ตอนที่ 19 พร้อม
ผมรู้ว่าจิงคงใจหายที่ต้องออกจากงานพาร์ทไทม์ที่ร้านกาแฟของชิน แต่ผมก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะเสียใจและเงียบไปขนาดนี้เพราะตั้งแต่เมื่อวานแล้วที่เขาเงียบไป ผมวางกระเป๋าไว้ข้างเตียงที่มีคนตัวเล็กนอนหลับอยู่ ก้มลงไปหอมหน้าผากมนแล้วเดินเข้าไปอาบน้ำ พอออกมาจากห้องน้ำจิงก็เปลี่ยนท่านอนหันหลังให้ผม
ผมรู้ว่าเขาไม่ได้หลับ รู้ตั้งแต่เข้าไปหอมหน้าผากเขาแล้ว จิงแปลกไปจริงๆ ปกติแล้วถ้าผมกลับจากที่ทำงานเขาจะเข้ามากอดมาอ้อนผมหรือบางครั้งก็เล่าเรื่องราวที่เจอในมหาลัยให้ผมฟัง แบบนี้มันผิดปกติเกินไป ผมเริ่มกังวลเลยตัดสินใจขึ้นไปบนเตียงคร่อมคนตัวเล็กกว่าไว้ ถึงจะทำแบบนี้จิงก็เอาแต่นอนหันหลังแบบเดิม สายตาเขาเอาแต่มองออกไปนอกระเบียงโดยไม่สนใจผมที่คร่อมตัวเขาอยู่เลยสักนิด
“ไปมหาลัยมาเป็นยังไงบ้างครับ” ถามแล้วจับแขนคนที่นอนอยู่ด้านล่างออกแรงดึงให้เขานอนหงาย ผมก้มลงไปสูดดมความหอมจากพวงแก้มนุ่มนิ่มซุกอยู่แบบนั้นและสูดดมเข้าไปจนสุดปอด “หืม”
“อือ” จิงครางตอบรับผมในลำคอและดันหน้าผมออกเบาๆ และในตอนนี้เองที่เราได้สบตากัน
“จิงเป็นอะไร” ผมถามออกมาทันทีที่เห็นแววตาของเขา
“เปล่า” เขาว่าพร้อมหลบตาผมและความอดทนผมก็สิ้นสุดลง
ผมก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากเล็กอย่างรวดเร็ว บดเบียดเข้าหาด้วยความรุนแรง ขบเม้มริมฝีปากล่างของเขาแรงขึ้นเมื่อเขายังคงปิดปากแน่นไม่ตอบรับกัน จิงตกใจและเผลออ้าปาก ตอนนั้นเองที่ผมส่งความชื้นไปทักทายลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดและดูดแรงขึ้น เมื่อนึกโกรธที่เขาไม่ยอมพูดและเอาแต่เงียบ...นี่คือบทลงโทษของเด็กดื้อของผม
“อื้อ” จิงประท้วงด้วยเสียงในลำคอแล้วใช้มือทุบอกผม ผมถอนจูบผละใบหน้ามาจ้องตาเขาตรงๆ ใช้มือลูบไปทั่วตัวเขา จิงสะดุ้งกับสัมผัสของผมและเริ่มดิ้น “...พี่นน”
“ยอมพูดกับพี่แล้วใช่ไหม” ว่าแบบนั้นแล้วก้มลงไปจูบริมฝีปากเล็กอีกรอบ มืออีกข้างก็ล้วงไปใต้เสื้อยืดตัวโคร่ง ลูบไล้ไปบนหน้าท้องแบนนุ่มนิ่ม ผมถอนจูบออกมาอีกครั้งและเรียกชื่อเขาด้วยความปรารถนา บางที...มันอาจจะถึงเวลานั้นแล้ว “จิง”
“ทำแบบนี้กับจิงทำไม ฮึก”
"โอเคๆ พี่ไม่ทำแล้ว” ผมตกใจและรีบผละตัวออกจากเขาหลังจากที่เห็นว่าคนใต้ร่างตัวเองกำลังร้องไห้และมองมาที่ผมอย่างตัดพ้อ ผมถอนหายใจและเช็ดน้ำตาเขาออกจาด้วยปลายนิ้วของตัวเอง “ไม่ร้องนะครับ พี่ขอโทษ จิงไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร พี่รอได้"
"ฮึก พี่โกหกจิง..."
