ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ ของขวัญวันปีใหม่ p.47 (29/12/56)  (อ่าน 462348 ครั้ง)

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
อูยกว่าจะได้อ่านต่อ คนเขียนหนีไปเที่ยวอีกแล้ว :เฮ้อ:

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
อิตาอ๊อฟแกจะพาน้องนะของชั้นไปไหนเนี่ย

มัน ค้าง ค่ะ ค้าง

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
พาไปไหนเนี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย ลูกเค้ามีพ่อมีแม่น่ะ อิอิ

ออฟไลน์ moonlight

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-0
อ๊อฟพานะไปไหนเนี่ย  o9

pickki_a

  • บุคคลทั่วไป
ผมพอจะรู้ว่าพี่อ๊อฟพาน้องนะไป....(ดึ๊งดึงดึ่งดึ่งๆๆๆๆ  :laugh: :laugh:)

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ไอ้ "ที่นี่" น่ะ มันที่ไหนน้อ อยากรู้จัง  :impress2:

LOT

  • บุคคลทั่วไป
ใจร้ายยยยยยยยยยยยยยยย ทิ้งไว้แบบนี้แล้วบอกว่ามาต่ออาทิตย์หน้า

เศร้าอ่ะ  >>>>>>>> มาต่อเร็วๆ นะคะ

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
น้องนะงอนน่ากดมาก
ก๊ากกกกกกกกกกก

+1 กลับคนแต่งเน้..

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
เพิ่งกลับจากไปเที่ยวตจว. เลยแวะมาทักทายก่อน ท่าทางคนอ่านสงสัยกันเยอะว่า "ที่นี่" ที่เจ้าอ๊อฟพาน้องนะไปนี่มันที่ไหน อืม รอเฉลยตอนหน้าละกันน้อ (ถ้างานไม่ยุ่งก็คงได้มาลงเร็วนะจ๊ะ)  :3123:


ปล. เพชรบูรณ์หนาวมาก ถุงมือมิได้ช่วยอะไรเล้ย เพื่อนบอกว่าหนาวกว่าภูกระดึงอีก  o21




ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
อยากไปมั่ง

ป้าได้เที่ยวเยอะอ่ะ

ดีจัง

^^

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
ตอนที่ 14: กันและกัน


“ห้องของคุณจะอยู่ด้านในสุดฝั่งซ้ายนะคะ ขับรถเข้าไปจอดได้เลย ส่วนพรุ่งนี้เช็คเอาต์ได้ตอนเที่ยง ว่าแต่นี่มาเที่ยวหรือคะ?”


“ก็...ทำนองนั้นแหละครับ”

ผมยืนรอพนักงานต้อนรับคีย์ข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์ไปพลางก็เอานิ้วเคาะเคาน์เตอร์ไปด้วย พอเหลือบไปมองรถของตัวเองที่จอดอยู่ด้านหน้าก็ค่อยวางใจว่าคนในรถยังนั่งนิ่งอยู่

“ขอโทษนะครับ ถ้าหากไม่อยู่ทั้งคืนนี่มีลดราคาไหมครับ?”

พี่พนักงานต้อนรับละสายตาจากคอมพิวเตอร์แล้วมองผมแปลกๆ แต่จะว่าไปผมก็โดนมองแบบนี้ตั้งแต่เดินเข้ามาในล็อบบี้เพราะแผลบนหน้าผากตั้งแต่แรกแล้ว ยังดีว่าก่อนลงจากรถผมเอาแจ๊คเกตที่แม่เอาติดรถไว้ประจำมาใส่ทับปิดรอยเลือดบนเสื้อไว้ก่อน ไม่งั้นมีหวังโดนโทรแจ้งตำรวจว่าเป็นผู้ต้องสงสัยหลบหนีคดีอะไรมาแน่ๆ

“เราไม่มี policy แบบนั้นน่ะค่ะ จะว่าไปมันก็มีที่ที่เค้าเปิดสำหรับแบบนี้โดยเฉพาะนะคะน้อง ถ้าไงเดี๋ยวพี่แนะนำให้มั้ย”

คนถามมองผมแล้วก็อมยิ้มแบบรู้ทันจนผมต้องรีบตัดบท “พอดีแฟนผมไม่ค่อยชอบที่แบบนั้นน่ะครับ งั้นก็ช่างมันเถอะ ขอบคุณครับ”

ผมรับกุญแจห้องแล้วก็เดินกลับไปที่รถซึ่งจอดเยื้องกับโถงล็อบบี้ขนาดไม่ใหญ่โตนัก ห้องพักแต่ละหลังของรีสอร์ทนี้จะเป็นบังกะโลหลังเล็กตั้งเรียงหันหน้าเข้าหากันสองแถวโดยมีสระว่ายน้ำสีฟ้าใสคั่นกลางอยู่ แม้แต่ละหลังจะตั้งไม่ห่างกันเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถึงกับติดกันจนไม่มีความเป็นส่วนตัว นี่ถ้าไม่ใช่เพราะแม่บอกให้ผมขับเข้ามาดูเพราะสนใจเมื่อตอนที่ไปรับกลับจากบ้านป้าเพ็ญเมื่อวันก่อนผมคงไม่ทันนึกถึงที่นี่เหมือนกัน และโชคดีว่าช่วงนี้ห้องไม่เต็มผมเลยขอเช็คอินเข้าบ้านหลังที่อยู่ด้านในสุดได้

คนที่นั่งรออยู่สะดุ้งนิดหน่อยตอนผมกลับมาที่รถแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไร เนื่องจากรีสอร์ทไม่ได้กว้างขวางมาก ผมออกรถแป๊บเดียวก็ถึงหน้าบ้านหลังที่จองไว้ แต่พอเดินลงจากรถไปเปิดประตูอีกฝั่งออกคนตัวเล็กก็ยังเอาแต่นั่งนิ่งไม่ยอมลุกท่าเดียว

“ลงมาคุยกันข้างในก่อน เดี๋ยวพี่ค่อยพากลับบ้าน”

“ไม่ลง”

คนตัวเล็กพูดเสียงแข็งก่อนจะกอดอกแล้วหันหนีไปอีกทาง ความจริงผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเจอปฏิกิริยาแบบนี้ จะว่าไปวันนี้ผมโดนงอนนานที่สุดตั้งแต่คบกันมาเลยมั้งเนี่ย

“ไม่ลงเองใช่มั้ย ได้ครับ พี่อ๊อฟไม่มีปัญหาอยู่แล้ว”

นัยน์ตากลมโตเหลือบขึ้นมองอย่างระแวง ผมเลยหย่อนกุญแจห้องพักลงกระเป๋าเสื้อก่อนจะก้มลงปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วช้อนตัวคนที่ยังนั่งดื้ออยู่ออกมาจากรถแล้วเตะประตูให้ปิด

“พี่อ๊อฟ!!”

นะตวาดผมแต่เหมือนพยายามข่มเสียงไว้เพราะกลัวคนอื่นได้ยิน ท่าทางแบบนั้นทำให้ผมอดอมยิ้มไม่ได้ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะวันนี้เสียเลือดไปเยอะหรือนึกครึ้มอะไรขึ้นมา แต่หลังจากที่หมดแรงกับการตามหาคนตัวเล็กไปทั้งวัน พอโดนอีกฝ่ายงอนใส่เมื่อเย็นผมเลยนึกอยากแกล้งพ่อหนูเจ้าอารมณ์ขึ้นมาจนแทบทนไม่ไหว

“ทำไมครับ ก็พี่ขอแล้วนะไม่ยอมลงมาดีๆเองนี่ ว่าแต่ไม่รีบเข้าห้องเดี๋ยวใครผ่านไปผ่านมาก็เห็นพี่อุ้มเรายืนอยู่ตรงนี้หรอก ถ้าอยากอยู่อย่างนี้ทั้งคืนก็ตามใจนะ หรือจะเอาแบบนั้นดี?”

คนโดนขู่มองผมตาเขียวทั้งที่หน้าแดงเรื่อ พอเห็นหน้าตาน่ารักแบบนั้นก็ให้นึกอยากจูบขึ้นมา แต่พอผมก้มลงไปหาก็โดนเจ้าตัวยกมือขึ้นปิดปากเสียก่อนจนต้องขมวดคิ้ว นะมองไปรอบๆแล้วก็กระซิบเสียงเข้มใส่ผม

“อย่าทำรุ่มร่ามตรงนี้นะพี่อ๊อฟ! จะเข้าห้องก็รีบเข้าสิ แล้วก็ปล่อยนะลงได้แล้ว จะอุ้มไว้ทำไม!”

ผมยิ้มให้คนพูดทั้งที่ยังโดนมือปิดปากอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอีกฝ่ายทั้งเขินทั้งโมโห แต่แทนที่จะปล่อยคนตัวเล็กลงผมกลับกระชับวงแขนมากขึ้นกว่าเดิม

“กุญแจอยู่ในกระเป๋าเสื้อพี่เนี่ย นะเปิดประตูสิ เข้าไปในห้องได้ก่อนพี่ถึงจะปล่อย”

นะมองผมด้วยหน้าตาบูดบึ้ง แต่แล้วก็ยอมหยิบกุญแจออกมาไขเปิดประตูให้เพราะรู้ว่าผมทำตามที่พูดแน่ๆ พอผมเบี่ยงตัวพาคนตัวเล็กเข้าในห้องได้แล้วก็ยอมปล่อยให้อีกฝ่ายลงยืนแต่โดยดีก่อนเจ้าตัวจะโวยวายอีก

ผมกดเปิดสวิทช์ไฟข้างประตูจนทั้งห้องถูกย้อมไปด้วยแสงไฟสีส้มอ่อนๆ คนตัวเล็กกวาดสายตาไปรอบห้องทำให้ผมมองตามบ้าง ขนาดของห้องเล็กกว่าห้องของผมที่หอแต่ก็ดูใหม่กว่าและตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนสบายตา โทรทัศน์ก็เป็นแบบจอแบนขนาดใหญ่แถมมีมินิบาร์ให้ด้วย แต่สิ่งที่หยุดสายตาของนะและผมไว้พร้อมกันเห็นจะเป็นเตียงดับเบิ้ลขนาดใหญ่ปูด้วยผ้าคลุมสีขาวสะอาดที่ตั้งเด่นอยู่กลางห้อง

“พี่อ๊อฟ กะจะอยู่นี่ถึงเมื่อไหร่?”

นะถามขึ้นเสียงเบาจนผมเกือบหลุดหัวเราะเลยต้องแกล้งทำเป็นกระแอมแทน นานๆจะได้แกล้งแฟนตัวเองซักที วันนี้ขอหน่อยละกัน

“ก็ขึ้นอยู่กับว่านะเป็นเด็กดีแค่ไหน ไม่งั้นคืนนี้ก็นอนกันที่นี่แหละจนกว่าจะหายงอนพี่กับอาจารย์”

“นะไม่ได้งอนแล้ว งั้นกลับกันเดี๋ยวนี้เลย เดี๋ยวแม่เป็นห่วง”

คนตัวเล็กว่าแล้วก็ก้มหน้างุดพลางทำท่าจะเดินไปที่ประตู ผมเลยรีบถอยไปยืนขวางไว้จนคนที่จะเดินออกชะงัก นะเงยหน้ามองผมแล้วก็เม้มปากแน่น หน้าตาเหมือนเด็กกำลังโดนขัดใจกลับดูแล้วยั่วยวนจนผมอยากจะจับอุ้มขึ้นเตียงซะเดี๋ยวนั้น

“ไม่เชื่อ ถ้าหายงอนจริงทำไมไม่ยอมมองหน้าพี่เวลาพูดล่ะ”

นัยน์ตากลมโตตวัดขึ้นมองผมแว่บหนึ่งแล้วก็รีบหันหนีไปทางอื่น “พี่อ๊อฟ อย่าแกล้งกันแบบนี้สิ”

ท่าทางเหมือนคนที่โดนต้อนจนมุมทำให้ผมเผลอยิ้มก่อนจะดันตัวเองออกจากกรอบประตู

“อะไร กล่าวหากันนี่นา พี่แกล้งนะตรงไหน”

ร่างเล็กถอยหลังหนีผมที่ย่างสามขุมเข้าหาทั้งที่ยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นสบตาด้วย แต่ในห้องแคบๆแบบนี้มันจะมีที่ไหนให้ถอยไปเจอได้ นอกเสียจาก....

