๆอย่างเบามือ
เมธัสไม่ใช่คนพูดอะไรเยอะหรอก เขาทำให้เห็นมากกว่า เขารู้สึกยังไงก็ไม่เคยโกหก ไม่ใช่โกหกไม่เก่ง บทจะไม่ให้รู้เขาจะไม่แสดงออกแม้กระทั่งแววตา แต่กับอชิร มันเป็นอะไรที่ประหลาด เมธัสไม่พูดเยอะ แสดงออกมาก แต่ไม่ตรงไปตรงมา และไม่เป็นตัวของตัวเอง เป็นกึ่งกลางของอะไรบางอย่างที่เขาอยากจะรู้และเข้าใจมันเหมือนกัน
เขาเลื่อนตัวลงนอนข้างๆคนที่หันหน้าหนี เลื่อนแขนให้อีกฝ่ายหนุนนอนสบาย อชิรถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างผ่อนคลาย เขาเป็นผู้ชายอายุยี่สิบเก้าย่างสามสิบที่ยังดูอ่อนกว่าวัยนัก ดูเด็ก น่ารัก และเปราะบางในโมงยามนี้ แม้ว่าในเวลาทำงานเขาอาจจะเป็นอีกคนที่คล่องแคล่ว ฉลาด และหล่อเหลา อชิรผ่านการแต่งงานมาหนึ่งครั้ง และจากนั้นก็เลิกรากันไปทั้งที่ชีวิตข้าวใหม่ปลามันยังไม่ครบขวบปี
เมธัสมองคนในอ้อมแขนอย่างบอกไม่ถูก ผู้ชายที่สอนงานเขาในสามเดือนแรก ก่อนที่จะให้ผลักเขา กระโจนออกไปรู้งานด้วยตัวเองกับทีมอื่น ผู้ชายที่ใจดีแต่เหมือนมีอะไรในใจที่คุณไม่มีทางจะรู้ว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่ ผู้ชายที่ปากอย่างใจอย่าง ผู้ชายที่ร้องไห้ได้น่ารักที่สุด
เด็กหนุ่มยกใบหน้าขึ้น ก่อนแตะริมฝีปากลงบนแก้มขาวเบาๆ เขาซุกจมูกลงบนซอกคอเรียวขาว กัดมัน ประทับมันไว้ด้วยริมฝีปาก ฝ่ามือร้อนเลื่อนแตะหน้าท้องอีกฝ่าย ปลดกระดุมอย่างรวดเร็ว อชิรครางอือ ส่ายหัว
“เมธ เราปวดหัว”
“เอาออกสักรอบเดี๋ยวก็หาย” เมธัสไม่ฟัง
“นี่” เสียงเล็กๆเหมือนเสียงของมดตะนอยฟังยังไงก็ไม่เหมือนคนที่ปฏิเสธจริงจัง เมธัสจับคนข้างกายนอนหงาย ก่อนเลื่อนตัวขึ้นนั่งคร่อม เด็กหนุ่มถอดเข็มขัดปลดกระดุมอย่างรวดเร็ว
“ทำให้หน่อยสิ”
“เมธ เราบอกว่า---” เมธัสเอาแต่ใครแค่ไหนใครๆก็รู้ แม้กระทั่งคนที่เขารักเขาก็ยิ่งเอาแต่ใจ นิสัยติดตัวแย่ๆที่อชิรไม่ชอบเอาเสียเลย เมธัสหวงอะไรเขาก็จะทำให้สิ่งนั้นสนใจแต่เขาอย่างเดียว
ท่อนเนื้อร้อนถูกสอดเข้าไปในโพรงปากอุ่น ปิดปากอชิรให้ไม่ต้องบริภาษอะไรใดๆอีกต่อไป เมธัสมองคนตรงหน้าที่นอนหอบหายใจหน้าแดง มีของๆเขาอยู่ในปากแล้วนึกคึกกว่าเดิม เขายกมือลูบเรือนผมนุ่มอย่างทะนุถนอม ขัดกับสะโพกหนาที่ขยับรัวเร็ว อชิรมองใบหน้าหล่อเหลาตรงหน้า
“อชิ” เสียงแตกพร่าเรียกชื่อคนที่นอนอยู่ด้วยหลากหลายความรู้สึก เมธัสเลื่อนตัวออก เขาจูบไล่ทั้งใบหน้าของคนใต้ร่าง ประกบปากจูบอย่างแนบชิดและโหยหา อชิรค่อยๆยกท่อนแขนขึ้นคล้องไหล่เมธัส ก่อนแผ่กายลงตรงหน้าอย่างสมยอมแล้วทุกๆอย่าง