“...” กลายเป็นผมที่นิ่งไปบ้างเพราคำพูดของเขา
“คนโกหก” ใจผมหล่นหายไปอยู่ที่พื้นเพราะสายตาของเขาที่มองมา ราวกลับเขารู้แล้ว รู้ความจริงทั้งหมด
"พี่โกหกเราเรื่องอะไรครับ" ผมพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น พร้อมประคองใบหน้าเล็กให้หันมาสบตากันตรงๆ "ไหนบอกพี่สิ"
"จิง...ได้ยินพี่คุยกับพี่ชิน"
"...." ความลับไม่มีบนโลกใบนี้...
"ที่ผ่านมามันเป็นเรื่องโกหกหมดเลยใช่ไหม"
"...จิง" ในที่สุดก็ถึงวันที่เขารู้ วันที่ผมต้องบอกความจริงของผมออกไป
"โกหกจิงทำมะ อื้อ" ผมก้มลงมอบจูบให้เขาอีกครั้งแต่ครั้งนี้ผมจูบเขาด้วยความอ่อนโยน พยายามไล่ต้อนมอบความหวานให้เขาอย่างระมัดระวัง จิงยังคงหลับตาแน่นและยื้อใบหน้าตัวเองออก
"ฟังพี่นะจิง" ผมพูดตอนถอนริมฝีปากออกมาและก้มลงไปสัมผัสให้ริมฝีปากเราแตะกันเบาๆ อีกครั้ง "ได้โปรด ฟังพี่นะครับ"
"..." จิงเงียบไปและยอมเงยหน้าสบตาผมในที่สุด ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยน้ำตา ผมซุกหน้าลงกับซอกคอหอมก่อนจะกดจูบลงไปเบาๆ แต่เสียงที่ดังขึ้นมาข้างหูก็ทำเอาผมเจ็บปวดไปทั้งใจ “จะโกหกอะไรจิงอีก”
"ต่อไปนี้พี่จะพูดแต่ความจริง” ผมพูดตอนที่ปาดน้ำตาเขาออกและจ้องตาเขาไว้ด้วยความจริงใจ “แค่ถามพี่มาพี่จะตอบทุกอย่างตามความจริงนะครับ"
“พี่เป็นใคร”
“...” เป็นผมที่ชะงักไปและจ้องมองดวงหน้าน่ารักด้วยความกังวล...กังวลว่าเขาจะเกลียดผม
“แค่นี้ก็ตอบไม่ได้แล้วเหรอ”
“จิง” ผมเรียกชื่อเขาและดึงแขนให้เราลุกขึ้นนั่งหันหน้าเข้าหากัน ผมจับมือเล็กไว้ดึงมาจูบหนึ่งครั้งและเริ่มที่จะเล่าความจริงออกไป “จำผู้ชายคนนั้นได้ไหม”
“...” จิงมองผมด้วยสยตาไม่เข้าใจ ผมยิ้มและลูบหัวเขาเบาๆ
“ผู้ชายท่าทางหน้ากลัวที่อยู่ที่สะพานนั้น ผู้ชายที่จิงยื่นดอกไม้ให้คนนั้น”
จิงเงียบไปก่อนจะเบิกตากว้างและมองหน้าผมด้วยความตกใจ
.
.