“อ๊ะ!”

พ่อหนูน้อยอุทานอย่างตกใจเมื่อเสียหลักล้มหงายหลังลงบนเตียง ผมเลยถือโอกาสก้าวตามขึ้นคร่อมแล้วก็ยึดแขนผอมเรียวทั้งสองข้างไว้ก่อนคนโดนรุกจะตั้งตัวทัน นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างขึ้นมองผมอย่างตกใจ

“พี่อ๊อฟ! จะทำอะไร ไม่เอานะ...อื๊อออ!”

นะละล่ำละลักพูดไปก็พยายามหดคอหนีการซุกไซ้ของผมไปด้วย ทั้งที่ความจริงก็ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยมีอะไรกันมาก่อน แต่วันนี้ดูคนตัวเล็กประหม่าจนรู้สึกได้ แต่ยิ่งร่างเล็กดิ้นหนีมากเท่าไหร่ผมกลับยิ่งอยากแกล้งมากเข้าไปอีก เลยจัดการรวบแขนทั้งสองข้างที่พยายามดันผมออกไว้ด้วยมือข้างเดียวแล้วใช้มือข้างที่ว่างเลิกเสื้อยืดเนื้อนิ่มขึ้นจนร่นอยู่เหนือแผ่นอกขาว ใบหน้าหวานหลับตาปี๋เมื่อผมก้มลงเลียใบหูเบาๆ

“พี่อ๊อฟ! หยุดก่อน ไม่เอาแบบนี้! หยุด!...อ๊ะ!!”

ผมเขี่ยติ่งเนื้อกลมข้างหนึ่งบนแผ่นอกเรียบจนร่างเล็กผวาเฮือกก่อนจะก้มลงเลียที่จุดที่นิ้วตัวเองเพิ่งสะกิดไปหมาดๆ แขนสองข้างที่โดนผมรวบไว้เหมือนจะอ่อนแรงขึ้นมาทันที ผมเลยปล่อยมือเพื่อลูบไล้ไปตามช่วงลำตัวผอมบางแทนจนอีกฝ่ายต้องยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงไว้

ร่างกายของนะสั่นสะท้านและสะดุ้งทุกครั้งไม่ว่าผมจะใช้ริมฝีปาก ปลายลิ้นหรือปลายนิ้วมือกระตุ้นที่ส่วนไหน ทั้งที่ผมยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าของคนตัวเล็กออกเลยด้วยซ้ำ

“พี่...อ๊อฟ....เดี๋ยวก่อน...อย่า...เพิ่ง...”

ร่างเล็กบิดไปมาขณะพยายามใช้มือสองข้างที่อ่อนปวกเปียกดันศีรษะผมที่ยังคลอเคลียกับแผ่นอกของตัวเองอยู่โดยระวังไม่ให้โดนแผล ผมเลยก้มจูบบนหน้าท้องขาวเบาๆก่อนจะเลียริมฝีปากแล้วถอยออกโดยที่ยังนั่งคร่อมอีกฝ่ายอยู่

นัยน์ตากลมโตปรือขึ้นมองผมขณะที่ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงถี่ๆตามลมหายใจที่รัวเร็ว ใบหน้าหวานเป็นสีแดงก่ำ ลำตัวท่อนบนส่วนที่โผล่พ้นเสื้อยืดออกมาก็มีรอยที่โดนผมจูบไซ้ขึ้นแดงเป็นปื้นๆ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะโดนไรหนวดที่ยังไม่ได้โกนของผมเข้าไปด้วย แต่ภาพที่ได้เห็นก็ทำเอาผมแทบหยุดหายใจ อาจเพราะเราไม่ได้มีอะไรลึกซึ้งกันมาหลายอาทิตย์ แล้วยังความกังวลใจที่สะสมมาตั้งแต่เมื่อวานรวมกัน เวลานี้ผมเลยรู้สึกโหยหาคนตรงหน้าจนเริ่มจะควบคุมตัวเองไม่ไหว

ความต้องการในใจเริ่มขัดแย้งกับความรู้สึกรับผิดชอบที่ว่าต้องรีบพานะกลับบ้าน ตอนแรกที่ตัดสินใจเลี้ยวรถเข้ามาในรีสอร์ทก็แค่ตั้งใจว่าจะแกล้งคนขี้งอนเสียหน่อย แต่ตอนนี้ดูเหมือนความตั้งใจของตัวเองจะโดนเรือนร่างขาวๆที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียงทำให้กระเจิดกระเจิงไปหมด

“อื๊อ!”

นะหลุดเสียงร้องในคอออกมาเมื่อผมก้มลงประกบริมฝีปากกับกลีบปากนุ่มแล้วฉวยโอกาสที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวส่งปลายลิ้นเข้าหาความหวานภายใน ริมฝีปากอิ่มเผยอหอบเบาๆเมื่อผมถอยตัวออกเพื่อถอดเสื้อของคนตัวเล็กกับของตัวเองเหวี่ยงลงข้างเตียงก่อนจะก้มลงดูดเม้มที่ซอกคอขาวเนียนอีกครั้ง ปลายเล็บสั้นจิกลงบนไหล่ผมจนเจ็บแต่ตอนนี้อารมณ์ผมเตลิดเกินกว่าจะสนใจแล้ว

“พี่อ๊อฟ อย่า...เดี๋ยวมันเป็นรอย”

เสียงแตกพร่าของคนที่ร่างกายเริ่มอ่อนไปตามสัมผัสทำให้ผมผละออกก่อนจะยันตัวท่อนบนไว้ด้วยข้อศอก นะแลบลิ้นสีชมพูออกเลียริมฝีปากของตัวเอง ถึงจะเป็นกริยาที่เจ้าตัวทำไปโดยไม่ตั้งใจแต่ก็ดูยั่วจนผมต้องก้มลงจูบคนตัวเล็กอีกครั้งด้วยความมันเขี้ยว

“พูดอย่างนี้ ถ้าพี่ไม่ทำให้เห็นรอยนะจะยอมใช่มั้ย”

“แล้วถ้านะห้ามพี่อ๊อฟจะหยุดให้หรือเปล่าล่ะ”

คนตัวเล็กพูดเสียงหอบแล้วก็จ้องผมทั้งที่นัยน์ตาเชื่อมจนผมต้องเลิกคิ้ว เดี๋ยวนี้พ่อหนูน้อยของผมเริ่มย้อนเป็นแล้ว แต่ที่แย่กว่าคือทั้งย้อนทั้งยั่วแบบนี้แล้วผมจะห้ามใจตัวเองไหวได้ยังไง


“ไม่มีทาง”


ผมตอบก่อนจะเลื่อนตัวลงพรมจูบไปตามลำตัวขาวเนียนที่ไม่ว่าจะแตะต้องตรงไหนก็ลื่นมือไปหมด ร่างกายเพรียวบางผวาเฮือกเมื่อริมฝีปากผมสัมผัสกับผิวตรงท้องน้อย มือเล็กรีบยื่นมาปิดส่วนสำคัญของตัวเองไว้หลังผมใช้นิ้วเกี่ยวดึงกางเกงยีนส์และชั้นในออกจนตอนนี้ผิวกายขาวโพลนของคนเบื้องล่างปรากฏให้เห็นทั้งตัว ท่าทางเขินอายของคนตรงหน้าดูน่ารักจนผมอดแหย่ไม่ได้

“นะจะปิดทำไมล่ะ พี่เห็นตั้งหลายทีแล้ว”

ผมเย้าคนที่นอนเขินอยู่ยิ้มๆ เลยโดนอีกฝ่ายหรี่ตามองอย่างเคืองๆ  “ไม่ต้องมาแซวเลย  อ๊ะ! พี่อ๊อฟ!!”

ผมขบเนื้อนิ่มตรงต้นขาด้านในแล้วดูดเบาๆ ก่อนจะใช้ปลายลิ้นเลียจนผิวอ่อนๆขึ้นรอยจ้ำแดง ขาเรียวขาวสองข้างสั่นระริก ถึงจะมีอะไรกันหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งที่ได้เห็นว่าแฟนของตัวเองรู้สึกดีเพราะสัมผัสที่ตัวเองมอบให้ก็อดพอใจอยู่ลึกๆไม่ได้

ทั้งผิวเนื้อที่เปลี่ยนเป็นสีชมพูยามหอบเหนื่อย เสียงครางยามโดนสัมผัส หรือชื่อของผมที่นะเปล่งออกมายามที่เรามีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน ทุกอย่างทำให้รู้ว่านะเป็นของผมคนเดียว ไม่เคยมีใครได้ใกล้ชิดหรือเห็นคนตัวเล็กยามที่อารมณ์เพริศเพราะความปรารถนาแบบนี้นอกจากผม

ผมลุกจากเตียงแล้วก็ปลดชิ้นส่วนเสื้อผ้าที่เหลือของตัวเองก่อนจะหยิบหลอดเจลที่ซื้อมาจากเซเว่นที่ยัดไว้ในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา นะเบิกตามองสิ่งที่อยู่ในมือผมแล้วก็ขมวดคิ้ว หน้าหวานที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงก่ำมากขึ้นอีก

“พี่อ๊อฟ นี่ตั้งใจอยู่แล้วใช่มั้ย”

ผมยิ้มก่อนจะขึ้นนั่งคร่อมคนตัวเล็กบนเตียงเหมือนเดิมแล้วก็ก้มลงจูบที่มุมปากของนะเบาๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่กำลังจะขย้ำลูกกวางน้อยเป็นอาหารยังไงไม่รู้

“ก็แฟนพี่น่ารัก ตั้งใจจะมีอะไรกับแฟนนี่ผิดด้วยเหรอ”

ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ก้มหน้าซุกอกผม ยกเว้นก็แต่อ้อมแขนที่เอื้อมขึ้นโอบคอไว้แน่นแทนคำตอบ

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


“อึ๊ก”

“นะครับ อย่าเกร็งสิ พี่จะทำช้าๆนะ”

ร่างเล็กที่กำลังรองรับความต้องการของผมหลับตาแน่นขณะที่มือสองข้างเกร็งจิกผ้าปูเตียงจนข้อนิ้วขึ้นเป็นสีขาว แผ่นอกเนียนแอ่นขึ้นจนลอยจากเตียงเมื่อผมพยายามดันตัวเองให้ผ่านช่องทางที่ร้อนและคับแน่นเข้าไป เสียงหอบกระเส่ากับความรู้สึกบีบรัดทำให้ต้องกัดฟันข่มใจที่จะไม่เผลอเร่งตัวเองเพราะเราร้างเรื่องนี้กันไปนานพอสมควร

ในที่สุดนะก็รับผมเข้าไปทั้งหมดได้สำเร็จ ผมก้มลงจูบหน้าผากที่ชื้นไปด้วยเหงื่อก่อนจะค่อยๆขยับเอวช้าๆเมื่อรู้สึกว่าแรงต่อต้านจากร่างกายของอีกฝ่ายน้อยลงแล้ว

“อื้อ....ฮ้า....พี่อ๊อฟ....พี่อ๊อฟ....พี่อ๊อฟ”

เสียงใสหอบครางเรียกชื่อผมไม่หยุดเมื่อผมเริ่มขยับตัวเร็วขึ้น ขาเรียวสองข้างกระหวัดรอบเอวผมขณะที่เจ้าตัวขยับตัวตามเหมือนทำไปโดยสัญชาตญาณ ความรู้สึกหอมหวานจากเรือนร่างของคนตรงหน้าทำให้ผมเผลอตัวออกแรงเต็มที่จนนะร้องออกมาอย่างตกใจ หยาดน้ำใสที่ซึมอยู่บนแพขนตางอนยาวทำให้ผมชะงัก

“นะ!...เจ็บเหรอ ขอโทษ พี่หยุดแล้วนะ อย่าร้องนะครับ”