-----
เซ็กซ์ที่ดีที่สุดเกิดขึ้นกับอชิร เมธัสไม่ปฏิเสธว่าอชิรคือผู้ชายคนแรกของเขา ส่วนเขาจะเป็นคนที่เท่าไหร่ของอชิรเขาไม่ใคร่รู้สักนิด เมธัสผินหน้ามองฟ้าหลากสี ตะวันของวันใหม่ เกิดขึ้นตรงหน้าสมใจอยาก บุหรี่มวนที่สองถูกจุดขึ้น ก่อนประตูระเบียงจะเปิดออกจากอีกฝั่งของห้องคอนโด อชิรสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ ถือบัวรดน้ำออกมาด้วยจากประตูฝั่งห้องครัว ระเบียงห้องนอนและห้องครัวเชื่อมกัน แต่สวนเล็กๆของอชิรกินพื้นที่แค่บริเวณครัวเท่านั้น
“เบบี้กรีนคอสกินได้แล้วนี่ ตื่นมากินสลัดกันไหม”
“ได้หมด” เมธัสว่า เขาขยี้บุหรี่ทิ้ง อชิรไม่ชอบกลิ่นบุหรี่ ถึงไม่บอกตรงๆ เมธัสก็รู้ ซึ่งเมธัสก็ใส่ใจบ้างไม่ใส่ใจบ้างกับเรื่องนี้
มองเสี้ยวหน้าที่เอียงคอรดน้ำต้นไม่ของตัวเองอย่างรักใคร่ เมธัสเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ
“ผมเอาเสื้อผ้าลงไปทิ้งร้านซักรีดนะ จะได้นอนยาวๆ”
“เปิดแล้วเหรอ”
“ยัง แต่เดี๋ยวเขียนโน้ตไว้ก็ได้แหละ ไม่หายหรอก”
“อืม” อชิรพยักหน้าเบาๆ ไม่ตอบ
เมธัสเอาถุงเสื้อผ้าของทั้งเขาและอชิรไปทิ้งไว้หน้าร้านซักรีด ตลกชะมัดชีวิตช่วงนี้แทบไม่ได้กลับบ้าน ยังคิดอยู่เลยว่าถ้าพระพายเกิดอยากมานั่งเล่นเกมขึ้นมาจะบอกเพื่อนว่าอย่างไร แม้จะชอบปากดีชวนเพื่อนมานั่งเล่นบ้านตัวเองยิกๆ ก็เถอะ ระหว่างเขากับอชิรเกิดขึ้นมาได้เกือบสองเดือนแล้ว เป็นสองเดือนที่เขาไม่ได้เล่าให้พระพายฟัง ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ไม่รู้ตัวเองรู้สึกยังไง ที่สำคัญไม่รู้อชิรรู้สึกยังไงหรือคิดอะไรอยู่ ไม่ปฏิเสธแต่ไม่เอ่ยปากต้อนรับ ไม่ขัดขืนแต่ไม่สมยอมเสียทุกครั้ง ให้เขาเข้าออกคอนโดนี้ได้แต่ก็ไม่พูดว่าเป็นอะไรกัน และบางครั้งอชิรยังแอบร้องไห้แล้วรีบปาดน้ำตา
หรือว่าอชิรเห็นว่าเขาเป็นลูกพ่อ พ่อซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับคุณริค เจ้าของบริษัท พ่อด้วยซ้ำที่ให้เขามาเริ่มงานที่บริษัทนี้ ก่อนที่จะกลับไปสานต่อบริษัทของพ่อ พ่ออยากให้เขาปีกกล้าขาแข็งพอที่จะเถียงพ่อ คิดเห็นขัดแย้ง และไม่อยู่ในเงาพ่ออีกต่อไป
เพราะแบบนั้นอชิระเลยไม่กล้าหือกับเขา ใครๆก็รู้ว่าเขาเป็นเด็กเส้น เส้นใหญ่แค่ไหนเขาก็รู้กันหมด ซึ่งเมธัสก็ไม่แคร์หรอกเพราะฝีมือของเขาพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นอยู่แล้วตั้งแต่สองสามเดือนแรก