ความรักเป็นสิ่งที่ผมโหยหามันมาตลอด ในตอนที่พ่อแม่จากไป ผมก็ล้มทั้งยืนแต่ผมก็ตั้งหลักได้และมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อสะสางหนี้ของเจ๊หงส์ คิดว่าจะมีชีวิตอยู่กับการใช้หนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าหนี้จะหมดและลาโลกใบนี้ไป แต่แล้วผมก็ได้เจอความรักที่ผมวาดฝัน ความรักที่เป็นท้องฟ้าของผม ผมรักฟ้าแบบไม่เผื่อใจและคิดว่ามันจะอยู่ตลอดไป แต่ท้ายที่สุดความรักก็จากผมไปอีกครั้ง อดที่จะคิดไม่ได้ว่าทั้งหมดเป็นความผิดของผมเอง เป็นผมเองที่ไม่เหมาะกับความรัก
ผมเหม่อมองไปที่ท้องฟ้าที่เริ่มกลายเป็นสีที่เข้มขึ้น ความเงียบทำเอาใจที่โดดเดี่ยวของผมเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง ทั้งที่คิดว่าจะมีความสุขกับความฝันที่จะได้สร้างครอบครัวกับฟ้า สุดท้ายผมกลับตกลงมาจากฝันอันสวยงาม แผ่นหลังกระแทกกับความจริงที่ว่าไม่เหลือใคร มันช่างเจ็บปวดจนไม่อยากหายใจต่อไป
ไม่มีใครรัก ไม่มีใครสนใจ จะอยู่ไปเพื่ออะไรกัน
ผมจับราวสะพานแน่น หลับตาลงและเตรียมกระโดดข้ามชีวิตตัวเองไป
จะมีชีวิตต่อไปทำไม ในเมื่อผมมันก็เหมือนคนไม่มีชีวิตแล้ว
“นี่...”
“...” ผมลืมตาโดยอัตโนมัติและหันไปหาทางเสียงที่ดังขึ้นจากข้างหลัง
“จิงให้”
ดวงตากลมโตพยายามจับจ้องมาที่ผมอย่างจริงใจ ส่วนผมมีแต่ความเงียบมอบกลับไปให้เขา สายลมพัดมาระลอกใหญ่ทำให้เส้นผมคนตรงหน้าพัดไปตามสายลม
เส้นผมสีดำที่ปลิวไปตามสายลม ดูอ่อนไหวและนุ่มสลวยเหมือนใบหน้าของเขา “ความจริงแล้วจิงไม่ค่อยอยากได้แต่ก็ต้องรับไว้น่ะ” เขาว่ายิ้มๆ แล้วยื่นดอกไม้หนึ่งดอกมาตรงหน้าผม “จิงว่าพี่คงอยากได้มันมากกว่า...จิงให้”
“...”
“สุขสันต์วันแห่งความรักครับ”
สุดท้ายดอกกุหลาบสีแดงสดหนึ่งดอกก็มาอยู่ในมือผม ผมลอบมองสังเกตเขา เขาสูงแค่อกผมชุดนักเรียนที่เขาใส่อยู่มีดาวสี่ดวงอยู่บนปกเสื้อทำให้ผมรู้ว่าเขาคงจะอยู่ชั้นม.สี่และอักษรย่อที่อกบอกว่าเขาเรียนโรงเรียนเอกชนแถวนี้
“พี่ว่าถ้าเราตกลงไปจะตายไหม” เขาทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้แล้วเดินไปเท้าแขนมองลงไปที่แม่น้ำด้านล่างด้วยความสงสัย
“ไม่น่ารอดครับ” ผมว่าและเดินไปเท้าแขนที่ราวสะพานข้างเขา...ผมรู้ว่าเขารู้ว่าผมคิดจะทำอะไร
“พี่จะโดดลงไปจริงๆ เหรอ” แต่เขายังคงแกล้งถามผมทั้งที่รู้อยู่แล้ว
“ใช่...” ผมเงียบไปแล้วย้ายสายตาตัวเองมองไปที่สายน้ำที่ไหลผ่านไป “รู้ได้ยังไง”
“ไม่รู้เหมือนกัน” เขาว่ายิ้มๆ กับตัวเอง
“ผมเคยโดดแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อไม่กี่ปีมาแล้ว” ผมเคยโดดตอนที่พ่อแม่จากผมไป...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมผมถึงบอกความจริงกับเขา อาจจะเพราะว่าผมไม่ได้คุยกับใครมานานหรือบางทีอาจจะเป็นเพราะเขา “แต่ตอนนั้นเป็นหน้าร้อนน่ะ ผมแขนหักเพราะน้ำลึกไม่พอ แต่ถ้าเป็นตอนนี้ต่อให้ผมเคยเป็นนักกีฬาว่ายน้ำยังไงก็คงไม่รอด”
“สุดยอดเลย” ผมมองใบหน้าด้านข้างของคนที่ยังคงยิ้มให้ผม “เป็นนักกีฬาว่ายน้ำนี่สุดยอดไปเลย จิงนะทั้งว่ายน้ำไม่เป็นแถมยังเรียนไม่เก่งอีก”
“หึ” ผมหลุดขำกับประโยคที่เด็กคนนี้พูดออกมา “เราแทนชื่อตัวเองแบบนี้กับทุกคนเลยเหรอ”
“ใช่ จิงติดแล้วน่ะ ฮ่าๆ” เขาหัวเราะและหุบยิ้มลงไปเล็กน้อย “พี่น่ะดีมากเลยนะ ที่มีเรื่องที่เก่งบ้าง จิงน่ะนะนอกจากรักป๊าเก่งแล้ว นอกนั้นก็ห่วยหมดเลย”
“หึ” ผมมองแววตาที่มีความสุขของเขาด้วยใจที่บีบรัด แม้ในนั้นจะมีความสุขแต่ผมก็รู้ว่ามันมีบางอย่างซ่อนอยู่ “...ตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว พี่ว่าเรากลับบ้านดีกว่าไหม”
“อือ พี่ก็ด้วยล่ะ รีบกลับนะ”
“พี่ไม่เป็นไรหรอก”
“เป็นสิ”
“...” ผมเงียบไปแล้วสบสายตาเข้ากับเด็กที่ยืนอยู่ข้างกาย ทั้งที่หลีกเลี่ยงการสบตากับคนอื่นมาตลอด ทั้งที่กลัวจะรับรู้ถึงความรู้สึกของคนอื่น ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่ผมก็ยังคงจ้องตาเขาและเขาก็จ้องตาผมกลับ ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน
น่าแปลก...ที่ไม่กลัว
น่าแปลก...ที่ความรู้สึกโดดเดี่ยวที่ซ่อนไว้ถูกพังทลาย
ราวกับเจอคนคนเดียวกัน
“พี่อาจจะคิดว่าพี่ไม่เป็นไร แต่จริงๆ ก็เป็นใช่ไหมล่ะ”
“...”
“กลับบ้านดีๆ จิงเป็นห่วงพี่นะ” เขาว่าแบบนั้นแล้วยิ้มให้ผมอีกครั้ง ก่อนที่จะโบกมือลาผม “บาย”
ผมยืนอยู่ที่เดิมมองแผ่นหลังเล็กที่ถือกระเป๋าและช่อดอกไม้พะรุงพะรัง หันหลังเดินจากไป มองดอกไม้สีแดงในมือ ผมนึกถึงรอยยิ้มของเขาอีกครั้ง มันไม่ใช่รอยยิ้มที่สวยที่สุดแต่เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ผมนึกย้อนถามตัวเองว่ากำลังทำอะไรอยู่
สายลมพัดผ่านไปอีกครั้ง ผมปล่อยมือจากราวสะพานและหันกลับไปมองทางที่เขาเดินจากผมไป เด็กที่แทนตัวเองด้วยชื่อ เด็กที่มีรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ เด็กที่มอบดอกไม้หนึ่งดอกให้ผม เขาหายไปแล้วและเราคงไม่ได้เจอกันอีก...น่าแปลกที่ตอนนี้ผมกลับอยากมีชีวิตอยู่
บางทีอาจจะเป็นเพราะเขา เขาที่อ่อนแอและเข้มแข็งในเวลาเดียวกัน
เขาทำให้ผมอยากจะมีชีวิตอีกครั้ง แม้ผมจะรู้ว่าชีวิตในวันข้างหน้าของตัวเองนั้นคงจะเป็นชีวิตทุลักทุเลไปบ้าง
แต่ผมก็ยังอยากที่จะอยู่... อยากที่จะเห็นดอกไม้ที่พยายามจะผลิบานต่อไป
ผมว่า...ผมเข้าใจแล้วล่ะ
.