ผมจูบซับน้ำตาที่หางตากลมโตก่อนจะช้อนร่างเล็กขึ้นนั่งตักนิ่งๆโดยพยายามไม่ขยับเขยื้อนอีก นะซบหน้ากับบ่าผมให้ลูบแผ่นหลังปลอบประโลมแต่โดยดี ร่างกายที่สั่นน้อยๆอยู่บนหน้าขากับความร้อนผ่าวของส่วนที่รัดรึงตัวเองไว้ทำให้ต้องสูดลมหายใจเข้าลึก แม้จะทรมานที่ต้องข่มความต้องการที่กำลังพลุ่งพล่าน แต่ถ้าหากอีกฝ่ายไม่มีความสุขไปด้วยผมก็ฝืนทำต่อไม่ลงอยู่ดี

เสียงจังหวะหายใจของคนที่ผมกอดอยู่เริ่มเป็นปกติมากขึ้น ร่างเล็กถอยออกหลังจากนั่งนิ่งได้สักพักแล้วก็กระพริบตามองผม ขอบตากับปลายจมูกยังแดงช้ำอยู่นิดหน่อย

“พี่อ๊อฟ ไม่ทำแล้วเหรอ”
 
นะถามเสียงค่อย ผมเลยจูบเบาๆลงบนปลายจมูกที่แดงเรื่อแล้วยิ้มให้ คนตัวเล็กคงรู้ว่าผมอยู่ในอารมณ์ไหนถึงได้ถามแบบนั้น

“ถ้าทำต่อแล้วนะเจ็บพี่ก็ไม่อยากให้เราฝืนแล้วล่ะ ยังไงเดี๋ยวพี่ค่อยจัดการตัวเองเอาทีหลังก็ได้”

ผมเลื่อนมือลงที่สะโพกเพรียวเพื่อจะยกร่างที่นั่งตักตัวเองอยู่ออก แต่นะกลับกอดคอผมแน่นแล้วก็กระซิบที่ข้างหูเบาๆ

“ไม่เป็นไร พี่อ๊อฟทำต่อเถอะ แต่เบาๆแล้วกัน มันเจ็บ”

พอได้ยินคนตัวเล็กให้สัญญาณไฟเขียวอะไรที่เหมือนจะอ่อนไปแล้วเลยตื่นตัวขึ้นใหม่ ผิวกายอุ่นกับกลิ่นหอมๆที่ติดตัวนะอยู่ตลอดทำให้ผมเริ่มมีอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง ผมเลยก้มลงสูดความหอมจากซอกคอขาวเข้าเต็มปอดแล้วก็รัดเอวบางแน่นเข้า

“ขอบคุณครับ งั้นพี่สัญญาว่าคราวนี้ไม่ทำแรง นะไม่ต้องร้องไห้แล้วนะ”

ผมกดจมูกลงกับผิวแก้มนิ่มก่อนจะผ่อนร่างเล็กลงกับเตียงเหมือนเดิม พอสายตาเราประสานกันนะก็ยิ้มเขิน ผมเลื่อนมือไปตามต้นขาเนียนลื่นแล้วก้มลงดูดดุนที่แผงอกขาวเพื่อปลุกอารมณ์อีกฝ่ายก่อนจะเริ่มบทรักของเราสองคนใหม่อีกครั้ง แต่คราวนี้ผมไม่ได้ใช้กำลังจนลืมตัวอีก และเสียงร้องที่สะท้อนถึงแต่ความสุขสมก็ทำให้ผมยินดีที่ตัวเองไม่ดึงดันเอาแต่อารมณ์อยู่ฝ่ายเดียวเหมือนในตอนแรก


++------++


“โอ๊ย! นะครับ เบาๆ พี่เจ็บ”

“ก็ใครใช้ให้พี่อ๊อฟออกแรงทั้งที่เพิ่งไปเย็บแผลมาล่ะ ดูซิเหงื่อออกเต็มไปหมดเลย ดีนะว่าแผลไม่ปริ”

คนตัวเล็กว่าพลางเอาสำลีชุบเบตาดีนทาแผลบนหน้าผากผมก่อนจะปิดตามด้วยผ้าก๊อซกับเทปปิดแผล โชคดีว่าผมคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าอาจมีสถานการณ์แบบนี้เลยซื้อติดมาด้วย และเพราะเมื่อครู่ได้ออกกำลังจนเหงื่อซึมไปทั้งตัว ผ้าก๊อซที่ปิดแผลไว้เลยชุ่มเหงื่อจนต้องแกะเปลี่ยน จะว่าไปถ้าเกิดแผลดันอักเสบขึ้นมาก่อนวันนัดเจอหมอผมคงขำไม่ออกแน่

“เสร็จแล้วพี่อ๊อฟ”

ปลายนิ้วเรียวเล็กแตะลงบนรอยแผลเบาๆก่อนจะถอยออกมองผลงานตัวเองอย่างชื่นชม ผมเลยรวบตัวคนที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆมานั่งตักซะก่อนจะก้มลงฟัดซอกคอขาวด้วยความมันเขี้ยว

“พี่อ๊อฟ อื้อ จั๊กกะจี้”

นะพูดไปก็หัวเราะไปทั้งที่พยายามดันอกผมไปด้วย ผมเลยก้มลงหอมแก้มของเด็กดื้อที่ตอนนี้ไม่ดื้อแล้ว ก่อนจะยอมผ่อนแรงเป็นโอบอีกฝ่ายไว้หลวมๆแทน

“แฟนพี่เก่งนะเนี่ย ตั้งแต่ตอนพี่เป็นหวัดแล้ว เปลี่ยนสายไปเรียนพยาบาลเลยดีมั้ย”

“ไม่เอาหรอก ดูพี่อ๊อฟคนเดียวก็เหนื่อยแล้ว นะไม่ชอบเห็นเลือดด้วย”

คนตัวเล็กพูดยิ้มๆแล้วก็เอนลงพิงอกผม ผมเลยกอดคนที่นั่งตักตัวเองอยู่แน่นขึ้น เวลาพ่อหนูน้อยอ้อนแบบนี้นี่แหละที่ผมชอบที่สุด นะเงยหน้าขึ้นแล้วก็ใช้ปลายนิ้วลูบบนคางกับเหนือริมฝีปากผมเบาๆ

“พี่อ๊อฟอย่าเพิ่งโกนหนวดนะ รอกลับไปที่หอก่อนเดี๋ยวนะโกนให้”

พอโดนทักแบบนั้นผมเลยเผลอยกมือขึ้นลูบคางอย่างไม่ตั้งใจ “เอางั้นเหรอ แต่อีกสี่วันหมอนัดไปตัดไหมนะ ถ้างั้นปีใหม่นี้คงได้อยู่ที่บ้านกันแทนที่จะกลับไปเคลียร์ห้องแล้วล่ะ นะทนดูพี่เคราเฟิ้มได้เหรอ”

คนตัวเล็กขมวดคิ้วแล้วก็ทำท่าคิด “แต่นะอยากเห็นหน้าพี่อ๊อฟเวลามีหนวดเหมือนกันนี่ งั้นรอดูก่อนก็ได้ ถ้าเกิดรำคาญจริงๆเดี๋ยวไปซื้อมีดโกนอันละสิบบาทมาโกนให้”

“คราวนี้พี่ได้ดูเหมือนผู้ร้ายลักพาตัวเด็กเข้าไปใหญ่น่ะสิ”

ผมพูดเปรยๆ แต่พอจบประโยคปุ๊บก็โดนรัวกำปั้นลงบนไหล่ทันที “จะไปเหมือนได้ยังไงล่ะ อีกอย่างนะไม่ใช่เด็กแล้วนะ ถ้ายังไม่เลิกเรียกว่าเด็กอีกคราวนี้ไม่หนีไปแค่ที่โรงเรียนแล้วด้วย”

“เฮ้ย ได้ไง แค่นี้กว่าจะตามเจอก็เหนื่อยแล้ว อาจารย์อุตส่าห์ฝากให้พี่มาตามนะกลับบ้าน เจอตัวแล้วทั้งทีเรื่องอะไรจะให้หนีไปอีกล่ะ”

ผมกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้น แต่กลับไม่ได้ยินเสียงตอบรับจนต้องถอยออกมองหน้าคนตัวเล็กที่ก้มหน้าอยู่

“นะเป็นอะไรครับ อยู่ๆก็เงียบไป”

“...แม่เค้า โกรธนะมากหรือเปล่าที่จู่ๆก็หนีออกมาแบบนี้?”

นะเงยหน้าขึ้นสบตาผม นัยน์ตากลมโตฉายแววกังวลจนผมต้องก้มลงจูบที่ขมับเนียนเพื่อให้กำลังใจ

“ใครบอกว่าแม่เค้าโกรธ เค้าเป็นห่วงนะมากเลยต่างหาก มุ้ยบอกว่าอาจารย์ร้องไห้จนเป็นลมไปตั้งหลายรอบ นี่ก็คงรอพวกเรากลับบ้านกันอยู่”

นะเงียบไปอีก มือข้างหนึ่งกำเสื้อผมแน่น

“แล้วเรื่องของนะกับพี่อ๊อฟล่ะ แม่เค้าจะเข้าใจหรือยัง?”

พอโดนถามแบบนี้ผมเองก็ไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน จริงอยู่ว่าอาจารย์อ่อนลงมากแล้วตอนที่ขอร้องให้ผมออกมาตามหานะให้ แต่ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าพอผมพาลูกชายอาจารย์ไปส่งแล้วอีกฝ่ายจะไม่เย็นชาใส่อีก แถมผมเจ็บตัวกับทำรถพังแบบนี้ก็คงต้องอธิบายกับแม่ว่าไปทำอะไรมา แล้วยังพ่อของนะที่ยังไม่กลับบ้านอีกล่ะ ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าปัญหาร้อยแปดช่างพันกันจนยุ่งเหยิงไปหมด

“คิดไปตอนนี้ก็ปวดหัวเปล่าๆ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถึงผู้ใหญ่เค้าจะไม่เข้าใจ แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเสียหายสักวันเค้าคงยอมรับเองแหละ ว่าแต่ตอนนี้กลับบ้านกันก่อนดีกว่า ถ้าพี่ไม่พานะกลับคืนนี้เดี๋ยวต่อไปอาจารย์ไม่ยอมให้พี่เข้าบ้านแหงๆ”

ผมลุกขึ้นแล้วก็ฉุดคนตัวเล็กให้ลุกตามโดยไม่ลืมเก็บของที่เอามาด้วยกลับใส่ถุงให้เรียบร้อย แต่พอจะเดินออกจากประตูก็โดนรั้งแขนเอาไว้ พอผมหันกลับไปหาก็โดนแขนเรียวสองข้างโน้มคอลงไปจูบแบบไม่ให้ตั้งตัวก่อนคนจูบจะถอยออกยิ้มหวานให้

“พี่อ๊อฟรู้มั้ย นะชอบคนไม่ผิดจริงๆด้วยแหละ”

นัยน์ตากลมโตดูสดใสจนผมอดยิ้มตอบแล้วขยี้ผมนิ่มเบาๆไม่ได้ “อ้อนเก่งนัก ห้ามไปอ้อนคนอื่นอีกนะ ตลอดชีวิตนี้ให้นะอ้อนพี่ได้คนเดียวเข้าใจมั้ย”

ใบหน้าหวานยิ้มกว้างก่อนจะเข้ามากอดเอวผมไว้ ผมเลยกอดร่างเล็กตอบก่อนที่เราจะยืนนิ่งกันไปพักใหญ่ ผมรู้ดีว่าเมื่อก้าวออกจากประตูนี้ไปแล้วเรายังมีปัญหาที่รอให้กลับไปเผชิญอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นผมก็มั่นใจว่าสุดท้ายแล้วเราก็จะผ่านมันไปด้วยกันจนได้

ผมแวะเช็คเอาต์ที่ล็อบบี้หลังจากใช้ห้องได้ไม่ถึงสองชั่วโมง แล้วระหว่างทางก็พาคนตัวเล็กแวะกินก๋วยเตี๋ยวที่แผงรถเข็นข้างทางเพราะเราต่างคนต่างหิว ตอนแรกนะก็ดูจะร่าเริงดี แต่ยิ่งใกล้ถึงบ้านมากเท่าไหร่พ่อหนูน้อยของผมก็ยิ่งเงียบมากขึ้น ร่างเล็กเอนมาพิงไหล่ผมโดยที่มือข้างหนึ่งก็กำแขนเสื้อผมไว้ตลอด

ผมเลี้ยวรถเข้าจอดที่หน้ารั้วสีน้ำเงินเข้มที่เมื่อกลางวันเพิ่งแวะมา เสียงถอนหายใจจากคนข้างตัวทำให้ผมก้มลงไปหอมแก้มนิ่มเบาๆ

“นะอย่าเพิ่งกังวลสิ ถ้ามีอะไรพี่จะพูดกับอาจารย์เอง ยังไงตอนนี้เราเข้าบ้านกันก่อนเถอะ”

นัยน์ตาหวานช้อนขึ้นมองผมเหมือนไม่มั่นใจ แต่แล้วก็พยักหน้าก่อนจะยอมลงจากรถแต่โดยดี ผมล็อครถเสร็จแล้วก็ยื่นมือไปหาคนตัวเล็กที่ส่งมือกลับมาจับมือผมไว้ก่อนจะเดินเข้าบ้านด้วยกัน แต่แล้วเราทั้งคู่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเงาของคนที่ยืนอยู่หน้าบ้าน

“พ่อ!”