นี่ก็จะครบปีแล้วที่เขาทำงานที่นี่ พอครบปีก็อาจจะถึงเวลาที่เขาควรกลับไปยังที่ๆ เขามาเสียที
กลับขึ้นไปบนห้องนอนพบว่าแสงแดดอ่อนๆสาดส่องเข้ามาอย่างน่ามอง อชิระสวมชุดคลุมอาบน้ำเอนตัวอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ เมธัสเข้าไปในห้อง ปิดประตูอย่างเบามือ เสียงสวบสาบของสลิปเปอร์ต่างหากที่ทำให้อชิรเงยหน้าขึ้นมาจากสิ่งที่จดจ่อ เด็กหนุ่มเดินเข้าไปหา ถอดเสื้อยืดวางไว้ที่โซฟาเบดปลายเตียง เดินไปปิดม่านให้สนิท
“นอนเถอะ” เมธัสว่า ดึงแว่นลงจากดั้งจมูกของอีกคน ผิวหน้าของอชิรเนียนละเอียดไม่แพ้พระพาย อชิรแค่ไม่ขาวเท่า และใบหน้าคมคายกว่าก็เท่านั้นเอง
เมธัสจูบเบาๆลงบนกระหม่อม เขาดึงตัวอชิรลงนอน กดรีโมทปิดไฟในห้อง เด็กหนุ่มดึงเชือกเสื้อคลุมออก ค่อยๆคลายเนื้อผ้า
“หนาว” เสียงคนแก่กว่าท้วง เมธัสไม่หยุดมือ เขาดึงจนเนื้อผ้าหลุดจากร่างขาว อชิระตัวสูงโปร่ง รูปร่างดี แม้จะเตี้ยกว่าเขานิดหน่อยก็ตาม
“เดี๋ยวก็อุ่น” เมธัสไม่ได้บอกไปว่าชอบแนบเนื้อขาวๆนี่มากกว่า
สอดแขนรองใต้คอให้อชิระหนุนนอน เมธัสกดจมูกลงบนเรือนผมหอม เด็กหนุ่มรั้งกายขาวแนบตัว ก่อนหลับจมสู่ห้วงนิทราไปด้วยกัน
-----
ถ้าบอกว่าอชิระควรได้รับรางวัลตุ๊กตาทองคำก็คงต้องเชื่อ เพราะเมื่อก้าวสู่ที่ทำงานแล้ว อชิรเป็นอีกคน ไม่ใช่คนเดิมที่เมธัสรู้จักในคอนโดห้องนั้น
อชิรซึ่งทำงานเก่ง เคร่งครัด เข้มงวดกับตัวเอง และเป็นที่ชื่นชอบของสาวๆ แม่ว่าเขาจะเป็นพ่อม่ายก็เถอะ
บางครั้งเมธัสก็แอบจะรำคาญ
แต่ตอนนี้เขาถูกย้ายมาทำงานภายใต้พี่อีกคนหนึ่ง ก็ทำอะไรไม่ได้ แม้แต่อาหารกลางวันจะไปกินด้วยกันก็ยังยากเลยถ้าไม่สบโอกาสดีจริงๆ เมธัสรู้ดีว่าถ้าดื้อด้าน เอาแต่ใจกับอชิร ทุกอย่างต้องจบลงอย่างรวดเร็วแน่นอน
ทั้งที่มันแทบไม่เริ่มต้นด้วยซ้ำ
“ขอบคุณครับเมธ” เมื่อเขาหยิบเอกสารที่อชิรขอดูส่งให้ อีกฝ่ายเงยหน้าจากโต๊ะและยิ้มจางๆ ดูดีเสมอในเสื้อเชิ้ตคอจีนสีขาว แขนสั้น กับกางเกงผ้าลินินสีครีม และรองเท้าแตะหนังสวมใส่สบาย เมธัสพยายามมองให้อีกฝ่ายสบตา แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมอง
ช่วงมื้อกลางวัน แฟนหัวหน้าฝ่ายต้มแกงหม้อใหญ่มา คนอื่นเลยออกไปซื้อขนมจีนตะกร้าใหญ่ ต้มไข่ และซื้อไก่ทอดมาเสริม มื้อกลางวันวันนี้จึงไม่ต้องตากแดดปั่นจักรยานไปหาอะไรกิน เช่นกันกับไม่ต้องเสียเวลาทำงานมากนัก