.
“รู้ไหมว่าพี่เจ็บปวดแค่ไหน ตอนที่พี่เห็นเราอยู่ที่เดิม” ผมแล้ววางดอกไม้ที่เคยเป็นสีแดงสดลงบนมือของเขา
“..ฮึก” จิงสะอื้นและมองดอกไม้แห้งเหี่ยวที่แสนบอบบาง
“ที่เดิม...ที่พี่เดินออกมาเพื่อเด็กคนนั้น แต่เขากำลังจะทำในสิ่งที่พี่เคยอยากทำ”
“...”
“จิงคือคนที่ทำให้พี่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ” ผมมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของ ก้มหน้าลงไปจูบที่ดวงตาที่เริ่มบวมจากการร้องไห้ “พี่จะไม่ขอให้จิงมีชีวิตเพื่อพี่ แต่ได้โปรดมีชีวิตต่อไปเถอะนะ”
“...จิงจะอยู่กับพี่”
"จิงรู้ใช่ไหมว่าเราต้องโตขึ้น เราจะหนีไปตลอดไม่ได้" ผมดึงเขาเข้ามากอดและลูบผมเขาเบาๆ "พี่อยากเห็นจิงได้ทำตามฝัน มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตนะ"
"พี่พูดเหมือนเป็นสูตรสำเร็จอะ" จิงยื้อตัวเองออก แล้วมองผม
"เปล่าพี่พูดความจริง” ผมว่าแล้วช่วยเขาเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า “ถ้าชีวิตเราไม่มีหนึ่งในที่พูดมาคงจะเศร้าน่าดู"
"จิงไม่มีอะไรแบบนั้นหรอก"
"พี่ก็ไม่มี แต่ตอนที่พี่อยู่กับจิงพี่ความสุขมากๆ เลย” ผมเงียบไปและถามเขาต่อ “จิงอยู่กับพี่ จิงมีความสุขไหม"
"อือ"
"เข้าใจหรือยังครับ" ผมถามเด็กที่โตขึ้นจากวันนั้นมากทีเดียว
"ไม่เข้าใจ" เขาตอบผมเสียงเบาก่อนจะพิงหัวนั้นลงมาที่อกผม
"พี่รักจริง" ผมพูดออกไปโดยไม่รู้เลยว่าความรักที่ผมมีให้เขาจะเพียงพอให้เขาเปลี่ยนความคิดไปรึเปล่า
"จิงก็รัก แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี” เขาว่าอู้อี้กับอกผมแล้วจับมือผมไว้แน่น “ถ้าจิงไม่มีพี่แล้ว จิงจะอยู่ยังไง จิงจะมีความสุขได้ยังไง"
"ไม่เห็นต้องกังวลเลย พี่จะอยู่กับจิงเสมอ"
"จริงนะ"
“ครับ” ผมว่าและก้มหน้าลงไปชิดแนบหน้าผากเราเข้าหากัน “พอรู้ว่าพี่คือคนนั้นแล้ว จริงกลัวพี่ไหม”
“ไม่อะ” จิงก้มลงมองมือตัวเอง “พอรู้ว่าพี่คือเขาคนนั้น จิงรู้สึกว่าเราผูกพันกันมากกว่าเดิมอีก”
“จิง...” ผมกอดเขาอีกครั้งและเพราะความรู้สึกผิดที่ล้นออกมาจากใจ ทำให้ผมเริ่มบอกความจริงออกไป “ครั้งแรกที่พี่เจอจิงพี่จำจิงได้ทันทีและเจ็บปวดที่เห็นจิงเป็นแบบนี้ ในตอนแรกแผนของพี่คือทำให้จิงหยุดความคิดแบบนั้น ทำยังไงก็ได้ให้ดอกไม้ของพี่อยู่ไปตามกาลเวลา”
“...”