นะอุทานอย่างตกใจ ขณะที่ผมเองก็อึ้งไปเหมือนกัน เพราะคนที่เดินออกมาจากประตูบ้านหลังอาจารย์วรรณีกับมุ้ยแล้วส่งยิ้มให้คนนั้นดูยังไงก็แม่ผมชัดๆ


“กลับถึงบ้านกันสักทีนะ ทั้งสองคน”


++------++



ไม่ค้างเน้อ ไม่ค้างกันใช่ป่าว เอิ๊กๆ :laugh:

คราวนี้ได้เจอกันพร้อมหน้าสองครอบครัวเสียที ตอนหน้าจะเป็นยังไงคงต้องขอให้ลุ้นกันต่อนะจ๊ะ

ปล. อันนี้ถามเล่นๆ ว่าตอนหน้าคนอ่านอยากให้ต่อเรื่องของอ๊อฟ-นะเลยหรือจะให้เอาตอนพิเศษเป้-วิวมาลงก่อน
แบบว่ามีเรื่องในหัวแล้วแต่ยังรักพี่เสียดายน้องอะ ไม่รู้จะพิมพ์ของคู่ไหนก่อนดี แหะๆ


 :bye2:











« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 23-01-2009 21:42:25 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
เอา ออฟ นะ ให้เคลียร์ก่อน แล้วค่อย เป้ วิว ตามนี้จ้า  :impress2:

น้ำค้าง

  • บุคคลทั่วไป
รักพี่เสียดายน้อง อย่างงั้นก็ลงทั้งพี่และน้องพร้อมๆ กันเลยสิจ๊ะ  อิอิ  ไม่โลภเลยเนอะเรา :กอด1:

ออฟไลน์ snoopy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
สองครอบครัวเจอกันและ
เอ่อ เอาเรื่องไหนลงก่อนก็ได้จ้าเพราะอยากอ่านทั้งสองเรื่อง

patiharn

  • บุคคลทั่วไป
ไม่ค้างเลยจ้า..ไม่ค้าง :a5:แต่ตอนต่อไปขอคู่นี้น๊า เค้าชอบน้องนะ
 :L2:ให้คนแต่งจ้า

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
แม่ไม่พอ พ่อน้องนะโผล่มาอีก

ออฟไลน์ moonlight

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 985
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-0
เอานะ อ๊อฟก่อนค่ะ

เพราะมันค้างงงงงงงงง :a5:

งานเข้าไม่จบไม่สิ้น

ที่นี้มากันครบเลย หุหุ

*******************

bb หนีเที่ยวได้บ่อยมากๆ

อิจฉาจริงๆ :กอด1:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
ขอให้เคลียร์ได้ในตอนหน้าทีเถอะ มากันครบทั้งพ่อแม่ของทั้งคู่เลย  :call:


เอาเรื่องของอ๊อฟนะให้เคลียร์ก่อนเลยค่ะ แล้วขอเป้วิวตามมาติด ๆ (^^ ไม่โลภเลย)




ออฟไลน์ krappom

  • 人は誰でもそれぞれに悩みを抱えて生きる
  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7395
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1182/-23

จะคู่ไหนก็เอามาให้ว่อง
อย่าดอง อย่าช้า อย่าขาด อย่าหาย

 :laugh:


ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
 :z3:

แหม ป้า ไม่ค้างเลยนะ อิๆ

จะรออ่านต่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ไฉไล

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดด....ฉากเรียกเลือดไฉไล มาอีกแล้ว   :-[

ดูท่า ทางจะสะดวกแล้วล่ะม๊างงง...ง คิคิ

ไฉไล โลภอ่ะ  อยากกอ่านหมดเลยค่า ...  :impress2:


ออฟ-นะ ให้เคลียร์ และต่อด้วย ตอนหวานๆ ของ เป้-วิว อิอิ


และก้อ สองคู่เขาแข่งกันหวีทหวานด้วย เอาโม๊ดดดดดด   :z1:

Bg LoVe NT

  • บุคคลทั่วไป
แอร๊ยยยย

ดีๆๆ มาเจอกันสองครอบครัว

จะได้จัดการสู่ขอกันให้เรียบร้อย อิอิ


เอ่อ บีบี

เค้าไม่เลือกอ่ะ

เอาสองตอนมาลงพร้อมกันเลยได้ป่ะ :z1:

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
รักพี่เสียดายน้อง อย่างงั้นก็ลงทั้งพี่และน้องพร้อมๆ กันเลยสิจ๊ะ  อิอิ  ไม่โลภเลยเนอะเรา :กอด1:

สองครอบครัวเจอกันและ
เอ่อ เอาเรื่องไหนลงก่อนก็ได้จ้าเพราะอยากอ่านทั้งสองเรื่อง

เอาเรื่องของอ๊อฟนะให้เคลียร์ก่อนเลยค่ะ แล้วขอเป้วิวตามมาติด ๆ (^^ ไม่โลภเลย)




จะคู่ไหนก็เอามาให้ว่อง
อย่าดอง อย่าช้า อย่าขาด อย่าหาย

 :laugh:



ไฉไล โลภอ่ะ  อยากกอ่านหมดเลยค่า ...  :impress2:


ออฟ-นะ ให้เคลียร์ และต่อด้วย ตอนหวานๆ ของ เป้-วิว อิอิ


และก้อ สองคู่เขาแข่งกันหวีทหวานด้วย เอาโม๊ดดดดดด   :z1:



แอร๊ยยยย
เอ่อ บีบี

เค้าไม่เลือกอ่ะ

เอาสองตอนมาลงพร้อมกันเลยได้ป่ะ :z1:


ก๊ากกกก คนอ่านเรา อารมณ์เหมือนคนเขียนกันหมดเลย ง้า่นรอกันก่อนเน่อ พิมพ์สองเรื่องรวดมันกินเวลารู้ม้ายยยยย :laugh:

ออฟไลน์ both^^

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +730/-4
 :haun4:ง้อสำเร็จ เย่...



พ่อแม่พี่น้องทั้งสองฝ่ายต่างมารอโดยพร้อมเพรียง
เอ๊ยยยยยยไหวมะเนี่ยยย

ปล. อยากอ่านอ๊อฟ-นะ เอ้ะ แต่เป้-วิว ก็น่าสน
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
รักน้องเสียดายพี่ว่ะตรู

+1 ให้ป้าเบลบอมน้า

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
แทคทีมกันครบเซตแบบนี้ อะไรจะเกิดขึ้นล่ะเนี่ย

มาต่อเร็วๆ นะคะ

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
ครบองค์ประชุมแบบนี้ เริ่มทาบทามสู่ขอกันเลยดีกว่า  :laugh:

ออฟไลน์ nOn†ღ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4390
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-6
+เป็นกำลังใจให้คุณ bellbomb มีแรงพิมพ์สองตอนต่อเนื่อง  :กอด1:

LOT

  • บุคคลทั่วไป
น้องนะน่ารัก น่าเอ็นดูมากเลย  :กอด1:

ส่วนเรื่องอยากได้ตอนไหนก่อน รู้สึกว่ามีคนคิดเหมือนกันตอบไปแล้วมากมาย

สรุปง่ายๆว่า โลภเหมือนกัน  :-[

รักคนแต่งนะคะ จุ๊บๆ

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
สาบานได้ว่า ไม่ได้อยากขัดใจแม่ยกของน้องนะ แต่ว่าพิมพ์ไปพิมพ์มาตอนนี้มันไหลออกมาก่อน ก็อ่านตอนสวีทหวานๆของเป้กับวิวกันไปก่อนแล้วกันนะจ๊ะ คู่นี้ไม่ได้กลับมาเยี่ยมเล้านานแล้ว แหะๆ
 :laugh:


*************************



ลำนำรักสีรุ้ง ตอนพิเศษ: เรื่องธรรมดาของคนรักกัน


“สวัสดีค่ะ พี่วิวใช่ไหมคะ”



น้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคยเอ่ยทักขึ้นไม่ห่างจากโต๊ะที่ผมนั่งอ่านหนังสืออยู่เท่าไหร่ พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นหญิงสาวผมตรงยาวสลวยถึงเอวในชุดเครื่องแบบกระโปรงสั้นเหนือเข่า ผิวสีน้ำผึ้งดูนวลเนียน ดวงตาคมที่ใส่คอนแทคเลนส์สีเทาอมฟ้ากรีดอายไลเนอร์สีเข้มรับกับรูปคิ้วโก่งได้อย่างพอเหมาะ ถ้าใครบอกผมว่าเธอเป็นนางแบบหรือดาราผมก็คงไม่แปลกใจเพราะเธอดูโดดเด่นจริงๆจนอดแปลกใจไม่ได้ว่าคนแบบนี้เข้ามาทักผมทำไม

“ครับ มีอะไรหรือครับ”

ใบหน้าสวยหวานยิ้มแล้วก็นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม แต่อะไรบางอย่างในรอยยิ้มนั้นกลับสร้างความรู้สึกแปลกๆให้อย่างบอกไม่ถูก

“หนูชื่อดาค่ะ อยู่ปีสอง โต๊ะกลุ่มเดียวกันกับพี่เป้”

ผมกระพริบตา จริงอยู่ว่าที่คณะของพวกเรานักศึกษาส่วนใหญ่จะมีโต๊ะกลุ่มประจำ แต่ตั้งแต่ผมเริ่มคบกับเป้เราก็ไม่ค่อยเข้าไปนั่งที่กลุ่มของตัวเองกันเท่าไหร่ยกเว้นเวลามีกิจกรรมอย่างรับน้องหรือบายเนียร์ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เพราะผมเคยขออีกฝ่ายไว้ว่าไม่อยากเป็นเป้าสายตาและไม่อยากให้ใครมาก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเราสองคน

“ครับ...แล้วมีอะไรกับผมเหรอครับ”

“คือว่า ตอนนี้ดากับเพื่อนลงเรียนวิชาเดียวกับพี่เป้อยู่ แล้วเราได้ทำงานกลุ่มด้วยกัน ทีนี้เพื่อนของดาเค้าสนใจพี่เป้ แต่พอเค้าอยากเข้าไปทำความสนิทสนมกับพี่เป้ก็จะเห็นว่าเค้าอยู่กับพี่วิวตลอดเลย ดาเลยอยากมาถามให้แน่ใจว่าพวกพี่เป็นอะไรกัน”

เจ้าของใบหน้าสวยสะดุดตาถามแล้วก็ยิ้มมองผมนิ่ง ความจริงก็ใช่ว่าเรื่องที่ผมกับเป้คบกันจะเป็นความลับอะไร เพียงแต่เราไม่ได้ป่าวประกาศหรือทำตัวโจ่งแจ้งเท่านั้นเอง และอีกอย่างเพื่อนๆรุ่นเดียวกันในกลุ่มของเป้และกลุ่มของผมก็พอจะรู้ว่าเราคบกันแบบไหน ดังนั้นจึงไม่น่าเป็นไปได้ที่คนตรงหน้าจะไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน

“แล้วน้องดาไม่ได้ถามรุ่นพี่ที่โต๊ะหรือครับ พวกเพื่อนๆของเป้ก็น่าจะรู้คำตอบเหมือนกัน ไม่เห็นต้องมาถามผมเลย”

สีหน้าของดาเปลี่ยนไปทันที แม้ริมฝีปากจะยังยิ้ม แต่แววตาดูเย็นชากว่าตอนแรกอย่างชัดเจน แขนเรียวที่ใส่กำไลเต็มข้อมือยกขึ้นประสานกันบนโต๊ะขณะที่เจ้าตัวเอียงคอมองหน้าผม

“ความจริงก็ได้ยินมาบ้างล่ะค่ะ แต่ดาแค่อยากถามจากคู่กรณีโดยตรง เพราะดาไม่เข้าใจว่าพี่เป้ติดใจพี่วิวตรงไหน เท่าที่รู้มาคือพี่วิวเป็นคนขยัน เรียนเก่ง เป็นว่าที่เกียรตินิยมเหรียญทอง แต่ดาเห็นว่าเวลาอยู่คนเดียวทีไรพี่วิวก็เอาแต่อ่านหนังสือ ขนาดดามาชวนคุยด้วยก็ยังไม่ค่อยอยากจะคุยเลย พี่เป้เค้าไม่เบื่อพี่วิวบ้างเหรอคะ”

คำถามนั่นทำเอาผมรู้สึกชาไปทั้งหน้า ไม่ใช่แค่เพราะโดนอีกฝ่ายวิจารณ์ตัวเองตรงๆแบบที่ไม่เคยได้ยินใครพูดด้วยแบบนี้มาก่อน แต่เพราะสิ่งที่เจ้าหล่อนพูดมานั้นเป็นความจริงทั้งนั้น ก่อนที่จะคบกับเป้ใครๆก็เรียกผมว่า “เด็กเรียน” หรือ “ว่าที่เกียรตินิยม” เพราะผมทุ่มเทให้กับการเรียนจริงๆ และแทบไม่ออกไปเที่ยวกลางคืนหรือทำกิจกรรมอะไร จนหลังจากที่เริ่มคบกับเป้นั่นแหละผมถึงได้ไปเปิดหูเปิดตาบ้างเพราะเป้จะคอยชวนไปทำโน่นทำนี่หรือไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกัน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เคยชวนผมออกนอกลู่นอกทางเพราะเจ้าตัวรู้ดีว่าผมซีเรียสกับเรื่องเรียนแค่ไหน และถึงแม้จะเคยตั้งคำถามกับตัวเองบ้างว่าเป้ชอบผมตรงไหน ทว่าผมก็ไม่เคยคิดถามตัวเองว่าเป้จะนึกเบื่อที่ผมเป็นแบบนี้หรือเปล่าเลยสักครั้ง

ผมไม่รู้จะตอบคำถามอีกฝ่ายอย่างไรดี เลยได้แต่นั่งนิ่งๆทำสีหน้าเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรแม้ว่าในใจจะขุ่นเหมือนมีใครมากวนตะกอนในใจจนลอยฟุ้งขึ้นมา ริมฝีปากได้รูปที่ทากลอสวาววับของคนตรงหน้าแย้มยิ้มก่อนเจ้าตัวจะลุกขึ้น อากัปกริยาราวกับคนที่ประสบความสำเร็จในภารกิจบางอย่างทำให้ผมอดมองตามไม่ได้

“ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ว่าแต่ถ้าหากพี่วิวเห็นว่าพี่เป้สำคัญจริงๆก็น่าจะปรับปรุงตัวเองบ้างนะก่อนที่จะโดนใครเขาคว้าไปเสียก่อน แล้วคงได้คุยกันอีกนะคะ”

ผมเหม่อมองตามแผ่นหลังเชิดตรงของรุ่นน้องสาวที่เดินจากไปเหมือนไม่รู้จะทำอะไรที่ดีไปกว่านั้น เนื้อหาในหนังสือที่อ่านค้างไว้เหมือนถูกอะไรหนักๆเคาะจนหล่นหายไปจากสมอง ดังนั้นพอถูกมืออุ่นตบลงบนบ่าผมเลยถึงกับสะดุ้งเฮือก

“ขอโทษทีมาช้าไปหน่อย คุยงานกลุ่มยืดเยื้อมากเลย วิวหิวหรือยัง?”

ผมหันไปมองคนพูดแล้วก็เห็นรอยยิ้มที่เจ้าตัวมีให้เสมอติดอยู่บนใบหน้าคมที่เจอกันแทบทุกวัน แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองยิ้มตอบได้ไม่เต็มที่เหมือนเคย ราวกับว่ามีใครเอาอะไรมาบีบหัวใจไว้จนมันเรื้อขึ้นมาถึงการแสดงออกบนหน้าอย่างนั้นแหละ

เป้มองผมที่นั่งเงียบแล้วก็ขมวดคิ้ว ร่างสูงใหญ่นั่งลงที่เก้าอี้ข้างตัวแล้วก็คว้ามือผมไปจับไว้

“วิว เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า?”

มืออุ่นข้างที่เหลือยื่นมาแตะที่หน้าผากก่อนจะเลื่อนลงไปที่ซอกคอ สัมผัสที่อ่อนโยนและคุ้นเคยทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นเมื่อครู่สงบลงบ้าง ทว่าความรู้สึกราวกับมีอะไรมาสะกิดใจทำให้ผมยังไม่กล้าสบตาที่จ้องมองมาเพราะกลัวจะเผลอแสดงความหวั่นไหวออกไป เป้มักจะมีประสาทสัมผัสไวเสมอถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับตัวผม

“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกเป้ ไปหาอะไรกินกันดีกว่า จะได้กลับหอเร็วๆ”

ผมฝืนยิ้มหลังจากที่คิดว่าจิตใจตัวเองมั่นคงพอที่จะไม่แสดงอารมณ์อะไรออกไปให้ผิดสังเกตแล้ว เป้ยังมองผมอย่างสงสัยอยู่ แต่แล้วก็พยักหน้าก่อนจะหยิบหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะกับกระเป๋าสะพายไปถือไว้ เราเดินคู่กันไปที่ลานจอดรถอย่างเงียบๆแต่ผมก็รู้ว่าคนข้างตัวคอยจับสังเกตท่าทางของตัวเองอยู่ตลอดเวลา

เป้เปิดประตูรถให้ผมก่อนจะอ้อมไปนั่งที่ตัวเอง พอสตาร์ทเครื่องเตรียมจะออกจากลานจอดเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เป้เลยหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมากดรับสายก่อนจะหันมากระซิบกับผมเบาๆ

“แป๊บนะ แม่โทรมา”

ผมพยักหน้าแล้วก็มองออกไปที่สนามหญ้าซึ่งมีนักกีฬาและเชียร์ลีดเดอร์แบ่งพื้นที่ซ้อมกันอยู่ และถึงแม้จะไม่อยากแอบฟังบทสนทนาของครอบครัวคนอื่น แต่ด้วยความที่เรานั่งอยู่ในรถด้วยกันเสียงของเป้จึงลอยมาเข้าหูอย่างช่วยไม่ได้

“เย็นนี้เหรอแม่ เป้คงไม่กลับน่ะครับ พี่ปิ่นจะพาพี่เก่งมาทานข้าวด้วย? ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ ยายปอนด์ก็อยู่ ก็ให้คุยกับว่าที่พี่เขยไปสิ”

เสียงโต้ตอบที่ได้ยินทำให้ผมพอจะประมาณได้ว่าเป้กำลังคุยเรื่องอะไร เลยดึงสมุดโน้ตของตัวเองออกมาเขียนข้อความเร็วๆแล้วยื่นไปตรงหน้าคนที่ยังคุยโทรศัพท์อยู่ เป้อ่านข้อความแล้วก็ขมวดคิ้วก่อนจะหันไปคุยกับแม่ต่อ แต่เสียงที่พูดใส่หูโทรศัพท์เหมือนจะเข้มขึ้นนิดหน่อย

“ไม่ล่ะครับ คืนนี้เป้ต้องคุยงานกับเพื่อนแล้วคงค้างหอเค้าไปเลย แค่นี้นะครับ แล้วเจอกัน”

เป้กดตัดสายแล้วก็ถอยรถออกจากลานจอด ผมเลยอดหันไปทักไม่ได้ “ทำไมบอกแม่เค้าอย่างนั้นล่ะเป้ ถ้าแม่อยากให้กลับไปทานข้าวกับที่บ้านเดี๋ยวส่งวิวเสร็จแล้วเป้กลับเลยก็ได้”

คนโดนท้วงเพียงแค่ยักไหล่แต่ก็ไม่ได้หันมาหา “ไม่เป็นไรหรอก แม่เค้าชินแล้วล่ะ อีกอย่างเป้เจอว่าที่พี่เขยคนนี้บ่อยแล้วเพราะเค้าก็ทำงานอยู่บริษัทพ่อนั่นแหละ ที่สำคัญ...วันนี้เป้อยากอยู่กับวิวมากกว่า”

มือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นมาพลิกมือผมให้หงายขึ้นก่อนจะประสานปลายนิ้วเข้าแล้วก็บีบเบาๆ  ผมจ้องกระดาษโน้ตที่เขียนว่า “กลับบ้านก็ได้นะ” ที่วางอยู่บนตักตัวเอง แต่ถึงจะไม่พูดอะไรตอบออกไป ผมก็ดีใจที่คนข้างตัวให้ความเอาใจใส่ผมมากขนาดนี้

เป้พาผมไปทานข้าวเย็นที่ร้านอาหารตามสั่งในตลาดไม่ไกลจากหอนัก จากนั้นเราก็แวะซื้อของใช้กันนิดหน่อยก่อนจะกลับ หลังจากเราตกลงคบกันและเป้มาขลุกอยู่ที่ห้องผมบ่อยๆแล้ว ข้าวของในห้องก็มีส่วนที่เป็นของเป้มาแบ่งพื้นที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะในตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำหรือในตู้เย็น จนบางครั้งผมก็ลืมไปว่าชิ้นไหนของเป้และชิ้นไหนของผมเพราะดูทุกอย่างจะกลืนกันไปหมด จะยกเว้นก็แต่พวกเสื้อผ้าที่ยังไงก็แยกออกเพราะของเป้ส่วนมากจะเป็นของค่อนข้างมีราคาและไซส์ต่างกับเสื้อผ้าของผมอย่างเห็นได้ชัด

พอกลับถึงห้องปุ๊บผมก็ขอตัวอาบน้ำก่อนทันที ทว่าหลังจากที่ได้อยู่ตามลำพังก็อดที่จะหวนคิดถึงบทสนทนากับรุ่นน้องสาวก่อนเป้จะมารับไม่ได้


“...พี่เป้เค้าไม่เบื่อพี่วิวบ้างเหรอคะ”


น่าแปลกที่คำถามเชิงรำพึงนั่นติดแน่นอยู่ในหัว ผมส่ายหน้าก่อนจะเข้าไปยืนใต้ฝักบัวเผื่อว่าสายน้ำอุ่นจะช่วยชำระความขุ่นมัวในใจให้ละลายออกไปได้บ้าง ฟองแชมพูที่ไหลเข้าตาทำให้แสบตาจนต้องยกมือขึ้นลูบออก แล้วก็ให้นึกถึงสีหน้ากังวลใจของคนตัวโตตอนที่เห็นผมไม่ตอบคำถามเมื่อตอนเย็น แต่ถ้าหากผมเล่าไปตามตรงว่าเกิดอะไรขึ้น เป้อาจตามไปคุยกับน้องดาแล้วทำให้เรื่องมันใหญ่โตเกินเหตุก็ได้ ดังนั้นแม้ว่าผมจะไม่นิยมการมีความลับกับคนใกล้ชิด แต่สำหรับเรื่องนี้ผมก็คิดว่าไม่ควรเล่าให้อีกฝ่ายฟังจะดีกว่า