เมธัสนั่งข้างน้ำตาลบนโต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ของชั้นรับประทานอาหารซึ่งอยู่บนสุด เหนือชั้นประชุมขึ้นไป ออกแบบให้เปิดประตูออกไปสู่ระเบียงกว้างกลายเป็นลานสังสรรค์ได้ นักออกแบบทั้งหลายนั่งกิน ยืนกินอาหารมื้อกลางวันกันด้วยความผ่อนคลาย แม้จะเป็นชั่วโมงเดียวที่ได้ละจากหน้าจอคอม
“ทำงานแบบนี้เสียสุขภาพชะมัด” น้ำตาลบ่น กวาดเส้นขนมจีนเข้าปากเซ็งๆ ช่วงหลังๆ หญิงสาวเริ่มบ่นว่าปวดไหล่ เนื่องจากนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวัน ส่วนเมธัสเองก็เริ่มนิดหน่อย แต่อาศัยลุกเดินเอา ช่วงหลังเขาห่างหายจากฟิตเนสไปมาก ตัวเริ่มย้วยยาน เพราะเอาแต่นอนจนเกือบเลยเวลาตื่นทุกที
เวลามาทำงานก็แปลก ทั้งๆ ที่เมธัสก็ค้างคืนที่คอนโด แต่อชิรไม่ยอมมาด้วยกัน มีแค่นานๆครั้ง เขาเลือกที่จะขึ้นรถไฟฟ้าและต่อรถมอเตอร์ไซค์ และบังคับให้เมธัสขับรถมา
มันเป็นกฏของอชิ ถ้าเมธัสอยากจะอยู่กับคนๆนี้ต่อไป เขาก็ต้องยอมรับว่ามันต้องเป็นแบบนี้ไปจนกว่าทุกอย่างจะชัดเจนขึ้น
“เออ อชิ” เสียงหัวหน้า พี่นพทักขึ้น อชิรที่นั่งกินข้าวเงียบๆอยู่ตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมา “เดี๋ยวจะไปดูไซต์งานเลยปะ”
“เนี่ย ว่าจะออกแล้วครับพี่”
“ไปไง ไปด้วยกันดิ พี่ว่าจะไปดูด้วยพอดี”
“ได้สิพี่”
เมธัสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าโปรแกรมไลน์ ก่อนพิมพ์ไปหาคนที่นั่งจับช้อนส้อมแทบจะทันที
‘จะไปแถวไหน’
อชิรเหลือบมองหน้าเด็กหนุ่มทันทีที่โทรศัพท์สั่น สายตาดุขึ้นมานิดหนึ่งทั้งที่ปกติจะดูใจดี เมธัสจ้องตอบ จนอีกฝ่ายเบือนหน้าหนีไปเอง
เมธัสมองแผ่นหลังบางที่เดินหายออกไปกับหัวหน้าใหญ่ เขากินข้าวต่ออย่างเซ็งๆ สักพักโทรศัพท์ก็เสียงดังขึ้น เป็นข้อความจากอีกคนที่เพิ่งเดินออกไปได้สักห้านาที ส่งกลับมา ‘วันนี้ไม่ต้องมาหรอก กลับบ้านไปเถอะ กว่าจะกลับก็คงดึก’
เมธัสชักจะหงุดหงิด นับหนึ่งถึงสิบในใจแล้วเก็บโทรศัพท์ลง อชิรคงคิดว่าเขาจะยอมง่ายๆ แต่ก็คงฝันไปนั่นแหละ
tbc.
สวัสดีค่ะ ลี่กลับมาต่อซีรีย์เรื่องสั้นนี้แล้วนะคะ
แต่เนื่องจากหายไปนาน ตอนของคู่ที่ 1 พระพายเลยถูกลบไป
คู่ของเมธัส เป็นคู่ที่ 2 ในซีรีย์แล้วค่ะ
สามารถไปตามอ่านคู่ของพระพายและพี่กวิน ได้ในแฟนเพจของไคลี่นะคะ ลิงก์อยู่ด้านบนก่อนตอนที่ 1 เลยค่ะ
เร็วๆ นี้ลี่จะเปิดพรีเล่มซีรีย์เรื่องสั้นนี้ ซึ่งจะมีทั้งหมด 4 คู่นะคะ
และปีนี้ ลี่จะออก 'รักชาชารีเทิร์น' รวมเรื่องสั้นของเพื่อนน้ำชา-โฟล์ค ให้อ่านกันราวเดือนมิถุนายนเป็นต้นไปนะคะ
ฝากติดตามกันด้วยค่ะ เข้ามาทักทายในแฟนเพจกันได้นะคะ ^^