“แล้วพอจิงยืนขึ้นได้อีกครั้ง พี่ก็จะขอมองดูอยู่ไกลๆ มองดอกไม้ของพี่เติบโตไปเรื่อยๆ” ผมจูบลงขมับเขาเบาๆ แล้วพูดต่อ “แต่พี่ไม่ได้เตรียมแผนสำรองสำหรับรักเราไว้เลย...ไม่คิดเลยว่าพี่จะรักเราขนาดนี้ รักจนกลัวที่จะบอกความจริง กลัวที่จะเสียความรักไป”
“...”
“จิงเกลียดพี่ไหม”
“จิงไม่เกลียดพี่” เขาพูดเสียงเบาและจ้องมองดอกไม้ดอกนั้น “จิงรักพี่”
“จิง...พี่รักจิง รักมาก” ผมว่าแล้วเกลี่ยน้ำตาออกจากใบหน้าเนียน จิงยิ้มให้ผมแล้วลูบแก้มผมไปมา
“ตอนนั้นพี่หนวดเฟิ้มเลยอะ ไม่เห็นจะหล่อเหมือนตอนนี้เลย”
“หึ” ผมยิ้มกว้างเพราะคำพูดน่ารักของเขา “ไม่โกรธพี่ใช่ไหมครับ”
“โกรธ” ผมใจหาย แต่ก็กลับมายิ้มกว้างกว่าเดิมด้วยประโยคถัดมาจากเขา “โกรธที่พี่ปล่อยให้จิงเป็นจิงที่ไม่รู้อะไรเลย ปล่อยให้พี่จำได้อยู่คนเดียว”
“ขอโทษครับ”
“ต่อไปนี้เราจะมีแต่ความจริงนะ”
“ครับ”
“จิงหายโกรธแล้ว จริงๆ ไม่โกรธเลยด้วยซ้ำ จิงกลัวและเสียใจมากกว่าถ้าที่ผ่านมาเป็นเรื่องโกหก แต่พอรู้ความจริงแล้ว ในใจจิงมันอุ่นไปหมดเลย”
“ไหนขอจับหน่อย”
“พี่นน!”