ผมอาบน้ำเช็ดตัวจนเสร็จแล้วก็คว้าเสื้อผ้าชุดนอนขายาวขึ้นมาเปลี่ยน พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าพ่อคนตัวโตกำลังนั่งพิงเตียงพลางเปิดดูอัลบัมรูปฆ่าเวลาอยู่ ผมเลยเอาผ้าเช็ดตัวไปผึ่งที่ราวตรงระเบียงก่อนจะเดินกลับไปนั่งลงข้างๆ 

“รื้อมาดูอีกแล้ว มันก็รูปเดิมๆนั่นแหละเป้ ไม่เบื่อบ้างเหรอ”

ก่อนที่ผมจะออกจากบ้านมาอยู่หอในกรุงเทพฯผมเลือกรูปถ่ายครอบครัวและรูปตั้งแต่สมัยเด็กจนถึงม.ปลายใส่อัลบัมขนาดเล็กติดกระเป๋ามาด้วย เนื่องจากตัวเองเป็นเด็กต่างจังหวัดที่ต้องมาอยู่หอคนเดียวแถมญาติที่อยู่ในกรุงเทพฯก็ไม่ใช่ญาติสนิท ผมจึงทุ่มเวลาให้กับการเรียนเต็มที่เพื่อไม่ให้ตัวเองคิดถึงบ้าน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางเวลาที่รู้สึกว้าเหว่ขึ้นมา ดังนั้นนอกจากจะโทรกลับไปหาครอบครัวเป็นระยะๆแล้ว ผมก็ได้อัลบัมรูปนี้ที่เป็นเพื่อนคลายเหงาได้บ้าง แต่ว่าหลังจากที่คบกับเป้แล้วผมก็ไม่ค่อยได้หยิบอัลบัมนี้ออกมาดูเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยมีเวลาอยู่คนเดียวให้ได้เหงานัก  

เป้หันมายิ้มให้แล้วก็ดึงผมไปหอมแก้มทีหนึ่งก่อนจะพลิกอัลบัมดูต่อ “เบื่อทำไม ดูรูปแฟนตัวเองนี่นา แล้วอีกอย่าง วิวตอนเด็กน่ารักจะตายไป”

โชคดีที่เป้ไม่ได้หันมามอง เพราะผมรู้ว่าตัวเองต้องหน้าแดงอยู่แน่ๆ ไม่รู้ว่าเป้รู้บ้างหรือเปล่าว่าถึงแม้เจ้าตัวจะชอบปากหวานใส่ผมบ่อยจนแทบจะเป็นเรื่องปกติ แต่เวลาได้ยินทีไรผมก็ยังรู้สึกประดักประเดิดอยู่ดีนั่นแหละ

ผมมองเสี้ยวหน้าของคนที่กำลังยิ้มกับรูปถ่ายในเครื่องแบบสมัยม.ต้นของผมอยู่ แล้วก็คิดถึงคำพูดของดาเมื่อตอนเย็น พลันจู่ๆก็รู้สึกอยากทำอะไรที่ตัวเองไม่เคยทำขึ้นมา

“เป้”

“หือม์?”

เป้หันมาตามเสียงเรียก ผมเลยหยิบอัลบัมรูปในมืออีกฝ่ายออกก่อนจะคล้องแขนสองข้างรอบคอแกร่งแล้วโน้มใบหน้าคมลงจูบ ผมได้ยินเสียงเป้ครางในคอเหมือนประหลาดใจก่อนที่มือใหญ่ข้างหนึ่งจะเลื่อนมาโอบเอวผมไว้ ขณะที่มืออีกข้างลูบไปตามแผ่นหลังผ่านเสื้อนอนเนื้อบาง ตลอดเวลาที่คบกันมาผมไม่เคยเป็นฝ่ายเริ่มความสัมพันธ์ทางกายก่อนเลยสักครั้ง แต่วันนี้ผมอยากทำให้เป้รู้ว่าผมกำลังโหยหาความอบอุ่นจากอีกฝ่ายมากแค่ไหน

ผมลดมือลงปลดกระดุมเสื้อนอนของตัวเอง พอผละออกเพื่อถอดเสื้อให้พ้นจากตัวก็เห็นว่าเป้กำลังจ้องผมนิ่งอยู่ นัยน์ตาคมสีน้ำตาลเข้มอาบไปด้วยปรารถนาจนผมต้องหลบสายตาแล้วพุ่งความสนใจไปที่การปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีขาวของเป้แทน แต่ยังไม่ทันจะเลื่อนเสื้อออกจากไหล่กว้าง มือใหญ่ก็จับยึดมือผมเอาไว้ก่อนเจ้าตัวจะก้มลงจูบบนหน้าผากเบาๆ

“เป็นอะไรไป วันนี้วิวใจดีจัง”

“...เปล่าสักหน่อย”

ผมดันคนรักที่กำลังพรมจูบไปทั่วหน้าตัวเองออกเบาๆก่อนจะจ้องเข้าไปในดวงตาเรียวที่ฉายประกายราวสัตว์ป่าที่กำลังออกล่าเหยื่อ เป้ยิ้มมุมปากแบบที่ผมชอบบอกเจ้าตัวว่าทำแบบนี้ทีไรหน้าตาดูเจ้าเล่ห์ทุกที ผมเลยเลื่อนมือสองข้างขึ้นประคองหน้าอีกฝ่ายไว้แล้วจูบที่ปลายจมูกโด่งก่อนจะพูดสิ่งที่ตัวเองไม่เคยคิดว่าจะกล้าพูดมาก่อน

“วันนี้เป้อยู่เฉยๆได้มั้ย ให้วิวนำเอง”

ใบหน้าคมเลิกคิ้ว แต่แล้วก็คลี่ยิ้มให้ก่อนจะดึงมือผมข้างหนึ่งไปจูบ ลิ้นร้อนตวัดเลียที่กลางฝ่ามือจนผมอดสั่นไม่ได้

“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ เป้เคยขัดใจวิวด้วยเหรอ”

ผมลุกขึ้นแล้วฉุดเป้ให้นั่งบนเตียงก่อนจะดันคนตัวโตกว่าให้นอนหงายแล้วแหวกเสื้อเชิ้ตขาวออกจนเห็นแผงอกแกร่งถนัดตา ผมไล้ปลายนิ้วไปมาบนกล้ามเนื้อแน่นก่อนจะค่อยๆไล่ต่ำลงจัดการกับเข็มขัดและกางเกงแสล็คสีดำ ความต้องการของเป้เริ่มแสดงเป็นรูปร่างให้เห็นผ่านกางเกงชั้นในเนื้อหนาสีน้ำเงินเข้ม ผมรูดกางเกงนอนของตัวเองลงก่อนจะขยับขึ้นนั่งคร่อมบนส่วนแข็งขืนที่กำลังขยายตัวขึ้นตามแรงสัมผัส

ลมหายใจของคนตัวโตเริ่มหอบถี่เมื่อผมโยกตัวเบาๆ ผมเลยก้มลงจูบริมฝีปากบางขณะที่มือสองข้างก็ลูบไล้ไปทั่วแผงอกที่เรียบลื่นมือ ปลายลิ้นของเราเกี่ยวกระหวัดกันไปมา ผมรู้สึกได้ว่ามืออบอุ่นสองข้างเริ่มเลื่อนต่ำลงไปกดสะโพกผมลงขณะที่เจ้าตัวก็เกร็งร่างกายส่วนล่างให้บดเบียดกลับมาจนผมต้องถอยออกแล้วพยายามทำตาดุใส่

“ไหนว่าจะไม่ขัดใจไง”

เป้หัวเราะเบาๆ แต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือที่บีบคลึงสะโพกด้านหลังของผมอยู่ “ขอโทษ มันติดนี่นาเลยอดไม่ได้”

ผมค้อนคนพูดก่อนจะเอื้อมตัวไปหยิบหลอดเจลที่เก็บไว้ในลิ้นชักข้างหัวเตียง ท่านั้นเปิดโอกาสให้คนเบื้องล่างฉวยใช้ริมฝีปากอุ่นขบเม้มที่แผ่นอกจนสะดุ้งเฮือก พ่อตัวดียันตัวขึ้นทั้งที่ผมยังนั่งคร่อมตักอยู่แล้วก็แย่งของในมือไปก่อนจะส่งยิ้มให้

“อย่าเพิ่งทำหน้าอย่างนั้นสิ เดี๋ยวให้วิวนำอยู่แล้วล่ะ แต่ช่วงเตรียมตัวนี่ขอให้เป้ทำเองแล้วกันนะ”

คนตัวโตพูดแล้วก็บีบเจลออกใส่มือโดยไม่รอฟังคำปฏิเสธ ผมเลยต้องยอมอย่างเสียไม่ได้ สัมผัสเย็นๆลื่นๆของปลายนิ้วที่ชุ่มไปด้วยของเหลวหนืดใสซึ่งไล้วนอยู่รอบช่องทางเบื้องล่างทำให้ผมเผลอกอดคออีกฝ่ายแน่น 

นิ้วใหญ่แข็งแรงนิ้วแรกค่อยๆแทรกเข้ามาในกายทีละนิดจนผมต้องกลั้นหายใจ เป้ก้มลงจูบซับที่หัวไหล่ผมก่อนจะค่อยๆไซ้ขึ้นมาที่คอและใบหู มือข้างที่ว่างก็ลูบขึ้นลงบนลำตัวผมเหมือนจะปลอบให้ผ่อนคลาย ไม่นานนิ้วที่สองก็ถูกสอดใส่ตามเข้ามาและไล้วนไปรอบๆช่องทางด้านในเพื่อเตรียมความพร้อมให้ การเคลื่อนไหวของนิ้วมือทั้งสองนั้นทำให้ผมสั่นไปทั้งตัวอย่างควบคุมไม่ได้และปลดปล่อยเสียงน่าอายออกมา

“เป้...เป้...อ๊ะ...ฮะ...”

ผมเผลอร้องเสียงหลงเมื่อส่วนอ่อนไหวของตัวเองถูกกลั่นแกล้งจนปวดแปลบไปหมดเพราะอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้น ริมฝีปากนุ่มหยุ่นประทับลงบนหน้าผากของผมที่เริ่มมีเหงื่อผุดซึมก่อนที่เป้จะถอนนิ้วออก ความรู้สึกว่างโหวงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ร่างผมกระตุกและหลุดครางเสียงแผ่ว

“จากนี้วิวทำให้เป้นะ”

เสียงทุ้มทว่าแหบพร่ากระซิบที่ข้างหูก่อนคนพูดจะถอยตัวออกแล้วยันร่างกายส่วนบนไว้ ผิวกายแกร่งเนียนเริ่มเป็นสีเรื่อเพราะความต้องการ ผมสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะถอยตัวลงจูบบนหน้าท้องที่เกร็งขึ้นจนเป็นลอนแล้วใช้ริมฝีปากและปลายนิ้วรูดรั้งชั้นในสีเข้มออกจากช่วงขายาว จากนั้นจึงไล้ปลายลิ้นอย่างแผ่วเบาที่ศูนย์รวมความต้องการที่กำลังตื่นตัวของคนตรงหน้าก่อนจะคว้าหลอดเจลที่หล่นอยู่บนเตียงขึ้นบีบชโลมไปยังแก่นกายร้อนผ่าวจนชุ่ม พอเงยหน้าขึ้นมองเป้อีกทีก็เห็นว่าเจ้าตัวกำลังจ้องตรงมา ผมเลยดันร่างอีกฝ่ายให้นอนราบลงขณะที่มือข้างหนึ่งก็เลื่อนไปด้านหลังเพื่อนำทางให้สิ่งที่กำลังจะรุกรานตัวเองผ่านช่องทางที่คับแน่นเข้ามาได้ง่ายขึ้น

เสียงครางของเราสองคนดังขึ้นพร้อมกันเมื่อความต้องการของเป้เริ่มชำแรกผ่านเข้ามาในร่างผม ท่าที่ไม่เคยคุ้นทำให้รู้สึกอึดอัดในแรกเริ่มจนต้องคอยหยุดเป็นระยะ ทว่าไม่กี่ชั่วอึดใจร่างกายของเราก็ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว อุณหภูมิและความแข็งขืนที่กำลังเป็นส่วนหนึ่งในกายทำให้ลมหายใจติดขัด ความร้อนรุ่มทั้งจากภายในและภายนอกจุดเม็ดเหงื่อใสให้ผุดพรายขึ้นตามร่างทั้งที่เครื่องปรับอากาศยังทำงานอยู่