“หึ”
“อย่าเพิ่งกวนจิงมากนะ จิงยังไม่หายงอนเท่าไหร่หรอกนะ” เขาว่าพร้อมกอดอกจ้องผม ก่อนที่จะทำหน้าตกใจ “เฮ้ย นี่พี่ชอบจิงตั้งแต่ตอนม.สี่เลยเหรอ”
“ไม่ใช่ครับ”
“อ้าว แล้วตอนไหนอะ”
“ตอน...จิงทำท่าเห่า”
“ฮ่าๆๆๆ” จิงขำตัวโยนและซบหัวลงที่หัวไหล่ผม “โอ๊ย ท้องจิง ฮ่าๆๆๆ”
“ครับ” ผมพยายามทำหน้านิ่งไม่สนใจคนตัวเล็กที่หัวเราะจนน้ำหูน้ำตาไหล
“ฮ่าๆ แล้วที่เราเจอกันที่เสาไฟฟ้านั่นก็เป็นแผนด้วยเหรอ”
“ไม่ครับ นั่นบังเอิญจริงๆ” ผมว่าไปตามความจริง “แผนพี่เริ่มตอนที่เราสัญญากันน่ะครับ”
“อ่อ แล้วพี่กับพี่ชินสนิทกันเหรอ” ผมมองคนตัวเล็กที่เริ่มถามผมไม่หยุดเป็นเจ้าหนูจำไม
“ใช่ แต่เรื่องพาร์ทไทม์ร้านชินมันขาดคนจริงๆ” ผมดึงมือเขามากุมไว้อีกครั้ง “เรื่องของเรานั้นมันบังเอิญหลายอย่าง จนบางครั้งพี่ก็คิดว่าใครกำหนดไว้รึเปล่า”
“เน่าอีกแล้วอะ” จิงว่าแบบนั้นก่อนจะเบะปาก แต่ผมก็สังเกตเห็นว่าหน้าเขาแดงขึ้น
“ขอโทษที่พี่ไม่บอกเราให้เร็วกว่านี้ จนจิงต้องมารู้เองแบบนี้ ขอโทษที่ทำให้จิงรู้สึกแย่”
“อือ แค่พี่บอกความจริง แค่พี่รักจิงจริงๆ ก็พอแล้ว”
“จิง” ผมมองภาพคนตัวเล็กที่ดึงมือผมไปแนบแก้มตัวเองไว้แล้วช้อนสายตาอ้อนผมด้วยใจเต้นรัว “พี่ว่าพี่คิดแผนใหม่ได้แล้วล่ะครับ”
“แผนอะไรอะ” เขามองสบตาผมอย่างสนใจ
ผมอาศัยตอนคนตัวเล็กเผลอ ก้มลงไปจูบปากเล็กแรงๆ อีกครั้ง ไม่ได้ตั้งใจจะถลำลึกแต่ใจของผมก็อดไม่ได้ที่จะเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อลิ้นเล็กที่สั่นไปด้วยความประหม่าอยู่ดี ผมถอนริมฝีปากออกแล้วจ้องมองลึกลงไปที่ตากลมโต
“ทำให้เราเป็นของกันและกัน”
“...อะ”
“หน้าแดงใหญ่เลย” ผมหยอกล้อคนที่อ้าปากค้างและหน้าแดงลามไปถึงคอ จิงน่ารักจนผมเผลอหลุดพูดไป “ทำกันไหม”
“หะ ทำอะไร” จิงพูดติดขัดและชะงักไปที่ผมก้มลงไปจุ๊บที่คอเขาเบาก่อนที่จะตะโกนโวยวาย “พะ พี่นน!!”
“ครับ” ผมตอบรับยิ้มขำและดันคนตัวเล็กให้นอนลงกับเตียง ผมยิ้มและคร่อมเขาไว้ในอ้อมกอดแนบตัวทับคนข้างล่างไว้แนบแน่น พร้อมหยิบอะไรบางอย่างออกมาวางบนหัวเตียง
แกร่ก
“พี่เตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว”
“พะ พี่..” จิงอ้าปากค้างเรียกผมเมื่อมองไปที่สองสิ่งนั้นที่ผมเพิ่งวางไว้บนหัวเตียง
“พี่พร้อมแล้ว” ผมจูบจมูกรั้นแล้วหยิบซองออกมาจากกล่องสี่เหลี่ยมและแกล้งเปิดฝาเจลแกล้งคนข้างล่าง
“จิงไม่พร้อม!”
“เรามาเริ่มแผนต่อไปกันดีกว่า”
“ไม่เอา!!!” จิงร้องโวยวายและดีดดิ้นไปมาโดยที่ทั้งหน้านั้นแดงแจ๋ ผมยิ้มขำกับความน่ารักของเขา ก่อนจะก้มลงไปจูบหน้าผากคนที่เขินจนหน้าแดงตัวแดงไปหมด
“เอาเถอะ”
“ม่ายยยย”
**********************************************************************************
คำเตือนนิยายเรื่องนี้สามารถทำให้ท่านเป็นไบโพลาร์ได้
TBC