“จะขยับแล้วนะ”

ผมให้สัญญาณเสียงพร่าหลังจากที่เริ่มชินกับความต้องการของคนตัวโตที่อิงแอบอยู่ในร่างของตัวเอง เป้พยักหน้าแล้วก็ช่วยจับเอวผมไว้ก่อนที่ผมจะเริ่มขยับร่างกายตัวเองเป็นจังหวะ เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังแว่วเข้ามาในโสตประสาทที่เริ่มอื้ออึง แต่ถึงผมจะบอกเป้ไว้แล้วว่าผมจะนำ สุดท้ายเรือนร่างแกร่งที่โดนผมครอบครองอยู่ก็เริ่มขยับเองอยู่ดี แต่เพราะความรู้สึกที่เริ่มฉุดรั้งไม่อยู่ผมจึงไม่สนใจแล้วว่าตอนนี้ใครเป็นคนนำและใครเป็นคนตาม เพราะถึงอย่างไรนี่ก็คือท่วงทำนองรักที่เราสองคนบรรเลงร่วมกัน

มือใหญ่รั้งผมลงจูบขณะที่ร่างกายของเราสอดประสานกันอย่างเร่งเร้าขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้ดีว่าตัวเองกำลังจะทนแรงกระตุ้นไม่ไหวจึงเท้าแขนข้างหนึ่งลงบนเตียงขณะที่อีกข้างเลื่อนไปกอบกุมส่วนที่กำลังเรียกร้องการปลดปล่อยเบื้องล่าง ความรู้สึกปั่นป่วนเริ่มแผ่ซ่านจากกึ่งกลางของร่างกายและแล่นพล่านไปถึงปลายนิ้วขณะที่ผมเร่งโหมจังหวะตัวเองมากขึ้น ไม่กี่อึดใจความรู้สึกที่ล่องลอยราวกับถูกคลื่นพายุพัดโหมขึ้นสู่ที่สูงก็ซัดกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรงจนผมเกร็งกระตุกไปทั้งร่าง

เป้กดท้ายทอยผมไว้แน่นขณะที่ความต้องการของผมเอ่อทะลักจากพายุอารมณ์ที่กักเก็บไว้ เสียงครางที่หลุดออกมาจึงหายไปกับริมฝีปากร้อนที่ยังคงดูดดุนปลายลิ้นผมอยู่ มือใหญ่เลื่อนลงกดที่สะโพกก่อนเป้จะพลิกตัวขึ้นอยู่ด้านบนแทนแล้วกระแทกเอวเข้ามาอย่างรุนแรงจนผมผวาไปทั้งร่าง ผมพยายามฝืนเปิดเปลือกตาขึ้นสบตากับคนเบื้องบน ใบหน้าคมขบฟันจนกรามขึ้นเป็นสันนูนก่อนที่ร่างแกร่งจะสอดแทรกเข้ามาอีก เป้เกร็งไปทั้งตัวขณะปลดปล่อยหยาดของเหลวอุ่นร้อนให้สาดซัดเข้ามาในร่างผมโดยที่ร่างสูงใหญ่ไม่ได้ชะลอจังหวะลงเลย

พ่อคนตัวโตก้มลงจูบที่แก้มผมแรงๆก่อนจะนอนคร่อมผมเอาไว้ ทั้งห้องมีแต่เสียงครางต่ำๆของเครื่องปรับอากาศกับเสียงหอบหายใจของเราสองคน ทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยกันไปแค่ครั้งเดียว แต่คราวนี้ผมเหนื่อยราวกับเราเพิ่งออกกำลังกายอย่างหนักติดต่อกันหลายชั่วโมงก็ไม่ปาน ผมพยายามควบคุมลมหายใจที่ถี่รัวให้เป็นปกติก่อนจะเลื่อนมือทั้งสองข้างขึ้นลูบหลังชื้นเหงื่อของคนรักไปมา เป้ผงกหัวขึ้นยิ้มให้ก่อนจะถอนกายออกแล้วจับตัวผมพลิกให้นอนทับตัวเองไว้

ริมฝีปากอุ่นแนบลงบนขมับขณะที่นิ้วมือใหญ่นวดคลึงให้ที่ต้นคอกับท้ายทอยเบาๆ ผมเลยกระชับอ้อมแขนรอบคอเป้แน่นขึ้นก่อนจะซุกตัวเข้ากับแผ่นอกกว้างที่รองรับตัวเองอยู่ รู้สึกว่าร่างกายได้ระบายความตึงเครียดออกไปจนแทบจะหลับไปทั้งอย่างนั้น แต่ผมก็เพียงนอนจ้องผนังห้องแล้วแนบหูฟังเสียงหัวใจของเป้เงียบๆ

“วิว หลับหรือยัง?”

เสียงที่ดังขึ้นใกล้หูทำให้ผมที่เริ่มเคลิ้มผงกหน้าขึ้นมองคนที่ตอนนี้เป็นกึ่งๆเบาะให้ตัวเองอยู่  “หือ?...ยัง แค่อยู่แบบนี้แล้วสบายดี เป้เมื่อยเหรอ?”

“แค่นี้ไม่เมื่อยหรอก ว่าแต่รู้ตัวมั้ย วิวไม่เคยอ้อนเป้แบบวันนี้มาก่อนเลยนะ”
 
เป้พูดแล้วก็ยิ้มตาเป็นประกาย แต่นั่นกลับทำให้ผมประหม่าขึ้นมา

“แปลกเหรอ? หรือว่าเป้ไม่ชอบให้ทำแบบนี้”

พ่อตัวดียิ่งยิ้มมากขึ้นเมื่อได้ยินคำถามก่อนจะกดจมูกลงบนหน้าผากผม “แฟนอ้อนใครจะไม่ชอบล่ะ ความจริงอยากให้อ้อนบ่อยๆเลยด้วยซ้ำ แต่กลัวว่าเดี๋ยวจะขอมากไป”

คำพูดที่เรียบเรื่อยเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาแต่นัยน์ตาที่มองตรงมาเหมือนจะตอกย้ำคำพูดทำให้อดรู้สึกร้อนที่แก้มไม่ได้ ผมเลยซุกหน้าลงกับไหล่กว้างเหมือนเดิมก่อนจะตัดสินใจถามคำถามที่กวนใจมาตั้งแต่ตอนเย็น

“เป้ เป้เคยคิดว่าวิวน่าเบื่อบ้างหรือเปล่า?”

คราวนี้คนตัวโตดันผมออกแล้วขมวดคิ้วมองหน้าอย่างค้นหา “ทำไมอยู่ๆก็ถามแบบนั้น หรือว่าใครมาพูดอะไรกับวิว?”

“เปล่า แค่สงสัยเพราะว่าเราอยู่ด้วยกันแทบทุกวัน ถ้าเกิดวันไหนเป้นึกเบื่อขึ้นมา วิวก็อยากจะให้พูดบอกกันมาตรงๆ”

ผมตอบเลี่ยงๆแต่ไม่กล้ามองหน้าคนถาม เป้ถอนหายใจก่อนจะกอดผมแน่นขึ้นแล้วใช้ฝ่ามือใหญ่ลูบหลังไปมา ปกติแล้วผมไม่ค่อยชอบให้เป้ทำเหมือนผมอ่อนแอเท่าไหร่ แต่วันนี้ผมยอมให้อีกฝ่ายปลอบเหมือนตัวเองเป็นเด็กเล็กๆแต่โดยดี

“ไม่เห็นต้องคิดมากเลย วิวเป็นแบบนี้แหละดีอยู่แล้ว อีกอย่างเราคบกันมาเป็นปีแล้วนะ มีวันไหนเป้ทำท่าเบื่อให้เห็นหรือไง?”

เป้ถามแล้วก็ถอยออกมองหน้าผม ผมคิดทบทวนตามแล้วก็ส่ายหน้า เป้ไม่เคยแสดงท่าทางแบบนั้นจริงๆนั่นแหละ มีแต่จะยิ่งตรงกันข้ามด้วยซ้ำ จะว่าไปผมเองไม่น่าจะต้องคิดมากเพียงเพราะคำพูดของคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ที่คำพูดนั้นกระทบความรู้สึกขนาดนี้คงเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ผมเองก็เคยคิดอยู่เหมือนกันกระมัง

ผมจมอยู่กับความคิดตัวเองจนสะดุ้งเมื่อโดนปลายนิ้วมือเชยคางตัวเองขึ้น พอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นว่าเป้กำลังยิ้มให้ขณะที่มือที่อยู่บนต้นคอค่อยๆเพิ่มแรงกดให้ก้มลงหา ผมเลยหลับตาก่อนจะคล้องแขนรอบบ่ากว้างไว้ ริมฝีปากเราสัมผัสกันก่อนคนตัวโตจะค่อยๆพลิกร่างผมให้นอนหงาย ถ้าเป็นวันอื่นหลังจากเหนื่อยขนาดนี้ผมคงบ่นไปแล้ว แต่วันนี้ผมไม่นึกอยากปฏิเสธความสุขสมที่อีกฝ่ายต้องการจะมอบให้

“เป้ วิวขออะไรอย่างได้มั้ย?”

ผมสบตากับเจ้าของนัยน์ตาสีเข้มแล้วกระซิบถามเสียงเบา เป้ไล้ข้อนิ้วบนแก้มผมราวกำลังแตะต้องบางสิ่งที่บอบบางแล้วก็ยิ้มให้

“ครับ ว่าไง”

“คืนนี้ กอดวิวจนถึงเช้าเลยนะ”

คิ้วเข้มเลิกขึ้น แต่แล้วริมฝีปากบางก็ยิ้มกว้าง อ้อมแขนอบอุ่นรั้งร่างผมเข้าไปแนบชิดก่อนปลายจมูกโด่งจะก้มลงคลอเคลียที่ซอกคอจนรู้สึกถึงลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารดลงบนผิว


“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ สำหรับวิว เป้กอดเท่าไหร่ก็ไม่เคยพออยู่แล้ว”


++------++


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-01-2009 23:46:11 โดย bellbomb »

ออฟไลน์ bellbomb

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1561
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1261/-7
    • Bellbomb's Blog
“อ่านหนังสืออีกแล้วเหรอคะพี่วิว ขยันได้ตลอดเลยนะคะ”

เสียงทักทายเสียงเดียวกับวันก่อนและเสียงรองเท้าส้นแหลมกระทบพื้นดังขึ้นใกล้ตัว แม้ผมจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นแต่ก็พอจะรู้ว่าใครเป็นคนทัก ทว่าผมเลือกจะทำเฉยเสียแล้วไล่สายตาไปบนตัวหนังสือตรงหน้าต่อ

ผมรู้สึกว่าดารอให้ผมพูดอะไรด้วย แต่พออีกฝ่ายเห็นผมนิ่งเงียบเลยทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งตัวเดียวกับผมแล้วยื่นมือเรียวมาปิดทับบนหน้าหนังสือที่กางอยู่ ถ้าหากจะมีวิธีไหนที่เรียกความสนใจผมได้ชะงัดก็เห็นจะเป็นวิธีนี้แหละ อย่างน้อยเป้ก็เคยทำสำเร็จมาแล้วคนนึง เพียงแต่ผมไม่คิดว่าจะมีใครมาทำแบบนี้ด้วยอีก

ใบหน้าสวยหวานมองผมที่ยอมละสายตาจากหนังสือขึ้นแล้วก็ยิ้มให้ ความที่เรานั่งใกล้กันผมจึงได้กลิ่นน้ำหอมที่อีกฝ่ายใช้ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในอากาศจางๆ มันเป็นกลิ่นหอมหวานเหมือนผลไม้ ต่างกับกลิ่นโคโลญจน์เจือบุหรี่ที่ผมคุ้นเคยจากตัวเป้จนรู้สึกเวียนหัวแปลกๆ

“อย่าเพิ่งหงุดหงิดสิคะ หนังสือเรียนมันก็พูดเรื่องเดียวกับที่อาจารย์บรรยายในห้องไม่ใช่เหรอ อ่านซ้ำไปซ้ำมาน่าเบื่อจะตายไป”

“แต่อ่านซ้ำแล้วมันก็ทำให้ผมจำเนื้อหาดีขึ้น อีกอย่างนี่ก็ใกล้สอบแล้ว น้องดาก็น่าจะเตรียมตัวอ่านหนังสือเหมือนกันนะ”

คนถูกเตือนทำหน้างอง้ำเหมือนไม่พอใจ แต่เรือนร่างสมส่วนกลับเบียดเข้าหามากขึ้นกว่าเดิมจนผมขมวดคิ้ว ความใกล้ชิดที่ไม่ทันได้ตั้งตัวและสัมผัสนุ่มนิ่มของลำแขนเรียวที่ชิดกับแขนผมทำให้จู่ๆก็รู้สึกอยากถอยหนีขึ้นมา

“พี่วิวนี่ทำตัวน่าเบื่อจริงๆด้วย พี่เป้เค้าทนได้ไงน้า... ถ้าเป็นดา ดาคงต้องบังคับพาพี่วิวไปดูหนังหรือทำอย่างอื่นที่มันน่าสนุกกว่านี้แน่ๆ”

ดาใช้ปลายนิ้วตลบเรือนผมที่ยาวจนถึงเอวไปพาดรวมกันที่ไหล่ข้างหนึ่งจนเห็นลำคอระหงได้ชัดแล้วก็ช้อนสายตาขึ้นมองผมยิ้มๆ ใบหน้าที่ยื่นเข้ามาใกล้ทำให้ผมเอนหลังหนีอย่างไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรกันแน่

“จริงๆนะ ถ้าเกิดดาเป็นพี่เป้ล่ะก็ ดาคงไม่สนใจคนน่าเบื่อแบบพี่วิวหรอก”


“งั้นก็แย่หน่อยนะครับ บังเอิญว่าผมชอบที่คนของผมเป็นแบบนี้ แล้วผมก็ไม่จำเป็นต้องให้ใครมาคิดแทนให้ด้วย”


“เป้!”

ผมหันไปมองเจ้าของเสียงเข้มๆที่ดังอยู่เหนือหัวด้วยความโล่งใจ จู่ๆก็รู้สึกว่าไออุ่นจากผิวเนื้อที่แนบชิดตัวเองอยู่หายไปเลยหันไปมองดาอีกที แล้วก็พบว่าเจ้าตัวชักสีหน้าไม่พอใจอยู่ เป้ทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งอีกตัวแล้วก็เอามือข้างหนึ่งมากุมมือผมบนโต๊ะไว้ ใบหน้าคมส่งยิ้มให้หญิงสาวรุ่นน้อง แต่จากสัญชาตญาณทำให้ผมรู้ว่าคนตัวโตไม่ได้ส่งรอยยิ้มให้เพราะความรู้สึกเป็นมิตรแน่ๆ

“ผมไม่รู้นะว่าน้องดาคิดอะไรอยู่ แต่ถ้าจะเป่าหูวิวให้เสียความมั่นใจเพื่อหวังผลล่ะก็ บอกได้เลยว่าเสียเวลาเปล่า”

ผมมองหน้าเป้กับดาสลับกันไปมา ทั้งไม่เข้าใจว่าเป้กำลังจะสื่ออะไร และไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ดาต้องการคืออะไรกันแน่ แต่คนทั้งสองจ้องตากันเหมือนหยั่งเชิงอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่หญิงสาวข้างตัวผมจะเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อนแล้วลุกขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีค่ะ ว่าแต่พี่เป้ก็บอกให้พี่วิวปรับปรุงตัวบ้างนะคะ ถ้ามัวแต่ไร้เดียงสาอยู่อย่างนี้สักวันอาจจะโดนคนอื่นแย่งไปก็ได้”

ท้ายประโยคดาหันมามองผมด้วยสายตาที่ยากจะอ่านความรู้สึกก่อนเจ้าตัวจะหันหลังแล้วเดินออกไป เป้เลยขยับตัวเข้ามานั่งข้างผมทันที

“วิวเป็นไงบ้าง โดนทำอะไรหรือเปล่า?”

คำถามแปลกๆนั่นทำให้ผมอดงงเป็นคำรบสองไม่ได้ “โดนทำอะไร? เป้หมายความว่าไง? แล้วเมื่อกี้ทั้งสองคนพูดอะไรกัน วิวไม่เห็นจะเข้าใจเลย”

คนตัวโตมองผมแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆ “ที่น้องเค้าพูดมาก็ถูกแฮะ ช่างมันเถอะ ว่าแต่ทำไมเค้าถึงเข้ามาคุยกับวิวได้ล่ะ ไปรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ก็ไม่เชิงรู้จักกันหรอก เมื่อวันก่อนตอนนั่งอ่านหนังสืออยู่น้องเค้าเข้ามาบอกว่าเพื่อนเค้าแอบชอบเป้ แต่จากที่ฟังๆมา วิวว่าน้องเค้าเองก็คงจะสนใจเป้เหมือนกัน ไม่งั้นก็ไม่รู้จะเข้ามาพูดกับวิวแบบนั้นทำไม”

เป้มองผมที่ปิดหนังสือแล้วก็เก็บเครื่องเขียนกลับเข้ากระเป๋าเงียบๆ สายตาคมเหม่อมองไปทางทิศที่ดาเดินจากไปเมื่อครู่ก่อนจะพูดเสียงเปรยๆขึ้นมา

“ใช่แน่เหรอ เป้ว่า...คนที่น้องเค้าสนใจจริงๆคือวิวมากกว่านะ”

ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ คนข้างตัวเลยเท้าคางมองผมแล้วก็ยิ้ม “เรื่องน้องแจนที่มาจีบเป้น่ะเป้รู้อยู่แล้ว แล้วก็เคยคุยกับน้องเค้าจบไปแล้วด้วยว่าเป้คบกับวิวอยู่ เพราะงั้นที่เด็กคนเมื่อกี้เข้ามาหาวิวน่าจะเป็นเพราะเค้าอยากจะแย่งวิวไปมากกว่า”

“แย่งวิว? แต่วิวไม่รู้จักน้องเค้ามาก่อนเลยนะ”

บทวิเคราะห์ของเป้ทำให้ผมอดจะแย้งขึ้นมาไม่ได้ เพราะนอกจากเพื่อนในโต๊ะกลุ่มตัวเองกับเพื่อนที่เรียนวิชาเดียวกันแล้ว นอกจากนั้นผมก็ไม่ค่อยรู้จักใครในคณะเท่าไหร่ ยิ่งถ้าเป็นรุ่นน้องยิ่งรู้จักน้อยจนแทบจะนับหัวได้ แถมผมเองก็ไม่เคยแม้แต่จะสังเกตเห็นน้องดามาก่อนเลยด้วยซ้ำ

“คนเราจะชอบใคร บางทีก็ไม่จำเป็นต้องรู้จักคุ้นเคยกับคนคนนั้นมาก่อนหรอก อย่างเป้กับวิวก็ไม่ได้สนิทกันมาก่อนไม่ใช่เหรอ สงสัยเค้าจะมองว่าคนเงียบๆแบบวิวดูแล้วท้าทายดีล่ะมั้ง”

ผมยังมองหน้าคนพูดอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อ และคำอธิบายนั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกว่าอะไรกระจ่างขึ้นมาแม้สักนิดเดียว มือใหญ่ข้างหนึ่งเลยเลื่อนขึ้นตบบ่าผมเบาๆ

“เลิกคิดมากได้แล้ว เอาเป็นว่าหลังจากนี้น้องเค้าคงไม่มายุ่งกับวิวแล้วล่ะ เดี๋ยวเราเอาของไปเก็บในรถแล้วกลับกันเลยดีกว่า เป้หิวแล้ว”

คนตัวโตว่าแล้วก็ฉุดผมให้ลุกตาม เราเลยพากันเดินไปที่รถของเป้ซึ่งจอดไว้ในลานจอดติดกับหอประชุมใหญ่ แต่ขณะที่กำลังจะเดินผ่านตึกคณะแขนแข็งแรงข้างหนึ่งก็ยื่นมาโอบไหล่ผมไว้ซึ่งปกติเจ้าตัวไม่เคยทำถ้าหากเราอยู่ในที่ที่คนมากๆเพราะรู้ว่าผมไม่ชอบ ผมเงยหน้ามองตามสายตาของคนข้างตัวไปจนสบกับคนที่กำลังมองพวกเราสองคนอยู่จากโต๊ะใต้คณะ พอสายตาประสานเข้ากับผมดาก็รีบหันหน้ากลับทันที

ผมเห็นเป้ยิ้มที่มุมปากก่อนจะรั้งไหล่ผมให้เดินต่อ ถึงแม้ท่าทางของรุ่นน้องสาวจะดูแล้วน่าเห็นใจแต่ผมก็เลือกที่จะเงียบ พอเรานั่งในรถกันแล้วผมถึงค่อยหันไปหาคนที่เมื่อกี้ทำท่าแสดงความเป็นเจ้าของตัวเองออกนอกหน้าไปเมื่อครู่ก่อน

“เป้ เมื่อกี้หึงเหรอ”

“แหงอยู่แล้วสิ ใครมองวิวหรือมาคุยกับวิวเป้หึงทั้งนั้นแหละ อยู่ที่ว่าจะแสดงออกหรือเปล่าก็เท่านั้น”

เป้ตอบเสียงเรียบก่อนจะหันไปถอยรถออกจากลานจอด คำตอบทันควันแบบไม่ต้องคิดนั่นทำเอาผมอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ ถึงแม้ว่าพวกเราสองคนจะแตกต่างกันแทบทุกอย่างไม่ว่าในด้านความคิดหรือนิสัย แต่คงมีจุดนี้กระมังที่เราเหมือนกัน แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่มีวันพูดออกไปตรงๆให้อีกฝ่ายได้ใจหรอก   

“วันนี้กินอะไรดี? วิวอยากไปหาร้านนั่งหรือว่าอยากกลับไปกินแถวหอมากกว่า?”

เป้หันมาถามหลังจากผ่านประตูด้านหน้าออกมาถนนใหญ่แล้ว ผมใช้เวลาคิดไม่นานก็หันกลับไปยิ้มบางๆตอบ

“เดี๋ยววนไปจอดข้างวัดแล้วไปร้านกับข้าวตามสั่งเจ้าเดิมกันดีกว่า วิวอยากกินข้าวต้มกับผัดกุ้ยช่ายขาว”

ผมพูดถึงร้านที่เป้เคยพาผมไปเลี้ยงข้าวครั้งแรกตั้งแต่ก่อนที่เราจะคบกัน ถึงแม้มันจะเป็นแค่ร้านข้างทางที่มีแต่โต๊ะเหล็กพับเก่าๆกับเก้าอี้พลาสติกเลอะๆ ทว่าสำหรับผมร้านนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความทรงจำช่วงที่เราเพิ่งเริ่มทำความรู้จักกัน และอีกอย่างอาหารที่ร้านนั้นก็อร่อยและราคาถูกด้วย ผมไม่ค่อยชอบนักหรอกเวลาเป้พาไปกินแต่ร้านแพงๆเพราะรู้สึกว่ามันไม่ใช่โลกของผมยังไงไม่รู้

เป้พยักหน้าแล้วก็หักเลี้ยวพวงมาลัยไปตามทิศที่บอก ผมหันไปมองคนตัวโตที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ทำตามคำขอของผมเสมอก่อนจะเอนลงพิงไหล่แข็งแรงไว้ พอรู้สึกถึงริมฝีปากอุ่นที่หันมาจูบผมตัวเองก่อนเจ้าตัวจะหันกลับไปขับรถต่อก็หุบยิ้มไม่ได้


เอาเถอะ ปล่อยให้เป้อ้อนผมฝ่ายเดียวมาก็บ่อยแล้ว นานๆที เปลี่ยนตัวเองเป็นคนอ้อนให้แฟนดีใจบ้างก็ดีเหมือนกัน...




++---End เรื่องธรรมดาของคนรักกัน---++









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-01-2009 00:02:16 โดย bellbomb »

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด